บทที่32
จูบ
"ตั้งใจจะลวนลามพี่เหรอครับ" นรินทร์ผงะเมื่อจู่ๆ ภาริชก็ลืมตาขึ้นมากะทันหัน
นี่มันน่ากลัวกว่าหนังผีเสียอีก คนที่คิดจะแอบจูบใจเต้นรัวราวกับกลอง ซ้ำยังกลัวคนตรงหน้ารังเกียจขึ้นมาจับใจ
แย่แน่ ต้องถูกเกลียดแน่ๆ ... ทั้งที่คิดแบบนี้ ทว่าพี่ภาริชกลับทำเพียงกระพริบตาเท่านั้น พร้อมกับค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา
“จะจูบก็ได้นะ”
“อ๊ะ”
นรินทร์ผงะ ไม่คิดว่าพี่ภาริชจะเอ่ยอนุญาติออกมาเอง
“เรื่องเดทวันนี้ตั้งใจขอบคุณที่ช่วยปกป้องพี่ไม่ให้ต้องไปนอนค้างกับคนอื่นสองต่อสอง ส่วนจูบนี่ ให้เป็นรางวัลที่ชนะก็แล้วกัน”
นรินทร์ปั่นป่วนไปหมด ไม่คิดว่าจู่ๆ พี่ภาริชก็พูดออกมาแบบนี้ เขารู้สึกว่าใบหน้าตัวเองตอนนี้ร้อนไปหมดด้วยความอับอาย
คงไม่ใช่ว่าพี่ภาริชตื่นอยู่ตลอดเวลาหรอกนะ ดูท่าทางแล้วก็น่าจะเป็นอย่างนั้น ไม่งั้นคงไม่ลืมตาขึ้นมาได้จังหวะพอดีแบบนี้
“แต่ถ้าจูบแล้วละก็ต้องรับผิดชอบพี่ด้วย”
ภาริชหัวเราะหึหึในลำคอ เขาขยับตัวคร่อมนรินทร์เอาไว้ ทำเอาคนที่อยู่ใต้ร่างตัวแข็งค้างไปเลย
“พี่ชอบสีหน้าแบบนี้ของเราจัง เหมือนกำลังเรียกร้องให้พี่รังแกยังไงก็ไม่รู้”
สีหน้าของนรินทร์ตอนนี้ตลกมาก ภาริชอดไม่ได้ที่จะเป็นคนประทับจูบลงไปเอง ทั้งที่เป็นเพียงรสสัมผัสที่บางเบาราวกับแมลงปอแตะผิวน้ำ แต่กลับทำให้นรินทร์รู้สึกราวกับเวลาหยุดลงชั่วขณะหนึ่ง
“ทีนี้รินต้องรับผิดชอบโดยการคบกับพี่ในฐานะคนรักแล้วล่ะนะ”
นรินทร์ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ กับผลสรุปที่มาโดยไม่ทันตั้งตัว ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่าทุกอย่างโดนคนตรงหน้าวางแผนมาแล้วอย่างดี ไหนจะที่นั่งแบบโซฟานี่อีก ทั้งปลีกวิเวกจากผู้คน
แล้วสภาพที่ถูกกดเอาไว้จนขยับไม่ได้ แถมใบหน้าอีกฝ่ายที่ยื่นมาชิดใกล้ขณะรอคำตอบในระยะประชิดจนมองเห็นรายละเอียดบนใบหน้าอย่างชัดเจน เขาจะไปมีปัญญาปฏิเสธได้ยังไง
“ถ...ถ้าพี่ไม่รังเกียจผ..ผม ได้โปรดเป็นแฟนกับผมเถอะ” อย่าว่าแต่นรินทร์แอบชอบอีกฝ่ายมาตลอด ดังนั้นแม้จะฉุกละหุก หรือตกอยู่ในสถานการณ์ประหลาด ลึกๆ ในใจก็มีความยินดีแฝงอยู่
"ด้วยความยินดีเลยล่ะ"
ภาริชฉีกยิ้มกว้าง ในที่สุดก็สมใจเขาสักที อดใจไม่ได้ที่จะกดจูบลงไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขากระทำในฐานะคนรัก สัมผัสนุ่มหยุนชวนให้นรินทร์ฝันเคลิ้มและเมามาย คราวนี้ไม่ใช่แค่แตะเบาๆ เท่านั้น เขาสอดลิ้นเข้าไปด้วย
ทำให้นรินทร์รู้สึกเหมือนถูกหลอมละลายราวกับช็อกโกแลตที่เขาชอบทาน สมองขาวโพลนไปหมด เกือบลืมกระทั่งการหายใจ นานทีเดียวกว่าที่ภาริชจะปล่อยมือ
“หึหึ” ภาริชหัวเราะเบาๆ นั่นเพราะสีหน้าเหม่อลอยของคนใต้ร่าง
จากนั้นภาริชขยับไปนั่งดูหนังตามปกติ สำหรับนรินทร์ทั้งที่ฉากผีโผล่โคตรจะน่ากลัว แต่ตอนนี้ไม่รู้สึกใดๆ ทั้งนั้น ในหัววนเวียนคิดถึงแต่รสสัมผัสนุ่มนิ่ม
หนังผีหนังเผออะไรนอกจากไม่น่ากลัว ยังดูไม่รู้เรื่องอีกด้วย หลังจากหนังจบภาริชจูงมือนรินทร์ออกจากโรงหนัง เป็นเวลาทุ่มกว่าๆ เกือบสองทุ่ม เขาก้มมองนาฬิกาข้อมือ คิดว่าควรแก่เวลาได้ซักที
ดังนั้นจึงพานรินทร์ขึ้นรถแล้วขับตรงไปยังโรงแรมระดับ 5 ดาว เจ้าฮิคกี้น้อยยังคงเอ๋อ เพราะอย่างนี้นี่แหละกระทั่งถูกพามาในห้องสวีทสุดหรูแล้วถึงค่อยตื่นตระหนก
“เอ๊ะ..เอ่อ...”
รู้ตัวจนได้ ภาริชลอบยิ้มร้าย อยากจะดูสิว่าเจ้าฮิคกี้จะทำอย่างไรต่อไป
นรินทร์ตกใจสุดๆ เมื่อพบว่าตนเองถูกพาเข้ามาในห้องสวีทของโรงแรมระดับห้าดาว ตอนแรกๆ ก็สงสัยอยู่ว่ามาทำไม คิดว่าพี่ภาริชอาจชวนมาทานอาหารที่ภัตตาคารของที่นี่
แต่กลายเป็นว่าเขาถูกพาเข้าห้อง เขาขอคบอีกฝ่ายวันนี้เองนะ หรือว่าเขาแสดงท่าทางให้ท่าออกมาโดยไม่รู้ตัว พี่ภาริชก็เลยคิดจะเผด็จศึกในคืนนี้ ไม่นะ มันเร็วเกินไปไม่ใช่หรือ
นรินทร์มองดูเตียงเลิศหรูอลังการสลับกับมองดูภาริช สีหน้าบอกชัดว่ากังวลและสับสนสุดๆ ใบหน้าจึงสลับระหว่างเขียวกับแดง ใช่ว่าเขาจะไม่เคยคิดเรื่องทะลึ่ง นับตั้งแต่รู้ตัวว่าชอบพี่ภาริช เขาก็แอบ... ไม่อยากให้ใครรู้ว่าตัวเองลอบอ่านการ์ตูนboy love เพื่อศึกษาหาความรู้
บ้าเอ๊ย...ศึกษาอะไรกันว้า เพราะว่าดันรู้มากแบบแก่แดดนั่นแหละ เวลานี้เลยคิดถึงแต่เรื่องอีโรติค กับพี่ภาริชเนี่ย
“พี่...ภาริช...ผ...ผม...” นรินทร์น้ำตารื่นนิดๆ นึกอยากร้องไห้ ในความไม่ได้เรื่องได้ราวของตนเอง
ถ้าเป็นคนอื่นถูกเชื้อเชิญอย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้ ก็ต้องพร้อมรบทันที ไม่ให้เสียเชิงชาย
“ผ...ผม...ยังไม่พร้อม”
“ทำไมยังไม่พร้อมล่ะ เอาน่ามาตรงระเบียงของห้องดีกว่า”
“อ..เอ๊ะ...ไม่ทีเตียง...แต่เป็นระเบียงเหรอ...”
นรินทร์ถูกภาริชลากไปยังระเบียงที่กว้างมากเหลือเกิน บริเวณนั้นนอกจากกว้างแล้วยังมีสวนสวย มองเห็นดวงดาวได้ แถมยังสามารถดูแสงไฟยามค่ำคืนจากตึก รถราและทิวทัศน์สวยด้านล่างแบบชัดเจนสุดๆ
“ร...เรา...จะ...กัน...ที่นี่หรือครับ”
“ใช่” ภาริชคลี่ยิ้มละไม “เราจะกินข้าวกันที่นี่ ดูสิวิวสวยมากเลยเนอะ”
นรินทร์เข่าทรุดทันที เมื่อสิ่งที่คิดไว้กลายเป็นอย่างอื่น เรียกได้ว่าทั้งดีและไม่ดี ภาริชเห็นท่าทางน่ารักๆ นั่นแล้วหัวเราะเสียงต่ำ
ถ้าหากคาดเอาไว้ไม่ผิด เจ้ารินต้องคิดทะลึ่งลามกอยู่แน่ๆ ถึงมันจะมาจากการจงใจแกล้งของเขาก็เหอะ
“คิดลามกอะไรอยู่หรือครับ”
“ป..เปล่า” นรินทร์ส่ายหัวพัลวัน ดูแล้วตลกสุดๆ
“ถ้ารินอยากทำทะลึ่งกับพี่ก็ได้อยู่นะ เพราะเราเป็นแฟนกันแล้ว....” ภาริชเคลื่อนกายเข้าไปหานรินทร์ที่ยังนั่งกองอยู่บนพื้น
“ว่าไงครับ รินอยากเริ่มอะไรก่อนดี”
"......” นรินทร์ได้แต่อึ้ง ไม่คิดว่าคนที่อ่อนโยนใจดีมากก่อนบทจะรุกก็รุกหนักจนตั้งตัวไม่ติด
“ถ้าอย่างนั้น” ภาริชฉุดให้นรินทร์ยืนขึ้น ชักนำให้คนตัวเล็กกว่าเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด
“จูบพี่สิครับ พี่อุตส่าห์เป็นฝ่ายจูบตั้งสองครั้ง รินเองก็ต้องจูบพี่คืนบ้างสิครับ หรือว่ารินรังเกียจ.....”
"เปล่าครับ ไม่ได้รังเกียจ...."
"งั้นก็จูบสิครับ..."
นรินทร์รู้สึกเหมือนถูกเสียงของไซเรนหลอกหลอน ไม่รู้ทำไมเขาใช้มือคล้องคอพี่ภาริช เขย่งปลายเท้าป้อนจูบไปหาคนที่เขาชอบมากเหลือเกิน ความรู้สึกนี้คือรักหรือไม่ไม่รู้ แต่เขาไม่สามารถหยุดมันได้อีกแล้ว
เป็นจูบที่แผ่วหวิวเหมือนกับจูบครั้งแรกในโรงหนัง ทั้งอย่างนั้นกลับรู้สึกเต็มตื่นในอก นรินทร์มีความสุขเคลิบเคลิ้มยินดีอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
จูบกับคนที่ชอบมันดีอย่างนี้นี่เอง
จากนั้นนรินทร์ก็ทานอาหารค่ำกับภาริช เขาจำแทบไม่ได้ว่าทานอะไรไปบ้าง รู้แต่ว่าอาหารอร่อย ใบหน้าของพี่
ภาริชก็อร่อย มีความสุข เขามีความสุขสุดๆ ไปเลย
หลังทานอาหารเสร็จ ภาริชพานรินทร์ส่งกลับบ้าน เขารู้สึกได้ถึงความอาวรณ์ที่เด็กน้อยมีต่อเขา
“เป็นเด็กดี วันนี้รีบนอนซะนะครับ อีกไม่นานต้องแข่งชิงพื้นที่กันแล้ว รินหาคนเข้ากิลได้แล้วหรือยัง”
“กิลเรามีแค่พวกเราห้าคนก็พอแล้วครับ แต่ถ้าพันธมิตรล่ะก็ ผมเตรียมไว้พร้อมแล้ว เพราะอย่างนั้น สงครามแย่งชิงปราสาทพี่ไม่ต้องกังวลเลยครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี” ภาริชใช้มือเกลี่ยแก้มนิ่มของนรินทร์ไปมา เขาหอมแก้มอีกฝ่ายเบาๆ
นรินทร์ใช้มือจับบริเวณที่ถูกหอม ตรงนั้นร้อนผะผ่าว
พี่ภาริชไปแล้ว นรินทร์ยืนส่งอีกฝ่าย รอจนรถคันงามของคนรักห่างออกไปไกลลับตา
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มาลงดึกเลยค่า แสดงความคิดเห็นเป้นกำลัใจกันบ้างนะคะ