::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8  (อ่าน 29766 ครั้ง)

ออฟไลน์ question09

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-10

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :hao7:



ยี่หวา เอ้ยยยยย เวรกรรมอะไรของหนู

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
ตายหมด ยกครัว ปวดหัวใจจัง

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เกิดอะไรขึ้นยายเอิบเป็นอะไรไป ใครเข้าสิงยายเอิบ แล้วอาร์มล่ะ โอ๊ยยยยย งง โอ๊ย สับสน

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ผีเข้ายายเอิบ!?

ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5
อะไรกันอีกกกก  โอ๊ยยซับซ้อนสงสารยีหวา วิวาห์ด้วยหาจุดจบของเรื่องไม่เจอเลย ถ้าให้กลับมารักกันอีกนี้คืออเปลี่ยนพระเอกค่ะ ครูเตยก็อยู่น่าจะรู้น่ะว่ามีวิญญาณ :katai1: :monkeysad: :o12:

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
งงไปหมดแล้วใครมาเข้าร่างยายเอิบแล้วอาร์มนี่ยังไงจะไปเข้าร่างใครอีกมั้ยเรื่องนี้เป็นแนวลี้ลับได้เลยนะอ่านไปลุ้นไปทุกตอน

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
อะไรกัน  :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ moobin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
แม่อาร์มชัวร์  :m15:

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
อะไรอีกเนี่ยจยจ
อ่านนิยายหรือเล่นรถไฟเหาะ :ling3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ koyuki24

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โอ๊ยยย เนื้อเรื่องน่าติดตามมากจ้าคนแต่ง ระทึกตลอดเวลาเลย ริตอนต่อไปนะคะ :hao7: :katai1:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เรื่องมันซับซ้อนมาก คิดว่าตอนที่ผ่านมามันพีคแล้ว ตอนถัดไปก็ยังพีคได้อีกเรื่อยๆ เหนือการคาดเดาสุดๆไปเลย
เกิดอะไรขึ้นกับยายเอิบกันแน่ มันเกี่ยวข้องกับอาร์มด้วยไหม ที่ยายเอิบทรุดก็ได้อาร์มช่วยไว้รึป่าว แต่พออาร์มไม่ได้อยู่ในร่างของฟอร์ดแล้วเลยมีผีอื่นเข้าสิงแทนหรอ แอบสงสัยแม่อาร์มอยู่นะ นางสายมูด้วย
 :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ t152_rakjai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
เดาอะไรไม่ได้เลย พลิกแล้วพลิกอีกกกกกก :ling3: :ling3: :ling3:

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เราอ่านครั้งล่าสุดคือตอนวิวาห์กับยี่หวาไปเที่ยวญี่ปุ่น ก็แบบอ่อ พ่อแง่แม่งอนรักโรแมนติกปกติอะไรแบบนี้ พอกลับมาอ่านต่อคือ ไม่ใช่จ้าาาาา อ่านไปคือหลอน ยิ่งกลางคืนนอนก็ไม่หลับ คู๊ณณณ มันลึกลับ หลอน และหวาดระแวงมากกกก ลุ้นตลอดว่าคนที่เข้าใกล้วิวาห์จะใช่อาร์มไหม รออ่านตอนต่อไปนะคะ ทั้งสองแม่ลูกจะรอดไหมเนี่ย :sad4:

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
วิวาห์อามันต์

ตอนที่14









“ยี่หวา!!” วิวาห์อ้าปากค้าง ตาเหลือกมองร่างเล็กบางที่ล้มลงไปนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น เลือดไหลซึมออกมาจากบาดแผลกลางอกที่ยังมีมีดเล่มนั้นปักคาเอาไว้อยู่ ว่านใช้มือกดแผลที่ท้องของตัวเองแน่นแล้วรวบรวมกำลังที่เหลือคลานเข้าไปหาร่างของลูกสาวที่นอนอยู่ หัวใจของเขาเหมือนหยุดเต้นไปแล้ว “ยี่หวา...”

น้ำตาร้อน ๆ ทะลักออกมาจากสองเบ้าตา วิวาห์ได้ยินเสียงล้มตึงดังขึ้นใกล้ ๆ ยายเอิบทรุดลงไปนอนที่พื้นพี่วัตกับวินได้ยินเสียงกรีดร้องก็เลยวิ่งพรวดพรวดเข้ามาดู พอเห็นสภาพคนในห้องเข้าก็ตกใจมาก

“ว่าน...ยี่หวา เกิดอะไรขึ้น”พี่วัตกระโจนเข้ามาหาน้องชายแล้วเบิกตากว้างเมื่อเห็นสภาพของหลานสาวสุดที่รัก “ใครทำยี่หวายี่หวา..”

“ผมขอดูหน่อยครับ” วิรุฬได้สติเขาจับชีพจรของยี่หวาแล้วก็เริ่มปั้มหัวใจให้หลานสาวคนเดียวอย่างเร่งร้อน ปากก็บอกให้พี่ชายโทรเรียกรถพยาบาลมาตอนนี้เลย วิวาห์ไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว เขาจับตัวเย็นเฉียบของยี่หวาเอาไว้แน่น ใบหน้าเล็ก ๆ นั้นขาวซีดไร้สีเลือดริมฝีปากที่เพิ่งเรียกชื่อเขาเมื่อครู่นี้เปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ

“พี่ขอดูแผลว่านหน่อย”

“ไม่เป็นไรครับ ว่านไม่เป็นไรช่วยยี่หวาเถอะช่วยลูกว่านด้วย” วิวาห์พูดละล่ำละลักแทบฟังไม่เป็นคำนัยน์ตาของเขาพร่าเบลอไปหมดไม่รู้ว่าเป็นเพราะน้ำตาหรือว่าเสียเลือดมากเกินไป

“แผลว่านลึกมากนะ นอนลงก่อน”

“ไม่ครับ...ยี่หวา ยี่หวาของวีว่า กลับมาก่อนสิ...ยี่หวา”

วิวาห์เคยผ่านช่วงที่คิดว่าตัวเองเสียใจที่สุดในโลกมาแล้วแต่ไม่นึกเลยว่าเขายังสามารถเสียใจได้มากกว่านั้นอีก วิวาห์กุมเท้าของลูกเอาไว้แน่น เขาไม่กล้ามองหน้าลูกอีกแล้ว

“ยายเอิบ...เป็นคนแทง”

“ว่าไงนะ” คนฟังอุทานวิรัตน์เพิ่งนึกขึ้นได้หันกลับไปดูยายพี่เลี้ยงที่นอนคว่ำหน้าอยู่ไม่ไกล พอพลิกหน้ายายเอิบขึ้นมาชายหนุ่มก็ผงะหน้าของยายเอิบขึ้นอืดนัยน์ตาถลนจำหน้าเดิมไม่ได้ น้ำเหลืองเยิ้มติดมือวิรัตน์มาด้วยพร้อมกับศีรษะของศพที่หลุดกลิ้งไปที่พื้น ชายหนุ่มล้มทั้งยืนด้วยความตกใจ “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย”

“พี่วัตช่วยยี่หวา...ช่วยลูกว่านด้วย” วิวาห์กระซิบเขาไม่เหลือแรงจะลุกขึ้นแล้วชายหนุ่มซบหน้าลงกับปลายเท้าของลูกสาวเลือดจากบาดแผลของเขาทะลักออกมาเป็นลิ่ม ๆ จนพี่ชายใจเสีย

“ว่านนอนลงก่อน พี่จะช่วยกดแผลให้”

“ไม่มีประโยชน์ แผลลึกไป”ว่านรู้ตัวเองดีมีดปอกผลไม้เล่มนั้นเล็กบางก็จริงแต่ว่าคนแทงตั้งใจหมุนควานในท้องของเขาเต็มที่ ว่านรู้ตัวว่าคงไม่รอดแน่ “ดูยี่หวาดูยี่หวาเถอะครับ”

“รถมาแล้ว”

วิวาห์หายใจหอบลึกในความพร่าเบลอเขามองเห็นคนหลายคนเข้ามารุมล้อมลูกสาวได้ยินเสียงพูดคุยกันอย่างเคร่งเครียดดังขึ้นจอแจ ความเจ็บปวดของว่านหายไปแทนที่ด้วยความมึนชาหนักอึ้งเขาพยายามจะเรียกชื่อลูกแต่ก็ไม่มีเสียงหลุดลอดออกมา

“คลำชีพจรไม่ได้ครับ เริ่มCPR”มีคนพูดอยู่เหนือร่างของเขา

น่าแปลกที่ว่านมองเห็นตัวเองนอนอยู่ตรงนั้น มีเจ้าหน้าที่กำลังขึ้นปั้มหัวใจ ว่านมองเห็นแม้กระทั่งเลือดที่ทะลักออกมาจากแผลที่ท้องตอนที่เจ้าหน้าที่ยกร่างของเขาขึ้นรถพยาบาล แต่ทิ้งให้ยี่หวาลูกสาวตัวจ้อยนอนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่มีใครปั้มหัวใจของเธอ แม้แต่วิรุฬก็ยืนร้องไห้อยู่ข้าง ๆ ร่างของเธอ

“เด็กเสียชีวิตคาที่ มีดตัดเข้าขั้วหัวใจเลย ส่วนคนแก่ก็แปลกมาก ดูจากคำบอกเล่าน่าจะเพิ่งเสีย แต่ทำไมร่างเน่าหมดแล้วก็ไม่รู้”

“เดี๋ยวสิครับ ช่วยลูกผมก่อนสิคุณหมอ คุณ...ลูกผมยังไม่ตาย...ไม่ได้นะ ไม่ต้องช่วยผมไปช่วยลูกผมสิ ...คุณ”วิวาห์ตรงเข้าไปเขย่าตัวเจ้าหน้าที่คนหนึ่งทว่าเขากลับสัมผัสตัวของอีกฝ่ายไม่ได้ ชายหนุ่มเบิกตากว้าง มองมือของตัวเองอย่างตกใจ

“พี่วัต ได้ยินผมมั้ยพี่วัต ช่วยยี่หวาด้วย” เขาเข้าไปหาพี่ชายแทน วิรัตน์ไม่ได้ยินเขา ชายหนุ่มยืนกอดภรรยาเอาไว้แน่น “วิน...วินช่วยหลาน วินช่วยยี่หวาสิ” วิวาห์พูดอย่างหมดทาง เขาพยายามตะโกนให้ดังที่สุดแล้วก็ยังไม่มีใครได้ยิน

ว่านรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกอยู่ในฝันร้าย เขายืนมองลูกสาวตายไปต่อหน้าต่อตา แถมคนแทงยังกลายเป็นศพเน่าอืดบวมเละ

“ยี่หวา...ฮึก...ไม่เอา อย่าทำแบบนี้...ยี่หวา กลับมาก่อนยี่หวา...”วิวาห์ร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะร้องเขายืนมองคนมาดึงมีดที่ปักกลางอกลูกออกไปพร้อมกับเอาผ้ามาคลุมร่างเห็นพ่อกับแม่เป็นลมลงไปตรงหน้าทว่าไม่สามารถเอื้อมมือไปช่วยได้ “ยี่หวากลับมาก่อน ...ยี่หวาของวีว่า..”

เสียงร้องไห้คร่ำครวญของเขาดังก้องกลับไปกลับมาเหมือนเสียงสะท้อนในห้องแคบ ๆ วิวาห์ทรุดลงไปนั่งกับพื้นเขาไม่เสียใจที่ตัวเองตายแต่เสียใจที่ช่วยลูกเอาไว้ไม่ได้ หวันยิหวาของเขาเพิ่งจะอายุนิดเดียวเอง ป่วยหนักก็นับว่าเคราะห์ร้ายมากแล้วแท้ ๆ ยังจะต้องมาจากไปแบบนี้อีกวิวาห์ทำใจไม่ได้

ภาพลูกล้มไปลงตาเบิกค้างยังติดตา ถ้าเพียงแต่เขาคว้าตัวยายเอิบเอาไว้ไม่ให้ไปหายี่หวาได้ ..ถ้าเพียงแต่ว่าเขาเอะใจซักนิดเรื่องยายเอิบ

ถ้าไม่วางมีดปอกผลไม้เอาไว้ในตะกร้า ถ้าเพียงแค่เขารีบคว้ามีดเอาไว้เสียก่อน

...ยี่หวาก็คงจะไม่ตาย

ไม่ใช่ยายเอิบ...ว่านมั่นใจ สำนึกสุดท้ายตอนที่สบตาของหญิงชราคู่นั้น ...ไม่ใช่แววตาของยายเอิบมันคุกรุ่นเข้มข้นด้วยความแค้นรุนแรงราวกับโกรธกันมาแต่ชาติปางก่อน วิวาห์กำมือแน่นใครกัน...แววตาแบบนั้นเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนแต่ก็นึกไม่ออก

“ไม่ต้องชันสูตรครับ” เขาได้ยินพี่ชายพูดกับเจ้าหน้าที่ วิรัตน์ยืนคอตกขณะที่วิรุฬเองก็เซ็นเอกสารไปร้องไห้ไปด้วย บรรยากาศปกคลุมด้วยความเศร้าหมองราวกับมีหมอกหนาทึบลอยวนอยู่ พ่อกับแม่นอนพักอยู่คนละมุม แทบไม่มีใครพูดอะไรกันเลย

ร่างของยี่หวาถูกยกใส่เปลขึ้นรถไป วิวาห์ผวาตามไป

“ยี่หวา...ยี่หวา” กี่ปีที่เขาทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อดูแลลูก มันไม่ควรจะจบลงง่าย ๆ แบบนี้ “ยี่หวา”วิวาห์ตะโกนจนเสียงแหบแห้งทว่าไม่มีเสียงตอบรับกลับมาเลย

ไม่ใช่...นี่ไม่ใช่เรื่องจริง

มันคือฝันร้าย ...มันไม่ใช่เรื่องจริงแน่ ๆ ไม่เอาน่ะ...อย่าทำแบบนี้ ไม่ใช่...

ได้โปรด ..วิวาห์ตะโกนก้อง.. ตื่นสิ ตื่นเดี๋ยวนี้...วิวาห์ ตื่นเถอะ ไม่ต้องไม่ใช่เรื่องจริง ใครกำลังเล่นตลกกับเขาอยู่ ...ยี่หวายี่หวาของวีว่าจะต้องไม่ตายนี่มันคือเรื่องโกหกแน่ ๆ

วิวาห์ไม่เชื่อ เขาทุบลงไปบนขาตัวเองแรง ๆ มันไม่เจ็บไม่ปวด ต้องใช่แน่ตอนนี้เขาคงกำลังอยู่ในความฝันจริง ๆ แล้วยี่หวากำลังร้องเพลงอยู่กับพี่วัตแล้วก็วินแน่เลย เขาต้องตื่นตั้งแต่ตอนนี้ วิวาห์....ลืมตา

ลืมตาสิ..ตื่นเดี๋ยวนี้...

มันก็แค่ฝันร้ายเท่านั้น

..................................................

“วีว่าคะ ตื่นเร็วค่ะรถไฟมาแล้ว”

เสียงเล็ก ๆ ใส ๆ ของเด็กผู้หญิงวัยไม่เกินห้าขวบดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกล ดูเหมือนว่าเธอกำลังเขย่าตัวปลุกชายหนุ่มที่นั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ตัวยาว ..คนที่เธอเรียกว่า วีว่า..

“ยี่หวา ยี่หวาจริง ๆ ด้วย” ผู้ชายคนนั้นสะดุ้งลืมตาตื่นแล้วรวบร่างเด็กหญิงเข้าไปกอดแน่นราวกับกลัวหาย น้ำตาไหลออกมาพรากออกมาจากดวงตากลมโตคู่นั้น “ยี่หวายังไม่ตาย ...แค่ฝันไปสินะใช่มั้ย”

“วีว่าร้องไห้ทำไมคะ” เด็กคนนั้นถามต่อ พยายามใช้มือเล็ก ๆ เช็ดน้ำตาให้ผู้ใหญ่อย่างน่าขัน เขาเดินเข้าไปใกล้อีกนิด รู้สึกคุ้นเคยกับเสี้ยวหน้าที่เห็นเพียงครึ่งบนนั้นอย่างประหลาด

มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามานั่งบนม้านั่งตัวเดียวกับผู้ชายและเด็กหญิงคนนั้น พวกเขาเขยิบที่ให้เธอนั่งโดยอัตโนมัติ อามันต์ก็เลยเดินเรื่อย ๆ เข้าไปนั่งถัดจากเธออีกที เขาลอบมองใบหน้าท่าทางของคนที่ชื่อวีว่ากับเด็กหญิงอย่างเงียบ ๆ บรรยากาศบนสถานีรถไฟเงียบสงัดได้ยินเพียงแค่เสียงสะอื้นเบา ๆ ดังมาจากผู้ชายคนนั้น

...ไม่ผิดแน่...เขาจำเสียงร้องไห้ จำลักษณะวิธีการสะอื้นแบบนี้ได้ดี เพราะเคยได้ยินมานับครั้งไม่ถ้วน...

พื้นที่โล่ง ๆ ของชานชาลาย่านชานเมืองที่เขานั่งรถไฟมาเรื่อยเปื่อยอย่างไร้จุดหมาย เลยออกไปเป็นสวนผักและบ้านหลังเล็ก ๆ เหมือนบ้านตุ๊กตาสงบเงียบ เสียงรถไฟแล่นมาบนราง อามันต์เห็นชายหนุ่มคนนั้นช้อนตัวเด็กหญิงขึ้นอุ้มแล้วเดินไปต่อแถวขึ้นรถไฟ

มีที่นั่งเหลืออีกหนึ่งที่ อามันต์ปล่อยให้อีกฝ่ายอุ้มลูกเดินเข้าไปนั่ง เขาเห็นอีกฝ่ายหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก ผิวหน้าที่พ้นขอบหมวกและหน้ากากอนามัยออกมายังอ่อนใสเหมือนผิวเด็กวัยรุ่นอยู่เลย ทั้ง ๆ ที่อายุน่าจะล่วงเลยพ้นวัยเด็กหนุ่มมาแล้ว...

“พี่วัตอยู่ที่ไหนครับ ว่านน่าจะลงผิดสถานี” เหมือนคนในสายจะถามอะไรต่อมา เขาเห็นอีกฝ่ายเอียงคอขมวดคิ้วมุ่น “เปล่าครับ..”วิวาห์เหลือบมองนาฬิกา “พี่วัต วันนี้วันที่เท่าไหร่ครับ”

อามันต์เหลือบเห็นพวงกุญแจรูปแมวตกอยู่ที่พื้นตรงหน้าเขาจำมันได้ทันที...ก็เป็นคนซื้อให้เองนี่นะ... ก้มลงเก็บขึ้นมาถือเอาไว้ ดึงหน้ากากขึ้นมาบังหน้าสูงขึ้นอีกนิดหนึ่ง..

“ขอโทษนะ นี่ของคุณหรือเปล่า” เลือกใช้ภาษาอังกฤษแทนภาษาไทย อามันต์มือเย็นเฉียบตอนที่สบตากลมโตคู่นั้น

“ว่าน...ไอ้ว่าน สายหลุดหรือเปล่า ได้ยินฉันมั้ย” ได้ยินเสียงผู้ชายดังออกมาจากโทรศัพท์ที่อีกคนถือค้างเอาไว้ รถจอดเทียบชานชาลาพอดี เขารีบถอยออกตั้งใจว่าจะรีบผละออกมาให้เร็วที่สุดก่อนที่อีกฝ่ายจะจำเขาได้... ทว่ามือของคน ๆ นั้นกลับเอื้อมมาคว้าข้อมือของเขาเอาไว้

“พี่อาร์ม”

ประตูรถเปิดออกแต่อีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยมือเขา อามันต์ชะงักนิ่ง เขาทั้งตกใจและเสียใจ...ไม่น่าเข้าไปทักเลย...

“ไม่เจอกันนาน...ว่าน” เขาตอบกลับไปแล้วดึงมือออก หัวใจเต้นแรงด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เด็กคนนั้นรีบอุ้มผู้หญิงขึ้นแล้วก้าวตามหลังเขามาติด ๆ “มาเที่ยวเหรอ” เขาถามไปอย่างนั้นเอง ขณะที่สองขาก้าวออกมาจากรถไฟอย่างรีบเร่ง ไม่แน่ใจว่าควรจะต้องทำตัวอย่างไร หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดที่เขาทำเอาไว้

ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกผิด... แต่อามันต์ก็บอกไม่ถูกว่าความรู้สึกในตอนนี้คืออะไรกันแน่

“ครับ พี่อาร์มล่ะครับ” อีกฝ่ายถามต่อมา เกือบโดนคนบนสถานีชนเอาเพราะมัวแต่เดินตามหลังเขามาติด ๆ

“ประมาณนั้น” เขาตอบสั้น ๆพวกเขาออกมาจากสถานีรถไฟด้วยกัน เด็กหญิงคนนั้นรั้งมือของชายหนุ่มเอาไว้แล้วกระซิบถาม

“วีว่าคะ คุณลุงคนนี้คือใครเหรอคะ”

“ลูกสาวเหรอ...แต่งงานเมื่อไหร่ไม่เห็นรู้” เขาตัดสินใจหยุดเดิน เพราะดูท่าวิวาห์คงจะตามเขาไปด้วยอย่างไม่ลดละแน่ คนถูกถามชะงัก วิวาห์ยืนนิ่งเบิกตากว้างมองหน้าเขาอย่างสับสน

“ว่าน?” เขาเรียกเจ้าตัวอีกครั้งหนึ่ง มองหน้าวิวาห์อย่างประหลาดใจ ว่านขมวดคิ้ว

“...วันนี้วันที่เท่าไหร่ครับ”

“หืม?” เป็นคำถามที่ผิดคาดมาก อามันต์นึกว่าวิวาห์จะถามเขาว่า‘หายไปไหนมา’เป็นคำถามแรกเสียอีก แต่เขาก็ตอบวันที่ไปตามตรง น่าแปลกที่อีกฝ่ายมองหน้าเขาอย่างตกตะลึงราวกับเห็นผีกลางวันแสก ๆ “มีอะไรหรือเปล่า”

“มันยังไม่เกิดขึ้น” ว่านพูดกับตัวเองอย่างงุนงง “ฉันฝันไปจริง ๆ เหรอ” ชายหนุ่มยกมือขึ้นแนบหน้า สั่นหัวแรง ๆ เงียบไปครู่หนึ่งก็รีบถามต่อมา “..พี่อาร์ม...รู้จักคนที่ชื่อธาดาไหมครับ”

“ธาดาไหน?” เขารักษาสีหน้าเอาไว้ดีเยี่ยม แม้จะรู้สึกตกใจมากก็ตามที่ว่านยกชื่อของฝาแฝดของเขาขึ้นมาถามถึงหน้าตาเฉย

“คนที่...เป็นฝาแฝดของพี่อาร์มแล้วพี่อาร์มก็ไปสิงร่างของเขา...” ว่านพูดแล้วก็เงียบไป คนฟังขมวดคิ้วท่าทางว่านไม่ได้บอกว่ากำลังล้อเล่นอยู่แต่มันก็แปลกอยู่ดีที่จู่ ๆ ว่านจะรู้เรื่องนี้เข้า

ความจริง...ว่านทำงานที่สำนักพิมพ์ของธาดาอยู่ อาจจะมีโอกาสรู้ก็ได้ล่ะมั้ง...

“ว่านรู้เรื่องแฝดของพี่ได้ยังไง” เขาถามกลับพลางยกมือขึ้นกอดอก “แล้วยังไงอีก? พี่ไปสิงร่างเขาหมายความว่าอะไร”

“ธาดาเป็นแฝดของพี่อาร์มจริง ๆ เหรอครับ” วิวาห์อ้าปากค้าง

“ใช่ ว่านรู้ความลับเรื่องนี้มาจากไหน”

“ว่าน...พี่อาร์มบอกว่านเอง”

“พี่มั่นใจว่าไม่เคยบอกใครเรื่องนี้เลย” อามันต์ขมวดคิ้ว “ว่านไปเอามาจากไหน”

“เอามาจากไหนก็เรื่องของว่านเถอะ” วิวาห์รีบพูดรัวเร็ว “พี่อาร์มป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวใช่มั้ยครับ”

คราวนี้คนฟังยืนนิ่งเหมือนถูกตรึง รู้สึกชาตั้งแต่ใบหน้าลงไปยังปลายเท้า

“ใครบอกว่าน” เขากระซิบ

วิวาห์กำมือเข้าหากันแน่น

“เรื่องจริงใช่มั้ยครับ ทำไมพี่อาร์มไม่บอกว่าน ทำไมถึงไม่ยอมบอกใครเลย”

“มันเป็นความล้มเหลวในชีวิตของพี่” เขาพูดช้า ๆ สงบสติอารมณ์ลงอย่างรวดเร็ว “พี่ไม่อยากบอกใคร ว่านบอกพี่มาดีกว่าว่าไปรู้เรื่องพวกนี้มาจากไหน” เขาไม่เคยเล่าให้ใครฟัง แม้แต่เพื่อนสนิทที่สุดก็ยังไม่รู้เรื่องนี้... อามันต์มั่นใจว่าเขาเก็บความลับเรื่องอาการป่วยของตัวเองเอาไว้ได้อย่างดี

นอกเสียจากว่า....

“ว่านแค่ได้ยินมา ไม่นึกว่าจะได้เจอพี่อาร์มอีก...ห้าปีที่พี่อาร์มหายไปก็เพื่อไปรักษาตัวเหรอครับ”

อามันต์ถอนหายใจ

“ใช่ วันนี้พี่เพิ่งไปfollow upครั้งสุดท้ายมา หมอบอกว่าพี่หายดีแล้ว ไม่มีเซลล์มะเร็งหลงเหลืออีก” เขาพูดตรงข้ามกับสิ่งที่แพทย์บอก

“ยินดีด้วยนะครับ” ว่านพูดท่าทางเหมือนอยากพูดอะไรมากกว่านั้น

“ว่านกำลังจะไปไหนน่ะ” เขาถามขึ้นอีกฝ่ายกะพริบตา วิวาห์จูงมือเด็กหญิงเดินตามเขาออกมาไกลทีเดียว

“เรากำลังจะไปสวนสนุกกันค่ะ” เด็กหญิงที่สวมกระโปรงสีสดผูกเปียสองข้างรีบตอบแทนชายหนุ่มที่ยืนนิ่งอยู่ ท่าทางเหมือนรอจังหวะอยู่แล้ว “เราจะไปทันดูคุณมิกกี้มั้ยคะวีว่า”

“เอ่อ...ทันสิ ทันแน่ ๆ”เขาเห็นวิวาห์ก้มลงตอบเด็กหญิงที่น่าจะเป็นลูกสาว “ถ้างั้น...ว่านขอตัวก่อน”

“เอาสิ ตามสบาย”เขาตอบกลับไป “ไม่ต้องเกร็งหรอกน่ะ จะเกร็งทำไมกัน หรือว่าว่านยังโกรธพี่อยู่” ประโยคหลังเขาหลุดปากถามออกไปโดยไม่ตั้งใจมันคงเป็นความรู้สึกผิดลึก ๆ ในใจของเขา

“.............” วิวาห์เม้มปากอามันต์รู้สึกว่าเขาคงจะถามมากเกินไปแล้ว

“เอ่อ...แล้วตอนนี้ทำงานที่ไหน เผื่อกลับไปจะได้ติดต่อกัน” เขาถามต่อทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว ทั้งที่ทำงานและที่อยู่ของว่าน อามันต์รู้ถึงขั้นว่าตอนนี้ว่านได้เงินเดือนเท่าไหร่ด้วยซ้ำ..

“ทำที่บ้าน”

เขาขมวดคิ้ว

“ทำอะไรน่ะ”

“วีว่าทำงานบริษัทค่ะ เป็นตึกใหญ่ ๆ แล้วก็เท่มาก ๆ” เสียงใส ๆ แทรกขึ้นทันควัน วิวาห์กระตุกมือลูกสาวเอาไว้เหมือนจะห้ามไม่ให้พูดมาก ท่าทางเจ้าตัวคงพูดเก่งน่าดู...

“งั้นเหรอ ...ดีจังนะเห็นว่านมีงานการมั่นคงแล้วพี่ก็สบายใจ”เขาพูด แล้วก็นึกไม่ออกว่าจะพูดเรื่องอะไรต่อดี เราห่างหายกันไปนานมากจนต่อไม่ติด... “ไม่ได้เจอว่านนาน ...คิดถึง”เขายกมือขึ้น อยากสัมผัสเส้นผมนุ่มมือเหมือนครั้งก่อนแต่ก็ห้ามตัวเองเอาไว้ได้ทัน อามันต์เม้มปาก รู้สึกว่าเขาจะอารมณ์อ่อนไหวง่ายเกินไปในช่วงนี้

คงเป็นเพราะผลตรวจล่าสุดที่หมอแจ้ง...

“พี่อาร์มจะไปไหนครับ”

“พี่เหรอ..เที่ยวไปเรื่อย ๆ น่ะ” อามันต์ตอบ ฝืนหัวเราะออกมานิดหนึ่ง ย่อตัวลงจนใบหน้าเสมอกับเด็กหญิง ยกมือขึ้นแตะผมเปียของเธอเบา ๆ “สวัสดีค่ะ...หนูชื่ออะไรคะ”

“ชื่อยี่หวาค่ะ”

“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”

เขาลุกขึ้นยืน กวาดตามองทั่วร่างโปร่งบางของอดีตคนรัก ว่านแทบไม่เปลี่ยนไปจากเดิมที่เขาจำได้เลยสักนิด ยกมือขึ้นลูบท้ายทอยตัวเองอย่างไม่รู้จะทำอะไรดีกว่านั้น เขาตัดสินใจบอกลาสองพ่อลูก

“งั้น..พี่ไปก่อนนะ ไว้เจอกันใหม่”

เขาหมุนตัวเดินจากมาก ก้าวยาว ๆ โดยไม่หันกลับไปมองอีก รู้สึกว่าหัวใจที่เต้นรัวแรงค่อยผ่อนเบาลงจนกลายเป็นปกติ อามันต์รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย เขาหยุดยืนอยู่ที่ข้างร้านหนังสือเพื่อหอบหายใจ

...ไม่เจอกันหลายปีเลยนะ ว่าน...

..........................................................................

เขาเคยได้ยินเรื่องทฤษฎีโลกกลมมาก่อน แต่ไม่นึกว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวเอง หลายปีแยกย้ายไม่เจอกัน เป็นทั้งความตั้งใจของเขาเองด้วยส่วนหนึ่ง พอมาตอนนี้กลับได้เจอหน้ากันเป็นครั้งที่สองแล้ว

อามันต์หยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องน้ำอย่างตกใจและไม่คาดฝัน ภาพวิวาห์หัวเปียกชื้นคลุมด้วยผ้าขนหนูเคยปรากฎในความฝันเขาเมื่อครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ไม่คิดเลยว่าเขาจะได้เห็นเจ้าตัวอีกครั้งในสภาพที่เพิ่งเสร็จจากการอาบน้ำมาใหม่ ๆ สองข้างแก้มแดงปลั่งด้วยเลือดฝาดน่าเอ็นดู...

“พี่อาร์ม” วิวาห์ทักดูไม่แปลกใจที่เจอเขาที่นี่เลย

“ว่าน”

“พักที่นี่เหรอครับ” อีกฝ่ายถามต่อมาเรียบ ๆ

“ใช่” เขาตอบ ลอบสังเกตอากัปกิริยาของว่านอย่างระมัดระวัง “ว่าน...”

“พี่อาร์ม...”

พวกเขาเรียกชื่ออีกฝ่ายออกมาพร้อมกันแล้วก็ต่างคนต่างนิ่งไป

“ว่านพูดก่อนได้เลย” เขาพูดพยายามขยับตัวไม่ให้ดูเกร็งจนเกินไปนักไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงหายใจไม่สะดวกเอาเสียเลย

“พี่อาร์มรอว่านตรงนี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวว่านลงมาคุยด้วย ขอขึ้นไปเก็บของก่อนแป๊บเดียว” วิวาห์พูดเร็วปรื๋อก่อนจะเผ่นขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของบ้าน

“จะเบาได้ยังไง มันทิ้งแกไปไม่ใช่หรือไง” เสียงผู้ชายที่คงเป็นพี่ชายของว่านดังลงมาถึงข้างล่าง ท่าทางคงโกรธจัด “ฉันจะไปเคลียร์กับมัน เอาเลือดหัวมันออก ไม่งั้นนอนไม่หลับ” ...อามันต์ขมวดคิ้ว...ไม่แปลกที่พี่ชายของว่านจะโกรธเขาขนาดนั้น

“ไม่เอา...อย่าไปนะพี่วัต ไม่งั้นว่านโกรธนะ” เสียงเหมือนวิวาห์ดังขึ้นบ้าง “นั่งลงเถอะว่านจะจัดการเอง”

“อย่าบอกนะว่าแกยังหลงรักมันอยู่” เสียงฝ่ายนั้นพูดอย่างไม่อยากเชื่อ “บ้าเหรอเปล่ามันทิ้งแกไปนะตั้งแต่ตอนที่ดังแล้วแยกวงก็ทีหนึ่งแล้วแล้วยังมาเรื่อง...”

อามันต์ขมวดคิ้วเข้าหากัน...จริงสินะ เขาเป็นคนบอกเลิกว่านเองด้วยเหตุผลที่โคตรจะฟังไม่ขึ้น ถ้าเขาเป็นว่านก็คงโกรธมากแบบไม่เผาผีกันไปแล้ว นับว่าว่านใจกว้างมากที่ยังพูดคุยกับเขาได้...

ทว่าเวลาก็ผ่านมานานหลายปี ว่านก็แต่งงานมีลูกมีเมียมีครอบครัวของตัวเอง เรื่องของพวกเรา ความสัมพันธ์เก่า ๆ ก็กลายเป็นเพียงแค่อดีตให้นึกถึงบ้างบางครั้งเวลาเผลอตัว

“พี่วัตเข้าไปนอนเถอะ”

ได้ยินเสียงวิวาห์พูดตามด้วยเสียงก้าวลงบันได อามันต์เอื้อมมือไปรินน้ำใส่แก้วแล้วยกขึ้นดื่ม เขารู้สึกคอแห้งกะทันหัน

“ขอโทษที่ให้รอครับ” วิวาห์พึมพำ“ไปนั่งคุยในครัวไหม”

อามันต์ก้มศีรษะรับ เดินตามหลังคนตัวสูงเท่าไหล่ของเขาเข้าไปในห้องครัวเล็ก ๆ ท่าทางวิวาห์เหมือนคนที่กำลังตกอยู่ในห้วงความคิดหนักหน่วง

เขาลองเดาเอาเองว่าอีกฝ่ายคงจะมีปัญหาครอบครัวกระมัง ...เขารู้เรื่องอาชีพของว่านแต่ไม่เคยรู้เรื่องส่วนตัวเลย ว่านจะมีแฟนหรือแต่งงานมีลูกเมื่อไหร่...เขาไม่เคยอยากรู้...

ไม่อยากรับรู้..

“มีเรื่องอะไรหรือ” เขาเป็นฝ่ายถามก่อน ทันเห็นอีกฝ่ายถอนหายใจยาว

“ว่านมีเรื่องอยากถามครับ”

คำพูดและท่าทางของว่านทำให้เขาพลอยรู้สึกกังวลไปด้วย

“ถามมาสิ” เขาพูด

“ว่านขอถามอะไรละลาบละล้วงหน่อยนะครับ กรุณาตอบตามตรง”คนตรงหน้าเขาพูดต่อมาด้วยท่าทางระมัดระวังมากจนเขานึกขัน “ว่านอยากรู้ว่าแม่ของพี่อาร์มชื่ออะไรครับ”

“หืม?” อามันต์นึกว่าตัวเองหูฝาด จู่ ๆ ว่านก็ถามถึงชื่อมารดาของเขาโดยไม่มีการเกริ่นอะไรก่อนทั้งสิ้น ท่าทางเอาจริงเอาจังราวกับจะหาเรื่องกัน “ว่านจะถามไปทำไม”

“ใช่นุชนารถไหมครับ”

“ทำไมถึงมาถามชื่อแม่พี่ล่ะ จะเอาไปทำอะไรบอกก่อน” เป็นคำถามที่เหนือความคาดหมายของเขาอีกแล้ว...

วิวาห์เม้มปากใบหน้าเรียวเล็กนั้นกลายเป็นสีชมพูอ่อนน่ามองอามันต์ยกมือขึ้นเท้าคาง...เหมือนจะนานมากแล้วที่เขาไม่ได้มองว่านใกล้ ๆ แบบนี้ รอยกระเล็ก ๆ ที่แก้มยังอยู่เหมือนเดิม ปลายขนตายาวงอนกับตาโต ๆ ที่ชอบจ้องแบบคาดคั้นไม่ยอมให้หลบไปทางไหนได้ อามันต์ยิ้มออกมานิด ๆ

“พี่อาร์มยิ้มอะไรครับ ตอบว่านมาก่อนเรื่องสำคัญมากนะครับ”

“ถ้าว่านไม่บอกเหตุผลกับพี่ พี่ก็ไม่ตอบหรอก จะเอาชื่อแม่พี่ไปทำอะไร”

“ว่านแค่อยากรู้เฉย ๆ”

“แต่ก่อนว่านก็เคยเจอแม่พี่แล้วไม่ใช่เหรอ” เขาแกล้งโยกโย้เล่นไปอย่างนั้นเองอันที่จริง...การได้นั่งพูดคุยกันภายในบ้านเงียบ ๆ แบบนี้ก็ให้ความรู้สึกที่ดีไม่หยอก เหมือนย้อนเวลากลับไปในบรรยากาศเก่า ๆ ที่เขาเกือบลืมไปแล้ว

“คนนั้นเป็นแฟนใหม่ของพ่อพี่ ไม่ใช่แม่ของพี่เสียหน่อย” หางเสียงของคนพูดเริ่มตวัดขึ้นนิด ๆ ท่าทางว่านแปลกไปกว่าเดิมจริง ๆ อามันต์ขยับตัวเขามองเห็นความโกรธของว่านตอนที่มองมาที่เขา ทำให้เขาไม่กล้าล้อเล่นด้วย

“โอเค ๆ แม่แท้ ๆ ของพี่ชื่อนุชนารถ ถามทำไมน่ะ”

“............” สีหน้าของคนถามซีดลงและดูเคร่งขรึมขึ้นอีกเท่าตัวราวกับกำลังตกอยู่ในห้วงความคิดหนักอึ้ง

อามันต์รู้สึกว่าอีกฝ่ายดูโตเป็นผู้ใหญ่กว่าเมื่อหลายปีก่อนจนเห็นได้ชัด ว่านดูไม่เหมือนคนที่จะไปทำ‘เล่น ๆ’ด้วยได้อีก

“ถึงตาว่านบอกเหตุผลกับพี่แล้วนะ ...ถามเรื่องนี้กับพี่ทำไม แล้วว่านรู้เรื่องที่พี่ป่วย..รู้เรื่องฝาแฝดของพี่ว่านต้องอธิบายให้พี่ฟังแล้วล่ะว่าไปรู้มาจากไหน” อามันต์ถามเสียงเข้มขึ้นเขาคาดหวังว่าจะเห็นคนฟังมีท่าทางตื่นตระหนกหรือตกใจเหมือนสมัยก่อน

ผิดคาดตรงที่ว่านไม่แม้แต่จะกะพริบตาด้วยซ้ำ อดีตคนรักของเขาดูสงบนิ่งจนอามันต์เป็นฝ่ายไม่สบายใจเสียเอง

“ว่านมีเหตุผลบางอย่างถึงได้รู้มา เอาไว้จะบอกพี่อาร์มทีหลังนะครับ” วิวาห์พูดขึ้นเนิบ ๆ แล้วลุกขึ้นยืน “ขอบคุณพี่อาร์มมากที่ตอบตามตรง ว่านขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ”

“เดี๋ยวสิ” อามันต์เอื้อมมือไปจับแขนอีกฝ่ายเอาไว้ ผิวของว่านยังเนียนนุ่มมือเหมือนเดิม ว่านเหลือบมองเขาด้วยหางตาแววตาฉายแววรังเกียจวาบขึ้นมาก่อนจะจางหายไปเป็นปกติ อามันต์ขมวดคิ้ว เขาไม่ได้ปล่อยมือ “จะขึ้นไปหาภรรยาข้างบนเหรอ”

“ปล่อยครับ” ว่านดึงแขนตัวเองออกจากการเกาะกุมแล้วเดินเลี่ยงกลับขึ้นไปชั้นบน


ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk







อามันต์มองตามหลังไปอย่างครุ่นคิด

เขาไม่มีโปรแกรมแน่นอน ...อันที่จริงจะบอกว่าไม่มีเป้าหมายชัดเจนตอนนี้ก็คงได้ ...หลังจากที่หมอประจำตัวบอกว่าตรวจพบเซลล์มะเร็งอีกครั้งหลังจากที่นึกว่ารักษาหายไปแล้วด้วยการปลูกถ่ายไขกระดูกจากฝาแฝด อามันต์ก็ตกอยู่ในห้วงความคิดสับสน

หมอถามเขาว่า...อยากจะลองเสี่ยงดูอีกสักครั้งมั้ย การรักษาครั้งสุดท้ายที่หมอเองก็ให้คำตอบไม่ได้ว่าจะหายหรือเปล่า แต่โอกาสน้อยก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส

เขานั่งรถไฟไปเรื่อย ๆ ไม่รู้ทิศทางจนกระทั่งได้พบวิวาห์โดยบังเอิญบนสถานีแห่งนั้น เขาก้าวตามอีกฝ่ายขึ้นมาบนรถไฟทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไปเพื่ออะไร ในเมื่อความสัมพันธ์ระหว่างเขากับวิวาห์จบกันไปนานแล้ว เป็นเขาเองที่เลือกจะจบเพราะอันที่จริง...เขาก็ไม่ได้รักว่านขนาดนั้น

ไม่ใช่ในแบบคนรัก

เพียงแค่ดีใจที่ได้เห็นหน้าอีกฝ่ายอีกครั้งโดยไม่คาดฝัน จะเป็นความบังเอิญหรือว่าโชคชะตาก็ตาม อามันต์ก็ห้ามตัวเองไม่อยู่เขาเพียงแค่อยากทักทายเล็กน้อยแล้วก็จะรีบจากไปโดยเร็ว

แต่ว่านกลับคว้ามือของเขาเอาไว้ พร้อมกับถามคำถามแปลก ๆ ที่เขาเองก็คาดไม่ถึง

ชายหนุ่มถอนหายใจยาว การต่อสู้อันยาวนานของเขาเพื่อที่จะได้ลืมตาตื่นขึ้นในวันถัดไปช่างทรมาน หลังจากนี้เขาคงจะต้องเข้ารับการรักษาใหม่ เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ตั้งแต่ต้น แต่ว่า...เพื่ออะไร

สำหรับคนที่เคยรักการร้องเพลงมากกว่าสิ่งใดในโลก อามันต์รู้สึกแย่มากที่เขาไม่สามารถกลับไปร้องเพลงได้อีก ฤทธิ์ยาและตัวโรคทำลายเส้นเสียงกับพลังปอดของเขาไม่เหลือเค้าเดิม เขาไม่ใช่นักร้องดาวรุ่งชื่อดังแห่งยุคอีกแล้วแต่ว่าเป็นนักร้องไร้วินัยที่จู่ ๆ ก็ติสต์แตกหนีค่ายไปต่างประเทศดื้อ ๆ ทิ้งทั้งแฟนคลับและผลประโยชน์มหาศาลเอาไว้เบื้องหลัง แต่จะให้กลับไปร้องเพลงอีกครั้งก็ทำไม่ได้

อามันต์ลูบนิ้วไปบนรอยแผลเป็นจาง ๆ หลายรอยบนข้อมือของตัวเองอย่างใจลอย ความพยายามของเขาที่จะทำให้ตัวเอง ‘หาย’จากโรคที่เป็นอย่างถาวร

ความพยายามที่ยังไม่สำเร็จ...

เสียงกุกกักดังขึ้นตรงแถวบันได อามันต์สะดุ้งตื่นจากภวังค์หันขวับไปมอง เขาเห็นเงาเล็ก ๆ ป้อม ๆ เงาหนึ่งยืนด้อม ๆ มอง ๆ อยู่แถวชานพักบันไดตรงนั้น ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนก้าวเข้าไปใกล้...ใบหน้าเล็กรูปหัวใจโผล่ออกมาจากช่องว่างของราวบันได ส่งยิ้มที่เหมือนบิดาราวกับโขกกันมาให้เขา

“ชู่ว...” พอเขาอ้าปากจะทัก เด็กหญิงก็รีบยกนิ้วขึ้นแตะปากพลางกระซิบกระซาบ “คุณลุงอย่าเสียงดังไปค่ะ เดี๋ยววีว่าได้ยิน”

“หนู..จะทำอะไรน่ะ”

“ยี่หวาอยากกินช็อกโกแลตค่ะ” เธอบอกอ้อมแอ้ม “ยี่หวาแช่เอาไว้ในตู้เย็นข้างล่าง ...อย่าบอกวีว่านะคะ”

อามันต์เลิกคิ้ว

“ตู้เย็นที่ไหน” เขาหันไปมองตามมือที่ยกขึ้นชี้ของเด็กหญิง “ในห้องครัวน่ะเหรอ”

เธอพยักหน้าจนผมหยักศกกระจายยุ่งเหยิง

“เดี๋ยวไปดูให้” เขาเดินเข้าไปในห้องครัว เปิดตู้เย็นออกกวาดตาดูของที่แช่อยู่ข้างในนั้น ...ช็อกโกแลตกล่องใหญ่ตามที่เด็กหญิงบอกวางเอาไว้ชั้นบนสุด อามันต์หยิบออกมาชูถาม “ใช่หรือเปล่า”

“ใช่ค่ะ” เด็กหญิงยิ้มหวานจ๋อย รีบกวักมือเรียกเขาให้เข้าไปใกล้ อามันต์ส่งช็อกโกแลตทั้งห่อไปให้ “คุณลุงกินด้วยกันไหมคะ” เธอหักแบ่งมาให้เขานิดหนึ่ง อามันต์ไม่ปฏิเสธ เขาชอบขนมหวาน ๆ อยู่แล้ว

พวกเขาแบ่งกันกินสองคนพริบตาเดียวก็หมดทั้งห่อ เด็กหญิงถอนหายใจเฮือกราวกับเป็นผู้ใหญ่ ทอดสายตามองห่อขนมที่หมดไปตาละห้อย ท่าทางอาลัยอาวรณ์นั้นทำให้ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบา ๆ ยกมือขึ้นลูบศีรษะทุยสวยของคนที่นั่งห้อยขาอยู่บนบันไดอย่างเอ็นดู

“ไม่เอาน่ะ ชอบมากเหรอ...เดี๋ยวไว้ลุงซื้อให้ใหม่อีกหลาย ๆ ห่อเลยดีไหม” เขาพูดออกไปแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายเป็นลูกสาวของวิวาห์กับภรรยา อามันต์ขยับตัว ดึงมือกลับ“หนูกลับขึ้นห้องไปนอนเถอะ เดี๋ยวพ่อแม่หนูมาเจอเข้าจะโดนดุเอา แอบมากินขนมดึก ๆ แบบนี้”

เด็กหญิงเอียงหัวหลบมือเขาแล้วจ้องมองที่ข้อมือของเขาเขม็ง

“กระต่ายนี่คะ ใช่มั้ย”เธอตาโต ชี้นิ้วมาที่รอยสักรูปกระต่ายของเขา “ยี่หวาชอบกระต่ายค่ะ น่ารัก”

“อ๋อ...ใช่” อามันต์ไพล่มือไปด้านหลัง เขาไม่ชอบดวงตากลมโตที่เหมือนว่านอย่างกับแกะตอนที่จ้องมาเลย “หนูไปนอนเถอะ”

“ยี่หวาค่ะ” เธอแนะนำตัว“ชื่อหวันยิหวา..คุณลุงชื่ออะไรคะ”

“ชื่อ..” อามันต์ยังไม่ทันบอก

“ยี่หวา...อยู่ไหนน่ะ เมื่อกี้ยังนอนอยู่ตรงนี้อยู่เลยไม่ใช่เหรอครับพี่วัต” เสียงวิวาห์ดังขึ้นแว่ว ๆ เด็กหญิงทำคอย่นแล้วรีบลุกขึ้นยืน

“ยี่หวาไปก่อนนะคะ ขอบคุณค่ะ” เธอพูดเร็วปรื๋อแล้วก็วิ่งตึก ๆ ขึ้นบันไดไป

อามันต์มองตามหลัง

“อย่าลืมแปรงฟันนะ” เขาพึมพำมองห่อช็อกโกแลตในมือแล้วจำชื่อยี่ห้อเอาไว้

...

วันรุ่งขึ้นเขาออกจากบ้านพักตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อกลับไปที่โรงพยาบาล หลังจากพูดคุยตกลงกับคุณหมอประจำตัวแล้วอามันต์ก็กลับออกมาจากโรงพยาบาลด้วยความรู้สึกโล่ง ๆ เบาสบายชอบกล อามันต์แวะร้านขนมในเมืองเพื่อซื้อของติดไม้ติดมือกลับไปด้วยก่อนที่จะกลับไปที่บ้านพักแล้วเริ่มต้นพิมพ์เอกสารสำคัญเอาไว้ในคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คของตัวเอง

...พินัยกรรม

เสียงพูดคุยดังขึ้นหน้าบ้านตามด้วยร่างของวิวาห์ปรากฏตัวขึ้นหน้าประตูคนแรก อามันต์เห็นอีกฝ่ายชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นเขา สีหน้าสดใสร่าเริงในตอนแรกเปลี่ยนเป็นนิ่งขรึมอย่างรวดเร็ว วิวาห์คว้าตัวลูกสาวเอาไว้ไม่ให้วิ่งมาหาเขา

“ไม่เอายี่หวา อย่าไปยุ่งกับเขา”

“นั่นคุณลุงกระต่ายนี่คะ คุณลุงมีรูปคุณกระต่ายที่ข้อมือ” เด็กหญิงพูดเจื้อยแจ้ว “คุณลุงขา ยี่หวาขอดูใกล้ ๆ ได้มั้ยคะ”

“ยี่หวาไม่เอาน่ะ” วิวาห์รีบห้าม

“ลุงมีรูปเสือด้วยนะ เสือโคร่งตัวใหญ่เท่านี้” เขากางมือออกสบตาว่านแล้วยิ้มออกมา “อยากเห็นมั้ย” ...เห็นใบหน้าเรียวรูปไข่นั้นกลายเป็นสีชมพูอ่อนอีกครั้ง อามันต์ยิ้มกว้าง...อีกฝ่ายคงจำได้กระมังว่าเขาสักรูปเสือเอาไว้ตรงไหน

“ไม่ต้อง” วิวาห์พูดเสียงห้วน กึ่งจูงกึ่งลากลูกสาวออกมาห่างจากเขา “ไปล้างมือได้แล้วยี่หวา มือเปื้อนออกเพิ่งกลับจากข้างนอก”

อามันต์หัวเราะออกมาอย่างเผลอตัว ท่าทางของว่านทำให้เขานึกถึงว่านคนเดิมสมัยก่อนเวลาที่โดนแหย่นิด ๆ หน่อย ๆ แบบนี้ ..เป็นเสน่ห์เฉพาะตัวแบบเด็ก ๆ ดูซื่อ ๆ ไร้เดียงสา

ค่ำวันนั้นอามันต์ได้ยินเสียงพูดคุยกันของครอบครัวอย่างสนุกสนาน ขณะที่เขานั่งทอดอารมณ์อยู่คนเดียวในสวนหลังบ้านที่เย็นเฉียบ อากาศหนาวเสียจนอีกไม่นานก็คงจะมีหิมะตก

อาจจะเป็นฤดูหนาวสุดท้าย

“คุณลุงกระต่าย”

เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นใกล้ตัว อามันต์หันไปมองอย่างตกใจ เห็นร่างเล็ก ๆ ห่อตัวอยู่ในชุดเสื้อกันหนาวหนาเตอะพันทับด้วยผ้าพันคอจนดูกลมป้อมไปทั้งตัว ยี่หวาเดินมาหาเขาด้วยท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ

“คุณลุงกระต่าย” เธอเรียกอีกรอบ เดินเข้ามาใกล้ด้วยท่าทางตื่นเต้น “คุณลุงมีเสือจริง ๆ เหรอคะ ยี่หวาอยากเห็น”

“อยากเห็นเหรอ” อามันต์หัวเราะออกมาเบา ๆ ลมหายใจของเขากลายเป็นไอเพราะอากาศเย็นจัด “เข้าไปดูข้างในดีกว่า ข้างนอกหนาวมากเดี๋ยวจะไม่สบาย” เขาพูดเนิบ ๆ พาเด็กหญิงกลับเข้าไปในบ้านที่อบอุ่นกว่า “แล้วพ่อหนูอยู่ไหนแล้ว”

“พ่อของยี่หวาไปสวรรค์แล้วค่ะ” เธอตอบคนฟังเกือบสำลัก

“อ้าว ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ..ก็..วีว่าของหนูไง”

“วีว่าไม่ใช่พ่อ”

“อ้าว” อามันต์อุทานอีกรอบ ความคิดแล่นปราดทันที ...หรือว่าเด็กหญิงจะเป็นลูกติดของภรรยาที่วิวาห์รับเลี้ยงเป็นลูกกันแน่... “แล้ว...วีว่าเป็นอะไร”

“เป็นวีว่า” เด็กหญิงยิ้มหวาน “คุณลุงไหนเสือคะ”

“เสือไม่ได้เห็นกันง่าย ๆ หรอกเพราะมันไม่ใช่เสือธรรมดา” อามันต์ว่า เขาเดินไปเปิดตู้เย็นออกแล้วหยิบห่อช็อกโกแลตที่ซื้อเตรียมเอาไว้มา “มันเป็นเสือเผ่น”

“เสือเผ่น” คนพูดทวนคำตาจ้องเขม็งไปยังห่อขนมในมือของผู้ใหญ่ความสนใจถูกเบนไปจากรูปเสือแล้วเรียบร้อย “ขนมของใครเหรอคะ ..น่ากินจัง”

“อยากกินไหม ของลุงเองซื้อมาฝากหนูด้วย”

“วีว่าไม่ให้กินของคนแปลกหน้าค่ะ” หวันยิหวาส่ายหน้าดิก ท่าทางเสียดายไม่น้อย

“งั้นลุงให้หนูมันก็จะกลายเป็นของหนูแล้วไงถูกมั้ย” อามันต์ยิ้ม

“วีว่าบอกว่าพวกโจรชอบเอาขนมมาหลอกเด็กแล้วก็จะลักพาตัว พาไปทำไม่ดีไม่ร้าย” เด็กหญิงพูด หน้าตาเคร่งขรึม

“ทำไม่ดีไม่ร้ายแล้วสรุปมันดีหรือร้ายน่ะ” อามันต์แกล้งถาม อยากรู้เหมือนกันว่าวิวาห์อธิบายลูกมากน้อยขนาดไหนกัน

“ทำอะไรร้าย ๆ ค่ะ” เด็กหญิงตอบอย่างมั่นใจแล้วก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง “ยี่หวาไปก่อนนะคะ”

“เดี๋ยวสิ..”

เด็กหญิงวิ่งปรูดหายขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว อามันต์ส่ายหน้า แกะห่อขนมส่งเข้าปากแทน รสหวานแหลมช่วยให้รู้สึกสดชื่นขึ้น ...เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากชั้นสองของบ้านคราวนี้ไม่ใช่ร่างเล็กบางของยี่หวาแต่ว่าเป็นของวิวาห์แทน

“พี่อาร์มให้อะไรยี่หวาครับ” ท่าทางว่านเอาเรื่องไม่ใช่เล่น ดวงตากลมโตจ้องมองเขาเขม็ง “ว่านไม่ให้ลูกรับของคนแปลกหน้า”

“สอนดีแล้ว” อามันต์ตอบกลับไปเรียบ ๆ “พอดีพี่ซื้อช็อกโกแลตมาก็เลยจะแบ่งให้น้อง”

“ขอบคุณครับ แต่ไม่เป็นไรพี่อาร์มเก็บเอาไว้กินเองเถอะ”

“พี่งดของหวานมานานแล้ว” เขาตอบเนิบ ๆ หักช็อกโกแลตส่งเข้าปากชิ้นใหญ่ “เพิ่งจะกลับมากินนี่ล่ะ” ...อยากทำอะไรก็ทำ อยากกินอะไรก็กิน ไม่จำเป็นต้องระวังเรื่องอาหารอีกแล้ว

เขาจะใช้เวลาที่เหลืออย่างคุ้มค่าที่สุด ไม่ว่าจะเหลือสามเดือนหรือสามปี ...ก็ช่างมันเถอะ

“ว่านขอคุยอะไรกับพี่อาร์มหน่อยได้ไหมครับ” วิวาห์พูดขึ้นหลังจากที่ยืนนิ่งอยู่นาน อามันต์เหลือบมอง...ท่าทางบางอย่างของว่านทำให้เขาไม่สบายใจ แต่ทำไมถึงไม่สบายใจเขาก็อธิบายไม่ถูก

“เอาสิ”

“ยี่หวาไม่มีพ่อมาตั้งแต่เกิด” วิวาห์พูดขึ้นมองหน้าเขานิ่ง ๆ “ว่านบอกยี่หวาว่าพ่อของเขาไปสวรรค์แล้ว”

“อ้อ” อามันต์พยักหน้ารับ ยังไม่เข้าใจว่าว่านเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟังทำไม “น่าสงสารจริง ๆ นะ แล้วพ่อเขาเป็นอะไรล่ะ”

“เขา...ป่วยหนักครับ” วิวาห์หยุดพูดไปนิดหนึ่ง

“งั้นเหรอ” อามันต์พึมพำ“ชีวิตน่าสงสารจังเลยนะ”

“ใช่ครับ” วิวาห์เม้มปากเล็กน้อย ท่าทางเหมือนกำลังใคร่ครวญบางอย่างที่ลึกซึ้ง

“แล้วแม่ของยี่หวา...”

“เขาพยายามมากครับ ต้องเป็นทั้งแม่และพ่อในคนเดียวกัน” วิวาห์ตอบกลับมา “ไม่ง่ายเลย”

“เก่งมากนะ แฟนว่านก็โชคดีที่ว่านเข้ากับลูกได้ดีมาก คงไม่มีปัญหาพ่อเลี้ยงลูกเลี้ยง” อามันต์เริ่มรู้สึกอึดอัด เขาไม่ได้อยากรับรู้เรื่องภายในครอบครัวของว่าน ไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมว่านต้องมาเล่าให้ฟัง

“ครับ” ว่านหัวเราะเสียงแปร่ง

“เอ่อ...พี่ขอตัวก่อนนะ พอดีมีงานค้างอยู่น่ะ” เขาอ้างงานที่ไม่มีอยู่จริง แค่อยากเดินออกมาจากตรงนั้น “พรุ่งนี้ว่านจะย้ายเมืองแล้วเหรอ...พี่ได้ยินพูดกันแว่ว ๆ น่ะ” เขาเสริม

“ครับ”

“ถ้างั้น...ฝากขนมให้น้องหน่อยสิ พี่กินคนเดียวไม่หมดหรอก...จริง ๆ ตั้งใจซื้อมาให้น่ะ”ประโยคหลังเขาพูดขึ้นเพราะเห็นท่าทางอีกฝ่ายเหมือนจะไม่รับของ

สุดท้ายว่านก็รับถุงขนมมาถือเอาไว้

“พี่ไปก่อนนะ เอาไว้เจอกัน”อามันต์พูด คงมีแต่เขาที่รู้ดีว่าคงไม่มีวันนั้นอีกแน่นอน ทว่าอย่างน้อยก็ยังรู้สึกดีที่ได้เจอหน้าอดีตคนรักอีกครั้ง “ดูแลตัวเองด้วยนะว่าน”

“พี่อาร์ม” วิวาห์เรียกเขาเอาไว้

อามันต์หันกลับมามอง

“ว่าไง”

“พี่อาร์มไม่ถามหน่อยเหรอว่าพ่อของยี่หวาป่วยเป็นโรคอะไร”

คนฟังกะพริบตา

“...พี่ไม่แน่ใจว่ามันจะ...” อามันต์ขมวดคิ้ว “มีอะไรหรือเปล่า หรือว่าน้องติดโรคอะไรจากพ่อ” สมองของเขาคิดไปไกลแล้ว อามันต์มองหน้าอดีตคนรักอย่างไม่แน่ใจ วิวาห์บีบมือเข้าหากัน เหมือนที่อามันต์จำได้ว่าอีกฝ่ายชอบทำประจำเวลาที่ไม่สบายใจ “...ว่านอยากให้พี่ช่วยอะไรหรือเปล่า บอกมาได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจ”

“พ่อของยี่หวาเขาป่วย...เป็นลูคีเมียครับ” ว่านกระซิบ

“อ๋อ” อามันต์พยักหน้ารับ เข้าใจที่อีกฝ่ายพูดทันที ดูท่าโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวจะเจอบ่อยกว่าที่เขาคิด “ว่านอยากถามพี่เรื่องโรคนี้ใช่มั้ย ถามมาได้เลยนะโรคนี้ไม่ได้ติดต่อทางเลือดหรอกนะว่านแต่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ส่วนนึงถ้าพ่อของน้องยี่หวาเป็นก็มีโอกาสที่น้องจะเป็นได้ แต่ไม่ได้มากหรอก ไม่ต้องกังวล ... พ่อเขาเสียไปนานหรือยัง”

“พ่อเขายังไม่เสียครับ”

“อ้าว ก็ไหนว่า..”อามันต์พูดไม่ทันจบก็อ้าปากค้าง มองหน้าอีกฝ่ายอย่างตกใจ ความคิดหนึ่งแล่นวาบเข้ามาในหัวเหมือนสายฟ้าฟาด “เดี๋ยวนะ...”

“ว่านบอกยี่หวาว่าพ่อไปสวรรค์เพื่อตัดปัญหาครับ จริง ๆ พ่อของยี่หวายังมีชีวิตอยู่” วิวาห์พูดอย่างสงบ สบตาเขานิ่ง“พ่อของยี่หวาคือพี่อาร์มครับขอโทษด้วยที่เพิ่งจะบอก แต่ว่านติดต่อพี่อาร์มไม่ได้เลย”

“เป็นไปได้ยังไง” อามันต์พูดตะกุกตะกัก ความรู้สึกของเขาใกล้เคียงกับตอนแรกที่หมอบอกผลวินิจฉัยเมื่อหลายปีก่อนทีเดียว “ว่าน...พี่เป็นพ่อน้อง..ได้ไง”

“ว่านท้องได้ครับ” วิวาห์ตอบ“ว่านเองก็เพิ่งรู้หลังจากที่กลับมาอยู่บ้านแล้ว”

“แล้ว...ทำไม..” อามันต์ทั้งตกใจและมึนงง คนตรงหน้าเขาดึงชายเสื้อขึ้นเผยให้เห็นรอยแผลเป็นเหมือนแผลผ่าตัดพาดยาวที่หน้าท้องราวกับเป็นเครื่องยืนยันสิ่งที่พูดไปแล้ว

“รอยแผลผ่าคลอดครับ” วิวาห์พูด“ว่านพยายามติดต่อพี่อาร์มทุกทางแล้วแต่ไม่สำเร็จก็เลยไม่ได้บอก ตอนแรกตั้งใจว่าจะเก็บเอาไว้กับตัวแต่ว่า...พอได้เจอพี่อาร์มอีกครั้ง...ว่านคิดว่าควรจะต้องบอกเอาไว้ก่อน เผื่อว่า...อะไร ๆ มันจะดีขึ้น”

“พี่ไม่อยากจะเชื่อเลย” อามันต์คราง“มันเหลือเชื่อมาก ๆ”

“ครับ ทุกอย่างมัน..เกินจะเชื่อ”

ชายหนุ่มมองลึกเข้าไปในดวงตากลมโตคู่นั้น ไม่มีแววโกหกว่านไม่น่าจะโกหกเขาเรื่องสำคัญขนาดนี้ได้นอกเสียจากว่ามีเหตุผลอื่น

“พี่ขอเวลาตั้งสติหน่อยนะ”

“ตามสบายครับ”

ทั้ง ๆ ที่ว่านเป็นฝ่ายออกปากเล่าเรื่องลูกของตัวเองกับเขาแท้ ๆ ทว่าท่าทางของว่านกลับห่างเหินเย็นชาเหลือเกินว่านทำเหมือนเขาเป็นคนแปลกหน้าที่จำเป็นต้องพูดคุยเกี่ยวข้องด้วยมากกว่าพ่อของลูก

“ว่านจะกลับบ้านเมื่อไหร่” เขาถามออกไป ยกมือขึ้นนวดขมับที่เริ่มปวดตุบ ๆ

“มะรืนนี้ครับ”

“แล้วผู้หญิงคนนั้น ไม่ใช่แฟนของว่านเหรอ”

“เป็นแฟนของพี่ชายครับ”

“พี่เข้าใจผิดหมดเลยสินะ” อามันต์นึกถึงใบหน้าเล็ก ๆ ของเด็กผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาได้ ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกของว่านกับผู้หญิงคนอื่น เขาก็คงจะเอ็นดูได้สนิทใจกว่านี้ แต่ที่แท้เด็กคนนั้นกลับเป็นลูกสาวของเขาเอง “ยี่หวา...หวันยิหวา...ใช่มั้ย”

“ครับ”

“........” ในความตกใจก็ยังมีความดีใจแฝงเอาไว้ด้วยอย่างลึกล้ำ อามันต์กำมือเข้าหากันแน่น สูดลมหายใจเข้าปอดลึกยาว เขาเอื้อมมือออกไปตรงหน้าทว่าร่างโปร่งบางกลับก้าวถอยหลังทันควัน

.................................................................................................

มาอัพต่อแล้วนะคะ

ใครรอเรื่องนี้อยู่บ้าง

ชั้นว่าถ้าเขียนเรื่องนี้สำเร็จคงมีแสงเปล่งออกมาจากตาแน่นอน ฮ่าๆๆเริ่มรู้สึกว่าทำไมเราไม่เขียนพล็อตที่มันง่ายกว่านี้บ้างว้า ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่ยังอ่านต่ออยู่นะคะ แม้ว่าเรื่องนี้จะเอ่อ ๆ เอ๊ะ ๆ ไปมากก็ตาม

เจอกันตอนหน้า

#วิวาห์อามันต์


ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 o22 ต้องรู้สึกยังไงกับการหักมุม


แม่พี่อาร์มสิงยาย ิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิเอิบแน่ๆ

ออฟไลน์ angelninae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
โหห ขอให้ทุกอย่างดีขึ้นนะคะ สงสารยี่หวามากๆไม่อยากให่น้องตายเลยย  แล้วก็พี่อาร์มได้รู้ความจริงแล้วแบบนี้ คงจะไม่มีเหตุการณ์ร้ายๆอีกใช่มั้ยคะ  :hao5: :katai1:

ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5
พีคในพีคคคคค

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ฝันได้สุดมาก

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
วิวาห์ย้อนอดีตได้ใช่ไหมค่ะ รึว่าฝันเห็นอนาคต โอ่ยยๆๆๆ ทุกอย่างต้องแก้ไขได้ วิวาห์สู้ๆๆๆ :hao5:

ออฟไลน์ koyuki24

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
หวังว่าจะไม่ใช่ฝันซ้อนฝันนะคะ

ออฟไลน์ t152_rakjai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
หัก หักอีกแล้ว

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
ซ้อน ในซ้อน ซ่อนเงื่อน รักยี่หวา มากๆ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ question09

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-10

ออฟไลน์ o4u0n7

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :katai1: :katai1: :katai1:  สุดมากพลิกแล้วพีคอีก รอนะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด