พิมพ์หน้านี้ - Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: wookyu ที่ 23-10-2018 19:24:38

หัวข้อ: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: wookyu ที่ 23-10-2018 19:24:38
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม





------------------------------------------------------------------------------------------------------------


     ผมไม่ชอบความซับซ้อน เพราะผมไม่ใช่คนฉลาด ผมตีความหมายไม่เก่ง ถ้าไม่บอกผมตรงๆผมก็ไม่มีวันเข้าใจ
เพราะฉะนั้นเวลาจะพูดอะไรกับผม ไม่ต้องพูดอะไรให้ยืดเยื้อ เพราะนอกจากจะเสียเวลาเปล่าแล้ว อาจจะเสียสุขภาพจิตเพิ่ม
ก็ได้เช่นตอนนี้ผมถูกแฟนคนปัจจุบันเรียกออกมาระหว่างนั่งกินข้าวในโรงอาหาร ใบหม่อนเดินจูงมือผมออกมาห่างจากโรงอาหารไม่เท่าไหร่นักก่อนจะเริ่มพูดถึงสาเหตุที่เรียกผมออกมาครั้งนี้

“ขอโทษนะเทียนที่จู่ๆหม่อนก็เรียกเทียนออกมาทั้งๆที่เทียนกำลังกินข้าวอยู่”
ผมพยักหน้ารับ เป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นแล้วยืนฟังใบหม่อนพูดเงียบๆ
 
“เทียนดีกับหม่อนนะดีกับหม่อนมากๆ หม่อนรู้ว่าเทียนรักหม่อน”
พูดถึงตรงนี้ใบหม่อนมีสีหน้าเครียด มือทั้งสองข้างกำสายสะพายกระเป๋าแน่น เหมือนกำลังช่างใจอะไรบางอย่าง

“หม่อนเองก็รักเทียน รักเทียนมาก เพราะเทียนเป็นผู้ชายคนเดียวที่ให้เกียรติหม่อน ให้เกียรติหม่อนมาก จนเหมือนจะมากเกินไปด้วยซ้ำ เทียนไม่เคยถูกเนื้อต้องตัวหม่อน ไม่เคยแม้กระทั่งจูงมือเหมือนคนอื่นๆที่เป็นแฟนกัน ไม่เคยนั่งใกล้กัน”
น้ำเสียงใบหม่อนเริ่มจะสั่นขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่รู้ว่าทำไมหม่อนถึงทำหน้าอยากจะร้องไห้ซะขนาดนั้น หรือเธอจะประทับใจในตัวผมที่ไม่เคยคิดที่จะเอาเปรียบเธอเลย

“เทียนดีเกินไปสำหรับหม่อน หม่อนขอให้เรากลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเก่าได้ไหม มันอาจจะดีกว่าที่เราเป็นอยู่ตอนนี้”
ใบหม่อนพูดพร้อมน้ำตา ในขณะที่ผมยืนฟังทุกคำพูดนิ่ง ที่นิ่งนี่ไม่ใช่อะไรนะครับแต่ที่นิ่งเพราะผมกำลังใช้ความคิดอยู่ว่ามันหมายว่าว่าอะไร เท่าที่ฟังมาตั้งแต่ต้นเหมือนหม่อนแค่ต้องการจะชมว่าผมให้เกียรติเธอ เพราะผมไม่เคยคิดจะเอาเปรียบเธอ แต่ที่ผมไม่เข้าใจก็คือให้เกียรติหม่อนแล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับที่ผมต้องลดสถานะจากแฟนไปเป็นเพื่อนด้วย ตรงนี้ผมไม่เข้าใจจริงๆ แต่ก็ตอบออกไปแค่ว่า

“ถ้าหม่อนต้องการแบบนั้น ก็ได้นะ เราโอเค”

‘เพี๊ยะ!!!’





“อ้าวไอเทียน เป็นไงเจอสวดหรอมึงหน้าแดงมาเชียว”
ไอเจงส่งคำถามให้ผมเป็นคนแรก หลังจากที่ผมเดินกลับมาที่โต๊ะ

“กูไม่เข้าใจ”
ผมตอบมันไปสั้นๆ แล้วหยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวกินต่อ เมื่อกี้จำได้ว่าผมเหลือไก่ในจานตั้งหลายน่อง กลับมาอีกทีทำไมมันถึงเหลือแค่สองน่องเองวะ
 
“สัส พูดแค่ไม่เข้าใจแล้วพวกกูจะรู้ไหม ขยายความด้วยซิวะ”
ไอเผือกเอื่อมมือมาผลักหัวผมเบาๆ แถมยังทำหน้าขัดใจอีก วันหลังก็บอกด้วยซิวะว่าอยากให้เล่า กูก็นึกว่าเป็นคำถามลอยๆไม่ต้องการคำตอบ

“หม่อนบอกว่าหม่อนรู้ว่ากูรักหม่อน กูให้เกียรติหม่อนมาก จนดูเหมือนมากเกินไป”
ผมเล่าให้ไอเผือกไอเจงฟังไปด้วยแล้วก็คิดตามไปด้วยอีกที
 
“แล้วไงวะ ให้เกียรตินี่มันแบบไหน”
ไอเผือกถามต่อ ดูมันจะอยากรู้มากพอๆกับที่ผมอยากรู้เลย ให้เกียรติแล้วไม่ดีตรงไหน ทำไมต้องกลับไปเป็นเพื่อนกัน

“หม่อนบอกกูไม่เคยแตะต้องตัวหม่อน ไม่จับมือ ไม่นั่งใกล้”

“เดี๋ยวนะกูขอเบรคแปป อย่าบอกนะตั้งแต่มึงคบหม่อนมานี่มึงไม่เคยโดนตัวหม่อนเลย”

“อืม ก็เขาเป็นผู้หญิง”

“มือก็ไม่เคยจับ”

“อืม ไม่เคย”

“กูว่าหม่อนไม่ใช่ผูหญิงแล้ววะอย่างนี้”
ไอเจงว่าแล้วตบโต๊ะดังปัง

“เป็นซิ ใบหม่อนใส่กระโปรงนะ”
ผมเถียง ก็เห็นๆอยู่ว่าใบหม่อนใส่กระโปรงแถมยังมี เอ่อ นะ น..หน้าอกอีกจะไม่ใช่ผู้หญิงได้ไง

“เท่าที่ฟังมึงพูดใบหม่อนคงไม่ใช่ผู้หญิงแล้วหล่ะ แต่เป็นภิษุณี ไอสัส กูไม่แปลกใจเลยทำไมใบหม่อนถึงเลิกกับมึง”

“ใบหม่อนไม่ได้บอกว่าจะเลิก แค่บอกว่าให้กลับไปเป็นเพื่อนกันเฉยๆ มึงอย่ามามั่ว”
ผมเถียงกลับแทบจะในทันทีแล้วยกตีนถีบขาไอเจงที่ใต้โต๊ะเบาๆ

“กูหมดคำพูด แล้วแต่มึงจะคิดเลยไอเทียน”
ไอเจงว่าต่อ โดยมีไอเผือกทำหน้าเอือมสบทบ ก่อนที่พวกมันจะเอาช้อนเขี่ยเศษอาหารที่อยู่ในจานเล่นระหว่างรอผมกินข้าว
แต่เดี๋ยวนะ
 
“ไอเผือกร้านสุกกี้เขามีน่องไก่ทอดใส่ให้มึงด้วยหรอวะ”
ผมถามเพราะเหลือบไปเห็นกระดูกน่องไก่ในจากสุกี้แห้งของไอเผือก
 
“มึงคิดว่าไง”

“ทำไมต้องคิด กูแค่แปลกใจตอนกูแดกไม่เห็นจะมี”

“เฮ้อออ”
อย่างกับนัดกันมา พวกมันถอนหายใจใส่ผมแล้วทำหน้าเอื่อมใส่อีกครั้ง ไม่รูว่าเป็นห่าอะไรกัน ผมจัดการลงมือกินข้าวต่อจนหมดแล้วเตรียมตัวไปเรียนคาบบ่าย พอขึ้นมาถึงห้องก็เจอพี่ปีสามที่ลงเรียนวิชาเดียวกับพวกผมนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ผมเลยยกมือไหว้ทักทายตามมารยาท

“พี่ปราบ พี่นัท พี่เพลิงหวัดดีครับ มาซะเร็วเลยกลัวไม่ได้เรียนหรอพี่”
ผมแค่ยกมือไหว้ แต่ที่พูดทักเมื่อกี้เป็นไอเจงครับ ในนั้นมีพี่รหัสมันด้วยมันเลยเดินเข้าไปทักอย่างสนิทสนมได้โดยไม่โดนตีน

“เออ เจอมึงก็ดีแล้ววันนี้พวกกูว่าจะชวนไปแดกเหล้าฟรี เจ้าภาพแม่งรวยไปช่วยถลุงๆมันหน่อย”
พี่เพลิงพูดด้วยสีหน้าชั่วร้าย ไอเจงเลยรีบรับปากอย่างไว

“พอดีเลยพี่ ไอเทียนพึ่งอกหักมาผมชวนมันไปแดกเหล้าย้อมใจโดยไม่เสียเงินได้ใช่ไหมพี่”

“กูไม่ได้เลิกกัน แค่กลับไปเป็นเพื่อน”
ผมรีบหันกลับไปแก้ไขความเข้าใจใหม่อีกครั้ง
 
“อะไรยังไงวะ เล่ามาซิ”
พี่เพลิงตบเก้าอี้ให้ไอเจงนั่งข้างๆ ไอเจงก็นั่งอย่างว่าง่ายแล้วเริ่มเล่าเรื่องผมตั้งแต่ต้นจนจบ โดยไม่สนใจเจ้าของหัวข้อสนทนาอย่างผมเลยซักนิด ทั้งๆที่ผมก็นั่งอยู่ตรงนี้ด้วย




“มึงโอเคใช่ไหมไอเทียน”
พี่เพลิงถามผมด้วยน้ำเสียงกลั่วหัวเราะ พี่ๆคนอื่นก็พยายามอย่างมากที่จะไม่หลุดยิ้ม หน้าพี่แม่งโคตรจะจริงใจเลย

"ผมไม่ได้เลิกกัน พี่ก็อย่าไปฟังไอเจงมาก”

“แล้วเมื่อกี้ที่ไอเจงพูดมีเรื่องไหนที่ไม่จริงไหม”
พี่นัทถามอีก มีไหมน่ะหรอ เท่าที่ฟังมาก็ไม่มีนะ มันก็เล่าตามที่ผมเล่าให้ฟังหมดทุกช็อต

“ว่าไงมีไหม”
ไอเผือกช่วยเสริม แถมยังยักคิ้วล้อผมอีก

“ไม่มีครับ”
ไม่ทันที่ผมจะได้แก้ตัวเพิ่มเติมอาจารย์เจ้าของวิชาก็เดินเข้ามาเสียก่อน พวกผมเลยต้องแยกย้ายไปนั่งที่ของตัวเอง วิชานี้มีกฏการนั่งเรียนอยู่อย่างหนึ่งครับ ตลอดระยะเวลาหนึ่งเทอมนี้ ห้ามนักศึกษาเปลี่ยนที่เด็ดขาด อาจารย์เนี๊ยบจนถึงขั้นถ่ายรูปและล้างรูปมาประกอบการเช็คชื่อทุกครั้ง ในห้องนี้เลยไม่มีใครกล้าลองของกับแก




     หลังจากหมดคาบพวกพี่เพลิงก็แยกย้ายกันไปก่อน โดยไม่ลืมหันมากำชับพวกผมว่าให้ตามไปให้ได้ ถ้าสายพี่เขาจะสั่งซ่อมในร้านเหล้า แค่คิดพวกผมก็ไม่กล้าสายแล้ว ครั้งก่อนผมจำได้ไอเจงเคยโดน มันมาสายกว่าเวลานัดเกือบชั่วโมงพี่เพลิงเลยซ่อมมันโดยให้แต่งหญิงไปเต้นรูดเสา หลังจากนั้นเวลาพี่ๆนัดอีกพวกผมเลยไม่กล้าสายแม้แต่วินาทีเดียว

“ไอเทียนเอาไงไปพร้อมไหม หรือมึงจะไปเอง”
ไอเจงถาม

“กูไปเองดีกว่า เดี๋ยวแวะหาม๊าก่อน กูต้องกลับบ้านไปรายงานตัวไม่งั้นม๊างอน”

“เออไอลูกแหง่ อย่าไปสายนะมึง พวกกูไปก่อน เจอกันที่ร้านเลย”
ผมรับคำสั้นๆก่อนจะแยกขึ้นรถใครรถมันแล้วขับไปยังจุดมุ่งหมายทันที





-----------------------------------------------

ทักท้ายผู้อ่านค่ะ นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องใหม่แกะกล่องที่ผู้เขียนเอามาลงที่เล้าเป็ดแห่งนี้ ยังไงก็
รบกวนเป็นกำลังใจ คอมเม้นส์ บวกเป็ดให้บ้างนะคะ สัญญาว่าจะมาลงบ่อยๆ

หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ (25/10/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: wookyu ที่ 25-10-2018 16:53:22
                                                                                        -2-


     ผมกลับมาถึงบ้านก็เห็นม๊ากำลังนั่งดูละครอยู่ที่ห้องนั่งเล่น โดยมีพี่หวานนั่งอยู่เป็นเพื่อน ดูท่าจะสนุกกันเหลือเกินขนาดผมเดินมานั่งข้างๆได้ซักพักแล้วยังไม่มีใครสังเกตุเห็น

“อาหวานถ้าอีนางตัวร้ายนี่มาซื้อของร้านเรานา ลื้อห้ามขายให้อีเด็ดขาดเลย ไล่อีออกจากร้านเราไปเลย อั๊วไม่ชอบอีร้ายเกินไป”
โห!! อารมณ์มาเต็มเลยครับม๊าผม

“ได้คะหวานจะไม่ขายแล้วจะไล่มันไปซื้อร้านอื่นเลยคะเจ้ หวานก็ไม่ชอบนาง ผู้หญิงอะไร๊มาให้ท่าผู้ชายถึงบ้าน”
นี่ก็อีกคนเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยสองคนนี้

“ม๊าครับ ไม่คิดจะสนใจลูกชายตัวเองหน่อยหรอครับ”
ในที่สุดเมื่อผมอดทนรอให้ม๊าหันมาเจอผมเองไม่ไหว เลยต้องยื่นหน้าเข้าไปหาซะเอง
 
“เอ้าอาตี๋ ลื้อกลับมาตอนไหน หลบม๊าก่อนม๊าจะดูอาน้ำเพรชจัดการอาส้มเช้ง”
ผมกลายเป็นหมาหัวเน่าเพราะละครเรื่องนี้แท้ๆเลย ผมยื่นหน้าไปหอมแก้มม๊าแรงๆหนึ่งที ก่อนจะเดินขึ้นห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า นี่ก็ใกล้จะได้เวลานัดแล้วด้วย

“ม๊าตี๋ไปก่อนนะ ถ้าดึกมากตี๋อาจค้างห้องไอเจงเลยม๊าไม่ต้องห่วงนะ”

“ไลน์มาบอกอั๊วด้วยถ้าลื้อถึงห้องอาเจงแล้ว ถ้าลื้อลืมครั้งหน้าอั๊วจะไม่ให้ลื้อไปอีก”
ม๊าทำเสียงเขียว เห็นอย่างนี้ม๊าผมไฮเทคนะครับรู้จักแอปพลิเคชั่นไลน์ด้วย เล่นเป็นทุกอย่าง ทั้งเฟสบุค ทวิตเตอร์ ไอจี
ม๊าผมมีครบทุกแอคเคาน์ ผมเคยถามว่าแก่แล้วจะเล่นไปทำไม ม๊าผมบอกว่าอั๊วจะได้เข้าใจลื้อไง ลื้อมันเด็กรุ่นใหม่ มีอะไรก็โพสต์ลงไอพวกนี้หมด พ่อแม่มีไม่รู้จักเล่าให้ฟัง นั่นแหละครับเหตุผลที่ม๊าผมต้องเล่นทุกอย่างเป็น หลังจากที่ผมบอกลาม๊าเสร็จผมก็ดิ่งตรงไปยังร้านเหล้าร้านประจำทันที โชคดีหน่อยที่รถไม่ค่อยติดมาก ทำให้ผมมาถึงก่อนเวลานัดสิบนาที เข้ามานั่งรอรุ่นพี่ได้อย่างสบายใจเชิบ

“มาเร็วนะมึง”

“มาช้าผมก็โดนซ่อมซิครับ”
ผมตอบก่อนจะยกมือไหว้รุ่นพี่อีกคนที่นั่งอยู่ด้านในสุด คาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนต่างคณะของพี่เพลิง เพราะผมไม่เคยเห็นหน้าพี่เขามาก่อน

“เอ่อ ไอเหนือนี่รุ่นน้องกู มันชื่อเทียน พึ่งอกหักวันนี้สดๆร้อนๆเลย”
เหี้ยพี่เพลิงไม่เห็นต้องบอกทุกเรื่องเลยก็ได้นี่ครับ พี่เหนือไม่หือ ไม่อือ ไม่รับไหว้แต่อย่างใด เหลือบมองผมแวบเดียวแล้วก็หันไปสนใจหน้าเวทีต่อ นี่ใช่ไหมครับที่เรียกว่าหล่อแล้วหยิ่ง พี่เหนือหล่อตามที่ผมพูดเลยครับ ตาเรียวคม เรือนผมสีน้ำตาลอ่อน ลุคพี่เขาดูแบดบอยมาก รับกับทรงผมอัปเปอร์คัทได้อย่างลงตัว ดูไม่มีที่ติ ผมหมายถึงดูเลวได้อย่างไม่มีที่ตินะครับ

“ไอเทียนจะแดกอะไร เหล้าหรือเบียร์”
เสียงพี่เพลิงแทรกขึ้นในระหว่างที่ผมกำลังนั่งพิจารณาหนังหน้าพี่เหนืออย่างเพลิดเพลิน ทำให้ผมต้องย้ายสายตาจะหนังหน้าพี่เขาไปมองยังขวดสีชากับสีอำพันในมือพี่เพลิงแทน

“เป๊ปซี่ครับ”

“ผสมเป๊ปซี่หรอ”

“เปล่าครับผมขอเป๊ปซี่”

“ตุ๊ด”
ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ในเชิงถามคนตรงหน้ากลับว่าเมื่อกี้ว่าผมหรอ ไอพี่เหนือไม่ตอบ แต่ถ้าให้เดาตุ๊ดที่พี่มันว่าคงจะหมายถึงผมแน่ๆ

“อ่อ ครับใครๆก็ว่าผมตุ๊ด แต่จริงๆผมแมนนะพี่”
ผมตอบพร้อมหัวเราะเบาๆ ทำไมคนอื่นถึงชอบมองว่าผมเป็นตุ๊ดกันจังวะ หน้าอกตูมๆผมก็ไม่มี สูงก็เกินร้อยแปดสิบ ไม่รู้ว่าคนอื่นมองว่าผมเป็นตุ๊ดไปได้ไง หรือจะเพราะผมเป็นคนตัวขาว หน้าหวาน ก็ไม่น่าใช่นะครับ แต่ช่างมันเถอะผมไม่ได้เป็นอย่างที่คนอื่นคิดซะหน่อย

“นี่มึงกวนตีนกู?”

“เฮ้ย เหี้ยเหนือใจเย็น อย่าถือสาไอเทียนมันเลย มองแวบแรกมึงอาจคิดว่ามันกวนตีน ลองมึงรู้จักมันไปซักพักมึงจะรู้ว่ามันตรงข้ามกับที่มึงเห็นทุกอย่าง”
พี่เพลิงกระซิบอะไรกับพี่เหนือก็ไม่รู้ผมฟังไม่ถนัด เห็นอย่างเดียวคือสายตาไม่เป็นมิตรที่พี่เหนือส่งตรงให้ผมอย่างไม่คิดจะปิดบัง นี่ผมไปทำให้พี่เขาไม่พอใจตอนไหนวะเนี่ย

เวลาผ่านไปซักพักผมก็เห็นคนที่เหลือเดินเข้ามาพร้อมกันเป็นกลุ่มและสองในสี่นั้นก็มีไอเจงและไอเผือกรวมอยู่ด้วย
 
“ทำไมถึงมาพร้อมกันได้”
ผมถามพลางเขยิบตัวเข้าไปด้านในสุดเพื่อให้คนมาใหม่มีที่นั่งทำให้ตอนนี้ผมนั่งติดกับพี่เหนือไปโดยปริยาย ฝ่ายนั้นเหลือบตามามองผมเล็กน้อย แล้วก็จิบเหล้าต่อ มาดเยอะเหลือหลาย ผมไม่ได้อยากมานั่งข้างๆพี่ซักหน่อย

“เจอพี่ๆเขาหน้าร้านพอดี เลยเดินเข้ามาพร้อมกัน ดีนะที่พวกกูไม่สาย”
ไอเจงว่าพลางหยิบแก้วโค้กผมไปแดก
“เหี้ยเจงนี่แก้วกู”
ผมดึงแก้วจากปากมันมาแล้วยกมือปิดปากแก้วไว้แน่น น้ำในแก้วมันพร่องไปแล้วครับกูอุตส่าห์ค่อยๆจิบจะได้ไม่ต้องเติม
เพราะไอพี่เพลิงมันบอกว่าให้โค้กผมแก้วเดียวเท่านั้น หมดแก้วนี้เมื่อไหร่ ผมเลือกแดกได้แค่เหล้า หรือเบียร์

“ไอเพี้ยน ทำไมแก้วมึงถึงเป็นโค้ก”

“สัสเจงเบาๆ เดี๋ยวพี่เพลิงได้ยิน”
ผมถองสีข้างไอเจงเบาๆ ในเชิงให้มันหยุดพูด ดีนะที่พี่ๆไม่ทันสังเกตุไม่งั้นผมโดนเหล้าเพรียวๆอย่างไอเผือกไอเจงแน่

“ไอเหนือนี่รุ่นน้องกูอีกสองคน นั่งข้างไอเพี้ยนชื่อเจงน้องรหัสไอนัท ส่วนไอนี่เผือกน้องรหัสกูเอง”

“สวัสดีครับพี่เหนือ เคยได้ยินแต่ชื่อตัวจริงพี่โคตรหล่อเลย”
ไอพี่เหนือไม่พูดห่าอะไรเลย ยิ้มมุมปากรับหน่อยเดียว แล้วหันไปคุยกับเพื่อนมันต่อ

“เหนือแล้วแฟนมึงล่ะ ไม่ได้มาด้วยหรอ”

“ไม่ได้ชวน”
คำตอบของพี่เหนือเล่นผมที่ยกโค้กขึ้นดกถึงกับสำลักพรวด
 
“แค่ก ๆ”

“ไอเพี้ยนแดกไงของมึงเนี่ย สกปรกชิบหาย”
ไอเจงบ่นก่อนจะส่งทิชชู่ที่รับมาจากพี่นัทส่งให้ผมเช็ดหน้าเช็ดตา กูจะไม่เป็นแบบนี้เลยถ้าคำตอบของพี่เหนือมันปกติเหมือนมนุษย์ทั่วไป

“ไอห่าเป็นแฟนกันยังไงวันเกิดเสือกไม่ชวน แล้วน้องเขาไม่น้อยใจหรอ”
พี่นัทถามต่อ ถามเลยพี่ถามเลยผมก็อยากรู้
 
“สนใจเรื่องกูขนาดนั้น”
ไอพี่เหนือย้อนถาม ฟังดูรูปประโยคเหมือนมันจะถามพี่นัท แต่ทำตามันถึงเขมาที่ผมล่ะ

“เรื่องของเดือนมหาลัยผู้โด่งดังใครบ้างวะไม่อยากรู้ ใช่ไหมพวกมึง”
พี่นัทว่าแล้วหาแนวร่วมซึ่งแน่นอนว่าได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี เห็นได้จากเสียงใช่ๆๆๆ ที่ดังขึ้นจากทุกมุมของโต๊ะ ยกเว้นผมไว้คนนึงแล้วกัน ไม่ออกเสียงแต่ไม่ได้หมายความว่าไม่อยากรู้นะครับ เงียบฟังมาตั้งแต่ห้านาทีที่แล้ว

“กูไม่เล่าแล้ว แถวนี้มีคนไม่อยากรู้”
เหี้ยใครวะไม่อยากรู้ พี่เหนือแม่งจงใจจะไม่เล่าตั้งแต่แรกมากกว่า นิสัยเสียหว่ะแม่ง มึงเอาความตั้งใจกูคืนมาให้หมดเลย
ไอเหี้ยพี่เหนือ

“เออๆ เรื่องของมึงดูพวกกูสืบเองก็ได้ แดกเหล้าๆเว้ยวันนี้เสี่ยเหนือเขาเลี้ยงไม่อั้น”
พี่นัทว่าแล้วยกแก้วขึ้นมาชนกับแก้วทุกคนที่นั่งอยู่รอบโต๊ะ ทุกอย่างเกือบโอเคแล้วสำหรับผมถ้า

“กูเลี้ยงเฉพาะคนแดกเหล้ากับเบียร์ แดกโค้กกูไม่เลี้ยง”

“พี่นัทขอเบียร์ผมแก้วนึงพี่”
ได้ยินเช่นนั้นผมรีบยกโค้กซดรวดเดียวหมดก่อนจะยื่นแก้วที่เหลือแต่น้ำแข็งให้พี่นัทเทเบียร์ให้ หันไปมองไอคนยื่นคำขาดมันก็ยกยิ้มกวนๆส่งให้ อย่างนี้มันแกล้งกันชัดๆ ถึงผมจะหัวช้าแต่ก็ไม่โง่นะครับ


ในที่สุดสภาพของพวกผมแต่ละคนก็เละเป็นโจ๊ก หลังจากเป่าเค้กเสร็จ พวกพี่นัท ไอเจงก็พากันไปเต้นเบียดสาวหน้าเวที ส่วนไอพี่เหนือแม้มันจะนั่งอยู่กับที่ ก็มีสาวๆเดินมาแจกขนมจีบให้มันไม่ขาดสาย แลกเบอร์ แลกไลน์กันเสร็จ ก็ต่อด้วยแลกน้ำลาย
พี่เหนือมันนั่งเฉยๆ ปล่อยให้สาวเจ้าจัดการเองทุกอย่าง ตั้งแต่ล็อคคอเข้ามาจูบ นั่งคร่อมบนตัก ไซค์คอซ้ายทีขวาที
ผมที่ไม่ได้อยากจะมอง ก็พลอยต้องเห็นไปด้วย พี่แม่งไม่รู้จักอายคนอื่นเขาบ้างหรือไง

“ไปต่อกันที่ห้องแซนดี้ไหมค่ะ”
กระซิบกันดังมากครับ ผมพยายายามไม่สนใจ ค่อยๆจิบเหล้าในแก้วต่อ อีกพักนึงผมว่าจะหนีกลับแล้ว ถูกทิ้งให้ดูหนังสดตรงนี้คนเดียวรู้สึกไม่โอเคเลยครับ

“หนุ่มน้อยสนใจไปดื่มด้วยกันที่โต๊ะไหม นั่งอยู่ตรงนี้ไม่เกรงใจเขาหรอ”
ผู้หญิงน่าตาน่ารักคนนึงเดินถือแก้วมานั่งข้างผม แล้วมุ้ยหน้าไปทางพี่เหนือที่อยู่อีกฝั่ง เธอนั่งใกล้ผมมากจนแก้มก้นข้างนึงของเธอเกือบขึ้นมาเกยบนตักผม ผมเลยรีบขยับออกห่างทันที

“หายากนะคะผู้ชายที่สุภาพบุรุษแบบนี้”

“ขอโทษนะครับแต่ผมกำลังจะกลับแล้ว”
ผมปฎิเสธอย่างสุภาพ ก้นก็เขยิบหนีผู้หญิงตรงหน้าไปเรื่อยๆ เธอเล่นเขยิบตามมานี่ครับนี่ผมเขยิบหนีจนจะหล่นจากโต๊ะอยู่แล้วเนี่ย
 
“โอย โอเคค่ะ แก้มไม่แกล้งแล้วก็ได้ ว่าแต่ชื่ออะไรค่ะ แก้มอยากรู้จัก นะ นะคนดี”
แก้มไม่ว่าเปล่าครับมือเธอเลื้อยมาเกาะแถวๆหน้าอกผมด้วย ผมเห็นท่าไม่ดีเลยคว้ามือเธอเอาไว้ก่อน

“ผะ ผมชื่อ”

“จะกลับบ้านหรือยังเดี๋ยวกูไปส่ง”
พี่เหนือเดินมาหยุดอยู่ข้างผมตั้งแต่เมื่อไหร่ผมไม่อาจทราบได้ สมองยังไม่ทันประมวลผล มือใหญ่ก็คว้าแขนผมให้ลุกขึ้นเดินตามแรงลากออกไป ใช้คำว่าลากนะครับ เดินตามขายาวๆนั่นออกมาผมนี่ต้องเอ่ยขอโทษคนข้างในมาตลอดทาง ไม่ชนก็เหยียบเท้าเขาบ้างล่ะ ดีนะที่ผมไม่โดนรุมกระทืบจากคนข้างใน ไอพี่เหนือพาผมมาลาดจอดรถ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์คุยกับใครซักคน ไม่กี่คำก็วางและก็ไม่วายส่งสายตาเจือความรำคาญส่งมาให้ผม

“เอ่อ พี่คือเรื่องเมื่อกี้ขอบคุณนะครับ ผมว่าผมจะกลับแล้วขอบคุณที่เลี้ยงนะพี่ แล้วก็สุขสันต์วันเกิดครับ”
ผมพูดรัวเป็นชุดยกมือไหว้ปิดท้ายเตรียมจะเดินออกไปเรียกแท็กซี่ที่หน้าผับ แต่
 
“กูไม่ได้ช่วยมึงฟรีๆหรอกนะ เผื่อมึงจะเข้าใจผิด”
ผมชะงักฝีเท้ากึก อะไรของพี่แม่งวะ อะไรฟรีๆ ผมได้ยินไม่ถนัดเลยต้องหันกลับไปเพื่อขอให้มันทวนสิ่งที่พูดใหม่อีกครั้ง
“พี่ว่าไงนะครับ”
พี่เหนือเดินเข้ามาใกล้ผมอีกนิด ก่อนจะยอมทวนคำพูดตัวเองให้ผมฟังอีกครั้ง
 
“กูบอกว่ากูไม่ได้ช่วยมึงฟรีนะ”

“อ้าว”
ผมอ้าวคำเดียวสั้นๆ แทนความสังสัยทั้งหมดทั้งปวงที่อยู่ในหัวตอนนี้ ไม่ได้ช่วยฟรี แล้วกูต้องจ่ายคืนเป็นอะไร เงินหรอ

“ถ้าพี่เหนือจะให้ผมจ่ายค่าตอบแทนเป็นเงิน ตอนนี้ผมมีแค่พันกว่าบาท พี่เอาไปก่อนได้ไหม เดี๋ยวที่เหลือผมเอามาให้พรุ่งนี้”
ผมว่าพลางเปิดกระเป๋าตังค์ตัวเองหยิบแบงค์พันกับแบงค์ห้าร้อยอย่างละใบส่งให้พี่เหนือ ตอนนี้ในกระเป๋าผมเหลือเงินสดอยู่ไม่ถึงสองร้อย น่าจะพอค่าแท็กซี่อยู่มั้ง

“อะไรของมึง กูบอกตอนไหนว่าจะเอาเงิน”
งง หนักกว่าเดิมอีก เงินที่ผมส่งให้พี่เหนือเมื่อครู่ถูกยัดคืนใส่มือตัวเองอีกครั้ง พร้อมกับความ งง ไม่เอาเงินแล้วจะเอาไรของมันวะ

“มึงไม่ชอบผู้หญิง”
ถึงมันจะคนละประเด็นกับเรื่องเงินเมื่อครู่ ในฐานะรุ่นน้องเมื่อรุ่นพี่ถามผมก็ต้องตอบ

“เปล่าครับ”

“แล้วเมื่อกี้มึงหนีทำไม”

“เพราะเธอเป็นผู้หญิง”

“แล้ว?”

“ผมเป็นผู้ชาย มันเป็นการไม่ให้เกียรติถ้าผมไปลุ่มล่ามกับเธอทั้งที่ไม่ได้สนิทชิดเชื้อกัน”
ผมตอบไปตามความคิด พี่เหนือมันทำหน้าอึ่งๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหลี่ตาเหมือนจะจับผมอะไรผมซักอย่าง

“มึงพูดเพราะมึงคิดอย่างนั้น หรือมึงแอ๊บทำเป็นสุภาพบุรุษ”

“พี่กำลังหาว่าผมพูดปดหรอครับ ผมเปล่านะสิ่งที่พูดคือสิ่งที่ผมคิด แล้วสรุปพี่จะให้ผมตอบแทนพี่ยังไงในเมื่อเงินพี่ก็ไม่เอา”

“มึงนี่น่าสนใจดี”

“ครับ?”
ได้ยินไม่ถนัดอีกแล้ว นี่หูกูหนวกหรือเปล่า

“เรื่องตอบแทนกูมีเรื่องให้มึงช่วยเรื่องนึง พรุ่งนี้เที่ยงไปหากูที่คณะแพทย์แล้วอย่าสายกูไม่ชอบรอ”
ให้ไปหาทำไมวะคณะแพทย์ตึกก็อยู่ไกล แล้วจะให้ช่วยอะไรวะ หน้าอย่างผมจะไปช่วยอะไรใครเขาได้ ไปเกะกะซิไม่ว่า

“ได้ยินไหมที่กูพูดเนี่ยไอเพี้ยน”

“เอ่อ พี่ครับผมเทียนครับ แล้วก็เข้าใจแล้วครับพรุ่งนี้เดี๋ยวผมไปหาที่คณะแพทย์”
ผมรับปากอย่างขอไปที กล่าวลาอีกซักรอบ อยากกลับบ้านใจจะขาดแล้วด้วย ครั้งนี้พี่เหนือมันไม่ได้ขัดอะไรปล่อยให้ผมกลับบ้านได้ตามต้องการ ก่อนที่มันจะเดินกลับเข้าไปในผับอีกสงสัยจะไปต่อกับน้องแซนดี้ ผมกลับถึงบ้านในเวลาตีหนึ่งกว่าๆ อาบน้ำเข้านอนโดยที่ไม่ลืมไลน์บอกม๊าว่าผมกลับมานอนบ้าน ไม่งั้นเช้ามาโดนบ่นหูชาแน่


 



 

 


หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (25/10/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Cyclopbee ที่ 25-10-2018 18:35:24
น้องเป็นคนซื่อ พี่เหนืออย่าทำอะไรน้องนะ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (25/10/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 26-10-2018 06:09:15
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (27/10/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: wookyu ที่ 27-10-2018 14:29:40
                                                                                       

                                                                                                 -3-



โต๊ะหน้าตึกวิศวะ

“เพี้ยนเมื่อคืนมึงกลับบ้านไปตอนไหนวะ กูกลับมาที่โต๊ะเห็นแต่พี่เหนือ”
ผมละสายตาจากจอมือถือตัวเองมองเพื่อนรักที่พึ่งจะรู้สึกห่วงผม หลังจากที่ผมหายไปทั้งคืน ไอเผือกวางกระเป๋าลงบนโต๊ะม้าหินอ่อนที่ผมนั่งอยู่ พร้อมกับแก้วน้ำที่มันถือติดมาจากโรงอาหารแล้วเลื่อนแก้วน้ำนั่นมาให้ผม
 
“ก็ตอนที่พวกมึงทิ้งให้กูนั่งอยู่ที่โต๊ะแล้วออกไปหลี่หญิงกันไง กูไม่อยากดูหนังสดเลยหนีกลับก่อน”

“หนังสด?”
ไอเผือกถามตาเป็นประกาย เรื่องงี้อยากรู้ขึ้นมาเชียวนะเพื่อนเวร ผมคาดโทษมันในใจ
 
“เออ ดิ”
กูไม่เล่า อยากรู้ให้ตายไปเลย ชื่อเผือกไม่พอยังขี้เสือกอีก

“แล้วไงต่อวะ เหี้ยนี่ชอบเล่าอะไรครึ่งๆกลางๆ”

“ไม่แล้วไง ไสหัวไปกูจะเล่นเกมส์”
ผมว่าแล้วดันหน้าไอเผือกให้พ้นจากกรอบสายตา ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเล่นเกมส์ต่อ ด่านนี้บอสตีโคตรยาก ผมเล่นมาสองวันแล้วยังไม่ผ่านเลย

“ไอขี้งก แล้วไอเจงอ่ะมายัง นี่เที่ยงกว่าแล้วนะ มันจะโดดคาบอาจารย์เอื้อมพรหรือไง”

“โทรไปหามันดิ เที่ยงแล้วคงกินข้าวกับเด็กมันมั้ง”
ผมตอบตาก็จ้องเกมส์อย่างตั้งใจ ช้าก่อน เหมือนผมจะลืมอะไรซักอย่าง เกี่ยวกับอะไรเที่ยงๆ มือผมหยุดเล่นเกมส์ไปแล้วครับ ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนเริ่มฉายย้อนเป็นฉากๆ พี่เหนือลากผมออกจากผับเพราะผมถูกผู้หญิงก่อกวน ผมยืนอยู่กับพี่เหนือที่ลานจอดรถ ต่อรองกันเล็กน้อยเรื่องค่าตอบแทนที่พี่เหนือช่วยผม สุดท้าย

‘เรื่องตอบแทนกูมีเรื่องให้มึงช่วยเรื่องนึง พรุ่งนี้เที่ยงไปหากูที่คณะแพทย์แล้วอย่าสายกูไม่ชอบรอ’
ชิบลอสกูลืมสนิทเลยเหี้ย!!!
ผมรีบยัดมือถือใส่กระเป๋าคว้านหากุญแจรถก่อนจะวิ่งหน้าตั้งไปลานจอดรถมุ่งหน้าสู่คณะแพทย์ทันที
 
“เฮ้ย!! ไอเพี้ยนมึงจะไปไหน”

“เดี๋ยวกูกลับมาเล่ากูรีบ เจอกันเลิกคลาสเลย!!!”
ผมตะโกนตอบแค่นั้น 10 นาทีต่อมา ผมก็มายืนหอบแดกอยู่ที่หน้าตึกคณะแพทย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ว่าแต่พี่เหนือมันอยู่ไหนวะ

“กูบอกว่าไม่ชอบรอมึงจำไม่ได้หรือไง”
เหี้ยหน้าบึ่งมาแต่ไกลเลย พี่เหนือมันเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม กดเสียงต่ำโคตรๆ ดูท่าจะโกรธมากทีเดียว

“ผมขอโทษพี่ ผมลืมพอคิดได้ก็รีบมาเลย”
ผมยกมือขอโทษคนตรงหน้า พี่เหนือมันไม่พูดอะไรสิ่งที่พี่มันทำคือวางหนังสือกองโตลงบนแขนผม ก่อนใช้สายตาสั่งให้ผมเดินตามไปเรื่อยๆ โดยไม่คิดจะอธิบายอะไรให้ผมฟังเลยซักนิด

“มึงเดินให้มันเร็วกว่านี้ได้ไหม ขี้เหร่แล้วยังขาสั้นอีก!”
อ้าวปากหรอครับนั่นที่พูด รู้จักกันแค่วันเดียวเอาสิทธิ์ที่ไหนมาตำหนิหน้าตากูมิทราบครับ ผมชักสีหน้าไม่พอใจแล้วเร่งฝีเท้าก้าวให้ทันคนข้างหน้าขึ้นอีกเล็กน้อย ครั้นจะเอ่ยปากถามคนข้างตัวว่าจะพาไปไหน พี่มันก็ดันเปิดประตูห้องๆหนึ่งเดินนำผมเข้าไปยังภายในห้องซะก่อนและเมื่อผมเดินตามเข้าไปก็อดที่จะอุทานขึ้นมาเบาๆอย่างลืมตัวไม่ได้

“ห้องสมุด?”

“แล้วมึงเห็นเป็นโรงแรมหรือไง”

“พาผมมาที่นี่ทำไมวะ”

เพี๊ยะ!!

“โอ้ยย พี่ตบปากผมทำไม”
ผมยกมือลูบปากตัวเองทันทีที่มือหนาของพี่เหนือฟาดลงมาบนปาก แม้มันจะไม่แรงมากแต่มันเจ็บพอดูเลยนะครับปากแตกหรือเปล่าก็ไม่รู้
“มึงพูดไม่เพราะ แล้วก็ช่วยหุบปากซักทีเห็นไหมคนอื่นเขามองกันหมดแล้ว”
พอพี่เหนือพูดจบผมก็หันไปมองคนที่ยืนอยู่รอบๆห้อง มันจริงอยู่นะครับที่ว่าคนพวกนั้นกำลังมองอยู่ มองด้วยสายตาหยาดเยิ้ม มองด้วยความหลงไหล ซึ่งสายตาเหล่านั้นไม่ได้มีเผื่อแผ่มาถึงไอเทียนคนนี้เลย โน่นครับจุดโฟกัสของสาวๆพวกนั้นคือไอพี่เหนือต่างหาก
 
“ผมว่าเขามองพี่นะ”
ผมแก้ความเข้าใจผิดนั้นให้พี่เหนือใหม่ แต่ดูเหมือนพี่เหนือมันจะไม่ได้สนใจในสิ่งที่ผมพูดเลยซักนิด มือหนายังคงไล่นิ้วไปยังสันหนังสือบนชั้นทีละเล่มอย่างใจเย็น

“พี่หาหนังสืออะไรอยู่ ให้ผมช่วยไหม”
ผมเอ่ยปากถามหลังจากที่ยืนถือหนังสือมองพี่เหนือเงียบๆอย่างนี้มาเกือบ 5 นาที
 
“แค่ยืนหุบปากอยู่แบบนั้นก็ช่วยกูได้เยอะแล้ว”
กริบ ผมรีบหุบปากตัวเองอย่างไว ความหวังดีของผมถูกคนตรงหน้าขยี้ด้วยตีนแบบไม่เหลือซาก พี่เหนือมันเลือกหนังสือจากชั้นขึ้นมาสองเล่ม แล้วเดินไปทิ้งตัวนั่งที่โต๊ะอ่านหนังสือที่อยู่ไม่ไกลจากหมวดหนังสือที่พี่เหนือพึ่งเดินออกมาไม่เท่าไหร่ ผมเลยวางหนังสือแล้วนั่งลงบ้าง นั่งมองคนตรงหน้าอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ โอยย กูจะหลับลากกูมาทำไมเนี่ย

“เหนือคะ”
เสียงหวานร้องทักพี่เหนือด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆ ห้าวินาทีผ่านไปพี่เหนือก็ยังไม่เงยหน้าขึ้นจากหนังสือที่อ่าน หรือว่าพี่เหนือจะไม่ได้ยิน

“เหนือคะ”
เสียงหวานเอ่ยเรียกพี่เหนืออีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอให้น้ำเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย

“ถามเขาหน่อยว่ามีอะไร”
ห๊า!! เกี่ยวไรกับกูครับพี่ เขาเรียกมึง มึงก็ถามเขาเองซิครับ

“เอ้า ทำไมพี่ไม่ถามเองล่ะ”
ผมพูดเสียงเบาแล้วหันไปยิ้มแห้งๆให้คนสวยเสียงหวานตรงหน้า

“กูสั่งให้ถามก็ถาม ขาสั้น ขี้เหร่แล้วยังหูไม่ดีอีกนะมึง”
“แต่พี่”

“อย่าให้กูพูดเป็นรอบที่สอง”
โว๊ะ!! เอาแต่ใจตัวเองจริงๆแม่ง ผมหันไปมองคนเสียงหวานอีกครั้ง เธอยังคงยืนอยู่ที่เดิมแต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือรอยยิ้มที่เธอพกมาด้วยนั้นหายไปจากใบหน้าสวยๆของเธอ เฮ้อ หนักใจจริงๆ เรื่องของกูหรือเปล่าก็ไม่ใช่เป็นคนกลางที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียแบบนี้ไม่แฟร์ต่อผมเลยจริงๆ

“พี่เหนือถามว่ามีอะไรหรือเปล่าครับ”
ผมถามพร้อมยิ้มเจือนๆส่งไปให้ อย่าโกรธผมนะครับคนสวยผมแค่ทำตามที่มันบอก

“พลอยได้หัวข้อทำรายงานเรื่องเดียวกับเหนือ พลอยขอนั่งด้วยได้ไหม”

“บอกเขาไปว่าโต๊ะเต็มไม่มีที่ว่าง”
หื้ม เต็ม เต็มยังไง ผมก็เห็นเก้าอี้อยู่ว่างเกือบ 10 ที่ กระเป๋าหรือข้าวของของคนอื่นก็ไม่เห็นมีวาง

“เต็มยังไงวะพี่ ทั้งโต๊ะมีแค่พี่กับผมเองนะ”
ผมกระซิบถาม พี่เหนือเงยหน้าขึ้นมามองผมก่อนจะเอานิ้วชี้ดันหน้าผากผมแรงๆ

“กูบอกว่าเต็มคือเต็ม บอกไปตามนั้นแล้วอย่าให้ใครกวนกูตอนอ่านหนังสืออีก”
โอ้โห เย็นชาเหี้ยๆ ผมคงไม่ต้องบอกซ้ำใช่ไหม เสียงพี่เหนือที่พูดประโยคเมื่อกี้ก็ไม่ได้เบาเลยนะ ผมมั่นใจว่าเธอต้องได้ยิน แต่ว่าทำไมเธอยังยืนอยู่ที่เดิมเล่า เป็นผมคงเดินหนีไปตั้งแต่เห็นท่าทีเย็นชาของพี่แม่งแล้ว

“เอ่อ ผมคิดว่าพี่เหนือคงจองที่ไว้เผื่อเพื่อนน่ะครับ เลยไม่มีที่ว่าง”

“อ่อ ค่ะ”
เธอรับคำแล้วเดินหน้าเศร้าจากไป เห็นแบบนั้นแล้วผมเลยเผลอถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมาไม่ได้

“หึ ไอเด็กแคระเลี้ยงแกะ”

“ร้อยแปดสิบไม่แคระนะครับ อีกอย่างที่ต้องเลี้ยงแกะก็เพราะคนแถวนี้ไม่ใช่หรือไง”
“เตี้ยกว่ากูก็ถือว่าแคระอยู่ดี”
เออ เอาที่มึงสบายใจเลยพี่เหนือ กูจะไม่เถียงมึงให้ปวดหัวเล่นอีกแล้ว เชิญมึงอ่านหนังสือต่อเถอะ ผมหมดความสนใจคนตรงหน้า หยิบมือถือขึ้นมานั่งเล่นเกมส์ฆ่าเวลาไปพลาง ไม่น่าเชื่อเห็นลุคหล่อเลวอย่างพี่เหนือไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นคนขยันเรียนขนาดนี้ ไม่เห็นด้วยตาผมคงเชื่อไม่ลง ผิดกับผมที่คนภายนอกมองว่าท่าจะเรียนเก่งแต่แท้จริงแล้วผมมันก็ควายดีๆตัวหนึ่งนี่เอง รอดมาได้ถึงปี 1 ก็ปราฎิหารย์มากแล้ว


“สั้นตื่น กูจะกลับแล้ว”

“อือ”
ผมขานรับ ก่อนจะปรือตาขึ้นมามองคนที่ใช้ตีนสะกิดปลุกผม มารยาทมึงทรามขัดกับเบ้าหน้าที่แสนจะเพอร์เฟคของมึงมากครับพี่ ใช้ตีนปลุกคนที่พึ่งจะคุยกันไม่กี่ครั้งเนี่ยนะ

“กี่โมงแล้วพี่”

“ทุ่มนึง”

“โอ้โหนี่พี่อ่านหรือเขียนหนังสือใหม่กันแนะวะนานเหี้ย”

เพียะ!!

“โอ้ยย ตบทำไมอีกเนี่ย!”

“มึงพูดไม่เพราะ มึงพูดอีกกูก็จะตบมึงอีก”

“ไม่ยุติธรรมเลยทีพี่ด่าผมล่ะ”

“อย่าเถียงสั้นกูอยากกลับบ้านแล้ว”
และสั้นก็เป็นอีกชื่อหนึ่งของผมที่พี่เหนือมันยัดเยียดให้โดยไม่ให้คำอธิบายว่าทำไมถึงเรียกผมว่าสั้น และถ้าให้เดามันคงหมายถึงความสูงผมที่น้อยกว่ามันไม่ต่ำกว่า 5 เซนต์แน่ๆ

“รถมึงอยู่ไหนนำไปซิ”

“ไม่ต้องเดินไปส่งหรอพี่แค่นี้เองผมเดินได้”

“ใครว่ากูจะไปส่ง กูแค่จะเดินไปดูเฉยๆว่าขาสั้นอย่างมึงเหยียบเบรคถึงได้ยังไง”
เพล้ง ได้ยินเสียงแล้วก็ช่วยผมเก็บเศษหน้าตัวเองทิ้งด้วยนะครับ แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆเลยหน้ากู ผมชักสีหน้าไม่พอใจใส่พี่เหนือก่อนจะเดินกึ่งวิ่งไปยังที่จอดรถเปิดประตูได้ผมก็เอาเท้าวางบนเบรคทดลองเหยียบให้คนแถวนี้ดูว่าขาผมไม่ได้สั้นและเหยียบเบรคได้อย่างสบายๆ

“ผมเหยียบเบรคได้มิดตีนเลยเห็นไหมพี่ เห็นแล้วใช่ไหมงั้นผมกลับแล้วนะ”

“หึ”
มันหึเสร็จก็เดินกลับไปยังที่จอดรถของตัวเอง ผมเห็นแบบนั้นจึงขับรถกลับบ้านตัวเองทันที คิดถึงหมอนจะแย่แล้ว ห้าววว






-----------------------------------------------------------------------------------------------------

ขอเม้นส์เป็นกำลังใจด้วยนะคะ บวกเป็ดให้ด้วยจะดีมากเลยค่ะ :)
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (27/10/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 27-10-2018 16:47:04
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (28/10/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: wookyu ที่ 28-10-2018 14:41:34
                                                                                         

                                                                                             -4-



เหนือ พาร์ท

ผมมองไอเพี้ยนเดินหายกลับเข้าไปบนรถ รอจนกระทั้งรถซีอาร์วีสีขาวของมันหายลับไปจากสายตาแล้วจึงขับรถออกจากคณะบ้าง ปลายทางของผมคือร้านเหล้าแถวๆมหาลัย เนื่องจากผมโดนไอเพลิงโทรตามตั้งแต่หกโมงให้เข้าไปกินเหล้าด้วย ไม่มีโอกาสพิเศษใดๆทั้งนั้น ที่กินเพราะความอยากล้วนๆ มาถึงผมก็เห็นมันนั่งคุยกันเรื่องน้องรหัสของพวกมันผมก็ฟังแบบผ่านๆ และเมื่อสบโอกาสผมเลยลองถามถึงเรื่องของไอเพี้ยนดูบ้าง

“ไอเพี้ยนมันเป็นคนที่ให้เกียรติผู้หญิงมากๆคนหนึ่ง เท่าที่กูรู้จักและเห็นมันมานะ”

“พวกกูยังไม่ได้เล่าเรื่องที่น้องมันเลิกกับแฟนให้มึงฟังใช่ไหม”
ผมส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ ฟังไอนัทกับไอเพลิงผลัดกันเล่าเรื่องไอเพี้ยนรุ่นน้องแสนประเสริฐของมันให้ผมฟัง

“แฟนมันขอเลิกเพราะ มันไม่เคยแตะต้องแฟนมันเลยแม้แต่จูงมือ เอาง่ายๆนั่งข้างกันมันยังไม่ทำเลย เว้นห่างอย่างต่ำไม้บรรทัดนึงเสมอ”
คนแบบนี้ยังมีอยู่บนโลกอีกหรอ ฟังแล้วผมไม่อยากจะเชื่อเลย ถ้าไม่ติดว่าคืนนั้นผมเห็นมากับตาผมคงเชื่อไม่ลงแน่

“ว่าแต่มึงเกิดมาสนใจอะไรเรื่องของน้องกูไม่ทราบ”
นึกว่ามันจะไม่ถามซะแล้วว่าเพราะอะไร เห็นพอถามเรื่องน้องหน่อยก็ผลัดกันภูมิใจเสนอโดยไม่ถามเลยว่าจะอยากรู้ไปทำไม

“ก็ไม่ทำไมกูเห็นมันแปลกๆ เลยแค่อยากรู้ว่ามันเป็นคนยังไง”
ผมพูดอย่างไม่หยี่ระ ก่อนจะส่งเหล้าเข้าปาก ผมก็แค่อยากรู้จักรุ่นน้องในคณะมันเฉยๆก็เท่านั้น


     เช้าวันต่อมา ผมนัดพวกไอเพลิงกินข้าวที่คณะมัน โดยให้เหตุผลว่าผมอยากเปลี่ยนบรรยากาศ เบื่อร้านข้าวที่คณะตัวเอง มันก็ไม่ได้ซักไซร์อะไรมากมายหนำซ้ำยังช่วยแนะนำร้านโน่นร้านนี้ให้ผมอีก โดยที่มันไม่รู้เลยว่าจุดประสงค์จริงๆวันนี้ของผมคือมาส่องชีวิตประจำวันของรุ่นน้องมันต่างหาก ถ้าถามว่าทำไมผมต้องทำแบบนั้นล่ะก็ อืม คงเป็นเพราะผมถูกชะตากับมันมั้ง ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ในระหว่างที่ผมกำลังนั่งกินข้าวไปพลางกวาดสายตามองหาไอเพี้ยนไปพลางพลันหูก็ได้ยินเสียงโหวกเหวงโวยวายจากโต๊ะข้างๆเสียก่อน ทำให้ผมต้องย้ายสายตากลับไปมองยังที่มาของเสียงแทน

“ไอเผือกมึงเดินไปถามป้าร้านสุกี้เป็นเพื่อนกูหน่อยดิ”
“ถาม? ถามอะไรของมึงวะ”

“ครั้งที่แล้วมึงสั่งสุกี้แห้งยังมีน่องไก่ทอดใส่ให้เลย ทำไมกูสั่งไม่เห็นจะได้ มึงไปสั่งป้าเขาว่าไงวะ”

“ฮ่าๆๆๆๆ เหี้ยเผือกพามันไปเอาน่องไก่เลย มึงหาเรื่องใส่ตัวชัดๆ”

“ไปให้เขาเอาตะหลิวตีหน้ากูไงไอเพี้ยน น่องไก่ที่มึงเห็นในจานกูวันนั้น ก็ของมึงนั่นแหละ กูหยิบไปแดกตอนมึงลุกไปคุยกับใบหม่อน”
ผมเห็นไอเพี้ยนมันทำท่าคิด อยู่พักก่อนมันจะโวยเพื่อนมันหน้ามันตลกมากครับ

“ไอสัส เผืออกกก กูว่าแล้วทำไมน่องไก่กูเหลือน้อยมึงเอาไปแดกนี่เอง เลวจริงๆไอเพื่อนเหี้ย”


“ยิ้มอะไรของมึงวะไอหมอ แปลกๆนะมึง เล็งน้องในคณะกูคนไหนอยู่ป่าวเนี่ย”
ไอเพลิงทำท่าจับผิด ว่าแต่ผมยิ้มหรอ บ้าหน่าแม่งตาฝาดแล้ว ผมจะยิ้มทำไม ก็แค่เห็นความเพี้ยนของใครบ้างคนมันตลกดี ทำไมผมจะต้องยิ้มด้วย หึหึหึ


     ระหว่างกินข้าวผมก็ฟังเพื่อนคุยบ้าง เหร่มองโต๊ะถัดไปบ้าง ไอเพี้ยนเวลามันอยู่กับเพื่อนดูสนุกดี มองมันแล้วก็รู้สึกผ่อนคลาย อย่างตอนนี้ผมไม่รู้มันคุยอะไรกัน เห็นแต่ไอเพี้ยนนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดมองมือถือตัวเอง ในขณะที่เพื่อนมันสองคนผลัดกันแอบหัวเราะ แล้วชี้ๆไปที่หน้าจอไอเพี้ยน ผมว่ามันต้องแกล้งอะไรไอเพี้ยนมันแน่ๆ

“ทำไมกูตีบอสด่านนี้แล้วเลือดกูลดวะ ตีมันทีเลือดกูลดที”

“ไอควาย ด่านนี้มันให้มึงบริจาคแรไอเทมสองชิ้นให้ผู้เล่นคนอื่นก่อน มึงถึงจะตีบอสได้”

“เหี้ยโคตรไม่ยุติธรรม กูมีแค่สามชิ้นเองหายากสัส ให้คนอื่นไปกูเสียดายว่ะ กว่าจะหามาได้”

“งั้นมึงก็ให้กูกับไอเจงดิ คนกันเอง เดี๋ยวกูรีบเข้าไปช่วยตีเลย”
มันสองคนทำหน้าชั่วร้ายมากก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมา

“เทียนทำไรหน้านิ่วคิ้วขมวดเชียว”

“อ้าวพี่สองหวัดดีพี่ ผมกำลังตีบอสด่านนี้แต่มันต้องให้ผมบริจาคแรไอเทมให้คนผู้เล่นคนอื่นก่อนถึงจะตีได้ ผมโคตรเสียดายเลย”

“ไหนมีแบบนี้ด้วยหรอครับ ส่งมาให้พี่ดูซิ”
ไอนั่นมันเป็นใคร ทำไมต้องพูดกับไอเพี้ยนเพราะขนาดนั้นด้วย เห็นแล้วรู้สึกขัดตาแปลกๆ

“ด่านนี้พี่ผ่านแล้ว ไม่เห็นจะต้องบริจาคอะไรเลย”

“นี่ไงครับพี่สองพอเทียนตีบอสตัวนี้เลือดเทียนจะลดลง นี่ไงๆเห็นไหมพี่”

“เฮ้ยเทียนนั่นมันผู้ช่วยประจำตัวเราในด่านนี้ เทียนไปตีมันเลือดเทียนก็ลดซิครับ ฮ่าๆๆ มาพี่เล่นให้”

“อ๋อ ครับพี่ อย่างนี้นี่เอง พี่สองเทียนฝากด้วยนะครับ ส่วนพวกมึงมาให้กูกระทืบเดี๋ยวนี้ ไอเลวมึงทำแบบนี้กับกูได้ไงวะ กูเพื่อนมึงนะเว้ย”
ไอเพี้ยนมันว่าแล้ววิ่งไล่เพื่อนมันออกจากโรงอาหารไป นี่มันปีหนึ่งหรือปอหนึ่งกันแน่ เล่นห่าอะไรเหมือนเด็กไม่มีผิด

“เอาอีกแล้วน้องรหัสมึง ไล่กระทืบกันอีกแล้ว”
ไอเพลิงพูดกลั่วหัวเราะ สายตามันดูเอ็นดูเด็กกลุ่มนี้เอามากๆ โดยเฉพาะไอเพี้ยนนั่น

“ไม่รู้วันนี้ไอเพี้ยนกูโดนน้องรหัสมึงหรือน้องรหัสกูแกล้งกันแน่ ก็เจอพวกมันทีไรก็เป็นแบบนั้นตลอดเด็กฉิบหาย”
ไอนัทเสริม

“ดูเหมือนพวกมึงจะเอ็นดูไอเพี้ยนกันมากนะ ไอเหี้ยนั่นอีกคน”
ผมพูดพลางพยับเพยิบหน้าไปทางไอคนที่กดมือถือไอเพี้ยนเล่นอยู่ที่โต๊ะถัดไป ผมจำได้แล้วมันคือไอสองรองเดือนปีที่แล้วนี่เอง

“ไอสองหรอ เออ ไอนั่นดูเหมือจะชอบไอเพี้ยนนะ แต่ไอเพี้ยนมันไม่รู้หรอก มันบื้อ”

“พวกมึงก็บอกมันสิ!”

“เดี๋ยวแล้วมึงจะอารมณ์เสียทำไมไม่ทราบครับ นั่นน้องคณะกูครับเดือดร้อนอะไรด้วย”

“กูแค่ สงสารเด็กมัน ฝากเก็บจานด้วยกูกลับคณะแล้ว”
ผมทิ้งจากให้พวกมันเก็บก่อนจะเดินนอกจากโรงอาหาร และมันก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ไอเพี้ยนมันเดินกลับเข้ามา
แต่ดูเหมือนมันจะไม่ทันเห็นผม เพราะมันเดินเลยตัวผมไปเฉยๆ ไม่แม้แต่ทักหรือมองผมซักนิดจนผมต้องเอ่ยทัก

“ไอสั้นเดินผ่านรุ่นพี่แล้วไม่ทัก พี่ที่คณะมึงไม่สอนเรื่องมารยาทหรือไง”
ผมจับแขนมันไว้ก่อนมันจะเดินเลยผมไปไกล

“อ้าวพี่เหนือ หวัดดีพี่มาหาพวกพี่เพลิงหรอ”
มันทักพร้อมทำสีหน้าแปลกใจ ซึ่งผมมองแล้วคิดว่ามัน น่ารัก
 
“ขี้เหร่ ปกติหน้าตาก็ขี้เหร่อยู่แล้วยังจะทำหน้าอุบาศใส่กูอีก”

“โหพี่ เล่นซะความมั่นใจผมหดเหลือสองนิ้วเลย ใช่ดิใครจะไปหล่อวัวหายควายล้มเหมือนพี่วะ”

“มึงพูดไม่เพราะอีกแล้ว”
ผมทำท่าจะตบปากมัน แต่ไอเพี้ยนมันเร็วกว่ายกมือขึ้นปิดปากตัวเองไว้ทันที

“ครับๆคุณเหนือ ช่วยหลีกทางให้ไอขี้เหร่คนนี้เดินหน่อยนะครับ”
ดูความกวนตีนของมันนะครับ ไม่ได้เข้ากับหน้าตาของมันเลยจริงๆ ไอเพี้ยนพูดจบก็เตรียมจะเดินผ่านตัวผมไป แต่ยังไม่ทันที่มันจะได้ก้าวขา เสียงแหลมเล็กของผู้หญิงคนหนึ่งร้องทักขึ้น

“อ้าววววว เธอคนนั้นนี่”
ไอเพี้ยนตาโตทันทีที่ได้ยินเสียงพร้อมกับโฉมหน้าของผู้หญิงคนนั้น คนที่มันเคยเจอครั้งหนึ่งในผับ หึหึหึ สงสัยมึงจะติดหนี้กูเพิ่มแล้วมั้งไอเพี้ยนเอ้ย




------------------------------------------------------------------------------------------

เอาน้องเทียนมาลงอีกหนึ่งตอนค่ะ สงสารน้อง เพื่อนเห็นว่าบื้อหน่อยก็พากันรุมแกล้ง :)



หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (29/10/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: wookyu ที่ 29-10-2018 16:28:12
                                                                                       - 5 -


“เอ่อ คะครับ”

ทำไมผมถึงซวยแบบนี้ หนีเสือปะจระเข้ชัดๆ ไอพี่เหนือมันยืนยิ้มชอบใจอยู่ตรงหน้า ดูสะใจมากที่เจอผมในสถานะการณ์คล้ายๆกันอีก

“เจอกันครั้งที่สองแล้ว ทีนี้แก้มว่าแก้มควรจะรู้ชื่อของเธอได้แล้วนะ”

แก้มพูดพร้อมกับสอดแขนมาคล้องที่แขนผม แถมยังเอาหน้าอกเบียดมาซะชิดแขนเลย เป็นผู้หญิงไม่ควรทำแบบนี้นะแก้ม แม่ไม่สอนหรอ
 
“เราชื่อเทียน แก้มเราว่าเอาแขนออกไปเถอะมันดูไม่ดีเลย แก้มจะเป็นฝ่ายเสียหายนะ”

“เทียนน่ารักแบบนี้ แก้มไม่อยากปล่อยเลย เอางี้ไหมถ้าแก้มยอมปล่อยเทียนต้องยอมเป็นแฟนแก้มนะ”

ฮ๊ะ เดี๋ยวก่อน แก้มใจเย็นครับคุยกันไม่ถึงสิบนาทีเลย แก้มจะรีบไปไหนครับเนี่ย ในที่สุดผมก็ต้องหันหน้าไปขอความช่วยเหลือจากพี่เหนือ ขานั้นยืนดูด้วยสีหน้าที่ดูจะสนุกเหลือเกิน มีความสุขบนความทุกข์กูนี่มันดีมากเลยใช่ไหมพี่
ผมส่งสายตาอ้อนวอนให้มันช่วยทำอะไรซักอย่าง ในที่สุดพี่เหนือมันก็ยอมยื่นมือเข้ามาช่วยผมจริงๆครับ มันเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าผมกับแก้ม ก่อนจะพูดนิ่มๆ

“พี่ว่าสนุกกันมากพอแล้ว น้องแก้มครับพี่ขอรับแฟนพี่คืนได้ไหมครับ เรากำลังจะไปข้างนอกกันและกำลังจะสายด้วย เทียนครับไปกันเถอะ”

พี่เหนือพูดแล้วเดินเข้ามาจูงมือผม
 
“มุกไม่เนียนค่ะ แก้มไม่เชื่อหรอก เพราะแก้มรู้ว่าพี่เหนือ….โอเคค่ะโอเควันนี้แก้มยอมปล่อยเทียนไปก่อนก็ได้ แล้วเจอกันนะคะเทียน”

น่ากลัวชิบหายเลยผู้หญิงสมัยนี้ แก้มเดินไปแล้ว ผ่านไปนาทีนึงแล้วด้วยแต่

“พี่เหนือปล่อยมือผมได้แล้วมั้งพี่ แก้มไปตั้งนานแล้ว”

พี่เหนือก้มมองมือที่กุมผมอยู่เล็กน้อยก่อนจะคลายมือออกตามคำขอ

“นี่มือหรอ กูนึกว่าแง่งขิง หยาบกว่ากระดาษทรายเบอร์สิบอีก”

ผมยืนกระพริบตาปริบๆรับคำด่าที่แสนจะเจ็บแสบจากคนตรงหน้า ก่อนจะลองลูบที่ฝ่ามือตัวเองเบาๆ มันก็ไม่ได้หยาบอะไรขนาดนั้นซักหน่อยพี่แม่งก็เวอร์เกิน ตำหนิผมมันทุกสิ่งอย่าง จนตอนนี้ผมแทบจะไม่เหลือแล้วซึ่งความมั่นใจ แต่เดี๋ยวนะ เมื่อกี้พี่เหนือมันบอกว่าผมเป็นแฟนมันนี่หมายความว่าไง?

“ทำไมพี่ต้องบอกแก้มว่าผมเป็นแฟนพี่วะ...ล่ะ”

ผมเกือบหลุดพูดคำว่า วะ ดีนะที่พลิกลิ้นทันไม่งั้นคงโดนตบปากแล้วหาว่าพูดไม่เพราะอีกแน่

“มันเป็นวิธีเดียวที่กูคิดออก นี่กูช่วยมึงแล้วมึงยังบ่นอีกหรอ”

เถียงไม่ออกเลยกู แต่ถ้าไม่ได้พี่มัน ป่านนี้ผมคงต้องไปดูหนังกับแก้มสองต่อสองแน่นอน แค่คิดก็ไม่ไหวแล้ว ผมไม่ค่อยชอบผู้หญิงแบบนี้เท่าไหร่ ผู้หญิงแบบนี้ไว้ใจไม่ได้ ผมหมายถึงเจอผู้หญิงแบบนี้ผมไว้ใจตัวเองให้ไม่เผลอไปกับสิ่งยั่วยุได้ ผมก็เป็นผู้ชายนะครับ เจออึ๋มๆอวบๆเข้าไปของก็ขึ้นได้เหมือนกันแล้วเรื่องมันจะไปกันใหญ่เลี่ยงได้เลี่ยงดีกว่า

“เปล่าครับพี่ แค่คิดว่ามันจะเกิดเรื่องยุ่งยากตามมาทีหลังหรือเปล่าถ้าแฟนพี่รู้”

วันนั้นตอนที่อยู่ในผับผมได้ยินว่าพี่เหนือมีแฟนนะ แล้วมาตู่ว่าผมเป็นแฟนแบบนี้ผมจะไม่โดนแหกอกเพราะแรงหึงหรือไง ใครๆก็ว่าผู้หญิงหึงโหด

“ไม่ต้องมาคิดแทนกู เก็บสมองเท่าหำมดของมึงไว้คิดเรื่องอื่นเถอะ”

“เขี้ยวว่ะพี่ ปากคอเราะร้ายตลอด ถามจริงแฟนพี่เขารู้ไหมว่าพี่ปากจัดแบบนี้”

ผมถามเพราะความอยากรู้ ระหว่างเดินตามพี่เหนือออกไปนอกโรงอาหาร

“หึ กูไม่เคยพูดแบบนี้กับใคร นอกจากมึง หมดคำถามหรือยังกูจะได้ไปเรียน”

“ผมควรภูมิใจไหมพี่”

“อย่ากวนตีนสั้น คอยรับโทรศัพท์กูด้วย”
 
“ครับๆ พี่รีบไปศึกษาเล่าเรียนเถิด”
                                                                         
หลังจากแลกเบอร์กันเสร็จไอพี่เหนือมันก็กลับคณะมันไป ส่วนผมก็เดินกลับไปที่โต๊ะในโรงอาหารอีกครั้งเพื่อไปรับโทรศัพท์คืนจากพี่สองเสร็จก็ขึ้นเรียนตามปกติ
 

“วันนี้เอาไง รายงานนี่จะไปทำที่ไหน ระหว่างหนึ่งบ้านไอเทียน สองบ้านไอเทียน สามบ้านไอเทียน”

“บอกว่าบ้านกูไปเลยก็ได้ ตัวเลือกห่าอะไรของมึงมีแต่บ้านกูทั้งนั้น”

ผมแหวกพวกมัน ระหว่างที่เดินไปยังลานจอดรถ
 
“สรุปไปบ้านมึงนะ แต่เดี๋ยวกูกับไอเผือกแวะซื้อของเซ่นม๊ามึงก่อน แล้วจะตามเข้าไป”

“จะซื้อทำบ้าอะไรม๊ากูไม่ใช่คนเห็นแก่กินนะเว้ย ไปมือเปล่าก็ได้”

“ไม่ได้ๆ กูอยากเป็นลูกรักของม๊ามึง มึงกลับไปเตรียมงานก่อนเลยไม่เกินชั่วโมงพวกกูขนเสื้อผ้าไปนอนห้องมึงแน่นอน”
เอากับพวกมันซิครับ ได้โอกาสเมื่อไหร่เป็นค้างบ้านผมตลอด มันบอกว่ามันชอบม๊าผม ชอบบ้านที่เต็มไปด้วยสวน ผ่อนคลายดี

“โอเคงั้นแยกกัน เจอกันบ้านกูเลย”

ผมออกรถมาได้ครึ่งทางเสียงแอปพลิเคชั่นยอดฮิตสีเขียวๆก็ดังขึ้น ใครวะชื่อไม่คุ้น

P’NEUANATEE : อยู่ไหนสั้น?
อย่าบอกนะว่ารูปผู้ชายหันข้างนี่มันพี่เหนือ เหี้ยรูปเท่ห์สัส

N’PHEIYN : ขับรถกลับบ้านแล้วพี่
 
N’PHEIYN : จะใช้อะไร ใช้วันหลังนะครับ จุ๊บๆ
ตัดบทแล้วโยนมือถือไว้เบาะข้างคนขับแม่ง แถมปิดเสียงอีกต่างหาก มีอะไรเรียกใช้เทียนวันหลังแล้วกัน


“ม๊าครับวันนี้เพื่อนเทียนมาค้างด้วยนะครับไอเจงกับไอเผือกลูกรักทั้งสองของม๊าไง”

ผมเดินเข้าไปกอดม๊าจากด้านหลัง ม๊ากำลังเตรียมอาหารเย็นอยู่พอดี หอมกลิ่นแกงส้มมากเลย ผมชักหิวแล้วซิ

“อาตี๋ทำไมลื้อไม่บอกก่องว่าอาเผียกกับอาเจงจะมาด้วยอ่า อั๊วะเตรียมกับข้าวไว้สี่อย่างเอง”

“โห ม๊าสี่อย่างก็เยอะแล้วนะครับ ไหนจะของที่พวกมันซื้อมาอีกตี๋รับรองได้ว่าเต็มโต๊ะ”

“ไปบอกอาเจงอาเผียกเลยว่าไม่ต้องซื้ออะไรมาแล้ว”

เมื่อไหร่ม๊าผมจะจำได้ว่าเพื่อนผมชื่อเผือก เจอกี่ทีเรียกมันเผียกตลอด จนมันมาบ่นผม หาว่าผมเสี่ยมม๊าให้เรียกมันอย่างนั้นเพราะผมเกลียดมัน ดูมันคิด

“งั้นเดี๋ยวตี๋ลองโทรหามันก่อน”

ผมเดินออกมาจากห้องครัวถือกระเป๋าเดินขึ้นห้องไปก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อนจะโทรหาไอเจง แต่สายตาก็ไปสะดุดอยู่ที่แอปพลิเคชั่นสีเขียวๆนั่นซะก่อน

P’NEUANATEE : กวนตีนเดี๋ยวกูเปลี่ยนใจไม่ช่วยแม่ง

N’PHEIYN : เฮ้ยพี่ อย่ากลับกรอกดิ ลูกผู้ชายพูดแล้วคืนคำเป็นตุ๊ดเด็กนะครับ

P’NEUANATEE : ทำไมต้องเป็นตุ๊ดเด็กด้วยวะ?

N’PHEIYN : หัดเป็นแรกๆไง ต้องเริ่มจากเป็นตุ๊ดเด็กก่อน

P’NEUANATEE : มึงนี่เพี้ยนสมชื่อ

N’PHEIYN : พี่มีไรอีกหรือเปล่า

P’NEUANATEE : พรุ่งนี้มาหากูที่คณะด้วย กูมีเรียน
เอ้าพี่มันมีเรียนแล้วเกี่ยวอะไรกับผมวะ มีเรียนมึงก็เรียนไปซิครับให้กูไปหาทำไม

N’PHEIYN : ให้ไปทำไมพรุ่งนี้วันเสาร์ผมต้องช่วยม๊าขายของ
ตอแหลไปครับ ร้านผมหยุดเสาร์ อาทิตย์ ถึงไม่หยุดผมก็ไม่ค่อยไปช่วยม๊าอยู่แล้ว เพราะม๊าไม่ยอมให้ไปม๊ากลัวผมเหนื่อย

P’NEUANATEE : ไม่มาข้อตกลงถือว่าโมฆะ

N’PHEIYN : กี่โมงพี่ ผมว๊างว่าง ลืมไปม๊าเลิกขายของวันเสาร์ อาทิตย์แล้ว

P’NEUANATEE : รีบเชียวนะมึง 10 โมงห้ามสาย
จบบทสนทนาไลน์แต่เพียงเท่านี้ ไม่มีอะไรมากแค่ไลน์มาสั่งๆเสร็จแล้วก็เงียบไป ผมเห็นว่าไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆจากแอปพลิเคชั่นนั้นแล้วจึงปิดแอปไป



















-------------------------------------------------------------------------------

เอาน้องเพี้ยนมาฝากอีกตอนแล้วนะคะ ยังไงอย่าลืมช่วยกันติดตาม เม้นส์เป็นกำลังใจให้น้องเพี้ยนด้วยนะคะ :)
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (28/10/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 29-10-2018 18:32:02
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (01/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: wookyu ที่ 01-11-2018 13:04:48
                                                                                          -6-

สามทุ่มโดยประมาณพวกเราเหล่าวิศวะพร้อมมากครับ อุปกรณ์การทำรายงานครบถ้วน อาบน้ำอาบท่ากันเรียบร้อยทาแป้งแคร์หอมฉุย พร้อมมากจริงๆครับ

“ไอเทียนกูจองที่ริมฝั่งขวา”
ไอเจง

“กูซ้าย”
ไอเผือก
สรุปมึงมานอนจริงๆใช่ไหม แล้วกองรายงานที่วางไว้กลางห้องกูนี่คืออะไร
 
“ส้นตีนครับทำงานก่อนค่อยนอน ไม่งั้นกูตัดชื่อมึงสองตัวออกจากหน้าปกรายงานนะ”

“โห ไอเพี้ยนพรุ่งนี้ก็หยุดทำพรุ่งนี้ก็ได้ รีบหรอมึง ห๊ะๆ รีบหรอๆ”
ไอเผือกมันว่าพลางเอาตีนมากระแซะๆผม ใช่กูรีบ เพราะพรุ่งนี้กูไม่อยู่ ไอพี่เวรเรียกกูไปเข้าเฝ้ากูเลยต้องทำวันนี้ไง

“เออ พรุ่งนี้กูธุระ ช่วง 10 โมง”

“ธุระอะไร ทำไมพวกกูไม่รู้”
เข้าคู่กันได้ดีเหลือเกินนะ เรื่องเผือกๆเนี่ย

“ธุระส่วนตัว มึงเข้าใจคำนี้ไหม ส่วนตัวคือส่วนตัว เลิกคุยๆ มาทำงาน”
พวกมันโอยครวญกันพอเป็นพิธีสุดท้ายก็ลงมานั่งสุมหัวเขียนรายงานกัน คืนนี้คงยาวไปครับไม่เสร็จไม่นอนคติของพวกผม



 9 โมงโดยประมาณ
มาถึงก่อนเวลาเล็กน้อยเพราะผมขี้เกียจฟังพี่มันบ่น ผมรอมันอยู่ที่ร้านกาแฟข้างตึกเรียนของมัน เห็นนักศึกษาแพทย์พากันมานั่งติว นั่งอ่านหนังสือกัน เยอะแยะไปหมด แต่แปลกครับคนเยอะขนาดนี้ผมกลับไม่ได้ยินเสียงคนคุยกันเลย แต่ละคนก้มหน้าติดหนังสือ เล่นซะผมเห็นภาพหลอนว่าเขาโดนหนังสือแดกหัวไปแล้ว บางคนก็ทำปากขมุบขมิบเหมือนกำลังท่องอะไรซักอย่าง พอลืมก็ทึ้งหัวตัวเองอย่างกับคนบ้า เห็นแบบนี้แล้วรู้สึกโชคดีขึ้นมาทันทีที่ผมไม่เลือกเรียกหมอ แม้ว่าคะแนนผมจะไม่ถึงด้วยก็ตาม

ตืด ดือ ดึ้ง (เสียงเตือนไลน์ของไอโฟน)

P’NEUANATEE : ถึงยังอีกสิบนาทีกูจะเลิกแล้ว สายเตรียมเลี้ยงข้าวกูได้

N’PHEIYN : ถึงแล้วแหละ ว้ายๆๆ อดแดกของฟรีเลย

P’NEUANATEE : มึงนี่แม่งกวนตีนฉิบหาย ไอเด็กเวร

N’PHEIYN : ผมอยู่ร้านกาแฟข้างตึกคณะแพทย์นะ รีบมาจ่ายค่าน้ำให้ผมด้วย


สิบห้านาทีต่อมา

“หวัดดีพี่”
ผมทักคนที่พึ่งเดินเข้ามา พี่เหนือมันอยู่ในชุดนักศึกษาธรรมดาในมือมีชีทและเสื้อคลุมสีขาว เฮ้ยอย่าบอกนะว่า

“พี่เหนือพี่เรียนหมอหรอ? เชี่ยพีคสัส”

“มึงพึ่งรู้?”

“เมื่อกี้เลยตอนเห็นเสื้อขาวๆของพี่”
ผมตอบไปตามสัจจริง ถ้าไม่เห็นเสื้อกาวน์พี่มันผมคงคิดว่ามันเรียนสถาปัตย์แน่ๆ ลุคดูเลวขนาดนั้นใครจะคิดว่าแม่งเรียนหมอ

“สมกับเป็นมึงจริงๆ”
พี่เหนือพูดอะไรซักอย่างก่อนจะส่ายหัวพร้อมทำหน้าเบื่อโลก

“เออ แล้วพี่เรียกผมมาทำไม”

“กูจะให้มึงช่วยเข้าเล่มให้หน่อย เทคบางวิชาของกูมันเป็นไฟล์มาให้ปริ้น ที่คอนโดกูมีทุกอย่างขาดแต่แรงงาน”
“อ้อ เรียกมาเป็นเบ้ งั้นก็รีบๆพี่จะได้รีบทำรีบเสร็จ”
ผมพูดพร้อมเก็บมือถือยังใส่กระเป๋า กวักมือเร่งคนที่นั่งแดกน้ำในแก้วของผมอย่างถือวิสาสะ

“รีบไปไหน รอเพื่อนกูก่อน”

“ครับๆ”
ผมรับคำสั้นๆแล้วนั่งลงอีกครั้งแม้จะไม่ค่อยเต็มใจก็ตาม ในระหว่างที่นั่งรอผมก็กวาดสายตามองไปรอบๆร้านกาแฟ แล้วก็ต้องแปลกใจที่ท่าทีของคนเหล่านั้นเปลี่ยนไป จำได้ไหมครับครั้งแรกที่ผมเดินเข้ามา ผมบอกว่าผมเห็นคนเหล่านั้นท่องหนังสือกันอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่หลังจากที่พี่เหนือเดินเข้าร้านมาคนเหล่านั้นกลับเอาแต่มอง แล้วซุบซิบกัน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แอบยกมือถือถ่ายรูปพี่เหนือกันระนาว แต่ที่กับผมพวกเขากลับใช้สายตาแปลกๆมองมาที่ผมแทน เฮอะ สองมาตราฐานชัดๆ

“สั้นเลื่อนน้ำมึงมากินหน่อย”
ผมกำลังจะเลื่อนแก้วตัวเองส่งให้พี่เหนือตามคำขอ แต่จำต้องวางไว้ที่เดิมเนื่องจากในแก้วผมตอนนี้มันไม่มีน้ำเหลือแล้วนี่ซิ คงต้องไปสั่งใหม่

“พี่เหนือน้ำในแก้วผมไม่มีแล้ว พี่จะกินอะไรเดี๋ยวผมไปสั่งให้”

“มึงชอบกินอะไร”

“สตอเบอร์รี่มะนาวโซดา ช้าก่อนได้โปรดอย่าใช้สายตาแบบนั้นมองผม ผมแค่ชอบเพราะมันกินแล้วชื่นใจเฉยๆไม่ได้ตุ๊ดแต๋วอะไรทั้งนั้น”
ผมรีบพูดดันเมื่อเห็นพี่เหนือมันช้อนตาขึ้นมามอง คงคิดว่าผมแดกน้ำตุ๊ดอยู่แน่ หน้ามันฟ้องว่าใจคิดแบบนั้น

“แล้วกูพูดอะไรหรือยัง”

“ก็ยังแต่ผมรู้ว่าพี่คิด”

“มึงเป็นกูหรือไงถึงได้รู้”

“ก็...อื้ออออ เอ็บๆ”

“เถียงคำไม่ตกฟาก ไปสั่งได้แล้วเอาน้ำที่มึงแดกนั่นแหละ”
ผมที่กำลังจะอ้าปากเถียงโดนพี่เหนือยื่นมือมาบีบปากกลั้นเสียงพูดของผมไว้ แล้วแม่งบีบโคตรแรงเลย ผมยู่หน้าใส่พี่เหนือก่อนจะเดินไปสั่งน้ำตามบัญชา

“เธอๆ เธอคนนั้นน่ะ”
จะสั่งกี่แก้วดีวะ สั่งสองแก้วเลยแล้วกันไม่รู้ว่าเพื่อนพี่เหนือจะมาเมื่อไหร่ แต่เงินผมจะไม่ยอมออกเองแน่นอน ขอให้มาช่วยก็มาแล้ว ยังจะให้รอเพื่อนเป็นเพื่อนอีกมันก็ต้องมีค่าเสียเวลาให้น้องนุ่งบ้าง

“เธอๆ”

“ครับ ผมหรอ”
ผมหันไปตามแรงสะกิดเบาๆที่ต้นแขน ก็เจอผู้หญิงประมาณ สี่คน อยู่ข้างหลัง เมื่อกี้ที่ผมได้ยินนั่นคือเรียกผมซินะ

“อืมเธอแหละ”

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
ผมขยับห่างเล็กน้อย เพราะเธอคนนั้นอยู่ใกล้ตัวผมจนเกินไป

“คือ สนิทกับพี่เหนือหรอ สนิทได้ยังไง เรียนก็คนละคณะ แถมยังไม่ใช่กลุ่มเพื่อนพี่เหนืออีก”
นี่คือคำถามหรือผมกำลังถูกสืบสวนกันแน่วะ เธอคนนั้นเปลี่ยนสีหน้าที่เป็นมิตรเมื่อครู่ เป็นสีหน้าที่ผมเดาไม่ได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ผมสัมผัสได้ถึงความกดดันที่แผ่กระจายเป็นวงกว้างอยู่รอบๆตัว เลยรีบขยับปากตอบ

“ผมเป็นรุ่นน้องต่างคณะของพี่เหนือ รู้จักกันเพราะพี่ในคณะผมเป็นเพื่อนกับพี่เหนือ ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“แน่ใจนะคะว่าแค่รุ่นน้อง”
เธอถามซ้ำพลางหรี่ตาลงเล็กน้อยเหมือนกำลังจับผิดผม

“ครับรุ่นน้อง ผมอายุอ่อนกว่าพี่เหนือคงเป็นเพื่อนหรือพ่อมันไม่ได้”
ผมตอบไปตามความคิด ผู้หญิงคนนั้นทำท่าจะพูดอะไรต่อแต่พอดีเสียงเรียกชื่อผมจากหน้าเคาน์เตอร์ดังขัดขึ้น ผมเลยหันไปรับเครื่องดื่มพร้อมกับจ่ายเงินก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะผมก็หันไปมองที่เธอคนนั้นอีกครั้ง เผื่อเขาอยากจะคุยอะไรกับผมเพิ่มเติม

“มีอะไรกับผมอีกไหม ไม่มีผมไปนะ”

“ถ้าแค่รุ่นน้องทางเราก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่อย่าสนิทกับพี่เหนือเกินขอบเขตนะ หลายๆคนคงไม่ชอบ”
เธอคนนั้นพูดจบก็พากันเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทันที ทิ้งให้ผมยืนมองตามไปด้วยความไม่เข้าใจ

“แค่สั่งน้ำทำไมไปนาน”
มาถึงก็บ่นเลยเว้ยเฮ้ย ผมกำลังจะอ้าปากเถียงแต่ก็ปิดปากไว้ทันเนื่องจากที่โต๊ะไม่ได้มีแค่ผมกับพี่เหนืออีกต่อไปแล้ว ผมเลยรีบยกมือไหว้คนมาใหม่อีก 4 คน

“หวัดดีครับพี่ๆ”
ผมเอ่ยทัก ก่อนจะเดินไปนั่งยังที่ตัวเอง
 
“ไงไอพี่หมอไม่คิดจะแนะนำน้องให้พวกกูรู้จักหน่อยหรือไง”
พี่เหนือชักสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยก่อนจะแนะนำผมให้เพื่อนๆของเขารู้จัก

“เพี้ยนรุ่นน้องในคณะไอเพลิง...สั้นน้ำกูล่ะ”
พี่เหนือพูดจบก็หันมาทวงน้ำจากผม ผมเลยดันแก้วที่ยังไม่ได้กินส่งให้ แต่พี่เหนือมันไม่ยอมเอื่อมมือมาหยิบไป แถมยังทำหน้าบึ่งใส่ผมอีก

“กูไม่เอาแก้วนี้”

“หื้ม ไม่เอาแก้วนี้แล้วจะเอาแก้วไหน เมื่อพี่บอกให้ผมสั่งน้ำแบบเดียวกับผมไม่ใช่หรอ”

“เอาแก้วมึงมา”

“เฮ้ยได้ไงนี่ของผม ผมแดก เอ้ย ดูดไปแล้ว”

“เอามา”
สุดท้ายผมก็ต้องยอมเลื่อนแก้วน้ำตัวเองที่พร่องไปกว่าครึ่งส่งให้พี่เหนือ พี่มันก็รับไปดูดต่อหน้าตาเฉย
 
“นี่กูตาฝาดหรือเปล่าวะ ไอเหนือผู้แสนจะรักความสะอาดเนี่ยนะยอมแดกน้ำหลอดเดียวกับคนอื่น”
“ถ้ามึงฝาดกูคงฝาดเหมือนมึง”

“มันยังไง กูตกข่าวอะไรไปหรือเปล่า”
เพื่อนๆพี่เหนือผลัดกันพูดคนละประโยค แต่ผมไม่รู้หรอกว่าเขาพูดเรื่องอะไรกัน ซักพักเขาก็หันมาทางผม

“เพี้ยน พี่ชื่อป้องนะ นี่พี่ปิ๊ก พี่โอบ แล้วโน่นพี่พล”
ผมพยักหน้ารับก่อนจะยกมือไหว้พี่ๆทีละคนอีกที พี่ป้องกำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรกับผมบางอย่างแต่พอเห็นพี่เหนือเก็บของใส่กระเป๋าเตรียมจะย้ายทัพ พี่ป้องเลยปิดปากเงียบไว้เหมือนเดิม

“เหนือเดี๋ยวกูกับไอโอบทำเรื่องระบบหายใจเอง ส่วนระบบทางเดินอาหารไอปิ๊กกับไอพลมันจะเป็นคนทำ มึงโอเคไหม”
พี่ป้องเจ้าเดิมพูดหลังจากเดินพ้นประตูห้องเข้ามาได้ ในขณะที่มือก็หยิบโน๊ตบุคขึ้นมาวาง เช่นเดียวกับพี่ๆคนอื่น เพื่อนๆพี่เหนือแต่ละคนหน้าตาไม่ธรรมดากันเลยครับ พี่ป้องเป็นผู้ชายตัวสูง ผิวไม่ถึงกับขาวมาก คิ้วเข้ม หน้าคม พี่โอบผิวคล้ำๆ หน้าคมแบบไทยแท้ ผมดำเข้ม ดูมีเสน่ห์แบบไทย พี่ปิ๊กและพี่พลสองคนนี้ดูคล้ายกันครับหล่อแบบตี๋ๆตัวขาวสูง หุ่นนายแบบ ย้อนมองตัวเองแล้วได้แต่ถอนหายใจ ถึงผมจะสูงแต่หน้าผมไม่ได้เข้ม มาดแมนแฮนด์ซั่มเหมือนพี่หมอกลุ่มนี้เลย ใครๆก็บอกว่าผมเหมือนทอม บ้างก็ว่าผมเป็นผู้หญิงมีหำ มีแต่คนมองผมแบบนั้นผมล่ะเซ็ง

“สั้นเอาแฟลชไดร์ไป ปริ้นเอกสารในโฟลเดอร์ที่ชื่อรายงานออกมาให้หมดแล้วเข้าเล่มให้กูด้วย”
พี่เหนือมันโยนแฟลชไดร์สีดำของมันมาให้ผม แล้วชีนิ้วไปที่เครื่องปริ้นซ์มุมห้องที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกไว้พร้อมแล้วตั้งแต่คอมตั้งโต๊ะ เครื่องปริ้น ที่เข้าเล่ม ปกรายงาน ผมเลยเดินไปทิ้งตัวนั่งแล้วเริ่มทำงานที่ได้รับมอบหมายทันทีเผื่อเสร็จเร็วผมจะได้กลับไปเล่นเกมส์

เวลาเกือบห้าทุ่มผมก็เข้าเล่มรายงานทุกวิชาของพี่เหนือเสร็จ จริงๆไอแค่เข้าเล่มมันไม่ได้นานเท่าไหร่หรอกครับ แต่ที่นาน เพราะผมต้องจัดเรียงเอกสารก่อนเข้าเล่มด้วยนี่ซิมันเลยนาน
 
“พี่เหนือเสร็จแล้วผมกลับก่อนนะพี่”

“ดึกแล้วนอนนี่แหละ กูขี้เกียจไปส่ง”
พี่เหนือพูดโดยตายังจับจ้องที่จอโน๊ตบุคตรงหน้า ขอบคุณซักคำก็ไม่มีแถมยังจะแล้งน้ำใจกับน้องนุ่งอีก นิสัยแบบนี้เป็นจะเป็นหมอได้ไงวะ

“ใครบอกว่าผมจะให้พี่ไปส่งรถผมก็มี”
“แล้วมึงจะเอาคีย์การ์ดที่ไหนสแกนออกจากคอนโด”
เออ หว่ะผมก็ไม่ทันคิดเรื่องนี้ แต่มันก็แค่ลงไปส่งข้างล่างนี่เองนะ จะขี้เกียจอะไรหนักหนา ในระหว่างที่ผมตั้งอกตั้งใจเถียงกับพี่เหนือ ผมไม่รู้เลยว่าผมกับพี่เหนือกำลังถูกจับตามองอยู่เงียบๆโดยเพื่อนๆทั้งสี่คนของพี่เหนือ

“พี่ก็ลงไปส่งผมดิ แปปเดียวเองผมอุตส่าห์มาช่วยพี่นะ”

“ไปอาบน้ำสั้น เสื้อผ้ากูในตู้เลือกเอาซักชุดแล้วมึงก็นอนไปก่อนเลย”

“แต่ผม...”

“ทำไมต้องให้กูพูดบ่อยๆ หูมึงหนวกด้วยหรือไง อาบน้ำก่อนค่อยขึ้นเตียงนะ ไม่งั้นกูจะไล่มึงไปนอนนอกระเบียง”
ไม่เปิดโอกาสให้ผมได้ปฎิเสธเลยซักครั้ง พี่เหนือมันสั่งเสร็จก็ก้มหน้าทำงานต่อ ในขณะที่ไฟแห่งความหวังของผมกำลังจะมอดและดับลงช้าๆ เสียงระฆังช่วยชีวิตก็ดังขึ้น

“คีย์การ์ดอยู่ไหนเดี๋ยวกูลงไปส่งน้องมันเองก็ได้”
ผมยิ้มกว้างทันทีที่พี่โอบพูดจบ พี่เหนือเงยหน้ามองพี่โอบนิ่ง

“ไม่ทำงานหรอ เวลาเหลือเยอะ?”
พี่โอบส่งสายตาขอโทษมาให้ผม ก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟาทำงสนที่ค้างไว้ตามเดิม ผมเลยจำใจต้องโทรศัพท์หาม๊าบอกว่าจะค้างบ้านรุ่นพี ก่อนจะเลือกเสื้อผ้าในตู้พี่เหนือมาหนึ่งชุด เดินเข้าห้องน้ำอาบน้ำ เสร็จแล้วก็ทิ่งตัวนอนบนเตียงหลังใหญ่ภายในห้องพี่เหนือทันที ไม่เกรงจงเกรงใจแม่งละ ไม่นานผมก็ผลอยหลับไป



----------------------------------------------------------------------------------------

อย่าลืม comment เป็นกำลังใจให้น้องเพี้ยนด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (01/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 01-11-2018 13:49:11
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (01/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 01-11-2018 15:23:36
พี่เหนือ  ท่าเยอะจริง ๆ

 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (01/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 02-11-2018 08:08:45
ขอบคุณครับ +1 ให้กำลังใจคนเขียนครับ o13
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (01/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: wookyu ที่ 04-11-2018 13:46:17
                                                                                             -7-




เช้าวันจันทร์ โรงอาหารคณะวิศวะ

“ไอเพี้ยนกูได้ข่าวว่ามึงโดนแก้มมนุษย์ศาสตร์ตามจีบหรอวะ”
ข่าวพวกมึงนี้ไวจริงๆ เร็วกว่าสีจีก็พวกมึงนี่แหละ

“เออ”
ผมตอบสั้นๆแล้วกินข้าวต่อ เสียงไลน์ผมมันก็ดังอย่างต่อเนื่องแต่ผมไม่คิดจะกดอ่านหรอกครับ อ่านแล้วเดี๋ยวก็งานเข้าอีก หลังจากคืนที่ผมนอนค้างห้องพี่เหนือ เช้ามาพี่เหนือมันก็ลงมาส่งผมข้างล่างแล้วกลับขึ้นไปนอนต่อ ประมาณช่วงบ่ายๆพี่แม่งก็ไลน์มาตามผมอีก แต่ผมชิ่งครับ วันหยุดผมทั้งทีผมก็อยากจะพักผ่อนบ้างอะไรบ้าง ผมเลยเลือกที่จะไม่เปิดไลน์อ่านตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้

“แล้วมึงว่าไง”

“ทำไมต้องว่าด้วย เขาชอบกูก็ปล่อยให้เขาชอบไปสิ สิทธิ์ของเขา”

“โอยย ไอห่ากูหมายถึงมึงชอบเขาไหม”
ตบหัวกูอีก มึงก็ถามให้ตรงประเด็นสิวะ

“กูไม่ได้ชอบ มึงก็รู้กูกลัวผู้หญิงแบบแก้ม”

“กูล่ะอิจฉามึงจริงๆ เจอแต่ผูหญิงสวยๆเข้ามาจีบ”
ผมไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก ปล่อยให้มันสองคนนั่งเพ้อถึงดาวคณะโน่นคณะนี้ไปเรื่อย นี่ถ้าไม่ติดว่าพี่นัทพี่เพลิงให้รอ เพราะมีเรื่องงานสาขาให้ช่วย ป่านนี้ผมกลับบ้านไปแล้ว


“โทษทีพวกมึง อาจารย์อุดมแม่งปล่อยช้า ไม่ต้องมามองกูตาเขียวเลยไอเพี้ยนกูรีบสุดได้แค่นี้”
พี่เพลิงขว้างก้อนกระดาษยู่ๆมาใส่หัวผม คนเรานี่ก็แปลกกูทำหน้าเฉยๆหาว่ากูมองตาเขียวใส่ เอากระดาษปาใส่ซะงั้น

“อ้าว แล้วพี่โก้ พี่เปรมมาทำไมครับ”
“งานสาขากูอยากมีส่วนร่วมไม่ได้ไง”

“อะไรของพี่ๆวะ ผมถามดีๆทำไมต้องกวนตีนใส่ผมกันด้วย”
ผมเริ่มน้อยใจนิดๆแล้ว อะไรๆผมก็โดนกวนประสาทอยู่คนเดียว ไอเจง ไอเผือกไม่เห็นเคยโดน

“เฮ้ย นี่มึงงอนหรอ”

“งอนห่าอะไรล่ะครับพี่”

“เหี้ย คบกับมึงมาปีกว่าพึ่งจะรู้ว่ามึงมีมุมงอนน่ารักๆแบบนี้ด้วย”

“พอแล้วอย่าไปแหย่มัน ฮ่าๆๆ เอาเรื่องงานก่อน กลางเดือนนี้เรามีค่าอาสาซ่อมแซมห้องสมุดให้เด็กบนดอย กูอยากให้มึงช่วยหาคนเข้าร่วมค่ายอาสาหน่อย แต่กูขอให้เน้นคนที่ทำงานเท่านั้นนะ เอาแค่ 25 คน มากกว่านั้นเดี๋ยวรถจะไม่พอนั่ง
เพราะคณะเราแชร์รถกับอีกคณะนึงไป และก็ บลา บลา บลา

“กูจะได้คำตอบอย่างเร็วเมื่อไหร่”

“เดี๋ยวเร่งหาให้แล้วกันพี่ ภายในอาทิตย์นี้แหละ”

ไอเจงรับคำ ไม่นานการประชุมของพวกผมก็สิ้นสุดลง พวกผมเดินออกจากโรงอาหารมาราวๆ ห้าโมงกว่าพ้นโรอาหารมาได้ไม่ถึงสิบก้าวแขนผมก็ถูกใครบ้างคนคว้าเอาไว้

“กะ แก้ม”
ผมเอ่ยเรียกคนตรงหน้า มาได้ไงวะเนี่ย

“ค่ะแก้มเอง โชคดีจังไม่คิดว่าจะเจอเทียนเลยนะเนี่ย ว่าแต่เทียนจะไปไหนหรอ”

“ผมจะกลับบ้านครับ”
ผมพูดพร้อมแกะมือที่คล้องอยู่ที่แขนผมออกอย่างนิ่มนวลที่สุด
“เสียดายจัง แก้มมีเรียน ตอนห้าโมงครึ่งที่ตึกเรียนฝั่งนี้ ไม่งั้นแก้มจะชวนเทียนไปหาไรกินด้วยกันซักหน่อย”
“คือถ้าแก้มหิว เราพาไปกินในโรงอาหารเราก็ได้ ใกล้ตึกเรียนแก้มนิดเดียวเอง”
แก้มทำหน้าดีใจยกใหญ่ที่ผมอาสาไปส่งเธอที่โรงอาหาร แถมยังนั่งรอเธอกินข้าวอีก

“ขอบคุณมากเลยนะเทียน วันนี้เทียนใจดีกับแก้มมากเลย”

“ไม่เป็นไรครับ แก้มรีบไปเรียนเถอะ เทียนเองก็จะกลับบ้านแล้ว”
ผมไล่เป็นนัยๆ แก้มก็ยอมขึ้นเรียนอย่างว่าง่าย แลกกับสัมผัสเบาบางที่แก้มขวาของผม
 
“แก้มไปนะคะ”
ไปเลยครับ รีบไปเลย อยู่นานกว่านี้ผมคงไม่โดนหอมแก้มแค่ข้างเดียวแน่ หลังจากแยกกับแก้ม ผมก็ดิ่งกลับบ้านทันที
ผมกลับมาถึงบ้านก็นั่งคุยเล่นกับม๊าซักพัก อยู่เป็นเพื่อนม๊าดูละครหลังข่าวจนจบ ส่งม๊าเข้านอน ก่อนจะกลับเข้าห้องตัวเอง


เช้าวันต่อมา
ผมขับรถมาจอดหน้าคณะเป็นปกติ มองตรงไปหน่อยก็จะเห็นกลุ่มเพื่อนและพี่ปีสามนั่งสุ่มหัวกันอยู่ ถ้าให้เดาคงกำลังคุยเรื่องค่ายอาสากันแน่ๆ ไม่อยากจะเชื่อเห็นชอบทำตัวกากไปวันๆแบบพวกนั้น ก็มีมุมเอาจริงกับเขาเป็นเหมือนกัน

“สั้น”
ไม่ทันที่ผมจะตะโกนทักทายพวกรุ่นพี่ เสียงเรียกชื่อผมก็ขัดขึ้นซะก่อน

“อ่าว หวัดดีครับพี่เหนือ”
ผมยกมือไหว้ทักไปตามมารยาท หันหลังเตรียมชิ่ง ใครจะอยู่ล่ะครับหน้าแม่งโคตรโหดเลย

“มึงจะไปไหน”

“ไปหาเพื่อนครับ นั่งอยู่โน่นไง”
ผมบอกพรางชี้ไปทางพวกไอเจง แต่เดี๋ยวนะ ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มนั่นใคร

“มึงแน่ใจว่าจะเดินไปหาเพื่อนมึง”
แก้มมาทำอะไรแต่เช้าเลยวะ แถมยังไปนั่งร่วมอยู่กับกลุ่มเพื่อนผมอีก พี่เหนือกระตุกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ
ไม่แน่ใจหว่ะพี่ เมื่อวานแค่โดนหอมแก้มวันนี้ไม่รู้จะโดนอะไรอีก
“พี่เหนือ เอาไงดีวะพี่”

“ทีงี้เรียกกู”

“เมื่อวานผมโดนหอมแก้ม วันนี้ไม่รู้ว่าจะโดนอะไรอีก เอาไงดีวะ”

“เมื่อวานมึงโดนหอมแก้มด้วยหรอ?”
หน้าตึงทำไม เขาหอมแก้มกูไม่ใช่แก้มมึงพี่

“เออดิ เข้าไปตอนนี้โดนเกาะแกะแน่ งั้นเดี๋ยวผมไปหลบก่อนดีกว่า มีไรค่อยคุยกันนะพี่”
ผมพูดเสร็จก็เดินนำพี่เหนือออกมาเลย ชักช้าขืนพวกนั้นหันมาเห็นผมก่อนจบเห่แน่

“เดี๋ยวสั้น จะหนีทำไมกูก็อยู่”

“ไม่เอาพี่ ผมไม่อยากให้พี่ช่วยแบบนี้แล้ว แค่ผมไปไหนมาไหนกับพี่สาวๆพี่แม่งก็จ้องจะกัดหัวผมไม่เว้นแต่ละวัน ถ้ารู้ว่าพี่แกล้งเป็นแฟนผม ผมไม่โดนฆ่าหมกส้วมเลยหรอทีนี้”

“มึงมีวิธีรับมือแล้ว?”

“ยัง ก็คงหลบๆไปก่อน”

“ก็วิธีเดิมแหละมึงอย่าเรื่องมาก”

“แต่”

“เห้ยไอเพี้ยน ยืนทำเหี้ยอะไรตรงนั้นวะ อ้าวว พี่เหนือหวัดดีพี่”
ไอเผือกหันมาเห็นผมจนได้ มันทักผม ก่อนจะยกมือไหว้อีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ

“เทียนมาแล้วหรอค่ะ แก้มมารอตั้งนานแหนะ”

“คะ ครับ”
“แล้วมึงอ่ะ เหนือมาทำไม”

“มาส่งแฟน”

“ห๊า!!!”
ไอพี่เหนือมันไม่พูดเปล่า โอบไหลผมต่อหน้าเพื่อนและรุ่นพี่ผมหน้าตาเฉย ซวยแล้วไง ผมลืมไปว่าพวกมัน เอ่อ ผมหมายถึงพวกเพื่อนผมและรุ่นพี่ ไม่รู้เรื่องข้อตกลงระหว่างผมกับพี่เหนือ
 
“มึงว่าไงนะ ใครแฟนมึง”
พี่เพลิงได้สติก่อนคนแรก ถามพี่เหนืออย่างต้องการความชัดเจน ตอกย้ำให้เขากระจ่างอีกทีว่าไม่ได้ฟังผิด

“ก็ไอสั้นนี่ไง แฟนกู”

“เหี้ยพี่เหนือ”
ผมบ่นอุบพร้อมส่งข้อศอกไป ถองสีข้างคนข้างตัวเบาๆ พูดเรื่องแบบนี้ได้รื่นปากเหลือเกินนะไอพี่เวร

“มันยังไงวะไอเพี้ยน”
ไอเผือกถาม
 
“สรุปว่าพี่เหนือเป็นแฟนของเทียนจริงๆหรอคะ”
แก้มถามด้วยสีหน้าและน้ำเสียงไม่ทุกข์ร้อนใดๆทั้งสิ้น ฟังดูไม่ค่อยน่าไว้ใจเลยแฮะ

“ตามที่เห็น จะให้พี่ยืนยันอีกซักกี่รอบครับ”
พี่เหนือถามเสียงนิ่ง ในขณะที่มือย้ายไปโอบเอวผมแทนแล้ว
 
“แย่จริง ทำไมน้าทั้งๆที่รู้ว่าเทียนมีแฟนแล้ว แต่แก้มยังรู้สึกอยากจะให้เทียนเป็นของแก้มอยู่ดี และแก้มก็ไม่คิดว่าพี่เหนือจะเป็นอุปสรรค์เลยด้วย”
“โห กูนับถือความมุ่งมั่นของแก้มจริงๆ”
ไอเผือกกระซิบกระซาบกับไอเจง แต่มันกระซิบดังเกินเลยแว่วมาเข้าหูผมด้วย
“เอ่อ แก้มครับ”

“แก้มควรเลิกยุ่งกับคนที่มีเจ้าของแล้วจะดีกว่า เพราะเวลาพี่หึงพี่จะโหดมากนะครับ ไปสั้นเดี๋ยวกูไปส่งขึ้นห้อง”
พี่เหนือพูดจบก็จูงมือผมให้เดินตามขึ้นไปบนตึกเรียนทันที โดยที่ไม่ได้ถามผมเลยซักนิดว่า

“พี่เหนือผมเรียนตึกโน่นครับ”
ใช่ครับไม่ถามเลยว่าผมเรียกตึกไหน ลากกูขึ้นมาสองชั้นแล้ว
 
“แล้วทำไมมึงไม่รีบบอกกู”

“เอาเวลาไหนบอกวะพี่ พูดเองเออเองเสร็จก็ลากผมขึ้นมาเลยเนี่ย”

“กูผิดว่างั้น”

เออ
 
“เปล่าครับ”




-------------------------------------------------------------------------

ช่วยกัน Comment เป็นกำลังใจให้น้องเพี้ยนด้วยนะคะ
 


หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (04/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: changemoo ที่ 04-11-2018 14:41:27
ชอบเทียน พี่เหนือหลบ 555 คนเนียนจริงเนียนสุด
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (04/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 04-11-2018 16:07:08
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (04/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 04-11-2018 19:47:51
เนียนเชียวนะพี่เหนือ

 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (04/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 05-11-2018 11:11:44
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :katai3:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (04/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 05-11-2018 22:39:44
แหมมมมมม พี่เหนือเนียนเชียวนะ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (04/11/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-11-2018 02:11:40
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (07/11/2018) ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: wookyu ที่ 07-11-2018 14:35:17
                                                                                            - 8 -



หลังเลิกเรียน ณ โรงอาหารที่เก่า เวลาสี่โมงเย็น

“ไอเพี้ยนมีอะไรจะเล่าให้พวกกูฟังไหม?”
ไม่มีแต่กูรู้ว่าพวกมึงอยากเสือก

“มึงจำวันที่เราไปผับด้วยกันครั้งแรกได้ไหม”
ผมเริ่มเล่า พวกมันก็พยักหน้ารับรัวๆ ในเชิงว่าจำได้ๆ เล่าต่อซิไอควาย ถึงปากมันจะไม่ได้พูดออกมาอย่างนั้นแต่ผมรู้ว่ามันคิด เพราะสีหน้ามันฟ้องหมดทุกอย่าง

“กูเจอแก้มครั้งแรกที่นั่น แก้มเข้ามาชวนกูไปแดกเหล้าที่โต๊ะ แล้วก็ เอ่อ ลวนลามกู เหี้ยกระดากปากชิบ เป็นผู้ชายเสือกโดนลวนลาม”
ผมเล่าไปบ่นไป พวกเหี้ยนั่นก็หัวเราะชอบใจ ไม่สงสารกูเลยแม่ง

“แล้วไงต่อ”

“พี่เหนือมันเลยเข้ามาช่วยกู พากูหนีนั่นแหละ กูคิดว่าเรื่องมันควรจะจบแค่นั้น ไม่คิดว่าจะเจอแก้มอีกเป็นครั้งที่สอง แต่กูก็เจอ
ครั้งที่สองกูเจอแก้มที่โรงอาหาร วันที่กูไล่กระทืบพวกมึงเรื่องเกมส์อ่ะ วันนั้นแก้มพยายามจะลากกูไปดูหนังด้วย แต่กูไม่อยากไป บังเอิญเจอพี่เหนือกำลังเดินออกจากโรงอาหารมันเลยช่วยกูไว้อีกครั้งนึง มันออกอุบายว่ากูกับพี่มันเป็นแฟนกัน คิดว่าทำแบบนี้แล้วแก้มจะยอมถอยทัพ แต่ก็เป็นอย่างที่พวกมึงเห็น แก้มไม่ได้คิดจะถอยเลย”
ผมเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้พวกมันฟังตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่ข้ามอะไรไปแม้แต่ฉากเดียว
 
“กูว่าแล้วว่าเรื่องมันต้องมีที่มาที่ไป คนอย่างพี่เหนือมีแฟนเป็นถึงเดือนนิเทศน์จะมาคบอะไรคนเพี้ยนๆอย่างมึง”

“สัสเผือก”

“เดี๋ยว!!กูไม่เข้าใจว่าทำไมพี่เหนือต้องช่วยมึงด้วยวิธีนั้นด้วยวะ มึงกับพี่เขาสนิทกันหรอ”

“พี่มันบอกกูว่าคิดออกแค่วิธีนั้น กูก็ถามเขาอย่างที่มึงถามกูนี่แหละ”

“จวนตัวมั้งมึง แบบไม่รู้จะอ้างอะไรดี เลยคิดสั้นแบบนั้น”
ดูพวกแม่ง นอกจากจะไม่ช่วยแล้วยังจะกวนตีนกันอีก เพื่อนมึงกำลังเดือดร้อนนะเว้ย

“แล้วนี่มึงจะเอาไงต่อ แฟนพี่เหนือรู้เรื่องนี้หรือยัง แล้วไหนจะบรรดาแฟนคลับพี่เหนืออีก”
เฮ้อ นี่ไงเรื่องที่กูกังวลอยู่ ไม่รู้ว่าจะไปบอกแฟนพี่เหนือว่ายังไง จะให้อยู่ดีๆเดินไปบอกว่า พี่ครับผมยืมแฟนพี่เป็นไม้กันหมาหน่อยนะครับ แบบนี้พี่เขาจะยอมเข้าใจผมไหมล่ะ ไหนจะแฟนคลับพี่เหนืออีก
 
“กูยังคิดไม่ออกเลยหว่ะ”
ผมบอกไปตามตรง เรื่องนี้ไว้ผมลองปรึกษาพี่เหนือมันดูอีกทีแล้วกัน อย่างน้อยๆพี่เหนือที่เป็นแฟนคงจะให้คำแนะนำผมได้ดีกว่าผม ที่ตัดสินใจทำอะไรเองโดยพละการ

อีกด้านหนึ่ง
“เดหลีแกกับพี่เหนือเป็นไงบ้างช่วงนี้”
สาวสวยในชุดเกาะอกสีดำเปลือยผิวหลังขาวเนียนถามคนเป็นเพื่อนพร้อมส่งแก้วเครื่องดื่มสีสวยเข้าปาก คนถูกถามทำหน้าเบื่อหน่าย เมื่อคิดถึงบุคคลที่เป็นตกเป็นหัวข้อสนทนาในค่ำคืนนี้ เดหลีหแทบจะไม่ค่อยได้เจอหน้าเหนือว่าที่คู่หมั่นของตัวเองด้วยซ้ำ แม้ว่าเธอจะหมั่นไปหาเหนือที่คณะ หรือแม้แต่บุกไปหาที่คอนโด เหนือก็ยังคงสร้างช่องว่างระหว่างเธอไว้เสมอ เดหลีไม่เคยได้เข้าไปยังพื้นที่ส่วนตัวของเหนือ ทุกครั้งทีเดหลีไปหาเหนือที่คอนโดเดหลีจะได้อยู่แค่ในส่วนของห้องรับแขก เช่นเดียวกับเพื่อนๆของเหนือ แม้ว่าเดหลีนั้นกำลังจะเป็นคู่หมั่นของเหนือในอนาคตก็ตาม แต่เหนือกลับปฏิบัติกับเธอไม่ต่างไปจากเพื่อนคนหนึ่ง

“เหมือนเดิม แกถามทำไม”
เดหลีตอบเสียงเรียบก่อนจะยกแก้วทักทายผู้ชายอีกโต๊ะที่แสดงท่าทีสนใจเธอพร้อมรอยยิ้มเล็กที่มุมปาก

“ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่ไปเจอเรื่องตลกมานิดหน่อย อย่าใส่ใจเลย โน่นผู้ชายโต๊ะโน่นมองแกใหญ่แล้ว”
เดหลีเองก็เป็นผู้หญิงเที่ยวเล่นรักสนุกทั่วไป ในเมื่อบางสิ่งที่เหนือให้เดหลีไม่ได้ มันก็ไม่เห็นแปลกถ้าเธอจะหาบางสิ่งที่ขาดมาเติมเต็มให้ตัวเองอย่างเช่นวันนี้ เดหลีตัดสินใจเดินถือแก้วเหล้าในมือไปนั่งกับชายที่เธอหมายตาก่อนจะพากันออกจากผับไป

 -----------------------------------------------------------------

     ใต้ตึกวิศวะ เหล่านักศึกษาที่ลงชื่อสมัครไปค่ายอาสากำลังช่วยกันจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆที่จะนำไปใช้ในค่าย อาทิ สีทาบ้าน ไม้หน้าสาม ไม้อัด เลื่อย ค้อน ตะปู แปรงทาสี อะไรทำนองนั้นแหละครับ เห็นพี่เปรมหัวหน้าฝ่ายกิจกรรมนักศึกษาบอกว่าไม่ได้เป็นการซ่อมแซม แต่เรียกได้ว่าลื้อสร้างใหม่เสียมากกว่า เพราะห้องสมุด กับห้องเรียนของน้องเขาพุพังหมดแล้ว เลยอยากเนรมิตรให้น้องๆใหม่ไปเลย ผมว่าก็เข้าท่าดี
“ขาดอะไรอีกหรือเปล่าวะ เราจะไปอาทิตย์หน้าแล้วนะ”

“ไอของสำหรับงานช่างกูว่าไม่ขาดแล้วนะ ได้ของครบตามลิสแล้ว แต่ไปค่ายอาสาทั้งที กูว่าเราน่าจะมีพวกขนม หนังสือ อุปกรณ์การเรียนไปให้น้องๆมันบ้าง มีกิจกรรมเล่นกับน้องๆมันหน่อย น้องๆมันจะได้มีความสุขไง”
โอโห้ ไม่น่าเชื่อว่าคำพูดสวยงามแบบนี้จะหลุดออกจากปากพี่นัท หน้าตาไม่น่าจะใจดีเลยนะเนี่ย

“เออ กิจกรรมก็โยนให้พวกปีหนึ่งปีสองมันไป เราไปอยู่โน่นอาทิตย์นึง ก็เตรียมกิจกรรมไปให้พอล่ะ งานออกมาไม่ดีกูบอกเลยว่าซ่อมยกชั้น”
พี่เปรมขู่ และมันก็ทำให้พวกผมกลัวด้วย พี่เปรมบทจะเล่นก็เล่นบทจะเอาจริงก็โคตรน่ากลัว เพราะแบบนี้ไงพี่เขาเลยได้เป็นถึงหัวหน้าฝ่ายกิจกรรมของคณะและมหาวิทยาลัย

เช้ายันเย็นของวันนั้นพวกผมก็นั่งเตรียมงานอยู่ใต้ตึก ไม่ได้ย้ายก้นไปไหนกันเลย มีซ้อมละครเปิดค่ายอาสาด้วย
และคนดูแลเรื่องกิจกรรมตลอดค่ายคือไอเจงกับเจ้กิ่ง เจ้กิ่งที่มว่านี่คือหญิงในร่างชายนะครับ วิศวะเราปีนี้ไม่ผู้หญิงก็เหมือนไม่มี เพราะผู้หญิงที่มีก็เป็นชายในร่างหญิงไปซะหมด พวกไอเจงถึงต้องไปหาอาหารตาจากคณะอื่นไง

“อ่ะนี่บทละครที่เจ้นั่งเขียนเมื่อกี้นะจ๊ะเด็กๆ เอาไปจ่ะ เอาไปไม่ต้องแย่งกัน”
ผมกับไอเผือกได้กระดาษที่ม้วนติดริบบิ้นสีแดงมาอย่างสวยงามมาไว้ในครอบครองคนละอัน เจ้กิ่งมันยังไม่ยอมให้แกะครับมันบอกว่าพรุ่งนี้คนที่ได้บททุกคนให้มารวมตัวกันหลังเลิกเรืยน หลังจากนั้นมันก็ไล่พวกผมกลับบ้าน เพราะมันจะใช้พื้นที่ในการซ้อมเต้น พวกเห็นทีมนางฟ้าแห่งวิศวะมายืนยืดเส้นยืดสายรอแล้ว
 
“เหี้ยรีบกลับเหอะเสียสายตา”
ไอเผือกทิ้งระเบิดไว้แล้วรีบวิ่งออกจากใต้ตึกทันที ผมได้ยินเสียงเจ้กิ่งมันตะโกนด่าไล่หลังมาด้วย แต่ไอตัวต้นเหตุออกรถไปโน่นแล้ว ผมเลยขับตามออกไปบ้าง

Rrrrrrrrrrrrr
ยังไม่ทันพ้นรั้วมหาวิทยาลัยดีเลย ไอพี่เหนือก็โทรเข้ามา

(ว่าไงครับพี่)

(เลิกเรียนยัง)

(เลิกแล้วครับ กำลังกลับบ้าน)

(แวะมาหากูที่คณะด้วย เร็วๆ)

ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด

สัส สั่งเสร็จก็วางเลยนะครับ ไม่คิดว่ากูจะไม่ว่างบ้างเลยหรือไง ตอนแรกที่ว่าจะขับกลับโดยใช้ถนนเส้นที่คุ้นเคย ผมจำใจต้องหักพวงมาลัยหันไปอีกทางซึ่งก็เป็นทางไปคณะแพทย์ของไอหมอเถื่อนแทน
ผมมายืนรอไอพี่เหนือหน้าคณะมันเหมือนเดิม พอถึงก็โทรหามัน ไม่นานมันก็เดินลงมาพร้อมกับกล่องกระดาษกล่องใหญ่

“กล่องอะไรวะพี่”
ผมถามแล้วชะโงกหน้าเข้าไปดู ในกล่องเต็มไปด้วยชิ้นส่วนอวัยวะมนุษย์ที่ทำจากกระดาษเต็มไปหมด บางอันลงสีแล้ว บางอันก็ยัง พี่เหนือมันพยับเพยิบให้ผมไปเปิดประตูรถ แต่ไม่ใช่รถมันนะครับ เป็นรถผมเองต่างหาก

“เอามาไว้รถผมทำไมวะ”
ผมถามหลังจากที่เห็นพี่เหนือวางกล่องใบนั้นลงที่เบาะหลังรถผมอย่างเรียบร้อย ก่อนเจ้าตัวจะวิ่งไปในตึกอีกครั้งพร้อมกับถุงกระดาษใบใหญ่มาใส่รถผมอีกเช่นเคย

“ไป”
ไปเหี้ยอะไรละครับ เอาของมาวางๆ แล้วมึงก็เดินขึ้นมานั่งรถกูโดยไม่บอกอะไรซักคำ กูออกรถก็บ้าแล้ว
 
“ขับไปคอนโดกูนะ”
ครับผมเองแหละที่บ้า เพราะพอมันบอกให้ออกรถ ผมก็ออกรถตามที่มันบอกทันทีโดยไม่ถามด้วยซ้ำว่าให้ขับไปไหน

“สั้นวันนี้มึงนอนห้องกูนะ ช่วยกูลงสีไอพวกนั้นหน่อยกูทำคนเดียวไม่ทัน พรุ่งนี้เขาจะประกอบโครงแล้ว”

“ไม่ค้างได้ไหม ผมไม่ได้บอกม๊าว่าจะไปนอนบ้านคนอื่น เดี๋ยวม๊าเป็นห่วง”

“คนอื่นเหี้ยอะไรกูแฟนมึง”
“ฮ่าๆๆ แฟนเหี้ยอะไรล่ะพี่ อุ๋ยหลุด!!”
ผมตะครุบปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน ปกติเวลาจะด่าไอพี่เหนือผมก็จะด่าในใจตลอดวันนี้ปากลั่น พี่แม่งทำตาขวางใส่เลย

“มึงกล้าด่ากูเลยหรอห๊ะ ปีนเกลียวใหญ่แล้วเดี๋ยวกูตบปากแตก”
โหดกับกูจังเลยนะครับ ไม่ต้องการแล้วใช่ไหมคนช่วยทาสี กูจะได้กลับบ้าน

“แล้วแดกข้าวยัง ข้างคอนโดกูมีร้านข้าว แวะแดกก่อนก็ได้ เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง”

“ก็ต้องอย่างนั้นอยู่แล้ว ถ้าพี่ให้ผมจ่ายเองมันก็จะดูวรนุชไปนิดนึง”
พี่เหนือมันขมวดคิ้วเหมือนไม่เข้าใจว่าวรนุชของผมคืออะไร แต่ดีแล้วแหละครับที่มันไม่รู้ ถ้ามันรู้ผมคงได้กินตีนแทนข้าว


“ป้าครับผมขอกระเพาหมูกรอบไข่ดาวสุกๆครับ”

“เหมือนมันครับ สองจาน”
พอป้าเขารับออเดอร์ไปแล้ว ไอพี่เหนือมันจ้องหน้าผมเขม่น ตาขวางเลยด้วย

“ไอสั้นวันนี้มึงด่ากูสองรอบแล้วนะ เดี๋ยวมึงจะโดนกูจริงๆ”
“โอ๋ๆพี่ไม่โกรธนะ ฮ่าๆๆ อำเล่นนิดเดียวเอง เอางี้เดี๋ยวคืนนี้ผมจะตั้งใจช่วยงานพี่เต็มที่เลยนะๆ อย่าอาฆาตพยาบาทจองเวรผมเลยนะพี่นะ”

“หึหึ”
ไอพี่เหนือหัวเราะแล้ว ผมคงไม่โดนตีนมันแล้วใช่ไหม ระหว่างกินข้าวพี่เหนือมันก็กินเงียบๆ มีแต่ผมเนี่ยแหละที่ต้องกินไปตอบไลน์ไป ใบหม่อนยังคงไลน์มาคุยกับผมอยู่ทุกวันแม้ว่าสถานะของเราตอนนี้จะเป็นแค่เพื่อน ผมไม่ได้คิดว่าเราจะเลิกกันจริงๆหรอกใบหม่อนคงแค่น้อยใจผมเธอเลยพูดไปแบบนั้น และผมเองก็ยังไม่อยากจะเร่งรัดอะไรเธอด้วยถ้าเราสองคนเป็นแบบนี้แล้วเธอสบายใจผมก็โอเค

“มึงหยุดคุยไลน์แล้วรีบแดกๆให้เสร็จได้ไหม หรือไม่แดกแล้วก็ลุกกูจะรีบกลับไปทำงาน”
ไบโพลาห์แน่ๆ เมื่อกี้ยังหัวเราะอยู่เลยแม้จะแค่ หึหึ ก็ตามแล้วนี่เป็นอะไรอามารณ์เสียอะไรอีกพี่ กูตามอารมณ์ไม่ทันแล้วนะ

ณ คอนโดหลังงามที่ผมไม่มีปัญญาแม้แต่ที่จะเช่าอยู่ ในขณะที่พี่เหนือมันซื้อไว้
มาถึงห้องพี่เหนือก็ไม่ยอมพูดกับผมเลยซักคำ เอาแต่ทำหน้าตึงเป็นหนังกลองใส่ ลากกล่องที่ยกขึ้นมาไว้กลางห้อง ก่อนจะเดินไปหาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสือยืดสีดำ กางเกงบอลขากว้างทำให้เห็นต้นขาขาวๆของพี่มันเต็มๆ ก่อนโยนอีกชุดที่ไม่ต่างจากของมันมาให้ผม

ตืด ดือ ดึ้ง
BaiMon : เทียนทำไรอยู่ ตอนนี้อยู่ไหนอ่ะ

Tienkhai : ห้องพี่เหนือ เทียนมาช่วยงานพี่เหนือน่ะ

BaiMon : พี่เหนือไหน อย่าบอกหน่อมนะว่าพี่เหนือเดือนมหาลัยอ่ะ

Tienkhai : ไม่รู้ว่าเดือนมหาลัยไหม แต่พี่เหนือคนนี้คือเพื่อนพี่เพลิง เรียนแพทย์น่ะ

“ว่างก่อนได้ไหมโทรศัพท์มึง เอามานี่กูลิบเดี๋ยวงานกูไม่เสร็จ”
พี่เหนือพูดแล้วกดวางโทรศัพท์ผมไว้ข้างตัว อย่างถือวิสาสะ แล้วไล่ผมไปเปลี่ยนชุด
พอกลับมามันก็กวักมือเรียกผมให้มานั่งข้างมัน แล้วสอนให้ผมใช้สี

“มึงเห็นรูปตรงนี้ไหม ลงสียังไงก็ได้ให้เหมือนกับรูปมากที่สุด ที่สำคัญจำไว้ว่าต้องไม่เละ สีไม่เพี้ยน”

ผมพนักหน้ารับแล้วค่อยๆลองเอาพูกันจุ่มลงที่สีแดงเข้ม ปาดสีให้ติดพู่กันน้อยที่สุด แล้วค่อยๆระบายลงอวัยวะจำลองที่ทำมาจากกระดาษหนังสือพิมที่เคลือบสีขาวไว้ชั้นนึงก่อนแล้ว

“พี่เหนืออันนี้มันคืออะไรพี่ ที่ผมระบายอยู่”

“มึงมองไม่ออก?”

“มองออกแล้วผมจะถามพี่ทำด๋อยอะไร”
ปากผมพูดมือผมก็ยังคงบรรจงลงสีอย่างตั้งใจ

“หัวใจ”

“อ๋อ ไอก้อนบิดๆเบี้ยวๆนี่เขาเรียกว่าหัวใจหรอ มองรอบแรกผมนึกว่ากึ๋น”

“กวนตีน”

“ฮ่าๆๆ”

หลังจากก่อกวนของพี่เหนือจนพอใจแล้ว เราสองคนก็นั่งจมอยู่ในโลกของตัวเอง ต่างคนต่างตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมายไปเรื่อย ไม่ได้สนใจเวลาบนกำแพงห้องเลยซักนิด แม้เวลาจะบอกเป็นเวลาตีสองกว่าแล้วก็ตาม
















-------------------------------------------------------------------------------

เดหลีมาแล้ววววว เรื่องราวของน้องเพี้ยนจะเป็นไงต่อไปกันนะ ในเมื่อตัวจริงเขาอยู่ตรงนี้ :)



หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (07/11/2018) ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 07-11-2018 15:26:50
น้องเพี้ยนจะช้ากว่าพี่เหนือไม่ได้นะ 55
ทำไมเดหลีดูหน้ากลัว

 o18
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (07/11/2018) ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 07-11-2018 16:17:14
เพี้ยนจะสู้คู่หมั่นพี่เหนือได้มั้ยเนี๊ยะ
ยิ่งไม่ค่อยจะทันคนอยู่ด้วย

 :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (07/11/2018) ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 07-11-2018 17:50:50
ชอบฮะ สนุกดี เทียนน่ารักมว้ากก ตลกดีด้วย 5555+
มาอัพบ่อยๆนะฮะ จะแวะเข้ามาดูทุกวันเล้ยยยย
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (07/11/2018) ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 07-11-2018 22:18:16
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (07/11/2018) ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 07-11-2018 23:10:31
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (07/11/2018) ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 08-11-2018 00:40:08
น้องก็ตามพี่ไม่ทันเลย 555555
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (07/11/2018) ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: SeLoFENa ที่ 08-11-2018 15:32:47
ติดตามน้องเพี้ยนจ้าาา
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (10/11/2018) ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: wookyu ที่ 10-11-2018 13:49:44
                                                                     

                                                                           - 9 -





พาร์ทเหนือ

“เหนือไม่ต้องทำแล้วก็ได้ เหนือทำเยอะแล้ว เดี๋ยวพวกเรากับเชนช่วยกันลงสีเอง”

“เรารับผิดชอบเรื่องนี้เอง ก้อยกับเชนค่อยไปทำเรื่องขึ้นโครงดีกว่า”

ผมยืนยันที่จะทำงานชิ้นนี้เอง ไม่ใช่ไม่ไว้ใจเพื่อนๆนะครับ แต่เพราะผมอยากหาข้ออ้างใช้งานเบ๊ส่วนตัวของผมมากกว่า หลังจากที่ตกลงเรื่องงานกันได้ ผมก็เก็บของใช้ที่จำเป็นใส่ถุงกระดาษใบใหญ่ที่เตรียมไว้ เสร็จก็โทรหาเบ๊กิติมาศักดิ์ของผมทันที

(ว่าไงครับพี่)
เสียงขึ้นจมูกเชียวนะไอเด็กเวร

(เลิกเรียนยัง)

(เลิกแล้วครับ กำลังกลับบ้าน)
ผมรู้มันตอบอย่างนี้เพราะจะดักไม่ให้ผมเรียกใช้มันแน่ แต่คิดหรอว่ากูแคร์

(แวะมาหากูที่คณะด้วย เร็วๆ)
ผมออกคำสั่งแล้วตัดสายทิ้งทันที ไม่ปล่อยให้มันหาข้ออ้างมาปฎิเสธผมเด็ดขาด งานนี้ผมต้องมีมันช่วย

สิบนาทีต่อมา ไอเพี้ยนก็โทรหาผมบอกว่ามันอยู่หน้าคณะแล้ว ผมเลยยกกล่องที่เตรียมไว้เดินไปหามันที่รถ
“กล่องอะไรวะพี่”

มันถามแล้วชะโงกหน้าเข้าไปดู
ผมไม่ได้ตอบว่าไอสิ่งที่อยู่ในกล่องคืออะไร ถ้ามันไม่โง่มากมองแค่นั้นก็น่าจะรู้แล้วว่ามันคืออวัยะในร่างกายของมุนษย์ ไอพี้ยนเงยหน้าขึ้นจากกล่องพอดี ผมเลยใช้สายตาส่งสัญญาณบอกให้มันเปิดประตูรถ มันทำหน้า งงๆ แต่ก็ยอมเปิดประตูรถด้านหลังให้ผมเอาของไปวาง

“เอามาไว้รถผมทำไมวะ”

คำตอบที่ผมให้มันในใจคือ กูจะใช้งานมึง มึงต้องค้างห้องกู และต้องขับรถมาส่งกูที่คณะพรุ่งนี้ เพราะกูทิ้งรถไว้ที่คณะ ทุกอย่างผมวางแผนไว้หมดแล้ว ไอเพี้ยนหาเรื่องปฎิเสธผมไม่ได้แน่นอน ผมวิ่งกลับไปที่ตึกอีกครั้งก่อนลงมาพร้อมกลับถุงกระดาษใบใหญ่หิ้วมาใส่ไว้ในรถมันอีกตามเคย แล้วสั่งให้มันออกรถ ไอเพี้ยนที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ออกรถตามคำสั่งของผม โดยที่มันไม่ถามผมเลยซักนิดว่าจะให้ไปไหน จนผมต้องเป็นฝ่ายบอกมันเสียเอง

“ขับไปคอนโดกูนะ”
มันพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะขับรถมุ่งยันเส้นทางไปคอนโดของผม
 
“เพี้ยนวันนี้มึงนอนห้องกูนะ ช่วยกูลงสีไอพวกนั้นหน่อยกูทำคนเดียวไม่ทัน พรุ่งนี้เขาจะประกอบโครงแล้ว”

“ไม่ค้างได้ไหม ผมไม่ได้บอกม๊าว่าจะไปนอนบ้านคนอื่น เดี๋ยวม๊าเป็นห่วง”

“คนอื่นเหี้ยอะไรกูแฟนมึง”
ผมแกล้งแหย่ นึกว่าแม่งจะอายดูมันทำนะครับ

“ฮ่าๆๆ แฟนเหี้ยอะไรล่ะพี่ อุ๋ยหลุด!!”
หัวเราะหน้าระรื่นแถมยังกวนตีนด่าผมอีก นี่แสดงว่าที่ผ่านมามันแอบด่าผมในใจมาตลอด ไม่งั้นมันไม่พูดหรอกว่าหลุด น่าจะตบกบาลซักทีจะได้หายเพี้ยน

“มึงกล้าด่ากูเลยหรอห๊ะ ปีนเกลียวใหญ่แล้วเดี๋ยวกูตบปากแตก”
ผมแกล้งทำเสียงดุ มันไม่ตอบอะไรเอาแต่ยิ้มทะเล้นส่งให้ผม เห็นความกวนตีนมันยังครับ ผมยกนาฬิกาดูเห็นว่ามันเย็นแล้ว และที่ห้องก็ไม่มีอะไรพอจะให้มันกินด้วย จำได้ว่าข้างคอนโดมีร้านอาหารอยู่แวะกินก่อนเข้าห้องไปเลยแล้วกัน
 
“มึงแดกข้าวยัง ข้างคอนโดกูมีร้านข้าว แวะแดกก่อนก็ได้ เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง”

“ก็ต้องอย่างนั้นอยู่แล้ว ถ้าพี่ให้ผมจ่ายเองมันก็จะดูวรนุชไป”
อะไรของมันวรนุช ถ้าให้เดามันต้องไม่ใช่คำพูดที่ฟังแล้วจรรโรงหูแน่ๆ ผมเคยได้ยินคำนี้ที่ไหนวะ

“ป้าครับผมขอกระเพาหมูกรอบไข่ดาวสุกๆครับ”

“เหมือนมันครับ สองจาน”
ไอเด็กเวรนั่นมันหลอกด่าผมว่า เหี้ยนี่เอง แสบนักนะมึง
“ไอสั้นวันนี้มึงด่ากูสองรอบแล้วนะ เดี๋ยวมึงจะโดนกูจริงๆ”

“โอ๋ๆพี่ไม่โกรธนะ ฮ่าๆๆ อำเล่นนิดเดียวเอง เอางี้เดี๋ยวคืนนี้ผมจะตั้งใจช่วยงานพี่เต็มที่เลยนะๆ อย่าอาฆาตพยาบาทจองเวรผมเลยนะพี่นะ”
ไอเด็กเวรนั่นพอมันรู้ว่าผมรู้แล้ว มันก็ทำเสียงอ้อน ถ้าเป็นเพื่อนผู้ชายคนอื่นมาทำแบบนี้ใส่ผม รับลองว่ามันได้แดกตีนผมไปแล้ว แต่กับมันผมกลับมองว่าน่ารักดี ไอเพี้ยนถ้าไม่พูดถึงเรื่องความมึนของมัน มันเป็นเด็กที่หน้าตาดีคนนึงเลยนะครับสำหรับผม หน้ามันหวานแต่ก็ไม่ถึงกับเหมือนผู้หญิง ตัวขาวด้วย และที่สำคัญผมชอบตายิ้มๆของมัน เวลายิ้มแบบนั้นแล้วมันโคตรน่ารักเลย


ผ่านไปไม่ถึงสิบนาที ข้าวที่ผมสั่งไปก็มาเสิร์ฟให้ทีโต๊ะ ระหว่างกินข้าวผมเห็นมันเอาแต่จับโทรศัพท์ เสียงไลน์มันก็ร้องเตือนไม่หยุด ไอสั้นกินข้าวไปตอบไลน์ไป ผมอยากรู้จริงๆว่ามันคุยกับใคร ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เห็นแล้วรู้สึกไม่ชอบใจยังไงก็ไม่รู้ อยู่กับกูมึงควรจะสนใจแต่กูสิวะแม่ง

“มึงหยุดคุยไลน์แล้วรีบแดกๆให้เสร็จได้ไหม หรือไม่แดกแล้วก็ลุกกูจะรีบกลับไปทำงาน”
พาลแม่ง ไอเพี้ยนพอเจอผมพูดไปแบบนั้นมันก็วางโทรศัพท์ไว้ข้างตัว แล้วตั้งใจกินข้าวในจานจนหมด
ระหว่างทางไปกลับคอนโดผมกับมันก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก ผมยังหงุดหงิดเรื่องเมื่อกี้ไม่หาย ไม่รู้ว่าทำไม รู้อย่างเดียวว่าผมไม่ชอบใจ ผมกลับมาถึงห้องก็ลากกล่องงานมาวางไว้กลางห้อง คว้าเสื้อผ้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำก่อนจะหยิบติดมือมาอีกชุด ส่งให้มัน
ตืด ดือ ดึ้ง
ตืด ดือ ดึ้ง
ตืด ดือ ดึ้ง
ตืด ดือ ดึ้ง
เสียงไลน์มันดังไม่หยุด มันหยิบมือถือมันขึ้นมากดตอบไลน์ โดยไม่สนใจเสื้อผ้าที่ผมโยนให้เลย นี่กูชักจะทนไม่ไหวแล้วนะเว้ย กูให้มึงมาช่วยงานไม่ได้ให้มานั่งตอบไลน์ใคร
 
“วางก่อนได้ไหมโทรศัพท์มึง เอามานี่กูลิบเดี๋ยวงานกูไม่เสร็จ”
ผมคว้ามือถือจากมือมันมาวางไว้ข้างตัว แล้วไล่มันด้วยสายตาให้ไปเปลี่ยนเสื้อ ผมต้องทำขนาดนั้นมันถึงจะยอมไป
ระหว่างที่มันเปลี่ยนเสื้อ ผมก็แอบกดโทรศัพท์ของมันดู ไอเพี้ยนไม่ได้ล็อคจอไว้ครับ ทำให้ผมเห็นว่ามันกำลังคุยกับใครอยู่ และชื่อที่เห็นบนหน้าจอมันก็ทำให้ผมแปลกใจไม่น้อย BiaMon ผมจำชื่อนี้ได้เหมือนพวกไอเพลิงจะเคยบอกผมว่าใบหม่อนคือแฟนเก่ามัน ไหนบอกว่าเลิกไปแล้ว และทำไมยังคุยไลน์กันเยอะขนาดนี่วะ ผมกดปิดโปรแกรมไลน์ก่อนจะนำโทรศัพท์ไปวางคืนไว้ที่เดิม ไม่นานนักไอเพี้ยนในชุดเสื้อยืดสีน้ำเงินกับกางเกงบอลแบบเดียวกับผม เดินกลับเข้ามานั่งประจำที่ ผมเลยเริ่มสอนงานมัน

“มึงเห็นรูปตรงนี้ไหม ลงสียังไงก็ได้ให้เหมือนกับรูปมากที่สุด ที่สำคัญจำไว้ว่าต้องไม่เละ สีไม่เพี้ยน”
ผมบอกพลางชี้ไปที่รูปตัวอย่าง มันพยักหน้ารับแล้วค่อยๆเอาพูกันจุ่มลงที่สีแดงเข้ม ปาดให้สีติดพู่กันน้อยที่สุด แล้วบรรจงระบายลงเปเปอร์มาเช่ชิ้นที่มันถืออยู่ในมือ

“พี่เหนืออันนี้มันคืออะไรพี่ ที่ผมระบายอยู่”
ผมเหลือบไปมองชิ้นส่วนที่อยู่ในมือมันแล้วย้อนถาม จะว่าผมทำไม่เหมือนก็ไม่น่าใช่นะ อาจารย์ยังบอกเลยว่าเหมือนของจริงมากๆ แล้วทำไมไอเพี้ยนถึงมองไม่ออกว่าที่มันถือยู่คืออะไร

“มึงมองไม่ออก?”
“มองออกแล้วผมจะถามพี่ทำด๋อยอะไร”
ตอบอย่างนี้แสดงว่ามันไม่รู้ กูสงเคราะห์ให้ก็ได้ควายน้อย

“หัวใจ”
ผมตอบมันด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงความเอือมระอาเป็นที่สุด
 
“อ๋อ ไอก้อนบิดๆเบี้ยวๆนี่เขาเรียกว่าหัวใจหรอ มองรอบแรกผมนึกว่ากึ๋น”

“กวนตีน”

“ฮ่าๆๆ”
หลังจากที่มันกวนตีนผมจนสาแกใจแล้ว เราสองคนก็ต่างหันมาสนใจงานในมือตัวเอง จนเวลาล่วงเลยไปถึงตีสอง ไอสั้นตามันปรือๆแล้วครับ แต่ก็ยังฝืนทำงานอยู่โดยไม่บ่นผมซักคำเห็นแล้วสงสาร ผมควรให้ไล่มันไปนอนได้แล้ว

“สั้นพอแล้ว ที่เหลือเดี๋ยวกูทำเอง มึงไปนอนเถอะ”

“อีกอันเดียวก็เสร็จแล้วไม่เป็นไร แค่นี้ผมฝืนได้”
นั่นประชดกูใช่ไหม ตัวเองง่วงจะตายยังจะฝืนอีก

“ไม่ต้องมึงเข้าไปนอนเลย เดี๋ยวระบายสีผิดกูขี้เกียจมานั่งแก้”
ผมบอกพลางดึงของออกจากมือมันมาไว้ที่ตัวเองทั้งหมด มันเลยจำใจยอมเดินเข้าไปนอนในห้อง ห้องส่วนตัวของผมที่ไม่เคยให้ใครเข้าใกล้แม้กระทั่งเพื่อนสนิทของผมเอง โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เตียงนอน หรือกินของต่อจากคนอื่น ผมไม่ชอบและค่อนข้างถือเรื่องพวกนั้นด้วยซ้ำแต่กับไอสั้นนี้ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ผมไม่มีความรู้สึกว่าการใช้อะไรหลายๆอย่างร่วมกับมันเป็นเรื่องน่ารังเกียจ ในทางตรงกันข้ามผมกลับรู้สึกดีด้วยซ้ำที่ได้แชร์อะไรๆของผมร่วมกับมัน หลังจากไอสั้นเดินหายเข้าไปในห้องไม่นาน ผมก็เดินตามเข้าไปดูก็พบว่าไอสั้นมันหลับไปแล้ว ผ้านวมผืนหนาถูกยกขึ้นคลุมทั้งตัว โผ่ลแค่ช่วงหัวให้เห็น ผมเลยเดินกลับไปทำงานจนเสร็จ
ตีสามกว่าๆ ผมถึงได้กลับมานอน ด้วยความง่วงบวกกับความเมื่อยล้าตลอดเกือบหกชั่วโมงทำให้ผมหลับอย่างง่ายดายบนเตียงหลังเดียวกับมัน















หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (10/11/2018) ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 10-11-2018 16:04:29
น้องเพี้ยนน่ารัก น่าหยิกจริงๆ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (10/11/2018) ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 10-11-2018 22:19:06
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (10/11/2018) ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 11-11-2018 00:12:23
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (10/11/2018) ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: Cyclopbee ที่ 11-11-2018 12:17:34
สั้นนารักกกกก
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (10/11/2018) ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 11-11-2018 22:42:37
หลงรักน้องแล้วยังไม่รู้ตัวอีกนะพี่เหนือ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (10/11/2018) ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 11-11-2018 23:44:56
ออกอาการหึงนะคะพี่เหนือ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (10/11/2018) ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: wookyu ที่ 13-11-2018 17:16:38
                                                                           

                                                                          - 10 -


พาร์ทเหนือ

เมื่อเช้าไอเพี้ยนมาส่งผมที่คณะก่อนที่มันจะขับรถกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ทั้งที่ผมบอกให้มันใส่ของผมไปก่อน
แต่มันไม่ยอม มันบอกว่าบ้านไม่ได้ไกลจากมหาวิทยาลัยมาก แถมมันยังมีเรียนวิชาเดียวตอนบ่ายอีก มันเลยจะกลับไปนอนต่อ ผมเลยไม่ได้ท้วงอะไรมันอีก สงสารมันด้วยโดนใช้งานทั้งคืน
ผมนำชิ้นส่วนต่างๆออกมาวางเรียงกันเพื่อจะนำขึ้นโครง พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นหัวใจที่ไอเพี้ยนมันเห็นเป็นกึ๋นนอนคว่ำหน้าอยู่ แค่เห็นก็ทำให้อดคิดถึงหน้ายุ่งๆของไอคนทำไม่ได้ ผมหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาเปิดฟังก์ชั่นกล้องถ่ายรูป แล้วกดถ่ายกึ๋นของไอเพี้ยนมันไปสองสามรูป แล้วอัพโหลดลงไอจีโดยให้แคปชั่นที่มีแต่ผมกับไอเพี้ยนเท่านั้นที่จะรู้ความหมาย

‘กึ๋นของไอเพี้ยน’

เที่ยงตรงร้านแกแฟข้างคณะแพทย์



“เหนือ กูถามจริงๆมึงกับน้องคนนั้นนี่ยังไงกันวะ”

“ก็ไม่ยังไง”
ไม่ใช่ไม่รู้นะครับว่าพวกมันหมายถึงอะไร แต่ไม่ยังไงของผมความหมายมันก็ตรงตัว ไม่ได้มีอะไรยากให้ต้องคิดต่อ ผมแค่ถูกชะตากับไอเพี้ยน เห็นว่ามันเป็นเด็กกวนตีนที่บางทีก็น่ารัก ผมคิดของผมแค่นั้น

“คิดว่าพวกกูเชื่อไหม”
ไอโอบมองผมด้วยสายตาจับผิด ก่อนจะเอื้อมมือมาหยิบแก้วกาแฟตรงหน้าผมขึ้นดื่ม

“มึงนี่แม่ง ไปสั่งแก้วใหม่คืนกูด้วย”
รู้ทั้งรู้ว่าผมไม่ชอบกินน้ำแก้วเดียวกับใคร มันก็ยังจะกวนตีนผมอีก ผมหยิบกระดาษทิชชู่ปาใส่หน้ามันไปอีกแผ่นเป็นของแถม ในขณะที่มันเอาแต่ส่งสายตาจับผิดมาที่ผม
 
“นั่นไง ทีกับน้องคนนั้นมึงยังแดกแก้วเดียวกับมันได้เลย แถมเป็นมึงอีกต่างหากที่ไปแย่งน้ำมันแดก”
ไอพลเสริมพร้อมกับลากเก้าอี้มานั่งข้างๆผม
 
“ไม่เหมือนกัน”
ผมตอบไปแค่นั้นแล้วก้มไถ่โทรศัพท์เล่นต่ออย่างไม่ใส่ใจ และไม่คิดจะอธิบายต่อด้วยไม่เหมือนคือไม่เหมือนผมเองก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี รู้แค่ว่าผมไม่ได้รังเกียจที่จะแชร์อะไรร่วมกับไอเพี้ยน มันดูบริสุทธิ์ในมุมมองของ ผมเลยไม่คิดรังเกียจเลยซักนิดต่อให้ต้องกินข้าวจานเดียวกันผมก็ไม่เป็นไร
 
“ไม่เหมือนยังไง น้องมันพิเศษกว่าพวกกูที่เป็นเพื่อนและเดหลีที่เป็นแฟนมึงยังไง พวกกูยังไม่เคยได้เหยียบห้องนอนมึงด้วยซ้ำ น้ำก็ไม่แดกหลอดเดียวกัน ของใช้ส่วนตัวมึงก็ไม่เคยให้พวกกูยุ่ง แต่น้องเขาทำได้ทุกอย่าง กูขอเหตุผล”

“กูด้วย/กูด้วย”

ตือดือดึ้ง

เสียงเตือนข้อความเข้าดังขึ้นถึงความสนใจผมออกจากเหล่าเพื่อนขี้เสือกได้อย่างง่ายดาย ผมกดปิดแอปข่าวสารที่กำลังอ่านอยู่เมื่อครู่ทิ้งแล้วเปิดดูแจ้งเตือน พอเห็นชื่อคนที่ไลน์มาริมฝีปากผมก็ยกยิ้มขึ้นโดยอัตโนมัติ กดอ่านข้อความก่อนจะตอบกลับไป โดยไม่สนใจเสียงก่นด่าที่ดังเป็นแบล็คอยู่ข้างหลัง เดี๋ยวมันเหนื่อยก็คงจะหยุดเอง

N’PHEIYN : พี่เหนือเห็นบทละครผมบ้างไหมพี่ ที่มีริบบิ้นสีแดงผูกอยู่อะ
ใช่ไอม้วนๆที่ผมเห็นในกล่องเมื่อเช้าหรือเปล่าวะ
 
P’NEUANATEE : เหมือนจะเห็น เดี๋ยวกูดูให้

P’NEUANATEE : แปปนะ

N’PHEIYN : ขอให้เจอนะพี่ กระเทยจะแดกหัวผมแล้วเนี่ย
หึหึ ไม่ยักรู้ว่าวิศวะมันจัดการแสดงด้วย ว่าแต่กระดาษเมื่อเช้าอยู่ไหนวะ ผมลื้อดูในกล่องข้างตัวก็เจอกระดาษลักษณะเหมือนที่ไอเพี้ยนพูดถึง

P’NEUANATEE : กูเจอแล้ว มึงจะมาเอาเองหรือให้กูเอาไปให้

P’NEUANATEE : ถ้าให้กูเอาไปให้ เย็นนี้เลี้ยงข้าวกูด้วย

N’PHEIYN : ฮั่นแน่ หาเรื่องแดกฟรีหนิพี่ ผมรู้นะ

P’NEUANATEE : กวนตีนนักมึงมาเอาเองเลย

N’PHEIYN : เฮ้ยพี่ ล้อเล่นมากกว่าข้าวก็เลี้ยงได้ พี่เอามาให้ผมนะๆ ผมจะโดนกระเทยแดกหัวแล้วจริงๆ

P’NEUANATEE : เออๆ สิบนาทีเดี๋ยวเอาไปให้

N’PHEIYN : ขอบคุณครับ พี่นี่แม่งทั้งหล่อ ทั้งใจดีจริงๆ
หึหึ ทำมาเป็นยอกูนะไอเด็กเวร ผมหยิบกุญแจรถและม้วนกระดาษเจ้าปัญหามาถือไว้ในมือ ก่อนจะเลื่อนกล่องกระดาษไปทางกลุ่มเพื่อนของผม ไอพลซึ่งอยู่ใกล้สุดรับกล่องกระดาษไปถืออย่าง งงๆ
 
“เอากลับไปไว้ที่คณะด้วย เดี๋ยวกูมา”

“มึงจะไปไหน”

“เสือก”
ผมเดินออกจากร้านมาแล้วตรงไปยังรถที่จอดอยู่หน้าร้าน สิบนาทีต่อมาผมก็มายืนอยู่ที่หน้าตึกวิศวะแล้ว ผมมองเห็นไอเพี้ยนไกลๆ ไม่รู้มันทำอะไรอยู่ ช่วงล่างมันใส่กระโปรงยาวบานๆ บนหัวสวมมงกุฎดอกไม้ คงกำลังซ้อมละครอยู่สิท่า

“อีเทียนมึงรับบทเป็นแม่หญิงคะ แรดกว่านี้ตอแหลกว่านี้เอาใหม่ๆ”
ไอเพี้ยนถอนหายใจหนักๆก่อนมันจะเริ่มเล่นบนของมันใหม่

“คำดอบ่เข้าใจ๋”

“หยู๊ดดดดดด อีเทียนมึงจะทำให้ละครกูติดเรทนะอีเหี๊ย นางเองกูชื่อคำดอย คำดออะไรของมึงอีนี่หนิเดี๋ยวกูตบปากแตก”

“กระเทยยอยักษ์กูหายไปตัวเดียวมึงจำเป็นต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้ไหม”
บทสนทนาของไอเพี้ยนกับกระเทยอะไรของมันนั่นเรียกเสียงหัวเราะจากคนที่อยู่รอบๆได้อย่างดี
ผมยืนดูยังไม่ถึงนาทียังอดขำไปด้วยไม่ได้เลย
“เอาใหม่ ถ้ามึงยังคำดออีก กูนี่แหละจะคลำของมึง”
โดนขู่ไปรอบเดียว ไอเพี้ยนพูดไม่มีผิดอีกเลย สงสัยมันกลัวจะโดนกระเทยของมันคลำของสงวน

ผมจากที่ยืนดูกลายเป็นเข้ามานั่งแฝงอยู่กับพวกเด็กวิศวะไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้อย่างเดียวว่ามองเพี้ยนซ้อมละครแล้วมันเพลินดี ความเพี้ยนและความสดใสของมันทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก 




-------------------------------------------------------------------------------------------------

มาแล้วจ้ากับตอนที่ 10 วันนี้น้องเทียนพกความทะเล้นมาฝากเพื่อนๆกันด้วยแหละ อย่าลืมเม้นส์เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (13/11/2018) ตอนที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 13-11-2018 17:37:36
น้องน่ารักพี่เหนือเริ่มหลงเสน่ห์น้องแล้ว
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (13/11/2018) ตอนที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 13-11-2018 17:55:22
ยังมีคนไม่รู้ตัวอยู่ เด็กมันน่ารักระวังจะหลงรักนะ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (13/11/2018) ตอนที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 13-11-2018 18:38:33
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (13/11/2018) ตอนที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-11-2018 18:46:48
 :pig4: :pig4: :pig4:


อิพี่เหนือแม่งหลงนุ้งเพี้ยนหัวปักหัวปำเลยนะเนี่ย


ยอมทำให้ทุกอย่าง  อิอิ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (13/11/2018) ตอนที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: wookyu ที่ 14-11-2018 09:22:44
:pig4: :pig4: :pig4:


อิพี่เหนือแม่งหลงนุ้งเพี้ยนหัวปักหัวปำเลยนะเนี่ย


ยอมทำให้ทุกอย่าง  อิอิ

ยิ่งรู้จักจะยิ่งรักน้องเพี้ยนค่ะ พี่เหนือถ้าไม่เฝ้าดีๆระวังจะโดนสุนัขคาบไปกินก่อนนะ น้องเพี้ยนเขาก็ฮอตไม่ใช่เล่น  :mew2:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (13/11/2018) ตอนที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 14-11-2018 10:57:37
ท่ามากจริง ๆ พี่เหนือ
น้องเพี้ยนน่ารัก

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (13/11/2018) ตอนที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 14-11-2018 11:03:27
เทียนน่ารักดีอ่ะ ใสแต่ก็สู้นะ 5555
พี่เหนือรีบค้นพบใจตัวเองนะคะ เดี๋ยวน้องจะโดนแย่ง หุหุ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (13/11/2018) ตอนที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 14-11-2018 11:42:01
 :L2: :pig4:

พี่ไปไกลนะ รู้ตัวไหม
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (13/11/2018) ตอนที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 15-11-2018 08:31:19
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (13/11/2018) ตอนที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-11-2018 11:33:59
 :katai2-1:



หลงเด็กแล้วววว
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (13/11/2018) ตอนที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: wookyu ที่ 17-11-2018 10:01:01
                                                                           


                                                                                  -11-


ระหว่างที่รอบทละครจากพี่เหนือ ผมก็โดนอีเจ้กิ่งจับให้มาเล่นบทนางเอกของเรื่องแทนน้ำมนต์ มันบอกให้ผมช่วยซ้อมแทนน้ำมนต์หน่อย วันนี้น้ำมนต์มาไม่ได้มันติดธุระที่บ้าน นั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงต้องมาแต่งองค์ทรงเครื่องเล่นใหญ่ขนาดนี้ ผมสวมบทเป็นคำดอย หญิงสาวที่ถูกแม่เลี้ยงและน้องสาวค่อยกลั่นแกล้งต่างๆนาๆ
แม่เลี้ยงตามใจพี่สาวทั้งสองของคำดอยมาก ไม่ว่าต้องการสิ่งใด แม่เลี้ยงหามาให้หมด หาเสื้อผ้าสวยๆให้น้องสาวทั้งสองใส่ไปงานเต้นรำ อยากกินของดีๆก็ให้คำดอยทำให้ ในขณะที่คำดอยไม่เคยได้อะไรจากแม่เลี้ยงเลย งานเต้นรำก็ไม่ให้เธอเข้าร่วม กลั่นแกล้งเธอสารพัด แต่แล้วเทพแห่งสายน้ำเกิดเห็นในความดี ความซื่อสัตย์ของคำดอยจึงเนรมิตชุดสวยๆให้คำดอยใส่ไปงานเต้นรำ คำดอยไปโขว์สเตปการเต้นรำจนเจ้าชายติดใจ แล้วตามหาเธอเพื่ออภิเษกสมรส นี่แหละครับเนื่อเรื่องโดยประมาณที่กระเทยมันแต่ง

“โอเค ฉากนี้ก็จะประมาณนี้นะ ไปพักก่อนแล้วเดี๋ยวกลับมาเข้าบทตัวเอง”
กระเทยสั่งพักกองแล้วเดินไปรวมกลุ่มกับเพื่อนเทยของมัน ผมที่กำลังจะยกโทรศัพท์โทรหาพี่เหนือถูกเพื่อนตัวดีเรียกไว้

“ไอเพี้ยนผัวมาหา”

“ผัวแม่มึงดิ”
ผมด่าพร้อมกับส่งมือไปกระแทกปากไอเผือกเบาๆ เดี๋ยวพี่เหนือได้ยินมันจะโกรธเอา ใครบ้างอยากมีเมียเป็นผู้ชาย
ก่อนที่ไอเผือกมันจะปากหมาไปมากกว่านี้ ผมเลยชิ่งเดินไปหาพี่เหนือก่อน พอมาถึงพี่เหนือก็ยืนม้วนกระดาษที่ผมใช้ให้มันเอามาให้ส่งให้ผม
 
“ขอบคุณพี่ แต่มาโคตรช้าเลย”

“ใช้กูยังจะบ่นอีก”

“ไม่ได้บ่นแค่พูดให้ฟัง”
ผมเถียง พี่เหนือยกตีนทำท่าจะถีบ แต่ผมเร็วกว่าเลยรอดมาได้อยากหวุดหวิด เดี๋ยวนี้มีถึงเนื้อถึงตัวเว้ย

 “ไปแดกข้าวได้ยัง กูหิวแล้ว”

“ไหนบอกว่าเย็นไงพี่ นี่พึ่งจะบ่ายสองเอง”
“แต่กูหิวแล้ว กูกินข้าวเย็นตอนบ่ายสองมึงไม่รู้หรือไง”
ตรรกะไหนของมันวะแดกข้าวเย็นตอนบ่ายสองเนี่ยนะ พี่เหนือดึงแขนเสื้อผมยิกๆเป็นการเร่งให้ผมพามันไปได้แล้ว
สุดท้าย
“พวกมึงกูไปหาอะไรกินก่อนนะ เดี๋ยวรีบมา”
ผมตะโกนบอกเพื่อนๆที่อยู่แถวนั้น เผื่อเจ้กิ่งมันถามว่าผมหายไปไหนจะได้มีคนรายงานเจ้มันได้ ไม่งั้นกลับมาผมโดนมันจิกอีก
 
“ผัวมารับถึงที่เลยนะมึง”
ไอเจงแซวแล้วทำหน้าล้อเลียนผม ไม่ได้มีความเกรงกลัวไอคนที่มันพาดพิงข้างๆผมเลยซักนิด ถามว่าผมรู้สึกอย่างไรที่โดนล้อ จริงๆคือผมไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะผมรู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ใช่ไง แล้วอีกอย่างที่ไอพี่เหนือมันมายืนอยู่ตรงนี้ ก็เพราะผมเป็นคนขอให้มันช่วยเอาของที่ลืมมาให้ แต่ที่ผมแปลกใจคือทำไมมันไม่ปฏิเสธ

“ไปได้ยัง”

“ถามจริงพี่ไม่โกรธหรอที่เพื่อนผมแซว”
ผมเก็บความอยากรู้ไว้ไม่ไหว ระหว่างรอข้าวมาเสิร์ฟเลยใช้จังหวะนั้นลองถามพี่เหนือดู
 
“แซวเรื่องอะไร...อ่อ เรื่องที่ว่ากูเป็นผัวมึงน่ะหรอ”

“เออ ดิ ขนาดอธิบายให้ฟังแล้วพวกมันยังไม่เข้าใจอีก”
ผมส่ายหัวอย่างเอือมๆ และก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ป้าร้านข้าวนำอาหารมาวางให้ผมและพี่เหนือที่โต๊ะ ผมเลยเลิกสนใจที่จะคุยต่อ มันบอกว่าไม่โกรธผมก็ไม่ต้องคิดอะไรอีกแล้ว ถือว่ามันสมยอมเองแล้วกัน ผมเลิกคิดและกำลังจะส่งมักกะโรนีเบค่อนเข้าปาก

“มึงรู้สึกแย่มากหรอที่โดนเพื่อนล้อ”
พี่เหนือถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ช้อนในมือถูกเจ้าตัวนำมาเขี่ยข้าวในจานไปมา ไหนบอกว่าหิวไง

“จะรู้สึกแย่ทำไม ในเมื่อตัวผมรู้ดีที่สุดว่าอะไรเป็นอะไร”
ผมตอบแค่นั้น พี่เหนือยกยิ้มมุมปากเหมือนที่มันชอบทำ แต่ทว่าครั้งนี้ผมกลับมองว่ามันเศร้าแปลกๆ

“นั่นสินะ”
หลังกินข้าวเย็นของพี่มันเสร็จมันก็ขับรถมาส่งผมที่คณะ

“เย็นนี้รออยู่เนี้ยแหละเดี๋ยวกูมารับ”

“ไปไหนอีกพี่ หายไปคืนเดียวม๊าก็บ่นผมหูชาแล้วนะ”

“กูบอกหรอว่าจะให้มึงค้างกับกู”
เออ หว่ะ มันยังไม่ทันพูดเลยนี่หว่า ผมเองแหละที่ร้อนตัว ไม่ทันที่จะได้เถียงกลับพี่เหนือมันก็เดินหายไปจากสายตาผมเป็นที่เรียบร้อย ผมเลยเดินกลับเข้าไปทำหน้าที่ของตัวเองบ้าง

“ไงเพี้ยนไปแดกข้าวกับผัว เป็นไงอร่อยไหม”
เดินเข้ามายังไม่ทันนั่ง ไอเผือกก็ออกปากแซวแถมยังทำหน้ากวนประสาทใส่ผมอีก

“ผัวเหี้ยอะไร พวกมึงนี่ไม่ได้เข้าใจที่กูอธิบายให้ฟังเลยใช่ไหม”

“เออๆ ไม่แซวก็ได้ แค่นี้ก็ต้องโมโหด้วยเว้ย”
ไอเผือกยกมือยอมแพ้ด้วยสีหน้าที่ตรงกันข้ามกับท่าทางโดยสิ้นเชิง แม่งกวนตีน

“มาๆเด็กๆ มาซ้อมละครกันต่อเร้วว อิดออดเลิกดึกกูไม่รู้นะจ๊ะ”
กระเทยมันขู่ พวกผมเลยรีบพากันเดินไปยังจุดซ้อมทันที


“ฉากนี้เป็นฉากที่แม่เลี้ยงคำฟองและคำสร้อยกลั่นแกล้งคำดอยนางเอกของเรานะ ใครเป็นใครรู้คิวแล้วลุกมาเลยอย่าให้กูเครียด”
ผมนั่งกอดเขามองตัวละครแต่ละตัวทะยอยเดินออกไปยืนด้านหน้า หนึ่งในนั้นมีไอเผือกด้วยครับมันรับบทเป็นคำสร้อยพี่สาวของคำดอย ส่วนคำฟองเป็นหนึ่งในแก้งค์นางฟ้า เรื่องแอคติ้งคงไม่ต้องห่วงผมเห็นก่อนเข้าฉากมันจัดเต็มตั้งแต่หัวยันฮี

“อ้าวอีเทียนนั่งทำเหี้ยอะไรอยู่คะ เข้าฉากค่ะเข้าฉาก”

“เกี่ยวไรกับกูครับปรเมธ กูไม่ได้ออกฉากนี้”
ผมเถียงพรางเปิดบทที่ถืออยู่ในมือดู ในบทก็เขียนอยู่ว่าผมไม่ได้ออกฉากนี้แล้วจะให้ผมออกไปเพื่อ
“อีเทียนกูชื่อเมเม่ แล้วอีกิ่งมึงยังไม่ได้บอกมันหรอว่ามันต้องเป็นคำดอยแทนน้ำมนต์อ่ะ”

“เออ กูลืมเลย อีเทียนบทเก่ามึงกูตัดออกไปแล้ว มึงเป็นคำดอยแทนน้ำมนต์ไป”
อีเจ้กิ่งพูดเนิบๆ เดี๋ยวมึงตกลงอะไรกันไม่คิดจะถามกูบ้างเลยหรอ

“ไม่เอากูไม่เป็นคำดอย ให้กูเล่นบทอื่นไม่ได้หรอวะ”
ผมงอแง พยายามสงสายตาอ้อนวอนให้อีเจ้กิ่งมันเผื่อมันจะใจอ่อนแล้วเปลี่ยนให้ผมไปเล่นบทอื่นตอนแรกผมได้เป็นทหารอ่ะ

“ไม่ต้องมาอ้อนกู สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม มึงหน้าสวยหำหด เหมาะแล้วที่จะเป็นแม่หญิงคำดอย อย่าเสียเวลาต่อลองถ้าไม่อยากเสียตัวให้กู"

“หรือมึงจะยอมเสียตัวให้มัน แลกกับไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้เอาไหม”
ไอเผือกแซวอย่างอารมณ์ดีแล้วเดินไปรวมตัวที่หน้าแถว ผมเลยจำใจต้องเดินตามไปด้วยคำดอยก็คำดอยวะ เล่นบทไหนก็ช่วยคณะได้เหมือนกัน



ตกเย็น
“ละครกูล่มไม่เป็นท่าแน่ อีเทียนกูถามจริงเหอะ มึงมีดีแค่หน้าตาหรอห๊า”
อ้าว กระเทยพูดจาหมาไม่แดกเลยนะครับ อย่างอื่นกูก็มีดีเหอะอย่าให้กูอวด ผมคิดในใจขณะยืมก้มหน้ามองเล็บขบตีนตัวเองอยู่ตรงหน้ามัน มันด่าผมทั้งวันเลยวันนี้แค่ผมดัดเสียงเล็กและแรดไม่ได้เท่าที่มันต้องการแค่เนี๊ย ผมผู้ชายนะเว้ย

“กระเทยกูก็พยายามอยู่นี่ไง กูบอกให้หาผู้หญิงมาเล่นแทนมึงก็ไม่เอา”

“พยายามมากเลยค่ะ มึงพยายาม ม๊ากมาก เล่นแข็งอย่างกะสากกะบือ เสียงก็ไร้อารมณ์ มึงพยายามได้ไม่มีทีติเลยค่ะอีเทียน”
งานประชดก็มา กูก็ทำดีที่สุดแล้วนะกระเทย

“เอาหน่าๆหยวนๆให้กูหน่อย สัญญาพรุ่งนี้กูจะทำให้ดีขึ้น”

“มึงพูดแล้วนะ ถ้ามึงทำไม่ได้ เตรียมเป็นผัวน้อยกูได้เลย”
เดี๋ยวนะกระเทยกูว่ามันเริ่มจะไม่เกี่ยวกันละ อันหลังนั่นความต้องการของมึงเองล้วนๆ
ผมคุยกับกองละครต่ออีกเล็กน้อย ก่อนจะแยกย้ายกันกลับ พรุ่งนี้เช้านอกจากจะมีซ้อมละครแล้ว ยังมีเตรียมอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเข้าค่ายอีกมากมาย

“ไอเพี้ยนนี่มึงจะกลับเลยไหม หรือจะไปหาอะไรกินกับพวกกูก่อน ไอเจงมันรออยู่ที่ร้านแล้ว”
ไอเผือกชวนผมระหว่างที่กำลังเก็บของกลับบ้าน ผมกำลังจะรับปากว่าไป แต่สายตาพลันเหลือบไปเห็นรถของใครบางคนเข้าเสียก่อน เหี้ย!! ลืมพี่เหนือสนิทเลย

“กูมีธุระหว่ะขอผ่านดีกว่า”
พูดจบก็เป็นจังหวะเดียวกับที่พี่เหนือเดินเข้ามาถึงพอดี ไอเผือกยกมือไหว้พี่เหนือแล้วหันกลับมาทำหน้าล้อเลียนใส่

“มารับไอเพี้ยนหรอพี่เหนือ”

“อืม พอดีมีงานให้มันช่วย”
พี่เหนือว่าพลางใช้สายตาเร่งรัดผม แหมๆมาถึงก็เร่งกูเลยนะครับพี่ ให้กูพักหายใจหายคอก่อนดีไหม กูเหนื่อยเป็นนะเว้ย

“งั้นผมไปก่อนนะพี่ ฝากดูแลเพื่อนผมด้วย อย่าปล่อยให้มันไปเป็นภัยต่อสังคมนะครับ”

“สัส เผือก”
ผมว่าพร้อมกับยกขาเตะมันไปที มันหัวเราะแล้ววิ่งหายไปยังลานจอดรถข้างตึกคณะ

“ไปได้ยัง”

“ไปไหนอะ จริงๆพี่ไลน์บอกสถานที่ผมก็ได้นะ ผมขับตามไปได้ไม่เห็นต้องขับมาถึงคณะเลย”

“ไม่รีบบอกกู เสียเวลา”
อ้าวควายเผือก พี่มึงก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่หรอครับว่ากูมีรถ ขับไปหาที่คณะก็บ่อยทำเป็นจำไม่ได้ แล้วยังมาทำหน้าบึ่งประหนึ่งว่ากูผิดอีก

“รถมึงแม่งเกะกะ จะขับมาทำไมก็ไม่รู้”
พี่มันมองรถผมที่จอดอยู่ใต้ต้นไม้ก่อนจะบ่นออกมาด้วยเสียงที่ไม่เบานัก ใช่ครับแม่งบ่นซะคนที่ยืนห่างระยะ 500 เมตรยังได้ยิน แต่เดี๋ยวรถกูจอดอยู่ห่างผู้คนขนาดนั้นมึงเรียกเกะกะ และรถมึงที่จอดปิดทางเข้าตึกคณะนี่เรียกว่าอะไร แต่ไม่ทันได้ถาม เพราะพี่มันเปิดประตูขึ้นรถขับนำผมไปก่อนแล้ว



ตึกคณะแพทย์

พี่เหนือส่งไลน์มาบอกผมให้ขับตามไปที่ตึกคณะแพทย์ พอมาถึงพี่มันก็พาผมไปยังลานกิจกรรมของคณะ ซึ่งเต็มไปด้วยเครื่องมือที่ใช้ในการจัดกิจกรรม เช่นถังสี แปรงทาสี ค้อน ไม้ และอีกมากมาย มองเลยไปกลางลานก็จะเห็นคุณหมอหมีในชุดกาวน์สีขาวตุ๋นๆ จะบอกว่าขาวสะอาดก็ไม่กล้าเพราะแม่งยืนมองจากตรงนี้ยังเห็นคราบดำๆเต็มเสื้อคุณหมอไปหมด จริงๆแล้วผมว่าควรจะใช้สีพ่นนะแบบนี้ใช้แปรงทานอกจากสีจะไม่เสมอกันแล้วแม่งยังแห้งช้าบรมอีกพอไม่รู้เอามือไปจับจากขาวๆก็กลายเป็นหมอง นักเรียนแพทย์นี่ช่างไม่รู้ห่านอะไรในงานช่างเลยจริงๆ ผมแอบภูมิใจในสายวิชาที่ตัวเองเรียนเบาๆ ถัดจากคุณหมอหมี ก็มีคุณพยาบาลเห็นหมี อะๆ ไม่ใช่และ คุณหมีในชุดพยาบาลสาวซึ่งกำลังถูกเหล่านักเรียนแพทย์รุมช่วยกันลงสีอยู่ โหดูจากขนาดแปรงที่พวกเขาเลือกใช้กันแล้วให้วันนึงเต็มๆก็ทาไม่น่าจะเสร็จหรอกครับ หมีตัวเท่าคนแม่งใช้แปรงทาสีขนาดใหญ่กว่าพู่กันนิดเดียว เห็นแล้วแทบอยากจะโทรบอกเพื่อนในคณะให้เอาแปรงทาสีมาบริจาค

“ถ้ามึงจะมองด้วยสายตาแบบนั้น ตะโกนด่าออกไปเลยดีไหม”
อุ้ยนี่ผมแสดงออกชัดขนาดนั้นเลย ผมหันไปยิ้มแห้งๆใส่พี่เหนือ ดูเหมือนพี่มันจะพูดไปอย่างนั้นไม่ได้จะตำหนิอะไรผมจริงๆ เพราะหลังจากที่พี่มันพูดจบมันก็ดึงแขนผมให้ไปยังอีกมุมของลานกิจกรรมซึ่งมีนักศึกษาแพทย์ประมาณ 4-5 คนยืนทำงานอยู่
 
“เฮ้ยพวกมึงดูซิว่าใครมา”
พี่พลเพื่อนพี่เหนือสะกิดเรียกพี่โอบที่กำลังง่วนอยู่กับการลงสี

“แม่มึงมั้ง ก็เห็นอยู่ว่าไอเทียนยังเสือกถามอีก”

“อ้าว ไอโอบนี่เพื่อนไง เพื่อนมึง สัสไม่รับมุกแล้วยังมาด่ากูอีก”

“งานกูรีบ เดี๋ยวไม่เสร็จไอคุณชายมันจะแดกหัวเอา”
พี่โอบว่าก่อนจะหันไปทาสีต่อ คือกูขัดใจแปรงมึงมากเลยพี่โอบ ทาแบบนี้ชาติไหนถึงจะเสร็จครับ ผมยืนมองแปรงเปื้อนสีที่ตวัดไปมาอยู่บนโมเดลแล้วขัดใจถึงขีดสุด เอาวะจะว่าเสือกก็เสือก

“พี่โอบคืออย่างว่าผมเสือกเลยนะพี่ ถือว่าน้องช่วยพี่ก็แล้วกัน แบบว่าแปรงพี่มีอันที่ใหญ่กว่านี้ไหม คือผมว่าใช้แปรงไซร์นี้ทาทั้งคืนพี่ยังไม่ได้แขนข้างนึงเลย”
ผมพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงน้อบน้อมสุดๆ พี่โอบมองแปรงในมือสลับกับหน้าผมไปมา

“มึงคิดเหมือนพี่ใช่ไหมว่าแปรงมันเล็กไป”

“ครับ โคตรเล็ก”

ผมย้ำหนักแน่น พี่โอบส่ายหน้าหน่ายๆก่อนจะหันมาพูดกับผม

“ก็พี่มึงนั่นแหละบังคับให้กูใช้แปรงนี้ ไม่รู้แม่งจะกลัวกูทาสีเลอะอะไรมากมาย”

“กูว่ามันมีเหตุผลของมันนะ เทียนมึงลองมองน้องพยาบาลเห็นหมีตัวนั้น มึงว่ามันเป็นไง”

ก็ฮีเหม็นไง อะๆ ไม่ใช่และ พี่พลถามผมพร้อมกับชี้นิ้วไปยังกลางห้องที่มีคุณพยาบาลเห็นหมียืนอยู่ ถ้าผมบอกไปตามตรงจะโดนมองแรงไหมวะ

“คือพี่อยากฟังคำตอบแบบไหนอะ ถ้าแบบมิตรภาพผมก็จะบอกว่าสวยดี แต่ถ้าแบบกันเอง…..ผมก็จะบอกว่าโคตรเหี้ย เด็กอนุบาลบางคนแม่งยังทาสีได้ดีกว่าพี่อีกมั้ง แล้วโห ความสม่ำเสมอของสีก่อนทาพี่แหกตาดูหรือเปล่าว่าโทนสีมันไม่ไล่กัน ถ้าเป็นคณะผมนะป่านนี้รุ่นพี่คงสั่งเผ่าแล้วทำใหม่…..คะ ครับ”

พึ่งจะรู้ตัวว่าพูดเยอะไปก็ตอนที่ผมเห็นพี่โอบมองผมตาค้าง แปรงเปื้อนสีในมือถูกปล่อยให้หลุดลงพื้นนั่นแหละ ส่วนไอพี่พลก็ยืนกลั้นขำอยู่ข้างๆ

“เอ่อ ผมขอโทษถ้าผมพูดแรงไป แฮะๆๆ”

“บทจะไม่ถนอมน้ำใจกูมึงก็ถล่มยับเลยนะ ไม่ติดว่าเป็นเด็กไอเหนือพ่อจะดีดให้เดี้ยง”

“คิดมากน่ะพี่ มาๆผมช่วยทารับลองเร็วและสวย”

ผมว่าก่อนจะพับแขนเสื้อนักศึกษาตัวเองขึ้นเหนือศอก มองหาแปรงขนาดพอดีมือ ก่อนจะช่วยพี่โอบลงสีตามแบบที่แปะไว้ที่พื้นเป้ะๆ

“เหี้ย แม่งทาโคตรเนียนอะ ผิดกับของไอโอบลิบลับ”

“พูดมากมึงลองมาทาดูไหมไอเหี้ยพล มือไม่พายแล้วยังเอาปากแกว่งตีนอีกนะ”

“แล้วนี่ไอเหนือไปไหนของมันวะ เอาน้องมาทิ้งไว้แล้วก็หายหัวไปเลย”
พี่โอบว่าพลางชะเง้อมองหาพี่เหนือ ส่วนผมก็ไม่ได้อะไรอยู่แล้วนี่กะว่าช่วยพี่โอบเสร็จก็จะชิ่งเหมือนกันดึกมากแล้วด้วย

“เมื่อกี้กูเห็นเดหลีมา คงจะอยู่กับเดหลีมั้ง”

“ดีฉิบหายเมียมาแล้วทิ้งน้องทิ้งเพื่อนเลย”

พี่โอบว่าก่อนจะวางแปรงสีลงบนฝาถัง ผมเองก็วางด้วยเพราะตอนนี้ผลงานของผมกับพี่โอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว สวยมากไม่อยากจะบอก ผมเก็บรายละเอียดเองกับมือทุกจุด ถ้าจะติดเครดิตบนโมเดลมนุษย์ตัวนี้ต้องมีชื่อผมด้วยไม่งั้นผมจะเอา
เด็กวิศวะมาถล่ม หึหึหึ

“พี่โอบห้องน้ำอยู่ไหนวะพี่ ผมอยากล้างมือ”

“อยู่ด้านหลังโน่น เดี๋ยวก็ให้ไอทอยพาไป….ทอยๆ พาน้องไปห้องน้ำทีมันไม่เคยมา”

พี่โอบตะโกนเรียกพี่ทอยที่อยู่ไม่ไกล พี่ทอยพยักหน้ารับแล้วกวักมือเรียกผมให้เดินตาม ข้างหลังที่พี่โอบมันว่าคือหลังตึกครับ เป็นสวนนสมุนไพร มีศาลาสำหรับนั่งพักผ่อนอยู่ประปราย มองตรงไปสุดทางก็จะเห็นห้องน้ำพอดี

“เรียนหมอเขาคัดหน้าตาด้วยหรอครับพี่”

ผมชวนคุยระหว่างทางเดินไปห้องน้ำ พี่เหนือว่าหล่อเจอพี่ทอยเข้าไปยังหมองอันนี้ผมล้อเล่นจริงๆก็หล่อคนละแบบแหละครับ พี่เหนือดูหล่อเลว แต่พี่ทอยดูหล่อแบบใสๆสุภาพบุรุษอะไรแบบนี้ ตัวสูงก็สูง ขาวก็ขาว หน้าก็ใส ปากก็แดงแบบคนสุขภาพดี เดินข้างๆผมนี่ดับอนาถเลย

“ใครเขาจะไปคัดกันเรื่องแบบนั้น”
พี่ทอยพูดยิ้มๆ ก่อนจะเปิดประตูห้องน้ำแล้วดันหลังผมเข้าไป

“แล้วเราเรียนคณะอื่นไม่ใช่หรอ มาทำอะไรที่นี่”
พี่ทอยชวนผมคุยบ้าง มือหนาส่งสบู่เหลวมาให้ผม

“ถามเพื่อนพี่ดิ ไปจิกหัวผมถึงคณะวิศฯ ให้ผมช่วยงานแต่ตัวเองกลับไปลั่นล้ากับสาว”

“ใคร เพื่อนพี่มีหลายคน”

พี่ทอยถามยิ้มๆ แล้วก็เป็นยิ้มที่โคตรน่ามองเลย

“พี่เหนือ”

“หื้ม เหนือเนี่ยนะ ไปลากเรามา”

“ครับ”
พี่ทอยทำหน้าแปลกใจ มีอะไรให้แปลกใจขนาดนั้นครับถึงสงสัยผมก็ไม่ถามเพราะตอนนี้โคตรอยากกลับบ้านเลย ผมรีบจัดการคราบสีที่มือออกจนหมด ขณะนี่เป็นเวลา สามทุ่มสิบห้าแล้ว ผมควรจะกลับบ้านได้เสียที ป่านนี้ม๊าคงรอแย่แล้ว


“พี่ๆผมกลับก่อนนะสวัสดีครับ แล้วก็พี่ทอยขอบคุณครับสำหรับเรื่องเมื่อครู่ ผมกลับก่อนนะพี่ๆ”

“ให้พี่ไปส่งไหม เอารถมาหรือเปล่า”

หล่อใจดีถามผม รู้ใช่ไหมครับว่าใคร

“ไม่เป็นไรครับ ผมเอารถมา ไปจริงๆแล้วนะครับ”

ผมทิ้งไว้แค่นั้นโดยไม่ทันฟังว่าพี่โอบกำลังพูดอะไร เปิดประตูขึ้นรถได้ผมก็ขับรถออกทันที



    

------------------------------------------------------------------------

พี่เหนือเตือนแล้วนะ รุกช้า สุนัขคาบไปรับประทานอันนี้โทษใครไม่ได้เลยนะเหวย 5555

Comment เป็นกำลังใจให้น้องเพี้ยนกับพี่เหนือด้วยนะคะ











หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (17/11/2018) ตอนที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-11-2018 10:55:44
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอ๊ะเอ๋.....อย่าบอกนะว่า   อิพี่ทอยก็ปิ๊งปั๊งหวังเคลมนุ้งเพี้ยนด้วย   อิอิ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (17/11/2018) ตอนที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 17-11-2018 11:00:19
อีพี่เหนือยังมีเดหลีคาราคาซังอยู่ก็ขอให้น้องเพี้ยนที่น่ารักโดนหมาคาบไปแดก :call: :call:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (17/11/2018) ตอนที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 17-11-2018 20:03:05
พี่เหนือพาน้องมาทิ้งไว้แล้วหนีไปกับสาวได้ยังไง
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (17/11/2018) ตอนที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-11-2018 22:52:30
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (17/11/2018) ตอนที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 18-11-2018 08:35:50
……


เพี้ยนกวนกวน น่ารักดีอ่ะ สดใสร่าเริง รอดูคำดอ…ย 555

พี่เหนือฉลาดหน่อยนะ อย่าให้เดหลีจูงจมูกนะ

ช้าๆอดได้พร้าเล่มงามน้าาาาา


 :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:


……

หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (17/11/2018) ตอนที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 18-11-2018 20:07:52
 :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (17/11/2018) ตอนที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 18-11-2018 22:44:27
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (17/11/2018) ตอนที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 19-11-2018 10:28:45
ขอให้มีหนุ่ม ๆ มาจีบน้องเพี้ยนเยอะ ๆ
ให้อีพี่เหนืออกแตกตายไปเลย
ท่ามากดีนัก

 o18 o18
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (17/11/2018) ตอนที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: wookyu ที่ 06-12-2018 19:17:27
                                                                      - 12 -



และแล้ววันออกค่ายก็มาถึง

“ไอเจง ไอเผือกมึงลงไปดูดิ๊ว่ามีน้องๆหลงเหลือที่ไหนอีกหรือเปล่ารถจะออกแล้ว”

พี่เพลิงส่งใบรายชื่อน้องปีหนึ่งให้ไอเจงก่อนจะโบกมือไล่ให้มันสองคนลงไปจากรถ ผมเห็นว่าเพื่อนไปแล้วก็กำลังจะลงไปด้วยแต่พี่เพลิงกลับเอามือมารั้งคอเสื้อผมไว้ไม่ให้ตามลงไป

“มึงไม่ต้องไปยุ่งกับงานของพวกมัน เอานี่ไปเช็คดูซิว่าพวกคณะแพทย์ขึ้นรถมาครบหรือยัง”

ใบรายชื่อถูกส่งมาตรงหน้า ผมรับกระดาษในมือขึ้นมาพิจารณาด้วยความประหลาดใจ ทำไมค่ายอาสาครั้งนี้ถึงมีคนของคณะแพทย์ไปด้วย แล้วทำไมไม่ให้คณะแพทย์ไปเช็คชื่อกันเอาเอง ครั้นคิดได้จะเอ่ยปากถามพี่เพลิงก็เดินไปคุยกับพี่ปิงแล้ว ผมเลยต้องถือกระดาษเช็คชื่อเดินไปแถวหน้าๆที่มีนักศึกษาต่างสาขาพากันจับจองพื้นที่

“เอ่อพี่ๆครับ ขอเช็คชื่อหน่อยนะครับ”

ผมเอ่ยขออย่างสุภาพ ครั้นพอจะอ่านรายชื่อแรกในกระดาษ พชร พยัญชนะสามตัวเรียงกันสวยงามเป็นระเบียบแต่ไม่มีสระทำให้ผมผู้ที่ไม่แตกฉานภาษาใดๆในโลกได้แต่อ้าปากพะงาบๆ พะชอน หรือเปล่าวะ หรืออ่านตรงตัวไปเลยมันไม่มีสระอะ คิดได้เช่นนั้นก็เปล่งเสียงไปเต็มที่

“พอชอรอ อยู่ไหมครับ”

ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

เสียงหัวเราะระรื่นดังมาจากเด็กแพทย์ทั่วสารทิศแต่ไม่มีใครตอบผมว่าไอ พอชอรอ มันขึ้นรถมาหรือยัง ไม่มีใครตอบเอาแต่หัวเราะหน้าแดงหน้าดำ อะไรของเขาวะ

“เอ่อ พี่พอชอรอ ยังไม่มาหรอครับ”
ผมถามซ้ำ เกาหัวเก้อๆอย่างไม่รู้จะรับมือกับสถานะการณ์แบบนี้อย่างไรดี จนกระทั่ง

“ฮ่าๆๆ ไอเหนือมาพอดีเลย ไปเก็บเด็กมึงดิ๊ เรียกชื่อใครก็ไม่รู้”

พี่เหนือที่พึ่งเดินขึ้นมาหันไปฟังคำทักของพี่พลแล้วหันมาเลิกคิ้วใส่ผมคล้ายๆกับจะถามว่ามึงไปยืนทำเหี้ยอะไรตรงนั้น ในระหว่างที่พี่เหนือกำลังจะเดินเข้ามาหาผม พี่หล่อใจดีที่นั่งใกล้กว่าก็ลุกขึ้นมาคว้ากระดาษในมือผมไปดูแทนเสียงเอง

“มาให้พี่ดูหน่อย อ่อ พะชะระ อยู่ไหนครับ”
หื้ม พรช นี่คือพะชะระ หรอวะ พี่มันอ่านเข้าไปได้ยังไงสระซักตัวก็ไม่มี

“อยู่นี่ ฮ่าๆๆ เหี้ยพอชอรอนั่นคือชื่อกูหรอวะ”
สัสได้ทีขำกันใหญ่ ชื่อเหี้ยอะไรก็ไม่รู้อ่านก็ยากไม่อ่าน พะชอน ก็ดีแค่ไหนแล้ว

“อันนี้ให้พี่ช่วยไหม เดี๋ยวอ่านชื่อคนอื่นเขาผิดอีก”

“ครับพี่งั้นเทียนฝากด้วยแล้วกัน”

ผมพยักหน้ารับอย่างปลงตก พี่ทอยยิ้มรับพร้อมกับขยี้หัวผมเล่นเบาๆ ก่อนจะเดินถือกระดาษเคชื่อไปตามแถว ส่วนผมเมื่อหมดหน้าที่ก็เตรียมจะเดินกลับไปยังที่นั่งประจำ เห็นแว่บๆว่าพวกไอเจงขึ้นมาเรียบร้อยแล้วแย่งที่นั่งติดริมหน้าต่างพ่อจะเตะให้

“มึงนั่งตรงไหน”
เรื่องของกูไหม
“ตรงโน่นครับ”
ผมตอบคนละอย่างกับที่ใจนึก ไอพี่เหนือเดินเข้ามากระตุกแขนผมเบาๆด้วยใบหน้าที่ตึงกว่าหนังกลอง ผมเลยต้องตอบคำถามมันดีๆไม่งั้นอาจโดนตีนใหญ่เตะเอาก็ได้
“ไปนั่งกับกู”

“ไม่เอาครับ ผมอยากนั่งกับเพื่อน”
ใจจริงอยากถามว่าทำไมผมต้องไปนั่งกับเด็กแพทย์ด้วย ในเมื่อกว่าครึ่งรถนี่ก็เด็กวิศวะคณะเดียวกับผมทั้งนั้น ผมจะต้องไปนั่งกร่อยข้างๆพี่มันทำไม

“สั้น ไปนั่งกับเพื่อนมึงแล้วอย่าแรดเข้าใจไหม”
เข้าใจ…ก็เหี้ยแล้ว พี่เหนือมันสั่งผมเสียงเขียวเสร็จแล้วก็เดินดุ่มๆกลับที่นั่งไป วันนี้พี่มันไปโดนตัวไหนมาอารมณ์ถึงได้แปรปรวนขนาดนั้น แล้วที่ว่าอย่าแรด ทานโทษครับผมไปทำแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมเลิกคิดแล้วเดินไปกระชากไอเผือกที่กำลังจะแย่งที่นั่งข้างหน้าต่างผมออกทันควัน

“ที่กูครับไอสัส”

“ตลอออะมึง ที่ข้างหน้าต่างนี่พวกกูไม่เคยได้นั่ง”
ผมทำเป็นหูทวนลม ผลักไอเผือกออกจากที่นั่งได้ผมก็ทิ้งตัวนั่งอย่างสบายอุราทันที ไม่นานรถก็เคลื่อนออกจากมหาวิทยาลัย ตลอดการเดินทางเหล่าวิศวะก็ผลัดกันลุกขึ้นมาทำกิจกรรมเพื่อให้บรรยากาศในรถดูไม่เงียบเหงาจนเกินไป มาหมดครับทั้งร้องทั้งเต้น เต้นถูกเต้นผิดเราไม่สนขอแค่ให้ร่างกายได้โยกย้ายเป็นพอ ขนาดผมที่แกล้งหลับยังถูกพวกพี่เพลิงลากออกมาเต้นเลย

“พี่เพลิงผมเต้นไม่เป็น”
และนั่นคือปัญหาของผม คือจะให้ผมทำอะไรก็ได้นะครับขออย่างเดียวเลยเรื่องเต้นผมไม่ไหวจริงๆ

“พวกมึงครับไอเพี้ยนจะไม่ยอมเต้นหว่ะ”

“ไม่ได้นะพี่ผิดกฏวิศวะ ดูไอเต๋อดิมันติ๋มจะตายยังต้องเต้นเลย”

เจงครับ กูเพื่อนมึงไง จำไม่ได้หรอมึงยังไปนอนบ้านกูบ่อยๆเลย มึงยังจำม๊ากูได้ไหม ม๊ากูไงที่มึงชมว่าใจดี แล้วมึงทำกับเพื่อนมึงแบบนี้ได้อย่างไรไอเพื่อนทรพี

“เอ่อ”

“ไอเพลิงมึงเป็นประธานรุ่นต้องยุติธรรมนะเว้ย ดูไอเต๋อมันเนิร์ดโคตรเนิร์ดยังต้องเต้น”
โอ้โห พร้อมเพรียงเรียกร้องความยุติธรรมกันเชียวนะครับพวกมึงเรื่องแบบนี้

“ได้ยินไหมน้องเพี้ยน เพื่อนๆไม่ปราณีหว่ะ ฮ่าๆๆ”
พี่เพลิงมันว่าแล้วขำ จากนั้นก็หันไปขอเพลงมันส์ๆจากพี่ปิงผู้คุมเครื่องเสียงของทัวร์นี้ ลำโพงบูลธูท คอนเน็กกับสมาร์ทโฟน
เครื่องหรูของพี่มันนั่นแหละ แถมยังใจดีชักชวนเพื่อนต่างคณะมาร่วมชมกันด้วย

“เชิญครับ ใครอยากเห็นละครลิงคณะวิศวะลุกขึ้นมาชมได้ที่ข้างหลังเลยนะครับ”
เสียงเฮพร้อมเสียงปรบมือดังไปทั่วสารทิศ เด็กคณะแพทย์ส่วนใหญ่ที่เดินมาดูก็ไม่พ้นพวกเพื่อนพี่เพลิงแน่นอนพี่เหนือมันก็มากับเขาด้วย เหี้ยอายบรม

“เต้นซิเพี้ยนรอไร”
พี่เพลิงเร่ง ทุกสายตาจับจ้องมาทางผม เอาวะ เต้นก็เต้น ผมค่อยๆยกมือเหนือหัวและก็….ดึงดาวแม่งเลย ใช่ครับท่าเต้นดึงดาวของเด็กแว๊นซ์เด็กสก๊อยที่ผมเคยเห็นผ่านยูทูปถูกงัดขึ้นมาโชว์หมดทุกสเต็ป ดึงดาวเสร็จต่อด้วยท่าโบกแท็กซี่ สาวน้อยปะแป้งก็มา ไอเพื่อนๆที่นั่งอยู่สงสัยจะมันส์ไปกับผมด้วย แรกๆผมเห็นนะครับว่าแม่งพากันหัวเราะหน้าเขียวหน้าดำ เจอสเต๊ปผมเข้าไปเครื่องเลยร้อน สุดท้ายก็พากันเต้นทั้งวิศวะ

“ท่าเต้นน่ารักดี วันหลังสอนพี่บ้างนะ”
พี่หล่อใจดีของผมยื่นน้ำเปล่าในมือมาให้ ก่อนจะแซวผมพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม ตัวขาวแบบพี่ทอยพอทำอะไรให้เลือดมันสูบฉีดนิดหน่อยหน้าแดงเห่อได้ขนาดนี้เชียว

“นี่ยังงัดมาไม่ครบสเต็ปนะครับผมไม่อยากจะคุย ถ้าพี่สนใจเรียนจริงๆติดต่อเลขาส่วนตัวผมได้”

“ขนาดนั้นเชียว”

“สั้น อย่าแรด”
เอาอีกแล้วด่ากูคำนี้อีกแล้ว คำนั้นเขาไว้ด่าผู้หญิงไหมพี่จะเอามาด่าผมทำไม แล้วผมไปแรดตรงไหน ผมเถียงกลับ(ในใจ)ไม่กล้าเถียงออกเสียงไอเทียนคนนี้ยังรักตัวกลัวตายอยู่ หน้าพี่เหนือตอนนี้โคตรน่ากลัวเลย

“แรดตรงไหนวะ ท่าเต้นผมออกจะเท่ห์”

“มึงนี่มัน มานี่”

พี่เหนือว่าพลางลากแขนผมให้เดินตามไปยังที่นั่งของตัวเอง พี่เหนือกดไหล่ผมให้นั่งลง แต่ผมฝืนยืนขึ้นอีก พี่เหนือมันเลยทำหน้าดุยิ่งกว่าเดิมหน้ามันตอนนี้เหมือนกำลังพูดกับผมว่ามึงจะนั่งดีๆไหมหรืออยากแดกตีนก่อน

“คือผมอยากนั่งริมหน้าต่าง”
พูดจบผมก็กระดึบๆเข้าไปนั่งติดหน้าต่างทันที คือกูไม่ได้จะหือกับมึงเลยครับพี่กูแค่ชอบริมหน้าต่าง พี่เหนือมันเลิกคิ้วมองผมนิดๆก่อนจะยอมนั่งลงตรงที่นั่งถัดมา

“แหนะๆ มีหึงกันด้วยเว้ย”
พี่โอบที่นั่งอยู่เบาะหลังชะโงกหน้าผ่านเบาะด้านบนแซวผมกับพี่เหนือ ยิ้มแพรวพราวบนใบหน้าพี่ช่างน่าตบให้ปากเบี้ยวเสียจริง หึงเหิงอะไรกันประสาทไอพี่เหนือมันก็แค่ไม่ชอบเห็นผมมีความสุขเหมือนชาวบ้านก็แค่นั้นมันอิจฉาไงไม่มีท่าเต้นเท่ห์ๆเหมือนผม

“ประสาท”
“ไม่นะกูเห็นมึงทำหน้ายักษ์ใส่น้องมันตอนอยู่กับไอทอยด้วย ไม่เชื่อมึงถามไอพลเลย”

ผมนั่งฟังตาปริบๆยัดนิ้วเข้ารูจมูกงัดแงะขี้มูกไปด้วย ประกาศให้โลกรู้ไปเลยว่าผมสกปรก เผื่อพี่เหนือมันจะทนความสกปกผมไม่ไหวแล้วปล่อยผมกลับไปนั้งข้างเพื่อน

“ทำเหี้ยอะไรของมึงเนี่ย”
ไอพี่เหนือหันมาเจอผมแคะขี้มูก มันขยับหนีทำท่ารังเกียจเต็มที่ ไล่กูเลยพี่กูสกปรกมาก ไล่กูกลับที่เลย เร็วๆ ผมลุ้นให้ตัวเองโดนไล่แต่ทว่าพี่เหนือมันทำแค่เบี่ยงตัวหลบแล้วกดมือถือเล่นแทนเพื่อนเพิ่นที่แซวมันปากจะแหกอยู่ข้างหลังมันก็ไม่ใส่ใจ จนพี่พลเลิกแซวแล้วหันไปคุยกับเพื่อนคนอื่นแถวๆนั้นแทน ไม่สนุกเลย ผมเลิกแคะขี้มูกในที่สุดเมื่อเห็นว่ายังไอพี่เหนือมันก็ไม่สนใจผมอยู่ดี แอร์เย็นๆแบบนี้ นอนแม่งแล้วกัน


 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

น้องเพี้ยนกลับมาแล้วค่ะ หายไปเกือบสองอาทิตย์หวังว่ายังไม่ลืมน้องเพี้ยนกันนะคะ



หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (06/12/2018) ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 06-12-2018 19:51:22
เดี๋ยวน้องเพี้ยนก็เอาน้ำมูกป้ายพี่เหนือซะเลยนะ ถือว่าจองตัวไว้ก่อน
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (06/12/2018) ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 06-12-2018 21:36:09
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (06/12/2018) ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 06-12-2018 22:28:38
 :katai3:

อี้อี้
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (06/12/2018) ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 06-12-2018 23:03:16
 :pig4: :pig4: :pig4:

กลับมาแล้ว  แต่รู้สึกว่ายังไม่จุใจเลยอ่ะ

ป.ล. นุ้งเพี้ยนนี่ช่างเป็นขวัญใจมหาชนจริง ๆ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (06/12/2018) ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 07-12-2018 00:11:04
นุ้งเพี้ยนมาแล้วววว จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (06/12/2018) ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 07-12-2018 02:48:22
 :o8:  :-[  :impress2: พึ่งได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้ค่ะ  o13 ชอบมากกกกก  ติดงอมติดแงม   :o8:  น้องเพี้ยนนี้น่ารักแบบอึนๆซึนๆนะค่ะ แอบหวั่นใจกับดาหลาเรื่องตำแหน่งคู่หมั้นมากกกกก  :ling3:  :ling1:  :ling2: คุณคนพี่ค่ะ ห้ามทำน้องสั้นเพี้ยนเสียใจเข้าโหมดซึมอทยซึนเด็ดขาดค่ะ  :m16:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (06/12/2018) ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 07-12-2018 09:41:39
นี่ขนาดแกเต้นไม่เป็นนะเพี้ยน
มาครบเชียว

 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (06/12/2018) ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 07-12-2018 16:20:47
 :laugh:


 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (12/12/2018) ตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: wookyu ที่ 12-12-2018 21:51:06
                                                                                       - 13 -   


โรงเรียนบ้านบ่อ
ผมอ่านป้ายโรงเรียนด้วยความตื่นเต้น ลงจากรถได้ผมก็ดิ่งไปรวมตัวกับเพื่อนๆทันที และก็ตามคาดเมื่อผมเดินเข้าไปถึงก็โดนไอเผือกไอเจงผลัดกันแซวเรื่องพี่เหนือไม่ขาดปาก

“ผัวหึงหรอจ๊ะน้องเพี้ยน”
ผมเงียบทำเป็นไม่สนใจ ช่วยรุ่นพี่ยกของลงจากรถไปเรื่อย โอ้กล่องใหญ่นั่นกูมองข้ามก่อนได้ไหม ท่าจะหนัก ว่าแล้วผมก็เลี่ยงไปหยิบกล่องที่เล็กกว่าและปรากฏว่า ด๊อกกก หนักกว่ากล่องใหญ่ที่ไอเต๋อมันยกไปอี๊ก ของผมมันคือเครื่องมือช่างล้วนๆ ค้อน ตะปู ตะไบ เลื่อย ใบเลื่อย ไม่น่าเห็นแก่ความสบายเลลยกู หลังจะเดาะไหมเนี่ย ผมโอดครวญอยู่ในใจ พยายามยกกล่องใบนั้นลงจากรถด้วยท่าทีสบาย แต่ขานี่สั่นพั่บๆ

“อวดเก่ง”
กล่องในมือผมถูกกระชากออกไปอย่างง่ายดายโดยนักศึกษาแพทย์รูปงามแต่ใจทราม พี่เหนือแย่งกล่องในมือผมไปแล้วเดินลงจากรถไปด้วยท่าทีสบายๆราวกับกล่องใบนั้นเป็นเพียงกล่องเปล่าๆ แรงโคตรเยอะ สงสัยผมควรจะเลี่ยงหาเรื่องโดนตีนให้น้อยที่สุดเพื่อความปลอดภัยของตัวผมเอง

หลังจากยกของไปเก็บเรียบร้อยแล้วรุ่นพี่ก็สั่งให้พวกผมยืนเข้าแถว เดินเข้าซุ้มที่น้องๆและอาจารย์จัดไว้ต้อนรับ เมื่อพวกผมเดินผ่านประตูเข้าไปน้องๆก็ยื่นช่อดอกไม้เล็กๆที่ทำเองส่งให้เหล่ารุ่นพี่ ก่อนจะกล่าวต้อนรับเป็นภาษาท้องถิ่นของตัวเอง เมื่อพวกผมเดินเข้ามานั่งยังพิธีเปิด อาจารย์ของโรงเรียนบ้านบ่อก็กล่าวต้อนรับ พร้อมกับทำพิธีเปิดค่ายสั้นๆ กำหนดการณ์หลังจากนั้นคือพวกรุ่นพี่จะต้องไปดูสถานที่ที่จะสร้างห้องสมุด และซ่อมแซมห้องเรียนให้แก่น้องๆ พวกผู้หญิงก็จะให้รับผิดชอบเรื่องฐานการเรียนการสอน กิจกรรมนัทนาการต่างๆให้น้องในวันพรุ่งนี้

“ขอประชุมทีมแปปนึงนะครับผู้ชายทั้งหมดเลย”
พี่เพลิงเลื่อนไวท์บอร์ดที่อยู่ในโถงประชุมออกมา วาดรูปสี่เหลี่ยมสองรูปห่างกันบนกระดานรูปแรกคือห้องเรียน รูปที่สองคือห้องสมุด

“ผมจะแบ่งพวกเราออกเป็นสองทีม ทีมแรกจะดูแลในการสร้างห้องสมุด ส่วนอีกทีมจะดูแลซ่อมแซมห้องเรียนของน้องๆซึ่งมีอยู่ประมาณ 4 ห้อง ผมจะขอแบ่งสองทีมเท่าๆกันนะครับ เนื่องจากห้องสมุดคือการเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น แต่ห้องเรียนแค่ซ่อมแซมบางจุดเท่านั้น ใครอยากทำอะไรสามารถแจ้งได้นะครับ หรือจะให้จับกลุ่มให้ก็บอก”

พี่เพลิงพูดอย่างเป็นทางการ คนที่เหลือในห้องก็เริ่มปรึกษาหารือกับพวกของตัวเองว่าจะเลือกอะไรเช่นเดียวกับผม

“กูอยากทำห้องสมุด”
ผมพูดพลางหันไปมองหน้าไอเจงและไอเผือกเพื่อหาแนวร่วม

“งั้นกูไปซ่อมห้องเรียนดีกว่า”
สัส จำเป็นต้องทำกับกูขนาดนี้ไหม ไหนตอบ

“งั้นกูไปกับพวกมึงก็ได้”
บทสรุปคือผม ไอเจง ไอเผือก ไอเต๋อ พี่สอง และนักศึกษาแพทย์อีกหกคนชื่ออะไรบ้างผมไม่รู้ ตกลงเลือกซ่อมห้องเรียน อีกฝั่งจำนวนคนมากกว่าสองคน เลือกทำห้องสมุด เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาพี่เพลิงจึงนำพวกผมไปยังห้องเรียนที่จะทำการซ่อมแซม พี่ปราบพาอีกกลุ่มไปดูโลเคชั่นที่จะทำห้องสมุด
ห้องเรียนของน้องๆเป็นห้องเรียนไม้เก่าๆเล็กๆที่ดูแล้วไม่น่าจะจุคนได้เกินกว่า ยี่สิบคน พื้นห้องเป็นรูผุ ผมยืนอยู่ชั้นสองยังสามารถมองทะลุลงไปห้องข้างล่างได้ผ่านรูผุๆรูนั้น โต๊ะเก้าอี้ ก็มีไม่พอใช้ ไอที่พอใช้ได้ก็พิการอีกเหลือใช้งานได้จริงๆไม่ถึงสิบตัวเท่าที่ผมเห็นน่ะนะ

“พี่ว่าเราแยกกันทำคนละห้องไหมแบ่งๆกันไปเลย”
พี่สองเสนอระหว่างที่สายตาก็กวาดมองไปรอบๆห้อง

“มีสีห้อง เรามีสิบคนต้องมีสองห้อง สามคน อีกสองห้องสองคน ห้องที่รายละเอียดน้องก็ทำกันสองคน ส่วนห้องที่ต้องทำอะไรหลายอย่างก็สามคนดีไหมครับ”
พี่นักเรียนหมอคนหนึ่งเสนอขึ้น พี่สองก็พยักหน้ารับเห็นด้วย

“เริ่มจากห้องนี้สิ่งที่ผมเห็นว่าต้องซ่อมแซมอย่างแรกคือพื้นที่เป็นรูกว้างตรงกลางห้อง บานประตูที่บานพับหลุดทั้งสองฝั่ง เก้าอี้ที่ขาหัก โต๊ะที่ชำรุด ผมว่าห้องนี้น่าจะใช้คนสามคน”
พี่สองกล่าวต่อ พี่หมอรวมทั้งรุ่นน้องวิศวะคนอื่นๆก็พยักหน้าเห็นด้วย

“ส่วนอีกห้องที่เดินผ่านมาชั้นนี้ มีแค่เก้าอี้ กับโต๊ะที่ต้องซ่อม เอ้อ แล้วก็พื้นห้องคงต้องลงสแลคให้เงาอีกหน่อย เพราะพื้นดูสกปรกมากเท่าที่ผมเห็น”

พี่นักเรียนแพทย์คนเดิมกล่าวเมื่อตกลงกันได้ลงตัวก็แบ่งกลุ่มและแยกย้ายกันไป กลุ่มผมมีพี่สอง ไอเผือก ผม ส่วนไอเจงขอไปอยู่กับทีมนักศึกษาแพทย์เพราะมันคิดว่านักศึกษาแพทย์อาจจะไม่ถนัดงานพวกนี้เท่าไหร่


“เดี๋ยวเราเริ่มจากงานใหญ่ก่อนนะ พี่ว่าจะรื้อไม้สองแผ่นนี้ออก”
พี่สองชี้ไม้สองแผ่นที่เป็นรูกว้าง มองทอดไปตามความยาวของไม้ซึ่งความยาวมันสุดขอบของประตูห้องพอดี
“งั้นเดี๋ยวผมกับไอเทียนไปยกไม้ขึ้นมานะครับ”
ไอเผือกเสนอ พี่สองพยักหน้ารับพวกผมจึงตรงไปยังลานห้องประชุมมองหาไม้ที่พอจะใช้ได้ยกกลับขึ้นไปที่ห้องเรียน เราสามคนช่วยกันรื้อไม้สองแผ่นนั้นออกได้จนสำเร็จ มองลงไปข้างล่างก็เห็นเพื่อนในคณะและนักศึกษาแพยท์อีกสองคนกำลังช่วยกันซ่อมเก้าอี้หลายตัวในห้องเรียน



ตกเย็น
เหล่าวิศวะเดินขาลากกลับมารวมตัวกันที่ลานห้องประชุม เมื่อมาถึงผมก็เจอกับทีมห้องสมุดนั่งอยู่ก่อนแล้ว รวมไปถึงพี่เหนือด้วย พี่เหนือนั่งทำหน้าเบื่อโลกอยู่ข้างพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง หน้าตาโคตรสวยอ่ะ สาวเจ้าพยายามเอาอกเอาใจพี่เหนือยกใหญ่ ทั้งพัดทั้งเช็ดหน้าให้คนนี้คงจะเป็นแฟนพี่มันสินะ หวานกันขนาดนี้กูว่าเผลอๆอาจจะต้องฉีดมดเพิ่มด้วย ผมกำลังจะเดินเข้าไปนั่งร่วมกับเพื่อนก็เป็นจังหวะเดียวกับที่พี่เหนือมันหันมา พี่เหนือมองหน้าผมทำท่าเหมือนจะลุกมาหาแต่ทว่า

“ไงเหนื่อยไหมเรา”
ผมผละหน้าออกจากขวดน้ำเย็นที่พี่สองเอามาแนบแก้มผม ก่อนจะกล่าวขอบคุณในความมีน้ำใจ
“นิดหน่อยพี่ แล้วน้ำพี่ล่ะ”
“ก็ขวดนี้ไง พี่ให้เรากินก่อน”
พี่สองโคตรใจดีมีเสียสละให้น้องกินก่อนด้วย ตัดภาพไปที่ไอเผือก ขานั้นได้น้ำมาขวดนึงตอนเดินเข้ามานอกจากไม่คิดจะหยิบเผื่อผมแล้วมันยังแดกคนเดียวหมดขวดอีก ผมเปิดฝากระดกน้ำในขวดพร่องไปกว่าครึ่งก็ส่งให้พี่สองดื่มต่อ วิศวะแมนๆครับน้ำลงน้ำลายเราไม่ถือกันอยู่แล้ว ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่าตลอดเวลาที่อยู่ในลานประชุมผมรู้สึกเหมือนโดนพี่เหนือมันจ้องตลอดสีหน้ามันบ่งบอกถึงความไม่พอใจถึงขีดสุดแต่ผมพยายามทำเป็นไม่สนใจ

“ก่อนจะแยกย้ายวันนี้กระเทยขอนัดซ้อมละครค่ายที่จะแสดงในวันพรุ่งนี้ด้วย ใครรู้ตัวก็ออกมาเลยอย่าให้มันไปกระชากตัวถึงที่พักนะ”
โอ้ยยยย ไม่อยากไป ผมโอดครวญอยู่ในใจสุดท้ายก็ต้องเดินคอตกไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆที่อยู่ในอารมณ์ไม่ต่างกัน

“เซ็ง กูนึกว่าจะได้พักแล้วนะเนี่ย”
ไอเผือกบ่นอุบ นั่งขัดสมาธิมองกระเทยที่พล่ามเรื่องละครค่ายอยู่หน้าแถว
“กูก็เซ็งง่วงแล้วด้วย”

การซ้อมละครเริ่มขึ้นเปิดฉากโดยคำคอยสาวน้อยผู้น่าสงสารของเรื่องโดนแม่เลี้ยงและน้องสาวโขกสับใช้งานสารพัดสารพัน
“เอาเสื้อผ้าฉันไปซักด้วย ซักให้สะอาดอย่าให้มีกลิ่นอับเชียวล่ะ”
“ของฉันด้วย เอาตัวนี้ไปซักแล้วก็เอาเสื้อตัวนี้ไปเย็บกระดุมให้ฉันด้วย”
คำดอยถูกน้องสาวทั้งสองโยนกองเสื้อผ้าใส่หน้า เดี๋ยวๆผ้าที่มึงโยนมาใส่กูนั่นเอามาจากทีใด ทำไมทั้งดำทั้งเหม็นแบบนั้นวะ ระหว่างที่เล่นตามบทผมแอบก็สังเกตุเสื้อผ้าที่อยู่ตรงหน้าไปด้วยชัดเลย นี่มันผ้าขี้ริ้วที่ผมใช้ถูกพื้นเมื่อตอนมาถึงค่ายนี่หว่า แล้วแม่งโยนใส่หน้าผมเต็มๆเลยเนี่ยนะ ระยำแมนจริงๆ
“จ่ะเดี๋ยวพี่จะไปซักให้ใหม่เดี๋ยวนี้เลย”
ผมดัดเสียงให้เล็กตามที่กระเทยมันสั่ง หอบผ้าไปยังจุดที่เซ็ทไว้ว่าเป็นท่าน้ำ คำดอยซักเสื้อของเหล่าน้องสาวไปพลางปาดเหงื่อไปพลาง ทันใดนั้นระหว่างที่เธอกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบโอโม่มือเธอดันเผลอปัดแปรงซักผ้าหล่นลงไปในท่าน้ำ คำดอยใจเสียไม่รู้ว่าจะเก็บแปรงนั้นขึ้นมาอย่างไรดี หากเธอไม่ใช้แปรงในการแปรงผ้าเสื้อของน้องสาวเธอต้องไม่สะอาดแน่ คำดอยสะอื้นไห้อย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ทันใดนั้นน้ำในท่าน้ำก็เกิดแตกเป็นฟองกระจายวงกว้าง ชายในชุดแปลกประหลาดโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำพร้อมกันแปรงทองคำในมือ (เนื้อเรื่องคุ้นๆไหมครับ เหมือนกระเทยมันเอาซินเดอร์เรล่ามาประยุกต์เข้ากับชายตัดฝืนเลย)
“อันนี้ใช้แปรงซักผ้าของเจ้าหรือไม่”
“ไม่เจ้าคะ ของข้าเป็นเพียงแปรงเก่าๆกากๆธรรมดา”
คำดอยตอบเทพแห่งสายน้ำ(รับบทโดยไอเต๋อ)หายกลับลงไปในน้ำโผล่ขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับแปรงทองคำขาว ณ วินาทีนั้นคำดอยไม่ได้คิดถึงมูลค่าของแปรงที่เธอเห็นเลย เธอคิดแต่เพียงว่าเธอต้องซักผ้าของน้องสาวให้เสร็จทันคืนงานเต้นรำวันพรุ่งนี้เท่านั้น
“งั้นหรือ”
เทพแห่งสายน้ำมุดหายกลับไปในน้ำอีกครั้ง ครั้งนี้เทพแห่งสายน้ำกลับขึ้นมาพร้อมกับแปรงซักผ้าเก่าๆ ทันทีที่คำดอยเห็นก็ยิ้มอย่างดีใจ
“อันนี้แหละเจ้าค่ะแปรงของข้า”
เธอรับแปรงคืนเจ้าเทพแห่งสายน้ำด้วยความยินดีจากนั้นก็กล่าวขอบคุณเทพแห่งสายน้ำยกใหญ่ หากไม่ได้เทพแห่งสายน้ำเธอคงโดนน้องสาวของเธอด่าเป็นแน่
“เจ้าเป็นคนซื่อตรงซักวันหนึ่งชีวิตเจ้าจะพบกับความเปลี่ยนแปลง”
คำดอยไม่ได้สนใจฟังคำของเทพสายน้ำนักเธอรีบจัดการซักผ้าจนเสร็จก่อนจะไปหุงหาอาหารให้แม่และน้องสาวกิน

ระหว่างมื้อค่ำ
“ขุ่นแม่ขา คืนพรุ่งนี้เราสามคนถูกเชิญไปงานเต้นรำชิมิคะ”
“ถูกต้องคะขุ่นลู๊ก ขุ่นแม่จัดเตรียมเสื้อผ้าในเราสองคนเรียบร้อยแล้วนะ”
แม้จะเป็นการแสดงละครเล็กๆกระเทยมันก็ตีบทแตกกระจาย จริตมันมาเต็มเลยครับนับถือๆ
“แล้วนังนี่ล่ะคะขุ่นแม่”
“ปล่อยมันไปซิ ฉันไม่เอานังเด็กสกปรกนี่ไปด้วยคนหรอกอายขายขี้หน้าเขา”
ผมในฐานะคำดอยตีหน้าเศร้าเสียใจที่แม่เลี้ยงและน้องสาวไม่ให้ไปงานเต้นรำด้วยแต่คำดอยก็ไม่มีสิทธิ์ค้าน

วันงาน
หลังจากที่แม่และน้องสาวไปงานเต้นรำแล้ว คำดอยก็ปิดประตูนั่งมองท้องฟ้ายามค่ำคืนผ่านบานหน้าต่างผุพัง
“คำดอยย่อเข้าใจ๋ เหตุใดแม่ใหญ่ถึงไม่รักคำดอยบ้าง”
เธอสะอื้นไห้ ทันนใดนั้นเทพแห่งดวงจันทร์ก็ปรากฏกายขึ้น
“จะโศกเศร้าไปใย รับชุดนี้ไปแล้วแต่งตัวให้งานเสีย ข้าจะเป็นคนพาเจ้าไปงานเต้นรำเอง”
คำดอยตกใจในขณะเดียวกันก็รู้สึกดีใจ นี่เธอกำลังจะได้ไปงานเต้นรำจริงๆหรือ แต่หากเธอไปแล้วแม่เธอจับได้ เธออาจจะต้องโดนเฆี่ยนจนหลังลายเป็นแน่
“ข้าไปได้จริงหรือ”
“อย่าเสียเวลาอยู่เลย ข้าสัญญาว่าจะไม่มีใครจำเจ้าได้นอกเสียจากคนคนนั้นจะคือเนื้อคู่ของเจ้า”
คำดอยพยักหน้ารับ เธอใช้เวลาแต่งตัวไม่นานโดยได้เวทย์มนต์จากเทพแห่งดวงจันทร์ช่วย


ในงานเต้นรำ
หญิงสาวในชุดราตรีสีน้ำทะเลปรากฏกายขึ้นพร้อมกับหน้ากากแฟนตาซีเล็กๆปิดแค่ช่วงกรอบตา เจ้าชายเมื่อเห็นหญิงงามปรากฎก็ได้เข้าไปชวนเต้น
“เธอช่างงามเหลือเกิน”
“ขอบพระทัยเจ้าค่ะ”
“ข้าขอเต้นรำกับเจ้าซักเพลงได้หรือไม่”
คำดอยมีท่าทีรังเลเธอไม่เคยเต้นรำเลยซักครั้งในชีวิต แล้วจะเต้นรำกับเจ้าชายได้อย่างไร
“หม่อนฉันเต้นรำไม่เป็นเจ้าค่ะ ขอหม่อมฉันเต้นแบบที่ถนัดได้หรือไม่”
เจ้าชายยิ้มกว้าง นึกว่าตัวเองจะโดยสาวงามปฏิเสธเสียแล้ว
“เอาซิ”
เจ้าชายกล่าว คำดอยช้อนสายตามองเจ้าชายพร้อมยิ้มเขินอาย ก่อนจะหันไปส่งซิกขอเพลงจากคนคุมเครื่องเสียง
และเพลงเดิมกับบนรถทัวร์ก็ถูกเปิดขึ้น คำดอยถลกกระโปรงขึ้นเหนือเข่า ยกมือขึ้นดึงดาวอย่างไม่เกรงใจสายตาเจ้าชาย
(เล่นถึงตรงนี้ผมล่ะอายเด็กๆที่ต้องมาดูอะไรแบบนี้จริงๆ)
 
จบเพลง
“ช่างเป็นท่าเต้นที่ตรึงใจยิ่งนัก”
เจ้าชายเอ่ยชม คำดอยยิ้มรับอายๆ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นนาฬิกาที่ติดอยู่ตรงข้างฝา เธอก็รีบวิ่งออกจากงานโดยไม่กล่าวลาเจ้าชายเลยซักคำ

หลายวันต่อมาเจ้าชายส่งทหารไปตามบ้านของให้หญิงสาวที่ไปร่วมงานเต้นรำทุกคนเต้นท่าดึงดาวให้ทหารดู หากเจอคนที่เต้นเหมือนเธอทุกกิริยาบทเมื่อไหร่ให้พากลับวังทันที

และก็มาถึงบ้านของคำดอยหลังสุดท้าย
“อุ้ยตายเกิดมาเดี๊ยนยังไม่เคยเต้นอะไรแบบนั้นเลย”
คำสร้อยผู้เป็นแม่กล่าวกับทหารพร้อมกับโชวร์ลีลาการเต้นให้นายทหารดู กระเทยมันงัดทุกท่าที่เคยไปเต้นในพับมาจนหมดทหารส่ายหัวเป็นเชิงบอกว่าไม่ใช่ก่อนจะให้คนเป็นลูกลองเต้นดูบ้าง ในระหว่างที่น้องสาวของเธอกำลังเต้นให้ทหารดู คำดอยก็เอาน้ำมาเสริฟให้กับนายทหาร นายทหารจึงขอให้เธอเต้นให้ดูบ้าง คำดอยลังเลอยู่ซักครู่ก็ยอมเต้นให้ทหารดู ทุกคนต่างพากันตกตะลึ่งกับท่าเต้นที่เหมือนราวกับต้นฉบับไม่มีผิดเพี้ยน ทหารจึงนำตัวเธอไปที่วังด้วย เมื่อเจ้าชายเห็นท่าเต้นเธอจึงตกลงแต่งงานด้วยทันที คำดอยใช้ชีวิตอย่างสุขสบายแต่ทว่าก็ไม่ลืมครอบครัวของตน เธอส่งเงินให้ที่บ้านใช้บ่อยครั้ง แต่ให้เท่าไหร่ก็ไม่พอเสียทีเนื่องจากน้องสาวและแม่ของเธอติดการพนัน

“โอเคเลิศมาก พรุ่งนี้ขอแบบนี้เลยนะจ๊ะน้องเทียน”
“คร้าบบ”

ตาผมจะปิดเต็มที่แล้วพอเลิกซ้อมก็เดินกลับที่พักทันที พวกผู้ชายถูกจัดให้นอนในห้องพระ ส่วนพวกผู้หญิงนอนอีกตึกเลยห่างไกลจากตึกที่ตัวผู้นอนอยู่มากพวกผู้หญิงนอนในห้องเรียนของเด็กอนุบาลซึ่งมีพร้อมห้องน้ำในตัวสองห้อง ส่วนผู้ชายหรอทางโรงเรียนเขาสร้างโรงอาบน้ำกลางแจ้งพิเศษให้แต่ต้องเดินลึกเข้าไปในป่าเล็กน้อย

“กูไม่อาบน้ำได้ไหมวะ เหี้ยโคตรง่วง”
ผมบ่นระหว่างรื้อซื้อผ้าในกระเป๋าออกมาพาดไว้บนบ่า กระเป๋าผมถูกวางชิดกับกระเป๋าของใครอีกคนซึ่งผมไม่รู้ว่าใคร ในห้องนี้ไม่ได้มีแบ่งว่าวิศวะต้องนอนกับวิศวะ แพทย์ต้องนอนกับแพทย์เพื่อความยุติธรรมพี่เพลิงมันเลยวานป้าแม่บ้านเอากระเป๋าไปวางตามที่นอนให้ กระเป๋าวางตรงไหนต้องนอนตรงนั้นไม่มีข้อแม้ โชคดีหน่อยที่กระเป๋าผมอยู่ติดกับไอเผือกพอดี ข้างๆผมอีกใบไม่รู้ว่าเป็นของใครกระเป๋าของเขาช่างดูดีมีชาติตระกูลผิดกับพวกผมลิบ
“อย่าสกปรกเห็นใจคนอื่นที่ต้องนอนข้างมึงด้วย”
ผมพนักหน้ารับอย่างปลงตกก่อนจะยอมลงเดินตามไอเผือกไปอาบน้ำ ทางเดินเข้าป่ามันช่าง avenger เสียจริงผมกระชับกอดขันในมือแน่น เสียงลมพัดกรรโชกพร้อมกับใบไม้แห้งที่ปลิวว่อนทำให้ผมอยากจะกลับหลังหันแล้ววิ่งขึ้นที่พักแทนไม่อาบแม่งแล้วน้ำ
“กลัวผีจับหัวหรอวะ”
ไอเผือกถามด้วยเสียงติดหัวเราะ เพื่อนๆที่เดินตามหลังมาประปรายก็ร่วมขำด้วย
“ไม่เอากูไม่ชอบให้ผีจับหัว หรือจับเหี้ยอะไรทั้งนั้นแหละกูกลัว”
ผมบอกพลางเดินเบียดชิดไอเผือกเรียกได้ว่าถ้าผมสิงมันได้คงจะสิงมันไปแล้วบรรยากาศมึงจะวังเวงไปไหนกูไม่ได้มาเล่นเกมส์ล่าท้าผีนะเว้ย

หลังจากอาบน้ำสระผมเสร็จก็ถึงเวลานอนเสียที ผมทิ้งตัวนอนทั้งๆหัวเปียกๆ ไม่เช็ดมันแล้วครับอีกฝั่งหนึ่งของห้องเขาปิดไฟไปนานแล้ว ผมไม่อยากรบกวนใครเลยทิ้งตัวนอนไปทั้งแบบนั้น ผมขยับตัวนอนในท่าที่สบายที่สุดตะแคงหันหน้าไปยังที่ว่างข้างตัว เจ้าของที่ข้างๆผมยังไม่กลับเข้ามานอนแม้จะเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้วก็ตาม ผมนอนคิดโน่นคิดนี่ไปเรื่อยจนในที่สุดก็เคลิ้มหลับไป

“หลับทั้งหัวเปียกๆแบบนี้ได้ไง หวัดแดกขึ้นมาก็เป็นภาระคนอื่นเขาอีก”
เสียงบ่นแผ่วกับแรงขยี้เบาๆบนหัวทำให้ผมรู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก จากเคลิ้มก็กลายเป็นหลับลึกไปในที่สุด




 

                                                                               



หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (12/12/2018) ตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 12-12-2018 22:44:24
 :z6:

มองน้องเพี้ยนทำไม ตัวเองก็ไม่โสด ชิส์

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (12/12/2018) ตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 12-12-2018 23:49:27
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (12/12/2018) ตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 13-12-2018 00:31:00
พี่เหนือเป็นคนวางกระเป๋าข้างน้องเพี้ยนเองป่าว

 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (12/12/2018) ตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-12-2018 10:53:50
 :pig4: :pig4: :pig4:

แม่บ้านจัดที่วางกระเป๋า  หรือพี่เหนือเป็นคนจัดกันแน่  อิอิ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (12/12/2018) ตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 13-12-2018 18:24:05
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (12/12/2018) ตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 13-12-2018 23:19:55
พี่เหนือเป็นคนจัดที่เองรึป่าววววว
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (12/12/2018) ตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: Cyclopbee ที่ 14-12-2018 20:14:26
แหมมมมมม
ปากหรือหิน แข็งเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (12/12/2018) ตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 14-12-2018 21:33:29
เพี้ยนสมชื่อ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (12/12/2018) ตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAlone ที่ 14-12-2018 21:35:01
ถึงตอน8แล้ว เดี่ยวมาอ่านต่อ ชอบเทียน :mew1:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (12/12/2018) ตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: wookyu ที่ 18-12-2018 20:05:20
                                                                                  -14-

ผมลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าพร้อมความอึดอัดบริเวณช่วงเอว ผมพยายามขยับตัวเพื่อให้หลุดพ้นจากความอึดอัดนั้นแต่ทว่ายิ่งขยับผมกลับยิ่งจุกจนแทบหายใจไม่ออก ท่ามกลางความมืดภายในห้องทำให้ผมไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเผชิญกับอะไร แรงรัดนั้นคลายกำลังออกเล็กน้อย ผมเลยลองขยับตัวดูอีกที

“สั้นมึงนอนนิ่งๆเป็นไหม”
หื้ม เสียงโคตรคุ้น ผมพลิกตัวหันกลับมามองที่มาของเสียง ก็พบใบหน้าของไอพี่เหนืออยู่ห่างจากหน้าผมไม่ถึงคืบ ใบหน้าขาวยามหลับติดจะขัดใจเล็กน้อย แต่ทว่าแขนแกร่งก็ยังพยายามจะรั้งผมเข้าหาตัว เหยด ใกล้ไปแล้วพี่

“ก็อย่ากอดซิวะพี่ อึดอัดเว้ย”
ผมตอบแล้วใช้มือดันตัวพี่เหนือออก แต่ก็นะถ้ายอมง่ายๆก็ไม่ใช่พี่มันและ จากที่แค่กอดตอนนี้พี่เหนือมันเอาขาหนักๆของมันพาดมาที่ลำตัวของผมด้วย

“นอนเป็นหมอนข้างให้กูก่อน”
พี่เหนือพูดเบาๆกอดจะขยับตัวตัวกอดก่ายผมในท่าที่สบายที่สุดตบท้ายด้วยการเอาคางมาเกยวางบนหัวผม ทำให้ผมกลายเป็นหมอนข้างของพี่มันโดยสมบูรณ์ ผมนอนนิ่งตามคำขออยู่ครึ่งนาทีก็ออกพยายามผละตัวออกจากอ้อมแขนแกร่งอีกครั้ง ครั้งนี้ผมทำสำเร็จพี่เหนือลืมตามองผมด้วยสีหน้ายุ่งๆตามแบบฉบับของมัน

“ผมร้อนพี่ อะให้ยืมผ้าไปนอนกอดแทน”
ผมยื่นผ้าห่มของตัวเองให้คนที่นอนอยู่ข้างๆ พี่เหนือมองผ้าที่อยู่ในมือผม แต่ก็ไม่ไม่ยอมเอื้อมมือมาหยิบ
“แค่กอดจะห่วงอะไรหนักหนา”
เอ่อ พี่ครับมึงพูดเหมือนแค่ขอขนมแดกแล้วกูงกอะไรทำนองนี้เลยเนอะ นั่นมันกอดนะเว้ยแล้วกูก็ผู้ชายด้วยมากงมากอดไม่กลัวผีผลักหรือไง  แล้วไม่ต้องมาค้อนกูด้วยครับกูไม่ผิด
“กอดผมไม่อุ่นเท่ากอดแฟนพี่หรอกม้างง กิ๊วๆๆ”
ผมแกล้งแหย่พร้อมส่งยิ้มล้อเลียน อย่าทำหน้าบึ่งกลบเกลื่อนพี่กูเห็นๆ แหมพากันมาสวีทซะมดขึ้นแบบนั้นจะมาทำหน้าบึ่งกลบเกลื่อนอะไรตอนนี้ ขอบอกไม่ทันครับ
“พูดมากกูจะนอน”
บอกว่าจะนอนปุ๊บคนหน้าบึ่งก็พลิกตัวหันหนีไปอีกทางทันที กูนี่ก็นะฟันยังไม่ทันแปรงเสือกมีอารมณ์แหย่อารมณ์แซวคนอื่นเล่นไปทั่วอีก ไหนๆก็เช้าแล้วผมเตรียมตัวไปอาบน้ำดีกว่าจะได้ไม่ต้องแย่งกันเข้าห้องน้ำ คิดได้เช่นนั้นผมก็เปิดกระเป๋าหยิบเสื้อผ้าและผ้าขนหนูมาพาดไว้ที่บ่า คว้าขันสบู่เตรียมเดินไปอาบน้ำ

“เทียนจะไปไหนแต่เช้าครับ”
“อ้าวพี่ตื่นแล้วเหมือนกันหรอ”
ผมเอ่ยทักที่ทอยก่อนจะยกขันสบู่ให้ดูเพื่อบอกเป็นนัยๆว่าผมกำลังจะไปไหน พี่ทอยเองก็ดูเหมือนจะคิดเหมือนผม ที่บ่าของพี่ทอยมีผ้าขนหนูสีขาวพาดอยู่ ในมือก็มีกระเป๋าใบเล็กๆคาดว่าจะเป็นชุดอาบน้ำพวกสบู่ยาสระผมอะไรทำนองนี้ พี่เขาเตรียมแพ็คเกจมาอย่างดีผิดกับผมที่ในขันมีแค่แปรง ยาสีฟันและสบู่แคร์ก้อนนึงเท่านั้น
“จะไปอาบน้ำเหมือนกันใช่ไหม งั้นไปด้วยกันไป”
ผมพยักหน้ารับเบาๆ และกำลังจะเดินขนาบข้างไปกับพี่ทอย แรงผมก็ถูกกระชากกลับไปข้างหลังด้วยแรงที่ไม่มากนัก
“จะอาบน้ำทำไมไม่เรียก”
เอ้า ก็มึงจะนอนไงครับพี่ ให้กูย้อนภาพให้ดูไหมว่ามึงว่ากับกูว่าอย่างไรก่อนที่มึงจะหันหลังให้กูอ่ะ
“ตื่นแล้วเหมือนกันหรอเหนือ”
“อืม…ส่วนมึงรอกูด้วยกูไปเอาเสื้อผ้าก่อน วุ่นวายแต่เช้าเลยมึงเนี่ย”
ไอพี่เหนือมันหันไปตอบรับเพื่อนในลำคอเสร็จก็หันมากำชับผมเสียงเขียว ผมมองพี่เหนือเดินไปหยิบเสื้อผ้าในกระเป๋าด้วยสีหน้ายุ่งๆ
“เป็นอะไรของเขาวะ”
“หึหึ ดูเทียนกับเหนือสนิทกันจังนะครับ”
พี่ทอยถามขึ้นด้วยสีหน้ายิ้ม
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”

เมื่อมาถึงที่อาบน้ำผมก็จัดแจงเตรียมถอดเสื้อผ้าออก เช่นเดียวกับพี่เหนือและพี่ทอย ผมเห็นหุ่นของว่าที่หมอแต่ละคนแล้วแทบไม่กล้าถอดเสื้อ หุ่นที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ไม่ได้บึกมากมายจนเกินไป ไหนจะผิวที่ขาวเหี้ยๆนั่นอีก มองดูหุ่นตัวเองแล้วได้แต่ถอนหายใจ ถ้าเทียบกับพี่เหนือพี่ทอยแล้ว อย่างผมนี่เรียกว่าขี้กางเลยเหอะ

“สั้น ไม่อาบน้ำหรือไง”
“อาบดิพี่”
“งั้นก็รีบๆ”
ผมรับคำสั้นๆ ก่อนจะตัดสินใจถอดเสื้อผ้าออกจากตัว พอจะถอดบอกซ์เซอร์ออกด้วย พี่เหนือก็ตะครุบมือผมไว้ไม่ยอมให้ถอด
“อะไรวะพี่”
“มึงจะถอดบอกซ์เซอร์ทำไม”
“ก็ผมจะอาบน้ำไม่ถอดก็เปียกดิ”
ผมเถียงกลับ พี่เหนือหันกลับไปมองยังพี่ทอยที่อยู่ในห้องอาบน้ำด้วยอีกคนซึ่งขานั้นก็มองมาที่ผมสองคนอยู่ก่อนแล้ว
“อาบทั้งแบบนี้แหละ แล้วมึงก็รีบๆอาบซักที ชอบโชว์หรือไงวะ”
“ผมใส่กางเกงในหน่า ส่วนบอกซ์เซอร์นี่จะเอาไว้ใส่ตอนออก”
ผมอธิบายคือผมจะใส่กางเกงในอาบน้ำแล้วพี่มึงมีปัญหาอะไรวะ
“กูสั่งให้ทำยังไงก็ทำอย่างนั้น อย่าดื้อเทียน”
ครั้งนี้มีเรียกชื่อเว้ย ผมเลยจำใจต้องยอมอาบทั้งอย่างนั้นจริงๆ แอบแปลกใจอยู่เล็กน้อยว่าทำไมตอนอาบน้ำพี่เหนือมันจะต้องยืนบังยืนขวางผมตลอด แม้กระทั้งตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าก็คอยยืนบังให้ ทำอย่างกับผมเป็นสาวๆแหนะ


หลังจากอาบน้ำผมก็ถูกพี่ๆเรียกไปแต่งตัว วันนี้มีละครเปิดค่ายอย่างเป็นทางการ น้องๆจะมาพร้อมกันที่ลานประชุมตอนเก้าโมงเพื่อร่วมพิธีเปิดค่ายอาสาพัฒนา จากนั้นก็จะเป็นการแสดงละครของเหล่าชาวค่าย ผมถูกรุ่นพี่ผู้หญิงสองคนช่วยกันรุมแต่งหน้าให้ซึ่งคนๆคนั้นก็คือ พี่เดหลีแฟนพี่เหนือและพี่เนเน่ไม่รู้แฟนใคร ถ้ายังไม่มีผมอาจจะขอเคลมมือนิ๊มนิ่ม พี่สองคนเล่าให้ฟังว่าเธอขอตามมาค่ายด้วย พี่เดหลีอยากมาหาพี่เหนือส่วนพี่เนเน่ของผมอยากมาซึบซับบรรยากาศเธอเองก็มีเพื่อนเป็นเด็กวิศวะหลายคนเลยขอตามมาด้วย

“เทียนแต่งหน้าออกมาแล้วดูสวยมากเลยรู้ไหม”
พี่เนเน่พูดพร้อมส่งกระจกให้ผมดู เห็นแล้วโคตรหล่อนผมเลยรีบคืนกระจกพี่เนเน่ไป
“อย่างผมเหมาะกับคำว่าหล่อเท่านั้นพี่”
“น้องเทียนนี่น่ารักจังไม่เห็นเหมือนเด็กวิศวะซักนิด”
พี่เดหลีชมผมพร้อมกับเชยปลายคางผมขึ้น บิดซ้ายทีขวาทีพร้อมยิ้มน่ารักส่งให้ผม

“ทำอะไรกัน”
พี่เหนือเข้ามาคว้ามือพี่เดหลีออกก่อนจะหันมาถลึงตาใส่ผม คือกูเปล่าปะวะพี่ กูเปล่าอ่อยแฟนมึงนะ
“เดหลีแค่เห็นว่าน้องน่ารักดี พี่เหนือหึงหรอคะ”
พี่เดหลียิ้มน่ามองหลังจากที่แหย่แฟนตัวเองเสร็จ แต่ทว่าพี่เหนือท่าจะไม่มีอารมณ์ร่วมด้วย เอาแต่จ้องผมด้วยสายตาน่ากลัว
“ขอบคุณพี่สองคนมากนะครับ ถ้าเสร็จแล้วผมขอตัวไปหาเพื่อนก่อนกระเทยเรียกซ้อมด้วยไปช้าเดี๋ยวผมโดนด่า”
ผมรีบชิ่งทันทีที่โอกาสมาถึง พี่เหนือทำท่าจะเดินตามแต่พี่เดหลีคว้าแขนไว้ก่อน ผมได้แต่ขอบคุณพี่เดหลีในใจขืนปล่อยพี่เหนือให้เดินตามผมมา ผมคงโดนพี่มันกระทืบแน่ ที่พี่มันเคยบอกว่ามันหึงโหดคงเป็นเรื่องจริง

“น้องสาวจะไปไหนครับ ให้พี่เดินไปเป็นเพื่อนไหม”
ทันทีที่ผมเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆบริเซณหน้าเวทีก็โดนโห่แซว
“กวนตีน”
ผมด่าแล้วทิ้งตัวนั่งข้างไอเจง มองดูเพื่อนๆช่วยกันเซ็ทฉากการแสดงอยู่หน้าเวที
“โหยย น้องเพี้ยนนี่น้องเพี้ยนของพี่จริงๆใช่ไหมเนี่ย”
พี่เพลิงเดินยิ้มมาแต่ไกล พวงด้วยพี่ปิง และพี่สอง ผมเลยยกมือไหว้ตามมารยาท
“น้องเทียนสวยจังครับ”
“พอเถอะครับพี่สอง ยิ่งชมผมยิ่งหลอนตัวเองหว่ะ”
ผมเริ่มประหม่าแล้ว หล่อนกับคำว่าสวยด้วย ผมที่กำลังมองพี่เพลิงพี่ปิงคุยงานกับพวกที่เซ็ทฉากเพลินๆ พี่สองก็เดินมาสะกิดผมเบาๆ พอหันไปก็โดนพี่สองโอบไหลก่อนจะกดถ่ายรูปผมคู่กับตัวเองผ่านโทรศัพท์
“พี่ขอรูปนึงนะครับ”
พูดแค่นั้นพี่สองก็ก้มมองรูปในมือถือก่อนจะเดินจากไป อะไรของเขาวะ และแล้วเวลาที่ผมไม่อยากให้มาถึงก็มาถึงจนได้
ผมเดินขึ้นเวทีพร้อมกับเสียงปรบมือ และเสียงโห่แซวของบรรดามิตรรักแฟนเพลง ผมดำเนินบทของตัวเองไปตามที่ได้ซักซ้อม
เสียงหัวเราะและเสียงปรบมือเป็นระยะทำให้ผมรู้สึกหึกเหิม ผมตั้งใจเล่นในส่วนของผมจนกระทั่งมาถึงฉากที่ต้องไปร่วมงานเต้นรำ ผมเดินผ่านประตูวังเข้ามาก็พบกับเจ้าชายร่างสูงโปรงยืนหันหลังให้อยู่ วันนี้เจ้าชายของผมที่รับบทโดยไอยอดดูออร่าจับแปลกๆ แถมยังขาวกว่าทุกวันด้วย แต่พอเจ้าชายหันหน้ามากลับทำผมประหลาดใจหนักยิ่งกว่าเดิมเพราะว่าเจ้าชายของผมในวันนี้ไม่ใช่ไอยอดหากเป็นพี่ทอยจากคณะแพทย์ต่างหาก ผมส่งยิ้มน้อยๆให้พี่ทอย ก่อนจะถูกลากออกมากลางเวทีเพื่อนขอเต้นรำ
“วันนี้เทียนสวยจริงๆด้วย ถือว่าพี่ตัดสินไม่พลาดที่ขอรับบทนี้แทนยอด”
“เอ่อ ครับ”
ผมตอบได้แค่นั้นเพราะ กำลังจะเข้าบทของตัวเอง พี่ทอยขอผมเต้นรำ แต่ในเรื่องคำดอยเต้นรำไม่เป็นไง คำดอยต้องดึงดาว อายก็อายครับ แต่ทำไงได้ผมต้องทำเพราะมันคือการแสดง พี่ทอยหัวเราะหน้าแดง แถมยังเต้นตามผมด้วย เรียกได้ว่าฉากนั้นมีแต่เสียงหัวเราะ พร้อมกับเสียงโห่แซว และแล้วฉากสุดท้ายก็มาถึงเจ้าชายคุกเข่าลงตรงหน้าคำดอยพร้อมกับเอ่ยขอแต่งงาน
ผมยื่นมือออกไปข้างเมื่อเจ้าชายยื่นมือออกมาให้ผมจับ เจ้าชายมองหน้าผมพร้อมยิ้มที่แสนจะอ่อนโยน บทนี้พี่ทอยเล่นได้ดีมากครับเล่นซะผมที่เป็นผู้ชายยังเขินได้ พี่ทอยกดจูบเบาๆลงบนฝ่ามือของผมก่อนจะลุกขึ้นช้าๆทั้งที่มือของคำดอยและเจ้าชายยังคงผสานกันอยู่
“แต่งงานกับข้านะคำดอย”
บทนี้เรียกเสียงหวีดจากคนดูได้ค่อนข้างเยอะ ทั้งเสียงกรี๊ด เสียงผิวปาก เสียงโห่จัดเต็มหมด
“เจ้าค่ะ ข้าจะแต่งงานกับท่าน”
จริงๆพอจบตรงนี้ม่านจะต้องเลื่อนลงมาปิดเลยนะครับ แต่ทว่าก่อนม่านจะปิดพี่ทอยยิ้มทั้งดวงตาประทับจูบเบาๆลงบนหน้าผากของผมก่อนจะกอดผมในเวลาต่อมา ฉากนี้ผมถูกกอดโดยหันหน้าไปทางเวที นอกจากสายตาล้อเลียนจากเพื่อนๆที่ผมเห็นแล้ว ยังมีสายตาไม่พอใจอีกหนึ่งคู่ที่จ้องมองผมอยู่ไกลๆ ผมพยายามยิ้มให้คนๆนั้นแต่ทว่าม่านก็ถูกปิดลงเสียก่อน เป็นการปิดฉากของละครเรื่องนี้โดยสมบูรณ์









-----------------------------------------------------------

แล่วๆๆ สายตาคู่นั้นที่มองมาไกลๆนี่มันใครหว่า 5555 อยากรู้ต้องรอตอนต่อไปจ้า

หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (19/12/2018) ตอนที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 18-12-2018 21:28:53
 :L2: :pig4:

ขำน้อง หุยยยพี่หมอหล่อเล่นจริงจูบจริง
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (19/12/2018) ตอนที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-12-2018 22:26:10
 :pig4: :pig4: :pig4:

สายตาคู่นั้น  น่าจะเป็นของพี่เหนือ  หรือไม่ก็ตัวละครลับกิ๊กพี่ทอย  อิอิ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (19/12/2018) ตอนที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 18-12-2018 23:19:14
 :laugh:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (19/12/2018) ตอนที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 18-12-2018 23:46:50
อ่ะจ้า มีสายตาคนหวงด้วย
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (29/12/2018) ตอนที่ 15
เริ่มหัวข้อโดย: wookyu ที่ 29-12-2018 11:15:05


                                                                     -15-

มากไปแล้ว ผมมองคนสองคนที่ยืนกอดกันบนเวทีด้วยความรู้สึกไม่พอใจ และครั้งนี้ดูเหมือนจะมากกว่าทุกครั้ง ผมไม่รู้ว่าไอเพี้ยนมันไปรู้จักไอทอยได้ยังไง ผมไม่รู้ว่ามันสนิทกันมากขนาดไหน ทำไมไอทอยจะต้องพาตัวเองไปอยู่ในสายตาไอเพี้ยนเสมอ ทั้งๆที่มันเป็นคนที่ไม่ชอบทำกิจกรรมอะไรทั้งนั้น หลังจากละครบ้าๆนั่นจบผมก็เดินไปหาไอคนที่กำลงทำให้ผมหงุดหงิดอยู่ ณ ตอนนี้ เสียงหัวเราะ เสียงแซวทั้งของบรรดาเพื่อนมันและเพื่อนผม ทำให้ความหงุดหงิดที่มีอยู่แล้วเพิ่มขึ้นไปอีก หลังเวทีกำลังวุ่นวาย ผมเห็นไอเพี้ยนกำลังจะทำอะไรซักอย่างกับชุดกระโปรงที่มันใส่ มันทำหน้ายุ่งขึ้นเรื่อยๆมือก็พยายามเอื่อมไปข้างหลัง ผมรีบเร่งฝีเท้าไปหามันก่อนที่ใครบางคนจะเดินมาถึงเสียก่อน

“เดี๋ยวกูช่วย”

ผมที่เดินไปถึงก่อนไอทอยก้มกระซิบข้างหูของไอเพี้ยน มันย่นคอหลบผมเล็กน้อยก่อนจะยอมยยืนนิ่งๆให้ผมช่วยรูดซิปให้ ผมเหลือบไปมองอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล ไอทอยมองผมด้วยสายตาแปลกๆ ครั้งนี้มันไม่ยิ้มหรือทักทายผมอย่างที่ควรจะเป็น
 
“ขอบคุณพี่”

เสียงไอเพี้ยนดึงความสนใจผมกลับมาที่มันอีกครั้ง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเครื่องสำอาจทำให้มันดูน่ารักก็จริง แต่ผมไม่ชอบ และก็ไม่อยากให้มันแต่งหน้าแบบนี้อีก ผมไม่อยากให้ใครเห็นความน่ารักของมัน ยิ่งมันยิ้มก็ยิ่งน่ารัก น่ารักจนผมโกรธ โกรธที่มันทำหน้าอย่างนี้ให้ทุกคนเห็น ผมควรจะเป็นคนเดียวที่มันยอมให้เห็นสิ

“รีบไปลบหน้าซะ ปกติก็น่าเกียจอยู่แล้วยังจะเสือกแต่งหน้าอีก”

ไอเพี้ยนทำปากหมุบหมิบแล้วยื่นหน้ายืนตาใส่ผม จงใจยั่วให้ผมโมโห ผมหันหน้าหนีมันไม่ใช่เพราะโกรธ แต่เป็นเพราะผมเขินมันต่างหาก ลองไหมครับลองมาเจอคนน่ารักยื่นหน้ามาใกล้ๆแบบผมดูไหมจะได้รู้ว่าเขินแค่ไหน

“ไม่ได้อยากแต่งซักหน่อยกระเทยมันบังคับ”

ไอเพี้ยนทิ้งไว้แค่นั้นแล้วเดินไปยังห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกลจากหลังเวที ผมเลยเดินตามมันไปโดยไม่ลืมคว้าทิชชู่แถวนั้นติดมือไปด้วย

“ลบยากเหี้ย นี่รองพื้นหรือปูนวะที่เอามาโบกหน้ากูเนี่ย”

เสียงมันบ่นระหว่างขจัดคราบเครื่องสำอาจออกจากหน้า ผมยืนมองมันเงียบๆพอมันล้างหน้าเสร็จผมก็ยื่นกระดาษทิชชู่ให้มัน

“ขอบคุณพี่กำลังต้องการเลย”

ไอเพี้ยนรับทิชชู่ไปซับหน้าตัวเองอย่างลวกๆ ก่อนจะถอดชุดกระโปรงพรวดเดียวต่อหน้าผมสวมเสื้อยืดที่มันติดตัวด้วยท่าทีสบาย แต่แม่งทำอะไรไม่สงสารใจกูเลย เมื่อเช้าก็ทีแล้ว คิดแล้วก็โมโหอีกถ้าผมไม่ลุกตามมันออกไปก็ไม่มีทางรู้เลยว่ามันจะไปอาบน้ำพร้อมไอทอย มันคงจะแก้ผ้าโชว์ความขาวของมันให้ไอทอยดูโดยที่มันไม่รู้ตัวแน่ๆว่าคนอื่นเขามองมันแล้วคิดไปถึงไหน ขนาดเมื่อเช้าผมยังแอบคิดเลยว่าผมอยากลองสัมผัสผิวขาวๆของมัน
 
“อย่าเที่ยวแก้ผ้าต่อหน้าคนอื่นอีกไม่งั้นมึงโดนดีแน่”

ผมคาดโทษมัน ไอเพี้ยนทำหน้างง ตามแบบฉบับมันปากเล็กตั้งถ้าจะพูด แต่เป็นผมเองที่หันหลังหนีมันเสียก่อน กูรู้ว่ามึงจะถามอะไร แต่กูไม่มีคำตอบให้มึง เหมือนที่กูไม่มีคำตอบให้ตัวเอง ใช่ครับผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมรู้สึกมันคืออะไร ความหงุดหงิดที่มีมันเป็นสาเหตุมันเกิดขึ้นเพราะอะไร ผมยอมรับว่าผมเอ็นดูมันไม่น้อย ชอบที่มันเป็นคนซื่อๆ ชอบที่มันเป็นคนร่าเริง ชอบความโลกสวยของมัน ชอบที่มันเป็นตัวของตัวเองเสมอ เพราะความเอ็นดูเหล่านั้นหรือเปล่าผมถึงได้เริ่มห่วงมัน เริ่มหวงมัน เริ่มไม่อยากให้ใครรู้สึกเอ็นดูมันออกนอกหน้า ความรู้สึกที่ไม่มีชื่อเรียกนั้นผมไม่รู้จะอธิบายมันออกมาเป็นคำพูดยังไงดี

จบพิธีเปิดค่ายพวกผู้ชายก็แยกกันไปทำงานที่ค้างไว้เมื่อวานต่อ ส่วนพวกผู้หญิงก็มีหน้าที่ให้ความรู้ความสนุกน้องๆตามฐานกิจกรรม พอช่วงบ่ายพวกผู้ชายที่ไปใช้แรงงานก็เดินกลับมาที่ลานประขุมเพื่อพักกินข้าว ผมเดินมากับไอโอบ ไอเพลิง ไอป้อง และก็ไอเป้เพื่อนผม เดินเข้ามาได้หน่อยเดียวเดหลีคนที่ผมไม่อยากเจอที่สุดก็เดินเข้ามาหาผมพร้อมกับน้ำเย็นๆในมือ

“เหนื่อยไหมคะพี่เหนือ”

“ไม่เท่าไหร่ แล้วเมื่อไหร่จะกลับ ไม่มีเรียนหรอ”

เดหลีทำหน้างอเมื่อผมถามในสิ่งที่อยากรู้ออกไป การมาของเธอผมไม่ได้รู้เรื่องมาก่อน เธอรู้ว่าผมจะออกค่ายก็ตอนที่เธอไปหาผมที่คณะและเจอผมที่ลานกิจกรรม ผมบอกว่าจะไปที่ไหนเพราะเธอถาม แต่ผมไม่ได้ชวน

“ทำไมพี่เหนือใจร้ายกับเดหลีจังคะ”
เดหลีทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ เพื่อนๆผมที่เดินมาด้วยกันเลยขอแยกไปก่อน และคนที่มันตะโกนทักคนแรกก็ดันเรียกความสนใจจากผมได้เป็นอย่างดี

“น้องเทียนคนสวยของพี่โอบ”

ไอเพี้ยนที่พึ่งจะเดินกลับเข้ามาเมื่อเจอเพื่อนๆผมทักมันก็ยิ้มกว้างแล้วยกมือไหว้เพื่อนผมทุกคน ผมไม่ได้ยินว่าพวกมันคุยอะไรกันบ้าง เพราะผมยืนห่างจากพวกมันพอสมควร ไอเพี้ยนและเพื่อนเดินไปหาที่นั่งรวมกับเพื่อนผม ระหว่างที่ไอเพี้ยนกำลังนั่งคุยหัวเราะของมันไปเรื่อย กล่องข้าวพร้อมกับน้ำขวดหนึ่งก็ถูกส่งมาให้มัน

“โห่ อะไรวะพี่อยู่นั่งอยู่เป็นสิบแต่เอาข้าวมาให้ไอเพี้ยนคนเดียวนี่นะ โคตรลำเอียงอ่ะ”

“ก็ข้าวน่องไก่ทอดมันเหลือกล่องเดียว พี่เห็นว่าเทียนชอบเลยหยิบมาให้”

“ขอบคุณครับพี่สอง แล้วพี่กินหรือยังครับ”

สองขาผมพาตัวเองดินมาหยุดตรงหน้าไอเพี้ยนทันทีที่เห็นไอรุ่นพี่คิดไม่ซื่อของมันยื่นกล่องข้าวให้ไอเทียน ผมมองไอเทียนที่กำลังนั่งกินข้าวกล่องนั้นด้วยอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนที่ผมจะทันคิดอะไรมือหนาของผมก็เอื้อมมือไปคว้ากลอ่งข้าวไอเทียนมากินเองเสียแล้วท่ามกลางสายตาที่แสดงถึงความแปลกใจของทุกคนที่อยู่ตรงนั้น

“กูก็ชอบน่องไก่ทอด”

ผมพูดแค่นั้นแล้วเดินแทรกเข้าไปนั่งข้างไอเทียนเบียดเพื่อนมันที่ชื่อเผือกให้ขยับออกไป ไอสองมองผมด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แต่ผมเลือกที่จะยิ้มมุมปากกลับไปให้มันแทน

“ใช่หรอวะมึงชอบน่องไก่ หรือมึงหวงไก่มึงกันแน่”

ไอโอบแซวพร้อมยิ้มล้อเลียน ผมแอบเห็นเพื่อนไอเทียนมองหน้ากันแปลกๆเหมือนอยากจะถามแต่ก็ไม่กล้าถาม ส่วนไอเพี้ยนนะหรอ มันทำแค่บ่นเรื่องที่ผมแย่งข้าวมันกิน ไม่ได้คิดหรือเข้าใจสถานะการณ์อะไรทั้งนั้น
 
“เดี๋ยวพี่ไปเอามาให้ใหม่ เทียนกินเผ็ดได้ไหม”

“ไม่เป็นไรครับพี่สองเดี๋ยวผมไปเอาเองดีกว่า ขอบคุณมากนะครับ”

ไอสองพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายแล้วเดินจากไปโดยไม่ลืมทิ้งสายตาอาฆาตไว้ที่ผม อะไรที่มงคิดจะทำก็แล้วแต่กูสาบานว่ามันจะไม่มีวันเกิดขึ้น กูไม่ยอมให้มึงเข้ามายุ่งกับไอเพี้ยนอีกแน่

“ขี้แย่งหว่ะ”

ดูความเด็กของมัน ไอเพี้ยนมองค้อนผมก่อนจะเดินตามเพื่อนมันไปหยิบกล่องข้าว

“ชัดเจนขนาดนี้ มึงยังจะเถียงพวกกูอีกไหมว่ามึงไม่ได้คิดอะไรกับน้องมัน”

ไอพลเอ่ยแล้วมองผมด้วยสายตาของผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่า แต่ผมเลือกที่จะไม่พูดอะไร มันอยากคิดอยากเข้าใจอะไรก็เรื่องของพวกมัน

“อย่าลืมตัวแปรสำคัญอย่างเดหลีนะ มึงอย่าลืมว่าเดหลีกับมึงไม่ได้เป็นแค่แฟนกัน”

ผมไม่ได้ลืมและไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย เดหลีเป็นแค่ว่าที่คู่หมั่นซึ่งผมอาจจะไม่หมั่นกับเธอก็ได้ ทุกอย่างเป็นแค่การตัดสินใจของผู้ใหญ่ แต่มันไม่ใช่การตัดสินใจของผม
“พูดถึงก็เดินมาโน่นแล้ว”

ไอลพโบ้ยปากไปยังเดหลีที่กำลังเดินมาหาผมด้วยสีหน้าบึ่งตึง
“พี่เหนือเดินหนีเดหลีมาทำไมคะ แค่พี่ไล่เดหลีกลับเดหลีก็เสียใจมากพออยู่แล้ว ทำไมต้องเดินหนีกันด้วย”

“อย่างี่เง่า”

ผมบอกแค่นั้นแล้วก้มลงกินไก่ทอดฝืดในจานต่อ

“เหนือน้องมันจะร้องไห้แล้ว”

ไอป้องที่นั่งใกล้ผมที่สุดกระซิบบอก แต่ผมก็ไม่คิดที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองเธอ สิ่งที่เธอทำมันก็แค่ละครฉากหนึ่งใครจะเชื่อก็เชื่อผมคนนึงที่จะไม่มีวันหลงกลเธอแน่นอน

“พี่ๆครับเหลือแต่กระเพราครับ แดกไม่ได้ก็ฝืนๆหน่อยแล้วกันนะครับ”

ไอเพี้ยนเดินส่งเสียงมาก่อนตัวพร้อมกับกล่องข้าวจำนวนหนึ่ง

“อ้าวพี่เดหลี เอ่อกินข้าวยังครับ ถ้ายังผมเดินไปเอาให้ไหม”

ไอเพี้ยนถามเดหลีที่ยืนอยู่ตรงหน้า เดหลีส่ายหน้าให้แทนคำตอบไอเพี้ยนเลยไม่เซ้าซี้อะไรมันเดินไปทิ้งตัวนั่งข้างเพื่อนมันแล้วเปิดกล่องข้าวกิน แต่เดี๋ยวทำไมมันถึงได้น่องไก่ทอดอีก ไหนบอกว่าเหลือกล่องสุดท้าย

“อ้าวไหนบอกว่าข้าวน่องไก่ทอดหมด แล้วน้องเทียนทำไมได้ไก่ทอดอีก”

“พี่ทอยยกข้าวกล่องนี้ให้ผมครับ”

ผมตวัดสายตาไปมองไอเพี้ยนทันที มึงนี่แม่งละสายตาหน่อยไม่ได้เลยจริงๆ เผลอทีไรเป็นต้องมีแมลงน่ารำคาญมาเกาะ หงุดหงิดอีกแล้วกู

“ถ้าชอบแดกน่องไก่ขนาดนั้น วันหลังกูทอดมาให้แดกแล้วแดกไม่หมดกูจะเอาน่องไก่ตีหน้ามึง ไอแรด”



--------------------------------------
อีพี่เหนือคนมึน 2018
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (29/12/2018) ตอนที่ 15
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 29-12-2018 13:02:10
ปากดีจริงๆพี่เหนือ
ยอมรับว่าชอบน้องซะ
แล้วก็กำจัดเดหลีไปให้ห่างๆน้องด้วย
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (29/12/2018) ตอนที่ 15
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 29-12-2018 13:23:13
เดี๋ยววววว ไอพี่ หึงน้องออกหน้าออกตาขนาดนั้นน้องรู้เรื่องรึยังเหอะ สงสาร 55555
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (29/12/2018) ตอนที่ 15
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-12-2018 13:39:29
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่...แค่นี้ยังไม่รู้ใจตัวเองอีกเหรอ? อิพี่เหนือ  หึงเรี่ยราดขนาดเน้เนี่ย
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (29/12/2018) ตอนที่ 15
เริ่มหัวข้อโดย: wookyu ที่ 29-12-2018 14:04:09
ปากดีจริงๆพี่เหนือ
ยอมรับว่าชอบน้องซะ
แล้วก็กำจัดเดหลีไปให้ห่างๆน้องด้วย
 :L2: :L2:

ใจเย็นๆคะ นี่อีพี่เหนือมันก็เริ่มทนไม่ไหวแล้ว เตรียมเจอบทรุกของอีพี่เหนือได้เลย
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (29/12/2018) ตอนที่ 15
เริ่มหัวข้อโดย: rk ที่ 01-01-2019 21:54:56
ชอบเรืองนี้มากๆ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (29/12/2018) ตอนที่ 15
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 02-01-2019 10:29:15
 :laugh:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (29/12/2018) ตอนที่ 15
เริ่มหัวข้อโดย: Piggyyoungy ที่ 05-01-2019 22:04:17
คิดถึงความซึนของสั้น คนของเหนือนทีแล้ว
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (29/12/2018) ตอนที่ 15
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 06-01-2019 16:34:14
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (29/12/2018) ตอนที่ 15
เริ่มหัวข้อโดย: KoROGeFeE ที่ 16-01-2019 17:02:49
สนุกค่าชอบบบ ไม่เชียร์พี่เหนือหมั่นไส้ขอเชียร์พี่ทอยนะคะอิอิ


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (19/01/2019) ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: wookyu ที่ 19-01-2019 17:48:14
                                                           -16-

“พี่เหนือกับมึงมีอะไรมากกว่าที่พวกกูรู้ไหม”

คำถามอะไรของมึงวะ ผมมองไอคนถามด้วยสีหน้าแปลกใจ มือทาสีเก้าอี้ไปเรื่อยหลังจากข้าวกลางวัน พวกผู้ชายก็กลับมาใช้แรงงานต่อตามหน้าที่ของตัวเอง เช่นเดียวกับผมและไอเผือกตอนนี้ ผมกำลังช่วยกันทาสีโต๊ะเรียนให้น้องๆใหม่หลังจากที่ซ่อมแซมให้สามารถใช้งานได้เหมือนเดิมแล้ว
 
“มากกว่าอะไรของมึงว่ะเหี้ยเผือก”

“ก็พี่เขาดูหวงมึงแปลกๆ นี่ถ้ามึงไม่บอกว่าพี่เขาช่วยเป็นแฟนมึงตบตาแก้ม กูนึกว่ามึงสองคนเป็นแฟนกันจริงๆ”

“คิดห่าอะไรของมึงกูไม่เห็นว่าพี่มันจะอะไรกับกูเลย”

ไอเผือกวางค้อนแล้วเอามือมาตบกบาลผมอย่างแรง เน้นครับว่าแรงและก็เจ็บด้วย

“ตบหาพ่อมึงหรอ สัสเจ็บนะเว้ย”

“มึงอย่าคิดนะว่าที่มึงนอนกอดกันกลมจะไม่มีใครเห็น ไหนจะเรื่องเช็ดผมให้มึงเมื่อคืนอีก”

นอนกอดกูพอจะนึกออก แต่เช็ดหัวนี่คืออะไรตอนไหน

“เช็ดหัวอะไรวะ”

“เมื่อคืนมึงสระผมและกลับเข้ามานอนทั้งหัวเปียกๆ มึงหลับไปได้พักเดียวกูเดินกลับมาจากเข้าห้องน้ำเห็นพี่เหนือเอาผ้าขนหนูเช็ดหัวมึงอยู่ แบบนี้มึงจะให้กูคิดยังไง”

ผมคิดตามคำพูดไอเผือก มันก็จริงครับที่ก่อนจะหลับผมรู้สึกสบายหัวเหมือนมีใครกำลังเล่นหัวผมอยู่ แต่ก็ไม่ได้เอะใจคิดว่าตัวเองฝัน ไม่คิดว่าพี่มันจะนึกครึ้มใจดีมาเช็ดหัวให้
 
“คิดมากไปเปล่ามึง”

“กูไม่ได้คิดมาก มึงต่างหากที่คิดน้อย ไอควาย”

บทสนทนาระหว่างผมกับไอเผือกจบลงแค่นั้น เมื่อพี่สองเดินเข้ามาในห้อง ผมกับไอเผือกไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ต่อ ต่างช่วยกันทำงานไปจนหมดวัน



      ในที่สุดวันสุดท้ายของการจัดค่ายก็ดำเนินมาถึง พวกผมพาน้องๆมาดูห้องเรียนที่ช่วยกันทำให้ใหม่ น้องๆรวมไปถึงอาจารย์ต่างพากันยิ้มดีใจ พากันเดินสำรวจห้องกันด้วยท่าทางตื่นเต้น น้องบางคนดีใจถึงขนาดนอนเอาหน้าแนบพื้นห้องกลิ้งไปกลิ้งมาเป็นภาพที่พวกเราชาวค่ายเห็นแล้วทำให้หายเหนื่อย ในส่วนของห้องสมุดก็ไม่แพ้กัน น้องๆได้ห้องสมุดใหม่โดยที่มีหนังสือเรียนและสื่อการเรียนรู้อีกหลายอย่างเพิ่มเข้ามาในห้องสมุดด้วย รวมไปถึงโมเดลร่างกายมนุษย์ที่ผมกับพี่เหนือช่วยกันลงสี คุณหมอหมี และคุณพยาบาลเห็นหมี เอ้ยคุณหมีในชุดพยาบาลตัวนั้นด้วย นอกจากนั้นทางมหาลัยของเรายังมีอุปกรณ์การศึกษา พวกสมุดหนังสือเรียน อุปกรณ์การกีฬาอีกหลายอย่างมามอบให้ทางโรงเรียน รวมไปถึงทุกการศึกษาจำนวนหลายทุนมอบให้กับนักเรียนที่เรียนดีแต่ยากจนด้วย เย็นวันนั้นพวกเราทุกคนร่วมกันเล่นกิจกรรมกับน้องๆเป็นวันสุดท้าย ก่อนจะปล่อยน้องๆให้กลับบ้านหลังจากที่อยู่นอนในค่ายกับเรามาร่วมอาทิตย์ คืนในวันเดียวกันเราชาวค่ายก็มีปาร์ตี้เล็กๆเลี้ยงปิดค่าย โดยอนุญาติให้ดื่มแอลกอฮอล์ได้เต็มที่ อาหารการกินก็มีอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนจัดให้เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆตอบแทนพวกเราชาวค่ายทุกคน

“ทุกคนครับหยุดแดกแล้วฟังทางนี้นิดนึง”

พี่ปราบพูดผ่านไมค์ลอยที่พี่แกพกตลอดตั้งแต่มาค่าย เรียกความสนใจพวกเราให้มองยังต้นเสียง
“ขอบคุณเพื่อนๆน้องๆทุกคนที่ทำให้ค่ายดำเนินมาถึงวันสุดท้ายด้วยดีแบบนี้ และเพื่อเป็นการขอบคุณวันนี้เรามีแสดงดีๆจาก

เหล่านางฟ้ามาให้ชม หวังว่าเพื่อนๆและน้องๆจะมีความสุขกับการแสดงนี้นะครับ”

พี่ปราบพูดจบไฟในงานก็ดับลง ไม่กี่อึกใจต่อมาไฟก็เปิดขึ้นพร้อมกับแกงค์นางฟ้าในชุดเต็มยศยืนสง่าอยู่กลางเวลา เพียงแค่ได้เห็นเหล่านางฟ้า เสียงโห่ไล่ก็ดังมาจากทั่วสารทิศ พอจะเดาออกแล้วใช่ไหมครับว่านางฟ้าที่หมายถึงคือนางฟ้ากลุ่มไหน

“โถ่ไอเหี้ยนั่นมันผีห่าซาตาน นางฟ้าขี้เกลืออะไรของพี่ปราบมันวะ เสียสายตาหมด”

ผมหัวเราะให้กับคำพูดของไอเผือก ก่อนจะมองกลับขึ้นไปบนเวทีตามเดิม เมื่อการแสดงจบลง พวกผมก็พากันไปนั่งกินเหล้าที่โต๊ะเดียวกับพี่เพลิง ในโต๊ะนั้นประกอบไปด้วยพี่เพลิง พี่ปราบ พี่ปิง พี่สอง พี่นัท ที่นั่งอยู่ฝั่งเดียวกัน อีกฝั่งก็มีพี่โอบ พี่พล พี่เป้ พี่ป้อง  พี่เดหลี พี่เหนือ และก็พี่ทอย

“นั่งด้วยนะครับพี่”

ไอเจงวก่อนจะลากเกาอี้มาเสริม ผมกับไอเผือกเลยเดินไปลากมานั่งบ้าง

“เขยิบมานั่งตรงนี้ก็ได้ครับเทียน”

พี่ทอยบอกอย่างมีน้ำใจเมื่อเห็นว่าผมหาที่ลงยังไม่ได้ ผมพยักหน้ารับแล้วเดินไปนั่งตรงที่ว่างข้างพี่ทอย

“พี่เหนือเดหลีอยากกินกุ้งพี่เหนือแกะให้หน่อยได้ไหมคะ”

พี่เดหลีเกาะแขนอ้อนพี่เหนือให้แกะกุ้งให้ด้วยท่าทางน่ารัก พี่เหนือทำหน้าขัดใจ แต่พอเจอลูกอ้อนเข้าไปสองสามครั้งก็ใจอ่อนยอมแกะกุ้งให้ และวางลงในจากของพี่เดหลี

“ขอบคุณนะคะพี่เหนือ พี่เหนือน่ารักที่สุดเลย”

พี่เดหลียืดตัวขึ้นไปหอมแก้มพี่เหนืออย่างต้องการเอาใจ พี่เหนือดูเหมือนจะตกใจเล็กน้อย ก่อนจะหันหน้ามามองผมที่จิ้มกับแกล้มเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆอยู่

“เทียนได้ข่าวว่าวันแสดงละครแต่งตัวสวยนี่หว่า เสียดายกูไม่ได้เห็นเลย”

พี่ปราบมันทำหน้าเสียดาย ในขณะที่พี่ๆคนอื่นๆช่วยกันสำทับโอ้อวดว่าได้เห็นผมในคราบผู้หญิง สวยอย่างนั้น น่ารักอย่างนี้

“แต่กูมีรูปน้องหว่ะ อยากเห็นไหม”

พี่สองบอกก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดรูปที่พี่มันถ่ายผมตอนเผลอส่งให้พี่ปราบดู
“เหี้ยน่ารักโคตรๆ แล้วมึงแหมไอสอง ไอหน้าแมวมึงคิดจะเคลมน้องกูจริงๆใช่ไหม ทำไมต้องโอบเอวแบบนั้นด้วย”

พี่สองไม่ตอบโต้ทำเพียงยกมือขึ้นมาเกาแก้มแก้เขิน พวกพี่นี่ก็คิดเยอะไป เคลมห่าอะไรผู้ชายด้วยกันจะมาพิศวาสกันเองให้เสียชาติชายทำไม ผมไม่ได้สนใจหัวข้อสนทนาอันไร้สาระนั้นเท่าที่ควรแม้มันจะเป็นเรื่องของผมเองก็ตาม ผมยังคงส่งกับแกล้มเข้าปากไปเรื่อย พอเงยหน้าขึ้นมาก็เจอสายตาพิฆาตของพี่เหนือเล่นงานทันที มิหน้าถึงได้รู้สึกร้อนๆหนาวๆแปลกๆ

“มึงอีกตัวไอทอย อย่าคิดนะว่ากูไม่รู้ว่ามึงเล่นนอกบท เจอความน่ารักของน้องกูเข้าไปหน่อยเคลิ้มเลยนะมึง”

พี่ทอยยิ้มกว้างแล้วหันมามองผมที่นั่งอยู่ใกล้ตัว มือหนายกขึ้นมาวางบนหัวผมอย่าถือวิสาสะ

“เด็กมันน่ารัก จะแค่กอดก็เสียดาย”

“ฮิ้วววววววว อันนี้จริงจังหรือยังไงพี่”

“พี่ไม่ชอบพูดเล่นหว่ะ”

ปัง!!

เสียงแก้วกระทบกับโต๊ะอย่างแรง ทุกเสียงหัวเราะเมื่อครู่เงียบลงแทบจะในทันที ก่อนจะเบนสายตาไปยังต้นตอของเสียง พี่เหนือกำแก้วในมือแน่น มองพี่ทอยด้วยสายตาที่น่ากลัว ในขณะที่พี่ทอยเองก็มองตอบอย่างไม่ลดละ

“พี่เหนือเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”

“อย่ายุ่งกับคนของกู”

พี่เหนือทิ้งไว้แค่นั้นแล้วลุกจากโต๊ะไปเลย อะไรของพี่เขาวะ ใครไปยุ่งกับพี่เดหลีตอนไหน ผมเห็นบนโต๊ะนี้ยังไม่มีใครพูดถึงพี่เดหลีเลยซักคน พี่มันก็หวงเกินเบอร์หว่ะ

“ศึกชิงนางก็มา”

“พี่เหนือแม่งก็ขี้หวงเกิน ผมยังไม่เห็นมีใครไปยุ่งกับพี่เดหลีเลย หวงแบบนี้ไม่จับพี่เดหลีล่ามโซ่ไว้ที่บ้านเลยวะ อุ๊ย!!”

ผมตระครุบมือปิดปากแทบไม่ทันที่หันมาเจอหน้าเจือนๆของพี่เดหลี

“มึงมันโง่ไอเทียน”

แถมผมยังโดนเพื่อนด่าอีก พวกผมนั่งกินเหล้าต่อกันอีกซักพัก ก็เริ่มทยอยกันกลับเข้าไปนอนพรุ่งนี้ต้องเดินทางกลับแต่เช้า

“เทียนพี่ขอคุยด้วยหน่อยสิ”

“ครับพี่”

ผมหันไปบอกไอเจง ไอเผือกให้กลับที่พักไปก่อน ส่วนผมก็เดินตามพี่เดหลีไปอีกทาง

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

พี่เดหลีหยุดมองหน้าผมเหมือนกำลังใช้ความคิด ก่อนจะยอมบอกเหตุผลที่เรียกผมออกมา

“เรื่องของพี่เหนือ พี่เห็นว่าเทียนดูสนิทกับพี่เหนือดี เลยอยากจะวานให้ช่วยอะไรซักหน่อย”

พี่เดหลีใช้อะไรมองวะว่าผมสนิทกับพี่เหนือ เจอหน้ากันแต่ละครั้งไม่โดนใช้ก็โดนด่า ไหนเล่าความสนิทที่พี่มองเห็น

“เอ่อ ผมไม่ได้สนิทมากไปกว่าเพื่อนพี่เหนือหรอกครับ ไม่รู้ว่าจะช่วยพี่เดหลีได้หรือเปล่า”

“ไม่สนิทได้ยังไง ปกติพี่เหนือไม่เคยกินข้าวร่วมกับใคร แต่วันนั้นพี่เห็นว่าเขาแย่งข้าวเรากิน นะเทียนนะช่วยพี่หน่อย”

พี่เดหลีจับมือผมขึ้นมาทำหน้าอ้อนวอน ผมเลยรีบชักมือออก พี่เขาเป็นผู้หญิงใครมาเจอแบบนี้เดี๋ยวก็เอาไปพูดไม่ดีพี่เขาจะเสียหายเอา และที่สำคัญของสำคัญเลย พี่เหนือคงกระทืบผมแน่ถ้าเห็นว่าผมจับมือแฟนมัน หวงแฟนซะขนาดนั้นมาเห็นผมคงตายคาตีน

“พี่จะให้ผมช่วยอะไรครับ”
“พี่กับพี่เหนือเป็นคู่หมั่นกัน พี่เลยอยากให้เราช่วยจับตาดูให้พี่หน่อยได้ไหมว่าช่วงนี้เหนือเขาสนใจใครเป็นพิเศษหรือเปล่า พี่กลัวพี่เหนือจะทิ้งพี่ไปทั้งๆที่เรากำลังจะหมั่นกัน”



หลังจากที่แยกกับพี่เดหลี ผมก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินกลับมาที่หอพัก ไอตอนบอกให้เพื่อนกลับก่อนผมก็ลืมคิดว่าตัวเองกลัวผี
พอต้องกลับคนเดียวแล้วแม่งโคตรน่ากลัวเลย กลัวจนจะร้องไห้แล้ว หมามึงก็มาหอนส้นตีนอะไรตอนนี้วะเนี่ย แค่นี้กูยังดูกลัวไม่พออีกใช่ไหม ผมเดินกอดตัวเอง หันมองซ้ายที ขวาที่อย่างระแวดระวัง ความกลัวมันเกิดขึ้นที่ใจเว้ยไอเทียน มึงไม่กลัวซะอย่างอะไรก็ทำมึงไม่ได้ ฮึกเหิมได้อยู่พักเดียวพอหมาหอนดังหน่อย ผมก็ใจฝ่อเหมือนเดิม ไอทางกลับที่พักนี่ก็ไกลบรม

“ไปไหนมาทำไมพึ่งกลับ”

เกือบจะหลุดกรี๊ด ไอเหี้ยพี่เหนือ ขอด่าทีเหอะคนยิ่งกลัวๆอยู่มึงทะลึ่งโผล่พวรดออกมาจากป่าทำซากอะไรวะ

“สัสพี่ ตกใจหมด”

ผมว่าพลางยกมือลูบหน้าอกตัวเองหวังให้ความตกใจเมื่อซักครู่มันเบาบางลง

“กูถามว่าไปไหนมา”

พี่เหนือมันขึ้นเสียง ก่อนจะเข้ามากระชากแขนผมด้วยแรงที่ไม่มากนักแต่ก็เจ็บครับ

“จะโมโหอะไรวะพี่ ผมแค่เดินไปส่งพี่เดหลีเฉยๆ สิ่งที่พี่คิดผมไม่มีวันทำหรอกสบายใจได้”

ผมตะคอกกลับนี่เป็นครั้งแรกเลยนะครับที่ผมกล้าขึ้นเสียงใส่พี่เหนือ พี่เหนือทำหน้าเหรอหรา เมื่อเจอผมในโหมดที่ไม่เคยเห็นมาก่อนแรงที่บีบรัดต้นแขนผมคลายออกแทบจะในทันทีก่อนจะเลื่อนมากุมที่ฝ่ามือผมเบาๆ

“กูขอโทษ กูไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”

“พี่อาจจะรู้จักผมไม่มากพอ งั้นผมบอกไว้เลยแล้วกันว่าผมไม่เคยคิดที่จะยุ่งกับของของคนอื่น ผมไม่ได้เลวขนาดนั้นว่ะ”

ผมสะบัดมือพี่เหนืออกแล้วก้าวขาให้เร็วขึ้น ไม่กลัวแม่งแล้วผี หมดอารมณ์กลัวแล้ว

“มึงหยุดฟังกูก่อนเทียน กูไม่ได้หวงเดหลี กูไม่เคยรู้สึกแบบนั้นด้วย”

พี่เหนือมันดึงผมพรวดเดียวกลับไปข้างหลัง ทำให้หน้าผมกระแทกกับแผงอกพี่มันอย่างจัง สองมือยกขึ้นมากอดที่เอวผมไว้หลวมๆ

“กูไม่ได้หวงเดหลี แต่กูหวงมึง ได้ยินกูไหมไอสั้น กูหวงมึง”

“พี่จะมา….”

พี่เหนือไม่ปล่อยโอกาสให้ผมพูดจบประโยค ริมฝีปากหนากดจูบบนเรียวปากผมอย่างเร็วโดยไม่ทันที่ผมจะได้ตั้งตัว ลิ้นร้อนส่งเข้ามาทักทายในช่องปากผม ความรู้สึกวาบหวิวจากปลายลิ้นของคนตรงหน้า ทำให้สติผมแทบกระเจิง ในหัวผมมันขาวโผลนไปหมด ความหวาบหวิวเกิดขึ้นตั้งแต่ปลายลิ้นลามไปถึงท้องน้อย ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะเป็นลม

“ไออ่อน โดนจูบแค่นี้ถึงกับจะเป็นลมเลยหรือไง”

พี่เหนือพูดชิดริมฝีปากผม ก่อนที่จะกดจูบเบาๆที่ริมฝีปากของผมอีกครั้ง

“อย่าให้ใครทำแบบนี้กับมึงเหมือนที่กูทำ”

“หน้าผากมึง”
พี่เหนือพูดพร้อมกับกดปากจูบลงบนหน้าผากของผมหนึ่งครั้ง
“แก้มมึง”
พี่เหนือย้ายริมฝีปากจากหน้าผากลงมาที่แก้มทั้งสองข้างของผม
“และก็ปากของมึง”
พี่เหนือยกนิ้วโป้งขึ้นมาคลึงที่บริเวณริมฝีปากของผม ก่อนที่จะจรดริมฝีปากลงบนปากผมอีกครั้ง
“ทุกอย่างของมึงคือของกู อย่างที่มึงรู้กูหวงของกูมากเข้าใจไหมสั้น”














หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (19/01/2019) ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 19-01-2019 19:41:32
 o13 o13 o13

หวงก็บอกหวง นี่สิคนจริง!!!
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (19/01/2019) ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-01-2019 21:00:41
 :pig4: :pig4: :pig4:

น้องสั้นนี่ไม่รู้ตัวเนอะ  คนอื่นเขาดูออกกันหมดหล่ะ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (19/01/2019) ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 19-01-2019 21:26:39
ชัดเจนแล้วนะน้องเทียน
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (19/01/2019) ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 19-01-2019 23:07:11
 :z1:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (19/01/2019) ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 20-01-2019 06:50:28
รอจ้าาา  น้องเทียนน่ารักมาก+เนื้อหอมสุดๆ ถ้าเทียนไม่มีที่คู่หมั้นจะเชียร์เยอะกว่านี้ แลดูสถานะไม่แน่นอนอ่ะ กึ่งโสดกึ่งมี นักเขียนสู้ๆมาต่อเร็วๆน้า เป็นกลจให้ :L2: สนุกมากๆๆๆ

หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (19/01/2019) ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 24-01-2019 13:27:04
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (19/01/2019) ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-02-2019 08:21:25
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (19/01/2019) ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 17-02-2019 18:23:52
รออยู่นะคะ คิดถึงน้องสั้น :m7: มาต่อเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (19/01/2019) ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-02-2019 18:27:07
 :call: :call: :call:

almost 1 month laew.
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (19/01/2019) ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: Piggyyoungy ที่ 11-03-2019 18:56:11
หายไปนานแล้วนะสั้นกับพี่เหนือ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (19/01/2019) ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-03-2019 00:39:11
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (12/04/2019) ตอนที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: wookyu ที่ 12-04-2019 22:23:22
                                                                                           
                                                              -17-

หลังจากวันนั้นการใช้ชีวิตประจำวันของผมก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ทุกเช้า กลางวัน เย็น พี่เหนือมันจะมาหาผมที่คณะเสมอ มาแค่เห็นหน้าผมครั้งละห้านาที สิบนาทีมันก็เอา ทั้งๆที่ปากพี่มันก็บ่นว่าช่วงนี้แพทย์เรียนหนักอย่างโน่นเรียนหนักอย่างนี้ แต่ก็ยังมีความพยายามที่จะมากวนประสาทผมทุกวัน อย่างเช่นวันนี้

“สั้นมานั่งนี่”
ไอหมอเถื่อนกวักมือเรียกผมที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะม้าหินอ่อน ให้มานั่งฝั่งเดียวกับตัวเอง ผมรีบส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวัล แค่พี่เหนือมาหาผมทุกวันแบบนี้ก็โดนพวกไอเจงไอเผือกล้อยันลูกบวชแล้ว ขืนให้ไปนั่งใกล้ๆมีหวังผมอาจจะต้องเอาปี๊บคลุมหัวมาเรียนเลยก็ได้แม่งคงล้อยันลูกของลูกผมบวชอีกรอบ

“ทำไมพักนี้มึงดื้อจังวะ”

“ผมต่างหากต้องถามทำไมพักนี้พี่ชอบทำตัวแปลกๆวะ ไอเจงไอเผือกมันล้อผมจนผมไม่กล้าอยู่ใกล้พี่แล้วเนี่ย”

ผมบอกไปตามความจริง พี่เหนือมันทำหน้าตึง ลุกพรวดจากที่นั่งของตัวเองมาทิ้งตัวนั่งข้างผมแทน ก่อนจะสอดมือหน้าเข้ามาโอบเอวผมไว้หลวมๆ

“มึงไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งไม่รู้กันแน่หื้มสั้น”

พี่เหนือพูดพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ จู่ๆภาพวันที่พี่เหนือมันจูบผมก็เด่นชัดขึ้นมาในความคิด ผมเลยรีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเองอย่างไว จูบแรกกูมึงพรากไปแล้ว ยังจะมาจูบรอบสองอีกหรอแม่ง

“เอามือออกสั้น”

ผมส่ายหัวพยายามขืนตัวออกจากอ้อมแขนแกร่งของพี่เหนือ ไอห่าเจงแม่งไปซื้อของส้นตีนอะไรนานขนาดนี้วะ อย่างกับรู้งาน พอพี่เหนือมามันก็ทิ้งผมให้อยู่กับพี่เหนือ จะกลับมาอีกทีก็ตอนที่พี่เหนือมันกลับคณะไปแล้วและมันก็เป็นแบบนี้ทุกครั้งนับตั้งแต่กลับจากค่าย

“พี่ไปจูบแฟนพี่ดิวะ มาจูบอะไรปากผู้ชายอย่างผม ผมปากเหม็นนะ ฟันเน่าสองซี่ข้างในสกปรกออก”

ผมกุเรื่องฟันผุขึ้นมาเพื่อหลอกล่อพี่เหนือให้เลิกสนใจปากของผม พี่เหนือแม่งก็แปลกมีแฟนสวยๆ หุ่นดีๆ ไม่ไปปล้ำจูบเผลอๆต่อให้มากกว่าจูบพี่เดหลีก็คงไม่ว่าเพราะดูพี่เดหลีออกจะรักพี่เหนือซะขนาดนั้น มีแต่พี่มันเนี่ยแหละที่ไม่รู้ตัวบื้อฉิบหาย

“มาเดี๋ยวกูช่วยดูให้ว่ามันผุตรงไหน อ้าปากซิ”

“ไม่เป็นไรพี่ ผมไม่ได้ปวดอะไร”

แค่ไม่อยากให้มึงมายุ่งย่ามกับปากกูเฉยๆ แล้วไม่ต้องมายิ้มกรุ่มกริ่มเลยเอาหน้ามึงออกไปด้วยเหี้ยพี่เหนือ

“อ้าปากสั้น หรือมึงอยากให้กูง้างให้”

พี่เหนือมันยังไม่เลิกรบเร้าจนในที่สุดผมต้องยอมเปิดปากให้มันอย่างจำใจ พี่เหนือเชยคางผมขึ้นมองลึกเข้าไปในปากผมก่อนที่มันจะสอดลิ้นเข้าปากผมอย่างไม่มีความลังเลใดๆทั้งสิ้นในสายตาคู่นั้น ปลายลิ้นร้อนไล่ต้อนลิ้นของผมอย่างดุเดือด ผมพยายามผลิกลิ้นหลบทุกกระบวนท่าเท่าที่พอจะทำได้ พี่เหนือมันหัวเราะในลำคอ มือหนากดท้ายทอยของผมให้แนบชิดยิ่งกว่าเดิม ปลายลิ้นร้อนไล่เล็มไปทั่วริมฝีปากผม กดจูบซ้ำแล้วซ้ำอีกก่อนจะผละออกมองผมด้วยสายตาหยาดเยิ้ม ผมมองหน้าไอพี่เหนือแล้วใจสั่นแบบแปลกๆ อาการวาบหวิวบริเวณท้องน้อยยังคงชัดเจน ผมไม่เคยรู้เลยว่าการถูกใครซักคนจูบมันจะทำให้เรี่ยวแรงผมถดถอยได้มากถึงขนาดนี้ ขนาดแค่แรงผลักให้อีกคนออกห่างยังทำไม่ได้เลย

“พี่เหนือ”

“กูกำลังจีบมึงสั้น เพราะฉะนั้นมึงเตรียมใจไว้ดีๆ แล้วฟันมึงถ้ายังไม่หายกูจะรักษาให้เอง”

พี่เหนือว่าพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเอง สายตากรุ่มกริ่มที่มันใช้มองผมเล่นเอาผมทำหน้าไม่ถูก ว่าพี่เหนือเวอร์ชั่นเดิมรับมือยากแล้วนะ เวอร์ชั่นนี้แม่งอยากกว่าอีก เลิกมองกูซักทีแม่งกูอายจนหน้าจะไหม้แล้วไอพี่เวร

“พี่เหนือเลิกมองหน้าผมได้แล้ว กลับไปเรียนเลยไปแม่ง”

“หึ ไม่ต้องมาไล่กูแก้เขิน กูไปแล้วเย็นนี้อาจไม่ได้แวะเข้ามานะ มึงตรงกลับหอเลยอย่าไปเที่ยวแรดที่ไหนเข้าใจไหม”

เข้าใจก็เหี้ยไง พี่เหนือมันเป็นอะไรของมันวะ คิดจะจูบแม่งก็จูบ แล้วไหนยังบอกว่าจะจีบผมอีก เฮลโหลพี่กูมีดุ้นนะ เผลอๆใหญ่กว่าของมึงด้วยไม่ต้องมาจีบกู ถ้าพี่เดหลีรู้เรื่องนี้มีหวังผมหัวขาดแน่ ไอพี่เหี้ยเล่นห่าอะไรไม่มีขอบเขตเลยจริงๆ เปลืองตัวชะมัดแถมใจผมยังเสือกเต้นแรงแปลกๆอีก เดี๋ยวนี้พออยู่ใกล้พี่เหนือทีไรเป็นต้องทำงานหนักทุกที มันไม่ใช่เรื่องดีเลยนะเว้ยเทียน ใจเต้นกับผู้ชายเนี่ย


“อ้าวพี่เหนือกลับไปแล้วหรอ”

เห็นไหมครับมันกลับจากซื้อของมาราวกับรู้งาน หน้าตามันไม่ได้มีความแปลกใจเหมือนคำถามที่มันถามผมซักนิด ผมมองหน้าไอเจงอย่างจับผิด แต่กลับโดนมันโบกหัวกลับมา

“มองหน้ากูทำส้นตีนอะไรครับไอเทียน”

หรือมันจะไม่รู้วะ มันอาจจะบังเอิญไปซื้อของเวลาที่พี่เหนือมาทุกรอบ และกลับหลังพี่เหนือไปทุกรอบจริงๆก็ได้ หน้าตามันดูไม่มีพิรุธใดๆทั้งสิ้น อาจจะเป็นผมที่คิดมากไป

“มึงกูมีคำถามว่ะ คืออันนี้ลูกของเพื่อนของเพื่อนแม่กูนะไม่ใช่ของกู”

“ไหนมึงว่ามาเรื่องของลูกเพื่อนของเพื่อนแม่มึงเป็นยังไง”

ไอเจงซ่อนยิ้มชั่วร้ายไว้ภายใต้สีหน้าจริงจัง แต่บังเอิญกูเห็นไง ผมทำเป็นมองผ่านยิ้มแปลกๆนั่นแล้วถามในสิ่งที่ผมเองนี่แหละที่อยากรู้

“มันโดนผู้ชายรุ่นพี่จูบแล้วแบบใจมันเต้นแรงมาก แบบมากๆเลยเหมือนหัวใจจะเด้งออกมานอกอกอะไรแบบนี้ ทุกครั้งที่มันอยู่ใกล้รุ่นพี่คนนั้นมันรู้สึกเขินอยู่ตลอดเวลา แถมพี่เขายังบอกว่าจะจีบมันอีกมึงว่าพี่คนนั้นกำลังคิดอะไรวะ ทั้งๆที่เขาก็มีแฟนอยู่แล้ว”

ผมทำหน้าจริงจังประกอบให้มันเห็นว่าผมกำลังพูดถึงเรื่องของลูกเพื่อนของเพื่อนแม่จริงๆไม่ใชเรื่องของตัวผม ไอเจงทำหน้าครุ่นคิดทั้งๆที่มุมปากมันอมยิ้มอยู่ตลอดเวลา ผมคิดถูกใช่ไหมที่เลือกถามมัน

“กูว่าพี่คนนั้นคิด”

“คิดอะไรวะ มันคิดอะไร”
“คิดสั้นไงที่ชอบมึง มึงแม่งไม่เห็นจะมีอะไรดีซักนิด ทึ่มก็ทึ่ม บื้อก็บื้อ เอ๋อก็เอ๋อ”

“สัสเจงกูไม่ได้ทึ่ม ไม่ได้บื้อและไม่ได้เอ๋อด้วย เฮ้ย ไอเหี้ยกูบอกแล้วไงว่าไม่ใช่เรื่องของกูเป็นเรื่องของลูกเพื่อนของเพื่อนแม่กูอีกที”

ผมพยายามจะอธิบายแต่ไอเจงมันไมยอมฟังครับ มันทำหน้าล้อเลียนผมแล้วหยิบหูฟังขึ้นมาเสียบพาตัวเองเข้าสู่โลกส่วนตัวอย่างสมบูรณ์แบบ ผมเลยจำต้องปิดปากแล้วนั่งมองหน้ามันอย่างคับแค้นใจแม่งหลอกกู แถมยังหลอกสำเร็จด้วย


ตกเย็นพวกผมตกลงปลงใจกันว่าจะนั่งทำรายงานที่คณะนี่แหละ ไม่เสร็จไม่กลับ นอกจากพวกผมแล้วก็มีเพื่อนในรุ่นอีกหลายกลุ่มนั่งกองรวมๆกันอยู่แถวโต๊ะสาขา แต่การทำรายงานของพวกเราไม่ได้เคร่งเครียดอะไรเลยครับในทางกลับกันมันดูครืนเครงมากจนเกินไปเสียด้วย ผมแอบเห็นเด็กสาขาอื่นหันกลับมามองที่โต๊ะสาขาพวกผมเป็นระยะๆ

“เฮ้ยๆมึงดูเด็กผู้หญิงกลุ่มนั้นดิ เด็ดฉิบหาย ตัวงี้ขาวจั้ว แถมยังผอมบางน่าถนุถนอมอีกต่างหาก”

“คนไหนว่าไอยอด”

ผมหันไปมองตามนิ้วไอยอดที่ชี้ไปยังผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง มองข้างหลังแล้วคนั้นคุ้นตาผมเสียเหลือเกิน เหมือนจะเคยเจอบ่อยๆที่ไหน

“ฉิบลอสนั่นเด็กไอเทียนนี่หว่า”

กูว่าและไม่น่าทำไมถึงคุ้นตาเสียเหลือเกิน ผมเอื้อมมืออุดปากไอยอดทันทีที่มันกำลังจะตะโกนแซวผู้หญิงกลุ่มนั้น

“อะไรของมึงวะไอเทียน สัสมือเค็มปี๋เลย”

“อย่าไปกวนเขา งานมึงเสร็จแล้วหรือไง”

“ไม่อยากให้มันกวนหรือมึงกลัวใครจะเดินมาหามึงกันแน่วะไอเทียน”

รู้แล้วยังเสือกถามอีกนะไอห่าเจง ผมทำแตะนิ้วชี้ที่ริมฝีปากตัวเองเพื่อบอกให้มันเงียบๆ ก่อนจะดึงมันให้ลงมานั่งทำงานตามเดิม

“คนข้างๆแก้มนั่นแฟนพี่เหนือป่าวะ กูเห็นตามไปเฝ้ากันที่ค่ายไม่เห็นจะรู้ว่าเป็นเพื่อนกับแก้มด้วย”

ผมหันกลับไปปมองที่กลุ่มผู้หญิงกลุ่มนั้นอีกครั้ง แล้วก็เห็นอย่างที่ไอเผือกบอก แสดงว่าแก้มก็เป็นรุ่นพี่ของผมปีนึง พี่เดหลีด้วย และที่สำคัญสองคนั้นเป็นเพื่อนกัน

“อ้าวเดี๋ยวนะ ถ้าพี่แก้มกับพี่เดหลีเป็นเพื่อนกัน แสดงว่าพี่แก้มก็ต้องรู้ดิว่ามึงกับพี่เหนือไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆ”

“เออ มิน่าล่ะ พี่แก้มถึงไม่สะท้กสะท้านอะไรเลยที่พี่เหนือบอกว่ามึงเป็นแฟน”

ไอเผือกเสริมต่อจากไอเจง ถ้าเป็นอย่างที่ไอโคนวยหัวสองตัวนี้คิด แสดงว่าพี่เหนือก็ต้องไม่รู้จักเพื่อนคนนี้ของเดหลีน่ะสิ เป็นไปได้ไงวะ เป็นแฟนกันแต่ไม่รู้จักเพื่อนแฟนเนี่ยนะ

“พวกมึงกูกลับก่อนได้ไหมวะ เดี๋ยวไปทำต่อที่บ้านให้ก็ได้”

จะว่าผมป๊อดก็ได้นะครับ แต่ผมไม่อยากเจอกับพี่แก้มตอนนี้จริงๆ ดูเหมือนว่ากลุ่มเธอเริ่มจะหันมามองทางโต๊ะผมแล้วด้วย

“หนีหรอ”

“เออ”

ผมไม่ปฏิเสธโกยของเข้ากระเป๋าอย่างเร็วเดินตัวลีบไปยังที่จอดรถขับรถมุ่งกลับบ้านทันที เห็นทีผมควรต้องรีบคุยเรื่องนี้กับพี่เหนือเสียทีก่อนที่พี่เหนือกับพี่เดหลีจะผิดใจกันเพราะผม












หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (12/04/2019) ตอนที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: wookyu ที่ 12-04-2019 22:28:44



หายไปนาน แต่หายไปจนแต่งจบแล้วน้าา ใครที่คิดถึงพี่เหนือกับน้องเทียนอย่าลืมกลับมาติดตามด้วยนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (12/04/2019) ตอนที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 12-04-2019 22:52:00
 :katai4:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (12/04/2019) ตอนที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-04-2019 23:56:27
 :pig4: :pig4: :pig4:

มาต่อแล้วอ่ะ  นานจนลืมตัวละครที่ชื่อแก้มไปแล้วอ่ะ 

สงสัยต้องย้อนกลับไปอ่านใหม่อีกแระ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (12/04/2019) ตอนที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 13-04-2019 01:44:21
 :laugh:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (12/04/2019) ตอนที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 14-04-2019 09:11:19
……


ตามจ้าาาาา

ตามว่าเมื่อไหร่น้องเพี้ยนจะรู้สึกตัวสักทีว่าพี่เหนือเขามาจีบตัวเป็นแฟนนะ

น้องเทียน น้องเพี้ยน น้องสั้น น้องคำดอยยยย. 555


 :katai3:  :katai2-1:  :katai3:  :katai2-1:  :katai3:  :katai2-1:



……
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (12/04/2019) ตอนที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 14-04-2019 11:12:55
จะรอติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (12/04/2019) ตอนที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: wookyu ที่ 17-04-2019 10:43:01
                                                               

                                                                            -18-

วันนี้ผมนัดเจอพี่เหนือที่ร้านกาแฟร้านเดิม พี่เหนือบอกว่าจะมาหาผมช้าหน่อยเพราะพี่แกติดสอบภาคปฏิบัติกว่าจะเสร็จคงเกือบห้าโมง จริงๆพี่มันบอกให้ผมรอที่คณะเดี๋ยวมันเลิกแล้วจะไปหา แต่ผมรั้นที่จะมารอที่นี่เองผมกลัวว่าจะบังเอิญเจอกับพี่แก้มและพี่เดหลีอีกและเรื่องมันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ ผมนั่งไถ่มือถือรอพี่เหนืออยู่หลายชั่วโมง น้ำในแก้วหมดไปแก้วแล้วแก้วเล่าพี่เหนือก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมามองนาฬิกามันก็เลยห้าโมงมาเยอะแล้วด้วย หรือผมควรจะกลับก่อนดี ในระหว่างที่ผมกำลังตัดสินใจว่าจะอยู่รอต่อหรือกลับบ้านก่อน เสียงทักจากด้านหลังก็ดังขึ้น

“พี่นั่งด้วยคนนะครับ”

“อ้าว สวัสดีครับพี่ทอย”

“รอใครอยู่หรอครับ”

พี่ทอยถามเมื่อสังเกตุเห็นแก้วน้ำบนโต๊ะผมที่มีมากกว่าสามแก้วด้วยสีหน้าสงสัย

“พี่เหนือครับ พอดีมีเรื่องต้องคุยกับพี่เขานิดหน่อย”

“พี่นั่งเป็นเพื่อนนะ พอดีเซคของเหนือมีสอบปฏิบัติคงเลิกช้าหน่อย”

“อ่อครับพี่”

พี่ทอยอยู่นั่งคุยเล่นเป็นเพื่อนผม ชวนผมคุยเรื่องนั้นทีเรื่องนี้ที ไม่ยักรู้ว่าพี่ทอยที่แสนจะสุภาพบุรุษของผมจะมีวีรกรรมวัยเด็กที่แสนแสบกับเขาด้วย




“โคตรไม่อยากเชื่อว่าพี่จะซนได้ถึงขนาดนั้น”

“จริงๆเทียนอาจจะยังไม่รู้จักพี่ดีพอก็ได้นะเลยมองว่าพี่เป็นคนดี”

“พี่จะบอกว่าจริงๆแล้วพี่เลว?”

“ไอเด็กบ้า”

พูดว่าเด็กบ้าเสร็จพี่ทอยก็ส่งมือมาขยี้หัวผมเล่นด้วยความหมั่นไส้ ในวินาทีถัดมามือพี่ทอยก็ถูกปัดออกโดยฝีมือของบุคคลที่สาม พี่เหนือเดินหน้าตึงเข้ามานั่งข้างผมก่อนจะหันมาทำตาดุใส่ปิดท้าย

“พึ่งเลิกหรอเซคมึง”

“อืม”

“มีอะไรทำไมต้องมารอถึงที่นี่ กูบอกให้รอที่คณะทำไมไม่ฟัง”

“ผมสะดวกคุยที่นี่นี่หว่า”

ผมหันไปเถียงไอคนที่มาถึงก็ไล่ขวิดคนอื่นไปทั่ว พี่ทอยเหมือนจะเข้าใจสถานะการณ์ว่าผมคงมีเรื่องที่ต้องคุยกับพี่เหนือจริงๆ พี่ทอยเลยขอตัวกลับก่อน ทีนี้ก็เหลือแค่ผมกับพี่เหนือ

“พี่ไม่รู้จริงๆใช่ไหมว่าพี่แก้มเป็นเพื่อนกับแฟนพี่”

“แก้มไหน แก้มที่ตามจีบมึงหรอ”

“เออดิ เมื่อวานผมเจอพี่แก้มกับพี่เดหลีที่คณะผม ป่านนี้พี่แก้มคงบอกพี่เดหลีเรื่องแฟนปลอมๆของเราแล้วมั้ง พี่ลองไปคุยกับพี่เดหลีดีๆนะ ผมไม่อยากให้พี่สองคนทะเลาะกันเพราะเรื่องของผมว่ะ หรืออยากให้ผมช่วยอะไรพี่บอกผมได้เลยนะถ้ามันจะทำให้พี่สองคนไม่ผิดใจกัน”

“ไม่มีเรื่องอะไรที่มึงหรือกูต้องอธิบาย มึงไม่รู้อะไรอย่าเสือกทำเหมือนรู้ไปหน่อยเลย”

อ้าวแล้วจะมาอารมณ์เสียใส่กูเพื่อ ผมมองหน้าพี่เหนืออย่างไม่เข้าใจ ที่ผมมาคุยวันนี้เพราะผมเป็นห่วงกลัวว่าพี่เหนือกับพี่เดหลีจะผิดใจกันเรื่องผม ไหงกลายเป็นผมที่ถูกโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงแบบนี้วะ
“ผมไม่รู้ไงถึงได้เสนอหน้ามาให้พี่ด่าถึงที่ และถ้าผมวุ่นวายมากไปก็ขอโทษด้วยแล้วกันผมไม่ตั้งใจหว่ะ ไม่คิดว่าความหวังดีของผมมันจะทำให้พี่โกรธขนาดนี้”

ผมทิ้งไว้แค่นั้นแล้วเดินออกมาแม่งเลย คนห่าอะไรโคตรไม่มีเหตุผล ผมรู้สึกแย่กับคำพูดของพี่เหนือมาก ทั้งๆที่เมื่อก่อนผมโดนด่ายิ่งกว่านี้ผมกลับไม่เคยนึกโกรธแต่ช่วงนี้ไม่รู้ผมเป็นส้นตีนอะไร นิดหน่อยก็โกรธไม่พอใจ งอนแม่งด้วย ผมเดินกลับมาที่รถโดยที่ไม่มีพี่เหนือวิ่งตามมาเหมือนนิยายเรื่องอื่นๆ ก็ดีเหมือนกันเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วจะได้ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกันอีก



เช้าวันต่อมา ผมมาเรียนตามปกติ ที่ไม่ปกติคงจะเป็นความอึดอัดที่อยู่ข้างในใจผม ความอึดอัดที่ไม่มีชื่อเรียก ผมพยายามสลัดมันให้หลุดอยู่หลายครั้ง โดยการเที่ยวกวนตีนคนโน่นทีคนนี้ที มันช่วยให้ผมหายเป็นบางช่วงเวลา และก็กลับมาอึดอัดใหม่เวลาที่ผมนั่งเงียบๆคนเดียว

“เฮ้อ”

“เป็นอะไรของมึงวะไอเพี้ยน นั่งถอนหายใจจนจมูกจะบานอยู่แล้วเนี่ย”

ไอเผือกที่พึ่งเดินกลับจากโรงอาหารวางจานลูกชิ้นทอดพร้อมน้ำอัดลมสองแก้วไว้บนโต๊ะ แก้วหนึ่งมันเลื่อนมาให้ผมอีกแก้วมันก็ยกขึ้นดูดของมันไป

“เซ็งในความหล่อ เมื่อไหร่แม่งจะหล่อน้อยกว่านี้ก็ไม่รู้”

ผมกลบเกลื่อนความรู้สึกที่ไร้ชื่อเรียกของตัวเองด้วยคำพูดชวนหมั่นไส้ คิดว่าไอเผือกจะต้องแหวกผมแน่ๆที่ผมพูดอวยตัวเอง แต่เปล่าครับมันทำแค่ส่ายหัวแล้วจิ้มลูกชิ้นแดกต่อ

“ไอเจงไปไหนวะ เมื่อกี้เห็นมันไปกับมึงไม่ใช่หรอ”

“ไม่รู้แม่งบอกจะไปขี้ แล้วหายไปเลย”

ผมพยักหน้ารับอย่างไม่ใส่ใจ เอื่อมมือไปคว้าไม้แหลมจิ้มลูกชิ้นเข้าปากตัวเองบ้าง ระหว่างที่ผมกำลังเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นใครบางคนที่มีผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจผมเป็นอย่างมากในช่วงนี้ มันกำลังเดินมาทางที่นั่งประจำของพวกผมผมเห็นท่าไม่ดีเลยรีบโกยของเข้ากระเป๋า ผมยังไม่พร้อมจะเจอมันนี่คือสิ่งที่ผมคิด

“กูไปก่อนนะ ถ้าพี่เหนือถามหากูบอกไม่รู้ไม่เห็นอย่างเดียวเข้าใจไหม”

ไอเผือกกำลังจะอ้าปากถามอะไรบางอย่างกับผม แต่เพราะพี่เหนือกำลังจะเดินมาถึงมันเลยหันไปหาคนที่พึ่งเดินมาใหม่แทน จากตรงนี้ผมไม่รู้ว่าพี่เหนือมันคุยอะไรกับไปเผือก ผมเห็นแค่สีหน้าไม่สบอารมณ์ของมันก่อนจะเดินจากไป ผมเดินลัดไปยังที่จอดรถตัวเอง วันนี้ผมไม่มีคาบเรียนแล้วคิดว่าจะไปเดินห้างเล่นหาหนังดูซักเรื่องสองเรื่อง หาเวลาอยู่กับตัวเองบางดีกว่าคิดได้แบบนั้นผมก็ขับรถไปยังเป้าหมายของตัวเองทันที ผมพาตัวเองมายืนอยู่หน้าโรงหนัง ยืนดูหนังตัวอย่างอยู่ซักสี่ห้าเรื่องก่อนที่ผมจะตัดสินใจเลือกหนังแนวสยองขวัญเรื่องหนึ่ง แล้วมุ่งตรงไปยังที่ขายตั๋วทันที

“ผมขอที่นั่งตรงนี้ได้ไหมครับพี่”

ผมบอกกับพี่พนักงานขายตั๋วพร้อมกับชี้นิ้วไปยังที่นั่งที่ผมชอบที่สุด โซนที่ผมนั่งแถวนั้นทั้งแถวยังไม่มีคนจองและก็ภวนาให้ไม่มีคนจองด้วยผมจะได้ครองแถวนั้นแต่เพียงผู้เดียว ระหว่างรอเข้าโรงหนังอีกประมาณครึ่งชั่วโมงผมก็ไปหาอะไรเย็นๆดื่มซักแก้วนั่งผมสั่งสตอเบอร์รี่มะนาวโซดามาดื่มดับกระหาย ระหว่างนั้นก็นั่งปล่อยความคิดไปกับเสียงเพลงที่เปิดคลอในร้าน ใจที่ว้าวุ่นของผมกลับสงบลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ ผมรู้สึกผ่อนคลายกว่าเดิมเล็กน้อยผมนั่งเล่นอีกซักพักก็พาตัวเองกลับมาที่หน้าโรงหนัง ตอนนี้เจ้าหน้าที่เริ่มทยอยปล่อยให้ลูกค้าเข้าโรงได้แล้วและตอนนี้ผมเองก็ยืนอยู่ในแถว

“เดหลีเธอพาฉันมาดูหนังอะไรเนี่ยน่ากลัวออก”

“เธอคิดว่าฉันอยากดูหรือไงหนังสยองขวัญแบบนี้ พี่เหนือเลือกต่างหาก แต่ก็ดีฉันจะได้แอบแตะอั๋งพี่เหนือด้วย”

“แล้วพี่เหนือแกไปไหนแล้วล่ะ”

“ไปเข้าห้องน้ำมั้ง เดี๋ยวคงมา โน่นไงมาพอดีเลย”

ผมไม่ได้อยากฟังแต่ก็เสือกได้ยินชัดเจนมาก ตอนแรกคิดว่าคนชื่อเหมือน แต่พอฟังไปเรื่อยๆแม่งเริ่มไม่ใช่แล้ว
ห่าเอ้ย พระเจ้าครับกำลังเล่นอะไรกับไอเทียนคนนี้หรอครับ ถึงได้เหวี่ยงคนพวกนั้นมาใกล้ผมอีกแล้ว

“คุณคะ ไม่เดินหรอคะ”

“อ้ะ ขอโทษครับ”

ผมที่มัวแต่โอดครวญกับพราะเจ้าไม่ทันได้ดูว่าแถวข้างหน้าขยับจนถึงตัวผมแล้ว พี่เดหลีเลยสะกิดบอกผม ผมก็ได้แต่เอ่ยขอโทษโดยที่ไม่หันไปมอง

“น้องเทียนใช่ไหม จริงด้วยพี่ก็ว่าเสียงคุ้นๆ”

ครั้นจะบอกว่าพี่จำผิดคนแล้วก็ดูจะไม่เนียน ผมเลยจำใจหันหน้ากลับมายิ้มให้พี่เดหลีก่อนจะยกมือไหว้ทักทายอย่างเป็นทางการ และนั่นก็ทำให้คนที่ผมพยายามหลบหน้าเห็นผมจนได้ พี่เหนือมองผมคิ้วขมวด ในขณะที่แก้มเดินแซงหน้าพี่เหนือเข้ามาเกาะแขนผมอย่างไว เธอดูดีใจที่เจอผม ในขณะที่ผมโคตรจะเศร้าใจเลย ลาก่อนความหรรษาในโรงหนังที่ผมโหยหา

“บังเอิญจังเลย แก้มกำลังอยากได้คนดูหนังเป็นเพื่อนพอดี อีกอย่างวันนี้เทียนจะใช้พี่เหนือเป็นข้ออ้างไม่ได้แล้วนะ ตัวจริงเขามาแล้ว”

จึก

คำว่าตัวจริงของพี่เหนือ สร้างความปั่นป่วนในใจให้ผมโดยไม่ทราบสาเหตุ ผมมองพี่เดหลีที่ยืนเกาะแขนพี่เหนือ ในขณะที่พี่เหนือก็มองแก้มที่ยืนเกาะแขนผมเช่นกัน เราสองคนสบตากันแต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร จนในที่สุดเป็นผมเองที่ทนความอึดอัดนี้ไม่ไหวจึงเป็นฝ่ายทำลายความเงียบเสียเอง

“งั้นเดี๋ยวผมขอตัวก่อน เชิญพี่ๆดูหนังให้สนุกนะครับ”

ผมแกะมือพี่แก้มออกอย่างสุภาพแล้วเดินเข้าโรงหนังไป ผมทิ้งตัวนั่งตรงที่นั่งของตัวเองด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยวโคตรๆไม่อยากดูแม่งละหนัง ผมนั่งดูตัวอย่างหนังไปไม่ถึงครึ่งตอน ก็มีคนเดินเข้ามานั่งข้างๆที่นั่งของผมทางด้านขวาและอีกคนเดินผ่านหน้าผมไปแล้วทิ้งตัวนั่งข้างผมทางด้านซ้ายผมเหล่มองทั้งสองคนเล็กน้อยพอว่าเห็นว่าเป็นใครเท่านั้นแหละขาผมมันสั่งให้ยืนขึ้นอัตโนมัติ
“บังเอิญอีกแล้วนะคะน้องเทียน ตอนแรกเสียใจแทบแย่ที่ไม่ได้นั่งด้วยกัน แต่ดูเหมือนโชคจะเข้าข้างพี่เลยนะคะ”

เขาข้างพี่แต่ลงโทษผมใช่ไหมนี่มันยิ่งกว่าซวยอีกไม่ใช่หรือไง จากเดิมที่คิดว่าจะได้นั่งคนเดียวชิลๆ ไหงกลายเป็นอย่างนี้ไปได้ ด้านขวามือของผมคือคนที่ผมไม่พร้อมจะเจอหน้า ส่วนด้านซ้ายก็เป็นคนที่ผมโคตรไม่อยากจะเจอเลย ที่นั่งสุดสยองของผมตอนนี้คือพี่แก้มนั่งติดริมทางเดิน ถัดมาเป็นผม ถัดจากผมเป็นพี่เหนือและถัดจากพี่เหนือก็เป็นพี่เดหลี

“มึงจะยืนดูหนังหรือไง ทำไมไม่นั่ง”

พี่เหนือพูดกับผมเสียงแข็งแถมยังมองผมด้วยสีหน้าไม่พอใจอีก ผมไม่รู้หรอกว่าพี่เขาไม่พอใจผมเรื่องอะไรเพราะที่ผ่านมาไม่ว่าผมจะทำอะไรก็ไม่ดีในสายตาพี่มันตลอด ผมทิ้งตัวนั่งลงตามเดิม พยายามโฟกัสแค่จอสี่เหลี่ยมใหญ่ๆตรงหน้า ตัดทุกสรรพสิ่งออกจากกรอบสายตาทั้งหมด ระหว่างดูหนังแก้มเอาแต่เกาะแขนผมแน่น แม้ผมจะพยายามแกะออกหลายครั้งเธอก็เอามือขึ้นมาเกาะแขนผมใหม่ จนผมเหนื่อยใจที่จะปฏิเสธเธอเลยต้องปล่อยเลยตามเลยอยากเกาะก็เกาะไป ผมหันกลับมาสนใจหนังที่ฉายตรงหน้าอีกครั้ง ฉากที่คนเกือบทั้งโรงหวีดร้องเพราะความตกใจ กลับมีแค่ผมกับคนข้างตัวเท่านั้นที่ทำเพียงนั่งมองจอนิ่งๆ ความอบอุ่นจากมือหนาที่สอดประสานอยู่บนมือของผม ทำให้ผมไม่กล้าแม้กระทั่งจะหายใจความน่ากลัวของหนังฉากนั้นๆไม่ได้ทำให้ผมตื่นเต้นมากไปกว่าความอบอุ่นที่คนข้างตัวมอบให้ พี่เหนือขยับนิ้วโป้งลูบเบาๆที่หลังมือของผมเหมือนต้องการจะปลอบประโลมใจหนึ่งผมไม่อยากให้มือคู่นี้ปล่อยมือจากผม ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงชอบความอบอุ่นจากมือคู่นี้นัก แต่อีกใจมันก็ได้แต่ตะโกนเตือนผมว่าไม่ควร ผมจึงค่อยๆขืนมือตัวเองออก

“อยู่เฉยๆสิอยากให้คนอื่นรู้หรอว่าพี่จับมือเรา”

พี่เหนือเอนตัวมากระซิบที่ข้างหูผมเบาๆ ผมเหลือบมองพี่เดหลีและพี่แก้มที่เพ่งสมาธิอยู่กับจอสี่เหลี่ยมใหญ่ๆตรงหน้าจนไม่ทันสังเกตุบรรยากาศแปลกๆข้างตัว ผมหยุดขืนมือตัวเองออกไม่ใช่เพียงเพราะผมกลัวพี่เหนือจะจับมือผมโชว์คนอื่น แต่มันคือความต้องการลึกๆของตัวผมเองด้วย

“เด็กดี”

พี่เหนือกระซิบที่ข้างหูผมอีกครั้ง พร้อมยิ้มบางก่อนจะหันหน้าไปดูหนังด้วยสีหน้าที่ดูดีกว่าตอนเข้ามาแรกๆ

“หนังน่ากลัวมากเลยเนอะน้องเทียน”
พี่แก้มเนียนเกาะแขนผมไม่ยอมปล่อย สำหรับผมหนังยังน่ากลัวน้อยกว่าพี่อีกครับ ปล่อยแขนผมซักทีตระคิวแดกแขนหมดแล้ว

“แก้มกับน้องเทียนนี่ดูสนิทกันจังนะคะ น่ารักดี”
ผมได้แต่หัวเราะแห้งๆ ไม่รู้ว่าพี่เดหลีใช้ตาบนหรือตาล่างดูว่าผมกับพี่แก้มสนิทกัน คนสนิทกันที่ไหนจะขอให้คนอื่นช่วยเป็นไม้กันหมาให้วะพี่

“ผมขอตัวก่อนครับพี่ๆ สวัสดีครับ”

“ไปส่งพี่ด้วยได้ไหมคะน้องเทียน พี่ไม่อยากไปเป็นก้างของสองคนนั้นปล่อยให้เขาจู๋จี๋กันบ้าง นะคะน้องเทียนไปส่งพี่นะ”

“ครับ”

ผมรับปากตัดความรำคาญ ไม่ได้หันไปมองว่าใครกำลังทำอะไร รับคำสั้นๆเสร็จพี่แก้มก็เกาะแขนผมเดินออกห่างจากพี่เหนือทันที ผมขับรถมาส่งพี่แก้มที่คอนโดเสร็จก็เลยกลับบ้านทันที ตอนนี้ผมยังไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น



------------------------------------------------------------------------
ถ้าชอบน้องเทียนกับพี่เหนือก็อย่าลืม Comment เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยนะคะ พลังขับเคลื่อนของนักเขียนทุกคน มาจาก comment ของผู้อ่านทุกท่าน ฝากด้วยนะคะ







หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (17/04/2019) ตอนที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 17-04-2019 11:09:54
 :L2: :pig4:

เฮ้อออออออ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (17/04/2019) ตอนที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-04-2019 12:27:49
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิพี่เหนือแม่งไม่ชัดเจนอ่ะ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (17/04/2019) ตอนที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-04-2019 13:31:17
โอ๊ยย น้องเพี้ยนงานเข้าอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (17/04/2019) ตอนที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 17-04-2019 14:53:49
โอยย อิพี่เหนือไม่ชัดเจนอ่ะ กับเดหลีนี่ยังไงคะ :katai1:

ปล.เรางงๆชั้นปีตลค.แต่ละคนนิดหน่อยค่ะ คือเดหลีกับแก้มอยู่ปีเดียวกัน เป็นรุ่นพี่เทียน แต่เป็นรุ่นน้องพี่เหนือใช่หรือป่าว
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (17/04/2019) ตอนที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: wookyu ที่ 17-04-2019 21:48:58
โอยย อิพี่เหนือไม่ชัดเจนอ่ะ กับเดหลีนี่ยังไงคะ :katai1:

ปล.เรางงๆชั้นปีตลค.แต่ละคนนิดหน่อยค่ะ คือเดหลีกับแก้มอยู่ปีเดียวกัน เป็นรุ่นพี่เทียน แต่เป็นรุ่นน้องพี่เหนือใช่หรือป่าว


อ่ะๆๆ ไม่งงๆ เทียน ปี 2 แก้ม,เดหลี ปี 3 ส่วนพี่เหนือ และผองเพื่อน ปี 4 พี่รหัสของ เราตั้งใจให้พี่รหัสของ เจง เผือก เป็นปี4 เพราะ พี่รหัสปี 3 ไม่มี เหมือนเอาลุงรหัสมาเป็นพี่แทน ส่วนเทียนมีพี่รหัสปี 3 แต่หายสาปสูญ

เราอาจจะไม่ได้อธิบายตรงนี้ละเอียดต้องขอโทษด้วยนะคะ
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะคะ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (17/04/2019) ตอนที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 17-04-2019 23:12:23



อะไร้จะบังเอิญขนาดนั้น  หลบไปดูหนังคนเดียวเลือกแถวนั่งโล่งยังจะตามไปนั่งด้วยกันอีก

น้องเทียนเอ้ยยยย พรหมลิขิตหรือจองกรรมจองเวรอ่ะเนี่ย


 :ling3:  :ling1:  :ling3:  :ling1:  :ling3:  :ling1:  :ling3:  :ling1:  :ling3:  :ling1:


……
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (17/04/2019) ตอนที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 18-04-2019 01:50:58
เหนือนี้ยังไง บอกว่าจะจีบแต่ทำตัวไม่ชัดเจน ใครจะเชื่อวะ :katai1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (17/04/2019) ตอนที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 18-04-2019 06:59:08
 :ruready
 :3123:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (17/04/2019) ตอนที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 18-04-2019 10:45:02
 :hao4:



 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (17/04/2019) ตอนที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 19-04-2019 20:33:20
เทียนคนซื่อโดนพี่เหนือปั่นหัว
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (17/04/2019) ตอนที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 19-04-2019 21:45:50
อิพี่เหนือไม่ชัดเจน ยุให้คนอื่นเป็นพระเอกแทนละนะเว้ย
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (17/04/2019) ตอนที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: wookyu ที่ 25-04-2019 09:07:24

                                                                         -19-

 20 สายที่ไม่ได้รับ
 189 ข้อความที่ไม่ได้อ่าน

ผมนั่งมองจำนวนตัวเลขแจ้งเตือนในมือถือทั้งๆที่ตายังปรืออยู่ สิบห้าสายแรกที่ไม่ได้รับเป็นของพี่เหนือ ส่วนอีกห้าสายที่เหลือเป็นของไอเผือก สองคนนั่นโทรหาผมในเวลาไล่เลี่ยกันแต่ผมไม่ได้รับสาย เมื่อคืนกลับถึงบ้านผมก็อาบน้ำเข้านอนเลย ไม่ได้จับโทรศัพท์เล่น มาจับดูอีกทีก็สิบโมงเช้าของอีกวันแล้ว ผมกดโทรกลับหาไอเผือกเป็นสายแรก และพอมันรับสายเท่านั้นแหละ

“ไอเพี้ยนมึงอยู่ไหนวะ”

“อยู่บ้านกูพึ่งตื่น”

“ไอห่าหายไปทั้งคืนนี่คือหลับ”

“จะให้กูชักว่าวทั้งคืนคงไม่ไหวน้ำหมดตัวก่อนพอดี”

“ยังจะเล่นอีกไอเหี้ยนี่ คนอื่นเขาพากันเป็นห่วงมึงแทบแย่”

“เป็นห่วง? เรื่องอะไรวะ”

“ก็เมื่อวานมึงเอาแต่นั่งถอนหายใจใส่หน้าพวกกู พอพี่เหนือมามึงก็ชิ่ง ตกดึกมาพี่เหนือก็โทรมาหากูบอกว่าให้ช่วยโทรหามึงหน่อยพี่มันโทรไม่ติด ไลน์ไปมึงก็ไม่อ่าน”

“กูแค่หลับไหมไม่ได้ตายจะมาห่วงกูทำไมวะ”

ผมพูดขำๆ ไอเผือกบ่นผมต่ออีกสองสามประโยคก่อนจะไล่ผมไปอาบน้ำแล้วไปเจอกันที่มอ มันบอกว่าวันนี้มี
ควิชสายฟ้าแล่บของอาจารย์กรกมลถ้าสายคืออดสอบสถานเดียวไม่มีสอบซ่อมด้วยนั่นหมายความว่าคะแนนที่มีอยู่น้อยนิดของผมก็จะอัตธานหายไปไง

“สอบเสร็จแล้วโล่งเลยหว่ะ”

“เฮ้ยจริงดิ มึงทำได้หรอวะ”

“ได้เหี้ยอะไรล่ะ กระดาษคำตอบกูต่างหากที่โล่ง กูทำไม่ได้ซักข้อเลยเหอะออกห่าอะไรมาก็ไม่รู้”

ไอเจงส่ายหัวอย่างหน่ายๆ หลังจากสอบเสร็จพวกผมก็พากันมานั่งกองอยู่ที่โต๊ะสาขา สั่งข้าวสั่งน้ำมานั่งกินกัน
หลังจากสอบเสร็จพวกผมก็ไม่มีเรียนตัวไหนอีก ไอเจง ไอเผือกเลยไปขอยืมกีต้าร์จากรุ่นพี่มาเล่นโชว์สาวต่างคณะกัน แต่เพลงมึงก็แม่ง

จาก ต.จ.ว. นั่งรถ ปอ.
ของ บขส. เข้า กทม.
เช่าบ้านอยู่แถว ๆ ซอยทองหล่อ
เป็น รปภ. ทำงานที่ห้างเดอะมอลล์

เป็น รปภ. อยู่ครึ่ง พศ.
แค่เดือน กพ. ถึงเดือน ก.ย.
เพราะเงินเดือนน้อยไม่ค่อยจะพอ
จึงเลิกเป็น รปภ.
ออกจากเดอะมอลล์ ไปอยู่บ้านหม้อ

อยู่บ้านหม้อ รับจับขับ จยย.
ต้องโดน ขสมก.
ชน จยย. หวิดเข้า รพ.
แถมโดน ตร.
จับปรับบน สน.
เพราะว่ารถ จยย.
ผมไม่ได้ต่อ พ.ร.บ.
(หนุ่ม ตจว ขับร้องโดย เอกชัย ศรีวิชัย)


ไอเผือกดีดกีตาร์ส่วนไอเจงเป็นคนขับร้องเพื่อนๆที่นั่งอยู่แถวนั้นต่างพากันหัวเราะในบทเพลงจีบสาวของพวกมัน บางคนถึงกับเสริชหาเนื้อเพลงมาร้องเป็นรัดคอประสานไปด้วย บางคนก็เคาะโต๊ะประกอบจังหวะ จากหนึ่งเพลงขยับเป็นสองเพลงแม่งก็ยังไม่พ้นเพลงของพี่เอกชัยเขาอยู่ดี

โอ้มาเถิดหนากระไรแม่มา
โอ้มาเถิดหนากระไรแม่มา
เร็วเร็วอย่าช้า
เลยนะแม่หน้านวลใย
คนไหนถ้านึกสนุกลุกขึ้นขยับ
ขยับ ขยับขยับขยับเข้ามาไวไว
ตั้งวงกันไว้ตรงหน้า
จะให้เอกชัยลาไปหรืออย่างไร
ผมมาหลายคน
กับนักดนตรีเพื่อนบ้าน
แฟนแฟนอย่านึกรำคาญ
ไปเลยสายใจ

“พวกมันเป็นอะไรกันวะ”

“อ้าวพี่ๆหวัดดีครับ”

ผมหันกลับไปตามแรงสะกิดแล้วก็เจอพวกพี่เพลิง พี่นัท พี่ปราบและพี่เหนือเดินกำลังเดินเข้านั่งที่โต๊ะตัวเดียวกันกับผม ผมขยับตัวเข้าไปนั่งข้างในสุดเพื่อให้มีที่ว่างเหลือพอสำหรับพี่ๆคนอื่น พี่นัท พี่เพลิงเลือกที่จะนั่งฝั่งตรงข้ามผม พี่เหนือกับพี่ปราบเลยนั่งฝั่งเดียวกับผมแทนและพี่เหนือก็เลือกที่จะนั่งข้างผม

“ทำไมไม่รับโทรศัพท์”

คนข้างตัวถามผมด้วยเสียงที่ไม่ดังมากนักแต่ก็ดังพอที่ผมจะได้ยิน

“เมื่อคืนผมหลับเร็วว่ะ ว่าแต่พี่โทรหาผมทำไม”

ผมถามกลับพยายามทำตัวให้เป็นปกติเหมือนทุกที แต่เอาจริงๆนะครับมันยากมาก ช่วงหลังๆมานี้ผมไม่รู้เป็นอะไร อยู่ใกล้พี่เหนือแล้วรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่เจอ แล้วก็เผลอหวั่นไหวกับท่าทีแปลกๆของพี่เหนือในช่วงหลังๆมานี้ด้วย

“กูมีเรื่องจะคุยกับมึง”

“คุยอะไร”

“ตามกูมา”



พี่เหนือเดินนำผมมาที่โต๊ะม้าหินอ่อนตัวหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปจากโรงอาหารเล็กน้อย ผมทิ้งตัวนั่งฝั่งตรงข้ามพี่มัน ตั้งใจฟังในสิ่งที่พี่มันจะพูด

“เรื่องวันนั้นที่กูตะคอกมึง กูขอโทษกูไม่ได้ตั้งใจจะว่ามึง”

“ช่างมันเถอะ ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว จริงๆผมก็ผิดแหละที่เข้าไปยุ่งเรื่องของพี่มากเกินไป”

“มึงไม่เข้าใจเพี้ยน มึงไม่เข้าใจอะไรเลย”

พี่เหนือพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ มองผมที่นั่งตรงหน้าด้วยสายตาตัดพ้อ

“กูบอกว่ากูชอบมึง กูกำลังจีบมึง แต่วันนั้นมึงก็ยังนั่งเล่นอยู่กับไอทอยให้มันลูบหัวทั้งๆที่มึงก็น่าจะรู้ว่ากูไม่ชอบ”

“เอ่อ…คือพี่”

“กูหวงของกู เพราะฉะนั้นอย่าให้กูเห็นว่ามึงไปอ่อยคนอื่นอีก ครั้งต่อไปกูจะไม่ทนแล้ว”

ทุกคำพูดของพี่เหนือผมไม่อยากจะยอมรับเลยว่ามันทำให้ผมรู้สึกดีโคตรๆ มันเป็นความรู้สึกดีที่อยู่บนความรู้สึกผิด ผมรู้สึกผิดกับพี่เดหลีคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั่นของพี่เหนือ พี่เดหลีคงไม่ดีใจแน่ถ้ารู้ว่าผมมีความรู้สึกดีๆให้กับแฟนของตัวเอง ผมควรจะหยุดไว้เพียงแค่นี้ หยุดก่อนที่จะมีใครถล่ำลึกไปมากกว่าที่เป็นอยู่ และหยุดเพื่อที่จะได้ไม่มีใครต้องเสียใจ

“พี่เดหลีรู้เรื่องที่เราแกล้งเป็นแฟนกันแล้วใช่ไหมพี่ ในเมื่อพี่เดหลีรู้แล้วพี่ไม่จำเป็นต้องแกล้งเป็นแฟนผมแล้ว เรื่องแก้มผมว่าจะลองดูซักตั้ง ไม่แน่ลองคุยกันไปซักระยะแล้วเธอไม่โอเคถึงตอนนั้นก็คงไม่มีปัญหาอะไร”

“มึงแน่ใจแล้วใช่ไหมที่พูดแบบนี้ ทั้งที่มึงก็รู้อยู่เต็มอกว่ากูคิดยังไงกับมึง แต่มึงกลับผลักไสกูให้ไปชอบคนอื่น”

“พี่พูดอะไร ผมไม่เข้าใจ”

ผมแสร้งยิ้มกลบเกลื่อนราวกับไม่เข้าใจสิ่งที่พี่เหนือพูด คนอื่นมันผมต่างหากไม่ใช่พี่เดหลี พี่เหนือมองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังก่อนจะลุกขึ้นยืน

“กูเข้าใจแล้ว”
พี่เหนือทิ้งไว้แค่นั้นแล้วเดินจากไปทันที ผมมองพี่เหนือไปจนลับสายตา ที่ว่าพี่เข้าใจ พี่เข้าใจว่ายังไงวะ
ผมนั่งแหงนหน้ามองท้องฟ้าลอดผ่านกิ่งไม้ หยุดน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา มันไม่มีอะไรให้ต้องเสียใจ ผมทำดีแล้ว วันหนึ่งพี่เหนือจะรับรู้ถึงความหวังดีของผม


-------------------------------------------------------------------------

 :katai4: :katai4:

พี่เหนือจะถอดใจง่ายๆจริงหรือไม่ มาติดตามอ่านกันตอนต่อไปนะคะ

ขอเม้นท์เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยนะคะ พลีสสส
 
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (25/04/2019) ตอนที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 25-04-2019 10:03:49
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (25/04/2019) ตอนที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 25-04-2019 10:25:30
 :เฮ้อ:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (25/04/2019) ตอนที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-04-2019 11:36:22
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (25/04/2019) ตอนที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 25-04-2019 13:53:05
อ่านแล้วบอกกงๆ สงสารน้องเทียน..
อิพี่เหนือ ก็นะ มีว่าที่คู่หมั้น แล้ว ถ้าไม่ยังไง ก็จัดขาดให้เด้็ดขาด ดิว่ะ
แม่ง มาจีบน้อง ถ้าจีบติด สุดท้ายมาอ้าง ว่า ที่บ้านต้องให้หมั้นกะสาว นี้ กระโดดเตะขาคู่เรยนะ..
อินเว้ยยย..
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (25/04/2019) ตอนที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 25-04-2019 14:33:41
 :L2: :pig4:

ถ้าพี่เหนือจะกากขนาดนี้
ขอญาติเปลี่ยนพระเอกเถอะ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (25/04/2019) ตอนที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 25-04-2019 16:19:49
น้องเทียนเลนต้องรับบทนางเอกหนังไทย ผู้เสียสละ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (25/04/2019) ตอนที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-04-2019 22:09:17
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิพี่เหนือ  เมิงเข้าใจว่าไง?

ไอ่เพี้ยนมันเข้าใจว่าเมิงเป็นแฟนกับเดหลีนะ

ส่วนเมิงก็อมพะนำอะไรก็ไม่รู้  ทำไมไม่ถามไปตรง ๆ ว่าทำไมไอ่เพี้ยนถึงได้บอกให้คบเดหลี  เจือกคิดเองเออเองซะงั้น

นี่เมิงโง่หรือโง่กันแน่ฟระ?
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (25/04/2019) ตอนที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 26-04-2019 00:50:28
เดี๋ยวววว พี่เหนือว้อยยย ยังคุยไม่ทันรู้เรื่องเลย งอนหนีไปอีกแล้ว กลับมาก่อนจ้า น้องมันก็ต้องสับสน ต้องเซฟใจตัวเองก่อนไหมล่ะในเมื่อพี่ไม่บอกสถานะจริงๆของพี่กับเดหลีให้ชัดเจนอ่ะ ถึงแม้ว่าบอกชอบ ขอจีบน้องมันแล้วก็ตามเถอะ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (25/04/2019) ตอนที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 26-04-2019 11:30:15
 :เฮ้อ:  :ruready
พี่เหนือเคลียร์ๆหน่อยค่ะ
อย่าให้เพี้ยนคิดเองเออเอง
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (25/04/2019) ตอนที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: wookyu ที่ 26-04-2019 14:36:27
                                                                       
                                                                       -20 -   

จากวันนั้นก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้วที่ผมไม่ได้ค่อยได้คุยกับพี่เหนือ แต่ก็ยังเจอกันบ้างพี่เขายังคงปฎิบัติตัวกับผมเหมือนปกติ ด่าผม แกล้งผมเหมือนที่ผ่านมา แม้ความสนิทใจที่มีให้กันจะเว้นระยะห่างไปมากก็ตาม หมู่นี้พี่เหนือมักจะมากินข้าวกับพวกพี่เพลิงบ่อยๆ และทุกครั้งที่มาก็จะพาพี่เดหลีมาด้วยเหมือนเช่นวันนี้ ผมกำลังนั่งมองทั้งสองคนยืนต่อแถวซื้อข้าวด้วยกัน พี่เดหลีดูมีความสุข ใบหน้าเธอเปื้อนยิ้มอยู่เสมอเวลาที่เล่นหยอกล้อกับพี่เหนือ แม้อีกฝ่ายจะทำแค่ยิ้มมุมปากก็ตาม


“มองอะไรของมึงวะไอเพี้ยน”

“เปล่าไม่ได้มอง”

“ก็กูเห็นอยู่เนี่ยว่ามอง มึงมองพี่เหนือกับพี่เดหลี”

เสือกตาดีอีกแม่ง ไอเจงรวบช้อนดันจานข้าวไปข้างตัวก่อนจะประสานมือไว้ตรงหน้า เค้นหาคำตอบจากผมผ่านทางสายตาเหมือนที่มันชอบทำ เพราะมันรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ทำแบบนี้ผมจะยอมพูดแบบหมดเปลือก

“จ้องกูทำไม มีอะไรจะถามก็ถามมาถ้ากูตอบได้กูจะตอบ”

“มึงกับพี่เหนือทะเลาะกันใช่ไหม”

“เปล่ากูจะไปทะเลาะกับพี่มันเรื่องอะไร”

ผมไม่ได้โกหกมันนะครับ มันคือเรื่องจริงที่ผมกับพี่เหนือไม่ได้ทะเลาะกัน เราแค่กลับไปอยู่ในที่ๆของตัวเองก็แค่นั้น

“จะให้กูเชื่อได้ไงวะ ปกติมึงกับพี่เหนือสนิทกันจะตายตัวติดกันตลอด แต่ดูเดี๋ยวนี้ดิเจอหน้ากันคุยกันแทบนับคำได้ บรรยากาศระหว่างมึงกับพี่เหนือก็ดูแปลกๆ”

“ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละคิดมาก”

“ก็ถ้ามึงไม่ทำตาละห้อยทุกครั้งที่เจอพี่เขากูจะไม่สงสัยเลยไง”


“ไอเหี้ย คนโคตรเยอะ ข้าวบ้านไม่มีแดกกันหรือไงวะ โรงอาหารแทบจะถลัก”

ไอเผือกบ่นอย่างหัวเสียงก่อนจะยื่นข้าวน่องไก่ทอดมาให้ผม ไอจัญไรแมนนี่หร่อยน่องไก่กูไปอีกแล้ว ผมจำได้
สุกี้แห้งไม่มีน่องไก่ แต่จานมันมี

“เผือกป้าใส่น่องไก่ให้มึงอีกแล้วหรอวะ”

ผมถามมันพลางหรี่ตาจับผิดมันไปด้วย ไอเจงมองไอเผือกแล้วหัวเราะเบาๆ ส่วนไอตัวต้นเรื่องหน้าเสียไปแล้วครับ คิดว่ากูไม่รู้สินะมึง ครั้งนี้เทียนไม่โง่ครับ

“ค่าเดินกูไง”

“สองน่องเลย”

“แหมๆของมึงมีตั้งสี่”

ใช่ของกูมีตั้งสี่ แต่สี่น่องนี้กูต้องแดกกับข้าวจานนึงไงไอเลว กูสั่งกับอย่างเดียวนะเว้ย ผมมองมันตาเขียว ไอเผือกหยิบน่องไก่ขึ้นมา ไอผมก็คิดว่ามันจะใส่คืนในให้จานผมแต่แม่ง

“กูเลียแล้ว อะ อมด้วย ดูดด้วย จะเอาคืนอีกไหม”

“ไอเหี้ยเผือกสกปรก!!”

ผมหยิบเศษกระดาษแถวนั้นปาใส่มัน ไอเผือกหัวเราะร่วนก่อนจะยกจานหนีผมไปนั่งอีกฝั่ง

“แกล้งอะไรไอเพี้ยนมันอีกวะพวกมึงเนี่ย”
พี่นัทเดินนำก๊วนเพื่อนเข้ามานั่งร่วมโต๊ะกับพวกผมพร้อมกับจานข้าวในมือ

“ไอเผือกมันขโมยน่องไก่ไอเพี้ยนแล้วไอเพี้ยนมันจับได้”

ไอเจงเป็นผู้ไขความกระจ่างให้กับคนมาใหม่ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสนุก

“เห้ยมึงสองตัวขยับเข้าไปข้างในหน่อย เดี๋ยวไอเหนือกับเดหลีมานั่งด้วย”


กึก

ผมชะงักช้อนที่กำลังส่งข้าวเข้าปากทันทีที่พี่เพลิงเอ่ยถึงชื่อพี่เหนือ ทำไมเวลาพวกพี่มาจะต้องมีพี่เหนือติดสอยห้อยตามมาทุกทีเลยวะ คณะแพทย์มันอยู่ใกล้วิศวะขนาดนั้นเลย ไอเจงลอบมองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง มันชักสีหน้าเล็กน้อยก่อนจะถามในสิ่งที่ผมก็อยากจะรู้เหมือนกัน

“ทำไมพี่เหนือต้องถ่อสังขารตัวเองมาแดกข้าวไกลถึงวิศวะด้วยวะพี่ โรงอาหารคณะแพทย์อาหารไม่อร่อยหรือไง”

“กูไม่รู้ อยากรู้มึงก็ถามมันเองเดินมาโน่นแล้ว”

ผมไม่ได้มองตามทิศทางที่พี่เพลิงบอก ผมเลือกที่จะนั่งกินข้าวไปเงียบๆ ใครจะมาใครจะไปก็เรื่องของเขาไม่เกี่ยวกับผม

“วันนี้พาเดหลีมากินข้าวไกลนะมึง”

“เดหลีอยากมาเองค่ะ โรงอาหารคณะวิศวะอร่อยเดหลีเคยมากินแล้วติดใจ”

“อ้าว ทำไมถึงเคยมาครับ พี่เดหลีมีเพื่อนเป็นเด็กวิศวะหรอ”

ไอเจงถามออกไปซื่อๆ แต่ก็ทำให้ทุกสายตาหันมองพี่เดหลีอย่างพินิจพิจารณายกเว้นพี่เหนือขานั้นเอาแต่มองหน้าผมตั้งแต่เดินมานั่งที่โต๊ะแล้ว

“เอ่อ คือพี่มาทำธุระแถวนี้น่ะค่ะ ไม่ได้รู้จักกับใครในวิศวะเลย”

“เอ๊ะแต่วันนั้นผมเห็นพี่นั่งอยู่กับเด็กวิศวะบางส่วนด้วยนะครับแต่ไม่ใช่ภาคเดียวกับพวกผมเลยไม่รู้ชื่อ”

พี่เดหลีเริ่มทำหน้าไม่ถูกเมื่อโดนไอเจงเล่นเกมส์ยี่สิบคำถามเข้าไป ในขณะที่พี่เหนือดูออกจะใจเย็นเสียเหลือเกิน เจ้าตัวตักข้าวกินเงียบๆไม่ได้สนใจอะไร

“เอ่อ คือ…พี่”

“ไอเจงกินข้าวเถอะจะไปซักพี่เดหลีทำไม วันนั้นที่มึงเห็นอาจจะไมใช่เด็กวิศวะก็ได้”

ไอเผือกเสริมต่อ แต่นั่นยิ่งทำให้พี่เดหลีหน้าซีดหนักเข้าไปใหญ่ ผมเห็นพี่เดหลีลอบมองพี่เหนือยู่หลายครั้งราวกับเธอกำลังกลัวว่าพี่เหนือจะรู้อะไรบางอย่างที่เธอไม่ต้องการให้พี่เหนือรู้ ท่าทางของพี่เดหลีดูร้อนรนแปลกๆ

“อะเทียนพี่ให้ เห็นว่าชอบ”

“ขอบคุณครับพี่สอง แล้วพี่ไม่กินหรอ”

พี่สองตักน่องไก่ในจานตัวเองมาวางที่จานผม ดึงผมให้กลับมาสนใจจานข้าวตัวเองแทนพี่สองส่ายหน้าให้เป็นคำตอบก่อนจะส่งอีกน่องมาให้

“ไอสองมันไม่อยากแดกหรอกไก่อะ มันอย่างแดกอย่างอื่นมากกว่าไก่แต่เสือกไม่มีปัญญา”

พี่ปราบหันมาพูดกับผมก่อนจะหันไปหัวเราะกับพี่คนอื่นๆราวกับรู้กัน

“แล้วพี่สองอยากกินอะไรครับ เผื่อวันหลังเทียนจะได้ซื้อมาฝาก”

“แบบนี้เรียกว่าอ่อยหรือเปล่าวะพวกมึง ฮิ้วว”

“ขออันนึงกูก็อยากกิน”

น่องไก่ในจานผมถูกขโมยไปซึ่งๆหน้าโดยฝีมือของพี่เหนือ พี่เหนือใช้มือหยิบไก่กินหน้าตาเฉย ก่อนจะหันมายักคิ้วกวนประสาทให้ผม

“ขี้แย่งหว่ะ”

ผมบ่นด้วยเสียงที่ไม่ดังนักก่อนจะมองน่องไก่ที่เหลือในจานของตัวเอง

“อะๆ เอาไปอันนี้กูให้ ชอบก็แดกเยอะๆ เป็นเก๊าเมื่อไหร่เดี๋ยวกูกับไอเจงเอากระเช้าผลไม้ไปเยี่ยม”

ไก่อีกน่องหนึ่งถูกวางลงบนจานของผมโดยฝีมือของไอเผือก ผมมองไก่ชิ้นนั้นที่วางอยู่บนข้าวด้วยนัยน์ตาเบิกค้าง ได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นจากไอเจงที่ฝั่งตรงข้าม ผมเผลอกำหมัดแน่นในวินาทีถัดมา เงยหน้ามองไอเผือกช้าๆ ไอเผือกทำหน้าเหรอหรามองผมกับไอเจงสลับกันไปมาด้วยความไม่เข้าใจ จำได้ไหมครับว่ามันทำอะไรไว้กับน่องไก่ในจานมัน เสียงจ๊วบจ๊าบตอนมึงดูดอมน่องไก่ยังสะท้อนอยู่ในรูหูกูอยู่เลย แล้วไอ่ด๊อกกก ตอนนี้มึงเอามันมาวางทับข้าวที่กูยังไม่ได้แดกซักคำเนี่ยนะ ไอเพื่อนส้นตีนกูจะกระทืบมึง ไม่ต้องอธิบายให้มากความ ไอเจงจัดการล็อคตัวไอเผือกไว้ให้ผมแน่นอย่างรู้งานก่อนที่ผมจะเอื้อมมือไปโบกหัวมันอย่างแรง

“โอ้ยยยย ไอเหี้ยเพี้ยนกูเจ็บ ตบทำพ่อมึงหรอ”

“ก็มึงแม่งข้าวกูยังไม่ได้แดกซักคำ เสือกเอาน่องไก่ที่มึงอมแล้วมาวางทับข้าวกู”

“ฮ่าๆๆๆๆ”

พวกพี่ๆที่นั่งร่วมโต๊ะเดียวกันพากันขำท้องคัดท้องแข็ง บางคนสำลักข้าวพ่นใส่หน้าคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามข้าวกระจายออกจากปากหล่นลงในจานข้าวและบนหน้าของคนฝั่งตรงข้ามเต็มๆ กลายเป็นสงครามโสมมกันทั้งโต๊ะ
ผมได้ยินเสียงหัวเราะป่นก่นด่ากันเองอีกเป็นชุดใหญ่ กว่าจะได้กินข้าวกันจริงๆก็ผ่านไปหลายนาทีแล้ว
ในขณะที่คนอื่นกำลังอร่อยกับข้าวในจาน(จานเดิมของพวกพี่มันนั่นแหละ ยังกล้าแดกต่อกันอีกเว้ย) ผมคว้าแก้วลาเต้ปั่นของไอเผือกขึ้นมาดื่มแต่ด้วยความไม่ทันระวังทำให้กาแฟที่ควรจะไหลลงคอย้อยมาที่มุมปากแทนพี่สองมองหน้าผมแล้วยิ้มเอือม มือหนาเอื่อมมาเช็ดที่มุมปากของผมเบาๆ

“ฮิ้วววว มีเช็ดปากกันด้วยเว้ยย”

“เอ่อ ขะขอบคุณครับ”

ผมรู้สึกเหมือนจะหน้าร้อนๆยังไงชอบกล ยิ่งโดนแซวยิ่งทำตัวไม่ถูก แม่งก็จะแซวกันทำไมวะ ผมเหลือบมองหน้าพี่เหนืออัติโนมัติ เห็นทางนั้นก็กำลังมองผมอยู่พอดีพี่เหนือมองผมด้วยสายตาที่คาดเดาไม่ได้

“พี่เทียนคะเดหลีก็ปากเปื้อนนะ คิกๆ ไม่เช็ดให้บ้างหรอ”

พี่เดหลีอ้อนด้วยท่าทางน่ารักก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆพี่เหนือ

“ได้สิ”

พี่เหนือพูดจบก็คว้าต้นคอพี่เดหลีเข้ามากดจูบอย่างเร็ว วินาทีนั้นผมรู้สึกเหมือนตัวเองโดนน้ำเย็นสาดหน้า พี่เหนือจ้องหน้าผมในขณะที่ปล่อยให้ริมฝีปากตัวเองทาบอยู่บนปากเรียวของพี่เดหลี เป็นเพียงการประกบปาก แต่ก็ทำให้ผมรู้สึกจุกจนทนมองต่อไม่ได้

“เฮ้ย ไอห่านี่ไปทำกันที่อื่นสิวะ ตรงนี้มีเด็กไม่บรรลุนิติภาวะอยู่นะเว้ย”

พี่นัทโวยลั่นก่อนจะกระวีกระวาดยกมือขึ้นมาบังหน้าผม ผมหัวเราะขำไปตามเรื่องทั้งที่จริงๆแล้วข้างในของผมมันไม่ได้ขำด้วยเลยซักนิด

“ก็แค่จูบ”

“ถึงจะแค่จูบพี่ก็ไม่ควรทำต่อหน้าคนอื่น ไปไอเพี้ยนกูแดกข้าวไม่ลงแล้ว”

ผมโดนไอเผือกฉุดให้ลุกจากเก้าอี้ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม มันรวบจานข้าวทั้งของผมและของมันมาถือไว้ก่อนจะเดินลากแขนผมออกจากโรงอาหารไป และนั่นคือสิ่งที่ผมรู้สึกขอบคุณมันที่สุด ผมเองก็ไม่อยากนั่งอยู่ตรงนั้นแล้วเหมือนกัน



--------------------------------------------------------------------------

ลงให้อีกหนึ่งตอนเผื่ออาทิตย์หน้าไม่มีเวลามาลงให้ค่ะ อย่าลืม comment เป็นกำลังใจให้น้องเพี้ยนนะคะ ดูอีพี่เหนือทำตัว ชิชิ

















หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (26/04/2019) ตอนที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 26-04-2019 15:06:10
 :z6: :beat:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (26/04/2019) ตอนที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 26-04-2019 15:13:39
 :hao4:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (26/04/2019) ตอนที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 26-04-2019 15:59:52
เยี่ยมค่ะ พี่เหนือ..   :z6: :z6: :z6: รัวๆเรยคร่าาา..
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (26/04/2019) ตอนที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 26-04-2019 16:51:23
พี่เหนือ  :z6: :katai1: :angry2:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (26/04/2019) ตอนที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 26-04-2019 19:17:36
คืออะไรเนี่ย ตอนที่แล้วบอกชอบกำลังจีบ ตอนนี้จูบปากสาวต่อหน้ากลางโรงอาหาร อิพี่เหนือนี่ยังไง ต่อมบางอย่างบกพร่องไหมน่ะ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (26/04/2019) ตอนที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 26-04-2019 19:51:14
พี่เหนือออออ!!!
ทำน้องเพี้ยน ไม่ตายดีแน่  :m16: :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (26/04/2019) ตอนที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 26-04-2019 20:43:10
 :pig4: :pig4: :pig4:

นี่คือสงครามอะไรกัน? 

ตรูไม่เข้าใจอ่ะ

อิพี่เหนือเมิงเป็นอะไรไม่ทราบ?
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (26/04/2019) ตอนที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-04-2019 21:43:38
 :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (26/04/2019) ตอนที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 26-04-2019 22:33:08
สงสารน้องเพี้ยนคนซื่อ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (26/04/2019) ตอนที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 26-04-2019 23:56:30
จ้า ประชดเก่ง
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (26/04/2019) ตอนที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 27-04-2019 00:21:54
พี่เหนือต้องพูดให้ชัด ไม่งั้นเพี้ยนไม่เข้าใจหรอก
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (26/04/2019) ตอนที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 28-04-2019 02:42:54
งงในงง
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (26/04/2019) ตอนที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 28-04-2019 20:19:58
ไปเคงียร์ตัวเองก่อนม่ะพี่เหนือ ก่อนจะมาอะไรแบบนี้กับน้อง เกลียดดดดก
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (26/04/2019) ตอนที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 30-04-2019 13:07:21
เชร้ดดดดดด
จูบหญิงอื่นต่อหน้าในระยะประชิด
 :hao5:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (26/04/2019) ตอนที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: wookyu ที่ 04-05-2019 09:39:24


                                                                       -21-

ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมไม่ได้อยากทำให้ไอเพี้ยนมันรู้สึกแย่ แต่ผมก็โมโหเป็นเหมือนกันเวลาที่เห็นมันอยู่ใกล้คนอื่น โดยฉะเพราะคนอื่นที่ว่านั้นคือไอสอง ที่ผมจูบเดหลีต่อหน้ามัน ก็เพราะอยากประชดมันเฉยๆ ผมไม่ได้พิศวาทอะไรเดหลีเลยแม้แต่นิด คนอื่นอาจจะเข้าใจว่าผมกับเดหลีเป็นแฟนกัน เป็นว่าที่คู่หมั่นกัน เป็นคนพิเศษต่อกัน แต่ความจริงแล้วมันแทบไม่ใช่เลยต่างหาก ครอบครัวผมกับเดหลีเราเป็นพาร์ทเนอร์กันทางด้านธุระกิจ เรื่องหมั่นก็เป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่คุยกันเอง ไม่ได้เกี่ยวกับผม ตอนนั้นที่ผมไม่ได้ปฎิเสธอย่างจริงจังก็เพราะคิดว่าไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร อีกอย่างผมก็ไม่อยากให้ฝ่ายหญิงเสียหน้าด้วย ผมปล่อยให้ทุกคนเข้าใจกันไปเองว่าผมกับเดหลีคบกัน เป็นแฟนกัน ถ้าผมรู้ว่าการที่ผมปล่อยให้รื่องบานปลายจนถึงขั้นนี้แล้วจะทำให้ผมต้องมานั่งหงุดหงิดใจทีหลังผมจะไม่ทำเลยจริงๆ ไอเพี้ยนมันเองก็เข้าใจอะไรไม่ต่างไปจากที่คนอื่นคิด และนั่นคือเหตุผลที่มันเมินเฉยกับความรู้สึกของผม
“พี่เหนือคะ ขอบคุณนะคะวันนี้เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกเลยที่เดหลีรู้สึกว่าเราสองคนเป็นแฟนกันจริงๆ”
เดหลีกอดเอวผมหลวมๆหลังจากที่ผมพาเธอกลับมาส่งที่คณะ
“มันไม่มีอะไรพิเศษไปกว่าที่เห็นหรอก พี่ว่าเดหลีก็น่าจะรู้”
“พี่เหนือ มะ หมายความว่าไงคะ”
“พี่รู้ว่าเดหลีไม่ใช่คนโง่ คงพอจะรู้ว่าที่ผ่านมาพี่ไม่ได้คิดอะไรกับเดหลี ทุกอย่างมันเป็นแค่การตกลงระหว่างผู้ใหญ่ แต่มันไม่ใช่การตัดสินใจของพี่”
“แต่ความรู้สึกของเดหลีคือเรื่องจริงนะคะพี่เหนือ เดหลีรักพี่เหนือ”
เดหลีผวากอดผมแน่นราวกับว่าหากเธอปล่อยมือจากผมแล้ว ผมจะหนีไปจากเธอ ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา หากแต่ผมกลับไม่รู้สึกใดๆเลยแม้กระทั่งสงสาร
“ถ้าความรู้สึกของเธอคือเรื่องจริง เธอคงไม่เที่ยวนอนกับคนอื่นไปทั่วหรอกจริงไหม”
“พะ พี่เหนือ”

“พี่ว่าเราพอแค่นี้เถอะเดหลี ส่วนเรื่องหมั้นพี่จะไปคุยกับผู้ใหญ่เอง”
ผมแกะมือเธอออกจากแขนอย่างไม่ใยดี หันหลังเตรียมเดินกลับขึ้นรถ แต่ทว่า
“เพราะมันใช่ไหม เพราะไอเด็กเทียนนั่นใช่ไหม”
เดหลีตะโกนไล่หลังผมมาด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด และนี่คงเป็นธาตุแท้ของเธอที่พยายามจะซ่อนเอาไว้
“เทียนไม่เกี่ยว เธออย่าลากคนอื่นเข้ามายุ่ง”
“มันจะไม่เกี่ยวได้ไง เดหลีเห็นนะคะว่าพี่เหนือสนใจเด็กนั่นเป็นพิเศษ พี่เหนือชอบมันใช่ไหม พี่เหนือชอบอีเด็กตุ๊ดนั่นใช่ไหม”
“เดหลี!!!”
ผมตะคอกเธอเสียงดังลั่น ผมยอมรับว่าผมโกรธจนเสี้ยวหนึ่งของความคิดอยากจะเดินไปตบปากเธอแรงๆโทษฐานที่เธอกล้าว่าไอเพี้ยนของผม ทั้งๆที่เธอแทบจะไม่รู้จักมันเลยด้วยซ้ำ
“เดหลีจะไม่ยอมปล่อยให้เรื่องมันจบแบบนี้แน่ พี่เหนือคอยดูแล้วกัน”
ผมมองเดหลีที่เดินปาดน้ำตาจากไปยังตึกคณะของตัวเองแล้วได้แต่ถอนหายใจ ถามว่าผมกลัวคำขู่ของเธอไหม ผมตอบเลยว่าไม่ แต่ผมกลัวความคิดของไอเพี้ยนมากกว่า

ช่วงเย็นผมกลับเข้าบ้านหวังว่าจะคุยกับพ่อเรื่องการหมั้นของผม ผมขับรถมาจอดหน้ารั้วบ้านมองลอดผ่านประตูเข้าไปก็พบรถยนต์คันหนึ่งจอดอยู่ซึ่งมองแวบแรกก็พอจะเดาได้ว่าเป็นของใคร และมันก็จริงอย่างที่ผมคิด เมื่อผมเดินเข้ามาถึงตัวบ้าน ก็ถูกพ่อเรียกเข้าไปนั่งยังห้องรับแขก ผมยกมือไหว้แขกผู้มาเยือนตามมารยาทก่อนจะทิ้งตัวนั่งลง

“ไงเจ้าเหนือไม่เจอกันตั้งนาน ไม่เห็นไปเที่ยวหาลุงหาน้องที่บ้านเลย”
“ผมไม่มีธุระอะไรที่จะต้องไปพบคุณลุงนี่ครับ จะให้ผมไปทำไม”
ผมไม่ได้ตั้งใจจะยียวน สิ่งที่ผมพูดก็ไม่ได้ผิดไปจากความจริง ไม่มีธุระจะให้ไปหาทำไม
“ก็พาเดหลีไปกินข้าวดูหนังอะไรแบบนี้ไง เอ็งไม่ต้องเกรงใจลุงหรอกคนกันเองทั้งนั้น ลุงไว้ใจเอ็งถึงได้ยอมยกลูกสาวให้”
ผมแค่นยิ้มน้อยๆ กับประโยคเมื่อครู่ ฟังแล้วขำชะมัด ไม่ถามผมซักคำว่าต้องการไหมลูกสาวตัวร้ายของลุง จู่ๆก็มายัดเยียดให้
“ฮ่าๆๆ ลูกฉันนี่โชคดีจริงๆ มีแฟนสวย ฐานะก็ดี ชาติตระกูลก็ดี แบบนี้สิถึงจะเหมาะสมกันหน่อย ใช่ไหมเจ้าเหนือ”
“ครับ แต่ผมขอปฏิเสธ ผมไม่ได้ชอบเดหลี ไม่ว่าจะตอนนี้ หรือแม้แต่ที่ผ่านมา ผมก็ไม่เคยคิดอะไรกับเดหลีแบบนั้นเลย”

หลังจากที่ผมพูดจบทั้งบ้านก็ตกอยู่ในความเงียบ ลุงเหมมองหน้าผมด้วยสายตาที่ต่างไปจากเมื่อครู่ ผมรับรู้ได้ถึงความไม่พอใจผ่านสายตาคู่นั้น ไม่เว้นแม้แต่พ่อของผม
“แกพูดอะไรของแก”
“ตามที่ได้ยิน ผมไม่ได้ชอบเดหลี และก็ไม่เคยคิดเลยด้วย”
“แต่ฉันกับเพื่อนฉันสัญญากันแล้วว่าจะให้แกสองคนหมั้นหมายกัน เพราะฉะนั้นแกต้องหมั้น”
“ผมขอโทษ แต่เรื่องนี้พ่อไม่มีสิทธิ์มาบังคับผม ชีวิตผมผมขอเลือกเอง
“เจ้าเหนือ!!”

ผมไม่สนใจเสียงเรียกที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดของคนเป็นพ่อ พอได้พูดในสิ่งที่ต้องการจบผมก็ขับรถออกจากบ้านทันที

“นึกยังไงชวนพวกกูมาแดกเหล้าวะ”
ผมมองหน้าคนถามเล็กน้อยก่อนจะยกแก้วดื่มพรวดเดียวหมด
“แดกช้าๆเว้ย นี่เหล้านะครับไม่ใช่น้ำเปล่า”
ไอเพลิงว่าพลางกระชากแก้วออกจากมือของผม หลังจากที่ขับรถออกจากบ้านผมก็โทรหาเพื่อนสนิทต่างคณะของผมให้มาดื่มด้วยกัน ไอเพลิงมาหาผมที่ร้านพร้อมพวกไอนัทและเพื่อนในคณะผมอีกสี่คนไอพล ไอโอบ ไอปราบและไอปิ๊ก
“มึงมีอะไรจะเล่าให้พวกกูฟังหรือเปล่า ดูมึงเหมือนมีเรื่องจะให้คิด”
“พ่อกูจะให้กูหมั้นกับเดหลี”
“แล้วทำไมวะ ไม่เห็นจะน่าเครียดตรงไหนมึงกับเดหลีก็เป็นแฟนกัน ไม่ช้าก็เร็วพวกมึงก็ต้องหมั่นกันอยู่ดี”
“กูไม่ได้ชอบเดหลี ไม่คิดและก็ไม่มีวันด้วย”
ผมตอบเสียงแข็งดูเหมือนพวกเพื่อนที่เหลือจะแปลกใจกับคำตอบผมไม่น้อย เว้นอยู่คนเดียวคือไอเพลิง
นอกจากมันจะไม่แปลกใจแล้วยังทำท่าโล่งใจอย่างปิดไม่มิดด้วย
“โชคดีแล้วที่มึงไม่ได้ชอบเดหลี”
“ทำไมวะ”
อันนี้ผมไม่ได้ถามนะครับ แต่เป็นเพื่อนๆขี้เสือกในกลุ่มของผมต่างหาก พวกมันพร้อมใจกันถามก่อนจะเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ
“เดหลีเคยคบกับเพื่อนในคณะกู แต่เป็นเด็กภาคโยธา นอกจากเพื่อนกูคนนั้นแล้วก็มีอีกหลายคน อย่างไอปอนด์เศรษฐศาสตร์ ไอนุกเด็กมนุษย์ฯและไหนจะไอก้านเด็กอินเตอร์อีก เดหลีไม่ธรรมดานะกูพูดเลย”
ผมนั่งฟังนิ่งๆไม่มีความเห็นหรือความรู้สึกใดๆทั้งนั้น เรื่องพวกนี้ผมเองก็รู้อยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ได้ใส่ใจขนาดรู้ว่าเธอควงเด็กคณะไหนบ้าง

“แล้วพ่อมึงรู้ยังว่าลูกสะใภ้ในอนาคตทำตัวแบบนี้”
ไอพลถามด้วยน้ำเสียงติดเล่น
“พ่อน้องมันเองยังไม่รู้เลยมั้งว่าลูกตัวเองเป็นยังไง”
“เรื่องหมั่นมึงไม่ต้องเครียดนะเดี๋ยวกูช่วยหาวิธี”
“เรื่องนั้นกูไม่เคยใส่ใจอยู่แล้ว”
ผมตอบไอเพลิงก่อนจะยกแก้วขึ้นมาดกพรวดเดียวหมด
“แล้วที่นั่งทำหน้าเหมือนจะตายอย่างนี้คืออะไร”
“กูเครียดเรื่องน้องในคณะมึงนั่นแหละ”
พอผมบอกว่าเครียดเรื่องน้องในคณะมัน ไอที่เหลือที่กำลังคุยหลีสาวข้างโต๊ะ แจ้นกลับมานั่งรวมกลุ่มที่โต๊ะทันที ต่อมเสือกทำงานดีอย่างไม่มีที่ติ
“ใครวะ”
ไอนัทถาม
“อย่าบอกนะว่าไอเทียน”
ไอเพลิงแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตกใจ
“เออดิ ไอเพี้ยนคนดีของพวกมึงไง ไม่รู้ป่านนี้แม่งเข้าใจไปถึงไหนต่อไหนแล้ว”
ยิ่งพูดก็ยิ่งเครียด ผมไม่ชอบเลยเวลาที่ต้องเว้นระยะห่างกับมัน ยิ่งห่างเพื่อให้มันทบทวน กลับยิ่งไกลออกไปจริงๆ
“เดี๋ยวๆ มึงไปสปาร์คกับน้องกูตอนไหน”
ไอปราบถามอย่างร้อนรน พวกมึงนี่แม่งพอเป็นเรื่องของไอเพี้ยนหน่อยล่ะก็เป็นเดือดเป็นร้อนกันจริงๆ
“ไม่รู้”
ผมบอกไม่ได้ว่ามันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ พอรู้ตัวอีกทีก็หลงมันจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว ไม่สมกับเป็นผมเลยจริงๆ
“มึงต้องรีบๆเคลียร์เรื่องเดหลีให้ไวเลยแหละ ปล่อยไว้นานกว่านี้ไอเพี้ยนมึงได้โดนหมาคาบไปแดกแน่ มึงก็รู้น้องกูเนื้อหอม”
ไอห่าเพลิงคนยิ่งเครียดๆอยู่ เสือกมาปั่นอีก ใช่ว่าผมไม่รู้ว่าไอเพี้ยนของผมมีคนหมายตาเยอะขนาดไหน มันเป็นคนเฟรนด์ลี่ เข้างานคนง่าย เป็นคนซื่อๆ นิสัยแบบนี้ของมันไงเลยทำให้คนอื่นชอบไปทั่ว ไอเด็กขี้อ่อยเอ้ย
ยิ่งคิดถึงตอนมันคุยหัวเราะเล่นกับคนอื่นไปทั่วอย่างไรยิ่งพาลให้หงุดหงิด ผมคงปล่อยให้เรื่องมันยืดเยื้อกนานกว่านี้ไม่ได้แล้ว ไม่งั้นผมอาจจะอกแตกตายเข้าซักวัน


----------------------------------------------------------
พี่เหนือจะง้อเพี้ยนยังไงเนี่ย มาลุ้นกันนะคะ แล้วก็อย่าลืม Comment เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (05/05/2019) ตอนที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 04-05-2019 10:36:50
 :pig4: :pig4: :pig4:

ทำไมไม่เอาเรื่องพฤติกรรมเดหลีคนดีไปแฉให้บุพการีทั้งสองฝ่ายทราบหล่ะจ๊ะเพ่เหนือคนเก่ง

ทำให้พวกเขาตาสว่างหน่ะ เข้าใจป่ะ ประมาณเบิกเนตรอ่ะ  อิอิ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (05/05/2019) ตอนที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: Piggyyoungy ที่ 04-05-2019 11:24:58
ง้อต่อเลยได้ไหม ถือเป็นของขวัญวันหยุดยาว
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (05/05/2019) ตอนที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 04-05-2019 12:07:17
เหนือน่าจะปฏิเสธต้องแต่แรกนะ ไม่น่าปล่อยมานานจนคนอื่นเข้าใจผิดขนาดนี้
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (05/05/2019) ตอนที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-05-2019 12:27:14
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (05/05/2019) ตอนที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 04-05-2019 12:29:34
พี่เหนือต้องชัดเจนกว่านี้นะคะ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (05/05/2019) ตอนที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: wookyu ที่ 04-05-2019 15:58:32
ง้อต่อเลยได้ไหม ถือเป็นของขวัญวันหยุดยาว


จัดให้เลยค่าาา ถ้าลงวันนี้ 2 ตอน ก็จะเหลืออีกสามตอนเท่านั้นนนนนน เดี๋ยวมาลงให้นะคะ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (05/05/2019) ตอนที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: wookyu ที่ 04-05-2019 16:00:43

                                                                                -22-

หากผมสามรถขออะไรก็ได้ซักข้อนึงกับพระพุทธเจ้า พระซัมธรรมจั๋ง เจ้าแม่กวนอิม พระพรหม พระเยซู และสิ่งศักดิ์สิทธ์จากทั่วสากลละโลก ผมอยากจะขอพรให้ ให้ ให้ วิศวะไม่มีแคลคูลัส! เหี้ยเอ้ยคะแนนสอบครั้งที่แล้วเละไม่เป็นท่าเลย ผมมองกระดาษคะแนนตัวเองด้วยสีหน้าที่สิ้นหวัง ข้อสอบมียี่สิบข้อผมมั่วถูกอยู่แค่สามข้อเอง ตาย ตายแน่กูอาทิตย์หน้าสอบจริงแล้วด้วย

“ตายอย่างเขียด ความรู้สึกเป็นยังไงวันนี้กูเข้าใจได้ดีเลย”

ไอเจงบ่นด้วยน้ำเสียงเลื่อนลอย มองกระดาษข้อสอบในมือตัวเองอย่างข่มขื่น

“อาทิตย์หน้าสอบมิดเทอมถ้าคะแนนกูยังเหี้ยเรียกพี่แบบนี้มีหวังแดกปลาแน่”

“ทำไงดีวะ”

“นันดิไงดี พี่รหัสกูก็ฉลาดน้อยซะด้วยจะให้ติวให้กูก็เกรงใจ”

ไอเผือกพาดพิงไปถึงพี่รหัสตัวเองด้วยท่าทีหน่ายๆ พวกพี่เพลิงเขาเป็นเด็กกิจกรรมครับแต่ไม่ค่อยถนัดเรื่องทฤษฎี ผมเคยพี่ๆเขาสอนครั้งหนึ่งตอนเรียนปรับพื้นฐาน พี่เขาสอนพวกผมผิดเรียบเลยตั้งแต่นั้นพวกผมเลยไม่กล้าให้สอนอีก

“พี่รหัสมึงกับพี่รหัสกูก็โง่พอกัน ส่วนพี่รหัสไอเพี้ยนไม่ต้องพูดถึงตายห่าไปแล้วมั้งป่านนี้ ตั้งแต่เปิดสายมากูไม่เคยเจอพี่รหัสมันอีกเลย”

“เฮ้ย!! พี่สองไง ขานั้นเก่งแคลฯ ไอเพี้ยนมึงไปขอให้พี่สองติวให้ดิ กิ๊กๆกันไม่ใช่หรอมึงกับพี่เขาน่ะ”

“กิ๊กแม่มึงไหมล่ะ กูขอสั่งห้ามมึงพูดถึงกูกับพี่สองในทำนองนี้อีก เพราะมันจะทำให้กูเข้าหน้าพี่เขาไม่ติด”

ผมกำชับด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไอเผือกไหวไหล่ใส่ผมก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาไถ่เล่น ช่วงบ่ายเรามีเรียนอีกตัวระหว่างนี้ก็นั่งเล่น นั่งคุยกันไปเรื่อย
“มึงๆผู้หญิงคนนี้หน้าตาคุ้นๆหว่ะ”

“ไหนๆ”

ผมไอเจงชะโงกหน้าไปดูหน้าจอมือถือของไอเผือก รูปที่ผมเห็นเป็นผู้หญิงกับผู้ชายสองคนกำลังทำเรื่องแบบนั้นกันอยู่บนเตียง โดยผู้หญิงเปลือยผ้านั่งทับตรงส่วนนั้นของผู้ชายที่นอนอยู่ มุมภาพเหมือนถูกแอบถ่ายจากปลายเตียง ผมเห็นหน้าไม่ชัดเพราะว่าผู้หญิงหันหน้าด้านข้าง แต่นั่นก็ทำให้ผมคิดเหมือนกันว่าหน้ามันคุ้น

“เหี้ยลีลาอย่างเด็ด ไอเจงมึงหาคลิปดูดีกว่า แค่รูปมันไม่พอ”

ไอเผือกรับคำแล้วใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการหาคลิป เฮลโลเผือก ถ้ามึงตั้งใจเรียนได้ครึ่งนึงของเรื่องจัญไรนี่คงจะดีไม่น้อย ผมส่ายหน้าเอื่อมๆให้กับไอพวกบ้ากาม มองนาฬิกาอีกครั้งเห็นว่าใกล้เวลาเรียนเลยสะกิดเรียกมันสองตัวให้ขึ้นห้อง ตลอดเวลาเรียนผมเห็นมันสองตัวนั่งสุมหัวกดมือถือกันอย่างเอาเป็นเอาตาย
ไม่ต้องบอกก็พอเดาได้ใช่ไหมครับว่ามันหาหาอะไรกัน


“รูปเด็ดขนาดนี้ไม่มีคลิปได้ไงวะ”
ไอเผือกบ่นอย่างหัวเสีย
“แต่กูว่าหน้าเขาเหมือนพี่เดหลีเลย จะว่าไงดีกูสังเกตุที่ใบหน้าด้านข้างอ่ะ โคตรเหมือนเลย นี่ถ้ากูไม่เห็นว่าพี่เขาออกจะเรียบร้อย กูคิดว่าพี่เดหลีคือคนในรูปล้านเปอร์เซ็นต์เลย”
“เหี้ยพูดอะไรของมึง เดี๋ยวพี่เหนือมาได้ยินก็ตายทั้งก๊วนหรอก”
ไอเผือกเอ็ดไอเจงก่อนจะโบกหัวไปอีกที

“ไปๆกลับบ้าน เพ้อเจ้อนักนะพวกมึง”

ผมบอกแล้วเดินนำลงมาข้างล่างโดยมีพวกมันสองตัวเดินเถียงกันตามหลังมา

“เทียนคะ”

แก้มมมมมมมม เห็นหน้าเธอที่ปลายบันไดแล้วใจหายวาบ ไอสองตัวที่เหลือหยุดคุยกันทันทีมันมองผมกับพี่แก้มพร้อมยิ้มกรุ่มกริม

“ไม่เจอกันตั้งนานพี่คิดถึงเทียนจัง”

แต่ผมไม่หว่ะ เห็นหน้าพี่แล้วผมอยากร้องไห้ขึ้นมาทันทีเลย

“พี่แก้มมาทำอะไรคณะวิศฯครับ”

ผมถามอย่างสุภาพ เดินลงบันไดไปยืนข้างพี่แก้มอย่างเลือกไม่ได้ พี่แก้มดูจะพอใจมากที่ผมเดินลงมาหา สองแขนเล็กคล้องควงเข้าที่ท่อนแขนผมเหมือนทุกที

“มาเป็นเพื่อนพี่เดหลีค่ะ เขามาหาเพื่อน”

“อ่อ ครับ”

ผมที่ไม่รู้จะพูดอะไร เลยรับคำไปสั้นๆ ในขณะที่เพื่อนผมสองคนกำลังซุบซิบอะไรบางอย่างด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“เทียนว่างนั่งรอเดหลีเป็นเพื่อนพี่ไหม พี่อยู่คนเดียวไม่มีเพื่อนพี่เหงาน่ะ นะ น้าคะ”

พี่แก้มไม่พูดเปล่าเธอเอาหัวเล็กๆของตัวเองมาไถเล่นที่แขนผมประกอบคำพูดไปด้วย คนอื่นมองผมกับพี่แก้มแล้วยิ้มเขินๆ ในขณะที่ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆกลับไป ในระหว่างที่ผมยืนทำหน้าไม่ถูก สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นพี่สองกับพี่ปราบกำลังเดินเลยผ่านตรงที่ผมยืนอยู่ไป ผมกำลังจะตะโกนเรียกแต่ไอเสียงคนข้างหลังกลับตะโกนตัดหน้าไปก่อน

“พี่สอง”

พี่สองหันมาตามเสียงเรียก พอเห็นว่าผมยืนตรงนั้นด้วยพี่แกก็รีบเดินเข้ามา

“มีอะไรหรอเผือก”

“ไอเทียนมันอยากให้พี่ติวแคลให้ แต่ไม่กล้าพูด”

ไอเผือกโยนขี้มาทางผม พี่สองระบายยิ้มน้อยๆที่มุมปากก่อนจะตกปากรับคำอย่างง่ายดาย

“เดี๋ยวพี่เอางานขึ้นไปส่ง เทียนไปนั่งรอพี่ตรงโน่นก็ได้”

“เอ่อ ครับ ขอบคุณมากพี่”

“แหมพี่สองพอบอกว่าไอเทียนให้ติวนี่รับคำเร็วเชียวนะ”

“อย่าแซว ถ้าพวกนายอยากให้สอนก็มาบอกพี่สิ ไปนั่งรอด้วยกันนั่นแหละเดี๋ยวพี่ลงมา”

พี่สองพูดจบก็วิ่งตามพี่ปราบขึ้นไปชั้นบน ผมเลยเดินนำทุกคนไปยังโต๊ะว่างในโรงอาหารซึ่งเป็นโต๊ะสาขาของเด็กวิศวะด้วย


“พี่แก้มจะโอเคไหมครับถ้าผมจะนั่งติวตรงนี้รอพี่เดหลีเป็นเพื่อนพี่”
ผมถามตามมารยาท ทั้งๆที่ใจจริอยากจะบอกพี่เขาเหลือเกินว่ากลับไปเสียเถิดผมจะติวกับเพื่อน

“ไม่เป็นไรค่ะ แค่ได้นั่งกับน้องเทียนก็พอ”

“แหมๆพี่แก้ม ไม่ได้อยู่กันแค่สองคนนะครับ”

พี่แก้มหัวเราะ ไม่นานพี่สองก็เดินลงมา พี่สองเดินมานั่งข้างผม ส่วนพี่ปราบที่เดินตามมาด้วยทิ้งตัวนั่งอีกฝั่ง
พี่สองช่วยผมติวแบบตัวต่อตัว พี่สองสอนผมอย่างใจเย็น แม้ผมจะทำผิดเป็นสิบๆรอบพี่เขาก็ยังยิ้มอย่างเอ็นดู
พี่สองนั่งติดกับผมชะโงกหน้าเข้ามาใกล้มากเสียจนผมต้องผงะออก แต่พี่เขาไม่ได้ตั้งใจนะครับ พอผมทำเสร็จพี่เขาก็ชักหน้าออกไป ผ่านไปเกือบชั่วโมง พี่แก้มก็ขอตัวกลับก่อนเนื่องจากพี่เดหลีโทรตาม ผมนั่งติวกันอยู่อีกพักใหญ่ ได้ยินเสียงฝีเท้าหลายคู่เดินมายังโต๊ะที่ผมนั่งติวกันอยู่เลยเงยหน้ามองเล็กน้อย

ตุบ

หนังสือหลายเล่มถูกโยนลงบนโต๊ะตรงหน้าที่ผมนั่งอยู่ ผมมองหน้าเจ้าของหนังสือด้วยความแปลกใจ
“แดกรังแตนที่ไหนมาวะ มาถึงก็หน้าเป็นตูด”
พี่นัททักคนมาใหม่ ก่อนจะขยับที่นั่งให้
คนมาใหม่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพราะมัวแต่จ้องผมที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“นั่งเบียดกันขนาดนั้นมึงไม่ร้อนหรือไง”
เป็นประโยคที่คนพูดเหมือนจะพูดขึ้นมาลอยๆ ไม่ได้เจาะจงใครเป็นพิเศษ แต่ตาคมคู่นั้นกลับจ้องมาที่ผม
“มึงหมายถึงใครวะ”
พี่นัทถามด้วยความสงสัย ก่อนจะยิ้มอย่างเจ้าเลห์เมื่อไล่สายตามาหยุดที่ผม ความรู้สึกเหมือนตัวเองตกเป็นเป้านี่คืออะไร ทำไมพี่ๆเขาต้องกระซิบกระซาบแล้วมองมาทางผมด้วย
“ไอเหนือมันถามว่ามึงไม่ร้อนหรือไงไอเทียนนั่งเบียดไอสองขนาดนั้น”
ผมเขยิบห่างพี่สองเล็กน้อย ที่ดูเหมือนเบียดกันอาจเป็นพราะพี่สองเอนตัวมาช่วยดูคำตอบในหนังสือผมมากกว่า ใครจะบ้ามานั่งเบียดกันในโรงอาหารร้อนๆให้จั๊กแร้เปียกกันบ้าง
“พี่สองช่วยดูงานให้ผมหรอกพี่ คิดเยอะนะเรา”
ผมย้อนพี่เพลิงบ้าง
“แล้วนี่พวกมึงติวกันหรอ”
“ใช่ดิพี่ คะแนนแคลพวกผมสามตัวรวมกันแล้วเรียกว่าเหี้ยเลยแหละ สอบครั้งหน้าถ้าได้ไม่เกินครึ่งคงได้เอาปลาไปนอนแทะเล่นแน่”
ไอเผือกพูดอย่างเหนื่อยใจ วิชานี้เป็นวิชาพื้นฐานของด็กวิศวะด้วยถ้าติดเอฟนี่ก็ไม่ต้องคิดถึงชีวิตที่เหลือในมหาฯลัยแล้ว
“พวกมึงเลยให้ไอสองช่วยติวว่างั้น”
“หรือพี่จะติวให้พวกผมล่ะ”
“ไม่เอากูเก่งที่ไหนละ ไม่ตกก็บุญหัวกูแล้ว แต่เพื่อนกูเก่ง ไงไอหมอสนใจช่วยติวให้น้องกูไหม”
พี่ปราบหลังไปถามคนหน้ายักษ์ข้างๆ
“เพี้ยนลุกเก็บของ”
ท่ามกลางความงงงวยของผม พี่เหนือเดินเข้ามาพับหนังสือ กวาดสมุดปากกาของผมเข้ากระเป๋าอย่างไว โดยที่ผมไม่ทันได้เอ่ยปากห้ามด้วยซ้ำ
“เฮ้ยพี่ เอากระเป๋าผมมา ผมจะติวกับเพื่อน”
ได้สติผมรีบรุดเข้าไปแย่งกระเป๋าตัวเอง แต่พี่เหนือมันไม่ยอมปล่อย
“พี่จะพาเพื่อนผมไปไหน อะ เฮ้ย!!พี่เพลิงมาล็อกคอผมทำไมวะ”
“เดี๋ยวเพื่อนมึงกูติวเอง”
“แต่ผมอยากติวกับเพื่อน”
“อย่าขัดใจกู เห็นกูปล่อยหน่อยเดี๋ยวนี้เหลิงนะมึง”
พี่เหนือไม่รอให้ผมพูดอะไรต่อ มือหนาคว้าเข้าที่ต้นแขนของผมและลากผมมาขึ้นรถตัวเองทันที ถามว่าจะพาไหนพี่แม่งก็ไม่บอก เอาแต่มองเอาแต่มองผมด้วยสายตาดุๆ ผมเลยจำใจต้องนั่งเงียบไปตลอดทาง

“พี่พาผมมาห้องพี่ทำไม”
ผมตัดสินใจถามอีกครั้ง หลังจากที่เดินผ่านประตูห้องพี่เหนือมาได้หน่อยนึง พี่เหนือยังไม่พูดอะไรกับผมเหมือนเดิม ร่างสูงเดินไปคว้าโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กมาวางไว้กางห้อง ก่อนจะทิ้งตัวนั่งในลำดับถัดมา

“มึงจะยืนทำหน้าโง่ตรงนั้นอีกนานไหม ไม่ติวหรือไง”
“พี่เอาจริงหรอ”
“แล้วมึงยอมให้เอาไหมล่ะ”
“โว้ย พี่ผมไม่ได้หมายถึงเอาอย่างนั้น ผมหมายถึงพี่จะสอนผมจริงหรอ”
ผมเดินหน้าบึ่งเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้ามของคนกวนประสาททันทีไม่รอให้ถูกเรียกซ้ำ คนห่าอะไรพูดเรื่องใต้สะดือได้หน้าตาเฉยมาก แถมสีหน้ายังดูพอใจมากมายเสียอีก
“ทำไมกลัวกูจะสอนไม่ถึงใจเหมือนไอสองหรือไง”
พี่เหนือถามเสียงขุ่น ใบหน้าเปื้อนยิ้มเมื่อครู่กลับมาเรียบตึงเหมือนเดิม
“เปล่า ผมแค่สงสัยว่าพี่เรียนหมอแล้วจะสอนผมได้ยังไง”
“กูสอนได้มึงจะให้อะไรกู”
“พี่ไม่รู้จักคำว่าฟรีบ้างหรอ ขูดเลือดกับปูถือว่าบาปนะครับ”
“บอกมาไม่งั้นก็ไม่สอน”
“ผมให้พี่สองสอนก็ได้”
“อย่าให้กูโมโห”
“ขี้บังคับหว่ะ แล้วพี่อยากได้อะไรล่ะ บอกก่อนถ้าแพงมาก หรือยากเกินไปผมคงให้พี่ไม่ได้หรอกนะ”
“ไว้สอบเสร็จก่อนแล้วกูจะบอกว่าอยากได้อะไร ตอนนี้มึงเลิกถามแล้วเอาชีทออกมาได้แล้ว”
ผมพยักหน้ารับคำก่อนจะเปิดกระเป๋าหยิบชีทเรียนที่ติวค้างกับพี่สองขึ้นมา พี่เหนือรับชีทไปอ่านคร่าวๆด้วยสีหน้าตั้งใจ ผมเผลอนั่งมองหน้าคนที่ทำให้ผมรู้สึกทั้งเศร้าและมีความสุขในคราเดียวกันอยู่นาน ผมรู้นะว่ามันผิดที่ผมอยากจะหยุดเวลาไว้แค่นี้ ผมรู้ว่ามันไม่แฟร์ต่อพี่เดหลี แต่ผมก็ห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้เหมือนกัน อย่างน้อยผมขอแค่ตอนนี้ เวลานี้ ให้ผมได้อยู่กับพี่เหนือโดยไม่คิดถึงเรื่องใดๆ ผมขอเป็นคนเห็นแก่ตัวเพื่อตัวเองซักวัน แค่วันเดียวให้ผมได้อยู่ใกล้ๆกับคนที่ผมรัก ผมขอแค่วันเดียวจริงๆ


 ------------------------------------------------------------------
มาลงให้แล้วนะ บอกเลยคนเขียนบ้ายอ 5555



 

 

หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (05/05/2019) ตอนที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 04-05-2019 17:07:05
 :pig4: :pig4: :pig4:

เพี้ยง...ขอให้เด็ก ๆ หาคลิปลับของสาวนิรนามหน้าคล้ายเจ้เดหลีให้เจอทีเหอะ  สาธุ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (05/05/2019) ตอนที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: Piggyyoungy ที่ 04-05-2019 17:58:19
ติวจบ เจอคลิป ง้อน้องต่อเลยได้ไหมคะ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (05/05/2019) ตอนที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 04-05-2019 19:32:22
 :z1:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (05/05/2019) ตอนที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 05-05-2019 12:00:42
อิพี่ก็ไม่เคลียร์ตัวเองสักกะที คนอ่านรอเผือก เอ้ยรอลุ้นไปด้วยเลยเนี่ย ขัดใจจริงๆ 5555
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (05/05/2019) ตอนที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 05-05-2019 12:35:56
พ่อคนซึนนน รีบๆก่อนโดนคาบไปนะจ๊ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (05/05/2019) ตอนที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-05-2019 21:03:42
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (05/05/2019) ตอนที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 06-05-2019 00:58:07
เคลียร์ปัญหาให้เข้าใจกันสักทีเถอะนะ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (05/05/2019) ตอนที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 06-05-2019 02:20:02
เหนือ เธอบอกน้องสักที น้องเข้าใจผิดหมดแล้วนะ :ling1:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (05/05/2019) ตอนที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 08-05-2019 22:50:27
ติดตามจ้า~
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (05/05/2019) ตอนที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 09-05-2019 13:49:43
ลองตามดูว่าพี่แมร่งจะจัดการยังไง
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (05/05/2019) ตอนที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: wookyu ที่ 09-05-2019 16:53:32
                                                                                              -23-

เขาว่ากันว่าเวลาแห่งความสุขมักจะอยู่กับเราได้ไม่นาน และผมก็เชื่อว่ามันคือรื่องจริง เมื่อผมเหลือบมองนาฬิกาบนเพดานห้องพี่เหนือ อีกไม่กี่นาทีก็จะวันใหม่แล้ว อีกไม่กี่ชั่วโมงผมกับพี่เหนือต้องกลับไปใช้ชีวิตของตัวเอง แค่คิดก็รู้สึกแปล๊บจากข้างใน

“ง่วงแล้วหรือไง”
“เปล่าครับ”
“เปล่าห่าอะไร กูเห็นมึงมองนาฬิกาแล้วทำตาละห้อยซะขนาดนั้น”
“พี่เคยคิดอยากให้เวลามันหยุดเดินบ้างไหม”
ผมเผลอถามออกไปตามหัวใจของตัวเอง พี่เหนือมองหน้าผมนิ่ง ก่อนจะดึงผมเข้าไปนั่งซ้อนอก ซึ่งครั้งนี้ผมเองก็ยอมให้ตัวเองถูกกอดอย่างง่ายดายอาจจะเป็นเพราะลึกๆข้างในผมเองก็กำลังโหยหาอ้อมกอดนี้
“ทำไมถามอย่างนั้น”
ผมช้อนตามองคนพูด และก็ถูกจูบเบาๆที่เปลือกตา พี่เหนือมองผมด้วยสายตาที่อบอุ่น มือหน้ากระชับกอดผมแน่นขึ้น แน่นจนผมรู้สึกอุ่นไปทั้งหัวใจ
“ผมแค่ถามเฉยๆ”
ผมแค่อยากรู้ว่าพี่อยากใช้เวลาอยู่กับผมบ้างไหม พี่เหนือจรดปลายจมูกลงที่หัวผมเบาๆ
“กูไม่อยากให้เวลามันหยุดเดิน เพราะกูรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้ามึงอยากรู้ว่ากูอยากใช้เวลาอยู่กับมึงไหม”
พี่เหนือเชยคางผมให้เงยขึ้นมาสบตา ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้ผมอุ่นซ่านไปทั่วหัวใจ
“กูอยากอยู่กับมึง”
ไม่รู้ว่าระยะห่างระหว่างผมกับพี่เหนือถูกย่นระยะลงไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ริมฝีปากร้อนของพี่เหนือได้ผละออกจากปากผมไปเสียแล้ว
“อย่าเที่ยวทำหน้าแบบนี้ให้ใครเห็นอีก ไม่งั้นมึงโดนกูแน่”
“อย่าคิดว่าผมจะกลัว”
ผมทำปากดี ก่อนจะขยับตัวออกจากอกของคนตรงหน้าแต่ทว่าก็ถูกดึงกลับมากอดไว้อย่างเก่า
“นอนไหมดึกแล้ว หนังสือพรุ่งนี้กูค่อยติวให้ใหม่ก็ได้”
คำว่าพรุ่งนี้ของพี่เหนือทำให้ใจผมเต้นผิดจังหวะ สำหรับผมยังมีวันฟรุ่งนี้อีกหรอ
“พรุ่งนี้พี่จะติวให้ผมอีกหรอ”
“ทำไมกูถึงติวให้มึงไม่ได้”
“แล้วพี่เดหลี”
“มึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก็ดีแล้ว”
พี่เหนือหันตัวผมกลับมาให้สบตากับตัวเองตรงๆ
“กูกับเดหลี เราไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“แล้วเรื่องหมั่น”
ผมมั่นใจว่าทุกอย่างที่ผมได้ยินมามันคือเรื่องจริง และก็ได้เห็นกับตาตัวเองด้วยทำไมพี่เหนือถึงบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน
“กูไม่รู้ว่ามึงไปได้ยินอะไรมา แต่กูขอยืนยันว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง กูกับเดหลีไม่ได้หมั่นกัน มันเป็นแค่ความคิดของผู้ใหญ่ และกูไม่เคยบอกว่ากูจะทำตาม”
“แต่”
“เดหลีเที่ยวบอกกับคนโน่นคนนี้ว่าเป็นแฟนกู เป็นคู่หมั่นกูทั้งๆที่บ้านเราแค่สนิทกัน กูเห็นว่าไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรและก็ไม่อยากหักหน้า เพราะอย่างน้อยเดหลีก็เป็นเหมือนน้องสาวกู”
พี่เหนืออธิบายอย่างใจเย็น นัยน์ตาคมดูจริงจังเสียจนผมไม่กล้าที่จะเอ่ยปากพูดอะไรออกไป
“พี่เดหลีชอบพี่เหนือ”
“แล้วยังไงกูจำเป็นต้องชอบตอบไหม อีกอย่างถ้าเขาชอบกูจริงคงไม่คบคนอื่นไปทั่วหรอก”
หื้อ หูผึ่งเลยสิครับได้ยินแบบนี้ พี่เดหลีนี่นะจะทำแบบนั้น ผมเห็นพี่เดหลีออกจะเรียบร้อยพี่เหนือมั่วหรือเปล่า
“พี่รู้ได้ยังไง”
“กูรู้แล้วกัน รู้มานานแล้วเพียงแต่กูแค่ไม่สนใจชีวิตใครก็ชีวิตมัน เธอจะคบกับใครซักกี่คนก็เรื่องของเธอ”
“ครับ”
ไม่รู้ว่าผมควรพูดอะไรออกไปดี เรื่องของพี่เดหลีผมยอมรับว่าได้ฟังแล้วก็รู้สึกช็อคเหมือนกัน ลองคิดว่าถ้าพี่เหนือคบกับพี่เดหลีจริงๆ และมารู้เรื่องแบบนี้พี่เหนือจะเสียใจแค่ไหน
“เลิกคิดมากได้แล้ว มึงทำกูประสาทจะแดกตายอยู่แล้วรู้ไหม”
พี่เหนือใช้ผลักหัวผมอย่างแรง เรียกว่าหน้าหงายเลยก็ได้ แต่แปลกที่นอกจากผมจะไม่โกรธแล้วยังเสือกยิ้มจนตาแทบจะปิดอีก ผมรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
“ยิ้มแบบนี้เดี๋ยวกูก็อดใจไม่ไหวพอดี ไปลุกไปแปรงฟันจะได้นอนเสียที ตามึงจะปิดอยู่แล้ว”
ผมว่าผมตาไม่ฝาดนะ สีแดงอ่อนๆที่พาดอยู่ระหว่างสองข้างแก้มของพี่เหนือนั่นผมจะเรียกมันว่าเขินได้ไหม พี่เหนือเขิน เขินอะไรของเขาวะ ผมปล่อยความสงสัยนั้นไปก่อนจะเข้าไปแปรงฟันตามที่เจ้าของห้องบอก ออกมาก็เห็นพี่เหนือนอนเอาหัวพิงกำแพงมองผมอยู่
“ปิดไฟเลยนะครับ”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพยักหน้าอนุญาตผมเลยกดปิดสวิชไฟแล้วเดินอ้อมไปนอนอีกฝั่งของเตียง
“ฝันดีครับพี่”
ไม่มีเสียงตอบรับพี่เหนือดึงผมให้เข้าไปนอนหนุนแขนตัวเอง กดหัวผมให้ซุกอยู่บนอก ริมฝีปากร้อนค้างอยู่ที่หน้าผากผมเนินนาน ผมยิ้มรับกับสัมผัสนั้นท่ามกลางความมืดและเสียงหัวใจของตัวเอง
“ฝันดีครับเทียน”
ผมยิ้มกว้างมากกว่าเดิมร้อยเท่า ก่อนจะเบียดกายเข้าหาความอบอุ่นจากอ้อมแขนของพี่เหนือ คืนนี้ผมคงฝันดีมากกว่าคืนไหนๆ



พี่เหนือขับรถมาส่งผมที่หน้าตึกคณะโดยไม่ลืมกำชับให้ผมอยู่รอ วันนี้พี่เหนือจะไปติวหนังสือให้ที่บ้านผม เนื่องจากเมื่อเช้าผมโดนม๊าดุเรื่องที่ไม่โทรบอกว่าจะไม่กลับบ้านวันนี้พี่เหนือเลยใจดียอมไปนอนบ้านผมแทน

“ไอเทียนๆมานี่ๆกูมีอะไรจะให้ดู”
ไอเจงเดินเข้ามากอดคอผมให้เดินไปดูอะไรบางอย่างใบหน้าจอมือถือที่ไอเผือกดูอยู่
“ไอเหี้ยให้กูดูอะไรเนี่ย”
ผมแทบจะเดินหนีทันทีที่เห็นภาพเคลือนไหวใบจอมือถือข้างหน้า แต่ก็ถูกล็อกคออเอาไว้ก่อน
“ดูให้จบก่อนสิวะ ไม่ต้องดูละเอียดก็ได้ดูแค่หน้าผู้หญิงพอ”
ผมทำหน้าแปลกใจก่อนจะก้มดูภาพเคลื่อนไหวนั้นอีกครั้ง ภาพที่ผมเห็นคือเซ็กซ์ของชายหญิงคู่หนึ่ง ดูจากมุมกล้องก็ว่าเป็นการแอบถ่าย ผู้หญิงเป็นฝ่ายเล้าโลมฝ่ายชาย และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้น ทำให้ผมรู้สึกช็อคจนต้องคว้ามือถือมากรอและหยุดภาพนั้นดูอีกครั้งอย่างชัดๆ
“พี่เดหลี”
ผมสบถชื่อคนในคลิปออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“เออดิ เมื่อคืนกูใช้เวลาทั้งคืนกว่าจะหาคลิปเจอ กูคิดอยู่แล้วว่าต้องเป็นพี่เดหลีแต่ไม่แน่ใจเลยไปหาคลิปมาพิสูจน์”
“กูควรจะชมที่มึงพยายามมากขนาดนี้ไหม”
“เป็นไรมึงช็อคจนพูดไม่ออกเลยหรอ”
ไอเผือกถามผม เมื่อเห็นว่าผมยังคงยืนค้างอยู่ท่าเดิม จะว่าช็อคไหมก็ช็อคนะครับเห็นพี่เหนือเรียบร้อยแบบนั้นไม่คิดว่าจะมีมุมที่เป็นแม่เสือสาวกับเขาด้วย อีกอย่างที่ผมรู้สึกกังวลคือพี่เดหลีจะทำอย่างไรเมื่อคลิปนี้หลุดออกไป
“มึงได้คลิปนี้มาจากไหน”
ผมถาม
“กูหาโหลดเอาตามเว็ป คลิปนี้กำลังเป็นที่นิยมด้วยกูเห็นยอดวิวเป็นล้าน”
จากที่ผมภวนาว่าคลิปนี้จะเป็นคลิปที่พึ่งอัพโหลดอาจจะยังไม่มีคนเห็น แต่เห้นที่คำอธิฐานของผมจะไม่เป็นจริง
“มึงว่าพี่เหนือจะเห็นยัง”
ไอเผือกหันไปถามไอเจง
“ไม่รู้หว่ะ”




“ใจลอยอะไรของมึงวะ”
พี่เหนือดีดหน้าผากเรียกผมที่กำลังคิดอะไรเพลินๆให้กลับมามีสติอีกครั้ง อุ๋ย หน้าบึ่งเลย
“พี่เหนือ คือ”
“อะไรของมึง อ้ำอึ้งอยู่ได้จะพูดอะไรก็พูดสิวะ”
“พี่รู้เรื่องพี่เดหลีหรือยังครับ”
พี่เหนือเลิกคิ้วแทนคำถาม ผมเองก็เริ่มลังเลแล้วว่าควรจะพูดเรื่องนี้ดีไหม
“เรื่องคลิปน่ะหรอ”
“ครับ”
“กูพึ่งรู้นะเนี่ยว่ามึงดูอะไรพวกนั้นด้วย”
“ไม่ใช่ประเด็นนั้นสิครับ”
พี่เหนือหัวเราะในลำคอ ดูจะอารมณ์ดีที่แกล้งผมได้
“พ่อเดหลีเขาสั่งลบคลิปไปแล้ว”
“ท่านรู้ด้วยหรอครับ”
“กูให้ดูเองแหละ เขาจะได้เลิกยัดเยียดลูกสาวตัวเองให้กูซักที”
เล่นทำผมพูดไม่ออกเลยทีเดียว ไม่คิดว่าพี่เหนือจะป็นคนเถรตรงแบบนี้
“พี่เอาไปเปิดให้ดูแบบนั้นท่านไม่ตกใจแย่หรอ ผมคิดว่าจะส่งเป็นแผ่นซีดี เป็นรูปไปที่บ้านเสียอีก”
“ขืนกูทำแบบนั้น มีหวังได้บีบคอเร่งให้กูหมั่นกับเดหลีแบบสายฟ้าแล่บน่ะสิไม่ว่า”
“แล้วพี่รู้สึกยังไง”
“จะถามว่ากูมีอารมณ์ไหมตอนดูคลิปน่ะหรอ”
“โอ้ยย ผมไม่คุยกับพี่แล้วลากเข้าเรื่องใต้สะดือตลอด”
ผมว่าพลางเดินหนีพี่เหนือไปล้มตัวนอนบนเตียงแทน ได้ยินเสียงหัวเราะเบาะจากคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือภายในห้องวันนี้พี่เหนือหอบเสื้อผ้ามานอนที่ห้องผมเพราะว่าจะติวแคลฯให้
“จะให้กูรู้สึกอะไรล่ะ เดหลีเองก็คงไม่ชอบให้ใครมาสงสารหรอก”
“แล้วพี่เดหลีจะทำยังไงต่อครับ”
“เรื่องนี้ถ้าถึงมหาลัยยังไงก็โดนให้ออก แต่กูว่าพ่อเดหลีคงส่งเดหลีไปเรียนเมืองนอกแหละคงไม่อยากให้ลูกอาย”
“แล้ว”
พี่เหนือยืนมือมาปิดปากผมไว้ก่อนที่ผมจะซักต่อ
“เลิกพูดเรื่องของคนอื่นได้แล้ว มาคุยเรื่องของเราดีกว่า”
พี่เหนือพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงจริงจัง ทำให้คนฟังอย่างผมเริ่มที่จะประหม่า
“เรื่องอะไรครับ”
“อย่าทำเป็นไม่รู้ กูชอบมึง จีบมึงมาซักพักแล้วเมื่อไหร่มึงจะเป็นแฟนกู”
“ง่ายไปไหมพี่”
“แล้วมึงจะทำให้ยากทำไม กูชอบมึงมึงชอบกูก็พอแล้วจะต้องรออะไรอีก”
“ใครบอกว่าผมชอบพี่”
สีหน้าของคนมั่นใจเมื่อครู่เจือนลงไปถนัด ผมแอบยิ้มมุมปากเมื่อเห็นพี่เหนือนิ่งไป ดูๆทำเป็นงอน ผมควรจะดีไหมเนี่ย
“ผมรักพี่ต่างหาก”
พี่เหนือทำหน้าเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด คนตัวโตยิ้มกว้างแล้วคว้าผมเข้าไปกอดแน่นราวกับจะให้ตัวผมฝังลงไปในอกของเขาเสียให้ได้
“พี่ก็รักเทียน รักมากด้วย”
ผมไม่ได้ตอบอะไรออกไปสิ่งที่ผมทำคือกอดตอบคนตรงหน้าด้วยแรงที่ไม่ต่างกัน


เช้าวันรุ่งขึ้นผมได้ยินข่าวจากพวกไอเผือกว่าพี่เดหลียื่นเรื่องลาออกจากมหาฯลัยเรียบร้อยแล้ว เห็นบอกว่าจะไปเรียนต่อต่างประเทศอย่างที่พี่เหนือว่าจริงๆ ผมบอกไม่ถูกว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้ รู้สึกใจหายไหมก็อาจจะใช่เพราะพี่เดหลีก็เป็นคนที่ผมรู้จัก และผมก็รู้สึกเสียใจกับพี่เดหลีที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

“เหม่ออีกแล้ว อย่าบอกนะว่าทะเลาะกับพี่เหนืออีก”
ไอเผือกถามเสียงขุ่นก่อนจะทิ้งตัวนั่งฝั่งตรงข้ามกับผม แล้วเลื่อนขวดน้ำที่มันถือมาให้กับผม
“เปล่ากูแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย แล้วไอเจงล่ะยังไม่ออกจากห้องสอบอีกหรอ”
ผมถามบ้าง วันนี้เรามีสอบย่อยกันผมที่ทำข้อสอบเสร็จก่อนเพื่อนเลยมานั่งรอที่โต๊ะม้าหินอ่อนหน้าคณะ หลังจากที่ติวกับพี่เหนือผมว่าผมทำข้อสอบได้เยอะขึ้น ไม่น่าเชื่อเลยว่าพี่เหนือจะช่วยผมได้จริงๆ
“กูเห็นโยนปากกาเดาข้อสอบอยู่ในห้อง ไม่นานคงจะตามออกมาแหละ นั่นไงมาพอดี”
ผมหันไปมองตามสายตาไปเผือกก็เห็นไอเจงเดินหน้ายุ่งมาพอดี
“แดกปลาแน่กู”
“อาจจะหมาก็ได้คิดในแง่ดีดิวะ”
ผมให้กำลังใจไอคนมาใหม่ แต่ก็อดหัวเราะขำหน้ามันตอนนี้ไม่ได้จริงๆ ไอเจงผู้ไม่เคยเครียดกับเรื่องใดๆกับมานั่งคิ้วผูกโบว์เพราะกลัวได้ปลา ใครมีกล้องนี่รีบยกขึ้นมาถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึกเลยนะครับ
“วันนี้ไปแดกเหล้ากันกูเลี้ยงเอง”
“ฉลองที่ได้ปลาหรอ”
“สัส”
ผมหัวเราะเอิ๊กอากที่แหย่ไอเจงให้อารมณ์ขึ้นได้ พวกผมนัดสถานที่กันเรียบร้อยก็แยกย้ายกันกลับ ผมกลับมาถึงบ้านก็เดินเข้าไปอ้อนม๊าก่อนเป็นอันดับแรก
“ม๊าตี๋กลับมาแล้ว มีไรให้กินบ้าง”
ผมกอดม๊าที่ยืนทำกับข้าวอยู่ในครัวแล้วชกหอมแก้มไปหนึ่งที
“อั๊วทำใกล้เสร็จแล้วอาตี๋ลื้อขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไปลงมาค่อยกิงข้าวกัน”
“ครับ”
ผมรับคำสั้นๆแล้วกลับขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าบนห้อง วันนี้ผมเลือกใส่เสื้อสีชมพูยืดโอเวอร์ไซร์แขนยาวปิดข้อศอกกับกางเกงเดฟเข้ารูปสีซีดตัวโปรดของผม มองกระจกเห็นว่าหล่อแล้วผมจึงส่งไลน์บอกพี่เหนือว่าจะไปกินเหล้ากับเพื่อน ไม่นานพี่เหนือก็ตอบกลับมา

P’NEUANATEE : ที่ไหน เดี๋ยวกูตามไป
N’PHEIYN: ร้านเดิมที่พี่เคยไปนั่นแหละ
P’NEUANATEE : นัดเพื่อนไว้กี่โมง
N’PHEIYN: ทุ่มนึงครับ เดี๋ยวผมกินข้าวกับม๊าเสร็จก็ไปแล้ว
P’NEUANATEE : งั้นรอกูก่อน เดี๋ยวกูไปรับกำลังเลิกเรียนแล้ว
N’PHEIYN: ครับ
N’PHEIYN: พี่เหนือ
P’NEUANATEE : ว่าไง
N’PHEIYN: ขับรถดีๆนะครับ
P’NEUANATEE : ครับ แล้วเจอกัน
ผมไม่รู้ว่าตัวเองยิ้มให้กับบทสนทนาผ่านแอปพลิเคชั่นสีเขียวๆนั่นนานเท่าไหร่ แต่มันก็คงนานยพอให้ม๊าผมทักเมื่อเดินลงมาถึงโต๊ะอาหาร
“ยิ้มอะไรของลื้ออาตี๋มากิงข้าว แล้วนี่ลื้อจะไปไหน”
ผมเดินมานั่งที่เก้าอี้ตามคำบอกของม๊า รับจานข้าวมาวางตรงหน้าแล้วยิ้มประจบม๊าที่นั่งฝั่งตรงข้าม
“ตี๋จะไปดื่มกับพวกไอเจงครับม๊า สัญญาว่าจะไม่ดื่มเยอะ และจะไลน์บอกม๊าถ้าผมไม่กลับ”
ผมรีบพูดดัก ม๊าทำหน้าเหม็นเบื่อก่อนจะตักน่องไก่ทอดมาใส่จานผม
“บอกให้พวกอาเจงอาเผียกกินข้าวกันก่อนนะไม่งั้นพวกลื้อจะปวดท้องเอา”
ผมพยักหน้ารับ หยิบมือถือเปิดเข้าไลน์กลุ่มและบอกให้พวกมันกินข้าวก่อนไปดื่มตามที่ม๊าผมสั่ง
ผมกับม๊านั่งกินข้าวไปซักพักพี่เปรี้ยวก็เดินนำพี่เหนือเข้ามาในบ้าน
“สวัสดีครับคุณป้า”
พี่เหนือยกมือไหว้ม๊าผม แต่กลับโดนม๊าค้อนซะงั้น เจ้าตัวหน้าเจือนลงแทบจะในทันทีมองหน้าผมประมาณว่าตัวเองทำอะไรผิด
“อั๊วบอกให้เรียกม๊า มาๆนั่งกิงข้าวด้วยกันก่อน”
ผมหันไปยิ้มให้พี่เหนือ เอื้อมมือลากเก้าอี้ข้างตัวออกเพื่อให้พี่เหนือนั่ง
“อาเหนือลื้อมารับอาตี๋ไปดื่มหรอ”
“ครับ..ม๊า”
“ถ้าอาตี๋มันดื่มเยอะลื้อไม่ต้องให้อาตี๋ขับรถกลับนะม๊าเป็นห่วงอี กลัวอีจะขบรถชนคนอื่น”
อ้าวม๊า ไหนบอกเป็นห่วงผมไง ไหงกลายเป็นกลัวผมไปทำร้ายคนอื่นล่ะ เหนือหัวเราะเบาๆ ก้มหน้ากินข้าวเงียบๆ กลายเป็นพี่เหนืออีคนที่ผมไม่ค่อยจะได้เห็น เมื่อกินข้าวเสร็จพี่เหนือก็พาผมไปยังที่นัดหมายทันที

“อ้าวพี่ๆหวัดดีครับ”
ผมยกมือไหว้พี่เพลิง พี่ปราบ พี่นัท พี่โอบ และพี่พลที่นั่งดื่มอยู่ก่อนแล้ว พี่เพลิงมองผมกับพี่เหนือแล้วยิ้มกรุ่มกริ่ม เป็นยิ้มที่ทำให้ผมรู้สึกร้อนๆหนาวๆยังไงก็ไม่รู้
“ไปรับเองเลย”
“เสือก”
พี่เหนือด่าพี่เพลิงกลับไปอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนจะจูงมือผมให้เดินเข้าไปนั่งข้างในสุดด้วยกัน
“น้องเทียนแดกอะไรดีครับ”
ในระหว่างที่ผมกำลังคิดว่าจะดื่มเหล้าผสมอะไรดีเสียงหนึ่งก็แทรกขึ้น
“โค้ก”
“ผสมโค้ก”
“โค้กเปล่าๆนั่นแหละ กูไม่อยากให้มันดื่ม”
พี่เหนือตอบพี่พลแทนผม และนั่นก็ทำให้คนทั้งโต๊ะหันมามองผมและพี่เหนือด้วยสายตากรุ่มกริ่มแบบนั้นอีกแล้ว มันหมายความว่าไงวะเนี่ย
“สั่งแทนกันแบบนี้ได้สรุปพวกมึงสองคนนี่อะไรยังไงกัน”
พี่เพลิงถามน้ำเสียงล้อเลียน
“พี่เหนือนี่พี่ชัดเจนกับเพื่อนผมแล้วใช่ไหม”
ไอเจงถามด้วยสีหน้าไม่ไว้ใจ ตัดภาพมาที่พี่เหนือขานั่นทำหน้าเหม็นเบื่อแล้วหันมาหาผม
“เพี้ยนมึงจำได้ไหมที่กูบอกว่าจะขออะไรมึงก็ได้หนึ่งอย่างถ้ากูติวแคลฯให้มึง”
“ครับพี่ผมจำได้”
ผมพยักหน้ารับขันแข็งว่าผมจำคำสัญญาได้ไม่ลืม พี่เหนือหน้าขึ้นสีแบบนั้น แบบที่ผมเห็นครั้งที่แล้ว พี่เหนือกำลังเขิน และนั่นก็กำลังให้ผมรู้สึกเขินตามไปด้วย
“กูรู้แล้วว่าจะขออะไร”
พี่เหนือพูดอีก ทั้งโต๊ะเงียบไปถนัดตา ราวกับว่ากำลังรอฟังในสิ่งที่พี่เหนือจะพูด

“กู”
...
“คือ กู....”
...
“กู...”

“โว้ย!! ไอเหี้ยก็พูดซักทีซิวะ แม่งกูอยู่นั่นแหละ”
พี่โอบโวยหลังจากที่ทนฟังไม่ไหว พี่เหนือหันไปมองขวางพี่โอบ พี่พลเลยต้องเอามือปิดปากพี่โอบไว้แล้วโบกมือเหมือนเป็นสัญญาณให้พี่เหนือพูดต่อ ผมหัวเราะเบาๆเรียกสายตาดุๆให้หันกลับมามอง

“คิดได้หรือยังครับว่าจะขออะไร”
ผมแกล้งแหย่ พี่เหนือสูดหายใจเข้าลึกๆมองเข้ามาในตาผม ก่อนจะเอ่ยขอสิ่งที่ต้องการออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่เบานัก

“เป็นแฟนกูนะ”

ฮิ้ววววววว

ผมรู้สึกได้ทันทีว่าหน้าตัวเองกำลังร้อนถึงร้อนมาก ในอกมันวูบไหวแปลกๆแต่ทว่ากลับทำให้ผมมีความสุข ผมมองคนตัวโตที่ยืนยกมือปิดหน้าบดบังแก้มทั้งสองข้างที่เปลี่ยนเป็นสีแดงแล้วก็ยิ้มกว้าง

“เอายังไงน้องเทียน จะยอมเป็นแฟนเพื่อนพี่หรือเปล่าครับ”
พี่เพลิงได้ทีแซว โดยที่ไม่ได้รู้สึกเห็นใจเพื่อนตัวเองเลยที่ยืนหน้าแดงเป็นกวนอูอยู่ตรงหน้า
“ครับ”
ผมตอบสั้นแต่ดูเหมือนคนฟังจะยังไม่พอใจ
“ครับนี่คืออะไร”
พี่ปราบเสริมต่อด้วยความสนุก
“ผมตกลงเป็นแฟนพี่เหนือครับ”

แล้วเสียงแซวโห่ร้องด้วยความดีใจก็ดังมาจากทั่วทุกสารทิศของโต๊ะ ผมหันไปสบตาเพื่อนทั้งสองคนก็เห็นว่ามันกำลังยิ้มล้อเลียนส่งมาใหผมอยู่ นั่นแสดงว่ามันไม่รังเกียจเรื่องที่ผมคบกับพี่เหนือที่เป็นผู้ชายด้วยกัน เพียงแค่นี้ก็ทำให้ผมโล่งใจแล้ว พี่เหนือดึงผมเอามาโอบไหลเบาๆ ยกแก้วชนกับเพื่อนๆ ด้วยสีหน้าที่มีความสุข เช่นเดียวกับผม


---------------------------------------------------------

ว้าว ว้าว ว้าว เขาเป็นแฟนกันแล้วคะคุณพวกเธอ อย่าลืม comment เป็นกำลังใจให้น้องเพี้ยนกับพี่เหนือด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (09/05/2019) ตอนที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 09-05-2019 18:53:34
 :pig4: :pig4: :pig4:

หวัย ๆ ชัดเจนสักทีนะ

ป.ล. รู้นะว่าคนปล่อยคลิปก็คือนายใช่ไหมเจ้าเหนือ  เพราะความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว  อิอิ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (09/05/2019) ตอนที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-05-2019 21:32:14
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (09/05/2019) ตอนที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 09-05-2019 23:49:11
หวานๆ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (09/05/2019) ตอนที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 10-05-2019 00:24:59
เอ้าๆ เป็นแฟนกันเฉยยย
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (09/05/2019) ตอนที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-05-2019 01:47:18
พอเข้าใจกันก็คบกันทันทีเลยนะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (09/05/2019) ตอนที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 10-05-2019 02:46:16
ดีนะน้องเพี้ยนเข้าใจอะไรง่ายๆ เข้าใจความรู้สึกตัวเอง
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (09/05/2019) ตอนที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-05-2019 11:38:07
 :mc4: :กอด1: :mc4:



 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (09/05/2019) ตอนที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 10-05-2019 11:47:19
เป็นแฟนกันแล้ว

สถานีต่อไป เป็นเมีย ฮ่า ๆๆๆ หนอกนะ ๆ น้องเพี้ยน
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (09/05/2019) ตอนที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: wookyu ที่ 17-05-2019 14:06:30

                                                                                    - 24 -

เหนือพาร์ท

หลังจากวันที่ผมตกลงคบกับเทียนนี่ก็ผ่านมาสองเดือนแล้ว ระหว่างผมกับเทียนหลายๆอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม ผมยังชอบแหย่ ชอบแกล้งเทียนให้หัวเสียงอยู่บ่อยๆ เทียนไม่ใช่คนงี่เง่า ไม่ใช่คนเรื่องมาก เป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วมีความสุข เทียนเข้าใจผมทุกเรื่อง เทียนทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโชคดี การที่ได้มีเทียนข้างๆคือโชคดีที่สุดของผม

“พี่เหนือผมแวะเอาแบรนด์มาให้ ดื่มแล้วตั้งใจอ่านหนังสือนะพี่ ผมไปแล้ว”
คนตัวเล็กกำลังจะเดินจากไปเมื่อพูดถึงธุระตัวเองเสร็จ แต่เรื่องอะไรผมจะยอมให้ไป นานๆทีมันจะเดินมาหาผมที่คณะซักทีต้องยื้อให้นั่งอยู่ด้วยกันนี่แหละ
“นั่งเป็นเพื่อนก่อน ไม่มีเรียนแล้วไม่ใช่หรอ”
ผมกุมมือเทียนไว้หลวมๆ ก่อนจะขยับที่นั่งข้างๆให้
“ผมว่าผมไปนั่งตรงโน่นดีกว่าว่าจะตีป้อม เสียงดังเดี๋ยวพี่ไม่มีสมาธิอ่านหนังสือ”
“มึงก็ไม่ต้องตีสิ ตีแม่งทุกวันไม่คิดจะสนใจกูเลยใช่ไหม”
ผมแกล้งทำน้ำเสียงน้อยใจ ไอเทียนเริ่มทำหน้าไม่ถูกแล้วครับ มันลังเลมองมือถือสลับกับหน้าผมไปมาสุดท้ายมันก็เลือกที่จะยัดมือถือใส่กระเป๋าแล้วทิ้งตัวนั่งข้างผม
“หัวก็ไม่ล้าน ทำไมขี้น้อยใจจังวะ”
ดูมันบ่น น่าจะจับไอปากยื่นๆนั่นมาตบซักที แต่ผมไม่ตบด้วยมือนะครับ ส่วนจะตบเป็นอะไรก็ไม่คิดกันเอาเอง
“แล้วเพื่อนๆพี่ไปไหนหมด”
เทียนถามเมื่อเห็นกองหนังสือกระเป๋าที่กองอยู่บนโต๊ะแต่กลับไม่มีคนนั่ง
“ขึ้นแลปกันหมด กูขอกระเป๋ามันไว้กันที่ เดี๋ยวมีคนมาขอนั่งด้วยอีก กูรำคาญ”
“จะคุยว่างั้น”
เทียนมันยิ้มล้อผมเหมือนที่มันชอบทำ และก็โดนผมเขกกบาลไปหนึ่งทีข้อหากวนตีนแต่เสือกน่ารัก
ระหว่างนั่งรอผมอ่านหนังสือเทียนก็เอาแต่คุยไลน์เล่น เดี๋ยวหัวเรา เดี๋ยวทำหน้ายู่ จนผมเริ่มหงุดหงิดแล้วไม่รู้มันคุยกับใคร
“เพี้ยนกูปวดตา”
ผมเอนหัวพิงไหล่คนที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่เพื่อเป็นการเรียกร้องความสนใจ ก่อนจะพยายามสอดส่องดูว่าคนที่ไอเพี้ยนมันคุยด้วยเป็นใคร แวบหนึ่งที่ผมเห็นชื่อไลน์ของคนที่มันคุยด้วยผมรู้สึกแปลกใจ แต่ก็ต้องเก็บความสงสัยไว้ก่อนเมื่อเจ้าตัววางมือถือลงแล้วจับหน้าผมให้หันไปเผชิญหน้ามัน มือเล็กออกแรงนวดคลึงเบาๆที่เบ้าตาทั้งสองข้างของผม เพี้ยนมักจะทำแบบนี้ให้ผมเวลาที่ผมบ่นว่าปวดตา ผมปล่อยให้มันนวดไปพลางก็คิดถึงเหตุผลว่าทำไมไอเพี้ยนจะต้องคุยไลน์กับแก้มด้วยแถมดูสนิทกันมากกว่าเมื่อก่อนเสียอีก
“ช่วงนี้เจอแก้มอยู่ไหม”
ผมแกล้งถามและคอยสังเกตว่าไอเพี้ยนมีพิรุธอะไรไม่
“ไม่ค่อยเจอแต่ก็คุยๆกันบ้าง พี่ถามทำไม”
“กูแค่อยากรู้ ถามไม่ได้หรือไง”
“อย่าหงุดหงิดดิพี่ พี่อยากถามอะไรผมก็ตอบทั้งนั้นแหละ”
เดี๋ยวนี้รู้จักยิ้มประจบนะมึง ร้ายๆ นับวันมันยิ่งร้ายกาจ มันทำให้ผมใจแกว่งจังวะ เดี๋ยวเผลอจับขย่ำจะมาโทษกูไม่ได้นะเพี้ยนะ
“งั้นกูถามตรงๆ ทำไมต้องคุยไลน์กับแก้มบ่อยๆด้วย แก้มไม่รู้หรอว่ามึงมีผัวแล้ว....โอ้ยไอเพี้ยนกูเจ็บ”
“ก็อย่าพูดตรงแบบนั้นดิพี่ ผมก็อายเป็นนะ”
หน้าแดงจริงด้วย อะไรวะยังไม่ถึงขั้นนั้นเลย ไม่สิไม่ถึงไหนด้วยซ้ำเสือกมาเขินไม่เข้าท่า ไว้กูได้ทำจริงก่อนแล้วมึงค่อยเขินนะน้องเพี้ยน
“ตอบมาเร็ว ไม่ต้องมาเขินกลบเกลื่อน”
“พี่แก้มไลน์มาแหย่ผมเหมือนทุกทีแหละ แต่พี่แก้มรู้แล้วว่าผมคบกับพี่”
“รู้แล้วจะไลน์มาปั่นทำไม เดี๋ยวมึงก็เขวหรอก”
“จะเขวได้ไง ในเมื่อผมชอบพี่ขนาดนี้”
มันเถียงหน้าตาเฉยมาก เหมือนกับไม่รู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรออกมา และนั่นก็ทำให้ผมหลุดยิ้ม ผมลากมันไปแดกแถวข้างตึกได้ไหม แม่งน่ารักเหลือเกิน
“พอแล้วไม่ต้องนวดกูหายปวดแล้ว”
ไอเพี้ยนพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายแล้วกลับไปนอนฟุบโต๊ะรอผมอ่านหนังสือแทน

เวลาผ่านไปนานพอสมควร พวกไปพลที่หายไปขึ้นแลปกลับลงมา พอเห็นไอเพี้ยนพวกมันทำท่าจะเข้ามาแหย่แต่เจอผมไล่กลับไปหมด ผมรอให้มันหลับต่ออีกหน่อย จากนั้นก็ปลุกพามันไปส่งที่บ้าน ช่วงนี้ผมกำลังทำคะแนน ม๊าไอเทียนยังไม่รู้เรื่องที่เราคบกัน ส่วนพ่อผม ผมเคลียร์ไปแล้วตอนแรกโดนค้านหัวชนฝา แต่พอเอาไอเทียนไปเล่นที่บ้านด้วยครั้งสองครั้งก็แพ้ให้กับความซื่อบื้อ และความน่ารักของมัน หลังๆเอาแต่รบเร้าให้พาไอเทียนไปเล่นที่บ้าน เรื่องพ่อผมช่างก่อนตัดภาพมาที่บ้านไอเทียนดีกว่า ตอนนี้แม่ไอเพี้ยนกำลังเตรียมอาหารเย็นอยู่ พอเห็นผมก็เอ่ยทักเหมือนทุกวัน
“อาเหนือลื้อมาแล้วหรอ วันนี้อยู่ติวหนังสือให้อาเทียนไหม”
“ครับ กะว่าจะมานอนค้างด้วย”
แม่ไอเพี้ยนถามไปพลางหยิบจับโน่นนี่นั่นใส่หม้อ งั้นลื้อสองคนขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันก่อนเดี๋ยวอั๊วเตรียมกับข้าวไว้ให้
“ครับ”
ผมรับคำ ไอเพี้ยนเลยเดินนำผมไปยังห้องนอนที่หมู่นี้ผมมาใช้บริการบ่อยเสียยิ่งกว่าคอนโดตัวเอง ไอเพี้ยนเดินทำหน้าง่วงหายเข้าไปในห้องน้ำ ไม่นานมันก็ออกมาพร้อมกับส่งผ้าขนหนูผืนใหม่มาให้ผม
“พี่ไปอาบน้ำต่อเลย ผมเปิดน้ำอุ่นไว้ให้แล้ว”
“ขอบใจ”
ผมรับคำสั้นๆ ระหว่างอาบน้ำผมก็เอาแต่คิดว่าจะบอกกับแม่ของไอเพี้ยนยังไงดี ผมไม่รู้ว่าท่านจะรับเรื่องของเราสองคนได้มากน้อยแค่ไหน และยิ่งแม่ไอเทียนเป็นคนจีนด้วย บอกตรงๆว่าผมกลัว กลัวว่าแม่ไอเพี้ยนจะไม่ยอมรับ ผมเดินคิดเรื่องนั้นซ้ำๆจนมาถึงหน้ากระจก และเหมือนไอเพี้ยนจะสัมผัสถึงความผิดปกติของผมได้มันเลยเดินมาจูงมือผมนั่งที่เตียง ก่อนจะเอาผ้าขนหนูที่ผมถือมาเช็คหัวให้เบาๆ
“เป็นอะไรครับพี่ ทำหน้าเหมือนคนขี้ไม่ออก”
“ถ้าแค่ขี้ไม่ออก็ดีสิ มึงนี่ชอบทำเป็นเล่น”
“ครับๆ ผมผิดไปแล้ว ว่าแต่พี่คิดอะไรอยู่ทำไมเงียบไป”
น้ำเสียงทอความห่วงใยของไอเพี้ยนทำให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้นมาได้นิดหน่อย มือเล็กค่อยซับน้ำที่บนเส้นผมออกอย่างใจเย็นและนุ่มนวลทำให้ผมสบายใจที่จะบอกความคิดตัวเองให้มันฟัง
“กูกำลังคิดว่าจะบอกม๊ามึงเรื่องของเราอยู่ แต่กูกลัวว่าม๊ามึงจะรับไม่ได้”
“ม๊าผมคุยง่ายกว่าพ่อพี่อีก จริงๆผมก็คิดจะบอกม๊าอยู่เหมือนกันแต่ผมยังหาจังหวะไม่ได้”
“มึงอยู่เฉยๆไปเถอะ เดี๋ยวกูจัดการเอง”
ผมบอกมันพร้อมกับดึงมันเข้ามากอดหลวมๆ พึ่งอาบน้ำมาใหม่ๆตัวแม่งหอมชิบหาย

ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คุณเทียน คุณเหนือท่านให้มาตามไปทานข้าวค่ะ”
พี่เปรี้ยวสาวใช้บ้านไอเพี้ยนส่งเสียงเรียกจากหน้าห้อง ผมกับไอเทียนผละออกจากกันแล้วเดินลงไปทานข้าวตามคำสั่ง

“เอาไปน่องไก่ กูเลาะกระดูกออกแล้วจะได้แดกง่ายๆ”
ผมยกเนื้อไก่ที่แกะกระดูกออกจนหมดแล้วไปวางบนจานไอเพี้ยนด้วยความเคยชิน ตลอดระยะเวลาที่ผมเทียวไปเทียวมานอนบ้านไอเทียนสิ่งที่ผมจะเห็นบนโต๊ะกับข้าวทุกวันคือน่องไก่ทอดของโปรดไอเพี้ยน อยู่บนโต๊ะอาหารทุกมื้อ และผมก็จะแกะให้มันกินแบบนี้ตลอดโดยที่ไม่ทันสังเกตุเลยว่าพฤติกรรมนี้ของผมถูกม๊าไอเพี้ยนจับตามองอยู่เงียบๆ
“เอากุ้งไปกูเอาหางออกไปแล้ว ไม่ต้องมองหา แดกอะไรแปลกๆติดคอไปกูจะหัวเราะให้”

“แดกผักด้วยกูเห็นมึงเขี่ยอีกทีจะเอายัดแม่งทั้งจาน”

“กินข้าวยังไงให้ขึ้นหัววะมึงเนี่ย เขยิบมากูเอาออกให้”

ผมเผลอบ่นลูกม๊าไปหลายที พอรู้สึกตัวก็เห็นม๊าวางช้อนมองมาทางพวกผมแล้วยิ้มน้อยๆ ผมที่มือยังค้างอยู่บนหัวของลูกเขารีบชักกลับอย่างไว

“อาเหนือ”
คำเรียกห้วนสั้นแบบนี้เล่นผมใจเสียไม่หยอกแต่ถึงกระนั้นผมก็ต้องทำใจกล้าขานรับออกไป
“ครับม๊า”
“อั๊วฝากลื้อดูแลอาตี๋ของอั๊วด้วยนะ”
มะ หมายความว่ายังไง หรือว่า
“คะ ครับผมจะดูแลไอเพี้ยน เอ้ยอาตี๋ของม๊าให้ดีที่สุดครับ”
ผมไม่รู้ว่าคำว่าฝากดูของม๊าจะตีความหมายเป็นอนุญาตให้ผมคบกับไอเพี้ยนได้หรือเปล่า หรือผมสามารถตีความหมายเป็นแบบนั้นได้ไหม
“แล้วระหว่างลื้อสองคน”
ม๊าไอเทียนพูดแล้วเว้นวรรคไปเสียนาน จนใจผมเริ่มใจฝ่ออีกครั้ง

“ใครผัว ใครเมีย”

“ม๊า!!”

เป็นคำถามที่ทำให้ผมได้แต่ยิ้มเขินๆ ม๊าไอเทียนเล่าให้ฟังว่าสังเกตพวกผมมาซักระยะนึงแล้ว และก็เริ่มแน่ใจตอนที่เห็นไอเพี้ยนกับผมนอนกอดกันในห้อง ตรงนี้ทำผมหน้าร้อนขึ้นมาทันทีอายตอนนี้ไม่รู้ทันไหม ไอเพี้ยนเองก็คงรู้สึกไม่ต่างจากผม เพราะผมเห็นมันงุดหน้าแทบจะติดจานข้าวอยู่แล้ว ผมถามกลับไปเหมือนกันว่าไม่โกรธหรอที่ผมรักกันม๊าก็บอกว่าไม่โกรธ จะโกรธเรื่องอะไรผมกับไอเพี้ยนไม่ได้ไปฆ่าใครตายเสียหน่อย ม๊าบอกว่าไม่ว่าไอเพี้ยนจะเป็นยังไง จะรักใคร เพศไหน (สายพันธุ์ไหน อันหลังนี่ผมว่ามันกชักแปลกๆ) ไอเพี้ยนก็คือไอเพี้ยน ไม่ได้ทำให้ม๊ามันเสียใจหรือรักมันน้อยลงเลย แค่เห็นว่ามันมีความสุขกับสิ่งที่มันเลือกม๊ามันก็ไม่ว่าอะไรแล้ว ผมฟังที่ม๊าไอเทียนพูดแล้วก็เผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว ยิ่งมาสัมผัสกับครอบครัวนี้ใกล้ ผมยิ่งรู้สึกว่าผมเป็นคนที่โชคดีที่สุดจริงๆ


หลังอาหารเย็นผมกับไอเพี้ยนก็กลับขึ้นมาบนห้องเรายิ้มให้กัน ก่อนที่จะเป็นมันที่เดินเข้ามากอดผม
“จะอ้อนอะไรกู”
“เปล่าครับ ผมแค่อยากขอบคุณที่พี่กล้าคุยกับม๊าเรื่องผม”
ผมยกมือลูบหัวมันเบาๆ เวลามันอ้อนนี่โคตรน่าฟัด อย่าช้อนตามองกูนะ ไม่งั้นกูจะถือว่ามึงยั่วกู ผมคิดในใจและมันก็เสือกทำจริงๆ
“อย่ามองกูแบบนี้”
“ครับ”
ผมันทำหน้าแปลกใจ เอียงคอถามเป็นหมาสงสัย มึงยั่วกวนชัดๆ
“กูบอกแล้วว่าอย่ามองแบบนี้”
“ทำไมครับ”
แหนะๆจะยิ้มอีก วันนี้ทำไมผมรู้สึกว่าตัวเองถูกยั่วแปลกๆ นี่ผมหื่นหรือผมหื่นกันแน่
“มึงจะทำให้มันตื่น”
ผมบอกแล้วมองลงไปยังลูกชายตัวเองที่เริ่มโปงนูน
“เฮ้ยพี่”
ไอเพี้ยนรีบกระโดดหนีอย่างไว หน้าเน่อนี่แดงไปหมด ผมก็พวกชอบแกล้งยิ่งมันหนีผมก็ยิ่งเดินตาม ตามจนมันหมดทางหนีเพราะติดกำแพงพอดี
“รับผิดชอบมันด้วย มึงปลุกมัน”
ผมแกล้งเบียดตรงนั้นเข้ากับเป้าของคนตรงหน้า พร้อมกับเกลี่ยนิ้วเล่นบนหน้าอกมันเบาๆโดยจงใจให้นิ้วสะกิดโดนหัวนมมัน ถึงกับเบ้หน้าเลยเว้ย
“พี่แม่งหื่น อย่าขยับดิวะพี่ อ๊ะ!”
แค่ อ๊ะ เดียวที่หลุดจากปากมัน ทำให้เลือดในกายผมร้อนขึ้นมาแทบจะในทันที ผมหยุดการกระทำทุกอย่างลงดื้อๆ จากที่คิดแค่ว่าจะแกล้ง กลับกลายเป็นว่าผมรู้สึกอยากทำกับมันจริงๆ ไอเพี้ยนยืนหน้าแดง หอบหายใจเหนื่อยอยู่ชิดกำแพงห้อง กลางลำตัวของมันโปงนูนไม่ต่างจากผม ผมยกมือลูบหน้าแรงๆ ก่อนจะหันหลังเดินเพื่อจะเดินเข้าไปจัดการกับลูกชายในห้องน้ำแต่ทว่า
“พี่จะไปไหน”
“กูจะไปเอาน้ำออก”
ผมบอกแล้วกำลังจะเดินไปยังห้องน้ำ
“พี่เหนือ”
“ถ้ามึงเรียกกูอีกคำเดียวกูจะไม่ทนแล้วนะ”

เงียบสนิท ไอเพี้ยนไม่เรียกผมแล้วผมเลยได้เดินเข้าห้องน้ำไปปลอบใจลูกชายตัวเองเสียที ถามว่าผมน้อยใจไหมที่คบกันมาตั้งเกือบสองเดือนแล้วยังไม่ได้มีอะไรขยับก้าวหน้าไปมากกว่าจูบ จากใจจริงคือไม่ครับ สำหรับไอเพี้ยนผมอยากถนอมมัน อยากให้มันเชื่อใจผม อยากให้มันพร้อมจริงๆก่อน เรื่องแบบนี้สำหรับมันคงต้องใช้เวลาอีกมาก ผมก็ได้แต่หวังนะว่ามันจะไม่นานเกินไป ผมก็ผู้ชายจะให้โลกสวยด้วยมือเราทั้งๆที่มีแฟนได้ยังไงเสียดายแย่ เมื่อผมปลอบใจลูกชายจนสงบได้ผมก็เดินออกจากห้องน้ำมา สิ่งแรกที่ผมเห็นคือไอเพี้ยนนั่งมองผมด้วยสายตาหมาหงอยอยู่บนเตียง หื้ม มันไม่ได้ปลอบใจลูกชายมันเหมือนที่ผมทำหรอ
“ทำหน้าอะไรของมึง”
“ผมขอโทษนะพี่”
“ไม่ต้องมาขอโทษกู วันนี้มึงรอดแต่วันหน้ายังไงมึงก็ต้องโดนอยู่ดี กูเยดุนะบอกเลย”
ผมแกล้งแหย่มัน ไม่อยากให้มันทำหน้าเป็นหมาหงอยแบบนี้ และมันก็ได้ผล จากหมาหงอยกลายเป็นหมาเขินแทน
“พี่เป็นหมอบ้าอะไรวะ หื่นชิบหายคนไข้ที่ไหนเขาอยากจะเข้าใกล้”
“กูก็เป็นแบบนี้แค่กับมึงนี่แหละ หรืออยากให้กูหื่นไปทั่ว”
“ห้ามเลย ถ้าพี่ทำผมจะตัดของพี่ทุบให้เละแล้วโยนให้หนอนแดกผมพูดจริง”
เอากับมันสิเปลี่ยนหนังดราม่าเป็นฆาตกรรมซะงั้น ด้วยความหมั่นไส้ผมจัดการปิดไฟ ผลักมันนอนลงบนเตียงแล้วก็…..ดึงมันเข้ามานอนกอดเหมือนทุกคืน ตอนนี้ขอแค่นี้ก่อนก็ได้ แค่นี้ก็ทำให้ผมมีความสุขได้เหมือนกัน แม้แบบนั้นจะมีมากกว่าก็เหอะ
“ฝันดีนะครับพี่”
“ฝันดีครับเทียน”


----------------------------------------------------------------

ตอนหน้าก็จบแล้วนะคะ สำหรับเรื่อง just a fake love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ comment เป็นกำลังใจให้เราสามคนด้วยนะคะ (น้องเทียน พี่เหนือ และคนเขียน)






หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (17/05/2019) ตอนที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 17-05-2019 14:35:16
เค้าเป็นแฟนกันแล้ว ระวังนะน้องเพี้ยน พี่เหนือบอกว่าเค้าดุนะ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (17/05/2019) ตอนที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 17-05-2019 16:08:18
จ้าาาา รอชมคนดุ ฮ่า ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (17/05/2019) ตอนที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 17-05-2019 18:42:12
 :z1:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (17/05/2019) ตอนที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 17-05-2019 19:36:12
แน่ใจว่าดุ เรื่องนี้ไว้ใจไม่ได้ เดี๋ยวมีกลับด้านละเฮเลยนะบอกก่อน 5555
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (17/05/2019) ตอนที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 17-05-2019 21:19:02
 :impress2:
จ้าา พี่เหนือคนดุ 5555
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (17/05/2019) ตอนที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-05-2019 21:38:47
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (17/05/2019) ตอนที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 17-05-2019 23:45:49
พี่เหนือทะลึ่งว่ะ
มาเยดุอะไรล่ะ
คนอ่านเขินนะ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (17/05/2019) ตอนที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 17-05-2019 23:47:18
อ้าว จะจบแล้วเหรอ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (17/05/2019) ตอนที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: wookyu ที่ 18-05-2019 00:36:52
อ้าว จะจบแล้วเหรอ


ตอนหน้าจบแล้วค่ะ มาย้อนอ่านแล้วก็คิดว่าสั้นเหมือนกันนะเรื่องนี้ :)
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (17/05/2019) ตอนที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-05-2019 02:26:53
 :pig4: :pig4: :pig4:

ว้า...ตอนหน้าจบแระ

ป.ล. มีสเปฯ ป่าว?
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (17/05/2019) ตอนที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 18-05-2019 07:50:42
รอตอนได้กัน
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: wookyu ที่ 18-05-2019 23:48:57
                                                                                           

                                                                              -25 -


โรงอาหารวิศวะ
“ไง ทำไมเดี๋ยวนี้แดกข้าวที่คณะได้ ไม่ต้องไปแดกกับพี่เหนือแล้วหรือไง”
ถามได้จี้ใจดำผมเหลือเกิน กี่วันแล้วนะที่ผมไม่ได้เจอพี่เหนือ ไม่ได้กินข้าวด้วยกัน ไม่ได้โทรหากันบ่อยเหมือนช่วงแรกๆ พี่เหนือบอกผมว่าติดสอบ ต้องอยู่ติวกับเพื่อนเลยไม่มีเวลามากินข้าวกับผม ตอนนั้นที่ผมบอกว่าไม่เป็นไร เพราะผมไม่คิดว่ามันจะเลวร้ายขนาดนี้ไง
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้น หรือว่าพวกมึงทะเลาะกัน”
ไอเผือกสันนิษฐานแต่ผมส่ายหน้ายิ้มๆให้
“แล้วมึงเป็นอะไรข้าวจานนี้กูเห็นมึงเขี่ยเล่นมาซักพักแล้ว ตกลงจะแดกไหม”
ไอเจงหลี่ตามองไอเผือก ราวกับรับรู้ได้ถึงจุดประสงค์แอบแฝงบางอย่าง
“ถ้ามันไม่แดกแล้วมึงจะทำไม”
“เอาน่องไก่มาให้กู”
ผมหลุดขำออกมาเบาๆ ไอเหี้ยพวกนี้ต่อให้ผมกำลังไม่สบายใจยังไงมันก็หาเรื่องให้ผมขำได้ทุกที
“กูว่าแล้วคนอย่างมึงหรือจะห่วงเรื่องปากท้องคนอื่น”
“กูเสียดาย เหลือตั้งสี่น่อง”
ไอเผือกว่าพลางตักน่องไก่ใส่จานตัวเองจนหมด
“มึงกับพี่เหนือช่วงนี้เป็นไงบ้าง อัพเดทมาซิพวกกูรอเผือกอยู่”
ไอเจงเปิดประเด็น ผมเลยยอมเล่าให้พวกมันฟัง
“ช่วงนี้พี่เหนือบอกติดสอบต้องอยู่ติวกับเพื่อน จะว่าไงดีเกือบสองอาทิตย์ที่ผ่านมาพี่เหนือแทบจะไม่ติดต่อกูเลย เหมือนลืมไปว่ามีกูอยู่”
ผมเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้ เกลียดที่อ่อนไหวเหมือนผู้หญิง เกลียดที่คิดมาก เกลียดที่บางครั้งผมรู้สึกเหมือนผมกำลังถูกทิ้ง
ผมไม่ชอบอะไรก็แล้วแต่ที่ผมเป็นอยู่ มันทำให้ผมดูอ่อนแอ ผมไม่ชอบเลย
“ถึงกูบอกว่าอย่าคิดมาก ใจจริงกูก็รู้สึกโมโหพี่เหนือแม่งอยู่ดี จะติวเหี้ยอะไรขนาดนั้น ติวจนไม่มีเวลาให้แฟนเลยเนี่ยนะ กูว่าแม่งไม่ใช่แล้ว”
ผมไม่รู้จะพูดอะไรดี อยากตามไปดูแต่ก็กลัวว่าจะเห็นอะไรที่ไม่อยากเห็น อยากโทรหาแต่ก็กลัวว่าจะไปกวนเวลาของพี่เขา ผมเคยโทรไปครั้งหนึ่งมีผู้หญิงรับและบอกว่าพี่เหนือพักสายตาอยู่จะให้โทรกลับ แต่ก็ไม่โทร ตั้งแต่นั้นผมก็ไม่กล้าโทรไปอีก บอกตามตรงว่าผมกลัว
“กูควรทำยังไงดีวะ”
รู้สึกอยากร้องไห้ แต่น้ำตากลับไม่ยอมไหลออกมาตามที่ใจนึก มันอึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก มันจุกแน่นอกไปหมด ผมไม่รู้จะทำยังไงให้หาย ยิ่งคิดว่าพี่เหนืออาจจะมีคนใหม่ใจของผมยิ่งเจ็บ
“ถ้ามึงอยากร้องไห้ ไม่จำเป็นต้องทนนะ มึงร้องได้เท่าที่ต้องการ กูสองคนจะอยู่เป็นเพื่อนมึงเอง”
“ขออย่างเดียวมึงอย่าทำหน้าเหมือนโลกจะสลายแบบนี้ได้ไหม กูขอร้องกูไม่ชอบเลยจริง”
ไอเผือกพูดเสียงสั่นตาทั้งสองข้างของมันแดงก่ำ ไม่นานผมก็เห็นของเหลวไหลออกจากตาคู่นั้น
“มึงจะร้องทำไม ไอเหี้ยเดี๋ยวกูก็ร้องตาม”
“ก็มันไม่ร้อง มันอยากร้องแต่ไม่ไม่ร้องกูก็ต้องร้องแทนซิวะ”
ผมหัวเราะให้กับตรรกะบ้าๆของมัน ผมพยายามชวนพวกมันคุยเรื่องอื่น เบี่ยงประเด็นไปที่อื่น ตกเย็นผมทิ้งความกลัวทั้งหมดที่มี แอบไปหาพี่เหนือที่คณะ ผมเห็นพี่เขานั่งอ่านหนังสือจริงๆ ใบหน้าอิดโรยของพี่เหนือยืนยันกับผมได้อย่างหนึ่งว่าพี่เขาอ่านหนังสือหนักอย่างที่พูดจริง ผมเดินเข้าไปใกล้อีกนิดแต่พอจะก้าวไปให้ถึงผมกลับต้องหยุดเท้าไว้แค่นั้น
“มึงไม่ไปหาน้องเขาแบบนั้นมันจะดีหรอวะ สองอาทิตย์แล้วนะเว้ยเป็นกูคงคิดว่าถูกทิ้ง”
“มึงควรจะสงสารกูนะ กูเป็นฝ่ายต้องทน มึงไม่เป็นกูไม่รู้หรอกว่าอึดอัดแค่ไหน”
“แล้วคนโน่นล่ะ นมแน่นๆแบบนั้นไม่รู้สึกอะไรบ้างหรอ”

แค่นั้นผมทนฟังได้แค่นั้นจริงๆ สองขาก้าวถอยหลังช้าๆ ภาพตรงหน้าผมพล่ามัวไปหมด ผมกระพริบตาช้าๆไล่ม่านน้ำตาให้หายไป มองภาพคนสองคนที่นั่งเบียดกันแทบจะเป็นเนื้อเดียวให้ชัดเจนอีกครั้งเป็นการตอกย้ำความเจ็บที่หน้าอกข้างซ้าย มองแล้วทบทวนดูอีกครั้งว่าผมควรจะตัดสินใจยังไง คงไม่ต้องคิดให้ปวดหัวแล้วว่าจะโดนทิ้งหรือเปล่า คำตอบทั้งหมดอยู่ตรงหน้าของผมแล้ว

ผมให้เวลาตัวเองหนึ่งวันเต็มๆทบทวนเรื่องราวต่างๆ ทบทวนความรู้สึกของตัวเองดูดีๆอีกที ผมปล่อยให้ตัวเองเศร้า เสียใจ ร้องไห้ ปล่อยให้มันได้ทำทุกอย่างที่อยากทำ ผมจะยอกมให้มันเป็นแบบนี้แค่วันเดียว พรุ่งนี้ผมจะต้องกลับมาเข้มแข็งเหมือนเดิมให้ได้


เช้าวันต่อมาผมมาเรียนตามปกติ มือถือที่ปิดไปตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ผมก็ยังไม่เปิดเครื่องอยู่ดี ตอนนี้ผมยังไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น

“ไอเทียน มึงหายไปไหนมาวะ โทรไปก็ปิดเครื่อง”
ไอเจงโวยวายเป็นคนแรกมองหน้าผมราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ มองเลยไปก็เห็นพวกพี่เพลิงนั่งดีดกีตาร์เล่นกันอยู่
“กูไม่ค่อยสบายเลยหยุด ทำไมคิดถึงกูจนทนไม่ได้”
ผมแกล้งแหย่ก่อนจะยกมือไหว้พวกพี่ๆที่นั่งอยู่ แล้วเดินไปนั่งกับพี่ๆเขาบ้าง
“มึงคิดว่าพวกกูโง่หรือไง”
“พอเถอะ กูยังไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น นะถือว่าช่วยกู”
เจอประโยคนี้เข้าไปไอเจงจึงยอมหยุดพูดในสิ่งที่อยากจะพูดไปดื้อๆ ผมหันไปหาพี่เพลิงที่กำลังเรียกผมอยู่
“โห พี่ให้ผมร้องเพลงแต่เช้าแบบนี้จะจีบใครป่าว”
ผมแกล้งแซว แกล้งแยบเล่นไม่คิดเลยว่าจะจริง ทำหน้าเขินเบอร์นั้นกูดูแวบเดียวรู้เลยครับพี่ ไม่ต้องมาส่ายหน้ากูไม่เชื่อ แต่ส่องแปปใครคือผู้โชคร้าย
“คนนั้นหรอพี่คาดผมสีชมพู”
ยิ่งผมแหย่พี่ๆที่อยู่ในกลุ่มนั้นก็ยิ่งพากันหัวเราะ บ้างก็ส่งเสียงแซวทั้งที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครคือผู้โชคร้ายคนนั้น
“ไม่มีในนี้หรอกเว้ย ยังไม่มา”
“ตอแหลเปล่าพี่”
ไอเจงแซวทั้งน้ำเสียงและท่าทาง พี่เพลิงแม่งแทบจะม้วนลงไปกลิ่นกับพื้น
“ไหนๆเพลงไหนที่จะให้ผมร้อง”
“ให้รักปรากฏ”
“อะไรนะพี่ อะไรรักๆนะ”
ผมแกล้งต่อ สนุกเว้ยแกล้งพี่แบบนี้ จริงๆได้ยินแล้วแหละครับว่าพี่เขาจะให้ผมร้องเพลงอะไร
“ถ้ามึงแกล้งกูอีกกูสั่งซ่อม”
“โอ๋ๆพี่เค้ากลัวแล้ว จะให้ร้องตอนไหนบอกนะ เค้าจะตั้งใจร้องให้ทะลุใจคนฟังเลย”
ผมแหย่พี่เพลิงอีกครั้งแล้วหันไปเตี้ยมกับพี่ปราบมือกีตาร์ ระหว่างที่ผมกำลังคุยกับพี่ปราบพี่เพลิงก็สะกิดเรียก
“มาแล้วๆ ตอนนี้เลย”

รอยยิ้มของผมหายไปแล้ว หายไปพร้อมกับคนที่พึ่งเดินเข้ามา

“ร้องดิวะ เร็วๆ”

อยู่ตรงนี้ไง เห็นฉันบ้างหรือเปล่า
อยู่ในทุกเรื่องราว โอบล้อมเธอไว้ด้วยรักอย่างนี้
เป็นเงาจางๆจางใครคนหนึ่ง ที่หวังดี
แต่ต้องทำยังไงให้เธอได้มองเห็น

หากว่าฉันทำได้ขอเพียงเธอได้สัมผัสรักฉัน
ฝันว่าเรานั้นได้รักกันมากกว่าการแค่มองฉันผ่านไป

อยากให้ความรัก ได้ปรากฏตัวจะได้ไหม

อยากมีซักครั้งที่ได้บอกเธอ

ความรักฉันเป็นของเธอ ไม่ว่าอย่างไร

ผมร้องจบพอดีกับที่เธอคนนั้นนั่งลง เสียงปรบมือ เสียงร้องโห แซวยังดังตามมาไม่หยุด แม้เพลงจะจบไปแล้วก็ตาม

“เพราะทะลุใจไหมพี่”

ผมแกล้งถามพี่เพลิง ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นพี่เหนือที่กำลังเดินเข้ามาทางผม เร็วกว่าความคิดผมรีบหยิบกระเป๋าพาดบ่าแล้ววิ่งออกไปทันที
“พี่ผมไปก่อนนะ ผมปวดขี้”

ผมไม่ได้มองว่าพี่เหนือทำหน้ายังไง ไม่อยากรู้ว่าที่เดินมา มาหาผมหรือมาหาใครกันแน่ ผมรู้อย่างเดียวว่าผมยังไม่พร้อมที่จะเจอหน้าเขาตอนนี้จริงๆ

หมดคลาสไอเจงเดินกอดคอผมลงไปยังโรงอาหารที่เดิมที่ประจำที่เด็กวิศวะอย่างเราๆชอบมาสิงสถิตเวลาที่ไม่มีอะไรทำเช่นนี้
“พี่เพลิงแม่งคิดจะสอยดาวหว่ะ พี่พิงค์โคตรสวย มึงน่าจะเห็นว่าพี่เพลิงทำหน้ายังไง คิดแล้วกูยังขำอยู่เลย”
“แล้วพี่เขาทำไงต่อวะ ได้คุยกับพี่พิงค์ไหม”
ผมถามด้วยความอยากรู้ และเริ่มจะสนุกตามพวกมันไปแล้วเวลาที่แอบนินทาเพลิง
“คุยเหี้ยอะไร วิ่งปวดขี้ตามมึงไปอีกคน”
ได้ยินแบบนั้นเป็นใครจะไม่ขำบ้างครับ หน้าตาโหดแสนโหดมาป๊อดเพราะไม่กล้าจีบหญิง เห็นเรื่องอื่นนี้ถนัดดีเหลือเกิน
ผมคุยเล่นกับไปซักพักมองนาฬิกาเกือบจะหกโมงแล้ว เห็นทีคงจะต้องกลับบ้านเสียที ใกล้เวลากลับบ้านทีไรหน่วงใจทุกที

ผมเดินไปยังที่จอดรถตัวเอง ก็เห็นใครบางคนที่ผมไม่อยากเจอที่สุดยืนพิงอยู่ที่รถของผม สมองผมกำลังประมวลผลว่าจะเอายังไงดี จะทิ้งรถไว้นี่แล้วกลับแท็กซี่หรือดับเครื่องชนไปเลยจะได้ไม่ต้องมานั่งหลบหน้ากันให้ลำบากใจ ผมสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะเดินไปยังรถที่จอดอยู่ของตัวเอง

“หวัดดีครับพี่”
ผมทักทาย แต่อีกฝ่ายทำเพียงหลีตามองผมแปลกๆ
“เมื่อเช้ามึงหลบหน้ากูทำไม”
พี่เหนือกอดอดมองผมนิ่ง มองผมเหมือนผมเป็นคนผิด ผมไม่ได้พูดอะไรออกไป อยากมองอยากคิดอะไรของเขาก็ช่างผมไม่สน ผมกดรีโมทเตรียมเปิดประตูขึ้นรถ แต่ก็ถูกพี่เหนือมันจับประตูปิดลงเหมือนเดิม
“มึงเป็นอะไร ทำไมจู่ๆเป็นแบบนี้”
“เป็นแบบไหนครับ”
ผมย้อนถามด้วยเสียงที่เริ่มดังขึ้น ระดับความอดทนของผมมันเริ่มเกินขีดจำกัดขึ้นเรื่อยๆ
“ก็ที่เมินกูแบบนี้ มึงเป็นอะไร”
“หลบครับ ผมจะกลับบ้าน”
ผมไม่ได้งี่เง่า แต่ถ้าเราคุยกันด้วยอารมณ์แบบนี้ก็มีแต่จะทำให้ทุกอย่างมันแย่ลง ผมไม่อยากเกลียดพี่ อย่างน้อยถ้าเราต้องจบกันจริงๆ ผมก็ยังยากมองหน้าพี่อยู่ 
“เทียนหันมาคุยกันดีๆ กูไม่ได้อยากทะเลาะกับมึงนะ”
“ก็เพราะผมไม่อยากทะเลาะกับพี่ไงผมเลยต้องไป”
“ไม่เอาเทียนเราชักคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว หยุดมองกูก่อน”
พี่เหนือจับแขนทั้งสองข้างของผมให้หยุดนิ่ง สายตาดุดันเมื่อครู่เต็มไปด้วยความกังวลใจ มือหนาลูบแขนผมเบาๆคล้ายกำลังปลอบให้ผมใจเย็นลง
“ทีนี้บอกกูได้หรือยัง ว่ามึงเป็นอะไรโกรธอะไรกู”
ผมเม้มปากแน่น น้ำเสียงอ่อนโยนแบบนี้ของพี่เหนือทำให้ผมอยากที่จะร้องไห้ขึ้นมาจริงๆ
“กูโทรหามึงตั้งแต่เมื่อวาน แต่มึงก็ปิดเครื่องตลอด รู้ไหมกูเป็นห่วงมากแค่ไหน”
ผมยังคงเงียบอยู่เหมือนเดิม ถ้าผมไม่ได้ยินสิ่งที่พี่เหนือพูดกับเพื่อนเขาในวันนั้น ผมอาจจะเชื่อก็ได้ว่าเขาเป็นห่วงผมจริงๆ
“วันนี้กูเลยรีบมาหาเราแต่เช้าทั้งๆที่กูมีสอบตัวสุดท้ายตอนเก้าโมง กูต้องขับรถไปขับรถมาเพียงแค่อยากรู้ว่ามึงสบายดีจริงๆ แต่มึงกลับหนีกู”
ถึงตรงนี้ผมควรต้องพูดอะไรซักอย่าง พี่เหนืออาจจะเหนื่อยที่ต้องสรรหาคำพูดมาปลอบเพื่อให้ผมสบายใจ ทั้งๆที่ผมรู้ความจริงทุกอย่างแล้ว
“พอเถอะครับพี่ ผมรู้แล้ว ผมเข้าใจว่าพี่รู้สึกยังไง พี่ไม่ต้องทนอะไรอีกแล้ว ที่ผ่านมาผมขอโทษ ผมไม่เคยรู้เลยว่าผมทำให้พี่อึดอัด”
ผมพูดมันออกไปแล้ว และผมก็ดีใจที่พูดถึงตรงนี้แล้วน้ำตาผมยังไม่ไหลออกมาทำให้ผมต้องขายหน้า พี่เหนือขมวดคิ้วแน่น เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะยิ้มมุมปากซึ่งมันเป็นยิ้มที่ผมไม่รู้ความหมายของมันเลยแม้แต่น้อย

“แน่ใจแล้วใช่ไหมที่บอกให้กูไม่ต้องทน”
แทนที่พี่เหนือจะเดินจากไปอย่างที่ผมคิด พี่เขากลับดึงกุญแจในมือผมไขประตูรถจับผมขึ้นไปนั่งอย่างงงๆ
“พี่จะพาผมไปไหน”
“มึงว่ากูจะพามึงไปที่ไหนดีล่ะ ที่ที่ทำให้กูไม่ต้องทนอีกต่อไป”
ผมไม่เข้าใจว่าพี่เหนือกำลังพูดถึงอะไร พี่เหนือพาผมมาที่คอนโดตัวเอง เปิดห้องเข้ามาได้ผมก็ถูกพี่เหนือประกบจูบทันที
“อื้ออ ปะ ปล่อยพี่ ปล่อยผม”
ผมทั้งตีทั้งทุบเพื่อให้หลุดจากการปล้ำจูบอย่างไม่ตั้งตัวในครั้งนี้ พี่เหนือยอมละปากเขาออกจากผม ในตาคมหวานเชื่อมจนผมก้มหน้าหลบแทบไม่ทัน
“มึงไปได้ยินอะไรมาบอกกูมาซิ”
ปากพูดแต่ปลายจมูกพี่เหนือกลับไม่หยุดซุกซน ปัดปายไปมาแถวๆต้นคอผมทำให้ผมอดที่จะย่นคอหนีไม่ได้
“จะบอกดีๆหรือต้องให้กูปล้ำมึงจริงๆ”
ไม่ทำแค่พูดพี่เหนือลากผมมาที่เตียงกว้างกลางห้อง ผลักผมลงนอนบนเตียงก่อนจะปลดกระดุมเสื้อตัวเองออกตามลำดับ ทุกอย่างมันเกินขึ้นเร็วมา รู้สึกได้อีกทีคือทั้งผมและพี่เหนือส่วนบนเปลือยเปล่าทั้งคู่ พี่เหนือนั่งคล่อมผมทั้งตัว มองผมด้วยสายตาโลมเลีย ตอนนี้ผมรู้สึกแปลกๆกับร่างกาย เหมือนจะหน้ามืด ไปพร้อมๆกับความวาบหวามที่เกิดขึ้นในอก
“ว่าไง กูให้โอกาสอีกครั้งไม่พูดกูจะถือว่ามึงอนุญาตให้กูปล้ำมึงนะ”
“พะ พูดแล้วครับ พูดแล้ว”
“หึ”
พี่เหนือมองผมพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ที่เจ้าตัวชอบทำ
“ว่ามากูรอฟังอยู่”
ผมสูดหายใจเข้าปอดแรงๆหนึ่งครั้งก่อนจะพูดความจริงทั้งหมดให้พี่เหนือฟัง


“ห๊า!! ไปตีความหมายแบบนั้นเอาเองได้ยังไง แล้วถ้าวันนี้กูไม่ได้คุยกับมึง ไม่ได้กลายเป็นกูหรอที่จะถูกมึงทิ้ง”
พี่เหนือทำหน้าช็อค ในขณะที่ผมยังไม่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดอยู่ดี
“แล้วมันไม่ใช่หรอครับ พี่ไม่ได้ต้องทนอยู่กับผม ไม่ได้อึดอัดเวลาอยู่กับผมหรอครับ”
“มันจะใช่ได้ยังไงล่ะ กูไม่ค่อยโทรหามึงเพราะเวลากูได้ยินเสียงมึงทีไรกูอยากจะพุ่งตัวไปบ้านมึงทุกทีสุดท้ายหนังสือกูก็จะไม่ได้อ่าน เลวร้ายกว่านั้นกูอาจจะชวนมึงทำอะไรแปลกๆก็ได้อย่างเช่น”
พี่เหนือพูดแล้วเว้นไปซักพักหันกลับมาอีกทีก็หน้าแดง จนผมต้องเป็นฝ่ายเร่งรัดฟังประโยคถัดไป
“sex phone ไง”
“เฮ้ย!!”
“กูกลายเป็นคนต่ำตรม อยู่ใกล้มึงทีไรก็คิดแต่เรื่องไม่ดี เห็นหัวนมมึงอารมณ์กูยังขึ้นเลย”
“เฮ้ยพี่!!”
ความจริงที่ผมได้ยินจากปากบอกตรงๆว่าทำให้ผมแทบจะช็อคตายกลางอากาศ ตัวผมมันไปกระตุ้นต่อมหื่นอะไรพี่เหนือเขาขนาดนั้นวะ
“ที่กูบอกว่ากูต้องทนเพราะกูกลัวจะเผลอปล้ำมึง กูไม่อยากทำอย่างนั้นกูอยากให้เซ็กซ์ของเราเกิดจากความยินยอมของทั้งสองฝ่าย ที่กูบอกว่าอึดอัด เป็นเพราะเวลาที่กูคิดอกุศลกับมึงทีไรกูทำอะไรไม่ได้เลยซักอย่างได้แต่บอกให้มันสงบลงไปเองทุกครั้ง มึงคิดว่ามันง่ายหรือไง”
ผมมองหน้าพี่เหนือนิ่งจะว่ายังดีล่ะ ปลื้มปริ่มหรอถ้าใช่ก็เหี้ยมากอ่ะ เขาจ้องแต่จะปล้ำผมนะเว้ย จะให้ปลื้มลงยังไงไหว ความรู้สึกของผมตอนนี้คงมีแต่ขอบคุณล่ะมั้ง ขอบคุณที่ทนกับเรื่องพวกนี้มาตลอด ผมมองเข้าไปในตาพี่เหนือ พอพี่เหนือทำท่าจะลุกไปจากตัวผม กลับเป็นผมเสียเองที่พลิกพี่เหนือให้นอนอยู่ใต้ร่าง
“เพี้ยนอย่ายั่วกู”
พี่เหนือกัดฟันแน่จนเห็นเส้นเลือดปูดโปนบริเวณกรามทั้งสองข้าง ยิ่งเห็นว่ากำลังอดกลั้นขนาดนั้นผมก็ยิ่งได้ใจ ผมก้มลงแลบเลียตุ่มไตสีสวยที่วางเด่นอยู่ตรงหน้า ทั้งขบเม้นทั้งกัด ส่วนมือผมก็ล็อกแขนของพี่เหนือไว้แน่นที่เหนือหัว พี่เหนือหน้าแดงมาก ผมได้ยินเสียงครางต่ำเล็ดลอดออกมาจากลำคอของคนที่นอนอยู่ใต้ร่าง ผมอยากได้ยินเสียงมากกว่านี้ ผมเลยเลื่อนตัวต่ำลงไปอีก รูดซิปกางเกงของคนที่นอนอยู่ด้วยปาก จงใจให้ฟันขบโดนแท่งเอ็นที่แข็งจนแทบจะโผล่พ้นขอบกางเกงในอยู่แล้ว แค่สัมผัสผ่านเพียงเบาๆก็สามารถทำให้คนที่นอนอยู่ถึงกับหลุดเสียงน่าอายออกมา
“ซี๊ดด....อ๋า....ยะ หยุด”
พี่เหนือพยายามขอให้ผมหยุดด้วยสีหน้าทรมาน
“หยุดทำไมครับ พี่ไม่อยากให้ผมเล่นกับมันหรอ”
ไม่ว่าเปล่าผมก้มลงเลียแทงร้อนผ่านเนื้อผ้าสีขาวบาง ก่อนจะดูดเน้นบนปลายหัวสีสวยแรงบ้างเบาบ้างตามการตอบสนองของคนใต้ร่าง
“ถะ ถ้ามึงไม่หยุด กูจะไม่ทนจริงๆแล้วนะ”
พี่เหนือพูดด้วยเสียงกระเส่าขบกรามแนบจนเห็นสันนูนชัดเจน ผมลากลิ้นจากส่วนล่างไปยังกกหูของพี่เหนือกัดเบาๆแค่พอได้ยินเสียงครางเป็นที่น่าพอใจ ก่อนจะกระซิบเบาๆที่ข้างหูของพี่เหนือ
“ผมก็ไม่เคยบอกให้พี่ทนหนิ”
เพียงเท่านั้นบนบาทเมื่อครู่ก็เปลี่ยนไปแทบจะทันทีโดยพี่เหนือเป็นคนคุมเกมส์ต่อจนจบ



“กูไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเมื่อกี้คือมึง”
“อย่าแซวไม่งั้นพี่จะไม่เห็นผมในมุมนั้นอีกเลย”
ถามว่าอายไหมบอกเลยว่าอายมาก ถ้าไม่ใช่เพราะผมเห็นว่าพี่เหนือต้องทนกับเรื่องนี้มากแค่ไหน ผมคงไม่ยอมทำเรื่องน่าอายแบบนั้นเพียงเพื่อต้องการเอาใจพี่เหนือหรอก
“ขอบคุณนะกูไม่คิดว่ามึงจะยอมเพื่อกูขนาดนี้”
“ขอบคุณเหมือนกันครับที่คิดถึงความรู้สึกผม ขอบคุณที่ทำให้ผมเห็นมุมต่ำตรมของพี่”
พุดแล้วผมก็อดหัวเราะเองเสียไม่ได้ ใครจะเชื่อว่าพี่เหนือผู้ชายที่แสนจะเพอร์เฟคที่หลายๆคนอยากครอบครอง จะมีอารมณ์กับอกแบบเรียบของผู้ชายอย่างผม
“ล้อเลียนกู”
“ผมรักพี่นะครับ ขอโทษที่ผมคิดจะจบเรื่องของเรา”
“มึงจะทำได้แค่คิด มึงนึกหรอว่ากูจะยอมปล่อยมึงไปง่ายๆ”
พี่เหนือพูดพลางกระชับผมให้ซุกหน้าเข้ากับแผ่นอกเปลือยเปล่าของพี่เขามากขึ้น ก่อนที่พี่เหนือจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวผมป้องกันลมหนาวจากเครื่องปรับอากาศ
“ผมรักพี่”
“กูรู้แล้ว”
“ผมรักพี่”
“เอ๊ะไอเหี้ยนี่กูบอกว่ารู้แล้ว”
พี่เหนือเถียงขำๆ ดูดิจะจบเรื่องแล้วพี่มันยังไม่พูกับผมเพราะๆเลย
“ผมรักพี่นะครับ”

“พี่ก็รักเทียนเหมือนกัน”




                                                                               -จบ-


------------------------------------------------------------------------
จบเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะคะสำหรับเรื่องราวความรักของน้องเพี้ยนและพี่เหนือ ขอบคุณสำหรับทุก Comment ทุกกำลังใจ ทุกคำติชมที่มอบให้กันมาตั้งแต่ต้นเรื่องยันถึงตอนจบ นิยายเรื่องนี้อาจจะไม่ได้สนุกที่สุดเท่าที่ผู้อ่านทุกคนเคยอ่านมา ไม่ได้เขียนด้วยภาษาสวยหรู แต่เราอยากจะบอกวาเราตั้งใจเขียนมันมาก ขอบคุณทุกคนจริงๆที่เข้ามาอ่านจนจบนะคะ สำหรับตอนพิเศษ เราไม่เคยเขียนมาก่อน อย่างไรจะลองพยายามดูนะคะ


ขอบคุณที่สุด ขอบคุณจากใจค่ะ



 
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-05-2019 00:17:11
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-05-2019 00:43:59
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :L2: :L1:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 19-05-2019 01:18:31
 :katai2-1: :katai2-1:

เกือบแล้ว เกือบดราม่าแล้ว
 แต่อิพี่เหนือหื่นก่อน 555 :katai5:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 19-05-2019 01:45:27
จบล้าววว ขอบคุณสำหรับนิยายค่า
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 19-05-2019 12:33:18
จบแล้ว สนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: nut2557 ที่ 19-05-2019 13:28:32
 :L1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 19-05-2019 19:14:27
เพี้ยนก็ยั่วเป็นนะครับพี่เหนือ

ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 19-05-2019 22:16:12
จบแล้ว ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 20-05-2019 01:24:14
 :mc4: :man1: :mc4:



 :L2: :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 20-05-2019 03:36:35
จบแล้วจ๊
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: HappyYaoi ที่ 21-05-2019 12:10:14
 :mew1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 21-05-2019 18:34:31
 o13   ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 22-05-2019 01:25:41
เหมือตอนแรกๆจะมีแบบหลุดใช้คะ ค่ะผิดนิดหน่อนะคะ แต่เนื้อเรื่องสนุกดีมากค่ะ เทียนนี่คือซื่อกอนไม่หมดคดกินไม่นานมาก หนูแบบป้ายอมจ้าาาา เหมือนสามเณรคือภาพในหัวตอนที่อ่านตอนแรกใหล้สีกาไม่ได้ 5555555
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: NongJesZa ที่ 12-06-2019 09:34:35
เทียนน่ารักกกกกกกกกกกก ชอบมากครับ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 13-06-2019 22:52:15
ถูกต้อง พี่เหนือต้องไม่เนียน ชัดเจน แมนๆ ไปเลย น้องมันซื่อ 5555
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: tanapornfahelf ที่ 19-06-2019 00:58:34
สนุกมากๆค่า ตามอ่านรวดเดียวเลย แงงง  :impress2:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 23-06-2019 23:56:18
 :hao4:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 03-01-2020 18:23:57
สนุกอ่านเพลินเลย


มีเรื่องอื่นอีกใหมว
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 04-01-2020 06:47:37
ขอบคุณค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 05-01-2020 17:31:20
ไอเพี้ยน  :pig4:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: Charmy ที่ 08-01-2020 08:46:12
เทียนน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: Tsubamae ที่ 16-01-2020 06:24:19
อ่านเพลินอ่ะ ชอบๆๆ มีตอนพิเศษเพิ่มอีกได้ไหมค้าาาา คนเขียนผู้น่ารักกกก
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 17-01-2020 23:03:39
เนื้อเรื่องสนุกน่ารักดีค่ะ
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: tangtey59 ที่ 19-01-2020 09:33:24
 เรื่องนี้สนุกจัง น่ารักด้วย
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 19-01-2020 17:07:39
ชอบ ๆ :-[
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: NongJesZa ที่ 23-01-2020 17:02:54
รอบที่สอง555555 สนุกมาก ชอบน้องเพี้ยน รักกก :กอด1:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 25-01-2020 00:10:44
เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สร้างความประทับใจในความเป็น พี่เหนือ คุณหมอในอนาคตที่แสนจะหล่อและรักน้องเพี้ยนมากๆ
ขอบคุณนักเขียน ขอส่งกำลังใจ ให้+1
 :pig4: :mew1: :pig4: :mew1: :pig4: :mew1:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: yochiki1404 ที่ 02-02-2020 19:39:27
อ่านแล้วยิ้มตาม น่ารักมากเลยจ้า :3123: :L1:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: nyxca ที่ 16-03-2020 22:29:40
ชอบน้องเทียน55555 แบบน่ารักมาจากตับไตไส้พุง
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: BuzZenitH ที่ 29-03-2020 08:20:16
อ่านมาจนถึงตอนสุดท้าย นึกว่าจะพลิกบทบาทกันซะแล้ว 5555 :o8:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 29-03-2020 15:15:07
 :-[
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 07-04-2020 22:35:20
 o13
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 21:13:39
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: BankkunG23 ที่ 20-04-2020 12:25:59
สนุกนะเนี่ยยยย ตอนแรกที่เข้ามาอ่านยังไม่ทันจบบทแรก ก็เปลี่ยนไปเรื่องอื่น
แต่พอกลับมาอ่านอีกที รวดเดียวจบเลย 555555555
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: Sriwanan ที่ 22-04-2020 16:46:52
สนุกจังครับ ขอบคุณมากๆครับ o18 o18 :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: Mrfoxx ที่ 24-06-2020 17:27:36
คนเขียน ให้พระเอก ไม่มีความชัดเจนตั้งแต่แรก
เรื่องการหมั่น ทำไมไม่ ปฏิเสธตั้งแต่ครั้งแรก ลากยาวมาปลายเรื่อง
ถ้านายเอกไใ่okคงกลับไปคบกับคู่หมั่นใช่ไหม นิสัย ไม่ควรเป็นพระเอก
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 25-06-2020 13:23:32
เทียนน่ารัก  อิจฉาเหนือหวะ 555
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 13-10-2023 00:46:18
สนุกครับ พลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไง
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: everlastingly ที่ 24-10-2023 22:32:02
อ่านเพลินเลย สนุกมาก 555 ชอบความมึน ความซื่อบื้อ ความตามคนอื่นและตามพี่เหนือไม่ทันของเพี้ยน

ขอบคุณคนเขียนมากๆ เลย
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 25-10-2023 16:16:59
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 14-11-2023 18:07:48
 :heaven :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: Just a Fake Love...ไม่ต้องอินมากก็ได้พี่ : (18/05/2019) ตอนที่ 25 จบแล้วย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 03-03-2024 12:30:11
ทรู ระบบเติมเงิน เน็ตไม่อั้น เร็ว 12 Mbps(เม็ก) เน็ตอย่างเดียว นาน 30 วัน ราคา 482 บาท

https://www.youtube.com/watch?v=c8Z68L98B70 (https://www.youtube.com/watch?v=c8Z68L98B70)