[END] [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-28 : Universe - Special Ch)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END] [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-28 : Universe - Special Ch)  (อ่าน 51859 ครั้ง)

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0

ออฟไลน์ psychological

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0

ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
คิดถึงเรื่องนี้ เป็นกำลังใจให้นะคะ  :mew2:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
อยากรู้ว่าจำน้องได้หรือไม่ได้จริง ๆ นะเนี่ย ลุ้นกันต่อไปว่าจะทำได้ไหม

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
จ้าาาา

ออฟไลน์ Gade_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-4
Universe 22nd : ความทรงจำสีจาง


ช่วงนี้เป็นช่วงที่ผมมีความสุขมาก พี่ภูไม่ดุผมแล้ว ตรงกันข้ามพี่ภูกลับใจดีกับผมมาก ใจดีจนผมกลัว กลัวว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นแค่ความฝัน และเมื่อตื่นขึ้นมาเพื่อพบกับความจริงแล้วผมอาจจะไม่เข้มแข็งพอที่จะรับมือได้

แต่เมื่อผมมองไปเห็นพี่ภูนั่งกึ่งนอนดูทีวีอยู่ที่โซฟาตัวโปรดด้วยท่าทีผ่อนคลาย ความกังวลที่ลอยคว้างอยู่ในใจของผมก็เบาบางลง ผมยอมมองข้ามทุกอย่าง ขอเพียงแค่ได้เห็นและได้รับรู้ว่าตอนนี้พี่ภูดีขึ้นและมีความสุขตามที่เขาควรจะมีตั้งแต่แรก แค่นี้ก็พอแล้วสำหรับผม

“ไนล์ เสร็จรึยัง? มานั่งนี่มา”

พี่ภูตะโกนเรียกผมทั้งที่สายตายังไม่ละจากจอทีวี ให้ผมต้องหยุดมือจากการจัดของกินเข้าตู้เย็น ก่อนจะเดินไปหาพี่ภูที่โซฟาหน้าทีวี

“พี่ภูจะเอา.. เฮ้ย!”

ผมร้องออกมาดังลั่นเพราะยังไม่ทันได้พูดจบประโยคพี่ภูก็กระตุกแขนผม จนผมเซแถ่ดๆ ลงไปนั่งจุ้มปุ้กอยู่บนตักของพี่ภู ก่อนที่คนขี้แกล้งจะกดจมูกลงมาบนแก้มผมแรงๆ

“ช้า” คนเอาแต่ใจบ่นอุบใส่ผม ในขณะที่ผมได้แต่ทำหน้าเหรอหรานั่งให้พี่ภูฟัด

“อื้อ.. พี่ภูครับอย่าแกล้งไนล์” ผมพยายามดันตัวออกจากอ้อมแขนแข็งแรงที่ยังรัดผมแน่น “พี่ภูจะเอาอะไรครับ เห็นเรียกหาไนล์”

พี่ภูยิ้มเจ้าเล่ห์ดวงตาเป็นประกายวาววับ ก่อนที่เขาจะอาศัยจังหวะที่ผมเผลอจับผมพลิกนอนราบลงกับโซฟาโดยที่มีตัวเขาตามมาคร่อมทับไว้ทั้งยังกักตัวผมไม่ให้ดิ้นหนีอีกต่างหาก

“ชู่ว” พี่ภูจุ๊ปากตอนที่ผมเริ่มดิ้น “ก็ถามเองไม่ใช่หรอว่าฉันจะเอาอะไร ก็…แบบนี้ไงที่ฉันอยากได้จากนาย”

พอจบคำพี่ภูก็ก้มลงซุกจมูกกับซอกคอผม พร้อมกับไซร้ไปมาจนผมจั๊กจี้ไปทั้งตัว ผมหัวเราะเอิ้กอ้าก ในขณะที่คนขี้แกล้งอย่างพี่ภูแทบจะลากจมูกไปทั่วคอทั่วหน้าผมแล้ว

“ฮ่าๆ พี่ภู.. คิก พี่ภูครับ พอก่อน ฮ่าๆๆ ไนล์หายใจมะ ไม่ ไม่ทันครับ”

พี่ภูยอมหยุดหลังสิ้นคำขอ แต่ก็ไม่วายก้มลงมาจูบปากผมแรงๆ ก่อนผละออก เขาจับผมลุกขึ้นนั่งทั้งที่ผมยังหอบหายใจเพราะการหัวเราะเยอะจากเมื่อกี้ นี่ที่ยอมรามือไม่แกล้งผมต่อก็คงเพราะกลัวว่าผมจะหัวเราะจนขาดใจตายไปจริงๆ เสียก่อน

“หัวยุ่งหมดเลย...” คนขี้แกล้งว่าก่อนจะลูบผมผมไปมาเบาๆ ราวกับจะอยากให้มันเป็นทรงมากกว่าที่จะยุ่งเหยิงเหมือนในตอนนี้

“ก็ใครล่ะครับที่ทำ” ผมแกล้งว่าเสียงงอน แบบที่เมื่อก่อนต้องไม่กล้าทำแน่ๆ แต่ตอนนี้พี่ภูใจดีกว่าตอนแรกๆ มาก ผมสังเกตว่าเขาจะดูชอบใจ ถ้าผมอ้อนหรือไม่ดื้อใส่เวลาที่เขาพูดหรือบอกให้ผมทำอะไร

จะว่าไปเรื่องราวระหว่างเราสองคนมันก็ดีขึ้นตั้งแต่เรา เอ่อ.. เรา เรามีอะไรกันนั่นแหละ

ผมไม่รู้ว่าพี่ภูใจดีกับผมมากขึ้นเพราะเรื่องนี้หรือเปล่า แต่สำหรับผมที่รักเขาทั้งใจแล้ว ผมไม่รู้หรอกว่ามันเป็นเพราะอะไร ผมไม่กล้าคาดหวัง ที่ผมอยากทำมากที่สุดในตอนนี้ก็คือเก็บเกี่ยวช่วงเวลาเหล่านี้ไว้ เผื่อวันนึงหากผมต้องตื่นจากฝัน ผมจะได้มีความทรงจำดีๆ เอาไว้หล่อเลี้ยงและมันจะได้ไม่เจ็บหนักจนเกินไป

แต่พี่ภูกำลังทำให้ผมเคยตัว อยากได้เพิ่มมากขึ้น มากขึ้นทุกวัน เหมือนคนโลภที่ต้องการและอยากได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

“ฉันทำหรอ? ฉันรังแกนายหรอ หื้ม?” พี่ภูถามทั้งที่ดวงตาพราวระยับ เขากอดผมแน่นขึ้น พร้อมกับฟัดแก้มผมไม่หยุด

“พี่ภู.. หื้อ ไนล์ยังจัดของไม่เสร็จเลย ปล่อยไนล์ก่อนนะครับ” ผมพยายามดันอกแกร่งออกเบาๆ แต่คนที่ตัวโตกว่าผมเกือบครึ่งไม่ยอมให้ความร่วมมือสักนิด

ก็เป็นแบบนี้ตลอด พักหลังมานี้พี่ภูเข้ามาคลอเคลีย ฟัดจูบผมแบบนี้ตลอด บางทีอยู่ในห้องครัวก็ไม่เว้น ผมก็ตามใจเขาไม่ได้ปัดป้อง ก็จะให้ผมทำไงได้ ใจผมเป็นของเขามาเป็นสิบปีแล้ว แค่เขาทำดีกับผมนิดหน่อย ใจผมก็พร้อมจะอ่อนยวบยอมเขาทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องนั้น… ก็เรื่องที่เรามีอะไรกันนั่นแหละ

ช่วงนี้พี่ภูแทบจะไม่นอนที่ห้องตัวเองเลย เขาจะมานอนห้องผมทุกคืน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามีอะไรกันทุกคืนขนาดนั้น บางคืนพี่ภูก็แค่นอนกอดผมเฉยๆ แล้วเขาก็หลับไป แต่ส่วนใหญ่พี่ภูก็แทบจะหลับเลยทันทีที่หัวถึงหมอนนั่นแหละ เพราะเขามักจะบ่นว่างานช่วงนี้ยุ่งเป็นพิเศษเพราะคุณรันขอเปลี่ยนตัวที่ปรึกษาโดยไม่บอกทีมพี่ภูล่วงหน้า ทุกอย่างเลยต้องเหมือนต้องเริ่มกันใหม่หมด โชคดีที่ทีมพี่ภูมีคนเก่งหลายคน และฐานของงานที่วางแผนไว้ก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว เลยไม่เสียหายมากเท่าไหร่

ตอนแรกผมรู้สึกผิดมากเพราะคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุของปัญหาและความไม่พอใจที่ทำให้คุณรันขอถอนตัวจากการที่เป็นที่ปรึกษาของทีมไป ผมเอาแต่ขอโทษพี่ภูจนตอนหลังพี่ภูเลยยอมบอกว่าแท้จริงแล้วคุณแม่ของพี่ภูเป็นคนขอเปลี่ยนคุณรันออกแทนต่างหาก แต่เพราะคุณรันขอร้องไว้ว่าอย่าบอกคนอื่นแบบนั้นเพราะเธอกลัวจะเสียหน้าและเสียประวัติ ซึ่งทางคุณแม่ก็ไม่ว่าอะไร แค่ขอให้เปลี่ยนตัวก็พอ ตอนแรกพี่ภูเองก็ไม่อยากพูดเรื่องนี้เพราะเห็นแก่หน้าคุณรัน แต่เพราะผมเอาแต่รู้สึกผิดไม่เลิก พี่ภูเลยต้องบอก เพื่อให้รู้ว่าที่จริงไม่ใช่ความผิดของผม เพียงแต่เป็นเพราะคุณแม่ของพี่ภูไม่ค่อยโอเคกับทัศนคติที่คุณรันมีและแสดงออกมากกว่า ท่านบอกว่าต่อให้เก่งแค่ไหน แต่ถ้ามีความคิดแบบนี้ก็เห็นทีจะร่วมงานกันลำบาก และตั้งแต่นั้นผมก็ไม่ได้ยินพี่ภูพูดถึงคุณรันอีกเลย

แต่ก็ใช่ว่างานพี่ภูจะยุ่งทุกวัน โดยเฉพาะวันหยุดเสาร์อาทิตย์เขาจะคลอเคลียผมเป็นพิเศษ ยิ่งช่วงกลางคืนเขาจะไม่ค่อยห้ามตัวเองเท่าไหร่ โชคยังดีที่เขามักจะขอผมทุกครั้งก่อนที่เราจะมีอะไรกัน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ทำแบบนั้นก็ได้ เพราะยังไงผมก็โอนอ่อนผ่อนตามพี่ภูทุกครั้งอยู่แล้ว แต่เขาก็ไม่เคยขืนใจหรือเอาแต่ใจกับผมเลย และที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือเรื่องใช้ถุงยางอยามัย พี่ภูยอมใช้ทุกครั้งที่ผมอ้างว่าผมทำความสะอาดไม่ถนัด

แล้วแบบนี้ผมจะไปไหนรอดได้ยังไงกัน…

“แล้วเมื่อไหร่จะจัดเสร็จ นี่นานแล้วนะ” พี่ภูถามก่อนที่จะกัดปลายจมูกผมเบาๆ “วันนี้กะจะพาไปข้างนอกสักหน่อย ชักช้าแบบนี้ปล่อยให้อยู่เฝ้าบ้านดีกว่ามั้ง”

ผมตาโตทันทีที่พี่ภูบอกว่าจะพาไปข้างนอก รีบนั่งหลังตรงพร้อมกับถามอย่างคาดหวัง

“ไปข้างนอกหรอครับ? ไปไหนหรอครับพี่ภู” คนถูกถามยิ้มบาง ก่อนจะพยักเพยิดใส่ผม

“ช่วงสายฉันให้นายเลือกว่าอยากไปไหน แล้วเดี๋ยวบ่ายๆ เย็นๆ ค่อยไปที่ที่ฉันอยากพาไป”

ผมเริ่มขยับตัวยุกยิกเพราะตื่นเต้น ก่อนจะชี้นิ้วเข้าหาตัวเองราวกับจะย้ำคำพูดของพี่ภู “พี่ภูให้ไนล์เลือกหรอครับว่าจะไปไหน”

“อืม ฉันให้นายเลือก แต่อย่าไปไกลมากล่ะ เดี๋ยวกลับมาไม่ทันที่ที่ฉันอยากพาไป”

“งั้น…” ผมคิดนิดหนึ่งก่อนจะยิ้มกว้างจนตาหยี เพราะมีสถานที่ที่นึงที่อยากไปกับพี่ภูมานานแล้ว และผมรู้ว่าพี่ภูต้องชอบที่นี่แน่ “ไปหอศิลป์ได้ไหมครับ วันก่อนไนล์เห็นโฆษณาในทีวีว่ามีนิทรรศการภาพถ่าย ไนล์อยากไปดูครับ”

“หอศิลป์งั้นหรอ?” พี่ภูทวนถาม สีหน้าดูแปลกใจอยู่วูบใหญ่ แต่พอผมย้ำว่าอยากไป เขาก็ยิ้มบาง พลางรับปาก “เอาสิ หอศิลป์ก็หอศิลป์ ฉันเองก็อยากไปอยู่พอดี”

ผมยิ้มร่าเมื่อสิ่งที่พี่ภูบอกไม่ได้ต่างไปจากที่คิดเท่าไหร่ และเมื่อพี่ภูไล่ให้ผมรีบไปทำงานให้เสร็จและรีบไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ ผมก็รีบวิ่งรี่ออกไปโดยที่ไม่ได้ทันสังเกตเห็นสีหน้าสงสัยของพี่ภูยามที่มองตามผมมาสักนิด

.

.

.

Kirin’s Part


เรามาถึงหอศิลป์ช่วงสายๆ ของวัน แต่ดูเหมือนจะเป็นช่วงที่หอศิลป์เพิ่งเปิดพอดีคนเลยยังไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ นิทรรศการภาพถ่ายมีอยู่ทุกชั้น และถึงแม้ว่าผมจะอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมไนล์ถึงร้องจะอยากมาหอศิลป์ ทั้งที่มันไม่น่าจะมีอะไรน่าสนใจสำหรับไนล์ขนาดนั้น ผมไม่ได้จะดูถูกหรือเหยียดอะไรไนล์นะ เพียงแต่ผมยังนึกไม่ออกเลยว่าทำไมหลานแม่บ้านที่มาจากต่างจังหวัด ถึงได้รู้จักหอศิลป์มากกว่าห้างดังๆ ทั่วไป และทำไมไนล์ถึงได้อยากมาที่นี่แทนที่จะเลือกไปสถานที่เด่นๆ ดังๆ ที่เขาไม่เคยไปมาก่อน

แต่แล้วทุกความสงสัยก็ต้องถูกพับเก็บ เมื่อได้เห็นท่าทางร่าเริงและมีความสุขของเด็กตรงหน้า ไนล์ฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี เจ้าตัวเล็กเดินไปทางนั้นทีทางนี้ที พร้อมกับชี้ชวนให้ผมดูรูปถ่ายที่ติดตามทางที่เดินผ่าน เขาเจื้อยแจ้วพูดนั่นพูดนี่ไปเรื่อยในขณะที่ผมได้แต่พยักหน้าเออออ มีตอบบ้างเป็นบางครั้ง จนกระทั่ง

“ไนล์! ระวัง!”

ผมพุ่งเข้าโอบเอวเจ้าเด็กซุ่มซ่ามเข้ามาหาตัวพร้อมกับกอดไว้แน่น ไนล์เองก็ผวาเข้ามาซุกอกผมไม่ต่าง ผมใจแทบร่วงตอนเห็นไนล์เดินถอยหลังไป คุยกับผมไป จนเกือบจะหงายหลังเพราะทางเดินเป็นทางลาด โชคดีที่ผมเข้าไปคว้าตัวไว้ได้ทัน ไม่งั้นมีหวังตกลงไปหัวแตกแน่ๆ

“พี่ภู.. พี่ภูครับ”

ไนล์ดิ้นขยุกขยิกเหมือนจะขืนตัวออกเลยทำใฟ้ผมได้สติ ยอมปล่อยไนล์ออกจากอ้อมแขนหลังจากกอดไว้แน่น และพอทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ ผมก็เตรียมจะอ้าปากดุเด็กที่เดินไม่ดูทางที่ยืนก้มหน้านิ่งอยู่ตรงหน้า แต่แล้วทุกคำพูดก็ต้องถูกกลืนลงคอ เมื่อไนล์เงยหน้าชึ้นช้อนตามองผมด้วยใบหน้าสำนึกผิดและสายตาอ้อนๆ ที่เจ้าตัวคงเผลอทำออกมาไม่รู้ตัว ผมเลยดุอะไรไม่ออกสักคำ แถมยังใจอ่อนยกมือขึ้นลูบศรีษะทุยนั่นเบาๆ อีกต่างหาก

“นายนี่มัน..เฮ้อ” ผมบ่นพึมพำ ในขณะที่ไนล์พุ่มมือขึ้นตรงอกแล้วยกขึ้นไหว้ผม

“ไนล์ขอโทษครับพี่ภู ไนล์น่าจะระวังมากกว่านี้”

เจ้าตัวเล็กขอโทษผมเสียงเบา ดูก็รู้ว่าคงกลัวจะถูกผมดุ ซึ่งก็น่าดุจริงๆ นั่นแหละ แต่พอเห็นตากลมๆ นั่นเศร้าลงแล้วผมก็ดุไม่ลง

“เอาเถอะ ช่างเถอะ ต่อไปก็เดินให้ระวังๆ หน่อยแล้วกัน อย่าหาเรื่องให้ตัวเองเจ็บตัวอีก เข้าใจไหม ถ้าเมื่อกี้ฉันจับนายไม่ทันจะเป็นยังไง หัวแตกแน่ๆ” ผมอดบ่นไม่ได้

“ต่อไปไนล์จะระวังครับ แล้วก็ขอบคุณพี่ภูมากนะครับที่ช่วยไนล์”

ไนล์พุ่มมือไหว้ผมอีกครั้ง และความมีมารยาทตรงนี้แหละที่ทำให้ผมชอบในตัวเขา

“ไปๆ เดินต่อ ไหนว่าอยากดูนิทรรศการไง เดี๋ยวเที่ยงจะได้ไปหาอะไรกิน”

“ครับ” ไนล์ออกเดิน โดยมีผมตามไปยึดมือเล็กไว้แน่น คนถูกจับมือเลยหันมามองผมอย่างแปลกใจ “พี่ภู?”

“เดี๋ยวก็ไปเดินล้ม เดินสะดุดอีก จับมือเอาไว้แหละดีแล้ว”

ไนล์แก้มแดงก่ำ พอผมเริ่มจับมือเขาออกเดิน ผมต้องกลั้นยิ้มแทบแย่ตอนเห็นท่าทางเขินอายของไนล์แบบนั้น เขาไม่ยักชินสักทีทั้งที่ผมทำมากกว่าจับมือไปไกลถึงไหนต่อไหนแล้ว

“ว่าแต่..” เจ้าตัวเล็กเริ่มเปลี่ยนเรื่องเมื่อเริ่มเขินหนัก “หลังจากมื้อกลางวัน พี่ภูจะพาไนล์ไปไหนหรอครับ”

ผมยิ้ม “เดี๋ยวก็รู้เองแหละ”

ใช่ เดี๋ยวก็รู้และผมมั่นใจว่าเขาต้องชอบแน่ๆ

ไนล์ทำหน้าสงสัยนิดหน่อยตอนผมตอบ ก่อนที่ผมจะพาอีกฝ่ายออกเดิน เราเดินดูภาพถ่ายของศิลปินหลายคนที่เอามาจัดแสดง แต่พอเดินมาถึงมุมจำหน่ายของที่ระลึก เจ้าของมือเล็กก็กระตุกมือผมยิกๆ

“พี่ภูครับ”

“หื้ม?” ผมหันไปมองตามสายตาไนล์ ก็เห็นเจ้าตัวเล็กมองร้านขายโปสการ์ดตาวาว

“ไนล์อยากซื้อโปสการ์ดครับ จะส่งหาพ่อ แม่ แล้วก็พี่ชายที่บ้าน”

“อืม เอาสิ” ผมล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อดึงกระเป๋าสตางค์ออกมาจะเอาเงินให้ไนล์ แต่เจ้าตัวกลับโบกมือเป็นระวิง

“ไม่เป็นไรครับพี่ภู” มือเล็กตบที่กระเป๋าที่ตัวเองสะพายอยู่เบาๆ “ไนล์พอมีครับ เงินค่าจ้างที่พี่ภูให้ก็ยังอยู่”

“แต่..” ผมจะแย้ง เพราะตั้งใจอยากจะให้จริงๆ เพราะพักหลังไนล์เป็นเด็กดีกับผมมาก แต่เจ้าตัวก็ยังยืนยันเสียงแข็งว่าไม่รับ แถมยังวิ่งหนีผมไปเข้าร้านโปสการ์ด ไม่ให้ผมได้เรียกทันอีกต่างหาก

ไนล์หันมายิ้มให้ผมตอนที่เดินเข้าไปในร้านโปสการ์ด ผมเลยได้แต่ส่ายหัวให้กับความดื้อตาใสของอีกฝ่ายแล้วส่งยิ้มตอบกลับไป ผมปล่อยให้เขาได้มีเวลาส่วนตัวในการเลือกโปสการ์ดที่จะส่งกลับไปให้ครอบครัว ในขณะที่ตัวเองก็ทบทวนเรื่องที่ผ่านมาระหว่างไนล์กับผม ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่าจะมาถึงตรงนี้ได้

จากที่เคยไม่อยากจะมองหน้า แต่ตอนนี้ผมกลับอยากมีเขาในกรอบสายตาตลอดเวลา

ผมไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่หรือเกิดขึ้นเพราะอะไร แต่ที่ต้องยอมรับว่าการที่เรามีอะไรกันมันเป็นจุดเปลี่ยนของอะไรหลายอย่าง ผมเริ่มมองไนล์เปลี่ยนไป เขามีหลายแง่มุมที่ผมไม่เคยได้สังเกตและเปิดใจเขาน่ารัก และมักจะเผลอทำตัวขี้อ้อนบ่อยๆ และผมก็ใจอ่อนเสมอเวลาที่ไนล์อ้อน

ไนล์ทำให้ผมอยากกอด อยากหอม อยากจูบ อยากอยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลา ตัวของไนล์หอมมาก เวลาที่ผมกอดเขาผมแทบไม่อยากให้เขาออกห่างจากตัวแม้เสี้ยววินาที และที่หนักเลยคือระยะหลังมานี้ผมต้องนอนกอดไนล์ทุกคืน แม้ไม่มีเรื่องเซ็กส์มาเกี่ยว ผมก็ยังอยากให้เขาอยู่ในอ้อมกอด ตัวนิ่มๆ หอมๆ ของเขาทำให้ผมหลับสบาย หลังจากเหนื่อยกับงานมาทั้งวัน

แล้วยิ่งกับเรื่องเซ็กส์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไนล์เติมเต็มให้ผมได้อย่างที่ผมคาดไม่ถึง เมื่อก่อนตอนเลิกกับจีนใหม่ๆ ผมเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยเกือบทุกคืน แต่ไม่เคยมีใครทำให้ผมมีความสุขจริงๆ จังๆ ได้สักครั้ง

ยกเว้นแค่ไนล์ …

เขาทำให้ผมเลิกคิดที่จะทำตัวเหลวไหลเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อย หรือมองหาใครเหมือนคนไม่รู้จักพอ เขาทำให้ผมหยุด และเลิกฟุ้งซ่านอยู่กับความรักที่จบไปแล้ว แม้ผมจะไม่ได้มีเซ็กส์กับไนล์บ่อยๆ ถี่ๆ เหมือนสมัยที่เลิกกับจีนใหม่ๆ แต่ไนล์ก็เติมเต็มให้ผมทุกครั้ง ไม่ว่าจะด้วยจากความน่ารักหรือไร้เดียงสาของเขา

ยอมรับตามตรงว่าผมแทบโงหัวไม่ขึ้น…

ที่เคยด่าไอ้เทมส์ไว้ยังไง ตอนนี้ผมแทบไม่ต่างจากมันเลย เผลอๆ หนักกว่าตรงที่ผมหวงไนล์เหมือนหมาบ้า โชคดีที่ระยะหลังมานี้ไอ้เทมส์ไม่ค่อยได้มายุ่งวุ่นวายเท่าไหร่ เพราะทั้งผมทั้งมันงานยุ่งทั้งคู่ ทำให้มันเลยไม่ได้มาถามถึงไนล์ให้รู้สึกหงุดหงิดอีก

ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้ความหวงและความรู้สึกที่มีต่อไนล์นั้นคืออะไร แต่ที่ผมรู้ในตอนนี้คือผมไม่อยากเสียเขาไปให้ใครทั้งนั้น ผมอยากเก็บเขาไว้กับตัวเองแบบนี้ ใครจะว่าผมเห็นแก่ตัวผมก็ไม่สนหรอก

ก็ไนล์เป็นของผมนี่ ผมมีสิทธิ์ในตัวเขากว่าใครทั้งนั้น … เพราะฉะนั้นถ้าผมไม่อนุญาตให้เขาไป เขาก็ต้องอยู่กับผมไปเรื่อยๆ แบบนี้นั่นแหละ

“พี่ภูครับ เสร็จแล้วครับ”

ไนล์วิ่งกลับมาหาผมพร้อมกับรอยยิ้มกว้างและดวงตาเป็นประกาย ดูท่าทางจะมีความสุขไม่น้อยที่ได้ซื้อโปสการ์ดไปส่งให้ที่บ้าน

“แล้วอยากเดินดูต่อไหม” ผมถามพร้อมกับยกนาฬิกาขึ้นมาดู และเห็นว่าใกล้เที่ยงแล้ว “หรือจะไปกินข้าวเลย นี่ก็จะเที่ยงแล้วด้วย”

ไนล์พยักหน้ารับ ก่อนจะตอบเสียงใส “ไปทานกลางวันเลยก็ได้ครับ เดี๋ยวพี่ภูหิว”

ผมยิ้มพลางยื่นมือไปลูบหัวกลมเบาๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปยึดมือเล็กมากุมไว้แล้วออกจูงเดิน

“แทนที่จะกลัวตัวเองหิว ดันมากังวลว่าฉันจะหิว .. นายนี่นะ” ผมบ่นไปเรื่อย ทั้งที่ปากยังหุบยิ้มไม่ได้

อย่างที่ผมบอกแหละว่าสำหรับไนล์แล้วเรื่องของผมสำคัญเสมอ เขามักจะนึกถึงผมก่อนและนี่คือความน่ารักและความเสมอต้นเสมอปลายของเขาที่ผมชอบ

“ก็ไนล์ไม่อยากให้พี่ภูหิวนี่ครับ” เจ้าตัวเล็กพูดอุบอิบพร้อมกับซอยเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อที่จะได้ตามผมทัน และผมเองพอเห็นแบบนั้นเลยขยับเท้าตัวเองให้เดินช้าลงแทน

“อ่ะ งั้นก็ไปกินข้าวกัน ทั้งฉันทั้งนายนี่แหละจะได้ไม่หิว” ผมตัดบทพร้อมกับจูงมือเล็กออกเดิน

“ครับพี่ภู”

แล้วแบบนี้จะไม่ให้ผมหลงหัวปักหัวปำได้ยังไงกัน.

.

.

.

(อ่านต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ Gade_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-4
(อ่านต่อจากด้านบน)


เรากินข้าวเสร็จแล้วผมก็ขับรถพาไนล์ออกมาจากห้างสรรพสินค้าที่เราแวะหาอะไรกิน ผมขับรถเรียบเรื่อยมาตามทางที่คุ้นตา ในขณะที่เด็กที่นั่งข้างๆ ตอนนี้ทำหน้าตาเหรอหราก่อนจะละล่ำละลักถามผมแทบจะไม่เป็นคำ

“เราจะไปไหนกันหรอครับพี่ภู?”

“….”

ผมยิ้มขำ แต่ไม่ยอมตอบเจ้าตัวเล็ก และไนล์ก็ไม่ใช่เด็กช่างซักไซ้ด้วย ผมเลยปล่อยให้ไนล์นั่งเกาะกระจกหน้าต่างมองวิวไปตลอดทางจนกระทั่งถึงที่หมาย

“ถึงแล้ว ลงมาสิ” ผมดับเครื่องรถยนต์ก่อนจะหันไปบอกคนข้างตัว ที่ตอนนี้ดูประหม่าขึ้นมาเสียอย่างนั้น เดาว่าเขาคงแปลกใจมากกว่าที่ผมพามาที่นี่

“ทำไมพี่ภูถึงพาไนล์มาที่นี่ล่ะครับ?” ไนล์ถามผมขณะที่เรากำลังจะเดินเข้าร้าน ตากลมๆ โตๆ ดูตื่นเต้นจนผมสังเกตได้

สงสัยเขาจะดีใจที่ผมพามาที่นี่ … ก็ไนล์น่ะชอบกินไอศครีมมากขนาดนั้น

เราสองคนเดินเข้ามาในร้านพอดี ผมเลยไม่ทันได้ตอบอะไรไนล์ เพราะกำลังกวาดสายตามองหาโต๊ะที่ว่างอยู่ เนื่องจากวันนี้เป็นวันเสาร์คนเลยค่อนข้างเยอะ ก่อนที่ผมจะเห็นโต๊ะว่างตรงริมกระจกด้านใน

ตัวเดียวกับที่ผมเคยนั่งเมื่อสิบปีก่อน

“ที่นี่แทบไม่เปลี่ยนไปเลยแฮะ” ผมบ่นพึมพำพลางมองไปรอบๆ ร้านก่อนจะสบเข้ากับดวงตากลมโตของเด็กที่นั่งตรงข้ามเข้า “ว่าไง จ้องฉันเหมือนมีอะไรจะถาม”

“คะ คือไนล์อยากรู้ว่าทำไมพี่ภูพาไนล์มาที่นี่น่ะครับ”

“อ๋อ เออใช่ เมื่อกี้ฉันยังไม่ได้ตอบนายนี่เนาะ” ผมยิ้มอย่างอารมณ์ดีเมื่อได้กลับมาในบรรยากาศเดิมๆ อีกครั้ง “ฉันเห็นว่านายชอบกินไอติม เลยพามาร้านนี้ ที่นี่เป็นร้านที่ฉันชอบมามากสมัยเรียน ช่วงก่อนไปอเมริกาน่ะ”

“…” ไนล์ไม่พูดอะไร เอาแต่นั่งจ้องผมตาโต ให้ผมต้องยื่นมือไปลูบศีรษะเล็กด้วยความเอ็นดู

“จะว่าไป ฉันก็เพิ่งมาจำร้านไอติมนี้ได้ก็เพราะเห็นนายชอบกินนี่แหละ” ผมเล่าไปเรื่อย เมื่อลิ้นชักของความทรงจำชั้นแรกถูกเปิดออก “เมื่อก่อนฉันเคยมาอยู่บ่อยๆ เพราะร้านนี้ใกล้โรงเรียนฉันมากที่สุด”

ผมพูดพลางชี้ให้ไนล์เห็นโรงเรียนที่อยู่ไม่ไกล แล้วยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงช่วงเวลานั้น

“พี่ภู…” ไนล์ทำท่าเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็ไม่เห็นพูด ผมเลยเล่าต่อ

ไม่รู้สิ.. ผมคุ้นเคยกับบรรยากาศแบบนี้ยังไงบอกไม่ถูก รู้สึกแค่สบายใจ มากๆ

“จะว่าไปตอนแรกก็จำไม่ได้หรอก ผ่านมาเป็นสิบปีแล้ว และฉันเองก็ไปอยู่อเมริกาเสียนาน ไม่ค่อยได้กลับมาเท่าไหร่ ก็เลยลืมๆ อะไรไปบ้าง”

ผมเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงไอ้เทมส์ เพราะไม่อยากให้ไนล์ให้ความสนใจมัน จะว่าผมทำตัวเป็นเด็กก็ได้ แต่ในเมื่อตอนนี้ไนล์อยู่กับผม ผมก็อยากให้เขาสนใจผมแค่คนเดียว และยิ่งบรรยากาศดีๆ อะไรๆ ก็ลงตัวแบบนี้ ผมเลยไม่อยากทะเลาะหรือถกเถียงอะไรกับเจ้าตัวเล็กตอนนี้

“พี่ภูลืมหรอครับ?” ไนล์ถามผมหน้าตาตื่น ทำเอาผมอดหัวเราะไม่ได้

“ก็ด้วยอะไรหลายอย่าง นี่ถ้าไม่เป็นเพราะนาย ฉันก็อาจจะยังจำไม่ได้ก็ได้ ว่าเมื่อก่อนร้านไอติมร้านนี้เป็นร้านโปรดฉัน”

ผมเล่าให้ไนล์ฟังเรียบเรื่อย พลางกวาดสายตามองไปรอบๆ ร้านก็พบว่าเปลี่ยนไปมาก แม้กระทั่งพี่สาวคนที่เคยดูแลร้านช่วงสมัยที่ผมเรียนตอนนี้ก็ไม่อยู่ให้เห็นแล้ว มีแต่พนักงานหญิงชายที่ดูคล่องแคล่วอยู่หน้าเคาน์เตอร์ ไม่แน่พี่สาวคนนั้นอาจจะเป็นผู้บริหารอยู่ข้างหลังร้านแล้วก็ได้

แต่จะว่าไปมันก็เป็นอย่างที่ผมเล่าให้ไนล์ฟังจริงๆ นั่นแหละ ผมแทบจะลืมร้านไอศครีมร้านนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ จำได้ว่าตอนเลิกเรียนมากับไอ้เทมส์ประจำ เพราะน้องชายมันชอบกินไอติม มันเลยต้องมาแวะซื้อก่อนจะข้ามไปรับน้องมันที่เรียนอยู่ฝั่งมัธยมต้นที่อยู่อีกฟากของถนน

“ว่าแต่นายอยากกินอะไร สั่งเลยไหม ฉันว่าจะกินกาแฟสักแก้ว”

ผมถามไนล์เมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่นั่งอ้ำอึ้ง เหมือนมีอะไรจะพูดแต่ก็ไม่พูดสักที ทำให้ผมพาลคิดไปว่าตัวเองอาจจะรำลึกความหลังมากไปหน่อย ไนล์อาจจะอยากกินไอติมแล้ว แต่ไม่กล้าสั่ง เพราะไม่อยากขัดจังหวะที่ผมพูด

“คะ ครับ สั่งเลยก็ได้ครับพี่ภู”

ผมเรียกพนักงานในร้านมาเพื่อขอเมนู และพอกวาดตามองผมก็คิดวาาตัวเองไม่อยากกินอะไรนอกจากกาแฟสักแก้ว ผิดกับไนล์ที่ตอนนี้ตาลุกวาว พลิกเมนนูตรงหน้าที่มีรูปไอติมแปะอยู่เหมือนยังเลือกไม่ได้สักทีว่าอยากกินเมนูไหน ท่าทางคงจะอยากกินทุกเมนูที่มีในนั้น แม้ผมจะอยากตามใจให้เขาเลือกทุกแบบมากินก็เถอะ แต่คงทำอย่างนั้นไม่ได้ ไม่งั้นมีหวังไนล์ได้ปวดท้องพอดี ยิ่งเป็นพวกกินข้าวน้อย ชอบกินแต่ไอติมกับขนมเยอะจนผมไม่รู้จะห้ามยังไง ครั้นจะดุ หลังๆ นี่ก็ดุไม่ค่อยออก เพราะเห็นเจ้าตัวเล็กยิ้มให้ทีไรก็ใจอ่อนทุกที

“เอาคาปูชิโน่เย็นแก้วนึงครับ” ผมหันไปสั่งพนักงานในร้าน ก่อนจะหันหาไนล์ “อยากกินอะไรก็เลือกเอา แต่อย่าเลือกเยอะเข้าใจไหม ฉันรู้ว่านายกินหมดแน่ๆ ถ้าเป็นไอติม .. ไม่ได้จะหวงกินหรอก แต่เดี๋ยวจะปวดท้องเอา”

ไนล์เงยหน้ามายิ้มให้ผมก่อนจะรับคำ “ครับพี่ภู”

“เลือกได้แล้วก็สั่ง เดี๋ยวฉันไปเข้าห้องน้ำก่อน”

“ครับ”

ผมยกมือลูบศีรษะเล็กๆ นั่นก่อนจะผละออกมา ที่จริงก็ไม่ได้ปวดห้องน้ำมากเท้าไหร่ แต่ไม่อยากอยู่ตอนไนล์เลือกไอติม เอาจริงก็คือกลัวใจอ่อน กลัวถูกไนล์อ้อนด้วยสายตาแล้วจะเผลอออกปากยอมให้เจ้าตัวเล็กกินไอติมได้แบบไม่อั้น ซึ่งนั่นไม่ดีแน่ เพราะอย่างน้อยการที่ผมยอมแยกออกมาจะมั่นใจได้เลยว่า ไนล์จะเลือกแบบพอดีเพราะเกรงใจผม เขาจะไม่ค่อยกล้าทำอะไรเกินตัวหรือเกินคำสั่งถ้าผมไม่อยู่หรือไม่อนุญาต เพราะฉะนั้นการที่ผมแยกออกมาเข้าห้องน้ำน่ะ เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว

.

.

.

Nateetouch’s Part
 

ผมใจเต้นไม่เป็นส่ำตอนพี่ภูขับรถพามาที่ร้านไอศครีม

ตอนแรกผมก็ไม่แน่ใจหรอกว่าเราจะไปที่ไหนกัน แต่พอเห็นหนทางคุ้นตาผมก็เรื่มตื่นเต้นเพราะรู้ว่าทางที่พี่ภูกำลังพาไปนั่นมันคือทางไปโรงเรียนสมัยมัธยม โรงเรียนที่ทั้งพี่ภูและผมเคยเรียน

ตอนที่ผมถามพี่ภูก็ไม่ยอมตอบว่าจะพาผมไปไหน จนกระทั่งรถจอดที่ร้านไอศครีมที่ผมกับเขาเคยมานั่งคุยกัน ใจผมก็แทบจะหยุดเต้น

... เมื่อรู้ว่าสถานที่ที่พี่ภูพามาคือสถานที่ที่มีความหมายอย่างมากสำหรับเราในอดีต...

ร้านไอศครีมของเราสองคน

ผมทั้งตื่นเต้น ทั้งประหม่า ในใจคือลิงโลดไปแล้ว ‘พี่ภูจำได้แล้วใช่ไหม?’ ‘พี่ภูของผมกำลังจะกลีบมาแล้วใช่รึป่าว?’ ผมถามตัวเองด้วยคำถามพวกนี้ซ้ำๆ ในขณะที่พี่ภูก็ไม่ยอมอธิบายอะไรให้ชัดเจนสักที จนกระทั่งเราสองคนเดินเข้ามาในร้านและได้นั่งคุยกัน

และเหตุผลที่พี่ภูบอกก็ไม่รู้ว่าควรจะทำให้ผมโล่งใจหรือเสียใจดี … ซึ่งบางทีมันอาจจะปนๆ กันจนผมแทบแยกความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ บอกตามตรงว่าตอนนี้มันถามโถมเกินไป และผมก็ต้องการการตั้งสติอย่างมากในสถานการณ์ที่อะไรๆ ก็ไม่แน่นอนแบบนี้


‘ฉันก็เพิ่งมาจำร้านไอศครีมนี้ได้ก็เพราะเห็นนายชอบกินนี่แหละ’

‘จะว่าไปตอนแรกก็จำไม่ได้หรอก ผ่านมาเป็นสิบปีแล้ว และฉันเองก็ไปอยู่อเมริกาเสียนาน ไม่ค่อยได้กลับมาเท่าไหร่ ก็เลยลืมๆ อะไรไปบ้าง’


พี่ภูลืม.. นั่นคือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

ถามว่าระหว่างเสียใจกับโล่งใจอะไรมากกว่ากัน ผมก็ว่าผมตอบไม่ได้หรอก มันปนๆ กันมากกว่า

ผมเสียใจที่เรื่องของผมอาจจะไม่สำคัญพอเลยทำให้เขาลืม

แต่ผมก็โล่งใจที่พี่ภูไม่ได้โกรธได้เกลียดอะไรเลยถึงทำให้ขาดการติดต่อไป

และเพราะได้รู้เหตุผลแบบนี้ ความคับข้องใจที่ผมแบกไว้นับสิบปีก็ดูจะเบาบางลง แน่นอนว่าผมไม่ได้โกรธเขา ไม่คิดจะโกรธ ผมพร้อมจะเข้าใจเขาเสมอ และถ้าวันนึงผมมีโอกาสถามหรือมีสิทธิ์ที่พอจะถามได้ ผมคงถามหาเหตุผลจากเขาว่าทำไมถึงลืม ถึงแม้คำตอบของพี่ภูจะเป็นเพราะลืมเอง ไม่มีเหตุผลอะไร ผมก็อยากที่จะฟัง

“ผมเอาช็อคโกแลตซันเดย์ครับ เพิ่มวิปครีมกับสตอเบอร์รี่สดด้วยนะครับ”

ผมหันไปสั่งพนักงานหลังเลือกเมนูได้ ก่อนจะหันไปมองรอบๆ ร้านพร้อมกับดื่มดำบรรยากาศที่อยู่ในความทรงจำที่เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน แม้ที่นี่จะเปลี่ยนไปมาก แต่สำหรับผม มันยังคงสวยงามเหมือนเมื่อสิบปีก่อนไม่มีผิด

“เลือกได้รึยัง หื้ม?” พี่ภูเดินกลับมาจากห้องย้ำ ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามผม เขาดูอารมณ์ดีมาจนผมมีความสุขไปด้วย

“ทำไมพี่ภูอารมณ์ดีจัง” ผมถาม แต่ไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะตอบ แต่พี่ภูก็ตอบและคำตอบของพี่ภูก็ทำเอาใจผมฟูไปหมด

“ทำไมถึงอารมณ์ดีน่ะหรอ?” พี่ภูทำหน้านึกแปปนึงแล้วก็ตอบออกมาราวกับมีคำตอบในใจอยู่แล้ว “เพราะที่นี่ทำให้ฉันอารมณ์ดีน่ะสิ ไม่รู้เป็นเพราะได้มีโอกาสกลับมาอีกครั้ง หรือไม่รู้เป็นเพราะบรรยากาศเดิมๆ ที่คุ้นเคย มันทำให้ฉันรู้สึกสบายใจแปลกๆ ยิ่งได้มานั่งกับนายแบบนี้ฉันยิ่งสบายใจ”

พี่ภูยื่นนิ้วมาบีบปลายจมูกผมเบาๆ อย่างมันเขี้ยว ให้ผมได้แต่ย่นจมูกหนีเพราะตั้งตัวไม่ทันที่ถูกแกล้ง

“แล้วนอกจากเรื่องที่พี่ภูชอบมาที่นี่บ่อยๆ สมัยเรียน พี่ภูจำอะไรได้อีกไหมครับ” ผมตัดสินใจเกริ่นถาม ไหนๆ มันก็มาถึงจุดนี้แล้ว ผมจะเสี่ยงเพื่อสิ่งที่อยากรู้มานานถึงสิบปีอีกสักหน่อยจะเป็นอะไรไป

“อืม จะว่าไป พอนายถามขึ้นมาแบบนี้ ฉันก็นึกได้อีกเรื่อง” พี่ภูเคาะนิ้วลงลนโต๊ะเบาๆ เหมือนกับกำลังรวบรวมและเรียบเรียงความคิด “นายอยากฟังไหม?”

ผมตาลุกวาวทันทีที่ได้ยินพี่ภูถามแบบนั้น รู้เลยว่าใบหน้ากับแววตาของผมต้องไม่เก็บงำความสงสัยไว้แม้แต่นิด

“อยากรู้ครับ พี่ภูนึกเรื่องอะไรออกอีกหรอครับ” พี่ภูหัวเราะนิดหน่อบตอนเห็นท่าทางอบากรู้อยากเห็นของผม

“มันคลับคล้ายคลับคลา เหมือนจะเป็นเรื่องของเด็กผู้ชายคนนึงที่ฉันได้เจอที่ร้านไอศครีมเป็นประจำก่อนที่จะไปอเมริกา”

“…” ผมนิ่งอึ้งไป เหมือนมีอะไรมาจุกที่ตรงคอ ความตื่นเต้น ความคาดหวัง ความดีใจ ตีวนปนกันมั่วไปหมด พาลให้น้ำตาจะไหล แต่ผมจะร้องไห้ไม่ได้ ยังไงก็ต้องอดทนให้ถึงที่สุด

พี่ภูจำเด็กคนในร้านไอศครีมคนนั้นได้ แต่ใช่ว่าเขาจะจำได้ว่าผมคือเด็กคนนั้น

“ฉันเองก็เพิ่งนึกออกเมื่อกี้ ตอนที่เดินกลับมาที่โต๊ะ เห็นนายนั่งรออยู่ ภาพคุ้นๆ มันแว่บเข้ามาในหัว เลยนึกขึ้นมาได้ว่าฉันชอบมานัดเจอเด็กคนนึงที่นี่ น่าจะช่วงก่อนไปอเมริกา”

ผมแทบจะกลั้นใจรอคำตอบ แต่ดูเหมือนความทรงจำของพี่ภูช่างบางเบาเหลือเกิน

“…”

“จำได้ว่าช่วงนั้น ฉันมาเจอเด็กคนนั้นทุกวันเลยก่อนสอบจบม.หก แต่สุดท้ายก็มีเหตุให้คลาดกัน เพราะฉันเป็นคนผิดนัดน้องเขาเอง ตอนหลังเลยเหมือนได้แต่ส่งข้อความหากัน ไม่ได้เจอกันจริงๆ จังๆ ก่อนฉันไป ทำได้แค่ฝากอีเมล์แอดเดรสไว้ สุดท้ายก็ติดต่อผ่านกันทางนั้นอยู่เป็นปีๆ”

“แล้วทุกวันนี้ยังติดต่อกันอยู่ไหมครับ พี่ภูกลับมาอยู่ที่นี่แล้ว ก็น่าจะนัดเจอกันได้” ผมแกล้งถามทั้งที่ก็รู้คำตอบดี

“อืม.. ไม่ได้คุยหรือติดต่อกันกับเด็กคนนั้นแล้วล่ะ จะว่าไปก็เสียดายแล้วก็รู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน”

“ทำไมล่ะครับ?” เป็นอีกครั้งที่ผมกลั้นใจรอฟังคำตอบ

คำตอบของคำถามที่ผมสงสัยและฝังใจมาเกือบเจ็ดปี

“ก็อย่างที่ฉันบอกนายไปก่อนหน้านี้แหละว่าฉันลืม ช่วงแรกเรากันติดต่อกันดีอยู่ เราคุยกันผ่านทางอีเมล์ แลกเปลี่ยนเรื่องราวระหว่างกันตลอด แต่เหมือนสองสามปีให้หลังก็ขาดการติดต่อกันไป”

ผมขมวดคิ้วมุ่น นึกไม่พอใจกับคำตอบที่แสนจะทุบดินของพี่ภู

“แค่ลืมงั้นหรอครับ?” และโดยไม่ได้ตั้งใจ ครั้งนี้แทบจะเป็นครั้งแรกที่ผมทำน้ำเสียงไม่น่ารักใส่พี่ภู

“พูดไปก็เหมือนแก้ตัว” สีหน้าและแววตาพี่ภูบ่งบอกถึงความรู้สึกผิดจนผมใจอ่อน “ตอนนั้นฉันอายุเท่าไหร่กัน เกือบยี่สิบ.. น่าจะใช่ ด้วยวัยยี่สิบกับสภาพแวดล้อมแบบใหม่ มีทั้งเพื่อน มีทั้งอิสระ มีทุกอย่างที่วัยรุ่นคนนึงปรารถนาจะมี”

“…”

“โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การมีคนรัก.. การมีจีนเข้ามาในชีวิต ช่วงนั้นน่าจะเป็นช่วงที่ฉันเริ่มคบกับจีน จีนเป็นแฟนคนแรกที่ฉันเริ่มคบอย่างจริงจัง ฉันทุ่มเวลาให้กับจีนเกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ อะไรที่เป็นกิจวัตร อะไรที่เป็นเรื่องส่วนตัวฉันก็ทำน้อยลง อีเมล์ที่เคยหมั่นเข้าไปเช็ค ก็เริ่มเช็คบ้าง ไม่เช็คบ้างจนสุดท้ายก็ลืมรหัส .. และจากนั้นพอมันเข้าไม่ได้ ฉันก็ไม่ใส่ใจอะไรอีก แค่สมัครอีเมล์ใหม่ และฝังเรื่องของเด็กคนนั้นไว้ในความทรงจำ จนนานวันฉันก็ลืมมันไปจริงๆ จนวันนี้ที่ได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง ฉันถึงเพิ่งนึกขึ้นได้”

“แล้วพี่ภูไม่คิดว่าเด็กคนนั้นจะรอหรอครับ” ผมถามเสียงเบา นึกเสียดในอกเมื่อได้ฟังพี่ภูพูด .. ผมแทบไม่สำคัญกับเขาเลย

“คิดสิ” พี่ภูถอนหายใจ “ฉันถึงได้บอกนายไงว่าฉันทั้งเสียดาย ทั้งรู้สึกผิด”

“….”

“ฉันผิดสัญญากับเด็กคนนั้นถึงสองครั้งสองหน.. สัญญาที่คิดว่าตัวเองจะทำได้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำ ไม่แม้แต่จะได้ถามชื่อเด็กคนนั้นด้วยซ้ำ ฉันนี่มันโคตรแย่”

ผมกลั้นก้อนสะอื้น ข้างในใจมันเต็มไปด้วยความรู้สึก จนตอนนี้ผมไม่รู้ว่าต้องรู้สึกอะไรก่อน

“ถ้าได้เจอกันอีกตอนนี้ก็อยากขอโทษน้องเขานะ ขอโทษที่ฉันทำตามสัญญาไม่ได้ แถมยังมานึกได้เอาเมื่อสายเสียอีก ทั้งๆ ที่ตอนนั้นเด็กคนนั้นสำคัญกับฉันมากทีเดียว” พี่ภูยิ้มตอนพูดประโยคสุดท้าย

“สำคัญกับพี่ภู?”

“อื้อ ใช่ สำคัญ ก่อนไปอเมริกาฉันอยากเจอน้องเขามาก มันคงเป็นความรู้สึกทั้งผูกพันและติดค้าง จำได้ว่างอแงกับแม่ยกใหญ่ โทษแม่หาว่าแม่พาไปทำเรื่องเรียนต่อจนคลาดไม่ได้มาเจอกับน้อง แถมช่วงที่คุยกันฉันก็วาดฝันสร้างวิมานอะไรไว้กับน้องเขาหลายอย่าง แต่ก็มาพังง่ายๆ เพราะความหลงผู้หญิงของฉันนี่แหละ โทษใครได้ ทำตัวเองทั้งนั้น”

ท้ายประโยคพี่ภูพูดเสียงหยัน ฟังดูก็รู้ว่าเขากำลังแดกดันตัวเอง

“แต่ก็เอาเถอะ ตอนนี้มันคงแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ผ่านมานานแล้วนี่ ใครเขาจะมาคอยเลื่อนลอยเป็นสิบๆ ปีขนาดนี้ จริงไหม”

ผมเงยหน้าขึ้นสบตาพี่ภู ก่อนแย้งเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน “แต่ก็ไม่แน่ไม่ใช่หรอครับ เขาอาจจะคอยพี่ภู คอยมาโดยตลอดอยู่ก็ได้”

“หื้อ? นายว่าอะไรนะ?” ผมยังไม่ทันตอบอะไร เสียงพนักงานในร้านก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน

“ไอศกรีมกับคาปูชิโน่ที่สั่งได้แล้วค่ะ”

พี่ภูหันไปรีบถ้วยไอศครีม ก่อนจะเลื่อนมาให้ผม “อะ กินซะ เลิกสนใจเรื่องคนอื่นได้แล้ว เดี๋ยวไอติมจะละลายเสียหมด”

ผมยิ้มบางพร้อมกับกล่าวขอบคุณ แต่ก็ไม่วายนึกแย้งพี่ภูในใจ

มันเรื่องของคนอื่นที่ไหน นี่น่ะเรื่องของผมทั้งนั้น ..

และก็เป็นครั้งแรกที่ผมคิดว่าไอศครีมที่ผมชอบทานนั้นไม่หวานเหมือนเคย

To Be Continue

--------------------------------------------------

ตอนนี้เราติดธุระอยู่ที่โรงพยาบาลยังกลับบ้านไม่ได้ เลยไม่น่าจะทอล์คอะไรได้มาก

เหตุผลของพี่ภูอาจจะดูธรรมดาไปสักนิด แต่มันเป็นความธรรมดาที่เราคิดว่าน่าจะเกิดได้กับทุกคน 'ได้ใหม่ ลืมเก่า' ไม่ใช่วลีที่เกินจริงเลยสักนิด โดยเฉพาะกับเด็กวัยรุ่นอายุยี่สิบปี

อาจจะมีคำผิดนะคะ คอมเม้นท์ไว้ได้เลย เราไม่อยากให้รอนาน เมื่อวานก็ไม่มีเวลามาลงให้ ยังไงขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ ทุกกำลังใจ และทุกการโดเนทที่มีให้กันนะคะ เราดีใจและขอบคุณมากๆ .. ฝากติดแท็ก #พี่ภูของผม ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้า ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ psychological

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
ส่วนตัวเราเข้าใจความรู้สึกความคิดของพี่พูตอนนั้นนะ ตอนนี้ดีใจมากที่พี่ภู พาน้องมาที่ร้านหวังว่าตอนหน้า น้องจะบอกความจริงหรือพี่ภูจะรู้ความจริง อยากรู้ว่า ความรู้สึกของพี่พู หลังรู้ว่าเด็กคนนั้น คือน้องนั่นเอง รีบๆมาเขียนต่อนะคะ รอติดตามอยู่ชอบมากๆเลย พี่ภูคนอบอุ่น กับน้องคนน่ารัก

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ก็เข้าใจความรู้สึกของพี่ภูนะที่จะลืมน้อง เพราะเจออะไรใหม่ ๆ แต่ก็สงสารน้องอ่ะ อยากให้พี่ภูรู้สึกเหมือนน้องบ้างจังว่าความรู้สึกของคนรอมันทรมานขนาดไหน

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
สู้ๆนะ

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
มันก็ไม่แปลกที่พี่จะจำหน้าน้องไม่ได้ผ่านไปเป็น10ปีจากเด็กเป็นโต หน้าคนเราบางคนก็เปลี่ยนไป แต่แม้ลืมหน้าก็ยังจำเรื่องราวของน้องได้แทบทุกอย่าง ถือว่าโอเคมากแล้ว เพียงแต่คนพี่ไม่คิดว่าจะมีคนแบบนั้นอยู่จริง คนที่ยังรอกันเป็น10ๆปีอะ อยากบอกอีพี่ภูเหลือเกิน มันมีอยู่จริง คนข้างๆไง เหล่ตามอง 55 ลองมองหน้าไนล์ดีๆซิพี่ภู มีความรู้สึกที่คุ้นเคยแล้ว อาจจะเฮ้ยยยยยยย ก็ได้ 555  ถ้าคนพี่รู้ว่าน้องรอมานานขนาดนี้จะซึ้งใจขนาดไหน ต้องรักน้องแบบถวายหัวเลยนะ 55 ผ่านการมีคนรักมาแล้ว เรื่องความรู้สึกตัวเองที่มีกับไนล์ไม่น่าจะไม่เก็ทว่ามันคืออะไร ไม่ใช่คนที่เริ่มริหัดรักสักหน่อย หรือว่าจริงๆแล้วกับจีนยังไม่ใช่ความรัก แต่มันอาจจะคือความชอบ เลยไม่รู้ความรู้สึกตัวเองที่มีกับไนล์นอกจากอยากเป็นเจ้าของแค่นั้น คิดดีๆนะคุณพี่ 5555 สนุกกกก  :katai2-1: ขอบคุณนะคะที่มาต่อยาวๆเลย รอตอนหน้าเลยจ้าจะเกิดไรขึ้นบ้าง ความจริงจะโป๊ะแตกวันไหน น้อง(ลูก)จะมาเมื่อไหร่ รรรรรร  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
มาแล้ววววว รอตอนต่อไปจ้า  :mew2:

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
อยากให้พี่ภูรู้ความจริงแล้วววววว :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ Gade_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-4
Universe 23th : ความทรงจำครั้งใหม่


หลังจากวันที่พี่ภูพาผมไปที่ร้านไอศครีม ใจผมก็หนักอึ้ง ผมไม่รู้ว่าควรรู้สึกอะไรก่อนดี

ผมควรเสียใจไหมที่พี่ภูลืมผมง่ายๆ แบบนั้น หรือผมควรจะดีใจ ที่ลึกๆ แล้วเขาก็ยังจำผมได้อยู่ .. ลึกๆ แล้วผมก็ยังเป็นความทรงจำดีๆ ที่เขาอยากจะรักษาไว้ แม้จะเว้าแหว่งไม่สมบูรณ์ แต่เพียงแค่ถูกกระตุ้นเล็กน้อย มันก็พร้อมจะปรากฎตัว

แต่สุดท้ายผมก็อดปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าไม่น้อยใจ เพราะที่จริงแล้วผมน้อยใจมาก พี่ภูแทบจะลืมผมทันทีด้วยซ้ำที่เขามีคนรัก ในขณะที่ผมกลับผูกพันตัวเองไว้ด้วยสัญญาที่พี่ภูเคยให้ ผมทะนุถนอมของแทนใจทุกอย่างที่เราส่งให้กัน ของขวัญทุกชิ้นที่พี่ภูส่งฝากไว้ให้ที่ร้านไอศครีม โพสต์อิททุกแผ่น ผมเก็บรักษามันอย่างดี

เหมือนๆ กับหัวใจที่ไม่เคยเปิดรับใครเข้ามา ยังคงรอแต่เขา ทั้งๆ ที่เขาทำผมหล่นหายออกไปจากชีวิต

ผมนั่งมองพวงกุญแจรูปเด็กผู้ชายที่กำลังยิ้มแฉ่ง กับเด็กผู้ชายที่กำลังร้องไห้ พลางถอนหายใจ ไหนจะสร้อยข้อมือถักที่มีเส้นเดียวในโลกอีก .. แต่มีเส้นเดียวในโลกแล้วมันจะมีความหมายอะไรล่ะ ในเมื่อคนให้เขาแทบจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำ

ผมระบายลมหายใจยาวเหยียด ตั้งใจว่าจะไม่งี่เง่าแต่ก็อดไม่ได้ ยิ่งพักหลังมานี้พี่ภูดีกับผมมากขึ้น ผมก็ยิ่งเหมือนคนโลภและคนเอาแต่ใจ มันเหมือนกับว่าความต้องการของผมมันไม่มีที่สิ้นสุด และมีแต่จะอยากได้นั่นนี่เพิ่มมากขึ้นทุกที

ผมเอื้อมมือไปตั้งใจจะหยิบโทรศัพท์มาโทรหาพี่เทมส์ คิดว่าถ้าได้ยินเสียง ถ้าได้ระบายให้พี่ชายฟังอาการผมอาจจะดีขึ้น แต่จู่ๆ โทรศัพท์ผมกลับสั่นเพราะมีสายเรียกเข้าเสียก่อน พอเห็นว่าใครโทรมาผมก็ถึงกับถอนหายใจ โชคดีที่พี่ภูออกไปทำงานแล้ว ไม่อย่างนั้นถ้าเขาได้เห็นว่าผมมีโทรศัพท์เข้า หรือคุยโทรศัพท์กับใครก็ได้มองตาขวางอีก แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ออกไปตรวจตราดูข้างนอกห้องว่าพี่ภูออกไปแล้ว และไม่ได้ย้อนกลับมาเอาของหรืออะไรจริงๆ

เวลาที่เขาโมโหเพราะเข้าใจผิดไปเองว่าผมมีคนนู้นคนนี้น่ากลัวน้อยที่ไหนล่ะ พี่ภูเคยโพล่งออกมาตรงๆ ด้วยซ้ำว่าผมเป็นของเขา และเขาเองก็ไม่ยอมให้ผมไปยุ่งกับใคร ผมใจเต้นแรงแทบบ้า ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าเขาก็แค่หวงเพราะผมเป็นสมบัติชิ้นใหม่สำหรับเขาก็แค่นั้น แต่ผมก็กลับยังรู้สึกดี และแทบอยากจะบอกออกไปว่าพีาภูแทบจะไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เลย เพราะทั้งตัวทั้งใจผมเป็นของเขามานานแล้ว เป็นของเขาตั้งแต่สิบปีที่แล้วจนวันนี้

“ว่าไงลม ทำไมถึงโทรมาล่ะ มีอะไรด่วนหรอ?”

 ผมถามปลายสายด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง อาจเพราะมีเรื่องต้องให้คิดมากมาย และอีกอย่างผมก็เคยบอกลมแล้วว่าไม่ต้องโทรมา ผมจะเป็นคนโทรไปหาเอง ยกเว้นว่ามีเรื่องสำคัญจริงๆ

(เอ่อ... คือเปล่าหรอก ไม่ได้มีอะไรสำคัญ ลมแค่เห็นไนล์หายไปหลายวัน ไม่ได้โทรมาลมเลยเป็นห่วง)

เสียงของลมหงอยลงไปถนัดตอนตอบคำถามของผม ผมไม่ได้ตั้งใจและไม่ได้ทันคิดว่าการพูดกับเพื่อนสนิทตัวเองแบบนั้นจะทำให้อีกฝ่ายเสียใจ เพราะถ้าตัดประเด็นที่ลมชอบผมออกไป การที่เขาจะเป็นห่วงผมที่เป็นเพื่อนนั้นก็ไม่แปลก และผมก็ไม่ควรถามเขาแบบนั้น แม้จุดประสงค์ในการถามของผมจริงๆ นั้น ไม่ได้คิดหรือตั้งใจจะต่อว่าอะไรเขาก็เถอะ

“เราขอโทษนะ ขอโทษที่ไม่ได้โทรไปเลยทำให้ลมเป็นห่วง แล้วก็ขอโทษที่ถามไม่รู้จักคิด อย่าถือสาเราเลยนะลม”

ผมพูดเสียงอ่อย หวังจะให้เพื่อนสนิทเข้าใจ และลมก็ยังเป็นลมคนที่แสนดี และพร้อมเข้าใจผมเสมอ

(ไม่เป็นไรเลยไนล์ ไม่ต้องขอโทษหรอก ลมเข้าใจ) น้ำเสียงลมสดใสขึ้นจนเกือบจะปกติ ให้ผมได้ยิ้มออก (ว่าแต่เครียดเรื่องงานหรอ ทำไมเสียงหงอยแบบนั้นล่ะ)

“ก็นิดหน่อยแหละ มีอะไรยังไม่ลงตัวหลายอย่าง แต่เราก็พยายามทำให้ดีที่สุดอยู่”

(ไนล์อย่าเครียดมากจนเกินไปนะ ทำเท่าที่ไนล์ทำไหว เพราะลมรู้ดีว่าไนล์จะทำมันเต็มที่ แล้วการที่ไนล์ทำมันเต็มที่นั่นก็ดีที่สุดแล้วไม่ใช่หรอ)

ผมนิ่ง และคิดตามที่ลมพูด ซึ่งถึงแม้ว่าผมกับลมจะไม่ได้หมายถึงเรื่องเดียวกัน แต่นั่นก็เพียงพอที่จะกระตุกใจให้ผมฉุกคิดได้

“จริงสินะ แค่เราทำให้เต็มที่ก็พอ” ผมพึมพำ พลางตกตะกอนความคิดตัวเองในใจ

(อื้ม ไนล์ของลมเก่งอยู่แล้ว อย่าเครียดเกินไปนะ ลมเป็นห่วง) น้ำเสียงของปลายสายเข้มขึ้นอีกนิด เพื่อบอกให้ผมรู้ว่าเขาคิดแบบนั้นจริงๆ (ยิ่งอยู่ห่างกันแบบนี้ แบบที่ลมตามไปดูแลไนล์ไม่ได้ ลมยิ่งห่วง)

ผมหัวเราะเบาๆ ตอนที่ได้ยินลมพูดแบบนั้น เขายังเป็นลมคนเดิม คนที่อยู่กับผมมาตลอดสิบปี

ซึ่งบางทีผมก็เคยแอบคิด ถ้าผมรักลม พยายามรักลมให้ได้ เรื่องมันจะง่ายกว่านี้ไหม แต่ความรักที่ต้องพยายามมันใช่ความรักแน่หรอ? แล้วผมจะแน่ใจได้ยังไงว่าความพยายามที่จะรักของผม จะไม่ทำร้ายลมทีหลัง หากเพราะมันไม่ใช่ความรักที่เกิดจากความรู้สึกจริงๆ

แต่สุดท้ายผมก็ได้รู้ว่าเราสองคนไปได้ไกลมากที่สุดก็แค่ความเป็นเพื่อน ผมรักลมแบบนั้นไม่ได้จริงๆ

“เราดูแลตัวเองได้ ลมไม่ต้องห่วงนะ อีกอย่างที่นี่ก็มีคุณฤดีอยู่ด้วย ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอก”

(เฮ้อ.. แล้วลมจะขัดอะไรไนล์ได้) คนปลายสายแสร้งทำเสียงอ่อนอกอ่อนใจใส่ผม ให้ผมได้หลุดหัวเราะอีกครั้ง (แต่ถ้าไนล์มีอะไรให้ลมช่วย ไนล์โทรหาลมได้ตลอดนะ ลมพร้อมไปหามาก ออสเตรเลียใกล้แค่นี้เอง)

“พูดไปเรื่อยเถอะปราณนต์ ระวังพี่เทมส์รู้แล้วจะมาแหกอกเอา โทษฐานทำผิดข้อตกลง” ผมแกล้งว่าทีเล่นทีจริง พยายามไม่พูดตรงๆ แต่ก็ย้ำข้อตกลงของเราทั้งคู่อยู่ในที

(ตัดบทกันดื้อๆ เลยนะไนล์ เฮ้อ… ใจร้ายเหลือเกินคุณนทีธัชช์เนี่ย) ผมหัวเราะ แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อได้ยินประโยคถัดมา (รู้ทั้งรู้ว่ายังไงผมก็หยุดรักคุณไม่ได้ สิบปียังตัดใจจากคุณไม่ได้ สามเดือนจะมีประโยชน์อะไรกัน)

“ลม…”

(เฮ้ย.. อย่าคิดมากนะไนล์ ลมไม่ได้จะกดดันอะไร แค่บอกออกไปตามที่ใจคิดเฉยๆ) ลมพยายามพูดให้ผมรู้สึกดีขึ้น แต่ก็ช่วยไม่ได้มากนัก

“เราถามจริงๆ นะลม ลมไม่ได้มองใครเผื่อไว้บ้างเลยหรอ? หลังจากที่พี่เทมส์บอกข้อเสนอและข้อตกลงพวกนั้นไปน่ะ”

(แล้วไนล์ล่ะ ได้ลองไปทบทวนความรู้สึกตัวเองดูบ้างรึป่าว ว่าพอจะรักลมแทนพี่ภูได้ไหมตั้งแต่ไนล์ไปออสเตรเลียเนี่ย)

“ลม… เราถามลมนะ ไม่ได้ให้ลมมาย้อนเราแบบนี้สักหน่อย” ผมเสียงแข็ง นึกโมโหที่เจอลมย้อนเข้าให้แบบนี้

แล้วก็เป็นอีกครั้งที่เพื่อนสนิทผมพูดให้ได้คิด

(ลมไม่ได้จะย้อนยอกให้ไนล์โกรธ ลมแค่อยากจะบอกไนล์ว่าคำถามที่ไนล์ถาม มันมีคำตอบแบบเดียวกันกับที่ไนล์จะตอบตอนที่ลมถามเรื่องพี่ภูนั่นแหละ)

“…” ผมเงียบ เมื่อเข้าใจที่ลมจะสื่อ

(การเลิกรักใคร โดยพยายามมองหาคนใหม่ หรือคนมาทดแทนมันไม่ได้ทำง่ายขนาดนั้นหรอกไนล์ก็รู้ แล้วยิ่งรักที่มันผูกแน่นมานานหลายปีแบบนั้น มันยิ่งตัดใจลำบาก ลมพูดถูกไหม?)

ผมกลืนน้ำลายลงคอ รู้ดีว่าคำถามต่อไปจะต้องบาดใจเพื่นสนิทไม่น้อย แต่ผมก็ยังคงที่จะอยากรู้คำตอบ

“ในเมื่อลมเองก็รู้ ว่าสามเดือนนี้ไม่นานพอให้เราตัดใจจากพี่ภูได้แน่ๆ แล้วทำไมลมถึงยอมรับข้อเสนอของพี่เทมส์ เพราะแน่นอนว่าต่อให้หลังจากนี้เรากลับไป เรายอมเปิดโอกาสให้ลม แต่ลึกๆ แล้วยังไงเราก็คงลืมพี่ภูไม่ได้ แล้วทำไมลมถึง..?”

ลมพูดสวน โดยที่ผมยังไม่ทันพูดจบด้วยซ้ำ (เพราะลมคิดว่าลมสร้างความทรงจำใหม่ร่วมกับไนล์ได้ไง)

“สร้งความทรงจำใหม่?” … ให้ตาย คำพูดของลมสะกิดใจผมอีกครั้ง และมันก็แย่มากเมื่อผมฉกฉวยเอาความคิดของเพื่อนสนิทมาเทียบกับเรื่องของตัวเองและพี่ภู

(ใช่… สร้างความทรงจำใหม่ เพราะลมไม่ได้คาดหวังอะไรกับอดีตของไนล์ มันผ่านมาแล้วก็ต้องปล่อยให้ผ่านไป ในเมื่อวันนี้ตอนนี้ไนล์เลือกจะให้โอกาสกับลม ลมก็มั่นใจว่าลมจะสร้างความทรงจำใหม่ๆ ดีๆ กับไนล์ได้ เพราะลมแก้ไขอะไรอดีตไม่ได้ ลมก็ขอเลือกที่จะทำปัจจุบันให้ดีและมีค่ากับไนล์ก็พอ )

“….”

(และพอเรามีความทรงจำใหม่ๆ ดีๆ ร่วมกัน อดีตก็ไม่ใช่เรื่องจำเป็นและสำคัญอะไรอีกต่อไป)

“ลม เรา.. เราขอโทษ” ผมพึมพำขอโทษเพื่อนสนิทตัวเอง และเดาว่าปลายสายคงงงงไม่น้อย

(ไนล์ขอโทษลมทำไม ไม่มีอะไรต้องขอโทษเลยนะ) ผมกลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ ความรู้สึกผิดท่วมท้น

จะไม่ให้ผมขอโทษลมได้ยังไง เมื่อผมเอาคำพูดที่ลมตั้งใจทำให้ผมมาคิดเรื่องตัวเองกับพี่ภูและผมก็คิดได้ว่าผมไม่ควรจะจมปลักอยู่แต่กับอดีต ในเมื่อความตั้งใจหลักของผมไม่ใช่การมาเพื่อแค่ให้พี่ภูจำได้ ผมมาเพื่อรัก เพื่อดูแล และเพื่อมีช่วงเวลาดีๆ ร่วมกับเขา แล้วผมจะมาหมกมุ่นอยู่กับเรื่องที่ร้านไอศครีมทำไมกัน

และคนที่ทำให้ผมตระหนักถึงข้อนี้ได้ก็คือลม เพราะจากคำพูดของลมทั้งนั้น

“เราขอโทษสำหรับอะไรหลายๆ อย่างน่ะ มาคิดๆ ดู เราก็เห็นแก่ตัวกับลมหลายเรื่องจริงๆ” เสียงผมเบาลงเพราะรู้สึกผิดจริงๆ

(อย่าพูดแบบนั้นสิไนล์ ยังไงเราก็เพื่อนกันนะ)

ผมยิ้ม พอลมพูดคำว่าเพื่อนออกมา มันอุ่นใจจริงๆ นะ ที่ได้รู้ว่าเขาเป็นเพื่อน … เพื่อนที่ดีที่สุดในโลกของผม

“อื้ม ขอบใจนะ ลมคอยอยู่ข้างๆ เราตลอดเลย ไม่ว่าจะตอนมีปัญหาหรือตอนมีความสุข”

(ว่าได้ที่ไหน เพราะไนล์ไล่ลมก็ไม่ไปหรอก) ทั้งผมและลมแทบจะหลุดหัวเราะออกมาพร้อมกัน (อย่าคิดมากนะไนล์ ตั้งใจทำงานรู้ไหม)

“โอเค เราจะตั้งใจทำงาน ลมเองก็ดูแลตัวเองด้วยนะ ไว้เราว่างๆ เราจะโทรหา” ผมบอกเมื่อเห็นเวลาว่าคุยกับลมมาพักใหญ่แล้ว

(ได้ครับ ไนล์ก็ดูแลตัวเองเหมือนกันนะ.. ลมคิดถึง) ผมยิ้มบาง เพราะผมเองก็คิดถึงลมไม่น้อยเหมือนกัน แม้จะคิดถึงกันคนละแบบก็เถอะ

“เราก็คิดถึงลมเหมือนกัน” ผมบอกทั้งที่ริมฝีปากยังมีรอยยิ้ม

(อื้ม) เสียงลมสดใสขึ้นทันตาพอได้ยินผมบอกแบบนั้น (แล้วไว้อีกเดือนนึงเจอกันนะ)

ผมชะงัก เมื่อเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเหลือเวลาอีกเท่าไหร่ “อื้อ.. อีกเดือนเจอกัน”

ลมวางสายไปแล้ว ในขณะที่ผมยังคงมองอุปกรณ์สื่อสารที่อยู่ในมือของตัวเองนิ่งพลางทบทวน

ใช่.. เหลืออีกแค่หนึ่งเดือนที่ผมจะได้อยู่กับพี่ภู อีกแค่หนึ่งเดือนที่เราจะได้สร้างความทรงจำใหม่ๆ ดีๆ ด้วยกัน และอีกแค่หนึ่งเดือนที่ผมจะได้รัก ได้ทำตามใจตัวเอง โดยที่ต้องเลิกเอาอดีตมากดดันตัวเองสักที

.

.

.

Kirin’s Part


สองสามวันมานี้ไนล์ดูแปลกไป เขาดูหงอยๆ … จะว่าไปเขาก็หงอยตั้งแต่กลับมาจากร้านไอศครีมวันนั้นนั่นแหละ ผมถามว่าเขาเป็นอะไร เขาก็เอาแต่ยิ้มและปฏิเสธ และบอกว่าผมคิดมากไป เขาไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น แต่ผมอยู่กับเขามาสองเดือนทำไมผมจะมองไม่ออก และเพราะเหตุนี้ผมเลยนึกไม่ชอบใจ

ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมไม่สนหรอกว่าเขาจะรู้สึกอะไรยังไง แต่ไม่ใช่กับตอนนี้ ตอนที่ผมแคร์ความรู้สึกเขา มากพอๆ กับที่อยากเห็นรอยยิ้มหวานๆ ของเขาแนที่จะเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสร้อยเศร้าแบบนี้

“ไนล์ มาหาฉันหน่อยมา”

ผมเรียกเจ้าตัวเล็กที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องนอนผมที่เขาเข้าไปทำความสะอาด จัดการเอาผ้าปูที่นอนออกมาซัก ดูดฝุ่นตามพื้น ทั้งที่ผมบอกไปแล้วว่าไม่ต้องทำก็ได้ เพราะตอนนี้ผมแทบจะอาศัยอยู่ในห้องไนล์มากกว่าห้องของตัวเองด้วยซ้ำ

“พี่ภูมีอะไรหรอครับ?” ไนล์เอียงคอถาม ทำท่าทางสงสัยได้น่าฟัดมาก

“มานี่” ผมกวักมือเรียก “มานั่งตรงนี้มา”

ไนล์เดินงงๆ เข้ามาหาผม และพอเขาทำท่าจะทรุดลงนั่งข้างผม ผมก็เกี่ยวเอวของร่างเล็กกว่าเข้าหาตัว แล้วจับเขานั่งลงบนตักตัวเอง

“พะ พี่ภู” ไนล์แก้มแดงทันทีที่ถูกผมกอด เขาเป็นอย่างนี้เสมอ แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมกอดเขาก็ตาม

ผมยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาเบาๆ อดมันเขี้ยวไม่ได้เวลาผมเห็นเขาเขินขนาดนี้ จากนั้นก็กอดกระชับเขาไว้แน่น พลางวางคางไว้บนไหล่เล็กๆ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน

“นายเป็นอะไร?”

“ครับ?” ไนล์ตอบกลับงงๆ ผมเลยต้องถามย้ำเขาอีกครั้ง

“นายเป็นอะไร หงอยๆ มาสองสามวันแล้ว ข้าวปลาก็กินน้อยลงด้วย” คนในอ้อมกอดผมตาโต ไนล์ทำท่าจะปฏิเสธ ผมเลยต้องขู่ “ถ้าบอกว่าไม่เป็นอะไรอีกที รับรองวันนี้ฉันได้ขังนายไว้บนเตียงทั้งวันแน่ เอาไหม?”

ไนล์ส่ายหน้าเป็นพัลวัน เจ้าตัวเล็กหน้าแดงก่ำ ทั้งที่รู้ว่าไนล์มักจะเขินอายกับเรื่องนี้เสมอแต่ผมก็ยังคงชอบแกล้งเขา

“คือ.. ไนล์”

“หืม? ว่าไง ตกลงจะบอกฉันได้รึยังว่าเป็นอะไร?” ไนล์คิดนิดหนึ่งมก่อนจะตอบออกมาเบาๆ

“ไนล์คิดถึงบ้านครับ คิดถึงพ่อ แม่ แล้วก็พี่ชายที่บ้าน”

ใจผมกระตุกตอนที่ได้ยินไนล์พูดว่าคิดถึงบ้าน แค่คิดว่าถ้าเขาขอผมกลับไป ผมจะยอมให้เขาไปรึป่าว ในเมื่อตอนนี้ผมแทบจะไม่อยากห่างเจ้าตัวเล็กนี่เลยแม้แต่วันเดียว

ถามว่าผมรู้สึกกับไนล์มากแค่ไหน ยอมรับตามตรงว่าผมเองก็ยังตอบไม่ได้ ผมรู้แค่เพียงว่าผมอยู่กับเขาแล้วผมสบายใจ และผมก็ไม่พร้อมจะเสียไนล์ไปตอนนี้

ใครจะว่าผมเห็นแก่ตัวผมก็ยอม

“เอางี้.. เผื่อจะทำให้นายคิดถึงบ้านน้อยลง เราลองเปลี่ยนบรรยากาศกันดูไหม?” ไนล์เอี้ยวหน้ามามองผม ทั้งที่ผมยังวางคางไว้บนไหล่ของเขา และริมฝีปากสีแดงๆ บางๆ ก็ทำให้ผมอดใจไม่ไหว ต้องยื่นหน้าไปจูบเบาๆ ทีนึง

จุ๊บ~

“พี่ภู.. อย่าแกล้งสิครับ” ไนล์ปฏิเสธเสียงเบา ให้ผมได้หัวเราะในลำคอ “ ว่าแต่ เปลี่ยนบรรยากาศอะไรหรอครับ”

“ก็เปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยวต่างประเทศ ต่างจังหวัดอะไรงี้ไง นายจะได้ไม่อุดอู้อยู่แต่บ้าน พาลให้หงอยคิดถึงครอบครัวแบบนี้.. เอาไหม เดี๋ยวฉันพาไป ไปเกาหลี ญี่ปุ่นใกล้ๆ นี่ก็ได้ สักสามสี่วันก็กลับ”

ไนล์ส่ายหน้าปฏิเสธทันที พอได้ยินผมเสนอ … แทงหวยทำไมไม่ถูกแบบนี้บ้างนะ

“ไม่ดีหรอกครับ แบบนั้นมันรบกวนพี่ภูเกินไป แค่นี้พี่ภูก็ทำงานหนักทุกวัน จะให้ไนล์รบกวนให้พี่ภูพาไปเที่ยวอีก ไม่เอาดีกว่าครับ”

“จะรบกวนอะไร ก็ฉันอยากพานายไป ถ้างั้นไปใกล้ๆ ในประเทศก็ได้ ถ้านายไม่อยากให้ฉันเหนื่อย”

“แต่ว่า.. พี่ภูครับ..” ไนล์พยายามจะแย้ง ผมเลยต้องชักแม่น้ำทั้งห้ามาหว่านล้อม

“อาทิตย์นี้มีวันหยุดตั้งสี่วัน ให้ฉันได้ผ่อนคลายหน่อยเถอะ เครียดเรื่องงานมาติดๆ กันแล้ว ฉันก็อยากจะปล่อยสมองให้โล่งๆ บ้าง”

เพราะพอเป็นเรื่องของผม สถานการณ์ของเรื่องจะเปลี่ยนทันที

“พี่ภูอยากไปพักผ่อนหรอครับ?” ไนล์อ้อมแอ้มถาม เขาดูอ่อนลงทันทีพอเป็นความต้องการของผม

“ใช่ เพราะฉะนั้นนายเลือกมาว่าจะไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ” ผมถามกึ่งบังคับ และสุดท้ายไนล์ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะตอบ

“ไปแค่ต่างจังหวัดได้ไหมครับ ไนล์อยากไปทะเล”

ผมยิ้มตอนเห็นตากลมใสแวววาวอยู่ครู่หนึ่งหลังจากที่เจ้าตัวเลือกได้ว่าจะไปไหน ท่าทางจะเป็นที่ที่ไนล์อยากไปจริงๆ

“เอาสิ ไปทะเลก็ทะเล ฉันตามใจนาย” ผมกระชับอ้อมกอดกอดร่างเล็กกว่าให้แน่นขึ้น ก่อนจะสูดดมกลิ่นหอมประจำตัวไนล์เจ้าปอด “งั้นไปหัวหินกัน จะได้ขับรถไปไม่ไกลมาก”

“ครับ ที่ไหนก็ได้ ไนล์แล้วแต่พี่ภู”

เจ้าตัวเล็กยิ้มกว้างจนตาหยี ท่าทางหงอยเหงาดูดีขึ้น และผมก็คิดว่าตัวเองตัดสินใจไม่ผิด ตอนเห็นรอยยิ้มของเด็กตรงหน้า

.. ไนล์น่ะ เหมาะกับรอยยิ้มมากกว่าใบหน้าเศร้าๆ เป็นไหนๆ

“งั้นพรุ่งนี้นายเก็บกระเป๋าเตรียมไว้นะ มะรืนเป็นวันหยุด เราจะได้ออกแต่เช้า ค้างสักสามคืนสี่วัน โอเคไหม”

“โอเคครับพี่ภู”

หวังว่าในสี่วันนี้ผมจะทำให้ไนล์ยิ้มได้กว้างมากกว่าที่เคย หรืออย่างน้อย ทำให้เขาหายคิดถึงบ้านก็ยังดี

.

.

.


(อ่านต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ Gade_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-4
(อ่านต่อจากด้านบน)


พอถึงวันหยุด ผมกับไนล์ออกเดินทางแต่เช้าตรู่ ผมตัดสินใจขับรถไปเอง เพราะอยากมีเวลาส่วนตัวกับไนล์ ในขณะที่ไนล์เกรงใจผมแล้ว เกรงใจผมอีก บอกว่าเขาเป็นแค่เด็กรับใช้ แต่กลับให้ผมเป็นเจ้านายขับรถให้ พอถูกผมดุไปว่าไม่ให้พูดแบบนี้ก็เลยเงียบได้ สุดท้ายเลยมาลงตัวที่ข้อตกลงที่ว่าระหว่างผมขับรถ ไนล์จะดูแลผมอย่างดีให้พร้อม

ดังนั้นเช้านี้เลยเต็มไปด้วยกล่องทัปเปอร์แวร์ที่ใส่ทั้งอาหารเช้าอย่างข้าวผัดอเมริกัน แซนวิชที่เอาไว้กินตอนหิว รวมไปถึงผลไม้หั่นชิ้นพอดีคำ บรรจุอยู่เต็มกล่อง ไม่บอกก็รู้ว่าผมต้องอิ่มยันไปถึงหัวหินแน่ๆ ถ้ากินหมดนี่

“เราจะค้างคืนที่ไหนกันหรอครับพี่ภู”

ไนล์ถามขึ้นหลังจากที่ผมขับออกมาจากคอนโดได้สักระยะหนึ่ง ให้ผมต้องนึกยิ้มกับคำถามของไนล์ เมื่อหวนนึกไปถึงเจ้าของบ้านพักที่ผมติดต่อขอไปพัก ซึ่งดูยินดีจะให้ใช้อย่างมากด้วย


‘แม่ครับ วันหยุดยาวนี้ภูขอใช้บ้านพักตากอากาศที่หัวหินหน่อยได้ไหมครับ’

‘พี่ภูจะพาใครไปค้าง สาวที่ไหน แม่ไม่โอเคนะคะแบบนี้’


'สาวที่ไหนล่ะครับแม่ คนที่ภูจะพาไปก็คนโปรดของแม่นั่นล่ะ เห็นบ่นคิดถึงบ้านเลยอยากจะพาไปเปลี่ยนบรรยากาศ เผื่อจะได้หายเหงาแล้วก็ดีขึ้นบ้าง’ ผมรีบอธิบาย ในขณะที่น้ำเสียงแม่ที่ถามกลับมาดูอึ้งๆ

‘พี่ภูหมายถึงไนล์หรอคะลูก?’

‘ก็ใช่น่ะสิครับ คนโปรดของคุณแม่จะมีสักกี่คนกัน’


‘พี่ภูก็พูดไป.. ว่าแต่ ถ้าไนล์คิดถึงบ้าน ทำไมพี่ภูไม่ปล่อยให้ไนล์กลับบ้านล่ะลูก ทำไมพี่ภูถึงเลือกจะพาไนล์ไปเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศแทน หื้ม? บอกแม่ซิคะ’ แม่ถามผมล้อๆ และผมรู้ดีว่าท่านกำลังจะพูดอะไร เลยชิงเลี่ยงตอบก่อน

‘ก็.. ถ้าไนล์กลับไป แล้วใครจะดูแลภูล่ะครับ ยิ่งช่วงนี้ภูทำงานหนัก ยิ่งต้องมีคนดูแลมากเป็นพิเศษ ยังให้กลับตอนนี้ไม่ได้หรอก ให้ผ่านไปสักพักค่อยกลับก็ยังไม่สาย’

ผมพูดอ้างจนสีข้างถลอก และแม่ก็คงรู้ทันผมถึงได้หัวเราะไม่หยุด

‘เอาๆ จะว่าแบบนั้นก็เอา เที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศให้สนุกแล้วกัน เดี๋ยวแม่จะให้คนเข้าไปทำความสะอาดให้’

‘ขอบคุณครับแม่'

‘จ้า ไม่เป็นไร ดูแลไนล์ดีๆ ด้วยนะครับพี่ภู’ ผมยิ้มขำกับคำพูดแม่ที่ไม่รู้ว่าตกลงแล้วใครต้องดูแลใครกันแน่


ก็บอกแล้วว่าไนล์น่ะคนโปรดของแแม่ผม โปรดในระดับที่ผมคาดไม่ถึงเลยล่ะ


ผมออกจากภวังค์ก่อนที่จะหันไปตอบคำถามของไนล์ก่อนหน้า

“เดี๋ยวเราจะไปพักที่บ้านพักตากอากาศของแม่ฉันกัน แม่ให้เด็กไปทำความสะอาดรอเรียบร้อยแล้ว”

“โถ่...พี่ภูครับ เกรงใจคุณท่าน เดี๋ยวไนล์ไปทำเองก็ได้ แค่นี้ก็รบกวนมากพอแล้ว”

ผมหันไปหาไนล์ เพราะตอนนี้รถติดไฟแดงพอดี “คิดมากทำไม ฉันพานายไปเที่ยว ไปพักผ่อน อย่าคิดว่ารบกวนอะไร แค่นายมีความสุขกับมันก็พอ โอเคไหม?”

“โอเคครับ” ไนล์พุ่มมือยกขึ้นไหว้ผม เหมือนทุกครั้งที่เขาชอบทำเวลาที่ผมทำอะไรให้ “ขอบคุณครับพี่ภู”

ผมยิ้มก่อนที่จะยกมือขึ้นลูบศีรษะเล็กๆ ของเด็กมารยาทดีเบาๆ ก่อนจะขานรับให้อีกฝ่ายแก้มแดงเล่นๆ

“ครับ ด้วยความยินดี”

ผมหัวเราะลั่นด้วยความชอบใจที่เป็นไปตามคาดเพราะไนล์แก้มแดงก่ำ แถมเจ้าตัวยังแก้เขินด้วยการ หยิบนั่นหยิบนี่ป้อนเข้าปากผมไม่หยุด และสุดท้ายก็จบลงที่เสียงหัวเราะของเราสองคนที่ดังคลอไปตลอดการเดินทางจนถึงหัวหิน

.

.

.

ผมขับรถมาที่บ้านพักก่อนเพราะอยากจะเก็บสัมภาระ และตั้งใจจะเช็คดูด้วยว่าต้องซื้อของที่ขาดเหลืออะไรบ้าง หลังจากเก็บของเรียบร้อย ผมกับไนล์ก็ขับรถออกจากที่พักไปหาอะไรกินแถวๆ ร้านใกล้ๆ ที่พัก กว่าจะออกจากบ้านได้ก็ต้องกำราบเด็กพูดไม่ฟังยกใหญ่ ผมเพิ่งจะรู้ว่าไนล์ดื้อตาใสก็ตอนนี้ล่ะ

“เย็นนี้ไนล์จะทำซีฟู้ดให้พี่ภูทาน ไนล์เห็นหน้าบ้านมีเตาปิ้งย่างด้วย พี่ภูพาไนล์ไปซื้อของสดหน่อยนะครับ”

ผมยิ้ม ก่อนจะลูบศีรษะเล็กอย่างเอ็นดู “ไว้ค่อยทำพรุ่งนี้ดีกว่านะ วันนี้นั่งรถมาเหนื่อยๆ ไม่ต้องทำอะไรหรอก เดี๋ยวไว้ตอนเย็นไปหาอะไรกินที่ตลาดโต้รุ่งเอา”

“แต่มาทะเลทั้งทีก็ต้องกินอาหารทะเลสิครับ อาหารในตลาดทานเมื่อไหร่ก็ได้นี่ครับ” เด็กดื้อยู่ปาก เถียงผมอย่างดื้อดึง ให้ผมนึกมันเขี้ยวเลยก้มลงไปจุ๊บย้ำๆ ที่ริมฝีปากเล็กอยู่หลายที และพอถูกผมกำราบไนล์ก็ครางหงุงหงิงอ้อนให้ผมปล่อย

ซึ่งพักนี้ไนล์อ้อนผมบ่อยมาก และผมก็ยอมเขาตลอด ไม่รู้ว่าจับไต๋ผมไปได้แล้วหรือยัง

“ไม่งอแง” ผมเคาะปลายจมูกโด่งรั้น “เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยทำนั่นล่ะ ของสดตอนเช้ามันจะมีมากกว่าตอนบ่ายๆ แบบนี้ไม่ใช่หรือไง?”

“ก็จริง..” ไนล์พึมพำเหมือนเห็นด้วย ให้ผมต้องยิ้มออกมา

“อีกอย่าง เราก็อยู่ที่นี่อีกตั้งสองสามวัน ไว้ทำวันที่เวลาเหลือเยอะๆ ดีกว่านะ”

“ก็ได้ครับ” เจ้าตัวเล็กยอมรับคำในที่สุด ผมเลยไล่ไนล์ให้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อหาอะไรกินช่วงกลางวัน

“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไป จะได้ไปกินข้าว เที่ยงแล้วไม่หิวรึไง หื้ม?”

“หิวนิดหน่อยครับ แต่กลัวพี่ภูจะหิวมากกว่า งั้นพี่ภูรอไนล์เดี๋ยวเดียวนะครับ ไนล์ไปเปลี่ยนเสื้อกับรองเท้าก่อน”

ผมมองเจ้าตัวเล็กที่วิ่งดุ๊กๆ เข้าไปหากระเป๋าเสื้อผ้าในห้อง ก่อนที่จะขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นความยาวของกางเกงที่ไนล์ใส่อยู่ เลยเดินตามเข้าไปในห้องด้วย

“ไนล์” ผมเรียก ให้ไนล์ที่กำลังค้นของกุกกักในกระเป๋าหันมามอง ไนล์เอียงคอน้อยๆ เหมือนกับจะถามว่าผมมีอะไร ผมเลยชี้ไปที่กางเกงที่ไนล์ใส่อยู่ “เปลี่ยนกางเกงด้วย”

“กางเกง? ทำไมหรอครับ ตัวนี้มันดูไม่ดีหรอ?” ไนล์ทำหน้าเหรอหรา “แต่ว่ามันก็ปกตินี่ครับ ไนล์ว่า…”

“มันสั้น” ผมถอนหายใจ พรัอมพูดออกไปในที่สุด “ใส่ตัวที่มันยาวเลยเข่าลงมาหน่อย… เร็วๆ ล่ะ”

ผมแสร้งทำเป็นเมินแก้มแดงๆ ของเจ้าตัวเล็ก พลางทำเป็นเดินออกมา ก่อนจะหลุดแสดงอาการว่าหวง ไม่ชอบใจที่จะให้ใครเห็นขาสวยๆ ขาวๆ ของไนล์ทั้งนั้นแหละ

.

.

.

ผมพาไนล์ออกมากกินข้าวแถวหาดเขาตะเกียบ เพราะค่อนข้างจะอยู่ใกล้ที่พักของเรา บ้านพักตากอากาศของครอบครัวผมอยู่ติดทะเลและใกล้หาดนี้มากที่สุด แทบจะเดินเท้ามาได้เลยด้วยซ้ำ แต่ด้วยความที่ร้อนขนาดนี้เลยเอารถออกน่าจะดีกว่า

เรามานั่งกินข้าวที่ร้านอาหารเลียบหาด ไนล์ดูตื่นตาตื่นใจกับทุกอย่างรอบตัวจนผมอดเอ็นดูไม่ได้

“มานั่งกินข้าวได้แล้วไนล์ กินให้เสร็จแล้วเดี๋ยวค่อยไปเดินเล่น ตอนนั้นแดดน่าจะหมดพอดี”

“ครับ”

ไนล์กลับมานั่งกินตามคำที่ผมบอก เขาค่อยๆ กิน ตักอาหารให้ผมบ้าง เทน้ำให้ผมบ้าง เขาทำให้ผมประทับใจหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความมีมารยาทและสัมมาคารวะ

เขาไม่เคยสั่งอาหารมากเกินกว่าที่ตัวเองจะกินไหว ซึ่งส่วนใหญ่เขาก็จะกินตามที่ผมสั่งแหละ นอกเหนือจากบางครั้งที่ผมบังคับให้เขาสั่ง เขาก็จะสั่งมาแค่อย่างสองอย่าง และกินหมดตลอด .. สิ่งเหล่านี้เลยทำให้ผมนึกชื่นชมในตัวเขาและครอบครัวเขาอยู่ในใจ

เป็นความน่ารักเล็กๆ น้อยๆ ที่ผมเพิ่งจะมาสังเกตเห็น และไอ้ความน่ารักเล็กๆ น้อยๆ ที่ว่านี่มันก็เพิ่มมากขึ้นทุกวัน

ผมนั่งมองไนล์กินพลางกินของตัวเองไปด้วย กว่าจะได้เช็คบิลก็บ่ายแก่ ผมเลยชวนไนล์เดินเล่นเรียบหาดตั้งใจรอเวลาให้ตลาดโต้รุ่งเปิดแล้วจะได้เลยไปเลย ถึงยังไม่หิวก็ไปเดินเล่นซื้อของฝากแม่ แพ็ต และป้ามลได้ เพราะผมขี้เกียจขับรถย้อนเข้าที่พักแล้วออกมาอีก

ผมกับไนล์เดินจูงมือกันไปตามชายหาด เราคุยกันเรื่องสัพเพเหระ ไนล์เราเรื่องตัวเองให้ผมฟังบ้าง แม้จะไม่ได้ต่างจากที่ผมรู้มาเท่าไหร่ แต่ผมก็ไม่ได้จี้ถาม ให้เจ้าตัวเขาเล่าเท่าที่อยากเล่าพอ

“แล้วที่ทำงานพี่ภูตอนนี้เป็นยังไงบ้างครับ?”

“ก็ลงตัวแล้วล่ะ แต่ต่อจากนี้น่าจะยุ่ง ใกล้ช่วงเปิดโปรเจคแล้ว มันยังมีหลายอย่างไม่ลงตัว ฉันกับไอ้เทมส์เลยต้องลงไปดูมากหน่อย”

ไนล์พยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงเข้าใจ ก่อนจะยิ้มจนตาหยีให้ผม “งั้นพี่ภูก็ทำงานให้เต็มที่ได้เลยนะครับ ส่วนที่คอนโดไม่ต้องห่วง ไนล์จะดูแลให้อย่างดี”

ผมขำเบาๆ ก่อนจะเกี่ยวเอวของคนตัวเล็กกว่าให้มาเดินชิดตัว “หลังหยุดยาวนี้ฉันอาจจะกลับดึกบ้างบางวัน นายอยู่บ้านคนเดียวได้ใช่ไหม?” ผมถามเพราะนึกห่วงไม่น้อย

“อยู่ได้สิครับ” ไนล์ทำน้ำเสียงจริงจังเพราะอยากให้ผมเชื่อ “ขอแค่ถ้าวันไหนพี่ภูจะกลับดึกก็โทรบอกไนล์บ้าง ไนล์จะได้ไม่เป็นห่วง”

“อืม ได้สิ”

แล้วจากนั้นเราก็เปลี่ยนเรื่องไปคุยเรื่องอื่น แต่คุยได้ไม่เท่าไหร่ ไนล์ก็วิ่งเล่นไปทางนั้นทีทางนี้ทีจนผมเหนื่อยจะห้าม เลยปล่อยให้เขาวิ่งไปวิ่งมาอยู่แบบนั้น โดยที่มีผมยืนมองอยู่ห่างๆ และแอบกดชัตเตอร์ถ่ายรูปบ้างในบางครั้ง จนไนล์เหนื่อยก็นั่งจุ้มปุ้กลงบนหาดทรายอย่างอ่อนแรง

“ไง เหนื่อยแล้วสิเรา”

“ครับ เหนื่อยมากแต่ก็สนุกด้วย ไนล์ไม่ได้มาทะเลนานแล้ว ขอบคุณพี่ภูที่พามานะครับ”

“อยากขอบคุณหรอ..?” ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะนั่งลงข้างไนล์ แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้เจ้าตัวเล็ก และใช้นิ้วชี้ที่ริมฝีปากตัวเอง ให้ไนล์ตกใจตาโตเล่น

“พี่ภู..” ไนล์เรียกผมแก้มแดงก่ำ หันซ้ายหันขวาหาข้ออ้าง แต่ไม่มีใครอยู่แถวนี้สักคน ผมเลยเคาะริมฝีปากตัวเองถี่ๆ เป็นการเร่งเร้า

จนในที่สุดไนล์ก็ยอมยื่นหน้าตัวเองมาจุ๊บริมฝีปากผมเร็วๆ ให้ผมได้อมยิ้ม

จุ๊บ~

และพอผมเงยหน้าไปมองเด็กขี้อาย ไนล์ก็พูดรัวเร็ว ก่อนจะลุกพรวดแล้วเดินจ้ำอ้าวไปตรงที่รถผมจอดอยู่ไกลๆ ทันที

“เริ่มเย็นแล้วนะครับ เราไปตลาดกันเถอะ ไนล์ว่าคงมีร้านเปิดให้เราเดินดูของแล้วล่ะครับ” ผมเดินตามไนล์ไปด้วยรอยยิ้มกว้าง

โถ่.. เจ้าเด็กขี้อายเอ๊ย

.

.

.

เรามาถึงตลาดโต้รุ่งในเวลาต่อมาไม่นาน ร้านรวงตามในตลาดเริ่มเปิดบ้างแล้วอย่างที่ไนล์ว่า มีทั้งของกิน ของฝาก ของที่ระลึก ของแฮนด์เมด แต่ไนล์ก็ยังคงเป็นไนล์ขี้อาย เขาก้มหน้าหลบตาผมทั้งที่แก้มแดงก่ำตั้งแต่อยู่ในรถแล้ว ผมเลยต้องพยายามหาทางให้เขาผ่อนคลาย ด้วยการชักชวนให้เขาดูของร้านนั้นร้านนี้ จนสุดท้ายไนล์ก็ลืมเรื่องที่ชายทะลไปเอง และทำตัวปกติกับผมได้ในที่สุด

ผมจูงมือพาไนล์แวะร้านนั้นร้านนี้ตลอดทาง พอเขามองของอะไรผมก็พยายามจะซื้อให้แต่ไนล์ปฏิเสธตลอด จนของบางชิ้นที่ผมเห็นว่าเขาอยากได้จริงๆ และไม่แพงมาก ก็เลยต้องบังคับให้เขารับไปเพราะผมจะซื้อให้ เลือกชิ้นที่แพงมากก็ไม่ได้ ไม่งั้นไนล์จะปฏิเสธไม่รับแบบหัวชนฝาทันที

จนเดินได้ระยะหนึ่ง เราสองคนก็ตกลงกันว่าจะซื้อของข้างทางกินเล่นไปเรื่อยๆ คงไม่กินอะไรจริงจัง เพราะยังอิ่มกับมื้อกลางวันอยู่ และผมก็พบว่าไนล์ชอบกินอะไรที่ไม่เป็นมื้อจริงจังมาก เขาสามารถกินของข้างทางได้เรื่อยๆ เหมือนกับจะไม่มีวันอิ่ม นั่นเลยทำให้ผมคอยซื้อนั่นซื้อนี่ให้เขากินตลอด

“ไนล์ รอตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปซื้อน้ำให้” ผมมองเห็นร้านน้ำไม่ไกล คิดว่าถ้าเดินไปคนเดียวน่าจะเร็วกว่า

“พี่ภู เดี๋ยวไนล์ไปให้ดีกว่าครับ” คนตัวเล็กกว่าพยายามแย้ง แต่ผมไม่ยอม

“อย่าดื้อสิ ฉันไปเอง นายรอตรงนี้แหละ เกิดให้นายไปแล้วไปเดินหลง ฉันก็ต้องไปหาอีก” ผมพูดดุหน่อยๆ ไนล์เลยไม่กล้าเถียงต่อ

“ก็ได้ครับ”

พอเจ้าตัวเล็กรับปากผมก็เดินออกไปซื้อน้ำ จนสักพักก็เดินกลับมาตรงจุดที่ไนล์ยืนอยู่ ผมเห็นไนล์หันหลังให้และกำลังพูดคุยกับชาวต่างชาติคนหนึ่งอยู่ ผมเลยพยายามรีบเดินคิดว่าชาวต่างชาติคนนั้นน่าจะกำลังถามทางไนล์แน่ และไนล์คงจะตอบไม่ถูก เลยตั้งใจจะเข้าไปช่วยตอบ แต่พอผมเดินเข้าไปในระยะได้ยินผมก็ต้องอึ้ง เมื่อได้ยินไนล์พูดคุยกับชาวต่างขาติอย่างฉะฉานด้วยภาษาอังกฤษราวกับเป็นเจ้าของภาษาเสียเอง ทั้งสำเนียง ทั้งไวยากรณ์ ทั้งศัพท์ที่ใช้มันเป๊ะและถูกต้องไปหมด

“Excuse me. Is there a convenient store near here?”

“Yes. There's one.”

“How do I get there?”

“At the traffic lights, take the first left and go straight on. It's on the right hand”

“Thank you.”

“You’re welcome.”

และพอชาวต่างชาติเดินไป ไนล์ก็หันกลับมาทางผม โดยที่ผมได้ทันปรับสีหน้าตกใจให้เป็นปกติพอดี

“อ่าว พี่ภูกลับมาแล้วหรอครับ”

“อืม กลับมาแล้ว ว่าแต่เมื่อกี้ฝรั่งเค้ามาคุยด้วยหรอ?” ผมแกล้งถามเพราะอยากรู้ว่าไนล์จะตอบว่าไง ซึ่งไนล์เองก็เสมองทางนั้นทีทางนี้ทีไม่ยอมสบตาผม ให้ผมได้มั่นใจว่าเมื่อกี้ตัวเองได้ยินไม่ผิด

“เขาพูดอะไรก็ไม่รู้ครับ ไนล์ฟังไม่รู้เรื่อง เขาก็เลยเดินหนี สงสัยไปหาถามคนอื่นแทน”

ผมพยักหน้ารับเหมือนไม่คิดอะไร แต่รู้ดีว่ามันมีบางอย่างมากกว่าที่ผมรู้

“เราไปกันต่อเลยไหมครับพี่ภู”

“อื้อ ไปสิ ทางนั้นยังไม่ได้เดินเลย”

ผมทำตัวปกติ ทั้งที่ไม่ปกติ ในใจมันนึกสงสัย เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมพิสูจน์และรู้สึกได้ว่า ไนล์เก่งและรู้ภาษาอังกฤษมากกว่าการอ่านออกเขียนได้ เรียกได้ว่าเข้าขั้นเชี่ยวชาญเลยด้วยซ้ำ

แม้มันจะไม่ใช่เรื่องร้ายแรงหรือเสียหายอะไร แต่มันก็เป็นเหมือนหนามสะกิดใจผมพอสมควร

.

.

.

To Be Continue

---------------------------------------------------

มาแน้ววววว ขอโทษทีค่ะที่มาช้า สองสามวันนี้ยุ่งๆ นิดหน่อย เพราะพ่อเข้าโรงพยาบาล แต่ตอนนี้เคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็อาจจะมาลงนิยายให้ได้ตรงเวลาตามเดิมค้าบบบ

ส่วนใครที่ถามถึงเจ้าตัวน้อย รอกันอีกสักนิดนะคะ มาแน่ๆ จ้า เพราะที่จริงเราเขียนสต็อคทิ้งไว้ กะว่าถ้าเสร็จเร็วอาจจะเอามาลงได้บ่อยกว่านี้ ขอเวลาอีกนิด ตอนนี้เสพอะไรเบาๆ กันไปก่อน แต่การ์ดห้ามตกนะคะ บอกไว้แค่นี้ 555555555

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ ทุกกำลังใจ ทุกคลิก ทุกวิว ทุกไลค์ และทุกการโดเนทนะคะ สิ่งเหล่านี้ฮีลเราได้เยอะเลย ยอมรับว่าช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาหนักหนาสำหรับเราอยู่เหมือนกัน แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณนักอ่านทุกคนที่ยังให้กำลังใจกันอยู่ตรงนี้ ขอบคุณมากๆ นะคะ ^^

ฝากติดแท็ก #พี่ภูของผม ในทวิตเตอร์ด้วยน้าาา แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ ... รักพวกคุณมากๆ <3

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
พี่ภูรีบจำน้องให้ได้ไวๆนะ

อีก1เดือร้องจะต้องกลับบ้านเเล้วนะ
ตอนหน้าจะเป็นยังไงนะ​
ติดตามจ้าา

ออฟไลน์ psychological

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
พี่ภูสงสัยขึ้นทุกวันแล้วว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
อีกเดือนคงทันแหล่ะ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ยังไงสิ

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
โห้ยพามาเที่ยวทะเล  :-[ พี่ภูอ่อนโยนขึ้นมากตั้งแต่ทำตามใจตัวเอง เทคแคร์ไม่ห่างเลย เวลาที่ไนล์จะอยู่ด้วยก็น้อยลงทุกทีแล้ว คิดว่าพี่ภูไม่น่าจะจำน้องได้เองนะว่าไนล์คือเด็กคนนั้น คงจะรู้ก็เมื่อเทมมารับน้องกลับบ้านนั่นละ แบบว่ามันคือความทรงจำคนละแบบกับไนล์ ของไนล์คือรักแรกแล้วจำฝังใจตลอดมา แต่ของพี่ภูคือความผูกพันธ์ช่วงเวลาสั้นๆแล้วจากกันจะจำหน้าน้องได้ไง แต่ไม่ว่าจะจำได้หรือไม่ ก็ไม่สำคัญแล้วเพราะตอนนี้สำคัญกว่าว่าพี่ภูรักไนล์คนนี้หรือยัง สนุกจ้า ขอบคุณนะคะที่มาต่อ รอตอนต่อไปเลย  :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
ขัดใจพี่ภู จำน้องไม่ได้ซักทีอ่ะ :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
วันนี้จะมาไหมนะ
คิดถึงแล้ววววว

ออฟไลน์ Gade_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-4
Universe 24th : การกลับมา


เป็นการมาเที่ยวทะเลที่ผมมีความสุขมาก ผมกับพี่ภูได้มีช่วงเวลาดีๆ ด้วยกัน และแม้ว่าพี่ภูจะไม่พูดออกมาตรงๆ ผมก็รู้ว่าเขามีความสุขไม่ต่างจากผม ตั้งแต่มาถึงที่นี่พี่ภูยิ้มมากขึ้น ถึงจะไม่ได้ยิ้มกว้างทุกครั้ง แต่พี่ภูก็ยิ้มมากกว่าตอนที่ผมเจอพี่ภูหลังจากกลับมาจากอเมริกาแรกๆ

ผมตื่นขึ้นมาได้สักพักแล้ว ตอนแรกตั้งใจว่าจะตื่นขึ้นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นแต่ก็ลุกไม่ไหว เพราะ เอ่อ .. คือ นั่นแหละ พี่ภูกวนผมตลอดเกือบทั้งคืน กว่าจะได้นอนก็ล่วงเข้าวันใหม่แล้ว

ผมขยับตัวเล็กน้อย พยายามไม่รบกวนพี่ภูที่กำลังหลับสบาย เขาชอบพาดแขนไว้ที่เอวผม และถ้าเมื่อไหร่ที่ผมพยายามที่จะยกออกเมื่อนั้นพี่ภูจะรู้สึกตัวตื่นทันที เหมือนตั้งเวลาไว้ยังไงก็ไม่รู้

พี่ภูพลิกตัวเบาๆ แต่แขนของพี่ภูยังคงพาดอยู่บนเอวผม รวมทั้งใบหน้าหล่อเหลาที่ตะแคงหันมาทางผมด้วย … นี่เลยเป็นครั้งแรกที่ผมได้มองใบหน้าคนที่ผมรักชัดเจนที่สุดในชีวิต เพราะผมก็ไม่รู้ว่าถ้าไม่แอบมองพี่ภูตอนหลับ ผมจะสามารถแอบมองเขาได้ตอนไหนอีก

เห็นท่าว่าจะไม่มีโอกาสแน่ๆ

ผมยกนิ้วของตัวเองขึ้นมาลากเบาๆ ไปที่คิ้ว ที่หางตาไล่มาที่หัวตา และไล้ลากเลื้อยมาจนถึงปลายจมูกที่โด่งเป็นสัน ก่อนที่จะจบลงบนริมฝีปากหยักลึกที่เคยจูบ และพร่ำคำหวานให้ผมฟัง

คิ้วของเขา ดวงตาของเขา จมูกของเขา และริมฝีปากของเขา มันคือส่วนผสมที่ลงตัวที่สุดบนใบหน้าหล่อเหลานี้ และผมก็ตกหลุมรักทุกอย่างในตัวเขา ตกหลุมรักมานานถึงสิบปีเต็ม

และก่อนที่ผมจะได้ทันลากนิ้วอกข้างซ้ายที่มีก้อนเนื้อเล็กๆ ที่เรียกว่าหัวใจของอีกฝ่ายเต้นอยู่นั้น พี่ภูก็รู้สึกตัวตื่นเสียก่อน พร้อมกับยึดข้อมือผมไว้แน่น ให้ผมสะดุ้งเฮือกเหมือนผู้ร้ายที่กำลังคิดไม่ดีและถูกตำรวจจับได้คาหนังคาเขา

“ทำอะไร หื้ม?” พี่ภูถามเสียงใส ไม่มีงัวเงียเลยสักนิด แสดงให้เห็นว่าเขาตื่นมาสักพักแล้ว

“นะ ..ไนล์เปล่าครับ” ผมอึกอักปฏิเสธ มีพิรุธเต็มขั้น

“ริจะเป็นเด็กเลี้ยงแกะหรอเรา เห็นๆ อยู่ว่านายพยายามลวนลามฉัน”

พี่ภูยิ้ม ก่อนจะพลิกตัวขึ้นคร่อมผม ทั้งที่ร่างกายของเราทั้งคู่เปลือยเปล่า และเมื่อได้สัมผัสกันโดยไม่มีเสื้อผ้ามากั้น ก็ไม่แปลกที่ผมจะรู้สึกถึงการตื่นตัวของอีกฝ่าย ที่กำลังดุนดันอยู่ตรงหน้าท้องของผม

“ก็ได้ครับ ไนล์สารภาพก็ได้ว่าไนล์แอบมองพี่ภูหลับ” ผมพยายามใช้มือเล็กๆ ของตัวเองดันอกพี่ภูให้ขยับออก แต่พี่ภูตัวใหญ่ เลยไม่ขยับเขยื้อนร่างกายเลยสักนิด “ไนล์บอกพี่ภูแล้ว พี่ภูเลิกแกล้งไนล์สักทีสิครับ”

พี่ภูก้มลงมาหอมแก้มแรงๆ ทั้งสองข้าง พลางยิ้มเจ้าเล่ห์และซักไซ้ผมไม่เลิก

“แล้วทำไมต้องแอบมองฉันตอนนอนล่ะ ตอนอื่นๆ มีให้มองเยอะแยะทำไมไม่มอง หื้ม?”

“กะ .. ก็ไนล์กลัวพี่ภูดุ ไนล์ไม่กล้าหรอกครับ” ผมพูดไปหลบตาพี่ภูไป แต่คนที่กำลังคร่อมร่างผมอยู่ก็ไม่ยอมแพ้ เขาเชยคางให้ผมหันกลับมาหา พร้อมกับโน้มตัวลงมาจ้องหน้าใกล้ๆ

“ฉันดุนายขนาดนั้นเลยหรอที่ผ่านมา” ผมมองเข้าไปในดวงตาพี่ภู เห็นว่ามันวูบไหวและสำนึกผิดไม่น้อย และเพียงแค่นั้นก็ทำเอาใจผมอ่อนยวบ

“คือไนล์…”

“ฉันขอโทษนะไนล์ ขอโทษสำหรับเรื่องทั้งหมดที่ผ่านมา”

ผมชะงัก น้ำตาที่ไม่คิดว่าจะไหลในเวลาแบบนี้เอ่อคลอขึ้นมาที่หัวตา ความรู้สึกทุกอย่างตีตื้นอยู่ในอก ผมไม่รู้ว่ามันคือความดีใจหรือความเสียใจ แต่ที่ชัดเจนที่สุดมันเหมือนกับว่าทุกอย่างได้ปลดล็อคแล้วจริงๆ

“พี่ภู…” ผมยกมือขึ้นลูบหน้าอีกฝ่ายเบาๆ อย่างลืมตัว แต่พี่ภูก็ไม่ถอยหนี ที่เขาทำคือส่งยิ้มอ่อนโยนให้ผมแทน

“เด็กขี้แย” พี่ภูยกมือเกลี่ยน้ำตาให้ผมเบาๆ “ต่อไปนี้นายไม่ต้องแอบมองฉันแล้วนะ นายอยากมองฉันตอนไหนก็ได้ ตามใจนาย ฉันจะไม่ดุนานแล้ว โอเคไหม?”

ผมตาโต ถามทั้งที่น้ำตากลบตาเต็มไปหมด “จริงหรอครับพี่ภู พี่ภูจะไม่ดุไนล์แล้วจริงๆ หรอครับ”

“อื้อ ฉันจะไม่ดุนายแล้ว” พี่ภูก้มลงมาใกล้ผมอีกนิด พูดกระซิบชิดริมฝีปากผมเบาๆ “ขอแค่ให้นาย เป็นเด็กดีของฉันก็พอ”

พี่ภูจูบไล้ลงมาบนริมฝีปากผมเบาๆ .. อ่อนโยนและไม่รุกล้ำ

“ครับ ผมจะเป็นเด็กดีของพี่ภู”

คนที่คร่อมร่างผมยิ้ม ก่อนที่จะก้มลงมาประทับจูบแผ่วเบา และทำให้ผมได้รู้ว่าการออกไปดูพระอาทิตย์ขึ้นนั้นไม่ใช่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดอีกต่อไป เมื่อได้ใข้เวลายามเช้ากับพี่ภูบนเตียง

.

.

.

เราสองคนตื่นขึ้นมาช่วงสายของวัน วันนี้ผมกับพี่ภูจะทำซีฟู้ดและบาร์บีคิวปิ้งทานกันตอนเย็น และจากที่ตั้งใจว่าจะไปหาซื้อกุ้งสด ปูสดที่ตลาด ก็ได้คำแนะนำจากคนแถวนั้นว่าตรงหาดเขาตระเกียบ มีท่าเรือที่มักจะขนอาหารทะเลสดๆ มาวางขาย เราสองคนเลยเบนเข็มไปซื้อพวก กุ้ง ปู ปลา จากที่นั่นแทนเพราะอยู่ใกล้กับที่พัก และเอากลับมาแช่น้ำแข็งก่อนที่ผมกับพี่ภูจะออกไปตลาดอีกรอบ เพื่อหาอะไรง่ายๆ ทาน และซื้อของในการทำบาร์บีคิว

เราแวะร้านโจ๊กข้างทางในตลาด และเมื่อเสร็จจากมื้อเช้าแล้ว พี่ภูก็จูงมือผมเข้าตลาดสดเพื่อหาซื้อวัตถุดิบที่จะทำอาหารเย็นนี้ รวมไปถึงของใช้จำเป็นบางอย่าง จากนั้นก็เอาของที่ได้ไปเก็บที่บ้านพัก ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะเป็นคนลงมือทำอาหารทุกอย่างให้พี่ภูทานตอนเย็นด้วยตัวเอง แต่พี่ภูแย้งและบอกว่าตั้งใจจะพาผมมาเที่ยว มาผ่อนคลาย ไม่อยากต้องให้ทำอะไรมาก เขาเลยโทรเรียกคนดูแลบ้านมาจัดการหมักบาร์บีคิว ทำอาหารทะเลไว้ให้ ตั้งใจว่าตอนเย็นเราสองคนแค่มาย่างมาปิ้งทานได้เลย

ผมอิดออดอยู่พักหนึ่ง เพราะอยากทำเอง แต่พอพี่ภูทวงสัญญาที่ขอผมไว้เมื่อคืน ผมก็เลยเงียบกริบ ต้องยอมทำทุกอย่างตามที่พี่ภูขอ


‘ไหนไนล์สัญญาว่าจะเป็นเด็กดีของพี่ไง’


แค่นั้นแหละ แค่ประโยคเดียว แต่เขย่าหัวใจจนผมแทบคลั่ง แถมยังเป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่พี่ภูแทนตัวเองว่าพี่

สุดท้ายผมเลยยอมแพ้ และลงเอยด้วยการยอมให้คนดูแลเข้ามาทำอาหารรอ ส่วนผมกับพี่ภูก็พากันไปตระเวนร้านกาแฟใกล้ๆ และไปเที่ยวสถานที่ยอดนิยมของจังหวัดอย่าง ซีนสเปซ เราเดินเล่นกันในนั้นรวมทั้งหาอาหารกลางวันทานกันที่นั่นด้วย

ทั้งผมและพี่ภูผลัดกันถ่ายรูปไปมาตามมุมต่างๆ ผมได้หัวเราะ และยิ้มกว้างมากกับช่วงเวลาเหล่านี้ ช่วงเวลาที่พี่ภูกลับไปใกล้เคียงกับพี่ภูคนที่อยู่ในร้านไอศครีมมากที่สุด

เขายิ้มให้ผมอย่างอบอุ่น เขาจับจูงมือผมอย่างอ่อนโยน เขาเอ่ยถามและคอยดูแลผมอย่างเป็นห่วงเป็นใย เขาทำให้ผมใจเต้นแรงมากที่สุด ตอนโน้มหน้าลงมาจูบเบาๆ ที่กลางศีรษะของผมตอนที่เรากำลังเดินจูงมือซึมซับบรรยากาศดีๆ ยามบ่ายกันอยู่สองคน

“ไว้หลังเปิดตัวโครงการมิกซ์ยูส ถ้าฉันได้วันหยุดพักสักสองสามวัน เรามาเที่ยวด้วยกันอีกไหม นายชอบที่นี่รึเปล่า?”

“พี่ภู.. พี่ภูชวนไนล์มาเที่ยวอีกหรอครับ” ผมถามตะกุกตะกักอย่างตื่นเต้น ให้พี่ภูต้องหยุดเดิน ก่อนจะจับให้ผมหันไปหา แล้วจ้องตาผมนิ่ง

“เด็กบ๊องเอ๊ย ก็ชวนนายน่ะสิ” เขาหัวเราะและเขกหน้าผากผมเบาๆ แต่พอเห็นผมยู่หน้าเพราะเจ็บนิดหน่อย พี่ภูก็ยกมือขึ้นลูบตรงที่ตัวเองเขก ตามด้วยก้มลงมาประทับจูบแผ่วเบาราวกับจะปลอบประโลม “ไว้มาเที่ยวกันอีก ฉันอยากพานายไปเที่ยวหลายๆ ที่เลยด้วยซ้ำ แต่อาจต้องรอให้เรื่องงานลงตัวมากกว่านี้หน่อย”

ผมตาโต อ้าปากค้าง ใจเต้นแรงยิ่งกว่าเดิม เพราะไม่คาดคิดว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้จากพี่ภู

“พี่ภู… ไนล์ ไนล์…”

“อ้ำอึ้งเก่งจริง ตกลงว่าจะมาหรือไม่มา หื้ม?” พี่ภูถามผมเสียงเรียบ แต่ฟังดูก็รู้ว่าแกล้งทำ

“มาครับ มา! พี่ภูพาไนล์มาด้วยนะครับ! ไม่สิ.. พี่ภูพาไนล์ไปที่ไหนไนล์จะไปทุกที่เลย”

ผอมตอบรับอีกฝ่ายอย่างดีใจ และเผลอทำตัวอ้อนเพราะติดทำกับพี่เทมส์บ่อยๆ ด้วยการวาดแขนเล็กๆ ของตัวเองโอบเอวพี่ภูแน่น และพอรู้ตัวว่าตัวเองกำลังทำอะไรล้ำเส้น เลยตั้งใจจะชักแขนออก แต่พี่ภูกลับรั้งแขนผมไว้และหัวเราะดังลั่นอย่างชอบใจ

“นายนี่มันเด็กน้อยจริงๆ”

พี่ภูก้มลงมาจุ๊บปากผมเบาๆ ให้ผมได้สะดุ้งเล่น ก่อนที่เขาจะแกะแขนผมออก แล้ววาดแขนของตัวเองมาเกี่ยวเอวผมเข้าหาตัวเองแทน แล้วจากนั้นก็พาผมออกเดินเรื่อยเปื่อยต่อ ทั้งที่รอยยิ้มยังประดับอยู่ที่ริมฝีปากหยักลึกไม่เลือนหายไปไหน

ให้ตาย.. ผมอยากหยุดเวลาไว้แค่นี้จริงๆ

.

.

.

หลังจากตระเวนเที่ยวตามที่เที่ยวต่างๆ สลับกับแวะคาเฟ่น่านั่งหลายแห่ง ผมกับพี่ภูก็กลับมาที่ที่พัก ก็ได้เห็นว่าคนดูแลบ้านที่คุณแม่ของพี่ภูจ้างไว้ เตรียมบาร์บีคิว กับอาหารทะเลไว้พร้อมทาน เหลือก็แค่ติดเตาและนำลงไปย่างเท่านั้น

“พี่ภูไปอาบน้ำก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวไนล์ติดเตารอให้” แต่แทนที่พี่ภูจะเดินออกไปตามผมบอก เขากลับดันตัวผมให้ออกเดินแทน

“เรานั่นแหละไป ตัวกระเปี๊ยกแค่นี้ทำซ่า เดี๋ยวฉันจัดการตรงนี้เอง”

“แต่ว่า…” พี่ภูแย้ง ไม่ทันรอให้ผมพูดจบด้วยซ้ำ

“ไม่มีแต่ครับ” ผมหน้าแดง อดยอมรับไม่ได้ว่าผมชอบเวลาที่พี่ภูพูดเพราะมากๆ “ไปอาบน้ำไป เดี๋ยวฉันติดไฟเสร็จก็จะไปอาบเหมือนกัน”

“แต่วันนี้พี่ภูขับรถพาไนล์เที่ยวทั้งวันแล้วนะครับ แล้วนี่ยังจะมาติดไฟให้อีก” ผมเถียงตาใส ทำท่าจะไม่ยอมจนพี่ภูต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วหาข้อสรุป

“งั้นเอางี้ ตอนนี้ฉันทำหน้าที่ติดไฟ แต่เดี๋ยวพอถึงตอนปิ้งตอนย่าง ฉันจะนั่งเฉยๆ รอกินจากนาย ให้นายทำหน้าที่ปิ้งหน้าที่ย่างแทน .. ดีไหม”

ผมคิดตรึกตรองอยู่แปปหนึง และก็เห็นว่าเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจ จึงยอมตกปากรับคำในที่สุด

“ก็ได้ครับ” ผมยิ้มออกมาได้ พร้อมกับยื่นคำขาด “ถ้างั้นพอถึงตอนปิ้งตอนย่างพี่ภูห้ามทำเลยนะครับ ให้ไนล์ทำคนเดียว”

“ครับ ครับ.. ทำคนเดียวเต็มที่เลยครับ” พี่ภูยิ้มขำ ก่อนจะบ่นพึมพำ แต่ผมก็ได้ยินอยู่ดี “มีแต่คนอื่นเขารักสบาย แต่นี่กลับอยากให้ฉันสบายมากกว่าตัวเอง .. เด็กน้อยเอ๊ย”

“ก็พี่ภูเป็นคนสำคัญของไนล์นี่ครับ ไนล์ไม่อยากให้พี่ภูต้องเหนื่อยหรือลำบากอะไร”

พอจบคำที่ผมพูด พี่ภูก็โถมตัวเข้ามากอดผมเต็มรัก ทำเอาผมเซแทบล้ม และพอตั้งตัวได้ จมูกโด่งๆ ของพี่ภูก็กดเข้าที่แก้มผมเต็มแรง

ฟอดดด~

“ใครสอนให้พูดจาน่ารักขนาดนี้ หื้ม?” พี่ภูถามเหมือนไม่อยากได้คำตอบ เขาเอาแต่กดจมูกหอมผมไม่เลิก

“พี่ภู~ ไม่เอา.. อย่าแกล้งไนล์ครับ” ผมดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของคนตัวโตกว่า ทั้งที่แก้มแดงก่ำ

แม้ปากผมจะขอให้พี่ภูปล่อย ไม่แกล้ง แต่ใจผมกลับรู้สึกดีที่ได้อยู่ในอ้อมกอดนี้นานๆ

“ก็อยากน่ารักทำไมล่ะ? เอ.. หรือไม่ต้องกินปิ้งย่างแล้วดี เปลี่ยนไปกินนายแทน” พี่ภูพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ แถมสายตายังวิบวับ ไม่น่าไว้ใจอีกต่างหาก

“ไม่ต้องเลยครับ .. ทำไมเดี๋ยวนี้แพรวพราวจังนะ” ผมบ่น แต่ริมฝีปากยังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“ว่าได้ที่ไหน มีเมียเด็กก็ต้องแบบนี้แหละ” ผมหันไปมองอีกฝ่ายตาโต ก็เห็นพี่ภูยักคิ้วหลิ่วตาใส่ ให้ผมต้องรีบดิ้นออกจากอ้อมกอด เพราะเขินจนใจเต้นแรงไปหมด

“พี่ภู~” คนถูกเรียกหัวเราะลั่น ก่อนจะยอมปล่อยผมไปอาบน้ำ เมื่อแกล้งผมจนหนำใจแล้ว

“อะๆ ไม่แกล้งละ ไปอาบน้ำไป ถ้าขืนชักข้าฉันเปลี่ยนใจ กินนายแทนจริงๆ นะ”

ผมไม่รอให้พี่ภูพูดจบประโยคดีด้วยซ้ำก็เผ่นแผล็วเข้าห้องน้ำ ทั้งที่ใจเต้นแรงและยิ้มไม่หุบ

.

.

.

เมื่อคืนหลังจากกินกุ้ง กินปูกันจนอิ่มหนำ เราสองคนก็รีบเข้านอนกันไม่ดึกมาก เพราะผมรบเร้าว่าอยากจะตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า พี่ภูก็ตามใจ เขายอมนอนกอดเงียบๆ จนหลับ

และนี่คือหนึ่งในความน่ารักของพี่ภูที่ถ้าวันไหนผมปฏิเสธ ไม่อยากมีอะไรกับเขา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร จะเหนื่อย จะเพลีย หรือจะไม่มีอารมณ์ พี่ภูก็ไม่เคยขืนบังคับ หรือเอาแต่ใจกับผม แต่ถ้าวันไหนที่ผมยอม พี่ภูก็กอดผมยันเช้าไม่ยอมปล่อยให้ผมได้พักเลยเหมือนกัน

เช้านี้ผมเลยตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น อากาศริมทะเลยามเช้ามันช่างสดใสมากๆ ผมปลุกพี่ภูก่อนจะเข้าไปล้างหน้าแปรงฟัน เพราะกลัวจะไม่ทันพระอาทิตย์ขึ้น ในขณะพี่ภูยังอิดออด ผมก็เลยไม่ได้รอเขา รีบจ้ำเดินออกไปที่ระเบียงบ้าน และรอให้เจ้าก้อนสีส้มกลมโตโผล่พ้นขอบฟ้าอย่างตั้งใจ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ผมรู้สึกถึงอ้อมกอดที่อบอุ่นจากด้านหลัง

ผมอมยิ้มน้อยๆ นึกรู้ว่าใครเป็นคนกอดผมไว้แบบนี้

“ตื่นแล้วหรอครับ ไนล์คิดว่าพี่ภูอยากนอนต่อเสียอีก”

“อื้อ ตื่นแล้ว นายลุกไป ฉันก็นอนต่อไม่หลับหรอก”

พี่ภูพูดเสียงงัวเงียเหมือนยังตื่นไม่เต็มตา เขาวางคางตัวเองไว้บนไหล่ผม พร้อมกับจูบแผ่วๆ ที่ต้นคอผม

“ตื่นแล้วก็มาดูพระอาทิตย์ขึ้นกันครับ” ผมชี้ชวน “ดูสิครับ มันกำลังจะโผล่พ้นขอบฟ้าแล้ว”

ผมพูดอย่างตื่นเต้น เมื่อเห็นเจ้าก้อนสีส้มลูกกลมโตกำลังโผล่ขึ้นเหนือเส้นขอบฟ้า ราวกับกำลังลอยขึ้นมาจากผืนน้ำก็ไม่ปาน เราสองคนเงียบกริบ ไม่มีใครพูดอะไร แต่บรรยากาศกลับไม่อึดอัดสักนิด ตรงกันข้ามมันดีมากจนผมเหมือนล่องลอยอยู่ในความฝันด้วยซ้ำ

ผมยิ้มกว้างตอนที่พระอาทิตย์ลูกโตปรากฎขึ้นเต็มดวงอยู่กลางท้องฟ้า ผมชอบมองเวลาพระอาทิตย์ขึ้นมาก เลยมักจะรบเร้าให้พี่เทมส์พามาเที่ยวทะเลบ่อยๆ เพิ่งจะมีช่วงหลังนี่ล่ะที่พี่เทมส์งานยุ่ง ผมเลยไม่ได้มาเที่ยวทะเลสักระยะแล้ว พอได้มาครั้งนี้ แถมได้มากับพี่ภูอีก ผมเลยมีความสุขเป็นพิเศษ

“ชอบหรอ? หื้ม?” พี่ภูถามก่อนที่จะขยับมายืนข้างผม แล้วดึงผมไปกอดไว้

“ชอบครับ ไนล์ชอบมองตอนพระอาทิตย์ขึ้น มันเหมือนเป็นสัญญาณว่าวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว อะไรที่ไม่ดีให้ผ่านไปกับเมื่อวาน” ผมร่ายยาว พร้อมกับเผลออ้อนอีกฝ่ายด้วยการซุกหน้าเข้ากับอกอุ่นๆ ของพี่ภู

“ถูกเลี้ยงมายังไงกัน ทำไมถึงได้มองโลกในแง่ดีขนาดนี้” พี่ภูถามเคล้าเสียงหัวเราะ ก่อนจะจูบหนักๆ ลงมาบนหน้าผากของผม

“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นสักหน่อย” ผมดันตัวออก ก่อนจะทำใจกล้า เอื้อมมือไปประกบแก้มทั้งสองข้างของพี่ภูไว้ และพอเห็นว่าเขาไม่ได้ผละหนี ผมเลยพูดในสิ่งที่ใจคิด “ไนล์แค่อยากมีความสุข ไนล์เลยพยายามใจดีกับตัวเอง เพราะไนล์เชื่อว่าโลกมันจะดีจะร้ายก็ขึ้นอยู่กับใจเราทั้งนั้น”

“….”

“เพราะฉะนั้น พี่ภูครับ… อย่าใจร้ายกับตัวเองนักเลย ไนล์อยากเห็นพี่ภูมีความสุข” ผมขยับเข้าไปใกล้พี่ภูอีกนิด ทั้งที่ยังจ้องตา “ความสุขของพี่ภูคือความสุขของไนล์นะครับ”

“นายนี่มัน…” ผมทำหน้างงนิดหน่อยตอนที่ได้ยินพี่ภูพึมพำแบบนั้น แต่พอผมกำลังจะเอ่ยถามว่าพี่ภูหมายถึงอะไร ใบหน้าหล่อเหลาของคนที่ผมแอบรักมาทั้งชีวิตก็โน้มเข้ามาใกล้ ก่อนที่ริทฝีปากหยักลึกจะประทับลงมาแผ่วเบาที่ริมฝีปากของผม

จูบที่อ่อนโยนแต่ก็ลึกล้ำ เหมือนแสงอาทิตย์ยามเช้า

ผมเผยอปากเล็กน้อยให้พี่ภูแทรกลิ้นเข้ามา เขากวาดต้อนเอาความหอมหวานไปเป็นของตัวเองจนหมด ก่อนจะส่งเรียวลิ้นร้อนมาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นเล็กๆ ของผม ราวกับจะอยากส่งผ่านความรู้สึก เรายืนจูบกันอยู่แบบนั้น ท่ามกลางเสียงคลื่นที่แผ่วเบาเมื่อเทียบกับเสียงหัวใจที่กระหน่ำรัวเป็นจังหวะเดียวกันของเราสองคน

.

.

.


(อ่านต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ Gade_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-4
(ต่อจากด้านบน)


“วันนี้เราไปไหว้พระ ไปทำบุญกันดีไหมครับ”

ผมถามหลังจากที่เตรียมอาหารเช้าให้พี่ภูเสร็จ ในขณะที่พี่ภูเองก็เพิ่งจะอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยหลังจากเดินออกมาจากห้องนอน

“อยากไปไหว้พระหรอ? พรุ่งนี้ก็จะกลับแล้ว แน่ใจนะว่าไม่อยากไปเที่ยวที่อื่น”

ผมส่ายหน้าพร้อมกับยืนยันความตั้งใจ “ไปไหว้พระกันดีกว่าครับ อยู่กรุงเทพพี่ภูทำงานเยอะ ไม่ค่อยมีเวลาไปทำบุญ ตอนนี้มีโอกาสและเวลาว่างแล้ว ไนล์เลยอยากให้พี่ภูได้เข้าวัด ไหว้พระ ทำบุญบ้าง”

“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวฉันค่อยหาเวลาไป นายไปที่ๆ อยากไปเถอะ ฉันอุตส่าห์พามาเที่ยว อย่าเอาแต่นึกถึงฉันฝ่ายเดียวสิ”

ผมยู่หน้า ให้พี่ภูได้หัวเราะชอบใจ ดูเหมือนเขาจะชอบมากเวลาผมทำหน้าดื้อๆ หรืองอนๆ ใส่

“ใครว่าล่ะ ไนล์ไม่ได้นึกถึงพี่ภูฝ่ายเดียวสักหน่อย เราไปเข้าวัดด้วยกัน ทำบุญพร้อมกันก็ได้บุญทั้งคู่ไม่ใช่หรอครับ ไม่ใช่ได้แค่คนใดคนนึงสักหน่อย”

พอจบคำผมพูด พี่ภูก็ลุกขึ้นชะโงกหน้ามาจูบที่ริมฝีปากผมแรงๆ เหมือนหมั่นเขี้ยว

“ช่างพูดจริงๆ นะเดี๋ยวนี้ เอ้าๆ อยากไปไหนก็ไป ว่าแต่อยากไปแค่วัดแน่นะ”

ผมนึกนิดหน่อยตอนพี่ภูถาม ก่อนตอบ “ที่จริงก็มีอีกที่ครับที่อยากไป .. ตลาดที่ใกล้ๆ กับที่พักเรา เมื่อวานนี้ตอนพี่ภูขับรถผ่าน ไนล์เห็นของน่าซื้อทั้งนั้นเลย”

“ตลาดซิเคด้าน่ะหรอ?” พี่ภูนึกนิดหน่อยก่อนถามผมกลับ

“ใช่ๆ ครับ ตลาดนั้นแหละ.. น่าจะมีของที่คุณแพ็ตชอบเยอะแน่ๆ” ผมพึมพำกับตัวเอง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่รอดหูพี่ภูอย่างที่ผมคิด

“อะไรนะ นี่ยังติดต่อกับแพ็ตอยู่อีกหรอ?” พี่ภูถามตาขวาง ให้ผมได้แต่หัวเราะแหะๆ ตอบ

“ก็คุณแพ็ตคุยสนุก เธอชอบเล่านั่นเล่านี่ให้ไนล์ฟัง ไนล์ไม่ค่อยมีเพื่อน พอมีคุณแพ็ตเป็นเพื่อนแล้วไนล์ก็ไม่ค่อยเหงา”

ผมอ้อมแอ้มอธิบาย กลัวพี่ภูจะโกรธก็กลัว เพราะพี่ภูเคยห้ามไม่ให้ติดต่อคุณแพ็ต แต่อีกใจผมก็ไม่อยากเสียเพื่อนดีๆ แบบคุณแพ็ตไป แล้วก็ไม่อยากโกหกพี่ภูแล้วด้วย เลยตัดสินใจสารภาพความจริง

“เป็นแค่เพื่อนกันแน่นะ ห้ามโกหกฉันนะไนล์” พี่ภูถามเสียงเรียบ

“แน่สิครับ” ผมยิ้ม พลางตอบหนักแน่นตอนมองสบไปที่ดวงตาเรียวรีของพี่ภู “คุณแพ็ตเป็นเพื่อนที่ดีของไนล์ เธอน่ารักแล้วก็ใจดีกับไนล์มากๆ เลยครับ”

“รู้แล้วว่าแพ็ตแสนดี นายไม่ต้องชมบ่อยๆ ก็ได้” พี่ภูบ่นอุบ แถมยังทำหน้าเหมือนงอนผมอีกต่างหาก

เขาดูน่ารักมากๆ ในสายตาผม เหมือนหมีตัวใหญ่ๆ ที่กำลังหิวน้ำผึ้งยังไงยังงั้น

“แต่ถึงคุณแพ็ตจะดีกับไนล์แคีไหน ก็ไม่เท่าที่พี่ภูดีกับไนล์หรอกครับ สำหรับไนล์แล้วพี่ภูสำคัญที่สุดเสมอ สำคัญกว่าใครทุกคนเลย”

ผมเหลือบมองพี่ภูนิดหน่อย แม้ตัวเองจะอายมากตอนที่พูดแบบนี้ออกไป แต่ถึงอย่างนั้นมันก็อดใจเต้นแรงด้วยความยินดีไม่ได้ เมื่อเห็นว่าเจ้าหมีอารมณ์ร้ายของผมกำลังแอบยิ้มกับประโยคที่ผมเพิ่งพูดจบไป

.

.

.

เราสองคนไปตระเวนไหว้พระและทำบุญให้กับมูลนิธิต่างๆ ในจังหวัดหัวหินเท่าที่เวลาและสถานที่จะอำนวย มีแวะทานข้าว เข้าคาเฟ่น่ารักๆ ระหว่างทางบ้าง แม้อากาศจะร้อนไปหน่อยแต่ผมก็รู้สึกสนุกไปอีกแบบ

เราเที่ยวกันจนเย็นย่ำ เลยตั้งใจว่าจะไปเดินเล่นตลาดซิเคด้า และหาอะไรทานเลยก่อนกลับเข้าที่พัก เพราะพรุ่งนี้สายๆ เราก็จะกลับกรุงเทพแล้ว และผมก็อยากให้พี่ภูได้พักผ่อนเต็มที่ เพราะพรุ่งนี้เขาต้องขับรถอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงกรุงเทพ เลยไม่อยากให้ล้ามากเกินไป เพราะวันถัดไปพี่ภูมีประชุมกับพี่เทมส์แต่เช้า

ตอนนี้เราทั้งสองเลยมาเดินจูงมือชี้ชวนกันดูของอยู่ตลาดซิเคด้า สินค้าส่วนใหญ่ก็เป็นของแฮนด์เมด กระจุ๋งกระจิ๋งน่ารัก ผมเดินเลือกดูของอย่างเพลิดเพลิน แถมยังลายตาไปหมด ก่อนที่จะหยุดที่ร้านรับถ่ายรูปที่ทำใส่กรอบอาร์ตๆ มองแล้วน่ารักไม่น้อย

ผมหยุดยืนมองอย่างสนใจ จนพี่ภูเอ่ยถาม

“เอาไหม อยากได้รึป่าว?” และคนขายก็คงได้ยินที่พี่ภูเอ่ยถาม เลยรีบเสนอขาย

“ตอนนี้ถ้าเป็นภาพคู่ผมลดราคานะครับ จะถ่ายรูปให้สองรูป โดยคิดราคากรอบต่อไปแค่ครึ่งราคา”

ผมหัวเราะแหะ กำลังจะอ้าปากปฏิเสธ เพราะนึกรู้ว่าพี่ภูคงไม่อยากถ่ายรูปกับผมแน่ แต่เสียงตอบรับจากคนข้างตัวทำให้ผมประหลาดใจ

“เอาสิครับ ผมเอาสองกรอบ รบกวนถ่ายรูปคู่ให้เราสองคนด้วยนะครับ”

“ได้ครับ”

เจ้าของร้านยิ้มแป้นพร้อมกับหยิบกล้องโพราลอยด์มาถือ ผมที่กำลังอึ้งๆ ก็ถูกพี่ภูรวบเอวแล้วดึงเข้าหาตัว ก่อนที่เขาจะกระซิบข้างหูผมขำๆ

“มองกล้องแล้วก็ยิ้มเร็ว”

ผมระงับอาการตื่นเต้นพร้อมกับยิ้มกว้างให้เจ้าของร้านจัดการถ่ายรูป และดึงรูปออกมาจากกล้อง พร้อมกับเอาไปใส่กรอบที่ผมเลือกไว้ก่อนหน้าตามที่พี่ภูบอก

“เรียบร้อยแล้วครับ” พี่ภูจ่ายเงินพร้อมกับรับของมา จากนั้นเขาก็เปรยๆ ทั้งที่ริมฝีปากยังยิ้ม ตายังเป็นประกายให้ผมได้ยิน ก่อนที่เราจะเดินออกจากร้าน

“เอาไว้ที่คอนโดอันนึง ไว้ที่ออฟฟิศฉันอันนึง .. เห็นหน้านายแล้วฉันอารมณ์ดี”

ผมซ่อนยิ้ม แก้มแดงก่ำ พร้อมกับหัวใจที่กระหน่ำรัว … ผมไม่ชินกับพี่ภูเวอร์ชั่นนี้จริงๆ ให้ตาย!

.

.

.

เรากลับมาถึงที่พักพร้อมของฝากคุณแม่กับคุณแพ็ตอย่างละชิ้น โดยที่ผมเป็นคนเลือกเองทั้งหมด หนำซ้ำตอนที่พี่ภูเผลอผมก็แอบซื้อพวงกุญแจทำมือไปฝากพี่เทมส์ด้วยหนึ่งอัน ซึ่งก็คงต้องซ่อนให้ดีเพราะถ้าขืนให้พี่ภูเห็นมีหวังบ้านแตกแน่ๆ

ตอนนี้เราสองคนอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว และกำลังนอนกอดกันอยู่ตรงโซฟาริมระเบียง มองดูดาวที่เกลื่อนอยู่เต็มท้องฟ้าอย่างมีความสุข แค่คิดว่าพรุ่งนี้จะต้องกลับกรุงเทพแล้ว ผมก็เผลอถอนหายใจออกมาอย่างลืมตัว

“เป็นอะไร หนาวหรอ?” ผมนอนหนุนอกพี่ภู โดยมีวงแขนแข็งแรงของเขาโอบกอดผมไว้อีกที

“เปล่าครับ เพียงแต่รู้สึกว่า ไนล์ยังไม่อยากกลับเลย อยู่ที่นี่ไนล์มีความสุขมาก” ผมสารภาพกับพี่ภูตามตรง พร้อมกับขยับหน้าซุกอกอุ่นๆ ของพี่ภูมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

“ทำไมล่ะ ถึงจะกลับไป เราก็ยังอยู่ด้วยกันนี่” พี่ภูจูบเบาๆ ลงบนหน้าผากผม พร้อมกับกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น

“ไนล์.. ไม่รู้สิครับ ไนล์แค่กลัว กลัวว่าวันนึงอาจจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้อีก.. ถ้าเป็นไปได้ไนล์อยากหยุดเวลาไว้แค่นี้นานๆ เลย”

ในใจผมวูบโหวง รู้ดีว่าความสุขแบบนี้จะอยู่กับผมไม่ยืนยาว ผมมีเวลาอยู่กับพี่ภูแค่สามเดือน และตอนนี้เวลาที่ว่านั้นก็เหลือไม่ถึงเดือนแล้วด้วยซ้ำ

“เด็กบ๊อง ถ้าไม่อยู่ด้วยกันแบบนี้แล้วนายจะไปไหนล่ะ ขืนฉันทิ้งนาย แม่ฉันได้ฉีกอกแล้วจับฉันโยนให้อีกากินแน่ๆ” พี่ภูพูดเสียงกลั้วหัวเราะ แต่พอเขาเห็นผมไม่หัวเราะด้วย พี่ภูก็เลยลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับช้อนตัวผมให้นั่งลงบนตักของตัวเองอีกที

“พี่ภู..” ผมเรียกคนที่ยังกอดผมเอาไว้ เขาก้มลงมาจูบแก้มผมเบาๆ ราวกับอยากปลอบประโลม เพราะคงเดาจากน้ำเสียงเศร้าๆ ของผมได้ว่ากำลังคิดมาก

“ฟังฉันนะไนล์ ฉันจะไม่ทิ้งนาย ตราบเท่าที่นายอยู่เคียงข้างฉัน” พี่ภูเชยคางผมขึ้นให้สบกับดวงตาที่แน่วแน่ของเขา “ฉันขอนายแค่อย่างเดียวให้นายซื่อสัตย์กับฉัน และรักฉันคนเดียว นายทำได้ไหม”

“พะ.. พี่ภู” ผมอึกอัก และตาโตด้วยความตกใจ ผมรู้ว่าพี่ภูรู้ว่าผมแอบรักเขาอยู่ แต่ผมไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมาตรงๆ แบบนี้

พี่ภูขยับใบหน้าเข้ามาใกล้เมื่อเห็นผมเอาแต่ตกใจและไม่ตอบอะไร เข้าจูบผมเบาๆ ที่ริมฝีปากก่อนจะผละออก แต่ก็ยังคลอเคลียริมฝีปากตัวเองกับริมฝีปากผมอยู่แบบนั้น พลางกระซิบถามผมแผ่วเบา

“ได้ไหมไนล์ นายรักฉันเดียวได้ไหม? สัญญาได้รึป่าวว่านายจะไม่หักหลังฉันเหมือนที่คนอื่นทำ”

ผมตอบกลับเบาๆ พร้อมๆ กับน้ำตาที่ไหลริน … ผมสัมผัสได้ถึงความคาดหวังในน้ำเสียงของพี่ภู ความคาดหวังที่เกิดขึ้นหลังจากที่เขาเคยแตกสลายมาแล้วเพราะเรื่องนี้

“ไนล์จะไม่หักหลังพี่ภู ไนล์จะไม่ทำให้พี่ภูเสียใจ”

พี่ภูยิ้ม แม้จะเป็นยิ้มที่ดูเจ็บปวดแต่เขาก็พยายามจะยิ้มให้ผม จนผมนึกสงสารเขาเหลือเกิน ผมไม่เคยรู้ ไม่เคยมีใครรู้ว่าพี่ภูเจ็บปวดแค่ไหนกับเรื่องคนรักเก่า เราเห็นแต่ด้านก้าวร้าวที่เขาพยายามแสดงออก เพื่ออุดรอยรั่วที่ฟกช้ำในใจที่ไม่อยากให้ใครได้เห็น .. และวันนี้เขากำลังเปิดเปลือยรอยแผลที่ว่านั่นให้ผมได้รับรู้

ใจผมเต้นแรง เมื่อรู้สึกได้ว่าพี่ภูกำลังวางความหวังไว้ในมือผม … ความหวังที่เขาจะได้เป็นคนเดิมกลับมา

“ขอบคุณนะ ขอบคุณไนล์มากๆ ครับ” เขาพูดพร้อมกับกอดผมไว้แน่น และเสียงหัวใจที่เต้นรัวของเขาก็ทำให้ผมตัดสินใจสารภาพ ในสิ่งที่เก็บงำไว้นานถึงสิบปี

แม้พี่ภูจะรู้อยู่แล้ว แต่ผมก็ยังอยากให้เขาได้ยินและมั่นใจจากปากของผมเอง


“ไนล์รักพี่ภูครับ รักพี่ภูคนเดียว” .. ใช่ รักมาตลอด รักไม่เคยเปลี่ยนแปลง


และถึงแม้วันนี้พี่ภูจะยังไม่บอกรัก หรือรักผมตอบผมก็เข้าใจ ผมรู้ว่าแผลของเขาทำให้เขายังกลัว ซึ่งผมจะรักษาแผลนั้นด้วยความรักของผม และพอจนถึงวันที่พี่ภูมั่นใจในความรักของผมมากพอ วันนั้นผมมั่นใจว่าพี่ภูจะบอกมันให้ผมรับรู้เอง

พี่ภูดันตัวผมออก เขาสบตาผมนิ่ง แววนัยน์ตาเต็มไปด้วยความสุข ในขณะที่ผมยังคงไม่หยุดร้องไห้ พี่ภูก็โน้มหน้าลงมาจูบซับน้ำตา ก่อนจะลากริมฝีปากมาประกบจูบผม อ่อนโยน อบอุ่น แต่ก็รุนแรงรุกเร้าอยู่ในที

มือใหญ่ลากเลื้อยไปทั่วร่างกายของผม จนความอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นแรงอารมณ์ พี่ภูแทบไม่ยอมละริมฝีปากออกจากปากผมเลยแม้แต่วินาทีเดียว เขาลุกขึ้นยืนทั้งที่จับผมอุ้มให้ขาของผมเกาะอยู่เอวสอบของเขา

พี่ภูเดินกระเตงพาผมเข้าห้องนอน เขาจับผมนอนลงบนเตียงก่อนจะกระชากเสื้อที่ตัวเองใส่อยู่ออก แล้วก็ขว้างทิ้งอย่างไม่ดี จากนั้นก็ตามมาคร่อมทับร่างของผมไว้ ในขณะที่ผมได้แต่นอนมองเขาตาปรือปรอย พี่ภูก็ก้มลงมาจูบและซุกไซ้ผมอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง

ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนเสียงร้องไห้และคราบน้ำตาของผมให้เป็นเสียงครางหวานที่เต็มไปด้วยความสุขแทน

.

.

.

เราสองคนออกจากหัวหินในตอนสายของวัน จากเหตุการณ์เมื่อคืนที่เราเปิดใจให้กัน ทำให้วันนี้เราสองคนเข้าใจกันมากขึ้น และมีความสุขมากขึ้น ความกลัวในใจมลายหายไปเป็นปลิดทิ้ง และเพราะการที่เราคุยกันเมื่อคืน ทำให้ผใตัดสินใจได้ว่าผมจะบอกทุกอย่างกับพี่ภู หลังงานเปิดตัวโปรเจคมิกซ์ยูสที่จะเกิดขึ้นในสองอาทิตย์ข้างหน้า ซึ่งถือว่าอยู่ในกำหนดสามเดือนของผมอยู่ ผมก็ได้แต่หวังว่าพี่ภูจะเข้าใจ และไม่โกรธผมมากจนเกินไปที่ผมปิดบังเรื่องสำคัญกับเขาขนาดนี้

“คิดอะไรอยู่” พี่ภูขับรถมาได้ระยะหนึ่งก็เอ่ยถาม คงเพราะเห็นผมเงียบไป ผมเลยยิ้ม และบอกปัดให้เจาสบายใจแทน

ผมไม่อยากให้เขามาเครียดกับเรื่องของผมตอนนี้ ให้ผ่านพ้นช่วงเปิดตัวโครงการฯ ไปก่อนนั่นแหละ ถึงจะเหมาะสม

“ไม่มีอะไรครับ ไนล์แค่กลัวพี่ภูจะหิว” พี่ภูยิ้มก่อนจะละมือออกจากพวงมาลัยแล้วยื่นมาลูบศีรษะผมเบาๆ

“ฉันยังไม่หิวเท่าไหร่ แต่ถ้านายหิวก็บอกจะได้แวะหาอะไรกิน”

ผมยิ้มนึกดีใจที่พี่ภูเอาใจใส่ผมมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน .. มากขึ้นจนผมรู้สึกได้ว่าพี่ภูคนเดิมของผมกำลังจะกลับมา

“ครับ ตอนนี้ไนล์ยังไม่หิว เดี๋ยวไนล์นั่งคุยเป็นเพื่อนพี่ภูนะครับ”

“อื้ม เอาสิ”

แล้วจากนั้นเราสองคนก็คุยกันเรื่อยเปื่อยไปตลอดทาง และเพราะว่าไม่มีใครหิว พี่ภูเลยขับรถยิงยาวเข้ากรุงเทพ และให้ผมโทรบอกป้ามลให้เข้ามาทำกับข้าวทิ้งไว้ให้ เพราะคิดกันว่ากลับไปทานข้าวที่คอนโดน่าจะสะดวกที่สุด

และพอไม่แวะที่ไหน ก็ใช้เวลาไม่ถึงสามชั่วโมงดี พี่ภูก็ขับรถเข้ามาจอดที่คอนโดตอนเวลาเกือบจะบ่าย

เราสองคนช่วยกันยกกระเป๋าและถือถุงของฝากทั้งขนม ทั้งของที่ระลึกออกจากที่จอดรถช่องประจำ แล้วพากันเดินเข้าล็อบบี้ โดยที่ผมให้พี่ภูเดินนำเพราะตัวเองก้าวได้ช้ากว่าพี่ภูเกือบก้าว

และในขณะพี่ภูกำลังเดินตัดผ่านล็อบบี้เพื่อตรงไปที่ลิฟต์นั้น จู่ๆ พี่ภูก็หยุดเดิน ให้ผมต้องชะงักเท้าตามไปด้วย ผมที่อยู่หลังพี่ภูเลยต้องชะโงกหน้าไปถามด้วยความสงสัย

“พี่ภู หยุดเดินทำไมครับ มีอะไรรึป่าว”

แล้วผมก็ต้องแปลกใจเมื่อพี่ภูไม่ยอมตอบคำถามผม แถมยังมองตรงไปยังโซฟารับแขกกลางล็อบบี้ด้สยสายตาตกใจปนตื่นตะลึง ให้ผมต้องมองตามไป

และผมก็ได้เห็น ผู้หญิงหน้าคม ตาโต ผมยาวตรงสีดำสนิท ผิวขาว รูปร่างบอบบาง แถมยังมีรอยยิ้มที่น่ามองที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา

ผมมองพี่ภูสลับกับมองผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่เข้าใจอยู่ช่วงหนึ่ง และในขณะกำลังจะเอ่ยปากถามว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เป็นคนรู้จักของพี่ภูรึป่าว เพราะเธอยังคงมองตรงมาที่พี่ภูและส่งยิ้มมาให้ แม้พี่ภูจะไม่ได้เอ่ยทักอะไรก็ตาม

และยังไม่ทันที่ผมจะได้ถาม จู่ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็เอ่ยเรียกพี่ภูขึ้นมาก่อน และประโยคถัดมาของเธอก็ทำให้ผมชาวาบไปทั้งร่าง ความสุขที่เพิ่งจะได้รับมาสี่วันเหมือนปลิดปลิวรอยหายไปกับสายลม


“ภูคะ.. จีนเองค่ะ จีนกลับมาหาภูแล้วนะ”


ดูเหมือนความรักของผมจะไม่ได้เฉียดใกล้กับคำว่าสมหวังเลยสักนิด

.

.

.

To Be Continue

----------------------------------------------

กราบขออภัยที่มาช้าา มาพร้อมกับรักครั้งเก่าของพี่ภู ที่ไม่รู้เหมือนกันว่านางจะกลับมาทำไม เอ้ววว ได้เวลาลับมีดแร้วนะคะทุกคนน แฮร่!

ฝากติดแท็ก #พี่ภูของผม ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ คือแบบถ้ามันไม่สนุก หรือมันดูน่าติดตามน้อยลงบอกเราได้นะคะ เรายินดีเอาไปปรับปรุง แอบรู้สึกว่านักอ่านหายไปเยอะเลย ใจมันก็จึงหวิวๆ นิดหน่อย แหะๆ

แต่สำหรับทุกคนที่ยังอยู่ก็ขอบคุณมากๆ นะคะ ขอบคุณที่คอมเม้นท์ให้ ขอบคุณที่ติดตามให้กำลังใจ รวมถึงขอบคุณที่โดเนทให้ด้วย เราขอบคุณมากๆ เลยยย

แล้วยังไงจะรีบพยายามมาลงตอนหน้าให้ คุณจีนจะมาไม้ไหน ต้องติดตามมม .. รักทุกคนนะคะ <3

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
มาแล้ววววววววว
อดีตของอิตาพี่ภูมันมาแล้ววววว

โอ้ยยยพี่ภูจะเอายังไงเนี่ย
สงสารไนล์จับใจเลย
ติดตามต่อน้าาายังไงก็รีบมากต่อตอนต่อไปนะค้าาา

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อ้าวว อีจีน มาอีกละครั้งที่แล้วก็ทำให้พี่ภูลืมน้อง มาครั้งนี้ก็คงเข้าอีรอบเดิมอีก เฮ้ออออ น้องไนล์กลับบ้านเถอะลูก

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
กลับมาเพื่อ? ไปตุยบ่

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด