41
ครอบครัวใหม่ของผม
ผมเหมือนคนที่ผ่านสงครามมาอย่างหนักหน่วง จนร่างกายบอบช้ำแทบแหลกไม่มีชิ้นดี ความเจ็บปวด เมื่อยล้า และ อ่อนเพลีย วิ่งเข้ามาพร้อมกันแบบไม่ได้นัดหมาย หลังจากเหตุการณ์นั้นที่ผมโดนอยู่หลายรอบ ต่อด้วยตอนเช้าอีกสองรอบ จึงเป็นผลให้ตอนนี้ผม
ไข้แดก !!!
ใช่ครับ ผมเป็นไข้ ตัวร้อน ปวดหัว ที่สำคัญ ส่วนนั้นของผมระบมอย่างหนัก ไม่ได้ไปเรียนมาสองวันแล้ว เอาแต่นอนอยู่บนเตียง กินยาลดไข้ พักผ่อนจนตอนนี้ อาการดีขึ้นมากแล้ว ส่วนคนต้นเหตุ อย่างนำทัพก็ไม่ได้ทิ้งผมไปไหน คอยดูแลอยู่ห่างๆ กลับจากเรียนก็รีบมาดูแลผม ส่วนตอนไหนที่ไปเรียนก็ใช้คุณป้าแม่บ้านขึ้นมาดู เผื่อผมมีอะไรให้ช่วย
“ ไม่มีไข้แล้วนะ แต่ยังปวดตรงนั้นอยู่ไหม ”
คนที่เพิ่งวัดไข้ผมเสร็จ บอกอาการให้ผมทราบ วันนี้เขาไม่มีบ่าย จึงกลับมาดูแลผมได้เร็วมากยิ่งขึ้น
“ อย่าถาม.. กูอาย ”
ซุกหน้าหลบสายตา และ คำถามที่ทำให้ผมหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย กับแผงอกกว้างของเขา บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าถามคำถามแบบนี้ ใครจะไปกล้าตอบกันละ
แค่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ก็อายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้ว
“ ขอโทษ ไม่ถามแล้วครับ ”
“ อือๆ ”
นำทัพกระชับกอดผมให้แน่นขึ้นกว่าเดิม แขนของเขาแทนหมอนนุ่มได้เป็นอย่างดี ย้อนคิดถึงเรื่องพี่ภูในคืนนั้นผมก็นึกขึ้นได้ ว่ายังไม่ได้ถามเขาไปเลย
“ คุณท่านเล่าแผนให้มึงฟังหรอ ”
“ ใช่ คุณพ่อ นัดกูให้ไปหาที่บ้าน เล่าเรื่องของมึงให้ฟัง กูเป็นห่วงมึงมาก แต่ก็ต้องทำเป็นไม่รู้เรื่อง เพราะคุณพ่อขอเอาไว้ ”
“ กูก็ตามดูมึงอยู่ห่างๆ อย่างวันนั้นที่มึงไปคอนโดไอ้ภู พอกูรู้ว่ามึงกำลังแย่ กูแทบบ้า กลัวไอ้ภูทำอะไรมึงแล้วช่วยไว้ไม่ทัน ”
ถ้าเขามาไม่ทัน ผมคงแย่ไปแล้วจริงๆ ผิดเองที่คาดการ ทุกอย่างพลาดไปหมด จนทำให้ตัวเองต้องตกอยู่ในอันตรายแบบนั้น คิดแล้วก็โมโหตัวเอง
“ ขอโทษนะ กูแค่อยากพิสูจน์ว่ากูรักมึงมากแค่ไหน ให้คุณท่านเห็น เผื่อท่านจะใจอ่อนแล้ว ยอมให้เรารักกันได้ ”
เป้าหมายของผมมีแค่นั้นจริง ๆ ไม่มีสิ่งอื่นแฝงเลย แค่ได้ทำให้คุณท่านทราบว่าผมก็ดีพอที่จะดูแลลูกชายคุณท่าน เราจะได้ผ่านอุปสรรคครั้งนี้ไปได้ด้วยดี
แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้ ..สิ่งที่ผมหวังเอาไว้ มันจะยังคงเป็นแบบนั้นอยู่หรือเปล่า
“ คุณท่านเป็นห่วงมึงเหมือนกันนะ ถึงได้บอกกูไง ไม่อย่างนั้นคงปล่อยให้มึงเผชิญหน้าตามลำพังแล้ว ”
“ จริงหรอ ”
เรื่องเป็นแบบนี้นี่เอง คุณท่านคงห่วงว่าผมจะเป็นอันตรายสินะ
“ จริงสิ พรุ่งนี้ท่านให้เราไปหาที่บ้านด้วย แต่กูบอกว่ามึงป่วย ขอดูอีกที รอไว้มึงหายค่อยไป ”
คุณท่านอยากเจอผมกับนำทัพอย่างนั้นหรอ .. จะมีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่าเนี่ย
“ ไปได้ กูดีขึ้นมากแล้ว ”
ผมก็อยากเจอคุณท่านเช่นกัน จะได้ขอบคุณที่คอยดูแลผมอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ
“ โซล ”
“ ครับ ”
“ ขอบคุณมากเลยนะ ที่ทำทุกอย่างเพื่อกูได้ถึงขนาดนี้ แต่วันหลังไม่เอาแล้ว อย่าเสี่ยงแบบนี้อีก มึงเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตกู ถ้ามึงเป็นอะไรไป กูคงแย่ ”
“ ขอโทษนะที่ทำให้ห่วง แต่หน้าที่ของกูคือต้องปกป้องมึงนี่นา ”
“ กูก็รักมึง รักมากที่สุดเลย นี่ถ้าไม่ติดว่ามึงป่วย อยากจะจัดอีกสักสองสามรอบ ”
“ ไอ้หื่น หยุดความคิดเดี๋ยวนี้เลย ”
คนที่กำลังจะก้มลงมาจูบ ต้องหยุดการกระทำลงเพียงแค่นั้น เพราะผมยกมือขึ้นกั้นใบหน้าเขาเอาไว้ แต่นำทัพก็คือนำทัพ เมื่อไม่ได้จูบผม เขาก็จูบที่ฝ่ามือผมแทน แล้วฉวยมือของผมไปวางไว้บนอก แกล้งทำสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย น่าตีจริงๆ
“ ใจร้าย ”
“ แน่นอน ให้รู้ซะบ้างว่าใครใหญ่ ”
“ เมียก็ต้องเป็นใหญ่อยู่แล้วสิครับ ”
“ รู้แบบนั้นก็ดี ”
ความสุขเมื่อได้รักใครสักคนมันดีแบบนี้เอง เมื่อก่อนผมมักจะคิดถึงตัวเอง ว่าจะทำยังไงให้มีความสุขมากที่สุด จนวันหนึ่ง มีเขาเข้ามาในชีวิต ทัศนคติ มุมมองของผมจึงเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
ผมมีเป้าหมาย ว่าในแต่ละวันที่ลืมตาขึ้นมา ผมจะทำให้คนคนหนึ่งที่ผมรักมากเหลือเกิน ยิ้มได้อย่างไร หัวเราะได้มากแค่ไหน และ ดูแลเขาให้ดีที่สุดด้วยวิธีใด
รักของผม มันไม่ใช่รักเพียงตัวเองอีกแล้ว
แต่ผมต้องรักคนที่ดีต่อหัวใจของผมด้วย
ให้มากพอ ...ให้เหมาะสม กับความรักที่เขามีให้กับผม
นานแค่ไหนแล้วที่ผมไม่ได้ออกมา นั่งมองวิวในมุมเดิมตรงระเบียงคอนโดของนำทัพ อย่างที่ชอบทำเป็นประจำ คงด้วยมีแต่เรื่องวุ่นวายใจเป็นร้อยพัน จึงทำให้ผมแทบไม่ได้มานั่งในมุมนี้เลย
วิวด้านหน้ายังคงเป็นสิ่งสวยงาม ตรึงใจของผมให้ล่องลอยไปกับบรรยากาศเหล่านั้นได้เช่นเคย ผมชอบดูวิวในยามกลางคืน ด้วยหวังให้ผู้คนที่ผมไม่รู้จักที่อยู่ด้านหน้าอันไกล เป็นเสมือนเพื่อนคลายเหงา ไม่ผมไม่รู้สึกว่าโดดเดี่ยว
ทว่าตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ...
เมื่อผมมีนำทัพอยู่เคียงข้าง ความรู้สึกเหล่านั้น แทบไม่มีอีกเลย
การมองวิวในตอนนี้ จึงเป็นเพียงการผ่อนคลายให้คนที่นอนอุดอู้อยู่ในห้องมาหลายวัน ได้มาเห็นสิ่งใดอื่นบ้าง นอกเหนือจากเพดานห้องสี่เหลี่ยม
“ ช็อกโกแลตร้อนครับ ”
เสียงคุ้นหูของแฟนผมกับกลิ่นหอมของช็อกโกแลตร้อน ชวนให้รู้สึกว่าวิวด้านหน้าถูกเติมเต็มความงดงามให้มากยิ่งขึ้น รับแก้วมาจากคนตัวสูง ก่อนที่เขาจะนั่งลงบนโซฟา แล้วดึงผมให้ขึ้นไปนั่งบนตักนั้น
ที่นั่งว่างมีตั้งกว้าง จะนั่งเบียดกันเพื่อ
นั่นคือสิ่งที่คิด ..
แต่ในความเป็นจริง
ผมย้ายตัวไปนั่งบนตักของเขา ด้วยความยินดี !!
“ มานั่งเหม่ออะไรอยู่ตรงนี้อีกแล้ว มีเรื่องไม่สบายใจหรอ ”
“ เปล่า แค่อยากออกมาสูดอากาศนิดหน่อย ”
ยกแก้วช็อกโกแลตในมือขึ้นมาดื่ม เรียกความสดชื่นให้ตัวเอง พลางคนข้างหลังขยับมือที่พันอยู่รอบเอวผมให้กระชับมากยิ่งขึ้น
ตั้งแต่วันนั้นที่เรา .. เป็นคนคนเดียวกัน
นำทัพก็เปลี่ยนไปอีกแล้ว
ไม่ใช่สิ่งอื่นใดเลยที่เปลี่ยนไป
แค่เขา ตัวติดผมมากขึ้น ... สัมผัสผมมากขึ้น
ส่วนผมก็เปลี่ยนไป
เพราะผมให้เขาสัมผัสมากขึ้นเช่นกัน
“ มึงกับพี่ภู จะยังไงกันต่อ ”
ผมเองก็ยังคงเป็นห่วงเรื่องพี่ภู แม้คุณท่านกับนำทัพจะบอกว่าให้อภัยแล้วก็ตาม ส่วนฝั่งนั้นเองก็มีทีท่าว่าจะยอมหยุดความเลวร้ายต่างๆ เอาไว้ แต่ผมเองก็ยังไม่แน่ใจว่านำทัพจะยังไงต่อกับเรื่องนี้
“ ก็จบแล้วไง กูไม่ติดใจอะไรกับมันแล้ว ”
“ จริงหรอ ”
“ จริงสิ เพราะมึง กูถึงเข้าใจอะไรหลายๆ อย่างมากยิ่งขึ้น”
เป็นเพราะผมแบบนั้นหรอ ?
“ เมื่อก่อนกูยึดตัวเองเป็นที่ตั้ง เป็นศูนย์กลางของทุกอย่าง ทั้งแม่ ทั้งพ่อ ของทุกอย่างต้องเป็นของกู เลยมองไม่เห็นสิ่งดีดีที่คนอื่นทำให้ เพราะมัวแต่คิดว่าจะมาแย่งความสำคัญของสิ่งที่กูรักไป”
“ /// ”
“ แต่พอมีมึง กูเลยเข้าใจ ว่าบางทีเราต้องเรียนรู้ที่จะเข้าใจคนอื่น เห็นใจคนอื่น และ สนใจในความรู้สึกของคนอื่นด้วย กูเปลี่ยนไปได้ทั้งหมดก็เพราะมึง ”
ผมเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ทำให้เขามีมุมมองชีวิตที่เปลี่ยนไป มนุษย์เราเติบโตได้ด้วยกาลเวลา อายุ และ สิ่งที่พบผ่าน ไม่มีใครที่จะเปลี่ยนแปลงได้ด้วยคนอื่น
ทุกอย่างล้วนต้องมาจากตัวเองเป็นปัจจัยหลัก
นำทัพก็เช่นกัน
“ กูดีใจนะ ที่มึงคิดได้แบบนั้น ”
“ แต่มีอยู่สิ่งเดียวที่กูคงเปลี่ยนไม่ได้ หรือ ยอมให้ใครมาแย่งไปไม่ได้ ”
“ หืมมม ”
“ นั่นก็คือมึง เมื่อก่อนแค่เป็นแฟน กูก็หวงจะบ้า แต่ตอนนี้เป็นเมียแล้ว กูจะบ้าให้มากกว่าเดิม ใครแตะมึงกูจะสั่งให้คนของพ่อจัดการ ”
หลุดหัวเราะให้กับความเล่นใหญ่ของไอ้หมียักษ์ที่จูบไหล่ผมอยู่ตรงนี้
“ ใครจะกล้ามายุ่งกับกู ”
“ ทำไมละ ”
“ ก็กูไม่เคยมองใครเลย ... สายตาของกูมีไว้แค่มึง .. ร่างกายของกูมีไว้แค่มึง และหัวใจของกูมีไว้แค่มึง ”
“ รักเมียโว้ยยยยยยย ”
อยู่ดีดีนำทัพก็ตะโกนลั่นระเบียงห้อง จนผมตกใจรีบใช้มืออุดปากแทบไม่ทัน หลุดหัวเราะออกมาอย่างกลั้นขำไว้ไม่ได้ ใครจะคิดว่าคนแบบนำทัพจะหลงผมได้มากขนาดนี้
ถ้าไม่ติดว่าผมหน้าบางกว่าเขามากก็อยากจะตะโกนออกไปเหมือนกันว่า
“ รักผัวเหมือนกันเว้ยยย ”
แต่ก็ทำได้เพียงตะโกนในใจเท่านั้น !!
* * * * * * * ** * * * *
ผมกลับมาที่บ้านไพศาลครองธรรมอีกครั้ง แม้บรรยากาศทุกอย่างจะยังคงเดิม แต่วันนี้ผมมาในฐานะแขกของคุณท่าน นำทัพมีสีหน้าที่แตกต่างจากวันนั้น ราวกับคนละคน ดูสดชื่น สดใส และเต็มใจมาที่นี่ ส่วนผมก็เช่นกัน เราสองคนเดินผ่านสวน ไปตามทางที่คนของคุณท่านเดินนำไป จนมาถึงส่วนหลังบ้านที่เป็นเสมือนสวนดอกไม้ น้ำตก และ มีศาลาริมน้ำตั้งอยู่
โคตรตื่นตาตื่นใจเลย ... มีแบบนี้อยู่ในบริเวณบ้านด้วยหรอ
มองไปเห็นคุณท่าน คุณพิมพ์ คุณแม่นำทัพ
แล้วก็ นั่นมัน ..
ผมเบิกตากว้าง จ้องมองร่างเล็กๆ ที่วิ่งมาแต่ไกลจากศาลาริมน้ำ กับเสื้อลายหมีตัวโปรดตัวนั้นที่ผมซื้อให้คราวก่อน
“ พ่อหมี ”
“ แม่หมี ”
“ น้องปัน ”
เด็กชายปันสามขวบ วิ่งมากอดที่ขาของนำทัพในทันทีที่เจอ คนตัวสูงกว่าในฐานะพ่อหมี รีบแกะมือของลูกหมีออก แล้วนั่งยองลงไปกับพื้นแล้วอุ้มคนตัวเล็กกว่านั้นให้ขึ้นมาอยู่ในอ้อมกอด น้องปันยิ้มหัวเราะอย่างชอบใจ พลางยกมือขึ้นสวัสดีผมตามประสาเด็กน่ารัก
“ ลูกหมีคิดถึงจังครับ ”
“ พ่อหมี กับแม่หมีก็คิดถึงลูกหมีเหมือนกัน ”
น้องปันดูสดใสขึ้นกว่าเดิม แต่โดยรวมยังเหมือนเมื่อคราวก่อน แก้มแดงระเรื่อกับผิวขาว ยังชวนให้หลงรักไม่เปลี่ยนแปลง
“ ลูกหมีมาได้ยังไงครับ ”
“ คุณยายไปรับมาครับ ”
น้องปันบอกกับนำทัพขณะที่เราเดินเข้ามายังเขตของศาลา เขาจึงลดตัวลงปล่อยน้องปันสู่พื้น แล้วไหว้ทักทายผู้ใหญ่ที่นั่งรออยู่ทั้งสามคน
มารวมตัวกันได้ยังไงละเนี่ย ...
“ คุณแม่ไปรับมาเองค่ะ พอดีคราวนั้นไปที่ศูนย์น้องปันเล่าใหญ่เลย ว่ามีพ่อหมี กับแม่หมีมาหาบ่อย วันนี้คุณแม่ว่างเลยชวนน้องปันมาที่นี่ด้วย ”
คุณแม่ยังคงมีท่าทีที่สง่าและพูดจาเพราะไม่เปลี่ยน แม้จะเจอกันครั้งเดียวแต่ผมก็รับรู้ได้ว่าท่านเอ็นดูผมมากแค่ไหน
“ น้องโซล มานั่งข้างคุณแม่เร็ว ”
หันไปมองนำทัพว่าผมไปนั่งได้ใช่ไหม .. เขาพยักหน้าตอบ จึงเดินไปนั่งข้างคุณแม่ ส่วนเขานั่งข้างคุณท่าน โดยมีน้องปันที่วอแวอยู่ใกล้ๆ
“ มากันครบแล้ว อย่างนั้นก็คุยกันเลยไหม ”
“ ได้ครับคุณพ่อ ”
ผมมองหน้านำทัพ สลับกับคุณแม่ ว่าสิ่งที่คุณท่านหมายถึง คืออะไร ทำไมวันนี้สองคนพ่อลูก เหมือนจะไม่มีทีท่าหมางเมินต่อกันแม้แต่น้อย
หรือผมพลาดอะไรไป !!
“ ก่อนอื่นฉันต้องขอบใจเธอมากนะ ”
คุณท่านผู้เป็นประธานของบ้านเริ่มต้นสนทนา ทว่าถูกภรรยาเก่าขัดเอาไว้เสียก่อน
“ ไม่มีฉัน ไม่มีเธอ คุณต้องพูดใหม่ค่ะ ”
เสียงที่แฝงไปด้วยอำนาจ ในการสั่งการ แม้ไม่ดัง ไม่ดุ แต่คนฟังต้องทำตาม .. น่าเกรงขามจริงๆครับคุณแม่ ผมอยากจะเรียนรู้ เพื่อปราบลูกชายคุณแม่บ้างจัง
“ พ่อต้องขอบใจโซลมากที่ช่วยให้เรื่องทุกอย่างดีขึ้น ทั้งเรื่องภูษิต เรื่องนำทัพ แล้วก็เรื่องครอบครัวพ่อ ”
ตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น จนขนลุก คุณท่านคนที่ใครต่อใครก็ต้องเกรงขาม กับบารมีนักธุรกิจใหญ่ เรียกแทนตัวเองว่าพ่อ แถมยังขอบคุณผมอีกด้วย
นี่ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหม !!
“ คะ .. คะ .. ครับ ”
“ พ่อรู้แล้วว่าเรารักลูกชายพ่อมากแค่ไหน กับทุกสิ่งทุกอย่างที่พยายามทำให้ โดยกล้าเอาตัวเองเช้าไปเสี่ยงขนาดนั้น แล้วไหนจะช่วยพูดกับนำทัพให้เข้าใจพ่ออีก เรื่องที่คบกันพ่อว่า ..”
“ ถ้าคุณห้าม .. ฉันไม่ยอม เราต้องมีปัญหากันแน่นอน ”
จะตีกันไหมเนี่ย คุณพ่อ คุณแม่
“ ผมยังไม่ได้บอกเลย ว่าไม่ให้พวกเขาสองคนคบกัน ถ้าเด็กมันรักกันผมจะไปห้ามอะไรได้ ”
หมายความว่าไง ...
“ พ่อยอมแพ้ในความดีของโซลแล้ว และก็ยอมในความมั่นคงของนำทัพด้วย จริงอย่างที่เราว่า คนเป็นพ่อเป็นแม่ หากจะเลือกสิ่งใดให้กับลูกแล้ว คงต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุด ”
ใจผมเต้นตุบๆๆ นี่แปลว่าผมทำเสร็จแล้วใช่ไหมเนี่ย
“ หากสิ่งที่ทำให้นำทัพลูกชายของพ่อมีความสุขคือการได้รับกับโซล พ่อก็จะเลือกโซล ”
“ แม่ก็เลือกน้องโซลเหมือนกัน แม่บินมาที่นี่เพื่อจัดการเรื่องนี้โดยเฉพาะเลยนะ ”
ธุระที่คุณแม่บอกว่ากลับมาจัดการคือเรื่องผมกับนำทัพอย่างนั้นหรอ
“ เราสองคน อยากขอให้โซล มาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเราจะได้ไหม ”
“ ครอบครัวหรอครับ ”
ขอบตาผมร้อนขึ้นเมื่อได้ยินคำนั้น สิ่งที่ผมไม่มีมาตลอดหลายปี คิดว่าในชีวิตนี้คงจะไม่ได้ยิน ไม่ได้สัมผัสมันอีกแล้ว นำทัพเดินมาหาผม หยุดอยู่ตรงหน้า กุมมือผมเอาไว้ แล้วฉุดให้ผมลุกขึ้น เดินไปอยู่ตรงหน้าคุณท่าน พากันนั่งลงกับพื้น ค่อยๆ เข้าไปกราบที่ตักของคุณท่าน
อบอุ่นใจของผมมากเหลือเกิน เมื่อคุณท่านแตะที่ไหล่ของผมเบา ๆ
“ ต่อไปนี้ เรามาเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ ขอให้ลูกทั้งสองคนรักกันให้มาก ”
“ ขอบคุณครับคุณพ่อ ”
“ ขอบคุณครับคุณท่าน ”
แล้วพากันไปหาคุณแม่ที่นั่งอยู่ไม่ไกล ก้มลงกราบที่ตักเช่นกัน
น้ำตาแห่งความดีใจ ไหลออกมาเล็กน้อย จนคุณแม่ต้องกอดผมเอาไว้
“ ต่อไปนี้ น้องโซลไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้วนะลูก มีพ่อ มีแม่ มีนำทัพ คอยดูแล รักกันให้มากนะ ลูกชายคนใหม่ของแม่ ”
“ ขอบคุณครับคุณแม่ ”
“ ขอบคุณครับคุณแม่ ”
คุณพิมพ์ที่นั่งอยู่ไม่ไกลได้แต่ส่งยิ้มยินดีให้กับเราสองคน นำทัพกับผมยกมือขึ้นขอบคุณ แล้วพากันกลับมานั่งบนเก้าอี้ นำทัพยกมือขึ้นเช็ดคราบน้ำตาที่รื้นอยู่ของผมให้หมดไป
“ น้องปันหิวแล้วครับ เมื่อไหร่คุณยายจะพาไปกิน ”
เกือบลืมไปเลย ว่าน้องปันนั่งเล่นอยู่ตรงนี้ คนตัวเล็กสะกิดแขนพ่อหมีของตัวเองเบาๆ ทำเอาทั้งวงสนทนาที่กำลังซาบซึ้ง หลุดหัวเราะกันออกมา ด้วยความไร้เดียงสาของคนตัวเล็ก
” ไปค่ะ น้องปันพาพ่อหมีกับแม่หมีของปันไปทานข้าวค่ะ “
“ เย้ๆๆ ”
น้องปันโผเข้าหานำทัพอย่างรู้งาน
บรรยากาศการทานข้าว เต็มไปด้วยความอบอุ่น น้องปันยังคงสร้างสีสันและเสียงหัวเราะให้กับทุกคนได้เช่นเคย ส่วนคุณแม่ ก็เผาขนลูกชายคนโปรดเกี่ยวกับเรื่องที่แอบชอบผม จนต้องโทรไปคุยไปบอกกับคุณแม่ทุกวัน ทำให้คนที่โดนแฉความลับ หน้าแดงไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว
ฝั่งคุณท่าน ก็ยังไม่พูดอะไรมากตามเคยได้แต่ยิ้มหัวเราะให้กับภาพที่อยู่ตรงหน้า ทว่าที่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือพ่อลูก คุยกันดีขึ้น ยิ้มให้กันมากขึ้น อีกไม่นานทุกอย่างก็คงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
สิ่งที่แปลกใจคือ คุณท่านกับคุณแม่ ไม่มีแม้แต่ความหมางเมินหรือมีท่าทีไม่พอใจใส่กัน แม้จะหย่าร้างกันไปแล้ว ทั้งสองยังคงเป็นเสมือนคนที่คุ้นเคย ยิ้มหัวเราะ เสมือนมิตรแท้ที่ดีต่อกัน
และยังคงเป็นคุณพ่อ คุณแม่ของนำทัพเช่นเคย แม้สถานะใดๆ จะเปลี่ยนไปแล้วก็ตาม
“ แล้วพี่ภูไปไหนหรอครับ ”
“ภูไปต่างจังหวัดค่ะคุณโซล บอกว่าอยากจะไปทบทวนสิ่งที่ผ่านมา แก้ไข ปรับปรุงตัวเอง น่าจะอยู่ที่เชียงรายค่ะ คงไปเป็นครูอาสาค่ะ ”
“ ครูอาสาหรอครับ ”
“ ใช่ค่ะ ที่โรงเรียนบนดอย คุณทัพเป็นคนแนะนำ ”
คุณพิมพ์ชี้แจงรายละเอียดให้ผมทราบ เรื่องพี่ภู หลังจากวันนั้นสองคนพี่น้องก็คุยกันมากขึ้น พี่ภูยังไม่กล้าอยู่สู้หน้าใคร จึงอยากหลบไปสักพัก นำทัพจึงแนะนำโรงเรียนบนดอยที่เชียงราย ที่พวกผมเคยไปออกค่ายให้พี่ภูไปเป็นครูอาสา
หวังว่าเวลา .. สถานที่ และ สิ่งแวดล้อมจะทำให้พี่ภูดีขึ้นในเร็ววัน
มื้อเย็นที่แสนพิเศษของผมจบลงด้วยความอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูก ดีใจที่คุณท่านยอมรับในตัวผม อบอุ่นที่คุณพ่อเอ็นดูผมมากเหลือเกิน นานมากแล้วที่ไม่ได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน ตามประสาคนในครอบครัว ผมอดคิดถึงแม่กับพ่อไม่ได้
“ ขับรถกลับดีดีนะลูก ไว้ว่างว่าง มากินข้าวกับพ่ออีก ”
“ ได้ครับ ”
“ คุณแม่ขอกอดน้องโซลหน่อย ไว้เราไปช้อปปิ้งกันนะคะ”
“ ตกลงเลยครับ ” สวมกอดคุณแม่ พลางคนข้างตัวส่งเสียงน้อยใจขึ้นมา
“ หลงกันจริงๆ เลยนะครับ ลูกชายคนใหม่เนี่ย สงสัยผมต้องเป็นหัวเน่าแล้วมั้ง ”
“ แน่นอนค่ะ ”
“ ต้องเป็นพ่อหมีหัวเน่าสิครับ เพราะพ่อหมีเป็นหมี ไม่ใช่หมาสักหน่อย ”
ทุกคนส่งเสียงหัวเราะให้กับความช่างพูดไร้เดียงสาของน้องปัน พร้อมกับนำทัพที่พุ่งเข้าไปฟัดเจ้าตัวเล็กจนหัวคิกๆ เสียงดัง ก่อนจะลาทุกคนแล้วขึ้นรถเพื่อกลับคอนโด
“ ดีใจไหมที่คุณพ่อกับคุณแม่ยอมรับในความรักของแล้ว ”
“ ดีใจที่สุดเลย ”
“ จากนี้ไป ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นอีก เราสองคนจะผ่านมันไปให้ได้เหมือนกับเรื่องนี้ ”
“ กูสัญญาว่าเราจะผ่านทุกอย่างไปด้วยกัน ทั้งความสุข และความทุกข์ ”
นำทัพเอื้อมมือมากุมมือผมเอาไว้ อย่างที่ชอบทำตอนขับรถ
ทว่าตอนนี้ มือนั้นเป็นเสมือนเครื่องหมายผูกใจเราสองเอาไว้
ว่าแม้จะมีสิ่งใดที่ยากเพื่อทดสอบความรักของเราต่อจากนี้
ความมั่นคง และ ความรักที่มีอยู่จะเป็นดั่งเกราะแกร่งที่ทลายทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาได้
ขอเพียงมือที่จับไว้ ... ไม่ปล่อยออกจากกัน
แค่นั้นพอ!! -------------
Talk :: ตอนนี้ยาวหน่อยนะครับ ที่รักทุกคน ... ทิ้งปมพี่ภูไว้ก่อนนะครับ เพราะเหมือนกับว่ามีแฟนคลับพี่ภูผู้ชายร้ายๆ เกิดขึ้นมาแล้ว 555 / ไว้ไรท์ว่างอาจจะเขียนเรื่องพี่ภูขึ้นมานะครับ ยังไงรอติดตามกันนะ
:: ส่วนตอนหน้าจบแล้ว ...ใจหายเหมือนกันนะเนี่ย
