[END] [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-28 : Universe - Special Ch)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END] [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-28 : Universe - Special Ch)  (อ่าน 51690 ครั้ง)

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เกลียดความเอาแต่ใจของคุณภูจริง ๆ ถามจริงเถอะเคยคิดถึงจิตใจน้องบ้างไหม ทำอะไรเอาแต่ใจไปซะหมด ทั้งตอดเล็กตอดน้อยน้อง อ่านแล้วรำคาญอิภูจริง คนสำนึกผิดมันต้องเจียมตัวบ้างไม่ใช่เห็นตัวเองเป็นใหญ่อยากทำอะไรก็ทำ สงสารก็แต่ลมเพราะยังไงอิภูมันก็มีภาษีดีกว่าเพราะน้องมันรัก และอีกเดี๋ยวลมก็คงเป็นแค่หมาหัวเน่าที่ถ้าเขารักกันเราก็ได้แต่มองให้พวกเขามีความสุขแล้วกลับมาเลียแผลให้ตัวเองหายไว ๆ ฮือออออออออ :sad4: :sad4: :sad4: เศร้าแทนลมเลยเราถึงจะรู้ว่าความรักมันบังคับกันไม่ได้ก็เถอะ

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
เอาแล้ววววววววววว
เรื่องใหญ่กว่าเดิมอีก

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
หึ! บรู๊วววววว หอนต่อ ชอบเป็นหมาจ้า 55555 อะไรก็ไม่รู้ของไนล์ ร้องไห้ทำไมอ่ะ ร้องไห้ทำไม ได้กลิ่งหึ่งๆจากลม หมาหัวเน่าที่แท้ทรู 55555 พอมาทีนี้ละอยากรับผิดชอบเร็วนะ เมีย ลูก  โถ่เอ๊ย! กระจอกจริงอีผีภู พ่อแม่ไนล์คงบอกให้อีพี่ภูรีบมาแต่งอะนะ เห๊อะๆ กร๊าก เออๆกลับมาอยู่ด้วยกันรักกันให้มันจบเร็วๆเถอะ 55 แต่งเก่งอ่ะ แต่งยังไงให้เรารู้สึกหมั่นไส้และรำคาญตัวละครได้ทุกคนแบบนี้ อินอ่ะ 555 ขอบคุณค่าที่มาต่อ  :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Gade_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-4
Universe 34th : ครอบครัว


Kirin’s Part


ผมนั่งอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขกด้วยท่าทางที่ไม่เป็นสุขเท่าไหร่นัก เพราะตอนนี้คุณพ่อของน้องดูโกรธมากๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า ในขณะที่คุณแม่เอาแต่นั่งร้องไห้เงียบๆ โดยที่มีน้องนั่งบีบมือตัวเองแน่นอยู่ที่โซฟาตัวถัดไป โชคยังดีที่เทมส์ไม่ปล่อยให้ไนล์อยู่คนเดียว มันคอยอยู่ข้างๆ น้องตลอดเลยให้ผมได้เบาใจได้บ้าง

และถึงแม้เราจะยังไม่ได้เริ่มคุยเรื่องนี้กันอย่างเป็นทางการ แต่ผมคิดว่าคุณพ่อกับคุณแม่ของน้องน่าจะเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายคนเล็กของตัวเอง

“ตกลงใครจะบอกพ่อได้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้น?”

คุณพ่อของไนล์มองผมกับไอ้เด็กที่ชื่อลมตาเขม็ง บ่งบอกถึงความไม่พอใจและคาดคั้นเอาคำตอบในแบบที่ผมรู้เลยว่าไม่ใช่มีแค่เทมส์หรอกที่หวงน้อง ท่าทางทุกคนในบ้านน่าจะหวงไนล์กันทั้งหมด ซึ่งผมก็ไม่แปลกใจเลยสักนิด

“ผมผิดเองครับ” ผมตัดสินใจออกรับ เพราะจะว่าไปผมเองก็ผิดจริงๆ ผมผิดมาตั้งแต่เริ่ม และถึงเวลาแก้ไขให้มันถูกต้องสักที

“ไม่ครับคุณพ่อ ลมผิดเองครับ” แต่ไอ้เด็กลมกลับไม่ยอมให้ผมได้ทำแบบนั้นง่ายๆ

และพอผมกับลมตั้งท่าจะเถียงและทะเลาะกันอีกรอบ คุณพ่อก็เลยห้ามไว้ด้วยเสียงที่ค่อนข้างจะ.. น่าเกรงขาม

“พอๆ ไม่ต้องเถียงกัน!” คุณพ่อของไนล์หันมาทางผม ก่อนจะถามดุๆ “เจ้าภู พูดมา บอกพ่อซิว่าเกิดอะไรขึ้น?”

ผมหันไปมองแม่ของตัวเองนิดหน่อย พอเห็นสายตาของท่านผมก็นึกเข้าใจ ท่านพยายามจะส่งสัญญาณบอกกับผมว่าท่านจะจัดการเรื่องนี้เอง แต่ผมส่ายหน้าเบาๆ ไม่ให้แม่ทำแบบนั้น ในเมื่อปัญหานี้ผมเป็นคนก่อ ผมก็ต้องแก้เอง และผมก็คิดว่าแม่น่าจะกำลังตกใจกับหลายๆ เรื่องที่ได้รับรู้ อาจจะตกใจมากกว่าผม ถึงแม้มันจะปนมากับความดีใจในตอนที่รู้เรื่องทั้งหมดก็เถอะ


‘แม่ครับ แม่อยู่ไหนภูจะไปรับ ภูมีเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตจะขอให้แม่ช่วยครับ'

‘มีอะไรหรือป่าวพี่ภู ทำไมทำเสียงเหมือนเกิดเรื่องคอขาดบาดตายอะไรเลย’


‘แม่ตั้งใจฟังภูดีๆ นะครับ ภูจะบอกแม่คร่าวๆ ก่อน รายละเอียดต่างๆ เอาไว้แม่ค่อยซักตอนที่ภูกับแม่เจอกัน ตอนนี้ที่ภูบอกแม่ได้คือ แม่ต้องไปหาคุณพ่อคุณแม่ของไนล์กับภู ไปขอน้องให้ภูที น้องกำลังตั้งท้องลูกของภู... หลานของแม่ครับ’

เดี๋ยว! พี่ภูว่ายังไงนะลูก น้องท้อง?’

‘ครับ แม่ฟังไม่ผิดหรอก เดี๋ยวรายละเอียด...’


‘มารับแม่ไปบ้านน้องเดี๋ยวนี้เลยพี่ภู!’


แล้วหลังจากที่ผมไปรับแม่เพื่อพามาคุยกับครอบครัวน้อง เราสองคนแม่ลูกเลยได้คุยกันคร่าวๆ พอแม่ผมรู้เรื่องทั้งหมดก็ตกใจยกใหญ่ แต่หลังจากหายช็อคแล้ว ท่านก็ใช้มือฟาดผมไม่ยั้ง ฟาดไปต่อว่าไปโทษฐานที่ผมรังแกน้องจนเกิดเรื่อง ท่านไม่ได้รังเกียจหรือคิดมากเลยในเรื่องที่ว่าทำไมไนล์ถึงตั้งท้องได้ สิ่งที่แม่ผมคิดและย้ำตลอดทางที่มาบ้านน้องมีเพียง


‘แม่จะไม่ยอมเสียลูกสะใภ้กับหลานไปเด็ดขาด ถ้าพี่ภูพาน้องกับหลานมาอยู่กับแม่ไม่ได้ แม่จะไม่ยกอะไรให้พี่ภูสักอย่าง แม่จะยกมรดก บ้าน บริษัท ให้น้องไนล์กับหลานทั้งหมด และแม่ก็จะไล่พี่ภูให้ไปอยู่คอนโดด้วย’


แม่ผมยื่นคำขาดแบบนั้นและมันก็เป็นสิ่งที่ผมจะโคตรเห็นด้วย .. ถ้าไม่มีไนล์กับลูก ชีวิตผมก็เหมือนไม่เหลืออะไรเลยเหมือนกัน

เพราะฉะนั้น ตอนนี้ผมต้องสู้เพื่อคนที่ผมรัก สู้.. เพื่อให้น้องและลูกกลับมาอยู่กับผมอีกครั้ง


“ไนล์ท้องครับ และเด็กในท้องเป็นลูกของผมครับคุณพ่อ”


ผมพูดชัดถ้อยชัดคำ สบตากับผู้เป็นพ่อของน้องโดยไม่มีแววหวาดหวั่นใดๆ ทั้งนั้น ถึงตอนนี้ผมจะโดนพ่อน้องต่อยสักที หรือตีสักครั้งผมก็จะไม่สู้ ผมรู้ว่าผมผิดและคนทำผิดก็ควรจะต้องน้อมรับทุกการลงโทษโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ

“มะ .. มันเกิดขึ้นได้ยังไง?”

คุณพ่อของน้องถามเสียงเบา ท่านดูตกใจแม้จะพอเดาได้หรือรู้เลาๆ จากการทุ่มเถียงของผมกับลมเมื่อสักครู่ แต่เมื่อท่านได้ยินเต็มๆ ชัดๆ ก็ดูจะไปไม่เป็นอยู่เหมือนกัน ในขณะที่คุณแม่น้องเอาแต่บ่นพึมพำว่า ‘ฉันจะเป็นลมๆ’ ไม่หยุด ทำเอาผมรู้สึกผิดเต็มหัวใจ และไนล์เองก็คงจะรู้สึกแย่เหมือนกัน เพราะผมเห็นน้องมองพ่อกับแม่ตาละห้อย น้ำใสไหลออกจากตากลมไม่หยุด น้องทำท่าจะโผเข้าไปหาบุพการีทั้งคู่ แต่เทมส์ก็รั้งไนล์ไว้เพราะรู้ว่ายังไม่ใช่เวลา

ผมรู้ว่าไนล์อยากอธิบาย ผมรู้ว่าไนล์กลัวพ่อกับแม่จะโกรธและเสียใจ แต่ผมไม่อยากให้น้องต้องมาแบกรับอะไรคนเดียวอีกแล้ว ที่เหลือมันควรเป็นหน้าที่ของผม ในเมื่อผมเป็นสาเหตุของเรื่องทั้งหมด ผมก็ควรรับผิดชอบการกระทำของตัวเอง

“ก่อนหน้านี้ที่ไนล์บอกว่าไปทำงานที่ต่างประเทศ คือช่วงเวลาที่ไนล์ย้ายไปอยู่กับผมครับ” ผมเริ่มเล่าตามความเป็นจริงแต่เลือกคำที่จะใช้ให้ซอฟต์ที่สุด

“ว่าไงนะ? นี่ไนล์โกหกพ่อกับแม่งั้นหรอ?” คุณพ่อถามเสียงเบามองไปที่ไนล์ด้วยความผิดหวัง นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่

“ฮึก.. พ่อครับ พ่อฟังไนล์ก่อนนะ คือไนล์..” แต่น้องยังไม่ทันจะได้พูดจบประโยค เทมส์ที่นั่งอยู่ด้านข้างก็เอื้อมมือมากุมมือน้องไว้ พร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะออกโรงปกป้องน้องชายของตัวเอง

“เทมส์อธิบายแทนน้องเองครับพ่อ เพราะเทมส์เป็นต้นคิด เทมส์รู้เห็นเป็นใจให้น้องไปอยู่กับไอ้ภูเอง”

ไนล์เบิกตาโตเพราะตกใจ จะร้องแย้งแต่เทมส์ไม่ยอม ในขณะที่คุณแม่เองก็ทำท่าเหมือนจะเป็นลมล้มพับไปอีกรอบ

“นี่พี่เทมส์ก็รู้เรื่องนี้ด้วยหรอเนี่ย โอย ตายๆๆ แม่จะเป็นลม”

“ครับ เทมส์รู้ เทมส์ทราบ เทมส์เป็นคนคิดแผนทั้งหมดในการส่งน้องไปอยู่กับไอ้ภู นั่นเป็นเพราะส่วนหนึ่งเทมส์สงสารน้อง ถ้าจะมีใครผิด หรือถ้าจะมีใครที่เป็นคนทำให้พ่อกับแม่ผิดหวัง ขอให้คนนั้นเป็นเทมส์เถอะนะครับ ไม่ใช่ไนล์”

เทมส์พูดฉะฉาน ไม่มีความกังวลในแววตาเพื่อนสนิทผมสักนิด และนั่นทำให้ผมเบาใจและรู้ดีว่ามันคงเตรียมตัวมาพอสมควรแล้วที่จะเผชิญหน้ากับเหตุการณ์นี้ ดังนั้น ผมจึงต้องถอยออกมาก่อน ปล่อยให้ในส่วนครอบครัวน้องเคลียร์กันให้เรียบร้อย แล้วถึงจะเป็นคราวของผมที่ต้องเคลียร์ตัวเองบ้าง

“พี่เทมส์...”

ไนล์ร้องเรียกพี่ชายตัวเองเสียงเบา ซึ่งเทมส์ก็ทำเพียงหันมาส่งยิ้มให้น้อง ราวกับจะปลอบประโลมว่าปัญหานี้จะผ่านไปได้ด้วยดี

“อย่างที่พ่อกับแม่ทราบ พวกเรากังวลเกี่ยวกับเรื่องไนล์กันมาหลายปี และพ่อกับแม่เองก็พยายามจะแก้ปัญหาด้วยการเร่งรัดให้น้องแต่งงานกับลมตลอดมา โดยที่ทั้งพ่อแม่และแม่ไม่รู้เลยว่าน้องมีคนที่น้องรักอยู่แล้ว... รักมานานถึงสิบปี รักมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้น รักและก็ตัดใจไม่ได้มาโดยตลอด ทั้งรักทั้งรอคอย แม้ว่าคนๆ นั้นของไนล์จะอยู่ไกลถึงคนละฟากทวีป แต่ไนล์ก็ไม่หยุดหวังว่าสักวันทั้งเขาและไนล์จะได้กลับมาพบกันอีกครั้ง และนั่นก็คือสาเหตุที่ว่าทำไมน้องถึงบ่ายเบี่ยงไม่ยอมแต่งงานกับลมอย่างที่พ่อกับแม่อยากให้เป็นมาโดยตลอด”

“...” ผมตั้งใจฟัง เพราะมันเป็นอีกแง่มุมที่ผมไม่เคยรู้เกี่ยวกับน้อง

“จนกระทั่งคนที่น้องแอบรักกลับมาจากอเมริกา กลับมาอย่างบอบช้ำเพราะโดนคนรักเก่าทิ้ง ไนล์.. ที่แอบชอบเขาคนนั้นมานานถึงสิบปี คาดหวังว่าจะได้มีโอกาสดูแลหัวใจและตอบแทนที่คนๆ นั้นเคยช่วยชีวิตไว้ เลยพยายามจะขอเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตอีกฝ่าย ประกอบกับการที่ถูกพ่อแม่เร่งรัดให้แต่งงาน ไนล์เลยเลยเหลือทางออกน้อยลงไปทุกที สุดท้ายไนล์ก็เข้ามาหาผม ขอร้องปนอ้อนวอนให้ผมเห็นแก่ความรักของตัวเอง โดยยอมแลกกับเงื่อนไขบางอย่าง”

“....”

“เงื่อนไขที่ว่าก็คือถ้าเทมส์ช่วยให้น้องได้ไปอยู่ ได้ไปใกล้ชิด ได้ไปดูแลและอยู่ใกล้ๆ ทำให้คนๆ นั้นของไนล์ดีขึ้นภายในเวลาสามเดือน ถ้าเขาคนนั้นรักไนล์ตอบ ไนล์ก็จะได้สมหวังในความรักที่ยาวนานของตัวเอง และน้องก็มั่นใจด้วยว่าพ่อกับแม่จะเห็นด้วยถ้าได้รู้จักคนที่ไนล์รัก แต่ถ้าเขาไม่รักหรือไม่ได้ดีขึ้นจากที่เป็น ไนล์จะยอมถอยออกมา และเปิดใจให้ลม โดยไม่เกี่ยงงอนอะไรอีก”

“....”

“ซึ่งพอเทมส์ได้ยินว่าไนล์ยอมรับเงื่อนไขนี้ได้ เทมส์ก็เลยตกลงที่จะช่วยเหลือน้อง ให้น้องได้เข้าไปอยู่ในชีวิตของคนที่น้องรักภายใต้สายตาและการดูแลของเทมส์ และคนๆ นั้นของไนล์ก็คือไอ้ภู เพื่อนสนิทของเทมส์เอง เพื่อนสนิทของเทมส์ที่ไนล์แอบรักมาเป็นสิบปี”

คุณพ่อกับคุณแม่ของน้องหันมามองผมสลับกับมองไนล์อย่างไม่เชื่อสายตา เหมือนท่านไม่เคยระแคะระคายมาก่อนว่าคนที่ไนล์แอบรักมาตลอดคือผม ไนล์ที่ไม่ได้แสดงออกอะไรเลย แต่รอผมอยู่ถึงสิบปีเต็มๆ

“เป็นไปได้ยังไง น้องไนล์จะไปแอบรักเจ้าภูได้ยังไง สองคนไม่เคยได้เจอกันสักหน่อย เทมส์ไม่เคยชวนเพื่อนมาบ้านนะพ่อจำได้”

เทมส์ทำท่าจะพูด แต่ไนล์รั้งข้อมือพี่ชายของตัวเองไว้ พร้อมกับส่งสัญญาณให้เทมส์รู้ว่าเรื่องนี้น้องอยากเป็นคนพูดด้วยตัวเอง

“ฮึก.. นะ ไนล์เคยเจอกับคุณภูครับ เคยเจอตอนอยู่ม.สาม วันนั้นที่แม่ให้ไนล์เอาหนังสือไปให้พี่เทมส์ที่โรงเรียน ไนล์โดนรุ่นพี่ที่เกเรรังแก พวกนั้นพยายามจะลวนลามไนล์ แต่คุณภูมาช่วยไว้ ไนล์ก็เลย ฮึก.. ตกหลุมรัก”

“ไนล์..” ผมพึมพำพร้อมกับมองหน้าน้องนิ่ง นึกเสียใจทุกครั้งที่ตัวเองโง่งมและจำน้องไม่ได้ ผมเสียเวลาที่มีค่าไปตั้งเท่าไหร่ แทนที่จะได้มีความสุขกับไนล์มากกว่านี้ตั้งนานแล้ว

“ไนล์ไม่รู้ว่คุณภูเป็นใคร และหลังจากนั้นไนล์ก็ได้เจอคุณภูอีกสามสี่ครั้งก่อนที่คุณภูจะไปอเมริกา และก่อนที่ไนล์จะรู้ว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทพี่เทมส์”

“....”

“จนวันที่คุณภูมาลาพี่เทมส์ที่บ้าน วันนั้นไนล์ถึงได้รู้ว่าทั้งสองคนเป็นเพื่อนกัน ซึ่งมันเป็นวินาทีเดียวกับที่ไนล์รู้ว่าไนล์ตกหลุมรักคุณภูเต็มเปา แต่ตอนนั้นไนล์ยังเด็ก ไนล์ไม่รู้ว่าจะทำยังไงเลยได้แต่แอบรักเขาอยู่แบบนั้น จนสิบปีผ่านไปไนล์ก็ยังตัดใจไม่ได้ และพอไนล์รู้ว่าเขาจะกลับมา ประกอบกับไนล์ไม่อยากแต่งงานกับลมแบบที่พ่อกับแม่อยากให้เป็น ไนล์เลยไปขอให้พี่เทมส์ช่วย”

“....”

“ไนล์เลยได้ไปอยู่กับเขาอย่างที่ใจอยาก แต่เขาไม่รักก็คือเขาไม่รัก... สุดท้ายไนล์ก็เลยต้องซมซานกลับมาบ้าน กลับมาหาพ่อ หาแม่ หาพี่เทมส์ กลับมาไม่พอ ไนล์ยังทำให้ทุกคนผิดหวังด้วยการอุ้มท้องกลับมาอีก... ฮึก นะ ไนล์ ไนล์...ขอโทษครับ”

น้องร้องไห้โฮหลังจากพูดจบ และผมก็รู้ว่าน้องเจ็บปวดมากขนาดไหน เพราะตอนนี้ผมเองก็เจ็บมากไม่แพ้น้องเลย ทั้งๆ ที่ผมเป็นคงพลั้งมือทำร้ายน้องแท้ๆ ผมเองที่เป็นสาเหตุที่ทำให้น้องต้องตกอยู่สภาพแบบนี้

และพอรู้ตัวอีกทีผมก็ไปคุกเข่าอยู่ตรงหน้าน้องที่นั่งอยู่ที่โซฟาตัวถัดไป ผมโอบแขนทั้งสองข้างกอดเอวน้องไว้แน่น ซบหน้าลงที่หน้าขาของน้องปล่อยให้น้ำตาแห่งความรู้สึกผิดไหลออกมาอย่างไม่คิดจะห้าม พร้อมกับพึมพำขอโทษไนล์ไม่หยุด

“ไนล์.. พี่ขอโทษ พี่ผิดเอง พี่ขอโทษ..”

ทั้งห้องรับแขกตกอยู่ในความเงียบสงัด ผมกอดน้องอยู่แบบนั้น น้องเองก็นั่งนิ่งปล่อยให้ผมกอด ไม่ใช่เพราะไนล์ใจอ่อนหรือยอมยกโทษให้ผม แต่ไนล์นิ่งเฉยเพราะไม่หือไม่อือ เหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรมากกว่า น้องนั่งร้องไห้เงียบๆ จนผมปวดหัวใจไปหมด

“คุณพ่อครับ คุณแม่ครับ” ผมหันไปหาพ่อกับแม่ขอน้องทั้งที่ยังคุกเข่าอยู่ ก่อนจะยกมือขึ้นพนมแนบอก แล้วก้มลงไปกราบที่พื้นอย่างสำนึกผิด “อย่าโกรธไนล์เลยนะครับ ทั้งหมดคือความผิดของผมเอง ทั้งที่รู้ว่าน้องรักผม ทั้งที่รู้ว่าน้องยอมผมทุกอย่าง ผมก็ยังเอาเปรียบ ผมขอร้องนะครับคุณพ่อ คุณแม่...”

“...” ผมหันไปมองไนล์เล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาที่บุพการีทั้งสองของน้องอีกครั้ง


“ผมขอร้อง ขอโอกาสให้ผมได้ดูแลไนล์ ได้รับผิดชอบ ได้ทำหน้าที่สามีของน้องและพ่อของลูก ให้ผมแต่งงานกับไนล์นะครับ ผมสัญญาผมจะไม่ทำให้ไนล์เสียใจอีก”


ไนล์หันขวับมามองผมทันทีที่ผมพูดจบ น้องพึมพำแต่คำว่า ‘ไม่’ จนหัวใจผมเจ็บไปหมด

ความรู้สึกมันเป็นแบบนี้สินะ ตอนที่ผมปฏิเสธน้องหรือพูดจาร้ายๆ ใส่น้อง .. มันก็สมควรแล้วที่ผมจะโดนแบบนี้บ้าง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ยอมแพ้

“นะครับคุณพ่อ คุณแม่ ผมพาแม่ผมมาด้วย ผมจะให้แม่มาสู่ขอน้องให้ถูกต้องตามประเพณี ผมยอมทำทุกอย่างที่คุณพ่อคุณแม่ เทมส์และน้องต้องการ ขอเพียงโอกาสให้ผมได้ดูแลน้อง ได้ดูแลลูก ได้ทำหน้าที่อย่างที่ผมควรจะทำ และรับผิดชอบการกระทำของตัวเอง ทุกคนจะ...”

“ไม่จำเป็น!!” ทั้งๆ ที่ครอบครัวไนล์ไม่มีใครพูดอะไรสักคน แต่ไอ้เด็กลมกลับทะลุขึ้นมากลางปล้อง คนที่ได้ชื่อว่าเป็นศัตรูหัวใจของผมยืนจังก้า และเดินเร็วๆ เข้าไปหาไนล์พร้อมกับประกาศอย่างไม่เกรงใจ “คุณไม่จำเป็นต้องมารับผิดชอบ ไนล์ไม่ได้ต้องการคุณ ต่อให้ไม่มีคุณ ผมก็ดูแลไนล์กับลูกได้ ผมยินดีแต่งงานกับไนล์ ไม่ว่าไนล์จะเป็นอะไรหรือท้องกับใคร ผมรักไนล์มาตั้งแต่สิบปีที่แล้ว ผมมั่นใจว่าผมจะดูแลไนล์ได้ดีกว่าไอ้คนที่จ้องจะทำให้ไนล์เสียใจแน่”

“...” ผมนิ่งอึ้ง ไม่คิดว่าไอ้เด็กลมจะกล้าโพล่งออกมาแบบนี้ และก่อนที่มันจะพูดออกมาอีกประโยคให้ผมฟิวส์ขาด

“หึ! ผมอยากจะรู้จริงๆ ว่าที่คุณมาลงทุนอ้อนวอนง้องอนไนล์เนี่ย เป็นเพราะอยากได้เด็กในท้องของไนล์รึป่าว ก่อนหน้านี้ผมไม่เห็นคุณจะสนใจเลยว่าทำไนล์เสียใจยังไงบ้าง”

“นาย!!” ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะตวาดและชี้หน้าไอ้เด็กนั่นอย่างไม่พอใจ มันมีสิทธิ์อะไรมากล่าวหาผมแบบนี้ ไม่ใช่ผมเพิ่งมาสนใจไนล์ตอนไนล์ท้องเมื่อไหร่ ผมตามง้อน้องมาเป็นเดือนแล้ว ตั้งแต่น้องหนีมาและทิ้งผมให้อยู่คนเดียว “นายมีสิทธิ์อะไรมาใส่ร้ายฉัน!! หยุดพูดจาแบบนั้นเดี๋ยวนี้”


(อ่านต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ Gade_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-4
(อ่านต่อจากด้านบน)


ผมร้อนรนไปหมด เพราะหันไปเห็นสายตาไนล์ยามที่มองมาหลังลมพูดจบ มันดูไม่ไว้ใจและหวาดกลัวว่าผมจะทำแบบที่ลมพูดจริงๆ

“ไม่ใช่นะไนล์ ไม่ใช่แบบนั้น พี่ไม่ได้จะมาแย่งลูกหรือไม่ได้จะมาพรากเขาไปจากไนล์ พี่อยากดูแลทั้งไนล์ทั้งลูกของเรา ไนล์อย่าไปฟังคนอื่นนะครับ พี่ขอร้อง”

ไนล์กอดท้องตัวเองแน่น พร้อมกับขยับตัวเข้าหาไอ้เทมส์และไม่ยอมมองหน้าผมอีก และพอผมจะเข้าไปหาไปพูดกับน้องใกล้ๆ ลมก็พาตัวเองมาขวางไว้ จนผมกับเด็กนั่นตั้งท่าจะพุ่งเข้าใส่กันอีกรอบ แต่น้ำเสียงทุ้มน่าเกรงขามก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!! อย่ามาทะเลาะกันที่นี่ ถ้าจะทะเลาะกันให้ออกไปทะเลาะข้างนอก อย่ามาทำตัวเป็นอันธพาลกันแถวนี้!!”

ผมกับไอ้เด็กลมเลยต้องถอยออกจากกัน ทั้งที่จ้องหน้ากันแทบจะกินเลือดกินเนื้อ และทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง มีเพียงแต่เสียงไนล์นั่งสะอื้นเบาๆ ก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงคุณแม่ของน้องร้องเรียกน้องอย่างอ่อนโยน หลังจากที่ท่านปรึกษากับคุณพ่อด้วยสายตาแล้ว

“น้องไนล์ มาหาแม่มาลูกมา” คุณแม่ของน้องอ้าแขนกว้าง รอรับให้น้องเข้าไปหา และไนล์ก็ไม่ใช้เวลาในการคิดนานเลย น้องถลาเข้าไปในอ้อมกอดของแม่ทั้งที่ยังสะอึกสะอื้นไม่หยุด โดยมีคุณแม่น้องกอดปลอบแน่นทั้งที่ท่านเองก็น้ำตาไหลไม่ต่าง

“ฮึก.. แม่ครับ ไนล์ขอโทษ ไนล์ขอโทษครับ” น้องพึมพำคำว่าขอโทษไม่หยุด จนผมสงสารจับใจ

“ไม่เป็นไรนะลูก .. ไม่เป็นไร ฮึก ไนล์ทุกข์ใจมากเลยใช่ไหม แม่เองก็ขอโทษเหมือนกันนะลูกนะ” คุณแม่น้องกอดปลอบน้อง ทั้งที่ท่านเองก็ร้องไห้ โดยมีคุณพ่อนั่งลูบหัวทุยๆ ของน้องไม่ห่าง

“เรื่องมันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปนะลูกนะ ตอนนี้ที่ไนล์ต้องคิดและต้องทำก็คือรับมือในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น” พ่อของน้องพูดกับน้องด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “การที่ไนล์กำลังจะมีหลานให้พ่อไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไรเลย มันเป็นเรื่องที่เราควรจะยินดีด้วยซ้ำ อาจจะต้องจัดการอะไรมากหน่อย แต่มันก็จะทำให้ไนล์โตขึ้นนะลูกนะ”

ไนล์ผละออกมาจากคุณแม่ และมองคุณพ่อทั้งที่น้ำตากลบนัยน์ตา ก่อนที่จะถูกคุณพ่อดึงไปกอดบ้าง และในตอนนั้นไอ้เทมส์ก็ยิ้มบางๆ ก่อนที่จะเดินเข้าไปหาพ่อแม่และน้องชายของตัวเอง

“แต่ไนล์.. ไนล์ทำให้ พ่อกับ ฮึก กับแม่แล้วก็พี่เทมส์ผิดหวัง” ไนล์ยังคงร้องไห้กับอกคุณพ่อ “ทุกคนเลี้ยงดูไนล์มาอย่างดี แต่ไนล์กลับ ฮืออ กลับไม่ดูแลตัวเอง จนสุดท้ายก็พลาดแล้วกลับมาให้คนในครอบครัวดูแล”

ผมเตรียมจะแย้งเมื่อได้ยินแบบนั้น แต่คุณแม่ของผมรั้งมือไว้ก่อน ท่านส่งสัญญาณเป็นเชิงว่าให้คนในครอบครัวน้องได้คุยกันเองก่อน ที่ผมต้องทำคือรอจังหวะและเวลา

“พ่อกับแม่บอกน้องไนล์ตอนไหนว่าผิดหวัง หื้ม?” ไนล์เงยหน้ามองคุณพ่อทั้งที่น้ำตากลบ “น้องไนล์เป็นลูกที่ดีของพ่อกับแม่ เป็นน้องที่ดีของพี่เทมส์ ไนล์ตั้งใจเรียนจนจบแล้วกลับมาช่วยงานครอบครัว”

“พ่อครับ..” คุณพ่อน้องยังคงยิ้มบาง พร้อมกับพูดต่อ

“แถมตอนนี้น้องไนล์ยังกำลังจะเป็นแม่ที่ดีของเจ้าตัวน้อยที่กำลังจะเกิดมาอีก แล้วจะให้พ่อกับแม่ผิดหวังในตัวไนล์เรื่องอะไรลูก .. ไนล์มีสิทธิ์ที่จะเลือกทางเดินชีวิตของตัวเองนะ”

“ฮึก...ไนล์ ..ไนล์” น้องพูดไม่ออก ได้แต่สะอึกสะอื้นอยู่อย่างนั้น

“ความจริงเป็นพ่อกับแม่ต่างหากที่ผิดเอง พ่อกับแม่มองแต่ในมุมของตัวเอง เป็นห่วงไนล์จนลืมคิดไปว่าเรื่องของความรักและเรื่องของหัวใจไม่ใช่เรื่องที่จะบังคับกันได้ และถ้าพ่อกับแม่ไม่เร่งรัดจะให้ไนล์เอาแต่แต่งงาน บางทีไนล์อาจจะไม่ตัดสินใจแบบนี้ก็ได้” คุณพ่อของน้องพูดอย่างอ่อนโยน ท่านไม่กล่าวโทษน้องสักนิด

“ไม่จริงเลยครับ พ่อกับแม่ไม่ผิดเลย .. ฮึก ไนล์ ไนล์ดื้อเอง”

คุณพ่อหัวเราะเสียงเบา ก่อนจะกระชับอ้อมกอดให้กอดไนล์แน่นขึ้น

“เอ้า งั้นเราผิดกันคนละครึ่งดีไหม ครอบครัวเราผิดหมดเลยนี่แหละ ดีไหมลูก”

... แล้วผมก็ได้เห็นรอยยิ้มของน้องเป็นครั้งแรกตั้งแต่เราเริ่มคุยกันมา ซึ่งนั่นทำให้ใจผมชื้นขึ้นเป็นกอง และหวังว่าการพูดคุยในครั้งนี้จะง่ายขึ้น เพราะผมไม่ได้เตรียมใจมาผิดหวังเลยสักนิด ถ้าจะให้พูดกันตามตรง

“ฮึก.. พ่อครับ แม่ครับ” น้องโผเข้ากอดบุพการีทั้งสองของตัวเองอีกครั้ง โดยมีเทมส์คอยลูบหัวปลอบใจเบาๆ

“ในเมื่อตอนนี้ทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้ว น้องไนล์ก็ต้องเผชิญหน้ากับมันนะลูก...” คุณพ่อเริ่มพูดขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นไนล์สงบลง “ถ้าถามความเห็นพ่อ พ่อคิดว่าควรให้พี่ภูเขารับผิดชอบ ยังไงเสียลูกของไนล์ก็เป็นลูกของเขาครึ่งนึง พ่อคิดว่า...”

“ฮึก.. ไม่ต้องครับ ไม่ต้องให้เขามารับผิดชอบก็ได้ ลูกไนล์ ไนล์เลี้ยงเอง... เขาไม่ได้ตั้งใจด้วยซ้ำ เขาไม่เคยจะตั้งใจ ไม่ต้องให้เขามาดูแลอะไรไนล์หรอก”

ผมทำท่าจะตรงเข้าไปหาไนล์ แต่กลับถูกคุณพ่อห้ามไว้ด้วยสายตาก่อน ราวกับท่านรู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่จังหวะที่จะเหมาะให้ผมเข้าไปเท่าไหร่นัก

“แล้วไนล์จะเลี้ยงเองได้ยังไง? ลูกไนล์ต้องการพ่อนะลูก” คุณพ่อพูดอย่างใจเย็น ก่อนจะหันไปทางไอ้เด็กลมที่ตอนนี้หน้าเศร้าเมื่อได้ยินคุณพ่อถามไนล์แบบนั้น แต่แล้วมันก็ยิ้มออกมาพอคุณพ่อถามประโยคถัดไป “หรือไนล์จะให้ลมมาช่วยดูแล ลมรอไนล์มาตลอด และลมก็ยินดีที่จะรับผิดชอบให้ ไนล์จะเอาแบบนั้นไหมลูก?”

“แต่ผม...” ผมเตรียมจะแย้ง แต่ถูกคุณพ่อของไนล์ปรามด้วยสายตาอีกครั้ง ผมเลยได้แต่จำยอมต้องนั่งเงียบๆ ทั้งที่ใจร้อนรน


ใครจะยอมให้ลูกกับเมียของตัวเองไปเป็นของคนอื่นได้กัน? .. ไม่ใช่ผมคนนึงล่ะที่จะยอม


ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคุณพ่อถึงให้ทางเลือกไนล์แบบนั้น และดูเหมือนไอ้เด็กลมก็ดูจะมีความหวังบ้างขึ้นมาไม่น้อย เพราะไนล์ไม่ตอบคำถามของคุณพ่อสักที น้องเอาแต่ก้มหน้านิ่งและดูครุ่นคิด

“ฮึก.. ไนล์ ไนล์...” ไนล์อึกอัก น้องดูพูดไม่ออกยิ่งทำให้ผมใจไม่ดี

“พ่อให้น้องไนล์เลือก ถ้าไนล์ไม่อยากเลือกตาภู ไนล์จะเลือกลมก็ได้ ให้ลมมารับผิดชอบดูแลไนล์ ดูแลลูกไนล์ที่เกิดจากตาภู พ่อรู้ว่าลมไม่มีปัญหาเรื่องนี้หรอก ลมรักไนล์มาก เขาพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อไนล์ทั้งนั้นถ้าไนล์ต้องการ.. น้องไนล์ต้องการแบบนั้นรึป่าวลูก?”

ผมลอบยิ้มในใจ พอได้ยินคุณพ่อจี้ถามน้องแบบนั้น ในขณะที่ลมเองก็ดูอึ้งไป เพราะถ้าเราทุกคนรู้จักนิสัยไนล์ดี ไนล์จะไม่มีทางเลือกลมให้มารับผิดชอบตัวเองทั้งที่ลมไม่ได้เป็นสาเหตุแน่ๆ .. น้องไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว โดยเฉพาะเห็นแก่ตัวจนต้องทำลายชีวิตคนอื่น เพราะถ้าไนล์เลือกลม นั่นเท่ากับว่าลมต้องมาดูแลไนล์ทั้งชีวิตโดยปัญหาที่ลมไม่ได้เป็นคนเริ่ม

ไนล์เงยหน้าขึ้นสบตาเพื่อนสนิทที่อยู่ไม่ไกล สีหน้าและแววตาของน้องเศร้าสร้อย และผมก็ได้รู้ในนาทีนั้นว่าที่ไนล์อึกอักไม่ใช่เพราะไนล์คิดหนักว่าจะเลือกทางไหน แต่ที่ไนล์อึกอักเป็นเพราะไนล์ไม่รู้จะปฏิเสธลมยังไงไม่ให้ลมเสียใจมากกว่า

... ยอมรับว่าหึงนิดๆ ที่ไนล์ดูแคร์ไอ้เด็กนั่นมากขนาดนั้น แต่พอคิดว่าไนล์ก็แค่แคร์เพื่อน ห่วงความรู้สึกเพื่อน ไอ้ความหึงหวงก็ลอดน้อยลงไป และเป็นครั้งแรกที่ผมเพิ่งตระหนักได้ว่า ผมควรมองอะไรให้กว้างมากขึ้น ผมควรเข้าใจและควรเปลี่ยนความคิดใหม่หากผมอยากเริ่มต้นใหม่กับน้อง ขืนผมยังเป็นผมคนเดิมที่เอาแต่งี่เง่า หึงหวง ไม่รู้จักฟัง ชีวิตครอบครัวของผมต้องพังแน่ๆ

ตัวอย่างที่ผ่านมาก็มีให้เห็น ถ้าผมไม่คิดจะปรับปรุงตัวเลย ผมก็คงโง่เง่าและไม่สมควรได้รับโอกาสใดๆ จากไนล์ทั้งสิ้น

“ไม่ได้ ฮึก.. ไนล์ทำแบบนั้นกับลมไม่ได้ครับ” สุดท้ายไนล์ก็ตัดสินใจพูด “ไนล์ให้ลมมารับผิดชอบดูแลไนล์กับลูกไม่ได้ ลมไม่ผิดอะไรเลย ลมสมควรได้เจอคนที่ดีและเหมาะสมกับลมมากกว่าไนล์”

น้องพูดทั้งน้ำตานองหน้า สายตาที่มองไปยังเพื่อนสนิทที่แอบรักตัวเองมากว่าสิบปีมีแต่คำว่าขอโทษและเสียใจลอยวนอยู่เต็มไปหมด แม้ผมจะดีใจที่ตัวเองมีหวัง แต่สุดท้ายพอเห็นน้องเศร้าไอ้ความดีใจที่ว่ามันก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีใดๆ เลย หนำซ้ำลึกๆ ผมเองก็รู้ดีด้วยว่าถึงไนล์จะไม่เลือกลม ก็ใช่ว่าไนล์จะเลือกผม

ก็อย่างที่เทมส์เคยบอกว่าบทไนล์จะดื้อ ไนล์ก็ดื้อเสียจนไม่มีใครเอาอยู่ .. ผมเองก็กังวลตรงนี้ไม่น้อยเหมือนกัน

“แต่ลมเคยบอกไนล์ไปแล้วไงว่าลมยินดีจะดูแลไนล์ ลมไม่ได้คิดมากเรื่องลูกเลยนะไนล์ ลูกไนล์ก็เป็นลูกของลมเหมือนกัน ลมอยากให้...”

“ลมอยากให้เราอยู่กับความรู้สึกผิดไปทั้งชีวิตหรอ? นอกจากจะต้องมาดูแลเรา มารักเรา เราตอบแทนอะไรลมได้บ้างนอกจากความเป็นเพื่อนที่ดี .. ฮึก เราไม่ได้อยากพูดแบบนี้เลยลม แต่เรารู้ว่าถ้าเราจะรักลม เราคงรักลมไปนานแล้ว แต่นี่เราคิดกับลมได้แค่เพื่อน แล้วเราจะเห็นแก่ตัวให้ได้แค่ความเป็นเพื่อนโดยที่ลมต้องมาติดแหง็กกับเราดูแลเราและลูกชั่วชีวิต ลมคิดว่าเราจะรู้สึกดีที่มันเป็นแบบนั้นหรอ?”

ไนล์ไม่รอให้ลมพูดจบด้วยซ้ำ น้องโพล่งความรู้สึกของตัวเองออกมาทั้งหมด ทำเอาคนที่เป็นได้แค่เพื่อนสนิทอย่างลมถึงกับนิ่งไป ผมรู้ว่ามันดูใจร้ายที่ไนล์พูดตรงๆ แบบนั้น แต่มันก็ชัดเจนและเห็นภาพมากที่สุดที่จะอธิบายถึงสิ่งที่ไนล์รู้สึกได้ตอนนี้

ในขณะที่ไอ้เด็กลมเองก็มองหน้าไนล์นิ่ง ต่างฝ่ายต่างเต็มไปด้วยความเสียใจคนละแบบ ตัวผมเองก็เสียใจที่เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เรื่องมันแย่ลง แค่เพียงถ้าผมรู้ใจตัวเองเร็วกว่านี้ ถ้าเพียงแค่ผมมีสติไม่ทำแบบนั้นกับไนล์ ถ้าเพียงแต่ผมไม่หูเบา..

ความสัมพันธ์ของผมกับไนล์อาจจะเป็นไปอย่างราบรื่น และอย่างน้อยไนล์ก็จะไม่ต้องมาปฏิเสธลมซึ่งหน้า และทำให้ทุกฝ่ายเจ็บกันไปหมดแบบนี้

“ลมเข้าใจแล้ว.. เข้าใจทุกอย่างเลย”

ลมพูดแค่นั้น แต่แค่นั้นก็ทำให้ไนล์ร้องไห้จนผมสงสาร ผมอยากจะลุกไปกอด ไปปลอบและไปบอกว่าทุกอย่างจะดีขึ้น แต่ผมก็รู้ดีว่าผมคงทำแบบนั้นไม่ได้ตราบเท่าที่ไนล์ยังไม่ยอมรับ

และลมเองก็คงคิดไม่ต่างจากผม เด็กนั่นเดินเข้าไปหาไนล์ก่อนจะสวมกอดร่างเล็กๆ ที่ตอนนี้ดูบอบบางเหลือเกิน ผมเห็นริมฝีปากลมขยับพึมพำบอกคนในอ้อมแขนที่กำลังร้องไห้ว่า ‘ไม่เป็นไรๆ’ ซ้ำๆ

ทุกคนปล่อยให้ไนล์ร้องไห้อยู่แบบนั้นโดยที่มีลมเป็นคนปลอบ ตอนนี้ผมโคตรรู้สึกแย่ รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เรื่องอะไรเลยสักอย่าง และที่ยิ่งไปกว่าความรู้สึกแย่คือความรู้สึกร้อนรน เพราะเท่ากับตอนนี้ทางเลือกของไนล์ที่คุณพ่อให้ไว้เหลือแค่ทางเดียว แต่ไม่มีอะไรการันตรีเลยว่าน้องจะเลือกทางที่ว่า

“แม่ครับ ภู...ภูอยากคุยกับน้อง ภูกลัวครับแม่ กลัวน้องไม่ให้โอกาสภู” ผมหันไปหาแม่และร้องขอท่านอย่างคนหมดหนทาง ผมวิตกไปหมด เพราะรู้ตัวดีว่าถ้าน้องปฏิเสธผมต้องอยู่ไม่ได้แน่ๆ

“ใจเย็นๆ นะพี่ภู รอฟังน้องก่อน ตอนนี้น้องกำลังสับสน” แม่ลูบศรีษะผมพร้อมกับพยายามเกลี้ยกล่อมให้ผมตั้งสติ “น้องเจออะไรมามาก พี่ภูต้องไม่กดดันน้องนะลูก ถ้ายิ่งพี่ภูกดดันน้อง น้องจะยิ่งต่อต้าน.. แม่เชื่อว่าคุณอธิปัตย์จะพูดกับน้องจนน้องยอมใจอ่อน พี่ภูรอก่อนนะลูกนะ”

แม่พูดปลอบผม ซึ่งผมเองก็พยายามตั้งสติและใจเย็นให้ได้อย่างที่แม่บอก แม้มันจะทำได้ยากเหลือเกิน

“ว่าไงตัวเล็ก ตัวเล็กพร้อมจะคุยกับพ่อต่อรึยังลูก?”

ประธานของบ้านเอ่ยขึ้นอีกครั้งหลังจากที่เสียงสะอื้นของไนล์เงียบลง ตอนนี้ลมลุกขึ้นมานั่งโซฟาตัวถัดจากผมแล้ว และถึงแม้ใบหน้าเขาจะดูเศร้าแต่แววตาที่เขาเหลือบมองมาทางผมก็ยังไคงไม่เป็นมิตร และบ่งบอกถึงการไม่ยอมรับ แต่ผมก็ทำเป็นไม่สนใจเพราะตอนนี้สิ่งที่ผมสนใจมีแค่ไนล์คนเดียวเท่านั้น

“ครับคุณพ่อ” ไนล์เอ่ยตอบโดยมีคุณแม่นั่งกอดน้องอยู่ข้างๆ

“ในเมื่อไนล์ไม่เลือกลม... ถ้าถามตามที่พ่อเข้าใจก็คือไนล์เลือกตาภูถูกไหม? เลือกคนที่เป็นพ่อของลูกไนล์?”

“ไม่ครับ ไนล์ไม่เลือก.. คำตอบของไนล์คือไม่เลือกใครเลยครับพ่อ” ผมใจหายวาบ เพราะน้องตอบเสียงดัง ชัดเจน ไม่มีความลังเลใดๆ ทั้งสิ้น “ไนล์มีพ่อ มีแม่ มีพี่เทมส์ มีลม .. ไนล์รู้ว่าทุกคนจะช่วยไนล์ดูแลลูกของไนล์ได้ ไนล์ไม่จำเป็นต้องมีคนอื่น ไนล์มีแค่ทุกคนกับลูกก็พอแล้วครับ”

ผมขยับตัวอย่างอึดอัด อยากจะพูดโพล่งออกไปเพื่อขอความเห็นใจจากน้อง แต่พอเห็นว่าคุณพ่อยังนิ่งและแม่ผมเองก็ห้ามไว้ ผมเลยได้นั่งทำหน้าเศร้าหาทางออกไม่ได้อยู่กับที่

“ใช่ ทุกคนดูแลไนล์ได้ แต่ถ้าลูกไนล์ถามไนล์ว่าใครเป็นพ่อ ไนล์จะตอบลูกว่ายังไงไหนบอกพ่อซิ... ไนล์จะตอบลูกว่าไนล์โกรธพ่อของลูกจนไล่เขาไปไกลๆ ไม่ให้เขามาเจอลูกแบบนี้หรอ? นี่พ่อยังไม่นับเรื่องอื่นๆ อีกมากมายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเลยนะ”

“....” ไนล์เงียบไปเมื่อเจอคุณพ่อพูดถึงประเด็นนี้ขึ้นมา

“พ่อรู้ว่าไนล์ยังโกรธพี่เขาอยู่ พ่อเองพ่อก็โกรธ” ผมสะดุ้งแต่ก็ยังพยายามทำนิ่งไว้ “แต่ตอนนี้ไนล์จะคิดถึงแต่ความโกรธของตัวเองไม่ได้นะ ไนล์มีลูกแล้ว ไนล์ต้องคิดถึงเจ้าตัวน้อยในท้องด้วย... ทุกการตัดสินใจของไนล์จะส่งผลต่อลูกของไนล์ทั้งสิ้น ไนล์จะอยู่คนเดียว จะเลี้ยงลูกคนเดียวก็ได้ แต่ไนล์อาจจะต้องคอยตอบคำถามลูกไปตลอดชีวิตนะว่าพ่อเขาไปไหน แบบนั้นไนล์จะทำใจได้ไหม พ่ออยากให้ไนล์คิดไปไกลๆ ถึงตรงนั้นด้วย”

“...” น้องเริ่มร้องไห้อีกครั้ง โดยที่มีคุณแม่คอยกอดไว้แน่นไม่ยอมปล่อยก่อนที่ท่านจะพูดเสริมสามีของตัวเอง

“ไม่เป็นไรนะลูกนะ น้องไนล์ค่อยๆ คิดก็ได้ แม่ พ่อ พี่เทมส์ ไม่ว่าอะไรน้องไนล์เลย แต่ที่พ่อเขาพูดแบบนั้นเขาก็แค่อยากให้น้องไนล์คิดให้ดี ตัดสินใจให้ถี่ถ้วน... พ่อเขาไม่อยากให้น้องไนล์ใช้ความโกรธมาเป็นตัวแปร น้องไนล์เข้าใจพ่อนะลูกนะ”

“ฮึก.. ไนล์เข้าใจครับ แต่ไนล์...” ไนล์ยังคงดูครุ่นคิด และผมเองก็ได้แต่นั่งลุ้นเงียบๆ โดยที่ทำอะไรไม่ได้มากนัก

บอกตามตรงผมไม่ได้คาดหวังหรอกว่าจะให้น้องยกโทษให้เดี๋ยวนี้ ที่ผมต้องการจริงๆ มีแค่โอกาส โอกาสให้ผมได้ดูแลไนล์ ดูแลลูก ให้ผมได้ทำเพื่อไนล์.. ไนล์จะได้รู้ว่าผมรักเขามากขนาดไหน เพราะสำหรับผมแล้วการที่ผมพูดออกไปแค่ว่าผมรักไนล์นั้นไม่น่าจะเพียงพอ ผมแค่อยากแสดงออก อยากให้เขาได้มั่นใจว่าผมรักเขาจริงๆ ไม่ใช่เพราะอยากได้เขาอยากได้ลูกมาไว้กับตัวแค่นั้น

และหลังจากคุณแม่พูดจบ ไอ้เทมส์ที่อยู่ไกลจากน้องมันเท่าไหร่ก็ขยับมานั่งคุกเข่าตรงหน้าไนล์ มันส่งยิ้มอบอุ่นให้ไนล์ ยิ้มในแบบที่ผมคิดว่ามันคงไม่เคยยิ้มให้ใครทั้งนั้นนอกจากน้องมันคนเดียว

“ไนล์ครับ ไนล์จำที่พี่เคยบอกได้ไหม?” ไนล์เงยหน้าขึ้นสบตาเทมส์ก่อนจะพยักหน้ารับ


‘ไม่ว่าไนล์จะเป็นเพศไหน เป็นผู้ชายหรือเป็นผู้หญิง แต่พี่อยากไนล์รู้ไว้ว่าไนล์จะเป็นน้องของพี่เสมอ และความจริงข้อนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง พี่จะอยู่ข้างๆ ไนล์ ดูแลไนล์จนกว่านายจะดูแลตัวเองได้หรือมีใครคนที่ไนล์อยากจะให้เขาช่วยดูแล’


ผมไม่รู้ว่าไอ้เทมส์มันหมายถึงเรื่องไหนที่มันเคยพูดกับน้อง แต่ดูเหมือนไนล์จะรู้และเข้าใจในสิ่งที่เทมส์จะสื่อเป็นอย่างดี

“ตอนนี้ก็เหมือนกัน พี่จะยังยืนยันในสิ่งที่พี่เคยพูดกับไนล์ไว้” เทมส์ยิ้มพร้อมกับลูบศรีษะน้องเบาๆ “ไม่ว่าไนล์จะตัดสินใจยังไง หรืออยากให้มันเป็นแบบไหน พี่จะยินดีและยอมรับการตัดสินใจของไนล์ทุกอย่าง ไนล์จะยังเป็นน้องชายที่พี่รักและจะดูแลไปตลอดชีวิตไม่เปลี่ยนแปลง รู้ใช่ไหมครับ?”

ไนล์โผเข้ากอดเทมส์แน่น พร้อมกับร้องไห้สะอึกอื้น “ครับ ไนล์รู้ครับ... ขอบคุณนะครับพี่เทมส์”

ผมมองสองพี่น้องกอดกัน ในใจลึกๆ ผมก็รู้สึกดีที่รู้ว่าต่อให้ไนล์ไม่มีผมหรือไม่เลือกผม ไนล์ก็จะมีเทมส์คอยดูแล แต่อีกใจผมก็ไม่อยากจะปล่อยมือน้องไป ผมอยากจะอยู่ข้างๆ น้อง อยู่ดูแลและเป็นคนที่น้องพึ่งพิงได้ในฐานะสามีและคู่ชีวิต

ทุกคนรอให้เทมส์กับไนล์กอดปลอบกันอยู่แบบนั้น จนไนล์สงบลงและในตอนนั้นก็ดูเหมือนทุกการรอคอยของผมจะสิ้นสุดลง เมื่อไนล์ดันตัวออกจากอ้อมกอดของเทมส์ ปาดน้ำหูน้ำตาออกจนเรียบร้อยพร้อมกับหันไปบอกคุณพ่ออย่างหนักแน่นและชัดเจน บ่งบอกว่าน้องตัดสินใจมาดีแล้ว

“ไนล์เลือกได้แล้วครับพ่อ” คุณพ่อยิ้มบางๆ ท่านไม่ได้กดดันหรือเร่งเร้าให้น้องตอบ มีแต่ผมนี่แหละที่นั่งไม่ติด “เพื่อเห็นแก่ลูก ไนล์ยอมให้เขาเข้ามารับผิดชอบลูกที่กำลังจะเกิดมาก็ได้ครับ”

ผมยิ้มกว้าง หันไปกอดแม่ตัวเองด้วยความดีใจอย่างที่สุดเมื่อได้ยินน้องบอกแบบนั้น แม่ผมเองก็ดีใจ ท่านกอดตอบผมแน่นเพราะโดยพื้นฐานแม่เองก็รักและเอ็นดูไนล์ไม่น้อย ท่านอยากได้น้องมาเป็นลูกตั้งแต่แรกอยู่แล้ว และตอนนี้ก็คงสมใจท่าน

ผมวาดวิมานกลางอากาศไว้หลายอย่างกับเรื่องอนาคตของเราสองคน แม้จะได้ยินน้องบอกมาแค่นั้น แต่แล้วทุกความฝันก็ดับลงเหมือนลูกโป่งที่พองลมด้วยความสุขแล้วถูกเจาะให้แตก เมื่อผมได้ยินไนล์พูดประโยคต่อมา

“แต่ไนล์ยอมให้เขาได้แค่เรื่องลูก กับไนล์เขาไม่ต้องมายุ่งอะไรด้วย” น้องพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งและเด็ดขาดเหมือนประโยคข้างต้น แต่กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างสำหรับผมเหลือเกิน “ถ้าเขาอยากมาหา มาดูแลลูกก็มา ไนล์ยอมให้เขาได้แค่นั้น”

“ไนล์... พี่ไม่ได้อยากดูแลแค่ลูกของเรานะ พี่อยากดูแลไนล์ด้วย ไนล์ให้โอกาสพี่ได้ไหมนะ... พี่ขอร้อง”

ผมพูดอ้อนวอนน้องด้วยน้ำเสียงที่ขอร้องและขอให้น้องเห็นใจมากที่สุด มันจะมีประโยชน์อะไรถ้าได้หัวใจมาแค่ครึ่งดวง ผมไม่ได้ต้องการแค่ลูก ไม่ได้ต้องการแค่จะรับผิดชอบ แต่ผมต้องการน้องด้วย ต้องการให้เราอยู่กันแบบครอบครัว

“ไม่ต้องมาดูแลผม ผมดูแลตัวเองได้” ไนล์ยังคงดึงดัน.. ก็บอกแล้วว่าเวลาไนล์ดื้อ ไนล์ก็ดื้อตาใสไม่เอาใครทั้งนั้น

“แต่ลูกของเราอยู่ในท้องไนล์นะ ถ้าไม่ให้พี่ดูแลไนล์ด้วยแล้วพี่จะดูแลลูกของเราได้ยังไงครับ.. พี่ขอร้องนะไนล์ ขอให้พี่ได้ลองก่อนได้ไหม ไนล์อย่าเพิ่งตัดรอนพี่แบบนี้เลยนะ” ผมพยายามต่อรอง แต่ไนล์ก็ใจแข็งมากกว่าที่คิด

เพราะจนถึงตอนนี้นอกจากน้องจะไม่ยอมรับปากตามที่ผมขอ แม้แต่มองน้องยังไม่ยอมมองหน้าผมเลย

และคุณพ่อเองก็คงจะทนไม่ไหว และคิดว่าเราน่าทุ่มถียงกันแบบนี้ไม่เลิก ในขณะที่ไนล์ดื้อ ผมก็เอาแต่ตื๊อ จนไม่น่าจะได้ข้อสรุปของเรื่องราวในวันนี้แน่

“งั้นเอางี้ดีไหมลูก พ่อตัดสินใจให้”

ผมกับไนล์และทุกคนหันไปมองประมุขของบ้านนรดิษฐ์โยธินเป็นตาเดียว และก็เป็นครั้งแรกที่ผมแทบจะบ้าตายให้ได้ เพราะรู้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของคุณพ่อจะเป็นการตัดสินใจที่ผมกับไนล์ไม่น่าจะแย้งได้ และถ้าคุณพ่อตัดสินให้ผมใกล้ได้แค่ลูกไม่ให้ยุ่งกับน้อง ผมต้องตายแน่ๆ ... ต้องขาดใจตายแน่ๆ


“พ่อคิดว่าให้ภูย้ายมาอยู่ที่นี่สักระยะแล้วกัน ไหนๆ ไนล์ก็จะให้เขามาดูแลลูก มารับผิดชอบลูกอยู่แล้วนี่”


“ไม่เอาครับ!/ได้ครับ!”

ผมกับไนล์ตอบออกมาแทบจะพร้อมกัน ด้วยสภาพอารมณ์ที่ต่างกัน.. ในขณะที่ผมยิ้มร่าหน้าบาน ไนล์กลับตวัดสายตามองผมด้วยสายตาโกรธเคืองและไม่พอใจ

“พ่อครับ.. ไหนพ่อบอกว่าจะตามใจที่ไนล์เลือกไนล์ตัดสินใจไงครับ” น้องโอดครวญ ส่วนผมนั่งนิ่ง เพราะตอนนี้คำตัดสินของคุณพ่อเข้าทางผมสุดๆ

“นี่พ่อก็ทำตามที่เราเลือกและตัดสินใจไง” คุณพ่อพูดกับน้องพร้อมกับหัวเราะเบาๆ “ไม่เอา ไม่งอแงสิลูก น้องไนล์เลือกเองนะว่าจะให้พี่เขามีสิทธิ์ในความเป็นพ่อ และหน้าที่ที่สำคัญของพ่อคือการดูแลลูก ตอนนี้ไนล์ท้องอยู่ ทางที่เขาจะได้ใกล้และดูแลลูกได้มากที่สุดก็คือการอยู่กับไนล์ พ่อเลยให้เขามาอยู่ที่นี่”

“แต่พ่อครับ ไนล์ไม่อยาก...”

“ไม่อยากให้พี่เขามายุ่งหรือมาดูแลอะไรไนล์ถูกไหม?” คุณพ่อถามสวนกลับและน้องก็พยักหน้ารับแบบไม่พอใจ “ไนล์ก็บอกเขาไปสิลูกถ้าตอนไหนรู้สึกว่าพี่เขาล้ำเส้นมายุ่งวุ่นวายกับไนล์ ไนล์ตัดสินใจได้เองทุกอย่างเลย จะอยากหรือไม่อยากให้เขาดูแล พ่อพูดถูกไหม? หรือไนล์กลัวจะใจอ่อน?”

ผมลอบยิ้ม นึกอยากจะตะโกนขอบคุณคุณพ่อสักพันครั้ง คุณพ่อเอาการตัดสินใจของไนล์มาผูกมัดไนล์ไว้โดยที่ไนล์ปฏิเสธอะไรไม่ได้เลย


“ไนล์ไม่ใจอ่อนหรอกครับ คุณพ่อจะให้เขามาอยู่ก็มา มาดูแลแค่ลูกแล้วกัน อย่ามายุ่งกับไนล์”


น้องเชิดหน้าขึ้นอย่างแสนงอน ซึ่งแทนที่จะทำให้ผมโมโหผมกลับไม่รู้สึกอย่างนั้นเลยสักนิด ผมคิดว่าน้องน่ารักมากๆ ในตอนนี้ น่ารักจนอยากจะจับมากอดซ้ำๆ... และน้องก็ไม่รอให้ผมได้ฟุ้งซ่านอะไรมาก เพราะจู่ๆ เจ้าตัวเล็กของผมก็ลุกขึ้นพรวดพราดยืนทำเอาผมใจหาย

“แม่ครับ ขึ้นห้องกัน ไนล์ง่วงอยากนอนแล้ว.. แม่ขึ้นไปนอนกับไนล์นะครับ” คุณแม่ยิ้มก่อนจะลุกขึ้นยืนตามลูกชายคนเล็กแล้วประคองไนล์ไว้

“ไปจ้ะไป น้องไนล์อยากให้แม่นอนด้วยไหมคืนนี้” คุณแม่ถามพลางลูบหัวลูบหลังน้องด้วยความรัก

“ให้นอนครับ” น้องพูดอ้อนๆ ก่อนจะหันไปหาคุณพ่องอนๆ “วันนี้ให้พ่อนอนคนเดียว เพราะแม่จะนอนกับไนล์”

“เอ้า! ลูกคนนี้นี่” คุณพ่อพูดออกมาพร้อมกลั้วหัวเราะติดจะเอ็นดูลูกตัวเองมากกว่าโกรธด้วยซ้ำ

ผมเองพอเห็นว่าน้องจะไปก็พยายามมองน้องเผื่อน้องจะหันกลับมาแต่น้องก็ไม่ยอมมองผมสักนิด แต่กลับไล่สายตาไปหาแม่ผมแทน

“คุณป้าครับ ไนล์ขอโทษที่เสียมารยาท” น้องพุ่มมือขึ้นไหว้ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด “ไว้ไนล์คุยกับคุณป้าวันหลังนะครับ วันนี้มันหลายเรื่องเหลือเกิน ไนล์..”

“ไม่เป็นไรลูกไม่เป็นไร” แม่ผมลุกเดินไปหาน้องพร้อมกับกอดเอาไว้และลูบหัวน้องเบาๆ “ให้แม่พาน้องไนล์ไปพักผ่อนด้วยคนนะลูก แม่จะได้อยู่เป็นเพื่อนคุณนีราภาด้วย”

น้องยิ้มบางพร้อมกับพยักหน้ารับแม่ผมด้วยท่าทางอ้อนๆ แม่ผมที่แพ้ไนล์ในมุมแบบนี้เป็นทุนก็พากันจูงมือน้องคนละข้างเดินออกไปพร้อมกันสามคนแม่ลูก โดยที่ทิ้งผมไว้ข้างหลังและไม่คิดจะสนใจอีก… จากที่แม่ผมรักไนล์มากอยู่แล้วก็ยิ่งรักไนล์มากขึ้นไปอีกพอรู้ว่าน้องจะมีหลาน ผมเลยกลายเป็นหมาหัวเน่าที่แท้จริง

และพอทั้งสามเดินไปออก ผมก็ตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมของกลุ่มคนที่รักไนล์อีกสามคน ซึ่งเป็นสามคนที่น่ากลัวมากขึ้นประมาณล้านเท่า

“ภู.. ที่พ่อให้เราย้ายมาอยู่ ไม่ใช้ว่าจะเข้าข้างหรือสนับสนุนเราหรอกนะ” ผมนิ่งตั้งใจฟัง เพราะคุณพ่อดูจะเป็นทางการอยู่ไม่น้อย “แต่ที่พ่อให้ย้ายมาเพราะพ่อจะดูพฤติกรรมเรา ดูว่าเราจะแก้ไขตัวเอง และดูแลไนล์ยังไง มันคือโอกาสที่พ่อยอมหยิบยื่นให้เพราะเห็นแก่หลาน แต่ภูจะทำได้หรือไม่ เอาชนะใจไนล์ได้หรือเปล่าอันนั้นมันอีกเรื่อง และพ่อก็จะเคารพการตัดสินใจของไนล์ด้วย”

ผมพุ่มมือยกขึ้นไหว้คุณพ่อ “แค่นี้ผมก็ขอบคุณคุณพ่อมากๆ แล้วครับ ผมสัญญาว่าจะดูแลน้องให้ดีที่สุด และจะทำให้น้องยกโทษให้ผมให้ได้”

คุณพ่อมองผมนิ่งๆ ผมเองก็สบตาท่านตอบ ผมไม่ได้จะทำตัวก้างร้าว แต่แค่อยากให้ท่านเห็นว่าผมจริงจังและจริงใจในคำตอบของตังเอง และสุดท้ายท่านก็พยักรับคำพูดของผมก่อนที่จะเดินออกไป และสุดท้ายก็เหลือแค่ผม ไอ้เทมส์ และเด็กลม

ไอ้เทมส์จ้องหน้าผมนิ่ง ก่อนที่จะเดินเข้ามาหาผมแล้วตบไหล่เบาๆ “ส่วนกูน่ะยังยืนยันคำเดิมนะภูว่ากู… หวงน้องมาก และก็จะยิ่งหวงมากว่าเดิมเมื่ออีกฝ่ายคือมึง”

มันแสยะยิ้มก่อนจะถอยฉากออกไปให้ไอ้เด็กลมเข้ามาหาผม พร้อมกับทำท่าขึงขัง “ผมเอาไนล์คืนมาแน่ ถ้าคุณทำไนล์เสียใจหรือร้องไห้ ผมบอกแค่นี้แหละ”

มันสองคนจ้องหน้าผมนิ่ง ผมเองก็จ้องตอบ ก่อนจะที่พูดในสิ่งที่ตัวเองคิดจะถามตั้งแต่ได้ยินการตัดสินของคุณพ่อ


“ว่าแต่...ฉันย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่พรุ่งนี้เลยได้ใช่ไหม?”


อือ.. ผมอยากรู้แค่นี้จริงๆ เรื่องอื่นที่พวกมันอยากบอกน่ะ ผมไม่เห็นจะอยากฟัง เลยสักนิดบอกตามตรง

.

.

.

To Be Continue

------------------------------------------------

แจ้งข่าวจ้า คิดว่าไม่เกิน 40 ตอนน่าจะจบ ฮืออออ เขียนไปเขียนมาละยาวมากขนาดนี้ได้ไงไม่รู้ ยาวกว่าทุกเรื่องที่เคยเขียนมาเลยด้วยซ้ำ .. แง้ 55555555

ก็เขียนใกล้จบแล้วค่า คิดว่าน่าจะมีตอนพิเศษลงเว็บสักตอน อาจจะเป็นตอนของเบ่บี๋เต็มๆ ทีนี้เลยมีเรื่องจะสอบถามค่ะ มีใครอยากได้เล่มมั้ยคะ เพราะถ้าเรามี เราจะเขียนตอนพิเศษต่อยาวเลยไม่ต้องหยุด เพราะถ้าหยุดหรือพักแล้วอารมณ์มันไม่ต่อเนื่อง อาจจะเขียนต่อไม่ออก เลยต้องมาถามตั้งแต่ตอนนี้เลย 55555555

ซึ่งถ้ามีคนต้องการเล่มแค่สัก 30 เล่ม เราก็อาจจะทำ แต่ถ้าน้อยกว่าก็นั้นคงต้องพับโครงการ แต่ตอนพิเศษมีลงให้อ่านแน่ค่ะ ไม่ว่าจะมีเล่มหรือไม่มีเล่มก็ตาม ยังไงคอมเม้นท์ทิ้งไว้ได้นะคะว่าอยากได้หรือไม่อยากได้เล่ม เดี๋ยวเราลองนับจำนวนเอา ... ก็ตามนี้ค่ะ ไม่มีอะไรแน้วววว อาทิตย์หน้าอาจมาได้เร็วนิดอาจจะประมาณวันอังคาร

แล้วเจอกันค้าบบบ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์และทุกกำลังใจมากนะคะ ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาถึงตรงนี้ ขอบคุณมากๆ เลยค่าา .. รัก

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
หึหึหึ 55555555 ว่าแหละ เข้าอีหรอบนี้ ก็นึกว่าพ่อแม่จะคิดได้บ้างว่าลูกเจอไรมา นึกว่าจะปกป้องลูกกว่านี้ ป่าวเลย เพื่อคำว่าครอบครัวที่สมบูรณ์ จำต้องมีพ่อต้องมีแม่ ถึงจะครบองค์สินะ จนต้องให้มารับผิดชอบ หรือนี่คือการปกป้องลูกของครอบครัวนี้ คงใช่สินะ หึหึ *ยิ้มมุมปาก* อะไรนะ จะให้ดูแลแค่ลูก จะไม่ใจอ่อนง่ายๆ โถๆๆ ดูหน้าตัวเองด้วยไนล์ 55555 เข้ามาอ่านให้หมั่นไส้ตัวละครเล่นๆ แต่ละคนนี่แบบ 555555 แต่งเก่งๆ   :katai2-1:  :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
ง้อน้องให้ได้ละกันนะ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
หึหึ ให้รอดนะ อยากเห็นหลานละ

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
พ่อแม่ยอมได้ไง ให้คนที่ทำร้ายลูกตัวเองมาอยู่ใกล้ ๆ ไม่ว่าจะด้วยเจตนาหรือไม่เจตนา อย่าหวังแค่อยากให้ครอบครัวสมบูรณ์เลย เดี๋ยวนี้แม่เลี้ยงเดี่ยวก็มีกันให้เยอะแยะ ให้อิพี่ภูมาอยู่ดูแลด้วยแบบนี้ไม่นานหรอก ขี้คล้านจะกลืนน้ำลายตัวเองไนล์

ออฟไลน์ Gade_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-4
Universe 35th : นับหนึ่ง


[Kirin’s Part]

ผมถือกระเป๋าย้ายเข้าไปอยู่บ้านไนล์หน้าตาเฉย ทุกคนต้อนรับผมเป็นอย่างดีในฐานะเจ้าของบ้าน ยกเว้นคุณหนูคนเล็ก เขาไม่ยอมแม้แต่จะลงมาให้ผมเห็นหน้าด้วยซ้ำ จะมีก็แต่คุณพ่อ คุณแม่และไอ้เทมส์ ที่แม้จะไม่ได้จะถึงกับยิ้มแย้มต้อนรับ อาจจะเพราะยังเคืองๆ กับสิ่งที่ผมทำลงไป แต่พวกท่านก็ไม่ได้จะกีดกันหรือตัดโอกาส อย่างน้อยการที่ท่านทั้งสองยอมให้โอกาสผม ผมก็ดีใจมากแล้ว แม้รายหลังสุดอย่างไอ้เทมส์จะไม่ได้ถึงกับเห็นด้วยกับพ่อแม่มันร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่มันก็รู้จักแสดงออก ผมรู้ว่าถึงมันจะทำเป็นนิ่งๆ ไม่ได้ว่าอะไร แต่ผมคงไม่ได้เข้าถึงตัวไนล์ง่ายแน่ๆ ถ้ามันอยู่ด้วย

“เดี๋ยวพี่ภู อยู่ห้องนอนแขกแล้วกันนะ เป็นห้องตรงข้ามของน้องไนล์ แม่ให้คนเตรียมห้องไว้ให้แล้ว”

ผมพยักหน้ารับทราบพร้อมกับยกมือขึ้นพุ่มไหว้เพื่อขอบคุณคุณแม่ แม้มันจะไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคาดหวังสักเท่าไหร่ เพราะใจจริงผมอยากจะนอนห้องเดียวกับไนล์มากกว่า คือไม่ใช่ว่าผมคิดอะไรแต่เรื่องแบบนั้นนะ ผมยอมรับว่ามันอาจจะมีบ้างเรื่องที่อยากจะใกล้ชิดไนล์ แต่ที่มากไปกว่านั้นคือความเป็นห่วง ถ้าน้องต้องลุกเข้าห้องน้ำดึกๆ กลางคืน แล้วไม่มีคนคอยดูแล หากเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาแล้วจะเรื่องใหญ่

แต่ด้วยความที่ผมเพิ่งจะมาถึงที่นี่วันแรก ผมเลยคิดว่ามันคงไม่เป็นการสมควรเท่าไหร่นักถ้าจะร้องขอนั่นนี่จนเกินตัว ให้ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป เอาไว้ให้อะไรลงตัวมากกว่านี้และให้พฤติกรรมของผมเข้าตาคุณพ่อคุณแม่น้องสักหน่อยแล้วค่อยหาทางขอขยับเข้าไปนอนในห้องของน้องอีกที

“ขอบคุณครับคุณแม่ ผมขออนุญาตรบกวนนะครับ .. ผมสัญญาว่าจะดูแลน้องให้เต็มที่ คุณพ่อคุณแม่ไว้ใจผมได้ครับ”

คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้พูดอะไร ท่านแค่ยิ้มบางๆ ก่อนจะใช้คำพูดเรียบๆ พูดดักทางให้ผมรู้ว่าตอนนี้ทุกอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่กับพวกท่าน แต่ขึ้นอยู่กับเจ้าของหัวใจของผม .. แม่ของลูกผมเท่านั้น

“พ่อกับแม่คงแล้วแต่น้องไนล์ เขาจะตัดสินใจยังไงกับเรื่องพี่ภู ก็อยู่เขานั่นล่ะ.. พิสูจน์ตัวเองให้น้องไนล์เชื่อให้ได้ก็พอ พ่อกับแม่น่ะไม่ซีเรียสอะไรหรอก”

“ครับ ผมจะทำให้น้องยกโทษให้ผมให้ได้”

ผมพยักหน้ารับทราบ .. ก็อย่างที่ผมบอกนั่นล่ะ ยินดีต้อนรับแต่ไม่ได้หมายความว่าจะยอมรับ ทุกอย่างคงต้องให้ไนล์ตัดสินใจและผมก็คงต้องพยายามทำให้ไนล์ใจอ่อนให้ได้

“มาค่ะคุณภู เดี๋ยวบัวช่วยถือไปค่ะ” แม่บ้านที่ดูมีอายุหน่อยอาสาจะเข้ามาช่วยผมด้วยท่าทางเอื้อเฟื้อใจดี แต่ผมคิดว่าผมควรยกไปเองมากกว่าเลยจะเอ่ยห้าม แต่ไอ้เพื่อนสนิทหัวแก้วหัวแหวนดันพูดขึ้นมาก่อน

“ป้าบัว ให้มันถือไปเองแหละครับ มันถือได้” ไอ้เทมส์ว่าพร้อมกับรอยยิ้มกวนประสาทมุมปาก

“ได้ยังไงกันคะคุณเทมส์ คุณภูเป็นคนรักของคุณหนู เป็นคนที่จะมาดูแลคุณหนู บัวไม่ได้ดูแลไม่ได้หรอกค่ะ”

คุณป้าแม่บ้านว่าพร้อมกับหันมายิ้มใจดีให้ผม ส่วนไอ้เทมส์เองก็ทำหน้าเมื่อยๆ ใส่ มันไม่เถียงอะไร ผมเลยเดาว่าคุณป้าบัวคนนี้ต้องเป็นแม่นมที่ดูแลมันมาตั้งแต่เด็กๆ แน่ๆ จากที่มันเคยเล่า และก็คงไม่พ้นดูแลไนล์ด้วย

“ไม่เป็นไรครับป้า ผมถือไหว ป้าแค่นำทางผมไปก็พอครับ” ผมยิ้มกลับให้ป้าบัวที่ดูจะเอ็นดูผมไม่น้อย

เอาล่ะ… อย่างน้อยผมก็มีแม่นมของไนล์เป็นพวกแล้วหนึ่งคน

.

.

.

“ผมไม่ทาน เอาไปเก็บเถอะครับ” ไนล์ที่ตอนนี้นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร ไม่ยอมแตะต้องอาหารที่ผมทำให้สักอย่าง ผมตั้งใจเต็มที่กับอาหารมื้อกลางวันมื้อแรกที่ผมเข้ามาอยู่ในบ้านของน้อง แต่กลับถูกไนล์ปฏิเสธไม่ยอมกินอะไรเลย

“ทำไมล่ะครับ นี่ของโปรดไนล์ทั้งนั้นเลยนะ พี่ถามป้าบัวว่าไนล์ชอบกินอะไร เมนูไหนที่พี่ทำไม่เป็นก็ให้ป้าบัวสอน…”

“เอาไปเก็บครับป้า ไนล์อยากกินโจ๊ก ป้าบัวทำให้ไนล์กินหน่อยนะครับ”

น้องพูดสวนออกมาทั้งที่ผมยังพูดไม่จบ ผมยืนนิ่งทั้งที่ในใจเจ็บไปหมด ไนล์ไม่สนใจไยดีในสิ่งที่ผมพยายามทำเพื่อเขาเลย ผมใช้เวลาเกือบตลอดช่วงสายทำ แต่น้องกลับไม่เหลือบแลสักนิด

และผมก็ได้เข้าใจเมื่อมองย้อนกลับไป ผมเองก็เคยทำแบบนี้กับไนล์เหมือนกัน ไนล์ที่พยายามทำกับข้าวให้ผมกินทุกมื้อ ทั้งที่ผมสนใจบ้างไม่สนใจบ้าง โดยเฉพาะช่วงแรกๆ ที่ผมไม่สนใจไนล์เลย ผมไม่กินอาหารที่ไนล์ทำให้ไนล์ต้องเททิ้งอยู่บ่อยๆ

มันเจ็บแบบนี้เอง และผมก็ได้รู้ว่า.. บางทีเวรกรรมมันก็ตามทันเร็วกว่าที่เราคิด

“น้องไนล์ พี่ภูเขาอุตส่าห์ทำให้ทาน ทำไม่ไม่ลองทานสักหน่อยล่ะลูก” คุณแม่พยายามช่วยพูด แต่น้องก็ทำเฉยไม่สนใจ และพอเห็นท่านจะพูดต่อ ผมก็ยิ้มให้ท่านน้อยๆ และส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร

ผมไม่อยากให้คุณแม่กดดันน้อง ถ้าน้องจะยกโทษให้ ผมก็อยากให้มันเป็นเพราะไนล์หายโกรธผมจริงๆ ไม่ใช่เพราะสาเหตุอื่น

“ไม่เป็นไรครับคุณแม่ น้องอาจจะอยากทานอะไรเบาๆ อาหารที่ผมทำมาอาจจะหนักไปหน่อย” ผมยิ้ม ก่อนจะหันไปพูดกับน้องอย่างอ่อนโยน “ไว้คราวหน้าพี่จะทำอาหารไว้หลายๆ อย่าง ไนล์จะได้เลือกได้ว่าไนล์อยากกินอะไร ดีไหมครับ?”

น้องไม่ตอบอะไร แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ แค่นี้ผมก็ดีใจแล้ว

“พี่กิ่งครับ ไนล์รบกวนบอกป้าบัวให้ทีครับว่าไนล์อยากกินน้ำส้มด้วย ช่วยคั้นให้ไนล์ที เอาสดๆ เลยนะครับ ไม่ต้องใส่น้ำเชื่อม เปรี้ยวๆ เลยยิ่งดี” ดวงตากลมโตเป็นประกายตอนที่น้องบอกคนรับใช้แบบนั้น ผมเลยนึกรู้ว่าน้องคงอยากกินจริงๆ

ผมเลี่ยงเดินออกไปที่ครัวตอนที่คุณแม่กำลังถามถึงอาการแพ้ของน้อง พอได้ยินน้องตอบว่ามีอาเจียนบ้างแต่ไม่มาก ผมก็เลยเบาใจ และตัดสินใจไปหาป้าบัวในครัวแทน โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น

โชคดีที่ไอ้เทมส์ไม่อยู่ ไม่งั้นมันคงรู้แน่ๆ ว่าผมคิดจะทำอะไร

“อ้าวคุณภู จะเอาอะไรคะ? ทำไมไม่บอกเด็กให้มาเอาให้ จะได้ไม่ต้องเดินมาเอง” ป้าบัวร้องทักเมื่อเห็นผมเดินเข้ามา ผมเลยยิ้มร่าเดินเข้าไปหาแกและบอกสิ่งที่ตัวเองอยากทำทันที

“ป้าบัวคั้นน้ำส้มให้ไนล์รึยังครับ ถ้ายังขอผมทำนะครับป้า ผมอยากทำให้น้องกับลูกกิน” ป้ามลยิ้มให้ผมอย่างใจดีตอนที่บอกผมแบบนั้น ก่อนที่แกจะยกตะกร้าใส่ผลส้มที่ล้างแล้วมาวางตรงหน้าผม

“คุณภูหั่นครึ่งลูกตามแนวขวางนะคะ เสร็จแล้วเอาไปบีบกับเครื่องคั้น ง่ายๆ ค่ะ ไม่ยาก เพราะคุณไนล์ทานรสธรรมชาติไม่ต้องเพิ่มหวานด้วยน้ำเชื่อม”

“ได้ครับ” ผมคว้ามีดกับตะกร้าส้มมาวางใกล้มือ ก่อนจะลงมือหั่นและคั้นอย่างคล่องแคล่ว

อย่างน้อย.. ผมก็ได้ทำอะไรให้ไนล์กินสักอย่างหนึ่งก็ยังดี

“คุณไนล์เธอชอบทานน้ำส้มคั้นค่ะ ปกติบัวก็ทำแช่เย็นไว้ให้ทานตลอด แต่ช่วงนี้น่าจะแพ้ท้องอยู่เลยไม่ชอบให้บัวทำหวานๆ ให้ ถ้ายังไงคุณภูจะคั้นแล้วแช่ไว้ให้คุณไนล์ก็ได้นะคะ รับรองทานหมดแน่”

ผมพยักหน้ารับและพยายามจดจำไว้อีกอย่างว่าไนล์ชอบอะไรไม่ชอบอะไร เพื่อที่คราวหลังผมจะได้ทำอะไรที่น้องชอบให้น้องกินได้ นี่ผมก็กำลังคิดว่าจะลองไปหาอ่านหรือศึกษาเกี่ยวกับเรื่องอาหารที่เหมาะกับคนท้องมาเพิ่ม น้องจะได้ทานทั้งของที่ชอบ ของมีประโยชน์ และอร่อยแบบที่น้องต้องการ

“ถ้ายังไงป้าบัวแนะนำผมได้ทุกอย่างเลยนะครับ ไนล์ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ผมจะจำและทำให้ไนล์ทาน เพื่ออย่างน้อยผมก็จะได้ทำะไรเพื่อน้องบ้างสักนิดก็ยังดี"

“ได้ค่ะ ป้าจะคอยช่วยคุณภูเองค่ะ”

“ขอบคุณมากๆ เลยนะครับ อย่างน้อยผมก็มีป้าคนนึงละเป็นพวก” ผมว่าพลางหัวเราะชอบใจ ให้คุณป้าบัวได้หัวเราะตาม

และหลังจากที่ป้าบัวทำกับข้าวเสร็จและผมเองก็คั้นน้ำส้มเสร็จแล้วเช่นกัน ผมเลยจัดแจงยกชามโจ๊กร้อนๆ ไปให้ไนล์ด้วยตัวเองพร้อมน้ำส้มคั้น น้องดูแปลกใจและตั้งท่าจะถามแต่พอดีเหลือบไปเห็นแก้วน้ำส้มก่อน

เจ้าเด็กน่ารักของผมเบิกตากว้างราวกับเจอของที่ชอบ ไนล์คว้าแก้วน้ำส้มไปและดื่มรวดเดียวหมด ทำเอาผมยิ้มแก้มเกือบแตก… ความรู้สึกของไนล์เป็นแบบนี้นี่เองที่ผ่านมา

“อร่อยมากเลยครับป้าบัว อมเปรี้ยวนิดๆ ด้วยไนล์ชอบ” น้องยิ้มจนตาปิดก่อนจะได้ยินเฉลยจากป้าบัว

“บัวไม่ได้เป็นคนคั้นให้คุณหนูหรอกค่ะ คุณภูต่างหากที่ทำให้คุณหนู”

ไนล์หน้าหงิกทันทีที่ได้ยินแบบนั้น พร้อมกับบ่นพึมพำว่า ‘ไม่เห็นต้องมายุ่ง’

ผมเองจากที่ยิ้มหน้าบานก็ค่อยๆ หน้าเจื่อนลง เพราะไม่ได้คาดคิดว่าน้องจะไม่อยากข้องเกี่ยวกับผมขนาดนี้ แต่ก็อย่างว่าผมทำกับน้องไว้มาก ที่โดนแค่นี้ยังไม่ได้ครึ่งที่ผมทำกับไนล์ไว้เลย และเพื่อไม่ให้น้องลำบากใจผมเลยตัดสินใจพูดออกไปกลางๆ เพราะหวังว่าจะไม่ทำให้น้องหลบเลี่ยงผมมากไปกว่านี้

“งั้นไนล์คิดเสียว่าพี่คั้นลูกกินก็ได้ครับ ไนล์ได้กินลูกก็ได้กินด้วย... แบบนั้นไนล์จะได้สบายใจดีไหม”

น้องตวัดสายตามามองผมทันทีที่ได้ยินผมพูดแบบนั้น น้องผลักชามโจ๊กออกห่างจากตัว ก่อนจะลุกขึ้นยืนพรวดพราด ทำเอาคุณพ่อที่กำลังอ่านอะไรสักอย่างอยู่ในไอแพดถึงกับละสายตาขึ้นมองน้องที่จู่ๆ ก็ยืนขึ้น ส่วนคุณแม่กำลังทำสีหน้าลำบากใจใส่ผม

ไนล์ยกมือขึ้นปากดน้ำตาลวกๆ ผมตกใจมากที่จู่ๆ น้องก็ร้องไห้ ก่อนที่เจ้าตัวจะผลุนผลันเดินออกไปจากโต๊ะกินข้าว พร้อมกับพูดขอตัวเสียงสั่นเสียงเครือ

“ไนล์ขอไปนอนพัก.. ฮึก ไปนอนพักก่อนนะครับ ไม่อยากทานอะไรแล้ว”

พอพูดจบน้องก็เดินเร็วๆ ออกไปทันที ผมเห็นคุณแม่จะลุกตามน้องออกไปก็เลยรั้งท่านไว้เนื่องจากเห็นท่านกำลังทานข้าวอยู่ ก่อนจะอาสาตามน้องออกไปเอง ท่าทางการเดินเร็วๆ แบบนั้นของไนล์ทำเอาผมเป็นกังวล เพราะเดี๋ยวเดินขึ้นบันไดเกิดหกล้มหรือเป็นอะไรขึ้นมาผมต้องขาดใจแน่ๆ

“ไนล์ .. ไนล์เดินช้าๆ ครับ เดี๋ยวหกล้มนะ”

ผมวิ่งไปจนทันน้องเลยต้องเดินรั้งประกบอยู่ข้างหลังคนตัวเล็กกว่าอยู่ห่างๆ ทั้งที่ใจจริงอยากจะเข้าไปประคองน้องเอาไว้เพื่ออยากให้แน่ใจว่าน้องจะปลอดภัยหากอยู่ในอ้อมแขนของผม แต่ก็กลัวว่าการผลีผลามเข้าใกล้น้องแบบนั้นอาจจะทำให้น้องอึดอัดได้ สุดท้ายเลยได้แต่เดินตามหลังอยู่ห่างๆ แทน

ผมเดินตามน้องมาจนถึงหน้าประตูห้องนอน ผมเห็นไนล์จับลูกบิดแน่น มือเล็กสั่นเทาจนผมสังเกตได้ ก่อนที่จู่ๆ ใบหน้าหวานที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาเต็มสองแก้มจะหันหน้ามา น้องใช้มือเล็กๆ ผลักอกผมอย่างแรง แต่ด้วยความที่ผมตัวใหญ่และไนล์ก็มีแรงอยู่แค่นั้นเลยไม่ได้ทำให้ผมสะดุ้งสะเทือนเท่าไหร่ ในทางตรงกันข้ามผมกลับเป็นห่วงด้วยซ้ำ กลัวว่าน้องจะเจ็บมือ แต่ที่เหนือไปกว่านั้นก็คือความกังวลใจที่เห็นไนล์ร้องไห้ ผมไม่รู้ว่าตัวเองเผลอทำอะไรให้น้องโกรธอีก หรือเป็นเพราะเรื่องน้ำส้มที่ผมคั้น .. แต่ผมก็บอกไปแล้วนี่ว่าให้ถือว่าผมทำให้เจ้าตัวเล็กทาน แล้วทำไมไนล์ถึงยังโกรธผมอยู่


อันนี้ผมนึกไม่ออกเลยจริงๆ


“ฮึก.. ตามมาทำไม? ไม่ต้องตามมาเลยนะ” น้องตวาดใส่ผมหน้าดำหน้าแดง เหมือนกับทั้งโกรธทั้งเสียใจ โดยที่ผมไม่รู้เลยว่ามีสาเหตุมาจากอะไร แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ใจเย็นมากพอที่จะไม่เอาความโกรธของน้องมาเก็บเป็นอารมณ์ของตัวเอง

“พี่กลัวไนล์หกล้ม ไนล์เดินเร็วมากเลยนะเมื่อกี้” ผมว่าพลางจับข้อมือเล็กไว้หลวมๆ พยายามแสดงออกทางภาษากายให้มากที่สุดเพื่อให้น้องรู้ว่าผมเป็นห่วงเขามากแค่ไหน

“อ๋อ ใช่สิ.. ฮึก ผมลืมไปว่าผมอุ้มท้องลูกของคุณอยู่ คุณคงจะเป็นห่วงลูกคุณมาก คงกลัวว่าผมจะซุ่มซ่าม กลัวผมจะไม่ระวัง ไม่ใส่ใจจนพลาดทำให้ลูกคุณได้รับอันตรายสินะ!” น้องมองผมด้วยสายตาเจ็บปวดและตัดพ้อ “ถ้าคุณเป็นห่วงเรื่องนั้นก็ไม่ต้องกังวลไป อย่าลืมสิว่าเด็กคนนี้ก็ลูกของผมเหมือนกัน! เขาไม่ใช่ลูกของคุณคนเดียวสักหน่อย!”

