-17-
หลังจากวันนั้นการใช้ชีวิตประจำวันของผมก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ทุกเช้า กลางวัน เย็น พี่เหนือมันจะมาหาผมที่คณะเสมอ มาแค่เห็นหน้าผมครั้งละห้านาที สิบนาทีมันก็เอา ทั้งๆที่ปากพี่มันก็บ่นว่าช่วงนี้แพทย์เรียนหนักอย่างโน่นเรียนหนักอย่างนี้ แต่ก็ยังมีความพยายามที่จะมากวนประสาทผมทุกวัน อย่างเช่นวันนี้
“สั้นมานั่งนี่”
ไอหมอเถื่อนกวักมือเรียกผมที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะม้าหินอ่อน ให้มานั่งฝั่งเดียวกับตัวเอง ผมรีบส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวัล แค่พี่เหนือมาหาผมทุกวันแบบนี้ก็โดนพวกไอเจงไอเผือกล้อยันลูกบวชแล้ว ขืนให้ไปนั่งใกล้ๆมีหวังผมอาจจะต้องเอาปี๊บคลุมหัวมาเรียนเลยก็ได้แม่งคงล้อยันลูกของลูกผมบวชอีกรอบ
“ทำไมพักนี้มึงดื้อจังวะ”
“ผมต่างหากต้องถามทำไมพักนี้พี่ชอบทำตัวแปลกๆวะ ไอเจงไอเผือกมันล้อผมจนผมไม่กล้าอยู่ใกล้พี่แล้วเนี่ย”
ผมบอกไปตามความจริง พี่เหนือมันทำหน้าตึง ลุกพรวดจากที่นั่งของตัวเองมาทิ้งตัวนั่งข้างผมแทน ก่อนจะสอดมือหน้าเข้ามาโอบเอวผมไว้หลวมๆ
“มึงไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งไม่รู้กันแน่หื้มสั้น”
พี่เหนือพูดพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ จู่ๆภาพวันที่พี่เหนือมันจูบผมก็เด่นชัดขึ้นมาในความคิด ผมเลยรีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเองอย่างไว จูบแรกกูมึงพรากไปแล้ว ยังจะมาจูบรอบสองอีกหรอแม่ง
“เอามือออกสั้น”
ผมส่ายหัวพยายามขืนตัวออกจากอ้อมแขนแกร่งของพี่เหนือ ไอห่าเจงแม่งไปซื้อของส้นตีนอะไรนานขนาดนี้วะ อย่างกับรู้งาน พอพี่เหนือมามันก็ทิ้งผมให้อยู่กับพี่เหนือ จะกลับมาอีกทีก็ตอนที่พี่เหนือมันกลับคณะไปแล้วและมันก็เป็นแบบนี้ทุกครั้งนับตั้งแต่กลับจากค่าย
“พี่ไปจูบแฟนพี่ดิวะ มาจูบอะไรปากผู้ชายอย่างผม ผมปากเหม็นนะ ฟันเน่าสองซี่ข้างในสกปรกออก”
ผมกุเรื่องฟันผุขึ้นมาเพื่อหลอกล่อพี่เหนือให้เลิกสนใจปากของผม พี่เหนือแม่งก็แปลกมีแฟนสวยๆ หุ่นดีๆ ไม่ไปปล้ำจูบเผลอๆต่อให้มากกว่าจูบพี่เดหลีก็คงไม่ว่าเพราะดูพี่เดหลีออกจะรักพี่เหนือซะขนาดนั้น มีแต่พี่มันเนี่ยแหละที่ไม่รู้ตัวบื้อฉิบหาย
“มาเดี๋ยวกูช่วยดูให้ว่ามันผุตรงไหน อ้าปากซิ”
“ไม่เป็นไรพี่ ผมไม่ได้ปวดอะไร”
แค่ไม่อยากให้มึงมายุ่งย่ามกับปากกูเฉยๆ แล้วไม่ต้องมายิ้มกรุ่มกริ่มเลยเอาหน้ามึงออกไปด้วยเหี้ยพี่เหนือ
“อ้าปากสั้น หรือมึงอยากให้กูง้างให้”
พี่เหนือมันยังไม่เลิกรบเร้าจนในที่สุดผมต้องยอมเปิดปากให้มันอย่างจำใจ พี่เหนือเชยคางผมขึ้นมองลึกเข้าไปในปากผมก่อนที่มันจะสอดลิ้นเข้าปากผมอย่างไม่มีความลังเลใดๆทั้งสิ้นในสายตาคู่นั้น ปลายลิ้นร้อนไล่ต้อนลิ้นของผมอย่างดุเดือด ผมพยายามผลิกลิ้นหลบทุกกระบวนท่าเท่าที่พอจะทำได้ พี่เหนือมันหัวเราะในลำคอ มือหนากดท้ายทอยของผมให้แนบชิดยิ่งกว่าเดิม ปลายลิ้นร้อนไล่เล็มไปทั่วริมฝีปากผม กดจูบซ้ำแล้วซ้ำอีกก่อนจะผละออกมองผมด้วยสายตาหยาดเยิ้ม ผมมองหน้าไอพี่เหนือแล้วใจสั่นแบบแปลกๆ อาการวาบหวิวบริเวณท้องน้อยยังคงชัดเจน ผมไม่เคยรู้เลยว่าการถูกใครซักคนจูบมันจะทำให้เรี่ยวแรงผมถดถอยได้มากถึงขนาดนี้ ขนาดแค่แรงผลักให้อีกคนออกห่างยังทำไม่ได้เลย
“พี่เหนือ”
“กูกำลังจีบมึงสั้น เพราะฉะนั้นมึงเตรียมใจไว้ดีๆ แล้วฟันมึงถ้ายังไม่หายกูจะรักษาให้เอง”
พี่เหนือว่าพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเอง สายตากรุ่มกริ่มที่มันใช้มองผมเล่นเอาผมทำหน้าไม่ถูก ว่าพี่เหนือเวอร์ชั่นเดิมรับมือยากแล้วนะ เวอร์ชั่นนี้แม่งอยากกว่าอีก เลิกมองกูซักทีแม่งกูอายจนหน้าจะไหม้แล้วไอพี่เวร
“พี่เหนือเลิกมองหน้าผมได้แล้ว กลับไปเรียนเลยไปแม่ง”
“หึ ไม่ต้องมาไล่กูแก้เขิน กูไปแล้วเย็นนี้อาจไม่ได้แวะเข้ามานะ มึงตรงกลับหอเลยอย่าไปเที่ยวแรดที่ไหนเข้าใจไหม”
เข้าใจก็เหี้ยไง พี่เหนือมันเป็นอะไรของมันวะ คิดจะจูบแม่งก็จูบ แล้วไหนยังบอกว่าจะจีบผมอีก เฮลโหลพี่กูมีดุ้นนะ เผลอๆใหญ่กว่าของมึงด้วยไม่ต้องมาจีบกู ถ้าพี่เดหลีรู้เรื่องนี้มีหวังผมหัวขาดแน่ ไอพี่เหี้ยเล่นห่าอะไรไม่มีขอบเขตเลยจริงๆ เปลืองตัวชะมัดแถมใจผมยังเสือกเต้นแรงแปลกๆอีก เดี๋ยวนี้พออยู่ใกล้พี่เหนือทีไรเป็นต้องทำงานหนักทุกที มันไม่ใช่เรื่องดีเลยนะเว้ยเทียน ใจเต้นกับผู้ชายเนี่ย
“อ้าวพี่เหนือกลับไปแล้วหรอ”
เห็นไหมครับมันกลับจากซื้อของมาราวกับรู้งาน หน้าตามันไม่ได้มีความแปลกใจเหมือนคำถามที่มันถามผมซักนิด ผมมองหน้าไอเจงอย่างจับผิด แต่กลับโดนมันโบกหัวกลับมา
“มองหน้ากูทำส้นตีนอะไรครับไอเทียน”
หรือมันจะไม่รู้วะ มันอาจจะบังเอิญไปซื้อของเวลาที่พี่เหนือมาทุกรอบ และกลับหลังพี่เหนือไปทุกรอบจริงๆก็ได้ หน้าตามันดูไม่มีพิรุธใดๆทั้งสิ้น อาจจะเป็นผมที่คิดมากไป
“มึงกูมีคำถามว่ะ คืออันนี้ลูกของเพื่อนของเพื่อนแม่กูนะไม่ใช่ของกู”
“ไหนมึงว่ามาเรื่องของลูกเพื่อนของเพื่อนแม่มึงเป็นยังไง”
ไอเจงซ่อนยิ้มชั่วร้ายไว้ภายใต้สีหน้าจริงจัง แต่บังเอิญกูเห็นไง ผมทำเป็นมองผ่านยิ้มแปลกๆนั่นแล้วถามในสิ่งที่ผมเองนี่แหละที่อยากรู้
“มันโดนผู้ชายรุ่นพี่จูบแล้วแบบใจมันเต้นแรงมาก แบบมากๆเลยเหมือนหัวใจจะเด้งออกมานอกอกอะไรแบบนี้ ทุกครั้งที่มันอยู่ใกล้รุ่นพี่คนนั้นมันรู้สึกเขินอยู่ตลอดเวลา แถมพี่เขายังบอกว่าจะจีบมันอีกมึงว่าพี่คนนั้นกำลังคิดอะไรวะ ทั้งๆที่เขาก็มีแฟนอยู่แล้ว”
ผมทำหน้าจริงจังประกอบให้มันเห็นว่าผมกำลังพูดถึงเรื่องของลูกเพื่อนของเพื่อนแม่จริงๆไม่ใชเรื่องของตัวผม ไอเจงทำหน้าครุ่นคิดทั้งๆที่มุมปากมันอมยิ้มอยู่ตลอดเวลา ผมคิดถูกใช่ไหมที่เลือกถามมัน
“กูว่าพี่คนนั้นคิด”
“คิดอะไรวะ มันคิดอะไร”
“คิดสั้นไงที่ชอบมึง มึงแม่งไม่เห็นจะมีอะไรดีซักนิด ทึ่มก็ทึ่ม บื้อก็บื้อ เอ๋อก็เอ๋อ”
“สัสเจงกูไม่ได้ทึ่ม ไม่ได้บื้อและไม่ได้เอ๋อด้วย เฮ้ย ไอเหี้ยกูบอกแล้วไงว่าไม่ใช่เรื่องของกูเป็นเรื่องของลูกเพื่อนของเพื่อนแม่กูอีกที”
ผมพยายามจะอธิบายแต่ไอเจงมันไมยอมฟังครับ มันทำหน้าล้อเลียนผมแล้วหยิบหูฟังขึ้นมาเสียบพาตัวเองเข้าสู่โลกส่วนตัวอย่างสมบูรณ์แบบ ผมเลยจำต้องปิดปากแล้วนั่งมองหน้ามันอย่างคับแค้นใจแม่งหลอกกู แถมยังหลอกสำเร็จด้วย
ตกเย็นพวกผมตกลงปลงใจกันว่าจะนั่งทำรายงานที่คณะนี่แหละ ไม่เสร็จไม่กลับ นอกจากพวกผมแล้วก็มีเพื่อนในรุ่นอีกหลายกลุ่มนั่งกองรวมๆกันอยู่แถวโต๊ะสาขา แต่การทำรายงานของพวกเราไม่ได้เคร่งเครียดอะไรเลยครับในทางกลับกันมันดูครืนเครงมากจนเกินไปเสียด้วย ผมแอบเห็นเด็กสาขาอื่นหันกลับมามองที่โต๊ะสาขาพวกผมเป็นระยะๆ
“เฮ้ยๆมึงดูเด็กผู้หญิงกลุ่มนั้นดิ เด็ดฉิบหาย ตัวงี้ขาวจั้ว แถมยังผอมบางน่าถนุถนอมอีกต่างหาก”
“คนไหนว่าไอยอด”
ผมหันไปมองตามนิ้วไอยอดที่ชี้ไปยังผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง มองข้างหลังแล้วคนั้นคุ้นตาผมเสียเหลือเกิน เหมือนจะเคยเจอบ่อยๆที่ไหน
“ฉิบลอสนั่นเด็กไอเทียนนี่หว่า”
กูว่าและไม่น่าทำไมถึงคุ้นตาเสียเหลือเกิน ผมเอื้อมมืออุดปากไอยอดทันทีที่มันกำลังจะตะโกนแซวผู้หญิงกลุ่มนั้น
“อะไรของมึงวะไอเทียน สัสมือเค็มปี๋เลย”
“อย่าไปกวนเขา งานมึงเสร็จแล้วหรือไง”
“ไม่อยากให้มันกวนหรือมึงกลัวใครจะเดินมาหามึงกันแน่วะไอเทียน”
รู้แล้วยังเสือกถามอีกนะไอห่าเจง ผมทำแตะนิ้วชี้ที่ริมฝีปากตัวเองเพื่อบอกให้มันเงียบๆ ก่อนจะดึงมันให้ลงมานั่งทำงานตามเดิม
“คนข้างๆแก้มนั่นแฟนพี่เหนือป่าวะ กูเห็นตามไปเฝ้ากันที่ค่ายไม่เห็นจะรู้ว่าเป็นเพื่อนกับแก้มด้วย”
ผมหันกลับไปปมองที่กลุ่มผู้หญิงกลุ่มนั้นอีกครั้ง แล้วก็เห็นอย่างที่ไอเผือกบอก แสดงว่าแก้มก็เป็นรุ่นพี่ของผมปีนึง พี่เดหลีด้วย และที่สำคัญสองคนั้นเป็นเพื่อนกัน
“อ้าวเดี๋ยวนะ ถ้าพี่แก้มกับพี่เดหลีเป็นเพื่อนกัน แสดงว่าพี่แก้มก็ต้องรู้ดิว่ามึงกับพี่เหนือไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆ”
“เออ มิน่าล่ะ พี่แก้มถึงไม่สะท้กสะท้านอะไรเลยที่พี่เหนือบอกว่ามึงเป็นแฟน”
ไอเผือกเสริมต่อจากไอเจง ถ้าเป็นอย่างที่ไอโคนวยหัวสองตัวนี้คิด แสดงว่าพี่เหนือก็ต้องไม่รู้จักเพื่อนคนนี้ของเดหลีน่ะสิ เป็นไปได้ไงวะ เป็นแฟนกันแต่ไม่รู้จักเพื่อนแฟนเนี่ยนะ
“พวกมึงกูกลับก่อนได้ไหมวะ เดี๋ยวไปทำต่อที่บ้านให้ก็ได้”
จะว่าผมป๊อดก็ได้นะครับ แต่ผมไม่อยากเจอกับพี่แก้มตอนนี้จริงๆ ดูเหมือนว่ากลุ่มเธอเริ่มจะหันมามองทางโต๊ะผมแล้วด้วย
“หนีหรอ”
“เออ”
ผมไม่ปฏิเสธโกยของเข้ากระเป๋าอย่างเร็วเดินตัวลีบไปยังที่จอดรถขับรถมุ่งกลับบ้านทันที เห็นทีผมควรต้องรีบคุยเรื่องนี้กับพี่เหนือเสียทีก่อนที่พี่เหนือกับพี่เดหลีจะผิดใจกันเพราะผม