-22-
หากผมสามรถขออะไรก็ได้ซักข้อนึงกับพระพุทธเจ้า พระซัมธรรมจั๋ง เจ้าแม่กวนอิม พระพรหม พระเยซู และสิ่งศักดิ์สิทธ์จากทั่วสากลละโลก ผมอยากจะขอพรให้ ให้ ให้ วิศวะไม่มีแคลคูลัส! เหี้ยเอ้ยคะแนนสอบครั้งที่แล้วเละไม่เป็นท่าเลย ผมมองกระดาษคะแนนตัวเองด้วยสีหน้าที่สิ้นหวัง ข้อสอบมียี่สิบข้อผมมั่วถูกอยู่แค่สามข้อเอง ตาย ตายแน่กูอาทิตย์หน้าสอบจริงแล้วด้วย
“ตายอย่างเขียด ความรู้สึกเป็นยังไงวันนี้กูเข้าใจได้ดีเลย”
ไอเจงบ่นด้วยน้ำเสียงเลื่อนลอย มองกระดาษข้อสอบในมือตัวเองอย่างข่มขื่น
“อาทิตย์หน้าสอบมิดเทอมถ้าคะแนนกูยังเหี้ยเรียกพี่แบบนี้มีหวังแดกปลาแน่”
“ทำไงดีวะ”
“นันดิไงดี พี่รหัสกูก็ฉลาดน้อยซะด้วยจะให้ติวให้กูก็เกรงใจ”
ไอเผือกพาดพิงไปถึงพี่รหัสตัวเองด้วยท่าทีหน่ายๆ พวกพี่เพลิงเขาเป็นเด็กกิจกรรมครับแต่ไม่ค่อยถนัดเรื่องทฤษฎี ผมเคยพี่ๆเขาสอนครั้งหนึ่งตอนเรียนปรับพื้นฐาน พี่เขาสอนพวกผมผิดเรียบเลยตั้งแต่นั้นพวกผมเลยไม่กล้าให้สอนอีก
“พี่รหัสมึงกับพี่รหัสกูก็โง่พอกัน ส่วนพี่รหัสไอเพี้ยนไม่ต้องพูดถึงตายห่าไปแล้วมั้งป่านนี้ ตั้งแต่เปิดสายมากูไม่เคยเจอพี่รหัสมันอีกเลย”
“เฮ้ย!! พี่สองไง ขานั้นเก่งแคลฯ ไอเพี้ยนมึงไปขอให้พี่สองติวให้ดิ กิ๊กๆกันไม่ใช่หรอมึงกับพี่เขาน่ะ”
“กิ๊กแม่มึงไหมล่ะ กูขอสั่งห้ามมึงพูดถึงกูกับพี่สองในทำนองนี้อีก เพราะมันจะทำให้กูเข้าหน้าพี่เขาไม่ติด”
ผมกำชับด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไอเผือกไหวไหล่ใส่ผมก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาไถ่เล่น ช่วงบ่ายเรามีเรียนอีกตัวระหว่างนี้ก็นั่งเล่น นั่งคุยกันไปเรื่อย
“มึงๆผู้หญิงคนนี้หน้าตาคุ้นๆหว่ะ”
“ไหนๆ”
ผมไอเจงชะโงกหน้าไปดูหน้าจอมือถือของไอเผือก รูปที่ผมเห็นเป็นผู้หญิงกับผู้ชายสองคนกำลังทำเรื่องแบบนั้นกันอยู่บนเตียง โดยผู้หญิงเปลือยผ้านั่งทับตรงส่วนนั้นของผู้ชายที่นอนอยู่ มุมภาพเหมือนถูกแอบถ่ายจากปลายเตียง ผมเห็นหน้าไม่ชัดเพราะว่าผู้หญิงหันหน้าด้านข้าง แต่นั่นก็ทำให้ผมคิดเหมือนกันว่าหน้ามันคุ้น
“เหี้ยลีลาอย่างเด็ด ไอเจงมึงหาคลิปดูดีกว่า แค่รูปมันไม่พอ”
ไอเผือกรับคำแล้วใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการหาคลิป เฮลโลเผือก ถ้ามึงตั้งใจเรียนได้ครึ่งนึงของเรื่องจัญไรนี่คงจะดีไม่น้อย ผมส่ายหน้าเอื่อมๆให้กับไอพวกบ้ากาม มองนาฬิกาอีกครั้งเห็นว่าใกล้เวลาเรียนเลยสะกิดเรียกมันสองตัวให้ขึ้นห้อง ตลอดเวลาเรียนผมเห็นมันสองตัวนั่งสุมหัวกดมือถือกันอย่างเอาเป็นเอาตาย
ไม่ต้องบอกก็พอเดาได้ใช่ไหมครับว่ามันหาหาอะไรกัน
“รูปเด็ดขนาดนี้ไม่มีคลิปได้ไงวะ”
ไอเผือกบ่นอย่างหัวเสีย
“แต่กูว่าหน้าเขาเหมือนพี่เดหลีเลย จะว่าไงดีกูสังเกตุที่ใบหน้าด้านข้างอ่ะ โคตรเหมือนเลย นี่ถ้ากูไม่เห็นว่าพี่เขาออกจะเรียบร้อย กูคิดว่าพี่เดหลีคือคนในรูปล้านเปอร์เซ็นต์เลย”
“เหี้ยพูดอะไรของมึง เดี๋ยวพี่เหนือมาได้ยินก็ตายทั้งก๊วนหรอก”
ไอเผือกเอ็ดไอเจงก่อนจะโบกหัวไปอีกที
“ไปๆกลับบ้าน เพ้อเจ้อนักนะพวกมึง”
ผมบอกแล้วเดินนำลงมาข้างล่างโดยมีพวกมันสองตัวเดินเถียงกันตามหลังมา
“เทียนคะ”
แก้มมมมมมมม เห็นหน้าเธอที่ปลายบันไดแล้วใจหายวาบ ไอสองตัวที่เหลือหยุดคุยกันทันทีมันมองผมกับพี่แก้มพร้อมยิ้มกรุ่มกริม
“ไม่เจอกันตั้งนานพี่คิดถึงเทียนจัง”
แต่ผมไม่หว่ะ เห็นหน้าพี่แล้วผมอยากร้องไห้ขึ้นมาทันทีเลย
“พี่แก้มมาทำอะไรคณะวิศฯครับ”
ผมถามอย่างสุภาพ เดินลงบันไดไปยืนข้างพี่แก้มอย่างเลือกไม่ได้ พี่แก้มดูจะพอใจมากที่ผมเดินลงมาหา สองแขนเล็กคล้องควงเข้าที่ท่อนแขนผมเหมือนทุกที
“มาเป็นเพื่อนพี่เดหลีค่ะ เขามาหาเพื่อน”
“อ่อ ครับ”
ผมที่ไม่รู้จะพูดอะไร เลยรับคำไปสั้นๆ ในขณะที่เพื่อนผมสองคนกำลังซุบซิบอะไรบางอย่างด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เทียนว่างนั่งรอเดหลีเป็นเพื่อนพี่ไหม พี่อยู่คนเดียวไม่มีเพื่อนพี่เหงาน่ะ นะ น้าคะ”
พี่แก้มไม่พูดเปล่าเธอเอาหัวเล็กๆของตัวเองมาไถเล่นที่แขนผมประกอบคำพูดไปด้วย คนอื่นมองผมกับพี่แก้มแล้วยิ้มเขินๆ ในขณะที่ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆกลับไป ในระหว่างที่ผมยืนทำหน้าไม่ถูก สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นพี่สองกับพี่ปราบกำลังเดินเลยผ่านตรงที่ผมยืนอยู่ไป ผมกำลังจะตะโกนเรียกแต่ไอเสียงคนข้างหลังกลับตะโกนตัดหน้าไปก่อน
“พี่สอง”
พี่สองหันมาตามเสียงเรียก พอเห็นว่าผมยืนตรงนั้นด้วยพี่แกก็รีบเดินเข้ามา
“มีอะไรหรอเผือก”
“ไอเทียนมันอยากให้พี่ติวแคลให้ แต่ไม่กล้าพูด”
ไอเผือกโยนขี้มาทางผม พี่สองระบายยิ้มน้อยๆที่มุมปากก่อนจะตกปากรับคำอย่างง่ายดาย
“เดี๋ยวพี่เอางานขึ้นไปส่ง เทียนไปนั่งรอพี่ตรงโน่นก็ได้”
“เอ่อ ครับ ขอบคุณมากพี่”
“แหมพี่สองพอบอกว่าไอเทียนให้ติวนี่รับคำเร็วเชียวนะ”
“อย่าแซว ถ้าพวกนายอยากให้สอนก็มาบอกพี่สิ ไปนั่งรอด้วยกันนั่นแหละเดี๋ยวพี่ลงมา”
พี่สองพูดจบก็วิ่งตามพี่ปราบขึ้นไปชั้นบน ผมเลยเดินนำทุกคนไปยังโต๊ะว่างในโรงอาหารซึ่งเป็นโต๊ะสาขาของเด็กวิศวะด้วย
“พี่แก้มจะโอเคไหมครับถ้าผมจะนั่งติวตรงนี้รอพี่เดหลีเป็นเพื่อนพี่”
ผมถามตามมารยาท ทั้งๆที่ใจจริอยากจะบอกพี่เขาเหลือเกินว่ากลับไปเสียเถิดผมจะติวกับเพื่อน
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่ได้นั่งกับน้องเทียนก็พอ”
“แหมๆพี่แก้ม ไม่ได้อยู่กันแค่สองคนนะครับ”
พี่แก้มหัวเราะ ไม่นานพี่สองก็เดินลงมา พี่สองเดินมานั่งข้างผม ส่วนพี่ปราบที่เดินตามมาด้วยทิ้งตัวนั่งอีกฝั่ง
พี่สองช่วยผมติวแบบตัวต่อตัว พี่สองสอนผมอย่างใจเย็น แม้ผมจะทำผิดเป็นสิบๆรอบพี่เขาก็ยังยิ้มอย่างเอ็นดู
พี่สองนั่งติดกับผมชะโงกหน้าเข้ามาใกล้มากเสียจนผมต้องผงะออก แต่พี่เขาไม่ได้ตั้งใจนะครับ พอผมทำเสร็จพี่เขาก็ชักหน้าออกไป ผ่านไปเกือบชั่วโมง พี่แก้มก็ขอตัวกลับก่อนเนื่องจากพี่เดหลีโทรตาม ผมนั่งติวกันอยู่อีกพักใหญ่ ได้ยินเสียงฝีเท้าหลายคู่เดินมายังโต๊ะที่ผมนั่งติวกันอยู่เลยเงยหน้ามองเล็กน้อย
ตุบ
หนังสือหลายเล่มถูกโยนลงบนโต๊ะตรงหน้าที่ผมนั่งอยู่ ผมมองหน้าเจ้าของหนังสือด้วยความแปลกใจ
“แดกรังแตนที่ไหนมาวะ มาถึงก็หน้าเป็นตูด”
พี่นัททักคนมาใหม่ ก่อนจะขยับที่นั่งให้
คนมาใหม่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพราะมัวแต่จ้องผมที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“นั่งเบียดกันขนาดนั้นมึงไม่ร้อนหรือไง”
เป็นประโยคที่คนพูดเหมือนจะพูดขึ้นมาลอยๆ ไม่ได้เจาะจงใครเป็นพิเศษ แต่ตาคมคู่นั้นกลับจ้องมาที่ผม
“มึงหมายถึงใครวะ”
พี่นัทถามด้วยความสงสัย ก่อนจะยิ้มอย่างเจ้าเลห์เมื่อไล่สายตามาหยุดที่ผม ความรู้สึกเหมือนตัวเองตกเป็นเป้านี่คืออะไร ทำไมพี่ๆเขาต้องกระซิบกระซาบแล้วมองมาทางผมด้วย
“ไอเหนือมันถามว่ามึงไม่ร้อนหรือไงไอเทียนนั่งเบียดไอสองขนาดนั้น”
ผมเขยิบห่างพี่สองเล็กน้อย ที่ดูเหมือนเบียดกันอาจเป็นพราะพี่สองเอนตัวมาช่วยดูคำตอบในหนังสือผมมากกว่า ใครจะบ้ามานั่งเบียดกันในโรงอาหารร้อนๆให้จั๊กแร้เปียกกันบ้าง
“พี่สองช่วยดูงานให้ผมหรอกพี่ คิดเยอะนะเรา”
ผมย้อนพี่เพลิงบ้าง
“แล้วนี่พวกมึงติวกันหรอ”
“ใช่ดิพี่ คะแนนแคลพวกผมสามตัวรวมกันแล้วเรียกว่าเหี้ยเลยแหละ สอบครั้งหน้าถ้าได้ไม่เกินครึ่งคงได้เอาปลาไปนอนแทะเล่นแน่”
ไอเผือกพูดอย่างเหนื่อยใจ วิชานี้เป็นวิชาพื้นฐานของด็กวิศวะด้วยถ้าติดเอฟนี่ก็ไม่ต้องคิดถึงชีวิตที่เหลือในมหาฯลัยแล้ว
“พวกมึงเลยให้ไอสองช่วยติวว่างั้น”
“หรือพี่จะติวให้พวกผมล่ะ”
“ไม่เอากูเก่งที่ไหนละ ไม่ตกก็บุญหัวกูแล้ว แต่เพื่อนกูเก่ง ไงไอหมอสนใจช่วยติวให้น้องกูไหม”
พี่ปราบหลังไปถามคนหน้ายักษ์ข้างๆ
“เพี้ยนลุกเก็บของ”
ท่ามกลางความงงงวยของผม พี่เหนือเดินเข้ามาพับหนังสือ กวาดสมุดปากกาของผมเข้ากระเป๋าอย่างไว โดยที่ผมไม่ทันได้เอ่ยปากห้ามด้วยซ้ำ
“เฮ้ยพี่ เอากระเป๋าผมมา ผมจะติวกับเพื่อน”
ได้สติผมรีบรุดเข้าไปแย่งกระเป๋าตัวเอง แต่พี่เหนือมันไม่ยอมปล่อย
“พี่จะพาเพื่อนผมไปไหน อะ เฮ้ย!!พี่เพลิงมาล็อกคอผมทำไมวะ”
“เดี๋ยวเพื่อนมึงกูติวเอง”
“แต่ผมอยากติวกับเพื่อน”
“อย่าขัดใจกู เห็นกูปล่อยหน่อยเดี๋ยวนี้เหลิงนะมึง”
พี่เหนือไม่รอให้ผมพูดอะไรต่อ มือหนาคว้าเข้าที่ต้นแขนของผมและลากผมมาขึ้นรถตัวเองทันที ถามว่าจะพาไหนพี่แม่งก็ไม่บอก เอาแต่มองเอาแต่มองผมด้วยสายตาดุๆ ผมเลยจำใจต้องนั่งเงียบไปตลอดทาง
“พี่พาผมมาห้องพี่ทำไม”
ผมตัดสินใจถามอีกครั้ง หลังจากที่เดินผ่านประตูห้องพี่เหนือมาได้หน่อยนึง พี่เหนือยังไม่พูดอะไรกับผมเหมือนเดิม ร่างสูงเดินไปคว้าโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กมาวางไว้กางห้อง ก่อนจะทิ้งตัวนั่งในลำดับถัดมา
“มึงจะยืนทำหน้าโง่ตรงนั้นอีกนานไหม ไม่ติวหรือไง”
“พี่เอาจริงหรอ”
“แล้วมึงยอมให้เอาไหมล่ะ”
“โว้ย พี่ผมไม่ได้หมายถึงเอาอย่างนั้น ผมหมายถึงพี่จะสอนผมจริงหรอ”
ผมเดินหน้าบึ่งเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้ามของคนกวนประสาททันทีไม่รอให้ถูกเรียกซ้ำ คนห่าอะไรพูดเรื่องใต้สะดือได้หน้าตาเฉยมาก แถมสีหน้ายังดูพอใจมากมายเสียอีก
“ทำไมกลัวกูจะสอนไม่ถึงใจเหมือนไอสองหรือไง”
พี่เหนือถามเสียงขุ่น ใบหน้าเปื้อนยิ้มเมื่อครู่กลับมาเรียบตึงเหมือนเดิม
“เปล่า ผมแค่สงสัยว่าพี่เรียนหมอแล้วจะสอนผมได้ยังไง”
“กูสอนได้มึงจะให้อะไรกู”
“พี่ไม่รู้จักคำว่าฟรีบ้างหรอ ขูดเลือดกับปูถือว่าบาปนะครับ”
“บอกมาไม่งั้นก็ไม่สอน”
“ผมให้พี่สองสอนก็ได้”
“อย่าให้กูโมโห”
“ขี้บังคับหว่ะ แล้วพี่อยากได้อะไรล่ะ บอกก่อนถ้าแพงมาก หรือยากเกินไปผมคงให้พี่ไม่ได้หรอกนะ”
“ไว้สอบเสร็จก่อนแล้วกูจะบอกว่าอยากได้อะไร ตอนนี้มึงเลิกถามแล้วเอาชีทออกมาได้แล้ว”
ผมพยักหน้ารับคำก่อนจะเปิดกระเป๋าหยิบชีทเรียนที่ติวค้างกับพี่สองขึ้นมา พี่เหนือรับชีทไปอ่านคร่าวๆด้วยสีหน้าตั้งใจ ผมเผลอนั่งมองหน้าคนที่ทำให้ผมรู้สึกทั้งเศร้าและมีความสุขในคราเดียวกันอยู่นาน ผมรู้นะว่ามันผิดที่ผมอยากจะหยุดเวลาไว้แค่นี้ ผมรู้ว่ามันไม่แฟร์ต่อพี่เดหลี แต่ผมก็ห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้เหมือนกัน อย่างน้อยผมขอแค่ตอนนี้ เวลานี้ ให้ผมได้อยู่กับพี่เหนือโดยไม่คิดถึงเรื่องใดๆ ผมขอเป็นคนเห็นแก่ตัวเพื่อตัวเองซักวัน แค่วันเดียวให้ผมได้อยู่ใกล้ๆกับคนที่ผมรัก ผมขอแค่วันเดียวจริงๆ
------------------------------------------------------------------
มาลงให้แล้วนะ บอกเลยคนเขียนบ้ายอ 5555