สวัสดีครับ
ไม่ชักช้ามาต่อตอนที่ 13 ไอ้ตอนพิเศษนี่มันเป็นที่น่าสงสัยไงครับว่าแค่แฟนเก่านี่ ทำไมมันคิดหนักจัง ผมก็สงสัยเจอแฟนเก่าทีเดียว มันจะเป็นลมล้มตึงเลยได้ไงฟะ

ถ้าอ่านเวอร์ชั่นเก่าจะไม่มีตรงนี้น่ะครับ ส่วนที่ว่าเหมือนยังไม่จบนี่ มันจะต่อในตอนๆหนึ่งของเนื้อเรื่องหลักครับ หึหึ ต้องคอยติดตามอ่านนะครับ น่าสงสารหนึ่ง

มันก็ไม่ใช่คนที่โชคดีอะไรเรื่องพวกนี้นักหรอกนะคับ ผมว่า...
แต่ยังดีกว่าผมตรงมันมีแฟนนี่ล่ะ

แง๊~-------------------------

ขอบคุณครับ

ปล.ผมไม่แน่ใจว่าเสาร์อาทิตย์นี้จะได้โพสรึเปล่า ยังไงฝากมิตรรักแฟนนิยายช่วยดันด้วยนะครับ แล้วจะหาเวลามาโพสให้ได้ครับ สัญญา....

ปล.2 ตอนนี้ คนเป็นเบาหวาน ห้ามอ่านนะครับ

ตอนที่ 13
เช้าวันหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นกับผม ผมพยายามทำตัวให้เป็นปกติให้มากที่สุด แต่ใจก็ยังกลัวๆว่าจะต้องเจอกับโอ๊ต อีกครั้งหรือเปล่า ถ้าถึงตอนนั้นแล้วจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ผมพยายามที่จะไม่คิดเกินเลยไปกว่านั้น สงสัยเพียงว่าจะกลัวโอ๊ตทำไมนะเค้าไม่ได้มาทำอะไรเราสักหน่อย ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ผมทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยและลงมาจากห้อง วันนี้โปร บอกว่าจะมารอผมที่หอ แต่ผมมองจนทั่งแล้วยังไม่เห็นโปรแม้แต่เงา ผมยืนเราโปรอยู่ที่ข้างถนนหน้าหอ รออยู่หน้ารถยนต์สีดำคันหนึ่งที่จอดอยู่หน้าหอผม ผมรอโปรอยู่ได้สิบนาที ผมเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีเสียแล้ว เพราะทุกทีเป็นเวลานี้เป็นเวลาที่ผมจะไปเจอโปรที่ ป้ายรถเมล์ประจำ ทันใดนั้นรถที่จอดอยู่ข้างผมก็สตาร์ทเครื่องขึ้น ผมจึงหลบเข้ามาริมถนนมากขึ้น เพื่อที่จะให้รถคันนั้นได้ขับผ่านไป
แต่รถคันนั้นกลับบีบแตรพร้อมเปิดไฟใส่ผม นี่ผมยังหลบรถไม่พออีกเหรอครับนี่? ผมหลบเข้าข้างทางเข้าไปอีกแต่รถคันนั้นก็ยังทำเหมือนเดิม ตอนนี้ผมรู้สึกอารมณ์เสียมาก คิดว่าแค่นี้รถก็น่าจะไปได้แล้ว ในที่สุดผมเลยเลยผ่าหน้ารถแล้วเดินอ้อมไปหลังรถให้รู้แล้วรู้รอด ตอนที่ผมเดินผ่านด้านขนขับนั้น กระจกรถได้ลดลง
“นี่เพ่ คนนั่นเค้าต้องนั่งอีกด้านไม่ใช่ด้านนี้ หรือว่าเพ่จะขับเองคับ?”
ที่ไหนได้เจ้าตี๋โปรนี่เอง ผมแปลกใจมากที่โปรอยู่ในรถ และเป็นคนขับเสียด้วย
“รถคันนี้ไม่ง้อลูกค้านะ ไม่ขึ้นมาผมจะไปละนะ”
ผมจึงต้องเดินไปขึ้นรถที่ฝั่งคนนั่งโดยทันที พอขึ้นรถผมก็เห็นได้ว่ารถคันนี้มีการแต่งมาอย่างดี มีจอ LCD ติดที่หน้าคนขับและด้านคนนั่งทั้งหน้า – หลัง มีเครื่องเล่น DVD และอีกสารพัดที่ผมบอกไม่ถูก
“ว่างๆเอาหนังโป๊มาเปิดได้นะ”
“เฮ้ย บ้า ใครจะทำ”
“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ” เจ้าตี๋โปรหัวเราะ
จากนั้นรถก็เคลื่อนที่ออกจากหน้าหอผม มันออกไปหน้าปากซอยแล้วขับไปตามทางเดียวกับรถเมล์เจ้าประจำที่ผมกับ โปรขึ้น
“แล้วทำไมวันนี้ โปรขับรถมาได้ล่ะ”
“ก็บอกป๊าว่า ‘ป๊าขอรถ’ แค่นั้นป๊าก็โยนกุญแจมาให้”
“เฮ้ย ทำไมง่ายจัง”
“ที่ง่ายเพราะบอกม๊าไปว่า ‘เดี๋ยวนี้กว่าจะรอรถเมล์กลับมาบ้าน มาติวกับพี่พจน์ แล้วก็ไปเรียนพิเศษอีก เสียเวลาตายเลย’ ม๊าเลยบอกป๊าว่าให้รถผมใช่ ป๊าเลยให้มานี่ล่ะ”
“แล้ว มีใบขับขี่แล้วเหรอ”
“ยังไม่มี” โปรตอบแบบไม่สะทกสะท้านอะไร
“อ้าว แล้วถ้าถูกตรวจล่ะ”
“ก็ยัดสิคับ”
“เวร!!” ผมสบถออกมา
“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ล้อเล่น ผมมีแล้วใบขับขี่ ที่บ้านปลูกไว้หลายต้น จะเอากี่ใบดีล่ะคับ”
“แล้วตกลงมี?”
“หึหึหึ จะเหลือเหรอ ผมยังสิบเจ็ดเองยังเล็กอยู่”
“อ้าวแบบนี้ก็”
“ก็ไม่ต้องห่วงอะไรคับ อย่างอื่นโตหมดแล้ว”
“ไอ้...!!” ผมเริ่มพูดเสียงแข็ง
“ก็จะระวังๆคับ ไม่ต้องห่วง” (น้องๆทั้งหลายอย่าทำตามโปรนะครับ ไม่เท่ย์หรอกครับอัตรายต่อชิวิตและทรัพย์สินของคุณพ่อคุณแม่ครับ ที่สำคัญผิดกฎหมายครับ)
ผมมองหน้าโปรสักพัก เหมือนโปรจะอมยิ้มไปตลอด ไม่รู้ว่าเค้าคิดอะไรแน่แต่ผมกังวลเรื่องจะโดนตำรวจจับมากกว่าครับ
“แต่ว่าตอนเย็นไม่ต้องห่วง ผมจะยังบริการพี่อยู่”
“อ้าวแล้วไม่ติวกับหมอพจน์เหรอ”
“ติวสิ แต่จะให้มาติวที่โรงเรียน พอดีเพื่อนมันก็อยากติวกับพี่พจน์เหมือนกัน”
โปรเองก็ขับรถไม่เร็วมาก สงสัยกลัวผมจะว่าเอามั้งครับ โปรขับผ่านหน้าโรงเรียนของโปรเองไปแล้วตอนนี้ก็ใกล้ที่ทำงานผมทุกที
“เย็นนี้ก็มารอผมที่ป้ายนะ จะมารับ”
“เอางั้นเลยเหรอ นี่พี่ต้องช่วยค่าน้ำมันเท่าไหร่”
“ไม่เอาอะไรมาก ขอเป็นตัวแทนละกัน ได้ป่ะ”
พูดเสร็จโปรก็หันมาทางผม พร้อมยั๊กคิ้วให้
“พอเลย มองไปข้างหน้าพอละ เดี๋ยวไปชนรถคันอื่น”
“ค๊าบบบบบบบ”
ในที่สุดก็ถึงหน้าที่ทำงานผม ผมก็ได้ลงจากรถโดยสวัสดิภาพ ก่อนลงก็ไม่วายจะบอกให้โปรขับระวังๆเพราะตอนเช้ารถมักจะเยอะยิ่งตอนกลับรถนี่ ผมว่าน่ายิ่งกลัว ผมมองรถของโปรจนมันไปสุดสายตาจึงค่อยเดินขึ้นที่ทำงาน
บนที่ทำงานก็ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ที่แปลกหน่อยคือวันนี้ผมมาค่อนข้างเช้ากว่าใคร คงเพราะมารถของโปรนี่เอง ไม่ต้องแวะจอดรับคนตามป้ายเหมือนขึ้นรถเมล์ ผมเริ่มเคลียร์งานที่ค้างจากเมื่อวานได้สักครู่โจก็เดินขึ้นมา
“ว่างาย วันนี้มาเร็วนะนี่”
“อืม” ผมตอบสั้นๆ แต่หน้าผมก็ยังก้มดูเอกสารบนโต๊ะอยู่
“เฮ้ย นอกใจเด็กมันแล้วเหรอ?”
“นอกใจอะไร” ผมหันมาถามโจด้วยสีหน้างงๆ
“ตอนเลี้ยวรถเข้าตึกเห็นอยู่ ว่ามึงน่ะมีคนมาส่ง แหม่ๆๆ รถราคาแพงซะด้วยนะเนี่ย เสี่ยไหนมาส่งล่ะ”
“ก็เสี่ยโปรอ่าสิถามได้”
“ฮะ อะไรนะ ใครเสี่ยโปร”
“ก็เจ้าโปรนั่นแหละ”
“เฮ้ย ไอ้ตี๋นั่นน่ะนะ มันมีรถขับมาเองด้วยเหรอ”
“ก็เพิ่งรู้เหมือนกันนี่แหละ”
“แสดงว่าบ้านมันคงมีกะตังค์น่าดู”
ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่ดูหน้าโจแล้วก็พอจะเดาออกได้ว่ามันจะพูดอะไรต่อไป คงว่าผมได้แฟนรวยล่ะสิท่า
“อิจฉาโว้ย คนรวย ทำอะไรก็ดีไปหมด”
“ถ้าอยากรวยก็รีบกลับไปนั่งโต๊ะแล้วทำงานเสียให้เสร็จสิคะ คุณโจขรา จะมายืนอิจฉาคนอื่นแล้วมันจะรวยรึคระคุณโจ”
เสียงพี่จิ๊บดังมาแต่ไกล ไอ้โจก็รีบกลับไปนั่งที่โต๊ะมันทันที พี่จิ๊บเดินมาพร้อมถือแฟ้มใหญ่ๆ สองสามอันมาวางไว้ที่โต๊ะของโจ
“แหม่จริงๆเลยนะพวกแก”
“พี่จิ๊บแล้วนี่อะไรเหรอครับ” โจชี้ไปที่แฟ้ม
“ก็งานแกอ่ะสิ!! นี่พี่แก้ให้ไม่ไหวละ ไปดูเอาเองว่าแก้อะไรบ้าง”
แล้วโจก็เปิดดูแฟ้ม แรกๆก็เปิดดูทีละแผ่น แต่ต่อมาก็ดูแผ่นถัดไปอย่างรวดเร็ว
“พี่จิ๊บอย่าบอกนะว่า..”
“ช่ายแล้ว แกทำผิด หมดนี่เลย ดีนะที่ชั้นเอะใจตรวจก่อนไม่งั้น...แกหัวขาดแน่!!”
ว่าเสร็จพี่จิ๊บก็เดินเข้าห้องทำงานทันที
“เอ้อ คุณโจคะ ขอวันนี้...นะคะ” เสียงพี่จิ๊บยังตามมาอีกครั้ง นั่นทำให้ไอ้โจแทบเป็นบ้า มันเอามือกุมหัวแล้วสบถเบาๆ ผมเห็นแล้วก็ไม่รู้จะสมน้ำหน้าหรือสงสารดีน่ะครับ แต่วันนั้นทั้งวันดูเหมือนโจจะขยันเป็นพิเศษจนต้องฝากผมซื้อข้าวขึ้นมาให้ รวมถึงโทรไปเลื่อนนัดกับน้องต้อมที่มันนัดกินข้าวด้วยกันเย็นนี้ด้วย(น้องต้อมโวยวายนิดหน่อย แต่ก็ไม่มีอะไร) ผมเองก็ช่วยงานโจบ้างนะครับก็ช่วยเท่าที่ทำได้แต่งานของโจกับผมก็ชั่งจะต่างกันเหลือเกิน ( โจเป็นการเงินน่ะครับ มันจบบัญชีมา แต่ผมเป็นพวกดูแลการตลาดเลยจะไม่ค่อยรู้เรื่องงานของมันเท่าไหร่นัก)
จนถึงตอนเย็นใกล้เวลาเลิกงานแล้ว ผมก็ยังเห็นโจแก้งานอยู่
“นี่ ยังไม่เสร็จอีกเหรอ”
“ใกล้ละๆ กลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”
“อืม งั้นกลับก่อนนะ กลัวโปรจะรอนาน”
“อ่าจ้า รีบไปนะเดี๋ยวเสี่ยน้อยๆจะหนีไปหาคนอื่นก่อน” ขนาดแก้งานจนหัวหนุมมันก็ยังไม่วายมากัดผมอีกจนได้
“เอ้อ โจเมื่อกี้น้องต้อมฝากมาบอกว่า ถ้ามาไม่ทันห้าโมงครึ่ง ไม่ต้องเข้าห้องนะ...”
“อะ ไอ้.... แมว...น้อย...บ้า!!!”
ไม่อยากจะบอกว่าผมโกหกโจน่ะครับ ก็ดันมากัดผมเองนิ ที่จริงผมเลื่อนนัดให้แล้วครับ ผมเดินลงมาที่ป้ายรถเมล์หน้าที่ทำงานผม สงสัยว่าโปรจะยังติวไม่เสร็จ เพราะนี่ก็ห้าโมงกว่าแล้ว ผมยังไม่เห็นรถโปรแม้แต่เงา
ผมรอจนเกือบจะครึ่งชั่วโมงแล้วก็ยังไม่มา ดูท่าโปรคงเบี้ยวผมแล้วล่ะครับ ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากะว่าจะโทรไปหาโปรแต่แล้วผมก็เปลี่ยนใจเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม เมื่อเห็นรถเมล์สายประจำผมเข้ามาจอดที่ป้าย ผมขึ้นไปบนรถผมนั่งที่ประจำริมหน้าต่างเหมือนเดิม เหม่อมองไปที่ข้างทางแต่ผมก็ใจหายเมื่อคิดว่าถ้าป้ายหน้าโอ๊ตขึ้นมาบนรถอีกล่ะ แล้วผมจะทำอย่างไรดี?
ผมกำลังคิดมากเรื่องโอ๊ตอยู่นั้น โทรศัพท์มือถือของผมก็ดังขึ้น ผมรีบเอามันออกมาจากประเป๋ากางเกงกดรับอย่างรวดเร็วเพราะเกรงใจคนอื่นในรถครับ
“สวัสดีครับ”
“เพ่ ลงจากรถมาเดี๋ยวนี้เลยนะ หรือจะให้ผมขับตามไปถึงหอ”
“อ้าว ขับตามรถพี่มาเหรอ”
“ลงมาเด๋วนี้เลยยยยยยยย”
พอถึงป้ายต่อไปผมก็ลงมาจากรถ เจ้าตี๋โปรขับตามหลังรถเมล์คันที่ผมนั่งมาจริงๆด้วย ผมเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่ง ผมมองหน้าโปรนิดหนึ่งผมเห็นเหมือนโปรทำหน้าไม่พอใจ ผมก็เลยทำหน้างอนๆบ้าง ดูสิจะว่ายังไงเจ้าตัวดี ให้ผมรออยู่ได้เป็นนาน เราสองคนไม่ได้คุยกันเลยครับ จนรถจอดไฟแดง โปรก็หันหน้ามามองผม ผมก็หันไปมองหน้าโปร แต่ผมสังเกตเห็นว่าหน้าโปรเปลี่ยนจากหน้าโกรธๆแนอมยิ้มแทนก่อนที่จะหัวเราะออกมา
“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ พี่ทำหน้าแบบนี้ตลกนะ”
“ตลกยังไง”
“ก็ทำแก้มป่องๆไง”
“ไม่ได้ป่องซะหน่อย”
“เฮ่อ ๆ ๆ พอดีผมไปส่งพี่พจน์ เลยมาช้าหน่อย รอนานสิท่าเลยไม่อยู่รอผมเลย”
“ก็ไม่เห็นจะโทรบอกนิว่าจะไปส่งหมอพจน์”
“ก็นึกว่าพี่จะโทรมาหาผมนิ”
“อ้าว เราคนผิดนัดเองนิไม่โทรเป็นคนมาล่ะ”
“อ่าค๊าบบบบบ ผมขอโทษค๊าบบบบ แล้วทีหลังจะบอกก่อนนะ”
“อืม ดีมาก ถ้ามีผิดนัดแล้วไม่โทรบอกก่อนอีก จะไม่คอยนะ”
“อ๊า ใจร้ายยยยย นี่ คิดอยู่ว่ายังไม่ลงจากรถ จะชนให้จอดอยู่แล้วนะนี่”
“เฮ้ยบ้าดิ”
“ก็จะทำ”
“เออ บ้าจริงๆ”
ผมกับโปรก็คุยกันในเรื่องที่ติวบ้าง เรื่องเพื่อนเขาบ้าง ผมได้ถามโปรเรื่องของอาร์ทดูเหมือนโปรจะไม่พอใจ แต่ก็ตอบมาว่า อาร์ทกับโปรก็ยังคุยเป็นปกติ
“พี่ ผมรู้เรื่องระหว่างพี่กับอาร์ทแล้วนะ”
“รู้ว่า...??”
“ก็รู้แล้ว”
จากนั้นผมกับโปรก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก ผมสังเกตได้ว่าโปรขับรถออกไปอีกทางที่ไม่ใช่ทางไปซอยหอผม
“อ้าวนี่จะไปไหนเหรอ”
“ไปเรียนพิเศษ”
“อ้าว แล้วไม่ไปส่งพี่ที่หอเหรอ”
“ส่งสิ”
“แล้วทำไมมาทางนี้”
“ก็จะไปส่งหลังจากผมเรียนเสร็จแล้วไง”
“เฮ้ย นี่อย่าบอกนะว่าจะให้รอจนเรียนเสร็จ”
โปรไม่พูดอะไรแต่หันหน้ามามองผมแล้วก็ยักคิ๊วกวนๆใส่ผม ในที่สุดรถก็ถึงแถวๆสยามสแคว ผมเพิ่งรู้ว่าโปร เรียนพิเศษแถวนี้เพราะที่ผ่านมาผมไม่เคยตามโปรไปถึงที่เรียนพิเศษเลยสักครั้งเดียว ในที่สุดรถก็จอดข้างหน้าร้านขายขนมร้านหนึ่ง
“เดี๋ยวพี่ไปนั่งรอในร้านนี้นะ มีเน็ตให้เล่น มีหนมให้กิน”
“อ้าวแล้วนี่จะให้รอนานขนาดไหนล่ะ”
“พี่อยากรอผมนานแค่ไหนก็ตามจายอ่ะ แต่ถ้าผมมาแล้วไม่เจอพี่ในร้าน มีเรื่องกันแน่ๆ”
“จะมีเรื่องอะไร? เจ้าโปร”
“ก็เรื่องบนเตียงงาย”
โปรพูดเสร็จก็เปิดประตูรถออกไป ผมก็ออกจากรถตาม โปรเดินนำผมไปในร้านที่โปรว่า ข้างในนั้นมีเหมือนอย่างที่โปรว่ามีอินเตอร์เน็ตให้เล่น มีขนมขาย ตอนนั้นคนไม่เยอะมากนัก โปรพาผมให้มานั่งที่หน้าคอมเครื่องหนึ่งแล้วบอกให้ผมรอแป๊บหนึ่ง ไม่นานเท่าไหร่โปรก็เดินมาพร้อมขนมกองย่อมๆ
“นี่ เอาให้กินนะ ถ้าผมมาแล้วพี่ยังกินไม่หมด ผมจะป้อนใส่ปากพี่เอง”
“เฮ้ย ใครจะไปกินหมดเยอะขนาดนี้”
“ไม่รุ ผมไปละนะพี่ อีกสองชั่วโมงเจอกัน”
อ้าว นี่ใจคอจะให้ผมรอถึงสองชั่วโมงจริงๆหรือนี่ โปรพูดเสร็จก็รีบเดินออกไปนอกร้านทันที ผมเลยจำเป็นต้องนั่งรอโปรเพราะโดนมัดมือชกเสียแล้วนิครับ ผมก็เริ่มเปิดถุงขนมที่โปรซื้อมาหยิบมากินบ้าง แล้วก็เล่นอินเตอร์เน็ตไปผมได้คุยกับเพื่อนๆเก่าผมบ้างในอินเตอร์เน็ต ต่างก็ถามสารทุกข์สุขดิบซึ่งกันละกัน ผมเลยได้ปรึกษาเพื่อนๆในเรื่องของโอ๊ตที่เขาจะเหมือนขอกลับมาคบกับผมอีกครั้ง ใจจริงของผมแล้วก็ใช่ว่าไม่อยากกลับไปคบกับโอ๊ตนะครับ จริงๆแล้วโอ๊ตเค้าก็เป็นคนดีมากคนหนึ่งทีเดียว เพียงแต่.. ผมอาจไม่ใช่คนที่ดีที่สุดของเขาเท่านั้นเอง
เพื่อนๆผมสรุปความว่าให้ผมลองนึกถึงอนาคตว่าถ้ากลับไปคบกับโอ๊ตแล้วนี่เหตุการณ์ที่เคยเกิดมาก่อนหน้าจะเกิดซ้ำอีกหรือไม่ แล้วใจผมเองยอมรับได้ไหมถ้าจะไม่นึกถึงตอนที่เขาทิ้งผมไป
ผมเล่าเรื่องของโปรให้ฟังด้วยนะครับ เพื่อนผมหลายคนก็เตือนผมด้วยความหวังดีว่า โปรนั้นยังเด็กมีโอกาสสูงที่เขาจะไปหาคนอื่นได้ ถ้าผมยิ่งถลำใจให้โปรไปลึกเท่าใด ผมก็ยิ่งเจ็บเท่านั้นถ้าหากว่าเรื่องที่เพื่อนเตือนผมมานั้นเป็นเรื่องจริง
เมื่อผมลองมานั่งนึกๆดูแล้ว ผมเองก็ยังรู้สึกเจ็บทุกครั้งที่คิดถึงตอนที่โอ๊ตถามคำถามผม ก่อนที่โอ๊ตจากผมไป แม้ว่าตอนนี้จะผ่านมานานแล้ว แต่ผมก็ยังจำได้ไม่เคยลืม เรื่องของโปร..ด้วยความเป็นเด็กของเขา ทำให้ผมกลัวด้วยเหมือนกันว่า ถ้ามอบใจให้โปรหมดแล้ว จะมีสิ่งใดมารับประกันได้ว่าโปรจะไม่ทิ้งผมไปไหน ที่จริงนี่ก็ครบสัญญาที่ผมกับโปรตกลงกันแล้ว แต่ผมก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรจะเรียกโปรว่า ‘แฟน’ ได้เต็มปากหรือยัง
“อ้าวเพ่ กินหนมเกือบหมดเลย ใจคอจะไม่เหลือให้เลยเหรอไง”
ผมหันไปทางต้นเสียง เจ้าตี๋โปรเดินมานั่งข้างผมตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้สิครับนี่
“แล้วนี่คุยกับใครอ่ะ กิ๊กไหน”
“กิ๊กบ้าอะไร เพื่อนทั้งนั้น”
“อ่ะขอให้เจง”
เจ้าตี๋โปรพูดไปก็กินขนมที่ผมกินเหลืออยู่ไป ดูท่าจะหิวมากจริงๆ โปรก้มหน้าก้มตากินไม่สนอะไรเลยในที่สุดขนมห่อสุดท้ายก็หมด
“โอ้ยยยยยยย”
“เป็นอะไร”
“หิววววววววววววววว”
“นี่กินขนมหมดไปเยอะนะนี่ ยังหิวอีกเหรอ”
“ก็หิวอ่ะ เพ่ๆ ป่ะกินข้าวๆ”
“แล้วจะกินที่ไหน”
“ผมรู้ที่อร่อยๆละกัน”
ว่าเสร็จเราทั้งคู่ก็เดินออกจากร้านไปโปรพาผมเดินไปแถวสยามพารากอน ลงไปชั้น L ที่นั่นมีร้านอาหารอยู่หลายร้าน แน่นอนว่าต้องราคาแพงแน่ๆ ผมพยายามคำนวนเงินในกระเป๋าว่ามีสักเท่าไหร่ เพราะนี่ก็ใกล้จะสิ้นเดือนแล้วสิ
“เอาร้านนั้นแล้วกัน”
โปรชี้ไปทางร้านอาหารญี่ปุ่นร้านหนึ่ง คนค่อนข้างเยอะทีเดียว ผมกะจะบอกโปรว่าช่วงนี้ผมต้องประหยัดหน่อย แต่ท่าไม่ทันเสียแล้ว โปรเดินไปขอบัตรคิวกับทางร้านแล้ว
โปรเดินกลับมาหาผมแล้วยื่นบัตรคิวให้ดู
“อีกที่เดียว เดี๋ยวก็ได้กินแล้ว”
“โปร...จะกินร้านนี้เหรอ”
“ช่าย”
“คือพี่... ตอนนี้มันสิ้นเดือนแล้วนะ”
“อ่อ นึกว่าเรื่องอะไร ผมจ่ายให้ก่อนก็ดะ แต่ต้องเอามาคืนผมนะ”
“อ่ะ ได้เลย เดี๋ยวเงินพี่ออกจะเอามาคืนให้”
“ไม่เอาเงินเพ่อ่ะ”
“อ้าวแล้วจะเอาอะไร”
“ก็เอา....”
“ไอ้บ้า!! รู้ว่าคิดอะไร” แล้วเจ้าตี๋โปรก็ทำตากลอกไปมาเหมือนเคย
“อืม เงินพี่ออกจะคืนให้”
“ไม่ต้องเลยๆ แค่พี่คนเดียว ทำไมจะเลี้ยงไม่ได้”
“ก็เรายังไม่มีเงินเดือนนิ ยังขอแม่อยู่เลยนะ”
“เพ่ ผมน่ะ เรื่องนี้อย่าห่วง ต่อให้พี่ตกงานผมก็เลี้ยงได้”
“แต่มันไม่ดีนะ”
“ถ้ารู้สึกไม่ดี พี่ค่อยคืนให้ผม แต่ผมไม่รับเป็นเงินพี่นะ”
โปรพูดจบ พนักงานหน้าร้านอาหารญี่ปุ่นนั้นก็เรียกชื่อโปรพอดี ผมกับโปรจึงเดินเข้าไปในร้านที่เค้าจัดไว้ให้ ผมสั่งอาหารมาไม่มากนัก อาจเป็นเพราะผมกินขนมที่โปรซื้อมาให้ตอนที่ผมรอโปรเรียนอยู่นั่นไปเยอะเลยไม่ค่อยหิว แต่โปรสิสั่งซะเยอะเลย จนผมกลัวว่าจะกินไม่หมด แต่ท้ายที่สุดมันก็หมดลงไปได้ ผมพยายามชวนคุยกับโปรตอนกิน แต่โปรก็ตอบเพียงแค่ ‘อือ’ ‘อืม’ ‘หึ’ แค่นั้นเอง โปรนี่มันสนแต่กินจริงๆ
แล้วเราก็ทานเสร็จ โปรใช้บัตรเดบิตของเขาจ่าย ผมถามว่าจ่ายไปเท่าไหร่ โปรก็ไม่ยอมบอก แถวขยำบิลทิ้งถังขยะอีกต่างหาก สงสัยกลัวผมเห็น
“พี่ไม่เห็นจะกินบ้างเลยนะ”
“ก็กินขนมเยอะแล้ว ไม่ค่อยหิว อีกอย่าง มาแย่งที่พี่สั่งกินด้วย
แล้วจะให้ไปแย่งทันได้ไง กินเร็วขนาดนั้น”
“โอ้ยยยยยย อิ่ม อิ่ม อิ่ม นั่งพักก่อนนะ”
เราทั้งคู่เดินมานั่งพักตรงน้ำพุด้านนอกพารากอน ผมมองไปที่แสงไฟที่เขาทำประดับไว้ มันเหมือนแสงดาวที่กระพริบเป็นระยะๆ เสียงน้ำพุก็ดังเบาๆ ผู้คนเริ่มบางตาลงเพราะใกล้ถึงเวลาปิดห้างแล้ว ผมมองไปบนท้องฟ้า นี่ผมมาอยู่กรุงเทพฯนานขนาดไหนแล้วนะ ที่บ้านผมจะเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อนๆผมตอนที่เรียนด้วยกัน คุณพ่อ คุณแม่ และใครรวมถึงอะไรอีกหลายอย่าง
ในตอนนั้นเองโปรก็เอามือมาจับที่มือผม ผมมองหน้าโปรทำหน้าแปลกใจ
“ผมรู้ว่าพี่จะว่าอะไร แต่ตอนนี้ผมว่าคงได้เวลาแล้ว”
ผมและโปรมองตากันและกัน ผมพูดเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ผมก็พูดไม่ออก
“ตอนนี้ผมนับเวลาที่คบกันเป็นเดือนแล้ว...แล้วผมอยากรู้ว่า ตกลงแล้วพี่...”
“อืม...” ผมตอบสั้นๆ ซึ่งสั้นจริงๆ
“ที่ผมขอรถป๊ามาแล้วให้พี่รอผมช่วงเรียนพิเศษ เพราะเป็นห่วงพี่ กลัวว่าพี่จะเป็นอะไรตอนที่ผมไม่ได้อยู่ด้วยอีก
ผมเป็นห่วงแฟน”
ผมมองหน้าโปร แปลกใจที่โปรเรียกผมว่าแฟน นี่เป็นครั้งแรกที่โปรเรียกผมว่าแฟน
“ผมคิดว่าคงไม่เร็วไปใช่ไหม ที่จะเรียกพี่ว่าแฟน ตอนนี้ผมอยากรู้ว่าพี่คิดกับผม..”
“....” ผมยังเงียบอยู่ ผมยังไม่รู้ว่าจะตอบอะไรไปดีไหม ตอนนี้ผมทั้งตื่นเต้นและสับสนมาก เสียงน้ำพุก็เงียบลง
“ผมขอสัญญา ว่าจะไม่มีวันจากพี่ไปไหน ไม่ว่าพี่จะเป็นอะไรก็ตาม ผมจะทำให้ดีที่สุด เท่าที่ผู้ชายอย่างผมจะทำได้....”
ผมลุกขึ้นจากตรงนั้น โดยยังไม่ได้พูดอะไร โปรก็ลุกเดินตามมาผมมองไปที่หน้าโปร โปรหน้าเสียมากจนผมรู้สึกว่า นี่ตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ จะแกล้งคนที่ผมให้ใจทั้งหมดกับเขาไปตั้งแต่ที่เค้าพูดสัญญากับผมได้อย่างไร
“อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ ถ้าทำนะ จะเลิกไม่เป็นแฟนละนะ”
“พี่พูดว่าอะไรนะ”
“ของดี มีน้อยใช้สอยประหยัดครับ” ผมพูดเลียนแบบโปรที่ชอบพูดกับผมบ่อยๆ
“อ่ะ แหม่บอกหน่อยๆๆๆ น๊า”
“....ม่าย...”
“นะ นะ นะครับ”
“....ม่าย....”
แล้วผมก็รีบเดินไปทันที เจ้าตี๋โปรก็ยังเดินตามถามผมอยู่เรื่อยๆ จนมาถึงที่รถโปรเปิดประตูให้ผมแต่เอามือกั้นไว้ไม่ให้ผมเข้าเสียอย่างนั้น
“บอกผมก่อน ไม่งั้นผมไม่ให้ไปด้วย”
ผมก็จะทำท่าแบบว่าไม่ง้อจะเดินออกจากรถ แต่โปรก็ดึงแขนผมไว้
“โห ที่รักค๊าบ ขอร้องล่ะค๊าบ”
ใช่ว่าจะพูดค่อยนะครับ โปรพูดค่อนข้างดังเลย ผมละอายคนแถวนั้นจริงๆ
“ไปๆ ขึ้นรถก่อนะแล้วจะบอก”
“ค๊าบบบ”
ในที่สุดเราก็อยู่ในรถ โปรขับรถออกมาจากสยามสแคว ระหว่างทางโปรก็ยังให้ผมบอกอีกให้ได้
“เอ๊า โปรเป็นแฟนพี่”
“ไม่อาว เอาเพราะๆดิ”
“เฮ้อ....”
“น่านะครับ ที่รัก”
“โปรเป็นแฟนพี่ครับ”
“ไม่เอา เป็นแฟนกัน อย่าเรียกตัวเองว่าพี่สิ”
“โปร เป็นแฟน หนึ่ง ครับ”
“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ” โปรหัวเราะแล้วเอามือมาจับมือผมตลอด
รถขับมาจอดที่หน้าหอผม ผมก็เก็บของจะลงจากรถ โปรก็ฉุดมือผมแล้วดึกตัวผมไปที่เค้า ทันใดนั้นหน้าผมกับโปรก็อยู่ใกล้กันมาก จนผมได้ยินเสียงลมหายใจของโปร ตอนนี้ผมตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก และแล้วริมฝีปากของโปรก็ใกล้เข้ามาจนแนบชิดกับผม ผมหลับตาปี๋เพราะอายจนทำอะไรไม่ถูก เราอยู่ตรงนั้นนานเท่าไหร่ผมไม่รู้จนกระทั่งโปรเปลี่ยนมาจูบผมที่ดวงตา แล้วเลื่อนไปที่หน้าผาก
จากนั้นโปรก็ปล่อยตัวผม เราจ้องตากันสักครู่ ความเงียบทำให้ผมได้ยินถึงเสียงของหัวใจตัวเองที่ยังคงเต้นรัวอยู่
“พี่ จะต่อรึไงคับ ติดใจล่ะเซ่”
“ไอ้บ้า”
ผมเลยรีบเก็บของแล้วลงมาจากรถก่อนปิดประตูโปรก็ยังบอกว่าพรุ่งนี้จะมารับผมเหมือนเดิม ผมก็รับคำแล้วเดินกลับเข้าหอ ก่อนขึ้นไปบ้านห้องผมมองโปรขับรถออกไปจนสุดสายตาแล้วพูดกับตัวเองว่า
‘หาเรื่องให้ตัวเองอีกแล้วนะ เจ้าหนึ่ง’
ผมนึกแล้วส่ายหัว แล้วก็เดินขึ้นไปที่ห้องของผม แต่ทำไมผมก็ยังอดอมยิ้มไม่ได้นะ ทั้งๆที่บอกกับตัวเองว่าหาเรื่องใส่ตัวแล้ว ก็ไม่รู้สิ