32
ครั้งเดียวไม่เคยพอ
อาทิตย์แรกของการเปิดเทอมแทบจะไม่มีอะไรเลยนอกจากรับเอกสารนั่งฟังอาจารย์แนะนำเนื้อหาวิชาที่จะใช้สอนตลอดทั้งเทอมนี้ แล้วก็ปล่อย เป็นแบบนี้ในทุกรายวิชา
เมื่อจบวิชาแรกในช่วงเช้าแล้วบ่ายนี้ก็ว่าง ด้วยไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี การเข้ามาสิงที่มุมเดิมของร้านกาแฟจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเพื่อรอนำทัพเลิกเรียน ส่วนเพื่อนผม ขอแยกตัวไปทำธุระตั้งแต่ออกจากห้องเรียนมาทิ้งให้ผมต้องนั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียว
เกือบอาทิตย์แล้วนับตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง ผมยังไม่ได้ความคืบหน้าอะไรเพิ่มเติมเลยเกี่ยวกับเรื่องวันนั้น ถามไอ้แม็กซ์ก็บอกแค่ว่าทางร้าน กำลังประสานงานกับตำรวจเพื่อแกะรอยคนร้ายจากกล้องวงจรปิด เลยได้แต่รอว่าเมื่อไหร่ ความสงสัยในใจที่มีว่าคนร้ายเป็นใคร จะถูกเฉลยสักที
ผมยังไม่ได้บอกกับนำทัพเรื่องนี้ อย่างที่เคยพูดว่าเขาไม่ควรรู้ เพราะช่วงนี้นำทัพเหมือนจะมีเรื่องกังวลใจอยู่บ้างแล้ว ลอบสังเกตหน้าของคนที่เจอกันทุกวัน แม้จะมีรอยยิ้มกับความกวนประสาทเหมือนเดิม ทว่าก็ไม่อาจซ่อนความกังวลที่ออกมาทางแววตา หรือ สีหน้าช่วงที่เขาเผลอได้ ตั้งแต่วันที่เขาบอกว่าจะกลับไปคุยธุระกับคุณท่านเป็นต้นมา ความผิดปกติก็ฉายแววชัดขึ้นในทุกที
ไม่ควรจะทำให้คนที่มีเรื่องให้ต้องคิดมากอยู่แล้ว เป็นกังวลหนักไปอีกดีกว่า ...
“ ไอ้โซล เกิดเรื่องแล้วมึง”
ละสายตาจากหนังสือเรียนที่พึ่งได้รับมาเมื่อเช้า ขึ้นมาหาน้ำหวานที่วิ่งพรวดเข้ามาในร้าน ด้วยน้ำเสียงโคตรกระหืดกระหอบ ไม่รู้จะรีบอะไรนักหนา รัวจนฟังไม่รู้เรื่อง
“ใจเย็น มีเรื่องอะไรก็ค่อยๆ พูด”
“ ไอ้ทัพ กับพวกไอ้แม็กซ์....”
ขึ้นต้นประโยคแล้วหยุดหายใจถี่ๆ ไปแบบนั้น ทำเอาใจผมที่นิ่งอยู่ กลับรู้สึกเต้นแรงขึ้น เดาจากสีหน้า แววตา และ ความตกใจของน้ำหวานแล้ว คงไม่ใช่เรื่องดีแน่
“ ทำไม นำทัพเป็นอะไร ”
“ พวกมันกำลังมีเรื่องที่หลังตึกเรียนของนิเทศ ”
นี่ผมไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม ที่ได้ยินว่า นำทัพมีเรื่อง คนแบบเขาจะไปมีเรื่องกับใครได้ นำทัพไม่ใช่คนที่ชอบใช้กำลังหรือท้าตี ท้าต่อยกับใคร ปกติเขาต้องเลี่ยงการเผชิญหน้าแบบที่เคยทำ
ยกเว้นแต่ว่า เรื่องนั้นมันจะหนัก จนทำให้ความอดทนของเขาหมดลง ....
“ แล้วมันมันมีเรื่องกับใคร ”
“ พวกพี่เก่ง มึงรีบไปเหอะ เดี๋ยวก็รู้เอง ”
วินาทีนี้เลิกคิดถึงความจะเป็นไปได้ทั้งหมดก่อน รีบเก็บของแล้วลากน้ำหวานที่ยังไม่หายเหนื่อยให้วิ่งตามแรงฉุดของผมมาออกมา พร้อมกับความกังวล ในใจที่มี เป้าหมายคือต้องไปให้ถึงที่เกิดเหตุให้เร็วที่สุด เท่าที่สองขาจะมีแรง โชคดีที่ตึกนิเทศอยู่ไม่ไกลจากตึกคณะผมมาก ใช้เวลาไม่นานก็มาถึง
ใจเต้นตุบๆ มาจากทั้งความเหนื่อยบวกความกังวลสะสมตลอดทาง ....
และภาพที่เห็นอยู่ตรงนี้
กลุ่มนักศึกษาประมาณหกคน เป็นกลุ่มของพี่เก่ง และ นำทัพกับไอ้แม็กซ์ ไอ้ทีมที่ยืนประจันหน้ากันอย่างเอาเป็นเอาตาย ดูจากเสื้อผ้าเปื้อนฝุ่น คราบเลือด และ หน้าตาที่บอบช้ำจากแรงหมัด ของทั้งสองฝ่าย คงซัดกันมานานพอควรที่จะทำให้ตกอยู่ในสภาพแบบนั้นได้ สีหน้าแววตาบ่งบอกถึงความโกรธแค้นกันอย่างสุดขีด แต่ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอะไรถึงต้องลงไม้ลงมือกันขนาดนี้
มองไปยังนำทัพคนที่ไม่เคยจะหาเรื่อง หรือ ลงไม่ลงมือกับใคร ทว่าตอนนี้สองมือแกร่งของเขา กุมคอเสื้อของพี่เก่งไว้ อย่างจ้องจะเอาชีวิต สายตาที่ไร้คลื่นใดๆ นั้นมันนิ่งจนเดาความรู้สึกในใจไม่ออกว่า เขากำลังจะทำอะไร
ไม่เคยเห็นนำทัพโกรธอะไรแบบนี้มาก่อน
แล้วมันเพราะสาเหตุอะไรกัน ... ถึงทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้
“ ผมเคยให้โอกาสพี่แล้วครั้งหนึ่ง เพื่อหวังว่าพี่จะกลับตัว ... แต่ก็เปล่าเลย พี่ก็ยังทำมันอีก”
นำทัพฉายแววตาดุดันนั้นไปยังพี่เก่งที่เอาแต่ยิ้มเยาะเหมือนคนกวนประสาท ไม่ได้รู้สึกกลัวหรือหวาดหวั่นกับคนที่อยู่ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย
“ แล้วมึงจะทำอะไรกูได้ แฟนมึง มึงยังไม่มีปัญญาดูแลเลย แล้วกูต้องกลัวคนแบบมึงด้วยอย่างนั้นหรอ ”
“ อย่างนั้นพี่กับผมก็คงคุยกันดีดีไม่ได้แล้วแหละ ”
ผลั๊ว !!!
นำทัพปล่อยคอเสื้อที่กระชากไว้ แล้วต่อยไปที่หน้าของพี่เก่งอย่างเต็มแรง จนฝ่ายนั้นกระเด็นออกไป ฝั่งเพื่อนพี่เก่งพอเห็นแบบนั้นจึงจะเดินเข้ามาช่วย แต่ถูกไอ้แม็กซ์ กับไอ้ทีมสกัดไว้ซะก่อน แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยว่าคนที่ชกต่อยใครไม่เป็นแบบนำทัพจะต่อยพี่เก่งได้แรงมากขนาดนั้น ตัวเขาสั่นเทาด้วยความโกรธจนเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้ เห็นแบบนั้นแล้วคงอยู่เฉยต่อไม่ไหว ถ้าไม่เข้าไปห้ามต้องได้ฆ่ากันตายหลังตึกนี้เป็นแน่
“ ไอ้ทัพ อย่า ... ”
คว้าแขนของนำทัพที่กำลังจะชกพี่เก่ง แต่คงพลาดไป เพราะพี่เก่งที่ตั้งท่าจะสวนนำทัพกลับมา ชกหมัดเข้าที่หน้าของผมที่หน้าอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว จนหน้าหันไปตามแรงมือนั้น โคตรเจ็บเลย เวลาโดนต่อยแบบไม่รู้ตัวแบบนี้
“ มึงต่อยโซล ไอ้สัส ”
ก่อนที่นำทัพจะโผเข้าไปกระชากพี่เก่ง ผมใช้ตัวดันอกของเขาให้ถอยออกไป ให้ห่างจากตรงนี้ โคตรจะใช้แรงมหาศาลที่จะดันคนตัวใหญ่กว่าให้เดินออกไปตามแรงดันได้ จนหลังของเขาชิดติดกับกำแพง จึงหยุด แมร่งเอ๊ย ถ้าไม่แยกมีหวังผมที่อยู่ตรงกลางคงเละแน่
“ มึงเจ็บมั้ย ”
“ ไม่เท่าไหร่ แล้วนี่มึงมาต่อยพี่เก่งทำไม ”
ชิงตั้งคำถามที่คาใจออกไป ระหว่างที่นำทัพกำลังใช้มือจับที่มุมปากผมที่มีเลือดซึมออกมา เมื่อแน่ใจแล้วว่าผมไม่ได้เป็นอะไรมาก คนตัวสูงจึงหันกลับไปหาพี่เก่งที่ กำลังเดินเข้ามาหาพวกผมอย่างช้าๆ
มองไปทางเพื่อนของผมสองคน ที่กำลังเดินตามมาสมทบ หลังจัดการกับเพื่อนของพี่เก่ง จนล้มลงไปกองกับพื้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ มึงอย่าแตะต้องโซล ไม่งั้นกูเอามึงตาย”
พี่เก่งตั้งท่าจะคว้าแขนของผม ทว่าถูกนำทัพผลักอกจนถอยออกไปเล็กน้อย พี่เก่งยกยิ้มขึ้นมุมปาก ก่อนจะก้าวเดินกลับมาหาผมกับนำทัพอีกครั้ง แล้วส่งเสียงหัวเราะออกมา
“ ฮ่าๆ โคตรพระเอกเลยหวะ ถ้ามึงปกป้องได้แบบปากมึงว่า ทำไมกูถึงตามแอบถ่ายแฟนมึงได้วะ”
“ พี่เก่งหมายความว่าไง ”
ผมรู้สึกตกใจกับสิ่งที่รุ่นพี่พูดออกมา มองพี่เก่งสลับกับนำทัพ ว่าผมเข้าใจไม่ผิดใช่ไหม ในสิ่งที่กำลังเดาอยู่ ถึงสาเหตุที่สองคนนี้มีปากเสียงกัน
“ อย่าโง่สิครับน้องโซล พี่พูดแค่นี้น้องน่าจะพอเดาได้นะ ”
พี่เก่งยกมือขึ้นกำลังจะลูบหัวผม แต่ถูกนำทัพปัดออกอย่างเร็ว แล้วกระชากคอเสื้อนั้นมาไว้ในกำมืออีกครั้ง ผมมองไปที่พี่เก่งด้วยคำถามที่มีอยู่เต็มหัว สิ่งที่เขาพูดไม่ใช่สิ่งที่เดาได้ยากเลย
พี่เก่งคือคนที่ตามแอบถ่ายผมตลอดมาสินะ ...
“ พี่ทำแบบนี้ไปทำไม ”
“ ฉลาดขึ้นมาแล้วนี่ ใช่พี่เองที่ตามแอบถ่ายโซล ถามว่าทำไปทำไมนะหรอ ก็เพราะกูสะใจไง ”
“ //// ”
ผมปัดมือนำทัพที่กระชากคอเสื้อของพี่เก่งออก เดินเข้าไปแทรกกลางระหว่างคนสองคน ความโกรธในใจถูกจุดประกายขึ้นอย่างอัตโนมัติ ผมมั่นใจว่าไม่เคยไปทำอะไรให้พี่เก่งเลย ไม่เคย แล้วทำไมต้องมาทำอะไรแย่ๆ กับผมแบบนั้น
“ แล้วผมไปทำอะไรให้พี่ ”
“ กูชอบมึงไง กูชอบมึง แต่มึงไม่ชอบกู มึงกลับไปชอบไอ้เหี้ยเนี่ย กูทำทุกอย่างให้มึงสนใจ แต่มึงก็ไม่เคยเห็นคุณค่าเลย มึงหลอกใช้กู มึงให้ความหวังกู มึงเอาแต่สนใจมัน ทั้งๆ ที่กูสนใจแต่มึงคนเดียว ในเมื่อกูไม่ได้มึง กูก็จะทำลายมึงไง”
“ สิ่งที่พี่ทำ มันไม่ได้เรียกกว่าชอบ มันเรียกว่าเห็นแก่ตัว โคตรเหี้ยเลย ”
ผลักอกพี่เก่งออกไปแบบนั้น สองมือกำหมัดแน่น เพื่อสะกดกลั้นความหงุดหงิดเอาไว้ นี่ไม่ใช่ชอบ การชอบต้องไม่คิดทำลายกันแบบนี้
นี่เรียกว่าโรคจิตมากกว่า ...
“ เออ กูมันเหี้ย กูทำได้มากนี้อีก เช่น ...”
“ อะไรของมึงอีก ”
สรรพนามเปลี่ยนไป พร้อมกับความโกรธที่พุ่งขึ้น พี่เก่งทำท่าแกล้งนึก แล้วลากประโยคนั้นยาวกระตุ้นความอยากรู้ในใจของผมให้วิ่งตาม พร้อมความหงุดหงิดที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งตัว
“ ปล้นมึงสองตัวไง ทำร้ายร่างกายพวกมึงไง ทั้งที่ห้าง แล้วก็ที่ร้านเหล้า ”
“ อะไรนะ ”
“ ที่จริงกูตั้งใจจะทำร้ายไอ้เหี้ยนี่คนเดียว แต่มึงเสือกมาช่วย ก็เลยต้องทำร้ายทั้งคู่ แต่ก็สะใจกูดีนะ รักกันมากก็เจ็บตัวพร้อมมันไปเลย ฮ่าๆๆๆๆ มีความสุขจังโว้ย ”
เรื่องที่ลานจอดรถ กับที่ร้านเหล้าก็เป็นฝีมือพี่เก่งแบบนั้นหรอ แทบไม่เชื่อเลยว่าคนที่ภายนอกดูนิสัยดี เฟรนลี่ เข้ากับคนได้ง่าย หัวเราะยิ้มแย้ม อยู่ตลอดเวลา แต่ภายในจิตใจจะวางแผนคิดทำอะไรรุนแรงได้ขนาดนี้
แค่เพราะผิดหวังในความรักแค่นั้น ถึงทำให้คนเรากล้าที่จะทำอะไรร้ายแรงขนาดนี้เลยหรอ ...
“แค่นี้มันยังน้อยไป พวกมึงต้องเจอกับความเจ็บปวด มากกว่านี้ให้เหมือนกับที่กูโดน”
ผลั๊วว !!!!
ผลั๊วว !!!!
ผลั๊วว !!!!
ไม่อดไม่ทนมันแล้ว .. ในเมื่อคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นคนที่ทำร้ายผม ทำร้ายคนที่ผมรัก แถมยังคอยตามแอบถ่ายผมอีก ก็ไม่มีความจำเป็นจะ ต้องปราณีอะไรทั้งนั้น ผมรัวหมัดใส่พี่เก่ง ซ้ายขวา สลับกันจนคนที่อยู่ตรงหน้าสวนแทบไม่ทัน ถึงทันก็จะไม่ยอมให้มีโอกาสเด็ดขาด
“ ไอ้สัส มึงอย่าอยู่เลย ”
อารมณ์ของผมขึ้นสุดอย่างฉุดเอาไว้ไม่อยู่แล้ว เป้าหมายเดียวของผม คือคนที่นอนแผ่อยู่ตรงหน้า ผมจะซัดให้มันสลบสมกับความเหี้ยที่มันมาทำเรื่องเลวระยำกับทั้งผม และ นำทัพ
“ ไอ้โซล พอแล้วมึงเดี๋ยวมันตาย”
“ ปล่อยกู ปล่อยยยย ”
“ มึงพอแล้วววว ”
ไอ้แม็กซ์กับไอ้ทีม ช่วยกันกระชากตัวผมซึ่งกำลังขึ้นค่อมพี่เก่ง เตรียมจะรัวหมัดใส่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดอีกหลายครั้ง พวกมันลากผมขึ้นมา แล้วพามายืนอยู่ข้างกำแพง ดิ้นจนสุดกำลังแต่ก็ไม่สำเร็จ พวกแมร่งล็อกแน่นชิบหาย ใจผมสั่นไปหมด ถอนหายใจถี่ๆ ด้วยความโกรธที่ปะทุอยู่เต็มในใจ ผมไม่เคยไปสร้างความเดือดร้อนให้เขา แต่พี่เขากลับมาสร้างความเดือดร้อน มาทำร้ายพวกผม ผมไม่มีทางปล่อยให้รอดไปได้แน่
“ ปล่อยกูดิวะ แมร่ง กูจะไปต่อยมัน ”
“ มีสติหน่อยดิวะ ใจเย็นก่อน เดี๋ยวมันตาย ”
“โธ่ เว้ยยย ”
โคตรคลั่งเลยที่ทำอะไรไม่ได้ ในใจมันร้อนรุ่มไปหมด ไอ้แม็กซ์ลูบหลังผมเบาๆ คล้ายกับเตือนสติให้ผมใจเย็น มันบอกให้ผมหายใจเข้าออกลึกๆ ตามจังหวะลูบขึ้นลงของมือมัน ความบ้าคลั่งที่มีจะได้ลดลง แรกๆ ก็ไม่ทำตาม แต่เมื่อคิดได้ว่าการใช้กำลังไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลย ผมจึงทำตาม
หายใจเข้าผ่อนคลาย ... หายใจออกผ่อนคลาย
“ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจมาจัดการต่อ ”
เบือนหน้าหันไปหานำทัพที่นิ่งขึ้นมาก ใบหน้าที่ดุดันนั้นเบาลงแล้ว หรือ เป็นเพราะผมบ้าคลั่งกว่าเขาจึงต้องเย็นเพื่อให้ผมมีสติมากยิ่งขึ้น ส่ายหัวให้กับไอ้เหี้ยพี่เก่งที่นอนหายแผ่กับพื้นนั้น สภาพเยินจนดูไม่ได้ด้วยหมัดของผม
“ อย่าใจร้อน มีสติบ้างสิ ”
นำทัพพยักหน้าให้ไอ้สองตัวนั้นปล่อยแขนผม ก่อนเจ้าตัวจะดึงผมเข้าไปไว้ในอ้อมกอด เขาใช้ความนิ่งสยบความหัวร้อนของผม มือที่ลูบหัวนั้นนุ่มนวล จนทำให้ความหงุดหงิดที่มีค่อยๆ จางลง ใจที่เต้นรัวจากความโกรธผ่อนเบาลงเล็กน้อย
ไม่ได้โกรธที่พี่เก่งมาทำอะไรแบบนั้นกับผม
แต่โกรธที่มันเหี้ย มาทำร้ายนำทัพจนได้รับบาดเจ็บแบบนั้น
“ มันทำมึงเจ็บ ..กูทนไม่ได้”
“ ช่างมัน กูจัดการมันแล้ว มันจะไม่มีโอกาสได้กลับเข้ามาสร้างความวุ่นวายให้เราอีก ”
ผมเย็นลงมากแล้ว ด้วยกอดอุ่นของนำทัพ กอดที่เรียกสติของผมให้กลับคืนมา ว่าถ้าพี่เก่งเป็นอะไรไป ผมก็คงโดนจับหมดอนาคต ไม่คุ้มที่จะแลกกับคนแบบนี้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจจัดการคงดีกว่า
ไม่นานอาตำรวจของนำทัพ พร้อมเจ้าหน้าที่อีกหลายนายก็มาถึงยังที่เกิดเหตุ คุมตัวพี่เก่งและพวกเดินออกไป แล้วหันมาบอกให้พวกผมตามไปให้ปากคำที่โรงพัก
“ อารบกวนพวกเด็กๆ ไปให้ปากคำเพิ่มเติมที่โรงพักหน่อยนะ ”
“ ได้ครับ ”
ผมกับนำทัพตอบออกไปพร้อมกัน พี่เก่งส่งสายตาโคตรจะแค้นมาให้พวกผมขณะเดินออกไป จนถึงตอนนี้แล้วความพยาบาทที่มีอยู่ในใจยังไม่หมดไปอีกหรือไง ผมคงตัดสินใจถูกแล้วที่ปล่อยให้ถูกจับไป
คนแบบนี้ ถึงให้โอกาสไป เขาก็คงไม่ใช้โอกาสที่มีในการปรับปรุงตัว
แต่คงใช้โอกาสที่ได้รับ กลับมาทำลายผมมากกว่า
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
กว่าจะให้ปากคำกับตำรวจเสร็จ กลับมาถึงคอนโดก็มืดแล้ว พวกผมไม่ได้ถูกสอบอะไรมาก นอกจากชี้แจงเรื่องที่โดนแอบถ่าย โดนทำร้ายร่างกาย และ ระบุคนที่ก่อนเหตุก็เท่านั้น ส่วนหลักฐานประกอบคดี นำทัพ ไอ้แม็กซ์ ไอ้ทีม ก็เตรียมไว้เรียบร้อยหมดแล้ว ทั้งกล้องของพี่เก่งที่มีรูปกับคลิปแอบถ่ายผมอยู่ในนั้น แต่โชคดีที่ไม่มีอะไรน่าเกลียดเพราะคลิปมีแต่ที่ผมกำลังจะเตรียมถอด แต่ก็ยังไม่โป๊ ส่วนรูปก็มีรูปที่ผมเป็นหนุ่มน้อยตกน้ำ ใส่เสื้อผ้าบางๆ นอกนั้นก็เป็นรูปถ่ายทั่วไป ลักษณะตามแอบถ่าย และ มันยังไม่ได้ถูกเผยแพร่ออกไป
ไอ้แม็กซ์กับทีม เล่าให้ฟังว่า พวกมันกับนำทัพ ตามสืบเรื่องนี้ตั้งแต่วันที่ผมโดนแอบถ่ายที่ห้องน้ำ นำทัพเห็นว่าเป็นพี่เก่งที่วิ่งออกมา ก่อนจะที่ผมจะวิ่งตามแล้วชนกับเขา ซึ่งตอนแรกก็ไม่แน่ใจว่าใช่พี่เก่งจริงไหม แต่พอโดนทำร้าย แล้วให้อาตำรวจสืบให้ วันที่นำทัพไปรับกระเป๋าผมคืน เขาก็ได้รู้ว่าคืนร้ายเป็นพี่เก่งกับพวก แต่ด้วยนำทัพไม่อยากให้พี่เรื่อง หรือ ทำลายอนาคตของรุ่นพี่จึงปล่อยไป ไม่แจ้งความ จนกระทั่งมาเกิดเรื่องกับผมซ้ำขึ้นอีกครั้งที่ร้านเหล้า นำทัพจึงไม่ยอม ตามสืบ หาหลักฐานทั้งหมด แล้วแจ้งความกับตำรวจ ให้เอาผิดพวกพี่เก่ง
แล้วไอ้ทีมยังเล่าต่ออีกว่าที่มีเรื่องกันเพราะ นำทัพขอเจรจากับพี่เก่งดีดี แต่พี่เก่งกลับกวนประสาท แถมบอกจะทำร้ายผมให้มากกว่าเดิม จนนำทัพ โมโหถึงได้มีเรื่องชกต่อยกันรุนแรงแบบนั้น
ที่สำคัญพวกมันบอกผมว่า นำทัพงอนผมมากที่ผมไม่ยอมบอกว่ามีเรื่องที่ร้านให้เขารู้ ....
ซึ่งมันน่าจะจริง เพราะตั้งแต่ขึ้นรถจนมาถึงที่คอนโด
เขายังไม่ยอมคุยกับผมเลย ...
“ ขอบคุณนะ ”
“ ขอบคุณนะครับ ”
ลากเสียงยาวอ้อนคนที่กำลังงอนอยู่ให้หันมาสนใจ เขาหันมามองผมเล็กน้อย ก่อนจะกลับไปสนใจทีวีตามเดิม ผมผิดเองแหละที่ไม่ยอมเล่าเรื่องนั้นให้เขาฟัง เป็นห่วงความรู้สึกนำทัพมากจนเกินไป จนลืมว่าถ้าเขารู้ทีหลังคงงอนผมเป็นแน่
แล้วไอ้หมียักษ์นี่ ก็ง้อโคตรจะยากเวลางอน ...
“ ขอโทษนะที่ไม่ได้เล่าเรื่องนั้นให้ฟัง กูแค่ไม่อยากให้มึงกังวล ช่วงนี้มึงดูมีเรื่องไม่สบายใจ เลยไม่อยากเอาอะไรไปเพิ่มให้มันหนักขึ้นไปอีก ”
“ แต่คนอื่นรู้ได้ อย่างนั้นหรอ หรือ เพราะกูไม่ใช่ไอ้ภู ”
“ อะไรวะ พี่ภูมาเกี่ยวอะไร”
“ ไอ้ภูรู้ได้ ช่วยมึงได้มากกว่ากูสินะ มึงถึงยอมให้มันช่วย แต่กูมึงคงเห็นว่าอ่อนแอ ปกป้องมึงไม่ได้ เลยไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้ เพราะรู้ไปคงไม่มีประโยชน์กับมึงอยู่ดี ”
ทำไมวันนี้นำทัพดูดราม่าจริงจังขนาดนี้ สีหน้าเขาดูผิดหวังปนน้อยใจมากเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ โดยเฉพาะเวลาที่เอ่ยขึ้นพี่ภู ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้พี่ภูช่วยแต่แค่พี่เขอาสา และเห็นว่าพี่เขาอยู่ในเหตุการณ์น่าจะช่วยได้ดี ไม่ได้มีเจตนาปกปิดหรือทำให้นำทัพ รู้สึกน้อยใจแบบนี้เลย
หรือผมคงคิดน้อยเกินไป ถึงกลายเป็นทำร้ายจิตใจเขาแบบนี้
“มันไม่ใช่แบบนั้นนะมึง อย่าคิดมากสิ ”
“ ขอโทษละกันที่กูดูแลมึงได้ไม่ดี กูพยายามเต็มที่แล้วแต่กูก็ทำได้แค่นี้แหละ ”
นำทัพลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินหายเข้าไปในห้องนอน ทิ้งให้ผมนั่งอยู่ตรงนี้คนเดียว กับความสงสัยในใจ ว่าทำไมถึงได้โกรธผมขนาดนั้น ทั้งที่ปกตินำทัพจะเป็นคนที่มีเหตุผลมาก ซึ่งผมก็ได้อธิบายไปหมดแล้ว ว่าผมไม่ได้ตั้งใจจะปกปิด แต่แค่ไม่อยากให้เขาต้องกังวลกับเรื่องของผมอีก
ผ่านไปนานเกือบสองชั่วโมงที่ผมนั่งคิดทบทวนกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่บนโซฟาแบบนี้ ผมมั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิดร้ายแรงจนทำให้นำทัพโกรธหนักขนาดนั้น ก็แค่ไม่อยากให้คนที่ผมรักต้องกังวลกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ผมทำผิดอะไรนักหนาหรือยังไง ไม่เข้าใจเหมือนกัน
เสียงเปิดประตูห้องนอนดังขึ้น พร้อมกับเจ้าของห้องที่แต่งตัวเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอก สายตาของนำทัพฉายมาหาผมอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะหันกลับไปทำไม่สนใจเหมือนเดิม
“ มึงจะไปไหนดึกแล้วนะ”
ลุกขึ้นเดินไปหาคนที่กำลังโกรธผมอยู่ ตอนกลางวันก็ยังดีดีอยู่เลย แล้วตอนนี้ทำไมถึงกลายมาเป็นแบบนี้ไปได้ คนที่มีเหตุผล ของผมคนนั้นหายไปไหน
“ กูจะออกไปข้างนอก คืนนี้คงไม่กลับ ”
“ มึงไม่ต้องไปไหนหรอก นี่ห้องมึง มึงอยู่ไปเถอะ ถ้าไม่อยากเห็นหน้ากูขนาดนั้น เดี๋ยวกูกลับห้องกูเอง ”
เดินกลับมาหยิบกระเป๋ากับมือถือ แล้วเดินสวนออกไป ผมก็น้อยใจเป็นเหมือนกันนะ เห็นยิ้มเก่ง หัวเราะง่ายแบบนี้ เขาทำเหมือนผมไม่มีความรู้สึกอะไรเลย พามาที่คอนโด และ จะปล่อยให้ผมอยู่คนเดียว เพียงเพราะเราไม่เข้าใจกันแค่นั้น สู้ผมกลับไปอยู่ห้องตัวเองดีกว่า รอให้อารมณ์เย็นแล้วค่อยคุยกัน
“ ไม่ ”
นำทัพคว้าแขนของผมเอาไว้ แล้วพูดขึ้นเสียงดัง ถอนหายใจให้กับการกระทำนั้นอย่างคนทำตัวไม่ถูก วันนี้เขาซับซ้อนจนผมเดาอะไรไม่ออกเลย
“ ในเมื่อมึงไม่อยากเห็นหน้ากู กูก็จะกลับ จะให้กูอยู่ไปทำไมวะ ในเมื่อสิ่งที่กูพูด กูอธิบายมึงไม่ได้สนใจจะรับฟังมันอยู่แล้ว ”
“ ไม่เอา กูไม่ให้ไป กูไม่ไปไหนแล้ว”
“ แต่กูจะกลับ ”
หันตัวกลับตั้งใจจะเดินไปที่ประตู ทว่าถูกมือหนากับร่างสูง โอบกอดไว้จากทางด้านหลัง นำทัพกระชับกอดผมให้แน่นขึ้น วางปลายคางแหลมไว้ตรงบริเวณไหล่ ลมหายใจอุ่นจนสัมผัสได้
“ กูขอโทษ มึงอย่าไปเลยนะ นอนกับกูนะ ”
“ มึงไม่ฟังกูเลย กูบอกแล้วว่ากูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจปะวะ ที่จะปกปิดมึง กูแค่ไม่อยากให้มึงต้องมากังวลกับเรื่องของกู กูเป็นห่วงความรู้สึกของมึง อีกอย่างกูมีเพื่อนที่คอยช่วยจัดการแล้ว ”
“ แต่ไอ้ภู ..”
“ พี่เค้ามาช่วยกู เค้าเลยขออาสาเป็นคนประสานงานให้ก็เท่านั้น กูไม่ได้มีอะไรกับพี่เค้าเลย แม้แต่ไลน์กับเบอร์กูยังไม่มี แล้วกูจะไปสนิทสนมกับเค้าได้ยังไงวะ”
“ กู ...”
“กูรู้ว่ามึงเป็นห่วง กูรู้ว่ามึงอยากจะปกป้องกู ซึ่งกูก็ขอบคุณ แต่มันผิดมากหรอวะที่กูก็เป็นห่วงแฟนกูเหมือนกัน กูไม่อยากให้แฟนกูต้องมารับรู้เรื่องแย่ หรือ ตกอยู่ในอันตรายอีก มันผิดมากเลยใช่ปะ ”
สำหรับผม การดูแลนำทัพ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหน มันยังคงเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ ผมรู้ว่าพักหลังนำทัพพยายามจะปกป้องผมให้ดีที่สุดตามที่พูดไว้ แค่เห็นจากที่เขาชกต่อยกับพี่เก่งเพื่อปกป้องผมก็เข้าใจได้แล้ว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมจะต้องให้เขามาปกป้องตลอด
“ แค่นี้ใช่มั้ย ถ้าไม่มีอะไรแล้วกูจะกลับ ”
“ กูหึง ”
หึงอย่างนั้นหรอ ...
หันกลับไปมองคนที่เพิ่งพูดคำว่าหึงออกมาเมื่อครู่ นำทัพหลุบตาลงเล็กน้อยเหมือนเด็กที่เผลอพูดอะไรออกไป แต่ยั้งไว้ไม่ทัน สีหน้าที่ยังดูน้อยใจนั้นยังไม่เปลี่ยนไป จนถึงตอนนี้ผมแน่ใจแล้วว่า เหตุผลที่เขางอนผมมากมายได้ขนาดนี้ ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ผมปิดบังเลย แต่มันน่าจะเกี่ยวกับพี่ภูล้วนๆ
“ หึงอะไร”
“ กูไม่ชอบเวลาที่มึงอยู่ใกล้ไอ้ภู มันไว้ใจไม่ได้ มันไม่ได้จะมาช่วยมึง มันจะมาแย่งมึงจากกู ”
“ อะไรนะ ทำไมถึงคิดแบบนั้น มึงกับพี่เค้าเพิ่งเจอกันเองนะ”
” ไว้ถ้าพร้อมกูจะเล่าให้ฟัง แต่มึงอย่าไปยุ่งกับมันอีกได้ไหม ”
นำทัพเบือนหน้าหลบสายตาของผม เวลาที่พูดถึงพี่ภู เขาเหมือนไม่อยากจะเอ่ยมันออกมา คล้ายกับมีความทรงจำร้ายๆ หรือ ไม่ดีต่อกันมาก่อน คงไม่ผิดไปจากที่คิดเป็นแน่
นำทัพกับพี่ภู ต้องรู้จักกันอย่างแน่นอน ...
“ มึงก็รู้ว่าคนที่กูรักมีแค่มึงคนเดียว .. ไม่มีใครมาทำให้หัวใจของกูเปลี่ยนไปได้หรอก นอกจาก .. “
“ หืมมมม ”
เลิกคิ้วขึ้นทำเชิงสงสัย กับสิ่งที่ผมพูดออกไป ใบหน้าระบายรอยยิ้มอ่อนปรากฏอีกครั้ง เมื่อผมวางมือนุ่มทาบลงบนแก้มของนำทัพ
“นอกจาก มึงจะไม่ต้องการกูแล้วไง ”
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีคนเข้ามาในชีวิตผมตลอด แต่หัวใจของผมไม่เคยสนใจใครได้เลย เพราะมันถูกปิดตายให้เฝ้ารอแค่คนตรงหน้าเพียงคนเดียว นั่นก็เพียงพอที่จะยืนยันได้ว่าแม้จะต่อจากนี้จะมีคนอีกมากมายที่เข้ามา หัวใจของผมก็ยังจะมั่นคงเช่นเดิม ไม่เคยเปลี่ยนไป
“ ต้องการสิ ต้องการมาก รักมากเลยนะรู้เปล่า ”
“อื้อ”
“ ขอจูบได้ไหมครับ ”
ท่าทางโคตรตลกเลย คล้ายกำลังอยากทำแต่ไม่กล้า เพราะกลัวโดนโกรธ เลยต้องขออนุญาตก่อน ว่าแต่เรื่องแบบนี้ใครเค้าขอกันละ ฝ่ายรุกต้องเริ่มก่อนไม่ใช่หรือยังไงกัน
“ แล้วจะออกไปนอนข้างนอกอยู่อีกไหม “”
“ ไม่แล้วครับ ”
“ ถ้าวันหลังโกรธ จนไม่มีเหตุผลแบบนี้อีก กูจะขนของทุกอย่างกลับคอนโด แล้วไม่มาค้างกับมึงอีกเลย ”
ชี้หน้าขู่คาดหัวเอาไว้ก่อน จะได้ไม่กล้าหืออีก กว่าจะง้อได้แต่ละทีโคตรจะเหนื่อยเลย คนถูกขู่เคลื่อนหน้าผากให้มาชนกับนิ้วที่ชี้ไว้ พยักหน้าหงึกสองที เป็นอันรับทราบ
“ ส่วนกู .. ต่อจากนี้ไป ถ้ามีอะไร จะไม่ปกปิดมึงอีก จะเล่าให้มึงฟังทุกเรื่อง แล้วก็จะให้มึงเป็นคนปกป้องกูอย่างที่มึงอยากทำ.....ให้มึงแค่คนเดียว ”
“ ดีครับ น่ารักจัง ”
“ เราดีกันแล้วนะ ”
“ เมื่อไหร่จะจูบได้สักที ”
หัวเราะให้กับสีหน้าของนำทัพที่เหมือนแบบ รอนานแล้วนะ อะไรทำนองนั้น ก่อนจะเคลื่อนมือไปคล้องคอของคนตัวสูงเอาไว้ ค่อยๆ หลับตา เมื่อใบหน้าของเขา โน้มลงต่ำมาอย่างช้าๆ .. จนกระทั่งปลายจมูกของผมสัมผัสถึงปลายจมูกของเขา
ริมฝีปากของนำทัพ อ้างับปากนุ่มเล็กของผมเอาไว้ ก่อนจะครอบครองมันได้สำเร็จ และ ล่วงล้ำเข้าไปส่วนในได้สำเร็จ นุ่มนวล เนิ่นนาน ตามแรงปรารถนาของหัวใจสองดวง นี่เป็นครั้งที่สองที่เราได้สัมผัสกันและกันแบบนี้ รสจูบที่อบอุ่นจากความรักที่ส่งผ่านริมฝีปาก ก่อนจะคลายออกจากกัน
“ ขออีกได้มั้ย ”
“ เพิ่งจูบไปเมื่อกี้เองนะ”
“ ถ้าเป็นจูบของโซล ครั้งเดียวไม่เคยพอ ”
ผมหลับตาลงอีกครั้ง แทนคำตอบรับอย่างเชื้อเชิญ ก่อนนำทัพจะส่งจูบหวานนั้นมาให้ผมได้สัมผัส
ใครจะกล้าพูดออกไปล่ะ ว่าไม่ได้มีแค่เขาที่ยังไม่อิ่มรสจูบ
เพราะสำหรับผม
ถ้าเป็นจูบของนำทัพ .. ครั้งเดียวก็ไม่พอเหมือนกัน --------
Talk :: ใครที่กังวลว่ามีเรื่องมีราวแล้วจะไม่หวาน .. อย่าห่วงเลยครับ เพราะนำทัพของเรารุกเก่ง ที่สำคัญน้องโซลอ้อยมากก (คนแมนหายไปไหน)
:: ความร้ายของพี่เก่งมีที่มาที่ไปนะ บางทีคนเราผิดหวังมากๆ ก็อาจทำอะไรลงโดยไม่รู้ตัว ขวัญเอ๊ยขวัญมาน้องโซล เอ๊ะหรือเราไม่ต้องโอ๋ เพราะมีคนโอ๋ดีกว่าอยู่แล้วอะเนาะ 555