คืนที่สิบสอง
คืนสิบสองไม่ใช่เดือนสิบสองนะเออ เง้อออออ
และแล้วเช้ามาเราก็จำใจลาเวียงเจียงใหม่ ปล่อยให้ยอดดอยตระหง่านอยู่เบื้องหลัง อยู่ตรงนั้นนะ สัญญาว่าสักวันจะกลับมาอีก
รถโตโยต้าวิชสีแดงพาเรากลับมาตามเส้นทางเดิม ที่เรามาเมื่อวันก่อน ผ่านลำพูน พาลให้นึกถึงพี่เจ้าของร้านเมื่อคืนนี้ เขาจะรู้ไหมว่ารถคันนี้
มีชื่อรุ่นของมันว่าวิช และมันยังได้ทำหน้าที่พาเจ้าโคมไฟที่ผมหวังจะมอบให้ใครคนหนึ่งมาด้วย
วิช คือความหวัง หากคาดหวังคงเจ็บปวด หากไร้หวังคงเหมือนตายไปแล้ว
ผมมองท้องฟ้าสีสดของนครเขลางค์ด้วยความหวัง แต่ไม่ไปคาดหวังกับวันข้างหน้า
พี่คนขับแนะนำพาเราแวะเที่ยวพระธาตุลำปางหลวง เพราะเห็นว่าเวลาเหลืออีกเยอะ เพราะเราออกจากเชียงใหม่มากันตั้งแต่ก่อนแปดโมงเสียอีก
“ใครบอกลำปางหนาวมากวะ” ไอ้พลพูดคำแรกหลังจากเปิดประตูก้าวลงจากรถ ที่จอดรถกว้างโล่งที่มีไอร้อนจากแสงแดดทอรับเราอยู่ ร้อนโคตรรรรรร
“ลำปางร้อนเหี้ยๆ” ผมหันไปบอกนิยามใหม่แก่มัน
“พี่ไม่ไปไหว้พระธาตุเหมือนกันหรอคับ” ผมชะโงกเข้าไปถามพี่คนขับที่ยังไม่ลงจากรถ และหยิบกล้องคู่ใจมาสะพายไว้
“ไม่หรอกคับ ร้อน พี่เคยมาแล้ว” อ้าวเพ่ งี้เดี๋ยวสวย ร้อนแล้วพามาทำมาย หึหึ ไอ้เต้แอบเคืองในใจเล็กน้อยที่ไม่บอกกันก่อน
แต่ก็กระตือรือร้นเตรียมไปถ่ายรูปด้วยความตื่นเต้น เอาน่ะ เค้าอุตส่าห์พามาแวะ อย่าเรื่องมาก
“ไอ้เต้ๆ ไปมุมนั้น” ไอ้พล ซึ่งมันเลวมาก ไม่ยอมเอากล้องมากเป็นนายแบบเต็มที่ ให้ผมตามถ่ายมัน
“เออ มึงเอานี่ไป” หึหึ แต่มีหรือว่าไอ้เต้จะยอม ผมยัดกล้องดิจิตอลคอมแพคตัวเล็กที่ติดมาด้วยใส่มือมัน กูถ่ายมึง มึงก็ต้องถ่ายให้กู ไม่งั้นเดี๋ยวรูปลง hi5 กูไม่มี ฮ่าๆๆๆ
ผมกับไอ้พลก็เดินลัดเลาะตัววัดเข้าไปเรื่อยๆ จนถึวตัวพระธาตุ สวยมากทีเดียว เป็นวัดโบราณน่าจะหลายร้อยปี ถ้าจำไม่ผิด จะเป็นพันแล้วล่ะ
ผ่านมากี่ชั่วอายุกี่ชั่วรุ่น
ตระหง่านรับอรุณและสนธยา
ลมร้อนลมหนาวพัดผ่านไปมา
พระธาตุงามตายังอยู่ยั่งยืนยง
“ศิลปะยืนยาว แต่ชีวิตสั้น” - อ.ศิลป์ พีระศรี
ผมนึกถึงคำกล่าวนั้น และพลางโยงใยมาถึงเรื่องรักๆใคร่ๆ ในวัยตัวเอง ศิลปะยืนยาว แต่ชีวิตสั้น แล้วความรักล่ะ สั้นกว่าชีวิตอีกใช่หรือเปล่า
“มุมนี้ เชื่อกู แสงอย่างสวย” ผมบอกให้ไอ้พลยืนพิงบานประตูที่แดดส่องกระทบสว่างจ้า
“แสงนะสวย แต่กูน่ะจะเหี้ย มึงดูแดดสิห่า”
“มึงก็ใส่แว่นสิ”
“เออๆ เร็วๆ กูดำหมดแล้ว” ฮ่าๆๆ แดดร้อนมา แต่ผมยืนหลบแดดถ่ายในร่ม เป็นนายแบบต้องอดทนไว้มึง อยากได้รูปเจ๋งๆ
“มึงถ่ายป่ะ” มันถามพอผมลั่นชัตเตอร์เรียบร้อย
“ไม่อ่ะ ร้อน”
“สัด แล้วให้กูดำอยู่คนเดียว”
“กูอยากให้มึงได้รูปสวยๆไง”
ผมหัวเราะและเดินจากลาพระธาตุมา
“ไงคับเฮีย”
“ไงมึงอยู่ไหนวะ” เฮียตี๋โทรมา พี่แกกลับมาไทยแล้วหรอวะ
“ลำปางคับ มากับไอ้พล”
“อ้าวมึงไปกันแล้วหรอ นึกว่ายังไม่ไป จะโทรชวนกินข้าวซะหน่อย” โห่ มาได้สองวันแล้วเฮีย ไม่เห็นหรอ ออนเอ็มแล้วผิดปกติ ไม่เจอไอ้เต้ออนอยู่ ฮ่าๆๆ
“กลับอีกห้าวันอ่าเฮีย”
“เออป่านนั้นกูก็ไปทำงานแล้ว”
“อ่านะ งั้นไว้เฮียกลับมาอีกรอบแล้วกัน”
“เออๆได้ แล้วเป็นไงวะสนุกมั้ย อยากไปด้วยว่ะ” เอ่อ มาทำงานนะคร้าบ ถึงจะแวะเที่ยวด้วยก็เถอะ
“สนุกดีเฮีย เมื่อวานเด็กเชียงใหม่น่ารักมาก ฮ่าๆ”
“เออ เอามาฝากกูมั่ง” ฮ่าๆๆๆ ไอ้เต้ยังไม่ได้กลับมาสักคน จะฝากไรเล่าคับ แหม ชอบกันจังนะละอ่อนเมืองเหนือเนี่ย
“แฮะๆ เดี๋ยวไปพิษณุโลกต่อ ไปเก็บแถวนั้นมาฝากนะ”
“ฮ่าๆเออ งั้นกูชวนไอ้จีนออกมากินข้าวดีกว่า ไม่รู้มันจะว่างมั้ย”
“เห็นว่าสอนที่รังสิตนะเฮียวันนี้”
“อ้าวหรอ เออๆลองโทรก่อน”
“คับๆ”
“เออฝากความคิดถึง ถึงไอ้พลด้วย”
“ได้คร้าบบบ”
มาถึงพิษณุโลกแล้วทำไรกันดีล่ะ เดินทอปแลนด์หรอ อืมมม อ่อรู้แล้ว เดินไปวัดใหญ่ดีกว่า ผมกับไอ้พลเดินไปวัดใหญ่
(ผมเรียกแต่วัดใหญ่ๆ จนไม่แน่ใจว่าชื่อจริงคือ วัดมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือวัดพระพุทธชินราชวรมหาวิหาร อะไรสักอย่าง เอาเป็นว่า มาไหว้สมเด็จพระพุทธชินราชละกัน เอิ๊กๆ)
“ตกลงนี่เป็นทริปพบเด็กๆ กับไหว้พระใช่ป่ะ กูเป็นนางสาวไทยเปล่าวะเนี่ย” ไอ้พลบ่นๆ
“มิสยูนิเวอสเลยมึงอ่ะ” ฮ่าๆๆๆผมแซวมัน
“แล้วอย่างกูกับมึงนี่มาจากจักรวาลไหนล่ะ” ฮ่าๆๆๆ แม่งคิดได้ นั่นดิ โลกนี้มีที่ให้ผู้หญิงเป็นมิสยูนิเวอส แต่ถ้าเกย์ล่ะ มิสเตอร์ก็ให้ผู้ชาย มิส ก็ผู้หญิง
แล้วพวกผมมาจากจักรวาลไหนกัน ใช่ที่นี่หรือเปล่า
“อืม แม่น้ำไรวะ” ไอ้พลหันมาถาม หลังจากเราเดินออกกันมาทางอีกด้านของวัด พบแม่น้ำกลางเมืองสองแคว
“แม่น้ำน่าน”
“มึงรู้ได้ไง”
“เมื่อกี้กูอ่านป้าย”
“อ่อ”
ว่าแล้วก็ลงไปเดินลัดเลาะบันไดหินริมตลิ่งกัน ลมเย็นสบายมากๆ ถ้ามันเย็นได้แบบนี้ตลอดไปก็ดีสิวะ
“ทำไมที่นี่เด็กน้อยจังวะ” ผมถามไอ้พล ซุ้มอีเวนท์ที่มาจัดกิจกรรมสาขาพิษณุโลก เงียบโคตรรร เด็กนี่ไม่มีเลย ไรวะ
“เออ พี่ที่นี่เค้าบอกว่า เด็กไปเรียนพิเศษกรุงเทพฯกันหมด”
“เฮ้อ ไปโน่นก็เสียตังค์เยอะ แถมก็เรียนวิดีโอเหมือนกัน จะไปไมวะ ที่นี่น่าอยู่กว่าอีก”
“อ้าวมึง เด็กมันก็อยากไปเจอแสงสีกันบ้างสิ มึงก็เห็นเมืองเงียบจะตาย”
“ก็เงียบเพราะไปกันหมด” ผมเดินไปหยิบน้ำส้มที่เอามาแจกเด็กๆมาดื่มเอง ไม่มีเด็กกินเองก็ได้วะ อร่อยด้วย (แม้จะหวานไปสักหน่อย อิอิ)
“เย็นนี้ไปไหนดีวะ”
“เออว่ะ ที่นี่มีไรเที่ยวมั่ง”
“กูรู้แค่วัดใหญ่ที่พามึงไปเมื่อวานอ่ะแหละ อ่อๆมีพิิพิธภัณฑ์พวกไทยๆด้วย กูเคยมาตอนเด็กๆ” แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าชื่อจ่าหรือดาบทวีอะไรสักอย่าง เป็นพวกพื้นบ้านๆ
“ไม่เอาดิ เอาพวกเทคๆผับๆ” อืมมม ไม่รู้ว่ะ อ่อมีใต้ทอปแลนด์ เพื่อนที่มหาลัยมันเป็นคนที่นี่ มันเคยบอกนี่หว่า
“มีเว้ย ใต้ทอปแลนด์แ่ไม่รู้ดีป่าว”
“เฮ้อ เบื่อว่ะ อยากไปขอนแก่นพรุ่งนี้เร็วๆ”
“กูอยากไปด้วยยยย”
.
.
.
“กูเคยอ่านนิยายเกี่ยวกับที่ขอนแก่น แม่งยังไม่เคยไปเลยอยากไป” ผมคุยกับไอ้พล นึกถึงนิยายเรื่องคิมคิม กับโมโม
“นิยายไรวะ” มันทำหน้างงๆหันมาถาม
“นิยายในเนทอ่ะ แต่ดีนะมึงเรื่องนี้ เป็นเรื่องเล่าชีวิตเค้า แม่งน่ารัก กูอ่านละอยากมาเรียนมข.เลย
“อ่อ เพ้อเจ้อนะมึงเนี่ย”
“อ้าวเชี่ยนี่”
“เออๆ กูขอให้มึงพบรักที่นั่นแล้วกัน” หึหึ กูไปสองวัน จะพบใครมั้ยล่ะนั่น
“เหอะๆ งั้นวันนี้กูนอนละ จะได้ตื่นไปขอนแก่นเร็วๆ”
“อ้าวเหี้ย อย่าเพิ่งทิ้งกันดิ ตื่นดูหนังเป็นเพื่อนกูก่อน”
ลืมบอกไอ้พลมันลงทุนขนเครื่องดีวีดีที่อฟฟิศมาด้วย แถมยังแบกหนังมาหลายเรื่อง สงสัยมันจะรู้ว่ามาพิษณุโลกแล้วไม่มีอะไรทำ
“ตกลงหนังสนุกป่ะ” ผมถามเมื่อตื่นมาตอนเช้า
“เหี้ยหลับก่อน ปล่อยให้กูนอนดูคนเดียว เงียบชิบหาย”
“อ้าว มึงกลัวผีหรอ”
“เออดิ”
ฮ่าๆๆๆๆ รู้จักมันมาเพิ่งรู้ว่าจริงๆมันเป็นคนแข็งนอกอ่อนในนะเนี่ย ใครจะคิดว่าท่ามกลางความมั่นใจแลดูเข็มแข็งภายนอก
มันจะกลัวผีได้ขนาดผมนออนเตียงใกล้ๆมัน ห้องก็ออกจะดูดี ไม่น่ากลัวเลย เหอะๆ ไอ้พลเอ๋ย ดีละ วันหลังกูจะแกล้งมึง ฮ่
าๆๆๆ ผมคิดในใจแล้วลุกไปห้องน้ำ จัดการตัวเองให้พร้อมมุ่งหน้าสู่แดนอีสาน
“อ้าวเฮีย ยังไม่ไปหาอาตี๋ีอีกหรอ” ผมถามไอ้พี่เคน นึกว่าไปฮ่องกงแล้วซะอีก
“ยังๆ พรุ่งนี้ไปนครก่อน ทำงานเสร็จแล้วอีกวันถึงจะไปฮ่องกง”
“พรุ่งนี้อยู่กันคนละภาค วันมะรืนอยู่กันคนละประเทศเลยเนอะ” ผมแซวเฮียแกขำๆ
“คิดถึงกันดิ จะได้ห่างแค่ตัว” โห เน่ามั้ยคร้าบบบบ เน่าไปมั้ยไอ้เฮียบ้า
“หึหึ คิดถึงอยู่ฝ่ายเดียว มันก็ไม่ใกล้กันขึ้นมาหรอกเนอะ” อิอิ แอบประชดเล็กน้อย
“หรอ อืม ถึงว่าสิ ช่างกัดนะไอ้เด็กน้อย” แฮะๆอยู่แล้ว
“แล้ววันนี้ไม่ทำงานหรอค้าบ”
“ทำๆ แต่ว่าเสร็จเร็ว เลยออกมาข้างนอกแล้ว”
“อ่ะคับ วันนี้เต้มาขอนแก่นละ ตื่นเต้นๆ”
“เจอเด็กเชียงใหม่ เด็กขอนแก่น ลืมลุงแก่ๆที่กรุงเทพแล้วล่ะมั้ง”
“ฮ่าๆๆๆ” ผมระเบิดเสียงฮาออกมาทันทีเมื่อได้ยิน โห่ คนเราใครจะลืมได้ลงคอล่ะคับ มาตั้งไกลเดี๋ยวสุดท้ายก็ตายรังนั่นแหละ
“ใช่ป่ะ กลับมาคงลืมกันแล้วมั้ง”
“หึหึ นั่นเดะ เด็กๆสดๆเฮ้อออ อร่อยน่าหม่ำไปหมด”
“เอาเชียวๆ เดี๋ยวกลับมาจะเขกหัวโนเลย” อ๊ะๆ ทำร้ายผู้เยาว์มีโทษนะเออ (กูไม่เยาว์แล้วนี่หว่า ชอบลืมๆ)
“อ่านะ คร้าบๆ จะรอให้เขกนะ”
“เออๆ แล้วนี่อยู่ไหนแล้ว”
“อ่ออยู่แถวๆ ไรหว่า ป่าๆ อ่อ ทุ่งแสลงหลวงคับ”
“ไหนบอกอยู่ขอนแก่นไงวะ”
“อ่อกำลังไปไงคับ จากพิโลกไปขอนแก่น มันผ่านทางนี้ สวยมาเลยนะเฮีย แต่ฝนพรำๆ เลยถ่ายรูปไม่ได้”
ผมพูดพลางมองวิวข้างทาง สวยมากคับ เมื่อกี้พยายามจะลงไปถ่ายรูป ฝนเจ้ากรรมดันเทลงมา แม้ไม่หนัก แต่ก็กล้องเจ๊งได้ล่ะ
“ไม่เคยไปเลย” เฮียเคนแอบบ่น ใช่เดะ ไปแต่เมืองนอกเมืองนา บ้านนอกแบบนี้คงไม่เคยมาหรอก
“เฮียมาเดี่ยวผื่นขึ้น มันร้อนนะ” ผมแอบกัด ฮ่าๆๆ
“หรอออ ไอ้คุณหนู อย่ามากปากดี เดี๋ยวเถอะ” เฮียเคนแกทำเสียงแค้นๆ น่ารักเจรงๆ
“เออเต้ จะเอาไรป่าวไปฮ่องกงอ่ะ” ฮะอะไรนะคับ ไอ้เต้ได้ยินไรไม่ถนัด
“หมายถึงคนหรือของคับ ฮ่าๆ”
“ของดิ อยากได้ไรมั้ย ของฝากน่ะ” เฮียจะซื้อมาฝากผมด้วยหรอ เฮ้อออ แค่ถามผมก็ดีใจตายแล้วรู้มั้ยคับเพ่
“ไม่เป็นไรหรอกคับ”
“อ่านะ เราไม่ใช้น้ำหอมใช่ป่ะ”
“คับ ไม่ค่อยนะ”
“อืม งั้นเดี๋ยวหาอะไรน่ารักๆมาฝากนะ” เฮ้อ เฮีย อย่างี้ดิ ผมยิ้มไม่หุบจนไอ้พลมันเขม่นแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ วู้ ทุ่งแสลงหลวงทำไมมันสวยงี้วะ
________________________________________________
ขอบคุณทุกกำลังใจเลยคับ นั่นดิ งั้นผมไปโลดละน้าาา