❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤  (อ่าน 124751 ครั้ง)

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
บทที่ 15 งานเลี้ยงเลิกรา

   และแล้วเวลาของค่ำคืนที่ทุกคนต่างรอคอยก็มาถึง จังหวะของดนตรีที่ถูกเปิดจนดังกำลังผสมผสานกับเสียงของเกลียว
คลื่นที่ถูกพัดมากระทบฝั่งอย่างลง

   ผมเดินตามพี่คินออกมายังหาดทรายขาวหลังบ้านที่ถูกเนรมิตแต่งแต้มด้วยแสงไฟนับร้อยดวง ตรงกลางมีกองไฟขนาด
ใหญ่จุดเพื่อขับไล่ความหนาวเย็นยามค่ำคืนและเพิ่มสีสันให้กับงาน

   “กินนี่สิ”พี่คินส่งจานอาหารพื้นบ้านอะไรสักอย่างมาให้ก่อนที่จะดึงให้ผมนั่งลงบนขอนไม้ยาวที่ถูกเอามาวางล้อมกองไฟ
เป็นวงกลมเพื่อเอาไว้นั่ง

   งานเลี้ยงดำเนินไปอย่างครึกครื้นท่ามกลางเสียงหัวเราะและโห่ร้องตามแบบฉบับของการเฉลิมฉลอง บางคนก็กำลังได้ที่
เดินเข้าไปเต้นรอบกองไฟตามจังหวะของเสียงเพลง บางคนก็นั่งดื่มไปคุยไปเหมือนไม่ได้คุยกันมานานนับปี

   “วันนี้ไปซื้ออะไรมาล่ะ”พี่คินถามก่อนจะกดจมูกลงมาบนกลุ่มผม ได้ยินเสียงสูดลมหายใจเล็กน้อยก่อนจะผละออกมา

   “ซื้อของใช้ทั่วไปน่ะ”ตอบพลางก้มหน้ามองปลายเท้าตัวเองที่จมไปกับผืนทราย พยายามทำใจให้ชินกับการแสดงบทรัก
ต่อหน้าคนอื่นของพี่เขา ทั้งที่จริงๆแล้วรู้สึกไม่ชอบใจสักเท่าไร แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะประสบการณ์เป็นตัวบอกผมว่ายิ่งขัดขืน
มากเท่าไร พี่คินก็จะยิ่งไม่พอใจและทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามมากเท่านั้น

   “พี่เป็นห่วงรัมภ์ ไม่อยากให้รัมภ์ออกไปไหนเวลาที่ไม่มีพี่ คราวหลังบอกพี่ก่อนนะครับเด็กดี”จมูกโด่งยังคงคลอเคลียอยู่บน
กลุ่มผมสีน้ำตาลของผม

   “ผมรู้”ผมรู้ดีว่าพี่เขากลัวว่าผมจะหนีไป

   “มาอยู่ที่นี่เองนายหัว ผู้ใหญ่บ้านเขามาถึงแล้วน่ะครับ อยู่ทางนู้น”พี่กิ่งเดินมาตามนายหัวของพวกเขา ด้วยภาษาใต้

   “อยู่นี่นะครับ อย่าไปไหน เดี๋ยวพี่มา”พี่คินหันมาบอก ลูบหัวผมเบาๆก่อนจะเดินหายไปทิ้งให้ผมนั่งอยู่คนเดียว



   “ไง ทำไมมานั่งเหงาอยู่คนเดียว”ทันทีที่พี่คินลุกหายไป พี่ตินก็มานั่งแทนที่โดยไม่รีรอให้ผมอนุญาตให้นั่งลง

   “ก็ผมไม่ค่อยรู้จักใครเหมือนพี่นี่ครับ”มาไม่ทันไรพี่ตินก็รู้จักคนอื่นๆไปทั่วฟาร์มแล้ว ด้วยบุคลิกที่ยิ้มเก่ง พูดเยอะจึงทำให้
เข้ากับคนได้ง่าย

   “ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ก็คุยๆไปเดี๋ยวก็รู้จัก แบบพี่นี่ไง”

   “ผมไม่ได้หน้าเป็นเหมือนพี่สักหน่อย”

   “พี่จะถือว่านั่นเป็นคำชมแล้วกัน”ยิ้มรับหน้าตายเหมือนเดิม “ว่าแต่สีตากับสีผมของรัมภ์นี่สวยดีนะ ได้มาจากใครล่ะพ่อหรือ
ว่าแม่”ไม่ว่าเปล่า กลับเอื้อมมือมาแตะเกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าออกให้

   “ได้มาจากพ่อน่ะ”ตอบเสียงเบากับคำถามที่ได้ยินมาทั้งชีวิต

   “งั้นแสดงว่าพ่อของรัมภ์นี่คงจะหล่อไม่เบา”

   “ผมก็ไม่รู้หรอก เพราะผมไม่เคยเจอเขา”พ่อทิ้งไปตั้งแต่ผมยังไม่เกิด ตั้งแต่แม่พึ่งจะตั้งท้องได้ไม่กี่เดือน นั่นเป็นสิ่งที่
ทำให้ผมทั้งเสียใจและเจ็บใจในเวลาเดียวกัน

   เจ็บใจที่พ่อทิ้งผมไปตั้งแต่ผมยังไม่ลืมตาขึ้นมาดูโลก เสียใจที่พ่อมองข้ามความรักของแม่แล้วปล่อยให้แม่อุ้มท้องและ
เลี้ยงผมมาด้วยตัวคนเดียว

   “พี่ขอโทษที่ถามรัมภ์”

   “ไม่เป็นไร ผมไม่ถืออยู่แล้ว ผมชินแล้วล่ะ เขาทิ้งผมกับแม่ไปตั้งแต่ยังเด็กน่ะ”

   “แล้วทำไมรัมภ์ถึงไม่ลองตามหาดูล่ะ”

   “ผมไม่รู้แม้กระทั่งชื่อของเขา แม่ไม่เคยบอกอะไรเกี่ยวกับพ่อเลยสักอย่าง”

   “ถ้าพี่ถามว่ารัมภ์อยากจะเจอพ่อไหม รัมภ์จะตอบพี่ได้ไหม”พี่ตินถาม

   “ไอ้อยากมันก็อยากอยู่หรอก แต่ว่าเขาคงไม่อยากจะเจอผมสักเท่าไร”

   “ใครว่าล่ะ บางทีเขาอาจจะตามหารัมภ์อยู่ก็ได้ ใครจะรู้”จริงๆแล้วถ้าพ่อออกตามหาผมอย่างที่พี่ตินพูดมาก็คงจะดี มีหลาย
อย่างที่ผมคนนี้อยากจะพูดกับพ่อ หลายอย่างที่ผมเก็บเอาไว้ในใจตั้งแต่เด็ก

   “แต่ถึงเจอกันผมก็คงจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่องหรอก ผมไม่เก่งภาษาอังกฤษเลยสักนิด”

   “แล้วใครบอกล่ะว่าคนอิตาลีใช้ภาษาอังกฤษ”มือใหญ่เอื้อมมาขยี้หัวของผมเบาๆด้วยท่าทางหมั่นเขี้ยว

   แต่นั่นทำให้ผมเบิกตากว้างกับสิ่งที่ได้ยิน ทำไมพี่ตินถึงได้รู้ล่ะว่าพ่อของผมเป็นคนอิตาลี ทั้งที่ผมไม่เคยบอกใคร แล้วรู้ได้
ยังไงว่าคนอิตาลีไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษ

   “พี่รู้ได้ไงว่าพ่อผมเป็นคนอิตาลี”ผมถามกลับไปทันที พี่ตินมีท่าทีตกใจเล็กน้อยภายในเสี้ยววินาทีก่อนจะปั้นยิ้มกลับมา
เหมือนเดิม แต่นั้นผมก็สังเกตเห็นมัน

   “ก็เดาเอาไง เห็นสีผมกับสีตาคล้ายๆคนแถบนั้น นี่พี่เดาถูกเหรอเนี่ย เป็นไง พี่เก่งไหม”

   “แน่ใจนะครับว่าเดา”ผมหรี่ตาจับผิด เพราะมีหลายอย่างในตัวของพี่เขาที่ทำให้ผมสงสัย

   “ก็ใช่น่ะสิ เป็นชาวอิตาลีจริงๆเหรอเนี่ย พี่เดาเก่งใช่ไหมล่ะ La fata”ท้ายประโยคพี่ตินพูดสำเนียงแปลกๆออกมา

   “อะไรคือลาฟาตา”

   “ก็ถ้ารัมภ์มีเชื้อสายอิตาลี ชื่อของรัมภ์ในภาษาอิตาลีก็คงเป็นLa fata ที่แปลว่านางฟ้าเหมือนกัน”

   “พี่รู้ภาษาอิตาลีได้ยังไง”

   “ก็เคยได้ยินผ่านหูมาคำสองคำ เอาเถอะ เราไปเต้นกันกับเขาบ้างดีกว่า น่าสนุกออก”

   ยังไม่ทันได้จับผิดกับสิ่งที่พี่ตินพูด ผมก็ถูกดึงมือให้ตามออกไปยืนอยู่กลางวงใกล้ๆกับกองไฟตรงกลางหาด สังเกตเห็นว่า
หลายคนพอเห็นผมกับพี่ตินเดินเข้ามาก็เข้ามาร่วมวงชวนพวกเราเต้นตามจังหวะเพลง


   หลายคนเข้ามาชวนคุย ถามสารทุกข์สุขดิบผมตามภาษาของชาวบ้าน ไม่รู้ตัวว่าเมื่อไรที่ผมเผลอปล่อยให้ใจของตัวเอง
ไหลไปตามน้ำ พอผ่านไปนานๆเข้าผมเริ่มเต้นกับทุกคนยิ้มให้กับรอยยิ้มของทุกคนที่ส่งมา ร่วมเต้นกับคนงานคนอื่นๆและพี่ติน
   “ลองกินดูหน่อยไหมน้องรัมภ์”พี่กิ่งโพล่มาจากไหนไม่รู้ เต้นมากระแซะข้างๆ ยื่นแก้วในเล็กๆมีน้ำสีดำอมน้ำตาลเกือบเต็มแก้ว

   “ผมไม่ดื่มเหล้า”ผมส่ายหน้า

   “อย่าเลยพี่เดี๋ยวน้องเมา”พี่ตินช่วยปฏิเสธดันแก้วออกไปจากตรงหน้าผม

   “เฮ้ยเอาน่า ไม่ใช่เหล้าสักหน่อย นี่มันสมุนไพร นารีรำพึงน่ะ เคยได้ยินไหม”

   “สมุนไพรแน่นะ”ในที่สุดก็ถูกคะยั้นคะยอให้กินน้ำสมุนไพรรสขมที่ว่าไปจนหมด

   กินเข้าไปอึกหนึ่งรู้สึกว่าสมองมันโล่งๆดีพิลึก คงจะเป็นสมุนไพรจริงๆอย่างที่ว่าสินะ ถึงได้ทำให้ผมรู้สึกสนุกแบบนี้

   พี่ตินจับมือของผมให้เต้นไปตามจังหวะ ท่าเต้นของพี่เขาแปลกๆไม่เหมือนกับท่าเต้นของคนอื่นๆ จะว่ายังไงดี มันเหมือน
กับท่าเต้นในหนังต่างประเทศเวลาที่มีงานเฉลิมฉลองอะไรแบบนั้น แต่ผมก็ไม่ได้สนใจเพราะว่าตอนนี้ผมรู้สึกสนุกว่ามันกำลัง
ทำให้ผมลืมเรื่องราวต่างๆที่ทำให้ผมอึดอัดใจไปจนหมด รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของพี่ตินและคนรอบข้าง ทำให้ผมหัวเราะออก
มาอย่างสนุกจนเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะหลุดออกจากความคิดที่อยู่ในเบื้องลึก

   จ้องมองพี่ตินที่เต้นอยู่เบื้องหน้า ความอ่อนโยนและความใจดีของพี่เขา แบบที่เขาเป็นอยู่นั้น ตั้งแต่เกิดมา ยังไม่เคยมีใคร
ใจดีกับผมเท่าพี่ตินเลย พี่ตินยิ้มให้และส่งมือมาข้างหน้าเป็นเชิงให้ผมเอื้อมมือไปจับเพื่อเต้นด้วยกัน

   ทว่าก่อนที่ขาจะก้าวออกไป เอวก็ถูกแขนแข็งแรงโอบเอาไว้ก่อนจะถูกดึงจนเซไปด้านหลัง แผ่นหลังรู้สึกถึงความอุ่นร้อนที่
คุ้นเคยของใครบางคน ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดใบหู ถึงจะมองไม่เห็นว่าเขาคือใคร แต่สัมผัสที่คุ้นเคยทำให้ผมรับรู้ได้ทันทีว่า
เขาคือพี่คิน

   พี่คินโอบกระชับเอวของผมเอาไว้จากทางด้านหลัง แทบชิดลำตัวของเราเข้าหากัน คางของพี่เขาก้มลงมาวางเอาไว้ที่คอ
ของผมก่อนจะเอียงศีรษะเข้ามาใกล้ พูดเสียงเบาข้างหู

   “พี่ไม่อยู่แปบเดียว แอบดื่มมาเหรอครับ”มันเหมือนมีอะไรในน้ำเสียงที่ทำให้ผมรู้สึกขนลุกไปทั้งร่างกาย

   ผมมองไปเบื้องหน้า พี่ตินกำลังจ้องมองผมอยู่ รอยยิ้มนั้นค่อยๆเลือนหายไปทีละน้อยก่อนจะหลงเหลือเพียงสีหน้าที่ดูปกติ
เหมือนกับคนอื่นๆ

   “พี่บอกแล้วไง ว่าอย่าให้ใครแตะตัวง่ายๆ รัมภ์ลืมไปแล้วเหรอครับ คนเก่ง”

   พูดจบก็กดจมูกลงมาบนแก้มของผม อะไรบางอย่างมันกำลังบอกว่าหลังจากที่หอมแก้มผมแล้ว พี่คินหันไปจ้องมองพี่คิน
ต่อ

   เป็นจังหวะเดียวกับที่คนงานในไร่อีกคนเดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างสถานการณ์ที่น่าอึดอัด

   “นายหัว นายหัวครับ นายอำเภอมาแหนะ กำลังจอดรถ”เสียงบอกเล่าเป็นภาษาพื้นถิ่นบอกทำให้พี่คินยอมผละออก

   “งั้นเดี๋ยวพี่มานะครับ”บอกผมด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มเล็กน้อย แต่ในดวงตานั้นกำลังไม่พอใจ ผมรู้ดี “ฝากดูรัมภ์ด้วย
ล่ะ”ประโยคถัดมาหันไปบอกพี่ตินก่อนจะเดินหายออกไปจากบริเวณชายหาด



   “เดี๋ยวผมขอไปห้องน้ำก่อน ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเท่าไร”ผมบอกพี่ตินเมื่อเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกลับมาอึดอัดอีกครั้ง อีกทั้ง
เริ่มรู้สึกว่ามึนหัวคล้ายๆว่าโลกมันเอียงและเริ่มจะหมุน อาจจะเป็นผลข้างเคียงมาจากนารีรำพึงอะไรสักอย่างที่พี่กิ่งให้ดื่มเข้าไป
สินะ

   “ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหม”

   “มะ ไม่เป็นไร ผมไป ไปคนเดียวได้”เริ่มรู้สึกว่าสมองมันเบาโหวงคิดอะไรไม่ออกขึ้นมาซะดื้อๆจึงตอบไปแบบกระท่อนกระ
แท่น

   “แน่ใจนะว่าไม่”

   “ครับ..อึก แน่จาย”เสียงที่พูดออกไปเริ่มยานคาง



   ผมเดินออกมาจากหาดตรงมาทางบ้าน พื้นมันเอียงไปเอียงมาไม่อยู่นิ่งจนเดินเซไปแบบไม่รู้ตัว สงสัยผมจะโดนพี่กิ่งหลอก
ว่านารีรำพึงอะไรนั่นกินแล้วไม่เมา

   “รัมภ์”ใครบางคนเรียกผมเอาไว้ก่อนที่ผมจะเดินไปถึงตัวบ้าน

   “มีอารายครับ”ถามกลับไป พยายามจ้องมองคนงานที่หน้าไม่คุ้นตาเอาซะเลยกำลังกวักมือให้ผมเข้าไปหา

   “นายหัวเรียกแน่ะ ตามมาสิ”

   นายหัวอีกแล้ว แต่สุดท้าย ทั้งๆที่ไม่อยากไป แต่ก็ต้องเดินตามไปอยู่ดี เพราะผมไม่รู้เลยว่าถ้าหากไม่ยอมทำตามคำสั่ง
แล้ว อะไรจะเกิดขึ้นกับตัวเอง

   ผมเดินตามคนงานที่หน้าไม่ค่อยคุ้นตาอาจะเป็นเพราะไม่ค่อยได้สนใจใครจึงไม่ค่อยคุ้นหน้าเขาล่ะมั้ง เขาพาผมเดินเข้า
มายังพื้นที่ที่มีต้นไม้ขึ้นสูงทำให้มองไม่เห็นบริเวณบ้านและชายหาดแล้ว

   “นายหัว..อึก..อยู่ที่ไหนนน”ถามออกไปเมื่อเดินเข้ามาลึกเรื่อยๆ แต่หันไปอีกที่ก็ไม่มีใครอยู่แล้ว



   “รัมภ์”

   ทว่าเสียงเรียกที่คุ้นหูก็เรียกมาจากทางข้างหลังให้ผมหันไปมองด้วยสติที่กำลังมึนงงมากขึ้นไปทุกที

   ผมหันหลังกลับไปมองเห็นพี่ตินยืนอยู่ข้างหน้า แต่ว่าเพียงเสี้ยววินาทีที่หันกลับไป มือที่โพล่มาจากข้างหลังพร้อมกับ
ผ้าเช็ดหน้าที่มีกลิ่นฉุนจมูกปิดลงมาบนใบหน้าของผม ทำให้ผมสูดกลิ่นฉุดนั้นเข้าไปเต็มปอดโดยไม่ทันตั้งตัว ผมพยายามที่จะ
ดิ้นออกจากมือที่กดผ้าเช็ดหน้าลงมา แขนทั้งสองข้างกำลังถูกฉุดและดึงเอาไว้ไม่ให้ขัดขืน

   กลิ่นนั้นที่สูดเข้าไปทำให้ผมรู้สึกราวกับวิญญาณถูกดึงออกไปจากร่าง เปลือกตาหนักอึ้งจนแทบจะยกไม่ไหว ภาพสุดท้าย
ที่เห็นคือภาพของพี่ตินที่กำลังยืนมองผมอยู่ ผมไม่รู้ว่าเขามองมาด้วยสีหน้าแบบไหน ใช้สายตาแบบไหนมองมาที่ผม ผมรู้เพียง
แค่ว่า สิ่งที่ผมสงสัยในตัวของพี่เขามันเป็นจริง




ขอคนละความคิดเห็นเกี่ยวกับตัวพี่ตินในสิ่งที่คนอ่านคาดเดา อยากรู้จะเดาว่าอะไรกันเนอะ


ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ

ออฟไลน์ sosi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ตินต้องเป็นคนของพ่อรัมแน่เลย

ออฟไลน์ askmes

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
รอ ร้อ รอ รอ มาตลอด คิดถึง ไร้ท :mew1: :mew1: :mew1:
จริงๆ รัมภ์  เป็นที่รัก
สุดที่รักเลยแหละ ของพี่คิน :กอด1: :กอด1: :กอด1:
เมื่อไหร่ที่ รัมภ์ยกโทษให้ตัวเองได้
รัมภ์ ก็จะพบกับความสุข เมื่อนั้น :o8: :o8: :o8:
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
คนของพ่อรัมย์ป่ะอะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
บทที่ 16 ติดร่างแห


   “ถ้าอยากได้คนของตัวเองคืนก็เอาคนฉันที่เก็บเอาไว้มาแลกสิ บางทีฉันอาจจะพิจารณาให้คนของนายหัวกลับไปในสภาพ
เรียบร้อย ไม่มีรอยขีดข่วน ฉันให้เวลาแค่เช้าวันพรุ่งนี้ ถ้ายังไม่ได้รับการติดต่อขอแลกตัวล่ะก็ ไม่รับประกันว่าจะได้กลับคืนไปแค่
ชิ้นส่วนใดชิ้นส่วนหนึ่ง”

   คำพูดที่ทั้งเสียงดังและยืดยาวปลุกให้ผมตื่นขึ้นมาด้วยความมึนงง อาการปวดหัววิ่งเข้ามาในหัวราวกับรถที่กำลังแล่นด้วย
ความเร็วแล้วชนเสาไฟฟ้าเข้าอย่างจัง

   เพราะแขนและขาที่ขับได้ไม่อิสระอย่างที่เคยทำให้ผมรู้ตัวเองว่ากำลังถูกมัดเอาไว้ พาลให้หวนนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้ง
สุดท้ายที่ผมยังได้สติ จำได้ว่าถูกโปะยาสลบจนไม่ได้สติแล้วลักพาตัวเอามาจากบ้านพี่คิน คนสุดท้ายที่ผมเห็นก็คือพี่ตินที่กำลัง
ยิ้ม ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ตินถึงได้ทำแบบนี้ เขาเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้กันแน่

   ผมจ้องไปยังต้นเสียงที่เหมือนพึ่จะคุยโทรศัพท์จบ  และคนคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากเสี่ยก้าวที่เคยขู่ผมเอาไว้ว่าเรา
ต้องเจอกันอีก

   แล้วเราก็เจอกันจริงๆ เป็นจังหวะเดียวที่เสี่ยก้าวก้มลงมามองผม รอยยิ้มที่ดูกักขฬะนั่นเหยียดยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าผมตื่น
แล้ว เขาเดินเข้ามาใกล้ผมที่นอนราบอยู่บนพื้น แขนถูกมัดติดกับขาไม่ให้ขยับไปไหนได้

   “ไง ตื่นแล้วเหรอ ฉันบอกแล้วไงว่าเราจะต้องเจอกันอีก”

   “จับผมมาทำไม”

   ถามออกไปทั้งที่รู้ดีว่าเขาต้องการจะปิดปากผมเรื่องที่ทำกับฟาร์มสานรักเอาไว้แบบนั้น อีกทั้งเรื่องที่พยายามจะฆ่าปิดปาก
ผมในครั้งที่แล้ว

      “ก็น่าจะรู้ดีนี่ว่าตัวเองอยู่ในสถานะอะไรยังจะมาถามให้มากความ อย่าห่วงไปเลย ยังไงซะเจ้าของของนายก็ต้องมา
สัตว์เลี้ยงแบบแกอยู่ดี เพราะถ้ามันไม่มา ฉันคงไม่รู้ว่าจะเก็บนายไว้ทำอะไร”

   สิ้นเสียงปลายเท้านั้นก็เตะลงมาที่ท้องของผมอย่างแรงจนผมต้องงอตัวขบฟันลงบนริมฝีปากตัวเองแน่นเพื่อกั้นเสียงสะอื้น
เอาไว้ ริมฝีปากที่ขบเม้มเอาไว้สั่นจนไม่สามารถเก็บซ่อนอาหารเอาไว้ได้

   “อึก มันเจ็บนะ”

   “เจ็บก็ดี ยิ่งนายเจ็บเท่าไรยิ่งดี ไอ้นายหัวภาคินมันจะได้สำนึกว่ามันเล่นกับคนผิด”

   “เขาไม่มาหรอก”

   “เดี๋ยวก็ได้รู้กันว่ามันจะมาหรือไม่มา เพราะตอนนี้สัตว์เลี้ยงของมันอยู่ในมือของฉัน”

   “ผม…ไม่ใช่สัตว์เลี้ยง”แค่นเสียงตอบกลับไป

   เอาแต่คอยพูดว่าผมเป็นสัตว์เลี้ยงซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ มันยิ่งตอกย้ำให้ผมเห็นตัวเองกำลังถูกขังอยู่ในกรง เหมือนกับ
ทุกๆวันที่เจอมาตลอด ผมได้แต่จ้องมองเสี่ยก้าวด้วยความไม่พอใจ

   “ถ้าไม่ใช่สัตว์เลี้ยง แล้วทำไมมันถึงเก็บนายเอาไว้แต่ในบ้าน คอยเก็บเอาไว้ให้อยู่แต่ในสายตาเหมือนกับจับหมาใส่กรงขัง
เอาไว้ไม่ให้ออกไปไหน หึ ที่ฉันพูดมันผิดตรงไหนรึเปล่าล่ะ มันไม่ต่างอะไรกับสัตว์เลี้ยงเลยสักนิด เว้นก็แต่นายไม่ได้สวม
ปลอกคอก็แค่นั้น”

   เขาก็หัวเราะออกมาอย่าพอใจเมื่อเห็นว่าผมกำลังโกรธ แต่ก็ถูกแล้ว เขาพูดถูกแล้วว่าผมถูกกระทำราวกับสัตว์เลี้ยง ขังเอา
ไว้ในกรงไม่ให้หนีไปไหน หากว่าหนีหรือไม่พอใจก็จะถูกล่ามเอาไว้เพื่อสั่งสอน หากว่าต้องการให้เชื่องเมื่อไรก็จะป้อนคำพูด
หวานหูด้วยน้ำเสียที่อ่อนโยนให้เชื่อฟังราวกับหยิบยื่นกระดูกให้ยอมอ่อน

   “ยังไงเขาก็ไม่มาหรอก”

   “เอาเถอะ ยังไงฉันก็ไม่มีเวลามาต่อล้อต่อเถียงกับแค่สัตว์เลี้ยงของศัตรูที่สามารถแว้งกัดฉันได้ทุกเมื่อ เอาเป็นว่านายช่วย
นอนเงียบๆรอให้เจ้านายมารับ เหมือนกับคนที่นอนอยู่ข้างหลังนายแล้วกันนะ”

   เสี่ยก้าวบอกด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ทันทีที่เขาพูดจบ สิ่งที่เขาพูดออกมาเกี่ยวกับใครอีกคนทำให้ผมต้องเอี้ยวตัวไปทางด้าน
หลังทันทีด้วยความอยากรู้ เพราะว่าผมไม่รู้ว่าเสี่ยก้าวกำลังพูดถึงใคร แต่ใบหน้าที่มองเห็นได้ในระยะใกล้ทำให้ผมหน้าชาราวกับ
ถูกตบหน้าอย่างแรง

   ใบหน้าของพี่ตินมีรอยเขียวช้ำและขาวซีด ทั้งที่เสียงของเสี่ยก้าวดังก้องไปทั่วขนาดนี้ แต่พี่คินก็ยังคงไม่ได้สติ นอนแน่นิ่ง
ราวกับไร้ชีวิต

   ทำไมพี่ตินถึงได้มาอยู่ที่นี่ล่ะ ผมได้แต่เฝ้าถามตัวเองพลางจ้องมองร่างสูงเบื้องหน้าด้วยความไม่เข้าใจ อะไรบางอย่างใน
ความคิดที่ผุดขึ้นมาบอกผมว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่คิดเกี่ยวกับตัวพี่ตินมันผิดหมด

   “จับเขามาทำไมกัน ทำไมเขาได้ไม่ตื่นล่ะ คุณทำอะไรกับเขา”

   “ก็ช่วยไม่ได้นี่ มันอยากหาเรื่องเอง แส่ดีนักเข้ามายุ่งเรื่องของคนอื่น ก็เลยเก็บรวบมันมาด้วยซะเลย แต่อย่างน้อยนายก็จะ
ได้ไม่เหงาไม่ใช่รึไง ถ้ามันไม่ตายไปซะก่อนล่ะก็”เขาหัวเราะในลำคอก่อนจะเดินออกจากห้องไป

   ผมได้แต่จ้องมองบานประตูไม้ปิดลง ทิ้งให้ภายในห้องตกอยู่ในความมืด มีเพียงแสงที่ลอดมาจากช่องลงเท่านั้นที่ให้ความ
สว่างในห้องปิดทึบแห่งนี้

   

   “รัมภ์”เสียงเรียกอันแหบพร่าดึงความสนใจของผมให้หันไปมอง


   “พี่เป็นอะไรรึเปล่า เจ็บตรงไหนบ้างไหม”

   “เจ็บสิ เจ็บเป็นบ้าเลย ฟาดลงมาได้ บ้าชิบ”พี่ตินสบถออกมาอย่างเหลืออดพลางขยับตัวอย่ายากลำบาก “รัมภ์ไม่เป็นอะไร
ใช่ไหม ไอ้พวกเวรนั่นไม่จบสักทีสินะ”

   “ผม…ไม่เป็นไร แล้วพี่ ยังเจ็บอยู่ไหม ทำไมถึงถูกจับมาที่นี่ได้ล่ะ”

   “ตอนนั้นพี่เห็นว่ารัมภ์เดินเซไปเซมาเลยเป็นห่วงว่าจะไปล้มที่ไหน ก็เลยเดินตามไป รู้ตัวอีกทีก็ถูกทุบเข้าที่หัวไปหลายที”

   “เป็นเพราะผม พี่ถึงได้เจ็บตัวฟรีแบบนี้”ผมบอกเสียงแผ่วด้วยความรู้สึกผิดที่คิดว่าพี่ตินจะมีส่วนกับเรื่องนี้

   “อะไรล่ะนั้น ไม่ต้องหลงตัวเองคิดโทษตัวเองแบบนั้นเลยนะ พี่ผิดเองที่ทะเล่อทะล่าตามไปไม่ดูตาม้าตาเรือ แต่ก็นะ ถ้าไม่
ได้ตามมาด้วยคงจะรู้สึกผิดไปจนวันตายเลยล่ะที่ปล่อยให้รัมภ์ต้องเจออันตรายคนเดียวแบบนี้”

   “พี่อย่าพูดเหมือนดีใจที่ได้ตามมาจะได้ไหม แค่นี้ผมก็รู้สึกว่าพี่แปลกจนไม่รู้จะแปลกยังไงแล้วล่ะ”

   “ทำไมถึงคิดว่าแปลกล่ะ รัมภ์ไม่ชอบพี่รึไง”

   “แล้วมันใช่เวลาที่ต้องมาคุยเรื่องนี้กันไหมล่ะครับ”

   “ถามก็ตอบมาก่อนว่าชอบพี่ไหม”พี่ตินถามย้ำ ริมฝีปากได้รูปฉีกยิ้มออกมาทั้งที่มุมปากมีรอยช้ำ

   “แล้วมันมีเหตุผลอะไรที่ผมต้องไม่ชอบพี่ล่ะ จนป่านนี้พี่ก็ยังไม่ทุกข์ไม่ร้อน ผมล่ะไม่เข้าใจพี่จริงๆ”ผมส่ายหน้ากับรอยยิ้ม
ของพี่เขาที่มีได้ทุกสถานการณ์

   “ไม่ดีรึไง พี่ดีใจนะที่รัมภ์ไม่ได้เกลียดพี่ พี่ไม่อยากให้รัมภ์ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ต่อให้เราจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ก็
เถอะนะ ยังไงก็อยากเห็นแต่รัมภ์ยิ้มออกมา”

   “รอยยิ้มมันไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นนะครับ”

   “แต่มันก็ช่วยทำให้คนที่เห็นมีความสุขนี่ หรือว่าไม่จริง”

   “เริ่มจะคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วครับ ผมไม่มีอารมณ์มาต่อล้อต่อเถียงกับพี่แล้วล่ะ ไม่รู้ว่าจะออกไปจากที่นี่ยังไง”

   “ถ้าพูดถึงเรื่องจะออกไปจากที่นี่ล่ะก็…ทางนั้นไง”

   “ก็รู้อยู่ว่าทางนั้น ประตูมันมีแค่ประตูเดียว แต่มันถูกล็อกจากข้างนอก แถมยังมีคนเฝ้าเอาไว้อีก อีกอย่างก็ถูกมัดเอาไว้ทั้งคู่
ตอนนี้เรื่องหนีไม่ได้อยู่ในหัวผมเลยสักนิด ให้คิดยังไงก็ไม่มีทางหนีออกไปได้หรอกครับ”ผมถอนหายใจให้กับความขี้เล่นไม่เข้า
กับสถานการณ์ของพี่ติน

   “งั้นพี่จะบอกอะไรดีดีให้เอาไหม”

   “อะไรดีดีที่พี่ว่านี่คืออะไร ตอนนี้ยังจะมีเรื่องดีอยู่อีกเหรอ”

   “ก็ต้องมีสิ นี่ไง ระหว่างที่รัมภ์กำลังบ่นพี่ก็แก้มันจนเสร็จแล้วล่ะ”

   “เฮ้ย พี่ทำได้ไงอ่ะ”ไม่ทันได้สังเกต ทั้งที่แขนและขาของพี่ตินเชือกที่มัดเอาไว้มันหลุดออกหมดแล้ว

   “แล้วคราวนี้จะยิ้มได้รึยัง ฮึ La fata”

   อีกแล้ว ลาฟาตาอีกแล้ว ถึงจะรู้ว่ามันหมายถึงนางฟ้าในภาอิตาลี แต่มันก็ทำให้ผมคาใจอยู่ดีว่าพี่เขาไปรู้คำพวกนี้มาจาก
ไหน แล้วอีกอย่าง เชือกที่มันมัดพวกเราเอาไว้มันก็ไม่ใช่เล่นๆเลย ไม่ทันสังเกตเลยสักนิดว่าพี่ตินไปแก้มัดเอาตอนไหน ทั้ง
ที่นอนหันหน้าเข้าหากัน



   -----------------------------------------------------------------------------------



   “แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก”

   ผมไม่รู้ว่าเสียงหอบอันแหบพร่านี้เป็นของใครกันแน่ เพราะเราสองคนกำลังหอบด้วยกันทั้งคู่

   ผมกับพี่ตินวิ่งผ่านป่าที่รกชัฏไปด้วยต้นไม้เต็มไปหมด เราวิ่งออกมาทั้งที่ไม่รู้ว่ากำลังจะไปทางไหน รู้แค่ว่าต้องหนีพวกที่
วิ่งตามหลังเรามาติดๆ

   “รัมภ์ไหวไหม”พี่ตินหันมาถามทั้งที่น่าจะถามตัวเองมากกว่า

   เพราะก่อนหน้านี้พี่ตินต่อสู้กับลูกน้องของเสี่ยก้าวถึงสามคนในเวลาเดียวกัน ผมไม่รู้ว่าพี่เขาไปเรียนศิลปะการต่อสู้มาจาก
ไหน แต่คนคนเดียวกับคนสามคนมันเป็นไปได้อยู่แล้วว่าไม่ได้เต็มร้อยแน่นอน หลายครั้งที่พี่เขาถูกสวนกลับโดยไม่สามารถ
ป้องกันเอาไว้ได้  และผมก็ได้แต่คอยหลบอยู่ห่างๆไม่สามารถที่จะช่วยอะไรพี่ตินได้เลย



   “ผม…ไหว”

   พยักหน้ารับ จ้องมองมือของตัวเองที่ถูกกุมเอาไว้ ดึงให้ผมวิ่งตามไปอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย บางสิ่งบางอย่างมันเหมือน
เป็นสิ่งที่คุ้นเคยทำให้ผมกล้าที่จะไว้ใจและวิ่งตามเจ้าของมือนี้ไป

   แต่แล้วสุดท้ายโชคก็ไม่เข้าข้างเราเมื่อด้านหน้าเป็นหน้าผาหินชันที่นำไปสู่ท้องทะเลลึก เบื้องล่างเต็มไปด้วยหินโสโครก
พวกเรามองย้อนกลับไปข้างหลัง เสียงของสองคนข้างที่ตามพวกเรามาก็ใกล้เข้ามาทุกที

   “เราจะทำยังไงดี”ในเวลานี้ความกลัวของผมกำลังจะถึงขีดสุด ได้แต่สูดเอาอากาศเข้าปอดครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับคนกำลัง
จะขาดอากาศหายใจ

   “รัมภ์ไปหลบอยู่หลังพุ่มไม้ตรงนั้น”พี่ตินชี้ไปที่พุ่มไม้ที่อยู่อีกฟาก

   “แล้วพี่ล่ะ”

   “เดี๋ยวพี่จะคอยอยู่แถวนี้ รัมภ์ห้ามอย่าออกมาถ้าพี่ไม่ได้เรียก เข้าใจไหม”

   “ขะ เข้าใจ”พยักหน้ารับทั้งที่ร่างกายยังคงสั่น

   “เอานี่ไป”พี่ตินส่งมีดพกที่เอามาจากลูกน้องของเสี่ยก้าวมาให้ มือของผมรับมันมาทั้งที่ยังหยุดสั่นไม่ได้เลย “อย่าลืมล่ะ
อย่าออกมาถ้าพี่ไม่ได้เรียก”

   พูดจบก็ดันผมเข้าไปหลบในพุ่มไม้ส่วนตัวเองกลับเดินกลับไปที่ริมหน้าผา ผมได้แต่มองตามด้วยความเป็นห่วง พี่ตินถอด
เสื้อของตัวเองแล้วโยนลงไปยังข้างล่างของหน้าผา

   ก่อนจะเดินไปหลบอยู่ในพุ่มไม้ที่อยู่ไม่ไกลจากริมผานัก ไม่นานเสียงหอบหายใจของลูกน้องเสี่ยก้าวก็ใกล้เข้ามา

   ผมยกมือขึ้นปิดปากตัวเองไม่ให้หายใจดังไปกว่านี้ เพราะหนึ่งในสองคนนั้นกำลังถือวัสดุสีดำเมื่อมสะท้อนกับแสงจันทร์อยู่
ในมือ


   ทั้งสองคนก้มมองลงไปเบื้องล่างของหน้าผาสูง คงเป็นเสื้อที่พี่ตินถอดทิ้งเอาไว้จึงทำให้ลูกน้องของเสี่ยก้าวทั้งสองคนมัวแต่เพ่งมองเสื้อนั่นไม่ทันได้ตั้งตัวพี่ตินก็ยกเอาท่อนไม้ขนาดใหญ่ฟาดไปที่คนหนึ่งอย่างแรงจนหมดสติล้มลงไป ปืนนั้นกระเด็นตกลงไปจากหน้าผาทำให้ผมโล่งใจได้เปราะหนึ่ง

   ยังเหลือลูกน้องเสี่ยก้าวอีกหนึ่งคนที่ถือมีดอยู่ในมือและกำลังจ้วงเข้าใส่พี่ตินไปมา พี่ตินหลบและเตะมีดนั่นออกจากมือ
ของลูกน้องเสี่ยก้าวได้ก่อนมันจะตกลงไปบนพื้น ร่างสูงใหญ่คร่อมทับร่างของอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนจะเงื้อมือเตรียมปล่อยหมดใส่อีก
ฝ่าย



   ทว่าความเย็นเยือกของโลหะอะไรบางอย่างมันกำลังจ่อที่หัวผมจากทางด้านหลัง มันกำลังทำให้ผมตัวแข็งทื่อราวกับถูก

แช่แข็งเอาไว้ไม่ให้ขยับเขยื้อน

   “ถ้าไม่อยากตายก็เดินออกไป”

   เสียงแหบห้าวออกคำสั่งให้ผมเดินออกไปจากพุ่มไม้ และทันทีที่พี่ติน ดวงตาคู่คมก็เบิกออกกว้างด้วยความตกใจ มือที่เงื้อ
เอาไว้ลกลงทันทีเมื่อเห็นว่าปลายกระบอกปืนกดลงมาที่หัวของผมพร้อมจะลั่นไกได้ทุกเมื่อ เป็นจังหวะเดียวกับลูกน้องของเสี่ย
ก้าวที่ถูกตีจนสลบไปฟื้นขึ้นมา

   “ถอยออกมา”เสี่ยก้าวสั่งทั้งที่จับผมเอาไว้เป็นตัวประกัน

   “พวกมึงสองคนไม่อยากตายดีใช่ไหม ถึงได้หนีออกมาแบบนี้!!”เสียงนั้นตวาดก้อนไปทั้งความมืดทำให้ผมสะดุ้ง

   มือของเขาบีบแขนผมเอาไว้แน่น แน่นจนเล็บของเขามันจิกเข้ามาที่เนื้อแขนจนแสบ กัดฟันจ้องมองพี่ตินถูกลูกน้องของ
เสี่ยก้าวสองคนรุมทร้ายโดยที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย

   “ไง ไอ้ตัวดี กูอุตส่าห์พูดดีดีกับมึง มึงก็ไม่ชอบ เสือกหนีออกมา หรือกว่ามึงกลัวว่าเจ้านายของมึงไม่มารับกัน ถึงได้หนีออ
กกมาแบบนี้”

   “ฮึก”ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อปลายกระบอกปืนเย็นเฉียบนาบลงมาบนแก้ม

   “จริงๆกูจะฆ่ามึงทิ้งก็เสียดายอยู่ ถ้าเอาไปขายคงจะได้ราคาดี แต่ดูมึงตอนนี้สิ คงอยากจะตายกันมากใช่ไหม!!”

   “ปะ ปล่อย”

   “ตอบกูมาสิ!! เลือกมาว่าจะเอาใครตายก่อน ระหว่างมึง กับมัน”เสี่ยก้าวชี้ปลายกระบอกปืนไปทางพี่ติน


   ผมได้แต่จ้องมองภาพนั้นด้วยสายตาที่พร่าเบลอ น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มด้วยความกลัว คมมีดวาววับในมือของลูกน้อง
เสี่ยก้าวกำลังถูกเงื้อขึ้นมาและค้างเอาไว้อย่างนั้นราวกับว่ากำลังจะรอคำสั่งเพื่อที่จะปลิดชีพร่างที่ถูกซ้อนจนหมดสภาพภายใน
เสี้ยววินาที

   “ยะ อย่า”

   เสียงร้องห้ามของผมมันทั้งแหบแห้งและสะอื้นออกมาไม่ได้ใจความ ในเวลานี้ผมห้ามความกลัวของตัวเองไม่ได้เลย กลัว
ในทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังจะคิด กลัวว่าพี่ตินจะต้องตายเพราะเอาตัวเองมาช่วยผมเอาไว้ กลัวว่าผมจะต้องตายไปทั้งที่ถูกทิ้ง
ราวกับสุนัขที่เจ้าของไม่รัก ตอนนี้ต่อให้ผมเป็นอะไรสำหรับพี่คินผมก็ไม่สนอีกต่อไปแล้ว ต่อให้อยู่ในฐานะของสัตว์เลี้ยง ของเล่น
หรือแม้แต่อะไรที่ไร้ค่าผมก็ยอม ขอแค่ได้รับอ้อมกอดอุ่นนั้นอีกครั้ง ให้ผมได้จมเข้าไปในอ้อมแขนที่ปลอดภัยนั่นอีกครั้ง ผมไม่

ออยากให้ทุกอย่างมันจบแบบนี้ ไม่อยากให้เรื่องทั้งหมดมันจบแบบนี้ทั้งที่ทุกอย่างยังคงค้างคา เพราะผมไม่อยากตายไปโดยที่
ยังไม่ได้แก้ไขความผิดของ

   ผมขอแค่โอกาสที่จะได้บอกสิ่งสุดท้ายที่ผมอยากจะบอกกับพี่เขา คำว่าขอโทษ ผมไม่เคยพูดออกมาเลยสักครั้ง ขอโทษ
ในสิ่งที่ผมได้ทำเอาไว้ ทำร้ายหัวใจที่พี่เขามอบให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ทุกๆอย่างที่ผมเคยทำผิดเอาไว้ผมไม่เคยขอโทษพี่คิน
เลย เพราะทั้งหมดมันเป็นเพราะว่าผมเองก็สูญเสียไม่ต่างจากพี่เขาเลย ผมเองก็สูญเสียความรักที่มีให้กับพี่เขา เหมือนกันที่เขา
เสี่ยมันไปเพราะผม ความรักที่ผมไม่ตั้งใจจะให้มันเกิดขึ้น ความรักที่จงใจเหยียบย่ำมันเอาไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของใจตัวเองเพื่อ
ไม่ให้ใครได้ล่วงรู้กับความผิดพลาดที่มันเกิดขึ้น ผมกลัวเหลือเกินว่าสุดท้ายแล้วความลับที่เก็บเอาไว้มาตลอดหลายปีมันจะหาย
ลับไปโดยที่ไม่เคยบอกให้พี่เขาได้รับรู้ ว่าผมเองก็รักเขา ไม่ต่างอะไรกับที่เขาเคยรักผม


ในที่สุดความจริงที่รัมภ์เก็บเอาไว้ก็เปิดเผยสักที เฮ้ออออออ หนักใจ








ออฟไลน์ เจเจจัง

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
สงสัยหนักมาก. รัมภ์รักคินแล้วตอนนั้นขอเลิกทำไม ตอนหลังคินมาง้อหลายครั้งก็ไม่ยอมกลับไปคบ ยังงัยเนี่ย

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
รัมภ์ รักพี่คิน แต่กดเก็บความรู้สึกนี้ไว้
เพราะรู้สึกผิด ที่ไปหลอกให้พี่คินรัก
จึงทำตรงกับข้ามกับความรู้สึกของตัวเอง
ติน เป็นคนที่ตามหารัมภ์ ให้พ่อรัมภ์แน่เลย
รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
รอดไปได้ก็บอกพี่คินเขาซะนะ

ออฟไลน์ Baitaew

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 361
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
สนุกค่ะ รอตอนต่อไป :)

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
รอการช่วยเหลือ

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
บทที่ 17 คำเฉลย


   ผมไม่รู้ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดในตอนนี้จะดีขึ้นหรือว่าเลวร้ายลงไปอีกเมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้นแทรกพร้อมกับใครอีกหลายคนรุม
ล้อมเข้ามา

   “หยุด!! นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ วางอาวุธลงเดี๋ยวนี้”

   ตำรวจหลายสิบคนค่อยๆล้อมเข้ามา ต้อนทุกคนให้มาสุดอยู่ที่ริมผา แต่ถึงอย่างนั้นปลายกระบอกปืนสีดำเงามันยังจงจ่ออยู่
ที่หัวของผม

   ภาพตรงหน้าที่มองเห็นมันพร่าเบลอจนผมแทบไม่รับรู้ว่าใครเป็นใคร ความรู้สึกกลัวมันกำลังกัดกินจิตใจ สิ่งเดียวที่มองเห็น
ได้ชัดเจนเบื้องหน้าก็คือร่างของพี่คินที่ยืนอยู่ไกลออกไป

   คนที่ผมรอคอยด้วยความหวัง หัวใจของผมเต้นรัวอย่างบ้าคลั่งราวกับว่ามันกำลังมีความสุขจนแทบบ้า แต่ถึงอย่างนั้นอะไร
บางอย่างมันกำลังบอกผมว่ามันจะไม่จบอยู่แค่ตรงนี้ สัญชาตญาณบอกผมว่ามันกำลังมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง


ผมจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและเป็นกังวล สุดท้ายผมก็ทำให้คนคนนี้เดือดร้อนอีกครั้ง



   “ดูเหมือนตอนนี้กูจะไม่มีทางเลือกสินะ ถ้าพวกมึงเข้ามาใกล้อีกล่ะก็สมองไอ้เวรนี่กระจายแน่”

   น้ำเสียงโหดเหี้ยมประกาศก้องราวกับเป็นคำพิพากษาเมื่อตำรวจหลายคนเริ่มปิดล้อมทางหนีและเดินเข้ามาใกล้ แขนของ
เสี่ยก้าวล็อกคอผมเอาไว้แน่นดึงให้ผมถอยหนีจนมาสุดที่ริมผา



   “ไง มึงเลือกเอาสิว่าจะให้กูยิงมันหรือว่ายิงมึง”

   “มะ ไม่”ผมส่ายหน้าสั่นรัวเมื่อถูกบังคับให้หันไปทางพี่คิน บอกให้รู้ว่ามันที่หมายถึงคือใคร

   “อยากได้มันคืนนักใช่ไหม ถ้าอยากได้คืนนักก็มาเอาสิ มาแลกกันระหว่างมันกับมึง”เสี่ยก้าวได้แต่หัวเราะด้วยความสะใจ
จ้องมองไปทางพี่คินด้วยสายตาอันหยาบกระด้างราวกับคนเสียสติ

   ผมได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้เรื่องที่คาดหวังมันเกิดขึ้น แต่แล้วร่างสูงใหญ่คนเดียวที่ผมมองอยู่ก็ก้าวเท้าออกมาอย่างช้าๆ
ยกมือทั้งสองข้างชูขึ้นเหนือหัว และค่อยๆก้าวเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ผมได้แต่ส่ายหน้าไปมาเบิกตากว้างทั้งที่น้ำตายังเอ่อล้นด้วย
ความตกใจ ผมจะปล่อยให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้นไม่ได้

   “ปล่อยรัมภ์คืนมาให้ผมเถอะ แล้วผมจะไม่เอาผิดเสี่ยทุกเรื่องที่เกี่ยวกับฟาร์มสานรัก”น้ำเสียงทุ้มห้าวบอกเสียงดังทั้งที่ยัง
คงก้าวเท้าเข้ามาใกล้ เหลืออีกเพียงแค่ไม่กี่ก้าว

   “หึหึ นี่ไง กูก็กำลังจะปล่อยมันนี่ไง แต่จะเอามึงไปแทน”

   “ก็ได้ผมตกลง ผมจะเปลี่ยนตัวกับรัมภ์”น้ำเสียงอันหนักแน่นนั้นตอบกลับราวกับว่าไม่ต้องใช้เวลาคิด

   ผมจ้องมองพี่คินด้วยแววตาสั่นระริก อยากจะร้องห้ามออกไปแต่ความกลัวที่มีทำให้ริมฝีปากของผมมันหนักอึ้ง ทั้งที่ไม่
จำเป็นแต่ทำไมพี่คินถึงทำขนาดนี้ ทั้งที่รู้ว่าที่เสี่ยก้าวพูดมันแทบไม่มีความจำเป็นและเป็นไปได้เลยที่เสี่ยก้าวจะปล่อยพี่คินไป
ง่ายๆ ทำไมพี่คินถึงต้องเอาตัวเองมาแลกกับคนที่เคยหลอกตัวเอง ใบหน้าคมคายนั้นแน่นิ่งไม่มีทีท่าจะเปลี่ยนใจหรือลังเลแม้แต่
น้อย



   “กูไม่คิดเลยว่ามันจะโง่ขนาดนี้ มึงคงจะสำคัญสำหรับมันมากสินะ มึงคอยดูนะ พอมันเข้ามาใกล้กูก็จะยิงมัน ให้มึงเห็นมัน
ได้ชัดๆ กูจะให้มึงมองเห็นมันตายตรงหน้า จะให้มันตายทั้งที่ทำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่ช่วยคนอย่างมึง ให้มันตายต่อหน้าคนรัก
ของมัน”

   สิ่งที่เสี่ยก้าวพูดทำให้ผมหน้าชาราวกับถูกตบนับพันครั้ง เสี่ยก้าวหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้ายเมื่อพี่คินเดินเข้ามาใกล้พวกเรา
มากขึ้นเรื่อยๆ

      “ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัว พี่มาช่วยแล้วนะครับ คนเก่ง”พี่คินพูดออกมาเมื่อเดินเข้ามาใกล้จนเห็นใบหน้านั้นได้ชัด น้ำ
เสียงนั้นดูอบอุ่น ริมฝีปากได้รูปนั้นจะแย้มยิ้มออกมาราวกับกำลังปลอบประโลมแต่มันไม่ได้ช่วยให้ใจของผมดีขึ้นเลย

   “ไม่”

   เสียงร้องห้ามของผมเป็นราวกับเสียงกระซิบที่ไม่มีวันส่งไปถึง ย่างก้าวของพี่คินนั้นยังคงมันคง

   “ดีมาก ค่อยๆเดินมาอย่างนั้น”เสี่ยก้าวยังคงพูดกรอกหูด้วยน้ำเสียงอันน่าขนลุก

   “ไม่เป็นอะไรแล้วนะรัมภ์ พี่อยู่ตรงนี้ อย่ากลัวไปเลย คนเก่ง”

   “เอาล่ะ หยุดอยู่แค่นั้นล่ะ!!”

   เสียงประกาศก้องของผู้ที่เหนือกว่าทำให้ความกลัวที่มีอยู่ฉุดดึงให้ผมสติหลุด ในเสี้ยววินาทีที่ปลายประบอกปืนนั้นกำลัง
เปลี่ยนเป้าหมาย ห่างกันเพียงแค่ไม่กี่ก้าว อีกนิดเดียวเท่านั้นที่มือจะเอื้อมไปถึง

   ผมจะปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้ไม่ได้ จะปล่อยให้พี่คินตายไม่ได้ ในเมื่อผมยังไม่ได้แก้ไขในสิ่งที่ตัวเองก่อเอาไว้ ยังไม่ได้
พูดคำขอโทษออกไป ยังไม่ได้ทำอะไรอีกหลายๆอย่างที่อยากจะทำเพื่อชดใช้ให้กับพี่เขา ผมจะปล่อยให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้น
ไม่ได้ มันจะเกิดขึ้นไม่ได้!!



   “ไม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”



   ผมไม่รู้ตัวเลยว่าเรื่องทั้งหมดจะจบลงยังไง จะต้องสูญเสียไปอีกมากมายแค่ไหน ความนึกคิดของผมมันถูกฉุดรั้งให้จมดิ่งสู่
ความมืดมิด ถูกความกลัวกัดกินจนสมองมันว่างเปล่า รู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงเรียกปลุกให้ตื่นขึ้นจากความมืดแล้วลืมตามองภาพ
เบื้องหน้า

   “รัมภ์!!”

   ร่างของเสี่ยก้าวค่อยๆทรุดลงกับพื้นทั้งที่ร่างกายเต็มไปด้วยเลือดที่ทะลักออกมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด กลิ่นคาวเลือด
คละคลุ้งไปทั่ว ผมได้แต่จ้องมองร่างนั้นนอนกองลงไปในที่สุด มือทั้งสองข้างของผมกำลังสั่นเทา มันช่ำเยิ้มไปด้วยของเหลวสี
แดงสด มันเกิดอะไรขึ้น!! ผมไม่รู้ตัวเลยสักนิด มือข้างหนึ่งกำมีดเปื้อนเลือดเอาไว้แน่นราวกับว่าไม่มีวันที่จะปล่อยตราบใดที่ยัง
ไม่รู้สึกว่าตัวเองปลอดภัย ผมทำอะไรลงไป!!

   สิ่งที่เห็นมันยิ่งทำให้ตัวของผมสั่นเทิ้ม น้ำตาไหลลงมาราวกับว่ามันหยุดไม่อยู่ผม เลือดสีแดงแต่ละหยดค่อยๆหยดลงบน
พื้น แต่ตอนนี้ผมไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว ไม่รับรู้แม้กระทั่วเสียงอันวุ่นวายของคนรอบข้าง ได้แต่ส่ายหน้าไปมาราวกับคนไม่มีสติ

   “มะ ไม่”

   พูดออกไปเพียงแค่นั้น เพราะความคิดในตอนนี้มันถูกลบออกไปจนหมด สมองมันโล่งจนขาวโพลน

   “รัมภ์ ได้ยินพี่ไหม”เสียงทุ้มหูอันคุ้นเคยเสียงให้ผมหันไปมอง

   ร่างสูงใหญ่ของพี่คินกำลังยืนอยู่เบื้องหน้า ผมได้แต่จ้องมองมัน ทั้งที่อยากจะโผเข้าไปกอดเต็มกลืน แต่ขาทั้งสองข้างมัน
ช่างหนักอึ้งราวกับเอาหมุดมาตอกเอาไว้

   “ฮึก มะ ไม่”ผมส่ายหน้าไปมา จ้องมองมือเปื้อนเลือกทั้งสองข้างที่สั่นเทา มีดที่อยู่ในมือยังคงถูกกำไว้แน่นไม่มีท่าทีจะจะ
ปล่อยมันไป

   อีกแค่เอื้อมมือ แค่เอื้อมมือเท่านั้นที่ผมจะคว้าร่างสูงตรงหน้าเอาไว้  อยากจะบอกสิ่งที่เก็บมันมาตลอด



   “ไม่เป็นไรแล้วนะรัมภ์ พี่อยู่ตรงนี้แล้ว ไม่เป็นอะไรแล้ว”เสียงนุ่มหูปลอบประโลม

   รู้ตัวอีกทีก็ตกอยู่ในอ้อมกอดอุ่น มือที่กำมีดเอาไว้ถูกแกะให้คลายออก ปล่อยให้มันร่วงลงสู่พื้น มือใหญ่ลูบลงมาบนเส้นผม
อย่างแผ่วเบา ดันให้ผมซบหน้าลงบนแผ่นอกแข็งแรง กระซิบถ้อยคำต่างๆนาๆอย่างเป็นห่วงเป็นใย หากแต่ว่าคนที่ฉุดรั้งผมให้
เข้าสู่อ้อมกอดนั้นไม่ใช่คนที่คิดเอาไว้

   “พี่อยู่ตรงนี้แล้วนะ ลาฟาตา ทุกอย่างมันจบแล้ว ไม่ต้องกลัวแล้วนะ ไม่มีอะไรแล้ว”จุมพิตร้อนแนบลงมาบนหน้าผากแผ่ว
เบา ยิ้มให้เหมือนกับที่เคยยิ้ม



   ---------------------------------------------------------------------

   เสียงสายน้ำจากฟักบัวตกกระทบลงบนพื้นกระเบื้องเนื้อดีไม่ขาดสาย มันค่อยๆไหลผ่านร่างกายส่งผ่านความอุ่นของมัน
ก่อนจะร่วงลงสู่พื้น

   “ฮึก มันลึก อะ อึก”ผมสะอื้นเสียงแหบพร่าเมื่อนิ้วร้อนสอดเข้ามาในร่างกาย

   ริมฝีปากร้อนผ่าวยิ่งกว่าน้ำอุ่นจูบลงมาบนตั้นคอทิ้งเอารอยจูบเอาไว้ทั่วราวกับต้องการจะตีตรา มือใหญ่กร้านลูบไปทั่วกาย
พาเอาเนื้อสบู่ถูไปจนทั่วร่างกายราวกับต้องการจะล้างคราบเลือดทั้งหมดออกไปจากตัวไม่ให้เหลือแม้แต่อณูเล็กๆ

   “ไม่เป็นไรรัมภ์ ไม่ต้องกัดปาก”นิ้วร้อนสอดเข้ามาแยกไรฟันออกจากริมฝีปากที่ถูกกัดจนช้ำ

   ร่างกายอันร้อนผ่าวราวกับเหล็กนาบไปทาบลงมา ทั้งแผ่นอกและหน้าท้องที่แข็งแรงกำลังทาบทับอยู่เบื้องหลัง

   “อือ อื้อ”

   แก่นกายด้านหน้าถูกรูดรั้งไปมาคล้ายกำลังหยอกล้อให้หลงระเริงไปความความเสียวซ่านที่ถูกมอบให้ ไม่ต่างอะไรกับถูก
ลบความทรงจำแล้วเขียนใหม่ ปลอบประโลมด้วยร่างกาย แทนที่ด้วยความสุขสมให้ลืมเรื่องราวเลวร้ายที่เพิ่งจะเกิดขึ้น ชำระล้าง
ร่างกายด้วยสายน้ำอุ่นที่ไหลลงมา ลูบไล้ร่างกายไปไม่ต่างอะไรกับประทับตาเป็นเจ้าของ

   ถูกอุ้มให้ปลายเท้าลอยขึ้นเหนือพื้นปล่อยแผ่นหลังให้แนบลงไปกับที่นอนนุ่น เปิดปากรับริมฝีปากที่บดเบียดลงมาราวกับ
กำลังจะป้อนยารักษาหัวใจที่มันแตกร้าว ผมยกแขนทั้งสองข้างโอบขึ้นรอบคอ แยกข้าทั้งสองข้างออกตอบรับร่างกายสูงใหญ่
และเปลือยเปล่าเข้ามาแนบชิด

   ประสานสายตาเข้ากับดวงตาคู่คมดุที่จ้องมองมา ราวกับว่าร่างกำลังหลอมละลาย ปลายลิ้นชื้นตวัดหยอกเย้าอยู่ด้านใน
แก่นกายอันใหญ่โตร้อนเผ่าและแข็งขืนกดลงมาบนปากทางนุ่ม

   “ไม่เป็นไรนะครับคนเก่ง พี่อยู่ตรงนี้แล้ว พี่อยู่ตรงนี้”

   พี่คินกระซิบข้างหู หลังจากที่กลับมาผมก็เอาแต่เหม่ลอยเพราะความตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ถึงแม้ว่าเลือดมือเปรอะเปื้อน
ไปตามร่างกายจะถูกเช็ดออกไปแล้ว แต่บางสิ่งบางอย่างมันยังคงหลงเหลือ ความกลัวและความรู้สึกผิด

   ถูกพาขึ้นมาบนห้องทั้งที่มือใหญ่นั้นกุมเอาไว้ไม่ยอมปล่อยตั้งแต่เรื่องทั้งหมดจบลง ถูกดึงออกมาจากอ้อมกอดของพี่ตินรา
วกับว่ากำลังหวงแหน ดึงให้เดินตามและเข้าสู่อ้อมกอดนี้อีกครั้ง

   ร่างกายของเราสองคนสอดกระสานกันแนบแน่น ตอบรับความเคลื่อนไหวที่ทั้งหนักหน่วงและรุนแรงคล้ายกับว่าต้องการให้
ผมรู้สึกเพียงแค่ความสุขสมที่ถูกมอบให้เพียงแค่อย่างเดียว

   “ไม่เป็นไรแล้ว พี่อยู่ตรงนี้คนเก่ง”

   เสียงแหบพร่าและทุ้มต่ำยังคงกระซิบข้างหูไม่หยุด ลมหายใจร้อนผะผ่าวเป่าลงมาข้างหู จูบซับลงพวงแก้มขณะที่กายร้อน
ผ่าวยังคงสอดใส่เข้ามาไม่หยุดหย่อน”

   “ฮึก อือ อีก”

   ร้องขออกไปทั้งที่เสียงนั้นจับใจความแทบไม่ได้อยากจะถูกกอดด้วยร่างกายนี้ อยากจะถูกปลอบโยนถูกกักขังเอาไว้ด้วย
โซ่ตรวนที่มองไม่เห็น ถึงแม้ว่าจะไม่เคยรู้เลยว่าโซ่ตรวนเส้นทีถูกทักทอด้วยความรู้สึกใด แต่มันก็มากมายเพียงพอที่จะตอบ
สนองกับสิ่งที่ผมกักเก็บเอาไว้

   เท้าทั้งสองข้างจิกลงบนผ้าปูที่นอนนุ่มจนมันยับยู่ยี่ มือทั้งสองข้างจิกลงไปบนลาดไหล่แข็งแรงทิ้งลอยเล็บเอาไว้ราวกับ
กำลังตีตราให้กับความรู้สึกของตัวเอง

   “อะ อา ลึกอีก”

   อยากให้พี่คินตอกย้ำร่างกายของเขาลงไปในร่างกายของผม ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ความร้อนถูกปลดปล่อยเข้ามาในร่างกาย
ได้ยินเสียงหอบหายใจแหบพร่าดังก้องไปทั่วห้องนอน กายแข็งแรงชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อทิ้งตัวลงมาทาบทับทั้งที่ท่อนเนื้อยังคง
ค้างคาอยู่ข้างใน

   “คนเก่ง”

   ริมฝีปากได้รูปจูบลงมาบนหน้าผากอย่างแผ่วเบายังคงกระซิบด้วยถ้อยกำอันอ่อนโยน ผมไม่รู้เลยว่าถ้อยคำพวกนี้จะตะเป็น
ตะกอนเล็กๆอยู่ในใจอีกนานแค่ไหน เวลาที่เดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆจู่ๆมันก็เร็วจนตั้งตัวไม่ทัน อีกแค่เดือนเดียว แค่เดือนเดียวที่
ผมจะต้องอยู่ในบ้านหลังนี้ อยู่กับคนที่ผมรักด้วยสถานะที่ไม่ชัดเจน ถูกกอดที่ร้อนราวกับเปลวไฟ ถูกกระทำด้วยความอ่อนโยนที่
ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

   “ผม…อยากกลับบ้าน”

   ในที่สุดก็พูดออกไป เพราะไม่รู้เลยว่าตัวเองจะทนได้อีกนานแค่ไหนกับความลับที่เหยียบย่ำมันเอาไว้กลัวว่าสักวัน มันจะ
เอ่อล้นออกมาโดยที่ผมเองไม่สามารถปิดบังมันได้อีกต่อไป กลัวว่าจะถูกทำอย่างเดียวกับที่ผมเคยทำกับพี่เขาเอาไว้

   ทันทีที่บอกออกไปนัยน์ตาคู่คมของพี่คินก็สั่นไหวจ้องมองราวกับว่าเจ้าของของมันกำลังเจ็บปวดกับสิ่งที่ได้ยิน

   “พี่ขอโทษที่พี่ดูแลรัมภ์ไม่ดีพอ ทำให้รัมภ์ต้องเจอกับเรื่องเลวร้ายอยู่ตลอดทั้งที่พี่เป็นต้นเหตุ พี่ขอโทษที่ทำให้รัมภ์รู้สึก
ไม่ดีกับสิ่งที่พี่ทำ แต่ว่า….”พี่คินพูดด้วยน้ำเสียงขาดห้วง “พี่คงจะปล่อยรัมภ์กลับไปไม่ได้ จะเกลียดพี่ที่พี่เห็นแก่ตัวพี่ก็จะไม่ต่อ
ว่ารัมภ์ เพราะต่อให้พี่ต้องขังรัมภ์เอาไว้ไม่ให้ออกไปไหนไม่ให้เจอกับคนอื่นๆพี่ก็จะทำ หากว่านั่นมันทำให้รัมภ์ได้อยู่กับพี่”

   “ทะ ทำไมล่ะ ทำไมพี่ถึงต้องการให้ผมอยู่ข้างๆ ทั้งที่ผมเองก็เคยหลอกพี่”

   “เพราะไม่ว่ายังไง…”ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้ามาใกล้ก่อนจะพูดต่อที่ข้างหู “ตรงนี้ของพี่ก็ยังเหมือนเดิม ไม่ว่ารัมภ์จะเป็น
ยังไง จะทำร้ายพี่แค่ไหน พี่ก็ยังเชื่อใจรัมภ์”เสียงุท้มกระซิบเบา มือหยาบกร้านดึงเอามือของผมเข้าหาตัวก่อนจะจับมันทาบทับ
ลงบนแผ่นอกข้างซ้าย

   ก้อนเนื้อที่อยู่ในอกแข็งแรงนั้นกำลังสั่นรัวจนผมได้ยินเสียงของมัน ฉับพลันน้ำตาที่เหือดแห้งไปไม่เท่าไรก็ไหลลงมาอีก
ครั้ง ต่างกันแค่ว่าความรู้สึกของมันเป็นราวกับฟ้าและเหว

   “ผม…ฮึก…ผมขอโทษ”

   พูดออกไปแล้ว สิ่งที่อยากจะพูดออกไปและปิดบังมันเอาไว้มาตลอดหลายปี ริมฝีปากขบเม้มเข้าหากันแน่นเมื่อรอยยิ้มอัน
อ่อนโยนผุดขึ้นมาบนริมฝีปากได้รูป ดึงเอาผมจมลงไปในอ้อมกอดที่เหมือนเดิม ความรู้สึกที่ถูกเปลี่ยนแปลงไปจากหน้ามือเป็น
หลังมือ ไม่ต่างอะไรจากยกภูเขาออกจากอก ตอบรับจุมพิตบางเบาลงมาบนพวงแก้ม แนบใบหน้าลงกับแผงอกหนาก่อนที่
เจ้าของของมันจะจมสู่นิทราด้วยความเหนื่อยอ่อน

   ผมขยับตัวเบี่ยงออกมาจากอ้อมแขนนั้น ลุกขึ้นนั่งและจ้องมองใบหน้าของคนที่หลับสนิท จากครั้งสุดท้ายที่เราเจอกัน
ใบหน้านี้ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด ยังคงดูดีและเคร่งขรึมไปในเวลาเดียวกัน ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนอื่นๆถึงได้นับถือนายหัว
ของเขา ก็เพราะว่านายหัวของเขาคนนี้ทั้งใจดี และมีความอ่อนโยน  ให้อภัยได้แม้กระทั่งความผิดที่ไม่อาจจะให้อภัย ผมค่อยๆ
โน้มหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าของคนหลับ กดริมฝีปากลงบนกลีบปากนุ่มก่นจะกระซิบเสียงเบาถึงแม้จะรู้ดีว่าพี่เขาจะไม่ได้ยิน ขอ
เพียงแค่ผมได้พูดมันออกไป



   “ผม รัก พี่”



   
   

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เออ จะเดินเข้าไปกอดนายหัวไง แต่ถูกพี่ตินดึงไปกอดก่อน แย่งซีนมากอะ นายหัวไม่ตบเอาก็บุญแระ แกนี่ร้ายมาก

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
รัมภ์ ปลอดภัยแล้ว
นายหัวคิน ได้เยียวยารัมภ์ ด้วยสัมผัส
ด้วยความรักที่เหมือนเดิม เติมเต็ม รัมภ์
ไม่ว่ารัมภ์จะเคยทำร้ายเขาอย่างไร
หวังว่า รัมภ์ จะมีสภาพจิตใจที่ดีขึ้นๆ
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
อ๊ากกกกก อยากให้พี่คินได้ยิน คือพี่คินไม่ได้หลับจริงๆใช่ไหมเนี่ย? เสียดายแทนเลยนะ

และ...พี่ตินคือพี่ชายของรัมภ์ และพี่คินอาจจะรู้อยู่แล้วเลยยอมให้เข้าใกล้แล้วก็ดูแลรัมภ์ (แต่ก็ยังแอบหวงอยู่ดี) ไรงี้ #เดาล้วนๆ

ปล. รอติดตามตอนต่อไปนะค๊าาาา

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ทำไมไม่บอกรักตอนพี่เขาตื่นล่ะค้าาา

ออฟไลน์ numainumoo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
ชอบมากเลยค่ะ สนุกสุดๆ เป็นกำลังใจให้นะ เเต่งต่อไวๆ อัพไวๆ คุณเขียนได้ดีมากอยากจะอ่านต่อเเล้วค่ะ

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
บทที่ 18 คุณค่าของเวลาที่เหลือ
   


   ผมค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆหลังจากที่ตื่น คาดหวังว่าจะได้เห็นใบหน้าเจ้าของท่อนแขนหนาที่พาดลงมาบนตัวกำลังหลับใหล
แต่เปล่าเลยสิ่งที่เห็นอันดับแรกในเช้าวันใหม่กลับเป็นดวงตาคู่คมดุจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว อีกทั้งริมฝีปากหยักนั้นกำลังยิ้มราวกับว่า
มีความสุขทั้งที่นาฬิกาบนผนังยังบอกเวลาเช้าอยู่

   “ยิ้มอะไรครับ”ถามออกไปด้วยความสงสัยทาบมือลงบนแผ่นอกแข็งแรงข้างซ้ายเพื่อที่จะฟังเสียงก้อนเนื้อที่กำลังเต้นอยู่
ข้างในอก

   “พี่ก็แค่ดีใจ”

   “ดีใจอะไร?”

   “ดีใจที่รัมภ์ปลอดภัย”พูดจบก็โน้มหน้าลงมาประทับจูบลงบนหน้าผากของผมเบาๆ

   แต่มันไม่จบเพียงแค่นั้น เมื่อผ่ามือร้อนผ่าวใต้ผ้าห่มกำลังลูบอยู่บนบั้นท้ายของผม แยกเนินเนื้อทั้งสองออกจากกันจนสิ่งที่
ถูกทิ้งค้าวเอาไว้ข้างในมันไหลย้อนออกมา

   “ไปอาบน้ำกันดีกว่า”

   ใบหน้านั้นบ่งบอกในสิ่งที่ผมกำลังคิดว่าผมจะต้องเจอ แต่นั้นมันเป็นเรื่องของหลังจากนี้ เรื่องที่ผมจะต้องทำตามใจของตัว
เองกับสิ่งที่เหลืออยู่



   สุดท้ายแล้วเสี่ยก้าวก็ถูกจับด้วยหลายข้อหาแต่เพราะใช้เส้นสายเลยถูกลดโทษให้เหลือแค่จำคุกตลอดชีวิตหลังจากที่ออก
จากโรงพยาบาลแล้ว ข้อหาที่หนักสุดก็คงจะไม่พ้นเรื่องพยายามฆ่าและลักลอบขนยาเสพติดเข้าออกประเทศโดยซุกซ่อนไป
พร้อมกับรังนกในฟาร์ม

   เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นผมได้อโหสิเขาและขอให้เขาอโหสิในสิ่งที่ผมทำลงไปด้วยเช่นกัน ผมไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนั้นคิดอะไร
อยู่ รู้แค่ว่าไม่อยากที่จะสูญเสียอะไรไปมากกว่านี้แล้ว ทำให้ผมใช้มีดที่กำอยู่ในมือแน่นแทงเสี่ยก้าวไปหลายครั้งจนร่างนั้นแน่นิ่ง
และฟุบลงไป

   และถึงแม้ว่าภาพที่เห็นนั้นยังคงติดตา หยดเลือดสีแดงสดที่เปรอะอยู่ตามร่างกายมันจะตกตะกอนอยู่ในใจของผมติดตัวไป
ตลอดชีวิต แต่มันมีอะไรที่ดีกว่านั้นที่ผมจะต้องคิด นั่นก็คือเวลาอีกหนึ่งเดือนที่เหลืออยู่ เวลาอีกแค่เดือนเดียวที่ผมต้องเริ่มต้น
ใหม่ ยอมรับความรู้สึกของตัวเองและใช้มันอย่างคุ้มค่าก่อนที่เวลานั้นจะหมดลง



   “จะไปทำงานเหรอครับ”ถามเมื่อชุดทำงานถูกหยิบออกมาจากตู้เสื้อผ้า

   “พี่ต้องไปตรวจเอกสารสั่งจ่ายเงินเดือนคนงาน รัมภ์จะได้กับพี่ด้วยไหม หรือยังอยากจะนอนพักต่อ”

   “ผมไปด้วยได้จริงๆเหรอ”ถามพลางเข้าไปช่วยติดกระดุมทั้งที่ตัวเองยังใส่แค่กางเกงชั้นในขาสั้นตัวเดียว

   “ได้สิพี่อนุญาต ต่อไปนี้รัมภ์จะออกเดินเล่นในฟาร์มตอนไหนก็ได้ หรือถ้าอยากออกไปไหนก็บอกพี่พี่จะให้คนพาไปพี่จะไม่
ห้ามรัมภ์”อาจจะเป็นเพราะเสี่ยก้าวหรือเปล่าที่ทำให้พี่คินยอมอนุญาตให้ผมมีพื้นที่การใช้ชีวิตเพิ่มมากขึ้น ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองเลยว่า ส่วนหนึ่งที่พี่คินเก็บผมเอาไว้ใกล้ตัวก็เพื่อความปลอดภัยของตัวผมเอง

   “ไม่เป็นไร ถ้าผมจะไปไหนผมจะขอให้พี่พาผมไปเอง”เพื่อที่จะได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่าก่อนที่มันจะหมดลง

   “แล้วตกลงจะไปกับพี่ด้วยไหม หืม คนเก่ง”

   พูดจบริมฝีปากหยักก็กดจูบลงมาบนพวงแก้มก่อนจะดึงรั้งผมเข้าไปกอด แต่ไม่นานก็ต้องผละออกเพราะผมขืนตัวเอาไว้

   “เดี๋ยวเสื้อยับครับ”ผมบอกก่อนจะพยักหน้าตกลง

   “งั้นก็แต่งตัวเลย เดี๋ยวพี่ลงไปดูน้องณินรอข้างล่าง”พูดจบพี่ตินก็เปิดลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งเตรียมที่จะหยิบนาฬิกาเรือนเก่า
มาใส่ ทว่าผมก็เอื้อมมือไปแตะมือนั้นเอาไว้ให้ชะงักหันมาเลิกคิ้วตั้งคำถามด้วยความสงสัย

   “ผมมีอะไรจะให้พี่”บอกพลางเดินไปที่ตู้ปลายเตียงที่เก็บซ่อนของสำคัญเอาไว้ก่อนจะเปิดมันออก โชคดีที่มันยังอยู่และไม่
ได้หายไปไหน

   ผมเดินถือมันกลับมาก่อนจะเปิดกล่องกำมะหยี่ในมือออก สวมนาฬิกาสีเงินเรือนใหม่ลงกับข้อมือแข็งแรง และไม่แปลกใจ
เลยที่ทำไมนาฬิกาเรือนนี้ถูกปรับสายมาอย่างพอดิบพอดีกับข้อมือนี้ บางที…ผมอาจจะรู้จักพี่คินมากกว่าที่ตัวเองคิด ผมเงยหน้า
เข้าไปใกล้ก่อนจะกดจมูกลงแตะแก้มสากและกระซิบข้างหูของพี่เขาเสียงเบา

   “สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังนะครับ”



   ------------------------------------------------------------------



   หลังจากที่พี่คินเดินลงไปชั้นล่างล่วงหน้าผมไปได้สักพักจนผมแต่งตัวเสร็จกำลังจะเดินตามลงไปสายตาก็เหลือบไปเห็นซองเอกสารสีน้ำตาลที่พี่คินหยิบเตรียมเอาไว้แต่ลืมเอาลงไปจึงได้หยิบมันขึ้นมา

   ทว่าอะไรบางอย่างมันดึงดูดให้ผมเปิดมันออกมาเพื่อที่จะดูสิ่งที่อยู่ข้างใน ตอนแรกผมคิดว่ามันเป็นเอกสารสั่งจากเงิน
เดือนของคนงานในฟาร์มทั่วไป ผมแค่อยากจะรู้แค่นั้นว่าเงินเดือนที่สั่งจ่ายเข้าบัญชีของผมมันเป็นจำนวนเงินเท่าไร แต่ทว่า
เอกสารทั้งหมดที่อยู่ในซองสีน้ำตาลนั้นกลับเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับหนังสือเดินทางและประวัติส่วนบุคคลที่เป็นภาษาอังกฤษ
ทั้งหมด

   ผมจะไม่สนใจและเก็บมันกลับลงซองถ้าหากว่ารูปถ่ายของคนคนนั้นมันทำให้ผมชะงักและจ้องมองมันนิ่ง จู่ๆหัวใจของผม
มันก็เต้นระรัวเมื่อภาพของชายชาวต่างวัยกลางคนชาติเรือนผมสีน้ำตาลกับนัยน์สีตาสีเดียวกันมันทำให้รู้สึกราวกับว่าคุ้นเคย แต่
นั่นก็เป็นเพียงแค่ความรู้สึกเท่านั้นในเมื่อผมกับคนในรูปนั้นไม่เคยเจอกันเลยสักครั้ง

      Alberto Bartholomew (อัลเบอโต้ บาร์โธโลมิว)

   ในที่สุดผมก็สอดเอกสารไม่กี่ใบพวกในมือกลับลงซอง ก่อนจะเดินถือมันติดมือลงมายังชั้นล่างเพื่อที่จะเอาไปให้พี่คินอ
ย่างที่คิดเอาไว้ตั้งแต่แรก พยายามที่จะไม่ใส่ใจกับสิ่งที่เห็น ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าพี่คินมีประวัติของคนคนนี้ไปเพื่ออะไร

   “พี่ลืมเอกสารเอาไว้”

   ส่งซองเอกสารให้พี่คินที่นั่งจบกาแฟระหว่างดูข่าวในทีวี บนตักมีน้องณินกำลังนั่นดูดนมกล่องด้วยท่าทางงัวเงียเหมือนยัง
ไม่ตื่นดี ตาคู่คมของพี่คินไหววูบเล็กน้อยก่อนที่จะเอื้อมมือมารับมันไป

   “รัมภ์ได้เปิดมันดูก่อนรึเปล่า”

   “ไม่ครับ ไม่ได้เปิด”ส่ายหน้าเบาๆโกหกออกไป



   พี่คินขับมาจอดที่หน้าโรงเรียนเพื่อแวะมาส่งน้องณินก่อนไปทำงาน น้องณินในตอนนี้ดูเหมือนจะตื่นเต็มตาและเริ่มพูดมาก
เหมือนอย่างที่เคยเป็น ยืนยันว่าจะนั่งตักผมระหว่างทางมาโรงเรียนแทนที่จะนั่งเบาะหลัง

   “น้ารัมภ์จับมือครับ”เสียงเล็กเสียงน้อยพร้อมกับอุ้งมือเล็กสะกิดมาที่ฝ่ามือก่อนที่ใบหน้ากลมแป้นจะเงยหน้าขึ้นมาฉีกยิ้มให้

   ผมยอมจับมือข้างหนึ่งของน้องณินเอาไว้และมืออีกข้างของน้องณินก็ถูกพี่คินจับเอาไว้เช่นกัน ความรู้สึกที่เป็นราวกับ
ครอบครัวกำลังจะถูกเติมเต็มฉุดให้ผมยิ้มรับออกมา

   “ตั้งใจเรียนล่ะ ถ้าตั้งใจเรียนก็จะให้นิทานเล่มใหม่ตอนที่กลับไปถึงบ้านแล้วโอเคไหมครับ”ผมขยี้มือเข้ากับหัวทุยๆนั้นอย่าง
หมั่นไส้

   “รับทราบครับ น้ารัมภ์แม่ใหม่ใจดี น้องณินรักน้ารัมภ์มากครับ”คำบอกรักอันใสซื่อของน้องณินนั้นยิ่งทำให้ผมมีความสุขกับ
ช่วงเวลาที่เป็นอยู่

   “ไปเรียนได้แล้ว”ผมยิ้มส่งเจ้าตัวแสบพูดมากก่อนจะดันให้เดินไปส่งเจ้าตัวให้กับคุณครูที่รอรับ

   “พี่ดีใจนะที่รัมภ์ยิ้มได้”พี่คินบอกพร้อมกับยิ้มให้ ส่งมือใหญ่มาลูบหัวของผมเบาๆก่อนจะเดินกลับไปขึ้นรถ

   



--------------------------------------------------------------------------------

เดาไม่ยากกันใช่ไหมว่าาาาาาาา อัลเบอร์โต้ บาร์โธโลมิว คือผู้ใด อัย อัย อัย อัย(เสียงแอคโค่)


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เรื่องราว จะเป็นยังไงน้อ
แสดงว่า พี่คิน รู้เรื่องพ่อของรัมภ์ ตามหารัมภ์อยู่
พี่คิน ได้ยินที่รัมภ์ บอกรักหรือเปล่า
แต่ถ้าได้ยิน พี่คิน คงแสดงความดีใจสุดๆ ไปเลย
คงไม่แค่ยิ้มๆ เท่านั้น
เอาน่า ไม่ได้ยินตอนนี้ ก็ต้องมีอีกหลายครั้ง
ที่รัมภ์บอกรักพี่คินอีก ละนะ
รอรัมภ์ เข้าใจตัวเอง เข้าใจพี่คิน
แล้วทั้งรับและให้ ความรักจากพี่คินเต็มๆไปเลย
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
บทที่ 19 ความลับของแหวน

   หลายวันมาแล้วหลังจากที่เรื่องของเสี่ยก้าวจบลง พื้นที่การใช้ชีวิตของผมเริ่มมีมากขึ้น ผมเริ่มที่จะเดินออกไปนอกบ้าน
เดินไปที่ห้องพักฟื้นซึ่งตอนนี้เหลือเพียงลูกนกไม่กี่ตัวที่กำลังอยู่ในช่วงกำลังหัดบินและรอที่จะปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ บางครั้งก็
เดินไปที่ชายหาดเพื่อลับลมทะเลเย็นๆและจุ่มปลายเท้าแตะเข้ากลับเกลียวคลื่นที่ถูกพัดพามาจากที่ที่ไกลแสนไกล

   และวันนี้ก็อีกเช่นกันผมเดินเข้ามาในห้องพักฟื้นเจอเข้ากับลุงเมฆที่คอยดูแลห้องนี้ ลุงเมฆกำลังถือกล่องลังที่บรรจุลูกนก
วัยกำลังโตกระพือปีกอยู่ข้างในเตรียมที่จะบิน

   “จะเอาไปปล่อยแล้วเหรอครับ”ผมยิ้ม ถ้าหากเป็นแต่ก่อนผมคงจะอิจฉาที่นกพวกนี้ได้รับอิสระก่อนผม แต่ว่าเวลานี้ผมกลับ
ไม่รู้สึกอย่างนั้นเลย ผมกลับรู้ตรงกันข้ามที่อยากให้เวลาที่มีอยู่นั้นมันยืดยาวออกไปจนไม่มีที่สิ้นสุด

   “อื้อ จะเอาไปปล่อยน่ะ เหลืออีกไม่กี่สิตัวหรอก”

   “งั้นเหรอครับ อีกหน่อยคงจะทำรังกันเองได้”

   “นั่นสินะ”ลุงเมฆยิ้มเหมือนจะดีใจไปกับนกพวกนี้

   “ว่าแต่ พี่ตินยังไม่มาทำงานอีกเหรอครับ”

   ครั้งสุดท้ายที่เจอกันก็ตอนที่ถูกพี่คินช่วยพาหนีออกมา ยังจำได้ติดตาว่าใบหน้าที่ดูดีนั้นชุ่มไปด้วยเลือดและรอยฟกช้ำแค่
ไหนจนต้องนอนพักที่โรงพยาบาลถึงหนึ่งวันเต็ม จะว่าไปแล้วตั้งแต่วันนั้นผมก็ยังไม่ได้ขอบคุณที่พี่ตินช่วยผมเอาไว้เลย

   “ยังไม่มาหรอก นอนพักอยู่ในห้องนั่นแหละ สงสัยยังเจ็บอยู่”

   “พอจะรู้รึเปล่าครับว่าพี่ตินเขาพักอยู่ห้องไหน”

   “ชั้นสามห้องริมสุดทางเดินนั่นแหละจะไปเยี่ยมเรอะ”

   “ครับว่าจะไปเยี่ยม ตั้งแต่จบเรื่องผมก็ยังไม่เจอพี่เขาเลย”ผมบอกเสียงอ่อย เพราะไม่กล้าขอพี่คินตรงๆ

   “งั้นก็ฝากบอกให้รีบหายไวไวแล้วกัน เดี๋ยวจะมาไม่ทันนกบินได้หมดซะก่อน”ลุงเมฆหัวเราะก่อนจะเดินถือกล่องลังใส่นก
ออกไป



   -----------------------------------------------------------------------------

   “ยังไม่กี่โมงเลยทำไมน้องรัมภ์รีบทำกับข้างซะล่ะ หรือว่าวันนี้นายหัวจะกลับมากินข้าวเที่ยวเร็ว”พี่นุ่มถามพลางชะโงกหน้า
มาดูหม้อต้มแกงจืดผักกาดที่กำลังเดือดได้ที่

   “ไม่ใช่หรอกครับ อันนี้ผมทำไปให้คนป่วย”

   “อ้อ ตินน่ะเหรอ พี่เองพี่ก็ไม่ได้ไปดูเลย เห็นว่าโดนมาหนัก แต่ก็นะถ้าไม่มีตินไปด้วยป่านนี้พี่ไม่อยากจะคิดเลยว่าน้องรัมภ์
จะเป็นยังไง”

   “ก็คงจะแย่น่ะครับ คงไม่ได้มายืนทำแกงจืดอยู่ตรงนี้”ผมตอบหัวเราะในลำคอ

   “ทำเป็นพูดไป พอนึกถึงวีรกรรมเสี่ยก้าวทีไรล่ะขนลุกทุกที บรื๊ยยย”พี่นุ่มทำท่าขนลุก “ว่าแต่ทำเสร็จแล้วจะให้พี่เอาไปให้
ไหมจะได้ไม่ต้องลำบากน้องรัมภ์”

   “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเองกก็กะจะไปดูเขาด้วยว่าอาการเป็นยังไงบ้าง”

   “จะดีเหรอ”พี่นุ่มเหมือนจะคิดเล็กน้อย “แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก นายหัวอนุญาตแล้วนี่เนอะ งั้นเดี่ยวพี่แวะไปส่งหวยในหมูบ้าน

แปบนึง วันนี้หวยออก กะจะถูกเข้าจังๆสักหมื่นสองหมื่น จะได้ไปทำสวยกับเขาบ้าง”

   “แหม สวยยังไงผู้ชายมันก็ไม่มองหรอก เดี๋ยวนี้มันใช่ธรรมดาซะที่ไหน ผู้ชายหันมาจับผู้ชายกันเองหมดจะมีเหลือมาถึงมือ
ผู้หญิงอย่างเราๆได้ยังไง”   

   เสียงกระแนะกระแหนเรียกให้ผมกันไปมองคนที่หิ้วตะกร้าผ้าเดินเข้ามาในครัว รอยยิ้มเหยียดยังคงมีคงอยู่บนหน้าของฟาง
เสมอไม่ยอมหายไปไหน

   “ปากดีนักนะแกนี่ รีบเอาผ้าไปซักเลยไป พูดจาหมาล้นปาก แล้วก็อย่าออกไปไหนตอนที่ฉันไปส่งหวยล่ะ ไม่อย่างนั้นกลับ
มาเจอดีแน่”

   “หึ มาห้ามแต่ฉันได้ยังไงล่ะพี่นุ่ม ทีคนอื่นล่ะพอเดี๋ยวนี้นายหัวยอมให้ออกไปข้างนอกได้หน่อยก็อยู่ไม่ติดกับบ้านเลย”

   “ยังจะมาพูดเหน็บคนอื่น ที่รัมภ์เขาออกไปเขาไปช่วยงานลุงเมฆเถอะ ไม่ใช่แก พอน้องณิไปโรงเรียนก็เอาแน่นั่งดูละครนั่ง
เม้าไปวันๆ ระวังเถอะ สักวันถ้าน้องณินโตนายหัวเขาจะไล่ออกเอา”

   “พี่พูดอะไรของพี่น่ะ คอบดูสักวันนายหัวจะไม่มีวันไล่ฉันออกไปจากบ้านนี้แน่นอน เชอะ!!”พูดจบฟางก็เดินสะบัดหน้าออก
ไปทางประตูหลังบ้านพร้อมตะกร้าผ้า ไม่วายหันมาตวัดตามองผมด้วยความไม่พอใจ

   ผมพอจะรู้มาบ้างว่าฟางไม่ชอบขี้หน้าผมที่มาเพิ่มงานให้และมาในฐานะที่เหนือกว่าเธอ แต่หลายครั้งที่ผมรู้สึกว่าฟางมักจะ
แสดงออกมาชอบนายหัวของเขาและพยายามที่จะชวนคุยและทอดสะพานให้เสมอเวลาที่มีโอกาส ถึงแม้ว่าลึกๆแล้วผมจะอด
รู้สึกไม่พอใจไม่ได้ แต่ความรู้สึกที่เรียกว่าเชื่อใจมันทำให้ผมปล่อยผ่านสิ่งที่ฟางทำลงไป

   -----------------------------------------------------------------------

   ผมกระชับปิ่นโตเถาใหญ่ในมือแน่นระหว่างเดินขึ้นบันไดของตึกที่เป็นที่พักสำหรับคนงาน บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ
เนื่องจากคนงานส่วนมากไปทำงานกันหมด ผมมาหยุดอยู่ที่ห้องริมสุดทางเดินของชั้นสาม เคาะประตูอยู่หลายครั้งแต่ประตูก็ไม่
ยอมเปิดออก

   “พี่ติน”

   ผมส่งเสียงเรียกเพราะกลัวว่าพี่เขาจะหลับแต่ก็ยังคงไร้เสียงตอบรับถึงแม้ว่าจะเคาะประตูเสียงดังขึ้นเล็กน้อย

   “หรือว่าจะไม่อยู่?”ผมพึมพำ

   แต่ก็ลองบิดลุกปิดประตูดูเผื่อจะไม่ได้ล็อก แล้วมันก็เป็นจริงอย่างที่คิดเอาไว้ประตูไม้บานสีขาวสะอาดค่อยๆเปิดออกเผย
ให้เห็นสภาพภายในห้องที่ว่างโล่ง มีเพียงฟูกนอนกับชั้นวางของเล็กๆและตู้เสื้อผ้าเท่านั้นที่มีอยู่ข้างใน นอกนั้นก็เป็นขยะและ
ของใช้ต่างๆวางเรี่ยราดเพราะคนป่วยไม่มีเวลาเก็บมัน

   ผมเดินเข้ามาด้านในอย่างถือวิสาสะ ได้ยินเสียงน้ำในห้องน้ำดังก็ถึงบางอ้อว่าทำไมพี่ตินถึงไม่ตอบรับเสียงเรียก ผมวาง
ปิ่นโตข้าวลงบนชั้นวางของที่มุมห้อง แต่แล้วของที่ถูกวางอยู่ก่อนหน้านั้นทำให้ผมสะดุดตาแล้วหยิบมันขึ้นมาดูด้วยความตกใจ

   แหวนทองคำขาวสลักรูปนกฟินิกส์คล้องอยู่กับสร้อยคอถูกวางทิ้งเอาไว้บนชั้นวางของ ผมพยายามเพ่งมองแหวนที่ถูก
คล้องกับสร้อยนั่นเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่ผมกำลังคิดอยู่นั้นผมไม่ได้คิดไปเอง แต่ยิ่งเพ่งมองมันผมก็ยิ่งแน่ใจว่าแหวนวงนี้เหมือนกับ
แหวนที่ผมมีอย่างกับวงเดียวกัน หากแต่วงที่ผมมีนั้นมันมันเล็กกว่านี้เพราะมันเป็นของแม่ผมและเป็นของที่พ่อเคยให้เอาไว้และ
อักษรที่สลักบนแหวนวงนี้มันก็เหมือนกันแหวนที่ผมมี

   ‘BL and YP’

   เสียงปลดล็อกกลอนประตูห้องน้ำทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะรีบวางแหวนวงนั้นกลับคืนที่เก่าแล้วรีบหยิบปิ่นโตมาถือเอา
ไว้ทำทีเหมือนกับพึ่งเข้ามา

   “รัมภ์ ทำไมถึงมาได้ล่ะ”

   พี่ตินยิ้มและดูดีใจที่เจอผมมากจนปรี่เข้ามาดึงผมไปกอดเอาไว้

   “ผมเอาปิ่นโตข้าวมาให้ กลัวว่าพี่จะหิว”

   “พี่ดีใจนะที่รัมภ์มาหาพี่”ดูเหมือนว่าพี่ตินจะไม่ได้ฟังที่ผมพูดเลย “แล้วรัมภ์เป็นอะไรตรงไหนไหม ยังเจ็บตรงไหนรึเปล่า
หายตกใจรึยัง”จับผมหันไปมา

   “ดะ เดี๋ยวก่อน ก่อนจะถามผม พี่ดูตัวเองก่อนดีกว่า”ใบหน้าอิดโรยดูซูบผมไปกว่าครั้งสุดท้ายที่เห็นยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิด
เข้าไปใหญ่ พอสังเกตดูดีดีแล้วบนชั้นวางของก็เต็มไปด้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสจืดเต็มไปหมด “คงไม่ใช่ว่ากินแต่บะหมี่กึ่ง
สำเร็จรูปใช่ไหม”

   “พี่ขี้เกียจลงไปหาอะไรกินน่ะ ว่าแต่ในนั้นอะไรเหรอ เอามาให้พี่ใช่ไหม”พี่ตินยิ้มแหยแย่งเอาปิ่นโตในมือของผมไปถือ
แทนก่อนจะเปิดมันออกด้วยความตื่นเต้นกับกับข้าวในปิ่นโต

   แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังแคลงใจกับแหวนวงนั้นของพี่ตินอยู่ดีในเมื่อแหวนวงนี้ที่ดูเหมือนจะราคาแพงและสั่งทำพิเศษโดย
เฉพาะ ทำไมพี่ตินถึงได้มีมันได้และที่สำคัญข้อความที่สลักเหมือนกันกับฐานะที่พี่ตินแสดงออกมานั้นมันไม่ใช่คนที่น่าจะมา
แหวนราคาแพงแบบนี้อยู่ในมือได้เลย

   “อร่อย พี่นุ่มเป็นคนทำเหรอรัมภ์”พูดพลางเคี้ยมต้มจืดเต็มปาก มือก็กำลังตักไข่เจียวกุ้งสับใส่จานข้าวท่าทางหิวโหย

   “ผมทำเอง”

   “รัมภ์ทำเหรอสุดยอดเลย ถ้าพ่อรู้ว่ารัมภ์ทำกับข้าวเก่งแบบนี้คงจะตื่นเต้นแน่”พี่ตินยังคงพูดไปกินไป แต่บุคคลที่สามที่อ้าง
ออกมานั้นยิ่งทำให้ผมแคลงใจเข้าไปใหญ่ ทำไมพี่ตินถึงได้ชอบพูดถึงพ่อของผมนักทั้งๆที่ไม่รู้จักกัน

   “ทำไมพี่ถึงได้ชอบพูดถึงพ่อผมนักล่ะ ผมเองไม่เคยหวังหรอกนะครับว่าจะได้เจอเขา”

   “ทำไมล่ะ ในเมื่อความหวังทำให้คนเรามีความสุขเมื่อมันเป็นจริง”พี่ตินหยุดกินแล้วเงยหน้าขึ้นมาพูด

   “แต่ถ้าหวังลมๆแล้งๆกับเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าเกิดว่ามันไม่เป็นจริงขึ้นมา มันก็จะทำให้คนที่หวังนั่นเจ็บปวดเพิ่มมาก
ขึ้น”เพราะหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่จำความได้ผมก็ได้แต่หวังว่าสักวันพ่อจะกลับมาหาผมกับแม่ แต่ก็เปล่าเลยยิ่งนานวันความหวัง
พวกนั้นมันยิ่งค่อยๆเลือนหายไปและหมดสิ้นไปในที่สุด

   “แต่พี่เชื่อว่าสักวันรัมภ์จะเจอพ่อ”พี่ตินพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ ใบหน้าที่ดูดีขึ้นมาเล็กน้อยหันมาจ้องมองผม ดวงตาคู่สีดำ
สนิทจ้องมองเข้าในลึกในดวงตาของผมราวกับต้องการสะกดจิตให้ผมเชื่อในคำพูดของเขา

   “ช่างเถอะครับ มันเป็นเรื่องของอนาคตไม่มีใครรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น”ตอบพลางหลุบตามองปลายเท้าตัวเอง ยังไงซะกับ
เรื่องพ่อผมก็หมดความหวังไปแล้ว

   “งั้นพี่ขอถามอะไรรัมภ์อย่างหนึ่งได้ไหม”

   “ถามอะไรครับ?”

   “ถ้าหากว่าวันหนึ่งรัมภ์เจอพ่อ รัมภ์จะยอมไปจากที่นี่ไหม”ถามด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจังทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง ครั้งนี้
นัยน์ตาคู่สีดำสนิทนั้นยิ่งดูแน่วแน่กับสิ่งที่พูดมากกว่าเก่า ไร้รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าที่หล่อเหลานั่น

   “ไปสิ ต่อให้ผมไม่ได้เจอพ่อผมก็ต้องไปจากที่นี่อยู่ดี”เพราะว่ามันคือความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย ถึงแม้ว่าสิ่งที่ทำลงไป
นั้นจะถูกยกโทษให้แล้วก็ตาม แต่ความรู้สึกผิดที่อยู่ในใจมันก็ยังคงอยู่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง

   “แล้วทำไมรัมภ์ถึงไม่ไปตอนนี้เลยล่ะ ออกไปจากที่นี่ตอนนี้เลย ทำไมถึงได้ยังอยู่ในที่แบบนี้ยอมให้เขาทำเหมือนเป็น
สิ่งของแบบนี้”

   พี่ตินไม่พูดเปล่ายังเอื้อมมือใหญ่นั้นมาดึงแขนผมไปจับเอาไว้ก่อนที่มือร้อนผ่าวนั้นจะกุมมันเอาไว้แน่นราวกับว่าไม่ยอม
ปล่อย

   “ไม่ได้หรอก มันยังไม่ถึงเวลาของผม”

   “แล้วเมื่อไรจะถึงเวลาของรัมภ์ล่ะ พี่ไม่เข้าใจว่ารัมภ์อยู่ที่นี่เพื่ออะไร ในเมื่อวันๆหนึ่งก็แทบจะไม่ได้ออกไปไหนเลย
นอกจากอยู่แต่ในบ้านหลังนั้น”

   “ช่างเถอะ ผมไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้ว พี่เองก็กินข้าวดีกว่ากับข้าวจะเย็นหมด เดี๋ยวผมจะเก็บขยะลงไปทิ้งให้เอง”

   “สุดท้ายรัมภ์ก็ไม่ยอมบอกพี่สักทีว่าทำไมถึงต้องอยู่ที่นี่ ทั้งที่ทำท่าเหมือนไม่มีความสุขมาตลอด”มือที่กุมแขนของผมเอา
ไว้มันค่อยๆบีบแน่นและเขย่าไปมาเหมือนไม่พอใจ ผมได้แต่แกะมือที่จับแจนเอาไว้ออกก่อนจะลุกขึ้นทำทีว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

   ผมไม่รู้ว่าทำไมพี่ตินถึงต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตของผมมากมายขนาดนี้ ผมเองก็รู้สึกดีใจที่มีใครสักคนพยายามที่จะ
เข้าใจความรู้สึกของผม เหมือนว่าพยายามที่จะช่วยผมเมื่อเห็นว่าผมรู้สึกไม่มีความสุข แต่ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่คนนอกอย่างพี่ตินจะ
ต้องมารับรู้ เพราะยิ่งถลำลึกมากเท่าไรบางทีการที่เอาตัวเองมาเกี่ยวข้องกับผมมากๆอาจจะทำให้เขาเดือดร้อน

   “พี่จะไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอกนะ”

   “เรื่องอะไรล่ะครับ”ถามพลางก้มเก็บขยะที่เกลื่อนอยู่บนพื้นห้องใส่ถุงดดยที่ไม่มองหน้า

   “พี่จะไม่ยอมแพ้ทั้งเรื่องที่จะพารัมภ์ออกไปจากที่นี่และเรื่องที่จะช่วยให้รัมภ์ได้เจอพ่อ”



   “แต่ผมยอมแพ้ไปนานแล้ว”

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
พยายามเขียนให้เดาได้ง่ายๆเพื่อที่จะได้ไม่เบื่อแก้ปริศนากันเนอะ วันนี้มีของมาอวด ภาพร่างหน้าปกบทร้ายของเรานั่นเอง
นายหัวกับน้องรัมภ์มุ้งมิ้งมากเจ้าค่าาาาา ปลื้มปริ่มยิ้มหน้าบาน เปิดพรีหาเงินแต่งงาน 25สิงหาคมนี้นะคะ เตรียมไตรอเลย





ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ภาพสวยมาก  :mew1: :mew1: :mew1:
พี่ติน แค่อยากให้รัมภ์ออกไปจากที่นี่
และเจอพ่อเท่านั้นหรือ?
ไม่คิดอะไรกับรัมภ์  ?  ไม่เชื่อ
เบื่อ นังฟาง คงคอยคิดทำอะไรเลวๆ
กับนายหัวเพื่อได้เป็นนายหญิงแน่เลย
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ภาพร่างสวยมากค่าา
ขอยืดเวลาหวานๆอีกหน่อยน้าา

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
พี่ตินเป็นพี่ชายรัมภ์สินะ (เดาล้วนๆ)

ปล. ภาพปกสวยมากเลยค่าาาา

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
รู้ใจตัวเองแล้วทำไมถึงต้องจากไปอีกล่ะ

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-08-2016 03:35:32 โดย NeLy เนลี่ »

ออฟไลน์ lazysheep

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-2
อ่านเพลินเลยค่ะ สนุกมาก^^

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
รัมภ์ ตอบโต้ แม่เด็กที่น้องณินกัด ดีมากกกก
นายหัว ไม่ชอบใจที่ติน ไปกับรัมภ์
แต่พี่คินไม่สงสัยหรือว่า
ทำไมรัมภ์ถึงต้องไปรับน้องณิน น้องมินที่โรงเรียน
ทั้งที่หน้าที่นี้เป็นของฟาง
พี่ติน เอาจริงสินะเรื่องพารัมภ์ออกไปจากที่นี่
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Laliat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
 o18 :z3: สนุกดีแต่สั้นไปน่ะตัวเอง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด