เจ้าเด็กลูกครึ่งปิศาจยิ้มกรุ้มกริ่มให้กับผม ส่งสายตาหวานฉ่ำให้ ผมทำหน้าเซ็งๆ คุยกับหมอนี่ทีไรก็เข้าตัวเองทุกที
โต้ตอบอย่างไรก็ไม่มีวันชนะ หมอนี่ไม่เคยสะทกสะท้านกับคำพูดของผมแม้แต่น้อยนิด การถกเถียงกับเขามีแต่จะทำให้ผมหงุดหงิดและสับสนในใจมากยิ่งขึ้น
“ไปซื้ออาหารสดและของกินที่ห้าง...........แล้วกัน”
ผมเปลี่ยนเรื่องพูด โดยการบอกชื่อห้างที่จะพาเขาไปเดินเลือกซื้อข้าวของที่จะนำมาทำเป็นอาหารเย็น
เด็กหนุ่มก็ปรับเปลี่ยนท่าทีเช่นกัน เขาหันมาคุยจ้อถึงอาหารที่จะทำให้ผมกินเป็นมื้อเย็น เอาสมุดขึ้นมาจดรายการของอาหารที่ต้องซื้อ
พอถึงห้าง เดียร์ก็ไปลากรถเข็นมาคันหนึ่ง แล้วเดินนำผมไปยังแผนกอาหาร หยิบโน่น เลือกนี้ใส่รถเข็นด้วยท่าทางที่คล่องแคล่ว
ผมเองยังอดรู้สึกเพลินไปด้วย เมื่อมองตามเขาไป เดียร์มีความชำนาญในการเลือกซื้อของที่จะมาใช้ในการปรุงอาหารมาก
เขาเลือกปูสดๆเพื่อมาทำผัดผงกระหรี่ให้ผมทาน เลือกผักที่จะใช้ประกอบ โดยดูเอาที่ใหม่สด ปลอดสารพิษ ผมนึกสนุกไปกับเขาด้วย
โดยการเลือกซื้ออาหารสดนอกเหนือจากที่จะทำกินสำหรับเย็นนี้ ผมเห็นว่า ไหนๆก็เลี่ยงที่จะไม่ให้เดียร์มาบ้านได้แล้ว เพราะมีการตกลงทำสัญญากันไว้
ดังนั้น ผมก็ควรจะมีของติดตู้เย็นเอาไว้บ้าง เด็กหนุ่มจะได้ไม่ต้องไปซื้อให้สิ้นเปลืองเงินทองของตัวเอง
ผมไหว้วานให้เด็กหนุ่มเลือกให้ เพราะผมเองก็เลือกไม่เป็นเพราะไม่เคยทำอาหารกินเอง คนโสดอย่างผมกินแต่ข้าวนอกบ้าน
แต่ที่มีอุปกรณ์ครัวมากมาย เพราะผมเตรียมไว้สำหรับการแต่งงานระหว่างผมกับอรจิรา ผมหลอกให้เธอไปเดินซื้อเป็นเพื่อนผม
ซึ่งผมคิดว่าเธอรู้ความหมายดีว่าผมต้องการสื่ออะไร แต่ในที่สุดเธอก็หนีผมไปมีคนอื่น แต่ช่างมันเถอะ อย่างไรผมก็มีโอกาสได้ใช้เครื่องครัวนั้น
แถมซ้ำยังมีคนมาคอยทำอาหารให้กินอีกด้วย
เด็กหนุ่มกุลีกุจอเลือกอาหารสดให้ผม มีจำพวกปลา เนื้อหมู เนื้อไก่ ผมซื้อพวกไส้กรอก หมูยอ แหนม ลูกชิ้นมาเก็บไว้ด้วย
จากนั้น เราสองคนก็พากันไปเลือกซื้อพวกอาหารแห้งบ้าง ผมให้เดียร์ตัดสินใจว่าในครัวผมควรจะมีอะไรบ้าง
ท่าทางเขาดูปลาบปลื้มที่ผมมอบความไว้วางใจให้กับเขา ในการเป็นผู้กำหนดเรื่องอาหารการกิน จนผมอดยิ้มด้วยความเอ็นดูเขาไม่ได้
เดียร์หยิบพวกเส้นหมี่ สปาเกตตี้ มักกะโรนี ใส่ไว้ในรถ มีปลากระป๋อง น้ำพริกเผา กะปิ น้ำปลา ข้าวสาร น้ำตาลทราย ผงปรุงรส และ ของที่เก็บไว้กินได้นานๆอีกหลายชนิด
ตลอดเวลาเหล่านั้น เดียร์นัวเนียใกล้ชิดผมตลอดเวลา ถามโน่น ถามนี่ ว่าผมชอบกินอะไร รสชาติแบบไหน บางอย่างเขาก็เห็นด้วย
บางอย่าง ก็แนะนำให้ใหม่ บางอย่างเป็นของมาจากเมืองนอก เขาก็จะแนะนำของที่ทำจากไทย คุณภาพใกล้เคียงแต่ราคาถูกกว่ามาให้
ดูท่าทางเขาเป็นคนที่มีความรู้ค่อนข้างเยอะในเรื่องเกี่ยวข้องกับอาหารจนผมรู้สึกทึ่ง
ขณะที่เราวนเวียนอยู่ ตรงชั้นวางอาหารกระป๋อง สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่กำลังเข็นรถเข็นเดินตรงมาที่ผมและเดียร์กำลังเลือกซื้อของอยู่
ผมชะงักเมื่อเห็นว่าสองคนนั้นเป็นใคร ฝ่ายหญิงก็มีอาการไม่ต่างจากผมสักเท่าไหร่
“อ้าว คุณเรียวซื้อของเยอะแยะเชียว ที่บ้านจะจัดงานเหรอ”
ชายท่าทางภูมิฐานเอ่ยทักทายผมด้วยใบหน้าแสดงความเป็นมิตรไมตรี ผิดกับอดีตคนรักของผม ที่ยืนหน้าเชิด ปิดปากเงียบ ไม่แม้แต่จะเอ่ยคำทักทาย หรือยิ้มแย้มให้
“เปล่าครับ แค่ซื้อไปเก็บเอาไว้ นานๆจะมาซื้อของซักทีน่ะครับ คุณอนันต์ ก็มาซื้อของเหมือนกันเหรอ”
ผมเสมองไปที่รถเข็นที่ว่างเปล่าของเขา ไม่อยากจะมองหน้าอรจิรา เพราะผมไม่เห็นมิตรภาพอยู่บนใบหน้าสวยๆนั่น
เออ หนอ เลิกกันไป โดยที่เธอเป็นฝ่ายบอกเลิกผมเอง ผมน่าจะเป็นฝ่ายแค้นใจมากกว่าเธอเสียด้วยซ้ำ แต่ทำไมเธอถึงปั้นปึ่งขึ้งโกรธผมนัก
หรือว่าสิ่งที่เธอทำนั้น มันเพื่อต้องการที่แสดงให้คนรักใหม่ของเธอได้รู้ว่า ผมและเธอไม่เคยรู้จักสนิทสนมเกินเลยนอกเหนือไปจากการเป็นคนที่ทำงานในบริษัทเดียวกันเท่านั้น
“ครับ พอดีว่า เราจะซื้อของใช้ไว้ในครัวเรือนของเราครับ แต่เดินเรื่อยเปื่อยมาจนถึงแถวนี้ พอเห็นคุณเข้า ก็เลยแวะเข้ามาทักเสียหน่อย
ตอนแรก อร เขาก็ไม่อยากเข้ามา กลัวว่า จะเป็นการรบกวนคุณน่ะครับ”
คุณอนันต์บอกยิ้มๆ ถึงแม้ว่าเขาจะทำงานในตำแหน่งหน้าที่รับผิดชอบที่ต้องละเอียดถี่ถ้วนเกี่ยวกับเรื่องเงินเรื่องทอง
แต่ในเรื่องคนหรือเรื่องของความรัก เขากลับไว้ใจคนอื่นง่ายๆ ดูก็รู้ว่า อรจิรา รังเกียจการที่จะมาเจอผมแค่ไหน แต่เขากลับมองไม่ออก
ผมพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ถึงยังไง ผมก็เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้แล้ว เธอไม่มีวันรู้สึกดีกับผมอีกต่อไป
ในเมื่อผมไม่อาจทำให้เธอกลับมารักผมได้ดังเดิม ผมก็จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับความจริง ผมไม่อาจจะก้มหน้า ทำตัวเป็นคนขี้แพ้ต่อไปได้
ความรู้สึกมันบอกให้ผมยืนหยัดต่อสู้กับความจริงอันปวดร้าว เพื่อความเข้มแข็ง และเพื่อศักดิ์ศรีของลูกผู้ชาย
ตอนที่ผมเงยหน้าขึ้นมองอรจิรา
ก็เห็นเธอมองผมอย่างเหยียดๆอยู่ก่อนแล้ว พอเธอเห็นผมมองตอบ เธอก็หันหน้าไปหาชายคนรักกระเป๋าหนักของเธอ แล้วทำน้ำเสียงอ้อนๆ
“ก็จริงนี่คะ บางที คุณเรียวน่ะ เขาคงอยากจะใช้เวลากับการเลือกซื้อข้าวของโดยไม่มีใครรบกวนเหมือนอย่างเช่นเราสองคนก็ได้นี่คะ
เดี๋ยวเราแยกกับคุณเรียวตรงนี้ดีกว่า ของที่เราต้องการยังไม่ได้เลย เรามีเวลาไม่มากนักนะคะ เพราะเดี๋ยวก็ต้องไปเลือกกระเบื้องสำหรับปูห้องน้ำที่บ้านหลังใหม่ของคุณด้วย”
ก่อนที่คุณอนันต์จะพูดอะไรออกมา เจ้าเด็กลูกครึ่งซึ่งเมื่อครู่กำลังสาละวนอยู่กับการเลือกซื้ออาหารกระป๋อง ก็เดินเข้ามาหา
เขาแตะแขนผมเบาๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงรื่นเริงว่า
“นี่เรียวดูนี่สิครับ ว่าผมเจออะไร ปลาทูน่า ในน้ำมันพืช กับปลาทูน่าในน้ำเกลือครับ รู้ไหม เราสามารถเอาปลาทูน่าไปทำแกงเขียวหวานกินได้นะ
ผมทำเป็นด้วยล่ะ นี่เราซื้อไปสักสองกระป๋องดีกว่าเนอะ ไว้คราวหน้าผมจะทำให้ทาน กินกับข้าวสวยร้อนๆ หรือขนมจีนก็อร่อยเลยล่ะ”
*******************************
รมณ์เสียเว้ย รมณ์เสีย เจอแฟนเก่า