บทที่6
“ว่าไงสมุทร”
“คือ...แล้วมันทำไมหรอวะพี่” ผมที่ตอบออกไปแบบนั้น อยู่ๆ สถานะการณ์ตรงหน้ามันก็แปลกๆ อึมครึมยังกับว่าพี่พระจันทร์กับพี่ยอร์ชกำลังหาเรื่องกัน เพราะมีผมเป็นตัวแปร .... ซึ่งนั่นมันไม่ถูกต้องป่ะ
ผมหันไปมองหน้าพี่พระจันทร์ที่ยืนอยู่ข้างตัว สลับกับพี่ยอร์ชที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ แต่พี่พระจันทร์ที่เอาแต่มองหน้าพี่ยอร์ชแบบกวนตีน พี่ยอร์ชขมวดคิ้ว ท่าทางที่เหมือนอยากจะพุ่งเข้ามาตั๊นหน้าพี่พระจันทร์สักทีนึง
“พวกพี่สองคนรู้จักกันหรอวะ”
“มันไม่สำคัญหรอก สำคัญคือคำตอบมึง” พระจันทร์ว่าออกมาแบบนั้น น้ำเสียงไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวกับบรรยากาศขมุกขมัวนี้เลย แถมใช้อกตัวเองมาดันไหล่ผมให้รีบตอบอีก
“สมุทร” พี่ยอร์ชพูดขึ้นมาอีก ดวงตาคมดุของพี่มันที่มองตรงมาที่ผม ผมไม่เข้าใจความหมายนั่น
“ผมไม่ใช่เด็กของพี่พระจันทร์หรอกครับ” ผมถอนหายใจแล้วพูดออกไปแบบนั้น
“ไอ้สมุทร!” พี่พระจันทร์ที่โอบไหล่ผมไว้ว่าออกมาเสียงดัง แก้วหูข้างขวาของน้องสมุทรนี่แทบจะเต้นระบำ เงยหน้ามองคนที่สูงกว่า ก็เห็นพี่คนสวยขาของผมถลึงตามองหน้าดุๆ หันไปมองหน้าพี่ยอร์ชบ้างที่ตอนนี้เปลี่ยนจากหน้าจ๋อยๆ เป็นยิ้มออกมากว้างๆ แทน ... คือพวกพี่มันสองคนอารมณ์เปลี่ยนไว้จังวะ
“เหอะ ได้ยินชัดแล้วนะไอ้จันทร์...มึ...”
“แต่คือ....” ผมสอดปากพูดออกไปก่อนที่พี่ยอร์ชจะพูดได้จบประโยค
“ผมกำลังจีบพี่พระจันทร์น่ะครับพี่ยอร์ช”
“อะไรนะ” พี่ยอร์ชขมวดคิ้วมองหน้าผมอย่างไม่เข้าใจ ขายาวที่ก้าวตรงเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น สีหน้าที่บ่งบอกว่าไม่เข้าใจ ติดตรงที่ก่อนที่พี่ยอร์ชจะถึงตัวผม ก็ถูกพี่พระจันทร์คนสวยขาของผมเดินขึ้นมายืนตรงหน้าผมขว้างผมระหว่างพี่ยอร์ชเอาไว้ซะก่อน เชี่ย...บังกูมิดเลย อนาคตเมียสายสุขภาพแหล่ะ
“เหอะ คราวนี้มึงเองก็ได้ยินชัดแล้วเหมือนกันนะไอ้ยอร์ช” ว่าจบพร้อมยื่นมือไปผลักไหล่พี่มันแรงๆ
“มึงจะเอาไง”
“เห้ยๆ พวกมึงสองคนพอ” เป็นพี่ปุ่นกับพี่มีนที่เข้ามาขวางตอนพี่ยอร์ชจะตรงเข้าใส่ ผมมองภาพตรงหน้าแบบไม่เข้าใจเลยว่าสองคนนี้เป็นอะไร และพวกเค้ามีเรื่องอะไรกัน
“กูพอก็ได้ ... แต่มึงก็ต้องพอเหมือนกัน” พี่พระจันทร์สะบัดตัวเองออกจากพี่ปุ่นแล้วชี้หน้าพี่ยอร์ช ท่าทางที่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมแต่ติดตรงพี่มีนที่ตัวใหญ่กว่าดึงเอาไว้
“ไปไอ้สมุทร” พี่พระจันทร์ว่าแบบนั้นแล้วดึงมือผมไป พร้อมดึงให้เดินตามเค้าไป
“เห้ยๆ เดี๋ยวๆ พี่พระจันทร์ พี่ยอร์ช คือ...” ผมว่าอย่างละล้าละลัง หันไปมองพี่ยอร์ชสลับกับโดนพี่พระจันทร์ลากให้เดินไปด้วยกัน ปัดโถ่เอ๊ย ปกติก็ไม่เห็นจะอยากให้กูไปไหนมาไหนด้วย วันนี้ลากจังโว้ย
“อย่าดื้อกับกูสมุทร” พี่มันว่าแบบนั้น ก้มหน้าลงมามองหน้าผมดุๆ ก่อนฝ่ามือของพี่พระจันทร์จะเอื้อมมาจับหน้าผมให้หันไปมอง
“มองแต่กูนี่ ไปมองไอ้ห่านั่นทำไม ขี้เหร่” คนเรามันจะมั่นหน้าอะไรขนาดนั้นวะ!แต่ไม่ปฏิเสธหรอกครับ เพราะพี่พระจันทร์น่ะสวยที่หนึ่ง ที่สุดในใจน้องสมุทร
“แต่ผมยังไม่ได้ลาพี่ยอร์ช”
“ช่างแม่งสิ ใครสน” กูสนจ้า .. . ผมที่ยังไม่ทันจะได้ค้านอะไรออกมาอีกก็ต้องเดินตามพี่พระจันทร์ไป เพราะสู้แรงอีกฝ่ายไม่ไหว แต่ในตอนที่เรากำลังจะเดินไป เสียงของพี่ยอร์ชก็ดังไล่หลังตามมาซะก่อน คำพูดที่ทำให้พี่พระจันทร์กับผมต้องหยุดเดิน
“กูรู้นะว่ามึงทำแบบนี้เพื่ออะไรไอ้พระจันทร์!”“มึงอย่าคิดว่ามึงจะทำได้ แล้วสมุทรก็ไม่เกี่ยว”
“กูจะทำอะไรมันก็เรื่องของกู และมึงก็อย่าเสือกคิดว่ารู้ดีไปทุกเรื่องนักเลย ... คนแบบมึงแม่งไม่เคยรู้อะไร”
“มึงก็เหมือนกัน! ไม่เคยรู้เหี้ยอะไรสักอย่าง”
“แต่กูรู้อยู่เรื่องนึง” พี่พระจันทร์ว่าออกมาแบบนั้น ดวงตาคมของพี่พระจันทร์ที่จ้องมองพี่ยอร์ชนิ่ง ก่อนริมฝีปากสวยนั่นจะแสยะยิ้มมุมปากส่งไปทางพี่ยอร์ช
“ครั้งนี้มึงจะไม่มีทางชนะ”.
.
.
“มึงเลิกไปยุ่งกับไอ้เหี้ยนั่นเลย”
ผมว่าแบบนั้นตอนที่เงยหน้าขึ้นมาจากจานแซนวิสทูน่าของตัวเอง ในปากยังคาบผักสลัดเคี้ยวหยับๆ ไปด้วย ตอนที่ผมได้แต่มองหน้าของคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันที่ลากผมมานั่งที่ร้านกาแฟเงือกเขียวที่อยู่ในคณะของผม
“เอ้า มันได้ยังไงเล่า” บอกออกไปแบบนั้นตอนที่กลืนแซนวิชคำโตนั่นลงท้อง พี่พระจันทร์ถอนหายใจออกมาหนักๆ อย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะหยิบทิชชู่ที่วางอยู่ข้างตัวพี่เค้าแล้วยื่นมาเช็ดที่มุมปากของผม สายตาคมๆ ที่มองมาเหมือนรำคาญกันเต็มที แต่ถึงแบบนั้นก็ยังคงเช็ดปากให้ผมไม่หยุด
“พ...พี่พระจันทร์”
“แดกเลอะเทอะนะมึงอ่ะ”
“ผม...” หัวใจน้องสมุทรมันสั่นอีกแล้ว ช้อนตามองหน้าของพี่พระจันทร์อีกที อยู่ๆ มันก็ดันเผลอนึกไปถึงเรื่องเมื่อคืน นึกถึงท่าทางของคนตรงหน้าตอนที่เปลือยเปล่าและเอาแต่กระแทกกระทั้นแกนกายเข้ามากลางหว่างขาของผม ... พี่พระจันทร์ในตอนนั้น กับพี่พระจันทร์ในตอนนี้มัน....
“ทำไมมึงหน้าแดง” ว่าแบบนั้นพร้อมหรี่ตาลงมองจับผิด
“หรือมึงคิดถึงไอ้เหี้ยยอร์ช” ขมวดคิ้วแล้วว่าออกมาเสียงดัง ผมนี่เลิ่กลั่ก มองไปที่โต๊ะอื่นๆ อย่างขอโทษ
“เปล่าสักหน่อย แล้วพี่จะเสียงดังออกมาทำไมล่ะครับ น้องสมุทรอายคนเค้า”
“กูสนที่ไหนล่ะ” จ๊ะ เชิดเนอะ ... แบบสวยแล้วหยิ่งไม่อะไรกับใคร
“ว่าแต่พี่พระจันทร์กับพี่ยอร์ชรู้จักกันมาก่อนหรอครับ” ผมเลือกที่จะถามออกไป เพราะไม่เข้าใจท่าทีของสองคนนี้มากๆ ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าเค้าทะเลาะอะไรกัน
“อืม ...”
“แล้วพี่สองคนทะเลาะกันหรอ”
“เปล่า แต่มึงอย่าไปยุ่งกับมัน ไอ้ขยะมีพิษนั่นน่ะ” ว่าไปนั่นแล้วยกแก้วอเมริกาโน่เย็นของตัวเองขึ้นมาดูดหน้าตาเฉย
“ผมก็ไม่ได้สนิทกับพี่เค้าขนาดนั้น แต่พี่เค้าก็นิสัยดีนะ”
“ดีเหี้ยไร ถ้ามึงไม่อยากเสียใจก็อย่าไปยุ่งกับมัน” บอกผมแบบนั้นด้วยสีหน้าที่เรียกได้ว่าจริงจังมากๆ
“แล้วผมจะไปเสียใจกับพี่เค้าทำไม”
“ก็มันแค่จะมาหลอกมึงไง เดี๋ยวได้มึงแล้วก็ทิ้ง”
“เกินไปน่าพี่พระจันทร์ พี่ยอร์ชไม่ได้ชอบน้องสมุทรสักหน่อย” ผมบอกออกไปแบบนั้นแล้วยิ้มน่าระรื่น ก็เรื่องจริงไหม พี่ยอร์ชจะมาชอบผมได้ยังไงวะ คนแบบผมอ่ะนะ ใครมันจะมาชอบวะ
“อีกอย่างนะ ... คนที่จะทำให้น้องสมุทรเสียใจได้มันก็มีแค่คนเดียว” บอกออกไปแบบนั้นแล้วยื่นหน้าเข้าไปหาคนที่นั่งทำหน้านิ่งๆ มองหน้ากันอยู่ในตอนนี้
“คนที่น้องสมุทรชอบ ... ก็มีแค่พี่พระจันทร์เท่านั้นล่ะ”
“เพราะงั้นคนที่จะทำให้น้องสมุทรเสียใจได้ก็ต้องมีแค่คนเดียว ... ที่หนึ่งของหัวใจคนสุดท้ายของชีวิต”
“หึ”
“เอิ๊ววว เขินเลยว่ะ เท่จัดเลยตัวกู” ว่าแล้วก็ยกมือขึ้นปิดหน้า ปัดโถะ น้องสมุทรนี่มันสุดจ๊าบนะว่าไป
“หึ มึงนี่แม่งเสี่ยว” บ่นออกมาแบบนั้นแล้วยกยิ้ม เป็นรอยยิ้มน้อยๆ ที่ผมเห็นได้แป๊บเดียว เพราะพี่พระจันทร์ถอยตัวหนีไปพิงพนักเก้าอี้แล้วหันหน้าหนีกันซะงั้น
... มองจากตรงนี้เหมือนคนกำลังหน้าเบี้ยวเพราะกลั้นยิ้มจนปวดกราม
เอาเป็นว่าน้องสมุทรจะทำเป็นไม่เห็น อาการเริ่มตกหลุมรักน้องสมุทรไม่ไหวก็แล้วกันนะ
...
“มึงนี่แม่งทำแต่เรื่อง อยากเป็นดารานักหรอไอ้สัด เรื่องมึงนี่ดังหน้าเฟสอีกแล้ว” เสียงไอ้มาร์ชที่บ่นออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ มันขมวดคิ้วมองผมทันทีที่ผมทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ว่างข้างๆ มัน
“ก็คนในคณะเราขี้เสือกอ่ะ”
“ไม่ใช่คนในคณะเราขี้เสือกหรอกโว้ย แต่มึงเล่นมีหนุ่มมาวิวาทแย่งกันจีบมึงถึงคณะ แล้วสองคนนั้นก็ตัวท็อปบริหาร กับอีกหนึ่งนั่นเดือนคณะโยธา มันก็ต้องดังสิวะ” ไอ้เฮงว่าแบบนั้นตอนที่เงยหน้าขึ้นมาจากเกมส์ที่มันกำลังเล่นอยู่ในมือถือ
“จีบเหี้ยไรล่ะ” ผมว่าออกไปแบบนั้นแล้วปาแท่งลิควิดใส่หัวไอ้เฮง แต่มันเสือกรับทันด้วยท่าเท่ๆ ขยิบตาให้ผมทีนึง
“ขอบใจมึงมากน้องหมุด กูไม่มีพอดี”
“K”
“Kพี่พระจันทร์หรอ” ไอ้จิมเสือกออกมาแบบนั้นแล้วยิ้มหรี่ตาหน้าระรื่น
“Kพี่พระจันทร์มันทำไม!”
“ใหญ่มั้ง กูเดาๆ เอาอ่ะนะ ฮ่าๆ”
“ก็ใหญ่ไง แต่ไม่รู้ยังว่าเป็นไงยังไม่ได้ลอง” พูดพร้อมเบ้หน้า ทำไมเพื่อนๆ น้องสมุทรถึงต้องวอแวKพี่พระจันทร์ด้วยวะ นึกขึ้นมาแล้วมันร้อนๆ หน้าแปลกๆ เลยเนี่ย
“หื้มมม แล้วมึงจะไปลองที่ไหนไม่ทราบวะ” ไอ้จิมพูดแบบนั้นแล้วเอื้อมมือมาผลักหัวผม เอาซะแว่นก็เลื่อนออกจากลูกตาเลยแม่ง
“ก็ลอง...”
“ลองเหี้ยอะไรไอ้สมุทร” ไอ้มาร์ชว่าออกมาเสียงแข็งๆ หันไปมองหน้ามันที่ตอนนี้ขมวดคิ้วแน่นๆ มองกันแล้วผมสะดุ้งเลย เหมือนพ่อจับได้ว่าแอบไปเยเย่กับผัวมา
“เปล่า กูเปล่าลองอะไรเลย” บอกมันแบบนั้น แล้วกระดึบตัวเข้าไปหา เอื้อมมือไปกอดแขนมันไว้แน่นๆ แล้วเอาหน้าไปถูอ้อนๆ
“แล้วคืนนั้นมึงหายไปไหน” ไอ้มาร์ชที่ถอนหายใจทำหน้าเบื่อๆ ถามออกมาแบบนั้น เล่นเอาน้องสมุทรใจหายแว๊บ
“คืนไหน กูไม่ได้หายนี่นา น้องสมุทรก็อยู่ตรงหน้าพ่อนี่”
“กูไม่มีลูกแรด เอาดีมึงหายไปไหนมา”
“จริง พวกกูนี่ตามหามึงแทบแย่ แล้วยังเสือกปล่อยพี่ยอร์ชไว้กับพวกกูอีก” ไอ้จิมเห็นด้วยกับไอ้มาร์ช แล้วจะให้กูตอบออกไปยังไงว่ากูหายไปชั้นบนของผับจ้า พี่พระจันทร์พาไป กูก็ตอบออกมาแบบนี้ไม่ได้ไหมอ่ะ
“แต่ว่าไป ไอ้พี่ยอร์ชนี่มันก็นิสัยดีอยู่นะ ดูเป็นห่วงมึงมากด้วย” ไอ้เฮงที่วางมือถือลงแล้วเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม
“ดูก็รู้แล้วว่าพี่มันคิดอะไร”
“คิดอะไรวะ” ผมเอียงคอถาม ไอ้เฮงยกยิ้มมุมปากแล้วยักไหล่ เอ้า นี่มึงกวนตีนน้องสมุทรหรอ
“มึงนี่แม่งไม่เคยรู้เหี้ยไรเลยจริงๆ”
“โอ๊ย มึงผลักหัวกูอีกแล้วนะไอ้สัดจิม มึงจะเอาใช่มะ”
“ไม่เอาโว้ย กูไม่อยากเอาเด็กแบบมึงหรอก เด็กเหี้ยอะไรไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง” มันว่าแบบนั้นแล้วเอี้ยวตัวหลบหมัดของผมที่เอื้อมไปตีหลังมัน น้องสมุทรจะตีมันให้กระอักเลย
“ไม่รู้เหี้ยอะไรสักอย่างแล้วเสือกอยากเป็นผัวพี่พระจันทร์”
“จริง ... ยังไม่ทันได้ขึ้น ก็คงโดนคล่อมแล้วล่ะกูว่า” ไอ้เฮงไอ้จิม สองคู่หูเฮงซวยพูดกันรับส่งไปมา เหมือนว่ากูไม่ได้นั่งอยู่ด้วย ถ้าจะนินทาดังขนาดนี้ มึงไม่เดินไปห้องเสียงตามสายแล้วประกาศออกไมค์เลยล่ะแม่ง
ผมเบ้หน้าหนีจากพวกมัน แล้วหันมามองหน้าไอ้มาร์ชที่ตอนนี้เอาแต่ขมวดคิ้ว ผูกโบว์ทำหน้าเครียดเหมือนปวดท้องขี้แต่ไม่มีส้วมให้เบ่ง
“เป็นไรวะมึง” เอื้อมมือไปสะกิดไหล่มัน ไอ้มาร์ชที่หันหน้ามามองกันนิดๆ แล้วถอนหายใจหนักๆ
“มึงแม่งไม่รู้อะไรสักอย่างเลยว่ะสมุทร”
“เอ้า! เหี้ยไรเนี่ย” ยกมือขึ้นเกาหัวเลยกู
“แต่ถ้าให้กูเลือก มึงเลือกไอ้พี่ยอร์ชเหอะ ยังไงมึงก็ไม่เหนื่อยเหมือนวิ่งตามแบบไอ้พี่พระจันทร์เฮงซวยนั่นหรอก”
“มึงอย่าด่าพี่พระจันทร์สิวะ ตอนนี้กูกับพี่มันน่ะนะเรา...” ผมขยับเข้าไปกระซิบมันแบบนั้น รู้สึกร้อนๆ หน้าเกินกว่าจะพูดออกมาดังๆ ด้วย
“ทำไม” ไอ้มาร์ชว่าแบบนั้นแล้วหันหน้ามาหากัน ปลายจมูกของเราสองคนที่ชนกันเข้าพอดี ผมสะดุ้ง มันสะดุ้ง แล้วเราก็ผละออกจากกันทันที มองเห็นหน้าของมันที่ขึ้นสีนิดๆ เชี่ย!
“แก้มมึงแดงเป็นตูดลิง!” ผมพูดออกไปดังๆ พร้อมชี้หน้าไอ้มาร์ชไปด้วย มันที่เบิกตากว้างขึ้นแล้วขมวดคิ้วใส่อย่างหงุดหงิด คำพูดของผมทำเอาไอ้จิมกับไอ้เฮงหลุดขำก๊ากออกมาดังลั่น ...โชคดีที่ยังไม่มีใครเข้าคลาสเรียนมา ไม่งั้นคงโดนอาจารย์ด่าไปแล้ว
“ฮ่าๆ มึงความรู้สึกไวหรอวะมาร์ช”
“น่ารักน่ะมึงอะ”
“หุบปากไปไอ้พวกเหี้ย ส่วนมึงสมุทร! เลิกได้เลิก เลิกตามวอแวไอ้ห่านั่นเหอะ ถ้ามันชอบมึงบ้างมันคงไม่เล่นเป็นหมาหยอกไก่กับมึงแบบนี้หรอก”
“พี่พระจันทร์ไม่ได้หยอกไก่กูนะมึง! เค้าหยอกอันอื่นกูเลยเถอะ”
“หยอกอะไร!”
เสียงสามเสียงของเหล่าเพื่อนสนิทจอมขี้เสือกตะโกนออกมาพร้อมกันแบบไม่ได้นัดหมาย แล้วจะให้บอกออกไปยังไงอ่ะ...ว่าพี่มัน
“หยอกไข่กูจ้า!~~” ยิ้มตาปิดแล้วบอกเพื่อนอย่างภูมิใจ กูน่ะนะ เริ่มเข้าใกล้หัวใจพี่พระจันทร์แล้วเถอะ!อิอิ
...
“พี่ยอร์ช” ผมที่เดินลงมาจากคณะตอนสี่โมงเย็น ก็เจอเข้ากับพี่ยอร์ชเจ้าเก่าเจ้าเดิมในชุดเสื้อช็อปเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือรังสีคนอารมณ์เคร่งขรึม ปกติจะเจอแต่พี่มันในโหมดของคนร่าเริง
“กูมีเรื่องอยากคุยด้วย” พี่มันว่าออกมาแบบนั้น สีหน้าท่าทางจริงจังจนทำให้ผมต้องหยุดมอง
“แต่ผมสัญญากับไอ้มาร์ชว่าจะไปกินซูชิด้วยกันอ่ะ” ว่าออกไปแบบนั้นแล้วพยักหน้าไปใส่ไอ้มาร์ชที่เดินตามมา มันยกมือขึ้นไหว้พี่ยอร์ชที่ก็ยกมือรับไหว้มัน
“มึงไปกับพี่เค้าก็ได้ วันหลังค่อยไปกับกู” มันบอกแบบนั้นแล้วยิ้มให้อีกคน ผมมองอย่างชั่งใจ ก่อนที่สุดท้ายจะพยักหน้าตกลง
“ขอบใจมึง” พี่ยอร์ชหันไปบอกไอ้มาร์ช
“ไม่เป็นไรพี่” ไอ้มาร์ชพยักหน้าให้พี่ยอร์ช แล้วหันมาตบไหล่ผมเบาๆ ก่อนที่มันจะเดินเลี่ยงออกไปอีกทาง คิดว่ามันน่าจะเดินไปลานจอดรถ
“พี่ยอร์ชมีอะไรกับผมหรอพี่”
“มึงไปกับกูก่อน เดี๋ยวกูไปส่งบ้าน”
“แต่...”
“กูไม่ทำไรมึงหรอก” พี่มันมองหน้าผม สายตาจริงจังของมันทำให้ผมพยักหน้าตอบรับ จริงๆ ไม่ได้กลัวมันทำอะไรสักหน่อย แค่คิดว่าถ้าไปกับพี่ยอร์ชแล้วพี่พระจันทร์รู้จะโกรธหรือเปล่า แต่คงไม่เป็นไรหรอก ก็พี่มันไม่รู้นี่นา
ผมเดินตามพี่มันไปถึงรถ ก่อนจะต้องเบิกตากว้างๆ แล้วทำปากโอ้โห เบนซ์สปอร์ตสองประตูสีขาวทำเอาผมมองสลับกับพี่ยอร์ช คิดว่าต้องเป็นรถราคาแพงฉิบหายไม่ต่างจากรถของไอ้มาร์ชแน่ๆ อ่ะ จริงๆ ดูจากหน้าตาก็รู้ว่ามันไม่น่าจะจน แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะมีฐานะเบอร์นี้ ... ไอ้ฉิบหาย น้องสมุทรจะเกาะพี่มันไว้ครับ เลี้ยงข้าวเลี้ยงเหล้าสาธุ
“นี่กูจะมีบุญตูดได้นั่งหรอวะเนี่ย”
“ก็แค่รถไหม มึงตลก” มันว่าแบบนั้นแล้วยิ้มออกมาน้อยๆ ผมเข้าไปนั่งข้างๆ ที่เบาะข้างคนขับแบบเบามากๆ กลัวเบาะเค้าเป็นรอยครับ
“มึงไม่ต้องเกร็งขนาดนั้น ก็แค่รถ”
“รถราคาแพงโว้ยพี่ ทำไมไม่บอกให้ไวกว่านี้ กูนี่จะเกาะไว้แน่นๆ ไม่ยอมให้พี่มึงหนีหายเลยจ๊ะ” ผมว่าแบบนั้นแล้วยิ้มจนตาปิด พี่ยอร์ชหัวเราะแล้วส่ายหน้าหน่อยๆ พี่มันที่เอนตัวเข้ามา ใบหน้าคมหล่อของมันที่ห่างจากหน้าของผมไปหน่อย เรามองตากัน ในตอนที่ผมไม่เข้าใจและรู้สึกตกใจหน่อยๆ ก็รู้สึกถึงสายเบลท์ที่ถูกคาดผ่านอก
“อ่า...”
“ปลอดภัยไว้ก่อนไง หรือมึงคิดว่ากูจะทำไร”
“เปล๊า...” ว่าแบบนั้นแล้วยกมือขึ้นไปดันกรอบแว่นตาหนาเตอะของผมแก้เก้อ
“แล้วมึงไม่ต้องเหนื่อยเกาะกูหรอก ... กูไม่ได้คิดจะหายไปจากมึง”
“แหม่ ปากหวานแบบนี้สาวๆ ติดตายเลย”
“กูไม่ได้อยากให้สาวติด กูอยากให้มึงติด”
“ห๊ะ...” เมื่อกี้พี่มันพูดอะไรวะ จริงๆ กูเริ่มรู้สึกว่าตัวเองจะประมวนผลออกมาติดๆ ขัดๆ นะ ... เพราะผมเริ่มคิดว่าคำพูดของพี่มันจะแปลกหน่อยๆ
พี่ยอร์ชมันไม่ได้ตอบคำถามอะไรของผม ทำแค่ยักไหล่แล้วขับรถออกไปจากคณะก็แค่นั้น ตลอดทางไม่ได้มีบรรยากาศเคร่งเครียดอะไร พี่ยอร์ชมันเปิดเพลงทำลายบรรยากาศระหว่างเราด้วยเพลงปลุกเร้าอารมณ์ เพลงของศิริพร ชื่อเพลงโบว์รักสีดำ บรรยากาศคอนทราสจนผมต้องหัวเราะออกมาเสียงดัง รถหรูกับเพลงหมอรำที่เจ้าของรถหน้าตาออกลูกครึ่งญี่ปุ่นในชุดเสื้อช็อป ... บรรยากาศแบบนี้มันอะไรกันล่ะครับเนี่ย
จนเมื่อรถขับไปได้ถึงครึ่งทาง
‘ครืด ครืดดดด’
เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นให้แปลกใจ พี่ยอร์ชที่อยู่ข้างๆ ตัวไม่ได้สนใจอะไรในตอนที่ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย อดแปลกใจไม่ได้กับคนที่โทรมา
“ฮั...ฮัลโหลครับ” ปัดโถะ! ไอ้สมุทรมึงอย่าเสียงสั่นสิวะ
((อยู่ไหน) )
“เอ่อ...อยู่บนรถครับ” ผมตอบออกไปแบบนั้นในตอนที่ได้ฟังเสียงปลายสายที่ดุเหมือนว่ากำลังหงุดหงิด ... ก็ถ้าหงุดหงิดแล้วจะโทรมาหากันทำไมนะ กลัวนะเว้ย แอบปลายตาไปมองคนขับข้างๆ ตัวที่ยังเอนจอยกับเพลงหมอรำต่อไป มีโยกหัวตามจังหวะดนตรีไปนั่นอีก อืม มีความสุขอ่ะเนาะ
((มึงอย่ากวนกูนะสมุทร มึงกลับกับใคร) )
“อ่า ...เอ่อ..”
“มีอะไรเปล่าวะสมุทร” พี่ยอร์ชที่ถามผมออกมาแบบนั้นในตอนที่เห็นท่าทีอึกอักของผม ปัดโถ่เว้ย เก็บความหวังดีมึงไว้ก่อนไม่ได้หรือไงวะ
((เสียงไอ้เหี้ยยอร์ช! นี่มึงไปไหนกับมันห๊ะ!!) )
“ไม่ได้ไปไหนพี่ ผมจะกลับบ้าน”
((มึงลงจากรถมันเลย ลง!) )
“ได้ที่ไหนเล่าพี่พระจันทร์ ผม...”
“ไอ้พระจันทร์โทรมาหรอ” พี่ยอร์ชที่คงได้ยินผมเรียกชื่อเลยถามออกมาแบบนั้น ผมมองเห็นตาคมของพี่ยอร์ชวาวขึ้นมา เอ่อคือ
“ครับ...”
“คุยกับมันทำไมไร้สาระ”
((ไอ้เหี้ยนั่นมันว่าใคร ห๊ะ มึง...) )
“เอามือถือมานี่สมุทรกูวางให้” พี่ยอร์ชว่าออกมาแบบนั้นแล้วดึงโทรศัพท์ออกมาจากหูผม ได้ยินเสียงพี่พระจันทร์โวยวายดังออกมาจากในสายแม้ว่ามือถือจะไปอยู่ในมือพี่ยอร์ชแล้วก็ตาม
((มึงจะเล่นกับกูหรอวะ!....) )
“กูไม่เล่นกับมึงให้เหนื่อยหรอก...กูเล่นกับไอ้สมุทรดีกว่าอีก”
((ไอ้เหี้ยยอร์ช!) )
ตู๊ด....
เสียงสัญญาณหายไปพร้อมๆ กับนิ้วแกร่งของพี่ยอร์ชที่กดตัดสาย แล้วกดปิดเครื่องมือถือผมหน้าตาเฉย
“เห้ยพี่ยอร์ช”
“ปิดเครื่องไปเถอะ พี่ขออยู่กับเราสองคนก่อนไม่ได้หรอวะ...” สายตาคมของพี่ยอร์ชที่หันมามองผมในตอนที่เราติดไฟแดง
“แต่พี่พระจันทร์...”
“สมุทร ถ้ามึงไม่รู้กูจะบอกให้”
“บอก...บอกอะไรวะพี่”
“บอกให้รู้ว่ากูชอบมึง”
“เชี่ย!” อุทานเสียงดัง จ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยตาโตๆ แต่พี่ยอร์ชก็ยังเอาแต่พูดต่อไป สายตาคมๆ ที่ไม่สั่นไหวนั่นจริงจังจนมากกว่าคำว่าล้อเล่นได้
“กูซีเรียสนะ”
“งั้นสวัสดีนะ ผมแฮรี่ แฮรี่พ็อตเตอร์” ว่าออกไปพร้อมยิ้มแหย่
“เล่นมุขเหี้ยอะไรของมึงเนี่ย ฮ่าๆ ...สัดเอ้ย” พี่ยอร์ชมันว่าแล้วขำออกมาเสียงดัง อีกฝ่ายที่หลุดหน้าจริงจังจนผมขำตาม ก็ไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลยนี่หว่า
“แต่พี่ยอร์ช ...ผม...”
“มึงจะบอกกูว่ามึงชอบไอ้พระจันทร์อ่ะดิ” ผมพยักหน้ารับกับคำถามนั้น
“แต่ตราบใดที่มึงยังไม่ได้คบกับมัน กูก็มีสิทธิ์จะสู้ไม่ใช่หรอวะ ... ก็ขอแค่อย่าเอาแต่ปิดใจมองแต่คนที่ไม่ได้รักมึงเลย หันมามองคนที่พร้อมจะรักมึงตรงนี้บ้างก็พอ”
“พี่...”
“กูไม่รีบหรอกนะ .. แต่กูเร่งว่ะ” ยกยิ้มมุมปากหันเปลี่ยนไปเปลี่ยนเกียร์ เหยียบคันเร่งในตอนที่ไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว ท่าทางเท่ๆ แบบนั้น แม่งเอ๊ย คนพวกหน้าตาดีนี่มันทำเขินอายจังวะ ... ยกหน้าขึ้นดันกรอบแว่นแล้วหันหน้าออกไปมองนอกรถแม่ง
“ขอบคุณที่มาส่งครับพี่”
“กูชอบมึง มากกว่านี้ก็ทำให้ได้”
เชี่ยเอ๊ย รุกอะไรกูจังอ่ะ
“พี่ยอร์ช...” ผมลากเสียงอ่อย อยากจะให้เบาๆ บ้าง ใจจริงไม่อยากให้เค้ามาทุ่มเท่อะไรกับผม เพราะยังไงผมก็คงไม่เปลี่ยนใจจากพี่พระจันทร์มาชอบพี่ยอร์ชหรอก น้องสมุทรที่รักพี่พระจันทร์มาสี่ปี กับพี่ยอร์ชที่พึ่งเจอกันไม่กี่วัน ถ้ามันเปลี่ยนง่ายขนาดนั้น ผมคงไม่ชอบพี่พระจันทร์มาถึงตอนนี้หรอก
“อะ ขนมเค้ก” มันหยิบกล่องขนมเค้กออกมาจากเบาะหลังที่ไม่รู้ว่าซื้อมาตั้งแต่ตอนไหน มองเข้าไปเห็นเป็นเค้กสตอเบอรี่จากร้านดังร้านนึง
“เห็นว่านัดไปกินซูชิกับเพื่อน แต่อดเพราะกู เอาเค้กไปกินแทนก่อนละกัน”
“ขอบคุณครับพี่” ผมยกมือไหว้แล้วเดินลงจากรถ อีกคนที่เลื่อนกระจกลงมามองผม
“ฝันถึงกูบ้างล่ะ” ยกยิ้มหล่อส่งท้าย ก่อนจะถอยรถออกไปทั้งแบบนั้น ... ไอ้เหี้ยเอ๊ย คนหน้าตาดีทำอะไรแต่ละทีก็หล่อจังอ่ะ เสียดายว่ะ ถ้าพี่ยอร์ชมันอยากมาเป็นเมียน้องสมุทร อันนี้ยังน่ารับพิจารณามากกว่าเยอะเลย ผมถอนหายใจแล้วเดินเข้าไปในบ้านแบบใจลอยๆ
“กลับมาแล้วครับ” พูดออกมาแบบนั้นแต่ไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากแม่ หรือว่าวันนี้แม่จะยังไม่กลับ ผมเดินเข้าไปวางเค้กไว้ในตู้เย็น ก็ได้ยินเสียงตึงตังวิ่งออกจากห้องดูหนัง เป็นไอ้ทะเลน้องรัก ผมไม่ได้สนใจอะไรมันได้แต่เดินเบลอๆ ขึ้นห้องไป
“เห้ยพี่หมุดๆ ทะเลมีเรื่องจะบอกนะ คือว่า...”
“อืม เดี๋ยวกูลงมาเล่นด้วย แต่ตอนนี้ไว้ก่อนนะ”
“คือว่ามันไม่ได้ไหมอ่ะ มันแบบว่า...”
“ไว้ก่อนทะเล หัวใจกูทำงานหนัก” เดินหนีมันขึ้นบันไดมาเรื่อยๆ ไอ้ทะเลที่ตะโงนแง้วๆ อยากจะตามขึ้นมา แต่ผมเอาขาเขี่ยมันไว้ เลิกสนใจไอ้เด็กกระโปกนั่นก่อน ทะเลมันเป็นแบบนี้เสมอ เหมือนเด็กเล็กๆ มีเรื่องมาเล่าให้ฟังทุกวัน แต่บางวันกูก็ไม่ไหว ขอพี่สมุทรมึงพักหัวใจแป๊บสิวะ
“ตามแต่ใจเลย ทะเลถือว่าพยายามละ!”
“เออ ตามสบายมึงจ้า”
ว่าแบบนั้นแล้วเปิดประตูเข้าห้องนอนตัวเองไป เหนื่อยหัวใจ ใจผมมันยังเต้นตึงตังเหมือนเวลาได้เต้นหน้าเวทีคอนเสิร์ต ความรู้สึกเหมือนตอนที่ได้สบตานักร้องเกาหลีที่ชอบตอนที่ได้นั่งบัตรหกพันห้าแถวหน้าสุด ... พี่ยอร์ชมันทำผมเป๋นะเอาจริงๆ
“เฮ้อ...เขินว่ะ” ผมว่าออกไปแบบนั้นแล้ววางของลงบนโต๊ะเขียนหนังสือในห้องนอน ร้อนหน้าแปลกๆ อ่ะเอาจริงๆ
“เขินมากไหมวะ ...
มากเท่าตอนมึงนอนใต้ตัวกูหรือเปล่า” เสียงเข้มๆ ที่ดังมาจากด้านหลังของผมทำเอาขนลุกซู่ หันหน้าไปมองทันที มีร่างของแขกไม่ได้รับเชิญนั่งกระดิกตีนอยู่บนที่นอนของผมหน้าตาเฉย สายตาคมสวยที่ผมชอบนักชอบหนา ในตอนนี้จองมาที่ผมนิ่งๆ เป็นความรู้สึกเสียวสันหลังวาบในตอนที่สายตานั่นจ้องผมไปทั่วทั้งตัว
มา...ได้ไงวะ!
“พ พี่พระจันทร์”
“เออ กูเอง...พี่พระจันทร์ของมึงไง” ยกยิ้มเหี้ยมพร้อมก้าวลงมาจากเตียง สองขายาวที่ก้าวตรงมาหาน้องสมุทร
ไอ้ทะเล!! ช่วยพี่มึงด้วยจ้า!!!
#รักอยู่รู้ยัง
ตะโกนออกมาพร้อมกันค่ะว่าเรื่องนี้ใครเป็นตัวร้าย!! ตัวร้ายมันมาบุกรุกแล้วจ้า เอิ๊ววว
แคทยังคาดหวังเหมือนเดิมว่าเรื่องราวนี้จะทำให้คนอ่านทุกคนมีความสุขไปได้ด้วยกันนะคะ
หวังว่าจะเข้ามาอ่าน มาเม้นท์ให้กำลังใจแคทนะคะ คนละเม้นท์สองเม้นท์ก็ดีใจค่ะ
หรือคอมเม้นท์กันได้ทางทวิตเตอร์ แฮชแท็ค #รักอยู่รู้ยัง
แคทตามอ่านอยู่น้า มีความสุขทุกครั้งที่เห็นข้อความจากคนอ่านค่ะ
แคทขอขอบคุณ คนอ่านจากเล้าเป็ดมากๆนะคะ ดีใจจจจ แคทนึกว่าจะไม่มีคนอ่านแล้วค่ะ
:sad4:ภ
แคทมาแล้วนะคะ มาอ่านอีกน้าาาา
ตามอ่านต่อไปน่ะครับ เป็นกำลังใจให้ครับ
ขอบคุณมากๆนะคะ แคทดีใจมากๆเลยค่ะ
เลือดเกือบหมดตัวละจ้า ฮีฮี
รอบทเต็ม บทอัศจรรย์
มารอทุกวันเลยนะค่า สนุกมาก เป็นกำลังใจให้เสมอจ้า
อ๊ากกก เขินเลย แคทพยายามเขียนอย่างเต็มที่ หวังว่าบทเกือบอัศจรรย์จะไม่ทำให้ผิดหวังนะคะ อิอิ
หมั่นไส้พระจันทร์ ไอต้าวปากแข็งเอ้ยยย
ไอ้ต้าวปากแข็งแบบนี้มันต้องโดนอะไรค๊าาา (ยื่นไม้)