+1ให้ค่ะ
ลุ้นๆๆๆ ใครนะที่เปิดเข้ามา ....น่าจะเป็นคุณภูวนัยพ่อหนุ่มลึกลับนะ (ขอให้เป็นตามนั้น..อิอิ)
แอบเห็นของสงวนนายเอกเราซะแล้วววว อย่างงี้ต้องให้รับผิดชอบซะให้เข็ด
เป็นแฟนที่มาทีหลัง..แต่ติดเรื่องนี้กับเรื่องเก่าแบบงอมแงมอ่านท้างวันท้างงงงคืน แบบ non-stop ตอนนี้กลายร่างเป็นแพนด้าแล้วง่ะ
คุณคฑาวุธ ...ดีใจด้วยกับหนังสือ "คดีรักฯ" ที่เสร็จแล้วนะคะ อยากเห็น finished product จังเลยยย
ยินดีต้อนรับสู่อ้อมอกของผมครับ
เรื่องหนังสือ โรงพิมพ์เำพิ่งแจ้งมาเมื่อครู่นี้ว่าจะส่งของวันที่ 14 กุมภา ตอนเช้า
บทที่ 17 คร้าบบ
ใกล้จบแล้วอ่ะ
บทที่ 17
อาทิตย์ 14 กุมภาพันธ์ – 14.30 น.
ในที่สุด แทนก็จำต้องออกมาสู้ความเป็นจริงหลังจากที่ขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำนานพอสมควร ชายหนุ่มๆ ค่อยๆ แง้มประตูโผล่หัวออกมา หันหน้ามองซ้ายมองขวา ผู้ชายคนนั้นยืนกอดอกอยู่ที่ระเบียง มองออกไปข้างนอก
หูเขาดีมากๆ ทันทีที่แทนเปิดประตูห้องน้ำ เสียงเรียบทุ้มก็ดังขึ้น
“นึกว่าหลับในห้องน้ำไปแล้ว”
“ทำไมคุณไม่เคาะประตู คุณมาที่นี่ได้ยังไง มาทำไม ทำไมถึงมา เข้ามาได้ยังไง” แทนยิงคำถามเป็นชุด เสียงเข้มปนสงสัย
แผ่นหลังกว้างนั้นสั่นไหวเล็กน้อย แทนคิดว่าเขากำลังหัวเราะ...แต่ชายหนุ่มก็ไม่มั่นใจนักเพราะมองไม่เห็นหน้าอีกฝ่าย
“จะให้ผมตอบคำถามไหนก่อน” เขายังยืนหันหลังอยู่ เสียงฟังดูขบขัน
ตอนนี้แทนรู้แน่แล้วว่าผู้ชายหน้าเคร่งคนนั้นกำลังกลั้นหัวเราะอยู่...แว่บหนึ่ง เขาอยากเห็นใบหน้านั้นว่าจะดูแปลกไปจากที่เคยเห็นแต่ทำหน้าดุๆ หรือไม่
“เอาคำถามแรกก่อนก็ได้” แทนเดินเข้ามาใกล้ ตั้งใจจะเอาเรื่อง...เอาความโกรธข่มความอาย
“คำถามแรกถามว่าไงนะ ผมลืมไปแล้ว” เขาทำเสียงเรียบ
แทนฉุนขึ้นมาทันควันที่อีกฝ่ายจงใจยั่วเย้า อยากจะกระชากไหล่นั้นให้หันกลับมาแล้วชกหน้านิ่งๆ สักครั้ง แต่เขาได้เพียงแต่พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ แล้วยืนเอียงหน้ามองท้ายทอยคนช่างยั่ว
ชายหนุ่มตัวโตนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนหันหน้ามา ใบหน้านั้นดูนิ่งเรียบเช่นเคย “ผมไม่เห็นต้องเคาะประตู ก็รู้อยู่ว่าห้องนี้ไม่มีคนอยู่”
แทนนึกฉุน...ที่เห็นนิ่งไปชั่วครู่ก็คงเพราะปรับสีหน้าหัวเราเยาะขบขันให้กลับเป็นหน้านิ่งเหมือนเดิมสิท่า...
...มาดเยอะจริงนะพ่อคุณ...
สถาปนิกหนุ่มรีบตอบเสียงเข้ม “ผมอยู่...”
“ผมจะไปรู้ได้ยังไง คุณไม่ใช่เจ้าของห้อง ใครจะไปนึกว่ามีคนแอบเข้ามาอาบน้ำเล่นในห้องนี้”
แทนอึ้ง...สมองเริ่มคิดหาเหตุผล...ผู้ชายคนนี้พูดออกมาชัดเจนว่าเขาไม่ใช่เจ้าของห้อง!
คนที่มีกุญแจมีไม่กี่คน...เขา...วิศวกร...หัวหน้าช่าง...หรือกฤษณะด้วย...แล้วก็...เจ้าของห้อง...
...ถ้าเช่นนั้น...ผู้ชายคนนี้ก็คือ...เจ้าของห้อง...
...คุณภูวนัย...
...เป็นไปไม่ได้...ภูวนัยหรือ?...เป็นไปไม่ได้
แทนหน้ามุ่ย เดินกระแทกเท้าออกจากห้องนอน เดินผ่านห้องนั่งเล่น ตรงไปยังระเบียบกว้างของห้องนั่งเล่นที่ยื่นออกไปเห็นวิวมุมกว้างของทะเล
ผู้ชายตัวโตคนนั้นเดินตามมา แล้วเลยไปยืนอยู่อีกด้านหนึ่งของระเบียง มองลงไปยังสระว่ายน้ำข้างล่าง แทนยืนอยู่อีกมุมหนึ่ง...ตากแดดอยู่...หวังจะให้เสื้อผ้าแห้งเร็วๆ
สองหนุ่มยืนอยู่เงียบๆ ชั่วครู่ ปล่อยเวลาให้ผ่านไป ต่างคนต่างอยู่ในห้วงคำนึงของตนเอง
“สูงเหมือนกันนะ” จู่ๆ เขาเอ่ยขึ้นมา เหมือนพูดอยู่คนเดียว “ถ้ากระโดดลงสระจากระเบียงอาจถึงตาย”
แทนขมวดคิ้ว เม้มปาก ตอนนี้มั่นใจแล้วว่าผู้ชายที่กำลังยืนพิจารณาสระว่ายน้ำอยู่คือ ‘ภูวนัย’...เจ้าของห้องชุด...
นึกไปก็ฉุนกฤษณะที่เอาเรื่องที่เขาพูดไปเล่าให้ภูวนัยฟัง
...แต่เขาเป็นเพื่อนสนิทกัน และกฤษณะก็รับดูแลประสานงานเรื่องคอนโดปราณบุรีให้เพื่อน มีอะไรก็คงเล่าให้เพื่อนฟัง เขากับสงครามยังเล่าอะไรต่ออะไรให้กันฟังไม่เคยมีความลับ…
แทนยังนิ่งเงียบ จนอีกฝ่ายหันมามอง “คุณจะยืนตากแดดอยู่อย่างนั้นหรือ ร้อนนะครับ”
แทนเมินมองออกไปยังทะเลสีครามเบื้องหน้า “ถ้าร้อนก็ไม่มายืน”
“ผมว่าถอดเสื้อผ้าไปเข้าเครื่องอบดีกว่า จะได้แห้งเร็วๆ มายืนตากแดดเดี๋ยวก็ดำเป็นตอตะโก”
...บ้า...มาเปรียบเขาเป็นตอตะโก...เห็นหน้านิ่งๆ ประชดเก่งหน้าดู...คงเห็นเขาหน้าตี๋ขาววอกเลยคิดว่าเขาคงดำไม่ได้ล่ะสิ...ดำสิดี...อยากดำจะตาย...ตี๋หนุ่มคงเก่งคิดในใจก่อนจะกล่าวว่า “ที่นี่ไม่มีเครื่องอบผ้า”
“อ้าว ทำไมล่ะ ต้องมีเครื่องซักผ้าอบผ้าสิ เห็นมีครัวอยู่ไม่ใช่หรือ”
...ใครจะไปซักผ้าในห้องครัวกันล่ะครับคุณท่านประธาน...เขาเรียกห้องซักล้าง...“คุณไม่ได้บอกว่าจะเอานี่นา” แทนพูดเสียงเรียบ ยักไหล่อย่างไม่สนใจ
“แล้วทำไมไม่มีใครถามผม”
...ถามแล้วคงได้คำตอบหรอก...เคยว่างเสียที่ไหน...
แทนหรี่ตามองท่านประธานบริษัทเจ้าของห้องชุด ‘ที่ไร้เครื่องอบผ้า’ ที่จริงเขานึกสงสัยอยู่แล้วเชียว แต่ฉุนที่ไม่มีโอกาสนัดคุยกับคนงานยุ่งได้เสียที ถามกฤษณะ รายนั้นก็กรอกตาไปมาเหมือนไม่รู้จะตอบยังไง เขาเลยปล่อยให้ผ่านไป แต่ก็เหลือที่ว่างไว้ให้เผื่อ ‘คุณท่านประธาน’ เกิดจะอยากเปลี่ยนใจขึ้นมาอีก ส่วนซักล้างอยู่ทางด้านหลังของห้องครัว จุดที่ว่างไว้เพียงแค่ซื้อเครื่องอบผ้ามาวางก็ใช้ได้เลย
“เครื่องซักผ้าก็ไม่มีครับ ห้องชุดที่นี่มานอนแล้วก็ไป”
...สงสัยคงทำไว้เป็นห้องเชือดล่ะสิไม่ว่า...มีชักโครกให้ก็บุญแล้ว...แทนคิดอย่างโกรธๆ ในใจ
ภูวนัยรู้ว่าชายหนุ่มประชด ถอนหายใจเบาๆ แล้วเดินเข้ามาใกล้คนที่ยืนตากแดดทำหน้านิ่งขัดกับภาพลักษณ์ที่เห็นชินตา
“งั้นคุณก็ไปถอดเสื้อผ้าออกแขวนตากแดดดีกว่า มายืนตากแดดทั้งที่ตัวเปียกแบบนี้ เดี๋ยวก็ไม่สบาย”
แทนยักไหล่ กล่าวว่า “นอนอาบแดดไม่รู้ต่อกี่ครั้ง ไม่เคยเป็นไรซักที”
“คุณนี่ดื้อจริงนะ” ภูวนัยเสียงเรียบ
“ไม่ดื้อก็ไม่ใช่ยี่ห้อแทน ธนานุวัฒน์”
ถูวนัยส่ายหน้าช้าๆ ไม่พูดอะไร แล้วเดินเข้าไปในห้อง ทิ้งให้คนที่ถูกกล่าวหาว่าดื้อยืนทำหน้าบึ้ง ทำปากขมุบขมิบอยู่คนเดียว
...ไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ชายหน้าดุคนนี้คือภูวนัย...ที่จินตนาการเอาไว้เกี่ยวกับท่านประธานบริษัทผิดไปหมด...ยกเว้นเรื่องเดียวว่า...ภูวนัยชอบออกคำสั่ง...
แทนพยายามนึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา สงสัยว่าภูวนัยจะรู้มาก่อนหรือไม่ว่าเขาเป็นสถาปนิกที่ดูแลเรื่องคอนโดปราณบุรีของเขา
...ถ้ารู้แล้วแกล้งทำเป็นว่าไม่รู้จักเขามาตลอด ผู้ชายคนนี้ก็เจ้าเล่ห์ ร้ายกาจมาก...
...แต่ว่าเขาน่าจะรู้...ชื่อเขาก็รู้จักตั้งแต่ค้นกระเป๋าของเขาเมื่อครั้งที่เมาไม่ได้สติ...เลขานุการของเขาก็น่าจะเอ่ยชื่อเขาบ้างเวลารายงานเจ้านายเรื่องคอนโด กฤษณะเองก็น่าจะต้องคุยเรื่องนี้บ้าง และต้องเอ่ยชื่อเขาบ้าง...ภูวนัยต้องรู้มาก่อนแน่ๆ ว่าเขาเป็นใคร...
...ฮึ่ม...อย่าให้จับได้ก็แล้วกัน...พ่อจะโวยวายให้เป็นเรื่อง...แทนกัดฟัน...หมายมั่นอยู่ในใจ...เกิดมาไม่เคยโดนหลอกซักที...
ภูวนัยเดินออกมาที่ระเบียงอีกครั้งหลังจากไปดูว่ามีเครื่องอบผ้าจริงหรือไม่
เจ้าของห้องชุดยกมือค้ำสะเอว ส่ายหน้าช้าๆ เอียงคอมองสถาปนิกของตัวเอง แล้วพูดว่า “คุณแทนครับ เชื่อผมบ้างเถอะ ถอดเสื้อออกผึ่งแดดไว้ให้แห้งก่อนดีกว่า"
“แล้วจะให้ผมแก้ผ้าเดินโทงๆ อยู่ในบ้านคุณเหรอครับ”
“ก็หาผ้าเช็ดตัวมานุ่ง”
“ผมไม่มีผ้าเช็ดตัว”
“ถ้าผมหาอะไรมาเปลี่ยนให้คุณได้ สัญญานะว่าจะถอดเสื้อผ้าตากแดด”
แทนส่ายหน้า ไม่สนใจ ตอนนี้กำลังฉุนภูวนัยมากที่สุด ตัดสินใจใช้วิธีดื้อเงียบอย่างที่เคยทำกับใครๆ แล้วก็ได้ผล อย่างน้อยก็สงครามกับบุริณทร์สองคนล่ะ
...เดี๋ยวก็จับถอดเสื้อผ้าเสียเลย...คนอะไรดื้อชะมัด...ภูวนัยคิดอยู่ในใจ แล้วเดินออกจากห้องชุด ลงบันไดตรงไปยังรถเขาที่จอดอยู่ไม่ไกล
...เจอน้องชายของเขาที่ดื้อสุดประมาณ แล้วยังมาเจอสถาปนิกของเขาอีก...ดื้อพอๆ กัน...
...แต่ดื้ออย่างนี้ล่ะ...เขาจะปราบให้ดู ให้มันรู้ไปว่าคนอย่างภูวนัยจะสั่งให้ใครทำตามไม่ได้...
ภูวนัยกลับเข้ามาในห้องชุดสุดหรูชั้นบนสุดของคอนโดริมทะเลอีกครั้ง ในมือถือเสื้อยืดและกางเกงกีฬาที่เขาติดรถเอาไว้เวลาไปยิมออกกำลังกาย แทนยังยืนอยู่ที่เดิม เท้าแขนกับราวระเบียง มองออกไปยังทะเลเบื้องหน้า
“ผมหาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยนได้แล้ว ถอดเสื้อผ้าออกตากแดดเสียเถอะ ชั่วโมงเดียวก็แห้งแล้ว” ภูวนัยจะเอาชนะ
“ผมยืนตากแดดชั่วโมงเดียวก็แห้งเหมือนกัน” แทนไม่ยอมแพ้
“ผมบอกแล้วไงว่าจะเป็นไข้”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่เป็น” แทนสวนทันควัน “ดีเสียอีกจะได้ผิวเข้มเหมือนอาบแดด”
“งั้นก็ถอดเสื้อผ้าเหมือนอาบแดดสิ เหลือเพียงกางเกงว่ายน้ำตัวเดียว แต่บางที่คนเค้าก็อาบแดดโดยไม่ใส่อะไรซักชิ้น” ภูวนัยยิ้มพราว หากอีกฝ่ายหนึ่งไม่เห็น เพราะยังไม่ยอมหันหน้ากลับมา
“คุณมายุ่งอะไรด้วย” แทนไม่สนแล้วว่ากำลังยืนพูดอยู่กับลูกค้าเจ้าของห้องชุดที่เขารับผิดชอบเป็นสถาปนิก เขาพูดกับภูวนัยในฐานะที่เขาเป็นโปรกอล์ฟหน้าดุคนนั้น
“ก็ไม่อยากให้สถาปนิกของผมป่วย เดี๋ยวจะทำงานให้ผมไม่เสร็จ ผมต้องการให้ทุกอย่างเรียบร้อยภายในสิ้นเดือน”
“โอ้โห จะเสร็จทันได้ไง ต้องมีแก้งานอีกหลายจุด” แทนตาโต เสียงสูง หันหน้ามามองภูวนัย
“คุณก็ต้องเร่งงานช่าง ช้าไปก็ได้ไปทำสปาที่กระบี่ช้า”
แทนอึ้ง...
...ภูวนัยรู้เรื่องสปาที่กระบี่ด้วยหรือ...กฤษณะบอก?...แน่เลย...กฤษณะต้องเอาไปบอกภูวนัย...ฉุนกฤษณะจังเลย...ถ้าเจอนะ...จะโวยวายให้หูอื้อ...
“อย่าไปโวยวายคุณกฤษณะเลย เขารับดูแลเรื่องนี้ให้ผม เขาก็ต้องเอามาเล่าให้ผมฟัง”
...อ่านใจได้อีกแล้ว...ภูวนัยมีตาทิพย์หรืออย่างไร...
“ก็ได้ เสร็จให้ทันวันที่ยี่สิบแปดกุมพาพันธ์ ปีสองพันห้าร้อยห้าสิบสอง งานไม่ดีอย่ามาตำหนิผมก็แล้วกัน” แทนยักไหล่ พูดเน้นเสียงบอกวันเดือนปี แล้วหันกลับไปเกาะราวระเบียงมองทะเลเช่นเคย
“คุณแทน ถ้าคุณยังไม่ยอมเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมจะไม่เซ็นรับงาน แล้วเรื่องสปาที่กระบี่คุณก็จะไม่ได้ไปทำ” ภูวนัยใช้ไม้ตาย ยื่นคำขาด...คราวนี้เขาชนะแน่...แทนเป็นคนใจร้อน มักจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้หากถูกท้า...
ได้ผล...ชายหนุ่มหันหน้ากลับมาโดยเร็ว หรี่ตาท่าทางจะเอาเรื่อง “ไม่ต้องมาขู่ผมนะ ถึงคุณไม่เซ็นรับ คุณบุริณทร์เจ้าของบริษัทก็ส่งคนมาทำต่อจนเสร็จ ยังไงคุณก็ต้องรับงาน งานเราเนี๊ยบไม่มีที่ติขนาดนี้ ถ้าเรื่องถึงศาล ศาลก็ต้องสั่งให้คุณเซ็นรับ ผมก็ยังไปทำสปาที่กระบี่อยู่ดี”
“แน่ใจหรือ” ภูวนัยเสียงเรียบ ขยับตัวเข้ามาใกล้แทบชิดตัว พูดเสียงต่ำ “แสดงว่าคุณยังไม่รู้ว่าใครจ้างบริษัทคุณทำสปาที่กระบี่”
แทนอึ้ง...อึ้งอีกครั้ง...ตั้งแต่เจอกับภูวนัยวันนี้ เขาอึ้งมาหลายครั้งแล้ว...
ชายหนุ่มตะโกนอยู่ในใจ...อย่าบอกนะว่าภูวนัยเป็นเจ้าของสปา The Sea of Life!...
********************
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านนะครับ