ไนล์พยายามสะบัดข้อมือที่ผมกุมไว้แรงๆ ราวกับอยากให้ผมปล่อย แต่ผมไม่ยอมปล่อย ยิ่งได้ยินถ้อยคำที่น้องพูดตัดพ้อมาผมยิ่งไม่อยากปล่อย ผมนึกรู้ในตอนนั้นว่าน้องเป็นอะไร

น้องกำลังน้อยใจที่ผมทำเหมือนกับว่าผมเป็นห่วงลูกมากกว่าน้อง ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย ผมเป็นห่วงทั้งลูกทั้งน้องนั่นแหละ ไม่ว่าใครเจ็บผมก็คงจะขาดใจตายไม่ต่างกัน

“โถ่ เด็กดี.. ไนล์เข้าใจผิดแล้ว มันไม่ใช่แบบนั้นเลยนะครับ” ผมออกแรงเบาๆ ดึงน้องเข้ามาใกล้ๆ แม้น้องจะทำแข็งขืนใส่ แต่ก็สู้แรงผมไม่ได้ น้องเลยเหมือนถูกผมกอดไว้หลวมๆ

ผมก้มลงตรงซอกคอและบ่าของคนตัวเล็กกว่า สูดดมกลิ่นหอมประจำตัวของไนล์เข้าปอดเบาๆ กลิ่นหอมคล้ายแป้งเด็กทำให้ผมหายเหนื่อยและรู้สึกดีทุกครั้ง มันเหมือนกับว่าผมได้น้องคืนมาอยู่ใกล้ๆ เหมือนครั้งที่เราอยู่ที่คอนโดด้วยกัน

ผมไม่รู้ว่ามันคือกลิ่นอะไร ไม่เชิงว่าเป็นกลิ่นน้ำหอม แต่น่าจะเป็นกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ไนล์ชอบใช้ ทั้งเขาและผมมีเสื้อผ้ากลิ่นเดียวกัน นั่นทำให้ผมรู้สึกสบายใจทุกครั้งเมื่อได้กลิ่นแบบนี้

“ฮึก.. เข้าใจไม่ผิด! อย่ามาโกหก คนนิสัยไม่ดี.. ชอบ ฮืออ ชอบทำตัวนิสัยไม่ดี”

น้องพยายามขืนตัวออกแต่ผมไม่ปล่อย มือเล็กที่ดันอยู่ตรงอกเลยเปลี่ยนเป็นทุบตีผมแทน แต่ผมก็ไม่เจ็บหรอก อย่างที่บอกน้องมีแรงแค่นั้นไม่ทำให้ผมสะดุ้งสะเทือนเลยสักนิด

ผมปล่อยให้น้องตีไปไม่ได้ปัดป้อง เผื่อจะทำให้น้องรู้สึกดีและหายโมโหผมเร็วขึ้น

“ครับๆ พี่นิสัยไม่ดี... พี่ผิดเอง พี่ภูขอโทษหนูนะครับ ขอโทษทุกอย่างเลย ขอโทษที่ทำตัวไม่น่ารัก ขอโทษที่พูดจาไม่ดี ขอโทษนะครับที่ทำให้หนูโกรธแล้วก็เสียใจ หนูยกโทษให้พี่ได้ไหมครับคนดี”

ผมตัดสินใจเอาน้ำเย็นเข้าลูบ ไนล์ยังคงสะอื้นเบาๆ แต่ไม่ดิ้นรนต่อต้านเท่าในครั้งแรกแล้ว น้องร้องไห้เงียบๆ อยู่กับอกผม ผมเองก็กอดไนล์ไว้แบบนั้น และค่อยๆ กอดไนล์แน่นขึ้นเมื่อเห็นว่าไนล์โอนอ่อนลงมากกว่าเดิม

และผ่านไปสักพักผมก็รู้สึกได้ถึงแรงพิงที่น้องโน้มลงมาหาผมทั้งตัว พอผมก้มลงมองคนในอ้อมกอด ผมก็เลยได้เห็น... ไนล์หลับ น้องร้องไห้จนหลับคาอกผมไปเลย

ผมหลุดยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูเมื่อเห็นว่าจู่ๆ เด็กน้อยของผมที่เมื่อกี้ยังร้องไห้โวยวายอยู่เผลอหลับไป ซึ่งผมก็พอรู้มาอยู่บ้างจากที่อาหมอบอก และจากที่ไปหาอ่านมาเพิ่มเติมเลยพอที่จะทำให้ผมเข้าใจว่าไนล์จะเพลียมากเป็นพิเศษในช่วงสองถึงสามเดือนแรกของอายุครรภ์ แต่ไม่คิดว่าน้องจะหลับกลางอากาศแบบนี้

ผมค่อยๆ ดันตัวไนล์ออกช้าๆ และเบาๆ ระวังไม่ให้คนขี้น้อยใจตื่น ก่อนจะค่อยๆ ช้อนตัวไนล์ขึ้นแนบอก โชคดีที่น้องบิดประตูเปิดไว้แง้มๆ แล้ว ผมเลยใช้ไหล่ดันเปิดเข้าไปได้เลย ผมอุ้มพาไนล์ที่หลับปุ๋ยไปวางเบาๆ ลงบนเตียง น้องพลิกตัวอืออานิดหน่อย ราวกับกำลังหาท่าทางที่ตัวเองหลับสบายอยู่ ซึ่งไนล์ก็พลิกตัวไม่กี่ทีก็นอนตะแคงเอามือเท้าแก้มตัวเองแล้วนิ่งไป


(อ่านต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ Gade_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-4
(อ่านต่อจากด้านบน)

ผมมองน้องที่นอนหลับใหลเหมือนเด็กน้อยแล้วก็ต้องหลุดยิ้ม ไนล์ในเวลานี้น่ารักมากๆ เขาเหมือนเทวดาตัวน้อยที่ผมอยากดูแลให้เขาได้พักผ่อนโดยไม่มีใครมากวน และกว่าที่ผมจะรู้ตัวอีกที ผมก็ทรุดลงนั่งข้างเตียงของน้อง ใช้มือค่อยๆ ปัดและเกลี่ยผมน้องที่ตกลงมาเกะกะให้พ้นทาง ไม่ให้ทิ่มหูทิ่มตา เพื่อที่ไนล์จะได้หลับสบายมากที่สุด

“ฝันดีนะครับ .. ฝันถึงพี่บ้าง ใจอ่อนให้พี่เร็วๆ นะครับ”

ผมก้มลงจูบแก้มน้องเบาๆ พยายามไม่ให้รบกวนหรือเสียงดังจนอาจจะทำให้น้องตื่น จะว่าผมเห็นแก่ตัวก็ได้ แต่ผมอยากจะถ่วงเวลาไว้ตรงนี้ให้นานเท่านาน ขอให้ผมได้นั่งมอง ได้ดูแล ผมขอแค่นี้ขอไม่ให้น้องผลักไสผมไปไกลๆ ก็พอ

ผมนั่งมองไนล์อยู่แบบนั้น ใช้สายตาไล่สำรวจไปตามดวงหน้าใสที่ถึงแม้จะดูอิดโรยแต่ก็ยังคงน่ารักและสดใส ไม่รู้ว่าเป็นไนล์กำลังตั้งท้องหรือเปล่า ไนล์เลยดูมีน้ำมีนวลมากขึ้น น้องไม่ผอมเหมือนช่วงแรกที่เรารู้จักกัน เมื่อกี้ตอนที่ได้กอดน้องผมก็รู้ว่าน้องตัวนิ่มขึ้น กอดเต็มไม้เต็มมือมากขึ้น นี่ถ้าไนล์ไม่งอแง ผมก็ไม่รู้เลยว่าจะมีโอกาสได้เข้าใกล้ไนล์แบบนี้อีกเมื่อไหร่

ผมอยากกอดเขาทุกวัน หอมแก้มนิ่มๆ ของเขาทุกวัน จูบปากเล็กๆ สีแดงระเรื่อบ่อยๆ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะความโง่งี่เง่าของผม ป่านนี้ผมคงได้ทำทุกอย่างอย่างที่ใจผมอยากจะทำแล้ว แต่เพราะผมไม่รู้จักคิด ขาดสติ และควบคุมตัวเองไม่ได้ สุดท้ายเลยต้องโดนลงโทษให้ได้แต่นั่งมองน้องอยู่ห่างๆ แบบนี้ แตะต้องได้เฉพาะตอนน้องหลับ เพราะถ้าเป็นตอนรู้สึกตัวปกติน้องคงไม่ยอมให้ผมเข้าใกล้ง่ายๆ แน่ๆ

ผมไล่สายตามองน้องไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าท้องที่ตอนนี้ยังคงแบนราบ เมื่อวานผมโทรไปถามอาหมอเกี่ยวกับวิธีการดูแลไนล์มา และแอบถามด้วยว่าท้องของน้องจะเริ่มโตมากขึ้นตอนไหน ผมจะได้วางแผนการดูแลน้องและการทำงานของตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ

อาหมอบอกว่าโชคดีที่ไนล์ตัวเล็ก ท้องเลยอาจจะไม่ใหญ่มาก ไนล์อาจจะพอใช้ชีวิตประจำวันได้ไม่ลำบากเท่าไหร่ ซึ่งอายุครรภ์ประมาณสามสี่เดือนก็คงจะโตขึ้นมาให้มองเห็นได้บ้าง เพราะตอนนั้นพัฒนาการของเด็กก็น่าจะเริ่มมีมากขึ้นแล้ว

ผมตั้งใจฟังอย่างจดจ่อ และมาพอมาเห็นท้องของน้องวันนี้ก็อดตื่นเต้นไม่ได้ ... อีกไม่นานลูกของเราก็จะเริ่มมีรูปร่าง เริ่มมีแขนขาให้เห็นได้ชัด ผมแทบจะรอให้ถึงวันนั้นแทบไม่ไหวจริงๆ

ผมจ้องมองหน้าท้องของน้องอยู่แบบนั้น และพอเห็นว่าไนล์ยังคงหลับสนิทไม่มีท่าทีว่าจะตื่นง่ายๆ ผมเลยตัดสินใจวางมือลงบนหน้าท้องแบนราบของน้องเบาๆ ผมแค่แตะลงไปเท่านั้น และหวังว่าก้อนเลือดเล็กๆ ที่อยู่ในท้องของไนล์จะสื่อสารและรู้สึกถึงผมได้โดยสัญชาตญาณความเป็นพ่อเป็นลูกของเรา

“ตัวเล็กครับ .. ตัวเล็กต้องไม่ดื้อกับหม่าม้านะลูก ตัวเล็กต้องไม่กวนหม่าม้า ต้องให้หม่าม้าทานให้ได้ นอนให้หลับ เป็นเด็กของพ่อกับของหม่าม้านะครับ หม่าม้าจะได้ไม่เหนื่อยมาก.. ที่สำคัญตัวเล็กต้องดลใจให้หม่าม้าหายโกรธพ่อไวๆ เราสามคนพ่อแม่ลูกจะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเนาะ”

ผมก้มลงไปกระซิบเบาๆ ชิดกับหน้าท้องของน้อง พยายามให้เงียบเสียงที่สุดเพราะเห็นว่าไนล์กำลังหลับสบาย แต่ก็ไม่วายลูบเบาๆ ที่หน้าท้องแบนราบ ที่ซึ่งลูกตัวน้อยของผมกับน้องกำลังเจริญเติบโตอยู่

“อื้ออ...” น้องขมวดคิ้วมุ่นเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกรบกวนการนอน ผมเลยต้องชักมือออก แล้วเปลี่ยนมาเป็นลูบศรีษะทุยของน้องเบาๆ แทน พร้อมกับกระซิบบอกอย่างอ่อนโยน

กระซิบด้วยน้ำเสียงในแบบที่ไนล์ชอบฟัง น้ำเสียงของพี่ภูเมื่อสิบปีที่แล้ว พี่ภูที่เป็นเด็กชายในร้านไอศครีมคนนั้น

“ชู่วว... นอนต่อครับนอนต่อ ไม่มีใครกวนแล้ว ไนล์นอนต่อนะครับ”

น้องพลิกตัวอีกนิด และเหมือนจะสะลึมสะลือนิดหน่อยผมเลยต้องลูบศีรษะน้องเรื่อยๆ จนในที่สุดเปลือกตาสีอ่อนก็ถูกปิดลงไปอีกครั้ง แต่ผมก็ยังไงไม่วางใจคอยลูบหัวไนล์อยู่แบบนั้น จนกระทั่งลมหายใจของน้องสม่ำเสมอขึ้นบ่งบอกว่าตอนนี้ไนล์น่าจะหลับลึกไปแล้ว

ผมก้มลงหอมแก้มน้องเบาๆ อีกครั้งก่อนจะผละออก ผมดึงผ้าห่มที่กองอยู่ปลายเท้ามาห่มให้น้อง ปรับอุณภูมิแอร์ให้เหมาะสมไม่ร้อนไปหรือหนาวไป ก่อนจะกวาดสายตาสำรวจดูห้องของไนล์ ก่อนที่จะตระหนักได้ว่านี่เพิ่งเป็นครั้งแรกที่ผมได้เข้าห้องน้องจริงจัง และนั่นทำให้ผมต้องมองรอบๆ อย่างสนใจ

ห้องที่ไนล์อยู่มาตั้งแต่เกิด เรื่องราวมากมายที่อยู่ภายในห้องนี้ที่บอกความเป็นไนล์ได้อย่างดี

สีครีมนวลในห้องทำให้บรรยากาศและอารมณ์ในห้องดูอบอุ่นและสดใสในคราวเดียวกัน สีในห้องทำให้นึกถึงรอยยิ้มของน้อง ข้าวของในห้องถูกจัดเป็นระเบียบ ของกระจุ๊กกระจิ๊กในห้องไนล์มีไม่เยอะแต่ถึงอย่างนั้นมันก็ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ผมมองไปรอบๆ ก่อนจะไปสะดุดตาที่กรอบรูปอันหนึ่งที่วางอยู่ตรงโต๊ะหัวเตียงอีกด้าน

กรอบรูปที่มีผมกับไนล์ .. กรอบรูปที่ผมซื้อให้น้องตอนที่เราไปหัวหินด้วยกัน

ผมเดินอ้อมเตียงน้องไปก่อนจะหยิบกรอบรูปดังกล่าวขึ้นมาดู นี่คงเป็นของชิ้นเดียวที่ไนล์หยิบติดกลับมา จะว่าไปมันก็ช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ผมกับน้องมีร่วมกัน เพราะนอกนั้นก็มีแต่ผมที่ขยันทำให้น้องเสียใจ ในขณะที่น้องหวังดีกับผมทุกอย่าง

ผมวางกรอบรูปกลับไว้ตามเดิม และเดินอ้อมกลับมาฝั่งที่ไนล์นอนตะแคงหันมา ผมนั่งลงข้างเตียงอีกครั้งก่อนจะดึงมือน้องมากุมไว้ พร้อมกับกระซิบบอกคำที่หวังว่ามันจะมีปาฏิหารย์ให้ไนล์ได้ยินและรับรู้

“พี่สัญญาว่าพี่จะทำให้ทุกอย่าง... ให้เราสองคนกลับมาเป็นเหมือนเดิม”

ผมกุมมือน้องพร้อมกับนั่งมองหน้าน้องอยู่แบบนั้น จะกระทั่งเผลอหลับไป โดยที่มือยังไม่ได้ปล่อยออกจากมือน้องเลยแม้แต่วินาทีเดียว

.

.

.

Nateetouch’s Part


ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็บ่ายคล้อย เหมือนจะสดชื่นขึ้นนิดหน่อยเมื่อร่างกายได้นอนพัก ผมยอมรับเลยว่าตั้งแต่เริ่มตั้งท้อง ผมก็นอนเก่งมาก เหมือนง่วงอยู่ตลอดเวลา แถมยังขี้น้อยใจแล้วก็ชอบทำตัวงอแงด้วย ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ตัว ผมรู้ตัวดีทุกอย่างแต่ไม่รู้จะควบคุมตัวเองยังไง พอถามอาหมอ อาหมอก็บอกว่าเป็นปกติของคนท้อง และยิ่งผมเป็นผู้ชายความแปรปรวนของฮอร์โมนและอารมณ์เลยยิ่งมีมากกว่าผู้หญิงปกติทั่วไป นั่นเลยทำให้ผมอ่อนไหวง่ายเป็นพิเศษ


...โดยเฉพาะกับพี่ภู


ผมรู้นะว่าเขาพยายามจะเอาใจผม พยายามทำเรื่องระหว่างเราให้ดีขึ้น แต่ผมยอมรับว่าอดคิดไม่ได้ว่าที่เขากลับเข้ามานั้นเป็นเพราะลูกที่อยู่ในท้องหรือเปล่า แล้วถ้าผมไม่ท้องเขาจะกลับมาหาผมไหม เขายังอยากจะง้อขอผมคืนดี ยังอยากกลับให้เราไปเป็นเหมือนเดิมรึป่าว ผมไม่แน่ใจอะไรสักอย่าง เขาเอาแต่พูดว่าอยากดูแล


แต่เขาไม่เคยพูดว่าเขารัก...


นั่นเลยทำให้ผมยิ่งคิดมาก และก็จะคิดมากมากขึ้นเมื่อเขามีท่าทางห่วงใยอยากดูแลลูก จนบางครั้งผมก็นึกเกลียดตัวเองที่อิจฉาลูก แต่มันก็แค่ชั่วแวบเดียว มันเหมือนกับผมคิดมากไปเสียทุกเรื่องและผมก็ไม่ชอบเลยที่ตัวเองเป็นแบบนี้

ผมพลิกตัวเบาๆ เพื่อเตรียมจะลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะรู้สึกถึงมือใหญ่ที่รั้งมือผมไว้ พอหันมองข้างเตียง ผมก็เห็นพี่ภูฟุบหลับอยู่โดยกุมมือผมไว้แน่น ความรู้สึกต่างๆ ตีรวนขึ้นมาอีก ผมยอมรับว่าผมดีใจที่เขาอ่อนโยนกับผม แต่อีกใจผมก็ไม่แน่ใจเลยว่าความอ่อนโยนนี้เขามีให้ผม หรือมีให้ลูกของเรากันแน่

ผมตัดสินใจค่อยๆ ชักมือออกจากการเกาะกุมช้าๆ เบาๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำให้พี่ภูรู้สึกตัวตื่นอยู่ดี

เขางัวเงีย แต่ก็ร้องทักผมทันทีที่ลืมตา เขามองผมอย่างอบอุ่น ยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน แต่ใจผมกลับเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ

“ไนล์ตื่นแล้วหรอ? ปวดหัวไหม? คลื่นไส้หรือเปล่า?”

ผมไม่ตอบอะไร แค่ส่ายหน้าเบาๆ และเตรียมพลิกตัวหนี เพราะอยากเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา แต่พี่ภูกลับไม่ยอมให้ผมไปง่ายๆ

“ไนล์.. ไนล์เป็นอะไรครับ ไนล์โกรธอะไรพี่หรือเปล่า?” พี่ภูถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน ซึ่งบางทีที่เขาเป็นแบบนี้ผมเองก็อดแอบรู้สึกแย่กับตัวเองไม่ได้ ผมเคยจะใจอ่อนให้เขาหลายต่อหลายครั้ง แต่พอหวนนึกไปถึงสิ่งที่เขาทำกับผม ก็บอกตามตรงว่าผมหายโกรธเขาง่ายๆ ไม่ลง เพราะไม่อยากกลับให้ทุกอย่างไปเป็นเหมือนเดิมอีก


ให้อภัยเขาง่ายๆ ยอมเขาง่ายๆ และรักเขาง่ายๆ


สุดท้ายเขาก็ไม่เห็นค่าความรักของผม และเลือกที่จะเชื่อคำพูดของคนอื่นมากกว่า เพราะถ้าจะให้พูดตามตรงผมอาจจะโกรธแต่ผมเลิกรักเขาไม่ได้ง่ายๆ ขนาดนั้นหรอก ยิ่งมีลูกด้วยกันความผูกพันต่างๆ ที่ถูกส่งผ่านลูกก็ยิ่งมีมากขึ้นไปด้วย

แต่ถ้าจะให้ผมหายโกรธเขา กลับไปอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมผมก็ทำไม่ได้อีก ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะลูกอีกเช่นกัน ผมจะมั่นใจได้ยังไงว่าพี่ภูจะไม่เป็นแบบเดิม จะไม่เอาแต่ฟังคนอื่นและละเลยความรู้สึกผมเหมือนที่ผ่านๆ มาอีก ยิ่งมีลูกผมยิ่งต้องคิดเยอะ อย่างน้อยพี่ภูก็ต้องพิสูจน์ให้ผมเห็นว่าเขาจะไม่เป็นเหมือนเมื่อก่อน อย่างน้อยแม้ผมกับเขาจะไม่ได้ลงเอยกัน แต่ในฐานะพ่อของลูก ผมก็อยากให้เขาทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี

“เปล่าครับ ผมอยากเข้าห้องน้ำ” ผมบอก พี่ภูก็เลยรีบจัดการลุกขึ้นยืน เขาก้มลงมาทำท่าจะช้อนอุ้มผม แต่ผมห้ามไว้ “เดี๋ยวๆ คุณจะทำอะไร ผมเดินเองได้ ไม่ต้องถึงขนาดนี้.. แค่ท้อง ผมไม่ได้พิการนะ”

พี่ภูยิ้มอายๆ ตอนที่ได้ยินผมพูดแบบนั้น เขาเกาคอไปมาแก้เก้อ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงขำๆ

“พี่ลืมตัวน่ะ เพิ่งตื่นด้วยเลยงงๆ กลัวไนล์จะเดินไปห้องน้ำไม่สะดวก เลยจะอุ้มพาไป... พี่อยากดูแล”

ผมหน้าร้อนทันทีที่ได้ยินแบบนั้น พยายามทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ และพยายามไม่ให้พี่ภูเห็นด้วยว่าผมกำลังเขินและหวั่นไหวกับการแสดงออกของเขา

“ผมเดินเองได้... คุณรออยู่ที่นี่แหละ ไม่ต้องตามไปหรอก” ผมรีบบอกเพราะเห็นพี่ภูทำท่าจะเดินตามมา พี่ภูเลยชะงักเท้าไว้ ที่เขาทำมีเพียงมองตามผมไม่ละสายตา ถึงผมไม่หันไปผมก็รู้สึกได้ว่าเขากำลังมองผมอยู่

ผมยกมือขึ้นกุมหน้าอกซ้ายตัวเองโดยไม่ให้เขาเห็น นี่เขาเพิ่งจะเข้ามาอยู่บ้านผมวันแรก ก็เขย่าหัวใจผมจนไม่มีชิ้นดี แล้วแบบนี้ผมจะทนใจแข็งกับเขาไปได้นานสักเท่าไหร่กัน

.

.

.

“คุณหนูคะ คุณลมมาหาค่ะ” ผมที่นั่งเล่นเอกเขนกอยู่ที่สวนหลังบ้าน โดยมีพี่ภูนั่งเฝ้าอยู่ห่างๆ หันไปมองพี่กิ่งที่เข้ามาบอกด้วยใบหน้าติดจะมีรอยยิ้ม ทุกคนในบ้านรู้ดีว่าผมกับลมเป็นเพื่อนสนิทกัน และเขามักจะเข้านอกออกในบ้านผมบ่อยมาก

แต่ดูเหมือนจะมีคนนึงที่ไม่รู้ ... ไม่รู้แล้วก็มานั่งทำหน้าหงุดหงิดงุ่นง่านไม่พอใจอยู่ข้างๆ ผม

“ถ้าคุณหาเรื่องทะเลาะกับลม.. ผมสาบานเลยว่าผมจะไม่ยอมให้คุณเข้าใกล้อีกตลอดชีวิต”

ผมพูดขึ้นลอยๆ เมื่อเห็นท่าทีของพี่ภู แหงล่ะ ฟังดูก็รู้ว่าผมแค่ขู่ แต่พี่ภูในเวลานี้ยอมผมเสียยิ่งกว่ายอม เขายอมผมทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งตกปากรับคำทั้งที่ไม่ได้เต็มใจเท่าไหร่

“พี่ไม่หาเรื่องหรอก หนูก็บอกเพื่อนหนูด้วยแล้วกันว่าอย่ามาหาเรื่องพี่”

แก้มผมขึ้นสีทันทีที่ได้ยินสรรพนามที่พี่ภูใช้เรียก แต่ก็แสร้งทำหน้านิ่วทวนสรรพนามนั้นด้วยความไม่เข้าใจ “หนู?”

“ก็หนูนั่นแหละ พี่เรียกหนู... อยากเรียก” พี่ภูขยับเข้ามานั่งใกล้ๆ ผม ในขณะที่ผมต้องรีบเบือนหน้าหนี

ผมอดยอมรับไม่ได้เลยว่าตัวเองใจเต้นแรงมาก สามเดือนที่อยู่ด้วยกันมาไม่ใช่ว่าพี่ภูจะไม่รู้ว่าต้องเข้าหาผมยังไง หรือใช้วิธีไหนในการเรียกร้องความสนใจจากผม แต่เพราะที่ผ่านมาเขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น เพราะผมพร้อมที่จะดูแลและเอาใจใส่เขา แต่ในตอนนี้เวลานี้สถานการณ์มันกลับกัน ซึ่งนั่นก็ทำให้พี่ภูเรียนรู้ว่าเขาควรทำยังไง

“เขยิบออกไปครับ ผมจะลุกออกไปหาลม” ผมรีบพูด และเพราะคำพูดของผมก็ทำให้พี่ภูดูไม่ชอบใจไม่น้อย

“พี่ไปด้วย ไนล์ไปไหนพี่ไปด้วย” ผมหันไปมองหน้าเขาด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ “ไม่ทะเลาะ ไม่หาเรื่อง.. พี่สัญญากับไนล์แล้วไงครับ ให้พี่ไปด้วยนะ”

พี่ภูขยับเข้ามาหาผมอีกรอบ แถมยังใช้น้ำเสียงอ้อนๆ พูดกับผม จนผมต้องรีบเบือหน้าหนี

“จะไปไหนทำอะไรก็เรื่องของคุณเถอะ อย่าหาเรื่องทะเลาะกับเพื่อนผมแล้วกัน ไม่งั้นผมจะทำแบบที่พูดไว้แน่ๆ” ผมย้ำ เพื่อป้องกันแต่เนิ่นๆ เพราะถ้าขืนพี่ภูกับลมทะเลาะกันต่อหน้าผมอีกมีหวังวันนี้ผมได้หงุดหงิดอาละวาดใส่ทั้งคู่แน่ๆ ช่วงนี้ผมยิ่งอารมณ์ไม่ค่อยปกติอยู่ด้วย

“ครับ ครับ.. ไม่หาเรื่องครับ” พี่ภูรับคำเสียงค่อยดูเชื่อฟังผมอย่างไม่น่าเชื่อ

แต่จะว่าไป เขาก็ทำอะไรไม่น่าเชื่อมาหลายอย่างแล้วล่ะ เริ่มตั้งแต่การพาตัวเองมาอยู่ที่นี่ มาง้อผม มาขอคืนดี .. ตอนนี้ถ้าจะมีอะไรที่เขายอมทำอีกผมก็ว่าไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่แล้วล่ะ

ผมเดินทะลุจากสวนหลังบ้านเข้ามาในส่วนของห้องนั่งเล่นก็เห็นลมนั่งรออยู่ เขากำลังกดดูข้อมูลอะไรบางอย่างอยู่ในโทรศัพท์ พอผมเดินเข้าไปเขาก็ละความสนใจจากมือถือตรงหน้า แล้วหันมาหาผมแทน

“ไนล์” เขายิ้มกว้างตอนเดินเข้ามาหาผม แล้วก็ต้องหุบยิ้มเมื่อเห็นพี่ภูเดินตามมาติดๆ “ตามมาทำไมวะ ใครอยากเจอ”

ลมบ่นพึมพำ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ได้ยิน แน่นอนว่าพี่ภูเองก็ได้ยิน ผมเห็นเขาเม้มปากแน่นและพยายามเบือนหน้าไปทางอื่นท่าทางอดกลั้นน่าดู .. แต่ผมก็ไม่ได้บอกให้เขาตามมาสักหน่อยนะที่จริง

“ว่าไงลม? มาหาเรามีอะไรรึเปล่า?” ลมเดินเข้ามาจูงมือผมไปนั่ง ในขณะที่พี่ภูทำอะไรไม่ได้มากเนื่องจากสัญญากับผมไว้ เขาเลยได้แต่มองตาขวางไปเรื่อย

“ไม่มีอะไรหรอก ลมแค่คิดถึง แล้วก็ซื้อมะม่วงมาฝากด้วย เห็นพี่เทมส์บอกว่าพักนี้ไนล์กินอะไรไม่ค่อยได้ ชอบกินแต่ผลไม้เปรี้ยวๆ” ลมพูดพลางส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ผม

“อืม.. มีแพ้ท้องบ้างอยู่ แต่ก็ดีขึ้นเยอะแล้ว จะหนักหน่อยก็ช่วงเช้าหลังตื่นนอน จะอาเจียนหนักๆ ก็ช่วงนั้นแหละ” ผมเล่าอาการให้ลมฟัง โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่ามีอีกคนเงี่ยหูฟังอยู่ใกล้ๆ

“แล้วลุกเข้าห้องน้ำห้องท่าไม่อันตรายหรอ? เช้าๆ เกิดเวียนหัวขึ้นมาจะทำยังไง?” ลมถามด้วยสีหน้ากังวล “งั้นช่วงนี้ให้ลมมานอนค้างเป็นเพื่อนดีไหม พอไนล์ดีขึ้นแล้วค่อย..”

“ไม่ต้อง!” ผมสะดุ้ง เพราะกำลังตั้งใจฟังลมพูดอยู่ แต่จู่ๆ พี่ภูก็โพล่งออกมาอย่างไม่พอใจ ทั้งที่ลมยังพูดไม่จบเลยด้วยซ้ำ “ไม่ใช่หน้าที่ของนาย! ฉันย้ายมาอยู่ที่นี่ก็เพื่อดูแลไนล์ ดูแลลูก และทำหน้าที่นี้ นายมีสิทธิ์อะไรกันที่จะมาก้าวก่ายเรื่องของเราสองคนผัวเมีย”

“คุณคีริน!” ผมเรียกชื่อพี่ภูออกมาด้วยความไม่พอใจ

.. อีกแล้ว เอาอีกแล้ว พอเวลาเขาหงุดหงิดและขาดสติทีไร เขาชอบเป็นแบบนี้ทุกที

และผมก็ไม่ชอบเลย.. มันทำให้ผมหวนนึกถึงคืนนั้น ที่โรงแรมนั่น มันค่อนข้างที่จะเป็นความทรงจำที่เลวร้าย เป็นวันที่ผมได้เจอและรู้จักกับพี่ภูที่ผมไม่รู้จักเลยสักนิด

พี่ภูดูจะตั้งสติขึ้นมาได้หลังจากที่เจอผมเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่าไม่พอใจ

“พี่ขอโทษครับ พี่แค่อยากบอกให้เพื่อนของไนล์รู้ว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของเขา ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะอาสามาขอทำแทนพี่ พี่ไม่อยากให้เขาเข้ามาก้าวก่าย..”

“แต่ลมเป็นเพี่อนผม และคุณก็ไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายความเป็นเพื่อนของเราสองคนเหมือนกัน... ผมว่าผมบอกคุณเรื่องนี้ไปแล้วนะ”

ผมพูดสวนพี่ภูทันทีโดยไม่รอให้เขาพูดจบ ที่ผมพูดปกป้องลมไม่ใช่เพราะผมจะเอาคืน หรืออยากจะแค่ทำให้เขารู้สึกแย่ แต่ผมไม่อยากให้เขาพูดจางี่เง่าไม่ดีใส่เพื่อนผม ทั้งๆ ที่ลมก็แค่หวังดี มันมีวิธีปฏิเสธตั้งเยอะแยะ เขาไม่จำเป็นต้องพูดแบบนี้ก็ได้ เพราะถึงแม้ว่าพี่ภูจะไม่ออกตัว ยังไงผมก็ไม่กล้ารับความหวังดีของลมอยู่แล้ว

แต่การที่พี่ภูพูดออกมาแบบนั้นมันคือความไม่ไว้หน้าใคร มันคือความไม่ทันยั้งคิด และเขาก็มักจะเป็นแบบนี้เสมอเวลาที่โมโห

ถ้าเขาคิดจะปรับตัว ก็ต้องปรับเสียตั้งแต่ตอนนี้ เพราะถ้าพี่ภูทำไม่ได้ ผมก็ไม่กล้าที่จะฝากลูกตัวเองไว้ในมือของเขาเหมือนกัน ก็อย่างที่บอกแหละ แม้ว่าสุดท้ายแล้วเขากับผมจะไปด้วยกันไม่ได้ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม แต่ผมจะไม่กีดกันเรื่องของเขากับลูก เพราะยังไงเขาก็เป็นพ่อ

ซึ่งมันก็ต้องอยู่บนพื้นฐานที่ว่าเขาปรับตัวแล้ว และพร้อมมากพอที่จะดูแลเด็กตัวเล็กๆ ที่กำลังจะลืมตาดูโลก

“พี่ขอโทษครับ.. งั้นพี่ไปรอข้างนอกแล้วกัน ไนล์คุยกับเพื่อนไนล์เถอะ”

พี่ภูพูดบอกผมเสียงเบา ก่อนที่เขาจะเดินออกไปเงียบๆ ผมเองก็เหลียวหันไปมอง ยอมรับว่าใจวูบโหวงไม่น้อย ผมรู้ว่าเขาน้อยใจที่ผมพูดแบบนั้นใส่เขาต่อหน้าลม มันอาจจะดูเสียศักดิ์ศรีและทนไม่ได้ ทั้งที่ความจริงแล้วผมไม่ได้มีเจตนาอื่นใดเลยนอกจากจะเตือนสติเขาเท่านั้น

ผมทรุดตัวลงนั่ง นึกหนักใจปนๆ รู้สึกผิด จนลมเดินมานั่งข้างๆ และโอบผมไว้หลวมๆ .. เขามักจะทำอย่างนี้เสมอเวลาที่ผมไม่สบายใจ

“เป็นเพราะลมรึป่าวที่ทำให้เขากับไนล์ทะเลาะกัน” ลมถามผม ผมเองที่เหนื่อยใจเหลือเกินก็ยังไม่ตอบอะไรนอกจากเอนตัวพิงเพื่อนสนิทเหมือนเป็นปฏิกริยาที่เป็นไปตามธรรมชาติของเราสองคน

“ไม่หรอก” ผมตอบพร้อมกับถอนหายใจ “ถ้าเขาจะอยากเป็นพ่อที่ดี เขาต้องปรับตัวและต้องใจเย็นมากกว่านี้ให้ได้”

เราสองคนนั่งเงียบ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร เหมือนกับมันเป็นบรรยากาศของความผ่อนคลายที่จะช่วยเยียวยาทั้งผมและเขา

“ลมถามจริงๆ เลยนะ.. ถามแบบ ถามจริงๆ” ลมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง จากที่มองตรงไปข้างหน้า ตอนนี้เขาเบือนสายตาหันกลับมาหาผม “นอกจากความเป็นพ่อที่ดีที่ไนล์อยากให้เขาเป็นแล้ว มันมีอะไรอย่างอื่นนอกเหนือจากนี้ไหมที่ไนล์อยากให้เขาเป็น.. อะไรที่ไนล์รอมาเป็นสิบปีน่ะ?”

ผมเงียบ ไม่ตอบ ใช้เวลาครุ่นคิดกับคำถามนี้นานกว่าที่คิด ก่อนจะเอ่ยปากตอบเมื่อค้นหาอย่างถี่ถ้วนแล้วว่ามันน่าจะใช่ความรู้สึกนี้

“เราไม่รู้หรอกลม .. เราไม่รู้”

... ใช่ ผมไม่รู้อะไรเลยจริงๆ

.

.

.

To Be Continue

----------------------------------------------

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์และกำลังใจนะคะ ช่วงนี้.. เหนื่อยๆ นิดหน่อย ต้องขอโทษด้วยที่มาช้า

แล้วไว้เจอกันตอนหน้าค่ะ .. รัก ^^

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
หึหึหึ 55555  อ่านละขำอ่ะ ไปๆโอ๊ยยคืนดีกันรักกันให้จบๆเถอะ 555 ให้อภัยเขาง่ายๆ ยอมเขาง่ายๆ และรักเขาง่ายๆ ก็นี้ละมันตัวเธอที่สุด .... แล้วยังไงหรอ 55555 เขามาจิกกัดตัวละคร ไม่สามารถหยุดตามได้เลย 55555  :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
สู้ๆน้า

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
หึหึหึ 55555  อ่านละขำอ่ะ ไปๆโอ๊ยยคืนดีกันรักกันให้จบๆเถอะ 555 ให้อภัยเขาง่ายๆ ยอมเขาง่ายๆ และรักเขาง่ายๆ ก็นี้ละมันตัวเธอที่สุด .... แล้วยังไงหรอ 55555 เขามาจิกกัดตัวละคร ไม่สามารถหยุดตามได้เลย 55555  :pig4: :pig4:

เราก็รู้สึกเหมือนกันเลยค่ะ คืนดีกันไปเถอะไม่ต้องไปงอนหรือเคืองอะไรมันแล้ว แบบอ่านแล้วหมั่นไส้อิพี่ภูมันจริง ๆ อยากบอกว่าเป็นพระเอกที่เขียนได้น่าหมั่นไส้และทำให้เรารู้สึกรำคาญและเกลียดตัวละครนี่ได้มากเลยค่ะ ยอมรับเลย รออ่านตอนต่อไปนะคะอยากรู้ว่าจะใจอ่อนไปได้อีกนานแค่ไหนกัน

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ Gade_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-4
Universe 36th : อีกก้าว


พักหลังมานี้ผมรู้สึกว่าไม่ชอบตัวเองเลย อารมณ์ผมแปรปรวนมากขึ้นเมื่ออายุครรภ์ของผมย่างเข้าสู่เดือนที่สาม ผมมักจะหงุดหงิดง่าย น้อยใจ และวิตกอะไรเกินเหตุอยู่บ่อยๆ และที่เป็นมากจนผมกังวลก็คืออาการเวียนหัว บางครั้งผมมักจะหน้ามืดโดยไม่มีสาเหตุ ลุกเร็วๆ ก็วูบ ตื่นนอนตอนเช้าก็วูบ

ซึ่งก็ดูเหมือนว่าพี่ภูเองจะสังเกตเห็นอาการนี้ของผมอยู่เหมือนกัน เขาคอยดูแลผมไม่ห่าง โดนผมตวาดใส่ อารมณ์เสียใส่ไปก็บ่อย แต่เขาก็ใจเย็นมากขึ้น บางทีผมพูดไม่ดีใส่เขา เขาก็นิ่ง ถ้าไม่ยิ้มใส่ก็จะถอยฉากออกไปเพื่อไม่ให้ผมหงุดหงิด อย่างวันนี้ก็เหมือนกัน ผมเผลอพูดจาไม่ดีใส่พี่ภูและเผลอไล่เขาไปโดยที่ตัวเองไม่ได้ตั้งใจ

“ไนล์ วันนี้ไนล์หน้าซีดๆ ไนล์จะไปทำงานไหวหรอครับ?”

“ไหวครับ” ผมบอกปัด พยายามจะเดินเลี่ยงหนีพี่ภูที่ขวางอยู่ตรงประตูทางออกบ้าน เขาทำท่าเหมือนจะไม่ยอมให้ผมไปทำงานตั้งแต่วันก่อนแล้วแต่ผมไม่ยอม

“ไนล์ ไม่ดื้อได้ไหมครับ พี่เป็นห่วงไนล์จริงๆ นะ”

พี่ภูยึดข้อมือผมไว้ไม่ให้ผมเดินหนี แต่ผมก็ไม่ฟัง “ปล่อยครับ ผมจะไปทำงาน วันนี้มีประชุม คุณกำลังทำให้ผมเสียเวลานะ”

“ไนล์ พี่ขอร้อง ไนล์พักผ่อนอยู่บ้านได้ไหม เรื่องทำงานปล่อยให้เป็นหน้าที่พี่เถอะนะ พี่ดูแลไนล์กับลูกได้ ต่อให้ไนล์ไม่ทำอะไรเลยทั้งชีวิตพี่ก็ดูแลไนล์ได้”

ความโกรธที่มาจากไหนไม่รู้จู่ๆ ก็พุ่งปรี๊ด ผมสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของพี่ภูทันที พร้อมกับพูดใส่อีกฝ่ายอย่างโมโห

“หึ! คุณมาบอกให้ผมทำแบบนั้น แล้วอีกหน่อยก็มาดูถูกกันไล่หลังน่ะหรอ? ฝันไปเถอะ! ลูกผม ชีวิตผม ผมดูแลเองได้ คุณไม่ต้องมายุ่งกับผมหรอก!”

“ไนล์ พี่…” พี่ภูพยายามพูดอะไรสักอย่าง แต่ตอนนั้นผมหงุดหงิดมาก เลยไม่อยากจะฟังอะไรจากเขาสักนิด

“เลิกยุ่งกับผมสักทีได้ไหม! จะไปไหนก็ไป! อย่ามาขวางทางกัน!”

ผมปัดมือพี่ภูที่กำลังจะยื่นมายึดข้อมือผม พร้อมกับออกแรงผลักอกคนที่กำลังยืนขวางไปให้พ้นทาง และดูเหมือนว่าปฏิกริยาแบบนี้ของผมจะไม่ใช่สิ่งที่พี่ภูคาดไว้ เขาเลยไม่ทันตั้งตัว เซถลาไปชนกับขอบประตูด้านหลังเสียงดัง

ผมผละออกมาแต่ก็หันไปมองพี่ภูนิดหน่อย เลยทันได้เห็นสายตาที่แสดงความเสียใจและตัดพ้อส่งมายังผมแบบปิดไม่มิด แต่เพราะความแปรปรวนของอารมณ์ทำให้ผมตัดสินใจเดินออกมา ก่อนจะทำอะไรที่แย่ไปยิ่งกว่าเดิม

“ไปกันเลยไหมครับคุณหนู” ลุงชัยถามผมเมื่อเห็นผมเดินตรงไปที่รถ ก่อนที่แกจะกวาดตามองรอบๆ เพื่อมองหาพี่ภู เพราะพักหลังมานี้เขาแทบจะตามติดผมเป็นเงา “แล้วคุณภูล่ะครับ?”

“ออกรถเถอะครับลุง เช้านี้ไนล์มีประชุม”

ผมตัดบทไม่ตอบอะไรลุงชัย ซึ่งแกก็ไม่เซ้าซี้ถามแม้แกจะสงสัยไม่น้อยก็ตาม เพราะตั้งแต่ที่ผมตั้งท้องที่บ้านก็อยากให้ผมพัก แต่เป็นผมเองที่ดื้อดึง เพราะตอนนี้ท้องผมยังไม่โตมาก มันยังพอไปไหนมาไหนได้ ยังพอทำงานได้ ผมก็ยังอยากจะทำก่อน เพราะแค่ที่ผมหายไปสามเดือนไม่ได้ช่วยพี่เทมส์ทำอะไรเลย ผมก็รู้สึกผิดจะแย่แล้ว นี่ผมยังจะมาตั้งท้องแล้วโยนภาระงานทุกอย่างให้พี่เทมส์รับผิดชอบอีก ทั้งที่มันเป็นธุรกิจของที่บ้านเรา อีกอย่างตอนนี้พี่เทมส์เองก็ยุ่งๆ กับโปรเจคมิกซ์ยูสพอตัว ผมทำใจให้เห็นแก่ตัวไม่ลง ในเมื่อผมยังพอทำงานไหวผมก็อยากที่จะทำ

ลุงชัยขับรถออกจากบ้านโดยมีผมโดยสารไปแค่คนเดียว ทั้งที่ปกติจะมีพี่ภูไปด้วย ที่จริงเขาเองก็ขันอาสาจะเป็นคนรับส่งผมนั่นแหละ แต่ผมไม่ยอม ไม่อยากให้เขามายุ่ง เลยบอกว่าจะขับรถไปเอง แต่ที่บ้านไม่ยอม สุดท้ายเลยกลายเป็นเจอกันตรงกลางโดยให้ลุงชัยเป็นคนขับรถรับส่ง พี่ภูก็เลยมาขออาศัยรถลุงชัยไปด้วยทุกวัน ผมเองก็ตั้งท่าไม่ยอม ผมบอกว่าอยากนั่งเบาะหลังคนเดียวสบายๆ ไม่อยากอึดอัด พี่ภูก็บอกว่านั่งหน้าได้ เขาไม่ถือสาอะไรทั้งนั้น ขอแค่ได้ไปทำงานพร้อมผม ได้เห็นว่าผมไปถึงที่ทำงานอย่างปลอดภัยพร้อมกันกับเขา ซึ่งพ่อและแม่ก็เห็นดีด้วย

มีแต่พี่เทมส์ที่ไม่ยอม เขายืนยันจะเป็นคนดูแลไปรับไปส่งเอง แต่ด้วยเพราะพี่เทมส์งานยุ่งไปทำงานและเลิกงานไม่เป็นเวลา เลยทำให้ผลสรุปสุดท้ายต้องกลายเป็นลุงชัยขับรถรับส่งผม โดยมีพี่ภูตามไปด้วยตลอด

เพิ่งจะมีวันนี้ที่ผมไล่เขา และเขาก็ยอมไปตามที่ผมไล่จริงๆ

ผมนั่งน้ำตาไหลเงียบๆ ยิ้มให้ตัวเองขื่นๆ ไม่ใช่ผมไม่เสียใจหรือรู้สึกผิด แต่ผมควบคุมตัวเองไม่ได้ ซึ่งมันก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ สุดท้ายใครจะอยากมาทนอยู่กับคนประหลาดแบบผม เป็นผู้ชายแถมยังตั้งท้องได้ยังไม่พอ แล้วไหนจะอารมณ์แปรปรวนขึ้นๆ ลงๆ แบบนี้อีก ที่พี่ภูฝืนทนอยู่ด้วยมาจนถึงทุกวันนี้ก็นานมากพอแล้ว เผลอๆ ถ้าผมไม่ได้อุ้มท้องลูกของเขาอยู่ เขาอาจจะไม่คิดอยากกลับเข้ามาในชีวิตผมก็ได้

และสุดท้ายเขาก็ไปจากชีวิตผมจริงๆ สมใจ .. แต่ทำไมมันถึงได้เจ็บมากมายเหลือเกิน

.

.

.

ผมเพลียและปวดหัวมาก อาการคลื่นเหียนและแพ้ท้องวนกลับมาทำร้ายผมอีกครั้ง ผมพยายามฝืนอยู่ประชุมช่วงเข้าจนเสร็จ ตาก็คอยเหลือบมองตลอดว่าพี่ภูจะเปิดประตูเข้ามาหาเมื่อไหร่ แต่สุดท้ายมันก็เป็นได้แค่ความหวังลมๆ แล้งๆ เพราะจนแล้วจนรอด ผมประชุมเสร็จก็ไม่เห็นวี่แววว่าพี่ภูจะปรากฎตัว

ผมโทรบอกลุงชัยให้เอารถวนมารับเพราะอยากกลับไปนอนพักที่บ้านแล้ว ระหว่างทางที่เดินกลับห้องทำงานผมก็ส่งข้อความบอกพี่เทมส์ด้วยว่าผมขอกลับบ้านก่อนเพราะเริ่มมีอาการแพ้ท้องอีกแล้ว พี่เทมส์ไม่ว่าอะไร ผมเลยจัดการเก็บของกลับบ้านก่อนที่จะวูบไปก่อนได้ถึงรถ

ผมมองไปที่โต๊ะทำงานที่ตั้งอยู่อีกฝั่งของห้อง ปกติพี่ภูจะนั่งจ้องมองผมอยู่ตรงนั้นไม่ให้คลาดสายตา เขาขอพี่เทมส์ทำงานที่ออฟฟิศ เลี่ยงการออกไปไหนเพราะไม่อยากให้ผมอยู่คนเดียว โดยที่พี่ภูแทบจะเหมางานออกแบบแปลนทั้งตึกมาทำด้วยตัวเอง และปล่อยให้พี่เทมส์ทำหน้าที่ประสานงาน ติดต่อกับภายนอกไป ซึ่งงานของทั้งคู่ก็ไม่ใช่ว่าจะน้อย แต่พี่ภูเองก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมาโดยตลอด ไม่ขาดตกบกพร่องอะไรเลย

ทั้งหน้าที่ในงานของเขา และหน้าที่ในการดูแลผม เขาแทบจะไม่เคยปล่ยให้ผมคลาดสายตา

จนกระทั่งวันนี้ตอนนี้ไมามีเขาอีกแล้ว เขาคงถอดใจจากผมแล้งฝวล่ะ ใครจะอยากมาทนกับคนงี่เง่าแบบผมกัน

ผมเก็บของไปน้ำตาไหลไป ถึงแม้จะอยากให้มันเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ทีแรก แต่พอถึงเวลาผมก็อดยอมรับไม่ได้ว่าผมเสียใจ เพราะสุดท้ายแล้วพี่ภูก็ทำไม่ได้จริงๆ อย่างที่เคยบอกไว้ ก็เหมือนทุกครั้ง... เหมือนที่ผ่านมาตลอดนั่นล่ะ

ผมนั่งพักหลับตามาในรถตลอดทางจนกลับถึงบ้าน ผมตะกายขึ้นห้องนอนอย่างยอมแพ้ ยิ่งอายุครรภ์มากขึ้นผมยิ่งง่วงยิ่งเพลีย โชคดีหน่อยที่ไม่ค่อยแพ้ท้องเหมือนช่วงแรกๆ เพิ่งจะมีวันนี้แหละที่จู่ๆ อาการก็กำเริบ

ผมล้มตัวลงนอนช้าๆ พร้อมกับลูบท้องตัวเองแผ่วเบา

“ตัวเล็กของหม่าม้า ใจดีกับหม่าม้าหน่อยสิครับ ต่อไปก็เหลือแค่เราสองคนแล้วนะลูก... หม่าม้ารักตัวเล็กนะครับ”

ผมลูบท้องตัวเองอย่างเศร้าสร้อย เมื่อคิดว่าจะต้องผ่านเรื่องทุกอย่างไปคนเดียว.. แต่ก็เอาเถอะเพราะยังไงมันก็ควรจะต้องเป็นอย่างนี้ตั้งแต่แรกแล้ว

และสุดท้ายผมก็ผล็อบหลับไปเพราะความเหนื่อยอ่อน ซึ่งก็ได้แค่หวังว่าตื่นขึ้นมาแล้วผมจะเป็นผมที่เข้มแข็งมากขึ้นกว่าเดิม

.

.

.

ผมตื่นขึ้นมาอีกทีก็เกือบจะเย็นเพราะรู้สึกเวียนหัว ลุกขึ้นนั่งก็ยังคงเวียนหัว ผมนึกอยากได้น้ำสักแก้วแต่ก็ลุกไม่ไหว ตั้งใจจะเอื้อมมือไปหยิบแก้วแต่ก็ไม่ถึง สุดท้ายเลยพยายามจะลุกขึ้นพยุงตัวช่วย แต่ผมก็ลุกไม่ไหวเลยตัดสินใจจะโทรบอกให้คนที่อยู่ข้างล่างขึ้นมาช่วย แต่เสียงทุ้มคุ้นหูกลับดังขึ้นเสียก่อน พร้อมๆ กับการปรากฎตัวของคนที่ผมคิดถึงมาทั้งวัน

“ไนล์หิวน้ำหรอครับ มาพี่รินให้”

ผมมองพี่ภูที่เดินเข้ามาอย่างตกใจ เพราะคิดว่าเขาไปแล้ว ไม่คิดว่าจะกลับมาอีก และเพราะอย่างนั้นผมถึงได้แต่จ้องเขาตาไม่กะพริบ

“อะ ดื่มน้ำก่อนนะครับ ลุกไหวไหม ปวดหัวหรือเปล่า หรือจะให้พี่ช่วยประคองดี"

พี่ภูไม่พูดเปล่า เขานั่งลงตรงหัวเตียงและช้อนตัวผมขึ้นมาพิงแนบอกโดยที่ผมไม่ได้ต่อต้านหรือดื้อดึง เพราะไม่คิดว่าจะได้เจอกับเขาอีกครั้งและแทนที่จะได้ดื่มน้ำ ผมกลับร้องไห้ออกมาโดยไม่รู้ตัว

“ฮึก.. ฮืออ” น้ำตาผมไหลไม่หยุด ในขณะที่พี่ภูดูทำตัวไม่ถูกที่จู่ๆ ก็เห็นผมปล่อยโฮ

เขากอดผมแน่น พร้อมกับพรมจูบบนหน้าผากผม เขาเอาแต่กระซิบข้างหูผมซ้ำๆ ราวกับอยากจะปลอบโยน

“ชู่ว ไม่เป็นไรนะครับ ไม่ป็นไรนะ.. พี่อยู่นี่กับไนล์แล้ว ไนล์ไม่ร้องไห้นะ” และดูเหมือนว่ายิ่งถูกปลอบผมก็ยิ่งร้องไห้ ความรู้สึกของผมตอนนี้มันทั้งดีใจ ทั้งโกรธที่จู่ๆ เขานึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป ไหนว่าจะอยู่ดูแลผมกับลูก แต่แค่ผมไล่เขาก็หายไปแบบไม่คิดจะบอก

“ฮึก.. บอกว่าจะดูแล แต่ไม่ ฮืออ ไม่ทำตามที่พูด! นึกจะไปก็.. ฮึก! ก็ทิ้งกันไปใช่ไหม” ผมร้องไห้งอแงโวยวาย ทำตัวงี่เง่า ทำนิสัยไม่ต่างจากเด็กเลยสักนิด และผมก็ไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้เลย

“โอ๋ๆ ไม่ร้องไห้นะครับไม่ร้อง” พี่ภูกอดผมแน่นขึ้น ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึป่าวว่าน้ำเสียงเค้าดูดีใจแปลกๆ “พี่ไม่ได้ไปไหนเลยนะ พี่แค่ไปหาอาหมอมา ไปเอายาให้ไนล์ไง แล้วก็ไปปรึกษาอาหมอเรื่องอาการของไนล์ด้วย”

“…” ผมหยุดร้องไห้ เมื่อได้รับฟังสิ่งที่พี่ภูพูด

“พี่สัญญาแล้วไงครับว่าจะดูแลไนล์ ดูแลลูกของเรา พี่จะไม่ทิ้งไนล์ไปไหนทั้งนั้น ต่อให้ไนล์ไล่พี่ก็จะไม่ไป” พี่ภูจูบลงมาหนักๆ ที่ขมับผม “โอเคไหมครับ?”

“…” ผมสะอื้นเบาๆ และเลือกที่จะไม่ตอบอะไร ใจก็อยากจะต่อต้านปฏิเสธสัมผัสอบอุ่นและสายใยบางๆ ที่พี่ภูกำลังถักทอให้ก่อตัวออกไป แต่อีกใจผมก็โหยหา และอยากจะซึมซับมันเอาไว้ให้นานกว่านี้อีกสักหน่อย

สุดท้ายใจฝ่ายอ่อนแอก็ชนะ ผมเลยปล่อยให้พี่ภูกอดอยู่แบบนั้น จะว่าไปมันก็อุ่นและสบายดี

“วันนี้พี่ไปซื้อของที่เหมาะกับคนท้องมาเยอะเลย มีทั้งที่นวดเท้า หมอนรองหลัง แล้วก็ชุดเพลงกล่อมนอน เดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนเย็นหลังเลิกงานเรามานวดเท้ากันนะ พี่จะทำให้ ไนล์จะได้หลับสบายตอนกลาง ดีไหมครับ”

ผมฟังพี่ภูพูดเล่าด้วยดวงตาที่ปรือปรอยลงเรื่อยๆ อาการปวดหัวทุเลาลง และผมก็เหมือนจะกลับมาง่วงอีก เพราะก่อนหน้านี้หลับไม่สบายตัวเลย เพราะใจเอาแต่คิดและกังวลที่พี่ภูหายไป

“ง่วงอีกแล้วหรอ? นอนแบบนี้ไนล์จะเมื่อยไหม หื้ม?” ผมไม่ตอบแต่ขยับตัวซุกอกพี่ภูมากกว่าเดิม “โอเคๆ งั้นนอนแบบนี้ก็ได้ ถ้าไนล์เมื่อยไนล์บอกพี่นะ”

“อืออ..” ผมครางเบาๆ ก่อนจะเริ่มจมดิ่งเข้าห้วงนิทรา แต่หูก็ยังได้ยินสิ่งที่พี่ภูเล่าไม่หยุด

“อาหมอบอกพี่ว่าช่วงนี้ไนล์จะเพลียมากขึ้น และท้องที่เริ่มใหญ่ก็อาจจะทำให้ไนล์ปวดหลังและปวดขา วันนี้พี่เลยไปซื้อพวกของที่ว่ามาเตรียมไว้” ผมรับฟังพร้อมรอยยิ้มบางๆ นึกอิ่มใจที่เขาไม่ได้หายไปเพราะผมไล่อย่างที่ผมกลัว “ส่วนเรื่องหงุดหงิดหรืออารมณ์เสีย ไนล์ไม่ต้องคิดมากนะ.. พี่เข้าใจ พี่รู้ว่ามันเป็นเพราะฮอร์โมนอารมณ์ไนล์ก็เลยแปรปรวน เพราะฉะนั้นถ้าไม่สบายใจหรือรู้สึกไม่ดีไนล์บอกพี่ได้ พี่จะอยู่ข้างๆ ไนล์เอง”

เสียงพี่ภูที่พร่ำบอกเหมือนจะไกลออกไปเรื่อยๆ ผมฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เพราะกำลังจะผล็อยหลับอีกครั้ง แต่ที่แน่ๆ เลยคือผมรู้สึกดี และรับรู้ได้ว่าเขาจะอยู่ข้างๆ และไม่ทิ้งผมไปไหนแน่ๆ ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลใดก็ตาม

.

.

.


(อ่านต่อด้านล่าง)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Gade_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-4
(อ่านต่อจากด้านบน)


Kirin’s Part


ช่วงสองสามวันมานี้ไนล์อาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ น้องไม่ค่อยแพ้แต่อาการเวียนหัวและหน้ามืดกลับดูรุนแรงมากขึ้น มากจนคุณพ่อคุณแม่และเทมส์ต้องเอ่ยปากร้องขอ แน่นอนว่าผมเองก็ลองขอร้องน้องดูเหมือนกัน แต่น้องไม่ยอม น้องดื้อแพ่งใส่ผม เอาแต่ปฏิเสธท่าเดียว หนักหน่อยก็เอ่ยปากผลักไสผม

ผมรู้ว่าน้องไม่ได้ตั้งใจ แต่พอได้ยินทีไรใจผมมันก็เจ็บไม่น้อยทุกที


‘ไนล์ครับ เชื่อพี่นะ พักอยู่ที่บ้านเถอะนะ อาการไนล์ช่วงนี้ไม่ค่อยดีเลย พี่เป็นห่วงลูก…’

‘คุณไม่ต้องมายุ่งกับผม! นี่มันเรื่องของผม ไม่เกี่ยวกับคุณ!



ก็แน่ล่ะ ผมทำกับน้องไว้เยอะ โดนแค่นี้มันอาจจะยังน้อยไปด้วยซ้ำ และต่อให้ไม่ว่าน้องจะผลักไสผมมากแค่ไหน ผมก็จะทำตามสัญญาที่ให้กับน้องไว้ ผมจะไม่มีวันไปจากไนล์และลูกเด็ดขาด

ที่จริงผมก็แอบหวังว่าเรื่องระหว่างผมกับน้องจะดีขึ้นมาบ้างหลังจากที่เมื่อสองวันก่อนไนล์ดูจะเปิดใจให้ผมมากขึ้น แต่ที่จริงแล้วมันก็เป็นเพียงแค่ฮอร์โมนและอารมณ์ที่ค่อนข้างจะควบคุมได้ยากของน้อง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ผมมีความสุขมากๆ

ไนล์ยอมให้ผมกอด ให้ผมหอม น้องอ้อนผม ตัดพ้อบอกไม่ให้ผมไป ผมไม่รู้ว่ามันเป็นความต้องการลึกๆ ของน้องหรือมันเป็นแค่อารมณ์อ่อนไหว แต่แค่นั้นก็มากพอที่จะต่อลมหายใจให้ผมได้สู้ต่อ ได้พยายามกับความสัมพันธ์ของผมครั้งนี้เพื่อให้ได้น้องกลับคืนมา

และตอนนี้ก็โชคดีมากที่ไนล์ยอมหยุดพักทำงานอย่างน้อยก็สองสามวันตามคำขอของคุณพ่อคุณแม่และไอ้เทมส์ ผมก็เลยขอลางานเพื่อดูแลน้องอยู่ที่บ้าน ตอนแรกไอ้เทมส์ก็ไม่ยอม แต่เพราะสุดท้ายแล้วต้องมีคนดูแลไนล์ มันเลยต้องตกลงอย่างเสียไม่ได้ แต่ก็อย่าหวังว่ามันจะยอมโดยไม่มีเงื่อนไขอะไร เพราะมันให้ผู้ช่วยมันขนงานเอกสารมาให้ผมทำถึงที่บ้านในช่วงที่ต้องดูแลไนล์

แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับผมหรอก ขอแค่ได้เห็นไนล์ในสายตาผมก็จะคลายกังวล ดังนั้นต่อให้งานเยอะแค่ไหนผมก็สามารถทำควบคู่ไปได้โดยไม่ติดขัด

“ไนล์ กลางวันกินอะไรดีครับ เดี๋ยวพี่ทำให้” ผมถามน้องที่กึ่งนอนกึ่งนั่งอ่านเอกสารอยู่ที่โซฟาตัวใหม่ที่ผมซื้อมาให้ ผมคิดว่ามันน่าจะเหมาะและนั่งสบายสำหรับคนท้อง ซึ่งน้องก็ดูชอบมันจริงๆ

“อยากกินสัปปะรดครับ ผมบอกป้าบัวไปแล้ว คุณไม่ต้องทำหรอก” น้องตอบ ตายังไม่ละออกจากเอกสารพัฒนาที่ดินที่อ่านอยู่

“แล้วข้าวล่ะครับ กินข้าวด้วยสักหน่อยดีไหม” ผมถาม และตอนนี้ก็เป็นเวลาที่ไนล์ไม่ยอมให้ผมเข้าถึงแล้ว เพราะน้องเงียบ ไม่ยอมตอบ

สุดท้ายผมเลยต้องเดินเข้าครัวไปเพื่อดูว่าจะสามารถทำอะไรให้ไนล์กินได้บ้าง และพอเห็นวัตถุดิบที่มีผมเลยตัดสินใจทำซุปปลาแซลมอนให้น้องกิน อย่างน้อยจะได้พออยู่ท้องบ้าง และก็จะได้ประโยชน์มากกว่ากินสัปปะรดอย่างเดียว เพราะดูท่าแล้วน้องคงจะไม่ยอมกินข้าวแน่ๆ

ผมเคี่ยวซุปอยู่นาน ซึ่งตอนนี้ผมก็เริ่มทำกับข้าวเป็นหลายอย่าง ผมพยายามสรรหานั่นนี่มาทำให้น้องกินเรื่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เนียนๆ ฝากป้าบัวให้เอาไปให้ พอน้องเห็นว่าเป็นป้าบัวถือมาให้ก็ยอมกินเพราะคิดว่าป้าบัวเป็นคนทำ ผมเองก็ยังไม่เคยลองเอาอาหารเข้าไปให้น้องด้วยตัวเองอีกเลยหลังจากน้ำส้มคั้นตอนนั้น

เพราะน้องดูไม่อยากจะกินอะไรจากฝีมือผมเท่าไหร่ แม้ผมจะตั้งใจทำก็ซื้อใจน้องให้อ่อนลงไม่ได้ เลยสักนิด

และวันนี้เพราะซุปมันใช้เวลาเคี่ยวนานเกินไป ผมเลยต้องเป็นคนยกออกไปเอง เพราะไนล์ร้องอยากจะกินสัปปะรดไวๆ ผมเห็นน้องกินสัปปะรดไปเกือบหมดจาน ก็กลัวจะไม่อยู่ท้อง เลยตัดสินใจยกซุปออกมาเอง เพื่อให้น้องได้กินเพิ่ม

“ไนล์ พี่ทำซุปปลาแซลม่อนมาให้ กินหน่อยดีไหมครับ” น้องเหลือบมองนิดหน่อยก่อนจะไสถ้วยให้ถอยห่างออกไป

“ไม่กินครับ กินสัปปะรดอิ่มแล้ว” น้องบอกปัดและไม่ยอมหันไปมองซุปในถ้วยเลยสักนิดทำเอาผมใจแป้ว

ผมพยายามเลื่อนถ้วยกลับไปและพูดต่ออย่างใจเย็น “แต่ว่าพี่ลองทำ…”

“ไม่กินครับ” น้องพูดสวนโดยไม่รอให้ผมพูดจบประโยคเลยด้วยซ้ำ “ผมไม่อยากกิน”

น้องเอามือดันถ้วยออก ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปจากห้องนั่งเล่น ทิ้งผมไว้กับความรู้สึกวูบโหวงเมื่อถูกปฏิเสธ และเหตุการณ์ต่างๆ ก็ผุดขึ้นในใจราวกับจะตอกย้ำเรื่องในอดีต

มันไม่ต่างอะไรกับตอนที่ผมไม่แยแสอาหารที่น้องเคยทำสักนิด ผมเมินกับข้าวที่น้องทำให้ ผมไม่สนใจจะถามด้วยซ้ำว่าน้องทำอะไรให้ผมกิน โดนแค่นี้ไม่ได้ครึ่งกับที่น้องเคยเจ็บหรอก

.

.

.

และเพราะอาการวิงเวียนและหน้ามืดของไนล์ที่ดูจะดีบ้างแย่บ้างก็ทำให้เกิดเรื่องขึ้นจนได้ โชคดีที่ผมได้ทันเห็น ไม่อย่างนั้นจะเกิดอะไรขึ้นผมก็ไม่อยากจะคิดเลย

เช้าวันนี้เป็นเช้าวันหยุด ผมที่เพิ่งออกจากห้องของตัวเองที่อยู่ตรงข้ามห้องไนล์ ตั้งใจตื่นแต่เช้าเพื่อลงไปทำอาหารให้อีกฝ่ายกิน และผมเห็นว่ายังเช้ามากเลยคิดว่าไนล์คงยังไม่ตื่น เพราะพักหลังไนล์ค่อนข้างจะนอนเยอะ แต่พอได้ยินเสียงวิ่งตึงตังพร้อมกับเสียงเหมือนคนกำลังจะอาเจียน ผมเลยเปลี่ยนใจตัดสินใจเข้าไปดูไนล์ในห้องแทนก่อนจะลงไปข้างล่าง เพราะคิดว่าน้องน่าจะกำลังแพ้ท้องตอนช่วงเช้าๆ แบบที่เคยเป็นปกติ

ผมเปิดประตูห้องของไนล์ที่ไม่ได้ล็อคตามคำสั่งของไอ้เทมส์ ก่อนจะก้าวยาวๆ ไปที่ห้องน้ำที่ได้ยินเสียงอาเจียนของน้องที่เพิ่งเงียบไป ผมไปถึงพอดีกับจังหวะที่ไนล์กำลังจะหันหลังเพื่อเดินออกมาจากห้องน้ำแต่เกิดอาการหน้ามืดขึ้นเสียก่อน เลยทำท่าจะล้มลง ดีที่ผมเห็นและเข้าถึงตัวไนล์ได้ทันพอดี ไนล์เลยล้มตัวเข้าสู่อ้อมกอดผมแทนที่จะเป็นพื้นห้องน้ำ


ผมใจหายวาบ ตอนนั้นทั้งตกใจทั้งโล่งใจ ผมไม่กล้าคิดเลยด้วยซ้ำว่าถ้าผมตื่นสายกว่านี้สักนิดหรือไม่ได้เดินเข้ามาดูไนล์ในห้องแล้วอะไรจะเกิดขึ้น


แค่คิดในใจผมก็วูบโหวงไปหมด น้ำตาพาลจะไหลให้ได้

ผมอุ้มพาไนล์กลับไปนอนที่เตียงตามเดิม ก่อนจะพูดกับน้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง บ่งบอกให้รู้ว่าตอนนี้ผมเอาจริง


"พี่ว่าเราต้องคุยเรื่องห้องนอนแล้วล่ะไนล์ พี่ปล่อยให้เหตุการณ์แบบเมื่อกี้เกิดขึ้นอีกไม่ได้’"


แน่นอนว่าไนล์ไม่ยอม แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญเกินกว่าที่จะให้ไนล์ตัดสินใจคนเดียวได้ สุดท้ายทุกคนในครอบครัว รวมถึงคุณแม่ของผมที่มาเยี่ยมน้องพอดั เลยต้องมานั่งรวมตัวกันในห้องนั่งเล่น เพื่อคุยเรื่องนี้

“ผมปล่อยให้น้องนอนคนเดียวไม่ได้ครับ จากเหตุการณ์เมื่อเช้าก็เห็นได้แล้วว่าน้องยังดูแลตัวเองไม่ได้ และผมก็คงยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกไม่ได้” ผมเริ่มเปิดประเด็นเมื่อเห็นทุกคนยังนิ่ง

“งั้นแล้วภูอยากจะให้ทำยังไง เอาจริงพ่อกับแม่ก็ห่วงน้องกับหลานอยู่เหมือนกัน เกิดหน้ามืดขึ้นมาอีกจะแย่”

พอได้ยินคุณพ่อพูดแบบนั้นก็รู้สึกเหมือนท่านเปิดทาง ทั้งที่จริงท่านอาจจะแค่ถามหาทางออกเฉยๆ ก็ได้

“ผมอยากจะขอนอนห้องเดียวกับน้องครับ ให้ผมได้ดูแลน้อง ได้เห็นน้องในสายตาตลอดดีกว่าครับผมจะได้ไม่กังวล "

ผมพูดเสียงดังฟังชัดเน้นย้ำทั้งประโยคเพื่อบอกว้าเอาจริง ถึงน้องจะไม่ยอม ผมก็จะทำให้น้องยอมให้ได้ เพราะผมยอมปล่อยให้เหตุการณ์แบบเมื่อเช้าเกิดขึ้นไม่ได้อีก ซึ่งคนอื่นก็ดูท่าจะคิดไม่ต่างจากผมเท่าไหร่นัก

“ไม่ครับ ไนล์ไม่ให้เค้ามานอนห้องเดียวกับไนล์ ไนล์ดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องให้มีใครมาดูแลใกล้ชิดขนาดนั้ยหรอก ไนล์อึดอัด”

ผมยอมรับว่าสะะอึกไปเหมือกันพอได้ยินไนล์บอกแบบยั้น แต่ถึงอย่างยั้นผมก็ไม่ยอมแพ้ โชคดีที่ครั้งนี้คุณพ่อกับคุณแม่น้องก็แอบเห็นด้วยท่านเลยช่วยผมพูดเต็มที่

“แต่พ่อก็เห็นด้วยกับพี่เค้านะน้องไนล์ พ่อรู้ว่าน้องไนล์ดูแลตัวเองได้ แต่บางครั้งมันก็เป็นเรื่องของอุบัติเหตุ มีคนช่วยดูแลพ่อแม่ก็จะได้เบาใจขึ้นด้วย”

น้องหน้างอทันทีที่ได้ยินคุณพ่อพูดแบบนั้น แน่นอนว่าไม่ใช่ผมคนเดียวที่เห็นอาการของไนล์ คนหวงน้องอย่างไอ้เทมส์เองก็เห็น มันเลยจัดการรีบเอ่ยปากบอกทุกคนทันที

“งั้นให้ไนล์มานอนห้องผมก็ได้ครับ เพราะยังไงปกติผมกับน้องก็นอนด้วยกันบ่อยๆ อยู่แล้ว ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร เดี๋ยวผมจะเป็นคนดูแลไนล์กับหลานเอง”

พอไอ้เทมส์พูดจบมันก็หันมายกยิ้มน้อยๆ ใส่ผม .. หึ! มันก็ทำอย่างที่มันบอกจริงๆ นั่นแหละ ไม่ขวางผมกับน้อง แต่ก็ไม่ยอมให้เข้าใกล้ง่ายๆ

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะต้องยอมมันง่ายๆ สักหน่อยนี่…

“ปกติกลางคืนมึงทำงานดึกทุกคืนไม่ใช่หรอเทมส์” ผมเริ่มเปิดประเด็นอีกครั้ง “แล้วตอนนี้ไนล์เองก็เพลียง่าย อยากจะหลับตลอดเวลา ถ้าให้ไปน้องไปนอนห้องมึงที่ทำงานดึกๆ ดื่นๆ ทุกคืน ไนล์จะนอนหลับเต็มอิ่มได้ยัง ทรมานน้องเปล่าๆ ให้น้องนอนที่ห้องตัวเองสบายๆ นั่นล่ะ ดีแล้ว”

ผมฟาดเพื่อนสริทกลับนิ่มๆ เป็นผลให้ไอ้เทมส์มองผมตาขวาง เพราะสิ่งที่ผมพูดไม่ได้เกินจริงสักนิด ผมพูดตามสิ่งที่ไอ้เทมส์มันทำทั้งนั้น มันเป็นประเภทบ้างาน มันทำงานหามรุ่งหามค่ำตบอดแหละ ยิ่งช่วงนี้น้องยังอยู่ในช่วงแพ้ท้องไปช่วยงานมันไม่ไหว มันก็เลยต้องพยายามทำงานหนักมาขึ้นเพื่อไม่ให้ไนล์รู้สึกไม่ดีที่ช่วยงานมันไม่ได้

และเพราะผมเอาข้อเท็จจริงมาพูด มันเลยเถียงไม่ออก อีกอย่างมันก็คงเพิ่งจะนึกขึ้นได้ด้วยว่าช่วงนี้ไนล์ต้องการการพักผ่อนจริงๆ จังๆ มากๆ ซึ่งสิ่งที่ผมพูดนั้นก็ไม่ผิดสักนิก มันคงคิดถึงน้องเป็นหลักด้วยแหละเลยเงียบไปไม่พยายามเอาชนะอะไรผมอีก

“งั้นก็ให้ไนล์นอนห้องไนล์ไป กูนอนดึก เดี๋ยวกูเข้าไปดูน้องที่ห้องเป็นระยะๆ เอง”

แต่ก็ใช่ว่าบบจะยอมผมง่ายๆ เมื่อไหร่ แล้วยิ่งมีไนล์เป็นลูกคู่พยักหน้าเห็นด้วยหงึกหงักกับมันผมยิ่งไม่อยากจะยอมแพ้

“แล้วมึงคิดว่าการเปิดประตูเข้าๆ ออกๆ ทั้งคืนจะไม่รบกวนไนล์หรอ? อยากให้น้องสะดุ้งตื่นกลางดึกหรือไง? อยากให้น้องนอนไม่เต็มอิ่มหรอ?”

ผมแกล้งถาม และเที่ยวนี้ก็ไม่ใช่แค่ไอ้เทมส์แล้วที่จ้องผมตาขวาง เพราะมีไนล์เพิ่มอีกคนที่มองผมเขม็งสุดๆ แต่ผมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แล้วแอบสะกิดแม่ที่นั่งข้างๆ กันให้ช่วยพูด

“ให้ตาภูไปนอนเฝ้าไนล์แหละค่ะดีแล้ว” แม่ผมพูดก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งข้างน้อง พร้อมกับกอดน้องเอาไว้ ซึ่งไนล์เองก็กอดตอบแม่ผมทันที แถมยังขยับตัวเข้าหาแม่ผมอ้อนๆ อีก .. แต่กับผมไม่เคยมีเลยอะไรแบบนี้ นอกจากไล่กับอารมณ์เสียใส่แล้ว ไม่ต้องถึงกับอ้อนหรอก แค่น้องยอมพูดดีๆ ด้วย ผมก็ยิ้มเป็นคนบ้าได้ทั้งวี่ทั้งวันแล้ว

“แต่คุณป้าครับ…” ไนล์พยายามจะแย้ง แต่ยังไม่ทันจะได้พูดแม่ผมก็ส่ายหน้าเป็นเชิงห้าม

“ไม่คุณป้าค่ะ น้องไนล์ต้องเรียกแม่ว่าคุณแม่นะ” แม่ผมยิ้มก้อนจะพูดต่อ “จริงๆ นะน้องไนล์ ให้พี่ภูเขาไปนอนเฝ้า ไปดูแลเถอะนะ ให้เขาได้ทำหน้าที่ของตัวเอง เขามาที่นี่เพื่อทำสิ่งนี้นะคะ น้องไนล์จำได้ใช่ไหมลูก”

“แม่ว่าก็ดีนะ ที่จะให้พี่เขาไปนอนเฝ้า” ผมแอบยิ้ม เมื่อคุณแม่ของน้องเองก็เห็นดีเห็นงาม “ที่จริงแม่ก็ไม่ได้เกี่ยงหรอกว่าจะเป็นพี่ภูหรือพี่เทมส์ แต่ก็อย่างที่พี่ภูบอก พี่เทมส์ชอบทำงานดึก แทนที่จะได้ดูแลน้องไนล์ แม่ก็กลัวว่าจะไปกวนแทนเสียมากกว่า”

“แม่ครับ..” น้องลากเสียงยาวโอดครวญ เหมือนอยากจะดื้อใส่แต่ทำไม่ได้

“ที่จริงแม่กับพ่อก็อยากจะผลัดกันไปนอนเป็นเพื่อนน้องไนล์เอง แต่พ่อกับแม่อายุมากแล้ว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับน้องไนล์กับหลาน เราสองคนช่วยน้องไนล์ไม่ไหวแน่ๆ .. แม่เป็นห่วงน้องไนล์จริงๆ นะลูกที่พูดมาทั้งหมด”

ผมแอบมองหน้าน้อง ไนล์เม้มริมฝีปากแน่นราวกับกำลังตัดสินใจ แต่พอน้องมองหน้ากับคุณพ่อและคุณแม่ที่ดูกังวลกับเรื่องนี้จริงๆ น้องก็ผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะยอมรับปากออกมาในที่สุด

“เฮ้ออ ก็ได้ครับ ให้เขามานอนด้วยก็ได้” ผมยิ้มร่า แอบตะโกนเสียงดังในใจด้วยความยินดี “แต่!.. ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ไนล์บอกนะครับ ไม่งั้นต่อให้ทุกคนช่วยกันพูดช่วยกันขอมากแค่ไหน ไนล์ก็ไม่ยอมแน่”

ทั้งคุณพ่อคุณแม่น้องและแม่ของผมต่างจ้องมองผมเป็นตาเดียว ราวกับรอให้ผมตัดสินใจและเป็นคนตอบน้องเอง

“ได้ครับ พี่ตามใจไนล์ ไนล์อยากให้พี่ทำอะไรแบบไหน พี่ยอมให้หมด ขอให้พี่ได้ดูแลไนล์กับลูกก็พอ”

ทุกคนยิ้มออกมาอย่างยินดี รวมถึงผมเองด้วย เพราะอันที่จริงผมไม่กล้าคาดหวังด้วยซ้ำว่าน้องจะยอม แม้ตอนนี้เจ้าลูกแมวของผมจะทำหน้าหงิกหน้างอนเหมือนไม่ค่อนจะโอเคเท่าไหร่ที่ผมไปรุกล้ำอาณาเขต แต่อย่างน้อยแค่น้องยอมให้ผมเข้าใกล้ก็โอเคแล้ว มีเงื่อนไขเรื่องอะไร ผมก็ยอมได้ทั้งนั้นแหละ

.

.

.

เอ่อ.. ผมถอนคำพูดที่ว่าอะไรก็ยอมได้ตอนนี้ทันไหมนะ

หลังจากที่เราทานข้าวกลางวันด้วยกันและแม่ผมกลับบ้ายนไปหลังจากร่ำลาลูกสะใภ้กับหลานเต็มที่แล้ว .. แน่นอนว่าไม่รวมผมเข้าไปด้วย เพราะแม่แทบจะเดินผ่านผมไปเลยด้วยซ้ำหลังจากได้กอดได้หอมไนล์จนพอใจ

ก็เข้าใจได้แหละ เพราะขนาดผมยังทั้งรักทั้งหลงจนไปไหนไม่อด เลยต้องมาตามง้อต้อยๆ ทั้งที่ไม่เคยยอมใครขนาดนี้

ผมกลับมาที่ห้องตัวเองและเก็บของใช้จำเป็นรวมถึงเสื้อผ้าจำพวกชุดนอนกับชุดทำงานบางชุดเพื่อจะเอาไปไว้ห้องน้อง โดยทิ้งไว้ที่นี่บางส่วนเพราะไม่อยากให้เกะกะห้องน้อง

แต่พอมาถึงห้องไนล์ผมก็ต้องอึ้ง คิดไม่ถึงว่าไนล์จะใช้ไม้นี้

ผมเอาเสื้อผ้าที่ถือติดมือมาแขวนในตู้ที่อยู่ในส่วนของบิ้ลอินที่ไนล์แยกไว้เป็นห้องแต่งตัว ก่อนจะหันมองฟูกที่วางปูบนพื้นถัดมาจากเตียงไนล์ที่อยู่กลางห้องงงๆ ปนๆ ความที่พอจะเดาได้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคงเลือกที่จะถามออกไปอยู่ดี

“ฟูกนี่คือ..?”

“ที่นอนคุณไง คุณอยากนอนที่นี่ไม่ใช่หรอ? ผมเลยให้คนเอาฟูกมาปูเตรียมไว้ให้” ไนล์พูดยิ้มๆ สีหน้าดูภูมิอกภูมิใจน่าดูที่เอาคืนผมได้

ผมถอนใจ นึกอยากจะขำแต่ก็ขำไม่ออก เพราะที่จริงผมก็ไม่ได้คาดหวังอยู่แล้วว่าจะได้นอนร่วมเตียงกับน้อง อาจจะเป็นโซฟาแข็งๆ ที่ยืดแขนยืดขาไม่สะดวกสักตัว แต่ฟูกปูบนพื้นนี่เกินคาดไปพอสมควรเหมือนกัน

“พี่คิดว่าไนล์จะให้พี่นอนบนโซฟาเสียอีก” ผมพยักเพยิดไปที่โซฟาที่อยู่ไม่ไกลจากเตียงไนล์เท่าไหร่นัก ถ้ากะด้วยสายตา เมื่อล้มตัวลงนอนน่าจะมองเห็นไนล์ที่อยู่บนเตียงพอดี

และน้องเองก็คงคิดได้แบบผมเหมือนกัน ไม่งั้นฟูกนอนคงไม่ถูกปูหราต้อนรับผมแบบนี้หรอก

“ไม่ครับ แบบนั้นผมเห็นคุณชัดไป มันอึดอัดแล้วจะพาลให้ผมนอนไม่หลับเปล่าๆ” ผมเสียดในอกวูบตอนที่ได้ยินน้องพูดแบบนั้น ทั้งที่เมื่อก่อนตอนผมนอนกอดไนล์บนเตียง ไนล์มักจะขยับตัวมาซุกอกผมเสมอถึงจะหลับ

แต่ตอนนี้แค่เห็นกันในสาตาก็อึดอัดแล้วหรอ? เราสองคนมาถึงจุดนี้ได้ยังไง

ผมเข้าใจนะว่าไนล์ยังโกรธ แต่ที่ผ่านมาเป็นเดือนๆ ที่เราอยู่ด้วยกัน ที่ผมพยายามทำทุกอย่าง ยังไม่ทำให้ไนล์ใจอ่อนลงได้บ้างเลยหรือไง

“บนโซฟาก็ไม่ได้สินะ” ผมพึมพำเสียงเบา นึกเข้าใจแต่ลึกๆ มันก็อดเสียใจไม่ได้

“แต่ถ้าคุณไม่สะดวกใจจะนอนที่ฟูกข้างล่างก็ได้นะครับ ผมไม่ซีเรียสอะไร คุณจะกลับไปนอนห้องตัวเองก็ได้ เดี๋ยวผมบอกพี่กิ่งให้” น้องพูดตอบโต้ สีหน้าท่าทางเฉยชา เพื่อย้ำให้ผมได้เห็นว่าน้องไม้ได้แคร์อะไรเรื่องนี้จริงๆ “อย่างที่บอกแหละ ผมดูแลตัวเองได้”

ผมระบายลมหายใจออกมาช้าๆ “พี่นอนได้ครับ ไนล์ให้พี่นอนตรงไหน หรือต่อให้นอนบนพื้นไม่มีฟูกพี่ก็นอนได้”

น้องไม่ได้พูดอะไร ผมเลยเป็นคนพูดในสิ่งที่ตั้งใจจะพูดเอง ผมเดินไปคุกเข่าลงตรงหน้าน้องที่นั่งอยู่บนเตียง ก่อนจะฉวยโอกาสตอนที่ไนล์กำลังงงๆ รวบข้อมือเล็กมาจับไว้

“พี่ยินดีทำตามที่ไนล์บอกทุกอย่าง นอนตรงไหน ให้ทำอะไรก็ได้ภายใต้เงื่อนไขที่ไนล์ตั้ง พี่ขอแค่ตอนกลางคืน... ถ้าไนล์อยากจะลุกเข้าห้องน้ำ หรือตอนไหนที่ไนล์รู้สึกไม่สบายตัว พี่อยากให้ไนล์รีบบอกพี่ พี่ขอแค่เรืองนี้ได้ไหมครับ”

น้องทองผมด้วยสายตาอ่านลำบาก แต่ผมเองก็ส่งความจริงใจและห่วงใยที่ตัวเองมีทั้งหมดกลับไปให้น้อง และหวังว่าน้องจะรับรู้ได้ทั้งหมดด้วยตัวเอง

เราสองคนไม่ได้พูดอะไร แต่ก็มองกันอยู่แบบนั้นราวกับกำลังวัดใจกันและกัน และสุดท้ายก็เป็นไนล์ที่ยอมหลบตาไปก่อน

น้องดึงมือออกจากการเกาะกุมขแองผมช้าๆ ก่อนที่จพเบี่ยงตัวหนีขึ้นเตียงแล้วล้มตัวลงนอน .. ปฏิกริยาของน้องที่ผมเห็นทำเอาใจผมแป้วไปหมด ลึกๆ นึกท้อที่ทำดีเท่าไหร่ ก็เหมือนซื้อใจของไนล์คืนไม่ได้สักที


น้องไม่ตอบ ไม่ให้ความร่วมมือ ไม่แม้แต่จะรับความห่วงใยที่ผมมีให้ไป


ผมถอนหายใจเบาๆ เตรียมจะลุกขึ้นไปจัดของและเสื้อผ้าในตู้ต่อ แต่เพราะเสียงอู้อี้ที่ดังมาจากคนที่กำลังนอนหันหลังให้ดังขึ้น ผมจึงชะงักฝีเท้าเสียก่อน

และสิ่งที่ผมได้ยินก็ทำให้ใจลิงโลด ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาเต็มปาก

“เรียกก็ให้ตื่นแล้วกัน ถ้าไม่ตื่นก็ไม่เรียกซ้ำหรอกนะ”

ผมยิ้มก่อนจะหันหลังกลับไปเกาะขอบเตียงน้องอีกครั้ง พลางชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะกระซิบเสียงหนักแน่นให้น้องได้ยิน

“พี่ตื่นแน่ครับ ขอแค่ไนล์เรียกพี่ พี่สัญญา”

ใจที่แห้งเหี่ยวเหมือนได้รับความชุ่มชื้นอีกครั้ง แม้มันจะไม่ได้ง่ายนักแต่ก็ทำให้ผมมีกำลังใจที่จะสู้และเดินหน้าต่อไปมากโข

… แค่ได้เริ่มต้นด้วยอะไรดีๆ ต่อให้เป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน ผมก็ถือว่าผมได้ขยับเข้าใกล้ไนล์กับลูกอีกก้าวแล้ว

.

.

.

To Be Continue

---------------------------------------------

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ ตอนต่อไปน่าจะมาวันจันทร์ .. ใกล้จะจบแล้วล่ะค่ะ เนื้อกาอาจจะน่ารำคาญไปบ้าง ต้องขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วย

เราก็พยายามเต็มที่แล้ว เขียนเต็มที่แล้ว แม้จะมีอะไรบั่นทอนแต่เราก็พยายามเต็มที่มากๆ แล้วจริงๆ ค่ะ ระยะหลังมานี้เราเขียนนิยายไม่มีความสุขเลย เราต้องขอโทษด้วยที่นิยายเรื่องนี้มันอาจจะยังไม่ดีพอสำหรับหลายๆ คน แต่เราก็.. ทำเต็มที่แล้วจริงๆ ค่ะ

สำหรับใครที่คอยให้กำลังใจเราเสมอ เราขอบคุณมากๆ นะคะที่อยู่มาด้วยกันจนถึงตอนนี้ ขอบคุณที่เป็นเหมือนโอเอซิสเล็กๆ ให้เราได้หยุดพักก่อนจะออกเดินตาอ ขอบคุณมากๆ มากจริงๆ :)

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-09-2020 22:25:42 โดย ❣☾月亮☽❣ »

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Janemera

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คูมนักเขียนสู้ๆๆค้าบบบ :3123: :3123:

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
สู้ๆนะคะ เขียนเอาตามที่ใจอยากเขียนเลยค่ะ เราคงทำตามใจให้ถูกใจทุกคนไม่ได้ เขียนให้มีความสุขดีกว่าค่ะ จะติดตามต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

แต่งเก่งแล้ว แม้จะน้ำเน่าแต่เราก็ตามอ่านทุกตอน นั่นคือมันน่าติดตามยังไงละ หมายความว่าคุณแต่งดีแล้วค่ะ ถึงอินกับตัวละครได้ เชื่อและมั่นใจในพล็อตตัวเองนะคะ  :L1:

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เอาให้สุด

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เป็นกำลังใจให้ค่ะ เพราะอินในนิยายถึงได้รำคาญและหมั่นไส้ตัวละครไงค่ะ ไม่ใช่ว่าแต่งไม่ดีนะคะ แต่งดีค่ะถึงได้หมั่นไส้ตัวละคร

ออฟไลน์ patsakon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-2
เอาเข้าไปนายเอกงอลมากก็ไม่งามนะคัฟ :เฮ้อ:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด