พิมพ์หน้านี้ - รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: RAJCHABUT ที่ 21-03-2009 15:15:49

หัวข้อ: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 21-03-2009 15:15:49
http://media.imeem.com/m/of7bmqLpIJ






รักเอย . . . จริงหรือที่ว่าหวาน ?   หรือทรมานใจคน



เป็นเรื่องแต่งขนาดไม่สั้นไม่ยาว  รวมเรื่อง . . .

. . . รัก . . .


กะว่าจะเขียนเรื่องรักหลากหลายของหลาย ๆ  คน





ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2. ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม, ติดเรท x ทำให้กระทู้กลายพันธุ์ ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวบบอร์ด

3.ถ้าอยากเอานิยายเรื่องนี้ไปโพสต่อ กรุณาบอกไอ้ต้นก่อนด้วย

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม


เวบไซต์ แห่งนี้เป็นเวบไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวบไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวบไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวบไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ สติสตัง ความรู้ และสามัญสำนึกของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชมด้วยนะจ๊ะ



กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0)



กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0)



 โอห์มกับโน้ต



ตอนที่ ๑

   ป้ายบอกเวลาและขบวนรถที่จะเทียบชานชาลาขบวนต่อไป  คือ  ขบวนรถดีเซลราง  จะเข้าเทียบที่สถานีก่อนเวลาจริงร่วมสิบนาที  ผมยิ้ม  เพราะนี่เป็นครั้งแรกในรอบสิบปีกว่าปีที่ผมมาที่สถานีรถไฟแห่งนี้  . . .

   ครั้งสุดท้าย . . .

   . . . เกือบยี่สิบปีแล้วกระมัง

   “แกอยู่ไหน”  เสียงจากปลายสายดังมาทันทีที่ผมกดสายรับ

   “บางซื่อแล้วล่ะ”  

   “โล่งอก  ขอบใจแกมากนะโว้ย  ที่ไปรับไอ้โอ๊ตมัน  สงสารมันว่ะ  แม่มันทิ้งไปตั้งแต่เกิด  มีแต่พ่อมันคนเดียวเท่านั้น”

   “เออ  เออ  ทำไงได้แกเล่นยกแม่น้ำทั้งประเทศขนาดนั้น”

   “โธ่  ไอ้โอห์ม  ชั้นมองไม่เห็นใครจริง ๆ  นี่หว่า  มีแต่แกเท่านั้นแหละ  ที่ชั้นพอจะไหว้วานได้  เอาน่าแก  กลับจากสิงคโปร์คราวนี้  ชั้นเลี้ยงแกหนึ่งเมา”

   “อย่าเอาเหล้ามาล่อ  ไม่สนหรอกแก”

   “แกหาที่เรียนให้โอ้ตมันด้วยนะโว้ยไอ้โอห์ม”

   “เฮ้ย !”  ผมงงอ่ะดิ  เพราะทีแรกยายเพื่อนตัวแสบมันบอกแค่ว่า  จะมีหลานชายมาจากต่างจังหวัด  แล้วมันต้องไปงานด่วนที่สิงคโปร์มารับไม่ได้  ให้ผมมารับแทน

   “ไม่รู้ล่ะ  แกถามมันเองเหอะว่าอยากจะเรียนอะไร”

   “แกมาหักคอแบบนี้ได้ไงว่ะไอ้มิลล์”

   “โห . . . แก  ชั้นไม่มีใครจริง ๆ  แกไม่ช่วยชั้น    เอาน่าแก  แค่ซัมเมอร์คอสเอง   นอกจากแกแล้วชันมองไม่เห็นอีกแล้วล่ะว่าใครจะช่วย  ว่าแต่แก  โทรหาโอ้ตมันแล้วนะ”

   “เออ  บอกน้องมันแล้วล่ะ  ว่าให้ลงที่บางซื่อ”

   “แกน่ารักเสมอว่ะโอห์ม  ชั้นรักแกจริง จริ้ง  ฝากโอ้ตด้วยนะแก”

   เจ้าหล่อนตัดสายฉับไปในทันที  ปล่อยให้ผมงงเป็นสุนัขแดกโอโม่อ่ะครับพี่น้อง   ก็เจ้าหล่อน  โทรมาบอกผมเมื่อบ่ายแก่ ๆ  ว่าจะมีหลานมาจากใต้  แล้วไม่มีใครไปรับ  ให้ผมช่วยไปรับ  แล้วให้พักกับผมก่อน  เพราะกว่ามันจะกลับก็อาทิตย์หน้า

   ขบวนรถค่อย ๆ  ชะลอก่อนที่จะจอดนิ่ง . . .

   สายตาผมไปหยุดที่เด็กหนุ่มที่ก้าวขาลงมาจากขบวนรถ  เหมือนทุกอย่างจะหยุดนิ่ง เด็กหนุ่มที่สูงราวร้อยเจ็ดสิบกว่า ๆ  ผิวคล้ำแบบคนใต้    เจ้าตัวเพิ่งลงมาจากขบวนรถ  ยืนหันรีหันขวาง  เหมือนไม่คุ้นเคยกับสถานที่

   หากผมล่ะ . . .

   ทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่ง  เด็กหนุ่มคนนั้นมองละม้ายคล้ายใครสักคนที่ผมคุ้นเคย  ใครคนนึงที่กระชากหัวใจผมไป  เหมือนขบวนรถไปที่เพิ่งออกพ้นตัวผมไป

   วันนี้ . . .

   . . . ที่เดียวกันนี้

   มีใครคนนึงยืนอยู่ . . . คนที่ผมไม่รู้จัก  อายุอานามคงห่างจากผมเกือบยี่สิบปีกระมัง  แต่ทำไม  ทุก ๆ  อย่างของเขา  ช่างเหมือนใครบางคน

   


   สิบกว่าปีก่อน . . .

   “พี่ไปไม่กี่วันหรอกโอห์ม  พี่จะรีบกลับมา”   พี่โน้ตยิ้มให้ผม  แววตาบอกว่าห่วงผมไม่น้อย

   “ครับผม”  ผมบอกได้แค่นั้น

   “อย่าร้องสิโอห์ม  ลูกผู้ชายต้องเข้มแข็ง  เข้าใจมั้ย”  พี่โน้ตเอามือลูบศรีษะผมเบา ๆ    นั่นเท่ากับว่ากระตุ้นความอ่อนแอในหัวใจของผมให้มากกว่าเดิมอีก

   ผมแอบเบือนหน้าหนี  เอามือปาดน้ำตาทิ้ง

   ผมไม่ใช่คนเข้มแข็ง  ผมออกจะอ่อนแอเสียด้วยซ้ำ   การห่างจากคนที่เรารักมันทรมาน  ผมรู้ทุก ๆ  ปิดเทอมที่พี่โน้ตกลับบ้าน  ห้วงเวลานั้นคือเวลาที่ผมเศร้าอย่างที่สุด  

   “เอ้า  แอบร้องอีกแล้ว  แบบนี้พี่ไม่กลับก็ได้”

   “กลับเหอะพี่  ผมอยู่ได้แค่ใจหวิว ๆ เท่านั้นเอง”  ผมหันมายิ้มให้พี่โน้ต

   “บอกแล้วไงพี่จะรีบกลับมา”

   “ครับ”  ผมมองหน้าพี่โน้ต  อยากเก็บเอาทุกอณูความทรงจำที่มี  

   หากผมรู้อนาคต . . .

   . . . ก็คงดี

   เสียงประชาสัมพันธ์ประกาศ ขบวนรถด่วนพิเศษที่จะเข้าเทียบชานชาลา  ปลายทาง . . . ยะลา

   คือเสียงพิพากษาว่าผมต้องห่างจากคนที่ผมรักดี ๆ  นี่เอง

   “ขอพี่กอดหน่อย”

   พี่โน้ตรวบผมเข้าไปกอดเอาไว้  ท่ามกลางแสงดาวระยิบระยับในคืนที่เดือนมืดมิดของสถานีรถไฟบางซื่อ

   “พี่รักโอห์มนะครับ  โอห์มดูแลตัวเองดี ๆ  นะครับ  ถึงพี่จะไม่อยู่กับโอห์ม  แต่หัวใจของพี่อยู่ที่โอห์มเสมอ”    เสียงพี่โน้ตสั่น ๆ

   หากวันนั้น . . .

   . . . ผมเข้าใจในความหมาย  ของคำพูด

   ผมคงไม่เจ็บปวด . . . เจียนตาย

   พี่โน้ตค่อย ๆ  ปล่อยมือผมช้า ๆ ก่อนเดินไปขึ้นรถที่มาจอดเทียบชานชาลา  ภาพนั้นค่อย ๆ  พร่ามัว  เพราะทั้งสองตาของผมมันมีแต่หยาดน้ำตา  เสียงหวูดร้องของรถไฟ  คล้ายเสียงกรีดร้องที่ก้องในหัวใจของผม  รถค่อย ๆ  ออกตัวไปอย่างรวดเร็ว

   หัวใจผมเหมือนโดนกระชากออกไปจากอก . . .

   ผมทิ้งตัวลงนั่งที่ขอนไม้หมอน  ที่เขามาทำเป็นม้านั่งยาว ๆ  ระหว่างชานชาลาที่ ๑  กับชานชาลาที่ ๒  ผมปล่อยให้ความอ่อนแอมันออกมาจากสองตา  ผมนั่งมองขบวนที่แล่นหายไปในความมืดมิด

   เหมือนหัวใจผม . . .

   . . . มิดมิดนิรันดร์กาล



   ผมสะดุ้งตื่นจากภาพเก่า  เพราะอะไรบางอย่างในขากางเกงมันสั่น  ผมค่อย ๆ  ล้วงหยิบ  ก่อนที่จะกดรับ . . .

   “โอห์มครับผม”

   “อาโอห์มเหรอครับ  โอ๊ตมาถึงบางซื่อแล้วครับ”  เสียงนั่นชัดเจน  กว่าคลื่นโทรศัพท์ใด ๆ  ทั้งหมดที่ผมเคยมี  เคยฟัง

   ผมหันกลับไป . . .

   “สวัสดีครับ  ใช่อาโอห์มมั้ยครับ”  

   เด็กหนุ่มคนที่ผมมองตั้งแต่ลงจากรถ  ยืนห่างผมแค่ก้าวเดียว  ยกมือไหว้  ก่อนยิ้มกว้างโชว์ฟันขาว  เรียงสวย

   . . . ผมยืนนิ่งเหมือนถูกสาป

   แม้แต่รอยยิ้ม  ยังเหมือน . . .

   “ครับผม  โอ๊ต”  ผมได้แต่ทวนคำชื่อที่ผมจำได้

   “ครับโอ๊ตเองครับ หลานอามิลล์  อามิลล์ทิ้งโอ๊ตอ่ะครับ”  เจ้าตัวยิ้มตาหวาน  ผมมองหน้าโอ๊ต  

   “ครับ  มิลล์ให้อามารับ”

   ผมบอก  ทั้ง ๆที่สายตาจับจ้องไปยังหน้าหลานชายเพื่อน  ใบหน้าคมคาย  ขนตางอนเป็นแพ  กับแววตาสีน้ำตาล  จมูกโด่งได้รูป  ที่สำคัญรอยยิ้มที่ผมเห็นเหมือนแสงสว่างที่ค่อย ๆ  ทาบทับเข้ามาในหัวใจทีมืดมิดของผม

   “มีอะไรติดที่หน้าผมหรือครับ”  เจ้าตัวคงรู้  ผมจ้องมองนานเกินไป

   “ไมมีครับ  ไม่มีไร  อาแค่รู้สึกคุ้น ๆ  หน้า”

   “ใครก็ว่า  โอ้ตหน้าคล้ายอามิลล์”

   ไม่ใช่ . . . ไม่ใช่มิลล์  ผมไม่ได้คิดไปเอง  หน้าตาแบบนี้ไม่เหมือนมิลล์เลย  ไม่เหมือน  ทำไมผมจะจำคนที่เอาหัวใจของผมไปไม่ได้  

   ผมนับในใจ

   . . . สิบแปดปี

   สิบแปดปีเต็ม ๆ  ที่ผมไม่เคยเหยียบมาที่สถานีรถไฟบางซื่ออีกเลย  ผมไม่อยากเจ็บปวดกับสถานที่สุดท้ายที่ผมเคยได้รับไออุ่นจากอ้อมกอดของพี่โน้ต   

   “ไปกันเหอะ  โอ๊ตกินอะไรมาหรือยัง”  ผมยื่นมือไปรับกระเป๋าใบเล็กอีกใบ

   “กินบนรถไฟมาหน่อยเดียวเองครับ”

   “งั้นไปหาอะไรกินกันก่อน”  ผมหันมายิ้ม  ก่อนเดินนำไปที่ลานจอดรถ
   








** ขออนุญาตแก้ไขชื่อหัวข้อเพื่อให้อ่านง่ายสบายตาค่ะ **
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: tamtam ที่ 21-03-2009 15:20:52
555 ได้เจิม
ตามอ่านๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 21-03-2009 15:22:42
จิ้มเรื่องใหม่คร๊า :z13: :z13:

ยังไม่ได้อ่านเลย

แวบไปอ่านก่อนน๊า

เป็นกำลังใจให้ :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: Siri_nan ที่ 21-03-2009 15:24:51
ขออนุญาติ เข้ามาตัดริบบิ้น เจิมเรื่องใหม่ อิ อิ  : 222222:
เหมือนไม่ได้เห็นคนเขียนมานาน หรือว่าเราไม่ได้เข้ามานานแล้วหว่า  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: maggy ที่ 21-03-2009 15:33:34
โห เปิดตัวมาก็แอบเศร้านิดๆและ
หรือว่าโอ๊ตจะเป็นลูกของโน้ตคาดเดาจากเสียงสระและวรรณยุกต์
ไม่ได้มีเหตุผลอื่นใดทั้งสิ้น(ฮา) ว่าไปนั้น
อืม จะเป็นรักต่างวัยหรือเปล่านร้า
เป็นกำลังใจให้นะคะ
จะคอยติดตามคร้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 21-03-2009 15:39:06
 :mc4: :mc4: :mc4:
+1 ให้ราชบุตร อิๆ งานนี้ต้องตามอ่านแล้วจะรออ่านต่อ
เรื่องดูน่าติดตามดี 18 แปดที่ไม่ได้เจอพี่โน๊ต
มันจะเป็นไปได้ไหมว่า โอ๊ต คือ ลูก ของโน๊ต น่าสนใจมากๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: jokirito ที่ 21-03-2009 16:05:19
 :mc4: เจิมด้วยคนครับ 
เรื่องออกแนวดราม่ามาเลย 
อืม..โอ๊ตจะใช่ลูกโน๊ตรึเปล่า
แล้วโน๊ตจากไปด้วยสาเหตุใด
อืมๆๆ น่าติดตามๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: dokjarn ที่ 21-03-2009 16:27:17
:z2:

เข้ามาเจิมและ +1

ให้กับเรื่องใหม่ของท่านราชบุตรด้วยครับ

อ่านแล้ว..อย่างน่าติดตาม

รักเอย

โอ๊ต......โน้ต......โอห์ม

18 ปี อะไรเกิดขึ้นบ้างก็ไม่รู้

เรื่องราวไปลึกลับแถบทางใต้เหมือนกัน

หลังจากนั้นส่งย้อนกลับมาที่

บางซื่ออีกครั้งหนึ่ง

น่าติดตามมากครับ

รออ่านที่หน้าจอเลยน้า
 :pig4: :pig4:

 :z2:
[/color]



หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 21-03-2009 17:24:42
มาตามๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

เรื่องใหม่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 21-03-2009 18:46:25

เข้ามาทักทายกันตามประสาเนอะพี่เนอะ

อิอิ

สองเอง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: toeyz12 ที่ 21-03-2009 19:24:21
เรื่องใหม่อีกเรื่องแล้วว ว ๆ    :L2: :L2:


+1 เป็นกำลังใจให้จ้า ๆ   :กอด1:


 :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 22-03-2009 00:04:01
มาทักทายด้วยคนค่ะ  เปิดตัวมาก็ท่าทางจะน่าติดตามแล้ว เดี๋ยวรออ่านต่อค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 22-03-2009 01:38:14
 :mc4: ต้อนรับเรื่องใหม่คะ
เรื่องนี้มีแววเศร้าอีกแล้ว แต่ถึงเศร้าก็ชอบนะคะ
โอ๊ตหน้าตาเหมือนพี่โน๊ตซะขนาดนี้ อิอิรักเด็กก็ไม่ผิดหรอกนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: christiyaturnm ที่ 22-03-2009 03:15:51
 :m15:เตรียมผ้าเช็ดหน้ามารอเรื่องเศร้าอีกเรื่อง


ชัวร์แหงๆๆๆ


แต่อีกนัยนึง :laugh: ออกแนวจะหาข้ออ้างเขมือบเด็กนะครับเนี่ย

 :L2: o13 เห็นชื่อผู้แต่งก็ประกันคุณภาพแล้ว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 22-03-2009 03:57:38
 :mc4:
เจิมเรื่องใหม่ด้วยคน
อ่านตอนต้นก้อรู้ว่าพลาดไม่ได้แล้วเรื่องนี้
เหมือนกันซะขนาดนี้ โน้ต กะ โอ๊ต ไม่พ่อลูก ก้อน่าจะพี่น้องหรือเปล่า ลุ้นๆ
บวก 1 เป็นกำลังใจขอบคุณด้วยจ้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 22-03-2009 04:32:54
•    “พี่รักโอห์มนะครับ  โอห์มดูแลตัวเองดี ๆ  นะครับ  ถึงพี่จะไม่อยู่กับโอห์ม  แต่หัวใจของพี่อยู่ที่โอห์มเสมอ”    เสียงพี่โน้ตสั่น ๆ

   หากวันนั้น . . .

   . . . ผมเข้าใจในความหมาย  ของคำพูด

   ผมคงไม่เจ็บปวด . . . เจียนตาย

วุ้ย พี่โน๊ตกลับไปยะลา....โดนจับแต่งงาน....พอลูกออกมา เลยตั้งชื่อว่า โอ๊ต เพื่อเป็นที่ระลึกไงคะ


ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 22-03-2009 07:57:33
 :oni1:เรื่องใหม่
ของพี่ราชบุตร
ต้องอ่าน   ต้องอ่าน :-[
จองหนึ่งที่ค้าบ
หน้าสุดเลย......ลัลล้า : 222222:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: imageriz ที่ 22-03-2009 11:28:22
เรื่องใหม่ มาเป็นกำลังใจให้เรื่องใหม่

 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 22-03-2009 11:45:24
 :กอด1:

มาเป็นกำลังใจให้เรื่องใหม่ครับ...
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 22-03-2009 11:50:28
เข้ามาเจิมเรื่องใหม่ของคุณราชบุตรด้วยคน เปิดเรื่องมาก็น่าสนใจ แต่สงสัยว่าจะเศร้าอีกแล้ว และเศร้าตั้งแต่ต้นเรื่องเลย
 :impress3: :impress3: แต่ก็จะติดตามต่อไป ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องดี ๆ ที่แต่งมาให้อ่าน  :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: peemakarn ที่ 22-03-2009 12:26:49
เข้ามาเจิมค่ะ เปิดเรื่องได้น่าอ่านมากค่ะ
จะติดตามอ่านนะคะ
ปล. นิยายของคุรราชบุตรเนี่ยออกแนวดราม่าแทบทุกเรื่องเลยนะคะ
อ่านทีไรน้ำตาไหลทุกที อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 22-03-2009 13:15:05




ตอนที่ ๑ (ต่อ)

   เกือบสองทุ่มหากรถรายังติดเป็นแพยาวตามท้องถนน  ผมแอบมองโอ๊ต  คล้ายกับจะค้นหาบางสิ่งที่มันหล่นหายไปในชีวิต    บางครั้งโชคชะตาอาจจะเล่นตลกกับเราก็เป็นได้  ไม่มีใครรู้อนาคต  ข้างหน้า แม้กระทั่งอีกแค่หนึ่งนาที  เราจะเจออะไรบ้าง


   “ฟังเพลงมั้ยโอ้ต”  ผมเอ่ยออกมาทำลายบรรยากาศความเงียบ

   “ได้ครับ”

   “โอ๊ตทำตัวตามสบาย  เคยอยู่กับอามิลล์ยังไง  ก็อยู่แบบนั้น  อาเองก็ไม่ได้อะไรมากมายหรอก  ยังไงก็ได้”

   “ครับ”  เจ้าตัวหันมายิ้ม

   ผมเอื้อมมือไปกดเครื่องเล่น   เพียงชั่วครู่  เสียงเพลงที่เคยเล่นค้างเอาไว้ในคราวก่อน  ก็ดังขึ้นมาทำลายบรรยากาศความเงียบในรถ

   “. . . มันโหดร้ายจนเกินไป ฉันไม่เคยเตรียมใจ  ที่จะเสียเธอไปอย่างวันนี้ . ..”

   “เพลงโปรดของพ่อโอ้ตเลย  เพลงนี้เพลงหากินของพ่ออ่ะครับอาโอห์ม”

   ผมขมวดคิ้วเข้าหากัน  บางอย่างมันแวบเข้ามาในหัวใจ   แค่เพียงแวบเดียวเท่านั้น  เพราะผมไม่กล้าที่จะคิดอะไรไปมากกว่านี้  บนโลกใบนี้มีอะไรอีกมากมายที่เราคาดคิดไม่ถึงเสมอ

   “จริงดิ  อาก็ชอบ มันโหดร้ายจริง ๆ  ที่เราจะเสียใครสักคน  โดยที่เราไม่รู้ว่าเราทำอะไรผิด”  ผมเค่นยิ้มกับตัวเอง  นึกถึงเวลาที่ผ่านมา

   หากแต่ . . .

   ผมไม่เคยโกรธ หรือเกลียดคนที่ทำกับผม  บางครั้งคนเราอาจมีเหตุผล  และเหตุผลบางอย่างมันไม่สามารถที่จะพูดออกมาได้ 

   ผมรักพี่โน้ตด้วยหัวใจ . . .

   . . . ผมเจ็บการการจากอย่างห่างหาย

   ความเจ็บทำให้ผมกล้าที่จะหลีกลี้หนีไกล  และดูเหมือนว่าหัวใจของผมจะปิดตายตาม  ผมไม่รักใครอีกเลย  มันอาจจะเกิดจากความกลัว 

   . . . กลัวผิดหวังซ้ำ ๆ  อีก

   “โอ๊ตร้องเพลงเพราะนะอาโอห์ม  เป็นนักร้องวงโรงเรียนด้วย”

   “จริงดิ”  ผมหันไปมองโอ๊ตแวบนึง   

   “โกหกทำไม”

   “งั้นร้องให้อาฟังได้มั้ย  เอาเพลงนี้อีกรอบและกัน”  ผมไม่รอคำตอบ  รีบกดปุ่มให้เพลงเริ่มเล่นตั้งแต่เริ่มต้นอีกครั้ง

   เสียงอินโทรลเพลงประกอบละครเรื่องดัง   สะกดผมให้นิ่งเงียบ  ในขณะที่รถค่อย ๆ ขยับไปทีละนิด ท่ามกลางเมืองอันแสนวุ่นวาย

   “ฉันไม่รู้ว่าเป็นเพราะใคร  โชคชะตาเป็นใจหรืออะไรทำให้เธอลาจาก  คนที่รักกันมากมายต้องพรากกันไปไกล   ฉันก็คงจะทนอย่างไรไหว  ฉันไม่รู้จะทำอย่างไร  เหมือนใจมันจะขาด  ชีวิตมันดูอ้างว้าง  วังเวงไปทุกอย่าง  เหมือนคนที่เดียวดาย  จมอยู่กับความหวัง  อยากให้รู้ฉันเสียใจและปวดร้าวมากเพียงไหน”

   เสียงของโอ๊ตสะกดผมเอาไว้นิ่ง  ขนลุกซู่  และพาผมจมดิ่งกับวันคืนเก่า ๆ  ที่ผ่านมา  ตอนที่ผมฟังเพลงนี้ครั้งแรก  ผมยังแอบคิดไปเองไม่ได้ว่าเพลงนี้เขาแต่งมาเพื่อผม 

   น้ำเสียงของโอ๊ตมีพลัง  มากพอที่จะทำให้ผมรู้สึกว่า  ความโหยหาวังเวง  มันเป็นเช่นไร  ผมคิดถึงใครบางคน  คนที่เคยเป็นนักร้องนำวงโรงเรียน  เหมือนกับคนที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ  ผมตอนนี้

   หรือว่า . . .

   . . . เป็นไปได้หรือ  สิบแปดปี  ผมรีบสะลัดความคิดนั้นทิ้งทันที  ทั้ง ๆ  ที่ผมเองก็ยังอดคิดไม่ได้ 

   “. . . ใจของฉันมันเป็นของเธอ  ไม่ว่านานเท่าไร  และจะเป็นของเธอ ตลอดไป  ใจของฉันมันเป็นของเธอ  คนเดียวทั้งใจ  จะรอเธอรักเธอจนตายใจเอย . . .”

   พี่โน้ตคือรักแรก  และมันอาจจะเป็นรักสุดท้ายของผม  ในเวลาที่ทุกข์ใจแสนสาหัส  สิ่งเดียวที่ผมทำได้คือ  การนั่งนิ่ง ๆ  นึกถึงวันคืนที่ผ่านมา  วันเวลาที่ดีที่ผมมีคน ๆ นึงเคียงใกล้  ผมอาจจะเคยทะเลาะกัน   เกลียดขี้หน้าพี่โน้ตที่ชอบมาแกล้งผม  แล้วทำหน้าตาย  ผมอาจจะงี่เง่ากับพี่โน้ต  ตามประสาเด็ก ๆ   

   วันเวลาดี ๆ  เหล่านั้นมันอยู่ในความทรงจำที่ดีของผมเสมอมา . . .

   ผมเคยถามตัวเองในวันที่พี่โน้ตร้างห่างหาย  ผมทำอะไรผิด  ทำไมพี่โน้ตทิ้งผมไปแบบนี้   ผมผิดอะไรหรือ  และผมไม่เคยได้คำตอบเหล่านั้นกลับคืนมาเลย   
   “เพราะมาก  โอ๊ตทำให้อานึกถึงคนที่อารักเลย”

   “ซะงั้น  เซ้นซิทีฟมากมายอาโอห์ม”  โอ๊ตหัวเราะเบา ๆ

   “จริง ๆ  นะโอ๊ต  ตอนที่อาฟังเพลงนี้ครั้งแรกอายังแอบคิดว่าเพลงนี้เขาแต่งมาเพื่ออาเลย  แล้วยิ่งได้ดูละครด้วยแล้ว  อาติดหนึบเลยล่ะ”  ผมหัวเราะเบา ๆ  ก่อนหักรถเลี้ยวมาทางขวาตามถนนประชาชื่น

   “ขนาดนั้นเลยหรือครับ  ไม่อยากเชื่อ  ด๊อกเตอร์ปภิณวิชญ์  จะติดละครหลังข่าว”

   “เฮ้ย”  ผมหันไปมองหน้า

   “ใครบอก”

   “บอกอะไรครับ”

   “ด๊อกเตอร์  กับชื่ออา”   

   เรื่องชื่อนะ  มิลล์คงจะทราบ  แต่เรื่องวุฒิการศึกษานี่สิ  แทบจะไม่มีใครรู้เสียด้วยซ้ำ    หรือบางทีผมอาจจะเสียรู้เพื่อนรักไปแล้วก็ได้  มันอาจจะเล่าประวัติของผมให้โอ๊ตฟังแล้วก็ได้

   “แหม  อาโอห์มทำเป็นตื่นเต้นไป  คนที่อยากไปเรียนต่อเยอรมัน  มีใครบ้างไม่รู้จักนักเรียนเกียตรินิยมเหรียญทองคนแรกของไทย” 

   “เกียรตินิยมนะใช่  แต่มันตอนเรียนตรีเท่านั้น  ส่วนด๊อกเตอร์นี่  เรียนมาปรับฝาบ้าน  เพราะความจริงที่ทำงานยังเป็นแค่วุฒิ ป.โทเท่านั้น”

   “คือ ๆ  กันนะอา  เนี่ยโอห์มยังหาที่เรียนภาษาไม่ได้เลย”  เจ้าตัวทำท่าเซงกับชีวิต

   “เยอะแยะไป  แถวสถาบันภาษาที่สยามงี้  ตามห้างอีก”   

   “ที่โอ๊ตจะเรียนนะเต็มครับผม  แล้วกรกฎา  โอ๊ตก็ต้องไปแล้วด้วย  ไม่รู้จะเอาตัวรอดได้มั้ยเนี่ย” 

   ผมเหลือบไปมองโอ๊ต   ลักษณะท่าทาง  ไม่แตกต่างจากคนที่ผมรักเลย  ผมยิ้ม  รู้สึกหัวใจตัวเองเต้นแรงอย่างไรไม่รู้  เหมือนวันเวลามันย้อนกลับไป  ผมได้เจอพี่โน้ตคนเก่า 

   “ถ้าโอ๊ตหาที่เรียนไม่ได้  อาโอห์มจะสอนโอ๊ตได้มั้ยครับ” 

   “เอางั้นหรือ”

   “ครับ  นะครับ”

   “ถ้าหาไม่ได้จริง ๆ  อาจะสอน  แต่รับรองไม่ยากหรอก  โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษมันเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด”    ผมรับปาก  เพราะรู้ดี ในกรุงเทพฯ  การจะหาเรียนภาษามันไม่ยากเย็นอะไร  แค่มีกำลังทรัพย์ทุกอย่างมันก็ทางสะดวก

   หาก . . .

   “เย้  อามิลล์บอกแล้ว  ภาษาเยอรมันนะ  ต้องให้โอ๊ตเรียนแบบตัวต่อตัวกับอาจารย์  ตอนที่โอ๊ตบอกว่าสมัครไว้ที่เกอร์เธ่ร์  อามิลล์ยังบอก  เดี๋ยวอาหาอาจารย์ดี ๆ  ให้  โอ๊ตโชคดีนะเนี่ยที่ได้เรียนแบบตัวต่อตัวกับอาโอห์ม”

   “ว่าไงนะ”

   ผมเริ่มปะติดปะต่อ  เรื่องราว  การมาของโอ๊ตไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เพื่อนผมมันงางแผนเอาไว้แล้ว  ผมไม่น่าหลงกลเพื่อนตัวแสบเลยให้ตายดิ

   “อามิลล์บอกโอ๊ตไงครับ  เรียนกับเพื่อนอาดีกว่า  จบจากเยอรมันโดยตรง   อยากรู้เรื่องอะไร  อยากถามอะไรก็ถามจากอาจารย์ได้เลย  เพราะโอ๊ตต้องไปอีกไม่กี่เดือนแล้ว”

   “ไปไหน”

   “เยอรมันครับ”

   “ไปนานมั้ย”

   “ปีเดียวครับนักเรียนแลกเปลี่ยน”  โอ๊ตหันมายิ้ม

   นักเรียนแลกเปลี่ยน  . . .

   ผมเลี้ยวรถผ่านป้อมยามหน้าหมู่บ้าน  ก่อนที่จะจอดรถเอาไว้ที่ริมรั้ว

   “คุยกันต่อในบ้าน”  ผมยิ้มก่อนที่จะไขกุญแจรั้วเข้าไป 

   “ตามสบายเลยนะ  คิดว่าอยู่บ้านตัวเองนะโอ๊ต”  ผมบอก  เมื่อเห็นเจ้าตัวเดินตัวลีบ    ผมเดินเลี่ยงไปด้านในครัว  หยิบน้ำจากตู้เย็น

   “เอ้า  โอ๊ต”  ผมเรียกชื่อ  ก่อนโยนขวดน้ำไปให้  เจ้าตัวก็ว่องพอสมควรรับขวดได้อย่างถนัดมือ

   “ผมนักกีฬานะครับอาโอห์ม”

   “เก่งนี่”

   “แล้วแฟนอาโอห์มไม่อยู่เหรอครับ”

   “อาอยู่คนเดียว  ยังไม่แต่งงาน”  ผมยิ้มบาง ๆ

   “เหงาแย่”

   “ชินแล้วล่ะ  โอ๊ตล่ะ  มีแฟนยัง”  ผมเดินลงมานั่งที่โซฟาฝั่งตรงกันข้าม

   “มีแล้ว  สิบคน”  มันยิ้มกว้าง

   “ใช่ย่อย  ก็นะ  หน้าตาดี  ร้องเพลงเก่ง  ขวัญใจสาว ๆ  เลยสิท่า” 

   “ไม่หรอกครับ  เพื่อนครับเพื่อน  เพื่อนกันทั้งนั้น  อาโอห์มไปเรียนเยอรมันกี่ปีครับ”

   “ก็ตั้งแต่ขึ้นมอหก  จนจบเอก  แล้วทำงานต่อที่นั่นอีกสามปี  สิบปีนิด ๆ  เห็นจะได้ครับ”  ผมยิ้ม 

   “โห . . . พ่อโอ๊ตก็บอก  คนที่พ่อรักไปเรียนต่อที่เยอรมัน”

   “ครับ”

   “พ่อเลยอยากให้โอ๊ตไปเรียนต่อที่นั่น” 

   “แล้วโอ๊ตอยากไปหรือเปล่า”

   “อยากไปครับ  โอ๊ตอยากไป  โอ๊ตอยากทำให้พ่อมีความสุข  พ่อทำเพื่อโอ๊ตมาตลอด  สิ่งไหนคือความสุขของพ่อโอ๊ตจะทำครับ  แล้วอาโอห์มละครับ  ทำไมถึงไปเรียนต่อที่เยอรมัน”

   ผมนิ่งเงียบ . . .

   เรื่องมันผ่านมานานมาก  นานจนผมไม่คิดว่า  จะมีใครถามผมถึงเรื่องนี้อีก  ผมหลับตา  สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนลืมตาช้า ๆ    คนที่นั่งมองผมตาแป๋ว  เหมือนคนที่ได้หัวใจของผมไปไม่มีผิด

   “คนที่อารักเขาหายไป  ไม่ติดต่อกลับมาหาอาอีกเลย อาเลยหนีไปไกล  ตลอกดีใช่มั้ย”

   “แม่งคนอะไรโครตใจร้ายเลย  คนที่หนีอาโอห์มไปนี่ใจร้ายเนาะ  มิน่า  ชอบเพลงของน้องเอย”

   “เพลงของน้องเอย”  ผมเลิกคิ้วสูง

   “ที่โอ๊ตร้องในรถไง  น้องเอยหนีไปอเมริกา  แต่อาโอห์มหนีไปเยอรมัน” 

   ผมมองโอ๊ต  มันยิ้ม  มันเริงร่าเหมือนเด็ก ๆ  เหมือนผมมองสะท้อนไปในอดีต  ในห้วงเวลาที่ผมอายุเท่า ๆ  กับโอ๊ต  ทุกอย่างดูเหมือนจะสวยงาม  โลกมีแต่สิ่งดี ๆ  แทบทั้งสิ้น

   “ไม่ขนาดนั้นหรอกโอ๊ต  ที่จริงก็ต้องไปอยู่แล้ว  ปีเดียวเอง  แต่พอไปแล้ว  มันไม่อยากกลับเลยอยู่เรียนต่อเรื่อย ๆ  จนจบนั่นแหละ”

   ผมโกหก . . .

   ความจริง ผมไม่อยากกลับ เพราะผมรู้ดี  ผมกลับมาก็ไม่มีใครอีก  ผมไม่มีใครรอผมที่เมืองไทยอีกแล้ว  การจะยืนอยู่บนที่ใดของโลกมันไม่สำคัญสำหรับผม

   “อาโอห์มอายุเท่าไหร่ครับ”

   “โอ๊ตทายสิ”

   “พ่อโอ๊ตสามสิบแปด  อาโอห์มน่าจะสัก  สามสิบหกเอ้า”

   “โห  อาหน้าแก่ขนาดนั้นเลยเหรอ”

   “เหอะ ๆ ๆ  ผิดเหรอครับ  งั้นสามสิบสี่”

   “สามสิบห้าครับ”

   “แก่กว่าโอ๊ตตั้งสิบเจ็ด  สิบแปดปี”

   สิบแปดปี . . . . มันเสียดแทงเข้าไปในหัวใจของผม  ระยะเวลาบางครั้งมันก็สำคัญ  ผมรู้สึกจิ้ดในหัวใจ  เหมือนหัวใจมันเบา ๆ  ล่องลอย

   “ข้างบนมีสองห้อง  โอ๊ตนอนได้เลยตามสบาย  อายกให้โอ๊ตห้องนึงเลย”

   “คร๊าบบบบบบบบบ  แต่อาโอห์มครับ”

   “หึ  มีไร  ดูทำหน้าเข้า”

   “คือ โอ๊ตขอนอนห้องอาโอห์มได้มั้ยครับ  นอนหน้าเตียงก็ได้ครับ  แบบตั้งแต่โอ๊ตจำความได้  โอ๊ตนอนกับพ่อตลอดเลย  แบบว่า  โอ๊ตกลัวผีครับ”

   ผมยิ้ม . . .

   “เอาดิ๊  มานอนห้องอา  ไม่กลัวอาปล้ำหรือ”

   “โห . . . กลัวผีมากกว่ากลัวอาโอห์มอีกครับ  อามิลล์บอกโอ๊ตว่าอาโอห์มใจดี  ทีแรกโอห์มอึดอัด  แต่พอเจออาโอห์ม  ได้คุย  โอ๊ตว่าโอ๊ตโชคดีจริงที่เจออาโอห์ม”

   “อย่ามาชม  เดี๋ยวโดนปล้ำแล้วอย่ามาว่าอาใจร้าย” 

   “อย่าขู่ดิ  ปภิณวิชญ์  ย่อมไม่ปล้ำ นนธ์ปวิช เด็ดขาด  ผมยังเด็ก  อาจะมาปล้ำผมทำไม  ไว้ปล้ำสาว ๆ  แบบอามิลล์ดีกว่านะอาโอห์มนะ”

   “เดี๋ยว  เมื่อกี้โอ๊ตเรียกชื่อใครนะ”  ผมขมวดคิ้วเข้าหากัน

   “ปภิณวิชญ์ไงครับ”

   “ไม่ใช่ . . . อีกชื่อนึง” 

   “อ๋อ  ชื่อของโอ๊ตเองครับ  นนธ์ปวิช  ชื่อแปลกอะดิ๊  นนธ์ปวิช  แปลว่า  ผู้สร้างความสุขให้กับผู้อื่น  ชื่อนี้พ่อโอ๊ตตั้งให้เองเลยนะอาโอห์ม”  เจ้าตัวยืดอกภาคภูมิใจ

   “นนธ์ปวิช . . .”  ผมทวนคำ 


   “ครับผม  นนธ์ปวิช  ลูกชายคนเดียวของพ่อนนทกร  พ่อโน้ตกับลูกโอ๊ต”

   ผมยืนยิ่งคล้ายโดนสาป  เสียงที่บอกมาจากเด็กชายตรงหน้ากระจ่างแจ้งในหัวใจกับข้อสงสัยต่าง ๆ  ที่มีมาตั้งแต่สถานีรถไฟ  ผมกระพริบตาถี่ ๆ  ไล่บางอย่างในแววตา 

            นนธ์ปวิช . . .  ปภิณวิชญ์ . . . นนทกร  ผมเจ็บหัวใจคล้ายใครมาบีบ   โน้ต . . . โอห์ม . . . แค่ผมเอาอักษรของผมไปใส่ในชื่อของพี่โน้ต  มันก็จะกลายมาเป็น . . . โอ๊ต

   อย่า . . .

   . . .  อย่าอ่อนแอนะโอห์ม   

   อย่าเด็ดขาด  เสียงสั่งตัวเองดังสลับกับเสียงของโอ๊ต 

   . . . นนธ์ปวิช  ลูกชายคนเดียวของพ่อนนทกร  พ่อโน้ตกับลูกโอ๊ต . . .   


   





http://media.imeem.com/m/of7bmqLpIJ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: imageriz ที่ 22-03-2009 13:45:16
 o22 ลูกชายของอดีตคนรัก

มันเป็นความบังเอิญหรือความตั้งใจกันแน่
ที่โอ๊ตมาอยู่กับมิลล์ เหอะ น่าติดตามจริง ๆ
จากช่วงเวลาที่หายไป 

รอตอนต่อไปนะ  :z2: :z2: :z2:
 
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: MaryGoesRound ที่ 22-03-2009 13:59:02

เข้ามาติดตามด้วยคน
ชื่อเรื่องเพราะดี แถมเรื่องราวน่าสนใจไม่น้อยเช่นกัน

รออ่านต่อไปค่ะ

:L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 22-03-2009 14:06:14
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
ว่าแล้วเรื่องมันต้องเป็นแบบนี้ถึงจะสนุก อิๆ แล้วจะรออ่านต่อไป
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 22-03-2009 14:15:37
แม่จ้าว พ่อโน๊ต พ่อโอห์ม >>> ลูกโอ๊ต
สวรรค์จะเล่นตลกอะไรกันเนี่ย อ่า่นแล้วแบบ ฮืออไม่นะ ตั้งชื่อจริงและชื่อเล่น
จะบ้าตาย โลกกลมหรือว่า มันเป็นเรื่องบังเอิญที่ใครบางคนจงใจเนี่ย
ในเมื่อกลับมาดูแลคนที่ตัวเองรักไม่ได้ก็ส่งลูกชายมาให้โอห์มดูต่างหน้าแทน

"ความ จริง ผมไม่อยากกลับ เพราะผมรู้ดี  ผมกลับมาก็ไม่มีใครอีก 
ผมไม่มีใครรอผมที่เมืองไทยอีกแล้ว  การจะยืนอยู่บนที่ใดของโลกมันไม่สำคัญสำหรับผม"
>> อ่านแล้วเหงาจังเลย  :m15:

เป็นกำลังใจให้คุณราชบุตรคะ สำนวนและภาษายังคงสวยงามเหมือนเคยนะคะ  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 22-03-2009 14:40:41
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
เศร้า เหงา จังครับ
 :z3: :z3: :z3:
อยากอ่านต่อเยอะๆๆๆๆ :z3: :z3:

 o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 22-03-2009 16:13:31
ซับซ้อนได้อีก นะเนี่ย

เศร้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อีกแล้ว

แต่คิดได้นะเนี่ย ชื่อ ทั้งชื่อจริงชื่อเล่นเลย

โน๊ต + โอห์ม = โอ๊ต

 ปภิณวิชญ์ + นนทกร  = นนธ์ปวิช

มาตอกย้ำความจเบปวดได้ดีเหลือเดิน
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 22-03-2009 16:30:17
เง้องานนี้ได้รักเด็กแน่นอนเลย ฟันธงงงง :sad4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: TAMAKUNG ที่ 22-03-2009 18:57:23
 :z3: :z3: :z3:



มาแล้วเรื่องของ ราชบุตร



มาเรียกน้ำตาคนได้อีก




เศร้าสุดๆๆๆๆอีกแน่ครับ เรื่อง นี้




ชอบนะครับพี่ต้น
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 23-03-2009 03:15:18
เปิดเผยข้อข้องใจให้โอห์มกระจ่างแล้ว
พี่โน้ตอาจโดนบังคับให้แต่งงาน แต่เพราะรักโอห์มมาก ชื่อจริง ชื่อเล่นของลูกก้อเลยเป็นอย่างนี้
ลุ้นจริงๆ ว่าโอ๊ตจะเข้ามามีบทบาทยังไง
จะแค่บังเอิญหรือเปล่าที่โอ๊ตก้าวเข้ามาในชีวิตของโอห์ม
รออ่านต่อนะคะ สำนวนภาษาอ่านสบาย ชวนติดตามมากค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: Kirimanjaro ที่ 23-03-2009 03:32:26
เศร้าได้อีก

กระแทกใจมากครับ

รออ่านตอนต่อไปนะพี่
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 23-03-2009 05:39:56
 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 23-03-2009 13:33:25


ตอนที่ ๒

   ผมพยายามตะเกียกตะกายขึ้นจากน้ำ  เพราะเริ่มอึดอัดและหายใจไม่ออก  แต่ดูเหมือนว่าผิวน้ำจะอยู่สูงเหลือเกิน  สองมือพยายามป่ายไปมา  เพื่อที่จะเอาตัวเองให้รอดจากพันธนาการจากสายน้ำ  ดูเหมือนว่าสมองของผมจะสั่งการได้น้อยลง  เรี่ยวแรงค่อย ๆ  หายไปอย่างรวดเร็ว  แต่ก่อนที่สติผมจะหายไป ผมรู้สึกถึงอ้อมแขนที่โอบมาจากไหล่ขวา  ก่อนที่จะพาร่างของผมโผล่พ้นผิวน้ำ

   “ไอ้โน้ต  ระวังนะมึง  ตรงนั้นกอบัวเยอะ”  เสียงคนจากบนฝั่งตะโกนมา

   “ตัวเล็ก  อย่าเป็นไรนะตัวเล็ก”  เสียงที่อยู่ข้าง ๆ  หู  หากผมไม่สามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองได้อีกแล้ว  ได้ยินเพียงแค่เสียงที่ตะโกนแข่งกับการพาร่างสองร่างไปสู่ฝั่งเท่านั้น

   ครู่เดียวเท่านั้น  ผมรู้สึกว่าร่างผมนอนอยู่บนฝั่ง  หูผมได้ยิน  แต่ทำไมตาผมลืมไม่ขึ้น  เรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับตัวยังไม่มีเลย

   “ตัวเล็ก  ตื่น   ตัวเล็ก”  พี่โน้ตเอามือตบที่ใบหน้าผมเบา ๆ

   “ไอ้เม  ทำไงว่ะ”  เสียงพี่โน้ตกังวล

   “ไอ้ห่าโน้ต  มึงนะลูกเสือพี่เลี้ยงนะโว้ย ปฐมพยาบาลคนตกน้ำเขาทำกันยังไง  มึงลืมแล้วหรือ  ไอ้ห่านี่”  เสียงพี่เมด่ากลับมา

   “เออ  ตกใจจนลืมเลยว่ะ”

   พี่โน้ตจับผมคว่ำตัว  ก่อนสอดมือไปที่ท้อง  แล้วยกขึ้นเขย่า  ผมรู้สึกได้ถึงน้ำที่กลืนกินเข้าไป  ผมไม่รู้ว่าผมกินน้ำเข้าไปมากขนาดไหน  รู้เพียงแต่ว่าทุก ๆ  ครั้งที่พี่โน้ตเขย่าจนมีน้ำจากร่างกายออกมาเสมอ

   “ตัวเล็กนิดเดียวตัวหนักโครตเลยว่ะ”

   ปากบ่น  แต่พี่โน้ตยังทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป  สำหนรับผม  การที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้มันนาน  นานเหลือเกิน 

   “แม่งเอ้ยกว่าจะหมด  ตัวเล็ก  ตื่นดิตัวเล็ก  ตื่นมาทะเลาะกับพี่ดิ๊”  พี่โน้ตเขย่าร่างผม 

   ผมได้ยินเสียงพี่โน้ต  ได้ยินทุก ๆ  อย่าง  แต่ทำไม  ผมไม่สามารถที่จะลืมตามาได้  ผมไม่สามารถที่จะกระดิกตัวได้เลย  มันเกิดอะไรขึ้นกับผม

   “ไอ้เม  ไมไม่ตื่นว่ะ”

   “ฝายปอดสิมึง”

   “ทำไงว่ะ”

   “อ่ะ  ไอ้ห่านี่  เม้าท์ทูเมาท์ไง”  เสียงพี่เมบอกมา

   “เฮ้ย !”

   “จะมาตกใจทำห่าไร  เร็ว ๆ  เลยมึงเดี๋ยวน้องมันตายมาทำไงว่ะ  ตอนนี้มีแต่มึงเท่านั้นแหละที่จะแบ่งลมหายใจให้ไอ้โอห์มมันได้”

   “ไมต้องกูว่ะ”

   “ก็มึงท้ามันไปเก็บฝักบัว”

   “กูไม่ได้ท้า”

   “ห่านี่  มึงบอกเอง  แม่งตุ๊ดว่ะ  แค่ฝักบัวตรงนั้นไม่มีปัญญาไปเก็บ  ไอ้ห่าโน้ต  ลูกผู้ชายนะมึง  ใครด่าตุ๊ด  มันหยามโว้ย”

   “แต่”

   “อย่าเสือกเถียง  เร็วดิมึง  เดี๋ยวมันตาย”

   หูผมได้ยิน  ได้ยินชัดทุก ๆ  อย่าง  หูผมไม่ได้ฝาด  ผมอยากลืมตา  แต่ทำไมมันลืมตาไม่ได้  ผมเป็นอะไรไปหว่า  ใครก็ได้ช่วยผมที  ช่วยให้ผมตื่นมาจากฝันร้ายนี้ทีได้ไหม

   ผมรู้สึกอุ่น  เมื่อมีเนื้อบางอย่างมาประทับที่ริมฝีปากของผมอย่างช้า ๆ  เป็นสัมผัสที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน   ผมรับรู้ถึงลมที่ถ่ายเทมาจากอีกฝ่าย  ทุกอย่างเหมือนล่องลอย  ผมรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟอ่อน ๆ  ไหลมาสู่หัวใจของผม  มันกระตุ้นให้ผมมีเรี่ยวแรง

   ริมฝีปากนั้นถอนไปจากริมฝีปากผม . . .

   “อีกทีดิมึง  เร็ว ๆ  เข้าเด่ะ”  เสียงพี่เมเร่ง

   พี่โน้ตค่อย ๆ  ทำตามอีกครั้ง  คราวนี้ผมสำลัก  ผมลืมตา  มองเห็นหน้าพี่โน้ตอยู่แนบชิดสนิทกันกับผม   ผมรวบรวมกำลังที่มีอยู่ผลักจนพี่โน้ตหงายหลัง

   “ไอ้พี่โน้ต  มึงจูบกู”  ผมตะโกนก่อนปล่อยหมัดเข้าเต็มเบ้าตาของพี่โน้ต

   “โอ้ย”  เสียงพี่โน้ตร้อง  ก่อนเอามือกุมที่เบ้าตา

   “โอห์ม เป็นไงมั่งลูก”   เสียงแม่วิ่งมาจากทางบ้านพัก

   “แม่”  ผมโผเข้ากอดแม่เอาไว้

   “แม่  ไอ้พี่โน้ตมันจูบปากโอห์ม  มันจูบโอห์ม”  ผมฟ้องแม่  กอดแม่เอาไว้แน่น  ผมกลัว  กลัวอย่างที่สุด  ผมผ่านช่วงเวลาที่อึดอัด  ไม่สามารถหายใจได้ 

   หรือ . . .

   . . . ผ่านความเป็นความตายมาได้

   “แม่ง  ทำบุญได้บาป  รู้งี้ปล่อยให้เป็นผีพรายเฝ้ากอบัวเสียก็ดี  ชุดเปียกแถมโดนต่อยอีก  ทำดีไม่ได้ดีแบบนี้  ไม่ต้องมาตามตูดเจ็ดวันเลยนะมึง”  พี่โน้ตด่าผม

   “โอห์มต่อยพี่เขาทำไม  พี่เขาช่วยเราเอาไว้นะ”

   “มันจูบปากโอห์ม”

   “ก็ต้องฝายปอด ไม่เคยเรียนวิชาลูกเสือหรือไง  โง่ชิบเรียนที่ไหนนี่”

   “ก็เรียนที่เดียวกับมึงไงไอ้พี่โน้ต  ตั้งแต่อนุบาลยัน ม.๑  ก็ตามมึงเรียนตลอด”  ผมเถียงขาดใจ

   “เรียนแล้วทำไมไม่รู้ว่าคนตกน้ำเขาช่วยกันยังไง”

   “แล้วมาจูบปากโอห์มทำไม”

   “นึกว่าอยากจูบตายอ่ะ  ปากเหม็น  แถมปากหมาอีก  ทีกับไอ้เม  พี่เม  พี่เม  ทีกะเรา  ไอ้พี่โน้ต ไอ้พี่  ๆ ๆ ๆ  เรียกไอ้อยู่ได้  อ่อนกว่าเราตั้งหลายปี” 

   “ก็พี่เมไม่เคยแกล้ง”

   “พอเลยเราโอห์ม . . .”  แม่รีบห้ามทัพ  ก่อนที่ศึกครั้งนี้จะยืดเยื้ออีกต่อไป

   “โน้ต  อาขอบใจนะลูก  สองครั้งแล้วนะโน้ต  สองครั้งแล้วที่โน้ตช่วยน้องมาจากน้ำ”  แม่ดึงพี่โน้ตมากอดเอาไว้

   สองครั้ง . . .

   . . .  ครั้งแรก

   ตอนไหน  ทำไมผมจำไม่ได้

   “โอห์ม  ขอโทษพี่โน้ตก่อน”  เสียงแม่สั่ง

   ผมมองหน้า  ไอ้พี่โน้ตมันกวนตีน  มันอยู่ในออมกอดแม่ผม  มันทำหน้ากวนตีนใส่ผมอีก  ผมน่ะอากตะบันหน้ามันอีกรอบ

   “โอห์ม”  เสียงแม่หนักขึ้น

   “ขอบใจ”  ผมกระแทกเสียง

   “ไปโน้ต  เดี๋ยวอาหายาทาให้  เต็มตาเลย  พรุ่งนี้คงเขียวแน่ ๆ”  แม่น่ะห่วงพี่โน้ตกว่าผมอีก  แกจับใบหน้าพี่โน้ตพลิกไปมา

   ผมจำไม่ได้ว่าผมรู้จักกับพี่โน้ตตั้งเมื่อไหร่ . . .

   . . . แต่เท่าที่ผมจำความได้  ผมก็เห็นไอ้พี่โน้ต  มันจะเข้ามาวนเวียนอยู่ในชีวิตของผมเสมอ  มันน่ะกวนตีนเป็นที่สุด  ชอบแกล้งผม  แถมไม่ชอบเรียกชื่อผม

   . . . ไอ้ตัวเล็ก



   บ้านของผมกับมันติดกัน  เป็นบ้านไม้สองชั้น บ้านพักข้าราชการ  ที่หันหน้าไปทางเขาคอหงส์  ก่อนมาถึงบ้านพักจะมีอ่างน้ำขนาดใหญ่  มีกอบัวเยอะ  และมีศาลาไม้เก่า ๆ  หลังคาสังกะสี  ผมจำได้  พี่โน้ตมันตัวบาป

    บาปยังไงเหรอครับ . . .

   มันชอบตกปลาที่อ่างเก็บน้ำ  มันชอบขึ้นไปเที่ยวบนเขาคอหงส์ แล้วจะยิงนกด้วยหนังสติ๊ก  แถมมันทำบาปขึ้นเสียด้วย  เวลาที่มันเล็งหนังสติ๊กไปที่ไหน  สัตว์ที่มันเล็งมักจะชะตาถึงฆาตเสมอ  ผมไม่ชอบเลย  ไม่ชอบฆ่าสัตว์  สงสารมัน 

   แต่ . . .

   ผมก็ชอบตามพี่เมกับไอ้พี่โน้ตไปบนเขาเสมอ  ไปตะโกนไล่ฝูงนกยามที่พี่โน้ตง้างหนังสติ๊กจะยิงนกพวกนั้น

   “เฮ้ย !”  พี่โน้ตร้อง  ก่อนเอาอะไรบางอย่างซุกเอาไว้ใต้หมอน

   “เข้ามาหัดเคาะประตูก่อนสิว่ะ  ไม่มีมารยาทหรือไง  นึกจะเปิดเข้ามาก็เปิดเข้ามา  ไม่มีคุณสมบัติผู้ดีเลย”  เสียงมันบ่นดาอีกตามเคย

   “ทีไอ้พี่โน้ต  ไปห้องโอห์มก็ไม่เคยเคาะเหมือนกันแหละน่า”  ผมเถียงมันขาดใจ

   “เราแก่กว่าไง  ไอ้ตัวเล็ก”

   “แก่กว่าแล้วไง”

   “ก็แกเป็นน้องเราสามารถที่จะเปิดไปดูได้ แกทำอะไรอยู่”  พี่โน้ตยิ้ม  ตามันเริ่มเขียว  รอบ ๆ เบ้าตา

   “หัวเราะไรว่ะ”  พี่โน้ตเอามืออีกมือมาปิดตาข้างขวาเอาไว้

   “เอายามาให้”  ผมยื่นหลอดยาไปข้างหน้า

   “ไม่ต้อง  ไม่ต้องมาทำดี  บอกแล้วไง ไม่ต้องตามเจ็ดวัน  ออกไปเลยไป  ไม่ต้องเข้ามาอีก บ้านใครบ้านมัน”  มันลุกจากเตียงนอน  ใส่กางเกงบอลตัวเดียว

   “โห  ไข่จ้องว่ะ”  ผมชี้ไปที่เป้าพี่โน้ต

   “ไอ้ตุ๊ด ชอบมองเหรอ”  มันหน้าด้านไม่อายเสียด้วย    “เดี๋ยวโตก็เหมือนกันล่ะว่ะ  ออกไปเลยไป”  แกจับผมหันหลัง

   ยอมก็ไม่ใช่ผมดิ  เร็วเท่าความคิดผมเบี่ยงตัวหลบ  ก่อนที่จะปรี่ไปที่เตียงนอนพี่โน้ตอย่างรวดเร็ว

   “เฮ้ยไอ้นี่”  แกคว้าเอาไว้แต่ช้ากว่าผม

   “ไอ้พี่โน้ต   อุบาทว์ว่ะ  ดูหนังสือโป้อีกแล้ว  จะฟ้องลุงตุ้ย”  ผมคว้าหนังสือใต้หมอนมาโชว์

   “อย่านะไอ้ตัวเล็ก  เอามา”

   “ไม่ให้”  ผมเอาหนังสือซ่อนไว้ด้านหลัง”

   “ไอ้ตัวเล็ก”

   “เสียงดังอีกครั้งเดียว  โอห์มเอาหนังสือเขวี้ยงไปข้างล่างแน่ ๆ . . . นั่นไง ลุงตุ้ยรดน้ำต้นไม้อยู่  คราวนี้ล่ะพี่โน้ต เวลาจะไปโรงเรียนก็อดเอามอเตอร์ไซด์ไป   ต้องนั่งตุ๊ก ๆ  ไปเรียน   แถมโดนตัดค่าขนมอีกวันละสิบบาท  แล้วอย่าหวังว่าคราวนี้โอห์มจะทุบกระปุกให้ยืม”  ผมทำท่าจะทิ้งหนังสือลงไปจากหน้าต่างจริง ๆ

   พี่โน้ตนิ่ง . . .

   ทำไงได้ในเมื่อคราวนี้ผมเป็นต่อเห็น ๆ   

   “นั่งตุ๊ก ๆ  ก็ดี  ไม่ต้องให้ใครซ้อน  แกก็ต้องนั่งตุ๊ก ๆ  เหมือนกันล่ะว๊า”  พี่โน้ตค่อย ๆ  เดินมาใกล้ ๆ

   เออ . . . พี่โน้ตพูดถูก

   ถ้า . . .

   . . . พี่โน้ตโดนยึดรถ  ผมก็ไม่ได้ซ้อนรถไปโรงเรียน แล้วตอนเย็นเวลาผมเรียนพิเศษก็ต้องเดินไปขึ้นรถที่หน้าหอนาฬิกา  ไม่มีคนแวะไปรับที่เรียนพิเศษ

   “ไงล่ะไอ้ตัวเล็ก  เขวี้ยงลงไปดิ  เขวี้ยงเลย  ไม่กลัวอยู่แล้ว”

   พี่โน้ตคงจับความรู้สึกได้  แกท้าให้ผมเขวี้ยงหนังสือลงไปทางหน้าต่าง

   “มานี่เลย”  ผมมัวแต่คิดไม่ทันระวัง  พี่โน้ตรวบตัวผมเอาไว้  ก่อนที่จะจับผมกดลงบนที่นอน  สองมือของพี่โน้ตกดทับข้อมือของผมไว้บนที่นอน

   “เจ็บ  ไอ้พี่โน้ต  โอห์มเจ็บ”

   “เงียบ  ถ้าร้องจะบีให้เจ็บกว่านี้”

   “ปล่อยโอห์มดิ  พี่โน้ต  โอห์มเจ็บ”  ผมรู้ว่าหากผมดื้อดึงจะโดนแกล้งอีก ทางเดียวที่ผมจะทำให้พี่โน้ตไม่แกล้งผมคือการที่ผมพูดดี ๆ  กับพี่โน้ต

   มือพี่โน้ตค่อย ๆ  คลายลงอย่างอ่อนโยน

   “โอ้ย”  เสียงพี่โน้ตร้อง  เมื่อผมถีบพี่โน้ตเสียกระเด็น  จากเตียงไปนอนกองลงกับพื้น

   คนอย่างโอห์มไม่ยอมใครง่าย ๆ หรอก  พี่โน้ตมันชอบแกล้ง  มันชอบเล่นเจ็บ ๆ  โอห์มไม่ยอมโดนแกล้งฝ่ายเดียวแน่ ๆ 

   ผมวิ่งไปที่ประตูห้อง . . .

   ทำไมไอ้พี่โน้ตมันเงียบไป  มันไม่โวยวาย  ไม่ลุกมาวิ่งไล่จับเหมือนเก่า  ผมหยุดที่หน้าประตู  ลังเลใจจะเอายังไงดี  จะวิ่งลงไปข้างล่าง  หรือจะหันหลังไปมองพี่โน้ตดี

   หาก . . .

   ผมหันกลับไป  มันแกล้งผมอีก  ผมลังเลใจ  ถ้ามันแกล้งมันไม่ปล่อยเวลานานไปกว่านี้แน่ ๆ  มันต้องรีบจับผมก่อนที่ผมจะถึงประตูเสียด้วยซ้ำ

   ผมตัดสินใจแล้ว . . .

   ผมหันไปด้านหลัง  ไอ้พี่โน้ตนอนนิ่ง  แววตามันมองผม  สายตาที่มองมายังผม  ผมบอกไม่ถูก  ไม่รู้ความหมาย    คล้ายเสียใจ  หรือตัดพ้อ  ผมมองเลยไปที่พื้นที่พี่โน้ตนอนนิ่ง ๆ 

   โลหิตแดงฉาน . . .

   . . . เลือดไหลออกมาจากหัวพี่โน้ต

   “พี่โน้ตหัวแตก  ลุงตุ้ยครับพี่โน้ตหัวแตก”  ผมตะโกนลั่นบ้านก่อนที่จะปรี่ไปหาพี่โน้ต

   “โอห์มขอโทษ  ขอโทษนะพี่โน้ต”  ผมเอามือไปกดเลือดที่หัวพี่โน้ต

   พี่โน้ตไม่พูด  มีแต่สายตาที่มองผมด้วยความตัดพ้อ  ผมเกลียดสายตาแบบนี้  สายตาแบบที่พี่โน้ตมองผมอยู่ตอนนี้

   “เป็นไรลูก” ลุงตุ้ยมาถึงอย่างรวดเร็วเช่นกัน

   “คือโอห์ม . . .”

   “ผมลื่นหัวโขกประตูครับพ่อ”  พี่โน้ตรีบบอก  ทั้ง ๆ  ที่ผมจะสารภาพบอกลุงตุ้ยว่าผมเป็นคนทำพี่โน้ตหัวแตก

   “โอห์มไปบอกพ่อ  ให้ช่วยขับรถให้ลุงที”

   “ครับ”

   ผมรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว  ผมกลัวพี่โน้ตตาย  เลือดเต็มไปหมด  ผมทำพี่โน้ตเจ็บตัวอีกแล้ว   ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ผมทำพี่โน้ตต้องเจ็บปวด   ตอนนั้นผมกลัวไปหมด  กลัวว่าจะไม่มีเพื่อนเล่นอีก  กลัวว่าพี่โน้ตจะตายไปจริง ๆ

   ไม่ว่าผมจะทำกับพี่โน้ตมากเพียงใด  พี่โน้ตเคยโกรธผมเลย . . .
   
   



หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 23-03-2009 14:26:26
เล่นกันแรงจัง พี่โน๊ตก็ชอบแหย่ ชอบแซวน้อง
โอห์มก็โต้กลับแบบไม่ยอมคน เฮ้ออ
บ้านอยู่ติดกันแบบนี้สินะ เห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆ ยิ่งกว่าคำว่าผูกพันซะอีก
แล้วแบบนี้ไม่น่าแปลกหรอกว่าทำไมถึงได้ฝังใจนัก เมื่อต้องลาจากห่างหายกันไป
ใครจะลืมกันได้ลงล่ะ เป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่ ทั้งคนรัก เฮ้ออ สงสารโอห์ม

ขอบคุณคะคุณราชบุตร  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 23-03-2009 16:54:41
ตอนเด็กๆๆนี่ กัดกันอย่างนี่นี่เอง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 23-03-2009 16:57:22
 :L2:
ชอบๆๆๆ บรรจงคีย์ตัวอักษรออกมาเป็นเรื่องราวได้ลึกซึ้งกินใจ
อยากรู้จังพ่อโน๊ตทำไมต้องจากไป...
ความรักที่จะเกิดขึ้นต่อไปจะพ่อหรือลูก... :serius2:
รอตอนต่อไป...ด้วยใจจดจ่อ...  
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 23-03-2009 17:05:25
^
^จิ้มพี่นารท  :3123: อิอิ

ผูกพันกันมาแต่เด็กๆนี่เอง เฮ้อ ความสุขความทรงจำใครจะลืมง่ายๆล่ะ :sad4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: peemakarn ที่ 23-03-2009 18:57:26
โน๊ต โอห์ม รักกันมาตั้งแต่เด็กเลยเหรอนี่
ผิดหวังจากพ่อ มารักลูกแทนดีกว่า เนอะโอห์มเนอะ
อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: imageriz ที่ 23-03-2009 19:10:36
ความผูกพันตั้งแต่เด็ก ๆ
ยิ่งทะเลาะกัน จะยิ่งรักกันรึเปล่า  :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 23-03-2009 19:23:16
เขียนได้เศร้าซึ้งใจดีค่ะ ไม่ติดตามคงเป็นไปไม่ได้แล้ว ตัดใจไม่ลงจริง ๆ เพราะอยากรู้ว่าเรื่องจะเป็นไงต่อไป
 :กอด1: เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ จะรอตอนต่อไป  :pig4: 
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 23-03-2009 19:44:18
 :impress3:

ผมพร้อมและ..


ที่จะเสียน้ำตากับเรื่องนี้

เฮ้ออออ..
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: panpan ที่ 23-03-2009 20:32:54
มีแววจะเศร้า

ขอทำใจก่อน  แต่ยังงัยก็อ่านอยู่ดี
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 23-03-2009 21:02:57
คนแต่งสุดยอดเลย  :mc4:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: wanwang ที่ 23-03-2009 21:06:41
เอาละครับ

เรื่องราวความรักของชาวหาดใหญ่อีกแล้วคับ

ชอบๆ คนบ้านเดียวกัน  สู้ๆ
 :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 24-03-2009 00:09:40
ต๊าย ตัวเล็กไปยั่วยวนโน๊ตถึงห้อง.......มีแววตั้งแต่เด็กๆเลยนะคะ นี่ อิอิ

ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 24-03-2009 01:06:04


ตอนที่ ๒ (ต่อ)


   เสียงเคาะประตูห้องทำให้ผมค่อย ๆ  ปาดน้ำตาทิ้ง  มันคือน้ำตาแห่งความสุขทุก ๆ  ครั้งยามที่ผมนึกถึงวันเวลาเก่า ๆ  ที่ผ่านมา  ผมอาจจะเจ็บปวดกับการลาจาก  กับการห่างหายไปของคนที่ผมรัก

   แต่ . . .

   . . . ความสุขที่ผมมีกับคนที่ผมรักมันมีมากกว่า  ผมเลือกเอาคืนวันดี ๆ  ในห้วงเวลาที่มีค่าที่สุดในชีวิตของผมเป็นกำลังใจยืนหยัดบนโลกนี้ต่อไป

   อดีต . . .

   . . . สำหรับผม  มีไว้เพื่อเป็นกำลังใจ

   “ขอโอ๊ตนอนด้วยคนนะครับอาโอห์ม”    รอยยิ้มกว้างนั้น  ผมคุ้นเคยอย่างที่สุด 

   ผมมองเด็กหนุ่มตรงหน้าที่หอบเครื่องนอนชุดใหญ่รอที่ประตู  ผมยิ้มให้โอ๊ต  ก่อนส่ายหน้าช้า ๆ  เรื่องลูกตื้อนี่โอ๊ตคงรับมาจากพ่อเต็ม ๆ

   “ถ้าอาปิดประตู  แล้วไล่โอ๊ตไปนอนที่อื่น  โอ๊ตจะว่าอาใจร้ายมั้ย”

   “ไม่มีทางครับ”  เจ้าตัวรีบเผ่นไปหน้าเตียงในทันที

   ผมอดยิ้มไม่ได้อีกครั้ง  ภาพที่ผมเห็นเหมือนสมัยที่ผมอยู่บ้านที่คอหงส์  เวลาที่ผมจะเข้าห้องพี่โน้ตทีไร  ผมจะใช้วิธีเผ่นเข้าไปอย่างรวดเร็วเสมอ

   บางที . . .

   . . . . กรรมที่ผมเคยทำเอาไว้กับบางคน  กำลังสนองผมอยู่

   “นอนบนเตียงก็ได้  ถ้าไม่กลัวอาปล้ำ”

   “ไม่กลัวหรอก  ผมแข็งแรงสู้ไหว”  โอ๊ตทำท่าเบ่งกล้ามโชว์

   ผมมีความสุขนะ  ผมมองโอ๊ตเหมือนมองตัวเองในกระจก  เรื่องราวบางอย่างมันยากที่จะอธิบาย   เพราะเราไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วมันกำลังเกิดอะไรขึ้นในชีวิตของเรา  การปรากฏตัวของคน ๆ  นึงสร้างความสุขบนหัวใจของผมอย่างประหลาด

   หัวใจที่แห้งเหือด  กลับมีรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง . . .

   “อาโอห์มจัดห้องเหมือนห้องพ่อเลย”    ไอ้ตัวแสบกวาดสายตามองไปรอบ ๆ  ห้อง  ก่อนเดินไปที่โต๊ะทำงาน

   “อะไรจะคิดถึงพ่อขนาดนั้น  ขนาดแค่วันเดียวนะเนี่ย  แล้วต่อเวลาไปอยู่เยอรมันไม่ร้องไห้คิดถึงพ่อแย่เหรอ”  ผมรีบเบี่ยงความรู้สึก

   ห้องนี้ . . .

   . . . เหมือนกับตอนที่ผมเคยอยู่กับพี่โน้ต

   “จริง ๆ  นี่ครับ  ตู้นี่ก็เหมือนที่บ้าน  พ่อก็มีตู้แบบนี้ในห้องนอน  ตู้ไม้สักทาสีโอ๊ค  อาเห็นลิ้นชักนี่มั้ยครับ . . .”  โอ๊ตหยุดที่หน้าตู้เสื้อผ้า

   “ทำไมเหรอ”  ผมไม่เข้าใจ

   “ของพ่อนะ  ชั้นล่างสุด  พ่อจะเอาไว้เก็บถุงเท้า . . .” 

   ผมรับรู้ได้ในตอนเดี๋ยวนั้น  ชั้นกลาง . . . ละชั้นบนสุด  มันคงจะเก็บของแบบเดียวกับที่ผมเก็บ  ความเป็นระเบียบวินัยผมยอมรับว่าได้มาจากพี่โน้ตเต็ม ๆ

   “ชั้นกลาง . . . พ่อเก็บกางเกงลิง  ส่วนบนสุด พ่อจะเก็บพวกที่โกนหนวด  กรรไกรตัดเล็บอะไรพวกนี้อ่ะครับ” 

   ผมยิ้มอีกรอบ  คราวนี้กว้างกว่าเคย 

   ทำไมเหรอครับ . . . 

   . . . ทุก ๆ  อย่างที่ผมได้ยินเต็มสองหู    คือสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในลิ้นชักที่ห้องนอนผมเองเช่นเดียวกัน

   “โอ๊ตง่วงยัง  อาชักจะง่วงแล้วครับ”

   “นอนก็ได้ครับ”  ไอ้ตัวเล็กของผมปูผ้านวมหน้าเตียง

   “ทำอะไรล่ะโอ๊ต”

   “ก็จะจัดที่นอนน่ะครับ”

   “นอนบนเตียงก็ได้  ข้างล่างพื้นมันแข็งนะ  หรือกลัวอา”  ผมไม่วายแหย่โอ๊ตอีก  ผมสาบานได้ว่าได้คิดแบบชั่วช้ากับเด็กแน่ ๆ

   “กลัว  กลัวมาก  โอ๊ตไม่เกรงใจนะครับ”  ไอ้ตัวแสบกระโดดขึ้นเตียงนอน

   ผมยิ้มมีความสุข  อย่างน้อยที่สุด  วันเวลาที่แห้งหายไปในชีวิต มีความชุ่มชื่นในหัวใจอีกครั้งหนึ่ง  ถึงแม้ว่า  คนที่นอนยิ้มอยู่บนเตียงจะไม่ใช่คนที่ได้หัวใจของผม หากแต่เขาคือเลือดเนื้อเชื้อไขของคนที่ผมรักมิใช่หรือ

   “ปิดไฟนอนได้ไหมโอ๊ต”

   “ได้ครับ  เพราะพ่อก็ชอบปิดไฟนอนครับ”

   ผมเอามือกดปิดสวิทช์ไฟ  ก่อนเดินมาที่เตียง  หัวใจมันเต้นแรง  อาจเพราะว่า  ผมไม่ได้นอนร่วมเตียงกับคนอื่นมานานมากแล้ว 

   “อาโอห์มรู้จักกับอามิลล์นานหรือยังครับ”   โอ๊ตเอ่ยขึ้นมาทำลายบรรยากาศความเงียบ 

   “สักหกปีเห็นจะได้ครับ”

   “เป็นแฟนอามิลล์เหรอครับ”

   “เฮ้ย  แก่แดดนะเรา”  ผมพลิกตัวตะแคงไปทางโอ๊ต

   แม้ห้องจะไม่สว่างมากแต่ผมเห็น  คนที่นอนจ้องผมอยู่เหมือนพี่โน้ตไม่ผิดเพี้ยน  เหมือนคืนวันแห่งความสุขจะเดินกลับเขามาหาผมอีกครั้ง

   “เพื่อนก็คือเพื่อนนะโอ๊ต  ความเป็นเพื่อนเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่ได้หรอก สำหรับอา”

   “พูดเหมือนพ่อเลย  โอ๊ตนะยุให้พ่อแต่งงานกับอามิลล์  แต่พ่อบอกเหมือนอาโอห์มบอกเปี๊ยบเลย  ทำไมน๊า  ผู้ใหญ่ชอบพูดแบบนี้กันจัง”

   สิ่งที่โอ๊ตบอกมาทำเอาผมคาดเดาไว้ว่ามิลล์ไม่ได้เป็นญาติกับโอ๊ตทางสายเลือด . . .

   “พี่น้องกันแต่งงานกันไม่ได้”  ผมเลี่ยงที่จะถามตรง ๆ

   “ไม่ได้เป็นพี่น้องกันจริง ๆ  สักหน่อย”

   “อ้าว” 

   “อาโอห์มอยากฟังมั้ยล่ะ  เรื่องราวของโอ๊ต”

   ผมยินดีเป็นที่สุด  ทำไมผมจะไม่อยากรู้เรื่องราวของโอ๊ต  เพราะนั่นคือ  คำตอบทั้งหมดที่ผมรอมาสิบแปดปี  ผมอยากรู้ทำไมพี่โน้ตถึงหายไป  แล้วหายไปอยู่แห่งหนตำบลใดมา  พี่โน้ตทำแบบนั้นทำไม

   ปล่อยผมอยู่บนโลกนี้เพียงลำพังได้อย่างไร . . .

   “แล้วแต่คนเล่าจะกรุณา”

   “โห อาโอห์มนี่เจ้าสำนวน  ต่อปากต่อคำเหมือนพ่อโอ๊ตเลย”

   “งั้นเลยเหรอ”

   “อืม  พ่อนะชอบเถียงโอ๊ต”  เจ้าตัวแสบใส่ก่อนทันที

   “อะไร  เขามีแต่ลูกเถียงพ่อ  นี่พ่อเถียงลูก  ใช้คำผิดไปมั้ยนั่น”  ผมหัวเราะเบา ๆ  บางทีตอนที่พี่โน้ต  คอยบ่นเรื่องที่ผมชอบเถียง  ในวันเวลาเก่า ๆ  กำลังตามมาหลอกหลอนพี่โน้ตเขาอีกก็ได้

   “อาโอห์มเชื่อไหม  หากโอ๊ตจะบอกอาโอห์มว่า  โอ๊ตไม่ได้เกิดมาจากความรักของพ่อกับแม่”   น้ำเสียงโอ๊ตสลดนิดนึง  แม้จะมืด  แต่ผมสังเกตเห็นแววตาของโอ๊ตเป็นประกายคล้ายน้ำสะท้อนแสงไฟ

   “ทำไมคิดแบบนั้นล่ะโอ๊ต  พ่อกับแม่รักกันสิ  ไม่งั้นจะเกิดมาเป็นโอ๊ตได้อย่างไรล่ะครับ”  ผมปลอบ

   ความจริงผมน่าจะดีใจที่ได้ยินคำพูดนี้จากปากของลูกชายคนที่ผมรัก

   แต่ . . .

   . . . ทำไมหัวใจผมกลับเหงา เศร้าอย่างประหลาดที่ได้รับรู้  และมันทำให้ผมสงสารโอ๊ตอย่างจับหัวใจ

   “โอ๊ตอาจจะเกิดจากความรักที่แม่รักพ่อมาก    มากจนยอมมีโอ๊ตทั้ง ๆ  ที่แม่เองก็รู้ว่าพ่อไม่เคยมีแม่ในหัวใจเลย”

   ผมหลับตาลงช้า ๆ

   . . . ทำไมชีวิตคนเรามันเลวร้ายได้ขนาดนี้ก็ไม่รู้

   “โอ้ตเคยเจอแม่มั้ย”  กว่าคำถามนี้จะหลุดมาจากปากผมได้  มันยากเย็นเหลือเกิน

   “ไม่เคยเลยครับ  อามิลล์เล่าให้ฟังว่า  แม่ดีใจที่มีอะไรกับพ่อแค่ครั้งเดียวในชีวิตแล้วแม่ท้องโอ๊ต  พอคลอดโอ๊ตได้เดือนเดียว  แม่ย้ายไปอยู่ที่อเมริกา ไม่เคยติดต่อกลับมาอีกเลย แม่เขาคงรักพ่อมาก และเสียใจที่พ่อไม่รัก  แต่แม่คงลืมไป  ว่าแม่มีโอ๊ต  แม่รักพ่อ รักมากจนเกินไป  มากจนลืมทุก ๆ  อย่าง  แม่รักพ่อมากจนลืมรักโอ๊ต”

   “โอ๊ต”  ผมดึงโอ๊ตเข้ามากอดเอาไว้

   ไม่ใช่ความรู้สึกที่อยากมีอะไรด้วยแน่ ๆ  แต่เป็นความรู้สึกที่มันหดหู่ที่สุดในชีวิต  ผมพยายามอย่างมากที่จะไม่อ่อนแอ

   “อามิลล์เป็นเพื่อนแม่   แวะไปช่วยพ่อเลี้ยงโอ๊ตตลอด  โอ๊ตเลยยึดเอาอามิลล์ไว้เป็นแม่ของโอ๊ต”  เสียงเล่าดังอยู่ตรงหน้าอกผม

   ผมกอดโอ๊ตเอาไว้ . . .

   . . . สงสารจับหัวใจ

   “โอ๊ตอยากเจอแม่มั้ย”

   “อยากเจอครับ  โอ๊ตอยากกอดแม่  อยากถามแม่  แม่ทิ้งโอ๊ตไปทำไม  แม่เคยรักโอ๊ตบ้างมั้ย”  ไอ้ตัวแสบที่ดูมากด้วยฤทธิ์  กลายเป็นไอ้หนูขี้แยในอ้อมกอดของผม

   “แม่รักโอ๊ตนะอาเชื่อ  แต่แม่คงมีเหตุผลของแม่”

   “ครับ  พ่อก็บอกโอ๊ต ว่าพ่อผิด  ผิดที่ไม่ได้รักแม่  พ่อผิดที่ทำร้ายหัวใจคนที่รักพ่อ   พ่อบอกโอ๊ต  พ่อไม่อยากทำร้ายหัวใจตัวเอง  ไม่อยากโกหกตัวเอง”

   “ทำไมล่ะโอ๊ต”

   “ก่อนจะมีโอ๊ต  พ่อบอกว่าพ่อรักคนอื่นอยู่ก่อน พ่อมีคนที่พ่อรักอยู่แล้ว”

   “อ้าว  แล้วพ่อมามีอะไรกับแม่โอ๊ตทำไม”

   “ไม่ใช่พ่อหรอกครับที่เริ่ม     แต่เป็นแม่ที่เริ่มเองทุกอย่าง  แม่เขียนจดหมายเอาไว้ให้โอ๊ต  ฝากอามิลล์เอาไว้   แม่บอกว่าถึงพ่อจะไม่รักแม่  แต่แม่ดีใจที่จะมีลูกกับคนที่แม่รัก  แม่ไม่ดีที่ไม่สามารถดูแลโอ๊ตได้    แม่เชื่อว่าพ่อจะเป็นทั้งพ่อทั้งแม่ที่ดีได้”

   “เฮ้ย !”  ผมถอนหายใจ 

   “จดหมายที่แม่เขียน แม่สั่งอามิลล์เอาไว้ ให้โอ๊ตในวันครบรอบสิบห้าปีเต็ม  อามิลล์เพิ่งให้โอ๊ตเมื่อสองปีก่อน  ตามที่แม่สั่ง  พ่อไม่เคยพูดถึงแม่ในทางที่ไม่ดี  พ่อบอกว่าแม่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตพ่อ  แม่ไม่เคยโกรธที่พ่อไม่รัก  แต่แม่อาจจะน้อยใจ”

   “โอ๊ต” 

   ผมกระชับวงแขนขึ้นอีก  ราวกับจะให้เป็นเนื้อเดียวกันกับร่างที่สะอื้นอยู่แนบอก  ผมบอกไม่ถูกเหมือนกัน  ว่าถ้าผมเป็นโอ๊ต . .

   เด็กอายุขนาดนี้ . . .

   . . . เจอเรื่องราวแบบนี้  จะอยู่ได้อย่างไร จะรับสภาพได้อย่างไร

   “โอ๊ตเกลียดพ่อบ้างมั๊ย  ที่พ่อไม่ได้รักแม่”

   “ไม่เลยครับอาโอห์ม  พ่อดีที่สุดสำหรับโอ๊ต  เป็นฮีโร่ของโอ๊ต  โอ๊ตรักพ่อ  รักมากที่สุดในชีวิต  พ่อบอกว่า  แม่คือคนที่ดีที่สุดที่มอบของขวัญที่มีค่าที่สุดในชีวิตของพ่อคือโอ๊ต”

   ผมยิ้มทั้งน้ำตากับสิ่งที่ได้รับรู้

   “พ่อยังบอกโอ๊ตอีกว่าในชีวิตของพ่อ  มีอยู่สองสิ่งที่พ่อรักมากที่สุดในชีวิต จะให้พ่อตายแทนก็ได้พ่อรักมากกว่าชีวิตของพ่อเสียอีก  สิ่งแรกคือโอ๊ต . . .” 

   “ครับ  อาเชื่อพ่อรักโอ๊ตมากจริง ๆ”

   “. . . กับอีกสิ่ง  พ่อเรียกว่า  ไอ้ตัวเล็ก”

   “โอ๊ต” 

   ผมเรียกคนในอ้อมกอดเบา ๆ หมดความเข้มแข็งในหัวใจ  กอดโอ๊ตเอาไว้แน่น  ผมปล่อยความอ่อนแอที่เขาเรียกว่าน้ำตาออกมาอย่างไม่อาย  ผมไม่อยากรู้อะไรอีกแล้ว  ไม่อยากรับรู้ถึงการหายไปของคนที่ผมรัก  เพราะคำตอบที่ผมได้รับวันนี้  มันมากกว่าสิ่งใด ๆ  ทั้งหมด

   ผมสัญญา . . .

   . . . ผมจะดูแลสิ่งที่พี่โน้ตรักให้ดีที่สุด  ให้ดีกว่าที่พี่โน้ตเคยดูแลผม

   
   
   
   

   

   






http://media.imeem.com/m/of7bmqLpIJ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 24-03-2009 01:23:58
 :sad4: โอ๊ตเป็นเด็กที่มีค.เป็นผู้ใหญ่สูงมาก พูดจาฉะฉาน
แต่เด็กยังไงก็ยังเป็นเด็ก ยังต้องการค.รัก ค.อบอุ่นจากอ้อมกอดของคน
ที่คลอดเรามา พ่อก็นะเลี้ยงดีจริงๆถึงไม่ได้รักแม่โอ๊ต แต่ก็ไม่เคยเอาสีมา
ระบายให้ผ้าขาวอย่างโอ๊ตเลย เยี่ยมจริงๆ

"พ่อ ยังบอกโอ๊ตอีกว่าในชีวิตของพ่อ  มีอยู่สองสิ่งที่พ่อรักมากที่สุดในชีวิต จะให้พ่อตายแทนก็ได้พ่อรักมากกว่าชีวิตของพ่อเสียอีก  สิ่งแรกคือโอ๊ต . . .”

 “. . . กับอีกสิ่ง  พ่อเรียกว่า ไอ้ตัวเล็ก
> อยากร้องไห้จัง นี่คือค.จริง ที่อยากฟังสินะ
ทำหน้าที่อาที่ดี ดูแลลูกชายของคนที่ตัวเองรักไปพลางๆก่อนนะ อาโอห์มของน้องโอ๊ต

ขอบคุณคะคุณราชบุตร  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 24-03-2009 01:52:53

160 + 1 = 161
วุ้ย กิต.ก็เดาได้ใกล้เคียง  o18

ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 24-03-2009 07:07:04
ซึ้งอ่ะ  บรรยายไม่ถูกเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 24-03-2009 07:24:27
แล้วพี่โน้ตยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่านะ ไม่ค่อยแน่ใจ
แต่ตอนนี้ คนสำคัญที่พี่โน้ตรักและยอมตายแทนได้ทั้ง 2 คนได้มาอยู่ด้วยกันแล้ว
โอ๊ตยังไม่รู้ แต่โอห์มรู้แล้วว่าโอ๊ตมีความสำคัญยังไง
ลุ้นต่อไปว่าความสัมพันธ์ของอาโอห์มกับหลานโอ๊ตจะเป็นแบบไหน
บวก 1 ให้ด้วยความซาบซึ้งจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: maggy ที่ 24-03-2009 07:31:14
ตามก้นพี่น้ำตาลมาติดๆ

แอบสงสัยว่าแล้วพี่โน๊ตตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า
ถ้ามีก็อยากเชียร์ให้สองคนกลับมารักกัน
กลัวเกิดรักสามเศร้าอ่า
อื่มมมมมม ต้องดูกันต่อไปว่าเรื่องราวมันเป็นมายังไง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: HuaTangMo ที่ 24-03-2009 08:03:49
^
^
^
^
จิ้มทะลุทะลวงไปถึงพี่น้ำตาล
เห้อ เรื่องทำไมมันเศร้าขนาดนี้น้อ
ทำไมคนรักกันไม่ได้อยู่ด้วยกันล่ะ
เป็นกำลังใจให้กับคุณราชบุตรครับ
ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าดีๆ
ต้องเตรียมผ้าเช็ดหน้าแล้วสิเนี่ย
 :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: imageriz ที่ 24-03-2009 08:42:55
อืม มันทั้งเศร้าและซึ้งไปพร้อม
เศร้าสำหรับโอ๊ต แต่ก็ยังดีที่พี่โน๊ตเป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้กับโอ๊ตได้

ซึ้งสำหรับคำตอบที่โอห์มได้รับ ความรักที่ไม่เคยจะเปลี่ยน ถึงแม้จะห่างกันไป

 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: tamtam ที่ 24-03-2009 10:21:09
 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 24-03-2009 11:39:48
โฮกกกกกกกกก


อะไรกันครับ!!!!


น้ำตาไหลไม่รู้ตัว


 :impress3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 24-03-2009 11:50:37
น้ำตาซึมเลยตอนที่บอกว่า รัก "ตัวเล็ก" แงๆ เหมือนส่งลูกมาบอกรักแทนเลย :o12:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 24-03-2009 11:54:18
 :m15:
ถ้าเป็นไอ้ตัวเล็ก...จะดีใจหรือเสียใจดี ???  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: C2U ที่ 24-03-2009 12:51:27
สงสารน้องโอ๊ต   

สงสารอาโอห์์ม 


แล้วก็สงสาร พี่โน๊ต ด้วย  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 24-03-2009 16:12:35




ขอบคุณสำหรับทุก ๆ  กำลังใจ . . .


ก่อนอื่น ยอมรับแบบไม่อาย ณ เวลานี้  ตอนนี้  ผมไม่มีสต๊อคอะไรที่จะโพสต์ต่ออีกได้เลย  เรียกง่าย ๆ ว่า . . .  นิยายถ่ายทอดสด   


ลองกลับไปอ่านตั้งแต่ตอนแรก   ทำไมเรื่องมันวกไปวนมาเช่นนี้หนอ  พยายาที่จะเขียนให้อ่านง่าย  ไม่อยากให้เศร้า  อยากให้รู้สึกอบอุ่นกับความรักมากกว่า  แต่ดันอกมาบีบหัวใจซะงั้น  ขนาดที่ตัวเองยังรู้สึกจิตตกตามเลย . . .

เลยตั้งสมมติฐานเล่น ๆ  ดู

๑. โน้ตยังมีชีวิตหรือไม่ . . .

๒.  มิลล์รู้เรื่องราวทั้งหมดหรือปล่าว . . .

๓. คนรักกันมาก  จะมีแรงเหวี่ยงอะไรที่ทำให้ต้องเนจากอีกคน  (อันนี้อยู่นพล๊อตแรกตอนท่อยากเขียน)

๔.  การมาของโอ๊ตไม่ใช่เรื่องบังเอิญใช่ไหม . . .

๕. โอห์มจะได้เจอกับโน้ตอีกหรอไม่ . . . จะเจอในสถานะตัวเป็น ๆ  เจอในสถานะอีกฝ่ายเจ็บป่วยหนัก  หรือจะเจอ  แค่เศษกระดูก  (อันนี้ยังเลือกไม่ได้ว่าจะเจอแบบไหน  เพราะยังเขียนไม่ถึง)

๖. คนเขียนกวนตรีน . . . ชอบเล่นกับความรู้สึก 




คนเขียนคิดได้เท่านี้ . . . คนอ่านคิดยังไงมั่งครับ 


แค่นี้นะครับที่อยากบอก  เดี๋ยวขอปั่นอีกสักตอน  ไม่แน่ใจว่าจะทันวันนี้หรือไม่  เข้ามาดูบ่อย ๆ  แล้วกันครับผม . . .


หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 24-03-2009 16:43:45
ตามมาร่วม อยู่ในเหตุการณ์ด้วยคน

อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: benxine ที่ 24-03-2009 16:50:30


พี่ราชบุตร หายไปนานนะค๊าบเนี้ย!!~


หุหุ  :impress2: :impress2: :impress2:


ยังไม่ได้อ่าน แปะไว้ก่อนไม่ว่ากันน้า!!~
 

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: peemakarn ที่ 24-03-2009 16:56:45
เข้ามาให้กำลังใจคนโพสค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 24-03-2009 18:24:11
+1 ให้คุณราชบุตรนะคะ เรื่องสนุกมาก ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นนิยายถ่ายทอดสดเลย ....
ตั้งแต่ข้อ 1-6 ขอให้เป็นเรื่องที่ดี + ทั้งหมดเลยค่ะ เพราะเรื่องที่ไม่ดี เรื่องเศร้าน่าจะผ่านมา
ตั้งแต่ในอดีตก่อนน้องโอ๊ตจะเกิดแล้ว ขอเรื่องดี ๆ มาลบล้างความเศร้าให้ไอ้ตัวเล็กบ้างก็จะดี
ขอบคุณค่ะ สำหรับเรื่องดี ๆ ที่แต่งให้คนอ่านได้คอยติดตาม  :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: yaoifan ที่ 24-03-2009 18:44:48
จะบอกว่ามาเจิมเรื่องใหม่ คงไม่ทันแล้วมั้ง

เห็นชื่อคนแต่งปุ๊บ รีบมาโพสต์รีพลายก่อนปั๊บ

อยากจะ :beat: :z6:ตัวเองมาก ไม่ได้เข้าเล้านานมาก

ตกข่าว(นิยาย)ทุกอย่าง(เรื่อง) งานเข้าอย่างแรง

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 24-03-2009 19:17:52
ขอแบบไม่เศร้าซักเรื่องได้ไม๊คุณราชบุตรขา :sad4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 24-03-2009 19:26:59
สดจริง ๆ  ครับ . . .

. . . สดแบบแอบอู้งานด้วยน่ะ  ตอนนี้เลย

*****************************
 




ตอนที่ ๓


   ผมนอนนิ่ง ๆ  ไม่มีความคิดใด ๆ  หลงเหลือในหัวสมองอีกแล้ว  ทุก ๆ  อย่างมันมิดไปหมด  สิ่งเดียวที่ผมทำได้คือการนอนนิ่ง ๆ ปล่อยให้ท่อนแขนของตัวเองต่างหมอนให้กับโอ๊ต  ในความมืดมิดของรัติกาลยังคงมีแสงสว่างจากภายนอกบ้านลอดผ่านเข้าบ้าง   แล้ว . . .

   . . . สิ่งที่มืดมิดที่สุดในหัวใจของผมมันจะหาแสงสว่างจากที่ใด

   ตอนนี้ . .

   เวลาที่ผมนอนอยูบนเตียงนอนเดิม ๆ ของผมนี้ใช่โลกใบเดียวกับเมื่อวานที่ผมอยู่หรือปล่าว  ถ้ามันคือโลกใบเดียวกัน  ทำไมวันนี้ผมรู้สึกว่าโลกมันดูโหดร้ายเหลือเกิน คำถามที่ผมเฝ้าถามมาตลอดสิบแปดปีเต็ม

   . . . พี่โน้ตหายไปไหน

   ผมทำอะไรผิด . . . พี่โน้ตถึงหายไป

   ผมไม่ใช่คนที่พี่โน้ตรักอีกแล้วพี่โน้ตถึงทิ้งผมเอาไว้คนเดียว . . .  คำตอบนี้ผมทราบแล้ว  ผมไม่ได้หายไปจากหัวใจของพี่โน้ต  ผมยังอยู่ในที่เดิมที่ผมเคยอยู่เสมอมา

   คำถามที่ผมถามตัวเองทุก ๆ  วัน  ในเวลาที่ผมอยากรู้คำตอบ  ผมไม่เคยเข้าใกล้สิ่งที่ผมอยากรู้ได้เลย  แต่ในทางกลับกัน  เมื่อเวลานึงมาถึง  ผมกลับได้รับรู้ในสิ่งที่ผมโหยหามาตลอด  ผมดีใจสิ  ผมต้องดีใจถึงจะถูก

   ผมควรดีใจ . . .

   . . . แต่

   ทำไมหัวใจผมกลับเจ็บปวดเมื่อได้ยินคำตอบจากโอ๊ต  คำตอบที่ผมเองก็อยากได้ยินแบบนั้น    มันคืออะไร  มันเกิดอะไรขึ้นในชีวิตของผม 

   ผมนอนนิ่ง ๆ ปล่อยเวลามันเคลื่อนไปอย่างช้า ๆ 

   . . . สิ่งที่ดีที่สุดที่ผมทำได้ในตอนนี้  ผมให้เวลามันเป็นตัวกำหนดทิศทางของมัน  ผมจะไม่ดิ้นรนอยากรู้อะไรอีกแล้ว

   ผมขยับตัวเพียงนิดเดียว  เหลือบมองเวลาจากนาฬิกาที่หัวเตียง  เกือบตีสาม  แปลกจัง  ผมไม่หลับ  สมองผมไม่ยอมหลับ  การขยับตัวของผม  อาจกระทบทำให้อีกร่างรู้สึก  เจ้าตัวขยับตัวก่อนหันมากอดผมเอาไว้

   หัวใจผมมันเต้นแรงกว่าปกติ . . .

   “อย่า  โอห์ม  อย่าคิดอะไรบ้า ๆ  แบบนั้น”  เสียงเบา ๆ  ดังมากระทบโสตประสาทของผม  หรือจริง ๆ  แล้วมันคือสิ่งดี ๆ  ที่มีอยู่ในตัวของผมก็เป็นได้

   ยิ่งร่างนั้นเบียดเสียดมาเพื่อที่จะขอความอบอุ่นจากร่างกายของผมมาเท่าใด  เลือดลมในร่างกายของผมดูเหมือนจะทำงานหนักมากกว่าปกติหลายเท่านัก  ผมต้องพยายามต่อสู้กับความรู้สึกในทางต่ำของตัวเองอย่างหนักหน่วง

   ผมค่อย ๆ  เอามือออกจากการโอบกอดอย่างช้า ๆ  มันคือการตัดสินใจที่ดีที่สุด  ก่อนที่เงาดำกฤษณาในร่างกายจะกำหนดหัวใจของผมห้ำดิ่งลงไปมากกว่านี้  ผมขยับกายลุกจากเตียงอย่างเผ่วเบา  ผมจับผ้าห่มให้กับหัวใจของคนที่ผมรัก  ก่อนที่จะใช้ปลายนิ้วแตะที่แก้มของโอ๊ตอย่างเบามือที่สุด  ราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะบอบช้ำ

   สิ่งที่ค่าที่สุดในชีวิตของคนที่ผมรักมากที่สุดในชีวิต . . .

   . . . ผมจะทำลายได้อย่างไร

   “อาโอห์มจะไปไหนครับ”  เสียงจากคนที่นอนหลับตา  ทำเอาผมต้องหันกลับไปมอง

   “จะไปห้องน้ำครับ”

   “โกหกบาปนะครับ  ห้องน้ำในห้องนอนก็มี  ทำไมต้องออกไปห้องน้ำข้างนอกด้วยล่ะครับ” 

   เอาแล้วไง . . .

   . . . ผมยิ้มกับความช่างสังเกตของไอ้ตัวแสบ  จะหาทางลงอย่างไรดีล่ะที่นี้  คนยิ่งไม่อยากอยู่ใกล้ ๆ  เสียด้วย

   ยิ่งใกล้กันยิ่งหวั่นไหว

   “ก็อาหิวน้ำด้วย  แอบร้องไห้ตามใครก็ไม่รู้  โอ๊ตนอนไปก่อน  เดี๋ยวอาขึ้นมา”

   “โอ๊ตไม่นอน”  เจ้าตัวแสบกระโดดนั่งกลางเตียง

   “อ้าว”

   “ไม่รู้  โอ๊ตจะนั่งจนกว่าอาโอห์มจะขึ้นมา”

   “โอเคครับ  งั้นนั่งรอไปสองนาที  อาจะรีบขึ้นมา”  ผมส่ายหน้าด้วยความเอ็นดู  บางทีกรรมที่ผมเคยดื้อกับพ่อมันกำลังสะท้อนมายังผมอยู่ก็เป็นได้

   กรรม . . .

   คือ  การกระทำ  บางที  กรรมที่ผมสร้างเอาไว้กับพ่อ  กำลังถูกส่งมายังผมโดยทางลูก  ผมไม่รู้นะ  ใครจะเชื่อหรือไม่เรื่องกรรม  แต่สำหรับผม  สิ่งใดที่เราทำ  เราจะได้รับการตอบแทนแบบนั้น  กรรมมันวนเวียนไปไม่รู้จักจบจักสิ้นหรอก

   ผมกลับขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่ลงไปสงบสติอารมณ์ความรู้สึกในด้านมืดของตัวเอง

   “ไม่นอนจริงอ่ะ” 

   ภาพที่ผมเห็น  ไอ้ตัวแสบนั่งมองมาที่ประตูตาแป๋ว  ผมอดที่จะเอ็นดูแกมหมั่นใส้ในความดื้อตาใสของโอ๊ตไม่ได้

   “นอนได้ไง  กลัวผี”

   “ตัวออกโต กลัวไรไม่เข้าเรื่อง”

   “ก็ผีมันน่ากลัวนี่ครับ”

   “เคยเจอเหรอ”

   “ฮืออออออออออ”  เจ้าตัวแสบส่ายหน้า

   เด็กหนอกเด็ก  กลัวสิ่งที่ไม่เคยเจอ  กลัวสิ่งที่มองไม่เห็น  ผมเดินมานั่งที่เตียงเอามือขยี้หัวโอ๊ตเบา ๆ 

   “นอน  ดึกแล้ว”  ผมล้มตัวลงนอน  ไอ้ตัวแสบล้มตัวลงนอนตาม

   “อาโอห์ม”

   “ครับ”

   “อาโอห์ม  โอ๊ตแปลกใจตัวเองจัง  ทำไมโอ๊ตมีความรู้สึกว่าคุ้นเคยกับอาโอห์ม  ทั้ง ๆ  ที่โอ๊ตไม่เคยเจออาโอห์มมาก่อน    ทีกับเพื่อน ๆ  ที่ทำงานพ่อ  โอห์มไม่เห็นรู้สึกอย่างนี้เลย”

   “คงเป็นนรกกลั่นแกล้งแน่ ๆ   ความซวยมาเยือนใครคนใดคนนึง  ไม่โอ๊ตก็อาไง”  ผมหัวเราะเบา ๆ 

   “อย่าพูดเล่นดิ  โอห์มรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ   อาโอห์มใจดี  เหมือนพ่อโอ๊ตเลย”

   “เหมือนตรงไหน”

   “พ่อโอ๊ตไงใจดี  ตามใจโอ๊ต  แต่ไม่ทุกเรื่องหรอก  อันไหนผิด  พอ่โอ๊ตก็ตี  อันไหนที่ให้โอห์มตัดสิใจเอง  พ่อก็ไม่ว่า  หากมันไม่เดือดร้อนใคร”

   ผมเชื่อ . . .

   ขนาดผม  พี่โน้ตยังตามใจเสียจนเคยตัว  แล้วกับลูกตัวเอง  ทำไมพี่โน้ตจะไม่ตามใจ  ผมยิ้ม  อย่างน้อยที่สุดคนที่นอนใกล้ ๆ  ผมในตอนนี้  หัวใจของคนที่ผมรักมิใช่หรือ . . .

   “โทรบอกพ่อหรือยังว่ามาถึง กทม. แล้ว”

   “บอกแล้วครับ”

   “แล้วบอกพ่อหรือเปล่าว่ามาพักกับใคร”  ผมถามทั้ง ๆ  ที่กลัวคำตอบ  ผมพร้อมที่จะเจอพี่โน้ตตอนนี้หรือ  ผมเองก็ไม่กล้าตอบคำถามตัวเองเหมือนกัน

   “ไม่ได้บอกครับ”

   “พ่อคิดว่าพักกับอามิลล์”

   “ไม่หรอกครับ  เพราะก่อนมา  พ่อบอกกับโอ๊ตว่า  โอ๊ตจะพักที่ไหน  พักกับใคร  พ่อไม่ว่า  พ่อขอแค่  โอ๊ตได้เรียนตามที่โอ๊ตอยากเรียน   พ่อบอกไม่ใช่พ่อไม่ห่วง  พ่อห่วงโอ๊ต  แต่ที่นี่กรุงเทพฯ  เมืองไทย  ถ้าโอ๊ตไม่รู้จักการเอาตัวรอดในกรุงเทพฯ  ตอนกรกฎาโอ๊ตไปเยอรมันจะลำบากกว่าอีกหลายเท่า  โอ๊ตจะต้องหัดทำอะไรเอง ตั้งแต่ที่โอ๊ตรู้ว่าโอ๊ตจะต้องไปเยอรมัน” 

   ผมยิ้มอีกครั้ง  คำพูดของโอ๊ตเหมือนคำที่เคยสอนผมมาตลอด . . .

   “พ่อโอ๊ตเก่ง  สอนลูกดี”

   “โอ๊ตถึงรักพ่อไง  รักมากด้วย  ไว้อาโอห์มเจอพ่อโอ๊ตนะ  อาโอห์มจะเห็นเองว่าพ่อโอ๊ตใจดีขนาดไหน”

   “ครับ  ถ้ามีโอกาสอีกสักครั้ง  อาก็อยากเจอ”  คำพูดผม  โอ๊ตแปลไม่ถูกหรอก

   “ทำไมถึงอยากไปเรียนเยอรมัน”

   “ไม่รู้สิ  ทีแรกโอ๊ตอยากไปออสเตรเลียมากกว่า  ครูที่โรงเรียนบอกว่า  นนทกรพ่อเธอก็สอบได้ทุน AFS  ไปเยอรมัน    ตอนนั้น  นนทกรหมายมั่นมาก  อยากไป  ลงทุนให้ครูติวให้เลย  แต่ไม่รู้ทำมาสละสิทธิ์  ไม่ไปซะงั้น”

   คำตอบของโอ๊ต  ทำผมคอแห้งผาด . . .

   “ครับ”

   “โอ๊ตอยากทำตามความฝันของพ่อ   ครูบอกว่าพ่อฝันเอาไว้มาก  แต่พ่อทิ้งความฝันของพ่อ  โอ๊ตไม่เข้าใจ  ทำไมพ่อต้องทิ้งความฝันของตัวเอง  โอ๊ตเลยตั้งใจเรียน  ตั้งใจสอบชิงทุน โอ๊ตอยากให้พ่อมีความสุข  โอ๊ตนี่แหละที่จะเก็บความฝันของพ่อมาใหม่  พ่อไม่ไป  ลูกไปเอง”  เจ้าตัวหัวเราะเบา ๆ ส่วนผมนะหรือ . . .

   แทบจะหยุดหายใจลงตรงนั้นอยู่แล้ว . . .

   . . . ความฝันไม่เคยทำร้ายใคร

   แล้วทำไม . . . เราต้องทำลายความฝันด้วยล่ะ



   ผมเดินตั้งแต่สามแยกคอหงส์มายังบ้านพัก  นึกโมโหไอ้พี่โน้ตที่มันไม่ยอมไปรับที่เรียนพิเศษ  ทั้ง ๆ ที่มันนัดเอาไว้แล้ว  ผมเดินผ่านสระบัวในศูนย์วิจัย  ความรู้สึกโมโหหายไปหมด  ที่นี่มีความหมายสำหรับผม  เพราะที่แห่งนี้ . . .

   . . . หากไม่มีพี่โน้ต

   ผมคงไม่มีโอกาสได้มาเดินแบบนี้อีกแล้ว . . .

   ตั้งแต่วันที่ผมทำพี่โน้ตหัวแตก  ผมแทบจะไม่เคยทะเลาะกับพี่โนตอีกเลย  ผมไม่รู้ว่าทำไม ผมรู้เพียงแต่ว่า  สายตาที่พี่โน้ตมองผมในวันนั้นมันน่ากลัว  ผมเกลียดสายตานั้น  สายตาที่เหมือนกับจะตัดพ้อผมอยู่ตลอดเวลา

   “มีปาร์ตี้อะไรกันอีกละครับ”  ผมเดินมาถึงบ้านพัก  เห็นพ่อกับลุงตุ้ยกำลังสาละวนอยู่กับไฟประดับ  ที่ติดไว้กับต้นหมากเขียว  และ  ซุ้มราตรีที่ข้างบ้าน

   “ยังไม่รู้อีกหรือโอห์ม”  พ่อหันมาถาม

   “อาทไม่ต้องบอก  ไว้ไอ้ตัวแสบมันไม่ถามพี่มันเอง”  ลุงตุ้ยหัวเราะเบา ๆ 

   “โหลุงตุ้ย  บอกหน่อยสิครับ” 

   “เอ้า  อยากรู้ลุงก็จะบอก  จัดงานเลี้ยงให้ไอ้พี่โน้ตเราไง”  ลุงตุ้ยยิ้มกว้าง

   “งานเลี้ยง เลี้ยงอะไร”  ผมงงไปหมดแล้ว

   “อยากรู้ไปถามเจ้าตัวเอง  นอนอยู่บนห้องโน่น”

   ผมรีบปรี่ไปในทันที  วันนี้ที่บ้านมีงานเลี้ยงให้พี่โน้ต  แถมไอ้พี่โน้ตันดันไม่ยอมไปรอรับผมที่เรียนพิเศษอีก    ผมรีบวิ่งไปบนห้องพี่โน้ต

   “ตื่น ๆ  ไอ้คุณพี่  ตื่นดิ”  ผมนั่งทับบนร่างพี่โน้ต

   ไม่ยอมรอรับผม  แต่ดันแอบกลับบ้านมานอนก่อน  ผมเขย่าตัว  แต่ไม่มีการตอบรับจากพี่โน้ต  ยิ่งสร้างความหงุดหงิดให้ผมอีก

   “ตื่นมั้ยนี่แน่ะ ๆ ๆ”   ผมเอาหมอนปิดหน้าพี่โน้ต  ก่อนทิ้งตัวกดทับ

   “โอ้ย  อะไรนี่คนจะนอน”

   เจ้าตัวพยายามเอาหมอนออก  ก่อนจับผมล๊อคเอาไว้  ผมดิ้นไม่ยอมให้มันกอดเอาไว้ได้ง่ายๆ หรอก

   “ไอ้พี่บ้า  ไม่ยอมไปรับ”

   “เออลืมเลย  โทษที”

   “แบบนี้ทุกที  ลืมตลอด  ขอต่อยทีได้มั้ยค่าที่ไม่ยอมไปรับ”  ผมเงื้อหมัดรอ

   “เอาดิ๊  อีกหน่อยก็ไม่อยู่ให้ต่อยแล้ว”  พี่โน้ตยิ้ม  ยื่นหน้ามาหาผม

   “ไม่อยู่ให้ต่อย  จะไปไหน”

   “ไม่บอก”  มันลอยหน้าลอยตายั่วผมได้อีก

   “ไม่เกินสามวันหรอก  โอห์มรู้น่า”  ผมยิ้มอย่างเป็นต่อ

   “ใครบอก  สามร้อยหกสิบห้าวันต่างหาก  ปีนึงว่ะ ไอ้ตัวเล็ก”  พี่โน้ตหัวเราะ  เอามือมาขยี้หัวผมเบา ๆ 

   “ปีนึง  ไปไหน  ไอ้พี่โน้ตจะไปไหน”

   “เยอรมัน”  มันยืดอก

   ผมมองหน้าพี่โน้ต  ในเวลานั้นผมใจหาย  กลัวว่าจะไม่มีคนไปรับที่เรียนพิเศษ  กลัวว่าจะไม่มีคนให้แกล้ง  ผมกลัวไปหมด

   “ไม่ให้ไป”

   “ต้องไป”

   “รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่  ไอ้พี่โน้ต”  ผมตะโกนใส่หน้า  เพราะเริ่มรู้ว่า  สิ่งที่ผมกลัวมันกำลังมาใกล้ตัวทุกที

   “ทำไมต้องตะโกนด้วย  พี่สอบตั้งสามเดือนก่อน  เพิ่งรู้ผลวันนี้เอง  ตื่นเต้นรีบมาบอกพ่อลืมไปรับเราไง”  พี่โน้ตเอามือมาขยี้หัวผม

   ผมเบี่ยงตัวหลบ

   “ไอ้พี่บ้า  ไอ้พี่โน้ตบ้า  จะทิ้งโอห์มไปตั้งปีนึง  ไม่บอกโอห์มด้วย  โอห์มเกลียด  เกลียดพี่โน้ต”  ผมตะโกนใส่หน้า  ก่อนที่จะวิ่งลงมาจากห้องพี่โน้ต

   “โอห์ม  โอห์ม”  เสียงไอ้พี่โน้ตตะโกนเรียกผม

   ผมโมโหมาก . . .  โมโหเรื่องอะไรผมไม่รู้  แต่ผมรู้ว่า  ผมไม่มีพี่โน้ตอีกแล้ว  มันจะทิ้งผมไปแล้ว  ผมวิ่งมาที่จักรยานที่โรงจอดรถพ่อ  ไม่ฟังเสียงเรียกของพ่อ ผมปั่นมันไปทางตีนเขา  ถนนสายนี้ไปสุดสายที่ตีนเขา  แล้วหลังจากนั้นมันจะมีทางเดินไปบนอ่างเก็บน้ำที่  เลยไปบนเขาจะมีน้ำตำเล็ก ๆ  พี่โน้ตเคยพาผมมาแต่มันนานแล้ว

   ผมจอดรถจักรยานเอาไว้ที่สุดทาง  ก่อนที่จะเดินไปบนเขาคอหงส์เรื่อย ๆ  ผมไม่รู้ข้างหน้าจะมีอะไรบ้าง  ผมรู้เพียงแต่ว่าตอนนี้ผมมีแต่ความหวาดกลัวอย่างที่สุด  เป็นความกลัวที่มันรู้สึกหนาวเหน็บไปจนถึงขั้วหัวใจ

   พี่โน้ตจะทิ้งผมไปแล้ว . . .

   เขาไม่บอกผมสักคำ  ไม่แม้แต่จะบอกผมมาก่อนว่าพี่จะต้องสอบนะ   พี่ต้องไปเรียนเมือนอกนะ ทุก ๆ  อย่างมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนน้ำป่าที่ไหลหลากอย่างบ้าคลั่ง ผมไม่พร้อมที่จะอยู่คนเดียว ผมไม่อยากให้พี่โน้ตไป

   ผมเดินร้องไห้มาตลอดทาง  ผมกลัว  ผมเสียใจ  ผมไม่รู้หรอกว่าทำไมตอนนั้นผมถึงรู้สึกแบบนั้น  สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมและพี่โน้ต  ผมจะเรียกมันว่าอะไรดี   เพราะทุก ๆ  อย่างเหมือนมันจะเดินก้าวข้ามความรู้สึกต่าง ๆ  มามากต่อมาก

   เดินข้ามเส้นที่เรียกว่า . . .

   . . . ความรัก

   หรือ . . . กำลังเดินหลงวนเวียนอยู่กับสิ่งที่เรียกว่า

   . . . ความผูกพัน

   ผมไม่รู้  ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น

   ผมรู้เพียงแค่ว่า  ตั้งแต่จำความได้  ผมมีมันอยู่กับผม  ไม่เคยห่างไกลกัน  แล้วการห่างกันนับแรมปี  ผมจะอยู่ได้หรือ  ผมจะอยู่ได้อย่างไรกัน  ผมร้องไห้มากที่สุดในชีวิต  มากกว่าตอนที่ผมทำพี่โน้ตหัวแตกเสียอีก  ผมเสียใจกับสิ่งที่ได้รับรู้ว่ามันใกล้เวลาแห่งการลาจาก

   ผมลืมไป . . .

   . . . การจากลา  คือส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์เสมอ

   ผมเดินไปเรื่อย ๆ  จนลืมมองว่าป่าทุกที่มันเหมือน ๆ  กัน

   กว่าผมจะรู้ตัวอีกที . . .

   . . . ผมเดินมานอกเส้นทางปกติที่ผมเคยเดิน  ตอนมาจากบ้านผมหลงกับแรงโมโหจนขาดสติ  อยากไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด

   แต่ตอนนี้ . . .

   . . . ผมหลงป่า

   ความกลัว . . . การจากลาของพี่โน้ตค่อย ๆ  หายไป  เมื่อเสียงจิ้งหรีดเรไรร้องกันระงมไปทั่วทั้งป่า  ผมมองดูรอบ ๆ ตัว  ต้นไม้ครึ้มไปหมด  มันสูงชะลูดไปบนฟ้า  บางต้นแผ่กิ้งก้าน  เหมือนมือยาว ๆ  ของอะไรบางอย่างที่ชอบมากับความมืด 

   ผมพยายามมองไปรอบ ๆ  ตัว  ที่เริ่มมืดเข้ามาเรื่อย ๆ . . .

   ทุก ๆ  ภาพที่เห็นมันน่ากลัวไปหมด  ผมไม่เคยเข้ามาคนเดียว  แม้มันจะอยู่ใกล้บ้าน  แต่ผมไม่ชอบออกมาเดินป่าคนเดียว  ผมพยายามระงับความกลัว  มองหาต้นไม้ที่คุ้นตา  มองหาทางเดินที่เขาใช้กันบ่อย ๆ    แต่ดูเหมือนว่า  มันจะแทบไม่มี

   ผมกลัวมาก . . .

   . . . กลัวจนร้องไห้ออกมาอีก

   อากาศรอบตัวเริ่มเย็น  ผมมองนาฬิกาข้อมือ  จะทุ่มนึงอยู่แล้ว  ดวงตาผมแห้งไม่มีน้ำตาอีกแล้ว  ผมร้องจนปวดกระบอกตาไปหมดแล้ว  ไม่รู้ว่าร้องเพราะกลัวอย่างใดกันแน่

   ถ้า . . .

   . . . ผมยังหาทางออกจากป่านี้ไม่ได้

   เสือ . . . จะมีเสือหรือไม่หว่า สมองผมคิด  มันทำให้ผมขนลุกอย่างที่สุด  ผมรีบ ๆ  เดิน  แต่สมองมันคิด  แล้ว . . .

   . . . งู

   แค่คิดมันก็สยองในหัวใจ  ผมเกลียดงู  เกลียดมากที่สุดแล้ว  ผมจะทำอย่างไร  ผมจะออกไปจากป่านี้ได้อย่างไรกัน

   ผมอาจจะโชคดีอยู่หน่อย  ตรงที่ผมมาถึงธารน้ำตกที่ผมเคยมากับพี่โน้ต  แต่ผมโชคร้าย เพราะตอนนี้ท้องฟ้าทาทาบด้วยแสงแห่งรัตติกาล  มีเพียงแสงดารากระพริบระยิบระยับ  ทั้งป่ามีเสียงขับกล่อมจากหรีดหริ่งเรไร

   ผมปีนไปบนก้อนหินก้อนใหญ่  เพราะไม่แน่ใจว่าหากหลบตามซอกหินผมจะเจออะไรบ้าง  ผมแหงนหน้ามองฟ้า  ดาวระยิบระยับทักทายหัวใจที่อ่อนระโหยโรยแรง  ผมกลัวจนแทบจะขาดใจตายอยู่แล้ว

   คืนนี้ . . .

   . . . ยาวไกลขนาดไหนผมไม่รู้

   และ . . . ผมจะมีลมหายใจไปถึงวันพรุ่งนี้หรือปล่าว

   ผมกลัวมาก  กลัวอย่างที่สุด  ผมนั่งขดตัวเอามือกอดอกบนหินก้อนใหญ่  อากาศรอบ ๆ ตัวหนาว  หนาวจนเหมือนจะแช่หัวใจของผมให้เย็นฉียบ  เสียงน้ำจากโตรกธารอยู่เป็นเพื่อนผม  อยู่ใกล้ ๆ  ผมนั่นเอง

   ผมมันงี่เง่า . . .

   . . . เจ้าอารมณ์

   ในเวลานั้นผมรู้สึกเกลียดตัวเอง  เกลียดมากที่สุด  ถ้าผมไม่งี่เง่า  ป่านนี้ผมคงได้อยู่งานปาร์ตี้  สนุกสนานไปแล้ว  จะมีใครในงานรู้ไหมว่าผมหายไปจากบ้าน  จะมีใครรู้หรือเปล่า  ถ้า . .

   . . . ถ้า

   เทพเจ้าแห่งความโชคดีอยู่ข้างผม    ผมคงจะผ่านความเลวร้ายของคืนนี้ไปได้  ผมจะมีลมหายใจอยู่ไปจนลำแสงแห่งตะวันจะทาทาบที่ริมขอบฟ้าด้านฝั่งบูรพา

   แต่ . . . ในทางกลับกัน

   บางทีพรุ่งนี้ผมคงเหลือแค่เศษซากที่เหลือจากสัตว์ป่า

   แค่คิดผมก็แทบบ้า  ผมกลัวมาก  กลัวอย่างมากที่สุดในชีวิต ผมไม่เคยกลัวอะไรแบบนี้มาก่อน  ผมกอดตัวเองเอาไว้ เอาหน้าซุกที่หัวเข่า

   “พี่โน้ต  ช่วยโอห์มด้วย  โอห์มกลัว  โอห์มกลัว”  ผมร้องบอกตัวเองเบา ๆ 

   เวลามันผ่านไปอย่างเชื่องช้า  สำหรับผม  ทำไมป่าทั้งป่ามันเงียบสนิทเช่นนี้  จะว่าเงีบก็ไม่ถูก  เพราะยังมีเสียงขับกล่อมจากสรรพสัตว์และเสียงจากธารน้ำ  แต่ผมไม่ชอบ ผมไม่ชอบเลย  ผมไม่อยากอยู่ตรงนี้  ไม่อยากอยู่อีกแล้ว

   แสงไฟ . . .

   ผมยิ้มเมื่อเห็นแสงไฟ  สาดส่องไปมาในความมืด  พี่โน้ต  ความรู้สึกแรกผมบอก แล้วถ้าไม่ใช่ล่ะ  ผมลังเลใจ  พี่โน้ตเคยสอนเอาไว้นี่หว่า  ผมจำได้  เวลาที่เข้าป่าหากหลงกันให้ใช้หินเคาะเป็นจังหวะ  ผมรีบลงมาจากหินก้อนใหญ่  หยิบหินที่ใต้สายน้ำอันเย็นเฉียบ

   ผมเคาะมันกับหินก้อนใหญ่เป็นจังหวะเดินสวนสนาม . . .

   แสงไฟที่เห็นไกล ๆ  หยุดนิ่งคล้ายจะหาที่มาของเสียง  ผมเคาะอีกครั้ง  คราวนี้ออกแรงหนักกว่าเดิม  แสงไฟนั่นส่องมาทางผม  และดูเหมือนว่า แสงนั้นจะพุ่งมาทางผมอย่างรวดเร็ว

   “ตัวเล็ก  ตัวเล็กอยู่ไหน” 

   เสียงพี่โน้ต พี่โน้ตกำลังวิ่งาตามเสียงที่ผมเคาะ  ผมร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ  ผมไม่ตายแล้ว  ผมไม่ตายแน่ ๆ  ถึงแม้ว่าผมจะตายตอนนี้ผมก็ไม่กลัวอีกแล้ว

   “เคาะต่อไปตัวเล็กเคาะต่อสิ”  เสียงพี่โน้ตตะโกนบอก

   “โอห์มอยู่นี่  อยู่ที่ริมน้ำพี่โน้ต”  ผมตะโกนบอกกลับไป  มือยังคงเคาะบอกสัญญาณที่มาของเสียง

   “โอห์ม”   พี่โน้ตตรงดิ่งมาที่ผม  ดึงผมกอดเอาไว้

   “พี่โน้ต”  ผมกอดตอบ  ร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย  ผมดีใจอย่างที่สุด  ที่คืนนี้ผมไม่ต้องติดอยู่กลางป่า  “โอห์มกลัว  พี่โน้ต  โอห์มกลัว”

   “ไม่ต้องกลัว  พี่อยู่นี่  พี่อยู่นี่แล้ว”  พี่โน้ตกระชับผมเข้ากับอกจนแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน

   “โอห์มนึกว่าคืนนี้โอห์มจะตายในนี้ซะแล้ว”

   “ไม่หรอกโอห์ม  พี่ไม่ยอมหรอก  พี่ไม่ยอม”  พี่โน้ตกอดผมเอาไว้  พี่โน้ตร้องไห้  “อย่าทำแบบนี้อีกรู้มั้ย  พี่เป็นห่วง” 

   “ครับ”

   “อย่าเข้าป่ากลางคืน  ไม่มีไฟมันอันตราย”

   “ก็โอห์มโมโห  พี่โน้ตจะทิ้งโอห์ม  พี่จะทิ้งโอห์ม”  ผมกอดพี่โน้ตเอาไว้

   “ทิ้งไปไหน  ที่บ้านห่วง  ออกมาตามกันหลายกลุ่มเลยรู้มั้ย  ไม่มีใครทิ้งโอห์มหรอก  ทุกคนรักโอห์มทั้งนั้น”

   “รักแล้วจะไปเยอรมันโดยไม่บอกโอห์มสักคำ” 

   “โอห์ม . . .”  พี่โน้ตแกะผมออก  เอามือปาดน้ำตาผมทิ้ง  “. . . มองตาพี่สิครับ  คนดีของพี่” 

   ผมมองหน้าพี่โน้ต  เอามือเช็ดน้ำตาตัวเองอีกรอบ  ผมเห็นแววตาพี่โน้ต  แววตาที่เต็มไปด้วยความรัก  ความห่วงใยที่มีต่อผม

   “โอห์ม  เห็นพี่ใช่มั้ย”

   ผมพยักหน้าแทนคำตอบ

   “พี่ไปเรียน  ปีเดียวเองนะครับ”

   ผมพยักหน้า  รับทราบอีกครั้ง  หากแต่  ผมเก็บน้ำตาตัวเองเอาไว้ไม่ได้  ผมร้องไห้ออกมาอีก  ผมไม่อยากให้ไป  ไม่อยากให้พี่โน้ตไปไกลจากผม

   “คนดีของพี่   ฟังพี่หน่อยได้ไหม”

   ผมไม่ตอบ  ทำได้แค่ร้องไห้  เพราะต่อจากนี้อีกไม่กี่เดือน  ผมคงห่างจากพี่โน้ต  ห่างจากคนที่ผมสนิทและผูกพันมากที่สุดในชีวิต

   “เอางี้  โอห์มหยุดร้อง  แล้วบอกกับพี่มาว่าไม่อยากให้พี่ไป”

   “โอห์มไม่อยากให้พี่ไป”

   “พี่ . . .  ไม่ . . .ไป ก็ได้  ไม่ไปเยอรมันแล้วนะ”    เสียงพี่โน้ตคล้ายจะออกมาจากไรฟัน  เหมือนคนที่ทรมานจากการตัดสินใจ  แต่ในเวลานั้น  ผมไม่เคยมองถึงหัวใจของคนอื่นนอกจากความต้องการของตัวเอง

   “สัญญา”  ผมยกนิ้วก้อยขึ้นขอพันธะ

   “พี่สัญญา . . .”   พี่โน้ตยกนิ้วก้อยมาเกี่ยวเอาไว้   “. . . โอห์มไม่อยากให้พี่ไป  พี่ก็ไม่ไป  พี่ทำเพื่อโอห์มได้เสมอ อันไหนที่โอห์มอยากได้พี่ให้โอห์มได้  แม้แต่ชีวิตของพี่   แต่คราวหน้าอย่าทำแบบนี้อีกนะ  สัญญากับพี่นะตัวเล็ก”

   พี่โน้ตดึงผมไปกอดเอาไว้แน่น  แน่นจนผมรู้สึกว่าโลกใบนี้มีเพียงแต่ผมกับพี่โน้ตเท่านั้น 
   

   
   










http://media.imeem.com/m/of7bmqLpIJ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 24-03-2009 20:14:32

ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 24-03-2009 20:24:01
 :m15: :m15: :m15: :m15: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: imageriz ที่ 24-03-2009 20:24:17
บรรยายความรู้สึกไม่ออกเลยจริง ๆ  ระหว่างโอห์ม กับ พี่โน๊ต

มันมากมายนะ กับคนที่ยอมทิ้งความฝันของตัวเองเพื่อคนที่รัก

 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 24-03-2009 20:53:45
โหยคุณราชบุตร แต่งได้กินใจจัง
เก็บทุกรายละเอียด

แต่ขอจบแบบแฮปปี้นะครับ ในท้ายที่สุด พี่โน้ตและตัวเล็กก็ได้เจอกัน
และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ขอแบบนี้นะครับ พลีส  :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: «ƤȑǃǹĉΞḠ○ḺҒ™» ที่ 24-03-2009 22:05:52
ซึ้ง ๆๆ


มารอตอนต่อไปคร้าบบ



 :o12:  :o12:  :o12:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 24-03-2009 22:52:56
ไม่เคยผิดหวังที่ได้อ่านเรื่องของคุณราชบุตรเลยสักครั้ง
ขอบคุณค้าบ :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 24-03-2009 23:47:27



ช่วงที่ผ่านมา . . . ว่างนิดหน่อย


เลยปริ้นนิยายออกมาทำเป็นรูปเล่ม 




 ไม่มีวางขาย  เพราะรวยพอแล้ว  ไม่มีหนี้สิน  พอกินในแต่ละเดือน  เหลือเที่ยวอีกนิดหน่อย  สมทบทุนการศึกษาเด็ก ๆ  นิดนึง เหอะ ๆ ๆ ๆ


เอารูปปกมาฝากเพื่อน ๆ  (น้องคนนึงทำให้อ่ะ  เด็กภูเก็ต  น่ารักมาก ๆ ขอบใจเน้อ)




(http://img208.imageshack.us/img208/7956/0001ffu.jpg)

ปกหน้า



(http://img208.imageshack.us/img208/3091/0002l.jpg)

ปกหลัง




เป็นเรื่องฉบับสมบูรณ์ . . .  ฉบับเท่าพ๊อกเก็ตบุค


เอาเป็นว่า  เอามาแจกแฟนนิยายเรื่องนี้แล้วกัน  แต่ขอคิดก่อนจะมีเกมส์ไรมาเล่นดี  เพราะนิยายมีแค่เล่มเดียวอ่ะครับ  จะทำแจกทุกคนคงไม่ไหว  จะพิมพ์ขายหรือก็ไม่เคยอยู่ในรอยหยัก





หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 24-03-2009 23:49:47
อยากได้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

แบบว่าจะเก็บทุกเวอร์ชั่นเลย

อิอิ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 25-03-2009 02:12:59
ซึ้งจนน้ำตาซึมพี่โน๊ตสุดยอดจิงๆอาโอห์มไปดูหลานโอ๊ตที่โน้นเลยดีมั๊ยเยี่ยมมากๆคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 25-03-2009 03:25:27
ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกก
ยังบวกเพิ่มไม่ได้ งั้นขอกอดขอบคุณแทนนะคะ  :กอด1:

เป็นนิยายที่ประทับใจตั้งแต่เริ่มต้นเรื่อง
ความผูกพันระหว่างพี่โน้ตกับโอห์มลึกซึ้งมากๆ
การที่พี่โน้ตยอมทิ้งความฝันหนึ่งเพื่อโอห์มแสดงให้เห็นถึงความรัก ความเสียสละไม่น้อยเลย

ตอนนี้คุณราชบุตรก็ได้เฉลยแล้วว่าพี่โน้ตยังมีชีวิตอยู่
พี่โน้ตกับโอห์มน่าจะได้มีโอกาสพบกันอีก แต่จะได้กลับมาใช้ชีวิตร่วมกันหรือไม่คาดเดายากมาก
(ไม่รู้ว่าคนแต่งคิดไว้ล่วงหน้าหรือยังน้า)

พี่โน้ตอาจจะรู้สึกผิดที่ทำพลาดพลั้งไปกับแม่ของโอ๊ต จึงไม่กล้ากลับมาหาโอห์มอีกเลย
และพี่โน้ตอาจไม่รู้เรื่อง แต่มิลค์อาจเป็นผู้วางแผนให้โอ๊ตเป็นคนเชื่อมโยงหัวใจรักให้ได้กลับมาพบกันอีก

กรรมจากความดื้อและซุกซนที่โอห์มเคยทำไว้กับพี่โน้ต อาจเป็นตัวโยงใยโอ๊ตไว้กับโอห์มอย่างที่โอห์มคิด

ลุ้นมากๆเลยค่ะ กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป เพราะคุณราชบุตรบอกว่าถ่ายทอดสดเรื่อยๆ
แต่คาดหวังลึกๆว่าจะไม่จบเศร้า เพราะเห็นบอกไว้ว่า
"พยายามเขียนให้อ่านง่าย  ไม่อยากให้เศร้า  อยากให้รู้สึกอบอุ่นกับความรักมากกว่า"
เลยคิดว่าคงไม่บีบหัวใจจนสะเทือนกันไปนะคะ

ปล เอาหนังสือมายั่วกันงี้เลย แถมมีแค่หนึ่งเดียวอีก ยืดแล้วจ้าน้ำลายอ้ะ  :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: Kirimanjaro ที่ 25-03-2009 04:19:54
ไม่อยากเดาเลยครับ  บีบหัวจาย

รออ่านต่อดีกว่า

ใช้อารมณ์สด ๆ นี่แหละ

พี่อย่าเศร้ามากนะครับ  เป็นห่วง...
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 25-03-2009 09:10:30
ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกก
ยังบวกเพิ่มไม่ได้ งั้นขอกอดขอบคุณแทนนะคะ  :กอด1:

เป็นนิยายที่ประทับใจตั้งแต่เริ่มต้นเรื่อง
ความผูกพันระหว่างพี่โน้ตกับโอห์มลึกซึ้งมากๆ
การที่พี่โน้ตยอมทิ้งความฝันหนึ่งเพื่อโอห์มแสดงให้เห็นถึงความรัก ความเสียสละไม่น้อยเลย

ตอนนี้คุณราชบุตรก็ได้เฉลยแล้วว่าพี่โน้ตยังมีชีวิตอยู่
พี่โน้ตกับโอห์มน่าจะได้มีโอกาสพบกันอีก แต่จะได้กลับมาใช้ชีวิตร่วมกันหรือไม่คาดเดายากมาก
(ไม่รู้ว่าคนแต่งคิดไว้ล่วงหน้าหรือยังน้า)

พี่โน้ตอาจจะรู้สึกผิดที่ทำพลาดพลั้งไปกับแม่ของโอ๊ต จึงไม่กล้ากลับมาหาโอห์มอีกเลย
และพี่โน้ตอาจไม่รู้เรื่อง แต่มิลค์อาจเป็นผู้วางแผนให้โอ๊ตเป็นคนเชื่อมโยงหัวใจรักให้ได้กลับมาพบกันอีก

กรรมจากความดื้อและซุกซนที่โอห์มเคยทำไว้กับพี่โน้ต อาจเป็นตัวโยงใยโอ๊ตไว้กับโอห์มอย่างที่โอห์มคิด

ลุ้นมากๆเลยค่ะ กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป เพราะคุณราชบุตรบอกว่าถ่ายทอดสดเรื่อยๆ
แต่คาดหวังลึกๆว่าจะไม่จบเศร้า เพราะเห็นบอกไว้ว่า
"พยายามเขียนให้อ่านง่าย  ไม่อยากให้เศร้า  อยากให้รู้สึกอบอุ่นกับความรักมากกว่า"
เลยคิดว่าคงไม่บีบหัวใจจนสะเทือนกันไปนะคะ

ปล เอาหนังสือมายั่วกันงี้เลย แถมมีแค่หนึ่งเดียวอีก ยืดแล้วจ้าน้ำลายอ้ะ  :z1:







ขอบคุณครับ . . .

แนวความคิดโดนใจผมจังเลย   รับฟังนะครับ  แต่ไม่รับปากว่าจะเขียนแบบที่รับฟัง

เพราะ . . .

ตามที่คิดเอาไว้  มันน่ากลัวกว่าเยอะ  คนเขียนยังไม่แน่ใจว่าจะกล้าเขียนแบบที่ตัวเองตั้งพล๊อตไว้ในหัวหรือปล่าว  กลัวจะช๊อคเสียเอง  อิอิอิ


หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 25-03-2009 15:36:58
ว้าย ระวังนะคะ อา รักกับพ่อ.......แต่ หลาน จะมาหลงรักอา....
กงเกวียน กำเกวียน อิอิ
ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร
ป.ล. ขอโมดิ.นิด....หมั่นใส้คนบางคน.......มาบอกให้คนอื่น'สด'....แต่ตัวเองชอบ'ดอง' ชิส์
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 25-03-2009 15:53:33
ว้าย ระวังนะคะ อา รักกับพ่อ.......แต่ หลาน จะมาหลงรักอา....
กงเกวียน กำเกวียน อิอิ
ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร
ป.ล. ขอโมดิ.นิด....หมั่นใส้คนบางคน.......มาบอกให้คนอื่น'สด'....แต่ตัวเองชอบ'ดอง' ชิส์




ต๊าย . . . ของดองบางอย่างก็อร่อยนะค๊ะคุณ

จริงป่ะค่ะน้อง . . . แทนย่า
อูย . . . 

พ่อกับอา  รักกัน  แล้วมารักกับหลานอีกสักครั้งไม่เท่าไหร่  หรอกมังค่ะ

กลัวแต่ว่า . . .

มีอะไรกับพ่อ . . . แล้วมามีต่อกับหลานอีกนี่สิ

ทรมานนนนนนนนนนนนน  สุด ๆ  บาปรักเลยนะค๊ะคุ๊ณณณณณณณณ


http://media.imeem.com/m/of7bmqLpIJ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: tamtam ที่ 25-03-2009 16:15:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 25-03-2009 17:39:32


ตอนที่ ๔

   โรงเรียนที่ผมเรียนอยู่ นับว่าใหญ่ที่สุดในจังหวัดก็ว่าได้  เป็นโรงเรียนเก่าแก่  และมีชื่อเสียงทางด้านวิชาการมาก  ไม่มีใครหรอกที่ไม่อยากสอบเข้าที่นี่  แต่ก็นั่นแหละ  การที่จะสอบที่นี่ได้ใช่ว่าจะง่าย ๆ  เสียเมื่อไหร่  โรงเรียนตั้งอยู่ริมถนนสี่เลน  ฝั่งซ้ายของโรงเรียนเป็นที่ตั้งของธนาคารแห่งชาติสาขาภาคฯ  ส่วนฝั่งขวา  เดินไม่ไม่ไกล  ก็จะเป็นสถานที่ราชการ  ที่ทำการของเทศบาลนครฯ  และหากเดินต่อไปอีกก็จะถึงวงเวียนน้ำพุ


   ที่นี่เมืองใหญ่ . . .

   “ไอ้โอห์ม  พรุ่งนี้วันเสาร์นี้ไปดูหนังที่พลาซ่ากัน”  ไอ้บอลเอ่ยชวน  เมื่อเราเลิกเรียนในคาบสุดท้าย

   “เรื่องไรว่ะ”

   “หวานมันส์ฉันคือเธอ” 

   “ไอ้ศาล  มึงเป็นไปกับมันด้วยเหรอ”  ผมหันไปมองหน้าเพื่อนอีกคนในกลุ่ม    แปลกใจ  เพราะในความเป็นจริงแล้ว  มันน่ะเป็นพวกหนอนหนังสือ  ไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่

   “อ้าว  ไอ้บอลมันบอกเลี้ยงวันเกิดมันไง  ของฟรีใครไม่ไป”

   “รอบไหนว่ะ”

   “บ่ายทันมั้ยว่ะ  เลิกเรียนพิเศษเที่ยง  ไอ้ชายมันไม่มีเรียนให้มันไปจองตั๋วรอก่อนดีป่ะ”  ไอ้บอลหันไปทางเพื่อนอีกคน

   “ทำไมต้องกูว่ะ” 

   คนโดนพาดพิงหันมามองหน้า  ก่อนที่พวกเราจะหยุดที่หน้าพระพิฆเณศวร์  แล้วยกมือไหว้พร้อม ๆ  กัน  สิ่งเคารพของพวกเราเลือดฟ้าแดง

   “มึงไม่มีเรียนไง   หรือมึงไม่อยากดูจินตหรา”  ไอ้บอลมองหน้า

   ดาราดังของรุ่นนั้น  ที่คลั่งไคล้ของพวกผมทั้งรุ่น  จำได้ว่าตอนที่เขาไปถ่ายหนังเรื่องวงศาคณาญาติ  ที่ มอ.  ผมนะรบเร้าไอ้พี่โน้ตให้พาไปวิ่งออกกำลังกายที่ริมสระที่มอ. ทุกวัน  ทั้ง ๆ ที่ร้อยวันพันปี  ผมไม่ชอบออกกำลังกายเลยให้ตายสิ

   “กินติมกันดีกว่าว่ะ”  ไอ้ศาลขยับแว่น  พวกเราทั้งกลุ่ม

   “ใครเลี้ยง”  ผมหันไปมองหน้า

   “มึงไง”

   “ทำไมต้องกูว่ะ”

   “วันนี้วันเกิดมึงไอ้เหี้ยโอห์ม  อย่าทำเนียน  กูจำได้  มึงเกิดก่อนไอ้เหี้ยบอลหนึ่งวัน  ตอนวันเกิดกูก็พาไปเลี้ยงแล้ว  ตามึงเลยงานนี้”

   “กูจะแดกบานาน่าสปิต”   ไอ้บอลมันหันมายิ้ม

   “โหเพื่อน  ไม่มีบอกกันก่อนล่ะ  แล้วกูจะเอาเงินที่ไหนเลี้ยงพวกมึงว่ะ  แม่งมีอยู่แค่เนี๊ยะ”  ผมล้วงในกระเป๋ากางเกง  มีเหลืออยู่ไม่ถึงห้าสิบบาท

   “เอาน่า  เดี๋ยวกูให้ยืมก่อน”  ไอ้บอลหันมาบอก

   “ไอ้เวร  ให้กูเลี้ยง  แล้วให้กูยืมเงินอีก  เจริญนะมึง”

   “เหี้ยนี่ทำเป็นยิว  กูไม่แดกบานานาสปิตก็ได้  ขอเป็นช๊อคกแลตซันเดย์ก็พอ”  มันยิ้มต่อรอง

   “ถูกกว่ากันห้าบาทนะมึง แม่งเอ้ย  จะแดกไรก็แดก  กูเหลือค่ารถเมล์สองบาทพอ” 

   “พี่มึงไม่รับมึงเหรอวันนี้”

   “บอกว่ามีธุระ  ตั้งแต่ขึ้น ม.๓  เลิกเรียนทีไรทิ้งกูนั่งตุ๊ก ๆ  ตลอด  อย่าให้พ่อยอมให้กูขับมอไซด์มั่งเหอะ  กูไม่ง้อแม่ง” 

   ร้านไอศกรีมที่เราจะไปกัน  อยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับโรงเรียน  สมัยนั้นไม่มีสะพานลอย  แต่จะมีลูกเสือสามัญ  ม.๓  คอยมาสลับเวรกันเพื่อทำหน้าที่ห้ามรถให้นักเรียนข้าม    ในเวลาที่โรงเรียนเลิก  จะมีนักเรียนมารอให้ผู้ปกครองมารับ  มานั่งรอที่ร้านนี้กันมากเลยทีเดียว

   “โห  คนเยอะว่ะ”  ไอ้ศาลยืนคาประตูกวาดสายตามองไปทั่วร้าน

   “ไอ้โอห์ม  นั่นพี่มึงนี่  ธุระของพี่มึงนี่ควงพี่แจงดรัมเมเยอร์โรงเรียนมากินติมโว้ย  ไปนั่งใกล้พี่โน้ตดีกว่าโว้ย  มีโต๊ะว่าง”  ผมหันไปตามเสียงที่ไอ้บอลบอก

   ภาพที่ผมเห็นพี่โน้ต  นั่งคุยอะไรกันอยู่กับพี่แจง  และมีพี่เม  กับพี่หวานอยู่ด้วย  ผมนะหรือ  เกิดอาการเซ็งมาอย่างไม่รู้ตัว  เพราะผมอาจจะไม่ใช่คนสำคัญของพี่โน้ตอีกตอ่ไปแล้ว

   ผมไม่รู้ตัวเอง  ว่าผมรักพี่โน้ตตั้งแต่เมื่อไหร่ . . .

   . . . แต่ที่รู้

   ผมรู้ว่าผมเริ่มหึง  และหวงพี่โน้ตวันนี้นี่เอง

   ภาพที่ผมเห็นมันบาดลึกในหัวใจของผม   เหมือนมีอะไรมาดึงขาผมเอาไว้   ภาพที่เห็นผมแทบก้าวขาไม่ออก  ผมพยายามยืนให้ตรง  ก่อนที่จะก้าวตามพวกมันไปอย่างช้า ๆ

   “พี่โน้ต    พี่เม  พี่หวาน  พี่แจง  หวัดดีครับ”  เพื่อนผมทั้งกลุ่มมันยกมือไหว้รุ่นพี่ที่นั่งอยู่ก่อน

   “เฮ้ย  มากันไงนี่  นั่งก่อน ๆ เลย”  พี่เมทักทายตอบ 

   “ไอ้ตัวเล็ก”  พี่โน้ตเรียก  ผมหันไปมอง  พี่โน้ตยิ้มให้ผมเหมือนเคย  แต่ไม่รู้ทำไม  ผมไม่กล้ามองพี่โน้ต  อาจเพราะว่าผมเริ่มรู้จักหัวใจตัวเองมากขึ้น

   พี่โน้ต . . . ไม่ใช่พี่ชายในความรู้สึกของผมอีกแล้ว

   แต่ . . . เป็นคนที่ผมรัก  และหวงแหน  ผมไม่ยิ้มตอบ  แค่ยักคิ้วให้ก่อนที่จะนั่งลงในทิศทางที่มองหน้าพี่โน้ตได้ชัด ๆ  ผมอยากมองหน้าของคนที่ผมรัก  ถึงแม้  เขาจะไม่เข้าใจในความรู้สึกที่ผมมีก็เถอะ

   ในร้านแอร์เย็น  แต่ผมกลับรู้สึกร้อนรุ่ม . .

   “โอห์มกินอะไรสั่งเลย  วันนี้ไอ้โน้ตมันเลี้ยงเต็มที่  วันเกิดแจงทั้งที  จริงมั้ยว่ะ”  พี่เมหันไปทางพี่โน้ตที่ได้แต่พยักหน้ายอมรับ

   วันเกิดพี่แจง . . .

   . . .  ทำไมต้องเกิดวันเดียวกับกูด้วยว่ะ  ผมเริ่มหงุดหงิด

   “จริงดิพี่แจง  เกิดวันเดียว . . .”  ไอ้ศาลทำตาโต  แต่เจอผมเอามือปิดปากมันไว้ก่อน

   “ใครพูดเรื่องวันเกิด  กูกลับ”  ผมหันไปมองหน้าพวกมันเรียงตัว

   แต่ละคนมองหน้าผมแบบงง ๆ  เพราะอยู่ดี ๆ  ผมกลับอารมณ์เสีย  ไม่มีใครรู้ว่าเพราะอะไรที่ผมอารมณ์เสียใส่พวกมัน  แต่ผมรู้  ผมรู้ว่าเพราอะไร  เพราะผมรู้สึกว่า  ความสำคัญของผมต่อพี่โน้ตมันลดน้อยลง

   “ตัวเล็กทำอะไรเพื่อน”  เสียงพี่แจงหันมาถาม

   “ผมชื่อโอห์ม”  ผมหันกลับไปมองบอกหน้าพี่แจง

   “เรียกตัวเล็กก็น่ารักดีออก”  พี่แจงยิ้มให้ผม   “. . . ไม่ดีหรือตัวเล็ก”   

   แต่. . .

   ไม่รู้ทำไม  ผมไม่ชอบ ผมเกลียดน้ำเสียงที่พี่แจงเรียกผมแบบนั้น   ผมไม่ชอบ  ไม่ชอบเลย  ไม่ชอบให้ใครมาเรียกผมว่า . . . ตัวเล็ก

   “บอกว่าชื่อโอห์ม  ชื่อโอห์ม  อีกอย่างไม่เล็กแล้ว  ตัวผมโตกว่าพี่อีก  สิบห้าแล้ว  ทำบัตรประชาชนได้แล้ว”  ผมมองหน้าพี่แจงเอาเรื่อง

   “ดุจัง  ไม่เห็นเหมือนที่โน้ตเล่าให้ฟังเลย”  พี่แจงหันไปทางพี่โน้ต

   “ไอ้พี่โน้ต  เล่าอะไร  เอาเรื่องไรของโอห์มไปเล่า”  ผมหันไปตาเขียวใส่

   “นั่น  เอาแล้วมึงไอ้โน้ต  ความซวยมาเยือน  แม่งเล่าให้ฟังเสือกเล่าไม่หมด  มึงไม่บอกแจงหรือไง  มันไม่ชอบให้ใครเรียกตัวเล็กนอกจากมึง  ขนาดกูเรียกมันตัวเล็กมันยังกระโดดถีบยอดอกกูเลย”   พี่เมหัวเราะเบา ๆ

   “ไม่มีอะไรน่า  สั่งติมมากินเหอะ. . .”  พี่โน้ตจงใจลงท้ายด้วยน้ำเสียงที่ผมใจอ่อนทุกครั้ง  ”. . . ตัวเล็ก”

   “เป็นเชี่ยไรไอ้โอห์ม  ตอนออกมายังดี ๆ  อยู่เลย”  ไอ้ศาลมันคงเห็นอารมณ์อันฉุนฉียวในตัวผมมั้ง

   “ไม่มีไรหรอก”

   “ขอโทษพี่เขาหน่อยดิมึง  เขารุ่นพี่นะโว้ย”

   “กูผิดเหรอ”  ผมเลิกคิ้วมองหน้ามัน

   “มึงพูดไม่ดีกับพี่เค้านะโว้ย”

   “ก็กูไม่ชอบใครมาเรียกกูแบบนั้น”  ผมไม่สนใจกับสิ่งที่เพื่อนบอก  เพราะผมรู้ตัวเองดีว่า ต่อจากนี้  ผมคงตั้งตัวอยู่คนละฟากฝั่งกับพี่แจงแน่ ๆ 

   ผมเห็นสายตาที่พี่แจงมองพี่โน้ต . .

   . . . แล้วสายตาที่พี่โน้ตมองพี่แจงอีก

   “ไอ้โอห์ม”

   “เออ  เรียกอยู่ได้  กูไม่ขอโทษ  เพราะกูคิดว่ากูไม่ผิด   และที่สำคัญ  เท่าที่กูเรียนมาตั้งแต่ ม.๑ ยัน ม.๓ ลูกตรีจักรไม่มีระบบโซตัสที่ต้องคอยทำตามรุ่นพี่ทุกอย่าง . . .”  ผมเหลือบมองพี่แจง  ที่ป้อนไอติมใส่ปากพี่โน้ต

   หัวใจผมมันคล้าย ๆ  มีกระแสไฟแล่นเข้ามาในหัวใจ  มันรุนแรง  และเจ็บปวดกับสิ่งที่เห็น  ผมกำลังหึงอยู่ใช่ไหมหว่า

     “. . . ถึงมันจะมี ก็คงไม่ใช่กูแน่ ๆ  เพราะ  ม.ต้น  อย่างมึง  อย่างกูยังไม่ได้เลือกสาย  และถ้ากูต้องเลือก  กูไม่ยอมเรียนสายศิลป์ที่ต้องมาเป็นรุ่นน้องไอ้พี่โน้ตแน่นอน กูจะเรียนสายวิทย์”  ผมมองหน้าไอ้ศาล 

   ไม่มีวันเสียล่ะที่จะยอมให้ผมขอโทษคนที่มันกำลังจะขโมยหัวใจของผมไป

   “สายศิลป์แล้วไง  ตัวเล็ก”  พี่โน้ต  พี่โน้ตมองหน้าผม  เพราะรู้ดีว่าผมกำลังแดกดันเพื่อน ๆ  พี่โน้ตอยู่

   “โง่กว่าสายวิทย์”  ผมยิ้มยั่ว

   “ไอ้ตัวเล็ก”  เสียงพี่โน้ตดังขึ้น

   “หรือไม่จริง  ตอนพี่สอบเข้า ม.๑  พี่สอบได้ที่ ๑๑๒  ส่วนผม . . .”  ผมมองหน้าพี่โน้ตยืดอก

   “. . .ได้ที่ ๓๘”

   “ลอง ม.๔  เหอะ  จะติดที่เดิมหรือเปล่ายังไม่รู้”

   “โควตาเห็น ๆ  ครับ  ไม่ต้องสอบหรอก  หรือจะให้สอบสายศิลป์แบบพี่นะเหรอ  โอห์มยอมตายดีกว่า  ไม่อยากเรียนสายศิลป์  ไม่ชอบเรียนสุด ๆ  ยังไงก็สายวิทย์ชัวร์”  ผมมั่นใจ  เพราะการเรียนของผม  มันแถวหน้าของรุ่นนี่หว่า  เรื่องของโควตาเรียนต่อ  ก็คงไม่ยาก

   “ก็ดี  เรียนที่เดิมก็ดีแล้ว  อย่าร้องตามเค้าไปเรียนกรุงเทพฯ  แล้วกัน” 

   พี่โน้ตยิ้ม . . .

   . . . ผมใจหายวาบ   

   อีกแล้วหรือ  ปีก่อนผมรั้งพี่โน้ตไม่ให้ไปเรียนที่เยอรมัน  แต่อีกไม่ถึงปี  พี่โน้ตจะต้องไปเรียนกรุงเทพฯ

   การจากลา . . .

   . . . มันอยู่รอบ ๆ  ตัวเราจริง ๆ

   “โน้ต  เม  หวาน  แจงต้องกลับบ้านก่อนนะ  เย็นมากแล้ว”

   “หวัดดีครับพี่  แล้วเจอกันครับ”  ผมรีบยกมือไหว้พี่แจง  ในหัวใจนะลิงโลดเป็นที่สุด  ไม่อยากเห็นหน้าพี่แจงเลยให้ตายสิ

   พี่โน้ตหันมาตำหนิผมด้วยสายตา  แต่ผมไม่สน  แหล่มองไปรอบ ๆ  ตัว

   “อืม หวัดดีจ๊ะ  ไว้เจอกันอีกนะ . . .”  พี่แจงยิ้มหวาน

   พี่แจงสวย  ถ้าไม่ติดที่ว่าสายตาที่พี่แจงมองพี่โน้ตมันมีความหมายมากกว่านั้น  ผมเองก็คงจะคุยกับพี่แจงได้สนิทใจ  แต่อาจเพราะว่า  พี่แจงแสดงออกทางสายตากับพี่โน้ตมากเกินไป  ผมเลยพาลไม่ชอบพี่แจง

   ผมมองพี่เขาเก็บกระเป๋า   แต่ก่อนที่พี่เขาจะเดินจากโต๊ะ  เขาหันมายิ้มให้ผมอีกรอบ

   “พี่ไปก่อนนะ . . .  ไอ้ตัวเล็ก”  พี่แจงหันกลับไป  เดินไปทางหน้าร้าน

   “แมร่ง กวนตรีน”  ผมทำปากขมุบขมิบ

   “ไอ้เชี่ยโอห์ม  ไปว่าพี่เค้า”  ไอ้ศาลมันด่าผม  มันนะพวกสุภาพบุรุษที่สุดในโลก  มันทนไม่ได้หรอก  หากใครจะว่าผู้หญิง

   “กูยังไม่ได้พูดไรเลย”

   “แต่ปากมึงอ่ะ  ด่าเค้า  ห่านี่”

   “โอห์ม  รอพี่ที่นี่นะ  เดี๋ยวพี่ไปส่งพี่แจงก่อน”  พี่โน้ตมันเอากระเป๋าของมันมาโยนไว้ที่ตักผม  ก่อนที่จะเดินออกไปจากร้าน 

   ผมมองตามพี่โน้ต  ทำไมหัวใจผมมันหวิว ๆ  แล้วยิ่งตอนที่ผมเห็นพี่แจงนั่งสะพายข้างเกาะเอวพี่โน้ตเอาไว้  ผมรู้สึกเหมือนใครมาบีบหัวใจของผมอย่างแรง  ผมเจ็บที่หัวใจ  ไม่อยากเห็นภาพนั้นเลย 

   แบบที่ผมเป็นอยู่เขาเรียกว่าอะไรหนอ . . .
   
   
   
   




หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 25-03-2009 17:42:49
•  แบบที่ผมเป็นอยู่เขาเรียกว่าอะไรหนอ . . .
วุ้ย เรียกว่า 'ลมเพชรหึงโชยมา' ละมังคะ อิอิ

๑. ต๊าย . . . ของดองบางอย่างก็อร่อยนะค๊ะคุณ

จริงป่ะค่ะน้อง . . . แทนย่า
อูย . . . 

๒. พ่อกับอา  รักกัน  แล้วมารักกับหลานอีกสักครั้งไม่เท่าไหร่  หรอกมังค่ะ

กลัวแต่ว่า . . .

มีอะไรกับพ่อ . . . แล้วมามีต่อกับหลานอีกนี่สิ

ทรมานนนนนนนนนนนนน  สุด ๆ  บาปรักเลยนะค๊ะคุ๊ณณณณณณณณ
๑. ต๊าย หลุ (diarrhoea) เลยค่ะ หุหุ
๒. วั้ย มรดกตกทอด 5555555
ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 25-03-2009 17:53:27
 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :n1: :n1:



ช้าไปป่าววววววว น่าาาาาาาาาา




 :pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :pig2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 25-03-2009 18:06:00
กำลังตามอ่านนะเพ่คร๊าบบบ

คิดถึง ^0^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 25-03-2009 18:40:42
อย่าจบเศร้าเลยนะครับ
ขอร้องงงงงงงงงงง
 :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 25-03-2009 18:50:04
+1 ให้คุณราชบุตร เห็นด้วยค่ะว่ามันเศร้ามาแต่ต้นเรื่องแล้ว เพราะฉะนั้นขอจบแบบ happy ดีกว่านะคะ
สงสารทั้งโน้ตทั้งอาร์มเลยค่ะ เมื่อไหร่จะได้สมหวังกันสักที จะรอตอนต่อไปนะคะ  :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 25-03-2009 18:55:55
อาการอย่างที่โอห์มเป็นเนี่ย
คืออาการของขึ้นเพราะความหึงเข้าสิงนี่นา


ขอบคุณครับ . . .

แนวความคิดโดนใจผมจังเลย   รับฟังนะครับ  แต่ไม่รับปากว่าจะเขียนแบบที่รับฟัง

เพราะ . . .

ตามที่คิดเอาไว้  มันน่ากลัวกว่าเยอะ  คนเขียนยังไม่แน่ใจว่าจะกล้าเขียนแบบที่ตัวเองตั้งพล๊อตไว้ในหัวหรือปล่าว  กลัวจะช๊อคเสียเอง  อิอิอิ
ขอบคุณเช่นกันค่ะ
แต่คล้ายๆกับว่าจะต้องเตรียมทำใจไว้อย่างแรง ไม่งั้นถ้าคนเขียนกล้าเขียนตามพล๊อตที่คิดไว้ อาจจะช็อคตามคนเขียนไปติดๆ หุหุ

บวก 1 ให้นะคะ รอลุ้นต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 25-03-2009 19:34:09



บอกว่านิยายถ่ายทอดสด . . .

. . . เลยเอาอีกครึ่งตอนมาฝาก

เจอแบบบีบหัวใจมาสามตอนติด ขอแบบอมยิ้มดีกว่าเนอะ

ใครรุ่นน้องของ  โน้ต  กับ โอห์ม  มั่งหว่า . . . ลูกฟ้า - แดง  ตรีจักร  แห่งทักษิณ (ที่แปลว่าภาคนะ  ใช่ตัวสัมภเวสี)







ตอนที่ ๔ (ต่อ)

   ผมไม่ได้รอพี่โน้ต  เพราะเพียงแค่พี่โน้ตคล้อยหลังกลับไป  ผมก็กลับออกมาจากร้านพร้อมกับไอ้บอล  บ้านไอ้บอลอยู่ในค่าย  ที่ติดกับศูนย์วิจัยฯ  ผมไม่อยากกลับเข้าบ้าน  มันบอกไม่ถูก  ผมอยู่เล่นที่บ้านของไอ้บอลจนเกือบสี่ทุ่ม


   ผมรักพี่โน้ตเข้าอย่างเต็มหัวใจ . . .

   ถนนสายเดียวที่จะพาผมไปที่บ้านพักมันต้องผ่านสระน้ำ  สระที่ผมแทบเอาชีวิตไม่รอด  หากวันนั้น  ผมได้พี่โน้ตช่วยเอาไว้ผมคงไม่มีวันนี้  ผมเดินมาตามถนนอย่างช้า ๆ  กอดกระเป๋าสองใบเอาไว้แน่น 

   ผมกอดมันเอาไว้ราวกับว่าจะให้รับรู้ไปถึงเจ้าของกระเป๋าอีกใบ . . .

   “หายไปไหนมา  ห่วงแทบแย่”  พี่โน้ตวิ่งออกมาจากศาลาริมน้ำที่แยกไปทางซ้ายนิดหน่อย

   ผมหยุดมองหน้าพี่โน้ตนิดเดียว  แค่นิดเดียวจริง ๆ  เพราะผมไม่อยากให้พี่โน้ตเห็นความอ่อนแอในตัวผม

   “คุยกันก่อน”  พี่โน้ตจับมือผมเอาไว้  เมื่อเห็นว่าผมกำลังจะเดินจากไป

   “ผมเหนื่อย  ง่วงด้วย”

   “พี่หิวข้าว”  พี่โน้ตมันจับไหล่ผมให้หันมามองหน้า 

   “ก็ไปกินดิ  ใครห้ามไว้เล่า”

   “ไปกินด้วยกัน”

   “ดึกแล้ว  เดี๋ยวพ่อด่า”  ผมบอก  พลางเบี่ยงตัวหลบจากพี่โน้ต

   “แล้วคิดหรือว่าเข้าบ้านไปคนเดียวลุงอาทจะไม่ด่า  เลือกเอา  จะเข้าบ้านพร้อมพี่หรือจะเดินไปเองคนเดียว”  พี่โน้ตยิ้ม  เพราะถือไพ่เหนือกว่าผม

   “เอากระเป๋าไปเก็บก่อนได้มั้ย”  ผมต่อรอง

   “ก็ดี   พี่กลับมาไอ้เมบอก  โอห์มกลับไปแล้ว มาถึงบ้านลุงอาทบอกโอห์มยังไม่กลับ  พี่เลยบอกไปว่า  โอห์มอยู่ทำบอร์ดที่โรงเรียน  พี่กลับมาเอาของ  เดี๋ยวก็กลับไปโรงเรียนอีก  จะกลับมาพร้อมโอห์ม  พี่มานั่งรอโอห์มที่นี่ตั้งแต่ตอนเย็น”  พี่โน้ตบอกพลางขึ้นคร่อมเจ้ามอไซด์คันเก่ง

   ผมน้ำตารี้นออกมาทันที . . .

   ในขณะที่พี่โน้ตห่วงผม  เก็บเรื่องราวเล็ก ๆ  ของผม  แต่ดูเหมือนว่า  ผมกำลังทำอะไรอยู่  ผมทำอะไรอยู่ . . .  ผมได้แต่ถามตัวเองในใจ

   พี่โน้ตไม่ดับเครื่องยนต์  แต่รอให้ผมเอากระเป๋าไปเก็บที่บ้าน  ผมบอกแม่ว่าจะออกไปหาอะไรกินกับพี่โน้ต  แล้วคืนนี้จะค้างที่ห้องพี่โน้ต  ไม่ต้องรอเปิดประตูบ้าน  ก่อนที่จะวิ่งกลับมากระโดดซ้อนท้ายพี่โน้ต

   พี่โน้ตขับรถไปอย่างช้า ๆ  อากาศเย็นจนผมต้องเอามือสอดกระชับไว้ที่หน้าท้องของพี่โน้ต  ดูเหมือนพี่โน้ตจะก้มเหลือบมองนิดนึง  แต่แล้วมือข้างซ้ายของพี่โน้ตก็มาจับที่มือของผมเอาไว้  ผมมีความสุขอย่างประหลาด  แม้ผมจะกอดมันบ่อยเวลาที่มันขับรถเล่นแบบนี้ แต่มันไม่เคยที่จะจับมือผมเอาไว้แบบนี้  ผมได้ทีซุกหน้าลงกับแผ่นหลังกว้างของมัน    ถนนสายเก่าหาดใหญ่ – สงขลา  รถน้อย  มันขับมาเรื่อย ๆ  จนถึงทางแยกไปเกาะยอ  มันเลี้ยวไปตามถนนเส้นนั้น  ก่อนที่จะไปหยุดที่กลางสะพานที่ยาวที่สุดในประเทศไทย

   มันจอดรถแอบไว้ริมถนนที่กลางสะพาน  ก่อนเดินลงไปยังกลางสะพานช่วงที่สอง   ทะเลสาบสงขลาช่วงนี้สวย  เพราะถ้ามองมาฝั่งเกาะยอจะเห็นแสงไฟระยิบระยับจากร้านอาหาร  และบนเนินเขาเล็ก ๆ  ที่ตีนสะพานนั่น . . . สถาบันทักษิณคดีศึกษา

   พี่โน้ตไม่ค่อยกลัวอะไร  มันปีนไปนั่งที่ราวสะพาน  ผมนึกไม่ออกเหมือนกัน  ว่าถ้ามันตกลงไป  มันจะมีแรงว่ายน้ำกลับเข้าฝั่งมั้ย

   “ปีนมาดิ๊  ไอ้ตัวเล็ก” 

   “ม่ายอ่ะ”  ผมส่ายหัวไปมา

   “เอ้า  มาดิ๊  อย่ากลัว  มีพี่อยู่ทั้งคน”   มันยื่นมือมารับ

   “ยิ่งมีพี่น่ะ  โอห์มยิ่งกลัว แม่งชอบแกล้ง”   ไม่มีวันที่ผมจะยอมหลวมตัวปีนไปนั่งแบบที่มันทำอยู่เด็ดขาด

   “น่านะ  สัญญา  ไม่แกล้ง  พี่จะดูแลโอห์มเท่าชีวิต”   มันกระโดดกลับลงมา  ก่อนคว้าหมับที่ข้อมือผมไว้

   “ไอ้พี่โน้ต  อย่า”

   “หน้าซืดเป็นไก่ต้ม  ป้อดเหรอ  บอกแล้วไง  ไม่แกล้ง  ลองดูสิ  ขึ้นไปนั่ง  แล้วมองออกไปไกล ๆ  จะรู้  ฟ้าสวย  ดาวระยิบระยับเต็มไปหมด  โอห์มลองดูนะ  พี่สัญญาไม่แกล้ง”  มันตะแบะสามนิ้วเป็นสัญญาลูกเสือ

   ผมมองหน้ามัน . . .

   “จริง ๆ  นะ  ห้ามแกล้งโอห์มนะโว้ย”

   “เออ!  รีบปีนไปเหอะ  พี่มีอะไรจะบอกโอห์ม”    มันเร้า ๆ  เร่งผมพิกล

   ขาผมนะหรือสั่นพั่บ ๆ  พ่อเจ้าพระคุณเอ้ย  เบื้องล่างนั่นทะเลสาบสงขลานะ  แล้วเกิดผีผลักขึ้นมาล่ะก็  มีหวังได้เป็นผีพรายแน่ ๆ  ผมมองหน้ามัน  พี่โน้ตมันยิ้ม  เอามือตบที่หลังมือผมเบา ๆ    มันรู้ว่าผมกลัว  มันเลยลากผมมาที่เสาไฟ  แล้วให้อีกมือของผมยึดเสาไฟเอาไว้  นัยว่า  ยอมตายเพราะไฟรั่วจากเสาดีกว่าตกไปตายก้นทะเลสาบ

   “เห็นม๊ะ   ไม่เห็นน่ากลัวสักนิ้ด”    มันยืนพิงราวสะพานตะแคงหน้ามาหาผม

   “ไหนคุณพี่มึง  มีอะไรจะบอกโอห์ม”

   “โอ๊ย . . . ตบโอห์มทำไม”   ผมเอามือจับที่ปาก

   “พูดไม่เพราะ  มามึงกับพี่ได้ไง”

   “แหม  นิดเดียวเอง”

   “นิดก็ไม่ได้  ห้ามพูดจาไม่เพราะอีกเข้าใจมั้ย”  พี่โน้ตมองหน้าผม  รอคำตอบ

   “คร๊าบบบบบบบบบ  คุณพี่ชาย    ที่คุณพี่ลากโอห์มถึงเกาะยอนี่  มีอะไรล่ะครับ  ไหนบอกหิวข้าว”

   “พี่มีเรื่องจะบอกโอห์ม”

   “บอกที่บ้านก็ไม่ได้  ลากมาทำไมถึงนี่”    ปากพูดหากอีกมือเกาะเสาไฟเอาไว้แน่น   ผมกลัวตกนี่หว่า  ตกลงไปในทะเลสาบสงขลานี่นะ  คงไม่ต้องดิ้นรนหรอก  เพราะแค่สระในศูนย์วิจัย  ยังว่ายไม่รอดเลยโอห์มเอ้ย

   “เอาน่า  ถือว่ามาเที่ยว  นาน ๆ  ได้ออกมาที  วันดี ๆ  แบบนี้ด้วย”

   “วันนี้  วันนี้อะไรหรือพี่โน้ต”  ผมยิ้มเพราะคิดว่าพี่โน้ตจะจำวันเกิดผมได้

   “วันศุกร์”

   “ไม่ใช่!  ไอ้พี่โน้ตนี่”

   “เอ้าก็มันวันศุกร์”    พี่โน้ตยิ้ม   แสงจากไฟสะพานทำให้ยิ้มพี่โน้ตดูสวย  แต่ทำไม  ผมกลับเห็นมันทำท่ากวนตีนซะงั้น

   “ช่างแม่งเหอะ   ไม่จำก็ไม่ต้องจำ”    ผมงอนเหมือนเด็ก ๆ 

   “แม่งงอน   ดูดิ  ปากยังกะตูดไก่เวลาจะไข่”    พี่โน้ตเอามือไปเชยคางผมเล่น

   “เรื่องของโอห์ม”    ผมหันหลังกลับ   ก่อนลงมายืนเกาะราวสะพาน  แววตามันทอดยาวออกไปไกล  ผมไม่รู้หรอก  ข้างหน้ามันมีอะไร 

   ผมหันไปมองพี่โน้ต  แกมองไปในทางเดียวกับผม  ผมไม่รู้หรอกว่าตอนนี้พี่โน้ตมันคิดอะไรในตอนนั้น  ผมรู้แค่ว่ามันไม่สนใจผมเลยด้วยซ้ำ

   พาผมมาถึงเกาะยอ  แต่ดันไม่สนใจ  ผมแอบเซ็งเลยงอนมันมั่ง . . .

   “โอห์ม . . .”  มันเรียกผมเบา ๆ 

   ไร้ประโยชน์หรอกไอ้คุณพี่  เพราะคุณน้องแอบงอนอยู่คร๊าบบบบ  ว่าแล้วก็กระเถิบตัวถอยห่างออกไปหนึ่งก้าว  ผมแอบยิ้ม  ไม่มีอะไรสนุกเท่าได้ยั่วโทสะพี่โน้ตมัน

   “เฮ้ย !  ไม่หันมาหน่อยหรือ”

   “ไม่”  เสียงผมห้วน

   พี่โน้ตเลยพยายามกระเถิบตัวมาชิดผมอีกก้าว  แต่ผกวนตีนมัน  ขยับตัวถอยห่างออกไปอีก  มันเข้าใกล้  ผมถอยห่าง

   “ง้อแล้วหนี  ไม่ต้องมาพูดเลย”    คราวนี้เป็นพี่โน้ตที่เดินห่างออกไป

   “ไรวะ  มีงอนน้องอีก”

   “อยู่ห่าง ๆ  อย่าตามมา”  พี่โน้ตชี้ที่พื้นให้ผมห่างกันสองก้าว 

   “ไอ้พี่เหี้ยนี่!  ทำยังก๊ะกูเป็นเมียต้องคอยตามง้อ”  ผมตะโกนใส่มัน  ก่อนเดินข้ามไปอีกฝั่งของสะพาน

   ผมตัดสินใจแล้ว . . . เดินกลับ

   ทำไมนะหรือครับ  ผมรู้  เดี๋ยวมันก็ตามผมมาเองแหละ  มันไม่กล้าปล่อยผมไว้ที่เกาะยอหรอก เดี๋ยวเหอะมึง  ไอ้พี่บ้า  อย่าให้ถึงทีไอ้โอห์มบ้างก็แล้วไป  ผมมาดหมาย  แล้วมันก็เป็นดังที่ผมคาด ก่อนที่ผมจะเดินมาถึงฝั่งเกาะยอ  เสียงมันชะลอรถ

   “ขึ้นรถเหอะ  ไอ้ตัวเล็ก”  เสียงมันเริ่มบอก  อารมณ์ดีขึ้น

   ผมรู้ควรทำเช่นไร  หยุดมองหน้ามัน  ก่อนชี้นิ้วไล่มันให้ไปซ้อนแทน  คราวนี้มันทำตามอย่างว่าง่าย  ผมยังตีหน้ายักษ์ใส่มัน  ก่อนขึ้นคร่อมประจำที่คนขับแล้วบิดไปอย่างรวดเร็ว

   “รีบไปหาพระบิดามึงเหรอคุณน้อง”  มันตะโกนอยู่ข้างหลัง  หากแต่มือมันมาโอบกอดผมเอาไว้

   “เรื่องของโอห์ม”

   “ไปสงขลากันก่อนนะ  ขับไปบนเขาตังกวน  กล้าขึ้นไปมะล่ะ”  เสียงมันกระซิบที่ข้างหูท้าทายผมในที

   “กลัวก็ไม่ใช่โอห์มดิครับ”  ผมตอบมันก่อนบิดซะหมดไมล์

   ไอ้พี่โน้ตมันทั้งบ่นทั้งด่ามาตลอดระยะทางจากเกาะยอมายังบนยอดเขาตังกวน  เพราะผมไม่ยอมชะลอความเร็ว   ก็จุดหมายผมอยู่ที่เขาเล็ก ๆ  กลางเมืองสงขลา  ก่อนที่ผมจะจอดรถในจุดที่สามารถมองเห็นเมืองได้ถนัด

   แสงระยิบระยับจากที่พักอาศัยเบื้องล่าง  กับ แสงระยิบระยับจากดวงดาราบนฟากฟ้า  ผมเหมือนคนที่อยู่กลางระหว่างโลกกับสวรรค์

   พี่โน้ตจับมือผมเอาไว้ . . .

   มันยิ้ม  รอยยิ้มมันสว่างท่ามกลางความมืดบนยอดเขาตังกวน  ผมยิ้มตอบ  ไม่มีคำพูดจากมันและผม  มีแต่ ความรู้สึกทั้งหมดที่ถ่ายเทผ่านสายตา  ลงไปสู่อุ้งมือของเราทั้งสอง  มือที่จับกันแน่น นิ้วที่บีบรัดต่อกันมีความหมายในตัวมันเอง  ภาษากายทดแทนทุก ๆ  อย่างที่อัดแน่นในหัวใจ 

   “สุขสันต์วันเกิดนะไอ้ตัวเล็ก”

   “จำได้ด้วยเหรอ” 

   “จำได้สิ  ไม่เคยลืม”

   “แล้วตอนที่อยู่เกาะยอ  โอห์มถามทำไมไม่สนใจ”

   “ก็ไม่ชอบให้ถาม   อยากบอกที่สะพานติณฯ  แต่เห็นว่าอยากรู้เลยแกล้งไม่สนใจ  เพราะอย่างไรเสีย  เรื่องของตัวเล็กพี่ไม่เคยลืม  เรื่องสำคัญของตัวเล็ก  พี่จะลืมได้อย่างไร”    พี่โน้ตบอก  แววตาเป็นประกาย

   “อะไร”  ผมถามมันเมื่อผมวางโลหะชิ้นเล็ก ๆ มาวางในอุ้งมือ

   “แทนทั้งหมดจากความรู้สึกที่พี่มี  จากหัวใจดวงนี้สู่หัวใจของใครอีกดวง”     พี่โน้ตบีบมือผมเบา ๆ

   “แหวน . . . วงนั้นนี่หว่า”  ผมหยิบแหวนมามอง  ใช่วงเดียวกับที่ผมไปเดินดูกับพี่โน้ต แหวนทองคำขาววงเล็ก ๆ  สลักลวดลายแปลกตา

   “พี่ตั้งใจจะให้กับคนที่พี่รัก  แต่พี่ไม่กล้าไปซื้อเอง  เลยปรึกษาพี่แจงมัน  ว่าจะให้ไปซื้อเป็นเพื่อน  แต่เห็นเราฟาดงวงฟาดงา   พี่แจงมันเลยบอกจะกลับบ้าน  พี่กลัวไม่มีคนไปซื้อเป็นเพื่อนเลย  ออกตามแจงมา  กลับมาอีกทีไอ้ตัวแสบหายแล้ว”  พี่โน้ตยิ้ม

   “แพง  ซื้อมาทำไม”    ผมมองหน้า  รู้สึกผิดเล็ก ๆ   กับเรื่องงี่เง่าที่ทำไปในตอนเย็น

   “ไม่อยากได้แล้วหรือ”

   “อยากได้แต่มันแพง  ตั้งพันกว่า”

   “พี่อยากให้โอห์ม”

   “ทำไม”

   “พี่ไม่รู้ว่าทำไม  พี่รู้ว่าพี่อยากให้  พี่ไม่อยากให้ใครนอกจากโอห์ม  ตั้งแต่พี่จำความได้  คนเดียวที่มาปั่นหัวพี่ได้มากที่สุดคือโอห์ม”  พี่โน้ตจับมือผมไปแตะที่จมูก

   “พี่โน้ต”

   “พี่ว่าพี่รักโอห์มว่ะ  รักมากกว่าน้องชายแล้วล่ะ”  พี่โน้ตก้มหน้าด้วยความอาย

   “โอห์มนึกว่า  มีแต่โอห์มเสียอีกที่รักพี่โน้ตมากกว่าพี่”

   “โอห์มว่าไงนะ”  พี่โน้ตตาโต

   “โอห์มไม่รู้เหมือนกันว่าโอห์มรักพี่ตั้งแต่เมื่อไหร่  แต่โอห์มรู้วันนี้ที่ร้านไอติม  โอห์มเจ็บหัวใจที่เห็นพี่แจงป้อนไอติมให้พี่”

   “แจงเพื่อนพี่  เพื่อนสนิทเลย  มันแกล้งชอบพี่  เพราะน้ำหวานเขาแอบชอบพี่  แต่พี่ไม่ได้รักน้ำหวาน  เลยแกล้งสวีทกับแจง”

   “แล้วไม่ยอมบอกตั้งแต่ทีแรก”

    “ตกลงแหวนนี่จะเอามั้ย  พี่ตั้งใจซื้อให้โอห์มนะเนี่ย”    พี่โน้ตชูแหวนในมือ

   “เอาดิ๊  ใส่ให้โอห์มด้วยสิ”  ผมยื่นมือข้างขวาไปให้  ก่อนที่จะถอดแหวนรุ่นจากนิ้วนางด้านขวามาสวมที่นิ้วนางด้านซ้าย 

   แหวนรุ่น . . .

   . . .  วงนี้ก็ของพี่โน้ต

   แหวน . .  . ตอน ม. ต้น  พี่โน้ตให้ผม

   พี่โน้ตเอาแหวนมาแตะที่ริมฝีปากตัวเองเบา ๆ . . .

   “ไม่ใช่แหวนหมั้น  ไม่ใช่แหวนแต่งงาน  แต่เป็นแหวนแทนความรักทั้งหมดที่พี่มีให้กับคนคนนึง  คนเดียวที่พี่จะรักได้ในชีวิตนี้    จำไว้นะ  อย่าลืมฉัน . . . แม้รักร่วมสวมใส่ไว้ติดกาย  เมื่อใดวายสวาทวอดจึงถอดเอย”   

   “ฟอร์เก็ตมีน็อท  สำนวนนักเขียนดังเลยนะครับคุณพี่มึง” 

   ผมจำได้    จำได้ดี  หนังสือเล่มนั้น . . . ที่พี่โน้ตให้ผมในวันเกิดปีที่ผ่านมา  ผมอ่านรวดเดียวจนจบในคืนเดียว  และใช่แค่อ่านรอบเดียว  แต่อ่านจนแทบจารจำทุกตัวอักษร . . . อย่าลืมฉัน

   วันเกิดปีก่อนโน้น . . . พี่โน้ตต้องการสื่ออะไรถึงผม  ผมไม่รู้  อาจเพราะผมยังเด็กเกินไป  แต่วันนี้  วันครบรอบสิบห้าปีเต็มของผม  สิ่งที่พี่โน้ตบอกมา  ผมรับรู้ได้ด้วยหัวใจ

   คืนนั้น . .  . ผมยอม 

   . . . ยอมเป็นของพี่โน้ตด้วยความเต็มใจ!
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: toeyz12 ที่ 25-03-2009 19:36:49
 :impress2:     รอตอนต่อไปๆๆ   

+1  ให้จ้า 
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: imageriz ที่ 25-03-2009 20:01:14
มีงอนกันเล็กน้อย ก่อนที่จะเผยความในใจกันออกมา

พี่น๊อตก็เข้าเลือกสถานที่ในการบอกรักจริง ๆ 

ตัวเล็กคงจะมีความสุขในวันเกิด ที่ได้ทั้งตัวและหัวใจของคนที่รัก

และแหวนแทนใจอีก  น่ารัก ทั้งพี่น๊อตทั้งโอห์มเลย  :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: peemakarn ที่ 25-03-2009 20:34:21
ต๊ายยยยยยยยยย ตอนนี้น่ารักมากค่ะ

อิอิ บรรยากาศเชิงเขาคอหงส์

อ่างน้ำ มอ. ค่ายเสนา

ศูนย์วิจัยยาง

โดนจายยยยยยยยยเจงๆๆๆ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: tamtam ที่ 25-03-2009 21:13:04
รออ่านต่อปาย  :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: Siri_nan ที่ 25-03-2009 21:33:03
 :impress2: มารอติดตาม
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 25-03-2009 21:34:56
จะไม่อธิบาย NC หน่อยหรือครับ

 :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: HuaTangMo ที่ 25-03-2009 22:44:49
มารอติดตามครับ
เห้อ ท่าทางจะเศร้าอีกแล้ว
อุตส่าห์ห่างแล้วเชียวนะ
เป็นกำลังใจให้ครับ
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 25-03-2009 22:46:50
น่ารักจังเลย แล้วทำไมตอนหลังต้องมาแยกจากกันละ  :เฮ้อ:


ปล.ตอนสุดท้ายตัดฉึบไปโคมไฟเลยนะคุณราชบุตร อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 25-03-2009 23:14:58

• “แม้รักร่วมสวมใส่ไว้ติดกาย  ต่อเสียไพ่วายวอด....ถอด..จำนำ”
วุ้ย ซึ้งค่ะ ซึ้ง หุหุ
ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 26-03-2009 00:08:02
ซึ้งอ่ะ ชอบ ๆ

แต่ไม่เอาแบบเศร้ากระชากใจนะครับ หุหุ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 26-03-2009 02:05:11
อ่านแล้วอิ่มใจจัง แอบเคืองเจนมาเรียกตัวเล็กเหมือนพี่โน๊ตได้ยังไง
ชื่อนี้เค้าสงวนสิทธิผูกขาดให้พี่โน๊ตเรียกได้คนเดียวเท่านั้น
มาสวีตกันให้เห็นต่อหน้าต่อตาแบบนี้ใครจะไม่น้อยใจล่ะ
แต่น้อยใจได้ไม่นาน พี่โน๊ตก็แก้ตัวได้สำเร็จ

“พี่ว่าพี่รักโอห์มว่ะ  รักมากกว่าน้องชายแล้วล่ะ”

เป้นการบอกรักที่เท่โคตร ไม่ต้องหวาน ไม่ต้องออดอ้อนอะไรมากมาย
ค.จริงใจของพี่โน๊ตที่แสดงออกมาเนี่ยสุดๆจริงๆ รักน้อ ห่วงน้อง ไม่เคยลืมแม้กระทั่งรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ
ของโอห์มเลย

“น่านะ  สัญญา  ไม่แกล้ง  พี่จะดูแลโอห์มเท่าชีวิต”

แมนจริงๆ จะดูแลเท่าชีวิต วุ้ยๆอ่านแล้วซึ้งดีแท้

ขอบคุณคุณราชบุตรคะ ชอบมากกกกกกกกกกก  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 26-03-2009 02:08:23
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:



ชอบบบบบบอ่า  พีต้นนนนนนนนนนนนน




 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 26-03-2009 09:16:29


^

^

^

ชอบพี่เหรอน้อง . . . เหอะ ๆ ๆ


พี่มีคนคอยหวงแล้วดิ  ทำไงดี  อิอิอิ


 :o8:   :o8:   :o8:


หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 26-03-2009 09:58:16
มาตามอ่านค้าบ
น่ารักได้อีก :-[
ขอบคุณค้าบ :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 26-03-2009 10:11:23
 :m4:
ไม่เคยผิดหวังเลยกับงานเขียนคุณต้น...

ปล. ไม่นิยมให้ผู้อ่านชี้นำผู้เขียน อยากให้นิยายเป็นธรรมชาติ
เป็นเหตุเป็นผล ผลลัพธ์ออกมาจะเศร้าก็เศร้า จะสุขก็สุข รับได้
งานเขียนจะให้คุณค่าและได้อรรถรสมากกว่า...ว่ามะ  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 26-03-2009 11:35:19

มานั่งรอ.............................


 :t3: :t3: :t3: :t3: :t3: :t3: :t3: :t3: :t3: :t3: :t3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: Ploy-Tawan ที่ 26-03-2009 14:24:01
"แม้รักร่วมสวมใส่ไว้ติดกาย  เมื่อใดวายสวาทมอดจึงถอดเอย" เคยอ่านนิยายเรื่อง"อย่าลืมฉัน" เหมือนกัน นานมากแล้ว แต่ยังจำประโยคนี้ได้ ซึ้งกินใจ
ถ้าชีวิตจริง มีผู้ชายน่ารัก แสนดี จริงใจและซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองแบบพี่โน้ตนี่ คงรักไม่ลืมเหมือนอย่างโอห์มเช่นกัน  เสียดาย..หาไม่ได้ ที่ได้ก็ไกลลิบจากพี่โน้ต  :serius2:
ภาษาสวย เนื้อเรื่องกินใจ อยากรู้ว่าใครจะเป็นตัวเอกของเื่รื่อง โน้ตหรือโอ๊ต  ไม่รู้เรื่องนี้จะยาวหรือเปล่า แต่ชอบและติดไปแล้ว
ขอบคุณเจ้าของเรื่อง  :pig4:
รอตอนต่อไป  :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: yee ที่ 26-03-2009 16:49:30
อ่านเรื่องนี้นึกฝากออกเลยสนุกมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ติดอีเรื่องแล้วมาต่อเร็วๆๆนะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 26-03-2009 17:33:03
รักมากกว่าน้องแล้ว อิอิ

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 26-03-2009 19:08:49


ตอนที่ ๕

   ผมไม่รู้เหมือนกันว่า  อันไหนคือความฝันหรือว่าอันไหนคือความจริงกันแน่  ผมรู้เพียงแต่ว่า  สำหรับผม  ภาพใด ๆ  ก็ไม่แจ่มชัดเท่าภาพของความทรงจำ  ภาพความทรงจำที่ติดตัวผมมาที่สุดคือภาพของพี่โน้ต


   คนที่เป็นเหมือนทุก ๆ  อย่างในชีวิตของผม

   เมื่อเช้าผมตื่นขึ้นมา  โดยมีโอ๊ตอยู่ในอ้อมกอด  ผมไม่รู้หรอก  ว่าผมรู้สึกอย่างไรในเวลานั้น  แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนกับว่า  ชีวิตของผมกลับไปสู่วัยเด็กอีกครั้ง 

   วันคืนเก่า ๆ  ไม่เคยผ่านไปไกลเลยสำหรับตัวผมเอง

   “โอ้ย  ทำไมไม่มีหลักสูตรภาษาเยอรมันเลยอ่ะครับอาโอห์ม”  โอ๊ตมันบ่น  เมื่อผมพาโอ๊ตตะรอนหาที่เรียนมาเกือบทั้งวัน

   “ไม่ค่อยมีคนเรียนไง” 

   “เซ็งเลย  แบบนี้ลำบากอาโอห์มแน่ ๆ”  ไอ้ตัวสบมองหน้าผม

   “ยินดีจะลำบาก   ยินดีอย่างที่สุด . . .”  ผมยิ้ม 

   “. . . ไม่เอาไปสมูทตี้ช๊อค  เขาเรียกหาอยู่น่ะ”  ผมชี้ไปที่เคาน์เตอร์ของร้านกาแฟดังข้ามชาติ  ที่ชั้นสองของห้างที่แยกลาดพร้าว

   ไอ้ตัวแสบเดินไปอย่างว่าง่าย . . .

   ผมมองตามโอ๊ต  บอกไม่ถูกเหมือนกัน  ว่าจะดีใจหรือเสียใจดี  ที่มีโอ๊ตเข้ามาในชีวิต  บางครั้งในยามที่เหงา  ผมอยากมีใครสักคนที่พอจะคุยกันได้  แต่ทำไม  ฟ้าเล่นตลกกับผมได้ขนาดนี้ก็ไม่รู้

   ผมหันกลับมามองมือตัวเองเอานิ้วเกลี่ยที่แหวน . . .

   . . . จำไว้นะ  อย่าลืมฉัน . . . แม้รักร่วมสวมใส่ไว้ติดกาย  เมื่อใดวายสวาทวอดจึงถอดเอย . . .   เสียงสั่งจากหัวใจของผมบอกเอาไว้  ผมจำได้ดีไม่มีวันลืม

   แม้เวลาจะผ่านไปนานกี่ปี  ผมก็ไม่ลืม  ไม่มีวันลืมโดยเด็ดขาด  จะลืมได้อย่างไร  ในเมื่อทุก ๆ  อย่างที่มันเกิดขึ้น  มันคือความผูกพันอันยาวนาน   ที่ยากจะหาอะไรมาลบเลือนมันได้  ผมไม่ลืม  และไม่เคยคิดที่จะลืม

   ลืมช้าก็ไม่ลืม . . .

   . . . มันจารจดจรดอยู่ในหัวใจของผมมาตลอดเวลา

   “แน่ะ  นั่งใจลอย  คิดถึงเจ้าของแหวนอ่ะดิ๊”  ไอ้ตัวแสบมันมานั่งแหมะตรงกันข้าม

   ผมยิ้มบาง ๆ  เอามือข้างซ้ายมากุมมือข้างขวาเอาไว้ กะว่าจะปิดแหวนวงนั้น  แต่กลับกลายเป็นว่า  ผมโชว์แหวนอีกวง

   “ทำไมอาใส่แหวนนิ้วก้อย”

   “นิ้วอื่นคงใหญ่ไปแล้วล่ะ”

   “โห  แสดงว่าใส่มานาน  ของแฟนอ่ะดิ๊”  ไอ้ตัวแสบยิ้มก่อนเอาหลอดตักวิปปิ้งครีมเข้าปาก 

   “ไม่รู้จะเรียกว่าแฟนดีไหม”

   “ทำไมอ่ะครับ”

   “ก็คนให้เป็นผู้ชาย”

   “แป่ว  อย่าบอกโอ๊ตนะว่าอาโอห์ม . . .”  มันมองหน้า

   “อืม  อาชอบผู้ชาย”  ผมยิ้ม  ไม่รูจะต้องปิดบังไปทำไม  ในเมื่ออายุอานามก็ปาเข้าไปครึ่งค่อนคนแล้ว

   “อย่ามาตลก  โอ๊ตไม่เชื่อหรอกว่าเมื่อคืนคนที่โอ๊ตนอนกอดจะเป็น . . .”  ดูเหมือนเจ้าตัวแสบจะลำบากใจที่จะเอ่ยออกมา

   “เป็นเกย์”

   “หูย  โอ๊ตไม่ได้พูดนะ”

   “ไม่เห็นเป็นไรเลย  อามิลล์ไม่ได้บอกโอ๊ตหรือว่า  อาไม่ได้ชอบผู้หญิง”  ผมมองหน้าโอ๊ต  ที่ดูเหมือนว่า  เจ้าตัวจะมองผมแปลกตาไปกว่าเดิมนิดนึง

   “โอ๊ต  อาน่ะสามสิบห้าเข้าแล้ว  ผู้ชายสามสิบห้า  มีพร้อมทั้งหน้าที่การงาน  บ้าน  รถ  แต่ไม่แต่งงาน  โอ๊ตคิดว่า  คุณสมบัติแบบนี้จะมีชายแท้เหลืออยู่หรือหากอายุเข้าสามรอบแบบอา”  ผมยิ้มให้อีก  เพราะไม่มีอะไรที่ต้องปิดบัง 

   ผมไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใครนี่หว่า . . .

   “ครับ”  เจ้าตัวแสบรับรู้สั้น ๆ

   ผมนั่งมองไปนอกร้าน  ที่ตอนนี้ผู้คนเริ่มมากมาย  เพราะเป็นช่วงบ่าย  วันนี้ผมเกเรงาน  เพราะกะว่าจะหาที่เรียนคอร์สสั้น ๆ  ให้กับไอ้ตัวแสบมันเสียก่อน  เพราะหากหาไม่ได้  คงต้องเป็นผมที่จะสอนแทน  ซึ่งมันก็คงต้องจัดสรรตารางเวลาการทำงานของผมใหม่

   “โอ๊ตขอดูแหวนหน่อยได้มั้ยครับ”

   “หึ  เอาดิ”   ผมเอามือข้างซ้ายกลับมา  ก่อนถอดแหวนที่นิ้วก้อยออกส่งให้โอ้ต

   “เฮ้ย  แหวนรุ่นนี่”  เจ้าตัวทำตาโต

   “ก็แหวนรุ่น  ตกใจอะไรขนาดนั้น”  ผมยิ้ม 

   “ที่โอ๊ตตกใจ  เพราะมันแหวนที่มีตรีจักร . . .”   เจ้าตัวคงสะดุดกับหัวแหวนที่เป็นรูปตรีทับซ้อนกับจักร

   “หวายโรงเรียนโอ๊ตนี่ . . .”    ไอ้ตัวแสบคงอ่านชื่อโรงเรียนด้านล่าง

   “. . . แหวนอาโอห์มเหรอครับ” 

   “ไม่ใช่ของอาหรอก  วงนี้พี่ข้างบ้านให้มา” 

   ผมหมายความอย่างที่พูดจริง ๆ  เพราะตอนที่ผมได้แหวนวงนี้มา  ผมเป็นคนเอ่ยปากขอแหวนรุ่นจากพี่โน้ต  ตอนที่พี่เขากำลังจะจบ  ม.๓ 

   “ถ้าโอห์มสอบเข้าได้  พี่ถึงจะให้”  พี่โน้ตบอก  ผมจำได้  ไม่เคยลืม

   แล้วในที่สุด  ผมก็ได้ครอบครองแหวน  เป็นแหวนวงแรกในชีวิต  ที่ผมใส่ติดนิ้วเอาไว้ไม่เคยถอด  จนกระทั่งเวลาต่อมา

   “ทำไม่ใส่นิ้วนางขวาล่ะ”  พี่โน้ตถาม  ตอนที่ผมได้แหวนวงนี้

   “ผู้หญิงเขาชอบใส่นิ้วนางซ้าย  แต่สำหรับโอห์ม  โอห์มไม่ชอบเหมือนใคร  อยากใส่ไว้ด้านขวา  เพราะโอห์มไม่อยากเหมือนใคร”

   ผมจำได้ดี  จำได้ดีเสมอ  แม้ว่าเวลามันจะผ่านมานานขนาดไหน . .  .

   “พี่ชายอาโอห์มเรียนที่เดียวกับโอ๊ตเลย”

   “แล้วไม่คิดว่าอาเรียนที่เดียวกับโอ๊ตบางเหรอ”  ผมมองหน้า  ไอ้ตัวแสบมันทำตาโต  แต่แล้วมันก็ส่ายหน้า

   “ไม่อ่ะ  ไม่ใช่แน่ ๆ”

   “เหรอ  สมัยก่อน  ที่หน้าโรงเรียนไม่มีสะพานลอย  ทางเข้าสองทาง  ทางถนนใหญ่เรียกประตูหน้า  มีศาลาไลอ้อน  เดินตรงเจอประตูข้าง  ที่อยู่ตรงลานพระพิฆเณศวร์  แล้วขวามือ  จะเป็นตึก ๑  เราเรียกว่าตึกวิทย์  ติดกับ  ตึกสอง  เอ . . . อะไรอีกหว่า”  ผมทำท่านึก

   “อย่ามาอำโอ๊ต”

   “ไม่อำ  อ้อ  สมัยก่อน  คนที่เอามอเตอร์ไซด์ไป  จะต้องดับเครื่องก่อน  แล้วจูงเข้าไปในโรงเรียน  ไปจอดที่หลังตึกวิทย์  ส่วนด้านหน้าของรั้วริมถนนจะมี  ต้นมะขามปลูกเรียงรายกันไป  อะไรอีกหว่า   อ้อ  มีศาลาโค้ก  ที่หน้าห้องพักครูพละ  ที่อยู่ฝั่งแบงค์ชาติ”

   “จริงดิ  อาโอห์มจบมาจากที่เดียวกับโอ๊ตจริงดิ”  เจ้าตัวดูตื่นเต้น

   “ไม่เชื่ออีก”

   “ไม่อยากเชื่อ”

   “งั้น  คนที่ได้เหรียญจากโอลิมปิควิชาการคนแรกของประเทศไทย ในสาขาคณิตศาสตร์  ได้มาจากประเทศอะไร”  เจ้าตัวแสบมองหน้า

   ผมยกกาแฟขึ้นจิบ . . .

   “แหม  ถ้าอาเรียน  ม.ปลายที่นั่น  คนที่ได้อาจจะเป็นอาก็ได้  เพราะคนที่ได้นะ  ได้มาจากเยอรมัน  แถมปีต่อมายังได้อีกเหรียญจากประเทศจีนเสียด้วย”  ผมยิ้ม

   “ดร. ไพศาล  เก่งโครต ๆ  โอ๊ตยังอยากเก่งแบบนั้นเลย . . .  อย่าบอกนะว่ารุ่นเดียวกัน”

   ผมไม่ตอบ  ไม่จำเป็นที่จะต้องตอบ  เพราะในความเป็นจริง  เรื่องราวบางอย่าง  มันแจ่มชัดในตัวของมันเองเสมอ

   “อาโอห์มรุ่นไหนครับ”

   “จำไม่ได้ว่ารุ่นไหน  แต่จำได้ว่าที่นั่นอามีความสุขมากขนาดไหน”

   “มีคนรักที่นั่นอ่ะดิ๊”

   ผมมองหน้า  ไอ้ตัวแสบนี่เอาเรื่องพอดู  ผมพอจะนึกภาพออก  เวลาที่มันทะเลาะ  หรือ โต้แย้งกับพี่โน้ต  มันจะสนุกเพียงไร

   “ครับ  รักครั้งแรกของอาเกิดขึ้นที่นั่น  และมันก็เป็นรักเดียวมาจนทุกวันนี้”

   “อูยยยยยยยยย  หวาน   ผู้หญิงโชคร้ายคนนั้นเป็นใครหว่า”

   “ผู้ชายต่างหาก” 

   “เวรกรรม  อำผมป่ะเนี่ย”

   ผมหัวเราะเบา ๆ  ผมพูดความจริง  แต่ดูเหมือนมันจะไม่เชื่อในคำพูดของผมเลย  หรือมันอาจจะมองโลกที่สวยเกินไป  มันไม่มองอะไรที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามบ้างเลยหรือ  ในเมื่อทุก ๆ  วันนี้  โลกมันเปลี่ยนไปเร็วจนเราตามแทบไม่ทัน

   หรือจะเรียกให้ถูก . . .

   . . . คนเราเปลี่ยนไป  จนโลกตามไม่ทัน

   “อาโอห์ม  ขอดูแหวนอีกวงดิครับ”   ไอ้ตัวแสบไม่เลิก  ใช้นิ้วจิ้มที่นิ้วก้อยข้างขวาของผม  ผมยื่นไปให้

   “เงินหรือครับ”

   “ทองคำขาว”

   “อาโอห์มชอบใส่แหวนนิ้วก้อยหรือครับ”  มันจับนิ้วผมพลิกไปพลิกมา  ผมมองมันเงียบ ๆ  ทุก ๆ  อาการที่มันทำ  เหมือนคน ๆ นึงที่อยู่ในหัวใจของผมเสมอมา

   “ตอนได้มาทีแรก  ใส่นิ้วนางก็หลวม ๆ  นิดนึง  พอตอนหลังมันเริ่มวงเล็ก  เพราะนิ้วใหญ่  อาเลยเอามาใส่ที่นิ้วก้อย”

   “ถอดให้โอ๊ตดูหน่อยได้มั้ยครับ”  ไอ้ตัวแสบแววตาเว้าวอน

   “ไม่ได้หรอก”

   “มันคับจนถอดไม่ได้แล้วหรือครับ”

   “ไม่ใช่  ถอดได้  แต่อาไม่ถอด  เลยถอดไม่ได้ไง”  ผมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้    สายตาเหลือบมองไปเห็นผู้ชายคนนึงเดินเข้ามานั่งฝั่งตรงกันข้ามของอีกโต๊ะ  ก่อนที่ผมจะหันกลับมามองโอ๊ต

   “งง  ถอดได้  แล้วทำไมไม่ถอดให้โอ๊ตดูหน่อยละครับ”

   “ก็ไม่ถอดไง  แหวนวงนี้อาถอดมันครั้งเดียวในชีวิต  ตอนที่ถอดจากนิ้วนางเอามาใส่ไว้ที่นิ้วก้อยนี่ไง”

   “แฟนให้มาอ่ะดิ๊  วงนี้”

   “อืม คนที่อารักที่สุดในชีวิตให้อาตอนวันเกิดครบรอบสิบห้าปี  แถมยังบอกอาอีกว่า . . .”  ผมหยุดเว้นจังหวะนิดนึง

   “. . . จำไว้นะ  อย่าลืมฉัน . . . แม้รักร่วมสวมใส่ไว้ติดกาย  เมื่อใดวายสวาทวอดจึงถอดเอย”  ผมท่องประโยคที่พ่อมันเคยบอกกับผมให้มันฟัง

   “โห  โครตเลี่ยนเลย  เน่าสุด ๆ   เมื่อใดวายสวาทวอดจึงถอดเอย  ใครหนอช่างกล้าพูด”

   “พ่อของโอ๊ตไงที่กล้าพูดเน่า ๆ  ได้ขนาดนั้น”

   “ห๊า . .”   ไอ้ตัวแสบอ้าปากค้าง

   “. . .  อำเก่งจริงอาโอห์มนี่”

   ผมบอกไปแล้ว  มันอยู่ที่ว่าเขาจะเชื่อหรือไม่  ผมไม่ได้โกหก  เพราะผมพูดความจริง  แม้จะไม่มีรายละเอียด  แต่ในเมื่อเจ้าตัวไม่ถาม  ผมเองก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายใช่หรือ

   ผมเหลือบมองโต๊ะตรงกันข้าม  ผู้ชายน่าจะอ่อนกว่าผม . .   

   . . .แต่

   . . .  ผมว่าผมหน้าตาดีกว่าคนนั้นเยอะ  เขามานั่งนิ่ง ๆ  เอาช้อนคนแก้วกาแฟในมือ  แต่แปลก แววตาเขาเหม่อ  เหมือนคนที่ค้นหาอะไรสักอย่าง  หรือ  กำลังตัดสินใจอะไรในชีวิต

   “มึงจะเปลี่ยนร้านหาหอกอะไรว่ะ”     ผมเห็นผู้ชายอีกคนเดินมานั่งตรงกันข้าม  ก่อนที่จะยกกาแฟถ้วยนั้นกิน 

   “ถ้าจะนัดซ้อนบอกกู  กูจะได้ไม่ต้องมา”  เสียงคนที่นั่งอยู่ก่อน  ค่อนข้างที่จะดังกว่าระดับปกติ  ผมต้องก้มหน้า  เพราะหาไม่แล้วกลายเป็นว่า  แอบฟังโต๊ะข้าง ๆ  คุยกัน

   “สงสัยคู่นี้ทะเลาะกัน . . .”  ผมหันไปกระซิบกับโอ๊ตเบา ๆ 

   “. . .อย่าหันไปมอง  เสียมารยาท”  ผมปรามด้วยสายตา

   “พ่อคนดี . . .”  โอ๊ตยิ้มให้   

   “. . . ที่ทำอยู่เนี่ยะ  เขาเรียกว่าเงี่ยหูแร่ะอา”  มันมากระซิบตอบ

   ผมเอนตัวกลับมานั่งในท่าปกติ  คอยสังเกตโต๊ะข้าง ๆ  เพราะดูเหมือนว่าทั้งสองกำลังทุ่มเถียงอะไรกันสักอย่าง  ที่ยังหาข้อสรุปหรือจุดลงตัวไม่ได้

   “เอ้า  มึงทำยังกับมันเป็นคนอื่น”    เสียงคนที่เพิ่งมาใหม่บอก 

   ผมมองอีกรอบ  อยากให้เขารู้ว่า  บางครั้งเราควรจะเบา ๆ  เสียงลงหน่อย  สถานที่บางสถานที่ควรจะรู้จักการแบ่งปันกันใช้

   “คนอื่น”    เสียงผู้ชายที่นั่งอยู่ก่อนบอก  ก่อนจ้องหน้าคนที่นั่งตรงกันข้าม

   “มันเป็นน้อง”

   “ไม่ใช่  ระหว่างมันกับกู  ไม่มีความผูกพันทางสายเลือด  เพราะฉะนั้นมันกับกูก็เหมือนคนอื่นไปแล้ว”   เสียงนั่นสั่น ๆ  เหมือนกับคนที่พยายามจะเก็บกดเอาความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้

   “แล้วมึงจะกลับไปบินอีกเมื่อไหร่”     คนที่มาใหม่ เสียงอ่อน

   “อาทิตย์หน้า  ก็คัมโฮมสองอาทิตย์”

   ผมคิดเอง  คนที่มาก่อน  คงทำงานเกี่ยวกับสายการบิน  ดูจากลักษณะท่าทางน่าจะไม่หนีสจ๊วต

   “ไปหาหลวงพ่อมายัง . . .”   

   ผู้ชายคนที่มาทีหลังถาม    คนนี้อาจจะเพื่อน  ทั้ง ๆ  ที่ตอนที่เขาเข้ามาครั้งแรก  ผมยังแอบคิดว่าเขาเป็นคนรักกัน  ผมวิเคราะห์เรื่องราวชาวบ้าน ฆ่าเวลา  ไอ้ตัวแสบมองหน้าผม  ทำท่าแบบกวนอวัยวะเบื้องล่างสุด ๆ

   “. . . แล้วหลวงพ่อว่างัย”    

   “อาโอห์ม”  เสียงโอ๊ตเรียกผมเบา ๆ  ผมเอานิ้วชี้มาแตะที่ริมฝีปาก  เป็นเชิงบอกให้โอ๊ตเงียบเอาไว้ก่อน

   คนเราก็แบบนี้ . . .

   . . . อยากรู้เรื่องคนอื่นเสมอ

   “เรื่องอะไร  หลวงพ่อจะว่าอะไร”   เสียงจากโต๊ะติดกันยังดัง  พอที่ผมจะสามารถปะติดป่ะต่อเรื่องราวที่เขาคุยกันได้

   “กลับมาเมืองไทย”   

   “ก็สัญญาจะกลับทุกคัมโฮม”

   “กูหมายถึงว่ากลับมาอยู่ถาวร”

   “แล้วกูจะเอาอะไรแดกเข้าไป  ทำงานสายการบินห้าดาว  กลับมาทีจีไม่รับหรอก  โน่นต้องไปเมกา” 

   “ไอ้เหี้ย  ไกลหนักไปอีก”

   จากสิ่งที่ผมฟัง  อย่างน้อยผมก็รู้ว่า  สองคนนี้สนิทกันมาก  เพราะไม่อย่างนั้น  สรรพนามนการคุยกัน  คงจะดีกว่าที่ผมได้ยิน

   “เออวะ  ส่งรีซูเม่ ไปแล้วด้วย  รอเขาสัมภาษณ์” 

   “กูนึกแล้ว  มึงจะพอใจและหยุดเมื่อไหร่”

   “เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น  ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ  เงินมันสำคัญเสมอ  และคนที่ไร้ญาติแบบกรู   ต้องเก็บเงินเอาไว้ให้มากที่สุด  วันข้างหน้าจะเป็นยังไงเราไม่รู้ อาชีพแบบกรู  อีกไม่กี่ปีเขาก็ไม่ให้บินแล้ว”

   “มึงจะไปเมกาจริงหรือ  มึงจะหนีไอ้โกอีกหรือ”

   ไอ้โก . . . คนมาใหม่เอ่ยชื่อบุคคลที่สามในวงสนทนาของคนสองคน  ผมเดาเอาว่า  คนแรก  น่าจะสนิทกับคนที่สอง  ส่วนคนที่สาม . . .

   ความสัมพันธ์ของคนที่สาม  กับ คนที่หนึ่ง  น่าจะมากกว่าอัตราปกติ

   “ไม่หนี  จะหนีทำไม  กูกับมันจบกันนานแล้ว  ไม่มีอะไรที่จะต้องปฎิสัมพันธ์กันอีก  ชีวิตของใครก็ของคนนั้น” 

   “มันอยากคุยกับมึง”

   “แต่กูไม่มีอะไรจะคุย  จบแล้วไอ้โอ๋  มึงไม่เข้าใจหรือว่าจบแล้ว”

   “มึงไม่ให้โอกาสมันพูดบ้างล่ะว้า”

   “กูเคยให้มันพูด  ในวันที่กูอยากฟังมากที่สุดมันไม่พูด  วันนี้  กูไม่มีอะไรที่อยากฟัง  ถึงมันจะมานั่งพูด  นั่งร้องไห้ต่อหน้ากู กูก็ไม่มีเรื่องอะไรที่จะพูดกับมัน   กูขอร้องเหอะไอ้เพื่อนรัก  ถ้ารักกูจริง  อย่าให้กูกลับไปเจ็บแบบที่มึงเคยเห็นอีกเลย” 

   คราวนี้ชัดเจนอย่างที่สุด  สิ่งที่ผมคิดอยู่ใช่จริง ๆ   คนสองคน  ผิดใจกัน  จะด้วยเรื่องอันใด  ไม่รู้ชัด  แต่ที่รู้  คนที่ชื่ออาร์มหนีไปไกล  ไปทำงานต่างแดน  ทิ้งคนที่รัก  หรืออาจจะหมดรักเอาไว้แล้วอยู่เบื้องหลัง

   “มันตามหามึงมาตลอดสองปี  มันโทรถามกูตลอดว่ามึงอยู่ที่ไหน”

   ผมก็เคยรู้สึก  และเคยตามหา  เคยถามตัวเอง  ในวันที่พี่โน้ตหายไป  ในตอนนั้นผมถามตัวเอง  พี่โน้ตไม่รักผมแล้วหรือ  ถึงหายไปแบบนี้  ผมไม่เข้าใจ  แม้จวบวันนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจ  ว่าทำไมพี่โน้ตต้องหายไป ทั้ง ๆ  ที่รักผมอยู่

   . . .เมื่อคนนึงหมดรัก

   แต่ . . . อีกคนรักเต็มหัวใจ

   คนที่เจ็บปวดที่สุดคือใคร ?

   “มึงก็เลยบอกมันไปงั้นสิว่ากูอยู่ที่ไหน”

   “กูบอกแค่ตะวันออกกลาง”

   แค่นี้เอง . . .ตะวันออกกลาง  ผิดกับผมลิบลับ  ผมไปไกลกว่านั้น  ไปไกลแบบครึ่งค่อนฟ้าเสียด้วยซ้ำ  ของเขาแค่สองผี  แต่สำหรับผม  สิบแปดปีเต็ม ๆ  ที่ผมไม่เคยเจอหน้าคนที่ผมรักเลย  สองปีมันน้อยนิดหากเทียบกับสิ่งที่ผมเจอ

   บางครั้ง . . .

   . . . คนที่รอคอย  อาจจะมีคนรอนานกว่าผมก็เป็นได้

   “ก็ยังดี”

   “อาร์ม  ไอ้โกมันรอมึงอยู่หน้าร้าน  นานแล้วนะ”

   “ไอ้โอ๋  กูบอกแล้วว่ากูไม่อยากเจ็บอีก  ถ้ามึงอยากเห็นกูคัมโฮมคราวหน้า  กูขอร้องมึงเลยนะ  อย่าพูดเรื่องนี้กันอีก  ไม่อย่างนั้นกูไม่กลับ”

   คนที่มานั่งคนแรก . . . อาร์ม

   โอ๋ . . . คือคนที่เข้ามาเคลียร์

   ส่วนคนที่ยืนแบบกล้า ๆ  กลัว ๆ  อยู่หน้าร้านนั่น  น่าจะเป็นโก  คนที่โอ๋มันพูดถึง  ผมมองคนที่หน้าร้าน  คนที่ตามหาอีกคนมาสองปี  ผมสงสารมันในทันที  เพราะผมรู้ดี  คนที่รอ  คนที่ตามหาอีกคน  มันเป็นอย่างไร

   คนไม่เคยรอ . . .

   . . . จะรับรู้ถึงหัวอกหัวคนเคยรอได้อย่างไร

   เหมือนผม . . .

   ผมรอมาทั้งชีวิต  รอหัวใจของผม . . .

   “มึงนี่บทใจแข็งขึ้นมานี่  ใครก็ง้างไม่ออกสิน่า

   “พี่อาร์มผมมีเรื่องที่ต้องคุยกับพี่”     

   คนที่ผมลุ้นให้เข้ามาเคลียร์ลุ้นขึ้นเสียด้วย  เมื่อเขาเดินมานั่งลงใกล้ ๆ โอ๋    เสียงของมันทำเอาคนแทบทั้งร้านหันไปมอง

   มันไม่อายใครทั้งร้าน . . .

   . . . ข้อนี้ผมนับถือหัวใจมัน

   “ผมขอโทษ”   เสียงนั่นอ่อนหวานที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมา

   หากเป็นผม . . .

   ผมจะไม่รีรอเลย  ที่คนที่เรารักมาขอโทษ จะผิดเรื่องอะไร  ผมไม่รู้  ผมรู้แค่ว่า  หากเขารู้ว่าผิด  เขายอมมาขอโทษตามง้อ  ผมคงไม่ทิ้งโอกาสที่จะคืนดีเป็นแน่  ผมจะเก็บจะกอดคนที่ผมรักเอาไว้  ยอมอภัยกับทุก ๆ  สิ่งที่ผ่านมา

   “กลับก่อนนะโว้ยไอ้โอ๋” 

   ผมคาดผิด  เพราะดูเหมือนว่าคนชื่ออาร์มจะลุกขึ้น  แต่มันก็ช้ากว่าอีกคนที่เอื้อมมือไปจับมือของอาร์มเอาไว้   

   “พี่อาร์ม” 

   เสียงนั้นละห้อยหา  ผมเองใช่คนที่เข้มแข็ง  ได้แต่แอบมองเงียบ ๆ  หากในหัวใจคอยลุ้นให้มีการอภัย 

   “ผมรู้ว่าผมผิด  ผิดมาก  แต่ใครไม่รู้เคยบอกผม  ความรักที่ไม่รู้จักให้อภัยยังเรียกว่าความรักได้หรือ” 

   ความรักที่ไม่มีการอภัย . . .

   . . .  จะยังเรียกว่าความรักได้หรือ

คำพูดนั้นโดนหัวใจผมเต็ม ๆ  จนผมน้ำตารื้น  ถูกของโก  ความรักสำหรับคนอื่นผมไม่รู้  แต่ความรักสำหรับผม  ไม่เคยมีคำว่าโกรธหรือเกลียดมาผสมอยู่เลย  แม้แต่ตอนที่พี่โน้ตจากไป  ผมอาจโหยหา  ทรมาน  แต่ไม่มีสักครั้งที่ผมจะเกลียดพี่โน้ต

    “พี่ให้โอกาสผมสักครั้งได้ไหม  ครั้งสุดท้าย”

   ผมแทบจะหัวใจหยุดเต้น  สงสารมันจัง  หากเป็นผม  ผมจะหันกลับมา  แล้วดึงคนที่ผมรักมากอดเอาไว้  ให้สาสมกับสองปีที่ห่างหาย 

   แต่ . . .

   . . . คนเราไม่เหมือนกัน

   ภาพที่ผมเห็น . . .

   อาร์มค่อย ๆ  แกะมือโกออกอย่างช้า ๆ  ผมเห็นแววตาอาร์มแวบเดียว  แวบเดียวเท่านั้นที่มันบอกผมว่า  แท้ที่จริงแล้ว  ในท่าทีอันเข้มแข็งของอาร์ม  มีแต่ความอ่อนแอ  แววตาของอาร์มเหมือนคนที่เจ็บปวดอย่างหนักกับการเอาชนะหัวใจตัวเอง

   ผมหลับตานิ่ง . . .

   . . . ถ้า

   ผมเจอพี่โน้ต . . .

   พี่โน้ตจะยังเป็นพี่โน้ตคนเดิมของผม  หรือพี่โน้ตจะเป็นอาร์ม  ที่สลัดหัวใจตัวเอง  เหมือนที่อาร์มสลัดหัวใจจากโก  แค่คิดผมก็หนาวเหน็บไปทั่วทุกอณูรูขุมขน
   
   
   







http://media.imeem.com/m/of7bmqLpIJ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 26-03-2009 19:23:09
อ่า  แอบมี อาร์ม โอ๋ โก มาด้วยเหรอแน่ย  อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 26-03-2009 19:26:39
+1 ให้คุณราชบุตร หวังว่า อาร์ม โอ๋ โก คงไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้นะคะ คงเป็นแค่เหตุการณ์เปรียบเทียบ
ที่ผ่านเข้ามาให้โอห์มได้คิดถึงเรื่องของตัวเองกับโน้ตเท่านั้น น้องโอ้ตน่ารักค่ะ ฉลาด รู้ทันคนดี
แต่คงไม่ใช่ตัวแทนที่จะเข้ามาแทนที่โน้ตนะคะ จะรอติดตามตอนต่อไปค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 26-03-2009 20:13:10
 :jul3: :jul3: :jul3: :jul3: :jul3: :jul3: :jul3: :jul3: :jul3: :jul3: :jul3:



เหมือนรีพายข้างบน.......


 :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: dokjarn ที่ 26-03-2009 21:37:03
:sad11:

รักเอย.....ยอกย้อนซ้อนอารมณ์สุดๆ

ภาษาสวยงามจริง มีบางสิ่งที่ทำให้สัมผัสความรู้สึกนั้นได้

เรียบง่ายก็จริง แต่ถ่ายทอดสายใยความผูกพันของคนสองคนไว้อย่างละมุน

ไม่ง่าย ที่จะทำได้ขนาดนี้   คุณราชบุตร(ต้น..อิ อิ แอบเรียกด้วย..ถูกป่าวเนี่ย)สามารถ

อ้างถึง
“ไม่ใช่แหวนหมั้น  ไม่ใช่แหวนแต่งงาน  แต่เป็นแหวนแทนความรักทั้งหมดที่พี่มีให้กับคนคนนึง  คนเดียวที่พี่จะรักได้ในชีวิตนี้     จำไว้นะ  อย่าลืมฉัน . . . แม้รักร่วมสวมใส่ไว้ติดกาย  เมื่อใดวายสวาทวอดจึงถอดเอย” 

มีการพาดพิงถึงประโยคนี้หลายครั้งหลายครา...หวานซะ

ยิ่งคำนี้นะ..กับคนคนนึง  คนเดียวที่พี่จะรักได้ในชีวิตนี้..มุ่งมั่นมาก

เรียกว่าเน่าแบบน่ารักอ่ะ...ผมชอบนะครับ

โอ๊ต...ฉลาด...น่ารัก....ทันคนไปหมด

โน้ต...มั่นคง  ลึกซึ้ง   เสียสละ ทำได้ทุกอย่างเพื่อคนที่รัก

ไอ้พี่โน้ต...สุดยอดมาก แมนมั่ก มั่ก

ไอ้น้องโอห์ม  หรือ  อาโอห์ม...น่ารัก เอาแต่ใจ(แต่กับพี่โน้ต คนเดียวน้า)

คุณ ราชบุตรต้น คุณทำให้ผม เกิดอาการมีความสุขแบบวูบวาบอีกแล้วครับ

อิ  อิ  บางตอน น้ำตารื้น บางทีนั่งอมยิ้ม บางครั้งเหมือนเครียด

ตกลงเป็นไรมากป่าววะเนี่ย...ตรู

ชอบเรื่องนี้ครับ

กด+เป็น 174 ด้วยความชื่นชมจริงๆ

ขอเป็นคนติดตามด้วยคนนะครับ

ขอบคุณมาก

 :z2: :pig4: :pig4: :pig4: :z2:

 :L1: :L1:



หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 26-03-2009 22:17:38
หวังว่าพี่โน้ตจะไม่ทำแบบนั้นบ้างนะครับ

แต่ในเมื่อพี่โน้ตได้บอกกับโอ๊ตไปแล้วว่าตัวเล็กสำคัญในชีวิต

พี่ก็คงจะไม่ทำแบบนั้นใช่ไหมครับ ^^"
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: MaryGoesRound ที่ 26-03-2009 22:28:33

อ่านแล้วชอบค่ะ แต่กลัวเศร้าจัง...

:L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 26-03-2009 22:29:37
โห......ตัวเอกจากเรื่องรักฤาผูกพัน.....ใช่ไม๊ค้าบ :-[
แหมมาแจมถึงนี่เลยน้า :o8:
เกาะติดขอบจอรออ่านนะค้าบ :impress:
ชอบบบบบบบบ :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 27-03-2009 00:59:57
โหยอาโอห์มบอกเลยรึนั่นว่าเป็น คนแก่ประสบการณ์ก็อย่างนี้แหละเนอะ
ไม่รู้จะปิดบังไว้ทำไมแต่ว่า เรื่องแหวนจะเล่าให้โอ๊ตฟังก็นะ ยิ่งเล่ายิ่ง
คิดถึงพ่อโอ๊ตแทนเลยล่ะ

อาโอห์มไปตกเป็นผู้สังเกตการณ์ กับฉากเด็ดนี้ด้วยเหรอเนี่ย
บรรยายซะเห็นภาพแล้วก็ ให้อารมณ์ร่วมมากๆเลยคะ โอห์มเห็นแค่ด้านนึงของโก
ว่าน่าสงสาร น่าเห็นใจแค่ไหนกับคนที่ทำหน้าที่รอ ไม่ต่างจากตัวเองที่ก็รอเหมือนกัน
แต่จนแล้วจนรอด ก็นะ ยังไม่เห็นจุดหมายปลายทางสักที 

ภาพที่เห็น กับความจริงที่เป็น มันช่างต่างกันลิบลับเลยจริงๆ
จำได้ว่าอ่านตอนนี้ในเรื่องโน้น น้ำตาซึมเลยคะ กินใจมากกไม่รู้ว่าจะสงสารหรือเห็นใจใครมากกว่ากัน

แต่ตอนนี้เห็นใจโอห์มจริงๆ ไอ้เรื่องที่กลัวเนี่ย น่ากลัวเหมือนกันแหะไม่ได้กลัวว่าพี่โน๊ตไม่รักเหมือนเดิม
แต่กลัวว่า สิ่งที่เลือกมันคงมาจากอะไรหลายๆอย่างไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคนแล้วล่ะ ไม่ใช่ไม่รักอะไรแบบนี้
ขอบคุณคุณราชบุตรมากๆนะคะ เยี่ยมจริงๆคะ :L2:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 27-03-2009 03:02:18

ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 27-03-2009 07:00:00
อ่านต่อสองตอนรวด บวก 1 ให้เช่นเคยค่ะ  o13

เป็นสองตอนที่ทำให้เห็นว่า โอห์มเปิดเผยและจริงใจต่อความรู้สึกของตนเอง
โอห์มยังรักพี่โน้ตไม่เปลี่ยนแปลงแน่อยู่แล้ว จากการสวมแหวนไว้เช่นเดิม
และจากการร่วมลุ้นอาร์มกับโก แสดงให้เห็นว่าโอห์มน่าจะที่จะให้อภัยพี่โน้ต
ให้อภัยเพราะโอห์มมีใจรักที่แท้จริงและมั่นคง
พี่โน้ตก้อคงไม่ต่างกัน มิฉะนั้นคงไม่มีเรื่องเล่าถึงตัวเล็กออกจากปากโอ๊ต
แต่ความรักและการให้อภัย อาจมิได้หมายถึงการสานต่อความสัมพันธ์อีกครั้งเสมอไป
มิฉะนั้นคงมิใช่ "รักเอย"

อ่านตอนนี้แล้วนึกถึงเพลงเ่ก่าที่นำมาคัฟเวอร์ใหม่ ตามชื่อเรื่อง "รักเอย"
ต้นเพลงตรงตามความรู้สึกคนอ่านหลังจากอ่านตอนนี้มากทีเดียว

ไม่ได้ลงเพลง เดี๋ยวเสียบรรยากาศ
แต่ขออนุญาตแปะลิงค์ไว้นะคะ  http://www.imeem.com/fairypla/music/ASLnHWiL/note/

รักเอย จริงหรือที่ว่าหวาน
หรือทรมานใจคน
ความรักร้อยเล่ห์กล
รักเอยลวงล่อใจคน
หลอกจนตายใจ
รักนี่มีสุขทุกข์เคล้าไป
ใครหยั่งถึงเจ้าได้คงไม่ช้ำฤดี
รักเอย รักที่ปรารถนา
รักมาประดับชีวี
หวั่นในฤทัยเหลือที่
เกรงรักลวงฤดี รักแล้วขยี้ใจ...    :L1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 27-03-2009 08:31:41

อ่านตอนนี้แล้วนึกถึงเพลงเ่ก่าที่นำมาคัฟเวอร์ใหม่ ตามชื่อเรื่อง "รักเอย"
ต้นเพลงตรงตามความรู้สึกคนอ่านหลังจากอ่านตอนนี้มากทีเดียว

ไม่ได้ลงเพลง เดี๋ยวเสียบรรยากาศ





  เหอะ ๆ ๆ ๆ มีคนแก่เท่าเพลงนี้ด้วย  แม้จะเวอรชั่นล่าสุดก็เหอะครับ


เกือบสิบปีหนอ . . . รักเอย  นิ้ง กับปิ้บ รวิชญ์  หนังซึ้งมากดูหลายรอบเหมือนกันเป็นหนังรักในดวงใจอ่ะคร๊าบบบบบบ


แอบเอาชื่อเรื่องมาจากหนังและเพลงเวอร์ชั่นนี้แหละครับ

แอบเคือง  ไม่ยอมแปะเพลง  แปะแค่ลิ้งค  อิอิ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 27-03-2009 08:35:07
อิอิ  :m1:

กลัวเคือง เลยมาแปะเพลงให้จ้าคุณราชบุตรสุดที่ร้าก


http://media.imeem.com/m/of7bmqLpIJ


เพราะเปล่าจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: imageriz ที่ 27-03-2009 11:01:19
ความรักที่ไม่มีการอภัย . . .

   . . .  จะยังเรียกว่าความรักได้หรือ

อืมนั่นสิ  ความรักที่ไม่มีการอภัย  จะเรียกว่าความรักได้หรือ

           แล้วความรักที่มีแต่เจ็บปวด นั่นก็เรียกว่าความรักเหมือนกันซินะ

 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 27-03-2009 15:57:53
ยังไม่อ่านเรยยยย

 :impress3:

คิดถึงพี่ต้นนนน ^0^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 27-03-2009 16:50:07
 :sad4: อ่านเรื่องเดียวได้สองเรื่อง แงๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 27-03-2009 17:00:09


ตอนที่ ๖

   เสียงไก่ขันรับกันมาเป็นทอด ๆ  ดังลอยมาแต่ไกล  ผมนอนลืมตาในความมืดของก่อนรุ่งอรุณยามเช้า  ที่ตอนนี้ร่างกายทั้งร่างโดนพันธนาการจากอ้อมกอดของพี่โน้ต  ไออุ่นจากอ้อมกอดไล่ความหนาวจากร่างที่ปราศจากอาภรณ์ปกปิด    ม่านหน้าต่างพลิ้วตาแรงลมไหว  อ่อนระรวย  เหมือนหัวใจของผมกระมังมันอ่อนยวบเพราะหัวใจของอีกคนมาพัดให้หัวใจหวิว


   “ยังไม่เช้าเลย  กอดหน่อย”  เสียงเอ่ยรดมาที่ต้นคอเมื่อผมพยายามขยับกาย

   “กอดมาทั้งคืน  โอห์มเมื่อย”  ผมพยายามดิ้นเบา ๆ ขยับร่างกายให้เบียดไปกับตัวพี่โน้ต  เพื่อแบ่งปันไออุ่นจากอีกร่าง

   ผมรับรู้ได้สิ่งที่เกิดอยู่ตอนนี้คอความสุข  เป็นความสุขที่เกิดจากความรัก  ความเต็มใจ  ผมไม่รู้วันข้างหน้าจะเกิดอะไรกับชีวิตของคนเรา  แต่วันนี้  เวลานี้ ผมจะเก็บเกี่ยวความสุขนั้นเอาไว้ห้มากที่สุดเท่าที่จะมากไว้

   วันหน้าร้าวราญ . . .

   . . .  ผมยังมีสุขในวันวานประโลมใจ

   “โอห์มนอนต่อเหอะ”  ดวงตาปิด  หากแต่ดึงร่างผมมากอดเอาไว้  คราวนี้กลายเป็นว่า  ผมนอนตะแคงหันไปทางพี่โน้ต  ที่เจ้าตัวพยายามจะสอดขามาเกี่ยวกับขาของผมเอาไว้

   “หื่นว่ะ”

   “อะไรหื่น”

   “ก็พี่โน้ตนะสิ  หื่น”  ผมบอก  หากแต่เบียดกายไปแนบชิดกว่าเดิม

   “ยังไง”  เจ้าตัวลืมตา  ก่อนเอาจมูกแตะที่หน้าผากผมเบา ๆ

   “ก็ไอ้นั่นไง  แข็งอีกแล้ว”

   “อะไร  ไอ้นั่นอะไร . . .”   พี่โน้ตจับมือผม  เอามาวางไว้ที่ตรงนั่น   มันคล้ายอะไรสักอย่างที่มีชีวิต  มันกระดุกกระดิกอยู่ในมือของผม

   “. . .ไอ้นี่เหรอ  จับดี ๆ  ล่ะ  เดี๋ยวมันหาย” 

   “ไม่เอา อย่าเล่นดิ”  ผมหดมือกลับ

   “ใครเล่น  เอาจริง ๆ” 

   “อย่ามาลามกแต่เช้า  เมื่อคืนก็สามรอบ  ตายอดตายอยากมาจากไหน”  ผมกล้าที่จะพูดเล่นเรื่องแบบนี้มากขึ้น  เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว  คนที่เจ็บตัวก็คอผมอีก

   “นึกว่าชอบ”  พี่โน้ตหัวเราะเบา ๆ

   “อย่ามาลามก  โอห์มไม่ใช่คนแบบนั้น”  ผมดิ้นหันหลังให้พี่แทน

   พี่โน้ตสวมกอดผมเอาไว้จากด้านหลังแทน  เอาแก้มมาแนบไว้กับไหล่ของผม  ผมขนลุกเพราะแกเอาใบหน้าเกลี่ยไปมาตามเผ่นหลังของผมเบา ๆ

   “จั๊กจี้”

   “ไม่เคยมีใครบอกโอห์มหรือว่า  การนอนแก้ผ้า  แล้วหันหลังให้ผู้ชายแบบนี้มันอันตรายขนาดไหน”  ไอ้พี่ชั่วมันบอกก่อนที่จะเบียดกายมาชิดกับผม  กว่าผมจะรู้ตัว  มีอะไรบางอย่างร้อน ๆ  มาแนบชิดสนิทที่ก้นกบตรงบั้นเอว

   “อย่าน่ะ  ไม่เอาแล้ว”

   “นะ  อีกครั้ง”

   “ไม่มีทาง  เจ็บจะตาย” 

   “คราวนี้จะทำเบา ๆ นะครับ”  พี่โน้ต  จูบที่ต้นคอผมเบา ๆ

   “อีกหน่อยก็เบื่อ  พอเบื่อก็ทิ้งกูอีก. . .”   

   “. . . โอ้ย”  ผมร้องเบา ๆ

   “บอกว่าพูดเพราะ  ใครสั่งสอนให้พูดจาหยาบคายกับผัวเหอะ”    ไอ้เลว  มันตบที่ปากผมเบา ๆ 

   “พี่โน้ตนะหยาบ  เรียกไร  ผง ผัว  ใครมาได้ยิน   เขาจะคิดยังไงกับโอห์ม” 

   “พี่ขอโทษ”  มันคงรู้สึกผิด  เพราะมันกอดผมเอาไว้แน่น   

   ในเวลานั้นผมเองก็กลัวนะ  แต่ไม่ใช่กลัวว่าจะโดนทิ้งหรอก  ที่ผมกลัว  กลัวเพื่อน ๆ รู้  กลัวคนอื่น ๆ  รู้แล้วมาล้อผม เพราะผมคงรับไม่ได้หากคราเรียกผมว่า . . .กะเทย

   ผมแค่รู้สึกแบบนี้กับพี่โน้ต . . .

   . . . ผมไม่ได้ตุ้งติ้ง  ขนาดเขียนคิ้วเรียนหนังสือ

   และที่สำคัญ . . .

   . . . ผมยังวิ่งแตะบอลพลาสติกที่สนามบาสได้เหมือนเพื่อน ๆ  คนอื่น ๆ

   มากมายร้อยแปดที่ผมกลัว . . . 

   การที่ผมมีอะไรกับพี่โน้ต  ผมจะกลายเป็นกะเทยใหม? 

   คำถามที่ผมถามตัวเอง  แล้วหากเพื่อน ๆ  ในกลุ่มรู้  มันจะยังให้ผมเล่นกับพวกมันอีกหรือเปล่า  มันจะไล่ผมไปรวมกลุ่มกับพวกเพื่อนผู้หญิง  เหมือนกับไอ้แบงค์  ที่มันแสดงออกชัดเจนว่ามันมีความสุขกับการเขียนคิ้ว  แต่งหน้าบาง ๆ  มาโรงเรียน

   “เงียบทำไมล่ะโอห์ม”

   “โอห์มกลัว”

   “กลัวอะไร  พี่อยู่ตรงนี้แล้ว”  พี่โน้ตค่อย ๆ  ขยับตัวนั่งพิงเตียง ก่อนเอาผมมากอดเอาไว้ ในท่าที่ผมนั่งพิงอกของพี่โน้ต

   “โอห์มจะเป็นกะเทยไหมพี่โน้ต”

   “เป็น”

   “ไรว่ะ  งั้นโอห์ม  ไม่ยอมพี่โน้ตแล้วล่ะ  ไม่อยากเป็นกะเทย” 

   “ไอ้เด็กเอ้ย . . .”    พี่โน้ต  เอาคางาวางไว้บนไหล่ของผม 

   “. . . ถ้ามันไม่ใช่  ก็ไม่ใช่หรอก  ถึงจะมีอะไรกัน ก็ไม่ได้แปลว่า  จะมีใครต้องไปเป็นอีกแบบนี่ครับ  เราก็ยังเป็นเหมือนเดิม  ใช้ชีวิตเหมือน ๆ เดิม  การมีอะไรกันไม่ได้แปลว่า  เราจะเปลี่ยนพฤติกรรมไปเลยนี่ครับ”

   “จริงเหรอพี่”

   “จริง ๆ  โอห์มก็เหมือนเดิม  พี่ก็เหมือนเดิม  เพียงแต่เรารู้ว่า  เราสองคนเหมือนเดิม”

   “ยังไงนี่  โอห์มงง”

   “ก็โอห์มกับพี่ไง  ตอนนี้เราเป็นมากกว่าพี่  มากกว่าน้องกันแล้วนะครับ  เราใช้หัวใจเดียวกัน  เราใช้ความรู้สึกร่วมกันแล้วนะครับ  พี่รักเรา  เพราะเราคือเรา  คือ โอห์ม  อะไรก็ตามที่จะทำให้โอห์มเสื่อมเสียชื่อ  พี่ไม่ทำหรอก”

   “สาบาน”

   “พี่ไม่มีคำสาบาน  พี่มีแต่คำมั่นสัญญา”

   “พอ ๆ  พอเหอะพี่  โอห์มจะอ้วก  เมื่อคืนก็ใช้สำนวนอย่าลืมฉัน  หลอกล่อจนโอห์มใจอ่อนยอมพี่ทุกเรื่อง  เช้าจะเล่นสำนวนคำมั่นสัญญาอีกหรือ  แบบนี้โอห์มคงตายเพราะน้ำตาลในเลือดมากกว่าพิกัดแน่ ๆ”

   “แหม  ขอเล่นนิดก็ไม่ได้”

   “อย่ามาเน่า”

   “โอเค ไม่เน่าก็ไม่เน่า  เขยิบไปที่หน้าต่างได้ไหม  แล้วมองไปบนฟ้า” 

   ผมทำตามอย่างว่าง่าย  เพราะเตียงนอนวางชิดกับฝาบ้าน   ผมนั่งเอามือสอดประสานกันไว้  ทาบทับไว้ที่ขอบหน้าต่าง  ผมมองไปบนฟ้า  สีน้ำเงินเข้มของคืนเดือนแรม  ระยิบระยับวับวาวของแสงดาว 

   “อะไรเหรอพี่โน้ต”  ผมถาม  หากแต่สายตายังไม่ละจากฟากฟ้า

   พี่โน้ตมานั่งคร่อมผมเอาไว้จากด้านหลัง  เนื้อแนบเนื้อสนิทชิดกันราวกับจะหลอมเป็นเนื้อเดียวกัน  ผมรับไออุ่นจากแผ่นอกของพี่โน้ตจากด้านหลัง  ก่อนที่พี่โน้ตจะคลี่ผ้าห่มคลุมร่างเราทั้งสองคนเอาไว้

   “ดาวสวยไหม”  คนถามเอาคางเกยไหล่ผมเอาไว้

   “สวย”

   “คืนนี้เป็นคืนที่พี่มีความสุขที่สุดในชีวิต  พี่ชอบมองดาว  เพราะมันสวยไม่เหมือนกัน  บางดวงเล็ก ๆ  แต่กระพริบ ๆ  บางดวงใหญ่  แต่มีแค่แสงเฉย ๆ”  มือที่สอดมาจากด้านหลัง  บีบมือผมเอาไว้

   นิ้วมือเรากระชับกันไว้หลวม ๆ

   “จะมาเน่าอะไรอีก”

   “ไม่มี”

   “อย่างพี่นี่นะไม่มี  โอห์มไม่อยากเชื่อ”

   “ไม่มีหรอก  ไม่มีมุขเน่า ๆ  อีกแล้ว  ตอนนี้มีแค่ความสุข  ความสุขที่ได้นั่งกอดโอห์มอยู่แบบนี้  บางทีอยากกอดโอห์มเอาไว้เฉย ๆ  ไม่รู้จะพูดเรื่องอะไร  เพราะทุกอย่างมันอยู่ตรงนี้”  พี่โน้ต  เลื่อนมือขวาที่กุมมือผมอยู่มาแนบที่หน้าอกข้างซ้ายของผม

   หัวใจผมเต้นแรงจัง . . .

   “ที่อยู่ข้างใน  หัวใจดวงนึง  ตอนนี้มือสองมือแตะที่หัวใจดวงนั้น  หัวใจที่พี่รัก  และอยากถนอมเอาไว้ชั่วชีวิต”  เสียงพี่โน้ตเบา  ที่ข้าง ๆ  แก้มผม

   “และ . . .”  พี่โน้ตขยับร่างเบียดผมอีกครั้ง

   “. . . หัวใจอีกดวง  จากอีกหนึ่งร่างกายกำลังจะเดินทางไปหาหัวใจอีกดวง  โอห์มรู้สึกไหม  ว่าตอนนี้หัวใจของโอห์มกับหัวใจของพี่แนบสนิทกันแล้ว  หัวใจพี่อยู่ในระนาบเดียวกับหัวใจของโอห์มโดยที่เรามีร่างกายขวางกั้นเอาไว้  แต่เราก็สามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งที่เราทั้งสองคนเรียกว่าหัวใจ”

   ร่างที่พันธนาการผมเอาไว้  ทำให้ผมรู้ว่า  สิ่งที่พี่โน้ตพูดถึง   มันเป็นไปตามทฤษฎีที่พี่โน้ตตั้งขึ้นมาเอง  เพราะตอนนี้นอกจากความเงียบกับเสียงหายใจของเราสองคน  มีอีกสิ่งที่ผมได้ยิน  คือเสียงหัวใจสองดวงที่เต้นสอดรับกันอย่างพอเหมาะพอเจาะ

   ผมไม่มีคำพูดใด ๆ  อีกเพราะตอนนี้พี่โน้ตกำลังใช้ภาษากายพูดจากับผมอยู่

   “ผมรักพี่โน้ต”

   “พี่รักมากกว่า”

   “โอห์มากกว่า”  ผมเถียง  มีหรือที่ผมจะยอม

   “พี่รักโอห์มมากที่สุด”

   “โอห์มมากกว่ามากที่สุด”

   “ไม่มีอะ  ไม่มีอะไรมากกว่ามากที่สุดหรอก  มากที่สุดนะ  คือไม่มีอะไรมากกว่านี้อีกแล้วไม่รุ้หรือไง  ไอ้ตัวเล็ก”  พี่โน้ตหอมที่แก้มผมแรง ๆ

   “โกงว่ะ”

   “โกงที่ไหน  มีอะไรมากกว่ามากที่สุดอีกล่ะ”

   “โห . . . แล้วมารักโอห์มตั้งแต่ตอนไหน”  ผมยิ้ม  มีความสุขในอ้อมกอดของคนที่ผมรัก  แม้วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร  ผมไม่กลัวอีกแล้ว

   “โอห์มล่ะรักพี่ตอนไหน”

   “อย่ามากวน  โอห์มถามก่อน”

   “พี่ถามก็ตอบสิ  โอห์มรักพี่ตอนไหน”

   “คนบ้าไรว่ะ  กวนชิบ  โอห์มถามก่อน  ก็ตอบโอห์มมาก่อนสิ  อย่าแซงคิวไม่ดีนะครับคุณพี่” 

   “ไม่รู้หรอกว่ารักตอนไหน  ไม่รู้ว่ารักตั้งแต่เมื่อไหร่  แต่มารู้อีกทีก็รักไปหมดใจ  อยากอยู่ใกล้ ๆ   อยากกอดแบบตอนนี้ . . .”

   “ก็กอดอยู่นี่ไง”

   “ไม่ใช่  หมายถึง  ก่อนหน้านี้อยากกอดแบบนี้ แต่  ไม่กล้ากอด  แน่ใจตัวเองก็ตอนที่เราหลงป่า”

   “ใครทำให้หลงเล่า” 

   “แน่ะ  อย่ามาทำเสียงแบบนี้นะ  ใครล่ะ  โอห์มเข้าไปเองนะ”

   “ก็พี่จะทิ้งโอห์ม”

   “อ้าว  พี่ผิดเหรอนี่”

   “ผิด”

   “ถ้าจะผิดก็คงผิดที่พี่รักโอห์ม  รักมากไป  ก่อนหน้านั้นพี่เหมือนคนไม่รู้หัวใจตัวเอง  ตอนที่โอห์มวิ่งลงไป  พี่ยังคิดว่าเดี๋ยวโอห์มคงจะกลับมาง้อพี่  จนใกล้มืด  อาแป้งแกบอก  โอห์มยังไม่กลับมา  เอาจักรยานออกไป  พี่ขี่รถตามหา  จนมาเจอจักรยานที่ตีนเขา  เลยมาบอกลุงอาท  แล้วพี่ก็ออกมาตามโอห์ม”

   “ครับ”

   ผมรับรู้  เพราะเรื่องหลงป่า  ไม่มีใครพูดถึงอีกเลย

   “โอห์มรู้ไหม  ตอนนั้นพี่เหอนคนบ้า  หัวใจมันระรัวไปหมด  คิดไปมากมายสารพัด  ห่วงโอห์ม เพราะพี่รู้ว่าโอห์มดีแต่ตาม  โอห์มไม่รู้จักทางหรอก  ถ้าหลง  จะหายังไง  จะตามยังไง  ในเมื่อมันมืดลงทุกที  พี่เดินตามหา  พี่เดินร้องไห้ไปตลอดทาง  พี่กลัว  กลัวว่าจะไม่เจอโอห์มอีก”

   พี่โน้ต  จูบที่ต้นคอผมเบา ๆ  ผมเอนตัวอิงแนบไหล่  นอนฟังวีรกรรมที่ผมก่อเอาไว้  สายตาทอดยาวมองไปบนฟากฟ้ากว้าง

   “รักโอห์มอะดิ๊”

   “รัก  พี่รู้ในเวลานั้นเลย  ว่าพี่รักโอห์ม  พี่ขอแค่ได้เจอโอห์มเท่านั้น  แล้วพี่จะถามโอห์ม  ถ้าโอห์มไม่ให้พี่ไป  พี่ก็ไม่ไป พี่จะไม่ไปไหน  ถ้าโอห์มไม่ให้พี่ไป”

   “ขอบคุณครับ   โอห์มขอโทษที่ทำตัวงี่เง่า”

   “ไม่หรอก  ถ้าวันนั้นโอห์มไม่หนีออกจากบ้านไปหลงป่า  พี่คงไม่ได้กอดโอห์ม  แบบที่พี่อยากกอด  พี่คงไม่รู้หัวใจตัวเอง . . .”   พี่โน้ตเอามือผมไปแนบแก้มของพี่โน้ตเอาไว้

   ผมมีความสุขจะตายอยู่แล้ว . .

   “. . . และพี่ก็คงเป็นคนที่ไม่กล้าพูด เพราะพี่กลัว  กลัวมากที่สุด  กลัวว่าพูดออกไปแล้วจะเสียโอห์มไป   ตั้งใจเอาไว้จะบอกตอนวันเกิดโอห์ม  แต่ยังกล้า ๆ  กลัว ๆ  มาแน่ใจเอาตอนที่โอห์มหึงพี่ที่ร้านไอติม”

   “ไม่หึง  ไม่มี”

   “เมื่อคืนใครบอก  แอบไม่พอใจที่มีคนป้อนไอติม”

   “แค่หงุดหงิดเอง”

   “นั่นแหละหึง”

   “แบบนี้โอห์มตายเลยเด่ะ  มาหักคอกันเรื่อย”

   “ไม่หรอก  เฉพาะบางเรื่องเท่านั้น  แล้วโอห์มรักพี่ตอนไหน”

   “ไม่รู้”  ผมพยายามนึก  แต่นึกไม่ออก 

   จะรักตอนไหนผมจะรู้ได้อย่างไร  ในเมื่อทุก ๆ  ห้วงเวลาดี ๆ  ที่ผมมี  จะมีหน้าพี่โน้ตลอยมาเสมอ  แล้วผมจะรู้หัวใจตัวเองได้อย่างไร ว่าผมไปรักพี่โน้ตตั้งแต่เมื่อไหร่  อาจจะตั้งแต่เริ่มรู้จักกัน  หรือ  อาจจะตอนที่พี่โน้ตช่วยผมจากการจมน้ำ

   “โกงมากกว่าเราอีก  ไอ้ตัวเล็ก”

   “โกงอะไร”

   “ไม่ยอมบอกว่ารักพี่ตั้งแต่เมื่อไหร่”

   “งั้นโอห์มชนะพี่”

   “ชนะเรื่อง”

   “พี่รู้ว่ารักโอห์มตอนที่โอห์มหลงป่า  แต่โอห์มนะรู้ตัวว่ารักพี่  ตอนที่พี่บอกว่าจะไปเยอรมัน  โอห์มรู้แล้ว  ว่าพี่จะทิ้งโอห์มไป  โอห์มเลยไปหลงป่า  เห็นมะ  โอห์มรู้ก่อนพี่   โอห์มรู้จักหัวใจตัวเองก่อนพี่โน้ตอีก”

   ผมหันไปหอมที่แก้มพี่โน้ตเบา ๆ   

   “คนชนะต้องได้รางวัล” 

   “ถูกต้องครับ  คนชนะย่อมได้รางวัล” 

   “เดี๋ยวพี่จะมอบรางวัลให้คนชนะเอง”  พี่โน้ตจับผมนอนหงาย  ก่อนเอาใบหน้ามาซุกที่ซอกคอของผม

   กว่าผมจะรู้ตัว . . .

   . . . แผนของไอ้พี่มัน   มันจะหลอกล้างหน้าไก่ตั้งแต่เช้าเลยอ่ะครับ









หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 27-03-2009 17:26:51
 :z13: :z13: :z13: :z13: :z13:

แอบหวานๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 27-03-2009 17:28:50
หวานจนมดขึ้นเป็นแถว  อยากมีคนดูดาวด้วยแบบนี้จัง :-[


V
V
Vอยู่กะเธอ มีหวังไม่ได้ดูดาว มัวแต่เมาท์นะซิ คุณน้อง :jul3:
แล้วพี่จะโรแมนติคได้ไงหึ :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 27-03-2009 17:47:21
^
^
^
เดี๋ยวไปนั่งดูด้วย
 :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 27-03-2009 18:36:45
หวานจนมดขึ้นเป็นแถว  อยากมีคนดูดาวด้วยแบบนี้จัง :-[






ดูกับผมป่ะ . . .

หวานมากเท่าไหร่  เดี๋ยวเหอะ ๆ  ตอนเศร้ามันจะเอาคืนหนักกว่าหวานหลายร้อยเท่าอ่ะดิ๊

แมร่ง  คนเขียนโรคจิต

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 27-03-2009 20:47:00
หวานได้อีก คนแต่งกินน้ำตาลแทนข้าวป่าวเนี่ย หุหุ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: peemakarn ที่ 27-03-2009 21:41:34
พี่โน้ต น้องโอห์ม น่ารักจัง ตอนนี้ต้องเก็บเกี่ยวความหวานไว้ก่อนคร้า
เอาไว้เป็นเสบียงเวลาต้องอ่านตอนเศร้าๆๆๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 27-03-2009 22:31:38
หวานจนมดขึ้นเป็นแถว  อยากมีคนดูดาวด้วยแบบนี้จัง :-[






ดูกับผมป่ะ . . .

หวานมากเท่าไหร่  เดี๋ยวเหอะ ๆ  ตอนเศร้ามันจะเอาคืนหนักกว่าหวานหลายร้อยเท่าอ่ะดิ๊

แมร่ง  คนเขียนโรคจิต


จริงป่าว :-[ 


ไม่ดีกว่า....กลัวดูดาวเสร็จต้องมานั่งซับน้ำตาเพราะคนแต่งใจร้าย ชอบเอาคืนเศร้าๆ :sad4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 28-03-2009 00:26:52
พี่โน๊ตหวานจัง ทั้งภาษาใจและภาษากาย
บรรยากาศเป็นใจ ยิ่งถามแข่งกันว่าใครรักใครมากกว่าเนี่ย
คนน้องไม่ยอมคนพี่เลยนะ รักแบบบริสทุธิ์ ปราศจากเงื่อนไขและกฏเกณฑ์ใดจากสังคม
มีแค่คนสองคนเท่านั้น

"หัวใจพี่อยู่ในระนาบเดียวกับหัวใจของโอห์มโดยที่เรามีร่างกายขวางกั้นเอาไว้  แต่เราก็สามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งที่เราทั้งสองคนเรียกว่าหัวใจ”
> เขินวุ้ยยยย พี่โน๊ตโคตรจะโรแมนติก พูดในสิ่งที่จับต้องไม่ได้ด้วยมือ
แต่สัมผัสได้ด้วยใจ

ขอบคุณคะ คุณราชบุตร  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 28-03-2009 00:30:29
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:


พีต้น ...... 

ได้โปรด  ให้โอห์มกับโน๊ตกับมาเจอกันเเล้วรักกันอีกครั้งเถอะะะะะะน่ะครับบบ


ได้โปรดดดดดด




 :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 28-03-2009 01:06:39
..ว้าย สงสารไก่..
(http://image.ohozaa.com/iu/swotafc.jpg)
ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: imageriz ที่ 28-03-2009 02:48:54
หวานจริง ๆ เลยพี่โน๊ต  ตัวเล็กก็น่ารัก  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 28-03-2009 07:10:19
ตอนนี้หวานจังเลย หวานมาก แม้ว่าโอห์มจะหวานปนซ่าก้อเถอะ
ว่าแต่ความหวานแบบนี้มันจะตามมาด้วยความขมขื่นอย่างที่สุดด้วยหรือเปล่าเนี่ย
คนเขียนชอบขู่เป็นระยะ คงต้องทำใจเตรียมไว้ด้วย

ปล มีคำคมและภาษาสวยๆทุกตอน ชอบจริงๆจ้า

บวก 1 เช่นเคยนะจ๊ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 28-03-2009 08:36:23
 :m1:
"Collect your bright Hours and keep them for your dark Times."

อ่านแล้วคิดถึงประโยคนี้...เก็บเกี่ยวชั่วโมงแห่งความสุขและเก็บไว้ใช้ในวันที่หมองหม่น  

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 28-03-2009 09:13:44
ช่วยด้วยค้าบ....... :serius2:
มดเต็มห้องเลย   มันหวานนนนนนนนนนน......ซะ :-[
คุณราชบุตรตอนนี้ตุนความหวานไว้เยอะๆ
เดี๋ยวเวลาเศร้าจาได้ไม่เศร้ามาก....ใช่ป่ะ :m26:
ขอบคุณค้าบ   จาติดขอบจอรออ่านค้าบ :m3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 28-03-2009 17:07:49

http://media.imeem.com/m/of7bmqLpIJ






ตอนที่ ๗

   คนส่วนใหญ่บนโลกคือเพศปกติ  แล้วผมล่ะ?

   คำถามที่ผมเองไม่กล้าตอบ   เพราะผมคิดเสมอว่าชีวิตผมก็ปกติ   เหมือนมนุษย์คนอื่น ๆ  ทั่ว ๆ  ไป    ที่สามารถทำอะไรก็ได้บนโลกเบี้ยว ๆ  ใบนี้  โดยที่ผมเองก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับใคร   แต่ทำไมคนอื่นมองผมไม่ปกติก็ไม่รู้


   อาจจะเป็นเพราะว่า  ทุก ๆ  สิ่ง  ทุก ๆ  อย่างบนโลกใบนี้มีอะไรที่เป็นคู่เสมอ พระเจ้า  หรืออะไรก็แล้วแต่  สร้างความสมดุลมาสู่โลกสีน้ำเงินใบนี้ให้งดงามอย่างยิ่ง

   โลกมีกลางวัน . . .

   เคียงคู่มากับ . . . กลางคืน

   . . . มีหัว

   มีก้อย . . .

   ผู้ชาย . . .

   . . . คู่ . . . ผู้หญิง

   แต่ . . .

   . . . ผม

   . . . ส่วนเกินของโลกกระมัง  เพราะผมไม่ใช่ทั้งชายและหญิง  อย่างผมคนอื่น ๆ  เขาเรียกอย่างสุภาพว่าเพศที่สาม  หากแต่บางคนเรียกเกย์  อาจมีที่เรียกแบบเย้ยหยันหน่อย . . . อีกะเทย  อีตุ๊ด  ไอ้วิปริตผิดเพศ

   เหรอ . . .

   . . . ผมเป็นกะเทยหรือ?

   คำถามที่ตามติดตัวผมมาตั้งแต่ผมเริ่มรู้ตัวเองว่ารักพี่โน้ต   มันรักมาก มากกว่าสิ่งใด ๆ  ทั้งหมด  ผมไม่รู้ว่าทำไม  แต่ผมรู้ว่าผมเกิดมาเพื่อรักคนๆ  นึง 

   ผมพยายามมองผู้หญิง   แต่หัวใจผมบอก  ผมไม่ชอบผู้หญิง  เพราะไม่ชอบความวุ่นวายจู้จี้ขี้บ่น  เอาแต่อกแต่ใจ  อยากได้โน่นอยากได้นี่  แต่งหน้า  ทาปาก  อวดกันมีสิ่งของเล็ก ๆ  น้อย ๆ  ผมเป็นแบบนั้นหรือ  ไม่เลยสักนิด  แม้แค่ครีมทาหน้าผมยังไม่เคยใช้  เครื่องสำอางสำหรับผมก็แค่  โฟมล้างหน้าเท่านั้นที่มีผมยอมควักกระเป๋าซื้อ

   แล้วผมชอบผู้ชายหรือ?

   ไม่รู้สินะ  นอกจากพี่โน้ต  ผมไม่เคยมองใคราอีกเลย  ผมไม่เคยรับสัมผัสแบบนั้นจากผู้ชายคนอื่น  อย่างผมกับพี่โน้ต  จะเรียกมันว่า  ความรัก  หรือความผูกพันอันนานแสนนาน  ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าจะเรียกมันว่าอะไรดี 

   สุดท้ายผมเลยสรุปเอาว่า . . .  ผมชอบผู้ชาย   

   ผมมันก็แค่ . . .

   . . . พวกผิดเพศ

   คำตอบที่มันย้ำในหัวใจของผมตลอดมา  ผมไม่ได้ปฏิเสธตัวเอง  แต่ผมเกลียดตัวเอง  เกลียดที่ทำไมผมต้องเป็นแบบนี้   ผมพาตัวเองมาหยุดที่หน้าตู้ขายตั๋วของสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน . . . สถานีลาดพร้าว

   เพราะผมเอาโอ๊ตไปปล่อยไว้ที่บางนา  เมื่อตอนห้ามโมงเย็น  ก่อนที่ผมจะทิ้งเงินเอาไว้ให้แค่หนึ่งร้อยบาท  กับแผนที่กรุงเทพฯ   ผมไม่รู้ว่าโอ้ตจะคุ้นเคยกับกรุงเทพฯ  มากน้อยขนาดไหน    ผมมีเหตุผลรองรับเสมอในการทำอะไรลงไป  เงินหนึ่งร้อยจะสามารถพาให้โอ๊ตกลับมายังที่นัดเจอกับผมได้  ผมเชื่อ  เพราะค่ารถเมล์  จากเซ็นทรัลบางนา  มาสถานีรถไฟใต้ดินลาดพร้าว  มันไม่ถึงห้าสิบบาทเสียด้วยซ้ำ

   ทุกอย่างคือการเรียนรู้ . . .

   เริ่มจากเมืองที่เราคุ้นเคย  จากคนที่ใช้ภาษาเดียวกัน  เพราะเมื่อถึงเวลา ๆ หนึ่ง  เมื่อเราต้องจำเป็นที่จะเดินทางไปยังสถานที่แปลกใหม่  เราจะสามารถใช้ชีวิตกับสถานที่เหล่านั้นได้  โดยที่เราไม่กลัวอะไรอีก

   และดูเหมือนทุกอย่างมันช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้า . . .

   . . . เหมือนสายน้ำที่ไหลเอื่อย

   ปลายทาง . . .

   มันช่างไกลจากความรู้สึกของผม  ในเวลานี้  ผมไม่รู้ว่าโอ๊ตจะมาถึงตอนไหน  และจะเจออะไรบ้างระหว่างทาง  แต่ผมรู้หากสามทุ่มเจ้าตัวแสบยังไม่โทรหาผม ผมคงต้องโทรหามัน  เพราะมันคงใช้เวลาในการเดินทางมากเกินไปเสีย

   “ยายตัวแสบ  กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”  ผมกรอกเสียง  เมื่อเห็นเบอร์คนที่โทรเข้ามา

   “แก  หลานชั้นอยู่ไหน  แกเอาหลานชั้นไปปล่อยไว้ไหน”  เสียงมันโวยวสายมาตามสาย  ผมยิ้ม  เพราะคาดว่า  ไอ้ตัวแสบคงหลงทาง  แต่ไม่กล้าโทรหาผม

   “ทำไม  ถามทำไม”

   “แกนะแก  โอ๊ตมันไม่รู้จักกรุงเทพฯ  แกปล่อยหลานไปไหนมาไหนคนเดียวได้ไง”

   “เหรอ  งั้นก็เลิกให้ชั้นเลิกสอนภาษาเยอรมันไอ้โอ๊ตได้เลย  เพราะขนาดแค่การใช้ชีวิตในบ้านเมืองตัวเองยังเอาตัวไม่รอด  อย่าหวังไปเยอรมันเลย  แค่ฮ่องกง  กัวลาลัมเปอร์มันก็คงเอาตัวไม่รอดหรอก  ลืมความคิดที่จะไปเรียนเยอรมันเลยแก”  ผมบอกมันไปตามสาย

   “ก็ถูกของแก  แกอยู่ไหนนี่”

   “ลาดพร้าว”

   “แกชั้นอยากเจอแก  มาหาชั้นหน่อยสิ  ชั้นเพิ่งเล่นฟิสเนสเสร็จ จะรอแกสตาร์บัคที่เอสพละนาดนะ”  มิลล์มันพูดยาวรัว  ก่อนตัดสายทิ้งไปทันที

   ผมส่ายหน้ากับเพื่อนสาวที่น่ารักของผม . . .   

   ผมยืนมองแผนที่เดินรถสลับกับดูผู้คนที่ค่อนข้างบางตา  เพราะมันค่ำมากพอสมควรแล้ว  หลายคนต่างเร่งรีบกับจุดปลายปลายทางของตัวเองเพราะอยากพักผ่อนกระมัง   เวลาที่เท่ากันแท้ ๆ  แต่ทำไม ความเร่งของคนเราไม่เท่ากันก็ไม่รู้  แล้วผมก็ตัดสินใจ  ก่อนสอดธนบัตรให้เพียงพอกับจำนวนค่าโดยสาร

   เหรียญพลาสติกสีดำกลม ๆ  หล่อนลงมาพร้อมเหรียญที่เป็นเงินทอน  ผมหยิบมัน  ก่อนเดินก้าวผ่านไปยังอีกชั้นของสถานีเพื่อรอขบวนรถ . . .

   การรอคอย . . .

   . . . ทรมานเสมอ

   ภาพของผมในวันเก่า ๆ    มันยังตามมาหลอกหลอน   ในวันที่มีทั้งความสุขล้นเต็มหัวใจ  กับวันที่รักร้างห่างหาย  โดยที่ผมเองก็ไม่รู้ว่า  แท้จริงแล้วันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตผมกันแน่  แววตาผมแห้งกระด้าง  ส่วนหัวใจผมนะหรือ  แห้งกระด้างกว่าแววตาเสียอีก  รถเข้าจอดเทียบสถานี  เวลาค่อนไปทางดึกเช่นนี้  แทบไม่มีผู้คน  ผมเลือกที่จะเดินเข้าไปที่ขบวนรถตู้สุดท้าย

   ให้ตายเหอะ !

   รถขบวนนี้  มีมาเพื่อผมกระนั้นหรือ?

   มีแค่ผมคนเดียวในตู้  มันเท่ากับว่าสะท้อนอารมณ์เหงาจับใจของผมให้มากขึ้นกว่าเดิมอีก  ผมมองไปยังตู้ถัดไป  ผู้คนก็ไม่มากเท่ากับตู้แรก  แล้วผมก็ดึงสายตากลับมาที่ท้ายขบวน  ผมปล่อยน้ำตารินไหล คิดถึงคนบางคนจับหัวใจ

   ทั้ง ๆ  ที่ผมรู้แล้ว  ว่าคน ๆ  นั้นอยู่ไม่ไกล  แต่ทำไมผมไม่กล้าที่จะเดินไปหา  หรืออาจเพราะว่าผมมันอ่อนแอ  และกลัวอะไรมากเกินไป

   อีกราวสิบห้านาทีต่อมา  รถก็มาจอดยังสถานีจุดหมาย . . .

   “ไหนบอกกลับอาทิตย์หน้าไง  แสบมากนะแก  เล่นหักคอกันแบบนี้เลย”

   ผมนั่งลงตรงกันข้ามกับเพื่อนรัก    เปิดฉากเคลียร์บัญชีกับเจ้าหล่อนเสียก่อน   หรือจะเรียกว่ามาขอบคุณที่ทำให้หัวใจของผมเต้นแบบคนอื่น ๆ  ขึ้นอีกครั้ง

   “แก  งานด่วนจริง”

   “ไม่เชื่อหรอก  แกมาอย่าตีหน้าซื่อ”  ผมมองหน้าเจ้าหล่อน  พยายามหาทางจับผิด  ว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันจะใช่เรื่องบังเอิญ  หรือเป็นเรื่องที่มันรู้มาก่อนกันแน่

   “จะบ้าเหรอแก  พูดจริง ๆ”

   “เร่อะ   เชื่อก็เชื่อ”

   “แก โอ๊ตมันจะหลงมั้ย”  น้ำเสียงมันห่วงหาเหลือเกิน

   “มันโตแล้วแก  อย่าห่วงไปเลย  ตอนชั้นไปเยอรมัน  ก็น่าจะรุ่น ๆ  โอ๊ต ชั้นยังไม่กลัวเลยแก  ที่ไหน ๆ  บนโลกนี้น่ากลัวหรอก   เชื่อชั้น”

   “ย่ะ  คนหนีรักทำยังไงก็ได้เสมอแหละ  แต่หลานชั้นมันไม่ได้หนีรักแบบแกนี่หว่า  ชั้นห่วงของชั้น มันผิดหรือ”

   ผมมองหน้าเพื่อนสาว . . .

   “ขอโทษที  พ่อคนอารมณ์อ่อนไหว”

   “มิสี่จี”  ผมยิ้ม

   “ต๊าย  วันนี้มาแปลก  ปกติพูดเรื่องแบบนี้ทีไร  หน้าหงอยเชียว  แต่คราวนี้ยิ้มระรื่นเชียว  แกอย่างบอกนะว่าหัวใจแกสีชมพู”

   “คงงั้น”

   “ใครเหรอแก  ใครกันน๊า”  เจ้าหล่อนกระดี๊กระด๊า  เขยิบเข้ามาใกล้

   “ชั้นว่าชั้นรักเด็กว่ะ”  ผมแกล้งก้มหน้าทำเขินอาย

   “อูย  อย่าเชียวนะแก  ชั้นเอาแกตายเลยนะ  หลานชั้นทั้งคน”  มันสวมวิญญาณแม่เสือทันที 

   แบบนี้เข้าทางผมเลยสิครับ  จะยั่วมันให้สนุกไปเลย

   “แกไม่ให้โอ้ตมันตัดสินใจเองล่ะ  มาตัดสินใจแทนได้ไง  เรื่องของหัวใจนะแก”

   “โอ้ย  อยากจะบ้า  แกอย่ามารุ่มร่าม”

   “ชั้นพูดจริง ๆ  นะแก  เรื่องของหัวใจ  เราควรให้เจ้าของหัวใจเขาตัดสินใจเอง  เพราะเขาเท่านั้นที่จะเรียนรู้ถูกผิด  ไม่มีใครไปรู้หัวใจคนอื่นได้หรอกนะแก”

   “ขอล่ะแก เป็นคนอื่นไม่ได้เหรอ  พ่อมันคนนึงล่ะ  อย่าให้ลามมาถึงลูกเลย”

   “พ่อมัน  บ้าดิแก  ชั้นไปทำอะไรพ่อมัน”  ผมมองหน้ามิลล์  เพราะไม่แน่ใจ  ว่ามิลล์มันมีอะไรที่มันยังไม่บอกผมอยู่อีกหรือเปล่า

   “ชั้นไม่ได้หมายถึงแกว่ะ  ชั้นหมายถึงพี่โน้ต  พ่อของโอ๊ตมัน”

   “เกี่ยวกับชั้นมั้ยนี่”  ผมเริ่มระแวง

   “ไม่เกี่ยวหรอก”

   “แล้วไป”  ผมลอบถอนหายใจด้วยความโล่งใจ  อย่างน้อยที่สุด  ตอนนี้ผมไม่ต้องนั่งคุยกับเพื่อนรักด้วยสีหน้าที่หวาดระแวง  ว่ามันจะรู้เรื่องราวอะไรของผมอีก

   “แกเคยรักใครมาก ๆ  มั้ยว่ะโอห์ม”

   “เคยสิ”

   “มากขนาดไหนว่ะ”

   “ทุกสิ่งในชีวิต  แม้แต่ลมหายใจ”

   “โหย   ตายไปเลยชั้น  ทำไมว๊า  ไม่มีผู้ชายแบบแกหลงบนโลกนี้บ้างเหรอ  ที่เหลืออยู่ก็พวก เก้ง  กวาง  ทั้งนั้นที่ยึดความรักเป็นสรณะแบบนี้” 

   “แหม  จะแต่งงานกับชั้นก็ได้นะแก”

   “ไม่มีทางย่ะ  ชั้นไม่ยอมเป็นแบบแม่ไอ้โอ๊ตเด็ดขาด” 

   “ทำไมเหรอ  พ่อโอ๊ตเขาไม่ดีเหรอ”  ผมมองหน้าเจ้าตัว  เพราะรู้ดีว่า  การที่อยากจะรู้อะไรสักอย่าง  เราควรตั้งคำถามอย่างไรที่ไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่ากำลังเสียท่าเราอยู่

   ทุก ๆ  อย่างมันอยู่ที่สถานการณ์ . . .

   “ดีมากเลยแก  แต่พี่ชั้นดิ๊  มันไม่รักดี  หลงรักเกย์”

   “ต๊าย  พ่อโอ๊ตเป็นเกย์เหรอ”  ผมทำท่าตกใจ

   “ย่ะ  แถมเป็นเกย์ประเภทรักฝังแน่น  ไม่ยอมลืมคนรักเก่าเสียด้วย  พี่ชั้นก็นะ  รู้ทั้งรู้เขาไม่ได้รักได้ชอบ  ยังทำตัวแย่ ๆ  ไปแอบฟันพ่อโอ๊ตอีก”

   “อีนี่  ว่าพี่สาวตัวเองแบบนี้ได้ไง”  ผมอดขำไม่ได้

   “จริงนี่หว่า แม่งพี่เรามันรักเขามาก    รู้ทั้งรู้เขารักคนอื่น  แต่ยังเสือกหวังลม ๆ  แล้ง ๆ  ว่า  ความเป็นผู้หญิงจะเปลี่ยนใจผู้ชายแบบพี่โน้ตได้  ยอมเอาตัวไปพัวพัน  แม่งเอ้ยสวรรค์ก็เสือกเล่นตลก  ครั้งเดียวท้องซะได้  แกนึกดูสิ  แกลองนึกไอ้โอห์มอะไรมันจะตลกขนาดนั้น” 

   “เขาเรียก  กรรมทำร่วมกันมา”

   “พี่ชั้นต่างหาก  แกว่งตีนหากรรม    เดี๋ยว  ขอนึกแปบ”  อีเพื่อนสาวมันดันไม่บอกหมดมันทำท่านึก

   ผมนั่งเฉย ๆ  รอฟังเพื่อนเล่าต่ออย่างเดียว  เพราะผมชาชินกับการรอคอย  ผมอยากรู้เรื่องนี้มาสิบแปดปี  แต่ระยะเวลาที่ผ่านมา  เวลาที่ผมอยากรู้ผมไม่เคยรู้  ตอนนี้มันคงถึงกำหนดระยะเวลานั้นแล้วก็ได้

   “ชั้นว่า  หากชั้นจำไม่ผิด  ตอนนั้นชั้นกำลังจะจบ ม.๕  ว่ะแก  พี่แจงมันเรียนอยู่ปีสอง  อีนี่มันแอบปลื้มพี่โน้ตมาตั้งแต่  ม.๑  แล้วล่ะ  ตั้งแต่สมัยเรียนที่หาดใหญ่  วันนั้น . . .”

   ผมนึกภาพตามที่มิลล์เล่า



   เกือบสามทุ่ม  ประตูห้องที่ชั้นสี่โดนเคาะถี่ ๆ  หญิงสาวสองคนที่นอนดูรายการละครเรื่องโปรดหยุด  แล้วหันมามองหน้ากัน  ก่อนที่มิลล์จะเป็นคนเดินไปเปิดประตูห้อง 

   “พี่โน้ตหวัดดี  เข้ามาก่อนพี่”

   “อ้าว  โน้ตไหนบอกจะลงหาดใหญ่ไง . . .”  แจงหันมายิ้มกับเพื่อน

   “. . . แก  มีอะไรป่ะ  ท่าทางแกไม่ดีเลย  เข้ามาก่อน”  แจงมองเพื่อนคนเดียวที่ตัวเองรู้จักมาตั้งแต่เรียนที่หาดใหญ่

   “ชั้นว่าชั้นจะชิ่วว่ะ”

   “บ้าน่ะแก  เรียนอยู่ปีสองจะขึ้นปีสาม  แกจะชิ่วหาหอกอะไรว่ะ”

   “กินเหล้ากันมั้ย”   คนพูดก้มหน้านิ่ง

   “แก  ใจเย็น ๆ  กินเหล้านะเมื่อไหร่ก็ได้  แต่แกบอกว่าแกจะไปหาดใหญ่  แล้วทำไมโผล่มานี่  ทะเลาะกับน้องแกเหรอ”

   พี่โน้ตไม่ตอบ  ส่งกระดาษให้แจง . . .

   “ตกรถหรอืไงแก”  แจงมองตั๋วในมือ

   “ป่าว  ชั้นลงที่บาบำหรุว่ะ”

   “ไอ้บ้า   ติสท์แตกอีกหรือไง   มิน่าหอบกระเป๋ามาด้วย  ทำอย่างกะหนีออกจากบ้าน”

   “เออ  ขอค้างสักพักก่อนได้ไหม”

   “เอาดิ  ห้องก็กว้างนี่หว่า ไอ้มิลล์มันไม่ค่อยอยู่หรอก  มันทำงานพิเศษ  บางครั้งมันนอนที่ห้องเพื่อน  สี่ห้าวันกว่าจะกลับห้องสักที” 

   “ตามสบายนะพี่โน้ต  ไม่ต้องเกรงใจ” 

   “ขอบใจนะมิลล์  ขอบใจนะแจง . . .”  พี่โน้ตยิ้ม  หากแววตารวดร้าวอย่างที่สุด

   “. . . ตกลงไปกินเหล้ากันได้ยัง  มิลล์ไปด้วยกันนะ”

   “แต่มิลล์เข้ากะตอนเที่ยงคืนนะพี่โน้ต”

   “ไปกันก่อน  ยังไม่สี่ทุ่มเลย  มีเวลาอีกมาก”  พี่โน้ตหันไปยิ้มให้มิลล์

   ลมแม่น้ำพัดมาเบา ๆ  แสงสว่างจากฝั่งโรงพยาบาลศิริราชทำให้อีกฝั่งดูคล้ายกลางวัน  โน้ตเหมือนคนเก็บอะไรเอาไว้ในหัวใจ  น้ำสีอำพันถูกเทลงใส่แก้ว  ก่อนที่พี่โน้ตจะกระดกมันผ่านลำคอ  โดยที่ไม่มีส่วนผสมของอย่างอื่นอีกเลย

   “เบา ๆ หน่อยแก  เดี๋ยวจะตายเสียก่อน”

   “ช่างมัน  ตายเสียได้ก็คงดี”  เจ้าตัวปล่อยตัวไหลตามเก้าอี้ ปลายนิ้วเกลี่ยปากแก้วไปมา  สายตาทอดมองไปกลางแม่น้ำ

   “พ่ออารมณ์ศิลปิน  แกมีอะไรกลุ้มใจหนักหนาว่ะ”

   “ชั้นจะชิ่วจริง ๆ  นะโว้ยแจง”

   “จะบ้าเหรอแก  แกจะทำอะไร  คิดดีแล้วเหรอ”

   “ดีที่สุดแล้ว”

   “อยากบ้า  แมร่งคนเขาสอบแข่งแทบตายอยากมีที่เรียน  ไอ้นี่มีที่เรียน  ดันอยากซิ่ว  แกมีอะไรหนักอกหนักใจของแกหนักหนาว่ะ”

   “แกเพื่อนชั้นมั้ยว่ะ”    พี่โน้ต  หันมาจ้องหน้าแจง  ก่อนยกแก้วเหล้ากระดกอีกรอบ

   “เออซิ  ไม่ใช่ชั้นจะออกมาตะรอน ๆ  หาพระแสงหอกอะไรไม่ทราบ”

   “แกเคยรักใครมั้ยแจง  แกเคยรักคนอื่นมั้ย”  พี่โน้ตจ้องหน้าเพื่อนรัก

   “เคยสิแก  รักคนอื่น  รักคนที่เขาไม่เคยมองเราด้วยซ้ำ  แถมตอนนี้ก็ยังเลิกรักไม่ได้    ยังบ้าที่จะรัก  แม้จะรู้ว่าคน ๆ  นั้นเขาไม่เคยรักเราเลยก็ตาม”  แจงมองหน้าโน้ต

   “มิลล์  อย่าถือนะ  พี่เมาว่ะ”  พี่โน้ตหันไปยิ้มอ่อนโยน

   “ตามสบายค่ะพี่  เชิญตามสบายเลยค่ะ”

   “แกมีอะไรไอ้โน้ต  แกอย่าบอกนะว่าจะบอกรักชั้นน่ะ”

   “ป่าว    ชั้นอยากจะบอกแกว่ะแจง   ในฐานะเพื่อนที่ดีที่สุดนะโว้ย  ชั้นนะชอบผู้ชาย  ชั้นรักผู้ชายนะโว้ย”

   “ไอ้ทะลึ่ง  นึกบ้าไรขึ้นมา”  ดูเหมือนแจงจะตกใจไม่น้อย

   “จริง ๆ  นะแก  ชั้นชอบ  ไม่ใช่สิ  ชั้นรักผู้ชาย  รักมานานแล้วด้วย  ตัวเล็กไง  แกจำตัวเล็กได้ใช่มั้ย  นั่นแหละแก  คนที่ชั้นรัก”  พี่โน้ตยิ้ม  เมื่อเอ่ยถึงคนที่ตัวเองรัก

   “ไอ้บ้า น้องนะแก”

   “แล้วันน้องจริง ๆ  ที่ไหนล่ะแก  ชั้นไม่รู้ว่ะว่ารักตั้งแต่เมื่อไหร่  แต่ชั้นรู้ตัวก็รักไปหมดหัวใจแล้วว่ะ”

   “แล้วมันไม่ได้รักแกงั้นดิ  เลยอกหัก”

   “มันรัก  มันรักเรา”

   “ก็ดีแล้วนี่  แล้วแกจะมาโวยวายหาหอกอะไรอีก  คนรักกันอยู่ด้วยกันก็ดีที่สุดแล้ว  มันจะมีอะไรดีไปกว่าการที่คนสองคนรักกันอีกว่ะ”  คราวนี้เป็นแจงที่ยกแก้วเพียว ๆ  เข้าปาก

   “แต่มันจะไม่ยอมไปเยอรมัน”

   “อ้าวเหรอ”

   “มันได้ทุนแลกเปลี่ยน  มันจะไม่ยอมไป  ชั้นรู้มันไม่ไปแน่ ๆ  มันไม่ยอมไป”

   “ทำไมมั่นใจขนาดนั้น”

   “แกจำตอนที่เราเรียน ม.๕  ได้ไหมแจง  ตอนที่เรียนที่หาดใหญ่  ตอนที่ชั้นได้ทุนไปเยอรมัน  แล้วชั้นไม่ไป  ทุกคนแปลกใจกันทั้งห้องที่ชั้นไม่ไป”

   “อืม  เกี่ยวไรกัน”

   “ตัวเล็กมันไม่อยากให้ชั้นไป  ชั้นเลยไม่ไป”

   “ไอ้บ้า  เอาอนาคตตัวเองไปผูกไว้กับคน ๆ  นึงเกินไป    แกนะแก  อนาคตข้างหน้าเรายังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น    แกคิดอะไรว่ะไอ้โน้ต”

   “ช่างเหอะ  แต่ตัวเล็กต้องไป  ยังไงตัวเล็กก็ต้องไปเรียนเยอรมัน  เพราะมันจะมีชีวิตที่ดีกว่าอยู่ที่นี่”  พี่โน้ตมองเรือที่ข้ามฟากไปอย่างช้า ๆ

   “หูย  ถามมันสักคำเหอะ  มันอยากไปมั้ย”

   “ถามแล้ว มันบอกไม่อยากไป  ที่สอบเพราะอยากรู้จะทำแบบที่ชั้นทำได้มั้ย  มันบอกว่า   มันต้องทำได้เหมือนที่ชั้นทำ”

   “ก็ดี  แล้วแกมากะเกณฑ์อะไรมัน  มันไม่อยากไป  ก็ไม่ต้องไปบังคับ  เรื่องแบบนี้ให้เจ้าตัวตัดสินใจเอง  หรือมีอะไรมากกว่านั้น  แกบอกมาสิโน้ต”  เพื่อนรักมองหน้าอีกฝ่าย

   “พูดไม่ได้ว่ะ  บางเรื่องไม่รู้จะพูดยังไง  ถ้าพูดได้ชั้นจะมากลุ้มเหรอแก”

   “ไอ้นี่”

   “ชั้นไม่รู้  รู้แค่ว่าทำยังไงก็ได้  ที่จะให้มันไปเรียนต่อ  จะด้วยวิธีไหนก็ต้องทำ  แม้ว่าสิ่งที่ชั้นทำไปแล้ว มันจะโกรธหรือเกลียดชั้นตลอดชีวิต  ชั้นก็จะทำ”  เสียงพี่โน้ตสั่นเครือด้วยความเจ็บปวดกับการตัดสินใจ

   “แกจะทำอะไร”

   “หายไปจากชีวิตมันก็คงดี”

   “ไอ้บ้า  แล้วหัวใจของมันล่ะ  แกเคยคิดถึงหัวใจของมันบ้างไหม  แกจะหายไปได้อย่างไร มีเหตุผลอะไร”

   “ไม่รู้ว่ะ  รู้แค่ว่าจากวันนี้ต่อไปจนวันข้างหน้า  เมื่อมีใครกำหนดให้ชั้นไม่ได้เจอตัวเล็กอีก  ชั้นก็จะไม่เอาตัวไปให้ตัวเล็กมันเจออีก    แต่จะให้ชั้นเลิกรักตัวเล็ก  ชั้นทำไม่ได้หรอก เพราะชั้นเกิดมาเพื่อตัวเล็กมัน  อะไรก็ตามที่ทำให้ตัวเล็กไปไกลที่สุด  ดีที่สุดชั้นก็จะทำ”

   “โน้ต”

   “จริง ๆ  นะแจง  ชั้นจะชิ่ว  แล้วชั้นจะหายไปจากชีวิตของตัวเล็กมัน  จะหายไปตามที่คนเบื้องบนกำหนดมา  ในเมื่อเขาขีดชะตาชั้นมาแบบนี้ชั้นก็จะยอม”

   “รักตัวเองบ้างก็ดีนะแก  โลกนี้ใช่มีแต่ตัวเล็กของแกที่รักแก  คนอื่น ๆ  เขาก็รักแก  มันอยู่ที่ว่าแกจะมองเห็นหนือเปล่า”

   “ช่างเหอะแก  บางทีห่างกันวันนี้  อาจจะทำให้ลืมกันเร็วขึ้น  ชั้นหายไปมันอาจจะเจ็บปวด  มันอาจจะโกรธชั้นแทบตาย  แต่ชั้นเจ็บปวดยิ่งกว่ามันร้อยเท่าพันเท่า    เอ้าชน”  พี่โน้ต  คล้ายละทิ้งทุกอย่าง  ก่อนยกแก้วมาค้างเอาไว้กลางอากาศ

   “แกลองคิดดูอีกทีไหม”

   “มันไม่มีเวลาแล้วว่ะแจง  เวลาสำหรับชั้นมันหมดแล้ว ต่อจากนี้ไปจนวันข้างหน้ามันไม่มีเวลาที่ชั้นมีความสุขอีกแล้ว  มันไม่มีแล้วจริง ๆ  ว่ะ”  พี่โน้ตปล่อยน้ำตาไหลเป็นทาง




   ผมหลับตานิ่ง  ฟังเรื่องราวที่มิลล์เล่ามา  มิน่าวันนั้นพี่โน้ตถึงได้เงียบตลอดทั้งวัน  ได้แต่นอนกอดผมเอาไว้นิ่ง ๆ    ผมแปลกใจอยากจะถาม  แต่ไม่กล้าถาม  แค่เหตุผลข้อเดียวนี่นะ  ที่จะทำให้เราสองคนไม่อยากเจอกันเลยตลอดชีวิต

   “อิจฉาว่ะ”

   “ใช่  อิพี่แจงมันบ้า  ไปหลงรักคนที่ไม่รักตัวเองเลย  พูดแล้งยังเคือง  หากคืนนั้น  ชั้นไม่ไปทำงาน  อิพี่ชั้นมันจะปล้ำพี่โน้ตได้หรือเปล่าชั้นยังอยากรู้นะแก  พูดแล้วชั้นยังอิจฉาตัวเล็กของพี่โน้ตเลย  ได้ทั้งตัวทั้งหัวใจ  แม้กระทั่งทุกวันนี้”

   “อูยอยากเจอพี่โน้ตของแกจริง ๆ เลย  แต่พี่แกนี่นะไปปล้ำผู้ชาย”  ผมแววตาเป็นประกาย

   “จริง ๆ  มันบอกชั้นเอง  มันขอมีไรกับพี่โน้ตเองเลย  ไอ้พี่โน้ตนะแดกยังกะน้ำเปล่า  รู้ตัวหรือเปล่าก็ไม่รู้"

"แม๊น  แมน  อยากเจอจริง ๆ ผู้ชายแบบนี้"

"เป็นไรไปย่ะ  ต่อมตุ๊ดสาว ๆ  เพิ่งมาออกฤทธิ์หรือไง  อยู่มาร้อยวันพันชาติไม่เคยมีอาการกับใคร  มาเจอหลานชายชั้นห้าวันระริกระรี้เชียว”

   “ว่าได้หรือแก  ลูกชายว่าน่ารักแล้ว  พอมาฟังประวัติพ่อ  โอ้ยชายในฝัน  อยากรักคน ๆ  นี้ไปจนตายเลยล่ะแก”

   ผมรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ 

   “ฝันไปเหอะย่ะ  ยังไงชาตินี้คนอย่างไอ้พี่โน้ตรักใครไม่ได้หรอก  หัวใจแกอยู่กับแกเสียที่ไหน  โน่น  อยู่ที่คุณตัวเล็กโน่น”

   ผมยิ้มกว้างกว่าเดิม . . .

   . . . มันคือความสุข  ความรู้สึกที่อิ่มเอมที่สุดในหัวใจ  ผมคงไม่ต้องการอะไรอีกแล้วในชีวิตนี้  ความรักที่ผมเคลือบแคลงมาตลอดสิบแปดปีเต็ม  มันมลายหายไปหมด  ต่อจากนี้ผมคงไม่ต้องพะวงว่า . . . ทำไม

   . . .ทำไม

   เพราะตอนนี้  เวลานี้  ผมรู้แล้ว  ผมรับทราบแล้วซึ่งทุก ๆ  สิ่งทุก ๆ  อย่าง  ผมควรจะขอบคุณกับการตัดสินใจในวันนั้นของพี่โน้ต  ที่ทำให้ผมมีวันนี้

   ความรัก . . .

   . . . มีแบบตายตัวเสียที่ไหนกัน




หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 28-03-2009 18:08:02
 :z13: :z13: :z13:

จิ้มๆๆๆๆ

 ความรัก . . .

   . . . มีแบบตายตัวเสียที่ไหนกัน

 ชอบประโยคนี้จัง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 28-03-2009 19:07:48
จะมัวรอช้าอยู่ใยรีบไปหาพี่โน้ตได้แล้ว ^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 28-03-2009 19:18:25
น่าอิจฉาตัวเล็ก ที่พี่โน๊ตรักได้มากกว่าที่จะยอมเห็นแก่ตัวรั้งเอาไว้อีก
แต่รักแบบนี้มันก็เจ็บปวด ทรมานนะ
 
ความรัก . . .

   . . . มีแบบตายตัวเสียที่ไหนกัน


มันออกแบบไม่ได้ ไม่มีรูปแบบตายตัว เฮ้อ แต่ถ้าตัวเล็กไม่รู้เรื่องนี้เลยว่าพี่โน๊ต
ทำอะไรให้ตัวเองบ้างเนี่ย โอห์มก็คงต้องอยู่อย่างเหงา ทรมานและเจ็บต่อไปสินะเพราะยังไม่รู้
คำตอบของคำถามที่ตัวเองยังสงสัย แต่พอรู้แบบนี้แล้ว ถ้าได้รักพี่โน๊ตแบบที่ไม่ต้องอยู่ด้วยกัน
ก็คงเป็นคำตอบของโอห์มเหมือนกันนะ ว่าต่อไปนี้คงไม่เสียใจเหมือนที่แล้วๆมาอีกแล้ว
โอห์มรักคนไม่ผิดจริงๆ  ซึ้งจัง
อืมแต่ว่า แจงนี่แรงน่าดู เหอะๆ

ขอบคุณคะคุณราชบุตร  o13 เพลงเพราะจริงๆอ่ะ ซึ้งมากๆด้วย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 28-03-2009 20:01:47
ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดีนะที่ต้องแยกกันเพราะแบบนี้
แต่มันยังไม่สายไม่ใช่เหรอที่จะตอบแทนการเสียสละของพี่โน้ต
ไปชดเชยเวลาที่เสียไปตอนนั้น
กลับไปหาพี่โน้ตซิตัวเล็ก :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 28-03-2009 20:23:39
 :กอด1:
ซึ้งกับความรักของเค้าจริงๆ นะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 28-03-2009 22:33:32
yes.......

รอมานานเลย กับเรื่องใหม่ของคุณราชบุตร

ว่าแต่ อยากได้รวมเล่ม รักฤาผูกพันจัง

ต้องทำไงหว่า

ไงก็เป็นกำลังใจให้นะครับ จะรออ่านต่อไป......

plus 1
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 28-03-2009 23:14:50
เฮ้อ.....อ่านแล้ว :-[
ต้องรีบโทรหาแฟน.....คิดถึง :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 29-03-2009 01:14:28
ซึ้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


..................................

ภาวนาอย่าให้เศร้าเลยน่ะ.................


  :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:



พีต้น  เเล้วมาต่อเร้วๆ  น่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 29-03-2009 02:10:45


^

^

^

พอใจยัง  คนข้างบน


***************


เมาแรกในรอบปี . . . .

แถมใจกล้าหน้าด้าน  ขอกอดคนที่อยากกอดอีก

ให้กอดด้วย . .. . โอ้  พระเจ้า

แค่กอดกันก็พอ   แค่นี้ที่ต้องการ  คืนนนี้หลับฝันดีแหง  แมร่ง  เรื่องนี้ไม่เศร้าแร่ะ  สัญญา


อิอิอิ  กรูเขียนหวาน ๆ  เป็นแร่ะ  สงสัยกำลังมีความรัก . . .

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: tamtam ที่ 29-03-2009 02:20:10
โห...พี่โน๊ต ทำเกินไปอ่า


 :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 29-03-2009 03:07:03

•    โลกมีกลางวัน . . .

   เคียงคู่มากับ . . . กลางคืน

   . . . มีหัว

   มีก้อย . . .

   ผู้ชาย . . .

   . . . คู่ . . . ผู้หญิง

   แต่ . . .

   . . . ผม

ต๊าย โอห์มนี่ ท่าทางจะไม่เคยได้ยิน.......สองหัว ดีกว่าหัวเดียว หุหุ
ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: imageriz ที่ 29-03-2009 08:57:42
ถ้าพี่โน๊ตเจอกับตัวเล็ก แล้ว ทุกอย่างยังจะเหมือนเดิมรึเปล่า  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 29-03-2009 10:22:51
แง๊ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

ต่อด่วน ๆ ๆ ๆๆ ๆ ๆ ๆ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: Ploy-Tawan ที่ 29-03-2009 10:40:44
รักมั่นคง ไม่ว่าเวลาจะเนิ่นนานขนาดไหน

ยังมีเหลือไหมเนี่ยคนแบบนี้

อยากได้สักคน  :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 29-03-2009 21:27:47
แอบดีใจ ที่คนเขียนบอกว่าจะไม่เขียนให้เศร้าแล้ว ^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: ErosAmor ที่ 29-03-2009 22:20:56
ชอบมากมาย ช่างเป็ความรักที่ลึกซึ้งเหลือกัน

ยอมที่จะเสียสละเพื่อคนที่เรารัก :o8:

ว่าแต่โอ๊ตจะกลับถูกไหมเนี่ย อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 29-03-2009 22:44:01



“หายไปจากชีวิตมันก็คงดี”


   “ไอ้บ้า  แล้วหัวใจของมันล่ะ  แกเคยคิดถึงหัวใจของมันบ้างไหม  แกจะหายไปได้อย่างไร มีเหตุผลอะไร”


   “ไม่รู้ว่ะ  รู้แค่ว่าจากวันนี้ต่อไปจนวันข้างหน้า  เมื่อมีใครกำหนดให้ชั้นไม่ได้เจอตัวเล็กอีก  ชั้นก็จะไม่เอาตัวไปให้ตัวเล็กมันเจออีก    แต่จะให้ชั้นเลิกรักตัวเล็ก  ชั้นทำไม่ได้หรอก เพราะชั้นเกิดมาเพื่อตัวเล็กมัน  อะไรก็ตามที่ทำให้ตัวเล็กไปไกลที่สุด  ดีที่สุดชั้นก็จะทำ”


   “โน้ต”


   “จริง ๆ  นะแจง  ชั้นจะชิ่ว  แล้วชั้นจะหายไปจากชีวิตของตัวเล็กมัน  จะหายไปตามที่คนเบื้องบนกำหนดมา  ในเมื่อเขาขีดชะตาชั้นมาแบบนี้ชั้นก็จะยอม




แวะมาบอกว่า . . .

. . . เมาค้างนอนทั้งวันอ่ะครับวันนี้

ไม่ได้ปั่นนิยายเลยอ่ะ


ใครกำหนด  =  กูไงกำหนดไอ้โน้ตเอ้ยยยยยยยยยย

คนเบื้องบน =  ผู้มีบารมีนอกนิยายไงไอ้ฟายโน้ต


เออ . . . ขอคิดก่อนจะให้เจอกันดีไหม


ไปแร่ะครับ  อิอิอิ









หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 29-03-2009 23:00:22
5555  แฮงค์ๆๆๆ

ไงก็ได้อ่ะ นะ แล้วแต่คนแต่ง  o13

ว่าแต่ ในเรื่องนี่เอา " ไอเจ้าโอ๊ต" กลับมาจากบางนาก่อนดีมั๊ย

ลูกเค้าหายไปนี่ ไม่ต้องหนีแร้ววว... พ่อเค้าตามมาเฉ่งแน่ 55555 ....อินจัด
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: dokjarn ที่ 30-03-2009 00:00:24
:z2: :o8: :-[ :z2:

สองตอนที่ได้อ่าน  อย่างหวาน อย่างเพลินเลยครับคุณราชบุตร

สวยงามเหลือเกิน...ความรัก ความผูกพันของโน๊ตกับโอห์ม

ได้อ่านสำนวนภาษาที่ให้ความรู้สึกดีๆแบบนี้มัน..สุขนะเนี่ย

ชอบตอนที่ สองคนเค้าเถียงกันว่าใครรักใครมากกว่ากัน

ทำไมชอบวะนี่....น่ารักอ่ะ

แล้วในที่สุด น้องโอห์ม เสร็จไปอีกแล้วใช่มะ

แต่จริงนะ การได้รักคนที่รักเราด้วยนี่มัน...สวรรค์บนดินเลยนะ

คุณราชบุตรเขียนหวานได้หวาน กำลังหวานพอดีครับ

สำหรับคนอ่านอย่างผมชอบแบบนี้แหละ ยิ้มๆ

แบบแผนการบรรยายนี่...เอาไปร้อยเต็มเลยมั๊ย

มันนึกภาพตามไปได้อย่างง่ายดายเค้านอนคุยกันยังไง หันไปหันมายังไง

ขาเกี่ยวกันยังไง  หัวใจตรงกัน แนบกัน  รับรู้ความรู้สึกของกันยังไง...อิ อิ ชอบ

แล้วหวานแบบนี้..กลัวจริงๆว่า ทั้งโอห์ม ทั้งแจง ยังอยู่ทั้งคู่

จะมาทำให้หัวใจของ โน๊ต โอห์ม แปรเเปลี่ยนและเจ็บปวดยังไงบ้างเนี่ย

รักเอย....ผมรักเรื่องนี้ไปแล้วอ่ะครับ

ขอบคุณ...+๑ ให้ด้วยความชื่นชมครับ

โทษนะครับใครจะว่าผมบ้าไปก็...ผมรู้สึกแบบนี้จริงๆ

 :z2: :pig4: :pig4: :z2:

 :L1:




หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 30-03-2009 02:28:23
กำลังซาบซึ้งกับเรื่องของพี่โน้ตจากคำบอกเล่าของมิลค์
แต่งง ว่าพี่โน้ตคิดได้ยังไงเนี่ย เสียสละบนความทุกข์ของทั้งสองคน
พอมาอ่านตรงนี้
"

ใครกำหนด  =  กูไงกำหนดไอ้โน้ตเอ้ยยยยยยยยยย

คนเบื้องบน =  ผู้มีบารมีนอกนิยายไงไอ้ฟายโน้ต


เออ . . . ขอคิดก่อนจะให้เจอกันดีไหม


ไปแร่ะครับ  อิอิอิ

เอ่อออออออออออ  จาฮาดีมั้ยเนี่ย   :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 30-03-2009 05:30:30
ต้องให้เจอกันให้ได้นะครับ
ถือเป็นของขวัญเทศกาลสงกรานต์นะ ^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กแว่นน้อย ที่ 30-03-2009 08:15:38
ขออย่าให้ตอนจบเป็นแบบเจอกระดูก หรือไม่สมหวังเลย

อยากให้พี่โนตกับตัวเล็กสมหวัง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 30-03-2009 09:01:44
186
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: HuaTangMo ที่ 30-03-2009 09:44:09
อยากบอกสั้นๆว่า
ขอบคุณครับ
สำหรับเรื่องดีๆ แบบนี้
อ่านแล้วรู้สึกเข้าใจคนที่รอคอยอะไรบางอย่างอยู่
ตอนจบจะเศร้าเปล่าหว่า.... :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: BLkaiwhan ที่ 30-03-2009 14:18:20
กีสสสสสสส...ยิ่งอ่านยิ่งรักพี่โน๊ต
ตอนแรกแอบลุ้นคู่โอ๊ตกะอาโอห์ม...เพราะคิดว่าพี่โน๊ตตายไปแล้วหรืออะไรก็แล้วแต่
แต่พออ่านมาถึงตรงนี้..ได้รู้ว่าพี่โน๊ตรักตัวเล็กมากๆๆๆ
เลยอยากให้พี่โน๊ตกับตัวเล็กเค้าสมหวังกันซะที..อ่ะเนาะ อิอิ :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: OT ที่ 30-03-2009 14:55:42
เรื่องนี้เขียนดีจัง... o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 30-03-2009 15:51:54



เมื่อวาน . . . เมาค้าง

วันนี้ . . . งานค้างมาจากเมื่อวันศุกร์

แถม . . . คืนนี้มีนัดกับ  นิโคลัส เคจ  อีกวุ้ย

แล้วกรูจะปั่นต้นฉบับทันมะเนี่ย . . . ฮ่วยยยยยยย



สมมติ . .

โอห์มมันเกิดเผลอไผลไปมีไรกับน้องโอ๊ต . . .

แล้วเมื่อถึงเวลา  มันต้องเจอกับ  พี่โน้ต  คนที่รักมันกว่าสิ่งใด ๆ ทั้งหมด  มันจะกล้ามองหน้าพี่โน้ตหรือปล่าวหว่า . . .

เพราะมันรู้ทั้งรู้ว่านี่คือลูกชายของคนที่รักมัน

บาปรักชัวร์ ๆ  เลยมรึงเอ้ย  บาปนี้ติดตัวไปจนตายเชียววุ้ย

ไม่มีไร . . .แค่สมมติเฉย ๆ   (แถมเสือกแวบมาบ่อยในหัวด้วยเด่ะ)
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: MaryGoesRound ที่ 30-03-2009 15:58:06

ท่านราชบุตรเขย

ท่านฮาดี เราชอบ

ส่วนเรื่องสมมติน่ะ เราก็คิดเช่นเดียวกับท่าน
แต่เราว่าไม่บาปหรอก...หรือบาป


:L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 30-03-2009 16:49:14

สมมติ . .

โอห์มมันเกิดเผลอไผลไปมีไรกับน้องโอ๊ต . . .

แล้วเมื่อถึงเวลา  มันต้องเจอกับ  พี่โน้ต  คนที่รักมันกว่าสิ่งใด ๆ ทั้งหมด  มันจะกล้ามองหน้าพี่โน้ตหรือปล่าวหว่า . . .

เพราะมันรู้ทั้งรู้ว่านี่คือลูกชายของคนที่รักมัน

บาปรักชัวร์ ๆ  เลยมรึงเอ้ย  บาปนี้ติดตัวไปจนตายเชียววุ้ย

ไม่มีไร . . .แค่สมมติเฉย ๆ   (แถมเสือกแวบมาบ่อยในหัวด้วยเด่ะ)
ว้าย สามหนุ่ม(?) สามมุม 5555555
(http://img227.imageshack.us/img227/5830/ksw2fssm7.jpg)
.
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 30-03-2009 16:53:59


สมมติ . .

โอห์มมันเกิดเผลอไผลไปมีไรกับน้องโอ๊ต . . .

แล้วเมื่อถึงเวลา  มันต้องเจอกับ  พี่โน้ต  คนที่รักมันกว่าสิ่งใด ๆ ทั้งหมด  มันจะกล้ามองหน้าพี่โน้ตหรือปล่าวหว่า . . .

เพราะมันรู้ทั้งรู้ว่านี่คือลูกชายของคนที่รักมัน

บาปรักชัวร์ ๆ  เลยมรึงเอ้ย  บาปนี้ติดตัวไปจนตายเชียววุ้ย

ไม่มีไร . . .แค่สมมติเฉย ๆ   (แถมเสือกแวบมาบ่อยในหัวด้วยเด่ะ)

ก้อแค่เรื่องสมมติ ชิวๆนะ
แต่ถ้าเรื่องจริงก้อแค่เหมาสอง พ่อลูกมาเป็นแพ็คคู่ เหอๆๆๆๆ




เมื่อวาน . . . เมาค้าง

วันนี้ . . . งานค้างมาจากเมื่อวันศุกร์

แถม . . . คืนนี้มีนัดกับ  นิโคลัส เคจ  อีกวุ้ย

แล้วกรูจะปั่นต้นฉบับทันมะเนี่ย . . . ฮ่วยยยยยยย


กำลังคิดว่าตรูจาได้อ่านต่อมะไรเนี่ย
จขกท ป๊อบเกิ้นน
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: mango ที่ 30-03-2009 18:56:31

 :pig2:   Thank you very much คุณ ราชบุตร,  :L2:

Thanks for a nice lovely story,

โน้ต + โอห์ม = โอ๊ต  so sweet!

 I’ve just finished up to chapter 2.

พี่มะม่วง

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 30-03-2009 19:17:14
http://media.imeem.com/m/of7bmqLpIJ




ตอนที่ ๘

   ผมเลี้ยวรถมอเตอร์ไซด์มาจอดเอาไว้ที่โรงรถบ้านพี่โน้ต   เพราะตั้งแต่ผมขึ้น ม.๓  ไอ้พี่โน้ตดันขี้เกียจขับ     แถมเวลามันซ้อนมันชอบก่อกวนผมอยู่บ่อย ๆ  นึกภาพออกไหมครับ  ผู้ชายเวลานั่งซ้อนมันชอบเอามือมาโอบกอดเอาไว้  แถมมือของไอ้พี่โน้ตมันชอบมาตกที่ช้างน้อยผมอยู่เรื่อย


   ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะครับ . . .

   อะไร ๆ  ที่มันควรจะสงบนิ่ง  มันดันไม่สงบเพราะชอบมีมือมารมาป่วนปั่นอยู่นี่แหละครับ คิดแล้วกลุ้มกับไอ้พี่จอมหื่นจังเลย

   “เย็นนี้ตีเทนนิสกัน”

   “ไม่เอา  การบ้านเยอะโครต  เที่ยงคืนจะเสร็จหรือป่าวยังไม่รู้เลย”  ผมบอก  ก่อนโยนกุญแจรถคืนให้พี่โน้ต

   “ไรว๊า  แค่ชั่วโมงเดียวเอง”

   “ครึ่งชั่วโมงยังไม่ได้เลย  หรือไอ้พี่จะช่วยโอห์มทำ”

   “แหวะ  ของเค้าเองยังไม่อยากจะทำเลย  เรื่องไรช่วยเรา  ไอ้ตัวเล็ก”  มันทำหน้าลิงใส่ผม  ก่อนเดินผิวปากตัวปลิวเข้าบ้าน

   ผมโครตเคืองมันเลย  คนไรว๊า  มีสุขไปคนเดียว  เวลามีงานเยอะ ๆ  ดันหนีไปซะได้  ผมได้แต่เดินคอตกเข้าบ้าน

   “พ่อหวัดดี  แม่หวัดดี  วันนี้มีไรกินมั่งอ่ะ  โอห์มหิ๊ว  หิว”  ผมยกมือไหว้บุพการีที่น่ารัก  ก่อนเอามือลูบท้อง

   “โอห์ม  มาหาพ่อหน่อยสิลูก”  พ่อเอามือตบที่เบาะเบา ๆ

   แววตาที่พ่อมองมา    ไม่เหมือนเดิม  ไอ้ผมมันพวกวัวสันหลังหวะ  เพราะเรื่องที่เลยเถิดกับพี่โน้ต  มันยังเป็นความลับที่ไม่มีใครรู้ แถมมันยังแวงทุกครั้ง  เวลาที่พ่อหรือแม่เรียกคุย   ผมมองหน้าพ่อใจสั่น  ก่อนเดินก้าวไปที่พ่ออย่างช้า ๆ   

   ผมมองหน้าแม่ . . .

   . . . แววตาแม่เหมือนกังวล

   เอาละซิ  ไอ้โอห์ม  ความซวยจะมาเยือนซะแล้วมั้ยเนี่ย

   “โอห์มไม่ได้เกเรนะพ่อ  ไม่เชื่อถามพี่โน้ตมันดูได้”  ผมไปกอดพ่อเอาไหว้ก่อน  กันเหนียว    อย่างน้อยเรื่องผิดมันจะได้ลดน้อยลง

   “ร้อนตัวแฮะไอ้ลูกคนนี้  หรือว่าไงแม่”  พอเอามือลูบหัวผม  หัวเราะเบา ๆ

   “พ่อ . . .”  เสียงแม่เรียก 

   ผมมองหน้าแม่  เหมือนแม่จะห้ามพ่อด้วยสายตา  มันเรื่องอะไรว๊า  แต่ไม่รู้งานนี้กอดพ่อเอาไว้ก่อน  ถึงจะโดนหวายก็กอดแน่น ๆ  เข้าไว้ไอ้โอห์ม  ไม้ตายผมล่ะครับ  เรื่องจะตีผมน่ะ  เห็นท่าจะยากเสียหน่อย  เพราะผมมันพวกเชี่ยว

   “เรื่องแบบนี้ต้องคุยแม่  ปล่อยไว้นานไม่ได้”

   ตายห่า . . .

   ผมตายแน่ ๆ  ตายสนิทเลยงานนี้  พ่อรู้หรือ  เรื่องผมกับไอ้พี่ตัวแสบ  ทำไงดีหว่า  หัวใจผมมันเต้นตุ้ม ๆ  ต่อม ๆ  รอฟังคำพิพากษาจากพ่ออย่างเดียวเลย  งานนี้สงสัยได้ตายก่อนตายแน่ ๆ  เลยโอห์มเอ้ย

   “พ่อมีอะไรครับ”  ผมเงยหน้ามองพ่อ

   “รักพ่อมั้ยโอห์ม”

   “รักดิครับ  ไม่รักพ่อจะรักใคร”  ผมหอมที่แก้มพ่อไปหนึ่งฟอด  ตุนคะแนนเอาไว้ก่อน  อย่างน้อยก็ทำให้พ่อยิ้ม

   “ไอ้ลูกคนนี้”  พ่อกอดผมโยกหัวผมเบา ๆ

   “แล้วแม่ล่ะ  โอห์มรักแม่มั้ย”

   “รัก  รักมากที่สุดในโลกเลย”  ผมโผไปหาแม่  กอดแม่เอาไว้แบบที่เหมือนกับที่ทำกับพ่อ แม่ยิ้มโอบไหล่ผมเอาไว้

   “. . . มาถามอะไรเนี่ย  โอห์มเขินนะเนี่ย”

   “โอห์มรักพี่โน้ตเขามั้ยลูก”

   เสียงพ่อถาม  ทำเอาผมแทบหยุดหายใจ  ตายแหง๋ ๆ  ไอ้ตัวเล็ก  งานนี้เห็นท่าจะรอดยากเสียแล้ว  ผมก้มหน้าต่ำ ไม่กล้าองหน้าพ่อ  เพราะกลัวความผิดกับสิ่งที่ได้ทำลงไป  ไม่น่าเลยไอ้โอห์มเอ้ย  ไม่น่ายอมไอ้พี่โน้ตมันง่าย ๆ  เลย

   แม่ง . . . มันจะรู้มั้ยนี่  พ่อกำลังจากเชือดคอโอห์มอยู่แล้ว

   ผมได้แต่นึกฉุนไอ้พี่โน้ต  พ่อจับได้แล้วจะทำไงดี  ไม่โผล่หน้ามารับความผิดด้วยกันล่ะว๊า  หายหัวไหนของมึงล่ะครับ  ไอ้คุณพี่

   “คือ . . .”

   “พ่อ . . . ถามอะไรแบบนั้น”  แม่โอบไหล่ผมเอาไว้

   “แม่ . . .”  พ่อเรียกชื่อแม่ก่อนถอนหายใจเบาๆ

   “. . . เราคุยเรื่องลูกกับโน้ตกันแล้วไงแม่  พ่อว่าแม่น่าจะเข้าใจ”

   พระเจ้า . . . ใครก็ได้ช่วยเสกให้ไอ้โอห์มหายไปจากโลกในตอนนี้ได้ไหม  ไม่ไหวแล้วครับผม  งานนี้รู้กันทั้งบ้าน  อายก็อาย  กลัวก็กลัว  ไอ้พี่โน้ตบ้าเอ้ย  คุณพี่มึงจะรู้ไหม โอห์มจะตายอยู่แล้ว  อากาศรอบตัวเหมือนเหลือน้อยเต็มที

   “ว่าไงละเรา  รักพี่มันมากหรือ”

   ผมไม่ตอบเงยหน้ามองพ่อ  แววตาผมคงเป็นคำตอบที่ที่สุด

   “จะร้องทำไม  พ่อถามแค่นี้  ไอ้ลูกคนนี้ . . .”  พ่อยิ้ม  ก่อนดึงผมมากอดเอาไว้     

   “พ่อ   ค่อยพูดเรื่องนี้อีกทีดีไหม”  เสียงแม่บอกพ่อ

   “แม่  ยังไงก็ต้องพูดกับลูกอยู่ดี”  พ่อหันไปพูดกับแม่ 

   ผมมึนครับ  มันเรื่องอะไรกันหว่า ตกลงพ่อกับแม่พูดเรื่องอะไรกันอยู่ก็ไม่รู้  ผมงงไปหมดแล้ว  พระเจ้าใครก็ได้ช่วยโอห์มหน่อย  โอห์มกลัวจริง ๆ  นะเนี่ย  พ่อกับแม่กำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันอยู่

   “โอห์ม  พ่อพี่บอกว่า . . .”  พี่โน้ตมันตะโกนมาก่อนตัวเสียอีก

   “. . . ขอโทษครับ  ผมนึกว่าโอห์มอยู่คนเดียว”  พี่โน้ตหน้าซืดยืนที่หน้าประตู

   ผมมองหน้าพี่โน้ต  เห็นหน้ามันชัด  ผมแทบอยากจะตายอยู่ตรงนั้น  นี่ตกลงเรื่องผมกับไอ้พี่โน้ต เขารู้กันหมดแล้วหรือนี่  ตายสนิทเลยงานนี้  ผมมองหน้าไอ้พี่โน้ต  อยากต่อยหน้ามันจัง  ถ้าคืนนั้นมันไม่บอกรักผม 

   โอ้ย . . .  ทำไมชีวิตมันบัดซบนักหว่า

   “มาพอดีเลย  กำลังอยากเจอตัว”

   พ่อหันไปทางพี่โน้ต  . . . .

   แสร่ดดดดดดดดดดดดดดดดด . . .

   คราวนี้เห็นทีตายแบบไม่ต้องรอหามไปโรงพยาบาลแน่โอห์มเอ้ย  พ่อเรียกไอ้พี่เชี่ยมาแร่ะ  มันเดินมานั่งติดกับโอห์มอีก 

   อูย . . .

   โอห์มอยากตายอ่ะครับ พี่น้องคร๊าบบบบ   ไม่ต้องนั่งชิดขนาดนี้ก็ได้ พ่อกำลังจะฆ่าอยู่ไม่รู้หรือไงไอ้พี่บ้า

   “โน้ตรักน้องมั้ยลูก”

   “รักครับ”

   มึงจะคิดก่อนตอบสักหน่อยกูก็ไม่ว่าหรอกนะไอ้พี่โน้ต  นี่อะไรพอพ่อถามปุ๊บมึงตอบปั๊บเลย   แถมเสียงดังฟังชัดขนาดนั้น  สงสารโอห์มมั่งเหอะ   มึงจะมาแสดงความแมนอะไรขนาดนี้ว่ะ  ผมใช้ขากระทืบเท้าไอ้คุณพี่ไปหนึ่งที  โทษฐานอยากแมนโดยไม่ปรึกษา

   “โอ้ย  อะไรของเอ็งไอ้ตัวเล็ก”

   มันมองหน้าผม 

   แน่ะ . . . 

   . . . เสือกยิ้มอีก 

   ไม่รู้หรือไง  ยมทูตกำลังเดินมาใกล้ ๆ ตัว   เงาหัวจะไม่มีอยู่แล้ว  ดันมาเล่นอีก  ไม่รู้จักที่ตายเลยนะมึง  ไอ้คุณพี่ 

   “โอห์มนี่    ทำไรพี่เค้า”  แม่ดุ

   ได้ทีนะมึงไอ้คุณพี่  มันยิ้มยั่วเข้าอีกไม่ดูสถานการณ์เล้ยยยย

   หนอย . . .   

   . . . เดี๋ยวก่อน 

   รอพ่อเคลียร์ให้จบก่อน  เดี๋ยวโอห์มขอเคลียร์มั่ง  จำไว้เลย  หากเรื่องนี้พ่อเอาโทษโอห์มมากเท่าไหร่  โอห์มจะเล่นให้หนักเลยคอยดูนะไอ้พี่เลว  โทษฐานรังแกน้องที่ไม่มีทางสู้

   “น้องเหมือนจะโตนะโน้ต  แต่น้องยังเล็กนัก”   

   พ่อคร๊าบ  พ่อคุณของโอห์ม  มีอะไรก็รีบ ๆ  พูดได้ไหม  โอห์มจะตายอยู่แล้ว  พ่อมีอะไร  ทำไมไม่รีบพูดให้จบ ๆ    ถ้าพ่อสั่งให้โอห์มเลิกคุย  เลิกติดต่อกับพี่โน้ต  พ่อก็รีบสั่งมา  รีบ ๆ  บอกมาเหอะ  โอห์มรออยู่ในสถานการณ์แบบนี้ไม่ไหวแล้วล่ะ

   “ครับ  แถมชอบดื้อ  ไม่ค่อยฟังเวลาที่โน้ตบอก  ชอบเถียง”

   “ไอ้พี่โน้ต”  ผมมองหน้า

   “นี่ ๆ  อย่าเลยเรา . . .”  พ่อห้ามทัพ

   “. . .ขืนดื้อกับพี่เขา  จะย้ายไประยองด้วยกันเลย” 

   “พ่อ”  ผมมองหน้าพ่อ

   “มองอะไร  ตกใจอะไรขนาดนั้น”  พ่อยิ้ม

   “พ่อพูดใหม่ชัด ๆ  แบบเคลียร์ ๆ ได้ไหม  โอห์มงง”

   “ตุลานี้ต้องย้ายไปเป็นผู้อำนวยการที่ระยอง  คุย ๆ  กับแม่เขาไว้จะย้ายเราไปด้วย  แต่  ลุงตุ้ยสิ  แกบอก  ยังอีกเทอมเดียวโอห์มก็จะจบ ม.๓  แล้ว    แกอยากให้โอห์มอยู่เรียนจนจบ ม.๓ ที่นี่ก่อน”

   “พ่อรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่นี่เรื่องย้าย”  ผมนับนิ้วดู  ตายเลย  อีกสองเดือนกว่า ๆ  เอง

   “ไอ้ลูกคนนี้  เพิ่งรู้เมื่อเช้าโว้ย”

   “โอห์มไม่ไป  โอห์มไม่อยากย้ายกลางเทอม”  ผมมองหน้าพ่อ

   “นั่นสิ  ลุงตุ้ยแกบอกกับพ่อ  คุยกับโอห์ม  โอห์มออกฤทธิ์อีกแน่   ไอ้โอห์มมันติดพี่ชายมันอย่างกับอะไรดี  จะจับแยกกันแบบปัจจุบันทันด่วนก็สงสารโอห์มมัน  พ่อเลยถามโอห์มไง  รักพี่โน้ตมั้ย  แต่โอห์มก็ไม่ตอบพ่อ”    พ่อหัวเราะเบา ๆ

   ผมแทบกระโดด  หลงคิดว่าพ่อจะรู้เรื่องผมกับพี่โน้ตเสียอีก

   “พ่อเลยถามโน้ต  พี่เขาตอบแบบไม่ต้องคิดเลยเห็นมั้ย  ค่อยหายห่วงหน่อย”  พ่อเอามือตบไหล่พี่โน้ตเบา ๆ

   “ครับ”  ไอ้พี่ตัวแสบยิ้มกริ่มรับคำชมเสียด้วย

   “ว่าไงเราตกลงรักพี่เขามั้ย”

   “รักครับ”  ผมตอบเบา ๆ

   “ถ้ารักก็อย่าไปดื้อกับพี่เขาให้มากรู้มั้ย”

   “ครับผม”

   “อีกสองเดือนนะโน้ต  ถ้าน้องดื้อ  บอกอา  อาจะย้ายไปเรียนที่ระยอง  แต่หากไม่ดื้อ  เห็นทีโน้ตต้องเหนื่อยหน่อย  กว่าไอ้ตัวแสบจะจบ ม.๓  ก็อีกหลายเดือน  คงต้องฝากพ่อเราเอาไว้  ยังไงก็อย่าตามใจน้องมากเดี๋ยวเหลิง”

   “ครับผม”

   ไอ้พี่เลว  รับปากเสียเป็นมั่นเหมาะ  พ่อไม่รู้เหรอครับ  คนที่พ่อฝากลูกชายเอาไว้มันน่ากลัวขนาดไหน  มันนะน่ากลัวกว่าใคร ๆ  ทั้งหมดในโลกเสียด้วยซ้ำ

   “ว่าไงล่ะแม่  ตกลงจะให้ลูกย้ายหรือให้ลูกอยู่”

   “แล้วแต่พ่อ แต่ก็อดห่วงไม่ได้”

   “ไม่ต้องห่วงเลยครับอาแป้ง  โน้ตจะดูแลน้องเท่าชีวิตเลยครับ  โน้ตสัญญา  สองเดือนจากนี้จะไม่ตามใจ  จะไม่พาไปตะรอนดึก ๆ  อีก  จะบังคับให้ทำการบ้านทุกวันด้วยครับ   อ้อ  แล้วก็จะพาไปหัดเรียนว่ายน้ำที่สระเทศบาลทุกวันอาทิตย์ด้วยครับ ถ้าทำไม่ได้  โน้ตยอมย้ายตามน้องไปเรียนระยองเองครับ  ”

   “เอ้า  เอากันเข้าไป  พอกันเลยทั้งพี่ทั้งน้อง”  พ่อหัวเราะเบา ๆ

   พ่อนะพ่อ  เล่นเอาผมกังวลใจแทบตาย  กลัวไปสารพัด  แต่ท้ายที่สุดแล้วมันกลับเป็นข่าวดีสำหรับผม  เพราะอย่างน้อยเวลาที่ผมจะได้อยู่กับไอ้พี่  ก็จะมากขึ้น  สี่ห้าเดือนล่ะว๊า  ที่มันกับผมจะได้นอนห้องเดียวกันโดยที่ไม่ต้องคอยกังวลว่าใครจะมาสงสัยในความสัมพันธ์

   พ่อกับแม่จะย้ายไประยอง . . .

   . . . แต่ทำไมโอห์มไม่รู้สึกเสียใจหว่า 







เอาไปครึ่งตอนก่อน . . .

. . . อีกครึ่งตอนแอบกั๊ก  อิอิอิ

แบบเขียนจบไปแร่ะ  แต่  แอบหลงรักพี่โน้ตเอง  เหอะ ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 30-03-2009 19:47:24
 :z13: :z13: :z13: :z13:

มีงี้ด้วย

แอบรักพี่โน๊ต เอง

อะไรเนี่ย คนเขียน ยังไง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: dokjarn ที่ 30-03-2009 20:45:09
:L1: :man1: :L1:

ไรเนี่ย...คุณราชบุตร

มาแอบรักพี่โน๊ตคนเดียวได้ไง

แบ่งคนอื่นบ้างไรบ้าง

โอ๊ย....อ่านตอนนี้แล้ว..สนุกสนาน

กับบรรยากาศ วิตกจริตของไอ้น้องโอห์ม

ภาษาหนังสือ ถ้อยคำที่ใช้ถ่ายทอด  ชอบเลยครับ

อ่านไปยิ้มไป  ลุ้นตามไปด้วย ได้อารมณ์อิ่มเอมจริงๆ

ช่วยเอาอีกครึ่งนึง  ที่แต่งไว้แล้วมาต่อให้ด้วยเน้อ

ไม่งั้น....ไม่งั้นไรดีว้า...ไม่งั้นก็ไม่ได้อ่านดิ่  กร๊ากกก

ขอบคุงคับ

 :pig4: :pig4: :pig4:

 :z2:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 30-03-2009 22:37:04




(http://img246.imageshack.us/img246/7716/reply614191hi2005040308.jpg)

พี่โน้ต . . .


แมร่ง . . . แอบเคือง รูปพี่โน้ตในเครื่องหายเหลือแค่รูปเดียว

ใจสั่นวุ้ย



หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 30-03-2009 22:54:12
^
^
^
หึๆ
 :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 30-03-2009 23:01:12
มากรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด  พราโน๊ตด้วยคัน

 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 30-03-2009 23:04:31
โหย ๆ มาต่อเลยนะครับ

นี่โน้ตน่ารังจริง  :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 30-03-2009 23:09:58
อ้าวมีกั๊กด้วย อะไรเนี่ย มีการหลงรักพี่โน้ตเองอีก
รีบมาต่อเลยดีกว่า
อย่ามัวแต่มาหวงพี่โน้ตอยู่เลยจ้า
ให้โอห์มหวงคนเดวก้อพอแ้ล้วหละน้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 30-03-2009 23:30:47
ชอบด้วย ๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 31-03-2009 03:14:14

วุ้ย ฝากแมวไว้กับปลาย่างแท้ๆเทียวค่ะ คุณพ่อขา
โดยเฉพาะประโยคปิดฉากของป๊ะป๋า.......นอกหน้าไปนิ๊ดนึง ไหมคะ อิอิ

(http://image.ohozaa.com/ih/notepooroatpr.jpg)

ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 31-03-2009 04:57:53
พี่โน๊ตน่ารักเกิ๊น ส่วนโอห์มก็นะ เหอะๆ กินปูนร้อนท้องไปก่อน
แ่ต่วิธีอ้อนพ่ออ้อนแม่เนี่ยน่าัรักไ่ม่มีใครเกิีน

ขอบคุณคะคุณราชบุตร  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: maggy ที่ 31-03-2009 09:57:23
อยากให้โอท์มลงเอยกะพี่โน๊ตอ่า
หายหน้าหายตาไปนาน
กลับมาตามอ่านแถมไม่ทัน
เศร้านะคะ เวลาที่ต้องมารับรู้ว่ามีใครคนนึงเสียสละอะไรๆให้เรามากมายขนาดนี้
ความรักคือการเสียสละ.............แต่ทำไม............ไม่พยายามที่จะรักษาความรักของเราด้วยหล่ะ
สงสารพี่โน๊ต สงสารทั้งโอท์ม
เป็นกำลังใจให้คุณราชบุตรนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 31-03-2009 13:19:50
เข้ามาบอกว่า...
กฏข้อที่ 2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณถูกแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน

ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด  คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกัน

การแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน
แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต
และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่น

ช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ    เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆ
ก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเอง
เพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่ง

***ส่วนการพูดคุยนั้น  ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์
ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย
ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่ห้องอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ***


ต่อไปนี้จะเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของดิฉันในฐานะโมฯ นะคะ
เพื่อธำรงไว้ซึ่งกฏระเบียบของเล้าฯ  ไม่ได้ทำไปเพราะสาเหตุส่วนตัวใดๆ ทั้งสิ้น
ถ้าใครไม่สบายใจได้การปฏิบัติหน้าของดิฉัน  เชิญตั้งกระทู้เพื่อสอบถามได้ที่ "ห้องพูดคุยทั่วไป" นะคะ
เพราะห้องนั้นเรามีไว้ให้พูดคุย ซักถาม แสดงความคิดเห็น-คิดถึง ต่อกันได้อย่างอิสระ
ผิดจากห้องนี้ซึ่งเป็นห้องนิยายที่เปรียบไปก็คล้ายกับห้องสมุดกลายๆ
ดังนั้นหากต้องการจะพูดคุย-ไต่ถามกันก็เชิญได้ที่ห้องพูดคุยนะคะ
แล้วดิฉันจะได้เรียนชี้แจงเป็นรายบุคคล และถี่ถ้วนนะคะ
หวังว่าจะได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ทั้งจากผู้อ่าน  แฟนคลับ  นักโพสต์ และนักเขียน นะคะ

เราเตือนคุณแล้วนะคะ
เจ้สอง  กะเทยอาวุโส  อิอิ  :bye2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 31-03-2009 14:12:32
อูยยยยย ถ้าโน๊ตนี้...ใจสั่นด้วยคนนนนน  :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 31-03-2009 16:26:39




จากคอมเมนท์นี้เป็นต้นไป


ขอความกรุณา  คนอ่านทุกท่าน . . .  ห้าม   มิให้โพสต์รูปภาพใด ๆ  ในกระทู้ . . . รักเอย . . .  


มิฉะนั้น  เราจะ . . . ดองนิยายเรื่องนี้



จึงบอกมาให้ทราบโดยทั่วกัน





เมื่อเข้าใจตามที่คนเขียนบอกแล้ว    จงสนุกกับเรื่องราวของตัวละครเราต่อไป


อิอิอิ


http://media.imeem.com/m/of7bmqLpIJ












ตอนที่ ๘ (ต่อ)


   ปกติเวลามีคาบว่าง  ผมมักจะแอบไปหาที่งีบในห้องสมุด  หรือหากวันไหนเกิดเป็นกบก็จะเถมาไกลหน่อย  มาที่ริมรั้วหน้าถนนใหญ่  ก่อนแปลงกายเป็นหนุมานไปสิงสถิตอยู่บนต้นมะขามริมรั้ว  รอจนกว่าจะได้ยินเสียงออดเปลี่ยนคาบก็จะรีบแจ้นไปเรียนคาบต่อไป  หลังจากที่วิญญาณกบออกจากร่าง


   แปลงร่างเป็นกบ  =  โดด

   โดดเรียนครับผม  ก็อย่างว่า  เดินเรียน  ใครจะมาสนใจว่าระหว่างเปลี่ยนห้องเรียนจะมีใครหายไปกี่คน

   วันนี้ก็เช่นเดียวกัน  สองคาบสุดท้ายเรียนวิชาลูกเสือ  วิชาที่น่าเบื่อที่สุดในชีวิต   แล้วห้องเรียนวิชาลูกเสือมันก็อยู่ที่อาคารไม้ชั้นเดียวห้องสุดท้ายของอาคารพละ  ติดกับศาลานั่งเล่นที่ริมรั้วข้างแบงค์ชาติ

   ผมเล็งไว้แล้ว . . .

   . . . ต้นมะขามต้นที่สองจากศาลานั่งเล่น

   ไม่เคยได้ยินหรือ . . .

   ที่ . . . ที่อันตรายที่สุด  คือ ที่ ที่ปลอดภัยที่สุด   

   เกือบสองชั่วโมงที่มานั่งเป็นลิงอยู่บนต้นมะขามนั่งมองเพื่อน ๆ  ในห้องมันเรียนวิชาอันน่าเบื่อ  สัญญาณภาพจากตรงนี้ไปที่ห้องชัดแจ๋วเลยครับ  แม่ง  แอบมองเพื่อนเรียนมีความสุขกว่าไปนั่งเรียนเองอีก  พิลึกคนโครตเลยไอ้โอห์ม

   เหมือนฟ้าจะไม่เข้าข้างคนผิด . . .

   ผมเห็นชัด  คนสองคนที่เดินมานั่งที่ม้าหินขัดใต้ต้นมะขามที่ผมนั่งอยู่  มันไอ้พี่โน้ตนี่หว่า  แถมมันไม่ได้มานั่งคนเดียวเสียด้วย    ผมจำได้ดี  คนที่มานั่งกับมัน . .

   . . .พี่แจง

   เลือดในกายมันปรี๊ด ๆ  อย่างไรไม่รู้  ขนาดว่าพี่โน้ตบอกว่าเป็นเพื่อน  แต่ที่ผมเห็นเพื่อนเชี่ยไรว่ะ  มานั่งเบียดพี่โน้ตของผมซะขนาดนั้น    ว่าแล้วก็เดือดปุดด้วยอารมณ์อันเป็นสิ่งลึกลับที่ซ่อนอยู่ในตัวเอง

   เย็นไว้โอห์ม . . .

   . . . ผมจำต้องสั่งตัวเองแบบนั้น  เพราะหาไม่แล้ว  หากทำสิ่งอันไม่บังควรแสดงตัวในตอนนี้  มีหวัง  อาจารย์ที่สอนอยู่ในห้องรู้แหง ๆ  ว่าผมโดดเรียน

   “มีไรว่ะแก  ลากมานั่งเสียไกลผู้คน”  เสียงพี่โน้ตถาม  ก่อนเอาเมาท์ออแกนออกมาเป่า

   เพลงนี้ . . .

   . . .  อัสนีวสันต์ 

   . .. . จากเคยรักอยู่  จากเคยรักกัน  กลับมาไหวหวั่น  กลับมาเหินห่าง  ก็ใจของเธอ แบ่งเป็นสองทาง  แบ่งเป็นสองอย่าง  เกิดลังเลหัวใจ . . .

   สาสสสสสสสสสสสสสสสสสสส 

   ทำซึ้งนะไอ้คุณพี่    เรื่องที่เขาลือกันว่าคุณมึงกับดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่ง  เป็นแฟนกันท่าจะจริง     แถมแอบมาทำหวานต่อหน้ากันอีกมันจะมากไปหรือไม่ครับผม

   “เพราะจัง  โน้ตเล่นเครื่องดนตรีได้ตั้งหลายอย่าง  แถมร้องเพลงก็เพราะอีก”

   “แกเป็นไรมากป่ะเนี่ย  ตัวร้อนป่ะ . . .”  พี่โน้ตมันหยุดเป่า  แถมเอามือไปอังที่หน้าผากพี่แจง

   “. . . ตัวก็ไม่ร้อน”

   แต่ . . .

   กูร้อน  ต่อหน้าต่อตานะไอ้พี่เลว  แม่งทำแบบนี้ได้ยังไง  แอบมาทำซึ้งกันอะไรขนาดนี้  ไม่รู้หรือไง  ว่าในหัวใจของโอห์มมันเดือดขนาดไหน

   “บ้า  ไม่ได้เป็นไข้สักหน่อยตัวจะร้อนได้ไง”

   “เออ  แล้วมาอายทำบ้าอะไรเนี่ย”

   “โน้ต . . .”  เสียงพี่แจงเรียก

   ผมน่ะ อยากลงไปเดี๋ยวนั้น  แต่มันทำไม่ได้  ทำได้แค่เพียงนั่งนิ่ง ๆ  รอฟังอย่างเดียว  ไว้ค่อยเคลียร์กันนะไอ้คุณพี่  เคลียร์ไม่ได้เมื่อไหร่  โอห์มจะขอให้พ่อย้ายเลย  ไม่อยู่ใกล้แล้วคนหลอกลวง  มาทำกันแบบนี้

   “เป็นบ้าไรของแก  เรียกแล้วเงียบ”

   ไอ้คุณพี่เอามือผลักหัวพี่แจงเบา ๆ  ด้วย  โห  แบบนี้ฆ่ากันเลยดีกว่า  เล่นกันขนาดนี้  ไม่รู้หรือ  คนบนนี้แทบทนไม่ไหวแล้ว

   “ก็เรื่องที่เขาลือกันไง”

   “ใครลือ  ลือเรื่องอะไร”  พี่โน้ตหันไปมองหน้า

   คืนนี้ก่อนเหอะ . . .

   . . .  มึงตาย  ไอ้พี่คนตัวดำเอ้ย มีแอบหันไปสบตากับพี่แจงอีก

   “เรื่องของเรา”

   “เรา”

   “ก็ที่เขาลือว่าเราเป็นแฟนกันไง  มันชักจะหนาหูขึ้นทุกวันนะโน้ต”

   “ก็ดีแล้วนี่”

   อย่าอยู่เลยมึง . . . ตอบมาแบบนี้ได้ไง  ตอบแบบใช้หัวหน่อยก็ดีนะไอ้คุณพี่  เล่นตอบแบบไม่นึกถึงความรู้สึกของคนฟังแบบโอห์มได้ไง  คุณพี่จะตอบอะไรคิดถึงหัวใจของคนที่คุณพี่บอกรักหน่อยได้มั้ยครับ

   “ดีจริงเหรอ”

   “จริงสิ  หรือแจงว่าไม่ดี”

   “ก็ดี”

   “ดีแล้วจะมาทำอายทำไมเนี่ย  อู้ย  ชวนมาถึงที่นี่จะบอกแค่เนี๊ยะ”  พี่โน้ตเอาเมาท์ออแกนมาเป่าอีก

   เพลงนี้ . . .

   เสียดแทงไปในหัวใจผมที่สุด . . .  หัวใจเธอมีหรือเปล่า  หรือเธอไร้ความรู้สึก  หรือมีใจเพียงแต่จมลึก  คำฉันวอนไม่อาจจับจิตใจ  เสียแรงเฝ้าวอนทุกอย่าง  ทุกคำพร่ำจางหายไป หรือเธอลังเลอยู่ภายใน  ควรเห็นใจคนเก่าที่รอหลายปี . . .

   ฟอร์เอฟเวอร์ . . . หัวใจเธอมีหรือเปล่า

   ผมเป็นอะไรไปก็ไม่รู้  รู้แค่ว่าหัวใจคล้ายมีใครมาบีบ  มันเจ็บเหลือเกิน  ผมจะทำอย่างไรดีหนอ  คนที่เขาบอกว่ารักผม  แต่พอลับตาผม  เขากลับมาบอกรักคนอื่นแบบนี้  ผมคงรักพี่โน้ตมากไป  มันจึงเจ็บปวดแบบนี้

   “เป็นจริง ๆ  ไม่ได้หรือโน้ต”  เสียงพี่แจงถาม

   “อะไรของแก”

   “เรื่องที่เขาลือไง”

   “แกจะอะไรเนี่ย  เราคุยกันแล้วไงแจง  ทุกวันนี้เราเป็นเพื่อนกันแบบนี้มันยังไม่ดีพอหรือ  ที่เป็นอยู่นี่แกว่าชั้นรักแกไม่มากพออีกหรือ  แกไม่กลัววันข้างหน้ามั่งเหรอ”

   “กลัวเรื่อง”

   “ก็หากคนนึงหมดรัก  อีกคนยังรัก  แกว่าใครจะเจ็บปวดที่สุด”

   “คนที่ยังรักสิ  ถามได้”

   “นั่นแหละ  ชั้นถึงบอกแกไง  ทุกวันนี้มันก็ดีที่สุดแล้ว  เราเป็นเพื่อนกันนะโว้ย  แล้วความเป็นเพื่อนของแกกับชั้นมันก็นานนะ  หกปีนะแก  แกไม่เสียดายเหรอ  หากวันข้างหน้าเกิดเราสองคนเลยคำว่าเพื่อนไป  แกคิดดี ๆ  นะโว้ย  อย่างน้อยชั้นก็รู้ว่าตอนนี้ชั้นก็รักแกนะแจง”

   มันพูดเรื่องอะไรของมันหว่า  ทำไมโอห์มไม่เห็นจะเข้าใจเลย  แต่ที่โอห์มหูอื้ที่สุดก็ตอนที่ไอ้พี่โน้ตบอกว่ารักพี่แจงนี่แหละ 

   แม่งเอ้ย  ไม่น่าโง่เลยโอห์ม   . . .

   เขามันผู้ชาย . . .

   . . .  รูปหล่อ  นักกีฬาโรงเรียน  นักดนตรี  มีผู้หญิงห้อมล้อมเขามากมาย  เขาจะมาสนใจใยดีอะไรกับผู้ชายด้วยกันว่ะ  อย่างแกมันก็แค่คนที่รู้จักกันมานาน  คนที่คุ้นเคยกัน  เขาเห็นแค่แกเป็นของเล่นเท่านั้นแหละโอห์ม . . .

   ผมได้แต่ปลอบตัวเอง  เก็บความเจ็บปวดรวดร้าวเอาไว้อย่างที่สุด . .

   “แต่ . . .”

   “แกอย่าบ้าไปหน่อยเลยแจง  ไหนแกบอกไง  แกจะช่วยชั้นเรื่องที่น้ำหวานมันคิดกับชั้น  แกอย่าบอกนะว่าแก”

   “ไอ้บ้า  จำได้น่า  ไม่ลืมหรอก”   ทำไมพี่แจงดูเหมือนร้อนตัวจังหว่า

   “งั้นเลิกพูด”

   “แกรัก . . . มากขนาดนั้นเลยเหรอ”

   “อืม  มากเท่าที่ผู้ชายคนนึงจะรักได้ มันบอกไม่ได้หรอกว่ามากแค่ไหน  แต่มันมากพอที่จะเปลี่ยนชีวิตของเราได้ว่ะแจง  สำหรับคนอื่นชั้นไม่รู้ใครจะมองความรักอย่างไรแบบไหน  แต่สำหรับชั้น  หัวใจที่มี  ชั้นมีดวงเดียว  รักคนได้แค่คนเดียว”

   “โชคดีจริ๊ง  จริง”

   พูดเรื่องอะไรกันนี่  มาสารภาพรักอะไรกันแบบนี้  ทำอะไรนึกถึงหัวจิตหัวใจของคนฟังบ้างก็ดีนะครับคุณพี่  คนฟังนี่หัวใจจะสลายอยู่แล้ว

   เสียงออดดังบอกหมดเวลาเรียน . . .

   . . . หรือหมดเวลาของผมกันแน่

   ผมได้แต่ยกมือปาดน้ำตาทิ้ง  มันไม่ได้รักผมแบบที่ผมรักมัน  เพราะในเวลาที่ไม่มีผม  มันยังบอกรักคนอื่นได้อีก  ผมเหรอ  คงเป็นแค่ของเล่น  เป็นแค่ที่ระบายอารมณ์ของมันเท่านั้น  เพราะผมมันผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิงแบบพี่แจง

   เขาไม่ได้สร้างผมมาเพื่อพี่โน้ต . . .

   “เลิกเรียนแล้วว่ะ”

   “อืม  เมื่อไหร่จะได้เห็นหน้าคนโชคดีคนนั้นว่ะ”  พี่แจงมองหน้าพี่โน้ต  ยิ้มหวานเสียด้วย  รอยยิ้มเหมือนมีดกรีดในหัวใจผมให้เจ็บปวดเจียนตายเลยล่ะ

   “ไอ้โอห์ม  ลงมา  ไอ้ห่านี่  อยู่ได้ไงบนต้นไม้สองคาบ”  ไอ้ศาลกับไอ้บอลวิ่งหน้าตั้งมาตะโกนบอก

   พี่โน้ตที่นั่งหันหน้าไปทางหน้าถนนหันกลับไปตามเสียงของไอ้สองเพื่อนของผม

   “อ้าวพี่  โห มาทำแอบหวานกัน”  ไอ้ศาลยิ้มให้

   “อย่ามาทะลึ่ง  มาทำไมนี่”

   “มาตามไอ้ลิงไง  โน่นโดนเรียนมาแดกมะขามสองคาบ  คงเปรี้ยวไปเป็นเดือน”  ไอ้บอลมันชี้มาที่ผม

   “ตัวเล็ก”  พี่โน้ตแหงนหน้ามามองผม

   “เปรี้ยวกับเหี้ยไรอ่ะมึง  หวานซะจนกูแทบสำลักน้ำตาลตาย”    ผมกระโดดลงมาจากต้นมะขาม  มองหน้าพี่แจง  ยิ้มให้

   “แอบฟังไรตัวเล็ก”

   “ผมชื่อโอห์ม  บอกแล้วไม่เคยจำ”  ผมมองหน้าพี่โน้ต  ตัดพ้อมันด้วยสายตา

   “เราไปก่อนนะโน้ต  ไปนะตัวเล็ก”   พี่แจงยิ้มอีกครั้ง

   “เชิญเหอะครับ  คุณผู้หญิง  เพราะยังไงความรักที่พี่ผมมีมันมากเกิ๊น”  ผมย่นหน้าใส่พี่แจง

   ก่อนจะหันมาเล่นงานไอ้พี่โน้ต

   “. . .  มากเท่าที่ผู้ชายคนนึงจะรักได้ มันบอกไม่ได้หรอกว่ามากแค่ไหน  แต่มันมากพอที่จะเปลี่ยนชีวิตของเราได้ว่ะแจง  สำหรับคนอื่นชั้นไม่รู้ใครจะมองความรักอย่างไรแบบไหน  แต่สำหรับชั้น  หัวใจที่มี  ชั้นมีดวงเดียว  รักคนได้แค่คนเดียว”   ผมเลียนเสียงหวาน  เหมือนที่พี่โน้ตมันพูดเมื่อสักครู่

   พี่โน้ตอมยิ้ม . . .

   ผมน่ะหากไม่เกรงว่าเพื่อนสองตัวมันจะระแวง  ผมได้กระโดดต่อยหน้าไอ้พี่มันให้หายแค้นไปแล้ว  มาสารภาพรักต่อหน้าต่อตาแบบนี้  เป็นใคร ๆ จะทนไหว

   “เชิญมึงเคลียร์ไปเองนะมึง  กูสองคนกลับก่อนดีกว่า เอาไปกระเป๋ามึง”  ไอ้บอลมันโยนจาคอปมาให้ผม  ก่อนที่จะดึงไอ้ศาลออกไป

   “เฮ้ยกูกลับด้วย”

   “เดี๋ยว”  พี่โน้ตดึงข้อมือผมเอาไว้

   “ปล่อย”  ผมบิดข้อมือให้หลุดจากพันธนาการ

   “ไม่ปล่อย  ทำไมโดดเรียน”

   “ไม่โดดเรียนวันนี้ก็ไม่ได้ฟังช๊อตเด็ดสิ  สารภาพรักใต้ต้นมะขาม  ผมไม่ใช่ของเล่นนะพี่ . . .”  ผมมองหน้า

   “. . . ยังจะมายิ้มอีก”

   “โอห์มบอกให้หยุดยิ้มไง”  ผมฟาดงวงฟาดงาไปทั่วแล้วครับ  ไม่ฟังอะไรแล้วล่ะ  มาถึงขั้นนี้แล้ว  จะอยู่หรือจากก็ค่าเท่ากัน

   “ฟังไม่ได้ศัพท์”

   “ฟังชัด  ได้ยินเต็มสองหู  สารภาพรักพี่แจงซะขนาดนั้น”

   “เด็กหนอเด็ก”

   “ใช่ดิโอห์มมันเด็ก  ไม่มีนม ไม่มีไอ้นั่น”

   “อย่ามาหยาบคาย”

   “หรือมันไม่จริง    โอห์มไม่มีไอ้นั่น   แล้วพี่โน้ตจะมายุ่งกับโอห์มทำไม  ปล่อยเหอะพี่  ปล่อยโอห์ม  ปล่อยทั้งมือที่จับโอห์มเอาไว้ . . .”  ผมมองที่ข้อมือก่อนหันมามองหน้าพี่โน้ต  ผมเอ่ยมันออกมาช้า ๆ  แต่ชัดเจนที่สุด

   “. . .  แล้วก็ปล่อยทั้งหัวใจที่มัดหัวใจโอห์มเอาไว้”    ผมจ้องหน้าพี่โน้ต  น้ำตาเจ้ากรรมดันไหลมา

   “พี่พูดจริง ๆ  แต่หากโอห์มเข้าใจแบบนั้นพี่ก็เสียใจ”  พี่โน้ตปล่อยมือผมช้า ๆ

   “พี่แค่เสียใจ  แต่โอห์ม  เสียทุกอย่าง  เสียทั้ง ๆ  ที่โอห์มรู้ว่าโอห์มไม่น่าเชื่อพี่เลย  โอห์มไม่น่ารักคนอื่นมากกว่าตัวโอห์มเลย”

   “โอห์ม” 

   “อย่า  อย่าเข้ามา”  ผมมองหน้า  เว้นระยะห่างเอาไว้  เพราะหากไม่ทำแบบนั้นจะเป็นเป้าสายตาของคนที่เดินผ่านที่ริมรั้ว

   “เอากุญแจรถไปเลย  ต่อไปนี้  โอห์มกลับเอง  มาเอง  เราขาดกัน”  ผมยื่นกุญแจรถให้พี่โน้ต

   “พี่มีกุญแจสำรอง”   พี่โน้ตล้วงกุญแจอีกดอกออกมาจากกระเป๋า

   ใช่ . . .

   . . . กุญแจยังมีสำรองเลย  พี่โน้ตนี่รอบคอบจริง ๆ  ในเมื่อเขาไม่รับ  ผมเลยเขวี้ยงกุญแจไปโดนหน้าอกพี่โน้ตเต็ม ๆ  ก่อนที่ผมจะหันหลังกลับ

   ผมคงอ่อนแอ . . .

   . . .  น้ำตาผมไหล

   “แต่พี่ไม่มีคนสำรองนะ  หัวใจพี่มีดวงเดียว  พี่มีเพื่อรักคน ๆ เดียว”  พี่โน้ตตะโกนออกมาดัง  ดังมาก  ดังจนผมรู้สึกว่าคนหลาย ๆ  คนคงจะหยุดมอง

   “พี่ไม่รู้ว่าสิ่งที่โอห์มได้ยินจะใช่ทั้งหมดที่พี่รู้สึกหรือเปล่า  แต่หัวใจพี่มีดวงเดียวเท่านั้น   และถ้าโอห์มจะโกรธหรือเกลียดพี่  โอห์มลองกลับไปถามตัวเอง  ที่ผ่านมาใครกันแน่ที่ได้หัวใจพี่ไปแล้ว”

   ผมยืนนิ่ง . . .

   . . . ก่อนที่จะยิ้มออกมาทั้งน้ำตา 

   ตายห่า . .  . ไอ้โอห์มเอ้ย  ดันฟังไม่ได้ศัพท์เสียตั้งนาน  กว่าจะนึกได้ว่าที่พี่โน้ตกับพี่แจงพูดกัน  มันมีไหมที่พี่โน้ตหวานใส่พี่แจง  ไอ้บ้าเอ้ย  หึงจนหน้ามืดตามัว  แล้วทีนี้จะทำยังไงล่ะว๊า   หันไปขอโทษพี่โน้ตเหรอ

   เสียฟอร์มตายชัก . . .

   . . . ช่างมัน

   ปล่อยแบบนี้แหละ  ปล่อยให้ตามง้อดีกว่า   ขืนบอกว่าโอห์มผิด  มีหวังโดนพี่โน้ตรังแกอีก  ผมยิ้มกว้าง  อยากเขกกบาลตัวเองที่ปล่อยให้อารมณ์หึงมามีอิทธิพลเหนือใจตัวเอง  ผมไม่หันกลับไป  แต่เลือกที่จะเดินไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ

   “ถึงพี่จะพกกุญแจสำรอง  แต่พี่ไม่เคยมีคนสำรองนะ  ไอ้ตัวเล็ก” 

   เสียงพี่โน้ตยังตะโกนดังไล่หลังมาอีก    มันเหมือนตอกย้ำให้ผมรู้ว่า  บางทีสิ่งทีเราได้ยินไม่หมด  กับสิ่งที่เราคิดไปเองมันน่ากลัวขนาดไหน   
   




หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: Siri_nan ที่ 31-03-2009 16:36:35

“ถึงพี่จะพกกุญแจสำรอง  แต่พี่ไม่เคยมีคนสำรองนะ  ไอ้ตัวเล็ก” 

คำนี้มันจี้ใจดำ จิงๆ จ่ะ ติดตามกันต่อไป o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: zingiber ที่ 31-03-2009 16:39:37
^
^
^
^
 :z13: :z13: :z13: :z13:
จิ้มคุณราชบุตร อิอิ

.
.
.
ตัวเล็กจะเดินหนีพี่โน้ตทำไม หันกลับไปก็ไม่เสียฟอร์มหรอกน่า

สงสารพี่โน้ตนะ เค้าออกจะรักเดียวใจเดียว

 :m26: กลับถึงบ้านจัดการให้หนักเลยพี่โน้ต  :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: maggy ที่ 31-03-2009 16:41:20
 :เฮ้อ: นั่งลุ้นตั้งนานกลัวว่าโอห์มจะเข้าใจพี่โน๊ตผิด
ชอบพี่โน๊ตจังเลย ชอบในความใจเย็น ความเป็นผู้ใหญ่ นิ่งและรับฟัง
โอห์มเนี่ยดูจะยังเด็กอยู่ก็จะร้อนเป็นไปตามวัย
ถ้าพี่โน๊ตพลอยร้อนด้วยก็คงจะแย่
ตอนที่โอห์มเข้าใจผิดเนี่ยสงสารพี่โน๊ตใจจะขาด(น้ำตาซึม.)
เฮ้อ ลุ้นและหวังที่จะให้พี่โน๊ตกับโอห์มสมหวังกัน
ส่วนโอ๊ต...........เฮ้ออออ คงได้แต่ต้องดูกันต่อไป
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 31-03-2009 17:14:00
ไอ๊ยยยยยยยยยยยยยยย  อาย 

ช่างเปรียบ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 31-03-2009 19:26:01
หวานได้อีกอ่ะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: dokjarn ที่ 31-03-2009 19:56:22
:L1: :-[ :L1:

ชอบการนำเสนอแบบนี้มากๆ

ชอบความคิดไปเองแบบเด็กๆไรเดียงสาของโอห์ม

แต่แอบเห็นใจพี่โน๊ต ที่ต้องใจเย็นกับน้อง คนที่รักท่สุดอ่ะ

ภาษา น่ารักเกินไปมั๊ย  ชอบ

ลืมน้องโอ๊ตไปเลย

 :pig4: :pig4: :pig4:

 :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: Ploy-Tawan ที่ 31-03-2009 20:04:17
"ถึงพี่จะพกกุญแจสำรอง แต่พี่ไม่เคยมีคนสำรองนะ ไอ้ตัวเล็ก"
ชอบประโยคนี้เหมือนกัน ฟังแล้วละลาย

ตัวเล็กเดินอมยิ้มจากไป  คนอ่านก็อมยิ้มกับหน้าจอคอมฯ เหมือนกัน อยากยกหัวใจให้แข่งกับพี่โน้ตเลยจริงเชียว  :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: imageriz ที่ 31-03-2009 20:15:47
"ถึงพี่จะพกกุญแจสำรอง แต่พี่ไม่เคยมีคนสำรองนะ ไอ้ตัวเล็ก"


โห โดนใจมาก ๆ  :-[ :-[ :-[

แล้วตัวเล็กจะทำไงละที่นี้

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 31-03-2009 21:16:05
น่ารักอ่า

โน๊ต กับ โอม

ว่าแต่ น้องโอ๊ต น่ารักกว่านะ

คิกคิก....
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 31-03-2009 23:03:34
หวานจัง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: anata9 ที่ 01-04-2009 00:02:20
เอ่อ อย่าเพิ่งดองเค็มเลยคร้าบบบบบ  :serius2: เดี๋ยวจะติดรางวัลเซ็งเป็ด นิยายดองเค็มแห่งปี  :laugh:

อ่านมาถึงตอนนี้ สงสัยเป็นบุบเพอาลาวาด มิลค์ น้องพี่แจงที่เป็นอดีตภรรยาพี่โน้ต โลกช่างกลมเสียจริง  :call:

รออ่านตอนต่อไปนะคร้าบบบ  :bye2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 01-04-2009 00:30:02




ประกาศ


ห้ามมิให้ผู้หนึ่งผู้ใดนำนิยายเรื่องนี้ไปโพสต์ ณ  ที่ใด ๆ อย่างเด็ดขาด  ทุก ๆ  กรณี  ไม่อนุญาต


หาก . . .


ใครละเมิด จะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด




โหมด . . .  นักเขียนดุ





ปล.  เพื่อความมั่นใจ  ใครอยากเซฟเก็บไว้  เชิญตามอัธยาศัย  เพราะสสารอาจหายไปจากโลก

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 01-04-2009 01:18:13
พี่โน๊ตทำซึ้งอีกแล้น เฮ้อ ทำไอ้ตัวเล็กเสียน้ำตาไปหลายหยด
แต่ก็เรียกรอยยิ้มได้ในเวลาเดียวกัน ดีนะเนี่ยมาเห็นซะก่อน
ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าไอ้ตัวเล็กจะโกรธจนหนีหน้าไปไหนๆแล้ว
ตามประสาเด็กๆ ใจร้อน ขี้หึง เหอะๆเห็นกันตำตาหนิเนอะ
แต่พี่แจงนี่ก็แสบจริงนะ เอาตัวเป็นไม้กันหมาให้เพื่อนแต่ไหงจะกินซะเอง
ยิ่งโตยิ่งใจกล้าว่างั้น แร๊ง

“ถึงพี่จะพกกุญแจสำรอง  แต่พี่ไม่เคยมีคนสำรองนะ  ไอ้ตัวเล็ก”
สุดยอดมากพี่โน๊ต หวานจนตาลายเลย

ขอบคุณมากคะคุณราชบุตร  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 01-04-2009 02:23:13
 :impress3:
ร้องไห้ตามเหมือนกัน

ตอนแรกๆ
อิอิ
 :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 01-04-2009 04:30:17
พี่โน้ตก้อหวานเข้าไป
ส่วนไอ้ตัวเล็กก้อทั้งซ่าทั้งงอน หูดับอีกต่างหาก หึงจนฟังอะไรไม่รู้เรื่อง

ไม่อยากนึกถึงตอนเศร้า หวานยังงี้ พอเศร้าจะขาดใจ
บวก 1 ขอบคุณจ้า

ปล รับทราบตามที่โมฯ และจขกท ประกาศนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 01-04-2009 07:29:11
http://media.imeem.com/m/of7bmqLpIJ
วันนี้ใจดี

เอามาฝากแต่เช้าเลย





ตอนที่ ๙
   
   
   ในความทรงจำอันยาวนานของผม  มีคน ๆ นึงอยู่ในนั้นเสมอ  ผมเคยลืมวันเวลาที่ผ่านมา  แม้ตลอดสิบแปดปี  จะมีคำถามที่ค้างในหัวใจของผม  แต่เมื่อมาถึงเวลานี้  ผมมีความสุข  มีความสุขมากกว่าที่ผมเคยมี  เคยอยู่กับคน ๆ นั้นเสียอีก


   ทำไมหรือครับ

   . . . เพราะผมคิดว่า 

   ในความรักที่ผมมี  เราได้ก้าวข้ามทุก ๆ อย่างที่เป็นบททดสอบแห่งชีวิต  สำหรับบางคน  ความรักคือการได้อยู่ร่วมกัน   มีความสุข  ความทุกข์ด้วยกัน  แต่ในเวลานี้สำหรับตัวผมเอง  มันไม่จำเป็นอีกแล้ว

   ผมรู้เพียงแต่ว่า . . .

   . . . หากผมปิดตาลงในเวลานี้  คนที่ผมรักจะมายืนตรงหน้าผมเสมอ

   มันไม่ใช่แค่ความรักที่ผมสัมผัสได้  แต่มันคือทั้งหมดที่ผมมี  ตอนนี้หากจะมีคำถามที่มันจะเกิดขึ้นในหัวใจ  ผมคงจะมีคำถามที่ไม่เกี่ยวตัวผมสักเท่าไหร่กระมัง 

   . . . พี่โน้ตอยู่ได้อย่างไร  บนซากของความเจ็บปวดของตัวเอง

   ผมเจ็บปวดเพราะคิดว่า  ผมโดนทอดทิ้ง  แต่สำหรับอีกคน  คนที่รักเต็มหัวใจ  จะมีความสุขอย่างไรกับการตัดสินใจไปแบบนั้น  ผมไม่รู้เหมือนกันว่า  เวลาที่ผ่านมาระหว่างผมกับพี่โน้ตใครจะเจ็บปวดมากกว่ากัน

   “แก  โอ้ตโทรมา”  ไอ้เพื่อนรักผมมันสะกิดบอก

   “บอกมัน  อาโอห์มอยากจะคุยด้วย”

   ผมบอกมิลล์ไป  เพราะเห็นว่ามันค่อนไปทางดึกพอสมควรแล้ว  เพราะตั้งแต่ผมปล่อยมันที่บางนา  จนตอนนี้ก็ร่วมสี่ชั่วโมงกว่าแล้ว

   “โอ๊ต”  ผมกรอกเสียงไปตามสาย  เมื่อรับมาจากมิลล์

   “ครับผม  ตอนนี้โอ๊ตอยู่ที่อโศกครับ  กำลังจะไปที่ลาดพร้าว”

   โอ๊ตบอกกลับมา  ผมโล่งใจ  อย่างน้อยที่สุด  เจ้าตัวไม่ได้หลงทางแน่ ๆ  ตอนนี้เพียงแต่นั่งรถไฟใต้ดินมาไม่กี่สถานีก็ถึงปลายทางที่นัดเจอกันแล้ว

   “เดี๋ยว ๆ  โอ๊ตรู้จักเอสพละนาดไหม”

   “ไม่รู้จักครับ  มันอยู่ที่ไหนล่ะครับ”

   “ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยล่ะ  รู้จักหรือปล่าว”  ผมถามจุดที่คาดว่าโอ๊ตน่าจะรู้  เพราะว่า  มันเป็นจุดใหญ่ของรถไฟฟ้าใต้ดิน

   “รู้จักครับ  ก่อนถึงสถานีลาดพร้าว”

   “โอเค  งั้น  โอ๊ตลงที่สถานีนี้ได้ไหม”

   “ทำไมครับ  ก็นัดที่ลาดพร้าว”

   “ก็ตอนนี้อากับอามิลล์อยู่ที่เอสพละนาด  ที่สถานีศูนย์วัฒนธรรม  อาเลยอยากให้โอ๊ตแวะที่นี่ก่อนไง”  ผมบอกกลับไป  เพราะอย่างไรเสีย  จากอโศกมาที่นี่  ถึงก่อนสถานีปลายทางอยู่ดี

   “แล้วมันใช่เรื่องของโอ๊ตมั้ยล่ะนั่น . . .”    เสียงมันกวนซะงั้น

   . . . ไอ้เด็กเวร . . . ผมแอบด่ามันในใจ

   “. . . นัดโอ๊ตที่ลาดพร้าว  แต่จะให้ลงที่ศูนย์วัฒนธรรม  ดีนะเนี่ยที่มีโทรศัพท์มือถือ  แล้วหากไม่มีโทรศัพท์  โอ๊ตไม่รอที่ลาดพร้าวจนแก่หรือเนี่ย”

   “ไอ้ตัวแสบ”  ผมเรียกมัน  เพราะรู้สึกเหมือนกำลังโดนเด็กแอบด่า

   “คุณอาโอห์ม  ไอ้ตัวแสบนะ  ขอแค่พ่อโน้ตเรียกคนเดียวพอเหอะ  อาอย่ามาเรียกตามคุณพ่อโอ๊ตเลย  โอ๊ตออกจะว่านอนสอนง่าย”

   สอนง่ายตายละคุณหลาน . . .

   . . . แสบสนิทจริง ๆ

   เหมือนใครหว่า . . .

   . . . ผมอาจลืมมองกระจกเงา

   “โอเค  ตกลง  อาโอห์มจะให้โอ๊ตลงที่ลาดพร้าวหรือที่ศูนย์วัฒนธรรมก็บอกมาเลยครับผม  แล้วแต่อาโอห์มจะบัญชามาครับ”

   “ลงที่นี่  ที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมนี่แหละ    แล้วเดินมาทางประตูสาม ออกมาจากสถานีถึงเอสพละนาดพอดี  อากับอามิลล์จะนั่งรอโอ๊ตที่สตาร์บัค”  ผมบอกกลับไปอย่างรวดเร็ว

   “ลงที่นั่นนะได้  แต่ . . .”  มันเงียบไปชั่วครู่

   “แต่อะไรอีกฟร่ะ”

   “ในฐานะที่เปลี่ยนที่นัดพบ  ในขณะที่อีกฝ่ายเดินทาง  อาโอห์มต้องเลี้ยงหนังโอ๊ตรอบนึงโอเคไหม”

   ต่อรองจังนะมึง . . .

   . . . ไอ้ . . .  กวนจัง

   “ถ้าอาไม่โอเค”

   “โอ๊ตก็จะนั่งรถไปรอที่ปลายทาง  เร็ว ๆ  บอกมา  ถึงสถานีพระรามเก้าแล้วนี่”

   “โอเค  เลี้ยงก็เลี้ยง”  ผมรีบตัดบท

   แม่ง . . . งานนี้เสียรู้เด็กอีกแล้ว  หรือ  ว่าความจริงแล้ว  กรรมที่ผมเชื่อว่ามันมีจริง  กำลังมาย้อนสนองผมเข้าแล้ว  กรรมที่เคยสร้างเอาไว้กับคน ๆ นึง  มาถึงตอนนี้มันกำลังเดินมายิ้มอยู่ต่อหน้าผมซะงั้น

   “ไงล่ะแก   เจอไอ้ตัวแสบแผลงฤทธิ์ไรอีก”  มิลล์  ที่คอยเงี่ยหูฟังอยู่ถามเมื่อผมวางสายจากโอ๊ต

   “มันบอกว่านัดมันที่ลาดพร้าว  หากจะให้ลงที่นี่  ต้องเลี้ยงหนังมันรอบนึง”

   “นี่แหละ ไอ้โอ๊ต”   มิลล์หัวเราะเบา ๆ  แบบที่รู้จักหลานชายตัวเองดี

   ผมยิ้มตาม  มีความสุขเหมือนการได้เดินกลับไปในวันเก่า ๆ  อีกครั้ง  บางทีสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิตของผม  มันค่อย ๆ  สว่างมาทีละนิด  ผมมีความสุขนะ  มันเป็นความสุขที่ผมเองก็บอกไม่ได้ว่าคืออะไรกันแน่

   “พ่อมันคงปวดหัวแย่”

   “ไม่หรอกแก  พ่อมันทั้งรักทั้งหลงอย่างกะอะไรดี”

   “ก็น่าจะหลงหรอก  ลูกออกจะน่ารัก”

   “ก็ได้ลูกนี่แหละ  ที่ช่วยให้พี่เขายิ้มได้” 

   ผมมองหน้าเพื่อน    รอให้เจ้าตัวมันเล่าต่อ  เรื่องราวที่ผมไม่มีส่วนได้รับรู้  เหมือนตัวจิ้กซอร์ที่มันขาดหายไปจากชีวิตของผม  ผมจะค่อย ๆ  เก็บภาพนั้นมาปะติดปะต่อกันใหม่ เพราะผมรู้แล้วว่าภาพนี้คุณค่าต่อผมมากเพียงใด

   ภาพที่หายไป . . .

   . . . มันจะกลับมาอยู่ในความทรงจำของผมอย่างสมบูรณ์

   “ทำไมว่ะ”

   “ก็ที่ชั้นบอกว่าพี่เขาจะซิ่วไง”

   “ตกลงพี่เขาซิ่วมั้ยล่ะ”

   “ซิ่ว”

   “โครตบ้าเลย  เรียนปีสอง  ครึ่งทางแล้ว  เสือกซิ่วอีก  คนบ้าอะไรจะยึดถือความรักเป็นสรณะได้ขนาดนั้นว่ะแก”

   “มีอยู่คนนึงไงแก  ไอ้พี่โน้ตของชั้นไง”

   ผมหน้าตึง . .. 

   . . . มองหน้าเพื่อนรัก  . . . พี่โน้ตของชั้น

   . . . ใครอนุญาตไม่ทราบย่ะ  แม่เพื่อนสาว

   “เป็นไรไป  ทำหน้าเข้า  อย่างกะอยากกินชั้นนี่” 

   กว่าผมจะรู้ตัวว่าแอบหึงก็ปิดไอ้เพื่อนรักแทบไม่ทัน  เวรกรรมละโอห์มเอ้ย  ขนาดนี้ยังไม่รู้หัวใจตัวเองอีกหรืออย่างไร

   “ป่าว ๆ”

   “ก็พี่แจงดันท้อง  จะพาไปหาดใหญ่ก็กลัวแม่พี่แจงรู้”

   “อ้าว”

   “ไม่อ้าวล่ะแก  ชั้นนะร้อนใจแทบตาย  จะเอายังไงดี  กลัวไปหมด  ขืนป้าแววแกรู้ว่าลูกสาวที่ส่งมาเรียนท้อง  มีหวังแกเอาตายแน่ ๆ  ชั้นนะกลัวแทบบ้า”   

   “แล้วทำไงล่ะ”

   “พี่โน้ตสิแกโครตแมนเลย  ไปสารภาพบอกพ่อกับแม่พี่โน้ตว่าทำพี่แจงท้อง  และจะไม่ยอมให้เอาเด็กออก”   

   ผมนิ่งเงียบ . . .

   ความเป็นสุภาพบุรุษของคนที่ผมรัก  มันแจ่มชัดในหัวใจของผมเสมอ  ผมยิ้มมีความสุข  กับสิ่งที่ได้รับฟังมาจากเพื่อนรัก  บางเรื่องมันก็ยากที่บอกว่า  เรื่องราวที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด  มันเกิดจากสิ่งใดกันแน่

   “ถูกต้องที่สุด  ผู้ชายกล้าทำก็กล้ารับสิ”

   “บ้าสิไอ้โอห์ม  คนที่ทำนะพี่สาวชั้นยะ  บอกไปแล้วนี่”

   “แกนี่  มีผู้หญิงที่ไหนเขาทำเองล่ะแก”

   “บอกแล้วไง  พี่สาวชั้นมันขอมีอะไร  มันเล่าให้ชั้นฟังเองนะแก  ตลกมะ”

   “ไม่รู้”   ผมไม่อยากคิด  ไอ้พี่โน้ตมันจะยอมง่าย ๆ    มันจะง่ายเพียงเพราะอยากออกไปจากชีวิตของผมอย่างนั้นหรือ

   “ทำไมจะไม่ตลกละแก  อินังพี่สาวชั้นมันบอกว่า  มันขอ  แต่ไอ้พี่โน้ตมันเมาไม่รู้เรื่อง  แถมตอน . . .”  แม่เพื่อนสาวผมมันทำท่าขนลุกขนพอง

   “ตอนไรว่ะ”

   “แหม  หูกางเชียวนะแก  พอเล่าเรื่องแบบนี้”

   “ว่าได้เหรอ  คนมันอยากรู้”  ผมยิ้ม

   “อิพี่สาวชั้นนะดิมันบอกว่า  ตอนที่มันกำลังอะไรกันนะ  ไอ้พี่โน้ต  ดันเรียกแต่ว่า  ตัวเล็ก  พี่รักตัวเล็ก . . . ตัวเล็กของพี่  ชั้นเลยถึงว่าตลกไง  อีพี่สาวชั้นมันบ้าดีเดือดเหมือนกัน  ส่วนพ่อคุณพ่อไอ้โอ๊ต ชั้นนะ  สงสั้ย สงสัย . . .”  มันหยุดเล่าก่อนหันมายิ้มกับผม

   “. . . ไอ้พี่โน้ตมันคงกำลังคิดว่ากำลังเสกไอ้ตัวแสบเข้าท้องตัวเล็กอยู่มั้ง”  เจ้าตัวเล่าไปหัวเราะไป

   ผมนะหรือ . . .

   . . . โครตอยากจะร้องไห้  หัวใจเหมือนถูกบีบ  จะเรียกว่าดีใจก็เต็มปาก  จะเรียกว่าเสียใจ  ก็ไม่ใช่  เพราะสิ่งที่ได้ยิน  มันบอกไม่ถูก  ว่าที่ผมนั่งอยู่ตอนนี้มันจะเป็นความจริงหรือความฝันกันแน่  มันบอกไม่ถูกจริง ๆ 

     “อีกสองเดือนต่อมา  อิพี่สาวชั้นมันบอก  มันท้อง  มันดีใจที่ท้อง  ดีใจที่จะมีลูกกับคนที่มันรัก พี่แจงมันอยากอยู่กับพี่โน้ต  พ่อกับแม่พี่โน้ต  เลยให้พี่โน้ตไปเรียนต่อที่เชียงใหม่   พี่แจงไปอยู่ด้วยจนคลอด   ก่อนที่อินังพี่ของชั้นมันจะชิงหนีเอาตัวรอดไปอยู่อเมริกา  แกเอ้ย . . .  ชั้นเจอหน้าหลานครั้งแรก  น้ำตาชั้นตกเลยว่ะ”

   “มีไรว่ะ”

   “แม่ง  พ่อมันเลี้ยงลูกเอง  ตอนนั้นพี่โน้ตไม่กล้าบอกที่บ้านว่าเมียทิ้ง  ไอ้โอห์มเอ้ยยยยย”   มิลล์ลากเสียงยาว  แบบน่าหดหู่ที่สุด

   “. . . ถ้าแกเห็นกับตาแกนะแก โอ้ย  ไม่อยากเล่า  สงสารทั้งพ่อ  ทั้งลูก  คนพ่อนะ  ไหนกลางวันจะไปเรียน  เอาลูกไปฝากเขาเลี้ยง  ฉันนะเวทนาไอ้โอ๊ตที่สุด  ส่วนพี่โน้ต  แกเอ้ย  แววตาแห้งเหมือนคนทุกข์ใจแสนสาหัส  แต่ยามที่แกมองลูกนะ  ชั้นนะแอบปาดน้ำตาไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ   สงสารพี่โน้ตกลางวันเรียน  กลางคืนต้องมาเลี้ยงลูกเองอีก”

   ผมเพิ่งประจักษ์แจ้ง . . .

   . . . คอแห้งเป็นผุยผง

   คนที่ทำอะไรเพื่อคนอื่นแบบพี่โน้ต   ต้องมาเจอเรื่องราวแบบนี้  ผมหลับตาอยากร้องออกมาดัง ๆ  ให้สาสมกับที่รู้สึกเจ็บปวดอยู่ลึก ๆ ในหัวใจตัวเอง

   “ชั้นเลยแอบโทรไปบอกที่บ้านพี่โน้ต  ย่าไอ้ตัวแสบจะไปเอาหลานมาเลี้ยงที่หาดใหญ่  แต่ พ่อมันไม่ยอม  ยังไงก็ไม่ยอมให้หลานมาอยู่หาดใหญ่  สุดท้ายย่ามันเลยต้องไปเลี้ยงหลานที่เชียงใหม่จนกระทั่งพี่โน้ตเรียนจบ”

   พี่โน้ต  อาจจะดีกว่าผมตรงที่มีสิ่งยึดเหนี่ยวเอาไว้  ส่วนในเวลานั้นของผม  ผมไม่มีอะไรเลย  ผมไม่มีใคร  เหมือนโลกทั้งโลกมีแค่ผมคนเดียวเท่านั้น  ทางเดียวที่จะทำให้ผมลืมความทุกข์ได้  ผมทำได้แค่ตั้งหน้าตั้งตาเรียนตลอด

   “เวรกรรมจริง ๆ”  ผมได้แต่ยกสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นกรรม

   “แกเชื่อมั้ย  พี่โน้ตแกหวงลูกแกอย่างกับอะไรดี”

   “ก็น่ารักขนาดนั้น  เป็นชั้น ๆ  ก็ห่วง”

   “ทีแรก  ตอนมันบอก มันสอบชิงทุนไปเยอรมันได้  พ่อมันหน้าหงิก  แกไม่อยากให้ไป  แกบอกว่า  ในชีวิตของแก  ผิดพลาดที่สุดเพราะไอ้เยอรมันนี่แหละ”

   “ทำไมวะ”

   “ก็แกนะสอบได้เหมือนกัน  แต่แกไม่ไป  เพราะคุณตัวเล็กแกไม่อยากให้แกไป  ทีนี้คุณตัวเล็กของแกสอบได้  แกต้องทำในสิ่งที่แกไม่อยากทำที่สุด  แต่แกต้องทำ  เพราะมีใครบางคนอยากให้แกทำ   แกบอกว่า  ไม่มีอะไรเจ็บปวดเท่ากับการที่เราต้องเสียสละ  และการเสียสละนำมาซึ่งความเจ็บปวดของทุก ๆ  ฝ่าย   คุณตัวเล็กอาจจะโกรธจะเกลียด  แต่สักวัน  คุณตัวเล็กจะเข้าใจ  ว่าสิ่งที่แกทำลงไป  แกเจ็บปวดที่สุดในชีวิตเหมือนกัน   แกเคยเสียคุณตัวเล็กไปแล้ว  เพราะเยอรมัน  มาตอนนี้แกไม่อยากเสียไอ้ตัวแสบไปเพราะเยอรมันอีก”

   ผมนั่งนิ่ง  เก็บเอาความเจ็บเอาไว้

   . . . เก็บเอาไว้นะโอห์ม  เก็บเอาไว้ให้ลึกที่สุดในหัวใจ

   “ชั้นเข้าใจ  เพราะหากชั้นรู้เหมือนวันนี้  ชั้นไม่มีวันที่จะทำแบบวันนั้นเด็ดขาด”  ผมได้แต่เอ่ยออกมาเบา ๆ

   ถ้า . .

   . . . ผมรู้  ไม่มีวันที่ผมจะสอบชิงทุน

   “ตอนแรก  แกจะให้ชั้นสอนไอ้โอ๊ตมัน  ชั้นบอก  เข้าหม้อไปหมดแล้ว  ได้มาก็คืนเจ้าของประเทศไปแล้ว  เอามาแค่กระดาษใบเดียว  แกบอก  งั้นแกบอกหลานไปเลยไอ้มิลล์  ว่าไม่ต้องปงต้องไปมันแล้ว”

   “นั่นดิ  ชั้นเป็นพ่อโอ๊ตไม่ให้ไปหรอก”

   “พี่โน้ตก็ไม่ให้ไป  แต่ชั้นบอกว่า ไอ้โอห์มเพื่อนชั้นน่าจะช่วยได้   ทั้ง ๆ  ที่ชั้นก็รู้ว่าแกไม่เคยสอนใคร  ชั้นบอกพี่โน้ตไปว่า  แกไม่เคยสอนใคร แกอาจจะไม่สอน”

   “นั่นนะสิ  แล้วแกจะมาหักคอชั้นนี่นะ”

   “ก็พี่โน้ตนะสิแก  พี่แกถามขึ้นมาเลย  โอห์มเพื่อนมิลล์เหรอ  ดร. ปภิณวิชญ์นี่นะ    ชั้นพยักหน้ารับ  แกบอกชั้นเลย  โอเค  เอาโอ๊ตไปเลย  เขาสอน  เขาเห็นหน้าโอ๊ต  เขาต้องสอน”  มันมองหน้าผม

   ผมนะหรือ . . .

   . . . พี่โอห์มรู้ทุก ๆ  ย่างก้าวของผมอย่างนั้นหรือ

   “พี่โน้ตแกจะมารู้จักชั้นได้ไง”

   “นั่นดิ  ชั้นก็แปลกใจ  แต่แกบอก  หากแกไอ้โอห์ม . . .”  มิลล์ชี้มาที่ผม

   “. . . หากแกเจอกับโอ๊ต  แกต้องสอนแน่ ๆ  พี่โน้ตบอก  ดร. คนนี้เก่ง  อยู่เยอรมันตั้งแต่ได้ทุนแลกเปลี่ยน  ไม่ยอมกลับประเทศ  ภาษาคงจะดี”

   ผมแอบเบือนหน้าหนีไอ้เพื่อนรัก  เอามือปาดน้ำตาทิ้ง

   . . . ตัวเล็กจะไม่ไหวแล้วครับพี่โน้ต  ทำไมเรื่องราวมันถึงได้เป็นแบบนี้  ทุก ๆ  เรื่องของตัวเล็กพี่โน้ตรู้  รู้มาตลอด  รู้แม้กระทั่งก่อนจะส่งโอ๊ตมาด้วยซ้ำ  พี่โน้ตอยู่ได้อย่างไร  ทั้ง ๆ  ที่ได้อยู่กับคนที่พี่รัก  พี่ทำไปได้อย่างไรหนอ

   “นั่นดิ  พอชั้นเจอหลานแก  ชั้นอดใจอ่อนไม่ได้”

   “แกเลยทำชั้นเสียพนัน”

   “เกี่ยวไรกัน”

   “ก็ชั้นนะพนันกับพี่โน้ต    เพราะชั้นนะมั่นใจว่าแกไม่สอน  ต้องหักคอเท่านั้น  แต่พี่โน้ตแกมั่นใจ  โอ๊ตมันอ้อนเก่ง  ไม่ต้องหักคอหรอก  ใคร ๆ  ก็อยากสอนโอ๊ต  เลยพนันกัน  ใครแพ้ต้องจ่ายตั๋วเครื่องให้โอ๊ตมัน”

   “แล้วตกลงใครแพ้”  ผมมองหน้าเพื่อนรัก

   “น่าจะเป็นชั้นแล้วล่ะแก  ก็ไอ้ตัวแสบชั้นมันหว่านเสน่ห์มัดใจแกขนาดนี้”

   “อีนี่  ชั้นยังไม่อยากกินเด็กย่ะ  แต่หากเป็นผู้สูงวัย  ประมาณพ่อเด็กที่แกเอามาฝากชั้นนี่ว่าไปอย่าง . . .”    ผมทำตาหวานใส่เพื่อนรัก

   “อย่าฝัน  บอกแล้ว  พ่อไอ้โอ๊ต  ไม่มีใจให้ใครหร๊อก  ไม่มีทางมองแกแน่ ๆ”

   “ว่าได้เหรอ  ของแบบนี้ . . .”   ผมชายตาใส่เพื่อนสาว

   “. . .  ได้ปู้จายจะอี้สักคนหนาโอห์มฮักต๋ายเล๋ย”

   “เอาเข้าไป  แกจะมาอะไรกับพี่ชั้นนักหนาว่ะเนี่ย”

   “แหม  หวงเชียวนะแก  ไอ้ชั้นมันก็โสดมานาน  มีรักก็ครั้งเดียวในชีวิต  แกมีผู้ชายดี ๆ  ไม่อยากให้ชั้นรู้จักมั่งเหรอ    ใจคอนี่จะให้เพื่อนแห้งเหี่ยวอยู่บนคานแบบแกหรือไงย่ะ”

   “อีบ้า  บนคานนะเขาใช้กับผู้หญิงย่ะ”

   “ชั้นก็ใช่นะยะหล่อน”

   “ไอ้ . . . ไม่อยากด่าว่ะไอ้โอห์ม  อย่ามาทำเป็นเล่นไป”

   “ไม่ได้เล่น ๆ  เอางี้มั้ย  ถ้าพี่โน้ตแกเข้า  กรุงเทพฯ  นัดกินข้าวกัน”  ผมอยากเจอ  อยากเจอพี่โน้ตอย่างที่สุดแล้ว

   คนที่ผมรักยิ่งสิ่งใด ๆ  ทั้งหมดที่ผมมี . . .

   “ฝันไปเหอะย่ะ”

   “หวงอีก”

   “เรื่องหวงนะยกไว้ . . .”   มันจ้องหน้าผม

   “. . . แต่แกรู้มั้ย  ตั้งแต่พี่เขาซิ่วไปเรียนเชียงใหม่  เขาไม่เคยเหยียบมากรุงเทพฯ อีกเลย    พี่แกอยู่เชียงใหม่จนจบตรี  แล้วตอนขากลับ   พี่แกยังไม่ยอมผ่านกรุงเทพฯ  วิ่งออกสุพรรณฯ  นครปฐมโน่น”

   “เฮ้ย  อย่ามาตลก”

   “ไม่ตลกว่ะแก  ลุงตุ้ย ปู่ไอ้โอ๊ตพยานได้เลย  พี่โน้ตมันไม่ยอมแวะกรุงเทพฯ  ท่าเดียว  พี่โน้ตแกบอกเอง  เมื่อใครบางคนกำหนดมาแบบนี้  แกก็จะหลีกจนถึงที่สุด”

   “มิลล์ . . .”   ผมเรียกชื่อเพื่อน

   “ชั้นว่า  ศุกร์นี้เราบินลงหาดใหญ่กัน”    ผมแทบจะไม่ไหวอยู่แล้วเมื่อฟังสิ่งที่เพื่อนเล่า 

   ถ้า . . .

   . . . ผมเจอพี่โน้ต  สิ่งแรกที่ผมทำ  คือผมจะเดินไปใกล้ ๆ และจะกอดพี่โน้ตเอาไว้  ผมจะกอดเอาไว้ให้สาสมกับความรักที่พี่โน้ตมีให้ผม  ความรักที่มั่นคงไม่เคยเปลี่ยนตลอดมา  ผมจะกอดโดยที่จะไม่สนใจใคร ๆ  หรือสิ่งใด ๆ  รอบ ๆ  ตัวเลย

   . . . พี่เจ็บปวดไหมกับสิ่งที่ทำลงไป . . .

   คำถามที่ผมจะถามพี่โน้ตหากได้เจอกัน  ผมจะถาม  พี่ทำเพื่อผมมามาก  พี่มีความสุขหรือที่ทำไปแบบนั้น 

   . . . ต่อจากวันนี้  ขอผมทำเพื่อพี่บ้างได้ไหม

   ขอให้โอห์มได้ตอบแทนความรักที่พี่ให้โอห์ม  ให้โอห์มได้ทำอะไรเพื่อพี่บ้าง  เพราะที่ผ่านมา  พี่ไม่เคยทำอะไรเพื่อตัวเองเลย  จากวันนี้ไปจนวันหมดลมหายใจ  โอห์มขอทำทุก ๆ  อย่างให้พี่  เหมือนกับที่พี่เคยทำเพื่อโอห์มได้ไหม

   “ไปทำไม”

   “ชั้นอยากเจอพี่โน้ตของแกว่ะ  ไปนะแก  ชั้นออกค่าตั๋วให้”

   “อูย  อีนี่มากมายนะแก”  มันค้อนผมเสียด้วย

   “พูดจริง ๆ  นะแก  อยากเจอจริง ๆ”

   “แกเป็นบ้าอะไรไอ้โอห์ม  ร้อยวันพันชาติไม่เคยสนใจผู้ชายคนไหน  วันนี้แกกินยาผิดหรือไง  อยากเจอพ่อไอ้ตัวแสบมันขนาดนี้”

   “ใครแอบนินนาโอ๊ตขอให้ท้องเสีย”    เสียงดังมาจากด้านหลัง  ทำให้ผมหันไปมองและคิดว่า  คงจะไม่ได้รู้เรื่องของพี่โน้ตอีกแน่ ๆ  ในวันนี้

   “ไม่มี  ใครจะกล้า”   มิลล์มันยิ้มรับ

   “ว่าไง . . . มาถูกนะเนี่ย  ไอ้ตัวแสบ”   ผมหันไปทักทาย

   “ชื่อโอ๊ตคร๊าบบบบบบบบ  ผมชื่อโอ๊ต  คุณพ่อที่น่ารักตั้งมาให้ตั้งแต่เกิดแล้วครับ  โอ๊ต  ครับผม . . .”  มันยักคิ้วใส่ผมซะงั้น

   “. . . แต่หากอาโอห์มจะเรียก   ไอ้ตัวแสบ  โอเค  โอ๊ตยอม  ส่วนอามิลล์  โอ๊ตไม่ยอม  อย่ามาเรียกตัวแสบต่อหน้าโอ๊ตนะครับ  คุณอาคนสวย”

   “ปากหวานขนาดนี้เดี๋ยวอาหลงรัก”

   “รักได้  แต่ห้ามทิ้งนะครับ”    มันมานั่งแหมะชิดผมขนาดนั้น  แบบนี้ไอ้โอห์มหน้าบานเด่ะครับพี่น้อง  มีเด็ก ๆ  มานัวเนีย

   “ใครจะกล้าทิ้ง”  ผมเอามือโยกหัวมันเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู  ยิ่งผมรู้เรื่องของโอ๊ต  และเรื่องของพี่โน้ตมากเท่าไหร่  ผมไม่รู้เหมือนกันว่าหัวใจของผม  มันสงสารเด็กผู้ชายคนนี้อย่างเต็มหัวใจ  คนที่เกิดมาจากอะไร . . .

   . . . จากอะไร  ผมไม่อยากคิด

   “ไอ้หลานทรยศ  ได้อาคนใหม่ลืมอาคนเก่า”    มิลล์มันมองหน้าโอ๊ตด้วยความเอ็นดู

   “ใครทิ้งใครก่อน  นี่ถ้าอาโอห์มไม่ไปรับที่บางซื่อ  ป่านนี้โอ๊ตจะเป็นยังไงก็ไม่รู้  จริงมั้ยครับอาโอห์ม”    มันเขย่าแขนผมไปมา

   ผมหัวเราะเบา ๆ 

   . . . แสบใช่ย่อย  มันเข้าใจหาพวกเสียด้วย 

   “แหม  ขืนชั้นทิ้งแกน่ะ  พ่อแกมาแหกอกอาตาย”

   “อามิลล์ไม่ทิ้งหรอก  โอ๊ตรู้”  มันหันไปประจบอีก

   แม่เพื่อนสาวของผมยิ้มเป็นจาน ASTV  คงถูกใจที่มีเด็กหนุ่มประจบ  แต่ก็อย่างว่า  อายุขนาดมิลล์  ขนาดผม  เวลาเจอเด็ก ๆ  ที่อ้อนเก่ง ๆ  หลงหัวปักหัวปำทุกราย  แล้วยิ่งไอ้ตัวแสบนี่อีก  มันช่างคล้ายใครบางคน . . .

   . . . คนที่ผมคุ้นเคยมากที่สุด

   “อย่ามาปากหวาน  รับรองอาไม่หลงกลแกแบบไอ้โอห์มหรอ”

   “ว่าได้เหรอ  ชั้นมันพวกใจอ่อนอยู่ด้วย  แล้วน่ารักแบบโอ๊ตนี่ใครไม่หลงก็เกินไปล่ะ  จริงป่ะโอ๊ต”

   “ถูกต้องนะครับ”  มันทำท่าตามพิธีกรดัง

   “พอกันเลย”

   ผมหันไปหัวเราะกับโอ๊ต  ดีใจที่แหย่ไอ้เพื่อนรักมันได้  มันมองแบบสงสัย  ทำไมไอ้สองตัวนี้สนิทกันเร็วนักว่ะ  นี่หากมันรู้  ว่านอนกอดกันกลมตั้งแต่คืนแรก  สงสัยมันจะรีบมารับหลานมันไปอยู่ด้วยแทบไม่ทัน

   “แก อย่ามารุ่มร่ามกับหลานชั้น”

   “ของแบบนี้มันอยู่ที่คนสองคนว่าใจจะตรงกันไหม  ถูกต้องใช่มั้ยโอ๊ต”

   “แน่นอนที่สุดครับอาโอห์ม”

   “โอ้ย  อยากจะบ้า  ชั้นคิดถูกป่ะเนี่ย เอาตาโอ๊ตไว้กับแก”

   “คิดถูกที่สุดในชีวิตเลยเพื่อนร๊ากกกกกก”    ผมยิ้มยั่วมันอีก

   “เลิกคุยเรื่องนี้เหอะ พอ ๆ . . .”  มันยกมือมาห้าม  ราวกับพระพุทธรูปปางห้ามญาติที่จะตีกัน 

   “. . .ว่าแต่เราเหอะพ่อตัวดี  โทรหาพ่อมั่งมั้ยเนี๊ยะ”

   “โทรดิ   โทรหาทุกวันเลย  วันนี้โอ๊ตบอกว่า  อาโอห์มเพื่อนอามิลล์เอาโอ๊ตไปปล่อยไว้ที่เซ็นทรัลบางนา  ทิ้งเงินไว้ร้อยเดียวเอง  โอ๊ตจะนั่งแท็กซี่ก็ไม่ได้ . . .”

   “อ้าว  แบบนี้อาตายเด่ะ”  ผมมองหน้าโอ๊ต

   “ผมดิ๊จะตายเอา”

   “เป็นไร”  ผมถามกลับอย่างรวดเร็ว

   . . . ห่วง

   กลัวโอ๊ตมันหลงกรุงเทพฯ . . .

   “พ่อนะสิ  บอกว่า  ดีแล้วล่ะโอ๊ต  จะได้รู้จักถนนหนทาง  เวลาไปอยู่เมืองนอกจะได้ไม่ลำบาก  ซ้อมหลงที่กรุงเทพฯ  เอาไว้ก่อนก็ดีนะโอ๊ต   จะได้รู้จักช่วยเหลือตัวเอง   แบบนี้พ่อเห็นทีต้องขอบใจคนเอาไปปล่อย  อามิลล์ดูดิ  พ่อไม่ห่วงลูกเลย”

   “ต๊าย    พ่อเราเปลี่ยนไปจริง ๆ  นะเนี่ย    ทีอาปล่อยโอ๊ตกลับบ้านเอง  บ่นซะสามวันเจ็ดวัน  จนอาไม่กล้าปล่อยเลย  แล้วทำไมพออีเพื่อนชั้นมันปล่อย  แกไม่ยักด่า”

   “ใครจะรู้อ่ะ  อามิลล์  โอ๊ตยังไม่รู้เลยว่าทำไม”

   ไม่มีใครรู้ . . . 

   . . . แต่โอห์มรู้ 

   ว่าเพราะอะไร . . . 

   ผมยิ้ม  อย่างน้อยที่สุดในเวลานี้ผมมีความสุขมากที่สุด  ความสุขที่ผมเองก็รู้ว่า  คนที่ผมรักฝากหัวใจเอาไว้ให้ผมดูแล     หัวใจของคนที่ผมรัก  ที่ผมสามารถสัมผัสได้ด้วยสองมือ  มองเห็นได้ด้วยสองตา

   หัวใจ . . .

   . . . ที่พี่โน้ตตั้งใจที่จะส่งมาให้ผม



หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 01-04-2009 07:47:04
โห ดีนะเนี่ยที่มาดูแต่เช้า

มาเม้นต์ก่อน ค่อยไปอ่านคับ

ขอบคุณนะครับ

เจอกันเร็ว ๆ ๆ ๆ ๆ นะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: dokjarn ที่ 01-04-2009 08:19:19
o13 o13 o13
 :L1:

เป็นเช้าที่มีความสุขก่อนทำงานมากมาย

ผมอ่านเรื่องนี้ด้วยความประทับใจเหลือเกิน

คุณราชบุตร ทำให้ผมคิดถึงความรักความผูกพันของคน 2 คน

ที่คนพี่ ทำทุกๆๆอย่างได้เพื่อ คนน้องที่รักที่สุด

คนน้องก็น่ารัก มันหวงพี่ซะ

อ่านแล้วอิ่มใจจริงๆ

ไอ้ตัวแสบ โผล่มาแล้ว หลังจากหายไปนาน

เอ๊ย...แล้วมันก็น่ารักอีกอ่ะ(ไรวะเนี่ย...งงตัวเอง)

ไอ้ตัวเล็ก...ไอ้ตัวแสบ...งงงง...น่าร๊ากกกก

ขอบคุณสำหรับอาหารตา  อาหารใจ...ตอนเช้านะครับ

คุณราชบุตร

 :pig4: :pig4: :pig4:

 :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 01-04-2009 08:38:20
สงสารพี่โน้ตที่สุด สุภาพบุรุษที่สุดในโลก  :monkeysad:
แต่ยังข้องใจ ทำไมพี่โน้ตจึงติดอยู่กับการที่ต้องการแยกจากตัวเล็ก ใครบางคนกำหนดที่พี่โน้ตบอกหมายถึงใครกัน (ไม่ได้หมายถึงคนแต่งน้า)
ณ เวลานี้ โอห์มคงเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกรัก คิดถึง สงสาร อาลัยอาวรณ์พี่โน้ตมากมาย จนถึงขั้นอยากไปเจอ
แต่พี่โน้ตเลี่ยงแล้วเลี่ยงอีกที่จะพบโอห์ม แต่กลับส่งดวงใจตัวเองมาแทนทั้งที่น่าจะรู้ว่าสักวันโอห์มก็คงรู้ว่าโอ๊ตเป็นใคร
หรือพี่โน้ตต้องการให้โอห์มในวันนี้ได้รู้เรื่องราวทั้งหมด แต่ไม่คิดจะกลับคืน
รออ่่านต่อไปดีกว่า
ขอบคุณคุณราชบุตรจ้า  :กอด1:

สงสัยนิดนึง ชื่อโอห์มตรงข้อความข้างล่างนี้ น่าจะเป็นโอ๊ตหรือเปล่าจ๊ะ

“โอห์ม” ผมกรอกเสียงไปตามสาย  เมื่อรับมาจากมิลล์

   “ครับผม  ตอนนี้โอห์มอยู่ที่อโศกครับ  กำลังจะไปที่ลาดพร้าว”

   โอห์มบอกกลับมา  ผมโล่งใจ  อย่างน้อยที่สุด  เจ้าตัวไม่ได้หลงทางแน่ ๆ


“แล้วมันใช่เรื่องของโอห์มมั้ยล่ะนั่น . . .”    เสียงมันกวนซะงั้น

   . . . ไอ้เด็กเวร . . . ผมแอบด่ามันในใจ

   “. . . นัดโอห์มที่ลาดพร้าว  แต่จะให้ลงที่ศูนย์วัฒนธรรม  ดีนะเนี่ยที่มีโทรศัพท์มือถือ  แล้วหากไม่มีโทรศัพท์  โอห์มไม่รอที่ลาดพร้าวจนแก่หรือเนี่ย”


หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 01-04-2009 08:41:05
ขอบคุณค้าบ
ได้อ่านแต่เช้า
เรื่องหวานๆทำให้อารมณ์ดีแต่เช้า
หวังว่าคงไม่เศร้าแล้วนะค้าบ
พี่โน๊ตน่าสงสารมากมาย :impress3:

. . พี่โน้ตอยู่ได้อย่างไร  บนซากของความเจ็บปวดของตัวเอง

อ่านประโยคนี้แล้วจุกอกเลย :เฮ้อ:
รีบมาต่อนะค้าบ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 01-04-2009 09:14:24

“โอห์ม” ผมกรอกเสียงไปตามสาย  เมื่อรับมาจากมิลล์

   “ครับผม  ตอนนี้โอห์มอยู่ที่อโศกครับ  กำลังจะไปที่ลาดพร้าว”

   โอห์มบอกกลับมา  ผมโล่งใจ  อย่างน้อยที่สุด  เจ้าตัวไม่ได้หลงทางแน่ ๆ


“แล้วมันใช่เรื่องของโอห์มมั้ยล่ะนั่น . . .”    เสียงมันกวนซะงั้น

   . . . ไอ้เด็กเวร . . . ผมแอบด่ามันในใจ

   “. . . นัดโอห์มที่ลาดพร้าว  แต่จะให้ลงที่ศูนย์วัฒนธรรม  ดีนะเนี่ยที่มีโทรศัพท์มือถือ  แล้วหากไม่มีโทรศัพท์  โอห์มไม่รอที่ลาดพร้าวจนแก่หรือเนี่ย”







ว๊าย . . .

พิมพ์ผิด . . . แก้ให้แร่ะครับ


ขอบคุณที่ช่วยทานนะครับผม

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 01-04-2009 09:33:40
ทำไงดีล่ะหลงรักพี่โน๊ตไปแล้ว โอห์มทนได้ไงเป็นเราแจ้นไปหาที่นู่นแล้ววววว :sad4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: charus ที่ 01-04-2009 11:22:14
รอๆๆๆว่าเมื่อไรจะได้เจอกัน

วุ้ย อ่านไปยิ้มไป
 :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: Lesses ที่ 01-04-2009 14:00:20
love the story!  keep it coming!
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 01-04-2009 14:44:37
 :กอด1:
ทั้งเศร้า ทั้งยิ้ม
ปรับอารมณ์ตามไม่ทัน
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: MaryGoesRound ที่ 01-04-2009 15:24:24

หลงรัก...รักเอย

กำลังคิดว่า จะออกมา เยี่ยงไร
ความผูกพันของคนสองคน มันมี
แต่พ่อจะกล้าบอกลูกมั๊ย ว่ารักผู้ชาย
แล้วถ้าหลานดันรักอา จะยุ่งหนัก รึเปล่า


:กอด1: ท่านราชบุตรค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 01-04-2009 15:59:05
งง สรุปแล้ว คุณราชบุตร คือ พี่ต้นหรือ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 01-04-2009 16:37:14
สู้ๆๆๆๆๆนะคับ

แวะมาเป็นกำลังใจให้

และมาตามดูว่า สองคนจะได้เจอกันอักมั๊ย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: C2U ที่ 01-04-2009 16:53:50
แอรั๊ยยยยยยยยยย

ตามอ่านทันแล้ว    :m4:


ชอบเรื่องที่คุณราชบุตรเขียนมากๆ    :m1:   เรื่องก่อนนี้ เซฟไม่ทัน  หวังว่าเรื่องนี้คงไม่พลาด



อยากให้ โน๊ตกะโอห์ม เจอกันจัง   :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 01-04-2009 17:33:44
หลานโอ๊ตน่ารักอีกแล้ว ทั้งแสบ ทั้งขี้อ้อนแบบนี้
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทั้งอามิลล์อาโอห์มถึงได้หลง พ่อเลี้ยงมาดีจริงๆ
ตามใจกันแบบ ที่ตอนเด็กๆพี่โน๊ตเลี้ยงโอห์มมายังไงยังงั้น
อีกอย่าง แสบเหมือนทิงเจอร์เลยนะเนี่ย มีต่อรองด้วย
หนอยๆ ตัวแสบอยู่บ้านเราจะเอาโน้นเอานี่ได้แต่ถ้าไปโน้น
จะไปอ้อนใครล่ะเนี่ย

ส่วนพี่โน๊ตพูดได้คำเดียวว่าเห็นใจมากๆ ต้องใช้คำว่ามากกว่า
เสียสละสินะ เพราะไม่คิดจะเห็นแก่หัวใจตัวเองสักนิดเลือกที่จะ
ปล่อยโอห์มไป ทิ้งไปแบบหักดิบด้วย เฮ้อ
. . . พี่โน้ตอยู่ได้อย่างไร  บนซากของความเจ็บปวดของตัวเอง
>ชอบคำนี้จัง เจ็บมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้คงได้แต่กอดค.ทรงจำเก่าๆและดีๆของไอ้ตัวเล็กกับตัวเองไว้ใช่มั๊ยพี่โน๊ต

หัวใจ . . .
   . . . ที่พี่โน้ตตั้งใจที่จะส่งมาให้ผม

 รู้ค.เคลื่อนไหวของโอห์มทุกอย่าง และพอถึงเวลาก็เอาหัวใจของตัวเองมาให้โอห์มดูแล  ซึ้งสุดๆ ส่งยามารักษาทางใจถึงจะช้าแต่ก็ไม่สายเกินไป กรี๊ดดดด

ขอบคุณคะคุณราชบุตร  :L2:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 01-04-2009 18:53:58



รักเอย



ปกติ  มีแต่คนบอก  ทำไมชอบเขียนเรื่องเศร้า  ไม่รู้อ่ะ  มันไปเองเวลานั่งพิมพ์ มาเรื่องนี้  ไม่แน่ใจอีกว่า  มันเป็นเรื่องแบบไหนกันแน่ . . . เศร้า   ซึ้ง  อิ่มเอมใจ  หรือ  จะตลกกับโชคชะตาที่เกิดขึ้นดี  เอ้ยยยยยยยยย  กรรม



โดยส่วนมาก . . .


จะมีแค่พล๊อตคร่าว ๆ  ในหัว แต่เรื่องนี้  หามีไรในหัวเลยไม่  เขียนออกมาจากความรู้สึก  ณ  ปัจจุบัน


โน้ต . . . รักเอย


อาร์ม . . . รักฤๅผูกพันฯ


สองคนต่างติดอยู่ในบ่วงของความรัก  แต่เป็นรักคนละแบบ  ที่ไม่เหมือนกัน  แต่สิ่งหนึ่งที่ทั้งสองมี  น่าจะเป็นความรักที่มีให้คน ๆ  นึง อย่างมากมาย  เป็นรักที่หลาย ๆ  คนอยากมี  มั๊ง . . .


คนอ่านละครับ . . . รักใครมากกว่ากัน


โน๊ต    หรือ อาร์ม



หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: mango ที่ 01-04-2009 19:07:40

 :pig4:


 :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 01-04-2009 19:18:05
ส่วนตัวยังเทคะแนนให้พี่อาร์มมากกว่าพี่โน๊ตคะ
เพราะว่าพี่อาร์ม รักโกสินทร์ แบบไม่มีเงื่อนไข แบบว่าุทุ่มไปทั้งตัว ทั้งใจ
รู้ทั้งรู้ว่าวันนึงถ้าอีกฝ่ายมีทางไปหรือว่ามีใครทีดีกว่า ถ้าโกจะไปพี่อาร์ม
ก็จะไม่มีวันปริปากร้องห้าม
ความรักของพี่อาร์มดูยิ่งใหญ่มากๆ เหมือนผู้มีพระคุณชุบชีวิตของโกก็ว่าได้
รักแล้วให้โอกาส เปิดโลก เปิดมุมมอง แล้วก็วางอนาคตไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
รอแต่ว่า เจ้าตัวจะสานต่อเจตนารมย์ แล้วมองค่าสิ่งที่พี่อาร์มให้มานั่นมากน้อยแค่ไหน
ยกระดับชีวิตค.เป็นอยู่ให้โก ถ้าไม่มีพี่อาร์ม คิดเหรอว่าคุณค่าในตัวจะมากขึ้นจนไปสะดุด
ชีภูธรให้อยากจะจับโกจนตัีวสั่นอะไรแบบนี้ พูดง่ายคือ พี่อาร์มเป็นคนเพิ่ม add value ในโก55
อีกอย่างพี่อาร์มดูแลโกแล้วยังดูแลหัวใจของโกซึ่งก็คือแม่ของโกด้วย
ช่วยเหลือทั้งครอบครัวของโก โดยไม่ปริปากบ่นอะไรสักคำ
พร้อมกับปิดบังค.ลับทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองทำโดยที่โก ไม่มีวันฉลาดพอที่จะรู้

และจุดจบของค.รักที่พี่อาร์มเลือกให้ตัวเองก็สุดๆจริงๆ  น้ำตาไหลไปแปดโอ่ง สามไห
ยิ่งอ่านยิ่งอิน จะมีใครที่ทุ่มทั้งตัวและใจให้ใครสักคนขนาดนี้ แล้วได้ผลลัพธ์อย่างที่โกตอบแทนให้พี่อาร์มบ้างล่ะ
มันก็สมควรที่โกจะไม่ได้อะไรกลับไปอีกแล้วเหมือนกัน

 :L2: :L2:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 01-04-2009 20:04:10
เมื่อครั้งห่างกันก็เศร้าหาเหตุผลต่าง ๆ นา ๆ
แต่เมื่อครั้งรู้ความจริง ก็ทำให้หัวใจได้เบิกบาน
รีบไปหาพี่โน้ตเลยครับ ^^



คุณราชบุตรสุดยอดเลย แต่งได้ดีมากเลยอ่ะชอบมากเลยครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 01-04-2009 20:50:59
+1 ให้คุณราชบุตร สนุกน่าติดตามมากค่ะ ถามว่ารักใครระหว่างอาร์มกับโน้ต
ขอตอบว่ารักโอ๊ตค่ะ เด็กปู้จายน่ารักกว่าเนอะ จริง ๆ รักทั้งคู่แหละ ที่ต้องจากกัน
ในตอนต้นก็เพราะต่างมีเหตุผลที่จำเป็นทั้งคู่ และเป็นเรื่องที่ไม่เข้าใจกันด้วย
ไม่รู้ถึงเหตุผลจริง ๆ ทำให้เศร้า แต่หวังว่าจากนี้ไปคงไม่เศร้าแล้วนะ อยากให้
อาร์มกับโน้ตพบกันสักทีค่ะ  :call:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: tamtam ที่ 01-04-2009 23:45:02
อ่านแล้วรู้สึกหวานจัง

เหมือน 2 คนสื่อสารกัน ผ่าน โอ๊ต

อยากบวก แต่บวกไม่ได้ ยังไงก็ขอบคุณละกัน
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 02-04-2009 00:24:12


http://media.imeem.com/m/of7bmqLpIJ



ขอบคุณทุกเสียง +



แลกไมล์บินฟรีแบบรอยัลออคิดได้มะครับ  . . .

. . . บอกดัง ๆ  อีกครั้ง  เขียนเพราะอยากเขียน  หาใช่เขียนเพราะหวังคะแนนบวกครับ  ใครกดบวกกดลบ  ผมขอบคุณทุกคน  แต่ในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยปกติ  ได้แต่กรวดน้ำไปยังคนขอส่วนบุญ

เปลี่ยนจากกดบวกมาเป็น  . . .  คอมเมนท์ให้กำลังใจทุกตอนดีไหม

ปล.  วันนี้รมณ์ดี  ไปดูหนังรอบค่ำมา  เก้ง  กวาง  บ่าง ชะนี  มองเหลียวเชียว  คนที่ไปด้วยกัน . . . หล่อ     ว่าแล้วความหวานทะลัก  เอาไปอีกครึ่งตอน





ตอนที่ ๑๐
   
   ผมไม่รู้ว่าในชีวิตนี้จะมีใครที่สามารถรักคนได้เพียงคนเดียวหรือไม่  และคน ๆ  นั้นคงเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก  เพราะเขาได้ครอบครองความรักจากคนที่เขารัก  ความรักที่ไร้รูปแบบใด ๆ  มาเป็นกรอบ  มีเพียงสัมผัสที่รับรู้ได้จากหัวใจดวงหนึ่งไปสู่หัวใจอีกดวงหนึ่งเท่านั้น


   ผมยอมรับว่าตัวเองฟังไม่ได้ศัพท์จริง ๆ

   แต่ . .

   . . . จะให้ยอมรับเลยหรือ  ว่าที่เอะอะโวยวายไปทั้งหมดเพราะอารมณ์หึง มันก็ใช่ที่  ผมรู้ตัวว่าผิด  แต่จะให้หันไปบอกว่าผิดในเวลานี้มันก็คงไม่ใช่  ผมเดิน  ไปเรื่อย ๆ  ริมรั้วด้านในของโรงเรียน  ยิ้มเหมือนคนบ้า  เป็นรอยยิ้มที่เปื้อนน้ำตาตัวเอง

   ผมเดินออกมานั่งรอรถประจำทางที่ศาลารอรถหน้าโรงเรียน  เพิ่งเลิกเรียน  เด็กนักเรียนมากมาย   ผมไม่อยู่ในห้วงที่อยากมองคนอื่น  เพราะในหัวใจของผมตอนนี้มันมีแต่คนแค่คนเดียว  คน ๆ เดียวที่ผมเพิ่งสร้างวีรกรรมหน้าแตกเอาไว้

   “โอห์ม”   

   เสียงเรียกที่ไม่ค่อยคุ้นหู  ปลุกผมให้ตื่นมามองสิ่งรอบ ๆ ตัวในเวลานี้  ในเวลาที่ผมรู้สึกว่าผิด  แต่จะให้รับว่าผิด  มันไม่ใช่นิสัย 

   “พี่แจง” 

   ผมขมวดคิ้ว  เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผม  ยิ้มหวานสมเป็นดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่งของโรงเรียน  แถมคราวนี้มาแปลกด้วย  ไม่ยักจะเรียก . . . ตัวเล็ก

   “ไงล่ะเรา  หัดโดดเรียนตั้งแต่ยังเล็กนะเนี่ย”  พี่แจงยิ้มหวาน

   “เรื่องของผม    คนอื่นโดดถมเถไป”   ผมยืนขึ้นพิงรั้วเหล็กของโรงเรียน  เพราะรู้สึกว่าตัวเองเล็กมากเมื่อมีดรัมเมเยอร์โรงเรียนมายืนคุยด้วย

   “ซ่าเหมือนที่โน้ตเล่าจริง ๆ”

   “เรื่องของไอ้พี่มัน    บอกมันด้วยไม่ชอบให้ใครเอาโอห์มไปนินทา” 

   ทั้ง ๆ ที่พี่แจงพูดจาดี ๆ  แต่ไม่รู้ทำไม  หัวใจผมมันต่อต้านผู้หญิงคนนี้  อาจเพราะว่า  ผมเองก็รู้สึกได้ว่า  ไม่ใช่มีแค่ผมที่มีหัวใจให้กับพี่โน้ต  แต่ยังมีอีกหลาย ๆ  คนที่มีความรู้สึกเดียวกับผม  ผมไม่อยากให้พี่โน้ตมองใคร  นอกจากผม

   “ไม่มีหรอก  นินทาอะไรกัน  เวลาคุยถึงไอ้น้องตัวเล็กทีไร  โน้ตมันมีความสุขจะตาย  ใคร ๆ ก็รู้มันหวงน้องชายมันอย่างกะอะไรดี”   ผมแอบยิ้มเล็กน้อย

   จะเรียกว่ามีความสุขกับสิ่งที่ได้ยินก็ถูกเหมือนกัน

   “มาบอกไรโอห์ม”

   “คุยด้วยไม่ได้หรือไง  ไม่เคยเห็นเราจะคุยดี ๆ  กับพี่เลย  หวงพี่ชายเหรอ”

   “หวงมันทำบ้าไร . . .”  ผมหัวเราะบา ๆ 

   “อย่ามันนะมีลูกขอตัวด้วยซ้ำ  เอาไปเฝ้าสวนยาง   ใครเอาไปเลี้ยงที่บ้านนะปวดหัวตาย  ชอบแกล้ง  ชอบกวน”  ผมโต้กลับในทันที

   พี่แจงยิ้มหวาน . . .

   “ไม่หวงพี่จีบนะ”

   มันเสียดแทงหัวใจผมอย่างจัง  แต่ก่อนที่ผมจะหลุดมากกว่านี้  ผมมองหน้าพี่แจง  แล้วยิ้มให้อย่างอ่อนหวานที่สุดเท่าที่เคยยิ้ม

   “ชอบเด็กเหรอพี่  พี่มาขอจีบผมแบบนี้ผมอายแย่ดิครับ”   

   ผมแกล้งทำเขินอาย  ทั้ง ๆ  ที่รู้กับความหมายของสิ่งที่พี่แจงบอกมา  มันไม่ใช่ผม  ไม่ใช่พี่แจงหรอกที่จะมาอะไรกับคนอย่างผม  แต่คนที่พี่แจงมาดหมายเอาไว้  พี่โน้ตมากกว่า  ผมมันแค่สะพานสำหรับพี่แจงเท่านั้น

   “น่ารักนะโอห์มนี่  เหมือนที่โน้ตเล่า  ขี้เล่น”

   “น่ารักก็รักไม่ได้ครับ  ต้องไปขอกับแม่โอห์มก่อน”

   “ตายไปเลย  พี่ไปไม่ถูกเลย”

   “ไปไม่ถูกให้ไอ้ดำไปส่งดิครับ โน่นมันจอดรถโน่นแล้ว”  ผมบุ้ยปากไปที่ริมถนนที่พี่โน้ตมันเอามอเตอร์ไซด์มาจอด  ก่อนที่มันจะเดินมาหาผมกับพี่แจง

   “ไม่เอาดีกว่า  นะโอห์มนะ  ถ้าโอห์มไม่หวง   อย่าลืมติดต่อให้พี่นะ  ไปล่ะ . . .  ตัวเล็ก”  เจ้าตัวทิ้งทุ่นระเบิดเอาไว้ให้ผมอีก

   แม่ง . . .

   . . . บอกไม่เคยจำ  ไม่ชอให้เรียก  ตัวเล็ก

   “อ้าว  จะกลับแล้วหรือแจง”  พี่โน้ตหันไปทักทาย

   “อืม  ไว้พรุ่งนี้เจอกัน”

   “โน้ตไปส่งมั้ยแจง” 

   ผมอยากกระโดดถีบมันจริง ๆ  ปากบอกไม่มีอะไร  แต่จะไปส่งเขานี่นะ  ชอบมากล่ะซิเวลาที่ดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่งซ้อนท้าย  คงมีความสุขมากสิท่า  มีคนสวย ๆ  นั่งเชิดอยู่บนอานมอเตอร์ไซด์  ใช่ดิ๊  ดีกว่ามีเราซ้อนเป็นไหน ๆ

   “ไม่เป็นไร  กลับเองดีกว่า  แจงจะแวะที่ตลาดกิมหยงก่อนแม่สั่งซื้อเต้ากัว”  พี่แจงยิ้มก่อนเดินข้ามอีกฟากฝั่งของถนน

   พี่โน้ตเดินมาหยุดตรงหน้า . . .   

   ผมรู้ว่าผมกำลังโดนจับจ้องอยู่แต่ผมไม่อยากมองหน้า  เพราะตอนนี้ผมกำลังเล่นบทงอนพระเอกอยู่  ประมาณว่าตัวเองเป็นนางเอกใสซื่อเห็นภาพบาดตาที่แปลความหมายทั้งหมดไม่ออก  แต่ที่จริงรู้  รู้ทุก ๆ  ความหมาย

   “คุยอะไรกัน  เห็นทุกทีกัดกันอย่างกะอะไรดี”  พี่โน้ตนั่งลงใกล้ ๆ 

   อยากรู้ทำไมไม่ถามเพื่อนตัวเองเล่า  จะมาถามโอห์มทำไม  ตอนนี้ใช่เวลาที่จะมาถามนะเฟ้ย  ไม่อยากเล่า  ไม่อยากคุย

   “เงียบทำไมเนี่ย  ไป๊กลับบ้าน”  พี่โน้ต  เอื้อมมือมาจับมือผม  หมายจะดึงลุกกลับไปด้วยกัน

   ผมสะบัดมือออก  ก่อนเดินไปขึ้นตุ๊ก ๆ  ที่มาจอดรอนักเรียน    ผมรู้นะ  ว่าผมผิด  รู้ทุก ๆ  เรื่อง  แต่ผมคิดว่า  ยังไงเดี๋ยวพี่โน้ตก็ตามง้อผมอยู่ดี

   ผมคิดถูก . . .

   . . . เมื่อรถตุ๊ก ๆ  ค่อย ๆ เคลื่อนออกจากหน้าโรงเรียน  มุ่งหน้าไปทางคอหงส์  ไอ้พี่โน้ตมันก็ขึ้นคร่อมโนวาคู่กายของมัน  ก่อนจะขี่ตามรถตุ๊ก ๆ  คันที่ผมขี่มาอย่างช้า ๆ  เมื่อรถหยุด  มันก็หยุด  เมื่อรถออกตัวอีกครั้งมันก็ขับตามมาอย่างช้า ๆ  เช่นเคย

   รถมาจอดที่สามแยก  เพราะจะเลี้ยวซ้ายไปทางหน้าสวน  ผมจำต้องเดินจากสามแยกไปทางขวาริมถนนที่จะไปยังศูนย์วิจัย  ไอ้พี่ตัวแสบมันก็ขับตามมาอย่างช้า ๆ

   “ตกลงจะเดินให้ถึงบ้านเลยใช่มั้ยนี่”

   “อย่ามายุ่ง”

   “งอนอะไรนักหนาว่ะ. . .”    คราวนี้มันดับเครื่อง  ก่อนที่จะเข็นไปนั่งไป

   “. . . หนักนะโว้ย  รถทั้งคัน”    มันโวยวายเมื่อเข็นมาได้สักพัก

   ผมอมยิ้ม  มีความสุขได้แกล้งมัน  ดี  อยากเข็นก็ตามสบาย  โอห์มไม่ได้อยากให้ตามมาสักหน่อย  จะขี่เข้าบ้านไปก่อนก็ไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว

   “จะฟ้องลุงอาทเรื่องโดดเรียน”

   “ดี   จะได้ไปอยู่ระยอง”   ผมหันไปแลบลิ้นใส่มัน

   “รู้งี้ไปเยอรมันเสียก็ดี”   พี่โน้ตก้มหน้าบ่นกับตัวเองเบา ๆ

   “แล้วไม  ไม่ไปเล่า  จะมาพูดทำไม”   ผมหันไปตวาดใส่พี่โน้ต

   “ไปได้ไง  หัวใจโดนล่ามเอาไว้  ใครจะปล่อยหัวใจให้ไกลตัว  รักมันขนาดนี้มันยังไม่รู้อีก  งอนยิ่งกว่าสาว ๆ  อีก” 

   ไอ้พี่เลว  ทำเอาโอห์มขาแทบจะพันกัน  คนเชี่ยไรปล่อยมุขไม่รู้เวลา

   เราเดินมาถึงริมบึง  ถนนเลี้ยวไปทางขวาอ้อมบึงเพื่อจะไปบ้านพักข้าราชการ  ผมต้องหยุดเดิน  เมื่อรถของพ่อที่แล่นมาจากที่บ้านจอดเทียบอีกฝั่งของถนน

   “รถเป็นอะไรไปโน้ต”   พ่อลดกระจกลงถาม

   “น้ำมันหมดครับ”

   ไอ้พี่ตอ . . . มาทำเป็นแหลเห็น ๆ  ผมมองไปในรถ มีทั้งพ่อ  แม่  ลุงตุ้ย  ป้าแววแม่พี่โน้ตนั่งไปด้วยในรถ

   “พอดีอาจะไปงานแต่งลูกชายนายอำเภอที่ระโนด  กว่าจะกลับก็ดึก  โน้ตดูน้องด้วยนะลูก”  พ่อหันมาสั่ง

   “ครับผม”

   “ถ้าน้องดื้อก็ตีมั่งสิโน้ต  ตามใจน้องจนเคยตัว”  พ่อสำทับมาอีกรอบ

   “โหพ่อ  นี่ลูกนะเนี่ย”  ผมชี้ที่ตัวเอง

   “โน้ตนอนเป็นเพื่อนน้องที่บ้านก่อนนะโน้ต  เพราะกว่าจะเสร็จงาน  กว่าอาจะขับรถมาถึงบ้านคงเที่ยงคืน”  พ่อนะพ่อ  สั่งความอะไรแบบนั้น

   “ครับผม  คืนนี้โน้ตจะไปนอนเป็นเพื่อนน้องเองครับ  จะสอนการบ้านด้วยครับ”  มันรับคำสั่งเสียงดัง  ก่อนหันมาทำสายตากรุ้มกริ่มใส่ผมอีก

   “ดี ๆ  แล้วอย่าลืมบังคับให้น้องอาบน้ำด้วยนะโน้ต  รายนั้นไม่บังคับไม่ยอมอาบ”  เสียงแม่บอกมา

   “ได้ครับอาแป้ง ถ้าโอห์มไม่อาบ  โน้ตจะจับน้องอาบน้ำเองเลยครับ”  ไอ้พี่เลวรับคำแม่อย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ  ก่อนที่จะหันทำท่าเอานิ้วเชือดคอตัวเองใส่ผม

   “แม่”  ผมเรียกเสียงหลง  อย่าสั่งแบบนั้นดิครับ  แม่ไม่รู้หรือ ไอ้พี่เลวมันไว้ใจได้เสียที่ไหนกัน  แบบนี้มีหวังโอห์มเดินไม่สะดวกอีกเด่ะพรุ่งนี้

   “นอนกับน้องล๊อคกุญแจบ้านดี ๆ  นะโน้ต”  ป้าแววหันมาสั่งพี่โน้ต

   “ครับแม่”

   กลายเป็นว่าทุกคนส่งเสริมให้ไอ้พี่เลวมันสามารถเข้ามารังแกโอห์มได้อย่างสะดวก    ผมไม่อยากคิดเลย  คืนนี้มีหวังโดนไอ้พี่มันเช็คบิลที่ค้างเอาไว้ตั้งแต่เมื่อเย็น  เห็นสายตาของมันแล้วหวาดวิตกจริง ๆ  เลยดิครับ





ตามด้วย . . .

. . . ตัวอย่างของครึ่งตอนหลัง




ไอ้พี่โน้ตมันบ้าไปแล้ว  มันใช้คางที่มีเคราแค่ตอ  ค่อย ๆ  วางเอาไว้ริมกกหูของผม  ก่อนที่จะใช้ลิ้นวนไปมาที่ซอกคอ  ผมมันพวกแพ้ทางอยู่แล้ว  หนักก็หนักที่มันทาบทับผมอยู่  แต่ความต้องการบางอย่างมันมากกว่า   ลมหายใจแรง ๆ  ที่ผ่านมาจากจมูกพี่โน้ต  ผมรู้ว่านี่ไม่ใช่การเล่นแบบธรรมดา  แต่มันจะต้องจบลงด้วยร่างที่ไร้อาภรณ์ปิดกายแน่ ๆ  ผมสัมผัสถึงบางสิ่งที่มันเบียดแน่นที่สะโพกของผมจากร่างกายของอีกคน   พี่โน้ตมันเคลื่อนตัวไปมาเป็นจังหวะเบา ๆ แต่หนักหน่วงทุกครั้งที่มันกดทับมายังสะโพก

   “อย่า โอห์มจักจี้”  เสียงผมคล้ายคนหมดเรี่ยวแรง

   มือที่จับข้อมือผมเอาไว้  ค่อย ๆ  เลื่อนมาประสานกัน  มือพี่โน้ตเลื่อนมาตามร่องนิ้วของมือผม  ก่อนที่นิ้วจะกระหวัดกันราวกับแง่งขิง  ผมผงกตัวขึ้น  เมื่อใบหน้าของพี่โน้ตค่อย ๆ  ซอกซอนลงมาตามเผ่นหลัง


หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 02-04-2009 00:30:54
มาจิ้มก่อนไปอ่านคับคุณราชบุตร

เหวอออออ มามีตัวอย่างครึ่งหลังอีกอ่ะ

แถมครึ่งหลังก็.......... อยากจะบ้า

มาต่อด่วนเลยค๊าบบบบบบบบ พี่น้อง

ปล. อิจฉาจัง มีคนหล่อเดินข้างกาย อิอิ......

ฝันดีครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: MaryGoesRound ที่ 02-04-2009 00:40:34


ขี้งอน เคยตัว  เอาแต่ใจ สารพัดโดน spoil ทั้งหมดเพราะรักใช่มะ  :L2:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 02-04-2009 01:28:22

ต๊าย อ้อล้อนะยะ ยัยโอห์ม ชิส์
ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กแว่นน้อย ที่ 02-04-2009 01:50:30
อยากจะรู้จังว่าเรื่องจะจบยังไงอ่ะครับ

แต่อ่านเรื่องไปเรื่อยๆ มันทำให้นึกถึงความรู้สึกเก่าๆ สมัยเรียนอ่ะครับ

น้ำตาแทบไหลเลย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 02-04-2009 02:54:47
 :z1:
มารอครึ่งหลังอะครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: charus ที่ 02-04-2009 03:26:02
รอครึ่งหลังครับ

จะได้เจอกันเมื่อไรเน้อออออ
ลุ้นให้เจอกันไวๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 02-04-2009 06:10:13
อยากรู้จัง
ตัวอย่างครึ่งหลังมีจริงอ่ะป่าว :o8:
ถ้ามีจริงมาต่อเลยค้าบ
ไม่มาต่อก็ไม่เชื่อ :-[
รออยู่นะค้าบ
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 02-04-2009 07:28:19
มาต่อไว ๆ นะคร้าบคุณราชบุตร
น่ารักดีจังคู่นี้ ^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: C2U ที่ 02-04-2009 13:09:21
อ่านตัวอย่างของครึ่งตอนหลัง แล้ว   :m25:


มาต่อไวๆนะคะ   :call:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 02-04-2009 13:22:32


เหอะ ๆ ๆ

ไม่ถนัดบทรักแบบใต้สะดือเท่าไหร่

พยายามจะถีบตัวเองให้หลุดจากบทแบบนั้นอ่ะดิ  ครับ


   เพราะเท่าที่จำได้  มีแค่เรื่องเดียวที่เขียนแบบนั้นทุก ๆ  ตอน

แต่ . . .

มาเรื่องนี้ . . . ขอบทรักที่สวยงามดีกว่าเนาะ  ไม่มั่นใจจะมีคนชอบหรือป่าวอ่ะดิ๊



ตอนที่ ๑๐ (ต่อ)

เสียงฝีเท้าที่เดินขึ้นมาบนห้องทำผมหวาดหวั่น  จะใครเสียที่ไหนล่ะครับ  ไอ้พี่โน้ตตัวดีนั่นแหละ  มันคงจะมาทวงบัญชีหนี้แค้นที่ผมทำเอาไว้กับมัน  ซึ่งผมเองก็เตรียมใจเอาไว้อยู่แล้ว  ชอบแกล้งมัน  แต่เวลามันแกล้งคืนนี่สิ
 

   อิอิอิ . . .

   . . . แอบชอบ

   เหอะ ๆ ๆ  จะอะไรล่ะครับ  ก็เพราะว่ามันนะชอบกอดผมเอาไว้  ผมมีความสุขนะ  ที่ได้อยู่ภายใต้วงแขนของคนที่ผมรัก

   “ทำการบ้านยัง”    เสียงมันมาก่อนตัวเลยครับงานนี้

   ผมเฉย . . .

   . . . นอนคว่ำอ่าน  เจ้าหนูสิงห์นักแตะต่อไป  ทั้ง ๆ  ที่หูคอยเงี่ยฟังอยู่ตลอดเวลา  ว่าคุณพี่มันจะทำอะไรกับผมต่อไป

   ไอ้พี่เลวมันหันไปปิดประตู  เสียงล๊อคลูกบิดนั่น . . .

   อย่านะ . . .

   . . . อย่า . . . อย่าช้าดิไอ้คุณพี่

   หวาย . . .

   . . . คิดอะไรออกไปหว่า

   “ถามว่าทำการบ้านยัง  หูแตกเหรอ”  มันเอาจมูกมาชอนไชที่ข้าง ๆ  หู  เล่นเอาผมขนลุกซู่  จุดบอดของผม  มันจะเล่นไรว๊า

   “อย่ามายุ่ง    กลับไปนอนบ้านตัวเองไป”  ผมทำสะบัดไปอย่างนั้นแหละ

   “จะงอนไรนักหนานี่  หรือ  คิดว่าพี่กับพี่แจงชอบกันจริง ๆ”

   “ไม่เกี่ยวกับโอห์ม”

   “เกี่ยวดิ”

   “ไม่เกี่ยว  โอห์มไม่เกี่ยวกับพี่โน้ตอีก”  ผมหันไปตะโกนใส่หน้า

   “ทำไมจะไม่เกี่ยว  ต้องเกี่ยว” 

   มันได้ทีขึ้นนอนทับบนตัวผม  ก่อนที่จะเอามือของมันจับมือผมกดเอาไว้กับที่นอน  ก่อนที่จะเอาจมูกมาไซร้ไปตามท้ายทอย  ผมนะหรือ  แทบจะตายเสียให้ได้  เจอมันจู่โจมจุดอ่อนเสียขนาดนี้  แถวกกหู  ซอกคอ  ใครอย่ามาเล่นมันเจี๋ยววววว

   แม่ง . . .

   . . . . รู้จุดตายของโอห์มแบบนี้  โอห์มก็ไม่รอดมันอีกแหง ๆ

   “อย่าเล่น  ไม่เอา”

   “ไม่ได้เล่น  ทำจริง ๆ  คนอะไรทำผิดไม่รับ  แบบนี้ไม่มียอม” 

   ไอ้พี่โน้ตมันบ้าไปแล้ว . . . 

   มันใช้คางที่มีเคราแค่ตอ  ค่อย ๆ  วางเอาไว้ริมกกหูของผม  ก่อนที่จะใช้ลิ้นวนไปมาที่ซอกคอ  ผมมันพวกแพ้ทางอยู่แล้ว  หนักก็หนักที่มันทาบทับผมอยู่  แต่ความต้องการบางอย่างมันมากกว่า   ลมหายใจแรง ๆ  ที่ผ่านมาจากจมูกพี่โน้ต  ผมรู้ว่านี่ไม่ใช่การเล่นแบบธรรมดา  แต่มันจะต้องจบลงด้วยร่างที่ไร้อาภรณ์ปิดกายแน่ ๆ  ผมสัมผัสถึงบางสิ่งที่มันเบียดแน่นที่สะโพกของผมจากร่างกายของอีกคน   พี่โน้ตมันเคลื่อนตัวไปมาเป็นจังหวะเบา ๆ แต่หนักหน่วงทุกครั้งที่มันกดทับมายังสะโพก

   “อย่า โอห์มจักจี้”  เสียงผมคล้ายคนหมดเรี่ยวแรง

   มือที่จับข้อมือผมเอาไว้  ค่อย ๆ  เลื่อนมาประสานกัน  มือพี่โน้ตเลื่อนมาตามร่องนิ้วของมือผม  ก่อนที่นิ้วจะกระหวัดกันราวกับแง่งขิง  ผมผงกตัวขึ้น  เมื่อใบหน้าของพี่โน้ตค่อย ๆ  ซอกซอนลงมาตามเผ่นหลัง

   “พี่โน้ต  อย่าทำ”  ผมได้แต่ร้องห้ามเบา ๆ 

   คงไม่มีประโยชน์ในการร้องขอ เพราะดูเหมือนว่า  พี่โน้ตจะพลิกร่างผมให้นอนหงายในอ้อมกอด  ผมหลับตาพริ้มไม่กล้ามองหน้าพี่โน้ต  รับรู้เพียงลมหายใจอุ่น ๆ  ที่อยู่ใกล้ ๆ  ใบหน้า ก่อนที่ริมฝีปากของผมจะถูกทาบทับจากอีกฝ่าย  ลิ้นอีกฝ่ายเหมือนจะแตะที่ริมฝีปากผมเบา ๆ  สลับกับการบดขยี้  จนผมแทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว

   ผมลืมตาเมื่ออีกฝ่ายค่อย ๆ  ถอนริมฝีปากออกไป . . .

   . . . สายตาคู่นั้นที่มองมายังผม  เป็นประกาย  เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก  เหมือนแสงสว่างที่นำทางหัวใจของผม

   “ชอบแกล้ง”

   “พี่ไม่ได้แกล้ง  ทำจริง ๆ. . .”  พี่โน้ตบอกก่อนก้มจงเอาจมูกที่โด่งได้รูปแตะค้างเอาไว้กับจมูกของผม

   “. . . เมื่อตอนเย็นที่ต้นมะขามได้ยินว่าอะไร  แล้วคิดอะไรอยู่หรือ  ที่ได้ยินน่ะแน่ใจหรือว่ามันชัดเจนน่ะ”   พี่โน้ตบอกทั้ง ๆ  ที่ยังไม่ได้ถอนจมูกออกไปจากที่เดิม

   “. . . เงียบอีก  ต้องโดน” 

   ไม่ทันขาดคำพี่โน้ตมันเอาริมฝีปากมาบดขยี้ที่ปากโอห์มอีกครั้ง  ก่อนที่จะค่อย ๆ จูบพรมไปทั่วใบหน้า  และมาหยุดที่ข้างหู  เอาริมฝีปากกัดติ่งหูเอาไว้เบา ๆ

   “อย่า . . .”  ผมร้องห้ามเสียงหลง  เมื่อพี่โน้ตระรัวลิ้นมาที่ใบหู

   จะตายอยู่แล้วครับพี่ . . .

   “ร้อนถอดเสื้อนะครับ” 

   มันหอมที่แก้มผมเบา ๆ  ก่อนที่จะค่อย ๆ  ดึงขอบเสื้อของผมช้า ๆ  ถึงผมจะพยายามขัดขืนมันก็คงไม่ยอม  ทางเดียวที่ทำได้ในเวลานี้ก็คือดิ้นเพียงเล็กน้อย เพื่อให้เสื้อที่ผมนอนทับอยู่โดนถอดออกจากร่างกายง่ายยิ่งขึ้นนั่นเอง

   ว๊าย . . .

   . . . แอบคิดจริง ๆ  หรือโอห์ม

   ลมที่พัดผ่านเข้ามาหาได้ช่วยดับความร้อนรุ่มในตัวของเราทั้งสองไม่  เพราะแค่เพียงไม่นาน  บนเตียงที่ผมนอนประจำก็มีเพียงร่างเปลือยที่นอนกอดกันราวกับจะหลอมให้เป็นเนื้อเดียว  ผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่รุนแรงจากอีกร่าง

   “พอก่อนเหอะ  โอห์มจะไม่ไหวอยู่แล้ว”

   “อะไร  ยังไม่ได้ทำอะไรเลย” 

   ไอ้พี่เลว มันบอกพลางแนบส่วนกลางลำตัวของมันมาแนบชิดสะโพกของโอห์ม  มือของมันเกลี่ยเล่นอยู่ตรงหน้าอก  มันใช้นิ้วชีกับนิ้วกลางบี้ไปมา  จนโอห์มต้องเกร็งตัว  ไม่รู้ว่าที่นอนกอดในตอนนี้คืออะไรกันแน่

   “พี่โน้ตรักพี่แจงหรือ”

   “รักครับ”

   ผมขยับตัวหนี  เมื่อได้ยินคำตอบ   แต่มันแข็งแกร่งกว่า  มันรัดโอห์มเอาไว้  ไม่ยอมให้โอห์มดิ้นหลุดจากออมกอดของมัน  ผมเป็นอะไรไม่รู้  หงุดหงิดทุกครั้งที่ได้ยินพี่โน้ตบอกว่ารักคนอื่น   ผมไม่อยากให้มันไปรักใคร  อยากให้มันบอกรักแค่ผมคนเดียวเท่านั้น

   “มิน่า” ผมดิ้น

   “มิน่าอะไร”

   “เห็นผมเป็นแค่ตัวสำรองยังไม่พอ  ยังพกกุญแจสำรองเอาไว้เยาะโอห์มอีก”  ผมดึงมือพี่โน้ตมาแนบไว้ที่แก้ม

   “โอห์มนะตัวจริงของพี่เสมอ  แล้วที่พกกุญแจสำรอง  เพราะใครล่ะ”

   “จะบอกว่าโอห์มอีกละสิ”

   “แล้วใครล่ะที่ทำกุญแจหายเมื่อเดือนก่อน  จนพี่ต้องนั่งโทรให้พ่อเอากุญแจอีกดอกมาให้  พ่อด่าซะเปิงเลย  หาว่าแค่กุญแจดอกเดียวรักษาไม่ได้  ต่อไปจะรักษาอะไรได้  คนทำหายไม่เห็นโดนด่า  แต่คนโดนด่ากลับเป็นคนที่ไม่รู้เรื่อง แล้วแบบนี้จะไม่ให้พี่พกกุญแจสำรองหรือไง”   มันบอก  ก่อนที่จะเอาลิ้นมาละเลงที่ซอกหูของผม  ผมดิ้นไปมาเพราะความเสียวซ่านปนจั๊กจี้

   “ปล่อย”

   “เป็นอะไรไปอีก”

   “รักคนอื่นมากอดโอห์มทำไม”

   “เหมือนกันที่ไหน  นั่นมันเพื่อน  แจงมันเพื่อนผู้หญิงที่พี่สนิทที่สุดนะ”

   “อีกหน่อยก็เกินเพื่อน”

   “ไม่มีหรอกโอห์ม  สำหรับพี่  เพื่อนก็คือเพื่อนไม่มันเปลี่ยนสถานะของเพื่อนเอาไว้เป็นอย่างอื่นได้หรอก  ความสัมพันธ์แบบเพื่อนมันยืนยาวที่สุดแล้ว”  พี่โน้ตจูบลงที่ท้ายทอยของผม

   “แบบนี้ยิ่งต้องปล่อยเลย”

   “ทำไมอีกล่ะ”

   “วันข้างหน้าหากใครเปลี่ยนไป”

   “คนนั้นไม่ใช่พี่. . .”  เสียงพี่โน้ตหนักแน่นที่สุด

   “. . . หันมาทางนี้นะครับคนดี” 

   เสียงนั่นนุ่มนวลระรื่นหูอย่างที่สุด  พี่โน้ตขยับร่างผมให้นอนตะแคงหันหน้ามาเจอกัน ก่อนที่จะสอดมือขวาให้ผมใช้ต่างหมอน เลยกลายเป็นว่าตอนนี้  ต่างคนต่างดึงดาบในร่างกายออกมาพร้อมที่จะเข้าฟาดฟันกัน  แม้ดาบของผมจะเล็กกว่าของไอ้พี่โน้ตก็เหอะ

   “โอห์มกลัวนะพี่โน้ต”

   “กลัวอะไรครับ”   แววตาพี่โน้ตที่อ่อนโยน  มองผมด้วยความรัก

   “สมมตินะครับ  หากวันนึงเราต้องจากกัน” 

   มันไม่ปล่อยให้ผมพูดจบ  พี่โน้ตเอาจมูกมาปิดที่ปากของผม  ก่อนเลื่อนริมฝีปากมาประกบเอาไว้  เนื้อสัมผัสเนื้อบ่งบอกถึงความรู้สึกทั้งหมดที่มี  ผมเผยอปากเบา ๆ รับการมาเยือนของอวัยวะที่ใช้สัมผัสรส

   ตอนนี้สิ่งที่ผมรู้ . . .

   . . . ร่างกายสองร่างของเรา  แนบแน่นกว่าสิ่งใดทั้งหมด  วงแขนโอบกระชับร่างกายของอีกฝ่ายเอาไว้  ราวกับกลัวว่าร่างที่เราโอบเอาไว้จะมลายหายไปต่อหน้า    ส่วนขาเราป่ายเปะไปมาอย่างไร้ระเบียบ แต่เป็นไปตามท่วงทำนองของความรู้สึกในหัวใจ

   “การจากลาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ทุกคนนะโอห์ม  และทุกคนก็จะต้องเจอกับการจากลา  ไม่จากเป็น . . .”  สายตาหวานปานน้ำเชื่อมมองมายังผม

   “. . . ก็จากกันด้วยความตาย”   มือที่แข็งแกร่งดึงผมเอามากอดไว้แนบอก

   ผมเอามือลูบไล้เคราบาง ๆ  ของพี่โน้ตเล่น . . .

   “นั่นคือสิ่งที่โอห์มกลัวที่สุด  กลัวการจากลา”

   “พี่ก็กลัวนะโอห์ม . . .”  เจ้าตัวเอาจมูกมาแนบที่ศรีษะเบา ๆ  ก่อนที่จะกระชับวงแขนให้แน่นขึ้นอีก

   “. . . แต่  มีสิ่งหนึ่งที่ยึดเราสองคนเอาไว้คือความรัก สำหรับพี่  การจากลาจากโอห์ม จะเพราะด้วยเหตุผลอย่างใดก็แล้วแต่   พี่อยากให้โอห์มรู้ไว้เสมอ  ว่าหัวใจของพี่ดวงนี้  ไม่เคยให้ใครอีกเลยนอกจากโอห์ม”

   “ตอนนี้พี่ไม่เจอใคร พี่ก็พูดได้สิ”

   “ไม่ว่าตอนนี้หรือตอนหน้า  หัวใจพี่เป็นแบบนี้เสมอ  หากอะไรก็ตามที่ทำให้โอห์มกับพี่ต้องจากกัน  พี่สัญญานะ  ว่าพี่จะตามหา  จะเฝ้ามองโอห์ม  วันไหนที่โอห์มไม่มีใคร  วันไหนที่โอห์มอยากเจอพี่  พี่จะไปอยู่ตรงหน้าโอห์ม  สิ่งแรกที่พี่จะทำ  พี่จะกอดโอห์มเอาไว้แบบนี้  พี่จะกอดหัวใจของพีเอาไว้  พี่สัญญา”

   คำพูดที่ออกมาจากปากพี่โน้ตมันแจ่มชัดในความรู้สึก  ผมแหงนหน้าไปจูบที่คางพี่โน้ตเบา ๆ  ตอบแทนความรักที่พี่โน้ตมีให้กับผม

   ความรักที่หอมอบอวลรอบ ๆ  กายในเวลานี้ . . .

   . . . ความสุขที่ผมไม่เคยลืมเลือน

   “อะไรก็ตามที่จะทำให้โอห์มเสื่อมเสีย  พี่ไม่มีวันทำ ไม่มีวันทำเด็ดขาด  ต่อหน้าคนอื่นพี่อาจจะกวนโอห์ม  ไม่สนใจโอห์ม  นั่นเพราะว่าพี่ไม่อยากให้ใครมองโอห์มไม่ดี  พี่อยากให้ภาพทุก ๆ  คนที่เขามองโอห์ม  เป็นน้องคนเล็กของพี่  ไม่ใช่พี่ไม่รักนะ  เพราะพี่รักโอห์ม  รักมากจนพี่ทนไม่ได้หรอกหากใครมองโอห์มในทางไม่ดี  เข้าใจมั้ยครับ”

   “ครับ”

   “ที่โรงเรียนพี่อาจจะไม่ค่อยเอาใจใส่โอห์มมาก  เพราะที่นั่น  โอห์มมีสังคมของโอห์ม  พี่มีสังคมของพี่  พี่ไม่อยากดึงโอห์มมาอยู่กับพี่ตลอดเวลา  เพราะวันข้างหน้า  โอห์มต้องเรียนจบ  ต้องทำงาน  เราต้องมีสังคมอีกแบบ  แต่เวลาที่เราอยู่กันสองคนแบบนี้ พี่จะเป็นทุกอย่างที่โอห์มอยากให้พี่เป็น ทุก ๆ  ความรู้สึกที่พี่มี  ในเวลาที่พี่อยู่กับโอห์มสองคนแบบนี้คือความจริงที่สุด  ความจริงที่พี่ไม่ต้องสวมหน้ากากหลอกคนอื่น ๆ  เวลาที่เขามองพี่กับโอห์ม”   มันพูดไป  แต่ก็เบียดส่วนกลางลำตัวมาแนบชิดกับโอห์ม  เพื่อเป็นสัญญาณว่า ทั้งคำพูดและการกระทำของพี่โน้ตเป็นจริงเสมอ

   “ขอบคุณครับ  ขอบคุณที่พี่รักผม”

   “พี่ก็ขอบคุณ  ขอบคุณทุก ๆ อย่างบนโลกนี้ที่ทำให้พี่ได้เจอโอห์ม”  ไอ้พี่ตัวแสบมือไม้อยู่ไม่นิ่ง  ค่อย ๆ  ใช้มือเลื่อนมาตามบั้นเอว ก่อนที่จะเลื่อนมายัง ก้อนเนื้อร้อน ๆ  สองก้อนที่เบียดเสียดกันเพื่อแสวงหาไออุ่นจากเนื้ออีกก้อน

   “ถ้าโอห์มเป็นพระอาทิตย์”

   “พี่จะเป็นนภา  ล้อมดวงตะวันเอาไว้ด้วยผืนฟ้า  ท้องฟ้าจะรองรับรัศมีแห่งแสงสุริยา” 

   “แล้วหากโอห์มเป็นน้ำ”  ผมยังคงแนบหน้ากับอกกว้างของพี่โน้ต

   “พี่ก็จะล้อมสายธารานี้เอาไว้ด้วยเกลียวคลื่น  เพราะเกลียวคลื่นจะอยู่คู่กับสายนทีตลอดไป”

   “งั้นโอห์มเป็นกลางวัน”

   “พี่ก็เป็นกลางคืน  เราจะเป็นสิ่งสมดุลกัน  เพื่อให้ประโยชน์สูงสุดเกิดแก่มวลมนุษยชาติไง”  มันหัวเราะเบา ๆ

   “แหวะ  พูดเหมือนประธานาธิบดีอเมริกาในหนัง  เวลาโลกเจอสิ่งที่ไม่คาดฝัน” 

   คราวนี้กลับกลายเป็นผม  ที่เอื้อมมือไปจับเนื้อตรงนั้นเอาไว้  มันคล้ายพองตัวอยู่ในมือ  ร้อน ๆ แต่แข็งแรงในตัวของมันเอง  พี่โน้ตเกร็งตัวเมื่อนิ้วของผมเกลี่ยไปมา  ตรงทางแยกคล้ายร้องน้ำเล็ก ๆ  บนจุดเหนือสุดของแท่งเนื้อ

   “โอห์มเป็นฟืน”

   “พี่ก็จะล้อมกองฟืนด้วยกองไฟ”

   “ไฟมันร้อน  มันเผาฟืนหมดสิ”

   “แล้วตอนนี้ท่อนฟืนร้อนไหม  พี่ว่าร้อนนะ ร้อนจนอยากลงน้ำบ่อน้อย”  ไอ้พี่เลว หาเรื่องไปลงที่เรื่องนั้นจนได้  มันมองโอห์มด้วยสายตาวิงวอน

   “หื่นอีก”

   “ใครกันแน่  จับท่อนฟืนเอาไว้”  มันจูบที่หน้าผากโอห์มเบา ๆ

   “แต่ตอนนี้พี่ขอล้อมกายเธอ  ด้วยกายของฉันก่อนนะ”   พี่โน้ตค่อย ๆ พลิกร่างมาอยู่บนร่างของผม  ก่อนที่จะไล้จมูกลงมาช้า ๆ  ที่อกข้างขวา  ก่อนที่จะวนลิ้นเบา ๆ  ผมเกร็งตัวตามกอดร่างพี่โน้ตเอาไว้แน่น

   ตอนนี้พี่โน้ตใช้ลิ้นนำทาง  ค่อย ๆ  ใช้ลิ้นเป็นการเดินทางจากอกข้างขวามาช้า ๆ  สู่อกทางด้านซ้าย  แล้วก็ทำแบบเดียวกันกับเมื่อสักครู่  ผมแทบจะหยุดหายใจอยู่ตรงนั้น  โลกทั้งโลกเหมือนความฝัน จะว่าแจ่มชัดก็ไม่ถูก  จะว่ามืดมิดก็ไม่ใช่

   มันค่อย ๆ หยุดการกระทำ ก่อนที่จะนอนเอาหูแนบไว้ที่อกข้างซ้ายของผม . . .

   “พี่จะล้อมหัวใจคงมั่นของพี่เอาไว้ที่หัวใจอีกดวง” 

   มันจับมือผมมาแนบที่แก้ม    มันคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของผมแล้ว    คน ๆ  นึงมาบอกคำหวาน ๆ  ก็น่าหลงใหลได้ปลื้ม  และชายคนนั้นคือคนที่เรารักสุดหัวใจแบบนี้  จะให้ผมตายไปในเวลานี้เลยก็จะไม่เสียใจเลย

   “แล้ววันข้างหน้า  พี่ไม่กลัวอีกแล้วหรือ”  ผมเอานิ้วเกลี่ยที่ข้างหูพี่โน้ตเบา ๆ

   “ไม่กลัว  เพราะพี่จะล้อมวันเวลาเอาไว้ด้วยสายใย  ด้วยความผูกพันอันยาวนาน”  ร่างนั้นเขยิบตัวขึ้นมา  สายตาเราประสานกัน 

   ผมยิ้มทั้งน้ำตา . . .

   มันอิ่มเอมที่สุดแล้วสำหรับชีวิตของผม  เพราะคนที่อยู่ตรงหน้าคือคนที่ผมรักที่สุด

   ผมเอามือประคองใบหน้าพี่โน้ต ก่อนที่จะโน้มลงมาให้ใกล้ใบหน้าของผม . . .

   “ครับ  ล้อมวันเวลาด้วยสายใย  ล้อมใจพี่โน้ตด้วยใจของโอห์ม”  ผมบอกก่อนที่จะดึงพี่โน้ตให้มาประกบที่ริมฝีปากของผมเอง



หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 02-04-2009 13:45:38

ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 02-04-2009 13:53:33
เอ่อ จิ้มไม่ทัน

ไปอ่านก่อนครับ

ตอนนี้สุดยอดอ่ะ

ขอบคุณนะครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 02-04-2009 17:29:48
 :impress2: :impress2: :impress2:

 :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 02-04-2009 18:48:46
หวานได้อีก
ตอนนี้โอมห์อยากเจอพี่โน้ต
พี่โน้ตออกมาหาได้แล้ว ^^

ขอบคุณคุณราชบุตรมากคร้าบ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 02-04-2009 20:06:51
เฮ้อ.............ละลายแล้วเรา :-[
พูดมะออก :L1:
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 02-04-2009 20:44:56
ให้ได้เจอกันซะทีเถอะคร้าบบ
ลุ้นจนทุรนทุรายแร้วววว  :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: dokjarn ที่ 02-04-2009 21:30:17
 
:z3:  :-[ :z3:

หวานแบบจะหยุดกินน้ำตาลซะสามวัน

ชอบครับเขียนแบบนี้ก็พอแล้ว

ฉากอย่างว่า จินตนาการ เอาเองได้ อิ อิ

ทำเหมือนมีประสบการณ์งั้นแหละ..ก๊ากก..ก๊ากก

บทเดียว สองตอน ยาวได้อารมณ์กำลังดีเลยครับ

ขอบคุณ ชอบ

 :pig4: :pig4:
 :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: peemakarn ที่ 02-04-2009 21:48:29
พี่โน้ตขา แต่ละคำที่พูดเนี่ยหวานได้อีกนะคะ
อิอิ ถ้าพีมเป็นโอห์มคงเขินบิดม้วนไปเลยอ่ะ

คุณราชบุตรแต่งได้ดีมากค่ะ ภาษาสวยจัง
อ่านแล้วลื่นไหล สื่ออารมณ์ได้ดีมาก

อยากจากดบวกให้จังเลย แต่จำนวนโพสยังไม่ถึงค่ะ
ตอนนี้เอาเป็นกำลังใจจากคนอ่านไปก่อนนะคะ
ไว้โพสถึงเมื่อไหร่ ค่อยว่ากัน อิอิ

ส่วนเรื่องระหว่างโน๊ตกับอาร์มนั้น
โดยส่วนตัวชอบอาร์มค่ะเพราะคิดว่า
ความรักของอาร์มมันยิ่งใหญ่
เหนือคำบรรยายจริงๆๆ
พูดไปพูดมาก็คิดถึง อาร์ม โก โอ๋ แดน แห่ง
รักฤาผูกพันก็เจ็บปวดเท่ากันจังเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 02-04-2009 22:13:33
รีบน

จิงคับบบบ

อยากได้รวมเล่มที่มีเพียงเล่มเดียวจิง ๆ

เอิ๊กกกกกกก


หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: anata9 ที่ 02-04-2009 22:14:00
อ่านแล้ว ยังบอกไม่ได้ว่าชอบใครครับ

ผ่านมาสิบตอน ในปัจจุบันจะมีเฉพาะบทพูดของ โอห์ม เท่่านั้น เลยไม่รู้ว่าปัจจุบัน โน๊ต เป็นอย่างไร

ส่วนในอดีต ชอบ โน๊ต ครับ แม้จะออกเชิงเจ้าชู้ (หรือไม่ก็เพราะกลัวว่าความลับที่ตัวเองเป็นแตก) แต่กับแจง ก็บอกแจงไปตรง ๆ ว่าเป็นแค่เพื่อน ส่วนกับโอห์ม ก็บอกไปตรง ๆ ว่ารัก ตรงไปตรงมาดีครับ

แต่ตอนนี้เทใจไปที่ "โน๊ต" หละ อิอิ แม้จะไม่รู้ว่าปัจจุบันเป็นอย่างไร แต่เพราะรักโอห์ม เลยทุ่มเทกับโอ๊ตมาก
 :o8:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: charus ที่ 02-04-2009 22:47:26
อ๋อยยยยยยยยยย

มดขึ้นเต็มเลย
 :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 02-04-2009 23:38:40
ให้ได้เจอกันซะทีเถอะคร้าบบ
ลุ้นจนทุรนทุรายแร้วววว  :z3:


^
^
^

เหงด้วย อย่าง แรง

ช่วยๆๆๆๆๆ   :z3:  :z3:  :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 03-04-2009 01:47:50


เข้ามาบอกว่า . . .

เม๊า . . . เมา

พรุ่งนี้อาจไม่มาต่อ  เพราะไม่มีสต๊อค


. . . นิยายถ่ายทอดสด . . . ก็แบบนี้แหละครับ


คาดว่าเรื่องนี้จะหวานไปจนจบ . . . หาก

คนเขียนไม่อกหักเสียก่อน  อิอิอิ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 03-04-2009 02:13:51

วั้ย ค่ะ หึหึ
ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 03-04-2009 02:41:27
หวานมากกกกกกกกกกกกกกกคะพี่โน๊ต
บรรยายฉากเอ็นซีได้หวานหยด ทั้งคำพูดของพี่โน๊ต สำนวนภาษา
อ่านแล้วสะท้อนภาพได้เป็นฉากๆเลยคะ เลิศ!!!
คำพูดของพี่โน๊ตไม่ใช่แค่เพียงลมปากเท่านั้น แต่แบบว่ามันสะท้อนตัวตน
และการกระทำ ยิ่งอ่านก็ยิ่งอิจฉาไอ้ตัวเล็ก
ส่วนกิริยาเจ้าโอห์มเรียกได้ว่า สะดีดสะดิ้งพอเป็นพิธี อั๊ยยย
นางเอกช่องเจ็ดมาก 55 แต่ว่าน่ารักเอาโล่ห์

 “ไม่ ว่าตอนนี้หรือตอนหน้า  หัวใจพี่เป็นแบบนี้เสมอ  หากอะไรก็ตามที่ทำให้โอห์มกับพี่ต้องจากกัน  พี่สัญญานะ  ว่าพี่จะตามหา  จะเฝ้ามองโอห์ม วันไหนที่โอห์มไม่มีใคร  วันไหนที่โอห์มอยากเจอพี่  พี่จะไปอยู่ตรงหน้าโอห์ม  สิ่งแรกที่พี่จะทำ  พี่จะกอดโอห์มเอาไว้แบบนี้  พี่จะกอดหัวใจของพีเอาไว้  พี่สัญญา”
ซึ้งอ่ะ :m15:

ขอบคุณคะคุณราชบุตร  :L2: คนเขียนเมา คนอ่านก็อยากเมาด้วย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: un_john2006 ที่ 03-04-2009 06:52:03
 o13 o13 o13 o13




 :z2: :z2: :z2: :z2: :z2:



 :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:



 :L2: :L2: :L2: :L2:.


อยากมีรักอย่างงี้บ้างจังเลย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 03-04-2009 07:19:13
โน้ตเท่าที่รู้จักคือความรักและความเสียสละ
โอห์มคือผู้ผิดหวังและผู้รอคอยอยู่ลึกๆ
แต่ไม่รู้ว่าท้ายที่สุดโอ๊ตคือผู้ที่จะเติมเต็มทุกสิ่งทุกอย่างให้สมบูรณ์หรือเปล่า

ที่แน่ๆ คือ ตอนนี้หวานเหลือเิกิน ก้อหวานกันขนาดนี้ เวลาจากกันที่ผ่านมาโอห์มถึงแย่ไง

ลุ้นๆอย่าให้คนแต่งอกหักเลย  :call:

ปล ขออนุญาตคุณราชบุตรทั้งเมนท์และกดบวกจ้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: maggy ที่ 03-04-2009 08:00:51
ชอบนะคะที่ฉากไม่ต้องอลังการมาก(สำหรับเรื่องนี้)(งืออออ แต่ถ้าใครว่าอลังการมากๆดีกว่าก็ขอโทษนะคะ)
เพราะเรื่องนี้ให้อารมณ์อบอุ่นอะค่ะ ถ่ายทอดความรักของคนๆนึงที่จะให้กับคนๆ มันสวยงามอะค่ะ
ชอบตรงภาษานะคะ หวานจริงๆเลยค่ะ โห ถ้าชีวิตจริงมีคนมาพูดแบบนี้ด้วยนี้ เขิลตายเลย
แต่ถึงหวานยังไงถ้าไม่ได้ออกมาจากใจก็คงไม่มีความหมายอะไร พี่โน๊ตรักโอห์มได้มากมายจริงๆ
ส่วนเรื่อง อาร์มกับพี่โน๊ต อืม ขออ่านต่อไปอีกซักหน่อยดีกว่าค่ะ
ตัดสินใจยังไม่ได้อะค่ะ
ทั้งสองคนล้วนมีความรักที่สุดยอดมากๆ
เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 03-04-2009 17:58:31
รอ รอ รอ .....

เอิ๊กกกกกก

อ่านท่อนการจากลา แล้ว เหมือนดูรักแห่งสยามเลยเนอะ

โอม เพี้ยง ขออย่าให้อกหักเล๊ย....

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: Ploy-Tawan ที่ 03-04-2009 18:30:19
รักเอย รักนี้เคลือบคาราเมลหรือเปล่าคะ หวานหยดย้อย หวานจนอ่านแล้วจะเป็นเบาหวานตาย
มีภาษาในเรื่องบางถ้อยคำ ไม่ทราบว่านำมาจากเพลงล้อมใจด้วยรักหรือเปล่า เคยได้ยินตอนเด็ก

ล้อมดวงตะวันด้วยผืนฟ้า
ล้อมสายธาราด้วยคลื่น
ล้อมกลางวันด้วยกลางคืน
ล้อมกองฟืนด้วยกองไฟ
ล้อมกายเธอด้วยกายฉัน
ล้อมดวงใจคงมั่นด้วยใจ
ล้อมวันเวลาด้วยสายใย
ล้อมรักให้ด้วยรักเธอ...

ขออวยพรให้คุณราชบุตรมีรักที่หวานหยดย้อยไปนานๆ ไม่สิ้นสุด นิยายเรื่องนี้จะได้หวานตามอารมณ์คนแต่ง (หวานแบบดึงมาจากชีวิตจริงหรือเปล่าคะเนี่ย)  :impress3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 03-04-2009 20:32:59


^

^

ครับ . . . ส่วนหนึ่งของเพลงประกอบภาพยนตร์

. . . จากวัน  ที่เหลืออยู่ . . .

http://media.imeem.com/m/of7bmqLpIJ


ตอนที่ ๑๑

   ผมจัดเวลาเรียนสำหรับโอ๊ตเป็นเวลาสองชั่วต่อวัน  เพราะไม่อยากให้หนักมากเกินไป  สำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานมาก่อนเลย  การสอนของผม  จะแตกต่างจากคนอื่น ๆ  เพราะผมเริ่มจากการที่ถามเอากับโอ๊ตว่าอยากรู้อะไร    เพราะผมคิดว่า พื้นฐานแบบเริ่มต้น  อย่างภาษาไทยที่หัดเรียนตั้งแต่ ก.เอ๋ย  กอ ไก่  คงใช้ไม่ได้


   การเรียกขนานสถานที่มันสำคัญกว่าสำหรับคนที่ไปใช้ชีวิตเมืองนอก   โอ๊ตบอกกับผม  ว่าอยากรู้เกี่ยวกับการใช้ชีวิตประจำวันมากกว่า  ซึ่งมันก็ตรงกับใจผม  ที่คิดว่า  อย่างน้อยที่สุด  โอ๊ตน่าจะได้รู้ว่า  แอร์พอร์ต  คนเยอรมันเรียกอะไร  สถานีรถไฟ  คนเยอรมันเรียกแบบไหน  เพราะเมื่อถึงเวลาที่ไปที่โน่น  จะหาคนเยอรมันที่พูดภาษาอังกฤษน้อยมาก  เพราะเยอรมันเองคิดเสมอว่าตนเองก็เคยเป็นที่ ๑ ในโลกมาก่อน

   การเรียนรู้ . . .

   . . . ควรเริ่มจากสถานที่จริงมากกว่า

   สิ่งเดียวที่ผมทำ  และสอน  เป็นได้แค่แนวทางมากกว่า แล้วการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนแค่ปีเดียว  อาจไม่มีผลมากนัก  เพราะอาจจะไม่ได้อะไรกลับมาเลยนอกจากประสบการณ์ในการใช้ชีวิตกับครอบครัวที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อนในชีวิต

   “อาโอห์มเข้าไปข้างในเหอะ โอ๊ตกลับเองได้”   ไอ้ตัวแสบบอกผม  เมื่อผมไปรับบอร์ดดิ้งพาสจากสายการบินเรียบร้อยแล้ว

   “อีกตั้งชั่วโมงกว่า  ยังไม่รีบ” 

   “อาไม่รีบแต่โอ๊ตดิ  ต้องรีบ”

   “รีบก็ไปสิครับ  ใครใช้ให้ตามมาละครับ”  ผมมองหน้ามัน 

   “นั่นคนเรา  จะทิ้งไปสมุยสองคืนยังมีหน้ามาไล่เราอีก”

   “ต้องไปแก้ปัญหาลูกค้า  ไม่งั้นไม่อยากไปหรอก  ร้อนจะตายทะเลน่ะ”   ผมชอบทะเล  แต่ชอบทะเลหน้าฝน  มากกว่าหน้าร้อน  เพราะผมชอบมองเม็ดฝนที่หล่นไล่ระดับในทะเลมากกว่าที่จะไปนอนอาบแดดริมหาด

   “อยากไปด้วยจังเลย  เกิดมายังไม่เคยไปสมุยเลย”

   “แล้วไม่บอก”

   “ไม่อยากรบกวนอาโอห์ม   อีกอย่าง   ไม่อยากเที่ยวกับคนแก่”  มันหันมาทำหน้าทะเล้นใส่ผม 

   รอยยิ้ม  ความสดใส  ขี้เล่นตามวัยของโอ๊ต  ทำเอาผมอดหลงรักไม่ได้  ผมไม่รู้ว่าทำไม  ผมชอบมองรอยยิ้มนั้น  อาจเพราะว่า  ทุก ๆ  ครั้งที่ผมมองโอ๊ต  ผมจะเห็นตัวเองในช่วงวัยเด็กตามมาเสมอ  วัยที่สนุกสนานร่าเริง  มีเรื่องให้คิดมากมายเหมือนวัยทำงาน

   “ตกลงเดี๋ยวกลับยังไง”  ผมไม่วายอดห่วงไอ้ตัวแสบ

   “กลับถูกน่าอาโอห์ม”

   “รู้ว่ากลับถูก  แล้วกลับยังไงล่ะ”

   “ก็นั่งรถวนที่หน้าเทอร์มินัล  ไปที่ศูนย์ขนส่ง  โอ๊ตก็นั่งรถตู้ไปลงที่เซ็นทรัลลาดพร้าว  แล้วค่อยกลับคอนโด  เห็นมะ  ไม่เห็นจะยากเลย”  ผมยืดอก

   “ดีมาก  หายห่วง”

   “จะห่วงทำไม  พ่อโอ๊ตยังไม่ห่วงเลย   ตั้งแต่วันที่อาโอห์มเอาโอ๊ตไปปล่อยที่บางนา  พ่อไม่เคยโทรหาโอ๊ตเลย  พ่อนะพ่อ  กลับไปต้องชำระความกันหน่อยแล้ว”

   ผมยิ้ม  คำพูดคำจาของโอ๊ต  ไม่แตกต่างจากใครบางคน . . .

   สิ่งที่โอ๊ตบอก  ผมรู้ดี  พี่โน้ตหรือจะไม่ห่วงไอ้ตัวแสบ   ห่วงอยู่และห่วงมาก  แต่พี่โน้ตคงรู้ว่าผมไม่มีวันปล่อยให้หัวใจดวงนี้ต้องหล่นตกพื้นแน่ ๆ   อย่างไรเสียผมจะต้องดูแลหัวใจที่พี่โน้ตส่งมาหี้กว่าที่พี่โน้ตเคยดูแลผม

   “งั้น  อาโอห์มลงไปที่เล้าจน์ดีกว่า  โอ๊ตจะได้กลับ”

   “โอเคกลับ  เดินทางปลอดภัยนะครับ  คุณอาที่ร๊ากกกกกกก”  มันอ้าแขนมาโผกอดผมเอาไว้

   ผมกอดมันตอบ  ตามธรรมเนียมชาวตะวันตกที่ชอบร่ำลากกันด้วยการกอด หัวใจเต้นแรงจังวุ้ยโอห์ม   ผมรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ  ก่อนที่จะตบไหล่โอ๊ตมันเบา ๆ  . . .

   ผมโชว์บอร์ดดิงพาสก่อนที่จะเดินจากชั้นสี่ลงมาที่ชั้นสองของสนามบิน  ก่อนที่จะแยกไปทางซ้ายมือ  จุดหมายปลายทางอยู่ที่ห้องรับรองลูกค้าของสายการบินที่อยู่ตรงกันข้ามกับประตูขึ้นเครื่องของผมในไฟลท์นี้

   ทันทีที่เข้าไปในเล้า  สายตาของผมไปสะดุดกับคนสองคน   ผู้ชายสองคน  ผมเหมือนคุ้นหน้า  หากแล้ว  ผมยิ้มกับตัวเอง  เมื่อนึกขึ้นได้ว่า  คนสองคนที่ผมเห็นในเวลานี้    คือสองคนที่ผมเจอที่สตาร์บัคเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา

   คนที่นั่งหันมาทางผม  มองผม  แววตาของเขาก็แปลกใจไม่ต่างไปจากผมหรอก  ผมยิ้มให้บาง ๆ  เขายิ้มตอบทักทาย  หากผมจำไม่ผิด . . .

   . . . เขาชื่อ  อาร์ม

   ผมเดินมานั่งที่เบาะฝั่งตรงกันข้าม  ก่อนเดินหยิบอาหารรับรองที่ซุ้มอาหาร ตักเอาขนมมาสองสามชิ้น  พร้อมทั้งน้ำผลไม้  ก่อนกลับมานั่งที่เดิม  รอเวลาบอร์ด . . .

   “ใจคอจะไปกันสองคนเลยเหรอพี่อาร์ม” 

   ครู่ใหญ่ต่อมา  ผมได้ยินเสียงทักทายจากคนที่เดินมาตรงเข้าทักทายโอ๋กับอาร์มที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว   

   “ไอ้แดน . .” 

   ผมมองผู้ชายอีกคนที่นั่งลงใกล้ ๆ  โอ๋    ได้ยินชื่อมาตั้งแต่วันนั้น  เพิ่งเห็นตัวจริงก็ตอนนี้นี่เอง    ผมมองชายรูปร่างสูงร้อยเจ็ดสิบกว่า ๆ  ใบหน้าคมคายทีเดียว

   แปลกดี . . . 

   อะไรไม่รู้ในช่วงเดือนเดียวกัน  ผมเจอเหตุการณ์แบบนี้สองครั้งแล้ว   คนที่มาใหม่  ตรงดิ่งไปนั่งโซฟาตัวเดียวกันกับอาร์ม

   “เออ  ผมเองพี่อาร์มนะพี่อาร์ม  หายไปสองปี  พอกลับมาชวนแต่พี่โอ๋เท่านั้น  ทีกับผมไม่สนใจเลยนะ” 

   “โทษที  พอดีไอ้เหี้ยนี่ลากไปเที่ยว” 

   “สัสสสสส  อย่ามาโยนขี้”

   “หรือไม่จริง  ใครชวนกูไปทะเล”      อาร์มจ้องหน้าเพื่อนเอาไว้

   “แล้วใครออกตังค์”

   “เหี้ยนี่  กูตามเก็บคอยดู”

   “เสียใจเพื่อน  เมียให้ใช้อาทิตย์ละพัน”

   ผมอดที่จะยิ้มกับการทุ่มเถียงกันของสองคนไม่ได้  บางครั้งการเถียงกันในเรื่องไร้สาระ  นำมาซึ่งความสนิทสนมกลมเกลียวกันมากยิ่งขึ้น  ผมไม่รู้หรอกว่าความสัมพันธ์ของแต่ละคนมากน้อยขนาดไหน  แต่จากการพูดจา  ผมเดาเอาว่า  อย่างน้อยที่สุด ทั้งอาร์มและโอ๋ น่าจะสนิทกันมากกันทีเดียว

   “พี่สองคนนี่จะทะเลาะกันจนแก่เลยใช่มั้ยครับ . .

   “. . . พี่อาร์มเอาแลปท้อปไปด้วยเหรอ”

   “อืม  พกตลอด  เดี๋ยวเขาสั่งงาน  ไม่รู้เรื่องซวยอีก  แล้วไอ้นี่สั่งจัง  ให้เอาไปด้วย  เครื่องเก่าก็ได้  มันอยากให้เอาไป  ไม่รู้จะให้เอาเครื่องเก่าไปทำไม”

   “ก็เครื่องโน่นมันใหม่  ไม่อยากเอาไปเจอไอทะเล”   

   “เครื่องนี้ที่เอาไปปายก่อนไปนอกป่ะพี่”

   “ใช่  ทำไมเหรอ”

   “ป่าว ๆ  พี่ฟอร์เมทมันบ้างป่ะ” 

   “ไม่มีนี่  ไม่เคยฟอเมท  ไม่มีปัญหาฟอเมททำไม”

   “สาธุ  ขอให้อยู่เหอะ”  ผมเห็นแดนยกมือไหว้ท่วมหัว  นึก ๆ  ไป  ก็แอบอิจฉาทั้งสามคนไม่ได้  อย่างน้อยที่สุด  พวกเขามีเพื่อน  สำหรับผม  แทบจะไม่มีเพื่อนที่เมืองไทยที่ติดต่อกันได้เลย  ที่พอจำกันได้มันก็ห่างกันมาก

   เวลา . . .

   . . . อาจจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเพื่อนคลายลง

   “ไอ้นี่ท่าจะบ้า  มี พวกมึงเล่นอะไรกันนี่  เด๋วกูไม่ไปแม่งเลย”

   “เฮ้ย  ไม่มี  กูแค่โทรชวนไปไอ้แดนไป  รับรองไม่มีอีกแล้ว” 

   “เอาน่าพี่  คนเดียวหัวหาย  สองคนเพื่อนตาย  สามคนกลับบ้านได้   สามคนกำลังดี  ไม่มีสี่คนให้ระคายเคืองหัวใจแน่นอน”   

   ไม่มีสี่ . . .

   ผมนึกถึงใบหน้าของอีกคน .  .

   . . . คนที่แอบปาดน้ำตาตอนที่อาร์มเดินออกจากสตาร์บัค  ผมจำได้ดี  วันนั้น  วันที่ผมเองก็หยุดและคิดถึงใครอีกคน



   ผมมองอาร์มที่เดินออกไปจากร้าน  คนที่เดินหนีคนที่ตัวเองรัก  มันเจ็บปวดแบบนั้นนี่เอง  มันจะมีอะไรที่เจ็บปวดมากไปกว่าการที่เราอยู่ใกล้คนที่เรารัก  แต่เราไม่สามารถที่จะจับต้องหรือเหนี่ยวรั้งคนที่เรารักเอาไว้ได้

   “ไม่ต้องตาม”  โอ๋ดึงข้อมือของโกเอาไว้

   “ทำไมล่ะพี่  ผมอยากคุยกับพี่อาร์มให้รู้เรื่อง”

   “แน่ใจเหรอ  ว่าตามมันไป  แล้วมันไม่หนีไปไกลกว่านี้อีก”

   “พี่โอ๋”

   “เชื่อพี่  เดี๋ยวไอ้แดนโทรมาบอกเอง  ว่ามันอยู่ที่ไหนกัน  โกตามอาร์มมันไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์หรอก  อาร์มมันดื้อจะตาย  ทำเหมือนไม่รู้จักอาร์มมัน”  อีกฝ่ายบอกเหตุผลพอที่โกจะนั่งลงอีกครั้ง

   “ผมกลัวนะพี่โอ๋  ผมกลัว”

   “อย่ากลัวไปเลย”

   “ผมทำผิดเอาไว้มาก  ผมทำผิดกับพี่อาร์มอย่างที่สุดแล้วพี่โอ๋” 

   “เอาน่า  ทุกคนผิดกันได้  แล้วแต่ละคนก็มีเหตุผลสำหรับตัวเองทั้งนั้น  โกอาจจะทำผิด แต่โกเคยถามตัวเองไหม  ว่าทำไมต้องทำ  มันมีเหตุผลอะไรรองรับการกระทำของตัวเอง”  โอ๋ยิ้ม

   “ครับพี่  แต่ผมรักพี่อาร์ม”

   “พี่รู้  บางทีคนเรากว่าจะรู้จักหัวใจตัวเอง มันก็อาจจะสายเกินไป”

   สายเกินไป . . .

   . . . คำนี้บาดลึกในหัวใจ

   ผมมองหน้าโอ๊ต  เจ้าตัวนั่งเปิดเอกสารการเรียนภาษาที่ได้มา  โดยไม่มีทีท่าว่าจะสนใจอะไรที่รอบ ๆ  ตัวเหมือนกับผม

   “ผมรู้พี่  สำหรับผม  เป็นได้แค่อะไรที่น่ารังเกียจสำหรับพี่อาร์ม  ผมคงทำกับพี่อาร์มเขาเอาไว้มาก  มากจนพี่อาร์มไม่มีวันที่จะให้อภัยผมอีก  ผมเสียใจที่ผมไม่สามารถรักษาความรักที่พี่อาร์มมีเอาไว้ได้”  เสียงเจ้าตัวสั่น ๆ 

   บางที . . . 

   . . .  การที่เรารู้ว่าผิด  มันบั่นทอนหัวจิตหัวใจของเราได้เช่นกัน

   “ไม่หรอกโก  สักวันอาร์มมันอาจจะเข้าใจกับทุก ๆ  สิ่งที่โกทำลงไป”

   “มันอาจจะไม่มีวันนั้นหรอกพี่  เพราะสิ่งที่ผมทำกับพี่อาร์ม  มันเหมือนคนทำลายความฝัน  ความหวังที่พี่อาร์มมี”

   “เล่าได้มั้ย  พี่พร้อมรับฟัง”  โอ๋มองหน้าโกนิ่ง

   ผมขยับตัวเพียงเล็กน้อยเพื่อให้สัญญาณการได้ยินมันชัดเจนที่สุด  ผมพอจะปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ราง ๆ    ทุก ๆ  อย่างมันเกิดขึ้นจากสิ่งที่เรียกว่า . . . ความรัก

   “เหมือนที่พี่รู้”

   “อย่ามาตีสำนวนไอ้น้อง  หากยังคิดอยากให้พี่ช่วย . . .”  โอ๋มองหน้าโก

   “. . แปบนะ  แดนโทรมา”

   โอ๋หันไปคุยโทรศัพท์  ผมได้แต่มองคนที่นั่งหันหน้ามาทางผม  แววตาคล้ายคนสิ้นหวัง  เหมือนคนที่หมดแล้วทุก ๆ  อย่าง  เขานั่งพิงตัวลงกับพนักเก้าอี้  ปล่อยตัวไหลไปตามแรงน้ำหนักตัว  ภาพที่ผมเห็น  คงไม่แตกต่างจากเมื่อตอนที่ผมเริ่มรับรู้ในการหายไปของพี่โน้ต

   “แดนบอกกำลังตามอาร์มไปที่สถานีรถไฟใต้ดิน”  โอ๋ปิดเครื่องก่อนหันมาบอกโก

   “ตามไปดีไหมพี่โอ๋”

   “อย่าเลย  ปล่อยเป็นหน้าที่ของแดนมัน . . .”  โอ๋ยิ้ม

   “. . . ตกลง  โกชอบหน่อยจริง ๆ  หรือปล่าว”

   “ไม่เลยครับพี่  ไม่เคยอยู่ในหัว”

   “รู้ตัวว่ารักอาร์มตั้งแต่เมื่อไหร่”  อีกฝ่ายตั้งคำถามใหม่

   “ผมไม่รู้นะพี่  ว่าผมรักพี่อาร์มตอนไหน  แต่ทุก ๆ  ครั้งที่มีเรื่องทะเลาะกันมันมีแต่ความเจ็บปวด  ผมเห็นน้ำตาพี่อาร์มทีไร  ผมแทบจะตายเสียให้ได้  ผมได้แต่เกลียดตัวเอง  ทำไมผมต้องทำให้คนที่ดีกับผม  คนที่รักผมต้องเสียน้ำตามากขนาดนี้”   โกเบือนหน้าหนี  เพราะอ่อนแอเหลือกำลัง

   “โก . . .”  โอ๋ส่งผ้าเช็ดหน้าให้

   “ผมรู้พี่  พี่อาร์มทำเพื่อผม  ทำเพื่อผมทุก ๆ  อย่าง  ตั้งแต่แรกที่พี่อาร์มชวนผมมาเรียน  ตอนนั้น  ผมรู้แค่ว่าพี่อาร์มเหมือนพี่ชายคนนึง  ที่มีมุมมองชีวิตมากกว่าผม  แกตั้งคำถามเรื่องการเรียน  เรื่องอนาคต  เรื่องความเปลี่ยนแปลงไปของที่บ้าน  ทีแรก  ผมไม่เคยคิดนะพี่โอ๋  แต่พี่อาร์มทำให้ผมคิด  ทำให้ผมอยากเรียนต่อ”

   “ก็ดีแล้วนี่”

   “ผมเลยมาเรียน  ยอมตามพี่อาร์มมาเรียน  พี่รู้ไหม  ทุก ๆ  อย่างในกรุงเทพฯ  มันไม่เหมือนที่บ้านผมเลย  มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง  ผมกลัว ๆ  ไปหมด  กลัวหลง  กลัวเรียนไม่ได้  กลัวเรียนไม่จบ  แต่พี่อาร์มให้กำลังใจผม  ดีกับผม  ผมรักพี่อาร์มนะในตอนนั้น  รักกว่าพ่อผมเสียอีก”  โกยิ้มให้  รอยยิ้มนั้นอ่อนโยนอย่างที่สุด

   ผมเองก็ยิ้ม  ไปกับสิ่งที่ได้ยิน . . .

   . . .พี่อาร์ม

   คงเหมือนคนที่ผมรัก . . .พี่โน้ต

   สิ่งที่ผมได้ยิน  ทำให้ผมคิดถึงอีกคนอย่างจับหัวใจ  เมื่อก่อนผมเคยคิดว่า  จะมีใครโชคดีเท่าผมบ้าง  ที่มีคนดูแลได้ดีขนาดนี้  ผมคิดว่าผมน่าจะเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกแล้วล่ะ  เพราะผมมีพี่โน้ตเคียงข้างเสมอ

   “จนกระทั่ง . .”

   “กระทั่งอะไร”

   “วันที่พี่อาร์มเขามามีอะไรกับผม  วันนั้นเป็นวันที่ผมรู้สึกกลัวมากที่สุดในชีวิต  พี่ชายผมหายไปแล้ว ต่อจากนี้ผมไม่มีพี่ชายอีกแล้ว  เพราะสิ่งที่พี่อาร์มทำ  มันทำให้ผมสูญสิ้นทุกอย่าง  ผมสูญเสียความมั่นใจ  มันบอกไม่ถูกหรอกนะพี่  ว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นทำให้ผมรู้สึกแย่ขนาดไหน”

   “แล้วไปยอมมันทำไม”

   “เพราะผมรักพี่อาร์ม  ความสุขของพี่อาร์ม  ผมยอมได้นะพี่  ถึงแม้ผมจะเจ็บปวดกับสิ่งที่ผมได้รับ  แต่หากมันคือความสุขของพี่อาร์ม  ผมยอม”

   ผมหลับตานิ่ง . . .

   . . . ซ่อนน้ำตาเอาไว้  บางทีผมอาจจะโชคดีกว่าโก  ตรงที่ผมยอมมีอะไรกับพี่โน้ตด้วยความเต็มใจ  แต่คนที่รักและศรัทธากับอีกคน  ต้องมาสูญเสียความศรัทธาจากคนที่ตัวเองรักเพราะเรื่องแบบนี้มันจะเจ็บปวดขนาดไหน

   “ไอ้ห่าอาร์ม  แม่ง  ทำอะไรลงไปว่ะ”

   “อย่าว่าพี่อาร์มเลยครับ  เพราะหากผมไม่ยอม  มันคงไม่มีเรื่องมาจนถึงเดี๋ยวนี้”

   “โก  อยู่มาได้ไง  ยอมมันทุกครั้งเลยหรือ”

   “แรก ๆ  ผมก็ไม่ชอบ  ผมเกลียดเสียด้วยซ้ำ  แต่ผมคิดเสมอนะว่าหากไม่มีพี่อาร์ม  ผมคงไม่ได้เรียนต่อหรอก  คงเป็นเด็กบ้านนอกไม่รู้เรื่องรู้ราว  พี่อาร์มเขาบอก  เขาไม่มีวันทิ้งผม  ผมไม่อยากมาเรียนแค่เทอมสองเทอมแล้วกลับไปอยู่บ้าน  ไม่อยากให้แม่อายเพราะเรียนไม่จบ” 

   ชีวิตคนเรา . . .

   . . .หักเหเสมอ

   “แล้วเรื่องหน่อย”

   “ผมพลาดเองพี่  ผมสัญญากับพี่อาร์มเอาไว้  ว่าจะไม่มีผู้หญิงคนไหนก่อนเรียนจบเด็ดขาด  แล้วผมก็ทำไม่ได้”

   “อ้าว  แล้วบอกไม่ได้รัก”

   “ครับ  ไม่ได้รักเลย  เพราะตอนนั้นผมรักพี่อาร์มแล้ว  ผมรักพี่อาร์มเกินพี่ไปแล้วล่ะ”

   “ตั้งแต่ตอนไหนว่ะ”

   “ตอนพี่อาร์มเตือนเรื่องอาจารย์  ทีแรก  ผมไม่เชื่อ  ผมยังว่าพี่อาร์มคิดอะไรแบบนั้น  พอตอนหลังผมถึงรู้ว่าสิ่งที่พีอาร์มคิดถูกต้องเสมอ  พี่อาร์มมองโลกกว้างกว่าผม  โลกของผมเป็นสิ่งแคบ ๆ  แต่มุมมองที่พี่อาร์มมี  ทำให้ผมรู้ว่า  คนที่รักผม  หวังดีกับผมคือพี่อาร์ม”  แววตาที่เจ้าตัวเล่ามีแต่ความรู้สึกชื่นชม

   “เจอหน่อยได้ไง”

   “ผมกลับบ้านพี่    คนแถวบ้านเขาลือกันว่าผมกับพี่อาร์ม  มาอยู่กินกันแบบนั้น    เดินไปทางไหน  มีแต่ข่าวลือเรื่องผมกับพี่อาร์ม  ผมมองหน้าแม่ได้ไม่เต็มตาเลยนะพี่  ผมละอายใจที่สร้างแต่เรื่องราวมาให้แม่เสมอ  แม่ทุกข์  ผมรู้  เพราะเรื่องของผมกับพี่อาร์ม  มันยากที่คนสังคมต่างจังหวัดจะเข้าใจ”

   “พี่พอจะนึกภาพออก  เลยกะหาแฟนกลบข่าว  และที่จะกลบได้ดีที่สุดก็ต้องหาแฟนในสถานที่มีข่าว”

   “ครับ”

   “ผมอยากให้แม่สบายใจ”

   “มันยากนะโก  ที่จะทำให้ใครสบายใจ  แต่อีกคนต้องทุกข์ใจ พี่ดีใจที่โกเลือกที่จะทำให้แม่ไม่เจ็บปวด  โกเลือกในสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว ไม่ยอมทำร้ายความรู้สึกของแม่”

   “แต่ผมเลือกที่จะทำร้ายความรู้สึกของพี่อาร์ม”  เสียงนั้นละห้อยหา

   “โกทำถูกที่สุดแล้ว  อาร์มมันรู้มันคงดีใจ  ที่คนที่มันรัก  เลือกทำในสิ่งที่ดีที่สุด  เพราะไม่อย่างนั้น  โกอาจบาปที่สุดหากโกเลือกที่จะทำร้ายความรู้สึกของคนที่ไม่ใช่อาร์ม   แต่เรื่องนี้ไอ้อาร์มไม่รู้”

   “ผมไม่ได้บอกพี่อาร์ม”

   “นึกแล้ว แม่งไอ้นั่นเลยไปเจอกับตา . . .”  โอ๋คล้ายรันทดในโชคชะตา

   “. . . เวรกรรมโกเอ้ย  ไม่รู้จะพูดยังไงดี  แล้วที่รถคว่ำ  เพราะทะเลาะกันเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า”

   “ครับ  มันก็ใช่ . . .”  โกยิ้มอีกครั้ง

   “. . . พี่อาร์มไปเจอผมกับหน่อย  ในเมื่อผมเล่นเป็นแฟนกลบข่าว  มันก็ต้องมีเจอกันบ้างใช่ไหมพี่  แต่พี่อาร์มไม่ฟังผมเลย  พี่อาร์มแกเข้าใจไปว่าผมรักหน่อยไปแล้ว  ผมสาบานนะพี่  ผมไม่เคยรัก  ไม่เคยรักสักนิดเดียว  ผมเลยบอกหน่อยว่าเราเป็นเพื่อนกันแบบเดิมได้ไหม  หน่อยถามเกิดอะไรขึ้น  เขาโทรมาหาผม  เพื่อขอคำตอบ  ผมบอกว่าผมเรียนหนัก  เพราะปีสุดท้ายแล้ว  แต่พี่อาร์มมาเจอ  พี่อาร์มดึงโทรศัพท์ไปจากมือผม  แกมองหน้าจอ  แล้วแกบอกว่า  พี่ไปเอง” 

   “ใจร้อนตามเคย”

   “ผมไม่รู้จะทำยังไงดีแล้วนะพี่โอ๋    ผมตามไปที่บ้านน้าปู  น้าปูบอกผมว่าพี่อาร์มออกไปแล้ว  ผมตามมาที่ท่ารถ  ขอไม่ให้พี่อาร์มกลับ  แต่พี่อาร์มจะกลับท่าเดียว  ก่อนขึ้นรถ  พี่อาร์มบอกผมว่า . . . ลาก่อน”  คนเล่าคล้ายมีอะไรมาจุกที่ลำคอ

   ลาก่อน . . .

   . . . ไม่เจอกันอีกแล้ว

   ความหมายที่ผมแปลได้แบบนี้

   “โก”  โอ๋เอามือมาแตะที่มือโกเบา ๆ

   “พี่โอ๋รู้ใช่ไหม  ลาก่อนของพี่อาร์ม  แปลว่าอะไร  แปลว่าจะไม่มีวันได้เจอกันอีก  ผมไม่ยอมหรอก  ไม่ยอมเด็ดขาด  เมื่อรถออกไป  ผมโทรเข้าเครื่องพี่อาร์ม  แต่พี่อาร์มไม่รับสาย  ผมขับตามมาเรื่อย ๆ  เลยสะพานท่าปาย  ผมรู้  ถ้าผมไม่ทำอะไรสักอย่าง  ไม่มีวันที่ผมจะเจอพี่อาร์มอีก”

   “เฮ้ย . . .”  เสียงโอ๋คล้ายตกใจ

   “. . . อย่าบอกนะว่า”

   “ครับพี่  มันอย่างที่พี่คิด”  โกยิ้มอีกครั้ง

   “. . . ผมตัดสินใจแล้ว  ในเมื่อพี่อาร์มคิดว่าผมผิด  และไม่ฟังผม  ไม่ให้อภัยผม  การจะอยู่บนโลกนี้สำหรับผมมันไม่สำคัญ  ก่อนถึงทางเข้าห้วยน้ำดัง  ผมเลยปล่อยมือที่ผมจับแฮนด์มอเตอร์ไซด์ ผมจะใช้ความผิดทั้งหมดที่ผมทำไปกับพี่อาร์ม”  โกเอามือปาดน้ำตาทิ้ง

   ผมใจหายวาบ . . .

   . . . ความรัก   เจ็บปวดแบบนี้เลยหรือ 

   หาก . . .

   . . .  ความรักคือความเจ็บปวด

   ใยคนทั้งหลายอยากมี . . . รัก

   “ไหวมั้ยโก”  โอ๋เอ่ยเบา ๆ

   “ไหวครับพี่  มันผ่านมาแล้ว  ผมผ่านจุดนั้นมาแล้ว  ก็คงเหมือนกับคืนนั้น  คืนที่พี่อาร์มวิ่งออกไปให้รถชน  ผมรู้นะ  รู้ตั้งแต่ทีแรกที่พี่อาร์มบอกว่าจะทำให้ดู  ผมเลยวิ่งตามไปกอดพี่อาร์มเอาไว้  หากผมจะตาย  ผมขอตายพร้อมพี่อาร์ม  เผื่อว่าพี่อาร์มจะรับรู้บ้างว่าผมรักพี่อาร์มมากแค่ไหน”

   “เอ็งนี่ลูกบ้าเยอะเหมือนกันนะเนี่ย  เอาน่า  ยังไง  พี่ก็จะช่วยเอ็ง”

   “ขอบคุณครับพี่”

   “เอาน่าพอแดนโทรหา  โกค่อยไปดักมันที่คอนโดก็แล้วกัน   พูดกับมันดี ๆ  มันใจแข็งได้ไม่นานหรอก  เชื่อพี่”  อีกฝ่ายเอามือมาตบที่ไหล่โกเบา ๆ

   ผมนั่งนิ่ง . . .

   . . . เรื่องที่ผมได้ยินมา  หากผมต้องเลือกแบบโก  ผมจะเลือกอะไรหว่า  ผมไม่รู้ว่าจริง ๆ  แล้วในชีวิตของคนเราจะมีทางเลือกมากน้อยขนาดไหน  แล้วหากเรื่องนี้  ผมต้องเลือก  ผมจะเลือกรักษาน้ำใจของใคร

   แม่ . . .

   . . . หรือ

   พี่โน้ต


   เสียงประกาศจากทางสายการบิน  บอกให้ผู้โดยสารไปพร้อมที่ประตูทางออก  ทำให้ผมต้องกลับมาสู่โลกของความเป็นจริงอีกครั้ง  ผมมองคนทั้งสาม  ได้แต่ภาวนา  ขอให้ทุก ๆ อย่างมันจบลงด้วยดีอย่างที่ควรจะเป็น

   ความรัก . . . ควรเป็นสิ่งสวยงามมิใช่หรือ?
   
   
   
   
   
   
   

   

   



หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 03-04-2009 21:01:58
ใช่ครับ

ความรักคือสิ่งสวยงาม  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 03-04-2009 23:30:23

• ผมขยับตัวเพียงเล็กน้อยเพื่อให้สัญญาณการได้ยินมันชัดเจนที่สุด
ต๊าย โอห์มเป็น voyeurist อิอิ
194 + 1 = 195
ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 03-04-2009 23:36:24
อยากบอกว่า ชอบเปิดอ่านเรื่องนี้ซ้ำไปซ้ำมาอ่ะ
เพลงเพราะ

อีกกี่ตอนกว่า"โอห์ม"จะบุกไปหาดใหญ่ครับ 555
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 04-04-2009 00:03:22


^

^

^


ไป . . . หาดใหญ่



เรื่องก็จบอ่ะดิ๊


พรุ่งนี้เลยดีไหม . . . ตามไปนอนที่ โตนงาช้าง





หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 04-04-2009 00:23:16


^

^

^


ไป . . . หาดใหญ่


^
^
^

จะมาเมื่อไหร่บอกด้ายนะ  เด๋วจาไปรับ

เมื่อไหร่จาเจอกัลซะทีเนี่ย    :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 04-04-2009 01:29:39
หลานโอ๊ตเตรียมติวแล้น เฮ้อ...อยากให้อาโอห์มไปนู้นด้วยจัง
ห่วงหลาน กลัวหลานใจแตกที่เยอรมัน  o22
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 04-04-2009 06:11:42
ใกล้จะเจอกันรึยังเนี่ยครับ
ตื่นเต้นจังเลย ^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 04-04-2009 06:44:45
โอห์มคงเห็นตัวเองในวัยเด็กจากโอ๊ต
สิ่งที่โอ๊ตปฏิบัติต่อโอห์มคงคล้ายกับที่โอห์มดื้อกับพี่โน้ต
สิ่งเหล่านั้นน่าจะกระตุ้นให้โอห์มอยากกลับไปพบกับพี่โน้ตเร็วขึ้น
แต่พบแล้วจะสุขหรือเศร้า หวานหรือขม ไม่อยากเดา
ได้แต่ภาวนาให้คุณราชบุตรมีความรักหวานชื่นตลอดเวลา
พี่โน้ตกับโอห์มจะได้มีความสุขกันเสียที
 :กอด1: ขอบคุณนะ

โอ๊ตกลายเป็นโอห์มไปอีกแล้วค้าบบบ แก้หน่อยค้าบ
V
V
“อาโอห์มเข้าไปข้างในเหอะ โอห์มกลับเองได้”   ไอ้ตัวแสบบอกผม  เมื่อผมไปรับบอร์ดดิ้งพาสจากสายการบินเรียบร้อยแล้ว

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 04-04-2009 07:11:35
โกน่าสงสารพอๆกับพี่อาร์มเลย
ต่างต้องทำในสิ่งที่คิดว่าดีที่สุด
การพูดคุยกันให้เข้าใจ .....ดีที่สุด
เหมือนพี่โน๊ตกะอาโอห์มนะแหละ
 :pig4: ค้าบ
:pig4:สำหรับเพลงหวานๆด้วยค้าบ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: charus ที่ 04-04-2009 10:58:26
ถ้าหลานมันไปรักคนรักของพ่อ
มันจะไม่ยุ่งไปกันใหญ่เหรอ

 :กอด1: :กอด1:

รักกันไว้เถิด หุหุ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 04-04-2009 12:00:51
ว้าว เข้าใจขึ้นเยอะเลย

เอิ๊กกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: zingiber ที่ 04-04-2009 19:50:59
ลุ้นให้โอห์มกับพี่โน๊ตได้เจอกันเร็วๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: C2U ที่ 04-04-2009 21:05:57
  ดีจัง   อ่านเรื่องนี้ แล้วต่อเนื่องกะเรื่องโน้นด้วย  :m4:


จริงๆ  ประทับใจเรื่องอาร์ม กะ โก๋  แบบอ่านแล้วไม่ต่อเนื่อง  เลยยังคาราคาซังอยู่ 
แต่ให้เปรียบเทียบ ตัวละคร  ว่าชอบใครมากกว่า  ยังตอบไม่ค่อยได้
มันคนละแบบกันน่ะ 

ไงๆก็ชอบทั้งสองเรื่องอยู่แล้ว 



หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 05-04-2009 11:05:30
ปายหนายหว่า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 05-04-2009 15:32:26

(http://img.alibaba.com/photo/11255247/Popcorn.jpg)

คงต้องรออีกนานเลยสั่งมาทีเป็นกระสอบเลย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 05-04-2009 17:14:14


^

^

^


เอาน่า  เดี่ยวรอ   "จขกท."      หายเมารัก  เขามาต่อเองแหละ


ว่าแต่ไม่มีเป๊บซี่มากินตอนปูเสื่อรอเหรอจ๊ะ . . . ที่ร๊ากกกกก


"ตอกคง"   อย่างเดียวมันติดคออ่ะ





หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 05-04-2009 17:33:37
เย้ย อยากให้เจ้าของกระทู้หายเมารักนะ

เพราะเดี๋ยว เรื่องมันจะเศร้าอ่ะ

เอิ๊กกกกกกกก

รออ่านครับผม
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 05-04-2009 17:59:45
วุ้ย กิต.เคี้ยวเมี่ยงรอก็ได้ค่ะ ไม่ติดคอ หุหุ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 05-04-2009 20:50:42
มากระแซะ...กิต :z2:
ขอเมี่ยงอมหนึ่งค้าบ
ป๋มชอบอ่ะ :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: «ƤȑǃǹĉΞḠ○ḺҒ™» ที่ 05-04-2009 21:19:54
รอ ๆ


ชอบ โอ้ต อ่ะคับ น่ารักดี  :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 06-04-2009 03:13:23
• มากระแซะ...กิต
• ขอเมี่ยงอมหนึ่งค้าบ
• ป๋มชอบอ่ะ
ว้าย แกะใส่จานให้เลยค่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: HuaTangMo ที่ 06-04-2009 10:27:08
ลูกอม ยาดม ยาหม่องมั้ยคร๊าบบบบบบ
เห็นเรื่องน่าจะยาว
เลยเข้ามาขายของก่อน
ฟริ้ววววว.......................
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 06-04-2009 17:21:37


เเวะ  เพื่อบอกว่า เครื่องเจ๊งครับ



ส่ง  เเก้อีกหลายวันเเน่เลยอ่ะครับ  ขออภัย ณ ที่นี้




แก้ไข  



คือแป้นพิมพ์  ไอ้เอเซอร์มันห่วยแตกครับ  เน่าไปครึ่งแผง  เมื่อสามวันก่อนแวะไปที่ศูนย์  เขาบอกว่า  ต้องซ่อมราวสามวัน  เลยออกอาการหงุดหงิด  วันนี้พิมพ์แทบไม่ได้เลย  ก็ตัดสินใจไปอีกครั้ง  บอก จนท.  ว่า  ผมงานค้างมากครับ  เร่งได้ไหม

จนท. ศูนย์เอเซอร์  ที่ฟอร์จูนใจดีมาก  เช็คอะไหล่ดูให้  ปรากฎว่า  มีอะไหล่เข้ามาแล้ว . . .

ขอบคุณ  จนท.  คนสวยด้วยครับ

ชะนีนิสัยดี ๆ  ก็มีนะวุ้ย







. . . สิบห้านาทีผ่านไป . . .


รวมเบ็ดเสร็จ    พันเจ็ด  แม่งงงงงงงงงงงงง 

แต่ก็ใช้งานได้ตามปกติแร่ะครับ  จะรีบปั่นด่วนจี๋เลยครับพี่น้องงงงงงงงงงงงง



หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 06-04-2009 18:00:53
เหยยยยย

อีกหลายวันเลยเรอะ

เศร้าจัง

ได้จิ้มด้วย


หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 06-04-2009 18:49:50
เจ้กิตครับ รับหมากซักคำปะครับ


(http://www.thinkandmade.com/mcontents/1045755562thinkandmadecom2.gif)






ปล.ล้อเล่นนะคร๊าฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 06-04-2009 20:37:47
http://media.imeem.com/m/of7bmqLpIJ


ขอความกรุณา  อย่าโพสต์รุปภาพอีกนะครับ . . .


. . .ช่วยกันประหยัดทรัพยากรเล้าครับผม

เสิร์ฟร้อน ๆ  จากเตาเลยตอนนี้ 



ตอนที่ ๑๒

   ผมทรุดตัวลงนั่งที่เตียงไม้ไผ่ขนาดหนึ่งคนนอนอย่างช้า ๆ  ลมทะเลค่อนข้างแรง เพราะเป็นคืนข้างขึ้น แสงจันทร์ขาวนวลลอดผ่านร่มไม้ทำให้เกิดเงาขึ้นเป็นรูปร่างต่าง ๆ  แกว่งไปมาตามแรงลม   คลื่นซัดสาด เข้ามาหาฝั่งค่อนข้างถี่ บรรยากาศยามดึกเงียบสงัดดีนัก   แต่ก็ยังมีเสียงเพลงแว่ว มาตามลมจากบาร์เบียร์ที่ยังเปิดให้บริการอยู่ทางด้ายปลายหาดที่อยู่ติดกัน
   

แสงจันทร์ที่ส่องกระทบกับยอดคลื่นมองดูสวยงามจับตายิ่งนัก  หากแต่มันไม่สามารถที่จะดับความเร่าร้อนที่มีอยู่ในใจของผมลงได้   ความรู้สึกสับสนแบ่งแยกออกเป็นหลายส่วน ทั้งผิดชอบชั่วดี   ผมปล่อยความคิดเรื่อยเปื่อยล่องลอยไปตามสายลมบางเบาของทะเลยามค่ำ  เสียงฝีเท้าที่ย่ำเข้ามาในพื้นทราย ปลุกผมให้ตื่นจากความคิดทั้งหมด คอยเงี่ยหูฟังอย่างใจจดใจจ่อ ว่าฝีเท้าที่หยุดอยู่ใกล้ ๆ เป็นใครกันแน่

   ผมเหลือบมองร่างที่หยุดยืนใกล้ ๆ . . .

   อาร์ม . . . สมองของผมบอก เมื่อเห็นใบหน้าราง ๆ ใต้แสงจันทรา  เขาหยุดเพียงชั่วครู่  ก่อนเดินมานั่งที่เตียงไม้ไผ่อีกหลัง

   “ตามสบายนะครับ”   ผมเอ่ยออกมาหลังจากที่เราทั้งสองนิ่งเงียบอยู่นาน

   . . . เงียบจนได้ยินเพียงเสียงลม  หวิวในหัวใจเท่านั้น

เงียบงัน . . .

จนได้ยินเพียงเสียงคลื่นกระทบหาดทรายที่นุ่มเท้า

   “ขอบคุณนะครับ”

   เสียงนั่น . . . เอื้ออาทรอยู่ในที
ผมเอนตัวลงตามเตียงไม้ไผ่  ปล่อยร่างกายสัมผัสสายลมที่ชยมาจากทะเล หอบกลิ่นสาปทรายหอมอ่อน ๆ   แตะจมูก  ปล่อยความรู้สึกถึงอีกคน  ผมไม่รู้ที่ผ่านมาพี่โน้ตอยู่มาได้เช่นไร  บนความเจ็บปวดที่หัวใจตัวเองเจอะเจอ   

   บางครั้งคนเราต้องยอมเจ็บเพื่อคนที่เรารัก . . .

   . . . หากแต่

   ความเจ็บนั้นมันจะทำให้เรามีความสุขไปด้วย . . .

   การเดินออกมาจากชีวิตของใครคนหนึ่ง  มิได้มาดหมายว่าอีกฝ่ายจะไม่รัก  หากมันยังแปลความหมายในการกระทำได้อีกหลายอย่าง  ผมอาจจะเจ็บปวดกับการลาจากที่ไร้ข่าวคราว  เมื่อวันก่อน  แต่วันนี้  เมื่อความจริงที่ว่า ผมมิได้ถูกทอดทิ้งเพียงเพราะอีกคนหมดรัก

   รอยยิ้มบาง ๆ  คนใบหน้าของผม  คือคำตอบที่ดีที่สุด

   อย่างนี้กระมังที่เขาเรียกกันว่า . . .

   . . . ความรัก

   ความรัก . . .  ที่ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ระหว่างคนต่างเพศ

   ความผูกพันที่เกิดขึ้นระหว่างพี่น้อง . .

   . . . กับ

   ความรักเยี่ยงหนุ่มพึงใจสาว . . .

   สองอย่างที่ทับซ้อนมาในเวลาเดียวกัน  มันทำให้เกิดความทรมานใจอย่างแสนสาหัสเลยทีเดียว ในช่วงเวลาที่ผ่านมา  กับการต้องคอยเก็บงำเอาความรู้สึกนั้นไว้แค่คนเพียงสองคน  สิ่งที่อยู่ลึก ๆ  ตรงสิ่งที่สำคัญที่สุดของร่างกาย

   รักหนอรัก . . .

   . . . ใยเล่นตลกกับชีวิตจังเลย

   รักทับซ้อน . . .

   น่าเขกกะบาลตัวเองนัก มันห้ามใจตัวเองไม่ได้อย่างนั้นหรือ ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดกับชีวิตของผมก็ไม่รู้

   “ผมชื่อโอห์มนะครับ  ถ้าผมจำไม่ผิด  ผมเคยเจอกับคุณมาสามครั้งเห็นจะได้”  ผมเอ่ยออกมาทำลายความเงียบที่มีเพียงเสียงคลื่นกระทบชายหาดเท่านั้น

   “ครับ”

   เสียงนั่นตอบกลับเพียงสั้น ๆ   

   บางที . . .

   . . . เขาอาจอยากอยู่ลำพัง 

   บางคนอาจอยากมีเวลาส่วนตัวสำหรับการได้ทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ  ที่ผ่านมาของตัวเอง  เช่นเดียวกันกับผม  ที่ได้ผ่านช่วงเวลานั้นมาแล้ว  ผมได้แต่นอนนิ่ง ๆ   ทอดสายตาไปยังปลายขอบฟ้า มองจันทราอาบไล้ยอดคลื่น

   “ผมไม่แน่ใจว่าเราเคยเจอกันที่ไหน  แต่หากคุณไม่รังเกียจ  ผมอยากขอเลี้ยงเบียร์คุณสักขวด  ที่บาร์ตรงนู้น  ไม่ทราบว่าคุณจะตกลงไหมครับ”  เสียงนั่นดังออกมากลบความเงียบ ที่เหมือนจะปกคลุมอยู่นาน

   ผมยิ้มบาง ๆ  ท่ามกลางแสงจันทร์

   “ยินดีครับ  แต่ขวดต่อไป  ผมขอเลี้ยงคืนนะครับ”

   “ตกลงครับ  ผมชื่ออาร์ม”  อีกฝ่ายยื่นมือมาให้ผมสัมผัสเบา ๆ 

   “ครับ  เราชื่อเหมือนกันอีก  โอห์ม  กับ อาร์ม”  ผมปล่อยมือนั้นเมื่อเขย่าเบา ๆ  เป็นการทักทาย

   ผมลุกจากเตียงช้า ๆ  เดินย่ำเท้าไปบนหาดทรายละเอียดเบา ๆ  ที่ปลายหาดมีบาร์เล็ก ๆ    จังหวะเพลงแนวเรกเก้  ล่องลอยตามสายลมมาอย่างเบา ๆ 

   “ผมเคยเจออาร์มครั้งแรกที่ร้านสตาร์บัค  เซ็นทรัลลาดพร้าว  อาทิตย์ก่อนกระมัง”   ผมหันคุย เพื่อสร้างบรรยากาศของการพบเพื่อนใหม่

   “อ๋อครับ  พอดีวันนั้นมีเรื่องให้คิดนิดหน่อย  เลยไม่ทันได้สนใจกับรอบ ๆ  ตัว” 

   “ครับ  ผมก็นั่งอยู่กับหลานชาย  หาที่เรียนภาษาให้หลานนะครับ  เลยแวะลงมาหาอะไรดื่ม  นั่งโต๊ะติดกับคุณอาร์ม”

   “เรียกอาร์มเฉย ๆ  ดีกว่ามังครับ  อย่าถึงกับคุณอาร์มเลยครับ” 

   “เอาอย่างนั้นเหรอครับ”

“ครับ”

   “ตกลงครับ  ว่าแต่มาสมุยนี่มาเที่ยวเหรอครับ”   ผมคุยสัพเพเหระ  ขณะที่เท้าสองเท้ายังคงพาเราสองคนไปยังจุดหมายปลายทางที่สุดสายของหาด . . .

   “ปล่าวหรอกครับผม  คือผมพักร้อนนะครับ  เพื่อนเลยชวนมาเที่ยว”

   “เพื่อนโอ๋หรือครับ”  ผมหันไปมองหน้า

   “โอห์ม รู้จักเพื่อนผมหรือครับ”    อีกฝ่ายหันมามองหน้า  ท่าทางประหลาดใจไม่น้อย

   “ไม่หรอกครับ  ก็เสียงคุยกันดังขนาดนั้น  แถมตอนเจอครั้งที่สอง ที่เล้านจ์เมื่อตอนเย็น  ผมก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อซ้ำอีก  ก็เลยคิดว่าน่าจะจำไม่ผิดแน่ ๆ  ครับ”

   ผมหัวเราะเบา ๆ  เพราะคิดว่า  อีกฝ่ายไม่น่าจะจดจำอะไรเกี่ยวกับผมได้เลย . . .

   “เมื่อตอนเย็นนะจำได้ครับ  เพราะว่าเพิ่งผ่านมาเมื่อไม่นาน”

   “ปลาทองหรือครับอาร์ม  อะไรที่นาน ๆ  ไม่จดจำอย่างนั้นหรือ”

   “พูดซะเสียเลยนะโอห์ม  ว่าแต่จะดื่มอะไรดี”  อาร์มหันมาถาม  เมื่อพามาถึงบาร์เล็ก ๆ  ริมหาด

   ผู้คนในบาร์ไม่มาก  บาร์ดูจะเป็นบาร์ที่ไม่ใหญ่มากมาย  มีโต๊ะที่ทำง่าย ๆ  ตั้งเป็นแถวริมชายหาด  มีเสื่อปูเอาไว้  กับหมอนอิงสามเหลี่ยมแบบทางเหนือ   รอบ ๆ  บริเวณโต๊ะนั่ง  ขุดเป็นหลุมในหาดทราย  ตะเกียงน้ำมันก๊าด  อยู่ภายในโคมไฟที่ร้านทำเองทุก ๆ  วัน 

   “คนไทยหัวใจสิงห์ครับ”  ผมหันไปยิ้ม

   อาร์มหายไปที่เคาน์เตอร์บาร์  ก่อนอออกมาพร้อมกับเบียร์ไทยขวดเล็กสองขวด

   “นั่งริมหาดดีไหมโอห์ม”

   “ได้ครับได้” 

   ผมหันไปยิ้มอีกครั้ง  ก่อนเดินตามอาร์มไปที่โต๊ะที่ริมหาด  บนโต๊ะมีตะเกียงเล็ก ๆ  ที่ทำเองเช่นเดียวกัน  โดยเอาขวดเครื่องดื่มชูกำลังมาใส่น้ำมันก๊าด  มีไส้หลอด  ที่ทำจากด้ายดิบ  ส่องแสงสว่างท่ามกลางแสงจันทร์

   เสียงคลื่นกระทบหาดดังมากยิ่งขึ้น  พระจันทร์โผล่พ้นยอดมะพร้าว  ที่ปลิวเบา ๆ  ตามแรงลมพัดไหว  เสียงดนตรีเปลี่ยนจังหวะมาเป็นแนวคึกคักมากยิ่งขึ้น    ราตรีนี้เพิ่งเริ่มต้นสำหรับเมืองท่องเที่ยวชายทะเล  เพราะกว่าบาร์จะปิดก็เมื่อตะวันทอแสงริมของฟ้า

   “โอห์มมาคนเดียวเหรอครับ”

   “ครับผม  มาคนเดียวครับ  พอดีที่โรงแรมเป็นลูกค้า    พอดีระบบที่วางไว้มีปัญหานิดหน่อยนะครับ  ผมเลยลงมาแก้งาน”

   “ดีจัง  ทำงานด้วย  เดินทางด้วย  และทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อเงิน”

   ผมหันไปมองหน้าอาร์ม  ก่อนที่เราทั้งสองจะหัวเราะออกมาเบา ๆ 

   “นั่นสินะครับ  เดี๋ยวนี้เราต่างทำอะไรเพื่อเงินกันทั้งนั้น  บางทีเราอาจบ้างานเพื่อให้ได้เงินมาก ๆ  โดยที่เราลืมไปเลยว่า  ความสุขมันไม่ใช่อยู่ที่เงิน”

   “พูดซะอาร์มปลงเลยนะเนี่ย”

   “ผมพูดจริง ๆ  นะครับ  ไม่รู้อาร์มเคยฟังนิทานเรื่องนักธุรกิจร้อยล้านกับชาวประมงไหม”

   “ไม่เคยครับ . . .”  อาร์มยื่นคอขวดมาแตะที่คอขวดของผมเบา ๆ  ก่อนที่จะยกขวดขึ้นจิบเบา ๆ

   “. . . เล่าสิครับ”

   “ก็มีนักธุรกิจคนนึง  ยังหนุ่มอยู่เลย  เขาถีบตัวจากคนธรรมดา ๆ  คนหนึ่ง  จนประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน  มีธุรกิจเอง    เขาทำงานหนักมานับสิบปี  ไม่เคยพักผ่อน  วันนึงเขาเหนื่อยมากในหน้าที่การงาน  เลยเลือกที่จะหยุดพักที่ริมทะเลแห่งนึงทางอันดามัน”

   “แล้วก็เจอสึนามิ”  อาร์มหันมาหัวเราะเบา ๆ

   “ไม่ใช่ครับ  อาร์มนี่นอกจากหน้าตาดียังตลกอีกนะครับ”

   “ไม่ได้ครับ   โอห์มอย่าพูดแบบนี้นะครับ  เพราะว่าคนหน้าตาดีจะไม่ตลก  ผมขอเป็นแค่คนหน้าตาดีได้ไหมครับ”

   “โอเค ๆ  คนหน้าตาดีจะฟังต่อมั้ยครับ”

   “ครับผม  เล่าต่อเลย”

   “จนสายอีกวัน  เขาออกเดินเล่นริมหาดทราย  เขาเจอชายชราชาวประมงคนนึงนอนเล่นอย่างสบายใจที่เปลยวนที่เขาผูกเองกับต้นสน  นักธุรกิจหนุ่มร้องทักว่า . . . ลุงไม่ออกเรือหาปลาหรือ”

   “. . . ลุงไปมาแล้วพ่อหนุ่ม”  ชายชราร้องบอก

   “อ้าว  แล้วลุงได้ปลาเยอะมั้ย”  เขาเดินมาใกล้ ๆ  ชายชรา

   “ก็เยอะอยู่  พ่อหนุ่มจะแบ่งไปกินบ้างมั้ย  ลุงได้มาเยอะวันนี้”  ลุงชรายิ้มจนตาหยี

   “ขอบคุณครับ  แล้วทำไมลุงไม่หาให้เยอะกว่านี้ละครับ”

   “แค่นี้ก็พอกินแล้วพ่อหนุ่ม  ลุงไม่รู้ว่าจะหาไปเยอะ ๆ  ทำไมกัน  นั่งคุยกับลุงก่อนดีไหมพ่อหนุ่ม”  ชายชราใจดีเชิญชวนให้เพื่อนใหม่ต่างวัยนั่งลงใกล้ ๆ

   “ถ้าได้ปลามาเยอะ ๆ  ลุงก็เอาไปขายที่ตลาดสิครับ  พอลุงเอาปลาไปขายลุงก็จะได้เงิน  ลุงมีเงิน  ลุงก็ได้เอาเงินมาซื้อเรือลำใหม่  ที่ใหญ่กว่าเดิม  แล้วลุงก็ออกหาปลาได้มากว่าเดิม  ลุงก็เอาไปลาไปขายเพื่อลุงจะได้เงินมากขึ้นอีก”  นักธุรกิจหนุ่ม  อธิบายขั้นตอนทางการตลาดที่คิดว่าชายชราจะเข้าใจได้ง่ายที่สุด  เขานั่งลงบนเปลยวนอีกหลังใกล้ ๆ  ชายชรา

   “แล้วลุงจะเอาเงินไปทำอะไรล่ะพ่อหนุ่ม”

   “เมื่อลุงมีเงินเยอะ  ลุงอาจเอาไปซื้อบ้านหลังใหญ่ ๆ  เพื่อว่าลุงจะได้มีบ้านหลังใหม่  แล้วจะได้ไม่ลำบากแบบทุกวันนี้ไงครับ  พอลุงมีเงินเยอะ ๆ  คราวนี้ลุงก็นอนสบาย ๆ  ไม่ต้องทำงานอีก”  นักธุรกิจหนุ่มยิ้มอย่างเป็นมิตร  กับแผนที่เขาคิดว่า  เมื่อเปลี่ยนสินค้าเป็นเงิน  เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ  จะมีเงินเยอะตาม

   “สบายเหมือนตอนนี้มั้ยล่ะพ่อหนุ่ม  เหมือนที่ลุงนอนอยู่ตอนนี้ใช่ไหม”   ชายชราหันมายิ้มอีกครั้ง  เมื่อฟังแผนขยายตลาดของนักธุรกิจหนุ่ม

   เงิน . . .

   สำคัญ  แต่มิได้แปลว่าคือทุกอย่างของชีวิต  การที่เราอยากมีเงินมาก  หาได้แปลว่าคนอื่น ๆ  อยากมีมากแบบที่เรามี  ความสุขต่างหากที่สำคัญที่สุด  ความสุขของการใช้ชีวิตในแบบที่เราต้องการต่างหากคือความสุขที่จริงแท้ที่สุดสำหรับตัวเรา

   “โอห์มเอานิทานเรื่องนี้มาจากไหนครับพี่”  อาร์มหันมาถามเมื่อผมเล่าจบ

   “จำไม่ได้เหมือนกันครับว่าเอามาจากไหน  จำได้ราง ๆ  ว่าเคยฟังเรื่องนี้ตอนที่โอห์มเรียนที่เยอรมัน   ซึ่งก็นานมากแล้วนะครับ”

   “ดีจัง  เรียนที่โน่น  แต่คงเหงาแย่  อยู่เมืองนอกเวลาเหงานี่ทรมานสุด ๆ  เลยเนาะ”  ปลายเสียงอีกฝ่ายสั่น ๆ

   “ใช่ครับ  เหงา  เหงามากทีเดียว  และเหงาสุดชีวิต  เมื่อหัวใจของเราบอกว่า  เราอยู่บนโลกนี้เพียงคนเดียว  ไม่มีใครรอบ ๆ  ตัวเราอีก”  ผมนึกถึงเวลาแรกที่ไปอยู่ที่นั่น  มันทรมานมากมายเหลือเกิน

   ความเหงา . ..

   . . . เกาะกินหัวใจเรื่อยมา

   โดยเฉพาะในห้วงเวลาที่หิมะสีเทาค่อย ๆ  โปรยปรายลงมา  เมืองทั้งเมืองจมอยู่ภายใต้กองหิมะสีหม่น  เหมือนหัวใจที่หม่นหมอง  ยามนึกถึงใครอีกคนที่หายไปในชีวิต

   “ผมก็เหงาตอนไปอยู่เมืองนอกใหม่ ๆ”

   “แล้วตอนนี้โอห์มยังอยู่เมืองนอกอีกหรือครับ”   ผมหันไปถามทั้ง ๆ ที่รู้คำตอบอยู่แล้ว

   “ครับ  ผมเป็นสจ๊วต  ฐานบินอยู่โดฮาครับ”

   “ไม่คิดจะกลับเมืองไทยหรือครับ  เมืองนอกอย่างไรก็ไม่ใช่บ้านของเรา  ตอนที่โอห์มไปเมืองนอก  ตอนนั้นอายุสิบเจ็ดปีกว่า ๆ  ทั้ง ๆ  ที่ไม่อยากไป  แต่เพราะเหตุการณ์บางอย่างทำให้โอห์มต้องไป”

   “หนีรักหรือครับ”

   “ครับ”

   ผมหันไปมองหน้าอาร์ม

   “คนไปอยู่เมืองนอกมีสองจำพวก  อย่างแรก  แสวงหาความก้าวหน้าให้กับตัวเอง  อย่างที่สอง  คนที่หนีหัวใจตัวเอง  ต่างกันเพียงแต่ว่า  คนพวกแรกจะรู้สึกเหงาน้อยกว่า  เพราะเขามีเป้าหมายของเขา  แต่คนจำพวกหลังนี่สิ  อยู่กับความเจ็บปวด  ทรมาน  ทุรนทุรายทุก ๆ  ครั้งที่คิดถึงคนที่เมืองไทย”  ผมเหลือบตามอง  อาร์มแหงนหน้ามองฟ้า  คล้าย ๆ  จะข่มความรู้สึกของตัวเอง

   บาดแผล . . .

   . . . เจ็บปวดเสมอเมื่อโดนแตะ  แม้แค่เพียงปลายเล็บก็เหอะ

   “ผมก็หนีรัก”    เจ้าตัวบอก  หากแววตายังเหม่ออกไปนอกทะเล

   “ครับผม  อาร์มคงเหมือนกับโอห์ม  เพราะเราหนีรักทั้งสองคน  แต่คงไม่เหมือนกันทั้งหมดหรอก  อาร์มอาจจะโชคดีกว่าโอห์มก็ได้”

   “ผมนนี่นะ  โอห์มไม่รู้เรื่องของผม  หากโอห์มรู้  บางทีโอห์มอาจจะคิดว่าเรื่องมันเลวร้ายแบบ . . .”  เจ้าตัวหยุดเพียงชั่วครู่

   “. . . ขอโทษนะ  เรียกว่าเหี้ยสุด ๆ  ก็ได้”  อาร์มก้มหน้า  เอานิ้วเกลี่ยทรายเล่น

   “ขอโทษนะครับ   โอห์มแค่คิดถึงเรื่องโอห์มมากไปหน่อย  ไม่คิดว่ามันจะ . . .”

   “ไม่เป็นไรหรอก  อาร์มแค่สับสนกับชีวิต  ในเมื่อเขาออกไปแล้ว  เขาจะกลับเข้ามาในชีวิตของอาร์มอีกทำไม  อาร์มกำลังจะลืมอยู่แล้ว  อาร์มกำลังจะเดินได้อย่างมั่นคงอยู่แล้ว”

   “ถ้าอาร์มอยากเล่า  ผมยินดีรับฟัง”

   “อาร์มชอบผู้ชาย  คนที่อาร์มรักเป็นผู้ชาย  โอห์มยังอยากจะฟังอีกไหม”  อีกฝ่ายหันกลับมามองหน้าผม

   ทำไมผมจะไม่รู้  ในเมื่อที่ผมเห็น  ที่ผมได้ยิน  มันก็แปลความหมายในตัวอยู่แล้ว . . .

   “แล้วแต่คนเล่าครับ  เพราะที่โอห์มหนีรักก็เพราะผู้ชายเหมือนกัน . . .”  ผมหัวเราะเบา ๆ 

   “. . . เบียร์หมดแล้ว  อีกขวดนะครับ  ตามสัญญา”  ผมหันไปยิ้ม    ก่อนเดินไปที่เคาน์เตอร์บาร์

   “ขวดที่สอง  สำหรับมิตรภาพครับ”   ผมเอียงคอขวดไปหาอาร์มก่อนแตะเบา ๆ

   “คนที่อาร์มรัก    อาร์มอยู่กับเขามาเกือบครึ่งชีวิต   เกือบครึ่งชีวิตที่อาร์มไม่เคยทำเพื่ออาร์มเลย  อาร์มทำเพื่อเขาตลอด”  เสียงนั้นแฝงความเจ็บปวด

   “ของอาร์มเกือบครึ่ง  แต่ของโอห์มเกือบทั้งชีวิต  ตั้งแต่โอห์มจำความได้  โอห์มก็เห็นหน้าเขาแล้ว  ทุก ๆ  อย่างเขาทำเพื่อโอห์มตลอด  มีแต่โอห์มที่ไม่เคยมองถึงหัวใจของเขา  จนกระทั่งเมื่ออาทิตย์ก่อน”   ผมยิ้ม  เมื่อนึกถึงหน้าไอ้ตัวแสบที่ก้าวเท้าลงมาจากรถไฟที่บางซื่อ

   “เราเกือบจะเหมือนกัน”

   “ใช่  ต่างกันตรงที่อีกคนให้  ส่วนอีกคนรับ”  ผมหันไปยิ้ม

   “อาร์มรักเขามาก  มากกว่าตัวเองเสียอีก  อาร์มเคยคิด  คน ๆ  นี้  คือคนที่อาร์มจะฝากชีวิตเอาไว้ได้  แต่มันไม่ใช่เลย  เพราะเมื่อถึงเวลา  เขาก็ทำอาร์มเจ็บปวดแทบตาย  จนอาร์มไม่อยากเห็นอะไรที่เคยไปด้วยกัน  ทุก ๆ  ที่  มันคอยตามมาหลอกหลอนตลอดเวลา  ทุก ๆ  อย่างคล้าย ๆ  ความฝัน  แต่มันคือความจริง  ความจริงที่ว่า  เขาไม่มีอาร์มอีกแล้วในหัวใจ”  คนเล่ากระพริบตาถี่ ๆ 

   “ครับ  ความจริงเจ็บปวดเสมอ”

   “ไม่หรอกโอห์ม  ความจริงอาจจะไม่เจ็บปวดเสมอไป  เขาสัญญากับอาร์ม    และในสัญญามันเหลืออีกแค่ปีเดียวเท่านั้น  แค่ปีเดียวเขาก็จะมีชีวิตตามที่เขาต้องการ  แต่มันไม่ใช่  เขาผิดสัญญา  ทุก ๆ  อย่างที่อาร์มทำเพื่อเขา  มันไม่มีความหมายเลย  เขาไม่เคยมองว่าอาร์มคิดอย่างไรเสียด้วยซ้ำ  ทุก ๆ  อย่างที่อาร์มทำไป  มีค่าแค่ศูนย์”

   “เขาอาจจะมีเหตุผล”

   “เหตุผลอะไรหรือโอห์ม เหตุผลที่เห็นผู้หญิงอื่นดีกว่าสิ่งที่เราทำ  ก็คงใช่  เพราะเรามันไม่ใช่ผู้หญิง  ผู้ชายน่ะ  เมื่อถึงเวลา  เขาก็กลับไปหาสิ่งที่เขาต้องการ  แต่อาร์มอยากรู้  แล้วอาร์มล่ะ  อาร์มจะอยู่ต่อไปอย่างไรมันไม่สำคัญเลยใช่ไหม”

   ผมได้แต่ยิ้มบาง ๆ

   หาก . . .

   . . . เรามองทุก ๆ  อย่างโดยความเป็นกลาง  ความรักมันก่อเกิดกับทุก ๆ  ชีวิต  และไม่มีรูปแบบใด ๆ  ตายตัว  บางคนเกิดมาเพื่อรัก  โดยที่ไม่เคยมองรอบ ๆ  ตัว  ว่าความเป็นจริง  แค่ความรักอย่างเดียวมันไม่สวามารถที่จะอยู่บนโลกนี้ได้  มันอยู่ที่องค์ประกอบอื่น ๆ อีกมากมาย

   “คนรักของอาร์ม  เป็นคนที่ไหนหรือครับ”

   “ปาย . . .”

   “ครับ  อาร์มคิดว่า  เขารักอาร์มไหม”

   “รักแบบพี่นะหรือ”

   “ผมไม่ทราบ  สมมตินะครับ  สมมติเล่น ๆ  คนที่อาร์มรัก  เป็นคนต่างจังหวัด  แล้วสังคมต่างจังหวัดนี่  รับสภาพการอยู่กินของผู้ชายสองคนได้มากน้อยขนาดไหน  อาร์มว่าที่นั่นเขารับสภาพชายรักชายได้ไหม”

   “ไม่หรอก  ต่างจังหวัดแบบนั้น  ชายรักชาย  คนพูดกันตายเลย”

   ผมยิ้ม  อย่างน้อยที่สุด  เรื่องราวแบบนี้มันแทบจะเหมือนกันทุก ๆ  ที่  เรื่องราวของเพศสำคัญเสมอ  และสังคมของคนไทย  คือสังคมที่อยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่  ช่วยเหลือเกื้อกูลต่อกัน  เรื่องราวแบบนี้มักต้องห้ามเสมอ

   . . . การเปิดกว้าง  มีแค่ตามเมืองใหญ่ ๆ เท่านั้น

   “นั่นดิ  อาร์มเคยคิดไหม   หากอาร์มกลับไปอยู่ที่บ้าน  แล้วคนที่บ้านพูดว่าอาร์มเป็นแบบนั้นแบบนี้  อาร์มจะอายไหม”

   “ก็อาจจะอาย”

   “ในทางกลับกัน  คนรักของอาร์มก็อาจจะอาย  แล้วครอบครัวของเขาอีกอาร์ม  พ่อ  แม่  ญาติพี่น้องที่เขามีอีก  เขาจะรับสภาพได้แค่ไหนที่ลูกชายของเขามีข่าวกับผู้ชาย  เขาอาจจะรักอาร์ม  แต่อาร์มต้องไม่ลืมว่า  ชีวิตของอาร์มไม่ได้มีแค่เขา  และชีวิตของเขาไม่ได้มีแค่อาร์ม  แต่ทั้งสองคนต่างก็ยังมีชีวิต  มีสังคมที่แตกต่างกันอีก  โอ้ย  แค่คิดเรื่องสังคม  คนที่เรารัก  ก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้วล่ะครับ  หรืออาร์มว่าไง”

   ผมหันไปมอง  เมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งฟังผมนิ่ง . . .

   “อย่าบอกนะว่า  โอห์มรู้จักคนที่อาร์มรัก  และรู้เรื่องของอาร์ม”  เจ้าตัวมองผม  คล้ายระแวง

   “ไม่เคยรู้จักกันครับ  ไม่เคยคุยกันด้วย  สาบานได้  โอห์มมองจากมุมของคนที่เป็นกลางที่สุดไงครับ”  ผมมองหน้าอาร์ม  อยากให้รู้สิ่งที่ผมบอก  เป็นอย่างที่ผมคุยเอาไว้

   “กลางแบบไหน”

   “แบบที่โอห์มสมมติไง  ผู้ชายบางคนอาจจะอายที่ตัวเองมีข่าวกับผู้ชายด้วยกัน    และความอายคงไม่มากเท่ากับว่า  ต้องแคร์ครอบครัวอีก  พ่อ  แม่  หากพ่อกับแม่  มองเรา  หรือรับฟังเรื่องของเราจากคำพูดของคนในสังคม  อาร์มว่า  คน ๆ  นั้นจะหาทางออกที่จะดับข่าวลือเรื่องนี้อย่างไรดี”   ผมยกขวดนั้นขึ้นดื่มเบา ๆ

   อยากให้ค่ำคืนนี้ทอดยาวออกไปอีก . . .

   . . . แสงจันทร์ยังคงสวยงาม  ไม่อยากจากบรรยากาศแบบนี้ไปนอนเลย

   “ทำไมอาร์มไม่เคยคิดแบบโอห์มว่ะ  จริงสินะ  การจะดับข่าวลือที่ดีที่สุดคือสร้างข่าวใหม่  และจะดีกว่าที่สุดคือข่าวใหม่ต้องเกิดจากวงที่มีข่าวลือ  โอ้ย  ไอ้อาร์ม  ทำไมโง่ขนาดนี้ว่ะ”   อาร์มเอามือตบหน้าผากตัวเองเบา ๆ

   “. . . ขอบใจนะโอห์ม  ขอบใจที่บอก”

   “ยังไม่บอกอะไรเลย  แค่คิดแบบคนกลาง”  ผมยิ้ม

   “นั่นแหละที่อาร์มต้องขอบใจ  ที่ผ่านมา  อาร์มติดในหัวใจที่ว่าทำไมเขาไม่รักอาร์ม  ทำไมเขาทำแบบนี้กับอาร์ม  อาร์มมองแต่ความอยากได้อยากมีของตัวเอง  โดยที่ลืมไปว่า  บางที  คนที่อาร์มรัก  เขาก็ยากมีความรัก  อยากมีความรู้สึกที่เขาคิดเองเหมือนกัน” 

   ผมมองเห็นรอยยิ้มอ่อนโยนกว่าแสงจันทร์ที่ทอดลงมายังยอดคลื่น  รอยยิ้มนั้นเหมือนคนที่มีความสุข  ปลดปล่อยพันธนาการทั้งหมดในหัวใจของเขาเอง

   “ผมแค่สมมติครับ  อาร์มนะคิดเองได้  แต่เวลาที่ผ่านมา  อาร์มอาจจะรักเขามาก  คาดหวังเอาไว้มากจนอาร์มไม่มองถึงจุดอื่น ๆ เลย”

   “นั่นสิเนาะ  โอห์มว่ายังมีอะไรอีก”

   “โอห์มถามอาร์มนะ  สมมติว่า   คนที่อาร์มรักจำเป็นต้องเลือก  ระหว่าง  อาร์ม  กับ  ความสบายใจของแม่กับ  ข่าวที่มีกับอาร์ม  อาร์มคิดว่า  คนที่อาร์มรักจะเลือกใคร”  ผมหันไปมองหน้าอาร์ม

   อาร์มนิ่งเงียบไปพักใหญ่ . . .

   ผมรอคำตอบด้วยหัวใจระทึก  เพราะบางที  นี่อาจจะเป็นคำตอบของทั้งหมดแห่งความสงสัย  ที่ผมมี  และที่หลาย ๆ  คนก็มีเช่นเดียวกัน

   “เขาเลือกแม่แน่ ๆ”

   “อาร์มไม่เสียใจหรือที่เขาไม่เลือกอาร์ม”

   “ก็คงมีบ้างล่ะนะ  แต่อาร์มอาจจะเสียใจมากกว่าหากเขาเลือกอาร์มแล้วเขาจะทำร้ายความรู้สึกของคนเป็นแม่  อาร์มก็แค่คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขา  ส่วนแม่คือคนที่ให้ชีวิต  อาร์มควรจะดีใจเสียด้วยซ้ำถึงจะถูก  ที่เขาเลือกที่จะรักคนที่ดีที่สุดในชีวิต  และแคร์ความรู้สึกของแม่”

   “อาร์มยังมีโอกาส  อาร์มยังมีความรักรอบ ๆ  ตัวอาร์ม  อาร์มยังโชคดีที่มีคนที่อาร์มรักรายล้อม  แต่โอห์มสิ  สิบแปดปีที่คนที่โอห์มรักหายไป  โอห์มไม่เคยรู้  ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่า  เขาหายไปไหน  ทำไมต้องหายไปจากชีวิตโอห์ม  ที่ผ่านมา  โอห์มจมอยู่กับความทรมานเพราะความอยากรู้ว่าทำไมเขาหายไป”  ผมนึกถึงห้วงเวลาที่ผ่านมา  ห้วงเวลาที่อ่อนแอของตัวเอง

   ไม่มีใครรู้อนาคต . . .

   . . . ไม่มีใครมีรูปแบบของความรัก

   “โอห์มอยู่ได้อย่างไร  ไม่เจอกันเลยหรือ”

   “ครับ  ไม่เคยเจอกันเลย  โอห์มเจอกันครั้งสุดท้ายราวสิบแปดปีกว่า  ตอนที่โอห์มไปส่งเขาที่สถานีรถไฟบางซื่อ  แล้วหลังจากนั้น  เขาหายไปจากโอห์ม  จนโอห์มตัดสินใจไปเยอรมัน    แล้วโอห์มเรียนจนจบที่นั่น  ทำงานอีกพักใหญ่  และกลับมาเมืองไทยนี่แหละ”

   “อาร์มไปแค่สองปี  แต่กลับมาบ่อยในปีหลัง  ยังทรมานเลย  คิดถึงเมืองไทย”

   “คิดถึงเมืองไทย  หรือคิดถึงหัวใจที่เมืองไทย”  ผมหันไปยิ้ม

   “อาจจะมีส่วน  แต่ไม่ใช่ทั้งหมดหรอก  เพราะอาร์มคิดว่า  จะอยู่ที่ไหน  หากเจ็บปวดมันก็เจ็บปวด  การหนีไม่ได้ช่วยอะไร  อาร์มเลยไม่อยากหนีอีก”

   ใครเลยจะหนีหัวใจตัวเองพ้น . . .

   “จะกลับมาอยู่เมืองไทยแล้วใช่ไหม”

   “ตอนนี้  กว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้วล่ะ  ไม่อยากหนีอีกแล้ว”

   “ครับ  อาร์มโชคดีที่ได้เจอคนที่อาร์มรัก  ของโอห์ม  อาจเจอแค่เงาของเขาก็เท่านั้นเอง  แต่โอห์มก็มีความสุขนะ  ที่รู้ว่าเรายังเป็นสิ่งเดียวในหัวใจที่เขาไม่ลืม” 

   ผมนึกถึงเรื่องราวของพี่โน้ต . . .

   . . . คนที่ทำเพื่อผมมาตลอด  คนที่เฝ้ามองผมอยู่เงียบ ๆ  ในมุมที่ผมเองสัมผัสไม่ได้ด้วยกาย  และไม่เคยรู้  มาก่อนหน้านี้

   “ขอบคุณนะครับ  ขอบคุณโอห์มอีกครั้งที่วันนี้โอห์มเข้ามาคุยกับอาร์ม”

   “สงสัย  พระเจ้าคงสงสารคนหนีรักสองคน  เลยขีดมาให้เจอกัน”  ผมหัวเราะเบา ๆ 

   “งั้นอาร์มขอถามโอห์มนะครับ”  อีกฝ่ายเสียงสดใสกว่าตอนแรก

   “ครับผม  ถามได้”

   “ถ้าโอห์มได้เจอคนที่โอห์มรักอีก  โอห์มจะทำยังไง”

   สายลมพัดมาวูบใหญ่  หอบกลิ่นน้ำทะเลมาปะทะใบหน้า  ในเวลาที่อาร์มถามคำถามนี้กับผม คำถามที่ผมเองก็เคยแอบถามตัวเองมาเหมือนกัน  ผมหันกลับไปมองหน้าเพื่อนใหม่  ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

   “โอห์มคงกอดเขาไว้  ขอบคุณที่เขาทำเพื่อโอห์มมาตลอด  ตอนนี้โอห์มคิดได้เท่านี้จริง ๆ  นะอาร์ม  เพราะโอห์มไม่รู้ว่าโอห์มจะพูดอะไรอีก”

   “อยากเจอไหมโอห์ม”

   “อยากเจอ  แต่  ไม่ดีกว่า  หากยังไม่ถึงเวลา  โอห์มไม่อยากเร่ง  เพราะสักวันนึงโอห์มคงได้เจอเขา  สักวันนึงแน่ ๆ  อาร์ม   โอห์มมั่นใจ”  ผมยิ้ม

   ผมรู้ดี . . .

   . . . เมื่อวันนั้นมาถึง  จะเป็นวันที่ผมมีความสุขมากที่สุดในโลก  ผมรอมาสิบแปดปี  รอคนเพียงคนเดียว  แล้วเวลาต่อจากนี้ทำไมผมจะรอไม่ได้  ผมรอได้เสมอ  เพราะคนที่ผมรัก  คงไม่ปล่อยให้ผมรอจนหมดลมหายใจหรอก

   การรอคอยที่แสนทรมานในวันก่อน . . .

   . . . กลับกลายมาเป็นความสุขที่ผมได้รอในวันนี้
   
   


หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 06-04-2009 21:06:52
...อ่าน แล้วว ก็ทรมาน เหมือน โอห์ม..

เมื่อไหร่จะได้เจอกะพี่โน้ต เนี่ยคร้าบบบ

ใจจดใจจ่อ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 06-04-2009 21:39:32
เรื่องอาร์ม เคลียร์ไป

เรื่องโอมละ จะเป็นไงต่อไปหว่า

เฮ้อ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: dokjarn ที่ 06-04-2009 21:45:16
:กอด1: :L1: :กอด1:

อาร์มกับโอห์ม....สองคนตามหาหัวใจของตัวเองเหมือนกัน

มุมมองกับความรัก  มุมมองกับชีวิตที่ถูกถ่ายทอดผ่านปลายนิ้วคุณราชบุตร

อ่านแล้วรูสึกดีจัง....แต่มีบางทีแอบเหงาๆ เศร้าซึมไปกับตัวละครด้วยเหมือนกันนะครับ

ตอนนี้มะค่อยหวานเนอะ...ลดน้ำตาลบ้างใช่มั๊ย   กลัวคนอ่านเป็นเบาหวานละซี่

ขอบคุณครับ  สำหรับเรื่องดีๆแบบนี้เช่นเคย
 :pig4: :pig4:
 :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 06-04-2009 21:47:42
เปิดใจกันให้เคลียร์ หุหุ
พระเจ้า (หน้าตาดีมั๊ย เอิ๊กซ์)กำหนดให้คนสองคนที่หนีรัก ได้ตาสว่างขึ้นมาแล้ว
  “ครับ  อาร์มโชคดีที่ได้เจอคนที่อาร์มรัก  ของโอห์ม  อาจเจอแค่เงาของเขาก็เท่านั้นเอง  แต่โอห์มก็มีความสุขนะ  ที่รู้ว่าเรายังเป็นสิ่งเดียวในหัวใจที่เขาไม่ลืม”  
>> ซึ้งอีกแล้ว เป็นความจริงที่คิดถึงเมื่อไหร่ก็เหมือนพี่โน๊ตตัวเป็นโผล่
มาให้จับต้องได้ทุกที มีความสุขใช่มั๊ยโอห์ม  

ชอบเรื่องเล่านักธุรกิจกับชาวประมง  ความสุขของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
เพราะใช้ไม้บรรทัดคนละอันวัด บางคนยิ่งมีมากยิ่งไม่เคยพอเหอะๆๆ


ขอบคุณคะคุณราชบุตร  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: C2U ที่ 06-04-2009 22:34:03
เย้  เรื่องอาร์ม เคลียร์ แล้ว   :m4: 
รอวัน อาร์ม อภัยให้โก   ดีกันๆ น๊า   :กอด1:


แล้วไมโอห์ม  ไม่ไปหาพี่โน๊ตอ่ะ    สงสารพี่โน๊ตนะ   :m17:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 06-04-2009 22:50:56
โหย นึกว่าโอมห์จะไปหาพี่โน้ตสักอีก


ขอบคุณคุณราชบุตรมากคร้าบ ^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 07-04-2009 04:15:43
โอห์มมาช่วยให้อาร์มคิดอะไรขึ้นได้อีกเยอะเลยสินั่น
คำตอบสำหรับการตัดสินใจของโอห์มก้อชัดเจนขึ้นด้วย
รอวันพบกันเท่านั้นพี่โน้ตและน้องโอห์ม
บวก 1 เช่นเคยจ้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 07-04-2009 16:47:35
 :m15:
อ่านแล้วซึ้งงงง น้ำตาจะไหลรอมร่อ...ทำความดีด้วยการช่วยความรักของผู้อื่นอีก
หวังว่าความดีนั้นจะช่วยให้โอห์มได้พบพี่โน๊ตซักที...คิดแล้วขนลุก  :กอด1:

ปล. อาร์ม กับ โอห์ม สับสน ๆๆๆๆ  :m20:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 07-04-2009 16:54:30

๑. ผมเหลือบมองโต๊ะตรงกันข้าม  ผู้ชายน่าจะอ่อนกว่าผม . .   
   . . .แต่
   . . .  ผมว่าผมหน้าตาดีกว่าคนนั้นเยอะ 
เขามานั่งนิ่ง ๆ  เอาช้อนคนแก้วกาแฟในมือ 
แต่แปลก แววตาเขาเหม่อ  เหมือนคนที่ค้นหาอะไรสักอย่าง  หรือ  กำลังตัดสินใจอะไรในชีวิต
๒. “ไม่ใช่ครับ  อาร์มนี่นอกจากหน้าตาดียังตลกอีกนะครับ”
ต๊าย ยัยโอห์ม!.......คริคริ
ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร
วุ้ย กิต.หมายความว่า ยัยโอห์ม ชมโฉมตัวเอง(เธอสวยแล้ว แต่ชั้นสวยกว่าเธอ)หรอกค่ะ 5555555 

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 07-04-2009 17:11:02


๑. ผมเหลือบมองโต๊ะตรงกันข้าม  ผู้ชายน่าจะอ่อนกว่าผม . .   
   . . .แต่
   . . .  ผมว่าผมหน้าตาดีกว่าคนนั้นเยอะ 


๒. “ไม่ใช่ครับ  อาร์มนี่นอกจากหน้าตาดียังตลกอีกนะครับ”




แปลว่า . . . โอห์มหน้าตาดีกว่าอาร์ม 

กร๊ากกกกก


หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 07-04-2009 18:15:58
 :z2: :z2: :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: Ploy-Tawan ที่ 07-04-2009 18:24:40
บางครั้งผงเข้าตาตนเอง เราก็มองไม่เห็น ต้องให้คนอื่นช่วยดูและเขี่ยออก
ชีวิตมีสองมุมให้มอง
ถ้ามองแต่มุมของตนเอง เราจะไม่รู้เลยว่าอีกคนเขาคิดยังไง
 :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: tamtam ที่ 07-04-2009 22:04:58
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: charus ที่ 08-04-2009 00:30:05
โอร์ม อาร์ม โอร์ม อาร์ม โอร์ม อาร์ม

อ่านจบตอนเซแบบเล็กน้อย
 :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 08-04-2009 13:52:46
.............................

เป็นไปตามกรรม  ที่ทำไว้

.............................
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 08-04-2009 20:26:13
“สงสัย  พระเจ้าคงสงสารคนไม่สมหวังในรักสองคน  เลยขีดมาให้เจอกัน” 
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 09-04-2009 00:07:58



^

^

^


คนไม่สมหวังในรักสองคน . . .

อาร์ม  กับ โอห์ม

หรือ

ตะเอง กับ เค้า  อ่ะ  ที่ร๊ากกกกกกก

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: light_tao ที่ 09-04-2009 07:30:33
^
^
^
^
^
^

 :m20:   :jul3:  :laugh:  :pigha2:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 09-04-2009 13:41:41




งานหลวง . . . มากมายก่ายกอง


งานราษฏร์ฯ . . . ก็เยอะอ่ะครับ


งานรัก . . .ทุกวี่วัน


เลยมะได้ปั่นต้นฉบับ  แอบอาย   :o8:     :-[   :impress2: 



ปล.  มีครึ่งตอนเอง  รออีกไม่เกิน  ยี่สิบสี่ชั่วโมง . . .(ขีดเส้นตายแบบ . . . ละไว้ในฐานที่เข้าใจ)
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 09-04-2009 14:16:48




งานหลวง . . . มากมายก่ายกอง


งานราษฏร์ฯ . . . ก็เยอะอ่ะครับ


งานรัก . . .ทุกวี่วัน


เลยมะได้ปั่นต้นฉบับ  แอบอาย   :o8:     :-[   :impress2: 



ชอบที่คุณราชบุตรยุ่งงานรัก เหอะๆ อิจ!!!
รอได้คะ เป็นกำลังใจให้ :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 09-04-2009 18:17:51
รอได้เช่นเดียวกันครับ

ติดไปแล้วนิ

เอิ๊กกกกกก
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: HuaTangMo ที่ 10-04-2009 07:26:14
เข้ามาดิ้นรอครับ คุณราชบุตร
ดีจัง มีทั้งงานราษฎร์ งานหลวง
แถมยังมีงานรักอีกต่างหาก อิจฉาๆ
มาดูตัวเอง
งานราษฎร์หด งานหลวงหาย
งานรักก็ยังไม่โผล่มาตั้งแต่ครั้งกระโน้น
 ป.ล.  สงกรานต์จะสาดน้ำใครดี อิอิ :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 10-04-2009 08:08:38



อี จขกท.  มาต่อหน่อยเร้วววววววววววว






อันนี้ขอบ่น


เมื่อวานกรูติดบนถนน ๔ ชั่วโมง

แสรดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

คนรวยใช้สนามบิน . . . .

ส่วน

คนจน . . . รถเมล์  โลดพี่น้องเอ้ยยยยยย


ปล.  หมายถึง  การเดินทางกลับภูมิลำเนา  ช่วงหยุดยาวนะเฟ้ย


หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 10-04-2009 08:45:44


อี จขกท.  มาต่อหน่อยเร้วววววววววววว


อันนี้ขอบ่น

เมื่อวานกรูติดบนถนน ๔ ชั่วโมง

แสรดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

คนรวยใช้สนามบิน . . . .

ส่วน

คนจน . . . รถเมล์  โลดพี่น้องเอ้ยยยยยย

ปล.  หมายถึง  การเดินทางกลับภูมิลำเนา  ช่วงหยุดยาวนะเฟ้ย

ต๊าย แปลตรงๆว่า อู้ ใช่ไหมคะ อิอิ
ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 10-04-2009 14:15:24
ทั้งงานราษฎร์ งานหลวง งานรักเข้า
จขกท.นี่งานชุกจริงๆ ยังไงขอให้งานรักเข้าเยอะๆ หวานๆเลยน้า
เต็มที่ๆ เลยนะจ๊ะ รอจ้ารอ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 10-04-2009 16:45:49
http://media.imeem.com/m/of7bmqLpIJ

หวาย . . .

สัญญาว่าจะไม่เกิน ๒๔ ชั่วโมง

แต่คาดว่าเกินนิดหน่อย  เจออิทฤทธิ์กระบือเข้าไปทำให้การมาส่งต้นฉบับช้าไปหลายชั่วโมงครับผม  งานนี้ผมไม่ผิดนะครับ  แต่ผิดที่กระบือ  มันทำให้ผมเจอกับโน้ตบุคช้าอ่ะครับ  เลยโพสต์ช้า  เสียเวลาในรถนานมากกกกกกก

  ไม่น่าขีดเส้นตายเลยกรู

ปล.  ขอใช้อักษรสีควาย ๆ  ก่อนนะวันนี้  ไว้อาลัย  แด่ความโง่ . . .




ตอนที่ ๑๓

   ในเวลาแห่งการลาจากมันทรมาน  และทรมานมากที่สุดที่คนที่เรารักต้องห่างหาย  แม้ผมจะติดพี่โน้ตมากมายขนาดไหน  แต่เมื่อยิ่งใกล้วันที่พ่อกับแม่ต้องย้ายไประยองจริง ๆ  หัวใจผมรู้สึกเบา ๆ  หวิว ๆ  บอกไม่ถูกเช่นกันว่าเพราะอะไร  ผมรู้เพียงแต่ว่าโลกทั้งโลกมันเหงาดีเหลือเกิน
 

   สายใย . . .

   . . . มันมองไม่เห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน  แต่มันสามารถสัมผัสได้ด้วยความรู้สึกทั้งหมดกระมัง  เวลาที่ผมอยากให้เดินช้าลง  เพื่อนที่จะมีเวลาอยู่กับพ่อ แม่  มากขึ้น  กลับเดินเร็วขึ้นอย่างผิดหูผิดตาเสียด้วยซ้ำ

   ช่วงอาทิตย์สุดท้าย มันยิ่งวังเวง . . .

   พี่โน้ตเหมือนจะรู้  ไม่กวนผมเหมือนเมื่อครั้งก่อน ๆ  มันจะอยู่ใกล้ ๆ  ผม  ไม่พูดกวนโมโหแบบที่ผ่านมา  เวลาที่ไม่มีคนอยู่  มันจะดึงผมมากอดเอาไว้แนบอก  จูบที่ศรีษะผมเบา ๆ  โดยที่ไม่มีคำพูดอะไรอกมา  เท่านั้นก็พอเพียงแล้วสำหรับผม

   แล้วในเวลาที่พี่โน้ตมีคาบว่าง  มันจะเดินมาวนเวียนที่หน้าห้องที่ผมเรียนเป็นประจำ  บางครั้งมันจะเดินเลยไป  แล้วนั่งที่ระเบียงหน้าห้อง   นั่งอ่านหนังสือ  หรือไม่ก็นั่งเล่นเกมส์กดของมันไปเรื่อย ๆ    พี่โน้ตนั่งรอจนหมดคาบ  ก่อนจะเดินหายไปกับผู้คนที่แยกย้ายไปหาห้องเรียนในคาบถัดไป 

   ผมแปลความหมายเอาเองจากสายตาที่ผมเห็น  ไม่มีคำพูดจากปากของคนที่ผมรัก  มีเพียงร่างของคนที่ผมรักไม่ไกลสายตาผมเสมอ   เป็นความสุขที่ผมสัมผัสได้จริง  และอิ่มเอมในหัวใจเป็นที่สุดแล้ว

   ภาพความทรงจำของผม . . .

   . . . ภาพเหล่านั้นผมไม่เคยลืมเลือนได้เลย

   ในคืนสุดท้ายที่พ่อ กับ แม่จะอยู่ที่หาดใหญ่  เราสองครอบครัวพากันไปเลี้ยงส่งที่ร้านอาหารทะเลเปิดใหม่ที่เกาะยอ   

   “ห่วงโอห์ม  ไม่อยากย้ายเลย”    พ่อมองหน้าผม

   ผมยิ้ม  หากแววตาเศร้า    เพราะผมเองเป็นคนตัดสินใจที่จะเรียนต่อที่เดิม  เพราะเหลืออีกแค่เทอมเดียวก็จะจบ ม.๓  ผมไม่อยากย้ายในเทอมสุดท้ายของ ม.ต้น  เพราะมันอาจจะยุ่งยาก  ในการเรียนที่ใหม่

   “โอห์มอยู่ได้ครับ  เดี๋ยวสอบเสร็จอาทิตย์หน้า โอห์มจะไประยอง”

   “เอาน่า  แกจะห่วงทำไม  ไอ้โอห์มใช่อื่นไกล  เหมือนลูกเราอีกคน”  ลุงตุ้ยที่นั่งอยู่  ยกแก้วขึ้นชนกับพ่อ

   “เกรงใจพี่ตุ้ย”  แม่พูดขึ้น  ก่อนหันมามองหน้าผม  แววตาแม่  ผมรู้  มีแต่ความห่วงใย  ไม่อยากให้ผมอยู่หาดใหญ่เลยสักนิด

   ใครเลยอยากให้ลูกน้อยไกลร้าง . . .

   . . .  ห่างหู  ห่างตา

   “อย่าห่วงเลยน้องแป้ง  เกรงจงเกรงใจทำไมกัน  เราใช่คนอื่นไกล”  แม่พี่โน้ตจับมือแม่เบา ๆ

   “ดื้อเอาการอยู่นา  ไอ้ลูกคนนี้”  พ่อมองด้วยสายตาล้อเลียน

   “ตามวัยน่าอาท  ลูกผู้ชายไม่ซนไม่ดื้อ  ไม่ฉลาดหรอก  ดูอย่างเจ้าโน้ตสิ  ตอนเท่าโอห์ม  แสบหาใครเหมือน”

   “อ้าวพ่อ  ไหงมาลงที่ลูกแบบนี้ล่ะ”

   “หรือมันไม่จริง   พี่มันแสบยังไง  น้องมันก็แสบยังงั้นแหละ พิมพ์มันมาแบบไหน  คนตามมาก็ไม่แตกต่างหรอกอาท  อย่าห่วง ๆ”   ลุงตุ้ยใจดี  ยกแก้วขึ้นกระดกอีกรอบ

   “รู้แบบนี้  ย้ายไปก็ดี”  พ่อถอนหายใจเบา ๆ

   รู้แบบนี้ . . .

   . . . แปลว่า

   สายไปแล้วพ่อ  ไม่ทันแล้ว  จะย้ายไม่ทันแล้วแน่ ๆ  คงต้องแหงนคอรอไอ้ลูกชายอีก ๑ เทอม  เพราะยังไง ๆ  ก็ไม่ย้าย  ยอมเหงาที่ไม่มี พ่อ กับ แม่  สักเดือน  พอเปิดเทอม  เพื่อนเต็มโรงเรียนก็หายเหงา

   “ไอ้นี่  เราคุยเรื่องนี้กันหลายเดือนแล้วนะเนี่ย”  ลุงตุ้ยหัวเราะเบา ๆ

   “รู้  แต่ลูกคนเดียวนะพี่  อดห่วงไม่ได้”

   “เข้าใจ  แต่ลูกโตขึ้นทุกวันนะโว้ย  จะเก็บเอาไว้กับอกเราจนตายไม่ได้หรอก  ให้เรียนรู้การอยู่กับคนอื่น ๆ  ตั้งแต่วันนี้  เผื่อวันหน้าไปอยู่ไกลหูไกลตาไม่ลำบาก  ตอนไอ้แสบมันบอกสอบได้เยอรมัน  เราห่วงแทบตาย  กังวลไปสารพัด  มันจะไปอยู่ยังไง  กินยังไง  แทบอยากตามไปด้วย  แต่พอมันมาบอกไม่ไปแล้ว  โล่ง  อย่างกะยกภูเขาออกจากอก”  ลุงตุ้ยหันมาทางพี่โน้ต

   หัวอกพ่อ . . .

   . . . รักจากแม่

   แม้ลูกจะโตแต่ไหนก็ห่วง  ความห่วงเหมือนวัฏฏะ  วนเวียนอยู่มิรู้จักจบสิ้น  จะห้ามก็ไม่ได้ ด้วยนั่นคือเลือดเนื้อเชื้อไข  จะห้ามรักได้อย่างไร

   “ยังไงอาฝากน้องด้วยนะโน้ต  อย่าทิ้งน้องนะโน้ต” 

   “ครับผม  ไม่ทิ้งครับ  ไม่มีวันทิ้งแน่นอนครับ”

   มันรับปากเต็มคำ   มือไม้มันอยู่สุขเสียทีไหน  เอามาจับมือผมไว้ใต้โต๊ะ  มันบีบมือผมเสียแน่นตอนที่รับปากพ่อ  นี่คือสิ่งเดียวกระมังที่ทำให้ผมรู้สึกว่า  แม้ไกลห่างจากพ่อ  กับ  แม่    แต่ผมจะไม่มีวันทุกข์  ไม่มีวันที่ผมจะเหงาแน่นอน

   มือที่กระชับแน่น . . .

   . . . ดุจสัญญา  ไม่ทอดทิ้งกัน

   ผมบีบมือตอบพี่โน้ตเบา ๆ   คำสัญญา  ที่ผูกมัดหัวใจของผมเอาไว้  หัวใจมันเต้นแรง  ทั้ง ๆ  ที่บางมุมของความรู้สึกมันบอกว่าเหงา  ที่ห่างจาก พ่อ กับ แม่  ตั้งสามเดือน

   “เอางี้  พอไอ้สองแสบนี่สอบเสร็จ  ลาพักร้อนไประยองสักอาทิตย์ดีมั้ยแม่”  ลุงตุ้ยหันมาทางแม่พี่โน้ต

   “ก็ดีนะพ่อ   ไม่ได้ไปเลยชุมพรมาหลายปีแล้ว”

   “ให้มันแน่  ไปจริง ๆ เหอะเต็มที่ละครับพี่ตุ้ยงานนี้”  พ่อหัวเราะเบา ๆ  ดูจะปล่อยความหนักใจที่มีอยู่ไปมาก

   “ตกลงสอบเสร็จพ่อพาเที่ยวระยองว่ะโอห์ม  เป็นพยานนะแม่  พ่อพูดแล้วห้ามคืนคำ”  พี่โน้ตมันกระดี้เปนกระดี่ได้น้ำ

   “เห็นยังอาท  พี่มันแสบยังไง   ก็มีตัวอย่างแสบ ๆ  แบบนี้ไง น้องมันถึงได้ทำตาม”  ลุงตุ้ย   หัวเราะอีกครั้ง  ก่อนเอามือมาโยกหัวพี่โน้ตเบา ๆ

   ผมรู้ว่านั่นคือเวลาแห่งความสุข  . . .

   . . . . ไม่มีอะไรห่วงใยเราเท่าครอบครัว

   ผมออกจะโชคดีที่เติบโตมาท่ามกลางความรักของทุก ๆ  คน  และดูเหมือนว่า  ความรักที่ผมได้รับมันมากมายเสียเหลือเกิน  ผมมีพ่อและแม่ที่รักผมยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด

   ความรัก . . .

   . . . ที่ผมได้รับ  ดูงดงามเหลือหลาย 

   ผมโชคดี  มีพี่  มากกว่าพี่  สิ่งดี ๆ  ที่ผมได้รับในวันเก่าก่อน  คือ ภูมิต้านทานชั้นดี  ยามที่ผมอ่อนล้าจากเรื่องราวทั้งหลาย  ผมคงไม่มีอะไรที่จะบอก  นอกจากขอบคุณทุก ๆ  ความรักที่ผมได้รับ  ความรักที่อยู่รอบ ๆ ตัวผม



   บ่ายจัดแล้ว  หากท้องฟ้ายังมีแต่ม่านน้ำฝนที่พรำไปทั่วทั้งเมือง   ความมืดจากม่านน้ำฝน  คล้ายเวลาพลบค่ำ  ผมไม่ได้เรียนตั้งแต่เช้า  เพราะห้องเรียนที่ศูนย์ศิลปะฯ  ห้องที่ผมเรียน  เป็นห้องโดดเดี่ยวหลังพระพุทธรูปปางลีลา  ยามลมพัดมา  ฝนจะสาดเข้ามา  อีกทั้งเสียงฝนที่กระทบหลังคา  ทำให้อาจารย์สอนไม่ได้    สิ่งเดียวที่ทำได้  คือนั่งเรื่อย ๆ  เพื่อรอเวลาเลิกเรียน

   “ตกทำไมนักหนาว่ะ  หลายวันแล้วนะเนี่ย”  ไอ้ศาลมันบ่น  สายตาเหม่อมองออกไปนอกห้องเรียน

   “นั่นดิ  เมื่อเช้าตอนกูมาพ่อเลยไปส่งพี่ที่ ญรส.  ก่อน  ขากลับกูเห็นที่คลองหาดใหญ่ในน้ำขึ้นเต็มแล้วนะโว้ย  ตกแบบนี้  มีหวังท่วมแน่ ๆ”    ไอ้บอลร่วมด้วยช่วยกัน

   “ไอ้โอห์ม  นั่งทำพระเอกมิวสิคนะมึง”  ไอ้ศาลย้ายมานั่งข้าง ๆ  กู

   “เรื่องของกู  คนยิ่งเปลี่ยว ๆ ฝนดันตกอีก”

   “คิดถึงแม่หรือมึง”   ไอ้ศาลยื่นหมากฝรั่งกั้มส์  รสองุ่นของอร่อยที่พวกผมชอบซื้อกันที่ตลาดกิมหยงมาให้เคี้ยวแก้เซ็ง

   “เออดิ  ทำไมไม่ย้ายตอนกูเรียนจบไม่รู้  แม่งย้ายห่าไร  ตอนตุลา  เวรชิบ”

   “ตอนปิดเทอม  มึงไปอยู่มาสองอาทิตย์ไม่ใช่เหรอ    เพิ่งกลับมาไม่ถึงเดือนเองนะโว้ย”

   “เออ”

   “เอาน่ามึง ไม่กี่เดือนเอง  ว่าแต่ จบ ม.๓  มึงจะเรียนต่อที่นี่มั้ย” 

   มันหันมามองหน้าผม  เรื่องเรียนต่อ ม.ปลายอีก  เป็นเรื่องที่มันหนักหัวพอสมควร  ผมคงไม่มีโอกาสได้เรียนต่อที่เดิมอีกแล้ว  เพราะหากผมเรียนต่อที่เดิม  ผมจะอยู่อย่างไร  ในเมื่อพ่อกับแม่ย้ายไประยองหมดแล้ว 

   ผมอาจจะต้องไปเรียนที่ระยอง . . .

   . . . หรือ

   หาก . . . พี่โน้ตเรียนที่กรุงเทพฯ  ผมอาจจะขอพ่อกับแม่เรียนที่กรุงเทพฯ  แต่มันอยู่ที่ว่าผมจะสอบเข้าโรงเรียนไหนได้ล่ะ  แล้วผมก็ไม่เคยรู้เกี่ยวกับเรื่องโรงเรียนที่กรุงเทพฯ  เลยด้วยซ้ำ  ปัญหาที่ผมพยายามไม่คิด  เหมือนจะค่อย ๆ  โผล่มาในในสมองเมื่อไอ้ศาลมันพูดถึง

   “คงไม่ว่ะเพื่อน  พ่อคงไม่ยอม  ที่ยอมให้อยู่ต่อจนจบ ม.๓  นี่ก็บุญเท่าไหร่แล้ว”  ผมเริ่มเศร้า  เมื่อนึกถึงวันที่ต้องจากเพื่อน ๆ ที่เคยเรียนกันมาสามปี

   “ไอ้โอห์ม  พวกกูคิดถึงมึงแย่เลยว่ะ”   ไอ้บอลมันมานั่งประกบผมอีกข้าง  มันเอามือมาโอบไหล่ผมเอาไว้

   “อย่ามาเพื่อน  อย่ามาทำซึ้งคนยิ่งเหวง ๆ  อยู่”

   “ห่านี่  กูพูดจริง ๆ  นะโว้ย  ไอ้ศาลนะมั่นโควตาเห็น ๆ  แต่กูนี่ดิจะสอบได้ที่เดิมหรือปล่าวยังไม่รู้  มึงนะเห็นท่าจะยากที่สุด  พ่อมึงย้ายไปไกลขนาดนั้น  แถมพี่มึงก็จบอีก  ถ้าพี่มึงไปเรียนที่กรุงเทพฯ  มึงคงไม่ได้อยู่ที่นี่  กูบอกมึงไง  ว่าพวกกูคิดถึงมึง  เพราะมึงมันต้องไปก่อนใครเห็น ๆ กันอยู่”

   สิ่งที่มันพูด  ผิดเสียที่ไหน . . .

   . . . พี่โน้ตไม่ยอมเอ็นท์ฯ  ตรงเข้า มอ.

   . . . พี่จะไม่เอ็นท์ฯเข้า มอ.  นะโอห์ม  พี่จะไปเรียนกรุงเทพฯ   ถ้าเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐฯ  ไม่ได้  พี่จะเรียนเอกชน  อย่างน้อยที่สุด  พี่ยังมีหวัง  ว่าพี่จะได้อยู่ใกล้โอห์มกว่าที่หาดใหญ่  เพราะลุงอาทคงไม่ยอมให้โอห์มเรียนต่อที่นี่แน่ ๆ . . .

   พี่โน้ตเคยบอกไว้ . . .

   . . . เพียงแต่ผมไม่คิด  ไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน  อาจเพราะผมเกิดที่นี่  โตที่นี่  ผมคิดว่าผมจะเรียนต่อจนจบมัธยมที่นี่    ทุก ๆ  อย่างของผมมันเกิดขึ้นที่นี่   แต่ทุก ๆ  สิ่งในโลกนี้ล้วนเปลี่ยนแปลงเสมอ

   “ทำไมต้องย้ายก็ไม่รู้  กูล่ะเซ็ง”

   “เอาน่า  แยกกันสักสามปี  แล้วค่อยเอ็นเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกัน”  ไอ้ศาลมันตบไหล่ผมเบา ๆ

   “แม่ง  มึงพูดอย่างกะง่าย ๆ  นะคุณไพศาล  ไอ้กระผมลำพังจะเอาตัวเองเข้าต่อ ม.๔  ที่นี่ยังไม่รู้จะไหวหรือไม่  จะวาดฝันไกลถึงมหาวิทยาลัย”

   “ลองฝันสิครับคุณบอล  แล้วลองเดินตามฝันดู  พยายามหน่อย  เปลี่ยนจากเวลาแตะบอลสองชั่วโมงมาสนใจกองตำรา  อีกเทอมนึงยังทันนะเพื่อน”  ไอ้หนอนหนังสือหันมายิ้ม

   “มึงจะติวให้กูมั้ยล่ะ”

   “ยินดีครับ  หากคุณท่านจะให้กระผมติวจริง ๆ  แต่คิดว่าติวแพงนะโว้ย”

   “ไอ้ยิว”

   “ของแบบนี้มันต้องมีติดปลายนวมกันหน่อยดิคร๊าบ  ไม่งั้นมันไม่มีลุ้น  มีเสียว  เอาน่ามึง  ต่อจากนี้เลิกเรียน  กูจะติวให้มึง  ชั่วโมงครึ่งก่อนกลับบ้าน  เสาร์อาทิตย์สองชั่วโมงต่อวัน  แล้วถ้ามึงสอบได้  กูขอ . . .”  มันมองหน้า

   “. . . มึงว่าขอไรดีว่ะโอห์ม”  มันหันมาถาม

   “กูไม่รู้  อย่ามาถาม  เพราะกูหมดโอกาสเรียนที่นี่แน่ ๆ  แล้วเพื่อนเอ้ย”  ผมหันไปยักคิ้วให้มัน

   “มึงจะเอาอะไรบอกมาดีกว่า”

   “ตั๋วรถทัวร์ไปกลับ  ไปหาไอ้โอห์มมัน  โอเคมั้ย”  ไอ้ศาลขยับแว่น

   “สุดยอดเลยมึง  ความคิดมึงนะอัจฉริยะแท้ . . .”  ไอ้บอลเอื้อมมือมาผลักหัวไอ้ศาลเบา ๆ 

   “. . . เฮ้ย  น้ำท่วม”    มันร้องเสียงหลง  ก่อนดึงขาขึ้นนั่งยอง ๆ  เอาไว้กับก้าวอี้

   “ชิบหายล่ะมึง  ทำไงดีว่ะ”  ผมยกขาตาม  ในขณะที่เพื่อน ๆ  ในห้องร้องกันลั่น  เพราะน้ำที่ทะลักเข้ามาในพื้นห้องอย่างรวดเร็ว

   เพียงครู่เดียวก็มีเสียงประกาศให้นักเรียนรีบกลับบ้านโดยเร็วที่สุด  เพราะน้ำจากคลองหาดใหญ่ในทะลักเข้ามาทางท่อระบายน้ำ  และคาดว่าน้ำคงจะท่วมแน่ ๆ   สิ้นเสียงประกาศเท่านั้น  ในโรงเรียนเหมือนมีการจรจลย่อย ๆ 

   “โอห์ม  รีบกลับเหอะมึง”  ไอ้บอลบอก  ก่อนที่จะไปคว้ากระเป๋า

   “ไอ้ศาลกลับบ้านดี ๆ  นะมึง”   ผมหันไปหามัน

   “ห่วงมึงเหอะไอ้ห่าโอห์ม  เดี๋ยวกูแวะกลับกับน้าที่โรงเรียนพล  มึงกับไอ้บอลเหอะ  ไกลกว่ากูอีก  คอหงส์โน่น”

   “เออ ๆ  งั้นไว้พรุ่งนี้เจอกัน”  ไอ้ศาลโบกมือก่อนเอาเสื้อฝนมาคลุม

   ผมกับไอ้บอลมองหน้า  เพราะไม่มีใครเอาเสื้อฝนมา    ไอ้พอหันไปหาร่มที่กางผึ่งเอาไว้หลังห้องมันก็อันตธานหายไปกับเสียงประกาศของครูเมื่อสักครู่เรียบร้อยโรงเรียนโจรไปแล้ว  สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้คือ  เอากระเป๋าปิดบนศรีษะ  ก่อนเดินออกมาจากห้องเรียน

   “รีบเหอะมึง  เด็กเยอะขนาดนี้ตุ๊ก ๆ  คงมีหรอก  แม่งแย่งกันอย่างกะไรดี”  ไอ้บอลเร่ง  เมื่อผมยกมือไหว้พระประจำโรงเรียน

   “เออ  ห่านี่เร่งจัง”  ผมพยายามก้าวเท้าสูง ๆ  เพราะน้ำมันเลยตาตุ่มมาแล้ว

   “สวรรค์โปรดแล้วไอ้โอห์ม”  เสียงไอ้บอลร้องออกมา  เมื่อออกมาเกือบถึงประตูโรงเรียน  ผมหันไปมองตามเสียงของมันก่อนยิ้มออกมา

   “พี่โน้ตนี่หว่า”

   “กลับบ้าน  น้ำท่วมหาดใหญ่แน่ ๆ”  พี่โน้ต  จอดรถเทียบที่ผม  ก่อนที่จะถอดเสื้อกันฝนให้ผม

   “พี่ใส่เหอะ”

   “ใส่ไป  เร็วเข้า  ตอนมาน้ำทะลักจากคลองหาดใหญ่ใน  เดี๋ยวคงขึ้นเยอะกว่านี้”  พี่โน้ตส่งเสื้อกันฝนให้ผม

   “ไปเร็ว  น้ำจะท่วมเมืองอยู่แล้ว  เขยิบมาอีกสิโอห์ม. . .”  พี่โน้ตบอก  เมือผมขึ้นคร่อม

   “. . . มึงจะยืนอีกนานมั้ยไอ้บอล  รีบขึ้นมาเร็วสิ  ห่านี่  ฝนตกกูหนาว”  พี่โน้ตหันไปหาไอ้บอล  ที่ยืนมองอยู่

   “นึกว่าจะไม่ชวน  แต่ซ้อนสามมันจะดีหรือพี่”

   “ปากดีอีกมึง  เดี๊ยะ  ทิ้งไว้แม่งเลย  เร็ว ๆ  เข้า  มึงไม่เห็นเหรอ  น้ำจะถึงหัวเข่าแล้ว  หมาต๋าตัวไหนจับกูจะด่าแม่งให้”    ปากมันตะโกนแข่งกับสายฝน  มือมันบิดคันเร่งเลี้ยงเครื่องเอาไว้ 

   ทันทีที่ไอ้บอลนั่งซ้อนพี่โน้ตออกรถไปอย่างรวดเร็ว  ผมนั่งเบียด  เอาใบหน้าหลบสายฝนที่ปลิวมาปะทะใบหน้า  กับหลังพี่โน้ต  รถเคลื่อนที่ไปได้ไม่เร็วนัก  เพราะน้ำจากท่อน้ำทิ้งดูเหมือนจะทะลักขึ้นมาตามฝาตะแกรง

   ระดับน้ำค่อย ๆ  ต่ำลง  เมื่อมาถึงหน้าสถานีตำรวจหาดใหญ่  แต่รถก็ยังไม่สามารถเคลื่อนไปได้เร็วเท่ากับวันอื่น ๆ    อาจเพราะสายฝนที่ยังคงพรำอยู่ตลอดเวลา  ทำให้เมืองหาดใหญ่เริ่มกลายเป็นอัมพาต  เมื่อมาถึงสะพานลอยข้ามทางรถไฟ

   “ทำไมรถมากแบบนี้พี่โน้ต”  ผมตะโกนแข่งกับสายฝน  เมื่อรถค่อย ๆ เลี้ยวซ้ายมาถึงหน้าตลาดกิมหยง

   “น้ำท่วมอุโมงค์ไง  เลยมาได้ทางนี้ทางเดียว  ถ้าฝนยังไม่หยุดสงสัยน้ำท่วมหาดใหญ่แน่ ๆ”  ปากมันตะโกนกลับมา

   “อย่ามาตลก  ตั้งแต่เกิดมา  น้ำไม่เคยท่วม”

   “ไม่เคยก็เคยได้โว้ยไอ้ห่าโอห์ม  มึงไม่เห็นเหรอ  ขนาดที่ศูนย์ศิลปฯ  แม่งน้ำมาโครตเร็วเลย  ดีนะมึงที่พี่โน้ตไปรับ  ไม่งั้นป่านนี้มึงกับกูจะเรียกตุ๊ก ๆ  กลับได้ยังก็ไม่รู้  อัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยไว้เลยว่ะ  ขอบใจนะพี่”

   “แล้วทำไมพี่โน้ตถึงไปรับ  ไม่กลัวเหรอ”  ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมถามไปแบบนั้น

   “ถ้ากลัวคงไม่ไปหรอก  พอปกครองประกาศกลับบ้านด่วน  รีบเผ่นมาที่รถก่อนเลย  บิดแข่งกับพายุ  เพราะเพื่อนที่มันอยู่คลองหอยโข่ง  มันบอก  ถ้าฝนตกแบบนี้อีกครึ่งวัน  น้ำทะลักแน่ ๆ  หาดใหญ่ในจะท่วมก่อน  เลยใจคอไม่ดีตั้งแต่เช้า  เพราะโอห์มไปเรียนศูนย์ศิลปฯ”

   “ทำไมกูไม่มีพี่แบบนี้มั่งวะ”

   “เป็นไรมากมั้ยมึง”

   “อิจฉาโว้ย  พี่กูไม่เห็นมันจะสนใจเท่าพี่มึงเลย  ขนาดพี่มึงห่วงมึงขนาดนี้  มึงยังชอบกวนตีนพี่มึงเรื่อยเลย  เป็นกูนะ  มีพี่ดี ๆ  แบบนี้กูรักตายเลย” 

   ผมไม่ตอบคำถามหรืออะไรก็แล้วแต่ที่ไอ้บอลบอก  หากแต่มือที่โอบเอวพี่โน้ตเอาไว้  กระชับแน่นกว่าเดิมอีก  ภาษากายมมันมีค่ามากกว่าคำพูดเสมอ  ผมเชื่อเพราะคำพูดโกหกได้  แต่สิ่งที่เรากระทำกับอีกคน  มันไม่สามารถหลอกกันได้

   “เออ  เรื่องของกู”

   ผมตอบมันหากแต่แอบเอาจมูกกดไปที่ท้ายทอยพี่โน้ตอย่างเต็มแรง  ขอบคุณทุก ๆ  ความห่วงใยที่ผู้ชายคนนึงมีให้กับผม  ผู้ชายที่แบ่งความรัก  ความห่วงใย  ความอบอุ่นให้กับผมยามที่สายฝนพรำแบบนี้   

   ขอบคุณผู้ชายในสายฝน . . .
   

   

   
   


หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 10-04-2009 16:49:35

• ผมตอบมันหากแต่แอบเอาจมูกกดไปที่ท้ายทอยพี่โน้ตอย่างเต็มแรง
ว้าย มิน่า.......โอห์ม ดังแหมบ 5555555
ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 10-04-2009 17:12:47
ซาบซึ้งกับผู้ชายในสายฝนจริงๆ

ขอบคุณนะจ๊ะ บวก 1 แต้มด้วยจ้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: dokjarn ที่ 10-04-2009 19:23:20
:L1:

อ้างถึง
หวาย . . .

สัญญาว่าจะไม่เกิน ๒๔ ชั่วโมง

แต่คาดว่าเกินนิดหน่อย  เจออิทฤทธิ์กระบือเข้าไปทำให้การมาส่งต้นฉบับช้าไปหลายชั่วโมงครับผม  งานนี้ผมไม่ผิดนะครับ  แต่ผิดที่กระบือ  มันทำให้ผมเจอกับโน้ตบุคช้าอ่ะครับ  เลยโพสต์ช้า  เสียเวลาในรถนานมากกกกกกก

  ไม่น่าขีดเส้นตายเลยกรู

ปล.  ขอใช้อักษรสีควาย ๆ  ก่อนนะวันนี้  ไว้อาลัย  แด่ความโง่ . . .

 :L1: :L2: :L1:

+1 แต้ม ชอบข้อความนี้ อย่างไม่มีเหตุผล

อ่านตอนที่ 13 นี้ ด้วยความรู้สึกว่า

ไอ้พี่โน๊ต นี่เค้ารักน้องโอห์ม ของเค้าอย่างไม่มีเงื่อนไขเหมือนกัน

ห่วงตลอด นึกถึงตลอด ดูแลทุกห้วงเวลาจริงๆ

อิ อิ จนเพื่อนมันบอกว่า.. “ทำไมกูไม่มีพี่แบบนี้มั่งวะ”..555

เอาใจช่วยคุณราชบุตร นะครับ

ตอนนี้คงดีขึ้นแล้วละมั๊ง

ควายกลับเข้าคอกหมดแล้วนี่

รอตอนต่อไปนะคร้าบบบ


 :pig4: :pig4:
 :z2:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 10-04-2009 20:28:48
 :z13:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 10-04-2009 21:13:13
ขอพี่แบบนี้สักคนด้วยได้ไหม ^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kinosawa ที่ 10-04-2009 21:17:12
โห แบ็กกราวด์เรื่องนี้ตั้งแต่สมัย ญ.ส. ยังเป็นศูนย์ศิลป์ของ ญ.ว. เลยเหรอคะ
คิดถึงตอนน้ำล้นคลอง ต้องลุยน้ำกลับบ้านเลยค่ะ ให้บรรยากาศมาก

ขอบคุณมากนะคะ

ปล. คลองหาดใหญ่ในตอนนี้ คือ คลองอู่ตะเภา ค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 10-04-2009 21:28:49
จะจบม.ต้นแล้วนี่เนอะก็ต้องเลือกเส้นทางของตัวเองอีกแล้ว
อยากจะใกล้พ่อกับแม่แต่ก็อยากจะใกล้พี่โน๊ตเหมือนกัน
ชอบจังบางการกระทำของพี่โน๊ตไม่ต้องพูดไม่ต้องเ่อ่ยอะไร
แต่การกระทมันบ่งบอกถึงความห่วงใยน้องยังเห็นได้ชัด
ส่วนเจ้าน้องถึงจะพยายามไม่อ่อนแอแต่จริงๆแล้วคงไม่มีใครสะกดกลั้นความ
อ่อนแอให้จมไปได้หรอก จะต้องห่า่งกับคนที่เรารักและไม่เคยห่างจากเรา
เลยก็ขอหน่อยเหอะ แต่ที่อุ่นใจคือยังมีพี่โน๊ตคอยดูแลอยู่ข้างๆ ไม่ทิ้งให้รู้สึกเดียวดาย

หาก แต่มือที่โอบเอวพี่โน้ตเอาไว้  กระชับแน่นกว่าเดิมอีก  ภาษากายมมันมีค่ามากกว่าคำพูดเสมอ 
ผมเชื่อเพราะคำพูดโกหกได้  แต่สิ่งที่เรากระทำกับอีกคน  มันไม่สามารถหลอกกันได้

>> อบอุ่นเกินคำบรรยายจริงๆ

ขอบคุณคุณราชบุตรคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 10-04-2009 21:38:03
โห แบ็กกราวด์เรื่องนี้ตั้งแต่สมัย ญ.ส. ยังเป็นศูนย์ศิลป์ของ ญ.ว. เลยเหรอคะ
คิดถึงตอนน้ำล้นคลอง ต้องลุยน้ำกลับบ้านเลยค่ะ ให้บรรยากาศมาก

ขอบคุณมากนะคะ

ปล. คลองหาดใหญ่ในตอนนี้ คือ คลองอู่ตะเภา ค่ะ


อุ้ย . . .

คนหาดใหญ่อีกคนแร่ะ  ในเล้านี่คนหาดใหญ่เยอะจังเนาะ

เข้ามากด +  รีบน ๆ  เพราะสาแก่ใจ . . .  ควายมุขเป้ก  กลับสู่ที่เดิมแร่ะ


หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 10-04-2009 21:50:15
ขอแบบพี่โน๊ตสักคน

พอมีเหลือปะ

อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: C2U ที่ 10-04-2009 22:44:43
อืมม   ดูโน๊ต  ห่วงใยโอห์ม ม๊ากมากอ่ะ

น่ารัก  น่าอิจฉาจิง    :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: Ryuse ที่ 10-04-2009 23:50:14
ก่อนอื่นขอพูดจาไม่สวยก่อนนะครับ

ไม่ชอบอารมณ์ประมาณ "รักจำพราก" เลย

ส่วนนอกนั้น . . . รักหมดใจครับ

ป.ลิง รักคนแต่งที่ซู้ดดดดดดดดดดดดดดดด :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 11-04-2009 00:02:09





เลยตั้งสมมติฐานเล่น ๆ  ดู

๑. โน้ตยังมีชีวิตหรือไม่ . . .

๒.  มิลล์รู้เรื่องราวทั้งหมดหรือปล่าว . . .

๓. คนรักกันมาก  จะมีแรงเหวี่ยงอะไรที่ทำให้ต้องเดินจากอีกคน  (อันนี้อยู่นพล๊อตแรกตอนที่อยากเขียน)

๔.  การมาของโอ๊ตไม่ใช่เรื่องบังเอิญใช่ไหม . . .

๕. โอห์มจะได้เจอกับโน้ตอีกหรอไม่ . . . จะเจอในสถานะตัวเป็น ๆ  เจอในสถานะอีกฝ่ายเจ็บป่วยหนัก  หรือจะเจอ  แค่เศษกระดูก  (อันนี้ยังเลือกไม่ได้ว่าจะเจอแบบไหน  เพราะยังเขียนไม่ถึง)

๖. คนเขียนกวนตรีน . . . ชอบเล่นกับความรู้สึก 



๑. โน้ตยังมีชีวิตหรือไม่ . . . 

- โอ๊ต  โทรหาพ่อ  แปลว่ายังมีชีวิตอยู่  แต่จะครบสามสิบสองหรือปล่าว  อันนี้น่าคิด


๒.  มิลล์รู้เรื่องราวทั้งหมดหรือปล่าว . . .

-  น่าจะไม่รู้  เท่าที่คุยมา


๓. คนรักกันมาก  จะมีแรงเหวี่ยงอะไรที่ทำให้ต้องเดินจากอีกคน  (อันนี้อยู่นพล๊อตแรกตอนที่อยากเขียน)

- ยังอยู่ในหัวเช่นเดิม  อิอิอิ  ไม่บอก  บอกเรื่องก็จบเด่ะ


๔.  การมาของโอ๊ตไม่ใช่เรื่องบังเอิญใช่ไหม . . .

- ไม่บังเอิญ  เพราะโน้ตส่งมา  


๕. โอห์มจะได้เจอกับโน้ตอีกหรอไม่ . . . จะเจอในสถานะตัวเป็น ๆ  เจอในสถานะอีกฝ่ายเจ็บป่วยหนัก  หรือจะเจอ  แค่เศษกระดูก  (อันนี้ยังเลือกไม่ได้ว่าจะเจอแบบไหน  เพราะยังเขียนไม่ถึง)

- เจอดีไหมหว่า  แต่ไม่เจอแบบเศษกระดูกแน่ ๆ   หรือ  ไม่เจอเลยชาตินี้


๖. คนเขียนกวนตรีน . . . ชอบเล่นกับความรู้สึก 

-  กวนตีนสุด ๆ  อีกเนาะคนเรา
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 11-04-2009 02:32:49


• โอห์มจะได้เจอกับโน้ตอีกหรอไม่ . . . จะเจอในสถานะตัวเป็น ๆ  เจอในสถานะอีกฝ่ายเจ็บป่วยหนัก  หรือจะเจอ  แค่เศษกระดูก  (อันนี้ยังเลือกไม่ได้ว่าจะเจอแบบไหน  เพราะยังเขียนไม่ถึง)

- เจอดีไหมหว่า  แต่ไม่เจอแบบเศษกระดูกแน่ ๆ   หรือ  ไม่เจอเลยชาตินี้
ต๊าย ท่าจะมีไตรภาค อิอิ
ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 11-04-2009 13:30:32
http://media.imeem.com/m/of7bmqLpIJ
ตอนที่ ๑๔

   ระหว่าง . . . คนที่เรารัก

   . . . กับ . . .

   คนที่รักเรา . . .

   เราควรจะเลือกใครดี


   . . .  คำถามที่ดูเหมือนจะง่าย ๆ  เพราะมันไม่มีความสลับซับซ้อนอะไรเลย   แต่ทำไมเวลาที่จะคิดหาคำตอบมันถึงยาก . . . 

   ยากมากส์ . . . เสียด้วย  ไม่รู้ใครหนอช่างตั้งคำถาม  คำถามที่  เราต้องเลือกเพียงแค่หนึ่งเดียวเท่านั้น 

   คนที่เรารัก . . .

   . . . เขาอาจรัก  หรือ  ไม่รักเราก็ได้  เพราะไม่ได้ขยายความในคำถาม  หากเป็นอย่างแรก  คนที่เรารัก  และ เขารักเราด้วย  มันก็มีความสุขดีอยู่หรอก  สำหรับคนสองคนที่รักกัน

   แต่ . . .

   . . . ถ้าเป็นเพียงแค่  เรารักเขาล่ะ?

   วานใครตอบแทนได้ไหม

   ส่วน . . . คนที่รักเรา

   คนที่รักเรา  แล้วเรารักเขามั้ย  ถ้าเรารัก  ก็คือคนสองคนรักกันอีกนั่นแหละ  แต่ถ้าเราไม่ได้รักเขา  มันจะแตกต่างอะไรไปจากสิ่งแรก . . . คนที่เรารัก และเขาไม่ได้รักเรา

   ความรัก . . .

   . . . จึงเป็นอะไรให้น่าค้นหาเรื่อย ๆ สำหรับการเกิดเป็นคน

   แต่ . . .

   อาจจะไม่ใช่ผมหรอก  เพราะผมไม่มีความรักมานานมาก  เหมือนคนที่ทำเวลาหล่นหายไปในชีวิต  มาตอนนี้  เราได้เจอเวลานั้นแล้ว  เวลาที่ควรจะสุขที่สุด  เวลาที่เราจะไม่หนีหัวใจตัวเองอีกต่อไป

   . . . มีใครบ้างที่จะหลีกหนีหัวใจตัวเองพ้น

   ไม่มีหรอก . . .

   . . . เราอาจจะหนีอะไรก็ได้  หาก  การหนีหัวใจตัวเองมันยากเหลือประมาณ  ยากเกินกว่าที่เราจะทำมันได้ หรือ มีใครจะคัดค้านว่าหนีหัวใจตัวเองได้พ้น

   . . . ห้ามกลางคืนมิให้มีดวงดาวและพระจันทร์ 

   ห้ามกลางวันมิให้มีแสงแห่งตะวัน . . .   

   . . . ห้ามคนเอากัน . . . ห้ามยากครับพี่น้อง 

   จงทำสิ่งที่ดีที่สุด . . . แล้วเราจะได้สิ่งที่ดีที่สุดกลับมา

   ความรัก . . . ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย

   หากแต่ . . .

   มันคือแรงขับ  คือ ขุมพลังแห่งพลานุภาพอันยิ่งใหญ่  พลังที่มีสองด้านทั้งด้านดีและด้านร้าย  มันขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลิกเอาสิ่งใดนั่นต่างหาก

   ทุกอย่างในโลกนี้ล้วนมีสองฝั่งเสมอ . . .

   ทำไม . . .

   ต้อง . .  . สอง 

   ปล.  มันจะใช่ . . . สองตัวแม่ของเล้าหรือเปล่าหว่า  ข่าวแว่วมาว่าแรงเกินร้อย  สวยเกินพิกัดแค้น  กะเทยเจอเจ้เป็นต้องหลบ  ชะนีเป็นต้องหลีก  สิบล้อเบรคแตกยังหักพวงมาลัยหนี  เพราะเจ้แกแรงส์ . . .   

   สองในที่นี้ คือ . . . คู่

   ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก . . . 

   ล้วนมีคู่ด้วยกันทั้งนั้น  บางทีก็เป็นคู่ที่ส่งเสริมกัน  หากบางอย่างนั้นเล่า  คือคู่ที่หักล้างกันดี ๆ  นี่เอง  แต่โอห์มจำไว้นะ  จงเลือกเอาสิ่งที่ดีที่สุดหยิบยื่นให้คนอื่น

   เพราะว่า . . .

   . ..  หากเราอยากได้สิ่งใด  จงมอบสิ่งนั้นให้เขาก่อน

   อยากได้ความรัก . . .

   . . . จงมอบความรักให้

   แล้วสักวันหนึ่ง . . .

   . . . สักวัน . . .

   . . . เราจักได้ความรักตอบแทน

   เคยถามตัวเอง . . .

   . . . ความรักมันต้องใช้ช่วงเวลาหรือ ? 

   คนเราต้องเจอกันนานขนาดไหนถึงจะรักได้หรือ  ความรักมันเกิดได้ทุกแห่งทุกเวลา  มิใช่หรือ

   ความรัก . . .

   . . . ไม่เกี่ยวกับเวลา

   ผมรู้แค่ว่ามันเกี่ยวเนื่องกับหัวใจตัวเอง . . .

   . . . หากแต่

   ไม่รู้หัวใจอีกคน . . .

   แต่วันนี้  ทุก ๆ  คำถามที่คั่งค้างในหัวใจ  มันค่อย ๆ  ผ่อนคลายไปในทางที่ดี  ความรักที่มีในวันก่อน  เพิ่มพูนมากมายตามวันเวลา  คอยอีกหน่อยนะโอห์ม  คอยอีกสักนิดเดียว  รออีกไม่นานหรอก  แล้วเวลานั้นจะเป็นเวลาที่โอห์มจะเป็นคนที่มีความสุขมากที่สุด

    อีกแค่ไม่นานหรอก . . .   

   แค่ให้เวลามันได้ผ่านไปอีกสักนิด  ขอเวลาให้โอห์มได้ปรับความรู้สึกจากการโหยหา  เพราะอีกฝ่ายร้างลา   ให้โอห์มได้สัมผัสว่านี่คือความจริงแท้ที่สุดก่อน  แค่นิดเดียวเท่านั้นเองนะโอห์ม  บางครั้งสิ่งที่ยากที่สุดของคนเราคือ . . . การตัดสินใจ   

   การตัดสินใจ  ต้องใช้เวลา

   เหมือนที่ผ่านมาไง . . . 

   ความรักความผูกพันในสายใยรักที่เคยมี  ที่เคยสัมผัสได้ในวันเก่าก่อน  มันคือบทเรียนที่เราต้องเอามาเป็นแนว  ไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างที่ผ่านมาอีก   เพราะหากเจอกันคราวนี้  โอห์มจะยอมให้พี่โน้ตห่างหายไปอีกหรือ   ไม่มีทางหรอก  ไม่มีทางปล่อยพี่โน้ตไปอีกแล้ว  เราต้องใช้โอกาสให้คุ้มค่ามากที่สุดกับเวลาที่เรามี

   เวลา . . .

   . . . มันไม่เคยรอใครหรอกนะ

   เพราะฉะนั้น . . .

   . . . จงใช้ทุก ๆ  วินาทีให้คุ้มค่ามากที่สุดเท่าที่จะมากได้

   โอห์มมีบทเรียนแล้วไง . . . 

   โอห์มผ่านวันเวลาที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตมาแล้ว  ผ่านช่วง เหงา  ทุกข์ ทรมานหัวใจอย่างที่สุดมาแล้ว  โอห์มผ่านมันมาได้อย่างสวยงามแล้วไง  ที่ผ่านมาสิ่งที่โอห์มคิดมันถูกต้อง  ถูกต้องที่สุดแล้วล่ะโอห์ม

    . . . คนที่รักกัน  ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน  สิ่งที่เหลืออยู่เพื่อเป็นอนุสรณ์ของความรัก มันมีเพียงแค่สองอย่างเท่านั้นเองนะ 

   หากแต่ . . . เลือกได้แค่หนึ่ง

   หนึ่งเดียวเท่านั้นที่   ‘จำ’   ต้องเลือก

   เดินออกไปจากชีวิตของอีกฝ่าย . . .

   . . . หรือ . .

    . . . เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน

   สำหรับเวลาที่ผ่านมา . . .

   . . . สิ่งที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้โอห์ม คือ . . . อย่างแรก

   เห็นมั้ย ! 

   ในความรัก  มันต้องเลือก . . . 

   คนเราต้องเลือกเสมอนะ    การเลือกอาจจะมีทั้งดีและไม่ดี  แต่โอห์มต้องมองให้ดี  พิจารณาให้ถ่องแท้  การที่เราจะเดินไปหยิบอะไร  อย่าสักแต่ว่าของนั้นสวย  ของนั้นงาม  สีที่สวย  สิ่งที่งามอาจเคลือบไว้ซึ่งยาพิษ   

   สำหรับโอห์ม  ในเวลานี้  เป็นเวลาที่โอห์มน่าจะรู้หัวใจตัวเองเป็นที่สุด  ของที่โอห์มจะหยิบต่อจากเวลานี้  เป็นของที่โอห์มมองมันด้วยหัวใจ  สัมผัสมันด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่โอห์มมี 

   . . . สิ่งที่โอห์มเลือก

   จะสวยงามไปตราบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิตโอห์มเลยนะ . . .

   โอห์มต้องมั่นใจ . . .

   สิ่งที่พี่โน้ตกระทำลงไปทั้งหมด  พี่โน้ตทำดีที่สุดแล้ว   ดีที่สุดในห้วงเวลานั้น  ทุก ๆ  อย่างที่พี่โน้ตทำ  มันอาจจะทำให้โอห์มเสียใจที่ต้องพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก 

   แต่ . . .

   โอห์มก็ผ่านมาได้    โอห์มมองเหรียญอีกด้านนะ  หาก  วันนั้น  พี่โน้ตรั้งโอห์มเอาไว้  ป่านนี้  ชีวิตโอห์มจะสวยงามแบบนี้หรือไม่ 

   โอห์มจะเสียใจทำไม   กับสิ่งที่ผ่านมาแล้ว  และโอห์มก็ไม่ต้องกลัวกับสิ่งที่ยังไม่เกิด  สิ่งที่ยังมาไม่ถึงจักกลัวไปใย

   . . . ผมสูดลมหายใจลึก ๆ ยาวที่สุด

   แน่ใจ . . .  แน่ใจแบบที่ไม่เคยแน่ใจมาก่อนในชีวิต

   ตอนนี้ . . .

   . . . เวลานี้

   หัวใจผม . . . ผมรักตัวเองมากกว่าเวลาที่ผ่านมา   ผมรักและหวงแหนตัวเองมากพอ ๆ  กับที่หัวใจผมรู้สึกรักใครสักคน

   ใครสักคน . . .

   คนที่ผมรู้สึกรักอย่างเต็มหัวใจ . . . พี่โน้ต

   “อาโอห์มไม่นอนอีก”  ไอ้ตัวแสบที่นอนบนเตียงส่งเสียงร้องบอก  จนผมต้องหยุดคิด  หยุดตัดสินใจก่อนหันไปหาโอ๊ต

   “เดี๋ยวดิ๊  งานค้างอยู่”

   “นอนดึกแก่เร็วนะอา  แถมขอบตาจะเหมือนช่วงช่วง”  มันลุกมาจากเตียง  ก่อนเดินมาที่โต๊ะทำงาน  ที่ผมนั่งเปิดคอมฯ  ทิ้งเอาไว้

   “กำลังฟังเพลง  หากันจนเจอ อินมากตอนนี้”    ผมหันไปยิ้มกับโอ๊ต

   “แปลว่า  กำลังมีความรักหรืออา”

   “ไม่รู้สิ  อาจจะเจอสิ่งที่หล่นหายไป  เคยฟังมั้ยนี่  เพลงนี้ไง”  ผมยิ้มอีกครั้ง  ก่อนที่จะใช้นิ้วกดที่เพลงเดิมอีกรอบ

   นั่นไง . . . 

   ทำไมหรือ  โอห์มมีอะไร  ทำไมไม่พูดออกไปตรง  มันชอบมากหรือไง กับการให้คนอื่น ๆ ต้องตีความหมายเอาเองนะ . . . หากันจนเจอ

   . . .  สิ่งที่ฉันหวัง  สิ่งที่ฉันคอย  อาจดูเหมือนเลื่อนลอยเกือบจะฝันไป  มองหาคน ๆ  นึงที่ไม่รู้เป็นใคร  และไม่รู้เมื่อไหร่จะพบเธอผู้นั้น . . .   เสียงกบ  เสาวนิตย์  แว่วมาจากลำโพงเล็ก ๆ  ที่ผมเปิดเล่นเพลงนี้ซ้ำไปซ้ำมา   

   โปรแกรม . . iTunes 

   เพลงนี้เปิดซ้ำไปซ้ำมาร้อยกว่ารอบ . . . หากันจนเจอ

   . . . .  ส่วนชีวิตฉัน  บอกเลยว่ามี  เจอะคนที่แสนดีอยู่ทุก ๆ  วัน  เพียงแค่ไม่ใครที่จะฝันตรงกัน  แต่ว่าฉันมั่นใจจะพบในไม่ช้า . . .  โอ้ย  เสียงพี่ใหญ่แห่งสามหนุ่มสามมุม  ผู้ที่เคยทำให้โอห์มหลงไหลกับพลง . . .ปาฏิหารย์

   . . .  อาจบางทีในเมืองกว้างใหญ่  หมอกและควันช่วยกันพรางตา  มีขอบรั้วขอบกำแพงสร้างมา . .

   . . . ตึกระฟ้าคอยบังเราอยู่ . . .

   แต่ . . . เราก็หากันจนเจอ  มันนานแค่ไหนที่คอยเธอมา  รู้สึกไหม  ว่าชีวิตคุ้มค่า  เมื่อมีใครสักคนข้างกาย  เกิดมาเพื่อหาใครคนนึง  เป็นคนที่ฟ้าสร้างมาตรงใจ  เราต่างรู้โลกมันแสนกว้างใหญ่  แต่มันคงไม่ยากเกินไป  ที่ฉันจะพบเธอ . .

   . . . อาจมีสักครั้ง . .

    ที่เราสองคน . . .    

   ผ่านทางที่วกวน   อยู่ใกล้ ๆ  กัน  ใบไม้เพียงใบหนึ่งหล่นตอนที่เดินผ่าน  ฉันคงจะมองมันเมือ่เธอเดินผ่านมา  อาจบางทีในเมืองกว้างใหญ่  หมอกและควันช่วยกันพรางตา  มีขอบรั้วขอบกำแพงสร้างมา . .

   . . . ตึกระฟ้าคอยบังเราอยู่ . . .

   แต่ . . . เราก็หากันจนเจอ  มันนานแค่ไหนที่คอยเธอมา  รู้สึกไหม  ว่าชีวิตคุ้มค่า  เมื่อมีใครสักคนข้างกาย  เกิดมาเพื่อหาใครคนนึง  เป็นคนที่ฟ้าสร้างมาตรงใจ  เราต่างรู้โลกมันแสนกว้างใหญ่  แต่มันคงไม่ยากเกินไป  ที่ฉันจะพบเธอ . .  

   โอ้ย . . .

   โดนครับเพลงนี้  โดนใจโอห์มอย่างที่สุดในเวลานี้จริง ๆ     หาใครหรือ   มีคนที่โอห์มต้องตามหาด้วยใช่ไหม  ผมยิ้มกับตัวเอง  ทุก ๆ  อย่างอยู่แค่ปลายจมูกนี่เอง. . .

   “ฟังเพลงไปอมยิ้มไป  ท่าจะเจออะไรดีที่สมุย”  ไอ้ตัวแสบมีแอบแซว

   “ไม่หรอก  บอกแล้วไปทำงาน  เหนื่อยจะตาย”

   “แล้วอาโอห์มพักบ้างมั้ยนี่  พักมั่งเหอะอา  ดูกระจกเสียหน่อยก็ดีนะครับ  วันนี้ที่โอ๊ตเห็น  กับวันแรกที่โอ๊ตเจออาโอห์มนะ  ต่างกันลิบ”

   “ทำไมว่ะ”  ผมรีบเอามือมาจับที่ใบหน้าตัวเองเบา ๆ

   “วันแรกหน้าใสเด้ง  วันนี้โทรมอย่างกับคนไม่หลับไม่นอนมาสักสามคืน”   ไอ้ตัวแสบมองหน้าผม  สายตาของมัน  ไม่แตกต่างจากแววตาของอีกคนที่เคยห่วงหาผมเลยแม้แต่น้อย

   ผมไม่ได้นอนมากี่ชั่วโมงแล้ว . . .

   นานนะ  เกือบสองวันแล้วกระมัง  ตั้งแต่ที่คุยกับอาร์มที่ชายหาดสมุย  หัวใจมันเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก   จะว่าทรมานก็ไม่ใช่  เพราะผมกำลังใช้ความคิดว่า  แท้ที่จริงแล้ว  ผมจะไปเจอพี่โน้ต  หรือผมจะรอให้พี่โน้ตเดินกลับมาหาผมมากกว่า 

   แปลกจัง . . . 

   ทำไมตามันยังไม่หลับ . . . 

   ผมเหนื่อยมาก  เหนื่อยเหลือเกิน    มันไม่ใช่อาการของคนเหนื่อยใจหรอก   เพราะสิ่งที่มันเกิดขึ้นกับผมตอนนี้คืออาการเหนื่อยที่เกิดจากหน้าที่การงาน . . .  แค่คนเหนื่อยกาย

   ก้อนเนื้อก้อนเล็ก ๆ  เท่ากำปั้นเจ้าตัว  หากมันทรงพลานุภาพกว่าอาวุธใด ๆ  บนโลกนี้

   มีใครเป็นแบบผมบ้างมั้ย . . .

   ในเวลาที่ผ่านมา . . .

   . . . ผมรอใครคนนึง

   มันช่างยาวนาน . . . นานราวชั่วนิจนิรันดร์แห่งชีวิต ผมอยู่ด้วยความหวังว่า  พรุ่งนี้จะเป็นวันที่ดี  เป็นทีของผมบ้าง  เพราะผมคิดว่า  เราคงไม่ตกต่ำตลอดกาลหรอก 

   หาก . . . ยามเช้ามีตะวัน

   ความหวังของผมก็ไม่มีวันมืดมน  ผมจะต้องมีวันที่สว่าง  เพราะทุก ๆ  อย่างมันไม่ได้เลวร้ายไปทุกเรื่องมิใช่หรือ

   น้ำตา . . . ไม่ได้แปลว่าเราอ่อนแอใช่หรือปล่าว . . .

   . . . หรือ . . .   

   แปลว่า . . .ใช่ 

   ถ้าแบบนั้น . . . ผมก็ยอมรับแล้วล่ะว่าผมอ่อนแอ   

   ตอนนั้น . . . 

   . . . เมื่อสิบแปดปีก่อน 

   ผมเคยอ่อนแอจนถึงที่สุดแล้ว  อะไรมารู้  แล่นมาจากข้างในมันมาจุกแน่นอยู่ที่คอ  มันคับแน่น  มันจุกมันเจ็บ ผมไม่ที่จะฝืนมันอีกต่อไป  ได้แต่ปล่อยให้สิ่งที่มันเก็บอยู่ภายในส่วนลึกปลดปล่อยออกมา

   เหมือนขวดน้ำที่ล้มลง . . . 

   สิ่งที่อยู่ภายในทะลักออกมา  ผมได้แต่เก็บเสียงสะอื้นเอาไว้อย่างมิดชิดที่สุด  ทุกอย่างในสายตามันพร่ามัวด้วยม่านน้ำที่ผมเองก็หยุดมันไม่ได้   แม้แต่จะร้องไห้  ผมยังไม่กล้าจะร้องให้เสียงดัง  ยิ่งเก็บยิ่งกดเอาไว้มันยิ่งเจ็บยิ่งปวด   มันรวดร้าว ผมเกลียดตัวเอง  เกลียดอาการอ่อนแอแบบนี้

   แล้วสิ่งที่ผมทำได้ . . .

   ผมได้แต่ปลดปล่อยความอ่อนแอในหัวใจของผมให้มันออกมาทั้งหมด  ผมหอบเสียตัวโยน  ก่อนที่จะนอนขดตัวให้เล็กที่สุดบนที่นอน  กอดหมอนใบเก่าเอาไว้แน่น

   ผมได้แต่เอามือมาลูบหัวตัวเองไปมา  ทั้ง ๆ  ที่ผมอยากมีมือที่มองไม่เห็นมากกว่า  ผมได้แต่ปลอบตัวเอง  เอามือตบหัวตัวเองเบา ๆ 

   . . . อย่าร้องนะ  กูอยู่นี่  กูอยู่กับมึงไง  ไม่มีใครรักมึงกูรักมึงไง  นิ่งซะนะไอ้โอห์ม นิ่งซะ . . .

   ผมได้แต่ปลอบตัวเองทุกครั้งยามที่อ่อนล้า เพราะผมคิดเสมอ  คน ๆ  นั้นไม่มีวันทิ้งผม  ไม่มีวันที่เขาจะเดินจากผมไป  การจากไปอย่างไม่คาดคิด  และไม่สามารถติดต่ออีกคนได้  มันจึงเป็นเวลาที่มรมานที่สุดในชีวิตของผม

   หาก . . .

   ยิ่งปลอบมันยิ่งเจ็บ  มันยิ่งปวดยิ่งรวดร้าว  ทำไมนะ  ทำไมผมถึงไม่ลืมสิ่งเก่า ๆ  ภาพใบหน้าพี่โน้ต  การกระทำที่บ่งบอกว่าห่วงใย  มันคอยตามมาหลอกหลอนเสมอ   สิ่งที่มันผ่านมา  เราย้อนคืนไม่ได้  แล้วทำไม  หัวใจผมมันไม่แกร่งพอสักที

   . . . คนเราอ่อนแอได้ไอ้โอห์ม 

   การร้องไห้ไม่ได้แปลว่าเราพ่ายแพ้  จงเลือกที่จะหยัดยืนแล้วสู้กับมันสิ  สู้กับมันอย่ายอมแพ้เลยนะ   อย่ายอมให้มันเข้ามามีอำนาจเหนือเราโดยเด็ดขาด  จำเอาไว้

   บนโลกใบนี้ไม่มีที่สำหรับคนพ่ายแพ้หรอก  วันนี้เราอาจอ่อนแอ  อ่อนล้า  นั่นเพราะว่าหัวใจเรามันเกินที่จะอดทนแล้ว  ถ้าเหนื่อยมากนัก  พักซะก่อนนะโอห์ม  แล้วค่อยมาสู้ใหม่ . . .

   สู้ . . .

   สู้เพื่อ?

    ถ้าผมเลือกได้ . . .

   . . . ผมไม่อยากหายใจอีกแล้ว

   ผมได้แต่นอนนิ่ง ๆ  ไม่อยากขยับกาย  มองฝ้าเพดานสีขาว  ในห้องแคบ ๆ   บนเตียงที่ครั้งหนึ่งเคยมีคน ๆ  หนึ่งนอนอยู่ข้าง ๆ  กาย  ในเวลาที่ผมอ่อนแอ  ผมจะขดตัวแล้วซุกเข้าหาอกของมัน  แต่วันนี้ . . .

   . . . มีแค่ผม

   สิ่งที่ผ่านมาแล้ว . . . หวนคิดไปเพื่อ?

   ผมค่อย ๆ  ปล่อยน้ำตาให้เหือดแห้งไปกับกาลเวลา  เวลาที่มันทำหน้าที่ของมันอย่างสม่ำเสมอ 

   เวลา . . .

   . . . ไม่เคยทรยศต่อหน้าที่ของตัวเอง  มันยังคงเดินไปข้างหนา  เดินไปอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อน

   เหมือนผมกระมัง  ผมไม่เคยทรยศต่อหัวใจตัวเอง . . .

   แล้วทำไม . . . พี่โน้ตถึงทรยศกับผม

   ความคิดอันเลวร้ายในวันเก่าย้อนมา  เมื่อผมมองหน้าโอ๊ต  ผมอยากกอดลูกชายของคนที่ผมรักเอาไว้  แต่มันคงไม่เหมือนกับอ้อมกอดของพี่โน้ต   ในเวลาสามเดือนที่พี่โน้ตหายไป  ผมทรมานอย่างที่สุด  หากตอนนั้นผมคิดสั้น

   ป่านนี้ . . .

   . . . ผมจะยิ้มอย่างเต็มหัวใจ  ที่ได้รู้ความจริงไหม

   ผมขอบคุณ  ทุก ๆ  อย่างที่ผ่านมา  ทุก ๆ  เรื่องราวที่สอนให้ผมผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายมาได้  ทุก ๆ  คนที่ทำให้ผมมีวันนี้  วันที่ผมมีทุก ๆ  อย่างในชีวิต  จะขาดก็แต่เพียง . . . พี่โน้ต

   คนที่ผมรอมาตลอดสิบแปดปี . . .

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: C2U ที่ 11-04-2009 14:11:27
เพิ่งดูข่าว   เวรกรรม    :เฮ้อ:




คนที่เรารัก  หรือคนที่รักเรา  ถ้าต้องเลือก
คำตอบ คือ เลือกคนที่เรารัก 
ไม่ว่า เค้าจะรักหรือไม่รักเรา   เราก็รักเค้าอยู่ดี

รักให้มีความสุข  รักอย่างไม่ทำร้ายใจตัวเอง   



เชียร์ ให้ พี่โน๊ตกะ โอห์มเจอกันซะทีเหอะ   :3123: 

แอรั๊ยยยยยย  ชอบเพลง หากันจนเจอ  เหมือนกัน    หวีทดี   :m1:

[/font]
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 11-04-2009 15:08:35

วั้ย ๓๕ จริงๆรึคะนี่ กิต.นึกว่า ๕๓(อีก ๕ วันรวยค่ะ) หุหุ
ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 11-04-2009 16:58:50
เฮ้อ สงสารโอห์ม

สงสารโน๊ต

เมื่อไหร่หนอ เมื่อไหร่จะได้เจอกัน

ขอบคุณครับคุณราชบุตร
208
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 11-04-2009 17:28:20
หากันจนเจอ
พี่โน้ตไม่ต้องหาเพราะคงมีโอห์มในสายตาตลอดเวลา
โอห์มเองก้อหาพี่โน้ตเจอแล้ว เจอเพราะพี่โน้ตเป็นผู้เปิดโอกาสให้
พี่โน้ตอยู่ข้างๆโอห์ม เป็นผู้กำหนดการจากไปและกลับเข้ามาในชีวิตโอห์มเองเลย
หากันจนเจอ แต่ยังไม่พานพบ ไม่งั้นจบเรื่อง ใช่มั้ยจ๊ะ
บวก 1 เช่นเคยจ้า ขอบคุณนะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 11-04-2009 17:39:47
หากันจนเจอ

ฟังนี้ที่ไรอด จะเศร้าใจไม่ได้

เพราะผมยังหาไม่เจอเลย

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kinosawa ที่ 11-04-2009 18:02:48
ฝนตก เน็ตเน่า เฝ้าข่าว ร้าวรานใจ(สุดๆ ค่ะ)
มาเจอคุณราชบุตรเอาบรรยากาศทึมๆ มาฝากอีก ToT
เมื่อไหร่โอห์มจะลงมาหาดใหญ่ค่ะ พี่โน๊ตรออยู่แท้ๆ
ว่าแต่บ้านพี่โน๊ตอยู่ไหนคะ จะได้เอาดอกไม้ไปให้กำลังใจก่อนเลย อิอิ

ขอบคุณคุณราชบุตรค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: dokjarn ที่ 12-04-2009 01:39:58
:z3:

อ่านตอนนี้ด้วยความเศร้าสร้อย...เหงาๆ ไงไม่รู้

อายุก็ไม่ใช่น้อยแล้ว...แต่ทำไมยังอ่อนไหวกับความรู้สึก

และอารมณ์ ที่รับรู้ จากภายนอกมากขนาดนี่น้า

เฮ้อ...ปวดใจ ปวดตับ

ยิ่งฟังข่าว  ดูทีวี

ปวดหัวใจไปใหญ่

จะทำไงกันเนี่ย

ไม่กินเนื้อควายมาหลายปีแล้ว

เปลี่ยนใจดีม้ายยย

รอตอนต่อไปนะคร้าบบบ
 :pig4: :pig4:
 :z10:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กแว่นน้อย ที่ 12-04-2009 02:31:47
ขอให้ได้เจอกันเร็วๆ นะครับ

อยากให้สมหวังกันจริงๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: myxt ที่ 13-04-2009 03:38:54
อ่านแล้วเห็นบรรยากาศหาดใหญ่ลอยมาเป็นฉากๆ 555 บ้านใกล้เรือนเคียงกันนี่เอง

ความรักที่พี่โน้ตมีให้โอห์ม มันดูยิ่งใหญ่มากจริงๆนะคะ
มีใครซักคนทำแบบนี้ให้บ้าง คงโชคดีพิลึก
พี่โน้ตตั้งใจส่งโอ๊ตมาเจอโอห์มเพื่ออะไรเหรอ อยากรู้ไวๆ
แล้วโอห์มจะทนได้อีกนานแค่ไหน ทั้งๆที่รู้ว่าพี่โน้ตอยู่แค่เอื้อม  :เฮ้อ:

(ขอบคุณน้องนิวค้าบที่แนะนำเรื่องนี้  :L2: )
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: mango ที่ 13-04-2009 19:25:44

Thank you,

 :L2: 
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 13-04-2009 21:22:22


มาลายาวตามเทศกาล . . .

. . . ออกแร่ด  ต่างจังหวัด  ฉลองกับญาติสนิทมิตรสหาย

กลับ  กทม.  เกือบยี่สิบ เมษา  คงมาต่อ  คาดว่าใกล้จบแล้วล่ะ  อวสานตามสถานการณ์
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 13-04-2009 21:52:53
อ่ะ
เข้ามาตอบรับ มารอยาวตามระเบียบ
เที่ยวให้สนุกนะครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 14-04-2009 11:38:47
ไอ้ลายาวไม่ค่อยเท่าไหร่

รอได้ ๆ ๆ

แต่ไอ้จะจบแล้วนี่ดิ

เศร้าเลยเรา

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 15-04-2009 21:50:20
ยังไม่มาต่อเหรอ  :serius2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 16-04-2009 20:02:02

ตอนที่ ๑๕

   ในที่สุดผมก็ไม่ได้เรียนต่อที่เดิม  เพราะพ่อไม่ยอมให้เรียนที่หาดใหญ่   แต่ผมอาจจะโชคดีอยู่บ้างตรงที่พ่อยอมให้ผมเรียนต่อที่กรุงเทพฯ  เพราะผมสอบได้ตามโรงเรียนที่พ่อวางเอาไว้  ๕ โรงเรียน  ที่ให้ผมเลือกสอบ  เทพเจ้าแห่งความโชคดีอยู่ข้างผมเมื่อผมสอบได้โรงเรียนดังย่านแยกลาดพร้าว


   ส่วนพี่โน้ตสอบได้มหาวิทยาลัยของรัฐย่านบางเขน . . . 

   ในปีแรก  เราทั้งสองต่างวุ่นวายกับที่เรียนใหม่  จนดูเหมือนว่า  จะมีเวลาเจอกันน้อยลง  แต่ผมก็มีความสุข  เพราะอย่างน้อยที่สุด  ในเวลาที่อยู่กรุงเทพฯ  พี่โน้ตยังคงเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายตลอดมา

   ข้อดีที่สุดของคนที่ผมรัก . . .

   . . . พี่โน้ตกลับมานอนห้องเสมอ

   หรือ . . .

   หากวันไหน  พี่เขาต้องมีงานที่ชมรม  พี่โน้ตจะแวะมาที่ห้องก่อนเสมอ  ผมเลยไม่ค่อยเหงาเท่าไหร่  เพราะวันเวลาดี ๆ  อยู่กับผมเสมอ

   “พี่โน้ต  โอห์มมีข่าวดีจะบอก”   ผมกลับมาห้อง  เห็นพี่โน้ตกำลังวุ่นวายอยู่กับรายงาน 

   “มีอะไร  ถูกหวยหรือ”

   พี่โน้ตหันมายิ้ม ก่อนที่จะดึงมือผมมาแตะที่จมูกเบา ๆ  ซึ่งพี่โน้ตจะทำเป็นประจำทุกครั้งยามที่อยู่กันสองคน 

   “เคยซื้อเสียที่ไหนเล่า”

   “จะไปรู้เหรอ  เผื่อกุมารทองมาเข้าฝัน”  เจ้าตัวยังคงยิ้มกว้างอารมณ์ดี

   “โอห์มได้ทุนไปเยอรมัน”  ผมบอก  ก่อนยิ้มตาหยี

   พี่โน้ตเงียบไป มองผมนาน  แววตาเหมือนจะดีใจ  แต่แค่เพียงแวบเดียวเท่านั้น  สายตาที่ดูเหมือนจะปลาบปลื้ม  ค่อย ๆ  หมองหม่น  หากแต่พี่โน้ตยังยิ้มรับ  ก่อนที่จะดึงผมมานั่งบนตักพี่โน้ต  และจูบที่ท้ายทอยผมเบา ๆ   

   “เก่ง  พี่นึกแล้วโอห์มต้องทำได้”

   “แน่นอนอยู่แล้ว  อะไรที่พี่โน้ตทำมาก่อน  โอห์มทำได้เสมอ”  ผมยืดตัวอวด  โดยที่ลืมนึกไปว่า  พี่โน้ตก็ทำได้  แต่คนที่ทำลายลงคือผม

   หาก . . .

   . . . วันก่อนผมไม่รั้งพี่โน้ตเอาไว้

   “จะไปเดือนไหน”

   “พฤษภาคมปีหน้า  เรียนอีกสองเดือนสอบจบ ม.๕  แล้วไปต่อ  ม.๖ ที่โน่นครับพี่”

   “อ้าว  ทำไมเทอมหน้า  แบบนี้จบหกที่โน้นเหรอ”  เสียงที่คลอเคลียร์ริมหูบ่งบอกถึงความสงสัย

   “ก็คงใช่มั้ง  โอห์มยังไม่รู้อะไรเลย  เดี๋ยวโอห์มลงไปโทรบอกแม่ก่อนนะพี่”  ผมหันมายิ้ม  ก่อนปลีกตัวอกจากอ้อมกอดของพี่โน้ต

   ผมลงมาที่หน้าปากซอยเพื่อโทรไปแจ้งข่าวดีกับแม่  แม่ดีใจใหญ่เลยที่ผมได้ทุนไปเรียนต่อ  แม่บอกว่าสุดสัปดาห์นี้จะชวนพ่อ  มากรุงเทพฯ  มาฉลองให้ผมที่สอบได้ทุนไปเยอรมัน  ผมพลอยดีใจกับแม่จนลืมไปว่าครั้งนึงเคยมีคนทิ้งความฝันเพื่อผม

   แต่ . . .

   . . . คราวนี้ผมจะทิ้งเขาไปเพื่อตามฝันของตัวเอง ?

   จะว่าไปแล้ว  ผมไม่อยากไปเท่าไหร่หรอก  แต่ที่ผมสอบชิงทุนเพราะผมอยากรู้ว่าผมจะสามารถผ่าด่านแบบที่พี่โน้ตทำได้หรือไม่  แล้วผมก็ทำได้  ผมสามารถทำแบบที่พี่โน้ตทำได้ พี่โน้ตเป็นเหมือนต้นแบที่ดีของผม  สิ่งใดก็ตามที่พี่โน้ตทำ  ผมจะไม่รีรอเลยที่จะเดินตามก้าวเท้าของพี่โน้ต

   ผมกลับขึ้นมาบนห้องหลังจากที่โทรศัพท์เสร็จ . . .

   “แม่บอกว่าเสาร์นี้จะมากรุงเทพฯ  จะชวนพ่อมาฉลองให้โอห์ม”  ผมยังไม่วายอวดพี่โน้ต  โดยที่ไม่ได้มองหน้าพี่โน้ตเสียด้วยซ้ำ

   “ครับ  โอห์มของพี่เก่ง”   เสียงพี่โน้ตสั่น ๆ    ไม่เหมือนพี่โน้ตคนเก้าที่ผมรู้จัก

   บางที . . .

   . . . ในเวลานั้น  พี่โน้ตอาจจะกำลังต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเองอยู่ก็เป็นได้  ผมลืมไป  ลืมนึกถึงหัวใจของอีกคน  ความรักของผม  ไม่ได้หมายถึงคนสอคน  แต่ในเวลานั้นความรักของผม  หมายถึงผม  ผมอยากจะทำอะไรก็ได้ตามที่หัวใจผมอยากจะทำ . . .

   ผมลืม . . .

   . . . ผมลืมองหัวใจอีกดวง

   ผมแทบไม่นึกถึงหัวใจของพี่โน้ตเสียด้วยซ้ำ เพราะในเวลานั้น  ผมดีใจกว่าสิ่งใด ๆ  ทั้งหมด  ผมดีใจที่จำได้ไปเรียนเมืองนอก  โดยที่ผมลืมเรื่องราวที่ผมทำเอาไว้ที่หาดใหญ่อย่างสนิทใจ . . .

   . . .  “พี่ไปเรียน  ปีเดียวเองนะครับ”

   ผมพยักหน้า  รับทราบอีกครั้ง  หากแต่  ผมเก็บน้ำตาตัวเองเอาไว้ไม่ได้  ผมร้องไห้ออกมาอีก  ผมไม่อยากให้ไป  ไม่อยากให้พี่โน้ตไปไกลจากผม

   “คนดีของพี่   ฟังพี่หน่อยได้ไหม”

   ผมไม่ตอบ  ทำได้แค่ร้องไห้  เพราะต่อจากนี้อีกไม่กี่เดือน  ผมคงห่างจากพี่โน้ต  ห่างจากคนที่ผมสนิทและผูกพันมากที่สุดในชีวิต

   “เอางี้  โอห์มหยุดร้อง  แล้วบอกกับพี่มาว่าไม่อยากให้พี่ไป”

   “โอห์มไม่อยากให้พี่ไป”

   “พี่ . . .  ไม่ . . .ไป ก็ได้  ไม่ไปเยอรมันแล้วนะ”   
 


    วันเวลาที่ผ่านมา  ผมไม่เคยเอามันมาเป็นบทเรียน   ผมรู้สึกเจ็บปวดที่จะต้องจากลาเพราะพี่โน้ตจะไปไกล  แต่ในเวลานั้น  ผมกลับไม่เคยนึกถึงใจของพี่โน้ตเลย  ผมได้แต่วาดฝัน  เมืองนอกมันมีอะไรให้ค้นหา  แค่ปีเดียวเอง  ผมอาจจะคิดถึงพี่โน้ต  แต่ผมสัญญากับตัวเอง  ผมจะกลับมา  ผมขอเวลาแค่ปีเดียวเท่านั้น

   ผมมันแค่คนที่เห็นแก่ตัวคนนึง . . .

   . . . ผมรั้งพี่โน้ต  เพราะพี่เขาจะไปเรียนปีเดียว

   ในขณะที่ผมอยากจะให้พี่โน้ตรอผม . . .

   ปีเดียว . . . เหมือนกัน



   ผมนับวันรอ  อยากให้ถึงวันเสาร์เร็ว ๆ  เพราะแม่กับพ่อจะมาจากระยอง  ปกติผมกลับบ้านทุกเดือน  แต่มันไม่เหมือนกันหรอก กลับไปเองหรือจะสู้พ่อกับแม่มาหาที่กรุงเทพฯ  เพราะอย่างน้อยจะลากพ่อกับแม่ไปห้าง  อยากได้อะไรก็ได้  โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าเงินจะพอไหม  และที่แน่ ๆ  เวลาจะซื้อเสื้อผ้าใหม่ ๆ  ไม่ต้องโดนพี่โน้ตมันบ่น  ว่าแพงมั่งล่ะ ซื้อมาทำไมเยอะแยะ  เห็นใส่แค่ครั้งสองครั้งก็ไม่ใส่อีก  ยิ่งเข้ามหาวิทยาลัย  พี่โน้ตยิ่งบ่นเก่ง . . .

   ส่วนมากเรื่องที่ผมไม่รู้จักใช้จ่ายเงิน . . .

   . . . พี่โน้ตชอบว่าผมใช้เงินเก่ง

   “อ้าว !  แม่  หวัดดีครับ”  ผมกลับมาถึงห้องในเย็นวันศุกร์  เห็นแม่อยู่ที่ห้องแล้ว  ผมเดินเข้าไปกอดแม่เอาไว้หลวม ๆ  ก่อนหอมที่แก้มแม่เบา ๆ

   “อ้อนตามเคยนะลูกคนนี้”  แม่คล้ายจะบ่น  แต่ยังคงยิ้มหวาน

   “ไหนบอกมาวันเสาร์ไง  นี่วันศุกร์เอง”  ผมเอนกายนอนลงบนตักแม่ 

   ผมชอบนอนหนุนตักแม่  มองหน้าแม่จากมุมล่าง  คางแม่สวยผมขอบนอนมองแม่จากมุมนี้  ไม่รู้สิ  ผมอาจจะไม่ค่อยมีเวลาที่จะอยู่กับแม่มากก็เป็นได้  พอมีเวลา  ผมอยากใช้เวลาที่จะอยู่กับแม่ให้นานมากที่สุด

   “คิดถึงโอห์ม  เลยมาก่อน เดี๋ยวคืนนี้พ่อจะขับรถตามมาดึก ๆ  ก็คงถึง  ว่าแต่เราทำไมผอมจัง”  แม่ลูบที่ต้นแขนผมเบา ๆ 

   “ไอ้พี่โน้ตแย่งกินหมด”  ผมหันหน้าตะแคงไปหาเจ้าตัวที่นั่งก้มหน้าก้มตาพิมพ์รายงาน

   “อ้าว  ไงมาโยนกันแบบนี้  ไม่กินเองนะ  อย่ามา ๆ”   คนโดนพาดพิงพูด  หากไม่ยักจะหันมามองหน้าเหมือนเคย

   “ว่าพี่เค้าอีก  ลูกคนนี้” 

   “แม่มากี่วัน  อยู่สักอาทิตย์นะแม่”   ผมอ้อนเอาไว้ก่อน  ตามประสา

   “กลับพร้อมพ่อเขาวันอาทิตย์นี่แหละ  จะมาฉลองให้เราไง”  แม่ลูบหัวผมเบา ๆ

   “เย้  ดีจัง  ว่าแต่ไปไหนดี”

   “โอห์มอยากไปไหนล่ะลูก”

   “อืม . . .  ไปไหนดีล่ะพี่โน้ต”  ผมหันไปขอความเห็น  เพราะรายนั้นบ้ากิจกรรม  มีสถานที่แปลก ๆ  มากมาย

   “พรุ่งนี้พี่มีงานที่ชมรม  ไปไม่ได้หรอก  เดี๋ยวคืนนี้ต้องไปค้างที่มหาวิทยาลัยอีก”

   “อะไร  ไม่เห็นบอกก่อนเลย”  ผมหงุดหงิดมาทันทีเมื่อได้ยินคำตอบ  นาน ๆ  จะมีเวลาได้ออกไปข้างนอก

   “อ้าว  ก็งานมันเร่ง  อีกอย่างตั้งหลายเดือนกว่าจะไป  ค่อยเลี้ยงใหม่ก็ได้”

   “ถ้าไม่ไป  โอห์มก็ไม่ไป  ไม่ไปเรียนเยอรมันก็ได้” 

   “งี่เง่า  ไร้สาระ”

   “ด่าโอห์มเหรอ”  ผมเริ่มโมโห  เพราะนอกจากจะไม่ไปแล้ว  ยังมาว่าอีก   

   ผมลืมไป  คนที่รักกันควรเอาหัวใจของอีกฝ่ายมาไว้ในหัวใจของเรา  หาใช่เอาแต่ความรู้สึกของเราเป็นที่ตั้ง  ผมอาจจะโดนตามใจจนเคยชิน  เมื่อมาเจอการปฏิเสธ  เลยทำให้เกิดความรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา

   ผมไม่เคยมองตัวเองว่าผิดเลย . . .

   “โอห์ม . . .”  แม่ปรามเบา ๆ

   “. . . สองคนนี้  จะทะเลาะกันจนแก่เลยใช่มั้ยนี่  แล้วเราก็เหลือเกิน พี่เขามีงานจะมาบังคับอะไรนักหนา”

   “ก็มันไม่บอกโอห์มก่อนนี่”

   “โอห์มนี่  เอาใหญ่แล้วนะ  ไปเรียนพี่ว่ามันได้ไง  ไม่น่ารักเลย”

   “ไม่รู้ล่ะ  ถ้าพี่โน้ตไม่ไป  โอห์มไม่ไปเรียนต่อ  ไม่ต้องล้ง  ต้องเลี้ยงมันแล้ว”  ผมไม่อยากพูดต่อ ลุกขึ้นเดินไปที่ระเบียง  ก่อนที่จะหยิบผ้าขนหนูเข้าไปอาบน้ำ

   ผมยอมรับ . . .

   . . . ผมมันคนที่ชอบเอาแต่ใจตัวเองเป็นที่ตั้ง  โดยที่ไม่ค่อยคิดถึงความรู้สึกของคนอื่น  อาจเพราะผมโดนเลี้ยงมาในแบบที่เรียกว่าอยากได้อะไรเป็นต้องได้  โดยที่ไม่ค่อยสนใจว่าคนอื่น ๆ  รอบ ๆ  ตัวเขาก็มีหัวใจ  มีเลือดเนื้อ มีความรู้สึกเฉดเช่นเดียวกันกับที่ผมรู้สึก

   “จะไปไหน”  ผมออกมาจากห้องน้ำเห็นพี่โน้ตกำลังเก็บเสื้อผ้าใส่เป้ใบเล็ก

   “ไปค้างที่ชมรมไง”  พี่โน้ตยิ้มให้เหมือนเคย  แต่ทำไมผมกลับรู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นเศร้าเหลือเกิน

   “เมื่ออาทิตย์ก่อนใครนัดไว้ว่าเสาร์นี้จะพาไปทำบุญที่อยุธยาไง”  ผมไม่ยอมลดละ  ไม่มีวันยอม  ทั้ง ๆ  ที่ตอนนี้แม่นั่งอยู่แต่ทำไมผมกลับอยากเอาชนะพี่โน้ตก็ไม่รู้

   “ก็มันมีงาน  อีกอย่างที่นัดกันมันก่อนที่โอห์มจะรู้ข่าวเสียอีก  แล้วทีนี้อาแป้งมา  เดี๋ยวคืนนี้ลุงอาทมาอีก  พรุ่งนี้โอห์มก็ไปกับที่บ้านไง”   พี่โน้ตยังคงใจเย็นชี้แจงความจำเป็น 

   ส่วนผมนะโมโหอย่างที่สุดแล้ว . . .

   “แล้วมันจะเป็นบ้านได้ไง  ไม่มีพี่ไป”

   อีกคนคล้ายหยุดชะงัก  มือที่กำลังจับเสื้อผ้าใส่เป้หยุดนิ่ง  หันมามองผมช้า ๆ  โดยมีแววตาผมตัดรอนอยู่ในที  ผมอยากให้พี่โน้ตรู้  อะไรที่สำคัญสำหรับผม  ผมอยากให้พี่โน้ตมีส่วนร่วมด้วยเสมอ

   “โอห์ม . . .”  แม่เรียก  คล้ายปราม

   “. . . . โน้ต  พรุ่งนี้ปลีกเวลาช่วงบ่าย ๆ  มาได้มั้ยลูก  ไปอยุธยากันก็ได้  ไปไหว้พระแล้วเลยไปกินข้าวกัน  โน้ตพอจะว่างมั้ยล่ะลูก”

   พี่โน้ตหันไปทางแม่คล้ายชั่งใจ . . .

   . . . ก่อนจะหันมามองผม

   สีหน้าพี่โน้ต  เหมือนลำบากใจ  แววตาที่มองผมหม่นหมอง  เศร้าสร้อยกว่าที่ผมเคยเจอ  หรืออาจเป็นแววตาที่ผมเคยเป็น  เมื่อตอนที่รับรู้ว่าพี่โน้ตจะไปเรียนเยอรมันเมื่อครั้งก่อนก็เป็นได้  เพียงแต่เวลานั้นผมเตลิดเข้าป่า  ลืมมองแววตาตัวเองในกระจก

   “สักบ่ายสามได้ไหมครับอาแป้ง  แต่อย่าดึกมาก  เพราะงานผมค้างไว้เยอะ”

   “ก็ได้จ๊ะ . . .”  แม่ยิ้มกับคำตอบของพี่โน้ต

   “. . . พี่เขาตกลงแล้วนะโอห์ม  พรุ่งนี้พี่โน้ตจะไปกับเรา”  แม่หันยิ้มกับผมอีกครั้ง

   ผมมองหน้าพี่โน้ต  ยิ้มเยาะคนแพ้  โดยที่ผมไม่รู้เลยว่า  ในเวลานั้นคนแพ้  จะเจ็บปวดเช่นไรกับการทำใจจากลา   ผมรู้เพียงแค่ว่า  พี่โน้ตเป็นของผม  ไม่ว่าจะตัวหรือหัวใจ  พี่โน้ตให้ผมแล้ว  ผมจะจับวางไว้ตรงไหน  มันก็อยู่ที่ผม



   ผมมันเหมือนคนที่ไม่รู้ค่าของสิ่งที่อยู่ในมือ  เป็นพวกไม่รู้ความหมายแห่งหัวใจ  เพราะหลังจากที่พ่อกับแม่กลับไปแล้ว  ผมน่าจะใช้เวลานั้นให้คุ้มค่ามากที่สุด  แต่ผมกลับไม่ทำ  ผมปล่อยให้อะไรที่ควรจะเป็นความทรงจำที่ดี  กลายเป็นห้วงเวลาที่ผมทำร้ายหัวใจดวงหนึ่งซ้ำ ๆ  เรื่อยมา  ผมจำได้ดี  จำได้ดีอย่างไม่มีวันลืม

   ผมสอบวิชาสุดท้ายเสร็จก่อนเที่ยงเสียด้วยซ้ำ . . .

   ผมรีบกลับมาห้อง   เพราะพี่โน้ตบอกว่าคืนนี้พี่โน้ตจะกลับไปหาดใหญ่  เพราะสอบเสร็จหลายวันแล้ว  ทุก ๆ  ปิดเทอมพี่โน้ตจะกลับลงไปบ้านครั้งนึงก็ไม่เกินอาทิตย์  ในเวลาที่ไม่มีพี่โน้ต  ผมจะเหงา  มันบอกไม่ถูกว่าเหงาเช่นไร . . .

   . . . เหมือนชีวิตขาดหาย

   “โอห์มสอบเสร็จแล้วหรือ”

   “เสร็จแล้ว  ร้อนมาก”  ผมถอดเสื้อออก  ก่อนเดินไปตากพัดลม

   “เปิดแอร์ดีกว่านะ”  พี่โน้ตยิ้ม

   “เปลืองไฟ”

   “ไม่เท่าไหร่หรอก  วันเดียวเอง  คืนนี้พี่ไม่อยู่แล้ว  โอห์มก็กลับระยอง  ถือเสียว่า  เปิดแอร์วันนี้เฉลี่ยกับวันที่เราไม่อยู่ไง”  พี่โน้ตบอกเหตุผลที่ดูเหมือนจะเข้าท่า  ก่อนเปิดแอร์

   “โอห์มอาบน้ำก่อนดีกว่า”  ผมบอกพลางถอดกางเกงนักเรียนพาดไว้กับราวที่ระเบียง

   “พี่อาบด้วย”

   “ไม่เอา  ไม่ให้อาบ”

   “น่านะ  พี่ขออาบด้วย  ครั้งสุดท้าย”  เสียงพี่โน้ตสั่น ๆ  ก่อนที่เจ้าตัวจะแทรกตัวเข้ามาในห้องน้ำ  โดยที่ผมไม่ได้เฉลียวใจเลย . . .

   . . . พี่ขออาบด้วย  ครั้งสุดท้าย

   “พี่โน้ตจะกลับกี่วัน”    ผมถาม  ในขณะที่พี่โน้ตเปิดฝักบัวแล้วชูเอาไว้เหนือศรีษะ  ให้สายน้ำไหลผ่านร่างกายเราทั้งสองคน

   “โอห์มละ  จะไปกี่วัน”  เจ้าตัวไม่ยอมตอบคำถาม  หากแต่กลับตั้งคำถามที่ผมถามย้อนกลับมา

   “ห้าวัน  เพราะโอห์มต้องมาเตรียมเรื่องวีซ่าอีกครับ”

   “จริงสินะ  ต้องไปสถานทูต   แล้วยังต้องเรียนภาษาอีก  โอห์มยุ่งทั้งเดือนเลยแน่ ๆ  แต่พี่สิ  ว่างหรือปล่าวไม่รู้”

   “ทำไมล่ะ”

   “พ่อเพิ่งลาออก  ไปทำสวนที่รัตภูมิ  โอห์มไม่เคยไปนี่หว่าที่สวน”

   “ไม่เคย ไกลอ่ะติดสตูล  บ้านนอกสุด ๆ  เลย   ไม่อยากไปหรอก”  ผมบอกก่อนที่จะใช้สบู่ฟอกที่แผงอกพี่โน้ต 

   มือค่อย ๆ  ลูบจากอกด้านขวา  ก่อนมาหยุดที่อกด้านซ้าย  ผมเอามือแช่เอาไว้กับอกพี่โน้ต  ก่อนที่จะเลื่อนมือจากอกด้านซ้ายอ้อมไปทางแผ่นหลัง  ก่อนแนบแก้มไปที่หน้าอกของพี่โน้ต  แก้มผมแนบอยู่ติดกับสิ่งที่เต้นเป็นจังหวะในอกของอีกคน

   พี่โน้ตกอดผมเอาไว้ . . .

   “พี่รักโอห์ม  จะวันนี้  หรือวันหน้า  คนที่พี่รักคนเดียวคือโอห์ม”  เสียงพี่โน้ตสั่น

   หาก . . .

   . . . หัวใจผมอิ่มเอม  กับสิ่งที่ได้ยิน

   ผมไม่เฉลียวใจเลย  ไม่รู้สึกถึงการพลัดพรากที่จะมาเยือนอีกไม่นาน  เวลาของผมใกล้จะหมดลง  แต่ผมยังมีความสุขกับสิ่งที่พี่โน้ตพร่ำบอกผม

   “ผมก็รักพี่”

   “สมมุตว่าราต้องจากกัน  โอห์มจะเกลียดพี่ไหม” 

   ผมผละจากอ้อมกอดพี่โน้ตเบา ๆ  ก่อนที่จะจ้องไปที่แววตาของคนที่ผมรัก  สิ่งที่ผมเห็น  พี่โน้ตเหมือนคนเจ็บปวด  แววตาแดงก่ำ  น้ำตาคลอ  ผมค่อย ๆ  เขย่งเท้าเพื่อที่จะให้จมูกไปแตะรับซับน้ำตา

   “ไม่มีวัน  ไม่มีวันต้องจากกัน”  ผมกอดพี่โน้ตเอาไว้ 

   ดูเหมือนว่าสิ่งที่พี่โน้ตเก็บเอาไว้จะพังทลายลงมา  เพราะพี่โน้ตกอดผมเอาไว้  ร้องไห้เสียตัวโยน  ผมรับรู้ได้ถึงน้ำตาที่มันไหลลงอาบที่บ่าของผม  พี่โน้ตเจ็บปวดหรือ ?

   “โอห์มไม่ไปก็ได้  ถ้าพี่ไม่อยากให้โอห์มไป”

   “มันไม่ใช่เรื่องนั้นโอห์ม  ไม่ใช่เรื่องนั้น”  เสียงพี่โน้ตปนเสียงสะอื้น

   “อย่าร้องสิ  พี่ร้อง  แล้วจะให้โอห์มคิดยังไง  ในเมื่ออีกสองเดือนกว่าโอห์มก็จะไปแล้ว  ถ้าพี่กลัวการจากลา  โอห์มไม่ไปมันแล้ว”

   “โอห์มไปเหอะ  พี่บอกแล้ว  ว่าสมมติไง  มันแค่เรื่องสมมติเท่านั้น”

   แค่ . . .

   . . . สมมติ  แต่พี่โน้ตเจ็บเจียนตายอย่างนั้นหรือ ?

   “แค่พี่บอกมาคำเดียว  ไม่ให้ไป  โอห์มก็ไม่ไป”  ผมเอามือจับแก้มพี่โน้ตเอาไว้  แบบที่พี่โน้ตเคยทำกับผมในครั้งก่อน

   หัวใจผมเต้นระทึก . . .

   . . . คงไม่แตกต่างอะไรกับที่พี่โน้ตเคยรอฟังคำตอบของผม

   “โอห์มต้องไปนะครับ  ทุกอย่างเตรียมการเอาไว้หมดแล้ว  ทุกคนจะมีความสุขถ้าโอห์มไป  พี่เองก็มีความสุข  ที่ได้เห็นโอห์มไป . . .”

   ผมหลับตา . . .

   . . . พี่โน้ตมีความสุขแบบที่พูดจริง ๆ  หรือ ?

   แล้วทำไมคนที่มีความสุขถึงมีน้ำตา . . .

   . . .  น้ำตาที่ออกมาดุจสายเลือดแบบนี้หรือที่แปลว่าความสุข

   “. . . หัวใจของพี่” 

   พี่โน้ตเอามือแตะที่หน้าอกของตัวเอง  ก่อนที่ค่อย ๆ  เลื่อนมือที่ทาบทับกับอกของพี่โน้ต  มาวางแนบกับอกของผม

   “พี่วางไว้ให้โอห์ม  ต่อจากวินาทีนี้  อะไรก็ตามที่เกิดขึ้น  กับชีวิตของเรา  พี่ถือว่ามันคือพรหมลิขิต  หากพระพรหมขีดให้เราเจอกัน  แล้วจำให้เราต้องจากกัน  พี่ก็จะจำใจจาก  พรากด้วยความห่วงใย  หากหัวใจของพี่  มันจะติดอยู่กับโอห์มเสมอนะ”

   “พี่โน้ต . . . พี่พูดเรื่องอะไร  ผมไม่อยากฟัง”  ผมกอดร่างนั้นเอาไว้แน่น

   พี่โน้ตกอดผมตอบ  เอาจมูกกดที่ศรีษะผมเอาไว้  ภายใต้สายน้ำที่รดลงมาลดความร้อนของอากาศ  และความร้อนจากภายในร่างกายเราทั้งสองคน

   “พี่ไม่รู้วันข้างหน้า  แต่ไม่ว่าอะไรก็ตาม  พี่อยากให้โอห์มจำอ้อมกอดของพี่ไว้  อ้อมกอดแบบวันนี้  ตอนนี้  หากโอห์มกับพี่จำต้องจาก  พี่สัญญานะว่าพี่จะตามหาโอห์ม  ไม่ว่าโอห์มจะอยู่แห่งหนใด  พี่จะตามหา  และเมื่อถึงเวลาที่พี่พบโอห์ม  พี่จะกอดโอห์มเอาไว้แบบนี้  เมื่อถึงเวลานั้นต่อให้เทวดา  หรือพระพหรมหน้าไหนก็จะมาแยกพี่จากโอห์มไม่ได้อีก  พี่ไม่ยอม . . .”  พี่โน้ตร้องไห้ออกมาอีก

   “. . . พี่จะไม่มีวันยอมอีกเด็ดขาด”

   ผมรับรู้ได้ถึงแรงสะอื้นที่อีกฝ่ายอ่อนแอเหลือกำลัง . . .

   ผมไม่รู้เลย . . .

   . . . สิ่งที่ผมกำลังทำ มันทำร้ายคน ๆ นึง  ผมเดินเหยียบไปบนหัวใจของคนที่ผมรักที่สุดในชีวิตได้อย่างไร  ในขณะที่พี่โน้ตทำทุก ๆ  อย่างเพื่อผม  พี่โน้ตทิ้งทุก ๆ  อย่างที่พีโน้ตควรจะได้  ควรจะมีเพื่อคนเพียงคนเดียว

   ส่วนผม . . .

   . . . ผมกำลังจะทิ้งคนที่ทำเพื่อผม  ไปหาอนาคตที่ดีกว่าอย่างนั้นหรือ ?

   คำถามที่ผมเองก็ไม่กล้าที่จะคิดต่ออีกแล้ว

   วันนั้น . . .

   . . . มันน่าจะเป็นวันที่ผมมีความสุขมากที่สุด  หรืออาจจะเป็นวันที่ผมทุกข์ทรมานที่สุดก็ไม่แน่ใจ  ผมสุขที่สุด  เพราะตั้งแต่เที่ยงจนถึงค่ำ  พี่โน้ตกอดผมเอาไว้  เราผลัดกันเล่าเรื่องราวที่ผ่านมา  ทั้งเรื่องที่ดี  และเรื่องที่ไม่ดี  บางครั้งเราก็หัวเราะ  และบางทีเราก็ใช้มือเช็ดน้ำตาที่ไหลลงอาบแก้มของอีกฝ่าย

   ผมมันโง่ . . .

   . . . ฉลาดแต่ขาดความเฉลียวใจ

   พี่โน้ตเคยทำแบบนั้นเสียที่ไหนกัน  สิ่งที่พี่โน้ตกำลังทำคือการสั่งลา  การจำใจจากลาในสิ่งที่ตัวเองรัก    ผมคิดได้แค่ว่า  พี่โน้ตเจ็บปวดที่ผมจะไปเยอรมันปีนึง  โดยที่ผมไม่คิดเลยว่าวันนั้นจะเป็นวันสุดท้ายที่ผมได้อยู่ในอ้อมกอดของพี่โน้ต

   เวลาแห่งความสุขผ่านไปรวดเร็วเสมอ . . .

   “แล้วทำไมคราวนี้กลับรถไฟล่ะ  ปกติเห็นกลับรถทัวร์ทุกที”

   “อยากอยู่กับโอห์มให้นานที่สุด  อยากเก็บทุกวินาทีเอาไว้นะสิ  รถทัวร์ออกตั้งบ่ายสาม  ส่วนสปรินเตอร์นี่ก็เลือกเที่ยวสุดท้ายสี่ทุ่มไง”  พี่โน้ตยิ้ม  ก่อนที่จะจูบที่แก้มผมเบา ๆ

   “เน่าตลอดเลยคนเรา”

   “ครั้งสุดท้ายแล้วล่ะ  อีกหน่อยไม่เน่าแล้ว”  พี่โน้ตเอามือมาดึงผมไปกอดเอาไว้

   ผมพิงแผ่นหลังของตัวเองลงกับอกของพี่โน้ตที่นั่งพิงกับหัวเตียง  ศรีษะของผมแนบที่ซอกคอ  โดยมีสองมือของพี่โน้ตกระชับร่างกายของผมเอาไว้  จมูกของพี่โน้ตอยู่ไม่เคยนิ่ง  คอยที่จะมาคลอเคลียร์อยู่ตรงแก้มของผมเสมอ

   ครั้งสุดท้าย . . .

   อีกครั้งแล้วที่พี่โน้ตบอกเป็นนัยยะ  เพียงแต่สมองของผมมันโง่เกินกว่าที่จะรับรู้นัยยะนั้นได้  ผมยังคงมีความสุขในอ้อมกอดของคนที่แทบจะเรียกว่า  ไม่มีหัวใจอีกแล้วกระมัง  คนที่รู้ชะตาตัวเอง  รู้สิ่งที่จะเกิดขึ้น  มีความสุขได้อย่างไรกัน

   “ผมไม่อยากไปเรียนต่อแล้วล่ะ”

   “ทำไมเล่า  อย่าห่วงเลย  พี่อาจจะเศร้า  แต่ตอนนี้โอเคแล้วนะ  ยิ้มได้แล้วเห็นไหม”  พี่โน้ตยิ้มกว้าง  แววตาสดชื่นกว่าเมื่อตอนกลางวัน

   “แต่ผมดิ  วังเวงใจยังไงไม่รู้  พี่กลับไปหาดใหญ่  แล้วกลับมา  แล้วโอห์มก็ต้องไปเยอรมัน  ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมาอีก  ยิ่งพี่ร้องไห้  โอห์มยิ่งใจคอไม่ดีเลย  กลัวไปหมด”

   “อย่ากลัวไปเลย  คนเราย่อมมีเวลาอ่อนแอกันทุกคนไง”

   “โอห์มไม่เหมือนพี่โน้ตนี่  เวลาโอห์มอ่อนแอ  โอห์มจะตายเอา”

   พี่โน้ตกอดผมกระชับก่อนที่จะจูบที่ใบหูของผม  จุดอ่อนที่ผมจะดิ้นทุกครั้ง  ผมหัวเราะออกมาเบา ๆ  เพราะมันรู้สึกจักกะจี้อย่างมาก  นั่นเท่ากับว่า  พี่โน้ต  สะกัดอารมณ์อ่อนไหวของผมได้ในระดับนึง

   “พี่โน้ตหิวไหม”  ผมแหงนหน้าไปตามในขณะที่ยังอิงแอบแนบอก

   พี่โน้ต  ก้มตัวลงมา  ก่อนเอาริมฝีปากประกบริมฝีปากของผมเอาไว้  เนื้อแนบเนื้อกระชับ  ก่อนที่ลิ้นของเราสองคนจะสัมผัสกัน  ผมไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เราปฎิบัติเฉกเช่นนั้น  แต่ผมรู้ว่ามันคือเวลาที่ผมมีความสุข 

   เพราะ . . .

   . . . อีกหลายวัน  กว่าที่เราจะได้กลับมาเจอกันอีก

   ความคิดของผมมีเท่านั้นจริง ๆ  ผมไม่เคยนึกถึงการจากลามากกว่านั้น  การจากลาที่มากกว่านั้น  ยังมาไม่ถึงหรอก  อย่างน้อยก็อีกตั้งสองเดือนกว่าที่ผมจะบิน  ผมคิดเพียงแค่ว่า  นี่คือการกลับบ้านหลังการสอบเสร็จของเราสองคน  อันเป็นเรื่องปกติที่เคยทำมาตลอด

   “แต่งตัวเหอะพี่  ดึกแล้ว เดี๋ยวตกรถ” 

   ผมบอกเพราเห็นว่าจะสามทุมอยู่แล้ว  พี่โน้ตอิดออดอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะลุกไปแต่งตัวแบบขัดเสียไม่ได้ 

   กว่าจะมาถึงสถานีรถไฟบางซื่อก็เกือบสี่ทุ่ม  พี่โน้ตมันจับมือผมเอาไว้ตลอดทางที่เรานั่งแท็กซี่มายังสถานีรถไฟ   มันพาผมมานั่งที่นั่งรอคนระหว่างชานชาลาที่ ๑  กับชานชาลาที่    พี่โน้ตแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่ดารดาษไปด้วยดวงดารา ลมยามดึกกรรโชกเย็นยะเยือก จนผมต้องหรี่ตากันฝุ่นจากแรงลม  พี่โน้ตยังคงแหงหน้ามองดารา  คืนนี้จันทรามืดสนิทเพราะเป็นคืนข้างแรม

   “พี่ไปไม่กี่วันหรอกโอห์ม  พี่จะรีบกลับมา”   พี่โน้ตหันกลับมายิ้มให้ผม  แววตาบอกว่าห่วงผมไม่น้อย

   “ครับผม”  ผมบอกได้แค่นั้น

   “อย่าร้องสิโอห์ม  ลูกผู้ชายต้องเข้มแข็ง  เข้าใจมั้ย”    พี่โน้ตเอามือลูบศรีษะผมเบา ๆ    นั่นเท่ากับว่ากระตุ้นความอ่อนแอในหัวใจของผมให้มากกว่าเดิมอีก

   ผมแอบเบือนหน้าหนี  เอามือปาดน้ำตาทิ้ง

   ผมไม่ใช่คนเข้มแข็ง  ผมออกจะอ่อนแอเสียด้วยซ้ำ   การห่างจากคนที่เรารักมันทรมาน  ผมรู้ทุก ๆ  ปิดเทอมที่พี่โน้ตกลับบ้าน  ห้วงเวลานั้นคือเวลาที่ผมเศร้าอย่างที่สุด 

   “เอ้า  แอบร้องอีกแล้ว  แบบนี้พี่ไม่กลับก็ได้”

   “กลับเหอะพี่  ผมอยู่ได้แค่ใจหวิว ๆ เท่านั้นเอง”    ผมหันมายิ้มให้พี่โน้ต

   “บอกแล้วไงพี่จะรีบกลับมา”

   “ครับ”   ผมมองหน้าพี่โน้ต  อยากเก็บเอาทุกอณูความทรงจำที่มี 

   หากผมรู้อนาคต . . .

   . . . ก็คงดี

   เสียงประชาสัมพันธ์ประกาศ ขบวนรถด่วนพิเศษที่จะเข้าเทียบชานชาลา  ปลายทาง . . . ยะลา

   คือเสียงพิพากษาว่าผมต้องห่างจากคนที่ผมรักดี ๆ  นี่เอง

   “ขอพี่กอดหน่อย”

   พี่โน้ตรวบผมเข้าไปกอดเอาไว้  ท่ามกลางแสงดาวระยิบระยับในคืนที่เดือนมืดมิดของสถานีรถไฟบางซื่อ

   “พี่รักโอห์มนะครับ  โอห์มดูแลตัวเองดี ๆ  นะครับ  ถึงพี่จะไม่อยู่กับโอห์ม  แต่หัวใจของพี่อยู่ที่โอห์มเสมอ”    เสียงพี่โน้ตสั่น ๆ

   หากวันนั้น . . .

   . . . ผมเข้าใจในความหมาย  ของคำพูด

   ผมคงไม่เจ็บปวด . . . เจียนตาย

   พี่โน้ตค่อย ๆ  ปล่อยมือผมช้า ๆ ก่อนเดินไปขึ้นรถที่มาจอดเทียบชานชาลา  ภาพนั้นค่อย ๆ  พร่ามัว  เพราะทั้งสองตาของผมมันมีแต่หยาดน้ำตา  เสียงหวูดร้องของรถไฟ  คล้ายเสียงกรีดร้องที่ก้องในหัวใจของผม  รถค่อย ๆ  ออกตัวไปอย่างรวดเร็ว

   หัวใจผมเหมือนโดนกระชากออกไปจากอก . . .

   ผมทิ้งตัวลงนั่งที่ขอนไม้หมอน  ที่เขามาทำเป็นม้านั่งยาว ๆ  ระหว่างชานชาลาที่ ๑  กับชานชาลาที่ ๒  ผมปล่อยให้ความอ่อนแอมันออกมาจากสองตา  ผมนั่งมองขบวนที่แล่นหายไปในความมืดมิด

   เหมือนหัวใจผม . . .

   . . . มิดมิดนิรันดร์กาล



หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: myxt ที่ 16-04-2009 20:20:11
จุดเริ่มต้นของการจากลา  :เฮ้อ:
พี่โน้ตใจแข็งจริงๆที่ตัดสินใจทำอย่างนั้นได้
แถมแอบใจร้ายนิดๆด้วยน๊า ไม่คิดถึงใจโอห์มบ้างเลย
แต่ก็นะ... คนเสียใจก็ไม่ใช่แค่ใครคนนึง ทั้งพี่โน้ตและโอห์มคงเจ็บปวดไม่ต่างกัน

แอบหวังว่าทั้งสองคนจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีก
คุณราชบุตรจะใจดีกับเรามั้ยน๊อ  :pig4:

(กลับมาก่อนกำหนดรึเปล่าคะเนี่ย ไปเที่ยวมาสนุกมั้ยเอ่ย ^_^ )
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: anata9 ที่ 16-04-2009 23:23:46
เหตุผลการจากลา จากลาทั้งน้ำตา จากลาเพราะจำเป็น แล้วไฉนหัวใจจะทนได้  :o12:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 16-04-2009 23:48:34

พี่โน้ตใจแข็งจริงๆที่ตัดสินใจทำอย่างนั้นได้
แถมแอบใจร้ายนิดๆด้วยน๊า ไม่คิดถึงใจโอห์มบ้างเลย

โน้ต . . . ใจร้ายหรือครับ

กลัวว่าอ่านตอนหน้าแล้วจะจุกจนพูดไม่ออกอ่ะดิ



ปล.  ทีแรกว่าจะอยู่  กทม.  แต่เบื่อสถานการณ์  เลย 

ปิดมือถือเบอร์ที่ใช้ประจำ ยกเว้นอีกเครื่องเบอร์คุยกับหัวใจที่แอบหนีไปสระบุรี  อิอิอิ

  งดบริโภคข่าวสารทุกชนิด  (ขัดใจ . . . ไม่พูดอย่างที่ทำว่ะ สาดดดดดด)
 
ไปนอนกิน  กุ้ง  หอย  ปู  ปลา  และ  ผู้ชาย  อิอิอิ พูดเล่นนะอย่างหลังทำได้แค่มองอ่ะคร๊าบบบบ





หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: tamtam ที่ 17-04-2009 00:35:09
ชอบจัง อ่านไปพร้อมฟังเพลงเพราะ ๆ

สงสารพี่โน๊ต จัง
รุสึกเหมือนมีกำหนดระยะเวลาเจอกันอีกครั้ง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 17-04-2009 03:56:04
ยังมีจุกกว่านี้อีกเหรอเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยย

ขนาดนี้ไปหลายโฮแล้วนะ

น้ำตาเป็นปิ๊บแล้ว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 17-04-2009 04:41:14
พี่โน้ตเสียสละเพื่อโอห์ม และยอมอดทนต่อแรงกดดันที่มีก้อเืพื่อโอห์ม
แล้ววันที่จะได้กลับมาพบกันใหม่ โอห์มจะทำอะไรเื่พื่อพี่โน้ตได้บ้าง
ไม่อยากคาดเดาว่าตอนหน้าจะจุกขนาดไหนเนี่ย

ขอบคุณคุณราชบุตรนะจ๊ะ ที่มาต่ออย่างรวดเร็วกว่ากำหนด
นี่ถ้าบริโภคข่าวสารบ้านเมือง สงสัยน้ำตาท่วมทู้กว่านี้อีกแน่เลย
บวก 1 เช่นเคย ขอบคุณจ้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 17-04-2009 05:11:43


• “พี่ไม่รู้วันข้างหน้า  แต่ไม่ว่าอะไรก็ตาม  พี่อยากให้โอห์มจำอ้อมกอดของพี่ไว้  อ้อมกอดแบบวันนี้  ตอนนี้  หากโอห์มกับพี่จำต้องจาก  พี่สัญญานะว่าพี่จะตามหาโอห์ม  ไม่ว่าโอห์มจะอยู่แห่งหนใด  พี่จะตามหา  และเมื่อถึงเวลาที่พี่พบโอห์ม  พี่จะกอดโอห์มเอาไว้แบบนี้  เมื่อถึงเวลานั้นต่อให้เทวดา  หรือพระพหรมหน้าไหนก็จะมาแยกพี่จากโอห์มไม่ได้อีก  พี่ไม่ยอม . . .”  พี่โน้ตร้องไห้ออกมาอีก

   “. . . พี่จะไม่มีวันยอมอีกเด็ดขาด”
ต๊าย นี่คือ keywords รึเปล่าคะ
ป.ล. หมั่นใส้ยัยโอห์มจัง อยู่ บ.ด. หรือ ส.ว.นะนี่.......ทำตัวเป็นยัยคณหนูเจ้าอารมณ์ ชิส์
213 + 1 = 214
ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 17-04-2009 09:19:16
รอพี่โน๊ต :o11:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 17-04-2009 10:17:46


• “พี่ไม่รู้วันข้างหน้า  แต่ไม่ว่าอะไรก็ตาม  พี่อยากให้โอห์มจำอ้อมกอดของพี่ไว้  อ้อมกอดแบบวันนี้  ตอนนี้  หากโอห์มกับพี่จำต้องจาก  พี่สัญญานะว่าพี่จะตามหาโอห์ม  ไม่ว่าโอห์มจะอยู่แห่งหนใด  พี่จะตามหา  และเมื่อถึงเวลาที่พี่พบโอห์ม  พี่จะกอดโอห์มเอาไว้แบบนี้  เมื่อถึงเวลานั้นต่อให้เทวดา  หรือพระพหรมหน้าไหนก็จะมาแยกพี่จากโอห์มไม่ได้อีก  พี่ไม่ยอม . . .”  พี่โน้ตร้องไห้ออกมาอีก

   “. . . พี่จะไม่มีวันยอมอีกเด็ดขาด”
ต๊าย นี่คือ keywords รึเปล่าคะ
ป.ล. หมั่นใส้ยัยโอห์มจัง อยู่ บ.ด. หรือ ส.ว.นะนี่.......ทำตัวเป็นยัยคณหนูเจ้าอารมณ์ ชิส์
213 + 1 = 214
ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร



อย่าเฉลยมากสิค่ะคุณ . . .

เดี๋ยวพาลจะอ่านนิยายไม่สนุกเอานะ  ขอบอก

ตอนต่อจากนี้ . . . เขียนจบแล้ว  จบพร้อม ๆ  กับอาการจุกแน่นที่หน้าอก

เลยต้องคั้นมันออก  โดยการอ่านอีกรอบ . . . ไอ้ที่จุกอยู่ไหลออกมาเต็มแก้มเลย 

เขียนจบแต่ไม่กล้าโพสต์  กลัวโดนด่า  อิอิอิ


ผมหลับตานิ่งอยู่ครู่ใหญ่   ตอนนี้เหมือนสมองของผมโดนทุบด้วยของหนัก  ผมลืมตาช้า ๆ  แม่ยิ้มรอรับ

   “เกิด แก่ เจ็บ ตาย  มันเป็นวัฏฏะสังขารนะโอห์ม”

   “หมอเก่ง  เดี๋ยวก็หาย  ฉายรังสี  ทำคีโม  หรือไม่ก็ไปรักษาเมืองนอก  โอห์มพอมีเงิน  โอห์มไม่ยอมหรอก” 

   “โอห์ม . . .”  เสียงแม่นุ่มหู

“. . . จะจากเป็น  หรือจากตาย  ท้ายที่สุดของมนุษย์เราก็ต้องจากอยู่ดี  โอห์มเคยจากเป็นจนตัวแทบตายมาแล้ว  โอห์มผ่านมันมาได้  โอห์มยังจะกลัวอะไรอีกหรือลูก”

   ผมไม่รับรู้ . . .

   ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น  ไม่รับรู้อะไรทั้งหมดได้จะยิ่งดีที่สุด  ผมรู้แค่ว่าอะไร ๆ มันเกิดขึ้นรวดเร็วเหลือเกิน  ผมจะมีเวลาอีกเท่าไหร่  วันนึง . . .

   . . . อาทิตย์นึง

   เดือนนึง  คงมากที่สุด 

   . . . ระยะสุดท้าย



เอาตัวอย่างนิดเดียวมาฝาก . . . นิดเดียวจริง ๆ  


http://media.imeem.com/m/of7bmqLpIJ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 17-04-2009 11:39:25


ขอบคุณนิดเดียวนะคะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 17-04-2009 14:57:26

เอาตัวอย่างนิดเดียวมาฝาก . . . นิดเดียวจริง ๆ  
[/color][/size]

เง้อออออออออออ
เศร้าอีกแล้วเหรอ????  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 17-04-2009 17:28:24


ตอนที่ ๑๖

     เกือบเดือนแล้วที่ผมสอนภาษาเยอรมันให้กับโอ๊ต   เจ้าตัวดูเหมือนจะเรียนรู้ได้เร็ว  และน่าจะเรียนรู้เร็วกว่าผมในเวลาที่ผ่านมาเสียอีก  ผมได้แต่เก็บความรู้สึกที่จะเรียกว่าภูมิใจกับลูกศิษย์คนแรกเอาไว้มิดชิด   จะไม่ให้ภูมิใจได้อย่างไร  ในเมื่อลูกศิษย์คนนี้  มีค่าต่อหัวใจของผมยิ่งกว่าสิ่งใด ๆ  ทั้งหมด


   “สวัสดีครับคุณพ่อ  นึกอย่างไรโทรหาโอห์มแต่เช้าล่ะเนี่ย”  ผมเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามา  ก็ดีใจอย่างที่สุดแล้ว

   “โอห์มเหรอลูก  ตอนนี้พ่อมาโรงพยาบาลจุฬา  พาแม่มาหาหมอ”

   “ถึงวันหมอนัดอีกแล้วหรือครับ”  ผมถามกลับไป  เพราะแม่มาหาหมอบ่อย  แม่บอกว่าเป็นโรคของผู้หญิง  ต้องหาหมอแทบทุกเดือน

   “โอห์มว่างมั้ยลูก  มาหาพ่อที่โรงพยาบาลหน่อยได้หรือเปล่าลูก”

   “ได้ครับผม โอห์มจะออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะครับ  แม่รอคิวนานหรือครับพ่อ วันนี้”

   “แอดมิดนะลูก  คราวนี้หมอให้แอดมิด” 

   “แม่  โอเค โอห์มจะออกไปเดี๋ยวนี้”

   ทันทีที่ผมรู้ว่าแม่ต้องนอนโรงพยาบาล  หัวใจผมมันกลัว ๆ  ยังไงก็ไม่รู้  แต่ยังแอบคิดในทางที่ดีว่าแม่คงไม่เป็นอะไรมากหรอก  เพราะแม่ไม่เคยผิดนัดหมอ  แล้วหมอสมัยนี้เก่งจะตายไป  เงินถึง  มาหาทุกครั้งตามที่หมอนัด  โรคอะไร ๆ  ก็รักษาได้ . . .

   “โอ๊ตอยู่คนเดียวได้ไหม  พอดีวันนี้อามีธุระนิดหน่อย”

   “อาโอห์มจะไปไหนครับ  ก็ใครน๊า  นัดโอ๊ตไว้ว่าจะพาไปดูหนัง”  ไอ้ตัวแสบถาม  เมื่อผมบอกมันว่ามีธุระ  ทั้ง ๆ  ที่ผมเผลอไปรับปากนัดมันเอาไว้

   “วันนี้ไม่ได้จริง ๆ”

   “ไม่รู้อ่ะ  คนเราหลอกเด็ก” 

   มันทำหน้ามุ่ย  ผมยิ้มให้โอ๊ต  เคราะห์กรรมบางอย่างเดินทางถึงกันเร็วดีแท้  ไม่ต้องรอกันถึงชาติหน้า  หรือ ชาติอื่น ๆ  หรอก  แค่สิบแปดปีให้หลัง  ผมกลับเจอคนทวงสัญญาเพราะนัดกันเอาไว้

   . . . กรรมติดจรวดเลยล่ะครับงานนี้

   “พอดีแม่อาเข้าโรงพยาบาลนะครับ  ไว้ไปดูวันหลังนะครับ  อาต้องรีบไปโรงพยาบาล”

   “โอ๊ตไปด้วยครับ  ขอโอ๊ตไปเยี่ยมแม่อาโอห์มด้วยคนนะครับ”  ไอ้ตัวแสบเดินมาจับมือผมเขย่าเบา ๆ

   ผมมองหน้าโอ๊ต . . .

   . . . แววตาแบบนี้  ไม่พาไปได้อย่างไรกัน

   ผมโทรหาพ่ออีกครั้งเมื่อใกล้ถึงโรงพยาบาล  สอบถามอาการของแม่  รวมทั้งห้องที่แม่อยู่   พ่อไม่ยอมบอกอาการ  บอกแค่ว่า  แม่จะรอบอกผมเอง  ผมใจชื้นมาอีกหน่อย  เพราะแบบนี้แปลได้ว่า  แม่คงจะเป็นอะไรไม่มาก

   ผมคิดแต่ทางที่ดีเสมอ . . .

   “พ่อ . . .”  ผมไปกอดพ่อเอาไว้หลวม ๆ  เมื่อเข้าไปในห้อง

   พ่อยกนิ้วมาแตะที่ริมฝีปาก  เป็นเชิงบอกว่า  อย่าเสียงดัง  เพราะแม่หลับอยู่  ผมมองไปที่เตียง  หัวใจชาวาบ  แม่หน้าซีดมาก  ผมเห็นชัดเพราะศรีษะของแม่มีหมวกของโรงพยาบาลสวมอยู่  แถมที่จมูกมีสายอากาศจากเครื่องช่วยหายใจต่ออยู่  ผมหันมามองพ่อ  คล้ายถาม  หากแต่พ่อ  มองไปที่อีกคน

   “โน้ต . . .”   เสียงพ่อเรียกเบา ๆ

   “ไม่ใช่ครับผม  ผมชื่อโอ๊ตครับ  ชื่อโน้ตนะพ่อของโอ๊ตครับ”  ไอ้ตัวแสบยกมือไหว้  ก่อนแนะนำตัว   

   พ่อมองหน้าโอ๊ต . . .

   “ลูกชายโน้ตหรือโอห์ม  โตขนาดนี้เลยหรือ พี่ตุ้ยโชคดีนะ  ได้หลานทันใช้ดี”  พ่อแปลกใจ  แต่ก็ยิ้มรับไอ้ตัวแสบ

   โอ๊ตมองหน้าผม  คล้ายขอคำตอบ . . . 

   ผมได้แต่ยิ้มบาง ๆ  เพราะไม่รู้จะตอบคำถามของที่ไอ้ตัวแสบถามทางสายตาได้อย่างไร  มันอาจจะสงสัยว่าผมรู้จักกับพ่อมันหรือ  แล้วทำไม  ผมไม่เคยพูดถึงพ่อของมันเลยมากกว่า   จะพูดเรื่องอะไร  ในเมื่อมันไม่เคยถามผมเองว่าผมรู้จักพี่โน้ตหรือเปล่า

   “รู้จักปู่ด้วยหรือครับ”

   “อ้าว . . .”  พ่อหันมามองหน้าผม

   “. . . ตกลงมันยังไงกันนี่โอห์ม”  คราวนี้เป็นพ่อที่งง

   “ไว้โอห์มเล่าให้ฟังนะพ่อ  เรื่องมันยาว”

   “แต่ปู่เสียไปเกือบสิบปีแล้วล่ะครับ  ส่วนย่าหลังจากปู่เสียก็ไปบวชชีไม่ยอมสึกเลย  พูดแล้วคิดถึงย่า”

   “พี่ตุ้ยเสียแล้วหรือ”

   “ครับ  ปู่คงเบื่อหน้าโอ๊ต  เลยขี้เกียจหายใจ”  ไอ้ตัวแสบพูดเหมือนเป็นเรื่องปกติ

   “เออ   ไอ้ลูกคนนี้ ถอดแบบพ่อมันมาเลยเชียว  นึกว่าหมดจากเราแล้วโน้ตมันจะสบาย นะโอห์ม   ที่ไหนได้มาเจอลูกชายพิมพ์เดียวกันอีก”  พ่อหันมาหัวเราะกับผมเบา ๆ 

   “พ่อ . . . โอห์มมาแล้วหรือลูก”   เสียงแม่ดังมาจากเตียงคนป่วย  ผมปรี่ไปหาแม่ทันที  ไปจับมือแม่เอาไว้  มือแม่เย็นเฉียบเลยทีเดียว

   “สวัสดีครับ”  ไอ้ตัวแสบเดินมาใกล้ ๆ  เตียง  ยกมือไหว้แม่

   “โน้ต . . .”

   “โอ๊ตครับ  ว๊า  วันนี้ทำไมมีแต่คนทักว่าโน้ต  สงสัยโอ๊ตหน้าตาแย่  เอาของพ่อมามากกว่าแม่”  โอ๊ตยิ้ม ก่อนนั่งลงที่ใกล้ ๆ  ผม

   แม่มองหน้าโอ๊ต  เหมือนจะค้นหาอะไรบางอย่าง  หรือแม่อาจจะแปลกใจที่จู่ ๆ  พี่โน้ตโผล่มา  เหมือน ๆ  กับผม  ที่ตกใจในครั้งแรกที่เห็นโอ๊ต  ลูกไม้ลูกนี้มิผิดแผกจากต้นเลยแม้แต่น้อย

   “โอห์ม . . .”  แม่เรียกผม  หากแต่สายตาทอดไปอีกคน

   “ลูกชายพี่โน้ตครับแม่”  ผมยิ้ม

   “อะไรกัน  โตขนาดนี้เลยหรือ”  แม่มองโอ๊ต  แปลกใจไม่น้อยเลยทีเดียว  เพราะคนที่แม่เห็นตอนนี้  ไม่ใช่เด็ก ๆ  แต่เป็นวัยหนุ่มเลยทีเดียว

   “ชื่อโอ๊ตหรือลูก”

   “ครับผม”

   “มาให้ย่าดูหน้าใกล้ ๆ  หน่อยได้มั้ย”  แม่ยิ้มบาง ๆ 

   โอ๊ตขยับตัวใกล้เข้าไปอีก  แววตาที่มองมายังผม  ล้วนเป็นสายตาที่มีแต่คำถามทั้งนั้น  ผมได้แต่ยิ้ม    ปล่อยให้แม่มองหน้าโอ๊ต  แม่เอามือแตะที่ใบหน้าโอ้ตเบา ๆ  ราวกับไม่เชื่อในสายตาของตัวเองกับสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้

   “เหมือนมาก . . .”  แม่หันมาทางผม

   “. . . เหมือนโน้ตมากเลยโอห์ม”

   “แม่อาโอห์มรู้จักพ่อด้วยหรือครับ”

   แม่ยิ้ม . . . 

   “เรียกย่าสิลูก . . . ย่าแป้ง”

   “ครับ  ย่าแป้ง”  ไอ้ตัวแสบเหมือนจะงง ๆ  แต่ทำตามอย่างว่าง่าย

   “. . . ย่าแป้งรู้จักพ่อของโอ๊ตด้วยหรือครับ”

   “จ๊ะ . . .”  แม่ยิ้มอีกครั้ง

   “. . . รู้จัก  รู้จักดีทีเดียว  ทำไมอาโอห์มเขาไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังหรือลูก . . .”  แม่หันมามองทางผม   แม่คงไม่คิดว่าผมจะไม่ยอมเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมด  เพราะที่ผ่านมา  ผมมีอะไร  ผมมักจะชอบเล่าให้แม่ฟังเสมอ

   “. . . พ่อของเราน่ะเป็นคนดีที่สุดเลยนะโอ๊ต   ว่าแต่พ่ออยู่ที่ไหนล่ะตอนนี้”

   “หาดใหญ่ครับ”

   “อยากเจอโน้ต . . . ไม่ได้เจอนานแล้วนะพ่อ  เกือบยี่สิบปี”  แม่หันไปทางพ่อที่มานั่งใกล้ ๆ    สีหน้าพ่อดูดีกว่าตอนที่ผมเห็นในครั้งแรก  พ่อยิ้มบาง ๆ

   “เอาสิ . . . โอห์มโทรบอกพี่เขาให้มากรุงเทพฯ  ได้ไหม”

   “โอห์มไม่มีเบอร์”  ผมยิ้มแหยง ๆ

   “อ้าว  แล้วเอาโอ๊ตมาได้ไง”   

   “เรื่องมันยาวนะพ่อ  ไว้โอห์มจะเล่าให้ฟัง”  ผมรีบปัด  เพราะในเวลานี้  ผมอยากคุยกับแม่มากกว่า  แม่จับมือโอ๊ตเอาไว้ตลอดเวลา

   “โอ๊ต . . .”  เสียงแม่เหมือนจะเหนื่อย

   “ครับ ย่าแป้ง”

   “โทรให้พ่อมากรุงเทพฯ  ได้มั้ยลูก”

   “โทรได้ครับ  แต่ไม่แน่ใจว่าพ่อจะมามั้ย  เพราะเท่าที่โอ๊ตรู้  พ่อไม่เคยเหยียบมากรุงเทพฯ  อีกเลย  หลังจากที่พ่อมาเรียนที่กรุงเทพฯ  ได้สองปี   ย่าบอกว่า  พ่อเรียนที่เกษตรได้สองปี  แล้วนึกเฮี้ยนอะไรไม่รู้ลาออก  ก่อนที่จะไปเรียนต่อที่เชียงใหม่จนจบที่โน่น  ขนาดตอนขากลับยังไม่ยอมให้ปู่ขับรถผ่านกรุงเทพฯ  ปู่เลยต้องขับรถเข้าสุพรรณฯ  ออกทางนครปฐม   ปู่บอกว่า  มันบ้าดีเดือดไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่อง”

   “โธ่ . . .  โน้ตเอ้ย”   แม่ได้แต่ร้องครางเบา ๆ 

   ผมมองแม่ . . .

   . . . แม่เหมือนจะปาดน้ำตาทิ้ง

   “โอ๊ตโทรหาพ่อหน่อยนะลูก  ขอย่าคุยกับโน้ต”  แม่ยิ้ม  ทั้ง ๆ  ที่เริ่มหอบ  ผมมองหน้าพ่อ  พ่อพยักหน้าเหมือนจะบอกว่า  แม่เขายังไหว

   “สวัสดีครับคุณพ่อของลูกชาย”   ไอ้ตัวแสบมันพูดไปยิ้มไป

   “โอ๊ตอยู่กับอาโอห์มที่โรงพยาบาล . . .”    โอ๊ตหันมายิ้มกับผม

   “. . . อาโอมไม่ได้เป็นอะไรหรอกน่า   ทำเสียงตื่นเต้นไปได้คุณพ่อ  ว่าแต่ตอนนี้มีคนอยากคุยกับพ่ออะครับ”

   “ไม่ใช่อาโอห์มหร๊อก  รายนั้นนะทนจะตายไป  แต่คนนี้น่ะใจดีนะพ่อ   พ่อคุยหน่อยนะครับ  ให้กำลังใจคนป่วยหน่อยนะพ่อนะ”   ไอ้ตัวแสบค่อย ๆ  ยื่นโทรศัพท์ให้แม่

   แม่ยื่นมือมารับโทรศัพท์    มือของแม่สั่น  ผมมองหน้าแม่  แววตาแม่  เหมือนวิตกอะไรสักอย่าง  ผมได้แต่เอามือจับมืออีกข้างของแม่ไว้  กุมไว้ด้วยอุ้งมือทั้งสองของผมเอง

   “โน้ตหรือลูก”

   ผมมองแม่ที่คุยโทรศัพท์  แม่เหมือนจะยิ้ม  แต่ทำไม น้ำตาแม่คลอ  ใบหน้าแม่ซีดเซียว  ศรีษะโดนคลุมไว้ด้วยหมวกของโรงพยาบาล  แม่เป็นโรคอะไรหว่า . . .

   “จำได้หรือลูก  จำเสียงอาได้หรือ”

   แม่ยิ้ม   แต่ทำไมคล้ายกับว่าเป็นยิ้มที่เยาะตัวเอง  มือที่จับโทรศัพท์สั่น  เสียงแม่หอบเล็ก ๆ  ทั้ง ๆ  ที่มีเครื่องช่วยหายใจ

   “โน้ตมากรุงเทพฯ  ได้มั้ยลูก. . .”

   “. . . เร็วที่สุดนะลูก  วันนี้เลยยิ่งดี”   เสียงแม่  คล้ายเร่ง  ผมได้แต่มองแม่คุย    แม้อยากจะรู้ว่าอีกสายเขาพูดอะไร  แต่ก็ไม่สามารถที่จะรู้ได้  เพราะผมไม่กล้าที่จะถามแม่หรอก

   “ขอบใจนะลูก  ขอบใจโน้ตที่สุด”  แม่ส่งโทรศัพท์คืนให้โอ๊ต  ก่อนที่น้ำตาแม่จะไหลออกมา  รอยยิ้มเปื้อนหยาดน้ำตาของแม่  มันแปลได้ว่า . . .

   . . . พี่โน้ตยอมมากรุงเทพฯ

   “แม่ . . .”  ผมจับมือแม่เอาไว้

   “. . . ทำไมต้องแอดมิด หมอบอกว่าเป็นอะไรหรือแม่”

   แม่หันไปมองหน้าพ่อ . . .

   . . . พ่อพยักหน้าเบา ๆ   แววตาพ่อหนักใจไม่น้อย

   “มะเร็ง”  แม่ยิ้มที่มุมปาก

   “อะไรนะ  แม่อย่ามาทำเป็นเล่น”  ผมอยากได้ยินแม่บอกเป็นโรคอื่นดีเสียกว่า  เพราะโรคนี้มันไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้

   “ลูกคนนี้  แม่พูดจริง ๆ”

   เสียงแม่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  แม่พูดราวกับว่าโรคนี้  มันเป็นเพื่อนสนิทของแม่  ที่คุ้นเคยกัน  เหมือนคนที่ไปมาหาสู่กันเสมอ  ผมมองหน้าแม่  หัวใจของผมมันเต้นช้าลงหรืออย่างไร  เพราะสีหน้าของแม่บ่งบอก  สิ่งที่แม่พูดจริงเสมอ

   ผมหันไปทางพ่อ . . .

   . . . อาการพยักหน้าของพ่อ  คือ คำตอบ

   ผมหลับตานิ่งอยู่ครู่ใหญ่   ตอนนี้เหมือนสมองของผมโดนทุบด้วยของหนัก  ผมลืมตาช้า ๆ  แม่ยิ้มรอรับ

   “เกิด แก่ เจ็บ ตาย  มันเป็นวัฏฏะสังขารนะโอห์ม”

   “หมอเก่ง  เดี๋ยวก็หาย  ฉายรังสี  ทำคีโม  หรือไม่ก็ไปรักษาเมืองนอก  โอห์มพอมีเงิน  โอห์มไม่ยอมหรอก” 

   “โอห์ม . . .”  เสียงแม่นุ่มหู

   “. . . พ่อ”  แม่หันไปทางพ่อที่ตอนนี้กระเถิบตัวมาชิดกับแม่อีกฝั่งของเตียงคนป่วย

   “โอ๊ต ขอย่ากอดหน่อยได้มั้ยลูก”  แม่หันไปยิ้มกับโอ๊ต

   ไอ้ตัวแสบดูเหมือนจะกลายเป็นแมวเชื่อง ๆ  ย่อตัวลงให้แม่กอด  ผมแบนหน้าหนี  ผมเกลียดการจากลาโดยการสวมกอด 

   . . . อ้อมกอดสุดท้ายที่ผมเคยได้รับจากคนที่ได้หัวใจผมไป

   “ขอบใจนะโอ๊ต  ขอบใจ”

   “ย่าแป้งอย่ากลัวนะครับ  เดี๋ยวหมอก็รักษาได้” 

   “ระยะสุดท้ายนะลูก  อย่าดิ้นรนเลย  แม่อยู่กับมันมานาน  มันมาอาศัยแม่มานานจนเราเหมือนจะเป็นคน ๆ  เดียวกันอยู่แล้ว . . .”  แม่หยุด  เหมือนจะเหนื่อย

   “. . . ทีนี้เหลืออยู่แค่ไปพร้อมกัน”

   “แม่”  ผมกอดแม่เอาไว้

   แม่เอามือมาวางที่ศรีษะของผมเบา ๆ  แม่ลูบมันด้วยความรักทั้งหมดที่ผมสัมผัสได้  ความห่วงใยจากมือหนึ่งแล่นมาสู่ร่างกายอีกคน  ก่อนที่มันจะตรงดิ่งมาตรงที่หัวใจของผม

   ความรักที่ผมรับรู้ได้ด้วยใจ  กำลังจะจากผมไปอีกแล้วหรือ

   “แม่ไม่ได้ไปไหนนะลูก . . .”  แม่ลูบหัวผมเบา ๆ  พูดเหมือนเรื่องความตายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน

   “. . . แม่แค่ไปบ้านใหม่  แม่ล่วงหน้าไปก่อน  ไปเก็บกวาดบ้านใหม่ไว้รอลูกไงโอห์ม  แม่ล่วงหน้าไปก่อน  เพื่อว่าเวลาโอห์มไป  บ้านใหม่ของเราจะสบาย  ไม่สกปรกไง  ไม่ดีหรือโอห์ม”

   ผมสะอื้นให้กับมือของแม่  เอามือนั้นมาแนบแก้ม . .

   “พอเหอะแม่  พอเหอะ  โอห์มไม่อยากฟัง”

   “โอห์ม . . .”  เสียงแม่อบอุ่นเป็นที่สุด

   “. . . จะจากเป็น  หรือจากตาย  ท้ายที่สุดของมนุษย์เราก็ต้องจากอยู่ดี  โอห์มเคยจากเป็นจนตัวแทบตายมาแล้ว  โอห์มผ่านมันมาได้  โอห์มยังจะกลัวอะไรอีกหรือลูก แม่บอกแล้ว  แม่แค่ล่วงหน้าไปรอโอห์ม  รอ พ่อ  ที่บ้านใหม่ของแม่”

   ผมไม่รับรู้ . . .

   ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น  ไม่รับรู้อะไรทั้งหมดได้จะยิ่งดีที่สุด  ผมรู้แค่ว่าอะไร ๆ มันเกิดขึ้นรวดเร็วเหลือเกิน  ผมจะมีเวลาอีกเท่าไหร่  วันนึง . . .

   . . . อาทิตย์นึง

   เดือนนึง  คงมากที่สุด  เพราะแม่บอกเอง

   . . . ระยะสุดท้าย

   “พ่อ  ทำไมพ่อไม่บอกโอห์ม”  ผมหันไปทางพ่อ  ที่ตอนนี้มีแต่แววตาของคนที่ไร้ความสุข  พ่อมองผมน้ำตาเอ่อ

   “โอห์ม  พ่อเขารู้ก่อนโอห์มไม่ถึงสามชั่วโมงเองนะลูก  แม่ไม่ได้บอกพ่อ  เพราะแม่รู้  โรคที่แม่เป็นมันรักษาไม่หาย . . .”  แม่หยุดหลับตานิ่ง  ก่อนที่จะเล่าต่อ

   “. . . แม่ลองมาแล้วนะโอห์ม  ลองรักษามาตั้งแต่ที่แม่รู้จักกับมันใหม่ ๆ  แต่มันก็รักแม่  เกาะติดตัวแม่ตลอด  จะหมอสมัยใหม่  หรือหมอไทย  แม่ลองมาแล้วทั้งนั้น”  แม่ยิ้ม  เอามือลูบหัวผมเบาๆ 

   “แม่เลยเตรียมใจ   เพื่อว่าวันที่จากไป  แม่จะจากไปด้วยรอยยิ้ม  ไม่ห่วงอะไรอีก  โอห์มต้องเข้มแข็ง  อย่าร้องนะลูก  อย่าให้แม่ต้องห่วงอะไรทางนี้อีก”

   “แม่ . . .”

   ผมไม่รู้ . . . 

   แม่ทนได้ไง  แม่เก็บอาการเจ็บป่วยเอาไว้ได้อย่างไร  ผมไม่ฉลาดเลย  ผมไม่เคยเฉลียวใจสักครั้ง  ที่ระยะหลังแม่มาหาหมอที่กรุงเทพฯ  บ่อย  แล้วแม่ก็ซูบไป  กว่าผมจะรู้ตัวมันก็สายไปแล้ว  มันสายไปทุก ๆ  เรื่องเลยหรือ

   . . . มีเรื่องไหนบ้างที่ผมรู้ตัว  ก่อนสายเกินไป

   “มีอีกเรื่องที่แม่อยากจะบอกโอห์ม”

   “โอห์มไม่อยากฟัง  ไม่อยากฟังอะไรอีกแล้วครับแม่”   ผมเอามือปิดหูตัวเองเอาไว้ 

   . . . ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว 

   หาก . .

   . . . แม่ค่อย ๆ  จับคางผมอย่างเบามือ  ก่อนเอานิ้วมาปาดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างช้า ๆ  ผมมองหน้าแม่  แม้ในเวลานี้  เวลาที่แม่ต้องต่อสู้กับอะไรหลาย ๆ  อย่างในร่างกาย  แต่แม่ยังยิ้มสู้เสมอ . . .

   กำลังใจแม่มีมากมายกว่าร่างกายที่อ่อนแอลงทุก ๆ  นาที

   “โอห์มฟังแม่ดี ๆ  นะลูก”



   โน้ตวางหูโทรศัพท์ภายใน  ก่อนที่จะเดินตรงมาที่ลิฟท์  เขากดปุ่มลง  เพื่อรอเครื่องขนส่งสู่ที่สูงมารับ  ก่อนจะมีเสียงดัง  แล้วประตูนั่นก็เปิดออก เจ้าตัวเข้าไปก่อนกดลงที่ชั้นล่างสุดของอาคาร  ทันที่ที่ลิฟท์เปิดออก  โน้ตก็ปรี่ออกไปในทันที  ชายหนุ่มเดินตรงไปที่ล๊อบบี้เล็ก ๆ  ของอพาร์ทเม้นท์ย่านต้นซอยลาดพร้าว  เขาเดินตรงไปยังหญิงรุ่นแม่ที่นั่งอ่านนิตยสารรออยู่

   “อาแป้งหวัดดีครับ”

   “หวัดดีจ๊ะ  โทษทีพอดีอาลืมกุญแจไว้ในรถพ่อโอห์มน่ะ  เดี๋ยวเลิกงานพ่อจะขับตามมาล่ะ”  แม่หันมายิ้มหวาน

   “ครับ     อาแป้งผมช่วยถือ”  โน้ตยื่นมือไปรับกระเป๋าก่อนจะเดินนำไปที่ลิฟท์

   “โอห์มโทรไปบอกเมื่อสามวันก่อน  อาตื่นเต้น  เลยรีบมาก่อน”

   “น้องเก่งครับ  สอบได้ทุน”  โน้ตบอก  หากรู้สึกเหมือนหัวใจตัวเองเบา ๆ  คล้ายจะลอยไปในห้วงอากาศ 

   เรื่องนี้ . . .

   . . . . ทำเอาโน้ตนอนไม่หลับมาหลายวัน

   “อาเลยรีบมาก่อน  โชคดีจริง ๆ  ที่ได้เจอโน้ตก่อน”

   “เจอผมก่อน”  โน้ตแปลกใจ    แต่เก็บความรู้สึกที่อยากจะถามเอาไว้  เขาทำได้เพียงเดินนำแม่ของโอห์มไปที่ห้อง

   “น้ำครับอาแป้ง” 

   “ขอบใจจ๊ะ . . .”    แม่ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม

   “. . . น้องดื้อมั้ยโน้ต”

   “ก็เหมือนเดิมครับ”

   “อาละกลั๊ว . . . กลัว    กลัวใจโอห์ม”   แม่หันมามองหน้าโน้ต

   “กลัวอะไรเหรอครับ”

   “กลัวโอห์มจะไม่ไปเยอรมัน  อาอยากให้โอห์มไป  อย่างน้อยที่สุด  โอห์มคงได้ความรู้  ได้เพื่อน  ได้ประสบการณ์จากที่โน่น”  แม่ยังคงยิ้มแบบเคย

   “สอบได้แล้วก็ต้องไปอยู่แล้วครับ”

   “แล้วทีโน้ตสอบได้  ทำไมไม่ไปล่ะ”  แม่จ้องตาโน้ต

   โน้ตหลบสายตาที่เหมือนจะรู้ถึงความรู้สึกนึกคิดของโน้ต  หรืออาจเพราะเจ้าตัวมีเรื่องที่ต้องปิดบังอำพรางเอาไว้  เลยไม่กล้าสู้หน้าอีกฝ่ายก็เป็นได้

   “นี่แหละที่อากลัว  อากลัวมากเลยโน้ต  โน้ตสอบได้แต่กลับไม่ยอมไป  อากลัวน้องมันจะเลียนแบบ”

   “น้องต้องไปครับ  ผมรับรอง”  โน้ตจ้องหน้าแม่  คราวนี้เจ้าตัวไม่หลบสายตาอีกแล้ว  เพราะรู้ดี  อีกฝ่ายประสงค์สิ่งใด

   “อาขอบใจนะโน้ต ที่เข้าใจอา”

   “ครับผม”

   “อารู้ว่าโน้ตรักน้อง  แต่อามีลูกชายคนเดียวนะโน้ต  อาอยากให้ลูกชายของอาได้เรียน  ได้เจอสิ่งที่ดี  อารู้ว่าหากอาพูดกับโอห์ม  โอห์มคงไม่ฟังอา  อาเลยมาก่อน  ภาวนาอยู่ว่าขอให้เจอโน้ตก่อนโอห์ม. . .”  แม่หยุดเหลือมองโน้ตนิดเดียว

   “. . . โน้ต  ดูนี่นะลูก”

   แม่ยื่นมือข้างนึงออกไปข้างหน้า . . .

   “. . . มือซ้ายนี่เปรียบเสมือนโน้ต  ส่วนมือขวานี่เป็นโอห์ม  ตอนนี้ภาพที่อาเห็นมันเป็นแบบนี้นะโน้ต”   แม่ค่อย ๆ  เลื่อนมือขวามาเกาะไว้ที่มือซ้าย

   “สิ่งที่อาเห็นตอนนี้  คือ โอห์ม . . .”  แม่มองหน้าพี่โน้ต  ที่นั่งฟังอย่างตั้งใจ

     “. . . โอห์มเกาะโน้ตเอาไว้แน่น  จะด้วยความรัก  ความผูกพัน  หรือจะอะไรก็แล้วแต่  ภาพที่อาเห็นและทุก ๆ  คนเขาเห็นมันเป็นแบบนี้จริง ๆ  คนอื่นมองอย่างไรอาไม่รู้  แต่อาเป็นแม่ . . .”  เสียงอาแป้งเริ่มสั่น

   “. . . โน้ตคิดว่าคนเป็นแม่จะดูลูกไม่ออกเชียวหรือ”

   พี่โน้ตก้มหน้านิ่ง  น้ำลายที่กลืนลงคออย่างสะดวกในเวลาก่อน ๆ  ดูเหมือนจะกลายเป็นอะไรสักอย่างที่จะส่งลงคอไปมันช่างยากเย็นเหลือเกิน

   “อาไม่ได้รังเกียจโน้ต   แต่อาอยากเห็นภาพอีกภาพมากกว่า”  แม่ยิ้มอีกครั้ง

   “ครับ”

   “โน้ตมองภาพนี้ใหม่นะลูก  มือนี้คือโน้ต . . .”  แม่ยื่นมือข้างเดิมออกไปอีกครั้ง

   “. . . ส่วนนี่เป็นโอห์ม”  แม่ยื่นมืออีกข้างออกไปขนานกันระยะห่างระหว่างมือทั้งสองข้างห่างกันราวคืบนึงเห็นจะได้

   “ถ้าโอห์ม  รู้จักรักษาระยะห่างเอาไว้แบบนี้ก็คงดีไม่น้อย  โน้ตว่ามั้ย”

   “ครับ”

   “เพราะภาพที่ทุก ๆ  คนมองเห็น  แบบนี้จะเป็นภาพที่สวยงาม  วันข้างหน้าหากเกิดอะไรขึ้นกับคนสองคน  ภาพของคนสองคนจะยังสวยงามเสมอ  แต่หาก  มันเป็นภาพแบบนี้”  แม่เอามือมาเกาะอีกมือ

   “. . . วันข้างหน้า  หากเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของโน้ตกับโอห์ม โน้ตคิดไหมว่า  คนที่เสียในสายตาของคนอื่น ๆ  คือใคร”

   “โอห์ม”

   “อาไม่อยากคิดต่อไปเลยโน้ต”

   “โอห์มจะไม่มีวันเสียครับอาแป้ง  ผมจะไม่มีวันให้ใครมาดูถูกโอห์มเด็ดขาด  ภาพที่ทุกคนมองมาที่โอห์ม  จะเป็นโอห์มที่สวยงามที่สุด   

   “อาขอบใจที่โน้ตเข้าใจอา”

   โน้ตเข้าใจแล้วที่แม่บอกตอนที่เจอกัน . . .

   . . . โชคดีจริง ๆ  ที่ได้เจอโน้ตก่อน

   พี่โน้ตมีเหตุผลเสมอ  สิ่งที่ดีที่สุดพี่โน้ตจะส่งมาให้โอห์มก่อน  ส่วนตัวเอง  พี่โน้ตจะเก็บสิ่งรอบ ๆ  ตัว  อะไรก็ได้  โน้ตไม่เคยสนใจ  เพราะโน้ตรู้แค่ว่า โน้ตได้ให้สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตไปกับคน ๆ นึงแล้ว  และมันจะเป็นแบบนั้นไปจวบจนวันหมดลมหายใจ

   “ครับผม  ผมเข้าใจอา  แต่ผมบอกอาแป้งนะครับ  ผมไม่เคยคิดจะทำร้ายโอห์ม  หรือรั้งโอห์มเอาไว้เลย  อะไรก็ตามที่ส่งโอห์มไปสูงที่สุด  ดีที่สุด  ผมจะยอมทำ  ผมยอมทำทุกอย่าง  บนทางเดินของโอห์มผมยอมเอาเลือดและเนื้อรองให้น้องเดินได้อย่างงดงามที่สุด”

   “โน้ตจะทำยังไง”

   “ผมยังไม่รู้ครับ  แต่ผมรับรอง  ว่าโอห์มจะต้องไปเรียนต่อที่เยอรมัน . . .”  โน้ตจ้องตาแม่นิ่ง  เป็นสายตาของลูกผู้ชายที่รักษาสัญญาอย่างที่สุด

   “. . . ในเมื่ออาคิดเอาเองว่าภาพที่อาเห็นมันไม่เหมาะสม  ผมจะทำภาพที่เหมาะสมให้อาเห็น  จะทำภาพที่สวยที่สุดให้อาได้รู้ว่าผมไม่ได้เป็นอย่างที่อาคิด  อาอยากเห็นโอห์มจบที่เมืองไทยหรือเยอรมันดีล่ะครับ”

   “ถ้าเป็นไปได้  อาอยากให้โอห์มเรียนจบที่โน่นเลย”

   พี่โน้ตมองหน้าแม่ . . .

   . . . คำตอบที่ได้ยิน  มันแตกต่างอะไรกับการมาขอให้ออกไปจากชีวิตของอีกฝ่าย  เพียงแต่ว่าวิธีการพูดจา สื่อสาร  มันแตกต่างกัน  คนเราจะพูดอย่างไรก็ได้ให้ดี  ให้ตัวเองดูเลวร้ายน้อยที่สุด  แต่ผลที่เกิดมาต่างหากคือตัวชี้วัดว่าสิ่งใดคือความจริงแท้แน่นอน

   “ครับ  ผมสัญญาผมจะทำให้โอห์มจบที่เยอรมัน”  พี่โน้ตจ้องหน้าแม่เอาไว้นิ่ง

   “โน้ตต้องเข้าใจอานะลูก”

   “ครับผม  โน้ตเข้าใจ  เข้าใจหัวอกของแม่ทุกคน  ถ้านี่คือความประสงค์ของอาแป้ง ผมจะยอม  ผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้โอห์มได้เรียนจบที่เยอรมัน . . .”  เสียงโน้ตคล้ายหายไปในลำคอ  เหมือนคนที่ต้องเก็บกดความรู้สึกอ่อนแอเอาไว้อย่างลึกที่สุดแล้ว

   “. . . แม้ว่าสิ่งที่ผมทำลงไปโอห์มจะเกลียดผมไปจนวันหมดลมหายใจ  ผมก็จะทำ  เพราะคนที่อยากให้ผมทำคืออาแป้ง . . .”   พี่โน้ตจ้องหน้าแม่นิ่ง

      “. . .  โอห์มอาจจะเสียใจหากถึงวันนั้น  วันที่ผมกระทำลงไป  โอห์มอาจจะไม่เข้าใจและพาลเกลียดผมไปตลอดชีวิต  หรือบางทีโอห์มอาจจะเจ็บปวดทุรนทุราย  เพราะการจากหายของใครบางคน    แต่จะเพราะอะไรก็ตามแต่ . . .”  พี่โน้ตมองหน้าแม่  น้ำตาเอ่อ

   “. . .โน้ตอยากให้อาแป้งรู้  ตอนนี้โน้ตตายไปแล้ว  โน้ตตายไปเพราะอาแป้งอยากให้โน้ตทำในสิ่งที่โน้ตไม่คิดจะทำมันเลยตลอดชีวิต”   โน้ตเอามือปาดน้ำตาที่ไหลออกมาเพราะความเจ็บปวด

   “. . . วันนี้อาแป้งมาขอหัวใจของอาแป้งคืน  หัวใจที่อาแป้งเห็นคือชีวิต  คือลมหายใจของโน้ต  ต่อจากวันนี้  โน้ตมันมีแค่ร่างกายเท่านั้น  เพราะหัวใจมันแหลกละเอียดไปแล้ว  อาแป้งคิดเอาเอง  ตัดสินใจเอาเอง  ว่าความรักของอาแป้งยิ่งใหญ่  ใหญ่จนอาแป้งลืมมองถึงหัวใจอีกดวง”  โน้ตเอามือปาดน้ำมูกที่ไหลออกมาปนเปกับน้ำตา

   “. . .วันที่โอห์มสอบวันสุดท้ายของเทอมนี้  คือ  วันที่โน้ตจะคืนทุก ๆ  อย่างให้อาแป้ง   โอห์มจะไม่มีวันได้เจอหน้าผมอีกเลย   ผมสัญญา  ไม่ว่าโอห์มจะตามยังไงก็จะไม่มีวันเจอ  หากอาแป้งไม่อยากให้ผมได้เจอกับโอห์ม”  โน้ตเอามือปาดน้ำตาที่ดูเหมือนจะหลั่งไหลออกมาราวท่อประปาแตก

   “. . . แต่     เวลาที่เหลือจากนี้  ก่อนถึงวันนั้น  ผมขออยู่กับโอห์ม  ผมขออยู่กับคนที่ผมรักได้ไหมครับ”   โน้ตคุกเข่าลงตรงหน้าแม่ก่อนก้มลงกราบแทบเท้า

   “โน้ต”  แม่ดึงโน้ตมากอดเอาไว้

   “อาไม่อยากทำแบบนี้เลยโน้ต  อาไม่อยากทำ”

   “ผมเข้าใจครับ  เข้าใจทุก ๆ  อย่าง . . .”  พี่โน้ตกอดแม่เอาไว้  ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย  สิ่งที่ยากที่สุดในชีวิตของโน้ต  คือการต้องเดินจากคนที่โน้ตรัก 

   “ถ้าผมออกไปจากชีวิตของน้อง  แล้วมันจะทำให้อาแป้งมีความสุข  ทำให้น้องได้เดินในทางที่ดีผมก็จะไป  แต่อาแป้งจำไว้นะครับ  หากวันไหนโอห์มไม่มีใคร  ผมนี่แหละที่จะไปหาโอห์ม  ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟผมก็จะไปหาโอห์ม”

   “อาขอบใจ  แต่อาอยากให้โน้ตเข้าใจ  โน้ตอายุยังน้อยยังเจอคนดี ๆ อีก”  แม่ค่อย ๆ คลายวงแขนจากโน้ต

   “ไม่มีทาง ไม่มีวันนั้นแน่ ๆ  ผมรับรอง  วันไหนที่น้องลำบากอย่างที่สุดผมจะไปอยู่กับน้อง  หรือหากวันไหน  อาแป้งเชื่อว่าผมรักน้องด้วยหัวใจจริง ๆ  ผมรีบไปในทันทีโดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ  ผมจะไปกอดน้องเอาไว้  ผมจะกอดโอห์มเอาไว้ให้สามสมกับที่ผมต้องพรากสิ่งที่ผมรักที่สุด  แล้วเมื่อถึงวันนั้น  ผมจะไม่มีวันคืนน้องให้อาแป้งอีกเด็ดขาด  ผมสัญญา  ผมจะไม่มีวันคืนให้อาแป้งอีกแล้ว”  พี่โน้ตจ้องหน้าแม่นิ่ง


หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 17-04-2009 17:29:15


หากจบแบบนี้ . . .

ณ   ตอนนี้เลย . . . .

จะมีคนด่ามั้ยเนี่ยะ . . .  อิอิอิ

ปล.  แต่ยังไม่จบ  จบได้อย่างไร  คนดี๊  คนดี  ไม่โผล่มาเลย


ปล๒.  หากใครอยากเซฟเรื่องนี้  เชิญตามอัธยาศัย ไม่แน่ใจว่า  ตัวอักษรจะอยู่ทนขนาดไหน

หรือ

PM.  มาขอได้นะครับ  แต่  ขอมาแล้ว  ฝากเมล์ไว้ด้วย  เพราะ  เรื่องก่อน  มีแต่คนขอมา  ไม่มีเมล์  แล้วผมจะส่งที่ได



อีกนิ้ดดดดด . . . เวลาฝากเมล์  ให้พิมพ์แบบนี้นะครับ  tonsai_2520แอดhotmailดอทคอม     ไม่งั้น  ระบบจะเปลี่ยนเป็นคำอื่น  ทำให้ไม่สามารถรับทราบว่าเป็นเมล์ของอะไรนะครับผม




ปล๓.   นิยายเรื่องนี้สำหรับโพสต์ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น  ห้ามมิให้ผู้ใด  นำไปโพสต์  ที่อื่น ๆ  หรือกระทู้  อื่น ๆ  อย่างเด็ดขาด
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 17-04-2009 17:51:20


ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: mango ที่ 17-04-2009 20:05:29

Thank you,
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: wonna ที่ 17-04-2009 20:28:43
Thanks you เช่นกัน thanks เช่นกัน o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: Tao_huu ที่ 17-04-2009 21:36:30
ทั้งสุขทั้งเศร้า   ขอบคุณคนแต่ง  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 17-04-2009 21:47:48
โหย ทุกอย่างคลี่คลายแล้ว
ตอนหน้าพี่โน้ตก็จะขึ้นมาแล้วกอดโอห์มอาไว้แน่ใช่ไหม
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: tamtam ที่ 17-04-2009 22:17:32
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: FiZZ ที่ 17-04-2009 22:57:15
นั่งอ่านตั้งแต่เย็นๆ ร้องไห้มาร่วม3ชั่วโมง  :m15:
ทำไมพี่โน้ตเป็นคนประเสริฐแบบนี้  ใจแข็งมากๆ ดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
ขอแบบนี้สักคนได้มั้ยเนี่ย แค่ครึ่งของพี่โน้ตก็พอ
แต่ตอนนี้เหนื่อยละ ไปนอนก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยตื่นมาร้องไห้ต่อ  :sad11:
ขอบคุณคุณราชบุตร  o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: Simply Blue ที่ 17-04-2009 23:16:00
ทั้งเนื้อหา วิธีการลำดับการเล่าเรื่อง ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อยากให้มีปุ่มกดบวกที่ละ 10 จริงๆๆ

ช่วงหลังๆๆ มีลูกโอ๊ตมาเพิ่มสีสันในความน่ารักสดใสของเค้า  (วุ้ยยยย ลูกใครหว่าน่ารักเป็นบ้า  55555)

ซาบซึ้ง กินใจ อ่านไปร้องไห้ไป ยิ้มไปก็ได้ด้วย

ขอเป็นแฟนคลับคุณราชบุตรด้วยคน อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 17-04-2009 23:52:45
 :L2:

ขอบคุณนะ สำหรับเรื่องดีๆ แบบนี้

 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 18-04-2009 00:55:39

“หายไปจากชีวิตมันก็คงดี”
   “ไอ้บ้า  แล้วหัวใจของมันล่ะ  แกเคยคิดถึงหัวใจของมันบ้างไหม  แกจะหายไปได้อย่างไร มีเหตุผลอะไร”
   “ไม่รู้ว่ะ  รู้แค่ว่าจากวันนี้ต่อไปจนวันข้างหน้า  เมื่อมีใครกำหนดให้ชั้นไม่ได้เจอตัวเล็กอีก  ชั้นก็จะไม่เอาตัวไปให้ตัวเล็กมันเจออีก    แต่จะให้ชั้นเลิกรักตัวเล็ก  ชั้นทำไม่ได้หรอก เพราะชั้นเกิดมาเพื่อตัวเล็กมัน  อะไรก็ตามที่ทำให้ตัวเล็กไปไกลที่สุด  ดีที่สุดชั้นก็จะทำ”
   “โน้ต”
   “จริง ๆ  นะแจง  ชั้นจะชิ่ว  แล้วชั้นจะหายไปจากชีวิตของตัวเล็กมัน  จะหายไปตามที่คนเบื้องบนกำหนดมา  ในเมื่อเขาขีดชะตาชั้นมาแบบนี้ชั้นก็จะยอม

ใครกำหนด  =  กูไงกำหนดไอ้โน้ตเอ้ยยยยยยยยยย
คนเบื้องบน =  ผู้มีบารมีนอกนิยายไงไอ้ฟายโน้ต


เผยมาแล้วครับ . . .

. . . คนที่กำหนด

หาใช่ . . . ผู้มีบารมีนอกนิยายไม่


คาดว่าน่าจะเป็นตอนที่เศร้าที่สุดแล้ว  หลังจากนี้  คงไม่มีอะไรบั่นทอนความรู้สึกอีกแน่ ๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 18-04-2009 00:56:24
ออนผ่านมือถือมาโพส
จะจบแล้วหรือครับพี่ต้นสุดหล่อ
อ่านตอนนี้แล้วสงสารพี่โน๊ตจริง 
รออ่านตอนต่อไปครับ
ปล อยากได้ pocket book รักฤาผูกพันจัง 
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 18-04-2009 01:51:28

 
ประกาศ


หากเรื่องที่ผมเล่าจบลง . .  . ผมขอลบข้อความบางส่วนบางตอนภายใน ๓๐ วันนะครับ

สำหรับคนที่ชอบ  ก็เซฟเก็บไว้นะครับ  แต่กรุณาอย่านำไปโพสต์ที่อื่น  เพราะผมตั้งใจเขียนไว้ในเล้านี้ที่เดียวเท่านั้น  สำหรับคนที่เข้ามาหลังที่ผมเขียนจบ ๓๐ วัน  อาจได้เรื่องไม่ครบสมบูรณ์นะครับ

ขออนุญาตทำตามนี้นะครับ . .
 


^

^

^


ข้อความข้างบนเอามาจากเรื่องก่อน . . .


กำลังชั่งใจอยู่


. . . ว่าเรื่องนี้  มันจะตามมาหลอกหลอนอีกไหมหว่า
http://media.imeem.com/m/of7bmqLpIJ


หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 18-04-2009 06:38:57
รับทราบประกาศ และขอบคุณมากมายสำหรับความซาบซึ้งกินใจ

แม่ัรักลูก แต่ฆ่าลูกให้ตายทั้งเป็นมานานกว่าอายุโอ๊ตอีกนะนั่น

บวก 1 แต้มเช่นเคย ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 18-04-2009 07:36:43

ต๊าย ยังดีนะคะ ที่คุณยายแป้ง(แม่ยัยโอห์ม)ทำอย่างนี้เมื่อปี 2534
ถ้าเป็น 2552 เห็นทีจะโดนคุณป้าสุนีย์(แม่โต้ง)หัวเราะเยาะ ชิส์

218 + 1 = 219
ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 18-04-2009 07:45:29
 :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: Tao_huu ที่ 18-04-2009 09:33:15
จะจบแล้วเหรอเนี่ย  :a5:

แต่รอลุ้นๆ เจอพี่โน๊ตไวๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 18-04-2009 10:52:23
สงสารโน้ตจัง :sad11:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 18-04-2009 11:37:36


ยังไม่ได้เขียนตอนจบเลย . . .

. . . ชั่งใจอยู่  จะจบเรื่องราวแบบไหนดี  ที่จะทำให้จดจำมากที่สุด

โน้ตกลับมาแล้วไปกอดโอห์ม . . .  หรือ . . . โน้ตประสบอุบัติเหตุ  กลางทางก่อนมาถึง   

อันไหนดีกว่ากันอ่ะ

นิยายถ่ายทอดสดก็งี้  หาทางจบไม่เจอ  เฮ้ยยยยยยย

ปล. คนเขียนกวนตรีนอีกแร่ะครับท่านนนนนนนนนนนนนนนน


หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 18-04-2009 12:23:39


วุ้ย กิต.เคยอ่านเจอที่ไหนที่หนึ่งนะคะ
มีนักเขียนบางคนเคยบอกไว้ว่า
"ผมเขียน เพราะรัก และมีความสุขกับการเขียน ใครชอบก็อ่าน ไม่ชอบ ก็ไม่อ่าน จบข่าว"
กิต.ว่า เป็นความคิดที่น่าสนใจเหมือนกันนะคะ อิอิ
ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: mango ที่ 18-04-2009 17:51:15

 โน้ตประสบอุบัติเหตุ  กลางทางก่อนมาถึง  too soappy na ka,   :monkeysad:

โน้ตกลับมาแล้วไปกอดโอห์ม . . love this plot ka , happy ending  :call:  please
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 18-04-2009 18:31:22
ขอแบบ Happy นะคร้าบคุณราชบุตร
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 18-04-2009 20:47:59

ตอนที่  ๑๗
   
   ผมนิ่งเหมือนถูกสาป  มีแต่น้ำตาที่ไหลออกมา  เรื่องที่แม่เล่าให้ฟัง  มันเจ็บปวดเกินกว่าที่ผมจะรับได้  พี่โน้ตอยู่ได้อย่างไร  พี่โน้ตผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดมาได้อย่างไรกัน  พี่โน้ตทำทุก ๆ  อย่างลงไปได้อย่างไร . . .


   ไม่ได้เดินหายไปแบบที่ผมเคยคิด . . .

   . . . แต่

   พี่โน้ตมีชีวิตอยู่บนซากอะไรสักอย่าง . . .

   . . . มีลมหายใจ

   หาก . . .ไร้วิญญาณ

   . . . ซากชีวิต

   ผมยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับ  แม้จะหลับตา  แต่น้ำตามันยังเอ่อไหล  เรื่องที่ผมได้รับรู้จากปากของคนที่ผมเรียกว่า . . . แม่

   ผมไม่โกรธ . . .

   . . . เพราะแม่มีเหตุผลของแม่

   กับพี่โน้ต  ผมมีแต่ความสงสาร  มีแต่ความหดหู่  จะมีผู้ชายที่ไหนอีกที่ดีแบบนี้  มิน่าวันนั้นตอนผมกลับมาจากโรงเรียน  เจอแม่กับพี่โน้ต  พี่โน้ตถึงคอยหลบสายตาผม  ไม่มองแบบครั้งก่อนเก่า  อาจเพราะพี่โน้ตกลัวผมเห็นร่องรอยของบาดแผลที่โดนกรีดลงบนหัวใจ

   แผลคงยังสด  เลือดคงไม่จางหาย  จะให้น้องเห็นได้อย่างไรกัน  คนที่เก็บเอาความรู้สึกแบบนั้นเอาไว้กับตัว  คือคนที่เจ็บปวดที่สุดแล้ว  หามีความเจ็บปวดใดมากไปกว่านี้อีกแล้ว    ความเจ็บปวดที่เจ้าตัวเองก็ยังไม่เตรียมหัวใจไว้รับมันก่อนเลยเสียด้วยซ้ำ

   มิน่า . . .

   . . . วันนั้น 

   วันที่พี่โน้ตอยู่กับผมวันสุดท้าย  ในเวลาที่พี่โน้ตเองก็รู้ว่ามันค่อย ๆ  หมดลงทุก ๆ  วินาที  ยิ่งใกล้เวลาที่จำต้องลาจาก  พี่โน้ตกอดผมเอาไว้แน่น  ราวกับว่าจะไม่มีโอกาสแบบนี้อีกแล้ว  ผมมันโง่  ไม่เฉลียวใจเลยสักน้อยนิด

     ภายใต้วงแขนอันอบอุ่นที่ผมคุ้นเคย . . .

   . . . ผมไม่เคยรู้เลย  เวลากำลังหมดไปเรื่อย ๆ 

   . . . พี่ไม่รู้วันข้างหน้า  แต่ไม่ว่าอะไรก็ตาม  พี่อยากให้โอห์มจำอ้อมกอดของพี่ไว้  อ้อมกอดแบบวันนี้  ตอนนี้  หากโอห์มกับพี่จำต้องจาก  พี่สัญญานะว่าพี่จะตามหาโอห์ม  ไม่ว่าโอห์มจะอยู่แห่งหนใด  พี่จะตามหา  และเมื่อถึงเวลาที่พี่พบโอห์ม  พี่จะกอดโอห์มเอาไว้แบบนี้  เมื่อถึงเวลานั้นต่อให้เทวดา  หรือพระพหรมหน้าไหนก็จะมาแยกพี่จากโอห์มไม่ได้อีก  พี่ไม่ยอม . . . พี่จะไม่มีวันยอมอีกเด็ดขาด”

   ผมมองหน้าแม่นิ่ง . . .

   . . . ความเจ็บปวดมันค่อย ๆ  แล่นเข้ามาสู่หัวใจ  ภาพที่ผมเห็น  แม่คล้ายเหนื่อยอ่อนเต็มกำลัง  แววตาแม่มีแต่น้ำตา  อาจเป็นน้ำตาที่แม่เพิ่งรู้ว่าแม่ได้ฆ่าคนสองคน  แม่ฆ่ามันด้วยความรักทั้งหมดที่แม่มี 

   เทวดาองค์แรกของลูก . . .

   . . . คือ พ่อ  แม่

   พระพรหม . . . เปรียบเสมือน พ่อ  กับแม่

   . . . ผมมันโง่

   คำพูดของพี่โน้ตแฝงนัยยะทุก ๆ  อย่างเอาไว้  เรื่องที่พี่โน้ตไม่สามารถพูดออกมาตรง ๆ  ได้เลย  พี่โน้ตเจ็บปวดกับการกระทำของ  ใครคนนึง  คนที่ผมเองก็ไม่เคยคาดคิด  ผมพยายามเข้าใจแบบที่พี่โน้ตเข้าใจในวันก่อน

   แม่ . . .

   . . . หวังดีกับลูกเสมอ

   ความหวังดีที่แม่หยิบยื่น  อาจทำร้ายคนหลาย ๆ  คน  อาจฆ่าใครบางคนให้ตายไป  แต่ด้วยความรักที่วาดหวังอยากให้ลูกได้ดิบได้ดี  เป็นแบบที่แม่อยากให้เป็น  แม่ไม่ผิด  ไม่ผิดที่จะรักและวาดหวังให้ลูกได้ดีที่สุด

   ความรัก . . .

   . . . ไร้รูปแบบ

   มุมความรักของแม่   อาจจะแตกต่างกับคนอื่น ๆ  ไม่ใช่มุมที่ผมเห็น  ไม่ใช่มุมที่พี่โน้ตหยิบยื่นให้ผม  แต่มุมความรักของแม่ไม่ได้แปลว่าแม่ผิด  แม่ทำสิ่งที่แม่คิดว่าถูกต้อง  เพียงแต่แม่ไม่เคยถาม  ไม่เคยถามคนที่จะรับว่า  ต้องการแบบที่แม่เห็นหรือไม่

   ทุก ๆ  คนหยิบยื่นสิ่งที่ดีที่สุดให้ผมเสมอ . . .

   ผมเคยคิด . . .

   . . . ผมทำอะไรผิด

   มาตอนนี้ . . . 

   ผมอาจทราบคำตอบแล้ว  คำตอบที่ผมถามตัวเองมาสิบแปดปี  คำถามที่มันเกิดขึ้นหลังจากที่พี่โน้ตหายไปอาทิตย์แรก . . .

   . . . สิบวัน

   เป็น . . . ครึ่งเดือน

   ไม่มีการติดต่อกลับมาหาผม  ไม่มีเสียงโทรศัพท์เหมือนทุก ๆ  ครั้งที่พี่โน้ตกลับไปบ้าน  ที่พอถึงหาดใหญ่พี่โน้ตจะโทรมาบอกผมว่า . . . ถึงแล้วนะปลอดภัยดี

   . . . ไม่มีพี่โน้ตที่บ้านพักที่ศูนย์วิจัยในเดือนถัดมาที่ผมลงไปหาดใหญ่เพื่อตามหาพี่โน้ต  พี่โน้ตหายไป   โดยที่ไม่มีใครรู้  ว่าพี่โน้ตไปอยู่ ณ ที่แห่งใด การหายไปอย่างไร้ร่องรอยของพี่โน้ต มันเกิดขึ้นเพราะความประสงค์ของคนที่นอนอยู่ตรงหน้าผม

   “โอห์ม . . .”  เสียงของแม่ร้องเรียก

   “. . . แม่ขอโทษนะโอห์ม  แม่ขอโทษ” 

   ผมนั่งนิ่ง ๆ . . .

   . . . สมองผมรับรู้เรื่องราวเสียที่ไหนในเวลานี้

   มันมีแต่ความเจ็บปวดนับพันทวี  มันรุนแรงหลากหลายที่ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันจะจบลงที่ได  เรื่องที่ผมเพิ่งทราบ  มันจะทำให้ผมรับสภาพนั้นได้นานกขนาดไหน  เพราะผมรู้ดี  สิ่งที่เกิดขึ้นผมไม่เคยคิด  ไม่เคยคิดว่าจะมีใครที่รักผมมากขนาดนี้

   . . . ภาพของโอห์มต้องสวยงาม

   ผมหลับตา  คนที่หยิบยื่นความสวยงามให้ผม  กลับเป็นคนที่เจ็บปวดที่สุด  กลับกลายเป็นคนที่ต้องทนทุกข์  ทรมานเพราะรอเวลาที่จะหยิบยื่นวันเวลาให้ผม  ยิ่งคิดหัวใจมันยิ่งอ่อนล้า  ที่ทำได้ดีที่สุดในห้วงเวลาแบบนี้  คือปล่อยน้ำตารินหลั่งไหล  ร้องไห้ออกมาให้สาสมกับที่อีกคนต้องเจ็บปวด

   . . . คนที่รู้เวลาแห่งการพลัดพราก

   เขาอยู่ในห้วงเวลานั้นได้อย่างไร  เขาทนอยู่กับสิ่งที่ค่อย ๆ  กัดกินหัวใจของตัวเองอย่างช้า ๆ  เพื่อรอเวลา . . . จากเป็น

     มองแม่ผ่านม่านน้ำตาที่มันไหลออกมาจากหัวใจของผม  สิ่งที่ผมเคยมีคำถาม  มันไม่สำคัญเท่ากับว่า  คน ๆ  นั้นอยู่ที่ไหน  และอยู่มาได้อย่างไร 

   หากเป็นผม . . .

   . . . คงไม่มีลมหายใจอีกแล้ว     

   ผมรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดราวกับมีเข็มนับพันพุ่งตรงเข้ามาสู่หัวใจ  เรื่องราวที่ผมได้รับรู้  เจ็บปวดเหลือเกิน    ตอนนี้นะหรือ  ผมเจ็บปวดกว่าเดือนแรกที่พี่โน้ตหายตัวไปเสียอีก  ผมเจ็บปวดกว่าตอนที่ผมคิดว่าพี่โน้ตทิ้งผมไปแล้ว  ความเจ็บปวดในคราวนั้นมันเกิดจากความคิดของผม  ที่ผมพยายามคิดไปเองว่าผมไม่สำคัญพอสำหรับพี่โน้ต . . .

   ตอนนี้ . . .

   . . . ผมเจ็บปวด  เพราะผมรู้แล้วว่าความเจ็บปวดที่ผมได้รับ  เทียบไม่ได้เลยกับที่อีกฝ่ายต้องจำใจทำ เดินออกไปจากชีวิตของใครสักคน  ทั้ง ๆ  ที่ยังรักเต็มหัวใจ

   . . . พี่โน้ต 

   เก่ง . . . 

   . . . แกร่ง  เสมอ 

   พี่โน้ตก้าวผ่านวันเวลาที่โหดร้ายแบบนั้นมาได้   เดินผ่านรอยแห่งความเจ็บปวดยิ่งที่สุดในชีวิต   หากเป็นผม  ถ้าผมเจอแบบที่พี่โน้ตเจอ  ผมจะยังมีลมหายใจเพื่อรอการได้เจอกันอีกครั้ง  แบบที่พี่โน้ตรออีกไหม

   วันนี้ผมทราบแล้วกับคำถามที่ว่าผมผิดอะไร  ทำไมพี่โน้ตทิ้งผมไป . . .

   . . . ผมผิดเพราะผมเกิดมาเป็นผู้ชาย 

   ผมหันไปมองหน้าโอ๊ต . . .

   เจ้าตัวแสบนั่งนิ่ง  แววตาคล้ายมีคำถาม  โอ๊ตอาจจะสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น  แต่สำหรับผม  สิ่งที่อยู่ตรงหน้าตอกย้ำความเจ็บปวด  ว่าสิ่งที่ผ่านมา  มันอาจจะเกิดจากความผิดพลาดของอะไรสักอย่าง  และ  มันส่งผลมาจวบจนกระทั่งวันนี้

   . . .  วันที่พี่โน้ตคิดว่าตายจาก

   คือ . . .

   . . . วันที่มีชีวิตใหม่เกิดขึ้นมาในร่างกายของอีกคน

   ผมมองโอ๊ต  แววตาโอ๊ตมันเศร้า  ไม่เหมือนครั้งแรกที่ผมเคยเจอ  อาจเป็นเพราะโอ๊ตไม่ได้เกิดมาจากความรัก  แต่มันคือ  ความผิดพลาด  คือความสูญเสียที่พี่โน้ตจำต้องปล่อยอีกคน  ผมเข้าใจแล้ว  ว่าทำไม  พี่โน้ตถึงอยากเลี้ยงโอ๊ตเอง  ไม่อยากให้ที่บ้านเอาลงไปเลี้ยงที่หาดใหญ่  อาจเพราะว่า  พี่โน้ตไม่มีอะไรอีกแล้วในชีวิต

   สิ่งที่พี่โน้ตยึดเอาไว้คือ . . .

   . . . ลูก

   “โอห์ม . . .”  เสียงแม่เรียก  หากแม่สะอื้น

   “. . . โอห์มจะโกรธ  จะเกลียดแม่  แม่ไม่ว่า  แต่แม่ขอให้โอห์มพูดอะไรบ้าง” 

   “แม่ . . .”  ผมซบหน้าลงกับมือแม่  เอามือแม่มาแนบเอาไว้กับแก้ม  ผมไม่ได้เกลียด  ไม่ได้โกรธอะไรแม่เลย  เพราะผมเข้าใจ    สิ่งที่แม่ทำ  แม่ย่อมเห็นแล้ว  คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเวลานั้น  แม่ไม่ผิดที่จะทำ

   “. . .ไม่ครับ  ไม่เคยโกรธ  โอห์มรักแม่”

   “อาโอห์มอย่าร้องนะครับ  โอ๊ตใจคอไม่ดี”  ตัวแสบมันเอื้อมมือมาเกาะกุมมือของผมเอาไว้   นั่นมันยิ่งทำให้ผมรู้สึกอ่อนแอหนักเข้าไปอีก

   “โอห์ม . . .”  พ่อเดินมาใกล้ ๆ  ผม  เอามือลูบหัวผมเบา ๆ

   จนกระทั่งตอนนี้  ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ  ตัวผม  ล้วนแต่หยิบยื่นความรักให้กับผมทั้งนั้น  ไม่มีใครเลยที่ไม่รักผม  ผมอาจจะโชคดีมากกว่าคนอื่น ๆ  ตรงที่ผมได้รับความรักจากคนรอบ ๆ  ตัว  แต่ผมได้รับมันมากเกินไป

   “โอห์มไม่ใช่เด็ก ๆ  แล้วนะลูก  โอห์มโตพอที่จะรับรู้แล้ว  พ่ออยากให้โอห์มเข้มแข็ง  อะไรที่ผ่านมา  เราแก้ไขมันไม่ได้นะลูก   แล้วเราจะมัวไปเสียอกเสียใจกับสิ่งที่มันผ่านมา มันจะทำให้เรามีความสุขหรือโอห์ม”   มือพ่อลูบที่ศรีษะผมช้า ๆ

   พ่อพูดถูก . . .

   . . . คนเราควรมองไปข้างหน้ามากกว่า

   “ครับพ่อ”

   ผมเอามือปาดน้ำตาทิ้ง  เพราะรู้ดีว่า  หากผมยังอ่อนแอแบบนี้  ทั้งพ่อและแม่คงไม่สบายใจ  และคนที่เสียใจมากที่สุดคือแม่  ผมรักแม่ และรู้ดีว่าสิ่งที่แม่ทำ  แม่ทำด้วยความรัก    ด้วยความหวังดี  แม่ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายผม

   “แม่ . . .”  ผมจับมือแม่เอาไว้

   “. . . แม่ไม่ต้องกังวลใจนะครับ  โอห์มไม่โกรธ  ไม่เคยโกรธแม่  โอห์มคงต้องขอบคุณแม่ด้วยซ้ำไป  ที่แม่ทำให้โอห์มมีวันนี้  เพราะหากไม่มีแม่  คงไม่มีโอห์ม”  ผมยิ้มให้แม่อีกครั้ง

   “. . . โอห์มรักแม่  รักแม่กว่าใครทั้งหมด”  ผมเอามือนั้นมาแนบไว้กับแก้ม

   แม่ยิ้ม . . .

   . . . แม้สีหน้าของแม่ไร้เลือดฝาด  และออกจะซีด  แต่แววตาของแม่มีความสุข  แม่อาจเจ็บปวดกับโรคร้าย  ผมไม่อยากให้แม่ต้องมาต่อสู้กับความเจ็บปวดเพราะความรู้สึกที่แม่คิดว่าสิ่งที่แม่ทำมันไม่ถูกต้อง

   “โน้ต . . .”  แม่เอ่ยออกมาเบา ๆ

   “เดี๋ยวพี่โน้ตก็มาแล้วแม่  พี่โน้ตกำลังมานะแม่”    เสียงผมมันแหบติดลำคอ

   ผมรู้จักดี  คนที่ผมรัก  พี่โน้ตทำตามสัญญาเสมอ  สิ่งเดียวที่ผมรู้ในเวลานี้  ทุกคนรอการกลับมาของพี่โน้ต  แม่คงมีความสุขและหมดห่วง  กับสิ่งที่ได้ทำไปในวันก่อน 

   “โน้ตจะโกณธแม่มั้ยลูก . . .”  เสียงแม่คล้ายกังวล

   “. . . โอ๊ต  พ่อเราเขาจะโกรธย่ามั้ยลูก”

   “ไม่หรอกครับย่าแป้ง  พ่อไม่โกรธใครหรอกครับ  พ่อไม่เคยโกรธ  โอ๊ตรู้  พ่อจะไม่มีวันโกรธใครหรอกครับ  พ่อสอนโอ๊ตเสมอ  การให้อภัยคนอื่น  คือเมตตาอันสูงสุด  ส่วนการให้อภัยตัวเองเรื่อย ๆ  จะทำให้เราเป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างที่สุด  พ่อบอกโอ๊ต  ว่าอย่าให้อภัยตัวเองบ่อย ๆ  เพราะเราจะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว”  โอ๊ตยิ้ม  เอามือมากุมมือผมกับแม่เอาไว้

   “โธ่ . . . นี่เราทำอะไรลงไปนี่”  แม่หลับตา  น้ำตาแม่ไหล

   ผมสงสารแม่จับหัวใจ  บางทีตอนนี้แม่กำลังต่อสู้กับความรู้สึกผิดชอบที่เกิดในหัวใจของแม่เอง  ผมไม่รู้จะทำอย่างไรดี

   ผมได้แต่รอ . . .

   . . . รอคนที่แม่กำลังต่อสู้กับความรู้สึกนั้นอยู่



   แม่หลับเพราะอ่อนล้าเหลือกำลัง  ส่วนพ่อผมบอกให้กลับไปพักที่บ้านก่อน  เย็น ๆ  ค่อยมาใหม่  ส่วนผมขอทำหน้าที่ลูกที่ดี  อยู่โยงเฝ้าไข้แม่  ผมเข้าใจดีแล้วถึงคนที่นับเวลารอ  มันทรมานเช่นไร  ผมรอการมาของใครคนนึง . . .

   . . . และผมรอการจากไปของใครอีกคน

   แค่คิดหัวใจผมก็หายวาบ . . .

   . . . การลาจาก

   มรดกที่บรรพบุรุษของมนุษย์ทิ้งเอาไว้ให้ลูกหลาน  ไม่มีใครเลยที่จะไม่ได้รับมรดกชิ้นนี้  ทุกคนล้วนได้รับ  จะมาหรือน้อย  ทุกคนก็ได้รับเหมือนกัน  เป็นมรดกชิ้นเดียวที่ทุกคนได้รับเหมือนกัน  ผมนั่งมองแม่นอนหลับ  บางเวลา  สีหน้าแม่แสดงความเจ็บปวด

   ผมแทบจะขาดใจ . . .

   . . . แม่สู้  แม่ทนกับโรคร้ายที่เกาะติดตัวแม่แน่น

   “อาโอห์ม . . . พ่อปิดเครื่อง  พ่อปิดเครื่องตั้งแต่วางสายจากย่า  โทรไปที่บ้านก็ไม่มีคนรับ”  ไอ้ตัวแสบมองเดินมานั่งใกล้ ๆ  ผม

   “พ่ออาจจะกำลังเดินทาง”

   “แต่ผมโทรไปเป็นร้อยครั้งแล้ว  พ่อเคยปิดเครื่องเสียที่ไหนเล่า  ปกติหากพ่อปิดเครื่อง  พอเปิดก็ต้องรู้ว่าโอ๊ตโทรไป  พ่อจะโทรกลับทุกครั้ง  แต่นี่อะไร  ไม่โทรเลย  แถมไม่ยอมเปิดอีก  พ่อเป็นอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้”   ไอ้ตัวแสบถอนหายใจช้า ๆ

   ผมมองหน้าโอ๊ต . . .

   . . .  ใจหาย

   พ่อเป็นอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้ . . .

   พระเจ้าอย่าเล่นตลกอีกเลย  ที่ผ่านมา  มันก็เจ็บปวดพอแล้ว  มอบสิ่งดี ๆ  ให้โอห์มบ้างก็ได้  โอห์มคงไม่แกร่งพอที่จะสูญเสียคนที่โอห์มรักไปพร้อม ๆ  กันทั้งสองคนหรอก  คำพูดของโอ๊ต  ทำเอาผมรู้สึกหวั่นในหัวใจ

   มันทั้งกลัว . . .

   . . . ทั้งกังวลใจอย่างที่สุด

   “พ่ออาจรีบมา  แบตพ่ออาจจะหมด”

   ผมคิดไปในทางที่ดี  เพราะการคิดไปในทางเลวร้าย  รังแต่จะนำความเจ็บปวดมาสู่หัวใจ  ในเวลาแบบนี้  ผมไม่สามารถที่จะคิดเรื่องอะไรที่เลวร้ายได้อีกแล้ว    สิ่งที่ได้รับรู้ในวันนี้มันถึงที่สุดแล้ว  ไม่มีอะไรที่จะเลวร้ายได้เท่านี้อีกต่อไปแล้ว

   “ก็น่าจะโทรมาบอกมั่ง” 

   “ไอ้เด็กนี่  นั่นพ่อนะ”

   “ไม่สนหรอก  พ่อบอกโอ๊ตเอง  ไปไหนผิดเวลาให้โทรบอก  พอโอ๊ตบอกแบตหมด  พ่อถามมีเหรียญมั้ย  โอ๊ตบอกมี  พ่อบอกนั่นไง . . .”  มันหยุดมองหน้าผม

   “แค่เศษตังค์บาทเดียว  ใส่ตู้แล้วกดเบอร์  เงินบาทเดียวซื้อความรู้สึกคนได้  ทำไมไม่ทำ  งกเงินบาทเดียวไปได้”  ผมต่อให้เสร็จสรรพ

   “เฮ้ย . . . อาโอห์มรู้ได้ไง”    ไอ้ตัวแสบมองหน้าผม

   ผมยิ้ม . . .

   . . . เอามือลูบหัวโอ๊ตเบา ๆ  ภาพอดีตในความทรงจำของผมมันแจ่มชัดเสมอ  ผมไม่ลืม  ไม่เคยลืม  ภาพทุก ๆ  ภาพ  สิ่งดี ๆ  ทุก ๆ  อย่างที่เคยมี  ภาพอะไรที่ว่าชัด  สำหรับผมมันเทียนบไม่ได้เลยกับ . . .

   . . . ภาพแห่งความทรงจำ

   “ตกลงพ่อกับอาโอห์ม  กำลังเล่นอะไรกันอยู่ครับเนี่ย”  ไอ้ตัวแสบเริ่มตั้งคำถามอีกแล้ว

   “ไม่มี๊”  ผมรีบปฏิเสธ  ไม่มีเล่น  เกมส์นี้ไม่มีคนเริ่มต้น  ผมจะเล่นได้อย่างไร  ในเมื่อเรื่องราวของหัวใจสำหรับผมมันยิ่งใหญ่เสมอ

   “พ่อกับอาโอห์ม  รู้จักกันมาก่อน”  ไอ้ตัวแสบมองหน้าผม

   “ถูก”

   “เหมือนย่าจะเคยบอก  ไอ้โอ๊ต  นี่  นิสัยเหมือนโอห์ม  โน้ตเลี้ยงลูกได้เสียคนเหมือนเลี้ยงน้อง”  มันทำเสียงยานคาง

   ผมยิ้ม . . .

   . . . โอ๊ตไม่รู้อะไรมากกว่านี้อีกหรือ  ในเมื่อตอนที่แม่เล่าเรื่อง  เจ้าตัวก็นั่งอยู่ในเหตุการณ์  ผมได้แต่มองหน้าโอ๊ต    อดที่จะเอ็นดูไม่ได้

   “นั่นคือการหลอกด่า”

   “โอ๊ตก็ว่าอยู่  ย่าไม่ด่าพ่อตรงๆ  แน่ ๆ  เพราะกลัวผิดศีล”

   “พ่อสบายดีหรือ . . .”

   “ก็เรื่อย ๆ  พ่อชอบเก็บตัวเงียบ ๆ  ไม่ชอบสังคมกับเพื่อนฝูงเท่าไหร่  โอ๊ตบอกไม่ถูกหรอก  ว่าพ่อเป็นอย่างไรบ้าง  บางครั้งพ่อเหมือนคิดอะไรคนเดียว  แต่พอโอ๊ตเข้าไปหา  พ่อจะเปลี่ยนเป็นอีกคน  เป็นคนที่ชอบกอด  ชอบคุยเล่น”  เจ้าตัวเล่าเสียงใส

   ผมเอานิ้วชี้ซ้ายเกลี่ยแหวนทองคำขาวที่นิ้วก้อยขวาไปมา . . .

   ผมนึกภาพออก  คนที่จมอยู่กับตัวเอง  ยอมแบกเรื่องราวทั้งหมดเอาไว้เอง  โดยที่ไม่ยอมแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมา  เก็บความรู้สึกตรงนั้นเอาไว้ในส่วนที่ลึกที่สุด

   “ครับ”

   “อาโอห์มนี่เหมือนพ่อเลย”

   “ตรงไหน”  ผมมองตาไอ้ตัวแสบ

   “เวลาพ่อหลุด ๆ  พ่อจะชอบนั่งเอามือหมุนแหวนไปมา  เหมือนอาโอห์มเลย  โอ๊ตสังเกตมาหลายครั้งแล้ว  เวลาอาโอห์มเหม่อ ๆ  ลอย ๆ  จะชอบคลำแหวน  แฟนให้มาอะดิ๊”

   ผมยิ้มอีกครั้ง . . .

   “ไม่ใช่แหวนหมั้น  ไม่ใช่แหวนแต่งงาน  แต่เป็นแหวนแทนความรักทั้งหมดที่พี่มีให้กับคนคนนึง  คนเดียวที่พี่จะรักได้ในชีวิตนี้    จำไว้นะ  อย่าลืมฉัน . . . แม้รักร่วมสวมใส่ไว้ติดกาย  เมื่อใดวายสวาทวอดจึงถอดเอย”

   “อีกแล้ว  สำนวนเน่า ๆ  อีกแล้ว  ใครหนอ  ช่างกล้าพูด”

   “บอกโอ๊ตไง  มีแต่พ่อโอ๊ตแหละที่กล้า  อาเคยบอกไปแล้ว”  ผมมองหน้าไอ้ตัวแสบ  ยืนยันในสิ่งที่พูดว่านี่คือเรื่องจริง

   ไอ้ตัวแสบหน้าถอดสี . . .

   “อย่าล้อเล่นได้ไหม  โอ๊ตยิ่งใจคอไม่ดี”

   “ใจคอไม่ดีเรื่อง”

   “ก็ที่ย่าแป้งเล่าให้ฟัง  มันเหมือนว่า  พ่อกับอาโอห์ม . . .”  ไอ้ตัวแสบไม่ยอมพูดให้จบ  หยุดและมองหน้าผม

   “. . . ช่างเหอะ  ถ้ามันจะทำให้พ่อมีความสุข  โอ๊ตยินดี”

   “ยินดีเรื่องอะไร”

   “อะไรก็ได้  ที่พ่อจะมีความสุข  เพราะตั้งแต่โอ๊ตจำความได้  พ่อไม่เคยยิ้มกับใครอีกเลยนอกจากโอ๊ต  หากจะมีใครสักคนมาทำให้พ่อยิ้มได้  ทำให้พ่อหัวเราะได้  โอ๊ตควรดีใจไม่ใช่หรือ  เรื่องของผู้ใหญ่  บางครั้งเด็กแบบโอ๊ตไม่ควรไปเกี่ยว”

   ผมยิ้มกับคนตรงหน้า . .

   . . . โอ๊ตไม่ใช่เด็ก  แต่โอ๊ตถอดแบบความคิดมาจากพี่โน้ตเต็ม ๆ  เป็นลูกไม้ที่หล่นใต้ต้น  และผมได้แต่หวังว่าลูกไม้ลูกนี้จะเติบโตเป็นต้นไม้ที่แข็งแรง  ให้ร่มเงาแก่สรรพสัตว์ต่อไม้  เหมือนต้นไม้อีกต้น  ที่เคยให้ร่มเงาแก่ผมเสมอมา

   “มีอีกเรื่องที่โอ๊ตอยากจะถามอาโอห์ม”

   “ถามมาสิ”

   “ตอบโอ๊ตตามตรงได้ไหมครับ  โอ๊ตสัญญาจะถามแค่คำถามเดียวเท่านั้น”

   “ก็ถ้าตอบได้อาก็จะตอบ”  ผมยิ้ม  เรื่องที่จะรับปากก่อนได้ฟังคำถามนั้นอย่าวาดหวัง  เพราะผมรู้จักพ่อพันธุ์ของไม้ต้นนี้ดี  มีหรือจะไม่ถ่ายเทส่วนที่ดีแก่ลูกไม้

   “โหย  แบบนี้ตายเลยโอ๊ตเอ้ย”  โอ๊ตเอามือตบหน้าผากตัวเองเบา ๆ

   “ตกลงจะถามหรือไม่ถาม”

   “ถามครับ  แต่อาสัญญาก่อนว่าจะตอบ”

   “ก็ถามมา  อย่ามาลีลา”  ผมเอามือไปขยี้หัวโอ๊ตเบา ๆ 

   “อาโอห์มรู้จักไอ้ตัวเล็กของพ่อใช่ไหมครับ”  โอ๊ตจ้องหน้าผมนิ่ง    รอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อที่สุด

   “รู้จักครับ”

   “ไอ้ตัวเล็กของพ่อ  กับ  อาโอห์ม  คือคน ๆ  เดียวกัน  โอ๊ตเข้าใจถูกใช่ไหมครับ”

   “หมดคำตอบ  เพราะโอ๊ตขอให้อาตอบแค่คำถามเดียวซึ่งอาตอบไปแล้ว”  ผมหัวเราะเบา ๆ  ก่อนที่จะขยี้หัวโอ๊ตอีกครั้ง

   “อาขี้โกง”

   “ใครโกง  ก็โอ๊ตบอกอาเองจะถามแค่คำถามเดียว  แล้วคำถามเดียวโอ๊ตถามอาแล้วนะ  โอ๊ตถามผิดเอง  หากเป็นอา  อาจะถามตรง ๆ  เลย  ไม่อ้อมค้อมหรอก”

   “หูย  โอ๊ตอยากถามอยู่  แต่กลัวอาไม่ตอบ”    ไอ้ตัวแสบคงโมโหตัวเอง  ที่พลาดเอง

   “โอห์ม . . .”  เสียงแม่ 

   ผมหันไปที่เตียงคนป่วย  แม่ลืมตา  เหมือนจะยันกาย  ผมรีบปรี่ไปหาแม่ค่อย ๆ  พยุงร่างแม่  แม่ตัวเบา  ผอมกว่าเดิม  มิน่าแม่ถึงใส่เสื้อผ้าตัวโต ๆ  เพราะแม่อยากจะปิดบังร่างกายแม่ที่อ่อนแอลงทุก ๆ  วัน

   “โน้ตมาหรือยังลูก. . .”  แม่มองหน้าผม

   “. . .  ปรับเตียงให้แม่หน่อยนะโอห์ม”

   “คงกำลังเดินทางนะแม่”   ผมตอบ  พลางเอามือหมุนเตียงให้ปรับเอนขึ้น  เพื่อให้แม่ได้เปลี่ยนอิริยาบถ  แม่ทำมือเป็นสัญญาณว่าพอ

   “กี่โมงแล้ว”

   “จะบ่ายสามแล้วแม่  แม่หิวมั้ย”

   “น่าจะถึงแล้ว   ตั้งหลายชั่วโมง . . .”

   “. . .ขอน้ำแม่หน่อยสิโอห์ม”

   “อาจกำลังขับรถมานะแม่  หาดใหญ่  กรุงเทพฯ  มันตั้งสิบสองสิบสามชั่วโมง  ดึก ๆ  คงจะถึงแหละแม่”  ผมรินน้ำใส่แก้ว

   “ถ้าเป็นแม่  แม่จะบินมา  จะบินมาทันที”

   “ตั๋วอาจจะเต็มนะแม่  ใครจะบินสมัยนี้ต้องจองล่วงหน้า”

   “พ่อ . . .”  เสียงโอ๊ตร้องเรียก  เมื่อประตูห้องเปิดมา

   ผมหันไปตามเสียงเรียกของโอ๊ต . . .

   คนที่ยืนหน้าประตู  ดูภูมิฐานกว่าที่ผมเคยเห็นเมื่อสิบกว่าปีก่อน  ผมที่เคยดำแซมดอกเลาบาง ๆ  ทุก ๆ  อย่างดูเหมือนจะหยุดนิ่ง  ผมกระพริบตาถี่ ๆ  เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้าคือความจริง 

   . . . ความจริงที่ผมโหยหา

   มิใช่ความฝันอีกต่อไป . . .

   ร่างนั้นค่อย ๆ  เดินก้าวมาอย่างช้า ๆ  ตอนนี้ผมรู้แล้ว  ไม่ใช่ภาพฝัน  สิ่งที่ผมเห็นตรงหน้า คือความจริง  หัวใจผมเต้นแรง  เมื่อร่างนั้นเข้ามาใกล้ผมทุกที  ผมเห็นแล้ว  ผมเห็นชัดเจน  แม้แววตาผมจะพร่ามัวเพราะมีน้ำตา  แต่ภาพนั้นชัดเจนในหัวใจผมอย่างที่สุด

   “ตัวเล็ก” 

   พี่โน้ตรวบร่างผมไปกอดเอาไว้แน่น  ผมยืนนิ่งหัวใจเต้นแรง  ผมบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าตอนนี้ผมรู้สึกอย่างไร  ผมรู้แค่ว่า  ผมอบอุ่นหัวใจเป็นที่สุด  อบอุ่นเหมือนอ้อมกอดสุดท้ายที่ผมเคยได้รับที่สถานีรถไฟบางซื่อเมื่อสิบแปดปีที่ผ่านมา

   “คิดถึงตัวเล็ก  คิดถึงเหลือเกิน” 

   เสียงกระซิบที่ข้างหู  ผมรับรู้  จมูกที่แอบแตะที่แก้มผมเบา ๆ  ผมได้แต่สะอื้นเบา ๆ  มันเป็นการร้องไห้เพราะความสุข  หาใช่น้ำตาแห่งความเจ็บปวดอีกต่อไป  มือพี่โน้ต  โอบศรีษะผมเอาไว้ที่ซอกคอ   วงแขนที่รัดแน่น  สัมผัสที่ผมโหยหามาตลอด 

   “ต่อจากวันนี้  เทวดาหรือพรหมหน้าไหนก็มาเอาตัวเล็กของพี่ไปไม่ได้  พี่ไม่ยอม  ไม่ยอมอีกแล้ว  สิ่งเดียวที่จะแยกพี่ได้  คือ  ลมหายใจสุดท้ายเท่านั้น”  เสียงพี่โน้ตสั่น 

   ผมรับรู้ได้  ถึงหยาดน้ำอุ่น ๆ  ที่ไหลคลออยู่บนซอกคอของผม ผมกอดร่างนั้นเอาไว้แน่น  หัวใจที่หายไปของผม  คนที่ผมรักยิ่งกว่าสิ่งใด ๆ  ทั้งหมด  อย่าว่าแต่พี่โน้ตเลยที่ไม่ยอม  ผมเองก็ไม่ยอม  ไม่มีวันยอมเหมือนกัน  ผมจะไม่มีวันยอมให้พระพรหมมาลิขิตชีวิตของผมอีกแล้ว

   ที่ผ่านมา . . .

   . . . เพียงพอแล้วสำหรับเส้นทางของพรหมลิขิต




โ ป ร ด ติ ด ต า ม ต อ น ต่ อ ไ ป

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: mango ที่ 18-04-2009 20:59:13

Thank you very much, คุณ ราชบุตร

 :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 18-04-2009 21:00:46
ขอบคุณ ขอบคุณ คุณราชบุตร มากๆๆๆ ครับ

ไม่ว่า ตอนจบจะเป็นยังไงต่อไป

ขอแค่ พี่โน๊ต เจอกะ โอห์ม แบบนี้แหล่ะครับ

ขอบคุณอีกทีครับ ซึ้ง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: Tao_huu ที่ 18-04-2009 21:06:30
 :mc4:  เจอกันแล้วว

ขอจบแบบ Happy Ending หนา :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: C2U ที่ 18-04-2009 22:44:46
 :m3: แอรั๊ยยยยยยยย พี่โน้ตกะโอห์มเจอกันแล้ว     :กอด1:  ดีจัง



ขอบคุณนะคะ คุณราชบุตร   :L2:




ขอจบแบบแฮปปี้บ้างนะคะ  แค่นี้ก็เศร้ามากมายแล้ว  (แต่ก็ยังชอบอ่านอยู่ 555) 
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กแว่นน้อย ที่ 18-04-2009 22:51:31
จบแบบสมหวังนะครับ

ดีใจจัง สองคนได้เจอกันแล้ว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: dui12342537 ที่ 18-04-2009 22:55:47
หนุกๆดีฮะ แหะๆตะกี้ส่งไปผิด
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: dui12342537 ที่ 18-04-2009 22:56:34
ติดตามไปเรื่องต่อไป อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 18-04-2009 23:12:02

ต๊าย พ่อไม่เกรงใจโอ๊ตตี้เลย.......
ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 18-04-2009 23:19:24
 :man1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 18-04-2009 23:33:38

เรื่องต่อไป . . .

พระเอกชื่อ . . . เค

ม่อน . . . คือ  นายเอก

แล้วพล็อตล่ะ . . . ยังไม่คิด    จะเอาไงดีว่ะ  พล็อตเรื่องหน้า

. . . สงกรานต์กลางสงคราม . . .

รักระหว่างรบดีไหมหว่า  นิยายแนวการเมือง    แต่มันเขียนยากว่ะ  อิอิอิ

พระเอกเป็นตำรวจอารักขาท่านผู้นำ  ส่วน  นายเอก  นี่  เลขาแกนนำผู้เรียกร้อง  อร๊ายส์ . . . เหมือนจะสวย

http://media.imeem.com/m/of7bmqLpIJ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 18-04-2009 23:45:12
 :z1: หุหุหุ พล๊อตเรื่องใหม่มาแระ จะมี มือตบ ตีนตบ หัวใจตบ ด้วยป่าวคับ 555
.
ชอบชื่อ นายเอก โดนใจอย่างแรง (หันไปมองไอคนข้างๆ 555)
.
.
รอ  พี่โน๊ต กะ โอห์ม ต่อไปใจจดจ่อ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 18-04-2009 23:50:15


วุ้ย กิต.เคยอ่านเจอที่ไหนที่หนึ่งนะคะ
มีนักเขียนบางคนเคยบอกไว้ว่า
"ผมเขียน เพราะรัก และมีความสุขกับการเขียน ใครชอบก็อ่าน ไม่ชอบ ก็ไม่อ่าน จบข่าว"
กิต.ว่า เป็นความคิดที่น่าสนใจเหมือนกันนะคะ อิอิ
ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร





นั่นนะสิ . . .

. . . เพราะหัวใจ  จขกท.  เหมือนจะมีรักหรือเปล่า

เรื่องราวมันจึงออกแนว  เศร้า  ซึ้ง  ตรึงใจ  คล้าย ๆ  คนกำลังมีความรัก

. . . รักเอย  รักที่ปรารถนา  รักมาประดับชีวี  หวั่นในฤทัยเหลือที่  เกรงรักลวงฤดี  รักแล้วขยี้ใจ . . .
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: «ƤȑǃǹĉΞḠ○ḺҒ™» ที่ 18-04-2009 23:57:22
โห๊ยยย เจอกัน ซะที    :sad4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 18-04-2009 23:59:44
เยี่ยม 
ไม่รู้จะพูดไร พูดได้คำเดียว
โอ๊ตน่ารัก
ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 19-04-2009 00:30:48
แม้คุณราชบุตรจัตัดจบแค่นี้ผมก็จะไม่เสียใจเลย

ในที่สุดคนรักกันก็ได้เจอกันเสียที ^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 19-04-2009 00:56:00
รีบน อย่านะ
เดี๋ยวคุณราชบุตร
เอาจริงนะ 
กลัว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 19-04-2009 01:02:33
แล้วการรอคอยอันแสนยาวนานของพี่โน้ตก็จบลงพร้อมความเศร้าจากการที่คิดว่าถูกทิ้งของโอห์ม

ต่อไปนี้ไม่มีใครยอมจากลาอีกแล้ว

ความรักของแม่ยิ่งใหญ่เสมอแต่ความรักที่ไม่คำนึงถึงความต้องการของลูกทำเอาลูกตายทั้งเป็นมาสิบกว่าปี

รอตอนต่อไป ไม่ว่าจะจบยังไงก็ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 19-04-2009 01:12:47


ตอนต่อไป . . . ยังไม่มี

มีแต่  ที่ปิ้ง ๆ  ในหัวมาเรียกน้ำย่อย แบบนึกสด ๆ  เขียนสด ๆ 



   ๑๒ เมษายน ๒๕๕๒
   
   ประเทศลิอาเมีย


   สถานการณ์ของผู้ชุมนุมประท้วงขยายวงกว้างขึ้นทุกที   แหล่งข่าวจากต่างจังหวัดบอกมา  ตามจังหวัดที่เป็นฐานเสียงของรัฐบาลชุดก่อน  มีการระดมพล  ปิดสถานที่สำคัญ ๆ  หลาย ๆ  จุด   หน่วยวอร์รูมของท่านผู้นำวุ่นวายกับแหล่งข่าวที่มีมาอย่างต่อเนื่อง  ว่าสถานการณ์ของผู้ชุมนุมบ้าคลั่งมิแตกต่างจากคนไร้สติ    ทุก ๆ  คนต่างเฮกันมาปิดถนนหนทาง  ด้วยหวังว่าจะหักล้างรัฐบาลชุดนี้ลงให้ได้


   “แม่งเอ้ย  ทำไมมันวุ่นวายอย่างนี้ว่ะ”    กอล์ฟ  นายร้อยจบใหม่ที่เพิ่งเข้ามาประจำทีมอารักขาท่านผู้นำหัวเสียกับข่าวที่เข้ามาเป็นระยะ ๆ 

   “เอาน่าเดียวก็ดี  เชื่อพี่”    เค  หัวหน้าทีมอารักขาท่านผู้นำชุดซี  อดีตเดือนมหาวิทยาลัย  ผู้ผันตัวเองมาสอบรับราชการหลังจากจบรัฐศาสตร์การฑูตระหว่างประเทศ

   “พี่  ขนาดประกาศสถานกาณ์ฉุกเฉินแล้วนะพี่  พวกนั้นยังกล้าบุกเข้าไปถึงกระทรวงมหาดไทย  ที่นั่นนะ  หน่วยงานดูแลความสงบเรียบร้อยของประเทศเชียวนะพี่เค”

   “กอล์ฟเชื่อเหอะ  อีกไม่เกินอาทิตย์นึง    สถานการณ์คลี่คลาย”

   “จะเป็นไปได้ไงพี่   ขนาดวันก่อนมีประชุมสุดยอดผู้นำ  พวกมันยังบุกไปทำลายกันถึงโรงแรมเลย  เอพีตีข่าวสด  ซีเอ็นเอ็นยิงภาพด่วน  แทบทุกสำนักข่าวทั่วโลกตัดฉับมารายงานสดจากประเทศเราเลยนะพี่”

   “เอาน่า  เดี๋ยวดีเองเชื่อพี่”

   “ยังไงเหรอพี่”

   “กอล์ฟรู้จักกับควายไหม”  เคหันมายิ้ม  แววตาเจ้าเล่ห์

   “รู้จัก  ทำไมเหรอ”

   “ควายมันต้องมีคนจูงไปกินหญ้าถูกมั้ยกอล์ฟ”  เจ้าตัวพยายามหาคำพูดที่ดูเหมือนกับว่า  จะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจง่ายที่สุด

   “ถูกครับพี่  แล้วไงต่อ”

   “เมื่อเจ้าของควาย  จูงควาย  หรืออาจจะต้อนควายไปกินหญ้า  พอไปถึงดงหญ้า  ก็จะปล่อยควายออกเดินตามทุ่งให้ควายเดินหาอาหารกินเองไง”  เคยิ้มหวานตาหยี

   “เห็นภาพเลยพี่  ควายที่โดนต้อนมาจากต่างจังหวัด  กำลังหลงเมืองหลวง  หาทางไปไม่ถูก  เลยว่อนเสียทั่ว  ดีนะที่ท่านผู้นำเราเป็นงาน  ประกาศให้เป็นวันหยุด  เลยได้ใจคนในเมืองหลวง”  กอล์ฟ  รุ่นน้องที่จบทางด้านบู๊  คาดไม่ถึง  ฝ่ายบุ๋นจะเล่นเกมส์ดึงมวลชน

   “ถูกต้องที่สุด  คนเมืองหลวงจะมีนิสัยที่แปลกอย่างนึงจำเอาไว้”  เคยิ้มแบบเยือกเย็น

   “อะไรหรือพี่”

   “สิ่งใดก็ตาม  ที่ผู้ชุมนุมทำ  แล้วตัวเองไม่เดือดร้อน  ชาวเมืองหลวงจะเฉยมาก  อย่างคราวปิดประตูสู่เอเชีย  ชาวเมืองหลวงไม่ออกมาโวยวาย  เพราะมีคนไม่กี่กลุ่มที่เดือดร้อนจากการกระทำนั้น  ไกด์  นักท่องเที่ยว  คนที่ทำงานสนามบิน  สายการบิน  เดือดร้อน  แต่เมืองหลวงเรามีคนอาศัยอยู่ประมาณเจ็ดล้านคน  การปิดประตูสู่เอเชีย  มีคนเดือดร้อนเต็มที่  ไม่เกินสองแสนคนต่อวันตามขีดที่สนามบินรับไหว  คนเมืองหลวงเลยเฉย ๆ  กับการปิดสนามบิน”   อดีตเดือนมหาวิทยาลัย  ที่มีดีกรีเหรียญทอง  วิเคราะห์ความเห็น

   “ผิดกับการปิดถนนใช่ไหมพี่”

   “ถูกต้อง  กอล์ฟอย่าลืม   การปิดศูนย์กลางการคมนาคมทางบก  เหมือนเส้นเลือดใหญ่  หัวใจของเมืองหลวง  ที่ทั้งสี่ทิศจะมุ่งหน้าไปสู่ถนนสายหลักของประเทศ   เมื่อเส้นเลือดใหญ่เกิดการอัมพาต  มีหรือที่คนเมืองหลวงจะอยู่เฉย  เสียงด่าเสียงสาปแช่งจึงดังระงมทั่วสารทิศ  สงครามมวลชนครั้งนี้  ฝ่ายฐานอำนาจเก่าเสียมวลชนคนเมืองหลวงอย่างเต็ม ๆ  ที่สุด”

   “สุดยอดมาก  ผู้นำของเรา”   ลูกทีมอันดับหนึ่งฝ่ายบู๊ชื่นชมท่านผู้นำอย่างใจจริง

   “ถึงอายุท่านจะไม่มาก  แต่ท่านสุขุม  ดูอย่างวันก่อนท่านไปงานที่เมืองตากอากาศสิ  ขนาดโดนกลุ่มผู้ประท้วงทุบรถ  ท่านยังใจเย็นเลย  มีผู้นำชาติไหนมั่งวะ  ที่ยอมไม่ใช้อภิสิทธิ์ความเป็นผู้นำ  ปิดถนน  มีรถนำขบวน  ท่านกลับทำตัวติดดิน  ยอมติดไฟแดง  ทั้ง ๆ  ที่สถานการณ์ในตอนนั้นมันเกือบถึงขีดสุดแล้ว    ก็นี่แหละ  ผลผลิตจากแหล่งที่ดี  คัดคน  คัดคุณภาพที่ดี  จากมหาวิทยาลัยที่ผลิตผู้นำระดับมากที่สุดในโลก ย่อมให้ผลที่ดี  ผิดกับต้นไม้พิษย่อมให้ผลที่มีพิษ”

   “ไม่เหมือน ดร. ห้องแถวใช่ไหมพี่  คนที่บอกให้ลูกหลานคนจนออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย  แต่ในวันเดียวกัน  ทั้งลูกสามใบเถา  อิแอบคนโตนี่ต้องให้พี่เขยอดีตท่านผู้นำหน้าหม้อคุมไปส่งถึงดูไบ  เพราะกลัวว่าจะแอบไปเทคยาที่ไหนก่อนถึงมือพ่อ   อดีตเมียกับน้องอิ่งอ่างนี่บินไปต่อเครื่องที่ฮ่องกง  ส่วนน้องเริ่มคนกลางบินไปลอนดอน    เปิดตูดบินหนีไปคนละทิศละทาง  ผมละสังเวชใจแกมสมเพชยิ่งนักกับผู้คนที่ออกมาชุมนุมตามคำปลุกเร้าผ่านวีดีโอลิ้งค์จริง ๆ  เลย” 

   “คนคิดได้  มีสมองเอาไว้คิด  ส่วนที่ไม่มีสมองแถวบ้านกอล์ฟเรียกว่าอะไร”

   “ควายครับพี่”

   “เกมส์นี้สู้กันอีกยาว”

   “นองเลือดไหมพี่”  แววตาทหารฝ่ายบู๊หวาดวิตก  เพราะประเทศเพิ่งผ่านการทำรัฐประหารมาไม่นานหากเกิดรัฐประหารอีกครั้ง  ประเทศจะเสียหายหนักขนาดไหน

   “ไม่น่าจะมีอีก  เพราะท่านผู้นำมีแผน”

   “. . . แปบนะพี่  แหล่งข่าวส่งข่าวมาด่วน”    กอล์ฟหันกลับไปที่เครื่องส่งสัญญาณรุ่นเก่าที่แทบจะไม่มีใช้แล้ว 

   หน่วยวอร์รูมหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์ทุกระบบ  เพราะรู้ดีว่า  ระบบสื่อสารทางอากาศ  รวมทั้งดาวเทียมของประเทศ  ไม่มีใครรู้ว่าสมัยเรืองอำนาจมีการติดตั้งระบบดักฟังไว้ที่หน่วยงานใดบ้าง  เพราะระบบสื่อสารผ่านดาวเทียมแห่งเดียวของประเทศ  เคยเป็นขุมทรัพย์มหาศาลของอดีตผู้นำที่ตอนนี้ได้กลายเป็นนักโทษชายเรียบร้อยไปแล้ว 

   “พี่  แหล่งข่าวแจ้งมา  มีการยึดรถแก๊ส ๑๕ ตัน  ไว้เป็นตัวต่อรอง เขาเอามาปิดถนนย่านแฟลตที่ผู้มีรายได้น้อยอาศัยอยู่นะพี่  ชิบหายเลยนะพี่  แก๊สสิบห้าตันรัศมีทำลายล้างห้ากิโลเมตรเชียวนะพี่  ตูมตามขึ้นมาดังอีกรอบเลยประเทศของผม”

   “ผู้ชุมนุมแพ้แล้ว”  เคยิ้มอย่างมั่นใจ

   “เฮ้ย  แพ้ง่ายขนาดนั้นเลยหรือ”

   “ทางการทูต  ถือว่าผู้ชุมนุมแพ้อย่างราบคาบ  เพราะหากผู้ชุมนุมเลือกที่จะเอาประชาชนเป็นตัวประกันเมื่อไหร่  หน่วยงานรัฐมีสิทธิและอำนาจโดยชอบธรรมที่จะสลายการชุมนุม  อีกไม่เกินยี่สิบสี่ชั่วโมงหรอก  ทหารจะตบเท้าออกมาเพียบ”  เคมั่นใจอย่างที่สุด

   “ท่านผู้นำเราใจเย็นเกินไป”

   “ไม่หรอก  กอล์ฟไม่รู้จักท่านผู้นำดีพอ”

   “ทำไมเหรอพี่”   

   “กอล์ฟอย่าลืม  อดีตนักโทษชาย  สร้างฐานอำนาจมานาน  และมีเงินมากพอที่จะซื้ออำนาจได้    ท่านผู้นำของเรา  จำต้องใจเย็น  เพราะว่าท่านไม่รู้  ว่าตำรวจ  หรือทหารเหล่าไหนบ้างที่เป็นคนของนักโทษชาย  ท่านยอมใจเย็นพอที่จะแยกปลาออกจากน้ำ  เมื่อถึงเวลาที่ท่านรู้ว่า  ใครคือคนของใคร  ท่านก็จะใช้อำนาจที่ท่านมีอยู่อย่างเหมาะสมที่สุด”  เคมั่นใจ  แหล่งข่าวที่ได้มาไม่ผิดแน่ ๆ

   มีความพยายามที่จะให้มีการเกิดเหตุนองเลือด  เพื่อที่ทหารจะออกมาทำรัฐประหาร  และเมื่อนั้นท่านผู้นำคนปัจจุบันจะตกจากบัลลังค์อำนาจที่มีอยู่  มีการถ่ายอำนาจแก่คนที่คณะปฏิวัติรัฐประหารเลือกมา  และที่สำคัญที่สุด  จะต้องมีการ . . . นิรโทษกรรม

   เมื่อนั้น . . .

   . . . คือเป้าหมายสูงสุดของคนที่โฟนอินมาทุกคืน 

   คงมีความสุขดีไม่น้อย  ที่พอพูดโดนใจใครที  ผู้คนจะยกตีนขึ้นมาตบใส่หน้าที . . .

   “พี่อย่าบอกนะว่าระดับ  ผบ. เหล่าทัพ  มีคนจากฐานอำนาจเก่าแทรกอยู่”

   “เข้าใจถูกต้อง   กอล์ฟเห็นไหม  วันที่ท่านผู้นำออกแถลงการณ์สถานการณ์ฉุกเฉิน  ผบ.เหล่าทัพบางคนทำหน้าแบบกระอักกระอ่วน  นั่นก็เพราะว่า  คาดไม่ถึงว่าท่านผู้นำจะกล้าลงมาบัญชาการเอง”

   “งั้นข่าวที่ว่า  จะจ่ายสองหมื่นล้านให้คนทำรัฐประหารก็มีมูลละสิ”

   “ถ้าเป็นกอล์ฟ  เงินเจ็ดหมื่นกว่าล้านที่โดนอายัด  ครอบครัวกระสานซ่านเซ็น  กอล์ฟจะยอมจ่ายสองหมื่นล้านไหม”

   “ยอมดิพี่  ไม่ยอมก็โง่แล้ว  โดนอายัดไม่รู้จะได้คืนไหม  แต่หากนิรโทษกรรมเมื่อไหร่  นอกจากจะได้คืนแล้ว  ยังได้อีกไม่รู้เท่าไหร่เพราะอำนาจย่อมกลับมาอยู่ในมือ  คราวนี้ไม่ใช่ชนแค่คนบางคนแต่อาจชนหัวใจของคนทั้งชาติก็เป็นได้”

   “พี่ดีใจที่ได้ร่วมทีมกับกอล์ฟ  คนที่พลีตัวเพื่อชาติและราชบัลลังค์ยังมีอีกมากในประเทศของเรา”  เคยื่นมือไปออกไปให้อีกฝ่ายสัมผัสอย่างเต็มหัวใจ

   “ผมไม่ยอมหรอกพี่  ไม่มีวันยอม”

   “ท่านผู้นำก็ไม่ยอม  ท่านยอมเอาตัวเข้าเสี่ยงหลายครั้งแล้ว  เพื่อดึงมวลชนกลับคืน  และ  ท่านใจเย็นพอที่จะให้ได้รู้ว่ามี ผบ.เหล่าทัพใดบ้าง  ที่เป็นฐานของอดีตผู้นำ  และ  ท่านฉลาดพอที่จะให้อีกฝ่ายคลั่งมากที่สุด  เมื่อนั้นท่านจะให้ทหารออกมา  และความชอบธรรมจะเกิดแก่ฝ่ายที่โดนกระทำ  ตอนนี้อีกฝ่ายพลาดที่เอาประชาชนเป็นตัวประกัน  พรุ่งนี้เหอะกอล์ฟ  สิบสามเมษา  เห็นทีฤกษ์ที่ทางกลุ่มผู้ชุมนุม  เลือกเอาอดีตของกรุงศรีอยุธยาแตกครั้งที่สองเป็นฤกษ์ดีของพวกตนเอง  จะทำให้ตัวเองพ่ายแพ้ในที่สุด  แพ้ทั้งในประเทศ  แพ้ในสื่อของต่างประเทศ  เพราะท่านผู้นำมีความชอบธรรมอย่างสมบูรณ์ในการสลายกลุ่มผู้ชุมนุมที่ก่อให้เกิดความรุนแรง”  เคยิ้มอย่างผู้ชนะ





นิยายแนวการเมืองแบบนี้ . . .

. . . ไม่ค่อยมีเนาะ

ใครชอบกดบวกเลย  ใครไม่ชอบเชิญลบตามสบาย  ยิ่งลบมากเท่าไหร่ยิ่งชอบ  จะเขียนยาวสักสองร้อยตอน

เอาตั้งแต่โครตเหง้าบรรพบุรุษ . . . เจ้าขี้เมืองเลย ชิส์
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: tamtam ที่ 19-04-2009 01:28:58
กรี๊ดดดดดดด
ดีใจ เจอกัน
อูย ลุ้นทีละบรรทัด กลัวไม่เจอกัน
อ่านจบตอน
ค่อยหายใจออกหน่อย
เฮ้อออ เกือบขาดใจตาย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: myxt ที่ 19-04-2009 02:44:23
เอ่อ.... จุกอย่างที่ว่าจริงๆด้วยค่ะ

ในที่สุดก็กลับมาเจอกันอีกจนได้
แต่มันจะเป็นการพบกับคนนึง เพื่อจากกับอีกคนรึเปล่า (ก็อาการของแม่ดูไม่ดีเลย  :monkeysad:)
ถ้าวันนั้นแม่ไม่ขอพี่โน้ตแบบนั้น วันนี้ทั้งโอห์มและพี่โน้ตจะเป็นยังไง
ทุกอย่างมันถูกกำหนดไว้แล้ว (โดยใครเอ่ย ... 555)

เรื่องใหม่ ท่าทางน่าสนุก
อยากกดบวกเป็นทางการ แต่ทำไม่ได้  งั้นขอบวกปากเปล่าเลยสิบบวกละกันนะคะ   :laugh:
(แต่เอ๊ะ ต้องกดบวกหรือกดลบละคะ คุณราชบุตรถึงจะแต่งต่อ อ่านแล้วงงๆ ^^)
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 19-04-2009 02:47:57
 o13 o13 o13 o13


ตอนต่อไป . . . ยังไม่มี

มีแต่  ที่ปิ้ง ๆ  ในหัวมาเรียกน้ำย่อย แบบนึกสด ๆ  เขียนสด ๆ 



   ๑๒ เมษายน ๒๕๕๒
   
   ประเทศลิอาเมีย


   สถานการณ์ของผู้ชุมนุมประท้วงขยายวงกว้างขึ้นทุกที   แหล่งข่าวจากต่างจังหวัดบอกมา  ตามจังหวัดที่เป็นฐานเสียงของรัฐบาลชุดก่อน  มีการระดมพล  ปิดสถานที่สำคัญ ๆ  หลาย ๆ  จุด   หน่วยวอร์รูมของท่านผู้นำวุ่นวายกับแหล่งข่าวที่มีมาอย่างต่อเนื่อง  ว่าสถานการณ์ของผู้ชุมนุมบ้าคลั่งมิแตกต่างจากคนไร้สติ    ทุก ๆ  คนต่างเฮกันมาปิดถนนหนทาง  ด้วยหวังว่าจะหักล้างรัฐบาลชุดนี้ลงให้ได้


   “แม่งเอ้ย  ทำไมมันวุ่นวายอย่างนี้ว่ะ”    กอล์ฟ  นายร้อยจบใหม่ที่เพิ่งเข้ามาประจำทีมอารักขาท่านผู้นำหัวเสียกับข่าวที่เข้ามาเป็นระยะ ๆ 

   “เอาน่าเดียวก็ดี  เชื่อพี่”    เค  หัวหน้าทีมอารักขาท่านผู้นำชุดซี  อดีตเดือนมหาวิทยาลัย  ผู้ผันตัวเองมาสอบรับราชการหลังจากจบรัฐศาสตร์การฑูตระหว่างประเทศ

   “พี่  ขนาดประกาศสถานกาณ์ฉุกเฉินแล้วนะพี่  พวกนั้นยังกล้าบุกเข้าไปถึงกระทรวงมหาดไทย  ที่นั่นนะ  หน่วยงานดูแลความสงบเรียบร้อยของประเทศเชียวนะพี่เค”

   “กอล์ฟเชื่อเหอะ  อีกไม่เกินอาทิตย์นึง    สถานการณ์คลี่คลาย”

   “จะเป็นไปได้ไงพี่   ขนาดวันก่อนมีประชุมสุดยอดผู้นำ  พวกมันยังบุกไปทำลายกันถึงโรงแรมเลย  เอพีตีข่าวสด  ซีเอ็นเอ็นยิงภาพด่วน  แทบทุกสำนักข่าวทั่วโลกตัดฉับมารายงานสดจากประเทศเราเลยนะพี่”

   “เอาน่า  เดี๋ยวดีเองเชื่อพี่”

   “ยังไงเหรอพี่”

   “กอล์ฟรู้จักกับควายไหม”  เคหันมายิ้ม  แววตาเจ้าเล่ห์

   “รู้จัก  ทำไมเหรอ”

   “ควายมันต้องมีคนจูงไปกินหญ้าถูกมั้ยกอล์ฟ”  เจ้าตัวพยายามหาคำพูดที่ดูเหมือนกับว่า  จะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจง่ายที่สุด

   “ถูกครับพี่  แล้วไงต่อ”

   “เมื่อเจ้าของควาย  จูงควาย  หรืออาจจะต้อนควายไปกินหญ้า  พอไปถึงดงหญ้า  ก็จะปล่อยควายออกเดินตามทุ่งให้ควายเดินหาอาหารกินเองไง”  เคยิ้มหวานตาหยี

   “เห็นภาพเลยพี่  ควายที่โดนต้อนมาจากต่างจังหวัด  กำลังหลงเมืองหลวง  หาทางไปไม่ถูก  เลยว่อนเสียทั่ว  ดีนะที่ท่านผู้นำเราเป็นงาน  ประกาศให้เป็นวันหยุด  เลยได้ใจคนในเมืองหลวง”  กอล์ฟ  รุ่นน้องที่จบทางด้านบู๊  คาดไม่ถึง  ฝ่ายบุ๋นจะเล่นเกมส์ดึงมวลชน

   “ถูกต้องที่สุด  คนเมืองหลวงจะมีนิสัยที่แปลกอย่างนึงจำเอาไว้”  เคยิ้มแบบเยือกเย็น

   “อะไรหรือพี่”

   “สิ่งใดก็ตาม  ที่ผู้ชุมนุมทำ  แล้วตัวเองไม่เดือดร้อน  ชาวเมืองหลวงจะเฉยมาก  อย่างคราวปิดประตูสู่เอเชีย  ชาวเมืองหลวงไม่ออกมาโวยวาย  เพราะมีคนไม่กี่กลุ่มที่เดือดร้อนจากการกระทำนั้น  ไกด์  นักท่องเที่ยว  คนที่ทำงานสนามบิน  สายการบิน  เดือดร้อน  แต่เมืองหลวงเรามีคนอาศัยอยู่ประมาณเจ็ดล้านคน  การปิดประตูสู่เอเชีย  มีคนเดือดร้อนเต็มที่  ไม่เกินสองแสนคนต่อวันตามขีดที่สนามบินรับไหว  คนเมืองหลวงเลยเฉย ๆ  กับการปิดสนามบิน”   อดีตเดือนมหาวิทยาลัย  ที่มีดีกรีเหรียญทอง  วิเคราะห์ความเห็น

   “ผิดกับการปิดถนนใช่ไหมพี่”

   “ถูกต้อง  กอล์ฟอย่าลืม   การปิดศูนย์กลางการคมนาคมทางบก  เหมือนเส้นเลือดใหญ่  หัวใจของเมืองหลวง  ที่ทั้งสี่ทิศจะมุ่งหน้าไปสู่ถนนสายหลักของประเทศ   เมื่อเส้นเลือดใหญ่เกิดการอัมพาต  มีหรือที่คนเมืองหลวงจะอยู่เฉย  เสียงด่าเสียงสาปแช่งจึงดังระงมทั่วสารทิศ  สงครามมวลชนครั้งนี้  ฝ่ายฐานอำนาจเก่าเสียมวลชนคนเมืองหลวงอย่างเต็ม ๆ  ที่สุด”

   “สุดยอดมาก  ผู้นำของเรา”   ลูกทีมอันดับหนึ่งฝ่ายบู๊ชื่นชมท่านผู้นำอย่างใจจริง

   “ถึงอายุท่านจะไม่มาก  แต่ท่านสุขุม  ดูอย่างวันก่อนท่านไปงานที่เมืองตากอากาศสิ  ขนาดโดนกลุ่มผู้ประท้วงทุบรถ  ท่านยังใจเย็นเลย  มีผู้นำชาติไหนมั่งวะ  ที่ยอมไม่ใช้อภิสิทธิ์ความเป็นผู้นำ  ปิดถนน  มีรถนำขบวน  ท่านกลับทำตัวติดดิน  ยอมติดไฟแดง  ทั้ง ๆ  ที่สถานการณ์ในตอนนั้นมันเกือบถึงขีดสุดแล้ว    ก็นี่แหละ  ผลผลิตจากแหล่งที่ดี  คัดคน  คัดคุณภาพที่ดี  จากมหาวิทยาลัยที่ผลิตผู้นำระดับมากที่สุดในโลก ย่อมให้ผลที่ดี  ผิดกับต้นไม้พิษย่อมให้ผลที่มีพิษ”

   “ไม่เหมือน ดร. ห้องแถวใช่ไหมพี่  คนที่บอกให้ลูกหลานคนจนออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย  แต่ในวันเดียวกัน  ทั้งลูกสามใบเถา  อิแอบคนโตนี่ต้องให้พี่เขยอดีตท่านผู้นำหน้าหม้อคุมไปส่งถึงดูไบ  เพราะกลัวว่าจะแอบไปเทคยาที่ไหนก่อนถึงมือพ่อ   อดีตเมียกับน้องอิ่งอ่างนี่บินไปต่อเครื่องที่ฮ่องกง  ส่วนน้องเริ่มคนกลางบินไปลอนดอน    เปิดตูดบินหนีไปคนละทิศละทาง  ผมละสังเวชใจแกมสมเพชยิ่งนักกับผู้คนที่ออกมาชุมนุมตามคำปลุกเร้าผ่านวีดีโอลิ้งค์จริง ๆ  เลย” 

   “คนคิดได้  มีสมองเอาไว้คิด  ส่วนที่ไม่มีสมองแถวบ้านกอล์ฟเรียกว่าอะไร”

   “ควายครับพี่”

   “เกมส์นี้สู้กันอีกยาว”

   “นองเลือดไหมพี่”  แววตาทหารฝ่ายบู๊หวาดวิตก  เพราะประเทศเพิ่งผ่านการทำรัฐประหารมาไม่นานหากเกิดรัฐประหารอีกครั้ง  ประเทศจะเสียหายหนักขนาดไหน

   “ไม่น่าจะมีอีก  เพราะท่านผู้นำมีแผน”

   “. . . แปบนะพี่  แหล่งข่าวส่งข่าวมาด่วน”    กอล์ฟหันกลับไปที่เครื่องส่งสัญญาณรุ่นเก่าที่แทบจะไม่มีใช้แล้ว 

   หน่วยวอร์รูมหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์ทุกระบบ  เพราะรู้ดีว่า  ระบบสื่อสารทางอากาศ  รวมทั้งดาวเทียมของประเทศ  ไม่มีใครรู้ว่าสมัยเรืองอำนาจมีการติดตั้งระบบดักฟังไว้ที่หน่วยงานใดบ้าง  เพราะระบบสื่อสารผ่านดาวเทียมแห่งเดียวของประเทศ  เคยเป็นขุมทรัพย์มหาศาลของอดีตผู้นำที่ตอนนี้ได้กลายเป็นนักโทษชายเรียบร้อยไปแล้ว 

   “พี่  แหล่งข่าวแจ้งมา  มีการยึดรถแก๊ส ๑๕ ตัน  ไว้เป็นตัวต่อรอง เขาเอามาปิดถนนย่านแฟลตที่ผู้มีรายได้น้อยอาศัยอยู่นะพี่  ชิบหายเลยนะพี่  แก๊สสิบห้าตันรัศมีทำลายล้างห้ากิโลเมตรเชียวนะพี่  ตูมตามขึ้นมาดังอีกรอบเลยประเทศของผม”

   “ผู้ชุมนุมแพ้แล้ว”  เคยิ้มอย่างมั่นใจ

   “เฮ้ย  แพ้ง่ายขนาดนั้นเลยหรือ”

   “ทางการทูต  ถือว่าผู้ชุมนุมแพ้อย่างราบคาบ  เพราะหากผู้ชุมนุมเลือกที่จะเอาประชาชนเป็นตัวประกันเมื่อไหร่  หน่วยงานรัฐมีสิทธิและอำนาจโดยชอบธรรมที่จะสลายการชุมนุม  อีกไม่เกินยี่สิบสี่ชั่วโมงหรอก  ทหารจะตบเท้าออกมาเพียบ”  เคมั่นใจอย่างที่สุด

   “ท่านผู้นำเราใจเย็นเกินไป”

   “ไม่หรอก  กอล์ฟไม่รู้จักท่านผู้นำดีพอ”

   “ทำไมเหรอพี่”   

   “กอล์ฟอย่าลืม  อดีตนักโทษชาย  สร้างฐานอำนาจมานาน  และมีเงินมากพอที่จะซื้ออำนาจได้    ท่านผู้นำของเรา  จำต้องใจเย็น  เพราะว่าท่านไม่รู้  ว่าตำรวจ  หรือทหารเหล่าไหนบ้างที่เป็นคนของนักโทษชาย  ท่านยอมใจเย็นพอที่จะแยกปลาออกจากน้ำ  เมื่อถึงเวลาที่ท่านรู้ว่า  ใครคือคนของใคร  ท่านก็จะใช้อำนาจที่ท่านมีอยู่อย่างเหมาะสมที่สุด”  เคมั่นใจ  แหล่งข่าวที่ได้มาไม่ผิดแน่ ๆ

   มีความพยายามที่จะให้มีการเกิดเหตุนองเลือด  เพื่อที่ทหารจะออกมาทำรัฐประหาร  และเมื่อนั้นท่านผู้นำคนปัจจุบันจะตกจากบัลลังค์อำนาจที่มีอยู่  มีการถ่ายอำนาจแก่คนที่คณะปฏิวัติรัฐประหารเลือกมา  และที่สำคัญที่สุด  จะต้องมีการ . . . นิรโทษกรรม

   เมื่อนั้น . . .

   . . . คือเป้าหมายสูงสุดของคนที่โฟนอินมาทุกคืน 

   คงมีความสุขดีไม่น้อย  ที่พอพูดโดนใจใครที  ผู้คนจะยกตีนขึ้นมาตบใส่หน้าที . . .

   “พี่อย่าบอกนะว่าระดับ  ผบ. เหล่าทัพ  มีคนจากฐานอำนาจเก่าแทรกอยู่”

   “เข้าใจถูกต้อง   กอล์ฟเห็นไหม  วันที่ท่านผู้นำออกแถลงการณ์สถานการณ์ฉุกเฉิน  ผบ.เหล่าทัพบางคนทำหน้าแบบกระอักกระอ่วน  นั่นก็เพราะว่า  คาดไม่ถึงว่าท่านผู้นำจะกล้าลงมาบัญชาการเอง”

   “งั้นข่าวที่ว่า  จะจ่ายสองหมื่นล้านให้คนทำรัฐประหารก็มีมูลละสิ”

   “ถ้าเป็นกอล์ฟ  เงินเจ็ดหมื่นกว่าล้านที่โดนอายัด  ครอบครัวกระสานซ่านเซ็น  กอล์ฟจะยอมจ่ายสองหมื่นล้านไหม”

   “ยอมดิพี่  ไม่ยอมก็โง่แล้ว  โดนอายัดไม่รู้จะได้คืนไหม  แต่หากนิรโทษกรรมเมื่อไหร่  นอกจากจะได้คืนแล้ว  ยังได้อีกไม่รู้เท่าไหร่เพราะอำนาจย่อมกลับมาอยู่ในมือ  คราวนี้ไม่ใช่ชนแค่คนบางคนแต่อาจชนหัวใจของคนทั้งชาติก็เป็นได้”

   “พี่ดีใจที่ได้ร่วมทีมกับกอล์ฟ  คนที่พลีตัวเพื่อชาติและราชบัลลังค์ยังมีอีกมากในประเทศของเรา”  เคยื่นมือไปออกไปให้อีกฝ่ายสัมผัสอย่างเต็มหัวใจ

   “ผมไม่ยอมหรอกพี่  ไม่มีวันยอม”

   “ท่านผู้นำก็ไม่ยอม  ท่านยอมเอาตัวเข้าเสี่ยงหลายครั้งแล้ว  เพื่อดึงมวลชนกลับคืน  และ  ท่านใจเย็นพอที่จะให้ได้รู้ว่ามี ผบ.เหล่าทัพใดบ้าง  ที่เป็นฐานของอดีตผู้นำ  และ  ท่านฉลาดพอที่จะให้อีกฝ่ายคลั่งมากที่สุด  เมื่อนั้นท่านจะให้ทหารออกมา  และความชอบธรรมจะเกิดแก่ฝ่ายที่โดนกระทำ  ตอนนี้อีกฝ่ายพลาดที่เอาประชาชนเป็นตัวประกัน  พรุ่งนี้เหอะกอล์ฟ  สิบสามเมษา  เห็นทีฤกษ์ที่ทางกลุ่มผู้ชุมนุม  เลือกเอาอดีตของกรุงศรีอยุธยาแตกครั้งที่สองเป็นฤกษ์ดีของพวกตนเอง  จะทำให้ตัวเองพ่ายแพ้ในที่สุด  แพ้ทั้งในประเทศ  แพ้ในสื่อของต่างประเทศ  เพราะท่านผู้นำมีความชอบธรรมอย่างสมบูรณ์ในการสลายกลุ่มผู้ชุมนุมที่ก่อให้เกิดความรุนแรง”  เคยิ้มอย่างผู้ชนะ





นิยายแนวการเมืองแบบนี้ . . .

. . . ไม่ค่อยมีเนาะ

ใครชอบกดบวกเลย  ใครไม่ชอบเชิญลบตามสบาย  ยิ่งลบมากเท่าไหร่ยิ่งชอบ  จะเขียนยาวสักสองร้อยตอน

เอาตั้งแต่โครตเหง้าบรรพบุรุษ . . . เจ้าขี้เมืองเลย ชิส์
แนวฉีกจากชาวบ้านมากมาย
จัดมาเถอะชอบอ่านมีสาระและรายละเอียดของเนื้อหาที่พาให้น่าติดตาม
แล้วจะรอดูความเคลื่อนไหวนะคราบ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 19-04-2009 03:13:33


ต๊าย ถูกใจเรื่องใหม่ค่ะ น่าตื่นเต้น ทันสมัย เอ็ฟเฟ่คท์ส์(effects) ซี้จี่ส์(C.G.s) เพียบ.......
สู้ Hairy Potter ได้ สบายมาก 5555555
รวมเล่ม กิต.จะซื้อ อิอิ
ป.ล. บันทึก(saved)ไว้แล้ว กลัวแต่งไม่จบ คนแต่งลี้ภัยไปประเทศเพศที่สาม หุหุ
ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: un_john2006 ที่ 19-04-2009 04:53:23
 :sad4: :sad4: :sad4:


 :o12: :o12: :o12:



 :m15: :m15: :m15:

 :sad11: :sad11: :sad11:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 19-04-2009 09:36:48

เรื่องต่อไป . . .

พระเอกชื่อ . . . เค

ม่อน . . . คือ  นายเอก

แล้วพล็อตล่ะ . . . ยังไม่คิด    จะเอาไงดีว่ะ  พล็อตเรื่องหน้า

. . . สงกรานต์กลางสงคราม . . .

รักระหว่างรบดีไหมหว่า  นิยายแนวการเมือง    แต่มันเขียนยากว่ะ  อิอิอิ

พระเอกเป็นตำรวจอารักขาท่านผู้นำ  ส่วน  นายเอก  นี่  เลขาแกนนำผู้เรียกร้อง  อร๊ายส์ . . . เหมือนจะสวย


ว้าวๆ เรื่องใหม่ รออ่านของคุณราชบุตร ทุกเรื่อง  ว่าแต่เรื่อง รังสิธรฉายแสงแรงกล้า มาเนิ่นนาน ของต้น กะแคน ก็ยังรอนะค๊าบ  :man1:

 :L2: ให้ดอกไม้กำลังใจแต่งเรื่องใหม่ (เรื่องเก่าด้วย  :laugh:)
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 19-04-2009 09:54:36


เรื่องนั้นต้องไปทวงกับ . . . คุณต้นสาย  เค้าเอง

ส่วนเรื่องใหม่ . . .

. . . คิดแล้วต้องเขียนสิ

เลี่ยงคำครหาใด ๆ  เลยออกแยวแฟนตาซีการเมืองดีกว่า

ตามมาเลยครับ


เค กับ ม่อน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=9797.0)  กดตรงนั้นแหละ  ยังมะมีชื่อเรื่องอะ  อ่านไปก่อนล่ะกัน

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 19-04-2009 09:59:13
อ่านรักเอยแล้วน้ำตาจะไหล ยังไงขอร้องอย่าจบเศร้าเลยนะคะ
ส่วนเรื่องใหม่ น่าติดตามดี แต่อ่านไปเสียวไป กร๊ากกกกกก :jul3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: peemakarn ที่ 19-04-2009 10:41:03
พลอตเรื่องใหม่ ชอบมากคร่า
จาติดตามแน่นอนค่ะ

ชอบเรื่องแนวนี้อยู่แล้น
ฮ่าๆๆๆๆ

จัดมาเลยค่ะคุณราชบุตร
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 19-04-2009 18:43:28
เจอกันแล้ว

น้ำตาจะไหล ก็ตอนนี้เนี่ยแหละ   :monkeysad:

ลุ้นอยู่ ว่าจะเจอกันรึเปล่า 


พอเจอกันได้  โล่งใจ   :เฮ้อ:


เรื่องใหม่น่าสนใจมาก  จะรออ่านฮับ 
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 19-04-2009 21:11:04
“ตัวเล็ก” 
“คิดถึงตัวเล็ก  คิดถึงเหลือเกิน” 

> เจอสองประโยคนี้ไป น้ำตาซึมเลยทีเดียว
ในที่สุดก็กลับสู้อ้อมกอดเดิมแล้วนะตัวเล็ก
พี่โน๊ตอย่าทิ้งตัวเล็กอีกนะ

ขอบคุณคุณราชบุตรคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 19-04-2009 21:45:21
พีต้น.......................................











รออยุ่น่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 19-04-2009 22:08:32


^

^

^


รอเป็นเมียพี่เหรอ . . .

. . . ขอม่อนมันก่อนเน้อ

 :impress2:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 19-04-2009 22:11:40
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: Simply Blue ที่ 19-04-2009 22:18:45
 o13 ลึกซึ้งกินใจสุดๆๆ ไป  o13

สำหรับเรื่องใหม่............
ข้าน้อยมิบังอาจเสนอความคิดใดๆๆๆ  เพราะความคิดเห็นทางการเมืองไม่ว่าจะนำมาทำในรูปแบบใด  ก็ล้วนไม่ส่งผลดีต่อผู้แสดงความคิดเห็นทั้งผู้พูดและผู้ฟัง     ข้าน้อยจึงได้แต่รู้สึกเป็นห่วงงานเขียนชิ้นนี้และภาพลักษณ์ของผู้เขียน

หากมิต้องใจผู้ใด  ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 19-04-2009 22:28:02
เข้ามาสะเทือนอารมณืด้วยคน
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 19-04-2009 22:37:00
o13 ลึกซึ้งกินใจสุดๆๆ ไป  o13

สำหรับเรื่องใหม่............
ข้าน้อยมิบังอาจเสนอความคิดใดๆๆๆ  เพราะความคิดเห็นทางการเมืองไม่ว่าจะนำมาทำในรูปแบบใด  ก็ล้วนไม่ส่งผลดีต่อผู้แสดงความคิดเห็นทั้งผู้พูดและผู้ฟัง     ข้าน้อยจึงได้แต่รู้สึกเป็นห่วงงานเขียนชิ้นนี้และภาพลักษณ์ของผู้เขียน

หากมิต้องใจผู้ใด  ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้




ขอบคุณครับ . . .

. . ประวัติศาสตร์  มักจะเขียนจากผู้ชนะเสมอ

ปล.  ผมมันพวกชอบเดินไปก่อนคนอื่นด้วยสิครับ  ขอบคุณที่เป็นห่วงจริง ๆ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 19-04-2009 22:51:04
^

^

^
จิ้มเพ่ต้น...   จิ้มทันจนได้   :laugh:

ปล รอ ฉากจบๆๆ :man1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: anata9 ที่ 20-04-2009 00:52:13
^
^
ขอภาพปลากรอบของเรื่องถัดไปด้วยสิ  :m24:

จริง ๆ อยากโหวตให้พี่ต้นนะเนี่ย  :m26: แต่กระซิบบอกก่อนว่า ....... มันโหวตไม่ได้อะ แบบว่า  :m29: โพสในเล้าไม่ถึงเกณฑ์ อดโหวตเยย  :o11:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 20-04-2009 07:27:20
เรื่องใหม่ ไฟแรง

เนื้อหาทันสมัย ตามเหตุการณ์มากๆ

แตกต่างดี ชอบๆๆ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 20-04-2009 10:56:00
ชอบอะนิยายเรื่องใหม่....แต่มันจะทำให้ เล้าร้อนขึ้นป่าวไม่รู้นะคะ (แต่กดบวกไปแล้ว 555555555555  หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง) เพราะเค้าว่ากันว่า ศาศนา การเมือง อย่าได้ยกมาคุยกัน จะทำทะเลาะกันได้

  เสนอว่าให้คุณราชบุตรแต่ง แต่ถ้าใครอยากอ่านให้ PM ไปขอเอา จะเหนื่อยเกินไปไหมคะ

แต่อ่านแล้วชอบมากๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: «ƤȑǃǹĉΞḠ○ḺҒ™» ที่ 20-04-2009 11:14:02
รอๆ  วันนี้ขอซักตอนนะค้าบบ   

:impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: dokjarn ที่ 20-04-2009 15:31:31
:L1: :m15: :L1:

ผมอ่าน สามตอนล่าสุด ที่คิดว่ายังไม่ท้ายสุด
ด้วยความอ่อนไหว ไปกับตัวอักษรที่บรรจงประดิษฐ์โดย...
ท่านราชบุตร
พี่ครับพี่...พี่ไปสรรหาถ้อยคำที่แสนจะธรรมดา
แต่ให้ อารมณ์ ความรู้สึกกับคนอ่าน เหล่านี้มาได้ไง
จากคลังสมองส่วนใหน แล้วอารมณ์ ที่แต่งแต่ละตอนเนี่ย มันอยู่ยังไง
ซู้ดดดดดด.......ยอด
ไอ้คนอ่านคนนี้มัน ปั่นป่วนมาก บีบต่อมหลายๆต่อมที่มีเลยครับ
ตอนที่พี่โน้ต เจอแม่แป้ง

อ้างถึง
“อาขอบใจ  แต่อาอยากให้โน้ตเข้าใจ  โน้ตอายุยังน้อยยังเจอคนดี ๆ อีก”  แม่ค่อย ๆ คลายวงแขนจากโน้ต

   “ไม่มีทาง ไม่มีวันนั้นแน่ ๆ  ผมรับรอง  วันไหนที่น้องลำบากอย่างที่สุดผมจะไปอยู่กับน้อง  หรือหากวันไหน  อาแป้งเชื่อว่าผมรักน้องด้วยหัวใจจริง ๆ  ผมรีบไปในทันทีโดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ  ผมจะไปกอดน้องเอาไว้  ผมจะกอดโอห์มเอาไว้ให้สามสมกับที่ผมต้องพรากสิ่งที่ผมรักที่สุด  แล้วเมื่อถึงวันนั้น  ผมจะไม่มีวันคืนน้องให้อาแป้งอีกเด็ดขาด  ผมสัญญา  ผมจะไม่มีวันคืนให้อาแป้งอีกแล้ว”  พี่โน้ตจ้องหน้าแม่นิ่ง

ไม่รู้ทำไม  น้ำมันซึมออกจากตาเราได้ มันเป็นอารมณ์ที่สั่งสมอ่ะเนอะ
ความจริงก่อนหน้านี้ที่ โอห์มคุยกับแม่ ก็ปริ่มๆอยู่แล้ว
แล้วตัวหนังสือก็พาเรา โลดแล่นไปตามจินตนาการ (ฮือ ฮือ ไมเราใจง่ายขนาดนี้...)
มีอีกนิดชอบการใช้คำแบบนี้

อ้างถึง
แม่หลับเพราะอ่อนล้าเหลือกำลัง  ส่วนพ่อผมบอกให้กลับไปพักที่บ้านก่อน  เย็น ๆ  ค่อยมาใหม่  ส่วนผมขอทำหน้าที่ลูกที่ดี  อยู่โยงเฝ้าไข้แม่  ผมเข้าใจดีแล้วถึงคนที่นับเวลารอ  มันทรมานเช่นไร  ผมรอการมาของใครคนนึง . . .

   . . . และผมรอการจากไปของใครอีกคน

   แค่คิดหัวใจผมก็หายวาบ . . .

คนหนึงกำลังจะมา.....อีกคนกำลังจะไป
ใครเจอแบบนี้ไม่จุกก็ ไร้อารมณ์แล้ว
สำคัญที่สุดที่ทุกคนรอคอย ... คือหน้าสุดท้ายทั้งหน้า

อ้างถึง
“พ่อ . . .”  เสียงโอ๊ตร้องเรียก  เมื่อประตูห้องเปิดมา

  . . .

   .......

.....

   . . . ความจริงที่ผมโหยหา

   มิใช่ความฝันอีกต่อไป . . .

   ร่างนั้นค่อย ๆ  เดินก้าวมาอย่างช้า ๆ  ตอนนี้ผมรู้แล้ว  ไม่ใช่ภาพฝัน  สิ่งที่ผมเห็นตรงหน้า คือความจริง  หัวใจผมเต้นแรง  เมื่อร่างนั้นเข้ามาใกล้ผมทุกที  ผมเห็นแล้ว  ผมเห็นชัดเจน  แม้แววตาผมจะพร่ามัวเพราะมีน้ำตา  แต่ภาพนั้นชัดเจนในหัวใจผมอย่างที่สุด

   “ตัวเล็ก” 

   พี่โน้ตรวบร่างผมไปกอดเอาไว้แน่น  ผมยืนนิ่งหัวใจเต้นแรง  ผมบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าตอนนี้ผมรู้สึกอย่างไร  ผมรู้แค่ว่า  ผมอบอุ่นหัวใจเป็นที่สุด  อบอุ่นเหมือนอ้อมกอดสุดท้ายที่ผมเคยได้รับที่สถานีรถไฟบางซื่อเมื่อสิบแปดปีที่ผ่านมา

   “คิดถึงตัวเล็ก  คิดถึงเหลือเกิน” 

  .......

....

.... 

 “ต่อจากวันนี้  เทวดาหรือพรหมหน้าไหนก็มาเอาตัวเล็กของพี่ไปไม่ได้  พี่ไม่ยอม  ไม่ยอมอีกแล้ว  สิ่งเดียวที่จะแยกพี่ได้  คือ  ลมหายใจสุดท้ายเท่านั้น”  เสียงพี่โน้ตสั่น 

   ผมรับรู้ได้  ถึงหยาดน้ำอุ่น ๆ  ที่ไหลคลออยู่บนซอกคอของผม ผมกอดร่างนั้นเอาไว้แน่น  หัวใจที่หายไปของผม  คนที่ผมรักยิ่งกว่าสิ่งใด ๆ  ทั้งหมด  อย่าว่าแต่พี่โน้ตเลยที่ไม่ยอม  ผมเองก็ไม่ยอม  ไม่มีวันยอมเหมือนกัน  ผมจะไม่มีวันยอมให้พระพรหมมาลิขิตชีวิตของผมอีกแล้ว

   ที่ผ่านมา . . .

   . . . เพียงพอแล้วสำหรับเส้นทางของพรหมลิขิต


โอ๊ยยย....ตายครับตาย  ...แต่
เข้าใจว่าตายอย่างมีความสุข  555..
ไม่รู้เป็นไงแล้ว  แสดงความเห็นเสร็จจะกลับไป  กด + ให้
อย่างศิโรราบ ในการนำเสนอนิยายเรื่องนี้ของคุณราชบุตร
แล้วขอตามติดเรื่องใหม่ด้วยคน
ชอบเรื่อง ควายๆ
ทันสมัยมาก
วันนี้ไม่ต้องมาก๊ก มากั๊กอะไรแล้ว
ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าใครเป็นยังไง

หึ หึ  อ  อ  เ  ต  ก  า

กรู เกลียด มรึงงง...

 :L2: :pig4: :pig4: :L2:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 20-04-2009 21:39:24
เห็นด้วยกะ รีบน

 :pig4:  คุณราชบุตร ที่แต่งเรื่องดีๆ ให้อ่าน  :pig4:

ปล. รอๆๆ ตอนจบ  :man1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: «ƤȑǃǹĉΞḠ○ḺҒ™» ที่ 21-04-2009 13:25:24
รอ ๆๆ

ดันๆ

อยากอ่าน สุดๆ

 :serius2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 21-04-2009 14:55:47
อ้าว.......พีต้น

เเล้วเรือง  "รักเอย" ล่ะ

 
เมือไรจะมาต่อให้จบครับ  คุณพี่....


ทุกคนรออยุ่น่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: wonna ที่ 21-04-2009 15:35:03
มารออ่านด้วยนะครับ








รีบมาต่อนะครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 21-04-2009 18:40:38
ยังมิมาหรอครับบ

อ่ะ อ่ะ รอ รอ ต่อไป ก็ หลง รัก นิยาย ของเค้าไปแล้ว นิ่

555
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 21-04-2009 19:33:14
มารอคุณราชบุตร  มาต่อได้แล้วครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 21-04-2009 20:33:32


คอมเน่าครับ . . .

. . . ฝากน้องไปฟอร์เมทอยู่ครับ  อีกวันสองวันนะครับผม

คิดถึงพี่ โน้ตตตตตตตตตต

แต่คิดถึง . . .ม่อนกับเค  มากกว่า  แอบปันใจให้นิยาย ควาย ๆ ๆ ๆ ๆ


หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 21-04-2009 22:22:09
ซ่อมเสร้จเร้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  น่ะครับ

เอาใจช่วยยย






ว่าเเต่คอมเน่าเนี้ย.... กลิ่นเหม็นป่ะพี่


อิอิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: anata9 ที่ 21-04-2009 22:48:50
คอมเน่าหงะ  :serius2:

สงสัยรออีกสองสามวัน  :a5:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 22-04-2009 11:25:09
มานั่งรอ...................


หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: «ƤȑǃǹĉΞḠ○ḺҒ™» ที่ 22-04-2009 12:19:07
รอ ทุกวันเลยค้าบ ๆ


รักคนแต่ง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 22-04-2009 14:38:41




เข้ามาบอกว่า . . .

. . . ยังไม่ได้เขียนตอนจบ

แต่ . . . เอาเรื่องสั้นมาฝาก

ปล.  ไม่อยากไปตั้งกระทู้ใหม่  เพราะกลัวเปลืองทรัพยากรของเล้า 

เลยเอามาฝากมิตรรักในนี้ก็แล้วกันเนาะ  ถือว่าเป็นของขวัญชิ้นพิเศษสำหรับแฟน ๆ 

ใครไม่หลงเข้ามาอดเจอเรื่องราวดี ๆ 
รักเอย . . .   VER.เรื่องสั้น


   เคยมีใครไม่รู้บอกกูเอาไว้ว่า  . . .

   . . . ถ้าเรารักสักคน  แต่เราไม่บอกไป  ค่าของมันมีค่าเท่ากับศูนย์  เราอยากมีความรักที่มีค่าเป็นศูนย์อย่างนั้นหรือ  แต่หากเราบอกไป  ค่าของมันจะเพิ่มเป็นห้าสิบ-ห้าสิบ เพราะว่าหากคนที่เราจะบอกรัก  เขาคิดแบบเดียวกับเราแล้วไม่กล้าบอก  ค่าของเขาก็เท่ากับศูนย์เช่นกัน  เพราฉะนั้นเราจงอย่ากลัวที่จะบอกออกไป  เพราะห้าสิบที่เราบอกไป  เราอาจได้คำตอบเดียวแบบที่เรารู้สึก  แต่หากว่ามันไม่ใช่ . . .

   . . .  ค่าของมันก็คงเท่ากับศูนย์  เหมือนกับที่เราไม่บอกนั่นแหละ

   เพราะคำพูดนี้ไง . . .

   . . . ทำให้กูกล้า  กล้าที่จะลงมาภูเก็ตอีกครั้งหลังจากที่กูมาส่งมึงเมื่อสิบเดือนก่อน . .

   ไอ้เอ . . . กูกำลังลงมาหามึง

   อีกสามวัน . . .

   . . . วันเกิดมึง  วันเกิดปีที่เท่าไหร่ของมึงกูไม่รู้  แต่นี่จะเป็นวันเกิดปีที่ห้าที่กูจะได้อยู่กับมึง  กูรู้หัวใจตัวเอง  รู้มานาน  เพียงแต่กูไม่กล้าที่จะบอกมึงไป  เพราะระหว่างกูกับมึง  สิ่งที่ดีที่สุดที่กูสัมผัสได้  คือมึงคือคนที่ดีที่สุดที่กูเคยเจอมา

   เพื่อน . . .

   . . . คำนี้มันมีความหมายสำหรับกู  กูอาจจะมีเพื่อนมากมาย  แต่ไม่เคยมีใครสักคนที่จะเข้ามาปั่นป่วนหัวใจกูได้เท่ากับมึง  และที่กูรู้  มึงคือเพื่อนคนเดียวที่ติดอยู่ในหัวใจของกูตลอดเวลา กูรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีเพื่อลงมาหามึง . . .

   . . . กูมาครั้งนี้เดิมพันสูงที่สุดในชีวิต

   เพราะ . . .

   กูอาจจะเสียมึงไปตลอดชีวิต  แต่กูก็ตัดสินใจดีที่สุดแล้ว  กูจะบอกความรู้สึกทั้งหมดที่กูเก็บมันมาห้าปี  ความรู้สึกที่กูเคยคิดว่ากูจะไม่มีวันบอกมึงออกไป เพราะกูระลึกเสมอว่า  ไม่มีความรู้สึกใด ๆ  จะมีค่าเท่ากับความรู้สึกของคำว่า . . . เพื่อน

   แต่ . . .

   . . . วันนี้

   เวลานี้  เวลาที่มึงเปิดอ่านบันทึกเล่มนี้  บันทึกที่กูเก็บเอาไว้ ห้าปีเต็ม  นับจากวันแรกที่กูเจอหน้าใครคนนึง คนที่เดินเข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัยพร้อม ๆ  กับกู  คนที่เข้ามาปั่นป่วนในหัวใจกูมากที่สุด  คนที่หอบเอารอยยิ้มมาฝากในยามที่กูอ่อนล้า  คนที่ทำกูเสียน้ำตามากที่สุดในห้วงห้าปีที่ผ่านมา

   . . . มึงอ่านมาถึงตอนนี้

   มึงจะรู้เอง . . .

   . . . กูรักมึงมากกว่าเพื่อนไปแล้ว

   ตอนนี้กูบอกมึงล่วงหน้าไปแล้ว  ผ่านทางตัวอักษรที่กูบรรจงเก็บเอาไว้ให้มึง  และมันคือของขวัญวันเกิดชิ้นแรกที่กูให้มึงด้วยหัวใจกูเอง  เพราะสี่ปีที่ผ่านมา  กูให้มึงตามมารยาทตลอด  แต่ครั้งนี้ . . .

   กูให้ด้วยหัวใจ . . .

   . . . หัวใจของเพื่อนที่เพิ่งรู้ว่ารักเพื่อนแบบมึงมากกว่าเพื่อนไปแล้ว

   ไอ้เอ . . .

   . . . วันเกิดมึงปีนี้  จะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม  กูตั้งใจแล้ว  ตั้งใจที่สุดที่จะให้มึงรับรู้หัวใจของกูที่ผ่านมาผ่านตัวหนังสือที่กูกลั่นมันออกมาจากหัวใจของกู  และกูตั้งใจอย่างแน่แน่ว  กูจะบอกรักมึงด้วยปากของกูเอง

   กูคงจะจบบันทึกเล่มนี้  ตรงนี้ . . .

   . . . ตรงที่กูอยู่เหนือความสูงสามหมื่นฟิต  ตรงที่กูมองเห็นท้องฟ้าสุดลูกหูลูกตา  มีเมฆขาวราวสำลีลอยละล่อง  กูยิ้มกับก้อนเมฆที่เหมือนจะลอยต่ำ  หากหัวใจกูอิ่มเอมอย่างที่สุด  อีกไม่กี่นาที  เครื่องก็จะลดระดับลง  แล้วมันคงไปจอดสงบนิ่งที่ . . . สนามบินภูเก็ต

   . . . ปลายทางหัวใจกูอยู่ที่นั่น

   ปลายทางที่กูวาดหวัง  จะมีมึงยืนรอกูอยู่  มึงจะแปลกใจที่กูโผล่หัวมา  หลังจากที่กูมาส่งมึงตอนที่มึงย้ายมาทำงานที่นี่ไงไอ้เอ


   ภศวิชญ์ . . .  ปิดสมุดบันทึก ก่อนเอาเชือกสีสวยมามัดแทนโบว์ห่อของขวัญ  ต่อจากนี้  สมุดเล่มนี้ไม่ใช่ของเขาอีกแล้ว  รอเจ้าของมาเปิด  กอล์ฟยิ้มพลางลอดหน้าต่างเครื่องเจ้า 777    เมฆขาวลอยละล่อง  ตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าสวย  อีกไม่กี่นาที  เขาจะไปหามันแล้ว  ความรักที่กอล์ฟเก็บเอามาห้าปี  เขาจะบอกเอ  บอกให้มันรู้ถึงความรู้สึกทั้งหมดของหัวใจ

   . . .หัวใจกอล์ฟเริงร่า

   มาดหมาย . . .

   . . . ปลายทางจะมี . . .  รัฐกร

   ไอ้เอจะรอมันอยู่ . . .

   เครื่องเอียงไปเพราะการลดระดับ  กอล์ฟยังรักที่จะมองออกไปนอกหน้าต่างเครื่อง  เห็นทะเลสีครามเบื้องล่าง  ระลอกคลื่นเป็นริ้วไล่ระดับเฉดสี  เขายิ้มให้ทะเล  อีกไม่นานหรอก  เขาจะไปถึงที่นั่นแล้ว

   เสียงประกาศให้รัดเข็มขัดและนั่งประจำอยู่กับที่    หัวใจกอล์ฟยิ่งระรัว  ใกล้เวลาแห่งความเป็นจริงมาแล้ว  ไอ้เอจะดีใจไหมที่เห็นหน้ามัน ไอ้เอจะโผเข้ากอดมันเหมือนทุก ๆ  ครั้งไหม  แล้วไอ้เอ จะอ้วนหรือผอมไปหว่า . . .

   . . . กอล์ฟมีความสุขเมื่อนึกถึงใครอีกคน

   “ว่าไงคุณเพื่อนรัก”  เสียงจากปลายสายทำเอากอล์ฟหัวใจเริงร่า  ตั้งแต่มันย้ายมาอยู่ภูเก็ต  สิ่งเดียวที่ทำได้คือ  โทรหากัน

   และ . . .

   . . . ไม่ใช่นาน ๆ  ครั้ง

   แต่ . . .

   วันละสามครั้งหลังอาหารเลยทีเดียว  บางวันมีพิเศษรอบดึกก่อนนอนอีก  กอล์ฟมั่นใจ  เพื่อนไม่มีใครนอกจากตนเอง  และดูเหมือนในรั้วมหาวิทยาลัยสี่ปี  ทั้งสองเป็นเหมือนเงาของกันและกัน

   บางครั้ง . . .

   . . .เพื่อนในกลุ่มมีแอบแซว

   ไอ้ลูกกะโปกซ้ายขวา . . .

   “เบื่อว่ะ”  กอล์ฟบอกพลางเดินขึ้นบันได  ปลายทางของมัน  ที่เดียวกับปลายสายที่มันกำลังคุยอยู่

   ทันทีทีลงจากเครื่อง  มันหารถเช่าเอาที่สนามบิน  เพราะอยากให้เพื่อนรักแปลกใจ  ที่โผล่ไปหามัน  ไอ้เอให้กุญแจห้องเอาไว้ชุดนึงตั้งแต่ที่มันมาส่งเมื่อคราวก่อน  มันไม่เคยได้ใช้อีกเลย . . .

   . . . วันนี้มันจะใช้

   กุญแจพวกนี้จะไขไปยังห้องไอ้เอ  และมันจะใช้กุญแจหัวใจของมันไขไปสู่หัวใจไอ้เอ  กอล์ฟยิ้มเมื่อนึกว่า  ทันทที่เจอหน้า  ไอ้เพื่อนรักจะต้องโผเข้ากอดมันเหมือนทุกครั้ง

   “เบื่อก็ลงมาภูเก็ตดิไอ้สาส  กูขึ้นไปหามึงที่กรุงเทพฯ  สองรอบแล้วนะ  อย่ามาเอาเปรียบกูดิ๊”  เสียงมันเริ่งร่าเหมือน

   “ลงไปแล้วเสียตัว กูจะรีบลงไปเลย”

   “สาสสสส  ปากดีไป  รีบมาเลยกูจะพรากพรมจรรย์มึงเอง”   มันเล่นเหมือนเคย  หากไม่รู้เลยหรือ  ว่ากอล์ฟไม่ได้พูดเล่นอีกแล้ว

   “กูจะเอามึง  ไม่ใช่ให้มึงเอากู”

   “ได้ไง  ของแบบนี้  มันต้องวัด”

   “วัดห่าไรว่ะ”

   “เอางี้  ปั่นให้แข็งใครยาวกว่าได้อีกคน”    มันหัวเราะออกมาตามสาย  ผมยิ้มกับสิ่งที่ได้ยิน

   มันไม่เคยเปลี่ยนไปเลย  มันเหมือนเดิมทุก ๆ  อย่าง  มันเล่นกับกอล์ฟเหมือนสมัยเรียน  ไม่มีทีท่าว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย

   “อ้วนกว่าดีกว่ามั้ยคุณเพื่อน  ความยาวกูอาจไม่สู้  แต่ความอวบมึงแพ้กูแน่ ๆ”

   “ปากดีอีกนะมึง”

   กอล์ฟไม่ตอบ  ยืนยิ้มหน้าห้อง . . .

   . . . หัวใจของมันห่างแค่ประตูกั้น  มันยกมือขึ้นเคาะประตูช้า ๆ 

   “แปบนะมึง  แม่งไม่รู้ใครมาเคาะห้อง”

   . . . กูไง . . . กอล์ฟมันตอบตัวเองเบา ๆ  ในใจ  มันยืนเอานิ้วปิดรูส่องที่หน้าประตู  เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นมันก่อน

   “ไอ้กอล์ฟ . . .”

   เอมันยิ้ม  มันโผมากอดกอล์ฟเอาไว้แน่น

   “. . . ห่านี่ไม่โทรบอกก่อนกูจะได้ไปรับ”

   “เอ . . . ใครมาเหรอ” 

   เสียงที่ดังมาจากในห้องของมัน  ทำเอาหัวใจกอล์ฟชาวูบ  เหมือนใครกดหัวใจของมันให้จมลึก  ไปสู่ก้นเหวที่มืดมิดและเหน็บหนาว  เสียงจากในห้องเสียงของ . . . ผู้หญิง

   ไอ้เอซ่อนผู้หญิงเอาไว้ในห้อง . . .

   . . . สมองมันบอกช้า ๆ  มันกระพริบตาถี่ ๆ  พยายามกดความรู้สึกทั้งหมดที่มันมีในหัวใจ    ความรู้สึกที่มันวาดหวังเอาไว้ ตั้งแต่ทีแรกดับวูบลงแล้ว  มันตบไหล่เพื่อนเบา ๆ 

   “ปล่อย ๆ  พอแร่ะมึง”  น้ำเสียงกอล์ฟมันอาจจะเปร่ง ๆ  มันค่อย ๆ  แกะเพื่อนออกจากการโอบกอด  รอยยิ้มยังอยู่บนใบหน้า แต่ดวงตามันรวดร้าว 

   รอเดี๋ยวนะ . . .

   . . .   ขอปรับทุก ๆ  อย่างในร่างกายสักครู่  สิ่งที่ได้ยินเมื่อกี้  มันยังไม่ลงตัว  มันยังเจ็บ ๆ    ขอเวลาไอ้กอล์ฟปรับตัวแค่นิดเดียวนะ   แค่นิดเดียวเท่านั้น  แล้วมันจะเดินขึ้นเวที  รับรองได้ว่ามันจะแสดงให้เนียนที่สุด

   . . . เนียนจนเอไม่รู้เลยทีเดียว

   “ไอ้กอล์ฟ . . . ไอ้ห่ากอล์ฟ”

   เสียงเรียกคล้ายไกล ๆ    ปลุกกอล์ฟให้รู้ว่า  มันถึงเวลาที่ต้องเจอกับความจริงแท้อย่างที่สุดแล้ว  เสียงเรียกดังจากที่ไหนสักแห่งก็ไม่รู้  ปากกอล์ฟมันยิ้มค้างเอาไว้  เพราะในสมองมันสั่งได้แค่ว่า . . . ยิ้มนะ

   . . . ไอ้เอ  ยิ้มให้มัน   มันหล่อเหมือนเคย  เหมือนวันสุดท้ายที่มันเคยเจอ  ไอ้เอหล่อเสมอสำหรับกอล์ฟ 

   หาก . . .

   . . . กอล์ฟ 

   “ซ่อน”  บางอย่างไว้ในตา  กลัวคนที่ยิ้มตรงหน้ามันจะเห็น อย่าให้ไอ้เอเห็นความทุกข์ในแววตาเด็ดขาด  เสียงกอล์ฟสั่งตัวเองอย่างเฉียบขาด

   “เออ . . กูเอง”  เสียงมันคล้าย ๆ  จะหมดแรงเอาดื้อ ๆ

   มือไอ้เอบีบแรง ๆ  ที่ไหล่  แต่กอล์ฟมันไม่ยักเจ็บ  มันยังงง  ชา  ด้าน . . .  อีกแปบนะ  ขอปรับสายตาจากภาพที่เห็นแปบเดียว

   “มา . . . ได้ยังไง?”  เสียงกอล์ฟยังแว่วที่หูมันอยู่เลย  นี่มันหูอื้อเพราะเสียงจากเครื่องบินที่มันบินมาหรือหูมันอื้อเพราะอย่างอื่นกันแน่

   “. . . เข้ามาก่อน . . .”  เอคว้าหมับที่คอ  ลากกอล์ฟเข้ามาในห้อง

   “. . . ปู  ไอ้กอล์ฟมาหา” 

   กอล์ฟรีบจดจำ  ทุก ๆ  สิ่งทุก ๆ อย่างของเพื่อน มันควรจะจดจำเอาไว้  สิ่งที่เพื่อนรัก  มันควรจะยินดีอย่างที่สุด  เพราะทางที่มันเลือกคือทางที่ดีที่สุด  กอล์ฟยิ้มให้ผู้หญิงที่เห็นตรงหน้า

   “หวัดดีครับ . . . พอดีบริษัทส่งมาทำงานสองสามวัน  เลยแวะมาหาไอ้เอมัน  นี่ถ้าไม่ย่องมา  ไม่รู้แน่ ๆ  มันแอบซ่อนสาวสวยเอาไว้”  กอล์ฟยิ้มให้ผู้หญิงตรงหน้า

   มันยิ้มให้เขาอย่างเต็มตา . . .

   . . . ผู้หญิงของไอ้เอ

   ปูสวย  ขาว  ไม่เหมือนคนใต้  ไอ้เอโชคดีที่มีคนที่รัก  แต่มันสิ  มันวาดหวังเอาไว้ไม่มีอะไรที่มันเหลืออีกแล้ว  สิ่งเดียวที่มันทำได้ตอนนี้  เก็บเอาความรู้สึกเจ็บปวดทั้งหมดเอาไว้  เก็บเอาไว้อย่างมิดชิดที่สุด

   . . . อย่ามีพิรุธเด็ดขาดนะไอ้เอ

   “นี่ปูแฟนกู”

   คราวนี้มันชัดแจ้งในหัวใจ อย่างที่สุดแล้ว  มันต้องพยายามอย่างมากที่จะเก็บบางอย่างไว้ในแววตา  ปรับแววตาเศร้าของมันให้เป็นปกติเสียก่อน

   “ดีจัง  เจอกอล์ฟแล้ว  เอเคยเล่าให้ฟังบ่อย ๆ”  ปูยิ้มหวาน

   รอยยิ้มองกอล์ฟมันยังค้างไว้ริมฝีปาก  มันรู้แล้ว  มันแจ้งแก่ใจของมันเอง  มันชาวาบไปทั้งตัวแล้ว  คล้าย ๆ  ตอนที่มันบาดเจ็บครั้งก่อนนานมาแล้ว . . . มันเคยมีบทเรียน  สมองมันสั่ง

   ยิ้ม . . .

   . . . เอ็งต้องยิ้มนะโว้ย

   มันยังไม่กล้ามองหน้าไอ้เอ 

   คอยเดี๋ยวนะ . . .

   . . . คอยให้ความจริงที่อยู่ข้างหน้ามันตอนนี้ค่อย ๆ  ซับลงในใจก่อน 

   “ความจริง”  มันโหดร้ายเสมอ

   “พักที่ไหน . . .”  เสียงไอ้เอสดชื่นเหมือนเคย

   “. . . มานอนกับกูมั้ยไม่ต้องเสียค่าโรงแรม”

   “ได้ไง  มาทำงานให้บริษัท  ก็นอนโรงแรมดิ  บริษัทจ่าย”  กอล์ฟมันตั้งตัวได้แล้ว  ต่อจากนี้มันจะไม่กลัวอีกแล้ว  ไม่มีอะไรที่มันต้องกลัวอีก

   “ไม่เอา  เดี๋ยวกูหาบิลโรงแรมให้  มาพักกับกูดีแล้ว”  มันยิ้ม  แต่หัวใจกอล์ฟเจ็บ  เจ็บเจียนจะตายอยู่แล้ว

   ผมหันไปทางปู . .

   “กอล์ฟค้างที่นี่เหอะ  เอมันบ่นคิดถึงกอล์ฟ”

   “ไม่ดีกว่า  ไม่อยากเป็นก้าง”  ผมยิ้มให้ปู  แปลกนะ  ผมมองหน้าผู้หญิงของเอได้เต็มตา  แต่ทำไม  ผมมองเอไม่ได้ก็ไม่รู้

   “บ้านะกอล์ฟ  ปูอยู่อีกห้อง  ฝั่งตรงข้าม  แค่มารีดผ้าให้เอ”  เจ้าตัวยิ้ม

   กอล์ฟรู้สึกโล่งมานิดหน่อย  อย่างน้อยที่สุดมันยังไม่ย้ายมาอยู่ห้องเดียวกัน  นี่มันกำลังแอบหึงเพื่อนของตัวเองอย่างนั้นหรือ ?

   “น่ามึง  ค้างกับกู”

   “คิดดูก่อน  แค่แวะมาหา  เดี๋ยวต้องไปหาลูกค้าก่อน”   กอล์ฟยิ้มให้มัน

   “จะบ้าเหรอมึง  จะห้าโมงเย็นอยู่แล้วจะหาลูกค้าที่ไหนกัน” 

   “เอ๊า  งานกูเร่ง  แล้วไอ้ภูเก็ตนี่มันแทบจะไม่มีกลางคืนอยู่แล้ว  กูไปหาลูกค้าที่ป่าตองก่อน  เดี๋ยวค่ำ ๆ  กูโทรหา  โอเคมั้ยเพื่อน”   กอล์ฟยิ้มให้มัน 

   อย่าหวังเลยจะเห็นอะไรในแววตา . . .

   . . . กอล์ฟไม่ยอมให้มันเห็นอย่างเด็ดขาด

   “เออ  เสร็จงานโทรมา  เดี๋ยวกูแวะไปส่งปูที่ป่าตอง  แล้วค่อยหาอะไรกินกันแถวนั้นก็ได้”

   “ก็ได้ . . .ไปก่อนนะปู”    กอล์ฟยิ้มกับผู้หญิงของมันอีกครั้ง  ก่อนหันมาตบบ่ามันเบา ๆ  เพื่อการจากลา

   ขอให้มีความสุขนะ  ทุกอย่าง   กับคนที่มึงรัก . .

   กู . . . ไอ้กอล์ฟซี้เก่า  จะรักและร่วมยินดีเสมอมันบอกเพื่อนมันในใจ

   “ไปก่อนนะ”

   เอมองลึกเข้าไปในดวงตากอล์ฟ. . .

       รับรอง . . . ไม่เห็นอะไรหรอกว่ะ  กอล์ฟมันผ่านทุกข์มามากต่อมาก  จนมันรู้วีธีเล่นซ่อนหากับทุกข์เสียแล้ว  มันยิ้มกว้าง ใสสดเป็นสุขในวันที่มันวาดหวังเอาไว้  วันที่มันบินมาเพื่อหาหัวใจของมัน

   มันหันหลังกลับน้ำตาไหลริน . . .

   เดินลงมาจากอพาร์ทเม้นท์ไอ้เออย่างช้า ๆ   มันเดินไร้ความรู้สึกมาที่รถ  ก่อนขับมาเรื่อย ๆ  กว่ามันจะรู้ตัว มันก็มาหยุดที่เดิมที่มันเคยมากับไอ้เอ . . . แหลมพรหมเทพ

   สุริยาทอแสงแรงกล้าเกือบได้เวลาสั่งลากลางวัน . . .

   . . . เหมือนหัวใจของมัน  ใกล้มืดมิด

   กอล์ฟลงจากรถ  มันเดินไปที่ทุ่งหญ้าเหนือแหลม  ที่เห็นตาลยอดด้วน  สุดปลายแหลมคือเกาะเล็ก ๆ  มันเดินย่ำไปเรื่อย ๆ  . . .

   ตีน . . . มันย่ำไปบนถนนสายหัวใจ

   . . . ของตัวเองช้า ๆ   

   ถนนร้างไร้ชีวิตใด ๆ  อากาศมันหนาวหรือ  ภาคใต้มีฤดูหนาวหรืออย่างไร  มันไม่รู้  แต่มันรู้ตอนนี้มันหนาวจับจิตเลยทีเดียว   มันเดินกอดเป้ที่มีกล้องถ่ายรูป   จะเพราะอากาศหนาวหรือ. . . 

   แปลกนะ  มันยังเดินได้ . . .

   . . .ซากเดินได้ไง

   ใบหน้าของมันกร้าน  ร้าวรวด  ดวงตามันกลับร้อนผ่าว ไม่มี . . . อย่าว่าแต่น้ำตาเลย . . .

   ไม่มีแม้ละอองน้ำตาด้วยซ้ำ  มันรู้ตอนนี้โลกกว้างเป็นอย่างไร  แต่ตอนนี้มันอยากซุกที่ไหนของโลกก็ได้  ที่พอจะให้ความอบอุ่นมันได้ . . .

   แต่ไม่มีเลย . .   

   . . . ไม่มีแม้ที่เพียงน้อยนิดที่จะให้มันนั่งซบหลบซ่อนตัวจากโลก

   เมื่อตอนเดินทาง  มันคิดปลายทางหัวใจของมันมีไอ้เอ . . .

   . . .ตอนนี้มันรู้แล้ว

   . . .ปลายทางหัวใจของมัน . . . ไม่มีใครเลย

   มันกำลังหนี . . .

   . . . หนีหัวใจตัวเอง

   อย่างนั้นหรือ  แล้วข้างในอกซีกซ้ายมันมีหัวใจหรือปล่าวหว่า   มันตอบตัวเองไม่ได้เช่นกัน  สองข้างทางเพียงต้นหญ้าปลิวไสวตามแรงลม อากาศที่นี่หนาวเสียเหลือเกิน  มันหนาวแปลก ๆ 

   คล้าย ๆ  มีใครเอาน้ำแข็งมาแช่ร่างมันไว้! 

   มันเดินกอดเป้ริมฝีปากสั่นระริก  ความหนาวเหน็บแห่งหัวใจเป็นอย่างไรมันรู้แล้วล่ะ  หากแต่มันรู้สึกอุ่นที่ดวงตา  ก่อนที่จะอุ่นลงมาเป็นทางตามแก้มของมัน  มันปล่อยความอ่อนแอเข้าปกคลุมหัวใจของมันคิดถึงไอ้เอจับหัวใจ

   บอกแล้วหัวใจมันคือ . . .ไอ้เอ

   กอล์ฟมันรู้แจ้งแก่หัวใจ . . .

   . . . ใกล้ใจ  แม้ไกลตัว

   ตอนอยู่กรุงเทพฯ  ห่างไกลเกือบพันกิโลเมตร  ระยะห่างหาได้กั้นหัวใจของมันได้ไม่  เพราะมันโทรคุยกันวันละสามเวลา  แต่ตรงนี้ที่ภูเก็ต  หัวใจมันเรียนรู้ . . . ใกล้ตัว  ไกลใจ

   “มาหาลูกค้าที่ป่าตอง  ดั๊นมานั่งทำพระเอกมิวสิคที่แหลมพรหมเทพ  ไม่มีชวนอ่ะคนเรา”  เสียงที่ดังมาจากด้านหลังทำเอากอล์ฟต้องรีบปาดน้ำตาทิ้ง

   อย่า . . .

   . . . ความอ่อนแอ  ต้องซ่อนเอาไว้ให้มิดชิดที่สุด

   มันรีบปรับสีหน้าตัวเอง  ก่อนที่จะหยิบกล้องคู่ใจออกมา  อย่าวาดหวังเลยว่ามันจะให้เอได้เห็นความอ่อนแอ

   “แหมมึง  เด็กชมรมช่างภาพมาภูเก็ตทั้งที  ไม่มาถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกที่นี่ก็เชยแย่”  กอล์ฟตอบแต่ยังหันไปมองมันไม่ได้  ได้แต่ยกกล้องมาบดบังดวงตาที่ร้าวระบมเอาไว้  จะให้มันเห็นร่องรอยความบาดเจ็บได้อย่างไร

   “ตกลงคืนนี้นอนห้องกูนะ  เดี๋ยวกูหาบิลโรงแรมให้”

   “อย่าลำบากเลย  พรุ่งนี้กูกลับแล้ว”

   “อ้าว  ไหนบอกมาสองสามวัน ห่านี่กูเพิ่งโทรไปแลกเวรกับเพื่อน  กะไปกับมึงพรุ่งนี้”

   “ลูกค้าดิ  ดันมีงานด่วนที่สิงคโปร์  บอกว่าอีกสองวันจะบินไปคุยกันที่กรุงเทพฯ”   เห็นไหม  กอล์ฟมีทางออกเสมอ

   ที่นี่ไม่ใช่ที่ของมัน . . .

   . . . หากไม่กลัวเป็นพิรุธจนเกินไป  คืนนี้กอล์ฟคงบินกลับ

   “แล้วมะรืนวันเกิดกูอีกล่ะ”  มันมองหน้าแววตามันเศร้า

   “กูมีงานจริง ๆ  ปีเดียวเองเพื่อน”

   “แม่ง  กูหลงดีใจว่ามึงจะมาอยู่กับกูในวันเกิดกูเหมือนเคย  ดันหนีกลับก่อนอีก  งั้นคืนนี้กูไปค้างกับมึงที่โรงแรม”

   “ได้ไง”  กอล์ฟหันไปยิ้มกับมัน  ยิ้มที่เป็นแค่รอยฉีกยิ้มจากปากเท่านั้น

   “ได้สิ  คิดถึงมึง”

   เสียงมันตอบ  หากเจ็บปวดร้าวลึกไปถึงขั้วหัวใจ  หากมันไม่มีใคร  กอล์ฟจะดึงมันมากอดเอาไว้  แล้วจะบอกความในใจทั้งหมดที่มี

   “แฟนมึง”

   “ไม  หึงเหรอ  แอบหึงกูเหรอมึง”  มันเอามือมาผลักหัวกอล์ฟเบา ๆ

   “คิดได้นะมึง  เออ หึง  น้อยใจ  เสียใจ  มึงทิ้งกู”  กอล์ฟก้มหน้าต่ำ  กลัวหัวใจตัวเอง  สิ่งที่เก็บในหัวใจมันยากเหลือเกิน

   “กูขอโทษ  กูล้อเล่น”  มันดึงกอล์ฟมากอดเอาไว้แบบเคย

   “ปล่อยสัส  คนเยอะแยะกูอาย”

   “ไม่ปล่อยจนกว่าจะยอมไปค้างกับกู”

   “เออ  ไปก็ไป”  กอล์ฟยอมจำนน  เพราะหาไม่แล้ว  มันคงจะตกเป็นเป้าสายตาผู้คนทั้งแหลมพหรมเทพ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 22-04-2009 14:39:11


   สิ่งที่กระทำยากที่สุด  คือ  การเอาชนะหัวใจตัวเอง  กอล์ฟอาจจะชินกับสิ่งที่พลาดหวัง  และดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะปรับตัวให้เข้ากับความรู้สึกที่ตัวเองเป็นอยู่ได้แล้ว  สิ่งที่ทำได้คือ ซ่อนโศกเอาไว้ใต้โลก . . .

   . . . โลก

   . . . ที่แตกต่างจากขามาลิบลับ

   “อยากกินอะไรสั่งเลยมึง  มื้อนี้กูเลี้ยงเอง”    เอส่งเมนูให้ 

   “ร้านนี้บรรยากาศดีเนาะ”  กอล์ฟมันหันไปรอบ ๆ  ตัว  เสแสร้งแกล้งดึงความสนใจของอีกฝ่าย  มองไปรอบ ๆ  ร้านอาหารที่ติดกับถนนใหญ่  ใกล้ ๆ อนุสาวรีย์สองวีรสตรีเมืองถลาง

   “อืม  อยู่ในเมืองไม่ติดหาด    เหมาะที่จะนั่งคุยสบาย ๆ”

   “แถมด้านหลังมีอาบอบนวด  มาบ่อยสิมึง”  กอล์ฟยิ้ม 

   ไอ้คนหัวใจสลายแสร้งแกล้งเนียน  มันเดินย่ำไปบนหัวใจตัวเองที่ขาดวิ่นได้อย่างไร  แววตามันแห้ง  อ่อนล้าเต็มแรง  แต่มัมนกล้ำกลืนฝืนเก็บเอาทุก ๆ  อย่างไว้ในหัวใจตัวเองอย่างมิดชิด

   “ไม่เค้ย”  เอปฏิเสธพัลวัล

   “อ๋อ  ลืมไป  มีแฟนแล้ว  ไม่ต้องมาที่นี่หรอก”

   “อย่าพูดถึงเรื่องนั้นเลย  สั่งอะไรกินดีกว่า”  เอเหมือนจะตัดบท  เจ้าตัวเองก็คล้ายจะเก็บความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้เช่นเดียวกัน

   “ไอ้ห่านี่  มีแฟนดูแลไม่ชอบ”

   “อยากให้มึงมาดูแลมากกว่า  ชินกับการอยู่กับมึงมากกว่าคนอื่น ๆ  ทั้งหมด”  มันจ้องหน้ากอล์ฟ 

   อยากมองไปให้ลึกถึงหัวใจอีกคนนัก . . .

   “แฟนไม่ใช่คนอื่น  พูดแบบนี้เขาเสียใจ”

   “ช่างมัน  กูไม่สน . . .”  เอหันไปทางพนักงาน  ยกมือส่งสัญญาณ

   “. . . ขอสิงห์  กุ้งแช่น้ำปลา  หมึกไข่นึ่งมะนาว  ปลากะพงทอดน้ำปลา  ออส่วนหอยนางรม  กรรเชียงปูผัดผงกะหรี่”  มันสั่งยาว  แต่ละอย่างของชอบกอล์ฟแทบทั้งนั้น

   “มึงแพ้ปลาหมึก  สั่งมาทำไม”

   “มึงชอบกินไง  เอาข้าวไหม” 

   กอล์ฟแทบจะเก็บน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว   สิ่งที่เอทำตอกย้ำให้มันคิดถึง  และยิ่งมากขึ้นไปอีก  เมื่อเห็นแววตาของอีกฝ่าย

   ทำไม . . .

   . . . มันต้องแอบรักเพื่อนสนิทของตัวเองก็ไม่รู้

   “ไม่เอา  กินแค่นี้พอ  กำลังลดพุง”  กอล์ฟเอามือลูบพุงตัวเอง 

   เห้นไหม  มันเก่ง  ซ่อนความทุกข์ในหัวใจเอาไว้มิดชิด  มันกินครั้งสุดท้าย  ขนมห่อเล็ก ๆ  บนเครื่องกับน้ำผลไม้  แล้วมันไม่มีอะไรตกถึงท้องอีกเลย  มันไม่รู้จักความหิว  เพราะสิ่งที่มันเจอตอนนี้คือความเจ็บปวด

   . . . เจ็บกับภาพที่มันเห็นเมื่อตอนมาเจอไอ้เอ

   “เอ้า  ชน”  เอยื่นแก้วที่ฟองขาวละล่องริมปากแก้วมาหากอล์ฟ

   “อย่ากินมาก  ขับรถอีก”

   “เอาน่า  เพื่อนรักมาหาทั้งที  ไม่เมาได้ไง . . .”  มันกระดกรวดเดียวหมดแก้ว

   “. . . ไม่หมดก็หมาล่ะว๊า”  มันส่งสายตาเยาะเย้ย

   “กลัวที่ไหน”  กอล์ฟยิ้มเยาะตัวเองก่อนกระดกหมดแก้วตาม

   คืนนี้ . . .

   . . . มันจะแสดงให้เนียนที่สุด  บทบาทคนหัวใจสลายที่ไม่สามารถบอกใคร ๆ  ได้  ต้องซ่อนเก็บความจริงเอาไว้  เพื่อให้อีกคนเห็นว่ามันแข็งแรงพอ  แข็งแรงที่สุด  มันจะไม่ยอมให้เพื่อนเห็นความอ่อนแอของมันอย่างเด็ดขาด

   แล้ว . . .

   . . . พรุ่งนี้ล่ะ

   เรื่องของพรุ่งนี้  มันไม่รู้  มันรู้แค่ว่าวันนี้  มันจะอยู่กับเพื่อนมัน  อยู่กันจนนาทีสุดท้าย  มันมีเวลาอีกนานแค่ไหนมันไม่รู้  แต่สิ่งที่มันรู้  ทุก ๆ  นาทีจากนี้  คือเวลานับถอยหลังแห่งการลาจาก  มันจำต้องจากลาเพื่อนรักที่สุดในชีวิตของมัน

   เพื่อน . . .

   . . . จะอยู่กับมันไปจนตาย  จดจำเอาไว้ตราบลมหายใจสุดท้ายแห่งชีวิตที่มันมีอยู่  มันรู้ดี  รู้ดีกว่าสิ่งใด ๆ  ทั้งหมด  มันเริงร่าอย่างเหมือนเคย  ไม่มาก  ไม่น้อยกว่าเดิม  เพราะมันรู้จักไอ้เอ

   มันรู้จักไอ้เอดีกว่าใคร . . .

   . . .หากมันเปลี่ยนไป  มีหรือเพื่อนมันจะไม่รู้


   มันแทบไม่ได้หลับทั้งคืน  เพราะมันนอนคุยกันตลอด  กอล์ฟอาจจะรู้สึกเสียใจ แต่มันดีใจ  อย่างน้อยที่สุดมันก็มีเพื่อนที่ดี  มันรักเพื่อน  แต่มันไม่อยากดึงเพื่อนมาครอบครองเอาไว้  มันแอบโทรเลื่อนไฟลท์  โชคเข้าข้างมัน เพราะมันได้ไฟลท์กลับช่วงเช้า

   “ทำไมมาทางนี้ว่ะ”  กอล์ฟถามเมื่อมันขับเลยทางเข้าสนามบิน

   “ก็ไปทางเลียบรันเวย์ไง”

   “อ้อมชิบ  ห่านี่”

   “เอาน่า  อย่าบ่น  อยู่กับกูนานอีกหน่อยไม่ได้หรือ”  เสียงเอมันเศร้า ๆ  มันขับมาเรื่อย ๆ  แล้วเลี้ยวขวาเข้ามาทางถนนสองเลน  ที่คู่ขนานไปกับรันเวย์ 

   อยู่นาน ๆ  ทำไมกอล์ฟมันจะไม่อยากอยู่  มันอยากอยู่นานกว่านี้เสียด้วยซ้ำ  แต่มันกังวลหัวใจเป็นที่สุด  มันรักเพื่อนเกินเพื่อนไปแล้ว  ทางเดียวที่มันจะทำได้  มันควรหักใจเสียตั้งแต่เดี๋ยวนี้

   “จอดทำไม”

   “มึงจำที่ตรงนี้ได้ไหม”  เอหันมาถาม มันจอดรถชิดที่ริมถนน  ฝั่งซ้ายเป็นเนินดินเล็ก ๆ  ส่วนฝั่งขวามีตาข่ายรั้วเหล็กกั้นเป็นทางรันเวย์

   “ทำไมว่ะ”

   “ปีก่อนไง  ที่มึงมาส่งกู   แล้วเรามาถ่ายรูปเครื่องบินขึ้นกันตรงนั้นไง”  เอชี้ไปที่เนินดิน

   กอล์ฟเมินหน้าหนี . . .

   . . . มันจะตอกย้ำไปทำไมกัน

   “. . . แล้วมึงกับกูก็วิ่งแข่งกับเครื่องบินที่มันกำลังจะเทคออฟ”  เอหันมามองกอล์ฟ  แววตามันเศร้า

   “เออ  บ้าดีเนาะ  วิ่งแข่งกับเครื่องบิน”

   “เดี๋ยวพอกูส่งมึงเข้าห้องผู้โดยสารขาออก  กูจะมายืนส่งมึงที่ตรงนี้  อย่าลืมหันมามองล่ะตอนเครื่องกำลังจะเทคออฟ”  เสียงเอมันสั่น  แววตามันเหมือนจะมีน้ำตา

   “มาเน่าอะไรอีกมึง”

   “สัญญากับกูไอ้กอล์ฟ  ขอบอร์ดดิ้งทางขวาริมหน้าต่าง”

   “เออ”

   “ไม่เอา  เดี๋ยวกูไปเช็คอินน์ให้มึงเองดีกว่า  เพื่อกูแน่ใจว่ามึงจะเห็นกูมาส่งมึง”  ผมก้มหน้าน้ำตาเอไหล

   “ไอ้เอ  ไปเหอะ  เดี๋ยวจตกไฟลท์”  กอล์ฟบอกอีกฝ่าย  มันเอามือไปแตะที่หลังมืออีกฝ่ายเบา ๆ

   เอมันเจ้ากี้เจ้าการไปขอที่นั่งริมขวา  มันวาดหวังเพื่อนจะเห็นมัน  แม้จะไกล  แต่มันนัดเวลาเอาไว้  มันรู้แล้วว่าหัวใจมันกำลังหวิว ๆ  ไอ้กอล์ฟมันกำลังจะกลับ  แต่เอมันไม่อยากให้กลับ  มันไม่อยากให้กอล์ฟกลับเลยสักนิดเดียว

   “กูเข้าไปข้างในนะ”

   “อีกแปบได้ไหม”  เอต่อรอง

   “ไหนบอกจะไปรอส่งกูที่รั้วไง”  กอล์ฟยิ้ม

   “เออ  กูไปส่งทันน่า”

   “สุขสันต์วันเกิดนะเพื่อนรัก . . . ”  กอล์ฟดึงเอมากอดเอาไว้  หัวใจมันสั่นระริก  จะเจ็บปวดก็ใช่  มันใกล้หมดเวลาแล้ว

   “. . . กูรักมึงนะเอ”   กอล์ฟพยายามอย่างมากที่จะข่มความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้

   “ขอบใจนะมึง  ขอบคุณที่เมื่อวานมาหากู  ขอบคุณที่วันนี้กอดกู” 

   “กูมีของขวัญจะให้มึง”

   “อะไร”  เอมองหน้า

   “สัญญากับกูว่ายังไม่เปิด  จะไปเปิดอ่านที่มึงรอส่งกู”  กอล์ฟจ้องหน้าเพื่อน

   “ห่านี่  ลีลา”

   “จะเอาไม่เอา”

   “เอา”

   “เอาก็สัญญามาก่อน  ว่าไปเปิดอ่านที่รอส่งกู”  กอล์ฟชูสมุดบันทึกตรงหน้า

   “สัญญา”

   “เปิดอ่านก่อนเป็นหมานะมึง  ไปแล้วล่ะ  มีความสุขมาก ๆ  นะมึง”  กอล์ฟเอาสมุดส่งให้เอ  ก่อนเดินหันหลังเข้าไปในช่องผู้โดยสารขาออก

   มันหลับตานิ่ง . . .

   . . . จากวันนี้  ต่อไปวันข้างหน้า  มันคงไม่มีไอ้เออีกแล้ว  กอล์ฟบิดเครื่องโทรศัพท์  ก่อนที่จะแกะด้านหลังออก  มันถอดซิมออกจากเครื่อง  ก่อนปล่อยซิมลงในถังขยะ 

   หัวใจมันร้าวรานเกินจะทนไหวอีกแล้ว . . .



   . . . มึงอ่านมาถึงตอนนี้

   มึงจะรู้เอง . . .

   . . . กูรักมึงมากกว่าเพื่อนไปแล้ว

   ตอนนี้กูบอกมึงล่วงหน้าไปแล้ว  ผ่านทางตัวอักษรที่กูบรรจงเก็บเอาไว้ให้มึง  และมันคือของขวัญวันเกิดชิ้นแรกที่กูให้มึงด้วยหัวใจกูเอง  เพราะสี่ปีที่ผ่านมา  กูให้มึงตามมารยาทตลอด  แต่ครั้งนี้ . . .

   กูให้ด้วยหัวใจ . . .

   . . . หัวใจของเพื่อนที่เพิ่งรู้ว่ารักเพื่อนแบบมึงมากกว่าเพื่อนไปแล้ว

   ไอ้เอ . . .

   . . . วันเกิดมึงปีนี้  จะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม  กูตั้งใจแล้ว  ตั้งใจที่สุดที่จะให้มึงรับรู้หัวใจของกูที่ผ่านมาผ่านตัวหนังสือที่กูกลั่นมันออกมาจากหัวใจของกู  และกูตั้งใจอย่างแน่แน่ว  กูจะบอกรักมึงด้วยปากของกูเอง

   กูคงจะจบบันทึกเล่มนี้  ตรงนี้ . . .

   . . . ตรงที่กูอยู่เหนือความสูงสามหมื่นฟิต  ตรงที่กูมองเห็นท้องฟ้าสุดลูกหูลูกตา  มีเมฆขาวราวสำลีลอยละล่อง  กูยิ้มกับก้อนเมฆที่เหมือนจะลอยต่ำ  หากหัวใจกูอิ่มเอมอย่างที่สุด  อีกไม่กี่นาที  เครื่องก็จะลดระดับลง  แล้วมันคงไปจอดสงบนิ่งที่ . . . สนามบินภูเก็ต

   . . . ปลายทางหัวใจกูอยู่ที่นั่น

   ปลายทางที่กูวาดหวัง  จะมีมึงยืนรอกูอยู่  มึงจะแปลกใจที่กูโผล่หัวมา  หลังจากที่กูมาส่งมึงตอนที่มึงย้ายมาทำงานที่นี่ไงไอ้เอ



   “ไอ้กอล์ฟ . . .”     เอเอ่ยออกมาได้เท่านั้นจริง ๆ  มือที่จับบันทึกสั่นระริกไหว  แววตามันมีแต่หยาดหยดแห่งความอ่อนแอ

   โอ . . .

   . . . ไอ้กอล์ฟ  ทิ้งหัวใจของมันไว้ที่นี่  เอเสียววาบไปจดปลายเท้า  เอาสมุดบันทึกเล่มนั้นมากอดไว้  น้ำตามันไหล

   “ไอ้กอล์ฟ . . . ไอ้ห่ากอล์ฟ ปิดเครื่องทำห่าไรว่ะเนี่ย ”    เอพยายามกดโทรเข้าเครื่อง 

   ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก . . . เอร้อนรนจะเอายังไงดี  มันมองไปที่ลานจอดเครื่องบิน  นกยักษ์กำลังเคลื่อนตัวออกมาจากงวงช้างช้า ๆ

   เอรู้แล้วไอ้คนใจเด็ดทิ้งความรักมันไว้ที่นี่ . . .

   . . . กอล์ฟปาดน้ำตาตัวเองทิ้ง  เขามองลอดผ่านกระจกบานเล็ก ๆ ของเจ้านกยักษ์   เครื่องเคลื่อนตัวมาที่รันเวย์อย่างช้า ๆ  ต่อจากนี้อีกไม่นาน  มันจะกลับไปยังที่ของมัน  ที่นี่ไม่ใช่ที่ของมัน  อย่างน้อยที่สุดมันได้ทำตามความตั้งใจของมันแล้ว 

   . . . มันให้หัวใจเอไปแล้ว

   มันบอกรักเอด้วยปากของมันแล้ว

   ผลที่ออกมาอาจไม่ใช่ศูนย์  แต่อาจจะติดลบ  มันหลับตาเมื่อเครื่องมากลับหัวที่ท้ายรันเวย์

   เสียงเครื่องยนต์ค่อย ๆ  เพิ่มกำลัง  มันมองออกไปนอกหน้าต่าง . . .

   . . . มันจะจดจำที่นัดพบของมันเป็นครั้งสุดท้าย

   เอมองเครื่องที่วิ่งมาอย่างรวดเร็ว  มันเก็บความรู้สึกเอาไว้แทบไม่ไหวอยู่แล้ว . .

   “ . . . ไอ้กอล์ฟ  อย่าไป  อย่าไป” 

   กอล์ฟเห็น  รถเอจอดอยู่ที่ข้างรั้วสนามบิน  คนที่วิ่งแข่งกับเครื่องนั่น  แม้จะเล็กนิดเดียวแต่มันรู้แล้ว  มันแน่นในหน้าอก  ราวกับใครจับหัวใจมันบีบ  มันเอามือมาปิดหน้า  เมื่อเครื่องที่มันนั่งค่อย ๆ  ทะยานขึ้นฟ้า  น้ำตามันไหลออกมา  มันร้องไห้อย่างไม่อายใครอีกแล้ว

   เอมันวิ่งแข่งกับเครื่องที่กำลังทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว   ล้อค่อย ๆ  พ้นพื้นรันเวย์  หากเอมันไม่เหนื่อย  มันวิ่งไปพร้อม ๆ  กับน้ำตาที่อาบแก้มของมัน  เครื่องพ้นไปแล้ว มันวิ่งไปจนเหนื่อยอ่อน  มันล้มลง  หากหน้ามันแหงนมองเจ้านกยักษ์ที่ค่อย ๆ  เล็กลง  มันตะโกนลั่น

   “ไอ้เอ  ไอ้ควาย  ไอ้หน้าโง่เอ้ย  มันไปแล้ว . . . มันไปแล้ว”   เอตะโกนออกมาลั่น มันไม่อายอะไรอีกแล้ว

   ไอ้คนใจเด็ดมันกลับไปแล้ว  มันตั้งใจมางานวันเกิด   แต่สิ่งที่มันเจอตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอหน้าเอ   ไอ้กอล์ฟ  มันยิ้ม  มันหัวเราะ  ซ่อนความทุกข์ของตัวเองไว้มิดชิด  มันเหยียบไปบนหัวใจตัวเองที่ขาดวิ่น    เขาเองที่ฉีกหัวใจมันเป็นชิ้น ๆ   มันซมซานกลับไปแล้ว   ไอ้เอฆ่าเพื่อนรักมันแล้ว 

   ไม่ใช่สิ . . .

   . . . เอฆ่าคนที่มันรักยิ่งชีวิตด้วยมือมันเอง   ฆ่ากอล์ฟอย่างเบามือที่สุดแล้ว 





เรื่องสั้นเรื่องนี้  ได้แรงบันดาลใจมาจาก . . .


http://www.youtube.com/v/0mQdyRstnvw&hl=en&fs=1


ในนาทีที่ 4:10  -  4:13   สามวินาทีเท่านั้น  ทำเอากรูอึ้งแดกจนต้องมานั่งเขียนไรเป็นเรื่องราว


หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: maicy ที่ 22-04-2009 15:04:42
อ่านนิยายของพี่ทีไร  ไม่มีไม่เสียนำตาเลยค่ะ  เขียนกี่เรื่องก็อินทุกเรื่อง  :o12:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: zllbleazz ที่ 22-04-2009 17:29:42
เปิดดูคลิปแล้วขนลุกเลยค่ะ
 :sad4:
4.10-4.13 จริงๆด้วย

เข้ามาอ่านเป็นครั้งแรก
สนุก และซึ้งมากค่ะ
เหมือนกำลังอ่านพล็อตของภาพยนตร์เลย

อินจัด
ชอบมากมายค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 22-04-2009 18:25:27

• ปลายทางที่กูวาดหวัง  จะมีมึงยืนรอกูอยู่ 
มึงจะแปลกใจที่กูโผล่หัวมา  หลังจากที่กูมาส่งมึงตอนที่มึงย้ายมาทำงานที่นี่ไงไอ้กอล์ฟ

วุ้ย ไอ้ อะไรนะคะ
ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: anata9 ที่ 22-04-2009 21:01:18
Thanks for your short story and music video of Mor 3 Pee 4 na krub.  :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 22-04-2009 21:19:08
เรื่องสั้นอะไรเนี่ย ทำไมมันจิ๊ดดดอย่างนี้ :sad4:


ปล.เด็กๆในหนังทำไมน่ารักขนาดนี้ :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 22-04-2009 23:11:54
แต่งต่อเลยพี่ จะรออ่านครับผม
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 22-04-2009 23:20:28



หาก . . .

. . . เป็นกรูนะ

เอาสมุดเล่มนั้นมาโพสต์ได้ป่ะ  มีอะไรเกิดขึ้นบ้างใน ๕  ปี

กับ

บินตามไปดิ  ภูเก็ต กรุงเทพฯ  เอง  แหม . . . วิ่งตามจะทันเร่อะ

อิอิอิ . . .

. . . เรื่องสั้น  แต่พล็อตเขียนยาวได้อีก  เหอะ ๆ 

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 23-04-2009 02:08:32



หาก . . .

. . . เป็นกรูนะ

เอาสมุดเล่มนั้นมาโพสต์ได้ป่ะ  มีอะไรเกิดขึ้นบ้างใน ๕  ปี

กับ

บินตามไปดิ  ภูเก็ต กรุงเทพฯ  เอง  แหม . . . วิ่งตามจะทันเร่อะ

อิอิอิ . . .

. . . เรื่องสั้น  แต่พล็อตเขียนยาวได้อีก  เหอะ ๆ 

ต๊าย แล้วเอจะตามหากอล์ฟเจอรึคะ เมื่อตามไปถึงกรุงเทพ.แล้วนั่น
คนจะหนี....อดีต เขาคงไม่พักที่เดิมๆ
หรือไม่งั้น ก็อาจแค่แทร้นสิทที่กรุงเทพ. แล้วก็ไปไหนต่อไหนเลย
ขอเสนอ เอ ให้หาใครโทร.ไปดักที่แอ๊ร์ผอท ให้ส่งข่าวถึงผู้โดยสารชื่อ ภศวิชญ์
รัฐกร ได้รับอุบัติเหตุ อาการยังสรุปไม่ได้ ตอนนี้อยู่ใน "ฉัน เห็น เธอ"
(เลียนแบบ "อาโก" เล็กๆ)
ดูว่าจะ"แล่น"กลับมา"โลด" หรือไม่ อิอิ
ป.ล. แต่ เอ ไม่ได้รัก กอล์ฟ แบบที่ กอล์ฟ รัก เอ มิใช่รึคะ
(Edited) ป.ล.๒. *อย่าบอกว่าอยู่'โรงยา'อะไร เดี๋ยวโทร.เช้คได้*
กิต.ว่างั้นนะคะ คุณ ต้นสาย

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 23-04-2009 05:06:31
เศร้าได้อีก เศร้าเกินไปม้ายยยยยยยยยยยยย  :monkeysad:

ตกลงเรื่องสั้นเหรอเนี่ย
อยากให้กลายเป็นเรื่องยาวจังเลย

แบบว่ามันค้าง!!!!!

ปล บวก 1 แต้ม จัดไป และขอบคุณสำหรับลิงค์นะจ๊ะ จุ๊บๆๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 23-04-2009 19:22:07


เข้ามาบอกว่า . . .

. . . ติดภารกิจหัวใจครับ

ไม่ว่างมาค่อครับผม

อิอิอิ . . . ละอ่อนเจียงใหม่มาเยี่ยมครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 23-04-2009 20:34:58
ช่างทรมานใจคนอ่านจิง ๆ เลย

ขอให้สนุกกะละอ่อนเน้อ  :L1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 23-04-2009 23:57:11


เข้ามาบอกว่า . . .

. . . ติดภารกิจหัวใจครับ

ไม่ว่างมาค่อครับผม

อิอิอิ . . . ละอ่อนเจียงใหม่มาเยี่ยมครับ
^
^
ขอให้โชคดี มีความสุขกับละอ่อนเน้อ
รักเอยตอนต่อไป จาได้หวานๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 24-04-2009 02:10:47
........โดน..........
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: un_john2006 ที่ 24-04-2009 04:41:39
 :L3: :L3: :L3:




 :o12: :o12: :o12:




 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: subaru ที่ 24-04-2009 12:56:49
อ่านแล้วน้ำตาซึม... o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 24-04-2009 13:52:29
ล่ะอ่อนกันไปตามระเีบียบ

รออ่านคับผม

กี่เรื่องแล้วเนี่ย

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 24-04-2009 19:43:04



หาก . . .

. . .คืนนี้  จขกท.  ยังไม่มาต่อ

คาดว่าจะไปดักเจอตัวที่สนามบินเชียงใหม่ เพราะคงไประเริงรื่นถึงโน่นแน่ ๆ  อิอิอิ

ความสุขกับความทุกข์ใกล้กันแค่เส้นบาง ๆ กั้นเท่านั้นเอง

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: zllbleazz ที่ 24-04-2009 22:13:32
ซึ้งจนเหลือคณานัป  :sad4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 24-04-2009 22:14:04
จริงครับพี่ต้น
ผมจะบินจากภูเก็ตไปเชียงใหม่
เพื่อตามล่าเลยล่ะ
555
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 25-04-2009 00:13:31



เหอะ ๆ  ๆ  ๆ  ๆ


เข้ามาเมียงมองแบบอาย ๆ


ก็ . . . พี่โน้ตไปอยู่เชียงใหม่ตั้ง ๔ ปี  เลยตามหากลิ่นพี่โน้ต

เอาน่าเพื่อไถ่โทษ . . .

ตอนนี้ผมมีนิยายที่ถือลิขสิทธิ์อยู่หลายเรื่อง  ใครอยากได้เรื่องไหน  เมล์มาขอได้นะครับ

ปลายทางโพคารา . . . เวลาที่เหลืออยู่ . . .  สิ่งที่เรียกว่าความรัก

รักนั้นนิรันดร  นัทกับบอย  . . . บันทึกแห่งตราบาป  . . .หยดน้ำกลางตะวัน

แค่เอื้อม . . .รอยเท้าในผืนทราย . . .ขอบฟ้ามิอาจกั้น

ภูฟ้า . . . ผาม่าน . . .เบื่อแค่อยากเล่าให้ฟัง . . .  รวมเรื่องสั้น

รักหรือผูกพันก็เจ็บปวดเท่ากัน เวอร์ชั่น  นิยายโศก  . . .และเวอร์ชั่นเต็ม

รักเอย . . . ที่กำลังจะจบ


ใครอยากได้เรื่องใด  ขอมานะครับ 

แต่ . . .

ขอได้แค่อาทิตย์ละ ๒ เรื้องเท่านั้น  อิอิ




หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 25-04-2009 01:01:06
ขอทุกเรื่องเลยได้ไหมอ่ะพี่ราชบุตร

ชอบ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ทุกเรื่องเลย

ไงก็มาต่อรักเอยไว ๆ นะค๊าบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 25-04-2009 01:15:21
พีราชบุตรครับ 

ตอนนี้ผมขอตอนจบของรักเอย

ได้ป่ะครับบบบบบบ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 25-04-2009 03:17:24
อยากได้ซะทุกเรื่อง
งั้นต้องใช้เวลา 3 อาทิตย์สินะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 25-04-2009 04:12:21
ขอรักเอยให้จบก่อนนะค้าบ
แล้วเรื่องอื่นๆตามมาทีหลังก็ได้ค้าบ
 :pig4:มากมายก่ายกอง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 25-04-2009 04:29:45

เหอะ ๆ  ๆ  ๆ  ๆ

เข้ามาเมียงมองแบบอาย ๆ

ก็ . . . พี่โน้ตไปอยู่เชียงใหม่ตั้ง ๔ ปี  เลยตามหากลิ่นพี่โน้ต


วุ้ย ค่ะ กิต.เชื่อ(ไม่จ่ายสด)ค่ะ อิอิ
ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร

     
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: civava14 ที่ 25-04-2009 14:31:33
ขอรักเอย เมื่อไรจาจบ

รักเอย จิงหรือ ที่ว่าหวาน หรือทรมาน ใจคน แต่ตอนนี้ ทรมานใจคนอ่าน แทน ละกันเนอะ 

 :z10:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: mango ที่ 25-04-2009 18:48:29

Just checking  :call:

Thanks for the novels  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: subaru ที่ 25-04-2009 22:23:29
ขอเรื่องรักเอยก่อนเลยค่ะ ขอบคุณค่ะคุณราชบุตร
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 26-04-2009 09:14:36


ละอ่อนทำเอาเข่าอ่อนหรือปล่าวหว่า . . .

. . . จขกท.  กลับเล้าด่วน

ผู้คนให้อภัยในการอู้แล้วคร๊าบบบบบบบบ


หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 26-04-2009 09:41:11
หาย....
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: zingiber ที่ 26-04-2009 10:07:24
เข้ามาต่อเรื่องเอกะกอล์ฟหน่อยซิคะ

ขอจบแบบแฮปปี้ๆนะ ภูเก็ต-กรุงเทพฯ ใกล้นิดเดียวเอง

เอยังแก้ตัวได้อยู่น๊า คุณราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 26-04-2009 12:37:31
 o13 o13 o13
หลายวันผันผ่าน หลายคืนผ่านพ้น หนึ่งในจิตใจตน ซาบซึ่งจนคำพูด
อ่านทันจนได้ ตอนนี้นิวเก็บไปหมดละนะนิยายพี่อะ ไม่เหลือให้อ่านละ
เรื่องรักเอย เป็นเรื่องที่หลายอารมณ์มากชอบ แล้วจะรออ่านต่อน๊า อิๆ

นิว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 26-04-2009 18:06:34
 :serius2:  คนแต่งหายย   ยังไม่มาอีก  :sad4:

ปล. ขอ บันทึกแห่งตราบาป ค๊าบบบบ    ขอบคุณคับ :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: «ƤȑǃǹĉΞḠ○ḺҒ™» ที่ 26-04-2009 19:05:17
รอ ๆๆๆ อยู่นะค้าบบบ   o22
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 26-04-2009 21:38:54


^
^
^

อีรีบน .. .เด๋วตบปาก

จิ้มตูดในเล้าอีกรอบ  หลังจากจิ้มที่ห้องมารอบนึงแร่ะ




ตัวอย่างตอนต่อไป . . .

. . .หรือ

จะเรียกว่า . . .

เพิ่งเขียนได้เท่านี้เอง  อิอิอิ


ตอนที่ ๑๘

   “คิดถึงตัวเล็ก  คิดถึงเหลือเกิน” 

   บางที . . . นี่อาจจะเป็นคำตอบสุดท้ายที่ผมค้นหามาตลอดชีวิต


   การรอคอย . . .ทรมานเสมอ

   . . . หาก . . .

   ความสุขอยู่ที่เราได้รับรู้ว่า  คนที่เรารอ  เขาก็รอเราอยู่เช่นกัน ความสุขและความทุกข์มันห่างกันแค่เส้นบาง ๆ  เท่านั้น  เส้นาง ๆ  ที่เรามองไม่เห็น  แต่เมื่อถึงเวลาที่เส้นกั้นแบ่งความรู้สึกนั้นทลายลง  เราจะสัมผัสมันได้เอง

   เหมือนผม . . .

   . . . รอยยิ้มเปื้อนน้ำตาแทนคำตอบทั้งหมด

   ความสุขที่ผมโหยหามาตลอดชีวิต  จากอ้อมกอดของใครคนหนึ่ง  คนที่ได้หัวใจผมไปนานแล้ว


หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: myxt ที่ 26-04-2009 22:07:36
ยึ่ย มาแอบดูเค้าจาจิ้มกัน  :-[

ตัวอย่างตอนต่อไป  :impress3:
รออ่านนะคะ มีความสุขกะการจิ้ม เอ๊ยยย การพักผ่อนนะค๊า   :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 27-04-2009 11:48:13

•   ความสุขอยู่ที่เราได้รับรู้ว่า  คนที่เรารอ  เขาก็รอเราอยู่เช่นกัน ความสุขและความทุกข์มันห่างกันแค่เส้นบาง ๆ  เท่านั้น  เส้นาง ๆ 

ที่เรามองไม่เห็น  แต่เมื่อถึงเวลาที่เส้นกั้นแบ่งความรู้สึกนั้นทลายลง  เราจะสัมผัสมันได้เอง

   เหมือนผม . . .
....ที่ไม่ได้ใช้ซันซิ้ลค์อย่างอั้ม.......
วุ้ย กิต.บอกแล้ว....อยากไม่เชื่อเอง อิอิ
ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 27-04-2009 17:08:34
http://media.imeem.com/m/of7bmqLpIJ



ตอนที่ ๑๘

   “คิดถึงตัวเล็ก  คิดถึงเหลือเกิน” 

   บางที . . . นี่อาจจะเป็นคำตอบสุดท้ายที่ผมค้นหามาตลอดชีวิต

   การรอคอย . . .ทรมานเสมอ


   . . . หาก . . .

   ความสุขอยู่ที่เราได้รับรู้ว่า  คนที่เรารอ  เขาก็รอเราอยู่เช่นกัน ความสุขและความทุกข์มันห่างกันแค่เส้นบาง ๆ  เท่านั้น  เส้นาง ๆ  ที่เรามองไม่เห็น  แต่เมื่อถึงเวลาที่เส้นกั้นแบ่งความรู้สึกนั้นทลายลง  เราจะสัมผัสมันได้เอง

   เหมือนผม . . .

   . . . รอยยิ้มเปื้อนน้ำตาแทนคำตอบทั้งหมด

   ความสุขที่ผมโหยหามาตลอดชีวิต  จากอ้อมกอดของใครคนหนึ่ง  คนที่ได้หัวใจผมไปนานแล้ว

   มือที่โอบผมเอาไว้  มันบอกไม่ถูก่าอบอุ่นขนาดไหน  แต่ความรู้สึกนั้นเหมือนมีอะไรบางอย่างไหลผ่านร่างกายอีกคนมาสู่ร่างกายของผม  ก่อนที่มันจะไหลมาสู่หัวใจของผมอย่างช้า ๆ  หากผมหยุดหายใจในตอนนี้ผมจะไม่รีรอเลย

   . . . ลมหายใจสุดท้ายที่ผมมี

   ในอ้อมกอดคนที่ผมรักมากที่สุด

   ผมอยากหยุดเวลานี้เอาไว้  อยากหยุดเวลาที่มีทั้งหมด  ไม่อยากให้อะไรมันเดินหน้าไปอีกแล้ว  ผมรู้ดี  ทุก ๆ  ก้าวย่างที่ผ่านมาของพี่โน้ตมีแต่ความเจ็บปวด  คี่วงามเจ็บปวดที่ไม่ได้เกิดจากตัวเอง  แต่มันเกิดจากผม

   สิ่งที่พี่โน้ตหยิบยื่นให้ผม . . .

   . . . มาก่อนสิ่งที่ตัวเองจำได้รับเสมอ

   “พ่อ . . .”  เสียงโอ๊ตพร้อม ๆ  กับมือที่มาตยที่ไหล่พี่โน้ตเบาๆ 

   “. . . ลูกอยู่นี่นะพ่อ  ทำอะไรเกรงใจลูกหน่อย”  เสียงคล้าย ๆ  จะพูดเล่นมากว่าที่จะพูดอะไรจริงจัง

   “ปล่อยแล้วไง . . .”  พี่โน้ตเอมือลูบหัวโอ้ตเบา ๆ 

   “. . . อาแป้งเป็นอะไรไปครับ  ทำไมต้องเข้าโรงพยาบาล”  พี่โน้ตเดินไปที่เตียงแม่ใกล้ ๆ  ยิ้มให้เหมือนเคยทำมาตั้งแต่เมื่อก่อน

   “โน้ต . . . ขอบใจนะลูก  อาขอบใจ”  แม่บอก  ยิ้มกว้างแววตารื้น

   “ผมมาเอาหัวใจของผมคืนแล้วนะ  ต่อจากนี้จะไม่มีใครมาแยกหัวใจผมไปได้อีก”  พี่โน้ตบอกเสียงสั่น 

   ผมหยุดนิ่ง . . .

   . . . แววตารื้นกับคำพูดที่ได้ยิน

   สิ่งที่ผ่านมา  มันพิสูจน์ทุก ๆ  อย่าง  อะไรหลาย ๆ  อย่างมันเกินกว่าที่จะรับได้  แต่ในเมื่อวันนี้  เวลฃานี้  มัมนควรเป็นไปตามทางที่ควารจะเป็น

   ความรัก . . .

   . . . ไม่ใช่ได้สิ่งนั้นมาครอบครอง

   ความรัก . . . คือการให้เกียรติทั้งการและใจ

   สิ่งที่เหนือกว่าความรัก . . .

   คือ เกียรติยศ

   และ . . . เกียรติยศที่พี่โน้ตเลือกมิใช่เพื่อตัวเอง  คนแบบพี่โน้ตเลือกและคิดเอาไว้มากมายหลายชั้น  ทุก ๆ  อย่างที่พี่โน้ตหยิบยื่นให้คนที่พี่โน้ตรักงดงามเสมอ  เป็นเกียรติยศอันสูงสุด

   แต่เป็นเกียรติยศของคนที่พี่โน้ตรัก . . .

   . . . ปภิญวิชญ์

   “ตกลงหมอบอกอาแป้งเป็นอะไรครับ”  พี่โน้ตนั่งลงที่เก้าอี้ใกล้ ๆ  เตียงผู้ป่วย

   “มะเร็ง . . .”  แม่ยิ้ม

   พี่โน้ตหันมามองหน้าผม   แววตาที่ผมอ่านออก  ผมก้มหน้าต่ำ  น้ำตาตก  แม่พูดเหมือนกับทุก ๆ  เรื่องมันคือเรื่องที่ปกติที่สุดแล้ว  สิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเหมือนเรื่องที่ไม่ทุกข์ร้อนใด ๆ  เลย  แม่คงเตรียมใจมานาน

   “. . . ระยะสุดท้าย  คงมีเวลาอีกไม่กี่วัน”

   “แม่ . . .”  ผมเดินไปใกล้ ๆ  แม่  อีกฝั่งของเตียงผู้ป่วย  กุมือแม่เอาไว้  ผมเกลียดเวลา  เกลียดเวลาที่เหลือน้อยลงเต็มที

   เวลา . . .

   . . . เป็นทั้งผู้สร้าง  และ  ผู้ทำลาย

   “โอห์ม”  แม่เอามือลูบศรีษะผมเบา ๆ  เหมือนที่เคยทำ

   “เห็นทีโน้ตจะลำบากอีก  ยังเหมือนเดิมลูกคนนี้”  แม่หันมามองหน้าพี่โน้ต

   “ผมไม่เคยลำบาก  ทุก ๆ  อย่างมที่ผมทำไป  ผมทำด้วยความเต็มใจเสมอ  สิ่งที่ผมทำลงไป  ผมมีความสุขที่ได้ทำ  ผมยินดี”  พี่โน้ตยิ้ม  สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตที่ตัวเองเคยเฉือนหัวใจตัวเองทิ้งมาวันนี้  หัวใจอยู่ตรงหน้า  ไม่มีวันเสียล่ะที่จะยอมเสียมันไป

   “โน้ต . . . อาขอโทษนะลูก”  เสียงแม่สั่น น้ำตาแม่ไหล

   “. . . รู้แบบนี้  อาจะไม่มีวันทำเหมือนวันก่อนเลย” 

   รู้แบบนี้ . . .

   คำพูดที่คนเรามักจะใช้เสมอยามเมื่อรู้ว่าอะไรที่เราทำลงไปผิดพลาด  หรือ สายเกินไปเสียแล้ว  สำหรับคนอื่นอาจจะสายเกินไป  แต่สำหรับคนอย่างพี่โน้ต  ไม่เคยมีคำว่าสาย . . .

   . . . หัวใจพี่โน้ตมีไว้เพื่อรอ

   รอการกลับมารับคืน . . . หัวใจ

   “อาแป้งทำดีที่สุดแล้วครับ  สิ่งที่อาแป้งทำสวยงามที่สุดครับผม”

   แม่ถึงกับปล่อยโฮออกมาเมื่อฟังสิ่งที่พี่โน้ตพูดออกมา  ผมหรือ  แค่ได้ยินหัวตาผมร้อนผ่าว    และต้องกะพริบตาอีกหลายครั้ง  เพื่อไม่อยากให้ความรู้สึกของตัวเองต้องจมลงไปกว่านี้  ผมรู้สึกปวดศรีษะอย่างมาก  เพราะสิ่งที่ผมเก็บเอาไว้ มันเกินกว่าที่จะพูดได้

   ผู้ชายตรงหน้าผม . . .

   . . . เคยเลือกอะไรเพื่อตัวเองบ้างหรือ ?

   พี่โน้ตรักษาความดีทั้งมวลเอาไว้ตราบจนนาทีสุดท้าย  สิ่งที่เกิดขึ้น  พี่โน้ตไม่เคยโยนความผิดให้คนอื่นเลย  ทุก ๆ  เรื่องพี่โน้ตเก็บมาใส่ไว้กับตัวเอง  พี่โน้ตยอมแบกความเจ็บปวดเอาไว้  ดดยที่ไม่เคยปริปากโทษใคร ๆ  เลย

   หาก . . .

   . . . เป็นผม

   คำตอบคงไม่ใช่แบที่ผมได้ยินเมื่อสักครู่แน่ ๆ

   “โน้ต . . . อาขอโทษโน้ต  อาขอโทษ”    แม่เรียกได้แค่คำ ๆ  นั้น  เฝ้าบอกแต่คำ ๆ  นั้น

   “อาแป้งครับ . . .”  พี่โน้ตจับมือมือแม่มากุมเอาไว้

   พี่โน้ตเอามืออีกมือประกบที่มือแม่เบา ๆ  ก่อนยิ้มให้แม่  เสียงพี่โน้ตอ่อนหวานแบบเมื่อก่อน  เสียงที่ผมได้ยินชัดเจนทั้งสองหู

   “. . . ไม่ต้องขอโทษโน้ตนะครับ  สิ่งที่อาแป้งทำลงไปทั้งหมด  ถูกต้องและสวยงามที่สุดแล้วนะครับ  อย่างน้อยที่สุด  อาแป้งได้โอห์มเรียนในที่ดี ๆ  จบมาจากที่ดี ๆ  และ . . .”  พี่โน้ตหยุดก่อนหันมายิ้มให้กับผม

   “ . . . ที่ถูกต้องมากกว่าที่สุดของที่สุด คืออาแป้งได้ให้โอกาสโน้ต  อาให้โอกาสที่โน้ตคิดว่าจะไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้วในชีวิต  อาให้สิ่งที่มีค่าที่โน้ตเคยเสียไปกลับคืนมาแล้วนะครับ  อายอมให้โน้ตกลับมาหาหัวใจโน้ตอีกครั้งไงครับ  อาแป้งทำถูกต้องแล้วนะครับผม  อย่ากังวลใจอะไรเลยครับ”

   ผมได้แต่เอามือแม่แม่แนบไว้ที่ใบหน้า . . .

   . . . ทำไม  ผมปล่อยผู้ชายคนนี้เจ็บปวดอยู่สิบแปดปีเต็ม

   ทำไมผมไม่ตามหาผู้ชายคนนี้ . . .

   ผมปล่อยให้ผู้ชายดี ๆ  แบบนี้เฝ้ามองผมอยู่เงียบ ๆ  อย่างนั้นหรือ   ทำไมผมไม่รักพี่โน้ตมากเท่าที่พี่โน้ตรักและห่วงใยผม  อย่าแต่แค่ครึ่งเลยที่ผมรักพี่โน้ต . . .

   . . . แค่เศษส่วนหนึ่งในหัวใจ  ผมยังเทียบไม่ได้เสียด้วยซ้ำ

   “โน้ต . . .”

   “ครับผม”

   “โน้ตไม่โกรธอา”

   “ไม่ครับผม”  พี่โน้ตยิ้ม  กระชับมือแม่แน่นคล้ายสัญญาว่าสิ่งที่พูดจริงแท้เสมอ

   “ไม่เกลียดอา”

   “ไม่เคยมีในความคิดครับ    อาแป้งจะให้โน้ตเกลียดแม่คนที่โน้ตรักได้อย่างไรครับ  โน้ตรักโอห์ม  รักด้วยหัวใจทั้งหมดที่โน้ตมี  แล้วโน้ตจะเกลียดคนที่ให้ชีวิตคนที่โน้ตรักได้อย่างไรกัน  หากไม่มีอา  คงไม่มีโอห์ม  ไม่มีคนที่โน้ตรัก”

   หากเป็นเวลาปกติ  ผมคงจะจับพี่โน้ตเขกกบาลฐานมาเน่าโดยไม่รู้เวล่ำเวลา  แต่มาถึงตอนนี้ผมรู้แล้ว  คนบางคนเน่าได้ทุกเวลา  ทุกสถานการณ์โดยที่ไม่สนใจคนรอบ ๆ  ตัวว่าใครจะรู้สึกอย่างไรเสียด้วยซ้ำ

   “แล้วน้อยใจล่ะ”

   “อาจจะมีบ้างครับ  แต่ก็แค่นิดเดียว  น้อยใจที่ทำไม  โน้ตไม่เกิดมาแตกต่างจากโอห์ม  หรือ  น้อยใจที่ทำไม  โน้ตกับโอห์มไม่เกิดมาเป็นพี่น้องกันจริง ๆ  เสียเลย  แต่มันก็แค่นิด ๆ  ครับผม  เพราะอะไรก็ตามที่ทำแล้วภาพของโอห์มสวยงาม  โน้ตยอม”

   “แม่ยอม . . .”  แม่หันมามองหน้าผม

   “. . . แม่ยอมให้โน้ต”  แม่หันไปหาพี่โน้ต

   “ถึงอาแป้งไม่ยอม  โน้ตก็ไม่คืนให้หรอกครับ  เพราะโน้ตบอกแล้ว  วันไหนที่อาแป้งให้โน้ตเจอโอห์มอีก  อาแป้งจะไม่มีวันได้โอห์มกลับไปอีก  โน้ตจะไม่มีวันยอมคืนโอห์มให้อาแป้งอีกเด็ดขาด  ไม่มีวันยอม”

   ผมหลับตานิ่ง . . .

   . . . เวลาอาจเปลี่ยนอะไรหลาย ๆ  อย่าง

   แต่ . . . เวลาเปลี่ยนพี่โน้ตไม่ได้  เปลี่ยนใจพี่โน้ตไม่ได้เลย

   “โน้ต . . .”  เสียงแม่นุ่ม

   “ครับผม”

   “เรียกอาว่าแม่ได้ไหมลูก”

   “ครับ . . .แม่”

   “ขอแม่กอดได้ไหมโน้ต”

   พี่โน้ตโน้มตัวลงให้แม่กอดเบา ๆ  แม่กอดพี่โน้ตเอาไว้แนบอก  จนผมต้องเบือนหน้าหนี  ภาพที่ผมไม่เคยคิดว่าจะเห็น  เป็นภาพที่ผมแอบวาดหวังเอาไว้เมื่อตอนเด็ก ๆ    ผมต้องแอบปาดน้ำตาทิ้ง

   “แม่ฝากน้องด้วยนะลูก”

   “จะดูแลให้ดีกว่าตอนเด็ก ๆ  ครับ  ดูแลเท่าชีวิตที่โน้ตมี”

   “แม่ไม่รู้จะพูดอะไรเลย  แม่บอกไม่ถูกนะโน้ต”

   “ไม่ต้องพูดหรอกครับ  แค่  กอดโน้ตไว้  แล้วแม่ฟังที่โน้ตพูด  สัมผัสความรู้สึกจากอ้อมกอดของแม่ที่แม่สัมผัสได้  ว่าสิ่งที่โน้ตพูดมันจริงเท็จขนาดไหน  แค่นี้ก็พอแล้วครับ”  พี่โน้ตกระชับอ้อมแขนกอดแม่ไว้แน่น

   “ขอบใจ  แม่ขอบใจ”

   “โน้ตต่างหากที่ต้องขอบใจแม่  ขอบใจที่แม่ให้สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตโน้ต  นอกจากโอ้ตแล้ว  ชีวิตโน้ตมีแค่โอห์ม”

   “โอ๊ต  มาหาย่าหน่อยสิลูก”  แม่หันไปทางโอ๊ตที่ยืนยิ้มอยู่ปลายเตียง

   “ครับย่า  ดีใจจังย่ายิ้มแล้ว”  โอ๊ตเดินมาใกล้ ๆ  ผม 

   “แล้วโอ๊ตละโน้ต  โอ๊ตจะคิดยังไง”  แม่หันมามองหน้า

   “ดีใจครับย่า  พ่อจะมีความสุขเสียที  โอ๊ตไม่ชอบเห็นพ่อนั่งเศร้า  เวลาที่พ่ออยู่คนเดียวพ่อชอบนั่งเศร้า ๆ  เหมือนคิดอะไรคนเดียว  โอ๊ตไม่ชอบเลยครับ”

   ผมหันไปมองหน้าพี่โน้ต . . .

   . . . พี่โน้ตอมยิ้ม

   “โอ๊ต  เข้าใจเรื่องที่โอ๊ตเห็นวันนี้ไหม”  แม่ยิ้ม

   “เข้าใจครับ  เข้าใจทุก ๆ  เรื่อง . . .” 

   ผมมองหน้าโอ๊ต  ไอ้ตัวแสบมันยิ้มกว้าง  แต่ที่ผมเห็นมากกว่านั้นมันหันไปทำท่ามีลับลมคมในกับพี่โน้ต

   “. . . ย่าครับ  นี่มันปีพอศอไหนแล้วครับ  เรื่องแบบนี้  ไม่แปลกหรอกครับ  โอ๊ตนะชินมาตั้งแต่จำความได้แล้วครับ  พอโอ๊ตถามพ่อถึงแม่  พ่อบอกว่าแม่ไม่อยู่กับเรา  แม่ไปอยู่อเมริกา . . .”  โอ้ตเล่าเหมือนเป็นเรื่องที่ปกติที่สุด

   “อ้าว!”  แม่มองหน้าโอ๊ต

   “ใครจะทนอยู่กับคนที่ไม่รักได้ละครับ  ตัวอยู่กับแม่  ใจอยู่กับอีกคน”

   “น้อย ๆ  หน่อยไอ้ตัวแสบ”  พี่โน้ตมองหน้า

   “เห็นมะย่า . . .”  โอ๊ตหันมาหาพวก

   “. . . ผิดคำโอ๊ตเสียที่ไหน  ใจพ่อนะไม่มีเหลือไว้ให้ใครหร๊อก  มีแต่ตัวเล็ก  คุณตัวเล็ก  ไอ้ตัวเล็ก  มันอยู่ที่ว่าเวลาพ่อเล่าเรื่อง  ตัวเล็ก  พ่อจะเล่าแบบไหน  หากเล่าเรื่องดี ๆ  พ่อจะเรียกคุณตัวเล็ก  แต่เวลาที่พ่อโดนแกล้ง  พ่อจะเรียก  ไอ้ตัวเล็กมันแสบ  มันแกล้ง  อย่างนั้นย่างนี้”  เจ้าตัวดูเหมือนจะภูมิใจที่ได้แฉความรู้สึกของพ่อ

   “โน้ต . . . เล่าให้ลูกฟังหรือลูก”

   “ครับ”

   “พ่อเพิ่งบอกเมื่อสองปีก่อนเองครับ  สองปีก่อนตอนวันเกิดโอ๊ต  วันที่โอ๊ตรู้เรื่องที่แม่หายไปจากชีวิตของพวกเรา  พ่อเลยบอกถึงเรื่องที่แม่หายไป”

   “โน้ตทิ้งเขาทำไมล่ะลูก”

   “ย่า . . .”  โอ้ตมันเข้ามาจับมือแม่เอาไว้

   “ว่าไงล่ะเรา”  แม่ยิ้ม

   “อย่ารู้เลย  เรื่องไม่ดี  ย่ารู้แค่ว่าโอ๊ตไม่ใช่เกิดจากความรักที่พ่อมีต่อแม่หรอก”

   “โอ้ย. . . “  ม่ายกมือทาบอก

   “. . . เด็กสมัยนี้  จะเป็นลม”

   “เห็นมะ  แค่ย่ารู้ว่าโอ๊ตไม่ได้เกิดจากควงามรักจากพ่อกับแม่  ย่าก็จะเป็นลม  ขืนย่ารู้ว่าทำไมถึงมีโอ๊ต  ย่าจะรับไหวมะเนี่ย”

   “อยากเล่าก็จะฟัง”

   “สัญญาก่อน ห้ามเป็นลมอีก”  โอ๊ตชูนิ้วก้อยมาขอสัญญา

   “เอาอย่างนั้นเลยหรือ . . .”  แม่ชูนิ้วมาเกี่ยวกับนิ้วโอ๊ต

   “. . . สัญญา”

   “งั้นโอ๊ตไม่เกรงใจนะพ่อ  วันนี้โอ๊ตขอเล่า . . .”  เจ้าตัวแสบหันไปยักคิ้วข้างเดียวกับพ่อตัวเองเสียด้วย

   “. . . โอ๊ตเคยถามพ่อ  ถามมาตลอดว่าแม่หายไปไหน  พ่อไม่เคยบอกอะไรมากไปกว่าบอกว่า  แม่ไปอยู่ต่างประเทศ  แม่มีเหตุผล  มีความจำเป็นที่อยู่กันไม่ได้  โอ๊ตเข้าใจพยายามจะหาความเข้าใจตามประสาเด็กมาโดยตลอด  ว่า  ความจำเป็นคืออะไร  จนกระทั่งโอ๊ตอายุได้สิบห้าปี  อามิลล์เอาจดหมายแม่มาให้โอ๊ต  โอ๊ตถึงรู้ว่า  โอ๊ตเกิดมาเพราะแม่ปล้ำพ่อ  ตลกมั้ยละย่า  พ่อโดนแม่ปล้ำครั้งเดียวมีโอ๊ตเลย”  โอ๊ตยิ้ม

   “โอย . . . หัวใจจะวาย”  แม่เอามือทาบอก

   “อย่าเพิ่งวายเลยย่า  เด็ดกว่านั้นอีก. . .”   โอ๊ตเอามือแม่มากุมเอาไว้

   “. . .  วันที่แม่ปล้ำพ่อ  คือ  วันที่พ่อเดินออกมาจากชีวิตของคนที่พ่อรักอีกคน  วันสอบวันสุดท้ายของตัวเล็ก  พ่อเดินย่ำมาบนหัวใจตัวเอง  ออกมาจากชีวิตของคนที่พ่อรักมากที่สุด  และเป็นวันเดียวกันกับที่โอ๊ตเริ่มมีชีวิต  ในชีวิตของอีกคน”

   “พอเหอะโอ๊ต . . .พอเหอะ”  ผมร้องบอก

   “โอห์ม . . .”  แม่เอื้อมมือมาแตะที่มือผม

   “แม่ไหวนะโอห์ม  แม่รู้แล้ว  แม่รู้แล้วล่ะโอห์มว่าสิ่งที่ผ่านมามันทำร้ายทุก ๆ  คนขนาดไหน  แม่เพียงแค่อยากได้ยินจากปากของคนที่ได้รับผลจากสิ่งที่แม่ทำ”

   แม่ไหว . . .

   . . . แล้วโอห์มล่ะ

   โอห์มใจจะขาดรอน ๆ  อยู่แล้วแม่    เหมือนแม่จะให้โอ๊ตตอกย้ำว่าสิ่งที่แม่ทำมันผิดพลาดอย่างนั้นหรือ

   “เล่าต่อสิลูก . . .โอ๊ต”  แม่ยิ้มให้โอ๊ต

   “ย่าไม่ได้ทำร้ายใครนะครับ  เพราะหากวันนั้นย่าไม่ทำแบบวันนั้น  วันนี้ย่าจะเห็นหน้าโอ๊ตหรือครับ   สิ่งที่ย่าทำ  ย่าทำดีที่สุดแล้วล่ะ  พ่อบอกโอ๊ตตลอดเลย  ย่าให้สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตพ่อถึงสองสิ่ง  โอ๊ตอย่างนึงล่ะ  อีกอย่าง  พ่อรออยู่ว่าย่าจะให้พ่อเมื่อไหร่  แล้ววันนี้  โอ๊ตเลยดีใจที่สุด  ที่ย่ายอมให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่พ่อ”  โอ้ตไปกอดแม่เอาไว้

   ผมน้ำตาไหลออกมาไม่รู้ตัว . . .

   . . . ผมมองผู้ชายคนข้างหน้าผ่านม่านน้ำตาตัวเอง

   เป็นน้ำตาแห่งความตื้นตันอย่างหาที่สุดไม่ได้แล้ว  ผู้ชายที่เป็นพิมพ์ที่สวยงามที่สุดในชีวิตที่ผมเจอ

   “พ่อบอกว่า  แม้โอ๊ตจะไม่ได้เกิดจากความรักของพ่อกับแม่  แต่โอ๊ตเกิดจากความรักของแม่อีกคน  แม่ของคุณตัวเล็ก  ความรักที่แม่ของคุณตัวเล็กมีให้คุณตัวเล็กมันยิ่งใหญ่  มากพอที่จะทำให้โอ๊ตมีชีวิตเกิดขึ้น  เพราะหากวันนั้นแม่คุณตัวเล็กไม่ทำแบบนี้  วันนี้ไม่มีโอ๊ต  พ่อสอนให้โอ๊ตรักย่า  โอ๊ตคิดวาดภาพย่ามาตลอด  จนเมื่อตอนเช้า  อาโอห์มบอกจะมาโรงพยาบาล  โอ๊ตเลยขอตามมา  อยากเห็นหน้าย่า”  โอ๊ตยิ้มเข้าไปกอดแม่เอาไว้หลวม ๆ

   “โน้ต   แม่ขอบใจนะลูก”

   “ผมต้องขอบคุณแม่  เพราะไม่แล้ว  ผมไม่มีสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตหรอกครับ”  พี่โน้ตยิ้มอีกครั้ง  รอยยิ้มที่ใสสว่างเหมือนเมื่อครั้งก่อน

   “เดี๋ยว . . .”  ผมหันมามองหน้าโอ๊ต

   “โอ๊ตรู้หรือ  ว่าอาคือคุณตัวเล็ก”

   “รู้สิครับ  รู้มาตั้งนานแล้ว”

   “ตอนไหน”  ผมจ้องหน้าโอ้ต

   “ก็ตั้งแต่ที่อามิลล์บอกว่า  สอนโอ๊ตไม่ได้หรอก  จะหาเพื่อนให้สอน  อามิลล์บอก  เอาอาโอห์มสอนดีกว่า  พ่อถาม  โอห์มไหน  พอรู้ว่าใช่คนเดียวกันพ่อเลยอนุญาตให้โอ๊ตเรียนไง  หาไม่แล้วพ่อจะยอมปล่อยให้โอ๊ตมาอยู่กับอาโอห์มหรือ”

   ผมมองหน้าพี่โน้ต . . .

   . . . มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญจริง ๆ  ด้วย

   “แปลว่า  โอ๊ตรู้มาตลอดว่า  อาคือใคร”

   “รู้ครับผม  พ่อบอกตั้งแต่ตอนโอ๊ตสิบห้าปีแล้วล่ะ  ว่าใครคือคุณตัวเล็ก  แต่อามิลล์ไม่รู้  พอมาอีกทีก็วนมาเจอกันอีก   พ่อสั่งนักสั่งหนา  ห้ามเด็ดขาดห้ามให้อารู้ว่าโอ๊ตรู้แล้วว่าอาคือใคร . . .”  โอ๊ตมันยิ้มกับวีรกรรมที่มันสร้างเอาไว้

   “ไอ้พี่โน้ต”  ผมหันไปตาเขียว

   “ก็แม่ยังไม่ยอมให้เจอ  เลยส่งโอ๊ตมาเจริญสัมพันธไมตรีก่อนไง”  พี่โน้ตยิ้ม

   “เจ้าเล่ห์”

   “ยังน้อยไปเหอะอาโอห์ม  พ่อนะติดสินบนโอ๊ตอีกด้วย”

   “ไอ้ลูกคนนี้”  พี่โน้ตเอานิ้วมาทำสัญลักษณ์  ห้ามไม่ให้พูด

   “สินบนอะไรลูก  บอกย่ามา  เดี๋ยวย่าจัดการเอง”

   “ก็พ่อบอกว่า  หากโอ๊ตทำให้ย่ารับโอ๊ตเป็นหลานได้  และให้ย่ายกโทษให้พ่อ  พ่อจะซื้อโน้ตบุ๊คให้โอห์มเอาไปใช้ที่เยอรมัน”

   “เยอรมันอีกแล้วเหรอ”  แม่ถอนหายใจเฮือกใหญ่

   “ครับ    ตอนนี้พ่อแพ้โอ๊ตแล้ว  พ่อเสียสินบนแน่ ๆ”

   “โน้ตนี่เสมอต้นเสมอปลายแท้ ๆ  เลี้ยงน้องน้องเสีย  เลี้ยงลูกลูกเสียอีก”  แม่ยิ้มหัวเราะเบา ๆ 

   “แม่”  ผมทำเสียงใหญ่

   เหมือนโดนแม่แอบด่ายังไงไม่รู้ . . .

   . . . แต่ที่รู้  วันนี้ผมมีความสุข มีความสุขมากที่สุดในชีวิตแล้ว  อาจเหมือนที่ใครหลาย ๆ  คนเคยบอกเอาไว้  ว่า  ฟ้าหลังฝนจะสวยงามเสมอ  คงเหมือนชีวิตของผมตอนนี้  ที่ฟ้าสวยงามเพราะสิ่งที่ห่างหายไปกลับคืนมา

   ผมลืม . . .

   . . . ฟ้าที่สวยงามหลังฝน  อาจเป็นนิมิตหมายแห่งพายุใหญ่

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 27-04-2009 18:20:07
เจ้าโอ๊ตนี่แสบจริงๆ สงสัยต้องแต่งตอนเจ้าตัวแสบโตอีกซักเรื่องแล้วม๊างคุณราชบุตร :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: bellary ที่ 27-04-2009 18:21:31
 ใกล้จบยิ้มแก้มปริเลย :give2:
 o22 ช็อคกับ2บรรทัดสุดท้าย  อารายกันอีก :z3:

ผมลืม . . .

   . . . ฟ้าที่สวยงามหลังฝน  อาจเป็นนิมิตรหมายแห่งพายุใหญ่
    :serius2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 27-04-2009 19:50:44
 อ่านไปยิ้มไป แต่พอ ประโยคสุดท้าย   :serius2:

แกล้งกันอีกแล้ว คนแต่ง   :o12:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 27-04-2009 20:09:27
ทำไมตอนจบตอนนี้มันดูน่ากลัวจังเลยอ่ะ

อย่าเลยครับคุณราชบุตร แค่นี้คนอ่านก็ลุ้นตามกันไปจนตัวโก่งแล้ว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: piggie ที่ 27-04-2009 20:26:58
นั่งอ่าน นั่งยิ้มมาตั้งนาน

เจอเอาประโยคสุดท้าย คราวนี้เลยนั่งเครียด.....

ขอจบแบบสวยๆนะค้า ^^~
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: civava14 ที่ 27-04-2009 20:39:34
อ้าว ยังไม่จบอีกเหรอเนี้ย

กำลังอ่านเคลิ้ม ๆ เรย มาเจอ  ยังไม่จบอีกเหรอ

โอ้ย เครียด   :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: dokjarn ที่ 27-04-2009 21:34:42
:-[
:m15:
 o13

อ่านจบตอนนี้ คุณราชบุตร จะให้ตัวหนังสือพาไปใหน ก็ไปทั้งนั้นแหละครับ
ฮือ ฮือ ภาษาที่ใช้ มันมีชิวิตจริงๆนะเนี่ย อิ่มกับคำพรรณนาที่ได้สัมผัสเลยอ่ะ
มาได้ไง คำแบบนี้.....เรียบง่ายแต่ได้ความรู้สึก....ไม่เห็นมีอะไรเลย   แต่ชอบ

อ้างถึง
ไม่เคยมีในความคิดครับ    อาแป้งจะให้โน้ตเกลียดแม่คนที่โน้ตรักได้อย่างไรครับ  โน้ตรักโอห์ม 
รักด้วยหัวใจทั้งหมดที่โน้ตมี  แล้วโน้ตจะเกลียดคนที่ให้ชีวิตคนที่โน้ตรักได้อย่างไรกัน 
หากไม่มีอา  คงไม่มีโอห์ม  ไม่มีคนที่โน้ตรัก

หรือตอนนี้....อ่านได้ตั้งหลายหนแน่...ฮิ้ววว

อ้างถึง
เรียกอาว่าแม่ได้ไหมลูก”

   “ครับ . . .แม่”

   “ขอแม่กอดได้ไหมโน้ต”

   พี่โน้ตโน้มตัวลงให้แม่กอดเบา ๆ  แม่กอดพี่โน้ตเอาไว้แนบอก  จนผมต้องเบือนหน้าหนี 
ภาพที่ผมไม่เคยคิดว่าจะเห็น  เป็นภาพที่ผมแอบวาดหวังเอาไว้เมื่อตอนเด็ก ๆ   
 ผมต้องแอบปาดน้ำตาทิ้ง

   “แม่ฝากน้องด้วยนะลูก”

   “จะดูแลให้ดีกว่าตอนเด็ก ๆ  ครับ  ดูแลเท่าชีวิตที่โน้ตมี”

   “แม่ไม่รู้จะพูดอะไรเลย  แม่บอกไม่ถูกนะโน้ต”

   “ไม่ต้องพูดหรอกครับ  แค่  กอดโน้ตไว้  แล้วแม่ฟังที่โน้ตพูด
 สัมผัสความรู้สึกจากอ้อมกอดของแม่ที่แม่สัมผัสได้
 ว่าสิ่งที่โน้ตพูดมันจริงเท็จขนาดไหน  แค่นี้ก็พอแล้วครับ” 
พี่โน้ตกระชับอ้อมแขนกอดแม่ไว้แน่น

   “ขอบใจ  แม่ขอบใจ”

   “โน้ตต่างหากที่ต้องขอบใจแม่  ขอบใจที่แม่ให้สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตโน้ต
  นอกจากโอ้ตแล้ว  ชีวิตโน้ตมีแค่โอห์ม”

สวยงามมาก สวยงามมาก เซิ้งงงงง....
คนอย่างไอ้พี่โน้ต...จะมีชีวิตอยู่ส่วนใหนของโลกล่ะหว่าเนี่ย
แล้วไอ้น้องโอห์ม จะโชคดีอะไรปานนั้น
มีคนที่ ดีบริสุทธิ์ ขนาดนี้มารัก มาทุ่มเทให้ทั้งชิวิตอ่ะ
ทำบุญมาแบบใหนน้า

คุณราชบุตรก็เสกสรรปั้นแต่งซ้า...
ใครอ่านแล้วไม่รักไอ้พี่โน้ต  ต้องไปเช็คสุขภาพจิตด่วน
เอ๊ะ....รึว่าตรงกันข้าม 555...

แล้วมาวางระเบิดก่อนจบอ่ะ...คืออะไร....คร้าบบบพี่น้อง

. . . ฟ้าที่สวยงามหลังฝน  อาจเป็นนิมิตรหมายแห่งพายุใหญ่....

ใหญ่แค่ใหน ใหญ่ยังไง...มาเล่าแล้วกันจะคอยเน้อ

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 27-04-2009 23:25:20
•  . . . ฟ้าที่สวยงามหลังฝน  อาจเป็นนิมิตหมายแห่งพายุใหญ่
ต๊าย ย่าจากไป แม่กลับมา . . .
236 + 1 = 237
ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 28-04-2009 00:55:50
แล้วอะไรมันจะเกิดขึ้นต่อไปคะเนี้ย

พายุใหญ่?

ไม่นะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

เจ้สอง  :jul1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 28-04-2009 01:10:15
ทำใจยากเหมือนกันนะ

ได้คนรักมา กลับต้องเสียคนที่รักอีกคนไป

ขอบคุฌครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: un_john2006 ที่ 28-04-2009 01:24:37
 :m15: :m15: :m15:

 o13 o13



 :o8: :o8: :o8:

 :impress3: :impress3:

 :impress3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: subaru ที่ 28-04-2009 11:19:25
อย่าเศร้ามากนะค่ะคนแต่ง... ขอบคุณค่ะo13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: «ƤȑǃǹĉΞḠ○ḺҒ™» ที่ 28-04-2009 14:25:05
 :o12:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: zllbleazz ที่ 28-04-2009 14:44:41
น้ำตาร่วง  :m15:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 28-04-2009 15:17:30



ตกลง . . .

รั ก เ อ ย

เศร้าหรือครับ  ว๊า . . .

คนเขียนตั้งใจเขียนให้ซึ้ง แต่คนอ่านกลับเศร้า

จิตตกไปเลยนะเนี่ย  เพราะรู้สึกว่าจะเข้าไปไม่ถึงใจคนอ่าน

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: [W]olf[T]ricky ที่ 28-04-2009 16:33:06
ฮึกกก สุขใจมากมายโฮกกกกกกกกกกกกกกก
ไม่ชอบประโคยสุดท้ายเลยจริงๆ- -

รีบๆมาอัฟนะคร๊าฟฟฟฟฟฟฟฟ เรียกน้ำตาได้จริงๆๆฮึกๆๆ  :o12:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: Simply Blue ที่ 28-04-2009 17:16:11
"รักเอย  จริงหรือที่ว่าหวาน หรือทรมานใจคน(อ่าน)?"

"ถูกต้องแล้วคร๊าบบบบบบ"55555

กำลังซาบซึ้ง   เจอประโยคสุดท้ายนี้เล่นเอาปวดตับเลย 
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 28-04-2009 17:30:34
เหมือนจะมีความสุขนะ

แต่อ่านแล้วบีบหัวใจดีแท้ อย่างนี้นี่เอง ที่เรียกว่าทรมานใจ คน
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 28-04-2009 18:48:50
มันก็ไม่เศร้าหรอกครับ
ถ้าไม่เจอประโยคปิดท้ายตอนอ่ะครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: mango ที่ 28-04-2009 19:48:11

Thank you,

Thank you for happy ending,  :monkeysad:   :monkeysad:   :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: myxt ที่ 28-04-2009 23:31:33
ตอนนี้ให้ความรู้สึกอบอุ่น
แต่ยังไงก็แฝงความเศร้าอยู่ดี
 :sad11:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 30-04-2009 06:15:35
ูู^
^
กอดน้องออม  :กอด1:

มาอ่านแล้วนะค้าบบบ ขอบคุณสำหรับความคิดถึงของบางท่าน
ที่ไปเมนท์บอกไว้ ขอบคุณมากค้าบ


ก้อว่าแล้วว่าทำไม อะไรมันจะหวานแบบไร้ที่ติ ขนาดนี้
พอเจอประโยคส่งท้าย เหอๆๆๆๆๆๆๆ จะซึ้ง หรือจะจิตตกดีเนี่ย

รอต่อไป บวก 1 แต้มเช่นเคยจ้า  ขอบคุณนะจ๊ะ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 30-04-2009 13:37:59
เงียบจัง...........


นอนต่อดีกว่าาาา
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 30-04-2009 18:20:03
"................................."
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: White..BroccO ที่ 30-04-2009 19:03:47
วันนี้อ่านตั้งแต่แรกยัน จบ

ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ฮ่าๆๆ

ขอบคุณ คุณราชบุตร ด้วยน่ะค่ะ

ที่ทำให้ได้อ่านนิยายที่ดีที่สุด

แต่มีอีกอย่างนึงคือ อิเรื่องนักการเมืองไรนั้นน่ะ มันสุ่มเสี่ยงเกินไปมั้ยค่ะ

ฮ่าๆๆ แล้วแต่ศรัทธาแล้วกัน จะเขียนยังไงก็ตามแต่

แต่ขอตอนหน้าหน่อยหน๊า

แบบหวานๆส่งท้าย หรือ มีฉากนั้นก็ดี o[]O
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 30-04-2009 19:04:35
 :serius2:  ยังไม่มาต่อ 

เพ่ต้น ใจร้ายยยยยยย  :o12:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: yaoifan ที่ 30-04-2009 19:11:19
"รักเอย  จริงหรือที่ว่าหวาน หรือทรมานใจคน(อ่าน)?"

"ถูกต้องแล้วคร๊าบบบบบบ"55555

กำลังซาบซึ้ง   เจอประโยคสุดท้ายนี้เล่นเอาปวดตับเลย 

เห็นด้วยค่ะ ทรมานใจคนอ่าน จริงๆ

บทพิสูจน์ความแน่นอนของคนแต่ง น้ำตาไม่ท่วมจอคอม ไม่ใช่ "ราชบุตร"

ขอบคุณสำหรับข่าวคราวของอาร์ม กับ โก ด้วยค่ะ

ไม่รู้จะตอบแทนยังไง ขอกด +๑ ให้แล้วกันนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 30-04-2009 21:22:12



จขกท.  แอบหายอีกแร่ะ


เ มื่ อ รั ก ไ ป แ ล้ ว เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ไ ม่ ไ ด้   


< โปรแกรมวันนี้ >  ดูหนังรัก  กับคนที่รักเรา  ในวันเกิดคนที่เรารัก . . .

น้องป๊อบทำเอาพี่ใจละลาย

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 01-05-2009 07:02:51

• เ มื่ อ รั ก ไ ป แ ล้ ว เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ไ ม่ ไ ด้   

< โปรแกรมวันนี้ >  ดูหนังรัก  กับคนที่รักเรา  ในวันเกิดคนที่เรารัก . . .

น้องป๊อบทำเอาพี่ใจละลาย . . .

. . . เป็นครั้งที่ ๖๙๖ . . . ของปีนี้(พรุ่งนี้รวย) 5555555
ขอบคุณนะคะ คุณ ต้นสาย

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 01-05-2009 11:39:04


ประกาศ


รักเอย



ปกติ  มีแต่คนบอก  ทำไมชอบเขียนเรื่องเศร้า  ไม่รู้อ่ะ  มันไปเองเวลานั่งพิมพ์ มาเรื่องนี้  ไม่แน่ใจอีกว่า  มันเป็นเรื่องแบบไหนกันแน่ . . . เศร้า   ซึ้ง  อิ่มเอมใจ  หรือ  จะตลกกับโชคชะตาที่เกิดขึ้นดี  เอ้ยยยยยยยยย  กรรม



โดยส่วนมาก . . .


จะมีแค่พล๊อตคร่าว ๆ  ในหัว แต่เรื่องนี้  หามีไรในหัวเลยไม่  เขียนออกมาจากความรู้สึก  ณ  ปัจจุบัน


โน้ต . . . รักเอย


อาร์ม . . . รักฤๅผูกพันฯ


สองคนต่างติดอยู่ในบ่วงของความรัก  แต่เป็นรักคนละแบบ  ที่ไม่เหมือนกัน  แต่สิ่งหนึ่งที่ทั้งสองมี  น่าจะเป็นความรักที่มีให้คน ๆ  นึง อย่างมากมาย  เป็นรักที่หลาย ๆ  คนอยากมี  มั๊ง . . .


คนอ่านละครับ . . . สงสารใครมากกว่ากัน

อาร์ม . . . คนที่วางแผนทุก ๆ  อย่างเอาไว้  รั้งคนที่รักอยู่กับตัวนานที่สุด

หรือ

โน้ต . . . คนที่ไม่เคยรั้งคนรักไว้กับตัวกอดเก็บความทุกข์ไว้คนเดียว

สำหรับคนเขียน . . . สงสารโน้ตมากกว่า

รัก . . .โดยไม่ต้องการครอบครองรักพิสุทธิ์จากหัวใจ






ปล. ใกล้จบแล้ว  ใครอยากได้ลงชื่อไว้  หาไม่แล้วจะหาอ่านไม่ได้อีก 

เพราะตัวอักษรจะอันตรธานหายไปหลังจากจบ ๓๐ วัน






ปล๒.  ใครลงชื่อ  กรุณาเรียงลำดับนะครับ  เช่น

๑. imon  (จัดให้ไป๊  แก้ไขเมื่อ  ๑๘.๑๑ น.)

๒ .  (ใครต่อก็ขอความกรุณาก๊อบคนแรกมาด้วยนะครับ  ให้เวลาขอหลังจาก ๓๐ วันที่เรื่องจบเท่านั้น)





ปล๓. ของดีใช่หาอ่านกันได้ง่าย ๆ  อิอิอิ 

(พิเศษสำหรับแฟนคลับเท่านั้น  ขาจรหมดโอกาส  ขอมาหลังจากนี้  ขอได้  แต่ไม่รู้จะได้อย่างที่ขอหรือไม่)





หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: civava14 ที่ 01-05-2009 12:01:09
๑. ราชบุตร
๒. civava14

ยังไม่มีใครมา ขอก่อนเลยระกันครับ แต่ยังไม่อยากเป็นคนแรก


 :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: muyong ที่ 01-05-2009 12:33:16
๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong

มาลงชื่อค่ะ  แอบอ่าน
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 01-05-2009 12:43:57

• เพราะตัวอักษรจะอันตรธานหายไปหลังจากจบ ๓๐ วัน
วุ้ย งั้นคงอีกนาน(กว่าจะจบ) เห็นคุณต้นสายบอกว่าผู้ประพันธ์มีกิจกรรม(อื่นๆ)แยะ อิอิ
๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
หุหุ

ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 01-05-2009 12:45:09
๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๕.TIÄÑ-Šhªñ

ขอบคุณเพ่ต้น  :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: dokjarn ที่ 01-05-2009 13:10:29
 :z2:

จองด้วยคนครับ

๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn

ขอเติมคิวให้ คุณkit  ข้างบนด้วยเดี๋ยวหลุด อิ อิ


 :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: piggie ที่ 01-05-2009 13:12:24
๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie

มาลงชื่อด้วยคนค่ะ ^^~
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 01-05-2009 13:43:52
๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie

๘. badcow

ทุกครั้งคำพูดซึ้งกินใจ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: «ƤȑǃǹĉΞḠ○ḺҒ™» ที่ 01-05-2009 15:09:21
๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie
๘. badcow

๙. SpiZy

 :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 01-05-2009 16:31:28
๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie
๘. badcow

๙. SpiZy
๑o. happy_icekung69
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 01-05-2009 17:46:11
๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie
๘. badcow

๙. SpiZy
๑o. happy_icekung69
๑๑. SomLove

ขอบคุณคร้าบ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 01-05-2009 17:59:28
๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie
๘. badcow

๙. SpiZy
๑o. happy_icekung69
๑๑. SomLove
๑๒. MIkz_hotaru

เพิ่งเริ่มอ่าน แต่ขอด้วยได้ป่าว  :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 01-05-2009 18:06:47
0.๑ imon (รัดคิวเลย ขอคนน่ารักก่อนนะครับ จะรีบไป)
๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie
๘. badcow

๙. SpiZy
๑o. happy_icekung69
๑๑. SomLove
๑๒. MIkz_hotaru

เพิ่งเริ่มอ่าน แต่ขอด้วยได้ป่าว  :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 01-05-2009 18:12:49
๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie
๘. badcow

๙. SpiZy
๑o. happy_icekung69
๑๑. SomLove
๑๒. MIkz_hotaru
๑๓. imon
๑๔.mecon

มาขอด้วยคนแบบหน้ามึนๆ คะ คุณราชบุตร :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 01-05-2009 18:14:16
0.๑ imon (รัดคิวเลย ขอคนน่ารักก่อนนะครับ จะรีบไป)
๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie
๘. badcow

๙. SpiZy
๑o. happy_icekung69
๑๑. SomLove
๑๒. MIkz_hotaru

เพิ่งเริ่มอ่าน แต่ขอด้วยได้ป่าว  :impress2:



เมียขอมา . . . พี่จัดให้  อิอิอิ

ปล๒.  ใครลงชื่อ  กรุณาเรียงลำดับนะครับ  เช่น

๑. imon  (จัดให้ไป๊  แก้ไขเมื่อ  ๑๘.๑๑ น.)

๒ .  (ใครต่อก็ขอความกรุณาก๊อบคนแรกมาด้วยนะครับ  ให้เวลาขอหลังจาก ๓๐ วันที่เรื่องจบเท่านั้น)





ปล๓. ของดีใช่หาอ่านกันได้ง่าย ๆ  อิอิอิ  

(พิเศษสำหรับแฟนคลับเท่านั้น  ขาจรหมดโอกาส  ขอมาหลังจากนี้  ขอได้  แต่ไม่รู้จะได้อย่างที่ขอหรือไม่)




ปล๔.  ขออภัยแฟน ๆ  เมียมาขอลัดคิวอ่ะครับ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 01-05-2009 19:14:30
 o22 เข้ามาแบบงงๆ แต่ก็ขอด้วยคนค่ะ แต่แอบอิจฉาคนที่มาลัดคิว :laugh:
0.๑ imon (รัดคิวเลย ขอคนน่ารักก่อนนะครับ จะรีบไป)
๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie
๘. badcow

๙. SpiZy
๑o. happy_icekung69
๑๑. SomLove
๑๒. MIkz_hotaru
๑๓. mecon
๑๔. M@nfaNg

งงเลยไปทำชื่อใครตกไปป่าวหว่า :m29:

ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 01-05-2009 20:28:49

ตอนใหม่ยังไม่มี . . .

. . . อายว่ะ

เอาเรื่องสั้นที่เคยเขียนมาให้คนไม่เคยอ่านคั่นเวลาก่อนดีกว่าครับ




ในความผูกพันนั้นเจ็บปวด
   
   ฝนที่ตกลงมาตั้งแต่บ่าย  ยังไม่มีที่ท่าว่าจะหยุด   เห็นทีวันนี้รถคงติดกันบนถนนอีกนาน  ผมถอนหายใจเป็นครั้งที่ร้อยได้แล้วกระมัง  งานที่ยังค้างอยู่บานเบอะ  มันทำให้เวลาว่างที่มีอยู่น้อยนิด  ต้องน้อยลงไปอีก . . .

   “แม่งเอ้ย  แฮ้งค์อีก”  ผมรัวนิ้วแรง ๆ  ลงบนแป้นพิมพ์  เคาะมันด้วยความโมโห  ทั้งโมโหตัวเอง  ทั้งโมโห  ไอ้เครื่องคอมฯ  เฮงซวย

   “โธ่โว้ย !” 

   เสียงสบถ พร้อมทั้ง  เอนตัวพิงกับเก้าอี้  ผมทำไปตั้งเยอะ  แต่ไม่ได้เซฟเก็บเอาไว้  ทำไมผมเลินเล่อได้ขนาดนี้ก็ไม่รู้  ทั้ง ๆ  ที่น่าจะเฉลียวใจ  แต่มันก็สายไปเสียแล้ว  ในเมื่อตอนนี้เครื่องมันรวน 

   ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว . . .

   . . . เหมือนหัวใจผม

   ผมรีสตาร์ทเครื่อง . . .

   ดีนะ . . . เทคโนโลยี่  หากผิดพลาด  เราสามารถแก้ไขได้  แต่ชีวิตความเป็นจริงของคนเรา  มันจะแก้ไขได้แบบเทคโนโลยี่หรือ  มันคงไม่สามารถที่จะแก้ไขอะไรได้   เพียงชั่วครู่  เครื่องก็อยู่ในสถานะที่พร้อมจะใช้งานตามปกติ

   หาก . . .

   ผมไม่มีอารมณ์ที่อยากจะทำอีกแล้ว . . .

   ผมชื่อ . . . ใบหม่อน

   ไอ้ม่อน . . .
  คือชื่อที่เพื่อน ๆ  เรียกขาน  ชื่อแบบผม  ถ้าให้ทายว่าเป็นคนภาคไหน  คงเหลือตัวเลือกแค่สองภาค . . .

   ชีวิตของผม . . .

. . . ความเหงาคือเพื่อนแท้

   ความอ่อนแอ . . .

. . . ก็เพื่อนสนิท

   ผมเริ่มเซ็งกับงานที่มันกองอยู่พะเนินเทินทึก  ถ้าเพียงแต่ผมไม่สะเพร่า  ป่านนี้งานมันคงใกล้เสร็จ  ช่างมันเหอะ  เพราะอย่างไรผมก็แก้ไขมันไม่ได้แล้ว  ตอนนี้  คงทำได้แค่  เข้าเวป  หาอะไรทำ  ตามเรื่องตามราวดีกว่า

   ผมเข้าเล้าเป็ด . . .

   แอบเข้ามานานแล้ว  แอบอ่านเรื่อย ๆ  ไม่ค่อยแสดงตัวตนเท่าไหร่  เพราะผมรู้ดี  การแสดงตัวให้เป็นที่รู้จักอาจจะไม่ปลอดภัยกับผมเท่าที่ควร  สถานะบางอย่างมันไม่ควรเปิด  อีกผมมีโลกของผม  โลกที่ผมปิดกั้นคนอื่นพอสมควร

   ผมติดนิยายอยู่เรื่องนึง . . .

   ตอนนี้ . . .  เรื่องในนิยายมันดำเนินมาถึงตอนสุดท้ายแล้ว  ผมได้รับเมล์แล้วล่ะ  เมล์ต้นฉบับจากนิยายเรื่องนี้

   ย่อหน้าสุดท้าย . . .



   ผมยิ้ม . . .

   . . . มีความสุขนะ . . . 

   ผมมีความสุขกว่าที่ผ่านมาเสียอีก  มากกว่าตอนที่เจอมันครั้งแรก  มากกว่าตอนที่ได้กอดมันครั้งแรก  มากกว่า . . . มากกว่า

   ทั้งหมดที่ผมเคยมี . . .

   บางครั้งผมยังอดคิดไม่ได้ว่า  บททดสอบที่ผมผ่านมาได้  ผมผ่านมาได้อย่างไรกัน  ตอนนี้ผมพร้อม  พร้อมที่จะเห็นมันเป็นในสิ่งที่มันอยากจะเป็น

   ถ้ามันเรียนจบ . . .

   ทางที่มันเลือกเดิน . . .  ผมจะยอมรับ  ไม่ว่าผมจะเจ็บปวดหรือมีความสุข  ผมก็จะยอมรับในการตัดสินใจของมัน . . . สิ่งนี้มิใช่หรือที่ผมคิดเอาไว้

   ตอนนี้ . . . มันก็จบแล้วนี่หว่า . . .

   บางที . . . นี่อาจจะเป็นคำตอบสุดท้ายที่ผมค้นหามาตลอดชีวิต

   การรอคอย . . .ทรมานเสมอ

   . . . หาก . . .

   ความสุขอยู่ที่เราได้รับรู้ว่า  คนที่เรารอ  เขาก็รอเราอยู่เช่นกัน



   ผมยิ้มเมื่ออ่านตอนสุดท้ายอีกรอบ . . .  เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้ว  ผมก็จำไม่ได้ ผมรู้แค่ว่า  มันตืบ  มันตันอยู่ให้หัวใจของผม  มีคำถามมากมายที่ค้างคาใจ   

   . . . เรื่องจริงมั้ย . . .

   ทำไมอาร์มไม่ให้โอกาสโก . . . ในเมื่อยังมีเวลา  มีโอกาส

   การรอคอย . . . คือจุดจบของเรื่องนะหรือ  ผมเลื่อนมือเปิดลิ้นชักของโต๊ะทำงาน  รูปถ่ายใบนั้นซืดจางกว่าเมื่อวาน  มันคงซืดจางลงทุกวัน  ทั้ง ๆ  ที่เพิ่งถ่ายมาไม่นาน  ผมยิ้มกับภาพ  กับคนในภาพ . . .

   ภาพ . . . ใบนี้  เพื่อนผมมันถ่ายให้  เมื่อตอนปีใหม่นี่เอง 

   แค่ . . . หกเดือนเอง  ไม่นานหรอก  ผมใส่เสื้อหนาวตัวใหม่ที่เพิ่งถอยมาก่อนไปที่นั่นไม่กี่วัน  และอีกคนกอดคอผมเอาไว้ มันยิ้มกว้าง . . . ไอ้ว่าน

   ปาย . . .


   ผมจำได้  จำได้ดีในวันแรกที่ผมเข้าไปอ่านนิยายเรื่องนี้    มันเปิดตัวด้วยความรู้สึกที่ชวนหดหู่  บางคนเลือกที่จะหนี . . .

   และ . . .

   คนที่ตาม . . .  ผมเกือบจะเลิกอ่านอยู่แล้ว  เมื่ออ่านตอนที่สองจบ  เพราะมันไม่มีอะไรที่บอกว่าผมควรจะอ่าน  ในเมื่อเรื่องมันมีแต่ความเศร้า . . .  หากแต่  บางอย่างบอกผมว่า  อ่านอีกหน่อยเหอะ 

   อยากรู้ . . . 

   ทำไม  คนที่มีโอกาส  ถึงเลือกที่จะไม่ใช้โอกาส  ผมเลยเลือกที่จะอ่านตอนที่สาม  อ่านเพราะความอยากนั่นเอง  ความอยากที่มีอยู่ในตัวคนทุกคน

     ความรักของคนสองคนเกิดขึ้นที่นั่น  และผมไม่รีรอเลยที่จะบอกตัวเองว่าผมจะอ่านเรื่องนี้  ผมจะติดตามเรื่องนี้ไปจนจบ   เพราะประโยคไม่กี่ประโยคที่ผมเจอในตอนที่สาม . . .

   เมืองเล็ก ๆ  ที่มีขุนเขาโอบล้อมรอบ . . .

   เมืองที่มีแม่น้ำสายเล็ก ๆ ไหลผ่าน  เมืองที่คนไทยแทบจะไม่รู้จัก  แต่ฝรั่งนักท่องเที่ยวเริ่มแบกเป้กันเข้ามา  เมืองที่เป็นจุดพักระหว่าง เชียงใหม่กับแม่ฮ่องสอน . . .

   ปาย . . .

   ผมรู้  ที่นั่นคือปาย  ก่อนที่เหมือนมีอะไรบางอย่าง  มันแล่นลึกเข้าในหัวใจ  ความรักสำหรับบางคนมันสวยงาม  แล้วความรักในแบบที่ผมเป็นอยู่  มันจะสวยงามมั้ย 

   จากวันนั้น . . . ถึงวันนี้  เดือนเต็ม ๆ 

   หนึ่งเดือนที่มันพาผมดำดิ่งไปกับคนสองคนตัวละครที่โลดแล่นในความรู้สึกของผม  คนที่ทำให้ผมยิ้มทั้งน้ำตา  บางครั้งผมเอาฝ่ามือปิดใบหน้าที่หน้าจอคอม  ซ่อนรอยน้ำตาเอาไว้  ไม่ให้เพื่อน ๆ  ที่ทำงานเห็น 

   ผมไม่รู้ . . . ทำไมผมถึงรู้สึกผูกพันกับนิยายทางเน็ทเรื่องนี้

   หรือเพราะ . . . ฉากของมันคือ ปาย

   ฝนคงกระหน่ำเม็ด  และบนใบหน้าผมตอนนี้  ผมรู้  ความอ่อนแอมันมาเยือนผมอีกครั้ง  ผมปล่อยให้มันไหลออกมาเอง  ก่อนที่มันจะค่อย ๆ  ไหลรินผ่านแก้ม  ตกลงไปที่ภาพถ่ายใบนั้น . . .

   
   เรา . . .

   ผมหมายถึงผมกับไอ้ว่าน  เรารู้จักกันที่โรงเรียนกวดวิชา  เมื่อสักเจ็ดปีที่ผ่านมาเห็นจะได้  ไอ้ว่านมันเรียนโรงเรียนขาสั้นสีน้ำเงิน  โรงเรียนมันดังเรื่องฟุตบอล  ส่วนผมแค่เด็กแถวเซ็นลาด  มันมานั่งเรียนกวดใกล้ ๆ  กับผม แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ค่อยสนใจเรื่องที่จะเรียนเท่าไหร่  ผมไม่รู้นะ  ถ้าไม่อยากเรียน  จะมาเรียนให้เปลืองเงินไปทำไม . . .

   มันคอยถามโน่นถามนี่ผมตลอด   ทั้ง ๆ  ที่เราก็เรียนด้วยกัน    เดือนแรกผ่านไป  กลายเป็นว่ามันกับผมสนิทกัน  วันไหนผมมาสายมันจะเก็บชีสต์เอาไว้ให้  และวันไหนมันมาสายผมก็จะทำแบบที่มันทำให้ผม

   ในเวลานั้น . . . ผมไม่เคยคิดกับมันเกินกว่าเพื่อน   ไม่เคยเลย  ไม่เคยสักครั้ง   ชีวิตของผม  ห่างกับคำว่าเกย์  ผมรู้แค่มีความสุขเวลาที่ได้อยู่ใกล้ ๆ  มัน    เพราะผมจะคุยกับมันได้ทุกเรื่อง

   และเรื่องที่เราคุยกันส่วนมากจะเป็นเรื่องเรียน  มหาวิทยาลัยที่อยากจะเข้า  ผมอยากเรียนบัญชี  ส่วนมันอยากเรียนวิศวะ  มันบอก  มันอยากเป็นวิศวกร  แต่มันกลัวว่าจะเอ็นท์ไม่ติด  เพราะฐานมันอ่อน  มันเลยต้องมากวดวิชา   

   มันให้ผมช่วยติวคณิตศาสตร์ให้มัน  เพราะมันไม่เก่ง  ผมยินดีเป็นที่สุด . . .

   แล้วมันก็ได้วิศวะสมความตั้งใจของมัน . . .  ส่วนผมไม่ได้อย่างที่หวัง  แต่ผมเฉย ๆ  เพราะผมคิดว่าอะไรก็ได้  ขอให้ได้ที่เดียวกับมันผมก็ดีใจแล้ว  สี่ปีที่อยู่ในมหาวิทยาลัย  ผมกับมันเหมือนเพื่อนที่สนิทกันมาแรมปี  เพราะหลังเลิกเรียน    ใครเลิกก่อนจะเป็นฝ่ายมารออีกคนเสมอ  จนมันกลายเป็นความเคยชิน  ว่าอีกคนเป็นเหมือนส่วนหนึ่งในชีวิต  ผมยินดีที่จะรับความเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเอาไว้เงียบ ๆ 

   ผมเริ่มรู้หัวใจตัวเอง . . .

   หาก . . . ผมจะบอกมันได้อย่างไร  มันคือเพื่อนผม  มันคือเพื่อนที่ดีที่สุดที่ผมเคยมี  ความรู้สึกของผม  มันเดินก้าวข้ามคำว่าเพื่อนไปแล้ว  แต่ความรู้สึกของมัน  ผมไม่รู้  ผมไม่รู้ว่ามันจะก้าวข้ามแบบที่ผมก้าวข้ามหรือเปล่า . . .

   ถ้า . . . มันไม่ใช่

   ผมไม่กล้าพูด  ไม่กล้าบอกมัน  เพราะผมรู้จักมัน  มันออกจะเป็นที่คลั่งไคล้ของรุ่นน้อง  ก็มันหน้าตาดีระดับแถวหน้าของคณะ  ส่วนผม  มันแค่พื้น ๆ  เทียบกับมันไม่ได้เลย  ผมเจียมตัวเองดี  ว่าชาตินี้คงทำได้แค่แอบรักมันเงียบ ๆ  แบบนี้แหละ 

   ปีสุดท้าย . . .

   มันอกหัก  มันลากผมไปกินเหล้า  มันเมามาก  เมาจนเหมือนหมาตัวนึง  ผมได้แต่อยู่กับมัน   มันร้องไห้  มันบอกสิ่งที่มันเจ็บปวดที่ผู้หญิงคนนั้นทิ้งมัน  มันกอดผมเอาไว้  แต่ผมนะหรือ  เจ็บปวดยิ่งกว่ามันเป็นพันเท่า  ผมต้องฟังมันเล่าเรื่องของมันกับผู้หญิงคนนั้น  ผมต้องฟังมันระบายออกมาทั้ง ๆ  ที่หัวใจผม  มันเจ็บช้ำใกล้จะตาย  ผมจะตายก่อนมันอยู่แล้ว  ผมจะช่วยมันได้อย่างไร  ในเมื่อมันเจ็บ  ผมเจ็บยิ่งกว่า

   แล้วมันก็ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ . . . 

   ผมยิ้ม . . . หายเจ็บพร้อมมัน 

   และตั้งแต่นั้นมันมาขลุกอยู่ที่หอผม  มันบอกผม  ผมเป็นเพื่อนที่มันรักมากที่สุด  มันบอกว่าผมดีที่สุดสำหรับมัน  ถ้ามันจะมีเพื่อนแบบผม  มันขอมีแค่คนเดียว

   ผมจุก . . . จนไม่มีคำพูด

   ผมรักมัน . . . รักมันมากกว่าเพื่อน  แต่ผมไม่สามารถห้ามความรู้สึกของตัวเองได้  ผมรักมันน้อยกว่านี้ไม่ได้  ผมทำได้แค่แอบรักเพื่อนของตัวเอง  เพื่อนที่ดีที่สุด   ผมไม่รู้เหมือนกัน  ทำไมผมต้องรักมัน  ทั้ง ๆ  ที่เพื่อนที่คณะหล่อกว่ามัน  แต่ผมไม่รู้สึกแบบนั้นเลย . . .

   เราเรียนจบ . . . ต่างคนต่างแยกย้ายไปทำงาน 

   ผมได้งานใน กรุงเทพฯ  ส่วนมัน ได้งานที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด  ระยองโน่น  ระยะทางทำให้เราห่างกัน  แต่มันกับผมยังคงติดต่อกันเสมอ   ผมคิดถึงมัน  คิดถึงมันทุก ๆ  เวลา  แต่ผมรู้  บางทีความเป็นเพื่อนของเรามันคงดีกว่าการที่ผมจะดึงมันมาเป็นแบบผม

   “ไอ้ม่อน  ปีใหม่มีโปรแกรมไปไหนว่ะ”  มันโทรมาในเย็นวันศุกร์แรกของเดือนสุดท้ายแห่งปี

   “ไม่รู้ว่ะ”

   “ไปปายกับกูมั้ย”

   “ไป”  ผมตอบโดยไม่ต้องคิด    เพราะอะไร  ไม่ต้องบอกแล้วกัน  ผมรู้แค่ว่า  ที่ไหนก็ได้ที่มันอยากให้ผมไป  ผมจะไป  ต่อให้ที่นั่นจะเป็นนรก  ถ้ามันอยากให้ผมลงไป  ผมก็จะลงไปด้วยความเต็มใจ

   ผมรักมัน . . . คือเหตุผลเดียวที่มี

   “ไอ้นี่  ไม่ถามเลยเหรอ  ใครไปมั่ง”

   “เออ  ไม่ถาม  ใครไปไม่สน  มีมึงไป  กูไป”

   “สาดดดดดดดดด  รักกูเหรอ”   เสียงมันขี้เล่นเหมือนเคย 

   ผมยิ้มกับตัวเอง  มันจะรู้อะไรหรือไม่  เวลานี้  ผมไม่สนหรอก  ผมรู้แค่ว่า  ผมมีความสุขเวลาที่เห็นมันยิ้ม

   ผมเจ็บเวลาที่เห็นมันร้องไห้ . . .

   “มึงอยู่ไหน”

   “มอเตอร์เวย์  กำลังเข้ากรุงเทพฯ  คืนนี้กินเหล้ากัน”

   “เออ  ได้”

   “กูค้างห้องมึงนะโว้ย”  มันบอกกลับมา

   “ก็มาแย่งที่นอนกูทุกที  แถมเวลาเมาชอบอ้วกอีก”  ผมจำได้  สิ่งที่มันเป็น  สิ่งที่เกิดขึ้นกับมัน  ผมไม่เคยลืม

   “คนอย่างกูไม่มีเมา  แค่นี้นะโว้ย  คืนนี้เจอกัน”  มันวางสายไปแล้ว

   ผมยิ้ม . . . แค่นี้แหละความสุขของผม

   ความสุขของคนที่ได้รักคนอื่น  ผมไม่ได้ต้องการร่างกายของมัน  เพราะถ้าผมทำแบบนั้น  ผมทำไปนานแล้ว  สิ่งที่ผมได้จากมัน  ความรู้สึก  สิ่งนี้ต่างหากที่สำคัญ  ที่เราต้องแลกมันด้วยเวลา  ด้วยหัวใจของกันและกัน

   ผมนับวันรอ . . . รอที่จะให้ถึงปลายปี

   เราไปถึงเชียงใหม่ตั้งแต่เช้า  ผมยืนงงที่สถานีรถไฟเชียงใหม่  ก่อนที่มันจะลากผมกับเพื่อนอีกสี่คนมาที่สถานีขนส่งอาเขต  แล้วนั่งรถตู้ต่อไปยังจุดหมายของเรา  เมืองเล็ก ๆ  กลางหุบเขา

   ที่พักเป็นรีสอร์ทริมน้ำ  ที่เราทั้งหมดตกลงที่จะเลือก  และดูเหมือนว่ามันจะเงียบสงบ  ผมชอบนะ  เพราะมันเหมือนกับว่าเราได้มาพักผ่อนสมองหลังจากที่  ตรากตรำกับงานมาตั้งเป็นปี  คืนแรกที่ปาย  ผมหลับเป็นตาย

   “เฮ้ยมึง  ตื่น ๆ”  มันนิสัยดี  เอาเท้าเขี่ยผม

   “หนาวไอ้สัด”  ผมดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเอาไว้  อากาศยามเช้ามืดที่ดาวยังไม่หมดท้องฟ้า  มันหนาวเหน็บเหมือนตู้แช่แข็งดี ๆ  นี่เอง

   “ดูโน่นมึง”  มันไม่ละความพยายาม  ดึงผ้าห่มที่ตัวผม

   เลยกลายเป็นการแย่งกันไปแย่งกันมา  จนริมผ้ามันฉีกขาด  และมันก็ได้ในส่วนที่เป็นด้ายเส้นเล็ก ๆ  ไปเท่านั้น

   “โห  ไอ้ม่อน  ขนาดนี้แล้วมึงยังมีเยื่อใยให้กูอีกหรือ” 

   “สาด”  ผมรีบทิ้งผ้าห่มทันที  เพราะมือมันถือด้ายที่หลุดจากริมผ้าห่มผม  มันหัวเราะกับท่าทางของผม

   หัวใจผมนะหรือ  มีความสุขจะตาย . . . มันเต็มอิ่มแล้ว

   “แหมมึง  เล่นแค่นี้  ทำเป็นหน้าแดง  ชอบกูเหรอ”

   “ไอ้เหี้ย  กูผู้ชายโว้ย”  ผมใช้เท้ายันมันเบา ๆ

   “เออ  รู้  มาดูนี่ก่อน”  มันเอามือมาจับมือผมเบา ๆ  ลากผมมาที่หน้าต่าง

   “อะไร”

   “มึงเห็นดาวมั้ย”  มันชี้ไปที่หน้าต่าง 

   ผมมองตามัน  ท้องฟ้าเป็นสีน้ำเงินเข้ม  ดวงดาวนับล้านทอแสงเป็นประกายระยิยระยับ  ความหนาวที่ไหลผ่านหน้าต่างทำเอาผมต้องกอดอกเอาไว้      นั่งมองดาวตามที่มันบอก  มันสวยจริง ๆ 

   “ห่มไว้  มึงยิ่งแพ้อากาศอยู่”  มันดึงผ้าห่มมาคลุมตัวผมเอาไว้

   “ขอบใจ  แล้วมึงล่ะ”  ผมหันไปหามัน  ก่อน  จะแบ่งผ้าห่มให้มัน  “เอาแบ่งกัน” 

   ตอนนี้ทั้งมันและผมอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน    ผมรู้สึกหัวใจเต้นแรง  อย่างน้อยที่สุด  ผมได้อยู่กับคนที่ผมรัก    และผมไม่มีวันยอมให้มันรู้ถึงความรู้สึกในส่วนลึกของหัวใจผมเป็นอันขาด

   “ตั้งแต่กูมีเพื่อน  มึงคือเพื่อนที่กูรักมากที่สุดไอ้ม่อน”  มันหันมาหาผม

   “กูรู้”

   “รู้ได้ไงว่ะ”

   “เคยบอกกูแล้ว”

   “ตอนไหน”   

   “ตอนเมา”

   “เมื่อไหร่  กูจำไม่ได้”

   “ดีแล้วที่จำไม่ได้  เพราะกูไม่อยากให้มึงจำเหมือนกัน”  ผมมองหน้ามัน

   “ทำไมว่ะ”

   “เพราะถ้ามึงจำ  วันนึงมึงอาจจะลืม  แต่กูอยากให้มึงรู้  เพราะความรู้จะติดตัวมึงไปจนตาย  เหมือนที่กูรู้  ว่ามึงเป็นใคร  เป็นคนที่สำคัญกับกูขนาดไหน”  ผมยิ้มให้มัน

   “ไอ้ม่อน”  มันกอดผมเอาไว้ใต้ผ้าห่มผืนนั้น    ผมอบอุ่นอย่างที่สุดในเช้าอันหนาวเหน็บของเมืองเหนือ

   สายวันนั้น  เราออกเดินเล่นกันในเมืองปาย  ยามเช้าปีใหม่  ผู้คนมากมาย  ล้วนมาจากกรุงเทพฯ  แทบทั้งนั้น  ผมแปลกใจที่คนกรุงแห่กันมาที่นี่มากมาย  แล้วเราก็ไปหาอาหารเช้ากินกัน 

   ขนมเส้น . . .

   ร้านนี้คนแน่นนะ  แต่ก็น่าจะอร่อย  เราเลือกที่จะกินมันรองท้องก่อน  พวกเพื่อน ๆ  มันหาโต๊ะนั่งกันได้แล้ว  ผมเดินไปที่แม่ค้า มีน้ำแกงหลายอย่าง  ทั้งน้ำเงี้ยว  น้ำยาป่า  น้ำพริก แต่ละหม้อสีสันน่ากินเหลือเกิน

   “ไอ้ว่าน  เอาน้ำอะไร”  ผมหันไปตะโกนถามมัน

   “น้ำเปล่า” 

   เท่านั้นแหละ  เสียงหัวเราะดังลั่นร้าน  ผมอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี  มันตอบออกมาได้อย่างไร  ไม่คิด  ไม่คิดเลยจริง ๆ    คนดี ๆ  ที่ไหนเขาจะกินขนมจีนน้ำเปล่า  ที่ถามเพราะหม้อน้ำแกงมันเยอะไปหมด 

   แต่ . . . มันปล่อยมุขซะ  ฮากระจาย

   หลังจากอาหารมือนั้นแล้ว  เราก็ถ่ายรูปเล่นกัน  มันกอดคอผมเอาไว้แทบทุกรูป . . .

   หลังจากกลับมาจากปาย  มันโทรหาผมบ่อยขึ้น  จนผมเองก็อดแปลกใจไม่ได้  และผมก็อดที่จะคิดว่ามันเองก็อาจจะชอบผมเข้าแล้ว  ผมอยากบอกมันนะ  อยากบอกมัน  แต่ผมไม่กล้า  ผมกลัว  กลัวว่าจะเสียมันไป

   “ไอ้ม่อน  ทำไรอยู่”  มันโทรมาในตอนดึก  เสียงมันยาน ๆ   

   “แดกเหล้าวันพุธเหรอมึง  พรุ่งนี้ทำงานไหวเหรอ”

   “ไหวดิ๊  ไอ้ม่อน   สุขสันต์วันเกิด”   มันจำได้  จำวันเกิดผมได้   

   “ขอบใจ”

   “ไม่ไปเลี้ยงเหรอ”

   “ไม่อ่ะ  รอมึงก่อน”   มันจะเข้าใจความหมายที่ผมพูดไหม  ผมรอมัน  รอมาตลอดเจ็ดปี

   “ไอ้ม่อนกูถามไรมึงหน่อย”

   “เอาดิ๊  ถามมา”

   “มึงเคยแอบรักใครมั้ยว่ะ”

   ผมนิ่ง . . . หรือผมจะเสียมันไปอีก  มันไปแอบรักใครอีกหรือ  หัวใจผมหวิว ๆ  แต่ผมต้องยิ้ม  ยิ้มสิ ในเมื่อนั่นคือความสุขของคนที่ผมรัก . . .

   “ไปแอบรักใครที่ไหนอีกว่ะ  ใครคือผู้โชคร้าย”

   “มีแล้วกัน  ว่าแต่มึงเคยแอบรักใครมั้ย”

   . . . เคย  มึงไง  ผมตอบตัวเองเบา ๆ  แต่ไม่กล้าตอบมัน  ผมไม่เข้าใจ  ทำไมผมไม่ยอมบอกมันไป 

   “เออ  กูไม่ถามก็ได้  แต่กูอยากบอกมึงไอ้ม่อน  คนที่กูแอบรักเป็นผู้ชาย”

   “สาดดดดดดดดดดดดดด  อย่าบอกว่าแอบรักกู”  ผมยิ้ม  เพราะไอ้เพื่อนผมเวลาที่เมา  มันจะชอบพูดเล่นเรื่อย

   “เออ  มึงคือผู้โชคร้ายคนนั้นไอ้ม่อน”

   ผมนิ่งอีก . . .

   “ม่อน  ฟังกูอยู่มั้ย”

   “อือ  ฟัง”

   “ได้ยินชัดมั้ย  กูรักมึง”

   “เออ  ชัด”

   “มึงรักกูได้มั้ย”  มันถาม

   “ไอ้เหี้ยนี่  เมาแล้วเลอะเลือน”

   “กูไม่เมา  ไม่เมาโว้ย  เอางี้  รอกู  เดี๋ยวกูไปหา วันนี้วันเกิดมึง  กูจะไปอยู่กับมึง เอาของไปให้มึง  เอาหัวใจไปฝากมึงไว้  กูจะไปพูดให้มึงฟัง  ว่ากูรู้สึกกับมึงยังไง  แล้วมึงค่อยตอบกู  ว่ามึงรู้สึกยังไงกับกู”  มันกดวางสาย 

   ผมได้แต่นั่งนิ่ง . . .  ก่อนกดไปหามัน

   “ว่านครับ  ฝากข้อความไว้นะครับ”  ไอ้เหี้ย  มึงเล่นอะไรของมึง  ผมกดซ้ำไปอีกครั้ง  และมันก็เป็นข้อความแบบเดิม

   ผมได้แต่นั่งงง  มันกำลังทำอะไร  เรื่องที่ทันพูดกับผม  มันกำลังจะบอกอะไรผม  มันพูดจริงหรือพูดเล่น  ผมไม่รู้  แต่ผมรู้ว่าสิ่งเดียวที่ผมทำได้ในตอนนี้  คือ การรอ

   ผมรอมัน . . . . สองชั่วโมง  โทรไปหามัน . . .

   เหมือนเดิม . . . ฝากข้อความไว้

   จนเวลาเกือบเที่ยงคืน  เบอร์มันโทรเข้ามาใหม่  การรอคอยของผมสิ้นสุดลงแล้ว  ผมกดรับ 

   “ว่านเหรอ  ถึงไหนแล้ว”

   “ดิฉันโทรมาจากโรงพยาบาล  คุณวีรยุทธเกิดอุบัติเหตุค่ะ” 

   เสียงนั่น . . . เหมือนมีดกรีดในหัวใจผม  ผมชาวาบ  สมองรับฟังสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นโทรมาบอก  ผมได้แต่นิ่งเงียบ ไม่รับรู้กับสิ่งที่เคลื่อนไหว  นอกจากฟังเสียงจากปลายสาย ก่อนที่จะไปตามที่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลโทรมาแจ้ง  ในสมองมันมีแต่คำถาม

   ทำไม . . .

   . . . เกิดอะไร . . .

   เกิดอะไรกับว่าน . . .

   ผมไปถึงที่โรงพยาบาลได้อย่างไรก็ไม่รู้  ไฟสว่าง  แต่ผมเหมือนเดินไปในที่มืด  ผมกลัวจนแทบจะก้าวขาไม่ออก   เจ้าหน้าที่แจ้งว่ายังไม่ออกจากห้องฉุกเฉิน  ผมเหมือนคนที่โดนแช่แข็งไปแล้ว  ตอนนี้เหมือนผมโดนแช่ในโรงน้ำแข็ง . . .

   “นี่ของคนเจ็บค่ะ”  เจ้าหน้าที่เอาของใส่ถุงมาให้ผม

   ผมรับมันมาด้วยมือสั่นเทา . . .  ผมกลัว  กลัวอย่างที่สุดแล้ว  ตอนนี้ทำไมเวลามันช้าแบบนี้  ผมได้แต่นั่งนิ่ง ๆ  มือกำถุงที่พยาบาลเอามาให้ไว้แน่น  ก่อนที่จะเปิดมันดู . . . 

   มือถือ . .  .

   . . . กล่องของขวัญ . . .

   การ์ดมั้ง . . . ในซองนั่น  ผมหยิบมันมาช้า ๆ    ก่อนค่อย ๆ  เปิดมันออกมา    น้ำตาผมร่วงริน  เมื่อเห็นรูปที่อยู่ในซองนั่น . . . รูปผมกับมัน

   รูปใบนี้ถ่ายที่ปาย . . .

   ข้างหลังรูปถ่าย  ลายมือของมัน   อ่านยากชะมัด  แต่ผมอ่านได้ ผมชินกับลายมือที่มันเขียนมาตั้งนานแล้ว


   ไอ้ม่อน . . .


   ถ้ามึงเป็นผู้หญิง . . . กูคงบอกรักมึงตั้งแต่เดือนแรกที่รู้จักกัน

   แต่ . . . มึงเป็นผู้ชาย

   กูบอกมึงช้าไปเจ็ดปี . . . แต่มันคงไม่ช้าเกินไปใช่ไหม  กูรักมึง . . . มึงจะเป็นผู้ชายคนแรกที่กูรัก  และเป็นสิ่งมีชีวิตสิ่งสุดท้ายที่กูรัก . . .

                                                                                                         ว่าน




   ผมฟุบหน้าลงกับผ่ามือ  หมดเรี่ยวแรงที่จะยืนอยู่อีกแล้ว  ผมปล่อยให้เวลามันกลืนกินทุกอย่างไปแล้ว  สิ่งเดียวที่ผมทำได้ในตอนนี้  ผมขอให้มันปลอดภัย  ให้มันมีลมหายใจอยู่เท่านั้นเอง  บ่อยครั้งที่ผมเหลือบตามองไปที่หน้าห้องฉุกเฉิน

   ประตูบานนั้นเปิดออกมา  ผมปรี่เข้าไปหาหมอ . . .

   หมอส่ายหน้าแทนคำตอบ   ผมทรุดลงกับพื้น  ผมไม่รู้ว่าตอนนั้นมันคืออะไร  ความฝันหรือความจริงกันแน่  สิ่งเดียวที่ผมทำได้คือร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย  ผมมันโง่  ที่ปล่อยให้ทุกอย่างมันสายเกินไป  ทำไมผมไม่บอกมัน  ทำไมผมไม่กล้าบอกมันก่อนหน้านี้

   ถ้าผมบอกมันก่อน . . .

   มันคงไม่เป็นแบบนี้ . . .

   ผมฆ่ามันเหรอ  ผมฆ่าคนที่ผมรักที่สุดเพียงแค่ผมไม่กล้าบอก  ทำไมผมไม่บอกมันไปก่อนหน้านี้  ทำไมผมไม่ใช้โอกาส  ทำไมผมปล่อยโอกาสให้มันผ่านไป  คนที่ผมรักจากผมไปโดยที่ผมไม่เคยได้บอกสิ่งที่อยู่ในหัวใจผมเลย

   เสียงล้อบดกับพื้น  ราวกับใครมาควักหัวใจผมออกมาแล้วราดด้วยน้ำกรด   มันเจ็บปวดเจียนตาย  ผมอยากไม่หายใจเลยในเวลานี้  ผมมองตามรถเข็นที่ออกมาจากในห้อง  ผมมองร่างที่สงบนิ่งใต้ผ้าขาว  ตอนนี้  ใครก็ได้  บอกผมหน่อย  นี่คือฝันร้ายในคืนยาวนานของผมใช่ไหม  ใครก็ได้  บอกผมทีว่ามันไม่ใช่ . . . มันไม่ใช่ความจริง

   ความจริง . . . โหดร้ายนัก
   
   ผมสายตาพร่ามัว  เพราะน้ำตามันไม่หมด  มันไม่เคยหมดไปจากใจผมเลย  ตอนนี้ฝนตกหนัก เหมือนผม  น้ำตาผมไหลแรง  เมื่อผมมองภาพที่อยู่ในมือ  มองสิ่งที่มันผ่านมาแล้ว  สิ่งที่ผ่านมา  มันแก้ไขอะไรไม่ได้

   บางคน . . .  มีโอกาส  จากคนที่ตัวเองรัก  และเขาก็รักตัวเอง  แต่กลับไม่เลือกที่จะรัก  เลือกที่จะปล่อยให้โอกาสมันผ่านไป 

   แต่ . . . ใบหม่อน

   ไม่มีแม้โอกาสที่จะบอกรัก  เพราะไม่มีโอกาสสำหรับคนโง่ที่ปล่อยโอกาสหลุดลอยไป   มือผมเลื่อนไปเกาะกุมที่สร้อยคอด้วยความเคยชินในทุกครั้งที่ผมรู้สึกเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสจนแทบทนไม่ไหว

   สร้อยคอที่มีจี้เป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ V&M

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: C2U ที่ 01-05-2009 20:55:55
มาลงชื่อด้วยคน

๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie
๘. badcow

๙. SpiZy
๑o. happy_icekung69
๑๑. SomLove
๑๒. MIkz_hotaru
๑๓. mecon
๑๔. M@nfaNg
15. C2U

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 01-05-2009 21:15:09
 :beat: :beat:
แอบอู้
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: แก้ว ที่ 01-05-2009 21:21:56
มาลงชื่อด้วยคน

๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie
๘. badcow

๙. SpiZy
๑o. happy_icekung69
๑๑. SomLove
๑๒. MIkz_hotaru
๑๓. mecon
๑๔. M@nfaNg
15. C2U
16. แก้ว   

:o8:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: jackoo ที่ 01-05-2009 21:33:12
มาลงชื่อด้วยคน

๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie
๘. badcow

๙. SpiZy
๑o. happy_icekung69
๑๑. SomLove
๑๒. MIkz_hotaru
๑๓. mecon
๑๔. M@nfaNg
15. C2U
16. แก้ว   
17. jackoo
:o8:
ลงทะเบียนด้วยครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 01-05-2009 21:36:42
เบอร์ ๘ มาดันนะ
555
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 01-05-2009 22:13:17

  ร า ช บุ ต ร  .  .  .

. . .  ชื่อนี้ขอการันตีด้วย

'น้ำตา'

รับรองครับ  จะส่งให้อย่างนิ่มนวลที่สุดในตอนอวสาน

เหอะ ๆ ๆ ๆ   


 
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: myxt ที่ 01-05-2009 22:23:35
ลงชื่อด้วยคนค่ะ ^_^

0.๑ imon (รัดคิวเลย ขอคนน่ารักก่อนนะครับ จะรีบไป)
๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie
๘. badcow

๙. SpiZy
๑o. happy_icekung69
๑๑. SomLove
๑๒. MIkz_hotaru
๑๓. mecon
๑๔. M@nfaNg
๑๕. C2U
๑๖. แก้ว
๑๗. jackoo
๑๘. myxt
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: tamtam ที่ 01-05-2009 22:27:04
ลงชื่อด้วยคนค่ะ ^_^

0.๑ imon (รัดคิวเลย ขอคนน่ารักก่อนนะครับ จะรีบไป)
๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie
๘. badcow

๙. SpiZy
๑o. happy_icekung69
๑๑. SomLove
๑๒. MIkz_hotaru
๑๓. mecon
๑๔. M@nfaNg
๑๕. C2U
๑๖. แก้ว
๑๗. jackoo
๑๘. myxt
๑๙. tamtam
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 01-05-2009 22:30:25
ลงชื่อด้วยคนคราบ อิๆ
0.๑ imon (รัดคิวเลย ขอคนน่ารักก่อนนะครับ จะรีบไป)
๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie
๘. badcow
๙. SpiZy
๑o. happy_icekung69
๑๑. SomLove
๑๒. MIkz_hotaru
๑๓. mecon
๑๔. M@nfaNg
๑๕. C2U
๑๖. แก้ว
๑๗. jackoo
๑๘. myxt
๑๙. tamtam
๒๐. newykung
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: manie ที่ 01-05-2009 22:41:30
ลงด้วย คราวที่แล้วพลาด รักฤา ไปทีแล้ว
ลงชื่อด้วยคนคราบ อิๆ
0.๑ imon (รัดคิวเลย ขอคนน่ารักก่อนนะครับ จะรีบไป)
๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie
๘. badcow
๙. SpiZy
๑o. happy_icekung69
๑๑. SomLove
๑๒. MIkz_hotaru
๑๓. mecon
๑๔. M@nfaNg
๑๕. C2U
๑๖. แก้ว
๑๗. jackoo
๑๘. myxt
๑๙. tamtam
๒๐. newykung
๒๑. manie
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: zheeiiz* ที่ 01-05-2009 22:43:34
ขอด้วยน๊า

0.๑ imon (รัดคิวเลย ขอคนน่ารักก่อนนะครับ จะรีบไป)
๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie
๘. badcow
๙. SpiZy
๑o. happy_icekung69
๑๑. SomLove
๑๒. MIkz_hotaru
๑๓. mecon
๑๔. M@nfaNg
๑๕. C2U
๑๖. แก้ว
๑๗. jackoo
๑๘. myxt
๑๙. tamtam
๒๐. newykung
๒๑. manie
๒๒. zheeiiz*
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 01-05-2009 23:03:50
ทำไมต้องการันตีด้วย  น้ำตา

แค่นี้ก็ทรมานคนอ่านจะแย่แล้ว

ตาบวมไปหมด
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: chocolate_ness ที่ 01-05-2009 23:04:27
โหยยไม่ได้อ่านนิยายพี่ต้นตั้งนาน

คิ้ดถึ้งง คิดถึง อิอิ ของดีงี้ไม่ลงชื่อได้ไงละ
0.๑ imon
๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie
๘. badcow
๙. SpiZy
๑o. happy_icekung69
๑๑. SomLove
๑๒. MIkz_hotaru
๑๓. mecon
๑๔. M@nfaNg
๑๕. C2U
๑๖. แก้ว
๑๗. jackoo
๑๘. myxt
๑๙. tamtam
๒๐. newykung
๒๑. manie
๒๒. zheeiiz*
๒๓. chocolate_ness
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 01-05-2009 23:21:34

ขอด้วยนะคะ
๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie
๘. badcow
๙. SpiZy
๑o. happy_icekung69
๑๑. SomLove
๑๒. MIkz_hotaru
๑๓. mecon
๑๔. M@nfaNg
๑๕. C2U
๑๖. แก้ว
๑๗. jackoo
๑๘. myxt
๑๙. tamtam
๒๐. newykung
๒๑. manie
๒๒. zheeiiz*
๒๓. chocolate_ness
๒๔. patee
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: charus ที่ 02-05-2009 00:19:48
ขอกะเขาเหมือนกัน อิอิอิ
๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie
๘. badcow
๙. SpiZy
๑o. happy_icekung69
๑๑. SomLove
๑๒. MIkz_hotaru
๑๓. mecon
๑๔. M@nfaNg
๑๕. C2U
๑๖. แก้ว
๑๗. jackoo
๑๘. myxt
๑๙. tamtam
๒๐. newykung
๒๑. manie
๒๒. zheeiiz*
๒๓. chocolate_ness
๒๔. patee
๒๕. charus
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: Simply Blue ที่ 02-05-2009 01:35:05
รบกวนด้วยคนคร๊าบป๋ม 

๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie
๘. badcow
๙. SpiZy
๑o. happy_icekung69
๑๑. SomLove
๑๒. MIkz_hotaru
๑๓. mecon
๑๔. M@nfaNg
๑๕. C2U
๑๖. แก้ว
๑๗. jackoo
๑๘. myxt
๑๙. tamtam
๒๐. newykung
๒๑. manie
๒๒. zheeiiz*
๒๓. chocolate_ness
๒๔. patee
๒๕. charus
๒๖. Slice of life
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 02-05-2009 03:07:39
อ๊ากกก เดี๋ยวตกขบวนนน รบกวนด้วยคร๊าบบบ

๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie
๘. badcow
๙. SpiZy
๑o. happy_icekung69
๑๑. SomLove
๑๒. MIkz_hotaru
๑๓. mecon
๑๔. M@nfaNg
๑๕. C2U
๑๖. แก้ว
๑๗. jackoo
๑๘. myxt
๑๙. tamtam
๒๐. newykung
๒๑. manie
๒๒. zheeiiz*
๒๓. chocolate_ness
๒๔. patee
๒๕. charus
๒๖. Slice of life
๒๗. GivesZa
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 02-05-2009 03:09:12


อายุคนขอรวมกัน . . .

. . . คงแก่กว่า  

ราชอาณาจักรไทย อิอิอิ

กระทู้เช็คอายุ  เหอะ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: FiZZ ที่ 02-05-2009 03:56:30
ตอนนี้เหมือนอ่านไปก็เศร้าไป ซึ้งไป
เราน้ำตาไหลพร้อมอาแป้งเลย พี่โน๊ตสอนลูกเก่งนะ เลี้ยงมาได้ดีขนาดนี้อ่ะ
ถึงจะแสบไปบ้าง แต่ถ้าเลี้ยงมาแบบตัวเล็ก ก็น่าจะรอดในเยอรมันนะ ตัวอย่างก็มีแล้ว
พายุที่ว่านี่ ใช่อาแป้งเสียรึเปล่าหว่า อ่านแล้วนึกถึงตอนคุณพ่อเสียเลย มะเร็งเหมือนกัน  :m15:

ตอนนี้ยังอ่านรักฤๅผูกพันไม่จบเลยบอกไม่ถูกว่าสงสารใครมากกว่ากัน
รู้แต่ตอนนี้ ให้ใจพี่โน๊ตไปเต็มๆ

๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie
๘. badcow
๙. SpiZy
๑o. happy_icekung69
๑๑. SomLove
๑๒. MIkz_hotaru
๑๓. mecon
๑๔. M@nfaNg
๑๕. C2U
๑๖. แก้ว
๑๗. jackoo
๑๘. myxt
๑๙. tamtam
๒๐. newykung
๒๑. manie
๒๒. zheeiiz*
๒๓. chocolate_ness
๒๔. patee
๒๕. charus
๒๖. Slice of life
๒๗. GivesZa
๒๘. FiZZ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 02-05-2009 04:09:32
คุณ ต้นสาย นับยางงายนิ  มีแต่ละอ่อนท้างน้านนนนนน

0.๑ imon (รัดคิวเลย ขอคนน่ารักก่อนนะครับ จะรีบไป)
๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie
๘. badcow
๙. SpiZy
๑o. happy_icekung69
๑๑. SomLove
๑๒. MIkz_hotaru
๑๓. mecon
๑๔. M@nfaNg
๑๕. C2U
๑๖. แก้ว
๑๗. jackoo
๑๘. myxt
๑๙. tamtam
๒๐. newykung
๒๑. manie
๒๒. zheeiiz*
๒๓. chocolate_ness
๒๔. patee
๒๕. charus
๒๖. Slice of life
๒๗. GivesZa
๒๘. FiZZ
๒๙.namtaan

ขอบคุณคุณราชบุตรมากๆนะค้าบ จุ๊บๆๆๆๆ

อืมเรื่องสั้น  สั้น&เศร้า สุดๆ ได้อีกอ้ะ
 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: White..BroccO ที่ 02-05-2009 07:50:13
0.๑ imon (รัดคิวเลย ขอคนน่ารักก่อนนะครับ จะรีบไป)
๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie
๘. badcow
๙. SpiZy
๑o. happy_icekung69
๑๑. SomLove
๑๒. MIkz_hotaru
๑๓. mecon
๑๔. M@nfaNg
๑๕. C2U
๑๖. แก้ว
๑๗. jackoo
๑๘. myxt
๑๙. tamtam
๒๐. newykung
๒๑. manie
๒๒. zheeiiz*
๒๓. chocolate_ness
๒๔. patee
๒๕. charus
๒๖. Slice of life
๒๗. GivesZa
๒๘. FiZZ
๒๙. namtaan
๓๐. White..BroccO

ขอด้วยคน  :mc4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 02-05-2009 07:59:38

• อายุคนขอรวมกัน . . .

. . . คงแก่กว่า 

ราชอาณาจักรไทย อิอิอิ

กระทู้เช็คอายุ  เหอะ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
วุ้ย ลงชื่อไว้แล้ว จะแจกให้ชื่อละ ๕๐๐ ไหมคะนี่
ป.ล. แล้วมีรถรับ - ส่ง และอาหารกล่องพร้อมเครื่องดื่มด้วยรึไม่คะ หึหึ

ขอบคุณนะคะ คุณ ต้นสาย

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จ$
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 02-05-2009 13:13:20
0.๑ imon (รัดคิวเลย ขอคนน่ารักก่อนนะครับ จะรีบไป)
๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie
๘. badcow
๙. SpiZy
๑o. happy_icekung69
๑๑. SomLove
๑๒. MIkz_hotaru
๑๓. mecon
๑๔. M@nfaNg
๑๕. C2U
๑๖. แก้ว
๑๗. jackoo
๑๘. myxt
๑๙. tamtam
๒๐. newykung
๒๑. manie
๒๒. zheeiiz*
๒๓. chocolate_ness
๒๔. patee
๒๕. charus
๒๖. Slice of life
๒๗. GivesZa
๒๘. FiZZ
๒๙. namtaan
๓๐. White..BroccO
๓๑. zandwizz
ขอด้วยคนครับ ขอบคุณครับ  :mc4:


หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: birdy ที่ 02-05-2009 14:28:42
0.๑ imon (รัดคิวเลย ขอคนน่ารักก่อนนะครับ จะรีบไป)
๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie
๘. badcow
๙. SpiZy
๑o. happy_icekung69
๑๑. SomLove
๑๒. MIkz_hotaru
๑๓. mecon
๑๔. M@nfaNg
๑๕. C2U
๑๖. แก้ว
๑๗. jackoo
๑๘. myxt
๑๙. tamtam
๒๐. newykung
๒๑. manie
๒๒. zheeiiz*
๒๓. chocolate_ness
๒๔. patee
๒๕. charus
๒๖. Slice of life
๒๗. GivesZa
๒๘. FiZZ
๒๙. namtaan
๓๐. White..BroccO
๓๑. zandwizz
๓๑. birdy

เป็นอีกหนึ่งเรื่องของ คุณราชบุตร ที่ประทับใจ ขอด้วยคน ขอบคุณยิ่ง ยิ่ง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: Kirimanjaro ที่ 02-05-2009 14:45:14
ให้ตายเถอะพี่   เรื่องสั้นยังไม่วายเศร้า   :sad4:

โอย...




ว่าแต่เขาลงชื่อทำไมกัน  ไม่รู้ล่ะ  ลงเนียน  ๆ เดี๋ยวค่อยย้อนกลับไปอ่าน 555+




๐.๑ imon (รัดคิวเลย ขอคนน่ารักก่อนนะครับ จะรีบไป)
๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie
๘. badcow
๙. SpiZy
๑o. happy_icekung69
๑๑. SomLove
๑๒. MIkz_hotaru
๑๓. mecon
๑๔. M@nfaNg
๑๕. C2U
๑๖. แก้ว
๑๗. jackoo
๑๘. myxt
๑๙. tamtam
๒๐. newykung
๒๑. manie
๒๒. zheeiiz*
๒๓. chocolate_ness
๒๔. patee
๒๕. charus
๒๖. Slice of life
๒๗. GivesZa
๒๘. FiZZ
๒๙. namtaan
๓๐. White..BroccO
๓๑. zandwizz
๓๑. birdy
๓๒. Kirimanjaro

 :L2:





ปล. รู้ล่ะว่าเขาขอเรื่องอะไรกัน
ผมขอเรื่องรักเอยนะครับ  ชอบไอ้โอ๊ตมันน่ะ  แสบได้โล่ห์



แต่พี่นิดนึง

นิมิตหมาย เขียนงี้เด้อ  เพราะ  นิมิตร  ไม่มีความหมายครับ  โทษทีที่ติงนะคร้าบ  พอดีมันเป็นประโยคปิดท้ายมันเด่นอ่ะพี่
 
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 02-05-2009 19:04:39

^

^

^

แต๊งค์  ตามไปแก้ . . .

. . . คิดถึงน้องแทน

ปล.  เอาน้องโอ๊ตพี่ไปร่วมวงพลพรรครักคนหื่นของน้องแทนได้นะ  พี่อนุญาต




ตอนที่ ๑๙

   แม่หลับไป  อาจเพราะอ่อนเพลียมากสำหรับวันนี้    ผมนั่งอยู่ใกล้ ๆ  แม่ที่เตียง  คนป่วย  ส่วนพี่โน้ตนั่งอยู่อีกฝั่งตรงกันข้าม  ผมนั่งมองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าผม  ผู้ชายคนเดียวที่ติดตาตรึงใจของผมตลอดมา  ผมไม่มีแม้คำพูดใด ๆ  ออกมา  ทั้ง ๆ  ที่ก่อนหน้านี้  ผมเคยคิด . . .


   . . . หากผมเจอพี่โน้ตอีกสักครั้ง

   ผมจะถามทุก ๆ  อย่างที่มันค้างคาหัวใจผม  ผมจะถามว่าทำไม  พี่โน้ตทิ้งผมไป  ผมทำอะไรผิด  แต่ตอนนี้นอกจากคำถามของผมจะไม่มี  ผมยังไม่มีข้อเรียกร้องหรือข้อต่อรองใด ๆ  หลงเหลืออยู่อีกเลย

   หมดคำถามที่คั่งค้างในหัวใจ   ไม่มีอะไรอีกที่ติดอยู่ในความรู้สึก  หากจะมีก็คงเป็นตะกอนของสิ่งที่เรียกว่า . . .

   . . .  ความรัก

   สำหรับผม  มันคงจบลงแล้ว  จบลงพร้อม ๆ  กับหัวใจที่คล้ายโดนกักขังโดนปลดปล่อย  เป็นความสุขที่ผมเองก็ไม่รู้จะอธิบายได้อย่างไร  ผมนั่งมองคนเบื้องหน้าอย่างไม่รู้จักเบื่อหน่าย  แววตานั้นอ่อนโยนกว่าเมื่อก่อน

   แววตาที่มีแต่ความห่วงหาอาทร . . .

   ผมยิ้มบาง ๆ  กับคนตรงหน้า  คนที่ผมรู้สึกอบอุ่นเวลาที่อยู่ใกล้ ๆ  คนที่ไม่เคยหยิบยื่นความเจ็บปวดให้ผมเลย  เพราะทุก ๆ  อย่างที่แปลว่าความเจ็บปวด  เขาจะเก็บและกอดมันเอาไว้คนเดียวเสมอ

   คนที่นั่งข้างหน้าผมในตอนนี้ . . .

   . . . ผมจำได้ดี  ทุก ๆ  อย่างที่รวมเป็นพี่โน้ตตราตรึงในหัวใจผมเสมอ

   แม้พี่โน้ตจะมีริ้วรอยแห่งอายุเพิ่มขึ้น . . .

   . . . แต่

   . . . ผมกลับรู้สึกว่า  ผู้ชายตรงหน้าผมคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้วในชีวิต ๆ  นึงที่รวมกันเป็นผม  ผมไม่รู้จะบอก  ไม่มีคำพูดใด ๆ  ที่ผมจะสรรหามาเพื่อจะทำให้คนตรงหน้าเข้าใจกับสิ่งที่หัวใจของผมมันรู้สึกในเวลานี้ 

   ผมไม่รู้จะขอบคุณอย่างไรกับทุก ๆ  เรื่อง  ทุก ๆ  อย่างที่คน ๆ นึงทำมาเพื่อผม 

   สิ่งเดียวที่ทำได้  คือขอบคุณด้วยหัวใจที่ผมมี . . .

   . . . หัวใจทั้งดวง  ผมให้คนที่นั่งอยู่ข้างหน้า  หัวใจรักที่มั่นคงของพี่โน้ต  ผมตอบแทนแล้วด้วยหัวใจที่มั่นคงจากใจของผมเช่นกัน

   “มองอะไร  พี่เห็นเรามองตั้งนานแล้ว”  รอยยิ้มนั้นอ่อนโยนอย่างที่สุด  แววตานั้นเป็นประกายด้วยความรักและความสุขสมหวัง

   “มองพี่โน้ต  อยากมอง”

   ผมอยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้  ไม่อยากให้เวลาผ่านไปเลยสักเสี้ยววินาทีเดียว  อยากเก็บทุก ๆ  อย่างที่ผมเห็นอยู่ตอนนี้เป็นความทรงจำในส่วนลึกที่สุดในหัวใจของผม  เป็นความสุขในวันที่ผมอ่อนล้า  ผมจะนึกถึงเวลานี้  ตอนนี้  ตอนที่ผมได้นั่งมองพี่โน้ตแบบนี้ . . .

   “อย่ามองมาก  พี่เขิน” 

   “อายุขนาดนี้อีกมาทำเขิน” 

   ผมยิ้ม  เมื่อเห็นหน้าพี่โน้ตเริ่มแดง    เจ้าตัวนั่งก้มหน้าด้วยความอาย  ผมอดขำไม่ได้  แบบที่พี่โน้ตเป็นน่าจะเป็นเด็ก ๆ  มากกว่าที่จะมีกิริยาแบบนั้น 

   หากแต่ . . .

   . . . เรื่องแบบนี้  ว่ากันไม่ได้  ห้ามกันไม่ได้

   “ความเขินมันจำกัดช่วงอายุเวลาด้วยหรือ”  แววตานั้นอ่อนโยนยามมองมาที่ผม  เป็นแววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยอยู่เต็มหัวใจ

   แววตาที่ผมคุ้นเคย . . .

   . . . ผมจำแววตาแบบนี้ได้ดี  จำได้ดีอย่างที่สุดกับแววตาที่ทอดมองผมมายามนี้

   ครั้งแรก . . .

   ตอนพี่โน้ตช่วยผมมาจากสระบัว  เมื่อนานมาแล้ว  แววตาที่มองผมเหมือนกลัวว่าผมจะหายไปจากชีวิต  แววตาที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก  ห่วงหาอาทร  และห่วงใยต่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า   แววตาที่เป็นตัวบอกทุก ๆ สิ่งทุก ๆ  อย่าง

   . . . แววตาที่ผมเองก็แปลความหมายไม่ออกในเวลานั้น

   ครั้งที่สอง . . .

   ตอนที่ผมหลงป่าเมื่อรู้ว่าพี่โน้ตกำลังจะไปเยอรมัน . . .

   . . . ผมกลัวไปหมดในเวลานั้น  ความมืดที่ปกคลุมรอบ ๆ  ตัว  อากาศที่เริ่มเย็นลอยมาปะทะผิว  ผมกลัวที่สุดในชีวิตแล้ว . . . 

   . . .กลัวพี่โน้ตจากไปอย่างนึงล่ะ

   กลัวสัตว์ป่า  กลัวตาย . . .

   แต่ทันทีที่ผมได้ยินเสียงพี่โน้ต  ความกลัวที่มีหายไปครึ่ง และมันหายไปหมดทั้งหัวใจเมื่อผมเจอแววตาที่มองมา  แววตาที่ทอดมองด้วยความรักทั้งหมดเท่าที่คน ๆ นึงจะรักใครอีกคนได้   

   . . .ความเหน็บหนาวที่เกาะกินหัวใจของผมหายไปหมดสิ้น  ไม่มีความกลัวใด ๆ  หลงเหลืออยู่ในหัวใจอีกเลย 

   แม้มันจะมืด . . . 

   . . . แต่แววตานั้นสว่าง   

   สว่างกว่าดวงดาราดารดาษเหนือฟากฟ้าเขาคอหงส์คืนนั้นเสียอีก แววตาที่มีความรักนำทางของหัวใจผม  ทำให้ผมได้สัมผัสมันได้ดีที่สุด . . .

   ครั้งที่สาม . . .

   ในคืนที่ผมหงุดหงิด เพราะเรื่องที่ผมเห็นเมื่อตอนเย็น  กับสิ่งที่ผมคาดหวังว่าจะได้ยินมันที่สะพานติณฯ  แต่พี่โน้ตกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  วันนี้ไม่มีความสำคัญอะไรเลยสำหรับคนแบบพี่โน้ต  ผมไม่เคยอยู่ในสายตา  คือความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่ผมเฝ้าคิดไปเองฝ่ายเดียว

   ในคืนที่ฟ้ามืดมิด  มีเพียงแสงจากเพ็ญโพยมอาบไล้ใบหน้าพี่โน้ต  รอยยิ้มนั้นอ่อนโยนกว่าแสงจันรา  บนยอดเขาตังกวนที่สงขลา  ในคืนที่มีคน ๆ  นึงจับมือผมเอาไว้ 

   ความรักค่อย ๆ แผ่จากมือพี่โน้ต  มาสู่มือของผม  ก่อนที่มันจะแล่นเข้าสู่หัวใจของผมอย่างช้า ๆ   คนที่ยิ้มกว้าง  จ้องหน้าผม  แล้วบอกความรู้สึกทั้งหัวใจ . . .

   . . . ไม่ใช่แหวนหมั้น  ไม่ใช่แหวนแต่งงาน  แต่เป็นแหวนแทนความรักทั้งหมดที่พี่มีให้กับคนคนนึง  คนเดียวที่พี่จะรักได้ในชีวิตนี้    จำไว้นะ  อย่าลืมฉัน . . . แม้รักร่วมสวมใส่ไว้ติดกาย  เมื่อใดวายสวาทวอดจึงถอดเอย . . .

   คืนที่ผมยอม . . .

   . . . ยอมมอบทั้งกายทั้งหัวใจให้พี่โน้ต

   ครั้งที่สี่ . . .

   ในวันที่ในตกหนัก ก่อนน้ำท่วมหาดใหญ่เมื่อปีสามหนึ่ง  ในเวลาที่ผมต้องการใครสักคน  คนที่ฝ่าพายุลุยฝนมายืนอยู่ตรงหน้าผม  ไม่ใช่คนอื่นไกล  เป็นคนเดียวกับที่หัวใจผมมอบให้ไป  แววตาแบบนี้  ผมมองไม่เคยเบื่อ  เพราะแววตาแบบนี้จะเข้ามาหาผมยามที่ผมอ่อนล้า  และต้องการที่พึ่งพิงเสมอ  ผมโชคดี  โชคดีกว่าใคร ๆ  ทั้งหมดบนโลกใบนี้

   ผมเจอผู้ชายกลางสายฝนที่น่ารักที่สุดในโลก . . .

   ครั้งที่ห้า . . .

   ที่สถานีรถไฟบางซื่อ  ผมเห็นชัด  แววตาที่ห่วงใยผมยิ่งสิ่งใดทั้งหมด  เป็นแววตาที่มีทั้งความรักและการจากลา  เพียงแต่ผมไม่เคยเฉลียวใจว่ามันจะเดินมาหาผมเร็วแบบนั้น  เพราะแววตาที่ผมเห็น  เป็นแววตาของคนที่ผมรัก 

   แต่ . . .

   . . . มันคือแววตาที่ซ่อนเอาความเจ็บปวดเอาไว้อย่างที่สุดเช่นกัน

   ในเวลานี้ผมอยากเดินไปหาพี่โน้ต  อยากจูบที่ดวงตาคู่นั้นดวงตาที่มองผมยามนี้  ไม่แตกต่างอะไรจากที่ผ่าน ๆ  มาเลย 

   เวลาอาจเปลี่ยนแปลง . . .

   . . . มีใจคนนึง  ไม่เปลี่ยนตาม

   “พ่อ . . .”  ไอ้ตัวแสบโผล่มาหลังจากหายลงไปนาน

   “ว่าไง  หายไปไหนมานี่”  พี่โน้ตดึงโอ้ตมากอดเอาไว้   เหมือนที่พี่โน้ตเคยกอดผมเอาไว้ในตอนเด็ก ๆ  มันเป็นภาพความสุขที่ผมไม่เคยเจอมานาน

   “โอ๊ตลงไปซื้อของกินมา ตั้งแต่เมื่อเช้าอาโอห์มยังไม่ได้กินอะไรเลย . . .”    เจ้าตัวชี้ไปที่ถุงของกินที่วางเอาไว้

   “. . . ของพ่อด้วย โอ๊ตซื้อกะเพรากุ้งที่พ่อชอบมาด้วย”

   “อยู่กับอาโอห์มดื้อมั้ย”

   “ไม่มีอ่ะ  โอ๊ตไม่เคยดื้อจริงไหมครับอาโอห์ม”

   “ดื้อที่สุด  ไม่มีอะไรจะหาความหมายแทนคำนี้ได้อีก”  ผมหันไปยิ้มกับพี่โน้ต  ยืนยันในสิ่งที่ได้เจอมาตั้งแต่มีไอ้ตัวแสบเข้ามาในชีวิต

   “แบบนี้โอ๊ตตายดิ  พ่อเชื่อใคร”  ไอ้ตัวแสบมันหอมแก้มซ้ายแก้มขวาพี่โน้ต  ผมละอ่อนใจกับไอ้ตัวแสบจริง ๆ

   วิธีการหาพวกของมัน . . .

   . . . เหมือนภาพสะท้อนที่เกิดขึ้นในกระจกเงา

   “พ่อเชื่ออาโอห์ม”  พี่โน้ตยิ้ม  เอามือหยิกแก้มไอ้ตัวแสบเบา ๆ

   “อะไรว๊า  นี่ลูกนะ”

   “ก็ดื้อแน่ ๆ  อาโอห์มเคยดื้อกับพ่อแบบไหน  โอ๊ตก็คงดื้อกับอาโอห์มแบบนั้น”  พี่โน้ตกอดโอ๊ตเอาไว้โยกตัวไปมา

   ผมมองสิ่งที่พี่โน้ตทำ . . .

   . . . พ่อที่รักลูก  เป็นความรักที่เห็นด้วยสองตา  สัมผัสได้ด้วยหัวใจ  ผมยิ้ม  มีความสุขกับคนที่ผมรัก  คนที่รักคนอื่นมากกว่าตัวเอง  มีความสุขแบบนี้เอง  ความรักที่พี่โน้ตมีให้คนรอบ ๆ  ตัวงดงามเสมอ

   “ไม่เอาแล้ว  เดี๋ยวโอ๊ตไปแกะอะไรอร่อย ๆ  ให้พ่อทานดีกว่า  โอ๊ตรู้น่า . . .”    มันหันมามองพี่โน้ตแบบรู้ทัน

   “. . . ยังไม่ได้กินอะไรเหมือนกันอะดิ๊  ตื่นเต้นที่ได้เจอหัวใจจนลืมลูก  ลืมหิว”

   “นี่แน่ะ”  พี่โน้ตเอามะเหงกเคาะกบาลโอ๊ตเบา ๆ

   “โอ้ย!  เจ็บนะเนี่ย . . .”  มันเอามือลูบหัวที่โดนเขกป้อย ๆ

   “. . . ไม่ติดว่าเป็นพ่อนะ  มีเอาคืน”  โอ๊ตยิ้ม  ทำนิ้วฝากเอาไว้

   พี่โน้ตยิ้มกว้าง  ส่ายหน้าเบา ๆ  กับไอ้ตัวแสบ  ผมไม่รู้เหมือนกันว่าภาพที่เห็นมันคือความจริงหรือความฝันกันแน่  แต่สิ่งเดียวที่ผมสัมผัสได้ในเวลานั้น  คือความรักที่อบอวลอยู่รอบ ๆ  ตัวเรา  แม้ไม่ใช่ความรักแบบที่หัวใจเราปรารถนา  แต่มันก็คือรูปแบบหนึ่งของความรักมิใช่หรือ

   ความรัก . . .

   . . . มีแบบเสียที่ไหน ?

   “มาเร็วพ่อ  อาโอห์มมากินเร็ว”  ไอ้ตัวแสบกวักมือเรียก

   “น่ากินนะเนี่ย  โอ๊ตไปซื้อที่ไหนมา”  ผมเห็นอาหารตรงหน้า  มันยั่วน้ำลายไม่หยอก

   “เอาน่า  กินเหอะ  อย่าถามเลย  รู้แต่ว่าอร่อยก็พอ”  มันยิ้ม  ก่อนที่จะเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำดื่มออกมา

   “วันนี้โอ๊ตบริการเต็มที่คร๊าบ . . .”   ไอ้ตัวแสบ รินน้ำใส่แก้วสองแก้สว  ก่อนเดินเอามาวางที่โต๊ะ

   “. . . ใครอยากได้อะไรเพิ่มสั่งได้คร๊าบบบบบ  โอ๊ตบริการสุดหัวใจเลย”

   พี่โน้ตมองหน้าโอ๊ตขมวดคิ้ว . . .

   “ทำดีแบบนี้  จะเอาอะไรอีก”

   “โหพ่อรู้ทันอีก  ว๊า”  มันมานั่งใกล้ ๆ  พี่โน้ต

   พี่โน้ตค่อย ๆ  ใช้ช้อนตัดหางแข็งของกุ้ง  ก่อนที่จตักกุ้งตัวนั้นมาวางไว้ที่จานของผม  ผมนะหรือ  ตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก  ทุก ๆ  อย่างในวันนี้เหมือนวันก่อนเมื่อเกือบยี่สิบปีที่ผ่านมา  ทุก ๆ  อย่างพี่โน้ตทำได้ดีเหมือนวันก่อน

   “ขอบคุณครับ”  ผมเงยหน้าไปยิ้ม

   “กะเพรากุ้งหวานแน่แฮะ . . .”  มันพูดลอย ๆ  กับอากาศ

   “. . . ไอ้เรารึอุตส่าห์บอกแล้ว  ว่าไม่ใส่น้ำตาล  แม่ค้านี่ไม่ไหว  กะเพรากุ้งจานนี้พ่อว่ามันเลี่ยนมั้ยพ่อ”  ไอ้ตัวแสบอมยิ้ม

   “ทะลึ่ง”

   “ลูกไม้หล่นไกลต้นเสียที่ไหน  ว่ามั้ยอาโอห์ม”

   “ไม่รู้”  ผมก้มหน้าตักข้าวเข้าปาก  ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด  เพราะหาไม่แล้วจะไม่ทันเหลี่ยมไอ้ตัวแสบแน่ ๆ

   พ่อเขาสอนมาดี . . .

   . . . เรื่องเจ้าเล่ห์นี่หาตัวจับยาก

   “ตกลงจะขออะไรนี่  ทำดีขนาดนี้”

   “คนหล่อขอทำดีไม่ได้เหรอพ่อ”  มันยิ้มตาหยี

   “ไม่เคยเชื่อ  ไม่เคยเชื่อว่าคนหล่อขอทำดี  เพราะหากมาไม้นี้  รับรองไม่เสียตังค์  ก็ต้องอะไรสักอย่างแน่ ๆ”  พี่โน้ตยิ้มแบบรู้ทัน

   “เกลียดจังคนรู้ทัน”

   “ไม่รู้ทันโอ๊ต  จะเป็นพ่อโอ๊ตได้เหรอ . . .”  พี่โน้ตหัวเราะเบา ๆ

   “. . . ตกลงที่ประจบขนาดนี้จะเอาอะไรอีก  ไอ้ตัวแสบ”

   “โอ๊ตจะขอพ่อไปนอนที่คอนโดไอ้ออฟคืนนี้  พ่อจะว่าอะไรไหม”  โอ้ตทำตาละห้อย  ประมาณว่า  ออดอ้อนสุดชีวิต

   “ไม่ให้ไป”  พี่โน้ตมองหน้า

   “อะไรว๊า”

   “พ่อมาทั้งทีจะไปนอนกับเพื่อนได้ไง”  พี่โน้ตยิ้ม

   “น่านะพ่อนะ  ให้โอ๊ตไปนะ”  มันเขย่าขาพี่โน้ตเบา ๆ  แบบเด็กที่รบเร้า  อยากได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ

   “ขอคิดดูก่อน  ยังไม่มืดเลย”

   “ให้ไปเหอะ  แล้วพ่อจะขอบใจโอ๊ต”  ไอ้ตัวแสบทำตาเจ้าเล่ห์ใส่พี่โน้ต

   “ทำไมต้องขอบใจ”  พี่โน้ตขมวดคิ้ว

   “อนุญาตก่อนแล้วโอ๊ตจะบอกว่าทำไมต้องขอบใจโอ๊ต”  ไอ้ตัวแสบยักคิ้วแบบคนที่เป็นต่อ  ผมอดยิ้มไม่ได้ 

   ภาพโอ๊ต . . .

   . . . เหมือนผมสมัยเด็ก ๆ  ยังไงไม่รู้

   “คืนเดียว  พ่อยอมให้โอ๊ตไปค้างแค่คืนเดียว”

   “ทีตอนอยู่หาดใหญ่ทั้งอาทิตย์ยังไม่ว่าเลย  คนเรา”  มันทำหน้าหงอย

   “ที่นี่ไม่ใช่บ้านเรา  คืนเดียวจะเอาไหม”

   “ก็ได้  คืนเดียวก็คืนเดียว  แต่อย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน  ที่อนุญาตโอ๊ตแค่คืนเดียว”  มันยักคิ้วข้างเดียวใส่พี่โน้ตซะงั้น 

   “ทำไมพ่อต้องเสียใจ”

   “ไม่รู้  ไม่บอก”  โอ๊ตลอยหน้าลอยตา

   ผมยิ้มกับสิ่งที่เจอ  บางทีนี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่คนดี ๆ  แบบพี่โน้ตได้รับของขวัญแห่งการทำดีคิดดี  สิ่งที่ดีที่สุดที่มีลมหายใจ  มีความรู้สึก  และสัมผัสได้กับสิ่งสิ่งนั้น  ผมหายสงสัยว่าเรื่องที่เกิดขึ้นพี่โน้ตผ่านมันมาได้อย่างไร

   โอ๊ต . . .

   . . . คือทุกอย่างของคำตอบทั้งหมด

   “พ่อยอมโอ๊ตแค่คืนเดียวเท่านั้นนะรู้ไหมครับ”  พี่โน้ตรวบช้อน เมื่อกินหมด 

   ไอ้ตัวแสบรับจานจากผม  จากพี่โน้ตก่อนเดินเอาเข้าไปล้างที่ในห้องน้ำ

   “โอ๊ตน่ารัก”  ผมมองไปทางห้องน้ำ  ยิ้มกับเงาราง ๆ  ที่เห็น

   “สิ่งเดียวที่ทำให้พี่มีลมหายใจบนโลกนี้ได้”  พี่โน้ตยิ้ม ก่อนหันไปมองยังจุดหมายเดียวกับผม 

   ผมยิ้ม  เข้าใจดีกับสิ่งที่พี่โน้ตพูด . .

   . . . เป็นผมก็คงรู้สึกแบบนั้นเช่นเดียวกัน

   ไม่มีอะไรที่จะมีค่ามากที่สุดในชีวิตมากไปว่าเลือดเนื้อเชื้อไขของเราเอง  ในความโชคร้ายของพี่โน้ต  ยังมีสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตแฝงอยู่  และน่าจะเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดที่ในชีวิตนี้พี่โน้ตก็คงจะหามันไม่ได้แล้ว  ไม่มีวันหาสิ่งนั้นได้อีกแล้ว

   ผมหายสงสัย . . .

   . . . โน้ตต่างหากที่ต้องขอบใจแม่  ขอบใจที่แม่ให้สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตโน้ต  นอกจากโอ้ตแล้ว  ชีวิตโน้ตมีแค่โอห์ม . . .

   คำพูดของพี่โน้ต  ออกมาจากหัวใจของพี่โน้ตจริง ๆ  เป็นคำขอบคุณจากหัวใจคน ๆ  นึงสู่หัวใจของคนอีกคนหนึ่ง

   ผมเชื่อ . . .

   . . . สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตพี่โน้ต อยู่ในสายตาของผมกับพี่โน้ตในตอนนี้

   ไอ้ตัวแสบเดินยิ้มออกมาจากห้องน้ำ  มันใช้ผ้าเช็ดมือก่อนเดินมาที่ใกล้ ๆ  พี่โน้ต  มันเข้าไปกอดพี่โน้ตเอาไว้  คลอดเคลียเหมือนเด็ก ๆ  ผมอดที่จะยิ้มกับสิ่งที่เห้นไม่ได้  ภาพที่พ่อกอดลูกเอาไว้  เหมือนกับที่ผมเคยได้รับตอนที่พ่อย้ายมาอยู่ระยอง . . .

   “โอ๊ต  เสร็จแล้ว  ขอไปหาออฟเลยนะพ่อ”

   “ไหนบอกมืด ๆ ไง”  พี่โน้ตลูบหัวโอ๊ตเบา ๆ

   “ก็พ่อยอมแค่คืนเดียวเอง”  มันทำหน้าหงอย

   “ไม่ใช่บ้านเรา  พ่อบอกแล้ว”  พี่โน้ตยิ้ม

   “แล้วอย่ามาเสียใจ”  มันคลายวงแขนจากพ่อก่อนแบมือ

   “อะไรอีก”

   “ใจคอไม่ให้ลูกติดกระเป๋าไว้หน่อยหรือ  ลูกหลงกรุงเทพฯ  ขึ้นมาจะทำยังไง  จะตามหากันยังไงล่ะคุณพ่อ”  มันยิ้ม  เมื่อพี่โน้ตล้วงธนบัตรราคาสูงสุดวางไว้บนมือ

   “โอ๊ตรักพ่อที่สุดในโลกเลย . . .”  ไอ้ตัวแสบหอมซ้ายหอมขวา  ก่อนผละออกเดินไปที่เป้ใบเล็ก  ซึ่งมันสะพายติดตัวเป็นประจำ

   “. . . งั้นโอ้ตไปหาออฟมันนะพ่อ  อาโอห์ม  บอกย่าแป้งด้วย  พรุ่งนี้โอ๊ตจะมาใหม่”

   “คืนนี้โทรหาพ่อด้วย”

   “ไม่อ่ะ  ไม่โทร”  มันหันมายักคิ้ว

   “ไอ้ลูกคนนี้”  พี่โน้ตยิ้ม

   “เอาเป็นว่าโอ้ต  เม็ดเส็ดมาหาพ่อล่ะกัน  ไม่อยากโทรมาหร๊อก  ไม่อยาก . . .”  มันทำหน้าทะลึ่งก่อนหันมายิ้มกับผม

   คราวนี้ผมกระจ่างแก่ใจ . . .

   “โอ๊ต”  ผมมองหน้าจ้องตานิ่ง

   “อาโอห์มฉลาดสมเป็นอาโอ๊ตจริง ๆ  ไม่เหมือนพ่อ . . .”  มันสะพายเป้เข้ากับไหล่  ก่อนเดินมาใกล้ ๆ  ผม

   “. . .ขอโอ๊ตกอดหน่อย”  มันโผมากอดผมเอาไว้

   “พ่อนะแกล้งโง่อ่ะอาโอห์ม”  มันกระซิบที่ข้างหูผมเบา ๆ

   “ทะลึ่ง”

   “เอาน่า  โอ๊ตเข้าใจ”  มันหัวเราะเบา ๆ  ก่อนปล่อยผมจากอ้อมกอด

   “ตกลงคืนนี้โทรมั้ยนี่”  พี่โน้ตมองหน้า

   “ไม่โทรครับพ่อ”

   “ทำไม  พ่อขอเหตุผล”

   “ไม่มีเหตุผลครับ”  มันยังยั่วพี่โน้ต  แต่หางตาแอบชำเลืองมาที่ผม

   ผมน่ะ . . .

   . . . อยากตบกบาลมัมนจริง ๆ  พับผ่า

   “เดี๋ยวพ่อก็ไม่ให้ไปค้างกับออฟเลย”

   “อนุญาตแล้วคืนคำ  ขอให้ท้องเสียจู้ด ๆ . . .”  โอ๊ตทำปากจู๋

   “. . . เอาน่า  โอ๊ตรู้น่า  มาขอลูกหอมพ่อที”  โอ๊ตโผไปจูบที่แก้มพี่โน้ตอีกครั้ง

   “ไอ้ลูกคนนี้”  พี่โน้ตขยี้หัวโอ๊ตเบา ๆ

   “ตกลงให้แค่คืนเดียวจริงนะ”  มันมองหน้าพี่โน้ต

   “คืนเดียว”

   “โอ๊ตล่ะเสียใจแทนพ่อจริง ๆ  มีที่ไหนลูกเปิดโอกาสขนาดนี้ยังไม่คว้าเอาไว้อีก  ห่างกันตั้งสิบแปดสิบเก้าปี  มีโอกาสแค่คืนเดียวเท่านั้น  ลูกไม่โทรนะพ่อ  ไม่อยากขัดจังหวะ”    ปากมันพูดแต่มันหันมามองทางผม

   ผิดที่ผมคิดเสียที่ไหน . . .

   . . . แม่งเจ้าเล่ห์

   “เฮ้ย  งั้นจะเอากี่คืนอาทิตย์นึงพ่ออนุญาต”

   “เสียใจพ่อ  เพราะคืนเดียวเท่านั้น  โอ๊ตถามพ่อตั้งหลายครั้ง  พ่อยังยอมแค่คืนเดียวจะม่เปลี่ยนใจตอนนี้สายไปแล้วคุณพ่อที่ร๊ากกกกกกก  เพราะหลังจากคืนนี้ โอ๊ตจองนอนกลาง  อย่าหวังเลยว่าจะมีโอกาสงาม ๆ  แบบนี้อีก”  มันยิ้ม  ทำหน้ากวน ๆ  ก่อนก้มหัวให้พี่โน้ตแล้วเดินจากไป

   ผมน่ะแทบจับมันมากอดให้หายแค้น . . .

   . . . ไอ้คนเจ้ามารยา  เห็นท่างานนี้ผมเจอหินเข้าแล้ว

   
      
   

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 02-05-2009 19:21:20
โอ๊ตน่ารัก ว่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 02-05-2009 19:22:57

ว้าย โอ๊ตกับออฟ.......   :eiei1:
ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 02-05-2009 19:35:55


น้องโอ๊ต . . .

. . . .ไมอ่านไปเห็นหน้าน้องโอ๊ตแบบนี้หว่า



(http://img136.imageshack.us/img136/8884/a791625564.jpg)




(http://img136.imageshack.us/img136/7171/9a09a0f07f.jpg)




(http://img136.imageshack.us/img136/3714/a1d872d466w.jpg)




(http://img136.imageshack.us/img136/9843/e298f36c24.jpg)



(http://img136.imageshack.us/img136/6155/f3a88c1d71q.jpg)

ไม่ไหวแร่ะครับพี่น้อง . . .

. . . โอ๊ตทำพี่หัวใจหวั่นไหว 


หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: charus ที่ 02-05-2009 19:54:32
ออฟเป็นใครน่ะ

แล้วโอ๊ตไปหาออฟทำไมว้า
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 02-05-2009 19:56:25
/\
/\
/\
จิ้ม พี่ต้นสาย  

 :man1:  ด้วยฟามคิดถถึง  

ปล. มาทวงนิยายอ๊ะ ยังค้างอยู่เลยย o18



เรื่องนั้นต้องไปทวงกับ . . . คุณต้นสาย  เค้าเอง

ส่วนเรื่องใหม่ . . .

. . . คิดแล้วต้องเขียนสิ

เลี่ยงคำครหาใด ๆ  เลยออกแยวแฟนตาซีการเมืองดีกว่า

ตามมาเลยครับ


เค กับ ม่อน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=9797.0)  กดตรงนั้นแหละ  ยังมะมีชื่อเรื่องอะ  อ่านไปก่อนล่ะกัน

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: Just Kidding ที่ 02-05-2009 20:08:22
โอยยยยยย น้องโอ๊ตคร้าบ  จะน่ารักไปไหนอ่ะ  :haun4:


คิดถึงพี่ราชบุตรเหมียนกัลล์ครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 02-05-2009 20:11:37
ออฟเป็นใครน่ะ

แล้วโอ๊ตไปหาออฟทำไมว้า
 :o8: :o8: :o8:




ออฟเพื่อนโอ๊ต . . .

โอ๊ตไปหาออฟเพราะไม่อยากเป็นก้างขวางคอเฉย ๆ  มั้ง



ปล.  ทวงนิยายเหรอครับ  เหอะ ๆ ๆ  แอบอายโดนทวง  อายจริง ๆ


หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จ$
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 02-05-2009 20:19:46
หลานโอ๊ตไมเปิดทางซะแบบนี้ล่ะลูก :-[
ฉลาดได้อามันจริงๆ พูดตั้งนานสองนานแล้ว
คุณพ่อโน๊ตยังมิเข้าใจเจตนาของลูกชาย
อุ๊ยตาย สงสัยลูกโอ๊ตอยากมีน้อง 5555

 o13 มากคะคุณราชบุตร
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 02-05-2009 20:36:07


โชคดีของคนอ่านนะเนี่ย . . .

. . .  ที่ช่วงนี้

คนเขียน  อยู่ในห้วงของคนมีรัก

ไม่งั้นเรื่องนี้มีน้ำตามากกว่านี้แหง ๆ  เหอะ ๆ ๆ



(http://img136.imageshack.us/img136/8884/a791625564.jpg)

ปล.  หลงรักน้องป๊อบแบบถอนตัวไม่ขึ้นเลยพี่น้อง 

 แบบดูฉากที่น้องร้องไห้ซะจนพี่อยากกอดเอาไว้  เด็กอะไร  ร้องไห้น่ารักชะมัด


หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 02-05-2009 20:48:50
 :jul3: ทำไปได้นะคุณราชบุตร


ปล.แต่ดูจากรูปน้องน่ารักจริงๆ :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: piggie ที่ 02-05-2009 20:55:31
น้องโอ๊ตน่าร้ากกกกกกกกกกก

พี่โน๊ตเสียรู้ซะแล้ว ได้แค่คืนเดียวเอง

อดเลย......(งี้เรียกไหวตัวช้าไปหน่อยเนอะ)
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 02-05-2009 21:16:15
โอ๊ตน่ารักจิง ๆ

ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: jackoo ที่ 02-05-2009 21:38:49
จะน่ารักไปไหนเนี่ย น้องโอ๊ต.....โอย :impress3: ไม่ไหวขอทำใจ 1 ห่อ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 02-05-2009 22:02:13
โอ๊ยๆๆๆๆๆๆ
หวานมากมายเลย ห้วงรักนอกเรื่อง ทำให้ในเรื่องหวานได้มากขนาดนี้ ดีจังเลย หุหุ

ตอนนี้หลงรักโอ๊ตเข้าเต็มเปา เห็นโอห์มและโน้ตในความเป็นโอ๊ตแต่เห็นภาพของโอห์มเยอะจัง ลูกโน้ตนะนั่น
เพราะในใจพี่โน้ตมีแต่โอห์ม เลยเลี้ยงลูกมาเป็นโอห์มสองซะหละมั้ง
หลงรักเรื่องนี้ซะแล้ว หุหุ

บวก 1 แต้มแล้วนะค้าบบบ  ขอบคุณมากๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 02-05-2009 22:16:40
อ๊อฟ ปองศรี ปะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: un_john2006 ที่ 03-05-2009 01:17:42
 :o8: :o8: :o8:


 :-[ :-[ :-[



 :L3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: Simply Blue ที่ 03-05-2009 02:55:03
หวานได้อีก >___<  ชอบ ชอบ  อ่านไปยิ้มจนปากจะถึงหูแหละ  55555 

เห็นรูปน้องป๊อป แอบคิดว่าเป็นโอ๊ตเลยอ่ะ 555555  เป็นเด็กที่ยิ้มได้น่ารักสุดๆๆๆๆ  ท่าทางจะทะเล้นไม่ธรรมดา  น่ารักดี

รอ รอ รอ  ขอให้มีความสุขเสียทีเถอะ  18 ปี ทุกข์กันนานเกิ๊นแล้ว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: FiZZ ที่ 03-05-2009 03:19:21
โอ๊ตน่ารักมากกกกกกก อ่านแล้วอยากมีลูกชายเลย เสียแต่ยังหาพ่อเด็กไม่ได้ 555

พรุ่งนี้ไปดูม.สาม ปีสี่มั่งดีกว่า เห็นมีแต่คนบอกน่ารักมาก

ยังงงๆว่าไอที่น่ารักๆ ที่ว่ากันเนี่ย มันหมายถึงเนื้อเรื่องหนังมันน่ารัก หรือว่าคนเล่นน่ารักกันแน่  :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 03-05-2009 06:29:58
แค่คืนเดียวเอง หุหุ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 03-05-2009 08:01:48

“โห โอ๊ตไปค้างกับออฟแค่คืนเดียว กลับมาก็จะมีน้องมาให้อุ้มเล่นแล้ว . . . . โอ๊ตดีใจจังครับ คุณย่า”
อิอิ
ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 03-05-2009 09:40:51
อ่านแล้วมีความสุขนะ
.
.
คนเขียนมีความสุข คนอ่านก็ด้วย 555
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: [W]olf[T]ricky ที่ 03-05-2009 12:37:21
เอออ ขอเม้นเรื่องสั้นก่อนได้มั้ยคะ
แบบว่า บีบหัวใจมากๆๆๆ  อย่างมากที่สุด
เราจะเสียใจอย่างที่สุด เมื่อพลาดสิ่งที่ดึๆไป  สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต เราจะได้สิ่งนั้นมา เพียงแค่คำพูด คำพูดเดียว

เรื่องนี้เป็นอะไรที่แบบว่า หลายอรมณ์ หลายความรู้ ตีกับหมด
หม่อนไม่มีโอกาสแม้แต่จะบอกเลยด้วยซ้ำ

แต่ว่าน มีโอกาสบอกไปแล้ว  นี่คงคือสิ่งที่หม่อนเสียใจอย่างที่สุด ไม่มีโอกาสแม้แต่จะบอก
เรื่องนี้ทำเอาเราเสียน้ำตา แบบสุดๆเลย คือเราชอบอ่านนิยายเศร้าๆนะ แต่ไม่ชอบตอนจบแบบนี้ มันทรมานใจเกินไปน่ะคะ^^


ต่อ


เจ้าโอ๊ตนี่สุดเลยแหะ- -แต่ฮา พ่อโนตมากกร๊ากกกกกกเสียรุ้ลุกชาย
ก็นะ ลุกอุสาห์ เปิดทางให้ขนาดนี้ ไม่ยักกะรุ้ ฮ่าๆๆมีการแก้คำใหม่ด้วยนะ

โนตก็ ใหพ่อเขาหน่อยก็ได้ลุก อยุ่กับออฟไปนานๆ กร๊ากกกกกกกกก
เชียร์ๆๆๆ-,.-

ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านกันนะคะ^^ :bye2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 03-05-2009 13:52:32
แค่เอามาฝากคนไม่เคยอ่านครับ . . .

เรื่องสั้นผมเขียนสิบกว่าเรื่อง  แต่ที่ชอบมาก ๆ  มีแค่  ๕ เรื่องครับ

 จะเอามาลงให้คบเรื่องที่คนเขียนชอบนะครับผม





พันธนาการ . . .

   มีคำถามต่าง ๆ  มากมายที่เกิดขึ้นมา  หลาย ๆ  คำถามมันรุมเร้า  บางคำถามเหมือนจะง่าย  หากแต่จะตอบมันอย่างไรนี่สิ  บางทีสิ่งที่ลำบากใจที่สุดไม่ได้อยู่ที่ว่าเขาจะถามอะไร  อย่างไร 


   แต่ . . .

   มันอยู่ที่ว่าเราจะตอบคำถามนั้นอย่างไรมากกว่า

   คนเราเกิดมาทำไมนะ?

   คำถามเชิงพุทธศาสนาอีกแล้ว  เกิดมาใช้กรรมหรือ  ถ้าอย่างนั้นในชาติภพที่ผ่านมา  ผมคงทำกรรมเอาไว้มาก  มากเสียจนผมเกือบจะยอมพ่ายแพ้มันแล้ว  บนโลกที่วุ่นวายใบนี้  โลกที่คนมองว่าสวยงาม

   ดาวเคราะห์สีน้ำเงิน . . .

   ดวงเดียวในระบบสุริยะจักรวาล ที่มีสิ่งมีชีวิตดำรงอยู่มากที่สุดเท่าที่นักดาราศาสตร์คาดเดา  เพราะมีอาจไม่มีคนสักคนเลยที่จะรู้ว่านอกโลกใบนี้มีอะไรอยู่บ้าง

   บางที . . .

   ในดาวดวงอื่น ๆ  อาจมีสิ่งมีชีวิตที่มากกว่าบนโลกนี้ก็เป็นได้  เพราะว่าโลกนี้ยังมีอะไรตมากมายที่เราคาดไม่ถึงเสมอ  . . . คุณว่ามั้ย

   เรียกผมว่า . . . พัน

   ผมชื่อ . . . พันธกานต์   

   ดู๊สิ  ไม่รู้ใครหนอช่างตั้งชื่อผม    ชีวิตของผมเลยเหมือนจะมีห่วงที่ผูกคออยู่ตลอดเวลา  ใครไม่รู้ช่างตั้งชื่อเหลือเกิน  แต่ผมก็ชอบชื่อนี้นะครับ จะมีคนสักกี่คนในหกสิบห้าล้านคนของประเทศนี้ที่ชื่อจะเพราะเหมือนผม  ก็คาดว่าคงไม่มีใครอุตริตั้งชื่อลูกได้เท่าผมอีกแล้ว

   เรื่องของผมไม่มีอะไรน่าสนใจมากมาย  หากแต่ในมุมที่ผมว่าไม่น่าสนใจ  มันอาจจะมีเรื่องที่หลาย ๆ  คนอยากจะรู้ 

   ผมหน้าตาดี . . .

   อันนี้ถามเพื่อน ๆ  หรือแมวมองที่พยายามเหลือเกินจะเอาผมเข้าวงการบันเทิง  แต่ก็นั่นแหละ  กว่าจะถึงวงการบันเทิงผมก็ผ่านวงการเกย์มามากต่อมาก  มากเสียจนผมคิดว่า  ไอ้หน้าตาดีแบบผมนี่มันอันตรายรอบด้านเลยว่ะ

   ใครต่อใคร  อยากเพียงเพื่อจะนอนกับผมเท่านั้น . . .

   จะมีใครบ้างไหมที่มองเห็นหัวใจที่แท้จริงของผม  ว่าโดยเนื้อแท้แล้ว  ผมเองก็มีหัวใจนะ  ผมเองก็อยากมีความรักเหมือนคนอื่น ๆ  เขาบ้าง  ทำไมมองแค่หน้าตาเรือนร่างของผมเท่านั้น  ทำไมไม่มองว่าผมเองก็อยากที่จะมีรักแท้กับเขาเหมือนกัน

   รักแท้ . . . ในหมู่เกย์

   ผมอยากจะหัวเราะให้ฟันหัก  มันมีจริงเสียที่ไหน  มันยากพอ ๆ  กับที่เราต้องงมเข็มในคลองแสนแสบเลยทีเดียวล่ะ

   ผมเลยกลายเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องรักแท้ . . .

   แต่ . . . ถ้าเซ็กส์แท้ ๆ  ล่ะ  ผมเชื่อ และมันดูเหมือนว่า  ผมจะชอบเสียด้วยสิครับ  การมีอะไรกับคนแปลกหน้า  ไร้ซึ่งพันธะผูกพันใด ๆ ทั้งสิ้น




   สามเดือนก่อน . . .

   ในขณะที่ผมเพิ่งไปฉลองการเรียนจบกับเพื่อนในผับแห่งหนึ่งย่าน อตก.  แหม  ใคร ๆ  ก็รู้  แล่งตรงนี้น่ะ  สถานที่ดูตัวของคนขี้เหงาแต่เอาเก่งทั้งนั้น  เพื่อนผมแต่ละคนนะเชี่ยวทางด้านนี้เสียด้วย  การที่มันลากผมมาที่นี่  มันทำให้ผมรู้ว่า  อะไรก็ตามที่เราไม่เคยเจอ  เราอย่าวาดภาพ  หรือวาดฝันเลย

   สิ่งที่เราเจอ  อาจจะหนักกว่าภาพที่เราวาด . . .

   ในเวลาที่เรากำลังฉลองกันได้ที่  ผมรู้สึกเหมือนมีสายตาที่จ้องมองผมอยู่  แล้วก็อีกหลายครั้งเหมือนกันที่ผมหันไปสบสายตาคู่นั้น    รอยยิ้มที่ส่งมาให้ผม  ทำให้ผมแน่ใจว่าผมต้องยิ้มตอบ  บางครั้งเขาก็ชูแก้วเหล้าผ่านอากาศมาที่ผม 

   ผมต้องยกแก้วตัวเองชนตอบกลับไป 

   “ไอ้พัน  มีคนเขาอยากได้เบอร์มึงว่ะ”  ไอ้เอ  เพื่อนสนิทของผมมันส่งสัญญาณให้ผมรู้

   “เสียใจว่ะเพื่อนแบตหมด”  ผมไม่ได้ปด  แต่แบตผมหมดแล้วจริง ๆ 

   “งั้นกรูให้เบอร์กรูไปก่อนนะโว้ย”

   “เรื่องของมรึงเด่ะ”  ผมบอกมันไป  ในขณะที่หันไปยิ้มกับคนที่ผมคิดว่าน่าจะใช่คนนั้น

   “น้องเขาชื่ออิส”

   “สัสสสสส  ชื่อ อ. อ่าง  อีกแล้ว  แล้วมาบอกไรกรู”  ผมหันไปมองหน้าไอ้เอ  ไอ้เพื่อนตัวดีนี่คงริทำตัวเป็นพ่อสื่อพ่อชักให้ผมอีกแล้ว

   “น้องเขาชอบมรึง”  สักพักมันมาบอกผม  หลังจากที่มันหันไปพูดกับน้องเขา  แล้วทำท่าพยักเพยิดอะไรสักอย่าง

   ผมนะเฉย ๆ  เพราะไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่รู้จักกันที่ร้านเหล้าแล้วไปจบลงที่เตียง

   สำหรับผม เรื่องรักนี่ค่อนข้างไกลตัว  แต่เรื่องเซ็กส์นี่ . . . มันอยู่รอบ ๆ ตัวผมนี่เอง

   “บ้านน้องเขาอยู่ทางเดียวกับมรึงว่ะ  แวะไปส่งน้องเขาหน่อยสิ”  มันหันมาบอกผมเมื่อไฟในร้านเปิดสว่างจ้า 

   ผมมองหน้าไอ้เพื่อนตัวแสบ  ท่าทางมันจะให้ผมเสียน้ำเสียให้ได้

   “ไม่เอา  กรูอยากนอน”

   “ห่านี่  เล่นตัวจริ๊ง  เหอะน่า ไปส่งน้องมันหน่อย  นึกว่าเอาบุญ”

   บุญพ่อมรึงเด่ะ  นี่มรึงกำลังจะให้กรูปลูกต้นงิ้วอีกต้นแล้วมรึงรู้มั้ย  ที่ผ่านมากรูปลูกไว้เป็นไร่แล้ว  ตัดไม้งิ้วขายกรูคงรวยไปแล้วล่ะ  แต่เสียดายไม่ยักกะมีใครอยากซื้อต้นงิ้วของกรู

   แล้ว . . . ผมต้อไปส่งน้องอิสอยู่ดี

   “พี่ชื่อพันหรือครับ”    น้องมันถามผม  เมื่อมันเข้ามานั่งหน้ารถ

   “ครับ” 

   “พี่หล่อมาก  ใจดีด้วย  ผมชื่ออิส”  มันบอกผมก่อนเอียงตัวมาใกล้ ๆ  ผม

   เออ  กรูหล่อ  แต่นี่มรึงกำลังจะทำอะไรก๊ะกรู    ไอ้อารมณ์ตึง ๆ  ของผม  มันเลยให้น้องเขาอิงแอบตามใจชอบ

   แค่รถมาติดไฟแดงทีแยกลาดพร้าวเท่านั้น  มือน้องมันมาแมะที่หน้าขาของผมเลย  เอาก๊ะมันดิ๊  เด็กสมัยนี้  อย่าน้องพี่ขอร้องอย่าริเล่นกับไฟ 

   ไฟ . . . ของร้อน

   ผมหันไปมองหน้าน้องอิสนิดนึง  มันยิ้มยั่ว  พับผ่าเด่ะ  รอยยิ้มมันเชิญชวนเสียเหลือเกิน

   “พี่พันแบบไหนเหรอ”

   อ้าว  ไอ้สัสสสสสสส . . . 

   มรึงขึ้นรถมาก๊ะกรู  มึงไม่ศึกษาเหรอว่ากรูแบบไหน  แล้วมือมรึงที่กำลังคลึงที่เป้าตรูนี่  จะให้ตรูหมายความว่าอย่างไร  ไอ้พันน้อย  หรือไม่น้อยหว่า  มันพองก๋าสู้มือเสียด้วยสิครับพี่น้อง

   “แบบไหนไม่รู้  รู้แค่ว่าไม่ยอมเสียหลังให้ใครแน่ ๆ  ถามทำไมเหรอ”

   “ก็อยากรู้”

   ครับ  แล้วคืนนั้นน้องอิสก็ได้รู้  เพียงแค่ผมไปจอดที่คอนโดน้องมันเท่านั้น  น้องมันคะยั้นคะยอให้ผมข้นไปส่งมันที่ห้อง  ของแบบนี้รู้ ๆ  กันครับ  ก็น้องมันเล่นปั่นผมเสียแข็งขนาดนั้น  ไอ้จะไม่ไปปลดปล่อยมันเสียเชิงปลากรายหมด

   เพียงแค่ประตูห้องปิดลงเท่านั้น  น้องอิสมันเข้ามาโรมรันพันตู  อะไร ๆ  ดูเหมือนจะเข้าที่เข้าทาง  เมื่อคนสองคนต่างช่วยกัน  สิ่งที่ปิดบังเนื้อแท้ ๆ  โดนปลดปล่อยจากมือของอีกฝ่าย

   แล้วเพียงไม่นาน ร่างเปลือยเปล่าสองร่างก็เบียดเสียดกันบนที่นอนใหญ่กลางห้องเสียแล้ว  ลีลาของน้องอิสนี่เหลือร้าย    เจ้าตัวแสบขึ้นควบผมอย่างก๊ะกำลังจะไปตีค่ายพม่ามิปาน

   แล้วเพลิงพายุของเราก็ดับลง  พร้อม ๆ  กับที่เจ้าตัวดีฟุบลงมาที่อกผม . . .

   ต้นงิ้ว . . . อีกต้นที่ผมปลูกเริ่มหยั่งรากลงดิน

   “พี่พัน”

   มันเรียก  ทั้ง ๆ  ที่อะไรบางอย่างของผมยังค้างอยู่ในร่างกายของมันเลย 

   “หือ”  ผมตอบกลับไป   

   แปลกจัง! 

   ผมแทบไม่ได้ออกแรง  แต่ทำไม  รู้สึกว่าเข่ามันอ่อนยวบเช่นนี้ ศึกครั้งนี้เหมือนผมแพ้พ่ายอย่างไรไม่รู้สิ 

   “พี่พันกลับบ้านเหอะ  อิสง่วงแล้ว”

   อ้าว!  ไอ้สัสสสสสสสสสสสสสสส

   ได้กรูแล้วถีบหัวส่งเหรอ  ในเมื่อเจ้าของห้องไล่  มีหรือที่ผมอยากจะอยู่ต่อ  ผมเอามือแกะร่างมันออก  ก่อนเดินไปใส่เสื้อผ้าที่เรี่ยราดบนพื้นห้อง  แล้วเดินออกมาอย่างรวดเร็ว

   นี่มันคืออะไรหว่า !  . . . น้ำแตกแยกทาง

   ผมพยายามหาคำตอบให้ตัวเอง  เรื่องแบบนี้  ผมผ่านมามาก  แต่ก็นั่นแหละ ที่ผ่านมามีแต่ผมที่เดินจากมา  มีครั้งนี้แหละที่ผมรู้สึกเหมือนโดนตบหน้าอย่างแรง  ลีลาผม  ก็น่าจะไม่เป็นสองรองใคร  แล้วทำไม  น้องอิสมันไม่ยอมให้ผมนอนค้างกับมันจนถึงเช้า  ผมเดินมาด้วยอารมณ์เหวง ๆ  เคว้ง ๆ 

   ช่างมัน!   

   ผมสลัดความคิดนั้นทิ้งไป . . .

   ผมผ่านเรื่องนั้นมาสามวัน  จนผมอาจจะลืมไปแล้วว่ามันเกิดอะไรกับผมมาบ้าง  ถ้าไอ้เพื่อนตัวดีมันไม่โทรเข้ามาหาผม

   “ไอ้พัน  น้องอิสเขาอยากเจอมรึง”  เสียงไอ้เพื่อนตัวแสบดังมาตามสาย  ในขณะที่ผมกำลังจะหลับ

   “อิสไหนว่ะ”

   ผมลืมไปแล้วจริง ๆ  ว่าอิสไหน  ก็แต่ละวันผมมีอะไรมากมายที่ต้องทำ  จนลืมไปว่า  ผมเจออะไรมาบ้างในวันที่ผ่านมา  หรืออาจเพราะว่า  ทั้งผมและน้องอิส  เราต่างก็แค่ต้องการ . . . เซ็กส์

   เซ็กส์ . . . เมื่อตอนเมา

   มันลืมง่ายเสมอ . . .  แค่ คนสองคนต้องการปลดปล่อย

   “ไอ้เหี้ยนี้ลืมง่ายจริง  ก็น้องคนมรึงไปส่งเมื่อสามวันก่อนไง”

   “อ๋อ”  มันกระตุ้นต่อมความจำยามเมา  แม่ง  ไอ้ที่ฟันกรูแล้วไล่กลับบ้าน ทำอย่างกะกรูเป็นเซเว่นอิเลฟเว่น  หิวตอนไหน  เดินหากรูตอนนั้น

   “จำได้แล้วเหรอ  มึงลงไปรับน้องมันหน่อย  มันรอที่ข้างล่างคอนโดมรึง”

   “เฮ้ย”  ผมดีดตัวลุกนั่งกับที่นอน

   “ไม่ต้องเฮ้ยหรอก  น่า  ลงไปรับน้องมันหน่อย  มันรออยู่นานแล้ว”

   เอาไงดีตรู  นั่งทบทวนอยู่พักนึง  ก่อนที่จะใจอ่อน  ลงไปรับมันที่ข้างล่าง  แหม!  ก็ตอนนี้กำลังเปลี่ยวนี่ครับ

   แค่เข้ามาถึงห้องผมเท่านั้น  น้องอิสไม่พูดพร่ำทำเพลง  เข้าประกบผมทันที  โรมรันพันตู  จนผมเสร็จคาปากน้องเขาไปรอบนึง  ก่อนที่น้องมันจะขึ้นควบอีกรอบ  เล่นเอาผมแทบคลานเข้าห้องน้ำ

   เรื่องลีลาน้องเขานี่  มันจิ้ดในใจเลยทีเดียว

   แล้วน้องอิสมันก็อันตธานหายไปก่อนฟ้าสางของอีกวัน . . . ผมได้แต่นอนก่ายหน้าผาก  คิดไม่ออกว่า  นี่ผมกำลังเจออะไรอยู่   แต่ก็ดี . . . ไร้พันธะ

   แต่มันแปลก . . .

   แปลกยังไงเหรอครับ  ก็น้องอิสมักจะเข้ามาในเวลาที่ผมเปลี่ยวแทบทุกครั้ง  และการมาของมัน  ไม่ได้มาเพราะโทรหาผม  แต่น้องอิสจะโทรเข้าหาไอ้เอ   อีกนั่นแหละที่จะโทรบอกให้ผมลงไปรับน้องมันที่ห้อง

   ผมถามไอ้เอ . . .

   “อ้าว  ก็วันนั้นแบตมึงหมด  น้องมันเลยเอาเบอร์กูไปไง”

   เกือบสองเดือน . . .

   ที่น้องอิสเข้ามาในชีวิตผม  และทุกครั้งที่เข้ามา น้องมันทำเหมือนตายอดตายอยากมาจากไหน  มาถึงก็ขย่มเอ้า  ขย่มเอา  ก่อนที่จะหายไปจากผมในวันรุ่งสาง  และทุกครั้งที่มา  ไอ้เออีกนั่นแหละที่โทรมาบอกให้ผมลงไปรับทุกครั้ง

   ผมก็คน . . . ผมมีหัวใจ

   ผมไม่ใช่เครื่องจักร . . . ที่จะยอมให้ใครมาตักตวงเอาง่าย ๆ

   ผมย้ายห้องหนี . . . ไม่บอกใคร

   ทำไมนะหรือครับ  ก็ผมคิดว่า  การที่ผมยอม  มันเกิดจากอะไร  ผมยอมน้องอิส  เพราะผมรู้สึกอะไรมากกว่าการอยากมีเซ็กส์แล้วหรือปล่าว

   เพราะฉะนั้น  ทางเดียว . . .

   หนทางเดียว . . . ที่ผมอยากรู้หัวใจตัวเอง  ผมควรพาตัวเองออกห่าง

   เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น  ผมหยิบมันมาดู . . .เบอร์แปลก

   “สวัสดีครับ”  ผมตัดสินใจรับสาย

   “พี่พันธกานต์  ทำอะไรอยู่ครับ”  ใครหว่า  เรียกชื่อกรูเสียเต็มยศเชียว

   “กำลังจะนอนครับ”

   “นอนด้วยคนได้ป่าว”  นั่น  ใครว่ะ  อย่ามาล้อเล่น

   “ใครนี่  อย่าเล่นแบบนี้ดิ๊”  อย่างน้อยผมก็ไม่อยากปลูกต้นงิ้วเพิ่มล่ะครับ  แค่ในไร่ที่ปลูกไว้  ก็ไม่รู้จะชดใช้ยังไงแล้วล่ะครับ  ไม่อยากได้เพิ่มอีกแล้ว

   “แหม  ไม่เจอกันไม่ถึงครึ่งปีจำไม่ได้เลยเหรอ”

   นั่น!      เอาดิ๊  แบบนี้ตรูยิ่งงง

   “ใครครับนี่”

   “อิสครับ  อิสรภาพ”

   ผมนิ่งเงียบอยู่นาน  ชื่อนี้มันเข้ามาในหู  พร้อม ๆ  กับภาพของคน ๆ  นึง  คนที่ผมรู้สึกว่าน่ากลัวเหลือเกิน

   “พี่พันลงมารับอิสหน่อยนะ  อิสอยู่ข้างล่างคอนโดพี่อ่ะครับ”

   เฮ้ย!  นี่กรูย้ายที่อยู่แล้ว  ยังตามมาถูกอีก 

   . . . ไอ้เอ . . . แมร่งอยากฆ่ามันนัก  ไอ้เพื่อนเลววววววววววววว  ไม่น่าพลาดพามันมาที่อยู่ใหม่เลยให้ตายดิ๊

   “พี่พันเงียบทำไมล่ะครับ  ลงมารับอิสหน่อยเหอะ  คิดถึง”  เสียงนั้นออดอ้อนมา

   ผมได้แต่ยืนนิ่ง ๆ  เอายังไงดี

   ผมเดินมาถึงทางแยกอีกแล้ว . . .

   แยกแรก . . . ปิดเครื่อง  แล้วก็นอน  เสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิต  เพราะในเมื่อเลือกแล้ว  จะแคร์ทำไม

   อีกแยก . . . เดินลงไปรับ  เพราะลึก ๆ  แล้วยอมรับว่าติดใจในลีลาขย่ม

   ผมหลับตานิ่ง . . . คล้ายตัดสินใจ

   พันธนาการ . . . ผมจะหลุดบ่วงนี้ได้หรือไม่  ในเมื่อ . . .  อิสรภาพ   มันร้องเรียกอยู่ด้านล่าง

   ตัดสินใจเหอะ . . .

   พันธกานต์ . . . จะลงไปหา. . . อิสรภาพ   มั้ย




                                                                                                      จบแร่ะคร๊าบบบบบบบบ








ปล.  ตอนใหม่ยังไม่ได้เขียนอ่ะ . .

. . . พอดีแวะไปลง . . พยนต์กาล  เลยมะมีเวลา  อิอิอิ

คนเขียนไม่ค่อยว่างอ่ะ  งานเยอะจัด  แต่เจียด ๆ  เวลามาเขียนอ่ะคร๊าบ



                                                                                                                                             
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 03-05-2009 14:01:59

.
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 03-05-2009 16:28:46
อ้าว อิสเบ็นผีป่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: myxt ที่ 03-05-2009 19:09:58
โอ้ยยยย ขอ :กอด1: น้องโอ๊ตแน่นๆ
เด็กอาร๊ายย น่ารักได้โล่ รู้งานเป็นที่สุด   :laugh:
โอกาสที่มีในคืนเดียว จะเป็นยังไงบ้างน๊า อยากอ่านเร็วๆจัง  :-[
.....
ยังไม่ได้อ่าน พันธนาการ
ขอแว้บไปอ่านก่อน ....
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: yaoifan ที่ 03-05-2009 21:28:57
จองด้วยคนค่ะ ชอบเจ้าโอ๊ต เด็กอะไร น่ารักโคตร
๐.๑ imon (รัดคิวเลย ขอคนน่ารักก่อนนะครับ จะรีบไป)
๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie
๘. badcow
๙. SpiZy
๑o. happy_icekung69
๑๑. SomLove
๑๒. MIkz_hotaru
๑๓. mecon
๑๔. M@nfaNg
๑๕. C2U
๑๖. แก้ว
๑๗. jackoo
๑๘. myxt
๑๙. tamtam
๒๐. newykung
๒๑. manie
๒๒. zheeiiz*
๒๓. chocolate_ness
๒๔. patee
๒๕. charus
๒๖. Slice of life
๒๗. GivesZa
๒๘. FiZZ
๒๙. namtaan
๓๐. White..BroccO
๓๑. zandwizz
๓๑. birdy
๓๒. Kirimanjaro
๓๓. yaoifan
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จ$
เริ่มหัวข้อโดย: ranaways ที่ 03-05-2009 22:40:31
ขอด้วยคนนะ  เพิ่งเข้ามาอ่านอ่ะ  อ่านทั้งวัน จนจบเลย  น่ารักมากมายยยยยยยย

๐.๑ imon (รัดคิวเลย ขอคนน่ารักก่อนนะครับ จะรีบไป)
๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie
๘. badcow
๙. SpiZy
๑o. happy_icekung69
๑๑. SomLove
๑๒. MIkz_hotaru
๑๓. mecon
๑๔. M@nfaNg
๑๕. C2U
๑๖. แก้ว
๑๗. jackoo
๑๘. myxt
๑๙. tamtam
๒๐. newykung
๒๑. manie
๒๒. zheeiiz*
๒๓. chocolate_ness
๒๔. patee
๒๕. charus
๒๖. Slice of life
๒๗. GivesZa
๒๘. FiZZ
๒๙. namtaan
๓๐. White..BroccO
๓๑. zandwizz
๓๑. birdy
๓๒. Kirimanjaro
๓๓. yaoifan
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 03-05-2009 22:49:11
รักเอย ก็ติด
.
.
เรื่องของ พัน กะ อิส ก็ติดอีกแล้วว
.
รอนะครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: anata9 ที่ 04-05-2009 10:45:15
๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie
๘. badcow
๙. SpiZy
๑o. happy_icekung69
๑๑. SomLove
๑๒. MIkz_hotaru
๑๓. mecon
๑๔. M@nfaNg
๑๕. C2U
๑๖. แก้ว
๑๗. jackoo
๑๘. myxt
๑๙. tamtam
๒๐. newykung
๒๑. manie
๒๒. zheeiiz*
๒๓. chocolate_ness
๒๔. patee
๒๕. charus
๒๖. Slice of life
๒๗. GivesZa
๒๘. FiZZ
๒๙. namtaan
๓๐. White..BroccO
๓๑. zandwizz
๓๑. birdy
๓๒. Kirimanjaro
๓๓. yaoifan
๓๔. anata9

ขอฉบับรวมเล่มด้วยนะคร้าบบบบบ ท่านพี่ :call:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: Just Kidding ที่ 04-05-2009 13:41:43
ชอบเรื่องสั้นโคตรๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: «ƤȑǃǹĉΞḠ○ḺҒ™» ที่ 04-05-2009 13:59:12
 :jul1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: ranaways ที่ 04-05-2009 14:09:30
๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie
๘. badcow
๙. SpiZy
๑o. happy_icekung69
๑๑. SomLove
๑๒. MIkz_hotaru
๑๓. mecon
๑๔. M@nfaNg
๑๕. C2U
๑๖. แก้ว
๑๗. jackoo
๑๘. myxt
๑๙. tamtam
๒๐. newykung
๒๑. manie
๒๒. zheeiiz*
๒๓. chocolate_ness
๒๔. patee
๒๕. charus
๒๖. Slice of life
๒๗. GivesZa
๒๘. FiZZ
๒๙. namtaan
๓๐. White..BroccO
๓๑. zandwizz
๓๑. birdy
๓๒. Kirimanjaro
๓๓. yaoifan
๓๔. anata9
๓๕. ranaways
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 04-05-2009 15:40:51
ขอด้วยคนคะ
๐.๑ imon (รัดคิวเลย ขอคนน่ารักก่อนนะครับ จะรีบไป)
๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie
๘. badcow
๙. SpiZy
๑o. happy_icekung69
๑๑. SomLove
๑๒. MIkz_hotaru
๑๓. mecon
๑๔. M@nfaNg
๑๕. C2U
๑๖. แก้ว
๑๗. jackoo
๑๘. myxt
๑๙. tamtam
๒๐. newykung
๒๑. manie
๒๒. zheeiiz*
๒๓. chocolate_ness
๒๔. patee
๒๕. charus
๒๖. Slice of life
๒๗. GivesZa
๒๘. FiZZ
๒๙. namtaan
๓๐. White..BroccO
๓๑. zandwizz
๓๑. birdy
๓๒. Kirimanjaro
๓๓. yaoifan
๓๔. anata9
๓๕. ranaways
๓๖. sukie_moo
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 04-05-2009 17:31:54
ไม่เคยอ่านเลยหละเรื่องสั้นเรื่องนี้ ขอบคุณนะค้าบคุณราชบุตรที่นำมาฝากกัน

พันธกานต์ กับ อิสรภาพ

ชื่อก็บ่งบอกอย่างชัดเจนแล้วนะนั่น ไม่แปลกๆ

ยังรอคอยพี่โน้ต กะ โอห์มเหมือนเดิมค้าบบบบบบบบบบ

บวก 1 แต้มสำหรับเรื่องสั้น ขอบคุณค้าบ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 04-05-2009 19:06:55


โอ๊ตไม่กลับบ้านมาสองคืนแร่ะ . . .

. . . คนเขียนขอไปตามโอ๊ตก่อนนะครับ

อิอิอิอิ

แปลว่า . . . ยังไม่ได้มาต่ออ่ะ  ไม่มีสต๊อคตามเคย 


 :-[

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: Kirimanjaro ที่ 04-05-2009 19:18:36
อ่านะ  หึหึ


พี่เขียนเรื่องนายพันกะนายอิสต่อได้มะ  อยากอ่าน ๆ    :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 04-05-2009 19:41:12
อ่านะ  หึหึ


พี่เขียนเรื่องนายพันกะนายอิสต่อได้มะ  อยากอ่าน ๆ    :impress2:


^

^

^

หื่นได้อีกคนเรา

เสน่ห์ของเรื่องสั้นคือการจบแบบให้คนอ่านคิดเอาเอง

ยกให้คุณน้องเอาพล็อตไปเสริมเติมแต่งได้ตามสบาย  พี่เขียนแนวเรทแบบที่น้องเป็นไม่ไหวอ่ะ


 :-[   :-[    :-[



หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จ$
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 04-05-2009 20:39:39
อ่านะ  หึหึ


พี่เขียนเรื่องนายพันกะนายอิสต่อได้มะ  อยากอ่าน ๆ    :impress2:


^

^

^

หื่นได้อีกคนเรา

เสน่ห์ของเรื่องสั้นคือการจบแบบให้คนอ่านคิดเอาเอง

ยกให้คุณน้องเอาพล็อตไปเสริมเติมแต่งได้ตามสบาย  พี่เขียนแนวเรทแบบที่น้องเป็นไม่ไหวอ่ะ


 :-[   :-[    :-[





จริงเร้ออออออออ  o18

ว่าแต่มาทั้งที ไหนอ่ะ ตอนใหม่  ทวงๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: civava14 ที่ 05-05-2009 08:46:54
กรรมเวร นิยายนี้ตกไปอยู่หน้าสองได้งัยอ่า

เอ้า ดันอีกรอบ ให้อยู่หน้าหนึ่ง

(ถึงว่า หาตั้งนาน หาไม่เจอ)  หรือว่าคนเขียนชิ่งหว่า

 :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 05-05-2009 08:52:43
กลับมาอีกที น่าจะมีตอน เจ้าโอ๊ต กะ เพื่อน ออฟ ด้วยก็ดีนะ 555
.
ยังรอตอนของ พ่อ กะ อา ต่อไป  :t3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: ranaways ที่ 05-05-2009 13:29:41
ทรมาน ใจ คนรอ เจงงงงงงงงๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 05-05-2009 18:48:45

ไม่ได้เขียนเลยอะ . ..

เอาเรื่องสั้นมาฝากดีก่า




บาปไหม?


   ตื้ด . . . ตื้ด

   เสียงของโทรศัพท์บอกมีข้อความสั้น ๆ  เข้ามา  ผมหยิบเอาเจ้าปัจจัยที่ ๕  ในยุคปัจจุบันมาดู  หน้าจอไฟกระพริบถี่ ๆ 



   “สิริอายุ  จะ วัณโณ จะ โภคังวุฑฒิ จะยะสะวา   สุขสันต์วันสงกรานต์ . . . พระเค”

   คิ้วผมมันขมวดเข้าหากันโดยอัตโนมัติ . . . 

   . . . ก่อนที่ค่อย ๆ  คลายออกจากกัน  แล้วกลายเป็นรอยยิ้ม  รอยยิ้มที่เปื้อนไปด้วยน้ำตา  ผมแหงนหน้ามองฟ้า  ราวกับว่าจะเก็บเอาน้ำตานั้นให้กลับเข้าไปข้างใน

   แล้วผมก็ยิ้มเหมือนคนบ้า . . .

   ใช่ . . .

    ผมคงบ้าไปแล้วแน่ ๆ    เพราะไอ้ข้อความสั้นที่ส่งมามันมีความหมายต่อผมมากที่สุดแล้ว




   ปีที่ผ่านมา . . .

   สมุยคลาคล่ำไปด้วยผู้คน  หน้าร้อนแบบนี้  มีผู้คนมากหน้าหลายตาที่อยากมาทอดร่างให้ สายลม แสงแดด   ใต้ทิวมะพร้าวของสมุยโลมเลีย  ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น  แทบทุกปี  ผมจะไปสมุย . . .


   เคยมีคนถาม . . .

   ชอบที่เที่ยวที่ไหนมากที่สุด?

   “สมุย”

   ทำไมว่ะ?

   “เคยไปเสียตัวครั้งแรกที่นั่น”

   เอากับกรูดิ๊ . . .

   . . . ตอบคำถามเพื่อนเสร็จอมยิ้มแบบมีเลศนัยเสียด้วย  มิวายชะม้ายชายตาหาคนถาม  นัยว่าสื่อความหมายอะไรบางอย่าง  เหอะ ๆ ๆ   ไอ้คนถามก็ใบ้แดกสิครับ

   เสียตัวครั้งแรก . . .

   . . . เหอะ ๆ ๆ ตั้งแต่ จบ ม.๓ โน่น  กับน้องชะนีอ่ะ  ตอนนั้นยังไม่กินกล้วยอ่ะครับ  เพิ่งมาค้นพบสัจธรรมเอาเมื่อตอนเข้ามาเรียนที่ กทม. นี่แหละ

   แบบว่าสังคมมันล่อลวงอ่ะ . . .

   สาส . . . สสสสสสสสสสสสสสส  โทษคนอื่นซะงั้น

   โม้มาตั้งนาน  ยังไม่แนะนำตัวกันเลย . . .

   ผมชื่อ . . . โดม

   . . . ไม่ใช่โดม  ปกรณ์ ลัมนะครับ  เพราะผมคงไม่หน้าตาดีขนาดนั้น

   ก็แม่ผมนะดิ๊ . . .

   มาคลอดผมในวันที่ละครดังของช่องสามอวสาน แม่เล่าให้ฟังแค่ว่า  เจ็บท้องแต่ทนดูจนจบ . . . ดอกฟ้ากับโดมผู้จองหอง

   นัยว่าแม่กำลังคิดว่าเป็นนางเอกช่องสามมั้ง  เลยตั้งชื่อผมว่า . . .

   . . . โดม

   ผมเป็นลูกครึ่งนะครับ . . .

   . . . ครึ่ง นครศรีธรรมราชบ้านแม่  กับ ครึ่งสมุย  บ้านพ่อ  อิอิอิ  ทีนี้ไม่แปลกใจนะครับที่ผมชอบสมุย

   พ่อผมมันลูกรักของปู่กับย่า  เลยได้ที่ดินบนเขา ร่วมร้อยไร่ มีสวนทุเรียนที่ส่งออกฮ่องกง  กับสวน ลางสาด ที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะสมุยครับ   

   จริง ๆ  นะครับ . . .

   . . . ทุเรียนสมุยอร่อยขนาดที่นักธุรกิจฮ่องกงบินมาจองตั้งแต่ลูกยังละอ่อน เรื่องความอร่อยไม่แพ้ทุเรียนนนท์หรอก  คนไทยต่อให้มีตังค์ยังหากินแทบไม่ได้  ทุเรียนเหี้ยไรลูกเป็นพัน

   ส่วนลางสาด . . . 

   . . . ก็ไม้ตระกูลเดียวกับลองกองครับ

   แต่ขอโทษ . . .

   . . . ลางสาดอุตรดิตถ์ที่แน่ ๆ  ชิดซ้ายตกเขาไปเลยเมื่อเจอลางสาดสมุย  ส่วนลองกองตันหยงมัสที่ว่าแน่  เอาไปปลูกบนสันกาลาคีรีเหอะ  ลางสาดสมุยกินเรียบ  ราคามันหรือ  หน้าสวนอย่างต่ำเกรดเอ  ห้าสิบบาทขึ้น  หอมหวานไม่มียางแบบลางสาดบนฝั่งหรอก

   ปู่เลยยกสวนให้พ่อ . . .

   . . . คนที่ได้ปริญญาโทเมืองนอกคนแรกของเกาะสมุย  พ่อผมเองครับ  เพราะปู่บอกนี่คือหน้าตาของตระกูล

   แต่อาผมดิ . . . 

   . . . ไม่เป็นโล้เป็นพาย  เมาตลอด  ปู่เลยยกที่ริมทะเลให้เกือบสามสิบไร่  นัยว่าหมั่นใส้ลูกที่ไม่เอาถ่าน

   แต่ . . . มันกลับตาลปัตรครับผม

   สมุย . . . ดันเจริญเอ้าเจริญเอา  นักท่องเที่ยวแห่แหนเข้ามามิขาดสาย  ไอ้ลูกที่ปู่ไม่รักเลยรวยเอ้า  รวยเอา 

   อ้าว!   

   ที่ริมหาดที่ปลูกผลหมากรากไม้ไม่ได้  แต่มีค่าดุจทองคำ  ก็รีสอร์ทเอย  โรงแรมเอย  เทียวไล้เทียวขื่อหาอาผมไม่เว้นแต่ละวัน  ไอ้อาของผม  ถึงจะเลว  แต่แกบอก

   “ไม่ขายโว้ย ปู่ ย่า  สร้างไว้  อดให้ตายก็ไม่ขาย”

   นั่น  เอากับแกดิ . . .

   . . . เออ  ไม่ขายก็ดี  เพราะยังไงเสีย  ไอ้ที่ริมทะเลสามสิบไร่ก็ต้องตกเป็นของผม  ทำไมหรือครับ  อาแกไม่มีลูก  เลยขอผมมาเป็นลูกบุญธรรม  พ่อผมใจดีเพราะเห็นแก่ที่ดินสามสิบไร่ริมทะเล ยกให้อาเฉยเลย

   เวรแร่ะตรู . . .

   . . . นินทาบุพการีบาปมะเนี่ย

   ผมเจอกับมันที่นี่ . . .

   . . . เกาะสวาทหาดสวรรค์

   ผู้ชายผิวขาว  ที่ยิ้มเก่ง  มานอนเล่นที่รีสอร์ทสองสามวันแล้ว  ผมได้แต่มองเงียบ ๆ  ก็แปลกไงครับ  คนไทยที่ไหนว่ะเที่ยวคนเดียว . .

   โดยเนื้อแท้ . . .

   . . . พี่ไทยชอบเที่ยวเป็นกลุ่ม และขอโน่นขอนี่  ประเภทลูกอีช่างขอ  ส่งเสียเอะอะโวยวาย ตะโกนคุยกันลั่น  แบบนี้ละครับที่ผู้ประกอบการริมทะเลไม่ค่อยต้อนรับ  ก็คนไทยพักที่ไหนไม่เกินสามวัน 

   แต่ฝรั่งนะชอบอยู่เงียบ ๆ  มาทีค้างเป็นสิบวัน . . . 

   . . . พี่ไทยลงทะเล  ขึ้นมาอาบน้ำเพราะกลัวเหนียว  ห่าเหวไรสารพัด  เกาะนะครับไม่ใช่เมืองหลวง  น้ำจืดทรัพยากรที่หายาก  พี่ไทยอาบวันห้าหกรอบ  เปลืองทรัพยากรน้ำ  ไม่ช่วยกันลดภาวะโลกร้อนเลยใช้ทรัพยากรเปลืองงงงงงง

   แล้วคนไทยนะ  ลูกอีช่างขอ . . .

   . . . ขอมะนาว 

   ขอพริกน้ำปลา . . . 

   . . . ข้าวผัดไม่ใส่คะน้า  ไม่เอาหอมใหญ่  ขอไข่สุก ๆ  กลัวไข้หวัดนก  แมร่ง!  ไม่ขอแดกฟรีเลยว่ะ   โอ้ยสารพัดช่างเลือก  แถมพอนั่งที่โต๊ะปั๊บ

   “เร็ว ๆ  นะน้องหิว”

   อ้าว!    

   อีกกรวยยยยยยยยยยยยยย 

   รู้ว่าหิว  แล้วทำไมไม่มาตั้งแต่เนิ่น ๆ  เห็นมั้ยคนเต็มร้าน  แล้วอาหารกรูที่ร้านก็ทำสด ๆ  นะ  ไม่ใช่ร้านข้าวแกงที่มรึงจะชี้นิ้วแล้วตักราดเดินเอามานั่งโช้ยกันได้เลย

   แถม . . .

   . . . มาสิบคน 

   แม่งสั่งข้าวราดสิบอย่าง  กะเพราะกุ้งไม่เอาหอม  กะเพรากุ้งเผ็ด ๆ  ไม่ใส่น้ำตาล  กะเพรากุ้งไม่ใส่พริก  โอ้ย  แมร่งสารพัดที่จะสรรหา  มรึงจะแดรกเหมือน ๆ  กันไม่ได้เหรอ  กรูจะได้ทำทีเดียว  แถมจะแดกพร้อมกันทั้งสิบจาน  กรูมีแม่ครัวสองคน  ทำไมทันโว้ยขออัญเชิญไปแดกร้านอื่นนะ  กูแถมน้ำดื่มคริสตัลให้สองขวดรีบออกจากร้านกรูเหอะ

   จึงมิใช่เรื่องแปลกที่เวลาคนไทยไปเที่ยวแหล่งที่ฝรั่งเที่ยวเยอะ ๆ  แล้วมักจะโดนสายตาที่ไม่ค่อยอยากต้อนรับจากเจ้าของกิจการ

   ตราบใดที่คนไทยยังไม่เลิกมีพฤติกรรมที่เร่ง  เหมือนที่รีสอร์ทผม . . . ไม่ต้อนรับคนไทย

   เพราะ . . .

   . . . พนักงานบ้านผมน้อย  กลัวต้อนรับไม่ทั่วถึง  ใครอ่านเรื่องนี้  ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเที่ยวเกาะนะครับ  หากไม่อยากโดนเขาแช่งตามหลัง  อิอิอิ

   อันนี้เอาชีวิตจริงมาใส่นิดหน่อยอ่ะ . . .

   ผมได้แต่มอง . . .

   . . . คนที่มาพักอยู่เงียบ ๆ   

   ไม่กล้าทัก  ไม่กล้าคุย  แปลกมาก ไม่รู้ทำไม  อาจเพราะที่นี่บ้านผม  การที่จะทำอะไรลงไป ย่อมเป็นที่จับจ้องของคนที่บ้าน  ผมไม่อยากตอบคำถาม  พอ ๆ  กับที่ผมไม่พร้อมที่จะให้ใครรู้ว่าผมเป็น . . . เกย์

   ฟ้าเริ่มมืด . . .

   . . . ทะเลมีเพียงเสียงคลื่นซัดเข้าหาหาด  ยามพระจันทร์โผล่มาเยี่ยมท้องฟ้า  ท้องทะเลต้องแสงจันทร์นวล  มันสวยมากสำหรับคนที่หลงรักท้องทะเลแบบผม  แล้วยิ่งดึก  มันยิ่งสวย  ผมชอบเดินเล่นริมทะเลยามดึก  ยามที่ผู้คนต่างไม่มาเยี่ยมกรายหาดทรายอีกแล้ว  วันนี้ผู้คนคงไปสนุกกันที่เฉวง  เพราะวันนี้ . . . สงกรานต์

   “ทำไมหรือแก้ว  เคไม่ดีตรงไหน  เคทำอะไรผิด  แก้วถึงใจร้ายกับเค  แก้วใจร้ายกับเคได้อย่างไรล่ะแก้ว  . . .”  เสียงคนที่นั่งริมหาดคุยโทรศัพท์ดังชัด

   ชัดมากสัญญาณโทรศัพท์ขายชาติของอดีตผู้นำ  ที่ปัจจุบันเป็น นช.  ชัดแจ๋วครับพี่น้องที่สมุย . . .

   “แต่เครักแก้ว  เคจะอยู่ได้อย่างไรถ้าไม่มีแก้ว”  เสียงนั้นคล้ายคนสะอื้น 

   ผมได้แต่ยืนนิ่ง ๆ  ไม่กล้าแม้ที่จะขยับตัว  ด้วยรู้ตัวเองดี  ตอนนี้ผมเดินเข้ามาในโลกส่วนตัวของเขามากไปแล้วกระมัง  บางทีเขาอาจจะอยากอยู่คนเดียว  ผมจะทำยังไงดี  จะเดินไป  หรือจะถอย

   “โธ่โว้ย  ไม่อยากอยู่บนโลกแล้วโว้ย”  เสียงนั้นตะโกนลั่นก่อนอะไรบ้างอย่างจะปลิวจากมือไปตกในทะเล

   ผมได้แต่อ้าปากค้าง . . .

   ภาพในเงาจันทร์ผมมองเห็นร่างนั้นยกขวดเล็ก ๆ  มาเข้าปาก  รวดเดียวหมดขวด  ขวดสีเขียวมรกต . . .

   โล่งอก . . .   

   . . . นึกว่ายาตาย  มาตายในรีสอร์ทซวยแหง ๆ

   “แก้ว    เครักแก้วได้ยินมั้ย”  เสียงนั้นตะโกนลั่นชายหาด  ก่อนที่เจ้าตัวจะลุกขึ้น  แล้ววิ่งไปลงทะเลอย่างรวดเร็ว

   บ้าไปแล้วมรึง . . .

   . . . ผมเดินไปที่ที่มันนั่งเมื่อครู่

   ขวดเปล่านับสิบขวด . . .

   . . . วางอยู่ระเกะระกะไปหมด  ผมก้มมองขวดสีเขียวสะท้อนแสงจันทร์พลาง  มองร่างที่ว่ายออกไปเรื่อย ๆ

   ทุ่นกลม ๆ  ลอยอยู่ห่าง ๆ  ไม่ไกลจากร่างที่ว่ายอยู่ . . . 

   เร็วเท่าความคิด  ผมถอดเสื้อ  ก่อนวิ่งลงทะเลไปอย่างรวดเร็ว  ร่างผมพุ่งลงใต้ผิวน้ำ  ก่อนที่จะใช้มือแหวกกระแสน้ำ  สองขาตีน้ำเพื่อให้ร่างพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว  ผมโผล่มามอง  ร่างที่ผมเห็นกำลังตะเกียกตะกาย  คล้ายคนขอความช่วยเหลือ

   สองมือปล่อยสโตรกสม่ำเสมอ . . . 

   . . . คนทะเลแบบผม  ว่ายน้ำแข็ง  แต่การจะเอาอีกร่างที่ไม่รู้สติกลับเข้าฝั่งด้วยนี่สิ  ถ้าจะลำบาก  ตัวมันเล็กเสียที่ไหน  ผมว่ายไปที่ร่างนั่น  คนที่ดื่มมากนอกจากจะไม่ควรขับแล้ว  ยังไม่เหมาะกับการเล่นน้ำทะเลยามวิกาลด้วยขอบอก

   ผมใช้ความพยามยามอย่างมากที่จะเอาร่างนั้กลับเข้าหาฝั่ง  ด้วยกลัวว่ามันจะรัดผมแล้วพาลจมน้ำตายทั้งคู่  ยังไม่อยากเป็นข่าว . . .

   . . .  ลูกชายเจ้าของรีสอร์ท  กระโดดน้ำตายพร้อมแฟนหนุ่ม

   หยองมาก  พาดหัวข่าวแบบนั้น . . .

   ผมลากร่างนั้นกลับเข้าฝั่งอย่างทุลักทุเล  ก่อนที่จะนอนหมดแรงแบบหมาหอบแดด

   “เฮ้ย!    คุณ  คุณ”  ผมใช้มือสะกิด

   เวรแล้วไอ้โดมเอ้ย  ร่างนั้นไม่ไหวติงไร้เสียงตอบรับ  ผมลืมตากว้างหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งก่อนลุกขึ้นคร่อมร่างนั้นเอาไว้เอาปลายนิ้วแตะที่ปลายจมูก

   “ชิบหายแล้ว”

   ปากบอกพลางพลิกร่างนั้นนอนคว่ำ  ก่อนที่จะเอามือสอดเข้าไปใต้ท้อง  ดึงร่างนั้นให้งอขึ้นมา  ก่อนเขย่าแรง ๆ  น้ำทะเลหรือน้ำที่หมักใส่ขวดหว่า  ทะลักออกมาทางปากมากมายเหลือเกิน

   ผมจับร่างนั้นนอนหงายอีกครั้งก่อนเอามือซ้ายวางแนบอกอีกฝ่าย  เอามือขวาตะบปที่มือซ้าย  ก่อนที่จะถ่ายแรงไปที่ไหล่  กดมันแรง ๆ   ร่างนั้นกระตุกตามแรงกด

   “ไอ้เหี้ย  ฟื้นสิโว้ย  กูไม่อยากเป็นฆาตกร”  ปากผมตะโกนลั่น  มือก็ทำไปแข่งกับเวลา

   ไม่มีวีแววว่ามัมนจะตื่นมาเลย  . . . 

   . . . ไอ้ห่านี่ 

   . . . สงสัยวอนให้กูนอนคุกเสียแล้ว  ผมเอามือบีบจมูกมัน  ก่อนใช้ปากประกบที่ปากบาง ๆ  ของมัน  ก่อนเป่าลมหายใจเข้าไป  แล้วถอนปากตัวเองอกมา  สลับกับคอยปั๊มหัวใจให้มัน

   “โอ้ย!”  ผมร้องลั่น เมื่อปากที่ประกบอยู่  แต่ร่างเหมือนมีอะไรถีบ  ผมลอยไปนั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่กับพื้นทราย  ที่น้ำทะเลซัดเข้าหาฝั่ง

   “ไอ้เหี้ยมาจูบกูทำไม” 

   ไอ้คนหน้าขาวปากดี  ค่อย ๆ  พยุงกายขึ้นนั่ง  เอามือปาดริมฝีปากตัวเอง  พลางมองมาทางผม

   ทำคุณสนองเวรแท้ ๆ

   “ไอ้สัส  มึงมันบ้า  ลองนึกเอาเองแล้วกันนะมึง ไอ้เหี้ย  หมามันยังรักชีวิต  ถ้าผู้หญิงคนเดียวทำให้มึงต้องกระโดดน้ำตาย  กูแนะนำ  ที่ท่าเรือน้ำลึกหน้าทอนดีกว่าว่ะ  กูรับรอง  ไม่มีหมาตัวไหนเสี่ยงว่ายไปช่วยมึงเข้าหาฝั่งหรอก”    ผมตะโกนใส่หน้ามัน  ก่อนใช้ตีนถีบแม่งมันไปทีนึง

   “อันนี้กูเอาคืนที่ถีบกูเมื่อกี้”  ผมเดินไปหยิบเสื้อ  ก่อนเดินหัวเสีย

   “แม่งเอ้ย  ปล่อยให้จมน้ำตายห่าเสียก็ดี  เวรชิบหาย”  ผมฉุนเป็นเหมือนกันนะ  ผมช่วยเพราะกลัวมันจมน้ำตาย  แต่ดูวิธีตอบแทนคุณของมันสิ

   ผมเดินกลับเข้าห้องด้วยความรู้สึกโมโหสุดชีวิต . . . 

   . . . แม่งคนไรว่ะ 

   หน้าตาดีอยู่หรอก  แต่ทำไมไม่รู้เลยหรือว่าควรจะพูดยังไงกับคนที่ช่วยตัวเองเอาไว้  คืนนั้นผมหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน 

   แล้วผมก็ฝัน . . .

   ไอ้เหี้ยนี้อีกแล้ว ไอ้คนที่ผมลากมันขึ้นมาจากทะเล  มันมายิ้มอะไรให้ผมหว่า  มันยิ้มกว้างเสียด้วย  นั่นจมูกมันเข้ามาใกล้จมูกผมเสียด้วย  ดูแววตามันสิ  เหมือนพวกหื่นกามไม่มีผิด  ตายละไอ้โดม  ทำไงหว่า  มันจะจูบแล้วนะโว้ย . . .

   ผมสะบัดหน้าหนี . . .

   . . . ก่อนลืมตา

   สายตาผมเจออะไรไม่รู้ เหมือนมีผมในแววตาคู่นั้น จมูกใกล้กันแทบจะติดกันอยู่แล้ว  ไอ้คนที่มันคร่อมร่างผมเอาไว้ . . .

   “เฮ้ย!  เข้ามาได้ไงว่ะ”  ผมผลักมันออกจากร่างผม

   “โป้ก”  เสียงเหมือนอะไรกระทบกับของแข็งสักอย่าง

   “โอ้ย”  ไอ้หน้าขาวร้องก่อนเอามือกุมหัวตัวเอง  ผมผุดนั่งลงก่อนมองไปที่มัน 

   “เฮ้ยมึงเข้ามาทำไม  เข้ามาได้ไงว่ะ  หัวแตกมั้ยมึง”  ผมยังมีกะจิตกะใจห่วงมันอีก

   “ผมไปถามพี่ที่ฟร้อนด์  พี่เขาบอกอยู่ที่นี่เห็นห้องเปิดอยู่เลยมาดู  อูยหัวแตกมั้ยนี่”

   “ไหนกูดูสิ”  ผมเอามือไปเปิดดู  แค่ปูด ๆ    นิดหน่อย  แสดงว่าแรงถีบผมไม่ได้เรื่องนะเนี่ย

   “โอ้ย  เบา ๆ  ดิเจ็บนะโว้ย”  มันเอามือปัดมือผมใหญ่

   “เรื่องเมื่อคืน  ผมมาขอบคุณ  แล้วขอโทษด้วยที่ทำไรแบบนั้นไป”  มันจับมือผมเอาไว้นิ่ง

   ผมสบตามัน . . . 

   . . . สายตามันอ่อนโยนลงมามาก  ไม่เหมือนกับคนที่ผมเจอเมื่อคืน  จมูกมันโด่งเป็นสัน  เชิดเล็กน้อย  ริมฝีปากมันบางแดง  แก้มมันสีชมพูระเรื่อ  โดยรวมคือ . . .  มันหล่อมาก

   ผมอยากหยุดเวลาเอาไว้แบบนั้น  เวลาที่ได้สบตากับมัน  หัวใจผมเต้นแรง  ผมรู้ดี  ผมยิ้มเมื่อมันจ้อง

   “มองKไรว่ะ”  ผมลุกขึ้นเดินหนี

   “เอ้า  เราชื่อเค”

   “ไม่อยากรู้  ใครถามมึงว่ะ  ว่าแต่เคด่วยเหรอ . . .”  ผมหันไปมองหน้า 

   มันทำหน้าเจื่อน ๆ

   “. . . เออ   เออ  กูชื่อโดม  มึงไม่ถามแต่กูอยากบอก”  ผมยักคิ้วข้างเดียวโชว์มันซะงั้น  มันยิ้มให้กับผม

   และนั่นคือจุดเริ่มต้นสิ่งดี ๆ  ที่ผมกับเคมีให้กัน  ผมช่วยให้มันรอดตายมาจากอาการอกหักของมัน   และมันกับผมก็กลายมาเป็นคนคุ้นหน้า  มันเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับผม  แต่ผมเรียนภาคอินเตอร์

   ผมไม่เคยอยากรู้  เรื่องราวระหว่างผมกับมันจะเป็นแบบไหน  เพราะผมไม่เคยถาม และผมไม่เคยอยากรู้  เราเล่นกันเหมือนเพื่อน  สนิทกันเร็ว . . .

   จากที่มันเช่าห้องที่รีสอร์ทผม . . .

   . . . กลายเป็นว่า  มันมาค้างที่ห้องผมแทน  ผมไม่เคยถามเรื่องที่ผ่านมาของมัน  ด้วยกลัวว่าจะไปสะกิดไอ้ความรู้สึกที่ไม่ดีของมันอีก  มันค่อนข้างจริงจังกับชีวิต ในขณะที่ผมเรื่อย ๆ  ยังไงก็ได้

   มันไม่ยอมกลับบ้านมัน   เมื่อถึงกำหนด  มันบอก  ตังค์ยังไม่ไหมด  อยู่ต่อได้มั้ย . . . 

   ไอ้สาสสสสสสสสสส . . . 

   ห้องก็ฟรี  ข้าวก็ฟรี  แค่ช่วยงานที่บ้านกรูเล็ก ๆ  น้อย ๆ  ทำไมจะอยู่ไม่ได้  อย่าว่าแต่เดือนนึงเลย  หากมึงยังทำตัวมีประโยชน์เช่นนี้  อยู่สองสามปี  บ้านกรูก็ไม่จนลงไปกว่านี้หรอก  ดีเสียอีกที่มันทำแบบนี้ . . .

   มันเข้าใจหาเรื่องมีที่อยู่ฟรีเนาะ . . .

   “ไง ไข่ย้อยเมื่อไหร่จะกลับนครว่ะ”  ผมถามมันในเย็นวันนึง  วันที่ผมพามันมานั่งมองพระอาทิตย์ตกที่ท่าเรือหน้าทอน

   ดวงอาทิตย์กลมสีส้มกำลังเล่นเงากับผืนทะเลที่เงียบ  ราบเรียบราวแผ่นกระจกแผ่นใหญ่  เรือลำน้อยค่อย ๆ  แล่นตัดผิวน้ำกลับไปยังที่หมายของตัวเอง  มัมนหันมามองผม  ในขณะที่ผมแกว่งเท้าไปมากลางอากาศ  ก็ที่ผมนั่งอยู่ตอนนี้มันปลายสะพานเทียบเรือ

   “ไรว่ะไข่ย้อย”

   “มึงเคยดูเพื่อนสนิทมะ”  ผมหันไปยิ้มกับมัน   

   ทั้ง ๆ  ที่ผมรู้ตัวเองแล้ว  ตอนนี้ผมน่ะ  รักมันเกินเพื่อนไปเสียแล้ว  ผมอยากอยู่ใกล้ ๆ มัน  อยากนั่งมองมันเงียบ ๆ

   “เคยดิ๊  หนังออกจะดัง  อย่าบอกนะว่ากูหล่อเหมือนพระเอก”  มันยิ้ม  รอยยิ้มมันหรือ  สว่างกว่าพระอาทิตย์ยามอัสดงตอนนี้เสียอีก

   “ป่าว”  เสียงผมสูงปรี๊ด  สูงพอ ๆ  กับที่มันทำหน้าประหลาดใจด้วยล่ะ

   “แล้วไงว่ะ  ทำไมเรียกกูไข่ย้อย”

   “คนมาทะเล  ไม่หนีร้อนก็หนีรัก”  ผมทำเสียงละห้อย   จำได้ดี  ฉากที่นุ้ยนั่งชิงช้าสวรรค์กับไข่ย้อยที่งานวัดริมทะเลพะงัน   จนผมลืมเรื่องของไอ้เคเสียสนิท

     มันเงียบ . . .

   . . .หัวใจผมล่ะ

   เงียบกว่ามันเสียอีก . . .

   เรานั่งนิ่ง ๆ  กันนาน  ผมไม่รู้เหมือนกัน  ทำไมผมถึงรู้สึกอึดอัดกับสิ่งที่ผมพูดไป  อาจเพราะผมไปสะกิดแผลที่มันเริ่มตกสะเก็ดของเคเข้าก็ได้  ผมได้แต่ก้มหน้าต่ำ  มองระลอกคลื่นเล็ก ๆ  ที่ลอยมากับสายน้ำไม่ได้

   “หนีรัก . . . แต่อาจเจอรักที่ดีกว่า”   มันเอื้อมมือมาตบไหล่ผมเบา ๆ    ผมหันไปหามัน  ยังไม่กล้ามองหน้ามันเต็มตาอยู่ดี

   “ไอ้ไข่ย้อยหาเรื่องอยู่ทะเล  โดยการตกดาดฟ้าเรือ  แต่มึงนี่ดิ๊  เล่นจมน้ำทั้งที่แดกเบียร์ไปเกือบลัง     เข้าใจหามุขอยู่ฟรีนะมึง”

   “แล้วมึงว่ากูได้ผลมั้ยล่ะ”

   “เออ”  ผมยิ้มกับมันอีก


หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 05-05-2009 18:49:11


   มันเลยกลายมาเป็นเพื่อนสนิทของผมจริง ๆ  เพราะหลังจากที่เรากลับกรุงเทพฯ  มันกับผมตกลงที่จะมาอยู่ห้องเดียวกัน  ผมรู้หัวใจตัวเองดี  ว่ารู้สึกอย่างไรกับมัน 

   แต่ . . .


   เคล่ะ . . . 


   มันยังคงเหมือนเดิมในวันแรกที่ผมรู้จัก  มันไม่มีท่าทีเกินเพื่อนกับผมเลย ผมได้แต่เก็บเอาความรู้สึกนั้นเอาไว้เงียบ ๆ


   ผมมีความสุขกับการตื่นนอนมาแล้วมีมันนอนอยู่ใกล้ ๆ 


   . . . ผมยินดีกับกลิ่นน้ำลายบูดของมันในทุกเช้าที่มันเอามาให้ผมดมก่อนเสมอ  แมร่งมันนะนิสัยเลว  หากมันตื่นก่อนผม  มันจะมานอนมองหน้าผม  แล้วพอผมลืมตา  มันจะเป่าลมที่ผ่านขี้ฟันทั้งคืนมาใส่หน้าผมเสมอ  แล้วมันก็จะหัวเราะมีความสุข

   ถามกรูสักคำมั้ยกรูชอบหรือเปล่า . . .


   แรก ๆ  น่ะอยากจะถีบมัน  แต่ตอนหลังกลายเป็นความเคยชิน . . .  ไม่ได้กลิ่นน้ำลายบูดมันเหมือนขาดอะไรในชีวิต  เลวมะกรู


   “เค อาทิตย์หน้ากูต้องไปซัมเมอร์คอร์สที่สิงคโปร์ว่ะ  พ่อส่งเรียนภาษา”


   “อ้าว!  งั้นปีนี้ไม่ได้ไปรีสอร์ทสิ  ว้า  เสียดาย  อยากไปทะเล”  มันทำท่าอย่างกับจะเป็นจะตาย

   “เอาน่า  กลับมาจากซัมเมอร์ก่อน  สองเดือนเอง”

   “อืม”

   “งั้นคืนนี้ไปกินเหล้ากัน  กูอยากนั่งฟังเพลงว่ะ”  ผมมองหน้ามัน

   “เอ้าดิ๊  กูก็อยากไป  แม่งสอบเสร็จมาสองวันแล้ว  อยากเจอแสงสี”

   คืนนั้น . . .

   ทั้งผมและมัน  เมากันแทบจะคลานกลับ  ผมเมามากที่สุดในชีวิต  อาจเพราะยิ่งนับวัน  ความรู้สึกที่ผมมีต่อมันมากขึ้นทุกที  แล้วมันล่ะ  มันจะรู้บ้างไหม  ว่าผมรักมันเกินกว่าเพื่อน . . .

   ผมไม่กล้าบอกมันถึงสิ่งที่มันอัดอั้นในหัวใจผม . . .

   ผมกลัว . . .

   . . . กลัวจะสูญเสียมันไป  ผมไม่กล้าเดินก้าวข้ามคำว่าเพื่อนที่มีกับมัน  มันคือส่วนเติมเต็มในชีวิตที่ผ่านมา  ผมอยากรักมันที่มันเป็นมัน  รักมมันด้วยหัวใจอยากรักแบบนี้  ไม่มีเซ็กส์กับมันก็ได้ . . .

   “ไอ้โดม”  มันเรียกผม  เมื่อเรากลับมาถึงห้อง

   “หือ . . .”  ผมง่วงมาก  ไม่อยากคุย  อยากนอน  โลกมันเหมือนหมุนเร็วแฮะ  แผ่นดินไหวหรือป่าวหว่า  ทำไมห้องมันหมุน ๆ  แบบนี้

   “มึงมาวววววววว  มั้ย”  เสียงมันอ้อเอ้

   “เดะ เดะว่ะ  ม่ายมาววววววว”  ขืนบอกว่าเมาก็ไม่ใช่คนเมาดิ๊  เมาที่ไหน  ยังจำชื่อได้  ยังกลับห้องถูก

   “กูรักมึงนะโว้ย  มึงเป็นเพื่อนกูที่กูรักมากมึงรู้มั้ย . . .”  มันตะแคงหน้ามามองผม 

   “. . . มึงหันมานี่”  มันเอื้อมมือมาหาผม  ดึงผมให้นอนตะแคงจ้องตากับมัน

   “มึงไม่บอกกูเลย  มึงรักกูมั่งป่าวว่ะ” 

   ผมยิ้มแทนคำตอบ . . .

   . . . รักสิ  รักมากด้วย  หัวใจผมบอก  แต่ทำไมไม่รู้  ปากมันหนักแบบนี้ว่ะ 

   “ห่านี่  ไม่บอกกู  ขอกูนอนกอดมึงนะคืนนี้”

   ไอ้เวร  ไม่รอคำอนุญาต  ดึงกูไปกอดแนบอกมึงซะงั้น  ผมได้แต่นอนยิ้มอย่างมีความสุขในอ้อมกอดของมัน  แค่นี้กระมังที่ผมต้องการ  การได้อยู่ในอ้อมกอดของคนที่ผมรัก

   ผมเมื่อยไปทั้งตัวเพราะมันนอนกอดผมเอาไว้ทั้งคืน  ผมมองหน้ามันมันหลับตาพริ้มขนตางอนเป็นแพ  มันหล่อสมเป็นแนวหน้าของคณะมันจริง ๆ  ผมยิ้มในอ้อมกอดมัน  จมูกผมห่างซอกคอมันแค่นิดเดียวเอง

   มันลืมตา . . .

   . . . ท่าทางมันงง ๆ

   มันรีบผละผมออกจากอ้อมกอดมัน  ท่าทางมันเหมือนกลัวอะไรสักอย่าง  ผมหันหลังให้มัน ไม่อยากมองตามมันเลย

   “ไอ้เหี้ยมานอนกอดกูเฉยเลยนะมึง”  มันเอาเท้ามาแหย่ที่ก้นผม

   “สาสสสสสสส   ใครกอดก่อนเป็นหมา”  ผมหันมามองหน้ามัน  ก่อนยักคิ้วใส่มันทีนึง

   “กูเมาขนาดนั้นเลยเหรอว่ะ”  มันเกาหัวแกรก ๆ

   “ไม่รู้โว้ย  กูไปอาบน้ำแร่ะ”

   “โดม . . . ถึงกูเมากูก็รู้นะโว้ยว่ากูทำไรไป  บางคำถาม  คนถามเขาอยากรู้นะมึง  เขาไม่ได้ถามลอย ๆ  มึงเข้าใจมั้ย”

   เสียงที่มันบอก . . . 

   ทำเอาผมไม่สามารถก้าวเท้าต่อไปได้  ผมยิ้มกับตัวเอง  แต่ไม่อยากหันไปมองหน้ามัน  ไม่รู้  ผมไม่ไกล้ากระมัง  ผมกลัว กลัวว่าคำถามของมัน  กับคำตอบของผมจะทำให้เราเจ็บปวด  ผมได้แต่ยิ้มกับตัวเอง  ก่อนที่จะปล่อยให้ความคิดของผมตัดสินว่า  . . .

   . . . มันรักผม

   ผมไม่แปล . . . รักแบบไหน?

   ผมใจหายเมื่อมาอยู่สิงคโปร์  หนทางติดต่อมันมีเพียงแค่การคุยผ่านเอ็มเอสเอ็นเท่านั้น  และก็คุยกันเกือบทุกวันจนกระทั่งเมื่อคืน . . .

   “จะบวชวันที่สิบนะ  พรุ่งนี้เย็น ๆ  โกนหัว  มะรืนนี้เข้าโบสถ์แต่เช้า  พ่ออยากให้เลยกะบวชจนกว่าจะเปิดเทอมบวชแล้วคงไม่ได้ออนเอ็มแล้วล่ะ”

   ผมใจหายวาบ . . .

   . . . มันมาบอกอะไรเอาตอนนี้  วันนี้วันที่แปด  อีกสองวัน  ผมจะทำยังไงดี  มันไม่บอกผมก่อนหน้านี้ว่ะ แล้วผมตัดสินใจ . . .

   . . .  ค่าของความรู้สึกเงินซื้อไม่ได้

   แต่ . . .

   . . . ผมจะใช้เงินที่ผมมีซื้อความรู้สึกของมัน




   บริเวณลานวัดเงียบสงบ  คนที่นั่งพนมมือเต้อยู่สงบนิ่ง  มีแขกผู้ใหญ่ไม่กี่ราย  พระรูปนั้นดูน่าเลื่อมใส  กำลังพูดอะไรอยู่กับคนที่นั่งพนมมือ  ในมือถือกรรไกรคมกริบ

   “สวัสดีครับ”  ผมพนมมือไหว้พระ  ไหว้แม่มัน  ไหว้พ่อ  ไหว้ทุก ๆ  คนที่นั่น  ก่อนหันไปมองหน้ามัน

   แววตามันมองมาที่ผม . . . 

   . . .  ผมอ่านแววตามัน  มันตื้นตันใจอยู่หรอก  ผมมองญาติ ๆ  มันไปขลิบผมมัน  ผมมันค่อย ๆ  หลุดที่ละปอย ๆ    แววตามันนิ่ง  ผมมองปอยผมที่ญาติผู้ใหญ่มันขลิบใส่ในใบบัวใบใหญ่สีเขียวสด

   “โยม  มาตัดผมสิ”  พระรูปนั้นหันมาทางผม  พลางส่งกรรไกรให้  ผมยกมือไหว้  ก่อนรับกรรไกรมา

   มันมองหน้าผม  ผมรู้สึกได้  แววตามันยิ้มได้ . . .

   แล้วทุกคนก็ตัดเสร็จ  พระรูปนั้น  ค่อย ๆ  มาโกนผมให้  ก่อนมาโกนคิ้ว  คราวนี้ใบหน้าเคเงียบสงบลงไปอีก    ก่อนที่จะอาบน้ำให้นาค  ผมก้มลงนั่งตรงหน้ามัน  ผมเอื้อมมือไปแตะที่เท้าของเคเบา ๆ  ผมหยิบผมมาปอยนึง

   “ขอนะ  ขอกูเก็บไว้สักปอย” 

   เคพยักหน้ารับแทนคำตอบ . . .   

   . . . ผมมองมันนิ่ง  แววตาผมคล้ายมีม่านน้ำบาง ๆ  ผมเอาปอยผมนั้นใส่กระดาษก่อนเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์  สิ่งที่มีค่าที่สุดของผมกระมัง  ผมยิ้มกับภาพที่เห็น  ญาติ ๆ  มาอาบน้ำให้มัน  มันพนมมือรับน้ำที่ญาติมันอาบให้

   “มาทำไม  เปลือง”   เคในชุดกาสา  ถามผม  แววตาสงบกว่าเคย

   “ไม่มาได้ไง  ใช่จะมีใครบวชบ่อย ๆ  ซะที่ไหน”

   “กลับวันไหน”

   “ไม่กลับแล้ว  ไม่เรียนแล้วล่ะ  ไปอยู่เกาะ”  ผมมองหน้ามัน

   “เอาดี ๆ  สิ”

   “ยังไม่รู้เลย”

   “พรุ่งนี้เข้าโบสถ์แต่เช้า  วันนี้นอนที่ห้องที่บ้านนะ  คุ้นกับแม่แล้วนี่  มาตั้งสองรอบแล้ว  เราคงนอนที่วัด”    นาคพูดกับผมเบา ๆ

   “ครับ”  ผมตอบเงียบ ๆ

   แล้วคืนนั้น  ผมก็ต้องเสียน้ำตา  เมื่อผมไปเปิดไดอารี่ของไอ้เคอ่าน  สิ่งที่มันเขียนคือ . . .

   . . . ผม

   มันบอกรักผม ผ่านตัวอักษรของมัน . . .

   . . . มันเก็บความรู้สึกทั้งหมดใส่ในสมุดเล่มเล็ก ๆ  มันกลัวเหมือนที่ผมกลัว  มันไม่อยากเสียผมไป  เหมือนที่ผมไม่อยากเสียมันไป  ทั้งมันและผม  ไม่มีใครอยากเดินผ่านเส้นบาง ๆ . .  .

   . . . เพื่อน





   ผมมองข้อความอีกครั้ง . . .

   . . . ก่อนตัดสินใจพิมพ์กลับไป


“สาธุ . . .กำลังคิดถึงอยู่พอดี  คิดถึงพระบาปมั้ยนี่ อิอิอิ”

   ผมยิ้มก่อนกดส่ง . . .

   “บาปสิ  บาปมาก  หมายถึงถ้าพระคิดถึงโยมเพื่อนนะ”  เพียงชั่วอึดใจ  พระตอบกลับมา

   “ไม่ต้องส่งมาอีกนะ  ไว้สึกค่อยเจอกัน”

   แล้วผมก็ยิ้ม . . .

   . . . ผมไม่อยากไปก่อกวนหัวใจพระ  โลกของผมกับโลกของท่านมันแตกต่างกัน  ผมเอากระเป๋าตังค์ออกมา  ก่อนที่จะเปิดหยิบเอากระดาษแผ่นเล็ก ๆ  ภายในมีปอยผม

   ผมยิ้ม . . .

   . . . ยิ้มด้วยหัวใจเปี่ยมสุข  สงกรานต์สำหรับผม  มันมีความหมายมากกว่าคนอื่น ๆ  กระมัง

   วันนี้ . . .

   ผมมีคงสุขอย่างเต็มหัวใจ  นับวันรอ รอใครบางคนกลับมา  สิ่งที่เป็นอยู่ดีที่สุดแล้วสำหรับผมในเวลานี้






                                                                                                                 จบแร่ะคร๊าบบบบบบ









สัญญา . . .

. . . คราวหน้า

มาต่อ . . . รักเอย


หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 05-05-2009 19:09:05
^
^
ขออนุญาต จิ้ม

และรอคอย "รักเอย" ตาม สัญญา

จากนั้นจึงไปอ่านเรื่องสั้น หุหุ

------------------------------------------

อ่านจบแล้ว

บาปไหม?  >>> ไม่บาปเนอะ
ความรักเป็นสิ่งดี และสวยงามเสมอ
รักด้วยหัวใจ ยังไม่ถึงเวลารักด้วยร่างกาย
ทิ้งท้ายไว้ด้วยเรื่องสั้นหวานๆ เป็นนิมิตหมายอันดีว่า รักเอย ตอนหน้า จะหวานล้ำ (เหอๆๆๆ หวังไปๆ จาได้ป่าวหนอ)

บวก 1 แต้ม ขอบคุณคุณราชบุตรจ้า


หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: myxt ที่ 05-05-2009 20:03:51
^
^
 :z13: จิ้มพี่น้ำตาลกลับไปหน้านู้น แอบไปจิ้มเค้าไว้นิ อิอิ
.....
เรื่องสั้น แอบยิ้มได้เลย มันเป็นจุดเริ่มต้นของอะไรได้เลยเนอะ
รออ่านรักเอยนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 06-05-2009 07:09:31
มารอ   o18

ตกหน้า 2 แย้ว  ดันๆๆ :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: yaoifan ที่ 06-05-2009 07:47:03





สัญญา . . .

. . . คราวหน้า

มาต่อ . . . รักเอย




รอน้องโอ๊ต ต่อไป จะไปค้างคืนกับน้องออฟ จะเกิดอะไรขึ้นนะ

แต่น้องโอ๊ต ของคนราชบุตร ไปไหนแล้ว ขอให้หากันเจอ นะคะ

+1 เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: ranaways ที่ 06-05-2009 10:39:20
รอน้องโอ๊ต

พ่อโน๊ต และแม่โอห์ม


เอิ๊กกกกก


ล้อเล่นน๊า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 06-05-2009 14:01:38

อวสานแบบนี้จะดีไหม ?

ตั้งใจแค่ ๒๐ ตอนจบอ่ะครับ

แต่

เจอ  MMS ของโอ๊ตเข้า  . . . 


ตกลงจบเลย  ในตอนนี้ดีมั้ยหว่า . . .  อิอิอิ




ตอนที่ ๒๐

   “เหม่ออีกแล้ว”   

   ไอ้พี่โน้ตมันมาสวมกอดผมเอาไว้จากด้านหลัง    ตัวมันหอมกลิ่นสบู่อ่อน ๆ    ผมยิ้มกว้างสุขในหัวใจอย่างที่สุดแล้ว  ในวงแขนของคนที่ผมรัก แต่ไม่ได้หันกลับไปมองมัน
 

   ภายในห้องเย็นด้วยเครื่องปรับอากาศ . . .   

   . . . แต่

   หัวใจผมอบอุ่นอย่างที่สุด . . . 

   เพราะคนที่สวมกอดผมอยู่จากด้านหลังคือคนที่ผมรักอย่างสุดหัวใจ  ผมได้แต่ปล่อยร่างกายอิงแอบแนบอกอุ่น  แหงนหน้ามองฟ้าผ่านกระจกหน้าต่าง  คืนนี้พระจันทร์สวยกว่าคืนเพ็ญก่อน ๆ  ที่ผมเคยมอง

   หรือ . . .

   . . . อาจเพราะว่า

   คืนนี้ . . .

   คนที่ยืนชมจันทร์อยู่กับผมคือคนที่ผมรักด้วยชีวิต  ผมบอกไม่ถูกว่ารักมากขนาดไหน  และบอกไม่ถูกว่าคนที่กอดผมรักผมมากขนาดไหนเหมือนกัน  มีเพียงสิ่งเดียวที่ผมรู้ก็คือ  ผมอยากหยุดเวลา

   เวลา . . .

   . . . ทุก ๆ  อย่างล้วนขึ้นอยู่กับเวลาแทบทั้งสิ้น 

   เวลานำพาคน ๆ  นึงมาสู่หัวใจผม  ทำให้ผมมีความสุข  และเวลาก็พรากสิ่ง ๆ  นั้นไปจากผม  เวลาหยิบยื่นความเจ็บปวด  ให้กับผม  เสมือนบททดสอบความรักที่ผมต้องใช้ความพยายามอย่างที่สุดเพื่อที่จะให้สอบผ่านบททดสอบนั้น 

   แล้ว . . .

   . . . เวลา

   ก็มอบคืนสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผม . . .

   ต่อจากนี้ไปจวบวันสุดท้ายที่ผมจะหายใจ  ผมจะไม่มีวันยอมสูญเสียสิ่งที่ผมรักมากที่สุดไปอีกแล้ว  ผมจะไม่มีวันยอมเด็ดขาด  เพราะผมจะถนอมหัวใจดวงนี้เอาไว้ด้วยหัวใจของผมเอง  ผมจะรักษาหัวใจสองดวงเอาไว้อย่างดีที่สุด

   “ยังอยู่น่า  ไม่เคยถอด . . .” 

   ผมเอาท้ายทอยคลอเคลียที่ซอกคอพี่โน้ต  ทิ้งน้ำหนักของร่างกายทั้งหมดไปที่อกของพี่โน้ต เมื่อเจ้าตัวเอานิ้วมาเกลี่ยเล่นที่นิ้วก้อยด้านขวา

   “. . . ไม่ใช่แหวนหมั้น  ไม่ใช่แหวนแต่งงาน  แต่เป็นแหวนแทนความรักทั้งหมดที่พี่มีให้กับคนคนนึง  คนเดียวที่พี่จะรักได้ในชีวิตนี้    จำไว้นะ  อย่าลืมฉัน . . .”  ผมอียงศรีษะ เอาจมูกไปจูบที่ซอกคอพี่โน้ตเบา ๆ 

   “. . . แม้รักร่วมสวมใส่ไว้ติดกาย  เมื่อใดวายสวาทวอดจึงถอดเอย”   

   ผมมีความสุขที่ได้แหงนหน้ามองคนที่ผมรัก ในระยะห่างแค่ลมหายใจอุ่นของคนสองคน ที่ถ่ายเทลมหายใจของคนสองคน  รดมาที่จมูกของกันและกัน

   อุ่นไอรักที่ผมสัมผัสได้ . . .

   . . . แววตาที่มองผมอ่อนโยนอย่างที่สุด

   “จำได้ด้วย”

   เจ้าตัวก้มลงจูบที่เปลือกตาผมอย่างเผ่วเบา  ถนอมเอาไว้เหมือนวันก่อน  ผมหลับตาพริ้มรับรอยจุมพิตที่ห่างหายไปเกือบยี่สิบปี

   “ไม่เคยลืม . . .”  ผมยิ้มรับรอยจุมพิตนั้นด้วยความเต็มใจ

   “. . . โอห์มท่องทุกครั้งที่อ่อนแอ  นอกเหนือจากที่เคยท่องเอาไว้ทุกครั้งยามลืมตาตื่นมารับแสงแห่งตะวัน  ท่องวันละสามเวลาหลังอาหาร  และพิเศษอีกครั้ง  ก่อนที่โอห์มจะหลับตาน้ำตาเปียกหมอน”  ผมบอกในสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมเป็นประจำในสิบแปดปีที่ผ่านมา

   “. . . เพราะมันคือความทรงจำเดียวที่อยู่กับโอห์ม  เป็นสิ่งเดียวที่โอห์มรู้ว่ามันจะอยู่กับโอห์มไปจนวันที่โอห์มหมดลมหายใจ”   

   พี่โน้ตกอดผมแน่นกว่าเดิม  แทนคำขอโทษและคำแก้ตัวใด ๆ  ทั้งหมด  อ้อมกอดที่ผมสัมผัสมันด้วยหัวใจของผมเองในเวลานี้  มันมีควสามหมายมากกว่าคำพูด  หรือ  คำแก้ตัวใด ๆ  ทั้งหมด 

   พี่โน้ตชอบบอกความรู้สึกของหัวใจตัวเองผ่านทางการกระทำ

   อาจเพราะ . . .

   . . . คำพูดอาจจะโกหกกันได้

   แต่ . . .

   การกระทำมันไม่สามารถโกหกได้   หากไม่ได้กระทำออกมาจากหัวใจจริง ๆ  แล้ว  สิ่งที่เราสัมผัสได้  หัวใจจะบอกเราได้  ว่าสิ่งที่เป็นอยู่คือการหลอกลวง  หาใช่ความจริงแท้แน่นอนไม่  ผมสัมผัสความรู้สึกแบบนั้นได้ดีที่สุด

   โดยเฉพาะ . . .

   . . . การกระทำที่มาจากพี่โน้ต

   “คนดีของพี่”  จมูกนั้นจดเอาไว้ที่หน้าผากของผม

   “เพราะมันคือยาเพียงขนานเดียวเท่านั้น  เป็นยาตัวเดียวที่รักษาความเจ็บปวดทั้งหมดที่โอห์มมี  เป็นยาวิเศษที่ทำให้โอห์มอยู่มาได้จนถึงวันนี้”   

   หัวตาผมรื้น . . . 

   . . . ผมอ่อนแออีกแล้ว  น้ำหูน้ำตามมันพาลจะไหลออกมาดื้อ ๆ   

   พี่โน้ตมันยิ้มแบบเคย . . . 

   . . . ก่อนจะจดปลายจมูกที่แก้มผมเบา ๆ    เท่านั้นแหละ ผมหันเข้ากอดพี่โน้ตเอาไว้แน่น  ราวกับกลัวว่ามันจะสูญหายไปอีก

   “หายไปไหนมา  ไม่รู้หรือโอห์มใจแทบขาด”   

   พี่โน้ตจะรู้มั้ยจะเข้าใจความรู้สึกของผมมั้ย . . .

   . . . ผมปลดปล่อยความรู้สึกกลัวที่จะต้องสูญเสียพี่โน้ตไปอีก  ผมคงทนไม่ไหว  หากต้องเสียพี่โน้ตไปอีก  ให้ผมหยุดหายใจเสียดีกว่าที่จะต้องเสียคนที่ผมรักไปอีก  ที่ผ่านมามันเพียงพอแล้วสำหรับความเจ็บปวดที่ผมได้รับ

   “ขอโทษ . . .”  พี่โน้ตเอาแก้มแนบที่หน้าผากผม  วงแขนกอดรัดผมเอาไว้แน่น

   “. . .  ขอโทษตัวเล็ก  มันมีเหตุ  มันจำเป็นที่สุด  ต่อจากนี้ไม่ไปไหนอีกแล้ว  สัญญาจะไม่ไปไกลจากตัวเล็กอีก”  มันกอดผมเอาไว้  น้ำตามันไหลเอ่อยิ่งกว่าผมเสียอีก

   ผมได้แต่กอดมันนิ่ง . . .

   พี่โน้ตมันลากผมมาที่เตียงนอน . . . 

   . . . มันกอดผมเอาไว้แน่น  ร่างกายมันเบียดอยู่กับร่างกายของผม 

   แปลกจัง! 

   สัญญชาตญาณบางอย่างมันไม่ทำงาน  ทั้ง ๆ  ที่คนที่ห่างหายกันไปนานนน่าจะมีความรู้สึกที่มากกว่าตอนนี้  แต่มันไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ  หรือเพราะว่าที่ผ่านมา  เราสองคนต่างเดินผ่านเส้นความรัก . . .

   . . . ผ่านเซ็กส์

   ที่เหลือต่อจากนี้  เราอยู่เพื่อดูแลกันและกันอย่างนั้นหรือ ?   

   ผมบอกตัวเองไม่ได้ว่ามันคืออะไรที่เป็นอยู่ในเวลานี้  เพราะคนที่ห่างหายกันน่าจะมีความรู้สึกทางร่างกายมากกว่านี้  มันน่าจะมีแรงดึงดูดเข้าหากันเหมือน . . . คืนนั้น

   คืนแรก . . .

   . . . ที่ผมยอมด้วยความเต็มใจ

   แต่ . . .

   ไม่มี  คืนนี้ไม่มีความรู้สักแบบนั้น  แต่คืนนี้มีความสุขมากว่าคืนนั้น  เพราะในอ้อมกอดผมคืนนี้  มีคนที่ผมรัก  และรักมากกว่าคืนนั้น  แต่คืนนี้สำหรับผม  ผมสัมผัสได้ถึงความสุขมากกว่าคืนนั้น  อ้อมกอดที่โอบร่างกายผมเอาไว้  กลิ่นตัวที่ผมเคยคุ้นเคย  ทุก ๆ  อย่างที่เคยเป็นของผม  มันอยู่ใกล้ ๆ  ผมอีกครั้ง

   “ทำไมหนีไปไหนไม่บอก”  ผมเอานิ้วเกลี่ยเล่นที่หน้าอกพี่โน้ตเบา ๆ

   “รู้ทั้งหมดแล้วจะถามอีกทำไม”

   “โอห์มแค่อยากรู้ . . .”  ผมงอแงเหมือนเด็ก ๆ

   “อะไรที่ผ่านมาแล้วเราไม่สามารถที่จะไปแก้ไขมันได้นะโอห์ม  เพราะฉะนั้นอะไรก็ตามที่ผ่านมาแล้ว  เราก็ปล่อยให้ผ่านไปได้ไหม  ปล่อยให้มันผ่านไปโดยที่เราไม่เอามาคิดให้มันเจ็บปวดหัวใจของเราอีก”

   “พี่โน้ต . . .”  ผมมองแววตาคู่นั้น

   แววตาที่มองผมอย่างอ่นโยนที่สุด

   “. . . โอห์มสัญญา  หลังจากคืนนี้  โอห์มจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก  แต่ว่าคืนนี้  ขอโอห์มได้พูด  ได้ถามในสิ่งที่มันค้างคาหัวใจโอห์มได้ไหม”

   “ครับ”  พี่โน้ตตอบสั้น ๆ 

   “พี่โน้ตต้องเจ็บปวดกว่าโอห์มพันเท่า  โอห์มรู้ว่าที่โอห์มเจอเทียบไม่ได้กับที่พี่เจอ”

   “โอห์มเข้มแข็งกว่าที่พี่คิด” 

   ผมยิ้ม . . .

   . . . ก่อนที่จะ ผมเอื้อมมือไปหยิบหนังสือที่หัวเตียง

   อย่าลืมฉัน . . .   

   พี่โน้ตเอามือมาจับหนังสือเล่มนั้นเอาไว้    คิ้วพี่โน้ตขมวดเข้าหากันเล็กน้อย  ก่อนเปลี่ยนมาเป็นรอยยิ้มในที่สุด  เจ้าตัวก้มลงจูบที่แก้มผมอีกรอบ

   “ยังเก็บไว้อีกหรือ”

   “ก็อ่านทุกครั้งที่คิดถึงคนให้ . .  .”  ผมยิ้มตอบ

   “. . . นอกจากแหวนก็หนังสือเล่มนี้  ที่ทำให้โอห์มเข้มแข็ง  และอยู่เพื่อรอใครบางคนที่เขาเองก็รอโอห์ม”

   “แหวะ . . .”

   “อ้าว!  ทีโอห์มพูดมั่งมาแหวะ  ที่ตัวเองหยอดได้ตลอด”   

   “มันไม่เหมือนกัน”

   “เหมือนสิ”  ผมเถียง

   “ไม่เหมือน”

   “ต้องเหมือน”

   “ไม่เหมือนแน่ ๆ  พี่รับรอง”

   “เหมือนสิ   เอ๊ะ!  ไอ้พี่โน้ตนี่”   ผมไม่รู้ตัว  ว่าสิ่งที่กำลังเถียงกันอยู่ตอนนี้  มันละม้ายเหมือนคืนวันเก่า ๆ  ที่ผมเคยมีความสุข  ความสุขที่อยู่กับผมมานาน

   เหมือนตะกอน . . .

   . . . ตะกอนที่อยู่ก้นแก้ว

   ตอนนี้มันโดนก่อกวนให้มามีความสุขอีกครั้ง  มันไม่ใช่ตะกอนที่ผมอยากตักทิ้ง  แต่มันคือตะกอนของความรัก  ตะกอนแห่งความทรงจำที่ดีที่ผมเองก็ไม่ได้สัมผัสมันมานานแล้ว  ผมยิ้ม  เมื่อพี่โน้ตอมยิ้มบาง ๆ 

   “ยิ้มทำไม”

   “ปล๊าวววววววว”  พี่โน้ตทำเสียงสูง

   “จะแกล้งอะไรโอห์มอีก”    ผมเริ่มหวาดระแวง  เพราะสายตาที่พี่โน้ตมองมามันบอกว่า  ไอ้พี่ตัวแสบมันกำลังคิดแผนอะไรในใจอีก

   “ไม่มี๊  ไม่มี”

   “เชื่อตายอ่ะ”

   “จะมีอะไรอีก  ให้ไปทั้งตัวทั้งหัวใจแบบนี้แล้ว  จะกล้ามีแผนอะไรอีกเล่า  ดีใจที่มีวันนี้  ดีใจอย่างที่สุดแล้ว  เพราะคิดว่าชีวิตนี้จะไม่ได้นอนเถียงกับตัวเล็กอีกแล้ว”

   ผมยิ้ม . . .

   . . . คำหวานที่พี่โน้ตบอกมาจะตายเอาให้ได้  กี่ปี ๆ  ไอ้พี่โน้ตตัวแสบไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย ผมได้แต่ยิ้ม  เพราะไม่มีอะไรมีความสุขมากไปกว่าการได้ยิ้มอีกแล้ว 

   “เจอพี่แจงบ้างไหม”

   “ติดต่อกันอยู่”  พี่โน้ตยิ้ม

   หาก . . .

   . . . มือที่โอบกอดพี่โน้ตเอาไว้แน่นก่อนหน้านี้  ค่อย ๆ  คลายการโอบรัดอีกคนอย่างอัตโนมัติ  ผมรู้สึกใบหน้าตึง ๆ  อย่างบอกไม่ถูก  กับคำตอบที่พี่โน้ตบอก 

   “ยิ้มอะไร”  ผมมองหน้า  เมื่อเห็นรอยยิ้มพี่โน้ตคล้ายหยัน ๆ 

   “หึงอะไรไม่เข้าท่า”

   “ใครหึง” 

   “ใครก็ไม่รู้  พอเราบอกว่ายังติดต่อแม่เจ้าโอ๊ตอยู่  ปล่อยแขนที่กอดเราเฉยเลย  แถมสายตาที่มองก็เปลี่ยนไป  แบบนี้ไม่เรียกว่าหึงแล้วเรียกว่าอะไรไม่ทราบครับคุณตัวเล็กของพี่”  พี่โน้ตหัวเราะเบา ๆ  มีความสุขกับการจับผิดผมได้

   “อย่ามามั่ว  ไม่มีหึง”

   “ปากแข็งตามเคยนะคนเรา  มาดูสิปากแข็งจริงหรือปล่าว . . .”  ไอ้พี่โน้ตมันพูดจบก็เอาริมฝีปากมาบดขยี้ริมฝีปากผมเบา ๆ 

   ที่อุ่น ๆ  อยู่คือลมหายใจที่สัมผัสได้จากจมูกพี่โน้ต . . .

   “. . . ชื่นใจ”

   “ชอบแกล้งโอห์ม”  ผมมองหน้า  แต่หัวใจไม่อยากให้ไอ้พี่โน้ตมันถอนริมฝีปากกลับเสียด้วยซ้ำ

   “ก็ยังติดต่อกันอยู่จริง ๆ  นี่ครับ  แจงเป็นเพื่อนพี่  และที่สำคัญเป็นแม่ของคนที่พี่รักมากที่สุดในเวลานี้  เขามอบสิ่งที่ดีที่สุดให้พี่  จะให้พี่ใจดำไม่คุยกับเขาเลยหรือ”  พี่โน้ตยิ้มกว้าง

   พี่โน้ตมีเหตุผลเสมอ . . .

   “ครับ”   ผมได้แต่รับคำเบา ๆ

   “แจงบอกพี่ว่า  คนที่รักกัน  ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน  สิ่งที่เหลืออยู่เพื่อเป็นอนุสรณ์ของความรัก  มันมีเพียงแค่สองอย่างเท่านั้นเอง   หากแต่ . . .”   พี่โน้ตเอามือมาเกลี่ยไรผมที่หน้าผากผมเบา ๆ

   “. . . เลือกได้แค่หนึ่ง หนึ่งเดียวเท่านั้นที่  ‘จำ’  ต้องเลือก    เดินออกไปจากชีวิตของอีกฝ่าย”  เสียงพี่โน้ตเล่ายังคงเป็นน้ำเสียงที่ปกติที่สุด

   “หรือ เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน”  มือที่เกลี่ยไรผมของผมเล่นหยุดที่แก้ม  ก่อนที่พี่โน้ตจะเชยคางผมมามองหน้าพี่โน้ตช้า ๆ 

   ผมยิ้ม . . .

   . . . พี่โน้ตยังคงใจเย็นเสมอ  เป็นคนที่มีเหตุผลมากกว่าความรู้สึก  ผมอยากเป็นแบบพี่โน้ต  อยากมีมุมแบบที่พี่โน้ตเป็น

   “ในความรัก  มันต้องเลือก  คนเราต้องเลือกเสมอนะ    การเลือกอาจจะมีทั้งดีและไม่ดี  แต่เราต้องมองให้ดี  พิจารณาให้ถ่องแท้  การที่เราจะเดินไปหยิบอะไร  อย่าสักแต่ว่าของนั้นสวย  ของนั้นงาม  สีที่สวย  สิ่งที่งามอาจเคลือบไว้ซึ่งยาพิษ   สำหรับพี่ . . .”  พี่โน้ตยิ้ม

   “. . . ไม่ว่าจะในเวลานี้  หรือก่อนหน้านี้  เป็นเวลาที่พี่รู้หัวใจตัวเองเป็นที่สุด”  พี่โน้ตจูบผมอีกครั้ง

   บางทีนี่อาจจะเป็นคำตอบของพี่โน้ต . . .

   “พอเหอะ   จูบจนโอห์มช้ำหมดแล้ว”  ผมค่อย ๆ  ผลักพี่โน้ตออกอย่างเบามือที่สุด

      “แจงเป็นเพื่อนที่ดีเสมอ   เป็นเพื่อนคนเดียวที่พี่รักได้อย่างเต็มหัวใจ  เพราะเจ้าตัวไม่เคยเรียกร้องอะไรจากพี่  พี่บอกว่าหากแจงรักพี่เหมือนที่แจงบอก  พี่ขอลูกอยู่กับพี่  เพราะลูกจะเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้พี่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้”    พี่โน้ตเล่า  แต่คราวนี้เสียงพี่โน้ตเริ่มสั่น

   แววตาที่มีชีวิตคล้ายหมองลงเล็กน้อย . . .

   “แจงให้พี่ เขายอมให้สิ่งที่ทำให้พี่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้  แจงบอกพี่ตั้งแต่ก่อนคลอด . . .”  พี่โน้ตหลับตาไปชั่วครู่

   “. . .   ถ้าแกมั่นใจว่าแกทำดีที่สุดแล้วแกจะเสียใจทำไมไอ้โน้ต  แกต้องไม่กลัวกับสิ่งที่ยังไม่เกิด  สิ่งที่ยังมาไม่ถึงจักกลัวไปใย  ชั้นสัญญา  ชั้นจะให้สิ่งที่ชั้นรักมากที่สุดกับแก  ไม่ว่าลูกจะเป็นหญิงหรือชายชั้นยกให้แก  ยกให้แกด้วยความเต็มใจที่สุด  ชั้นยอมแพ้หัวใจแกว่ะโน้ต . . .”  พี่โน้ตลืมตาช้า ๆ 

   ผมเอานิ้วแตะที่ใต้ตาพี่โน้ต . . .

   . . . ซับความอ่อนแอที่ออกมาจากหัวใจ

   “ในฐานะเพื่อน  ชั้นยอมรับว่ารักแกมากกว่าเพื่อน     และจะยินดีกับทุก ๆ  อย่างที่เพื่อนเลือก  เพื่อนคนนี้จะยิ้มรับทุก ๆ  อย่างที่เพื่อนได้เลือกไปแล้ว  เพราะความสุขของเพื่อนคือสิ่งที่เพื่อนคนนี้จะยิ้มอย่างเต็มหัวใจ . . .”  พี่โน้ตยิ้ม  เอามือกุมมือผมไว้แน่น

   “. . . พี่เลยบอกไง  แจงมันเป็นเพื่อนที่พี่รักอย่างเต็มหัวใจ” 

   “ครับ”

   “แจงยังบอกพี่อีกว่า . . .”  พี่โน้ตมองหน้าผม

   “. . . แต่ในฐานะแม่   แม่ที่ให้กำเนิดลูก และรู้ล่วงหน้าว่าจะไม่มีโอกกาสเลี้ยงดู  แต่ชั้นมั่นใจว่าแกจะเลี้ยงลูกได้ดีที่สุด  แกจงรู้ว่าชั้นไปจากแก  เพราะชั้นมั่นใจว่าแกจะเลี้ยงดูลูกให้เติบโตมาอย่างสวยงามที่สุด  เหมือนที่แกเคยเลี้ยงโอห์ม”  พี่โน้ตมองหน้าผม

   “พี่แจงพูดถึงผม”

   “ใช่  พี่เขาบอกแบบที่พี่พูด”

   ผมนิ่งเงียบ . . . .

   “ไอ้โน้ต   ถ้าชั้นจะขอแกเพียงเรื่องเดียว . . . พี่จำได้ดี  แจงมันจริงจัง  ตอนที่มันพูดประโยคนี้  ตอนนั้นพี่หัวใจแทบจะหยุดเต้น  กลัวไปหมด  กลัวแจงจะไม่ยอมให้ลูกกับพี่”

   “พี่แจงขออะไร”

   “แจงมันขอตั้งชื่อลูก . . .”  พี่โน้ต  ยิ้มกว้าง

   “. . . ไอ้โน้ต  ชั้นรู้ว่าหลังจากที่ลูกลืมตาดูโลก  ชั้นคงจะไปจากชีวิตแก  เหมือนที่แกเดินออกไปจากชีวิตตัวเล็กมัน  แต่ชั้นสัญญา  ชั้นจะเป็นเพื่อนแกเสมอ  ชั้นให้ลูกกับแก  เพราะแกคือเพื่อนที่ชั้นรักมากที่สุด  ชั้นไม่มีวาสนาจะทำหน้าที่แม่  ชั้นขอแค่เรื่องเดียว  ชั้นขอตั้งชื่อลูก”

   “โอ๊ต  นะเหรอ”  ผมมองหน้าพี่โน้ต

   “อืม . . .  ไม่ว่าลูกจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายชั้นจะเรียกว่า   'โอ๊ต'  . . . ส่วนชื่อจริงชั้นตั้งไว้แล้ว  ‘นนธ์ปวิช’    เพราะชื่อนี้มันจะทำให้ชั้นได้ระลึกถึงคนสองคน  คนแรกเพื่อนที่ดีที่สุดของชั้น  กับอีกคน  คนที่คนที่ชั้นรักรักเขามากที่สุด. . . ไอ้ตัวเล็ก”   

   ผมหลับตานิ่ง . . .

   . . . น้ำตาผมไหล

   ผมละอายหัวใจอย่างที่สุด  วันก่อนผมอาจจะเคยหมิ่นน้ำใจผู้หญิงที่เข้ามาใกล้ตัวพี่โน้ต  อาจเพราะว่าผมหวงพี่โน้ต   ไม่อยากให้ใครมาใกล้พี่โน้ต   แต่ครั้งนี้  ผมยอม  ผมยอมให้พี่แจงเรียกผมว่า . . . ไอ้ตัวเล็ก

   ติ้ด . . . ติ้ด

   เสียงข้อความเข้าดังมาจากโทรศัพท์จากหัวเตียง  พี่โน้ตเอื้อมมือไปหยิบมากดดู  ก่อนหัวเราะเบา ๆ 

   “ไอ้ตัวแสบ”

   “โอ๊ตหรือ” 

   “ดูเอาเอง”  พี่โน้ตยื่นโทรศัพท์มาให้ผม

   รูปถ่ายของโอ๊ต . . .

   . . . และข้อความข้างล่างรูปถ่าย  รูปในมือถือเครื่องนั้น


(http://img413.imageshack.us/img413/8884/a791625564.jpg)


   . . . ปล่อยมือพ่อที่กอดอาโอห์มออกจากตัวอาโอห์มเดี๋ยวนี้นะพ่อ  โอ๊ตหวงอาโอห์ม  เดี๋ยวอาโอห์มของโอ๊ตช้ำหมดเลย . . .

   ผมยิ้มหัวเราะเบา ๆ   

   . . .  พี่โน้ตเลี้ยงลูกได้มาตรฐานเดียวกับที่เลี้ยงผมจริง ๆ  ขอบคุณสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมได้เจอ  ขอบคุณพี่โน้ตจากหัวใจ  ขอบคุณพี่แจง  พี่สาวที่น่ารักที่สุดในวันนี้ของผม

   ขอบคุณ . . .

   ผมจะมีใครอีกไหมที่ต้องขอบคุณ ?

   
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: แก้ว ที่ 06-05-2009 15:32:06
     :-[

โอ๊ต น่ารัก
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 06-05-2009 15:52:33
ในความทุกข์ พี่โน๊ตก็ยังเจอสิ่งดีๆ อย่างเพื่อนที่ชื่อ พี่แจง แล้วยังมีสิ่งดีๆที่คอยเหนี่ยวรั้ง ก็คือ โอ๊ต

อ่านตอนนี้แล้ว ซาบซึ้ง กับ มิตรภาพ และความรัก ของผู้หญิงคนนึงที่จะมีได้
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 06-05-2009 15:53:30


ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: «ƤȑǃǹĉΞḠ○ḺҒ™» ที่ 06-05-2009 18:26:44
ซึ้งจัง   :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 06-05-2009 20:21:38
 :pig4:  พี่ราชบุตรที่แต่งนิยายดีๆให้   :กอด1:

แล้วแต่งมาให้อ่านบ่อยๆน้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: myxt ที่ 06-05-2009 21:02:17
อ้างถึง
อวสานแบบนี้จะดีไหม ?

ตั้งใจแค่ ๒๐ ตอนจบอ่ะครับ

แต่

เจอ  MMS ของโอ๊ตเข้า  . . . 


ตกลงจบเลย  ในตอนนี้ดีมั้ยหว่า . . .  อิอิอิ
เอ่อ..... ไม่ดีมั้งค่ะ
พี่โน๊ตกะโอห์มยังหวานได้มากกว่านี้อีกน๊า  :o8:
เจ้าโอ๊ตเข้าใจขัดจังหวะพ่อเนอะ น่ารักน่าหยิกจริงๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 06-05-2009 21:16:47
ทุกอย่างล้วนมีที่มาและที่ไปของมันเสมอ  o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: ranaways ที่ 06-05-2009 21:19:08
โอ๊ยยยยยยยย

น่ารักกกกกกกกกก



หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: Simply Blue ที่ 07-05-2009 00:04:03
นำเสนอรูปแบบของความรักได้หลากหลายและซาบซึ้งจริงๆๆๆๆ   
ขอบคุณมหาศาลสำหรับเรื่องของความรักที่ทำให้ได้คิดหลายอย่าง
ขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง

อ่านไปอมยิ้มไป มีความสุขจริงๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 07-05-2009 00:14:24

จบแล้วหรอ?

เจ้สอง  :bye2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 07-05-2009 00:53:26

จบแล้วหรอ?

เจ้สอง  :bye2:

ถามว่าจบดีไหม ?

มิได้แปลว่าจบโว้ย . . .

. . .จะจบได้อย่างไร  น้องป๊อบน่ารักขนาดนั้น

เขียนถึงโอ๊ตทีไร  หน้าน้องป๊อบลอยเด่นมาทันที  แบบนี้จบไม่ลง


ปล. ท่านที่ได้อ่านเรื่องต่อจากตอนที่ ๒๐  เพราะอานิสงค์แห่งความน่ารักของน้องป๊อบล่ะครับพี่น้อง

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 07-05-2009 01:08:48

• ท่านที่ได้อ่านเรื่องต่อจากตอนที่ ๒๐  เพราะอานิสงค์แห่งความน่ารักของน้องป๊อบล่ะครับพี่น้อง
วั้ย ค่ะ พี่ยม 5555555
ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 07-05-2009 01:38:27

วั้ย ค่ะ พี่ยม 5555555



ใครอ่ะ . . .

. . . พี่ยม

คนหล่อ . . .  งง

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: un_john2006 ที่ 07-05-2009 01:55:36

 :o12:






 :-[





 o13 o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 07-05-2009 07:00:44


ต๊าย “พี่ยม” คือ one of leading charactors จาก “เป็นต่อ” ค่ะ(channel 3)
ชอบลงท้ายประโยคว่า “พี่น้อง” อิอิ
ขอบคุณนะคะ คุณ ต้นสาย

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 07-05-2009 07:32:10


ต๊าย “พี่ยม” คือ one of leading charactors จาก “เป็นต่อ” ค่ะ(channel 3)
ชอบลงท้ายประโยคว่า “พี่น้อง” อิอิ
ขอบคุณนะคะ คุณ ต้นสาย





ว๊าย . . . มิชอบดูฟรีทีวี

ดูแต่เคเบิ้ลอ่ะค่ะ  . . . . เนชั่นทีวี

กับ . . . ASTV  เท่านั้น  คอนเฟิร์มและฟันธง  อิอิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: yaoifan ที่ 07-05-2009 07:48:22

จบแล้วหรอ?

เจ้สอง  :bye2:

ถามว่าจบดีไหม ?

มิได้แปลว่าจบโว้ย . . .

. . .จะจบได้อย่างไร  น้องป๊อบน่ารักขนาดนั้น

เขียนถึงโอ๊ตทีไร  หน้าน้องป๊อบลอยเด่นมาทันที  แบบนี้จบไม่ลง


ปล. ท่านที่ได้อ่านเรื่องต่อจากตอนที่ ๒๐  เพราะอานิสงค์แห่งความน่ารักของน้องป๊อบล่ะครับพี่น้อง


งั้นต้องขอบคุณน้องป๊อบ ที่ทำให้เรื่องนี้ยังไม่จบ
+1 เป็นกำลังใจให้คนแต่งค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: White..BroccO ที่ 07-05-2009 07:52:06
อ๊ากกกก หวงโอ๊ตแล้วทีนี้

ฮ่าๆๆ แหม น่ารักจริงๆเลย

ขอบคุณคุณราชบุตรน่ะค่ะ  :กอด1:

ยังไม่จบแหล๊ะดีแล้ว อ่านแต่อดีต อยากอ่านปัจจุบันนี้มั้ง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: dokjarn ที่ 07-05-2009 08:56:55
:L2:

อ้างถึง
  . . . ปล่อยมือพ่อที่กอดอาโอห์มออกจากตัวอาโอห์มเดี๋ยวนี้นะพ่อ  โอ๊ตหวงอาโอห์ม  เดี๋ยวอาโอห์มของโอ๊ตช้ำหมดเลย . . .?
   ผมยิ้มหัวเราะเบา ๆ   

   . . .  พี่โน้ตเลี้ยงลูกได้มาตรฐานเดียวกับที่เลี้ยงผมจริง ๆ  ขอบคุณสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมได้เจอ  ขอบคุณพี่โน้ตจากหัวใจ
 ขอบคุณพี่แจง  พี่สาวที่น่ารักที่สุดในวันนี้ของผม

   ขอบคุณ . . .

   ผมจะมีใครอีกไหมที่ต้องขอบคุณ ?


อ้างถึง
ถามว่าจบดีไหม ?

มิได้แปลว่าจบโว้ย . . .

. . .จะจบได้อย่างไร  น้องป๊อบน่ารักขนาดนั้น

เขียนถึงโอ๊ตทีไร  หน้าน้องป๊อบลอยเด่นมาทันที  แบบนี้จบไม่ลง?

ปล. ท่านที่ได้อ่านเรื่องต่อจากตอนที่ ๒๐  เพราะอานิสงค์แห่งความน่ารักของน้องป๊อบล่ะครับพี่น้อง  

 :L1:

จะเพราะอานิสงค์แห่งความน่ารักของน้องป๊อบ

หรืออานิสงค์ ของ sms จากน้องโอ๊ต ม่ายรู้

รู้แต่ว่า ดีจังที่ ยังไม่จบ

จะได้อ่าน เรื่องราวจาก ภาษาสวยๆ ต่อไป

ซึ่งต่อไปก็ จะเป็นตอนที่อยู่กับปัจจุบันแล้วใช่ป่าว

แล้วจะมีใครเปลี่ยนไป  หรือเปลี่ยนใจ

หรือไม่ครับ

 :pig4: :pig4:

 :z2:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: ranaways ที่ 07-05-2009 09:46:17
อะไร

ยังไงกัน

ตกลงแล้ว ยังไม่จบใช่มิ๊
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 07-05-2009 10:00:28
เข้ามาดูรูปน้องป๊อป :o8:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 07-05-2009 10:24:07
ยังไม่จบ ว่างั้น

ก็ตามต่อไป

ว่าแต่เอารูปน้องป๊อบมาลงแบบนี้ ใจละลาย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 07-05-2009 11:31:26
อ้างถึง
ปล. ท่านที่ได้อ่านเรื่องต่อจากตอนที่ ๒๐  เพราะอานิสงค์แห่งความน่ารักของน้องป๊อบล่ะครับพี่น้อง


แปลว่า . . . อาจมีภาคสอง  อิอิอิ

หรือ . . .

. . . จะภาคสองทำห่าเหวไร  เขียนต่อไปก็จบแร่ะ




รั ก เ อ ย



ใจจริงอยากเขียนเรื่องรักหลากหลาย  ไม่มีอะไรในหัวเลย 

แต่ . . .

ที่ดันทุรังเขียนมาได้จนถึง ๒๐ ตอนนี่ก็หรูแร่ะครับ   เพราะก่อนหน้านี้  แต่ละเรื่องที่เขียนจะวางแนวคร่าว ๆ  ในใจ  แต่เรื่องนี้มีน้อยมาก

เลยคิดว่า . . .

ใช้ภาษาให้ดูดีที่สุด  เพราะไม่คุ้นกับภาษาพูดที่เอามาเขียน  อยากได้ภาษาที่ใช้สำหรับงานวรรณกรรมจริง ๆ    แม้จะไม่สวยหรูเทียบเท่างานวรรกรรมที่วางขายกันตามร้านหนังสือ

แต่ . . .

ผู้เขียนภูมิใจ  ที่อย่างน้อยที่สุด  ก็ไม่ได้ทำให้ภาษามันวิบัติมากไปกว่านี้  ผมยังรักในภาษาดั้งเดิมมากกว่าภาษาแบบใหม่  ที่เห็นกันดาษดื่นตามเวบบอร์ดต่าง ๆ  เพราะระลึกเสมอ    ต้นไม้จะใหญ่ให้ร่มเงาได้  ย่อมมาจากรากที่แข็งแรง  หาใช่มาจากการตัดแต่งพันธุกรรมไม่   คนเราหลงลืมไปถึงที่มาของตัวเองเพระมัวแต่อยากตามคนอื่นให้ทัน

ผู้เขียน . . . ไม่เคยห่วงเรื่องเรตติ้ง แต่ห่วงน้ำตาคนอ่านมากกว่า   และ  ไม่ชอบตามแนวที่ได้รับความนิยม  ชอบสวนกระแส 

เขียนเท่าที่ใจอยากเขียน  เขียนเพราะรัก ในภาษาที่จะเขียน  มีความสุขกับการได้ถ่ายทอด  การโลดแล่นของตัวละคร   ที่มีพัฒนาการเจริญเติบโตไปตามวัย  ไม่ชอบตัวละครแบบโตเกินวัย   เช่น  ตัวอยู่ ม.ต้น  แต่ระดับความคิดเทียบเท่าเด็กปริญญาตรี  ในความเป็นจริงไม่มีหรอก  คนแบบนี้ในโลก   หรือ  ปัญญาอ่อนเกินไป จบป.ตรี  แต่ความคิดเท่าเด็กมัธยม    ตัวละครแบบนี้ผมจะเลี่ยงมากถึงมากที่สุด

ทั้งนี้ทั้งนั้นล้วนแต่อยู่ที่ประสบการณ์งานเขียนว่าจะทำให้ตัวละครโตตามวัยได้หรือไม่  ผมทำได้แล้ว  ผมคิดว่าผมหลุดจาดวังวนนั้นมาได้แล้ว  พัฒนาการของตัวละครคือเสน่ห์อย่างหนึ่ง  ที่นักเขียนแบบผมจะมองตามวัย  ดีใจ  ที่โอห์มตอนเด็ก  กับโอห์มตอนโต  เปลี่ยนไปตามเวลา  นิ่งมากขึ้นกับคนรอบ ๆ  ตัว  แต่กับพี่โน้ต  เจ้าตัวยังงอแงแบบเด็ก  อันนี้เสน่ห์ของนางเอกแบบโอห์ม  อิอิอิ

ในงานเขียนทุกเรื่องผมจะสอดแทรกสาระเล็ก ๆ น้อย ๆ  เสมอ  ส่วนเรื่องนี้ มีน้อยที่สุด เพราะไม่อยากสาระมาก  อยากเขียนหวาน  ซึ้ง  เศร้า  และจะให้คนอ่านอมยิ้มตามมากกว่าแอบเช็ดน้ำตา  อันนี้คนอ่านตัดสินเองว่า  ยิ้มมากกว่าหรือน้ำตามากกว่า

หาก . . .

น้ำตามากกว่า  ก็เอามาแยกว่าอันไหนคือน้ำตาแห่งความสุข  หรือ  น้ำตาแห่งความเสียใจกันแน่


ที่บอกกล่าวมาทั้งหมด  เพราะตอนนี้  มีความสุขกับรอยยิ้ม  กับน้ำตาของสิ่งที่ตัวเองเคาะออกมาเป็นอักษร   และที่มีความสุขที่สุด  ก็ตรงได้เห็นเพื่อน ๆ  มีรอยยิ้ม  มีน้ำตา  แอบปาดน้ำตาหน้าคอม  (อันนี้ออกแนวโรคจิต)


 และ . . .  รั ก เ อ ย


ได้ดั่งใจเพราะภาษามันสวยแบบที่อยากได้จริง ๆ


นึกไม่ออกไว้มาบอกต่อ





ปล.  หากยังไม่เห็นคำว่า   .  .  .  อ ว ส า น    ที่ท้ายตอนนั้น ๆ 


แปลได้อย่างเดียว . . .

ยังไม่จบโว้ยยยยยยยยยย


ปล๒.  สำหรับแฟน ๆ  ตามที่บอกมีหนังสือทำมือมาแจก . . . รักฤๅผูกพันฯ   เวอร์ชั่นเต็ม

ผมให้สิทธิ์  สำหรับคนที่  ลงชื่อ  ขอ รักเอย ไว้ . . .  ก่อนกระทู้นี้เท่านั้น  เหอะ ๆ  ๆ แต่มีข้อแม้ว่า  ใครอยากได้  ช่วยเขียนวิจารณ์รักเอยในแบบที่คุณสัมผัสมาหน่อยได้ป่ะครับ  เอาไม่เกิน  สามสิบบรรทัดก็พอ

บทวิจารณ์ไหนโดนใจผมแจกเลย . . .

อ้อ กะว่าหากว่างจะปริ้นซ์อีกเล่ม  เอาไว้แจกคนที่ลงชื่อไว้อีก  เหอะ ๆ ๆ 



ปล๓.  สำหรับคนไม่ลงชื่อ  บอกได้ว่า . . .  เสียใจนะครับคุณไม่มีสิทธิ์


หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 07-05-2009 11:44:35
อ่านแล้วแอบ งง นะฮ้า

สรุปว่ามีภาคต่อใช่ป่าว  หรือจบแล้ว

 :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: mango ที่ 07-05-2009 19:26:13

Thank you very much   :L2:

๐.๑ imon (รัดคิวเลย ขอคนน่ารักก่อนนะครับ จะรีบไป)
๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie
๘. badcow
๙. SpiZy
๑o. happy_icekung69
๑๑. SomLove
๑๒. MIkz_hotaru
๑๓. mecon
๑๔. M@nfaNg
๑๕. C2U
๑๖. แก้ว
๑๗. jackoo
๑๘. myxt
๑๙. tamtam
๒๐. newykung
๒๑. manie
๒๒. zheeiiz*
๒๓. chocolate_ness
๒๔. patee
๒๕. charus
๒๖. Slice of life
๒๗. GivesZa
๒๘. FiZZ
๒๙. namtaan
๓๐. White..BroccO
๓๑. zandwizz
๓๑. birdy
๓๒. Kirimanjaro
๓๓. yaoifan
๓๔. anata9
๓๕. ranaways
๓๖. sukie_moo
๓๗. mango
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: subaru ที่ 07-05-2009 19:42:03
ลงชื่อไว้เมื่อเช้า เป็นคนที่ 37 ทำไมตอนนี้ชื่อเราหายไป แอบงง :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: bluesky ที่ 07-05-2009 20:37:48
๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie
๘. badcow
๙. SpiZy
๑o. happy_icekung69
๑๑. SomLove
๑๒. MIkz_hotaru
๑๓. mecon
๑๔. M@nfaNg
๑๕. C2U
๑๖. แก้ว
๑๗. jackoo
๑๘. myxt
๑๙. tamtam
๒๐. newykung
๒๑. manie
๒๒. zheeiiz*
๒๓. chocolate_ness
๒๔. patee
๒๕. charus
๒๖. Slice of life
๒๗. GivesZa
๒๘. FiZZ
๒๙. namtaan
๓๐. White..BroccO
๓๑. zandwizz
๓๑. birdy
๓๒. Kirimanjaro
๓๓. yaoifan
๓๔. anata9
๓๕. bluesky
      ขอจองด้วยคนค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: bluesky ที่ 07-05-2009 20:40:29
๐.๑ imon (รัดคิวเลย ขอคนน่ารักก่อนนะครับ จะรีบไป)
๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie
๘. badcow
๙. SpiZy
๑o. happy_icekung69
๑๑. SomLove
๑๒. MIkz_hotaru
๑๓. mecon
๑๔. M@nfaNg
๑๕. C2U
๑๖. แก้ว
๑๗. jackoo
๑๘. myxt
๑๙. tamtam
๒๐. newykung
๒๑. manie
๒๒. zheeiiz*
๒๓. chocolate_ness
๒๔. patee
๒๕. charus
๒๖. Slice of life
๒๗. GivesZa
๒๘. FiZZ
๒๙. namtaan
๓๐. White..BroccO
๓๑. zandwizz
๓๑. birdy
๓๒. Kirimanjaro
๓๓. yaoifan
๓๔. anata9
๓๕. ranaways
๓๖. sukie_moo
๓๗. mango
๓๘. bluesky
      ขอจอง(ใหม่)ด้วยคนนะค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: bluesky ที่ 07-05-2009 22:46:03
  มัวแต่ตามลุ้นโอห์ม....เลยพลาดโอกาสรับของแจก(เสียดายน่ะ)
ไม่ขอวิจาร....แต่อยากบอกว่า....
อ่านเรื่องของ คุณราชบุตร แล้วต้องทำใจ
ทำใจว่าน้ำตาต้องเปื้อนคอมแน่เลย.....
คราว อาร์ม กะ โก ก็บีบคั้นเจ็บปวดไปกับอาร์ม
อ่านจบยัง อิน ไปตั้งหลายวัน
พอเห็นเื่รื่องนี้....ก็คิดว่าจะอ่านดี หรือไม่อ่านดี ชื่อเรื่องออกจะมีแวว เสียน้ำตาอีกแล้ว
แต่ ในความ เป็น "ราชบุตร" นอกจากน้ำตาหยดน้ำตาย้อยแล้ว
ยังให้อิ่มอารมณ์กับความผูกพัน  สายใย ของตัวละคร
ภาษา สวย....เรื่องนี้ชอบที่สร้างเสน่ห์ ให้ตัวละครเยาว์วัย ได้น่ารัก น่าหยิก
ยังไง รักเอยฯ ก็....อย่ากลั่นแกล้งคนอ่านให้น้ำตาตกอีกเลย
                         :L2:














หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 09-05-2009 10:06:40
ตื้นตันตรงที่ว่า ยังไม่จบ เนี่ยแหล่ะ
.
ยังอยากซึมซับเรื่องราวของ โอห์ม โน๊ต และก็เจ้าโอ๊ต ต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 09-05-2009 10:16:40
หนังสือก็อยากได้นะค่ะ แต่ให้มาวิจารณ์หลายๆบรรทัด ไม่สามารถจริงๆ :sad4:
เพราะเวลาอ่านไม่ค่อยมาพินิจพิจารณาว่าคนไหนเป็นไง สมเหตุสมผลไม๊ หรือตัวละครมีที่มาที่ไปเหตุผลอะไร
เวลาอ่านใช้แค่อารมณ์ความรู้สึกมากกว่า เช่นเรื่องไหนอ่านแล้วฮา มีความสุขอ่านไปยิ้มไป อยากรู้ต่อว่าเรื่องเป็นไงก็ชอบ
หรือเรื่องไหนที่ดรามา ถ้าอ่านแล้วจุกๆ หรือกลั้นหายใจ ลุ้นตามหรือแบบจิ๊ดๆที่หัวใจ นั่งน้ำตาไหล ก็แสดงว่าชอบเหมือนกันแต่ไม่ชอบวิจารณ์เพระมีความรู้สึกว่าคนเขียนทุกคนตั้งใจทำอยู่แล้ว
แต่บางคนที่เขียนกันยาวๆก็ดีนะคะ แสดงว่าเค้าตั้งใจอ่านเก็บรายละเอียดกันจริงๆ o13

เอาเป็นว่าอ่านรักเอยแล้วมันจิ๊ดๆที่ใจนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: chocolate_ness ที่ 09-05-2009 11:19:45
ซึ้งมักมาก :man1:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 09-05-2009 11:41:37

ต๊าย โชคดี ที่กิต.ลงชื่อไว้ก่อน มิฉนั้นก็แย่เลย
กิต. ได้แต่อ่าน วิจารณ์ใครไม่เป็นเสียด้วยสิคะ
เฮ้อ....น้อยยยย จายยยย
ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: jackoo ที่ 09-05-2009 17:08:07
ทำไงดีเนี่ย ติไม่เป็นซะด้วยซิ :serius2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 09-05-2009 19:25:58
รักเอย จริงหรือที่ว่าหวาน อืมมมม ตอนล่าสุดหวานจริงๆหละนะ ช้อบ ชอบ
เจ้าโอ๊ตเนี่ย กวนดีนะ ก๊อปปี้อาโอห์มมาเป็นส่วนๆ เลี้ยงน้องยังไง เลี้ยงลูกยังงั้นเลยพี่โน้ต

แต่พอมาเจอรีพลายที่ 607 ไม่รู้สิ ชอบ ชอบมากด้วย
อยากได้หนังสือทำมือกะเค้าเหมือนกัน แต่วิจารณ์ไม่เกินสามสิบบรรทัด
แล้วขั้นต่ำมันสักกี่บรรทัดดี 555++
ตอนนี้ยังนึกไม่ออก จำได้ว่าบอกไปแล้วว่า "หลงรักเรื่องนี้"
V
V
โอ๊ยๆๆๆๆๆๆ
หวานมากมายเลย ห้วงรักนอกเรื่อง ทำให้ในเรื่องหวานได้มากขนาดนี้ ดีจังเลย หุหุ

ตอนนี้หลงรักโอ๊ตเข้าเต็มเปา เห็นโอห์มและโน้ตในความเป็นโอ๊ตแต่เห็นภาพของโอห์มเยอะจัง ลูกโน้ตนะนั่น
เพราะในใจพี่โน้ตมีแต่โอห์ม เลยเลี้ยงลูกมาเป็นโอห์มสองซะหละมั้ง
หลงรักเรื่องนี้ซะแล้ว หุหุ

บวก 1 แต้มแล้วนะค้าบบบ  ขอบคุณมากๆ


นึกได้มากกว่าคำว่ารักแล้วค่อยกลับมาเมนท์ใหม่ เอิ้กซๆๆๆๆ
ตอนนี้บวก 1 แต้มเช่นเคย ขอบคุณมากค้าบ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: Kirimanjaro ที่ 09-05-2009 19:57:08
อันนี้ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นแบบสั้น ๆ และอาจจะไม่ค่อยรื่นหูครับ


ผมชอบเรื่องรักเอยมากนะ
ในหลาย ๆ เรื่องที่พี่ราชบุตรเขียน  มีเรื่องนี้นี่แหละที่ผมตามอ่านจนจบ

เรื่องจุดที่น่าประทับใจคงมีหลายคนพูดไปแล้ว  และพี่ราชบุตรเองก็รู้จุดแข็งของตนเอง
แต่ในความคิดผม  เรียกว่าในความชอบของผมล่ะกัน
ผมไม่ชอบประโยคคำพูดของตัวละคร  ที่กลั่นกรองร้อยเรียงกันได้ไพเราะงดงามจนเกินไป  (เช่นตรงฉากซึ้งที่โอมห์  โน๊ต  และแม่โอมห์เจอกัน)
ด้วยประการแรกคือเหตุผลเดียวกับที่พี่ราชบุตรไม่ชอบตัวละครมัธยมแต่ความคิดระดับมหาวิทยาลัย
ประการที่สอง  ผมรู้สึกว่าตัวละครบอกความคิดของตนเองมากเกินไป  แบบว่าคิด 100 ก็บอกออกมาทั้ง 100
ในประสบการณ์ของผมพบว่าคนทั่วไปจะไม่พูดความคิดของเขาทั้งหมดออกมาตรง ๆ 
แต่มักจะมีจุดเล็ก ๆ ให้คนฟังคิดแล้วไปต่อได้ว่า  เต็มร้อยของความคิดของเขาคืออะไร
และหลาย ๆ ครั้ง  ที่หลาย ๆ คนมีปัญหา  ไม่สามารถถ่ายทอดความคิดของเขาได้ทั้งหมด  เพราะว่าจริง ๆ เขาก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ 

แต่อย่างไรก็ตามครับ  ผมไม่ได้บอกว่าไม่ดี  และควรปรับปรุงนะ
เพราะหนึ่งผมไม่รู้ว่า  ดีของผมกับดีของคนอื่น ๆ มันเหมือนกันหรือเปล่า
และสองผมเข้าใจว่าเป็นสไตล์และรูปแบบการเขียนของผู้เขียน
สามผมคิดว่าอาจจะเป็นเรื่องของการวางคาแรคเตอร์  บางทีผมอาจจะชอบแต่คาแรคเตอร์ที่มีความสับสนขัดแย้งในตัวเอง (เหมือนตัวผม)
แต่คาแรคเตอร์ของพี่ราชบุตร  มีความสมบูรณ์แบบในเรื่องของความสอดคล้องกันของตรรกพื้นฐานของความคิดทั้งหมด
และมีความสามารถในการถ่ายถอดเรียบเรียงความคิดความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดได้อย่างดีและสวยงาม

เอาเป็นว่าผมแค่ไม่ชอบตรงจุดนี้ครับ  แต่จุดอื่น  ผมชอบมาก

หวังว่าจะไม่เคืองกับความคิดเห็นนี้ครับ


หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: tamtam ที่ 09-05-2009 21:27:18
ขอบคุณนะคะ ที่เขียนมาให้อ่าน + :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 09-05-2009 22:57:03

ต๊าย อ่านรี.ที่ 620 แล้ว
กิต.เห็นด้วยกับคุณ Kirimanjaro เป็นอย่างยิ่งเลยค่ะ
• ในประสบการณ์ของผมพบว่าคนทั่วไปจะไม่พูดความคิดของเขาทั้งหมดออกมาตรง ๆ
ตัวอย่างเช่น: เราไม่ค่อยมีเวลาว่างเลยอ่ะ นายก็รู้นี่นา วันหนึ่งๆ เรามีอะไรต้องทำตั้งแยะ
เช่น เล่นเกม(ส์) ดู เอวี เล่นฟิตเหนส เหล่หนุ่มๆ.......55
ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร, ขอบคุณนะคะ คุณ Kirimanjaro

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 09-05-2009 23:10:20

แวะมาคอมเม้นก่อนนะ เพิ่งอ่านถึงตอนที่ 10

ชอบมากๆ

ปกติไม่ชอบอ่านพวกจิตตกเท่าไหร่  แต่ยกเว้นเรื่องนี้  จะอ่านให้จบเค้อะ 

มีแววว่าหลงเสน่ห์คนแต่ง...........แอร้ยยยยยยยยยยยยย  :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 10-05-2009 20:17:54

อ่านทันแล้ว

ทั้งเรื่อง นับถือผู้หญิงคนนี้จัง  "พี่แจงของตัวเล็ก"  โครตแมน!!!   
ความรักของเธอนั้น เข้าใกล้  "รักไร้เงื่อนไข" กว่าใครๆ
รู้สึกดีใจ ที่แม่ยัยโอร์มคิดได้  "กว่าจะรู้เดียงสา"  และในฐานะที่เรียกว่าแม่ เธอ ทำดีที่สุดแล้ว อย่างที่พี่โน๊ตเข้าใจ
ก่อนหน้านั้นเธอพลาดไปอย่างหนึ่ง    เธอให้สิ่งที่ดีที่สุดกับลูกด้วยความคิดของเธอเอง  แต่เธอลืมคิด ว่าโอร์มมันต้องเลือกชีวิตของมันเอง 

แต่มาถึงตอนนี้ ถามว่าที่ผ่านมาเสียใจหรือไม่ ฉันในฐานะคนอ่านเรื่องราวในรักเอย  ขอตอบว่าไม่  เพราะทุกอย่าง มันสอนเรา ให้เรียนรู้ ให้เติบโต  ให้เราเลือกได้ดีขึ้นกับวันข้างหน้าที่อาจมาถึง...   
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: yaoifan ที่ 11-05-2009 07:31:29
ไม่รู้นะแต่ตัวเองชอบความคิดของตัวละครที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่

โอห์มจะมีความเป็นเด็กเสมอ ไม่มีเหตุผล เอาแต่อารมณ์ เมื่ออยู่กับพี่โน๊ต

พี่โน๊ตก็เหมือนกัน ตามใจโอห์มจนเคยตัว

แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องตัดใจจากโอห์ม โน๊ตก็ทำด้วยความเต็มใจ คิดอย่างผู้ใหญ่

เพื่ออนาคตของโหม แต่ความรักของแม่โอห์ม แม้จะรู้ว่า ตัวเองและโอห์มจะเจ็บปวดขนาดไหน

แต่โน๊ตที่มองโลกในแง่ดี ก็ยังเลี้ยงดูเจ้าโอ๊ตมาด้วยความรัก เหมือนเป็นตัวแทนของโอห์ม

ทำให้พี่โน๊ตยังสามารถคลายความคิดถึง และความเจ็บปวดที่แยกจากโอห์มได้

ชอบความคิดของโน๊ตที่บอกว่า ไม่โกรธอาแป้ง เพราะอาแป้งให้สิ่งที่ดีกับโน๊ตสองสิ่ง คือโอห์ม กับ โอ๊ต

ขอบคุณสำหรับเนื่อเรื่องดีดีที่แต่งให้อ่านนะคะ

ปล. ตอนแรกนึกว่าจะเขียนให้ โอห์ม มีอะไรกับ โอ๊ต บอกตรงๆตอนนั้นไม่อยากอ่านต่อเลยแหละ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: FiZZ ที่ 11-05-2009 13:28:19
ตกใจหมด นึกว่าคุณราชบุตรจะจบที่ตอนยี่สิบจริงๆซะแล้ว

ดีใจที่ยังมีต่ออีกนะคะ เพราะเราชอบโอ๊ตมากกกก อยากมีลูกแบบนี้ชีวิตคงสดใสน่าดู

อ่านข้อความโอ๊ตแล้วต้องแอบยิ้มตาม นึกหน้าน้องในหนังขึ้นมาได้เลย

สรุปพี่โน๊ตกับแจงนี่ก็ออกแนวเพื่อนร่วมชะตากรรมมากกว่านะ ตกอยู่ในสถานะเดียวกันเด๊ะ

ในมุมมองของเรา เราสงสัยมาตลอดว่าคนแบบพี่โน๊ตนี่มันจะมีอยู่จริงรึเปล่า

เพราะเราเชื่อว่าขึ้นชื่อว่ามนุษย์ ย่อมมีความเห็นแก่ตัวทุกคน แค่ใครจะมากน้อยเท่านั้นเอง

คนที่เสียสละ ทำเพื่อคนอื่นแบบพี่โน๊ต คาดว่าหาได้ยากเกิน


แล้วก็เราชอบวิธีดำเนินเรื่องของคุณราชบุตรมากเลย(ไม่รู้ว่าวิธีแบบนี้มันเรียกว่าอะไร)

เราไม่ใช่นักเขียน ไม่เคยแต่งนิยาย แต่คิดว่าวิธีเขียนแบบนี้มันน่าจะยาก

เคยอ่านหลายเรื่องที่ดำเนินเรื่องสไตล์นี้ แบบสลับไปมาระหว่างปัจจุบันกับอดีต

แต่ไม่ค่อยเจอแบบที่เหตุการณ์ในอดีตมันสัมพันธ์กับสถานการณ์ปัจจุบันซะลึกซึ้งขนาดนี้


แอบอยากได้หนังสือเหมือนกันนะเนี่ย แต่สามสิบบรรทัดนี่เราคงต้องยอมแพ้

วันนี้ไปสอบมา แค่ essay ยี่สิบกว่าบรรทัดเรายังไม่มีปัญญาเขียนให้เต็มสักข้อเลย  :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 11-05-2009 14:02:17

แล้วก็เราชอบวิธีดำเนินเรื่องของคุณราชบุตรมากเลย(ไม่รู้ว่าวิธีแบบนี้มันเรียกว่าอะไร)

เราไม่ใช่นักเขียน ไม่เคยแต่งนิยาย แต่คิดว่าวิธีเขียนแบบนี้มันน่าจะยาก

เคยอ่านหลายเรื่องที่ดำเนินเรื่องสไตล์นี้ แบบสลับไปมาระหว่างปัจจุบันกับอดีต

แต่ไม่ค่อยเจอแบบที่เหตุการณ์ในอดีตมันสัมพันธ์กับสถานการณ์ปัจจุบันซะลึกซึ้งขนาดนี้



ขอบคุณ . . .

ไม่รู้จะตอบว่าไง    เพราะไม่รู้ว่า  แนวไหนเหมือนกัน 

คือที่จริงมันไม่มีอะไรในหัวอ่ะครับ  ตอนเริ่มเรื่อง

แต่ . . .

มันค่อย ๆ  ใหลมาเรื่อย ๆ  เมื่อลงมือเขียนอ่ะครับ  มันมาเองเลย

พรแสวง +  พรสวรรค์  กระมังครับ



ปล.  อยากอ่านหวาน ๆ  ต้องใจเย็น ๆ  นะครับ

เพราะ . . .

ตอนนี้หัวใจไปไกล . . . นครศรีธรรมราช  โน่นนนนนน
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 11-05-2009 14:15:52

วุ้ย ค่ะ
ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: Simply Blue ที่ 11-05-2009 15:48:45
เรื่องรักเอย.... ชอบมาตั้งแต่เพลงประกอบแล้วละ (อิอิ เกี่ยวไหมหว่า)
อ่านช่วงแรกๆๆก็งง นิดหน่อย  เรื่องต่อสมัยมัธยมต้นอ่านแล้วก็รู้สึกแปลกๆๆนะ แต่โดยส่วนตัวแล้วชอบตอนช่วงตั้งแต่หลังมหาวิทยาลัยเป็นต้นมาอ่ะ

ส่วนการนำเสนอตัวละครนี้  ชอบมากกกกกก ชัดเจนดี  (ชีวิตจริงอยากให้เป็นแบบนี้จัง มีอะไรก็ให้มันชัดเจน ขี้เกียจเดา) คุณพี่โน๊ตก็สุภาพบุรุษเกินร้อยจริงๆๆ  (แบบนี้ยังมีอยู่เหรอ 555) น้องโอมห์ก็นะน่ารักเกิ๊น  แต่ที่น่ารักสุดก็หลานโอ๊ตนี้ละ  เด็กอะไรน่ารักเป็นบ้าเลย ยิ่งได้เห็นรูปอิมเมจประกอบยิ่งถูกใจ (เข้าโหมดหลงเด็ก 5555)  สรุปว่าชอบมากเลย  คุณราชบุตรนำเสนอในแบบตรงไปตรงมาที่สุด  ชอบ ชอบ ชอบ 

จะก็เรื่องของแจงซึ่งรู้สึกขัดๆๆ นิดหน่อย  ลูกทั้งคน เฮ้อแต่ก็นะ

ต้องขอบคุณคุณราชบุตรมากๆๆๆๆ เรื่องนี้ชอบที่สุดเลย ---ปลื้ม----
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 11-05-2009 17:12:50
กรรม

แต่เราดันเพิ่งกลับจากนครศรีธรรมราช

แหม่ เสียดาย นึกว่าจะได้เห็นหัวใจคุณราชบุตรซะแระ

เอิ๊กกกก
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 12-05-2009 10:48:20
อ้าว หายไปไหนกันหว่า

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: Lesses ที่ 12-05-2009 12:38:21
ยังไม่มาเหรอ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 12-05-2009 21:00:59
หายไปรอบนี้ มิทราบไปหลงหนุ่มๆๆอยู่ที่ใด


ปล.มาต่อด่วน ช้ามีแฉ 
   สะบัดสกินเฮด  เดินออกจากกระทู้   

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 12-05-2009 22:03:29
หายไปรอบนี้ มิทราบไปหลงหนุ่มๆๆอยู่ที่ใด


ปล.มาต่อด่วน ช้ามีแฉ 
   สะบัดสกินเฮด  เดินออกจากกระทู้   





ฉ ว า ง . . .


นครศรีธรรมราชไง  ไปไกลหัวใจได้ที่ไหนเล่า


หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 13-05-2009 04:29:54
^
^
^
อันนี้คือการแฉป่าวค้าบ

อิอิ ขอบคุณคุณต้นสายที่มาส่งข่าวค้าบ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: ToeY_@_KP ที่ 15-05-2009 08:48:23
 :z3:  คนแต่งไปไกลอ่ะ..คนอ่านก็เข้ามาคอยนะครับ..

มาเร็วๆ นะ  คิดถึงมากมาย..
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: แก้ว ที่ 15-05-2009 13:45:54
 :call:

โอม.....มาต่อเร็วๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: ranaways ที่ 15-05-2009 23:59:57
หายไปไหนอ่ะ


หายไปไหนอ่ะ



หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 16-05-2009 07:12:11
อืมมมมม
ไปหลายวันแล้วเนี่ย
คิดถึงโน้ต โอห์ม และน้องโอ๊ตมากเลยค้าบ
ไหนว่าให้น้องโอ๊ตค้างแค่คืนเดียว นี่มันผ่านมาหลายคืนแล้วนา
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 16-05-2009 15:30:26

เข้ามาแจกบวกให้นังแทนย่า  อิอิ

ปล. ฉวางอะ ผลไม้เยอะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 16-05-2009 23:28:15
หายไปหว่า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: ToeY_@_KP ที่ 17-05-2009 14:06:07
รอตอนต่อไปครับผม.
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 18-05-2009 06:24:00





กลับมาแว้ววววววววววว . . .


เหนื่อยสาดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด


ไว้จะรีบมาต่อนะครับผม  รออีกแปบนึงนะคร๊าบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: yaoifan ที่ 18-05-2009 06:45:15
วันนี้มาแต่เช้าเลยนะคะ

ไปเที่ยวมาคงทั้งสนุก และเหนื่อย (เพราะเดินทางไกล) อย่าว่าคนโพสต์คิดลึกนะคะ

รอคนแต่งหายเหนื่อย มาต่ออย่างตั้งใจค่ะ

 :z13: 274 เป็นกำลังใจให้ค่ะ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 18-05-2009 07:00:16
เย่ คนแต่งกลับมาแร้นน ^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: «ƤȑǃǹĉΞḠ○ḺҒ™» ที่ 18-05-2009 11:36:04
คนแต่งมาแล้ว ๆๆ รอๆๆ



 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: ranaways ที่ 18-05-2009 13:26:06
ในเมื่อบอกให้รอ

เราก็จะรอออออ



หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: subaru ที่ 18-05-2009 15:07:38
เข้ามารอเหมือนกัน :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: Kirimanjaro ที่ 18-05-2009 16:32:27
ตอนใหม่ล่ะพี่

เอามาซะดี ๆ

หึหึ

 o18
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: C2U ที่ 18-05-2009 16:56:24
เข้ามาลงชื่อรอ ด้วยคน 
 :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 18-05-2009 17:13:17

• กลับมาแว้ววววววววววว . . .
ต๊าย โอ๊ต เทอกลับจากเยอรมันแล้วรึ เรียนจบมาแล้วสิ
กลับมาก็ดีแล้ว มาช่วยเลี้ยงน้อง . . .
น้องชื่อ โนห์ม(Gnome = โน๊ต + โอห์ม)นะ 5555555

ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: White..BroccO ที่ 18-05-2009 17:22:27
มาแล้วๆๆ :oni1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: ToeY_@_KP ที่ 19-05-2009 20:47:32
 :z3: คนแต่งกลับมาแล้ว..แต่เรื่องต่อยังไม่มาอ่ะ...
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 19-05-2009 21:59:31
ยังไม่มาต่ออีก :serius2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: myxt ที่ 20-05-2009 02:11:36
รอค่ะรอ
คิดถึงน้องโอ๊ตค่ะ รอได้อยู่แล้ว
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: ranaways ที่ 20-05-2009 14:30:58
แต่ก็รอนานแล้วเนอะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 20-05-2009 19:04:29


ตอนอวสาน

   “โอห์ม . . .”  เสียงพี่โน้ตอ่อนโยนกว่าทุกครั้ง  และดูเหมือนว่าพี่โน้ตจะชิงเรียกชื่อก่อนที่ผมจะตอบรับกลับไปเสียด้วยซ้ำ

   “ครับ”

   แค่เสียงเรียกที่พี่โน้ตเรียกมา  ทำเอาหัวใจผมว้าวุ่น  เพราะตามปกติแล้วพี่โน้ตจะไม่โทรหาผมในเวลาที่ผมทำงาน


   “มาโรงพยาบาลเร็วที่สุดได้ไหม”

   สิ้นเสียงพี่โน้ตบอก  ผมรีบออกจากที่ทำงานในทันที   สิ่งที่ผมกลัวมากที่สุดในห้วงอาทิตย์ที่ผ่านมามันกำลังวิ่งมาสูธ่หัวใจของผมอย่างรวดเร็ว  สิ่งที่ผมพยายามทำใจดูเหมือนว่าจะน่ากลัวน้อยไปกับสถานการณ์ในตอนนี้

   “ครับพี่”  เสียงผมสั่น

   ผมกลัว . . .

   . . . กลัวมาก

   ผมมาที่ลานจอดรถ  ก่อนที่จะออกมาติดยาวเป็นแพอยู่กลางถนน  ไอร้อนของแดดแผดเผาจนเห็นเป็นไอความร้อนที่กลางถนนที่รถติดกันเป็นแพยาวเหยียด  หากแต่มันคงร้อนน้อยกว่าหัวใจของผม

   “โธ่โว้ย  ติดอะไรนักหนาว่ะ”

   ผมได้แต่บ่นกับตัวเองก่อนปรับพัดลมเครื่องปรับอากาศที่รถให้เป็นตัวเลขที่แรงที่สุด  แต่ดูเหมือนว่าจะมีแต่ลมร้อนที่ออกมาจากช่องแอร์

   รถค่อย ๆ  ขยับทีละนิด  ก่อนที่จะหยุดยาว . . .

   . . . ผมองภาพผู้คนที่วุ่นวายยามบ่ายจัดของวัน  ทุกคนดูเร่งรีบวุ่นวายไปหมดในเมืองหลวงของประเทศ  อากาศร้อนอบอ้าว แม้แต่เครื่องปรับอากาศยังแทบจะทานไม่ไหว  ผมพยายามนับหนึ่งถึงร้อย  แต่ดูเหมือนว่าหัวใจของผมมันไปถึงที่หมายก่อนร่างกาย

   ความคิด . . .

   . . . ไปรวดเร็วเสมอ

   ทันทีที่รถหลุดจากถนนแจ้งวัฒนะเข้าสู่ทางด่วนขั้นที่สอง  ผมเหยียบมิด  อาจจะเป็นความโชคดีที่ทางด่วนเส้นนี้รถไม่ติดเหมือนเส้นอื่น ๆ  รถชะลออีกครั้งเมื่อมาถึงด่านรัชวิภา   แต่เมื่อจ่ายค่าผ่านทาง  ถนนเส้นนี้ดูเหมือนจะเปิดให้ผมไปสู่ที่หมายอย่างรวดเร็วอีกครั้ง

   “ครับพี่โน้ต”  ผมรับสายอีกครั้ง

   “ถึงไหนแล้ว”

   “ติดอยู่แถวหัวลำโพงครับพี่  แม่เป็นไงบ้าง”  

   “รอโอห์มอยู่”  เสียงพี่โน้ตคล้ายคนที่สะกดกั้นความรู้สึกของตัวเองเอาไว้  ผมรับรู้ได้ในทันที  ว่า  จากเวลาต่อจากนี้ไปอีกไม่นาน  จะไม่มีแม่อีกต่อไป

   “พี่โน้ต โอห์มกลัว”

   “ไม่ต้องกลัวนะคนดี  พี่อยู่ตรงนี้  อยู่กับแม่  พ่อก็อยู่  รอโอห์ม”

   รอโอห์ม . . .

   . . . รอโอห์ม

   ดูเหมือนว่าคำนี้จะเข้ามาหลอกหลอนในหัวใจของผมอยู่ตลอดเวลา  ผมรู้ดี ในความหมายที่พี่โน้ตบอก    มันหมายถึงสิ่งที่ผมกลัวที่สุดกำลังจะเกิดขึ้น  เพียงแค่ผมไปถึงโรงพยาบาลทุก ๆ  อย่างมันก็จะจบลงอย่างนั้นหรือ ?

   ผมถามตัวเองในใจ . . .

   . . . แม่จะไปแล้วใช่ไหม?

   รอโอห์ม . . .

   . . . แม่รอเพื่อให้ผมไปส่งกระนั้นหรือ ?

   ผมเลี้ยวรถเข้ามาในโรงพยาบาล  ทันทีที่จอดรถได้  ผมรีบวิ่งไปที่ตึกที่แม่อยู่อย่างรวดเร็ว  ลิฟท์ที่มีอยู่อย่างจำกัด  ดูเหมือนจะขนส่งผู้คนช้ากว่าหัวใจผม
   อาจเพราะหัวใจผมมาถึงที่นี่นานแล้ว . . .

   . . .  หัวใจที่มาด้วยความร้อนรน

   “อาโอห์มทางนี้”  

   ทันทีที่ประตูลิฟท์เปิด  ไอ้ตัวแสบที่วันนี้ดูท่าทางเงียบขรึมขึ้นกว่าเดิม  โอ๊ตจับมือผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาที่ห้องปลอดเชื้อ

   “เปลี่ยนชุดก่อนอาโอห์ม”

   ผมทำตามที่โอ๊ตบอกอย่างว่าง่าย  เอาชุดสีเขียวที่โรงพยาบาลจัดเอาไว้ให้มาเปลี่ยน  ก่อนเอาหมวกมาคลุมศรีษะเอาไว้  ตอนนี้ใครจะพาผมไปไหน  มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว  เพราะผมรู้ดีเวลาที่เหลือต่อจากนี้  มันน้อยลงทุกที

   แค่ . . .

   . . . ผมก้าวเท้าหนึ่งก้าว

   สิ่งหนึ่งจะค่อย ๆ  ถดถอยห่างผมไป  ทุก ๆ  ย่างก้าวที่ผมเดินตามโอ๊ต  แปลได้อย่างเดียวถึงการนับถอยหลังของอีกหนึ่งชีวิต

   “โอ๊ต”  

   “อาโอห์มอย่าร้องสิ”  ไอ้ตัวแสบลบีบมือผมแน่น  ก่อนเอาอีกมือมาตบที่มือผมเบา ๆ  ในขณะที่ตัวมันเองก็ค่อย ๆ  เดินจูงผมมาช้า ๆ

   “อากลัว”

   “พ่อสั่งโอ๊ตมาว่า  ให้รออาโอห์ม  ให้พาอาโอห์มมาหาย่า”

   “นั่นแหละที่อากลัว”

   “พ่อบอกโอ๊ตอีกว่า . . .”  ไอ้ตัวแสบหยุดที่หน้าประตู

   “. . . ถ้าอาโอห์มร้องไห้  ไม่ให้โอ๊ตพาเข้าไปเด็ดขาด”

   “ทำไม”

   “อาโอห์มก็รู้  ย่ารู้ตัวว่าต้องไป  ย่ารู้ตัวมานานแล้ว  ว่าอย่างไรก็ต้องไปอยู่ดี  ถ้าอาโอห์มเข้าไปแล้วย่าเห็นน้ำตาอาโอห์ม  ย่าจะไปสบายหรือ”

   “โอ๊ต”  ผมไม่ไหวแล้วปล่อยน้ำตาไหลออกมา

   ผมคงอ่อนแอ  ไม่รับสภาพของการลาจาก  แม้จะมีบทเรียนมามาก  แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรมันเข้มแข็งเลย  ผมทำใจได้หรือ  กับการต้องมองหนึ่งชีวิตดับหายไปต่อหน้า  และที่สำคัญที่สุดที่ผมรู้ . . .

   . . . ชีวิตที่แตกดับ

   แม่ . . .

   “อาโอห์มตั้งสติก่อนนะครับ  เก็บน้ำตาเอาไว้ก่อนได้ไหมครับ”  ไอ้ตัวแสบมันเอามือสองมือมากุมมือผมเอาไว้

   “โอ๊ต”

   สิ่งเดียวที่ผมพูดได้  ผมพูดได้เท่านั้นจริง ๆ  

   “ย่ายังอยู่นะครับอาโอห์ม  ถ้าอาโอห์มรักย่า  อาโอห์มต้องเข้มแข็งแบบย่าสิถึงจะถูก  อาโอห์มก็รู้โรคนี้มันเจ็บปวดขนาดไหน  แต่ย่ายังสู้  ย่ายังยิ้มได้เลย  อาโอห์มเป็นลูกย่า  จะอ่อนแอให้ย่าเห็นได้อย่างไร”

   “โอ๊ตไม่ใช่อา  โอ๊ตไม่เข้าใจ”

   “โอ๊ตอยากจะเข้าใจ  แต่เพื่อย่า  อาโอห์มต้องเข้มแข็งก่อน  ย่าจะได้ไปอย่างสงบ  ไม่ต้องห่วงอะไรอีก  นะครับอาโอห์ม”

   ผมเอามือเช็ดน้ำตา . . .

   . . .เรื่องแบบนี้ต้องให้เด็กเมื่อวานมาคอยบอก

   ผมอาจจะเตรียมใจมาแล้ว  แต่เมื่อมมันถึงเวลาที่ต้องจากลาจริง ๆ  ผมกลับรู้สึกว่ามันยากเหลือเกินที่จะทำใจ  ผมมองประตูบานนั้น  มองราวกับอยากเห็นความเคลื่อนไหวด้านใน  แค่ผมเปิดเข้าไป  ด้านในจะมีคนที่รักผมรออยู่

   แม่ . . .

   . . . พ่อ

   พี่โน้ต . . .

   ทุกคนรอผมอยู่คนเดียวเท่านั้น  และแน่นอนว่าคนที่อยู่ในนั้นล้วนแต่เป็นคนที่เจ็บปวดกับการนับเวลาถอยหลังการลาจาก  ทุกคนก็เจ็บปวดไม่แตกต่างไปจากผม  และทุกคนอยู่ตรงนั้น  เห็นทุก ๆ  ภาพที่อยู่ตรงหน้า  

   . . . เครื่องช่วยหายใจคงกำลังทำงาน

   เส้นกราฟคงขึ้น ๆ  ลง ๆ  ตราบใดที่คนป่วยยังไม่ถอดสายออกซิเยน . . .

   พ่อ  คงเจ็บปวดกว่านับร้อยนับพันเท่า  คนที่อยู่เรียงเคียงหมอนกันมามากกว่าครึ่งชีวิตกำลังจะลาลับดับโลก  พ่ออยู่กับแม่ในนั้น  พ่อเจ็บปวดมาดเท่าไหร่  ผมไม่รู้  และแน่นอนที่สุด  พ่อจะไม่มีวันให้แม้เห็นน้ำตาเป็นแน่  เพราะพ่อรักแม่

   พ่อรักแม่มาก . . .

   . . .คงไม่ให้แม่ห่วงเพราะน้ำตาเป็นแน่

   ผมสูดลมหายใจลึก ๆ  ราวกับจะไล่ความกลัวที่เกาะกุมหัวใจผมอยู่  มันคงถึงเวลาแล้วที่ผมจะเดินขึ้นเวทีชีวิตอีกครั้ง  เวลาคงมีไม่มาก  ผมจะทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุดให้สวยงามที่สุด  ในห้วงเวลาที่ผมต้องจำใจเดินไปส่งแม่

   ผมจะทำเวลาสุดท้ายในห้วงชีวิตของแม่ให้สวยงามอย่างที่แม่อยากเห็น

   “เข้าไปข้างในกันโอ๊ต”  

   ผมตัดสินใจแล้ว . . .

   . . . โอ๊ตค่อย ๆ  เปิดประตูบานนั้น  ไอเย็นลอยมากระทบผิว  แต่ผมไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว  เพราะตอนนี้ที่หนาวที่สุดคือ . . .

   . . . หัวใจ

   หัวใจผมหนาวเหน็บราวกับใครเอาน้อแข็งมาทาบทับไว้  ทันทีที่ประตูบานนั้นเปิดกว้าง  สายตาสองคู่หันมาทางผมในทันที  และดูเหมือนว่าร่างที่ผมคุ้นตาจะเดินตรงมาหาผมอย่างรวดเร็ว  ก่อนที่จะจับมือผมเอาไว้อย่างเผ่วเบา

   เหมือนมีกระแสไฟอุ่น ๆ  ไหลจากร่างของคน ๆ  หนึ่ง  ถ่ายเทจากมือมาสู่มือ  ก่อนที่จะวิ่งอย่างรวดเร็วมาสู่หัวใจที่หนาวเหน็บกับภาพที่ผมเห็นด้านหน้า  ภาพของคนที่ผมรักมากที่สุดในชีวิตนอนนิ่งบนเตียงคนป่วย

   สายตานั้นเกือบจะปิด . . .

   . . .หาก

   ทอดมองมายังหน้าประตู  คล้ายรอการมาของผม  มือที่วางแนบกับเตียงคล้ายขยับ  แววตานั้นเปิดกว้าง  เมื่อเห็นถนัดว่าคนที่ยืนที่หน้าประตูเป็นคน ๆ เดียวกันกับที่ตัวเองรออยู่  ผมแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่

   “อย่าร้องนะโอห์ม . . .”  เสียงพี่โน้ตเบาคล้ายกระซิบที่ข้างหู

   “. . . อย่าให้แม่มีห่วงเด็ดขาดนะโอห์ม”  เสียงหลังคล้ายสำทับ  ให้ผมรับรู้ว่า ยังไม่ใช่เวสลาที่ผมจะเสียน้ำตา  มันยังไม่ถึงเวลานั้นนะโอห์ม

   รอ . . .

   . . . รออีกนิดเดียวนะโอห์ม

   ตอนนี้โอห์มเดินมากลางเวทีแล้ว  ละครฉากสุดท้ายในชีวิตจริงของคน ๆ นึงจะสมบูรณ์อย่างที่สุดหากโอห์มแสดงให้เขาเห็นว่า  ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงอีก  คนที่ให้ชีวิตโอห์ม  คนที่ประคบประหงมโอห์ม  

   คนที่เจ็บปวด . . .

   . . . ยามโอห์มเจ็บป่วย

   คนที่กอดโอห์มเอาไว้ . . .

   . . . ยามโอห์มอ่อนแอ

   คน ๆ  เดียวที่รักโอห์มกว่าใครทั้งหมด  คนที่อดตาหลับขับตานอน  เพียงเพราะโอห์มยังไม่ได้หลับ  คน ๆ  นึงที่ทำได้ทุก ๆ  อย่างเพียงเพื่อให้โอห์มมีวันนี้  คนที่มีบุญคุณยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของโอห์ม  

   บัดนี้ . . .

   . . . ใกล้เวลาแห่งการลาจาก

   โอห์มจะให้คน ๆ  นั้นไปอย่างกังวลหรืออย่างไร ?

   “แม่ . . .”  ผมปรี่ไปหาแม่ที่เตียงคนป่วย

   โอห์มสัญญา . . .

   . . . จะส่งแม่  ไม่ให้แม่ห่วงอะไรอีก

   “. . . โอห์มอยู่นี่นะแม่  อยู่ข้าง ๆ  แม่นี่ไง”  ผมจับมือแม่เอาไว้  มือแม่ยังอุ่น  ไออุ่นจากมือแม่ถ่ายเทมาสู่หัวใจของผม  อย่างน้อยที่สุดผมยังมาทัน

   ผมมาส่งแม่ . . .

   . . . นิ้วแม่กระดิกในอุ้ฃมือผม

   หัวใจผมชุ่มขึ้นเป็นกอง  อย่างน้อยที่สุด  แม่ได้ฟังที่ผมพูด  แม่รับรู้ในสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่  ผมเอามือแม่มาวางไว้แนบแก้ม

   “แม่อย่าห่วงนะ . . .”  ผมพยายามอย่างมากที่จะรักษาระดับเสียงเอาไว้  

   “. . . โอห์มกับพ่ออยู่ได้  แม่เหนื่อยมากมากแล้ว  โอห์มอยากให้แม่หลับให้สบาย  โอห์มจะดูแลพ่อเองนะแม่”  ผมไม่รู้จะพูดอะไรดีในห้วงเวลาที่หัวใจของผมมันรวดร้าวอย่างที่สุด

   พ่อเดินมาข้างหลังผม  

   “ลูกโตแล้ว  อย่าห่วงเลย  ปล่อยทุก ๆ  อย่างให้ทางนี้ดูแลกันเองนะแม่”  

   มือแม่คล้ายกระชับกับแก้มผม  นิ้วแม่เหมือนจะเกลี่ยที่ผิวแก้มของผม  ผมยิ้มให้แม่  ยิ้มให้อย่างอ่อนโยนที่สุด  มองหน้าแม่เอาไว้

   “อาแป้ง  ไม่ต้องห่วงนะครับ  ผมสัญญา  ผมจะดูแลโอห์มแทนอาเองครับ”  พี่โน้ตเดินไปที่อีกฝั่งของเตียง

   “โอ๊ตก็จะดูแลอาโอห์มกับปู่ด้วยย่า  โอ๊ตสัญญา”  ไอ้ตัวแสบนั่งที่ปลายเท้าของแม่  เอามือกุมเท้าเอาไว้

   เสียงเครื่องมือแพทย์กระมังที่ดังสลับกับเสียงของคนที่อยู่รายรอบขอบเตียง . . .

   แม่ยิ้ม . . .

   . . .ผมมองไม่ผิด  แม่ยิ้มสวย

   กราฟที่หน้าจอ  ค่อย ๆ  ลดระดับลง  เหมือนหัวใจของผมที่ค่อย ๆ  อ่อนลง  ผมกระพริบตาถี่ ๆ  ไม่อยากให้แม่จากไป

   “พุทธโธ  ธัมโม  สังโฆ  ท่องไว้นะแป้ง”  พ่อเอามือแม่มาพนมเอาไว้แนบอก

   ผมแทบจะกลั้นหัวใจตัวเองไม่ไหวแล้ว . . .

   . . . สิ่งที่พ่อทำ

   คำแปลมันอยู่ในตัวของมันเอง  ไม่มีคำแปลอื่นใดนอกจากต้องทำใจให้มาก  ถึงมากที่สุด  ผมจะทำใจได้ได้ไร

   “โอห์มรักแม่ที่สุดในโลกเลยครับ”  ผมกระซิบที่ข้างหูแม่  ก่อนที่จะหอมแก้มแม่เบา ๆ

   แก้มแม่หอม . . .

   . . . หอมกว่าทุกครั้งที่ที่ผมเคยหอมแม่  

   ร่างแม่กระตุก . . .

   . . . คล้ายคนหายใจติดขัด  แม้มีสายอากาศช่วยหายใจ  แต่ร่างนั้นคล้ายยืดมาในอากาศ  ผมมองด้วยความตกใจอย่างที่สุด  หากเป็นพ่อที่มีสติ  เพราะเสียงพ่อสั่งออกมาเฉียบขาด

   “โอห์ม  ปิดตาแม่ลูก”  

   เสียงพ่อสั่ง  ผมทำตามอย่างอัตโนมัติ     เพราะรู้ดี  นี่คือช่วงเวลาสุดท้ายแห่งชีวิต  ต่อจากนี้ชีวิตหนึ่งที่ฟูมฟักหลาย ๆ  ชีวิตจะเดินจากโลกนี้ไปแล้ว  และเป็นการจากลาที่ทรมานหัวใจของผมอย่างที่สุด

   ผมมีเวลาทดแทนคุณแม่แค่นี้เท่านั้น . . .

   . . . มือที่พ่อจับพนมไว้กับอกแน่นิ่ง ไม่ไหวติง

   ผมปล่อยน้ำตาไหลริน อาบแก้ม  น้ำตาแห่งความอ่อนแอที่ผมกดมันเอาไว้   มันไหลออกมาราวกับน้ำที่เทจากขวด  ก่อนที่จะค่อย ๆ  เลื่อนฝ่ามือจากใบหน้าแม่อย่างช้า ๆ  ดวงตาแม่ปิดสนิทคล้ายคนที่นอนหลับ

   ริมฝีปากแม่ยิ้ม . . .

   . . . ภาพของแม่ยามหลับสวยงามเหลือเกิน  แม่สวยที่สุด

   “แม่ .  . .”   คราวนี้ผมไม่ต้องสวมหน้ากากอีกแล้ว  ผมกอดร่างที่ไร้ลมหายใจเอาไว้  ปล่อยน้ำตาที่มันเก็บกดเอาไว้  

   สิ้นแล้วดวงแก้วของลูก . . .

   . . . พ่อเอามือมาวางไว้บนบ่าผม

   ทุก ๆ  อย่างคล้ายหยุดนิ่ง  โลกทั้งโลกเหมือนจะหยุดหมุน  สมองผมเหมือนไฟที่ลัดวงจร  ติด ๆ  ดับ ๆ  ผมไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว  สิ่งเดียวที่ผมทำได้  คือปล่อยทุก ๆ  อย่างที่มันอัดอั้นมานาน ผมปล่อยน้ำตาที่ไหลรดรินหัวใจ  มารดอยู่บนร่างที่ไร้แล้วซึ่งลมหายใจ

   “แม่เขาไปรอที่บ้านใหม่แล้วโอห์ม  เขาไปเก็บกวาดบ้านรอเรา”  เสียงพ่อดังหลังจากที่ทุก ๆ  อย่างนิ่งเงียบอยู่นาน

   “ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามธรรมชาตินะโอห์ม . . .”  เสียงปลอบนั้นคุ้นเคย

   “. . .   เกิด  แก่ เจ็บ ตาย  เรื่องธรรมดาของโลก  หักห้ามใจนะโอห์ม  อย่าให้แม่ห่วง  เวลาที่แม่มองมาจากบ้านใหม่แล้วเห็นโอห์มเป็นแบบนี้”  

   พี่โน้ตที่อยู่อีกฟากของเพียงเอามือมาแนบแก้มผมเบา ๆ

   ธรรมชาติ . . .

   . . . พี่โน้ตมองทุก ๆ  อย่างเป็นเรื่อง  ธรรดาของโลก

   อาจเพราะพี่โน้ตเรียนรู้การจากลา . . .

   . . . ผมก็เคยเจอการจากลา

   แต่ไม่เคยเรียนรู้กับสิ่งพลัดพราก     สิ่งที่มนุษย์ทุกคนล้วนพบเจอ  ไม่ช้าก็เร็ว  ไม่มีใครหนีกฎของธรรมชาติได้พ้น

   ผลหลับตานิ่ง . . .

   . . . รวบรวมสติทั้งหมดที่เริ่มเตลิด  มองทุก ๆ  อย่างให้เป็นแบบที่แม่เคยบอก  แบบที่พ่อเฝ้าสอน  แบบที่พี่โน้ตเจอมาก่อนผม

   ธรรมชาติ . . .  

   ค่อย ๆ  สอนให้ผมเรียนรู้  ทุกสิ่งทุกอย่างมาล้วนมาจากธรรมชาติแทบทั้งสิ้น  ชีวิตของคนเราก็เหมือนน้ำ  

   น้ำไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำเสมอ . . .

   จากฟากฟ้า . . .

    . . . สู่พื้นพิภพ

   ไหลผ่านโตรกหิน . . . เป็นธารน้ำ

   . . . ลำคลอง . . .

   แม่น้ำ . . .

   . . . ทะเล

   และ . . .

   . . . สุดท้ายมหาสมุทร

   ก่อนที่ไอแดดจะแผดเผาจนกลายเป็นไอน้ำ  ลอยกลับสู่ฟากฟ้า ก่อตัวเป็นก้อนเมฆ  แล้วก็กลั่นออกมาเป็นหยาดฝน  

   ชีวิตคนก็ไม่แตกต่างจากน้ำ . . .

   เกิด . .

   . . . แก่ . . .

   เจ็บ . . .

   . . . ตาย  

   ล้วนเป็นวัฎจักร  เฉกเช่นเดียวกับสายน้ำ

   . . .  วัฏฏะสังขาร

   ธรรมะ . . .

   . . . ล้วนมาจากธรรมชาติ


   การพลัดพราก . . .

   ล้วนก่อให้เกิดความทุกข์  ทุกข์ที่เกิดขึ้นมันแสนสาหัสสำหรับผม  การจากลาในสิ่งที่ตัวเองรัก  นำความทุกข์มาสู่หัวใจแทบทั้งสิ้น  แต่คนเราต้องก้าวต่อไปข้างหน้า  จะมาจมอยู่กับความทุกข์ได้อย่างไ

   



จ บ บ ริ บู ร ณ์

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 20-05-2009 19:23:30
คุณราชบุตร

กว่าจะมาก็รอแล้วรออีก

พอมาก็ร้องไห้อีกแล้ว

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: ToeY_@_KP ที่ 20-05-2009 19:37:53
 :เศร้า2: อ่านแล้วก็คิดถึงคนที่รออยู่ทางบ้านอ่ะ..



หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 20-05-2009 20:02:48


ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: Simply Blue ที่ 20-05-2009 20:04:50
ในชีวิตไม่มีใครไม่เคยพลัดพราก....  อ่านไปก็นึกถึงการจากไปของคนเล่านั้นที่ผ่านเข้ามาให้ชีวิตจริงๆๆ  คุณราชบุตรเขียนบรรยายได้เหมือนจริงมากๆๆๆ  ไม่อยากจะบอกว่านั่งอ่านไปร้องไห้ไป รู้สึกเจ็บที่ส่วนลึกของหัวใจจริงๆๆๆ  
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 20-05-2009 20:37:54
 :L1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: C2U ที่ 20-05-2009 22:49:03
 :m15:


 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จ$
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 20-05-2009 22:55:25
เศร้า

ไปสู่สุคตินะครับ แม่แป้ง

เย้ย ไหงจบซะงั้นอ่า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: dokjarn ที่ 21-05-2009 00:37:52
 :m15:

เข้ามาซึมซับความเศร้ากับภาษาสวยๆก่อนนอน
แล้วจะหลับง่ายป่าวล่ะนี่


+ 1 ให้กับความรัก ความผูกพันที่สวยงามด้วย
คุณราชบุตร
 :pig4:

 :z10:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 21-05-2009 01:18:46
"คิดถึงพ่อ"
ขอบคุณคุณราชบุตรนะคะ
บวก 1 แต้มค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 21-05-2009 02:40:13
 :monkeysad: หลังจากไม่ได้อ่านนานก็ยังเศร้า  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 21-05-2009 07:03:57
เศร้าได้อีก Y_Y
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: «ƤȑǃǹĉΞḠ○ḺҒ™» ที่ 21-05-2009 07:39:24
 :sad4: :sad4:


เศร้า จิต
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: ranaways ที่ 21-05-2009 08:47:42
ร้องไห้อีกแล้วอ่ะ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: subaru ที่ 21-05-2009 09:44:27
อ่านจบแล้วคิดถึงแม่.. :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 21-05-2009 10:38:27



รักขมหรือไงฟร่ะ . . .

. . . กลับมาก็เล่นซะอึ้งแดกเลย

 :m15:   :m15:   :m15:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 21-05-2009 12:15:24

• รัก'ขม'หรือไงฟร่ะ . . .
ต๊าย อาสยาม 5555555
มีคนมาป่วนกระทู้อีกแล้วค่ะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 21-05-2009 12:28:19

มีคนมาป่วนกระทู้อีกแล้วค่ะ คุณ ราชบุตร





จับมันตอนเลยดีไหม . . .

แต่ . . . ให้อภัย

แฟนมันหล่อ 
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: yaoifan ที่ 21-05-2009 13:32:47
               ^
               
               ^

               ^

+1 ด้วยความคิดถึง และเป็นกำลังใจให้

รู้ทั้งรู้ว่าต้องเศร้า มาอ่านยิ่งโคตรเศร้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: chocolate_angel ที่ 21-05-2009 15:55:49
พึ่งเข้ามาติดตมาเรื่องนี้ได้ไม่น่า

แต่ขอบอกว่าสนุกมากๆเลยค่ะ

ชอบโอ๊ตที่สุดเลย  :o8:

๐.๑ imon (รัดคิวเลย ขอคนน่ารักก่อนนะครับ จะรีบไป)
๑. ราชบุตร
๒. civava14
๓. muyong
๔. kit
๕.TIÄÑ-Šhªñ
๖. dokjarn
๗. piggie
๘. badcow
๙. SpiZy
๑o. happy_icekung69
๑๑. SomLove
๑๒. MIkz_hotaru
๑๓. mecon
๑๔. M@nfaNg
๑๕. C2U
๑๖. แก้ว
๑๗. jackoo
๑๘. myxt
๑๙. tamtam
๒๐. newykung
๒๑. manie
๒๒. zheeiiz*
๒๓. chocolate_ness
๒๔. patee
๒๕. charus
๒๖. Slice of life
๒๗. GivesZa
๒๘. FiZZ
๒๙. namtaan
๓๐. White..BroccO
๓๑. zandwizz
๓๑. birdy
๓๒. Kirimanjaro
๓๓. yaoifan
๓๔. anata9
๓๕. ranaways
๓๖. sukie_moo
๓๗. mango
๓๘. bluesky
๓๙. chocolate_angel

ขอลงชื่อ (จอง) ด้วยคนนะค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 21-05-2009 16:21:22

• จับมันตอนเลยดีไหม . . .
วุ้ย ไม่จำเป็นค่ะ อย่างไรๆก็ไม่ work
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เลยวัยทองไปแล้วด้วยซ้ำ อิอิ
ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: White..BroccO ที่ 21-05-2009 16:34:10
ไม่มีคำจะเิ่อื่อนเอ่ย

แต่เข้าใจในสิ่งที่เป็น ...
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: myxt ที่ 22-05-2009 03:11:08
แล้วก็เสียน้ำตากับตอนนี้จนได้
ทุกอย่างย่อมเป็นไปตามทางของมัน
ขอบคุณนะคะสำหรับบทจากลาที่แสนอบอุ่น
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 22-05-2009 11:18:29
 :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: yaoifan ที่ 22-05-2009 17:40:41

• จับมันตอนเลยดีไหม . . .
วุ้ย ไม่จำเป็นค่ะ อย่างไรๆก็ไม่ work
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เลยวัยทองไปแล้วด้วยซ้ำ อิอิ
ขอบคุณนะคะ คุณ ราชบุตร


สะดุ้งอย่างแรง  :z3: :angry2:

อย่างนี้เขาเรียก กระเทือนทรางนะคะ 5555

 :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 22-05-2009 17:48:12
• อย่างนี้เขาเรียก กระเทือนทรางนะคะ 5555
ว้าย กิต.หมายจะช่วยคุณ จขกท.
จัดการกับคนป่วนกระทู้นะคะ ไม่ได้พาดพิงถึงใคร อิอิ
เชื่อกิต.นะคะ คุณ ราชบุตร

♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥
วุ้ย ระหว่างรอตอนใหม่
กิต.นึกเล่นๆไปว่า.......
แม่แจงกลับมาเยี่ยมเมืองไทย
พร้อมด้วยสามีใหม่ชาวอีหรอบ(Europe) ชื่อ ภอล(Paul)
และลูกหญิง - ชาย ของสามี ซึ่งกำลังแรกรุ่น
แภนดอร่า(Pandora) และ แภทถริค(Patrick)
ทั้งสอง ต่างก็หลงรักโอ๊ตตั้งแต่แรกเห็น(ยุ่งละสิ)
bla bla bla
หุหุ


หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: ToeY_@_KP ที่ 23-05-2009 17:24:44
อึม..ทำงัยดี.. :m19:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: ToeY_@_KP ที่ 25-05-2009 09:03:11
 วันนี้เข้ามาดู  :a5: ยังไม่มา...

ไปหวานอยู่ไหนนะ...คนแต่งอ่ะ...
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 26-05-2009 16:49:22
 :z2: :z2: เต้นรอ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: yaoifan ที่ 27-05-2009 06:38:28
[/color]
♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥
วุ้ย ระหว่างรอตอนใหม่
กิต.นึกเล่นๆไปว่า.......
แม่แจงกลับมาเยี่ยมเมืองไทย
พร้อมด้วยสามีใหม่ชาวอีหรอบ(Europe) ชื่อ ภอล(Paul)
และลูกหญิง - ชาย ของสามี ซึ่งกำลังแรกรุ่น
แภนดอร่า(Pandora) และ แภทถริค(Patrick)
ทั้งสอง ต่างก็หลงรักโอ๊ตตั้งแต่แรกเห็น(ยุ่งละสิ)
bla bla bla
หุหุ



อืม น่าสนแฮะ
 :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: mango ที่ 28-05-2009 20:12:29

 “แม่อย่าห่วงนะ . . .”    :m15:


 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: ToeY_@_KP ที่ 29-05-2009 10:57:07
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 29-05-2009 12:49:10
กลับไปดูตอนที่ผ่านมาครับ

"จบบริบูรณ์"

มันหมายความว่าไงเนี่ย!!!!!!
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 30-05-2009 14:18:15
กลับไปดูตอนที่ผ่านมาครับ

"จบบริบูรณ์"

มันหมายความว่าไงเนี่ย!!!!!!

เห็นด้วยกะ รีบน  :serius2:

 :z3:  เพ่ต้น ใจร้าย มาแอบจบ  :o12:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: ToeY_@_KP ที่ 30-05-2009 19:28:11
กลับไปดูตอนที่ผ่านมาครับ

"จบบริบูรณ์"

มันหมายความว่าไงเนี่ย!!!!!!

เห็นด้วยกะ รีบน  :serius2:

 :z3:  เพ่ต้น ใจร้าย มาแอบจบ  :o12:


ลองกลับไปดู  :a5:  ทะมายจบซะงั้น...

อ่านครั้งแรกยังไม่จบเลยอ่ะ..
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 29-06-2009 00:55:28




:o8:   :o8:   :o8:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: โมกข์มีนา ที่ 29-06-2009 00:58:01
ว่าจะแวะมาจิ้ม


อ้าว



จบซะแล้วเหรอ o22
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 06-07-2009 23:39:35
อ่านแล้ว :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 30-07-2009 00:45:06

โอ้ต . . .

. . .ไปเยอรมันหรือยัง

คิดถึงโอ้ต

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 30-07-2009 01:04:14
^
^
จิ้มพี่ต้นสาย

ได้ข่าวว่าโอ๊ตเรียนใกล้จบแล้วนิ  :laugh:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 10-08-2009 17:12:28


ให้พ่อโน้ตกับอาโอห์มไปส่งน้องโอ้ตที่เยอรมันเลยดีมะันั่น

/ว่าแล้วเก็บตังค์ค่าตั๋วไปดูสถานที่ด้วยคน

อิอิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 10-08-2009 17:49:42
^
^
จริงๆน้า

ภาคต่อ?????

ยกมือเห็นด้วยสุดๆเลย หุหุ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: alterlyx ที่ 10-08-2009 20:29:20
รักเอย .....

หวานจับใจ


แต่ ... ก็ต้องผ่านความขม มาแทบขาดใจเลยนะคะ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 02-10-2009 09:19:16
เรื่องนี้ตกสำรวจ . . .

. . . ยืนยันว่าจบแล้วครับ

จบบริบูรณ์อย่างที่ควรจะเป็น
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน (จบแล้ว รีบเซฟเก็บก่อนจะหาย)
เริ่มหัวข้อโดย: C2U ที่ 02-10-2009 09:45:59
เข้ามารีบเซฟค่ะ


จะมีภาคน้องโอ๊ต ต่อป่ะคะ    น้องโอ๊ตน่ารัก   :กอด1:   
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน (จบแล้ว รีบเซฟเก็บก่อนจะหาย)
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 02-10-2009 12:10:26
เดี้ยนจะรอ น้องโอ้ตนะเคอะ   :o12:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน (จบแล้ว รีบเซฟเก็บก่อนจะหาย)
เริ่มหัวข้อโดย: Greenkub ที่ 05-10-2009 19:05:42
ขอบคุณมากครับ

สนุกมากคับ


 o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน (จบแล้ว รีบเซฟเก็บก่อนจะหาย)
เริ่มหัวข้อโดย: poffy ที่ 05-10-2009 20:25:32
 :pig4: :pig4: :pig4:
ขอบคุณคุณราชบุตรสำหรับนิยายดีด้วยนะคะ
โชคดี(?) ที่คุณราชบุตรตกสำรวจไป ทำให้คนอ่านอย่างได้มีโอกาสมาอ่าน อิอิ  :laugh:
มีพบก็ต้องมีจาก จบบริบูรณ์อย่างที่ควรจะเป็นจริงๆด้วยค่ะ
จริงๆแล้วมันก็ไม่ผิดนะคะ ที่คุณแม่แป้งทำลงไปอย่างนี้
แต่ว่านับถือน้ำใจของพี่โน๊ตกับพี่แจงมากเลยล่ะคะ
เพราะว่ารักไม่ได้หมายถึงการครอบครอง
แต่ว่าหมายถึงการที่จะทำให้คนที่เรารักมีความสุข และได้เจอกับสิ่งที่ดีๆ
น้องโอ๊ตน่ารักมากๆๆๆๆๆๆ
อ่านเรื่องนี้แล้วบีบคั้นสุดๆ ร้องไห้ตามไปด้วยทุกช็อต
อ่านแล้วอบอุ่น อ่านจบแล้วอยากกลับบ้านจริงค่ะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีมากๆเรื่องนี้ค่ะ  :pig4:
 :L2: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน (จบแล้ว รีบเซฟเก็บก่อนจะหาย)
เริ่มหัวข้อโดย: BABOO ที่ 05-10-2009 22:18:27
ขอบคุณมากค่ะ

เศร้ากว่านี้มีอีกไหมค่ะ

 o13 o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน (จบแล้ว รีบเซฟเก็บก่อนจะหาย)
เริ่มหัวข้อโดย: melody_pmfc ที่ 21-10-2009 16:46:02
นานแล้วที่ไม่มีโอกาสได้อ่านนิยายแล้วร้องไห้

เรื่องนี้ทำให้เราอ่านแล้วร้องไห้หลายรอบเหลือเกิน

ได้รู้ ได้เข้าใจอะไรหลายๆอย่าง

โลกนี้เจ็บปวดนัก

ขอบคุณที่เขียนอะไรดีๆแบบนี้มาให้อ่านนะคะ

อ่านจบแล้วรุ้สึกรักแม่มากกว่าเดิม

ไม่อยากให้โลกนี้มีคำว่าลาจาก หรือ จากลา...
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน (จบแล้ว รีบเซฟเก็บก่อนจะหาย)
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 05-02-2010 17:39:54
เหมือนจะหวานแต่น้ำตาแตกแล้วแตกอีกอยู่นั่นละ เล่าเรื่องด้วยความหลังมาเจอกันที่ตอนจบ ดีใจนะที่คนสองคนนี้ได้เจอกัน แต่ฟังต้นตอของเหตุที่ทำให้คนทั้งคู่ต้องจากกันแล้ว  ถึงแม้น้ำตาจะไหลแต่ไม่เสียใจเลย รู้สึกอบอุ่นและความรัก ขอบคุณสำหรับเรื่องประทับใจจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน (จบแล้ว รีบเซฟเก็บก่อนจะหาย)
เริ่มหัวข้อโดย: สมาคมโคแก่ ที่ 06-02-2010 00:14:02
เป็นเรื่องที่ดีมากเลบครับ  :o12:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน (จบแล้ว รีบเซฟเก็บก่อนจะหาย)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 11-02-2010 16:55:24
"รักเอ่ย จริงหรือที่ว่าหวาน หรือทรมานใจคน"คงจริงดั่งที่เขาว่าไว้จริงเลยยังงัย ยังงัยเราก็ชอบที่จะมีรักซักครั้งหรือหลายๆครั้ง :L1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน (จบแล้ว รีบเซฟเก็บก่อนจะหาย)
เริ่มหัวข้อโดย: QUE1 ที่ 15-02-2010 22:39:06
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วไม่อยากหยุดอ่านเลย
สนุกดีค่ะ ทั้งหวานทั้งเศร้า (แถมเน่าเพราะพี่โน้ตเอิ๊ก)
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน (จบแล้ว รีบเซฟเก็บก่อนจะหาย)
เริ่มหัวข้อโดย: b2friend ที่ 20-04-2010 00:33:03
สนุกมากจริงๆ ค่ะ  o13

อ่านแล้วให้ความรู้สึกเศร้าแทบจะทุกตอน  :o12:

และให้แง่คิดที่ดีจริงๆ ค่ะ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน (จบแล้ว รีบเซฟเก็บก่อนจะหาย)
เริ่มหัวข้อโดย: mayuree ที่ 30-05-2010 21:34:51
...เรื่องนี้เรียกน้ำตาได้เลยนะ
ชอบมากที่สุดคือสำนวนการเขียน อักขระชัดเจนถูกต้อง ไม่ต้องหงุดหงิดกับภาษาวิบัติ บอกตรงๆจะอ่านเรื่องไหนเราคัดเรื่องการเขียน  สำนวนภาฐาเรื่องแรก ถ้าภาษาแม่ยังเขียนไม่ถูก ก็ทำได้แค้เขียนไดอารี่ของตัวเองแค่นั้นแหละ....
เรื่องนี้สื่อให้เห็นถึงความรักในหลายรูปแบบ แต่เน้นที่ความรู้สึกไม่ใช่แค่อารมณ์  ขอบอกว่ายอดมากๆ
ขอบคุณที่สร้างสรรค์งานดีๆออกมาให้อ่านค่ะ
สนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน (จบแล้ว รีบเซฟเก็บก่อนจะหาย)
เริ่มหัวข้อโดย: fungfung ที่ 30-05-2010 22:55:51
ยังไม่ได้อ่าน แต่จบเศร้าหลอ  :serius2:
เริ่มเคลียดตั้งแต่ยังไม่ได้อ่าน  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน (จบแล้ว รีบเซฟเก็บก่อนจะหาย)
เริ่มหัวข้อโดย: fungfung ที่ 31-05-2010 02:38:31
เรื่องไม่ได้จบแบบเศร้าอย่างที่คิด  :mc4:
มีความสุขกับความรักของทั้งสองคนมากๆ เลย   :กอด1:
แต่ที่เศร้าคงเป็นเรื่องเวลาและอารมณ์มากกว่า  :impress3:
สนุกมากๆ เลยขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ   :bye2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน (จบแล้ว รีบเซฟเก็บก่อนจะหาย)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 01-06-2010 00:12:55
โอ้ โอ้ ทำมัย "โดน"ง่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน (จบแล้ว รีบเซฟเก็บก่อนจะหาย)
เริ่มหัวข้อโดย: angelzlover ที่ 01-06-2010 20:55:32
wow such a good fiction (:
i love it   :n1:
thank you mak mak kaa
 :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน (จบแล้ว รีบเซฟเก็บก่อนจะหาย)
เริ่มหัวข้อโดย: kaehoo ที่ 02-06-2010 15:47:53
อยากน้ำตาใหลจัง

ต้องเก็บไว้อ่านรวดเดียวคืนนี้คับ

ขอบคุนมากคับกับเรื่องราวดีๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน (จบแล้ว รีบเซฟเก็บก่อนจะหาย)
เริ่มหัวข้อโดย: nookgao ที่ 02-06-2010 20:04:10
อยากอ่านอิสรภาพกับพันธนากานต์จังงงง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน (จบแล้ว รีบเซฟเก็บก่อนจะหาย)
เริ่มหัวข้อโดย: Dangerous_patz ที่ 03-06-2010 08:58:15
 :m15: :m15: :m15: :m15:



ตอนจบแอบเศร้า



แต่นับถือมากคับ "แจง"เธอเป็นยอดหญิงจริง   o13 o13 o13 o13




 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน (จบแล้ว รีบเซฟเก็บก่อนจะหาย)
เริ่มหัวข้อโดย: PoyPay ที่ 04-06-2010 23:32:38
เออ...
แบบว่าเข้าใจว่าเรื่องนี้จบนานแล้วนะคะ... แต่พอดีพึ่งได้อ่านเมื่อวานอะค่ะ...
อ่านจบต้องรีบสมัครเข้าเล้าเป็ดเลย... เพราะอยากมาขอบคุณ "คุณราชบุตร" ...

ขอบคุณมากนะค่ะที่เขียนเรื่องราวที่ดีๆแบบนี้ขึ้นมา...
อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นเคล้าน้ำตา... แต่เป็นน้ำตาที่อบอุ่นจริงๆ...

ขอยืนยันว่าอ่านไปน้ำตาำไหลไปจริงๆนะคะ แต่ก็หยุดอ่านไม่ได้...
สุดท้ายอ่านตั้งแต่ค่ำยันจะเช้า อ่านมันจนจบ...
นอนก็ไม่ค่อยได้นอนแถมตายังบวมเพราะร้องไห้เยอะอีก...
พอเช้ามานี่ไม่ต้องทำอะไรมาก บอกคนอื่นๆรอบโต๊ะก่อนเลยว่า... ง่วง นอนไม่พออย่ากวน...
แต่ดันไม่มีอาการหงุดหงิดมากมายอะไรออกมาผิดนิสัยเดิมอย่างแรง...
แถมมีแต่รอยยิ้มเวลาที่นึกถึง "พี่โน้ต"...
(น้องโอห์มกับหลานโอ๊ตเค้าก็คิดถึงนะตัวเอง อิอิ)...

เพราะพออ่านจนจบทำให้รู้สึกว่า จะไปหาคนแบบนี้ได้ที่ไหนบนโลกนี่กันนะ...
แล้วเราจะเป็นคนดีได้เท่าขี้เล็บพี่โน้ตมัยหนิ... ถ้าเป็นได้นะ คนรอบข้างคงจะมีความสุขแน่ๆ...
(เกิดอยากจะเป็นคนดีขึ้นมากระทันหัน ปกติเลวร้ายตลอด...)

ต้องขอบคุณมากๆนะคะ ที่ทำให้คิดได้ว่า ความรักยังมีเรื่องสวยงามในมุมมองอีกด้านอยู่เสมอ...
ขอบคุณมากจริงๆคะ...



ปล. แอบบ่นนิดนึง... ทำไมมันยากเย็นจังเวลาจะทำอะไรดีๆ...
เอาง่ายๆเลย แค่อยากทำตัวมีมารยาทที่ดีในการอ่านเรื่องคนอื่นเค้าแล้ว Re บ้าง.. เลยสมัครเข้าเล้า...
แต่มันก็ใช้เวลาไป 2 วันในการรอ mail ซึ่งนานมากๆ... -*- ...
กับแค่อ่านแล้วอยากตอบให้คนเขียนรู้ว่าเค้าเขียนดีจริงๆนี่มันก็ยังยากเลยนะหนิ... T_T ...
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน (จบแล้ว รีบเซฟเก็บก่อนจะหาย)
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 13-06-2010 21:50:01
ขอบคุณครับ

กำลังทำตัวให้ได้เศษเสี้ยวของพี่โน้ตเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน (จบแล้ว รีบเซฟเก็บก่อนจะหาย)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 13-06-2010 22:12:41
อ่านเรื่องนี้หลายครั้งแล้วครับ...มันให้ความรู้สึกดีๆมากมายในอารมณ์ทั้งคนอ่านและผู้แต่งที่เก่งและทำให้ได้ความรู้สึกดีๆของตัวละละครเพิ่งจะได้เข้ามาเม้นท์ให้นะครับ  แต่จริงๆแล้วเป็นแฟนนิยายของคุณราชบุตรเลยละอ่านมาหลายเรื่องแล้วครับชอบมากๆ o13 :L1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน (จบแล้ว รีบเซฟเก็บก่อนจะหาย)
เริ่มหัวข้อโดย: runglovely3 ที่ 17-06-2010 15:29:00
ฟ้า-แดงรุ่น 60  มารายงานตัว  คับผม  :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน (จบแล้ว รีบเซฟเก็บก่อนจะหาย)
เริ่มหัวข้อโดย: clubza ที่ 22-06-2010 21:00:09
แม้รักร่วมสวมใส่ไว้ติดกาย  เมื่อใดวายสวาทวอดจึงถอดเอย”   
ไม่ใช่ของนักเขียนคนใดหรอกครับเเต่เป็นล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕
ได้พระราชทานกำไลทองให้แก่ เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์ สดับ พร้อมพระนิพนธ์เป็นร้อยกรอง
ซึ่งข้าพเข้าเชื่อว่า ทุกท่านย่อมคุ้นเคยดี นั่นคือ ...

 

 

 

 

กำไรมาศชาตินพคุณแท้
ไม่ปรวนแปรเปนอย่างอื่นย่อมยืนสี
เหมือนใจตรงคงคำร่ำพาที
จะร้ายดีขอให้เห็นเปนเสี่ยงทาย

 

 

 

ตาปูทองสองดอกตอกสลัก
ตรึงความรักรับไว้อย่าได้หาย
แม้รักร่วมสวมไว้ให้ติดกาย
เมื่อใดวายสวาทวอดจึงถอดเอย

 

 


   
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: minmin96 ที่ 27-12-2010 17:32:27
 :monkeysad:คุณราชบุตร..ทำให้เราร้องไห้ตั้งแต่ต้นเรื่องยันจบเรื่อง

 หลังจากอ่านเรื่องนี้เสร็จ..เราเลยลุกขึ้นไปกอดแม่แรงๆ

 ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ...ขอบคุณณณ :L2:
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 05-02-2011 17:30:35
นับถือในความรักของสองคนจริงๆ
เวลา ระยะทาง ความห่างไกล
ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
เพราะสองคนมีรักแท้อยู่เต็มหัวใจ

ขอบคุณค่ะ อ่านแล้วอิ่มเอมจริงๆ
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 09-04-2011 01:09:13
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: heaven13 ที่ 09-04-2011 17:00:09
อ่านรวดเดียวจบเลย
ตอนนี้ตาบวมฉึ่งเลยคะ
สุดท้ายนี้...
อยากขอบคุณผู้แต่ง สำหรับเรื่องราวดีๆที่ถ่ายทอดมาเป็นตัวหนังสือ
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: jinni ที่ 10-04-2011 00:30:48
สุดยอด ทุกมุมในชีวิตจริงเลย
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: takkie ที่ 10-04-2011 00:48:50
อ่านรวดเดียว วันเดียวจบเลยครับ
จากที่สนใจสถานที่เกิดเหตุตอนแรก ทำให้ต้องติดตามจนจบ
บ้านผมก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านของโอห์มนะครับ เพียงแต่ไม่ได้อยู่ในรั้วรอบขอบเขตเดียวกัน
ยินดีไปกับความสุขในตอนท้ายของเรื่องราว
แอบลุ้นว่าคนเขียนจะบ้าจี้
ให้โน้ตกับโอห์มไม่ได้เจอกัน
ก็ไม่ชอบ sad ending อ่ะครับ ยอมเสียน้ำตาตลอดเรื่องแล้วขอรอยยิ้มตอนท้ายยังดีซะกว่า
ขอบคุณสำหรับอารมณ์รักนุ่ม ๆ ครับ
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: Hachi_an1234 ที่ 10-04-2011 19:49:31
เหอะๆๆๆ... ชีวิตคนเรามีทั้งการพบกันและจากลา..
ตอนจบเศร้าอะ.... สงสารโอมห์เหมือนกันนะ... แต่ก็นะ.. ชีวิตคนเราเอาแน่ไม่ได้..
อยากอยู่กับพ่อ แม่มากขึ้นเลยทีเดียววว..
แต่เรื่องนี้รักโน้ตมากที่สุดของที่สุดอะ.. ฮาๆๆๆ
ไม่เคยคิดว่าจะมีผู้ชายที่ดีขนาดนี้อยู่นะเนี้ย... ทำทุกอย่างเพื่อคนอื่น.. เพื่อคนที่ตัวเองรัก..
ยอมกระทั่งอนาคตของตัวเองอะ.. แล้วตอนนี้พี่โน้ตเราทำงานไรเนี้ย....
นู๋โอมห์ต้องรักพี่โน้ตให้มากๆๆนะจ๊ะ...
แอบชอบโอ๊ตตต ... ฮาๆๆๆ น่ารักเหมือนพ่อเค้าจิง...
แต้งส์สำหรับเรื่องดีๆๆนะฮํบบ..
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรื
เริ่มหัวข้อโดย: akanae ที่ 10-04-2011 21:50:54
ความอดทนของคนรอและคนที่รอไม่มีจุดหมายโดยไม่รู้ใดๆ นี่ทรมานมากเลย
ไม่รู้ว่าอย่างไหน ทรมานไปไม่น้อยกว่ากันเนาะ สิบแปดปี มันนานมากกกกกกก มากกกก
เกินกว่าบางคนจะรอด้วยซ้ำไปอีก แต่โดยส่วนตัวแล้วชอบเคะน้อยที่ไม่สาวเยอะ
แต่โอห์มตอนเจอเพื่อนสาวนี่ต่อมสาวแตกทำงานเลย ช่วงนี้เลยแอบขัดใจ
เพราะเค้าแมนมาแต่ต้นเรื่องไม่ว่าจะกอดโอ๊ตแบบคนนึงที่ปกป้องอีกฝ่ายใด
พอเจอช๊อตนั้นไป โอห์มเลยแอบติดลบ เพราะเมื่อกลับไปเจอพี่โน้ตอีกครั้ง
ก็แมนเช่นเดิม เหมือนบุคลิกสองแบบเลย แต่โดยรวมแล้วชอบมากค่ะ
ชอบในการดำเนินเรื่องดีค่ะ สลับไปมา ให้โอห์มได้เรียนรู้เพิ่มไปเรื่อยๆ ว่า
สิบแปดปีนั้นหายไปไหน อะไรเกิดขึ้นบ้างล่ะนะคะ แล้วสิ่งที่ทำให้กรี๊ดที่สุดคือ
พี่โน้ต ผู้ชายที่ใครๆ ก็คงอยากได้แน่ๆ รักเดียวใจเดียวขนาดนี้ กรี๊ดดดดดดดด
กันเลยทีเดียว ชอบเวลาพี่เค้าหวานมาก มีถ้อยคำหวานๆ มาให้โอห์ม
ทำเอากรี๊ดหลายตลบเหมือนกันเลยค่ะ
ขอบคุณไรท์เตอร์มากเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 14-04-2011 01:04:00
มีคนหลังไมค์ไปเยอะ . . .

มีอีกเรื่องครับ

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=4427.0

เรื่องนี้แหละ
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: CminLmin ที่ 15-04-2011 13:11:52
ขอบคุณค่ะกับเรื่องราวดีๆ :L2:
อ่านรวดเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ มือขวาคลิดเมาส์ มือซ้ายถือทิสชู  :o12:
ประทับใจกับความรักของพี่โน๊ตมากๆ ผู้ชายแบบนี้ยังมีอีกไหมค่ะ  :laugh:
ไม่ผิดหวังที่เข้ามาอ่านเพราะชื่อเรื่อง??
เพราะโดยส่วนตัวชอบเรื่อง 'รักเอย' มาก เป็นรูปแบบความรักที่อยากเห็น
ไม่แปลกหรอกค่ะที่คนเราสามารถรอใครได้ตั้ง 18 ปี ถ้ามันคือรักจริงและรักเดียว

Ps. เค้าอยู่หาดใหญ่เหมือนกันเลยยิ่งอินกับ จุดเริ่มต้นของพี่โน๊ตกะน้องโอมห์  :bye2:
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: diedfoxx ที่ 15-04-2011 17:25:17
T^T มาสมัครเป็นแฟนคลับเรื่องนี้เลยครับ ซึ้งมาก ๆ
ผมได้อะไรทุกครั้ง ๆ ที่อ่านแต่ละตอนจบ ซาบซึ้งมาก ๆ
ชอบตัวละครทุกตัว โดยเฉพาะโอ๊ตครับ เป็นเด็กที่น่ารักเอามาก ๆ
ขอบคุณคุณราชบุตรด้วยนะครับ จะติดตามอ่านเรื่องต่อไปเรื่อย ๆ นะครับ

สุขสันต์วันปีใหม่ไทยครับผม :)
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 15-04-2011 18:26:04
คิดถึง ตลาดกิมหยง คิดถึงหน้าหอ คิดถึงวงเวียนน้ำพุ คิดถึงโรงเรียนที่นั่งรถผ่านแต่สอบเข้าไม่ได้โรงเรียนที่มีธงชาติขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเห็น คิดถึงวัดคอหงษ์ คิดถึงค่ายทหาร คิดถึงสวนสาธารณเขาคอหงษ์ คิดถึงศูนย์วิจัยยาง คิดถึงจริงๆนะ
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 16-04-2011 14:42:38
พลาดเรื่องนี้ไปได้ไงเนี่ย
อ่านรวดเดียวจบเลย  ซาบซึ้งกับเรื่องราวของโน้ตกับโอห์มมากๆ
คนสองคนที่รักและผูกพันกันมากๆ
ระยะห่างที่รอคอยกันมาถึง 18 ปี มันเกินบรรยายจริงๆ
อ่านไปน้ำตาไหลไป :m15:

ประทับใจมากๆเลยค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: ฝ ฝ้าย ที่ 07-11-2011 17:45:48
รู้สึกตัวเองโง่เป็นอย่างมาก
อยู่ในเล้ามาตั้งสาม สี่ปี ไม่เคยอ่านนิยายของพี่ราชบุตรเลยด้วยซ้ำ
วันนี้ได้อ่าน อ่านรักฤาผูกพันธ์จบ น้ำตาหมดไปครึ่งโอ่ง พออ่านรักเอยจบ
น้ำตาเต็มโอ่งพอดี

ในชีวิตหนูมีนักเขียนในดวงใจอยู่ไม่กี่คนเอง
คนแรกคือ แม่ของตัวเอง แม่ชอบเขียนอะไรมาให้อ่าน
และชอบแนะนำหนังสือให้อ่านจนคิดว่าแม่เขียนหนังสือดีๆพวกนั้น

คนที่สอง พนมเทียน ฮ่าๆๆๆ ท่านเป็นสุดยอดของสุดยอด
ปลายปากกาที่หนูปลื้มแสนปลื้ม ตามล่าอ่านงานเขียนท่านมาตลอด

คนที่สามพี่ใบสน เป็นผู้หญิงคนหนึ่งคะ ที่เขียนนิยายได้สุดยอดมาก
หนูได้อ่านนิยายพี่เขาครั้งสุดท้ายเมื่อสามปีก่อน มีหนังสือเก็บแต่ก็หายไป
เพราะส่งต่อให้เพื่อนอ่าน เพื่อนก็อ่านเพลินจนไม่ได้เก็บกัน

แล้วคนที่สี่หนูแอบใส่ชื่อพี่ลงไป ^^


ชอบทุกอย่างเลยเรื่องสั้นเรื่องยาวสุดยอดมากๆ
ถ้าหนูจะแอบอยากอ่านฉบับเต็มๆ หรือแอบอยากขอต้นฉบับมาอ่านจะได้ไหมคะ

 ฮ่าๆๆๆๆๆ 

ขอบคุณสำหรับงานเขียนดีๆนะคะ  ปลื้มออกนอกหน้านอกตา ^O^




รู้สึกว่าอ่านแล้วจะได้คำคมเจ็บๆไปนั่งคิดเล่นเสมอ หนูอ่านจบไปเป็นอาทิตย์หนูยังเอานิยายสองเรื่องนี้มานั่งคิด
เดาเองว่าถ้าเป็นตัวหนูเองจะตัดสินใจยังไง
คิดในแง่ตัวละครของทุกๆตัวเลยยย

แต่หนูว่าถ้าเป็นหนู ขอเป็นพ่อของพี่อาร์มดีกว่า บวชไปเลยกว่า พอแม่พี่อาร์มเสีย
ฮ่าๆๆๆๆ

ไม่ไหววจริงๆๆหนูชอบบจังงงง
พี่เขียนเรื่องอื่นอีกไหมคะ อยากอ่านจัง
สู้ๆนะคะ

ขอสมัครเป็นเอฟซีด้วยคนคะ

หนูจะเล่าให้เพื่อนฟังถึงพี่เยอะๆนะค๊าาาาาา

faiizruiiแอทฮอทเมล.com
 ค๊า
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: DasHimmel ที่ 07-11-2011 23:48:14
อ่านไปน้ำตาพรากๆ  :m15:
ร้องไห้ตาบวมเลยค่ะงานนี้ เรื่องนี้ให้ข้อคิดหลายอย่างมากๆๆๆๆๆๆ
ทั้งเรื่องความรัก พ่อแม่ การเรียน หลายๆอย่างและที่สำคัญการเสียสละค่ะ
ตอนแรกไม่ได้คิดเลยว่าเรื่องจะมาเป็นแบบนี้ แต่รักเอยทำให้รู้ว่าความเป็นจริงไม่ได้สวยหรูไปซะทุกอย่าง
ทุกอย่างดำเนินไปมาเป็นเหตุเป็นผลเสมอ อ่านไปเหมือนเห็นอะไรๆในชีวิตชัดขึ้นมาก
ความรักของใครจะยิ่งใหญ่ได้เท่านี้อีก อ่านแล้วเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ให้มากกว่านี้เลยค่ะ
ถึงจะเป็นนิยายแต่ก็ขอให้ทั้งพี่น็อตน้องโอห์มรักกัน มีความสุขกันตลอดไปนะคะ
ขอบคุณสำหรับ"รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน"มากนะค๊า :)

หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: YenOh ที่ 18-11-2011 11:27:45
ประทับใจมากค่ะ ขอบคุณคนเขียนที่ร้อยเรียงเรื่องราวดี ๆ ให้ได้อ่านนะคะ

ไม่กี่วันก่อนเพิ่งอ่านรักฤๅผูกพัน ของคุณราชบุตรมา ร้องไห้จนปวดหัวเลยล่ะค่ะ

แต่เรื่องนี้อ่านแล้วรู้สึกดีมาก ๆ ขอบคุณที่ทำให้หัวใจคนอ่านชุ่มชื้นนะคะ : )

ปล. อยากได้หนังสือมากเลย แต่รู้ตัวว่ามาช้าไป กระซิก ๆ
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: Umiko ที่ 19-11-2011 11:18:13


เรื่องนี้สนุกมากเลย.....   o13

หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: boworange ที่ 21-11-2011 15:45:58
เสียน้ำตาไปหลายปีป   :sad4:

ขอบคุณมากจริงๆคะ เรื่องนี้บีปหัวใจอย่างแรง  :o12:
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 15-01-2012 18:07:17
อ่านจบแล้ว รู้สึกเสียใจที่ดองอ่านเรื่องนี้เพราะเห็นชื่อเรื่องกลัวจะจบเศร้า

ขอบคุณคุณราชบุตรที่เขียนเรื่องดีๆให้อ่านนะ ความรักของเรื่องนี้มีหลายรูปแบบหลายมุมมอง
ประทับใจกับรักที่เสียสละ รักที่ไม่มีเงื่อนไข รักที่เฝ้ารอ รักที่อบอุ่น
สุดท้ายปลายทางของชีวิตทุกคนมีตอนจบเหมือนกันหมด ดีใจที่แต่งให้โอหม์ส่งแม่อย่างดีที่สุดเท่าที่ลูกคนหนึ่งจะทำได้
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: IaminLove ที่ 27-01-2012 10:04:33
อ่านไปน้ำตาไหลไป ตั้งแต่ตอนที่โอห์มเริ่มรู้ว่าจริงๆ แล้วโน้ตทำไปเพราะอะไร  :sad4:
ความรักของโน้ตนี่มันสุดๆ จริงๆ รักที่เป็นผู้ให้ ให้สิ่งที่ดีที่สุด กับคนที่ตัวเองรักที่สุด ไม่ว่าตัวเองจะเจ็บจะปวดแค่ไหน
แต่เพื่ออนาคตที่ดีกว่าของเค้า โน้ตยอม T__T

แล้วชอบมากๆ ตอนที่โน้ตสอนลูก ที่บอกว่าให้ลูกรักย่า เพราะว่า ความรักของย่าที่มีต่อคนๆ นึง ทำให้โอ้ตเกิดมา
โอ้ยยยยยยยยยยยยยยย อ่านไปตั้งแต่เมื่อคืน แต่มาอ่านตอนจบตอนเช้า แล้วนี่นั่งพิมคอมเม้นประโยคข้างบนไป น้ำตาพาลจะไหลไป คุณราชบุตรเขียนได้บีบหัวใจมากเลย

ตอนอ่าน อ่านเจอคอมเม้นนึง "รักเอย :  จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน (อ่าน)"
ตอนที่เห็นนี่นะ แอบขำเบาๆ ในใจ เฮ้ยยยยยยยยย ทำไม เราคิดเหมือนกันเลยยยย
ทรมานใจคนอ่านมากๆๆๆ
แต่ดีใจนะคะ ที่ตอนจบไม่ได้แต่งให้เค้าไม่เจอกัน ช่วงกลางๆ ที่คุณราชบุตรแหย่เอาไว้ ทำเอาเราไม่กล้าอ่านต่อเท่าไหร่ ตุ้มๆ ต่อมๆ ว่าจะได้กลับมาเจอกันรึเปล่านะ (แหะแหะ)

ถ้าเจอใครซักคนแบบโน้ตคนจะดีไม่น้อยเลยเนอะชีวิตนี้
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 29-01-2012 08:31:40
ยอมทุกอย่าง เพื่อให้คนที่ตัวเองรักมีความสุข

โน้ตได้ให้ความหมายของ ' รักคือการให้ '  ได้ดีจริงๆ นอกจากนี้ยังมั่นคงในรักเสมอ

กลับมาอ่านกี่ครั้งๆ ก็ประทับใจ  o13
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: HoMophobia ที่ 11-07-2012 00:12:00
 o13
เขียนได้ดีครับ สะเทือนอารมณ์ดีครับ
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 12-07-2012 18:51:17
ใช้เวลาอ่านทั้งวันเลย เสียน้ำตาไปเยอะเหมือนกัน
แต่ที่สุดก็จบได้สวยงาม
ขอบคุณคนเขียนนะคะ เป็นผลงานที่น่าจดจำเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: pungya ที่ 12-07-2012 22:45:07
ขอบคุณมากๆที่เขียนเรื่องราวดีๆแบบนี้ให้อ่านค่ะ
เรื่องนี้เริ่มต้นด้วยความไม่เข้าใจ แต่ตอนจบตอบโจทย์ทุกอย่างได้อิ่มเอมมากค่ะ
"ความรัก"สอนอะไรเราได้หลายอย่างจริงๆ ประทับใจความรักทั้งของครอบครัวและความรักของโน๊ตกับโอห์ม
ขอสมัครเป็นแฟนคลับด้วยคนนะคะ เดี๋ยวจะตามไปอ่านเรื่องต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: azure™ ที่ 12-07-2012 23:26:11
เรื่องนี้ทำให้เสียน้ำตาตั้งแต่ต้นเรื่องยันท้ายเรื่องเลยคับ
ขอชมเลยว่า คุณเป็นคนที่เรียบเรียงเนื้อเรื่องได้ดีมาก คำพูดดูเก๋ แต่กลับอ่านแล้วเข้าใจง่าย
ขอบคุณมากๆ สำหรับเรื่องราวดีๆเรื่องนี้ครับ ^^
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 13-07-2012 00:10:53
...อ่านนิยายของคุณราชบุตรสองเรื่อง "รักฤาผูกพันธ์" ก็ทำเสียน้ำหูน้ำตาไปหลายรอบ มาเจอเรื่องนี้ ก็พาลเสียน้ำหูน้ำตาไปอีกพอๆกัน ภาษาสวย ซีนบีบคั้นอารมณ์โหดร้ายมาก จำได้ว่าเคยอ่านเรื่องนี้อยู่ ตอนยังเขียนไม่จบ แล้วก็ไม่ได้อ่าน จนวันนี้ มานั่งตามอ่านนิยายที่โพสจบแล้ว เลยไล่อ่านใหม่ตั้งแต่แรก จนจบ แบบรวดเดียว ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆครับ
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: NaNaAS ที่ 13-07-2012 00:57:43
 o13 o13
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: CoMa ที่ 16-08-2012 22:50:51
โอ๊ยยย จบดีมากเลยอ่ะถึงจะรู้สึกปวดใจหนึบๆมาค่อนเรื่องแต่จบแฮปปี้^_____^
แต่ตอนพิเศษแต่ละเรื่องทำเอาน้ำตาแตกอ่ะ ตาบวมกันเลยทีเดียวT_____T
บอกได้เลยว่าเรื่องนี้อ่านแล้วรู้สึกซาบซึ้งและประทับใจมาก รักเลยอ่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: kasune ที่ 23-08-2012 18:16:29
เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นนิยายที่จัดว่า "ยอดเยี่ยม"
เป็นอะไรที่แบบ..อ๊ากกก! //เจ๋งมากกกกก
แล้วแจงก็อีก แบบว่าตั้งใจจะให้โอ๊ตกับโน้ตและโอห์มรึเปล่าเนี่ย?
คือแบบ..รักโอห์ม ? แต่ปล้ำกับโน้ต (???) คือที่จริงก็งง
แต่ที่บอกว่าอยากให้เลี้ยงเหมือนกับโอห์มเนี่ย..ชอบอ่ะ T^T
หรือเพราะกลัวโน้ตเหงา?? ที่ต้องห่างกับโอห์มมา -[]- //คือยังไงก็ไม่เข้า
แต่เอาเถอะนะ...เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ "เจ๋ง" และ "ยอดเยี่ยม" มากที่สุดค่ะ T Tb

ปล.ชอบเรื่องสั้นทุกเรื่องมากค่ะ...
โดยเฉพาะ "เอและกอล์ฟ" เป็นอะไรที่แบบ.. T T
แล้วคือชอบประโยคนี้มากค่ะ

อ้างถึง
เอฆ่าคนที่มันรักยิ่งชีวิตด้วยมือมันเอง   ฆ่ากอล์ฟอย่างเบามือที่สุดแล้ว 
โอยยย เศร้า T T
คิดไม่ถึงเลยว่าการทำแบบนี้มันคือการ "ฆ่า" หัวใจของใครบางคนที่เราไม่รู้ด้วย ฮือ
เรื่องนี้หลายตอน..อ่านแล้วร้องไห้มากค่ะ
โดยเฉพาะเรื่องสั้น. น่าจะร้องไห้ทุกตอนมั้ง T_T
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: Dry iCe ที่ 25-08-2012 21:53:45
พึ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ (ช้าไปหลายปีดีดัก เดชะบุญที่คุณคนแต่งไม่ลบ)

เป็นเรื่องที่ภาษาสุดยอดดดดดมากเลยค่ะ เห็นด้วยกับคุณคนแต่งที่สุดค่ะว่า ภาษาแบบดั้งเดิมสวยงามและมีคุณค่ากว่าภาษาสมัยใหม่มาก

หลายๆตอนทำเอาเศร้า เกือบน้ำตาซึม แต่หลายตอนก็ทำเอายิ้มค้างและเพ้อไปด้วย
ยิ่งพาร์ทเด็กยิ่งน่ารัก โดยเฉพาะตอนปีนต้นไม้ (แอบนึกถึงวันวาน)
 และดีใจที่สุดค่ะ ที่ไม่จบเศร้า ขอบคุณนะค่ะ

ปล.บางทีอ่านไปแอบสะดุ้ง เพราะมีพี่สาวชื่อ โอ๊ต และโน็ต ค่ะ^^
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 10-09-2012 02:07:21
มาอ่านช้าไปหลายปี ดีนะที่ยังไม่ลบ ขอบคุณผู้แต่งที่เขียนนิยายดีๆแบบนี้ออกมาให้อ่านกัน
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: sulsul ที่ 10-09-2012 08:23:05
อ้้ากกกก จบแล้ว
อ่านมาตั้งแต่เช้ารวดเดียว
อ่านตอนแรกๆก็แบบอะไรอ่ะ แนวไหนเนี่ย อาจะชอบหลานป่าววะ

อ่านไปถึงตอนเด็กๆ ก็แบบ โอห์มน่ารำคาญมาก เอาตัวเองเป็นศูนย์กสางสุดๆ เลยอ่านข้ามๆไปบ้าง
ยิ่งอ่านถึงตอนตัวเองบขได้ไปเยอรมัน
ยิ่งแบบ เด็กเวน คิดถึงแต่ตัวเองจริงๆ

พอฟังมลกขึ้น อ่านมากขึ่น เลยแบบ
โหย พี่โย้ต โคตรของโคตรคนดี ที่ไม่รู้ว่ามีจริงรึเปล่า
ยิ่งมาอ่านตอนคุณแม่ เรื่องที่ทำแล้วแบบว่า
สุดยอดดดด นับถือ แต่พี่โน้ตก็แอบจิกกัดนะ
แบบว่าให้แม่รู้ไว้ว่าแม่มำคนนึงตายไป เหลือแต่ร่าง

สุดทิาย เศร้ามากกก
เชื่อว่าทุกคนเศน้า จะด้วยการลาจาก หรือเพราะทุกคนมีแม่
และทุกคนรักแม่
มันเลยยิ่งเศร้ามากกกก

สุดท้าย ขอบคุณคนแต่ง สำหรับเรื่องราวดีๆ
มี่ให้แง่คิดอย่างนี้ ขอบคุณค่ะ

ปล.มีตอนพิเศษก็จะดีนะค่ะ 5555


หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 20-11-2012 07:46:07
โหตามอ่่านจนจบแล้ว...อย่างเคร่งเครียด,ฮะ .จะมีซักกี่คนเนี่ยที่มั่นในรักแบบนี้><

ขอบคุณนะคะที่แต่งเรื่องดีดีแบบนี้ให้อ่าน
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: JingJing ที่ 29-11-2012 21:32:31
 :m15: ขอบคุณคุณคนแต่งค่ะ ซึ้ง เศร้า สะเทือนอารมณ์
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: uri uri ที่ 30-06-2013 01:04:51
อ่านรอบที่สองหรือสามไม่รู้  รู้แต่ว่าน้ำตายังไหลพรากๆเหมือนเดิม  ฮึกๆๆๆ :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: keem ที่ 30-06-2013 15:23:29
ขอบคุณมากๆครับ ผมร้องไห้ตอนแม่ของโอมเสียเพราะผมคิดถึงป้าและยายผมมากๆ
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: benzdekba ที่ 27-08-2013 01:55:50
 :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 27-08-2013 15:36:32
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 21-09-2013 23:24:54
สุดยอดนิยาย!
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: bennnyyy ที่ 12-10-2013 15:30:33
 :monkeysad: ซึ้ง

ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 01-11-2013 23:18:09
 :o8:
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: kinly ที่ 29-04-2014 07:41:46
ขอบคุณครับ ที่เขียนนิยายสนุกมาให้ได้อ่าน สนุกดีครับอ่านวันเดียวจบเลยครับ
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: Niinuii ที่ 16-06-2014 21:42:34
อ่านแล้วปวดใจน้ำตาไหลพราก :hao5:
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 21-06-2014 03:18:16
ขอบคุณผู้แต่งมากครับ เป็นเรื่องที่ภาษาสวยมากครับ เรื่องก็ดี สนุก ครบทุกอารมณ์เลยครับ ชอบมากครับ
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: CorNnE PRiNCeS ที่ 24-09-2014 15:31:10
พี่ต้นสาย

บรรยายได้น้ำตาหลาก จริงๆ

กว่าจะทำใจอ่านนิยายพี่ได้แต่ละเรื่อง

ต้องเตรียมน้ำตาไว้อย่างมากมาย

แต่ก้อพยายามอ่านจนจบ

"อดีตช้ำจำไม่ลืม"

รักฝังแน่น จริงๆ


ขอบคุณเรื่องราว ดีๆ นะคับ

 :mew2:
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 31-07-2015 11:50:24
เป็นเรื่องที่สวยงามมากๆอีกเรื่องเลยค่ะ น้ำตาแตกกันเลยทีเดียว แม้จะเป็นเรื่องเก่า แต่ยังคงตราตรึงในความรู้สึกเรานะ ^^
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 01-08-2015 06:17:16
อ่านจนจบ ขอตอบคำถามในชื่อเรื่องว่า รักเอยทรมานใจคนค่ะ! ต้องแยกกันจากกัน 18 ปี ทรมานมากกว่าหวานชัวร์ 555 ป.ล. สีสันของเรื่องนี้คือน้องโอ๊ต ถ้าไม่มีคงหม่นหมองน่าดู
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 25-08-2015 17:59:19
บอกได้คำเดียวว่า สุดยอด. ค่ะ ไม่ผิดหวังที่เข้ามาอ่านเลย  o13
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: Nattarat ที่ 17-05-2016 09:37:48
นิยายเรื่องนี้ผู้แต่งเขียนออกมาได้ดีมากค่ะ ตอนเริ่มอ่านตอนต้นเรื่องกลัวตอนจบจะเศร้ามากเลย แต่อยากอ่านต่อเรื่อยๆ ฟินไปกับความรักของพี่โน๊ตที่มอบให้กับน้องโอห์ม ร้องไห้เกือบแทบทุกตอนเลย ขอบคุณราชบุตรนะค่ะที่ทำให้ พี่โน๊ตกับน้องโอห์มได้เจอกัน อยากอ่านตอนพิเศษมากค่ะว่าเรื่องราวที่อยู่ด้วยกันแล้วเป็นอย่างไรบ้าง เพราะคิดถึง พี่โน๊ต น้องโอห์ม และเด็กแสบโอ๊ตอยู่นะค่ะ
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: Antisa ที่ 18-05-2016 00:11:34
 :impress3:ขอบคุณที่เขียนเรื่องรักเอยมาให้ได้อ่านนะคะ ชอบทุกเรื่องเลยค่ะ และก็เสียน้ำตาเป็นลิตรๆเลย
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 19-05-2016 00:57:38
ใครไม่ได้อ่านเรื่องนี้ ผมว่าคุณพลาดอย่างแรง มีทุกรสชาติ ขอบคุณผู้เขียนคัฟ :L2:
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: SOBANG✖ ที่ 05-09-2016 03:15:06
เรื่องนี้อยู่ในใจเสมอมาและจะคงอยู่ตลอดไปค่ะ

พี่โน๊ต & คุณตัวเล็ก
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: SOBANG✖ ที่ 05-09-2016 09:59:49
มีหนังสือขายไหมคะะะะะ อยากได้มากกกก
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 07-09-2016 22:48:04
อ่านกี่ครั้งก็ประทับใจทุกคร้ง รอบนี้รอบที่5แล้ว ขอบคุณครับ :pig4:
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: sasaka8 ที่ 22-10-2016 21:27:31
ขอบคุณนะคะ นิยายเศร้าแต่ก็มีตอนน่ารักๆ  :pig4:
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: อยากอ่าน ที่ 21-01-2019 22:39:29
ร้องไห้เหมือนมีญาติฝ่ายไหนเสีย
ซาบซึ้งเกินกว่าจะอธิบาย

คนคู่หนึ่งต้องผ่านอะไรมาบ้าง กว่าจะเรียกว่ารักได้อย่างมีความหมาย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 07-02-2021 06:10:49
ผมที่เคยดำแซมดอกเลาบาง ๆ   
30ปลายๆผมยังไม่หงอก จะหงอกก็40ปลายๆจ้ะ ไว้คนแต่งแก่แล้วจะรู้ว่าที่เขียนไว้น่ะผิด
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 23-03-2021 13:22:38
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: Kochiro ที่ 25-03-2021 05:19:44
 :hao5: :z13:
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 26-03-2021 14:41:37
สงสารทั้งโอมม์ทั้งโน๊ตกว่าจะผ่านเหตุการณ์ที่บีบหัวใจช่างยาวนานจริงๆ ยังดีที่สุดท้ายแล้วยังได้กลับมารักกันเหมือนเดิม :pig4:
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 27-03-2021 14:53:54
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 02-08-2021 18:49:15
 :hao5:
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: Noonnaja ที่ 05-01-2023 12:09:58
รอบที่เท่าไรแล้วไม่รู้ แต่ก็อ่าน  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 06-01-2023 15:39:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: Ka.RoN ที่ 19-05-2023 08:39:32
กลับมาอ่าน ชอบ  :mew3:
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 16-03-2024 20:14:09
aIS ระบบเติมเงิน โปรเน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว (ราคารวมภาษี 7% แล้ว)
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 27บ./1วัน กด *777*7021*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7023*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 38บ./2วัน กด *777*7380*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 59บ./3วัน กด *777*7096*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 129บ./7วัน กด *777*7098*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 139บ./7วัน กด *777*7220*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 375บ./30วัน กด *777*7153*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 800บ./90วัน กด *777*7379*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,200บ./180วัน กด *777*7328*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,800บ./365วัน กด *777*7329*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7381*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 32บ./1วัน กด *777*7084*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 130บ./7วัน กด *777*7629*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 161บ./7วัน กด *777*7382*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *777*7383*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 380บ./30วัน กด *777*7631*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย15นาที 155บ./7วัน กด *777*7630*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 35บ./1วัน กด *777*620*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 38บ./1วัน กด *777*7627*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 58บ./2วัน กด *777*7628*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 45บ./1วัน กด *777*7151*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 246บ./7วัน กด *777*7221*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 470บ./30วัน กด *777*7632*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 59บ./2วัน กด *777*7384*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 236บ./7วัน กด *777*7154*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 696บ./30วัน กด *777*7159*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 1,285บ./90วัน กด *777*7398*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 49บ./1วัน กด *777*7209*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 81บ./2วัน กด *777*7385*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 289บ./7วัน กด *777*7210*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 910บ./30วัน กด *777*7211*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 59บ./1วัน กด *777*7386*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 102บ./2วัน กด *777*7387*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 354บ./7วัน กด *777*7388*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,177บ./30วัน กด *777*7389*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,925บ./90วัน กด *777*7399*117010#
21 บาท 1 วัน  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ช่วงเวลา 05.00 - 17.00 น.  โทรครั้งละไม่เกิน 30 นาที  กด  *777*231*117010#
22 บาท 100 นาที  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ได้  100 นาที  อายุ  1  วัน  กด  *777*246*117010#
aIS  สมัคร  โทรไป  จีน,  ฮ่องกง,  มาเลเซีย,  สิงคโปร์,  เกาหลีใต้,  อินเดีย
*777*3801*117010#
ราคา  99  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  1.54  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  ลาว,  กัมพูชา,  เมียนมาร์,  เวียดนาม 
*777*3802*117010#
ราคา  119  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.78  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  สหรัฐอเมริกา,  แคนนาดา 
*777*3803*117010#
ราคา  129  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.01  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  เยอรมนี,  สหราชอาณาจักร,  ญี่ปุ่น,  ฝรั่งเศส
*777*3804*117010#
ราคา  159  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  3.71  บาท
เวลาโทร  กด
003  รหัสประเทศ  รหัสเมือง  เบอร์ปลายทาง
เช็คเน็ต aIS คงเหลือ  กด  *121*32#  โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง aIS กด  *545#  โทรออก
ยกเลิกข้อความ SMS กินเงิน  กด  *137  โทรออก
ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ aIS กด  1175  โทรออก
#โปรเสริมเน็ตวันนี้ #โปรเน็ตสุดฮิต #เน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีด  #โปรเสริมเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีดี #เน็ตไม่จำกัด #เน็ตไม่ลดสปีด #โปรเน็ตไม่อั้นรายวัน #โปรเน็ตไม่อั้นรายสัปดาห์ #โปรเน็ตไม่อั้นรายเดือน
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)



เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw (https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw)


เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า AIS ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU (https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 24-03-2024 21:17:37
aIS ระบบเติมเงิน โปรเน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว (ราคารวมภาษี 7% แล้ว)
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 27บ./1วัน กด *777*7021*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7023*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 38บ./2วัน กด *777*7380*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 59บ./3วัน กด *777*7096*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 129บ./7วัน กด *777*7098*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 139บ./7วัน กด *777*7220*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 375บ./30วัน กด *777*7153*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 800บ./90วัน กด *777*7379*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,200บ./180วัน กด *777*7328*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,800บ./365วัน กด *777*7329*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7381*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 32บ./1วัน กด *777*7084*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 130บ./7วัน กด *777*7629*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 161บ./7วัน กด *777*7382*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *777*7383*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 380บ./30วัน กด *777*7631*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย15นาที 155บ./7วัน กด *777*7630*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 35บ./1วัน กด *777*620*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 38บ./1วัน กด *777*7627*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 58บ./2วัน กด *777*7628*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 45บ./1วัน กด *777*7151*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 246บ./7วัน กด *777*7221*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 470บ./30วัน กด *777*7632*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 59บ./2วัน กด *777*7384*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 236บ./7วัน กด *777*7154*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 696บ./30วัน กด *777*7159*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 1,285บ./90วัน กด *777*7398*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 49บ./1วัน กด *777*7209*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 81บ./2วัน กด *777*7385*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 289บ./7วัน กด *777*7210*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 910บ./30วัน กด *777*7211*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 59บ./1วัน กด *777*7386*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 102บ./2วัน กด *777*7387*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 354บ./7วัน กด *777*7388*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,177บ./30วัน กด *777*7389*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,925บ./90วัน กด *777*7399*117010#
21 บาท 1 วัน  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ช่วงเวลา 05.00 - 17.00 น.  โทรครั้งละไม่เกิน 30 นาที  กด  *777*231*117010#
22 บาท 100 นาที  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ได้  100 นาที  อายุ  1  วัน  กด  *777*246*117010#
aIS  สมัคร  โทรไป  จีน,  ฮ่องกง,  มาเลเซีย,  สิงคโปร์,  เกาหลีใต้,  อินเดีย
*777*3801*117010#
ราคา  99  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  1.54  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  ลาว,  กัมพูชา,  เมียนมาร์,  เวียดนาม 
*777*3802*117010#
ราคา  119  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.78  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  สหรัฐอเมริกา,  แคนนาดา 
*777*3803*117010#
ราคา  129  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.01  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  เยอรมนี,  สหราชอาณาจักร,  ญี่ปุ่น,  ฝรั่งเศส
*777*3804*117010#
ราคา  159  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  3.71  บาท
เวลาโทร  กด
003  รหัสประเทศ  รหัสเมือง  เบอร์ปลายทาง
เช็คเน็ต aIS คงเหลือ  กด  *121*32#  โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง aIS กด  *545#  โทรออก
ยกเลิกข้อความ SMS กินเงิน  กด  *137  โทรออก
ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ aIS กด  1175  โทรออก
#โปรเสริมเน็ตวันนี้ #โปรเน็ตสุดฮิต #เน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีด  #โปรเสริมเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีดี #เน็ตไม่จำกัด #เน็ตไม่ลดสปีด #โปรเน็ตไม่อั้นรายวัน #โปรเน็ตไม่อั้นรายสัปดาห์ #โปรเน็ตไม่อั้นรายเดือน
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)



เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw (https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw)


เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า AIS ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU (https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 25-03-2024 20:04:15
ดีแทค ระบบเติมเงิน โปรเน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว (ราคารวมภาษี 7% แล้ว)
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 803บ./90วัน กด *104*591*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 1,284บ./180วัน กด *104*592*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 1,926บ./365วัน กด *104*593*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 1,069บ./90วัน กด *104*594*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 1,498บ./180วัน กด *104*595*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 2,675บ./365วัน กด *104*596*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 236บ./7วัน กด *104*388*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 696บ./30วัน กด *104*389*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 1,711บ./90วัน กด *104*598*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 2,139บ./180วัน กด *104*578*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 3,745บ./365วัน กด *104*579*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 354บ./7วัน กด *104*398*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 1,188บ./30วัน กด *104*597*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 139บ./7วัน กด *104*77*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 535บ./30วัน กด *104*97*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 246บ./7วัน กด *104*78*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 696บ./30วัน กด *104*98*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 375บ./7วัน กด *104*79*8488034#
เน็ตดีแทค 8 Mbps(เม็ก) 95บ./8วัน กด *104*897*8488034#
เน็ตดีแทค 8 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 42บ./1วัน กด *104*68*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *104*798*8488034#
เน็ตดีแทค 2 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 380บ./30วัน กด *104*237*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 470บ./30วัน กด *104*236*8488034#
เน็ตดีแทค 12 Mbps(เม็ก) 193บ./7วัน กด *104*841*8488034#
เน็ตดีแทค 12 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *104*842*8488034#
ยกเลิกเน็ต  กด  *103*0# โทรออก
ดีแทค  เช็คเน็ต คงเหลือ กด *101*1# โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง กด *102# โทรออก
ยกเลิก SMS กินเงิน กด *137 โทรออก
เช็คเงิน คงเหลือ กด *101# โทรออก 
ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ กด 1678 โทรออก
เน็ตไม่อั้น ไม่ลดสปีด  โปรรวม
สมัครง่ายๆ กดตามได้เลยค่ะ
#โปรเน็ตสุดฮิต  DTAC
โปรที่คุ้มที่สุดของการใช้เน็ต
#โปรเสริมเน็ตวันนี้ #โปรเน็ตสุดฮิต #เน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีด #โปรเน็ตดีแทค #เน็ตดีแทคเติมเงิน #โปรดีแทครายสัปดาห์ #โปรดีแทครายวัน #โปรแทครายเดือน #โปรเน็ตDTAC #เน็ตไม่จำกัด #เน็ตไม่ลดสปีด #โปรเน็ตไม่อั้นรายวัน #โปรเน็ตไม่อั้นรายสัปดาห์ #โปรเน็ตไม่อั้นรายเดือน #DTAC #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีดี #โปรเสริมDTAC #โปรเสริมดีแทค
https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368 (https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368)


เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I (https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg (https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.facebook.com/share/p/sTA3Vv6dxR4GnW6x/?mibextid=qi2Omg (https://www.facebook.com/share/p/sTA3Vv6dxR4GnW6x/?mibextid=qi2Omg)


ดีแทค ระบบเติมเงิน Dtac เน็ตไม่อั้น เร็ว 12 Mbps เม็ก หมดเขต 30 เมษายน 2567
https://www.youtube.com/watch?v=-u5Ua409XKc (https://www.youtube.com/watch?v=-u5Ua409XKc)


ดีแทค ระบบเติมเงิน เน็ตไม่อั้น เร็ว 30 Mbps(เม็ก) นาน 30 วัน ราคา 350 บาท แถมโทรฟรีทุกค่าย
https://www.youtube.com/watch?v=9ATbQS3gVwA (https://www.youtube.com/watch?v=9ATbQS3gVwA)
หัวข้อ: Re: รักเอย : จริงหรือที่ว่าหวาน ? หรือทรมานใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 26-03-2024 20:55:22
aIS ระบบเติมเงิน โปรเน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว (ราคารวมภาษี 7% แล้ว)
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 27บ./1วัน กด *777*7021*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7023*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 38บ./2วัน กด *777*7380*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 59บ./3วัน กด *777*7096*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 129บ./7วัน กด *777*7098*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 139บ./7วัน กด *777*7220*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 375บ./30วัน กด *777*7153*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 800บ./90วัน กด *777*7379*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,200บ./180วัน กด *777*7328*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,800บ./365วัน กด *777*7329*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7381*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 32บ./1วัน กด *777*7084*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 130บ./7วัน กด *777*7629*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 161บ./7วัน กด *777*7382*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *777*7383*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 380บ./30วัน กด *777*7631*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย15นาที 155บ./7วัน กด *777*7630*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 35บ./1วัน กด *777*620*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 38บ./1วัน กด *777*7627*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 58บ./2วัน กด *777*7628*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 45บ./1วัน กด *777*7151*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 246บ./7วัน กด *777*7221*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 470บ./30วัน กด *777*7632*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 59บ./2วัน กด *777*7384*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 236บ./7วัน กด *777*7154*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 696บ./30วัน กด *777*7159*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 1,285บ./90วัน กด *777*7398*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 49บ./1วัน กด *777*7209*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 81บ./2วัน กด *777*7385*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 289บ./7วัน กด *777*7210*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 910บ./30วัน กด *777*7211*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 59บ./1วัน กด *777*7386*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 102บ./2วัน กด *777*7387*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 354บ./7วัน กด *777*7388*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,177บ./30วัน กด *777*7389*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,925บ./90วัน กด *777*7399*117010#
21 บาท 1 วัน  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ช่วงเวลา 05.00 - 17.00 น.  โทรครั้งละไม่เกิน 30 นาที  กด  *777*231*117010#
22 บาท 100 นาที  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ได้  100 นาที  อายุ  1  วัน  กด  *777*246*117010#
aIS  สมัคร  โทรไป  จีน,  ฮ่องกง,  มาเลเซีย,  สิงคโปร์,  เกาหลีใต้,  อินเดีย
*777*3801*117010#
ราคา  99  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  1.54  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  ลาว,  กัมพูชา,  เมียนมาร์,  เวียดนาม 
*777*3802*117010#
ราคา  119  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.78  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  สหรัฐอเมริกา,  แคนนาดา 
*777*3803*117010#
ราคา  129  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.01  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  เยอรมนี,  สหราชอาณาจักร,  ญี่ปุ่น,  ฝรั่งเศส
*777*3804*117010#
ราคา  159  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  3.71  บาท
เวลาโทร  กด
003  รหัสประเทศ  รหัสเมือง  เบอร์ปลายทาง
เช็คเน็ต aIS คงเหลือ  กด  *121*32#  โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง aIS กด  *545#  โทรออก
ยกเลิกข้อความ SMS กินเงิน  กด  *137  โทรออก
ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ aIS กด  1175  โทรออก
#โปรเสริมเน็ตวันนี้ #โปรเน็ตสุดฮิต #เน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีด  #โปรเสริมเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีดี #เน็ตไม่จำกัด #เน็ตไม่ลดสปีด #โปรเน็ตไม่อั้นรายวัน #โปรเน็ตไม่อั้นรายสัปดาห์ #โปรเน็ตไม่อั้นรายเดือน
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)



เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw (https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw)


เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า AIS ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU (https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)