Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้  (อ่าน 54210 ครั้ง)

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
นุ้งเพี้ยนมาแล้วววว จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :o8:  :-[  :impress2: พึ่งได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้ค่ะ  o13 ชอบมากกกกก  ติดงอมติดแงม   :o8:  น้องเพี้ยนนี้น่ารักแบบอึนๆซึนๆนะค่ะ แอบหวั่นใจกับดาหลาเรื่องตำแหน่งคู่หมั้นมากกกกก  :ling3:  :ling1:  :ling2: คุณคนพี่ค่ะ ห้ามทำน้องสั้นเพี้ยนเสียใจเข้าโหมดซึมอทยซึนเด็ดขาดค่ะ  :m16:

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
นี่ขนาดแกเต้นไม่เป็นนะเพี้ยน
มาครบเชียว

 :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ wookyu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 119
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
                                                                                       - 13 -   


โรงเรียนบ้านบ่อ
ผมอ่านป้ายโรงเรียนด้วยความตื่นเต้น ลงจากรถได้ผมก็ดิ่งไปรวมตัวกับเพื่อนๆทันที และก็ตามคาดเมื่อผมเดินเข้าไปถึงก็โดนไอเผือกไอเจงผลัดกันแซวเรื่องพี่เหนือไม่ขาดปาก

“ผัวหึงหรอจ๊ะน้องเพี้ยน”
ผมเงียบทำเป็นไม่สนใจ ช่วยรุ่นพี่ยกของลงจากรถไปเรื่อย โอ้กล่องใหญ่นั่นกูมองข้ามก่อนได้ไหม ท่าจะหนัก ว่าแล้วผมก็เลี่ยงไปหยิบกล่องที่เล็กกว่าและปรากฏว่า ด๊อกกก หนักกว่ากล่องใหญ่ที่ไอเต๋อมันยกไปอี๊ก ของผมมันคือเครื่องมือช่างล้วนๆ ค้อน ตะปู ตะไบ เลื่อย ใบเลื่อย ไม่น่าเห็นแก่ความสบายเลลยกู หลังจะเดาะไหมเนี่ย ผมโอดครวญอยู่ในใจ พยายามยกกล่องใบนั้นลงจากรถด้วยท่าทีสบาย แต่ขานี่สั่นพั่บๆ

“อวดเก่ง”
กล่องในมือผมถูกกระชากออกไปอย่างง่ายดายโดยนักศึกษาแพทย์รูปงามแต่ใจทราม พี่เหนือแย่งกล่องในมือผมไปแล้วเดินลงจากรถไปด้วยท่าทีสบายๆราวกับกล่องใบนั้นเป็นเพียงกล่องเปล่าๆ แรงโคตรเยอะ สงสัยผมควรจะเลี่ยงหาเรื่องโดนตีนให้น้อยที่สุดเพื่อความปลอดภัยของตัวผมเอง

หลังจากยกของไปเก็บเรียบร้อยแล้วรุ่นพี่ก็สั่งให้พวกผมยืนเข้าแถว เดินเข้าซุ้มที่น้องๆและอาจารย์จัดไว้ต้อนรับ เมื่อพวกผมเดินผ่านประตูเข้าไปน้องๆก็ยื่นช่อดอกไม้เล็กๆที่ทำเองส่งให้เหล่ารุ่นพี่ ก่อนจะกล่าวต้อนรับเป็นภาษาท้องถิ่นของตัวเอง เมื่อพวกผมเดินเข้ามานั่งยังพิธีเปิด อาจารย์ของโรงเรียนบ้านบ่อก็กล่าวต้อนรับ พร้อมกับทำพิธีเปิดค่ายสั้นๆ กำหนดการณ์หลังจากนั้นคือพวกรุ่นพี่จะต้องไปดูสถานที่ที่จะสร้างห้องสมุด และซ่อมแซมห้องเรียนให้แก่น้องๆ พวกผู้หญิงก็จะให้รับผิดชอบเรื่องฐานการเรียนการสอน กิจกรรมนัทนาการต่างๆให้น้องในวันพรุ่งนี้

“ขอประชุมทีมแปปนึงนะครับผู้ชายทั้งหมดเลย”
พี่เพลิงเลื่อนไวท์บอร์ดที่อยู่ในโถงประชุมออกมา วาดรูปสี่เหลี่ยมสองรูปห่างกันบนกระดานรูปแรกคือห้องเรียน รูปที่สองคือห้องสมุด

“ผมจะแบ่งพวกเราออกเป็นสองทีม ทีมแรกจะดูแลในการสร้างห้องสมุด ส่วนอีกทีมจะดูแลซ่อมแซมห้องเรียนของน้องๆซึ่งมีอยู่ประมาณ 4 ห้อง ผมจะขอแบ่งสองทีมเท่าๆกันนะครับ เนื่องจากห้องสมุดคือการเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น แต่ห้องเรียนแค่ซ่อมแซมบางจุดเท่านั้น ใครอยากทำอะไรสามารถแจ้งได้นะครับ หรือจะให้จับกลุ่มให้ก็บอก”

พี่เพลิงพูดอย่างเป็นทางการ คนที่เหลือในห้องก็เริ่มปรึกษาหารือกับพวกของตัวเองว่าจะเลือกอะไรเช่นเดียวกับผม

“กูอยากทำห้องสมุด”
ผมพูดพลางหันไปมองหน้าไอเจงและไอเผือกเพื่อหาแนวร่วม

“งั้นกูไปซ่อมห้องเรียนดีกว่า”
สัส จำเป็นต้องทำกับกูขนาดนี้ไหม ไหนตอบ

“งั้นกูไปกับพวกมึงก็ได้”
บทสรุปคือผม ไอเจง ไอเผือก ไอเต๋อ พี่สอง และนักศึกษาแพทย์อีกหกคนชื่ออะไรบ้างผมไม่รู้ ตกลงเลือกซ่อมห้องเรียน อีกฝั่งจำนวนคนมากกว่าสองคน เลือกทำห้องสมุด เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาพี่เพลิงจึงนำพวกผมไปยังห้องเรียนที่จะทำการซ่อมแซม พี่ปราบพาอีกกลุ่มไปดูโลเคชั่นที่จะทำห้องสมุด
ห้องเรียนของน้องๆเป็นห้องเรียนไม้เก่าๆเล็กๆที่ดูแล้วไม่น่าจะจุคนได้เกินกว่า ยี่สิบคน พื้นห้องเป็นรูผุ ผมยืนอยู่ชั้นสองยังสามารถมองทะลุลงไปห้องข้างล่างได้ผ่านรูผุๆรูนั้น โต๊ะเก้าอี้ ก็มีไม่พอใช้ ไอที่พอใช้ได้ก็พิการอีกเหลือใช้งานได้จริงๆไม่ถึงสิบตัวเท่าที่ผมเห็นน่ะนะ

“พี่ว่าเราแยกกันทำคนละห้องไหมแบ่งๆกันไปเลย”
พี่สองเสนอระหว่างที่สายตาก็กวาดมองไปรอบๆห้อง

“มีสีห้อง เรามีสิบคนต้องมีสองห้อง สามคน อีกสองห้องสองคน ห้องที่รายละเอียดน้องก็ทำกันสองคน ส่วนห้องที่ต้องทำอะไรหลายอย่างก็สามคนดีไหมครับ”
พี่นักเรียนหมอคนหนึ่งเสนอขึ้น พี่สองก็พยักหน้ารับเห็นด้วย

“เริ่มจากห้องนี้สิ่งที่ผมเห็นว่าต้องซ่อมแซมอย่างแรกคือพื้นที่เป็นรูกว้างตรงกลางห้อง บานประตูที่บานพับหลุดทั้งสองฝั่ง เก้าอี้ที่ขาหัก โต๊ะที่ชำรุด ผมว่าห้องนี้น่าจะใช้คนสามคน”
พี่สองกล่าวต่อ พี่หมอรวมทั้งรุ่นน้องวิศวะคนอื่นๆก็พยักหน้าเห็นด้วย

“ส่วนอีกห้องที่เดินผ่านมาชั้นนี้ มีแค่เก้าอี้ กับโต๊ะที่ต้องซ่อม เอ้อ แล้วก็พื้นห้องคงต้องลงสแลคให้เงาอีกหน่อย เพราะพื้นดูสกปรกมากเท่าที่ผมเห็น”

พี่นักเรียนแพทย์คนเดิมกล่าวเมื่อตกลงกันได้ลงตัวก็แบ่งกลุ่มและแยกย้ายกันไป กลุ่มผมมีพี่สอง ไอเผือก ผม ส่วนไอเจงขอไปอยู่กับทีมนักศึกษาแพทย์เพราะมันคิดว่านักศึกษาแพทย์อาจจะไม่ถนัดงานพวกนี้เท่าไหร่


“เดี๋ยวเราเริ่มจากงานใหญ่ก่อนนะ พี่ว่าจะรื้อไม้สองแผ่นนี้ออก”
พี่สองชี้ไม้สองแผ่นที่เป็นรูกว้าง มองทอดไปตามความยาวของไม้ซึ่งความยาวมันสุดขอบของประตูห้องพอดี
“งั้นเดี๋ยวผมกับไอเทียนไปยกไม้ขึ้นมานะครับ”
ไอเผือกเสนอ พี่สองพยักหน้ารับพวกผมจึงตรงไปยังลานห้องประชุมมองหาไม้ที่พอจะใช้ได้ยกกลับขึ้นไปที่ห้องเรียน เราสามคนช่วยกันรื้อไม้สองแผ่นนั้นออกได้จนสำเร็จ มองลงไปข้างล่างก็เห็นเพื่อนในคณะและนักศึกษาแพยท์อีกสองคนกำลังช่วยกันซ่อมเก้าอี้หลายตัวในห้องเรียน



ตกเย็น
เหล่าวิศวะเดินขาลากกลับมารวมตัวกันที่ลานห้องประชุม เมื่อมาถึงผมก็เจอกับทีมห้องสมุดนั่งอยู่ก่อนแล้ว รวมไปถึงพี่เหนือด้วย พี่เหนือนั่งทำหน้าเบื่อโลกอยู่ข้างพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง หน้าตาโคตรสวยอ่ะ สาวเจ้าพยายามเอาอกเอาใจพี่เหนือยกใหญ่ ทั้งพัดทั้งเช็ดหน้าให้คนนี้คงจะเป็นแฟนพี่มันสินะ หวานกันขนาดนี้กูว่าเผลอๆอาจจะต้องฉีดมดเพิ่มด้วย ผมกำลังจะเดินเข้าไปนั่งร่วมกับเพื่อนก็เป็นจังหวะเดียวกับที่พี่เหนือมันหันมา พี่เหนือมองหน้าผมทำท่าเหมือนจะลุกมาหาแต่ทว่า

“ไงเหนื่อยไหมเรา”
ผมผละหน้าออกจากขวดน้ำเย็นที่พี่สองเอามาแนบแก้มผม ก่อนจะกล่าวขอบคุณในความมีน้ำใจ
“นิดหน่อยพี่ แล้วน้ำพี่ล่ะ”
“ก็ขวดนี้ไง พี่ให้เรากินก่อน”
พี่สองโคตรใจดีมีเสียสละให้น้องกินก่อนด้วย ตัดภาพไปที่ไอเผือก ขานั้นได้น้ำมาขวดนึงตอนเดินเข้ามานอกจากไม่คิดจะหยิบเผื่อผมแล้วมันยังแดกคนเดียวหมดขวดอีก ผมเปิดฝากระดกน้ำในขวดพร่องไปกว่าครึ่งก็ส่งให้พี่สองดื่มต่อ วิศวะแมนๆครับน้ำลงน้ำลายเราไม่ถือกันอยู่แล้ว ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่าตลอดเวลาที่อยู่ในลานประชุมผมรู้สึกเหมือนโดนพี่เหนือมันจ้องตลอดสีหน้ามันบ่งบอกถึงความไม่พอใจถึงขีดสุดแต่ผมพยายามทำเป็นไม่สนใจ

“ก่อนจะแยกย้ายวันนี้กระเทยขอนัดซ้อมละครค่ายที่จะแสดงในวันพรุ่งนี้ด้วย ใครรู้ตัวก็ออกมาเลยอย่าให้มันไปกระชากตัวถึงที่พักนะ”
โอ้ยยยย ไม่อยากไป ผมโอดครวญอยู่ในใจสุดท้ายก็ต้องเดินคอตกไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆที่อยู่ในอารมณ์ไม่ต่างกัน

“เซ็ง กูนึกว่าจะได้พักแล้วนะเนี่ย”
ไอเผือกบ่นอุบ นั่งขัดสมาธิมองกระเทยที่พล่ามเรื่องละครค่ายอยู่หน้าแถว
“กูก็เซ็งง่วงแล้วด้วย”

การซ้อมละครเริ่มขึ้นเปิดฉากโดยคำคอยสาวน้อยผู้น่าสงสารของเรื่องโดนแม่เลี้ยงและน้องสาวโขกสับใช้งานสารพัดสารพัน
“เอาเสื้อผ้าฉันไปซักด้วย ซักให้สะอาดอย่าให้มีกลิ่นอับเชียวล่ะ”
“ของฉันด้วย เอาตัวนี้ไปซักแล้วก็เอาเสื้อตัวนี้ไปเย็บกระดุมให้ฉันด้วย”
คำดอยถูกน้องสาวทั้งสองโยนกองเสื้อผ้าใส่หน้า เดี๋ยวๆผ้าที่มึงโยนมาใส่กูนั่นเอามาจากทีใด ทำไมทั้งดำทั้งเหม็นแบบนั้นวะ ระหว่างที่เล่นตามบทผมแอบก็สังเกตุเสื้อผ้าที่อยู่ตรงหน้าไปด้วยชัดเลย นี่มันผ้าขี้ริ้วที่ผมใช้ถูกพื้นเมื่อตอนมาถึงค่ายนี่หว่า แล้วแม่งโยนใส่หน้าผมเต็มๆเลยเนี่ยนะ ระยำแมนจริงๆ
“จ่ะเดี๋ยวพี่จะไปซักให้ใหม่เดี๋ยวนี้เลย”
ผมดัดเสียงให้เล็กตามที่กระเทยมันสั่ง หอบผ้าไปยังจุดที่เซ็ทไว้ว่าเป็นท่าน้ำ คำดอยซักเสื้อของเหล่าน้องสาวไปพลางปาดเหงื่อไปพลาง ทันใดนั้นระหว่างที่เธอกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบโอโม่มือเธอดันเผลอปัดแปรงซักผ้าหล่นลงไปในท่าน้ำ คำดอยใจเสียไม่รู้ว่าจะเก็บแปรงนั้นขึ้นมาอย่างไรดี หากเธอไม่ใช้แปรงในการแปรงผ้าเสื้อของน้องสาวเธอต้องไม่สะอาดแน่ คำดอยสะอื้นไห้อย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ทันใดนั้นน้ำในท่าน้ำก็เกิดแตกเป็นฟองกระจายวงกว้าง ชายในชุดแปลกประหลาดโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำพร้อมกันแปรงทองคำในมือ (เนื้อเรื่องคุ้นๆไหมครับ เหมือนกระเทยมันเอาซินเดอร์เรล่ามาประยุกต์เข้ากับชายตัดฝืนเลย)
“อันนี้ใช้แปรงซักผ้าของเจ้าหรือไม่”
“ไม่เจ้าคะ ของข้าเป็นเพียงแปรงเก่าๆกากๆธรรมดา”
คำดอยตอบเทพแห่งสายน้ำ(รับบทโดยไอเต๋อ)หายกลับลงไปในน้ำโผล่ขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับแปรงทองคำขาว ณ วินาทีนั้นคำดอยไม่ได้คิดถึงมูลค่าของแปรงที่เธอเห็นเลย เธอคิดแต่เพียงว่าเธอต้องซักผ้าของน้องสาวให้เสร็จทันคืนงานเต้นรำวันพรุ่งนี้เท่านั้น
“งั้นหรือ”
เทพแห่งสายน้ำมุดหายกลับไปในน้ำอีกครั้ง ครั้งนี้เทพแห่งสายน้ำกลับขึ้นมาพร้อมกับแปรงซักผ้าเก่าๆ ทันทีที่คำดอยเห็นก็ยิ้มอย่างดีใจ
“อันนี้แหละเจ้าค่ะแปรงของข้า”
เธอรับแปรงคืนเจ้าเทพแห่งสายน้ำด้วยความยินดีจากนั้นก็กล่าวขอบคุณเทพแห่งสายน้ำยกใหญ่ หากไม่ได้เทพแห่งสายน้ำเธอคงโดนน้องสาวของเธอด่าเป็นแน่
“เจ้าเป็นคนซื่อตรงซักวันหนึ่งชีวิตเจ้าจะพบกับความเปลี่ยนแปลง”
คำดอยไม่ได้สนใจฟังคำของเทพสายน้ำนักเธอรีบจัดการซักผ้าจนเสร็จก่อนจะไปหุงหาอาหารให้แม่และน้องสาวกิน

ระหว่างมื้อค่ำ
“ขุ่นแม่ขา คืนพรุ่งนี้เราสามคนถูกเชิญไปงานเต้นรำชิมิคะ”
“ถูกต้องคะขุ่นลู๊ก ขุ่นแม่จัดเตรียมเสื้อผ้าในเราสองคนเรียบร้อยแล้วนะ”
แม้จะเป็นการแสดงละครเล็กๆกระเทยมันก็ตีบทแตกกระจาย จริตมันมาเต็มเลยครับนับถือๆ
“แล้วนังนี่ล่ะคะขุ่นแม่”
“ปล่อยมันไปซิ ฉันไม่เอานังเด็กสกปรกนี่ไปด้วยคนหรอกอายขายขี้หน้าเขา”
ผมในฐานะคำดอยตีหน้าเศร้าเสียใจที่แม่เลี้ยงและน้องสาวไม่ให้ไปงานเต้นรำด้วยแต่คำดอยก็ไม่มีสิทธิ์ค้าน

วันงาน
หลังจากที่แม่และน้องสาวไปงานเต้นรำแล้ว คำดอยก็ปิดประตูนั่งมองท้องฟ้ายามค่ำคืนผ่านบานหน้าต่างผุพัง
“คำดอยย่อเข้าใจ๋ เหตุใดแม่ใหญ่ถึงไม่รักคำดอยบ้าง”
เธอสะอื้นไห้ ทันนใดนั้นเทพแห่งดวงจันทร์ก็ปรากฏกายขึ้น
“จะโศกเศร้าไปใย รับชุดนี้ไปแล้วแต่งตัวให้งานเสีย ข้าจะเป็นคนพาเจ้าไปงานเต้นรำเอง”
คำดอยตกใจในขณะเดียวกันก็รู้สึกดีใจ นี่เธอกำลังจะได้ไปงานเต้นรำจริงๆหรือ แต่หากเธอไปแล้วแม่เธอจับได้ เธออาจจะต้องโดนเฆี่ยนจนหลังลายเป็นแน่
“ข้าไปได้จริงหรือ”
“อย่าเสียเวลาอยู่เลย ข้าสัญญาว่าจะไม่มีใครจำเจ้าได้นอกเสียจากคนคนนั้นจะคือเนื้อคู่ของเจ้า”
คำดอยพยักหน้ารับ เธอใช้เวลาแต่งตัวไม่นานโดยได้เวทย์มนต์จากเทพแห่งดวงจันทร์ช่วย


ในงานเต้นรำ
หญิงสาวในชุดราตรีสีน้ำทะเลปรากฏกายขึ้นพร้อมกับหน้ากากแฟนตาซีเล็กๆปิดแค่ช่วงกรอบตา เจ้าชายเมื่อเห็นหญิงงามปรากฎก็ได้เข้าไปชวนเต้น
“เธอช่างงามเหลือเกิน”
“ขอบพระทัยเจ้าค่ะ”
“ข้าขอเต้นรำกับเจ้าซักเพลงได้หรือไม่”
คำดอยมีท่าทีรังเลเธอไม่เคยเต้นรำเลยซักครั้งในชีวิต แล้วจะเต้นรำกับเจ้าชายได้อย่างไร
“หม่อนฉันเต้นรำไม่เป็นเจ้าค่ะ ขอหม่อมฉันเต้นแบบที่ถนัดได้หรือไม่”
เจ้าชายยิ้มกว้าง นึกว่าตัวเองจะโดยสาวงามปฏิเสธเสียแล้ว
“เอาซิ”
เจ้าชายกล่าว คำดอยช้อนสายตามองเจ้าชายพร้อมยิ้มเขินอาย ก่อนจะหันไปส่งซิกขอเพลงจากคนคุมเครื่องเสียง
และเพลงเดิมกับบนรถทัวร์ก็ถูกเปิดขึ้น คำดอยถลกกระโปรงขึ้นเหนือเข่า ยกมือขึ้นดึงดาวอย่างไม่เกรงใจสายตาเจ้าชาย
(เล่นถึงตรงนี้ผมล่ะอายเด็กๆที่ต้องมาดูอะไรแบบนี้จริงๆ)
 
จบเพลง
“ช่างเป็นท่าเต้นที่ตรึงใจยิ่งนัก”
เจ้าชายเอ่ยชม คำดอยยิ้มรับอายๆ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นนาฬิกาที่ติดอยู่ตรงข้างฝา เธอก็รีบวิ่งออกจากงานโดยไม่กล่าวลาเจ้าชายเลยซักคำ

หลายวันต่อมาเจ้าชายส่งทหารไปตามบ้านของให้หญิงสาวที่ไปร่วมงานเต้นรำทุกคนเต้นท่าดึงดาวให้ทหารดู หากเจอคนที่เต้นเหมือนเธอทุกกิริยาบทเมื่อไหร่ให้พากลับวังทันที

และก็มาถึงบ้านของคำดอยหลังสุดท้าย
“อุ้ยตายเกิดมาเดี๊ยนยังไม่เคยเต้นอะไรแบบนั้นเลย”
คำสร้อยผู้เป็นแม่กล่าวกับทหารพร้อมกับโชวร์ลีลาการเต้นให้นายทหารดู กระเทยมันงัดทุกท่าที่เคยไปเต้นในพับมาจนหมดทหารส่ายหัวเป็นเชิงบอกว่าไม่ใช่ก่อนจะให้คนเป็นลูกลองเต้นดูบ้าง ในระหว่างที่น้องสาวของเธอกำลังเต้นให้ทหารดู คำดอยก็เอาน้ำมาเสริฟให้กับนายทหาร นายทหารจึงขอให้เธอเต้นให้ดูบ้าง คำดอยลังเลอยู่ซักครู่ก็ยอมเต้นให้ทหารดู ทุกคนต่างพากันตกตะลึ่งกับท่าเต้นที่เหมือนราวกับต้นฉบับไม่มีผิดเพี้ยน ทหารจึงนำตัวเธอไปที่วังด้วย เมื่อเจ้าชายเห็นท่าเต้นเธอจึงตกลงแต่งงานด้วยทันที คำดอยใช้ชีวิตอย่างสุขสบายแต่ทว่าก็ไม่ลืมครอบครัวของตน เธอส่งเงินให้ที่บ้านใช้บ่อยครั้ง แต่ให้เท่าไหร่ก็ไม่พอเสียทีเนื่องจากน้องสาวและแม่ของเธอติดการพนัน

“โอเคเลิศมาก พรุ่งนี้ขอแบบนี้เลยนะจ๊ะน้องเทียน”
“คร้าบบ”

ตาผมจะปิดเต็มที่แล้วพอเลิกซ้อมก็เดินกลับที่พักทันที พวกผู้ชายถูกจัดให้นอนในห้องพระ ส่วนพวกผู้หญิงนอนอีกตึกเลยห่างไกลจากตึกที่ตัวผู้นอนอยู่มากพวกผู้หญิงนอนในห้องเรียนของเด็กอนุบาลซึ่งมีพร้อมห้องน้ำในตัวสองห้อง ส่วนผู้ชายหรอทางโรงเรียนเขาสร้างโรงอาบน้ำกลางแจ้งพิเศษให้แต่ต้องเดินลึกเข้าไปในป่าเล็กน้อย

“กูไม่อาบน้ำได้ไหมวะ เหี้ยโคตรง่วง”
ผมบ่นระหว่างรื้อซื้อผ้าในกระเป๋าออกมาพาดไว้บนบ่า กระเป๋าผมถูกวางชิดกับกระเป๋าของใครอีกคนซึ่งผมไม่รู้ว่าใคร ในห้องนี้ไม่ได้มีแบ่งว่าวิศวะต้องนอนกับวิศวะ แพทย์ต้องนอนกับแพทย์เพื่อความยุติธรรมพี่เพลิงมันเลยวานป้าแม่บ้านเอากระเป๋าไปวางตามที่นอนให้ กระเป๋าวางตรงไหนต้องนอนตรงนั้นไม่มีข้อแม้ โชคดีหน่อยที่กระเป๋าผมอยู่ติดกับไอเผือกพอดี ข้างๆผมอีกใบไม่รู้ว่าเป็นของใครกระเป๋าของเขาช่างดูดีมีชาติตระกูลผิดกับพวกผมลิบ
“อย่าสกปรกเห็นใจคนอื่นที่ต้องนอนข้างมึงด้วย”
ผมพนักหน้ารับอย่างปลงตกก่อนจะยอมลงเดินตามไอเผือกไปอาบน้ำ ทางเดินเข้าป่ามันช่าง avenger เสียจริงผมกระชับกอดขันในมือแน่น เสียงลมพัดกรรโชกพร้อมกับใบไม้แห้งที่ปลิวว่อนทำให้ผมอยากจะกลับหลังหันแล้ววิ่งขึ้นที่พักแทนไม่อาบแม่งแล้วน้ำ
“กลัวผีจับหัวหรอวะ”
ไอเผือกถามด้วยเสียงติดหัวเราะ เพื่อนๆที่เดินตามหลังมาประปรายก็ร่วมขำด้วย
“ไม่เอากูไม่ชอบให้ผีจับหัว หรือจับเหี้ยอะไรทั้งนั้นแหละกูกลัว”
ผมบอกพลางเดินเบียดชิดไอเผือกเรียกได้ว่าถ้าผมสิงมันได้คงจะสิงมันไปแล้วบรรยากาศมึงจะวังเวงไปไหนกูไม่ได้มาเล่นเกมส์ล่าท้าผีนะเว้ย

หลังจากอาบน้ำสระผมเสร็จก็ถึงเวลานอนเสียที ผมทิ้งตัวนอนทั้งๆหัวเปียกๆ ไม่เช็ดมันแล้วครับอีกฝั่งหนึ่งของห้องเขาปิดไฟไปนานแล้ว ผมไม่อยากรบกวนใครเลยทิ้งตัวนอนไปทั้งแบบนั้น ผมขยับตัวนอนในท่าที่สบายที่สุดตะแคงหันหน้าไปยังที่ว่างข้างตัว เจ้าของที่ข้างๆผมยังไม่กลับเข้ามานอนแม้จะเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้วก็ตาม ผมนอนคิดโน่นคิดนี่ไปเรื่อยจนในที่สุดก็เคลิ้มหลับไป

“หลับทั้งหัวเปียกๆแบบนี้ได้ไง หวัดแดกขึ้นมาก็เป็นภาระคนอื่นเขาอีก”
เสียงบ่นแผ่วกับแรงขยี้เบาๆบนหัวทำให้ผมรู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก จากเคลิ้มก็กลายเป็นหลับลึกไปในที่สุด




 

                                                                               




ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :z6:

มองน้องเพี้ยนทำไม ตัวเองก็ไม่โสด ชิส์

 :L2: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2018 01:31:38 โดย Billie »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
พี่เหนือเป็นคนวางกระเป๋าข้างน้องเพี้ยนเองป่าว

 :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

แม่บ้านจัดที่วางกระเป๋า  หรือพี่เหนือเป็นคนจัดกันแน่  อิอิ

ออฟไลน์ no.fourth

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
พี่เหนือเป็นคนจัดที่เองรึป่าววววว

ออฟไลน์ Cyclopbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
แหมมมมมม
ปากหรือหิน แข็งเหลือเกิน

ออฟไลน์ imac

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
เพี้ยนสมชื่อ

ออฟไลน์ LoveAlone

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ถึงตอน8แล้ว เดี่ยวมาอ่านต่อ ชอบเทียน :mew1:

ออฟไลน์ wookyu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 119
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
                                                                                  -14-

ผมลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าพร้อมความอึดอัดบริเวณช่วงเอว ผมพยายามขยับตัวเพื่อให้หลุดพ้นจากความอึดอัดนั้นแต่ทว่ายิ่งขยับผมกลับยิ่งจุกจนแทบหายใจไม่ออก ท่ามกลางความมืดภายในห้องทำให้ผมไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเผชิญกับอะไร แรงรัดนั้นคลายกำลังออกเล็กน้อย ผมเลยลองขยับตัวดูอีกที

“สั้นมึงนอนนิ่งๆเป็นไหม”
หื้ม เสียงโคตรคุ้น ผมพลิกตัวหันกลับมามองที่มาของเสียง ก็พบใบหน้าของไอพี่เหนืออยู่ห่างจากหน้าผมไม่ถึงคืบ ใบหน้าขาวยามหลับติดจะขัดใจเล็กน้อย แต่ทว่าแขนแกร่งก็ยังพยายามจะรั้งผมเข้าหาตัว เหยด ใกล้ไปแล้วพี่

“ก็อย่ากอดซิวะพี่ อึดอัดเว้ย”
ผมตอบแล้วใช้มือดันตัวพี่เหนือออก แต่ก็นะถ้ายอมง่ายๆก็ไม่ใช่พี่มันและ จากที่แค่กอดตอนนี้พี่เหนือมันเอาขาหนักๆของมันพาดมาที่ลำตัวของผมด้วย

“นอนเป็นหมอนข้างให้กูก่อน”
พี่เหนือพูดเบาๆกอดจะขยับตัวตัวกอดก่ายผมในท่าที่สบายที่สุดตบท้ายด้วยการเอาคางมาเกยวางบนหัวผม ทำให้ผมกลายเป็นหมอนข้างของพี่มันโดยสมบูรณ์ ผมนอนนิ่งตามคำขออยู่ครึ่งนาทีก็ออกพยายามผละตัวออกจากอ้อมแขนแกร่งอีกครั้ง ครั้งนี้ผมทำสำเร็จพี่เหนือลืมตามองผมด้วยสีหน้ายุ่งๆตามแบบฉบับของมัน

“ผมร้อนพี่ อะให้ยืมผ้าไปนอนกอดแทน”
ผมยื่นผ้าห่มของตัวเองให้คนที่นอนอยู่ข้างๆ พี่เหนือมองผ้าที่อยู่ในมือผม แต่ก็ไม่ไม่ยอมเอื้อมมือมาหยิบ
“แค่กอดจะห่วงอะไรหนักหนา”
เอ่อ พี่ครับมึงพูดเหมือนแค่ขอขนมแดกแล้วกูงกอะไรทำนองนี้เลยเนอะ นั่นมันกอดนะเว้ยแล้วกูก็ผู้ชายด้วยมากงมากอดไม่กลัวผีผลักหรือไง  แล้วไม่ต้องมาค้อนกูด้วยครับกูไม่ผิด
“กอดผมไม่อุ่นเท่ากอดแฟนพี่หรอกม้างง กิ๊วๆๆ”
ผมแกล้งแหย่พร้อมส่งยิ้มล้อเลียน อย่าทำหน้าบึ่งกลบเกลื่อนพี่กูเห็นๆ แหมพากันมาสวีทซะมดขึ้นแบบนั้นจะมาทำหน้าบึ่งกลบเกลื่อนอะไรตอนนี้ ขอบอกไม่ทันครับ
“พูดมากกูจะนอน”
บอกว่าจะนอนปุ๊บคนหน้าบึ่งก็พลิกตัวหันหนีไปอีกทางทันที กูนี่ก็นะฟันยังไม่ทันแปรงเสือกมีอารมณ์แหย่อารมณ์แซวคนอื่นเล่นไปทั่วอีก ไหนๆก็เช้าแล้วผมเตรียมตัวไปอาบน้ำดีกว่าจะได้ไม่ต้องแย่งกันเข้าห้องน้ำ คิดได้เช่นนั้นผมก็เปิดกระเป๋าหยิบเสื้อผ้าและผ้าขนหนูมาพาดไว้ที่บ่า คว้าขันสบู่เตรียมเดินไปอาบน้ำ

“เทียนจะไปไหนแต่เช้าครับ”
“อ้าวพี่ตื่นแล้วเหมือนกันหรอ”
ผมเอ่ยทักที่ทอยก่อนจะยกขันสบู่ให้ดูเพื่อบอกเป็นนัยๆว่าผมกำลังจะไปไหน พี่ทอยเองก็ดูเหมือนจะคิดเหมือนผม ที่บ่าของพี่ทอยมีผ้าขนหนูสีขาวพาดอยู่ ในมือก็มีกระเป๋าใบเล็กๆคาดว่าจะเป็นชุดอาบน้ำพวกสบู่ยาสระผมอะไรทำนองนี้ พี่เขาเตรียมแพ็คเกจมาอย่างดีผิดกับผมที่ในขันมีแค่แปรง ยาสีฟันและสบู่แคร์ก้อนนึงเท่านั้น
“จะไปอาบน้ำเหมือนกันใช่ไหม งั้นไปด้วยกันไป”
ผมพยักหน้ารับเบาๆ และกำลังจะเดินขนาบข้างไปกับพี่ทอย แรงผมก็ถูกกระชากกลับไปข้างหลังด้วยแรงที่ไม่มากนัก
“จะอาบน้ำทำไมไม่เรียก”
เอ้า ก็มึงจะนอนไงครับพี่ ให้กูย้อนภาพให้ดูไหมว่ามึงว่ากับกูว่าอย่างไรก่อนที่มึงจะหันหลังให้กูอ่ะ
“ตื่นแล้วเหมือนกันหรอเหนือ”
“อืม…ส่วนมึงรอกูด้วยกูไปเอาเสื้อผ้าก่อน วุ่นวายแต่เช้าเลยมึงเนี่ย”
ไอพี่เหนือมันหันไปตอบรับเพื่อนในลำคอเสร็จก็หันมากำชับผมเสียงเขียว ผมมองพี่เหนือเดินไปหยิบเสื้อผ้าในกระเป๋าด้วยสีหน้ายุ่งๆ
“เป็นอะไรของเขาวะ”
“หึหึ ดูเทียนกับเหนือสนิทกันจังนะครับ”
พี่ทอยถามขึ้นด้วยสีหน้ายิ้ม
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”

เมื่อมาถึงที่อาบน้ำผมก็จัดแจงเตรียมถอดเสื้อผ้าออก เช่นเดียวกับพี่เหนือและพี่ทอย ผมเห็นหุ่นของว่าที่หมอแต่ละคนแล้วแทบไม่กล้าถอดเสื้อ หุ่นที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ไม่ได้บึกมากมายจนเกินไป ไหนจะผิวที่ขาวเหี้ยๆนั่นอีก มองดูหุ่นตัวเองแล้วได้แต่ถอนหายใจ ถ้าเทียบกับพี่เหนือพี่ทอยแล้ว อย่างผมนี่เรียกว่าขี้กางเลยเหอะ

“สั้น ไม่อาบน้ำหรือไง”
“อาบดิพี่”
“งั้นก็รีบๆ”
ผมรับคำสั้นๆ ก่อนจะตัดสินใจถอดเสื้อผ้าออกจากตัว พอจะถอดบอกซ์เซอร์ออกด้วย พี่เหนือก็ตะครุบมือผมไว้ไม่ยอมให้ถอด
“อะไรวะพี่”
“มึงจะถอดบอกซ์เซอร์ทำไม”
“ก็ผมจะอาบน้ำไม่ถอดก็เปียกดิ”
ผมเถียงกลับ พี่เหนือหันกลับไปมองยังพี่ทอยที่อยู่ในห้องอาบน้ำด้วยอีกคนซึ่งขานั้นก็มองมาที่ผมสองคนอยู่ก่อนแล้ว
“อาบทั้งแบบนี้แหละ แล้วมึงก็รีบๆอาบซักที ชอบโชว์หรือไงวะ”
“ผมใส่กางเกงในหน่า ส่วนบอกซ์เซอร์นี่จะเอาไว้ใส่ตอนออก”
ผมอธิบายคือผมจะใส่กางเกงในอาบน้ำแล้วพี่มึงมีปัญหาอะไรวะ
“กูสั่งให้ทำยังไงก็ทำอย่างนั้น อย่าดื้อเทียน”
ครั้งนี้มีเรียกชื่อเว้ย ผมเลยจำใจต้องยอมอาบทั้งอย่างนั้นจริงๆ แอบแปลกใจอยู่เล็กน้อยว่าทำไมตอนอาบน้ำพี่เหนือมันจะต้องยืนบังยืนขวางผมตลอด แม้กระทั้งตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าก็คอยยืนบังให้ ทำอย่างกับผมเป็นสาวๆแหนะ


หลังจากอาบน้ำผมก็ถูกพี่ๆเรียกไปแต่งตัว วันนี้มีละครเปิดค่ายอย่างเป็นทางการ น้องๆจะมาพร้อมกันที่ลานประชุมตอนเก้าโมงเพื่อร่วมพิธีเปิดค่ายอาสาพัฒนา จากนั้นก็จะเป็นการแสดงละครของเหล่าชาวค่าย ผมถูกรุ่นพี่ผู้หญิงสองคนช่วยกันรุมแต่งหน้าให้ซึ่งคนๆคนั้นก็คือ พี่เดหลีแฟนพี่เหนือและพี่เนเน่ไม่รู้แฟนใคร ถ้ายังไม่มีผมอาจจะขอเคลมมือนิ๊มนิ่ม พี่สองคนเล่าให้ฟังว่าเธอขอตามมาค่ายด้วย พี่เดหลีอยากมาหาพี่เหนือส่วนพี่เนเน่ของผมอยากมาซึบซับบรรยากาศเธอเองก็มีเพื่อนเป็นเด็กวิศวะหลายคนเลยขอตามมาด้วย

“เทียนแต่งหน้าออกมาแล้วดูสวยมากเลยรู้ไหม”
พี่เนเน่พูดพร้อมส่งกระจกให้ผมดู เห็นแล้วโคตรหล่อนผมเลยรีบคืนกระจกพี่เนเน่ไป
“อย่างผมเหมาะกับคำว่าหล่อเท่านั้นพี่”
“น้องเทียนนี่น่ารักจังไม่เห็นเหมือนเด็กวิศวะซักนิด”
พี่เดหลีชมผมพร้อมกับเชยปลายคางผมขึ้น บิดซ้ายทีขวาทีพร้อมยิ้มน่ารักส่งให้ผม

“ทำอะไรกัน”
พี่เหนือเข้ามาคว้ามือพี่เดหลีออกก่อนจะหันมาถลึงตาใส่ผม คือกูเปล่าปะวะพี่ กูเปล่าอ่อยแฟนมึงนะ
“เดหลีแค่เห็นว่าน้องน่ารักดี พี่เหนือหึงหรอคะ”
พี่เดหลียิ้มน่ามองหลังจากที่แหย่แฟนตัวเองเสร็จ แต่ทว่าพี่เหนือท่าจะไม่มีอารมณ์ร่วมด้วย เอาแต่จ้องผมด้วยสายตาน่ากลัว
“ขอบคุณพี่สองคนมากนะครับ ถ้าเสร็จแล้วผมขอตัวไปหาเพื่อนก่อนกระเทยเรียกซ้อมด้วยไปช้าเดี๋ยวผมโดนด่า”
ผมรีบชิ่งทันทีที่โอกาสมาถึง พี่เหนือทำท่าจะเดินตามแต่พี่เดหลีคว้าแขนไว้ก่อน ผมได้แต่ขอบคุณพี่เดหลีในใจขืนปล่อยพี่เหนือให้เดินตามผมมา ผมคงโดนพี่มันกระทืบแน่ ที่พี่มันเคยบอกว่ามันหึงโหดคงเป็นเรื่องจริง

“น้องสาวจะไปไหนครับ ให้พี่เดินไปเป็นเพื่อนไหม”
ทันทีที่ผมเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆบริเซณหน้าเวทีก็โดนโห่แซว
“กวนตีน”
ผมด่าแล้วทิ้งตัวนั่งข้างไอเจง มองดูเพื่อนๆช่วยกันเซ็ทฉากการแสดงอยู่หน้าเวที
“โหยย น้องเพี้ยนนี่น้องเพี้ยนของพี่จริงๆใช่ไหมเนี่ย”
พี่เพลิงเดินยิ้มมาแต่ไกล พวงด้วยพี่ปิง และพี่สอง ผมเลยยกมือไหว้ตามมารยาท
“น้องเทียนสวยจังครับ”
“พอเถอะครับพี่สอง ยิ่งชมผมยิ่งหลอนตัวเองหว่ะ”
ผมเริ่มประหม่าแล้ว หล่อนกับคำว่าสวยด้วย ผมที่กำลังมองพี่เพลิงพี่ปิงคุยงานกับพวกที่เซ็ทฉากเพลินๆ พี่สองก็เดินมาสะกิดผมเบาๆ พอหันไปก็โดนพี่สองโอบไหลก่อนจะกดถ่ายรูปผมคู่กับตัวเองผ่านโทรศัพท์
“พี่ขอรูปนึงนะครับ”
พูดแค่นั้นพี่สองก็ก้มมองรูปในมือถือก่อนจะเดินจากไป อะไรของเขาวะ และแล้วเวลาที่ผมไม่อยากให้มาถึงก็มาถึงจนได้
ผมเดินขึ้นเวทีพร้อมกับเสียงปรบมือ และเสียงโห่แซวของบรรดามิตรรักแฟนเพลง ผมดำเนินบทของตัวเองไปตามที่ได้ซักซ้อม
เสียงหัวเราะและเสียงปรบมือเป็นระยะทำให้ผมรู้สึกหึกเหิม ผมตั้งใจเล่นในส่วนของผมจนกระทั่งมาถึงฉากที่ต้องไปร่วมงานเต้นรำ ผมเดินผ่านประตูวังเข้ามาก็พบกับเจ้าชายร่างสูงโปรงยืนหันหลังให้อยู่ วันนี้เจ้าชายของผมที่รับบทโดยไอยอดดูออร่าจับแปลกๆ แถมยังขาวกว่าทุกวันด้วย แต่พอเจ้าชายหันหน้ามากลับทำผมประหลาดใจหนักยิ่งกว่าเดิมเพราะว่าเจ้าชายของผมในวันนี้ไม่ใช่ไอยอดหากเป็นพี่ทอยจากคณะแพทย์ต่างหาก ผมส่งยิ้มน้อยๆให้พี่ทอย ก่อนจะถูกลากออกมากลางเวทีเพื่อนขอเต้นรำ
“วันนี้เทียนสวยจริงๆด้วย ถือว่าพี่ตัดสินไม่พลาดที่ขอรับบทนี้แทนยอด”
“เอ่อ ครับ”
ผมตอบได้แค่นั้นเพราะ กำลังจะเข้าบทของตัวเอง พี่ทอยขอผมเต้นรำ แต่ในเรื่องคำดอยเต้นรำไม่เป็นไง คำดอยต้องดึงดาว อายก็อายครับ แต่ทำไงได้ผมต้องทำเพราะมันคือการแสดง พี่ทอยหัวเราะหน้าแดง แถมยังเต้นตามผมด้วย เรียกได้ว่าฉากนั้นมีแต่เสียงหัวเราะ พร้อมกับเสียงโห่แซว และแล้วฉากสุดท้ายก็มาถึงเจ้าชายคุกเข่าลงตรงหน้าคำดอยพร้อมกับเอ่ยขอแต่งงาน
ผมยื่นมือออกไปข้างเมื่อเจ้าชายยื่นมือออกมาให้ผมจับ เจ้าชายมองหน้าผมพร้อมยิ้มที่แสนจะอ่อนโยน บทนี้พี่ทอยเล่นได้ดีมากครับเล่นซะผมที่เป็นผู้ชายยังเขินได้ พี่ทอยกดจูบเบาๆลงบนฝ่ามือของผมก่อนจะลุกขึ้นช้าๆทั้งที่มือของคำดอยและเจ้าชายยังคงผสานกันอยู่
“แต่งงานกับข้านะคำดอย”
บทนี้เรียกเสียงหวีดจากคนดูได้ค่อนข้างเยอะ ทั้งเสียงกรี๊ด เสียงผิวปาก เสียงโห่จัดเต็มหมด
“เจ้าค่ะ ข้าจะแต่งงานกับท่าน”
จริงๆพอจบตรงนี้ม่านจะต้องเลื่อนลงมาปิดเลยนะครับ แต่ทว่าก่อนม่านจะปิดพี่ทอยยิ้มทั้งดวงตาประทับจูบเบาๆลงบนหน้าผากของผมก่อนจะกอดผมในเวลาต่อมา ฉากนี้ผมถูกกอดโดยหันหน้าไปทางเวที นอกจากสายตาล้อเลียนจากเพื่อนๆที่ผมเห็นแล้ว ยังมีสายตาไม่พอใจอีกหนึ่งคู่ที่จ้องมองผมอยู่ไกลๆ ผมพยายามยิ้มให้คนๆนั้นแต่ทว่าม่านก็ถูกปิดลงเสียก่อน เป็นการปิดฉากของละครเรื่องนี้โดยสมบูรณ์









-----------------------------------------------------------

แล่วๆๆ สายตาคู่นั้นที่มองมาไกลๆนี่มันใครหว่า 5555 อยากรู้ต้องรอตอนต่อไปจ้า


ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

ขำน้อง หุยยยพี่หมอหล่อเล่นจริงจูบจริง

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

สายตาคู่นั้น  น่าจะเป็นของพี่เหนือ  หรือไม่ก็ตัวละครลับกิ๊กพี่ทอย  อิอิ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
อ่ะจ้า มีสายตาคนหวงด้วย

ออฟไลน์ wookyu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 119
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3


                                                                     -15-

มากไปแล้ว ผมมองคนสองคนที่ยืนกอดกันบนเวทีด้วยความรู้สึกไม่พอใจ และครั้งนี้ดูเหมือนจะมากกว่าทุกครั้ง ผมไม่รู้ว่าไอเพี้ยนมันไปรู้จักไอทอยได้ยังไง ผมไม่รู้ว่ามันสนิทกันมากขนาดไหน ทำไมไอทอยจะต้องพาตัวเองไปอยู่ในสายตาไอเพี้ยนเสมอ ทั้งๆที่มันเป็นคนที่ไม่ชอบทำกิจกรรมอะไรทั้งนั้น หลังจากละครบ้าๆนั่นจบผมก็เดินไปหาไอคนที่กำลงทำให้ผมหงุดหงิดอยู่ ณ ตอนนี้ เสียงหัวเราะ เสียงแซวทั้งของบรรดาเพื่อนมันและเพื่อนผม ทำให้ความหงุดหงิดที่มีอยู่แล้วเพิ่มขึ้นไปอีก หลังเวทีกำลังวุ่นวาย ผมเห็นไอเพี้ยนกำลังจะทำอะไรซักอย่างกับชุดกระโปรงที่มันใส่ มันทำหน้ายุ่งขึ้นเรื่อยๆมือก็พยายามเอื่อมไปข้างหลัง ผมรีบเร่งฝีเท้าไปหามันก่อนที่ใครบางคนจะเดินมาถึงเสียก่อน

“เดี๋ยวกูช่วย”

ผมที่เดินไปถึงก่อนไอทอยก้มกระซิบข้างหูของไอเพี้ยน มันย่นคอหลบผมเล็กน้อยก่อนจะยอมยยืนนิ่งๆให้ผมช่วยรูดซิปให้ ผมเหลือบไปมองอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล ไอทอยมองผมด้วยสายตาแปลกๆ ครั้งนี้มันไม่ยิ้มหรือทักทายผมอย่างที่ควรจะเป็น
 
“ขอบคุณพี่”

เสียงไอเพี้ยนดึงความสนใจผมกลับมาที่มันอีกครั้ง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเครื่องสำอาจทำให้มันดูน่ารักก็จริง แต่ผมไม่ชอบ และก็ไม่อยากให้มันแต่งหน้าแบบนี้อีก ผมไม่อยากให้ใครเห็นความน่ารักของมัน ยิ่งมันยิ้มก็ยิ่งน่ารัก น่ารักจนผมโกรธ โกรธที่มันทำหน้าอย่างนี้ให้ทุกคนเห็น ผมควรจะเป็นคนเดียวที่มันยอมให้เห็นสิ

“รีบไปลบหน้าซะ ปกติก็น่าเกียจอยู่แล้วยังจะเสือกแต่งหน้าอีก”

ไอเพี้ยนทำปากหมุบหมิบแล้วยื่นหน้ายืนตาใส่ผม จงใจยั่วให้ผมโมโห ผมหันหน้าหนีมันไม่ใช่เพราะโกรธ แต่เป็นเพราะผมเขินมันต่างหาก ลองไหมครับลองมาเจอคนน่ารักยื่นหน้ามาใกล้ๆแบบผมดูไหมจะได้รู้ว่าเขินแค่ไหน

“ไม่ได้อยากแต่งซักหน่อยกระเทยมันบังคับ”

ไอเพี้ยนทิ้งไว้แค่นั้นแล้วเดินไปยังห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกลจากหลังเวที ผมเลยเดินตามมันไปโดยไม่ลืมคว้าทิชชู่แถวนั้นติดมือไปด้วย

“ลบยากเหี้ย นี่รองพื้นหรือปูนวะที่เอามาโบกหน้ากูเนี่ย”

เสียงมันบ่นระหว่างขจัดคราบเครื่องสำอาจออกจากหน้า ผมยืนมองมันเงียบๆพอมันล้างหน้าเสร็จผมก็ยื่นกระดาษทิชชู่ให้มัน

“ขอบคุณพี่กำลังต้องการเลย”

ไอเพี้ยนรับทิชชู่ไปซับหน้าตัวเองอย่างลวกๆ ก่อนจะถอดชุดกระโปรงพรวดเดียวต่อหน้าผมสวมเสื้อยืดที่มันติดตัวด้วยท่าทีสบาย แต่แม่งทำอะไรไม่สงสารใจกูเลย เมื่อเช้าก็ทีแล้ว คิดแล้วก็โมโหอีกถ้าผมไม่ลุกตามมันออกไปก็ไม่มีทางรู้เลยว่ามันจะไปอาบน้ำพร้อมไอทอย มันคงจะแก้ผ้าโชว์ความขาวของมันให้ไอทอยดูโดยที่มันไม่รู้ตัวแน่ๆว่าคนอื่นเขามองมันแล้วคิดไปถึงไหน ขนาดเมื่อเช้าผมยังแอบคิดเลยว่าผมอยากลองสัมผัสผิวขาวๆของมัน
 
“อย่าเที่ยวแก้ผ้าต่อหน้าคนอื่นอีกไม่งั้นมึงโดนดีแน่”

ผมคาดโทษมัน ไอเพี้ยนทำหน้างง ตามแบบฉบับมันปากเล็กตั้งถ้าจะพูด แต่เป็นผมเองที่หันหลังหนีมันเสียก่อน กูรู้ว่ามึงจะถามอะไร แต่กูไม่มีคำตอบให้มึง เหมือนที่กูไม่มีคำตอบให้ตัวเอง ใช่ครับผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมรู้สึกมันคืออะไร ความหงุดหงิดที่มีมันเป็นสาเหตุมันเกิดขึ้นเพราะอะไร ผมยอมรับว่าผมเอ็นดูมันไม่น้อย ชอบที่มันเป็นคนซื่อๆ ชอบที่มันเป็นคนร่าเริง ชอบความโลกสวยของมัน ชอบที่มันเป็นตัวของตัวเองเสมอ เพราะความเอ็นดูเหล่านั้นหรือเปล่าผมถึงได้เริ่มห่วงมัน เริ่มหวงมัน เริ่มไม่อยากให้ใครรู้สึกเอ็นดูมันออกนอกหน้า ความรู้สึกที่ไม่มีชื่อเรียกนั้นผมไม่รู้จะอธิบายมันออกมาเป็นคำพูดยังไงดี

จบพิธีเปิดค่ายพวกผู้ชายก็แยกกันไปทำงานที่ค้างไว้เมื่อวานต่อ ส่วนพวกผู้หญิงก็มีหน้าที่ให้ความรู้ความสนุกน้องๆตามฐานกิจกรรม พอช่วงบ่ายพวกผู้ชายที่ไปใช้แรงงานก็เดินกลับมาที่ลานประขุมเพื่อพักกินข้าว ผมเดินมากับไอโอบ ไอเพลิง ไอป้อง และก็ไอเป้เพื่อนผม เดินเข้ามาได้หน่อยเดียวเดหลีคนที่ผมไม่อยากเจอที่สุดก็เดินเข้ามาหาผมพร้อมกับน้ำเย็นๆในมือ

“เหนื่อยไหมคะพี่เหนือ”

“ไม่เท่าไหร่ แล้วเมื่อไหร่จะกลับ ไม่มีเรียนหรอ”

เดหลีทำหน้างอเมื่อผมถามในสิ่งที่อยากรู้ออกไป การมาของเธอผมไม่ได้รู้เรื่องมาก่อน เธอรู้ว่าผมจะออกค่ายก็ตอนที่เธอไปหาผมที่คณะและเจอผมที่ลานกิจกรรม ผมบอกว่าจะไปที่ไหนเพราะเธอถาม แต่ผมไม่ได้ชวน

“ทำไมพี่เหนือใจร้ายกับเดหลีจังคะ”
เดหลีทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ เพื่อนๆผมที่เดินมาด้วยกันเลยขอแยกไปก่อน และคนที่มันตะโกนทักคนแรกก็ดันเรียกความสนใจจากผมได้เป็นอย่างดี

“น้องเทียนคนสวยของพี่โอบ”

ไอเพี้ยนที่พึ่งจะเดินกลับเข้ามาเมื่อเจอเพื่อนๆผมทักมันก็ยิ้มกว้างแล้วยกมือไหว้เพื่อนผมทุกคน ผมไม่ได้ยินว่าพวกมันคุยอะไรกันบ้าง เพราะผมยืนห่างจากพวกมันพอสมควร ไอเพี้ยนและเพื่อนเดินไปหาที่นั่งรวมกับเพื่อนผม ระหว่างที่ไอเพี้ยนกำลังนั่งคุยหัวเราะของมันไปเรื่อย กล่องข้าวพร้อมกับน้ำขวดหนึ่งก็ถูกส่งมาให้มัน

“โห่ อะไรวะพี่อยู่นั่งอยู่เป็นสิบแต่เอาข้าวมาให้ไอเพี้ยนคนเดียวนี่นะ โคตรลำเอียงอ่ะ”

“ก็ข้าวน่องไก่ทอดมันเหลือกล่องเดียว พี่เห็นว่าเทียนชอบเลยหยิบมาให้”

“ขอบคุณครับพี่สอง แล้วพี่กินหรือยังครับ”

สองขาผมพาตัวเองดินมาหยุดตรงหน้าไอเพี้ยนทันทีที่เห็นไอรุ่นพี่คิดไม่ซื่อของมันยื่นกล่องข้าวให้ไอเทียน ผมมองไอเทียนที่กำลังนั่งกินข้าวกล่องนั้นด้วยอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนที่ผมจะทันคิดอะไรมือหนาของผมก็เอื้อมมือไปคว้ากลอ่งข้าวไอเทียนมากินเองเสียแล้วท่ามกลางสายตาที่แสดงถึงความแปลกใจของทุกคนที่อยู่ตรงนั้น

“กูก็ชอบน่องไก่ทอด”

ผมพูดแค่นั้นแล้วเดินแทรกเข้าไปนั่งข้างไอเทียนเบียดเพื่อนมันที่ชื่อเผือกให้ขยับออกไป ไอสองมองผมด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แต่ผมเลือกที่จะยิ้มมุมปากกลับไปให้มันแทน

“ใช่หรอวะมึงชอบน่องไก่ หรือมึงหวงไก่มึงกันแน่”

ไอโอบแซวพร้อมยิ้มล้อเลียน ผมแอบเห็นเพื่อนไอเทียนมองหน้ากันแปลกๆเหมือนอยากจะถามแต่ก็ไม่กล้าถาม ส่วนไอเพี้ยนนะหรอ มันทำแค่บ่นเรื่องที่ผมแย่งข้าวมันกิน ไม่ได้คิดหรือเข้าใจสถานะการณ์อะไรทั้งนั้น
 
“เดี๋ยวพี่ไปเอามาให้ใหม่ เทียนกินเผ็ดได้ไหม”

“ไม่เป็นไรครับพี่สองเดี๋ยวผมไปเอาเองดีกว่า ขอบคุณมากนะครับ”

ไอสองพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายแล้วเดินจากไปโดยไม่ลืมทิ้งสายตาอาฆาตไว้ที่ผม อะไรที่มงคิดจะทำก็แล้วแต่กูสาบานว่ามันจะไม่มีวันเกิดขึ้น กูไม่ยอมให้มึงเข้ามายุ่งกับไอเพี้ยนอีกแน่

“ขี้แย่งหว่ะ”

ดูความเด็กของมัน ไอเพี้ยนมองค้อนผมก่อนจะเดินตามเพื่อนมันไปหยิบกล่องข้าว

“ชัดเจนขนาดนี้ มึงยังจะเถียงพวกกูอีกไหมว่ามึงไม่ได้คิดอะไรกับน้องมัน”

ไอพลเอ่ยแล้วมองผมด้วยสายตาของผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่า แต่ผมเลือกที่จะไม่พูดอะไร มันอยากคิดอยากเข้าใจอะไรก็เรื่องของพวกมัน

“อย่าลืมตัวแปรสำคัญอย่างเดหลีนะ มึงอย่าลืมว่าเดหลีกับมึงไม่ได้เป็นแค่แฟนกัน”

ผมไม่ได้ลืมและไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย เดหลีเป็นแค่ว่าที่คู่หมั่นซึ่งผมอาจจะไม่หมั่นกับเธอก็ได้ ทุกอย่างเป็นแค่การตัดสินใจของผู้ใหญ่ แต่มันไม่ใช่การตัดสินใจของผม
“พูดถึงก็เดินมาโน่นแล้ว”

ไอลพโบ้ยปากไปยังเดหลีที่กำลังเดินมาหาผมด้วยสีหน้าบึ่งตึง
“พี่เหนือเดินหนีเดหลีมาทำไมคะ แค่พี่ไล่เดหลีกลับเดหลีก็เสียใจมากพออยู่แล้ว ทำไมต้องเดินหนีกันด้วย”

“อย่างี่เง่า”

ผมบอกแค่นั้นแล้วก้มลงกินไก่ทอดฝืดในจานต่อ

“เหนือน้องมันจะร้องไห้แล้ว”

ไอป้องที่นั่งใกล้ผมที่สุดกระซิบบอก แต่ผมก็ไม่คิดที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองเธอ สิ่งที่เธอทำมันก็แค่ละครฉากหนึ่งใครจะเชื่อก็เชื่อผมคนนึงที่จะไม่มีวันหลงกลเธอแน่นอน

“พี่ๆครับเหลือแต่กระเพราครับ แดกไม่ได้ก็ฝืนๆหน่อยแล้วกันนะครับ”

ไอเพี้ยนเดินส่งเสียงมาก่อนตัวพร้อมกับกล่องข้าวจำนวนหนึ่ง

“อ้าวพี่เดหลี เอ่อกินข้าวยังครับ ถ้ายังผมเดินไปเอาให้ไหม”

ไอเพี้ยนถามเดหลีที่ยืนอยู่ตรงหน้า เดหลีส่ายหน้าให้แทนคำตอบไอเพี้ยนเลยไม่เซ้าซี้อะไรมันเดินไปทิ้งตัวนั่งข้างเพื่อนมันแล้วเปิดกล่องข้าวกิน แต่เดี๋ยวทำไมมันถึงได้น่องไก่ทอดอีก ไหนบอกว่าเหลือกล่องสุดท้าย

“อ้าวไหนบอกว่าข้าวน่องไก่ทอดหมด แล้วน้องเทียนทำไมได้ไก่ทอดอีก”

“พี่ทอยยกข้าวกล่องนี้ให้ผมครับ”

ผมตวัดสายตาไปมองไอเพี้ยนทันที มึงนี่แม่งละสายตาหน่อยไม่ได้เลยจริงๆ เผลอทีไรเป็นต้องมีแมลงน่ารำคาญมาเกาะ หงุดหงิดอีกแล้วกู

“ถ้าชอบแดกน่องไก่ขนาดนั้น วันหลังกูทอดมาให้แดกแล้วแดกไม่หมดกูจะเอาน่องไก่ตีหน้ามึง ไอแรด”



--------------------------------------
อีพี่เหนือคนมึน 2018

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
ปากดีจริงๆพี่เหนือ
ยอมรับว่าชอบน้องซะ
แล้วก็กำจัดเดหลีไปให้ห่างๆน้องด้วย
 :L2: :L2:

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
เดี๋ยววววว ไอพี่ หึงน้องออกหน้าออกตาขนาดนั้นน้องรู้เรื่องรึยังเหอะ สงสาร 55555

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่...แค่นี้ยังไม่รู้ใจตัวเองอีกเหรอ? อิพี่เหนือ  หึงเรี่ยราดขนาดเน้เนี่ย

ออฟไลน์ wookyu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 119
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
ปากดีจริงๆพี่เหนือ
ยอมรับว่าชอบน้องซะ
แล้วก็กำจัดเดหลีไปให้ห่างๆน้องด้วย
 :L2: :L2:

ใจเย็นๆคะ นี่อีพี่เหนือมันก็เริ่มทนไม่ไหวแล้ว เตรียมเจอบทรุกของอีพี่เหนือได้เลย

ออฟไลน์ rk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
ชอบเรืองนี้มากๆ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Piggyyoungy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คิดถึงความซึนของสั้น คนของเหนือนทีแล้ว

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ KoROGeFeE

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สนุกค่าชอบบบ ไม่เชียร์พี่เหนือหมั่นไส้ขอเชียร์พี่ทอยนะคะอิอิ


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ wookyu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 119
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
                                                           -16-

“พี่เหนือกับมึงมีอะไรมากกว่าที่พวกกูรู้ไหม”

คำถามอะไรของมึงวะ ผมมองไอคนถามด้วยสีหน้าแปลกใจ มือทาสีเก้าอี้ไปเรื่อยหลังจากข้าวกลางวัน พวกผู้ชายก็กลับมาใช้แรงงานต่อตามหน้าที่ของตัวเอง เช่นเดียวกับผมและไอเผือกตอนนี้ ผมกำลังช่วยกันทาสีโต๊ะเรียนให้น้องๆใหม่หลังจากที่ซ่อมแซมให้สามารถใช้งานได้เหมือนเดิมแล้ว
 
“มากกว่าอะไรของมึงว่ะเหี้ยเผือก”

“ก็พี่เขาดูหวงมึงแปลกๆ นี่ถ้ามึงไม่บอกว่าพี่เขาช่วยเป็นแฟนมึงตบตาแก้ม กูนึกว่ามึงสองคนเป็นแฟนกันจริงๆ”

“คิดห่าอะไรของมึงกูไม่เห็นว่าพี่มันจะอะไรกับกูเลย”

ไอเผือกวางค้อนแล้วเอามือมาตบกบาลผมอย่างแรง เน้นครับว่าแรงและก็เจ็บด้วย

“ตบหาพ่อมึงหรอ สัสเจ็บนะเว้ย”

“มึงอย่าคิดนะว่าที่มึงนอนกอดกันกลมจะไม่มีใครเห็น ไหนจะเรื่องเช็ดผมให้มึงเมื่อคืนอีก”

นอนกอดกูพอจะนึกออก แต่เช็ดหัวนี่คืออะไรตอนไหน

“เช็ดหัวอะไรวะ”

“เมื่อคืนมึงสระผมและกลับเข้ามานอนทั้งหัวเปียกๆ มึงหลับไปได้พักเดียวกูเดินกลับมาจากเข้าห้องน้ำเห็นพี่เหนือเอาผ้าขนหนูเช็ดหัวมึงอยู่ แบบนี้มึงจะให้กูคิดยังไง”

ผมคิดตามคำพูดไอเผือก มันก็จริงครับที่ก่อนจะหลับผมรู้สึกสบายหัวเหมือนมีใครกำลังเล่นหัวผมอยู่ แต่ก็ไม่ได้เอะใจคิดว่าตัวเองฝัน ไม่คิดว่าพี่มันจะนึกครึ้มใจดีมาเช็ดหัวให้
 
“คิดมากไปเปล่ามึง”

“กูไม่ได้คิดมาก มึงต่างหากที่คิดน้อย ไอควาย”

บทสนทนาระหว่างผมกับไอเผือกจบลงแค่นั้น เมื่อพี่สองเดินเข้ามาในห้อง ผมกับไอเผือกไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ต่อ ต่างช่วยกันทำงานไปจนหมดวัน



      ในที่สุดวันสุดท้ายของการจัดค่ายก็ดำเนินมาถึง พวกผมพาน้องๆมาดูห้องเรียนที่ช่วยกันทำให้ใหม่ น้องๆรวมไปถึงอาจารย์ต่างพากันยิ้มดีใจ พากันเดินสำรวจห้องกันด้วยท่าทางตื่นเต้น น้องบางคนดีใจถึงขนาดนอนเอาหน้าแนบพื้นห้องกลิ้งไปกลิ้งมาเป็นภาพที่พวกเราชาวค่ายเห็นแล้วทำให้หายเหนื่อย ในส่วนของห้องสมุดก็ไม่แพ้กัน น้องๆได้ห้องสมุดใหม่โดยที่มีหนังสือเรียนและสื่อการเรียนรู้อีกหลายอย่างเพิ่มเข้ามาในห้องสมุดด้วย รวมไปถึงโมเดลร่างกายมนุษย์ที่ผมกับพี่เหนือช่วยกันลงสี คุณหมอหมี และคุณพยาบาลเห็นหมี เอ้ยคุณหมีในชุดพยาบาลตัวนั้นด้วย นอกจากนั้นทางมหาลัยของเรายังมีอุปกรณ์การศึกษา พวกสมุดหนังสือเรียน อุปกรณ์การกีฬาอีกหลายอย่างมามอบให้ทางโรงเรียน รวมไปถึงทุกการศึกษาจำนวนหลายทุนมอบให้กับนักเรียนที่เรียนดีแต่ยากจนด้วย เย็นวันนั้นพวกเราทุกคนร่วมกันเล่นกิจกรรมกับน้องๆเป็นวันสุดท้าย ก่อนจะปล่อยน้องๆให้กลับบ้านหลังจากที่อยู่นอนในค่ายกับเรามาร่วมอาทิตย์ คืนในวันเดียวกันเราชาวค่ายก็มีปาร์ตี้เล็กๆเลี้ยงปิดค่าย โดยอนุญาติให้ดื่มแอลกอฮอล์ได้เต็มที่ อาหารการกินก็มีอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนจัดให้เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆตอบแทนพวกเราชาวค่ายทุกคน

“ทุกคนครับหยุดแดกแล้วฟังทางนี้นิดนึง”

พี่ปราบพูดผ่านไมค์ลอยที่พี่แกพกตลอดตั้งแต่มาค่าย เรียกความสนใจพวกเราให้มองยังต้นเสียง
“ขอบคุณเพื่อนๆน้องๆทุกคนที่ทำให้ค่ายดำเนินมาถึงวันสุดท้ายด้วยดีแบบนี้ และเพื่อเป็นการขอบคุณวันนี้เรามีแสดงดีๆจาก

เหล่านางฟ้ามาให้ชม หวังว่าเพื่อนๆและน้องๆจะมีความสุขกับการแสดงนี้นะครับ”

พี่ปราบพูดจบไฟในงานก็ดับลง ไม่กี่อึกใจต่อมาไฟก็เปิดขึ้นพร้อมกับแกงค์นางฟ้าในชุดเต็มยศยืนสง่าอยู่กลางเวลา เพียงแค่ได้เห็นเหล่านางฟ้า เสียงโห่ไล่ก็ดังมาจากทั่วสารทิศ พอจะเดาออกแล้วใช่ไหมครับว่านางฟ้าที่หมายถึงคือนางฟ้ากลุ่มไหน

“โถ่ไอเหี้ยนั่นมันผีห่าซาตาน นางฟ้าขี้เกลืออะไรของพี่ปราบมันวะ เสียสายตาหมด”

ผมหัวเราะให้กับคำพูดของไอเผือก ก่อนจะมองกลับขึ้นไปบนเวทีตามเดิม เมื่อการแสดงจบลง พวกผมก็พากันไปนั่งกินเหล้าที่โต๊ะเดียวกับพี่เพลิง ในโต๊ะนั้นประกอบไปด้วยพี่เพลิง พี่ปราบ พี่ปิง พี่สอง พี่นัท ที่นั่งอยู่ฝั่งเดียวกัน อีกฝั่งก็มีพี่โอบ พี่พล พี่เป้ พี่ป้อง  พี่เดหลี พี่เหนือ และก็พี่ทอย

“นั่งด้วยนะครับพี่”

ไอเจงวก่อนจะลากเกาอี้มาเสริม ผมกับไอเผือกเลยเดินไปลากมานั่งบ้าง

“เขยิบมานั่งตรงนี้ก็ได้ครับเทียน”

พี่ทอยบอกอย่างมีน้ำใจเมื่อเห็นว่าผมหาที่ลงยังไม่ได้ ผมพยักหน้ารับแล้วเดินไปนั่งตรงที่ว่างข้างพี่ทอย

“พี่เหนือเดหลีอยากกินกุ้งพี่เหนือแกะให้หน่อยได้ไหมคะ”

พี่เดหลีเกาะแขนอ้อนพี่เหนือให้แกะกุ้งให้ด้วยท่าทางน่ารัก พี่เหนือทำหน้าขัดใจ แต่พอเจอลูกอ้อนเข้าไปสองสามครั้งก็ใจอ่อนยอมแกะกุ้งให้ และวางลงในจากของพี่เดหลี

“ขอบคุณนะคะพี่เหนือ พี่เหนือน่ารักที่สุดเลย”

พี่เดหลียืดตัวขึ้นไปหอมแก้มพี่เหนืออย่างต้องการเอาใจ พี่เหนือดูเหมือนจะตกใจเล็กน้อย ก่อนจะหันหน้ามามองผมที่จิ้มกับแกล้มเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆอยู่

“เทียนได้ข่าวว่าวันแสดงละครแต่งตัวสวยนี่หว่า เสียดายกูไม่ได้เห็นเลย”

พี่ปราบมันทำหน้าเสียดาย ในขณะที่พี่ๆคนอื่นๆช่วยกันสำทับโอ้อวดว่าได้เห็นผมในคราบผู้หญิง สวยอย่างนั้น น่ารักอย่างนี้

“แต่กูมีรูปน้องหว่ะ อยากเห็นไหม”

พี่สองบอกก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดรูปที่พี่มันถ่ายผมตอนเผลอส่งให้พี่ปราบดู
“เหี้ยน่ารักโคตรๆ แล้วมึงแหมไอสอง ไอหน้าแมวมึงคิดจะเคลมน้องกูจริงๆใช่ไหม ทำไมต้องโอบเอวแบบนั้นด้วย”

พี่สองไม่ตอบโต้ทำเพียงยกมือขึ้นมาเกาแก้มแก้เขิน พวกพี่นี่ก็คิดเยอะไป เคลมห่าอะไรผู้ชายด้วยกันจะมาพิศวาสกันเองให้เสียชาติชายทำไม ผมไม่ได้สนใจหัวข้อสนทนาอันไร้สาระนั้นเท่าที่ควรแม้มันจะเป็นเรื่องของผมเองก็ตาม ผมยังคงส่งกับแกล้มเข้าปากไปเรื่อย พอเงยหน้าขึ้นมาก็เจอสายตาพิฆาตของพี่เหนือเล่นงานทันที มิหน้าถึงได้รู้สึกร้อนๆหนาวๆแปลกๆ

“มึงอีกตัวไอทอย อย่าคิดนะว่ากูไม่รู้ว่ามึงเล่นนอกบท เจอความน่ารักของน้องกูเข้าไปหน่อยเคลิ้มเลยนะมึง”

พี่ทอยยิ้มกว้างแล้วหันมามองผมที่นั่งอยู่ใกล้ตัว มือหนายกขึ้นมาวางบนหัวผมอย่าถือวิสาสะ

“เด็กมันน่ารัก จะแค่กอดก็เสียดาย”

“ฮิ้วววววววว อันนี้จริงจังหรือยังไงพี่”

“พี่ไม่ชอบพูดเล่นหว่ะ”

ปัง!!

เสียงแก้วกระทบกับโต๊ะอย่างแรง ทุกเสียงหัวเราะเมื่อครู่เงียบลงแทบจะในทันที ก่อนจะเบนสายตาไปยังต้นตอของเสียง พี่เหนือกำแก้วในมือแน่น มองพี่ทอยด้วยสายตาที่น่ากลัว ในขณะที่พี่ทอยเองก็มองตอบอย่างไม่ลดละ

“พี่เหนือเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”

“อย่ายุ่งกับคนของกู”

พี่เหนือทิ้งไว้แค่นั้นแล้วลุกจากโต๊ะไปเลย อะไรของพี่เขาวะ ใครไปยุ่งกับพี่เดหลีตอนไหน ผมเห็นบนโต๊ะนี้ยังไม่มีใครพูดถึงพี่เดหลีเลยซักคน พี่มันก็หวงเกินเบอร์หว่ะ

“ศึกชิงนางก็มา”

“พี่เหนือแม่งก็ขี้หวงเกิน ผมยังไม่เห็นมีใครไปยุ่งกับพี่เดหลีเลย หวงแบบนี้ไม่จับพี่เดหลีล่ามโซ่ไว้ที่บ้านเลยวะ อุ๊ย!!”

ผมตระครุบมือปิดปากแทบไม่ทันที่หันมาเจอหน้าเจือนๆของพี่เดหลี

“มึงมันโง่ไอเทียน”

แถมผมยังโดนเพื่อนด่าอีก พวกผมนั่งกินเหล้าต่อกันอีกซักพัก ก็เริ่มทยอยกันกลับเข้าไปนอนพรุ่งนี้ต้องเดินทางกลับแต่เช้า

“เทียนพี่ขอคุยด้วยหน่อยสิ”

“ครับพี่”

ผมหันไปบอกไอเจง ไอเผือกให้กลับที่พักไปก่อน ส่วนผมก็เดินตามพี่เดหลีไปอีกทาง

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

พี่เดหลีหยุดมองหน้าผมเหมือนกำลังใช้ความคิด ก่อนจะยอมบอกเหตุผลที่เรียกผมออกมา

“เรื่องของพี่เหนือ พี่เห็นว่าเทียนดูสนิทกับพี่เหนือดี เลยอยากจะวานให้ช่วยอะไรซักหน่อย”

พี่เดหลีใช้อะไรมองวะว่าผมสนิทกับพี่เหนือ เจอหน้ากันแต่ละครั้งไม่โดนใช้ก็โดนด่า ไหนเล่าความสนิทที่พี่มองเห็น

“เอ่อ ผมไม่ได้สนิทมากไปกว่าเพื่อนพี่เหนือหรอกครับ ไม่รู้ว่าจะช่วยพี่เดหลีได้หรือเปล่า”

“ไม่สนิทได้ยังไง ปกติพี่เหนือไม่เคยกินข้าวร่วมกับใคร แต่วันนั้นพี่เห็นว่าเขาแย่งข้าวเรากิน นะเทียนนะช่วยพี่หน่อย”

พี่เดหลีจับมือผมขึ้นมาทำหน้าอ้อนวอน ผมเลยรีบชักมือออก พี่เขาเป็นผู้หญิงใครมาเจอแบบนี้เดี๋ยวก็เอาไปพูดไม่ดีพี่เขาจะเสียหายเอา และที่สำคัญของสำคัญเลย พี่เหนือคงกระทืบผมแน่ถ้าเห็นว่าผมจับมือแฟนมัน หวงแฟนซะขนาดนั้นมาเห็นผมคงตายคาตีน

“พี่จะให้ผมช่วยอะไรครับ”
“พี่กับพี่เหนือเป็นคู่หมั่นกัน พี่เลยอยากให้เราช่วยจับตาดูให้พี่หน่อยได้ไหมว่าช่วงนี้เหนือเขาสนใจใครเป็นพิเศษหรือเปล่า พี่กลัวพี่เหนือจะทิ้งพี่ไปทั้งๆที่เรากำลังจะหมั่นกัน”



หลังจากที่แยกกับพี่เดหลี ผมก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินกลับมาที่หอพัก ไอตอนบอกให้เพื่อนกลับก่อนผมก็ลืมคิดว่าตัวเองกลัวผี
พอต้องกลับคนเดียวแล้วแม่งโคตรน่ากลัวเลย กลัวจนจะร้องไห้แล้ว หมามึงก็มาหอนส้นตีนอะไรตอนนี้วะเนี่ย แค่นี้กูยังดูกลัวไม่พออีกใช่ไหม ผมเดินกอดตัวเอง หันมองซ้ายที ขวาที่อย่างระแวดระวัง ความกลัวมันเกิดขึ้นที่ใจเว้ยไอเทียน มึงไม่กลัวซะอย่างอะไรก็ทำมึงไม่ได้ ฮึกเหิมได้อยู่พักเดียวพอหมาหอนดังหน่อย ผมก็ใจฝ่อเหมือนเดิม ไอทางกลับที่พักนี่ก็ไกลบรม

“ไปไหนมาทำไมพึ่งกลับ”

เกือบจะหลุดกรี๊ด ไอเหี้ยพี่เหนือ ขอด่าทีเหอะคนยิ่งกลัวๆอยู่มึงทะลึ่งโผล่พวรดออกมาจากป่าทำซากอะไรวะ

“สัสพี่ ตกใจหมด”

ผมว่าพลางยกมือลูบหน้าอกตัวเองหวังให้ความตกใจเมื่อซักครู่มันเบาบางลง

“กูถามว่าไปไหนมา”

พี่เหนือมันขึ้นเสียง ก่อนจะเข้ามากระชากแขนผมด้วยแรงที่ไม่มากนักแต่ก็เจ็บครับ

“จะโมโหอะไรวะพี่ ผมแค่เดินไปส่งพี่เดหลีเฉยๆ สิ่งที่พี่คิดผมไม่มีวันทำหรอกสบายใจได้”

ผมตะคอกกลับนี่เป็นครั้งแรกเลยนะครับที่ผมกล้าขึ้นเสียงใส่พี่เหนือ พี่เหนือทำหน้าเหรอหรา เมื่อเจอผมในโหมดที่ไม่เคยเห็นมาก่อนแรงที่บีบรัดต้นแขนผมคลายออกแทบจะในทันทีก่อนจะเลื่อนมากุมที่ฝ่ามือผมเบาๆ

“กูขอโทษ กูไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”

“พี่อาจจะรู้จักผมไม่มากพอ งั้นผมบอกไว้เลยแล้วกันว่าผมไม่เคยคิดที่จะยุ่งกับของของคนอื่น ผมไม่ได้เลวขนาดนั้นว่ะ”

ผมสะบัดมือพี่เหนืออกแล้วก้าวขาให้เร็วขึ้น ไม่กลัวแม่งแล้วผี หมดอารมณ์กลัวแล้ว

“มึงหยุดฟังกูก่อนเทียน กูไม่ได้หวงเดหลี กูไม่เคยรู้สึกแบบนั้นด้วย”

พี่เหนือมันดึงผมพรวดเดียวกลับไปข้างหลัง ทำให้หน้าผมกระแทกกับแผงอกพี่มันอย่างจัง สองมือยกขึ้นมากอดที่เอวผมไว้หลวมๆ

“กูไม่ได้หวงเดหลี แต่กูหวงมึง ได้ยินกูไหมไอสั้น กูหวงมึง”

“พี่จะมา….”

พี่เหนือไม่ปล่อยโอกาสให้ผมพูดจบประโยค ริมฝีปากหนากดจูบบนเรียวปากผมอย่างเร็วโดยไม่ทันที่ผมจะได้ตั้งตัว ลิ้นร้อนส่งเข้ามาทักทายในช่องปากผม ความรู้สึกวาบหวิวจากปลายลิ้นของคนตรงหน้า ทำให้สติผมแทบกระเจิง ในหัวผมมันขาวโผลนไปหมด ความหวาบหวิวเกิดขึ้นตั้งแต่ปลายลิ้นลามไปถึงท้องน้อย ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะเป็นลม

“ไออ่อน โดนจูบแค่นี้ถึงกับจะเป็นลมเลยหรือไง”

พี่เหนือพูดชิดริมฝีปากผม ก่อนที่จะกดจูบเบาๆที่ริมฝีปากของผมอีกครั้ง

“อย่าให้ใครทำแบบนี้กับมึงเหมือนที่กูทำ”

“หน้าผากมึง”
พี่เหนือพูดพร้อมกับกดปากจูบลงบนหน้าผากของผมหนึ่งครั้ง
“แก้มมึง”
พี่เหนือย้ายริมฝีปากจากหน้าผากลงมาที่แก้มทั้งสองข้างของผม
“และก็ปากของมึง”
พี่เหนือยกนิ้วโป้งขึ้นมาคลึงที่บริเวณริมฝีปากของผม ก่อนที่จะจรดริมฝีปากลงบนปากผมอีกครั้ง
“ทุกอย่างของมึงคือของกู อย่างที่มึงรู้กูหวงของกูมากเข้าใจไหมสั้น”















 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด