Universe 29th : สายเกินไป
ผมนั่งรถออกมากับลมสักพัก เราสองคนนิ่งเงียบมาตลอดทาง ผมเหลือบมองลมก่อนจะพบว่าเขาผอมลงนิดหน่อยจากเมื่อสามเดือนที่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นลมก็ยังคงดูดีมากอยู่ดี แม้ว่าตอนนี้ใบหน้าหล่อเหลาจะเคร่งเครียด คิ้วขมวดมุ่นก็ตาม
“ลม.. คือเรา…”
“พี่เทมส์รู้เรื่องนี้ด้วยใช่ไหม?” ผมนิ่งอึ้งไปเพราะยังไม่ทันจะได้พูดจบประโยค ลมก็ถามสวนออกมาเสียก่อน เขาไม่มองหน้าผมด้วยซ้ำ เอาแต่จ้องถนนตาไม่กะพริบ “ไนล์สัญญาแล้วนะว่าจะตอบลมทุกเรื่อง”
ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก นั่นเพราะผมรู้ว่าตอนนี้ลมโกรธมาก เวลาโกรธจัดๆ เขามักจะไม่มองหน้าผม เขาเคยบอกผมว่าเวลามองหน้าผมแล้วเขาชอบใจอ่อน แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ลมโกรธมากเขาจะตัดใจไม่มองหน้าผมเลย เพรานั่นจะเป็นการทำให้ผมรู้ว่าลมจะไม่ยอมใจอ่อนให้แน่ๆ
“อือ พี่เทมส์รู้.. พี่เทมส์รู้ทุกเรื่องแหละ” ผมเห็นแววตาของเพื่อนสนิท เจ็บปวดอยู่ชั่วแวบหนึ่งซึ่งนั่นทำให้ผมรู้สึกผิดไม่น้อย
“งั้นไนล์โทรหาพี่เทมส์ แล้วบอกพี่เทมส์ไปว่าลมรู้เรื่องที่ไนล์ไม่ได้ไปออสเตรเลียแล้ว” ลมพูดเสียงนิ่ง “ลมอยากรู้ทุกเรื่องแบบไม่มีการโกหกกันอีก เพราะฉะนั้นไนล์กับพี่เทมส์ต้องมาคุยกันต่อหน้ากับลม”
“ลม...” ผมพูดไม่ออก
“ไนล์กับพี่เทมส์เป็นคนดึงลมเข้าไปเกี่ยวในเรื่องนี้นะ เพราะฉะนั้นลมมีสิทธิ์รู้... มีสิทธิ์รู้ว่าไนล์กับพี่เทมส์กำลังทำอะไรกัน”
“….” ผมเงียบ เพราะเถียงในสิ่งที่ลมพูดไม่ได้
“แล้วลมก็ไม่ได้ขู่ด้วยเรื่องที่จะบอกคุณพ่อคุณแม่ ถ้าไนล์กับพี่เทมส์ยังคิดจะปิดบัง ลมจะบอกเรื่องทั้งหมดให้พวกท่านรู้”
ผมหน้าซีดทันทีพอได้ยินลมบอกแบบนั้น เพราะถ้าเรื่องนี้ถึงหูพ่อกับแม่ของผม ผมไม่มีทางหลบเลี่ยงอะไรได้เลย ไอ้เรื่องที่ท่านจะโกรธน่ะผมไม่วิตกเท่าไหร่ แต่ถ้าทำให้ท่านเสียใจขึ้นมา ผมกับพี่เทมส์ต้องรู้สึกผิดไปทั้งชีวิตแน่ๆ
“ก็ได้ งั้นเดี๋ยวเราโทรหาพี่เทมส์”
พอพูดจบผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาพี่ชายทันที ซึ่งพี่เทมส์ก็ไม่ปล่อยให้ผมรอสายนาน
“พี่เทมส์” ผมกรอกเสียงเรียกพี่ชาย ที่ยังดูงงๆ ว่าผมโทรหาทำไม เพราะนี่ไม่ใช่เวลาปกติที่ผมจะโทรหาพี่เทมส์
(ว่าไงไนล์ มีอะไรรึป่าว? ทำไมถึงโทรหาพี่เวลานี้ล่ะ) พี่เทมส์ถามเป็นชุดและผมก็ยังไม่สามารถตอบคำถามของพี่เทมส์ได้เลยเบี่ยงมาเข้าประเด็นนี้แทน
“พี่เทมส์ครับ ลมรู้เรื่องทุกอย่างแล้วนะครับ” ผมพูดเสียงเบา “ลมอยากคุยกับเราสองคนครับพี่เทมส์ พี่เทมส์พอจะสะดวกาเจอกับเราไหมครับ”
ผมได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่จากปลายสาย ก่อนที่เขาจะตอบผมกลับมาเหนื่อยๆ
(ความแตกจนได้สินะ.. ว่าแต่ไนล์ออกมาแบบนี้ไอ้ภูมันจะไม่สงสัยเอาหรอ? มันเพิ่งออกไปจากออฟฟิศเมื่อสักพักนี่เอง ไนล์จะกลับไปทันมันกลับมาคอนโดได้หรอครับ?)
พี่เทมส์ถามผมกลับอย่างสงสัย ให้ผมต้องบอกปัดเพราะต้องการแก้ทีละปัญหา
“เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะครับพี่เทมส์ ไนล์อยากให้เราคุยกับลมก่อน” ผมตัดสินใจไม่บอกพี่เทมส์เรื่องที่ลมเอาพ่อแม่มาขู่ เพราะไม่อยากหาเรื่องให้พี่เทมส์หงุดหงิดเพิ่ม
(งั้นก็ให้ลมขับรถไปเจอที่บ้าน พ่อกับแม่ไม่อยู่พอดี มีอะไรไปคุยที่บ้านแล้วกัน จะได้เป็นส่วนตัวด้วย)
“ครับ”
ผมครางรับพร้อมกับกดวางสาย เมื่อได้ยินว่าพี่เทมส์จะรีบออกมาจากออฟฟิศ และหลังจากเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า ผมก็หันไปบอกเพื่อนสนิทที่ดูเหมือนว่าจะคร่ำเคร่งกับการขับรถเสียเหลือเกิน
“ลม พี่เทมส์บอกให้ไปหาที่บ้าน มีอะไรให้ไปคุยกันที่นั่น เดี๋ยวพี่เทมส์จะรีบกลับมาเจอ”
ลมพยักหน้าและไม่ได้ตอบอะไรก่อนจะเหยียบคันเร่งตรงไปที่บ้านผม ในขณะที่ผมก็ได้แต่หวังว่าทุกออย่างจะพ้นไปด้วยดี
.
.
.
ผมมาถึงบ้านในเวลาต่อมา บรรดาคนงานในบ้านก็เข้ามาดูแลห้อมล้อมเต็มที่ ทั้งยังไถ่ถามอย่างสงสัยว่าทำไมผมถึงไม่โทรมาบอกก่อนว่าจะกลับ อีกทั้งคุณพ่อกับคุณแม่ก็ไม่อยู่ เลยยิ่งทำให้ทุกคนแตกตื่นไปกันหมด ผมต้องใช้เวลาปลอบและอธิบายกันอยู่นานว่าไม่ต้องตกใจกันไป ที่ผมรีบกลับมาเร็วก็เพราะมีงานด่วน พี่เทมส์เลยเรียกให้กลับมา เท่านั้นแหละถึงจะยอมสบายใจและแยกย้ายกันไปทำงานได้ แต่ก็ไม่วายหอบน้ำ หอบขนม หอบของว่างมาวางเสิร์ฟให้ผมกับลมจนล้นโต๊ะ โดยเฉพาะป้าบัวที่ดูแลผมกับพี่เทมส์มาตั้งแต่เด็กเข้ามาทั้งกอด ทั้งหอม บอกว่าคิดถึงมากเพราะไม่ได้เจอกันเกือบสามเดือน
“ชื่นใจของบัว บัวดีใจจังค่ะที่คุณหนูไนล์กลับมา บัวคิดถึง”
“โอ๋นะครับ” ผมกอดป้าบัวกลับพร้อมกับโยกตัวแกไปมาเบาๆ “ไนล์ก็คิดถึงป้าบัว สัญญาครับว่าต่อไปนี้จะไม่ไปไหนนานๆ อีกแล้ว”
ใช่... ไม่ไปไหนอีกแล้ว“ดีค่ะ” ป้าบัวยิ้มกว้างตอนได้ยินผมบอกแบบนั้น “ถ้าอย่างนั้นคุณหนูไนล์คุยกับคุณลมตามสบายนะคะ อยากได้อะไรบอกป้า เดี๋ยวป้าเอามาให้เพิ่ม”
“ขอบคุณครับป้าบัว” พอผมตอบรับไปแบบนั้นป้าบัวก็เลยเดินออกจากห้องนั่งเล่นไป เดาว่าคงไปเข้าครัวตามประสา และอาหารเย็นบนโต๊ะวันนี้คงไม่พ้นของโปรดผมจนล้นแน่ๆ
ผมยิ้มน้อยๆ พลางซึมซับเอาความรู้สึกแบบนี้เข้ามา ..
ความรู้สึกของการเป็นคนสำคัญและการถูกดูแลแต่ซึมซับยังไง ถมเท่าไหร่ มันก็เหมือนไม่เต็มสักที ไม่เหมือนตอนที่ได้รับจากพี่ภู แม้เพียงแค่น้อยนิดที่เขาแสดงออกแต่กลับมากมายเหลือเกินเมื่อผมได้รับ …
... ผมคิดถึงพี่ภูอีกแล้ว นี่เพิ่งจะจากเขามาไม่เท่าไหร่เอง
และสุดท้ายผมก็ต้องหลุดออกจากภวังค์ที่ตัวเองสร้างเมื่อได้ยินเสียงเรียกของเพื่อนสนิท
“ไนล์.. ไนล์ ไนล์!” ผมสะดุ้งเพราะมัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยอีกทั้งยังใจลอย ลมเลยเดินมาจับข้อมือผมแล้วจูงไปนั่งที่โซฟา
และนี่คือนิสัยของลมที่ผมชอบ .. ไม่ว่าเขาจะโกรธผมแค่ไหน แต่เขาก็จะยังคงดูแลผมเสมอ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน
“มานั่งพักก่อน กว่าพี่เทมส์จะมา”
ลมพูดขึ้นให้ผมต้องถอนหายใจ ผมนึกรู้ในทันทีว่าลมจะต้องไม่เริ่มพูดอะไรจนกว่าพี่เทมส์จะมาแน่ๆ และผมก็ทนให้เราสองคนนั่งเงียบๆ อึดอัดๆ แบบนี้ไม่ไหวหรอก
“ลม.. ถ้าลมอยากจะถามอะไรเราก่อน ถามได้เลยนะ ไม่ต้องรอให้พี่เทมส์มาก็ได้” ผมตัดสินใจเปิดประเด็นขึ้น เพราะถ่วงเวลาไปก็เปล่าประโยชน์
ลมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขามองผมนิ่งแววตาเต็มไปด้วยความสับสน มันเหมือนกับว่าเขาทั้งอยากรู้และไม่อยากรู้ … คงอยากถามเพื่อให้หายข้องใจ แต่ก็กลัวคำตอบที่จะได้ยิน แต่สุดท้ายเขาก็ตัดใจถามผมออกมาในที่สุด
“เรื่องทั้งหมดนี้เกี่ยวกับพี่ภูใช่ไหม?”
ผมหลับตา กำมือตัวเองที่วางไว้บนตักแน่น นึกรู้อยู่แล้วว่าคำถามของลมต้องออกมาเป็นแบบนี้แต่ก็อดทำใจไม่ได้ที่จะตอบออกไป เพราะผมรู้ดีว่าคำตอบของผมจะทำร้ายจิตใจเขามากแค่ไหน
และในขณะที่ผมกำลังตัดสินใจจะอ้าปากตอบ เสียงพี่เทมส์ก็ดังสวนขึ้นมาเสียก่อน พร้อมๆ กับการปรากฎของพี่ชายผม
“ใช่! ทั้งหมดนี่เกี่ยวกับไอ้ภูนั่นแหละ นายเข้าใจถูกแล้วลม”
ผมน้ำตารื้นทันทีที่เห็นพี่ชายอยู่ตรงหน้า แม้ผมจะเพิ่งเจอเขาไปเมื่อวานแต่มันก็ไม่เพียงพอและไม่สามารถลบล้างเรื่องราวและเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผมเจอวันนี้ได้เลย ทั้งเรื่องที่พี่ภูทำกับผม ทั้งเรื่องที่ลมจับได้ ..
... ผมแทบจะรับมันไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว“พี่เทมส์…ฮึก”
ผมลุกขึ้นแล้วโผเข้ากอดพี่ชายตัวเองแน่น พี่เทมส์เองก็คงรู้ถึงสภาพจิตใจที่ไม่ปกติของผม หรือเขาอาจจะคิดว่าผมแค่กังวลเรื่องที่ลมรู้ก็ได้ แต่ไม่ว่าจะเพราะเหตุไหนก็แล้วแต่ พี่เทมส์ก็อ้าแขนกว้างให้ผมเข้าไปกอด ก่อนที่เขาจะกอดตอบผมแน่นไม่ต่าง
“ว่าไงครับ ตัวเล็กของพี่” และยิ่งได้ยินพี่เทมส์เรียกผมด้วยสรรพนามที่เขามักใช้เรียกผมตอนเด็กๆ น้ำตาผมยิ่งไหล
“ไนล์.. ฮึก ฮือออ ไนล์ขอโทษ” ผมพึมพำคำว่าขอโทษซ้ำไปซ้ำมา เขาไม่ถามผมเลยว่าเรื่องอะไร เอาแต่กอดผมไว้แน่นอยู่แบบนั้นจนผมสงบลง
“หยุดร้องไห้แล้วใช่ไหม?” พี่เทมส์ดันตัวผมออก เพื่อดูว่าผมหยุดร้องแล้วจริงๆ และพอเห็นว่าผมพยักหน้ารับ เขาก็เดินพาผมมานั่งที่โซฟาออีกครั้ง พร้อมกับทรุดลงนั่งข้างๆ
“ว่าไงลม เราอยากรู้อะไรก็ถามพี่มา อันไหนพี่ไม่รู้หรือตอบแทนไนล์ไม่ได้พี่จะให้ไนล์ตอบ แต่พี่มีข้อแม้ว่าลมต้องไม่คาดคั้น ถ้าเรื่องไหนที่พี่ตอบว่าบอกไม่ได้ นั่นก็คือบอกไม่ได้ ตกลงตามนี้ไหม?” พี่เทมส์ตั้งเงื่อนไข
“ตกลงครับ” และลมเองก็ตอบรับ เพราะคำถามของเขาครอบคลุมมากพอที่จะรู้ได้ทุกอย่างโดยไม่กระทบกับเงื่อนไขที่พี่เทมส์ตั้ง “ผมอยากรู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นครับ เรื่องทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ ในเมื่อพี่ดึงผมเข้าไปเอี่ยวเรื่องนี้ด้วย ผมก็ว่าผมมีสิทธิ์ที่จะได้รู้นะ”
พี่เทมส์ถอนหายใจ ก่อนจะเหลือบมองผมนิดหน่อยราวกับจะขอคำปรึกษา ซึ่งผมเองก็พยักหน้าให้พี่เทมส์เล่า เพราะผมรู้ดีมันเปล่าประโยชน์ที่จะปิดบัง เขาเป็นเพื่อนสนิทผม และอีกอย่างเขาก็ถูกดึงมาเกี่ยวในเรื่องนี้ด้วย ดังนั้นที่เขากล่าวอ้างว่าตัวเองมีสิทธิ์ได้รับรู้เรื่องนี้ ผมก็คิดว่ามันเป็นจริงตามนั้นและเราก็ปฏิเสธไม่ได้
“ได้.. เรื่องทั้งหมดมันเริ่มที่ไอ้ภูกลับมาจากอเมริกาเพราะถูกผู้หญิงที่มันคิดจะแต่งงานด้วยหักหลัง มันกลับมาด้วยสภาพที่ไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่าปกติ ทั้งเปลี่ยนคู่นอนไม่ซ้ำหน้า ทั้งเที่ยว ทั้งทำตัวเสเพล ไนล์เองพอเห็นมันเป็นแบบนั้นก็สงสารมันและรู้สึกว่าอยากช่วย…”
พี่เทมส์หยุดพักเพื่อรอดูปฏิกริยาของลม ซึ่งมันก็ไม่ได้ต่างไปจากที่ผมคาดเดาสักเท่าไหร่นัก
“ไปช่วยเขาทำไม ในเมื่อเขาทำตัวเองทั้งนั้น แค่เลิกกับแฟนที่คบมามันต้องเสียผู้เสียคนขนาดนั้นเลยหรือไง”
ผมหลับตานิ่ง เมื่อได้ยินลมพูดแบบนั้น ไม่แปลกที่ลมจะไม่เข้าใจว่าผมจะพาตัวเองเข้าไปช่วยพี่ภูทำไม ความรู้สึกของแต่ละคนมันไม่เท่ากัน ดังนั้นผมเลยพยายามไม่คิดที่จะอธิบายอะไร แต่พี่เทมส์กลับไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น
“เผื่อนายจะลืมนะลม ว่าไนล์รักไอ้ภูมาสิบปี พี่คิดว่าแค่นี้ก็น่าจะพอตอบได้แล้วมั้งว่าไนล์ช่วยไอ้ภูทำไม”
ลมดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่เขาก็เลือกที่จะปล่อยผ่าน “แล้วยังไงต่อครับ ผมรอฟังอยู่”
“ไนล์มาบอกกับพี่ว่าอยากช่วยภู ภายใต้เงื่อนไขที่พี่ตั้งนั่นก็คือพี่ให้เวลาสามเดือนในการช่วยไอ้ภู ไม่ว่ามันจะดีขึ้นหรือไม่ดีขึ้นไนล์ก็ต้องยอมรับ และถ้าระหว่างนั้นไอ้ภูมันเกิดรักไนล์ขึ้นมาก็ถือว่าให้เป็นโชคดีของไนล์ไป แต่ถ้ามันไม่รัก หรือมันไม่รู้สึกอะไรด้วย ไนล์ก็ต้องเปิดโอกาสให้ลม และไนล์ก็ต้องหยุดยื้อความรักที่มีต่อไอ้ภูไว้สักที”
ผมน้ำตาไหล เพราะเป็นคนเดียวที่รู้ดีที่สุดว่าผลสรุปสุดท้ายระหว่างผมกับพี่ภูเป็นยังไง … ถ้าเขาไม่รัก ไม่คิดจะรัก ผมก็ต้องหยุด พอ และไม่ฝืนต่อไป
ซึ่งตอนนี้คำตอบที่ได้มันเป็นแบบนั้น
ในขณะที่ลมเองก็นิ่งไปหลังจากฟังเรื่องคร่าวๆ ทั้งหมด ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง “งั้นก็หมายความว่าช่วงสองเดือนกว่าที่ผ่านมา ที่บอกว่าไนล์ไปออสเตรเลียนั่นก็คือไปอยู่กับผู้ชายคนนั้นงั้นหรอครับ? แล้วพี่เทมส์ก็ส่งไนล์ให้ไปอยู่กับหมอนั่น? พี่มั่นใจได้ยังไงว่ามันจะดีกับไนล์ ไม่รังแกไนล์ หรือทำให้ไนล์เสียใจ”
“พี่ไม่รู้หรอก ไม่มีอะไรรับประกันนอกจากคำพูดของไนล์ที่ว่าจะดูแลตัวเอง และพี่ก็มีแค่นั้นเพราะยังไงสุดท้ายแล้วมันก็อยู่ที่การตัดสินใจของไนล์อยู่ดี”
ผมก้มหน้านิ่ง และยังคงร้องไห้เงียบๆ ไม่หยุด ความรู้สึกผิดตีตื้นขึ้นมาเต็มอก ทั้งที่พี่เทมส์ไว้ใจแต่ผมกลับทำลายความไว้ใจนั้นด้วยมือของตัวเอง
“แล้วจากนี้มันจะยังไงต่อครับ พี่เทมส์จะให้ไนล์กลับไปอยู่กับผู้ชายคนนั้นให้ครบสามเดือนงั้นหรอ? ทั้งที่ผมรู้เต็มอกขนาดนี้ ผมทนให้ไนล์กลับไปไม่ได้หรอกนะครับ” ลมเริ่มเสียงแข็งและดูไม่ยอมอย่างที่ว่า ซึ่งพี่เทมส์เองก็ใช่ว่าจะยอม
“มันยังอยู่ในเงื่อนไขสามเดือนนะลม อีกอย่างไนล์เองก็ใกล้จะบอกความจริงกับไอ้ภูมันแล้ว นายจะรออีกนิดนึงไม่ได้หรือไงกัน มันแค่อีกไม่กี่อาทิตย์ อย่างน้อยก็หลังเปิดโปรเจคมิกซ์ยูส”
“แต่พี่เทมส์ ผมว่า…”
ผมนั่งฟังสองคนเถียงกันและคิดว่ามันควรจะจบและพอเสียที ผมเลยตัดสินใจพูดสวนลมออกไป ก่อนที่เขาจะได้ตั้งหน้าเถียงกับพี่เทมส์ต่อ
“ไนล์พอแล้วครับ ไนล์จะไม่กลับไปอยู่กับพี่ภูแล้ว เรื่องระหว่างไนล์กับพี่ภูจบลงแค่นี้แล้วครับ ไนล์จะไม่พยายามทำอะไรที่เป็นการดึงและรั้งความรักครั้งนี้ไว้อีก.. มันจบแล้วครับ จบแล้วจริงๆ”
ผมพูดเสียงสั่น อีกทั้งน้ำตายังไงไหลเป็นทาง แม้จะฝืนยิ้มบางๆ ให้กับพี่ชายและเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ตรงหน้าก็ไม่ได้ทำให้ความเจ็บปวดในใจของผมลดน้อยลงสักนิด
และพอผมรู้ตัวอีกที พี่เทมส์ที่นั่งอยู่ข้างกันก็ดึงผมเข้าไปกอด พร้อมกับถามคำถามที่ผมเลี่ยงจะตอบมาจนตอนนี้ให้ได้ยิน
“ไนล์ เกิดอะไรขึ้น? ไนล์บอกพี่ มีปัญหากับไอ้ภูมาใช่ไหม? เรื่องจีนหรือเปล่า?”
และทันทีที่คำถามของพี่เทมส์จบลง ผมก็ปล่อยโฮออกมาอย่างสุดจะกลั้น ก่อนจะรู้สึกอ่อนล้าไปทั้งร่าง เพราะไหนเมื่อคืนจะไม่ได้นอน ไหนจะถูกพี่ภูรังแกมา ไหนจะเรื่องของลม และไหนจะความรู้สึกผิดที่มีต่อพี่เทมส์ ทุกอย่างตีวนกันมั่ว จนจู่ๆ ภาพในหัวผมก็ขาวโพลน และทุกอย่างก็ดับวูบเหมือนปิดสวิตช์ไฟ สุดท้ายผมก็ล้มพับไปในอ้อมกอดของพี่ชายตัวเอง
.
.
.
ผมตื่นขึ้นมาอีกทีผู้ชายสองคนก็ยังคงอยู่ตรงหน้าผม เพียงแค่เปลี่ยนสถานที่จากห้องนั่งเล่นเป็นห้องนอนของผมเอง ผู้ชายตัวโตสองคนที่นั่งขนาบข้างอยู่บนเตียงของผมดูตื่นตระหนกมากพอสมควร อาจเป็นเพราะจู่ๆ ผมก็ล้มลงไปต่อหน้าต่อตาพวกเขา เลยทำให้พวกเขาตกใจและตั้งรับไม่ทันก็เป็นได้
แต่ไม่รู้สิ จะว่าผมจับสังเกตได้ก็ได้ แต่ผมรู้สึกว่าพี่เทมส์ดูผิดปกติ เขาดูไม่ค่อยสบายใจและเหมือนมีอะไรอยากจะถามผม
“เป็นยังไงบ้าง? ยังเวียนหัวหรือหน้ามืดอยู่ไหม?” พี่ชายผมถาม พร้อมทั้งเอามือมาแตะตามหน้าตามซอกคออย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นอะไรแล้วครับ เมื่อกี้ที่วูบไปคงน่าจะเครียด แล้วก็พักผ่อนน้อย..พักนี้ไนล์นอนไม่ค่อยหลับน่ะครับ” ผมบอกปัด พลางยิ้มบางๆ ส่งให้พี่ชาย แต่แล้วด้วยความสงสัยก็ทำให้ผมทนไม่ไหว พี่เทมส์ทำหน้าเหมือนมีอะไรในใจมาตั้งแต่ผมตื่นแล้ว
“ไนล์…”
“พี่เทมส์มีอะไรจะถามก็ถามเถอะครับ อย่าอ้ำอึ้งเลย” ผมพูดสวนโดยไม่รอให้พี่ชายได้พูดจบประโยค เพราะรู้ว่าเขาจะต้องพูดอ้อมไปอ้อมมาแน่ๆ
พี่เทมส์มองหน้าผมพร้อมกับถอนหายใจ ก่อนจะถามออกมาตรงๆ “เมื่อกี้พี่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ไนล์ พี่เห็น.. แม่งเอ๊ย! พี่เห็นรอยบนตัวไนล์…” เขาขยับมาจับไหล่ผม พร้อมกับถามคำถามที่ผมรู้ดีว่าต้องตอบในสักวัน “ไนล์บอกพี่มาตามตรง ไนล์กับไอ้ภู…”
“ครับ” ผมหลับตาเพื่อรวบรวมรวมความกล้าก่อนจะตอบออกไป เพราะรู้ดีว่าพี่เทมส์จะถามอะไร แม้เขาจะยังพูดไม่จบประโยคก็ตาม
.. ผมรู้ดีว่าสำหรับคนที่ทั้งรักและหวงผมมากอย่างพี่เทมส์ มันคงทำใจยากมากน่าดูที่เขาจะถามออกมาได้ตรงๆ
“แม่งเอ๊ย! สัสภู!” พี่เทมส์สบถด่ายาวเหยียด ในขณะที่ลมที่นั่งอยู่อีกข้างผมกำมือแน่น ปฏิกริยาของคนทั้งคู่ที่ถูกส่งออกมาทำให้ผมต้องเอื้อมมือไปกุมมือของทั้งสองคนเอาไว้ คล้ายกับอยากจะปลอบให้ใจเย็น
“อย่าโกรธพี่ภูกันเลยนะครับ” ผมกลั้นก้อนสะอื้น และมวลความรู้สึกผิดที่ไหลวนในใจก่อนจะสารภาพออกไป “เพราะไนล์เองก็เต็มใจ พี่ภูเขาไม่ได้บังคับอะไร ไนล์ยอมเพราะไนล์รักพี่ภู.. ฮึก”
ผมหลุดสะอื้นเพราะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว ผมรู้สึกผิดกับคนในครอบครัวและเพื่อนสนิทมากที่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวไม่รู้จักห้ามใจ และสุดท้ายก็ต้องซมซานกลับมาซบอกทุกคนที่ว่า เพราะคนที่ผมให้เขาไปทุกอย่าง เขาไม่ได้ต้องการผมอีกแล้ว
“ช่างมันครับ ไม่เป็นไร… ไม่เป็นไร ไม่ต้องร้องไห้นะ”
และน้ำตาผมก็ไหลเป็นทำนบแตกอีกครั้ง เมื่อพี่เทมส์ดึงผมไปกอดและปลอบใจไม่หยุด ผมยอมให้พี่เทมส์ดุด่ายังจะดีเสียกว่า บางทีถ้าโดนพี่เทมส์ตีสักทีผมอาจจะรู้สึกผิดน้อยกว่านี้ก็ได้
“ไนล์.. ฮึก ไนล์ขอโทษ ไนล์ขอโทษที่ทำตัวไม่ดี ไนล์ขอโทษที่ทำให้พี่เทมส์ต้องผิดหวัง ฮืออ ไนล์ทำตามที่รับปากไว้กับพี่เทมส์ไม่ได้เลย ฮืออ” ผมร้องไห้โฮ พร้อมกับยึดกอดพี่ชายเอาไว้แน่น แม้จะรู้ว่าตัวเองทำผิดและทำไม่ดีไว้
แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่อยากให้เขาโกรธหรือผิดหวังในตัวผม พี่เทมส์เป็นพี่ชายคนเดียวของผม และผมก็ไม่อยากให้เขาทิ้งผมไป
“พี่บอกแล้วไงครับว่าไม่เป็นไร.. ไหนเด็กดี” พี่เทมส์ดันตัวผมออก พร้อมกับยื่นริมฝีปากมาจูบที่หน้าผากผมเบาๆ “เด็กดีของพี่บอกพี่มาตามตรงได้ไหมครับ”
“ฮึก.. ครับ” ผมพยักหน้ารับ แม้จะรู้ว่าคำถามน่าจะหนักแต่ผมคงเลี่ยงไม่ตอบลำบาก
“ไนล์ได้ให้ไอ้ภูป้องกันไหม? เรื่องนี้สำคัญมากและพี่จำเป็นต้องรู้” ผมหันไปมองลมนิดหน่อยหลังจากพี่เทมส์ถามจบ เขาส่งยิ้มให้กำลังใจผมเหมือนทุกครั้ง เขาไม่เคยถอดใจหรือตัดใจจากผมเลย
แต่ผมเห็นแก่ตัวยึดเขาไว้แต่กับตัวเองไม่ได้ ผมต้องพูดความจริง
“ตอนแรกๆ พี่ภูป้องกันครับ แต่ครั้งล่าสุด…” ผมเงียบไปแต่คาดว่าทุกคนน่าจะเดาคำตอบได้ และเพราะอย่างนั้นผมเลยตัดสินใจหันไปหาลม “ลม..ตัดใจจากเราแล้วไปหาคนดีๆ ที่เหมาะสมกับลมเถอะนะ .. เราเองยังไม่รู้อนาคตของตัวเองเลยว่าจะเป็นยังไง เราไม่อยากให้ลมมาเสียเวลากับเราอีกแล้ว”
“ลมไม่ไปไหนทั้งนั้น! ต่อให้ไนล์ตั้งท้องขึ้นมาจริงๆ ลมก็ไม่ไป” ผมมองหน้าลมทันทีเมื่อได้ยินลมตอบมาแบบนั้น “ทำไมไนล์ชอบคิดแทนลม ไนล์คิดว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้ลมเลิกรักไนล์ได้หรอ? ทั้งที่ลมรักไนล์มากขนาดนี้ รักมาเป็นสิบปีแล้วด้วยซ้ำ”
“แต่ว่า…” ผมเตรียมจะแย้งแต่ลมพูดสวนขึ้นมาเสียก่อน
“ให้ลมได้ดูแลไนล์เถอะนะ” เขาเอื้อมมือมาจับมือผม “ให้โอกาสลมบ้างได้ไหมไนล์ ในเมื่อกับผู้ชายคนนั้นมันไม่เวิร์ค … มันจะพอเป็นลมได้บ้างไหมไนล์ ขอร้องล่ะ แค่เปิดใจให้ลมสักนิดก็ยังดี ไม่ถึงขั้นต้องคบกันก็ได้”
ผมอ้าปากจะค้านปฏิเสธ เพราะรู้ดีว่าตัวเองคงรักลมไม่ได้ ยิ่งไปอยู่กับพี่ภูมาผมยิ่งรู้ว่าผมคงไม่มีวันเปลี่ยนใจ แต่พี่เทมส์กลับยึดมือผมไว้ไม่ให้พูด เขาส่ายหน้าช้าๆ และแววตาที่เขามองมาก็ทำให้ผมนึกรู้ว่ากำลังถูกทวงถามให้ทำตามเงื่อนไขที่พี่เทมส์ขอไว้ก่อนที่ผมจะไปอยู่กับพี่ภู … ผมรู้ เขาแค่อยากให้ผมมีคนดูแล และตอนนี้ก็เหมือนจะได้เวลาทำตามสัญญาที่ให้ไว้แล้ว
ผมระบายลมหายใจก่อนตอบ “ก็ได้ ลองดูก็ได้ แต่เราไม่รับปากนะว่ามันจะเวิร์ค”
“อื้อ! แค่ไนล์คิดจะลองลมก็ดีใจแล้ว” เขายิ้มกว้างทันทีที่ได้ยินคำตอบผม พร้อมกับขยับเข้ามาจับมือผมไว้แน่น “ขอบคุณนะไนล์ที่ให้โอกาสลม ลมสัญญาว่าจะดูแลไนล์ให้ดีที่สุด”
ผมได้แต่ถอนหายใจ เพราะรู้ดีว่ามันจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ผมรักลมแบบเพื่อนซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นมาตลอด ผมมองไม่เห็นเลยว่าจะรักลมในฐานะอื่นได้ยังไง ในเมื่อเขาคือเพื่อนที่ดีที่สุดของผม
.
.
.
(อ่านต่อด้านล่าง)