::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8  (อ่าน 29898 ครั้ง)

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai1:


กฏแห่งกรรมจะสนองกลับคืนทุกผู้ทุกคน

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
.....


เรื่องมาเฉลยแล้ว ทั้งแม่ของอาร์ม และ สาเหตุการป่วยของยี่หว่า

รอดูธาตุแท้ของอาร์ม ว่าจะตัดสินใจ ทำอย่างไรต่อไป

สงสารวี่ว่าที่สุด ที่สุดของที่สุด .....


 :hao5:  :hao5:  :hao5:  :hao5:  :hao5:  :hao5:  :hao5:

 :ling3:  :ling3:  :ling3:  :ling3:  :ling3:  :ling3:  :ling3:


.....

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
โอ้โห เหมือนนั่งรถไฟเหาะ  :z3:

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
โอ้ยวยยยยยยย สิ่งที่พึ่งได้รับรู้ :katai4:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ก็เข้าใจว่าอยากกลับมาหาว่าน แต่ทั้งที่รู้ว่ายี่หวาเป็นลูกว่านแต่กับจะเขาชีวิตเด็กเนี่ยนะ นี่ถ้าไม่รู้ว่าเป็นลูกตัวเองคงปล่อยให้ตายไปแล้วใช่ไหม เห็นแก่ตัวที่สุด ตัวเองทำผิดเองแท้ ๆ ยังไม่รับผิดอีก

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
อาร์ม ไปตายซะ ให้ยัยนุช อยู่รับกรรมที่ทำยี่หวาด้วย วีว่า เป็นนายเอก ที่ช้ำที่สุด ของทุกเรื่อง เฮ้อ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
พอรู้ความจริงแล้วโคตรเกลียดอาร์มเลย ว่านตาสว่างสักที! สงสารยิหวามากอ่ะ

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
มันอะไรกันนี้ผสมโรงกันเลวเลย

ออฟไลน์ Heisei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
ชอบเม้นที่บอกว่าถ้ายังมีรางวัลพระเอกเลวแห่งปีนี้ พี่อาร์มเอารางวัลไปเลย อ่านแล้วยังช๊อคกับความคิดแต่ก็เคยเจอคนแบบนี้ ที่เวลาตัวเองทำผิดก็จะหาข้ออ้างให้ตัวเองถูกหรือโยนความผิดให้คนอื่นตลอด เป็นกลไกป้องกะนตัวแบบนึงล่ะนะ

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
หวันยิหวาอดทนนะลูกน่ะ :ling3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ขนาดรู้ว่ายี่หวาเป็นลูกตัวเองแล้วยังคิดไม่ได้เลย โคตรเห็นแก่ตัวทั้งแม่และลูก สงสารยี่หวากับว่านที่ต้องมาเจออาร์ม

ออฟไลน์ goldentime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
มาต่อที่ได้ไหม...อย่าปล่อยฉันไป
คนเป็นแม่เหมือนกันทำไมไม่เข้าให้หัวอก
ไยป้านุช หา!!!

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
วิวาห์อามันต์

ตอนที่10









วิวาห์มองหน้าทั้งสองคนอย่างตกตะลึง เขาเคยเจอหน้ามารดาของอามันต์มาก่อนเมื่อสมัยที่ยังรักกันดี พี่อาร์มเคยพาเขาไปที่บ้าน ตอนนั้นแม่ของพี่อาร์มไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้

“ผม...ทำไม่ได้ครับแม่”

“อาร์มคิดดี ๆ นะลูกที่อาร์มทำมาทั้งหมดเพื่ออะไรกัน”สาวใหญ่ที่ยังดูสวยเพราะดูแลตัวเองอย่างดีพูดขึ้น ประคองใบหน้าลูกชายเอาไว้ “ลูกไม่ได้รักเด็กคนนี้ไม่ใช่เหรอ อย่าโดนมันหลอก”

“ผมไม่เคยหลอก” ว่านโพล่งขึ้นจ้องหน้าพี่อาร์มเขม็ง“พี่อาร์มก็รู้อยู่แก่ใจว่าอะไรเป็นอะไรพวกคุณมันเห็นแก่ตัวโดยเฉพาะคุณ..คุณรักลูกชายของคุณผมก็รักลูกของผมเหมือนกันผมไม่ได้อยากให้ลูกของผมตาย” ว่านกัดฟันพูดเสียงสั่น นัยน์ตาคมวาวของนุชนารถลุกวาบ หันมามองเขาอย่างโกรธจัด

“เด็กคนนั้นยังไงก็ป่วยตายอยู่แล้ว แต่ว่าลูกชายของฉันเขากำลังจะหาย เขาใกล้จะหายดีแล้ว ขาดอีกนิดเดียว”

“คุณมันไม่ยอมรับความจริง” ว่านกรีดเสียง“ลูกสาวผมทำอะไรผิด ยี่หวายังเด็กอยู่เลย ยี่หวาก็มีโอกาสหายเหมือนกันลูกสาวผมต่างหากที่ควรจะมีชีวิตต่อไปไม่ใช่คนที่สมองตายนอนเป็นผัก”

“อาร์มไม่ต้องไปฟัง รีบไปที่โรงพยาบาล”

“พี่อาร์ม”ว่านทุ่มตัวลงไปกอดร่างสูงใหญ่เอาไว้ไม่ให้ขยับไปไหน “ห้ามไปนะนั่นยี่หวาลูกของพี่นะ พี่จะฆ่าลูกตัวเองได้ยังไง หยุดนะว่านไม่ยอม ว่านไม่ให้ไปไหน” วิวาห์ร้องไห้พร้อมกับกอดรัดอีกฝ่ายไปด้วย อาร์มพยายามแกะมืออีกฝ่ายออก

“ว่านปล่อยพี่ก่อน”

“ไม่ ว่านไม่ปล่อยให้ตายว่านก็ไม่ปล่อย”

“งั้นก็ตายไปก่อนเลยก็แล้วกันนะ” นุชนารถพูดขึ้น เธอกระชากปืนจากมือลูกชายมาถือเอาไว้เสียเอง เล็งไปยังวิวาห์ที่รั้งลูกชายของเธอเอาไว้ “จะถอยออกไปมั้ย หรือว่าจะตายก่อนประเดิมคนแรก”

“ให้ผมตายแทนลูกได้มั้ย” วิวาห์พูดทั้งน้ำตา “ยิงผมเลยก็ได้แล้วปล่อยยี่หวาไป เอาชีวิตผมไปต่อวิญญาณของคุณแทน”

“ท้าฉันงั้นหรือ” นุชนารถเลิกคิ้ว

“หยุดนะครับ ห้ามยิงว่าน”อามันต์ดันตัวว่านไปอยู่ด้านหลัง“ถ้าจะยิงก็ยิงผมไปเลยผมไม่อยากอยู่แล้ว”

“อาร์ม พูดอะไรแบบนั้นลูก” นุชนารถอุทาน“เราสู้ด้วยกันมาตั้งเท่าไหร่ตั้งแต่ลูกเริ่มป่วยเมื่อหลายปีก่อนมีใครมาอยู่เคียงข้างลูกสักคนมั้ย”

“ก็พี่อาร์มไม่บอกว่าป่วย ว่านจะไปตรัสรู้เองได้ยังไงล่ะครับ” ว่านตะโกน

“พี่ผิดเองว่านที่ไม่ได้บอก ตอนนั้น...”อามันต์อึ้งไปครู่แล้วก็สารภาพ“พี่คิดว่าตัวเองจะหายดี พี่กำลังดัง...ดังมาก ๆ พี่ยอมรับว่าพี่รู้สึกว่าใจพี่ไม่ได้อยู่ที่วง พี่อยากไปรับงานเองคนเดียวมากกว่า ส่วนว่าน...พี่ขอโทษนะ พี่ไม่ได้รักว่านอย่างคนรักตั้งแต่แรกมันเป็นแค่ธุรกิจที่พี่เห็นว่าได้ประโยชน์เท่านั้น”

วิวาห์สูดลมหายใจเข้าปอดลึก

“ขอบคุณที่พูดตรง ๆ ให้ฟังนะครับอย่างน้อยก็ยังดีกว่าโกหกว่ารักกัน”ว่านสั่นไปทั้งตัว ถึงจะรู้อยู่ก่อนแล้ว...แต่ความจริงจากปากของคนที่ว่านรักมากที่สุดก็ยังทำให้ว่านจุกจนหายใจไม่ออก

“รู้แล้วก็ถอยออกไปค่ะน้องว่าน พี่จะได้พาอาร์มไปเสียที” นุชนารถพูดเสียงหวานจนน่าขนลุก วิวาห์ส่ายหน้า ยึดตัวอามันต์เอาไว้แน่น

“ไม่ครับ ถ้าจะไปก็ต้องผ่านศพผมไปก่อน” ว่านหมายความตามที่พูดจริง ๆ

หลังจากนั้นทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากพริบตาเดียวว่านก็รู้สึกเหมือนถูกผลักให้กระเด็นไปอีกทางหนึ่งตามด้วยเสียงดังปังของปืนในมือนุชนารถดังขึ้น ความเจ็บปลาบที่ส่วนหลังกระแทกกับพื้นเต็มแรงทำให้ว่านลุกไม่ขึ้นได้แต่เบิกตากว้างจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ

ร่างสูงใหญ่ของอามันต์ทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นเลือดสีแดงสดทะลักออกมาจากกลางอกเหมือนเปิดก๊อกเสื้อที่สวมอยู่เปลี่ยนเป็นสีแดงฉานน่ากลัว นุชนารถกรีดร้องโหยหวนถลาเข้าไปหาลูกชายที่เป็นเหยื่อกระสุนของเธอ

“อาร์ม ...แม่ขอโทษ อาร์มทำแบบนี้ทำไม อย่าทิ้งแม่ไปนะ อาร์ม”เธอร้องไห้สะอึกสะอื้น กอดร่างของลูกชายเอาไว้แน่น อามันต์หันหน้ามาหาวิวาห์ นัยน์ตาคมเข้มแดงก่ำเห็นเส้นเลือด

“ไปดูลูก” เสียงแหบห้าวนั้นหลุดออกมาจากริมฝีปากเป็นห้วง ๆ

“อาร์มอย่าเพิ่งพูด อาร์มจะต้องไม่เป็นอะไร”นุชนารถยกมือขึ้นกดบาดแผลบนหน้าอกของชายหนุ่มเอาไว้

“ยี่หวา..ต้องหาย...”

พี่อาร์มทำท่าเหมือนจะพูดอะไรต่อมาอีกแต่แล้วก็นิ่งไปทั้งที่นัยน์ตาเบิกค้าง วิวาห์พูดไม่ออก เขาไม่มีแรงแม้แต่จะขยับตัว ร่างกายหนักอึ้งราวกับถูกผีอำ กว่าจะหาเสียงของตัวเองเจอก็ผ่านไปนาน

“พี่อาร์ม พี่อาร์ม...”

เสียงกรีดร้องอย่างขวัญเสียดังเข้าหูของตัวเองจนวิวาห์ลืมตาโพลง มันเป็นเสียงของเขาเอง วิวาห์พยายามจะลุกขึ้นทว่าเนื้อตัวของเขากลับไม่สามารถขยับได้เลย เหมือนมีก้อนหินทับเอาไว้ทั้งตัว เขาได้ยินเสียงใครพูดอยู่ใกล้ ๆ

“ว่านร้องไห้ใหญ่เลยครับคุณแม่ คงจะเพ้อเพราะพิษไข้”

เสียงพี่วัตนี่ พี่วัตอยู่ตรงนี้เหรอว่านพยายามร้องเรียกแต่กลับไม่มีเสียงเปล่งออกมาอีก แขนขาของเขากระดุกกระดิกไม่ได้เลย

“ว่านลูกแม่” เสียงนุ่ม ๆ ของคุณปราณีมารดาของเขาดังขึ้น “โถ เคราะห์กรรมอะไรอย่างนี้ ว่าน...ได้ยินเสียงแม่มั้ย แม่กับพ่อมาเยี่ยมนะลูก”

คุณแม่..ว่านขยับปากอย่างยากลำบาก

“สองวันแล้ว ว่านเพ้อไม่รู้สึกตัวเลย หรือว่าจะผีเข้า”

“อย่าเพ้อเจ้อน่ะวัต น้องว่านนี่พ่อเองนะ ตัวร้อนจี๋จริง ๆ”

“ไข้ไม่ลงเลยค่ะ”

“เราจะทำยังไงกันดีคะ ว่านคงจะไม่... โธ่ ไหนจะว่านไหนจะยี่หวา ฉันทำใจไม่ได้ค่ะ” เสียงใครร้องไห้กัน ...ใช่แม่ของเขามั้ย วิวาห์ขมวดคิ้ว เพ่งมองภาพเบื้องหน้าผ่านม่านน้ำตาพร่าเลือน เขาเห็นแม่กำลังร้องไห้อยู่กับพ่อ

“คุณแม่” ว่านส่งเสียงเรียกออกไป

“ใจเย็น ๆ ก่อนคุณ ผมเชื่อว่าว่านจะต้องหายดี ยี่หวาก็ด้วย”

“ฉันพยายามจะเผื่อใจแล้วนะคะ ถ้าเกิดว่า...เกิดแก่เจ็บตายเป็นอนิจจังแต่ว่า ...มันก็...” ว่านรู้สึกเจ็บข้างในอกเขานึกถึงลูกสาวที่นอนอยู่ในห้องไอซียูแล้วก็รวบรวมพลังทั้งหมดที่มีสู้กับแรงกดอากาศที่มากผิดปกตินั้น

“.......”

วิวาห์ดันตัวลุกพรวดขึ้นมานั่งใจสั่นรัว เหงื่อแตกทั่วตัวเหมือนอาบน้ำ จู่ ๆ แรงกดอากาศหนักอึ้งนั้นก็หายวับไปเหมือนไม่เคยมีอยู่ คนที่อยู่ในห้องหันมามองแล้วก็กรูกันเข้ามาหาเขาอย่างตกใจ

“ว่านเป็นยังไงบ้าง เกิดอะไรขึ้นว่านนอนกรีดร้องครวญครางตลอดเลยพี่เป็นห่วงแทบแย่”พี่วัตพูดรัวเร็วจับตัวน้องชายเอาไว้ “นอนลงก่อน”

“พี่วัต พี่เบสต์คุณพ่อคุณแม่?” ว่านกะพริบตากวาดตามองหน้าทุกคนอย่างมึนงง“ยี่หวาล่ะครับยี่หวาเป็นยังไงบ้าง”

“วินกำลังไปคุยกับคุณหมออยู่ ว่านนอนลงก่อนลูก” มารดาของเขาเข้ามากอดเขาเอาไว้แน่น “ว่านลูกแม่”

“ว่านโวยวายเหมือนผีเข้าเลย พวกพี่ใจหายหมดกำลังคิดกันอยู่ว่าจะต้องนิมนต์พระมาสาดน้ำมนต์ไล่ผีมั้ย” พี่วัตว่า

“น้องว่านไข้ขึ้นสูงก็เลยเพ้อเพราะพิษไข้น่ะค่ะ ไม่ต้องกังวลหรอกนะ” พี่เบสต์ปลอบใจเขา “นอนพักก่อนนะคะ”

“พี่อาร์ม..” ว่านนึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ขึ้นมาได้ เขาตัวสั่นขึ้นมาอีก “ผมเจอพี่อาร์ม แล้วก็เจอพี่นุชนารถด้วย” ว่านรีบเล่าสิ่งที่เจอมาให้ทุกคนฟัง พี่วัตหน้าซีดจับมือน้องชายเอาไว้แน่นพี่เบสต์ก็ช่วยดูแลพ่อกับแม่ที่เวียนหัวขึ้นมาหลังจากฟังจบ

“หมายถึง นายอามันต์ในฝันของว่านจะมาเอาชีวิตยี่หวาจริง ๆ น่ะเหรอ”

“ใช่ครับ” วิวาห์พยักหน้า “เขากับพี่นุชแม่ของเขาวางแผนมา”

“คุณนุชนารถคือแม่ของเขาเนี่ยนะ เป็นไปได้ยังไง” วิรัตน์อุทาน“เกินความคาดหมายมาก ๆ เลวพอกันทั้งแม่ทั้งลูก แล้วสุดท้ายก็พลาดยิงถูกลูกตัวเอง สมน้ำหน้า”

“ว่านไม่รู้ว่าเขาแย่งปืนกันหรือว่ายังไง แต่มีคนผลักว่านออกมาแน่ ๆ” วิวาห์พูด“ว่านจำได้คร่าว ๆ เท่านี้ตอนนี้เรื่องสำคัญก็คือจะต้องไปดูยี่หวาก่อน”

“ตอนนี้เรื่องสำคัญกว่าก็คือสุขภาพของว่าน นอนลงให้คุณหมอเขาตรวจก่อน” วิรัตน์ว่าเบี่ยงตัวให้คุณหมอเข้ามาตรวจร่างกายวิวาห์อย่างละเอียด อาการไข้ของวิวาห์ดีขึ้นมากแล้ว เหลือแค่ฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมเท่านั้น คุณหมอกำชับให้ว่านพักผ่อนมาก ๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องลูกสาว

“ผมขอไปหาลูกได้มั้ยครับหมอ ผมเป็นห่วงลูกจริง ๆ ทนไม่ไหวหรอก”วิวาห์อ้อนวอนรับปากกับแพทย์ว่าจะไม่ก่อความวุ่นวายอะไรอีก

วิรุฬกำลังคุยกับนายแพทย์เจ้าของไข้อยู่พอดีตอนที่พวกเขาเข้าไปเยี่ยมยี่หวาเห็นหน้าตาของน้องชายแล้ววิวาห์ก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อย ๆ วินรีบเข้ามาหาพวกเขา

“ยี่หวาฟื้นแล้วครับ”

“จริงเหรอวิน” วิวาห์เบิกตากว้าง

“จริงครับ เพิ่งตื่นเมื่อกี้เลย วินว่าจะไปตามพี่ว่านอยู่พอดี”

วิวาห์ดีใจจนพูดไม่ออกขอเข้าไปเยี่ยมลูกสาวได้ก็ตรงเข้าไปเกาะข้างเตียง เด็กหญิงหวันยิหวาลืมตาขึ้นมองหน้าเขา ท่าทางดีใจมากที่ได้เจอกัน

“ยี่หวาลูก...เห็นวีว่ามั้ยคะ วีว่ามาแล้วนะ” วิวาห์กำมือเล็กจ้อยนั่นเอาไว้แน่น ยี่หวายังพูดไม่ได้เพราะใส่ท่อช่วยหายใจเอาไว้อยู่ เด็กหญิงน้ำตาซึมเปียกหมอนพอ ๆ กับมารดาที่น้ำตาไหลพราก อยากก้มลงไปจูบลูกแต่ก็กลัวว่าจะเอาเชื้อไปติดเข้า วิวาห์ได้แต่จับมือลูกเอาไว้ “หายไว ๆ นะคะ วีว่ารออยู่นะ เราจะได้ไปเที่ยวกันอีก ยี่หวาอยากกินไอติมใช่มั้ย”

เด็กหญิงพยักหน้า ท่าทางยังเพลียมากแต่ก็ตื่นดีนัยน์ตากลมโตมีประกายขึ้นเล็กน้อยเมื่อพูดถึงขนมที่ชอบ

“รีบหายนะคะ อย่าดื้อกับคุณหมอนะ วีว่าอยู่แถวนี้เองไม่ต้องกลัวนะคะ”

นายแพทย์เจ้าของไข้บอกว่ายี่หวาตอบสนองต่อยารักษาอย่างปาฏิหาริย์ ทั้งที่ตอนแรกนึกว่าจะหมดหวังเสียแล้ว ความดันเลือดกลับมาดีเหมือนเดิม อาการก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ จนถอดท่อช่วยหายใจได้ในที่สุดยี่หวาได้ออกจากห้องไอซียูท่ามกลางความยินดีของทุกคน

วิวาห์บอกไม่ถูกว่าเขาดีใจขนาดไหนที่ลูกสาวรอดชีวิตหวันยิหวาเรียกชื่อวีว่าเป็นคำแรกหลังจากหายเจ็บคอ เด็กหญิงเรียกหาไอติมเป็นอย่างที่สองวิวาห์เฝ้าลูกทั้งวันทั้งคืนเพราะกลัวว่าใครหรืออะไรจะมาพรากลูกสาวไปอีกจนกระทั่งในที่สุดก็ถึงวันที่ยี่หวาจะได้กลับบ้าน

“เรื่องคีโมเดี๋ยวหมอจะนัดมาเจาะเลือดอีกทีอาทิตย์หน้านะครับ” คุณหมอพูดยิ้ม ๆ ลูบศีรษะเด็กน้อยอย่างเอ็นดู “กินเก่ง ๆ นะคะ จะได้แข็งแรงไว ๆ”

“ค่ะ” ยี่หวารับคำจับมือคุณหมอเอาไว้“แล้วผมยี่หวาจะยาวเหมือนเดิมมั้ยคะ”เป็นสิ่งที่เจ้าตัวกังวลมากที่สุดเพราะเส้นผมยาวสลวยบัดนี้ถูกโกนออกจนเกลี้ยง “แบบนี้ไม่สวยเลยค่ะ”

“ยี่หวาหน้าตาสวยน่ารักอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวลไปหรอกลูก” วิวาห์รีบปลอบใจ “เดี๋ยวเราไปหาหมวกสวย ๆ มาใส่กันดีมั้ยคะ”

“ถ้ายี่หวาแข็งแรง ไม่ดื้อกับคุณแม่ กินข้าวกินนมเยอะ ๆ ผมก็จะกลับมาสวยเหมือนเดิมครับ แถมเผลอ ๆ จะสวยยิ่งกว่าเดิมเสียอีกนะ”คุณหมอพูดยิ้ม ๆ เด็กหญิงค่อยยิ้มออกหันไปเขย่ามือมารดา

“วีว่า ไอติมทำมาจากนมใช่มั้ยคะ”

“แน่ะ จะขี้โกงแล้วเรา” วิวาห์หัวเราะ“พอหายแล้วก็ร้องหาขนมเลยนะ”

เด็กหญิงหัวเราะคิก แนบใบหน้ากับมือของมารดา

“ก็ยี่หวาอดกินมาตั้งนานนี่คะ”

วิวาห์แอบยกมือขึ้นปาดน้ำตา ส่งยิ้มให้ลูก

“อยากกินเท่าไหร่บอกมาเลย” พอนึกว่าเกือบจะไม่ได้เห็นรอยยิ้มหวาน ๆ จากยี่หวาอีกแล้ว วิวาห์ก็สะท้านในอก ดึงตัวลูกสาวมากอดเอาไว้แน่น ไม่อยากนึกเลยว่าถ้าเสียยี่หวาไปจริง ๆ แล้วเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อได้อย่างไร

หวันยิหวากลับมาที่บ้านพร้อมกับคุณตาคุณยายและลุงป้าน้าอาพร้อมหน้าพร้อมตา ทุกคนตามใจยี่หวายิ่งกว่าเดิมเสียอีก วิรัตน์ถึงกับซื้อทองมาปลอบขวัญให้หลานรัก ส่วนวิรุฬก็ไม่แพ้กันพายี่หวาไปเลือกตุ๊กตาสวย ๆ มาหลายตัว วิวาห์ได้แต่ห้ามปรามพี่น้องด้วยความเกรงใจ

“พี่ว่านอย่าคิดมาก วินมีหลานอยู่คนเดียว ให้อะไรได้วินก็อยากให้” วิรุฬพูดยิ้ม ๆ พาหลานสาวไปเดินเล่นข้างนอกด้วยกัน “ยี่หวาก็แข็งแรงขึ้นมากแล้ว เห็นพี่วัตบอกว่าจะจัดงานแต่งกับพี่เบสต์ซักที”

วิวาห์ดีใจ

“ดีจังเลยวิน เมื่อไหร่ดีล่ะ”

“ไปขอฤกษ์กันมาแล้ว วินล่ะดีใจจริง ๆ เลยนะ”

“ลุงวัตจะแต่งงานเหรอคะน้าวิน” หวันยิหวากระตุกมือถาม “แต่งงานคืออะไรคะ”

“แต่งงานก็คือการตกลงกันว่าจะอยู่ด้วยกันค่ะ” วิรุฬตอบเสียงอ่อนหวาน “แต่งงานกันแล้วก็เป็นคุณพ่อคุณแม่ มีลูก..” วิรุฬพูดมาถึงตรงนี้แล้วก็เพิ่งนึกขึ้นได้เหลือบมองหน้าพี่ชายอย่างเกรงใจเห็นวิวาห์วางหน้าเฉย ๆ

“คุณพ่อยี่หวาไม่อยู่แล้ว” เด็กหญิงหน้าเศร้า

“คุณพ่อจะต้องดีใจที่เห็นยี่หวาแข็งแรงค่ะ” วิวาห์พูดเรียบ ๆ แล้วเปลี่ยนเรื่อง “วินจะแวะซื้อของไม่ใช่เหรอ ถึงร้านแล้วล่ะ”

วิวาห์พาลูกสาวเดินเล่นในร้านสะดวกซื้อรอน้องชายเลือกของไปเรื่อย ๆ ปากก็ตอบคำถามห้าร้อยข้อของยี่หวาไปแต่ก็อดคิดถึงคำพูดของอามันต์ขึ้นมาไม่ได้เวลาผ่านไปเกือบสามอาทิตย์แล้วนับจากวันนั้นทว่าบางครั้งเขายังสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะภาพนัยน์ตาเบิกโพลงของอามันต์อยู่เลย มันกลายเป็นภาพติดตาที่น่ากลัว

ความรักที่เคยมีอยู่ ...ว่านพบว่ามันจางหายไปแทบไม่เหลือแล้วถ้าถามความรู้สึกของเขาที่มีต่ออามันต์ในเวลานี้ว่านก็ยังอธิบายไม่ถูก รู้แค่ว่ามันเปลี่ยนไปมาก ว่านไม่ได้รู้สึกโหยหาหรือคิดถึงคน ๆ นั้นอีกแล้วในแง่ของคนรักหรือพ่อของลูกถ้าว่านจะคิดถึงก็คงเป็นความรังเกียจแกมสมเพชมากกว่า

เสียดายความรู้สึกที่เคยมีให้จริง ๆ แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ...ว่านเลือกไม่ถูกหรอกการได้เจอพี่อาร์มทำให้ว่านได้ของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตมาครอบครอง

“วีว่า...ดูสิคะ น้องกระต่ายล่ะ กระต่ายน่ารักจังค่ะ” ยี่หวาหยุดยืนที่หน้าร้านขายสัตว์เลี้ยง วิวาห์รีบดึงลูกสาวเดินออกมาจากหน้าร้านทันที

“น่ารักค่ะ แต่ยี่หวาเข้าใกล้น้องไม่ได้นะคะน้องกระต่ายมีเชื้อโรคเดี๋ยวยี่หวาจะไม่สบายอีกนะคะ”

เด็กหญิงหน้าม่อย

“ยี่หวาอยากเลี้ยง”

“ยี่หวาก็ต้องรีบหาย ถ้าหายแล้ววีว่าจะให้เลี้ยงค่ะ” วิวาห์ตอบ

“คิดถึงคุณลุงกระต่ายจังค่ะ” เด็กหญิงพูดขึ้น คนฟังใจหายวาบหยุดเดินทันที

“เขามาหายี่หวาอีกเหรอคะ” วิวาห์เหลือบมองรอบตัวอย่างระแวง ลูกสาวส่ายหน้า

“ไม่ค่ะ ยี่หวาไม่เจอคุณลุงมานานแล้ว คุณลุงหายไปเลย...ไม่รักษาสัญญากับยี่หวา”

วิวาห์ผ่อนลมหายใจลง รู้สึกสบายใจขึ้นมากเมื่อได้ยินแบบนั้น

“เอาไว้เราไปทำบุญให้คุณลุงกันนะคะ” เขาพูดเบา ๆ

วิรุฬเอาข่าวมาเล่าให้ฟังตั้งแต่เมื่อออกจากโรงพยาบาลใหม่ ๆ ว่าพี่อาร์มเสียชีวิตแล้วข่าวหนังสือพิมพ์ก็ลงข่าวสั้น ๆ เกี่ยวกับอดีตนักร้องดังที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์จนกลายเป็นเจ้าชายนิทรา จากนั้นก็จากไปด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเลือดเรื่องมะเร็งเม็ดเลือดขาวของพี่อาร์มก็ยังคงเป็นความลับต่อไป ไม่มีใครคิดจะเปิดเผยหรือขุดคุ้ยอีก เพราะไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว

งานศพของพี่อาร์มจัดขึ้นในวัดแถบชานเมืองว่านไม่ได้ไปเพราะเขาไม่กล้าปล่อยให้ยี่หวาคลาดสายตาอีกแล้ว วิรุฬไปกับเพื่อนที่เป็นแพทย์ด้วยกันกลับมาเล่าให้ฟังเขาไม่เห็นหน้านุชนารถที่บอกว่าเป็นแม่ของพี่อาร์มเลย เจอแต่คนที่เป็นพ่อว่านเลยเพิ่งรู้ว่าพ่อของพี่อาร์มแต่งงานใหม่ผู้หญิงที่เขาเคยเจอเมื่อก่อนเป็นแม่เลี้ยงของพี่อาร์มนั่นเอง ไม่ใช่แม่แท้ ๆ

พี่อาร์มคงมีความลับในชีวิตหลายอย่างที่ไม่เคยนึกจะบอกว่านจะว่าไปแล้วว่านเองก็แทบไม่ได้รู้จักพี่อาร์มมากไปกว่าสิ่งที่พี่อาร์มอยากให้รู้จักเลย พี่อาร์มขีดเส้นบาง ๆ กั้นเอาไว้ ...เส้นที่ว่านแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นในสมัยที่คบกัน ว่านหลอกตัวเองมาตลอดว่าพี่อาร์มรักว่าน ถึงตอนนี้ว่านตาสว่างแล้ว

เกือบจะต้องแลกกับชีวิตของยี่หวาเลย กว่าว่านจะรู้สึกตัว

“เป็นอาทิตย์หน้าแล้วกันนะ ว่าน...ฟังอยู่หรือเปล่า” พี่วัตหันมาถาม ว่านอมยิ้ม

“ฟังอยู่น่าพี่วัต ว่านจะร้องเพลงในงานพี่วัตเองไม่ต้องห่วง ว่านร้องให้ฟรี ๆ เลย”

“พี่ว่านอย่าร้องให้ฟรีสิครับ เราเป็นนักร้องดังนะ คิดค่าแรงเป็นค่าเทอมยี่หวาดีกว่า” วิรุฬพูด

“เออให้มันได้อย่างนี้ ทั้งสองคนนั่นแหละ มาใกล้ ๆ ฉันนี่มา” พี่วัตกวักมือเรียก วิวาห์หัวเราะรีบสะกิดน้องชายให้ลุกหนีไปคนละทาง“ไอ้เด็กพวกนี้ อย่าลืมไปลองชุดสูทล่ะ ร้านเขาโทรมาให้ไปลองแล้ว”

“รู้แล้วน่ะพี่วัต พูดซ้ำสิบรอบแล้ว แต่งงานไปอย่าขี้บ่นนักนา เดี๋ยวพี่เบสต์หูชา สงสารเขา”

“ไอ้วิน ลงมาเลยนะฉันยังไม่ได้คุยกับแกเรื่องครูเตยเลย”

“หือ?ครูเตยอะไรน่ะว่านตกข่าวอะไรหรือเปล่า”วิวาห์ตาโตมองหน้าน้องชายอย่างอัศจรรย์ใจ“วินจีบครูเตยเหรอ”

“ไม่ได้จีบซักหน่อย พี่วัตมั่ว”วิรุฬรีบแก้ข่าว“พี่ว่านอย่าไปฟัง”

“แน่ะ แล้วใครพาครูเตยไปดูหนังวันก่อนนะ”

น้องชายคนเล็กของบ้านหน้าแดงว่านหัวเราะชอบใจที่เห็นวิรุฬเสียอาการเป็นครั้งแรก นึกแล้วตลกดีตอนที่วิรุฬเล่าเหตุการณ์ที่พาครูเตยกับพี่วัตเข้าไปในอาคารเก่าที่เคยเป็นสตูดิโอด้วยกันแล้ววิรุฬก็ท่องบทสวดมนต์ไปตลอดทาง วิรัตน์เองก็สั่นไม่แพ้กัน ตรงข้ามกับหญิงสาวคนเดียวในคณะที่ไม่มีท่าทางหวาดกลัวเลย

“มันก็เลยประทับใจความกล้าหาญของเขาล่ะซิ” วิรัตน์สรุปมองหน้าน้องชายขัน ๆ “ดีนะที่ไม่เจออะไรไอ้วินรีบชวนกลับคนแรกเลย”

“แหม พี่วัตเองก็กลัวเหมือนกันนั่นล่ะ บรรยากาศมันตะครั่นตะครอจะตาย วินได้ยินเสียงคนเดินจริง ๆ นะ ไม่ได้โกหก”วิรุฬทำท่าขนลุกขนพอง

“ว่านขอบคุณพี่วัตกับวินมากเลยนะ” วิวาห์ยกมือขึ้นไหว้ ทั้งสองคนรีบห้าม

“โอ๊ยว่านไม่ต้องขอบคงขอบคุณอะไรอีกแล้ว พูดเรื่องนี้ไม่ได้เลยแฮะ เจ้าว่านต้องขอบคุณอีกยี่สิบรอบแน่เลย” วิรัตน์หัวเราะ “มันเป็นหน้าที่ของพี่น้องอยู่แล้ว ไม่ช่วยเหลือกันแล้วจะไปช่วยเหลือใครล่ะ เราก็มีกันอยู่แค่นี้”

วิวาห์น้ำตาซึม ในความโชคร้ายของเขาก็ยังมีความโชคดีอยู่ไม่รู้ว่าพี่น้องบ้านอื่นจะรักใคร่กลมเกลียวกันดีแบบนี้ไหม ว่านโชคดีจริง ๆ ที่มีพี่วัตกับวินอยู่ด้วย

ว่านพายี่หวาไปหาหมอเพื่อตรวจร่างกายต่อ คุณหมอบอกว่าผลเลือดของยี่หวาดีมาก พร้อมจะเริ่มยาเคมีบำบัดต่อได้แล้วยี่หวาอิดออดนิดหน่อยเพราะเข็ดตอนที่เจ็บปากกินอะไรก็ไม่อร่อยนั้น แต่ว่าก็ยอมให้คุณหมอรักษาต่อโดยดีวิวาห์ผู้มีประสบการณ์จากคราวก่อนก็เตรียมอาหารอ่อน ๆ ย่อยง่ายเอาไว้ให้ยี่หวาหลายเมนู

“โอ้โห น่ารับประทานจังเลยค่ะ” คุณแม่ของคนไข้ที่นั่งใกล้ ๆ แอบมองอาหารในปิ่นโตของวิวาห์ที่เตรียมมาไว้ให้ลูก “ซื้อหรือว่าทำเองคะนี่”

“ทำเองครับ” วิวาห์ตอบเขิน ๆ “ยี่หวากินไม่ค่อยได้ แถมไม่ชอบกินผักก็เลยต้องเตรียมเมนูเอาไว้”

“ดีจังเลยค่ะ นี่น้องพีชก็กินยากมาก แม่ทำอะไรให้กินก็ไม่ยอมกินเลย” เธอพูดอย่างกังวล ลูกชายของเธอนั่งอยู่ข้าง ๆ ชะโงกมองอาหารน่าตารับประทานในกล่องของวิวาห์อย่างสนใจ “อย่ามองใกล้ขนาดนั้นสิคะลูกพีช เสียมารยาทนะคะ”

“ลองชิมมั้ยล่ะครับ ผมทำมาเผื่ออยู่แล้ว” วิวาห์พูดยิ้ม ๆ มองหน้ากลมเล็กของเด็กชายพีชอย่างเอ็นดู เขาแบ่งให้ลองชิม เด็กชายพีชตาโต หันไปเขย่าแขนมารดาอย่างกระตือรือร้น

“พีชชอบมากเลยครับ อยากกินอีกคุณแม่ทำให้กินบ้างได้มั้ยครับ”

“อุ้ย แม่ทำเป็นเสียที่ไหนล่ะลูก” มารดาอุทานหันยิ้มให้วิวาห์ “แสดงว่าอร่อยจริง ๆ นะคะเนี่ย ปกติน้องพีชกินยาก เลือกกินเป็นที่หนึ่งเลย”

“น้องพีชไปกินข้าวบ้านเราสิ วีว่าทำอาหารอร่อยสุดยอดเลยนะ” หวันยิหวาพูดขึ้นบ้างด้วยท่าทางภูมิใจ ยกช้อนขึ้นตักเข้าปากโชว์ให้อีกฝ่ายดู “เมนูหมูอบน้ำผึ้งคือสุดยอดแห่งความอร่อย”

คนฟังน้ำลายสอ กวาดตามองอาหารของเด็กหญิงตรงหน้าอย่างอิจฉา

สองอาทิตย์หลังจากนั้นวิวาห์ก็ทำอาหารไปเผื่อให้น้องพีชด้วยกล่องหนึ่งคุณแม่ของน้องพีชเกรงใจใหญ่ยืนยันว่าจะจ่ายเงินค่าข้าวให้เขา มีผู้ปกครองคนอื่นเริ่มสนใจขึ้นมาบ้าง ไป ๆ มา ๆ วิวาห์ก็เลยช่วยกันกับป้าเอิบทำข้าวใส่กล่องไปขายให้กับบรรดาผู้ปกครองและเด็ก ๆ ที่โรงพยาบาล

“น่าจะส่งตามบ้านด้วยนะคะ จะสะดวกมากเลย” คุณแม่ของเด็กคนหนึ่งปรารภขึ้น “บอกตรง ๆ ว่าฉันน่ะหมดปัญญาที่จะหาอะไรมาหลอกล่อให้เจย์เดนกินข้าวแล้วล่ะค่ะ มาเจอข้าวกล่องฝีมือคุณวิวาห์นี่แหละ เจย์เดนชอบมากอร่อยแล้วยังน่ารักน่าเอ็นดูเข้าใจทำจริง ๆ ดูแครอทต้มอันนี้สิคะน่ารัก”

“จริงด้วยครับ คุณวิวาห์สนใจทำขายไหม ผมทำธุรกิจรับส่งของอยู่แล้ว เราโคกันได้นะ”

“ผมต้องดูแลยี่หวาด้วย น่าจะไม่มีเวลาขนาดนั้น..” วิวาห์ยังปฏิเสธไม่ทันจบ ป้าเอิบก็สะกิดขาแล้วพยักหน้า

“เดี๋ยวป้าเอิบช่วยเองค่ะ อาหารเพื่อผู้ป่วยมะเร็ง ...น่าสนใจออกนะคะ”

วิวาห์เลยแบ่งรับแบ่งสู้ว่าอาจจะทำได้ปริมาณไม่มากและถ้าวันไหนไม่สะดวกก็จะของดโดยบอกล่วงหน้าก่อน พี่วัตเห็นด้วยกับงานนี้มาก เพราะยังไงว่านก็ต้องทำอาหารให้ลูกอยู่แล้ว เพียงแค่เพิ่มปริมาณขึ้นมาเท่านั้น

“เดี๋ยวนี้คนเขาฮิตกัน อาหารคลีนทั้งหลาย ของเราทั้งอร่อยทั้งปลอดสารพิษ พี่สนับสนุนนะว่าน”

“ว่านไม่เคยค้าขาย” วิวาห์ท้วงเสียงอ่อย “กลัวจะเจ๊งน่ะสิพี่วัต”

“เราก็เริ่มทำเล็ก ๆ ก่อน รับแค่ห้าหกเจ้านี่ก็พอ ว่านทำเมนูล่วงหน้าให้เขาเลยดีมั้ย” พี่วัตเข้ามาช่วยว่านจัดแจงซื้อของ ทำใบเมนูให้เสร็จสรรพ ว่านก็เลยคิดว่าจะลองทำดู

ว่านคิดว่าตัวเองค้นพบสิ่งที่ชอบมากพอ ๆ กับการร้องเพลงแล้ว ใคร ๆ ก็ออกปากเป็นเสียงเดียวกันว่าว่านมีพรสวรรค์ทางด้านการดัดแปลงอาหาร ว่านทำให้ยี่หวายอมกินผักขม ๆ ได้ แล้วก็ทำให้เด็ก ๆ คีโมทั้งหลายยอมกินข้าวได้มากขึ้นแค่นี้ก็ทำให้บรรดาพ่อแม่พร้อมที่จะจ่ายเท่าไหร่ก็ได้ขอแค่ลูกของเขาได้รับสารอาหารมากขึ้นแม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดีแถมอาหารของวิวาห์ก็ยังเน้นเรื่องความสะอาดมาก เพราะตัวยี่หวาเองก็ทานด้วยเหมือนกัน

“ว่านว่าจะลองผสมน้ำผึ้งลงไปเพิ่มอีกหน่อย จะได้อร่อยขึ้น หวาน ๆ หอม ๆ เด็กทานง่าย” วิวาห์พูดกับป้าเอิบ เขากำลังหัวหมุนอยู่ในครัวมาตั้งแต่เช้า “ให้ยี่หวาชิมก่อนว่าผ่านไม่ผ่าน” วิวาห์พูดแกมหัวเราะ แก้มเป็นสีแดงปลั่ง

ป้าเอิบมองชายหนุ่มที่เธอเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กยิ้ม ๆ

“ยิ้มอะไรน่ะป้าเอิบ เดี๋ยวไหม้หรอก”

“ป้าเอิบดีใจที่เห็นน้องว่านมีความสุข” ป้าเอิบว่า

ว่านอมยิ้ม

“ว่านก็ดีใจที่ว่านเจอสิ่งที่ว่านทำได้แล้ว”

“ไม่ใช่แค่ทำได้นะ แต่ทำได้ดีเลยล่ะ” ป้าเอิบยกนิ้วโป้งให้สองข้าง วิวาห์หัวใจพองโตเขารู้ดีว่าป้าเอิบเป็นห่วงเขามากที่สุดในฐานะที่เป็นเด็กที่ไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่ “คุณปราณียังว่าน้องว่านเก่งมาก ๆ ไม่นึกเลยว่าจะเก่งขนาดนี้”

ว่านหน้าบานรายได้ที่ได้รับมาจากอาหารปิ่นโตก็มากกว่าที่คาดคิดเอาไว้ เขารับลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็นสิบคน ตั้งใจว่าจะทำแค่เท่าที่ตัวเองไหว ไม่ให้หักโหมมากจนกินเวลาดูแลยี่หวา

อาการของยี่หวาไม่น่ากลัวอย่างที่ว่านคิดเด็กหญิงตอบสนองต่อยาเคมีบำบัดสูตรที่สองได้ดีจนหมอก็ยังแปลกใจ ผลเลือดของยี่หวาทำให้หมอชมทุกครั้งว่าว่านดูแลลูกดีมาก



ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk








งานแต่งงานของพี่วัตกับพี่เบสต์ก็กำลังจะจัดขึ้นอาทิตย์หน้านี้แล้วว่านซื้อชุดให้ยี่หวาใหม่เป็นชุดกระโปรงสีชมพูประดับดอกไม้น่ารัก เข้าชุดกับสูทของเขาที่เป็นสีชมพูอ่อนเข้ากัน ยี่หวาชอบมากเห่อขนาดสวมก่อนวันงานทั้งวันว่านใช้ผ้าสีสวยโพกศีรษะให้ลูกสาวเอาไว้ติดด้วยกิ๊บอันโตเด็กหญิงกรี้ดกร้าดชอบใจเดินไปอวดคุณตาคุณยายตั้งแต่เช้าตรู่

งานของพี่วัตกับพี่เบสต์จัดขึ้นอย่างเรียบง่ายที่บ้านของฝ่ายเจ้าบ่าวมีงานทำบุญตักบาตรตอนเช้าแล้วก็พิธีรดน้ำสังข์ในตอนบ่าย จากนั้นก็กินเลี้ยงกันภายในครอบครัวก่อนจะเข้าหอ พ่อแม่ของพี่เบสต์ก็ท่าทางจะชอบพี่วัตมาก สินสอดก็เรียกแค่พอเป็นพิธีแค่นั้นเอง

วิวาห์กำลังจัดเรียงของชำร่วยให้เป็นระเบียบอยู่ตอนที่แป้งเดินเข้ามาหา

“ว่าน ทำอะไรอยู่คิดถึงจัง วันก่อนว่าจะมาหาแต่ฉันดันเป็นหวัด กลัวจะเอามาติดยัยยี่หวา” แป้งพูดกวาดตามองเพื่อนทั่วตัว“โอ้โหแต่งเต็มแบบนี้แล้วนึกถึงสมัยก่อนเลยนะยังหล่อเหมือนเดิม”

ว่านขยับเน็กไท

“หล่ออะไรกันแป้ง ฉันแก่แล้ว”

“แก่เก่ออะไร ไม่เห็นมีตีนกาซักเส้น ผิวเด้งซะขนาดนี้” แป้งขมวดคิ้วขยับเข้ามาจ้องหน้าเขาใกล้ ๆ “ดูไปดูมาเธอก็ไม่แก่ลงเลยแฮะผู้ชายนี่มันได้เปรียบผู้หญิงจริง ๆ”

ว่านหัวเราะ

“แล้วกิจการอาหารคลีนเป็นไงบ้างล่ะ ฉันเอาไปโฆษณาต่อดีมั้ย จะได้หาลูกค้าเพิ่ม”

“ไม่เอา” ว่านส่ายหน้า“เยอะ ๆ ฉันทำไม่ไหวหาวัตถุดิบไม่พอด้วยแค่นี้ก็พอแล้วหาแค่พอเป็นค่ารักษายี่หวา”

“โอเค อยากหาลูกค้าเพิ่มเมื่อไหร่ก็บอกนะ รู้หรือเปล่าว่ามีคนสนใจเยอะมากเลยนะ พวกดาราด้วยกันเขาก็อยากกินอาหารคลีนดี ๆ กันทั้งนั้น”

“ฉันเน้นทำให้เด็ก ๆ น่ะ ทำให้ยี่หวากินด้วยเป็นหลัก” วิวาห์พูดยิ้ม ๆ “แต่ยังไงก็ขอบใจแป้งมากนัก”

“เธอเปลี่ยนไปนะว่าน ไม่รู้สิ...ดูโตขึ้น” แป้งยักไหล่

“คนเราก็ต้องแก่ขึ้นสิแป้งถูกแล้ว”

“ไม่ใช่ ฉันไม่ได้หมายถึงอายุ แต่หมายถึงแบบ...เค้าเรียกว่าอะไร วุฒิภาวะเหรอ...ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก ๆ น่ะ”

ว่านอมยิ้ม

“สงสัยเพราะยี่หวาป่วยหนักคราวนั้นมั้ง” ว่านพูดแค่นั้นแล้วก็ไม่ได้อธิบายต่อ คนฟังก็ไม่ได้ถามเช่นกัน เปลี่ยนเรื่องไปยังเรื่องอื่น

พี่วัตกับพี่เบสต์ตักบาตรทำบุญเสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อพี่วัตบ่นอุบตลอดงานว่าอากาศร้อนมากจนเหงื่อแตกเหนียวตัวไปหมด ว่านช่วยยืนรับแขกที่มีไม่มากนักอยู่หน้าบ้าน ส่วนใหญ่เป็นเพื่อน ๆ ของพี่วัตกับพี่เบสต์ บางส่วนก็เป็นเพื่อนร่วมงานที่ว่านไม่เคยเจอ

“สวัสดีครับ...ว่าน” เสียงทุ้ม ๆ ดังขึ้นใกล้ตัว ว่านสะดุ้งหันขวับไปมองอย่างตกใจ ร่างสูงตรงได้สัดส่วนของธาดายืนอยู่ข้าง ๆ เขาพร้อมกับห่อของขวัญในมือ ว่านเลยสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายใส่เฝือกเอาไว้ที่ข้อมือข้างซ้าย “พอดีผมเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย”

“อ้าว แล้วเป็นอะไรมากมั้ยครับ” ว่านสังเกตเห็นรอยแผลเป็นจาง ๆ บนซีกแก้มของอีกฝ่ายด้วย ธาดายิ้มนิด ๆ ส่ายหน้า

“...ไม่เป็นอะไรมาก”

“ไม่เจอคุณฟอร์ดนานเลย คุณรู้จักกับพี่วัตด้วยเหรอครับ”

“รู้จักครับ” อีกฝ่ายตอบสั้น ๆ ไม่ได้อธิบายมากกว่านั้นแล้วส่งของขวัญในมือมาให้วิวาห์รับเอาไว้

“เอาไว้ให้พี่วัตกับพี่เบสต์เองเลยดีมั้ยครับ”

“ให้...ว่าน” ธาดาตอบวิวาห์ขมวดคิ้วนิดหนึ่งแต่เขาก็ไม่อยากจะต่อปากต่อคำอะไรกับอดีตเจ้านายคนนี้นัก จะว่าไปเขาไม่ได้เจออีกฝ่ายมาหลายเดือนแล้ว ธาดาดูผอมลงเล็กน้อยเหมือนคนเพิ่งฟื้นไข้

“พอดี..เพิ่งออกจากโรงพยาบาล” ธาดาพูดเหมือนแปลความหมายคำถามในดวงตาของว่านได้ “อุบัติเหตุ”เขายกเฝือกให้ดูอีกรอบว่านพยักหน้า

“เชิญตามสบายนะครับ”

วิวาห์ไม่ได้สนใจอีกฝ่ายอีกเขาขอตัวไปจัดเตรียมข้าวของสำหรับพิธีรดน้ำสังข์ให้พี่ชายกับพี่เบสต์ งานแต่งที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นชื่นมื่นทำให้ว่านแอบยกแขนเสื้อขึ้นซับน้ำตาด้วยความปลาบปลื้มแทนพี่ชายกับพี่สะใภ้ พี่เบสต์เองก็สวยมาก ๆ ในคืนนี้เธออยู่ในชุดสีม่วงสวยแปลกตาไปจากเจ้าสาวทุกคนที่ว่านเคยเห็น

งานเลี้ยงภายในบ้านเป็นไปอย่างราบรื่นป้าเอิบโชว์ฝีมือเองร่วมกับสั่งมาจากร้านอาหารร้านโปรดของพี่เบสต์ ว่านออกไปร้องเพลงให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวแล้วก็กลับมายืนฟังพี่วัตพูดยืดยาวถึงเจ้าสาวของเขา

“พี่ว่านมายืนตรงนี้เอง ไม่ไปใกล้ๆ ล่ะครับ” น้องชายเข้ามาหา

“ไม่ล่ะ เดี๋ยวฉันเผลอหลับขึ้นมาพี่วัตจะโกรธเอา”

คนฟังหัวเราะว่านขยับตัวส่งยิ้มทักทายคุณครูอนุบาลสาวสวยที่มากับน้องชายด้วย ครูเตยยิ้มเขิน ๆ ให้เขา

“สวัสดีค่ะคุณว่าน ยี่หวาเป็นยังไงบ้างคะ”

“พาเข้านอนไปแล้วครับ สนุกมาตั้งแต่เช้าจนถ่านหมดแล้ว” ว่านพูดกลั้วหัวเราะ “ครูเตยเป็นยังไงบ้าง ดูท่ายี่หวาจะได้กลับไปเรียนปีหน้าเลยแหละ”

“ตอนนั้นครูเตยอาจจะไม่ได้สอนแล้วก็ได้ครับพี่ว่าน” วิรุฬพูดหน้าตาเฉย “เพราะลาออกมาเป็นแม่บ้านแล้ว”

“ใครจะลาออกนะคะ” หญิงสาวขมวดคิ้วใส่ชายหนุ่ม “ไม่มีทางค่ะเตยไม่ลาออกมาเป็นแม่บ้านแน่”

“โธ่ ทำไมใจร้ายจัง” วิรุฬพูดเสียงอ่อน ทำเอาวิวาห์ขนลุก เกือบขย้อนเอาอาหารเย็นที่กินเข้าไปออกมา เขาดีใจด้วยที่วิรุฬเจอคนที่ชอบเสียทีแม้จะรู้สึกว่าน้องชายของเขาเวลาอินเลิฟค่อนข้างจะน่ากลัวกว่าปกติ เขาเลยขอตัวเดินหลบฉากออกมาอีกทาง

ยืนปล่อยอารมณ์อยู่ในสวนคนเดียวพักใหญ่ ป้าเอิบก็มาตามเขา

“น้องว่านทำอะไรอยู่คะ เขาจะตัดเค้กกันแล้วนะ” ป้าเอิบพูด“รอน้องว่านอยู่ ไปกันเร็ว”

“ครับ”

เค้กก้อนใหญ่ที่สั่งทำเป็นพิเศษมีน้ำตาลก้อนเป็นรูปพี่วัตกับพี่เบสต์อยู่ตรงกลางดูน่ารักมาก วิวาห์ตักเค้กเข้าปากเงียบ ๆ ทอดสายตามองขนมอื่น ๆ บนโต๊ะที่เหลือมาจากงานทำบุญเลี้ยงพระเมื่อเช้า เกือบครึ่งเป็นขนมไทยมงคลแบบที่เจ้าสาวชอบสิ่งที่สะดุดสายตาเขาไม่ใช่ขนมที่เหลือแต่คือคนที่ยืนกินอยู่ใกล้ ๆ ต่างหาก

“คุณฟอร์ด” วิวาห์เข้าไปทัก เขาเห็นชายหนุ่มส่งทองหยิบเข้าปากเคี้ยว ท่าทางถูกปาก“อร่อยมั้ยครับ”

“เอ้อ...รสชาติดีมากนะ เหมือนเคยกินรสนี้ที่ไหน...” ชายหนุ่มพูดท่าทางเก้อ ๆ เหมือนเด็กถูกจับได้ว่าแอบกินขนม “สั่งมาจากร้านไหนน่ะ”

“ไม่รู้สิครับ พี่เบสต์เป็นคนจัดการ เอาไว้จะถามให้นะครับ คุณฟอร์ดชอบทานขนมไทยเหรอ”

คนฟังส่ายหน้าหวือ

“ไม่ค่อยชอบมาก คือว่า...ตอนอยู่ที่โน่นไม่ค่อยได้กินเท่าไหร่ ก็เลย...ลองชิมดู”

“ชิมไปหลายคำเลยนะครับ ...ผมล้อเล่นน่ะ แบ่งกลับบ้านก็ได้นะ ที่บ้านผมกินกันไม่หมดหรอก”

“ไม่เป็นไร ขนมหวาน...ยี่หวาคงชอบ”

“รายนั้นชอบมาก โดยเฉพาะฝอยทองนี่ชอบเป็นพิเศษ” ว่านยิ้มอีกฝ่ายชะงักไปเล็กน้อยมองหน้าวิวาห์แล้วนิ่งไปครู่ วิวาห์เลิกคิ้ว

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“ไม่ได้เห็นว่านยิ้มมานานมาก” เขาพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ

ว่านยังยิ้มนิด ๆ เหมือนเดิมเขาไม่ได้ชอบฟอร์ดแต่ก็ไม่ถึงกับรังเกียจ

“ขอบคุณครับ”

ธาดาขยับตัว

“ไม่คิดจะกลับไปทำงานด้วยกันเหรอ” ชายหนุ่มถามต่อมาอีก ว่านส่ายหน้า

“ยังไม่สะดวกครับลูกสาวของผมยังไม่หายป่วยเลยต้องอยู่ดูแลที่บ้าน คงยังกลับไปทำงานไม่ได้หรอกครับคุณฟอร์ด”

ท่าทางอีกฝ่ายเหมือนถอนใจนิด ๆ

“เสียดาย..แต่ไม่เป็นไร” ธาดาพูด“ไว้จะแวะมาหาใหม่ ..จะได้มั้ย”

“มาหาเรื่องอะไรครับ คุณฟอร์ดมีธุระอะไรกับผมเหรอ” ว่านถามเนิบ ๆ อีกฝ่ายอึกอัก

“ก็...เผื่อจะมาพูดคุยกันบ้าง ไม่เจอกันเลยก็...”

“คุณฟอร์ดน่าจะงานยุ่ง ไม่มีเวลามากกว่านะครับ”

“หาเวลาได้แน่ ๆ” ธาดาตอบทันควัน

ว่านไม่ได้พูดอะไรอีก เขาบอกลาตามมารยาทแล้วก็ถอยห่างออกมา รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายมองตามมาจนลับตา นึกแปลกใจอยู่เหมือนกันกับท่าทางของธาดา

อดีตเจ้านายเก่าของเขาทำตามที่พูด วันถัดมาธาดาก็มาปรากฏตัวที่หน้าบ้านทำเอาว่านตกใจพอสมควร

“คุณฟอร์ดมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ”

“ได้ยินมาว่าว่านทำอาหารคลีนขาย ก็เลยอยากจะมาชวนให้ไปลงสัมภาษณ์ลงคอลัมน์อาหารเล่มหน้า สนใจมั้ย”ธาดาว่าพลางชูนิตยสารในมือให้ดูด้วย “คอลัมน์ของคุณฤกษ์” เขาพูดชื่อคอลัมนิสต์ด้านอาหารชื่อดังของนิตยสารออกมา ว่านส่ายหน้า

“ผมทำแบบเล็ก ๆ ครับ ไม่ได้ทำเป็นกิจการใหญ่โตอะไร คงไม่สะดวก”

“เล็ก ๆ ก็ได้ เขาแค่มองหาธุรกิจแบบใหม่เท่านั้นเอง ได้เป็นการโปรโมทกิจการของว่านไปในตัวไงล่ะ”

“ลูกค้าผมเพียงพอแล้วครับ มากกว่านี้ผมก็ทำไม่ไหวเพราะต้องดูลูกด้วย”

“เท่าที่ดูแล้วน่าจะเป็นธุรกิจที่ไปได้ดีเลยนะ ว่านไม่สนใจขยายกิจการเสียหน่อยเหรอ”

ว่านหัวเราะ

“คุณฟอร์ด...ว่านทำแค่พอตัวครับ ไม่อยากลงทุนอะไรมากมายเลย”

ธาดาไม่ได้เซ้าซี้อีก ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องแทน

“เห็นแต่งตัวออกจากบ้าน จะไปไหนเหรอ”

ว่านก้มลงมองตัวเองแล้วยิ้ม มองเห็นฟันสองซี่หน้าน่าเอ็นดู

“กำลังจะไปตลาดครับ”

“ไปด้วยคนได้มั้ย”

คนฟังเลิกคิ้ว

“คุณฟอร์ดไม่ต้องไปทำงานเหรอครับ”

“มีประชุมตอนบ่ายน่ะ ตอนเช้าว่าง”ธาดาตอบกลับมาอย่างกระตือรือร้น

“อย่าดีกว่าครับ รบกวนคุณฟอร์ดเปล่า ๆ เพราะผมเดินซื้อของนาน”

“ไม่เป็นปัญหา”

“น้องว่าน จะไปกันหรือยังคะ ไปกันค่ะยายเอิบพร้อมแล้ว” เสียงแหลมสูงของยายเอิบดังมาแต่ไกล ยายเอิบเดินเข้ามาดึงตะกร้าของว่านไปถือเอาไว้เสียเองแล้วหันไปมองหน้าชายหนุ่มแปลกหน้าอย่างสงสัย “สวัสดีค่ะมาหาใครคะ”

“ผมมาหาว่านครับ” ธาดาตอบอย่างสุภาพ

“มีธุระอะไรคะ”

“จะไปช่วยว่านซื้อของครับ”

“วุ้ย ไม่ต้องรบกวนคุณหรอกค่ะแต่งตัวเสียหล่อเดี๋ยวจะเปื้อนเสียหมดฉันไปช่วยน้องว่านเอง ไปกันสองคนเป็นประจำ คุยธุระเสร็จแล้วใช่มั้ยคะ น้องว่านเรารีบไปกันค่ะเดี๋ยวตลาดวายนะ”

ธาดาอ้าปากค้าง หาทางพูดแทรกหญิงชราไม่ทัน ยายเอิบพูดจบก็ลากแขนวิวาห์พาเดินฉับ ๆ ออกมาจากหน้าบ้านทันที ไม่ยอมให้อยู่คุยต่อ ท่าทางของเธอทำให้ว่านทั้งขำทั้งแปลกใจ

“ยายเอิบเป็นอะไรน่ะ เขาเป็นอดีตเจ้านายของว่านนะ”

“รู้ค่ะ ยายแอบถามน้องวินมาแล้ว เห็นเมื่อวานยืนคุยกับน้องว่านในงานตั้งนานสองนาน”

“อ้าว แล้วยังไปไล่เขาแบบนั้นอีก” ว่านส่ายหน้า“ไม่เอาน่า เขาก็แวะมาหาเฉย ๆ”

“แน่ะ...คิดว่ายายดูไม่ออกเหรอ ยายผ่านร้อนผ่านหนาวมาตั้งเท่าไหร่ ดูปราดเดียวก็รู้ว่าใครเป็นยังไง”

ว่านยกมือขึ้นปิดปาก หัวเราะกึก ๆ

“แล้วเขาเป็นยังไงล่ะ”

“หยิบโหย่ง เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ หัวสูงแล้วก็หยิ่งมาก ๆ”

“เวอร์แล้ว เคยคุยกับเขากี่คำเชียว” ว่านแกล้งถาม“เขาก็พูดกับยายเอิบดีนี่”

ยายเอิบจุ๊ปาก

“น้องว่านล่ะก็...ยายเอิบเป็นห่วงนะคะ พูดก็พูดเถอะ” เธอมองชายหนุ่มที่เลี้ยงดูมาแต่แบเบาะอย่างกังวลนิด ๆ “น้องว่านน่ะหัวอ่อนกว่าพี่ ๆ น้อง ๆ คนอื่นอย่าโกรธยายเลยนะ แต่ตอนนี้น้องว่านไม่ใช่ตัวเปล่า มีคุณหนูยี่หวาอีกคนอยู่ด้วย...”

ว่านหยุดเดิน เอื้อมมือไปจับมือพี่เลี้ยงเก่าแก่เอาไว้

“ว่านเข้าใจ ยายเอิบไม่ต้องกังวลไปหรอก ว่านรู้ตัวเองดีแล้ว..” ว่านหยุดไปนิดหนึ่งแล้วหัวเราะ “แหม คนมาหาวันสองวันเอง พูดไปนู่นเขาอยากติดต่อว่านไปลงสัมภาษณ์นิตยสารของเขาเฉย ๆ”

“ลองดูไปเถอะ ยายพูดไม่ผิดหรอก” ยายเอิบหัวเราะบ้าง

...

มาอัพแล้วค่า

เจอกันตอนหน้านะคะ

ขอบคุณสำหรับการติดตามและทุกคอมเม้นต์นะคะ

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
ธาดา จะเป็นเหมือนยายเอิบ ชมรึเปล่านร้า มีความสุขจังเลย มีพี่วัตคนเดียว ก็อบอุ่นหัวใจแล้ว

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
เขาแอบชอบมานานแล้วมั้ง

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
พี่อาร์มตาย ฟอร์ดนิสัยไม่ดี
ใครเป็นพระเอกน้อ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai2-1:




โล่งงงงงงงง

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
ไปทางไหนดีเนี่ยย เดาอะไรไม่ออกเลยค่ะ :ling2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ไปโดนอะไรมา

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
เดาอะไรไม่ถูกเลย

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป~

ออฟไลน์ ป้าแก่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พี่อาร์มตาย. แล้วสรุปใครจะเป็นพระเอกละเนี่ยยยยย

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
คุณฟอร์ดจะมาเป็นพระเอกแทน อาร์มตายแล้วจบเรื่อง มันจะง่ายแบบนั้นจริงเหรอ?????  ถ้าเป็นนิยายนักแต่งท่านอื่น เราอาจจะไม่คิดแบบนี้ อย่า อยาสมาหลอกให้เราตายใจ  555555  :laugh:

รอลุ้นต่อไปค่าาา




ออฟไลน์ koyuki24

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :katai1: นิยายของคุณเดาทางไม่ออกเลยค่ะ อ่ายเวฬามาแล้วเรื่องนึง ชอบมากๆค่ะ ฉีกอีกแนวของนิยายวายดีค่ะ ชอบมากๆเลย
ปล.มีเรื่องอื่นแนะนำอีกไหมคะ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
อาร์มตายแล้ว แต่มันก็ยังไงๆอยู่นะ คาดเดาอะไรไม่ได้เลย 5555555

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
วิวาห์อามันต์

ตอนที่11











“สวัสดีครับ”

“สวัสดีจ้ะ วันนี้มีธุระอะไรอีกล่ะคะ”ยายเอิบถามชายหนุ่มแปลกหน้าอดีตเจ้านายของวิวาห์ที่พักหลังมานี้แวะมาหาที่บ้านแทบทุกวัน

“ผมได้กุ้งแห้งมาใหม่ จำได้ว่าว่านชอบกินยำกุ้งแห้ง”

“อ๋อ...ขอบใจนะ แขวนเอาไว้ตรงนั้นก็ได้ เดี๋ยวฉันเอาไว้ให้น้องว่านเอง” ยายเอิบพูดตัดบท อีกคนอึกอัก

“ว่านไม่อยู่บ้านเหรอครับ”

“ไม่อยู่” ต่อให้อยู่ยายเอิบก็จะบอกว่าไม่อยู่เสมอเธอไม่ชอบชายหนุ่มตรงหน้าเลยสักนิดก็เลยไม่อยากให้เขาเข้าใกล้คุณหนูของเธอ“คุณกลับไปเถอะค่ะ”

“ครับ ไว้ผมจะแวะมาใหม่ ฝากกุ้งแห้งด้วยนะครับ” ธาดาไม่เซ้าซี้ เขาดูออกว่าหญิงชราไม่ชอบเขา ไม่มีทางให้เขาได้เจอหน้าวิวาห์แน่นอน นอกเสียจากว่าจะต้องหาทางอื่น

วิวาห์มองถุงกุ้งแห้งในมือของยายเอิบแล้วส่ายหน้า

“ยายเอิบไล่คุณฟอร์ดกลับไปอีกแล้วเหรอครับ เขาอุตส่าห์เอาของมาฝากตั้งเยอะแยะ” ว่านรับกุ้งแห้งถุงโตมาเปิดออกดู “ของดีเสียด้วย”

“ก็เพราะเขาหมั่นเอามาฝากนี่แหละค่ะ ยายเอิบถึงไม่ไว้ใจ” เธอตวัดเสียง

ว่านถอนหายใจเฮือก

“ว่านลูกหนึ่งแล้วนะ ทำเหมือนว่านเป็นเด็ก ๆ ไม่โตอยู่นั่นแหละ” ชายหนุ่มบ่น แต่เขาก็รู้ดีว่าพี่เลี้ยงอาวุโสเป็นห่วงเขาจากใจจริง “เขาเอาของมาฝากเราหลายรอบแล้ว ก็ปล่อยให้ว่านได้ขอบคุณเขาบ้างเถอะ เกรงใจเขา”

“งั้นก็ฝากของไปให้เขาก็ได้ค่ะ เดี๋ยวยายเอิบจะห้อยเอาไว้นอกรั้ว”

ว่านหัวเราะ

“ยายเอิบนี่โหดจริง ๆ”

“ต้องโหดค่ะ ยายไม่ยอมให้ใครมาเล่น ๆ กับน้องว่านหรอกนะ” เธอพูดเสียงแข็งแล้วก็อ่อนลงลูบมือบอบบางของคนที่เธอเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กอย่างถนอม “คราวก่อนที่น้องว่านกลับบ้านมาน้องว่านไม่รู้หรอกว่ายายเอิบรู้สึกเหมือนใจสลายแน่ะ เห็นคุณเสียใจแล้วยายเอิบทนไม่ไหว ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก”

วิวาห์บีบมือพี่เลี้ยงเอาไว้

“ว่านไม่ผิดซ้ำสองหรอกน่ะ ว่านรู้แล้วว่าอะไรที่สำคัญที่สุด”

“อะไรเหรอคะวีว่า” เสียงแจ้ว ๆ ของเด็กหญิงดังขึ้นหน้าประตูห้องครัวเจ้าตัวสวมชุดกระโปรงเอาไว้เรียบร้อยแล้วชะโงกหน้ามาเกาะประตูตาโต“อะไรน่ะ”

“จะอะไรได้ล่ะคะ” วิวาห์ล้างมือแล้วเข้าไปกอดร่างเล็กบางเอาไว้แน่น ก้มลงหอมแก้มซ้ายขวาอย่างมันเขี้ยว “ก็ยี่หวาไงยี่หวานี่แหละ”เด็กหญิงหัวเราะคิกคักหันหน้าหลบพัลวัน

วิวาห์เริ่มเตรียมอาหารให้กับยี่หวาและทำปิ่นโตให้ลูกค้าเขาใช้เวลาในห้องครัวทั้งวันจนเสร็จก็ให้คนเอาไปส่งตามบ้านที่สั่งเอาไว้ วิวาห์เปลี่ยนเมนูไปเรื่อย ๆ แล้วแต่ว่าได้วัตถุดิบอะไรมาในวันนั้นตอนบ่ายเขาก็ใช้เวลาพักผ่อนครู่หนึ่งแล้วก็ทำมื้อเย็นต่อ

กิจการของวิวาห์ไปได้สวย เพราะเขาเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณยิ่งความสะอาดไม่ต้องพูดถึงเพราะชายหนุ่มทำทุกอย่างเหมือนที่ทำให้ลูกสาวรับประทาน ชื่อเสียงของวิวาห์อาหารคลีนก็เลยเริ่มเป็นที่พูดถึง

พี่วัตนั่งดูบัญชีรายรับรายจ่ายของเขาแล้วก็ลงความเห็นว่าถึงเวลาจะต้องขยายกิจการแล้วเพื่อเพิ่มผลกำไร ตอนแรกวิวาห์ก็ไม่เห็นด้วย แต่ว่าเขามีรายจ่ายของยี่หวาอยู่ก็เลยตกลง วิวาห์รับลูกค้ามากขึ้นอีกเท่าหนึ่ง พี่เบสต์เองก็มาช่วยหลังจากเลิกงาน

“ว่านว่าพี่เบสต์จะเหนื่อยเกินไปนะครับไหนจะทำงานข้างนอกแล้วยังต้องกลับมาช่วยว่านอีก” ว่านออกความเห็นกับพี่ชาย

“หรือว่าเราจะหาคนเพิ่ม”

“มันจะคุ้มกับกำไรเหรอครับ” วิวาห์คิดหนัก“ว่านว่าเรากลับไปทำเล็ก ๆ ดีกว่า”

“ถ้าเราซื้อวัตถุดิบเยอะขึ้น เราก็จะได้ราคาถูกลงแล้วก็สามารถทำอาหารได้หลากหลายมากขึ้นด้วยนะ” วิรัตน์ว่า“เดี๋ยวขอคิดดูก่อน”

วิวาห์ออกไปซื้อของเองทุกเช้าโดยมียายเอิบตามไปด้วย เขาเจอคุณฟอร์ดเกือบทุกวัน แต่ว่าชายหนุ่มก็ได้แค่ทักทายนิดหน่อยแค่นั้นเพราะยายเอิบไม่เคยเปิดโอกาสเลยจนว่านต้องออกปากเองยายเอิบถึงได้ยอมให้ว่านไปเดินซื้อของกับชายหนุ่มได้สองคน

“ขอโทษแทนยายเอิบด้วยนะครับ” วิวาห์พูดเรียบ ๆ คล้องตะกร้าเอาไว้ที่แขนข้างหนึ่ง เดินเคียงข้างธาดาไปตามแผงขายของในตลาดสด “แกเลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็ก ก็เลย...เป็นห่วงมากหน่อย”

“เข้าใจได้” ธาดาตอบแกมหัวเราะหยุดยืนอยู่ข้างหลังรอจนว่านเลือกซื้อผักจนเสร็จ “วันก่อนมีคนเอาอินทผลัมมาให้ลังใหญ่ ชอบกินหรือเปล่า”

ว่านหัวเราะ

“คุณฟอร์ดเอาของกินมาให้ว่านทุกวัน ตั้งใจจะขุนว่านเหรอครับ”

“ว่านผอมไปหน่อยจริง ๆ” ธาดายอมรับหน้าตาย วิวาห์หัวเราะอีก

“แหม คนทำอาหารก็แบบนี้แหละครับ ทำเสร็จแล้วก็กินอะไรไม่ค่อยลง”

“งั้นเปลี่ยนเป็นคนนั่งกินดีมั้ย”

“แล้วใครจะทำล่ะ” ว่านเอียงคอถาม ธาดาอมยิ้มยกนิ้วชี้เข้าหาตัวเอง

เย็นวันนั้นธาดาเลยได้รับเชิญมารับประทานอาหารที่บ้านของว่านชายหนุ่มเข้าครัวทำอาหารเองโดยมีว่านคอยเป็นลูกมือให้ ฝีมือของธาดาไม่เลวเลยทีเดียว ท่าทางเขาคล่องแคล่วเหมือนคนทำครัวเก่งมาก่อนไม่นานอาหารหลายอย่างก็เสร็จเรียบร้อยส่งกลิ่นหอมฉุย แม้แต่ยายเอิบก็ยังต้องยอมรับอย่างเสียไม่ได้ว่าหน้าตาน่ารับประทาน

“อร่อยด้วยนะครับ ยายเอิบลองชิมดูสิ ว่านชิมมาแล้ว” วิวาห์พูดยิ้ม ๆ

พ่อกับแม่ก็มาร่วมรับประทานอาหารด้วยแม่หรี่ตามองจับสังเกตธาดานับตั้งแต่ชายหนุ่มแนะนำตัว ส่วนพ่อก็พูดเนิบ ๆ วางเฉยทว่าขีดเส้นชัดว่าเป็นแค่แขกเท่านั้นไม่ใช่คนสนิทในครอบครัวอะไร

วิวาห์ลอบสังเกตดูอากัปกิริยาของธาดาเงียบ ๆเขาค่อนข้างประทับใจที่เห็นธาดาใจเย็นมากแถมยังอ่อนน้อมเข้าผู้ใหญ่เก่งรู้จักพูดรู้จักคุยจนคุณพ่อคุณแม่ของเขาชักจะอ่อนลงไปเอง

“ท่าทางผ่านฉลุยเลยแฮะ” วิรุฬน้องคนเล็กกระซิบกับพี่ชายคนโตในเย็นวันหนึ่งที่ธาดามารับประทานอาหารด้วยที่บ้าน วิรัตน์เลิกคิ้ว

“แน่ล่ะ ไอ้ว่านชอบใคร พ่อกับแม่ก็ชอบด้วยทั้งนั้น”

“พี่ว่านชอบเขาเหรอครับ” วิรุฬตาโต

พี่ชายคนโตหัวเราะหึ ๆ

“ไม่ชอบมันจะให้มานั่งกินข้าวด้วยเรอะ ก็ยังดีที่คราวนี้มันรู้จักให้คนในครอบครัวช่วยกันดู ไม่ผลีผลามเองเหมือนเมื่อก่อน”

“พี่ว่านคงเป็นห่วงยี่หวาน่ะครับ” วิรุฬออกความเห็น

วิวาห์คิดแบบนั้นจริง ๆ ชายหนุ่มนั่งมองธาดาคุยกับทุกคนอย่างเพลิดเพลินสามเดือนมานี้ที่อีกฝ่ายเทียวมาหาเขาแทบทุกวัน ทั้งซื้อของฝากทั้งมานั่งคุยด้วย บางทีก็ช่วยเข้าครัวทำอาหารเป็นวัน ๆยอมรับว่าวิวาห์ก็เริ่มหวั่นไหวไปบ้างเหมือนกัน

แม้ว่าธาดาจะไม่เคยออกปากอะไรล่วงเกินเขาเลย ไม่เคยพูดถึงความสัมพันธ์ แต่วิวาห์รู้สึกได้เองว่าอีกฝ่ายเข้าหาเขามากกว่าคำว่าเพื่อน หรืออดีตเจ้านายลูกน้องธรรมดามากนัก

พี่วัตกับวินไม่สนับสนุนแต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไร พ่อกับแม่ก็คอยดูอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆน่าจะมีแค่ยายเอิบนี่แหละที่ไม่ยอมวางใจกับธาดาเสียที

ส่วนหวันยิหวาก็...

“วันนี้คุณลุงฟอร์ดจะมามั้ยคะวีว่า”เด็กหญิงกอดตุ๊กตาตัวโปรดเดินลงมาถามวิวาห์ตั้งแต่เช้า “คุณลุงฟอร์ดสัญญาว่าจะพายี่หวาไปกินไอติมด้วยหลังจากหาคุณหมอเสร็จ”

“ยังไม่แปดโมงเลยค่ะ ยี่หวาอาบน้ำแปรงฟันหรือยังเดี๋ยวคุณลุงมาแล้วไม่สวยนะ” วิวาห์พูดมือก็ปอกมะม่วงไปด้วยอย่างคล่องแคล่ว“ไปอาบน้ำก่อนเร็ว”

“ก็ได้ค่ะ ยายเอิบอยู่ไหนคะ ช่วยยี่หวาอาบน้ำหน่อยได้มั้ยคะ” เด็กหญิงเดินไปตามหาพี่เลี้ยงต่อที่หลังบ้าน วิวาห์อมยิ้ม ได้ยินเสียงพูดคุยโต้ตอบกันเจื้อยแจ้วไม่หยุดปาก

คุณฟอร์ดขับรถมารับเขากับลูกสาวที่บ้านตรงเวลา ชายหนุ่มอยู่ในชุดลำลองดูดีทีเดียว อันที่จริงฟอร์ดเป็นคนหน้าตาดีมาก ถ้าเขาเข้าวงการบันเทิงก็คงอยู่ในระดับพระเอกได้สบาย

“รอนานมั้ยว่าน”

“ไม่นานครับ” ว่านส่ายหน้าเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งพร้อมกับยี่หวาที่ตื่นเต้นมากกว่าทุกวัน

“อันนี้คือตุ่มอะไรคะลุงฟอร์ด” เด็กหญิงชี้ที่ปุ่มนูน ๆ บนแผลคอนโซลรถ วิวาห์จุ๊ปากรีบดึงมือลูกสาวออกห่าง

“อย่าซนสิคะ รถคุณลุงฟอร์ดไม่ใช่ของเล่นนะลูก”

“ไม่เป็นไรหรอกว่าน” ธาดาหัวเราะเบา ๆ “ยี่หวารู้จักถามก่อน ไม่ได้กดเลยก็เรียกว่าเก่งมากแล้ว ..ยี่หวาลองกดดูสิคะ เป็นไฟรถล่ะ”เขาพูดกับเด็กหญิงเสียงอ่อนโยน

ว่านลอบถอนหายใจ หวันยิหวาก็เหลือเกินทำเหมือนไม่เคยขึ้นรถไปได้ แอบสังเกตดูธาดาก็ไม่ได้มีท่าทางเบื่อหน่ายหรือว่ารำคาญเด็กหญิงเลย เขาดูสนุกเพลิดเพลินในการตอบคำถามไม่รู้จบของยี่หวามากกว่า

ชายหนุ่มขับรถพาวิวาห์กับยี่หวามาส่งที่โรงพยาบาลตามนัด วันนี้คนไม่เยอะมาก ว่านจูงมือยี่หวาพาเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปด้วยกันโดยมีชายหนุ่มร่างสูงโปร่งหิ้วปิ่นโตตามหลัง จริง ๆ ว่านก็เกรงใจอีกฝ่ายอยู่เหมือนกันแต่ว่าธาดาก็ยืนยันว่าเขาจะช่วยหิ้วขึ้นไปเอง

“ว่านจูงยี่หวาไปก็พอแล้ว ที่เหลือเดี๋ยวจัดการเอง” ธาดาพูดกลั้วหัวเราะ

ต้องยอมรับว่าการมีธาดามาเป็นเพื่อนด้วยทำให้ทุกอย่างสะดวกง่ายดายขึ้นมาก ว่านก็ได้อยู่กับยี่หวาไม่ต้องคอยห่วงหน้าพะวงหลังเหมือนทุกครั้ง เขานั่งเป็นเพื่อนลูกสาวขณะที่ธาดาถือใบยาไปรับยามาให้

“วันนี้มากับใครน่ะคุณว่าน พี่ชายเหรอคะ”แม่ของน้องเจย์เดนลูกค้าของเขาทักขึ้นยิ้ม ๆ พยักเพยิดไปทางร่างสูงใหญ่ที่เดิมดุ่ม ๆ ไปยังฝ่ายการเงินต่อ “น่ารักเชียว” เธอเป็นลูกค้าประจำปิ่นโตของเขามาตั้งแต่เริ่มแรกก็เลยสนิทสนมกันดี วิวาห์หัวเราะ

“พี่ที่รู้จักน่ะครับ”

“ชื่อลุงฟอร์ดค่ะ ยายเอิบบอกว่าเขามาจีบวีว่า” หวันยิหวากระซิบตาโต “จีบคืออะไรคะ”

“ยี่หวา...มานั่งนี่เลยมา” วิวาห์จุ๊ปากจับลูกสาวมานั่งข้าง ๆ คนฟังหัวเราะอย่างเอ็นดู

“แน่ะ ...ลูกสาวฟ้องใหญ่แล้วคุณว่าน แล้วยี่หวาชอบลุงฟอร์ดมั้ยคะ”

“ชอบมากค่ะ ลุงฟอร์ดใจดี๊ใจดี”

“พอแล้วยี่หวา อยู่โรงพยาบาลห้ามเสียงดัง” วิวาห์ส่ายหน้า “ไม่มีอะไรหรอกครับ รายนี้พูดไปเรื่อย ยายเอิบก็เหมือนกัน”

“ไม่เจอยายเอิบเลยค่ะ เป็นยังไงบ้างคะ”

“สบายดีครับ หาเมนูใหม่ ๆ ทำทุกวัน”

นั่งคุยปรับทุกข์กันต่ออีกพักใหญ่ระหว่างรอลูก ๆ เข้าไปรับเคมีบำบัด แม่น้องเจย์เดนเล่าให้เขาฟังว่าเจย์เดนผลเลือดไม่ค่อยดี เริ่มจะมีผลข้างเคียงของยาทำให้ตับอักเสบ ไม่รู้ว่าคุณหมอจะทำยังไงต่อ ตัวเธอเองก็กลุ้มใจมาก

“มีลูกกับเค้าแค่คนเดียว เครียดจังเลยค่ะคุณว่าน”

“เข้าใจครับ...ยังไงก็ต้องค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปนะ ยิ่งคิดกังวลไปก่อนเราจะยิ่งจิตตก ยังไงเราก็ต้องเป็นกำลังใจลูก...” วิวาห์พูดปลอบใจไปอีกหลายคำ สีหน้าของคนฟังดีขึ้นเล็กน้อย

“ได้คุยกับคุณว่านแล้วก็รู้สึกดีขึ้นนะคะ ยี่หวานี่โชคดีจริง ๆ คุณว่านทั้งทำอาหารเก่งแล้วยังให้กำลังใจเก่งอีก”

วิวาห์หัวเราะออกมา

“ไม่หรอกครับ ผมเองก็แทบเอาตัวไม่รอดเหมือนกัน ..อ้าว...เรียบร้อยแล้วเหรอครับ” เขาทักธาดาเดินกลับมานั่งข้าง ๆ เขา “ขอใบเสร็จหน่อย เดี๋ยวว่านโอนคืนให้นะครับ”

“ไม่ต้อง” ธาดาบอกแล้วเสริมต่อมาอีกนิดหนึ่ง “มันอยู่ในสวัสดิการของบริษัท”

“แต่ผมลาออกจากบริษัทของคุณนานแล้วนะครับ” วิวาห์เลิกคิ้ว “ขอใบเสร็จเถอะคุณฟอร์ด อย่าให้ติดค้างกันเลยนะ”

“ผมเต็มใจจ่ายให้คุณกับลูก” ธาดาตอบกลับมา

หวันยิหวาเดินกลับออกมาพร้อมกับคุณพยาบาลและน้องเจย์เดน วิวาห์เลยลุกขึ้นเดินไปหา รอจนลูก ๆ บอกลาเพื่อน ๆ จนเสร็จก็พากลับบ้าน

“ลุงฟอร์ดบอกจะพายี่หวาไปกินไอติมก่อนไม่ใช่เหรอคะ” เด็กหญิงกระตุกมือคุณลุง “ยี่หวาหิวจังค่ะ”

“กลับไปกินที่บ้านดีกว่าลูก” วิวาห์บอกหวันยิหวายังรับยาเคมีบำบัดอยู่เขากลัวว่าจะไปรับเชื้อโรคข้างนอกเข้า “ตกลงนะคะไม่งอแงนะ”

เด็กหญิงเบะปาก มองหน้าธาดาอย่างขอร้อง

“ลุงฟอร์ดขา”

คนมองใจอ่อนยวบ ธาดากะพริบตาปริบ ๆ ถามวิวาห์เสียงอ่อนกว่าปกติ

“ว่าน ..ให้ยี่หวากินเถอะนะ ...เอาอย่างนี้ เดี๋ยวลุงฟอร์ดไปซื้อมาให้ดีมั้ยคะ ยี่หวาอยากกินรสอะไรบัญชามาเลย ลุงฟอร์ดจะเหมามาเป็นถัง ๆ เลย”

“จริง ๆ นะคะ” เด็กหญิงตาโต“ดีจังเลยค่ะ”

สุดท้ายวิวาห์ก็ยอม ธาดาแวะซื้อไอศกรีมที่ร้านชื่อดังมาหลายรสตามที่หวันยิหวาบอก เด็กหญิงกรี้ดกร้าดดีใจใหญ่ นั่งพูดไม่หยุดไปตลอดทาง พอใกล้จะเลี้ยวเข้าซอยบ้านจู่ ๆ เสียงคนพูดจ๋อย ๆ ก็เงียบไปเสียอย่างนั้นวิวาห์หันไปมองก็พบว่าลูกสาวหลับพับไปแล้ว

“ถ่านหมดเฉยเลย” วิวาห์หัวเราะ

“ไม่ยอมปล่อยถังไอติมด้วยนะ” ธาดาว่ามองกระจกหลังเห็นคนหลับยังกอดถุงเก็บความเย็นเอาไว้แน่น “ว่านอยากแวะซื้ออะไรเข้าบ้านหรือเปล่า”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวออกมาใหม่ตอนเย็น ๆ ...กลัวไอติมละลาย”

“จริง ๆ ตัวเองก็อยากกินเหมือนกันนั่นแหละใช่ไหม” ธาดาพูดล้อ ๆ “รู้หรอกน่ะ”

วิวาห์ตาโต

“หืมว่านว่าตัวเองเนียนแล้วนะ”

“ไม่เนียนตั้งแต่นั่งเลือกรสตาวาวแล้ว”

“คุณฟอร์ดเองก็พอกันนั่นล่ะ”

“งั้นรสช็อกโกแลตมิ้นต์เป็นของพี่นะ”

“คุณฟอร์ด!” คนเลือกรสนี้เองหันขวับไปจ้องหน้า ธาดาหัวเราะลั่นรถ

“ขี้หวงซะด้วย”

วิวาห์ค้อนขวับแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเขาไม่เคยทำแบบนี้กับคนอื่นนอกครอบครัวมาก่อน แต่ว่าฟอร์ดก็ไม่ได้มีท่าทางแปลกใจอะไร อันที่จริงอีกฝ่ายวางตัวเหมือนคนในครอบครัวของเขาได้อย่างแนบเนียนทีเดียว

พวกเขากลับมาถึงบ้าน วิวาห์เขย่าตัวปลุกเด็กหญิงที่หลับปุ๋ย พอยี่หวาหายงัวเงียก็อุ้มถังไอศกรีมของตัวเองเดินเข้าบ้านไปคนแรก เรียกหายายเอิบพี่เลี้ยงใหญ่

“คุณฟอร์ดทานข้าวเย็นด้วยกันมั้ยครับ” วิวาห์เอ่ยชวนตามมารยาท อีกฝ่ายพยักหน้ารับแบบไม่เกี่ยงงอน

ป้าเอิบยังแอบวิจารณ์ลับหลังอยู่บ่อย ๆ ว่าทำไมคนเป็นถึงผู้บริหารใหญ่ของบริษัทอย่างธาดาถึงได้มีเวลามาตามเฝ้าว่านได้บ่อยขนาดนี้

“ไม่มีงานมีการทำหรือไงคะ...ป้าเอิบแค่เป็นห่วงงานของคุณน่ะค่ะ” หญิงชราพูดกระแทกเสียง ธาดายิ้มกว้างไม่สะดุ้งสะเทือน

“ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ ขอบคุณยายเอิบมากที่เป็นห่วงผม”

ยายเอิบสะบัดหน้าเดินหนีไปอีกทาง วิวาห์เลยพูดปลอบใจแขกที่เขาชวนอยู่ทานข้าวด้วยกันเอง

“อย่าคิดมากเลยนะครับ ยายเอิบก็แบบนี้ล่ะ ปากจัดแต่จริง ๆ ใจดีมาก”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ เริ่มจะชินแล้วล่ะ” ธาดาหัวเราะ“สงสัยแกคงจะไม่มีวันชอบแน่ ๆ”

รับประทานอาหารร่วมกันเย็นวันนั้น วิรัตน์กับภรรยาไม่อยู่บ้านเพราะติดประชุมต่างจังหวัดก็เลยพากันไปเที่ยวทั้งคู่ ส่วนวิรุฬก็ติดงานไม่ได้กลับบ้านเช่นกัน ธาดาอยู่ช่วยวิวาห์เก็บข้าวของทำความสะอาดแล้วก็เตรียมของเอาไว้ทำกับข้าวมื้อต่อไปอยู่ในครัวด้วยกันสองคน

หวันยิหวาเข้านอนไปนานแล้วกับยายเอิบ พ่อกับแม่ก็อยู่ในห้องทำงานกันเงียบ ๆ เหมือนทุกวัน

“เห็ดพวกนี่แช่ทิ้งเอาไว้เลยใช่มั้ยว่าน” ธาดาหันมาถามวิวาห์พยักหน้ารับ

“ใช่ครับ คุณฟอร์ดกลับเลยก็ได้นะ ที่เหลือว่านจัดการเอง...รบกวนมากแล้วว่านเกรงใจ”

“เกรงใจอะไรกัน สนุกดี”ธาดาว่า ช่วยจัดการลำเลียงของที่เตรียมเอาไว้เสร็จแล้วเข้าตู้เย็น “กุ้งจะแกะไว้เลยมั้ย”

“เอาไว้พรุ่งนี้ดีกว่าครับ”

“ว่านทำสองคนกับยายเอิบเหนื่อยหรือเปล่า รู้สึกว่าเยอะเหมือนกันนะเนี่ย” เขาพูดขึ้นกวาดตามองข้าวของและเมนูที่วางอยู่เต็มโต๊ะ “จ้างคนมาช่วยดีมั้ย”

“ไม่หรอกครับ ว่านทำไหวอยู่ไม่ได้เหนื่อยมากอะไร”คนพูดเงยหน้าขึ้นตอบยิ้ม ๆ วิวาห์ดูผอมลงไปแต่ก็สดชื่นแจ่มใสดี “คุณฟอร์ดกลับเถอะ ขอบคุณมากครับ”

ธาดารีรออยู่ครู่หนึ่ง

“ว่าน ..อยากไปดูหนังด้วยกันมั้ย”

“ดูหนังเหรอครับ” วิวาห์ทวนคำ “คงไม่ได้หรอกว่านต้องอยู่เป็นเพื่อนยี่หวา ไม่สะดวกจริง ๆ ครับ”

“ก็จริง ..ขอโทษด้วยนะ”

“ขอโทษทำไมครับ” คนฟังเลิกคิ้ว

“ว่านทุ่มเทให้ลูกมากเลยนะ ถ้าไม่ได้สัมผัสเองก็คงไม่รู้เลย” ธาดาพูดเหมือนพูดกับตัวเอง “ว่านเก่งจริง ๆ”

“ขอบคุณครับ” วิวาห์ยกมือขึ้นเกาแก้ม “เอ่อ...ว่านไปส่งที่รถนะครับ”

ธาดากลับไปแล้ว วิวาห์กลับมาจัดของต่อจนเรียบร้อยก็ขึ้นนอน อดคิดถึงสีหน้าท่าทางรวมถึงคำพูดของอีกฝ่ายขึ้นมาไม่ได้ จะว่าไป...คำชมของธาดาก็ทำให้ว่านรู้สึกดีมากจริง ๆ เหมือนมีคนมองความสามารถของว่านยังไงก็ไม่รู้

ทั้งที่ว่านโตมากแล้วก็ยังชอบคำชมอยู่เหมือนสมัยยังเป็นเด็ก ...ช่างไม่โตเลยจริง ๆ วิวาห์ถอนหายใจยาวแล้วก็นอนหลับไป

วันรุ่งขึ้นธาดามาหาที่บ้านอีกในตอนเย็นหลังจากกินข้าวเสร็จ ชายหนุ่มเข้ามาช่วยว่านเตรียมของราวกับทำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ว่านก็ไม่ทักท้วงอะไร ปล่อยให้เขาช่วยทำนู่นทำนี่ในครัวเหมือนปกติ

“สับปะรดนี่ให้พี่ปอกเลยมั้ย”

“ได้ครับ ใส่กล่องเอาไว้ก็ได้”

“ว่านเอาหมูแผ่นไว้ตรงไหนนะ”

“เหนือตู้เย็นครับ”


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-04-2020 20:15:41 โดย ็Hollyk »

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk









          “วีว่าคุณลุงฟอร์ด” เสียงแจ้ว ๆ ดังมาก่อนตัวจะวิ่งมาถึงเสียอีก หวันยิหวาลากกระโปรงนอนตัวใหม่ลงบันไดมาหามารดา “กินไอติมกันมั้ยคะ”

“หมดโควตาแล้วค่ะ ยี่หวากินไปตอนบ่ายไง” วิวาห์รีบพูด“จะถึงเวลานอนแล้วนะ ทำไมลงมาข้างล่างอีกลูก”

“ไม่ง่วงเลยค่ะ ดูสิตาใสปิ๊ง ๆ เลย” เด็กหญิงใช้นิ้วเปิดตากว้างแล้วเดินเข้าไปหาคนที่น่าจะใจอ่อนมากกว่า “ลุงฟอร์ดขายี่หวายังไม่ง่วงเลยค่ะแต่วีว่าก็ชอบบังคับยี่หวา จะให้นอน ๆ เดี๋ยวไม่สบายนะ ..เห้อ ยี่หวาท้อจังค่ะ” หวันยิหวาถอนหายใจราวกับผู้ใหญ่ ธาดากลั้นหัวเราะ ย่อตัวลงโอบร่างเล็กบอบบางเข้าหาตัว

“ไม่ง่วงแล้วยี่หวาอยากทำอะไรคะ”

ถามแบบนี้ก็เข้าทางเด็กมาก ๆ หวันยิหวายิ้มหวานหัวเราะคิก

“ยี่หวาอยากดูการ์ตูนต่อค่ะ ที่ลุงฟอร์ดซื้อมาให้สนุ๊กสนุก ยี่หวาชอบมาก”

“ยี่หวา” วิวาห์เรียกเสียงดุ ๆ ขมวดคิ้วใส่ลูกสาว “เวลานอนก็ต้องนอนสิคะ”

“ยังไม่สามทุ่มเลยค่ะ”

“เอาน่ะ...เดี๋ยวลุงฟอร์ดไปดูเป็นเพื่อน ตกลงไหมคะ”ธาดาพูดเนิบ ๆ หันไปมองวิวาห์แทนคำขอโทษ“นาน ๆ ทีน่ะว่าน ไม่ใช่ทุกวันเสียหน่อย ..เอ่อ...ขออนุญาตพาน้องยี่หวาขึ้นไปส่งที่ห้องนอนได้มั้ยครับ”

วิวาห์ลอบถอนหายใจ

“ก็ได้ครับ แต่สามทุ่มต้องนอนนะ”

“แน่นอนค่ะ” หวันยิหวาพยักหน้ารับแล้วเขย่ามือคุณลุงเหมือนส่งซิกอะไร

“ขอเอาไอติมขึ้นไปด้วยนะ ...จะกินเองไม่ได้ให้ยี่หวากินหรอก” ธาดาพูดอ้อมแอ้ม

วิวาห์จุ๊ปาก มองลูกสาวที่รีบกระโดดกอดคอคุณลุงฟอร์ดเอาไว้แน่น ยอมให้เขาอุ้มเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนชั้นสองของบ้าน ไม่ถึงสิบนาทียายเอิบก็ปรากฏตัวที่หน้าห้องครัว

“น้องว่าน” เธอเรียกเขาเสียงแหลม ว่านเดาออกว่ายายเอิบจะพูดอะไรก่อนที่เธอจะอ้าปากพูดเสียอีก “ทำไมปล่อยให้คุณฟอร์ดขึ้นไปบนห้องนอนของคุณหนูยี่หวาแบบนั้นคะ”

“ไม่มีอะไรนี่ ยี่หวาอยากดูการ์ตูน”

“ไม่ได้นะคะ คุณฟอร์ดเป็นผู้ชาย แถมเป็นคนแปลกหน้าอีก จะปล่อยให้อยู่กับคุณหนูสองคนได้ยังไงคะ สมัยนี้รู้หน้าไม่รู้ใจ เกิดเขาทำอะไรคุณหนูขึ้นมาจะทำยังไง”

ว่านชะงัก เขาก็ลืมคิดเรื่องนี้ไปก็เลยเดินขึ้นบันไดไปดูเสียหน่อย เปิดประตูห้องเข้าไปก็เห็นยี่หวานอนดูการ์ตูนอยู่บนเตียงตาแป๋ว ส่วนธาดานั่งอยู่ที่พื้นข้างเตียงตักไอศกรีมเข้าปากสลับกับตักป้อนให้เด็กหญิง

“วีว่ามาดูด้วยกันสิคะ”

วิวาห์สบตาธาดา เห็นแววตาคู่นั้นมองมาอย่างงง ๆ ก็รู้สึกผิดขึ้นมาในใจนิดหนึ่ง ที่จริงธาดาก็ดูเป็นคนไว้ใจได้ เขาไม่ควรจะระแวงเรื่องนี้เลย

“ไม่เห็นในข่าวเหรอคะ คนที่โดนแบบนี้ก็เป็นคนใกล้ตัวไว้ใจได้ทั้งนั้นแหละค่ะกว่าจะรู้อีกทีลูกเราหลานเราก็ถูกทำมิดีมิร้ายไปแล้ว คราวนี้ยายเอิบไม่สบายใจเลยนะคะที่น้องว่านปล่อยปละละเลยคุณหนูแบบนี้ คราวหน้าอย่าทำแบบนี้เลยนะคะ พูดก็พูดเถอะคุณธาดาอะไรนี่ยายเอิบไม่ไว้ใจเลยลางสังหรณ์บอกว่าเขาไม่ใช่คนดิบดีอะไร”

ยายเอิบเปิดฉากเรื่องนี้อีกครั้งหลังจากที่ธาดากลับไปแล้ว วิวาห์เองก็เริ่มเครียดอยู่เหมือนกัน

“คุณธาดาเขาไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก”

“แล้วน้องว่านมั่นใจได้ไงคะ” พี่เลี้ยงเก่าแก่ย้อน “กันไว้ดีกว่าแก้นะคะ ยังไงยายเอิบก็ไม่อยากให้น้องว่านต้องมาเสียใจทีหลัง”

วิวาห์เถียงไม่ออก เขาเองถึงจะรู้จักธาดามาเป็นปีแต่ว่าก็เพิ่งจะไปมาหาสู่ใกล้ชิดได้ไม่กี่เดือน พูดได้ไม่เต็มปากหรอกว่าเขาเป็นคนดีหรือไม่ดี แต่ความรู้สึกลึก ๆ ของว่านก็บอกว่าเขามาดีนะ น่าจะรักเอ็นดูยี่หวาด้วยใจจริง...วิวาห์รีบหยุดความคิดของตัวเอง ก็เพราะความเชื่อมั่นผิด ๆ ถูก ๆ ของตัวเองไม่ใช่เหรอถึงได้พาชีวิตมาถึงจุดนี้

ขนาดอามันต์ที่เขาคิดว่ารักก็ยังไม่เคยรักเขาเลย แล้วจะไปมั่นใจอะไรกับคนอื่นอีก...

ชื่อของอามันต์ทำให้ว่านไม่สบายใจ คุณฟอร์ดไม่เหมือนพี่อาร์มก็จริงแต่ว่าว่านก็ไม่รู้ว่าทำไมคนเพียบพร้อมอย่างคุณฟอร์ดถึงมาตามว่านได้

ท่าทางของวิวาห์เริ่มเปลี่ยนไปจนธาดารู้สึกได้ อดีตนักร้องไม่ได้ชวนเขาอยู่รับประทานอาหารต่อเหมือนเคย ธาดาเองก็ไม่ได้เซ้าซี้แต่ก็ดูออกว่าเขาเสียใจที่ว่านปฏิเสธ

“ลุงฟอร์ดไม่มาแล้วเหรอคะวีว่า”คนที่ถามหาลุงฟอร์ดมากที่สุดก็คือหวันยิหวา เด็กหญิงนั่งรอเก้อมาสามวันแล้ว “ลุงฟอร์ดไปไหนคะ”

“นั่นสิ อาทิตย์นี้ไม่เห็นเลยนะ” พี่วัตทักขึ้นบ้าง พวกเขากำลังนั่งดูโทรทัศน์ด้วยกันในห้องรับแขก “ทะเลาะกันเหรอ” เขาถามน้องชาย

วิวาห์ส่ายหน้า

“เปล่านี่ครับ เขาก็คงมีธุระของเขา ว่านไม่รู้หรอก” วิวาห์ไม่อยากยอมรับว่าการที่ธาดาหายไปก็ทำให้เขารู้สึกคิดถึงอยู่เหมือนกัน

วิรัตน์หรี่ตาลง จับความผิดปกติของน้องชายได้ทันทีเขารอจนทุกคนขึ้นห้องไปนอนหมดแล้วเหลือแค่น้องชายคนกลางที่ยังทำอะไรง่วนอยู่คนเดียวในครัว วิรัตน์เดินเข้าไปหา

“ว่านทำไรอยู่”

“พี่วัต ว่านกำลังเตรียมของพรุ่งนี้อยู่ครับ” วิวาห์ตอบเนิบ ๆ เอาหมูออกมาหมักเตรียมเอาไว้ “พี่วัตมีอะไรหรือเปล่า”

“มีเรื่องอะไรกับคุณฟอร์ดเหรอ เล่าให้พี่ฟังได้นะ”

“อ๋อ”วิวาห์เสยผมขึ้น “ก็ไม่มีอะไรนะครับ”

“คนมาทุกวัน จู่ ๆ ไม่มามันไม่แปลกเหรอ”

วิวาห์เงียบ สุดท้ายก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นรวมถึงความเห็นของยายเอิบให้ฟัง วิรัตน์ขมวดคิ้ว

“คนแก่น่ะ จะไปเอานิยมนิยายอะไร” พี่ชายพูดขึ้น“ว่านก็เลยไม่สบายใจเรื่องนี้ใช่มั้ย”

“ครับพี่วัตคิดว่ายังไง”

“ไม่มีใครรับรองแทนใครได้หรอก พี่เองก็ไม่ได้รู้จักคุณฟอร์ดดีพอที่จะพูดได้ ที่ยายเอิบพูดมามันก็ถูกอยู่ คนสมัยนี้ไว้ใจยาก มันวิปริตมากขึ้นทุกที บางคนแต่งตัวดี ๆ เป็นโรคจิตก็มี...”

คนฟังนิ่งไป วิรัตน์เห็นมือที่ขยับมีดอย่างคล่องแคล่วเมื่อกี้เริ่มช้าลง เขารู้ว่าว่านกังวลเรื่องอะไร

“ว่านกลัวว่าจะซ้ำรอยเดิมใช่มั้ย กลัวว่าคุณฟอร์ดเขาจะมาหลอกว่านเหมือนอาร์ม”

วิวาห์วางมีดลงกับเขียง เงยหน้าขึ้นมองพี่ชาย

“ใช่ครับ” วิวาห์ตอบ“เรื่องคราวนั้นมันทำให้ว่านกลัวไปหมดว่านเคยตัดสินใจผิดมาทีหนึ่งแล้วแล้วมันเละตุ้มเป๊ะ เป็นเพราะตอนนั้นว่านเชื่อตัวเองไม่ฟังใครเลย”

“พี่ถามจริง ๆ เถอะนะ ในสายตาของว่าน คุณฟอร์ดเขาเป็นยังไง”

“เขารักยี่หวาจริง ๆ นะ ว่านคิดว่าตัวเองสัมผัสได้” วิวาห์ตอบกลับมาแล้วยักไหล่ “แต่ก็นั่นแหละ ว่านไม่กล้าเชื่อเซ้นส์ของตัวเองแล้วล่ะ มันผิดพลาดไปไม่รู้กี่รอบแล้ว ที่จริงอยู่แบบนี้ก็สบายดี ไม่ต้องหาเหาใส่หัวหรอก”

วิรัตน์ขยับตัว

“จริง ๆ แล้วพี่ก็มีเรื่องสำคัญมาบอก ยังไม่ได้บอกพ่อกับแม่เลยกลัวว่าจะตกใจ” เขาพูดขึ้นท่าทางไม่สบายใจเท่าไหร่ “บริษัทจะเลื่อนตำแหน่งให้พี่แต่ว่าต้องย้ายไปคุมโรงงานที่....ห้าปี” เขาเอ่ยชื่อประเทศหนึ่งในเอเชียออกมา วิวาห์ตกใจ

“ห้าปีเลยเหรอครับ”

“ใช่พี่ปรึกษากับพี่เบสต์แล้วก็ตกลงกันว่าจะไปเพราะถ้าพี่ยังอยู่ที่นี่ก็คงจะตันอยู่ที่ตำแหน่งเดิมไปจนเกษียณ ย้ายไปอยู่นู่นก็น่าจะมีโอกาสอะไรดีกว่า เบสต์เองก็จะไปหางานใหม่ที่นู่นเหมือนกัน รายได้ดีกว่าอยู่ที่เดิมหลายเท่า” วิรัตน์ถอนหายใจ “ติดตรงที่เป็นห่วงที่บ้านกับยี่หวานี่ล่ะ ยังรักษาไม่หายเลย”

วิวาห์จับความรู้สึกของพี่ชายได้

“พี่วัตไม่ต้องห่วงว่านกับยี่หวาเลย” เขาพูดเสียงหนัก “ว่านดูแลตัวเองได้ ดูแลลูกแล้วก็พ่อกับแม่ได้ ว่านจะอยู่ที่นี่เองครับ”

“ไอ้วินมันคงแต่งงานปีหน้า อาจจะย้ายไปอยู่ใต้ตามแฟนมัน” วิรัตน์ปรารภ“แยกย้ายกันไปหมด”

“พี่วัตไว้ใจว่านมั้ย”

“พี่ต้องถามว่าว่านไว้ใจตัวเองหรือยังมากกว่า” วิรัตน์พูดเนิบ ๆ “พี่เป็นห่วง”

“พี่วัตจะไปเมื่อไหร่ครับ”

“น่าจะต้นเดือนหน้า”

“ยังมีเวลานิดหน่อย” วิวาห์พยักหน้ารับ “จะให้บอกพ่อแม่เลยมั้ย หรือว่ายังก่อน”

“เอาไว้พี่จะบอกเอง”

วิวาห์กลับไปนอนคิด ถ้าพี่วัตไปอยู่ที่อื่นก็เท่ากับว่าบ้านหลังนี้ว่านจะเป็นหัวหน้าครอบครัวเต็มตัว ดูแลพ่อแม่แล้วก็ยี่หวารวมถึงยายเอิบด้วยเรื่องรายจ่ายว่านไม่เป็นห่วงเพราะพี่วัตออกปากว่าจะรับผิดชอบของพ่อกับแม่ให้ ว่านแค่ลงแรงคอยดูแลพวกท่านเท่านั้น ปีนี้โรคภัยก็เริ่มถามหาแล้วทั้งคู่เพราะอายุมาก ว่านมองเห็นภาระหนักอยู่ในอนาคตเหมือนกัน

แต่ว่านก็ไปไหนไม่ได้ เขาคือลูกคนที่จะต้องอยู่บ้านเป็นคนคอยดูแลพ่อกับแม่ เพราะเขาไม่มีครอบครัวอื่น หรือถึงมีก็ยังนึกไม่ออกว่าจะทิ้งพ่อกับแม่ให้อยู่กันสองคนได้ยังไง ไหนจะยายเอิบอีกคน

“คุณฟอร์ด...ทางนี้ครับ” ว่านอยากตีตัวเองอยู่เหมือนกันที่เผลอตะโกนเรียกชายหนุ่มคนนั้นเสียงดังลั่นตลาด อาทิตย์ที่ผ่านมาคุณฟอร์ดไม่ได้มาหาว่านเลย ส่งมาแต่ข้อความว่าไปประชุมต่างประเทศเท่านั้น ท่าทางคุณฟอร์ดประหลาดใจเหมือนกันที่ว่านเรียกเขาเอาไว้

“ว่าน เกือบเที่ยงแล้วยังซื้อของไม่เสร็จเหรอ” คุณฟอร์ดรู้ตารางชีวิตของว่านดี “ขาดอะไร”

“หาน้ำตาลปี๊บอยู่”

วิวาห์ไม่ได้ถามว่าทำธาดาถึงมาอยู่ที่ตลาดเวลานี้ ส่วนธาดาเองก็ไม่อธิบายเช่นกัน เขาทำตัวเป็นปกติทุกอย่างเพียงแต่ว่าไม่ได้ขออยู่ทานข้าวด้วยแล้ว

“ไปประชุมมา...เห็นแล้วนึกถึงเลยซื้อมาฝาก” คุณฟอร์ดส่งช็อกโกแลตกล่องใหญ่มาให้ว่านรับไว้ตอนที่มาส่งที่หน้าบ้าน “แบ่งยี่หวาด้วยนะ อย่ากินคนเดียวหมด”

“แหม เห็นผมเป็นคนยังไง” ว่านเกือบค้อนแต่ยั้งเอาไว้ทัน รับมาเปิดออกดู เป็นขนมยี่ห้อโปรดของว่านจริง ๆ ด้วย “ขอบคุณมากครับ”

“ไปก่อนนะ”

“..........” วิวาห์ลังเลจับที่เปิดประตูรถเอาไว้ “คือ...คุณฟอร์ดอยากลองชิมน้ำปั่นสูตรใหม่ของผมมั้ยครับ เพิ่งทำเสร็จเมื่อเช้า” เขาพูดเร็วปรื๋อ

อีกฝ่ายเงียบไป ว่านหันไปมองก็เห็นนัยน์ตาคมกริบหลังแว่นสีเงินเป็นประกายวาววับ ท่าทางฟอร์ดดีใจมากที่เขาชวน

“เอาสิขอบใจนะว่าน” ธาดาลงจากรถ ช่วยวิวาห์ถือของที่ซื้อมากลับเข้าไปในบ้าน

วันที่วิรัตน์กับพี่เบสต์ต้องออกเดินทางก็มาถึงจนได้ พวกเขาออกไปส่งที่สนามบินกันทั้งบ้าน หวันยิหวาเกาะมือคุณยายยืนร้องไห้ไม่อยากให้ลุงวัตไปไหนไกล ทำเอาผู้ใหญ่ใจเหลวเป็นน้ำ วิรัตน์เองก็ห่วงหน้าพะวงหลังกังวลไม่แพ้กัน

“เดินทางปลอดภัยนะครับพี่วัต” วิวาห์จับมือพี่ชายเอาไว้แน่น “ติดต่อมาบ้างนะ”

“ดูแลตัวเองนะว่าน ยี่หวาด้วยนะลูก...หายไว ๆ นะครับ ลุงวัตจะซื้อตุ๊กตาสวย ๆ ส่งมาให้เยอะ ๆ เลย ดีมั้ย”

“ดีค่ะ” เด็กหญิงพยักหน้าแต่น้ำตาไหลพราก “ทุกเดือนเลยนะคะ ยี่หวาคิดถึง”

วิรัตน์ดึงตัวหลานสาวคนเดียวเข้าไปกอด วิรุฬเองก็มาส่งพี่ชายพร้อมกับครูเตยคนรัก พ่อกับแม่ยืนน้ำตาคลอเพราะลูกชายไม่เคยจากไปนานขนาดนี้ สมัยตอนไปเรียนก็แค่สองปี

“กลับมาเยี่ยมบ้างนะลูก ดูแลตัวเองด้วย หนูเบสต์ด้วยนะ”

“ครับแม่ ไม่ต้องห่วงผมแม่กับพ่อรักษาสุขภาพดี ๆ แล้วกันไอ้ว่านจะได้ไม่เหนื่อยมาก...มีอะไรก็โทรมาไลน์มาได้ตลอดนะรู้มั้ยว่าน ห้ามเก็บเอาไว้คนเดียวรู้หรือเปล่า” วิรัตน์หันไปหาน้องอีกครั้ง เขาเป็นห่วงว่านมากที่สุดเพราะรู้ว่าน้องเป็นคนยังไง “มีเรื่องอะไรก็ต้องเล่า ถ้าฉันมารู้ทีหลังนะโดนแน่”

วิวาห์หัวเราะออกมาได้ทั้งน้ำตา

“โธ่พี่วัต...จนจะไปแล้ว ว่านรู้แล้วน่ะ”

วิรัตน์กับพี่เบสต์ขึ้นเครื่องบินไปแล้ว ชีวิตของว่านกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง บ้านที่ไม่มีพี่วัตกับพี่เบสต์ดูโหวง ๆ ไปไม่น้อยเลย วิรุฬก็ไป ๆ มา ๆ ระหว่างที่บ้านกับต่างจังหวัดที่ทำงานอยู่

ธาดาแวะมาหาว่านบ่อย ๆ อาทิตย์นึงไม่ต่ำกว่าสี่ครั้ง ความสม่ำเสมอของอีกฝ่ายทำให้เสียงยายเอิบเริ่มอ่อนลงไปเอง เผลอแป๊บเดียวยี่หวาก็ได้รับยาเคมีบำบัดมาหนึ่งปีแล้ว

“เกินครึ่งทางแล้วนะครับ” นายแพทย์เอ่ยชมคนไข้ตัวน้อย “เก่งมาก ๆ เลยยี่หวา”

“ผลเลือดเป็นไงบ้างครับ”

“ผลตรวจเลือดกับไขกระดูกล่าสุดดีมาก ไม่เจอเซลล์มะเร็งแล้ว น้องยี่หวาตอบสนองต่อการรักษาดีมาก” คุณหมอพูดยิ้ม ๆ “ทีนี้ก็อย่างที่คุยกันไว้พอรักษาด้วยยาเคมีบำบัดจนกดเซลล์มะเร็งไปหมดแล้วเราก็จะเปลี่ยนถ่ายไขกระดูกกันต่อ”

“ครับ”

“หมอลงชื่อจองคิวให้กับยี่หวาเอาไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ว่าตอนนี้ก็ยังไม่เจอเซลล์ต้นกำเนิดของผู้บริจาคที่เข้ากันได้กับของยี่หวาเลย โอกาสมันค่อนข้างยากมาก เสียดายที่ยี่หวาไม่มีพี่น้อง ผลเลือดของคุณกับญาติสนิทในครอบครัวก็ไม่มีใครเข้ากันได้”

วิวาห์เม้มปาก

“ถ้าเป็นพี่น้องกันจะมีโอกาสมากกว่าใช่มั้ยครับ”

“ใช่ครับ โอกาสที่พี่น้องพ่อแม่เดียวกันจะมีผลเลือดเข้ากันได้ประมาณยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์”

“แต่พ่อยี่หวาเสียไปแล้ว”

“..หมอเสียใจด้วยจริง ๆ ครับ แต่ว่ายังไงเราก็ไม่ควรถอดใจยอมแพ้ ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งปีที่จะค้นหาเซลล์ต้นกำเนิดที่เหมาะสมให้กับยี่หวา ถ้าไม่มีจริง ๆ หมอก็จะใช้สเต็มเซลล์ของยี่หวาเองในการปลูกถ่ายครับ”

“ผมไปอ่านมาเห็นว่าเขามีการใช้สเต็มเซลล์ของรกด้วย”

“ครับแต่โอกาสที่จะแมชต์กับยี่หวาก็น้อยมากถ้าไม่ใช่พี่น้องคลานตามกันมา”คุณหมอส่งยิ้มมาให้เขาปลอบใจ “คุณวิวาห์อย่าเพิ่งใจเสีย ยังไงตอนนี้อาการของยี่หวาเรียกว่าดีมาก ๆ ถ้าไม่ได้จริง ๆ หมอคิดว่าการใช้เซลล์ของยี่หวาเองก็เป็นทางเลือกอีกทางได้ครับ”

“ขอบคุณครับคุณหมอ”

วิวาห์กลับออกมาจากห้องตรวจ หวันยิหวาจูงมือธาดาเดินเข้ามาหา

“วีว่าคะ ยี่หวาอยากเล่นเครื่องเล่นข้างหน้าก่อนกลับได้มั้ยคะ”

“อย่าเพิ่งเลยลูก เดี๋ยวตอนบ่ายต้องให้ยาต่อนะ” วิวาห์ตอบยกมือขึ้นลูบศีรษะทุยสวยที่โล้นเกลี้ยงเบา ๆ อย่างสงสาร ผลเลือดของยี่หวาดีขึ้นก็จริงแต่ว่าก็ยังเปลี่ยนถ่ายไขกระดูกไม่ได้

ธาดามองหน้าเขา

“ไปทานข้าวกันเถอะ แล้วค่อยว่ากัน” ชายหนุ่มพูดเนิบ ๆ

วิวาห์เล่าเรื่องการปลูกถ่ายไขกระดูกของหวันยิหวาให้ธาดาฟัง ชายหนุ่มทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีมาตลอดหนึ่งปีจนวิวาห์เองก็วางใจในตัวเขาไม่น้อย ธาดาดูเคร่งเครียดทีเดียวตอนที่เขาเล่าจบ

“แล้ว...พ่อของยี่หวา...”

วิวาห์ถอนหายใจยาว

“เสียไปแล้วครับ” วิวาห์เก็บใบไม้บนเก้าอี้มาพับเล่น เขาออกมานั่งรอในสวนของโรงพยาบาลระหว่างที่หวันยิหวาเข้าไปรับยาเคมีบำบัด “ว่านก็เลยไม่รู้ว่าจะทำยังไง เหมือนรอความหวังลม ๆ แล้ง ๆ”

“ถ้า..สมมุติว่าว่านมีลูกใหม่ล่ะ”

“โอกาสเข้ากันก็น้อยครับ เพราะไม่ใช่พ่อเดียวกัน” วิวาห์ตอบตรง ๆ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยคิดเรื่องนี้ “ว่านคงต้องรอปาฏิหาริย์แล้วล่ะ โอกาสหนึ่งในแสนคงจะมาถึงยี่หวาเร็ว ๆ นี้”

ธาดาไม่ได้ออกความเห็นอะไรอีก พวกเขานั่งคุยกันเรื่อยเปื่อยไปเรื่องอื่นรอจนหวันยิหวาเสร็จเรียบร้อยก็พาลูกกลับบ้าน ยายเอิบไม่ได้ออกมารอรับเหมือนเคย วิวาห์เดินตามหาจนทั่วบ้านก็มาเจอแกนอนอยู่ที่หลังบ้านตรงลานซักผ้า ว่านตกใจมาก

“ยายเอิบ ...ยายเอิบตื่นสิ เป็นอะไรไป”เขาเข้าไปเขย่าเรียก พี่เลี้ยงเก่าแก่ลืมตาขึ้นมองหน้าเขางง ๆ

“น้องว่าน ..” ยายเอิบดันตัวลุกขึ้นนั่งยกมือขึ้นคลำศีรษะพลางสูดปาก “เมื่อกี้ลื่นก็เลยหงายหลังไปน่ะค่ะ”

“ไปโรงพยาบาลดีมั้ยครับ ให้หมอดูหน่อย” ว่านพูดอย่างเป็นห่วง ช่วยคลำดูด้านหลังศีรษะก็เจอว่ายายเอิบหัวโนขึ้นมาเป็นลูกมะนาว

“โอ๊ยลื่นหัวโนนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอกน่ะน้องว่าน ตื่นเต้นไปได้” ยายเอิบดุเขา แล้วลุกขึ้นยืน“ไม่เห็นเป็นอะไรเสียหน่อย”

“แต่เมื่อกี้ยายเอิบสลบไม่ใช่เหรอ” ว่านค้าน

“คุณเพิ่งกลับจากโรงพยาบาลมาก็จะไปอีกแล้วเหรอคะ ไม่ต้องห่วงยายเอิบหรอกค่ะ ยายเอิบหัวแข็ง แค่นี้ไม่ระคาย...แล้วนี่คุณหนูยี่หวากลับมาแล้วใช่มั้ยคะ เดี๋ยวยายเอิบขอไปดูก่อน”

วิวาห์เห็นยายเอิบลุกเดินได้ปกติดีก็ถอนหายใจยาว อีกฝ่ายเป็นคนดื้อมาแต่ไหนแต่ไรแถมยังกลัวหมอกลัวโรงพยาบาลตามแบบฉบับคนโบราณรุ่นก่อน ถ้าให้ไปเฝ้าคุณหนูของเธอน่ะได้ แต่ถ้าไปเองเป็นไม่ยอมทุกที

เขาจับตาดูยายเอิบเงียบ ๆ เห็นไม่มีอาการผิดปกติอะไรก็เบาใจ

ธาดาอยู่รับประทานอาหารเย็นด้วยกัน ชายหนุ่มกลายเป็นแขกประจำของบ้านนี้ไปแล้ว พ่อกับแม่พูดกับเขาเหมือนเป็นเพื่อนลูกชายคนหนึ่ง วิรุฬเองก็เข้ากับธาดาได้ดีเพราะว่าชอบฟุตบอลทีมเดียวกัน ส่วนวิรัตน์กลับบ้านทุกสามเดือน ถ้าเจอกันก็พูดจาปราศรัยด้วยดี

ว่านเองก็รู้ว่าตัวเองชอบคุณฟอร์ดอยู่มาก ชอบความใจเย็นและเป็นผู้ใหญ่ของเขา คุณฟอร์ดไม่เคยพูดเรื่องสถานะให้ว่านอึดอัดใจเลยสักครั้ง ในเมื่อว่านไม่รีบร้อนคุณฟอร์ดก็ไม่ได้เร่งรัด ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาคุณฟอร์ดเป็นทั้งเพื่อนและที่ปรึกษาที่ว่านสนิทใจด้วยที่สุดอย่างไม่น่าเชื่อ

“เขายังมาอยู่อีกเหรอ” แป้งทักขึ้นในวันหนึ่งตอนที่พาลูก ๆ มาเยี่ยมเขา “คุณธาดาน่ะ”

“อืมแต่เห็นวันนี้บอกว่ามีธุระไม่ได้มาหรอก” วิวาห์ตอบ มือก็ทำอาหารไปด้วย กิจการของว่านอาหารคลีนกำลังไปได้ดีมาก ตอนนี้ว่านจ้างลูกจ้างเพิ่มคนนึงแล้วมาช่วยเตรียมของ “ไม่เจอแป้งเสียนาน เป็นไงบ้างอังกฤษ”

“โอ๊ยอยู่ไม่นานก็เบื่อแล้วล่ะถ้าไม่ติดว่าพาลูกไปเข้าเรียนนะ” แป้งถอนหายใจเฮือก เธอพาลูก ๆ ทั้งสามไปเรียนซัมเมอร์ที่อังกฤษหลายเดือน “ฉันน่ะไม่ชอบสังคมเขาเลยว่านแต่ก็จนใจเพราะพ่อเจ้าสามหน่ออยากให้ลูกเก่งภาษา แหม...เรียนในประเทศก็เหมือนกันนั่นแหละ”

“ไม่เหมือนหรอก” ว่านหัวเราะ“มีโอกาสได้ไปเรียนถึงถิ่นเจ้าของภาษาก็ดีอยู่แล้ว ได้พูดได้เขียนทุกวันมันก็จะคล่องขึ้นเอง”

“ก็จริง ..ตอนนี้ลูกก็พูดได้ทุกคนแล้วล่ะ”แป้งยอมรับ “เหลือแค่ฉันเนี่ยแหละที่ไม่กระดิกหูเลยสักนิด” แป้งก็ยังเป็นแป้งคนเดิมเมื่อหลายปีก่อน วิวาห์คิดในใจแล้วยิ้มออกมา

“ฝึกไปเดี๋ยวก็เก่งเอง”

“เหมือนที่เธอเป็นพ่อครัวหัวป่าก์ไปแล้วใช่มั้ย” แป้งแซว“เห็นลงนิตยสารด้วยนี่ดังใหญ่แล้วว่าน”

“คุณฟอร์ดเขาชวนน่ะ” วิวาห์พูดเพื่อนจ้องหน้าเขาอย่างจับสังเกต

“แน่ะมีอะไรในกอไผ่หรือเปล่า”

“ไม่มี๊” วิวาห์พูดเสียงสูงเล่น ๆ อีกฝ่ายตีแขนเขาดังเผี๊ยะ

“ว่าน..มีความลับกับเพื่อนเหรอ” แป้งพูดต่อด้วยเสียงจริงจังขึ้น มองหน้าเขาอย่างระมัดระวัง “ว่านเคยไปบ้านของคุณฟอร์ดเขาแล้วหรือยัง”

“ยัง”วิวาห์ส่ายหน้า

“เขาไม่ชวนหรือว่านไม่ไปเอง”

“เขาไม่ชวน”

แป้งทำท่าเหมือนมีลับลมคมใน วิวาห์ขมวดคิ้ว

“มีอะไรจะบอกก็บอกมาเลย อย่ามาอึกอัก”

“ว่านชอบเขาหรือยัง คุณฟอร์ดคนนี้น่ะ”

“ถ้าเป็นเพื่อนก็ชอบอยู่เหมือนกัน เขาพึ่งพาได้”วิวาห์ตอบตามตรง “แป้งบอกฉันมาเถอะ มีอะไรเกี่ยวกับเขาใช่มั้ย”

หญิงสาวอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ พอถูกวิวาห์คาดคั้นเข้าก็ยอมเล่าหมดเปลือก

“อย่าโกรธนะว่าน ฉันก็เพิ่งรู้เหมือนกันเพราะเห็นเขาตามจีบว่านก็เลยแอบไปสืบมา” แป้งกลืนน้ำลายลงคอฝืด ๆ “คุณฟอร์ดคนนี้น่ะเขาแต่งงานแล้วนะว่าน มีลูกแล้วด้วยคนนึงโตแล้ว”

.................................................................................................



มาอัพต่อนะคะ

หายไปปิดเรื่องสาปดาวมาค่ะ

ตอนนี้กลับมาต่อวิวาห์อามันต์กันนะคะ

เจอกันตอนหน้าน้า

#วิวาห์อามันต์


ออฟไลน์ Mitra

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
อ้าว ทำไมทำงี้ล่ะ มีลูกแล้ว มาจีบว่านทำไม

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด