❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤  (อ่าน 124704 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พี่ติณ นี่เป็นลูกเลี้ยงพ่อของรัมภ์หรือเปล่า
คนในมือถือให้กำจัดนางฟ้า แต่พี่ติณคงไม่คิดกำจัดแล้ว
เพราะพี่ติณ ดูมีท่าทีกับรัมภ์เกินน้องชาย
มีทำรอยที่คอด้านหลังรัมภ์ให้พี่คินเห็นซะด้วย
พี่คิน ถ้าไม่บอกความจริงกับรัมภ์
คงไม่ได้รับความไว้วางใจจากรัมภ์อีก
ใครจะชอบคนรักที่มัความลับกับตัวเอง
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
รอบตัวมีแต่คนมีความลับ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
เราว่ารัมภ์ควรรู้ความจริงได้แล้ว มันยืดไปอ่ะ

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
บทที่ 24 ย้อนกลับ

   แอ๊ดดดด

   เสียงเปิดประตูปลุกให้ผมลืมตาขึ้นไปมองยังต้นเสียงท่ามกลางความมืด มีเพียงแสงไฟด้านนอกเท่านั้นที่ส่องให้เห็นเสี้ยว
หน้าคมกร้านกำลังจ้องมองมาทางผม ผมกระพริบตาถี่ๆเพื่อไล่ความง่วง หลังจากที่ผมกลับมาจากโรงเรือนเราสองคนค่อนข้างไม่
เข้าใจ และยิ่งร้ายไปกว่านั้นก็คือหลังจากนั้นผมไม่เห็นพี่คินอีกเลยแม้กระทั่งเวลากินมื้อเย็น

   นาฬิกาบนผนังห้องบอกเวลาตีสอง กลิ่นเหล้าลอยคละคลุ้งเข้ามทันทีที่ร่างสูงใหญ่นั้นเดินเข้ามาใกล้ อะไรบางอย่างมันสั่ง
ให้ผมลุกขึ้นจากที่นอน ทว่าร่างก็กดลงให้จมลงไปบนที่นอนนุ่ม ถูกทาบทับด้วยร่างกายที่ใหญ่กว่า

   “จะ ทำอะไร”

   ผมร้องถามออกไปด้วยความตกใจ ยิ่งใกล้ชิดมากเท่าไรกลิ่นเหล้าที่ติดตัวมายิ่งเพิ่มเป็นเท่าตัว มือให้พยายามดึงทึ้งเสื้อ
ของผมให้หลุดออก อีกมือก็ฉุดขอบกางเกงของผมให้ร่นลงต่ำไปกองอยู่ที่ข้อเท้า

   “หยุดนะ ผมไม่อยากทำ”

   ผมไม่เข้าใจว่าจู่ๆทำไมพี่คินถึงได้กลับมาในสภาพที่เมามายขนาดนี้ และยิ่งไม่เข้าใจในการกระทำที่เกิดขึ้น จมูกโด่งซุก
ไซร้ลงมาบนต้นคอ มือหยาบกร้านฟอนเฟ้นไปทั่วแผงอกแล้วบีบเคล้นจนรู้สึกเจ็บ แต่นั่นไม่เท่ากับฟันคมที่กดน้ำหนักลงมาบน
ต้นคอ

   “ฮึก ผม เจ็บ อย่ากัด มันเจ็บ”

   แรงจนรู้สึกได้ว่าฟันคมนั้นกดลงมาบนผิวหนัง ผมใช้มือผลักอกของพี่คินให้ลุกออกไป แต่ไม่ว่ายังไงฟันที่ยังคงกดลงบน
ผิวเนื้อนั้นยังคงเน้นย้ำให้รู้สึกเจ็บแสบ รู้สึกตัวอีกทีร่างกายก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อปลายท่อนเนื้อร้อนกำลังจดจ่ออยู่ที่ปากทางเข้า
โดยที่ยังไม่ได้เตรียมการ

   “ยะ อย่า ผมไม่อยากทำ”

   ยิ่งร้องห้ามเท่าไรก็ดูเหมือนว่าพี่คินจะไม่ฟังเอาเสียเลย กว่าที่ฟันคมนั้นจะปล่อยออกมาจากคอผม ใบหน้าหล่อเหลาที่จ้อง
มองมาในความมืดนั้นก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ สายตาคมกร้านที่มองมานั้นเต็มไปด้วยความตัดพ้อและโกรธเคือง

   “อยู่เฉยๆ พี่ไม่ชอบให้รัมภ์ขัดขืน”

   เสียงแหบพร่าที่ยานคางพูดกึ่งตะคอกข้างหู ซึ่งนั้นทำให้ผมสะดุ้งด้วยความกลัว มือข้างหนึ่งของพี่เขาจับแขนผมเอาไว้ไม่
ให้หนี บีบมันแน่นจนเจ็บ

   “ปล่อยผม ผมบอกว่าผมไม่อยากทำ พี่กำลังเมา”

   “รัมภ์ไม่มีสิทธิปฏิเสธพี่ พี่ทำทุกอย่างก็เพื่อรัมภ์ อย่าคิดนะว่าพี่ไม่รู้ว่ารัมภ์คิดจะหนีพี่ไป”

   “พี่กำลังพูดอะไร ปล่อย”ผมผลักเอวสอบที่พยายามกดลงมาแนบชิดออกแต่ไม่ว่ายังไงมันก็คงไม่ขยับ ปลายแก่นกายร้อน
ผ่าวไม่ต่างอะไรท่อนเหล็กร้อนๆกดเข้ามาที่ปากทางเข้า มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บหน่วงจนต้องนิ่วหน้าเบี่ยงตัวหลบไม่ให้พี่เขาได้ใน
สิ่งที่ต้องการ

   “พี่บอกให้อยู่เฉยๆไง อย่าให้พี่ต้องจับรัมภ์มัดเหมือนเมื่อก่อนนะ เข้าใจไหมคนเก่ง”

   “ผมไม่เข้าใจ และผมก็ไม่ทำ อย่ามาทำกับผมแบบนี้”

   “รัมภ์เองก็อย่ามาทำกับพี่แบบนี้!!”สิ้นเสียงท่อนเนื้อที่ร้อนผ่าวก็ดันเข้ามาด้านในโดยไม่ฟังคำร้องห้าม ความรู้สึกเจ็บจนจุก
ทำให้ผมต้องเกร็งตัวจิกปลายเท้าลงบนที่นอน จิกเล็บลงบนลาดไหล่หนาเพื่อคลายความเจ็บ

   “เจ็บ ผมเจ็บ หยุดเดี๋ยวนี้นะ ฮึก”

   “อย่าคิดที่จะหนีพี่ไป อย่าปล่อยให้คนอื่นเข้าใกล้ง่ายๆ อย่าทำให้พี่เสียใจอีกไม่ได้รึไง”

   คำพูดที่พูดออกมาดูเหมือนจะตัดพ้อมันช่างตรงข้ามกับการกระทำสิ้นดี ท่อนเนื้อร้อนเริ่มขยับโดยไม่ฟังเสียงกรีดร้องของ
ร่างกายผมเลยแม้แต่น้อย ใครกันแน่ที่ต้องเป็นฝ่ายตัดพ้อ ใครกันแน่ที่ต้องเป็นฝ่ายไม่พอใจ ในเมื่อการะกระทำที่ราวกับว่าผมเป็น
สัตว์เลี้ยงได้กลับมาอีกครั้ง และด้วยเหตุผลที่ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่หัวใจของผมมันกำลังเจ็บจนรู้สึกว่ามันแตกเป็นเสี่ยงๆ

   ขาทั้งสองข้างถูกจับให้ตอบรับร่างกายที่สอดแทรกเข้ามา ต้นคอถูกกัดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนผิวเนื้อฉีกออก ความรู้สึกที่แสนจะ
หยาบโลนกำลังเหยียบย่ำความรู้สึกอันอ่อนโยนที่เคยมีมา มันกำลังฉุดดึงให้ผมเดินย้อนกลับไปในเส้นทางเดิมอีกครั้ง

   -------------------------------------------------------------------------------

   “สบายใจได้แผลที่คอไม่ลึกมาก ระหว่างนี้ก็อย่าพึ่งให้แผลโดนน้ำ เหลือแค่ทำความสะอาดเช้าเย็น แล้วก็กินยาแก้อักเสบ
ที่ให้ไว้”หมอนทีบอกเสียงเรียบหลังจากปิดผ้าพันแลให้ผมเสร็จ ก่อนจะหันไปเก็บกล่องอุปกรณ์

   “ขอบคุณครับ”

   “ไปทำอะไรให้เขาโกรธล่ะ ถึงได้เป็นขนาดนี้”

   “ผมไม่รู้”ผมตอบกลับไปเสียงเบา ตาจ้องมองไปยังนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย สุดท้ายแล้วก็ถอยหลังกลับมาที่เดิม ถูก
มองด้วยสายตาที่เมินเฉย ถูกกระทำด้วยการกระทำที่หยาบกระด้างไม่ต่างอะไรกับตอนที่มาที่นี่ในครั้งแรก

   “ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนแบบนี้ ถ้าหากไม่มีอะไรไปกระตุ้น”

   “ผมคิดว่าผมไม่ได้ทำอะไร”

   “พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่ามันเกิดอะไรขึ้น จริงๆแล้วเจ้านั่นเป็นคนใจดี แต่ติดอยู่แค่อย่างเดียวคือเป็นคนหวงของ ไม่ชอบให้
ใครมาแตะต้องของที่ตัวเองรัก”

   “ผมไม่รู้หรอกครับ แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วย”ผมบอกทั้งที่ยังคงมองออกไปนอกหน้าต่าง

   “แต่บางทีพี่ว่ารัมภ์ก็น่าจะรู้เอาไว้ว่าที่เจ้าทำไปมันมีเหตุผล ไม่ได้มีเจตนาร้าย”

   “ผมไม่รู้หรอกว่าอย่างไหนเรียกว่าดีหรือร้าย”

   “เอาเถอะ ค่อยๆคุยกันก็แล้วกัน อีกเดี๋ยวพี่ต้องไปเข้าเวร”

   “ครับ”ผมตอบรับ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลหรือเจตนาอะไรที่ทำให้พี่คินทำกับผมเหมือนเดิมแบบนี้ แต่ผมไม่คิดที่จะใส่ใจมันอีก
แล้วกับเวลาที่เหลืออยู่

   ----------------------------------------------------------------------

   ผมเลือกที่จะตามหาความจริงจนถึงที่สุด ถ้าหากจะต้องพ่ายแพ้กับเกมที่ตัวเองได้เริ่มขึ้น ผมก็ขอพ่ายแพ้อย่างสมศักดิ์ศรี
ยังจะดีกว่า ประตูไม้ห้องพักคนงานชั้นสามถูกผลักเข้าไปออย่างช้าๆ ห้องเดิมที่ผมเคยแอบเข้ามาเมื่อครั้งก่อน และครั้งนี้ผมจะ
ต้องรู้เรื่องราวทั้งหมดให้ได้ว่าจริงๆแล้วเจตนาของพี่ตินคืออะไร แล้วเกี่ยวข้องกันยังไงกับผมและพ่อ

   สภาพในห้องยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง กลิ่นอายของพี่ตินยังคงอบอวลอยู่ในห้องๆนี้ ผมเริ่มค้นทุกซอกทุกมุมอย่าง
ละเอียด โทรศัพท์ราคาแพงยังคงวางทิ้งอยู่ที่เดิม และทุกอย่างก็ดูจะไม่มีอะไรผิดปกติเว้นเสียแต่กล่องกระดาษที่ถูกซุกเอาไว้
ด้านสุดในของชั้นวางของ

   พอเปิดกล่องกระดาษออกก็พบกระเป๋าเงินกับหนังสือเดินทางอยู่ข้างใน ผมเอกที่จะหยิบหนังสือเดินทางออกมาดูเป็น
อันดับแรก และทันทีที่เปิดมันออก เพียงเสี้ยววินาทีที่กวาดตามอง ชื่อที่ปรากฏก็ทำให้มือของผมมันเหมือนกับชาจนของที่อยู่ใน
มือร่วงหล่นลงไปบนพื้น   Alberto Destino (อัลเบอร์โต้ เดสติโน่)

   ทันทีที่ได้สติก็รีบก้มตัวลงเก็บของพวกนั้นขึ้นมาดูอีกครั้ง มือทั้งสองข้างจู่ๆก็สั่นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ ริมฝีปากขบเม้ม
เข้าหากันแน่อย่างไม่เชื่อสายตา อัลเบอร์โต้ เดสติโน่ ชื่อนามสกุลจริงของพี่ติน นามสกุลที่เหมือนกับของพ่อ ทำไมพี่ตินถึงได้ใช่
นามสกุลเหมือนกับพ่อ? พอดูรูปที่ปรากฏอยู่ในหน้าของหนังสือเดินทาง ความแตกต่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนระหว่างสีผมกับสี
ของนัยน์ตามันทำให้ผมเริ่มที่จะปะติดเรื่องร่างทุกอย่างเข้าหากัน อะไรบางอย่างกำลังบอกว่าพี่ตินกับผมมีความเกี่ยวข้องกัน
มากกว่าที่ติดเอาไว้ บางทีผมกับพี่ตินอาจจะเป็น…   แอ๊ดดดดด

   ยังไม่ทันได้คิดอะไรไปมากกว่านั้นเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นให้ผมได้กันไปมองด้วยความตกใจและสบตาเข้ากับดวงตาคู่คมที่
ซ่อนอยู่ภายใต้คอนแท็กเลนส์สีดำสนิท

   “เห็นจนได้สินะ”

   เสียงทุ้มต่ำพูดขึ้นขณะที่ตากำลังจ้องมองของที่อยู่ในมือของผม ร่างสูงใหญ่ค่อยๆก้าวเข้ามาใกล้ทันทีที่ดันประตูให้มันปิด
ลง

   “ยะ อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นผมจะร้องให้คนช่วย”

   “เอาสิ ถ้ารัมภ์ร้องพี่ไม่รับรองว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

   “พี่เป็นใครกันแน่ มาที่นี่ทำไม”พี่ตินเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆกดดันให้ผมถอยหลังมาจนมุมที่ริมห้อง


   “เดี๋ยวรัมภ์ก็รู้เองว่าพี่ต้องการอะไร ตามมาเงียบๆล่ะ อย่าเอะอะ ไม่งั้นพี่จะไม่รับรองว่ารัมภ์จะได้กลับบ้านไปเจอแม่”

   “มะ พี่หมายความว่ายังไง อย่ามายุ่งกับแม่ผมนะ!!”

   “ถ้าไม่อยากให้พี่ยุ่งก็ตามมาเงียบๆ”มือใหญ่จับเข้ามาที่ต้นแขนก่อนจะออกแรงดึงให้เดินตาม

   “จะพาผมไปไหน”

   “บอกให้เงียบก็เงียบสิ ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้นถ้ายังไม่รู้เรื่องทุกอย่าง”


   “งั้นพี่ก็ไม่รับประกันว่ารัมภ์จะกลับบ้านไปเจอบ้านโล่งๆไม่อยู่คนอยู่ไหม”
   “อย่ามายุ่งกับแม่ของผม!!”

   “งั้นก็ตามมา”



   สุดท้ายก็ถูกดึงให้เดินกลับมาที่บ้านริมทะเล ข้อมือที่ถูกจับเอาไว้ถูกบีบจนแน่น ไม่ว่าจะพยายามขืนตัวเท่าไรก็ต้องเดินไป
ตามแรงดึง

   “หือ? ทำไมมาด้วยกันล่ะ”พี่นุ่มยิ้มทักทายพี่ตินทันทีที่เห็นหน้า

   “ผมขอกุญแจรถหน่อยสิ พอดีรัมภ์อยากให้ช่วยพาไปซื้อของในเมืองน่ะ”

   “ในเมืองเลยเหรอ ทำไมไม่รอให้นายหัวกลับมาก่อนล่ะ ให้นายหัวพาไปไม่ดีกว่าเหรอ”พี่นุ่มหันมาถามพลางจ้องมองมือที่
จับข้อมือผมเอาไว้ด้วยสีหน้าสงสัยไม่ต่างอะไรกับฟางที่กำลังมองอยู่เหมือนกัน

   “รัมภ์บอกว่ารัมภ์รีบใช่น่ะ ใช่ไหม”พี่ตินหันมาขอความเห็น ตาคู่คมหรี่ตามองคล้ายกับจะบังคับให้ผมตอบอย่างที่ตัวเอง
ต้องการ

   “คะ ครับ”ผมพยักหน้า เบือนหน้าหนีอย่างอดไม่ได้ ไม่ว่าใครอยากได้อะไรก็ต้องบังคับกันทั้งนั้น

   “งั้นรีบกลับมานะ ไม่อยากให้นายหัวกลับมาแล้วไม่เจอรัมภ์”

   “ไม่รับปาก”พี่ตินตอบทีเล่นทีจริงก่อนจะรับกุญแจมาถือเอาไว้ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าเหมือนกำลังพูดหยอกพี่นุ่ม
แต่จริงแล้วมันไม่ใช่เลย ผมรู้ดีว่ามันไม่ใช่


   ------------------------------------------------------------------------
   “พี่จะพาผมไปไหน”ผมถามเมื่อรถขับออกมาจากฟาร์มได้พักใหญ่และมันค่อนข้างไกลจนเริ่มเป็นกังวล

   “เดี๋ยวก็รู้”

   “แต่ฝนใกล้จะตกแล้ว”จากแดดแรงๆเมื่อครู่เมฆเริ่มก่อตัวขึ้นเป็นกลุ่มก้อนบ่งบอกให้รู้ว่าฝนแรกของฤดูกำลังจะตก

   “อย่างห่วงเรื่องฝนเลย ห่วงเรื่องของตัวแองดีกว่า”พี่ตินหันมาตัดบท

   นานนับครึ่งชั่วโมงจนรถมาจอดหน้าร้านอาหารในตัวเมือง ร้านอาหารอิตาเลียนที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายบอกบอกถึงความ
เป็นตะวันตก

   “ลงมาสิ”

   “ไม่ครับ ถ้ามีอะไรก็คุยกันตรงนี้”

   “พี่ไม่มีเวลามากหรอกนะ อย่าทำตัวเป็นเด็กได้ไหม”พูดจบก็ดึงให้ผมเดินตามเข้าไปในร้าน และก็ต้องประหลาดใจที่
พนักงานในร้านต่างก็ทักทายและยิ้มรับพี่ตินราวกับว่าคุ้นเคยกันดี

   “นั่งสิ”พูดพร้อมกันดันให้ผมนั่งลงยังโต๊ะด้านในสุดของร้านที่เป็นมุมส่วนตัว

   “จะบอกผมได้รึยังว่าพี่เป็นใคร”

   “ดูท่าจะขี้หึงน่าดู”ไม่พูดเปล่าแต่เอื้อมมือมาแกะผ้าพันแผลที่คอของผมออกเพื่อดูแผลที่อยู่ด้านใน

   “อย่ามาแตะผมนะ”ผมปัดมือนั้นออกทันที

   “ไม่แตะก็ได้ เอาเป็นว่าเริ่มเลยก็แล้วกันนะ บางเรื่องรัมภ์อาจจะรู้อยู่ก่อนหน้าแล้วก็ได้”

   “ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น แล้วก็อยากได้ยินจากปากของพี่เองมากกว่า”ผมตอบไปพลางโยกหัวหลบมือที่ลูบลงมาบนหัว การกระ
ทำที่ดูสบายใจของเขามันช่างขัดแย้งกับสถานการณ์โดยสิ้นเชิง

   “งั้นก็นั่งอยู่เงียบๆแล้วก็ฟังให้ดี”ใบหน้าที่ดูดีหันมาจ้องมองด้วยสายตาจริงจัง “รัมภ์จะต้องเชื่อทุกอย่างที่พี่บอกทั้งหมด
ทุกอย่างตกลงไหม”

   “นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่พี่จะบอกผม”ผมตอบกลับ เป็นจังหวะเดียวกับที่พนักงานในร้านที่ดูคล้ายกับผู้จัดการร้านส่งซอง
เอกสารสีน้ำตาลให้กับพี่ติน

   “รัมภ์จำเป็นที่จะต้องเชื่อพี่ ผู้ชายคนนี้รัมภ์รู้จักใช่ไหม”รูปถ่ายในซองสีน้ำตาลถูกหยิบขึ้นมาวางบนโต๊ะ เป็นรูปในอิริยาบถ
ต่างๆของพ่อที่ผมไม่เคยเห็น

   “ผม…ไม่รู้จัก”ตอบขัดแย้งกับความเป็นจริงออกไป

   “งั้นรัมภ์ฟังให้ดีนะ ผู้ชายคนนี้เป็นพ่อของรัมภ์”พี่ตินพูดเน้นย้ำก่อนจะจ้องลึกเข้ามาในดวงตาผม “แล้วเขาก็เป็นพ่อของพี่
ด้วย”

   “พี่คงจะเข้าผิด พี่คงยังไม่รู้ว่าผมไม่มีพ่อหรอกนะ ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่พ่อของผม”

   “ถึงจะพูดอย่างนั้นรัมภ์ก็หนีความจริงที่ว่าเขาเป็นพ่อของรัมภ์ไม่ได้หรอก”

   “เขาไม่ใช่พ่อของผม”

   “ต้องใช่สิถ้ารัมภ์เป็นรัมภ์ ทั้งสีตา สีผมและทุกอย่างเหมือนกับพ่อทั้งหมด”

   “แล้วถ้าเขาเป็นพ่อผมจริงทำไมเขาไม่กลับมาหาผมล่ะ!! ทำไมเขาถึงต้องทิ้งพวกเราไป”ผมตอบกลับไปเสียงดังด้วยความ
เหลืออด มีอย่างที่ไหนที่ทิ้งลูกตัวเองไปตั้งแต่ยังไม่ลืมตาออกมาดูโลก

   “รัมภ์คงจะเข้าใจผิด คนที่ทิ้งไปคือแม่ของรัมภ์ต่างหาก แม่ของรัมภ์ทิ้งพ่อไปทั้งที่พ่อยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่รัมภ์ท้อง”

   “หมาย…ความว่าไง”

   “พี่ถึงบอกให้ฟังเงียบๆไง พ่อกับแม่ของรัมภ์เจอกันตอนที่พ่อมาเที่ยวไทยตอนนั้นพ่อกับแม่พี่แต่งงานกันแล้ว แต่มันก็แค่
การแต่งงานทางธุรกิจ หลังจากที่พ่อกับแม่ของรัมภ์เจอกันพ่อก็ตกหลุมรักแม่ของรัมภ์ แต่จู่ๆแม่ของรัมภ์ก็หนีพ่อไป พ่อเองก็เป็น
แค่นักท่องเที่ยว ไม่รู้ภาษไทยเลยด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มตามหาแม่รัมภ์ที่ไหนเพราะแม่รัมภ์เปลี่ยนทั้งชื่อทั้งนามสกุลเพื่อไม่ให้
พ่อตามตัวเจอ”

   “ทำไมแม่ต้องทำอย่างนั้นด้วย”

   “อาจจะเป็นเพราะว่าแม่ของรัมภ์รู้ว่าพ่อแต่งงานแล้วก็ได้ และตลอดเวลาพ่อก็ไม่รู้เลยว่ามีรัมภ์จนหลายปีที่ผ่านมาแม่พี่เสีย
ไปพ่อถึงได้กลับมาตามหาแม่ของรัมภ์อีกครั้ง แล้วก็ได้รู้ว่ามีรัมภ์เป็นลูกชายอีกคน”

   “ไม่จริง”

   “มันเป็นเรื่องจริง และในระหว่างที่พ่อกำลังส่งพี่เพื่อมารับรัมภ์พี่ก็ได้รู้ว่าก่อนหน้านี้มีคนสืบข้อมูลเกี่ยวกับตัวรัมภ์กับแม่ และ
ยังไม่พอแค่นั้นเพราะตอนนี้คนคนนั้นกำลังสืบข้อมูลของพี่กับพ่ออยู่ด้วย”พี่ตินบอกด้วยท่าทางเคร่งขรึมขึ้นมาทันที และผมก็รู้ได้
ทันทีว่าคนคนนั้นคือพี่คิน “พอรู้ตัวอีกทีรัมภ์ก็ถูกจับตัวมาอยู่ที่นี่ พี่พูดถูกไหมว่ารัมภ์กำลังถูกผู้ชายคนนั้นขังเอาไว้”

   “นั่นมันไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ผมอยากจะรู้”ผมเบือนหน้าหนี หลุบตาลงจ้องมองแก้วน้ำในมือ

   “ทำไมรัมภ์ถึงยังอยู่ที่นี่ล่ะ ทำไมถึงไม่หนีทั้งที่มีโอกาส รัมภ์รู้ไหมว่าพี่กับพ่อเป็นห่วงรัมภ์แค่ไหน”

   “พี่ไม่รู้หรอกว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าผมหนีไป”ผมยังจำโซ่ตรวนที่ตรึงผมเอาไว้ไม่ให้หนีได้อย่างดี ความเยือกเย็นของมัน
แล่นพล่นไปถึงกระดูกยามที่ผิวของโลหะกระทบลงมาบนผิวเนื้อ แต่นั่นมันไม่ใช่ประเด็นสำหรับเวลาที่กำลังหมดลงนี้ เพราะความ
รักที่ยังดึงรั้งผมเอาไว้ต่างหากที่ทำให้ผมอยากจะอยู่ต่อถึงแม้ว่าใจกำลังถูกเยียบย่ำด้วยหลายสิ่งหลายอย่างอยู่ก็ตาม

   “พี่จะพารัมภ์กับแม่ไปอยู่ด้วยกันที่โรม อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัวของเรา”

   “จะให้ผมเชื่อพี่ได้ยังไงว่ามันจะเป็นอย่างที่พูดจริงๆ ทำไมพี่ถึงพึ่งมาบอกผมล่ะทั้งที่เรารู้จักกันมาสักพักแล้ว”แล้วอีกอย่าง
โทรศัพท์สายนั้นที่ผมรับมันก็บอกให้พี่ตินกำจัดผมให้พ้นทางซะก่อนที่ผมจะไปแย่งกิจการของพ่อ ทั้งที่ก่อนหน้าผมไม่รู้เลยด้วย
ซ้ำว่าพ่อเป็นใคร ไม่รู้แม้กระทั่งหน้าตา และไม่มีวันที่ผมจะต้องการกิจการอะไรนั่น

   “ที่พี่ไม่บอกตั้งแต่แรกเพราะว่าพี่ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรกับรัมภ์ พี่ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นต้องการอะไรจากรัมภ์ถึงได้ทำแบบนี้
แต่พี่แค่อยากให้รัมภ์เชื่อพี่เพราะพี่เป็นพี่ชาย ไปกับพี่เถอะนะ แล้วจะไม่มีใครกล้ามาทำอะไรกับรัมภ์อีก”

   “ผมยังเชื่อพี่ไม่ได้หรอก และมันก็ยังไม่ถึงเวลาที่ผมจะไปจากที่นี่”

   “ทำไมล่ะ ทั้งที่ดูก็รู้ว่าไม่มีความสุข คิดว่าพี่รู้สึกยังไงที่เห็นน้องชายถูกทำร้ายแบบนี้”

   “ผมจะยังไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าเวลาของผมจะหมดลง”ผมบอกเสียงเบาพร้อมกับยกมือขึ้นมาแตะผ้าปิดแผลที่ต้นคอ
   “ก็ได้…แต่ถ้ามันมากกว่านี้เมื่อไร ถึงรัมภ์จะไม่ยอมไปพี่ก็จะใช้วิธีเดียวกันกับเขาเพื่อให้รัมภ์ไปด้วยกัน”

   “ไม่ต้องหรอก ถึงเวลาแล้วผมจะเป็นฝ่ายไปเอง และพี่ไม่ต้องห่วงว่าผมจะเรียกร้องอะไรจากพ่อ ผมแค่อยากจะเจอหน้า
เขาเท่านั้น เมื่อผมเจอพ่อแล้วผมก็จะกลับมาใช้ชีวิตของมผมตามปกติ ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าผมจะแย่งอะไรของพี่หรอกนะครับ”

   “รัมภ์พูดถึงเรื่องอะไร แย่งอะไร”

   “เรื่องที่เพื่อนพี่พูดถึงไง ธุรกิจของพ่อที่พี่กลัวผมจะแย่งจนต้องกำจัดผมให้พ้นทาง”ในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วสุดท้าย
ผมก็เลือกที่จะพูดออกไปในที่สุด ทั้งกลัวและทั้งสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้

   บรรยากาศภายนอกร้านเริ่มมืดครึ้ม ลมพัดแรงจนต้นไม้ปลิวลู่ไปตามตม ฝนเริ่มตกตกปรอยลงมาและมีทีท่าว่าจะหนักขึ้น

   “รัมภ์เอาเรื่องอะไรมาพูด”พี่ตินขมวดคิ้วมุ่นด้วยความประหลาดใจ

   “โทรศัพท์ในห้องของพี่ มีคนโทรเข้ามาผมก็เลยรับ เขาบอกให้พี่รีบกำจัดนางฟ้า ซึ่งนั่นก็คือผมไม่ใช่รึไง”

   “ไปกันใหญ่แล้ว”มือใหญ่ยกขึ้นมากุมขมับ “รอพี่อยู่ตรงนี้ล่ะ อย่าไปไหน”พี่ตินบอกพร้อมกับหายไปทางหลังร้าน

   ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับผู้ชายอีกคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ก่อนจะดันให้คนคนนั้นนั่งลงฝั่งตรงกันข้าม

   “รัมภ์นี่ริค เป็นเพื่อนคนไทยและครุสอนภาษาไทยของพี่ที่โรม ริคนี่รัมภ์น้องชายของฉัน”

   “นี่น่ะเหรอนางฟ้าของนาย สวัสดีฟาตา”ริคแนะนำตัวพลางยื่นมือมาทักทาย

   “ครับ”ผมรับคำทั้งที่ยังงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็ยื่นมือให้จับแต่โดยดี

   “เสียงนี้ใช่ไหมที่บอกให้พี่จัดการรัมภ์”


   “ใช่”ผมพยักหน้าเพราะเสียงของผู้ชายตรงหน้าเหมือนกับเสียงปลายสายในวันนั้นไม่มีผิด

   “นายกำลังทำให้น้องชายฉันเข้าใจผิดฉันอยู่ เลิกพูดสักทีว่าน้องนายฉันจะโผล่มาแย่งกิจการของพ่อน่ะ”

   “โอ้ เรื่องนั้นฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆ ฉันแค่พูดเล่นน่ะ”ริคหันมาหัวเราะร่วนจับมือของผมขึ้นมาแล้วจุมพิต

   “ทะ ทำอะไรของพี่น่ะ”ผมรีบชักมือกลับ

   “ฉันว่านายไปทำอะไรก็ไปทำเถอะ อย่ามาลวนลามน้องชายของคนอื่นต่อหน้าพี่ชายของเขา”ไม่พูดเปล่ากลับถลึงตาใส่
เพื่อนตัวเอง

   “ก็แค่ทักทายน่า เอาเป็นว่ามีอะไรก็เรียกแล้วกัน”

   “คราวนี้ก็หายข้องใจแล้วใช่ไหม”มือใหญ่วางลงมาที่หัวพร้อมกับลูบไปมา “รู้ไหมว่าพ่ออยากเจอรัมภ์มากแค่ไหน ครั้งรกที่
พี่เจอรัมภ์พี่ก็นึกถึงพ่อขึ้นมาทันทีเลยล่ะ รัมภ์กับพ่อเหมือนกันมาก”

   “ผมก็ไม่รู้หรอก”ผมเบือนหน้าหนีจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างที่ฝนกำลังตกหนัก แต่ก็ต้องชะงักเมื่อรถที่จอดอยู่หน้าร้าน

   “บ้าเอ้ย!! Figlio di puttana (เวรตะไล)”พี่ตินสบถออกมาเป็นภาษาแปลกๆ ก่อนที่ประตูร้านจะเปิดออกตามมาด้วยร่างสูง
ใหญ่ของคนที่เปียกฝนชุ่ม

   

   “กลับบ้านกับพี่เดี๋ยวนี้!!”




ข------------------------------------------------------------------------------------
ในที่สุดก็รู้ความจริง และพระเอกของเราก็ถูกใส่ความโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวอีกแล้ว โฮ๊ะๆๆ ตอนนี้ยาวรึยัง ยาวกว่าปกติห้าเอสี่เลยนะ
   

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
หืออออ ก่อนหน้านี้เข้าใจพี่ตินผิดหรือเนี่ย?

แต่พี่คินก็ควรจะพูดจากันให้รู้เรื่องไหมล่ะ ทำไมต้องใช้กำลังกับน้องตลอดเลย แย่ๆ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
โอละพ่อเลย .........
รู้เรื่องทางพี่ติน แล้ว
แต่มันถูกต้อง จริงหรือ :katai1:
ทางพี่คิน ก็ดุดัน โหด เถื่อนขึ้นมาอีก
เพราะอารมณ์ถูกกวนขึ้นมา
กลัมรัมภ์จะหนี เฮ้อ.....มีอะไรก็ไม่พูดกัน
มันจะเข้าใจกันได้อย่างไร
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
หนีเลยน้องรัมภ์! อุ๊ป!!

ออฟไลน์ zabzebra

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1043
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-1
สงสารพี่คินค่ะ
เป็นคนที่จมปรักกับรักเดิมๆ เจ็บเป็นปีๆแต่เค้าไม่สนใจเลย
พี่คินรักขนาดนี้ รัมภ์ก็ยังจะไม่ยอมรับใจตัวเองยังจะหนีอีก
โอ้ยยย สงสารพี่คิน ทำดีก็แล้ว ทำเลวก็แล้ว เค้าก็ไม่สนใจ เหมือนไร้ค่ากว่าอีกนะนิ

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
พี่คินต้องเปิดใจพูดความจริงกับรัมย์ถ้าไม่อยากเสียรัมย์ไป

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
พี่คินมันจะกลับไป sm อีกรึเปล่าเนี่ย

ออฟไลน์ aommama

  • เป็ดมึน คนเซอร์
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 144
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-5
กำลังไล่ตามอ่าน พลาดหลายตอนอีกเเระ เฮ้ออออ
 :katai4:

ออฟไลน์ เจเจจัง

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
เราสงสารรัมภ์นะ

แต่สงสารคินมากกว่า เป็นผู้ชายที่มั่นคงในรักมาก โดนรัมภ์หักหลัง หลอกให้รักแล้วทิ้ง ก็ยังจะรักมั่นคง เข้ามาถาม เข้ามาเซ้าซี้ ให้รัมภ์กลับมาคบเหมือนเดิม
พอรัมภ์ไม่ยอมกลับมาคบด้วย ก็จับมาเลย เราว่าคินเจ็บกว่ารัมภ์นะ เจ็บมาหลายปีแล้วด้วย รัมภ์มีทางเลือก เลือกที่จะรักและคบคินต่อ หรือเลิก ซึ่งรัมภ์เลือกที่จะเลิก
ส่วนคินไม่มีทางเลือกเลย เพราะรัมภ์เลือกไปแล้ว

ทำไมรัมภ์ไม่พูดความรู้สึกออกไป คินรักขนาดนี้ รัมภ์ก็รักคิน ก็บอกไปเลย คบกันไปเหอะ เรื่องในอดีตไม่ต้องไปสนใจ คินเองยังดูไม่สนใจเลย

ออฟไลน์ aommama

  • เป็ดมึน คนเซอร์
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 144
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-5
ว๊าคคคคคคคคคคคค ตามอ่านทันเเล้ว สมัยเรียน ป.ตรี นี้ยังไม่ขยันเท่านี้เลย 5555555555
ละอายเเก่ใจ ขอโทษอาจารย์ด้วยคะ กร๊ากๆๆๆ
ฉันร๊ากกกกกนายหัว ฉันร๊ากกกกพี่คิน ฉันอยากเเย่งจากรัม 555555555 /ตบตีกันคะ

พลาดมาหลายตอนเเล้ว ต่อไปเลาจะไม่พลาด เลาอยู่#ทีมพี่คินคนโหดโคตรรักเมียค่ะ
นางเป็นพระเอกที่ดีต่อใจ นางรักของนาง นี้กำลังเปิดเพลง เจ็บเเค่ไหนก็ยังรักอยู่ อินหนักไปอีก

ออฟไลน์ Achew

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พลาดนิยายเรื่องนี้ได้ไงงงงงงง
ไม่ผิดหวังที่เข้ามาจริงๆ
เราคิดว่านิยายแต่ละตอนก็ยาวสำหรับเราแล้วนะคะ เขียนดีมากด้วย แปลกใจที่ยอดวิวน้อย
เขียนต่อไปนะคะ อย่าน้อยใจนี่รออ่านอยู่เด้อ

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
บทที่ 25 ศึกชิงนาย

   “พี่คิน!”ผมหลุดเรียกชื่อออกมามาเสียงเบาเมื่อร่างสูงในสภาพเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝนปรากฏอยู่ตรงหน้า

   รู้ตัวอีกทีข้อมือก็ถูกอีกฝ่ายจับเอาไว้แน่นแล้วดึงให้ลุกขึ้นมาให้ผละออกมา ทว่าแขนอีกข้างก็กลับถูกดึงเอาไว้ด้วยใครอีก
คนที่พาผมมาที่นี่ ผมหันกลับไปจ้องมองพี่ตินที่จับมืออีกข้างของผมเอาไว้ไม่ยอมปล่อยสัมผัสได้ถึงแรงบีบเล็กๆเหมือนกับว่าไม่
ว่ายังไงก็จะไม่ยอมปล่อยมือไปจากผมเด็ดขาด

   “ปล่อยมือรัมภ์”

   “แล้วถ้าผมไม่ปล่อยล่ะครับ”พี่ตินตอบด้วยน้ำเสียงยียวน ไม่จบเพียงแค่นั้น มืออีกข้างยังยื่นมาเกี่ยวเอวเอาไว้แล้วรั้งให้
เข้าไปหาราวกับว่ากำลังกอด

   และนั่นยิ่งทำให้สีหน้าของพี่คินไม่พอใจมากกว่าที่เป็นอยู่ ใบหน้าคมกร้านจ้องมองมาทางผมเต็มไปด้วยความเคืองโกรธ
มือที่ขับแขนของผมเอาไว้กระชับแน่นและเริ่มออกแรงดึง

   “ฉันบอกให้ปล่อยมือจากรัมภ์”เสียงทุ้มต่ำเค้นออกมาราวกับว่ากำลังสะกดกลั้นอารมณ์ที่ใกล้จะปะทุออกมาเต็มทน

   สถานการณ์ที่เลวร้ายในเวลาที่สภาพอากาศเลวร้ายไม่แพ้กันเริ่มทำให้พนักงานในร้านและลูกค้าที่ติดฝนหันมามองด้วย
ความสนใจ

   “เป็นคุณต่างหากที่ต้องปล่อยมือจากรัมภ์นายหัวภาคิน คุณเองก็น่าจะรู้ดีว่าการที่รัมภ์ต้องมาอยู่ที่นี่มันเป็นเพราะอะไรถ้า
ไม่ใช่เพราะการกระทำของคุณ”

   “แล้วนายล่ะ เจตนาที่นายมาที่นี่เพราะอะไร ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายเป็นใคร แต่ฉันไม่ชอบให้ใครมาแตะต้องของของฉัน”

   “คุณคงเผลอลืมไปนะครับ ว่ารัมภ์เป็นคนไม่ใช่สิ่งของที่คุณจะขโมยมาแล้วเก็บเอาไว้ได้ง่ายๆ”

   “ขโมยงั้นเหรอ ฉันไม่ใช่ขโมย!!”

   ผล๊วะ!!

   สิ้นเสียงหมัดหลุ่นๆก็กระแทกลงบนใบหน้าของยียวนเต็มแรงจนพี่ตินเซถอยหลังออกไปและยอมปล่อยมือออกจากแขน
และเอวของผม

   “พอได้แล้ว พี่ทำอะไรของพี่!! ทำไมถึงต้องใช้กำลังด้วยล่ะ”ผมหันไปปรามพี่คินด้วยความตกใจ

   “รัมภ์อย่ามาเข้าข้างคนอื่นต่อหน้าพี่”

   “ผมไม่ได้เข้าข้าง แต่มันคือความจริง”ผมสะบัดแขนออกจากมือที่กุมไว้ แต่ยังไม่ทันที่จะผละออกไปดูพี่ติน ต้นแขนก็ถูก
ดึงเอาไว้อีกครั้ง คราวนี้ทั้งดึงทั้งกระชากให้ผมเซไปตามแรงดึง

   “ปล่อยผม!!”

   “กลับไปกับพี่เดี๋ยวนี้!!”

   เสียงกึ่งตะคอกสั่งพร้อมกับดึงให้ผมเดินตามออกไปนอกร้านทั้งที่ฝนยังคงตกอยู่ ถึงแม้พยายามขืนเอาไว้ แต่แรงที่มี
มากกว่าก็ทำให้ผมถูกลากมาที่รถในสภาพเปียกปอนจนได้

   “ไม่ได้ยินรึไงว่ารัมภ์บอกว่าให้ปล่อย”

   ผลั๊ว!!

   พี่ตินไม่ได้แค่พูดห้ามแต่ยังปล่อยหมัดคืนไปที่ใบหน้าของพี่คินจนเซไปประแทกกับรถที่จอดอยู่

   “ต่อให้นายเกี่ยวข้องกับรัมภ์ยังไงฉันก็ไม่สน คนที่ไม่เคยมีตัวตนอย่างนายอย่าบังอาจก้าวเข้ามาในชีวิตของรัมภ์”พี่คินไม่
ได้แต่ตอบแต่กลับเดินเข้าหาพี่ตินพร้อมกับเตรียมปล่อยหมัดคืน

   “หยุดได้แล้ว!!”

   ผมเข้าไปคั่นกลางเอาไว้ก่อนที่ทั้งสองคนจะปะทะกันอีกครั้ง ครั้งนี้ริคเองก็เข้ามาช่วยห้ามพี่ตินเอาไว้อีกแรง

   “ปล่อยฉัน ฉันจะสั่งสอนหมอนี่เองว่าใครกันแน่ที่ต้องปล่อยมือจากรัมภ์”พี่ตินยังคงไม่ยอมหยุดและพยายามจะขืนตัวออก
จากริคที่คุมเชิงเอาไว้


   “พอเถอะ ผมบอกพี่แล้วไงว่าผมเลือกที่จะอยู่ต่อ”ผมบอกพี่ตินออกไปเสียงเบา สัมผัสได้ถึงร่างกายที่ร้อนผ่าวของร่างสูงที่

ยืนอยู่ด้านหลังท่ามกลางสายฝนที่ร่วงโรยลงมา “ให้ผมอยู่ต่อเถอะนะ”

   “มาถึงขนาดนี้รัมภ์ยังจะอยู่ต่ออีกรึไง”พี่ตินถามออกมาเสียงดัง ตาคู่สีดำสนิทมองผ่านไปที่คนข้างหลังผมเขม็ง “ก็ได้ พี่จะ
รอรัมภ์จนกว่าจะถึงเวลานั้น”ประโยคหลังบอกออกมามาเสียงเบา ใบหน้าบ่งบอกถึงความผิดหวังที่ผมเลือกที่จะไปกับพี่คิน มือ
ใหญ่ค่อยๆเอื้อมเข้ามาใกล้ใบหน้า

   ทว่าก่อนที่มันจะสัมผัสลงมาบนใบหน้า ร่างของผมก็ถูกดึงให้ถอยหลังก่อนที่ปลายนิ้วนั้นจะแตะลงมา ถูกดันให้เข้าไปในรถ
และขับออกมากจากร้านโดยที่ไม่ทันได้บอกลาให้กับพี่ชายที่พึ่งจะรู้ว่ามี

   มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อกับสิ่งที่ผมไม่เคยคิดที่รอคอย ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมสิ้นหวังกับพ่อที่ไม่เคยเห็นหน้า สิ้นหวังกับ
ครอบครัวที่มีแม่เพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ แต่พอมาวันนี้กลับมีคนที่ผมสามารถเรียกเขาได้ว่าว่าพี่ชายโผล่เข้ามาในชีวิต มีพ่อที่ยัง
รอคอยและคาดหวังที่จะเจอผม ความรู้สึกนี้มันช่างเอ่อล้นและทำให้หัวใจของผมมันปั่นป่วนจนอยากจะอาเจียนออกมา

   ผมควรจะเชื่อความหวังดีของพี่ตินไหม ผมได้แต่ถามตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าในขณะที่รถแล่นไปข้างหน้าท่ามกลางสายฝน
ที่เทกระหน่ำ ไม่รู้ว่าสิ่งที่รอคอยอยู่ข้างหน้าคืออะไรในเวลาที่เหลืออยู่นั้นมันหมดลง ผมได้แต่มองสายฝนที่กระหน่ำลงมาเบื้อง
หน้า รถแล่นบนถนนด้วยความเร็วน่าหวาดเสียวตามแรงอารมณ์ของคนขับ ผมรู้ดีว่าพี่คินไม่พอใจ ในบรรยากาศของความเงียบ
มันกำลังบอกอย่างนั้น


   “ขับช้าลงหน่อยได้ไหมครับ ผมว่าพี่ขับเร็วไป”ผมบอกด้วยเสียงเรียบ พยายามข่มความกลัวและความน้อยใจเอาไว้ ทว่า
แทนที่รถจะแล่นไปข้างหน้าช้าขึ้น แต่มันกลับจอดลงข้างทางและไม่มีทีท่าว่ามันจะเคลื่อนไปบนทางข้างหน้าที่แทบมองไม่เห็น
ถนน

   “ทำไมถึงจอดล่ะครับ”ผมหันไปถาม แปลกใจเล็กน้อยกับท่าทีของพี่คินที่แสดงออกมา

   ใบหน้าหล่อเหลาฟุบลงบนพวงมาลัย มือทั้งสองข้างกำพวงมาลัยเอาไว้แน่นจนเส้นเลือดผุดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ผมรู้ว่า
พี่เขากำลังพยายามระงับความโกรธแต่ผมเองก็โกรธเช่นกันที่เขาทำราวกับว่าผมเป็นสิ่งของที่ต้องตามมาทวงคืนกลับไป

   “ทำไมรัมภ์ถึงได้ทำแบบนี้”จู่ๆเสียงที่ฟังดูทุ้มต่ำก็ถามขึ้นมา ใบหน้าคมกร้านพลางเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยสายตาที่เย็น
ชา

   “ผมทำอะไรผิด?”

   “ถ้าฟางไม่โทรบอกพี่พี่จะรู้ไหมว่ารัมภ์หนีออกมากับเขา”


   “พี่พูดอะไร ผมไม่ได้หนี”ปฏิเสธออกไปเริ่มไม่พอใจเมื่อคิดได้ว่ากำลังถูกใส่ความด้วยคนที่คาดไม่ถึง หายสงสัยทันทีเลย
ว่าทำไมพี่คินถึงได้ตามมาเจอผมกับพี่ตินได้เร็วทั้งที่พึ่งจะออกมาไม่นาน

   “ถ้ารัมภ์ไม่ได้หนีแล้วที่รัมภ์ทำอยู่เรียกว่าอะไร ถ้าฟางไม่บอกพี่ว่าช่วงนี้รัมภ์สนิทกับตินป่านนี้รัมภ์คงจะทิ้งพี่ไปอย่างที่เคย
ทำ”

   “พี่พูดบ้าอะไรของพี่!! มันไม่มากไปรึไงที่ฟังความจากคนอื่นแล้วมาลงกับผมแบบนี้”ผมตอบกลับไปเสียงดัง ทำไมถึงได้
เชื่อฟางมากกว่าผมล่ะ

   “แล้วสิ่งที่พี่เห็นอยู่นี่มันอะไร!!บอกสิว่ามันไม่ใช่อย่างที่พี่คิด”พูดจบก็กระชากแขนของผมเข้าไปหาแล้วเขย่าแรงๆจนผมตัว
คลอน

   “มันไม่ใช่อย่างที่พี่คิด เราก็แค่ออกมาด้วยกัน”

   “พี่เคยบอกแล้วใช่ไหมไม่ให้รัมภ์อยู่ใกล้เขา ทำไมรัมภ์ถึงไม่เชื่อพี่บ้างล่ะ พี่บอกแล้วไงว่าพี่ไม่ไว้ใจติน”

   “แล้วพี่ล่ะ!!ผมไว้ใจพี่ได้มากแค่ไหนเชียว”

   “รัมภ์ไว้ใจพี่ได้มากกว่าทุกคนที่อยู่รอบตัวรัมภ์”

   “ไม่จริง ตอนนี้พี่รู้ไหมว่าถ้าเทียบกันแล้ว….”ราวกับสมองขาวโพลนไปหมดเมื่อเวลานี้ผมกลับคิดคำพูดที่จะพูดไม่ออก
“ผมไว้ใจเขามากกว่าพี่ด้วยซ้ำ”ในที่สุดก็พูดออกไปอย่างที่ใจคิดจนได้ แต่ยังพูดไม่ทันขาดคำผมก็ต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บเมื่อ
มือที่กำรอบแขนอยู่บีบลงมาแน่น

   “ไว้ใจเขามากกว่า? รัมภ์พูดอะไรออกมารู้ตัวบ้างไหม”

   “รู้สิ ผมรู้ตัวดีอยู่แล้ว พี่จะให้ผมไว้ใจพี่ได้ยังไง ในเมื่อนับวันผมยิ่งรู้สึกว่าผมแทบไม่รู้จักพี่เลย”ทั้งที่อยู่ใกล้กันจนแทบไม่มี
ช่องว่างระหว่างกัน แต่ทำไมความรู้สึกมันราวกับห่างเหินจนยากที่จะเอื้อมมือไปคว้าเอาไว้ได้

   “ไม่รู้จัก?  รัมภ์บอกว่าไม่รู้จักพี่ทั้งที่พูดคำคำนั้นออกมาเนี่ยนะ แล้วคำพูดที่รัมภ์บอกพี่ในคืนนั้นมันคืออะไร มันไม่ใจร้ายไป
หน่อยรึไง”ตาคู่คมจ้องมองมาด้วยแววตาตัดพ้ออย่างเห็นได้ชัด

   “คนที่ใจร้ายมันพี่ไม่ใช่รึไง พี่ต่างหากที่เป็นฝ่ายใจร้ายกับผม”ผมพูดเสียงเบา หลุบตาหลบสายตาที่กำลังจ้องมองมา

   “ก็ได้…จะให้มันเป็นอย่างนี้ก็ได้”พูดจบพี่คินก็เปิดประตูแล้วเดินลงไปจากรถทั้งที่ฝนยังตก ผมได้แต่มองตามร่างที่สูงใหญ่
ที่เดิมอ้อมรถมายังฝั่งของผมก่อนที่จะเปิดประตูออก

   “จะทำอะไร”

   “ลงมา!!”เสียงกึ่งตะคอกดังแข่งกับสายฝนที่กำลังเทกระหน่ำ ถูกดึงให้ออกไปจากรถก่อนที่จะถูกผลักให้เข้ามาในรถอีก
ครั้งทางเบาะหลัง

   “พี่จะทำอะไร”ผมได้แต่ถามย้ำโดยที่ถูกผลักให้เข้าไปด้านในตามมาด้วยร่างใหญ่กว่าตามมาติดๆ

   ความรู้สึกอะไรบางอย่างมันส่งผ่านจากการกระทำและสายตาที่จ้องมองมา ริมฝีปากหยักบวมช้ำจากแรงต่อยเม้มเข้าหากัน
แน่น ผมได้แต่ถอยหนีไปติดกับประตูอีกฝั่ง เอื้อมมือไปดึงหวังจะให้มันเปิดออกแต่มือทั้งสองก็ถูกดึงรวบเอาไว้ไม่ให้ได้ขืนหนี

   “มาทำความรู้จักกันหน่อยเป็นไง ต่อไปจะได้ไม่พูดอีกว่าไว้ใจคนอื่นมากกว่า”เสียงที่ฟังดูหน้ากลัวกระซิบ มือเอื้อมมาดึง
เสื้อของผมให้เปิดขึ้นเผยให้เห็นแผงอกแบนราบ และมันแทบจะกลายเป็นกระชากเมื่อผมพยายามขืนเอาไว้

   “ไม่ได้นะ ต้องไม่ใช่ที่นี่ พี่อย่าทำกับผมแบบนี้ไม่ได้”

   “กลัวคนอื่นมาเห็นรึไง”

   “ชะ ใช่  ผมไม่อยากทำที่นี่ กลับไปที่บ้านเถอะนะ ผมขอร้อง มันยังเจ็บอยู่”ร่องรอยที่ถูกทำเมื่อคืนยังไม่หายดี ถ้าให้ผม
ต้องมารองรับอารมณ์เดิมๆแบบนี้ผมคงทนไม่ได้

   ผมพยายามร้องห้ามด้วยเสียงที่สั่นเครือเต็มทน เบือนหน้าหนีริมฝีปากที่ระดมจูบลงมาไม่หยุดหย่อน กางเกงถูกปลดออก
และดึงมันผ่านข้อเท้าแล้วโยนไปตกอยู่ที่เบาะหน้า

   “อย่าหนีสิ ไม่อยากรู้จักกันแล้วรึไง คนเก่ง”

   ถึงจะพูดด้วยถ้อยคำที่ดูดีแต่การกระทำนั้นกลับตรงกันข้าม มือหยาบกร้านจับใบหน้าผมเอาไว้ไม่ให้หน้าหนีจูบร้อนที่ป้อน
ลงมา ลิ้นชื้นแลบเลียลงมาบนริมฝีปาก ผมได้แต่ขบริมฝีปากเข้าหากันแน่นไม่ยอมให้มันเข้ามา

   “เปิดปาก!!”

   “อื้อ”กรอบหน้าถูกบีบจนต้องยอมเปิดริมฝีปากออกตอบรับลิ้นร้อนให้สอดแทรกเข้ามาข้างใน

   ร่างกายตอนนี้เปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ห่อหุ้ม เสียงจูบอันหยาบโลนกำลังดังแข่งกับเสียงฝนด้านนอก ยิ่งฝนตกหนักมาก
เท่าไรยิ่งภาวนาว่าอย่าให้มีรถผ่านมาเห็นเราเลย ผมได้แต่สั่นกลัวยามที่ข้าทั้งสองข้างถูกจับให้อ้าออกกว้าง ทาบทับลงมาด้วย
ร่างกายอันแข็งแกร่ง

   “อย่าทำ…ผมขอร้อง ผมไม่อยากทำที่นี่ อึก ผมไม่…”

   สุดท้ายท่อนกายอันร้อนผ่าวก็กดแทรกเข้ามาภายใน ร่างกายของผมมันกำลังกรีดร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าเวลาที่กายใหญ่โต
เคลื่อนไหวเข้าออกไม่เป็นจังหวะราวกับต้องการจะหลั่นแกล้งให้ผมได้ทรมานเป็นเท่าตัว

   “รัมภ์เป็นของพี่จำเอาไว้”เสียงพูดทุ้มหูตอกย้ำในสิ่งที่พี่เขาต้องการจะให้ผมจดจำ ลิ้นร้อนชื้นพลางแลบเลียลงมาที่กกหู

   ความหนาวเย็นของสายฝนที่พรำลงมายังเทียบไม่ได้เลยกับความหนาวเย็นที่เกิดขึ้นในใจ สุดท้ายแล้วผมก็เชื่อใครไม่ได้
เลยแม้แต่ตัวเอง ร่างกายตอบรับไปกับสัมผัสที่คุ้นเคย จิกปลายนิ้วลงบนลาดไหล่หนา เกี่ยวกระหวัดขาทั้งสองข้างเข้ากับบั้นเอว
สอบยามที่กายนั้นกระแทกเข้ามา มีเพียงน้ำตาเท่านั้นที่ยังคงซื่อสัตว์กับความรู้สึก



   --------------------------------------------------------------------------------

   “ผมไม่ชอบเลยที่มาเห็นพี่เป็นแบบนี้อีกแล้ว”ภูผาเดินเข้ามาพร้อมกับถาดอาหาร

   “ดีเท่าไรแล้วที่ไม่ถูกผูกติดเอาไว้กับเตียง”ผมตอบกลับทีเล่นทีจริงพลางยิ้มบาง

   “ผมไม่เข้าใจเลย ทั้งที่ประตูเองก็ไม่ได้ล็อกแต่ทำไมพี่ถึงอยู่แต่ในนี้ล่ะ”

   “บางทีการอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆมันก็ดีกว่าการที่ต้องเผชิญกับโลกข้างนอกและรับรู้อะไรหลายๆอย่างที่ไม่อยากจะรู้
ก็ได้”

   “ผู้ใหญ่นี่เข้าใจยากแบบนี้ทุกคนไหมพี่ อย่าลืมกินข้าวด้วยล่ะ อีกเดี๋ยวผมต้องไปติวหนังสือกับเพื่อนต่อ แล้วก็นี่ มีคนฝาก
มาให้”ส่ายหัวเล็กๆพลางยื่นกระดาษโน้ตมาให้

   ‘เปลี่ยนใจเมื่อไรก็บอก พี่จะมารับรัมภ์ออกไปเอง’

   “ทำไมถึงได้ทำแบบนี้ล่ะ ทำงานให้นายหัวไม่ใช่รึไง”ทันทีที่อ่านข้อความข้างในผมก็เงยหน้าถามภูผาทันที

   “หลายๆอย่าง”

   “รู้ไหมถ้านายหัวรู้เข้าจะเดือดร้อนเอาอีกรอบ พี่ไม่อยากทำให้ภูผาเดือดร้อน”ผมปรามเพราะภูผายังคงติดต่อกับพี่ตินทั้งที่
พี่ตินเองก็ไม่ได้กลับมาที่ฟาร์มสานรักอีกเลยตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งนั้นขึ้น หนำซ้ำยังแอบเอาโน้ตของพี่ตินมาให้อีก

   “อย่าห่วงไปเลยที่ผมมาทำงานที่นี่ก็เพราะเงิน ที่ผมยอมช่วยพี่ตินก็เพราะเงินที่เคยตกลงกันไว้”


   “ทำไมถึงต้องการเงิน แค่ทำงานที่นี่ก็น่าจะพอ”

   “บางทีมันก็ไม่ใช่อะไรอย่างที่พี่คิดหรอก ผมเองก็มีความฝันว่าจะไปในที่ที่ไม่มีใครรู้จักให้ได้สักวัน ยิ่งไกลเท่าไรยิ่งดี เงิน
พวกนั้นนั่นแหละที่จะช่วยผมได้”

   “ทำไมถึงคิดจะไปในที่ที่ไม่มีใครรู้จักล่ะ”

   “เพราะว่าไม่มีความสุขไงผมถึงไม่อยากจะอยู่ ผมไม่คิดที่จะอยู่อย่างคนโง่ตลอดไปหรอกนะ”

   “นั่นสินะ ถ้าไม่มีความสุขคงไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่”

   “ถ้าได้คำตอบเมื่อไรก็บอกผมล่ะ ถึงตอนนั้นผมจะเป็นคนช่วยพี่เอง ผมไปแล้วนะ พี่อย่าลืมกินข้าวด้วย”

   “อืม ขอบใจ”แต่มันคงไม่จำสำหรับคำตอบ เพราะว่าผมได้เลือกแล้วว่าจะอยู่ต่อถึงแม้จะต้องแสร้งทำเหมือนกับเป็นสิ่งของ
ก็ตาม กระดาษในมือถูกกำไว้แน่นจนมันยับ

   เพื่อได้อยู่ใกล้ๆคนที่ผมรักจนกว่าเวลาจะหมดลง สุดท้ายแล้วเวลาที่ผ่านมามันก็ไม่สามารถย้อนกลับไปได้ ไม่สามารถ
แก้ไขอะไรได้เลยแม้แต่ความผิดพลาดที่ได้ทำลงไป ผมได้แต่เฝ้ามองประตูที่ปิดลงอีกครั้ง เป็นเวลาร่วมสองคืนแล้วที่พี่คินไม่ได้
กลับมาที่ห้องนี้อีกเลย ทิ้งให้ผมจมอยู่กับความเงียบเพียงคนเดียวขณะเวลากำลังเหลือน้อยลงไปทุกที

----------------------------------------------------------------------------------------
สั้นไปไหม อย่าเพิ่มต่อว่าพี่ตินว่าไม่ยอมพูดความลับนะ แกแค่ยังไม่แน่ใจเฉยๆเลยยังไม่บอกอะไรรัมภ์ เห็นใจแกหน่อยยย

ตอนนี้ที่พี่แกทำได้จากความหึงหวงก็แค่ตอกย้ำความเป็นเจ้าของและความรักที่มีไปในรูปแบบที่ทำได้ง่ายที่สุดนั้นก็คือเซ็กส์

เพราะตอนนี้คิดว่ามันยากที่จะยื้อรัมภ์เอาไว้ เรามารอดูว่าสุดท้านรัมภ์จะเลือกใครรรรร "พี่ชาย" หรือว่า "คนรัก" >>งานนี้มีเส้นอืดตั้งแต่ยังไม่สิ้นเดือน<<




เพิ่มเติมเรื่องเปิดพรีฯ ซินจะมาเเจ้งอีกทีเกี่ยวกับกำหนดการที่แน่นอนเนอะ คาดว่าน่าจะเป็น 20 กันยานี้นั่นเอง(รอหน้าปกเสร็จ)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-09-2016 20:50:51 โดย NeLy เนลี่ »

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ใช้อารมณ์กับน้องอีกแล้วนะ
แต่ก็ทีมพี่คินค่าาาา 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ aommama

  • เป็ดมึน คนเซอร์
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 144
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-5
ยอมรับเลยว่า มองผ่านเรื่องนี้ เพราะชื่อเรื่องมันไม่ค่อยสะดุด เเต่หลงไปอ่าน ขนมผิงมาเลยได้รู้จักนักเขียน ก็ตามมาอ่านเรื่องนี้ต่อ สนุกมากชอบ ถึงพี่คินจะเล่นบทร้ายอยู่ เเต่เชื่อว่าทุกการกระทำของนาง นางรักของนาง เเละคงเสียใจกับการกระทำของตัวเอง นางเเสดงออกมาอาจไม่เก่ง

จะรออ่านเเละติดตามต่อไปนะคะ พี่คินควรพูดอะไรให้รัมรู้สึกดีบ้าง อย่าสักเเต่ใช้อารมณ์เลยคะ
เด่วอะไรมันจะสายไป
 :katai1:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
รัมภ์ สับสนในตัวพี่คิน แต่รักษาสัญญา
พี่คิน ยิ่งเถื่อน รุนแรง แสดงความเป็นเจ้าของรัมภ์
แบบใช้เซ็กส์ ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้น กลับจะแย่ลง
มีปากพูดสิ ทำอะไรๆ สืบอะไรๆ สงสัยพี่ตินยังไง
รัมภ์ก็ไม่ถาม พี่คินก็ไม่พูด เมื่อไหร่จะรู้เรื่องกัน
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
โถ่พี่คินเอ้ย ทำแบบนี้ระวังเขาไม่รักนะ

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
ทำร้ายน้องอีกแล้ว ทำไมไม่ค่อยๆพูดค่อยๆจากันเนี่ย

เฮ้ออออ

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
ตอนที่  26 เศษซากที่หลงเหลือ

   ผมตื่นขึ้นมาอีกทีในกลางดึกพร้อมอาการปวดหัวที่มันมากจนข่มตานอนต่อไปไม่หลับ กระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับสายตาเข้ากับ
ความมืด เหลือบมองไปยังที่ข้างๆที่มักจะมีใครคนคอยนอนกอดผมเอาไว้เสมอ ตอนนี้ที่ตรงนั้นกลับว่างเปล่า

   ผมค่อยๆเปิดประตูออกอย่างช้าๆ ขมวดคิ้วมุ่นให้กับความเงียบและอาการปวดที่ไม่ลดละ มีเพียงแสงสลัวมาจากไฟนอก
บ้านเท่านั้นที่ให้แสงสว่างพอที่จะเห็นทางเดินภายในบ้าน ในระหว่างที่กำลังเดินผ่านทางเดินชั้นล่าง เสียงคุยกันของใครบางคน
ที่ผมไม่ได้เห็นหน้ามาหลายวันทำให้ผมชะงัก จ้องมองผ่านทางเดินท่ามกลางความมืด มองเห็นแสงสว่างที่ส่องลอดออกมาจาก
ประตูห้องของฟาง ได้ยินเสียงหัวเราะคิดคักของฟางดังคู่กับเสียงอันราบเรียบของพี่คิน

   พี่คินกำลังเดินออกมาจากห้องของฟาง ไม่ว่าผมจะกระพริบตาสักกี่รอบภาพตรงหน้ามันก็ยังคงชัดเจนราวกับว่ากำลัง
ตอกย้ำว่าภาพตรงหน้านั้นไม่ใช่ความฝัน มือของฟางกำลังจับท่อนแขนของพี่คินอยู่ทั้งที่ยิ้มและหัวเราะ มองเห็นริมฝีปากหยักยก
ยิ้มท่าทางคล้ายกำลังขบขันอะไรอยู่ จู่ๆก้อนเนื้อที่อยู่ในอกมันก็บีบตัวเข้าหากัน รู้สึกเจ็บจนจุก อาศัยเพียงความมืดเป็นเกาะ
กำบังกายแล้วเดินหลบเข้ามาในครัวทั้งๆภาพที่เห็นมันค่อยๆพร่าเบลอไปด้วยม่านน้ำตา

   สิ่งที่ผมเห็นมันคืออะไรกันแน่ ผมได้แค่คิดขณะที่มือกำลังสั่น พยายามควบคุมไม่ให้ขวดยาแก้ปวดในมือนั้นร่วงหล่น จากที่
เทยาออกมาแค่สองเม็ด มือที่สั่นอยู่มันก็ควบคุมไม่ได้ ทำให้ยาหลายเม็ดหล่นออกมาจากขวดแล้วร่วงลงไปเกลื่อนบนพื้นห้อง
ครัว

   “รัมภ์ลงมาทำอะไรตอนนี้ ทำไมถึงไม่นอน!!”เสียงทุ้มต่ำถามให้ผมสะดุ้งขณะที่พยายามเก็บเม็ดยาแก้ปวดที่หล่นเต็มพื้น

   “ผม…แค่ปวดหัว”ผมตอบกลับไปทั้งที่ยังคงก้มหน้ามองพื้นของห้องครัว ไม่กล้าที่จะสบตาที่มองมา เพราะไม่รู้ว่ากำลังถูก
มองด้วยสายตาแบบไหน

   “แค่ปวดหัวอย่างเดียวใช่ไหม มีอย่างอื่นด้วยรึเปล่า”แขนถูกดึงให้ลุกขึ้นทั้งที่ยังเก็บยาบนพื้นไม่หมด

   “ครับ แค่ปวดหัว”

   “แล้วกินยารึยัง”

   “กำลังจะกินครับ”ตอบทั้งที่พยายามควบคุมเสียงเอาไว้ไม่ให้สั่น ยังคงหลุบตาจ้องมองยาบนพื้น แขนที่ถูกจับเอาไว้เกร็ง
แข็งเพราะความร้อนที่ส่งผ่านมาทางฝ่ามือทำให้ผมประหม่า

   “งั้นก็รีบกินซะสิ จะรีบไปนอน”

   “ครับ”ผมพยักหน้าเมื่อมือที่จับแขนเอาไว้ปล่อยออก ก่อนจะเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นแล้วกินยา

   “ไปนอนได้แล้ว”มือใหญ่คว้าลงมาที่ต้นแขนอีกครั้ง ออกแรงดึงเล็กน้อยให้เดินตาม

   “ผม…ต้องเก็บยาพวกนี้ พี่ไปนอนก่อนก็ได้”ทำไมไม่รู้ถึงได้รู้สึกว่าไม่อยากจะอยู่ใกล้พี่คินในเวลานี้ ยังไงก็ต้องถูกทิ้งให้
นอนคนเดียวอยู่ดี ริมฝีปากขบเม้มเข้าหากันแน่นเป็นเส้นตรง

   “ไว้ให้นุ่มมาเก็บพรุ่งนี้ ปวดหัวอยู่ไม่ใช่รึไง รีบไปนอนได้แล้ว”

   สุดท้ายก็ถูกดึงให้เดินตามขึ้นมายังห้องๆเดิม ต่างกันที่ว่าความรู้สึกนั้นมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ถูกดันนอนลงไปบนเตียง
ตอนนี้ผมไม่กล้าที่จะมองหน้าของพี่เขาเลย ได้แต่ก้มมองพื้นและเบือนหน้าหนีไปทางอื่น แต่สุดท้ายก็ต้องหันกลับไปมองเมื่อพี่
คินหันหลังให้แล้วกำลังเดินออกไป

   “จะไปไหนเหรอครับ”

   ถามออกไปด้วยเสียงที่สั่นเครือ กลัวเหลือเกินว่าพี่คินจะเดินออกไปจากห้องนี้แล้วไม่กลับเข้ามาอีก กลัวว่าพี่คินจะเดิน
ย้อนกลับไปที่ห้องห้องนั้น ห้องของฟางที่พึ่งจะเดินออกมา ผมไม่รู้ว่าพี่คินเข้าไปทำอะไรในห้องฟางเวลากลางดึกที่ทุกคนหลับ
ไปแล้วแบบนี้ รู้ตัวอีกทีมือก็คว้าเอาชายเสื้อนอนที่ยับยู่ยี่ของพี่คินเอาไว้ไม่ปล่อย เงยหน้ามองใบหน้าคมกร้านที่หันกลับมามอง
ด้วยแววตาอันว่างเปล่า ไม่สามารถอ่านออกได้เลยว่าภายใต้แววตาแบบนั้นกำลังซ่อนอะไรอยู่

   “พี่จะไปอาบน้ำ”ตอบกลับมาเสียงเบาก่อนจะดึงให้มือที่จับชายเสื้ออยู่นั้นคลายออก “นอนได้แล้ว”

   ทั้งที่ใส่ชุดนอนอยู่แล้วแต่ทำไมถึงต้องอาบน้ำอีกรอบ แล้วกลิ่นเหงื่อที่โชยมาพร้อมกับกลิ่นของลมหายใจนั้นมันคืออะไร
ไม่ว่ายังไงก็หยุดความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองไม่ได้เลย สุดท้ายก็หลับลงไปเพราะฤทธิ์ยา คงจะเป็นเพราะความคิดอันฟ้งซ่านที่
ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองฝันไปกับความรู้สึกอันอ่อนโยนที่ลูบลงมาบนศีรษะ รอยจูบอุ่นวาบแตะลงมาเบาๆบนริมฝีปากก่อนจะได้ยิน
เสียงประตูปิดลง

   ----------------------------------------------------------------------------

   “ลงมาพอดีเลย พี่ว่าจะเอาข้าวต้มขึ้นไปให้”พี่นุ่มทักเมื่อเห็นผมเดินลงมาในตอนสาย

   “ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวผมลงมาหาอะไรกินเอง”ผมตอบไปพลางมองบนพื้นห้องครัวที่ถูกทำความสะอาดจนเรียบร้อยไม่
หลงเหลือร่องรอยที่ทิ้งเอาไว้เมื่อคืน

   “แล้วหายปวดหัวแล้วเหรอ เห็นนายหัวบอกว่ารัมภ์ไม่สบายอีกแล้ว ช่วงนี้กำลังเข้าหน้าฝนอยู่ด้วย”

   “ไม่เป็นไรแล้วครับ”ผมตอบพลางรับถ้วยข้าวต้มมาถือไว้ก่อนจะเดินเอามันไปที่โต๊ะกินข้าว ไร้วี่แววของคนอื่นภายในบ้าน
เพราะว่าเป็นเวลาสายมากแล้ว ผมได้แต่จ้องมองไปที่เก้าอี้ข้างๆที่ที่พี่คินเคยนั่งประจำ

   กว่าจะละเอียดกลืนข้าวต้มในชามจนหมด นาฬิกาก็บอกเวลาเกือบจะเที่ยง ผมกลับขึ้นมาบนห้องอีกครั้ง สวนทางกับฟางที่
เอาผ้าปูที่นอนขึ้นมาเปลี่ยน ได้ยินเสียงหึในลำคอของฟางเหมือนกำลังจะเยาะเย้ย ทั้งที่พยายามจะไม่ใส่ใจ แต่สุดท้ายความคิด
ฟุ้งซ่านก็กลับมาดังเดิม กลับมาจมอยู่กับความเงียบที่ว่างเปล่าเหมือนเดิม กลิ่นอายของพี่คินที่เคยอบอวลอยู่ภายในห้องก็เริ่ม
จืดจางลงไปทุกที ผมค่อยๆถอดเสื้อของตัวเองออกเตรียมตัวที่จะอาบน้ำ ภาพในกระจกสะท้อนให้เห็นถึงร่องรอยบนร่างกายที่
กำลังจะลบเลือน เหลือเพียงแต่รอยฟันบนคอเท่านั้นที่ยังคงชัดเจนอยู่ เสื้อที่ถอดถูกโยนลงตะกร้าผ้าที่ใส่แล้ว ชะงักสายตาเข้า
กับเสื้อนอนของใครบางคนที่ถอดทิ้งเอาไว้เมื่อคนก่อนจะหยิบมันขึ้นมา

   ได้กลิ่นเหงื่อที่ยังคงหลงเหลืออยู่ปะปนกับกลิ่นน้ำหอมที่ไม่เคยคุ้น สัมผัสบางอย่างเรียกให้ผมสะดุดมือเอาไว้ตรงกระเป๋า
ของเสื้อตัวนั้น สอดมือเข้าไปหยิบบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อออกมา ก่อนที่มันจะร่วงหล่นลงไปบนพื้น ซองถุงยางที่ถูก
ฉีกใช้แล้ว ข้างในของมั่นว่างเปล่าเหลือเพียงแต่สารหล่อลื่นที่ยังคงคั่งค้างอยู่ด้านใน จู่ๆมือของผมที่ถือเสื้ออยู่มันก็สั่น

   กับผมแล้วตลอดมาพี่คินไม่เคยใช้สิ่งๆนี้เลย ไม่เคยเลยสักครั้งที่เราจะสัมผัสกันโดยที่มีอะไรขวางกั้น แต่แล้วทำไมซองถุง
ยางที่ใช้แล้วถึงได้อยู่ในกระเป๋าเสื้อตัวที่พี่คินใส่เมื่อคืนได้ มีเพียงอย่างเดียวที่ผมคิดได้ก็คือภาพที่พี่คินออกมาจากห้องของฟาง
หยดน้ำตาค่อยๆหยดลงไปบนเสื้อที่ถืออยู่ในมือ เศษซากความไว้ใจตอนนี้มันได้ขาดสะบั้นลงไปแล้ว ใจที่มันแตกสลายอยู่แล้ว
ยิ่งถูกบดขยี้จนเป็นขุยผง

   -------------------------------------------------------------------

   อีกคืนแล้วที่พี่คินไม่กลับเข้ามาในห้องนี้ มันยากที่จะข่มใจให้หลับตาลงแล้วลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้น ความรักที่พยายามถือมัน
เอาไว้ในมือและตั้งมั่นความรู้สึกเอาไว้กับมันมันกำลังสั่นคลอนจนแทบจะประคองเอาไว้ไม่อยู่ สิ่งนั้นมันคืออะไรกันแน่ ยิ่งคิดมันก็
ยิ่งทรมานจนแทบหายใจไม่ออก

   เคร้ง เคร้ง เคร้ง !!

   เสียงอะไรบางอย่างกระทบกับลูกกรงของหน้าต่างทำให้ผมหันไปมองด้วยความประหลาดใจเพราะเป็นเวลาดึกมากแล้ว
ทำไมถึงได้มีอะไรมากระทบกับมันเหมือนกับว่ามีใครพยายามโยนอะไรเข้ามาในห้อง

   ตุ๊บ!!

   ในที่สุดวัตถุบางอย่างมันก็ถูกโยนลอดลูกกรงหน้าต่างเข้ามาตกลงบนพื้นห้อง ผมจ้องมองมันเขม็งด้วยความประหลาดใจที่
สิ่งนั้นคืออมยิ้มที่เด็กๆชอบกินกัน ทำไมมันถึงถูกโยนเข้ามาในนี้ล่ะ? แล้วใครเป็นคนโยนมันเข้ามา

   พอคิดได้ดังนั้นผมก็ลุกขึ้นจากที่นอนแล้วหยิบมันขึ้นมา จ้องมองลงไปยังหน้าต่าง บนพื้นของชายหาดสีขาวในความมืด
ยามค่ำคืน มองเห็นร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ในแสงสลัวกำลังโบกมือแล้วส่งยิ้มมาให้ ในอ้อมแขนมีขวดโหลอมยิ้มถือเอาไว้

   “พี่ติน!!”ผมหลุดเรียกชื่ออกไปเสียงเบา ไม่คิดว่าจู่ๆเขาจะมาปรากฏตัวที่นี่ทั้งที่วันนั้นทำเอาไว้กับพี่คินแบบนั้น และดูท่าคง
ไม่ได้เข้ามาแบบปกติแน่ๆ

   ผมจ้องมองไปที่ร่างสูงใหญ่ของพี่ชายตัวเอง จะว่าไปผมก็ยังไม่รู้สึกชินกับคำนี้สักเท่าไร และไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าดีใจหรือว่า
รู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้ มือใหญ่ทั้งสองข้างของพี่ตินยกขึ้นมาทำท่าประกอบเป็นภาษาใบ้ เหมือนจะบอกให้ผมแก้ห่อลูกอมยิ้มออก
พอยกลูกอมยิ้มขึ้นมาดูก็พบว่าเปลือกนอกมันไม่ได้ห่อหุ้มด้วยพลาสติกเพียงอย่างเดียว แต่มันกลับถูกห่อหุ้มด้วยกระดาษโน้ต
แผ่นเล็ก

   ‘สบายดีไหม พี่เป็นห่วง’

   เนื้อหาข้างในมันบอกแบบนั้น ผมได้แต่พยักหน้าตอบกลับไปไม่อยากจะโกหกแต่นอนนี้รู้สึกว่าข้างในใจมันเจ็บจนรู้สึกว่า
กำลังจะบ้าตายให้ได้ ผมถอยหลังหลบออกมาครึ่งก้าวเมื่ออมยิ้มอีกลูกกำลังถูกโยนเข้ามา

   ‘กลับไปด้วยกันเถอะ พี่รอรัมภ์อยู่’

   ผมส่ายหน้าอีกครั้งแล้วยิ้มบางๆส่งให้พี่ติน ไม่ว่ายังไงก็ยังอยากที่จะอยู่ต่อไป

   ‘ไม่เป็นไร พี่จะรอรัมภ์อยู่ที่ร้านอาหารที่เคยพาไป ถ้ารัมภ์เปลี่ยนใจพี่จะรออยู่ที่นั่น’

   ผมพยักหน้าให้กับข้อความที่สามที่ถูกโยนเข้ามา รอยยิ้มของพี่ตินยังคงเหมือนเดิม เหมือนที่มีให้ ต่างจากใครบางคนโดย
สิ้นเชิงที่ไม่แม้แต่จะกลับกลับเข้ามาในห้องนี้

   ‘กินลูกอมสิ ของหวานช่วยให้อารมณ์ดี กินแล้วก็ช่วยยิ้มให้พี่ชายคนนี้ด้วยล่ะ หน้าเศร้าๆแบบนี้มันไม่เหมาะกับน้องชาย
ของพี่คนนี้เลย’

   ประโยคที่สี่นั้นกลับยืดยาวและเป็นเหมือนกับของเล่นหลอกเด็ก จ้องมองใบหน้าหล่อของพี่ตินส่งยิ้มให้ นิ้วเรียวจิ้มไปที่มุม
ปากของตัวเองแล้วดึงให้มันยิ้มออกมาเหมือนกับตัวตลก เพราะความรู้สึกอะไรบางอย่างที่ส่งผ่านมา สุดท้ายมันก็ทำให้ผมหลุด
หัวเราะออกมาเสียงเบาไม่ได้ ส่งยิ้มให้กับเขาไปตามที่ต้องการทว่าเสียงประตูที่เปิดออกทางเบื้องหลังก็ทำให้ผมสะดุ้งอมยิ้มใน
มือสี่ลูกร่วงหล่นลงไปบนพื้น หันกลับไปมองก็พบกับร่างสูงในชุดนอนจ้องมองมาที่เขม็ง มือทั้งสองข้างกำกระดาษโน้ตทั้งหมด
เอาไว้แน่น ภาวนาให้ความมือช่วยทำให้เขาไม่เห็นอมยิ้มที่อยู่บนพื้น ไม่เห็นใครบางคนที่ยืนอยู่ข้างนอกหน้าต่างในเวลากลางดึก
แบบนี้

   “ทำไมถึงไปยืนอยู่ตรงนั้น ป่านนี้แล้วทำไมรัมภ์ถึงยังไม่นอน”

   “ผม…หิวน้ำ กำลังจะลงไปกินน้ำ”ตอบโกหกออกไป เบือนหน้าหนีสายตาที่ดูไม่พอใจที่มองมา

   “รัมภ์มั่นใจที่พูดใช่ไหม”

   “ทำไมผมถึงต้องไม่มั่นใจในสิ่งที่ตัวเองพูดล่ะ”ผมหันกลับไปจ้องมอง เพราะอะไรผมเองก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมจู่ๆพี่คินถึงเข้า
มาที่ห้องนี้กลางดึก บางทีพี่เขาอาจจะออกมาจากห้องของฟางอีกก็เป็นได้ ใครจะไปรู้ พอคิดได้ดังนั้นทั้งทิฐิและความเจ็บใจมัน
ทำให้ผมหันกลับไปจ้องตอบตาคู่ดุที่มองมาถึงแม้ว่าร่างนั้นกำลังจะสาวเท้าเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆก็ตาม

   “จะไปไหน”ความใกล้ชิดมากขึ้นเรื่อยๆทำให้ความกังวลของผมยิ่งเพิ่มมากขึ้น เพราะกลัวว่าพี่คินจะเห็นว่าพี่ตินอยู่ข้างนอก
นั้นผมยิงได้เบี่ยงตัวหลบและเดินหนี ทว่าต้นแขนก็ถูกจับเอาไว้ก่อนที่จะดึงให้กลับมาที่เก่า ถูกดันให้แผ่นหลังชิดกับลูกกรงของ
หน้าต่างไม่ให้หนีไปไหน กระดาษที่อยู่ในกำมือถูกกำไว้แน่น ถ้าหากพี่ตินจับได้ผมไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากพี่เขาโมโห
บางทีมันอาจจะทำให้เขาไม่ใช่แค่ลงกับผม แต่อาจจะไปลงกับพี่ติน

   “ผมแค่จะไปกินน้ำ”

   “ซ่อนอะไรไว้ข้างหลัง”คำถามที่ถามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวทำให้ผมเกร็งมือที่กำกระดาษเอาไว้แน่น

   “ไม่มี!”

   “พี่จะถามแค่อีกรอบ รัมภ์ซ่อนอะไรไว้ข้างหลัง”

   “ผมบอกว่าไม่มีไง ฮึก อย่ามาแตะผมนะ!!”มือที่ซ่อนเอาไว้ด้านหลังถูกดึงออกมาทั้งสองข้างด้วยแรงที่มากกว่า ถูกแกะให้
คลายออกด้วยการบังคับ

   ผมจ้ององพี่คินด้วยความไม่พอใจเมื่อมือทั้งสองข้างมันว่างเปล่า กระดาษโน้ตทั้งหมดถูกปล่อยให้ร่วงลงไปบนพื้นใน
จังหวะที่พี่เขาเผลอ ผมผลักมือลงไปบนแผงอกแรงๆจนพี่คินเซถอยหลังออกไปก่อนจะเดินหนี ไม่พอใจที่พี่คินเอามือนั้นที่แตะ
ต้องผู้หญิงคนอื่นมาแตะตัวผม

   “เมื่อกี้รัมภ์บอกพี่ว่าอย่างแตะรัมภ์งั้นเหรอ?”

   “ใช่ อย่ามาแตะตัวผมอีก ผมไม่ชอบ!!”

   “ทั้งที่ดูจะพอใจแบบนั้นทุกครั้งไม่ใช่รึไง ทั้งที่ไม่เคยที่จะพูดแบบนี้กับพี่ ทำไมจู่ๆถึงได้เป็นแบนี้ล่ะ มันเพราะอะไร”ไม่พูด
เปล่าแต่พี่คินกลับสาวเท้าเข้ามาใกล้ คว้าแขนผมเอาไว้แล้วออกแรงดึงให้เซกลับไปที่เดิม กลับไปที่หน้าต่างอีกครั้ง และครั้งนี้
ถูกดันให้หันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง ข้างนอกนั้นในความมืดที่ถ้าไม่สังเกตดีดีก็จะไม่เห็น พี่ตินหลบอยู่ในความมืดหลังต้นไม้นั่น

   “จะ จะทำอะไร!! ผมบอกว่าอย่าแตะตัวผมไง”พูดออกไปเสียงดังพลางปัดมือที่กำลังแกะกระดุมเสื้อนอนของผมออก

   “อยู่เฉยๆน่า พี่ไม่อยากทำให้รัมภ์เจ็บนะรู้ไหม”

   “ปล่อยผม อย่ามาทำในที่แบบนี้นะ”

   “ทำไมล่ะ ตรงนี้มันเป็นยังไง ในเมื่อเมื่อกี้นี้รัมภ์ยังมองออกไปนอกหน้าต่างเหมือนกับกำลังมองอะไรอยู่นี่”

   “ไม่ใช่นะ ผมไม่ได้มอง อย่ากัด มันเจ็บ”เอาอีกแล้ว ฟันคมกัดลงมาที่รอยเดิมอีกครั้งทั้งที่มันยังไม่หายดี ถึงแม้ว่ามันจะไม่
รุนแรงเท่าเดิม แต่มันก็ทั้งเจ็บและก็แสบไปในเวลาเดียวกัน

   “ไม่ทำตรงนี้ อย่าทำตรงนี้ผมขอร้อง”บอกออกไปด้วยเสียงที่กำลังสั่นอยู่เต็มทน กางเกกงถูกรูดลงไปกองที่ข้อเท้า เสื้อถูก
ปลดกระดุมออกจนหมดทุกเม็ดเผยให้เห็นแผงอกแบบราบกำลังถูกเคล้นคลึงด้วยสัมผัสอันหยาบกระด้าง กรอบหน้าถูกจับให้กัน
กลับไปหา ก่อนที่ปลายลิ้นร้อนชื้นจะผละออกมาจากต้นคอแล้วแล้วสอดเข้ามาในริมฝีปาก

   “รัมภ์เป็นของพี่”ซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่เอาแต่พูดย้ำคำเดิม

   “ยะ อย่า ตรงนี้ไม่ได้”เพราะเขาจะต้องเห็นแน่ๆ พี่ตินจะต้องเห็นแน่ๆว่าผมกำลังถูกทำอะไรอยู่ ความอับอายในเวลานี้ค่อยๆ
แทรกซึมผ่านเข้ามาพร้อมความเจ็บปวด

   “ทำไมพี่ถึงทำตรงนี้ไม่ได้ล่ะ หรือจริงๆแล้วรัมภ์กำลังซ่อนอะไรเอาไว้”

   “ไม่! อย่าทำ”ไม่ทันขาดคำท่อนหายก็สอดประสานเข้ามาข้างในจากทางด้านหลัง ขาทั้งสองข้างสั่นเทาจนแทบไม่มีแรง
พยุงตัวเองให้ยืนต่อไป ท่อนแขนแข็งแรงทั้งสองข้างของพี่คินโอบรัดผมเอาไว้ไม่ให้ทรุดลงไปบนพื้นก่อนที่แรงกระแทกจะโถม
เข้ามาใส่ไม่ให้ตั้งตัว มันทั้งเจ็บทั้งจุกจนต้องกัดฟัน

   ความอับอายมันทำให้ผมแทบบ้าเพียงแค่คิดว่ากำลังถูกมองด้วยคนอื่นอีกครั้ง จนสุดท้ายความแข็งกร้าวทุกอย่างมันก็ถูก
ปล่อยเข้ามาในตัว ร่างกายร้อนผ่าวถอนออกไปทิ้งให้บางส่วนมันเอ่อล้นและไหล่ย้อนออกมา ทันทีที่อ้อมแขนนั้นคลายออก
เรี่ยวแรงที่มันหายไปทำให้ร่างของผมทรุดลงนั่งกองกับพื้น ใบหน้าซบลงกับผนังห้องด้วยความรู้สึกที่หลากหลายเจ็บที่สุดก็คือ
การโดนกล่าวหาว่าซ่อนอะไรเอาไว้ทั้งที่มันไม่ใช่ ทั้งที่เป็นเขาต่างหากที่เป็นฝ่ายซ่อนทุกสิ่งทุกอย่างกับผม น้ำตาที่ไม่รู้ว่าไหล
ลงมาเมื่อไรมันไหลผ่านแก้มหยดลงไปบนพื้นห้อง

   “นายช่วยมาจัดการที่หาดแทนฉันหน่อยสิ ฉันคิดว่าตอนนี้มีคนกำลังบุกรุกเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต ฝากด้วยล่ะ”เสียง
ของพี่คินเรียกให้ผมหันไปมองเขาที่กำลังคุยโทรศัพท์ แสดงว่าเขารู้อยู่ก่อนหน้าแล้วว่าพี่ตินอยู่ตรงนั้น จงใจที่จะทำให้พี่ตินเห็น
ในสิ่งที่เขาทำกับผม

   “บอกว่าอย่างมาแตะไงเล่า!!”

   เพี๊ยะ!!


   ตวาดออกไปเสียงดัง มือสะบัดมือที่แตะลงมาบนไหล่ออกก่อนจะตบลงไปบนเสี้ยวหน้าคมคายนั้นจนมันขึ้นร้อยแดง

   “รัมภ์”พี่คินหลุดเสียงเรียกออกมาเสียงเบาเมื่อเห็นน้ำตาที่นองอยู่บนหน้าของผม นัยน์ตาคู่ดุไหววูบราวกับว่ากำลังรู้สึกผิด
แต่นั่นมันสายไปแล้วกับหยดน้ำตาที่ไม่สามารถไล่ย้อนกลับ

   “ฮึก อย่ามากล่าวหาว่าผมปิดบังอะไรจากพี่…ฮึก ทั้งที่พี่ไม่ใช่รึไงที่ปิดบังทุกอย่างกับผม”

   “รัมภ์พูดเรื่องอะไร”

   “อย่ามาถามผมทั้งที่พี่เองก็รู้ดี เป็นพี่ไม่ใช่รึไงที่วางแผนเอาไว้ทุกอย่าง ทั้งที่ขังผมเอาไว้ที่นี่ ทั้งเรื่องพ่อที่รู้อยู่แล้วแต่ไม่
เคยที่จะบอกผมเลย ทำไมกันล่ะ เพราะผมมันผิดมากใช่ไหม เพราะผมหลอกพี่ใช่ไหมพี่ถึงต้องแก้แค้นกันอย่างนี้”

   “รัมภ์รู้?”

   “ผมจะบอกเอาไว้เลยนะว่าถ้าพี่ต้องการจะแก้แค้นผม พี่แก้แค้นได้สำเร็จแล้ว เพราะตรงนี้ของผมมันเจ็บมากเลย เจ็บจน
แทบจะบ้าตายอยู่แล้ว พี่พอใจรึยังล่ะ”ผมได้แต่ทุบมือลงมาบนอกข้างซ้ายของตัวเองซ้ำไปซ้ำมาทั้งที่ยังคงสะอื้น ภาพเบื้องหน้า
มันพร่าเบลอจนมองเห็นไม่ชัดเจน แต่ถึงอย่างนั้นความรู้สึกทุกอย่างมันก็ยังคงชัดเจนเสมอ ความรู้สึกรักที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

   “รัมภ์ ใจเย็นๆสิ”พี่คินดึงมือของผมเอาไว้ให้หยุดทุบลงมาที่อกตัวเอง

   “บอกว่าอย่างมาแตะผมไง อย่ามาแตะต้องผมด้วยมือที่แตะต้องคนอื่น ต้องให้ผมตายเลยไหมพี่ถึงจะพอใจ หรือตรงนี้ของ
ผมมันยังเจ็บไม่พอ ถ้ามันยังไม่พอแล้วพี่จะทำอะไรกับผมอีกล่ะ จะล่ามโซ่ผมให้เหมือนหมาเลยไหม หรือว่าจะจับผมใส่กรงเอา
ไว้เลย ฮึก ทั้งที่ผมเจ็บขนาดนี้แล้วแท้ๆ ทำไมผมถึงยังไม่เลิกรักพี่ ทำไมล่ะ เพราะอะไร เพราะผมมันโง่อย่างที่พี่ต้องการใช่ไหม
พอใจพี่แล้วใช่ไหม”ผมได้แต่พูดซ้ำไปซ้ำมา ทุบมือลงบนลาดไหล่หนาของพี่คินด้วยความเจ็บปวดที่มันเอ่อล้นจนเก็บเอาไว้ไม่
ไหว ร่างกายถูกคว้าเข้าไปกอดเอาไว้แน่น

   “ปล่อย อย่ามาทำกับผมแบบนี้ อย่ามาแตะต้องผมอีกเลย ผมรับมันไม่ไหวอีกแล้ว ผมยอมแพ้ ฮึก ผมยอมแพ้”

   “รัมภ์ ใจเย็นๆสิ”

   “บอกให้ปล่อย!!”

   เสียงทุ้มประซิบข้างหู รู้ตัวอีกทีก็ถูกอุ้มขึ้นมาแล้วพาดลงบนบ่าหนาก่อนที่จะถูกพาออกไปจากห้อง ผมได้แต่เบิกตากว้าง
ด้วยความตกใจทั้งที่ร่างกายยังเปลือยเปล่า ถูกพามาหยุดที่ประตูห้องที่อยู่ข้างกัน ห้องที่เก็บความลับทั้งหมดเอาไว้จนประตูถูก
ไขเปิดออก

   “ไม่เอา ผมไม่เข้าไปในนี้ ผมจะกลับห้อง”

   “รัมภ์อย่าดิ้นสิ เดี๋ยวตก”

   “ผมไม่อยากเข้าไปในห้องนี้ ผมขอร้อง ฮึก จะให้ผมทำอะไรก็ได้”ไม่เอาอีกแล้วกับความลับที่ไม่อยากรู้ไปมากกว่านี้ ไม่
อยากจะเจ็บมากกว่านี้อีกแล้ว

   “แต่รัมภ์ต้องเข้ามาเพราะพี่อยากให้รัมภ์เข้าใจในสิ่งที่พี่ทำ”




----------------------------------------------------------------------------------------------------
ใกล้จบแล้วนะ มาบอกให้รู้ คนอ่านจะได้ไม่หนีไปก่อนจบ ฮ่าๆๆ กำลังจะโดนคนอ่านเทเพราะพระนายไม่ยอมพูดกัน
เนี่ยๆ เขาจะพูดกันแล้ว  ขอบคุณทุกคอมเม้นสำหรับคนอ่านนะคะ ดีใจที่อยู่ด้วยกันมานานนนนนนจนถึงทุกวันนี้
ยังรักเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความคิดถึง อิอิ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ใช่ รีบๆ พูด อะไรที่อมพะนำ เก็บเป็นความลับน่ะ
เดี๋ยว รัมภ์ รับไม่ไหว หนีไป
แล้วจะเสียใจ ถ้าตามหาไม่เจอแล้ว
ฟางทำเล่ห์กลให้รัมภ์ เข้าใจผิดแน่เลย
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
สงสารรัมภ์  :hao5: :hao5:
เฮ้อออออออออ แอบเทใจให้คุณพี่ชายไปละนะ
 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ เจเจจัง

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ถ้าคินมีไรกะฟางนะ บอกเลยว่าเราเท

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด