อ๊ากกกกกก เชียร์มิสเตอร์เพอเฟคแมนอ่ะ เย็นช้าแบบนี้ล่ะน่าค้นหาที่สุดดดดดดดดดดด 
อิ อิ เ็ย็นช้า เหรอครับ 555

เย็นช้า แต่ ร้อนเร็ว

บทที่ 12
แทนเดินออกไปที่เคาท์เตอร์ต้อนรับลูกค้า ทันทีที่พิมพ์พรรณ์เห็นเพื่อนของเจ้านายหนุ่ม หญิงสาวส่งยิ้มหวานหยดย้อยก่อนจะทักเขาด้วยเสียงสดใส
“คุณแทน มาตั้งแต่เมื่อไหร่ค่ะ พิมพ์เตรียมคอร์สให้คุณเรียบร้อยค่ะ พอดีตอนนี้มีพนักงานว่าง คราวนี้ได้ทำฟรีสมใจอยาก” เสียงของพิมพ์พรรณดังพอที่จะทำให้ชายหนุ่มมที่นั่งอยู่อีกหากหนึ่งของห้องหันขวับมามอง
แทนรีบหันหน้าเข้าหาเคาท์เตอร์ ก้มหน้า หลบตา
พิมพ์พรรณยังเจื้อยแจ้วต่อ “คอร์สรีจูวิไนล์นะค่ะ รับรองต้องถูกใจ ทำเสร็จ หน้าเด็กใสยิ่งกว่าเดิม พอได้ทำฟรีแล้ว คราวหน้าคุณแทนมาอีกนะค่ะ ชวนเพื่อนมาหลายๆ คน ได้ลดราคา 10 เปอร์เซ็นต์” พิมพ์พรรณพนักงานต้อนรับทำตัวเป็นพนักงานขายอีกหนึ่งตำแหน่ง
“ค่อยๆ น้องพิมพ์” แทนเสียงเบา “เดี๋ยวแขกเขาก็แตกตื่น”
พิพม์พรรณรู้สึกตัวว่าเสียงดังเกินไป ยิ้มอายๆ สายตามองเลยชายหนุ่มไปด้านหลัง แทนรู้สึกทันทีว่ามีใครคนหนึ่งยืนอยู่ไม่ไกล
“คุณลิซซี่ใกล้จะเสร็จแล้วค่ะ รอซักครู่นะค่ะ คุณจะรับเครื่องดื่มอะไรเพิ่มไม๊ค่ะ”
“ขอน้ำมะตูมเหมือนเมื่อกี้ครับ ขอบคุณครับ”
เสียงห้าวๆ ทุ้มๆ ดังอยู่ใกล้ๆ แทนรู้สึกถึงไออุ่นพุ่งปะทะใบหูด้านหลัง
“ได้ค่ะ” พิมพ์พรรณยิ้มหวานกว่าเดิม
“ขอแก้วที่สองต้องเสียเงินไม๊ครับ”
“ไม่ค่ะ บริการฟรี กี่แก้วก็ได้ค่ะ”
“ดีครับ ผมชอบของฟรี” ถ้าฟังไม่ผิด แทนคิดว่าตัวเองได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ ของชายหนุ่มผู้กระหายเครื่องดื่ม เขาอยากหันหน้าไปมองว่าหน้าตาเขาเวลาหัวเราะขำๆ จะเป็นอย่างไร แต่ก็ฝืนใจไว้ ด้วยยังรู้สึกอายอยู่ที่พิมพ์พรรณโพล่งทำนองว่าเขามาสปาเพื่อมาหาของฟรี ไหนจะคอร์สทำหน้าใสให้ดูเด็กลงอีก...อายจริงๆ...กับใครก็ไม่อาย แต่กับผู้ชายคนนี้...อายมากๆ...
พิมพ์พรรณหันหน้ามากล่าวกับแทน “คุณแทนรอพิมพ์เดี๋ยวนะค่ะ จะรีบมาจัดการคอร์สพิเศษให้ค่ะ” พูดเสร็จ หญิงสาวก็รีบผลุบหายใปในประตูด้านข้าง ทิ้งให้ชายหนุ่มสองคนยืนอยู่ด้วยกัน คนหนึ่งก้มหน้ามองเคาท์เตอร์ไม่กระดุกกระดิก อีกคนหนึ่งยืนเอามือไขว้หลังมองคนอยากหน้าเด็กอยู่ด้วยสายตาพราวระยับก่อนจะกระแอมเบาๆ
“โลกกลมจังเลยนะครับคุณแทน ไดร์ฟกอล์ฟเสร็จแล้วเหรอครับ”
...ใช่ ทุกครั้งที่เจอเขา โลกกลมจริงๆ มีเรื่องให้อายได้ทุกทีสิน่า...แต่ว่าตอนนี้เริ่มฉุนแล้ว...ไดร์ฟกอล์เสร็จแล้วหรือ...ยังมีหน้ามาถาม...แทนเม้มปาก นึกพาลในใจ
“ผมต่างหากควรจะถามคุณ” ชายหนุ่มเสียงเข้ม
“ผมมีธุระ”
“ธุระขัดผิว นวดหน้า ทำทรีทเมนท์ที่สปา”
“ตอนแรกผมก็กะว่าจะไป แต่พอดี...”
“พอดีต้องมาแฟนมาสปา” แทนเสียงเย็น ไม่รู้ว่าทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่ากำลังทำงอน
“คุณรู้ได้ยังไง”
“ก็เห็นคุณนั่งรอใครอยู่ ปรกติไม่มีใครเขามานั่งอ่านหนังสือพิมพ์เล่นในสปาหรอกครับ” แทนสูดลมหายใจลึกๆ รอฟังว่าเขาจะให้เหตุผลยังไง
“อาจเป็นเพื่อนก็ได้” เสียงเขาเรียบเป็นโทนเดิมสม่ำเสมอ
“เพื่อนคนพิเศษ” แทนรีบสวน
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหลังอมยิ้ม...ไม่นึกว่าคนเจ้าอารมณ์ที่ยืนหันหลังให้จะแสดงอาการหึงหวงออกมาอย่างไม่รู้ตัว
...หึงหวงหรือ ชายหนุ่มอาจเพียงแค่ฉุนที่ไปไดร์ฟกอล์ฟแล้วไม่เจอเขาเท่านั้นเอง...ทำไมต้องคิดว่าแทนจะหึงเขา...
“ว่าแต่ว่า...อาทิตย์ที่ผ่านมาได้ซ้อมไดร์ฟหรือเปล่า”
“ซ้อมสิ ไปสนามวันเว้นวัน เสาร์ก็ไป อาทิตย์ก็ไป” แทนจงใจเน้นเสียง หวังจะให้อีกฝ่ายรู้สึกผิด
“ดีแล้วครับ ฝึกบ่อยๆ เดี๋ยวก็เก่ง” เสียงนั้นยังเรียบนิ่งเช่นเคย
“พอดีเจอคนรู้จักกัน เขาอาสาจะสอนให้ คราวต่อไปคงไม่ต้องรบกวนคุณแล้ว” แทนพูดเสียงเรียบ ทำให้อีกฝ่ายกระตุกหัวคิ้ววูบ นึกในใจว่าชายหนุ่มแกล้งพูดประชดหรือพูดจริง
“พอดีวันอาทิตย์ที่แล้ว ผมมีธุระสำคัญ เลยไปตีกอล์ฟตอนเช้าไม่ได้”
“เหรอครับ” ชายหนุ่มทำเสียงเรียบเช่นกัน พยักหน้าอย่างเข้าใจ แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ พิมพ์พรรณโผล่ออกมาจากห้องข้างๆ พร้อมกับเครื่องดื่ม
"คุณแทนค่ะ พร้อมแล้วคะ เชิญห้องสามนะค่ะ ถึงฟรีแต่ก็บริการเยี่ยมเหมือนได้เสียเงินค่ะ" พิมพ์พรรณรับประกัน ก่อนหันไปยิ้มหวานกับผู้ชายอีกคน "น้ำมะตูมมาแล้วค่ะ ให้พิมพ์วางไว้ที่โต๊ะเลยไม๊ค่ะ"
"ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับคุณพิมพ์" ผู้ชอบทำหน้าเคร่งยิ้มบางๆ แทนเหลือบตาไปมอง เห็นใบหน้าของเขาดูดีขึ้นกว่าเดิมเสียอีก พลางนึกในใจว่า...ทีกับเรามีแต่ทำหน้าเคร่ง...ทีพูดกับคนอื่น ทำเสียงอ่อนเสียงหวาน...
"คุณวิเสร็จพอดีดีค่ะ กำลังจะอาบน้ำแต่งตัว" พิมพ์พันธ์รายงาน
แทนขยับตัวออกจากเคาท์เตอร์ เดินตรงไปยังมุมห้องกำลังจะเลี้ยวซ้ายไปยังห้องทรีทเมนท์ เสียงห้าวๆ ลอยตามมา
"วันอาทิตย์เจอกันที่สนามกอล์ฟนะครับคุณแทน"
ชายหนุ่มไม่ตอบ เพียงแต่หันหน้าไปมอง รับรู้ว่าได้ยินที่เขาพูด แล้วจึงเดินลับมุมห้องไป ตั่นได้ยินเสียงใสๆ ของพิมพ์พรรณ
"อ้าวรู้จักกันเหรอค่ะ"
"รู้จักกันดีครับ ตีกอล์ฟด้วยกัน" เสียงห้าวๆ นั้นตอบ
แทนเดินกระแทกเท้าตรงไปยังห้องหมายเลขสาม รู้สึกหงุดหงิดยิ่งนัก ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่พอใจที่เห็นผู้ชายตัวโตคนนั้นกำลังคอยแฟนสาวอยู่...
สปาของฟรีวันนี้แทนที่จะรู้สึกผ่อนคลาย กลับต้องมาอารมณ์เสีย...หงุดหงิด...ไม่เข้าใจว่าทำไม...
...........
ศุกร์ 12 กุมภาพันธ์ - 20.00 น.
บุริณทร์ล๊อคประตูบริษัท คืนนี้เขากลับเป็นคนสุดท้าย สงครามเพิ่งกลับก่อนเขาราวครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา ส่วนแทนกลับแล้วตั้งแต่หกโมงเย็น โดยให้เหตุผลว่า "ต้องไปตีสควอช"
บริษัทเช่าชั้น 21 ขออาคารแห่งนี้มาเป็นเวลาเกือบ 5 ปีแล้ว บุริณทร์ตัดสินใจแล้วว่าจะย้ายไปยังแห่งใหม่ซึ่งเป็นสถานที่ของบริษัทเอง ไม่ต้องเช่าคนอื่นเสียเงินเปล่าๆ อีกต่อไป เขายอมรับว่าข้อดีของการอาคารสำนักงานแห่งนี้คือความสะดวกสะบายในการติดต่องานแลเพราะอยู่ย่านธุรกิจ ทั้งยังดูแลออฟฟิสได้ง่าย ทั้งบริษัทเขาเองก็เช่าชั้น 21 ของอาคารนี้มาตั้งแต่ต้น แต่เวลานี้ถึงคราวจะต้องเปลี่ยนแปลงบ้างแล้ว เขายังไม่ได้บอกใครนอกจากปรึกษากับวรพจน์เพื่อนรุ่นพี่มหาวิทยาลัยที่ทำงานเป็นผู้ช่วยเขาตั้งแต่เริ่มตั้งบริษัท เขาตั้งใจว่าจะรอจนถึงอาทิตย์แรกของเดือนเมษายนเมื่อมีงานเลี้ยง "สุขสันต์วันเกิด" ของบริษัทถึงจะบอกข่าวนี้ให้ทุกคนทราบ
บุริณทร์เดินตรงไปที่ลิฟท์ช้าๆ วันนี้เขาเหนื่อยมาก อยากจะพักผ่อนเต็มที่ เพราะทำงานมาตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าแทบไม่ได้พัก จะว่าไปเขาก็ทำงานหนักมาตลอด ยุ่งทนแทบไม่เคยได้พัก ชีวิตเร่งรีบทุกวัน
ชายหนุ่มรู้ว่าชีวิตการทำงานที่วุ่นวายยุ่งเหยิง เขากลับรู้สึกว่า จริงๆ แล้วเขารู้สึกเหงา เปล่าเปลี่ยวเหลือเกินที่ชีวิตไม่เคยมีคนรักจริงจังเลย เขาเปลี่ยนคู่ควงไปเรื่อยๆ เบื่อแล้วก็หาใหม่ ไม่มีใครเลยที่ทำเขารู้อยากจะจะหยุดลงหลักปักฐาน สร้างชีวิตด้วยกัน
สถาปนิกหนุ่มเจ้าของบริษัทเอื้อมมือไปกดปิดประตูลิฟท์ เอนตัวพิงผนัง ถอนหายใจช้าๆ...ต้อนนี้ท้องเริ่มหิว นึกในใจว่าเย็นนี้ก็คงจะรับประทานอาหารเย็นคนเดียวอีกแล้ว พักหลังๆงานยุ่งมาก จนเขาห่างๆ กวิณหรือเควิน ชายหนุ่มคนล่าสุดที่เขาคบด้วยเมื่อสองเดือนที่ผ่านมา ที่จริงเมื่อเย็นวาน กวิณโทรมาชวนเขาทานอาหารเย็นด้วยกันคืนวันศุกร์ แต่เขาปฏิเสธบอกว่าต้องเร่งทำงานจนดึก
ขณะที่ยืนอยู่ในลิฟท์และท้องกำลังหิว...เขากลับนึกถึงชายหนุ่มอีกคน...คนที่เขารู้จักมานานแสนนาน ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย คนที่ยิ้มสดใสอยู่เป็นนิจ หากเวลาไม่พอใจ ก็จะทำหน้าบึ้ง โวยวาย "ออกงิ้ว ออกลิเก" อย่างที่เขาเคยล้อ
...คนที่เขาอยากทานข้าวเย็นด้วยคือแทน...คนที่เขาอยากเห็นหน้าทุกวัน...คนที่เขา...
แทน...ชื่อนี้ก้องอยู่ในหัว...ภายในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ เงียบสนิท...ชื่อของแทนดังขึ้นชัดเจน...
บุริณทร์ตระหนักแล้วว่า...คราวนี้เขาจะเริ่มจริงจังเสียที...ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
ประตูลิฟท์เปิดออก พร้อมกับเสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น บุริณทร์ล้วงหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกง มองหน้าจอ ชื่อที่ปรากฏทำให้เขาต้องยิ้มออกมา
"พี่ริณทร์ ออกมาจากออฟฟิศหรือยัง อย่าบอกนะว่ายังทำงานอยู่" เสียงร่าเริงของแทนดังแว่วมาตามสาย
"ทำไม เป็นห่วงพี่เหรอ"
"เปล่า กลัวว่าจะทำงานหนักเกินไป หัวใจวาย ช๊อคตายคาโต๊ะ ไม่อยากให้ออฟฟิศมีผีสิง" เสียงหัวเราะร่าดังตามมา
"เป็นห่วงก็บอกมาเถอะ พี่ไม่ว่าอะไรหรอก" บุริณทร์ยิ้มกว้าง
"แล้วตกลงยังทำงานอยู่หรือออกมาแล้ว เลิกเล่นลิ้นซะที เปลืองค่าโทรศัพท์"
"ออกมาแล้ว กำลังเดินไปที่รถ ตอนนี้หิวจนท้องกิ่ว"
"ท้องพี่กิ่วได้ด้วยเหรอ ของพี่เขาไม่เรียกท้องหรอก เขาเรียกพุง" แทนแทรก แล้วหัวเราะเสียงดัง
"มันไม่ถึงขนาดนั้นซักหน่อย แทนพูดเกินไป" บุริณทร์หัวเราะในลำคอ "แทนจ๋า มาทานข้าวเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิ" บุริณทร์ทำเสียงอ้อน
"กินคนเดียวไม่ได้หรือไง"
"ไม่ได้ กินไม่ลง ถ้ามีแทนมากินด้วยจะได้เจริญอาหาร"
"อ้าว แล้วแฟนพี่ล่ะ คนที่เป็นดาราช่อง 3 ไง บอกให้เขามาป้อนสิ" เสียงชายหนุ่มยังร่าเริงยังเหมือนเดิม
"ไม่ได้เจอกันนานแล้ว" บุริณทร์เดินถึงรถ ปลดล๊อครถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์สีขาว เปิดประตูข้างคนขับโยนกระเป๋าเข้าไป "อีกอย่าง เขาไม่ใช่แฟนพี่ แค่คบๆ กัน"
"ฟันแล้วทิ้งอย่างเคยใช่ไม๊"
"โธ่ อย่ามองพี่ยังงั้นสิแทน" บุริณทร์เสียงจริงจัง "พี่ไม่ใช่คนเจ้าชู้ขนาดนั้นนะ"
"อ๋องั้นเหรอ เชื่อตายล่ะพี่บู๊หลิน" แทนหัวเราเสียงดังอีกแล้ว เห็นเป็นเรื่องขัน
"นะแทน มาทานข้าวด้วยกันนะ ไม่งั้นก็พี่ไปหาก็ได้ ตอนนี้อยู่ไหนล่ะ"
"อยู่รามอินทรา ก.ม. 10 มาสิ จะนั่งคอย"
"อย่าล้อเล่นน่าแทน หิวจะตายอยู่แล้ว" บุริณทร์โอดครวญ
"หิวก็หาก๋วยเตี๋ยวหน้าตึกกินสิ จะทนหิวทำไม"
"ก็พี่อยากทานข้าวกับแทนนี่นา"
"ตื๊อจังเลยวุ้ย" แทนแกล้งถอนหายใจ "ถ้ากินด้วยกันต้องเลี้ยงนะ ตอนนี้อยู่ซอยหลังสวน ผมไม่ค่อยหิวหรอก แต่จะนั่งกินสลัดเป็นเพื่อนก็ได้นะ แต่ขอบอกว่าไม่ป้อนเด็ดขาด"
"จ้า ที่รัก" บุริณทร์อมยิ้ม...นึกภาพแทนป้อนข้าวเขาคงตลกพิลึก ทั้งที่ในใจลึกๆ เขาอยากให้ชายหนุ่มลองทำอย่างนั้นบ้าง
******************************