รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน  (อ่าน 244960 ครั้ง)

mango

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] รักเอย
«ตอบ #330 เมื่อ13-04-2009 19:25:44 »


Thank you,

 :L2: 

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] รักเอย
«ตอบ #331 เมื่อ13-04-2009 21:22:22 »



มาลายาวตามเทศกาล . . .

. . . ออกแร่ด  ต่างจังหวัด  ฉลองกับญาติสนิทมิตรสหาย

กลับ  กทม.  เกือบยี่สิบ เมษา  คงมาต่อ  คาดว่าใกล้จบแล้วล่ะ  อวสานตามสถานการณ์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-04-2009 21:23:57 โดย ราชบุตร »

ออฟไลน์ badcow

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-10
Re: [นิยาย] รักเอย
«ตอบ #332 เมื่อ13-04-2009 21:52:53 »

อ่ะ
เข้ามาตอบรับ มารอยาวตามระเบียบ
เที่ยวให้สนุกนะครับ

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
Re: [นิยาย] รักเอย
«ตอบ #333 เมื่อ14-04-2009 11:38:47 »

ไอ้ลายาวไม่ค่อยเท่าไหร่

รอได้ ๆ ๆ

แต่ไอ้จะจบแล้วนี่ดิ

เศร้าเลยเรา


BEta-K

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] รักเอย
«ตอบ #334 เมื่อ15-04-2009 21:50:20 »

ยังไม่มาต่อเหรอ  :serius2:

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] รักเอย
«ตอบ #335 เมื่อ16-04-2009 20:02:02 »


ตอนที่ ๑๕

   ในที่สุดผมก็ไม่ได้เรียนต่อที่เดิม  เพราะพ่อไม่ยอมให้เรียนที่หาดใหญ่   แต่ผมอาจจะโชคดีอยู่บ้างตรงที่พ่อยอมให้ผมเรียนต่อที่กรุงเทพฯ  เพราะผมสอบได้ตามโรงเรียนที่พ่อวางเอาไว้  ๕ โรงเรียน  ที่ให้ผมเลือกสอบ  เทพเจ้าแห่งความโชคดีอยู่ข้างผมเมื่อผมสอบได้โรงเรียนดังย่านแยกลาดพร้าว


   ส่วนพี่โน้ตสอบได้มหาวิทยาลัยของรัฐย่านบางเขน . . . 

   ในปีแรก  เราทั้งสองต่างวุ่นวายกับที่เรียนใหม่  จนดูเหมือนว่า  จะมีเวลาเจอกันน้อยลง  แต่ผมก็มีความสุข  เพราะอย่างน้อยที่สุด  ในเวลาที่อยู่กรุงเทพฯ  พี่โน้ตยังคงเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายตลอดมา

   ข้อดีที่สุดของคนที่ผมรัก . . .

   . . . พี่โน้ตกลับมานอนห้องเสมอ

   หรือ . . .

   หากวันไหน  พี่เขาต้องมีงานที่ชมรม  พี่โน้ตจะแวะมาที่ห้องก่อนเสมอ  ผมเลยไม่ค่อยเหงาเท่าไหร่  เพราะวันเวลาดี ๆ  อยู่กับผมเสมอ

   “พี่โน้ต  โอห์มมีข่าวดีจะบอก”   ผมกลับมาห้อง  เห็นพี่โน้ตกำลังวุ่นวายอยู่กับรายงาน 

   “มีอะไร  ถูกหวยหรือ”

   พี่โน้ตหันมายิ้ม ก่อนที่จะดึงมือผมมาแตะที่จมูกเบา ๆ  ซึ่งพี่โน้ตจะทำเป็นประจำทุกครั้งยามที่อยู่กันสองคน 

   “เคยซื้อเสียที่ไหนเล่า”

   “จะไปรู้เหรอ  เผื่อกุมารทองมาเข้าฝัน”  เจ้าตัวยังคงยิ้มกว้างอารมณ์ดี

   “โอห์มได้ทุนไปเยอรมัน”  ผมบอก  ก่อนยิ้มตาหยี

   พี่โน้ตเงียบไป มองผมนาน  แววตาเหมือนจะดีใจ  แต่แค่เพียงแวบเดียวเท่านั้น  สายตาที่ดูเหมือนจะปลาบปลื้ม  ค่อย ๆ  หมองหม่น  หากแต่พี่โน้ตยังยิ้มรับ  ก่อนที่จะดึงผมมานั่งบนตักพี่โน้ต  และจูบที่ท้ายทอยผมเบา ๆ   

   “เก่ง  พี่นึกแล้วโอห์มต้องทำได้”

   “แน่นอนอยู่แล้ว  อะไรที่พี่โน้ตทำมาก่อน  โอห์มทำได้เสมอ”  ผมยืดตัวอวด  โดยที่ลืมนึกไปว่า  พี่โน้ตก็ทำได้  แต่คนที่ทำลายลงคือผม

   หาก . . .

   . . . วันก่อนผมไม่รั้งพี่โน้ตเอาไว้

   “จะไปเดือนไหน”

   “พฤษภาคมปีหน้า  เรียนอีกสองเดือนสอบจบ ม.๕  แล้วไปต่อ  ม.๖ ที่โน่นครับพี่”

   “อ้าว  ทำไมเทอมหน้า  แบบนี้จบหกที่โน้นเหรอ”  เสียงที่คลอเคลียร์ริมหูบ่งบอกถึงความสงสัย

   “ก็คงใช่มั้ง  โอห์มยังไม่รู้อะไรเลย  เดี๋ยวโอห์มลงไปโทรบอกแม่ก่อนนะพี่”  ผมหันมายิ้ม  ก่อนปลีกตัวอกจากอ้อมกอดของพี่โน้ต

   ผมลงมาที่หน้าปากซอยเพื่อโทรไปแจ้งข่าวดีกับแม่  แม่ดีใจใหญ่เลยที่ผมได้ทุนไปเรียนต่อ  แม่บอกว่าสุดสัปดาห์นี้จะชวนพ่อ  มากรุงเทพฯ  มาฉลองให้ผมที่สอบได้ทุนไปเยอรมัน  ผมพลอยดีใจกับแม่จนลืมไปว่าครั้งนึงเคยมีคนทิ้งความฝันเพื่อผม

   แต่ . . .

   . . . คราวนี้ผมจะทิ้งเขาไปเพื่อตามฝันของตัวเอง ?

   จะว่าไปแล้ว  ผมไม่อยากไปเท่าไหร่หรอก  แต่ที่ผมสอบชิงทุนเพราะผมอยากรู้ว่าผมจะสามารถผ่าด่านแบบที่พี่โน้ตทำได้หรือไม่  แล้วผมก็ทำได้  ผมสามารถทำแบบที่พี่โน้ตทำได้ พี่โน้ตเป็นเหมือนต้นแบที่ดีของผม  สิ่งใดก็ตามที่พี่โน้ตทำ  ผมจะไม่รีรอเลยที่จะเดินตามก้าวเท้าของพี่โน้ต

   ผมกลับขึ้นมาบนห้องหลังจากที่โทรศัพท์เสร็จ . . .

   “แม่บอกว่าเสาร์นี้จะมากรุงเทพฯ  จะชวนพ่อมาฉลองให้โอห์ม”  ผมยังไม่วายอวดพี่โน้ต  โดยที่ไม่ได้มองหน้าพี่โน้ตเสียด้วยซ้ำ

   “ครับ  โอห์มของพี่เก่ง”   เสียงพี่โน้ตสั่น ๆ    ไม่เหมือนพี่โน้ตคนเก้าที่ผมรู้จัก

   บางที . . .

   . . . ในเวลานั้น  พี่โน้ตอาจจะกำลังต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเองอยู่ก็เป็นได้  ผมลืมไป  ลืมนึกถึงหัวใจของอีกคน  ความรักของผม  ไม่ได้หมายถึงคนสอคน  แต่ในเวลานั้นความรักของผม  หมายถึงผม  ผมอยากจะทำอะไรก็ได้ตามที่หัวใจผมอยากจะทำ . . .

   ผมลืม . . .

   . . . ผมลืมองหัวใจอีกดวง

   ผมแทบไม่นึกถึงหัวใจของพี่โน้ตเสียด้วยซ้ำ เพราะในเวลานั้น  ผมดีใจกว่าสิ่งใด ๆ  ทั้งหมด  ผมดีใจที่จำได้ไปเรียนเมืองนอก  โดยที่ผมลืมเรื่องราวที่ผมทำเอาไว้ที่หาดใหญ่อย่างสนิทใจ . . .

   . . .  “พี่ไปเรียน  ปีเดียวเองนะครับ”

   ผมพยักหน้า  รับทราบอีกครั้ง  หากแต่  ผมเก็บน้ำตาตัวเองเอาไว้ไม่ได้  ผมร้องไห้ออกมาอีก  ผมไม่อยากให้ไป  ไม่อยากให้พี่โน้ตไปไกลจากผม

   “คนดีของพี่   ฟังพี่หน่อยได้ไหม”

   ผมไม่ตอบ  ทำได้แค่ร้องไห้  เพราะต่อจากนี้อีกไม่กี่เดือน  ผมคงห่างจากพี่โน้ต  ห่างจากคนที่ผมสนิทและผูกพันมากที่สุดในชีวิต

   “เอางี้  โอห์มหยุดร้อง  แล้วบอกกับพี่มาว่าไม่อยากให้พี่ไป”

   “โอห์มไม่อยากให้พี่ไป”

   “พี่ . . .  ไม่ . . .ไป ก็ได้  ไม่ไปเยอรมันแล้วนะ”   


    วันเวลาที่ผ่านมา  ผมไม่เคยเอามันมาเป็นบทเรียน   ผมรู้สึกเจ็บปวดที่จะต้องจากลาเพราะพี่โน้ตจะไปไกล  แต่ในเวลานั้น  ผมกลับไม่เคยนึกถึงใจของพี่โน้ตเลย  ผมได้แต่วาดฝัน  เมืองนอกมันมีอะไรให้ค้นหา  แค่ปีเดียวเอง  ผมอาจจะคิดถึงพี่โน้ต  แต่ผมสัญญากับตัวเอง  ผมจะกลับมา  ผมขอเวลาแค่ปีเดียวเท่านั้น

   ผมมันแค่คนที่เห็นแก่ตัวคนนึง . . .

   . . . ผมรั้งพี่โน้ต  เพราะพี่เขาจะไปเรียนปีเดียว

   ในขณะที่ผมอยากจะให้พี่โน้ตรอผม . . .

   ปีเดียว . . . เหมือนกัน



   ผมนับวันรอ  อยากให้ถึงวันเสาร์เร็ว ๆ  เพราะแม่กับพ่อจะมาจากระยอง  ปกติผมกลับบ้านทุกเดือน  แต่มันไม่เหมือนกันหรอก กลับไปเองหรือจะสู้พ่อกับแม่มาหาที่กรุงเทพฯ  เพราะอย่างน้อยจะลากพ่อกับแม่ไปห้าง  อยากได้อะไรก็ได้  โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าเงินจะพอไหม  และที่แน่ ๆ  เวลาจะซื้อเสื้อผ้าใหม่ ๆ  ไม่ต้องโดนพี่โน้ตมันบ่น  ว่าแพงมั่งล่ะ ซื้อมาทำไมเยอะแยะ  เห็นใส่แค่ครั้งสองครั้งก็ไม่ใส่อีก  ยิ่งเข้ามหาวิทยาลัย  พี่โน้ตยิ่งบ่นเก่ง . . .

   ส่วนมากเรื่องที่ผมไม่รู้จักใช้จ่ายเงิน . . .

   . . . พี่โน้ตชอบว่าผมใช้เงินเก่ง

   “อ้าว !  แม่  หวัดดีครับ”  ผมกลับมาถึงห้องในเย็นวันศุกร์  เห็นแม่อยู่ที่ห้องแล้ว  ผมเดินเข้าไปกอดแม่เอาไว้หลวม ๆ  ก่อนหอมที่แก้มแม่เบา ๆ

   “อ้อนตามเคยนะลูกคนนี้”  แม่คล้ายจะบ่น  แต่ยังคงยิ้มหวาน

   “ไหนบอกมาวันเสาร์ไง  นี่วันศุกร์เอง”  ผมเอนกายนอนลงบนตักแม่ 

   ผมชอบนอนหนุนตักแม่  มองหน้าแม่จากมุมล่าง  คางแม่สวยผมขอบนอนมองแม่จากมุมนี้  ไม่รู้สิ  ผมอาจจะไม่ค่อยมีเวลาที่จะอยู่กับแม่มากก็เป็นได้  พอมีเวลา  ผมอยากใช้เวลาที่จะอยู่กับแม่ให้นานมากที่สุด

   “คิดถึงโอห์ม  เลยมาก่อน เดี๋ยวคืนนี้พ่อจะขับรถตามมาดึก ๆ  ก็คงถึง  ว่าแต่เราทำไมผอมจัง”  แม่ลูบที่ต้นแขนผมเบา ๆ 

   “ไอ้พี่โน้ตแย่งกินหมด”  ผมหันหน้าตะแคงไปหาเจ้าตัวที่นั่งก้มหน้าก้มตาพิมพ์รายงาน

   “อ้าว  ไงมาโยนกันแบบนี้  ไม่กินเองนะ  อย่ามา ๆ”   คนโดนพาดพิงพูด  หากไม่ยักจะหันมามองหน้าเหมือนเคย

   “ว่าพี่เค้าอีก  ลูกคนนี้” 

   “แม่มากี่วัน  อยู่สักอาทิตย์นะแม่”   ผมอ้อนเอาไว้ก่อน  ตามประสา

   “กลับพร้อมพ่อเขาวันอาทิตย์นี่แหละ  จะมาฉลองให้เราไง”  แม่ลูบหัวผมเบา ๆ

   “เย้  ดีจัง  ว่าแต่ไปไหนดี”

   “โอห์มอยากไปไหนล่ะลูก”

   “อืม . . .  ไปไหนดีล่ะพี่โน้ต”  ผมหันไปขอความเห็น  เพราะรายนั้นบ้ากิจกรรม  มีสถานที่แปลก ๆ  มากมาย

   “พรุ่งนี้พี่มีงานที่ชมรม  ไปไม่ได้หรอก  เดี๋ยวคืนนี้ต้องไปค้างที่มหาวิทยาลัยอีก”

   “อะไร  ไม่เห็นบอกก่อนเลย”  ผมหงุดหงิดมาทันทีเมื่อได้ยินคำตอบ  นาน ๆ  จะมีเวลาได้ออกไปข้างนอก

   “อ้าว  ก็งานมันเร่ง  อีกอย่างตั้งหลายเดือนกว่าจะไป  ค่อยเลี้ยงใหม่ก็ได้”

   “ถ้าไม่ไป  โอห์มก็ไม่ไป  ไม่ไปเรียนเยอรมันก็ได้” 

   “งี่เง่า  ไร้สาระ”

   “ด่าโอห์มเหรอ”  ผมเริ่มโมโห  เพราะนอกจากจะไม่ไปแล้ว  ยังมาว่าอีก   

   ผมลืมไป  คนที่รักกันควรเอาหัวใจของอีกฝ่ายมาไว้ในหัวใจของเรา  หาใช่เอาแต่ความรู้สึกของเราเป็นที่ตั้ง  ผมอาจจะโดนตามใจจนเคยชิน  เมื่อมาเจอการปฏิเสธ  เลยทำให้เกิดความรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา

   ผมไม่เคยมองตัวเองว่าผิดเลย . . .

   “โอห์ม . . .”  แม่ปรามเบา ๆ

   “. . . สองคนนี้  จะทะเลาะกันจนแก่เลยใช่มั้ยนี่  แล้วเราก็เหลือเกิน พี่เขามีงานจะมาบังคับอะไรนักหนา”

   “ก็มันไม่บอกโอห์มก่อนนี่”

   “โอห์มนี่  เอาใหญ่แล้วนะ  ไปเรียนพี่ว่ามันได้ไง  ไม่น่ารักเลย”

   “ไม่รู้ล่ะ  ถ้าพี่โน้ตไม่ไป  โอห์มไม่ไปเรียนต่อ  ไม่ต้องล้ง  ต้องเลี้ยงมันแล้ว”  ผมไม่อยากพูดต่อ ลุกขึ้นเดินไปที่ระเบียง  ก่อนที่จะหยิบผ้าขนหนูเข้าไปอาบน้ำ

   ผมยอมรับ . . .

   . . . ผมมันคนที่ชอบเอาแต่ใจตัวเองเป็นที่ตั้ง  โดยที่ไม่ค่อยคิดถึงความรู้สึกของคนอื่น  อาจเพราะผมโดนเลี้ยงมาในแบบที่เรียกว่าอยากได้อะไรเป็นต้องได้  โดยที่ไม่ค่อยสนใจว่าคนอื่น ๆ  รอบ ๆ  ตัวเขาก็มีหัวใจ  มีเลือดเนื้อ มีความรู้สึกเฉดเช่นเดียวกันกับที่ผมรู้สึก

   “จะไปไหน”  ผมออกมาจากห้องน้ำเห็นพี่โน้ตกำลังเก็บเสื้อผ้าใส่เป้ใบเล็ก

   “ไปค้างที่ชมรมไง”  พี่โน้ตยิ้มให้เหมือนเคย  แต่ทำไมผมกลับรู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นเศร้าเหลือเกิน

   “เมื่ออาทิตย์ก่อนใครนัดไว้ว่าเสาร์นี้จะพาไปทำบุญที่อยุธยาไง”  ผมไม่ยอมลดละ  ไม่มีวันยอม  ทั้ง ๆ  ที่ตอนนี้แม่นั่งอยู่แต่ทำไมผมกลับอยากเอาชนะพี่โน้ตก็ไม่รู้

   “ก็มันมีงาน  อีกอย่างที่นัดกันมันก่อนที่โอห์มจะรู้ข่าวเสียอีก  แล้วทีนี้อาแป้งมา  เดี๋ยวคืนนี้ลุงอาทมาอีก  พรุ่งนี้โอห์มก็ไปกับที่บ้านไง”   พี่โน้ตยังคงใจเย็นชี้แจงความจำเป็น 

   ส่วนผมนะโมโหอย่างที่สุดแล้ว . . .

   “แล้วมันจะเป็นบ้านได้ไง  ไม่มีพี่ไป”

   อีกคนคล้ายหยุดชะงัก  มือที่กำลังจับเสื้อผ้าใส่เป้หยุดนิ่ง  หันมามองผมช้า ๆ  โดยมีแววตาผมตัดรอนอยู่ในที  ผมอยากให้พี่โน้ตรู้  อะไรที่สำคัญสำหรับผม  ผมอยากให้พี่โน้ตมีส่วนร่วมด้วยเสมอ

   “โอห์ม . . .”  แม่เรียก  คล้ายปราม

   “. . . . โน้ต  พรุ่งนี้ปลีกเวลาช่วงบ่าย ๆ  มาได้มั้ยลูก  ไปอยุธยากันก็ได้  ไปไหว้พระแล้วเลยไปกินข้าวกัน  โน้ตพอจะว่างมั้ยล่ะลูก”

   พี่โน้ตหันไปทางแม่คล้ายชั่งใจ . . .

   . . . ก่อนจะหันมามองผม

   สีหน้าพี่โน้ต  เหมือนลำบากใจ  แววตาที่มองผมหม่นหมอง  เศร้าสร้อยกว่าที่ผมเคยเจอ  หรืออาจเป็นแววตาที่ผมเคยเป็น  เมื่อตอนที่รับรู้ว่าพี่โน้ตจะไปเรียนเยอรมันเมื่อครั้งก่อนก็เป็นได้  เพียงแต่เวลานั้นผมเตลิดเข้าป่า  ลืมมองแววตาตัวเองในกระจก

   “สักบ่ายสามได้ไหมครับอาแป้ง  แต่อย่าดึกมาก  เพราะงานผมค้างไว้เยอะ”

   “ก็ได้จ๊ะ . . .”  แม่ยิ้มกับคำตอบของพี่โน้ต

   “. . . พี่เขาตกลงแล้วนะโอห์ม  พรุ่งนี้พี่โน้ตจะไปกับเรา”  แม่หันยิ้มกับผมอีกครั้ง

   ผมมองหน้าพี่โน้ต  ยิ้มเยาะคนแพ้  โดยที่ผมไม่รู้เลยว่า  ในเวลานั้นคนแพ้  จะเจ็บปวดเช่นไรกับการทำใจจากลา   ผมรู้เพียงแค่ว่า  พี่โน้ตเป็นของผม  ไม่ว่าจะตัวหรือหัวใจ  พี่โน้ตให้ผมแล้ว  ผมจะจับวางไว้ตรงไหน  มันก็อยู่ที่ผม



   ผมมันเหมือนคนที่ไม่รู้ค่าของสิ่งที่อยู่ในมือ  เป็นพวกไม่รู้ความหมายแห่งหัวใจ  เพราะหลังจากที่พ่อกับแม่กลับไปแล้ว  ผมน่าจะใช้เวลานั้นให้คุ้มค่ามากที่สุด  แต่ผมกลับไม่ทำ  ผมปล่อยให้อะไรที่ควรจะเป็นความทรงจำที่ดี  กลายเป็นห้วงเวลาที่ผมทำร้ายหัวใจดวงหนึ่งซ้ำ ๆ  เรื่อยมา  ผมจำได้ดี  จำได้ดีอย่างไม่มีวันลืม

   ผมสอบวิชาสุดท้ายเสร็จก่อนเที่ยงเสียด้วยซ้ำ . . .

   ผมรีบกลับมาห้อง   เพราะพี่โน้ตบอกว่าคืนนี้พี่โน้ตจะกลับไปหาดใหญ่  เพราะสอบเสร็จหลายวันแล้ว  ทุก ๆ  ปิดเทอมพี่โน้ตจะกลับลงไปบ้านครั้งนึงก็ไม่เกินอาทิตย์  ในเวลาที่ไม่มีพี่โน้ต  ผมจะเหงา  มันบอกไม่ถูกว่าเหงาเช่นไร . . .

   . . . เหมือนชีวิตขาดหาย

   “โอห์มสอบเสร็จแล้วหรือ”

   “เสร็จแล้ว  ร้อนมาก”  ผมถอดเสื้อออก  ก่อนเดินไปตากพัดลม

   “เปิดแอร์ดีกว่านะ”  พี่โน้ตยิ้ม

   “เปลืองไฟ”

   “ไม่เท่าไหร่หรอก  วันเดียวเอง  คืนนี้พี่ไม่อยู่แล้ว  โอห์มก็กลับระยอง  ถือเสียว่า  เปิดแอร์วันนี้เฉลี่ยกับวันที่เราไม่อยู่ไง”  พี่โน้ตบอกเหตุผลที่ดูเหมือนจะเข้าท่า  ก่อนเปิดแอร์

   “โอห์มอาบน้ำก่อนดีกว่า”  ผมบอกพลางถอดกางเกงนักเรียนพาดไว้กับราวที่ระเบียง

   “พี่อาบด้วย”

   “ไม่เอา  ไม่ให้อาบ”

   “น่านะ  พี่ขออาบด้วย  ครั้งสุดท้าย”  เสียงพี่โน้ตสั่น ๆ  ก่อนที่เจ้าตัวจะแทรกตัวเข้ามาในห้องน้ำ  โดยที่ผมไม่ได้เฉลียวใจเลย . . .

   . . . พี่ขออาบด้วย  ครั้งสุดท้าย

   “พี่โน้ตจะกลับกี่วัน”    ผมถาม  ในขณะที่พี่โน้ตเปิดฝักบัวแล้วชูเอาไว้เหนือศรีษะ  ให้สายน้ำไหลผ่านร่างกายเราทั้งสองคน

   “โอห์มละ  จะไปกี่วัน”  เจ้าตัวไม่ยอมตอบคำถาม  หากแต่กลับตั้งคำถามที่ผมถามย้อนกลับมา

   “ห้าวัน  เพราะโอห์มต้องมาเตรียมเรื่องวีซ่าอีกครับ”

   “จริงสินะ  ต้องไปสถานทูต   แล้วยังต้องเรียนภาษาอีก  โอห์มยุ่งทั้งเดือนเลยแน่ ๆ  แต่พี่สิ  ว่างหรือปล่าวไม่รู้”

   “ทำไมล่ะ”

   “พ่อเพิ่งลาออก  ไปทำสวนที่รัตภูมิ  โอห์มไม่เคยไปนี่หว่าที่สวน”

   “ไม่เคย ไกลอ่ะติดสตูล  บ้านนอกสุด ๆ  เลย   ไม่อยากไปหรอก”  ผมบอกก่อนที่จะใช้สบู่ฟอกที่แผงอกพี่โน้ต 

   มือค่อย ๆ  ลูบจากอกด้านขวา  ก่อนมาหยุดที่อกด้านซ้าย  ผมเอามือแช่เอาไว้กับอกพี่โน้ต  ก่อนที่จะเลื่อนมือจากอกด้านซ้ายอ้อมไปทางแผ่นหลัง  ก่อนแนบแก้มไปที่หน้าอกของพี่โน้ต  แก้มผมแนบอยู่ติดกับสิ่งที่เต้นเป็นจังหวะในอกของอีกคน

   พี่โน้ตกอดผมเอาไว้ . . .

   “พี่รักโอห์ม  จะวันนี้  หรือวันหน้า  คนที่พี่รักคนเดียวคือโอห์ม”  เสียงพี่โน้ตสั่น

   หาก . . .

   . . . หัวใจผมอิ่มเอม  กับสิ่งที่ได้ยิน

   ผมไม่เฉลียวใจเลย  ไม่รู้สึกถึงการพลัดพรากที่จะมาเยือนอีกไม่นาน  เวลาของผมใกล้จะหมดลง  แต่ผมยังมีความสุขกับสิ่งที่พี่โน้ตพร่ำบอกผม

   “ผมก็รักพี่”

   “สมมุตว่าราต้องจากกัน  โอห์มจะเกลียดพี่ไหม” 

   ผมผละจากอ้อมกอดพี่โน้ตเบา ๆ  ก่อนที่จะจ้องไปที่แววตาของคนที่ผมรัก  สิ่งที่ผมเห็น  พี่โน้ตเหมือนคนเจ็บปวด  แววตาแดงก่ำ  น้ำตาคลอ  ผมค่อย ๆ  เขย่งเท้าเพื่อที่จะให้จมูกไปแตะรับซับน้ำตา

   “ไม่มีวัน  ไม่มีวันต้องจากกัน”  ผมกอดพี่โน้ตเอาไว้ 

   ดูเหมือนว่าสิ่งที่พี่โน้ตเก็บเอาไว้จะพังทลายลงมา  เพราะพี่โน้ตกอดผมเอาไว้  ร้องไห้เสียตัวโยน  ผมรับรู้ได้ถึงน้ำตาที่มันไหลลงอาบที่บ่าของผม  พี่โน้ตเจ็บปวดหรือ ?

   “โอห์มไม่ไปก็ได้  ถ้าพี่ไม่อยากให้โอห์มไป”

   “มันไม่ใช่เรื่องนั้นโอห์ม  ไม่ใช่เรื่องนั้น”  เสียงพี่โน้ตปนเสียงสะอื้น

   “อย่าร้องสิ  พี่ร้อง  แล้วจะให้โอห์มคิดยังไง  ในเมื่ออีกสองเดือนกว่าโอห์มก็จะไปแล้ว  ถ้าพี่กลัวการจากลา  โอห์มไม่ไปมันแล้ว”

   “โอห์มไปเหอะ  พี่บอกแล้ว  ว่าสมมติไง  มันแค่เรื่องสมมติเท่านั้น”

   แค่ . . .

   . . . สมมติ  แต่พี่โน้ตเจ็บเจียนตายอย่างนั้นหรือ ?

   “แค่พี่บอกมาคำเดียว  ไม่ให้ไป  โอห์มก็ไม่ไป”  ผมเอามือจับแก้มพี่โน้ตเอาไว้  แบบที่พี่โน้ตเคยทำกับผมในครั้งก่อน

   หัวใจผมเต้นระทึก . . .

   . . . คงไม่แตกต่างอะไรกับที่พี่โน้ตเคยรอฟังคำตอบของผม

   “โอห์มต้องไปนะครับ  ทุกอย่างเตรียมการเอาไว้หมดแล้ว  ทุกคนจะมีความสุขถ้าโอห์มไป  พี่เองก็มีความสุข  ที่ได้เห็นโอห์มไป . . .”

   ผมหลับตา . . .

   . . . พี่โน้ตมีความสุขแบบที่พูดจริง ๆ  หรือ ?

   แล้วทำไมคนที่มีความสุขถึงมีน้ำตา . . .

   . . .  น้ำตาที่ออกมาดุจสายเลือดแบบนี้หรือที่แปลว่าความสุข

   “. . . หัวใจของพี่” 

   พี่โน้ตเอามือแตะที่หน้าอกของตัวเอง  ก่อนที่ค่อย ๆ  เลื่อนมือที่ทาบทับกับอกของพี่โน้ต  มาวางแนบกับอกของผม

   “พี่วางไว้ให้โอห์ม  ต่อจากวินาทีนี้  อะไรก็ตามที่เกิดขึ้น  กับชีวิตของเรา  พี่ถือว่ามันคือพรหมลิขิต  หากพระพรหมขีดให้เราเจอกัน  แล้วจำให้เราต้องจากกัน  พี่ก็จะจำใจจาก  พรากด้วยความห่วงใย  หากหัวใจของพี่  มันจะติดอยู่กับโอห์มเสมอนะ”

   “พี่โน้ต . . . พี่พูดเรื่องอะไร  ผมไม่อยากฟัง”  ผมกอดร่างนั้นเอาไว้แน่น

   พี่โน้ตกอดผมตอบ  เอาจมูกกดที่ศรีษะผมเอาไว้  ภายใต้สายน้ำที่รดลงมาลดความร้อนของอากาศ  และความร้อนจากภายในร่างกายเราทั้งสองคน

   “พี่ไม่รู้วันข้างหน้า  แต่ไม่ว่าอะไรก็ตาม  พี่อยากให้โอห์มจำอ้อมกอดของพี่ไว้  อ้อมกอดแบบวันนี้  ตอนนี้  หากโอห์มกับพี่จำต้องจาก  พี่สัญญานะว่าพี่จะตามหาโอห์ม  ไม่ว่าโอห์มจะอยู่แห่งหนใด  พี่จะตามหา  และเมื่อถึงเวลาที่พี่พบโอห์ม  พี่จะกอดโอห์มเอาไว้แบบนี้  เมื่อถึงเวลานั้นต่อให้เทวดา  หรือพระพหรมหน้าไหนก็จะมาแยกพี่จากโอห์มไม่ได้อีก  พี่ไม่ยอม . . .”  พี่โน้ตร้องไห้ออกมาอีก

   “. . . พี่จะไม่มีวันยอมอีกเด็ดขาด”

   ผมรับรู้ได้ถึงแรงสะอื้นที่อีกฝ่ายอ่อนแอเหลือกำลัง . . .

   ผมไม่รู้เลย . . .

   . . . สิ่งที่ผมกำลังทำ มันทำร้ายคน ๆ นึง  ผมเดินเหยียบไปบนหัวใจของคนที่ผมรักที่สุดในชีวิตได้อย่างไร  ในขณะที่พี่โน้ตทำทุก ๆ  อย่างเพื่อผม  พี่โน้ตทิ้งทุก ๆ  อย่างที่พีโน้ตควรจะได้  ควรจะมีเพื่อคนเพียงคนเดียว

   ส่วนผม . . .

   . . . ผมกำลังจะทิ้งคนที่ทำเพื่อผม  ไปหาอนาคตที่ดีกว่าอย่างนั้นหรือ ?

   คำถามที่ผมเองก็ไม่กล้าที่จะคิดต่ออีกแล้ว

   วันนั้น . . .

   . . . มันน่าจะเป็นวันที่ผมมีความสุขมากที่สุด  หรืออาจจะเป็นวันที่ผมทุกข์ทรมานที่สุดก็ไม่แน่ใจ  ผมสุขที่สุด  เพราะตั้งแต่เที่ยงจนถึงค่ำ  พี่โน้ตกอดผมเอาไว้  เราผลัดกันเล่าเรื่องราวที่ผ่านมา  ทั้งเรื่องที่ดี  และเรื่องที่ไม่ดี  บางครั้งเราก็หัวเราะ  และบางทีเราก็ใช้มือเช็ดน้ำตาที่ไหลลงอาบแก้มของอีกฝ่าย

   ผมมันโง่ . . .

   . . . ฉลาดแต่ขาดความเฉลียวใจ

   พี่โน้ตเคยทำแบบนั้นเสียที่ไหนกัน  สิ่งที่พี่โน้ตกำลังทำคือการสั่งลา  การจำใจจากลาในสิ่งที่ตัวเองรัก    ผมคิดได้แค่ว่า  พี่โน้ตเจ็บปวดที่ผมจะไปเยอรมันปีนึง  โดยที่ผมไม่คิดเลยว่าวันนั้นจะเป็นวันสุดท้ายที่ผมได้อยู่ในอ้อมกอดของพี่โน้ต

   เวลาแห่งความสุขผ่านไปรวดเร็วเสมอ . . .

   “แล้วทำไมคราวนี้กลับรถไฟล่ะ  ปกติเห็นกลับรถทัวร์ทุกที”

   “อยากอยู่กับโอห์มให้นานที่สุด  อยากเก็บทุกวินาทีเอาไว้นะสิ  รถทัวร์ออกตั้งบ่ายสาม  ส่วนสปรินเตอร์นี่ก็เลือกเที่ยวสุดท้ายสี่ทุ่มไง”  พี่โน้ตยิ้ม  ก่อนที่จะจูบที่แก้มผมเบา ๆ

   “เน่าตลอดเลยคนเรา”

   “ครั้งสุดท้ายแล้วล่ะ  อีกหน่อยไม่เน่าแล้ว”  พี่โน้ตเอามือมาดึงผมไปกอดเอาไว้

   ผมพิงแผ่นหลังของตัวเองลงกับอกของพี่โน้ตที่นั่งพิงกับหัวเตียง  ศรีษะของผมแนบที่ซอกคอ  โดยมีสองมือของพี่โน้ตกระชับร่างกายของผมเอาไว้  จมูกของพี่โน้ตอยู่ไม่เคยนิ่ง  คอยที่จะมาคลอเคลียร์อยู่ตรงแก้มของผมเสมอ

   ครั้งสุดท้าย . . .

   อีกครั้งแล้วที่พี่โน้ตบอกเป็นนัยยะ  เพียงแต่สมองของผมมันโง่เกินกว่าที่จะรับรู้นัยยะนั้นได้  ผมยังคงมีความสุขในอ้อมกอดของคนที่แทบจะเรียกว่า  ไม่มีหัวใจอีกแล้วกระมัง  คนที่รู้ชะตาตัวเอง  รู้สิ่งที่จะเกิดขึ้น  มีความสุขได้อย่างไรกัน

   “ผมไม่อยากไปเรียนต่อแล้วล่ะ”

   “ทำไมเล่า  อย่าห่วงเลย  พี่อาจจะเศร้า  แต่ตอนนี้โอเคแล้วนะ  ยิ้มได้แล้วเห็นไหม”  พี่โน้ตยิ้มกว้าง  แววตาสดชื่นกว่าเมื่อตอนกลางวัน

   “แต่ผมดิ  วังเวงใจยังไงไม่รู้  พี่กลับไปหาดใหญ่  แล้วกลับมา  แล้วโอห์มก็ต้องไปเยอรมัน  ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมาอีก  ยิ่งพี่ร้องไห้  โอห์มยิ่งใจคอไม่ดีเลย  กลัวไปหมด”

   “อย่ากลัวไปเลย  คนเราย่อมมีเวลาอ่อนแอกันทุกคนไง”

   “โอห์มไม่เหมือนพี่โน้ตนี่  เวลาโอห์มอ่อนแอ  โอห์มจะตายเอา”

   พี่โน้ตกอดผมกระชับก่อนที่จะจูบที่ใบหูของผม  จุดอ่อนที่ผมจะดิ้นทุกครั้ง  ผมหัวเราะออกมาเบา ๆ  เพราะมันรู้สึกจักกะจี้อย่างมาก  นั่นเท่ากับว่า  พี่โน้ต  สะกัดอารมณ์อ่อนไหวของผมได้ในระดับนึง

   “พี่โน้ตหิวไหม”  ผมแหงนหน้าไปตามในขณะที่ยังอิงแอบแนบอก

   พี่โน้ต  ก้มตัวลงมา  ก่อนเอาริมฝีปากประกบริมฝีปากของผมเอาไว้  เนื้อแนบเนื้อกระชับ  ก่อนที่ลิ้นของเราสองคนจะสัมผัสกัน  ผมไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เราปฎิบัติเฉกเช่นนั้น  แต่ผมรู้ว่ามันคือเวลาที่ผมมีความสุข 

   เพราะ . . .

   . . . อีกหลายวัน  กว่าที่เราจะได้กลับมาเจอกันอีก

   ความคิดของผมมีเท่านั้นจริง ๆ  ผมไม่เคยนึกถึงการจากลามากกว่านั้น  การจากลาที่มากกว่านั้น  ยังมาไม่ถึงหรอก  อย่างน้อยก็อีกตั้งสองเดือนกว่าที่ผมจะบิน  ผมคิดเพียงแค่ว่า  นี่คือการกลับบ้านหลังการสอบเสร็จของเราสองคน  อันเป็นเรื่องปกติที่เคยทำมาตลอด

   “แต่งตัวเหอะพี่  ดึกแล้ว เดี๋ยวตกรถ” 

   ผมบอกเพราเห็นว่าจะสามทุมอยู่แล้ว  พี่โน้ตอิดออดอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะลุกไปแต่งตัวแบบขัดเสียไม่ได้ 

   กว่าจะมาถึงสถานีรถไฟบางซื่อก็เกือบสี่ทุ่ม  พี่โน้ตมันจับมือผมเอาไว้ตลอดทางที่เรานั่งแท็กซี่มายังสถานีรถไฟ   มันพาผมมานั่งที่นั่งรอคนระหว่างชานชาลาที่ ๑  กับชานชาลาที่    พี่โน้ตแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่ดารดาษไปด้วยดวงดารา ลมยามดึกกรรโชกเย็นยะเยือก จนผมต้องหรี่ตากันฝุ่นจากแรงลม  พี่โน้ตยังคงแหงหน้ามองดารา  คืนนี้จันทรามืดสนิทเพราะเป็นคืนข้างแรม

   “พี่ไปไม่กี่วันหรอกโอห์ม  พี่จะรีบกลับมา”   พี่โน้ตหันกลับมายิ้มให้ผม  แววตาบอกว่าห่วงผมไม่น้อย

   “ครับผม”  ผมบอกได้แค่นั้น

   “อย่าร้องสิโอห์ม  ลูกผู้ชายต้องเข้มแข็ง  เข้าใจมั้ย”    พี่โน้ตเอามือลูบศรีษะผมเบา ๆ    นั่นเท่ากับว่ากระตุ้นความอ่อนแอในหัวใจของผมให้มากกว่าเดิมอีก

   ผมแอบเบือนหน้าหนี  เอามือปาดน้ำตาทิ้ง

   ผมไม่ใช่คนเข้มแข็ง  ผมออกจะอ่อนแอเสียด้วยซ้ำ   การห่างจากคนที่เรารักมันทรมาน  ผมรู้ทุก ๆ  ปิดเทอมที่พี่โน้ตกลับบ้าน  ห้วงเวลานั้นคือเวลาที่ผมเศร้าอย่างที่สุด 

   “เอ้า  แอบร้องอีกแล้ว  แบบนี้พี่ไม่กลับก็ได้”

   “กลับเหอะพี่  ผมอยู่ได้แค่ใจหวิว ๆ เท่านั้นเอง”    ผมหันมายิ้มให้พี่โน้ต

   “บอกแล้วไงพี่จะรีบกลับมา”

   “ครับ”   ผมมองหน้าพี่โน้ต  อยากเก็บเอาทุกอณูความทรงจำที่มี 

   หากผมรู้อนาคต . . .

   . . . ก็คงดี

   เสียงประชาสัมพันธ์ประกาศ ขบวนรถด่วนพิเศษที่จะเข้าเทียบชานชาลา  ปลายทาง . . . ยะลา

   คือเสียงพิพากษาว่าผมต้องห่างจากคนที่ผมรักดี ๆ  นี่เอง

   “ขอพี่กอดหน่อย”

   พี่โน้ตรวบผมเข้าไปกอดเอาไว้  ท่ามกลางแสงดาวระยิบระยับในคืนที่เดือนมืดมิดของสถานีรถไฟบางซื่อ

   “พี่รักโอห์มนะครับ  โอห์มดูแลตัวเองดี ๆ  นะครับ  ถึงพี่จะไม่อยู่กับโอห์ม  แต่หัวใจของพี่อยู่ที่โอห์มเสมอ”    เสียงพี่โน้ตสั่น ๆ

   หากวันนั้น . . .

   . . . ผมเข้าใจในความหมาย  ของคำพูด

   ผมคงไม่เจ็บปวด . . . เจียนตาย

   พี่โน้ตค่อย ๆ  ปล่อยมือผมช้า ๆ ก่อนเดินไปขึ้นรถที่มาจอดเทียบชานชาลา  ภาพนั้นค่อย ๆ  พร่ามัว  เพราะทั้งสองตาของผมมันมีแต่หยาดน้ำตา  เสียงหวูดร้องของรถไฟ  คล้ายเสียงกรีดร้องที่ก้องในหัวใจของผม  รถค่อย ๆ  ออกตัวไปอย่างรวดเร็ว

   หัวใจผมเหมือนโดนกระชากออกไปจากอก . . .

   ผมทิ้งตัวลงนั่งที่ขอนไม้หมอน  ที่เขามาทำเป็นม้านั่งยาว ๆ  ระหว่างชานชาลาที่ ๑  กับชานชาลาที่ ๒  ผมปล่อยให้ความอ่อนแอมันออกมาจากสองตา  ผมนั่งมองขบวนที่แล่นหายไปในความมืดมิด

   เหมือนหัวใจผม . . .

   . . . มิดมิดนิรันดร์กาล




ออฟไลน์ myxt

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
Re: [นิยาย] รักเอย
«ตอบ #336 เมื่อ16-04-2009 20:20:11 »

จุดเริ่มต้นของการจากลา  :เฮ้อ:
พี่โน้ตใจแข็งจริงๆที่ตัดสินใจทำอย่างนั้นได้
แถมแอบใจร้ายนิดๆด้วยน๊า ไม่คิดถึงใจโอห์มบ้างเลย
แต่ก็นะ... คนเสียใจก็ไม่ใช่แค่ใครคนนึง ทั้งพี่โน้ตและโอห์มคงเจ็บปวดไม่ต่างกัน

แอบหวังว่าทั้งสองคนจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีก
คุณราชบุตรจะใจดีกับเรามั้ยน๊อ  :pig4:

(กลับมาก่อนกำหนดรึเปล่าคะเนี่ย ไปเที่ยวมาสนุกมั้ยเอ่ย ^_^ )

anata9

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] รักเอย
«ตอบ #337 เมื่อ16-04-2009 23:23:46 »

เหตุผลการจากลา จากลาทั้งน้ำตา จากลาเพราะจำเป็น แล้วไฉนหัวใจจะทนได้  :o12:

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] รักเอย
«ตอบ #338 เมื่อ16-04-2009 23:48:34 »


พี่โน้ตใจแข็งจริงๆที่ตัดสินใจทำอย่างนั้นได้
แถมแอบใจร้ายนิดๆด้วยน๊า ไม่คิดถึงใจโอห์มบ้างเลย

โน้ต . . . ใจร้ายหรือครับ

กลัวว่าอ่านตอนหน้าแล้วจะจุกจนพูดไม่ออกอ่ะดิ



ปล.  ทีแรกว่าจะอยู่  กทม.  แต่เบื่อสถานการณ์  เลย 

ปิดมือถือเบอร์ที่ใช้ประจำ ยกเว้นอีกเครื่องเบอร์คุยกับหัวใจที่แอบหนีไปสระบุรี  อิอิอิ

  งดบริโภคข่าวสารทุกชนิด  (ขัดใจ . . . ไม่พูดอย่างที่ทำว่ะ สาดดดดดด)
 
ไปนอนกิน  กุ้ง  หอย  ปู  ปลา  และ  ผู้ชาย  อิอิอิ พูดเล่นนะอย่างหลังทำได้แค่มองอ่ะคร๊าบบบบ





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-04-2009 23:57:15 โดย ราชบุตร »

tamtam

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] รักเอย
«ตอบ #339 เมื่อ17-04-2009 00:35:09 »

ชอบจัง อ่านไปพร้อมฟังเพลงเพราะ ๆ

สงสารพี่โน๊ต จัง
รุสึกเหมือนมีกำหนดระยะเวลาเจอกันอีกครั้ง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [นิยาย] รักเอย
« ตอบ #339 เมื่อ: 17-04-2009 00:35:09 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
Re: [นิยาย] รักเอย
«ตอบ #340 เมื่อ17-04-2009 03:56:04 »

ยังมีจุกกว่านี้อีกเหรอเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยย

ขนาดนี้ไปหลายโฮแล้วนะ

น้ำตาเป็นปิ๊บแล้ว

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] รักเอย
«ตอบ #341 เมื่อ17-04-2009 04:41:14 »

พี่โน้ตเสียสละเพื่อโอห์ม และยอมอดทนต่อแรงกดดันที่มีก้อเืพื่อโอห์ม
แล้ววันที่จะได้กลับมาพบกันใหม่ โอห์มจะทำอะไรเื่พื่อพี่โน้ตได้บ้าง
ไม่อยากคาดเดาว่าตอนหน้าจะจุกขนาดไหนเนี่ย

ขอบคุณคุณราชบุตรนะจ๊ะ ที่มาต่ออย่างรวดเร็วกว่ากำหนด
นี่ถ้าบริโภคข่าวสารบ้านเมือง สงสัยน้ำตาท่วมทู้กว่านี้อีกแน่เลย
บวก 1 เช่นเคย ขอบคุณจ้า

ออฟไลน์ kit

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-3
Re: [นิยาย] รักเอย
«ตอบ #342 เมื่อ17-04-2009 05:11:43 »



• “พี่ไม่รู้วันข้างหน้า  แต่ไม่ว่าอะไรก็ตาม  พี่อยากให้โอห์มจำอ้อมกอดของพี่ไว้  อ้อมกอดแบบวันนี้  ตอนนี้  หากโอห์มกับพี่จำต้องจาก  พี่สัญญานะว่าพี่จะตามหาโอห์ม  ไม่ว่าโอห์มจะอยู่แห่งหนใด  พี่จะตามหา  และเมื่อถึงเวลาที่พี่พบโอห์ม  พี่จะกอดโอห์มเอาไว้แบบนี้  เมื่อถึงเวลานั้นต่อให้เทวดา  หรือพระพหรมหน้าไหนก็จะมาแยกพี่จากโอห์มไม่ได้อีก  พี่ไม่ยอม . . .”  พี่โน้ตร้องไห้ออกมาอีก

   “. . . พี่จะไม่มีวันยอมอีกเด็ดขาด”

ต๊าย นี่คือ keywords รึเปล่าคะ
ป.ล. หมั่นใส้ยัยโอห์มจัง อยู่ บ.ด. หรือ ส.ว.นะนี่.......ทำตัวเป็นยัยคณหนูเจ้าอารมณ์ ชิส์

213 + 1 = 214
ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร


ออฟไลน์ kunkai

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3734
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-2
Re: [นิยาย] รักเอย
«ตอบ #343 เมื่อ17-04-2009 09:19:16 »

รอพี่โน๊ต :o11:

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] รักเอย
«ตอบ #344 เมื่อ17-04-2009 10:17:46 »



• “พี่ไม่รู้วันข้างหน้า  แต่ไม่ว่าอะไรก็ตาม  พี่อยากให้โอห์มจำอ้อมกอดของพี่ไว้  อ้อมกอดแบบวันนี้  ตอนนี้  หากโอห์มกับพี่จำต้องจาก  พี่สัญญานะว่าพี่จะตามหาโอห์ม  ไม่ว่าโอห์มจะอยู่แห่งหนใด  พี่จะตามหา  และเมื่อถึงเวลาที่พี่พบโอห์ม  พี่จะกอดโอห์มเอาไว้แบบนี้  เมื่อถึงเวลานั้นต่อให้เทวดา  หรือพระพหรมหน้าไหนก็จะมาแยกพี่จากโอห์มไม่ได้อีก  พี่ไม่ยอม . . .”  พี่โน้ตร้องไห้ออกมาอีก

   “. . . พี่จะไม่มีวันยอมอีกเด็ดขาด”

ต๊าย นี่คือ keywords รึเปล่าคะ
ป.ล. หมั่นใส้ยัยโอห์มจัง อยู่ บ.ด. หรือ ส.ว.นะนี่.......ทำตัวเป็นยัยคณหนูเจ้าอารมณ์ ชิส์

213 + 1 = 214
ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร



อย่าเฉลยมากสิค่ะคุณ . . .

เดี๋ยวพาลจะอ่านนิยายไม่สนุกเอานะ  ขอบอก

ตอนต่อจากนี้ . . . เขียนจบแล้ว  จบพร้อม ๆ  กับอาการจุกแน่นที่หน้าอก

เลยต้องคั้นมันออก  โดยการอ่านอีกรอบ . . . ไอ้ที่จุกอยู่ไหลออกมาเต็มแก้มเลย 

เขียนจบแต่ไม่กล้าโพสต์  กลัวโดนด่า  อิอิอิ


ผมหลับตานิ่งอยู่ครู่ใหญ่   ตอนนี้เหมือนสมองของผมโดนทุบด้วยของหนัก  ผมลืมตาช้า ๆ  แม่ยิ้มรอรับ

   “เกิด แก่ เจ็บ ตาย  มันเป็นวัฏฏะสังขารนะโอห์ม”

   “หมอเก่ง  เดี๋ยวก็หาย  ฉายรังสี  ทำคีโม  หรือไม่ก็ไปรักษาเมืองนอก  โอห์มพอมีเงิน  โอห์มไม่ยอมหรอก” 

   “โอห์ม . . .”  เสียงแม่นุ่มหู

“. . . จะจากเป็น  หรือจากตาย  ท้ายที่สุดของมนุษย์เราก็ต้องจากอยู่ดี  โอห์มเคยจากเป็นจนตัวแทบตายมาแล้ว  โอห์มผ่านมันมาได้  โอห์มยังจะกลัวอะไรอีกหรือลูก”

   ผมไม่รับรู้ . . .

   ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น  ไม่รับรู้อะไรทั้งหมดได้จะยิ่งดีที่สุด  ผมรู้แค่ว่าอะไร ๆ มันเกิดขึ้นรวดเร็วเหลือเกิน  ผมจะมีเวลาอีกเท่าไหร่  วันนึง . . .

   . . . อาทิตย์นึง

   เดือนนึง  คงมากที่สุด 

   . . . ระยะสุดท้าย



เอาตัวอย่างนิดเดียวมาฝาก . . . นิดเดียวจริง ๆ  


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-04-2009 10:29:01 โดย ราชบุตร »

ออฟไลน์ kit

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-3
Re: [นิยาย] รักเอย
«ตอบ #345 เมื่อ17-04-2009 11:39:25 »



ขอบคุณนิดเดียวนะคะ คุณ ราชบุตร


namtaan

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] รักเอย
«ตอบ #346 เมื่อ17-04-2009 14:57:26 »


เอาตัวอย่างนิดเดียวมาฝาก . . . นิดเดียวจริง ๆ  
[/color][/size]

เง้อออออออออออ
เศร้าอีกแล้วเหรอ????  :monkeysad:

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] รักเอย
«ตอบ #347 เมื่อ17-04-2009 17:28:24 »



ตอนที่ ๑๖

     เกือบเดือนแล้วที่ผมสอนภาษาเยอรมันให้กับโอ๊ต   เจ้าตัวดูเหมือนจะเรียนรู้ได้เร็ว  และน่าจะเรียนรู้เร็วกว่าผมในเวลาที่ผ่านมาเสียอีก  ผมได้แต่เก็บความรู้สึกที่จะเรียกว่าภูมิใจกับลูกศิษย์คนแรกเอาไว้มิดชิด   จะไม่ให้ภูมิใจได้อย่างไร  ในเมื่อลูกศิษย์คนนี้  มีค่าต่อหัวใจของผมยิ่งกว่าสิ่งใด ๆ  ทั้งหมด


   “สวัสดีครับคุณพ่อ  นึกอย่างไรโทรหาโอห์มแต่เช้าล่ะเนี่ย”  ผมเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามา  ก็ดีใจอย่างที่สุดแล้ว

   “โอห์มเหรอลูก  ตอนนี้พ่อมาโรงพยาบาลจุฬา  พาแม่มาหาหมอ”

   “ถึงวันหมอนัดอีกแล้วหรือครับ”  ผมถามกลับไป  เพราะแม่มาหาหมอบ่อย  แม่บอกว่าเป็นโรคของผู้หญิง  ต้องหาหมอแทบทุกเดือน

   “โอห์มว่างมั้ยลูก  มาหาพ่อที่โรงพยาบาลหน่อยได้หรือเปล่าลูก”

   “ได้ครับผม โอห์มจะออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะครับ  แม่รอคิวนานหรือครับพ่อ วันนี้”

   “แอดมิดนะลูก  คราวนี้หมอให้แอดมิด” 

   “แม่  โอเค โอห์มจะออกไปเดี๋ยวนี้”

   ทันทีที่ผมรู้ว่าแม่ต้องนอนโรงพยาบาล  หัวใจผมมันกลัว ๆ  ยังไงก็ไม่รู้  แต่ยังแอบคิดในทางที่ดีว่าแม่คงไม่เป็นอะไรมากหรอก  เพราะแม่ไม่เคยผิดนัดหมอ  แล้วหมอสมัยนี้เก่งจะตายไป  เงินถึง  มาหาทุกครั้งตามที่หมอนัด  โรคอะไร ๆ  ก็รักษาได้ . . .

   “โอ๊ตอยู่คนเดียวได้ไหม  พอดีวันนี้อามีธุระนิดหน่อย”

   “อาโอห์มจะไปไหนครับ  ก็ใครน๊า  นัดโอ๊ตไว้ว่าจะพาไปดูหนัง”  ไอ้ตัวแสบถาม  เมื่อผมบอกมันว่ามีธุระ  ทั้ง ๆ  ที่ผมเผลอไปรับปากนัดมันเอาไว้

   “วันนี้ไม่ได้จริง ๆ”

   “ไม่รู้อ่ะ  คนเราหลอกเด็ก” 

   มันทำหน้ามุ่ย  ผมยิ้มให้โอ๊ต  เคราะห์กรรมบางอย่างเดินทางถึงกันเร็วดีแท้  ไม่ต้องรอกันถึงชาติหน้า  หรือ ชาติอื่น ๆ  หรอก  แค่สิบแปดปีให้หลัง  ผมกลับเจอคนทวงสัญญาเพราะนัดกันเอาไว้

   . . . กรรมติดจรวดเลยล่ะครับงานนี้

   “พอดีแม่อาเข้าโรงพยาบาลนะครับ  ไว้ไปดูวันหลังนะครับ  อาต้องรีบไปโรงพยาบาล”

   “โอ๊ตไปด้วยครับ  ขอโอ๊ตไปเยี่ยมแม่อาโอห์มด้วยคนนะครับ”  ไอ้ตัวแสบเดินมาจับมือผมเขย่าเบา ๆ

   ผมมองหน้าโอ๊ต . . .

   . . . แววตาแบบนี้  ไม่พาไปได้อย่างไรกัน

   ผมโทรหาพ่ออีกครั้งเมื่อใกล้ถึงโรงพยาบาล  สอบถามอาการของแม่  รวมทั้งห้องที่แม่อยู่   พ่อไม่ยอมบอกอาการ  บอกแค่ว่า  แม่จะรอบอกผมเอง  ผมใจชื้นมาอีกหน่อย  เพราะแบบนี้แปลได้ว่า  แม่คงจะเป็นอะไรไม่มาก

   ผมคิดแต่ทางที่ดีเสมอ . . .

   “พ่อ . . .”  ผมไปกอดพ่อเอาไว้หลวม ๆ  เมื่อเข้าไปในห้อง

   พ่อยกนิ้วมาแตะที่ริมฝีปาก  เป็นเชิงบอกว่า  อย่าเสียงดัง  เพราะแม่หลับอยู่  ผมมองไปที่เตียง  หัวใจชาวาบ  แม่หน้าซีดมาก  ผมเห็นชัดเพราะศรีษะของแม่มีหมวกของโรงพยาบาลสวมอยู่  แถมที่จมูกมีสายอากาศจากเครื่องช่วยหายใจต่ออยู่  ผมหันมามองพ่อ  คล้ายถาม  หากแต่พ่อ  มองไปที่อีกคน

   “โน้ต . . .”   เสียงพ่อเรียกเบา ๆ

   “ไม่ใช่ครับผม  ผมชื่อโอ๊ตครับ  ชื่อโน้ตนะพ่อของโอ๊ตครับ”  ไอ้ตัวแสบยกมือไหว้  ก่อนแนะนำตัว   

   พ่อมองหน้าโอ๊ต . . .

   “ลูกชายโน้ตหรือโอห์ม  โตขนาดนี้เลยหรือ พี่ตุ้ยโชคดีนะ  ได้หลานทันใช้ดี”  พ่อแปลกใจ  แต่ก็ยิ้มรับไอ้ตัวแสบ

   โอ๊ตมองหน้าผม  คล้ายขอคำตอบ . . . 

   ผมได้แต่ยิ้มบาง ๆ  เพราะไม่รู้จะตอบคำถามของที่ไอ้ตัวแสบถามทางสายตาได้อย่างไร  มันอาจจะสงสัยว่าผมรู้จักกับพ่อมันหรือ  แล้วทำไม  ผมไม่เคยพูดถึงพ่อของมันเลยมากกว่า   จะพูดเรื่องอะไร  ในเมื่อมันไม่เคยถามผมเองว่าผมรู้จักพี่โน้ตหรือเปล่า

   “รู้จักปู่ด้วยหรือครับ”

   “อ้าว . . .”  พ่อหันมามองหน้าผม

   “. . . ตกลงมันยังไงกันนี่โอห์ม”  คราวนี้เป็นพ่อที่งง

   “ไว้โอห์มเล่าให้ฟังนะพ่อ  เรื่องมันยาว”

   “แต่ปู่เสียไปเกือบสิบปีแล้วล่ะครับ  ส่วนย่าหลังจากปู่เสียก็ไปบวชชีไม่ยอมสึกเลย  พูดแล้วคิดถึงย่า”

   “พี่ตุ้ยเสียแล้วหรือ”

   “ครับ  ปู่คงเบื่อหน้าโอ๊ต  เลยขี้เกียจหายใจ”  ไอ้ตัวแสบพูดเหมือนเป็นเรื่องปกติ

   “เออ   ไอ้ลูกคนนี้ ถอดแบบพ่อมันมาเลยเชียว  นึกว่าหมดจากเราแล้วโน้ตมันจะสบาย นะโอห์ม   ที่ไหนได้มาเจอลูกชายพิมพ์เดียวกันอีก”  พ่อหันมาหัวเราะกับผมเบา ๆ 

   “พ่อ . . . โอห์มมาแล้วหรือลูก”   เสียงแม่ดังมาจากเตียงคนป่วย  ผมปรี่ไปหาแม่ทันที  ไปจับมือแม่เอาไว้  มือแม่เย็นเฉียบเลยทีเดียว

   “สวัสดีครับ”  ไอ้ตัวแสบเดินมาใกล้ ๆ  เตียง  ยกมือไหว้แม่

   “โน้ต . . .”

   “โอ๊ตครับ  ว๊า  วันนี้ทำไมมีแต่คนทักว่าโน้ต  สงสัยโอ๊ตหน้าตาแย่  เอาของพ่อมามากกว่าแม่”  โอ๊ตยิ้ม ก่อนนั่งลงที่ใกล้ ๆ  ผม

   แม่มองหน้าโอ๊ต  เหมือนจะค้นหาอะไรบางอย่าง  หรือแม่อาจจะแปลกใจที่จู่ ๆ  พี่โน้ตโผล่มา  เหมือน ๆ  กับผม  ที่ตกใจในครั้งแรกที่เห็นโอ๊ต  ลูกไม้ลูกนี้มิผิดแผกจากต้นเลยแม้แต่น้อย

   “โอห์ม . . .”  แม่เรียกผม  หากแต่สายตาทอดไปอีกคน

   “ลูกชายพี่โน้ตครับแม่”  ผมยิ้ม

   “อะไรกัน  โตขนาดนี้เลยหรือ”  แม่มองโอ๊ต  แปลกใจไม่น้อยเลยทีเดียว  เพราะคนที่แม่เห็นตอนนี้  ไม่ใช่เด็ก ๆ  แต่เป็นวัยหนุ่มเลยทีเดียว

   “ชื่อโอ๊ตหรือลูก”

   “ครับผม”

   “มาให้ย่าดูหน้าใกล้ ๆ  หน่อยได้มั้ย”  แม่ยิ้มบาง ๆ 

   โอ๊ตขยับตัวใกล้เข้าไปอีก  แววตาที่มองมายังผม  ล้วนเป็นสายตาที่มีแต่คำถามทั้งนั้น  ผมได้แต่ยิ้ม    ปล่อยให้แม่มองหน้าโอ๊ต  แม่เอามือแตะที่ใบหน้าโอ้ตเบา ๆ  ราวกับไม่เชื่อในสายตาของตัวเองกับสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้

   “เหมือนมาก . . .”  แม่หันมาทางผม

   “. . . เหมือนโน้ตมากเลยโอห์ม”

   “แม่อาโอห์มรู้จักพ่อด้วยหรือครับ”

   แม่ยิ้ม . . . 

   “เรียกย่าสิลูก . . . ย่าแป้ง”

   “ครับ  ย่าแป้ง”  ไอ้ตัวแสบเหมือนจะงง ๆ  แต่ทำตามอย่างว่าง่าย

   “. . . ย่าแป้งรู้จักพ่อของโอ๊ตด้วยหรือครับ”

   “จ๊ะ . . .”  แม่ยิ้มอีกครั้ง

   “. . . รู้จัก  รู้จักดีทีเดียว  ทำไมอาโอห์มเขาไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังหรือลูก . . .”  แม่หันมามองทางผม   แม่คงไม่คิดว่าผมจะไม่ยอมเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมด  เพราะที่ผ่านมา  ผมมีอะไร  ผมมักจะชอบเล่าให้แม่ฟังเสมอ

   “. . . พ่อของเราน่ะเป็นคนดีที่สุดเลยนะโอ๊ต   ว่าแต่พ่ออยู่ที่ไหนล่ะตอนนี้”

   “หาดใหญ่ครับ”

   “อยากเจอโน้ต . . . ไม่ได้เจอนานแล้วนะพ่อ  เกือบยี่สิบปี”  แม่หันไปทางพ่อที่มานั่งใกล้ ๆ    สีหน้าพ่อดูดีกว่าตอนที่ผมเห็นในครั้งแรก  พ่อยิ้มบาง ๆ

   “เอาสิ . . . โอห์มโทรบอกพี่เขาให้มากรุงเทพฯ  ได้ไหม”

   “โอห์มไม่มีเบอร์”  ผมยิ้มแหยง ๆ

   “อ้าว  แล้วเอาโอ๊ตมาได้ไง”   

   “เรื่องมันยาวนะพ่อ  ไว้โอห์มจะเล่าให้ฟัง”  ผมรีบปัด  เพราะในเวลานี้  ผมอยากคุยกับแม่มากกว่า  แม่จับมือโอ๊ตเอาไว้ตลอดเวลา

   “โอ๊ต . . .”  เสียงแม่เหมือนจะเหนื่อย

   “ครับ ย่าแป้ง”

   “โทรให้พ่อมากรุงเทพฯ  ได้มั้ยลูก”

   “โทรได้ครับ  แต่ไม่แน่ใจว่าพ่อจะมามั้ย  เพราะเท่าที่โอ๊ตรู้  พ่อไม่เคยเหยียบมากรุงเทพฯ  อีกเลย  หลังจากที่พ่อมาเรียนที่กรุงเทพฯ  ได้สองปี   ย่าบอกว่า  พ่อเรียนที่เกษตรได้สองปี  แล้วนึกเฮี้ยนอะไรไม่รู้ลาออก  ก่อนที่จะไปเรียนต่อที่เชียงใหม่จนจบที่โน่น  ขนาดตอนขากลับยังไม่ยอมให้ปู่ขับรถผ่านกรุงเทพฯ  ปู่เลยต้องขับรถเข้าสุพรรณฯ  ออกทางนครปฐม   ปู่บอกว่า  มันบ้าดีเดือดไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่อง”

   “โธ่ . . .  โน้ตเอ้ย”   แม่ได้แต่ร้องครางเบา ๆ 

   ผมมองแม่ . . .

   . . . แม่เหมือนจะปาดน้ำตาทิ้ง

   “โอ๊ตโทรหาพ่อหน่อยนะลูก  ขอย่าคุยกับโน้ต”  แม่ยิ้ม  ทั้ง ๆ  ที่เริ่มหอบ  ผมมองหน้าพ่อ  พ่อพยักหน้าเหมือนจะบอกว่า  แม่เขายังไหว

   “สวัสดีครับคุณพ่อของลูกชาย”   ไอ้ตัวแสบมันพูดไปยิ้มไป

   “โอ๊ตอยู่กับอาโอห์มที่โรงพยาบาล . . .”    โอ๊ตหันมายิ้มกับผม

   “. . . อาโอมไม่ได้เป็นอะไรหรอกน่า   ทำเสียงตื่นเต้นไปได้คุณพ่อ  ว่าแต่ตอนนี้มีคนอยากคุยกับพ่ออะครับ”

   “ไม่ใช่อาโอห์มหร๊อก  รายนั้นนะทนจะตายไป  แต่คนนี้น่ะใจดีนะพ่อ   พ่อคุยหน่อยนะครับ  ให้กำลังใจคนป่วยหน่อยนะพ่อนะ”   ไอ้ตัวแสบค่อย ๆ  ยื่นโทรศัพท์ให้แม่

   แม่ยื่นมือมารับโทรศัพท์    มือของแม่สั่น  ผมมองหน้าแม่  แววตาแม่  เหมือนวิตกอะไรสักอย่าง  ผมได้แต่เอามือจับมืออีกข้างของแม่ไว้  กุมไว้ด้วยอุ้งมือทั้งสองของผมเอง

   “โน้ตหรือลูก”

   ผมมองแม่ที่คุยโทรศัพท์  แม่เหมือนจะยิ้ม  แต่ทำไม น้ำตาแม่คลอ  ใบหน้าแม่ซีดเซียว  ศรีษะโดนคลุมไว้ด้วยหมวกของโรงพยาบาล  แม่เป็นโรคอะไรหว่า . . .

   “จำได้หรือลูก  จำเสียงอาได้หรือ”

   แม่ยิ้ม   แต่ทำไมคล้ายกับว่าเป็นยิ้มที่เยาะตัวเอง  มือที่จับโทรศัพท์สั่น  เสียงแม่หอบเล็ก ๆ  ทั้ง ๆ  ที่มีเครื่องช่วยหายใจ

   “โน้ตมากรุงเทพฯ  ได้มั้ยลูก. . .”

   “. . . เร็วที่สุดนะลูก  วันนี้เลยยิ่งดี”   เสียงแม่  คล้ายเร่ง  ผมได้แต่มองแม่คุย    แม้อยากจะรู้ว่าอีกสายเขาพูดอะไร  แต่ก็ไม่สามารถที่จะรู้ได้  เพราะผมไม่กล้าที่จะถามแม่หรอก

   “ขอบใจนะลูก  ขอบใจโน้ตที่สุด”  แม่ส่งโทรศัพท์คืนให้โอ๊ต  ก่อนที่น้ำตาแม่จะไหลออกมา  รอยยิ้มเปื้อนหยาดน้ำตาของแม่  มันแปลได้ว่า . . .

   . . . พี่โน้ตยอมมากรุงเทพฯ

   “แม่ . . .”  ผมจับมือแม่เอาไว้

   “. . . ทำไมต้องแอดมิด หมอบอกว่าเป็นอะไรหรือแม่”

   แม่หันไปมองหน้าพ่อ . . .

   . . . พ่อพยักหน้าเบา ๆ   แววตาพ่อหนักใจไม่น้อย

   “มะเร็ง”  แม่ยิ้มที่มุมปาก

   “อะไรนะ  แม่อย่ามาทำเป็นเล่น”  ผมอยากได้ยินแม่บอกเป็นโรคอื่นดีเสียกว่า  เพราะโรคนี้มันไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้

   “ลูกคนนี้  แม่พูดจริง ๆ”

   เสียงแม่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  แม่พูดราวกับว่าโรคนี้  มันเป็นเพื่อนสนิทของแม่  ที่คุ้นเคยกัน  เหมือนคนที่ไปมาหาสู่กันเสมอ  ผมมองหน้าแม่  หัวใจของผมมันเต้นช้าลงหรืออย่างไร  เพราะสีหน้าของแม่บ่งบอก  สิ่งที่แม่พูดจริงเสมอ

   ผมหันไปทางพ่อ . . .

   . . . อาการพยักหน้าของพ่อ  คือ คำตอบ

   ผมหลับตานิ่งอยู่ครู่ใหญ่   ตอนนี้เหมือนสมองของผมโดนทุบด้วยของหนัก  ผมลืมตาช้า ๆ  แม่ยิ้มรอรับ

   “เกิด แก่ เจ็บ ตาย  มันเป็นวัฏฏะสังขารนะโอห์ม”

   “หมอเก่ง  เดี๋ยวก็หาย  ฉายรังสี  ทำคีโม  หรือไม่ก็ไปรักษาเมืองนอก  โอห์มพอมีเงิน  โอห์มไม่ยอมหรอก” 

   “โอห์ม . . .”  เสียงแม่นุ่มหู

   “. . . พ่อ”  แม่หันไปทางพ่อที่ตอนนี้กระเถิบตัวมาชิดกับแม่อีกฝั่งของเตียงคนป่วย

   “โอ๊ต ขอย่ากอดหน่อยได้มั้ยลูก”  แม่หันไปยิ้มกับโอ๊ต

   ไอ้ตัวแสบดูเหมือนจะกลายเป็นแมวเชื่อง ๆ  ย่อตัวลงให้แม่กอด  ผมแบนหน้าหนี  ผมเกลียดการจากลาโดยการสวมกอด 

   . . . อ้อมกอดสุดท้ายที่ผมเคยได้รับจากคนที่ได้หัวใจผมไป

   “ขอบใจนะโอ๊ต  ขอบใจ”

   “ย่าแป้งอย่ากลัวนะครับ  เดี๋ยวหมอก็รักษาได้” 

   “ระยะสุดท้ายนะลูก  อย่าดิ้นรนเลย  แม่อยู่กับมันมานาน  มันมาอาศัยแม่มานานจนเราเหมือนจะเป็นคน ๆ  เดียวกันอยู่แล้ว . . .”  แม่หยุด  เหมือนจะเหนื่อย

   “. . . ทีนี้เหลืออยู่แค่ไปพร้อมกัน”

   “แม่”  ผมกอดแม่เอาไว้

   แม่เอามือมาวางที่ศรีษะของผมเบา ๆ  แม่ลูบมันด้วยความรักทั้งหมดที่ผมสัมผัสได้  ความห่วงใยจากมือหนึ่งแล่นมาสู่ร่างกายอีกคน  ก่อนที่มันจะตรงดิ่งมาตรงที่หัวใจของผม

   ความรักที่ผมรับรู้ได้ด้วยใจ  กำลังจะจากผมไปอีกแล้วหรือ

   “แม่ไม่ได้ไปไหนนะลูก . . .”  แม่ลูบหัวผมเบา ๆ  พูดเหมือนเรื่องความตายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน

   “. . . แม่แค่ไปบ้านใหม่  แม่ล่วงหน้าไปก่อน  ไปเก็บกวาดบ้านใหม่ไว้รอลูกไงโอห์ม  แม่ล่วงหน้าไปก่อน  เพื่อว่าเวลาโอห์มไป  บ้านใหม่ของเราจะสบาย  ไม่สกปรกไง  ไม่ดีหรือโอห์ม”

   ผมสะอื้นให้กับมือของแม่  เอามือนั้นมาแนบแก้ม . .

   “พอเหอะแม่  พอเหอะ  โอห์มไม่อยากฟัง”

   “โอห์ม . . .”  เสียงแม่อบอุ่นเป็นที่สุด

   “. . . จะจากเป็น  หรือจากตาย  ท้ายที่สุดของมนุษย์เราก็ต้องจากอยู่ดี  โอห์มเคยจากเป็นจนตัวแทบตายมาแล้ว  โอห์มผ่านมันมาได้  โอห์มยังจะกลัวอะไรอีกหรือลูก แม่บอกแล้ว  แม่แค่ล่วงหน้าไปรอโอห์ม  รอ พ่อ  ที่บ้านใหม่ของแม่”

   ผมไม่รับรู้ . . .

   ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น  ไม่รับรู้อะไรทั้งหมดได้จะยิ่งดีที่สุด  ผมรู้แค่ว่าอะไร ๆ มันเกิดขึ้นรวดเร็วเหลือเกิน  ผมจะมีเวลาอีกเท่าไหร่  วันนึง . . .

   . . . อาทิตย์นึง

   เดือนนึง  คงมากที่สุด  เพราะแม่บอกเอง

   . . . ระยะสุดท้าย

   “พ่อ  ทำไมพ่อไม่บอกโอห์ม”  ผมหันไปทางพ่อ  ที่ตอนนี้มีแต่แววตาของคนที่ไร้ความสุข  พ่อมองผมน้ำตาเอ่อ

   “โอห์ม  พ่อเขารู้ก่อนโอห์มไม่ถึงสามชั่วโมงเองนะลูก  แม่ไม่ได้บอกพ่อ  เพราะแม่รู้  โรคที่แม่เป็นมันรักษาไม่หาย . . .”  แม่หยุดหลับตานิ่ง  ก่อนที่จะเล่าต่อ

   “. . . แม่ลองมาแล้วนะโอห์ม  ลองรักษามาตั้งแต่ที่แม่รู้จักกับมันใหม่ ๆ  แต่มันก็รักแม่  เกาะติดตัวแม่ตลอด  จะหมอสมัยใหม่  หรือหมอไทย  แม่ลองมาแล้วทั้งนั้น”  แม่ยิ้ม  เอามือลูบหัวผมเบาๆ 

   “แม่เลยเตรียมใจ   เพื่อว่าวันที่จากไป  แม่จะจากไปด้วยรอยยิ้ม  ไม่ห่วงอะไรอีก  โอห์มต้องเข้มแข็ง  อย่าร้องนะลูก  อย่าให้แม่ต้องห่วงอะไรทางนี้อีก”

   “แม่ . . .”

   ผมไม่รู้ . . . 

   แม่ทนได้ไง  แม่เก็บอาการเจ็บป่วยเอาไว้ได้อย่างไร  ผมไม่ฉลาดเลย  ผมไม่เคยเฉลียวใจสักครั้ง  ที่ระยะหลังแม่มาหาหมอที่กรุงเทพฯ  บ่อย  แล้วแม่ก็ซูบไป  กว่าผมจะรู้ตัวมันก็สายไปแล้ว  มันสายไปทุก ๆ  เรื่องเลยหรือ

   . . . มีเรื่องไหนบ้างที่ผมรู้ตัว  ก่อนสายเกินไป

   “มีอีกเรื่องที่แม่อยากจะบอกโอห์ม”

   “โอห์มไม่อยากฟัง  ไม่อยากฟังอะไรอีกแล้วครับแม่”   ผมเอามือปิดหูตัวเองเอาไว้ 

   . . . ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว 

   หาก . .

   . . . แม่ค่อย ๆ  จับคางผมอย่างเบามือ  ก่อนเอานิ้วมาปาดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างช้า ๆ  ผมมองหน้าแม่  แม้ในเวลานี้  เวลาที่แม่ต้องต่อสู้กับอะไรหลาย ๆ  อย่างในร่างกาย  แต่แม่ยังยิ้มสู้เสมอ . . .

   กำลังใจแม่มีมากมายกว่าร่างกายที่อ่อนแอลงทุก ๆ  นาที

   “โอห์มฟังแม่ดี ๆ  นะลูก”



   โน้ตวางหูโทรศัพท์ภายใน  ก่อนที่จะเดินตรงมาที่ลิฟท์  เขากดปุ่มลง  เพื่อรอเครื่องขนส่งสู่ที่สูงมารับ  ก่อนจะมีเสียงดัง  แล้วประตูนั่นก็เปิดออก เจ้าตัวเข้าไปก่อนกดลงที่ชั้นล่างสุดของอาคาร  ทันที่ที่ลิฟท์เปิดออก  โน้ตก็ปรี่ออกไปในทันที  ชายหนุ่มเดินตรงไปที่ล๊อบบี้เล็ก ๆ  ของอพาร์ทเม้นท์ย่านต้นซอยลาดพร้าว  เขาเดินตรงไปยังหญิงรุ่นแม่ที่นั่งอ่านนิตยสารรออยู่

   “อาแป้งหวัดดีครับ”

   “หวัดดีจ๊ะ  โทษทีพอดีอาลืมกุญแจไว้ในรถพ่อโอห์มน่ะ  เดี๋ยวเลิกงานพ่อจะขับตามมาล่ะ”  แม่หันมายิ้มหวาน

   “ครับ     อาแป้งผมช่วยถือ”  โน้ตยื่นมือไปรับกระเป๋าก่อนจะเดินนำไปที่ลิฟท์

   “โอห์มโทรไปบอกเมื่อสามวันก่อน  อาตื่นเต้น  เลยรีบมาก่อน”

   “น้องเก่งครับ  สอบได้ทุน”  โน้ตบอก  หากรู้สึกเหมือนหัวใจตัวเองเบา ๆ  คล้ายจะลอยไปในห้วงอากาศ 

   เรื่องนี้ . . .

   . . . . ทำเอาโน้ตนอนไม่หลับมาหลายวัน

   “อาเลยรีบมาก่อน  โชคดีจริง ๆ  ที่ได้เจอโน้ตก่อน”

   “เจอผมก่อน”  โน้ตแปลกใจ    แต่เก็บความรู้สึกที่อยากจะถามเอาไว้  เขาทำได้เพียงเดินนำแม่ของโอห์มไปที่ห้อง

   “น้ำครับอาแป้ง” 

   “ขอบใจจ๊ะ . . .”    แม่ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม

   “. . . น้องดื้อมั้ยโน้ต”

   “ก็เหมือนเดิมครับ”

   “อาละกลั๊ว . . . กลัว    กลัวใจโอห์ม”   แม่หันมามองหน้าโน้ต

   “กลัวอะไรเหรอครับ”

   “กลัวโอห์มจะไม่ไปเยอรมัน  อาอยากให้โอห์มไป  อย่างน้อยที่สุด  โอห์มคงได้ความรู้  ได้เพื่อน  ได้ประสบการณ์จากที่โน่น”  แม่ยังคงยิ้มแบบเคย

   “สอบได้แล้วก็ต้องไปอยู่แล้วครับ”

   “แล้วทีโน้ตสอบได้  ทำไมไม่ไปล่ะ”  แม่จ้องตาโน้ต

   โน้ตหลบสายตาที่เหมือนจะรู้ถึงความรู้สึกนึกคิดของโน้ต  หรืออาจเพราะเจ้าตัวมีเรื่องที่ต้องปิดบังอำพรางเอาไว้  เลยไม่กล้าสู้หน้าอีกฝ่ายก็เป็นได้

   “นี่แหละที่อากลัว  อากลัวมากเลยโน้ต  โน้ตสอบได้แต่กลับไม่ยอมไป  อากลัวน้องมันจะเลียนแบบ”

   “น้องต้องไปครับ  ผมรับรอง”  โน้ตจ้องหน้าแม่  คราวนี้เจ้าตัวไม่หลบสายตาอีกแล้ว  เพราะรู้ดี  อีกฝ่ายประสงค์สิ่งใด

   “อาขอบใจนะโน้ต ที่เข้าใจอา”

   “ครับผม”

   “อารู้ว่าโน้ตรักน้อง  แต่อามีลูกชายคนเดียวนะโน้ต  อาอยากให้ลูกชายของอาได้เรียน  ได้เจอสิ่งที่ดี  อารู้ว่าหากอาพูดกับโอห์ม  โอห์มคงไม่ฟังอา  อาเลยมาก่อน  ภาวนาอยู่ว่าขอให้เจอโน้ตก่อนโอห์ม. . .”  แม่หยุดเหลือมองโน้ตนิดเดียว

   “. . . โน้ต  ดูนี่นะลูก”

   แม่ยื่นมือข้างนึงออกไปข้างหน้า . . .

   “. . . มือซ้ายนี่เปรียบเสมือนโน้ต  ส่วนมือขวานี่เป็นโอห์ม  ตอนนี้ภาพที่อาเห็นมันเป็นแบบนี้นะโน้ต”   แม่ค่อย ๆ  เลื่อนมือขวามาเกาะไว้ที่มือซ้าย

   “สิ่งที่อาเห็นตอนนี้  คือ โอห์ม . . .”  แม่มองหน้าพี่โน้ต  ที่นั่งฟังอย่างตั้งใจ

     “. . . โอห์มเกาะโน้ตเอาไว้แน่น  จะด้วยความรัก  ความผูกพัน  หรือจะอะไรก็แล้วแต่  ภาพที่อาเห็นและทุก ๆ  คนเขาเห็นมันเป็นแบบนี้จริง ๆ  คนอื่นมองอย่างไรอาไม่รู้  แต่อาเป็นแม่ . . .”  เสียงอาแป้งเริ่มสั่น

   “. . . โน้ตคิดว่าคนเป็นแม่จะดูลูกไม่ออกเชียวหรือ”

   พี่โน้ตก้มหน้านิ่ง  น้ำลายที่กลืนลงคออย่างสะดวกในเวลาก่อน ๆ  ดูเหมือนจะกลายเป็นอะไรสักอย่างที่จะส่งลงคอไปมันช่างยากเย็นเหลือเกิน

   “อาไม่ได้รังเกียจโน้ต   แต่อาอยากเห็นภาพอีกภาพมากกว่า”  แม่ยิ้มอีกครั้ง

   “ครับ”

   “โน้ตมองภาพนี้ใหม่นะลูก  มือนี้คือโน้ต . . .”  แม่ยื่นมือข้างเดิมออกไปอีกครั้ง

   “. . . ส่วนนี่เป็นโอห์ม”  แม่ยื่นมืออีกข้างออกไปขนานกันระยะห่างระหว่างมือทั้งสองข้างห่างกันราวคืบนึงเห็นจะได้

   “ถ้าโอห์ม  รู้จักรักษาระยะห่างเอาไว้แบบนี้ก็คงดีไม่น้อย  โน้ตว่ามั้ย”

   “ครับ”

   “เพราะภาพที่ทุก ๆ  คนมองเห็น  แบบนี้จะเป็นภาพที่สวยงาม  วันข้างหน้าหากเกิดอะไรขึ้นกับคนสองคน  ภาพของคนสองคนจะยังสวยงามเสมอ  แต่หาก  มันเป็นภาพแบบนี้”  แม่เอามือมาเกาะอีกมือ

   “. . . วันข้างหน้า  หากเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของโน้ตกับโอห์ม โน้ตคิดไหมว่า  คนที่เสียในสายตาของคนอื่น ๆ  คือใคร”

   “โอห์ม”

   “อาไม่อยากคิดต่อไปเลยโน้ต”

   “โอห์มจะไม่มีวันเสียครับอาแป้ง  ผมจะไม่มีวันให้ใครมาดูถูกโอห์มเด็ดขาด  ภาพที่ทุกคนมองมาที่โอห์ม  จะเป็นโอห์มที่สวยงามที่สุด   

   “อาขอบใจที่โน้ตเข้าใจอา”

   โน้ตเข้าใจแล้วที่แม่บอกตอนที่เจอกัน . . .

   . . . โชคดีจริง ๆ  ที่ได้เจอโน้ตก่อน

   พี่โน้ตมีเหตุผลเสมอ  สิ่งที่ดีที่สุดพี่โน้ตจะส่งมาให้โอห์มก่อน  ส่วนตัวเอง  พี่โน้ตจะเก็บสิ่งรอบ ๆ  ตัว  อะไรก็ได้  โน้ตไม่เคยสนใจ  เพราะโน้ตรู้แค่ว่า โน้ตได้ให้สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตไปกับคน ๆ นึงแล้ว  และมันจะเป็นแบบนั้นไปจวบจนวันหมดลมหายใจ

   “ครับผม  ผมเข้าใจอา  แต่ผมบอกอาแป้งนะครับ  ผมไม่เคยคิดจะทำร้ายโอห์ม  หรือรั้งโอห์มเอาไว้เลย  อะไรก็ตามที่ส่งโอห์มไปสูงที่สุด  ดีที่สุด  ผมจะยอมทำ  ผมยอมทำทุกอย่าง  บนทางเดินของโอห์มผมยอมเอาเลือดและเนื้อรองให้น้องเดินได้อย่างงดงามที่สุด”

   “โน้ตจะทำยังไง”

   “ผมยังไม่รู้ครับ  แต่ผมรับรอง  ว่าโอห์มจะต้องไปเรียนต่อที่เยอรมัน . . .”  โน้ตจ้องตาแม่นิ่ง  เป็นสายตาของลูกผู้ชายที่รักษาสัญญาอย่างที่สุด

   “. . . ในเมื่ออาคิดเอาเองว่าภาพที่อาเห็นมันไม่เหมาะสม  ผมจะทำภาพที่เหมาะสมให้อาเห็น  จะทำภาพที่สวยที่สุดให้อาได้รู้ว่าผมไม่ได้เป็นอย่างที่อาคิด  อาอยากเห็นโอห์มจบที่เมืองไทยหรือเยอรมันดีล่ะครับ”

   “ถ้าเป็นไปได้  อาอยากให้โอห์มเรียนจบที่โน่นเลย”

   พี่โน้ตมองหน้าแม่ . . .

   . . . คำตอบที่ได้ยิน  มันแตกต่างอะไรกับการมาขอให้ออกไปจากชีวิตของอีกฝ่าย  เพียงแต่ว่าวิธีการพูดจา สื่อสาร  มันแตกต่างกัน  คนเราจะพูดอย่างไรก็ได้ให้ดี  ให้ตัวเองดูเลวร้ายน้อยที่สุด  แต่ผลที่เกิดมาต่างหากคือตัวชี้วัดว่าสิ่งใดคือความจริงแท้แน่นอน

   “ครับ  ผมสัญญาผมจะทำให้โอห์มจบที่เยอรมัน”  พี่โน้ตจ้องหน้าแม่เอาไว้นิ่ง

   “โน้ตต้องเข้าใจอานะลูก”

   “ครับผม  โน้ตเข้าใจ  เข้าใจหัวอกของแม่ทุกคน  ถ้านี่คือความประสงค์ของอาแป้ง ผมจะยอม  ผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้โอห์มได้เรียนจบที่เยอรมัน . . .”  เสียงโน้ตคล้ายหายไปในลำคอ  เหมือนคนที่ต้องเก็บกดความรู้สึกอ่อนแอเอาไว้อย่างลึกที่สุดแล้ว

   “. . . แม้ว่าสิ่งที่ผมทำลงไปโอห์มจะเกลียดผมไปจนวันหมดลมหายใจ  ผมก็จะทำ  เพราะคนที่อยากให้ผมทำคืออาแป้ง . . .”   พี่โน้ตจ้องหน้าแม่นิ่ง

      “. . .  โอห์มอาจจะเสียใจหากถึงวันนั้น  วันที่ผมกระทำลงไป  โอห์มอาจจะไม่เข้าใจและพาลเกลียดผมไปตลอดชีวิต  หรือบางทีโอห์มอาจจะเจ็บปวดทุรนทุราย  เพราะการจากหายของใครบางคน    แต่จะเพราะอะไรก็ตามแต่ . . .”  พี่โน้ตมองหน้าแม่  น้ำตาเอ่อ

   “. . .โน้ตอยากให้อาแป้งรู้  ตอนนี้โน้ตตายไปแล้ว  โน้ตตายไปเพราะอาแป้งอยากให้โน้ตทำในสิ่งที่โน้ตไม่คิดจะทำมันเลยตลอดชีวิต”   โน้ตเอามือปาดน้ำตาที่ไหลออกมาเพราะความเจ็บปวด

   “. . . วันนี้อาแป้งมาขอหัวใจของอาแป้งคืน  หัวใจที่อาแป้งเห็นคือชีวิต  คือลมหายใจของโน้ต  ต่อจากวันนี้  โน้ตมันมีแค่ร่างกายเท่านั้น  เพราะหัวใจมันแหลกละเอียดไปแล้ว  อาแป้งคิดเอาเอง  ตัดสินใจเอาเอง  ว่าความรักของอาแป้งยิ่งใหญ่  ใหญ่จนอาแป้งลืมมองถึงหัวใจอีกดวง”  โน้ตเอามือปาดน้ำมูกที่ไหลออกมาปนเปกับน้ำตา

   “. . .วันที่โอห์มสอบวันสุดท้ายของเทอมนี้  คือ  วันที่โน้ตจะคืนทุก ๆ  อย่างให้อาแป้ง   โอห์มจะไม่มีวันได้เจอหน้าผมอีกเลย   ผมสัญญา  ไม่ว่าโอห์มจะตามยังไงก็จะไม่มีวันเจอ  หากอาแป้งไม่อยากให้ผมได้เจอกับโอห์ม”  โน้ตเอามือปาดน้ำตาที่ดูเหมือนจะหลั่งไหลออกมาราวท่อประปาแตก

   “. . . แต่     เวลาที่เหลือจากนี้  ก่อนถึงวันนั้น  ผมขออยู่กับโอห์ม  ผมขออยู่กับคนที่ผมรักได้ไหมครับ”   โน้ตคุกเข่าลงตรงหน้าแม่ก่อนก้มลงกราบแทบเท้า

   “โน้ต”  แม่ดึงโน้ตมากอดเอาไว้

   “อาไม่อยากทำแบบนี้เลยโน้ต  อาไม่อยากทำ”

   “ผมเข้าใจครับ  เข้าใจทุก ๆ  อย่าง . . .”  พี่โน้ตกอดแม่เอาไว้  ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย  สิ่งที่ยากที่สุดในชีวิตของโน้ต  คือการต้องเดินจากคนที่โน้ตรัก 

   “ถ้าผมออกไปจากชีวิตของน้อง  แล้วมันจะทำให้อาแป้งมีความสุข  ทำให้น้องได้เดินในทางที่ดีผมก็จะไป  แต่อาแป้งจำไว้นะครับ  หากวันไหนโอห์มไม่มีใคร  ผมนี่แหละที่จะไปหาโอห์ม  ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟผมก็จะไปหาโอห์ม”

   “อาขอบใจ  แต่อาอยากให้โน้ตเข้าใจ  โน้ตอายุยังน้อยยังเจอคนดี ๆ อีก”  แม่ค่อย ๆ คลายวงแขนจากโน้ต

   “ไม่มีทาง ไม่มีวันนั้นแน่ ๆ  ผมรับรอง  วันไหนที่น้องลำบากอย่างที่สุดผมจะไปอยู่กับน้อง  หรือหากวันไหน  อาแป้งเชื่อว่าผมรักน้องด้วยหัวใจจริง ๆ  ผมรีบไปในทันทีโดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ  ผมจะไปกอดน้องเอาไว้  ผมจะกอดโอห์มเอาไว้ให้สามสมกับที่ผมต้องพรากสิ่งที่ผมรักที่สุด  แล้วเมื่อถึงวันนั้น  ผมจะไม่มีวันคืนน้องให้อาแป้งอีกเด็ดขาด  ผมสัญญา  ผมจะไม่มีวันคืนให้อาแป้งอีกแล้ว”  พี่โน้ตจ้องหน้าแม่นิ่ง



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-04-2009 17:49:23 โดย ราชบุตร »

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] รักเอย
«ตอบ #348 เมื่อ17-04-2009 17:29:15 »



หากจบแบบนี้ . . .

ณ   ตอนนี้เลย . . . .

จะมีคนด่ามั้ยเนี่ยะ . . .  อิอิอิ

ปล.  แต่ยังไม่จบ  จบได้อย่างไร  คนดี๊  คนดี  ไม่โผล่มาเลย


ปล๒.  หากใครอยากเซฟเรื่องนี้  เชิญตามอัธยาศัย ไม่แน่ใจว่า  ตัวอักษรจะอยู่ทนขนาดไหน

หรือ

PM.  มาขอได้นะครับ  แต่  ขอมาแล้ว  ฝากเมล์ไว้ด้วย  เพราะ  เรื่องก่อน  มีแต่คนขอมา  ไม่มีเมล์  แล้วผมจะส่งที่ได



อีกนิ้ดดดดด . . . เวลาฝากเมล์  ให้พิมพ์แบบนี้นะครับ  tonsai_2520แอดhotmailดอทคอม     ไม่งั้น  ระบบจะเปลี่ยนเป็นคำอื่น  ทำให้ไม่สามารถรับทราบว่าเป็นเมล์ของอะไรนะครับผม




ปล๓.   นิยายเรื่องนี้สำหรับโพสต์ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น  ห้ามมิให้ผู้ใด  นำไปโพสต์  ที่อื่น ๆ  หรือกระทู้  อื่น ๆ  อย่างเด็ดขาด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-04-2009 09:55:42 โดย ราชบุตร »

ออฟไลน์ kit

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-3
Re: [นิยาย] รักเอย
«ตอบ #349 เมื่อ17-04-2009 17:51:20 »



ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [นิยาย] รักเอย
« ตอบ #349 เมื่อ: 17-04-2009 17:51:20 »





mango

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] รักเอย
«ตอบ #350 เมื่อ17-04-2009 20:05:29 »


Thank you,

wonna

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] รักเอย
«ตอบ #351 เมื่อ17-04-2009 20:28:43 »

Thanks you เช่นกัน thanks เช่นกัน o13

Tao_huu

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] รักเอย
«ตอบ #352 เมื่อ17-04-2009 21:36:30 »

ทั้งสุขทั้งเศร้า   ขอบคุณคนแต่ง  :L2:

nanao

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] รักเอย
«ตอบ #353 เมื่อ17-04-2009 21:47:48 »

โหย ทุกอย่างคลี่คลายแล้ว
ตอนหน้าพี่โน้ตก็จะขึ้นมาแล้วกอดโอห์มอาไว้แน่ใช่ไหม

tamtam

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] รักเอย
«ตอบ #354 เมื่อ17-04-2009 22:17:32 »

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ FiZZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: [นิยาย] รักเอย
«ตอบ #355 เมื่อ17-04-2009 22:57:15 »

นั่งอ่านตั้งแต่เย็นๆ ร้องไห้มาร่วม3ชั่วโมง  :m15:
ทำไมพี่โน้ตเป็นคนประเสริฐแบบนี้  ใจแข็งมากๆ ดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
ขอแบบนี้สักคนได้มั้ยเนี่ย แค่ครึ่งของพี่โน้ตก็พอ
แต่ตอนนี้เหนื่อยละ ไปนอนก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยตื่นมาร้องไห้ต่อ  :sad11:
ขอบคุณคุณราชบุตร  o13

ออฟไลน์ Simply Blue

  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-3
Re: [นิยาย] รักเอย
«ตอบ #356 เมื่อ17-04-2009 23:16:00 »

ทั้งเนื้อหา วิธีการลำดับการเล่าเรื่อง ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อยากให้มีปุ่มกดบวกที่ละ 10 จริงๆๆ

ช่วงหลังๆๆ มีลูกโอ๊ตมาเพิ่มสีสันในความน่ารักสดใสของเค้า  (วุ้ยยยย ลูกใครหว่าน่ารักเป็นบ้า  55555)

ซาบซึ้ง กินใจ อ่านไปร้องไห้ไป ยิ้มไปก็ได้ด้วย

ขอเป็นแฟนคลับคุณราชบุตรด้วยคน อิอิ

ออฟไลน์ Angel_K

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 263
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +352/-0
Re: [นิยาย] รักเอย
«ตอบ #357 เมื่อ17-04-2009 23:52:45 »

 :L2:

ขอบคุณนะ สำหรับเรื่องดีๆ แบบนี้

 :monkeysad:

tonsai_2520

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] รักเอย
«ตอบ #358 เมื่อ18-04-2009 00:55:39 »


“หายไปจากชีวิตมันก็คงดี”
   “ไอ้บ้า  แล้วหัวใจของมันล่ะ  แกเคยคิดถึงหัวใจของมันบ้างไหม  แกจะหายไปได้อย่างไร มีเหตุผลอะไร”
   “ไม่รู้ว่ะ  รู้แค่ว่าจากวันนี้ต่อไปจนวันข้างหน้า  เมื่อมีใครกำหนดให้ชั้นไม่ได้เจอตัวเล็กอีก  ชั้นก็จะไม่เอาตัวไปให้ตัวเล็กมันเจออีก    แต่จะให้ชั้นเลิกรักตัวเล็ก  ชั้นทำไม่ได้หรอก เพราะชั้นเกิดมาเพื่อตัวเล็กมัน  อะไรก็ตามที่ทำให้ตัวเล็กไปไกลที่สุด  ดีที่สุดชั้นก็จะทำ”
   “โน้ต”
   “จริง ๆ  นะแจง  ชั้นจะชิ่ว  แล้วชั้นจะหายไปจากชีวิตของตัวเล็กมัน  จะหายไปตามที่คนเบื้องบนกำหนดมา  ในเมื่อเขาขีดชะตาชั้นมาแบบนี้ชั้นก็จะยอม

ใครกำหนด  =  กูไงกำหนดไอ้โน้ตเอ้ยยยยยยยยยย
คนเบื้องบน =  ผู้มีบารมีนอกนิยายไงไอ้ฟายโน้ต


เผยมาแล้วครับ . . .

. . . คนที่กำหนด

หาใช่ . . . ผู้มีบารมีนอกนิยายไม่


คาดว่าน่าจะเป็นตอนที่เศร้าที่สุดแล้ว  หลังจากนี้  คงไม่มีอะไรบั่นทอนความรู้สึกอีกแน่ ๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-04-2009 01:10:48 โดย ต้นสาย »

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
Re: [นิยาย] รักเอย
«ตอบ #359 เมื่อ18-04-2009 00:56:24 »

ออนผ่านมือถือมาโพส
จะจบแล้วหรือครับพี่ต้นสุดหล่อ
อ่านตอนนี้แล้วสงสารพี่โน๊ตจริง 
รออ่านตอนต่อไปครับ
ปล อยากได้ pocket book รักฤาผูกพันจัง 

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด