สวัสดีครับ
ไม่ต้องพูดอะไรมาก ตอนนี้ผมงานเข้า โพสเลยละกันครับ
ขอบคุณที่ติดตามครับ
ปล.กระทู้ตกไปหน้าสองเร็วมากกกกกก
ตอนที่ 15
เย็นวันศุกร์หลังจากเลิกงาน ผมกับโปรก็พากันไปห้างแห่งหนึ่งแถวๆงามวงศ์วาน วันนี้โปรไม่มีเรียนพิเศษและเป็นวันที่โปรเรียร ร.ด. ด้วยในช่วงเช้าวันนี้จึงมารับผมได้เร็ว วันนี้ผมกับโจขออนุญาตพี่จิ๊บกลับก่อนเวลา
“นี่แกสองคนเป็นอะไร ทีจะไปก็ไปหมดเลยทิ้งพี่ไว้คนเดียว”
“แหม่ เจ้านายขอรับ กระผมขอออกก่อนเวลาแค่ชั่วโมงเดียวนี่ มันทำให้ยอดขายของบริษัทเราลดลงขนาดนั้นเชียวรึขอรับ”
“สำคัญตัวผิดแล้วล่ะค่ะคุณโจ ที่ชั้นพูดนี่เพราะว่าชั้นต้องมาทำแทนแกทั้งสองคนนี่แหละ”
“นะครับพี่จิ๊บ แล้ววันจันทร์ผมจะมาเคลียร์ให้หมดเลย” ผมบอกกับพี่จิ๊บ
“จ้า สำหรับหนึ่งน่ะพี่ไม่ห่วงหรอก แต่... ไอ้โจ เนี่ย พี่ล่ะกลุ้มใจ”
“พี่จิ๊บขอรับ กระผมขอรับรองด้วยเกียรติของลูกเสือที่เรียนมาเลยนะขอรับ ว่าจันทร์นี่ เรียบร้อยเรไรแน่ขอรับ”
“เออ ไปเลยๆ ชั้นล่ะเซ็งกับพวกแกจริง”
“แล้วเจอกันครับพี่”
ผมว่าเสร็จก็ลงมาใต้ตึกพร้อมกับโจ ก่อนแยกกันก็ไม่ลืมที่จะนัดแนะกันอีกครั้ง
“วันนี้สองทุ่มนะเว้ยหนึ่ง”
“อ่อ ให้ไปสองทุ่มใช่มะ ได้ๆ”
“ม่ายช่ายยยยยย เริ่มสองทุ่มดิ เดี๋ยวไม่ทันพอดีมาสองทุ่ม”
“เออๆๆ แล้วทำไมต้องมาร่วมกระบวนการกับแกด้วยนะนี่”
“ก็นะ เพื่อเพื่อนสุดที่รักคนนี้ ไม่ได้รึงายย”
“อ่าจ้า เพื่อเพื่อนสุดที่ร๊ากก ได้ซาเหมอ”
ผมพูดประชด แล้วผมก็ทวนของที่โจฝากซื้อ ก่อนที่เราจะแยกกัน จากนั้นผมก็ไปที่ป้ายรถเมล์เพื่อรอโปร แต่นี่ไม่ต้องรอเลยครับ โปรมารอผมก่อนแล้วตามที่ผมโทรบอก
บนรถผมกับโปรคุยกันในเรื่องคืนนี้
“ไม่รู้จะทำเป็นความลับไปทำไม เค้าน่าจะรู้อยู่แล้ว ก็วันนี้วันอะไร”
“แต่ว่าน้องต้อมเค้าคนขี้งอนนะ พี่ว่าไม่น่าจะรู้หรอก”
“มันก็ไม่แน่หรอก ผมว่าแผนมันตื้นไป”
“แล้วถ้าเป็นเราจะทำยังไงล่ะ”
“ก็จะแบบว่า เออ จำได้นะ แต่แล้วก็เฉยๆไม่ทำอะไร”
“เหอ นี่น่ะนะแผน”
“ช่าย”
“แผนอะไรไม่เห็นมีอะไรเลย”
“ก็แกล้งว่าจำได้แล้วจะจัดงานให้ แต่สุดท้ายไม่จัดไง แผนนี้ซู้ดดยอดดด”
มันสุดยอดตรงไหน(วะ) ไปหลอกเค้าซะงั้นน่ะ ถ้าไอ้โปรทำกับผมเหมือนที่ว่านะ เจอดีแน่
“ถ้าพี่เป็นต้อมนะ พี่งอนแล้วอย่าหวังเลยว่าจะง้อได้”
“ขนาดนั้นเลยหรอ”
“อืม ขนาดนั้นแหละ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมก็ทำให้หายงอนเอง ถ้าไม่หายจะตีก้น”
“กล้าหรอ”
“หันหลังมาเสะคับ”
“ไอ้โปร!!!”
แล้วโปรก็หัวเราะ ในที่สุดเราก็ถึงห้างจนได้ รถติดใช้ได้เลยเพราะขนาดคิดว่ามาเร็วแล้วรถก็ติดมากอยู่เหมือนเดิม โชคดีที่เราหาที่จอดรถได้เร็ว ไม่อย่างนั้นเจ้าตี๋โปรคงหงุดหงิดตาย นี่ขนาดรถติดไม่นานก็แทบจะเอารถไปชนคันหน้าแล้วตอนที่รถคันหน้าออกตัวช้า
ในห้างผมเดินหาซื้อของที่โจฝากผมซื้อ พวกกับข้าว น้ำอัดลม แล้วก็มีพวกแอลกอฮอร์บ้าง ตอนไปที่เคาท์เตอร์จ่ายเงินมันจะมีจุดที่ขายถุงยางอนามัย เจ้าตี๋โปรสะกิดผมให้หันไปมอง ผมก็มองแผงที่ขายนั้นแล้วหันมามองหน้าโปรประมาณว่า นี่หาเรื่องกวนนะนี่ แต่ไอ้ตี๋โปรก็ทำท่ายักคิ้วให้ผมอย่างมีเลศนัย แล้วผมก็ไล่ให้โปรรีบวางของที่เคาท์เตอร์คิดเงิน จากนั้นเราก็ช่วยกันหิ้วถุงที่ใส่ของจนเต็มไปเดินตามร้านขายของต่างๆ ประมาณพวกกีฟช็อปน่ะครับ ผมเลือกดูของหลายๆอย่าง โปรเองเหมือนจะไม่ค่อยช่วยอะไรเลยมัวแต่กินขนมที่ซื้อมาเมื่อกี้ (คนละอันกับที่โจฝากซื้อนะครับ) ผมถามว่าอันนี้อันนั้นดีไหม โปรก็จะตอบแค่ ‘อือ’ ‘หึ’ ‘อือหึ๊’ แล้วก็กลับไปก้มหน้ากินขนมต่อ เห็นแก่กินจริงๆ ผมคิดว่าสักวันคงจะติดคอตายเพราะกินอยู่แล้วตอบผมแบบนี้นี่ล่ะ แล้วจู่ๆโปรก็หยิบกล่องดนตรีอันหนึ่งให้ผม มันเป็นแบบลูกแก้วแล้วหมุนที่ฐานข้างล่าง ในลูกแก้วมีตุ๊กตาสุนัขตัวน้อยๆอยู่สองตัวตัวหนึ่งกำลังทำท่ากัดถุงผ้าใบใหญ่อยู่ แล้วในถุงใบใหญ่นั้นก็มีตุ๊กตาสุนัขตัวเล็กๆในถุงอีกที ส่วนเพลงนั้น ผมฟังดูแล้วมันฟังดูคุ้นๆอย่างไรไม่รู้ แต่ผมก็คิดไม่ออกว่ามันคือเพลงอะไร
“อืม...อันนี้ดีนะ ตาถึงนิ”
โปรไม่ตอบอะไร เพราะปากยังเต็มไปด้วยขนมอยู่ ผมเลยหยิบกล่องดนตรีอันนั้นไปจ่ายเงิน
“ขอโทษนะครับ ช่วยห่อขอขวัญด้วยนะครับ”
“ได้ค่ะ” พนักงานสาวรับคำ
เจ้าโปรสะกิดผมอีกแล้วชี้ไปที่การ์ดที่ตั้งโชว์ข้างเคาท์เตอร์ อืม นี่ผมเกือบจะลืมไปเลยนะนี่ โปรนี่เป็นคนละเอียดดีเหมือนกันแฮะ แล้วโปรก็หยิบการ์ดมาใบนึง น่ารักมากเลยน่ะครับอันที่โปรหยิบมา เป็นรูปถ่ายตุ๊กตาหมีสองตัว ตัวหนึ่งทำท่าเหมือนกำลังให้ของขวัญกับอีกตัวหนึ่ง ตัวที่ได้รับของขวัญทำท่าอายๆด้วย เมื่อพนักงานห่อของขวัญเสร็จแล้วผมก็บอกขอเพิ่มการ์ดใบนี้ไปด้วย
ผมและโปรออกมานอนร้าน ผมหยิบปากกาในกระเป๋าสะพายของผมเองเพื่อมาเขียนข้อความลงในการ์ด จู่ๆโปรก็แย่งปากกากับการ์ดไปจากมือผมแล้วเอาไปเขียนก่อน ผมก็แย่งกลับมา แต่โปรก็วิ่งหนีผมไปเลยโดยทิ้งของไว้ ผมเลยวิ่งตามไปไม่ได้ สักพักโปรก็เดินมาหาผมพร้อมยื่นการ์ดกับปากกาให้ผม ผมอ่านข้อความที่โปรเขียนในการ์ด
“เฮ้ย เขียนแบบนี้เดี๋ยวก็โดนโจว่าเอาหรอก”
“หึหึ ไม่สน แล้วห้ามแก้ด้วย“
ผมเลยส่ายหัวเลย แล้วพยายามคิดว่าจะเขียนอย่างไรให้แก้ต่างที่โปรเขียนไปได้ คิดแล้วแล้วผมก็เขียนลงไป จากนั้นผมกับโปรก็พากันเดินไปที่รถ เพราะตอนนี้ดูเหมือนจะกินเวลามามากแล้ว
เราขับรถออกจากห่างมาได้สักพักผมก็โทรหาโจ
“เออโจ ตอนนี้อยู่งามวงศ์วาน”
“เฮ้ย ยังไม่ออกจากห้างอีกเหรอ”
“ออกมาแล้ว จะถามทางหน่อยไปไม่ถูก”
“ก็ไปทาง....”
ผมก็คุยกับโจไป แล้วก็บอกทางโปรไป จนในที่สุดเราก็ถึงที่หมาย
“โห คอนโดที่นี่สวยเหมือนกันนะ”
ผมบอกกับโปร
“เอาไว้พี่มาผ่อนให้ผมอยู่ดิ”
“พี่ไม่มีเงินหรอก ที่โจมันซื้อได้เพราะแม่มันดาร์วให้ พี่ยังไม่ได้มีอะไรสักอย่าง”
“ไม่มีได้ไง แล้วที่นั่งอยู่ข้างๆนี่เรียกว่าอะไรล่ะคับ”
“ก็ ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น พี่หมายถึงบ้านพี่ไม่ได้รวยนิ”
“กะแค่เงินเอง ผมบอกแล้วไงว่าผมเลี้ยงพี่ได้”
“ชอบพูดอย่างนี้อยู่เรื่อย”
พอดีที่โปรหาที่จอดรถได้พอดี ผมกับโปรเลยช่วยกันขนของลงจากรถ แล้วก็ไม่ลืมโทรบอกโจว่าผมมาถึงคอนโดของโจแล้ว สักพักโจก็เดินมาถึงรถโปร แล้วก็ช่วยผมกับโปรขนของที่ซื้อมาไปบนคอนโด ในห้องของโจผมเห็นว่ามีการแต่งห้องไว้บ้างแล้ว
“ก็ยังแต่งไม่เสร็จอ่ะ กูทำคนเดียว มาแล้วก็ดีช่วยเลยๆ”
พูดเสร็จโจก็โยนพวกสายรุ้งมาให้ผมกับโปร
“นี่จะจัดงานปีใหม่เหรอไงคับเพ่”
“เออ ฉลองเชงเม้งให้มึงอ่ะโปร”
“อุ่ย โผ้มยางไม่ตายอ่ะคับ”
“มึงจะได้ตายแน่ถ้าไม่ปากหมา”
ผมมองโปรด้วยสายตาดุดุ ประมาณว่า ‘หยุดหาเรื่องได้แล้ว’ โปรก็ทำท่าส่ายหัวแล้วก็ช่วยผมเอาสายรุ้งไปพาดตามผนังห้อง
“โจ มันไม่ดูรกๆไปหน่อยเหรอ”
“ไม่รกก็ไม่เซอร์ไพรท์อ่ะสิ”
ผมสังเกตไปรอบๆห้อง ก็เห็นว่ามีอยู่สองห้องนอน ห้องค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว ท่าจะราคาแพงไม่ใช่เล่น เป็นผมนี่ผ่อนกี่ปีสิบถึงจะหมดนะ
“เออ แล้วนี่อยู่กันสองคน ทำไมซื้อตั้งสองห้องนอน กะว่าให้ลูกมานอนเหรอ”
“ช่าย ว่ากับต้อมอยู่ว่าจะเอาลูกสาวหรือลูกชายดี”
“เออนะ เอาไว้ให้ใครนอน”
“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ก็เพื่อพ่อแม่กูมานอนบ้าง หรือใครไปใครมาไง”
“อ่อเหรอ”
“งี้ก็มีที่ซ่อนชู้แล้วสิ เอะหรือพี่ต้อมนะที่ซ่อน” โปรแซว
“ไอ้.......”
ผมมองโปรด้วยสายตาเดิมอีกแล้ว แล้วพยักหน้าในโปร เพื่อให้โปรเข้าใจความหมายของผม
“ค๊าบบบบ ไม่กวนแล้วๆ” โปรตอบผมแล้วยอมมาช่วยงานแต่โดยดี
“แล้วนี่ชวนใครมาบ้างล่ะโจ”
“ก็มีเพื่อนของแมวน้อย ก็ต้องอาศัยพวกนั้นให้ช่วยน่ะ อืม... แค่นั้น”
ไม่ทันไรเสียงโทรศัพ์มือถือของโปรก็ดัวขึ้น
“ฮัลโหลเพ่พจน์”
“..........”
“อ้าว เจงเดะ โทษทีค๊าบบบ ผมลืมโทรบอกว่าวันนี้ของดติวก่อน
แล้วตอนนี้อยู่ที่โรงเรียนผมเหรอครับ
เวรเลย ไม่มีใครอยู่หรอกครับพี่...”
“เฮ้ย หมออยู่ไหนวะโปร บอกให้มากินกับเราดิ” เสียงโจบอกกับโปร
“เออเพ่ๆ จำพี่โจได้ป่ะช่ายๆ ที่ผมกลัวๆว่าจะเป็นเบาหวานอยู่น่ะเพ่ พอดีพี่แกจะฉลองสละโสดน่ะ ผมเลยมากับพี่หนึ่ง มาด้วยกันเปล่า โหยเพ่ เจ้าของงานเค้าออกปากชวนแล้ว เดี๋ยวผมไปรับก็ได้....”
“บอกหมอนะว่ามาให้ได้” โจย้ำอีก
“ค๊าบ ค๊าบได้ยินใช่ไหมพี่ ฮะ มีสอบ ตอนไหนอ่ะ แหม่พี่ กว่าจะสอบตั้งวันจันทร์ มาเหอะ”
ในที่สุดหมอพจน์ก็ยอมมาจนได้ครับ แต่บอกว่าคงอยู่ได้ไม่นานเพราะจันทร์นี้มีสอบ จะกลับไปอ่านหนังสือ โดยโปรจะขับรถไปรับ – ส่งให้ ผมเลยบอกให้โปรรีบไปรับหมอพจน์เลย เพราะน้องต้อมจะกลับมาจากมหาวิทยาลัยแล้ว
เมื่อโปรออกไปรับหมอพจน์ ผมเลยช่วยโจจัดของกันอยู่สองคน
“ไอ้ตี๋ผีนี่มันกวนประสาทดีเจงๆ นี่มึงอยู่กับมันได้ไง เป็นกูปวดหัวตาย”
“ว่าไป ยั่งกะมึงไม่ตี๋งั้น” คือโจมันมีเชื้อจีนบ้างน่ะครับ
“ก็มีบ้างนะที่โปรจะกวน แต่ก็ไม่ค่อยมีอะไรนักหรอก”
“เออ รักกันเจงเนาะ ปกป้องกันเข้าไป”
“ว่าแต่ จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ แมวน้อยที่น่าสงสารนี่ไม่รู้เรื่องแน่นะ”
“มือระดับไหนแล้ว”
แล้วผมก็ช่วยโจจัดของจนเสร็จ แม้ฝีมือการตกแต่งสถานที่ของผมจะไม่ค่อยดีนัก แต่ก็พอดูได้ไม่น่าเกียด เมื่อถึงเวลาน้องต้อมกลับมาแล้ว แต่ผมโปรยังไม่มาเลยครับ ผมเป็นห่วงเลยโทรหา โปรบอกว่าตอนนี้รถติดมากเลยครับ แต่คิดว่าไม่นานคงถึง และแล้วผมก็ได้ยินเสียงคนหลายคนอยู่หน้าประตูห้องของโจ โจรีบบอกให้ผมดับไฟในห้องให้หมด ส่วนโจก็วิ่งไปในครัวเตรียมของบางอย่าง ในที่สุดก็มีคนไขกุญแจเข้ามา
“พวกมึงลองนึกดูสิ ขนาดวันนี้ยังลืม แล้วต่อไปจะคบกันยังไง”
เสียงน้องต้อมพูดกับเพื่อน ส่วนผมก็แอบอยู่ใกล้ๆกับโจ แล้วโจก็จุดเทียนบนเค้กที่เตรียมไว้ ก่อนที่น้องต้อมจะเปิดไฟ เราก็ช่วยกันเดินถือเค้กมาที่หน้าน้องต้อมครับ
“เซอร์ไพร์ท!!!!”
แล้วเพื่อนของน้องต้อมก็เอากรวยป๊อกสายรุ่งที่ซ่อนไว้มาดึง ตอนนั้นดูน้องต้อมจะตกใจพอสมควร แล้วไฟก็เปิดขึ้น ผมทันเห็นหน้าน้องต้อมยิ้มนิดหนึ่ง ก่อนที่จะทำหน้าเหมือนงอนๆใส่โจ ก่อนที่โจจะเข้าไปบอกว่าขอโทษที่ไม่ได้บอก แล้วก็ไม่ได้ลืมว่าวันนี้เป็นวันกิดแฟนของเขา
เสียงเพื่อนน้องต้อมก็พากันโห่แซวใหญ่ โจยื่นเค้กให้ต้อมเป่าเทียน แล้วทั้งห้องเราก็ร้องเพลงสุขสันต์วันเกิดให้น้องต้อม แล้วงานเลี้ยงวันเกิดน้องต้อมก็เริ่มขึ้น และแล้วโปรก็มาพร้อมกับหมอพจน์ หมอพจน์เข้าไปขอโทษน้องต้อมใหญ่เพราะไม่รู้ว่าวันนี้วันเกิดเลยไม่ได้ซื้ออะไรให้ แต่น้องต้อมบอกว่าแค่มาก็ดีใจแล้วน่ะครับ ผมเองก็ดึงๆโปรให้มาช่วยถือกล่องของขวัญให้
“น้องต้อม ขอให้มีความสุขมากๆนะครับ นี่.. จากพี่และก็โปร”
“ขอบคุณมากๆเลยครับพี่ เห็นพี่โจบอกว่าพี่มาช่วยงานแต่แรก ผมไม่รู้จะขอบคุณไงดี ดูสิเกรงใจจังพี่คงลำบากแย่”
“ไม่หรอกๆ อ่อ เปิดดูสิ”
ว่าแล้วน้องต้อมก็เปิดกล่องของขวัญออก
“โห.... น่ารักจังพี่หนึ่ง”
“โปรเป็นคนเลือกให้น่ะ”
“อย่างไอ้โปรนี่เหรอ ไม่เจงม๊าง” โจพูดสอดขึ้นมา
“หน้าอย่างนี้น่ะนะซื้อของแบบนี้เป็นด้วย”
“อ้าวเพ่ คนอย่างผมก็มีอารมณ์ศิลป์น ไม่ใช่มีแต่อารมณ์งี่เหมือนเพ่นิ”
“ไอ้เชี่ยนี่ ขอสักทีเถอะ”
“จะมาขอได้ไง ผมมีมี่หนึ่งอยู่แล้ว”
“ไอ้!!!!”
ว่าแล้วโจก็วิ่งไล่เตะโปรไปรอบห้อง โปรก็เร็วนะครับหลบทัน ผมก็ดูโจไล่กวดโปรได้สักพัก ก็หันมาคุยกับน้องต้อมต่อ
“การ์ดนี่ด้วย ขอบคุณนะครับพี่หนึ่ง แหม่ โปรนี่น่ารักจริงๆ บอกให้ผมระวังอย่าให้พี่โจล่วงล้ำก่อนวัยอันควร”
แล้วน้องต้อมก็หัวเราะ ผมเองก็ขอโทษที่โปรเขียนอะไรไม่เข้าท่าลงไป งานก็เหมือนจะผ่านไปได้ด้วยดีครับ หมอพจน์เองหลังจากที่น้องต้อมแนะนำกับเพื่อนๆว่าเรียนหมอเท่านั้นล่ะ ทั้งหญิงแท้หญิงเทียมพากันรุมจีบใหญ่ ที่จริงเจ้าโปรก็โดนกะเขาด้วยนะครับ แต่โปรก็เอาแต่กินเสียมากกว่าที่จะสนใจคนอื่น (รวมถึงผมด้วย) เพื่อนของต้อมเห็นว่าโปรไม่สนใจต่างก็หันไปหาหมอพจน์แทน งานนี้หมอพจน์เนื้อหอมจริงๆ
“น้องเรียนปีหนึ่งเองเหรอ ตายละพี่นึกว่าเพิ่งม.ปลาย” เสียงเพื่อนหญิงของต้อมพูดตอนที่เข้าจีบหมอพจน์
“อ่าครับ” ดูว่างานนี้หมอพจน์จะตอบแค่ ‘ครับ’ ‘ไม่ครับ’ ‘ขอบคุณครับ’ อยู่แค่นั้นจริงๆ ผมเลี่ยงมาดูวิวที่ระเบียงห้องครับ ลองดูวิวกรุงเทพฯตอนกลางคืน แสงรถที่วิ่งไปมาดูๆไปก็สวยไปอีกแบบของชีวิตในเมือง
“มาทำอะไรตรงนี้ครับพี่หนึ่ง” เสียงของหมอพจน์นั่นเอง เขาเดินมายืนข้างๆผม
“มาสำรวจดูห้องของโจหน่อย พี่คิดว่าวิวสวยดีนะ”
“ครับ”
“แล้วนี่เราหนีพวกในห้องมาได้ไงนี่” ผมพูดแล้วหมอพจน์ก็หัวเราะ
“ผมขอตัวเข้าห้องน้ำน่ะครับ แล้วพอดีเห็นพี่อยู่ตรงนี้”
“อ่อ” แล้วผมก็มองดูวิวต่อไป
“พี่หนึ่งครับ”
“ครับ ว่าไง”
“โปรรักพี่มากนะครับ”
“อ่าครับ” ผมงงกับคำพูดแปลกๆของหมอพจน์
“ถ้าเจอพี่เร็วกว่านี้ก็คงดี...” พูดเสร็จหมอพจน์ก็เงียบไป
“ฮือ อะไรเหรอ?” ผมมองหน้าหมอพจน์ ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าหมอพจน์ดื่นแอลกอฮอร์ไปหรือเปล่า เพราะหน้าของหมอพจน์แดงตัดกันสีผิวที่ขาว
“ก็ อะไรๆสำหรับผมคงดีกว่านี้มั้งครับ”
ผมเองก็ไม่เข้าใจในความหมายของหมอพจน์ เท่าไหร่ แต่ผมพยายามคิดหาคำพูดที่ดีที่สุดที่จะพูดต่อไป
“พี่ก็รักเรานะหมอพจน์ เราเป็นน้องที่ดีของพี่ และเป็นพี่ที่ดีของโปร พี่ไม่รุ้จะชอบคุณเรายังไงดี”
“อ่ะครับ พี่...”
“ยังไงพี่ก็ฝากโปรด้วยนะ เวลาไปติวถ้าไม่ตั้งใจก็บอกพี่เดี๋ยวจัดการให้เอง”
“ครับ”
แล้วผมก็เหม่อมองไปบนท้องฟ้า หมอพจน์ก็มองตามผม ในใจลึกๆแล้ว ผมสึกสึกแปลกๆว่าทำไมคนน่าตาอย่างผม ถึงมีความมาชอบได้นะ คนที่ไม่มีอะไรเป็นจุดเด่น หรือดังอะไร เป็นคนธรรมดาๆ ถึงกลายเป็นที่รักของแฟนผม และใครบางคน