สวัสดีครับ
ย้ำอีกครั้ง ผมไม่ได้งอนคร๊าบบบบบบบ

ผมแค่แกล้งไอ้นายเส้นฯเล่นๆอ่า

คือว่า คือว่า เรื่องนี้เคยลงที่อื่นมาแล้วน่ะครับ ที่เอามาลงนี่คือฉบับสมบูรณ์ ผมไม่ได้คิดอะไรหรอกครับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในเล้ามาคอมเมนต์ สามสี่ท่านก็ดีใจแล้ววว

ถ้าเป็นตอนโพสลงแรกๆสิ อันนี้น่าเครียดกว่า

ผมจะไม่อยู่เป็นเวลา 5 วัน ทีแรกจะให้ไอ้นายเส้นฯมาลงโพสเอง แต่มันไม่ยอมอ่า ไม่รู้ทำไม ไงผมจะลงให้สองตอนติดแล้วกันนะครับ
ขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในเล้าทุกท่านที่มาให้กำลังใจครับผม
ปล. ผมว่าให้นายหนึ่งเข้าสมาคม "โคถึกหักหญ้าอ่อน" ของคุณครูกอล์ฟ ดีไหมนะ
ปล.2 ผมไปเที่ยวลาวน่ะครับ เลยกลับมาช้าหน่อย
ปล.3 เพิ่งรู้ว่าเรื่องคนแก่กินเด็ก เอ้ยยยยยย

จีบเด็กม.ปลาย เอ้ยยยยย

เด็กม.ปลายจีบคนแก่ เอ้ยยยยย

....อะไรอีกไม่รู้แระ ในเล้านี่มันมีเยอะจริงๆ (ตั้งสามเรื่องแหนะ)

ตอนที่ 10
หลักจากเรื่องราววุ่นวายเริ่มคลี่คลายผมกับโปรก็ยังคงปกติผมขึ้นรถเมล์กับโปรทุกเข้า กลับก็กลับพร้อมโปร แต่ก็มีบางสิ่งที่เพิ่มเข้ามาบ้างก็คือช่วงนี้เป็นช่วงกีฬาสีของโรงเรียนโปร โปรเองเล่นบาสอยู่แล้วและนี่ก็ปีสุดท้ายแล้วที่โปรจะเรียนอยู่ในระดับมัธยม โปรลงแข่งในรุ่นทั่วไปทำให้ต้องมีการซ้อมและกลับบ้านค่ำกว่าเดิม ผมเองถ้าไม่ใช่ช่วงเคลียร์งานก็จะถูกโปรบังคับให้มานั่งรอโปรไม่ม้านั่งริมสนามบาสที่โปรซ้อม ก็ที่นั่งใต้ตึกเรียน แล้วทำไมผมต้องมานั่งรอไอ้ตี๋โปรมันด้วยนะเนี่ย
‘อายโคตร’
เหมือนคนแก่ มาจับเด็กม.ปลายกิน ตอนแรกบอกผมรอที่ทำงานเล่นเสร็จค่อยโทรบอก แต่ไม่ยอมอีกบอกว่างั้นไม่เล่นจะกลับเวลาเดิมพร้อมผมอีก ไอ้ผมสงสารเห็นอยากเล่นบาสนะเลยยอม (จริงๆนะ) ช่วงเย็นเดี๋ยวนี้ผมไม่ค่อยได้คุยกับโปร จะได้คุยกันทีก็ตอนซ้อมเสร็จแล้วนั่งรถไปด้วยกัน พอถึงป้ายหน้าปากซอยหอผมโปรก็จะขอตัวแยกไปเรียนพิเศษทันที เพราะเวลานั้นคงเริ่มเรียนกันไปสักพักแล้ว แล้วจะรอเจอกันทำไมนะ?
วันนี้ก็เหมือนกัน ผมเลิกงานตอนห้าโมงครึ่งก็ขึ้นรถมาที่โรงเรียนของโปรเข้าไปนั่งคอยเพื่อจะกลับด้วยกัน ที่สนามบาสผมเห็นโปรเล่นบาสอยู่กับเพื่อนๆ โปรนี่เรื่องเรียนกับเรื่องกินนี่ใช้ได้เลยแต่เรื่องบาสผมคงต้องคิดใหม่ โปรใช่ว่าจะเล่นเก่ง แต่มันเล่นไม่ได้เรื่องเลยต่างหาก แต่ก็พอเล่นนะครับ ที่ลงแข่งเพราะกะทิ้งทวนในฐานะ ม.6 แล้ว
ผมเองก็พอจะรู้จักกับเพื่อนของโปรบ้างแล้วเพราะโปรแนะนำให้รู้จัก (โปรบอกเพื่อนว่าผมเป็นลูกพี่ลูกน้องโปรน่ะครับ ทั้งๆที่น่าตาผมไม่กระเดะไปทางตี๋ๆเลย แถมบอกอีกว่าที่บ้านให้ผมมาคอยคุมเพื่อไม่ให้ไปเถลไถลที่ไหน) ผมดูน่าตาแต่ละคนนี่ค่อนข้างจะเป็นลูกคนมีสตางค์ทั้งนั้น บางคนขับรถยนต์มาเรียนด้วย ผมละทึ่งกับเด็กสมัยนี้ รุ่นผมอย่างมากก็แค่มอเตอร์ไซด์ เพราะทางต่างจังหวัดเค้านิยมน่ะครับ แถมเพื่อนโปรบางคนถือโทรศัพท์มือถือรุ่นที่ราคาแพงกว่าที่ผมถืออีก จะว่าไปของไอ้ตี๋โปรก็ใช่ย่อยนะ แต่ดูจะใช้สมบุกสมบันมากกว่า ผมยังเคยบอกให้โปรรักษาของหน่อย แต่เหมือนโปรจะไม่ค่อยสนใจอะไรนักผมล่ะสงสารมือถือของโปรจริงๆ
“พี่หนึ่ง เก็บลูกหน่อย”
เสียงหนึ่งในเพื่อนของโปรบอกผมพอดีลูกบาสมันกลิ้งมาทางผมน่ะครับ ผมก็ลุกไปเก็บพอดีกับลูกบอลไปโดนขาของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่แถวนั้นเขาก็เก็บลูกบาสขึ้นมาแล้วโยนกลับไปในสนาม ผมเองก็ทันเดินไปถึงตัวเด็กคนนั้นพอดี เขาสบตาผมสักครู่แล้วก็ก้มหน้าไปอ่านหนังสือต่อ ผมเลยเดินกลับมานั่งที่เดิมผมมานั่งคิดอยู่ครู่หนึ่งมันมีความรู้สึกคุ้นๆบ้างเหมือนกันนะครับ ว่าผมต้องเคยรู้จักเด็กคนนี้ที่ไหนสักแห่งมาก่อน แต่ผมก็ปัดความคิดนั้นออกเพราะผมเพิ่งมาเข้ากรุงเทพฯได้ไม่ถึงปีเท่านั้นเองจะไปรู้จักเด็กคนนี้ได้ไงคงเป็นคนน่าตาเหมือนคนที่ผมรู้จักมากกว่า
ผมนั่งรออยู่สักครู่เจ้าตี๋โปรก็ซ้อมเสร็จพอดี เมื่อเราขึ้นรถแล้วผมถึงเริ่มถามโปรถึงเด็กคนนั้น
“โปร คนที่เก็บลูกบาสให้นี่ เพื่อนโปรรึเปล่า?”
“ฮือ คนไหนเหรอ”
“ก็คนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ใกล้ๆพี่ไง”
“อ่อ ไอ้อาร์ท มีอะไรเหรอเพ่ ชอบมันหรอ”
“เฮ้ย แค่หน้าคุ้นๆ”
“อย่าบอกนะว่าเคยเป็นแฟนกะมันมาก่อน”
“นี่ บอกว่าแค่คุ้นๆ”
“อ่ะ ขอให้เจงเถอะค๊าบ”
“แล้วเรียนห้องเดียวกันเหรอ”
“อืม มันเพิ่งเข้ามาตอนม.ปลาย ชอบมันก็บอก จะได้ติดต่อให้”
“ไอ้โปร!!!”
แล้วโปรก็หัวเราะ แล้วเราก็คุยกันถึงเรื่องอื่นแต่ผมเองก็ยังคิดถึงน่าเด็กคนนั้นพยายามนึกให้ออกว่าใคร เพราะเหมือนผมจะรู้จักเค้ามาก่อน แต่นานมาแล้ว เพียงแต่ผมคิดไม่ออกเท่านั้นเอง
หลายวันต่อมาผมก็ยังไปนั่งรอโปรเหมือนเดิมอีกไม่กี่วันก็จะแข่งกีฬาสีแล้วและดูเหมือนผมจะเจอเด็กที่ชื่อ อาร์ทบ่อยมากขึ้นด้วย แต่ผมก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดีว่าเคยรู้จักที่ไหน จนกระทั่งวันสุดท้ายก่อนกีฬาสีจะเริ่ม ผมก็มานั่งรอโปรเหมือนเดิม ผมมานั่งใต้ตึกเรียนและที่นั่นทำให้ผมเจออาร์ทอีกครั้ง คราวนี้เขาเดินเข้ามาหาผม ซึ่งผมก็ยิ้มให้ตามประสาคนเคยเห็นหน้ากัน
“สวัสดีครับพี่หนึ่ง ไม่เจอนานนี่ ผอมลงไปเยอะนะครับ”
“เอ๋ รู้จักพี่ด้วยเหรอ?” ผมแปลกใจมากที่เค้าจะทักผมก่อนแถมยังรู้จักผมเสียด้วย
“ผมน้องพี่โอ๊ตไงครับ”
“อ้าว โทษทีๆ ไม่ได้เจอตั้งนาน จำไม่ได้”
“ครับ ไม่เจอตั้งนาน” แล้วเราก็เปลี่ยนมานั่งในที่ห่างจากสายตาผู้คนที่เดินไปมาแถวนั้น แต่ก็ไม่ไกลจากที่เดิมที่ผมได้เจออาร์ทนัก เราถามสารทุกข์สุขดิบกันสักครู่ อาร์ทก็พูดถึงเรื่องพี่ชายของเขา
“พี่โอ๊ตฝากผมขอโทษพี่หนึ่งครับ”
“....”
“ที่พี่โอ๊ตเลือกที่จะทำอย่างนั้น เอ่อ... คือ ตอนนี้พี่โอ๊ต...”
เหมือนอาร์ทจะกังวลที่จะพูดกับผมมาก จนผมรู้สึกได้ ผมเองก็พูดตอบไปในแทบจะทันที
“พี่ไม่ใช่คนสำคัญของเขา และพี่ก็ไม่ได้คิดอะไรกับเขามานานแล้ว”
“ตอนนี้พี่โอ๊ตเองก็ไม่มีใครนะครับ....”
อาร์ทไม่ทันพูดต่อ น้ำตาของผมก็ไหลออกมาโดยไม่ได้บังคับมันแต่อย่างไร คนๆหนึ่งซึ่งเคยบอกว่าเขาต้องการได้ดาวที่เขาใฝ่ฝันมานาน เขาพร้อมที่จะวางผมไว้สักแห่งแล้วเพื่อจะเอามือของเขาคว้าดาวดวงนั้น ดาวที่ผมไม่อาจจะสู้เขาได้เลย มันเป็นสิ่งที่ทำให้ผมฝันร้ายตลอดหลายเดือนหลังจากนั้น ก่อนที่ผมจะทำใจและพยายามชินชากับคำพูดของเขาที่ยังก้องอยู่ในหัว คนนี้เป็นคนเดียวที่ทำให้ผมจำไม่เคยลืม บางทีผมนึกย้อนไปเป็นไม่ได้น้ำตาคลอตลอด
ไม่ทันที่ผมจะตอบอะไร ผมได้ยินเสียงใครสักคนวิ่งมาด้านหลังผม และผ่านตัวผมไปผลักตัวอาร์ทล้มลงในทันที
“เฮ้ย มึงทำอะไรพี่กู” เสียงโปรตะคอกใส่อาร์ท เป็นครั้งแรกที่ผมจะเห็นโปรเป็นอย่างนี้
“กูเปล่านะ..”
“มึง!! ไม่ต้องเลย”
ก่อนที่จะมีเรื่องมากไปกว่านี้ ผมได้เข้ามาห้ามโปรไว้ แต่เหมือนโปรจะไม่ยอม จนผมต้องกอดเอวโปรไว้ด้านหลัง
“โปร อย่า ไม่มีอะไรๆ”
“เรื่องราย มึงบอกมาอาร์ทว่ามึงทำอะไรพี่กู”
อาร์ทยังไม่ลุกขึ้นมา ได้แต่นั่งมองผมและโปรอยู่ตรงนั้น เหมือนจะพยายามพูดอะไรบางอย่างแต่พูดไม่ออก ผมก็ยังรั้งตัวโปรไว้ แต่รู้สึกว่าผมจะรั้งไว้ไม่อยู่แล้ว
“โปร ไม่มีอะไร เชื่อพี่ คนเรารักกันต้องเชื่อกันสิ”
“.......”
จนในที่สุดโปรก็หยุด แล้วจับแขนผมให้เดินออกมาจากตรงนั้น ก่อนไปผมได้บอกอาร์ทว่า ขอโทษที่ต้องทำให้เจ็บตัว แต่ไม่ทันได้พูดอะไรอีกโปรก็ดึงแขนผมไปจากตรงนั้นทันที
บนรถเมล์ ผมไม่ได้พูดอะไรกับโปรเลย แต่โปรก็ไม่ลืมที่หยิบผ้าเช็ดหน้าของเขามาให้ผม
“เอามาทำไม”
“เอาไป”
ผมก็รับไป แต่ก็ได้แค่ถือไว้เฉยๆ จู่ๆโปรก็เอามือของเขามาจับที่มือผม
“พี่หนึ่ง ขอโทษ”
ผมจ้องหน้าโปรด้วยหน้างงๆ เพราะไม่เข้าใจที่โปรพูด ขอโทษเหรอ ขอโทษเรื่องอะไร
“ที่ผมไม่ได้อยู่ดูแลพี่ตลอด”
“เฮ้ย พูดเบาๆ อายคนอื่น”
ผมกระซิบให้โปรพูดเบาๆแต่โปรเองก็จ้องตาผมอยู่อย่างนั้น
“ไม่มีอะไร แค่มีเรื่องเก่าๆมาให้คิดเท่านั้นเอง”
“นี่ตกลงเคยเป็นแฟนกับไอ้อาร์ทมาก่อนใช่ไหม” น่าตาผมนี่มันดูเป็นคนกินเด็กขนาดนั้นเลยเหรอ (ตอนนี้มานั่งนึก)
“ไม่ใช่ อาร์ทไม่ได้เกี่ยว แต่อาร์ทเป็นน้องของ...”
“......”
“แฟนเก่า”
“แล้วทำไม มันพูดอะไร”
“ก็แค่บอกว่าพี่ชายเค้าเป็นไงบ้างเท่านั้นเอง”
“......”
“ไม่มีอะไรจริงๆ”
“อ่ะ เชื่อ” แค่คำพูดสั้นๆธรรมดาๆ แต่ทำให้ผมยิ้มขึ้นได้อย่างประหลาด
“ที่เชื่อเพราะพี่บอกรักกับผมแล้วนะ ผมเลยเชื่อ”
“ฮือ บอกตอนไหน”
“ก็ตอนที่ห้ามผมไง อะไรๆน๊า รักผมๆรึไงเนี่ย”
“ไม่ได้พูด!!”
“อ่ะ อย่าๆๆๆๆ นี่ยังไม่ถึงเวลาเลย พี่แหละผิดสัญญา”
“ไม่รู้ ยังไม่ได้พูด”
“ปากแข็งนะมันน่า...”
“น่าอะไร”
“เดี๋ยวก็รู้”
แล้วเจ้าโปรก็ทำหน้ากวนๆใส่ผม ผมนี่ละเหนื่อยใจกับเจ้าเด็กตี๋นี่จริงๆเลย ครั้งจะพูดง่ายก็ง่ายจริง ตอนนี้เรื่องคงจบแล้ว หรืออาจจะมีอะไรที่เพิ่งเริ่มต้นก็เป็นไปได้นะครับ แต่ตอนนี้ ผมรู้อีกอย่างแล้วว่า ผู้ชายคนนี้ ปกป้องผมได้ (แม้อาจจะไม่มีเหตุผลและเลือดร้อนไปบ้างก็เถอะ)