ิอรุณสวัสดิ์ครับ
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นครับ เรื่องที่ว่าจะให้มีพระเอกสามคน
น้อยไปนะ
บทที่ 21
จันทร์ 15 กุมภาพันธ์ - 18.55 น.
แทนอ้าปากค้าง เบิกตาจ้องมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา กฤษณะดันกล่องสีดำมันเลื่อมเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม
"เซอร์ไพรซ์เล็กๆ ครับ คุณบอกผมว่าไม่เอาเซอร์ไพรซ์ แต่ช้าหน่อย ผมซื้อของขวัญเตรียมไว้ให้แล้ว" กฤษณะพูดยิ้มๆ มองชายหนุ่มตรงหน้าตาไม่กระพริบ
"Happy Valentine ครับ ผมอยากให้ตั้งแต่เมื่อวาน แต่ก็ไม่มีโอกาส"
แทนยังอึ้ง ไม่นึกว่ากฤษณะจะทำอย่างนี้ ที่บอกว่าห้ามเซอร์ไพรซ์ ตอนนี้เซอร์ไพรซ์จริงๆ เพียงแต่ว่าเป็นคนละเรื่องกับที่คิดไว้เมื่อคืน
"ชอบไหมครับ คุณจะได้นึกถึงผมทุกครั้ง"
แทนหยิบ 'ของฝาก' ราคาแพงออกมาจากกล่อง ตายังจับจ้องอยู่ที่ความวาววับของสิ่งที่อยู่ในมือ
"คุณกฤษณะคิดดีแล้วหรือครับ...ผมเอ่อ...รับไว้ไม่..."
"ห้ามปฏิเสธครับ ถ้าไม่รับไว้ ผมเอาไปคืนเขาไม่ได้นะ ซื้อมาแล้ว"
"ก็เอาไปให้คนอื่น" แทนพูดง่ายๆ
"ไม่อยากให้ใคร อยากให้คุณคนเดียว" กฤษณะเสียงนุ่ม
แทนถอนหายใจ
...กฤษณะทำไมทำอะไรแบบนี้...ท่าทางผู้ชายคนนี้โรแมนติกมาก นุ่มนวล อ่อนโยน...
นัยน์ตายิ้มกริ่ม ท่าทางผ่อนคลายสบายๆ ของกฤษณะทำให้เขามีเสน่ห์มากขึ้น
...ผู้ชายคนนี้อยู่ใกล้ๆ แล้วรู้สึกสบายใจ...เหมือนเดินอยู่บนปุยเมฆ...รู้สึกตัวหวิวๆ ชอบกล...
"ถ้ารับไว้ ผมก็จะเอาไปเก็บเข้าเซฟ ไม่กล้าใช้ กลัวหาย กลัวตกแตก" แทนยิ้มกว้าง ตาหยี
"แต่มีข้อแม้ว่าทุกครั้งที่เจอผม ต้องเอามาใช้ให้ผมเห็น"
"ว้า...ถ้าอย่างนั้นคงปลวกขึ้นพอดี" แทนทำเสียงเสียดาย
กฤษณะส่ายหน้าทักท้วง ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่แทนพูด อยากจะเอื้อมมือไปกุมมือของชายหนุ่มหน้าขาวปากแดงที่กำลังยิ้มกว้าง
“ขอบคุณนะครับ” แทนพูดเบาๆ มองกฤษณะด้วยสายตาจริงจัง “เคยเห็นแต่ในรูป ได้จับของจริงซะที แต่พออยู่ในมือแล้ว กลับไม่กล้าใช้ กลัวทำตกแตก ผมยิ่งเฟอะฟะอยู่ด้วย” แทนตีหน้าเซ็ง เบื่อตัวเอง หยิบโทรศัพท์เครื่องเดิมมาวางข้างๆ เครื่องใหม่ที่กฤษณะซื้อมาฝาก”
กฤษณะมองอย่างขันๆ โทรศัพท์เครื่องเก่าของชายหนุ่มเก่าจริงๆ มีรอยขูดขีดเต็มไปหมด ไม่เว้นแม้แต่หน้าจอทีมีรอยร้าว แทนพลิกให้ดูด้านหลังที่มีเทปกาวแปะอยู่
“พอดีมันตกหลายครั้ง แต่รุ่นนี้ทนนะครับ ทนเหมือนแรด”
กฤษณะอดไม่ได้ หัวเราะออกมาดังๆ
“อืม...ผมขอคืนดีไหมเนี่ย อีกกี่เดือนมันจะเป็นเหมือนเครื่องนี้” กฤษณะชี้ไปยังโทรศัพท์ที่ทนเหมือนแรดของแทน
“ขายต่อ หนึ่งแสนถ้วนๆ” แทนยกโทรศัพท์เครื่องใหม่ขึ้นมาโบกไปมาตรงหน้ากฤษณะ “ใหม่เอี่ยมไร้รอยขูดขีด แถมประกันให้ด้วย แต่ไม่มีสายชาร์จ”
“มีสิครับ อยู่ในรถ เดี๋ยวผมเอาให้”
“คุณกฤษณะซื้อบลูทูธมาด้วยหรือเปล่า ซองหนังล่ะ”
กฤษณะทำตาโต แกล้งทำท่าตกใจที่เห็นคนโลภมากเรียกร้อง
“โลภมาก” กฤษณะพูดยิ้มๆ
“อ้าว ก็ซื้อให้ทั้งที น่าจะให้ครบชุด”
“ได้สิครับ แต่ต้องไปซื้อด้วยกัน มันมีสมอลทอล์คและซองหนังดีไซน์พิเศษเฉพาะรุ่นของมันเองด้วย”
แทนส่ายหน้า “ไม่เอา ญี่ปุ่นหนาว ไม่ชอบอากาศหนาว ผมชอบทะเล” ชายหนุ่มทำท่านึกอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เอาเป็นว่า ผมไปหาซื้อที่มาบุญครองก็ได้”
สองหนุ่มหัวเราะอีกครั้ง แล้วคุยกันต่ออย่างสนุกสนาน เหมือนโลกทั้งโลกมีเขาเพียงสองคน ไม่รู้ว่าอีกฟากหนึ่งของร้านอาหาร ชายหนุ่มคนหนึ่งจ้องมองอยู่ กรามขบกันแน่น...
ภูวนัยมองเห็นเสี้ยวหน้าของแทนที่ยิ้มกว้างสดใส ตาเรียวเล็กเวลาหัวเราะแทบมองไม่เห็น แต่เขารู้ได้จากจินตนาการว่านัยน์ตาคู่นั้นเปล่งประกายเจิดจ้าจนยากที่จะละสายตาออกไปได้ เขาเห็นเพียงด้านหลังบางส่วนของผู้ชายคนที่นั่งอยู่กับแทนเพราะมีกระถางต้นไม้บังอยู่ ในใจคิดอยากจะเดินเข้าไปทักให้รู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร
...ดูยังไงก็ไม่เหมือนเพื่อนมานั่งทานข้าวด้วยกัน...
ภูวนัยเผลอวางช้อนลงบนจานแรงๆ รู้สึกอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นมาทันใด
วิริญญาละสายตาจากจานอาหาร เงยหน้าขึ้นมามองชายหนุ่ม
“เป็นอะไรหรือคะภู”
“เปล่าครับ” ภูวนัยยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม รู้สึกอิ่มขึ้นมาทันที
“ไม่อร่อยหรือคะ ไว้คราวหน้าไปร้านที่ภูชอบก็ได้นะ” วิริญญาคิดว่าชายหนุ่มอาจจะไม่ชอบอาหารร้านนี้ที่มีเมนูหลักๆ เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ ไร้ไขมัน ภูวนัยเป็นผู้ชายตัวโต ชอบทานอาหารมื้อหนักๆ นางแบบอย่างเธอไม่กล้าแม้จะแตะ ที่จริงเธอทานแต่สลัดมาหลายอาทิตย์แล้ว เย็นนี้เป็นอาหารค่ำมื้อแรกที่เธอยอมทานอย่างอื่น แต่เธอก็ขอเลือกร้านนี่ที่มุ่งเน้นอาหารเพื่อสุขภาพ
“อร่อยครับ แต่ผมอิ่มแล้ว” ภูวนัยพูดเสียงเรียบ
วิริญญามองชายหนุ่ม...ภูวนัยเป็นคนเคร่งขรึม น้อยครั้งที่จะเห็นเขายิ้ม ตอนนี้ยิ่งขรึมหนักกว่าเดิม
...บางครั้งเธอไม่เข้าใจว่าทำไมยังคงวนเวียนอยู่กับผู้ชายคนนี้ เสน่ห์อะไรของเขาที่ยังมัดใจเธอไว้ ทั้งที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ทั้งที่รู้ว่าเขาเป็นอย่างไร แต่ทำไมเธอตัดใจจากเขาไม่ได้เสียที...
วิริญญาก้มลงรับประทานอาหารต่อทั้งที่เธอก็อยากจะอิ่มแล้ว แต่เธอยังต้องการใช้เวลาอยู่กับภูวนัยให้นานขึ้น คืนนี้ที่เธอชวนเขาออกมาทานอาหารเย็นด้วยกัน เขาดูอิดออดไม่เหมือนเคย พักหลังๆ ภูวนัยเอาแต่ขลุกอยู่กับบ้าน เลิกงานแล้วก็ตรงกลับบ้าน หรือไม่ก็ไปเล่นกีฬา เธอไม่ชอบกอล์ฟ น่าเบื่อที่สุด ถ้าภูวนัยไปยิมเธอก็อยากจะไปด้วย อย่างน้อยมีแอโรบิค มีอย่างอื่นให้ทำ แทนที่จะยืนถือเหล็กฟาดลูกกลมๆ สีขาวครั้งแล้วครั้งเล่าได้นานเป็นชั่วโมงสองชั่วโมง...
“ทานของหวานนะคะ เดี๋ยวริญสั่งให้”
“ไวน์ดีกว่าครับ ผมอยากดื่ม” ภูวนัยตอบ ตาแอบแว่บมองไปยังอีกโต๊ะหนึ่ง
“เขาคงไม่ยอมให้ภูดื่มหรอกค่ะ” วิริญญาหัวเราะ “ที่นี่เป็นร้านเพื่อสุขภาพ”
“สงสัยมีแต่นมสด” ภูวนัยยิ้มบางๆ เมื่อรู้สึกว่าตัวเองทำหน้าขรึมมากเกินไป
วิริญญาเอียงหน้ายิ้มหวาน “ถ้าอยากดื่ม ไปผับต่อก็ได้นะค่ะ ริญไปเป็นเพื่อน”
“อย่าดีกว่าครับ ไหนบอกว่าพรุ่งนี้เช้ามืดต้องไปออสเตรเลีย” ภูวนัยพูดแล้วอดปรายตามองไปยังอีกโต๊ะหนึ่งไม่ได้ เห็นแทนส่ายหัวดุกดิกเหมือนปฏิเสธอะไรซักอย่างแบบล้อเล่นกับผู้ชายคนนั้น
เขาเม้มปาก อยากลุกขึ้นเดี๋ยวนั้น แล้วเดินไปกระชากแขนชายหนุ่มให้ลุกขึ้นเดินไปข้างนอกร้านอาหาร จับยัดขึ้นรถแท็กซี่ส่งกลับบ้าน
“ริญชักเหนื่อยแล้ว เดินทางบ่อยๆ หนังสือก็ชอบแต่จะถ่ายแบบวิวเมืองนอก”
“น้ำขึ้นต้องรีบตัก”
“ใช่ค่ะ” วิริญญาเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มตรงหน้า “เวลาและวารีไม่เคยรอใคร”
ภูวนัยผงกหัวช้าๆ ยิ้มบางๆ ก่อนเอ่ยขึ้นว่า “ผมว่าผมทานของหวานดีกว่า” แล้วหันไปเรียกบริกร
วิริญญาแอบถอนหายใจเบาๆ ภูวนัยเฉไฉเปลี่ยนเรื่องทุกครั้งที่เธอพยายามบอกความนัยเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งสอง บางครั้งเธอก็อยากจะพูดออกมาตรงๆ ว่าเธอชักจะรอไม่ไหวแล้ว เธอไม่อยากจะทนอีกต่อไปกับความสัมพันธ์ที่ไปเรื่อยๆ อย่างที่กำลังเป็น วิริญญาเริ่มจะรู้สึกว่าระยะห่างระหว่างเธอกับภูวนัยนับวันจะไกลกันออกไปทุกที
...อะไรบางอย่างทำให้เธอรู้สึกว่าเข้าไม่ถึงตัวของชายหนุ่มและก็ดูเหมือนว่าเขาเองก็ไม่คิดจะก้าวเข้ามาใกล้ตัวเธอมากกว่าเดิม
เกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ภูวนัยแตะต้องตัวเธอน้อยมาก บทบาทเรื่องนั้นก็เปลี่ยนไป เขาดูเหมือนเย็นชามากขึ้น ไม่เร่าร้อนเช่นเคย ยามเธอนอนซบอกและสัมผัสเขา ภูวนัยดูเฉยๆ เหมือนต้องการจะนอนหลับทันทีที่ทุกอย่างเสร็จสิ้นลง...
...เสน่ห์ของเธอหายไปหรือ...ภูวนัยถึงดูล่องลอยเหลือเกินเวลาอยู่ด้วยกัน เหมือนเขากำลังคิดคำนึงถึงเรื่องอะไรซักอย่างตลอดเวลา...
...หรือเขากังวลเรื่องน้องชาย? ภูวนัยไม่เคยบ่นอะไร เขาเก็บอารมณ์ได้ดีเยี่ยม แต่พักหลังดูเหมือนควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้ เหมือนคนกำลังว้าวุ่น บางครั้งเธอเห็นเขานั่งนึกอะไรอยู่เงียบๆ...เงียบเสียจนเธอไม่อยากจะเข้าไปกวน...
19.39 น.
วิริญญายิ้มหวานให้ชายหนุ่มสองคนที่ทักเธอตรงประตูทางออกร้านอาหาร แล้วหันไปทักทายหญิงสาวคนหนึ่งที่เดินสวนเข้ามาพร้อมชมเธอว่าตัวจริงสวยกว่าในรูป วิริญญาได้รับคำชมบ่อยๆ จากแฟนๆ ที่ติดตามผลงานการถ่ายแบบของเธอ ผู้ชายมักจะชมว่า “สวยจัง” ส่วนผู้หญิงมักจะบอกว่า “ตัวจริงสวยกว่าในรูป”
วิริญญาชะงักเพราะชายหนุ่มที่เธอคล้องแขนอยู่หยุดเดินกระทันหัน
“กฤษณ์” เสียงภูวนัยดังขึ้นเบาๆ วิริญญาหันหน้าไปมอง กฤษณะยืนอยู่กับชายหนุ่มผิวขาวคนหนึ่ง ความสูงพอๆ กับเธอ หน้าตาดีเหมือนดาราวัยรุ่นทั่วๆ ไป คิ้วเข้ม ตาเรียวเล็ก จมูกโด่ง ปากแดง ยิ้มกว้างจนตาหยี
ทั้งสองยังมองไม่เห็นเธอกับภูวนัย วิริญญาเห็นกฤษณะจึงร้องเรียก “คุณกฤษณะ”
ทั้งสองหนุ่มหันมา แวบหนึ่งวิริญญาเห็นกฤษณะกับชายหนุ่มคนนั้นมีแววตกใจนิดๆ แต่ก็ยิ้มกว้างเดินเข้ามาหา ชายหนุ่มที่ตัวเล็กกว่าเดินตามมาช้าๆ
“คุณกฤษณะเพิ่งมาหรือว่ากำลังจะกลับคะ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ยังหล่อเหมือนเดิม”
“แต่หล่อสู้แฟนคุณริญไม่ได้หรอก” กฤษณะล้อเล่น แต่คนโดนชมกลับรู้สึกว่าโดนประชด...โดนท้าทาย...โดนแกล้ง...แกล้งประกาศให้คนรู้ว่าเขามีแฟนแล้ว...เป็นนางแบบสาวสวย...
...เพื่ออะไร...เพื่อประกาศว่าห้ามไปต้องตาต้องใจคู่ควงคนใหม่ของเขาหรือไง...ภูวนัยยังยืนอยู่ที่เดิมขณะที่วิริญญาดึงแขนภูวนัยให้เข้ามาใกล้
‘คู่ควง’ คนใหม่ของกฤษณะหุบยิ้ม ทำหน้านิ่ง ตกใจไม่แพ้กันที่จู่ๆ เจอคนหน้าเคร่งควงแขนมากับสาวสวยคนเดิม...คนที่เขาเห็นควงคู่กันไปทานอาหารที่ร้านอาหารไทย...ที่เขากระแทกท้องภูวนัยด้วยถาดทองเหลือง...หญิงสาวที่ภูวนัยไปนั่งคอยที่สปา...และอาจเป็นหญิงสาวที่โทรศัพท์ไปหาภูวนัยแล้วเขาก็ผลุนผลันออกไปจากสนามไดร์ฟกอล์ฟ...
...ผู้ชายหน้าดุ...โปรกอล์ฟจำเป็น...ภูวนัย...ไม่อยากนึกเลยว่าเป็นคนเดียวกัน...
กฤษณะแนะนำแทนให้รู้จักกับสองหนุ่มสาว บอกว่าแทนเป็นสถาปนิกที่ทำงานคอนโดปราณบุรีของภูวนัย แทนบอกว่าเคยเจอวิริญญาที่ร้านอาหารตอนที่เขาเอาถาดทองเหลืองกระแทกท้องของภูวนัย หญิงสาวจำได้และเปรยว่าไม่น่าเชื่อว่าจะบังเอิญได้ถึงขนาดนี้ ทั้งสามคุยกันถูกคอ ทว่าภูวนัยเป็นคนเดียวที่เอาแต่ยืนนิ่งเงียบ
“อร่อยไหมภู ไม่ยักรู้ว่านายชอบอาหารสไตล์นี้” กฤษณะหันมาเอ่ยกับเพื่อนที่ยืนทำหน้าขรึมอยู่ หลังจากที่คุยกับวิริญญาไปชั่วครู่
“คุณภูวนัยคงชอบของแปลก” แทนคันปาก อดไม่ได้จึงพูดขึ้นมาเบาๆ สร้างเสียงหัวเราะให้ทุกคน...ยกเว้นภูวนัย...
“คงไม่หรอกคะ เห็นทานแบบผะอืดผะอม หน้าตึงๆ คงฉุนที่ริญลากมาทานอาหารเพื่อสุขภาพ”
“ผมไม่ค่อยชอบอาหารสุขภาพ ผมชอบอาหารรสจัดจ้าน” ภูวนัยพูดเบาๆ ตวัดสายตามองคนที่เคยช่างพูด แต่ตอนนี้ขยับไปยืนหลบอยู่ข้างหลังกฤษณะ พยายามหลบตาเขา
...เมื่อกี้ทำเก่ง...ทำมาเป็นประชด...พอถูกมองกลับแอบไปหลบ...ระวังเถอะแทน...
ภูวนัยรู้สึกอารมณ์ขุ่นมัว อยากจะออกไปจากตรงนี้เร็วๆ ก่อนที่จะควบคุมอารมณ์ไม่ได้
วิริญญาคุยกับกฤษณะไม่ยอมหยุด จนเขากระตุกมือหญิงสาว
“อย่าลืมนะค่ะคุณกฤษณะ ที่ Pivo Club ตอนสี่ทุ่มคืนวันเสาร์ คุณต้องช่วยริญนะค่ะ เพราะคุณภูคงไม่ยอมไปแน่ๆ”
ภูวนัยไม่สนใจว่าทั้งสองคุยเรื่องอะไร ตอนนี้เขาหูอื้อเพราะเหลือบตามองลงต่ำ เห็นนิ้วของแทนเกี่ยวนิ้วของกฤษณะอยู่ ทั้งสองยืนอยู่ใกล้กัน แต่หากไม่สังเกตดีๆ ก็จะไม่เห็นว่าชายหนุ่มทั้งสองคนยืนเอานิ้วเกี่ยวกันอยู่
...กฤษณะ...ไวไฟเหมือนเดิม...แทนก็ด้วย...มีคนชื่อสงครามกับชื่อบุอยู่แล้ว ยังมาทำอะไรแบบนี้กับกฤษณะอีก...
“ไปแล้วนะกฤษณ์ เจอกันที่ทำงานพรุ่งนี้เช้า ถ้านายตื่นได้” ภูวนัยอำลา อดประชดไม่ได้ แล้วรีบพาวิริญญาเดินลิ่วออกไปยังลานจอดรถ
“เป็นอะไรของเค้า” กฤษณะบ่น แล้วหันมายิ้มให้ชายหนุ่มข้างๆ ที่ดึงมือออกไปล้วงกระเป๋ากางเกง
“แอบลวนลามผม” กฤษณะทำตาระยิบระยับ
“เปล่า เมื่อกี้เวียนหัวจะเป็นลม ผมเลยหาที่ยึด” แทนพูดหน้าตาเฉย
“แค่เอานิ้วเกี่ยวนิ้วผมไว้นี่นะ”
“ฮื่อ” แทนพยักหน้า ก้าวเท้าเดินตรงไปยังรถของกฤษณะที่จอดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลจากหน้าร้านอาหาร
“สงสัยภูวนัยฉุนที่คุณไปว่าเขาชอบของแปลก” กฤษณะหัวเราะส่งเสียงลอยตามมา “ทำหน้าเหมือนยักษ์ ธรรมดาก็ยิ่งเหมือนอยู่แล้ว”
แทนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังๆ ที่ได้ยินเพื่อนนินทาเพื่อน
...แหงล่ะ...ท่าทางฉุนไม่เบา...ดี...ให้รู้ซะบ้าง...
แทนยักไหล่ เดินผิวปากไปยืนรออยู่ข้างประตูรถ
“อารมณ์ดีจังเลยนะครับ” กฤษณะยิ้มให้ ก่อนเปิดประตูรถ
...กฤษณะไม่รู้อะไร...อารมณ์ดีที่ไหน...ฉุนเหมือนกัน...แทนนึกในใจ
...ฉุนอะไร...ฉุนทำไม...ข้อนี้แทนไม่เข้าใจตัวเอง...
กฤษณะเลี้ยวรถเข้าถนนสาธร เพื่อตรงไปส่งแทนที่อพาร์ทเมนท์ ระหวางทางสถาปนิกที่ช่างจำนรรจาอดต่อว่ากฤษณะไม่ได้
“คุณกฤษณะเอาผมไปนินทาให้คุณภูวนัยฟังหรือครับ เรื่องผมแนะนำว่าไม่ต้องมีสระว่ายน้ำส่วนตัว ให้กระโดดลงสระคอนโดได้เลยจากตรงระเบียง”
กฤษณะหันมาเลิกคิ้ว อมยิ้ม ยังไม่พูดอะไร
“แล้วเรื่องสารพัดเรื่องเกี่ยวกับคอนโด” แทนแกล้งทำหน้างอนๆ
“อ้าว ผมรับดูแลเรื่องคอนโดให้ภูวนัยนะครับ ก็ต้องเอาไปบอกเขา คุณเป็นคนบอกผมให้ไปเรียนรายงานท่านประธานนี่นา”
“ดูคุณภูวนัยเขาไม่ค่อยชอบผม มองหน้าผมนิ่ง ตอนที่คุณแนะนำตัวว่าผมเป็นสถาปนิกคอนโดปราณบุรีของเค้า คุณกฤษณะไม่เคยเอ่ยชื่อผมให้คุณภูวนัยฟังเลยหรือ”
กฤษณะส่ายหน้า “เขาเป็นแบบนี้เองครับ ทำหน้าขรึมๆ ดุๆ อยู่ได้ทั้งวันไม่เคยเมื่อย” กฤษณะอดดีใจไม่ได้ที่เห็นภูวนัยทำท่าฉุนสถาปนิกหนุ่ม แต่เขาก็สงสัยว่าฉุนทำไม...ฉุนเรื่องอะไร...ดูๆ ไปก็ไม่มีเหตุผล...
สองหนุ่มนินทาภูวนัยจนใกล้จะถึงที่พักของสถาปนิกหนุ่ม สวัสดีอพาร์ทเมนท์เป็นตึกกลางเก่ากลางใหม่สูงเพียงห้าชั้น แฝงตัวอยู่ท่ามกลางต้นไม้เขียวครึ้ม ไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่กลางกรุง...
เมื่อรถจอด กฤษณะจึงยื่นหน้าเข้ามาใกล้ แล้วพูดว่า “หยุดพูดเรื่องคอนโดเถอะ” กฤษณะถอนหายใจเบาๆ นิ่งอยู่ชั่วครู่เหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง ขณะที่ชายหนุ่มอีกคนยังบ่นไม่หยุด
“คุณแทนครับ” กฤษณะเรียก คนช่างพูดยังไม่ฟัง ปากขยับอยู่ไม่หยุด กฤษณะยกมือขึ้นปิดปากชายหนุ่ม แทนนิ่งทันที ตาเรียวเล็กเบิกกว้าง ตกใจที่กฤษณะถึงเนื้อถึงตัว
“พรุ่งนี้ผมไปรับที่บริษัทนะ”
“ไปรับทำไม” แทนเสียงอู้อี้เพราะมือกฤษณะยังปิดปากเอาไว้”
“ผมจะพาไปทานข้าว”
“อีกแล้วหรือ ไม่เบื่อหรือครับ” แทนทำตาปริบๆ
“ไม่เบื่อ อยากทานด้วยกันทุกเย็น” กฤษณะยื่นหน้าเข้ามาใกล้มาก นัยน์ตาพราวระยับ ลมหายใจอุ่นๆ ปะทะใบหน้าของแทนที่ตอนนี้กำลังมองตาค้าง
...ดวงตากฤษณะสวยมาก...ยิ่งดูใกล้ๆ ยิ่งสวย...ผู้ชายอะไรนัยน์ตาสวยมาก...ยิ่งทำตาซึ้งยิ่งน่ามอง...เขาอยากมีตาสองชั้นคมกริบแบบนี้จังเลย...แทนตะลึง
...กฤษณะจะทำอะไร...อย่านะ...แทนหายใจขัด รู้สึกท้องเกร็งแน่น แขนขาไร้เรี่ยวแรง...ในรถแคบๆ ใบหน้าของกฤษณะอยู่ห่างเพียงคืบ...
“ปล่อยมือสิ” แทนอู้อี้ มือกฤษณะปิดปากเขายังไม่ยอมปล่อย...นัยน์ตาของกฤษณะแวววาว...ไม่เหมือนครั้งใดๆ
แทนกลั้นลมหายใจ...
********
ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ และขอบคุณที่สั่งซื้อ "คดีรัก" เข้ามา ตื่นเต้นมาก เช้าวันพรุ่งนี้โรงพิมพ์จะเอาหนังสือมาส่ง
รู้สึกตื่นเต้นเหมือนตอนจะเสียหนุ่มครั้งแรกเลย
หนังสือพร้อมส่งเช้าวันที่ 16 ครับ สิบท่านแรกได้รับของแถมเป็นซีดีซาวน์แทรกนิยายคดีรัก