เตี้ยนักจะรักปะล่ะ? - My Dearest 20 cm.| นิยาย Y ตอนที่ 50 P.7 Up 6 ก.ค. 64
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เตี้ยนักจะรักปะล่ะ? - My Dearest 20 cm.| นิยาย Y ตอนที่ 50 P.7 Up 6 ก.ค. 64  (อ่าน 28753 ครั้ง)

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
เอิ่ม. ห่วงหรือหวงกันจ๊ะ   :hao3:


:pig4: :pig4: :pig4:

เป็นห่วงว่าไม่มีเพื่อนให้คุย

หรืออยากให้มาอยู่ใกล้ ๆ จ๊ะ  พ่อตงฉิน



นั่นสิ....อิอิอิอิ

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
เตี้ยนักจะรักปะล่ะ? – My Dearest 20 cm.

ตอนที่ 8. ความรู้สึกที่เปลี่ยนไป

[ขวัญจิรา ภัทรสุนทร]

             ตั้งแต่เกิดมาขวัญไม่เคยโดนใครด่าหรือล้อเลียนอะไรมาก่อน คงเพราะนิสัยที่เข้ากับคนอื่นได้ง่าย แถมใครว่าอะไรมาก็ไม่เคยโกรธ ไม่เคยไปจับกลุ่มกับเพื่อนผู้หญิงนินทาใคร ทำกิจกรรมทุกอย่างอย่างเต็มที่ มีตงฉินเป็นเพื่อนสนิททำตัวเหมือนบอดี้การ์ดเลยไม่มีคนกล้าแหยม ยกเว้น...

ไอ้คนชื่อ เอกภาพ ใบบุญ!

..อยู่ๆก็มาเรียกขวัญว่า ยัยนมแบน งื้ออออออออออ แบนตรงไหน แม่ให้มาแค่นี้ //ขยับสองเต้าชิดๆก็ไม่ได้แบนนะคะ

...ยังไม่พอ ยังมาหาว่าขวัญหูตึงอีก ฮื้อออออออออออออ ไอคนบ้า หน้าตาก็ไม่หล่อ ดำก็ดำ ปากหมาอีกต่างหาก

ขวัญจะไม่ทน... ไม่เสวนากับคนพรรค์นี้เด็ดขาด //ปาหมอนข้าง ... ปาไปไหนเนี่ย

[ตงคะ วันนี้ขวัญไปเรียนเองนะคะไม่ต้องรอ]

             หลังจากส่งข้อความหาเพื่อนสนิทแล้วก็เดินไปที่ล็อบบี้เพื่อรอสาระถีมารับ ขวัญจะไม่เสียเวลาไปสนใจไอ้คนปากปีจอคนนั้นหรอก ในเมื่อผู้ชายที่เทียวมารับถึงคอนโดคือเดือนมหา’ลัยปีที่แล้วจากคณะวิศวะขวัญใจสาวๆ ชื่อพี่เคมี เราเจอกันที่โรงอาหารของคณะบริหาร พี่เคมีมากับกลุ่มเพื่อน น่าจะมาอ่อยสาวหรือมาส่งเพื่อนมาหาแฟน อันนี้ก็ไม่ได้ถาม หิวอยู่...ตอนนั้นขวัญก็โดดเด่นนั่งกับกลุ่มตงฉิน หลายคนคงเข้าใจว่าเราเป็นแฟนกัน เพราะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด เลยทำให้ขวัญไม่มีโอกาสไปสนิทกับเพื่อนผู้หญิงรุ่นเดียวกันเลย

             พี่เคมีหล่อจนใจละลายไปเลยค่ะ แถมฐานะดีสุดๆ ขับรถออดี้มารับมาส่งตลอดไม่ต้องง้อบริการของตงฉินที่ไปกับไอ้คนปากเสียนั่นละ เริ่มแรกพี่เคมีเนียนเข้าหาตอนที่ขวัญไปต่อคิวซื้อน้ำ ก่อนที่แกจะใจป๋าชิงจ่ายเงินค่าน้ำให้ก่อน

“อุ๊ย ขอบคุณค่ะ แต่ไม่ต้องก็ได้นะคะ ขวัญเกรงใจ” เราเป็นผู้หญิงรุ่นใหม่ค่ะ ไม่ชอบให้ใครมาเปย์

“ไม่เป็นไรครับ ผมอยากเลี้ยง” ยิ้มหวานจนหน้าแดงไปหมด งื้อออออออออออออออ

“พี่ชื่อเคมีนะครับ อยู่วิศวะปี 2 น้องชื่ออะไรครับ”

“คะ เอ่อ ขวัญค่ะ” จะเอาผมทัดหูทำไมเนี่ยยัยขวัญเอ๊ย

“น้องขวัญ รหัส 026”

“หืม” เราก้มดูป้ายชื่อ โอ้โห หลอกถามเราทั้งๆที่แขวนป้ายชื่อไว้อยู่เนี่ยนะ

“เรียนเอกอะไรเหรอครับ”

“เอ่อ การตลาดค่ะ” //เอาผมทัดหู

“แล้วสนใจตลาดวิศวะบ้างมัยครับ” อื้ออออออออ จู่โจมขนาดนี้ ไวไปค่ะ

“อะ คะ...” แกล้งเอ๋อค่ะ เอาจริงๆคือคิดคำตอบไม่ทัน

“จะเป็นอะไรมั้ย ถ้าพี่จะขอไลน์น้องขวัญ” นี่ไง มาแล้ว ยัยขวัญเอ๊ย ใจแข็งไว้ค่ะ ใจแข็งไว้ ก็แค่สูง หล่อ ล่ำ ผิวสีแทน ตัดผมสั้น หน้าตาสะอาดสะอ้าน แต่งตัวดี มีรถขับ(ตอนนั้นคิดเอง) ไม่ใช่สเป๊กเลย...(อันนี้โกหกนะคะ)

“จะ จะดีเหรอคะ” ขวัญมองมือถือราคาแพงที่เปิดโปรแกรมไลน์รอแล้วในมือใหญ่นั้น ในใจตบตีกันหนักหน่วงไม่อยากให้ กลัวพี่เค้าจะคิดว่าเราใจง่าย

“ดีไม่ดี ของแบบนี้ต้องให้เวลาพิสูจน์นะครับ” ฉีกยิ้มอีก โอย ยัยขวัญเอ๊ย ขวัญมา...

“ค่ะ” สุดท้าย ก็แลกไลน์กันจนได้....



             ขวัญไม่เคยมองว่าตัวเองสวยหรือหน้าตาดีกว่าคนอื่นเลยสักครั้ง เพราะไม่อยากให้เรามีสิทธิประโยชน์อะไรที่เหนือกว่าคนอื่น (จริงๆควรใช้คำว่า อภิสิทธิ์ แต่พอดีไม่สนใจเรื่องการเมืองค่ะ) แต่การที่มีเดือนมหา’ลัยเทียวไล้เทียวขื่อเป็นประจำนั้นก็เป็นที่โจษจันไม่น้อยเลย มีหลายๆคนก็มาถาม ก็เพื่อนๆในคณะนี่แหละค่ะ ...

“ขวัญจิรา รหัส 026”

“คะ” พอโดนเรียกชื่อตอนนั่งรวมพลหลังเลิกเรียนก็ลุกขึ้นยืนโดยอัตโนมัติ ยังดีที่พี่ๆบังคับให้ปี 1 แต่งกายในชุดสุภาพ กระโปรงต้องยาวถึงข้อเท้า เวลานั่งเลยไม่ต้องคอยห่วงว่าจะโป๊

“เพื่อนเสนอชื่อน้องเข้าชิงตำแหน่งดาวคณะ ช่วยออกมาข้างหน้าด้วยครับ” เสียงพี่ปี 2 เรียก ไอ้เรามัวแต่ใจลอยจนไม่รู้เลยว่าตอนนี้ทำอะไรกันอยู่ มือถือก็ถูกรุ่นพี่เก็บไว้อีกต่างหาก มายืนเรียงกับเพื่อนคนอื่นแล้วเราดูจืดไปเลยค่ะ เพราะขนาดตัวที่ไม่ได้สูงเด่น หน้าตาหมวยตามแบบฉบับลูกคนจีน ยิ่งตอนไม่ได้แต่งหน้าแบบนี้ สภาพเหมือนซิ่มมากค่ะ

             เพื่อนๆทั้งหมดรวมตัวขวัญด้วยมี 10 คน จาก 10 ภาควิชาของคณะบริหารธุรกิจ แต่ละคนถูกเสนอชื่อให้เป็นตัวแทนเอกของตนให้มาชิงตำแหน่งดาวคณะที่จะต้องไปประกวดต่อในงานเฟรชชี่ไนท์เดือนหน้า(ถ้าจำไม่ผิดนะคะ) การคัดเลือกก็ไม่มีอะไรมาก ใครที่เพื่อนๆเห็นว่าสวยก็จะถูกโหวตให้ออกมาและตอบคำถาม ง่ายๆ...มั้งคะ

“เอาล่ะค่ะ มาถึงคำถามของน้องขวัญกันแล้วนะคะ เลือกซองคำถามเลยค่ะ” หืม ยังกะประกวดนางงาม จิ้มเอาที่ใกล้ที่สุดละกัน “คำถามนี้ไม่ยากค่ะ สูดลมหายใจเข้าลึกๆนะคะ พร้อมแล้วตั้งใจฟัง”

หืมมมมมมมม มาบิ๊วอะไรกันเบอร์ใหญ่ขนาดนี้คะ //สูดลมหายใจเต็มปอด

“คำถามคือ ถ้าน้องขวัญเป็นผู้ชายวันนึง แล้วต้องเข้าห้องน้ำไปฉี่ ... ให้น้องขวัญโชว์ท่าฉี่ที่คิดว่าแมนที่สุดค่ะ”

“ห๊ะ” กรี๊ด ใครคิดคำถามเนี่ย ตอนที่ขวัญทำหน้างงอยู่ เพื่อนๆรวมทั้งรุ่นพี่ต่างพากันหัวเราะลั่น คำถามนี่มันต่ำตมมากๆ

   พ่อแก้วแม่แก้วช่วยขวัญด้วย....ตอนนี้ทำหน้าไม่ถูกแล้วค่ะ ไม่เคยเห็นเลยว่าผู้ชายยืนฉี่กันท่าไหน เพราะที่บ้านทุกคนจะปิดประตูมิดชิดตอนเข้าห้องน้ำกัน เพื่อนๆที่คบกันมาก็ไม่เคยจะทำตัวห่ามๆใส่เลยสักครั้ง จะว่าใสก็ได้นะคะ หรืออาจเข้าขั้นซื่อบื้อเลยก็ไม่แปลก... เหงื่อแตกไปหมดแล้ว ขวัญจิราเอ๊ยยยยยยยยยยย....

             แล้วไอ้คนที่รหัส 393 ลุกขึ้นจากที่นั่งจากแถวมุมในสุด ทำท่ายืนตัวงอเล็กน้อยใช้สองมือทาบที่หว่างขากางเกงและส่ายโยกไปมาช้าๆ ก่อนที่รุ่นพี่ที่อยู่ใกล้ๆจะอนุญาตให้เค้าวิ่งออกไปด้านนอกได้

ขวัญจิรา...เลียนแบบท่าของเอกภาพเลยค่ะ... ได้ผล...ท่านี้เรียกเสียงฮาจากเพื่อนๆได้สนั่นหวั่นไหวจนมงต้องลงหัวแล้วค่ะ

...มันบังเอิญหรือเปล่านะ ที่ไอ้คนปากเสียขอไปเข้าห้องน้ำในจังหวะนี้พอดี....

“ยินดีกับดาวคณะบริหารคนสวยของพี่นะครับ” พี่เคมีมารับพร้อมกับดอกไม้ช่อใหญ่ อื้อ ทำน้องคนนี้ใจสั่นไปอีก... หลังจากบอกลาเพื่อนๆหลังเลิกรับน้องวันนี้ก็มีนัดไปกินนมหลังมอกับพี่เคมีสุดหล่อ แต่จะให้ไปสภาพนี้จริงๆเหรอ เนื่องจากอยู่คอนโด ขวัญเลยไม่ได้เอาหนังสือเรียนไปเก็บที่ห้อง ได้แต่เตร็ดเตร่แถวๆนี้เพื่อรอทำกิจกรรมเลย ในมือตอนนี้ก็มีทั้ง กระเป๋าเครื่องสำอางค์ ถุงผ้าใส่หนังสือ และดอกไม้ช่อใหญ่(มากกกกกกกกกก) ที่คนหล่อให้มา

“ฮัด เช้ย..” จามสิคะ ขวัญแพ้เกสรดอกไม้

“อ้าว น้องขวัญเป็นอะไรครับ ไม่สบายรึเปล่า” น้ำเสียงห่วงใยส่งมาอย่างกับพระเอกละครแน่ะ ขืนบอกว่าแพ้เกสรดอกไม้พี่เคมีคงจะเสียใจไม่น้อยเชียว //อดทนค่ะ ศรีทนได้

“ขวัญแพ้อากาศน่ะค่ะ ช่วงนี้ฝุ่นเยอะ” ว่าแล้วก็รีบคว้าหน้ากากอนามัยมาครอบจมูก อื้อหือ...จะพกอะไรมาเยอะแยะยะนังขวัญเอ๊ย!

“อ๋อ พี่นึกว่าป่วย จะได้พาไปหาหมอ”

“ไม่เป็นไรจริงๆค่ะ” รีบปฏิเสธไปก่อน สายตาแพรวพราวของพี่เค้านี่ทำแข้งขาสั่นไปหมดแล้วค่า ///ขวยเขิน

“เออขวัญ พวกเรากลับคอนโดก่อนนะ” เสียงตงฉินตะโกนมาบอกพร้อมเหล่าสมุนสองคนเช่นเคย จากที่ไม่คิดว่าพวกนั้นจะเข้ากันได้ แต่กลายเป็นว่าดูสนิทกันเหมือนรู้จักกันมานานแล้วงั่นแหละ นี่ล่ะมั้งนิสัยพวกผู้ชาย... แล้วหนึ่งในนั้นก็เดินจ้ำมาทางนี้และคว้าดอกไม้ในมือไป

“เห้ย” พี่เคมีดูจะไม่ค่อยพอใจทำท่าเหมือนจะไปยื้อช่อดอกไม้กลับมา

“เดี๋ยวเอาไปเก็บที่คอนโดให้ก่อน ขวัญถือของเยอะแล้ว” เสียงของคนที่มาแย่งช่อดอกไม้บอก เราก็ใจหายใจคว่ำหมดกลัวว่าพี่เคมีจะไม่พอใจ แต่พอมองข้าวของที่พะรุงพะรังของขวัญแล้ว รุ่นพี่เดือนมหา’ลัยก็ยอมลดการ์ด

“เอาหนังสือเรียนมาด้วยดิ จะได้ไปเดตกับพี่เค้าคล่องตัวหน่อยไม่ต้องคอยถือของ” ไอ้คนปากเสียไม่ได้พูดเฉยๆ มือที่ว่างคว้าหนังสือที่หอบไว้ไปหมดเลย แล้วทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเดินจากไปแบบขวัญเองยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย

“ขะ ขอบใจ” ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมโทถึงทำแบบนี้...แต่กว่าจะจบประโยค คนที่หิ้วของไปแล้วคงไม่ได้ยิน



[วันนี้พี่เลิกดึกนะครับ คงไปรับไม่ได้] ขวัญอ่านข้อความของพี่เคมีที่ส่งมาด้วยอารมณ์บอกไม่ถูก ไม่เชิงว่าขัดใจหรืออะไร แค่ไม่ชินที่อยู่ๆพี่เค้าไม่โทรมาบอกเหมือนเดิม แต่เลือกที่จะส่งข้อความมาแทน คงเป็นเพราะช่วงนี้ที่คณะมีรับน้องหนัก พี่เคมีได้เป็นพี่ว้ากด้วย ต้องอยู่คอยคุมน้อง กว่าจะเลิกก็สามทุ่มโน่น ซึ่งมันก็ไม่ได้เป๊ะทุกคืน บางคืนก็สี่ทุ่มห้ามทุ่ม แล้วแต่ว่าจะมีประชุมกันต่อหรือเปล่า

             หลังจากซ้อมหลีดรอบแรกผ่านไปเหงื่อทุกคนก็ไหลโชกเลย วันนี้ลืมหยิบเสื้อซับในมาซะด้วย ไม่รู้มาก่อนว่าจะต้องได้มาซ้อมทันทีที่ถูกเลือกเข้ารอบคัดตัว จะกลับเลยก็ไม่ได้เพราะรุ่นพี่ยังไม่ปล่อย แต่ถ้าอยู่ตรงนี้ไปเรื่อยๆ คนอื่นก็เห็นบราหมดสิ ... ขวัญต้องทำตัวลีบเลยค่ะ ไม่อยากให้มีคนมองเท่าไหร่ จะไปแอบข้างหลังเพื่อนคนอื่นก็ไม่สะดวก เพราะถ้าลุกขึ้น ส่วนที่เปียกด้านหน้าก็จะเผยให้คนอื่นเห็นหมดพอดี ... ไอ้คนที่ว่าเรานมแบนน่ะนะ มองยังไง ใช้ส่วนไหนมอง นึกแล้วอยากดันหน้าอกโชว์ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย....แต่ก็ได้แค่คิดล่ะค่ะ เพราะตอนนี้นั่งหลบตัวลีบไปก่อน

พรึ่บ

“อ๊ะ” พอมองไปที่คนเอาเสื้อเชิ้ตของตัวเองมาคลุมไหล่ให้ก็ตกใจ ใบหน้าที่คุ้นเคยเพราะว่ารู้จักกันมาตั้งแต่วันเปิดเทอมดูนิ่งเฉยแต่กลับดูเขินอายปิดไม่มิด ยิ่งนับวันยิ่งงงกับการกระทำของคนๆนี้ ถ้าคิดจะทำดีเพื่อจะให้ยกโทษที่มาด่าเราว่าเรานมบนล่ะก็อย่าได้หวัง ขวัญจิราไม่ใช่ปลาทองนะ ที่จะได้ลืมง่ายดายแบบนั้น นี่ก็แยกตัวไม่มาเรียนพร้อมตงฉินก็เพราะไม่อยากทนเหม็นขี้หน้าคนปากเสียนี่แหละ ... เสื้อเชิ้ตนักศึกษาสีขาวตัวใหญ่คลุมตัวขวัญได้สนิท ไม่มีคราบเหงื่อเลย คงเป็นเพราะมีเสื้อกล้ามของเขากันไว้ กลิ่นกายของโทที่ติดมากับเสื้อนั้นทำขวัญใจสั่น มันเป็นกลิ่นเหงื่อตามธรรมชาติของผู้ชายห่ามๆคนหนึ่ง

“ฮิ้วววววววววววววววววววววววว” ว้าย เสียงหวีดร้องแซวดังลั่น จะต้องทำหน้ายังไงดีล่ะเนี่ย จะต้องยิ้มสู้มั้ย หรือว่าจะต้องก้มหน้าแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่เอานะ หน้าชั้น ห้ามแดงนะ...อย่าน้า....

...ไม่ได้ผลค่ะ ใบหูร้อนวาบไปหมด ดีนะที่เส้นผมปกปิดไว้ ก้มหน้าไว้ก่อน ไม่มีใครจับสังเกตได้หรอก ทำไมขวัญจะต้องเขินด้วยนะ ... ทำไมไม่เคยรู้สึกใจสั่นแบบนี้ตอนอยู่กับพี่เคมีเลยล่ะ ทั้งๆที่พี่เค้าหล่อกว่า ตำแหน่งเป็นถึงเดือนมหา’ลัย บ้านก็รวย มีรถขับ ... เทียบกับคนที่เคยด่าว่าขวัญนมแบนแล้วคนละเรื่องเลยเหอะ....

ฮื้ออออออออออ ไม่เข้าใจตัวเองเลย  บ้าๆๆๆๆๆๆๆ เป็นบ้าอะไรเนี่ย

             พอพี่ๆปล่อยให้แยกย้ายกลับ ขวัญเลยเดินตามหลังคนที่สวมเสื้อกล้ามตัวจิ๋วไปติดๆ รอให้เขาคุยโทรศัพท์เสร็จก่อนค่อยเอาเสื้อไปคืน ไม่อยากขัดจังหวะ กลัวเขาคิดว่าเสียมารยาท...

....มองใบหน้าด้านข้างนั้นก็ดูคมเข้มไม่น้อย ออกไปทางคนใต้มากกว่าจะเป็นคนกรุงเทพอย่างที่รู้มา ... ความสูงก็พอไปวัดไปวาได้ ถึงแม้จะไม่เท่าพี่เคมี แต่ก็ไม่ถือว่าแย่ ที่แย่ก็จะมีแค่ปากแค่นั้นแหละ

...พอเขาวางสาย ขวัญก็เดินเข้าไป ใบหน้าของโทดูหล่อขึ้นในสายตาขวัญตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้

แต่ตอนนี้ใบหน้านั้นกำลังร้องไห้....

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:


อ่า.....ตัดจบซะดื้อ ๆ เลย

โทร้องไห้ทำไม?

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
โทร้องไห้ตอนแม่เข้าโรงพยาบาลป่ะ

น้องขวัญน่าจะสัมผัสได้ถึงความเอาใจใส่ของใจนายโทแล้วก็เป็นด้าย.  :hao3:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
เตี้ยนักจะรักปะล่ะ? – My Dearest 20 cm.

ตอนที่ 9. เสียเอกราช...

[หนึ่ง เอกราช]

             ผมมองใบหน้าหล่อๆของไอ้คนตัวสูงกว่าในความมืด ลานจอดรถตอนนี้ไม่มีคนแล้ว เพราะเพื่อนๆปี 1 ส่วนใหญ่จะเรียกแกรปหรือไม่ก็พากันเดินกลับหอพักในมหาวิทยาลัย มีส่วนน้อยที่จะขับรถมา นอกจากรุ่นพี่แล้วก็ไม่มีรถใครจอดตรงนี้อีก

“มะ เมื่อกี้ว่าไงนะ”

“มึงนี่แม่ง” ไอ้ตงมันถอนหายใจ ผมละงงอยู่ มันบอกว่ากลัวผมเหงาเหรอถึงลากมาคัดตัวหลีดด้วย ... มันทำเพื่อผมงั้นเหรอ ทำไมล่ะ?

“ปล่อยกูได้ยังไอ้เตี้ย”

“ไอ้สัด คำก็เตี้ยสองคำก็เตี้ย กูไปเตี้ยบนหัวมึงรึไงวะ” ผมสบถกลับ

“มึงขึ้นมาบนหัวกูให้ได้ก่อนเหอะ” มันกวน ผมปรี๊ดเลยครับ เอื้อมมือไว้กะจะตบกบาล แต่ระยะมันไกลเกินไปหน่อยเจ้าตัวเลยหลบทันและหันมาจับแขนข้างนั้นไว้จนผมต้องปล่อยข้างที่เคยเกาะมันออกมาจะทำเช่นเดิม...

....ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิมครับ ตอนนี้ไอ้ตงมันจับสองแขนที่ชูขึ้นของผมไว้แน่น แถมจ้องตาผมอย่างกวนประสาท อย่าคิดนะว่าไอ้เอกราชจะยอมแพ้ จ้องมาจ้องกลับไม่โกง .... ไม่โกงอะไรล่ะ ในเมื่อสายตามันเปลี่ยนไปจากเมื่อกี้ลิบลับ แววตาของมันแพรวพราวหวานเยิ้มจนใจผมงี้สั่นไปหมด จากที่มองว่ามันหล่ออยู่แล้วก็ยิ่งชัดเจนขึ้น รู้สึกว่าตัวเองหน้าแดงไปหมดตอนที่มันเลื่อนหน้ามาใกล้ ผมถอยตัวจนไปชนประตูรถฝั่งคนขับหมดทางหนี กลิ่นตัวหอมๆของมันลอยมาติดจมูก ใบหน้าดาราหนุ่มโน้มมาเรื่อยๆ

ใกล้เข้ามา...

ตึกๆ ตึกๆ

ใกล้เข้ามา....

หื้อออออออออ ไม่ไหวแล้ว

   ลมหายใจร้อนผ่าวใกล้เข้ามาเรื่อยๆ กระผมหลับตาแน่นเลยครับ รู้สึกเกร็งไปหมดจนไม่ทันสังเกตว่ามันปล่อยมือออกจากแขนตอนไหน แถมตอนนี้ประตูรถก็ถูกเปิดออกแล้วโดยที่สองมือผมยังชูบนอากาศและร่างใหญ่ของไอ้ตงมันถอยหลังไปก้าวนึง

“มึงจะยกแขนอีกนานมั้ย หลบไปกูจะกลับบ้าน”

“อะ ไอ้ตง” ไอ้สัด มันจงใจแกล้งผมชัดๆ

RRRRRRrrrrrrrrrrr

“ว่าไงขวัญ” ไอ้หน้าหล่อกดรับสาย

[ตงกลับไปก่อนนะ ไม่ต้องรอเรา]

“อ้าว เหรอ พี่เคมีว่างละเหรอ”

[เปล่าๆ พอดีแม่ของโทป่วยน่ะ ตอนนี้อาการไม่ดี เหมือนเลือดไหลไม่หยุด เรากำลังไปกับเค้า]

“อะไรนะ ไปไหน แล้วทำไมไม่ให้เราไปส่ง” ผมเงี่ยหูฟังใหญ่เลยครับ แต่ก็นะ มันสูงเกินที่ผมจะเอาหูไปใกล้ๆได้

[เรารู้ว่าตงเหนื่อย เมื่อคืนก็ไปถ่ายละครมาจนดึกไม่ใช่เหรอ ไม่เป็นไรหรอก เรานั่งแกรปไปกันเองได้]

“มีอะไรเหรอ” ผมถามไอ้ตงที่ยืนทำหน้าบอกไม่ถูกอยู่ตอนนี้ด้วยความอยากรู้สุดขีด

“แม่ของโทป่วยเข้าโรงพยาบาลน่ะ ขวัญเลยไปส่งโทที่นั่น”

“ห๊ะ” ผมตกใจสิครับ แม่ของมันก็เป็นคุณอาผมเอง พอได้ข่าวเลยรีบกดเบอร์หาไอ้โท แต่ดันไม่รับ กดหาพี่เอกก็ไม่ติด ผมเลยโทรหาแม่ตัวเอง

“แม่ อาเป็นไร อาเป็นไร” เสียงผมสั่นมาก จนคุมสติไม่อยู่ อย่างน้อยแม่ไอ้โทก็ดีกับผมรักผมเหมือนลูกคนหนึ่ง

[ไม่รู้ลูก หมอกำลังดูอาการอยู่]

“มีใครโทรหาพี่เอกรึยัง”

[โทรไม่ติดเลย] แม่ผมตอบกลับมา เอาล่ะสิ ใจคอไม่ดีอีกแล้ว รู้แค่ว่าอาอ่อนผ่าตัด อาการไม่ได้หนักหนาเท่าไหร่ แล้วทำไมตอนนี้ไอ้โทถึงรีบตาลีตาเหลือกไปโดยไม่บอกผม ทั้งๆที่สนิทตัวติดกันขนาดนี้ ถ้าไม่มีอะไรน่าห่วงมันคงไม่ทิ้งผมไว้แบบนี้

“มึง ไอ้ตง โทรหาพี่มึงซิ ทางบ้านกูติดต่อพี่เอกไม่ได้” ผมหันไปสั่งไอ้คนตัวสูง แม่ผมกดวางสายไปแล้วคงเพราะใจเสียกันอยู่

“ไม่ติดว่ะ สงสัยไม่มีสัญญาณ”

“แม่ง” ผมร้อนใจ กดส่งข้อความหาไอ้โทว่าให้ติดต่อพี่เอกให้ได้

“ใจเย็นๆก่อนไอ้เตี้ย” ตงฉินจับตัวผมที่กำลังสั่นเป็นเจ้าเข้า “ไอ้เตี้ย ไอ้หนึ่ง เห้ย ไอ้เตี้ย!”

“อ๊ะ อื้อ” สติผมกลับเข้าร่าง มองคนตรงหน้าอย่างใจหวิว เป็นห่วงอาการของคุณอาสุดๆแล้ว

“ใจเย็นๆก่อน มีอะไรไปรอที่คอนโดนะ” มันบอกผม

“แต่ ...” ใจมันอยากกลับบ้านที่บางบอนแล้ว

“งั้นเดี๋ยวกูไปส่ง” มันเสนอตัว แต่ท่าทางของมันที่เหนื่อยล้าจนเห็นได้ชัดนั้นก็ทำให้ต้องปฏิเสธไป

“ไม่ต้องหรอก กลับคอนโดเถอะ”

“มึงแน่ใจนะ” มันถามตอนที่เราอยู่บนรถแล้ว ผมนิ่งเงียบตลอดทางเพราะยังไม่ได้ข่าวคราวอะไรจากไอ้โท พี่เอกยังติดต่อไม่ได้เช่นเคย รู้สึกตัวอีกทีก็นั่งบนโซฟาในห้องแล้ว

“ดื่มหน่อย จะได้สงบใจ” ไอ้ตงหยิบเบียร์ในตู้เย็นมาให้ครับ แถมเอามาแนบหน้าอีกต่างหาก แม่งกูกังวลใจอยู่ มึงเสือกเอาเบียร์มาให้เนี่ยนะ

“กินก่อน แล้วค่อยคิด” มันกรอกเข้าปากอึกใหญ่เลยครับ ผมเลยทำปาก ความขมผ่านลิ้นไหลลงคอจนรู้สึกซาบซ่าน เลือดลมไหลเวียนสูบฉีดจนผ่อนคลายลงไปได้เยอะ มันพูดเหมือนที่เคยบอก ว่าถึงผมจะไปที่โน่นก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก สู้อยู่ที่นี่รออัพเดตดีกว่า ถ้าไอ้โทมันต้องอยู่ดูแลคุณอา ผมจะได้ช่วยลาอาจารย์ให้ได้

“ดีขึ้นมั้ยล่ะ”

“อื้อ” ผมตอบสั้นๆก่อนที่พวกเราจะพากันมอมตัวเองต่อไป

             กระป๋องเบียร์เปล่ากองเรียงรายอยู่เต็มพื้น ตอนนี้ไอ้ตงนั่งแช่ที่พื้นโดยชันแขนมาพิงกับโซฟาด้วยท่าทีสบายๆ ผมนั่งข้างบนระยะไม่ไกลกัน คงเป็นเพราะผมตัวเล็กกว่า เลยรู้สึกว่ามันนั่งในระนาบเดียวกันเลยว่ะ มันเงยหน้ามามองผมที่นั่งอยู่สลับกับหันไปสนใจกระป๋องเบียร์ในมือ ทรงผมของมันเรียบแปล้เพราะไม่ได้เซ็ต แต่ถึงมันจะทำทรงไหน เบ้าหน้าของมันก็เรียกได้ว่าหล่อสุดๆอยู่แล้ว

“ไอ้ตง กูถามมึงจริงๆนะ ทำไมมึงชอบแกล้งกูจังวะ” ความกรึ่มๆทำให้ผมกล้าขึ้นเยอะ เมื่อลองเอามือแตะที่เส้นผมแล้วมันไม่ว่าอะไร

“ก็มึงน่าแกล้งนี่หว่า แกล้งสนุกดี อึ๊ก!” มันสะอึก แต่ก็ตอบมาได้ ไม่ว่าอะไรที่มือผมยังยีหัวมันเล่นอยู่

“น่าแกล้งพ่อง มีแต่คนบอกว่ากูหน้าโหด มีแต่มึงนี่แหละมาว่ากูหน้าแกล้ง” ตอนนั้นแหละที่เพิ่มแรงทึ้งผมมันไปมา จะว่ายีผมก็ไม่ใช่เพราะว่าออกแรงหนักกว่านั้นหน่อย

“ปล่อยกูไอ้เตี้ย อย่ามาเล่นหัวผู้ใหญ่” กูทำมาสักพักละเพิ่งบ่น สงสัยจะเริ่มเมาเลยรู้ตัวช้า

“ผู้ใหญ่พ่อง มึงกะกูก็รุ่นเดียวกันปะวะ”

“แต่มึงเตี้ยไง”

“ไอ้สาด” ผมปะทะคารมกับมัน “เออ มึงว่าไอ้โทมันจะจีบขวัญติดปะวะ”

   เปลี่ยนเรื่องดีกว่า ขี้เกียจทะเลาะ เบียร์ก็อร่อย คนนั่งด้วยก็หล่อ บอกตรงๆเลยว่ามันน่ะโคตรของโคตรสเป๊ก แต่ไม่อาจเอื้อมไปเต๊าะหรือจีบหรอก อย่างไอ้ตงน่ะมันอยู่สูงเกินเอื้อม ไม่ใช่แค่ส่วนสูงที่ต่างกันขนาดนี้หรอก ทั้งฐานะและชื่อเสียงของมันก็คนละระดับกันแล้ว เคยลองถามว่าทำไมถึงเอาพวกผมมาเป็นรูมเมตทั้งๆที่ไม่รู้จักกันมาก่อน มันก็ตอบแค่ว่า อยากมาอยู่ข้างนอกเพราะเบื่อที่บ้าน แต่พ่อยื่นคำขาดว่าให้หารูมเมตก่อนถึงจะมาอยู่ได้...แล้วบังเอิ๊ญ(เสียงสูง)มันเจอผมกับไอ้โทพอดีตอนที่ไปคณะตอนนั้น

“กูไม่รู้ว่ะ เพื่อนมึงดันไปปากหมาใส่เค้าเฉย” ไอ้ตงออกความเห็น ยิ่งมองหน้ามันยิ่งหล่อ จากมุมสูงก็ยังดูดี

“แล้วมันไม่ใช่เพื่อนมึงรึไง” ผมย้อน อาการกรึ่มๆทำให้ใจกล้ามากกว่าเดิม

“ก็ใช่ ขวัญก็เพื่อนกูเปล่าวะ ถ้าไม่ติดว่าไอ้โทมันเป็นเพื่อนกูด้วยอีกคนคงมีตบกะโหลก” มันตอบและจิบเบียร์ ผมได้แต่มองบน

“แล้วมึงอะไอ้ตง หล่อระดับนี้ มึงยังไม่มีสาวๆที่ไหนมาจีบเรอะ” ลองเลียบๆเคียงๆถามคงไม่รู้หรอกว่าอยากได้

“สาด กูต้องเป็นคนจีบปะวะ” มันยกเบียร์เทเข้าปากอีกอึกทิ้งระยะไม่นาน “ไม่มี กูไม่อยากมีใคร อึ๊ก” สะอึกอีกละ ผมยื่นน้ำเปล่าให้มัน

“ทำไมวะ ถ้ากูหล่อแบบมึงป่านนี้คงกกได้เป็นโหลแล้ว” ใบหน้าหล่อๆยกขวดน้ำมาซดอึกใหญ่เกือบครึ่งขวด

“เคยอยู่ ไม่ใช่ไม่เคย” มันเสียงอ้อแอ้ “แต่เพราะทำตัวแบบนั้นไง เลยได้ลูกมาสองคน”

“ห๊ะ” ไม่ต้องบอกนะครับว่าหน้าตาของไอ้เอกราชเป็นยังไงตอนนี้ ถ้าคำว่า เตี้ยหมาตื่น มันแทนได้ผมก็ยินดีใช้คำนั้นอธิบาย

“เออ กูมีลูกแล้ว ชื่อตินตินกับแตมแตม” มันเปิดมือถืออย่างขลุกขลักเพราะความเมา “นี่ไง น่ารักปะลูกกูเอง”

“ม่ะ มึงมีเมียตั้งแต่ตอนไหนวะเนี่ย” ผมอึ้งนิดๆ ไม่คิดว่ามันจะมีลูก และไม่คิดว่ามันจะบอกเรื่องนี้

“ไม่นานมานี้เอง พ่อกับแม่กูด่ายับ กูเลยจะกลับตัวเป็นไอ้ตงคนใหม่ จะตั้งใจเรียนให้พ่อกับแม่เห็นว่ากูไม่ใช่คนแย่ๆคนเดิมที่สร้างแต่ปัญหา” เสียงมันดูน้อยใจมากเลยครับ เลยเปลี่ยนจากแรงทึ้งเป็นลูบเส้นผมมันแทน ไอ้ตงมันค่อนข้างอ่อนไหวกับเรื่องที่บ้านครับ เพราะมีพี่ชายชื่อ ต่อพงษ์ เป็นตัวเปรียบเทียบ ทั้งเรื่องการเรียน การงานและหลายๆอย่าง ไอ้ตงมันเลยรู้สึกว่าตัวเองเป็นหมาหัวเน่า

“คิดมากน่ามึง”

“ตั้งแต่เด็ก พ่อกับแม่ก็เอาแต่โอ๋พี่ต่อ อะไรดีๆก็ประเคนให้พี่ต่อ แต่กับกู มีแต่คำดุคำด่า” เอาล่ะสิ มันดราม่าแล้ว

“อย่าคิดมากสิวะ พ่อกับแม่รักลูกทุกคนนั่นแหละ”

“ไม่จริงหรอก” มันปาดน้ำตา  “ชนสิวะจะรออะไร” ใบหน้าหล่อเงยมามองผม ขอบตาแดงจนน่าสงสาร

“ถ้ามึงอยากร้อง มึงร้องมาได้เลยนะ กูไม่ว่าอะไรหรอก”

“ร้องเชี่ยอะไรล่ะ กูไม่ร้องไห้ง่ายๆหรอก” ตอนที่มันพูดน่ะ น้ำตามันไหลออกมาจากดวงตาไม่ขาดสายแล้วครับ

....อื้อ เวลาที่มันเศร้า แววตามันอ่อนโยนจนน่าสงสารจริงๆนะครับ ริมฝีปากที่ขยับไปมาก็ดูเซ็กซี่ไปอีก ไม่รู้เพราะว่าเศร้าหรือความเมา ผมโดนสายตาประหัตประหารจับจ้องจนใจหวิวไปหมดแล้ว เราสบตากันไม่รู้ว่านานแค่ไหน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโน้มใบหน้าไปใกล้มันได้อย่างไร มันเหมือนมีแรงดึงดูดฉุดให้เลื่อนลงไปช้าๆจนกระทั่งลมหายใจเราผสานกัน ริมฝีปากเย็นเฉียบสัมผัสแผ่วเบาและค้างเติ่งอยู่อย่างนั้น ลมหายใจแรงขึ้นหอบพร่า ผมลองบดริมฝีปากเข้าไปอีกจนไอ้ตงเปิดอ้าให้ลิ้นของอุ่นฉกฉวยโอกาสสัมผัสความหวานขมด้านในอย่างช้าๆ จังหวะตอบกลับสอดรับกันจนหลงระเริง สองมือของมันดันตัวให้มาอยู่นั่งบนโซฟากลายเป็นตัวสูงใหญ่ของมันโน้มหน้ามาจูบและกดทับตัวผมให้จมลงบนผืนผ้านุ่นนั้นแทน

             ผมโดนมือใหญ่ที่ไล้ลูบปลดกระดุมออกทีละเม็ด ปลายนิ้วเขี่ยที่เม็ดไตบนหน้าอกจนเสียวแปลบ เมื่อโดนจู่โจมเช่นนี้มีหรือจะยอมแพ้ ผมรั้งตัวมันเข้ามาก่อนจะผลักออกให้ร่างของมันนอนราบลงบ้าง เสื้อเชิ้ตผืนบางถูกแกะออกจนเผยผิวสีแทนแน่นขนัดอวดสู่สายตา ผมละฝีปากจากรสจูบเร่าร้อนมาเป็นโลมเลียเนื้อเนียนที่นอนดิ้นพล่าน เนื้อตัวหอมหวานกรุ่นกลิ่นผู้ชายเจ้าเสน่ห์ ลิ้นหนาเลียวนชิมรสชาติของร่างกายที่แสนสมบูรณ์แบบนี้อย่างตื่นเต้น มื้อไม้สั่นไม่หยุด แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา ผิวพรรณของไอ้ตงมันเนียนละเอียดแต่เปี่ยมไปด้วยมัดกล้ามเนื้อลีนขึ้นรูปสวย ขนสะดือที่ปีนป่ายเลยขอบกางเกงมาทำให้ยิ่งเซ็กซี่

“อะ ไอ้เตี้ย อื้อ” มันครางเสียงกระเส่าเมื่อลิ้นแฉะผมฉกที่หัวนมเม็ดใหญ่ของมันจนขึ้นรูป ใช้เวลาครอบดูดตรงนี้เนิ่นนานจนร่างกายไอ้ตงบิดเร่า บั้นเอวลอยเด่นโดยมีส่วนแข็งขืนเสียดสีที่หน้าขาผมไปมา

“อื้อ ไอ้เตี้ย กะ กูเสียว อื้อ ไอ้เตี้ย”

“ว่ากูเตี้ย เตี้ย เตี้ย ย้ำอยู่นั่นแหละ ... เตี้ยแล้วไง เตี้ยๆแบบกูก็เป็นผัวมึงได้นะ” เมื่อผละจากหน้าอกผมก็ไล้ลงไปที่แผงกล้ามหน้าท้อง กางเกงสีดำถูกปลดออกเผยให้เห็นก้อนนูนเด่นแข็งปั๋งในกางเกงในสีขาว รอยเยิ้มฉ่ำเปื้อนจนเห็นได้ชัดเจนดูเย้ายวนไปหมด

“อย่างมึงอะนะ จะมาเป็นผัวกู อ๊า....” ผมครอบปากกับดุ้นยาวใหญ่ของมัน กลิ่นสาปที่เกิดจากการหมักหมมมาทั้งวันโชยคลุ้งกระตุ้นให้วาบไหวยิ่งกว่าเดิม รสเฝื่อนจากของเหลวที่เยิ้มออกมาถูกดูดกลืนไปหมด คนตัวใหญ่ดิ้นพล่านราวกับคนไม่ประสา แต่เท่าที่รู้มา ไอ้ตงมันเจ้าชู้ใช่ย่อย และผมไม่คิดว่านี่เป็นครั้งแรกของมันที่มีอะไรกับผู้ชายหรอกนะ

“ไอ้เตี้ย อ๊า อื้อ” มันครางโหยหวนเมื่อใกล้ถึงจุดหมาย แรงดันที่ทะลักทลายถูกผมรีดเฟ้นกลืนกินจนแห้งเหือด ดาราหนุ่มหล่อนอนแผ่บนโซฟาอย่างเย้ายวน สองมือผมรีบพลิกตัวมันให้หันหลังอย่างง่ายดายราวกับมันพึงพอใจกับสิ่งที่โดนปรนเปรอให้

...เชี่ย ไม่มีเจล... ผมคิด แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าในห้องไอ้ตงมีอะไรแบบนี้อยู่จึงรีบวิ่งไปคว้ามา ... ไหนมึงบอกว่าจะกลับตัวพิสูจน์กับพ่อแม่ไงวะ ทำไมมีเจลหล่อลื่นหน้าโต๊ะเครื่อแป้งมึงได้ล่ะ

             เมื่อชะโลมของเหลวหนืดใสลงบนนิ้วก่อนจะเขี่ยบั้นท้ายของมันที่เด้งรับอย่างรู้หน้าที่ ใช้เวลากับตรงนี้ให้นานหน่อย ปล่อยให้ปลายนิ้วสอดแทรกลึกลงไปพร้อมกับเสียงครางไม่เป็นจังหวะ

“อื้อ อ๊า” ไอ้ตงยกก้นตัวเองเด้งรับ ผมสาละวนกับส่วนนี้นานพอสมควร จากหนึ่งเป็นสอง ท้ายที่สุด...นิ้วที่สามเข้าไปจนสุด

“กูขอนะไอ้ตง” เสียงกระซิบนั้นแทบจำไม่ได้ว่าเปล่งออกมาจากปากตัวเอง ผมตื่นเต้น ดีใจ และต้องการมันอย่างที่สุด

“อะ อื้อ มะ ไม่เอา กะ กูไม่ชอบผู้ชาย” มันตอบทั้งๆที่บั้นท้ายมันไม่ขยับหนีแม้แต่น้อย xxอยากปากตอแหลนะมึง

“เหรอวะ แต่ทำไมก้นมึงเด้งรับดีจังวะ” ผมยัดนิ้วเข้าไปอีกครั้ง

“อ๊า อื้อ” เสียงครางของมันเล่าความจริงเสมอ ผมจับบั้นท้ายมันให้ลอยเด่น หลังจากที่หยิบหมอนที่ประดับโซฟามารองที่หน้าท้องมันไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้ไอ้เอกราชหน้ามืดไปหมด เบื้องหน้าคือสวรรค์ของคนที่หล่อจนตะลึง ไอ้คนตัวเตี้ยจับจ่อพลังงานบางอย่างที่ปากถ้ำก่อนที่จะ..

“อ๊า ไอ้เตี้ย มึงยัดอะไรมาในก้นกูวะ โอ๊ย เชี่ย เจ็บ มึงเอาไม้แข็งๆมายัดก้นกูทำไม โอ๊ย” ไอ้ตงกรีดร้องลั่น แต่ผมก็ไม่ได้สนใจเพราะกำลังตั้งหน้าตั้งตาทำในสิ่งที่คนทั่วไปไม่กล้าทำกับดาราหนุ่มหล่อคนนี้

“อ๊า เจ็บ เอาออกไป เชี่ย อะไรวะใหญ่ชิบหาย เอาออกไป๊” มันดิ้นขยับตัวหนี แต่โดนผมรั้งให้กลับมา แรงกระแทกส่งผลให้ตัวมันสอดพรวด

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก” น้ำตามันไหลไม่ขาดสายครับ เพราะบั้นท้ายมันรับไอ้นั่นของผมไปหมดแล้ว เหมือนที่จินตนาการไว้เลยครับ ข้างในมันร้อนเร่า ยืดหยุ่น คับแน่นจนเสียวไปหมด บรรยายอย่างไรก็คงไม่อาจตรงกับความรู้สึกของผมในตอนนี้ เมื่อแท่งร้อนๆขนาดใหญ่ของไอ้เตี้ยปักในตัวของคนที่หมายปองจนสุดกำลัง แรงกระตุกภายในหนุบหนับจนขยับไม่ไหว มันร้อนเร่าราวกับถูกลาวาร้อนแผดเผาให้มอดไหม้ ก่อนจะพุ่งทะยานจนทะลุปรอทและกลับมาโหมโรมรันอย่างเร่าร้อนวนลูปไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ...

“ตอดชิบ” ผมสบถแผ่วเบา นอกจากจะต้องสะกดกลั้นอารมณ์แล้วยังต้องสะกดกลั้นไอ้หนึ่งน้อยให้ใจเย็นๆอย่าเพิ่งแตกอีกด้วย

“อื้อ เอาออกก่อน กูเจ็บ” มันร้องขอความเห็นใจ

“มึงเอาอะไรยัดมาวะ กูเจ็บ ไม่เคยมีอะไรใหญ่ขนาดนี้ยัดก้นกูมาก่อน อึ๊ก” มันร้องโหยหวน ผมได้แต่แค่นยิ้ม

“แสดว่าที่ผ่านมามึงเคยเจอมีแต่เล็กๆงั้นเหรอ” ผมถาม มันไม่ตอบครับ สงสัยจะอายตัวเองเพราะเพิ่งบอกเองว่าไม่ชอบผู้ชาย ในเมื่อท่าทางมันเป็นแบบนี้ ไอ้กระผมต้องสั่งสอนสักหน่อย

ป๊าบ!

“ฮ๊า ไอ้เชี่ย จุก”

“มึงก็ตอบกูมาสิ”

“เออ กูเคยรับแต่อันเล็กๆ อันขนาดนี้กูไม่เคย” ผมยิ้มครับ ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือสะใจ

“งั้นดีเลย กูนี่แหละจะทำให้มึงลืมผู้ชายคนอื่นให้หมด”

“อื้อ อ๊า” ไอ้ตงครางลั่นห้องเมื่อผมเริ่มจังหวะบรรเลงเพลงรักที่อัดแน่น ความสุขสมล้นปรี่จนต้องจัดให้มันชุดใหญ่ ให้สาสมกับความหล่อของมัน ให้สาสมกับที่มันชนผมแล้วไม่ยอมขอโทษ คิดดอกเบี้ยตอนที่มันแกล้งผมอีก จะเอาให้มันลุกไปไหนไม่ได้เลยอีก 3 วัน คอยดูฝีมือไอ้เตี้ยคนนี้ละกัน....



[โท เอกภาพ]

             เครื่องยนต์ที่แล่นอย่างเงียบกริบ กับไอเย็นของแอร์รถยนต์ที่ปะทะใบหน้าไม่ทำให้ผมคลายความเครียดได้เลยแม้แต่น้อย ตอนที่ได้รับสายจากโรงพยาบาลว่าแม่ที่เพิ่งผ่านการผ่าตัดเอานิ่วออกมาวันก่อนอาการไม่ดีเพราะเลือดไหลไม่หยุด แค่นั้นแหละ น้ำตามันก็ไหลออกมาเองอย่างห้ามไม่ได้

“โท โทเป็นอะไร” เสียงใสของคนที่ผมแอบชอบถามอย่างเป็นห่วง เมื่อหันไปสบตาก็เห็นแววตาอบอุ่นส่งมา ใบหน้าที่ส่งผ่านความสับสนงุนงงพ่วงความสงสารมาทำให้แทบสะอื้นออกมา

“แม่เรา แม่เราอาการไม่ดี” ผมตอบไปแบบนั้น ในหัวคิดอะไรแทบไม่ออก “ต้องไปหาแม่ เราต้องไปหาแม่”

“โทใจเย็นๆ แม่อยู่ที่ไหน”

“...”

“โท ตอบมาก่อน ที่ไหน”

“อ๊ะ...” ผมบอกชื่อโรงพยาบาลไป ขวัญใจหยิบมือถือมาเปิดแกรปเพื่อเรียกรถให้ไปส่ง ผมได้ยินบทสนทนาของขวัญกับตงฉินและไอ้หนึ่งก็พอเบาใจ ตอนที่ยืนรอรถมารับก็พยายามติดต่อพี่ชายตัวเอง

[เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้]

....



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-02-2020 09:36:31 โดย จากต้นจนอวสาน »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ่าววววว  ผิดคาด

อาตงโดนเจ้าเตี้ยเสียบซะงั้น

ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
จัดรีแมตช์ให้ตงด้วยหน่อนนะแบบแฟร์ๆกับหนุ่มๆทุกคนหน่อยพี่โทกับคุณต่อด้วย  :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ผิดตาดเลย น้อยเตี้ยดุจริงๆ

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
คิดว่าเป็นครั้งแรกของตง ที่ไหนได้เคยเจอแต่เล็กๆ

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
เตี้ยนักจะรักปะล่ะ? – My Dearest 20 cm.

ตอนที่ 10. คอมโบ้เซ็ต เข็ดไปอีกนาน

[โท เอกภาพ]

             เครื่องยนต์ที่แล่นอย่างเงียบกริบ กับไอเย็นของแอร์รถยนต์ที่ปะทะใบหน้าไม่ทำให้ผมคลายความเครียดได้เลยแม้แต่น้อย ตอนที่ได้รับสายจากโรงพยาบาลว่าแม่ที่เพิ่งผ่านการผ่าตัดเอานิ่วออกมาวันก่อนอาการไม่ดีเพราะเลือดไหลไม่หยุด แค่นั้นแหละ น้ำตามันก็ไหลออกมาเองอย่างห้ามไม่ได้

“โท โทเป็นอะไร” เสียงใสของคนที่ผมแอบชอบถามอย่างเป็นห่วง เมื่อหันไปสบตาก็เห็นแววตาอบอุ่นส่งมา ใบหน้าที่ส่งผ่านความสับสนงุนงงพ่วงความสงสารมาทำให้แทบสะอื้นออกมา

“แม่เรา แม่เราอาการไม่ดี” ผมตอบไปแบบนั้น ในหัวคิดอะไรแทบไม่ออก “ต้องไปหาแม่ เราต้องไปหาแม่”

“โทใจเย็นๆ แม่อยู่ที่ไหน”

“...”

“โท ตอบมาก่อน ที่ไหน”

“อ๊ะ...” ผมบอกชื่อโรงพยาบาลไป ขวัญใจหยิบมือถือมาเปิดแกรปเพื่อเรียกรถให้ไปส่ง ผมได้ยินบทสนทนาของขวัญกับตงฉินและไอ้หนึ่งก็พอเบาใจ ตอนที่ยืนรอรถมารับก็พยายามติดต่อพี่ชายตัวเอง

[เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้]

“รถมาแล้ว ขึ้นรถเร็ว” ขวัญใจกระชากแขนล่ำของผมให้เข้าไปนั่งด้านใน กว่าจะรู้สึกตัวพวกเราก็มาไกลถึงทางสะพานพระราม 9 แล้ว ...

“ขวัญมากับเราแบบนี้แล้วจะกลับยังไงล่ะ” เมื่อใจสงบก็เริ่มคิดได้ บ้านของขวัญกับทางที่กำลังไปนั้นคนละทางเลยนะ

“ไม่ต้องห่วงเราหรอก เดี๋ยวเราเรียกแกร็บกลับเอง”

“ไม่ห่วงได้ไงล่ะ แถวนั้นไม่ค่อยมีรถเลยนะ แถมตอนนี้ก็ดึกแล้ว เราจะปล่อยให้ขวัญกลับเองได้ยังไง เราเป็นห่วง” รู้ตัวว่าย้ำคำว่า เป็นห่วง มากกว่าหนึ่งรอบ คนที่นั่งข้างๆก็จ้องหน้าเขม็งเลย

“โทเป็นห่วงเราขนาดนั้นเลยเหรอ” เอาแล้วไง ตอนนี้จะเริ่มว้าวุ่นใจอีกครั้งแล้วนะโว้ย

“อะ อื้อ” แมนๆครับ ยอมรับตามตรง แต่ทำไมกลายเป็นอีกคนที่หน้าแดงไปซะอย่างงั้น ในรถมืดนะครับ แต่ผมยังเห็นอาการเขินของเธอได้ชัดเจน

“แล้วทำไมตอนนั้นโทถึงมาว่าเรา เอ่อ...”

“ปละ เปล่า เราไม่ได้ตั้งใจว่านะ” ผมนึกถึงวันก่อนที่เรียกขวัญว่ายัยนมแบน “คือไอ้หนึ่งมันแนะนำว่าถ้าอยากให้คนที่ชอบจำเราได้ เราต้องสร้างความต่างอะ”

“ห๊ะ...” อ้าว เชี่ย...พลาด

“เอ่อ...” ไอ้โทเอ๊ย มึงเพิ่งหลุดปากบอกว่าชอบไปนะ

“....”

“เรา คือ ... แค่อยากให้ขวัญจำเราได้ คือเราไม่ใช่คนหล่อ ไม่มีรถขับ เห็นคนอื่นมารุมจีบขวัญเราก็ใจแป้วแล้ว”

“...”

“พอไอ้หนึ่งมันแนะนำแบบนั้นมา เราก็เลย...ขอโทษนะที่เราปากไม่ดี” ไหนๆก็ไหนแล้วนี่นะ สารภาพไปตรงๆละกัน



[ขวัญจิรา]

             อื้อหือ....ดาเมจแรงมากค่ะ ใครจะไปคิดว่าดาวคณะบริหารธุรกิจกำลังถูกผู้ชายที่เคยด่าว่านมแบนสารภาพความในใจบนรถแบบนี้ น่าแปลกใจยิ่งกว่าก็คือขวัญดันใจเต้นไม่เป็นจังหวะเสียด้วย อยากจะเปิดประตูแล้วบินตรงกลับบ้านให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

RRRRRRRRRRRRR

             เสียงโทรศัพท์ดังมาได้จังหวะพอดี ไม่งั้นคงต้องก้มหน้างุดด้วยความเขินไปอีกนานแน่นอน พอดูชื่อคนที่โทรเข้ามาก็พาลไม่อยากรับไปเสียอย่างนั้น ...

“ใจคอจะปล่อยให้มันดังไปเรื่อยๆเหรอ” โทเอ่ยปากถาม ขวัญเลยกดที่ปุ่มด้านข้างมือถือให้เสียงเรียกเข้าเงียบไป

“ไม่รับสายพี่เค้าแบบนี้ ไม่กลัวเค้าน้อยใจเหรอ” ยังจะมาถามอีก ถ้าขืนรับสายตอนนี้ก็ได้รู้หมดว่าเสียงสั่น

“ไม่เป็นไรหรอก ...มั้ง” ที่ตอบไปนี่ก็ไม่มั่นใจเหมือนกันนะ



 [ตงฉิน]

             ผมตื่นมาตอนเช้าด้วยอาการปวดหัวอย่างแรง คงเพราะเมื่อคืนซดเบียร์ไปทั้งๆที่ท้องยังว่าง ไม่รู้ว่าหลับไปตอนไหนด้วยซ้ำ เมื่อสะบัดหัวขับไล่ความเจ็บก็ลุกขึ้นมาแล้วความเจ็บอีกจุดหนึ่งก็แล่นพรวดจนจี๊ดไปหมด

“เชี่ย อูยยยย เจ็บก้นสัด” ผมลูบก้นตัวเองครับ แล้วมันก็เป็นอย่างที่คิด ของเหลวที่แห้งกรังตรงขอบบอกว่าไอ้ตงฉินคนหล่อตกเป็นเมียของใครสักคนอีกแล้ว แต่ทำไมครั้งนี้มันเจ็บจังวะ ขนาดโดนเปิดตอนอายุ 15 ยังไม่เจ็บขนาดนี้เลย ความปวดระบมมันเล่นงานจนต้องค่อยๆลุกขึ้นมา ตอนนั้นแหละที่สังเกตว่ามีคนนอนกอดผมอยู่ เมื่อมองลงไปก็ทำให้ตกใจแทบเป็นลม

“อะ ไอ้เตี้ย”

“อื้อ จะนอน” ไอ้หนึ่งมันนอนหลับสนิท ไอ้ที่อยู่กลางตัวมันน่ะแข็งปึ๋งและใหญ่มากจนน่ากลัว

“ชะ เชี่ยละ” ผมคิดทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้น จำได้ว่ายื่นเบียร์ให้ไอ้หนึ่ง คุยกันเรื่อยเปื่อย ผมร้องไห้ มันก็มาจูบปลอบใจ แล้วหลังจากนั้น....

“อ๊า ไอ้เตี้ย มึงยัดอะไรมาในก้นกูวะ โอ๊ย เชี่ย เจ็บ มึงเอาไม้แข็งๆมายัดก้นกูทำไม โอ๊ย” ผมนึกถึงเสียงร้องระงมเมื่อคืนอย่างอับอาย นึกว่ามันแกล้งโดยการใช้ไม้อะไรแข็งๆใหญ่ใส่เข้ามา แต่พอมองสิ่งที่พ่อมันให้มาแล้วก็ใจกระตุกวาบ มึงเล่นใหญ่ขนาดนี้กูจะเหลือความฟิตเหรอวะ

“อุ๊บ” เพี้ยะ! ผมทรุดกองกับพื้นตอนที่ลุกออกมาจะไปเข้าห้องน้ำ มือฟาดที่หน้าไอ้คนทำร้ายผมจนยับให้ตกใจตื่น

“ไอ้สัด เจ็บ” มันผุดนั่งลูบหน้าอย่างเจ็บปวด

“เจ็บแค่นั้นไม่ตายหรอก อูยยยย” ผมนี่สิ ยอกไปทั้งตัว

“เป็นไรวะ” มันถามที่เห็นอาการของผม

“เจ็บสิวะ ถามได้” นั่นไง ทำหน้างงครับ

“เจ็บ”...มันคิดครู่หนึ่ง “อ๋อ เชี่ยกูเกือบลืม ไหนเป็นไรมากปะวะ”

“ไม่ต้องมายุ่ง” ผมปัดมือมันออก เอาตรงๆคือเขินมากกว่า แต่ความเจ็บก็ยังมีอยู่เยอะ

“อย่าดื้อ” มันรั้งตัวจนทรุดนอนกองกับโซฟาในท่าพิลึกพิลั่น ครึ่งตัวผมแนบบนโซฟา แต่ครึ่งล่างกับไม่มาด้วย กลายเป็นชูก้นให้มันสำรวจซะอย่างงั้น....ฮืออออ มึงช่วยให้เกียรติอาชีพกูด้วย ไอ้เตี้ย!

“ไม่มีอะไรน่าห่วง ไม่มีเลือด แค่บวมๆกับแฉะๆ”

“ไม่ต้องบรรยายก็ได้มั้ยไอ้สัด” ผมพยุงร่างตัวเองไปที่ห้องน้ำด้านนอก ตอนนี้ท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด อาการท้องเสียหลังจากดื่มของมึนเมาทำพิษซะแล้ว เป็นตอนไหนไม่เป็น ดันมาเป็นตอนนี้

....ตอนที่โดนไอ้เตี้ยสอยตูด

“อื้อออออออออออออ” ผมเบ่งสุดตัวครับ ไม่ใช่อะไร มันเจ็บและแสบมาก น้ำตาหยดแหมะเลยครับ ไม่เคยคิดเลยว่าจะมาเจอของใหญ่อะไรขนาดนี้ ท้องไส้ก็ไม่ดีอีกต่างหาก พรั่งพรู ...

“อื้ออออออออ เชี่ย แสบโว้ยยยยยยยยย” ผมตะโกนอย่าไม่อายใครละ ห้องกูเองนี่หว่า

“ไอ้ตง ไหวมั้ยวะ เป็นอะไรมั้ย” ไอ้เตี้ยเคาะประตูห้องน้ำรัวๆถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน

“มึงไม่ต้องมายุ่ง อื้ออออ ไอ้เชี่ย มึงน่ะตัวดีเลย” ผมกร่นด่า ใครจะคิดวะ ว่าตัวเท่าลูกหมาจะอลังการงานสร้างได้ถึงเพียงนี้

“ไอ้ตง เปิดประตู ให้กูเข้าไป”

“พะ พ่อง มึงจะเข้ามาทำไม กูขี้ อื้ออออออออออออ ย่ะ อยู่”

“ขี้เชี่ยอะไรวะ ทำไมมึงร้องครางขนาดนี้”

“ก็กูแสบก้นไงไอ้สาด ผีมือมึงนั่นแหละ อูยยยยยยยยยย” ผมตะโกนตอบ นึกเจ็บใจที่ตัวเองพลาดท่าเสียทีจนได้ ... เมื่อเสร็จกิจก็เดินกระเผลกมานอนคว่ำที่โซฟา โดยมีไอ้เตี้ยที่เดินแกว่งตุ้มไปมาหากระดาษมาเช็ด

“อูย เบาๆไอ้สัด กูเจ็บ” ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อมันเช็ดตรงที่แสบ

“เห้อ กูก็นึกว่ามึงโดนมาจนชิน ที่ไหนได้วะ”

“ชินพ่องมึงสิ กูโดนแค่ไม่กี่ครั้งเอง ที่เหลือกูจัดหมด” ผมว่าของผมก็ไม่น้อยละนะ แต่ดันมาแพ้ไอ้เตี้ยนี่ซะได้

“ไม่ต้องห่วงหรอก ต่อแต่นี้ไป มึงจะไม่ลืมรสชาติของกูไปอีกนาน”

“มั่นใจนะไอ้สัด” ผมผุดนั่ง แต่กลับโดนมันดันให้นอนดังเดิม

“ไม่มั่นใจก็ไม่ใช่ไอ้หนึ่งสิครับ ถึงกูจะเตี้ยกว่ามึง 20 เซ็น แต่กูก็มีอย่างอื่นที่ยาว 20 เซ็นมาทดแทนนะเว้ย” มันไม่แค่พูดแต่กำลังบดอะไรบางอย่างที่ปากถ้ำผมอยู่อะดิ

“อะ ไอ้เตี้ย มะมึงจะทำอะไรวะ ย่ะ อย่า ... อ๊อกๆ อื้ออออออออ” ดูท่าว่ามันจะไม่ยอมให้ผมลืมเลือนรสชาติของมันแล้วจริงๆสินะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เคะตัวใหญ่เมะตัวเล็กเหรอเนี่ย

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
อื้อหือ น้องเตี้ยไม่ธรรมดาจริงๆ.  :katai2-1:

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
ตงคงไม่ลืมง่ายๆ แน่

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
เตี้ยนักจะรักปะล่ะ? – My Dearest 20 cm.

ตอนที่ 11. พัง

[ตงฉิน]

             ผมตื่นมาอีกทีก็สายมากแล้วจากเสียงเตือนจากมือถือ ปกติลงคิวถ่ายงานไว้ในนั้นหมดและเปิดให้แจ้งเตือนครั้งแรกอย่างน้อย 3 ชั่วโมง กันพลาด แต่ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะมีงานเลยจริงๆ เมื่อกดมาดูแล้วก็ต้องรีบลุกสิครับ วันนี้มีถ่ายละครอีกด้วย

“อื้อออออออออ” เจ็บครับ ไอ้เตี้ยมันจัดคอมโบ้เซ็ตเลยเมื่อเช้า

“ไปไหนวะ” มันลืมตามาถาม

“ไปอาบน้ำ วันนี้กูมีถ่ายละคร”

“มึงไหวเหรอวะ ขอลาสักวันสิ” มันออกความเห็น

“ขอบใจนะสัด แต่จะลาได้ไงล่ะ กองเค้าไม่ได้นัดแค่กูนะเว้ย มีดาราคนอื่นเพียบ ไหนจะตากล้อง ช่างไฟ ทีมงานอีกหลายชีวิต ขืนกูไม่ไปมีหวัง...”

“แต่มึง...” ไอ้หนึ่งพูดแค่นั้นและเพ่งมาที่ก้นผม

“ห่วงกูเหรอ” มันพยักหน้า “มึงห่วงประสาอะไรวะ อัดจนกูยับเยินแบบนี้” มันเกาหัวแก้เก้อ ผมส่ายหน้าอย่างระอาก่อนพาร่างไปที่ห้องน้ำโดยมีไอ้เตี้ยช่วยพยุง



             กองถ่ายวันนี้เริ่มถ่ายฉากของผมตอนบ่าย ละครเรื่องนี้เกี่ยวเป็นละครย้อนยุคที่ผมต้องแสดงเป็นคนจน อาชีพพ่อค้าที่ต้องแต่งตัวด้วยชุดซอมซ่อ และถีบจักรยานไปขายของ...

“เชี่ย มึงไหวแน่นะ” ไอ้หนึ่งที่เป็นห่วงและเป็นต้นตอของเรื่องทั้งหมดตามมาด้วยครับ เพราะสภาพผมนี่ไม่ไหวจริงๆ ยังดีนะที่มันยอมลงทุนไปซื้อผ้าอนามัยมารองก้นผมไว้เพื่อกันกระแทก “รู้งี้กูซื้อแบบมีปีกมาก็ดี”

“มีปีกพ่อง” ผมตวาดมันครับ แต่ลืมว่าเขาเปิดไมค์แล้ว

“ปีกอะไรครับน้องตง ในบทไม่มีนะครับ”

“มะ ไม่มีอะไรครับ” ผมตอบแค่นี้ เพราะไม่รู้ว่าจะแถอะไรดี

“เอาล่ะ ซ้อมก่อนนะคะ น้องตงมาตรงนี้ค่ะ ... เอ วันนี้ไม่สบายรึเปล่าคะ ทำไมเดินแปลกๆ” พี่ผู้ช่วยถามเมื่อเห็นท่าเดินของผม ไม่ให้แปลกได้ไงล่ะครับ ในก้นก็มีผ้าอนามัยแปะอยู่ แถมความเจ็บแสบยังไม่ค่อยหายดี ยิ่งเดินก็ยิ่งตึงรั้ง ท่าเดินเหมือนเป็ดที่โยกย้ายไปมาดุ๊กดิ๊กๆ

“ฉากนี้น้องตงจะต้องขี่รถจักรยานจากตรงนี้ไปตรงนั้นนะคะ แล้วจอดที่กลุ่มชาวบ้านที่กำลังมุงดูของ กล้องจะตามไปด้านนี้ และด้านนี้ น้องตงอย่าหลุดไปมองที่อื่นนะคะ”

“ครับ” ผมใจสั่น เพราะคิดสภาพแล้ว...

“เอาค่ะ ซ้อมนะคะ เทควัน” ผมก้าวขึ้นจักรยาน แค่จังหวะแรกก็ร้าวไปหมด ต้องฝืนตัวเองสุดๆไม่ให้แสดงอาการเจ็บปวดออกมา

“คัตค่ะ น้องตงอย่าหลับตาสิคะ ลองใหม่ช้าๆ” ไม่ให้หลับตาได้ไงวะ ก็มันเจ็บ...ขึ้นนั่งแล้ว พอก้นมันติดเบาะแค่นั้นแหละ

“อื้อ” ร่างกายมันกระตุกเองเพราะความเจ็บ

“น้องตงคะ ในบทไม่มีว่าต้องกระตุกแบบนั้นนะคะ” พี่ผู้ช่วยตะโกนบอกมาผ่านโทรโข่ง ผมมองไปไอ้ตัวต้นเหตุที่เหมือนจะกลั้นหัวเราะจนหน้าแดงไปหมด คอยดูเถอะมึง...กูจะหาทางเอาคืนให้สาสม

“เห้ย แต่ผมว่าดีนะ ดูมันแบบเรียลดี” ผู้กำกับบอกกับผู้ช่วยที่กำลังทำหน้างง

“เรียลยังไงวะ”...แต่คำพูดนี้ก็ไม่ได้พูดออกไป

             หลังจากซ้อมไปสองรอบ และถ่ายจริงอีกสามรอบเพราะผู้กำกับอยากได้ภาพหลายๆมุม ผมก็เดินอย่างไร้เรี่ยวแรงมายังที่นั่งพัก ยังดีหน่อยที่ออกกองคราวนี้มีห้องพักนักแสดงให้ เลยได้เข้ามาหลบมุมในนี้ ลองคิดว่าถ้าตัวเองไม่ดังหรือเป็นแค่ตัวประกอบสิ ป่านนี้คงนอนเฉาไปละ เจ็บก็เจ็บ ร้อนก็ร้อน 

“ไหวแน่นะมึง” น้ำเสียงมันถามดูห่วงใย แต่อาการขำก่อนหน้านี้คืออะไรวะ

“เออ” ผมตอบคนถามอย่างรำคาญ แม่งนึกว่าตายไปละ ทำกูเจ็บได้ขนาดนี้เลยนะเนี่ย

“อะนี่น้ำ กูไปขอพี่ทีมงานมาให้” ไอ้หนึ่งยื่นแก้วน้ำเก็บความเย็นที่ติดชื่อตงฉินมาให้ ผมดูดอึกใหญ่อย่างกระหายเนื่องจากเสียพลังงานกว่าปกติหลายเท่า ไหนจะต้องเจ็บยอกตอนขึ้นไปนั่งบนเบาะและถีบรถไปมาอีก “ปิดไมค์ยังเนี่ย”

“ปิดแล้ว” ผมไม่มีทางพลาดอีก แค่นี้ก็กลัวคนจะรู้ชิบหายแล้วล่ะ ไอ้หนึ่งเอามือมาแตะหน้าผาก ผมทำหน้าสงสัยส่งไปให้

“ไม่มีไข้ ดีหน่อย”

“จะมีไข้ได้ไงล่ะวะ”

“ก็ไม่รู้สิ นึกว่าโดนจัดไปขนาดนั้นแล้วจะป่วย” เชี่ย ผมเกลียดใบหน้าเหมือนผู้ชนะของมันในตอนนี้ชิบหาย...

“จัดเชี่ยอะไรของมึง”

“หืม อย่าบอกนะว่าจำไม่ได้ งั้นให้กูทวนความจำหน่อยดีมั้ย” มันไม่แค่พูด แต่โน้มหน้ามาประชิดเลยครับ ผมขยับตัวไม่รอดแล้ว ถึงตัวจะโตกว่า แต่รุกเข้ามาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียงก็พลาดพลั้งได้เหมือนกัน .. มันประกบจูบเลยจ้า

ผมดิ้นไปมา พอมีแรงฮึดก็ผลักมันออกก่อนต่อยปากไปทีนึง

“อย่ามาทำรุ่มร่ามแถวนี้นะ ในกองถ่ายคนเยอะแยะ ถ้ามีข่าวหลุดไปจะซวยเอา” 

มันมองหน้าผมอย่างคนสำนึกผิด ...

“อีกอย่าง กูไม่ได้ชอบอะไรแบบนี้ อย่ามาทำกับกูอีก” ผมเดินออกจากห้องพักอย่างรวดเร็วด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ไม่รู้เพราะโกรธที่มันทำรุ่มร่ามไม่เลือกที่ หรือว่าโกรธที่ตัวเองพูดใส่มันแบบนี้กันแน่...

             จบฉากสุดท้ายตอนเที่ยงคืนพอดี วันนี้เรี่ยวแรงหมดเกลี้ยงแทบเดินไม่ไหว หลังจากร่ำลาพี่ๆทีมงานเสร็จสรรพก็ขนของมาที่รถ ตั้งแต่ผมตวาดใส่มันไปตอนนั้น ไอ้หนึ่งก็ไม่อยู่แล้ว ... ไอ้เราก็มัวแต่ยุ่งเลยไม่ได้โทรหรือส่งข้อความอะไรไปหา แต่ช่างเถอะ ... มันผิดจริงๆนี่หว่า ทำอะไรไม่เลือกที่

             ผมก้าวขึ้นรถอย่างทุลักทุเลจากอาการบาดเจ็บ รู้สึกตัวรุมๆเหมือนเป็นไข้อีกด้วย ปวดขมับและเปลือกตาไปหมด ขอบตาร้อนผ่าวเหมือนคนจะร้องไห้ คงเป็นเพราะพิษไข้ แอร์รถยนต์ที่เปิดเพียงน้อยนิดกลับทำให้หนาวจนตัวสั่น ครั่นเนื้อครั่นตัวไปหมดจนอยากสลบไปให้รู้แล้วรู้รอด...พอพิงหัวกับเบาะรถยนต์เท่านั้นแหละ ภาพทุกอย่างก็ดับมืดลง

แปะ แปะ แปะ ... ผมสะดุ้งตื่นจากแรงตบเบาๆที่แก้ม แค่ลืมตายังยากเลยเพราะตอนนี้เพลียกายไปหมด หนักอึ้งจนไม่อยากทำอะไรทั้งนั้นนอกจากนอนนิ่งๆ

“ไอ้ตง ไหวมั้ย ไอ้ตง” เสียงคุ้นเคยนั้นถาม แต่ผมไร้เรี่ยวแรงจะตอบ

“อื้อ”

“มึงไม่สบายเหรอวะ...เชี่ย ตัวร้อน... ขยับไปนั่งฝั่งโน้นเดี๋ยวกูขับเอง”

“อื้อ” ผมงัวเงียและหงุดหงิดจากแรงผลักจากเจ้าของเสียงแต่ก็ต้องยอมจำนนเลื่อนตัวไปที่เบาะข้างอย่างทุลักทุเล ไหนจะหัวชนเพดาน เข่าเคาะกับเกียร์ แถมรองเท้าหลุดหายไปตอนไหนก็ไม่รู้ ... ลำบากชิบ

“ไข้สูงมาก ไปโรงพยาบาลนะ”

“อื้อ” จะบอกว่าไม่ไป แต่ส่งเสียงได้แค่นี้ ก่อนจะหลับวูบไปอีกครั้ง



             ผมวางนิตยสารซุบซิบวงการบันเทิงอย่างหัวเสีย อาการไข้ผมดีขึ้นแล้วหลังจากนอนซมมา 2 วัน โชคดีหน่อยที่พี่หมอเป็นญาติของขวัญใจ เรื่องเลยง่ายขึ้น ไม่ต้องส่งไปตรวจภายในหรือทำอะไรให้นักข่าวเอาไปเขียนข่าวได้ แต่ก็ไม่วาย....มีข่าวผมพาดหน้า 1 ดาราหนุ่ม ต. มีหนุ่มปริศนาเทียวไปรับ-ส่งถึงกองถ่าย งานนี้แม่ยกว่าไง

“เชี่ย”

“คะ” พยาบาลที่เช็ดตัวให้สะดุ้งเฮือกจนผมต้องขอโทษเป็นการใหญ่

“ก่อเรื่องอะไรอีกวะ” ไอ้หนึ่งก้าวเข้ามาในห้องโดยที่ผมไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูด้วยซ้ำ ในมือหิ้วของกินมาเพียบ เห็นแล้วน้ำลายไหล

“นี่ไง” ผมโยนนิตยสารให้มัน

“กูอ่านแล้ว” มันตอบแค่นี้ ใบหน้าไม่ได้เดือดร้อนอะไรด้วยซ้ำ

“แล้ว...” ถามไปแบบไม่คาดหวังว่ามันจะต้องเข้าใจหัวอกผมหรอก ไอ้การที่มีข่าวซุบซิบออกมามันมีผลดีมากกว่าผลเสียตลอดอยู่แล้ว ด้วยอาชีพที่ต้องออกสื่อตลอดเวลาเช่นนี้ การที่ไม่มีข่าว เท่ากับว่าไม่มีใครสนใจ

“กูต้องถามมึงมากกว่ามั้งว่าอ่านแล้วเป็นไง”

“กูก็เพิ่งหลุดเชี่ยออกมาไง” ถ้าจะให้ได้อรรถรสมากกว่านี้ แนะนำให้เปลี่ยน ตัว ช เป็น ห เปลี่ยนไม้เอกเป็นไม้โท ที่คำว่า เชี่ยนะครับ

“คือมึงไม่พอใจที่มีข่าวหลุดเพราะกูเฝ้ามึงถ่ายละครว่างั้น” มันถามและยักไหล่ ยิ่งทำให้อยากถีบยอดหน้า แต่พักก่อน ตอนนี้ยังยกขาไม่ขึ้น

“ช่างเหอะ” ผมเบื่อที่จะต่อล้อต่อเถียง มันไม่จบสิ้นหรอก ยังดีที่รูปถ่ายมันเบลอๆเลยไม่เห็นว่าใครเป็นใคร

“ไอ้ตง”

“หืม”

“ไอ้ตง”

“อะไรอีก” ผมตอบด้วยความรำคาญ มันคือต้นเหตุที่ทำให้ป่วยขนาดนี้ แถมยังพาซวยเป็นข่าวด้วยกันอีก

“...”

“มึงกลับไปก่อนไป กูจะนอน” ตอนนี้ไม่อยากรับรู้หรือคิดอะไรอีกแล้ว ผมหันหลังให้มัน ข่มตาลงไปและไม่รู้สึกตัวอีกเลย

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
มีภาพหลุด น้องตงจะว่างัยจ๊ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
มีภาพหลุด น้องตงจะว่างัยจ๊ะ


ตงคงโวยวายบ้านแตกแน่ๆ  :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
หนึ่งต้องง้อเมียด่วน

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
เตี้ยนักจะรักปะล่ะ? – My Dearest 20 cm.

ตอนที่ 12. บรรยากาศมันพาไป

[โท เอกราช]

             ตั้งแต่ไอ้ตงออกจากโรงพยาบาล พวกเราก็เหมือนอยู่ในสภาวะอึมครึมแปลกๆ ช่วงนี้ไอ้โทมันไปไหนมาไหนกับขวัญใจชนิดที่ว่าตัวติดน้ำตาลหยดจนมดตาม วีระกรรมตามจีบดาวคณะโด่งดังพอดู เพราะมันโค่นคู่แข่งอย่างเดือนมหา’ลัยปีที่แล้วอย่างราบคาบ ระยะเวลาแค่ไม่กี่อาทิตย์ แต่มันก็พิชิตใจสาวสวยไปได้...ผมล่ะยอมมันจริงๆ

             มีแต่ผมกับเรื่องคาราคาซังนี่แหละที่ยังหาทางออกไม่ได้ ช่วงนี้ต่างฝ่ายต่างหลบหน้ากันไปก่อน ไอ้ตงมันขับรถไปเรียน ผมก็ขี่มอเตอร์ไซค์เอา ไม่อยากนั่งรถกับมันสองต่อสอง แค่เรื่องข่าวซุบซิบก็ทำมันเกือบพังไปแล้ว ดีหน่อยที่ไม่มีนักข่าวสาวมาถึง เพราะดาราคนอื่นที่มีข่าวว่าเป็นเกย์รับเคราะห์ไปแทน

ปึก

“เชี่ยอะไรวะ” หนังสือเรียนเล่มใหญ่ฟาดที่หัวจนเจ็บ พอมองที่คนฟาดมาก็อยากจะด่า

“มึงเป็นอะไรไอ้หนึ่ง ช่วงนี้เหม่อจังวะ”

“หึ สังเกตด้วยเหรอ นึกว่าติดสาวจนลืมกูไปซะละ”

“ปากมึงนี่นะ เดี๋ยวเจอถีบ” ไอ้โทตอบก่อนนั่งลงที่ม้าหินอ่อนหน้าคณะ ช่วงนี้เราว่าง มีเรียนอีกทีคือตอนบ่ายเลย

“ลมอะไรหอบมึงมาห๊ะ ไม่ตามแฟนไปไหนมาไหนเหรอออออ” ผมแซวไป ไม่รู้ว่าคบกันหรือแค่คนคุย ไอ้เราก็เชียร์อยู่...

“แหมมมม เดี๋ยวนี้ดังหรา มาหาไม่ได้เนี่ย...ขวัญไปทำรายงาน กูขี้เกียจไปเฝ้า” มันตอบและเอาน้ำเก๊กฮวยผมไปดูดจนเกลี้ยง

“มึงแม่ง” อันนี้บ่นให้กับน้ำหวานที่หมดไป “สรุปเรื่องที่กูไลน์ไปถามว่าไงวะ”

“นี่แหละที่กูจะคุย” มันทำหน้าจริงจังขึ้นมาบ้าง...ประมาณ 3%

(-_-)’ >> หน้าผม

“มึงมีปัญหาอะไรกับไอ้ตงรึเปล่าวะ” มาแล้วไงคำถามที่ไม่อยากตอบ ถึงไอ้โทมันจะรับรู้รสนิยมทางเพศของผม แต่มันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรที่ผมจะต้องไปบอกว่าไอ้ตงเป็นแบบไหน แต่การที่ไม่ได้เล่าอะไรเลยมันทำให้รู้สึกโคตรอึดอัด

“เปล่า กูแค่อยากย้ายมาอยู่หอใน มันสะดวกกว่า” แถครับ แถ

“มึงก็รู้ว่าไอ้ตงมันขอให้เราอยู่กับมันเพราะพ่อมันคาดโทษไว้ ถ้าเราเสือกออกตอนนี้มันก็ต้องระเห็จกลับไปอยู่บ้านใช่มั้ยล่ะ”

“อื้อ” อันนี้ก็ยอมรับ ถึงแม้เหตุผลของมันดูเบาบาง แถมการที่พวกเราได้ไปอยู่กับมันเพราะเป็นสองคนแรกที่มันเจอก่อนรายงานตัวซะอีก ยังเคยคิดนะ ถ้ามันเกิดเจอไอ้คิ้วหรือไอ้ฉัตรก่อน พวกเราทั้งคู่คงไม่ได้อาศัยอยู่คอนโดมันเป็นแน่

“แล้วอยู่ๆมึงจะย้ายออก ... มึงบอกกูมาเดี๋ยวนี้ว่าพวกมึงทะเลาะอะไรกัน”

“ไม่มี๊” เสียงจะสูงทำไมวะ “ก็แค่...”

“มึงอย่าคิดว่ากูโง่นะ กูกินข้าวไม่ได้กินหญ้าที่จะไม่รู้เรื่องที่พวกมึงมึนตึงใส่กันและแยกกันมาเรียนคนละคันน่ะ” ไอ้ตงรถยนต์หรู ไอ้กระผมมอ’ไซค์เก่าๆ

“....”

“จะเล่าไม่เล่า ถ้ามึงไม่เล่า กูก็ไม่ย้าย อยู่กับไอ้ตงดีจะตาย ใกล้ขวัญด้วย” นั่นไงธาตุแท้พี่กู มันอยากอยู่คอนโดเดียวกับแฟนมันชัดๆ ... สายตาที่มองมาแบบคาดคั้นทำให้รู้สึกลำบากใจเข้าไปอีก

“...”

“แล้วมึงอย่าริคิดออกไปอยู่คนเดียวนะ ทำแบบนั้นพี่เอกรู้เรื่องแล้วลากตัวกูไปอยู่กับมึงแน่ๆ ห้ามพรากกูกะขวัญนะ เข้าจั๊ย” โห ไอ้สาด บล็อกกูทุกทาง พี่เอกพี่ชายไอ้โทนั้นก็เฮี้ยบ ไม่ได้ใจดีเท่าไหร่หรอก มีดีอย่างเดียวคือ ซื่อไปหน่อย

“เชี่ย มึงนี่แม่ง” ในใจก็ยอมจำนนครับ แต่ก็ยังหวั่นๆ

“สรุปมึงจะไม่เล่า” มันถามต่อ เหมือนคำถามสุดท้าย ถ้าผมไม่ตอบ มันก็จะไม่เซ้าซี้เหมือนที่ทำๆมา

“ก็ไม่มีอะไร คือ....” ผมเริ่มเล่า เริ่มต้นจากวันที่ไอ้โทหนีกลับบ้าน เรื่องดื่มเบียร์ที่ห้อง ข้ามเรื่องอย่างว่าไปหน่อย ไปเฝ้าไอ้ตงถ่ายละครและเป็นข่าว

“ชะ เชี่ย ไอ้ตงมันคิดยังไงถึงยอมจูบกับมึงวะ” ไอ้โทรู้แค่นี้แหละครับว่าเราแค่จูบกัน ไม่ได้สาธยายเรื่องใต้สะดือเข้าไป

“กูทำไมวะ หน้าตาอย่างกูจูบใครไม่ได้ว่างั้น”

“ก็เปล่า แต่แม่ง...น้ำเมานี่ไม่เป็นผลดีจริงๆ”

“พูดจายังกะคนแก่ พูดอย่างกับมึงไม่ดื่ม” ไอ้โทมันตัวดีเลยล่ะเรื่องขี้เมาเนี่ย

“สรุปคือ ข่าวที่ซุบซิบคือเรื่องของมันกับมึง”

“เออ”

“แต่ไหงข่าวที่ออกมาเป็นสัมภาษณ์คนอื่นละวะ”

“กูจะรู้มั้ย กูไม่ได้เป็นนักข่าว”

“อืมมมม สรุปพวกมึงมีปัญหาอะไรกันแน่วะ”

“อ้าว ไอ้นี่” เปลืองน้ำลายชะมัด



             ตอนเย็นเป็นช่วงเวลาที่อึดอัดอีกช่วงหนึ่ง เพราะทีมหลีดที่ตอนนี้เหลือ 39 คน ไอ้โทขอถอนตัวเนื่องจากเหตุผลทางบ้าน มีแต่ผม ไอ้คิ้ว ไอ้ฉัตรและไอ้ตงที่ถือว่าเกาะกลุ่มกันเหนียวแน่น หลังจากผ่านการซ้อมมาได้เกือบสองอาทิตย์ พี่ๆทีมหลีดก็จะประกาศผลการคัดเลือก ในใจผมนี่โคตรตื่นเต้น ก็คนไม่เคยเป็นหลีดมาก่อนนี่หว่า ความสูงระดับฮอบบิทไม่เคยนำพาชีวิตของไอ้หนึ่งออกมาสู่สายตามวลมนุษยชาติแบบนี้เลยสักครั้ง

“เอาล่ะค่ะน้องๆ วันนี้พี่จะมาประกาศผลการคัดเลือกทีมหลีดของคณะในงานกีฬามหา’ลัยปีหน้า ก่อนอื่นพี่ก็ต้องขอขอบคุณน้องๆทุกคนที่เสียสละเวลามาร่วมซ้อม พี่รู้ว่ามันเหนื่อยและค่อนข้างยาก ความทุ่มเทของน้องๆนั้นทำให้พี่ลำบากใจที่สุดที่จะต้องคัดคนที่เหมาะสมเข้าทีม” พี่เปรี้ยว หัวหน้าทีมหลีดปี 2 เกริ่นยาวเหยียด เอาเข้าจริงน้องเกือบทุกคนไม่ได้อยากเป็นหลีดหรอก เพราะต้องซ้อมหนักและเหนื่อย

“รายชื่อที่พี่จะประกาศต่อไปนี้ คือรายชื่อของทีมเชียร์หลีดเดอร์ปี 1 ของคณะบริหารธุรกิจนะคะ” พี่เปรี้ยวเริ่มจากฝั่งผู้หญิงก่อน แน่นอนว่าขวัญใจของพวกเราก็เป็นหนึ่งในนั้น พอประกาศจบ พี่เปรี้ยวก็เริ่มอ่านรายชื่อฝ่ายชาย

“คนที่ 1 ตงฉินค่า” ไม่ต้องเดาไม่ต้องลุ้น คนหล่อระดับเทพโดนขานชื่อคนแรกเลยครับ เวลาผ่านไปจนถึงคนที่ 6 ไม่มีชื่อไอ้คิ้ว ไอ้ฉัตรและแม้กระทั่งผม ใจนึงก็แอบลุ้น ใจนึงก็โล่งเพราะไม่อยากเข้าทีมกับไอ้ตง ตอนนี้ยังตึงๆกันอยู่

“และคนสุดท้าย ... น้องเตี้ย เอกราชค่า”

“ห๊ะ” เอาแล้วไงกู คือ...บรรดาหลีดชายทั้งหมด กูเตี้ยสุดเลยนะ เอาไปเป็นหลุมเหรอพี่

“ไปดิ ชื่อมึงอะ” ไอ้ฉัตรผลักผมให้ออกไปยืนเข้าแถวกับคนอื่นๆ แม่ง....จะต้องรู้สึกยังไงดีวะ ไอ้คนที่หล่อกว่า สูงกว่าดันไม่เอา มาเอาเตี้ยๆอย่างกูเนี่ยนะ

“เอาล่ะค่ะ เป็นอันว่าครบแล้วนะคะสำหรับทีมเชียร์หลีดเดอร์ในปีนี้....” พี่เปรี้ยวร่ายยาวหลังจากประกาศผล พร้อมทั้งนัดแนะเรื่องการซ้อม ก่อนหน้านี้พวกเราไม่ต้องเข้าห้องเชียร์ แต่หลังจากนี้ทีมหลีดจะต้องมาซ้อมหลังจากเลิกเชียร์ด้วย ทำเอาพวกเราบ่นอุบ ไหนจะต้องเรียน เข้าห้องเชียร์เจอพี่ว้าก ออกมาซ้อมหลีดต่อ...ถถถถถ ชีวิต

“แม่ง นึกว่าจะรอด พวกพี่ๆเค้าใช้อะไรเลือกวะ”

“ส้นตีน...มั้งครับ” ไอ้ฉัตรเป็นคนตอบ

“ครับไอ้สัด”

“สัดพ่อง กูชื่อฉัตร”

“เอาน่าไอ้เตี้ย อย่างน้อยมึงก็ยังมีไอ้ตงอยู่ซ้อมเป็นเพื่อนนะ” ไอ้คิ้วออกความเห็น มันหน้าตาค่อนไปทางคมเข้มและหล่อเอาการ ความสูงก็เกือบ 180 แต่ทำไมดันไม่ติดวะ “เออ ไอ้ตง คืนนี้พวกกูไปกินเหล้านะ ไปปะ”

“ที่ไหนวะ” คนถูกถามเปิดปากถามกลับหลังจากเงียบมานาน รู้สึกว่ามันกับผมมีระยะห่างที่มองไม่เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ

“ที่เดิม xx บาร์” ไอ้ฉัตรหันมาตอบ ร้านนี้เป็นร้านโปรดของเหล่าเด็กมหา’ลัย เพราะราคาไม่แพง บรรยากาศดี และอยู่ไม่ไกลมาก ที่สำคัญคือไม่ต้องตรวจบัตร

“เออ กี่โมงก็บอกละกัน” ไอ้ตงรับคำ

“มึงไปมั้ย ไอ้เตี้ย ไอ้โท”

“กูไม่ไปว่ะ คืนนี้กลับไปเฝ้าแม่” ไอ้โทชิงตอบ เหลือแต่ผมนี่แหละที่ต้องหาข้ออ้างที่ฟังขึ้นเพื่อจะได้ไม่ต้องไปเผชิญหน้ากับไอ้ตง

“กูมีนัด”

“มึงเนี่ยนะมีนัด วันๆเห็นเกาะแต่ไอ้โทไม่ก็ไอ้ตง” ไอ้คิ้วพล่าม ไอ้ชิบหาย

“มึงห้ามเบี้ยวกูนะ หลายรอบแล้วนะมึงน่ะ” ไอ้ฉัตรสนับสนุน แม่งไอ้เพื่อนเวร ผมมองหน้าไอ้โทอย่างขอความช่วยเหลือ แต่มันก็เมินใส่...ดีจังเลยนะมึง

“เออ ไปก็ได้” แค่รับปากพวกมันก็เฮลั่น หลังจากนัดแนะเวลาเสร็จสรรพพวกเราก็ต่างแยกย้ายกลับ ไอ้โทกลับกับขวัญใจและคงเลยไปที่โรงพยาบาลต่อ ส่วนผมน่ะเหรอ ต้องเดินต๊อกๆมาที่ลานจอดมอเตอร์ไซค์ที่อยู่ถัดจากลานจอดรถยนต์ไม่กี่เมตร

บรื้น.... “ติดสิวะลูกพ่อ”

แต็กๆ ... เสียงรถมันฟ้องว่าอาการไม่ดีอีกแล้วครับท่าน เพิ่งเปลี่ยนหัวเทียนไปเมื่อเดือนก่อนเองจะมาทำพ่อขายหน้าแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย ...ผมพยายามสตาร์ทเครื่องต่อเนื่องจนปวดขาไปหมด รถก็ยังไม่ยอมติด ... จะว่าน้ำมันหมดรึก็ไม่ใช่เพราะเพิ่งเติมมา น่าจะหัวเทียนบอด

             ทีนี้ทำไงล่ะ หวังจะพึ่งพาแกรบก็ยังไม่ไหวเพราะเดือนนี้เหลือเงินไม่กี่บาทเอง คืนนี้จะต้องไปเมากับไอ้พวกนั้นอีก ดีไม่ดีอาจจะเนียนไม่จ่าย ยกยอดไปทีเดียวตอนสิ้นเดือน หลังจากตัดสินใจได้ว่าจะไปขึ้นรถฟรีที่หน้าหอสมุดเยื้องๆกับคณะแล้วค่อยต่อรถรับจ้างกลับคอนโด ผมก็พาตัวเองเดินต๊อกต๋อยตามทางเปลี่ยวไปเรื่อยๆ เพราะมันมีทางลัดจากคณะเพื่อไปถึงที่หมายได้ไวกว่า

ปี๊น!!

             ผมสะดุ้งจนตัวโยนเมื่อเสียงแตรรถยนต์ดังลั่นในยามนี้ หน้าหอสมุดมีแสงไฟน้อยนิดเนื่องจากมีการปิดปรับปรุงจึงงดให้บริการหลังหกโมงเย็น เสียงล้อรถเบรกเอี๊ยดลั่นถนนเหมือนจะหยุดรถกระทันหันทำให้ต้องหันไปมอง

“ไปไหน” เสียงคุ้นเคยนั้นทักมาหลังเปิดกระจก ผมหันไปสบตาคนขับที่สีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ

“กลับคอนโด”

“แล้วรถไปไหน” มันยังถามอยู่ ยังดีที่รู้ว่ากูมาเรียนยังไง

“สตาร์ทไม่ติด”

“ขึ้นมาสิ”

“...” หืม...อึ้งสิครับ อึ้ง

“ขึ้นมาเหอะ รถบริการไม่มาง่ายๆหรอก” ไอ้ตงเป็นคนชวนผมขึ้นไปนั่งบนรถมัน เมื่อมองซ้ายมองขวาแล้วไม่มีวี่แววผู้คนและรถรางรับส่งนักศึกษา ก็เลยต้องจำใจเข้าไปนั่งในรถ

             เสียงเพลงในรถคลอเคลีย จังหวะเหมือนเพลงบัลลาดกึ่งๆกับอาร์แอนด์บี ท่วงทำนองฟังแล้วเหงาปนเศร้า ถึงแม้จะไม่ค่อยรู้ความหมายและไม่เคยฟังมาก่อน แต่ก็ติดหูไม่น้อย...

All along it was a fever

 A cold sweat hot-headed believer

 I threw my hands in the air, said, "Show me something"

 He said, "If you dare, come a little closer"

Round and around and around and around we go

 Oh now, tell me now, tell me now, tell me now you know

Not really sure how to feel about it

 Something in the way you move

 Makes me feel like I can't live without you

 It takes me all the way

 I want you to stay

 

“เพลงอะไรวะ เพราะดี” ในที่สุดผมก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบที่เกิดขึ้น ไอ้ตงขับรถหลังตรงไม่แลหางตา

“Stay ของ Rihanna”

“ทำไมมันฟังดูเศร้าๆจังวะ มึงชอบแนวนี้เหรอ”

“ก็เพลงเศร้านี่หว่า เหมาะสำหรับคนอกหัก” มันตอบเสียงเรียบ

“มึงอกหักเหรอวะ” มันไม่ตอบ ได้แต่ยักไหล่ ผมก็ไม่ถามอะไรต่อ ถ้าเขาไม่อยากพูด ก็ไม่อยากซักไซร้เพราะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ตอนนี้ได้แต่กดค้นหาเนื้อเพลงในอินเตอร์เน็ตและพยายามร้องคลอเบาๆ

Not really sure how to feel about it

 Something in the way you move

 Makes me feel like I can't live without you

 It takes me all the way

 I want you to stay

Ooh, ooh, ooh, the reason I hold on

 Ooh, ooh, ooh, 'cause I need this hole gone

 Funny you're the broken one but I'm the only one who needed saving

 'Cause when you never see the light it's hard to know which one of us is caving




ความหมายดีแฮะ... เมื่อเราไม่เห็นแสงสว่าง มันก็ยากจะรู้ว่าคนไหนยังข้ามผ่านไม่ได้ ฟังแล้วลองแปลดูมันทำให้จี๊ดที่ใจจังเลยวะ

“ไอ้เตี้ย เอ่อ ไอ้หนึ่ง” ไอ้ตงลดเสียงเพลงและหันมาเรียกชื่อผม เป็นครั้งแรกที่มันแก้ไขจากคำว่าไอ้เตี้ย เป็นชื่อจริงๆแทน

“หืม”

“มึง เอ่อ หลบหน้ากูเหรอวะ” น้ำเสียงมันดูไม่มั่นใจ ผมก็เช่นกัน

“ปละ เปล่านี่ ทำไมมึงคิดงั้นวะ” ตอนนี้ในใจมันเต้นระส่ำระสายผิดจังหวะไปหมด นี่กูแสดงออกชัดขนาดนั้นเลยเหรอวะ

“ไม่มีอะไร” มันเลือกจะเงียบ ไม่ถามอะไรต่อ บางครั้งผมก็สับสนกับท่าทีของมัน หลายครั้งมันก็มั่นใจในตัวเองสูงมาก แต่ก็มีมุมที่อ่อนไหวให้เห็นเหมือนกัน

“มึง...” ผมเค้นคำพูด ไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหนดี ด้วยความที่พยายามหลบหน้ามาหลายวัน พอถึงเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังก็ยิ่งทำให้พูดไม่ออก

“...”

“กูขอโทษ” กลายเป็นว่าผมพูดได้แค่นี้ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงพูดมันออกไป หรือผมอาจจะรู้สึกผิดที่ไปมีอะไรกับมัน ทำมันบาดเจ็บจนเข้าโรงพยาบาล หรือไม่ก็เป็นคนที่ทำให้เกิดข่าวหลุดออกมา

“ช่างมันเถอะ” ไอ้ตงตอบแค่นี้ ถึงแม้ผมจะไม่รู้ว่าเราโกรธกันเรื่องอะไร แต่ความห่างเหินที่มีอยู่ตอนนี้มันก็ไม่สบายใจเป็นอย่างมาก

             เสียงเพลงในรถยังดังต่อเนื่อง จบเพลงของริฮานน่าก็ต่อด้วยเพลง Somebody that I used to know ของ Gotye ศิลปินชาวออสเตรเลียที่อยู่ๆก็ดังเป็นพลุแตก เดิมทีรสนิยมไอ้โทไอ้หนึ่งไม่ได้ชอบเพลงสากล แต่เพราะไอ้ตงมันหัวนอกชอบแนวนี้ เปิดในรถตอนขับไปไหนมาไหนตลอด การที่ไปด้วยกันบ่อยขึ้นพวกเราก็เลยค่อยๆซึมซับและชินหูในการฟังเพลงฝรั่ง ผมรู้สึกว่าเพลงมันไม่เคยเก่า ไม่ว่าจะยกเพลงปี 1997 มาฟังตอนนี้ ก็ยังรู้สึกว่ามันร่วมสมัย ไม่รู้ว่ามันไพเราะ หรือเพราะเราแปลไม่ได้กันแน่ที่ทำให้ฟังเท่าไหร่ก็รู้สึกไม่ตกยุคเลย

But you didn't have to cut me off

 Make out like it never happened and that we were nothing

 And I don't even need your love

 But you treat me like a stranger and that feels so rough

 No, you didn't have to stoop so low

 Have your friends collect your records and then change your number

 I guess that I don't need that though

 Now you're just somebody that I used to know

 Now you're just somebody that I used to know

 Now you're just somebody that I used to know




“ไอ้ตง...มึงว่าตอนนี้กูเป็นแค่คนเคยรู้จักของมึงรึเปล่าวะ” ผมตัดสินใจถาม ด้วยเพราะอารมณ์เพลง หรือเพราะความเคลือบแคลงใจ หรือไม่ก็เพราะบรรยากาศระหว่างพวกเราดูแปลกไปก็ไม่รู้

“ไม่นี่”

“แต่ทำไม มึงกับกูถึงดูห่างเหินกันเหลือเกินวะ” เกิดความเงียบครู่ใหญ่ขึ้นในรถ เหมือนเวลามันหยุดเดินไปนานแสนนาน มีเพียงเสียงลมหายใจและเสียงเพลงเท่านั้นที่เปล่งออกมา ผมเหม่อมองวิวผ่านกระจกด้านซ้ายมือ ไม่คาดหวังว่ามันจะตอบอะไร แค่ได้พูดก็รู้สึกดีขึ้นแล้ว

“ไอ้หนึ่ง ... กู ... ไม่อยากให้พวกเราเอ่อ...”

“มีอะไรกัน” ผมสวน

“อืม” มันตอบสั้นๆ เสียงเพลงท่อนสุดท้ายดังขึ้นบาดหู

Somebody (I used to know)

 (Somebody) Now you're just somebody that I used to know

 Somebody (I used to know)

 (Somebody) Now you're just somebody that I used to know

 I used to know, that I used to know, I used to know somebody

 

ผมนิ่งเงียบ...เพราะคำตอบมันบาดใจ

ทำไมมันเจ็บจี๊ดขนาดนี้วะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-03-2020 11:04:36 โดย จากต้นจนอวสาน »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

มีอะไรกันเนี่ย  มันมีหลายความหมายนาจา

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
มันอะไรยังงัยกันน้อ  :hao4:

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
เตี้ยนักจะรักปะล่ะ? – My Dearest 20 cm.

ตอนที่ 13. รู้ตัวช้า

             แผ่นหลังกว้างเดินนำมาตลอดทาง ไม่มีคำพูดใดๆเปล่งออกมาจากปากพวกเราอีกนับตั้งแต่มันบอกความต้องการออกมา มันก็ไม่แปลกหรอกที่ไอ้ตงมันจะไม่อยากมีอะไรกับผมอีกแล้ว มันบอกมาตลอดว่าไม่ชอบแบบนี้ ทั้งๆที่เสียงครางของมันโคตรเซ็กซี่ก็ตาม มันยืนยันว่าชอบผู้หญิง และก็มีผู้หญิงเข้ามาเกาะแกะมันไม่ขาดสาย การที่พวกเรากลายมาเป็นรูมเมตกันมันก็น่าเหลือเชื่อเกินพอแล้ว จะให้ขยับสถานะให้ลึกซึ้งมากกว่านี้ มันคงเป็นไปไม่ได้อย่างสุดโต่ง

“อ้าว ไอ้โท ทำไมยังอยูนี่ล่ะ” น้ำเสียงของไอ้ตงดูแปลกใจไม่ต่างจากผมที่ได้เห็นเพื่อนสนิทในคราบของลูกพี่ลูกน้องนั่งเล่นเกมที่โซฟา

“ลืมไปว่าแม่กูกลับบ้านแล้ว” มันตอบ แต่มันยอมหันมามองพวกเรา “คืนนี้พี่กูไปค้างที่บ้าน กูไม่ต้องไปก็ได้”

“เออ แล้วขวัญใจล่ะ” ผมถอดรองเท้าวางที่พื้นก่อนไปนั่งข้างๆมันคอยกวนตอนมันกดหน้าจอมือถือ

“อย่ายุ่งสิไอ้หนึ่ง ... ขวัญกลับห้องไปแล้ว มีอะไรเปล่า”

“คืนนี้พวกไอ้คิ้วไอ้ฉัตรชวนไปล่า มึงไปปะล่ะ” ผมถาม

“ไม่รู้ว่ะ ถามขวัญก่อน” ไอ้นี่ ติดหญิงชิบหาย

“เดี๋ยวกูถามให้” ไอ้ตงตัดบท เพราะเข้าใจดีว่าคนจะเล่นเกมคงไม่มีอารมณ์ทำอย่างอื่น และเดินเข้าห้องนอนของมันไป

“พวกมึงมีอะไรกันอีกรึเปล่าวะ” ไอ้โทมันถามทั้งๆที่สองตามันจดจ่อที่จอมือถือ

“ไม่มี” คำตอบที่ให้ คือความต้องการที่ผมอยากให้เรื่องจริงมันเป็นแบบนั้น



             สองทุ่ม....พวกเราทุกคนพร้อมแล้วที่จะออกล่า คืนนี้ขวัญใจไปด้วย เพราะไม่อยากอยู่ห้องคนเดียว และไม่อยากกลับบ้าน เมื่อสมาชิกครบทีม ก็ได้เวลาออกเดินทาง หลังจากเรียกรถได้แล้วก็พากันอัดแน่นในนั้นจนกระทั่งถึงร้าน ...

             บรรยากาศของร้านนั้นดูเป็นกันเอง ไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไป มีโซนให้เลือกคือ โซนดนตรีสดและโซนดีเจ พวกเราจับกลุ่มที่ฝั่งดนตรีสดก่อนเพราะยังไม่มีใครกินอะไรมาเลย กองทัพต้องเดินด้วยท้องก่อนเสมอ หลังจากกับข้าวหลายอย่างมาครบ อาการแร้งลงก็ปรากฎให้เห็น ทุกอย่างหมดเกลี้ยงในเวลาไม่กี่นาที

“นี่น้องฟาง แฟนกู” ไอ้คิ้วแนะนำเด็กสาวที่อายุน่าจะยังไม่ถึง 18 ให้รู้จัก ใบหน้าสละสวยราวกับตุ๊กตาของน้องฟางทำให้เคลิ้มตามไม่ยาก โต๊ะเราตอนนี้มีสมาชิกมากกว่า 20 คน เพราะไอ้ฉัตรมันเปิดชวนคนอื่นๆในเฟสบุ๊กด้วย เพื่อนร่วมคณะเลยแห่กันมามืดฟ้ามัวดิน เสียงเพลงยังโดนเสียงกลุ่มเรากลบมิด

“สวัสดีค่ะ” น้องฟางยกมือไหว้พวกเรารอบโต๊ะ

“น้องฟางน่ารักขนาดนี้ คิดยังไงเป็นแฟนกับไอ้นี่ได้ครับน้อง”

“นั่นสิ วันก่อนพี่ยังเห็นมันไปหม้อสาวบัญชีอยู่เลย”

“ถ้าไอ้คิ้วมันทำให้น้องเสียใจ หันมาซบไหล่พี่ได้นะ” เสียงแซวดังก้อง น้องฟางได้แต่เขินหน้าแดงอายม้วน ผิดกับไอ้คิ้วที่พยายามยืนและไล่ตบกบาลคนปากไม่ดี โดนบ้างพลาดบ้างปะปนกันไป เรียกเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดี ไม่รู้เหมือนกันว่าแฟนมันจะเข้าใจรึเปล่าว่าเป็นแค่คำแซว

“นี่ๆ เลิกยุ่งกับคู่ไอ้คิ้ว มาจัดการคู่นี้กันดีกว่า” ไอ้คนต้นเรื่องผายมือไปที่ไอ้โทและขวัญใจที่นั่งเงียบอยู่ตั้งนาน

“จัดการอะไรวะ” ไอ้โทออกโรงจะปกป้อง

“แหมมมมมม ใครๆก็รู้ปะว่ามึงอะเจ๋งขนาดไหน สอยดาวเป็นแฟนหน้าตาเฉย”

“นั่นสิ กูยังตกใจเลยตอนที่รู้ข่าว นึกว่าข่าวลวง”

“ทำไมมึงคิดงั้นวะ” เพื่อนคนหนึ่งเปิด

“ก็ดูหน้ามันกับขวัญสิ คนละโลกเลย” คนหนึ่งตบจนไอ้โทหน้าตึง

“หน้าแบบกูแล้วเป็นไงวะ เค้าเรียกว่าหล่อฝังในเว้ย”

“ฝังลึกปะ” ใครสักคนถาม ตอนนี้เริ่มทะลึ่งละ ขวัญใจถึงกับหน้าแดงเถือก

“ลึกพ่อง” ไอ้โทแก้เก้อก่อนจะบอกให้ชนแก้วเพื่อเปลี่ยนบทสนทนา

             พอกรึ่มๆ โต๊ะที่เต็มไปด้วยซากอาหารก็ถูกเก็บกวาดให้เหลือเพียงแก้วเครื่องดื่ม ระหว่างที่รอโต๊ะในโซนดีเจว่างพวกเราก็คุยแหย่กันไปมาตามประสา ถึงแม้หลายต่อหลายคนจะจับกลุ่มก้อนกันไปแล้ว แต่เมื่อถึงคราวจับกลุ่มเมา แต่ละคนต่างก็พูดคุยราวกับสนิทกันมานับ 10 ปี แล้วจู่ๆ ไอ้ตงก็ลุกขึ้นและมองไปทางประตูร้าน พวกเราเลยมองตามพร้อมอ้าปากค้างเมื่อเห็นนางแบบดังเดินนวยนาดเข้ามาในชุดเดรสรัดรูปสีแดงเลือดนกสั้นจู๋มาใกล้กลุ่มเราเรื่อยๆและยิ้มให้ไอ้คนที่ยืนรออย่างอารมณ์ดี

“พวกมึง นี่แอนนา แอนนา นี่เพื่อนๆที่คณะ”

“ไฮ ทุกคน” เสียงใสตอบรับพร้อมเสียงอื้ออึงของไอ้พวกหื่นกาม แอนนาเป็นนางแบบดังที่เห็นได้ตามนิตยสาร ด้วยความสูงที่โดดเด่นและใบหน้าเก๋ โครงหน้าชัดแต่งหน้าจัดเต็มและทาปากสีแดงชาดขับให้ใบหน้าชวนหลงใหลยิ่งกว่าเดิม ตามหน้าปกหนังสือว่าสวยมากแล้ว เจอตัวจริงก็ยิ่งสวยคูณร้อย เรียกได้ว่าดาวคณะหมองไปเลย

“แม่ง เจ๋งว่ะ” ไอ้โทหันมากระซิบกับผมที่รู้สึกไม่ต่างกัน ไอ้ตงมันคลอเคลียกับแอนนาแบบไม่สนใจคนอื่นไปละ ทั้งหยอกล้อไปมาราวกับโลกนี้มีกันแค่สองคน เดี๋ยวหอม เดี๋ยวจมูกแนบลำคออย่างน่าอิจฉา

“เจ๋งจริง” ผมได้แต่มองตาปริบๆ นึกไม่ถึงเลยว่าคนที่เคยเป็นเมียวันก่อนจะควงสาวอ็อตปรอทแตกในวันนี้

“มึงโอเคปะ”

“อื้อ กูโอเค” ปากตอบไป แต่ใจคัดค้าน ตอนนี้หน่วงชิบหาย จะต้องทำหน้ายังไงดีวะเนี่ยที่เห็นภาพนั้น ตอนแรกก็คิดว่าแค่ถูกใจหน้าหล่อตรงสเป๊กของมันเฉยๆ แต่ตอนนี้ในใจว้าวุ่นจนนั่งแทบไม่ติด “กูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ผมลุกพรวดและจ้ำไปที่ห้องน้ำทันควัน

ตุบ

“โอ๊ย” ผมร้องลั่นเมื่อโดนชนอย่างแรงหน้าห้องน้ำ ประตูห้องน้ำชายมันทำมุมแปลกๆ คนข้างในจะมองไม่เห็นคนกำลังจะเดินเข้า ถ้าไม่ระวังก็จะโดนชนกระเด็น...แบบผมนี่แหละ

“ขอโทษครับๆๆๆ ผมไม่ทันมอง” น้ำเสียงคนชนเอ่ยปากขอโทษอย่างละล้าละลัง ยังดีหน่อยที่มีกะใจขอโทษ

“ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็ไม่ระวังเช่น... พี่เจด” เมื่อหันไปมองคนชน เราทั้งคู่ต่างก็ตกใจไม่น้อยไม่กว่ากัน จากดวงตาที่เบิกโพลงทั้งคู่เป็นหลักฐานชิ้นเอก

“น้องหนึ่ง” น้ำเสียงหล่อทุ้มยังเหมือนเดิม แถมยังเจือด้วยความดีใจอย่างปิดไม่มิด

“แป๊บนะพี่ ผมปวดฉี่ เดี๋ยวออกมาคุยด้วย” ก่อนอื่นต้องจัดการธุระส่วนตัวให้เสร็จ หลังจากล้างมือและเดินออกมาก็ไม่คิดว่าพี่เขายังอยู่ที่เดิม

“สบายดีไหม” พี่เจดถาม ใบหน้านั้นยังหล่อเหลาไม่สร่างซา ร่างกายเหมือนจะสูงใหญ่ขึ้นกว่าเก่า ผิวพรรณขาวเนียนแบบลูกคุณหนูเชื้อสายจีนผิดกับผมลิบลับ ถึงแม้จะแก่กว่าผม 2 ปี แต่หน้าตากลับดูเด็กกว่าจนนึกว่าเป็นรุ่นน้อง

“สบายดีครับ พี่ล่ะ” ผมถามต่อ พลางนึกย้อนไปเมื่อก่อน



             พี่เจด หรือ นายชิติพัทธ์ เล็กสุขเจริญ เป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนเก่าในชมรมฟุตบอล ด้วยใบหน้าขาวตี๋และลีลาการเล่นตำแหน่งกองหน้าเก่งแบบหาตัวจับยากจึงทำให้เป็นที่ชื่นชอบของบรรดาสาวๆ(และหนุ่มๆ)ทั้งโรงเรียน ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบและขอให้ไอ้โทที่มันจับพลัดจับผลุเข้าชมรมฟุตบอลของโรงเรียนได้เป็นพ่อสื่อ หลังจากที่ได้คุยกันและเป็นโชคดีที่สุดของผม พี่เจดก็ตกลงใจคบเป็นแฟน

             เหมือนที่เคยได้บอกไว้นะครับ ว่าพี่เจดเรียนจบออกมาก่อน และตอนนั้นผมก็ยังวัยรุ่นมากเกินกว่าจะคอยติดตามว่าพี่เขาสอบติดที่ไหน ชีวิตเป็นอย่างไร ตอนที่พี่เจดเครียดเรื่องอ่านหนังสือสอบ พวกเราก็เลยห่างกันไปโดยปริยาย และไม่ได้ติดต่อกันเลยตั้งแต่นั้นมา สถานะแฟนของเราก็เหมือนจะจบลงไปทั้งๆที่ยังไม่ได้เริ่มต้นอะไรกันเท่าไหร่

“ก็ดี แล้วนี่มากับใครเนี่ย”

“มากับไอ้โทและเพื่อนร่วมคณะครับ พี่ล่ะ”

“โน่น” พี่เจดชี้ไปที่กลุ่มคนนับสิบที่มองเห็นผ่านมุมนี้ “เพื่อนที่คณะเหมือนกัน”

“หืม พี่เจดเรียนที่ xxx เหมือนกันเหรอครับ”

“อืม เราไม่รู้เหรอ น่าน้อยใจว่ะ”

“โหยพี่” ในใจนึกอยากจะขอโทษ แต่อะไรไม่รู้ค้ำคอให้ไม่เอ่ยออกไป

“หนึ่งเรียนคณะอะไรล่ะ”

“ผมเหรอ บริหารครับ พี่ล่ะ” ระหว่างทางเดินกลับโต๊ะ พวกเราก็สนทนากันมาขึ้น แม้เสียงดนตรีจะเริ่มดังมากขึ้น แต่ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันก็ทำให้เราลืมทุกอย่าง...เหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย

“วิศวะ”

“อ๋อ หนุ่มมีเกียร์” ผมแซว “แล้วมีเมียรึยังครับ” ทำไมพี่เจดต้องจ้องหน้าผมขนาดนี้ด้วยนะ แววตาที่เคยสดใสมันหายไปไหนแล้วอะ

“ยังหรอก แต่พี่มีแฟนแล้วนะ” อึ้งสิครับ ก็ไม่แปลกใจหรอกที่พี่เขาจะมีแฟน เพราะด้วยรูปร่างหน้าตาแล้ว ไม่น่ารอด

“ครับ”

“แต่แฟนพี่เค้าไม่ติดต่อมา 2 ปีแล้วอะ นี่ก็รอแล้วรออีกว่าเมื่อไหร่มันจะรู้ตัวซะที”

“...” ห๊ะ...อะไรนะครับ พี่พูดแบบนี้หมายความว่าไงเหรอ แฟนพี่มีกี่คนอะ แล้วไอ้คนไหนที่มันปล่อยให้พี่รอตั้ง 2 ปี ไม่ใช่ผมใช่มั้ย...ไม่ใช่แน่ๆ

“พี่ยังใช้เบอร์เดิมนะ” พูดจบแล้วพี่เจดก็เดินผละไปที่กลุ่มเพื่อน ทิ้งผมให้ยืนงงในดงวิศวะอย่างหายใจไม่ออก

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

งุ้ย ๆ  แฟนเก่าที่ขาดการติดต่อไปบอกว่า  ยังรอแฟนเก่าคนนั้นอยู่  คริคริ

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
เตี้ยนักจะรักปะล่ะ? – My Dearest 20 cm.


ตอนที่ 14. การกลับมาของใครคนนั้น

             หลังจากยืนอึ้งไปพักใหญ่ ผมก็ลากสังขารกลับไปที่โต๊ะอีกมุมหนึ่งของห้องน้ำ ทั้งห่างไกลเวที อยู่ในมุมลิบๆเหมือนมุมส่วนตัว ผองเพื่อนต่างกรึ่มๆกันไปบ้างแล้ว ไอ้ตงยืนควงแอนนาอย่างมีความสุข เห็นแล้วก็รู้สึกจี๊ดในอก ไอ้โทมันจิบๆแถมข้างๆมีสาวสวยระดับดาวคณะยืนประกบ เหมือนกิ่งทองกับใบหนาดพิกล ผมเดินไปสะกิดหลัง มันหันมาแต่ก็ไม่สนใจอะไร

“ไอ้โท”

“หืม” ไอ้นี่ เรียกดีๆไม่หัน ต้องแบบนี้

หมับ!

“มึง เดี๋ยวก่อน เป็นอะไร ปล่อยกู๊ จะลากกูไปไหน” ไอ้โทเอะอะเพราะโดนลากตัวมันออกมาจากกลุ่มเพื่อน ที่มันโวยวายเพราะไม่อยากห่างขวัญใจคนสวยต่างหาก ไม่ใช่เพราะห่วงจะกินเหล้า

“มึงอย่าถามมากน่า ตามกูมาก่อน” โต๊ะของวิศวะกับบริหาร(ปี 1) นั้นอยู่คนละมุม ผมตั้งใจลากไอ้โทมาซุ่มมองคนสูงๆที่ยืนอย่างหล่อเอาเป็นเอาตายอยู่ตรงนั้น ในโต๊ะวิศวะเหมือนจะรวมคนหน้าตาดี แต่ละคนสูงหล่อราวกับนายแบบ สาวๆทั้งร้านมองตามไม่ละสายตา แถมยังมีคนเข้าไปขอชนแก้วอีกนับไม่ถ้วน

“อะไรของมึงเนี่ย พากูมาที่นี่ทำไม” เราอยู่ห่างจากกลุ่มวิศวะไม่ไกลมากครับ แต่ก็ไม่ได้ใกล้จนมองไม่เห็น

“ดูนั่น” ผมชี้ไปที่โต๊ะนั้น

“ดูอะไรวะ”

“นั่นไง คนที่ใส่เสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนส์ขาดเข่าน่ะ”

“ใครวะ หน้าคุ้นๆ”

ป๊าบ ... ผมตีหัวมันเรียกความทรงจำ

“พี่เจดไง มึงจะไม่ได้เหรอ”

“เจดไหนวะ”

“พ่อง ชีวิตนี้มึงจะรู้จักผู้ชายที่ชื่อเจดกี่คนวะ”

“ก็คนนึง ตอนมอปลาย ... อย่าบอกนะว่า”

“เออ คนเดียวกัน แฟนเก่ากูไง”

“เชร็ดดดดด โลกกลมจังวะ”

“เออสิ”

“มึงเจอได้ไง” มันถาม ท่าทางดูสนใจมากขึ้น

“ในห้องน้ำ พวกกูเดินชนกัน”

“แม่ม ยังกะซีรี่ย์เกาหลี” เกาหลีพ่อง...

“พล่ามพอยัง มึง กูสับสน”

“สับสนเชี่ยอะไรอีก”

“ก็พี่เจดอะดิ แม่ง...” ผมเล่าเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นก่อนหน้าให้ฟัง

“อ้าว เช็ดแม่ม หมายความว่าพี่เค้ารอมึงไงวะ ไอ้ฟาย”

“ด่าซะกูเสียความมั่นใจหมดไอ้ห่า”

“เออเดะ ขนาดมึงไม่ติดต่อเค้าตั้ง 2 ปี เค้าพูดอ่อยขนาดนี้ มึงยังเสือกโง่ ตีความไม่ออกอีก มึงมันโง่”

ด่ากูขนาดนี้ยัดกูกลับเข้ารังไข่แม่กูเถอะ

“แต่...”

“แต่อะไรอีก” ไอ้โทมันถามแบบหัวเสีย

“กูไม่แน่ใจว่ารู้สึกกับพี่เค้าแบบเดิมรึเปล่าน่ะสิ”

“ฟวย มึงแม่ง”

“มึงงงงงงงง กูควรทำไงดีวะ”

“ถามจริงไอ้เตี้ย ที่มึงสับสนเนี่ย เพราะพี่เจดเข้ามาอ่อย หรือเพราะสำนึกผิดที่ไม่ได้ติดต่อพี่เค้าหลายปี หรือว่าเพราะเหตุผลอื่นวะ” ไอ้โทมันถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“เหตุผลอื่น อะไรวะ” ผมเกาหัวแกรกๆ

“ฟวย มึงนี่มัน... เอางี้ กูถามใหม่ ลองจินตนาการผู้ชายคนหนึ่งนอนเปลือยที่เตียงมึงนะ”

“ไอ้ฟาย” เอะอะลากกูเข้าเรื่อง 18+ ตลอด

“มึงอย่าเพิ่งขัดเสะ ...” มันด่ากลับ “จินตนาการมา ว่าผู้ชายที่นอนแก้ผ้าอ่อยมึงบนเตียง เป็นใคร ใช่พี่เจดหรือเปล่า”

...ผมลองทำตามที่มันบอก มองรูปร่างสูงชะลูดของวิศวะหนุ่มหล่อประกอบกัน จิตนาการถึงกล้ามแน่นๆ และซิกแพ็กที่เต็มหน้าท้อง กล้ามเนื้อน่องแน่นๆเพราะเป็นนักกีฬาฟุตบอล สะโพกกลมกลึงแน่นขนัด ...

“อืมมมม”

“คิดนานไปละนะมึง”

“เดี๋ยวสิ”

“ไอ้หนึ่ง”

“ว่า...”

“มึงมองพี่เจดขนาดนี้ ถามจริง ในหัวมึงตอนนี้ใช่พี่เค้ามั้ยวะ”

“คือ...”

“นั่นไงไอ้ควาย คำตอบอยู่ในหัวมึงแล้ว”

“...” เชี่ยเอ๊ย... ขนาดมองจนแทบจะเข้าไปสิงร่างได้แล้ว คนในจินตนการกลับเป็นใครคนหนึ่ง...ที่ผมเพิ่งติดรถกลับมาที่คอนโดเมื่อเย็นนี้เอง

             แล้วไอ้โทมันก็ลากผมกลับโต๊ะก่อนทิ้งไปหาสุดสวยของมัน ปล่อยให้ผมยืนละเลียดน้ำเมาไปเรื่อยเปื่อย ตอนนี้ไม่มีกะใจจะคุยกับใคร เพราะภาพของไอ้ตงกับนางแบบคนสวยก็บาดตา คำพูดของพี่เจดก็ชวนให้คิดไปไกล เอากงๆนะครับ ทั้งสองคนน่ะหน้าตาออกไปแนวเดียวกันหมดเลย สูง หล่อ ตี๋ แต่ไอ้ตงเนี่ยจะผิวสีแทนหน่อย เพราะมันต้องใช้ถ่ายแบบ แต่พี่เจดคือขาวใสกริ๊บยังกับราชนิกูล ความหล่อไม่ต้องพูดถึง หล่อขั้นเทพทั้งคู่ จัดอันดับกันเนี่ยแฟนคลับมีมึน เพราะไม่รู้จะโหวตให้ใครชนะดี

“เป็นอะไรวะไอ้เตี้ย ดูซึมๆ” ไอ้คิ้วหันมาทัก กอดคอและชนแก้ว

“ไม่มีไร แค่คิดอะไรเพลินๆ”

“หรา นึกว่าไปเจอใครหักอกที่ห้องน้ำ ไปนานซะจนคิดว่าแอบหนีกลับไปละ”

“หนีพ่อง กูแค่หาโต๊ะไม่เจอนี่หว่า พวกมึงเล่นย้ายมาหลบมุมขนาดนี้” ผมแก้ตัวงั้นแหละ ก่อนจะยกแก้วไปชนกับคนอื่นๆเพื่อแสดงออกว่าสนุกได้ที่

             เสียงเพลงจากบู๊ธดีเจดังกลบเสียงพูดคุยหมดแล้ว ยิ่งดึกก็ยิ่งคึกคักเพราะต่างคนต่างเมาไม่เหลือสภาพ ใครมีแรงเต้นก็เต้นยังกับบอยแบนด์ ใครที่มาดนิ่งๆก็แค่โยกๆพอเป็นจังหวะ ไอ้ฉัตรโดนสาวที่ไหนก็ไม่รู้สอยไปละ ตอนนี้กำลังนัวเนียกันมันหยด คนอื่นๆที่หน้าตาพอไปวัดไปวาได้ก็คั่วกับสาวโต๊ะข้างๆ ผมได้แต่มองภาพความสนุกอย่างเงียบๆก่อนที่จะสะดุ้งเฮือกเพราะความเย็นแตะที่ต้นคอ

“พี่เจด มาได้ไงพี่” ตอนนี้ต้องตะโกนคุยกันแล้ว เพราะดนตรีเสียงดังมาก

“ก็อยากมาหา” ว่าแล้วก็ยักคิ้วให้ แม่งหล่อสัด

“ห๊ะ อะไรนะครับ”

“ก็อยากมาหา” ผมยังไม่ค่อยได้ยิน พี่เจดส่ายหน้าอย่างระอาก่อนจะคว้าข้อแขนผมเดินออกไป

“พะ พี่เจด”

“...” ไม่มีคำพูด มีเพียงร่างใหญ่ที่เดินเบียดฝูงชนที่คับคั่งตอนนี้ออกไปหน้าร้านที่มีคนยืนสูบบุหรี่ประปราย เสียงเพลงจากข้างในดังออกมาแต่ก็ไม่สะเทือนหูเหมือนเคย

“ไม่สนุกเหรอ เห็นยืนยิ่งๆในร้าน” พี่เจดถาม ควักมาร์โบโร่ขึ้นมาสูบ

“ก็สนุกนะพี่ ขอมวนดิ” พี่เจดยืนมวนที่จุดเสร็จแล้วมาให้ จูบทางอ้อมรึเปล่าวะ

“เห็นทำหน้าหงอยๆ ไม่สมกับเป็นเราเลย”

“เปล่าหรอกพี่ แต่โตขึ้นมั้ง เลยไม่ค่อยอินกับเพลง” แก้ตัวได้โคตรมั่วอะ โตแค่ไหนมึงก็ยังไม่ถึง 20 ปะ

“งั้นเหรอ” พี่เจดจุดมวนใหม่และอัดควันเต็มปอด ไอสีหม่นพวยพุ่งออกมาจากปากและจมูกโด่งนั้น

“...”

“เมายังเนี่ย”

“นิดหน่อยครับ” ผมอัดนิโคตินเข้าไปบ้าง ยิ่งสูบยิ่งเมากว่าเดิมเข้าไปอีก

“ไม่นึกเลยว่าหนึ่งจะมาเรียนที่นี่ด้วย” พี่เจดพูดขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

“ฮ่าๆๆๆ บังเอิญจังเลยเนาะ” ผมหัวเราะแก้เก้อ

“ไม่หรอก พรหมลิขิตมากกว่า”

“...” หืมมมมมมมมมมมมมมมม รู้สึกเหมือนถูกจีบ

“กลับเข้าไปข้างในกันเถอะ” พี่เจดทิ้งบุหรี่ที่เหลือมากกว่าครึ่งลงกับพื้น

“ไม่กลับได้มั้ยอะ” ผมดูดมวนเล็กนี้อีกครั้ง “ไม่อยากเข้าไปแล้วอะ”

             พี่เจดหันมา เราสบตากันอยู่อย่างนั้น เนิ่นนาน ไม่รู้ว่านานแค่ไหน... สุดท้ายพวกเราก็พากันเดินออกจากตรงนี้และขึ้นแท็กซี่ออกไปอย่างไม่รู้จุดหมาย



[ตงฉิน]

อึดอัด....

             กฎของผมมีอยู่ว่า ... หนึ่ง. ต้องไม่มีเซ็กซ์กับเพื่อนหรือคนสนิท สอง. อย่าตกหลุมรักใคร เพราะพวกมันแค่อยากได้ตัวผมไปเชยชมแค่นั้น สาม. อย่ากลับไปมีอะไรกับคนเดิมซ้ำสอง เพราะเหมือนกับว่าเราจะเอาตัวไปประเคนถึงที่ ดีไม่ดีอาจเผลอใจด้วย

แต่... ผมดันไปมีอะไรกับรูมเมต

และ... มีอะไรกันมากกว่า 1 ครั้งด้วย

แหกกฎไปแล้ว 2 ข้อในระยะเวลาแค่ไม่นาน ... มันชื่อ ไอ้เตี้ย เอกราช ... นักศึกษาปีที่ 1 คณะบริหารธุรกิจที่หน้าตาค่อนไปทางภูธรหน่อยๆ ผิวสีเข้ม ปากดำ ทรงผมฟูยาวไม่เป็นทรง ตัวเตี้ยกว่าผมตั้ง 20 เซ็นต์ ..

แต่มันเป็นผัวผม...

(-_-)’’ -- > ทำหน้าเอือมระอาตัวเอง

เชี่ย ... ทำไมต้องรู้สึกแปลกๆตอนที่มันถามว่าพวกเราเป็นแค่คนเคยรู้จักกันหรือเปล่า ... คำตอบที่ให้ก็ต้องตอบว่าไม่ ... แต่ว่าในใจมันกลับรู้สึกแย่หาเหตุผลมาอธิบายไม่ได้ว่าทำไม หลังจากมีอะไรกัน...และเป็นเซ็กซ์ที่สุดยอดที่สุดนับตั้งแต่เคยมีมา... ผมก็ไม่กล้าจะสานต่อ ผมกลัว กลัวมากว่าตัวเองจะถลำลึกลงไป กลัวตัวเองจะตกเป็นข่าว กลัวว่าตัวเองจะถูกลดบทบาทจากงานที่กำลังไปได้สวย

ใช่...ผมนึกถึงแต่ตัวเอง ไม่เคยคำนึงถึงจิตใจใครมาก่อน แต่ใบหน้าหงอยๆของมันก็ทำให้เจ็บแปลบเหมือนกัน หากพวกเรายังมีอะไรกันมากกว่าคำว่ารูมเมต ผมนี่แหละจะสูญเสียตัวตนที่เคยมี แค่มันไปเฝ้าตอนถ่ายละครยังมีภาพหลุด ถ้าพวกเราใกล้ชิดกันกว่านี้ มีหวังเรื่องใหญ่แน่ๆ

“ตง ยูไม่สบายรึเปล่า ไม่จอยเลยอะ” แอนนากระซิบถาม ใครจะคิดว่าสาวสวยตัวท็อปของวงการนางแบบมานั่งดื่มในร้านที่แทบจะเรียกว่า Low สุดๆแบบนี้ หากไม่ใช่เพราะคำชวนจากปากผม เธอคงจะไม่ยอมลดระดับตัวเองมาที่นี่แหงๆ

             แอนนาเป็นหนึ่งในคนที่ผมเคยควงและมีอะไรด้วย หลังจากที่ผิดกฎกับไอ้เตี้ยไปแล้ว จะแหกอีกรอบคงไม่หนักหนาอะไรหรอก เพราะแอนนาเป็นคนง่ายๆไม่เรื่องมาก เซ็กซ์ของพวกเราเร่าร้อน รุนแรงและโรมรันจนร่างกายแทบหลอมละลาย แต่เมื่อเสร็จสิ้น พวกเรากลับคุยกันอย่างเพลิดเพลินราวกับว่าเป็นแค่เซ็กซ์เฟรนด์กันเท่านั้น ... มันไม่อึดอัด และผมก็ชอบที่เป็นแบบนี้

“ไอเบื่อน่ะ” ผมตอบ

“ยูมีของติดมาด้วยปะ”

“ไม่มี กลัวโดนค้น ร้านนี้ยิ่งไม่ตรวจบัตรอยู่ด้วย” แอนนาทำหน้าผิดหวัง ของที่เธอถามหาคือยากระตุ้นที่พวกเรามักจะกินร่วมกับการดื่ม ฤทธิ์ของมันจะทำให้เราคึกและสนุกกับทุกอย่างรอบตัวอย่างสุดเหวี่ยง ก่อนจะจบที่บนเตียงอย่างเคย

“ไอก็ว่า” แอนนาหยิบมือถือขึ้นมาดูข้อความเข้า “มีพาร์ที่ที่คอนโดแซม ยูสนใจมั้ย ไอว่าของเพียบ”

“ฟังดูดีนะ” ผมยิ้มก่อนที่พวกเราจะจูบกันเบาๆอย่างไม่สนใจสายตาและเสียงโห่ด้วยความอิจฉาของเพื่อนร่วมโต๊ะ

             ฉับพลันหางตาก็มองเห็นร่างของคนที่ทำให้อึดอัดเดินตามใครคนหนึ่งออกไปด้านนอก แค่มองเผินๆยังพอรู้ว่าคนมาเยือนหน้าตาหล่อบรรลัย หล่อวัวตายควายล้ม หล่อแบบผู้รากมากดี หล่อแบบยังรู้สึกอายตัวเองที่หล่อไม่เท่าเขา พอผละร่างแอนนาออกก็นั่งกระดกน้ำเมาเข้าปากโฮกๆ

“ยูเป็นไร” แอนนาถาม ปากซีดจางไปหมดเพราะจูบนัวเนียมากไป

“เปล่า”

“เฮ้อ ยูก็เป็นซะอย่างงี้” แอนนาบ่น ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยินอะไรแบบนี้

“ไอเป็นยังไง” ผมถาม แต่อีกฝ่ายกลอกตาไปมา

“ไอไปเติมลิปละ แล้วจะออกไปคอนโดแซม ยูจะไปมั้ย” ผมส่ายหัว ปล่อยให้ร่างบางของสาวสวยเดินนวยนาดเข้าไปที่ห้องน้ำ ก่อนจะยกแก้วที่เต็มไปด้วยน้ำสีอำพันมาดื่มรวดเดียวจนหมด จิตใจไม่สงบอย่างไม่รู้สาเหตุ รู้แต่ว่าตอนนี้อยากเมา อยากเมาให้ปลิ้น เมาและหลับโดยไม่ต้องรับรู้อะไรอีกเลยก็พอ

             สายตาผมจับจ้องไปที่ประตูของร้านหลายต่อหลายรอบ ไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าจะจ้องตรงนั้นทำไม แต่ใจมันบอกว่ารู้สึกหวิวๆเหมือนกำลังจะเสียอะไรไปสักอย่าง... ผมลุกยืนเดินโซเซโดยไม่มีใครถามว่าจะไปไหน เพราะต่างก็เมาหนักกันแทบทั้งนั้น พยายามประคองตัวให้เดินไปตามทางจนถึงหน้าร้าน ถ้ามองไม่ผิด ใบหน้าของไอ้เตี้ยกำลังยิ้มอย่างมีความสุขและพากันเดินขึ้นแท็กซี่ไปจนลับตา...

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด