(อ่านต่อจากด้านบน)Kirin’s Part ช่วงสองสามวันมานี้ไนล์อาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ น้องไม่ค่อยแพ้แต่อาการเวียนหัวและหน้ามืดกลับดูรุนแรงมากขึ้น มากจนคุณพ่อคุณแม่และเทมส์ต้องเอ่ยปากร้องขอ แน่นอนว่าผมเองก็ลองขอร้องน้องดูเหมือนกัน แต่น้องไม่ยอม น้องดื้อแพ่งใส่ผม เอาแต่ปฏิเสธท่าเดียว หนักหน่อยก็เอ่ยปากผลักไสผม
ผมรู้ว่าน้องไม่ได้ตั้งใจ แต่พอได้ยินทีไรใจผมมันก็เจ็บไม่น้อยทุกที
‘ไนล์ครับ เชื่อพี่นะ พักอยู่ที่บ้านเถอะนะ อาการไนล์ช่วงนี้ไม่ค่อยดีเลย พี่เป็นห่วงลูก…’
‘คุณไม่ต้องมายุ่งกับผม! นี่มันเรื่องของผม ไม่เกี่ยวกับคุณ!’
ก็แน่ล่ะ ผมทำกับน้องไว้เยอะ โดนแค่นี้มันอาจจะยังน้อยไปด้วยซ้ำ และต่อให้ไม่ว่าน้องจะผลักไสผมมากแค่ไหน ผมก็จะทำตามสัญญาที่ให้กับน้องไว้ ผมจะไม่มีวันไปจากไนล์และลูกเด็ดขาด
ที่จริงผมก็แอบหวังว่าเรื่องระหว่างผมกับน้องจะดีขึ้นมาบ้างหลังจากที่เมื่อสองวันก่อนไนล์ดูจะเปิดใจให้ผมมากขึ้น แต่ที่จริงแล้วมันก็เป็นเพียงแค่ฮอร์โมนและอารมณ์ที่ค่อนข้างจะควบคุมได้ยากของน้อง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ผมมีความสุขมากๆ
ไนล์ยอมให้ผมกอด ให้ผมหอม น้องอ้อนผม ตัดพ้อบอกไม่ให้ผมไป ผมไม่รู้ว่ามันเป็นความต้องการลึกๆ ของน้องหรือมันเป็นแค่อารมณ์อ่อนไหว แต่แค่นั้นก็มากพอที่จะต่อลมหายใจให้ผมได้สู้ต่อ ได้พยายามกับความสัมพันธ์ของผมครั้งนี้เพื่อให้ได้น้องกลับคืนมา
และตอนนี้ก็โชคดีมากที่ไนล์ยอมหยุดพักทำงานอย่างน้อยก็สองสามวันตามคำขอของคุณพ่อคุณแม่และไอ้เทมส์ ผมก็เลยขอลางานเพื่อดูแลน้องอยู่ที่บ้าน ตอนแรกไอ้เทมส์ก็ไม่ยอม แต่เพราะสุดท้ายแล้วต้องมีคนดูแลไนล์ มันเลยต้องตกลงอย่างเสียไม่ได้ แต่ก็อย่าหวังว่ามันจะยอมโดยไม่มีเงื่อนไขอะไร เพราะมันให้ผู้ช่วยมันขนงานเอกสารมาให้ผมทำถึงที่บ้านในช่วงที่ต้องดูแลไนล์
แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับผมหรอก ขอแค่ได้เห็นไนล์ในสายตาผมก็จะคลายกังวล ดังนั้นต่อให้งานเยอะแค่ไหนผมก็สามารถทำควบคู่ไปได้โดยไม่ติดขัด
“ไนล์ กลางวันกินอะไรดีครับ เดี๋ยวพี่ทำให้” ผมถามน้องที่กึ่งนอนกึ่งนั่งอ่านเอกสารอยู่ที่โซฟาตัวใหม่ที่ผมซื้อมาให้ ผมคิดว่ามันน่าจะเหมาะและนั่งสบายสำหรับคนท้อง ซึ่งน้องก็ดูชอบมันจริงๆ
“อยากกินสัปปะรดครับ ผมบอกป้าบัวไปแล้ว คุณไม่ต้องทำหรอก” น้องตอบ ตายังไม่ละออกจากเอกสารพัฒนาที่ดินที่อ่านอยู่
“แล้วข้าวล่ะครับ กินข้าวด้วยสักหน่อยดีไหม” ผมถาม และตอนนี้ก็เป็นเวลาที่ไนล์ไม่ยอมให้ผมเข้าถึงแล้ว เพราะน้องเงียบ ไม่ยอมตอบ
สุดท้ายผมเลยต้องเดินเข้าครัวไปเพื่อดูว่าจะสามารถทำอะไรให้ไนล์กินได้บ้าง และพอเห็นวัตถุดิบที่มีผมเลยตัดสินใจทำซุปปลาแซลมอนให้น้องกิน อย่างน้อยจะได้พออยู่ท้องบ้าง และก็จะได้ประโยชน์มากกว่ากินสัปปะรดอย่างเดียว เพราะดูท่าแล้วน้องคงจะไม่ยอมกินข้าวแน่ๆ
ผมเคี่ยวซุปอยู่นาน ซึ่งตอนนี้ผมก็เริ่มทำกับข้าวเป็นหลายอย่าง ผมพยายามสรรหานั่นนี่มาทำให้น้องกินเรื่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เนียนๆ ฝากป้าบัวให้เอาไปให้ พอน้องเห็นว่าเป็นป้าบัวถือมาให้ก็ยอมกินเพราะคิดว่าป้าบัวเป็นคนทำ ผมเองก็ยังไม่เคยลองเอาอาหารเข้าไปให้น้องด้วยตัวเองอีกเลยหลังจากน้ำส้มคั้นตอนนั้น
เพราะน้องดูไม่อยากจะกินอะไรจากฝีมือผมเท่าไหร่ แม้ผมจะตั้งใจทำก็ซื้อใจน้องให้อ่อนลงไม่ได้ เลยสักนิด
และวันนี้เพราะซุปมันใช้เวลาเคี่ยวนานเกินไป ผมเลยต้องเป็นคนยกออกไปเอง เพราะไนล์ร้องอยากจะกินสัปปะรดไวๆ ผมเห็นน้องกินสัปปะรดไปเกือบหมดจาน ก็กลัวจะไม่อยู่ท้อง เลยตัดสินใจยกซุปออกมาเอง เพื่อให้น้องได้กินเพิ่ม
“ไนล์ พี่ทำซุปปลาแซลม่อนมาให้ กินหน่อยดีไหมครับ” น้องเหลือบมองนิดหน่อยก่อนจะไสถ้วยให้ถอยห่างออกไป
“ไม่กินครับ กินสัปปะรดอิ่มแล้ว” น้องบอกปัดและไม่ยอมหันไปมองซุปในถ้วยเลยสักนิดทำเอาผมใจแป้ว
ผมพยายามเลื่อนถ้วยกลับไปและพูดต่ออย่างใจเย็น “แต่ว่าพี่ลองทำ…”
“ไม่กินครับ” น้องพูดสวนโดยไม่รอให้ผมพูดจบประโยคเลยด้วยซ้ำ “ผมไม่อยากกิน”
น้องเอามือดันถ้วยออก ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปจากห้องนั่งเล่น ทิ้งผมไว้กับความรู้สึกวูบโหวงเมื่อถูกปฏิเสธ และเหตุการณ์ต่างๆ ก็ผุดขึ้นในใจราวกับจะตอกย้ำเรื่องในอดีต
มันไม่ต่างอะไรกับตอนที่ผมไม่แยแสอาหารที่น้องเคยทำสักนิด ผมเมินกับข้าวที่น้องทำให้ ผมไม่สนใจจะถามด้วยซ้ำว่าน้องทำอะไรให้ผมกิน โดนแค่นี้ไม่ได้ครึ่งกับที่น้องเคยเจ็บหรอก
.
.
.
และเพราะอาการวิงเวียนและหน้ามืดของไนล์ที่ดูจะดีบ้างแย่บ้างก็ทำให้เกิดเรื่องขึ้นจนได้ โชคดีที่ผมได้ทันเห็น ไม่อย่างนั้นจะเกิดอะไรขึ้นผมก็ไม่อยากจะคิดเลย
เช้าวันนี้เป็นเช้าวันหยุด ผมที่เพิ่งออกจากห้องของตัวเองที่อยู่ตรงข้ามห้องไนล์ ตั้งใจตื่นแต่เช้าเพื่อลงไปทำอาหารให้อีกฝ่ายกิน และผมเห็นว่ายังเช้ามากเลยคิดว่าไนล์คงยังไม่ตื่น เพราะพักหลังไนล์ค่อนข้างจะนอนเยอะ แต่พอได้ยินเสียงวิ่งตึงตังพร้อมกับเสียงเหมือนคนกำลังจะอาเจียน ผมเลยเปลี่ยนใจตัดสินใจเข้าไปดูไนล์ในห้องแทนก่อนจะลงไปข้างล่าง เพราะคิดว่าน้องน่าจะกำลังแพ้ท้องตอนช่วงเช้าๆ แบบที่เคยเป็นปกติ
ผมเปิดประตูห้องของไนล์ที่ไม่ได้ล็อคตามคำสั่งของไอ้เทมส์ ก่อนจะก้าวยาวๆ ไปที่ห้องน้ำที่ได้ยินเสียงอาเจียนของน้องที่เพิ่งเงียบไป ผมไปถึงพอดีกับจังหวะที่ไนล์กำลังจะหันหลังเพื่อเดินออกมาจากห้องน้ำแต่เกิดอาการหน้ามืดขึ้นเสียก่อน เลยทำท่าจะล้มลง ดีที่ผมเห็นและเข้าถึงตัวไนล์ได้ทันพอดี ไนล์เลยล้มตัวเข้าสู่อ้อมกอดผมแทนที่จะเป็นพื้นห้องน้ำ
ผมใจหายวาบ ตอนนั้นทั้งตกใจทั้งโล่งใจ ผมไม่กล้าคิดเลยด้วยซ้ำว่าถ้าผมตื่นสายกว่านี้สักนิดหรือไม่ได้เดินเข้ามาดูไนล์ในห้องแล้วอะไรจะเกิดขึ้น
แค่คิดในใจผมก็วูบโหวงไปหมด น้ำตาพาลจะไหลให้ได้
ผมอุ้มพาไนล์กลับไปนอนที่เตียงตามเดิม ก่อนจะพูดกับน้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง บ่งบอกให้รู้ว่าตอนนี้ผมเอาจริง
"พี่ว่าเราต้องคุยเรื่องห้องนอนแล้วล่ะไนล์ พี่ปล่อยให้เหตุการณ์แบบเมื่อกี้เกิดขึ้นอีกไม่ได้’"
แน่นอนว่าไนล์ไม่ยอม แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญเกินกว่าที่จะให้ไนล์ตัดสินใจคนเดียวได้ สุดท้ายทุกคนในครอบครัว รวมถึงคุณแม่ของผมที่มาเยี่ยมน้องพอดั เลยต้องมานั่งรวมตัวกันในห้องนั่งเล่น เพื่อคุยเรื่องนี้
“ผมปล่อยให้น้องนอนคนเดียวไม่ได้ครับ จากเหตุการณ์เมื่อเช้าก็เห็นได้แล้วว่าน้องยังดูแลตัวเองไม่ได้ และผมก็คงยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกไม่ได้” ผมเริ่มเปิดประเด็นเมื่อเห็นทุกคนยังนิ่ง
“งั้นแล้วภูอยากจะให้ทำยังไง เอาจริงพ่อกับแม่ก็ห่วงน้องกับหลานอยู่เหมือนกัน เกิดหน้ามืดขึ้นมาอีกจะแย่”
พอได้ยินคุณพ่อพูดแบบนั้นก็รู้สึกเหมือนท่านเปิดทาง ทั้งที่จริงท่านอาจจะแค่ถามหาทางออกเฉยๆ ก็ได้
“ผมอยากจะขอนอนห้องเดียวกับน้องครับ ให้ผมได้ดูแลน้อง ได้เห็นน้องในสายตาตลอดดีกว่าครับผมจะได้ไม่กังวล "
ผมพูดเสียงดังฟังชัดเน้นย้ำทั้งประโยคเพื่อบอกว้าเอาจริง ถึงน้องจะไม่ยอม ผมก็จะทำให้น้องยอมให้ได้ เพราะผมยอมปล่อยให้เหตุการณ์แบบเมื่อเช้าเกิดขึ้นไม่ได้อีก ซึ่งคนอื่นก็ดูท่าจะคิดไม่ต่างจากผมเท่าไหร่นัก
“ไม่ครับ ไนล์ไม่ให้เค้ามานอนห้องเดียวกับไนล์ ไนล์ดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องให้มีใครมาดูแลใกล้ชิดขนาดนั้ยหรอก ไนล์อึดอัด”
ผมยอมรับว่าสะะอึกไปเหมือกันพอได้ยินไนล์บอกแบบยั้น แต่ถึงอย่างยั้นผมก็ไม่ยอมแพ้ โชคดีที่ครั้งนี้คุณพ่อกับคุณแม่น้องก็แอบเห็นด้วยท่านเลยช่วยผมพูดเต็มที่
“แต่พ่อก็เห็นด้วยกับพี่เค้านะน้องไนล์ พ่อรู้ว่าน้องไนล์ดูแลตัวเองได้ แต่บางครั้งมันก็เป็นเรื่องของอุบัติเหตุ มีคนช่วยดูแลพ่อแม่ก็จะได้เบาใจขึ้นด้วย”
น้องหน้างอทันทีที่ได้ยินคุณพ่อพูดแบบนั้น แน่นอนว่าไม่ใช่ผมคนเดียวที่เห็นอาการของไนล์ คนหวงน้องอย่างไอ้เทมส์เองก็เห็น มันเลยจัดการรีบเอ่ยปากบอกทุกคนทันที
“งั้นให้ไนล์มานอนห้องผมก็ได้ครับ เพราะยังไงปกติผมกับน้องก็นอนด้วยกันบ่อยๆ อยู่แล้ว ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร เดี๋ยวผมจะเป็นคนดูแลไนล์กับหลานเอง”
พอไอ้เทมส์พูดจบมันก็หันมายกยิ้มน้อยๆ ใส่ผม .. หึ! มันก็ทำอย่างที่มันบอกจริงๆ นั่นแหละ ไม่ขวางผมกับน้อง แต่ก็ไม่ยอมให้เข้าใกล้ง่ายๆ
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะต้องยอมมันง่ายๆ สักหน่อยนี่…
“ปกติกลางคืนมึงทำงานดึกทุกคืนไม่ใช่หรอเทมส์” ผมเริ่มเปิดประเด็นอีกครั้ง “แล้วตอนนี้ไนล์เองก็เพลียง่าย อยากจะหลับตลอดเวลา ถ้าให้ไปน้องไปนอนห้องมึงที่ทำงานดึกๆ ดื่นๆ ทุกคืน ไนล์จะนอนหลับเต็มอิ่มได้ยัง ทรมานน้องเปล่าๆ ให้น้องนอนที่ห้องตัวเองสบายๆ นั่นล่ะ ดีแล้ว”
ผมฟาดเพื่อนสริทกลับนิ่มๆ เป็นผลให้ไอ้เทมส์มองผมตาขวาง เพราะสิ่งที่ผมพูดไม่ได้เกินจริงสักนิด ผมพูดตามสิ่งที่ไอ้เทมส์มันทำทั้งนั้น มันเป็นประเภทบ้างาน มันทำงานหามรุ่งหามค่ำตบอดแหละ ยิ่งช่วงนี้น้องยังอยู่ในช่วงแพ้ท้องไปช่วยงานมันไม่ไหว มันก็เลยต้องพยายามทำงานหนักมาขึ้นเพื่อไม่ให้ไนล์รู้สึกไม่ดีที่ช่วยงานมันไม่ได้
และเพราะผมเอาข้อเท็จจริงมาพูด มันเลยเถียงไม่ออก อีกอย่างมันก็คงเพิ่งจะนึกขึ้นได้ด้วยว่าช่วงนี้ไนล์ต้องการการพักผ่อนจริงๆ จังๆ มากๆ ซึ่งสิ่งที่ผมพูดนั้นก็ไม่ผิดสักนิก มันคงคิดถึงน้องเป็นหลักด้วยแหละเลยเงียบไปไม่พยายามเอาชนะอะไรผมอีก
“งั้นก็ให้ไนล์นอนห้องไนล์ไป กูนอนดึก เดี๋ยวกูเข้าไปดูน้องที่ห้องเป็นระยะๆ เอง”
แต่ก็ใช่ว่าบบจะยอมผมง่ายๆ เมื่อไหร่ แล้วยิ่งมีไนล์เป็นลูกคู่พยักหน้าเห็นด้วยหงึกหงักกับมันผมยิ่งไม่อยากจะยอมแพ้
“แล้วมึงคิดว่าการเปิดประตูเข้าๆ ออกๆ ทั้งคืนจะไม่รบกวนไนล์หรอ? อยากให้น้องสะดุ้งตื่นกลางดึกหรือไง? อยากให้น้องนอนไม่เต็มอิ่มหรอ?”
ผมแกล้งถาม และเที่ยวนี้ก็ไม่ใช่แค่ไอ้เทมส์แล้วที่จ้องผมตาขวาง เพราะมีไนล์เพิ่มอีกคนที่มองผมเขม็งสุดๆ แต่ผมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แล้วแอบสะกิดแม่ที่นั่งข้างๆ กันให้ช่วยพูด
“ให้ตาภูไปนอนเฝ้าไนล์แหละค่ะดีแล้ว” แม่ผมพูดก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งข้างน้อง พร้อมกับกอดน้องเอาไว้ ซึ่งไนล์เองก็กอดตอบแม่ผมทันที แถมยังขยับตัวเข้าหาแม่ผมอ้อนๆ อีก .. แต่กับผมไม่เคยมีเลยอะไรแบบนี้ นอกจากไล่กับอารมณ์เสียใส่แล้ว ไม่ต้องถึงกับอ้อนหรอก แค่น้องยอมพูดดีๆ ด้วย ผมก็ยิ้มเป็นคนบ้าได้ทั้งวี่ทั้งวันแล้ว
“แต่คุณป้าครับ…” ไนล์พยายามจะแย้ง แต่ยังไม่ทันจะได้พูดแม่ผมก็ส่ายหน้าเป็นเชิงห้าม
“ไม่คุณป้าค่ะ น้องไนล์ต้องเรียกแม่ว่าคุณแม่นะ” แม่ผมยิ้มก้อนจะพูดต่อ “จริงๆ นะน้องไนล์ ให้พี่ภูเขาไปนอนเฝ้า ไปดูแลเถอะนะ ให้เขาได้ทำหน้าที่ของตัวเอง เขามาที่นี่เพื่อทำสิ่งนี้นะคะ น้องไนล์จำได้ใช่ไหมลูก”
“แม่ว่าก็ดีนะ ที่จะให้พี่เขาไปนอนเฝ้า” ผมแอบยิ้ม เมื่อคุณแม่ของน้องเองก็เห็นดีเห็นงาม “ที่จริงแม่ก็ไม่ได้เกี่ยงหรอกว่าจะเป็นพี่ภูหรือพี่เทมส์ แต่ก็อย่างที่พี่ภูบอก พี่เทมส์ชอบทำงานดึก แทนที่จะได้ดูแลน้องไนล์ แม่ก็กลัวว่าจะไปกวนแทนเสียมากกว่า”
“แม่ครับ..” น้องลากเสียงยาวโอดครวญ เหมือนอยากจะดื้อใส่แต่ทำไม่ได้
“ที่จริงแม่กับพ่อก็อยากจะผลัดกันไปนอนเป็นเพื่อนน้องไนล์เอง แต่พ่อกับแม่อายุมากแล้ว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับน้องไนล์กับหลาน เราสองคนช่วยน้องไนล์ไม่ไหวแน่ๆ .. แม่เป็นห่วงน้องไนล์จริงๆ นะลูกที่พูดมาทั้งหมด”
ผมแอบมองหน้าน้อง ไนล์เม้มริมฝีปากแน่นราวกับกำลังตัดสินใจ แต่พอน้องมองหน้ากับคุณพ่อและคุณแม่ที่ดูกังวลกับเรื่องนี้จริงๆ น้องก็ผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะยอมรับปากออกมาในที่สุด
“เฮ้ออ ก็ได้ครับ ให้เขามานอนด้วยก็ได้” ผมยิ้มร่า แอบตะโกนเสียงดังในใจด้วยความยินดี “แต่!.. ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ไนล์บอกนะครับ ไม่งั้นต่อให้ทุกคนช่วยกันพูดช่วยกันขอมากแค่ไหน ไนล์ก็ไม่ยอมแน่”
ทั้งคุณพ่อคุณแม่น้องและแม่ของผมต่างจ้องมองผมเป็นตาเดียว ราวกับรอให้ผมตัดสินใจและเป็นคนตอบน้องเอง
“ได้ครับ พี่ตามใจไนล์ ไนล์อยากให้พี่ทำอะไรแบบไหน พี่ยอมให้หมด ขอให้พี่ได้ดูแลไนล์กับลูกก็พอ”
ทุกคนยิ้มออกมาอย่างยินดี รวมถึงผมเองด้วย เพราะอันที่จริงผมไม่กล้าคาดหวังด้วยซ้ำว่าน้องจะยอม แม้ตอนนี้เจ้าลูกแมวของผมจะทำหน้าหงิกหน้างอนเหมือนไม่ค่อนจะโอเคเท่าไหร่ที่ผมไปรุกล้ำอาณาเขต แต่อย่างน้อยแค่น้องยอมให้ผมเข้าใกล้ก็โอเคแล้ว มีเงื่อนไขเรื่องอะไร ผมก็ยอมได้ทั้งนั้นแหละ
.
.
.
เอ่อ.. ผมถอนคำพูดที่ว่าอะไรก็ยอมได้ตอนนี้ทันไหมนะ
หลังจากที่เราทานข้าวกลางวันด้วยกันและแม่ผมกลับบ้ายนไปหลังจากร่ำลาลูกสะใภ้กับหลานเต็มที่แล้ว .. แน่นอนว่าไม่รวมผมเข้าไปด้วย เพราะแม่แทบจะเดินผ่านผมไปเลยด้วยซ้ำหลังจากได้กอดได้หอมไนล์จนพอใจ
ก็เข้าใจได้แหละ เพราะขนาดผมยังทั้งรักทั้งหลงจนไปไหนไม่อด เลยต้องมาตามง้อต้อยๆ ทั้งที่ไม่เคยยอมใครขนาดนี้
ผมกลับมาที่ห้องตัวเองและเก็บของใช้จำเป็นรวมถึงเสื้อผ้าจำพวกชุดนอนกับชุดทำงานบางชุดเพื่อจะเอาไปไว้ห้องน้อง โดยทิ้งไว้ที่นี่บางส่วนเพราะไม่อยากให้เกะกะห้องน้อง
แต่พอมาถึงห้องไนล์ผมก็ต้องอึ้ง คิดไม่ถึงว่าไนล์จะใช้ไม้นี้
ผมเอาเสื้อผ้าที่ถือติดมือมาแขวนในตู้ที่อยู่ในส่วนของบิ้ลอินที่ไนล์แยกไว้เป็นห้องแต่งตัว ก่อนจะหันมองฟูกที่วางปูบนพื้นถัดมาจากเตียงไนล์ที่อยู่กลางห้องงงๆ ปนๆ ความที่พอจะเดาได้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคงเลือกที่จะถามออกไปอยู่ดี
“ฟูกนี่คือ..?”
“ที่นอนคุณไง คุณอยากนอนที่นี่ไม่ใช่หรอ? ผมเลยให้คนเอาฟูกมาปูเตรียมไว้ให้” ไนล์พูดยิ้มๆ สีหน้าดูภูมิอกภูมิใจน่าดูที่เอาคืนผมได้
ผมถอนใจ นึกอยากจะขำแต่ก็ขำไม่ออก เพราะที่จริงผมก็ไม่ได้คาดหวังอยู่แล้วว่าจะได้นอนร่วมเตียงกับน้อง อาจจะเป็นโซฟาแข็งๆ ที่ยืดแขนยืดขาไม่สะดวกสักตัว แต่ฟูกปูบนพื้นนี่เกินคาดไปพอสมควรเหมือนกัน
“พี่คิดว่าไนล์จะให้พี่นอนบนโซฟาเสียอีก” ผมพยักเพยิดไปที่โซฟาที่อยู่ไม่ไกลจากเตียงไนล์เท่าไหร่นัก ถ้ากะด้วยสายตา เมื่อล้มตัวลงนอนน่าจะมองเห็นไนล์ที่อยู่บนเตียงพอดี
และน้องเองก็คงคิดได้แบบผมเหมือนกัน ไม่งั้นฟูกนอนคงไม่ถูกปูหราต้อนรับผมแบบนี้หรอก
“ไม่ครับ แบบนั้นผมเห็นคุณชัดไป มันอึดอัดแล้วจะพาลให้ผมนอนไม่หลับเปล่าๆ” ผมเสียดในอกวูบตอนที่ได้ยินน้องพูดแบบนั้น ทั้งที่เมื่อก่อนตอนผมนอนกอดไนล์บนเตียง ไนล์มักจะขยับตัวมาซุกอกผมเสมอถึงจะหลับ
แต่ตอนนี้แค่เห็นกันในสาตาก็อึดอัดแล้วหรอ? เราสองคนมาถึงจุดนี้ได้ยังไง
ผมเข้าใจนะว่าไนล์ยังโกรธ แต่ที่ผ่านมาเป็นเดือนๆ ที่เราอยู่ด้วยกัน ที่ผมพยายามทำทุกอย่าง ยังไม่ทำให้ไนล์ใจอ่อนลงได้บ้างเลยหรือไง
“บนโซฟาก็ไม่ได้สินะ” ผมพึมพำเสียงเบา นึกเข้าใจแต่ลึกๆ มันก็อดเสียใจไม่ได้
“แต่ถ้าคุณไม่สะดวกใจจะนอนที่ฟูกข้างล่างก็ได้นะครับ ผมไม่ซีเรียสอะไร คุณจะกลับไปนอนห้องตัวเองก็ได้ เดี๋ยวผมบอกพี่กิ่งให้” น้องพูดตอบโต้ สีหน้าท่าทางเฉยชา เพื่อย้ำให้ผมได้เห็นว่าน้องไม้ได้แคร์อะไรเรื่องนี้จริงๆ “อย่างที่บอกแหละ ผมดูแลตัวเองได้”
ผมระบายลมหายใจออกมาช้าๆ “พี่นอนได้ครับ ไนล์ให้พี่นอนตรงไหน หรือต่อให้นอนบนพื้นไม่มีฟูกพี่ก็นอนได้”
น้องไม่ได้พูดอะไร ผมเลยเป็นคนพูดในสิ่งที่ตั้งใจจะพูดเอง ผมเดินไปคุกเข่าลงตรงหน้าน้องที่นั่งอยู่บนเตียง ก่อนจะฉวยโอกาสตอนที่ไนล์กำลังงงๆ รวบข้อมือเล็กมาจับไว้
“พี่ยินดีทำตามที่ไนล์บอกทุกอย่าง นอนตรงไหน ให้ทำอะไรก็ได้ภายใต้เงื่อนไขที่ไนล์ตั้ง พี่ขอแค่ตอนกลางคืน... ถ้าไนล์อยากจะลุกเข้าห้องน้ำ หรือตอนไหนที่ไนล์รู้สึกไม่สบายตัว พี่อยากให้ไนล์รีบบอกพี่ พี่ขอแค่เรืองนี้ได้ไหมครับ”
น้องทองผมด้วยสายตาอ่านลำบาก แต่ผมเองก็ส่งความจริงใจและห่วงใยที่ตัวเองมีทั้งหมดกลับไปให้น้อง และหวังว่าน้องจะรับรู้ได้ทั้งหมดด้วยตัวเอง
เราสองคนไม่ได้พูดอะไร แต่ก็มองกันอยู่แบบนั้นราวกับกำลังวัดใจกันและกัน และสุดท้ายก็เป็นไนล์ที่ยอมหลบตาไปก่อน
น้องดึงมือออกจากการเกาะกุมขแองผมช้าๆ ก่อนที่จพเบี่ยงตัวหนีขึ้นเตียงแล้วล้มตัวลงนอน .. ปฏิกริยาของน้องที่ผมเห็นทำเอาใจผมแป้วไปหมด ลึกๆ นึกท้อที่ทำดีเท่าไหร่ ก็เหมือนซื้อใจของไนล์คืนไม่ได้สักที
น้องไม่ตอบ ไม่ให้ความร่วมมือ ไม่แม้แต่จะรับความห่วงใยที่ผมมีให้ไป
ผมถอนหายใจเบาๆ เตรียมจะลุกขึ้นไปจัดของและเสื้อผ้าในตู้ต่อ แต่เพราะเสียงอู้อี้ที่ดังมาจากคนที่กำลังนอนหันหลังให้ดังขึ้น ผมจึงชะงักฝีเท้าเสียก่อน
และสิ่งที่ผมได้ยินก็ทำให้ใจลิงโลด ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาเต็มปาก
“เรียกก็ให้ตื่นแล้วกัน ถ้าไม่ตื่นก็ไม่เรียกซ้ำหรอกนะ”
ผมยิ้มก่อนจะหันหลังกลับไปเกาะขอบเตียงน้องอีกครั้ง พลางชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะกระซิบเสียงหนักแน่นให้น้องได้ยิน
“พี่ตื่นแน่ครับ ขอแค่ไนล์เรียกพี่ พี่สัญญา”
ใจที่แห้งเหี่ยวเหมือนได้รับความชุ่มชื้นอีกครั้ง แม้มันจะไม่ได้ง่ายนักแต่ก็ทำให้ผมมีกำลังใจที่จะสู้และเดินหน้าต่อไปมากโข
… แค่ได้เริ่มต้นด้วยอะไรดีๆ ต่อให้เป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน ผมก็ถือว่าผมได้ขยับเข้าใกล้ไนล์กับลูกอีกก้าวแล้ว
.
.
.
To Be Continue
---------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ ตอนต่อไปน่าจะมาวันจันทร์ .. ใกล้จะจบแล้วล่ะค่ะ เนื้อกาอาจจะน่ารำคาญไปบ้าง ต้องขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วย
เราก็พยายามเต็มที่แล้ว เขียนเต็มที่แล้ว แม้จะมีอะไรบั่นทอนแต่เราก็พยายามเต็มที่มากๆ แล้วจริงๆ ค่ะ ระยะหลังมานี้เราเขียนนิยายไม่มีความสุขเลย เราต้องขอโทษด้วยที่นิยายเรื่องนี้มันอาจจะยังไม่ดีพอสำหรับหลายๆ คน แต่เราก็.. ทำเต็มที่แล้วจริงๆ ค่ะ
สำหรับใครที่คอยให้กำลังใจเราเสมอ เราขอบคุณมากๆ นะคะที่อยู่มาด้วยกันจนถึงตอนนี้ ขอบคุณที่เป็นเหมือนโอเอซิสเล็กๆ ให้เราได้หยุดพักก่อนจะออกเดินตาอ ขอบคุณมากๆ มากจริงๆ