ถ้าอีกตอนเดียวจะจบอ่ะ เค้าจะยอมมาลงให้เราอ่านกันง่าย ๆ หรือเปล่าอ่ะ
ก็ลองไม่ยอมลงให้อ่านสิ จะตามไปปิดบ้านปาระเบิด โทษฐานทำให้ค้าง
กั๊ว กัว
ลงนะ ลงแน่ครับ จะลงวันนี้ล่ะ หลังจากที่นอนเครียดทั้งคืน ว่าต้องโดนด่าแน่ๆ เลยๆ เคยมีคนอ่านและบอกผมว่า "พี่ เรื่องนี้พี่จบได้ทุเรศมากเลย ทำเอาผมอารมณ์ค้าง"
ผมเลยตอบว่า "ฮื่อ ก็ใ้ช้จินตนาการหน่อยจิ"
เคยดูหนังเกาหลีบางเรื่องอ่ะ อยู่เฉยๆ มันก็หยุดซะแบบนั้นล่ะ แล้วไฟในโรงก็เปิด เครดิตก็ิ่วิ่งตึ้ดๆ ขึ้น อ่านก็ไม่ทัน (อ่านไม่ออกอีกต่างหาก) แล้วเพลง Soundtrack ก็ดัง
(เรื่องวุ่นนัก รุมรักสถาปนิกหนุ่มนี่ไม่รู้จะหาเพลงไรมาเป็นซาวน์แทร็ค)
เพราะฉะนั้น นี่คือบทที่ 25 ครับ
บทที่ 25
ศุกร์ 26 กุมภาพันธ์ - 11.11 น.
บุริณทร์กับแทนเดินทอดน่องไปตามทางเดินรอบสนามกีฬาเพื่อไปยังรถที่จอดไว้อีกฟากหนึ่งของสนามในมหาวิทยาลัยที่ทั้งสองเคยเรียนปริญญาตรีมาด้วยกัน วันนี้บุริณทร์ชวนชายหนุ่มมาเป็นเพื่อนเพราะได้รับเชิญมาบรรยายพิเศษในฐานะศิษย์เก่าที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เจ้านายหนุ่มให้เหตุผลว่า อาจารย์ที่ปรึกษาที่เขาเคารพมากเชิญมาและอยากพบแทนด้วย พร้อมยังมีงานที่อยากจะจ้างให้บริษัทเขาทำ
ใต้ร่มจามจุรีที่ยืนต้นสล้างรอบสนามฟุตบอล บุริณทร์ดูผ่อนคลาย ยิ้มกว้างสดใส เดินทอดน่องเอื่อยๆ อย่างสบายใจ มือล้วงกระเป๋ากางเกงสองข้าง ตามองไปรอบๆ อย่างพยายามซึบซับเอาบรรยากาศเก่าๆ ในขณะที่อีกฝ่ายแอบเดินโขยกเขยกอยู่ข้างๆ แต่หากบุริณทร์หันมามองก็จะยิ้มกว้างตาหยี ทำท่าเดินสบายๆ อย่างผ่อนคลายเหมือนกัน
“ตกลงแทนรับงานอาจารย์โอ๊คเลยนะ” บุริณทร์เอ่ยขึ้นมาเมื่อเดินมาถึงหัวมุมของสนามฟุตบอล
“แต่ผมทำงานสปาอยู่นี่นา พี่ก็บอกว่าจะให้งานนี้งานเดียวไม่มีโปรเจ็คอื่นเข้ามาแทรกจำได้หรือเปล่า” แทนแย้ง
“จำได้ แต่แอบๆ ทำนอกเวลางานก็ได้นี่นา”
“พี่บุ” แทนหน้างอ “สัญญาไม่เป็นสัญญา”
บุริณทร์ยิ้มกว้าง รู้สึกขำที่เห็นชายหนุ่มข้างๆ ยืนหน้างอไม่พอใจ แต่เขากลับเห็นว่าน่ารัก
...นับวัน แทนยิ่งดูน่ารักสำหรับเขามากขึ้นทุกที...
บุริณทร์ตอบว่า “ก็ได้ พี่จะทำไปก่อน พอแทนทำสปาไปได้เกือบเสร็จแล้ว ค่อยมาเอาไปทำต่อ”
“ก็เหมือนเดิมล่ะ ก็ยังถือว่าเป็นงานซ้อนเหมือนเดิม” แทนเบ้ปาก
“โธ่ แทนจ๋า หยวนๆ หน่อยสิ เพื่ออาจารย์นะ” บุริณทร์เสียงอ่อน
แทนยักไหล่ “อาจารย์พี่ ไม่ใช่อาจารย์ผม” ชายหนุ่มเมินหน้าหนี
“อ้าว ไหงเป็นงั้น อาจารย์คณะเรา ไม่ใช่อาจารย์แทนได้ยังไง”
“ผมไม่ได้เรียนกับอาจารย์โอ๊ต” แทนยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อยที่เริ่มผุดพรายเต็มหน้า แก้มเริ่มแดงเพราะความร้อน
“นะ เสร็จแล้วพี่จะพาไปเที่ยวมัลดีฟส์” บุริณทร์เอาทะเลเข้ามาล่อ
ได้ผล...ชายหนุ่มตาลุกวาบ “จริงหรือ” แทนเสียงตื่นเต้น แต่พลันกลับขมวดคิ้ว “ผมว่าพี่จะหลอกผมอีกเหมือนเดิม เหมือนเรื่องนี้ไง เรื่องสปานี่ไง แล้วก็เรื่องอื่นๆ หลอกมาตลอด”
“โธ่ ที่รัก ธุรกิจมันไม่แน่นอน งานมันเยอะ แทนก็รู้ เพื่อบริษัทของเรา” บุริณทร์ทำเสียงออดอ้อน ใบหน้ากรุ้มกริ่ม มองแทนไม่วางตา
“บริษัทของพี่ต่างหาก แทนเป็นลูกจ้างกินเงินเดือน”
“จริงๆ นะ พี่จะพาไปเที่ยวมัลดีฟส์จริงๆ รีสอร์ทกลางน้ำทะเลใสแจ๋ว ลมโชยเย็นๆ แดดจ้าสดใส กระโดดลงน้ำจากระเบียงได้เลย แทนไม่ชอบหรือ”
“จริงนะ” แทนเริ่มลังเล ในหัวจินตนาการภาพตามอย่างรวดเร็ว
“จริงสิครับ พี่บอกว่าจะพาไป พี่ก็จะพาไปจริงๆ” ...ไปกันสองคน...บุริณทร์พูดต่อในใจ
“ต้องเซ็นสัญญากัน” แทนคิดอย่างรอบคอบ กลัวว่าจะโดนหลอก
“ได้เลย พี่ให้แทนเลือกรีสอร์ทได้เองด้วยเลยนะ”
...ถือเสียว่าเป็นทริปฮันนี่มูนก็แล้วกันนะแทนนะ...
บุริณทร์กระหยิ่มยิ้มย่อง นึกภาพใบหน้าของกฤษณะและภูวนัย--ผู้ชายสองคนนั้นที่กำลังจีบแทน...หลังจากวันนั้นที่สนามกอล์ฟ ทั้งสองยังไม่เลิกตอแย ซ้ำหนักข้อขึ้นกว่าเดิม
วันนั้นบุริณทร์ขับรถพาแทนออกไปนอกเมือง...ไปหาร้านอาหารเงียบๆ ไกลๆ ทานกันสองต่อสอง...เขาเปิดฉากต่อว่าที่ไปหว่านเสน่ห์ให้ผู้ชายรูปหล่อ แต่แทนหัวเราะสนุกสนาน พูดเจื้อยแจ้วเอาตัวรอดไปจนได้ทั้งยังทิ้งปริศนาให้เขาได้คิด
...
“พี่บุ เคยได้ยินสุภาษิตนี้ไหม...ช้าๆ ได้พร้าสองสามเล่มงาม...”
“สามเล่มเลยหรือแทน ทำไมโลภมากอย่างนี้จ๊ะ” บุริณทร์คอย่น
“ถึงมีสามเล่ม แต่เวลาใช้งานก็ต้องเลือกเล่มที่คมที่สุด ที่เราจะได้ใช้นานที่สุด ผ่านไปซักหน่อย เล่มไหนขึ้นสนิมก็ต้องทิ้ง”
สรุปแล้วเย็นวันนั้นเขาต้อนแทนไม่จนมุม ลูกน้องเขาลื่นไหลไปได้เรื่อยๆ จนเขาจำต้องพักยกไว้ก่อน...
...
ตอนนี้บุริณทร์เริ่มจะรู้สึกหึงหวงแทนขึ้นมาเสียดื้อๆ อะไรบางอย่างบอกเขาว่า ผู้ชายตัวโตสองคนนั้นดูท่าทางไม่ใช่ย่อย ไม่นับเรื่องรูปร่างหน้าตา หรืออาจจะรวมถึงฐานะหน้าที่การงานซึ่งอาจจะเหนือกว่าเขา
...เขาจะช้าไม่ได้แล้ว ไม่รู้เป็นอะไร พักหลังเขาไม่ค่อยพอใจที่จะเห็นใครเข้ามายุ่มย่ามกับแทน ทุกครั้งที่เห็นแทนทำท่าทางถูกใจใคร เขาจะรู้สึกขุ่นเคืองยังไงไม่รู้...
...ยิ่งมีความรู้สึกว่าแทนอาจจะถูกพรากหลุดลอยไปจากเขา บุริณทร์ยิ่งรู้สึกว่าไม่ควรรออะไรอีกแล้ว...
แทนยิ้มกว้าง เดินไปนั่งบนม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ บุริณทร์ดีใจที่เห็นชายหนุ่มท่าทางอารมณ์ดี นั่งลงบนม้าหินอ่อนเหมือนอยากจะนึกถึงความหลังเมื่อครั้งเป็นนักศึกษา
แทนรู้สึกเจ็บเท้า อุตส่าห์แทนแอบทำท่าเดินเหินเป็นปรกติอยู่หลายวัน เหลือบตามองเห็นม้าหินอ่อนจึงรีบถลาเข้ามานั่งพัก...นึกอุบายอะไรบางอย่าง...
“ร้อนจังเลยนะพี่โจ” ชายหนุ่มยกมือขึ้นปลดกระดุมเสื้อเม็ดบน แล้วก้มหน้าลงเป่าลมเข้าไปในอกเบาๆจงใจเรียกชื่อเล่นของบุริณทร์ ส่งผลให้อีกฝ่ายยิ้มกว้าง ถูกใจ
“แทนจำได้ไหม เราเคยมานั่งที่นี่”
“ไม่ใช่โต๊ะนี้ โต๊ะโน้น...” แทนบุ้ยปากไปอีกด้านหนึ่งของสนาม โต๊ะหินอ่อนที่ตั้งอยู่ใต้ต้นจามจุรีต้นใหญ่ ถัดจากหลังประตูฟุตบอล
“จำได้ด้วยหรือ” บุริณทร์ยิ้ม หย่อนตัวลงนั่งบนโต๊ะ ยกเท้าเหยียบบนม้าหินอ่อน
“จำได้สิ ตัวนั้นเป็นที่ประจำที่ผมกับสงครามมานั่งนินทาพี่กับบรรดาแฟนๆ ของพี่อยู่บ่อยๆ”
บุริณทร์เอื้อมมือมาตบไหล่ชายหนุ่มเบาๆ “ไม่จริงหรอก พี่ไม่ได้มีแฟนเยอะขนาดนั้น"
“เกือบทั้งคณะได้มั๊ง” แทนกรอกตาไปมา
“บ้าหรือ” บุริณทร์ประท้วง แล้วสองหนุ่มก็หัวเราะประสานกัน จากนั้นบุริณทร์ก็ปรับสีหน้าเป็นเรียบนิ่ง
“แทน...พี่ไม่ได้เจ้าชู้ขนาดนั้น”
“รู้...” แทนยิ้มบางๆ “ล้อเล่นไปงั้นแหล่ะ”
“ถึงคบกับใคร แต่พี่ก็ไม่เคยรักใครมากเท่า...”
“อยากกินไอติม” แทนรีบแทรก ไม่อยากให้บุริณทร์พูดจบประโยค ตอนนี้เริ่มจะรู้สึกแล้วว่าที่บุริณทร์ชวนเขามามหาวิทยาลัยในวันนี้ อาจจะทำอะไรซักอย่างที่เขานึกไม่ถึง
...อย่างเช่นการบอกรัก...
...บุริณทร์จะบอกรักเขาหรือ..แทนเกิดคำถามขึ้นในใจ
ไม่ใช่บุริณทร์จะไม่เคยบอกรัก...เขาบอกรักเราตั้งหลายครั้ง...บ่อยจนนับครั้งไม่ได้...บอกว่าจะหมั้น จะแต่งงาน จะมอบกายถวายชีวิต...จะยอมเป็นทาสรัก...และอะไรต่ออะไรอีกสารพัดจะสรรหามาพูด...
แต่อะไรบางอย่างที่แทนเริ่มรู้สึกในเวลานี้ ทำให้เขารู้สึกหวั่นใจ...
...บุริณทร์ดูจริงจังมาก แววตานั้นมุ่งมั่น...แววตาของบุณิทร์แบบนี้ไม่เคยเห็นมาก่อน...แววตาแบบนี้เหมือนที่เพิ่งจะเห็นจากกฤษณะในคืนนั้นที่ยืนอยู่ศาลาริมน้ำด้วยกันที่บ้านสวนเมืองนนท์ของเขา...
ตายล่ะ...ถ้าบุริณทร์เอาจริง...จะทำอย่างไรดี
“พี่บุ ไปซื้อไอติมมาให้กินหน่อยสิ เหมือนเมื่อก่อนไง” แทนโพล่งขึ้นมา
บุริณทร์ยิ้ม...รู้ว่าแทนใจใจจะยื้อเวลาเขา...
“แถวนี้มีด้วยหรือ” บุริณทร์แกล้งหันซ้ายหันขวา ทั้งที่รู้ว่าไม่ไกลมีบูธขายของ
“มีสิ อย่ามาทำเป็นไม่รู้ มาจีบเด็กแถวนี้กี่ปีแล้ว เอาไอติมมาหลอกล่อเขาอยู่บ่อยๆ ไม่รู้ไปหาได้มาจากไหน”
บุริณทร์ยิ้ม แล้วกระโดดลงจากโต๊ะหินอ่อน บอกกับชายหนุ่มว่า “เดี๋ยวมานะ” ชายหนุ่มรุ่นพี่ยิ้มพราวระยับ ก่อนหันหลังเดินตรงไปยังบูธขายเครื่องดื่มที่มุมสนามฟุตบอลอีกฟากหนึ่งใกล้อาคารเรียน
“เร็วๆ นะ...ร้อน” แทนแกล้งเร่ง...เขาอยากได้เวลาสักห้านาทีถอดรองเท้าดูแผลที่เริ่มเจ็บขึ้นมาอีกแล้ว ในขณะเดียวกันจะได้นึกหาทางออกว่าจะทำอย่างไรดี หากบุริณทร์ขอความรักและขอเป็นแฟนอย่างจริงจัง...
วันนี้เขาเลือกใส่รองเท้าพื้นยาง พอถอดรองเท้าและถุงเท้าออก ชายหนุ่มก็เห็นรอยช้ำรอบๆ แผลที่ติดพลาสเตอร์อยู่ แทนเอามือกดรอบๆ แล้วสูดปากด้วยความเจ็บ ในใจอดนึกถึงคนตัวโตหน้าดุที่บังคับเขาไปหาหมอรอบสองไม่ได้
ภูวนัยขู่เขาอีกแล้ว ยื่นคำขาดว่าหากไม่ยอมไปหาหมอ เขาจะจ้างบริษัทอื่นทำสปาที่กระบี่ แทนเถียงว่างานออกแบบเริ่มไปแล้วพอสมควร ถ้ายกเลิก เขาจะฟ้องศาล แล้วจะได้กลายมาเป็นศัตรูกัน เสียงของภูวนัยในโทรศัพท์ไม่มีท่าทางว่าจะหวั่นวิตก ชายหนุ่มลดความเข้มของเสียงลงแล้วพูดว่า “ผมไม่อยากให้งานผมเสีย เพราะสถาปนิกที่ดูแลงานของผมไม่รักษาดูแลตัวเอง ถ้าเจ็บป่วยไปงานผมก็ไม่เสร็จ”
“ผมก็ไปแล้วไง มีใบรับรองแพทย์ด้วยนะ จะเอาไปเบิกเงินที่คุณ” แทนเถียง กรอกตาไปมา
“หมอเขาไม่นัดติดตามผลหรือไง”
“ไม่นัด ก็แผลมันไม่เป็นอะไรมากนี่ แล้วก็ดีขึ้นมากแล้ว เพราะผมดูแลตัวเองดี” แทนกระทบกระเทียบ เน้นเสียงประโยคสุดท้าย
“ถ้างั้น เอาใบรับรองแพทย์มาให้ผมดู” ภูวนัยยังไม่ลดละ
“เฮ้อ...จริงๆ เล๊ย” สถาปนิกหนุ่มแกล้งถอนหายใจ บอกภูวนัยไปว่าจะเอาไปให้ดูวันอาทิตย์ที่สนามกอล์ฟ พร้อมย้ำให้เขาเตรียมเงินสดเพื่อจ่ายชดเชยค่ารักษาพยาบาลด้วย...ชายหนุ่มประชด ยอมทำตามคนบ้าอำนาจ บอกตัวเองว่ายอมเขาไปก่อน รอเวลาอีกไม่นาน พอหายดี เขาจะขอแก้เผ็ดสักครั้ง หัวเราะทีหลังดังกว่า
แทนเองยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมต้องเจาะจงให้ไปหานายแพทย์หน้าหล่อคนนั้น หากภูวนัยหึงเขา ทำไมต้องให้ไปหาหมอหนุ่มที่ท่าทางก็นัยน์ตาวิบวับไม่หยอก เขากำลังคิดจะทำอะไรอยื่ คิดไปแล้วฉุนที่เดาใจผู้ชายหน้าดุคนนี้ไม่ได้เสียที
บุริณทร์เดินตรงไปยังบูธขายของกินอย่างช้าๆ ปล่อยให้แทนได้อยู่คนเดียวเพื่อจะได้มีเวลาคิดถึงเรื่องต่างๆ เมื่อครู่เขาตั้งใจจะบอกรักชายหนุ่มแต่โดนคนเจ้าเล่ห์หลอกให้มาซื้อไอสครีมจึงเสียจังหวะ
แทนดูท่าทางขัดเขินที่เขาทำท่าจริงจัง อย่างน้อยแทนก็น่าจะมีใจกับเขาบ้าง รู้จักกันมาตั้งเกือบจะสิบปี...หยอกล้อกันเรื่องรักใคร่กันมาตลอด...ใจไม่เอียงมาทางเขาบ้างเชียวหรือ
บุริณทร์นึกถึงอนาคตที่จะมาถึง เขารู้สึกตัวดีว่าพักหลังนี้รู้สึกเฉื่อยชาไปเสียแล้วกับคนใหม่ๆ คนแล้วคนเล่าที่เขาคบด้วย ไม่มีใครเลยที่ทำให้เขาอยากจะจริงจังด้วย คนที่เขานึกถึงคือคนที่กำลังนั่งรอเขาที่ม้าหินอ่อนใต้ร่มจามจุรีอีกฟากหนึ่งของสนามฟุตบอล แม้ไม่ใช่เก้าอี้ตัวเดิมที่เขาเคยไปนั่งจีบแทนอยู่บ่อยๆ แต่บรรยากาศวันนี้ก็คล้ายๆ กับในอดีต เพียงแต่ว่าขาดสงครามไป ในอดีตเขาต้องใช้บริการของเทวัญเพื่อนสนิทเขาที่เรียนวิศวกรรมมาเป็นตัวล่อให้สงครามแยกกับแทน รายนั้นชอบคนห้าวๆ เข้มๆ ออกเถื่อนๆ เทวัญเป็นขาประจำที่เขาทั้งขอร้องทั้งจ้างให้มาดึงดูดความสนใจของคู่ปาท่องโก๋ที่ไปไหนมาไหนด้วยกันไม่ยอมห่าง
ทันใดเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทันทีที่บุริณทร์รับสาย เสียงของสงครามโวยวายขึ้นทันที “พี่บุ ผมจะไม่ไหวแล้วนะ ไอ้เรื่องสปอร์ตคอมเพล็กซ์นี่เหลือจะทนแล้ว”
“สงคราม เบาๆ ไม่ต้องตะโกน พี่แสบแก้วหู” บุริณทร์ปราม
“เขาว่าผมทำแบบผิด ผมก็บอกว่าเขาเองแหล่ะจำผิด ตกลงกันแล้ว แต่ก็ไม่ยอมทำตามข้อตกลง ยังมีหน้ามาถามว่าผมมีหลักฐานอะไรหรือเปล่า รู้งี้ผมบันทึกเสียงพ่อคุณเอาไว้ด้วยซะก็ดี นี่จะให้แก้แบบอีก คุยกันมาตั้งสองชั่วโมง ปากจะฉีกถึงใบหูอยู่แล้ว นี่ถ้าไม่ใช่ตำรวจ ผมต่อยหน้าหงายไปแล้ว” สงครามไม่ยอมลดหลอดเสียง
“เฮ่ย ไปต่อยลูกค้าได้ยังไง ใจเย็นๆ สิ มีอะไรเล่าให้พี่ฟังช้าๆ เอาแต่เนื้อๆ นะ อารมณ์ไม่ต้องใส่เข้ามา”
“พี่โจอ่ะ” เสียงสงครามเง้างอดที่โดนว่า
“สูดลมหายใจลึกๆ ก่อนนะ ใจเย็นๆ แล้วค่อยเล่า เดี๋ยวพี่จะช่วยแก้ไข” บุริณทร์เสียงนุ่ม เป็นห่วงสงคราม กลัวว่าลูกน้องจะสติแตก สงครามเลือดร้อนกว่าแทน รายนั้นเจ้าอารมณ์ก็จริงแต่ควบคุมตัวเองได้มากกว่าคู่หู
สงครามร่ายยาวถึงความขัดแย้งกับเจ้าของงาน นายตำรวจที่เคยบ่นให้ฟังถึงความละเอียด สงครามบอกว่าคราวนี้เขาถูกต้องทุกอย่าง แต่ผู้กองธณินทร์ต้องการเปลี่ยนเพราะความเข้าใจไม่ตรงกัน
“เขากวนอารมณ์ผมจริงๆ รู้ไหม ผู้ชายอะไรยั่วโมโหเป็นบ้า หลงตัวเองเป็นที่สุด” สงครามเสียงอ่อนลงแล้ว แต่น้ำเสียงยังดูหงุดหงิด “หน้าตาก็พอไปวัดไปวา แต่วางมาดน่าหมั่นใส้”
บุริณทร์ถามว่าหน้าตามาเกี่ยวอะไรด้วยกับเรื่องการถกเถียงกันเรื่องงาน แต่สงครามกลับโวยวายเรื่องอื่น ทำให้เจ้านายหนุ่มรุ่นพี่รู้สึกทะแม่งๆ อดคิดไม่ได้ว่าอาจไม่ใช่เรื่องงานอย่างเดียวเสียแล้ว
“สงคราม อย่าไปมีเรื่องกับเขานะ ยังไงก็รับฟังเขาไว้ก่อน รอเวลาซักพักแล้วค่อยมาปรึกษากันว่าจะเอาไงดี นะจ๊ะที่รัก เชื่อพี่เถอะ ถ้าหนักหนาจริงๆ พี่จะเข้าไปทำช่วย” บุริณทร์ตอบเสียงนุ่ม
“ไม่ต้องมานะจ๊ะที่รักกับผม ไปนะจ๊ะที่รักกับแทนโน่น” สงครามบ่นอุบอิบ
“พี่ก็รักสงครามเหมือนรักแทนนะแหล่ะ” บุริณทร์ล้อ อยากทำให้สงครามอารมณ์ดีขึ้น
“รักพี่ไม่ลงหรอก ผู้ชายเจ้าชู้ กลัวน้ำตาเช็ดหัวเข่า”
บุริณทร์หัวเราะ “พี่ว่าประโยคนี้คนพูดน่าจะเป็นคนอื่นที่โดนเราทิ้งนะ”
ก่อนวางสาย บุริณทร์ปลอบสงคราม ย้ำให้ใจเย็นและรับคำลูกค้าไว้ก่อน ไม่ให้มีเรื่อง “น่านะ เสร็จแล้วก็กลับออฟฟิส เย็นนี้พี่จะพาไปเลี้ยง ชวนแทนไปด้วยกัน สามคน เราไปนั่งนินทาลูกค้าด้วยกัน”
อารมณ์ฉุนเฉียวของสงครามเริ่มสงบลงเมื่อได้ระบายออกมา ก่อนวางสายจึงทิ้งท้ายไว้ว่า “อย่าลืมรางวัลนะพี่โจ พี่ติดหนี้ผมอยู่นะ”
บุริณทร์ยิ้ม...นึกถึงตอนที่สงครามโทรไปตามเขาให้มารับแทนที่สนามกอล์ฟ...วันที่เขาตั้งใจแล้วว่าจะไม่ยอมให้แทนหลุดมือไปเป็นของใครเด็ดขาด
บุริณทร์ได้ไอสครีมรสโปรดของแทนแล้วจึงรีบเดินกลับไปหาชายหนุ่มเพราะกลัวว่าไอสครีมจะละลาย แทนเพิ่งสวมรองเท้าเสร็จ เงยหน้าขึ้นมายิ้มกว้างตาหยีแบบที่เคยเห็นจนชินตา
“เท้าเป็นอะไร” บุริณทร์ถาม
“เท้าก็เป็นส่วนที่ไว้เดินแล้วก็เตะคนสิ ถามได้” แทนเอียงหน้า ทำตากวนๆ
บุริณทร์ส่ายหน้ายิ้มๆ เอื้อมมือไปตบแก้มคนพูดกวนที่ยิ้มหน้าทะเล้นเบาๆ
“ปากดีนัก”
“อย่ามาแต๊ะอั๋งนะ” แทนเอียงหน้าหนี “อายคนเค้ามั่ง”
“อยากน่ารักทำไมล่ะ” บุริณท์ทำตาหวาน ในใจบอกว่าไม่ได้แค่จะอยากแตะแก้มเท่านั้น ถ้าทำได้ อยากจะกระโดดเข้าไปกอดด้วยซ้ำ
“พี่บุ อย่ามาจีบกันตอนนี้นะ ไม่ต้องมาบอกรักด้วย กำลังกินไอติมอร่อยๆ เสียดายของ”
บุริณทร์โคลงศรีษะ นึกเสียดายที่ยอมปล่อยเวลาให้แทนได้นั่งคิดอะไรเงียบๆ พอตั้งตัวติด ชายหนุ่มก็เฉไฉหาทางออกจนได้
...รอก่อนเถอะแทน เดี๋ยวเจอดี คราวนี้จะเอาให้อึ้งไปเลย...
บุริณทร์คิดในใจว่าจะต้องบอกความในใจให้ได้...ความในใจที่คราวนี้เขาจะบอกอย่างจริงจัง...ไม่ล้อเล่นอีกแล้ว...
บุริณทร์มองชายหนุ่มตรงหน้าที่กำลังตวัดลิ้นเลียไอสครีมโคนอย่างอร่อย มั่นใจแน่แล้วว่าแทนคือตัวจริง...
...คนที่เขารัก!...
ไม่ว่าจะมีใครหน้าไหนเข้ามาเป็นคู่แข่งเขาก็พร้อมที่จะสู้...กฤษณะ...ภูวนัย...หรือใครต่อใครอื่นอีกเขาก็ไม่หวั่น...ขอเพียงแทนรับรักเขา...
...วันนี้...ถึงเวลาเสียที...เสียเวลามานานเกือบสิบปี...ชีวิตรักจริงจังของเขาจะได้ฤกษ์เริ่มต้นเสียที...
บุริณทร์สูดลมหายใจลึกๆ แล้วถามชายหนุ่มว่า “แทน...อร่อยไหม”
แทนพยักหน้า นัยน์ตาเป็นประกาย ดูเหมือนนิสิตมหาวิทยาลัยอีกครั้ง
“ทานเสร็จแล้ว พี่มีอะไรจะบอก” บุริณทร์พูดเสียงเรียบ มือล้วงอยู่ในกางเกง กำสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าแน่น รอเวลาจะควักออกมา
“จะพูดอะไร คิดซะก่อนนะพี่โจ” แทนหันมามอง แล้วกลับไปสนใจไอสครีมสตอเบอรี่ต่อ ปากแดงของชายหนุ่มกัดไอสครีมเข้าไปคำใหญ่ ”อูยเย็น...”
“คิดมาตั้งนานแล้ว” บุริณทร์เอ่ยเสียงนุ่ม
แทนกลืนไอสครีม ทำหน้านิ่ง แล้วพูดขึ้นมาเบาๆ “ถ้าไม่ชัวร์ล้านเปอร์เซ็นไม่ต้องพูด เดี๋ยวเสีย’รมณ์”
บุริณทร์ยิ้ม...กระพริบตาช้าๆ มองใบหน้าขาวเนียนสะอาดของแทนนิ่ง ชายหนุ่มสูดลมหายใจช้าๆ มองตาแทนด้วยสายตามมุ่งมั่น...ก่อนเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจออกมา...
--- จบ ---