เตี้ยนักจะรักปะล่ะ? – My Dearest 20 cm.
ตอนที่ 26. ความหึงหวงของเจด (มีประกาศสำหรับตอนที่ 27 ท้ายบทนะครับ)
รู้สึกตัวอีกทีเมื่อรถจอดสนิทในลานจอดรถของตึกไหนสักแห่งในมหา’ลัย มันค่อนข้างมืดเพราะนโยบายประหยัดไฟของคณะล่ะมั้ง ไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัยของคนใช้รถเลย...ผมบ่นในใจที่เห็นลานโล่งบนตึกมีแค่แสงส่องสลัวเท่านั้น เมื่อขยับตัวในท่านั่งปกติก็นึกขึ้นได้ว่าอยู่กับใคร
“ตื่นแล้วเหรอ พอดีเห็นว่านอนสบายเลยไม่อยากปลุก” เสียงนุ่มบอก ผมเพิ่งสังเกตว่าใบหน้าหล่อนั้นดูซีดเซียว
“เราอยู่ที่ไหนครับพี่” ผมมองใบหน้าหล่อที่นั่งหลังพวงมาลัยอย่างเคอะเขิน ทั้งเรื่องเมื่อคืนกับเรื่องเดินข้ามถนนไม่ดูทางอีก
“ลานจอดรถคณะพี่เอง พี่ต้องเข้าห้องเชียร์เลยต้องพาเรามาที่นี่ก่อน” พอเห็นผมตื่นรุ่นพี่ต่างคณะก็กดปุ่มดับเครื่องยนต์
“ไม่เป็นไรพี่ แค่นี้ก็รบกวนมากแล้วครับ ไหนจะก่อเรื่องเมื่อกี้อีก” ผมพูดอย่างสำนึกผิด
“ข้างห้องประชุมเชียร์มีที่นอน ไปพักก่อนก็ได้นะ” เขายื่นข้อเสนอ
“ไม่รบกวนดีกว่า เดี๋ยวผมกลับละ” ขยี้ตาให้หายง่วงก่อนจะเปิดประตูรถออกไป เสียงฝนกระหน่ำหนักจนไอน้ำสาดกระทบเย็นเฉียบทำให้ต้องผงะ ถ้ากลับตอนนี้เปียกเป็นลูกหมาตกน้ำแน่ๆ
“ฝนตกน่ะ แถมพี่ไม่มีร่มด้วย กลับตอนนี้เราเปียกทั้งตัวแน่” น้ำเสียงบอกว่าเป็นห่วง ยิ่งทำให้ผมเกรงใจมากกว่าเดิมเท่าตัว
“เดี๋ยวรอฝนซาแล้วค่อยกลับก็ได้” ผมต่อรอง ดูท่าทางแล้วจะตกทั้งคืนเป็นอย่างน้อย
“แล้วแต่ละกัน พี่ไปก่อนนะ อ๊ะ...” ร่างสูงทรุดฮวบกองกับพื้น ผมรีบวิ่งไปฝั่งตรงกันข้ามก่อนจะถือวิสาสะพยุงคนตัวสูงขึ้นมา
“พี่ไม่สบายเหรอ” แค่แตะที่แขนก็รับรู้ถึงไอร้อนพุ่งจากตัว หน้าซีดเซียวเด่นชัด ผมเผลอหลับจนไม่สังเกตว่าพี่เคมีป่วย
“นิดหน่อย กินยาไปแล้วเมื่อกี้เดี๋ยวก็ดีขึ้น” อดีตเดือนมหา’ลัยพิงหลังกับประตูรถหรู ท่าทางอิดโรยสวนทางกับคำพูดเป็นอย่างมาก ผมไม่อยากจะเข้าข้างตัวเองหรอกนะ แต่การป่วยครั้งนี้ต้นเหตุอาจจะมาจากเรื่องเมื่อคืนก็ได้...
“พี่ป่วยแบบนี้ เพราะ...เอ่อ...” ยังไม่ทันพูดอะไรคนตรงหน้าก็หน้าแดงก่ำ ท่าทางจะจี้ถูกจุด คนที่เคยมาดแมนจีบขวัญใจเพื่อนในกลุ่มผมครั้งก่อนดูบอบบางเหมือนเป็นคนละคน ไม่รู้ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ผู้ชายเพียบพร้อมเช่นนี้เปลี่ยนใจมานิยมเพศเดียวกันไปเสียได้
“พี่ไปก่อนนะ” ท่าทางหลบเลี่ยงคงเพราะไม่อยากตอบคำถาม พอเห็นแบบนั้นก็เลยตัดสินใจได้ว่า
“งั้นผมไปด้วย” ประคองร่างสูงที่เดินแปลกๆ ท่าทางจะหนักพอดู เพราะถึงขั้นป่วย รู้สึกผิดซ้ำซ้อนอีกละ
“ไหนบอกจะกลับแล้ว พี่โอเคไม่ต้องห่วงหรอก”
“ใครบอกว่าผมห่วง” ปากแข็ง พอไม่มีท่าทีจะโยนความผิดมาให้ ไอ้เรากลับรู้สึกแย่เสียเอง ไอ้ท่าทางยั่วยุเมื่อคืนน่ะเหมือนแกล้งทำมากกว่า แต่ดันมาเจอคนจริงแบบไอ้เอกราชเลยจัดหนักอย่างไม่ยั้ง ความกระชับจากการสัมผัสบอกให้รู้ว่าผู้ชายคนนี้ผ่านเรื่องแบบนี้มาไม่เท่าไหร่ ยิ่งทำให้รู้สึกผิดเพิ่มขึ้นไปอีกที่ไม่ได้ถนอมพี่เคมีสักนิด
“พี่โอเคน่า”
“เมื่อกี้พี่ยังชวนผมอยู่เลย ทำไมไล่ซะล่ะ” ผมถามกวนๆ คนตัวสูงมองอย่างเอือมระอาแต่ก็ยอมให้ไอ้เตี้ยคอยประคองตัวให้เดินไปอย่างช้าๆ เสียงฝนกระทบตึกดังไปทั่ว ไออุ่นของเราแนบชิดจากแรงเบียด จากแค่พยุงก็กลายเป็นว่าผมโอบเอวหนาไว้แน่น แขนยาวของอีกฝ่ายก็พาดไหล่ผมเช่นกัน ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ใบหน้าคนป่วยดูมีเลือดฝาด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาการไข้เริ่มดีขึ้น หรือกำลังเขินกับการกระทำของพวกเราจากเมื่อคืนและตอนนี้กันแน่
เสียงรุ่นพี่คณะวิศวะที่เตรียมตัวเข้าห้องเชียร์ดังมาแต่ไกล เราจึงผละออกจากกันอย่างอัตโนมัติ แต่ผมก็คอยจับตัวพี่เคมีไม่ให้ล้มอยู่ห่างๆ พอเข้าใกล้ฝูงชน สายตาแปลกใจของทุกคนต่างเพ่งมาที่เราอย่างไม่ปกปิด ผมพยายามไม่สนใจ แต่ก็รู้สึกอึดอัดที่ตกเป็นเป้าสายตาแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ พี่เคมีบอกให้เข้าไปนอนรอในห้องเรียนติดกันก่อนจะเดินไปทางกลุ่มพี่ว้ากที่ทำหน้าตาขึงขังอีกมุมหนึ่งของอาคารเรียน
“มากับใคร...” เสียงสนทนาดังมาจากด้านนอก น่าจะเป็นใครสักคนกำลังซักไซ้เรื่องที่เห็นผมเดินมากับแก
“ใช่คนที่พี่เจดควงมาครั้งก่อนปะวะ” ผมพยายามไม่สนใจ แต่ก็อดไม่ได้เพราะมันเป็นเรื่องของตัวเองโดยตรง แต่จะให้ออกไปตอบคำถาม ก็ไม่รู้ว่าจะต้องตอบอย่างไร ตอบไปเพื่ออะไร เรื่องที่เจอจากคณะเมื่อกี้นี้ก็ชวนปวดหัวมากแล้ว พรุ่งนี้จะต้องเจอสายตาแบบไหนจากเพื่อนร่วมคณะ รวมไปถึงพวกรุ่นพี่อีก แล้วดันมาติดแหง็กเพราะฝนห่ายักษ์ที่คณะวิศวะเสียด้วย ให้มันได้อย่างนี้สิน่า ... ดวงดีจริงๆไอ้หนึ่งเอ๋ย
ผมเผลอหลับไปอีกครั้งไม่รู้ว่านานแค่ไหน ก่อนจะสะดุ้งเพราะเสียงฝีเท้าหนักๆเดินมาประชิด ลืมตางัวเงียก็พบร่างที่คุ้นเคยยืนตรงหน้า ใบหน้าและแววตานั้นดูผิดแผกไปจากเดิมราวกับไม่ใช่คนคุ้นเคยมาก่อน ร่างสูงนั่งอย่างไร้คำพูด เราสบตากันอย่างเงียบเชียบกระทั่งเสียงกระแอมไอของเขาดังขึ้น ข้างนอกมืดสนิท ในห้องนี้ก็เปิดไฟแค่ทางเข้า มันเลยสลัวจนหม่น
“เรามา ... เอ่อ หนึ่งมาที่นี่ได้ไงครับ” น้ำเสียงนั้นเหมือนเจือด้วยความสงสัย กังวลและไม่พอใจอย่างแจ่มแจ้ง
“พอดีเจอพี่เคมีระหว่างทางเลยติดรถมาน่ะครับ” ผมตอบตามตรง ไม่หลบสายตาที่มองเหมือนพิจารณาหัวจรดเท้า
“แล้ว...” ใบหน้าเคร่งขรึมพูด ท่าทางบอกชัดเจนว่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“พี่เจดมีอะไรก็พูดตรงๆก็ได้นะครับ” เมื่อท่าทีชวนอึดอัดส่งผ่านมา ผมก็ไม่อยากให้มันอ้อมค้อมอีก
“พี่ไม่รู้นะว่าหนึ่งกับเค็มรู้จักกันในฐานะอะไร แต่พี่ไม่สบายใจที่เห็นเราสองคนสนิทกันแบบนั้น”
“แบบนั้นที่พี่ว่าน่ะแบบไหนเหรอครับพี่เจด” ผมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ อยากรู้เหมือนกันว่าท่าทางหึงหวงของคนตรงหน้าเนี่ย มีให้ใคร
“ก็แบบ ... ช่างเถอะ”
“พี่หึง” ผมจี้จุด ในเมื่อเขาไม่ยอมพูดจาแบบตรงไปตรงมา ผมก็ต้องจัดการให้มันกระชับ
“...” ท่าทางอึกอักที่แสดงออกก็บอกความจริงหมดแล้ว ผมจับจ้องร่างของรุ่นพี่ปี 3 ที่เคยเป็นแฟนกันสมัยชั้นมัธยมปลายขยับยุกยิกไปมาไม่เหลือมาดเคร่งขรึมอีกต่อไป
“ผมไม่เข้าใจ พี่ควงผมออกงานเหมือนบอกทุกคนว่าผมกับพี่เป็นอะไรกัน แล้วพี่ก็เงียบไม่ค่อยติดต่อมา หายไปเหมือนกับว่าระหว่างเราไม่มีอะไรทั้งนั้น แล้วตอนนี้พี่ก็มานั่งสอบสวนผมเหมือนคนร้ายว่าเป็นอะไรกับรุ่นน้องที่คณะของพี่งั้นเหรอ”
“...” แววตาคมกริบนิ่งเรียบ แต่นัยน์ตากลับฉายแววหวั่นไหว
“พี่หึงผม งั้นเหรอ” ที่ถามเพราะรู้ว่าไม่ใช่ ถามเพื่อให้พี่เจดที่นิ่งเงียบตอบความจริงออกมาให้ชัด ไอ้ความใกล้ชิดแบบลักปิดลักเปิดแบบที่ผ่านมามันทำให้รู้สึกย่ำแย่ และผมก็ไม่ต้องการแบบนี้
“หนึ่ง คือ...”
“ผมไม่ใช่เด็กอายุ 16 คนเดิมนะพี่ ผมโตพอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว” พูดพลางบิดขี้เกียจ ขยี้ตาเพื่อให้ตื่นเต็มที่
“พี่รู้ แต่ว่าพี่ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มยังไง” ท่าทางหงอยๆของพี่เจดทำให้ผมลดความโมโหลง
“เริ่มจาก พี่รู้สึกยังไงกับผม พี่จะทำตัวกั๊กๆแบบนี้มันไม่แฟร์เลยนะพี่”
“พี่ขอโทษ พี่แค่กลัวจะทำให้เราเสียใจ”
“ผมไม่เสียใจหรอกถ้าพี่ไม่รักผม แต่จะเสียใจมากกว่าถ้าพี่ยังไม่เลิกหลอกใช้กันแบบนี้” น้ำเสียงผมบ่งบอกว่าไม่แคร์
“หนึ่ง” พี่เจดหน้าสลด กลืนน้ำลายอึกใหญ่ “พี่ขอโทษ”
“พี่รักพี่เคมีใช่ไหม” ผมคาดคั้น ส่งสายตาเคร่งเครียดไปให้ อดีตแฟนสบตานิ่ง ใบหน้าหล่อเหลาราวกับรูปปั้นนั้นแสดงออกว่าไม่สบายใจอย่างเด่นชัด แต่สายตาที่ผมจับจ้องเพื่อกดดันยังไม่ลดละ พี่เจดเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ไม่ชัดเจน และชอบหนี
“อื้ม” ตอบและพยักหน้า ผมล่ะโล่งอก
“รักเขาก็จีบดิ จะมาซักไซ้และตามหึงหวงกับผมจะได้อะไร” นอกจากจะไม่โกรธแล้วผมยังใจดีแนะนำอีกด้วย พ่อพระสุดๆเลยไอ้หนึ่งเอ๋ย ...
“มันไม่ง่ายแบบนั้นน่ะสิ” พี่เจดท่าทางผ่อนคลายลงหลังจากสารภาพความในใจ
“ความรัก ถ้าพี่คิดว่ามันง่าย มันก็ง่าย แต่ถ้าพี่ถอดใจก่อนจะเริ่ม มันก็จะยากแบบนี้แหละ” พี่เจดกุมขมับทันทีที่ผมพูดจบ หน้าตากังวลชวนให้สงสาร ผมไม่รู้หรอกว่ามันเกิดอะไรระหว่างทั้งสองคนนี้ แต่จะให้พูดโพล่งไปว่าลุยจีบเลย พี่เคมีชอบผู้ชายแล้ว ผมมั่นใจ เพราะเมื่อคืนเพิ่งได้กันมา...เอ่อ มันก็ไม่เกิดผลดีเป็นแน่ ใช่ไหมล่ะ
“...”
“ถ้าพี่ไม่จีบ งั้นผมจีบนะ”
“ไม่ได้” น้ำเสียงเข้ม ดังฟังชัด แจ่มแจ้งผิดกับท่าทางเมื่อครู่ลิบลับ
“ก็พี่มัวแต่ทำลีลา พี่เคมีน่ะทั้งหล่อ ทั้งรวย คุณสมบัติครบขนาดนี้ ถ้าเค้าสนใจผมขึ้นมา พี่ก็ห้ามไม่ได้หรอกนะ”
“หนึ่ง” แววตานั้นสลดมากกว่าจะโกรธ ท่าทางมีเรื่องกลุ้มใจ
“เล่ามา ผมฟังอยู่” เห็นทำท่าอ้าปากจะพูดแล้วหุบไปเฉยๆหลายครั้งทำให้ต้องเค้นคอคนตรงหน้า
“เล่าอะไร”
“อะไรก็ได้” ผมตอบ ยกแขนมาบิดขี้เกียจอีกที “ถ้ากว้างไป ก็เล่าเรื่องพี่กับพี่เคมีมาว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมพี่ถึงไม่กล้าจีบ”
“มะ ไม่มีอะไร..”
“ถ้าพี่ไม่เล่า ผมไม่รับประกันนะว่าจะเลิกยุ่งกับพี่เค้า ดูอย่างวันนี้สิ ยังได้ติดรถมาแถมยังต้องแกร่วรอที่นี่อีก” ผมใช้แผนยั่วยุ เอาให้คิดมากจนอกแตกตายไปเลยจะดีกว่า ถ้าถามแล้ว ผมว่าพี่เคมีคงจะมีใจให้พี่เจดไม่มากก็น้อย แค่เพราะนิสัยชอบหนีปัญหาของบุรุษหนุ่มหล่อที่นั่งตรงหน้านี่แหละ ทำให้เรื่องที่ควรง่ายมันผูกปมยุ่งเหยิงไปอีก
“ถ้าพี่เล่า หนึ่งจะ..”
“ผมไม่บอกใครหรอกพี่ เผลอๆผมอาจจะช่วยพี่ได้อีกนะ” ออกตัวไปงั้นแหละ เอาจริงๆพี่เคมีก็หล่อ ดี(เรื่องอย่างว่า) ได้ควงออกงานคงดีไม่น้อย ไอ้เอกราชคนนี้คงดังคับมอเป็นแน่ที่ได้ควงเบ้าหน้าแบบนี้ ถึงแม้จะมีอะไรกันแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะต้องรู้สึกหลงรักผู้ชายทุกคนที่เข้ามานะครับ ความใคร่กับความรัก มันคนละประเด็นกัน บางคนผ่านมาก็เพื่อช่วยผ่อนคลายความต้องการ แต่ไม่ต้องสานต่อความสัมพันธ์ใดๆทั้งนั้น สำหรับพี่เคมีก็เช่นกัน ถึงแม้ผมจะชอบหน้าตา ชอบรสสัมผัสยามเนื้อแนบกันมาก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกมากเกินกว่าคนหล่อคนหนึ่งที่ทำให้รู้สึกดีชั่วครั้งชั่วคราว
“คือ...” ผมนั่งฟังพี่เจดเล่าความในใจอย่างตั้งใจ รู้สึกเจ็บจี๊ดที่ได้รู้ว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับเราตั้งแต่แรก การเผลอไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับน้องรหัส เอ๊ะ หรือแค่รุ่นน้องที่สนิทวะ... เอาเถอะ เอาเป็นว่าเพราะเรื่องนี้ พี่เจดเลยรู้ใจตัวเองว่ารักรุ่นน้องคนนี้มานานแล้ว แต่ไม่กล้าทำอะไรเพราะเห็นว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ก็แหงล่ะ แค่มองไม่มีทางรู้หรอกว่าพี่เคมีจะเป็นเมียใครได้ เพราะเรื่องวิวาทในครั้งนั้นทำให้ทั้งคู่มีอะไรกัน แต่ปัญหาหลักคือ พี่ฟิสิกส์ ที่ยื่นคำขาดให้พี่เจดเลิกยุ่งกับพี่เคมี
“ไร้สาระ” ผมสรุปสั้นๆหลังจากฟังทุกอย่างจบแล้ว ตัดความหงุดหงิดเรื่องที่โดนหลอกไปเป็นคู่ควงในงานบายเนียร์ออกไปแล้วด้วยนะ
“ระ ไร้สาระยังไง” แกดูลนลานเหมือนหนูติดจั่น ผมมองแบบหยั่งเชิงและชั่งใจว่าควรจะพูดต่อดีไหม
“พี่เจด” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่มาก มองหน้าคนหล่อ เรียนเก่งแต่กลับโง่เรื่องหัวใจอย่างเอือมระอา
“หืม”
“พี่รักพี่เคมีมั้ย”
“ก็รักสิ” ตอบมาทันทีแทบไม่ได้คิด
“พี่รักพี่ฟิสิกส์มั้ย”
“รัก แบบไหนวะ” น้ำเสียงดูงุนงง ครุ่นคิดมากกว่าคำถามก่อนหน้า
“แบบที่รักพี่เคมีน่ะ” ผมสังเกตใบหน้าจริงจังนั้นอย่างถี่ถ้วน หล่อสมบูรณ์แบบจริงๆ หล่อกว่าตงฉินเสียอีก
“ไม่” ตอบชัดเจนมากนะครับ
“เออนั่นสิ พี่รักพี่เคมี แต่กลับหนีหัวใจตัวเองเพราะพี่เค้าห้าม”
“ก็พี่นับถือ..”
“ไร้สาระ” ผมพูดคำเดิม ตอกย้ำ มองอีกฝ่ายที่ทำหน้างุนงง ก่อนที่จะถือโอกาสพูดต่อ
“เรื่องนี้เป็นเรื่องของพี่กับพี่เคมี พี่ฟิสิกส์เป็นพี่ชาย ไม่ใช่เจ้าของชีวิตใคร ถ้าพี่เคมีเขาชอบพี่รักพี่ พี่คิดเหรอว่าพี่ชายเขาจะห้ามได้”
“พี่เจดที่ผมรู้จักน่ะ เป็นคนที่เคยกล้าหาญมากกว่านี้นะ” อันนี้พูดเองแล้วก็ไม่มั่นใจเองด้วยนะผมน่ะ
“ถ้าพี่เอาแต่หนี พี่ก็ไม่มีสิทธิ์จะตามหึงผมหรือใครก็ตามที่มาป้วนเปี้ยนใกล้ตัวพี่เคมีนะครับ เพราะถือว่าพี่เลือกที่จะเฉยเอง ปล่อยโอกาสหลุดลอยไปเอง ไม่ใช่เพราะมีคนอื่นมาจีบปาดหน้าหรอก”
“แต่พี่...”
“ลืมคนชื่อฟิสิกส์แล้วเข้าไปคุยกับพี่เคมีซะ ถ้าพี่ไม่ทำ ผมจีบพี่เค้าจริงๆนะ” จากที่จะขู่ ตอนนี้คิดจะทำจริงละเพราะรำคาญ
“ไม่ได้”
“ไม่ได้ แต่ก็ไม่ทำอะไรเลยเนี่ยนะ ... ไร้สาระ” ผมพ่นลมหายใจแรงๆอย่างขัดใจ ก่อนจะเดินออกจากห้องด้วยความหงุดหงิด เกลียดความไม่ชัดเจนแบบนี้เป็นที่สุด มันมีเยอะจนทำให้พาลนึกถึงคนที่ไม่อยากจะนึกถึง ใบหน้าของตงฉินลอยมาจนงุ่นง่าน แนะนำคนอื่นเสียดิบดี แต่เรื่องตัวเองยังคาราคาซังไม่เลิก ใจลอยได้ไม่นานก็มีคนทักมา
“อ้าวหนึ่ง ตื่นแล้วเหรอ”
“ครับพี่” เสียงพี่เคมีที่เพิ่งเดินเหงื่อท่วมออกจากห้องเชียร์ทักมาแต่ไกล ผมหยุดเดินก่อนหันไปยิ้มให้ ลอบมองแฟนเก่าที่นั่งจมจ่ออยู่ที่เดิมในห้องพักสต๊าฟด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“กลับเลยมั้ย เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ผมกลับเองได้พี่ ฝนซาละ” อยากเปิดโอกาสให้พี่เจดได้คุยเปิดใจกับแกมากกว่า แต่คนนี้ท่าทางจะไม่รู้เรื่อง
“ไปเถอะ พี่ไปส่งได้ ทางผ่านพอดี”
“แต่พี่ไม่สบายนะครับ ผมว่าให้ผมขับรถไปส่งพี่ที่บ้านดีมั้ย” อันนี้แค่อยากกระตุ้นพี่เจดเฉยๆ ไม่ได้คิดจะขับไปส่งเองหรอกครับ ค่ารถกลับคอนโดคงหลายร้อย
“พี่ไหวน่า กินยาแล้ว สบายๆ” มนุษย์หนุ่มหล่อตัวสูงใบหน้าซีดๆฝืนยิ้มตอบ ผมได้แต่ส่ายหน้า
“บ้านพี่อยู่แถวไหนครับ”
“ราชพฤกษ์”
“โห ไกลมากนะพี่ ไม่ค่อยสบายแถมขับรถไกลอีก ให้ผมไปส่งมั้ย” เมื่อคนในห้องนั่งไม่ติด ต้องแกล้งซ้ำ
“มะ...”
“ไม่ต้องหรอก หนึ่งขับรถพี่ไปจอดที่คอนโดเรานะพี่ฝากไว้ก่อน” เสียงเข้มๆของผู้ชายหน้าจ๋อยเมื่อครู่แทรกขึ้น ผมไม่ได้สังเกตเลยด้วยซ้ำว่าพี่เจดเดินมาตั้งแต่เมื่อไหร่ คว้ากุญแจรถยนต์ที่โยนมาอย่างเงอะงะ ผู้ชายเบ้าหน้าหล่อเทพส่วนสูงโดดเด่นสองคนยืนประจัญหน้ากันชวนอิจฉา ทำไมพระเจ้าถึงไม่แบ่งอะไรดีๆมาให้ผมบ้างนะ คิดแล้วก็น้อยใจนะเว้ย!
“พี่จะทำอะไรน่ะ” เสียงพี่เคมีลนลานถามเมื่อโดนมือใหญ่ของรุ่นพี่ล้วงฉกกุญแจรถออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนส์แนบเนื้อ
“ปะกลับ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“เห้ยพี่ ไม่ต้องผมกลับเองได้” พี่เคมีโวยวายและขัดขืน ขนาดตัวพอกันเลยทำให้ขลุกขลักไปหมด คนหนึ่งจะลาก คนหนึ่งจะหนี
“อย่าขัด ไม่งั้นพี่จะอุ้มเรานะ” อุ้มเลย อุ้มเลย อยากเห็นยักษ์อุ้มยักษ์
“ไม่ต้อง ผมเดินเองได้” พี่เคมีหน้าแดง ผมอมยิ้มก่อนจะยักคิ้วส่งให้พี่เจดที่กำลังร่าเริงอย่างผิดหูผิดตา มือใหญ่คว้าข้อแขนคนที่ยืนโงนเงนก่อนถูกสะบัด
“บอกว่าอย่าขัดไง หรือจะให้พี่ตะโกนบอกทุกคนว่าเค็มเป็นเมียพี่ แถมตอนนี้กำลังป่วย ผัวเลยต้องดูแล”
“ใครเมียพี่” ถึงน้ำเสียงจะเข้มเชิงด่าแต่พี่เคมีหูแดงไปหมด พี่เจดขยับปากเป็นคำว่าขอบคุณมาทางนี้ ผมยิ้มร่าก่อนจะจ้ำอ้าวออกจากที่นี่ เหม็นเบื่อความรัก ... เอาตรงๆคืออิจฉา เห็นผู้ชายสองคนเดินเคียงกันไปอย่างแง่งอนแล้วกรุ้มกริ่มหัวใจเบิกบาน หวังว่าผลบุญที่ทำวันนี้ จะช่วยลบล้างบาปกรรมที่แอบไปซั่มกับเมียพี่เจดได้บ้างไม่มากก็น้อยนะ
#### ####
[เจด ชิติพัทธ์]
ผมจอดรถคันงามหน้ารั้วบ้านที่ปิดไฟมืดสนิท กว่าจะฝ่าสายฝนจากมหา’ลัยชานเมืองมายังฟากฝั่งราชพฤกษ์ก็ดึกเอาการ คนข้างๆหลับตั้งแต่ขึ้นรถ ผมปรับแอร์ให้อุ่นเพราะกลัวอาการไข้จะย่ำแย่ มองใบหน้าหล่อที่หลับไหลอย่างหวิวใจ ทำไมผมถึงไม่กล้าทำตามหัวใจตัวเองนะ ทำไมจะต้องกลัวกับคำขู่ของพี่รหัสตัวเองที่พูดไว้ด้วย ทั้งที่ความจริงก็เหมือนที่น้องหนึ่งพูดเอาไว้ เรื่องนี้เป็นเรื่องของผมกับเคมีเท่านั้น ถ้าไม่คุยกันก็เท่ากับว่าผมปล่อยเขาให้หลุดลอยไปเอง ไม่ใช่เพราะคำสั่งพี่ชายคนสนิท ... ตัวไม่ร้อนเท่าตอนกลางวันพอให้เบาใจลงมาหน่อย อยากเช็ดตัวให้อีกครั้งจัง
“พี่ต้องทำยังไงดีวะเค็ม” ผมลูบไรผมตรงหน้าผากอย่างแผ่วเบา ลมหายใจราบเรียบแสดงให้รู้ว่ายังหลับลึก เสียงประตูรั้วเปิดกว้าง ผมเข้าเกียร์และพารถไปจอดอย่างคุ้นเคย ร่างสูงของพี่ฟิสิกส์จับจ้องมาเหมือนมีอะไรจะพูดด้วย ผมไม่ดับเครื่องแค่เปิดประตูและลงมาคุยกับพี่รหัส
“มึงยังวุ่นวายกับน้องกูอีกทำไมวะ” น้ำเสียงดุดัน ผมได้แต่เงียบ เราเคยสนิทกันมาก แต่พี่ฟิสิกส์นั้นไม่รู้เลยว่าผมชอบเพศเดียวกัน ท่าทางที่แกแสดงออกนั้นมันคือเจ็บปวด โมโหและน้อยใจที่ผมไม่เคยบอกอะไรเลย
“ผมขอโทษพี่ แต่ผม...” ถ้าไม่พูด ถ้าหนี ผมก็ไม่มีโอกาสอีกแล้ว ... “ผมรักเค็ม”
“มึงบอกกูทำไม” ร่างสูงพอกันกระชากคอเสื้อผลักผมไปชนกับกำแพงหนาจนเจ็บไปหมด
“ผมขอโทษ ผมห้ามใจตัวเองแล้ว แต่ผมทำไม่ได้” ผมสบสายตานั้นอย่างเว้าวอน หวังว่าจะได้รับความเห็นใจกลับมา
“คนอย่างมึงแม่ง” พี่ฟิสิกส์ปล่อยมือ ใบหน้าแดงเต็มไปด้วยโทสะ “ไม่น่าเป็นน้องกูเลยจริงๆ”
“ผมขอโทษพี่” มันมีแต่คำนี้ที่พูดออกมาได้ อยากให้มีคำพูดมากกว่านี้ออกมาเพื่อขอความเห็นใจ แต่ผมก็ทำไม่ได้ “ผมขี้ขลาด ผมมันเลว ที่ผ่านมาผมหนีความจริง ผมไม่เคยบอกพี่ว่าผมเป็นเกย์เพราะกลัวพี่จะรังเกียจ กลัวพี่จะรับไม่ได้ว่าน้องรหัสที่พี่สนิทด้วยเป็นแบบนี้ ผม...”
“มึงกลับไปก่อนเถอะ กูยังไม่อยากคุยอะไรตอนนี้” ประกาศจ้า.....สำหรับนิยายเรื่อง เตี้ยนักจะรักปะล่ะ
วันนี้ (16/1/64) ไรต์เพิ่งลงตอนที่ 26 ให้ได้อ่านฟรีไปแล้ว
แต่....สำหรับตอนที่ 27 นั้น
แฟนๆสามารถอ่านตอนต่อไปในระบบสนับสนุนได้ล่วงหน้า 7 วันได้แล้ว
ถึง 4 เว็บด้วยกัน
.
.
#หมายเหตุ :: สำหรับคนที่รอได้ สามารถอ่านตอนที่ 27 แบบฟรีๆในวันเสาร์หน้านะครับ
ได้แก่
.
.
1. Fictionlog ::
https://fictionlog.co/c/60028eb6cdc38c001bb8f287.
2. ธัญวลัย ::
http://www.tunwalai.com/chapter/5615219/%e0%b8%95%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88-27-%e0%b8%a5%e0%b8%b0%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%9e%e0%b8%a4%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a1.
3. readAwrite ::
https://www.readawrite.com/c/159f09cdd65ec101d2de64c607c2f3c9 .
4. Kawebook ::
https://www.kawebook.com/story/4275/240877/%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2/%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B0--My-Dearest-20-cm/%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-27-%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1.
.
ฝากนิยายฟินๆไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกคนด้วยนะครับ
.
.
#จากต้นจนอวสาน #นิยายวาย #นิยายวัยทำงาน
#นิยายY #นิยายรัก #SexyGuys
#นิยายน่าอ่าน #นิยายฟรี #นิยายดีๆ
#นิยายดี #นิยายฟินๆ #นิยายฟิน
#เตี้ยนักจะรักปะล่ะ #MyDearest20cm
#นิยายวัยรุ่น #เฟรชชี่ #รักวัยเรียน #รักต่างไซส์