พิมพ์หน้านี้ - ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: ็Hollyk ที่ 02-02-2020 19:01:50

หัวข้อ: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 02-02-2020 19:01:50
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



ยินดีต้อนรับเข้าสู่นิยายเรื่องใหม่

Nevertheless, I still miss you.

#วิวาห์อามันต์

แนวโรแมนติก

ขอบคุณค่ะ

สารบัญ

บทนำ
ตอนที่1
ตอนที่2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71542.msg4025389#msg4025389)
ตอนที่3 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71542.msg4025851#msg4025851)
ตอนที่4 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71542.msg4026347#msg4026347)
ตอนที่5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71542.msg4026582#msg4026582)
ตอนที่6 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71542.msg4027655#msg4027655)
ตอนที่7 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71542.msg4028385#msg4028385)
ตอนที่8 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71542.msg4028970#msg4028970)
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: :::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::::อัพบทนำ 2/2/2563
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 02-02-2020 19:02:39
วิวาห์อามันต์

บทนำ











“วีว่าอยู่ไหน วีว่าอยู่ไหนคะ ฮือ ๆ ยี่หวาไม่ดื้อแล้วค่ะ วีว่ากลับมานะ” เสียงร้องสะอึกสะอื้นของเด็กหญิงวัยไม่เกินห้าขวบดังก้องไปทั่วโซนสัตว์ปีกของสวนสัตว์กลางเมือง เธอหยุดยืนเช็ดน้ำตาป้อย ๆ กับชายกระโปรงบานฟูฟ่องแบบเจ้าหญิง ผมหยักศกสีอ่อนผูกโบว์เอาไว้สองข้างแกว่งไปมา “วีว่าทิ้งยี่หวาจริง ๆ เหรอคะ ยี่หวาร้องไห้แล้วนะ โกรธวีว่าจริง ๆ ด้วย” พูดจบเธอก็ทิ้งตัวลงไปนั่งกับพื้นแล้วปล่อยโฮดังลั่น

ทำเอาคนที่แอบดูอยู่ต้องรีบพุ่งออกมาจากที่ซ่อน วิวาห์ตรงเข้าไปอุ้มเด็กหญิงขึ้นมาพลางนึกบ่นอยู่ในใจว่าวิธีหนีไปซ่อนแบบนี้ไม่เห็นจะได้ผลตรงไหน มีแต่ทำให้หวันยิหวาร้องไห้งอแงยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ..พี่วิรัตน์นี่มั่วแน่ ๆ

“ไม่ร้องแล้วค่ะ วีว่าอยู่นี่แล้ว ไหนดูซิ...ร้องไห้ขี้มูกโป่ง ไม่สวยแล้วเนี่ย” ก้มลงดูใบหน้าเล็ก ๆ ที่เปื้อนขี้มูกขี้ตาอย่างน่าขัน วิวาห์ล้วงทิชชูในกระเป๋าเป้ออกมาเช็ดหน้าเด็กน้อยให้อย่างเบามือ “หยุดร้องได้แล้ว วีว่าอยู่นี่ไง”

“ฮึ” เด็กหญิงสะบัดหน้าหนี พยายามฮึบเอาไว้เพราะกลัวไม่สวย “โกรธวีว่าแล้ว”

“ดีกัน ๆ ดีกันนะคะ เอาอย่างนี้ ยี่หวาอยากดูคุณหมีขั้วโลกอีกใช่มั้ย เดี๋ยววีว่าพาไป” วิวาห์จำต้องตามใจเด็กหญิงอย่างช่วยไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเจ้าตัวมีหวังโวยวายไม่หยุดแน่

“จริงนะคะ”

“จริงค่ะ” วิวาห์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาวิรัตน์ บอกว่าขอเลื่อนเวลานัดเจอกันไปอีกครึ่งชั่วโมง เพราะสาวน้อยของเขาอยากดูหมีขั้วโลกมากจริง ๆ

“ไอ้ว่าน ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าเอาแต่ตามใจลูกมาก เจ้ายี่หวาน่ะกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจไปแล้วนะ” เสียงพี่ชายบ่นมาตามสายอย่างฉุน ๆ “แล้วจะไปสวนสนุกทันเหรอบ่ายนี้”

“เลื่อนไปเป็นพรุ่งนี้ได้มั้ยครับ แล้วบ่ายนี้เราไปเที่ยววัดแทน” วิวาห์พูดอ้อมแอ้ม อันที่จริงทริปนี้พี่ชายเป็นคนออกเงินให้เขากับลูกสาวมาเที่ยวทั้งหมด ก็เลยอดเกรงใจไม่ได้

“ยัยยี่หวาคงจะยอมหรอก ร้องหามิกกี้ตั้งแต่เมื่อคืน”

“นะพี่วัต ว่านไม่รู้จะทำยังไงแล้วนี่ ยี่หวาเล่นร้องกรี้ด ๆ อยู่กลางสวนสัตว์เลย ว่านเกรงใจคนอื่นเขา”

“แกมันก็ใจอ่อนกับลูกตลอด” พี่ชายพูด แต่วิวาห์ก็รู้ดีว่าพี่ทำพูดไปงั้นเองแหละ ความจริงคนที่ตามใจหวันยิหวามากที่สุดก็น่าจะเป็นวิรัตน์นั่นเอง ไม่อย่างนั้นคงไม่พาบินลัดฟ้ามาเที่ยวเพียงเพราะหลานบ่นอยากเห็นคุณมิกกี้เม้าส์ตัวจริงหรอก

“นาน ๆ มาเที่ยวทีนะครับ พี่วัตอย่าโหดนักเลยน่า” วิวาห์เสียงอ่อน อมยิ้มออกมาตอนพี่ชายอืออาแล้วก็วางสายไป

“วีว่า ยี่หวาขอเข้าไปดูคุณโค-อา-ล่าอีกรอบได้มั้ยคะ” เด็กหญิงเกาะแขนเขาแล้วเงยหน้าขึ้นถาม พยายามออกเสียงให้ถูกต้องตามที่วิวาห์เพิ่งสอน “นะคะ..แค่แป๊บเดียว”

“เราเหลือเวลาอีกนิดเดียวเอง ยี่หวาต้องเลือกว่าจะดูหมีขั้วโลกหรือโคอาล่านะ ไม่อย่างนั้นเราจะไปเจอคุณมิกกี้ไม่ทันนะคะ”

เด็กน้อยหน้าม่อย

“ไม่เอา ยี่หวาอยากดูทั้งสองอย่างค่ะ อยากไปเจอคุณมิกกี้ด้วย” เธอพูดเสียงแหลม “วีว่าให้ยี่หวาไปนะคะ”

“ไม่มีใครได้สมใจทุกอย่างหรอกลูก ต้องเลือกนะคะ ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องไปไหนกันล่ะ ยืนอยู่ตรงนี้แหละ” วิวาห์พูด วันนี้เขาจะแข็งใจไม่ยอมโอนอ่อนตามลูกสักครั้ง ให้มันรู้ไปว่าคนอย่างวิวาห์จะทำไม่ได้ “ยี่หวาต้องเลือกค่ะ” พูดเสียงแข็งขึ้นไม่เท่าไหร่ พอเห็นหยดน้ำตาคลอหน่วยในดวงตากลมโตเหมือนลูกแก้วคู่นั้น วิวาห์ก็ใจอ่อนยวบ ลดระดับเสียงอย่างรวดเร็ว “ยี่หวาเลือกได้หนึ่งอย่างนะคะ”

หวันยิหวาเป็นเด็กฉลาด ถึงจะเอาแต่ใจไปบ้างแต่ก็รู้ว่าเวลา ขืนมัวแต่ดันทุรังจะดูครบทุกอย่างมีหวังวีว่าหิ้วตัวกลับบ้านแน่ ๆ ดูสีหน้าที่เริ่มนิ่งเฉยนั้นก็รู้

“ยี่หวาเลือกคุณหมีขั้วโลกค่ะ” เธอตอบจ๋อย ๆ “แล้วไปดูคุณมิกกี้ตอนบ่ายด้วยได้มั้ยคะ”

“ถ้ายี่หวารีบเดิน ไม่ร้องไห้งอแงก็ทันค่ะ” ชายหนุ่มตอบเนิบ ๆ ซ่อนยิ้มเอาไว้ภายใต้สีหน้านิ่ง ๆ

กุมมือเล็ก ๆ พาเดินเที่ยวในสวนสัตว์ต่อตามที่เด็กน้อยบัญชา วิวาห์หยุดยืนรอหน้าห้องน้ำหญิงให้หวันยิหวาเข้าห้องน้ำ

“วีว่ารอตรงนี้นะ ห้ามไปไหนนะ” เจ้าตัวกำชับสองรอบถึงได้ยอมเข้าไปในห้องน้ำ สักพักก็เดินกลับมาหาหน้าตาตื่น “วีว่า ยี่หวาถูกผีหลอกค่ะ”

“อะไรลูก” วิวาห์เลิกคิ้ว “เกิดอะไรขึ้นคะ”

“ชักโครกกดเอง” ยี่หวาตอบ หันไปมองรอบห้องน้ำอย่างหวาดระแวง วิวาห์รู้ดีว่าในบรรดานกหนูแมลงต่าง ๆ ที่ยี่หวากลัวนั้น ยังไม่ถึงครึ่งความหวาดกลัวที่มีต่อภูตผีปีศาจ “ยี่หวาว่าในห้องนี้จะต้องมีผีแม่หม้าย” เด็กหญิงฟันธง

คนฟังเกือบสำลักน้ำลาย หันไปส่งยิ้มแหย ๆ ให้ผู้หญิงอีกคนที่เดินสวนออกมาพอดีอย่างขออภัย ลืมไปว่ายังไงเธอก็คงฟังภาษาไทยไม่ออกอยู่แล้ว

“ผีแม่หม้ายอะไรลูก ไปฟังมาจากไหน” วิวาห์รีบลากเด็กหญิงออกมาจากห้องน้ำ ตรงกลับไปที่รถบัสทันควัน

เด็กหญิงพูดจ้อย ๆ ถึงเรื่องตำนานผีแม่หม้ายที่ยายเอิบเล่าให้ฟัง วิวาห์ตั้งใจว่ากลับบ้านไปเมื่อไหร่จะต้องไปจัดการยายพี่เลี้ยงเสียหน่อยแล้ว ชอบเล่าอะไรไม่รู้ให้ลูกเขาฟัง

“ลุงวัต ยี่หวาอยู่นี่ค่ะ” รถบัสแล่นเข้าไปจอดที่หน้าสถานีรถไฟที่มีร่างสูงใหญ่ของวิรัตน์ยืนรออยู่ก่อนแล้ว วิวาห์รีบจูงมือลูกสาวเดินเข้าไปหาพี่ชาย

“มาพอดี เจ้าตัวแสบ เกือบไม่ทันรถไฟแล้วมั้ยล่ะ” วิรัตน์คว้ามือหลานสาวอีกข้างหนึ่ง อีกมือก็ลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไปด้วย พาเดินเข้าไปในสถานีรถไฟที่เต็มไปด้วยผู้คนจอแจ วิวาห์กระชับมือหวันยิหวาเอาไว้มั่นเพราะกลัวพลัดหลง สุดท้ายเลยอุ้มขึ้นมาเสียเอง ปล่อยหน้าที่ลากกระเป๋าอีกใบให้พี่ชายจัดการ

“คันนี้ ว่าน” วิวาห์อุ้มลูกเดินตามพี่ชายเข้าไปนั่งบนรถไฟความเร็วสูง หวันยิหวาหันมองทางนู้นทีทางนี้ทีอย่างตื่นเต้น

“วีว่าดูสิคะ ลายน้องเหมียวคิตตี้ล่ะ สวยมั้ยคะ”

“สวย ๆ” วิวาห์ตอบ “แล้วพี่เบสต์ล่ะครับ” เขาถามหาคนรักของพี่ชายที่กำลังจะแต่งงานกันในอีกสองเดือนข้างหน้า

“เบสต์ไปรอที่นู่นแล้ว เดี๋ยวไปเจอกัน” วิรัตย์ตอบยิ้ม ๆ

“วีว่า ยี่หวาปวดฉี่อีกแล้ว”

“อั้นเอาไว้ก่อนได้มั้ยเรา” วิรัตน์พูด “เดี๋ยวตกรถไฟ รถจะออกแล้ว”

“เด็กผู้หญิงกลั้นฉี่ไม่ดีนะพี่วัต ยี่หวาเคยติดเชื้อทางเดินปัสสาวะเพราะกลั้นฉี่มาแล้วด้วย หมอบอกเอาไว้” วิวาห์พูดอย่างกังวล มองหน้าลูก “ปวดมากหรือเปล่า”

“ปวดมากเลยค่ะ” เด็กหญิงพยักหน้า วิรัตน์ถอนหายใจเฮือก

“งั้นเราเอาลูกไปห้องน้ำก่อน ฉันจะรอในรถ ขี้เกียจขนกระเป๋าไปมา มีเวลาประมาณสิบนาที ถ้ามาไม่ทันก็รอขึ้นขบวนถัดไปนะ อีกสิบนาทีถัดไป”

“ครับพี่วัต ไม่ต้องห่วง” วิวาห์อุ้มลูกสาวพาออกมาจากรถไฟอีกรอบ เดินหาห้องน้ำในสถานีจนเจอแล้วก็พาลูกเข้าห้องน้ำ ยืนรออย่างกระวนกระวายนิด ๆ จนลูกสาวเดินหน้าระรื่นออกมาสะบัดน้ำใส่เขา

“ไม่เอาลูก สกปรกหมด” วิวาห์ขมวดคิ้ว อีกฝ่ายหัวเราะคิกคัก ใช้ฝ่ามือเปียก ๆ มาทาบบนเสื้อของเขาอีกจนขึ้นรอยฝ่ามือเล็ก ๆ

“น่ารัก”

“หวันยิหวา” วิวาห์เรียกชื่อเต็ม เด็กหญิงเลยแลบลิ้นออกมา เข้ามาเกาะมือผู้ใหญ่อย่างประจบ

“ยี่หวาหิวจังค่ะ ท้องร้องจ๊อก ๆ เลย”

“ขอกินไอติมใช่มั้ย” วิวาห์ดักคอ อีกฝ่ายยิ้มหวาน ริมฝีปากแดงสดกับฟันน้ำนมซี่เล็ก ๆ ทำให้วิวาห์ถอนหายใจเฮือกอีกรอบ “เอารสอะไร”

เห็นทีเขาคงไม่มีทางขัดใจเด็กคนนี้ได้เลย

.............................................................................

“เราอยู่ที่ไหนกันคะวีว่า” หวันยิหวาถาม ชะเง้อคอมองไปรอบ ๆ สถานีเล็ก ๆ แห่งหนึ่งล้อมรอบด้วยบ้านเรือนและสวนผักดูสงบเงียบ ตรงข้ามกับจุดมุ่งหมายที่ต้องการจะไปมาก “ไหนคุณมิกกี้คะ”

“น่าจะลงผิดสถานีน่ะ” วิวาห์อ้อมแอ้ม หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูแผนที่อีกรอบ ก็ไหนวิรัตน์ว่าอีกสิบนาทีให้ขึ้นคันที่มาใหม่ไง เขาก็ดูชื่อขบวนแล้วนะ สรุปว่าลงผิดสถานีหรือขึ้นผิดคันกันแน่ “ยี่หวาเกาะวีว่าเอาไว้ก่อนนะคะ เดี๋ยววีว่าไปถามเขาก่อน” ชายหนุ่มเดินเข้าไปติดต่อสอบถามจนห้องควบคุมจนรู้ว่าตัวเองลงผิดสถานีจริง ๆ เขาควรจะต้องลงเมื่อสถานีที่แล้วเพื่อเปลี่ยนคันใหม่ไปอีกทาง

“รออีกยี่สิบนาทีนั่งกลับไปสถานีก่อนหน้าแล้วขึ้นอีกคันนึง” วิวาห์ทวนคำอย่างหงอย ๆ เหลือบดูนาฬิกาข้อมือแล้วก็พบว่าคงไปดูโชว์คุณมิกกี้ไม่ทันแน่ ๆ “ยี่หวาคะ ถ้าเราอดดูคุณมิกกี้ยี่หวาจะเสียใจมั้ย”

“เสียใจมากเลยค่ะ” แค่พูด หวันยิหวาก็น้ำตาคลอ “ทำไมถึงอดดูล่ะคะ”

“เพราะเราลงรถผิดสถานีค่ะ”

“แล้ว..แล้วเราจะได้เจอคุณมิกกี้มั้ยคะ” เสียงเครือของลูกสาวทำเอาคนฟังรู้สึกผิด วิวาห์ยกมือขึ้นลูบเส้นผมอ่อนนุ่มเบา ๆ

“วีว่าขอโทษนะคะ” ..คนอย่างเขานี่มันไม่ได้เรื่องเลยจริง ๆ ให้ตายสิ

เด็กหญิงนั่งน้ำตาร่วงเผาะ วิวาห์โทรหาพี่ชายอีกรอบ ฝ่ายนั้นดูไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เขาลงผิดสถานี แค่บอกว่าให้รีบตามมาเท่านั้น

วิวาห์จูงมือเด็กหญิงมานั่งรอที่ม้านั่งยาวบนสถานี อากาศเริ่มหนาวขึ้นนิด ๆ ชายหนุ่มถอดผ้าพันคอของตัวเองออกพันให้ลูก

ใกล้เวลาที่รถไฟจะมา เริ่มมีคนอื่น ๆ เดินขึ้นมารอบนสถานีบ้าง หญิงสาวคนหนึ่งเดินมานั่งข้าง ๆ เขา วิวาห์ขยับตัวเพิ่มพื้นที่บนม้านั่งให้ ผู้ชายอีกคนเดินมานั่งถัดไปจากหญิงสาวคนนั้น

บรรยากาศเงียบสงัดจนแทบจะได้ยินเสียงหายใจกัน วิวาห์รู้ว่าที่นี่เคารพความเป็นส่วนตัวของคนอื่นมาก ๆ โชคดีที่หวันยิหวาไม่ร้องไห้โวยวายอีก ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่รู้จะพาลูกไปรอที่ไหน เด็กน้อยนั่งโงกหลับซบอยู่กับตักของเขา รออีกครู่หนึ่งรถไฟก็มาพอดี วิวาห์ช้อนตัวลูกขึ้นมาอุ้ม เดินเข้าไปต่อแถวรอขึ้นรถไฟ

มีที่นั่งเหลืออีกหนึ่งที่ วิวาห์รีบเดินไปนั่งแล้วให้หวันยิหวานั่งตัก เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูแผนที่อีกครั้งเพื่อความมั่นใจ คราวนี้จะไม่พลาดแน่ ๆ

“ขอโทษนะ นี่ของคุณหรือเปล่า” ภาษาอังกฤษชัดเปรี๊ยะดังขึ้นเหนือหัวพร้อมกับพวงกุญแจรูปแมวถูกส่งมาให้ วิวาห์เบิกตากว้าง

“ใช่ครับ ขอบคุณมาก” เขารับมาดูใกล้ ๆ ตรงหูคล้องมันขาดไป คงเป็นตอนที่เบียดคนแน่ ๆ ไม่รู้ว่าหลุดตอนไหน วิวาห์รีบเก็บพวงกุญแจใส่กระเป๋าเอาไว้ก่อน เงยหน้าขึ้นมองพลเมืองดีที่ช่วยเก็บของให้เขา

อีกฝ่ายสวมหมวกไหมพรมกับหน้ากากอนามัยเอาไว้ เห็นเพียงแค่สันคิ้วเข้มกับดวงตาคมกริบ ทว่า..เพียงเท่านั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หัวใจของวิวาห์หยุดเต้นไปวูบหนึ่งแล้วกลับเต้นรัวแรง

รถจอดถึงสถานีพอดี คน ๆ นั้นก้าวลงไปจากรถไฟก่อน วิวาห์อุ้มหวันยิหวาขึ้นแล้วก้าวตามหลังออกมาอย่างตกใจ คนบนสถานีหนาแน่นจนไม่อาจวิ่งตามหลังผู้ชายคนนั้นได้ พริบตาเดียวร่างสูงใหญ่นั้นก็หายไปในกลุ่มฝูงคน

“ถึงแล้วเหรอคะวีว่า” เด็กน้อยในอ้อมกอดของเขาพูดงัวเงีย วิวาห์ละสายตาจากบันไดเลื่อน หันกลับมาตั้งสติ

“ยังค่ะ เราต้องต่อรถ ต่อรถ...คันไหนนะ” ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดผิดกดถูกอยู่พักหนึ่งถึงได้พาลูกสาวขึ้นรถไฟถูกขบวนไปยังสวนสนุกได้

วิวาห์ใจลอยไปตลอดทาง แทบไม่ได้ฟังคำพูดของเด็กน้อยจนเธอเบะปากร้องไห้ว่าวีว่าไม่รัก วิวาห์โล่งอกมากทีเดียวที่มาจุดหมายได้ในที่สุด พี่ชายของเขากับคนรักเดินเข้ามาสมทบ พอวิรัตน์เห็นหน้าน้องก็ขมวดคิ้ว

“เป็นอะไร หรือว่าไม่สบาย? ”

“ว่านเปล่า” วิวาห์ส่ายหน้าหวือ “ลงผิดสถานีนิดหน่อย คนเยอะเลยเวียนหัว” เขาแก้ตัว

วิรัตน์พยักหน้ารับ ไม่ได้ซักไซ้อะไรอีก พี่เบสต์ทักทายเขากับลูกสาวอย่างเป็นกันเอง เธอยังเป็นหญิงสาวที่สดใสร่าเริงไม่เปลี่ยน บางทีวิวาห์ก็อิจฉาพี่วัตเหมือนกันที่หาคนแบบพี่เบสต์เจอ

“น้องว่านมาเหนื่อย ๆ เดี๋ยวพี่ช่วยดูยี่หวาให้นะคะ” เธอพูดยิ้ม ๆ “เราไปเล่นม้าหมุนกันดีไหม”

พี่เบสต์เข้ากับหวันยี่หวาได้ดีมาก นี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่พี่วัตเลือกเธอก็เป็นได้ วิวาห์ปล่อยให้ทั้งสามคนขึ้นไปเล่นเครื่องเล่นกัน เขาไม่ค่อยนึกอยากเล่นอะไรที่ชวนเวียนหัวตอนนี้เท่าไหร่

แอบมานั่งเงียบ ๆ คนเดียวตรงมุมหนึ่งในร้านอาหาร นักท่องเที่ยวพลุกพล่านทีเดียวสมกับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมือง ได้ยินเสียงคนพูดภาษาบ้านเกิดอยู่บ่อย ๆ ดูท่าคงจะมีคนหนีร้อนมาต่างประเทศเยอะเหมือนกัน วิวาห์นั่งคิดไปคิดมาก็แวบไปถึงคนที่เจอโดยบังเอิญบนรถไฟนั้น

...ห้าปีที่หายสาบสูญติดต่อไม่ได้...ห้าปีที่ไม่ส่งข่าวจนนึกว่าอยู่กันคนละโลกไปแล้ว ทั้งที่จบกันด้วยดีแท้ ๆ ...วิวาห์กำมือเข้าหากันแน่น ความรู้สึกปวดมวนท้องที่คุ้นเคยเริ่มกลับมาอีกครั้งตอนที่นึกถึงคน ๆ นั้น

พี่อาร์ม..

.....................................................................

“ห้องพักเต็ม? ...แต่ผมจองออนไลน์มาแล้วนะ คุณจะบอกไม่มีห้องได้ยังไง” เสียงพี่วิรัตน์โวยวายอยู่ที่หน้าเคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของโรงแรม ดูเหมือนว่าห้องที่จองเอาไว้จะเกิดความผิดพลาดขึ้นซักอย่าง วิวาห์ได้ยินพี่ชายพูดตกลงอะไรกับพนักงานอยู่แว่ว ๆ นัยว่าให้เรียกเจ้าของมาเคลียร์กันอีกรอบ

“พี่วัต งั้นว่านพายี่หวาไปนอนรอตรงโซฟาก่อนได้มั้ย น้องง่วงมาก” วิวาห์สะกิดบอกพี่ชาย วิรัตน์เห็นหลานยืนโงกหลับกลางอากาศก็พยักหน้ารับ วันนี้ที่สวนสนุกคงใช้พลังงานไปจนหมดก๊อก ถึงได้หมดเรี่ยวหมดแรงยืนไม่อยู่แบบนี้

วิวาห์อุ้มเด็กหญิงมานอนรอที่โซฟาข้างหน้าอยู่พักใหญ่ พี่ชายกับแฟนก็เดินกลับมารวมกลุ่ม วิรัตน์ท่าทางหัวเสียพอดู

“เว็ปไม่ได้เรื่อง คราวหน้าฉันจะไม่ใช่บริการมันอีกแล้ว” วิศวกรหนุ่มพูดอย่างฉุนเฉียว

“ใจเย็น ๆ ค่ะ ช่วงนี้นักท่องเที่ยวเยอะก็คงผิดพลาดกันได้” บูรณาปลอบใจ เธอลูบแขนคนรักเบา ๆ “น้องว่าน ไปกันเถอะค่ะ เราต้องเดินอีกนิดนึงก่อนเข้าที่พักกัน”

“พักที่ไหนเหรอครับ” วิวาห์ถามงง ๆ

“เป็นบ้านพักจ้ะ เจ้าของโรงแรมที่นี่เขารับผิดชอบด้วยการจองบ้านให้เราแทน”

“ก็ดีสิครับ” วิวาห์พูด

“ดีกับผีน่ะสิ อยู่กับใครอีกบ้างก็ไม่รู้เต็มบ้าน”

“หรือคุณจะยอมเสียอีกหมื่นนึงเช่าโรงแรมข้าง ๆ นี้นอนล่ะคะ” บูรณาพูดเสียงแข็งขึ้น วิรัตน์หน้าบูดไม่พูดอะไรออกมาอีก ตรงเข้ามาลากกระเป๋าพาเดินลิ่ว ๆ กลับออกไปจากโรงแรม

“พี่วัตเขาคงเหนื่อยมาทั้งวันน่ะครับ ก็เลยโมโหเอา” วิวาห์รีบแก้ให้พี่ชาย

“พี่ชินแล้วล่ะว่าน” บูรณาหัวเราะ “มาเที่ยวก็แบบนี้ล่ะ ไม่มีอะไรได้ดั่งใจตลอดหรอก นอนไม่กี่คืนเอง ถ้าไม่ถูกใจ พรุ่งนี้ค่อยย้ายก็ได้”

วิวาห์อุ้มลูกสาวที่หลับคอพับคออ่อนเอาไว้มือหนึ่ง อีกมือก็ลากกระเป๋าเดินตามหลังพวกเขาออกมาด้วย ที่พักใหม่ของพวกเขาอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมแห่งนั้นเท่าไหร่ เดินนิดเดียวก็ถึง เป็นบ้านหลักเล็ก ๆ ท่าทางน่าสบาย พอไขกุญแจเข้าไปด้านในก็รู้สึกอบอุ่นเพราะฮีทเตอร์และการประดับตกแต่งน่ารัก

“ฉันชอบที่นี่นะ” บูรณาพูดยิ้ม ๆ ช่วยวิวาห์ลากกระเป๋าขึ้นบันได “ถึงจะเล็กไปหน่อยก็เถอะ แต่อยู่กันสี่คนสบายออก”

“นั่นสิ ไม่มีใครพักอยู่เลย...คงมีแค่พวกเรา” วิรัตน์พูดด้วยเสียงอ่อนลง ช่วยคนรักหิ้วกระเป๋าขึ้นไปเก็บบนห้องข้างบน “นอนเสื่อแฮะ ไหวมั้ย” เขาหันมาถามน้อง ๆ

“ไหวอยู่แล้วครับ” วิวาห์ยิ้มกว้าง เขาชอบบ้านหลังนี้มาก “ยี่หวาคงชอบเหมือนกัน”

“รายนี้ไปเฝ้าพระอินทร์แล้วไม่กลับลงมาอีกเลย” คนเป็นลุงพูด ก้มลงหอมแก้มหลานสาวที่หลับปุ๋ยอย่างมันเขี้ยว “ว่านพาลูกไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน จะได้รีบเข้านอน”

“ครับพี่วัต”

วิวาห์อุ้มลูกสาวพร้อมกระเป๋าใส่ของจุกจิกอย่างเช่นแปรงสีฟัน ยาสีฟัน และเสื้อผ้าของลูกลงไปยังห้องน้ำชั้นล่าง เขย่าตัวปลุกยี่หวาขึ้นมาแปรงฟันอย่างงัวเงียแล้วก็จับอาบน้ำแต่งตัวให้ใหม่

“ห้องน้ำว่างแล้วครับพี่เบสต์” วิวาห์บอกว่าที่พี่สะใภ้อย่างเกรงใจ

“น้องว่านอาบก่อนเลยก็ได้นะ ได้เข้านอนพร้อมลูก”

“ไม่เป็นไรครับ ว่านยังไม่ง่วง” วิวาห์ส่ายหน้า

หญิงสาวลุกขึ้นไปอาบน้ำแล้ว วิวาห์จัดที่นอนให้เข้าที่ พี่เบสต์นอนริมด้านในสุดตามด้วยพี่วัตและยี่หวา ส่วนเขานอนริมประตู พาลูกเข้านอนเรียบร้อย วิวาห์ก็ถอยมานั่งดูรูปในโทรศัพท์และข้อความจากเมืองไทย พี่ป้องหัวหน้าทีมบรรณาธิการส่งข้อความมาหาเขาบอกอยากให้รีบกลับไปเร็ว ๆ อย่าลืมของฝากด้วย

วิวาห์เบ้ปาก ขาดเขาทีมก็คงวุ่นวายมากเลยสินะ ไม่มีเมเนเจอร์เบ๊ล่ะซิ ...บ่นไปก็เท่านั้น สำหรับคนที่เรียนไม่จบปริญญาตรีอย่างเขามีทางเลือกไม่มากนักหรอก ต้องขอบคุณพี่แทนที่ช่วยฝากเขาเข้าทำงานที่บริษัทสื่อสิ่งพิมพ์แห่งนี้ได้สำเร็จหลังจากที่เขาลาออกมาจากมหาวิทยาลัยเมื่อห้าปีก่อนทั้งที่อีกปีเดียวจะจบ

พยายามสมัครเรียนที่มหาวิทยาลัยเปิดเพื่อเอาใบปริญญา ทว่าคนที่ต้องวิ่งหาเงินเลี้ยงลูกอย่างเขาไม่มีเวลามากนัก ถึงแม้ว่าพี่น้องจะพร้อมให้หยิบยืมอยู่เสมอก็ตาม วิวาห์ก็ไม่อยากรบกวนบ่อย ๆ อยู่ดี

ในบรรดาพี่น้องสามคนเขาคือคนที่ไม่ได้เรื่องที่สุด เรื่องเรียนไม่เป็นโล้เป็นพาย เพราะหัวไม่ดีมาแต่ไหนแต่ไร เรื่องงานก็...อย่าไปพูดถึงมันเลย

ความคิดย้อนกลับไปถึงตอนนั้นอีกครั้ง วิวาห์ส่ายหน้า รีบลุกขึ้นยืนทันที หันไปดูลูกสาวยังนอนหลับสนิทอยู่ก็วางใจ แอบย่องออกมาจากห้องนอน สวนกับพี่ชายและแฟนตรงทางเดิน เขาพยักหน้าให้แล้วรีบเดินลงบันไดไปโดยเร็ว ไม่อยากรบกวนพี่ชายกับคนรักอยู่กันสองต่อสอง

ลงมาเข้าห้องน้ำชั้นล่าง อากาศข้างนอกเริ่มหนาวจนวิวาห์ตัวสั่นถึงแม้ว่าน้ำจะอุ่นก็ตาม เขารีบอาบน้ำจนเสร็จแล้วเช็ดตัว ได้ยินเสียงฝีเท้ากุกกักดังอยู่ข้างหน้าห้องกับเสียงไอ

“พี่วัตเหรอครับ แป๊บนึงนะ ว่านจะเสร็จแล้ว” เขารีบสวมเสื้อผ้า คว้าผ้าเช็ดตัวมาคลุมเส้นผมที่เปียกชื้นเอาไว้ลวก ๆ “เสร็จแล้วครับ”

ร่างสูงใหญ่ของคน ๆ หนึ่งหยุดยืนอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทางประหลาดใจ นัยน์ตาคมกริบสีดำสนิทเป็นประกายวาบก่อนจะจางหายไปกลายเป็นดำมืดเหมือนน้ำบ่อลึกเหมือนเดิม

“พี่อาร์ม” วิวาห์ใจหายวูบ เงยหน้าขึ้นมองหน้าอีกฝ่ายเต็มตา อามันต์ดูผอมลงนิดหน่อย ผิวคล้ำขึ้นเล็กน้อย เส้นผมหยักศกรวบเอาไว้เป็นหางม้าด้านหลัง รอยสักที่โผล่ออกมาจากคอเสื้อและข้อมือยังเหมือนเดิม...เหมือนเดิมไม่มีผิด

“ไม่เจอกันนาน” อีกฝ่ายทัก เสียงของอามันต์แหบนิด ๆ เป็นเอกลักษณ์ไม่เปลี่ยนแปลง “มาเที่ยวเหรอ”

“ครับ” วิวาห์หลุดปากแล้วก็เม้มปากแน่น รีบเดินหนีผ่านหน้าอีกฝ่ายขึ้นบันไดมาชั้นบนแทบจะเป็นวิ่ง พอวิรัตน์เห็นหาน้องชายก็ขมวดคิ้ว

“เป็นอะไร เจอผีหรือไง”

“ยิ่งกว่าผีอีกพี่วัต” วิวาห์พูดตื่น ๆ “พี่อาร์ม...พี่อาร์มอยู่ข้างล่าง”

“อาร์มไหนวะ...เห้ย อะไรนะ ไอ้หน้าตัวเมียนั่นน่ะเรอะ” วิรัตน์อุทาน น้องชายรีบเข้ามาปิดปาก

“เบา ๆ หน่อยซิครับ โธ่”

“จะเบาได้ยังไง มันทิ้งแกไปไม่ใช่หรือไง” พี่ชายโกรธจนหน้าแดง ผุดลุกขึ้นยืน “ฉันจะไปเคลียร์กับมัน เอาเลือดหัวมันออก ไม่งั้นนอนไม่หลับ”

“ไม่เอา...อย่าไปนะพี่วัต ไม่งั้นว่านโกรธนะ” วิวาห์พูดเสียงแข็งขึ้น “นั่งลงเถอะ พี่อาร์มเขาไม่ได้ทิ้งว่าน เราจบกันด้วยดี เป็นพี่น้องกัน”

“พี่น้อง?! ” วิรัตน์ถลึงตา “แกเข้าไปนอนได้แล้ว ฉันจัดการเอง”

“พี่วัต...ถ้าพี่วัตไป ว่านจะล็อกห้อง พี่วัตไปนอนข้างนอกบ้านเลยนะ”

วิรัตน์ชะงัก เขารู้ดีว่าน้องชายไม่ได้ขู่ ถึงวิวาห์จะไม่ได้เรื่องหลายอย่าง แต่บางเรื่องที่เจ้าตัวเอาจริงขึ้นมา ก็ไม่มีใครกล้าขัด

อย่างเช่นเรื่องของนายอามันต์เป็นต้น

“อย่าบอกนะว่าแกยังหลงรักมันอยู่” วิรัตน์พูดอย่างไม่อยากเชื่อ “บ้าเหรอเปล่า มันทิ้งแกไปนะ ตั้งแต่ตอนที่ดังแล้วแยกวงก็ทีหนึ่งแล้ว แล้วยังมาเรื่อง...”

คิ้วเรียวยาวของวิวาห์ขมวดเข้าหากัน ดวงตากลมโตที่ดูจะเป็นจุดเด่นที่สุดบนใบหน้านั้นเหลือบมองไปทางลูกสาวที่หลับสนิทอยู่แทนการเตือน ทำให้วิรัตน์ยอมหยุด

“พี่วัตเข้าไปนอนเถอะ” วิวาห์พูดเนิบ ๆ แตะไหล่พี่ชายแล้วดันเข้าไปในห้อง “พรุ่งนี้มีแพลนเที่ยวอีกเยอะแยะ เดี๋ยวพักผ่อนไม่พอจะไม่สบายเอา”

คนเป็นพี่จุ๊ปากจิ๊กจั๊กอย่างหงุดหงิด แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมากกว่านั้น เขาเคารพการตัดสินใจของน้องชายตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อนจนถึงตอนนี้

“ฉันบอกแกแล้ว เตือนแล้วนะ”

“ว่านรู้น่า” วิวาห์พึมพำ กวาดตามองระเบียงที่ว่างเปล่าข้างนอกห้องอีกรอบ นึกสงสัยขึ้นมาว่าผู้ชายคนนั้นจะพักอยู่ห้องไหนในบ้านหลังนี้ แต่แล้วก็ส่ายหน้าตัดความสงสัยใคร่รู้พวกนั้นทิ้งเสีย

วิวาห์นอนไม่หลับ เขาได้ยินเสียงฝีเท้านั้นเดินผ่านหน้าห้องของพวกเขาไปยังห้องพักข้าง ๆ ที่อยู่ติดกัน ความรู้สึกที่ยากจะบรรยายผุดพร่างเต็มอก ได้แต่นอนพลิกตัวด้วยความกระสับกระส่าย สุดท้ายก็ข่มใจหลับไปทั้งอย่างนั้น

ตื่นตอนเช้าด้วยความปวดหัวเพราะนอนไม่พอ วิวาห์เอื้อมมือไปกดปิดนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์แล้วลุกขึ้นนั่งโงนเงนในความมืด เขาตื่นเป็นคนแรกเพราะต้องรีบจัดการตัวเองให้เสร็จก่อนที่จะช่วยลูกสาวอาบน้ำต่อ

หอบเสื้อผ้าเดินหาวออกมาจากห้องนอนตรงไปยังห้องน้ำเพื่อจะพบว่ามีคนเข้าอยู่ก่อนแล้ว ได้ยินเสียงกดชักโครกก่อนที่ประตูจะเปิดออก จะหลบก็หลบไม่ทัน เขาประจันหน้ากับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เหมือนยักษ์เข้าเต็ม ๆ

“เข้าห้องน้ำเหรอ” อีกฝ่ายทักเหมือนไม่มีอะไรจะพูด “เอาสิ”

“พี่อาร์มเป็นไงบ้าง มาเที่ยวเหรอครับ” วิวาห์พูดเร็วปรื๋อ สบตาอีกฝ่ายแวบหนึ่ง

“ใช่ ก็เรื่อย ๆ แหละ เราล่ะ เห็นมากับครอบครัว...คนนั้นแฟนเหรอ”

“ครับ” วิวาห์รับคำไปตามเรื่อง

“แต่งงานเมื่อไหร่”

“ก็..นานแล้วครับ”

“เด็กคนนั้นคงเป็นลูกสาว”

“ครับ” วิวาห์ก้มหน้าลง กลัวว่าอีกฝ่ายจะเห็นแววตาของเขาเข้า “ผม..ขอเข้าห้องน้ำได้มั้ยครับ”

“อ๋อได้ ...เอาสิ ตามสบาย” อีกฝ่ายตอบกลับมาเนิบ ๆ น้ำเสียงแหบเสน่ห์ที่ทำให้เจ้าตัวโด่งดังเมื่อหลายปีก่อนยังคงเหมือนเดิม “พักอยู่กี่คืนล่ะ”

“ผมไม่แน่ใจ”

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมเข้มนั้น

“ไม่ต้องเกร็งหรอกน่ะ จะเกร็งทำไมกัน หรือว่ายังโกรธพี่อยู่”

วิวาห์ส่ายหน้า เขายอมรับและอโหสิให้อีกฝ่ายนานแล้ว

“ตอนนี้ทำงานที่ไหน” อามันต์ถามต่อมาอีก มือล้วงกระเป๋าด้วยท่าทางที่เป็นธรรมชาติทว่าแสนจะดูดีเหลือเกิน วิวาห์ก้มหน้าอีกครั้ง ขณะที่อีกฝ่ายยังหล่อเหลาจับตา เสื้อผ้าหน้าผมบอกฐานะอยู่ในตัวโดยไม่ต้องอธิบายมาก เขากลับเป็นเด็กที่เลี้ยงไม่โต เรียนไม่จบ ทำงานเป็นเสมียนกิ๊กก๊อกเงินเดือนไม่พอใช้ เกาะพี่ชายเลี้ยงลูกไปวัน ๆ

“ทำบริษัท” วิวาห์ตอบแค่นั้น อีกฝ่ายไม่ได้ถามต่ออีกราวกับแค่ถามไปตามมารยาทอย่างนั้นเอง

“ไม่ได้เจอกันนาน คิดถึง” อามันต์ยกมือขึ้นเหมือนจะแตะที่ศีรษะของเขาแต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นลูบท้ายทอยของตัวเอง “เห็นสบายดีก็โอเค”

“พี่อาร์มทำงานที่ไหน” วิวาห์ถามกลับไปบ้าง “ยังร้องเพลงอยู่หรือเปล่า”

อามันต์ดูประหลาดใจที่ได้ยินคำถามของเขา

“พี่เที่ยวไปเรื่อย ๆ น่ะ ไม่ได้ทำงานประจำหรอก”

วิวาห์เม้มปาก จริงสิ...ตอนนั้นอามันต์ดังเป็นพลุแตก ต่อให้ไม่ทำงานก็ยังมีกินมีใช้ไปทั้งชาติ แถมที่บ้านของชายหนุ่มก็รวยอยู่แล้วเดิม เขาจำได้ว่าเคยไปบ้านของอีกฝ่ายพักหนึ่งสมัยที่ยัง... วิวาห์รีบหยุดความคิด

“เที่ยวให้สนุกนะครับ” วิวาห์พูดออกไปแล้วก็รีบพุ่งเข้าไปในห้องน้ำ ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องน้ำแรง ๆ ก็ขมวดคิ้ว ..อะไรกันอีก ต่างคนต่างอยู่ไม่ได้หรือยังไง..

“เธอลืมถุงเสื้อผ้าเอาไว้ข้างนอก ...วิวาห์” เสียงของอามันต์ดังอยู่หน้าประตูห้องน้ำ วิวาห์เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขาทิ้งห่อเสื้อผ้าตัวเองเอาไว้ที่พื้นทั้งห่อ กลั้นใจเปิดประตูโผล่หน้าออกมา

“ขอบคุณครับ”

วิวาห์รับถุงเสื้อผ้ามากอดเอาไว้ รีบปิดประตูห้องน้ำลงกลอน หัวใจเต้นตึก ๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาหลายปี สูดลมหายใจเข้าออกลึก ๆ ยาว ๆ นึกถึงความเสียใจในวันนั้นเอาไว้

...แต่พี่อาร์มก็ไม่ใช่คนเดียวที่ผิด ในเวลานั้น เพราะความอ่อนต่อโลกของเขาทำให้กระโจนลงไปในวังวนแห่งความรักเมื่อหลายปีก่อนนั้นด้วยความเต็มใจ

และก็กลับออกมาอย่างบอบช้ำสะบักสะบอม ยอมรับผลของการกระทำนั้น...ด้วยความเต็มใจเช่นกัน

................................................................................



มาเปิดเรื่องใหม่

เนื่องจากทางเราได้ตัดสินใจปิดเรื่อง #ที่ไม่รัก ไปแล้วนะคะจากเหตุผลตามที่แจ้ง ก็เลยรู้สึกหว่าเว้หงอยเหงามากเว่อ เลยขุดเอาพล็อต Mpreg ที่รักอีกเรื่องมาเขียนให้หายจ๋อยเสียเลย เรื่องนี้ค่อนข้างซอฟต์ คิดว่านะ ฮ่าๆ ตามหลักก็คือไม่สปอย ขอบคุณทุกคนมากที่ยังสนับสนุนกันอย่างดี มีกำลังใจมาต่อมากค่ะ หวังว่าเรื่องนี้จะชอบนะคะ

ใครเล่นทวิต ใช้แท็ก #วิวาห์อามันต์

เจอกันตอนหน้านะคะ

หัวข้อ: Re: :::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::::อัพบทนำ 2/2/2563
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 02-02-2020 22:16:17
เปิดเรื่องได้น่าสนใจมากกกกกก ตามๆๆๆ :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: :::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::::อัพบทนำ 2/2/2563
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 02-02-2020 22:42:06
เรื่องในอดีตน่าจะดราม่าหนักอยู่นะ.. :m29:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: :::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::::อัพบทนำ 2/2/2563
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 02-02-2020 22:55:13
 :mc4:
หัวข้อ: Re: :::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::::อัพบทนำ 2/2/2563
เริ่มหัวข้อโดย: bnmshhhhhhh ที่ 02-02-2020 23:30:52
รอติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: :::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::::อัพบทนำ 2/2/2563
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 02-02-2020 23:51:14
งะ อยากอ่านทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: :::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::::อัพบทนำ 2/2/2563
เริ่มหัวข้อโดย: Moonoii ที่ 03-02-2020 00:59:27
ไรท์แต่งแบบมีลูกก่อนอีกแล้ว อยากอ่านแบบรักกันแล้วค่อยมีลูกบ้าง
หัวข้อ: Re: :::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::::อัพบทนำ 2/2/2563
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 03-02-2020 01:29:03
ยังไงกันนน  :o12:
หัวข้อ: Re: :::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::::อัพบทนำ 2/2/2563
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 03-02-2020 02:08:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: :::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::::อัพบทนำ 2/2/2563
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 03-02-2020 08:17:55
รักๆ วีว่า
หัวข้อ: Re: :::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::::อัพบทนำ 2/2/2563
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 03-02-2020 11:10:44
ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: :::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::::อัพบทนำ 2/2/2563
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 04-02-2020 02:54:24
ยังไงเนี่ยยย เปิดมาก็เศร้าแล้ว :ling3:
หัวข้อ: Re: :::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์:::ตอนที่1 4/2/63
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 04-02-2020 20:55:02
วิวาห์อามันต์

ตอนที่ 1











“ไหนหันมาอีกข้างซิคะ” วิวาห์พูดกับลูกสาว มือก็ถักจับเส้นผมหยักสลวยนั้นมาถักเป็นเปียเล็ก ๆ ให้อย่างคล่องแคล่ว ก็เขาฝึกทำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนี่นะ “วันนี้ผูกโบว์สีอะไรดี สีเหลืองดีมั้ยคะเข้ากับชุด”

หวันยิหวาหันมาเลือกโบว์หลากสีหลายแบบในกระเป๋าลายมิกกี้เม้าส์ที่เพิ่งซื้อมาใหม่ ลังเลอยู่อึดใจก็หยิบโบว์สีเหลืองเข้ากับชุดกระโปรงน่ารักมาส่งให้

“สีเหลืองสวยจริง ๆ ค่ะวีว่า” พูดแล้วก็เอียงคอมองเงาของตัวเองในกระจกอย่างพอใจ “ยี่หวาสวยมั้ยคะ ลุงวัต ป้าเบสต์”

“สวยที่สุดเลยลูก” บูรณาหัวเราะ เดินเข้ามาลูบศีรษะทุยสวยของหลานสาว “น้องว่านถักเปียเก่งจริง เท่ากันเปี๊ยบเลย”

“ว่านถักให้เจ้าตัวยุ่งนี่ทุกวันนี่ครับ” วิวาห์หัวเราะบ้าง เก็บข้าวของทุกอย่างใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว “ลงไปทานข้าวกันเถอะครับจะได้ออกไปเที่ยวกัน วันนี้แพลนเยอะเสียด้วย”

ตอนที่พวกเขากลับลงมาชั้นล่างก็ไม่เห็นเงาของอามันต์แล้ว วิวาห์เดาเอาว่าชายหนุ่มคงออกไปก่อนตั้งแต่เช้า หวังว่าฝ่ายนั้นจะไม่ได้กลับมาพักที่นี่คืนนี้อีก

“อยากย้ายที่พักหรือเปล่า” วิรัตน์ถามน้องชายหลังจากเห็นอีกฝ่ายกวาดตามองรอบบ้านด้วยท่าทางครุ่นคิด วิวาห์หันมามองหน้าเขาแล้วส่ายหน้า

“ไม่ต้องหรอกครับ ยุ่งยากเปล่า ๆ”

วิรัตน์ไม่ถามอะไรอีก พี่ชายของเขาเป็นคนไม่ชอบเซ้าซี้ถาม มักจะรอให้เขาเล่าอะไรต่อมิอะไรออกมาเองมากกว่า เหมือนกับเมื่อหลายปีก่อนตอนที่วิวาห์ลากกระเป๋ามากดออดหน้าบ้านด้วยน้ำตานองหน้า พี่วัตไม่ถามอะไรเลยสักคำ จนกระทั่งเขาพร้อมที่จะเล่าออกมาเอง พี่วัตก็เป็นฝ่ายรับฟังที่ดี

“คุณกวาง วีว่าดูคุณกวางสิคะ ตัวใหญ่ม้ากมาก” หวันยิหวากรี้ดกร้าดออกมาใหญ่ตอนที่เดินเข้าไปภายในวัดที่เต็มไปด้วยกวางเชื่อง ๆ เต็มไปหมด เด็กหญิงกวาดตามองด้วยดวงตาเป็นประกาย มือก็ลากวีว่าไปทางนั้นทีทางโน้นที ยืนแอ็คท่าถ่ายคู่กับคุณกวางไปหลายรูป “น่ารัก น่ารักมากเลยค่ะ”

วิวาห์พลอยยิ้มออกมาได้ ลืมเรื่องกังวลใจเมื่อตอนเช้าไปเกือบหมด เขาพาหวันยิหวามาให้อาหารกวางจากนั้นก็พาเข้าไปไหว้พระขอพร วิวาห์ไม่ขออะไรมากนอกจากขอให้หวันยิหวาแข็งแรง อยู่กับเขาตลอดไป

“เดี๋ยวแวะทานอาหารกลางวันก่อน” วิรัตน์เป็นคนจัดแจงทริป

วิวาห์นั่งเขี่ยก้างปลาให้ลูกสาว สลับกับตักข้าวในจานของตัวเองเข้าปากไปด้วย ตั้งแต่ต้องเลี้ยงอีกชีวิตหนึ่ง ชายหนุ่มก็แทบไม่ได้ดูแลตัวเองเอาเสียเลย บางมื้อเขาแทบไม่ได้กินด้วยซ้ำเพราะมัวดูแลลูกอยู่

“เดี๋ยวนี้เจ้าว่านแกะก้างปลาคล่องเชียว แต่ก่อนมันแกะเป็นที่ไหน เห็นปลาก็เขี่ยทิ้งแล้ว” วิรัตน์พูดแกมหัวเราะ มองน้องชายที่ก้มหน้าก้มตาแยกเนื้อปลาออกใส่จานให้ลูกสาว “ทำไมไม่กินเข้าไปบ้างล่ะ ให้เจ้ายี่หวามันกินหมด”

“ว่านไม่หิวเท่าไหร่” วิวาห์ตอบ “พี่วัตไม่ต้องสั่งมาเพิ่งนะ ว่านไม่หิวจริง ๆ” เขารีบดักคอพี่ชาย รู้ดีว่าพี่วัตเห็นเขากินนิดเดียวจะต้องสั่งมาเพิ่มแน่ ราคาอาหารมื้อนี้แค่เห็นตัวเลขวิวาห์ก็เกือบเป็นลมแล้ว “เดี๋ยวจะไปกินอย่างอื่นต่อ พี่วัตจะไปตลาดปลาไม่ใช่เหรอ”

“กินไปให้อิ่มนะว่าน ไปเป็นลมเป็นแล้งฉันไม่ช่วยนะ” วิรัตน์พูด รู้ทันน้องชายว่าเกรงใจเขา ไม่รู้เมื่อไหร่กันที่เจ้าว่านกลายเป็นคนคิดมากเรื่องเงินขนาดนี้ แต่ก่อนสมัยที่ยังเรียนอยู่เคยขอให้เขาพาไปเลี้ยงที่แพง ๆ หรู ๆ ตั้งไม่รู้เท่าไหร่

เดี๋ยวนี้มีแค่ไหนก็ประเคนให้ลูกสาวคนเดียวหมด ตัวเองกินแต่อาหารสำเร็จรูปถูก ๆ ไม่ก็ข้าวแกงข้างทางราคาไม่กี่บาท ถ้าพี่ชายอย่างเขาไม่ไปเห็นด้วยตาตัวเองก็คงจะไม่ยอมเล่าให้ฟังแน่ คราวนี้ที่พามาเที่ยวกว่าจะคะยั้นคะยอให้ยอมมาได้ก็เล่นเอาเหนื่อย มัวแต่เกรงใจทำเหมือนไม่ใช่คนกันเองงั้นแหละ

สำหรับคนที่เคยเห็นตั้งแต่น้องชายยังอยู่ในจุดที่ดีที่สุดในชีวิตมาจนถึงตอนนี้ วิรัตน์รู้สึกเจ็บปวดแทนวิวาห์จริง ๆ ถ้าเป็นเขาในวันนั้นอาจจะไม่เก่งเหมือนน้องก็ได้

ทอดสายตาดูใบหน้าเรียวหวานประกอบด้วยดวงตากลมโต ปากนิดจมูกหน่อยน่าเอ็นดูเหมือนเด็กวัยรุ่นนั้น ใครจะรู้ว่าเจ้าตัวลูกหนึ่งแล้ว รูปร่างผอมบางในชุดเสื้อผ้าแบบเรียบ ๆ ที่ใส่ซ้ำไม่รู้กี่ครั้งจนเนื้อผ้าเริ่มบาง ถึงแม้แบบจะดูดีทว่าวิรัตน์ก็รู้ว่านี่ไม่ใช่สไตล์ของวิวาห์เลย

คนที่เคยเป็นทั้งสไตล์ลิสและนักร้อง เคยจับแต่เสื้อผ้าของแบรนด์เนมราคาสูงลิบ วันหนึ่งต้องกลับมาใช้ของโหลราคาตลาดนัด จะรับได้สักแค่ไหนกันเชียว

“วีว่า..ยี่หวาอยากกินไอติมอีกจังค่ะ” เด็กหญิงพูด แนบใบหน้าเข้ากับต้นแขนของวีว่าอย่างออดอ้อน “ขอกินนิดนึงได้มั้ยคะ”

วิวาห์หยิบกระเป๋าสตางค์ของตัวเองขึ้นมาเปิดนับเหรียญ เหลือไม่มากเท่าไหร่สำหรับวันนี้...แต่ถ้าเขาสละมื้อเย็นไปก็น่าจะโอเค

“เลือกรสเลยค่ะ” เขาพูดกับลูกสาวอย่างอ่อนหวาน วิวาห์ระมัดระวังเรื่องคำพูดตลอดมา เพราะอยากให้ลูกสาวพูดเพราะ ๆ ก็ต้องเริ่มจากตัวเขาเองก่อน “มาค่ะ วีว่าพาไปดูนะคะ” ตอนแรกก็ไม่ชินที่ต้องพูดคะขา บ้านเขามีแต่พี่น้องผู้ชาย พูดกระโชกโฮกฮากบางครั้งก็มีคำหยาบกันเป็นเรื่องปกติ แต่พอเห็นลูกพูดคะขาตามบ้างก็รู้สึกชื่นใจ ไม่แปลกประหลาดอีกต่อไป

“น้องว่านดูเครียด ๆ นะคะ” บูรณาเปรยขึ้นกับคนรักเบา ๆ มองผู้ใหญ่หนึ่งเด็กหนึ่งที่ยืนเลือกไอศกรีมอยู่หน้าร้าน “มีอะไรหรือเปล่า”

“แฟนเก่าเขามาพักอยู่ที่เดียวกับเราเมื่อคืน” วิรัตน์พูดเรียบ ๆ

“อ้าว” บูรณาอ้าปากค้าง “ใช่คนไทยผู้ชายที่สูง ๆ หน้าดุ ๆ หรือเปล่าคะ เบสต์เห็นเมื่อเช้าตอนเขาใส่รองเท้าออกไป”

“ใช่ คนนั้นแหละ”

“เขาเป็นพ่อของยี่หวา? ”

วิรัตน์ยักไหล่

“ไม่รู้สิ เจ้าว่านไม่เคยเล่าถึงตอนนั้นซักที”

บูรณามองน้องชายของคนรักอย่างกังวลแทน แรกเริ่มเดิมทีตอนที่รู้ความลับว่าเด็กหญิงหวันยิหวาเป็นลูกของวิวาห์ ...ในความหมายว่าชายหนุ่มตั้งท้องและคลอดออกมาก็ตกใจมากแล้ว ตอนเริ่มคบกับวิรัตน์ใหม่ ๆ เธอเข้าใจว่าวิวาห์เป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่เลิกกับภรรยาเสียอีก กว่าวิรัตน์จะยอมเล่าให้ฟังก็หลายปี ปล่อยให้เธอสงสัยอยู่ตั้งนานว่าทำไมเด็กหญิงถึงไม่เคยพูดถึงมารดาเลยสักคำ มีแต่พูดถึงบิดาว่าขึ้นไปอยู่บนฟ้าแล้วเท่านั้น

“ตอนที่มันท้อง กว่าจะรู้ว่าท้องได้ก็ท้องโตมากแล้ว นึกว่าอ้วนอยู่ตั้งหลายเดือน” วิรัตน์พูดเนิบ ๆ “ไม่มีใครรู้มาก่อนว่าว่านร่างกายผิดปกติ ไปตรวจที่โรงพยาบาลตั้งหลายรอบกว่าหมอจะเอะใจจับอัลตราซาวน์”

“เป็นเบสต์คงช็อกมาก”

“เป็นผมก็คงไม่ไหว” วิรัตน์พยักหน้ารับ

“แบบนี้แปลว่าแฟนน้องว่านไม่รู้เรื่องนี้สิคะ”

วิรัตน์ยักไหล่อีกครั้งหนึ่ง วิวาห์กับเด็กหญิงเดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมกับไอศกรีมน่ากินในมือ พวกเขาออกไปเที่ยวกันต่อตอนเย็นจนกลับที่พัก วิวาห์ชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อก้าวเข้าไปในบ้านแล้วพบร่างสูงใหญ่ของคนที่เขาไม่อยากเจออีกแล้วนั่งพิมพ์คอมพิวเตอร์อยู่ที่โต๊ะกลางห้อง

“...ไปเที่ยวสนุกมั้ยครับ” อามันต์หันมาทักทายตามมารยาท วิรัตน์คิ้วกระตุก อยากเข้าไปซัดไอ้หน้าหล่อตรงหน้าซักตุ้บติดที่บูรณายึดแขนของเขาเอาไว้แน่น ส่ายหน้านิด ๆ แทนการบอกว่าอย่าเข้าไปยุ่งเรื่องของน้องชายเลย

วิวาห์ช่วยลูกสาวถอดรองเท้าเสร็จก็เงยหน้าขึ้นตอบยิ้ม ๆ

“สนุกดีครับ พี่อาร์มล่ะ ไปเที่ยวที่ไหนมา”

บูรณาค่อนข้างแปลกใจกับวิธีการพูดที่ดูปกติของวิวาห์มากทีเดียว ราวกับพูดกับคนเคยรู้จักทั่วไป ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันมากมาย

“พี่ไปเดินเล่นแถวนี้ ไม่มีแพลนตายตัว” อามันต์ตอบ

“คุณลุงมีคุณกระต่ายที่ข้อมือด้วยค่ะ” เสียงเด็กหญิงเจื้อยแจ้วขึ้นมาทะลุกลางปล้อง หวันยิหวาชี้นิ้วไปที่รอยสักรูปกระต่ายตรงข้อมือของอามันต์อย่างชอบใจ “น่ารักจังค่ะ ยี่หวาอยากวาดรูปที่มือบ้าง”

วิวาห์เห็นรอยสักนั้นก็ชะงักไปนิด จับตัวลูกสาวที่เดินเข้าไปหาคุณลุงตัวโตแบบเด็กกล้าแสดงออกไม่ทัน

“คุณลุงขา ขอยี่หวาดูใกล้ ๆ หน่อยได้มั้ยคะ”

อามันต์กะพริบตา มองเด็กหญิงที่สวยเหมือนตุ๊กตาตรงหน้าอย่างประหลาดใจ เขายิ้มออกมานิด ๆ ยื่นข้อมือออกมาให้เธอดูโดยดี

“ยี่หวา อย่าไปกวนเขา” วิวาห์ได้สติ รีบเขามาหิ้วตัวลูกสาวออกไป อามันต์เห็นท่าทางของอีกฝ่ายก็หัวเราะห้าว ๆ

“ลุงมีรูปเสือด้วยนะ เสือโคร่งตัวใหญ่เท่านี้ อยากเห็นมั้ย” ชายหนุ่มกางมือออก เด็กหญิงพยักหน้ารัวเร็ว แววตาตื่นเต้น คุณลุงคนนี้ดูใจดีมากเลย

“ไม่ต้อง” วิวาห์ปฏิเสธ เขารู้ดีว่าเสือตัวนั้นอยู่ตรงไหนในร่างกายของอีกฝ่าย “ยี่หวาไปล้างมือก่อนลูก กลับมาจากข้างนอกต้องล้างมือก่อนนะคะ” เขาต้อนลูกสาวออกมาจากห้องนั้น ได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ตามหลังมา รู้สึกไม่สบายใจชอบกล

“ยี่หวาอย่าไปพูดกับคนแปลกหน้าแบบนี้อีกนะคะ มันอันตรายนะรู้มั้ย” วิวาห์สอนลูกสาว มือก็ช่วยล้างสบู่ไปด้วย “เกิดเป็นคนไม่ดีขึ้นมาจะทำยังไง”

“ทีวีว่ายังคุยกับเขาได้เลย” ลูกสาวย้อน

“วีว่าแค่ทักทายตามมารยาทเฉย ๆ เขาเป็นคนแปลกหน้านะคะ เดี๋ยวจับยี่หวาไปทำไง” วิวาห์พูด ชักกังวลขึ้นมาเลยกำชับลูกสาวไปอีกที “ถ้าเจอเขาอีกให้รีบมาหาวีว่านะคะ ห้ามพูดคุยกับเขานะ มาหาลุงวัตหรือป้าเบสต์ก็ได้”

“ตกลงค่ะ” เด็กหญิงพยักหน้ารับ

ตอนกลางคืนวิวาห์ไม่ได้ลงมาอาบน้ำข้างล่างเพราะกลัวเจอหน้าอีกฝ่ายอีก ถึงจะบอกตัวเองว่าเรื่องทั้งหมดจบลงไปแล้วก็ตามที

...พี่ว่าเราเป็นแค่พี่น้องกันเหมือนเดิมดีกว่า...

เสียงแหบห้าวในวันนั้นยังติดอยู่ในความทรงจำ วิวาห์ยิ้มเย็น...พี่น้องงั้นเหรอ พี่น้องภาษาอะไรกัน มาพูดตอนนั้นไม่สายไปหน่อยหรือไง เขามาไกลเกินกว่าจะถอนตัวกลับ

“น้องว่านจะนอนยังคะ พี่เบสต์จะฝากปิดไฟกลางห้องหน่อย” แฟนของพี่ชายพูดขึ้น ว่านรีบเอื้อมมือไปปิดไฟให้ ทั้งห้องตกอยู่ในความมืด ได้ยินเสียงกรนเบา ๆ มาจากร่างของพี่ชายที่นอนหลับอยู่ ทุกคนในห้องเข้าสู่ห้วงนิทรารมณ์กันหมดแล้ว เหลือแค่เขาที่นอนตาค้างมองเพดานอีกตามเคย

ความทรงจำเก่า ๆ ย้อนกลับมาอีกครั้ง

................................................................................................

“น้องว่าน คนนั้นพี่กอล์ฟมือกลอง ส่วนนู่นพี่ชัยมือเบส คนนั้นมือกีตาร์ชื่อไมค์ ส่วนที่นั่งหัวโด่อยู่นี่คืออาร์ม ร้องนำ ..ว่านคงรู้จักอยู่แล้วแหละ” แทนใจพูดแกมหัวเราะ ตบไหล่ของวิวาห์เบา ๆ “ไอ้คนที่ยืนบื้อถือขวดโค้กตามเสารถไฟฟ้าน่ะน้อง”

วิวาห์ยิ้มแหย ไม่กล้าสบตาคมเข้มคู่นั้นมากนัก ใครบ้างจะไม่รู้จักอาร์ม อามันต์ นักร้องนำวงร็อคที่กำลังดังที่สุดตอนนี้

“มึงอย่าจ้องน้องเขาอย่างนั้นสิวะไอ้อาร์ม น้องเขากลัวหมด” คนที่ชื่อกอล์ฟพูดขึ้น

อาร์มหัวเราะหึ ๆ กวาดตามองเขาทั่วตัวจนวิวาห์ขนลุกซู่เพราะสายตานั้น มันทำให้สองข้างแก้มของเขาร้อนผ่าว

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” เสียงแหบห้าวเป็นเอกลักษณ์นั้นพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก อามันต์ตัวจริงดูเต็มไปด้วยเสน่ห์อันตรายเสียยิ่งกว่าในโทรทัศน์เสียอีก วิวาห์ใจเต้นรัวแทบจะโลดออกมานอกอก สำหรับคนที่เป็นแฟนคลับมาตั้งแต่แรกแถมโชคดีได้ผ่านการแคสต์เข้ามาเล่นเอ็มวีให้วง Forearm แทบจะเรียกว่าโชคสองชั้น

“น้องว่านไปแต่งหน้าแต่งตัวก่อนนะ เดี๋ยวพวกพี่เซ็ตเครื่องดนตรีก่อน จริงสิ..นางเอกเอ็มวีเรามาหรือยังเนี่ย ไอ้หมิวโทรตามซิ”

ว่านเดินเข้าไปหาพี่ ๆ ช่างแต่งหน้าอย่างอาย ๆ พวกเขาวี้ดว้ายกันใหญ่ ชมว่าว่านผิวสวยน่ารักจนนึกว่าเล่นเป็นนางเอกไม่ใช่พระเอก ว่านนั่งนั่ง ๆ ให้พวกเขาแต่งหน้าทำผมให้จนเสร็จก็มายืนรออยู่ที่มุมหนึ่ง ไม่นึกเลยว่าพี่อาร์มจะเดินเข้ามาหา

“แต่งหน้าแล้วก็พอดูได้นี่” นักร้องดังพูดขึ้น “ค่อยเปลี่ยนจากกระต่ายเป็นคนหน่อย”

“กระต่าย? ” วิวาห์ขมวดคิ้ว รู้สึกว่าอามันต์ตัวจริงพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่

“ไปส่องกระจกดูสิ” อีกฝ่ายพูด มีรอยยิ้มนิด ๆ ที่มุมปากตามเคย

วิวาห์นึกขึ้นได้ เม้มปากเข้าหากันทันควัน ปิดบังฟันหน้าสองซี่ของเขาที่เด่นกว่าซี่อื่นอย่างมีนัยสำคัญ อามันต์หัวเราะห้าว ๆ เพียงแค่เสียงหัวเราะของเขาก็ทรงพลังเหมือนออกมาจากท้อง ไม่แปลกใจเลยที่ใครต่อใครต่างชื่นชมความสามารถในการร้องเพลงของเขาว่าเก่งที่สุดในบรรดานักร้องรุ่นเดียวกัน

“ถึงเวลาถ่ายแล้ว ตั้งใจล่ะ” อามันต์พูดต่อมาแล้วเดินผละออกไปสมทบกับเพื่อนร่วมวงที่กำลังตั้งเสียงเครื่องดนตรีกัน ได้ยินมือเบสพูดอะไรซักอย่างแล้วพวกเขาก็หัวเราะกัน วิวาห์จับใจความไม่ถนัดเพราะเขามัวแต่ตื่นเต้นแทบจะเป็นลมอยู่แล้ว

นางเอกที่เล่นคู่กับเขาเป็นนักแสดงหน้าใหม่ที่ว่านเคยเห็นผ่านตามาบ้างแล้ว เธอส่งยิ้มมาให้ดูเป็นกันเองและทำความรู้จักกับว่านอย่างรวดเร็ว

“ว่านไม่ต้องเกร็งนะ กอดเอวแป้งได้เลย” เธอพูดยิ้ม ๆ จับมือเขามาวางแปะบนเอวของเธอ ทำเอาว่านหน้าแดง นึกเขินเธอขึ้นมาจนไม่รู้ว่าจะเอามืออีกข้างไปไว้ตรงไหน

“เอ่อ...เราขอโทษนะ” ว่านพึมพำอย่างเกรงใจ ไม่กล้าวางมือเต็มที่

“ไม่เอาน่ะ เขินแป้งเหรอ” เด็กสาวตาโต “ว่านไม่เคยถ่ายงานมาก่อนหรือไง”

“เคย...แต่เป็นพวกโฆษณาขนมน่ะ” เขาตอบอ้อมแอ้ม ปกติเข้าฉากแต่กับเด็ก ๆ วิ่งเล่นกินขนมกันสนุก ๆ ไม่เคยต้องมาประกบกับสาวสวยหน้าตาน่ารักแบบนี้เลย

“อ๋อ” แป้งพยักหน้าเข้าใจ “งั้นเดี๋ยวแป้งช่วยเอง ไม่ต้องห่วง”

แป้งมืออาชีพกว่าเขามาก เธอช่วยเขาหลายอย่าง ทั้งออกแบบท่าทางและส่งอารมณ์ให้ ไม่นานว่านก็คลายความประหม่าลง เขาเล่นตามที่ซ้อมมาเต็มที่

“ใช้ได้นี่ มึงว่ามั้ย” แทนใจปรารภกับเพื่อนสนิท สายตาจับจ้องไปยังร่างของพระเอกเอ็มวีที่กำลังคุกเข่าลงไปที่พื้นเพื่ออ้อนวอนคนรักให้กลับมา “เล่นเก่งเลยแหละ กูว่าน้องเขามีพรสวรรค์เลย”

“มึงก็แค่ชอบที่น้องเขาน่ารัก” อามันต์พูดลอย ๆ

“หรือมึงว่าไม่น่ารัก” แทนใจเลิกคิ้ว “ลืมไปว่าเด็กอย่างนั้นไม่ใช่สเป็คมึง แต่น้องเขาดูปลื้มมึงมากนะ ถึงขนาดมีรูปมึงในกระเป๋าสตางค์ด้วย กูแอบเห็นมา” ชายหนุ่มหัวเราะหึ ๆ “เบื่อพวกเสน่ห์แรงว่ะ”

อามันต์พ่นลมหายใจออกมา ลุกขึ้นยืนทำท่าจะเดินไปข้างหลัง

“จะไปดูดเหรอ” เพื่อนถาม “อย่าให้นักข่าวจับได้ล่ะ ไม่งั้นมึงอดได้โล่นักร้องดีเด่นแน่”

“กูจะเอาโล่ไปทำหอกอะไร”

“อย่างน้อยก็รักษาเสียงแหบ ๆ ของมึงเอาไว้บ้างเถอะวะ”

“เรื่องของกู” อามันต์ตอบ โบกมือให้อย่างหงุดหงิดแล้วเดินออกไปด้านหลังสตูดิโอที่ถ่ายทำ

วิวาห์ถอยออกมานั่งข้างนอกฉากถ่ายทำ เห็นพี่ ๆ ในวงเข้าเซ็ตกันแล้วแต่อามันต์ยังไม่กลับมา ดวงตากลมโตชะเง้อมองหาร่างสูงใหญ่ในชุดยีนส์สุดเท่อย่างกังวล ไม่รู้อามันต์หายไปไหน เกือบครึ่งชั่วโมงนักร้องหนุ่มก็กลับเข้ามา ตอนที่เขาเดินผ่านไป วิวาห์ได้กลิ่นบุหรี่ระเหยออกมาจากเสื้อผ้าด้วย เพราะเขาไม่ดื่มไม่สูบ แถมยังแพ้ควันบุหรี่ก็เลยจมูกไวกับกลิ่นชนิดนี้เป็นพิเศษ

อามันต์เห็นคิ้วเรียวยาวขมวดเข้าหากัน ท่าสูดจมูกฟุดฟิดนั่นยิ่งทำให้เจ้าตัวดูเหมือนกระต่ายมากอย่างบอกไม่ถูก ตาโต ๆ คู่นั้นหันมาสบเขาแวบหนึ่งแล้วก็รีบเบือนหลบ ใบหน้าเป็นสีชมพูเรื่อดูน่าขัน นึกถึงที่แทนใจเล่าให้ฟังขึ้นมาได้ ชักอยากรู้แล้วสิว่าในกระเป๋าสตางค์ของอีกคนมีรูปเขาอยู่จริงหรือเปล่า

อามันต์เก็บความสงสัยนั้นเอาไว้ เขารวมรวบสมาธิเข้าสู่การทำงาน วิวาห์นั่งจ้องนักร้องคนโปรดตาไม่กะพริบ อามันต์เป็นผู้ชายที่หล่อมากอยู่แล้ว ทว่าชายหนุ่มกลับหล่อยิ่งกว่าเดิมเสียอีกตอนที่จับไมโครโฟนร้องเพลง ท่าลีดกีต้าร์นั้นก็ดุดัน เห็นข้อลำแข็งแรงและกล้ามเนื้อสวยงามแบบคนออกกำลังกายสม่ำเสมอ วิวาห์มองภาพของคน ๆ นั้นอย่างหลงใหล อยากหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเก็บเอาไว้จริง ๆ

เสียงแหบห้าวของอามันต์ช่างบาดลึกโดยเฉพาะยามที่ร้องเพลงอกหักแบบนี้ ชายหนุ่มเหมือนตกอยู่ในภวังค์ของความรู้สึกเจ็บปวดจนคนมองคล้ายจะยื่นมือออกไปจับต้องความเจ็บปวดในหัวใจของคนร้องได้ วิวาห์ฟังไปสองรอบก็จำท่อนฮุคได้หมด มั่นใจได้ว่าเพลงนี้จะต้องดังระเบิดอีกแน่นอน

“ชอบเพลงไหมน้องว่าน” แทนใจถามยิ้ม ๆ ชายหนุ่มทำหน้าที่เป็นผู้จัดการวง “ไอ้อาร์มแต่งเอง”

“ชอบมากครับ เพลงเพราะมาก” วิวาห์ปลื้มมากกว่าเดิมอีก พี่อาร์มของเขาร้องเพลงก็เก่ง แต่งเพลงก็ได้ ช่างเป็นคนที่เพอร์เฟ็คเสียจริง ๆ “ต้องดังแน่ ๆ เลย”

“นั่นสินะ” แทนใจยิ้มออกมาอีก วิวาห์รู้จักแทนใจเพราะอีกฝ่ายเป็นเพื่อนของพี่ทอย คนที่ชักนำเขาเข้าสู่วงการ “ได้น้องว่านกับน้องแป้งมาเล่นให้ด้วย ต้องดังเป็นพลุแตกอีกแน่ ๆ”

“พี่แทนล่ะก็ ชมแบบนี้แป้งตัวลอยพอดี” นางเอกหันมายิ้มเขิน “แล้วอัดเอ็มวีเสร็จแล้วจะไปเลี้ยงที่ไหนกันคะ”

“ร้านโอม จองโต๊ะเอาไว้แล้ว” แทนใจตอบ หันมาทางวิวาห์ “ว่านไปด้วยนะ เดี๋ยวขากลับพี่ไปส่ง”

“เอ่อ...ขอบคุณครับ” วิวาห์ลังเล เขาอยากรีบกลับแต่ว่าจะปฏิเสธก็ดูเสียมารยาทไปหน่อย ก็เลยตั้งใจเอาไว้ว่าจะรีบไปรีบกลับก็แล้วกัน

วิวาห์ไม่เคยมาร้านอาหารกึ่งผับร้านนี้มาก่อน อันที่จริงชีวิตของเขาเคยเที่ยวกลางคืนอยู่สามครั้งเท่านั้น และทุกครั้งก็ไปกับพี่ชายน้องชายทั้งหมด ยิ่งแอลกอฮอล์นี่เขาแทบไม่แตะเลย รู้ตัวดีว่าเป็นพวกคออ่อน แถมเวลาเมายังน่าเกลียดอีกต่างหาก

“นิดเดียวน่าน้องว่าน แก้วนี้อ่อนมากไม่เมาหรอก ผสมน้ำหวานอร่อยดี” แทนใจคะยั้นคะยอมา ส่งแก้วเครื่องดื่มสีสวยให้เขา วิวาห์รับมาถือเอาไว้ พอถูกเซ้าซี้เข้าก็ยกขึ้นจิบนิดหนึ่งพอเป็นพิธี รสชาติหวานหอมซ่านลิ้นทำให้เขาเบิกตาโตอย่างพอใจ เหมือนจะแทบไม่มีแอลกอฮอล์ด้วยเลยจริง ๆ ตามที่แทนใจบอก เขาเลยยกขึ้นจิบอีกหน่อย

จิบไปจิบมา ใบหน้าเล็ก ๆ ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ นัยน์ตากลมโตฉ่ำเยิ้ม ว่านเริ่มกล้าพูดมากกว่าปกติ ใครถามอะไรก็ตอบหมดด้วยเสียงอ้อแอ้นิด ๆ ฟังดูออดอ้อนหน่อย ๆ โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว

“น้องว่าน พี่ถามจริงเถอะ ในนี้ใครหล่อที่สุด น้องว่านชอบใครที่สุดไหนเลือกมาเลย” พี่มือเบสถามมาอีกแล้ว วิวาห์ขมวดคิ้วครุ่นคิด มองหน้านักดนตรีในวงทีละคนแล้วก็ยกมือขึ้นชี้ไปที่คนที่อยู่ตรงข้ามเขา

“พี่อาร์มหล่อที่สุด ว่านชอบที่สุดเลย”

“ไอ้อาร์มอีกแล้ว อุ๊วะ หมั่นไส้มันโว้ย เอ้ามึงซดเลยหมดแก้ว” แทนใจเลื่อนแก้วที่เพิ่งผสมใหม่ไปให้นักร้องนำของวงอย่างฉุน ๆ อามันต์ทอดสายตามองคนที่ตอบชื่อเขานิ่ง ๆ แล้วก็ยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจรดริมฝีปาก ดื่มพรวดเดียวหมดแก้วโดยที่ไม่ละสายตาจากใบหน้าของอีกฝ่ายเลย

วิวาห์หน้าร้อนผ่าว สายตาคมกริบคู่นั้นเหมือนมีดเฉือนหัวใจของเขา ใจเต้นแรงจนต้องยกมือขึ้นกดหน้าอกเอาไว้ กลัวว่าหัวใจจะโลดออกมาเต้นกลางโต๊ะให้อายคนอื่นเขา ได้ยินใครพูดอะไรมาอีกแล้วแต่เขาไม่ได้ฟัง มัวแต่มองหน้าพี่อาร์มอยู่

“มองหน้าตาไม่กะพริบเลยวุ้ย สงสัยจะชอบจริง น้องว่าน...มีคนบอกว่าน้องว่านพกรูปไอ้อาร์มในกระเป๋าจริงหรือเปล่า” มีคนถามมาอีก วิวาห์ขมวดคิ้วแล้วก็ล้วงเอากระเป๋าสตางค์ของตัวเองขึ้นมาเปิดโชว์

“นี่ไง พี่อาร์มจะไปกับว่านทุกที่” รูปถ่ายหน้าตรงของอามันต์สอดอยู่ในกระเป๋าของวิวาห์จริง ๆ ด้วย “พี่อาร์มเป็นเครื่องลางของว่าน ทำให้ว่านโชคดี” คนพูดโบกกระเป๋าสตางค์ไปมาแล้วก็ทำร่วงลงกับพื้น ร้อนถึงคนนั่งใกล้สุดต้องช่วยก้มลงไปเก็บ

“กูว่าน้องเขาชักเมาจริง ๆ แล้วว่ะ” แทนใจกระซิบข้างหูนักร้องนำ “เดี๋ยวกูไปส่งเขากลับก่อนดีกว่า”

“อยู่ที่ไหน” อามันต์ถามขึ้นเรียบ ๆ เห็นเพื่อนเลิกคิ้วก็ถามซ้ำ “บ้านเขา..อยู่ที่ไหน”

“จะไปส่งหรือไง”

“ก็ไม่แน่” คนตอบเล่นลิ้น คนฟังส่ายหน้าดิก

“ไม่ได้โว้ย คนนี้น้องเพื่อนกู เดี๋ยวมันเอาตาย” แทนใจพูด “ไม่ใช่สเป็คมึงหรอก อย่างมึงไปนู่น...คนนู้นดีกว่า เห็นนั่งเล็งมาตั้งแต่เข้าร้านแล้วนี่” เพื่อนพูดอย่างรู้ทัน อามันต์หัวเราะ หันไปมองทางที่มีร่างปราดเปรียวเหมือนนายแบบยืนอยู่แวบหนึ่ง “เดี๋ยวกูไปส่งน้องเขาก่อน”

อามันต์พยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรอีก

หัวข้อ: Re: :::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน1 4/2/2563
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 04-02-2020 20:56:35






แทนใจลุกไปห้องน้ำ พักหนึ่งก็เดินเข้ามาหาเขาด้วยท่าทางเครียดนิด ๆ

“ไอ้อาร์ม กูคงต้องฝากมึงไปส่งน้องเขาก่อนจริง ๆ ว่ะ ที่บ้านมีปัญหานิดหน่อยต้องรีบกลับไปจัดการ” แทนใจว่า กวาดตามองพรรคพวกที่เหลือที่เริ่มนอนซบกับโซฟาอย่างหมดสภาพ “ทิ้งไอ้พวกนี้ไว้นี่ก่อน เดี๋ยวกูมาเก็บศพพวกมันทีหลังเอง”

อามันต์พยักหน้ารับง่าย ๆ ลุกขึ้นเดินไปหิ้วปีก ‘เด็ก’ คนนั้นขึ้นมา วิวาห์ยืนโงนเงนสะบัดหัวอย่างมึนงง เกาะไหล่หนาเอาไว้เป็นหลัก

“จะไปไหนเหรอครับ”

“กลับบ้านน่ะซิ” อามันต์ว่า ฟังเส้นทางจากแทนใจจนจบก็พาวิวาห์เดินออกมาจากร้าน ได้ยินเสียงแทนใจกำชับกำชามาอีกรอบว่าห้ามพาไปที่อื่นเด็ดขาด

นักร้องดังจุ๊ปาก ...เห็นเขาเป็นคนยังไงกัน คนอย่างอามันต์ไม่เลือกเด็ก ๆ ผอมแห้งหัวโต ท่าทางเลิ่กลั่กแบบนี้มานอนด้วยหรอก

กึ่งลากกึ่งพยุงอีกฝ่ายมานั่งในรถ วิวาห์ตอนเมาพูดเก่งไม่ใช่เล่น จากเรื่องนั้นไปเรื่องนี้ฟังไม่ศัพท์ แถมมีการหยุดถามเขาเป็นระยะให้ตอบอีกด้วย พอไม่ตอบก็เซ้าซี้อยู่อย่างนั้นจนต้องเออออตามไป เจ้าตัวถึงได้เปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่นต่อ อามันต์ขับรถมาตามเส้นทางที่แทนใจบอกจนเลี้ยวเข้าสู่หมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง เสียงพูดหยุดเงียบไปแล้วกลายเป็นเสียงอื่นที่ทำให้อามันต์ขมวดคิ้ว

“อึ๊ก ..โอย...อึ๊ก” คนที่หน้าเหมือนกระต่ายอย่างประหลาดกำลังสะอึกเป็นระยะ ท่าทางเหน็ดเหนื่อยกับการสะอึกจริง ๆ แถมยังพยายามยกมือขึ้นบีบจมูกกลั้นหายใจอีก แต่ก็ยังสะอึกออกมาอยู่ดี “เหนื่อยแล้ว อึ๊ก”

“กินน้ำเยอะ ๆ เดี๋ยวก็หาย” อามันต์พูด “ลงไปได้แล้ว ถึงบ้านเธอแล้วล่ะ”

อีกฝ่ายยังนั่งเฉย อามันต์นับหนึ่งถึงสิบในใจ

“ลงไปเร็ว อย่าบอกนะว่าฉันต้องลากเธอลงมา”

วิวาห์ส่ายหน้า เอื้อมมือไปเปิดประตูรถออกแล้วต้วมเตี้ยมลงมาอย่างมึน ๆ งง ๆ อาการสะอึกทำให้เขารู้สึกแย่กว่าเดิมมาก ยังไม่ทันก้าวลงจากรถก็รู้สึกแน่นในอกตามด้วยกลิ่นเหม็นเปรี้ยวขมปาก วิวาห์อาเจียนออกมาตรงนั้นเอง เจ้าของรถเบิกตากว้างแทบจะถลนออกมาจากเบ้าด้วยความตกใจ

“เห้ย เธออ้วกใส่รถฉันเนี่ยนะ” ถ้ามีใครถามว่าอามันต์รักอะไรมากที่สุดในโลกนี้รองจากการร้องเพลงก็คงจะต้องเป็นน้องโรส...รถยนต์สุดหรูของเขาแน่ ชายหนุ่มมองซ้ายขวาหาผ้าหรืออะไรสักอย่างมาทำความสะอาด จะฉีกเสื้อตัวเองก็ทำไม่ลง สุดท้ายก็เลยดึงผ้าพันคอของวิวาห์ออกมาเช็ดเศษอาหารออกจากเบาะหนังแท้ของเขาอย่างขยะแขยง “แบบนี้กลิ่นก็ตลบหมดน่ะสิ” ชายหนุ่มคราง ลากตัววิวาห์ออกมาจากรถ ปล่อยให้นั่งกองที่พื้นก่อน

“ผม...ว่านขอโทษ” คนเมาพูดปนสะอึกไปด้วย ยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดปาก “ว่านไม่ได้ตั้งใจ มันพุ่ง อึ๊ก ออกปากเอง”

“เข้าไปในบ้านได้แล้ว อย่าให้ฉันโมโหนะ”

“ไม่มีกุญแจ” อีกฝ่ายตอบอ้อแอ้

อามันต์รู้สึกเหมือนมีอะไรระเบิดบึ้มในหัว ชายหนุ่มเดินกระแทกเท้าไปทุบกำปั้นใส่ออดหน้าบ้านเต็มแรง เสียงแหลมสูงกังวานไปทั่ว สักพักก็มีแสงไฟในบ้านตามด้วยเสียงฝีเท้าเดินออกมา เป็นผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง แต่ยังท่าทางกระฉับกระเฉง

“ใครมา...อ้าว นั่นใครน่ะ” เธอหรี่ตามองหน้าเขาอย่างไม่ไว้ใจ อามันต์หงุดหงิด หน้าตาเขาเหมือนโจรหรือไงกัน

“ผมพาวิวาห์มาส่งครับ”

“น้องว่าน” เธออุทาน กระวีกระวาดไปไขกุญแจเปิดประตูออก “คุณเป็นใครน่ะ ทำอะไรน้องว่าน มอมเหล้าน้องเหรอ กลิ่นเหล้าหึ่งเชียว”

“มอมอะไรล่ะยาย เขาดื่มเอง แถมอ้วกใส่รถผมด้วย” อามันต์พูดอย่างโมโห “รู้มั้ยว่าเบาะหนังแบบนี้มันต้องสั่งทำพิเศษเลยนะ กว่าจะได้มานานแค่ไหน ...” ยิ่งพูดก็ยิ่งแค้น หันขวับไปมองคนที่ยังนั่งจุ้มปุ๊กอยู่บนพื้นอย่างโกรธ ๆ วิวาห์สะอึกออกมาดังเอื้อก

“นี่เธอ...เรียกฉันยายเลยเหรอ อย่างมากฉันก็รุ่นเดียวกับแม่เธอเท่านั้นแหละย่ะ” อีกฝ่ายเท้าสะเอวพูดใส่เขา “เบาะรถแค่นี้พูดมากอยู่ได้ คนเขาไม่สบายดันมัวแต่ห่วงรถ ประสาทจริง ๆ เลยเชียว มาส่งก็ดีแล้ว ขอบใจมาก กลับได้แล้วล่ะ ถ้าอยากเรียกค่าเสียหายก็ไว้ค่อยมาคุยวันหลังนะ” เธอพูดฉอด ๆ จากนั้นก็ตรงเข้าไปพยุงตัวคนเมาให้ลุกขึ้นยืน พูดเสียงอ่อนราวกับเป็นคนละคน “น้องว่านไหวไหมคะ เดี๋ยวป้าเอิบพาเข้าไปพักข้างในนะ แข็งใจหน่อยนะลูก”

อามันต์กัดฟันกรอด เขาไม่อยากทะเลาะกับมนุษย์ป้าแบบนี้ ได้แต่ยืนเคาะปลายเท้าระบายความหงุดหงิดเดือดดาล จากนั้นก็หันกลับมาทำความสะอาดเบาะรถสุดรักสุดหวงต่อ ชายหนุ่มต้องเปิดหน้าต่างระบายกลิ่นอาเจียนออกมาตลอดทาง หมดอารมณ์จะกลับไปรับคนที่เล็งเอาไว้ที่ร้านคืนนี้ พรุ่งนี้เขาจะต้องรีบพาน้องโรสเข้าศูนย์แต่เช้า เปลี่ยนเบาะใหม่ให้หมดแถมทำความสะอาดทั้งคันล้างกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกให้หมดด้วย

วิวาห์ตื่นขึ้นมาตอนเช้าด้วยความปวดหัวจี๊ดเหมือนศีรษะจะระเบิด เมื่อคืนเขาจำอะไรไม่ค่อยได้ รู้สึกเหมือนมีคนมาส่งเขาหน้าบ้าน ถ้าจะไม่ผิดเหมือนจะเป็น... แก้มร้อนซู่จนต้องยกมือขึ้นนาบเอาไว้ เขินจนทิ้งตัวลงกับที่นอนอีกรอบ กลิ้งไปกลิ้งมาบนผ้าห่ม

...พี่อาร์มมาส่งเขาด้วย โอ๊ย!! ฝันหรือจริงกันแน่เนี่ย...

เขารีบออกจากห้องไปถามป้าเอิบเป็นอันดับแรก อีกฝ่ายบอกว่าคนมาส่งเขาเป็นผู้ชายตัวสูงใหญ่ผมยาวที่หน้าเหมือนโจร วิวาห์รีบควักเอารูปมาโชว์ให้ดูแล้วถามยืนยันว่าใช่มั้ย

“นายคนนี้แหละค่ะที่มาส่งน้องว่าน แต่พูดจาไม่ดีเลย กระโชกโฮกฮากจริง ๆ เอาแต่พูดว่าน้องว่านอ้วกใส่รถเขา แหม..ก็คนเมาไหมล่ะ จะมาโทษอะไร”

“ว่านอ้วกใส่รถเขาเหรอครับ” วิวาห์อ้าปากค้าง “แล้วเขา...โกรธมากมั้ยป้า” ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าอามันต์ทั้งรักทั้งหวงรถยนต์มากแค่ไหน ก็บอกแล้วไงว่าเขาเป็นแฟนพันธุ์แท้อันดับหนึ่ง เคยอ่านบทสัมภาษณ์ของอีกฝ่ายมานับไม่ถ้วน แล้วนี่เขาดันไปทำรถสุดที่รักของศิลปินคนโปรดเปื้อนเข้าเนี่ยนะ วิวาห์อยากจะกัดลิ้นตายไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด

“ก็คงโกรธอยู่” ป้าเอิบตอบไม่เต็มเสียงนัก “แต่น้องว่านไม่ต้องกังวลไปหรอก เพื่อนแบบนั้นไม่น่าคบเลย ไม่ต้องไปยุ่งด้วยน่ะดีแล้ว”

“ได้ยังไงล่ะครับป้า ว่านทำรถเขาเสียหายนะ” วิวาห์เริ่มกังวล “ว่านจะต้องไปขอโทษเขาก่อน”

“น้องว่านฟังป้าเอิบนะ น้องว่านไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงมากินข้าวเช้าก่อน แล้วจะไปทำอะไรค่อยว่ากัน เข้าใจมั้ย คุณสินกับคุณณีรอน้องว่านที่โต๊ะแล้วนะ พี่วัตกับน้องวินด้วย”

“ครับป้า” วิวาห์รับคำอย่างหงอย ๆ เดินกลับขึ้นห้องไปอาบน้ำก่อนตามที่พี่เลี้ยงสั่ง ป้าเอิบดูแลเขามาตั้งแต่จำความได้ นัยว่าเป็นพี่เลี้ยงของปราณี มารดาของเขาอีกทีหนึ่ง พอปราณีแต่งงานกับสารสินบิดาของเขา ย้ายถิ่นฐานมาอยู่กรุงเทพฯ ป้าเอิบก็เลยตามลงมาอยู่ด้วยตั้งแต่ตอนนั้น

“ว่านมาแล้ว หน้าซีดเชียว เมื่อคืนกลับกี่โมงลูก” มารดาของเขาถามเสียงนุ่ม ว่านอึกอัก

“ไม่ดึกมากครับ ถ่ายเสร็จก็เลยไปฉลองกับที่กองมา”

“แฮงค์ไหมน่ะ” ผู้เป็นพ่อถามต่อมาบ้าง ว่านพยักหน้าแล้วก็เปลี่ยนเป็นส่ายหน้า

“สรุปว่ายังไงกันแน่ฮึเจ้าว่าน” พี่ชายของเขาพูดขึ้นบ้าง มือก็เลื่อนชามข้าวต้มส่งมาให้ “เมาเละล่ะสิ ไม่ยอมโทรมาให้ไปรับอีกแน่ะ แล้วกลับบ้านมายังไง”

“เพื่อนมาส่งครับ” ว่านอ้อมแอ้ม

“เพื่อนพี่ว่านขับรถหรูมากเลย” วินพูดขึ้น “วินยังไม่หลับ ได้ยินเสียงออดเลยลุกมาดูตรงหน้าต่าง รถสวยอย่างงี้” เด็กหนุ่มชั้นมัธยมปลายยกนิ้วโป้งชูให้ “รวยมากแน่ ๆ”

“อืม” ว่านงึมงำ ไม่อยากเล่าต่อว่าดันทำงามหน้าเอาไว้บนรถเขา

“เพื่อนคนไหนน่ะ แม่รู้จักไหม” แม่ของเขารู้จักเพื่อนของลูก ๆ เกือบทุกคน เพราะบ้านเขามักเปิดเป็นที่ปาร์ตี้ของเพื่อน ๆ ลูกอยู่เสมอ

“ไม่รู้จักครับ เพื่อนใหม่ เพิ่งเจอกันตอนทำงาน”

คนเป็นพ่อแม่สบตากันแวบหนึ่ง ว่านรู้ว่าพ่อแม่เป็นห่วงเขามากกว่าพี่น้องคนอื่นเพราะเขาไม่ใช่คนฉลาดเอาตัวรอดมากนัก เรียนก็เฉียดตกประจำ หัวช้าคิดอะไรไม่ค่อยทันชาวบ้าน พ่อบอกว่าเป็นเพราะตอนท้องแม่ของเขาเครียดเรื่องงานมากไปหน่อยก็เลยมาตกที่ลูก ขณะที่พี่วัตสอบเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยดังได้ เขากลับเอนท์ไม่ติด ต้องเอนท์ใหม่อีกรอบถึงได้ติดคณะฯ ที่ใคร ๆ ก็บอกว่าเรียนง่ายหางานยาก จบมาก็ตกงานต่อเลย ส่วนน้องชายของเขาเป็นตัวแทนประเทศไปแข่งชีวะโอลิมปิกระดับโลก เพิ่งได้เหรียญเงินกลับมาหมาด ๆ

“คบใครก็ระวังด้วยนะลูก พามาให้พ่อแม่พี่น้องแสกนบ้างก็ได้” แม่พูดเนิบ ๆ

ว่านรับคำอย่างห่อเหี่ยว ตักข้าวต้มเข้าปากได้ไม่เท่าไหร่ก็อิ่ม วันนี้เป็นวันหยุด ว่านเลยไม่ต้องไปมหาวิทยาวัย...เขาต้องใจว่าจะแวะไปขอโทษพี่อาร์มเสียหน่อยที่ทำให้รถเปื้อน

วิวาห์เปิดดูตารางงานของวงแล้วก็เจอว่าวันนี้มีโชว์ตอนเย็นที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งต่อด้วยงานที่ผับ เขาตั้งใจว่าจะไปดักรอเจอที่ห้าง จะได้ดูพี่อาร์มร้องสดแล้วเข้าไปขอโทษด้วยเลยทีเดียว คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม

“จะไปไหนน่ะว่าน” แม่ของเขาเรียกเอาไว้ก่อนตั้งแต่ยังไม่ทันออกจากบ้าน วิวาห์ชะงัก

“ไปห้างครับแม่”

“ไปกับใครน่ะ”

“คนเดียว” ลูกชายชูนิ้วชี้ขึ้นมา “แม่มีอะไรจะใช้ว่านหรือเปล่าครับ”

“เปล่าหรอก แม่ถามดูเฉย ๆ อย่าลืมกระเป๋าตังค์ โทรศัพท์ แว่นตา กุญแจรถ ยาแก้แพ้ เอาไปหรือยัง” แม่ถามเขาเหมือนเขายังเป็นเด็ก ๆ งั้นแหละ แต่ว่านก็ชินแล้ว เด็กหนุ่มเปิดกระเป๋าที่สะพายอยู่ออกมาสำรวจข้าวของ

“กุญแจรถอยู่นี่ แว่นตา ยาอยู่นี่ กระเป๋าตังค์ เอ...กระเป๋าตังค์อยู่ไหน” คิ้วเรียวขมวดมุ่น เปิดพลิกหาจนทั่วก็ยังไม่เจอ “สงสัยว่านลืมเอาไว้ในกระเป๋ากางเกงครับ ขอวิ่งไปดูก่อน”

“เจ้าว่านนะ เมื่อไหร่จะโตเป็นผู้ใหญ่กับเขาเสียทีเนี่ย จะยี่สิบแล้วนะ” แม่พูดอย่างอ่อนใจ มองตามหลังลูกชายคนกลางไป วิวาห์หายเงียบไปครู่หนึ่งก็วิ่งหน้าตื่นลงมาจากชั้นสอง

“แม่ กระเป๋าสตางค์ว่านหาย หาไม่เจอเลย”

“อ้าว ไปลืมไว้ที่ไหน ลองคิดซิ” ปราณีพูด “ถ้าแม่ขึ้นไปหาแล้วเจอนี่โดนแน่ ๆ เจ้าว่าน”

“เดี๋ยวว่านไปหาอีกรอบก่อน” วิวาห์หน้าจ๋อย รีบวิ่งขึ้นไปหาที่ห้องอีกรอบ แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ หรือว่าเขาทำหล่นที่ไหนเอาไว้ นึกไปนึกมาก็สงสัยว่าจะหล่นอยู่ในรถของอามันต์หรือเปล่า หรือจะเป็นที่ร้านอาหาร

“หรือว่าโดนขโมยไปแล้ว” พี่วัตเข้ามาร่วมวงด้วย หรี่ตามองน้องชายพลางส่ายหน้า “ไอ้ว่านขี้หลงขี้ลืมประจำ นี่ถ้าโจรมันได้ไป ป่านนี้เอาบัตรนายไปกดเงินหมดตัวไปแล้วมั้ง”

วิวาห์หน้าเสีย รีบโทรไปอายัติบัตรตามที่พี่ชายบอก ในกระเป๋ามีบัตรประชาชนเสียด้วย ไม่รู้จะถูกเอาไปใช้ในทางไม่ดีหรือเปล่า

“ไปแจ้งความเอาไว้ก่อนแล้วกันเพื่อความปลอดภัย” วิรัตน์ตัดสินใจให้

“พี่วัต ว่านคิดว่าตัวเองน่าจะลืมในรถของเพื่อนหรือที่ร้านอาหารเมื่อคืนครับ” วิวาห์พูดอย่างไม่แน่ใจ พี่ชายจุ๊ปาก ถามที่อยู่ของเพื่อนแต่ว่านไม่รู้ ว่านรู้แค่บริษัทค่ายเพลงต้นสังกัดของอามันต์เท่านั้น

“แต่ว่าเขาจะมีงานร้องเพลงที่ห้างเย็นนี้นะพี่ หรือเราจะไปดักรอดี” ว่านว่า วิรัตน์ส่ายหน้า

“ไม่มีทางอื่นติดต่อเขาเลยเหรอ โทรไปสิ”

“ว่านไม่มีเบอร์” วิวาห์พูดเสียงอ่อยแล้วก็นึกขึ้นได้ “เดี๋ยวว่านลองโทรหาพี่ทอยดูก่อน เผื่อเขามีเบอร์”

พี่ทอยให้เบอร์แทนใจมา ว่านเลยลองโทรไปดูปรากฏว่าฝ่ายนั้นไม่รับสาย วิวาห์เริ่มร้อนใจขึ้นมาหน่อย ๆ นั่งฟังที่พี่วัตขู่เอาไว้ต่าง ๆ นานา ว่าถ้าเกิดคนไม่ดีได้บัตรประจำตัวประชาชนของเขาไปแล้วจะเกิดเรื่องอะไรร้ายแรงขึ้นมาได้บ้างก็ยิ่งตื่นตระหนก สุดท้ายก็เลยติดรถพี่วัตไปแจ้งความที่สน.ที่ใกล้ที่สุดก่อน

ขากลับพี่วัตแวะส่งว่านที่สถานีรถไฟฟ้า ให้เงินว่านมานิดหน่อยพอติดตัวแล้วก็กำชับว่าขากลับจะมารับ ให้ว่านรีบไปถามเพื่อนดูว่าเห็นกระเป๋าสตางค์ตัวเองบ้างหรือเปล่า

ว่านรู้ว่าพี่วัตหงุดหงิดที่ไปตามนัดสาวสายไปเกือบชั่วโมงเพราะมัวแต่วุ่นวายเรื่องว่าน แต่จะปล่อยให้ว่านจัดการเรื่องทั้งหมดเอง พี่วัตก็ไม่ไว้ใจ พี่วัตไว้ใจวินมากกว่าว่านเสียอีก ทั้งที่วินเด็กกว่าว่านตั้งสองปี น่าน้อยใจชะมัด

“กรี้ด...พี่อาร์ม ทางนี้ค่ะ ทางนี้” เสียงกรี้ดดังมาจากลานน้ำพุกลางห้างที่จัดอีเว้นท์เกี่ยวกับน้ำหอมอยู่ วิวาห์เดินตรงไปทางนั้น ได้ยินเสียงเครื่องดนตรีกระหึ่มบ่งบอกว่าพี่อาร์มคงขึ้นแสดงแล้ว

ใจเต้นตึก ๆ ตามจังหวะกลองหนัก ๆ ร่างสูงเด่นของพี่อาร์มอยู่บนเวทีที่แวดล้องด้วยเหล่าแฟนคลับเต็มแน่นไปหมดแทบไม่มีที่แทรก ว่านแอบเบียด ๆ แทรก ๆ เข้ามาจนเกือบถึงขอบเวที เงยหน้าขึ้นมองพี่อาร์มร้องเพลงพร้อมกับโบกมือส่งเสียงเชียร์ไปด้วยจนคอแห้ง ว่านไม่ใช่ผู้ชายคนเดียวในที่แห่งนั้น พี่อาร์มมีแฟนคลับผู้ชายอยู่พอสมควรเกือบจะครึ่ง ๆ อาจจะเป็นเพราะความเท่และดนตรีที่ออกร็อคของเขา

“ขอบคุณทุกคนที่มาในวันนี้นะครับ” พี่อาร์มพูดบนเวที ส่งยิ้มออกมานิดหนึ่ง แค่นั้นเสียงกรี้ดก็ถล่มทลายแล้ว ว่านยกมือขึ้นกดหน้าอกเอาไว้เพราะความตื่นเต้น พี่อาร์มมีเสน่ห์มากจริง ๆ “ไหนใครมากับแฟนบ้าง วันนี้ ยกมือขึ้นหน่อย เอ้า โสดกันหมดเลยเหรอ งั้นถามใหม่ ใครยังโสดอยู่บ้าง ขอมือหน่อยเร็ว”

วิวาห์ยกมือขึ้นจนสุดแขน พี่อาร์มกวาดตามาทางนี้แวบหนึ่ง ไม่รู้ว่านคิดไปเองหรือเปล่าว่าพี่อาร์มเห็นว่าน รอยยิ้มบนใบหน้าของพี่อาร์มเพิ่มมากขึ้นจนทำให้ใบหน้าหล่อเหลานั้นยิ่งดูจับตา พี่อาร์มเริ่มร้องเพลงใหม่ที่เกี่ยวข้องกับความโสดที่เพิ่งถามไปเมื่อกี้ ได้ฟังเสียงพี่อาร์มชัด ๆ คลอกับดนตรี ว่านรู้สึกเหมือนตัวเองลอยได้เลยทีเดียว

อีเว้นท์ใกล้จบแล้ว ว่านเดินลัดเลาะออกมายืนด้อม ๆ มอง ๆ ที่หลังเวที พอเห็นแทนใจเข้าก็รีบโบกมือส่งเสียงเรียก แทนใจดูแปลกใจมากทีเดียว รีบเดินเข้ามาหาเขา

“น้องว่าน มาดูพวกพี่เหรอ หรือแวะมาเดินเล่นเฉย ๆ”

“ว่านทำกระเป๋าสตางค์หายเมื่อคืนครับ พี่แทนเห็นบ้างมั้ย” วิวาห์เข้าเรื่องไม่อ้อมค้อม อีกฝ่ายขมวดคิ้ว

“กระเป๋าตังค์เหรอ คุ้น ๆ นะ เห็นว่านทำตกที่ร้านแต่ก็เก็บใส่กระเป๋าแล้วนะ” แทนใจไล่เรียงเหตุการณ์ “แล้วตอนกลับ ..จริงสิ ไอ้อาร์มเป็นคนไปส่งว่านที่บ้านนี่ เดี๋ยวพี่ถามอาร์มให้นะ ..เดินมานั่นพอดี” แทนใจโบกมือเรียกนักร้องหนุ่มที่เดินดุ่ม ๆ เข้ามาหลังเวทีด้วยท่าทางเหนื่อยไม่เบา อามันต์มองมาทางพวกเขาแล้วเดินเข้ามาหา พอมาอยู่ใกล้ ๆ แบบนี้แล้ววิวาห์ก็มองเห็นเม็ดเหงื่อชุ่มโชกบนใบหน้าและเสื้อของอีกฝ่ายชัดเจน

“มาแล้วเหรอ กำลังรออยู่เลย” อามันต์พูดเสียงเรียบที่ทำให้คนฟังกลืนน้ำลายลงคอฝืด ๆ วิวาห์นึกถึงความผิดของตัวเองขึ้นมาได้ทันที รีบชิงยกมือขึ้นไหว้ก่อน พูดเร็วปรื๋อ

“ผมขอโทษครับพี่อาร์ม ผมไม่ได้ตั้งใจจะอ้วกใส่รถพี่เลยนะ แต่ผมเมามาก ไม่รู้ตัวจริง ๆ” วิวาห์หน้าซีด เห็นคิ้วเข้มของคนฟังขมวดเข้าหากันดูเคร่งเครียดกว่าปกติ

“พูดเรื่องนั้นขึ้นมาด้วยก็ดี รถฉันตอนนี้มีแต่กลิ่นอาเจียนของเธอ ฉันต้องเอาเข้าศูนย์ล้างใหม่หมด”

“ผมขอโทษครับ” วิวาห์จ๋อยสนิท ยกมือขึ้นไหว้อีกรอบ “ให้ผมชดใช้ค่าเสียหายก็ได้นะครับ”

“ฉันเปลี่ยนหนังใหม่หมดทั้งคัน คิดว่าเท่าไหร่ล่ะ” อามันต์พูดเสียงโหด แทนใจรีบเบรกเพราะเห็นคนฟังเริ่มตาแดง ๆ เหมือนจะร้องไห้

“เห้ยเอาน่า นิดหน่อยเอง น้องว่านเขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำรถมึงเปื้อนเสียหน่อย”

“คออ่อนก็ต้องรู้ตัวสิ ไม่ใช่ปล่อยให้เมาเละ” อามันต์พูดต่อ ทำเป็นมองไม่เห็นดวงตากลมโตแดงเรื่อนั้น “แล้วลืมอะไรอีก รู้ตัวบ้างมั้ย”

“ว่าน..ว่านลืมกระเป๋าตังค์” วิวาห์พูดเสียงเครือ ถึงพี่วัตจะขี้บ่นแต่ก็ไม่เคยดุว่านขนาดนี้มาก่อนเลย เสียงห้าว ๆ นั้นห้วนขึ้นฟังดูน่ากลัวยังไงไม่รู้ ว่านอยากวิ่งหนีจะแย่อยู่แล้ว

“ก็ยังดีที่รู้ตัว ไม่ไปรู้เอาชาติหน้า” อามันต์ว่า หยิบกระเป๋าสตางค์ใบเล็กจากเป้ขึ้นมาส่งให้ “วันหลังระวังตัวหน่อย ดีแค่ไหนแล้วที่ตกในรถฉัน ไม่ใช่ตกเรี่ยราดที่อื่น”

“ขอบคุณครับ” วิวาห์รีบรับกลับมาใส่กระเป๋าเอาไว้ เม้มปากคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เงยหน้าขึ้นพูดกับศิลปินที่ชอบ “ว่านจะชดใช้ค่าเสียหายให้พี่อาร์มครับ พี่อาร์มส่งบิลมาที่บ้านว่านได้เลย”

“เหอะ” อามันต์พ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ

“น่าเพื่อน ..มึงอย่าใจร้ายกับน้องเขาสิวะ นี่พระเอกเอ็มวีของเรานะเว้ย อาทิตย์หน้าก็ปล่อยเพลงแล้ว เห็นกับที่น้องเขาอุตส่าห์มาเล่นให้หน่อย” แทนใจรีบปรามเพื่อนสนิท “เอาอย่างนี้น้องว่าน พี่แทนช่วยนะ น้องว่านอ้วกใส่รถสุดรักของมันก็เป็นความผิดอยู่แหละ แต่ก็ไม่ต้องขนาดชดใช้เงินหรอก บ้านไอ้อาร์มมันรวย แค่นี้ขนหน้าแข้งมันไม่ร่วงแน่”

“งั้นให้ว่านทำยังไงดีครับ” วิวาห์ถามซื่อ ๆ นัยน์ตากลมโตคู่นั้นดูใสบริสุทธิ์เสียจนแทนใจก็ไม่กล้าเสนอตามที่คิดแต่แรกอีก แม้แต่อามันต์ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ นี่ถ้าวิวาห์เป็นเด็กแก่แดดไวไฟสักคน เขาคงขอแลกเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นง่าย ๆ แล้ว ข้อเสนอนี้ก็คงจะถูกสนองอย่างรวดเร็วสมใจทั้งผู้ให้และผู้รับแน่ ๆ

อามันต์รู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนดีนักหรอก ถ้าใครเต็มใจเสนอมา เขาก็พร้อมสนองให้ไม่เคยขัด เขาไม่ใช่ศิลปินดีเด่นแห่งชาตินี่นะ

“เลี้ยงข้าวฉันซักมื้อแล้วกัน” อามันต์พูดเนิบ ๆ คนฟังดูแปลกใจตามด้วยความโล่งใจไม่น้อย วิวาห์รีบยกมือไหว้เขาอีกรอบ

“ได้เลยครับพี่อาร์ม ว่านจะเลี้ยงข้าวชดใช้ให้พี่อาร์มเองครับ” วิวาห์โล่งอกเอาจริง ๆ ดูท่าศิลปินคนโปรดก็ไม่มีท่าทีจะโกรธเขาเป็นจริงเป็นจังแล้วด้วย อามันต์ผละไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกทางหนึ่ง วิวาห์เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขาจะนัดอีกฝ่ายเมื่อไหร่ “พี่อาร์มจะให้ผมเลี้ยงเมื่อไหร่ครับ”

“ไว้ฉันจะติดต่อไป” อามันต์พูด ถอดเสื้อที่ชื้นเหงื่อออก แผงอกกำยำมีรอยสักพาดยาวรูปเสือตัวใหญ่ตั้งแต่อกซ้ายพาดสีข้างไปยังด้านหลังดูแปลกตา เม็ดเหงื่อเกาะพราวตามลอนกล้ามเนื้อน่าดู เขารู้ดีว่ามีตาโต ๆ คู่หนึ่งจ้องมาแทบไม่กะพริบ แถมใบหน้าเล็ก ๆ นั้นยังขึ้นสีแดงจัดสองข้างแก้ม ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก เปลี่ยนใจกะทันหัน “เอามือถือของเธอมา”

“อะไรนะครับ” วิวาห์นึกว่าหูฝาด อีกฝ่ายพูดซ้ำ ก็เลยส่งโทรศัพท์ของตัวเองไปให้ อามันต์กดเบอร์โทรศัพท์แล้วโทรออก ได้ยินเสียงรอสายดังขึ้นในกระเป๋าของนักร้องหนุ่ม จากนั้นก็ส่งคืนมาให้

“เดี๋ยวนัดกันอีกที แค่นี้ก่อนนะ ฉันต้องรีบไปอีกงานหนึ่งให้ทัน”

“ครับพี่อาร์ม”

วิวาห์พูดเหมือนละเมอ ยกมือขึ้นโบกตามหลังร่างสูงใหญ่ของพี่อาร์มที่สะพายกีตาร์เดินออกไปพร้อมกับเพื่อนในวง เสียงกรี้ดดังสนั่นตามหลังเป็นทางตามที่พี่อาร์มเดินผ่าน ว่านไม่ได้เดินตามไปอีกแต่เปิดโทรศัพท์ขึ้นดู เห็นเบอร์ของพี่อาร์มโชว์หราอยู่บนสุด หัวใจเต้นตึก ๆ ด้วยความดีใจปนตื่นเต้น

วิวาห์รู้สึกว่าตัวเองโชคดีจริง ๆ เป็นแฟนคลับที่โชคดีมาก ๆ

..............................................................................................

“ว่านตื่นได้แล้ว จะถึงแล้วล่ะ” วิรัตน์เอื้อมมือไปเขย่าตัวปลุกน้องชายที่นั่งโงกหลับทันทีที่ขึ้นมาบนรถบัส วิวาห์สะดุ้งตื่น หันไปมองเห็นลูกสาวนอนซบอยู่บนตักเหมือนเดิมก็โล่งใจ

“โทษทีพี่วัต ว่านเผลองีบไปหน่อย ใกล้ถึงหรือยังครับ”

“ป้ายหน้านี่ล่ะ” วิรัตน์ตอบ มองน้องชายอย่างเป็นห่วงอยู่เงียบ ๆ เมื่อคืนเขาตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำทันเห็นวิวาห์นอนลืมตาโพลงอยู่คนเดียวเหมือนยังไม่หลับ เจ้าตัวเห็นเขาลุกก็รีบหลับตาลงทำเป็นหลับเหมือนเด็ก ๆ วิรัตน์เลยปรึกษากับบูรณาว่าจะย้ายที่พักกันคืนนี้ อย่างน้อยไม่ต้องเห็นหน้ากันแล้ว น้องชายของเขาน่าจะอาการดีขึ้น

ถึงเจ้าตัวจะบอกว่าไม่มีอะไรแล้วก็เถอะ...ถ้าไม่มีอะไรจริงจะกินไม่ได้นอนไม่หลับแบบนี้เหรอ เขาในฐานะพี่ชายต้องชิงตัดไฟเสียแต่ต้นลมก่อน

ไม่รู้ว่าแฟนเก่าน้องชายจะพักที่นั่นโดยบังเอิญหรือว่าอะไร วิรัตน์ก็จะไม่ปล่อยให้น้องต้องเสียใจอีกหรอก

“ทำไมจู่ ๆ บ้านพักที่เดิมก็เต็มล่ะครับ” วิวาห์ถามขึ้นขณะที่จูงมือลูกสาวเดินเข้าไปในซอยด้วยกัน “เราไม่ได้จองไว้แล้วเหรอ”

“เห็นว่ามีทัวร์มาลงน่ะ เขาบอกจองห้องเอาไว้ก่อนแล้ว” วิรัตน์ลอบไขว้นิ้วเอาไว้ในใจ เห็นน้องชายเหลือบมองมาเหมือนรู้ทันแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ วิวาห์คงเดาได้ล่ะมั้งว่าทำไมพี่ชายถึงพาเปลี่ยนที่นอนเอาในคืนสุดท้าย

“พรุ่งนี้บินกลับกรุงเทพฯ รอบดึก จัดกระเป๋าเตรียมเอาไว้เลยก็ดี เราไปเที่ยวน้ำตกกันก่อนตอนเย็นแวะกลับมาเอากระเป๋าแล้วนั่งรถไฟกลับไปสนามบิน” วิรัตน์วางแผนอย่างรอบคอบ พวกเขาต้องแวะส่งบูรณาก่อนด้วย หญิงสาวยังไม่กลับเพราะต้องทำงานต่ออีกเดือนหนึ่ง

“ยี่หวาขอจับตุ๊กตาด้วยได้มั้ยคะ” เด็กหญิงหวันยิหวารีบพูด “ตุ๊กตาน้องหมาชิบะน่ารัก ยี่หวาอยากพาน้องกลับบ้านค่ะ”

“โอเคค่ะ แวะก่อนกลับนะ...นะครับพี่วัต” วิวาห์หันไปถามหัวหน้าทริปอีกรอบ วิรัตน์ไม่คิดจะขัดใจหลานรักอยู่แล้ว สรุปคืนนั้นพวกเขาก็เลยเข้านอนกันอย่างสงบสุข โดยเฉพาะวิวาห์ที่รู้สึกดีกว่าทุกวัน

เวลาผ่านอย่างรวดเร็วเหมือนติดปีก ยี่หวาเดินกอดตุ๊กตาสุนัขพันธุ์ชิบะเอาไว้แน่น หลังจากเสียเงินเล่นไปหลายรอบเล่นเอาวิวาห์เหงื่อตก แต่ในที่สุดก็ได้ตุ๊กตามาครอบครอง เห็นรอยยิ้มดีอกดีใจยกใหญ่ของลูกสาวแล้ว วิวาห์ก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง มือหนึ่งจูงยี่หวาอีกมือลากกระเป๋าเดินทางขึ้นรถไฟตรงไปยังสนามบิน

“ยี่หวาไม่อยากกลับเลยค่ะ” เธอพูดหงอย ๆ “เราอยู่ต่อเลยได้มั้ยคะ”

“ป่านนี้คุณตาคุณยายคิดถึงแย่แล้วนะคะ ยายเอิบด้วยนะ” วิวาห์พูดปลอบใจ “เอาไว้เราค่อยมาเที่ยวใหม่ดีไหมคะ”

“ดีค่ะ ยี่หวาก็คิดถึงคุณตาคุณยายด้วย” เด็กหญิงพยักหน้ารับ “พายี่หวามาอีกนะคะวีว่า”

“ถ้ายี่หวาเป็นเด็กดี ไม่ดื้อไม่ซนล่ะก็ วีว่าจะพาไปเที่ยวบ่อย ๆ เลยดีมั้ยคะ”

“ยี่หวาเป็นเด็กดีมากเลยค่ะ” ลูกสาวพูดแล้วเข้ามากอดเขาเอาไว้แน่น วิวาห์ยิ้มออกมาได้ อุ้มหวันยิหวาขึ้นมานั่งตักพูดคุยเล่นเพลิน ๆ จนถึงเวลาขึ้นเครื่องบิน

เครื่องกำลังจะบินขึ้นแล้ว วิวาห์ทอดสายตามองแสงไฟของบ้านเรือนที่เห็นอยู่ด้านล่าง ใบหน้าคมเข้มแวบเข้ามาในความคิด...คงไม่ได้เจอกันอีกแล้วกระมัง ป่านนี้คงเที่ยวเล่นไปเรื่อย ๆ ตามนิสัยของเขาที่ไม่เคยจริงจังกับอะไร

ดีแล้วล่ะ ไม่ต้องเจอกันอีกน่ะดีแล้ว...ต่างคนต่างอยู่

โชคดีนะพี่อาร์ม...

“คุณกระต่าย” ลูกสาวกระตุกข้อมือของเขา วิวาห์หันไปมองก็เห็นเด็กหญิงกำลังชี้มือไปยังแถวที่นั่งที่อยู่เยื้องกันไปอีกแถวหนึ่ง ข้อมือของผู้โดยสารคนนั้นวางอยู่บนที่วางแขน รอยสักรูปกระต่ายคุ้นตาทำให้วิวาห์ขมวดคิ้วฉับ “ใช่คุณลุงกระต่ายคนนั้นมั้ยคะ ยี่หวาว่าใช่แน่ ๆ ยี่หวาจำได้”

เสียงเจื้อยแจ้วของหลานสาวปลุกวิรัตน์ที่นั่งหลับให้สะดุ้งตื่นขึ้นมาบ้าง

“อะไรยี่หวา มีอะไร” พี่ชายถามงง ๆ วิวาห์รีบส่ายหน้า

“ไม่มีอะไรครับ พี่รัตน์นอนเถอะ” พี่ชายหลับตาลงไม่สนใจอะไรอีก วิวาห์รีบหันไปกระซิบข้างหูเด็กหญิงให้ลดเสียงลงหน่อย “รบกวนผู้โดยสารคนอื่นเขานะคะ”

หวันยิหวาพยักหน้ารับ พักเดียวก็หันไปสนใจอย่างอื่นต่อตามประสาเด็ก ทว่าคนเป็นแม่นี่สิที่สงบใจไม่ลง ทั้งที่เมื่อกี้อุตส่าห์บอกลาในใจเสียดิบดีแล้วแท้ ๆ

ไม่เจอกันตั้งห้าปี บทจะเจอขึ้นมาทำไมถึงเจอกันไม่เลิกนะ โลกกลมนักหรือไง..

............................................................................

มาอัพต่อนะคะ

เรื่องนี้คนละแนวกับเวฬาหยุดรักนะ ถึงจะแฟนเก่าเหมือนกัน แต่บอกเลยว่าอารมณ์ต่าง อิอิ ชอบมากเลย เรื่องนี้แปลกตรงไม่หวือหวานะ แต่เขียนแล้วรู้สึกอวล ๆ ในใจยังไงไม่รู้ (เว่อมาก5555)

เจอกันตอนหน้า

ใครชอบเรื่องนี้อย่าลืมช่วยกันโปรโมทด้วยน้า คนละไม้คนละมือค่ะ ฮ่าๆๆ

#วิวาห์อามันต์
หัวข้อ: Re: :::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน1 4/2/2563
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 04-02-2020 21:50:34
เลิกกันไปแบบที่ไม่รู้ว่าวิวาห์ท้องได้และกำลังท้องอยู่สินะ คนมันใช่จะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังใช่ เหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: :::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน1 4/2/2563
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 04-02-2020 22:58:53
ติดตามครับ
หัวข้อ: Re: :::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน1 4/2/2563
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 04-02-2020 23:30:02
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: :::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน1 4/2/2563
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 05-02-2020 01:16:21
ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: :::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน1 4/2/2563
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 05-02-2020 01:56:19
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: :::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน1 4/2/2563
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 05-02-2020 02:11:16
รักวีว่า เจ้าฟันกระต่าย
หัวข้อ: Re: :::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน1 4/2/2563
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 05-02-2020 06:36:22
อย่าใจร้ายกับวีว่าได้มั้ยย :ling1:
หัวข้อ: Re: :::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน1 4/2/2563
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 05-02-2020 07:05:23
 :katai3:
หัวข้อ: Re: :::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน1 4/2/2563
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 05-02-2020 08:50:16
ทำไมดูท่าจะหม่นๆ หนอ

เป็นกำลังใจให้วิวาห์และคนเขียนจ้า
หัวข้อ: Re: :::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน1 4/2/2563
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 05-02-2020 09:51:24
ตัดใจให้เด็ดขาดเถอะวิวาห์


เลี้ยงลูกคนเดียวมาได้ตั้งนาน


อย่าไปคิดถึงคนอื่นอีกเลย


เจ็บแล้วจำคือคน


เจ็บแล้วทนคือควายนะรู้ใหม
หัวข้อ: Re: :::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน1 4/2/2563
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 05-02-2020 22:49:42
ยังไงดีนะ
หัวข้อ: Re: :::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน1 4/2/2563
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-02-2020 00:15:09
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: :::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน1 4/2/2563
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 06-02-2020 00:28:16
ชอบอะไรแบบนี้ มาต่อเร็วๆน้าค้า
หัวข้อ: Re: :::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน1 4/2/2563
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 06-02-2020 12:51:49
ทำไมถึงเลิกกันนะ
หัวข้อ: Re: :::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน1 4/2/2563
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 06-02-2020 23:03:58
ติดตามจ้า~
หัวข้อ: Re: :::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน1 4/2/2563
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 08-02-2020 16:27:03
ลุ้นว่าพ่อของเจ้าเด็กน้อยยี่หว่าจะรู้เมื่อไรว่าตัวเองมีลูกสาว
หัวข้อ: Re: :::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน1 4/2/2563
เริ่มหัวข้อโดย: kratai_rabbit ที่ 08-02-2020 20:41:13
ติดตามนะค่าบบ  :mew1:
หัวข้อ: Re: :::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน1 4/2/2563
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 09-02-2020 02:29:33
โห วีว่า ช้อตนับเหรียญให้น้องกินไอติมคือแบบ  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: :::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน1 4/2/2563
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 09-02-2020 10:52:19
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: :::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน 2
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 13-02-2020 00:41:06
วิวาห์อามันต์

ตอนที่ 2











“ตรงนู้นค่ะวีว่า น้าวินอยู่ตรงนู้น” เด็กหญิงหยันยิหวากระตุกมือมารดาพลางชี้นิ้วไปยังเด็กหนุ่มร่างสูงเก้งก้างที่ยืนรออยู่ข้างนอก วิวาห์จับมือลูกสาวเอาไว้แน่นกลัวว่าลูกจะวิ่งถลาออกไปแล้วถูกคนชนเข้า

“คนเยอะยี่หวาอย่าวิ่งนะคะ จับมือวีว่าเอาไว้ก่อน”

เสียงพูดคุยโต้ตอบอย่างอ่อนหวานของชายหนุ่มหน้าอ่อนกับเด็กหญิงหน้าตาน่ารักทำให้ใครหลายคนหันไปมองอย่างเอ็นดู เดาจากอายุใบหน้าแล้วทั้งคู่น่าจะเป็นพี่น้องหรือไม่ก็อาหลาน

อามันต์จับตาดูคนทั้งคู่อยู่เช่นกัน ชายหนุ่มเดินตามหลังทุกคนออกมาเงียบ ๆ พี่ชายของวิวาห์เป็นคนเอากระเป๋าทั้งหมดไปถือเอาไว้เอง ปล่อยให้น้องชายจูงลูกสาวเดินตามต้อย ๆ ...ไม่มีเงาของผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนนั้น หรือว่าเธอจะไม่ได้กลับมาด้วยกัน...

วิวาห์กับภรรยาแยกกันอยู่งั้นเหรอ?

อามันต์เดินตามพวกเขาออกมาข้างนอก น้องชายคนเล็กของวิวาห์มารอรับอยู่ก่อนแล้ว เขาเคยเจอหน้าเด็กคนนี้เมื่อหลายปีก่อน วิรัตน์ยกกระเป๋าขึ้นรถยนต์คันใหญ่ รุนหลังหลานสาวเข้าไปนั่งข้างในตามด้วยวิวาห์และน้องชาย จากนั้นเขาก็เข้าประจำที่หลังคนขับ

รถคันนั้นแล่นออกไปจากสนามบินแล้ว อามันต์ยืนมองตามจนลับสายตา

วิวาห์ลอบถอนหายใจยาว เขาละสายตาจากกระจกมองหลังที่มีเงาร่างสูงใหญ่ปรากฏอยู่ อามันต์ยืนมองอยู่ตรงนั้นจนรถของพวกเขาขับออกมา อันที่จริง...พี่อาร์มก็เดินตามหลังออกมาตลอดตั้งแต่ลงจากเครื่อง ว่านพยายามทำเป็นไม่เห็น ไม่สบตา ขนาดปวดฉี่จะแย่ก็ยังไม่อยากหยุดเข้าห้องน้ำก่อนเพราะกลัวว่าจะจ๊ะเอ๋กันในห้องน้ำอีก

ตอนที่เจอกันที่นู่น ...ว่านยังมองโลกในแง่ดีว่าอาจจะเป็นความบังเอิญ ตอนที่มาพักที่เดียวกัน ว่านก็ยังคิดว่าโลกคงกลมมาก ๆ แต่พอขึ้นไฟล์ทกลับเที่ยวเดียวกันแล้ว ว่านก็ชักไม่แน่ใจเท่าไหร่ พี่อาร์มรวยจะตายไปจะมานั่งชั้นประหยัดทำไม คนอย่างพี่อาร์มไม่มีทางทนนั่งที่แคบ ๆ เด็ดขาด

ยกเว้นมีจุดประสงค์อะไร...

นัยน์ตากลมโตเหลือบมองเด็กหญิงที่ยังพูดจ้อคุยกับน้าชายไม่หยุด ...หรือว่าพี่อาร์มรู้เรื่องยี่หวาแล้ว... ไม่น่า นอกจากคนในครอบครัวของเขาแล้วไม่มีใครรู้ความลับเรื่องนี้อีก ทุกคนรอบตัวเข้าใจว่าวิวาห์เป็นพ่อหม้ายลูกติด ภรรยาเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุไปนานแล้ว ไม่เคยมีใครสงสัย...

คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างกังวลจนถึงบ้าน พอเห็นสายตาของพี่วัตที่มองมาวิวาห์ส่งยิ้มฝืน ๆ กลับไปให้ เขาไม่อยากให้พี่ชายต้องกังวลไปด้วย

ใจเย็น ๆ เอาไว้วิวาห์ ...คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง

“ยี่หวาคิดถึ๊งคิดถึงคุณตาคุณยายค่ะ” เด็กหญิงพูด เข้าไปกอดญาติผู้ใหญ่พลางเอียงแก้มให้คุณตาคุณยายหอมซ้ายขวา “คุณตาคุณยายคิดถึงยี่หวามั้ยคะ” ริมฝีปากแดงสดเป็นกระจับน้อย ๆ ช่างพูดจาฉอเลาะ ไม่แปลกใจที่หลานสาวสุดที่รักไม่อยู่บ้านแค่อาทิตย์เดียวแต่ทำเอาบ้านทั้งหลังเงียบเหงา

“คิดถึงสิลูก ตากับยายรอให้ยี่หวากลับมา ไปเที่ยวสนุกมั้ยคะ”

“สนุกสุด ๆ เลยค่ะ ยี่หวามีขอมาฝากคุณตาคุณยายด้วยนะคะ” เด็กน้อยกุลีกุจอไปเปิดกระเป๋าใบใหญ่มาแจกจ่ายข้าวของที่ซื้อมาฝากทุกคน “ยี่หวาเลือก วีว่าจ่ายค่ะ” เด็กหญิงพูดอย่างภาคภูมิใจ สะบัดผ้าพันคอลายสวยในมือให้คุณยายดูไปด้วย “อันนี้ของคุณตาค่ะ ขนมถั่วแดง อร่อยมาก รสชาติหวานนุ่ม..” เธอสาธยาย

“พูดซะตานึกว่าเราเป็นคนขายเสียเองนะยี่หวา” คุณสารสินหัวเราะ รับของฝากจากหลานรักมาเปิดชิม “อร่อยจริง ๆ ด้วยแฮะ ยี่หวาไม่โม้นะเนี่ย”

หลานสาวยิ้มหน้าบาน กระโดดไปทางโน้นทีทางนี้ที แจกจ่ายของฝากให้คนในบ้านรวมถึงยายเอิบพี่เลี้ยงที่คอยดูแลยี่หวามาตั้งแต่เกิด ยายเอิบถึงกับน้ำตาไหลเมื่อเห็นของฝากของคุณหนูที่รัก

“ขนมถั่วแบบนี้ ยายเอิบไม่มีฟันจะกินยังไงล่ะคะคุณหนู”

“ไม่ยากค่ะ เดี๋ยวยี่หวาช่วยเคี้ยวเอง”

“เคี้ยวแล้วก็กลืนเลยใช่มั้ยคะ” วิวาห์นั่งเก็บของอยู่หันมาแซว ลูกสาวหัวเราะคิกที่โดนรู้ทัน “หมดเงินไปกับขนมของยี่หวานี่แหละครับ แทบจะขนมาทั้งชั้น”

“ก็ยี่หวาอยากให้คุณตาคุณยาย ยายเอิบ พี่ต๋อม พี่รุ่งได้กินกันทุกคนนี่คะ...อ้อ พี่โบ้ด้วย” ฟังลูกสาวร่ายยาวแล้ววิวาห์ก็รู้สึกเหมือนขี้หูจะไหล ชายหนุ่มลุกขึ้นจากกองข้าวของแล้วเดินขึ้นไปบนห้องนอน พอกลับมาถึงบ้านแล้วเขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก ไม่ต้องคอยระวังตัวตลอดเวลาอีกต่อไป โดยเฉพาะต่อหน้าผู้ชายคนนั้น

เสียงข้อความดังขึ้นจากพี่ที่ทำงาน ถามไถ่เรื่องการเดินทางของเขาตบท้ายด้วยของฝากและเจอกันที่ออฟฟิศพรุ่งนี้ วิวาห์ถอนหายใจเฮือก อะไรนุ่ม ๆ อย่างหนึ่งขยับชนข้อเท้าเบา ๆ ชายหนุ่มก้มลงมองก็เจอแมวขนนุ่มฟูตัวหนึ่งเดินเข้ามาคลอเคลียไม่ไปไหน

“ว่าไงพี่โบ้ ...คิดถึงกันใช่มั้ย ไม่เจอกันนาน ..คิดถึงกันล่ะซิ” วิวาห์ย่อตัวลงไปอุ้มสัตว์เลี้ยงตัวโปรดขึ้นมากอดเอาไว้ พี่โบ้หรือชื่อเต็มคือจัมโบ้ร้องครวญเหมือนออดอ้อน คงคิดถึงที่ไม่ได้เจอกันนานล่ะสิ “แต่ว่านไม่คิดถึงหรอกนะ ไม่คิดถึงเลย” เขาพูดกับแมวตัวนั้น มองจ้องตาแป๋วตอบกลับมาพลางร้องเมี้ยว “ฟังรู้เรื่องด้วยเหรอ”

วิวาห์ใช้เวลาสั้น ๆ จัดการธุระส่วนตัว เขานอนแช่น้ำอุ่นผ่อนคลายความเมื่อยขบและเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง บางคนชอบท่องเที่ยวแต่ไม่ใช่ว่านคนนึงล่ะ เขาชอบนอนเล่นดูหนังฟังเพลงมากกว่า อะไรก็ได้ที่ไม่ต้องใช้พลังงานเยอะ ไปเที่ยวครั้งนี้เหนื่อยกว่าทุกทีเพราะว่านต้องดูแลลูกด้วย ว่านรู้สึกเหมือนโดนสูบพลังเลย

“วีว่า ยี่หวาเข้าไปได้มั้ยคะ” เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นตามมารยาทที่วิวาห์อบรมลูกสาวอย่างเคร่งครัด พอมารดาอนุญาต เด็กหญิงถึงได้เปิดเข้าไป วิวาห์ยืนเช็ดผมอยู่หน้ากระจก “คุณยายให้มาเรียกไปกินข้าวค่ะ”

“ยี่หวาอาบน้ำก่อนมั้ยลูก” วิวาห์ถาม เด็กหญิงส่ายหน้าจนหางเปียแกว่งไปมา “กลับมาข้างนอกสกปรกออก”

“ยี่หวาขอกินข้าวก่อนค่ะ” เธอทำท่าเหมือนแมวพองขน เด็กหญิงหวันยิหวาไม่ชอบอาบน้ำเอาเสียเลย

บนโต๊ะอาหารวิวาห์สังเกตได้ว่าพ่อกับแม่คอยมองมาทางเขาด้วยสายตาเป็นห่วงจนเห็นได้ชัด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพี่วัตคงจัดการ ‘ฟ้อง’ ให้ฟังไปหมดแล้ว วิวาห์อยากบอกพ่อกับแม่เหมือนกันว่าไม่ต้องเป็นห่วง วิวาห์คนนี้โตแล้วนะ ไม่ใช่เด็ก ๆ อ่อนต่อโลกโดนหลอกง่าย ๆ เหมือนเมื่อก่อน

วิวาห์เคยได้รับบทเรียนมาแล้ว เหนื่อยจนพอแล้วล่ะ

“ว่าน เข้ามานวดให้แม่หน่อยสิลูก” แม่ของเขาเรียกเอาไว้หลังทานข้าวเสร็จจริง ๆ ตามคาด

“ว่านขอพายี่หวาอาบน้ำเข้านอนก่อนได้มั้ยครับแม่”

แม่ตอบตกลง ว่านพาลูกสาวอาบน้ำอย่างใจลอยจนเกือบเอายาสระผมมาอาบน้ำแทน อดคิดถึงคำพูดของเพื่อนสนิทไม่ได้ว่าเขายังเป็นเด็กไม่รู้จักโตอยู่แบบนี้ก็เพราะว่ายังอยู่กับบิดามารดานี่เอง.. ขนาดโตจนอายุเบญจเพสเข้าปีนี้แล้วแถมมีลูกอีกคน ว่านก็ยังเหมือนเด็ก ๆ ที่ทำอะไรต้องคอยบอกคอยปรึกษาพ่อแม่อยู่ทุกฝีก้าว

คงเป็นเพราะว่านเคยล้มเหลวมาก่อน พ่อแม่เลยไม่อยากให้ผิดหวังอีก แต่ใครจะรู้ดีเท่าว่านว่าเขารู้สึกอึดอัดอยู่ข้างในลึก ๆ กับความเป็นห่วงเป็นใยนี้ คิดมาถึงตรงนี้...ชายหนุ่มก็รีบส่ายหน้าไล่ความไม่สบายใจออกไป วันที่ว่านเสียใจที่สุด มีคนเสียใจกว่าว่านก็คือพ่อกับแม่

“ยี่หวาหลับแล้วเหรอลูก” คุณปราณีเงยหน้าขึ้นทัก เธอกำลังปักผ้าอยู่ ถึงจะอายุมากขึ้นแต่สายตาก็ยังดี เวลาว่างก็เลยทำงานฝีมือเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปแก้เบื่อ “มานั่งตรงนี้สิ”

“พ่อเราบ่นว่าง่วงก็เลยเข้านอนก่อนน่ะ” เธอตอบเนิบ ๆ รอจนลูกชายเข้ามานั่งตรงหน้า “ไปเที่ยวสนุกมั้ย”

“ก็ดีครับ ไปเปิดหูเปิดตา ยี่หวาชอบมาก” ว่านหยิบผ้าปักของมารดามาพลิกดูเล่น “คุณแม่อยากไปเที่ยวบ้างมั้ยครับ”

“แม่แก่แล้ว พวกหนูไปกันเถอะ” คุณปราณีหัวเราะ มองลูกชายอยู่ครู่หนึ่งก็พูดขึ้นเนิบ ๆ “เห็นพี่วัตเล่าว่าว่านเจอพี่อาร์มที่นู่นเหรอลูก”

วิวาห์ยังมีสีหน้าเป็นปกติ เพราะเขาเตรียมตัวมาแล้วว่าจะต้องโดนถามแน่นอน

“ครับแม่” รับคำแล้วก็รู้สึกว่าห้วนสั้นไปหน่อย เลยเสริมต่ออีกนิดหนึ่ง “พี่อาร์มก็เหมือนเดิม ไม่ได้เจอกันนาน”

“แล้วเขาว่ายังไงบ้าง คุยกันบ้างมั้ย”

“ครับ ทักทายตามปกติ พี่อาร์มก็ไม่ได้ว่าอะไร เจอกันแป๊บเดียว ...แล้วก็เจอบนเครื่องอีกหน่อย กลับเที่ยวเดียวกัน บังเอิญไหมล่ะครับ” วิวาห์หัวเราะออกมาเบา ๆ

“เขากลับมาด้วยเหรอ” ปราณีพูดเรียบ ๆ “คงไม่ได้จะมาอะไรกับเราอีกแล้วใช่มั้ย”

“โธ่แม่ เห็นว่านเป็นคนยังไง ว่านเจ็บแล้วจำนะ”

“ก็แล้วไป แม่จะได้โล่งอก” เธอพูด “พ่อเขาก็เป็นห่วงอยู่ รายนั้นกลัวแค่เขาจะมาเอาหลานไปแค่นั้นแหละ”

“คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องห่วงครับ เขาจะไม่มีทางรู้เรื่องยี่หวาเด็ดขาด” วิวาห์พูดเสียงหนักแน่น “หรือถึงรู้ เขาก็เอายี่หวาไปจากว่านไม่ได้ ยี่หวาเป็นลูกของว่านคนเดียว ว่านไม่ยอมให้ใครทั้งนั้น”

คุณปราณีพยักหน้ารับ ลูกชายคนกลางของเธอถึงจะเป็นคนหัวอ่อนเชื่อคนง่าย ตามใครไม่ค่อยทัน แต่ถ้าลงได้ฝังใจเรื่องอะไรเข้าแล้วล่ะก็ ไม่เคยเปลี่ยนใจเลยสักครั้งเดียว ใจแข็งเสียยิ่งกว่าบรรดาพี่น้องทั้งหมด แม้แต่วิรัตน์ที่ว่าดุก็ยังต้องยอมให้

“ได้ยินแบบนี้แม่ก็ค่อยสบายใจ”

วิวาห์นอนไม่หลับอีกหนึ่งคืน เขาตื่นมาอาบน้ำอย่างสะโหลสะเหล่ก่อนจะปลุกลูกสาวขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียนบ้าง นั่งกินอาหารเช้ากันพร้อมหน้าพร้อมตา วิรัตน์ขับรถไปส่งเขากับลูกที่หน้าโรงเรียนอนุบาลก่อนจะเลยไปทำงานและแวะส่งน้องชายคนเล็กที่โรงเรียนซึ่งเป็นทางผ่าน

เด็กหญิงในชุดนักเรียนกระโปรงแดงผูกเปียเดินแกมวิ่งเข้าไปรวมกลุ่มกับเพื่อน ๆ อย่างรวดเร็ว วิวาห์มองตามหลังลูกสาวแล้วอมยิ้ม รู้สึกว่าทำภารกิจสำเร็จไปอีกวันหนึ่ง

“สวัสดีค่ะ คุณพ่อของน้องยี่หวา...วันนี้มาแต่เช้าเลย” เสียงใส ๆ ดังขึ้นข้างตัว พอหันไปดูก็เจอร่างเล็กบางของผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดยูนิฟอร์มของโรงเรียนอนุบาลแห่งนี้ยืนยิ้มให้เขาอยู่

“ครูเตยสวัสดีครับ” วิวาห์พูดทักทาย ครูเตยเป็นครูประจำชั้นของหวันยิหวา “ฝากยี่หวาด้วยนะครับ เพิ่งไปเที่ยวมาเป็นหวัดนิดหน่อย มีขนมมาฝากเพื่อนในห้องกับครูเตยด้วยนะครับ อยู่กับยี่หวา” เขาบอก

หญิงสาวอมยิ้มบอกขอบคุณ สบตาเขาแวบเดียวก็เมินหลบ ข้างแก้มเป็นสีชมพูเรื่อ วิวาห์กระแอมรีบบอกขอตัวกลับออกมา คุณครูสาวไม่ได้ปิดบังความรู้สึกเท่าไหร่ว่า ‘ปลื้ม’ เขาอยู่ แถมเคยพูดเป็นนัย ๆ ด้วยว่าไม่รังเกียจพ่อหม้าย

วิวาห์เคยคิดเรื่องหาแม่ให้หวันยิหวาอยู่เหมือนกัน เขารู้ดีว่าสถานะตอนนี้ของเขากับลูกมันแปลกประหลาด ตอนนี้ลูกยังเล็กเลยยังไม่เข้าใจ แต่อีกหน่อยถ้าลูกโตขึ้น วิวาห์ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะอธิบายให้หวันยิหวาฟังว่าตัวเองเป็นแม่หรือเป็นพ่อดี วิวาห์ไม่อยากให้ลูกรู้สึกมีปมด้อยเลย

“มาแล้วน้องว่าน ไปเที่ยวสนุกมั้ยจ๊ะ ไหนของฝาก” พอถึงที่ทำงานได้ พี่ ๆ ที่นั่นก็ทักทายพร้อมกับทวงของฝากจากเขาหน้าตาเฉย วิวาห์หยิบขนมที่ซื้อมาส่งให้ “หน้าตาผ่องใสจังนะว่าน สงสัยพักผ่อนเต็มที่ ดี ๆ” พี่อีกคนพูดยิ้ม ๆ แต่ดวงตาไม่ได้ยิ้มไปด้วย

ว่านรีบเดินขึ้นบันไดไปชั้นสองของบริษัทที่เป็นส่วนของเขา เขารู้ว่าทุกคนออกจะหมั่นไส้ความเป็นเด็กเส้นของว่าน เพราะนอกจากจะไม่มีใบปริญญามาสมัครทำงานแล้ว วิวาห์ยังขอลาหยุดไปเที่ยวต่างประเทศได้เป็นอาทิตย์ ไม่รู้ว่าใช้อภิสิทธิ์อะไร

“คุณว่านกลับมาแล้วเหรอ” เสียงทุ้ม ๆ ดังขึ้นเหนือโต๊ะทำงาน ว่านกำลังวุ่นอยู่กับการจัดการเอกสารที่ใครต่อใครมากองทิ้งเอาไว้เต็มโต๊ะ คนที่ยืนเท้าโต๊ะของเขาอยู่นั้นส่งยิ้มมาให้ผ่านแว่นสายตา “เข้าไปคุยในห้องกันหน่อย” พูดจบร่างสูงได้สัดส่วนก็หมุนตัวเดินเข้าไปในห้องทำงานที่อยู่อีกฟากของชั้น

วิวาห์รู้ว่ามีสายตามองตามหลังพร้อมกับคำซุบซิบแต่ว่านก็ชินแล้ว ชายหนุ่มหิ้วของฝากสำหรับผู้ชายคนนั้นติดมือไปด้วย คุณฟอร์ดนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน มองมาที่ว่านยิ้ม ๆ

“ของฝากเหรอ ขอบคุณมากครับ” รองประธานบริษัทสื่อสิ่งพิมพ์ที่ว่านทำงานด้วยอยู่พูดอย่างเป็นกันเอง ราวกับว่านเป็นพนักงานระดับสูงสักคน ไม่ใช่แค่เสมียนคอยนั่งตามเก็บงานทั่วไป “นั่งก่อนสิ คุณผอมลงนะ เดินเหนื่อยแน่ ๆ” รอยยิ้มหลังแว่นตาดูจริงใจจนว่านอดยิ้มตอบกลับไปไม่ได้

“เหนื่อยเหมือนกันครับคุณฟอร์ด”

“หรือจะไม่สบาย ลาพักได้นะถ้าไม่ไหว” อีกฝ่ายเสนอ ว่านรีบปฏิเสธ แค่นี้เขาก็โดนมองค้อนทุกวันอยู่แล้ว

“ไม่เป็นไรครับ ผมสบายดี ...ขอกลับไปทำงานก่อนนะครับ”

“เย็นวันพรุ่งนี้ที่งานเลี้ยงสามสิบปีของบริษัท ผมอยากให้คุณว่านช่วยร้องเพลงให้ด้วยสักเพลงสองเพลง ได้มั้ยครับ” อีกฝ่ายพูดยิ้ม ๆ คนฟังชะงัก

“ว่านไม่ได้ร้องเพลงแล้วครับ” ...ไม่ได้ร้องนานมาก ๆ แล้ว

“นาน ๆ ทีน่ะครับ ถือว่าช่วย ๆ กัน ฝ่ายอื่นเขาก็มีโชว์เด็ด ๆ กันทั้งนั้น ของเราอุตส่าห์มีคุณว่านแล้ว ใคร ๆ ก็อยากฟังคุณว่านร้องเพลงอีกสักครั้งนะครับ” ธาดาคะยั้นคะยอ “เพลงเดียวก็ได้ ...ผมยังจำได้สมัยก่อน ตอนที่ Forearm ดัง ผมชอบคุณว่านมาก ๆ ชอบมากกว่าเสียงคุณอาร์มอีกนะ”

วิวาห์ยืนนิ่ง รู้สึกเหมือนถูกสะกิดเปิดปากแผลแรง ๆ โดยไม่ทันตั้งตัว

“ผมร้องเพลงของพวกคุณได้ทุกเพลง คุณว่านไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น ผมไม่เชื่อข่าวลือพวกนั้นหรอก” ธาดาหัวเราะเบา ๆ “เรื่องตั้งหลายปีแล้ว พวกคุณยังติดต่อกันอยู่ไหมครับ”

“เปล่าครับ” วิวาห์ส่ายหน้า

ธาดาอมยิ้ม ทำท่าเหมือนอยากบอกอะไรแต่ก็เปลี่ยนใจ

“เอาเป็นว่า ..คุณว่านอย่าลืมมางานฉลองพรุ่งนี้ก็แล้วกัน ชุดธีมสีเงินนะครับ”

“ครับ” วิวาห์รับคำส่ง ๆ อีกฝ่ายจะได้เลิกเซ้าซี้

วันรุ่งขึ้นพี่ ๆ ในทีมวิ่งวุ่นเตรียมงานกันใหญ่ ว่านเองก็วิ่งไปทางนู้นทีทางนี้ทีตามแต่ที่จะมีใครเรียกให้ช่วย ชายหนุ่มแอบมองนาฬิกาเป็นระยะ ตั้งใจว่าพอสี่โมงเย็นจะอ้างว่าต้องไปรับลูกสาวแล้วแวบกลับบ้านไปเลย

“ว่าน” เสียงเรียกดัง ๆ ตามด้วยมือฟาดใส่หลังเขาไม่เบานักทำให้ว่านสะดุ้ง เพื่อนสนิทของเขายืนยิ้มกว้างอยู่ตรงหน้า “กลับจากเที่ยวแล้วไม่ยอมส่งข่าวกันบ้างเลยนะ เงียบหายเข้ากลีบเมฆ”

“แป้ง” ว่านเรียกเสียงอ่อย แป้งในวันนี้ไม่ใช่เด็กสาวร่างแบบบางอีกแล้ว เธอเป็นคุณแม่ลูกสามเลยพลอยอ้วนท้วนสมบูรณ์ตามลูก ๆ ทั้งสามไปด้วย “วันนี้ไม่ไปรับเจ้ายี่หวาหรือไง”

“ว่าจะไปนี่แหละ แต่ยังไม่เสร็จงานเลย” ว่านพูด แป้งชะโงกเข้ามาดู ‘งาน’ ของเขาแล้วหัวเราะลั่น

“ไอ้การตัดแปะกระดาษเนี่ยนะ งานของเธอ ให้ใครทำต่อก็ได้น่า”

“ไม่ได้ ๆ” วิวาห์ปฏิเสธ งานจำพวกตัดแปะรวบรวมเข้ากองก็อปปี้ใส่แฟ้มนี่แหละคืองานของเขา ...งานที่ไม่ต้องใช้สมองมากนัก “ใกล้เสร็จแล้วล่ะ แป๊บนึง”

แป้งถอนหายใจเฮือก ทรุดลงนั่งขัดสมาธิข้าง ๆ เพื่อน

“เดี๋ยวฉันช่วย ว่านนะว่าน...ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเธอจะมาทนทำงานแบบนี้ทำไม แทนที่จะไปร้องเพลงต่อ หาเงินได้เยอะแยะ”

“เธอก็รู้เหตุผล” ว่านตอบเนิบ ๆ ใช้กรรไกรตัดกระดาษสีเป็นรูปต่าง ๆ แปะลงไปบนบอร์ดตกแต่ง

แป้งลดเสียงลง

“จริงสิ ฉันได้ยินมาว่าค่ายจะทำโปรเจ็กรวมนักร้องเก่ายุคทองอะไรทำนองนี้”

“แล้ว? ”

“แล้วเธอก็ควรจะเข้าร่วมนะซิ ยัยยี่หวาจะได้ไปเที่ยวอีกบ้าง ไม่ใช่แม่มันนั่งทำงานงก ๆ เงินเดือนเท่าขี้เล็บ”

“เธอหยุดดูถูกอาชีพฉันได้แล้ว” ว่านพูดเสียงแข็งขึ้นเล็กน้อย “ฉันทำงานที่นี่ก็มีความสุขดี..”

“เหรอ” เพื่อนสนิทยิ้มมุมปากอย่างรู้ทัน “โดนจิกใช้เป็นเจเนรัลเบ๊เนี่ยนะ”

“ก็มันเป็นงานฉัน” ว่านเริ่มหงุดหงิด “อย่างฉันจะไปทำงานอะไรอีกได้ มีเงินเดือนเยอะขนาดนี้ก็ดีแล้ว สวัสดิการก็มีพร้อม”

“แล้วแต่...ฉันขี้เกียจพูดแล้ว” แป้งแบมือยักไหล่ “ชวนมาทำงานด้วยกันก็ไม่เอา”

ว่านไม่โกรธแป้ง หญิงสาวหวังดีกับเขาเขารู้ แต่แป้งไม่เข้าใจเขา ชีวิตของแป้งเหมือนซินเดอเรลล่า เข้าวงการเป็นดาราหน้าใหม่ได้ไม่เท่าไหร่ก็เข้าตาเถ้าแก่เจ้าของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ที่ภรรยาเพิ่งตาย จากเด็กสาวเพิ่งเข้าวงการก็เลยจับพลัดจับผลูกลายเป็นเถ้าแก่เนี้ยร่ำรวย มีลูกให้เถ้าแก่อีกสามคน ใช้ชีวิตมั่งมีศรีสุขอยู่บนกองเงินกองทอง สามีก็แก่เกินกว่าจะไปมีเมียน้อยคนอื่นอีก หลังจากยกบริษัทให้กับลูกชายคนโตจากภรรยาคนแรกไปดูแลแล้วก็อยู่บ้านเฉย ๆ เล่นกับลูกไปวัน ๆ

แป้งขับรถมารับหวันยิหวาด้วยกันแล้วก็เลยไปรับลูกชายของเธอทั้งสาม ปิง ปั้น ปูนเขากับยี่หวาได้ดีมากเพราะเล่นด้วยกันมาตั้งแต่ยังเล็ก เสียงหัวเราะประสานเสียงของเด็ก ๆ ทำให้ว่านเกือบไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์เรียกเข้า

“ที่ทำงานโทรมา” ว่านพึมพำ

“ไม่ต้องรับหรอกน่า” แป้งพูด

“เดี๋ยวเขาไล่ว่านออกทำไง” วิวาห์กดรับสาย เสียงพี่ป้องหัวหน้ากองบรรณาธิการดังมาตามสายฟังดูเข้มงวดกว่าปกติเล็กน้อย

“ว่านอยู่ไหนแล้ว งานจะเริ่มแล้วนะ รีบมาเร็ว”

“พี่ป้อง ..ว่านติดธุระ..” ดวงตากลมโตเหลือบมองเลิ่กลั่ก ว่านโกหกใครไม่เก่งเลย

“ถ้าว่านไม่มา พี่จะตัดโบนัสเดือนนี้นะ” เสียงพี่ป้องไม่ได้พูดเล่น “คุณฟอร์ดก็ถามหาว่านอยู่ ว่านจะทำให้งานล่มเหรอ”

“ขาดว่านคนเดียวงานจะล่มได้ยังไง” วิวาห์งง

“ว่านรีบมาก่อนที่ฉันจะโดนคุณฟอร์ดว้าก” ปกป้องพูดก่อนจะวางสาย ว่านหันไปมองหน้าเพื่อนงง ๆ แป้งจุ๊ปาก

“นี่เธอเป็นเสมียนแน่เหรอว่าน ทำไมเขาต้องโทรตามด้วย หรือจะให้ไปช่วยเก็บขยะในงาน” แป้งพูด

ว่านนั่งเงียบกริบมาจนถึงงานเลี้ยง แป้งบอกว่าจะดูแลยี่หวาให้ก่อนชั่วคราวระหว่างที่เขาเข้าไปในงาน ว่านรีบบอกว่าเขาจะโผล่หน้าเข้าไปครู่เดียวแล้วจะรีบเผ่นออกมา พี่ป้องดูดีใจมากที่เห็นหน้าเขารีบตรงเข้ามาลากตัวว่านเข้าไปในห้องแต่งตัวหลังเวที

“อะไรน่ะพี่” ว่านรับเสื้อสีเงินวิบวับเหมือนพวกเสื้อลูกทุ่งหางเครื่องมาถืองง ๆ

“ก็โชว์ของเราไง ว่านออกไปร้องเพลงเดียวเท่านั้นแหละ จบ”

“ทำไมต้องเป็นว่านด้วยล่ะ พวกพี่ก็ซ้อมเต้นอะไรกันมานี่” วิวาห์ถาม ปกป้องจุ๊ปากท่าทางหงุดหงิด

“นั่นสิ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นนาย คุณฟอร์ดเขาสั่งมาแบบนี้ ฉันก็ต้องทำตาม เอ้า ออกไปได้”

ว่านงง ปกป้องลากเขามายืนข้างเวทีที่ตอนนี้กำลังมีโชว์ร้องเต้นจากฝ่ายบัญชีอยู่ เสียงปรบมือเป่าปากดังมาจากเหล่าคนดูข้างล่าง ปกป้องบอกชื่อเพลงที่ว่านจะร้อง มันเป็นเพลงของว่านเอง...เพลงแจ้งเกิดของว่านเมื่อหลายปีก่อน

“จำเนื้อได้อยู่แล้วเนอะ ร้องมาไม่รู้กี่ล้านรอบแล้วใช่มั้ย” ปกป้องว่า ตบหลังเขาแทนการให้กำลังใจ

“ว่านทำไม่ได้ ...ว่านร้องไม่ได้” วิวาห์พูด รู้สึกปวดมวนในท้องขึ้นมา “พี่ป้องให้คนอื่นร้องแทนเถอะนะ”

“เห้ย ได้ยังไง” ปกป้องคว้าคอเสื้อของเขาเอาไว้ “ร้อง ๆ ไปเหอะ สามนาทีก็เพลงจบแล้ว นายเป็นนักร้องนะลืมหรือเปล่า นาน ๆ จะได้ทำประโยชน์ให้ทีมเสียที คุณฟอร์ดเขาก็รอฟังอยู่”

“ว่านร้องไม่ได้จริง ๆ” วิวาห์ย้ำ โชว์ก่อนหน้าเขาจบลงแล้ว เสียงปรบมือกึกก้องยิ่งทำให้วิวาห์ยิ่งปวดท้องมากขึ้น มือเย็นเฉียบ เขาก้าวถอยหลัง “ให้คนอื่นร้องเถอะ”

“ไปน่าว่าน สู้เค้า” ปกป้องกึ่งผลักกึ่งดันเขาออกไปกลางเวที แสงไฟส่องจ้าสว่างเข้าตาจนว่านต้องหรี่ตาลง เสียงปรบมือดังขึ้นพร้อมกับทำนองเพลงคุ้นหูที่เขาเคยร้องมาไม่รู้กี่รอบแล้ว ..เพลงที่คน ๆ นั้นแต่งให้เขา

...เพลงนี้พี่แต่งให้ว่าน ชื่อเพลงยิ้มหวาน ภาษาอังกฤษว่า Y I’ m Wan...ว่านชอบมั้ย...

เสียงแหบ ๆ ของผู้ชายคนนั้นดังก้องอยู่ริมหู แวดล้อมด้วยเสียงอื้ออึงรอบตัว ดนตรีเข้าสู่ท่อนที่ว่านจะต้องร้องทว่าว่านกลับจำเนื้อไม่ได้เลย เหงื่อซึมออกมาทั่วตัว แว่วเหมือนเสียงตะโกนด่าทอดังขึ้นเบื้องหน้าจนว่านตื่นตระหนก

“เกาะดัง คิดจะสร้างกระแสให้ตัวเองหรือยังไง”

“คนเขาดูออก รีบ ๆ ไปให้พ้นจากเขานะ”

“ตายไปเสียเลยก็ดีเหมือนกัน รกหูรกตา ไม่เห็นจะได้เรื่อง ดีแต่ใช้หน้าตา เสียงร้องงั้น ๆ”

“เลิกจับอาร์มได้แล้ว เธอทำให้เขาตกต่ำลง”

ท่ามกลางเมฆหมอกขาวหนาทึบ ว่านมองไม่เห็นเจ้าของเสียงที่มาพวกนั้น หัวใจของเขาเต้นเร็วเสียจนเลยขีดจำกัดไปแล้ว ในอกแน่นเหมือนจะระเบิดออกมา ว่านหายใจหอบลึก พยายามสูดอากาศเข้าปอด รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตายในไม่ช้า

..............................................................................................

“ตื่นแต่เช้าเชียว แต่งตัวหล่อจะไปไหนลูก” แม่ทักตอนที่ว่านเดินแกมวิ่งลงมาจากห้องนอน ว่านยิ้มกว้าง เข้าไปหอมแก้มมารดาอย่างอารมณ์ดี

“ไปกินข้าวกับเพื่อนครับ ไม่ไปนานหรอก”

“ดูแลตัวเองด้วยนะ ลืมอะไรหรือเปล่า”

“ว่านดูสามรอบแล้วน่า ไม่ลืมของเลยด้วย” วิวาห์พูดเหมือนอวดแล้วก็รีบใส่รองเท้าออกไปข้างนอก ส่วนกับพี่ชายคนโตที่เดินเข้ามางง ๆ

“ไอ้ว่านรีบไปไหนน่ะ เดี๋ยวก็สะดุดหน้าทิ่มหรอก”

“ไปก่อนนะพี่วัต บาย” ว่านโบกมือ “ว่านสายแล้ว”


หัวข้อ: Re: :::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน2 13/2/2563
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 13-02-2020 00:42:30




วันนี้เป็นวันนัดของเขากับพี่อาร์ม ไม่ต้องบอกว่าว่านตื่นเต้นขนาดไหน เอาเป็นว่านอนไม่หลับเลยทั้งคืน ต้องลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่เช้ามืด ยืนเลือกเสื้อผ้าอยู่เกือบชั่วโมงกว่าจะลงตัวที่ชุดที่ดีที่สุดในตู้ เซ็ตผมอย่างประณีตแถมพรมน้ำหอมมาด้วยนิดหน่อย หวังว่าพี่อาร์มจะไม่รู้สึกว่ามากเกินไปหรอกนะ

ร่างสูงใหญ่ที่แสนจะดูดีนั้นอยู่ในชุดเสื้อยืนกางเกงยีนส์ง่าย ๆ พี่อาร์มสวมหมวกกับแว่นตาเอาไว้ปิดบังใบหน้า แต่มันยิ่งกลับทำให้ดึงดูดสายตากว่าเดิม ออกมายืนรอว่านได้ไม่นานก็มีคนเดินมาด้อม ๆ มอง ๆ เต็มไปหมด สุดท้ายพี่อาร์มเลยต้องกลับไปนั่งรอว่านในรถ

ว่านยืนแอบดูอยู่ตรงหน้าสถานีรถไฟฟ้า เขากลั้นยิ้มตอนที่เห็นพี่อาร์มโบกมือปฏิเสธคนที่เข้ามาหา เดาเอาว่าคงมาถามว่าใช่พี่อาร์มหรือเปล่า ว่านรู้สึกเหมือนเท้าไม่ติดดินเลยตอนที่เดินไปหาพี่อาร์มที่รถ วันนี้พี่อาร์มไม่ได้เอารถสุดหรูคันนั้นมา ว่านไม่แน่ใจเหมือนกันว่าน้องโรสยังไม่ออกจากศูนย์หรือว่าพี่อาร์มกลัวว่านทำน้องโรสเปื้อนอีก

“จะเลี้ยงอะไรฉัน” พี่อาร์มพูดขึ้น ว่านมัวแต่มองหน้าพี่อาร์มเพลินเลยไม่ทันฟังที่พี่อาร์มพูด “วันนี้เธอจะเลี้ยงข้าวฉันไม่ใช่เหรอ” พี่อาร์มพูดซ้ำ

“อ๋อ ...ครับ ๆ ว่านจะเลี้ยงข้าวพี่อาร์ม พี่อาร์มอยากกินอะไร”

“เธอเลี้ยงอะไรฉันก็กินได้ทั้งนั้น” พี่อาร์มตอบด้วยเสียงแหบเสน่ห์ของเขา “เธอชอบกินอะไรล่ะ”

“ว่านชอบ..มีอยู่ร้านนึงว่านชอบไปกินมาก อาหารอร่อยแถมคุ้มด้วย”

อามันต์พยักหน้ารับง่าย ๆ ขับรถไปตามทางที่ว่านบอก ว่านบอกทางผิด ๆ ถูก ๆ อยู่สองรอบขนาดว่าจำแม่นแล้วนะ ต้องกลับรถยูเทิร์นใหม่จนกลัวพี่อาร์มจะไล่ลงจากรถแทบแย่ ยังดีที่พี่อาร์มไม่ว่าอะไรสักคำ กว่าจะมาถึงร้านอาหารในซอยได้ว่านก็เหนื่อย นั่งคอหดแล้วคอหดอีกกลัวโดนด่า

“พี่อาร์มใจดีจังนะครับ ถ้าเป็นพี่วัตล่ะก็ ว่านโดนอัญเชิญลงจากรถตั้งแต่ยูเทิร์นแรกแล้ว”

“รู้ตัวเหมือนกันเหรอ” คนขับพูด จอดรถดับเครื่อง “เดี๋ยวขากลับเธอมาขับเอง”

“จะดีเหรอครับ” วิวาห์อ้อมแอ้ม “ว่านไม่ค่อยชำนาญเรื่องขับรถเท่าไหร่” คราวก่อนอ้วกใส่รถพี่อาร์ม ถ้ามาคราวนี้ทำรถพี่อาร์มพังอีกมีหวัง ...ว่านไม่กล้าสู้หน้าพี่อาร์มอีกแน่

หรือว่าจะเป็นเหตุผลที่ดีในการขอเลี้ยงข้าวพี่อาร์มชดใช้อีก...ว่านขมวดคิ้ว ...แต่ถ้าพี่อาร์มไม่ใจดีขอแค่เลี้ยงข้าวล่ะ เกิดพี่อาร์มเรียกเงินขึ้นมา ว่านโดนพี่วัตถลกหนังก่อนแน่ ๆ

“เป็นอะไร หิวมากเหรอ นั่งหน้านิ่ว” พี่อาร์มพูดขึ้น ใช้ปลายนิ้วจิ้มมาที่หน้าผากของว่าน ว่านตะลึงด้วยความตกใจตามด้วยความเก้อเขินที่พุ่งขึ้นมาพร้อมกับสีแดงก่ำสองข้ามแก้ม รีบเปิดประตูลงจากรถ เดินนำหน้าพี่อาร์มเข้าไปในร้านอาหารที่ว่านภูมิใจนำเสนอ

“ร้านบุฟเฟต์ชาบูสายเนื้อกินไม่อั้น” วิวาห์พูดจบก็รู้สึกว่าตัวเองคิดผิดมหันต์ พี่อาร์มมองหน้าเขาแล้วก็หันไปมองรอบ ๆ ร้าน แล้วกลับมามองหน้าเขาอีกที “เอ้อ...ถ้าพี่อาร์มไม่ชอบ เราไปกินร้านอื่นกันก็ได้นะครับ” ว่านเริ่มรู้สึกว่ามีสายตาของคนในร้านเริ่มมองมาทางพวกเขาเป็นตาเดียว แน่ล่ะ...ก็พี่อาร์มเด่นเสียขนาดนั้น เขาลืมคิดไปว่าพี่อาร์มน่าจะอยากมีความเป็นส่วนตัวมากกว่านี้

“ช่างเถอะ ฉันหิวจนกินวัวได้ทั้งตัวแล้วล่ะตอนนี้” อามันต์ตอบ เดินนำหน้าเด็กหนุ่มที่กล้าเลี้ยงบุฟเฟ่ต์เขาเข้าไปข้างในร้าน เลือกโต๊ะในสุดที่เป็นมุมอับสายตา อย่างน้อยก็คงไม่ค่อยมีใครมากวนตอนกินล่ะมั้ง

วิวาห์เห็นอามันต์ไม่ว่าอะไรอีกก็ทำท่าโล่งอก เขาทำหน้าที่แนะนำเนื้อชนิดต่าง ๆ ให้ฟังอย่างคล่องแคล่วราวกับเป็นบริกรกลับชาติมาเกิด อามันต์นั่งคิดในใจแล้วส่ายหน้า ...ก็เดาอยู่เล่น ๆ ว่าเด็กคนนี้จะเลี้ยงอะไรเขา ไม่นึกเลยว่าจะเลี้ยงบุฟเฟต์ เกินความคาดหมายจริง ๆ ให้ตาย...

“พี่อาร์มจุ่มเนื้อแกว่งเบา ๆ นับหนึ่งถึงสามพอแล้วเอาขึ้นมานะครับ จุ่มไข่กับน้ำซุป เอาเข้าปากเลย เป็นไงครับ อร่อยมั้ย” เห็นคนถามตาเป็นประกายอย่างคาดหวัง อามันต์ก็ดับฝันเด็กไม่ลง เขาพยักหน้ารับ

“อร่อยดี” คนอย่างอามันต์เคยกินเนื้อวัวชั้นดีที่สุดในโลกมาแล้วนักต่อนัก พอมากินเนื้อวัวเกรดธรรมดาแล้วก็รู้สึกไม่ชินเท่าไหร่ มันเหนียวจนเขาต้องออกแรงเคี้ยวมากกว่าปกติ

“เอาอีกนะครับ” วิวาห์ดูชื่นอกชื่นใจที่เห็นเขาคีบเข้าปากคำแล้วคำเล่า

วิวาห์ดีใจจริง ๆ ที่เห็นอีกฝ่ายกินเอา ๆ พี่อาร์มดูชอบอาหารมื้อนี้จริง ๆ นะ เคี้ยวตุ้ย ๆ ตลอดเลย ว่านรู้จักร้านนี้ตอนสมัยที่พี่รหัสพามาเลี้ยงครั้งแรก ตอนนั้นเขาประทับใจมากก็เลยชอบมากินบ่อย ๆ จนเจ้าของร้านจำหน้าได้แล้ว พูดถึงเจ้าของร้านเจ้าของร้านก็มา

“สวัสดีค่ะ อร่อยมั้ยคะน้องว่าน” เจ๊เจ้าของร้านเข้ามาทักทายแต่สายตาเหลือบมองผู้ชายที่นั่งกินตรงหน้าเขา

“อร่อยมากครับ” ว่านมองพี่อาร์มอย่างขลาด ๆ ไม่แน่ใจว่าพี่อาร์มอยากทักทายใครหรือเปล่า ความเป็นส่วนตัวของนักร้องดังอย่างเขาน่าจะสำคัญมาก

“คุณอาร์มใช่มั้ยคะ ดีใจจังค่ะที่ได้เจอตัวจริง” อาเจ๊เจ้าของร้านทักทายเรียบร้อย พี่อาร์มหันไปดื่มน้ำแล้วทักทายตอบสั้น ๆ “น้องว่านมาทานร้านนี้บ่อย พี่ลดให้สิบเปอร์เซ็นต์นะคะ แถมหมี่หยกสองก้อนกับไอศกรีมแล้วก็บัตรสมาชิกให้ด้วย”

“ขอบคุณครับ” วิวาห์ตอบ เขามากินตั้งหลายรอบเจ๊ไม่เคยแถม พอมากับอามันต์เท่านั้นแหละ เจ๊แถมให้รัว ๆ ..พี่อาร์มนี่สุดยอดจริง ๆ

“ขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกได้มั้ยคะ”

อามันต์อยากปฏิเสธแต่สุดท้ายนักร้องหนุ่มก็ลุกขึ้นยืนถ่ายรูปคู่กับเจ้าของร้านโดยมีวิวาห์เป็นคนถ่ายให้ พอเจ้าของร้านถ่ายได้ ครู่เดียวก็มีกลุ่มเด็กสาว ๆ มายืนรี ๆ รอ ๆ อยู่ใกล้ ๆ โต๊ะ ตามด้วยผู้ชายอีกสองคนและผู้หญิงอีกหนึ่ง ดูก็รู้ว่าต้องการถ่ายรูปกับพี่อาร์มแน่ ๆ

พี่อาร์มเริ่มหมดอร่อย ว่านเดาเอาจากท่าวางตะเกียบที่แรงกว่าปกติเล็กน้อย เลยรีบพูดเอาใจ

“เดี๋ยวไปทานขนมล้างปากกันดีไหมครับ เดี๋ยวว่านเลี้ยงเอง”

“ขนม? คงไม่ใช่บุฟเฟ่ต์อีกหรอกนะ ฉันกินไม่ไหวแล้ว” อามันต์ตอบกลับมา วิวาห์ส่ายหน้า

“ไม่ใช่ครับ เจ้านี้อร่อยมาก...จริง ๆ นะ” เหมือนกลัวคนฟังจะไม่เชื่อ วิวาห์พยักหน้ายืนยันอีกหลายที เขารีบลุกขึ้นไปจ่ายเงิน รู้สึกได้ว่าพอเขาลุก คนที่ยืนด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ก็เดินเข้าไปหาพี่อาร์ม

วิวาห์รู้สึกกังวลขึ้นมาหน่อย ๆ ความจริงเขาควรจะให้พี่อาร์มออกไปรอในรถก่อน ...ปกติดาราดังเขาทำกันยังไงนะ ว่านก็เพิ่งเข้าวงการได้หนึ่งโฆษณาเอง ไม่ค่อยรู้เหมือนกัน ...

จ่ายเงินเสร็จว่านก็หันไปเจอว่าพี่อาร์มยืนรออยู่หน้าร้าน ดูเด่นกว่าเดิมเสียอีก มีคนเข้าไปขอถ่ายรูปด้วยเพียบ พี่อาร์มไม่ได้ยิ้มแต่ก็ไม่ได้บึ้ง ว่านยืนรีรออยู่ข้าง ๆ ก็ถูกไหว้วานให้มาช่วยถ่ายรูปให้

“พี่อาร์มเหนื่อยหรือเปล่า ว่านขอโทษนะ” วิวาห์พูดอย่างรู้สึกผิดตอนที่แยกจากกลุ่มสาว ๆ พวกนั้นมาได้แล้ว “ว่านไม่ทันนึกเองว่าพี่อาร์มจะลำบาก”

“ฉันชินแล้วล่ะ” อีกฝ่ายตอบกลับมา

“ว่านขับรถให้เองครับ” วิวาห์รีบบอก

“ไม่เป็นไร ฉันไม่อยากเหนื่อยกว่าเดิม” เหตุผลของพี่อาร์มทำให้ว่านเงียบกริบ

ของหวานเป็นพี่อาร์มเลือกร้านแทนว่าน ว่านนึกว่าอย่างพี่อาร์มจะชอบกาแฟดำเข้ม ๆ อะไรทำนองนั้นเสียอีก แต่พี่อาร์มกลับพาว่านมาร้านขนมไทย ทองหยิบทองหยอด ฝอยทองและผองเพื่อนหวานแสบไส้วางอยู่ตรงหน้า ว่านไม่แน่ใจว่าจะบอกพี่อาร์มดีมั้ยว่าว่านไม่ชอบรสหวานแหลมของขนมพวกนี้เลย

แต่ทีว่านพาพี่อาร์มไปร้านบุฟเฟต์ชาบู พี่อาร์มก็ยังไม่บ่นสักคำเลยนี่

วิวาห์เหลือบมองผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่ชี้เลือกขนมหวานหลากสีใส่กล่องอย่างประทับใจ พี่อาร์มดูเป็นผู้ชายที่มีหลายมุมจริง ๆ ยิ่งดูยิ่งมีเสน่ห์

“เลือกเร็วสิ อยากกินอะไรก็เลือก” พี่อาร์มเร่ง ว่านเพิ่งเห็นว่าในมือของพี่อาร์มมีถุงหิ้วอยู่เต็มสองมือ

“พี่อาร์มกินเองหรือซื้อไปฝากน่ะ”

“ทั้งสองอย่าง”

ว่านพยักหน้าหงึก ๆ

“อะไรอร่อยที่สุดครับ”

“ทองหยิบ” พี่อาร์มตอบอย่างไม่ลังเล “ร้านนี้ขึ้นชื่อ”

“งั้นว่านเอาทองหยิบกล่องนึงครับ” วิวาห์พูด ที่บ้านเขาไม่กินของหวานจัด ซื้อไปพอชิมคนเดียวก็พอแล้ว “นั่งกินที่ไหนดีครับ” ว่านชะเง้อคอมอง ร้านขนมไทยไม่มีที่นั่ง มองออกไปก็เป็นถนนใหญ่ แต่ว่านยังไม่อยากกลับเลย อยากเห็นพี่อาร์มกินทองหยิบกับตาตัวเองสักหน่อย

“กินในรถแล้วกัน” อามันต์บอก เขาแปลความหมายในดวงตากลมใสคู่นั้นได้อย่างง่ายดาย เด็กน้อยคนนี้กำลังเสียดายเหลือเกินที่จะต้องแยกจากเขา ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก

วิวาห์แอบแลบลิ้นออกมาหลังจากส่งทองหยิบชิ้นแรกเข้าปากไป มันหวานสุด ๆ จะคายก็ไม่ได้ ก็เลยรีบ ๆ กลืนลงคอไปเลยทั้งชิ้น เห็นพี่อาร์มหยิบกินท่าทางมีความสุขก็ประหลาดใจเหมือนกัน พี่อาร์มดูไม่เหมือนสายขนมหวานเลยสักนิด ยิ่งขนมไทยยิ่งแล้วใหญ่

“พี่อาร์มชอบหวาน ๆ เหรอเนี่ย ไม่เห็นเคยรู้เลย” วิวาห์หลุดปาก อามันต์เลิกคิ้ว “ว่านหมายถึง ว่านอ่านคอลัมน์สัมภาษณ์พี่อาร์มน่ะครับ พี่อาร์มตอบพวกกาแฟตลอดเลย”

“ก็ไม่เคยมีใครถามฉันเรื่องขนมพวกนี้นี่” อามันต์ว่า “อีกอย่าง ฉันก็ไม่ค่อยได้กินบ่อยหรอกเพราะต้องเข้ายิม แต่วันนี้ไหน ๆ ก็จัดบุฟเฟต์มาแล้ว ถือเป็นวันชีทเดย์แล้วกัน”

วิวาห์พยักหน้า พี่อาร์มเป็นคนดูแลรูปร่างได้อย่างมีวินัยมาก ๆ เป็นที่มาของกล้ามเนื้อสวย ๆ ใต้เสื้อยืดพวกนั้น อามันต์เห็นสายตาของอีกฝ่ายแวะเวียนมามองแถวหน้าท้องของเขาก็นิ่งไปครู่หนึ่ง

“อยากไปกินขนมต่อที่ห้องฉันมั้ย” พี่อาร์มถามต่อมา ว่านส่ายหน้าหงอย ๆ

“ว่านต้องรีบกลับไปทานข้าวเย็นกับแม่ครับ”

คนฟังดูชะงักไปนิด ๆ

“โอเค งั้นกลับกันเถอะ ฉันส่งเธอที่เดิมนะ”

“ขอบคุณครับ”

ว่านก้าวลงมาจากรถของพี่อาร์มอย่างงง ๆ รู้สึกว่าเวลาของวันนี้ทำไมมันสั้นนิดเดียวเอง แล้วหลังจากนี้เขาจะได้เจอพี่อาร์มอีกมั้ย

ว่านหิ้วขนมที่พี่อาร์มซื้อให้บอกว่าให้เอาไปฝากที่บ้านเต็มสองมือ รถไฟฟ้าคนแน่นขนัดเหมือนทุกวัน ว่านกลับถึงบ้านอย่างซึมเซา ตรงเข้าไปกอดมารดาในครัว

“อะไรเจ้าว่าน กลับมาแล้วเหรอ”

“น้องว่านซื้ออะไรมาคะนั่น ขอป้าเอิบดูหน่อยซิ” ป้าเอิบเดินเข้ามาดูห่อของในมือเขา “ขนมอะไร ทองหยิบฝอยทอง หม้อแกง น้องว่านอยากกินเหรอคะ ไม่บอกป้าเอิบได้ทำให้กิน”

“มีคนฝากมาให้ที่บ้านครับ” ว่านตอบสั้น ๆ

“ว่านกินเถอะ พ่อกับแม่ไม่ทานหวานแล้ว เดี๋ยวเบาหวานขึ้น”

“ครับแม่” ว่านส่งให้ป้าเอิบ “ป้าเอิบเอาหม้อแกงไปกินแล้วกัน ทีเหลือว่านกินเอง”

“แบ่งไปให้น้องสิ วินมันกำลังจะสอบ กินอะไรหวาน ๆ ได้สดชื่น”

“ครับแม่”

วันนั้นว่านนั่งจิ้มฝอยทองเข้าปากน้ำตาคลอ รู้สึกเหมือนจะไม่ได้เจอพี่อาร์มอีกแล้วต่อไปนี้ รู้อย่างนี้ก่อนลงมาอ้วกใส่รถพี่อาร์มอีกซักรอบก็ดี...

หรือว่าว่านควรหาวิธีอื่นติดต่อพี่อาร์มต่อ เขามีเบอร์พี่อาร์มนี่ ควรจะส่งข้อความไปหาพี่อาร์มเสียหน่อย ..ว่านลองแอดไลน์ผ่านเบอร์โทรของพี่อาร์มแต่ทำไม่ได้ สุดท้ายก็เลยได้แต่ส่งข้อความไปสั้น ๆ ว่า..ขอบคุณสำหรับของหวานและความสนุกวันนี้ครับ ... ลงชื่อว่าน

“ดูห้วนไปมั้ยนะ”

“พูดอะไรคนเดียวน่ะพี่ว่าน” น้องชายเดินมาเกาะประตูห้องนอน ดูพี่ชายที่นอนกลิ้งอยู่บนเตียง กินฝอยทองไปด้วย “นอนกินแบบนั้นขอให้ติดคอ”

“ไอ้วิน อย่ามาแช่งฉันนะ” ว่านเขวี้ยงหมอนใส่ น้องชายหลบได้สบาย ๆ “จะไปอ่านหนังสือก็ไปสิ”

“อ่านจนจำได้หมดแล้ว” วิรุฬพูด ว่านเบ้ปากอย่างอิจฉา น้องชายเขาเป็นคนหัวดีอย่างหาตัวจับยาก “พี่ว่านจะให้วินติวอังกฤษให้หรือเปล่า

“ไว้วันหลังได้มั้ย วันนี้ฉันเหนื่อย” วิวาห์โอดครวญ

“ขี้เกียจ” น้องชายพูดตรงเสียจนคนเป็นพี่หน้าหงิก “เดี๋ยวก็มาบ่นว่าสอบตกต้องซ่อมอีก”

“ฉันแค่ขี้เกียจวันนี้วันเดียวเองนะ” วิวาห์ขอความเห็นใจ “วันนี้ฉันเจ็บช้ำทางใจ”

“เพราะพี่อาร์มน่ะเหรอ” วินพูด “เห็นไปกินข้าวแฮปปี้ออก ช้ำตรงไหน” คนฟังเด้งตัวลุกขึ้นมานั่งตาเหลือก

“ไปเอามาจากไหนน่ะ”

“รูปว่อนเต็มเน็ต ใครจะไม่รู้บ้างพี่” น้องชายหัวเราะ “หน้าพี่เหรอหราจนวินนึกว่าเป็นพนักงานร้านชาบูจริง ๆ เสียอีก”

วิวาห์เบิกตากว้าง ขยับเข้ามาดูรูปในโทรศัพท์ของน้องชาย เห็นตัวเองยืนอยู่ตรงโต๊ะเหมือนพนักงานจริง ๆ ส่วนพี่อาร์มมีสาว ๆ ล้อมรอบเหมือนวงแหวนดาวเสาร์ แสดงว่าข่าวพี่อาร์มไปกินข้าวคงกลายเป็นข่าวดังไปแล้วแน่ ๆ

“รอให้เอ็มวีฉันออกก่อนเถอะ” วิวาห์จุ๊ปาก

“ขี้โม้ วินขี้เกียจฟัง”

“เห้ย ดังจริง ๆ นะ ดังสุด ๆ ดังทั่วบ้านทั่วเมือง” วิวาห์พูด

“เพลงพี่อาร์มน่ะดังแน่ ส่วนเอ็มวีก็คงมีคนดู ...แต่พี่คิดเหรอว่าจะมีคนจำหน้าพี่ได้น่ะ ทุกคนก็จ้องรอดูพี่อาร์มกันทั้งนั้น”

วิวาห์เริ่มคล้อยตามขึ้นมานิด ๆ

“อาชีพเต้นกินรำกิน เป็นดารานักแสดงน่ะมันไม่ยั่งยืนหรอกพี่ บทจะดังก็ดัง บทจะดับก็ดับ หาเงินได้แค่ชั่ววูบ วินว่าพี่ว่านน่าจะหาอาชีพอื่นมารองรับเอาไว้ด้วยดีกว่านะ ถ้าพี่ว่านเก่งภาษาก็จะยิ่งหางานง่ายขึ้น” น้องชายของเขาพูดราวกับไม่ใช่เด็กมัธยมงั้นแหละ ว่านกลืนน้ำลายลงคอฝืด ๆ

“พี่วัตให้แกมาเทศน์ฉันอีกทีใช่มั้ย”

วินหัวเราะ

“เปล่าเสียหน่อย วินคิดเองไม่ได้เหรอ”

“ฉันคิดว่าถ้าดังแล้วก็น่าจะพอหาลู่ทางอะไรได้ในอนาคต ยังไงก็ไม่อดตายหรอกน่า”

“ไม่เชื่อก็ตามใจ อีกหน่อยจะมานั่งเสียใจนะ”

“ไอ้วิน ฉันเป็นพี่แกนะ”

“ก็พี่ว่านไม่โตซักทีนี่ แม่ยังชอบบ่นบ่อย ๆ”

วิวาห์ปาหมอนใส่น้องชายอีกรอบ เขาเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมาหาข่าวของพี่อาร์ม มันขึ้นอันดับหนึ่งในการค้นหาของวันนี้ มีแต่คนสนใจว่าพี่อาร์มไปกินอะไรมา เท่ากับเขาช่วยโปรโมทร้านชาบูฟรี ๆ เลยนะเนี่ย วิวาห์จุ๊ปาก นั่งไล่อ่านความเห็นของแฟนคลับในหน้าเว็ปไซต์ของพี่อาร์ม

“เด็กหนุ่มคนนั้นคือใคร คนที่นั่งโต๊ะเดียวกับพี่อาร์ม” มีคนเริ่มตั้งข้อสงสัยขึ้นมาพร้อมกับวงกลมสีแดงรอบใบหน้าของวิวาห์ “ท่าทางสนิทกัน น่าจะเป็นรุ่นน้อง” วิวาห์อมยิ้ม ไล่สายตาอ่านต่อ “น่าจะบริกรในร้านมากกว่า ฉันเห็นเขายืนอยู่ที่โต๊ะ แหม...ตาไม่มีแววเลยนะครับคุณความเห็นนี้”

ข่าวเรื่องพี่อาร์มซาลงไปเพราะมีข่าวใหญ่อื่น ๆ ขึ้นมา จนกระทั่งวันที่เอ็มวีเพลงใหม่ถูกปล่อย ข่าวพี่อาร์มในร้านชาบูก็ถูกขุดขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับข้อสังเกตว่าคนที่ไปกินด้วยกันคือพระเอกเอ็มวีเพลงใหม่นั่นเอง จากนั้นใครสักคนก็ปล่อยข่าวว่าพี่อาร์มกำลังกิ๊กกับพระเอกเอ็มวีใหม่คนนี้

ว่านไม่รู้ตัวเลยว่าเกิดข่าวลือแบบนี้ขึ้นมา จู่ ๆ พอเลิกเรียนก็มีคนมาดักรออยู่ที่หน้าคณะฯ เต็มไปหมด ตอนแรกว่านนึกว่าพวกเขามาชุมนุมอะไรกัน ที่ไหนได้ พอว่านเดินลงบันไดมา ทุกคนก็กรูเข้ามาหาว่าน

“น้องว่านใช่มั้ยคะ”

“พระเอกเอ็มวีเพลงทรยศใช่มั้ยคะ”

“ขอสัมภาษณ์หน่อยได้มั้ยครับ”

“เอ่อ...พี่ ๆ ..เกิดอะไรขึ้นครับ” ว่านยืนงงเป็นไก่ตาแตก รู้ว่าเพลงดัง แต่ไม่รู้ว่าตัวเองจะดังข้ามคืนขนาดนี้ “สัมภาษณ์เรื่องอะไร”

“น้องว่านไปทานข้าวกับพี่อาร์มวันนั้นจริงหรือเปล่าคะ”

“วันไหนครับ”

“ที่ร้านชาบูน่ะค่ะ มีรูปออกมาเต็มเลย นี่ไงคะ ใช่น้องว่านหรือเปล่า”

“ใช่ครับ” ว่านพยักหน้ารับ “ว่านไปกับพี่อาร์ม”

“สนิทกันมากมั้ยคะ ถึงขั้นไหนแล้ว เรียกว่าแฟนได้หรือยัง”

ว่านนึกว่าตัวเองหูฝาด

“อะไรนะครับ ขออีกที”

“มีวงในบอกมาว่าน้องว่านกับพี่อาร์มกำลังคบหาดูใจกันอยู่ เป็นความจริงมั้ยคะ” กระเทยคนหนึ่งน่าจะเป็นนักข่าวถามขึ้นเสียงดัง “คบกันอยู่มั้ย ตอบแค่ใช่กับไม่ใช่ก็ได้ค่ะ”

“ไม่...ขอตัวด้วยครับ” ว่านได้สติ เขารีบยกมือขึ้นปิดหน้าแล้วเดินฝ่าวงล้อมของทุกคนออกมา แต่พยายามยังไงก็ฝ่าออกไปไม่ได้ มีแต่คนยิงคำถามใส่เขารอบตัวเต็มไปหมด คอยดักหน้าดักหลังพร้อมกับรัวชัตเตอร์ไปด้วย ว่านตกใจมากจริง ๆ แล้วก็กลัวมาก เขาไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน

“ว่าน ว่านมากับพี่” เสียงคน ๆ หนึ่งดังขึ้นใกล้ตัว ว่านหันไปมองเห็นพี่แทนใจส่งมือมาให้ ว่านดีใจจนแทบร้องไห้ รีบจับมือเขาแล้วเดินตามหลังออกมา “ขอตัวก่อนนะครับ เอาไว้ค่อยมาสัมภาษณ์ใหม่นะครับ น้องว่านต้องไปพักแล้ว”

ว่านตามแทนใจมาถึงรถตู้คันหนึ่งที่ติดฟิล์มมืดทุกด้าน ประตูรถตู้เปิดออกราวกับรออยู่แล้ว ว่านรีบก้าวขึ้นนั่งหนีบรรดานักข่าวที่เดินตามหลังมา พี่แทนใจก้าวตามขึ้นมา ปิดประตูดังปังแล้วรถก็ออกวิ่ง

“................” พอประตูรถตู้ปิด ว่านก็ยกมือขึ้นปิดหน้าแล้วปล่อยโฮออกมาเพราะความตกใจ

“ไม่เป็นไรแล้วน้องว่าน ใจเย็น ๆ เอาไว้” พี่แทนปลอบ มองเด็กหนุ่มในชุดนักศึกษาที่ยังตัวสั่นเทาด้วยความเห็นใจ “ไม่มีใครบอกน้องว่านก่อนเลยเหรอว่าจะมีคนมารอ”

ว่านส่ายหน้า

“ว่านเข้าวงการมากับทอยไม่ใช่เหรอ แล้วมันไม่ได้ดูแลว่านหรือไง” หางเสียงของพี่แทนมีแววโกรธนิด ๆ

“เปล่าครับ ว่านรับงานเอง ไม่ได้ผ่านเอเจนซี่ พี่ทอยช่วยว่านเฉย ๆ” ว่านตอบเสียงเครือ ก็เขาเพิ่งเคยเล่นโฆษณาแค่ชิ้นเดียว งานเอ็มวีเป็นงานที่สอง “ว่านไม่ได้กะจะจริงจัง” พ่อกับแม่กลัวเขาจะเรียนไม่จบมากกว่า เลยไม่อยากให้ว่านทุ่มเทกับงานวงการบันเทิงมากนัก

“ทำไมล่ะ แล้วถ้ามีงานต่อเนื่อง มีรายได้แน่นอน ว่านสนใจมั้ย”

ว่านส่ายหน้า

“ว่านต้องเรียนให้จบครับ”

คนฟังนิ่งไป ว่านเพิ่งสังเกตว่ามีคนนั่งอยู่ข้างขวาของเขา ริมติดหน้าต่าง

“พี่อาร์ม! ”

“ทำไมต้องตกใจด้วย” พี่อาร์มถามกลับมา

“ก็ว่าน...ว่านนึกว่าจะไม่ได้เจอพี่อาร์มแล้ว”

แทนใจไอออกมา

“เดี๋ยวคงได้เจอจนเบื่อเลยล่ะ”

“ทำไมเหรอครับ” ว่านถาม

มาเข้าใจตอนที่รถตู้คันนั้นวิ่งเข้าไปจอดใต้ตึกค่ายเพลงขนาดใหญ่ แทนใจกับอามันต์พาว่านขึ้นลิฟต์ไปชั้นสูงที่สุดของอาคารเพื่อพบกับเจ้าของค่ายเพลง ว่านมึนงงเหมือนโดนทุบหัวตอนที่เจ้าของค่ายเสนอให้ว่านมาเป็นหนึ่งในสมาชิกของวง Forearm

“ผมน่ะเหรอครับ” วิวาห์ชี้นิ้วที่ตัวเองพลางขมวดคิ้ว รู้สึกเหมือนกำลังเข้าใจอะไรผิดไปซักอย่าง

“หนูนั่นแหละ ฉันกำลังมองหาความแปลกใหม่ให้กับวงอยู่พอดี กระแสของหนูจะทำให้ยอดขายถล่มทลายแน่”

“ผมไม่เข้าใจ” ว่านไม่เข้าใจจริง ๆ มองหน้าผู้ชายวัยกลางคนอย่างงุนงง

...



มาอัพต่อนะคะ

เรื่องนี้ทางเราขอเขียนแบบเนิบ ๆ ไม่มีบุกป่าเผากระท่อมปาระเบิดอย่างแน่นอน (นอกเหนือจากนี้ไม่แน่ ฮ่าๆๆ)

เจอกันตอนหน้านะคะ ใครคลิกกับเรื่องนี้ก็อย่าลืมช่วยกันโปรโมทด้วย คนละไม้คนละมือ 5555

#วิวาห์อามันต์
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน2 13/2/63 p2
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 13-02-2020 07:02:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน2 13/2/63 p2
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 13-02-2020 07:51:47
น้องว่านดู เอ๋อๆ อ๊องๆ  เนอะ  ถึงว่าทำไมแม่และครอบครัวห่วงกันนัก
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน2 13/2/63 p2
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 13-02-2020 08:01:40
เจ้านายของน้องว่านนี่ก็แปลก


คนก็บอกว่าไม่ร้อง


ยังยังคับอยู่ได้


แล้วว่านก็นะ คือโตจนมีลูกมีเต้าแล้ว


เรื่องใหนควรตึงเรื่องใหนควรหย่อน


แยกแยะไม่ออกเลยเหรอหนู


ถ้าเรื่องงานโดนบีบโดนบังคับ


แล้วเราอดทนเพราะไม่อยากหางานใหม่


ก็พอเข้าใจนะ แต่นี่เรื่องบังคับจิตใจ


ให้เราร้องเล่นในงานเลี้ยงทั่งที่เราไม่พร้อม


หนูยังมีอะไรที่ต้องทนเหรอลูก


เรื่องงานต้องทนน่ะยอมได้


แต่เรื่องบ้าๆแบบนี้ถ้ายังทนก็แหยเกินแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน2 13/2/63 p2
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 13-02-2020 11:02:24
ขำก๊ากเลยตอนอามันต์ชวนน้องไปกินขนมที่ห้องแล้วน้องบอกจะไปกินข้าวกับแม่ โอ๊ย อามันต์นายมันร้ายแต่น้องดันใสซื่อซะนี่  :m20:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน2 13/2/63 p2
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 13-02-2020 12:37:16
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน2 13/2/63 p2
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 13-02-2020 14:36:05
วีว่า
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน2 13/2/63 p2
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 13-02-2020 19:05:35
มีแผนอะไรหรือป่าวหรือบังเอิญจริงๆ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน2 13/2/63 p2
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 13-02-2020 23:52:13
 :เฮ้อ: เหนื่อยแทนวีว่า  :katai1:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน2 13/2/63 p2
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 14-02-2020 00:33:38
ไม่แปลกที่ใครจะห่วงวีว่า ฮือออออ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน2 13/2/63 p2
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 14-02-2020 14:02:36
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน2 13/2/63 p2
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-02-2020 14:27:55
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน2 13/2/63 p2
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 17-02-2020 00:49:45
วิวาห์อามันต์

ตอนที่ 3











วิวาห์รู้สึกว่าทุกอย่างเหมือนฝัน ช่วงเวลาหลังจากนั้นว่านถูกติวเข้มอย่างหนักทั้งการร้องการเต้น ว่านร้องเพลงพอใช้ได้ เขามีต้นทุนทางเสียงอยู่ไม่น้อยขาดแค่เพียงเทคนิคที่ต้องมาฝึกเพิ่ม ส่วนเรื่องเต้นว่านทำได้พอสมควร ความสามารถโดยรวมของว่านอยู่ในขั้นกลาง ๆ ค่อนไปทางดี เขาเคยถามแทนใจอยู่เหมือนกันว่าคิดผิดหรือเปล่าที่เลือกว่านมาเป็นนักร้องนำร่วมวง

“ไม่ผิดหรอก เห็นว่านร้องคู่กับอาร์มแล้วพี่ก็ว่าเข้ากันได้ดีอยู่นะ ว่านเสียงใส ไอ้อาร์มันออกแหบ ๆ ...มั่นใจในตัวเองหน่อยเรา” พี่แทนพูด ตบไหล่ว่านหนัก ๆ “เก่งแล้ว ซ้อมไม่เท่าไหร่ก็ร้องเต้นได้ขนาดนี้ ตอนพี่นะซ้อมเป็นเดือน ๆ ยังทำไม่ได้เลย” ไม่รู้ว่าพี่แทนพูดชมเพื่อให้กำลังใจหรือเป็นเรื่องจริง แต่ว่านก็รู้สึกดีขึ้นมาก ๆ

พี่อาร์มมองมาทางพวกเขาแล้วก็เดินเข้ามาหา หลังจากอาหารชาบูมื้อนั้นแล้วว่านกับพี่อาร์มก็ไม่ได้ไปกินข้าวที่ไหนด้วยกันสองต่อสองอีกเลย

“คุยอะไรกันอยู่” พี่อาร์มถามเนิบ ๆ มองหน้าพี่แทนแล้วหันมามองหน้าว่าน “ทำหน้ามีพิรุธนะ”

“พิรุธอะไร ...ใครจะไปพิรุธเหมือนมึงไอ้อาร์ม” แทนใจพูดขึ้น “แล้วเพลงใหม่น้องว่านไปถึงไหนแล้ว”

“คิดไม่ออก” อีกฝ่ายตอบหน้าตาย “ยังไม่มีแรงบันดาลใจ”

“เบื่อพวกอารมณ์ศิลปินจริง ๆ ว่ะ” แทนใจจุ๊ปาก “ไปดูหนังมั้ย เผื่อจะมีอารมณ์”

“เขาอยากไปดูกับกูหรือเปล่า” อามันต์พูด ปรายตามองมาทางคนที่เด็กที่สุดในวง วิวาห์เบิกตากว้าง

“หมายถึงว่านเหรอครับ” พอพี่อาร์มพยักหน้า ว่านก็ใจพองฟู “ไปครับ ว่านอยากไปดูหนัง พี่แทนไปมั้ย”

“ไปกันเถอะ พี่มีธุระ” แทนใจพูด มองหน้าเพื่อนแล้วก็พูดต่อลอย ๆ “ว่านไปชวนพวกพี่กอล์ฟดูสิ พวกเขาน่าจะว่างนะ”

“ได้ครับ” วิวาห์รับคำแข็งขัน รีบผละไปทางมือกลองมือเบสที่นั่งคุยกันอยู่อีกมุมหนึ่ง อามันต์มองหน้าเพื่อนสนิทแล้วพูดห้วน ๆ

“น่ารำคาญ”

“น้องว่านก็น่ารักดีไม่ใช่เหรอ”

“กูหมายถึงมึงนั่นแหละ ไม่ต้องมายุ่งหรอก”

“แผนโปรโมทของเสี่ยก็น่าสนุกดีนะ ขนาดแค่ข่าวลือว่าจะเปิดตัวสมาชิกใหม่ยังมีคนสนใจขนาดนี้ ถ้ารู้ว่าเป็นน้องว่านล่ะก็...”

“อาจจะแป้กก็ได้” อามันต์พูด “คนต่อต้านก็มี”

“รวมถึงมึงเองด้วยใช่มั้ยที่ต่อต้าน”

“กูชอบพึ่งความสามารถของตัวเอง ไม่ชอบเล่นกับกระแส มันไม่ยั่งยืน” อามันต์ตอบ นัยน์ตามีแววเหยียดหยามเล็กน้อยวูบเดียวก็กลายเป็นปกติ วิวาห์เดินเข้ามาหาด้วยท่าทางผิดหวังนิด ๆ

“พี่กอล์ฟไม่ว่างเลยครับ ทำไงดี”

“ก็ไปกันสองคนก็ได้ ไม่เห็นเป็นอะไร” อามันต์พูด พิศดูผิวแก้มสองข้างของคนตรงหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีชมพูดเรื่อแล้วก็ยิ้มมุมปาก

“ว่านกลัวเป็นข่าวอีก”

แทนใจอยากบอกเหลือเกินว่านั่นแหละที่ต้องการไงล่ะ...แต่ก็เก็บเอาไว้ภายใต้สีหน้ายิ้ม ๆ พูดกับวิวาห์อย่างเป็นกันเอง

“ไปกันเถอะ ไม่เป็นไรหรอก ยังไงก็จะเปิดตัวว่านอาทิตย์หน้าอยู่แล้ว”

“ครับ” วิวาห์รับคำเสียงเบา เดินตัวลอยกลับไปซ้อมร้องเพลงต่ออย่างมีความสุข เย็นวันนี้เขาจะไปดูหนังกับพี่อาร์มสองต่อสอง ช่างเป็นอะไรที่สุดยอดจริง ๆ ว่านตื่นเต้นจนลืมแม้แต่จะถามชื่อภาพยนตร์ที่จะไปดู ขอแค่เป็นพี่อาร์มว่านก็พอใจมาก ๆ แล้ว

พี่อาร์มให้ว่านเลือกหนังด้วย ว่านเลือกการ์ตูนของวอลดิสนีย์ ว่านคิดว่าน่าจะดีกว่าเข้าไปดูหนังผีหรือหนังแอคชั่น เพราะว่านคงมัวแต่ยกมือปิดตาจนดูไม่รู้เรื่อง พี่อาร์มไม่ออกความเห็น วันนี้พี่อาร์มใส่หน้ากากอนามัยแต่ไม่ได้ใส่แว่นดำ มีคนแอบชำเลืองมาทางพี่อาร์มอยู่บ่อย ๆ เหมือนกัน ว่านเลยเผลอทำตัวลีบ ๆ โดยไม่รู้ตัวเพราะกลัวคนจะสังเกตเห็นว่านเข้าแล้วกลายเป็นข่าวแบบคราวก่อน

แต่ก็ดูเหมือนพี่อาร์มจะไม่ได้สนใจเลย

“ทำไมต้องเดินห่อไหล่แบบนั้น” อามันต์ทักขึ้น มองคนตัวผอมที่ยังเดินห่อไหล่จนเหลือตัวเล็กนิดเดียวอย่างน่าขันนั้น “เดินให้มันดี ๆ สิ”

“ขอโทษครับ” วิวาห์ตอบ ยืดตัวขึ้น “ว่านกลัวคนเห็น”

“เดินแบบนั้นแล้วคนจะไม่เห็นหรือไง”

“เขาคงไม่ทันสังเกต” วิวาห์งึมงำ ก้มหน้าลงกัดขนมปังกรอบในมือเพื่อหลบสายตาคมกริบที่มองมา แต่ไหนแต่ไรมาแล้วเขาไม่เคยสบตาพี่อาร์มตรง ๆ ได้เกินหนึ่งนาทีเลย

“ใจคอจะกินคนเดียวเลยเหรอ”

“เอ่อ...เดี๋ยวว่านไปซื้อมาให้ใหม่นะ” วิวาห์พูด ทว่าอีกฝ่ายกลับจับมือซ้อนทับมือเขาแล้วดึงขนมปังไปกัดบ้าง วิวาห์หน้าร้อนวาบ เหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านทั่วตัว พี่อาร์มทำเหมือนเป็นสิ่งที่เคยทำอยู่ปกติทุกเมื่อเชื่อวัน พอกัดจนมปังเสร็จก็ค่อยปล่อยมือว่านอย่างอ้อยอิ่ง “พี่...พี่อาร์ม ..เมื่อกี้ว่านกัดไปแล้วนะ”

“อืม ..แล้ว? ”

“พี่อาร์มไม่รังเกียจเหรอ”

“รังเกียจอะไร น้ำลายว่านเหรอ” พี่อาร์มพูดตรงเผ็งเสียจนว่านอายแทน ได้แต่อึกอัก

“ก็ใช่นะซิ เกิดว่านเป็นไวรัสตับอักเสบขึ้นมาทำไง”

พี่อาร์มมองหน้าเหมือนแปลกใจ

“ติดจากว่านก็ไม่เป็นไรหรอก”

ว่านหน้าร้อนผ่าว ตัดสินใจว่าจะไม่พูดเรื่องนี้อีกต่อไป เขาเดินนำหน้าพี่อาร์มไปซื้อขนมเอาไว้กินในโรง พี่อาร์มยืนถือถังป๊อบคอร์นถังใหญ่เอาไว้เป็นภาพที่หาดูได้ยาก ว่านเลยหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายเก็บเอาไว้ที่เป็นระลึก

...ใครจะไปรู้ว่าว่านจะได้มาดูหนังกับพี่อาร์มอีกเมื่อไหร่ นี่มันอาจจะเป็นครั้งแรกแล้วครั้งเดียวก็ได้

“ถ่ายรูปฉัน ฉันคิดค่าลิขสิทธิ์นะ” พี่อาร์มพูดลอย ๆ ว่านรีบเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า

“ใครถ่าย เดี๋ยวว่านไปช่วยคิดค่าลิขสิทธิ์เลย” พูดจบก็เดินฉับ ๆ นำเข้าโรงหนังไปเลย ร่างสูงใหญ่ของพี่อาร์มเดินตามหลังมาพลางหัวเราะหึ ๆ

ในความมืดสลัวของโรงภาพยนตร์แห่งนั้นว่านถึงกับยืนงงไปชั่วขณะเพราะปรับสายตาไม่ชิน พี่อาร์มเอื้อมมือมาจับแขนว่านเอาไว้แล้วพาเดินลงบันไดไปยังชั้นที่นั่งที่ต้องการ สัมผัสของพี่อาร์มเป็นไปด้วยความสุภาพแต่ก็อบอุ่นเหลือเกินในความรู้สึกของว่าน พี่อาร์มให้ว่านนั่งก่อนแล้วตัวเองก็เข้ามานั่งข้าง ๆ ว่านเพิ่งสังเกตเห็นว่าพี่อาร์มจองที่แบบสวีทนั่งกันสองคนเอาไว้

นึกขึ้นได้ว่าอามันต์เคยให้สัมภาษณ์สื่อว่าเป็นคนรักความเป็นส่วนตัวมาก เวลาไปดูหนังก็ชอบนั่งดูคนเดียวเงียบ ๆ วิวาห์เลยนั่งเงียบกริบอยู่ที่มุมของเก้าอี้สวีท ไม่กล้าขยับตัวมากกลัวรบกวนสมาธิของพี่อาร์ม แถมยังไม่กล้าเอื้อมมือไปหยิบป๊อบคอร์นในถังบนตักพี่อาร์มด้วย

อามันต์เหลือบมองคนที่นั่งนิ่งผิดปกติข้างตัว เห็นนัยน์ตากลมโตคู่นั้นเป็นประกายอยู่ในความมืด เจ้าตัวเหลือบมองเขาสลับกับมองจอจนอามันต์อยากถามเหมือนกันว่าดูรู้เรื่องบ้างหรือเปล่า มือเล็ก ๆ บีบประสานกันอยู่บนตักด้วยท่าทางเกร็ง ๆ

แค่มาดูหนัง ...เกร็งอะไรขนาดนั้น

“ป๊อบคอร์นมั้ย”

“ขอบคุณครับ”

ว่านล้วงมือลงไปหยิบป๊อบคอร์นในถังขึ้นมาใส่ปากเคี้ยว รู้สึกถึงมือของอีกฝ่ายที่โฉบไปโฉบมาในถังราวกับไม่ตั้งใจ ไม่รู้ว่าว่านคิดไปเองหรือเปล่าว่าที่ว่างระหว่างเราสองคนมันลดน้อยลงทุกที ลมหายใจอุ่น ๆ รดผิวแก้มของว่าน ได้กลิ่นเหมือนน้ำหอมของพี่อาร์มระเหยออกมาจาง ๆ

อามันต์หยุดตัวเองแค่นั้น เขากลัวว่าจะมีเด็กเป็นลมในโรงหนังไปเสียก่อน ท่าทางของวิวาห์ดูน่าขันแต่ก็น่าสมเพชในเวลาเดียวกัน เด็กหนุ่มดูใสซื่อเสียจนบางครั้งเขาก็นึกสงสัยว่าอีกฝ่ายใส ๆ จริงมั้ย หรือว่าเป็นแค่ท่าทางข้างนอกที่หลอกให้คนเข้าใจผิด

นึกถึงสิ่งที่เสี่ยใหญ่เจ้าของค่ายเพลงพูดกับเขาขึ้นมา วิวาห์เป็นกระแสที่น่าสนใจ ข่าวของเขากับวิวาห์ขายได้มากกว่างานเพลงที่เพิ่งปล่อยไปเสียอีก อามันต์ไม่ค่อยพอใจกับความคิดนี้ของเสี่ยเท่าไหร่ เหมือนเสี่ยไม่ค่อยจะเห็นคุณค่างานเพลงของเลย กับแค่กระแสประเดี๋ยวประด๋าวของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง หรือว่าจริง ๆ แล้ววิวาห์จะเป็นเด็กดันอย่างที่เคยมีคนเม้าท์กันจริง ๆ หวังจะมาเกาะกระแสความดังของเขา

อามันต์นั่งคิดกลับไปกลับมาจนหนังจบ หันไปดูอีกทีก็พบว่าเด็กหนุ่มข้าง ๆ นั่งหลับปุ๋ยไปเสียแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ไม่มีความระวังตัวอะไรทั้งนั้น นึกว่ามากับคนที่บ้านหรือไง

“วิวาห์” เขาเขย่าตัวปลุก ว่านสะดุ้งตื่นลืมตา ยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดคราบน้ำลายของตัวเองอย่างลุกลน

“จบแล้วเหรอ ..ขอโทษครับ ว่านเพลีย ๆ”

“แสดงว่าการ์ตูนคงสนุกมาก ดูจนหลับ” อามันต์พูด ลุกขึ้นยืน

ว่านเพิ่งสังเกตเห็นว่าภายในโรงภาพยนตร์นั้นมีแค่ว่านกับพี่อาร์มเพียงสองคน ไม่มีคนอื่นเลย

“พี่อาร์มเหมาโรงหรือไง”

“ไม่ได้เหรอ” อามันต์ย้อนถามกลับมา ว่านส่ายหน้า

“เปล่าครับ ก็...ก็พี่อาร์มดังมาก ก็ต้องการความเป็นส่วนตัวอยู่แล้ว”

“ฉันอยากดูหนังกับเธอแค่สองคน” อามันต์พูดเนิบ ๆ

เป็นไปตามคาด วิวาห์อายม้วนจนแทบจะซุกหน้าลงกับเบาะรองนั่งอีกรอบ อามันต์ยิ้มในใจ ไม่เห็นจะยากตรงไหน ถ้ากระแสออกมาไม่ดีก็แค่เขี่ยทิ้งเท่านั้น

“ออกทางข้างหลังดีกว่า” อามันต์ว่า จับมือบางเอาไว้ “ข้างหน้าคงมีคนมาดักรอเต็มไปหมดแล้วล่ะ”

“ครับ”

ว่านแทบจะลอยตามมือของพี่อาร์มไปแล้ว ได้มาดูหนังกับพี่อาร์มสองต่อสองยังไม่พอ พี่อาร์มยังเหมาทั้งโรงเพื่อดูกับว่านอีก ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งเคยเห็นแต่ในหนังในละคร พอมาได้เจอกับตัวแล้วว่านรู้สึกเหมือนหัวใจจะโลดออกมานอกอกเลยแหละ

รถตู้ของพี่อาร์มจอดรออยู่ทางด้านหลังอยู่ก่อนแล้ว พอเดินออกมาไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงกรี้ดจากกลุ่มเด็กสาวกลุ่มหนึ่ง พี่อาร์มจับมือว่านแล้วพาวิ่งขึ้นเข้าไปในรถตู้ ว่านได้ยินเสียงกรี้ดดังตามหลังมาติด ๆ

“ฉิวเฉียด” อามันต์พึมพำ “กะว่าออกทางข้างหลังน่าจะไม่มีคนแล้วเชียว”

“ว่านเห็นเขาถ่ายรูปเอาไว้ด้วย จะเป็นอะไรมั้ยครับ”

“เธอคิดว่ายังไง” อามันต์ย้อนถาม ลอบสังเกตอย่างละเอียด ว่านกะพริบตาตอบกลับมาซื่อ ๆ

“ว่านไม่อยากให้พี่อาร์มมีข่าวแบบนี้อีก เดี๋ยวแฟนคลับจะไม่พอใจนะครับ”

“แฟนคลับมีหลายประเภท” อามันต์ว่า “พวกที่ชอบก็มีเหมือนกัน”

“มีด้วยเหรอครับ” ว่านงง “ใคร ๆ ก็ต้องไม่อยากให้ศิลปินที่ตัวเองชอบมีแฟนกันทั้งนั้น”

คิ้วเข้มของคนฟังขมวดเข้าหากัน

“ทำไมล่ะ เพราะหวงศิลปินเหรอ”

“ก็เพราะ...เพราะว่า...” ว่านอึกอักเพราะดันคิดเปรียบเทียบกับตัวเองที่คงไม่อยากให้พี่อาร์มมีแฟนหรือมีข่าวกิ๊กกับใครแน่ ๆ

“เพราะอะไร” เสียงพี่อาร์มเวลาได้ยินใกล้ ๆ ในที่แคบ ๆ แบบนี้มันเซ็กซี่ดีจริง ๆ ว่านคิด ใจเต้นแรงจนกลัวพี่อาร์มจะได้ยิน

“คงเป็นห่วงศิลปินมากกว่ามั้งครับ กลัวว่าจะไปเจอคนไม่ดี” ว่านหาทางออกให้ตัวเอง “แฟนคลับก็ต้องรักหวังดีกับศิลปินอยู่แล้ว”

“แล้ว..ถ้ามีแฟนคลับคนนึงได้เป็นแฟนกับศิลปินจริง ๆ ล่ะ เธอคิดว่ายังไง” อามันต์พูดช้า ๆ

วิวาห์สูดน้ำมูก

“ก็คงเป็นอะไรที่สุดยอดสุด ๆ ไปเลยครับ” วิวาห์พยายามเต็มที่แล้วที่จะวางหน้าเฉย ไม่วอกแวก ไม่แสดงพิรุธเขินอายอะไรทั้งนั้น แต่มันก็ยากเต็มทีที่จะไม่คิดว่าที่พี่อาร์มถามนั้นหมายถึงใคร สายตาของพี่อาร์มที่มองมาแฝงแววประหลาดที่ทำให้ว่านร้อน ๆ หนาว ๆ เหมือนจะจับไข้ พี่อาร์มตัวจริงมีเสน่ห์จนว่านรับไม่ไหวเลย

“นั่นสินะ” อามันต์พยักหน้า “ขอโทษที” เขาเอื้อมมือมาแตะที่ริมฝีปากของว่านเหมือนเขี่ยอะไรออก “เศษขนมติดที่ปากของเธอ”

“เอ้อ...ขอบคุณครับ”

วิวาห์นั่งตัวแข็งไปตลอดทาง พี่อาร์มยกแขนขึ้นพาดบนพนักพิงเอาไว้เลย ว่านเลยรู้สึกเหมือนกำลังถูกพี่อาร์มโอบอยู่กลาย ๆ บนตักของพี่อาร์มมีกระดาษแผ่นหนึ่งอยู่ บนนั้นมีลายมือตัวใหญ่ ๆ หนา ๆ เขียนเอาไว้

“เพลงใหม่เหรอครับ”

“ใช่” อีกฝ่ายบอก ฮัมเพลงในคอเบา ๆ “เพลงของเธอ”

“ของผมเหรอ” ว่านพูดเสียงสูงกว่าปกติเล็กน้อยด้วยความดีใจ ชะโงกเข้าไปดูใกล้ ๆ “ชื่อเพลงอะไรครับ”

“ยังไม่มีชื่อ” อามันต์ว่า ดึงกระดาษหลบ “ยังไม่เสร็จ อย่าเพิ่งดู เดี๋ยวถ้าเสร็จแล้วจะร้องให้ฟังคนแรก”

“ขอบคุณพี่อาร์มมาก ๆ ครับ ว่านดีใจจัง” เด็กหนุ่มพนมมือขึ้นไหว้เขา ยิ้มกว้างอวดฟันขาวเรียงเหมือนสายไข่มุก ดวงตากลมโตเป็นประกายพราวระยับจนคนมองชะงักไปเล็กน้อย “ว่านไม่รู้จะพูดยังไง การที่พี่อาร์มให้ว่านเข้าวงด้วย แถมยังแต่งเพลงให้อีก..”

“พอ ๆ ไม่ต้องไหว้นาน ฉันไม่ได้แก่ขนาดนั้น” อามันต์พูด จับมือที่พนมอยู่ของว่านเอาไว้ บีบเบา ๆ ครั้งหนึ่งแล้วก็ปล่อย

“ขอโทษครับ ว่านดีใจไปหน่อย” ว่านอุบอิบ กำมือเข้าหากัน สัมผัสของพี่อาร์มยังค้างอยู่ในความทรงจำแม้จะลงจากรถเดินเข้าบ้านไปแล้วก็ตาม ขนาดแม่ทักทายว่านยังไม่ได้ยินเลย เดินใจลอยขึ้นห้องนอนชั้นสองไปอย่างนั้น

ว่านเล่าเรื่องที่ไปเซ็นสัญญาเป็นนักร้องในค่ายเพลงให้ครอบครัวฟัง พี่วัตค้านออกมาทันทีเพราะเป็นห่วงกลัวว่าว่านจะเสียการเรียน วินก็ดูทำหน้าไม่เห็นด้วยเท่าไหร่แต่ไม่พูด ขณะที่พ่อกับแม่วางหน้านิ่ง ๆ

“แค่เรียนธรรมดาให้จบยังหืดจับเลย แล้วจะไปเรียนไปทำงานไปได้ยังไงฮึว่าน ฉันไม่เห็นด้วยนะ ว่านก็ไม่ได้มาทางร้องเพลงตั้งแต่แรกไม่ใช่เหรอ ตอนขอไปเล่นโฆษณาก็บอกว่าจะพอแล้ว แล้วไปเล่นเอ็มวีอีก..” พี่วัตพูดรัวเหมือนลูกกระสุน ว่านนั่งจ๋อย แอบมองพ่อกับแม่ที่ยังไม่พูดอะไรซักคำ “อย่าบอกนะว่าเซ็นสัญญาไปแล้ว”

ว่านก้มหน้า

“ครับ”

พี่วัตโกรธมาก

“เซ็นแล้วค่อยมาบอกแบบนี้จะมีประโยชน์อะไร แล้วเซ็นอะไรลงไปได้ดูตาม้าตาเรือหรือเปล่า เซ็นสัญญาทาสไปนี่จะรู้มั้ย ไม่กลัวเลยเหรอไอ้ว่าน”

“วัต..พูดกับน้องดี ๆ” แม่พูดขึ้น ว่านน้ำตาร่วง

“แม่..พ่อ พี่วัต ว่านไม่ได้หลับหูหลับตาเซ็นนะ พี่ทอยกับพี่แทนเขาก็ช่วยดูให้ สัญญาสั้น ๆ แค่ห้าปีเอง ไม่มีได้ยาวอะไรเลย รายได้ก็แบ่งเปอร์เซ็นต์ยุติธรรมดีแล้ว ว่านก็เลยเซ็นไป”

“ห้าปี” วิรัตน์ตาเบิกโพลง “ตั้งห้าปีนะไอ้ว่านไม่ใช่แค่ห้าวัน ห้าปีนี่คือเพื่อนแกเรียนจบออกไปทำงานกันแล้วนะ”

“ว่านทำได้ ว่านจะแบ่งเวลาไม่ให้เสียการเรียน”

“ฉันไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว มีน้องโง่แล้วยังอวดดี เรียนธรรมดาก็ตก ๆ ซ่อม ๆ อยู่นั่น เข้าวงการคิดว่าจะเป็นยังไง มันไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิดหรอกนะ แกมันโลกสวยเกินไปว่าน ถึงเวลาแล้วจะรู้เอง ห้าปีเรียนก็ไม่จบงานก็ไม่รุ่งน่ะ”

“พี่วัต..” ว่านร้องไห้ เสียใจกับคำพูดของพี่ชายจริง ๆ ทำไมพี่วัตจะต้องถึงกับแช่งกันด้วย

“วัตพูดแรงไปนะลูก แม่เข้าใจน้องว่านนะ” แม่ของเขาพูดขึ้น ยกมือขึ้นลูบหลังลูกชายคนกลางเบา ๆ พลางส่งสายตาให้ลูกคนโตที่กำลังฮึดฮัดออกไปก่อน “ว่านอย่าร้องเลย โตแล้ว”

“วินขอไปข้างนอกก่อนนะแม่” น้องชายลุกออกจากห้องบ้าง

“แม่ ว่านคิดดีแล้วจริง ๆ นะ ว่านผิดเองที่ไม่ได้บอกพ่อกับแม่ก่อน เรื่องแค่นี้เอง ทำไมพี่วัตจะต้องแช่งว่านด้วย โกรธกันก็พูดกันดี ๆ สิ”

“พี่วัตเขาก็เป็นแบบนี้แหละ ไม่มีอะไรหรอก ว่านแน่ใจแล้วใช่มั้ยว่าอยากเป็นศิลปินจริง ๆ ทางนี้ไม่ง่ายหรอกนะลูก กลับไปเรียนเศรฐศาสตร์ต่อยังดีกว่า จบมาแล้วแม่จะฝากบริษัทคุณป้าพรให้”

“ว่านคิดดีแล้วครับ” จากที่ยังอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ เซ็นสัญญาไปแล้ว จนไปซ้อมร้องเพลงมาแล้วด้วย แต่ว่านก็ยังไม่มั่นใจในการตัดสินใจของตัวเองนั้นเปลี่ยนเป็นความมั่นใจขึ้นมา ว่านคิดว่าตัวเองคิดไม่ผิด ถ้าค่ายเพลงเลือกว่านก็แสดงว่าว่านจะต้องมีอะไรที่ดึงดูดแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นเขาจะเลือกว่านได้ยังไง “ว่านจะเป็นนักร้อง”

แม่พยักหน้ารับ

“ถ้าอย่างนั้นก็ตามนั้น แม่ไม่บังคับลูกอยู่แล้ว”

“ไม่มีใครเข้าใจว่านเท่าแม่เลย”

ช่วงเวลาหลังจากนั้นคือช่วงเวลาแห่งความสุขที่แท้จริง ว่านมีความสุขมาก เขากำลังยืนอยู่บนเวทีเคียงข้างพี่อาร์ม...ศิลปินคนโปรด ไม่ใช่ในฐานะแฟนคลับธรรมดาหรือว่าพระเอกเอ็มวีคนใหม่ แต่คือฐานะสมาชิกใหม่ในวงของพี่อาร์ม

“น้องว่านแนะนำตัวหน่อยครับ” พิธีกรบนเวทีพูดยิ้ม ๆ สปอร์ทไลท์ฉายแสงมาที่ว่านแล้ว ว่านมือเย็นเฉียบเพราะความตื่นเต้นแกมกังวล เหลือบมองคนข้างตัวแวบหนึ่ง เห็นพี่อาร์มพยักหน้าให้นิด ๆ แทนการให้กำลังใจ

งานแถลงข่าวเปิดตัวนักร้องคนใหม่ของวงจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายแม้ว่าจำนวนแฟนคลับที่มารอจะมากมายก็ตาม ทุกสายตาจับจ้องมาที่วิวาห์...นักร้องคนใหม่ที่พี่อาร์มบอกว่าจะมาช่วยเสริมวงให้ดียิ่งขึ้น

เพลงใหม่ของว่านดังเปรี้ยงเพราะจังหวะที่ติดหู เนื้อเพลงน่ารัก แต่ที่ทำให้กระแสดีมากที่สุดก็คือรอยยิ้มหวาน ๆ ดูไร้เดียงสาของว่าน โดยเฉพาะตอนที่พี่อาร์มขึ้นเวทีไปร้องด้วยก็จะยิ่งยิ้มมากขึ้น ใบหน้าเรียวเล็กกลายเป็นสีชมพูอ่อน ๆ ตลอดเวลาที่อยู่บนเวทีว่านใจเต้นแรงไม่หยุดเลย ก็พี่อาร์มเอาแต่ร้องเพลงแล้วหันมามองว่าน

เวลาที่พี่อาร์มขยับเข้ามาใกล้ ๆ ว่านหรือว่ายิ้มให้ว่าน แฟนคลับข้างล่างก็จะยิ่งกรี้ดเสียงดังขึ้นจนว่านกลัวว่าเพดานจะถล่มลงมา มาคิดดูแล้วคนพวกนั้นคงอิจฉาว่านมาก ๆ ที่ว่านได้รอยยิ้มอบอุ่นจากพี่อาร์มคนเดียว

“เหนื่อยมั้ย” พี่อาร์มกระซิบถามในงานอีเว้นท์แห่งหนึ่งกลางห้างดัง “เช็ดเหงื่อหน่อย”

ว่านกวาดตามองหาผ้าขนหนูมาซับเหงื่อ ก็พอดีพี่อาร์มหยิบผ้าขึ้นมาบรรจงซับเหงื่อที่หน้าผากกับขมับให้ว่านอย่างตั้งอกตั้งใจ แววตาของพี่อาร์มในระยะใกล้ขนาดนี้ทำให้ว่านรู้สึกหวิว ๆ ไม่รู้เพราะร้องเพลงเหนื่อยหรือตื่นเต้นเกินไป พอพี่อาร์มผละออก ว่านถึงค่อยได้ยินเสียงกรีดร้องจากข้างล่างเวที

“เอ้า...เช็ดคืนให้ด้วยซิ” พี่อาร์มบอก เอียงหน้ามาให้เขา

ว่านเม้มปาก หยิบผ้าขนหนูขึ้นมาซับเหงื่อให้พี่อาร์มบ้าง พี่อาร์มสูงกว่าว่านมาก ว่านเลยแค่ซับ ๆ ให้ที่ลำคอกับแถวคางเท่านั้น

“อย่าลืมยิ้มหวานด้วย” พี่อาร์มกระซิบ ยิ้มใส่ตาของว่าน “หมายถึงเจ้าของเพลง”

วิรัตน์เห็นน้องชายบนเวทีแล้วก็อยากจะกุมขมับด้วยความเครียดกว่าเดิม โอเคเขายอมรับว่าว่านดัง เพลงของว่านติดอันดับชาร์ต ว่านกลายเป็นนักร้องหน้าใหม่ที่ถูกจับตามอง แต่ถ้ามันเกิดจากความสามารถเดี่ยว ๆ ของว่าน วิรัตน์จะไม่เครียดเลย เขารู้ว่ามันมีอะไรสักอย่างแอบแฝงอยู่ ยิ่งนักร้องนำสองคนบนเวทีมีท่าทางใกล้ชิดกันมากเท่าไหร่ เสียงของแฟนคลับรอบตัวก็เหมือนจะยิ่งดังขึ้น

คนพวกนี้มารอดูอะไรกันแน่ ...แสดงเพลงหรือว่า...ละคร?

ไม่ใช่จากทางด้านน้องชายของเขาหรอก รายนั้นปลื้มนักร้องหนุ่มจนออกนอกหน้า แต่มาจากผู้ชายหน้าคมท่าทางหยิ่งยโสที่ไอ้ว่านปลื้มนักปลื้มหนาต่างหาก เขาไม่เชื่อหรอกว่าผู้ชายคนนั้นจะคิดอะไรกับว่านหรือแม้แต่เอ็นดูว่านจริง ๆ

ชายหนุ่มรอจนจบงานเขาก็รีบพุ่งเข้าไปด้านหลังเวทีแล้วตะโกนเรียกว่าน ว่านหันมามองพอเห็นพี่ชายก็ตกใจ บอกให้การ์ดปล่อยพี่ชายเข้ามา

“พี่วัต มาได้ยังไง”

“ต้องถามแกมากกว่าว่าน ไม่ได้ไปเรียนกี่วันแล้ว บ้านก็ไม่กลับ แล้วไปนอนที่ไหน” วิรัตน์ถาม กวาดตามองน้องชายทั่วตัว ว่านดูผอมไปเล็กน้อย

“ว่านนอนที่สตูดิโอกับพวกพี่ ๆ เรื่องเรียน..ว่านให้เพื่อนส่งชีทมาให้ พี่วัตไม่ต้องเป็นห่วง”

“สตูดิโอ? ” วิรัตน์ทวนคำ หันไปมองพวกนักดนตรีที่กำลังเก็บข้าวของกันอยู่ ลดเสียงลงเหลือเพียงกระซิบ “ว่าน พี่ถามจริง ๆ นะ มันเล่นยากันมั้ย”

“เห้ย ไม่มีหรอกพี่วัต” ว่านรีบปฏิเสธ “แต่ถ้าบุหรี่มีบ้าง”

“อย่าบอกนะว่าว่านสูบ”

“เปล่า ๆ ว่านแพ้ควัน”

“แล้วจะไปทนอยู่แบบนั้นได้เหรอ กลับบ้านดีกว่า พ่อแม่คิดถึงใหญ่แล้ว”

“ว่านก็คิดถึง...แต่ช่วงนี้งานเยอะมาก มีทั้งกลางวันกลางคืน ว่านก็เลยต้องวิ่งวุ่นไม่มีเวลากลับบ้านเลย” วิวาห์พูด เสียงเหมือนเหนื่อยแต่ท่าทางสดชื่นมาก ไม่ต้องบอกวิรัตน์ก็เดาได้ว่าได้แรงใจมากจากไหน

“ฉันเห็นบนเวทีพวกแกซับเหงื่อกัน ..คบกันเหรอ”

“บ้า ไม่ใช่นะพี่วัต” ว่านหน้าแดงก่ำลงมาถึงลำคอ “เป็นพี่น้องกัน”

“พี่น้องกันเขาคงไม่ทำแบบนั้นให้คนกรี้ด ๆ เป็นบ้าเป็นหลังหรอกมั้ง ไอ้ว่าน ฉันไม่ค่อยไว้ใจพี่อาร์มนี่เท่าไหร่เลย ท่าทางไม่น่าไว้ใจ”

“พี่อาร์มเขาบุคลิกแบบนี้อยู่แล้วพี่ แต่ไม่มีอะไรหรอก เขาก็น่ารัก ใจดีกับว่านมาก ๆ คอยดูแลว่านตลอดเลย ไปไหนเขาก็ไปรับไปส่ง”

“อุ๊วะ ขนาดนี้ยังบอกพี่น้อง”

“ก็พี่น้องสิพี่ จะเป็นอย่างอื่นได้ยังไง” ว่านยืนยัน


หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน3 17/2/63 p2
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 17-02-2020 01:18:48







วิรัตน์ถอยหายใจเฮือก ยอมล่าถอยกลับไป เพียงแค่สั่งอีกยาวว่าให้กลับไปบ้านบ้าง อย่าลืมสอบที่คณะฯ ด้วย ว่านเบ้ปาก ชีวิตพี่วัตมีแต่สอบ ๆ เรียน ๆ สอบ ๆ ทำงาน ๆ วนไป ไม่เห็นจะมีสีสันตรงไหน ปลายปีนี้พี่วัตจะไปเรียนต่อโทที่เมืองนอกแล้วเพราะเพิ่งสอบชิงทุนได้อีก วินน้องชายคนเล็กก็เพิ่งเอนท์เข้าแพทย์ได้หมาด ๆ

แล้วไง...ว่านเป็นนักร้องดังเลยนะ รายได้มากกว่าพี่วัตกับไอ้วินสิบเท่า

“ว่าน กลับกันเถอะ เดี๋ยวมีงานต่อคืนนี้ รีบไปพักกันก่อน” พี่อาร์มเดินเข้ามาหาเขา พูดเนิบ ๆ ไม่ได้ถามถึงผู้ชายคนที่คุยกับว่านเมื่อกี้ ว่านรู้สึกว่าพี่อาร์มเป็นคนมีมารยาทและก็ให้เกียรติคนอื่นจริง ๆ

“ครับพี่อาร์ม”

วงของพี่อาร์มชอบมีงานจ้างตอนกลางคืนด้วย ตอนแรกว่านก็ไม่ชินเท่าไหร่ จากเด็กอนามัยเข้านอนสี่ทุ่มตื่นแต่เช้าก็กลายเป็นนอนดึกเลยเที่ยงคืน กว่าจะเสร็จงานกลับที่พักเข้านอนก็ลุกไปเรียนตอนเช้าไม่ไหว ว่านขาดเรียนจนถูกอาจารย์เรียกพบ เขาก็ขอผ่อนผันตามส่งงานบ้างตามสอบบ้างเรื่อยมา เรื่องจบพร้อมเพื่อนภายในสี่ปีเป็นอันพับเก็บลงกระเป๋าไปได้เลย แค่เรียนจบว่านก็รู้สึกว่าบุญมากแล้ว

พี่อาร์มชอบถามเรื่องการเรียนกับว่านอยู่เสมอ วิวาห์รู้ประวัติของพี่อาร์มมาก่อน เขาเป็นคนหัวดีเรียนเก่งมาตั้งแต่ไหนแต่ไร สอบเข้ามหาวิทยาลัยดังคณะเดียวกันกับพี่วัต จะเรียกว่าเป็นรุ่นพี่ของพี่วัตก็คงได้ จบมาด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งแต่ไม่ได้ไปประกอบอาชีพตามสาขาที่เรียนมาเพราะร้องเพลงรุ่งกว่าเป็นไหน ๆ

“พรุ่งนี้มีสอบไม่ใช่เหรอ ทำไมยังไม่รีบนอน” พี่อาร์มทักว่านตอนที่ว่านเลื่อนประตูกระจกของสตูดิโอออกมายืนที่ระเบียงบ้าง “ดีกแล้วนะ”

ควันบุหรี่ในมือของพี่อาร์มลอยมาเข้าจมูก ว่านย่นหน้า

“พี่กอล์ฟให้ว่านมาถามว่าพี่อาร์มรับงานโฆษณาเบียร์เหรอ”

“รู้ได้ยังไง” คิ้วเข้มของคนฟังเลิกสูง

“มันเป็น...งานเดี่ยวใช่มั้ยครับ”

พี่อาร์มไม่ตอบแต่หันกลับไปเท้าแขนกับราวระเบียง เงียบไปครู่

“ให้กอล์ฟมาคุยกับฉันเอง ไม่ต้องผ่านนกพิราบ”

‘นกพิราบ’ เงียบกริบ รู้สึกได้ว่าพี่อาร์มโกรธ บรรยากาศรอบตัวดูกดดันอย่างน่าประหลาด จากที่ใกล้ชิดกันมาว่านพอจะจับความรู้สึกของพี่อาร์มได้บ้างแล้ว เวลาพี่อาร์มโกรธ พี่อาร์มจะเงียบ

“เธอ...เข้าไปนอนเถอะ”

“ครับ”

ว่านเกือบจะหมุนตัวกลับไปแล้วตอนที่พี่อาร์มจับแขนว่านเอาไว้แล้วดึงเข้าหาตัว จากนั้นริมฝีปากสีสดได้รูปนั้นก็ฉกวูบลงมาบนริมฝีปากของว่านแนบสนิท พอว่านผงะออกด้วยความตกใจ พี่อาร์มก็ใช้มือรั้งท้ายทอยของว่านเอาไว้ กัดที่ริมฝีปากของว่านเบา ๆ ให้เปิดปากออกแล้วส่งลิ้นเข้ามาในสำรวจด้านใน กลิ่นบุหรี่ที่พี่อาร์มสูบเหม็นตลบจนว่านสำลัก ยกมือขึ้นผลักออกเต็มแรง

“..........” ว่านแลบลิ้นออกมา ไอออกมาหลายครั้ง

คนที่เพิ่งจูบเขาหันกลับไปดูดบุหรี่ในมือต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“เธอไม่ชอบบุหรี่เหรอ สังเกตหลายครั้งแล้ว”

“ครับ ว่านเกลียดกลิ่นบุหรี่ที่สุด” วิวาห์ตอบ ยังรู้สึกถึงกลิ่นบุหรี่ที่อวลอยู่ในปาก “ผมขอตัวก่อน” เขารีบกลับเข้าไปในห้องเพื่อบ้วนปากอย่างรวดเร็วโดยมีสายตาของพี่อาร์มมองตามหลังมา

ว่านรู้สึกผิดหวังในตัวเองอยู่ไม่น้อย พี่อาร์มอุตส่าห์จูบเขาแล้วแท้ ๆ แต่ว่าเขากลับทนกลิ่นที่ไม่ชอบไม่ไหว บรรยากาศโรแมนติกที่เคยแอบฝันเอาไว้ก็เลยพังลงไม่เป็นท่า หลังจากนี้พี่อาร์มก็คงจะไม่พยายามอีกแล้วกระมัง

หรือว่านควรจะฝืนทนไปให้ชินดี

แล้วพี่อาร์มจะจูบว่านอีกมั้ย จู่ ๆ ก็ดึงตัวว่านไปจูบแบบนั้นแปลว่าอะไรกันแน่ หรือว่าพี่อาร์มเองก็รู้สึกกับว่านเหมือนกับที่ว่านรู้สึกกับพี่อาร์ม ว่านรู้มานานแล้วว่าความรู้สึกของว่านมันไปเกินกว่าคำว่าแอบปลื้มแบบแฟนคลับหรือไอดอลทั่วไป มันลึกซึ้งหอมหวานกว่านั้นมาก ยิ่งได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันบ่อย ๆ แล้วว่านก็ยิ่งหลงรักพี่อาร์มชนิดที่ละสายตาไปไหนไม่ได้เลย พี่อาร์มอยู่ในความสนใจของว่านตลอดเวลา นิสัยความชอบส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ ของพี่อาร์มว่านรู้หมด อะไรที่เอาใจพี่อาร์มได้ว่านก็เต็มใจจะทำ แค่ได้เห็นรอยยิ้มพี่อาร์มแม้เพียงมุมปากว่านก็ตัวลอยไปเป็นวัน

ว่านก็คิดว่าพี่อาร์มน่าจะมีใจให้ว่านเหมือนกัน เวลาพี่อาร์มมองว่าน สายตาคู่นั้นไม่เหมือนตอนที่มองคนอื่น ว่านสัมผัสได้ว่าพี่อาร์มดูแลเอาใจใส่ว่านมากกว่าเพื่อนร่วมวง ขนาดตารางสอบของว่านพี่อาร์มยังจำได้แม่นกว่าว่านเสียอีก จะเป็นเพราะอะไรถ้าไม่ใช่เพราะว่าพี่อาร์ม...

คิดมาถึงตรงนี้วิวาห์รู้สึกเหมือนหัวจะระเบิดบึ้ม ยกมือขึ้นแนบแก้มทั้งสองข้าง ความรู้สึกดูดดื่มแนบชิดเมื่อครู่นี้ยังติดอยู่ในอารมณ์ ถ้าว่านไม่ผละออกมาก่อน พี่อาร์มจะจูบยังไงต่อนะ

“น้องว่านมายืนทำอะไรตรงนี้น่ะ” พี่แทนเดินงัวเงียออกมาจากห้องนอน เห็นว่านยืนปิดหน้าอยู่หน้าห้องน้ำก็ทักขึ้น ว่านหันไปส่งยิ้มให้เขิน ๆ

“พี่แทน เข้าห้องน้ำเหรอครับ”

“ยังไม่ตอบพี่เลย ทำอะไรอยู่”

“คือ..ว่านไม่ได้ทำอะไรครับ” วิวาห์ปฏิเสธ แทนใจหรี่ตาลง เพ่งมองริมฝีปากบวมนิด ๆ มีรอยแตกหน่อย ๆ ของวิวาห์แล้วก็ทำหน้าครุ่นคิด

“อากาศแห้งปากแตกหมด ว่านอย่าลืมทาลิปมันก่อนนอนนะ”

“ครับ” ว่านหน้าแดงจัด แสดงพิรุธออกไปเต็มที่ รีบวิ่งกลับเข้าห้องนอนที่นอนรวมกันทั้งวงยกเว้นพี่อาร์มที่นอนชั้นสามคนเดียว สายตาของพี่แทนเหมือนจะรู้ทันจนว่านทำตัวไม่ถูก

แทนใจมองตามหลังรุ่นน้องร่วมวงแล้วเดินทอดน่องขึ้นไปบนชั้นสามที่อามันต์ครอบครองอยู่แต่เพียงผู้เดียว เห็นศิลปินหนุ่มกำลังยืนตากลมอยู่ที่ระเบียง กลิ่นบุหรี่กระจายคลุ้ง

“เมื่อไหร่จะเลิกสูบซักที ระวังกล่องเสียงพังนะมึง” แทนใจพูดทุกครั้งและคงจะพูดตลอดไปจนกว่าเพื่อนจะเลิก “เผาปอดมันเข้าไป”

“น้องว่านให้มาพูดหรือไง” อามันต์เลิกคิ้ว แทนใจจุ๊ปาก

“ช๊ะ..น้องว่าน จากเด็กคนนั้นมาเป็นน้องว่านแล้วเหรอ” แทนใจเคาะ “ได้ข่าวว่ามึงรับงานนอกไม่ปรึกษากูเหรออาร์ม”

“ก็ว่าจะบอกวันนี้”

“รายได้แบ่งกันทั้งวงหรือเปล่า” แทนใจพูดเนิบ ๆ มองหน้าเพื่อนนิดหนึ่ง “หรือจะยังไง”

“มึงคิดว่ายังไงล่ะ”

“จริง ๆ ก็เป็นงานเดี่ยวของมึง แต่ว่ามึงก็ไปในนามวงไม่ใช่เหรอ” แทนใจว่า “แต่ก็แล้วแต่มึงนะ กูไม่อะไรอยู่แล้ว”

“เดี๋ยวดูอีกทีแล้วกัน” อามันต์แบ่งรับแบ่งสู้ “อาจจะแบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ให้วงด้วย”

“ขอแค่อย่าเบียดตารางงานของวงก็พอ” แทนใจพูด มองหน้าเพื่อนสนิทที่คบกันมานานตั้งแต่สมัยมัธยมจนจบมหาวิทยาลัย เขารู้นิสัยเพื่อนดี อาร์มไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวหรอก “อยากพูดเรื่องน้องว่านด้วย”

“ทำไม” พอเปลี่ยนเป็นเรื่องเด็กหนุ่มคนนั้น ท่าทางของอามันต์ก็ดูเครียดขึ้นนิด ๆ ทันที

“มึงชอบน้องเขาหรือเปล่า หรือแค่เล่น ๆ”

“น้องให้มึงมาถามกูเหรอ”

“เปล่า กูอยากรู้เอง ในฐานะที่กูก็เอ็นดูเขาเหมือนน้องชายคนนึง ไม่อยากให้เขาโดนหลอกฟันแล้วทิ้ง”

คนฟังหัวเราะห้าว ๆ

“เห็นกูเป็นคนยังไง” อามันต์ยืดตัวขึ้นบิดขี้เกียจ “เด็กอย่างนั้นกูไม่เอาหรอก แต่ถ้าเด็กมันมาเองก็ไม่แน่”

“เด็กอย่างว่านไม่มีชั้นเชิง ถ้าจะมาก็แปลว่าถูกหลอกให้มา กูขอนะอาร์มสำหรับเด็กคนนี้”

“มึงชอบเขาหรือไงแทน พูดนั่นพูดนี่อยู่ได้” นักร้องนำพูด ปรายตามองเพื่อนสนิทแล้วยิ้มมุมปาก

“กูจะชอบน้องเขาหรือไม่ก็ไม่เกี่ยว แต่น้องน่ะชอบมึงแน่ ๆ อาจจะถึงขั้นคลั่งไคล้เลยก็ได้ น้องว่านเห็นมึงเป็นไอดอลเขา กูไม่อยากให้มึงฉวยโอกาสที่น้องเขาชอบมึงแล้วจะหลอกน้องเค้า”

“ฟังดูดียิ่งกว่าพ่อพระอีกนะ” อามันต์พยักหน้าเนิบ ๆ “แล้วใครกันที่มันเห็นดีเห็นงามกับแผนโปรโมทของเสี่ย ไม่ใช่ว่าใช้ประโยชน์จากเด็กหรือไง”

“มันไม่เหมือนกัน ว่านเองก็ได้ประโยชน์ มีเงินมีชื่อเสียง”

“ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่คิดบ้างล่ะว่า เขาก็ได้ประโยชน์เหมือนกัน การที่ศิลปินทำให้แฟนคลับสมหวังไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องเหรอ”

“ไอ้อาร์ม” แทนใจพูดเสียงต่ำ จ้องหน้าเพื่อนอย่างโมโห “กูรู้ว่ามึงมีวิธีสารพัดที่จะให้น้องเขาสมยอมเอง แล้วมึงก็จะบอกว่ามึงไม่ได้หลอก แต่คนที่รู้ดีอยู่แก่ใจว่าอะไรเป็นอะไรก็คือตัวมึงเองนั่นแหละ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ให้น้องมันออกจากวงไปซิ” อามันต์สวนกลับ “หรือว่าห่วงรายได้จนทำไม่ได้” เขาพูดจี้ใจดำผู้จัดการวงเข้าเต็ม ๆ แทนใจไม่พูดอะไรอีก เขาหันหลังกลับ ขืนอยู่ต่อมีหวังต้องวางมวยกันแน่ ๆ

“น้องว่าน! ” เด็กหนุ่มที่ถูกพูดถึงยืนนิ่งอยู่หลังประตูกระจก อามันต์หันขวับมามอง เห็นนัยน์ตากลมโตคู่นั้นมองมายังเขาอย่างสับสน “ว่านมายืนตรงนี้นานหรือยัง” แทนใจถามอย่างร้อนใจ

“ว่าน...ว่านแค่จะเอานมอุ่นมาให้พี่ ๆ ดื่มก่อนนอน” วิวาห์พูดขึ้น สายตายังจ้องมองไปที่อามันต์ตาไม่กะพริบจนคนถูกมองเริ่มอึดอัดขึ้นมา อันที่จริงต่อให้วิวาห์ได้ยินอะไรไป อามันต์ก็ไม่จำเป็นจะต้องแคร์อยู่แล้ว

“ขอบคุณมาก น้องว่านรีบไปนอนก่อนดีไหม” แทนใจรับถ้วยนมมาถือเอาไว้เองทั้งสองแก้ว รุนหลังว่านให้ถอยกลับ

“พี่แทนไปนอนก่อนเถอะครับ ว่านมีเรื่องอยากคุยกับพี่อาร์มก่อน” วิวาห์พูด ท่าทางผิดไปจากทุกทีที่เคยเห็นจนแทนใจชะงัก ว่านเหมือนไม่ใช่ว่านคนเดิมที่เคยเจอ ดูสงบนิ่งไม่เหมือนว่านที่หน้าแดงก่ำท่าทางลุกลี้ลุกลนเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนนี้เลย “โอเค ตามสบาย” เขาหันไปขมวดคิ้วใส่อามันต์แทนคำเตือน

วิวาห์ก้าวออกมายืนข้างนอก เขามองบุหรี่ในมือของพี่อาร์มแวบหนึ่ง

“พี่อาร์ม”

“มีเรื่องอะไรเหรอ” อามันต์ถาม “อยากจะถามอะไร”

“พี่อาร์มไม่ถามหน่อยเหรอว่าว่านได้ยินที่พี่พูดเมื่อกี้หรือเปล่า” วิวาห์พูดขึ้น

“แล้วได้ยิน..หรือเปล่าล่ะ”

ศีรษะทุยสวยพยักหน้ารับ อามันต์นิ่งไปบ้าง

“แต่ว่านจะไม่ออกจากวงหรอกนะ” วิวาห์พูดเนิบ ๆ “ว่านค้นพบว่าการร้องเพลงทำให้ว่านมีความสุขมาก ถึงแม้ว่าใคร..จะหลอกใช้ประโยชน์หรืออะไรจากว่าน ว่านก็จะยังอยู่ในวงต่อไป”

“เพราะว่าเธอก็ได้ประโยชน์เหมือนกันถูกไหม”

“วินวินกันทั้งคู่ไม่ใช่เหรอครับ” วิวาห์กลืนน้ำลายลงคอ “ส่วนเรื่องที่พี่อาร์มจูบว่าน พี่อาร์มชอบว่านหรือเปล่าครับ”

อามันต์เลิกคิ้ว เขาไม่นึกมาก่อนว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะกล้าถามเขาตรง ๆ

“เธอคิดว่ายังไง”

“ถ้าพี่อาร์มไม่ได้ชอบว่านแล้วจูบว่านทำไมครับ อารมณ์พาไปหรือว่าอยากแกล้งปั่นหัวว่านเล่น ๆ เพราะเห็นว่าว่านชอบพี่อาร์ม” วิวาห์พูดหน้าตาเฉย แม้ว่ามือจะเหงื่อออกจนเปียกไปหมด เขารวบรวมความกล้าเฮือกสุดท้ายพูดต่อ “ว่านชอบพี่อาร์มมาก ๆ คิดว่าพี่อาร์มคงรู้อยู่แล้ว ถ้าพี่อาร์มชอบว่านว่านก็จะดีใจมากที่เราใจตรงกัน แต่ถ้าพี่อาร์มไม่ได้ชอบว่านแบบนั้น ก็อย่าทำอะไรให้ว่านคิดไปเองอีกเลยครับ เพราะว่านคงเสียใจมาก..” พูดออกไปแค่นั้นแล้วก็พูดต่อไม่ออก แม้ว่าจะรู้สึกโล่งใจไม่น้อย ทว่าว่านก็กลัวคำตอบที่จะได้รับเหมือนกัน

แม้ว่าว่านจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าพี่อาร์มจะต้องตอบรับก็ตาม....

พี่อาร์มดับบุหรี่ลงกับจานแก้วแล้วเดินผ่านว่านเข้าไปในห้องเสียเฉย ๆ ราวกับว่านเป็นอากาศธาตุ ทำเอาคนที่เพิ่งรวบรวมความกล้าเมื่อกี้ใจฝ่อเหลือนิดเดียว ว่านขอบตาร้อนผ่าวเกือบจะปล่อยโฮออกมาแล้ว ทั้งน้อยใจทั้งเสียใจ หรือความจริงแล้วที่พี่อาร์มทำลงไปทั้งหมดนั้นก็แค่ต้องการ ‘เล่น ๆ ’ กับว่าน

เม้มปากแน่นกลั้นเสียงสะอื้นที่กำลังจะพุ่งขึ้นมาเอาไว้ ฝีเท้าหนัก ๆ ก็เดินกลับมาหยุดตรงหน้า พี่อาร์มเชยคางของว่านขึ้นแล้วใช้ปลายนิ้วปัดหยดน้ำตาออกเบา ๆ

“ร้องไห้ทำไม เอะอะก็ร้องไห้” ลมหายใจของพี่อาร์มไม่ได้มีกลิ่นบุหรี่แล้ว แต่กลับเป็นกลิ่นหอม ๆ ของยาสีฟันกลิ่นมิ้นต์แทน อย่าบอกนะว่าที่พี่อาร์มเดินหายเข้าไปในห้องก็เพราะไปแปรงฟันมา ว่านใจเต้นแรงขึ้นนิด ๆ อย่างช่วยไม่ได้

“พี่อาร์มกลับมาตอบว่านเหรอ” ถามออกไปอย่างงุนงง พี่อาร์มยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มเปิดเผยที่ว่านไม่เคยเห็นมาก่อน มันทำให้ใบหน้าของพี่อาร์มดูเด็กลงไปซักสิบปีเหมือนกับเด็กหนุ่ม มองเห็นลักยิ้มที่มุมปากด้วย

“มีคนมาสารภาพรักแล้ว ฉันก็ต้องตอบกลับสิถูกไหม”

ว่านอายจนอยากมุดหนีแต่ว่าอีกฝ่ายไม่ปล่อยให้ว่านไปไหน พี่อาร์มรวบตัวว่านเข้ามาในอ้อมแขนแล้วก้มลงจูบ สัมผัสของพี่อาร์มดูดดื่มร้อนแรงอย่างที่ว่านไม่เคยเจอมาก่อน อ้อมแขนแข็งแกร่งโอบรอบตัวว่านจนว่านคล้ายจะจมหายไปในอกกว้างนั้นได้ พี่อาร์มส่งลิ้นเข้ามาทักทายหยอกเย้าจนว่านใจสั่นแทบทรงตัวไม่อยู่ รู้ตัวอีกทีพี่อาร์มก็พาว่านมาที่เตียงแล้ว

พี่อาร์มปลดกระดุมเสื้อของว่านออกตามด้วยกางเกงและชั้นใน ว่านตัวอ่อนเปลี้ยเพราะสัมผัสทั้งจากริมฝีปากและมือของพี่อาร์ม พี่อาร์มสัมผัสบางจุดอย่างช่ำชองทำให้ว่านร้อนวูบวาบเป็นระยะ ความต้องการที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนก็เหมือนถูกปลุกให้ลุกโพลงขึ้น

“พี่อาร์ม...ว่าน..ว่านอาย” ว่านยกมือขึ้นปิดหน้าตอนที่อีกฝ่ายสำรวจดูร่างกายของเขาอย่างละเอียดโดยเฉพาะตรงนั้น ส่วนเร้นลับที่ถูกเปิดเผยออกแก่สายตาเพราะพี่อาร์มจับขาของว่านแยกออกจากกัน ปลายนิ้วของพี่อาร์มลูบคลำแผ่วเบาตามด้วยริมฝีปากที่ทำให้ว่านบิดตัวเร้า ความทรมานข้างในทำให้เปล่งเสียงร้องออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ อารมณ์พุ่งสูงขึ้นทุกที

พี่อาร์มเก่งจริง ๆ หรือว่าว่านอ่อนด้อยประสบการณ์เกินไปก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าคืนนั้นพี่อาร์มพาว่านไปเที่ยวถึงไหนต่อไหนจนว่านหมดแรง ความอิ่มเอมเอ่อล้นอยู่ข้างในอกกลั่นออกมาเป็นน้ำตาที่ไหลซึมหางตาจนพี่อาร์มที่กำลังขยับตัวต้องจูบซับ

“เจ็บมากเหรอ”

“เจ็บ ..แต่ทนได้” ว่านตอบ ยกมือขึ้นคล้องคอพี่อาร์มเอาไว้ “ว่านแค่ดีใจ ...ดีใจมาก ๆ”

พี่อาร์มยิ้ม ขยับตัวเข้ามาลึกขึ้นแล้วกอดว่านเอาไว้แน่น รู้สึกถึงความอุ่นร้อนที่เข้ามาในร่างกาย

“เด็กดี” พี่อาร์มลูบเส้นผมของว่านแล้วจูบที่ริมฝีปาก “ว่านรักพี่ใช่มั้ย”

“พี่อาร์มรู้อยู่แล้ว” ว่านตอบพึมพำเหมือนละเมอ

“พี่ก็รัก...รัก..” ว่านคิดว่าตัวเองได้ยินชื่อตัวเองตามหลังคำว่ารัก แต่ว่าว่านเหนื่อยมากจนหลับไปก่อนเลยได้ยินไม่ชัด

...................................................................................

“ว่าน เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นมั้ย โอย ใจหายใจคว่ำกันหมด” เสียงคนพูดอะไรแว่ว ๆ เหนือหัวของวิวาห์ ชายหนุ่มขยับตัวเปิดเปลือกตาขึ้นมองดูอย่างมึนงง ภาพสุดท้ายวิ่งเข้ามาในสมอง เขากำลังยืนอยู่บนเวทีท่ามกลางเสียงกรีดร้องด่าทอจากทุกทิศทาง เพียงแค่นึกถึงก็ตัวสั่นขึ้นมาอีก “เป็นอะไร หรือไม่สบาย ไข้ขึ้นหรือเปล่า” ปกป้องยื่นมือเข้ามาแตะหน้าผากเขา

“พี่ป้องครับ คุณฟอร์ดมา”

“ตายล่ะ ฉันหัวขาดแน่ ๆ” ปกป้องอุทาน

ร่างสูงสมส่วนของผู้บริหารบริษัทสื่อสิ่งพิมพ์รายใหญ่ของประเทศเดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางเคร่งขรึม พอเห็นวิวาห์นั่งหน้าซีดอยู่บนเตียงของห้องพยาบาลก็รีบเข้าไปหา

“คุณว่าน เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นบ้างมั้ยครับ” ฟอร์ดถามเสียงอ่อน กวาดตามองอีกฝ่ายทั่วตัว “ทานข้าวหรือยัง”

ว่านส่านหน้า

“คงจะหิวแน่ ๆ”

“เดี๋ยวผมไปหาข้าวมาให้น้องเองครับ” ปกป้องรีบพูด ยังไงเขาก็จะไม่ปล่อยให้เจ้านายรู้ความจริงแน่ว่าบังคับลูกน้องขึ้นเวทีร้องเพลงจนเป็นลมเพราะอยากเอาใจนาย “คงหิวมากแน่เลย แล้วก็ไม่บอกกันก่อน ทำให้วุ่นวายกัน”

“ขอโทษครับ” ว่านพูด เขาไม่อยากพูดถึงอาการบนเวทีกับใครทั้งนั้น ให้เขาใจว่าหิวจนเป็นลมก็ดีเหมือนกัน

“ถ้าอย่างนั้นฝากหน่อยนะคุณป้อง ฝากข้าวผัดของผมด้วยอีกซักจาน จะกินเป็นเพื่อนคุณว่านเสียหน่อย”

“ครับคุณฟอร์ด” ปกป้องรีบพูด เดินแกมวิ่งออกไปจากห้องพักพยาบาลอย่างรวดเร็ว ธาดาหันมามองอดีตนักร้องดังที่ยังนั่งอยู่บนเตียงด้วยท่าทางอ่อนล้า

“นอนพักก่อนก็ได้นะครับ ถ้ายังเวียนหัวอยู่”

“ว่าน..ผมดีขึ้นมาแล้วครับ” วิวาห์บอก รู้สึกอึดอัดขึ้นมาเมื่ออยู่กับอีกฝ่ายสองต่อสอง “เชิญคุณฟอร์ดเถอะครับ งานเลี้ยงคงยังไม่จบ”

“ผมอยากกินข้าวกับคุณในนี้มากกว่า” ธาดาตอบ วิวาห์มองไปทางอื่นที่ไม่ใช่สายตาคู่นั้น “คุณว่าน เมื่อกี้..เกิดอะไรขึ้นกับคุณบนเวทีหรือเปล่า ผมเห็นคุณดูเครียดมาก ๆ แล้วก็ดูกลัวมากด้วย ..มันเหมือนไม่ใช่แค่เป็นลมธรรมดา”

“......”

“คุณไม่สะดวกเล่าก็ไม่เป็นไรครับ” ธาดาพูดยิ้ม ๆ ปกป้องวิ่งเข้ามาพร้อมข้าวสองจานและกับข้าวอีกสองอย่าง เขาจัดการตั้งโต๊ะให้เจ้านายเรียบร้อยแล้วก็ถอยกลับออกไปจากห้องอย่างรู้งาน

ว่านรู้สึกอึดอัดกว่าเดิม คราวนี้อีกฝ่ายดูเอาจริงเอาจังมากกว่าทุกครั้ง

“ทานข้าวกันก่อนดีกว่าครับ คุณว่านจะได้รู้สึกดีขึ้น เวลาท้องโล่งเรามักจะคิดอะไรไม่ออกนะครับ” ชายหนุ่มพูดยิ้ม ๆ ส่งช้อนส้อมให้วิวาห์อย่างเป็นกันเอง วิวาห์รับมาถือเอาไว้ อดพูดอย่างกังวลไม่ได้

“คุณฟอร์ดกลับไปทานต่อในงานเลี้ยงดีไหมครับ ป่านนี้คนคงรอคุณกันใหญ่”

“คุณว่านไล่ผมเหรอ”

“คุณเป็นรองประธานบริษัทนะ ในวันครบรอบบริษัทก็ต้องทำหน้าที่ของคุณสิครับ เดี๋ยวผมก็จะทำหน้าที่ของผมเหมือนกัน”

ธาดาจุ๊ปาก มองหน้าเขาแล้วยิ้มกว้างขึ้น

“หน้าที่ของคุณคืออะไรคุณว่าน”

“ผมจะไปเตรียมของชำร่วยแจกครับ”

“งั้นผมขอใช้อำนาจในหน้าที่รองประธานบริษัทสั่งให้คุณกินข้าวกับผมก่อนค่อยไปทำงาน ตกลงไหมครับ” ธาดาพูด วิวาห์เม้มปาก แล้วก็ยอมตักข้าวเข้าปากเงียบ ๆ

ธาดาลอบสังเกตท่าทางของอีกฝ่ายอย่างพึงใจ วิวาห์เป็นคนมีเสน่ห์แฝงอยู่ในบุคลิกอย่างที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน จะเป็นเวลาที่พูดหรือขยับตัว ตอนเหลือบตามองหรือว่าตอนที่ยิ้มออกมา แม้กระทั่งเวลาตักข้าวเข้าปากก็ยังดูนิ่มนวลน่ามอง ริมฝีปากบางขยับตามการเคี้ยวเป็นจังหวะไร้เสียง เม็ดข้าวไม่หกเลยแม้แต่เม็ดเดียว ตลอดมื้อนั้นธาดาแทบไม่ได้ยินเสียงช้อนส้อมกระทบจานสักครั้ง ได้แต่นึกทึ่งกับบุคลิกของอีกฝ่ายอยู่ในใจ

“อิ่มไหมครับ”

“ครับ” วิวาห์รวบช้อนเข้าหากันแล้วหยิบแก้วน้ำขึ้นดื่ม กำลังมองหาวิธีออกจากห้องนี้ก็พอดีเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ...แป้งโทรมา ...จริงสิ เขาลืมไปเสียสนิทเลยว่าปล่อยให้เพื่อนรออยู่ข้างหน้า

“ว่าน อยู่ไหนแล้วเนี่ย ยัยยี่หวาง่วงนอนตาจะปิดอยู่แล้ว ลืมหรือเปล่าคุณวีว่า”

...........................................................................................

มาอัพแล้วค่า

ชอบเรื่องนี้นะ มันดูมีอะไร แม้ว่าจะไม่มีอะไร หรือจริง ๆ ก็ไม่ได้ดูมีอะไร แต่คิดไปเองว่ามีอะไร สรุปอะไรกันแน่ ฮ่า ๆ มาแบบสบาย ๆ

เจอกันตอนหน้า

ใครชอบเรื่องนี้ เจอกัน ๆ

#วิวาห์อามันต์
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน3 17/2/63 p2
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 17-02-2020 04:09:23
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน3 17/2/63 p2
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-02-2020 06:52:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน2 13/2/63 p2
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 17-02-2020 10:36:37
เห้ออออ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน3 17/2/63 p2
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 17-02-2020 11:36:22
น้องว่าน ความวุ่นวายมาหาแบบไม่หยุดแน่
อยากให้ผ่านพ้นเรื่องร้ายๆไป
เชียร์คุณพ่อน้องยี่หวาละกันนะ รอบนี้คุณพ่อต้องพิสูจน์ตัวเองหน่อยนะ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน3 17/2/63 p2
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 17-02-2020 12:09:33
เห้อ



อึดอัด
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน3 17/2/63 p2
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 17-02-2020 14:44:30
ถ้าคุณธาดาดีจะเชียร์แล้วนะเนี่ย พี่อาร์มมันงี่เง่าก็ปล่อยมันไปเถอะ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน3 17/2/63 p2
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 17-02-2020 14:52:04
พี่วัต เป็นพี่ชาย ที่ดีมากกกก
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน3 17/2/63 p2
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 17-02-2020 20:27:59
ว่านเป็นเด็กน้อยใสซื่อ รู้ทั้งรู้ก็ยังตกหลุมลงไปให้ลึก
คนชอบคนรักอะเนาะ ต่อให้ไม่ดีแค่ไหน เค้าปากหวานด้วย คือจบเลย
หลอกใช้น้องกันทั้งนั้น ทั้งความไว้ใจ ทั้งความซื่อตรง
ต่อให้อาร์มบอกว่ารับไม่ได้กับวิธีนี้ แต่อาร์มก็ไม่ค้านหนักๆ

สงสารว่าน กว่าจะผ่านมาได้ คงหนักมากจริง
ไม่ใช่แค่ตัวเอง มีลูกตามมาด้วย

อาร์มคือผู้ชายคนหนึ่ง ไม่ได้บอกว่าแย่นะ แต่ไม่ได้ดีไปกว่าที่ว่าคนอื่นหรอก
แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะดีขึ้นไหม แล้วยังมองว่านแบบเดิมหรือเปล่า

หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน3 17/2/63 p2
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-02-2020 20:38:30
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน3 17/2/63 p2
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 17-02-2020 21:18:17
น้องว่านคือแบบน่าสงสารมาก ฮืออออ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน3 17/2/63 p2
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 17-02-2020 21:48:19
คนซื่อๆที่โดนหลอกใช้ ถูกเอาความรู้สึก ความรัก มาเป็นเครื่องมือแบบนี้ มันเจ็บปวดจริงๆ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน3 17/2/63 p2
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 17-02-2020 23:58:51
อยากจะตีหนูว่านจริงๆไปรักคนแบบนั้นได้ยังไง :m16:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน3 17/2/63 p2
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 18-02-2020 23:26:39
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน 4
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 21-02-2020 14:49:25
วิวาห์อามันต์

ตอนที่ 4











“วีว่ามาแล้วเหรอคะ” เด็กหญิงหวันยิหวาพูดงัวเงีย เปลือกตาหนักอึ้งแทบลืมไม่ขึ้น มองเห็นวีว่าเข้ามาอุ้มเธอขึ้นก็ยกมือโอบรอบคอของวีว่าอัตโนมัติ “ง่วงจังค่ะ”

“เล่นจนหมดแรง” วิวาห์พูด แตะริมฝีปากเข้าที่ข้างแก้มของลูกสาวอย่างทะนุถนอม

“เจ้าสามตัวนั้นก็สลบเหมือดไปแล้วเหมือนกัน” แป้งพูดกลั้วหัวเราะ พยักเพยิดไปทางเบาะหลังที่มีลูกชายของเธอนอนก่ายกันอยู่ “พาเด็ก ๆ ไปกินข้าวเย็นแล้วเรียบร้อย เธอล่ะว่านกินหรือยัง”

“ฉันกินแล้ว” วิวาห์ตอบ ตัดสินใจว่าจะไม่เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ให้เพื่อนฟังก็แล้วกัน แป้งยิ่งเป็นพวกชอบโวยวายอยู่ เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา “กลับบ้านดีกว่า แม่คงเป็นห่วงแล้วล่ะ”

แป้งขับรถไปส่งเขากับลูกที่บ้าน หญิงสาวกำชับเรื่องโปรเจ็กใหม่ของค่ายเพลงสามีของเธออีกรอบ ว่านเลยแบ่งรับแบ่งสู้แล้วรีบตัดบท ขี้เกียจถกกับแป้งเรื่องอาชีพของตัวเองอีก

อุ้มหวันยิหวาเดินเข้าไปในบ้าน เด็กหญิงนอนหลับคอพับคออ่อนไปแล้วคงเหนื่อยเต็มที พ่อกับแม่ขึ้นห้องนอนกันไปเรียบร้อย ว่านปลุกลูกสาวขึ้นมาอาบน้ำแล้วพาเข้านอนเหมือนทุกวัน ชีวิตประจำวันของเขาดู ๆ ไปก็น่าเบื่อ เมื่อเทียบกับสมัยก่อนที่เต็มไปด้วยสีสัน

แต่ว่านก็พอใจกับชีวิตในตอนนี้แล้ว ไม่นึกโหยหาอดีตเลยสักนิดเดียว

วันรุ่งขึ้นว่านติดรถพี่ชายไปส่งลูกสาวที่โรงเรียนก่อนแล้วค่อยเลยไปทำงานตามปกติ หน้าที่ของเขาไม่มีอะไรยุ่งยาก ทว่าก็ใช้เวลาอยู่เกือบเดือนกว่าจะคล่องแคล่ว ว่านชงกาแฟไปเสิร์ฟให้พี่ ๆ ในกองบรรณาธิการรวมถึงห้องของผู้บริหาร ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็แวะเข้าไปเสิร์ฟให้คุณธาดาด้วย

เขารู้สึกอึดอัดกับสายตาของธาดา

“หายดีแล้วใช่มั้ยครับ”

“ครับ”

“เย็นนี้คุณว่านว่างไหมครับ” ธาดาถามเบา ๆ

“มีธุระครับ” ว่านตอบ คนฟังมีท่าทางเสียดายเล็กน้อย

“ถ้าอย่างนั้น คุณว่านพอจะมีเวลาบ้างไหมครับ วันไหนก็ได้”

“คุณฟอร์ดมีงานจะให้ผมทำเหรอครับ”

“เปล่า ...ผมอยากชวนคุณว่านไปทานข้าวด้วยกัน ชวนน้องยี่หวาไปด้วยกันด้วย”

“ผมไม่สะดวกจริง ๆ ครับ” วิวาห์ปฏิเสธ “ขอโทษด้วยนะครับ” เขารีบกลับออกมาจากห้องทำงานของธาดาอย่างไม่สบายใจนัก อีกฝ่ายรู้ชื่อเล่นของลูกสาวเขาด้วยเหรอ จำได้ว่าเขาไม่เคยบอกมาก่อน หรือจะแอบฟังตอนที่ว่านคุยโทรศัพท์ ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่สบายใจ

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เบอร์ของคุณครูที่โรงเรียนโชว์อยู่บนหน้าจอ วิวาห์รีบกดรับสาย

“คุณพ่อน้องหวันยิหวาใช่มั้ยคะ คุณครูเตยนะคะ ครูประจำชั้นน้องยี่หวา” เสียงใส ๆ ของคุณครูดังมาตามสาย ว่านใจหายวูบ รีบถามต่อ

“ครับ ๆ ผมจำได้ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”

“น้องยี่หวาวิ่งเล่นกับเพื่อน ๆ แล้วหกล้มค่ะ มีเลือดกำเดาออกเปื้อนเสื้อน้องนิดหน่อย แล้วก็แผลถลอกที่เข่าเขียวนิดนึงนะคะ คุณครูเลยโทรมาบอกก่อน” เสียงคุณครูมีแววกังวลแฝงอยู่จาง ๆ แต่ว่านก็สัมผัสได้ ชายหนุ่มขมวดคิ้ว

“แล้วยี่หวาเป็นอะไรมากมั้ยครับ”

“ไม่หรอกค่ะ เด็ก ๆ เล่นกัน แต่น้องผิวขาวมากก็เลยช้ำง่ายหน่อย คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ”

“ครับ ๆ เดี๋ยวผมเลิกงานแล้วจะรีบไปนะครับ” ว่านตอบ เหลือบดูนาฬิกาเหลืออีกตั้งเกือบสองชั่วโมง ถ้าเขากลับก่อนจะโดนค่อนไหมนะ “ยี่หวาไม่ได้เป็นอะไรมากใช่มั้ยครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ คุณครูทำแผลให้แล้วเรียบร้อย คุณพ่อน้องสบายใจได้ค่ะ”

“ครับผม ขอบคุณครับ” อีกฝ่ายวางสายไป วิวาห์กลับไปทำงานต่อจนถึงเวลาเลิกงานก็รีบพุ่งออกมาจากที่ทำงาน โทรบอกพี่ชายว่าให้ไปเจอกันที่โรงเรียนของหวันยิหวาเลย ไม่ต้องเสียเวลาแวะรับว่านก่อน พอเดินเข้าไปถึงโรงเรียนได้ก็เจอลูกสาวนั่งห้อยขาเล่นชิงช้าอยู่กับเพื่อน ๆ

ความกังวลที่มีก็ค่อยคลายลงไป

“ยี่หวา เป็นไงบ้างลูก ครูเตยโทรหาวีว่าบอกว่าหกล้มเหรอคะ”

“วีว่ามาแล้ว วีว่าดูซิคะ ยี่หวาขาเขียวเลย” เด็กหญิงดึงกระโปรงขึ้นโชว์หัวเข่าทั้งสองข้างให้มารดาดู วิวาห์เห็นเข้าก็ตกใจ ไหนครูเตยบอกแค่รอยถลอกช้ำนิดหน่อยธรรมดาไงล่ะ ทำไมมันถึงได้เขียวม่วงน่ากลัวทั้งสองเข่าแบบนี้

“เจ็บมั้ยคะ” วิวาห์คุกเข่าลงข้างตัวลูก เอื้อมมือไปจับเบา ๆ พลิกหัวเข่าทั้งสองข้างของเธอสำรวจดูอย่างตกใจ “ทำไมมันม่วงแบบนี้ล่ะคะ ล้มแรงมากเลยเหรอ”

“ยี่หวาสะดุดค่ะ” ลูกสาวตอบจ๋อย ๆ พอคนเป็นแม่กดนิ้วลงกับเข่าก็เบ้หน้า “เจ็บค่ะวีว่า”

“เดินไหวมั้ยคะเนี่ย” วิวาห์ขมวดคิ้ว มองคราบเลือดจาง ๆ บนกระโปรงของลูกสาว หวันยิหวารีบบอก

“ยี่หวาเลือดไหลค่ะ ตรงนี้ ๆ แต่ครูเตยเอาน้ำแข็งมาวางแล้วมันก็หยุด ครูเตยซักกระโปรงให้ยี่หวาด้วยค่ะ” เธอชี้ที่รูจมูกของตัวเอง วิวาห์ถอนหายใจเฮือก อุ้มลูกสาวขึ้นทั้งตัว

“เล่นซนจนได้เรื่อง กลับบ้านกันดีกว่าค่ะ จะได้ไปประคบเย็นต่อ เขียวอื๋อขนาดนี้”

“คุณพ่อน้องยี่หวามาพอดี สวัสดีค่ะ คุณครูทำแผลให้แล้ว แต่น้องผิวบางมาก ๆ เลย เขียวหน่อยนะคะ” ครูเตยรีบเดินเข้ามาหา เห็นสีหน้าของผู้ปกครองดูไม่ดีนักก็รีบบอกต่อ “ตอนแรกจะพาไปโรงพยาบาลแล้วค่ะ แต่ยี่หวาไม่ยอม”

“ก็เลือดยี่หวาหยุดไหลแล้วนี่คะ ยี่หวาไม่ไปโรงพยาบาลหรอกค่ะ” ลูกสาวจีบปากจีบคอบอก วิวาห์ส่ายหน้า

“ขอบคุณครูเตยมากครับที่ช่วยดูแลยี่หวา เดี๋ยวผมกลับไปประคบต่อ ยี่หวาผิวบางช้ำง่ายมาตั้งแต่เด็กแล้วครับ”

ฟังคุณครูขอโทษขอโพยอีกหลายประโยค วิวาห์ก็พาลูกสาวกลับมาที่รถ วิรัตน์พอเห็นสภาพหลานสาวเข้าก็ร้องว้าก จะพาไปโรงพยาบาลท่าเดียว ยี่หวาก็เลยร้องไห้จ้าไม่ยอมไปหาหมอ สุดท้ายวิวาห์เลยตัดสินใจพากลับบ้านก่อน

“เด็กหกล้มเฉย ๆ ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ ยี่หวาก็ยังเดินได้อยู่”

“หกล้มอะไรเขียวขนาดนั้น” วิรัตน์พึมพำ “ล้มใส่หินหรือไงน่ะ เราก็นิ่งนอนใจเหลือเกิน ลูกเลือดกำเดาไหลด้วยนะ ไม่ได้ดูข่าวเหรอ มีนักร้องตายเพราะเลือดกำเดาออกน่ะ”

“โธ่ พี่วัตก็.. พูดเหมือนไม่เคยเลือดกำเดาออก” วิวาห์หัวเราะ ปลอบลูกสาวจนหยุดร้อง

วิรัตน์เป็นคนจู้จี้ขี้บ่นมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ถ้าว่านเห็นไปทางซ้าย พี่วัตจะต้องเห็นตรงข้ามทุกทีจนว่านขี้เกียจเถียงด้วยแล้ว จะว่าไปที่ชีวิตของว่านพลิกผันมาขนาดนี้ก็อาจเป็นเพราะว่าตอนนั้นไม่มีพี่วัตคอยจ้ำจี้จ้ำไชอยู่ก็ได้

..................................................................

“เช้าแล้วครับ” ว่านกระซิบข้างหูของคนที่นอนหลับสนิท พี่อาร์มเอียงหน้าหนีไปอีกทาง ว่านเลยยกมือขึ้นบีบปลายจมูกโด่ง ๆ นั้นเล่น “วันนี้มีงานเช้านะครับ ตื่นเร็ว” คนหลับยังไม่ยอมลืมตาขึ้น ขนตายาวหนาเป็นแพทาบอยู่บนผิวแก้ม ว่านใช้ปลายนิ้วกรีดเล่น สุดท้ายดวงตาคมกริบคู่นั้นก็ลืมตาขึ้นมาเขาอย่างดุ ๆ

“เล่นอะไรว่าน”

“ตื่นเร็วครับพี่อาร์ม เดี๋ยวไปงานสายนะ” ว่านพูดพร้อมกับชะโงกเข้าไปจูบที่ริมฝีปากสีสดนั้นแรง ๆ “ลุกขึ้นเร็ว”

“ว่านต้องลุกจากตัวพี่ก่อน” อีกฝ่ายพูดเสียงแหบกว่าปกติ มือใหญ่คลึงอยู่ที่แผ่นหลังและสะโพกของว่าน “ไม่งั้นพี่รุกนะ”

คนฟังหน้าแดงจัด

“เมื่อคืนยังไม่พออีกหรือไง ว่านปวดไปทั้งตัวเลยนะ”

“ถ้าเป็นว่าน ไม่มีคำว่าพอ” คำพูดของพี่อาร์มทำให้ว่านเกือบหมดแรงไปทำงาน

เกือบสองอาทิตย์ที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาเปลี่ยนไป ว่านมีความสุขมาก ว่านหลงรักทุกอย่างที่เป็นพี่อาร์ม จะใบหน้ารูปร่างน้ำเสียงแววตา หรือแม้แต่ลีลาบนเตียงของพี่อาร์มก็ล้วนทำให้ว่านรู้สึกเหมือนขึ้นสวรรค์ทั้งเป็น พี่อาร์มทั้งอ่อนโยนและดุดันในคราวเดียวกัน ว่านชอบความรู้สึกตอนที่เรานอนกอดกันจนหลับไปทุกคืน ตอนเช้าตื่นขึ้นมามองเห็นพี่อาร์มเป็นคนแรก อ้อมกอดของพี่อาร์มอบอุ่นจนว่านไม่อยากลุกไปไหนอีกเลย

ถ้าเป็นไปได้ ว่านก็อยากอยู่ในอ้อมกอดของพี่อาร์มแบบนี้ชั่วชีวิต

“จะขึ้นเวทีแล้ว ขอกำลังใจหน่อยสิ” ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาคุกเข่าตรงหน้าวิวาห์ เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยแววตาที่ทำให้คนถูกมองรู้สึกอ่อนยวบเหมือนขี้ผึ้งถูกไฟลน

“ได้ไปทั้งคืนแล้วไง” ว่านงึมงำ เขินจนไม่กล้ามองหน้าพี่ ๆ ร่วมวงคนอื่นที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ

“นะครับว่าน” พี่อาร์มกระซิบ ว่านเลยก้มลงไปหอมแก้มพี่อาร์มสองข้างแล้วเอียงแก้มให้พี่อาร์มหอมคืนบ้าง หัวใจของว่านเต้นแรงจนอาจจะเสียงดังกว่าเสียงกรี้ดของแฟนคลับข้างนอกเสียอีก

“เหม็นความรักจังโว้ย” พี่กอล์ฟพูดลอย ๆ แกมหมั่นไส้ “ไม่เห็นใจคนโสดอย่างกูบ้างเลย”

“ก็หาเอาสิวะ” อามันต์ยักคิ้ว กอดว่านแรง ๆ อีกทีหนึ่งก่อนจะพาออกไปข้างนอกห้องแต่งตัว เสียงกรี้ดถล่มทลายดังขึ้นทันที ว่านเคยชินกับเสียงพวกนี้แล้วจนเคยคิดเล่น ๆ ว่าถ้าวันหนึ่งเสียงเหล่านี้หายไปจะเป็นอย่างไร

“เพลงยิ้มหวานนะครับ” พี่อาร์มพูด “เจ้าของเพลงส่งยิ้มหวานหน่อยเร็ว”

ไม่ต้องบอกว่าว่านยิ้มกว้างแค่ไหน วันเวลาหลังจากนั้นผ่านไปเร็วเหมือนติดปีก ใคร ๆ ก็มักจะบอกว่าเวลาแห่งความสุขมันสั้น ว่านไม่เคยเข้าใจ เวลาแห่งความสุขของว่านไม่มีทางจบสิ้นง่าย ๆ หรอก

“พี่ชายว่านมาน่ะ” แทนใจเดินขึ้นมาบอกว่านบนชั้นสามของสตูดิโอที่เป็นชั้นส่วนตัวของพี่อาร์ม ว่านกำลังนอนเล่นอยู่บนเตียงของพี่อาร์มรีบลุกขึ้นนั่งอย่างตกใจ

“พี่วัตมาเหรอครับ”

“ใช่ ไอ้อาร์มอยู่ไหน”

“พี่อาร์มไปธุระครับ” ธุระของพี่อาร์มเป็นสิ่งที่ว่านไม่เคยยุ่งเกี่ยว พี่อาร์มไม่เคยบอกว่าธุระนั้นคืออะไร และว่านก็ไม่เคยถาม เขาไม่ชอบซอกแซกอยากรู้ ถ้าพี่อาร์มอยากบอกก็คงบอกว่านเอง

“อ๋อ” พี่แทนพูดแค่นั้นแล้วก็เดินลงบันไดไปข้างล่าง ว่านรีบลุกขึ้นแต่งตัวใหม่ ว่านย้ายขึ้นมาอยู่กับพี่อาร์มได้เกือบสามเดือนแล้ว ทยอยขนเสื้อผ้าจากที่บ้านมาไว้ในตู้เสื้อผ้าเดียวกับพี่อาร์ม พี่วัตคงเริ่มสังเกตเห็นแล้วกระมังถึงได้มาหา

“เจ้าว่าน ไม่กลับบ้านกลับช่องเลยนะ มหาลัยก็ไม่ไป ไม่กลัวโดนไทร์หรือไง” วิรัตน์เปิดฉากขึ้นทันทีที่เห็นน้องชายเดินลงมา ใบหน้าเรียวเล็กดูสดใสมีชีวิตชีวาอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ดวงตากลมโตคู่นั้นวาววับ

“พี่วัต ไม่เจอกันเลย หวัดดีครับ”

“จะเจอได้ยังไงก็แกไม่กลับบ้านน่ะ” ถ้าเท้าสะเอวได้วิรัตน์คงเท้าเอวไปแล้ว “แกเป็นแบบนี้แล้วฉันจะไว้ใจให้อยู่ที่นี่ได้ยังไง เสียคนหมดแล้ว”

“พี่วัต” วิวาห์เสียงแข็งขึ้นมาทันที “ว่านไม่ได้เสียคนนะ ว่านแค่เลือกทางเดินของตัวเองต่างหาก เพียงแค่ทางเดินของว่านไม่เหมือนพี่วัต พี่วัตก็เลยรับไม่ได้ซักที”

“ไอ้ว่าน” พี่วัตโกรธ คงเพราะแทงใจดำล่ะซิ...ว่านคิดในใจ “ฉันมาที่นี่เพราะแกหายหัวออกจากบ้านไปหลายเดือนแล้วน่ะสิ การเรียนก็ทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ”

“ว่านไม่สน ตอนนี้ว่านหาเงินได้มากกว่าพี่วัตเสียอีก รายได้ของว่านมากกว่าเงินเดือนของพี่วัต หรือพี่วัตจะเถียง”

“แล้วมันจะเป็นแบบนี้ตลอดไปไหมล่ะ อีกหน่อยกระแสแกก็ตกแล้ว แกอยู่ในวงการไม่เห็นตัวอย่างพวกดารานักร้องตกกระป๋องพวกนั้นบ้างเหรอ มันไม่ยั่งยืนรู้มั้ยว่าน” พี่วัตพูดเสียงอ่อนลง คงเปลี่ยนมาใช้ไม้อ่อนแทน “ฉันก็เป็นห่วงแก อาทิตย์หน้าฉันจะไปเรียนต่อแล้ว ไม่มีใครมาตามแกกลับบ้านอีกแล้วนะ”

วิวาห์ใจหายอยู่ลึก ๆ รู้ว่าพี่ชายสอบชิงทุนได้ไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ แต่ไม่นึกว่าจะไปเร็วขนาดนี้

“พี่วัตจะไปแล้วเหรอ” เห็นเสียงของน้องชายอ่อนลง วิรัตน์ก็รีบสำทับ

“ก็ใช่น่ะสิ อย่างน้อยเราก็ควรกลับไปกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันบ้าง กว่าฉันจะกลับมาตั้งสองปี ...เอาแฟนแกไปด้วยก็ได้ ไอ้วินมันก็ชอบเขาอยู่หรอก” ประโยคหลังว่านไม่แน่ใจว่าพี่วัตกัดฟันพูดหรือเปล่า

“ก็ได้ ว่านจะลองถามพี่อาร์มดูก่อนว่าว่างมั้ย”

พี่วัตดูโล่งอกขึ้นเล็กน้อย นัดหมายเวลากันเสร็จว่านก็พาพี่วัตเดินสำรวจดูรอบ ๆ สตูดิโอรอบหนึ่งแต่ไม่ได้พาขึ้นไปชั้นบน ว่านรอพี่อาร์มกลับมาจากข้างนอกจนเริ่มง่วงนอน พี่อาร์มก็กลับมาตอนเกือบตีสอง

“กลับมาแล้วเหรอครับ”

“อ้าว..นึกว่านอนแล้ว” เสียงแหบ ๆ ของพี่อาร์มตอบกลับมา ว่านลุกขึ้นเดินเข้าไปกอดร่างสูงใหญ่เอาไว้ กลิ่นน้ำหอมแปลกจมูกกระทบฆานประสาททันที

“พี่อาร์มไปไหนมาน่ะ”

“ไปธุระ” พี่อาร์มตอบเหมือนทุกครั้ง ไม่มีคำอธิบายมากกว่านั้น ทุกทีว่านก็จะปล่อยให้ความสงสัยเลือนหายไปเองแต่ว่าคราวนี้ว่านมีเรื่องจะต้องพูดกับพี่อาร์มก็เลยถามต่อ

“พี่อาร์มเปลี่ยนน้ำหอมเหรอ”

“...ใช่ ..ชอบหรือเปล่า” พี่อาร์มวางคางลงบนกระหม่อมของว่าน

“กลิ่นมัน...เลี่ยนไปหน่อย”

พี่อาร์มหัวเราะเบา ๆ

“แปลว่าไม่ชอบ” พี่อาร์มก้มลงจูบที่ซอกคอของว่านแรง ๆ “เดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำก่อนนะ ว่านนอนก่อนได้เลย”

“วันนี้พี่วัตมาหาว่าน” วิวาห์ตัดสินใจรีบพูดไปก่อน “พี่วัตจะไปเรียนเมืองนอกแล้ว จะนัดกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน ว่านอยากให้พี่อาร์มไปด้วย”

พี่อาร์มชะงักไป

“จะดีเหรอว่าน น่าจะมีแค่คนในครอบครัวกันมากกว่า พี่ไปเดี๋ยวจะอึดอัดเอา”

“ไม่หรอกครับ ไปเถอะนะ” วิวาห์แนบแก้มเข้ากับต้นแขนของพี่อาร์ม เงยหน้าขึ้นพูดเสียงอ่อน “ไปเป็นเพื่อนว่านหน่อยนะ”

พี่อาร์มนิ่งไปครู่แล้วก็พยักหน้า

“โอเค ถ้าวันนั้นพี่ว่างก็จะไปด้วย”

พี่อาร์มไม่ว่างวันนั้น...ว่านน่าจะรู้ก่อนตั้งแต่วันที่พี่อาร์มพูด วิวาห์คิดในใจอย่างหงอย ๆ เดินเข้าบ้านไปหาพ่อกับแม่คนเดียวไร้เงาของคนรัก พี่อาร์มบอกว่าติดธุระด่วนกะทันหัน พี่กอล์ฟบอกว่าพี่อาร์มคงแอบรับงานเดี่ยวซ้อนอีกแน่ ๆ

พี่วัตไม่ถามถึงพี่อาร์มซักคำ ทำเหมือนรู้อยู่แล้วงั้นแหละว่าพี่อาร์มจะไม่มา พ่อกับแม่คิดถึงว่านมากทำเอาว่านรู้สึกผิดไม่น้อยที่ไม่ได้กลับบ้านมาเยี่ยมเลย วินก็เป็นเฟรชชีแพทยศาสตร์แล้วเลยเทียวไปกลับหอพักมหาวิทยาลัยกับที่บ้าน ชีวิตของทุกคนดูไปได้ดีตามทางของตัวเอง

ว่านเองก็เหมือนกัน...วิวาห์หยิบเงินขึ้นมานับส่งให้พ่อกับแม่อย่างภูมิใจ

“ว่านให้พ่อกับแม่เก็บเอาไว้ใช้ ว่านหาเองทุกบาททุกสตางค์เลยนะ”

“โอ๊ย ไม่ต้องหรอกว่าน เก็บเอาไว้ใช้เถอะลูก เงินตั้งเยอะแยะ พ่อแม่อยู่บ้านเฉย ๆ ก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร” แม่ของเขาพูด

“วันนั้นเห็นว่านในโฆษณาลูกอมด้วย เจ้าวินเรียกพ่อมาดู น่ารักดีนี่” พ่อของเขาพูดขึ้น ว่านยิ้มกริ่ม

“อาทิตย์หน้าพ่อรอดูว่านขึ้นปกนิตยสารนะครับ” ว่านบอกชื่อนิตยสารชื่อดังอย่างภาคภูมิใจ “ว่านได้ขึ้นปกคู่กับพี่อาร์มด้วย”

“เห็นเจ้าวัตบอกตอนแรกว่าว่านจะพาพี่อาร์มมาด้วยไม่ใช่เหรอลูก”

“ครับ พอดีพี่อาร์มไม่ว่าง...งานเขายุ่งน่ะครับ”

“ก็น่าจะยุ่งอยู่ ดังขนาดนั้น” แม่พยักหน้าเข้าใจ “เอาไว้พามาสิ วินเขาอยากเจอ” ลูกชายคนเล็กหัวเราะ ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ

“แล้วพี่เขาเป็นไงบ้าง คบกันแล้วใช่มั้ยพี่ว่าน” วินถามขึ้นมาบ้าง

“อืม..ก็ดีนะ” ว่านตอบอมภูมิ น้องชายหรี่ตาลง

“แน่ะ ไม่ยอมเล่าอีก วินจะได้ไปขิงกับเพื่อนเสียหน่อยว่าวงในมา ใคร ๆ เขาก็เดากันว่าพวกพี่ต้องคบกันจริงแน่ ๆ บนเวทีหวานขนาดนั้น นอกเวทีจะขนาดไหน”

วิวาห์ชักเขินสายตาน้อง

“ไม่เท่าไหร่หรอกน่ะ พี่อาร์มไม่ใช่คนหวาน”

“อะไร แต่งเพลงให้พี่ซะหวานเจี๊ยบขนาดนั้น”

“จริงเหรอลูก เพลงอะไรน่ะ” แม่สนใจขึ้นมาบ้าง

“เดี๋ยววินเปิดให้ฟังครับ อัลบั้มใหม่ของเขาน่ะ มีแต่เพลงรักหวาน ๆ ไม่รู้พี่อาร์มเลิกทำเพลงอกหักแล้วหรือยังไง คอเพลงอกหักเซ็งเลย”

“เอ้า นักร้องเขาแฮปปี้เขาก็ต้องอยากทำเพลงที่มีความสุขสิ” พ่อพูดขึ้น

ว่านอมยิ้ม ไม่อยากบอกว่าเพลงในอัลบั้มใหม่น่ะ พี่อาร์มบอกเองว่าแต่งให้ว่านทุกเพลง แถมบางเพลงยังคิดออกตอนที่เรากำลัง...

“พี่ว่านคิดอะไรน่ะ นั่งหน้าแดงแข่งกับมะเขือเทศแล้ว” น้องชายแซว พี่ชายคนโตพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ

“เพ้อฝัน ไอ้ว่านรีบกินข้าวเร็ว ๆ เถอะ ฉันอยากกินของหวานแล้ว”

พี่วัตก็เป็นแบบนี้ทุกที ชอบขัดคอว่านประจำ วิวาห์โมโหจนเลิกโมโหแล้ว วันที่ไปส่งพี่วัตที่สนามบินก็อดใจหายขึ้นมาไม่ได้ ต่อไปนี้คงไม่มีใครมาคอยตามว่านกลับบ้านแล้วล่ะสิ

“ฉันไม่อยู่แกก็ต้องดูแลตัวเองนะไอ้ว่าน โตแล้วต้องเอาตัวรอดให้ได้”

“รู้แล้วน่า พี่วัตพูดอยู่นั่นแหละ ไปนู่นก็ดูแลตัวเองด้วยนะ อย่าไปบ่นมากล่ะเดี๋ยวโดนฝรั่งทุบเอา”

พี่วัตจุ๊ปากจิ๊กจั๊กคงหงุดหงิดว่านเต็มทีแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะพ่อกับแม่ยืนอยู่ใกล้ ๆ พอพี่วัตไปแล้วว่านก็รู้สึกโหวง ๆ หน่อย ๆ ถ้ามีปัญหาอะไรขึ้นมาว่านก็คงต้องแก้เองเพราะไม่มีพี่ชายมาจัดการให้แล้ว

แต่ว่านก็โตแล้ว มีงานมีเงินมีคนรัก โตเป็นผู้ใหญ่แล้วล่ะ

“น้องว่านกลับบ้านกับคุณพ่อคุณแม่มั้ยคะ” ป้าเอิบเดินเข้ามาถามเขา น้ำตายังคลออยู่เต็มหน้า ป้าเอิบรักพี่วัตมากที่สุดในบรรดาพี่น้องสามคน คงเพราะพี่วัตเป็นลูกคนแรกแถมหน้าตาดีด้วยล่ะมั้ง ทั้งบ้านเลยทั้งรักทั้งหลง พอมาถึงตาว่านที่หน้าขาว ๆ ชืด ๆ ไม่คมเข้มแบบพี่วัตแถมยังป่วยกระเสาะกระแสะประจำ หุ่นผอมแห้งไม่จ้ำม่ำอ้วนท้วนเหมือนเด็กสมบูรณ์แบบวิน ทุกคนก็เลยไม่ค่อยรักเอ็นดูว่านเท่ากับพี่น้องคนอื่น

“ไม่ครับ ว่านต้องกลับไปทำงานต่อ” ว่านตอบผ่านหน้ากากอนามัยที่สวมเอาไว้กันคนจำได้ แม้จะรู้สึกว่าเริ่มมีคนเมียงมองมาแล้วก็ตาม ว่านรู้สึกภูมิใจอยู่นิด ๆ “เดี๋ยวไว้ว่านมาเยี่ยมที่บ้านบ่อย ๆ ดีไหมครับ”

“ดีสิคะ ป้าเอิบจะรอนะ”

จากคนที่ดูเหมือนจะอ่อนด้อยที่สุดในบรรดาพี่น้อง ตอนนี้ว่านกลายเป็นดาวดวงเด่นแล้วนะ ...ดูสิ ใคร ๆ ก็พากันมองมาทางว่านกันทั้งนั้น พอมีคนจำว่านได้ก็เริ่มมีคนวิ่งตาม พอว่านออกวิ่ง ก็กลายเป็นคนยิ่งวิ่งตามว่านไปกันใหญ่ ตอนแรกว่านก็สนุกอยู่หรอก มีคนชอบมากมายขนาดนี้ แต่บางทีมันก็มากเกินไป

“พี่ว่าน ...กรี้ด พี่ว่านจริง ๆ ด้วย ขอลายเซ็นหน่อยค่ะ”

“ขอถ่ายรูปด้วยได้มั้ยครับ”

เพราะว่านมาคนเดียว พ่อกับแม่ก็ขึ้นรถกลับบ้านกันไปหมดแล้ว ว่านเลยถูกรุมล้อมด้วยบรรดาแฟนคลับในพริบตา ทุกคนพยายามยื่นโทรศัพท์เข้ามาถ่ายรูปว่านใกล้ ๆ บ้างก็ส่งปากกากับกระดาษมาให้ว่าน ว่านถูกเบียดไปเบียดมาอยู่ใจกลางวงล้อมนั้น

“โอ๊ย! ” อะไรสักอย่างแข็ง ๆ เฉี่ยวเข้าที่โหนกแก้มของว่านเต็ม ๆ ว่านผงะถอยหลังไปโดนคนเบียดมาจากด้านหลัง รู้สึกเหมือนมีมือของใครยื่นมาบีบที่บั้นท้ายของว่านลามมาด้านหน้า ว่านตกใจรีบหมุนตัวหลบ “อะไรน่ะ ถอยไปนะ” มีอีกมืออาศัยจังหวะนั้นจับเข้าที่เป้ากางเกงของเขา ว่านสะดุ้งสุดตัวยกมือขึ้นปัด ข้อศอกพลาดไปโดนหน้าเด็กสาวคนหนึ่งด้วยความตกใจ “ขอโทษครับ เป็นไรมั้ย” จะถามเด็กคนนั้นก็ถูกคนอื่นเบียดรุมเข้ามาแทน

“น้องว่านขอถ่ายรูปด้วยหน่อยค่ะ”

“ว่านยิ้มหน่อยครับ”

“เดี๋ยวนะครับ ๆ ขอทางว่านก่อนได้มั้ย” วิวาห์เริ่มตื่นตระหนกมาก ๆ ทุกคนทำเหมือนรุมทึ้งเขางั้นแหละ มือไม้ยื่นมายุ่งกับร่างกายของเขายุบยับเหมือนปลาหมึก ว่านทนไม่ไหว สะบัดตัวเต็มแรง “โอ๊ย หยุดนะครับ พูดไม่เข้าใจเหรอ ถอยออกไป ว่านหายใจไม่ออก”

คนเหล่านั้นชะงักตกใจกับเสียงตวาดของว่าน มันคงดังมาก ๆ เลยแหละเพราะทุกคนดูอึ้งอย่างเห็นได้ชัด แต่ว่านไม่มีอารมณ์มาขอโทษหรือพูดอะไรมากกว่านั้น เขาตัดสินใจเดินฝ่าออกมาเลย เดินแกมวิ่งออกมาข้างนอกสนามบินแล้วก็โบกมือเรียกแท็กซี่ไปส่งที่สตูดิโอ

ไม่เอาแล้วกับการออกไปไหนข้างนอกคนเดียวแบบวันนี้ ว่านกลัวมาก ๆ กลัวจริง ๆ

“พี่อาร์ม” พอกลับถึงสตูดิโอได้ ว่านก็วิ่งขึ้นไปหาพี่อาร์ม พี่อาร์มเห็นหน้าว่านก็ตกใจใหญ่ รีบถามว่าไปทำอะไรมา

“ทำไมหน้าเขียวเป็นปื้นแบบนี้ล่ะ”

“ว่านไปส่งพี่วัตแล้ว..แล้ว” พูดแล้วยังตัวสั่น นึกถึงมือใครก็ไม่รู้ที่เข้ามาลวนลามว่าน พอว่านเล่าให้ฟังพี่อาร์มก็โกรธมาก บอกจะไปเอาเรื่องคนที่ทำร้ายว่าน

“ไปดูกล้องวงจรปิดเลย มันต้องมีกล้องสิ พี่จะฟ้องไอ้พวกนั้นให้หมด”

“ไม่ต้องหรอกครับพี่อาร์ม เดี๋ยวกลายเป็นเรื่องใหญ่” ว่านรีบบอก “ว่านไม่ได้เป็นอะไรมาก”

“วันหลังห้ามไปไหนคนเดียวอีกนะ” พี่อาร์มพูดเสียงเข้ม ลุกขึ้นเดินไปหยิบน้ำแข็งมาประคบรอยช้ำบนโหนกแก้มให้อย่างเบามือ ว่านน้ำตาคลอด้วยความซาบซึ้งใจ “ถ้าจะไปไหนต้องบอกพี่ทุกครั้งนะ เข้าใจหรือเปล่า”

“ครับพี่อาร์ม” ว่านตอบ จับมือพี่อาร์มเอาไว้แน่น เรียกขวัญกำลังใจที่หายไปเมื่อกี้กลับคืนมา

ว่านนึกว่าเรื่องจะจบทว่ากลับกลายเป็นข่าวดังในวันรุ่งขึ้นว่านักร้องดาวรุ่งเหวี่ยงแฟนคลับกระเจิงกลางสนามบิน พี่แทนเข้ามาคุยกับพี่อาร์มท่าทางเคร่งเครียด ว่านแอบยืนฟังอยู่ข้างนอกได้ยินแว่ว ๆ ว่ามีคลิปเสียงด้วย

“เสียงว่านตะโกนจริง ๆ ใช่มั้ย” พี่อาร์มมาถามว่านคืนนั้น

“จริงครับ ก็ว่านทนไม่ไหวจริง ๆ นี่” ว่านก้มหน้าลง “พี่อาร์มลองนึกภาพโดนคนรุมทึ้งดูนะ”

“แต่ว่านไม่ควรขึ้นเสียงใส่แฟนคลับแบบนั้นเลยนะ”

“ว่านไม่ตั้งใจ ว่านไม่ได้ขึ้นเสียงด้วย แค่พูดเสียงดังขึ้นเอง”

“มีคนบอกว่าว่านผลักเขาด้วย”

“มันเบียดมาก ๆ พี่อาร์ม ว่านไม่ได้ตั้งใจ” ว่านเริ่มรู้สึกกดดัน พี่อาร์มมองเหมือนว่านทำความผิดร้ายแรงทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ความผิดของว่านเลยสักนิด “คนที่ผิดไม่ใช่ว่านนะพี่ แต่พวกเขารุมว่าน ลวนลามว่าน ไม่ยอมให้ว่านเดิน”

“พี่รู้ ๆ ขอโทษที” พี่อาร์มเปลี่ยนท่าที ดึงว่านเข้าไปกอด “เราต้องแก้ข่าวนี้นะ ไม่งั้นจะยิ่งไปกันใหญ่”

“ครับพี่อาร์ม”


หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน4 21/2/63 p3
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 21-02-2020 14:50:46








เป็นครั้งแรกที่ว่านต้องตั้งโต๊ะแถลงข่าวขอโทษในเรื่องที่ว่านไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองทำผิดเลย ที่จริงว่านแทบไม่ได้พูดอะไรเท่าไหร่ พี่แทนกับพี่ทอยเป็นคนรับหน้านักข่าวพูดตอบให้หมด ส่วนพี่อาร์มก็นั่งนิ่ง ๆ ขรึม ๆ ไม่ออกความเห็น ซึ่งก็ดีแล้ว ว่านไม่อยากดึงพี่อาร์มลงมาด้วย

“แหมเสียดาย น่าจะมีใครเปิดประเด็นเรื่องรับงานนอกหน่อยนะ” พี่กอล์ฟเปรยขึ้นบนรถตู้เหมือนพูดลอย ๆ “เผื่อนักข่าวจะสนใจเรื่องนี้บ้าง”

“เราคุยกันจบไปแล้วไม่ใช่เหรอกอล์ฟ” พี่อาร์มหันกลับไปพูดด้วย “ก็แบ่งเปอร์เซ็นต์กันจบแล้วไง”

“เศษเสี้ยวที่มึงโยนมาให้น่ะนะ? ”

“ไปคุยกันที่สตูฯ” แทนใจขัดขึ้น “เพิ่งเคลียร์เรื่องว่านจบ พวกมึงยังจะมาตีกันต่ออีก”

“น้องว่าน..” พี่กอล์ฟลากเสียงแล้วยิ้มหยัน ไม่พูดอะไรอีก

ว่านไม่สบายใจเลย แล้วก็รู้ว่าพี่อาร์มก็ไม่สบายใจเหมือนกัน คืนนั้นพี่อาร์มให้ว่านรออยู่ข้างบนแล้วลงไปคุยกับพี่ ๆ คนอื่นในห้องซ้อม เสียงโต้เถียงดังขึ้นมาถึงชั้นสามแว่ว ๆ พี่อาร์มกลับขึ้นมาด้วยท่าทางไม่สงบนัก ทำท่าควานหาซองบุหรี่แต่ก็หาไม่เจอ

“ลืมไปว่าทิ้งไปหมดแล้ว” พี่อาร์มหันมาเห็นว่านก็พูดเสียงอ่อนลง เดินเข้ามานั่งข้าง ๆ ดึงว่านเข้ามากอดเอาไว้หลวม ๆ “เป็นอะไร ยังไม่หายตกใจเหรอ”

“ว่านไม่เป็นไรหรอก ...แล้วพวกพี่กอล์ฟว่ายังไงบ้างครับ”

“ก็ไม่ยังไง” พี่อาร์มพูดแบบนั้นแต่แววตาเครียดขึ้นจนสังเกตได้ “ว่านคิดว่าพี่เห็นแก่ตัวไหมที่ไปรับงานเดี่ยว”

“ไม่ครับ” ว่านส่ายหน้า “ก็มีคนจ้างพี่อาร์ม พี่อาร์มจะรับงานก็ไม่แปลกนี่ครับ” ว่านไม่รู้สึกว่ามันผิดตรงไหน พี่อาร์มแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้คนในวงด้วยก็เรียกว่าใจดีมาก ๆ แล้ว “ทำไมพวกพี่กอล์ฟต้องไม่พอใจด้วย”

“ไม่รู้มัน ประสาทมั้ง” พี่อาร์มจูบที่หูว่าน “ถ้าว่านโอเค พี่ก็ค่อยสบายใจหน่อย”

“ถ้าว่านบอกไม่โอเคล่ะครับ” ว่านแกล้งถาม พี่อาร์มหัวเราะ

“พี่จะจูบจนกว่าว่านจะโอเค”

ว่านดิ้นหนี แต่ก็หนีไปอย่างนั้นเอง จริง ๆ แล้วชอบเวลาที่พี่อาร์มจูบจะแย่ พี่อาร์มก็คงรู้ว่าว่านชอบพี่อาร์มมากแค่ไหน ว่านไม่เคยรู้จักความรักมาก่อน แต่ว่านก็มั่นใจว่าว่านได้เจอแล้ว ความรักของว่านคือพี่อาร์มนี่เอง

“ว่านคือคนที่โชคดีที่สุดในโลก” ว่านพูดกับแผ่นอกกว้าง ได้ยินเสียงหัวเราะแหบห้าวดังผ่านแผ่นอกที่ซบอยู่ “พี่อาร์มเคยคิดอยากแต่งงานบ้างมั้ย”

“หืม ทำไมจู่ ๆ ถึงถามขึ้นมา”

“พ่อกับแม่ว่านแต่งกันตั้งแต่เรียนจบล่ะ อีกสามปี...” พูดถึงเรื่องเรียนว่านก็รู้สึกกังวลขึ้นมานิด ๆ “พี่อาร์มว่าว่านไปดรอปเอาไว้ก่อนดีมั้ย”

“แล้วแต่ว่าน แต่พี่ไม่อยากเห็นว่านเหนื่อยมากเกินไป”

“ถ้าพี่วัตรู้เข้าต้องค้านหัวชนฝาแน่ ๆ พี่วัตเรียนเก่งมาก ๆ เลย วินน้องของว่านก็เรียนเก่ง มีว่านนี่แหละไม่เอาไหน”

“ใครบอก” พี่อาร์มพูดเสียงดุขึ้น ดึงตัวลุกขึ้นนั่ง “ว่านก็เก่งในแบบของตัวเอง อย่าพูดว่าตัวเองไม่เอาไหนอีกนะ”

ว่านใจพองฟู ใครชมก็ไม่เหมือนพี่อาร์มชม

“พี่อาร์มเป็นกำลังใจที่สำคัญที่สุดของว่าน ถ้าไม่มีพี่อาร์มว่านคง..แย่มาก” แค่นึกแวบเดียวว่าไม่มีพี่อาร์มอีกแล้ว ว่านก็ทำใจไม่ได้

“ว่านก็เป็นกำลังใจของพี่เหมือนกัน” พี่อาร์มตอบกลับมาเบา ๆ

.................................................................................................

“ยี่หวาเป็นยังไงบ้างลูก เห็นยายเอิบบอกยังไข้อยู่เหรอ” คุณปราณีเดินมาเคาะห้องลูกชายกับหลานสาวแต่เช้าตรู่ วิวาห์ยกมือขึ้นเสยผมอย่างอ่อนเพลีย เขาไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะเช็ดตัวให้ลูกสาว

“ครับ กินยาลดไข้ก็ไม่หาย”

“แล้วยาที่วินเขาให้มาล่ะ”

“กินแล้วครับ เมื่อคืนวินก็มาดูให้ก่อนจะกลับไปบอกว่าทอนซิลอักเสบ” แม่ดูสบายใจขึ้นเล็กน้อยที่ลูกชายคนสุดท้องมาดูหลานให้แล้ว “ไม่ต้องห่วงครับ ถ้าไข้ยังไม่ลง ว่านว่าจะพายี่หวาไปโรงพยาบาล”

“โอเค เดี๋ยวแม่ต้มโจ๊กมาให้นะลูก ยี่หวาจะได้กินได้คล่องคอ”

“ขอบคุณครับแม่” ว่านพูดอย่างซาบซึ้ง แม่ของเขาแก่แล้วแต่ก็ยังกระฉับกระเฉงเหมือนสมัยยังสาว ๆ เสียงยี่หวาร้องเรียกดังมาจากในห้อง วิวาห์รับกลับเข้าไปหาลูกที่นอนซมอยู่บนเตียง

เด็กหญิงใบหน้าซีดเผือด ริมฝีปากแดงแตกเพราะพิษไข้ เรียกหาเขาอย่างอ่อนระโหย

“วีว่า ยี่หวาเจ็บคอจังค่ะ”

“จิบน้ำหน่อยนะคะ” วิวาห์พยุงลูกสาวลุกขึ้นนั่ง ป้อนน้ำให้ทีละน้อย เด็กหญิงตัวร้อนผ่าวเหมือนไฟ เช็ดตัวเท่าไหร่ไข้ก็ไม่ลงเสียที พอกินโจ๊กไปสองคำก็อาเจียนออกมาอีก สุดท้ายวิวาห์เลยโทรบอกน้องชายว่าจะพาลูกไปโรงพยาบาล

วิรุฬน้องชายคนเล็กของเขาเรียนจบเป็นแพทย์ใช้ทุนอยู่ต่างจังหวัด กลับบ้านเดือนละครั้ง เมื่อคืนพอดูหลานเสร็จเจ้าตัวก็ขับรถกลับไปทำงานต่อแล้ว

“ยี่หวากินไม่ได้เลยเหรอครับ ..พาไปโรงพยาบาลเลยพี่ เตรียมข้าวของไปด้วยนะเผื่อหมอให้นอน”

วิวาห์เก็บของเตรียมเอาไว้แล้วเรียบร้อย เขามีประสบการณ์พาลูกสาวนอนโรงพยาบาลอยู่บ่อย ๆ มาระยะหลังยี่หวาแข็งแรงขึ้นไม่ค่อยเป็นหวัด ปีนี้เพิ่งจะมีคราวนี้ที่ดูเป็นหนักกว่าทุกครั้ง คงเป็นเพราะไปหกล้มมาด้วยเลยระบม เข่าสองข้างยังม่วงช้ำอยู่เลย

คุณหมอประจำตัวของยี่หวาให้นอนโรงพยาบาลตามคาด เห็นลูกสาวนั่งน้ำตาไหลตอนถูกเจาะเลือดแล้ววิวาห์ก็ปวดใจไปหมด เขาแทบไม่ได้นอนทั้งคืนเฝ้าลูกสาวจนเช้า ยายเอิบมาหาตอนบ่ายก็ไล่วิวาห์กลับไปพัก

“ว่านชินแล้วน่า ยัยยี่หวานอนโรงพยาบาลบ่อยจะตาย แค่นี้ไม่เป็นไรหรอกครับ”

“น้องว่านอย่าเถียงยายเอิบค่ะ ถ้ายังอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้นอนหรอก กลับไปนอนพักสักงีบแล้วค่อยมาใหม่นะคะ”

“เดี๋ยวยี่หวาตื่นขึ้นมาไม่เห็นว่านแล้วจะงอแง” วิวาห์ส่ายหน้า ยายเอิบก็บังคับอะไรเขาไม่ได้อีก อันที่จริงนับตั้งแต่ว่านมียี่หวา ยายเอิบก็ไม่เคยบังคับอะไรว่านได้อีกเลย เห็นอดีตพี่เลี้ยงอาวุโสงอนที่เขาไม่ทำตาม ว่านก็ก้มลงกอดเอาไว้พูดเสียงอ่อน “ยายเอิบมาก็ดีแล้ว ช่วยเฝ้ายี่หวาให้ว่านก่อนนะครับ ว่านจะไปซื้อขนมเสียหน่อย”

“มีตังค์พอมั้ย” ยายเอิบถาม

“โธ่ ยายเอิบก็ ว่านไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนา จะได้ขอตังค์ที่ละสิบบาท”

ยายพี่เลี้ยงหัวเราะ ยกมือขึ้นจับแก้มของชายหนุ่มที่เธอเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็ก

“น้องว่านก็ยังเป็นเด็กในสายตายายเอิบเสมอนั่นแหละค่ะ”

“โอ้โห ขนาดลูกหนึ่งแล้วนะเนี่ย” ว่านพูดติดตลก แล้วกลับออกมาจากห้องพักผู้ป่วย เดินลงลิฟต์มาชั้นล่างของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ยี่หวาป่วยรอบนี้ได้พี่วัตช่วยจ่ายให้ก่อนอีกตามเคยแล้วว่านค่อยไปผ่อนคืนให้ทีหลัง ว่านเกรงใจพี่ชายมาก ๆ ที่ต้องคอยออกเงินให้ก่อนตลอดแต่ว่าพี่วัตก็บอกว่าอย่าคิดมาก ยี่หวาเป็นหลานของเขาเหมือนกัน

เดินเลือกขนมในร้านเบเกอรี่เพลิน ๆ ว่านหยิบเครื่องคิดเลขขึ้นมากดราคารวมทั้งหมดเอาไว้ก่อน เกินงบไปนิดหน่อยเขาเลยหยิบขนมปังลูกเกดของโปรดไปวางคืนที่เดิม

“ไม่ชอบกินแล้วเหรอ” เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างตัว ว่านเกือบปัดขนมหล่นลงมาทั้งแผง ดีที่อีกฝ่ายจับเอาไว้ได้ทัน “ระวังหน่อย”

“พี่อาร์ม” คนที่ว่านไม่อยากเจอที่สุด ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ...หรือว่าตามว่านมา...วิวาห์คิดอย่างระแวง ดึงมือกลับมาจากการเกาะกุมทันควัน

“เป็นอะไรมาโรงพยาบาล ไม่สบายเหรอ” พี่อาร์มถามต่อ เหมือนไม่เห็นความกระอักกระอ่วนของว่าน

“เปล่าครับ” ว่านส่ายหน้า ดึงตะกร้ากลับมาถือเอง “ขอตัวก่อนนะครับ”

“หรือลูกสาวไม่สบาย” ประโยคคำถามต่อมาของพี่อาร์มทำให้ว่านชะงัก ...หรือพี่อาร์มจะรู้เรื่องยี่หวาแล้ว บ้าน่า ไม่มีทาง

“ครับ เป็นหวัดนิดหน่อย กลับก่อนนะครับจะรีบไปดูลูก” ว่านตัดบท ถือตะกร้าไปจ่ายเงินเสร็จก็รีบออกมาจากร้าน ทว่าร่างสูงใหญ่ของพี่อาร์มกลับเดินตามออกมาด้วย “พี่อาร์มจะไปไหนเหรอครับ”

“ทำไมเหรอ” อีกฝ่ายย้อนถามมาเหมือนไม่รับรู้ว่าว่านอึดอัดที่เจ้าตัวเดินตามหลังมาติด ๆ

“พี่อาร์มตามว่านมาทำไม” วิวาห์หยุดเดิน หันกลับไปถามตรง ๆ คิ้วเข้มของพี่อาร์มเลิกสูง ท่าทางประหลาดใจ

“ตาม? พี่ไม่ได้ตามเสียหน่อย”

“ตั้งแต่ที่นู่นมาสนามบินแล้วก็มาที่นี่อีก จะบอกว่าบังเอิญเหรอครับ” ว่านพูดเสียงดังขึ้นเล็กน้อย

“ว่านคงไม่คิดว่าพี่ตั้งใจหรอกน่ะ” พี่อาร์มหัวเราะห้าว ๆ “พี่มาโรงพยาบาลบ้างไม่ได้เหรอ”

“แล้วพี่อาร์มมาทำไม”

“ก็มาหาหมอสิ” ท่าทางของพี่อาร์มว่านดูออก พี่อาร์มกำลังโกหกว่าน

“ว่านไม่เชื่อ ไหนหลักฐาน เอามาให้ว่านดู”

“ไม่มี” พี่อาร์มตอบหน้าตาย แล้วก็โบกมือให้ปุบปับ “พี่ไปก่อนนะ ไว้เจอกัน” พูดจบก็ก้าวยาว ๆ ออกไปอีกทางเหมือนกับหนีอะไรงั้นแหละ ว่านมองตามไปอย่างงุนงง ไม่เข้าใจการกระทำของพี่อาร์มเอาเสียเลย

“ฉันว่ามันอาจจะรู้เรื่องยี่หวาเข้า” พี่วัตพูดขึ้นหลังจากว่านเล่าให้ฟังว่าเจอพี่อาร์มที่โรงพยาบาลอีก “โรงพยาบาลในเมืองมีตั้งไม่รู้กี่ร้อยกี่พัน จู่ ๆ จะมาเจอกันนี่มันโลกกลมไปหน่อยมั้ง ไอ้หมอนี่มันเจ้าเล่ห์อยู่แล้วด้วย”

“ว่านก็ว่ามันแปลก ๆ” วิวาห์พูดอย่างครุ่นคิด “ท่าทางพี่อาร์มไม่เห็นเหมือนคนป่วยซักนิด”

“มันลูกเล่นแน่ ๆ หวังว่าจะไม่ไปดักเจอที่โรงเรียนนะ” วิรัตน์พึมพำ “ตอนเตือนยี่หวาเอาไว้ ไม่ให้ไปกับคนแปลกหน้า”

“ทำยังไงดีพี่วัต ว่านไม่อยากให้เขาเข้ามายุ่งเลย” คนพูดเริ่มกลัดกลุ้ม “หายไปได้ตั้งนานแล้วจะกลับมาทำไมก็ไม่รู้”

“มันต้องมีจุดประสงค์อะไรซักอย่าง แต่พี่มั่นใจว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่” วิรัตน์ว่า เหลือบตามองน้องชาย “แกก็อย่าใจอ่อนล่ะ มันทำอะไรไว้ก็อย่าลืมเสีย ไม่ใช่เขามาดีด้วยหน่อยก็ยอมตามเค้าไปหมด”

“พี่วัตไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกครับ” วิวาห์ตอบเรียบ ๆ ไม่พูดอะไรมากกว่านั้น

อีกสามวันถัดมายี่หวาก็ได้ออกจากโรงพยาบาล วิวาห์ก็ไม่เห็นเงาของอามันต์อีกเลย แต่ก็ยังไม่วางใจนัก เขากำชับลูกสาวเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าไม่ให้ไปไหนกับคนแปลกหน้าเด็ดขาด ชีวิตกลับเข้าสู่ความปกติอีกครั้ง วิวาห์พายี่หวาติดรถพี่วัตไปส่งที่โรงเรียนเหมือนทุกวันก่อนจะเลยไปทำงาน คุณธาดาก็ยังมองเขาด้วยสายตาพิเศษเหมือนเดิม เอาแต่ถามเขาถึงลูกสาวด้วยความเอาใจใส่ บ่นน้อยใจที่ว่านลางานไม่ยอมบอกว่าลูกป่วย

คนในออฟฟิศซุบซิบกันเรื่องที่ว่านลาต่อกันหลายวันอีกแล้ว แถมหัวหน้าก็ยังไม่ว่าอะไรซักคำ กลายเป็นความสองมาตรฐานที่ทำให้คนเขม่นมากขึ้นไปอีก บางคนก็แกล้งพูดด่าลอย ๆ ให้เข้าหู ว่านรู้แต่ก็ทำเป็นไม่ได้ยินเสีย เขาเคยลองหางานที่อื่นแล้ว แต่ในยุคเศรษฐกิจซบเซาแบบนี้และยังไม่ใบปริญญาด้วย จะหางานที่รายได้ดีเท่าตอนนี้ช่างยากเย็นจนแทบไม่มีเลย

“ว่าน ไม่เจอกันนานเป็นไงบ้าง เห็นบอกไปเที่ยวมาใช่มั้ย สนุกหรือเปล่า” แทนใจแวะมาหาว่านที่บริษัทในวันหนึ่ง ตอนที่ว่านยืนซื้อก๋วยเตี๋ยวเกือบสิบถุงขึ้นไปให้พี่ ๆ ในออฟฟิศที่ฝากซื้อมา “นั่นซื้อไปกินคนเดียวหรือฝาก”

“พี่แทน” ว่านเงยหน้าขึ้นยิ้มกว้าง “พี่ ๆ เขาฝากซื้อครับ ไม่เจอพี่แทนนานเลยคิดถึงจัง”

“ไม่ต้องมาปากหวาน” พี่แทนหัวเราะ ยกมือขึ้นโยกศีรษะของว่านเบา ๆ “ผอมไปหน่อยนะเรา ยัยยี่หวาซนมากล่ะซิ”

“เพิ่งออกจากโรงพยาบาลอาทิตย์ก่อนนี่เองครับ ทอนซิลอักเสบ”

“อ้าวไม่บอกได้ไปเยี่ยม ...ว่านเอาก๋วยเตี๋ยวขึ้นไปให้พี่ ๆ เขาก่อนก็ได้ แล้วกลับลงมานะ ไปทานข้าวด้วยกันหน่อยเป็นไง”

“ได้ครับพี่แทน” ว่านไม่ปฏิเสธ แทนใจเป็นเหมือนพี่ชายอีกคนของเขาในชีวิต ตอนที่ว่านผ่านความยากลำบากมาก็ได้แทนใจนี่แหละที่คอยช่วยเหลือเอาไว้ แทนใจพาว่านไปกินข้าวที่ร้านอาหารร้านหนึ่งไม่ไกลจากที่ทำงานมาก ท่าทางของชายหนุ่มมีอะไรอยู่ในใจจนว่านสัมผัสได้

“พี่แทนมีอะไรอยากคุยกับว่านหรือเปล่าน่ะ”

“ดูออกเลยเหรอ” อีกฝ่ายหัวเราะแล้วนิ่งไปนิดหนึ่ง “พักนี้ว่านได้เจอไอ้อาร์มบ้างหรือเปล่า”

วิวาห์รักษาสีหน้าได้ดีจนนึกชมตัวเองในใจ

“เจอบ้างครับ ทำไมเหรอ” แทนใจดูร้อนใจขึ้นมาทันที

“ไปเจอที่ไหน”

ว่านเล่าเรื่องตอนที่ไปเจอที่ต่างประเทศให้ฟังจากนั้นก็เจอบนเครื่องบิน ล่าสุดเจอที่โรงพยาบาลอีก แทนใจพยักหน้ารับท่าทางเคร่งเครียด

“มันติดต่อพี่มาเหมือนกัน ไอ้บ้านั่นหายหัวไปตั้งหลายปี”

“เขามีเรื่องอะไรเหรอครับ”

“พี่ไปสืบมาแล้ว คิดว่าเรื่องเงินนี่ล่ะไม่มีเรื่องอื่น หลายปีก่อนตอนที่มันแยกวงไปร้องเดี่ยว ออกได้อัลบั้มเดียวแล้วก็ติสท์แตกหายหัวไปจากวงการดื้อ ๆ ตอนนั้นน่ะมันหอบเงินไปถลุงเมืองนอก มีคนเคยเจอมันในสภาพโทรมกั๊กทีเดียว คงทั้งเล่นทั้งดื่มเต็มที่ ตอนนี้คงเงินหมดแล้วน่ะสิถึงได้กลับมา ว่านรู้ข่าวเรื่องค่ายเพลงจะทำโปรเจ็กย้อนวันวานหรือยัง”

วิวาห์นึกถึงที่แป้งบอกขึ้นมาได้

“ได้ยินอยู่ครับ”

“นั่นล่ะ ถ้าพี่เดาไม่ผิด ไอ้อาร์มมันคงคิดจะกลับมาด้วยโปรเจ็กต์นี้ แฟนคลับที่รอมันก็ยังมีอยู่บ้าง”

“ถ้าอย่างนั้นทำไมพี่อาร์มไม่ร้องเดี่ยวไปเลยล่ะครับ จะมาหาพวกเราอีกทำไม”

“คนอย่างไอ้อาร์มมันโคตรเห็นแก่ตัว พี่รู้สันดานมันดี มันต้องมีผลประโยชน์อะไรสักอย่างแน่ ๆ อาจจะอยากหวังพึ่งกระแสของวง ตอนนั้นที่ยุบวงไปก็มีแต่คนเสียดายอยากให้วงอยู่ต่อ”

“งั้นพี่อาร์มก็ไม่น่าจะมาหาว่านนะครับ ตอนนั้นว่านโดนด่ายับเลยก่อนออกจากวง” วิวาห์ไม่อยากพูดเรื่องนั้นเท่าไหร่ มันยังทิ้งร่องรอยเอาไว้ในใจของเขาอยู่ ขนาดพูดถึงนิดเดียวก็ยังเจ็บแปลบ “ว่านไม่น่ามีประโยชน์กับเขาแล้ว”

“หรือมีเหตุผลอื่น” แทนใจพึมพำ “พี่ก็ยังคิดไม่ออก เอาเป็นว่าถ้ามันมาวุ่นวายกับว่าน ว่านรีบบอกพี่นะ พี่จะหาทางกันมันออกไปเอง”

“ครับ พี่แทนไม่ต้องห่วง”

หลายวันหลังจากนั้นแป้งก็แวะมาหาว่านที่บ้าน ว่านรู้ว่าแป้งจะพูดอะไรก่อนที่เพื่อนสาวคนสนิทจะอ้าปากพูดเสียอีก แป้งมาชวนให้ว่านกลับไปร้องเพลงด้วยกัน

“ไม่ล่ะ”

“โธ่ เธอฟังฉันให้จบก่อนซิ งานนี้ได้เงินก้อนใหญ่นะ เฮียบอกว่าเป็นโครงการฉลองครบรอบของค่าย รวมตัวนักร้องตัวท้อป ๆ สมัยก่อน”

“ฉันไม่ร้องเพลงแล้ว” ว่านปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย “ถ้าจะมาพูดเรื่องนี้ก็กลับไปเถอะแป้ง”

“เธอไม่อยากเจอพี่อาร์มใช่มั้ย” เพื่อนถามตรงเผ็ง วิวาห์พยักหน้ารับ

“ใช่ ฉันไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเขาอีก ต่างคนต่างอยู่”

“ฉันเจอเขาวันก่อนที่ตึก ท่าทางเปลี่ยนไปเหมือนเป็นคนละคนเลย แต่ก่อนหยิ่งจะตายเราทักแทบไม่เห็นหัว เดี๋ยวนี้ยิ้มแย้มเป็นกันเองเชียว”

“เหรอ ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะ”

แป้งยิ้ม ลดเสียงลง

“ได้ยินแว่ว ๆ มาว่าคงเงินหมดน่ะ แต่ก่อนตอนออกอัลบั้มเดี่ยวเล่นตัวจะตายชัก จู่ ๆ ก็เทงานไปเที่ยวเมืองนอกดื้อ ๆ เฮียปวดหัวจนเลิกปวดแล้ว ไปตามกลับมาตั้งหลายรอบไม่ยอมกลับ ตอนนี้ล่ะเกิดจะอยากกลับมาร้องเพลง ฮ่า ๆ เธอต้องเห็นท่าเขาตอนพูดกับเฮียที่บริษัท น่าสงสารเชียว” แป้งหัวเราะ ท่าทางตรงข้ามกับความสงสารอย่างสิ้นเชิง

“แล้วเธอยังจะอยากให้ฉันกลับไปอีกเหรอแป้ง” วิวาห์ขมวดคิ้ว “ไม่เอาล่ะ”

“ฉันไม่ได้หมายความจะให้เธอกลับไปคืนดีกับเขาเสียหน่อย คนอย่างนั้นปล่อยให้อยู่คนเดียวน่ะดีแล้ว แต่ฉันอยากให้เธอรับงานนี้เพราะจะได้มีเงินก้อนให้ยี่หวามันต่างหาก เฮียเขาจะให้ราคาเรทเดิมสมัยที่เธอดังนะ ไม่ต้องห่วง เขารู้ว่าเธอเป็นเพื่อนสนิทฉัน ไอ้งานเดิมของเธอใช้เดือนชนเดือนก็หมดแล้ว เผลอ ๆ ไม่พออีกต่างหาก จะไปมีเงินเก็บให้ลูกเหรอ เผื่อปุบปับต้องใช้เงินขึ้นมาเธอจะทำยังไง ยี่หวาก็โตขึ้นทุกวัน เดี๋ยวอีกหน่อยก็ต้องไปเรียนพิเศษติวเข้าโรงเรียนดี ๆ ไหนบ่นว่าไม่อยากรบกวนพี่น้องแล้วไงล่ะ โอกาสมาถึงแล้วก็ต้องรีบคว้าไว้สิว่าน”

“แต่ฉันร้องเพลงไม่ได้แล้ว”

“นี่ไม่ได้ร้องต่อหน้าใครเลยว่าน ร้องให้ห้องอัดแล้วก็จบ” แป้งเกลี้ยกล่อม เธอรู้ว่าเพื่อนมีปัญหาอะไรอยู่ “ไม่ต้องขึ้นเวที อย่างมาสุดก็โผล่หน้าไปในงานแถลงข่าวนิดหน่อย แล้วก็จบ ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอโดนรมสัมภาษณ์หรืออะไรทำนองนั้นแน่ แล้วก็จะกันไอ้พี่อาร์มเอาไว้ห่าง ๆ ด้วย”

“ฉันขอคิดดูก่อนแล้วกัน” วิวาห์แบ่งรับแบ่งสู้ รายได้ที่แป้งเสนอมาก็น่าดึงดูดใจอยู่หรอก แต่แลกกับการที่เขาจะต้องวนกลับไปที่จุดเดิมที่พยายามหนีออกมาอีก ว่านไม่แน่ใจเลย

“เอาไปคิดดูก่อนแล้วกัน อาทิตย์หน้าคงเรียกไปคุยที่บริษัทอีกที มีศิลปินประมาณสิบห้าคนได้มั้ง ไม่ต้องห่วง น่าจะได้ร้องกันคนละท่อนสองท่อน” แป้งหัวเราะ พูดทิ้งท้ายก่อนจะกลับไป

วิวาห์ครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่เงียบ ๆ แล้วก็ตัดสินใจว่าจะปฏิเสธ ต่อให้ได้เงินมาแต่แลกกับความไม่สบายใจของเขาแล้วมันไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย ตอนนี้ก็ประหยัดไปก่อนเอาไว้ค่อยหาลู่ทางหาเงินเพิ่มก็ได้

“วีว่าขา รูดซิปให้ยี่หวาหน่อยนะคะ” ลูกสาวเดินเข้ามาหาแต่เช้า วันนี้นัดจะไปเดินห้างสรรพสินค้าด้วยกัน เจ้าตัวเลือกกระโปรงสีฟ้ารูปเจ้าหญิงเอลซ่ามาสวมตั้งแต่เช้าตรู่ทีเดียว “โบว์สีฟ้านะคะ”

“รับบัญชาค่ะเจ้าหญิง” วิวาห์ยิ้ม ไล่ความไม่สบายใจออกไปจากใจ จับลูกสาวหันหลังแล้วรูดซิปกระโปรงให้เรียบร้อย “เสร็จแล้วค่ะ มาวีว่าถักเปียให้นะคะ” รับโบว์มาจากลูกสาวก่อนจะลงมือถักผมเปียให้ว่องไว ตาเหลือบมองเห็นรอยเขียว ๆ ที่น่องเรียวขาวของลูกเป็นจ้ำ ๆ “โดนอะไรมาคะ ไปเล่นซนอีกเหรอเขียวเชียว” วิวาห์ลูบที่รอยช้ำนั้นก่อนจะสังเกตเห็นว่ามันมีมากกว่าหนึ่งรอย กระจายขึ้นไปถึงโคนขา “ทำไมเป็นรอยแบบนี้ ยี่หวา...เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าลูก”

ใจคนเป็นแม่หายวูบ คิดไปไกลถึงไหนต่อไหน ข่าวอาชญากรรมมีมากมายทุกวัน ลูกสาวของเขาเป็นเด็กหน้าตาน่ารักเสียด้วย วิวาห์มือสั่นรีบจับลูกสาวสำรวจดูทั่วตัว

“มีใครมาทำอะไรยี่หวาหรือเปล่าลูก ที่โรงเรียน..มีมั้ยคะ”

“ทำอะไรเหรอคะ” ลูกสาวถามกลับงง ๆ

“ก็แบบ...มากอดมาหอมแบบนี้น่ะค่ะ” วิวาห์พูด สะกดอารมณ์ตัวเองให้ใจเย็น ๆ “หรือดึงกระโปรงยี่หวาออก มีบ้างมั้ย มีใครมาดึงกางเกงในออกบ้างมั้ยคะ”

“ดึงกางเกงในเหรอคะ” ยี่หวาเอียงคอแล้วส่ายหน้า “มีแต่น้องเป้ชอบมาเปิดกระโปรงยี่หวา”

“เปิดกระโปรง? ” วิวาห์หน้าเครียด “แล้วน้องเป้ทำอะไรอีก”

“ก็แลบลิ้นแล้วก็ล้อ ๆ ยี่หวา ยี่หวาไม่ชอบเลยค่ะ เคยทุบไปทีนึงน้องเป้ก็ไปฟ้องครูเตย เด็กผู้ชายอะไรขี้แยชะมัด”

“แล้วรอยพวกนี้มาจากไหนคะ ยี่หวาวิ่งล้มอีกเหรอ หรือชนโต๊ะตกเก้าอี้”

“เปล่านะคะ ยี่หวาไม่ได้ทำอะไรเลย” เด็กหญิงส่ายหน้าจนเปียกระจาย วิวาห์ถามย้ำอยู่สองสามรอบลูกก็บอกเหมือนเดิม ชายหนุ่มเริ่มร้อนใจโทรกลับไปหาคุณครูประจำชั้นของเด็กหญิงเพื่อถามให้กระจ่าง ครูสาวบอกว่าเธอออกมาธุระข้างนอกให้นัดทานข้าวกันจะสะดวกในการพูดคุยมากกว่า วิวาห์เลยตอบตกลง

ครูเตยดูตกใจเมื่อเห็นรอยช้ำที่ขาของเด็กหญิง เธอสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นคาบเล่นบ่อบอลของโรงเรียนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

“เด็ก ๆ เล่นกันสนุกมากเลยค่ะ น้องยี่หวาผิวขาวมากช้ำง่าย รอยหกล้มเดิมยังไม่ค่อยจางเลย ได้รอยใหม่อีกแล้ว” เธอพูดยิ้ม ๆ ปลอบใจผู้ปกครอง “คุณว่านไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ เตยเฝ้าเด็ก ๆ เอาไว้ตลอด ๆ เวลาไปห้องน้ำก็พาไปด้วยกัน ไม่ได้ปล่อยน้องไปคนเดียวหรอกค่ะ” เธอรู้ว่าเขากังวลเรื่องอะไร

“ครูเตยไม่เห็นใครแปลก ๆ เข้ามาใช่มั้ยครับ”

“ไม่นะคะ อ้อ..มีแค่คุณอาร์มน่ะค่ะ เตยเจอคุณอาร์มหน้าโรงเรียนเมื่อวันก่อน” ว่านใจหายวูบ

“อาร์มไหนครับ” เขาถามทั้งที่พอจะรู้คำตอบอยู่แล้ว

“อาร์ม ..อามันต์น่ะค่ะ ที่แต่ก่อนเป็นนักร้องคู่กับคุณว่าน” เตยพูดยิ้ม ๆ “แต่ก่อนเตยตามกรี้ดพี่อาร์มกับพี่ว่าน ขอเรียกพี่ว่านเหมือนเดิมนะคะ เตยชอบคู่ของพี่มาก ๆ เลยนะคะ จนพวกพี่แยกวงกัน พี่ว่านแต่งงานมีครอบครัวตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”

“ก็หลังจากนั้นครับ” ว่านเริ่มอึดอัด ไม่อยากพูดอะไรมากกว่านั้น อีกฝ่ายก็ดูจะรู้เหมือนกัน เธอเป็นหญิงสาวที่ใส่ใจความรู้สึกของคู่สนทนาได้ดีพอใช้ “แล้วคุณอาร์มมาทำไมครับ”

“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เตยเห็นเดินผ่าน ๆ หน้าโรงเรียนแล้วก็ขับรถออกไป แต่จำพี่อาร์มได้ ยังหล่อเหมือนเดิมเลย”

“คงผ่านมามั้งครับ” ว่านพูดเรียบ ๆ แล้วนิ่งไป ครูเตยเดาออกว่าพวกเขาคงทะเลาะกันรุนแรงตามข่าวลือก่อนที่อาร์มจะแยกวงออกมา ก็เลยเปลี่ยนเรื่อง

“น้องยี่หวาน่ารักมาก คงน่ารักเหมือนคุณแม่แน่ ๆ เลยใช่มั้ยคะ”

“ครับ” วิวาห์ตัดบท “เดี๋ยวต้องพายี่หวาไปหาคุณลุงต่อ ขอบคุณครูเตยมากนะครับที่ดูแลยี่หวาอย่างดี ฝากครูเตยช่วยดูยี่หวาให้หน่อยนะครับ ถ้ามีใครจะมาคุยกับยี่หวาครูเตยโทรหาผมนะ อ้อ ผมไม่เคยฝากใครมารับยี่หวาแทนนอกจากคุณแป้งเพื่อนผมกับพี่วัตพี่ชายนะครับ”

ครูเตยรับปาก ว่านชักรู้สึกถึงความคืบใกล้ของอามันต์ที่เข้ามาในชีวิตอันสงบสุขของเขา ชายหนุ่มเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้พี่วัตฟัง ฝ่ายนั้นลงความเห็นตรงกับที่เขาคิดว่าอามันต์น่าจะรู้เรื่องยี่หวาแล้ว แต่จะรู้มาจากไหนยังไงก็ยังไม่รู้เหมือนกัน

วิวาห์ใช้เวลาพักเที่ยงในบางวันแอบแวบไปดูลูกสาวที่โรงเรียน ก็เห็นยี่หวาเล่นกับเพื่อน ๆ ปกติ ไม่มีอะไรน่าสงสัยก็ค่อยเบาใจ รอยเขียว ๆ พวกนั้นคงมาจากความซุกซนของลูกจริง ๆ

อากาศเริ่มเปลี่ยนแปลงมีฝนตกปรอย ๆ ทั้งตอนเช้ามืดและตอนกลางคืน ยี่หวาแพ้อากาศอยู่แล้วเดิมพอมาเจออากาศเปลี่ยนเข้าก็เริ่มเป็นไข้ ไอค่อกแค่ก พอไม่สบายก็งอแงไม่ไปโรงเรียน ยี่หวาไข้ขึ้นสูงตอนกลางคืนติด ๆ กันจนวิวาห์ต้องลางานพาลูกไปหาคุณหมออีกรอบ

“คนเก่งของหมอมาอีกแล้ว ไหนอ้าปากหน่อยสิคะ ขอคุณหมอดูคอหน่อย เก่งมาก” คุณหมอเด็กพูดเสียงอ่อนหลอกล่อให้เด็กหญิงยอมอ้าปากกว้างให้ตรวจ วิวาห์เห็นหมอจับขาของยี่หวาพลิกดูรอยเขียวก็รีบบอก

“เป็นมาสักพักแล้วครับ ไม่รู้ไปเล่นกระแทกอะไรมา เขียวเป็นจ้ำ ๆ ทุกวัน”

“มีเลือดออกตรงไหนไหมครับ”

“เลือดยังไงครับ แบบเลือดกำเดาเหรอ ก็มีบ้างครับ ชอบแคะจมูก ผมเตือนก็ไม่ฟัง” วิวาห์ว่า เห็นคุณหมอพยักหน้า เขียนอะไรในกระดาษแล้วก็พูดยิ้ม ๆ

“เดี๋ยวคุณพ่อพาน้องยี่หวาไปเจาะเลือดก่อนนะครับ แล้วมาฟังผลกัน”

วิวาห์พาลูกสาวไปนั่งเล่นรอข้างนอก เขาไม่ได้คิดมาก่อนเลยว่าผลเลือดในวันนั้นจะทำให้ชีวิตของเขาพลิกผันไปอีกอีกรูปแบบหนึ่ง

“วีว่า..เป็นอะไรเหรอคะ ยี่หวาต้องนอนโรงพยาบาลเหรอ” หวันยิหวามองหน้ามารดาอย่างไม่เข้าใจ เห็นวีว่ายืนหน้าซีดโอนเอนเหมือนจะเป็นลมก็จับมือเอาไว้แน่น “วีว่านั่งก่อนนะคะ ยี่หวาจะไปหายาดมของยายเอิบมาให้”

“ยี่หวา..ยี่หวา” วิวาห์ดึงตัวลูกสาวเข้ามากอดเอาไว้ ซบใบหน้าลงกับร่างเล็ก ๆ นั้นอย่างหมดแรง เขานึกว่าโชคร้ายของเขาผ่านไปหมดแล้วเสียอีก ทำไมนะ...ทำไมถึงได้...

ให้เป็นเขาเสียเองยังดีกว่า

“วีว่า วีว่าร้องไห้ทำไมคะ”

.............................................................................



มาต่อนะคะ เรื่องนี้

เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ ต่อสู้กับปัญหารอบด้านต่อไป อย่าลืมรักษาสุขภาพทั้งของตัวเองและของคนรอบตัวนะคะ เอาตัวรอดจากไวรัสและปัญหาอื่น ๆ ไปด้วยกันเน้อ

เจอกันตอนหน้า

#วิวาห์อามันต์
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน4 21/2/63 p3
เริ่มหัวข้อโดย: Mitra ที่ 21-02-2020 15:25:46
น้องเป็นอะไรอ่ะ
ร้ายแรงมากเลยหรอ
อยากรู้แล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน4 21/2/63 p3
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 21-02-2020 17:32:18
แสดงว่ามีโอกาสกลับไปร้องเพลงแน่เลย :ling1:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน4 21/2/63 p3
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 21-02-2020 19:49:47
ไหนว่าบ้านพี่อาร์มรวย? จะมีปัญหา​เรื่องเงินจรองเหรอ หรือไปรู้เรืืองยี่หวามาจากไหนกันแน่ สงสารเด็กน้อยป่วยหนักแน่เลย
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน4 21/2/63 p3
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 21-02-2020 20:50:28
นู๋ยิหวา เป็นโรคเลือดแน่นๆ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน4 21/2/63 p3
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 21-02-2020 21:25:21
อาการของยี่หวาเหมือนกับลูคิเมียเลย ฮือออ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน4 21/2/63 p3
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-02-2020 22:03:46
 :hao5:


ขอร้องอย่าเกิดอะไรขึ้นเด็กเลยยยยยยย ... ทำใจไม่ได้จริงๆ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน4 21/2/63 p3
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 22-02-2020 02:33:01
น้องเป็นอะไร TT
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน4 21/2/63 p3
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 22-02-2020 04:12:41
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน4 21/2/63 p3
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 22-02-2020 06:54:38
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน4 21/2/63 p3
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 23-02-2020 10:50:24
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน4 21/2/63 p3
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 23-02-2020 11:02:29
น้องต้องเป็นลูคิเมียแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน4 21/2/63 p3
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 23-02-2020 17:14:56
ภูมิแพ้ตัวเองหลอ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน4 21/2/63 p3
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 23-02-2020 18:50:37
จะรันทดไปใหนขีวิต
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน4 21/2/63 p3
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 23-02-2020 19:43:28
วิวาห์อามันต์

ตอนที่ 5











“เป็นไงบ้างว่าน” วิรัตน์เดินเข้ามาหาน้องชาย “หมอให้นอนโรงพยาบาลเหรอ ยี่หวาเป็นอะไร” พอเห็นหน้าน้องชายวิรัตน์ก็ใจหาย วิวาห์เหมือนคนที่เพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก “เกิดอะไรขึ้น” หันไปมองหลานสาวที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงกลางห้อง มีสายน้ำเกลือห้อยอยู่ข้าง ๆ ก็ยิ่งตระหนก “ยี่หวาป่วยหนักเหรอ”

“ออกไปคุยข้างนอกดีกว่าครับ” วิวาห์พูดเสียงเครือ ดึงมือพี่ชายพาเดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วย

“ว่ายังไง ยัยยี่หวาเป็นอะไร” พี่ชายกระตุ้นมาอีกเพราะเห็นน้องยืนก้มหน้านิ่ง ว่านพูดไม่ออก โถมตัวเข้ากอดพี่ชายคนโตเอาไว้แน่นแล้วปล่อยโฮออกมา

“พี่วัต พี่วัตช่วยด้วย ฮึก หมอเค้าสงสัย ..สงสัยว่า ยี่หวา..ยี่หวาเป็นลูคีเมีย” ว่านพูดแทบไม่เป็นคำ วิรัตน์ตกตะลึงกับข่าวร้ายที่เขาไม่ทันได้เตรียมใจมาก่อน

“ว่าไงนะ”

“มะเร็ง ...พี่วัต มะเร็งเม็ดเลือดขาว” วิวาห์สะอื้น วิรัตน์ได้สติกอดปลอบน้องชาย พยายามสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ขับไล่ความรู้สึกหนักอึ้งที่ทับลงมาในหัวใจกะทันหัน

“แน่เหรอ หมอเขามั่นใจแล้วเหรอ”

“ยะ..ยังครับ แต่โอกาสเป็นไปได้สูง หมอ ฮึก บอกว่า ต้องเจาะหลังเอาไขกระดูกมา ฮึก มาตรวจ”

วิวาห์พูดไปร้องไห้ไป วิรัตน์เม้มปากแน่น ในตอนนี้เขาต้องเป็นหลักให้น้องชายเอาไว้ก่อน ชายหนุ่มจูงมือน้องชายมานั่งพักสงบสติอารมณ์อยู่พักใหญ่จนวิวาห์เริ่มสงบลง นัยน์ตากลมโตคู่นั้นบวมช้ำน่าสงสาร

“ใจเย็น ๆ ก่อนว่าน ไปทีละขั้นนะ”

“ว่านกลัวลูกตาย”

“เดี๋ยวนี้การแพทย์พัฒนาไปเร็วมาก โรคนี้เขารักษาได้อยู่แล้วล่ะ ว่านอย่าเพิ่งคิดมากเลย มันต้องมีทางรักษา”

“ว่านสงสารลูก” วิวาห์ก้มหน้าลงต่ำซ่อนน้ำตาที่เริ่มไหลออกมาอีกครั้ง “ว่านทนเห็นลูกป่วยไม่ได้”

“พี่เข้าใจ พี่ก็ไม่อยากให้ยี่หวาเป็นอะไรเลย” วิรัตน์ตอบ จับมือน้องชายเอาไว้ “ใจเย็น ๆ ก่อน ตั้งสติก่อน ว่านต้องเป็นที่พึ่งให้ยี่หวาอีกยาวหลังจากนี้นะ”

“ว่านรู้ครับ แค่มัน...ยังทำใจไม่ได้”

“ว่านของพี่เข้มแข็ง ยี่หวาก็เข้มแข็งที่สุด พี่มั่นใจว่าเราจะต้องผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกันได้แน่” วิรัตน์พูดอย่างจริงจัง “พี่อยากคุยกับคุณหมอหน่อย เดี๋ยวพี่โทรตามไอ้วินมาฟังด้วยดีไหม มันเป็นหมอเผื่อจะมีหนทางอะไรมากขึ้น”

“ครับพี่วัต” วิวาห์พยักหน้ารับ

เย็นวันนั้นทั้งบ้านก็มารวมกันที่ห้องพักผู้ป่วยเด็กหญิง คนป่วยนั่งเล่นตุ๊กตาอยู่บนเตียงพลางหัวเราะคิกคักอย่างสบายใจ มียายเอิบกับคุณยายปราณีนั่งเล่นเป็นเพื่อน ส่วนลูกชายสามคนของบ้านกับบิดาออกไปคุยกันข้างนอกอย่างเคร่งเครียด

“เท่าที่ถามหมอมา ยังไงก็ต้องเจาะเอาไขกระดูกมาตรวจก่อนครับ” วิรุฬพูดขรึม ๆ ข่าวหลานสาวทำเอาเขาตกใจมาก รีบบึ่งรถมาจากต่างจังหวัดในทันที “แล้วค่อยรักษากันต่อตามขั้น พี่ว่านอย่าเพิ่งคิดมาก มันรักษาได้ โรคนี้เจอในเด็กบ่อย ๆ”

“วิน พี่สงสารลูก ไม่อยากเห็นลูกเจ็บ”

“พี่ว่านต้องเข้มแข็งเอาไว้นะครับ ยี่หวาเป็นเด็กเก่ง จะต้องหายได้แน่”

“ว่านใจเย็น ๆ ก่อน ค่อยเป็นค่อยไปนะลูก” บิดาเขาพูดปลอบใจ

“โอเค” วิวาห์รู้ว่าคนรอบตัวกำลังตื่นตระหนกก็เลยเก็บความกังวลใจเอาไว้กับตัว เขากลับเข้าไปหาลูกสาวในห้องพักต่อ พวกเขาตกลงกันว่าจะยังไม่บอกคุณปราณีตอนนี้เพราะกลัวเธอจะเป็นลมไปก่อน รอให้ได้การวินิจฉัยและแนวทางการรักษาที่ชัดเจนแล้วค่อยบอก

คืนนั้นว่านนอนมองลูกสาวคนเดียวจนหลับไป ยกมือขึ้นลูบผิวแก้วบอบบางอย่างสงสาร ทำไมเด็กน่ารักอย่างยี่หวาจะต้องมาเจอเรื่องร้าย ๆ แบบนี้ด้วย เป็นเพราะเขาเป็นแม่ที่ไม่ได้เลยใช่มั้ย ดูแลลูกคนเดียวยังไม่ได้

คุณหมอคุยเรื่องการเจาะเอาไขกระดูกไปตรวจในวันรุ่งขึ้น วิวาห์กลัวมากแต่ก็ต้องยอมเพราะเพื่อการรักษาต่อ เขาไม่รู้ว่าหมอทำยังไง แต่พอยี่หวาตื่นขึ้นมาก็ร้องลั่นว่าปวดไปหมด วิวัตกับวิรุฬช่วยเขาได้มาก คอยให้คำปรึกษากันตลอด ผลการตรวจออกมาเป็นไปตามที่คิดเอาไว้

ปาฏิหาริย์ไม่มีจริง...

“เราต้องรักษาต่อ จะไปโรงพยาบาลรัฐบาลหรือจะอยู่ที่นี่” วิรุฬถามขึ้นอย่างรอบคอบ “ถ้าเอกชนเราจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเยอะเลยนะครับ คอร์สนึงน่าจะนานหลายเดือนถึงเป็นปี ผมพูดหมายถึงคีโม”

“เดี๋ยวจะลองปรึกษาคุณหมอที่รักษาน้องดู” วิวาห์ว่า

หลังจากปรึกษากับคุณหมอประจำตัวของหวันยิหวาแล้วพวกเขาก็ตกลงกันว่าจะย้ายไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลรัฐบาลชื่อดังแห่งหนึ่งที่วิรุฬเรียนจบมา อาศัยว่าเคยรู้จักอาจารย์แพทย์ข้างในนั้นช่วยให้ได้คิวเร็วขึ้นอีกนิดก็ยังดี

หวันยิหวาไม่เคยมาโรงพยาบาลที่แออัดขนาดนี้มาก่อน เด็กหญิงนั่งบนตักวิวาห์กอดมารดาเอาไว้แน่น ใบหน้าเล็ก ๆ สวมหน้ากากอนามัยปิดเอาไว้มองเห็นแต่ลูกตากลมแป๋วที่เหลือบมองซ้ายทีขวาที เห็นแต่คนเจ็บคนป่วยรอบตัวแล้วก็ยิ่งรู้สึกตื่นตระหนก

“เรารออะไรอยู่เหรอคะวีว่า” ลูกสาวกระซิบข้างหู วิวาห์หันไปจูบที่ขมับเบา ๆ

“รอคุณหมอค่ะ คนไข้เยอะเลยต้องรอตามคิวนะคะ”

“ยี่หวาเริ่มง่วงแล้ว” เธอพึมพำแล้วกระตุกคอเสื้อวิวาห์เบา ๆ “ทำไมเด็กคนนั้นเขาหัวล้านล่ะคะ ผมเขาไปไหนเหรอ หรือว่าเขาโกนหัว” วิวาห์หันไปมองตามเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งศีรษะโกนเกลี้ยงเดินจูงมือผู้หญิงอีกคนเข้าไปด้านใน

วิวาห์นึกภาพลูกสาวตามแล้วก็สะท้อนในอก แทบจะน้ำตาไหลออกมาตรงนั้นแต่ต้องฝืนกลั้นเอาไว้

“เขาโกนหัวค่ะ”

“ทำไมต้องโกนคะ”

“เป็นทรงผมของเค้า เท่ดีออกนะว่ามั้ย” วิวาห์พยายามเต็มที่แล้ว เขาพูดแค่นั้นแล้วก็หยุดเพราะไม่อยากร้องไห้ออกมาต่อหน้าหวันยิหวาให้ลูกใจเสีย “ถึงตาเราแล้วค่ะ ไปลูก” พยาบาลหน้าห้องเรียกชื่อหวันยิหวาแล้ว

คุณหมอคนใหม่น่ารักมากทีเดียว ทักทายกับยี่หวาอย่างเอ็นดูแล้วก็ชวนคุยจนเด็กหญิงผ่อนคลาย วิวาห์ขอให้วิรุฬมาด้วยกันเพื่อจะได้ฟังคุณหมอพูดด้วย พวกเขาพูดศัพท์แพทย์ที่วิวาห์ฟังไม่ออก ท่าทางเคร่งเครียดพอสมควรก่อนที่วิรุฬจะหันมาถามเขา

“พี่ว่าน ดูแล้วคงต้องเริ่มที่เคมีบำบัดก่อน ส่วนเรื่องสเต็มเซลล์คงหลังจากนี้อีกที”

“แล้วน้องยี่หวาจะเป็นอะไรมั้ยครับ หมายถึง...อยู่ได้อีกนานเท่าไหร่” วิวาห์ถามเสียงเบาหวิว นั่นเป็นเรื่องที่เขาอยากรู้ที่สุด

“ต้องดูผลการตอบสนองจากการรักษาอีกทีครับ”

วิวาห์พาลูกสาวกลับบ้านพร้อมกับน้องชาย คุณปราณีเดินตรงเข้ามาหาหลานสาวแล้วพาไปเล่นตุ๊กตาด้วยกัน ดวงตาของเธอแดงช้ำแสดงว่าคงรู้ข่าวร้ายนี้แล้ว วิรัตน์กับบิดาเดินเข้ามาหาแล้วกอดวิวาห์เอาไว้หลวม ๆ บ้านเงียบสงัดแทบจะได้ยินเพียงแค่เสียงลมหายใจเข้าออกกับเสียงหัวเราะใส ๆ ของเด็กน้อย

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรลูก” พ่อลูบหลังวิวาห์เบา ๆ “เป็นได้ก็หายได้นะ ยังไงก็มีทางรักษา”

“ว่าน..ว่านสงสารลูก” วิวาห์ตอบเสียงเครือ “ว่านทนเห็นลูกไม่สบายไม่ได้”

“ไม่เอา ว่านต้องเข้มแข็งนะ เป็นหลักให้ยี่หวา” พี่วัตพูดขึ้นทั้งที่ตาแดงก่ำ “เราผ่านเรื่องอะไรกันมาตั้งเยอะ เรื่องแค่นี้เอง ยังไงก็ต้องผ่านไปให้ได้”

“ถ้ายี่หวาเป็นอะไร ว่านคงอยู่ไม่ไหว” วิวาห์พูดทั้งน้ำตา

ความเศร้าหมองเหมือนลอยอยู่ในอากาศรอบตัวแทบจะยื่นมือออกไปสัมผัสได้ พวกเขาหลีกเลี่ยงที่จะพูดเรื่องนี้อีก พยายามหาเรื่องสนุก ๆ มาดึงดูดความสนใจไป พี่วัตออกไปตีกอล์ฟกับเพื่อน ๆ ทั้งวัน วิรุฬก็ไปดูหนัง ส่วนวิวาห์นอนดูการ์ตูนกับหวันยิหวาจนเย็นแล้วก็ออกไปเดินเล่นในสวนด้วยกัน

ว่านพาลูกสาวไปหาคุณหมอตามนัด เพราะเขาต้องลางานบ่อย ๆ จนเกิดความสงสัยใคร่รู้ในหมู่เพื่อนร่วมงาน ว่านเลยตัดสินใจลาออกจากงาน ถึงอย่างไรเขาก็คงไม่มีทางกลับไปทำงานประจำได้อีกแล้วตราบใดที่ต้องดูแลยี่หวาอยู่

“แล้วแกจะเอาเงินที่ไหนมารักษายี่หวา” วิรัตน์ถาม “ฉันให้ยืมก่อนก็ไม่ยอม”

“ว่านว่าจะกลับไปร้องเพลงครับ” วิวาห์คิดเอาไว้แล้ว “แป้งเล่าให้ฟังเรื่องโปรเจ็กต์ใหม่ของค่ายเพลง เขาอยากให้ว่านกลับไปร้องด้วย”

“แล้วแกร้องได้เหรอว่าน เดี๋ยวก็เป็นลมหรอก” พี่ชายถามอย่างเป็นห่วง เขารู้อาการของน้องชายดี

“ว่านจะไม่ร้องบนเวทีครับ ว่านจะร้องในห้องอัดแล้วก็พอ น่าจะได้เงินมาสักก้อน” วิวาห์ว่า “แล้วว่านจะหาทางหาเงินต่อ พี่วัตไม่ต้องห่วง ถ้าไม่ไหวว่านจะบอก”

“ก็ต้องบอกล่ะ ไม่ใช่ทำเป็นเก่งอยู่คนเดียว พี่ ๆ น้อง ๆ พร้อมช่วยอยู่แล้ว ยังไงยัยยี่หวาก็เป็นหลานคนเดียวของฉัน ฉันเลี้ยงของฉันมา”

วิวาห์ยิ้มออกมาได้ ยกมือขึ้นไหว้ที่อกของพี่ชายอย่างซาบซึ้ง

“ขอบคุณพี่วัตจริง ๆ ถ้าตอนนั้นพี่วัตอยู่กับว่านก็คงดี”

“แกคงฟังฉันหรอกน่ะ” วิรัตน์พูด ยกมือขึ้นวางบนหัวของน้องชายคนกลางครู่หนึ่งแล้วก็ผลักออก “แล้วกลับไปร้องเพลงอะไรนี่ก็ต้องเจอนายอามันต์อีกน่ะซิ”

“ครับ” วิวาห์พยักหน้ารับ “เจอก็เจอ ทำไงได้”

“จะให้ช่วยอะไรก็บอกแล้วกัน” วิรัตน์เห็นท่าทางน้องชายแล้วก็พูดสั้น ๆ แค่นั้น วิวาห์เคยเจ็บหนักมาหนหนึ่งแล้วถ้ายังไม่เข็ดอีกเขาก็ไม่รู้พูดยังไงเหมือนกัน คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามเวรตามกรรม

วิวาห์เลือกชุดที่ดีที่สุดในตู้เสื้อผ้ามาสวม วันนี้เขาจะต้องเข้าตึกไปคุยเรื่องโปรเจ็กต์เพลงร่วมกับศิลปินคนอื่น ๆ พิศดูเงาของตัวเองในกระจกแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจยาว กาลเวลาที่ผ่านไปพาเอาริ้วรอยและร่องรอยของความยากลำบากในชีวิตเข้ามาทิ้งไว้ จะปกปิดยังไงก็คงไม่สำเร็จ

นักร้องดังในวันนั้นกลายเป็นคนตกงาน มีเงินในกระเป๋าสตางค์ไม่ถึงห้าร้อย

“วีว่าไปไหนเหรอคะ ยี่หวาอยากไปด้วยจัง” หวันยิหวาที่ลาหยุดเรียนมาได้หนึ่งอาทิตย์เอียงคอถาม มองมารดาอยู่ในชุดตัวเก่งอย่างสงสัย “เสื้อสวยจังค่ะ ยี่หวาช๊อบชอบ”

“เราก็ช๊อบชอบไปทุกอย่างเลยนะคะ” วิวาห์ย่อตัวลงคว้าตัวลูกสาวมาหอมแก้มซ้ายขวา “ไหนวันนี้ผูกโบว์สีอะไรคะ”

“สีชมพูค่ะ” เด็กหญิงส่งริบบิ้นสีชมพูสดใสมาให้พร้อมกับหันหลังอย่างรู้หน้าที่ วิวาห์อมยิ้ม ถักเปียให้ลูกสาวอย่างเบามือ ใจอดคิดแวบไปไม่ได้ว่าถ้าลูกได้ยาคีโมแล้วผมร่วงขึ้นมา เขาจะทำใจได้มั้ย

“ยี่หวาชอบใส่หมวกมั้ยคะ”

“หมวกแบบไหนคะ แบบแม่มดเหรอ”

“เดี๋ยววีว่าซื้อมาให้ลองสวมดู” วิวาห์พึมพำ ลูบเส้นผมนุ่มสลวยของเด็กหญิงแผ่วเบา “หาเอาไว้หลาย ๆ แบบ ยี่หวาจะได้ไม่เบื่อ”

“เบื่อค่ะ ยี่หวาอยากไปโรงเรียน อยากไปเล่นกับน้องเมย์ น้องกีวี่” ลูกสาวพูดเจื้อยแจ้ว “ทำไมยี่หวาไม่ได้ไปโรงเรียนคะ”

“ก็ยี่หวาไม่สบาย จะเอาเชื้อโรคไปแพร่ให้เพื่อนไม่ได้นะคะ” วิวาห์ตอบตามที่คิดเอาไว้ เขาจะบอกว่าลูกไม่สบายเป็นหวัดไปก่อน เพราะหวันยิหวาคงไม่เข้าใจคำว่ามะเร็งเม็ดเลือดขาวแน่

เด็กหญิงยกมือขึ้นทาบที่หน้าผาก

“ยี่หวาไม่เห็นตัวร้อนเสียหน่อย ยี่หวาหายแล้ว”

“ยี่หวายังตัวเขียวอยู่เลย” วิวาห์ชี้ไปที่รอบช้ำรอบขา “ถ้ารอยพวกนี้หายเมื่อไหร่ก็แปลว่าหายดีแล้วนะคะ”

“จริงเหรอคะ รอยอะไรเนี่ย หายไปเร็ว ๆ นะ” เธอทุบมือลงกับขาตัวเอง วิวาห์ตกใจรีบจับมือลูกเอาไว้

“ไม่ได้นะลูก ห้ามตีขาตัวเองนะคะ ห้ามตีตัวเองเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะยิ่งเขียว ๆ ขึ้นมานะคะ”

หวันยิหวาหน้าจ๋อย ถอยไปนั่งกอดเข่าซึมอยู่บนเตียงจนวิวาห์หนักใจ แต่เขาไม่มีเวลาพูดกับลูกอีก ใกล้จะถึงเวลานัดหมายแล้ว วิวาห์ฝากยายเอิบให้ดูยี่หวาเอาไว้ ส่วนตัวเขารีบขับรถของวิรัตน์ออกไปที่บริษัทค่ายเพลง

ทุกคนรออยู่ก่อนแล้วพร้อมหน้าพร้อมตา ทั้งนักร้องรุ่นพี่ที่สมัยก่อนเคยคุ้นหน้ากันดีและรุ่นน้องที่ดังหลังจากวิวาห์ พวกเขายิ้มทักทายอย่างเป็นกันเอง วิวาห์ไม่ต้องกวาดตามองหาก็เห็นร่างสูงใหญ่ของอามันต์ยืนกอดอกอยู่ที่มุมห้อง ไม่ได้เข้ามานั่งรวมกลุ่มอย่างคนอื่น

“น้องว่านเป็นไงบ้าง เงียบหายไปเลย ตอนนี้ไปอยู่ที่ไหนแล้ว” พี่ทีมอดีตนักร้องนำวงชื่อดังถามขึ้นยิ้ม ๆ ว่านยิ้มตอบกลับไปเรียบ ๆ

“ทำงานอยู่บริษัทครับ พี่ทีมล่ะ”

“พี่เปิดร้านอาหารอยู่แถว... ว่าง ๆ แวะมาสิ” พี่ทีมบอก

คนอื่นพูดคุยแลกเปลี่ยนกันบ้าง บางคนก็ไปเป็นแอร์โฮสเตท บางคนไปเป็นครูสอนร้องเพลง บางคนก็ไปเปิดคลาสสอนเต้น ไปทำโรงแรมทำทัวร์ก็ยังมี วิวาห์นั่งฟังยิ้ม ๆ ไม่ได้เล่าเรื่องตัวเองออกไป

“มากันแล้ว สวัสดีครับทุกคน” เสียงทุ้ม ๆ แปลกหูดังขึ้นตามด้วยร่างสมส่วนของชายหนุ่มที่แต่งตัวเนี้ยบกริบเดินเข้ามาในห้องประชุม “ผมชื่อกฤต เป็นลูกชายคนโตของเสี่ย รับผิดชอบดูแลโปรเจ็กต์นี้แทนคุณพ่อนะครับ”

วิวาห์ยกมือขึ้นไหว้ ...คนนี้สินะที่เป็นลูกชายของเมียเก่าที่แป้งเคยเล่าให้ฟัง

“ดีใจที่พวกคุณมากันนะครับ ตอนที่ให้คนติดต่อไปผมยังนึกอยู่เลยว่าจะมากันครบมั้ย ตลอดสิบปีที่ผ่านมาของค่ายเราได้สร้างนักร้องดี ๆ มาประดับวงการมากมาย และพวกคุณก็คือสุดยอดศิลปินในยุคนั้น ผมดีใจมากจริง ๆ ที่พวกคุณกลับมารวมตัวกันได้อีกครั้ง เชื่อว่าแฟนเพลงเก่า ๆ ทุกคนก็จะต้องดีใจมากเช่นกัน” ชายหนุ่มพูดต่ออีกยืดยาว วิวาห์พยายามจับใจความเท่าที่ได้ ส่วนใหญ่ก็คือดีใจที่พวกเขามารวมกันนั่นเอง

“ขาดไปสองท่าน ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวฝากคุณอาทิตย์ช่วยติดต่อทั้งสองท่านไปอีกทีนะครับ” ผู้บริหารคนใหม่ของค่ายพูดเนิบ ๆ เขาให้ทุกคนอ่านรายละเอียดโปรเจ็กต์นี้พร้อมทั้งอธิบายไปด้วย “สรุปก็คือเราจะเอาเพลงอมตะเก่า ๆ ที่ดังในยุคนั้นมาทำใหม่ ใส่ดนตรีใหม่ ใส่ลูกเล่นเข้าไปให้มันทันสมัยขึ้น พวกคุณจะต้องเพลงกันอย่างน้อยคนละหนึ่งเพลง แล้วก็แถมด้วยเพลงฉลองครบรอบหกสิบปีของค่ายครับ”

“ทำไมถึงต้องเอาเพลงเก่ามาร้องใหม่ด้วย ไม่ทำเพลงใหม่ให้พวกเราไปเลยล่ะครับ” นักร้องคนหนึ่งที่ว่านลืมชื่อเขาไปแล้วถามขึ้น

กฤตเลิกคิ้ว

“ก็เพราะว่าคอนเซปต์ของโปรเจ็กต์นี้คือความคิดถึงไงครับ คิดถึงเพลงเก่า ๆ ก็เลยเอากลับมาร้องใหม่ในดนตรีแบบทันสมัยกว่าเดิม นั่นคือเหตุผล”

“อันนั้นพวกผมเข้าใจครับ แต่เขาหมายถึงว่า พวกผมก็อยากมีเพลงใหม่ ๆ ร้องบ้าง”

“ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด พวกคุณไม่ได้ออกจากวงการกันไปมีอาชีพส่วนตัวกันหมดแล้วเหรอครับ” กฤตถามขึ้นอย่างสุภาพ

“คุณคงต้องไปถามคุณพ่อของคุณดูนะเรื่องนี้” พี่ทีมพูดขึ้นแกมหัวเราะแล้วโบกมือ “เรื่องเก่าแล้วช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าให้ร้องเพลงเก่า แล้วก็เพลงรวมอีกเพลง ถูกมั้ย”

“ใช่ครับ หรือคุณมีอะไรเสนอขึ้นมาได้นะครับ”

“เรื่องค่าตอบแทน” อดีตนักร้องหญิงถามขึ้น “แบ่งกันยังไง”

“ผมเตรียมสัญญาเอาไว้ให้ทุกท่านแล้ว” กฤตพูด

วิวาห์กวาดตามองสัญญาในนั้นอย่างผิดหวังหน่อย ๆ เงินค่าตอบแทนที่บริษัทให้ไม่ได้มากขนาดว่าจะเป็นก้อนใหญ่อะไร โอเคมันมากกว่าเงินเดือนที่เก่าของเขาห้าเท่า แต่ว่ามันก็คงไม่พอกับค่ารักษาส่วนเกินที่ต้องจ่ายของยี่หวาทั้งหมด

“คุณวิวาห์ขมวดคิ้ว มีปัญหาอะไรมั้ยครับ” กฤตเอ่ยชื่อเขา ว่านเงยหน้าขึ้น

“ไม่มีครับ”

“โอเค มีใครมีคำถามมั้ยครับ”

กฤตเลี้ยงข้าวพวกเขามื้อหนึ่งก่อนจะนัดหมายกันมาซ้อมร้องเพลง หลายคนรวมถึงว่านต้องเคาะสนิมกันใหม่เพราะไม่ได้ร้องเพลงนานแล้ว ว่านแอบเห็นอามันต์ลงชื่อเรียนร้องเพลงใหม่ด้วย แต่ว่านก็ไม่ได้ทัก อันที่จริง...พี่อาร์มไม่ได้คุยกับใครเลยซักคน

“ว่านกลับยังไงล่ะ” พี่ทีมถามขึ้นตอนที่พวกลงลิฟต์มาชั้นล่าง

“เอารถมาครับ”

“งั้นไว้เจอกันใหม่นะ”

ทุกคนแยกย้ายกันกลับเหมือนตอนขามา วิวาห์เดินเอื่อย ๆ ไปที่ลานจอดรถที่มีรถของวิรัตน์จอดอยู่ เขาต้องขับรถไปหาพี่ชายที่ทำงานก่อน วิรัตน์ทำงานอยู่บริษัทปิโตรเลียมแห่งหนึ่งเงินเดือนสูงพอสมควรเพราะได้เป็นตำแหน่งหัวหน้าแล้ว อันที่จริงแค่รายได้ของพี่ชายก็คงเพียงพอที่จะรักษายี่หวา แต่วิรัตน์ก็กำลังจะแต่งงานในเดือนหน้า วิวาห์ไม่อยากให้พี่ชายเอาเงินที่ควรจะเป็นทุนสร้างครอบครัวของเขามาลงกับหลาน ที่ผ่านมาวิรัตน์ก็ให้หลานมามากแล้ว

“จะไปไหนต่อล่ะว่าน กลับบ้านเหรอ? นั่งรอพี่อีกสามชั่วโมงได้มั้ยล่ะ จะได้กลับบ้านด้วยกัน” วิรัตน์พูดเร็วปรื๋อ ท่าทางกำลังยุ่งหัวหมุนอยู่

“ไม่เป็นไรครับพี่ ว่านว่าจะไปหางานแถวนี้เสียหน่อย ดูมาในเน็ตแล้ว” วิวาห์ตอบ พี่ชายพยักหน้า

“โอเค ถ้าจะกลับด้วยกันก็โทรมาบอกนะ”

วิวาห์กลับออกมาด้านนอกบริษัท แสงแดดยามบ่ายแผดจ้าจนเหงื่อออกชุ่มไปหมด เขาหยิบสมุดที่จดโน๊ตบริษัทรับสมัครงานต่างออกมาดู วิวาห์เตรียมเอาไว้แล้วเพราะเผื่อว่ารายได้จากการกลับไปร้องเพลงจะไม่พอ เขาไม่ควรนั่งงอมืองอเท้ารอความช่วยเหลือจากคนอื่นอย่างเดียว

วุฒิการศึกษามัธยมปลายของเขากลายเป็นอุปสรรคในการหางาน สมัยนี้แต่ละที่ก็ต้องการวุฒิขั้นต่ำปริญญาตรีกันทั้งนั้น ขนาดจบโทก็ยังต้องมาลงแข่งแย่งงานกับเด็กเพิ่งจบใหม่อยู่เลย คนเรียนไม่จบอย่างว่านก็เลยยิ่งหางานได้ยากเย็น มีแต่งานที่ใช้แรงงานแลกกับรายได้แสนน้อยนิด ทำทั้งวันเพิ่งจะได้ไม่เท่าไหร่

วิวาห์เดินคอตกกลับออกมาจากบริษัทแบตเตอรี่แห่งหนึ่งที่เปิดรับสมัครคนเพิ่ม เขาไม่มีความรู้ด้านแบตเตอรี่ ...ที่จริง วิวาห์ไม่มีความรู้ด้านอะไรเลยสักอย่าง คณะฯ ที่เขาเรียนมาอย่างงู ๆ ปลา ๆ ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย หรือวิวาห์จะลองขายของออนไลน์ขายครีมในเน็ตดูบ้าง ...ชายหนุ่มส่ายหัว มีแต่หาเรื่องให้เงินจมลงไปเปล่า ๆ

สุดท้ายชายหนุ่มก็กลับไปหาพี่ชายที่บริษัทแล้วติดรถพี่กลับบ้าน เขาเล่าให้พี่วัตฟังเรื่องโปรเจ็กต์ใหม่ของค่าย บอกจำนวนรายได้ไม่ปิดบัง พี่ชายพยักหน้ารับ

“ก็ดีอยู่ น่าจะพอประทังไปได้ซักพัก แต่พี่ว่าว่านก็ต้องหางานอื่นทำต่อนั่นแหละ หรือจะกลับไปที่เดิม”

“ว่านลาออกมาแล้วครับ ว่านต้องลาหยุดบ่อย ๆ เพราะต้องพายี่หวาไปหาหมอ พี่ ๆ เขาก็ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ว่านเลยว่าออกดีกว่า ว่านอยากได้งานที่ไม่ต้องประจำที่ออฟฟิศ แต่ก็ไม่รู้จะไปทำอะไร”

วิวัตลอบถอนหายใจ

“เดี๋ยวพี่จะลองถามเพื่อน ๆ ดูให้ว่ามีงานอะไรที่ว่านพอจะทำได้หรือเปล่า”

วิวาห์ใช้เวลาว่างจากการดูแลลูกสาวมานั่งหางานพิเศษทำเสริม เพราะต้องพาลูกสาวไป ๆ มา ๆ เทียวหาคุณหมอตามนัดก็เลยทำให้ว่านติดหวัดมาจากโรงพยาบาลด้วย วันที่ไปซ้อมร้องเพลงครั้งแรกว่านก็เลยเสียงแหบแห้งจนครูไล่กลับบ้าน

“กลับไปกินน้ำผึ้งมะนาวแล้วก็นอนพักผ่อนเลยว่าน” ครูสอนร้องเพลงพูดดุ ๆ “รู้ว่าไม่มีเสียงแล้วยังจะมาอีก เอาหวัดมาติดเพื่อน ๆ เหรอ”

“ขอโทษครับ ว่านนึกว่าจะหายทัน ว่านพยายามจิบน้ำมาตลอดทางแล้วนะ” วิวาห์ชูกระติกน้ำร้อนในมือให้ดู “งั้นว่านจะมาวันหลังครับ”

“เดี๋ยวโทรไปบอกนัดใหม่ กลับบ้านไปก่อนเถอะ”

วิวาห์กลับออกมาจากห้องซ้อม แป้งเพื่อนสนิทมานั่งรออยู่ก่อนแล้ว พอเห็นหน้าเพื่อนก็หัวเราะออกมา

“ไงล่ะ เป็นหวัดยังดื้อมาซ้อมอีก”

“ก็นึกว่าจะหายทัน” วิวาห์งึมงำ เจ็บคอไปหมด “เดี๋ยวกลับบ้านก่อนนะ เธอก็อย่ามาใกล้ฉันมากเดี๋ยวติดหวัด”

“ยัยยี่หวาเป็นไงบ้าง” แป้งถาม เธอรู้เรื่องยี่หวาแล้ว

“คีโมรอบแรกแล้ว เมื่อวันก่อนเพิ่งไปทำเรื่องดรอปเรียนที่โรงเรียนมา” วิวาห์ตอบเสียงแห้ง “ฉันก็ไม่กล้าเข้าใกล้ลูกมากเพราะเป็นหวัด กลัวยี่หวาติดหวัดเข้าจะแย่เลยฝากเอาไว้ให้แม่กับยายเอิบดูให้”

“สงสารยัยหนูจริง ๆ” แป้งถอนหายใจ “เคราะห์ซ้ำกรรมซัดอะไรขนาดนี้นะ เออ...ได้ข่าวว่าเธอวิ่งหางานทำอยู่เหรอ มีปัญหาหรือเปล่า ฉันพอมีอยู่บ้างนะ” แป้งยังพูดไม่ทันจบ เพื่อนก็รีบเบรก

“ไม่เป็นไร เธอก็รู้นิสัยฉันนี่แป้ง อย่าทำให้ไม่สบายใจเลย”

“ไม่ ๆ นี่ฉันไม่ได้ให้ยืมเฉย ๆ ฉันจะจ้างเธอมาทำงานที่บ้านฉัน” แป้งรีบบอก

“งานอะไร”

“ก็แบบ ..เอ่อ...เธออยากทำอะไรก็ทำเลย” แป้งพูดเสียงอ่อย “ก็ฉันไม่รู้จะจ้างเธอทำอะไรดีนี่ ฉันแค่อยากช่วยเธอน่ะ โธ่ ไม่เอาน่าว่าน อย่าโกรธเลยนะ”

“ฉันไม่ได้โกรธ” วิวาห์พูดสั้น ๆ “ขอกลับบ้านก่อนนะ แม่ไลน์มาบอกว่ายี่หวาท้องเสีย จะไปดูเสียหน่อย”

“โอเค มีอะไรก็โทรหาฉันนะ”

หวันยิหวาเริ่มรักษาด้วยยาเคมีบำบัดมาได้เกือบสองอาทิตย์แล้ว เด็กหญิงเริ่มบ่นเจ็บปากขมคอ ไม่ยอมกินอาหาร ร้อนถึงวิวาห์กับยายเอิบต้องไปขุดหาสารพัดสูตรอาหารมาทำให้เด็กหญิงกิน หวันยิหวาถามทุกวันว่าตัวเองเป็นอะไร ทำไมถึงไม่ได้ไปโรงเรียนเสียที

“ยี่หวาต้องรักษาตัวก่อนนะคะ ไว้หายดีแล้วก็จะได้ไปเจอเพื่อน ๆ” วิวาห์พูดเสียงอ่อน ขยับหน้ากากอนามัยของลูกสาวให้เข้าที่ “ยี่หวาต้องใส่หน้ากากตลอดนะคะ”

“ยายเอิบบอกว่ายี่หวามีหนอนอยู่ในตัว...จริงมั้ยคะวีว่า” เด็กหญิงถามด้วยเสียงกังวลเหมือนจะร้องไห้ “ทำไมหนอนถึงมาอยู่ในตัวยี่หวาล่ะคะ”

วิวาห์อยากพ่นลมหายใจใส่ยายพี่เลี้ยงที่ขยันหาเหตุผลมาหลอกล่อเด็กจริง ๆ แต่เขาก็ยังไม่มีคำอธิบายอะไรที่เข้าใจง่ายกว่านั้น

“เพราะยี่หวาไม่ชอบแปรงฟัน ก็เลยแมงกินฟัน พอมีแมงในปากมันก็ออกไข่ ไข่แมงก็เลยลงท้องไปโตเป็นหนอนในตัวไงล่ะ”

เด็กหญิงยกมือขึ้นปิดปากตาโต

“ยี่หวาต้องทำยังไงคะ แปรงฟันมันจะตายมั้ย”

“ต้องแปรงฟันทุกครั้งที่กินอาหารเข้าไปค่ะ แล้วก็บ้วนปากด้วยน้ำเกลือบ่อย ๆ ด้วย” วิวาห์ได้ที รีบสอนลูกสาวต่อ “มันก็จะค่อย ๆ ตายไปเอง แล้วก็ต้องล้างมือฟอกสบู่ทุกครั้ง เผื่อมีไข่ของมันติดอยู่นะคะ”

“ยี่หวากลัวจังค่ะ แล้วที่เขียว ๆ นี่คือหนอนไต่จริง ๆ เหรอคะ”

ดูท่ายายเอิบคงจะหลอกลูกสาวเขาเอาไว้เยอะสินะ วิวาห์เหลือบตามองเพดาน

“ใช่ค่ะ หนอนมันไต่ ๆ เราต้องไปหาคุณหมอให้คุณหมอฉีดยาฆ่าหนอนนะคะ”

“ฉีดยาเจ็บจังเลยค่ะวีว่า ยี่หวาไม่ชอบเลย” พอพูดถึงฉีดยาแล้วเด็กหญิงก็หน้าม่อย “ไม่ฉีดหนอนก็ไม่ตายเหรอคะ”

“ใช่แล้ว ถ้ายี่หวาเชื่อฟัง ทำตามที่บอก รับรองว่าหนอนในตัวจะต้องตายหมดแน่ ๆ เลยค่ะ” วิวาห์ปลอบใจ “มีเพื่อน ๆ เป็นกันเยอะแยะนะคะ ยี่หวาเห็นมั้ยตอนที่ไปหาคุณหมอที่โรงพยาบาล”

“เพื่อนหัวล้าน” เด็กหญิงยังฝังใจกับเรื่องนี้อยู่ “ยี่หวาจะเป็นแบบนั้นมั้ยคะ” แค่คิดว่าเส้นผมสวย ๆ พวกนี้จะต้องร่วงหมดหัว หวันยิหวาก็น้ำตาคลอ “ไม่อยากหัวล้านเลยค่ะ ทำไมหนอนต้องไชหัวยี่หวาด้วย ยี่หวาเป็นเด็กดีมากเลยไม่ใช่เหรอคะ”

“ยี่หวารู้อะไรมั้ย ถ้ามีหนอนไช ๆ บนหัวแล้วเนี่ย ผมที่ขึ้นมาใหม่จะสวยกว่าเดิมอีกนะคะ” วิวาห์พูดเสียงจริงจัง

“จริงเหรอคะ” เด็กหญิงลังเล

“ไม่เชื่อถามคุณหมอวันเสาร์หน้าดูก็ได้เอ้า เส้นผมใหม่จะทั้งหนาทั้งยาวสลวย ติดโบว์เรียงกันได้ข้างละห้าอัน”

“ค่อยยังชั่วหน่อย” เด็กหญิงถอนหายใจเลียนแบบมารดา “ผมใหม่ต้องสวยมากแน่เลยค่ะ ยี่หวาคันยิบ ๆ ทั้งหัวเลยตอนนี้”

วิวาห์พยักหน้ายิ้มให้กำลังใจลูกสาว เขาหวีผมให้ลูกทุกวันทำไมจะไม่รู้ว่าเส้นผมยาว ๆ พวกนั้นเริ่มหลุดร่วงมากขึ้นทุกที คงเป็นผลจากยาเคมีบำบัด อีกไม่นานก็คงจะต้องพาลูกสาวไปโกนผมแหว่ง ๆ ที่เหลือออก


หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน5 23/2/63 p3
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 23-02-2020 19:44:43







ยี่หวาผ่านคีโมรอบแรกไปได้ด้วยดี ทว่าพอเข้ารอบสองเด็กหญิงก็มีอาการแพ้อย่างหนัก หน้าแดงตัวบวมต้องนอนโรงพยาบาลอยู่หลายวัน วิวาห์เครียดมาก คุณหมอบอกว่าต้องเปลี่ยนสูตรยาตัวใหม่ให้ยี่หวา

“ถ้าเป็นสูตรนี้ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีก” วิวาห์พูดกับพี่ชายอย่างหนักใจ “แล้วถ้ายี่หวาแพ้อีกก็ต้องไปสูตรที่สาม เบิกไม่ได้เลย อยู่นอกบัญชี”

ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว วิวาห์ต้องไปซ้อมร้องเพลงโปรเจ็กต์ใหม่ด้วย เขาถูกคุณครูสอนร้องเพลงบ่นว่าไม่มีสมาธิเอาเสียเลย แป้งรู้เรื่องนี้เข้าก็เลยมาหาว่านที่บ้าน

“ยี่หวาล่ะ”

“นอนอยู่ในห้อง เพิ่งกินเสร็จ” วิวาห์ตอบ ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาข้างเพื่อนสนิท

“แกผอมเป็นผีเลยว่าน” แป้งพูดตรง ๆ “เห็นว่าไปรับงานห่อพัสดุเหรอ” เพื่อนถามถึงงานใหม่ล่าสุดที่วิวาห์เพิ่งลองทำ

“เลิกไปแล้วล่ะ ไม่ไหวปวดหลัง” ชายหนุ่มส่ายหน้า

“ไปร้องเพลงมั้ยล่ะ ฉันรู้จักพี่อยู่ร้านนึง กำลังหานักร้อง”

“กลางวันหรือกลางคืน” วิวาห์เริ่มสนใจ

“กลางคืน”

“กลางคืนเหรอ” ว่านลังเล ถ้าเป็นกลางคืนเขาก็น่าจะพอไปทำได้ หลังจากพายี่หวาเข้านอนแล้ว “แต่ฉันยังไม่แน่ใจกับการร้องเพลงต่อหน้าคนเยอะ ๆ เท่าไหร่ กลัวว่าจะเกิดปัญหา”

“ไม่เป็นไร ถ้าสนใจลองไปทำดูก่อนก็ได้ ร้านพี่เขาเป็นร้านอาหารแบบดีอยู่ ไม่มีพวกถ่อย ๆ เสียงดังหรอก” แป้งบอกรายละเอียดต่อมา วิวาห์สนใจมากทีเดียว “ยังไงแกก็ไม่รู้จะไปทำงานอะไร ร้องเพลงก็น่าจะเหมาะกับแกที่สุดแล้ว”

“โอเค ฉันจะลองไปดู” วิวาห์เอาเรื่องนี้ไปเล่าให้พี่ชายฟัง วิรัตน์ไม่เห็นด้วยเท่าไหร่เพราะเป็นห่วงเขา ไม่อยากให้กลับบ้านดึก ๆ ดื่น ๆ แต่วิวาห์ยืนยันว่าจะลองไปทำดูสักครั้ง

“ไหน ๆ ผมก็ได้รื้อฟื้นการร้องเพลงมาแล้ว ถ้าไปร้องในร้าน คนไม่เยอะก็ไม่น่าจะเป็นอะไรนะครับ” วิวาห์ว่า พี่ชายก็เลยไม่พูดอะไรอีก คืนนั้นแป้งเป็นคนพาเขาไปหาเจ้าของร้าน เป็นผู้หญิงสาวใหญ่ที่ยังดูแลตัวเองอย่างดี เธอแนะนำตัวง่าย ๆ ว่าชื่อพี่นุช

“พี่เป็นเจ้าของร้านนี้ แต่ก่อนพี่ทำกับแฟน แต่แฟนพี่เสียไปแล้วพี่ก็เลยอยู่คนเดียว น้องแป้งมาเล่าว่าน้องว่านสนใจงานที่ร้านพี่ พี่นุชดีใจมากเลยนะ” เธอพูดยิ้ม ๆ จับมือของเขาเอาไว้แล้วกวาดตามองทั่วตัว “ยังหล่อเหมือนเดิม เวลาทำอะไรน้องว่านไม่ได้เลยนะ ผู้ชายล่ะก็ได้เปรียบเสมอ ถ้าเป็นผู้หญิงนี่แก่ง่าย ริ้วรอยมาเร็ว”

วิวาห์พยักหน้ารับ ไม่ได้พูดอะไรเพิ่ม พี่นุชลุกขึ้นขอตัวเดินไปดูข้างในร้านก่อนครู่หนึ่ง ทิ้งให้แป้งกับว่านนั่งอยู่ด้วยกันสองคน

“เป็นอะไรว่าน หน้านิ่วเชียว ไม่ชอบเหรอ”

“เปล่า..ร้านโอเค พี่นุชก็น่ารักดี แต่ว่า...” ว่านยกมือขึ้นถูจมูก “ได้กลิ่นแปลก ๆ น่ะ แป้งได้กลิ่นมั้ย”

“กลิ่นอะไรเหรอ” เพื่อนหันซ้ายหันขวา

พี่นุชเดินกลับมา ว่านเลยคิดออกว่ากลิ่นประหลาดนี้ระเหยออกมาจากเนื้อตัวของพี่นุชนี่เอง กลิ่นของมันคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก เหมือนเคยได้กลิ่นแบบนี้ที่ไหนมาก่อน

“พี่ไปถามมาให้แล้ว วันนี้นักร้องเขามาเลทพอดี น้องว่านจะร้องดูก็ได้นะคะ”

“ปกติมีนักร้องประจำอยู่แล้วเหรอครับ”

“ก็ไม่เชิงประจำหรอก เขาจะมาร้องให้แค่วันอังคารตอนกลางคืน” นุชนารถตอบยิ้ม ๆ “ส่วนนักร้องเดิมที่ร้องเกือบทุกวันก็เพิ่งลาออกเดือนก่อน พี่กำลังมองหาคนมาแทนอยู่นี่ล่ะ”

“แต่ว่าน..อาจจะไม่สามารถร้องให้ได้ทุกวันนะครับ” วิวาห์รีบบอก “บางวันอาจจะต้องลา แต่ว่าว่านจะบอกก่อนถ้าติดธุระ”

“อ๋อ โอเคเลย ตามสบาย วันไหนไม่มีคนร้องพี่ก็ให้เขาเปิดเพลงคลอเอา ไม่ยากหรอก” เจ้าของร้านบอกอย่างใจกว้าง ราคาที่ให้มาก็ดีใจหาย ว่านเลยตกลงใจได้อย่างไม่ยากเย็น

เขาทดลองงานคืนนั้น ว่านนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวสูง มือจับไมโครโฟนเอาไว้ บรรยากาศเรียบง่ายสบาย ๆ ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายมาก แขกที่กำลังรับประทานอาหารอยู่ก็มีแต่คนแต่งกายเรียบร้อย พูดคุยกันเบา ๆ แทบไม่ได้ยิน ทุกคนรักษามารยาทเอาไว้ดีเยี่ยม โต๊ะที่นั่งก็แบ่งเป็นสัดส่วนไม่รบกวนกันโดยมีเวทีตั้งอยู่ตรงมุมหนึ่งติดกับสวนด้านนอกร่มรื่น

พี่ ๆ นักดนตรีสองคนเข้ามาคุยกับว่าน นัดแนะกันแล้วว่านก็เริ่มร้องเพลงออกมาอย่างสบายใจเป็นครั้งแรก ว่านเลือกร้องเพลงสากลที่ว่านชอบ เสียงใส ๆ คลออยู่ในบรรยากาศทำให้ร้านอาหารแห่งนั้นดูอบอุ่นมากขึ้น ลมพัดมาเย็นสบาย แป้งเป็นคนเดียวที่นั่งให้กำลังใจเขาอยู่ข้างหน้าเวที

“ดีมั้ย”

“ดีมาก ๆ เลย” ว่านตอบหน้าชื่น รู้สึกเบาสบายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาหลายปี “ขอบใจนะแป้ง ฉันเจองานที่ชอบแล้วล่ะ ทีนี้ก็จะได้หมดปัญหาเรื่องเงินไปได้ชั่วคราว”

แป้งยิ้ม กอดเพื่อนรักเอาไว้

“ฉันจะช่วยเธอเองว่าน ไม่ต้องกังวลนะ”

ชีวิตเริ่มเข้าที่เข้าทาง วิวาห์ดูแลยี่หวาในเวลากลางวันแล้วก็ออกไปร้องเพลงที่ร้านของพี่นุชนารถในเวลากลางคืน พอสี่ทุ่มเขาก็กลับ ส่วนโปรเจ็กต์ของค่ายเพลงก็ราบรื่นดี ว่านไม่ต้องร้องคู่กับอามันต์อย่างที่กลัว โปรดิวเซอร์บอกว่าจะให้พวกเขาร้องกันคนละเพลง ว่านก็เลยไม่ได้เจอหน้าอามันต์อีกเลย

เรื่องนี้ทำให้เขาโล่งใจขึ้นมาก

หวันยิหวาตอบสนองต่อเคมีบำบัดสูตรใหม่อย่างดี เด็กหญิงยังมีอาการอ่อนเพลียกินไม่ได้อยู่ วิวาห์เลยอาศัยเวลาว่างกับยายเอิบคิดหาสูตรอาหารที่กินง่ายแล้วก็ได้สารอาหารครบถ้วนมาดัดแปลงให้ลูกกิน เวลาสองเดือนว่านเข้าครัวทำอาหารอ่อน ๆ สารพัดแบบได้อย่างคล่องแคล่ว ขนาดว่ามารดายังออกปากว่าว่านน่าจะมีพรสวรรค์ในด้านนี้

“ว่านไม่ได้ทำอะไรเลยแม่ ตัด ๆ หั่น ๆ แล้วก็เทลงเครื่องปั่น” ลูกชายสารภาพ เขาดูในยูทูปแล้วก็เอามาเล่าให้ยายเอิบฟัง ยายเอิบก็จะไปสรรหาวัตถุดิบที่ตลาดมาช่วยกันทำให้คุณหนูกินบำรุงร่างกาย “ทำให้ออกหวานหน่อย ยัยยี่หวาจะได้กินง่าย ๆ”

“น้องว่านเก่งมากเลยนะคะคุณณี” ยายเอิบพูดอย่างภูมิใจราวกับว่านเป็นเด็กสามขวบงั้นแหละ “อีกหน่อยไปสมัครมาสเตอร์เชฟไทยแลนด์ได้”

“ว่านว่าส่งยายเอิบไปดีกว่า ทำ ๆ อยู่ก็ชอบร้องว่าใกล้หมดเวลาแล้ว คุณต้องจัดจานแล้วนะ แล้วก็รับคำค่ะเชฟเองด้วย เล่นอะไรอยู่คนเดียวน่ะ”

ยายเอิบหัวเราะเอิ้กอ้าก

“ก็สนุกดีไหมล่ะคะคุณน้องว่านก็”

“น้องว่านคืนนี้ไปร้องเพลงใช่มั้ย”

“ครับแม่” ว่านไม่แปลกใจที่แม่รู้แล้ว พี่วัตคงเล่าให้ฟังหมดเปลือก

“อย่ากลับดึกมากนะ แม่เป็นห่วง ร้องเพลงกลางคืนไม่อันตรายเหรอลูก”

“ไม่หรอกครับ ร้านเขาไม่ได้เป็นแบบผับบาร์อย่างนั้น เป็นร้านอาหารธรรมดานี่ล่ะ ร้องเพลงเฉย ๆ ไม่ต้องเอนเตอร์เทนแขกอะไร”

“โอเค ค่อยยังชั่วหน่อย แม่ได้ยินพี่วัตเล่าแล้วไม่สบายใจ”

“พี่วัตก็ชอบกลัวไปก่อน ไว้ว่านจะพาพี่วัตไปที่ร้านสักที ไม่มีอะไรเลย ว่านก็นั่งร้องเพลงไปเรื่อย ๆ หมดเวลาก็กลับ สบายมาก ๆ เลยครับ ว่านชอบมาก ร้านเขาห้ามสูบบุหรี่ด้วย แขกที่มาก็มีแต่วัยทำงานมานั่งคุยกัน แป้งเขาเป็นคนแนะนำให้ ไว้ใจได้ครับ”

ว่านพูดเป็นมั่นเป็นเหมาะ มารดาก็เลยไม่ถามอะไรอีก

คืนวันหนึ่งพี่นุชนารถไม่ได้นั่งเฝ้าอยู่หน้าแคชเชียร์เหมือนเคย ว่านเดินผ่านเข้าไปในร้านที่เปิดเพลงคลออยู่ เจอพี่อู๋นักดนตรีกำลังเตรียมอุปกรณ์อยู่ข้างหน้าเวทีเตี้ย ๆ

“พี่นุชล่ะครับ”

“อยู่ข้างบนร้าน”

“เดี๋ยวว่านขอไปหาก่อน อาทิตย์หน้าว่านจะลาวันนึง”

“เห้ย ๆ อย่าเพิ่งขึ้นไปเลย เจ๊แกยังไม่สะดวกคุยหรอก ว่านมาช่วยพี่จัดสายไฟดีกว่า” พี่อู๋เรียกเอาไว้ ว่านพยักหน้ารับ จับความนัยที่อีกฝ่ายส่งมาให้ได้ เดาว่าพี่นุชคนสวยก็คงจะมีอะไรกุ๊กกิ๊กให้ชุ่มชื่นหัวใจอยู่บ้างเหมือนกันตามที่เธอเคยเล่าให้ฟังขำ ๆ

“แฟนพี่นุชมาเหรอครับ”

“กิ๊กน่ะ สามีแกตายไปแล้ว” พี่อู๋ตอบกลั้วหัวเราะ “แกยังสวยยังแซ่บก็นะ เดี๋ยวคอยดูกิ๊กแกสิ จะดักดูหลายทีไม่เห็นหน้าซักที”

วิวาห์ไม่ได้คิดจะแอบดูกิ๊กของพี่นุชนารถ เขาไม่สนใจเรื่องส่วนตัวของคนอื่นขนาดนั้น ชายหนุ่มช่วยจัดเวทีให้เสร็จก็ขอตัวไปห้องน้ำ มีเงาดำ ๆ ปรากฎขึ้นทางด้านหลังพอดี

เป็นอีกครั้งที่ว่านไม่อยากเชื่อในความโลกกลมของตัวเอง คนที่ว่านนึกว่าไม่ต้องเจอกันอีกแล้วกลับเดินลงบันไดมาหยุดตรงหน้าว่านหน้าตาเฉย พี่อาร์มมองหน้าว่านแล้วเลิกคิ้ว

“พี่อาร์ม? ”

“ว่าน ..มาร้องเพลงเหรอ”

คำทักทายของพี่อาร์มสะดุดหูว่านทันที พี่อาร์มทักเหมือนรู้อยู่แล้วว่าว่านร้องเพลงอยู่ที่นี่ กลิ่นบางอย่างระเหยออกมาจากเสื้อของพี่อาร์มทำให้ว่านนึกออก ว่านเคยได้กลิ่นน้ำหอมแปลก ๆ แบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง ...หรือจะหลายครั้ง ตั้งแต่สมัยก่อน

“กลิ่นน้ำหอมนี่มัน...” ว่านกระซิบ คิ้วขมวดเข้าหากัน

ร่างอวบอัดของเจ้าของร้านสาวใหญ่เดินลงมาจากชั้นสอง พี่นุชดูแปลกใจไม่แพ้กันที่เห็นว่านยืนอยู่ตรงนั้น เธอเอ่ยทักยิ้ม ๆ

“น้องว่านมาแล้วเหรอ” กลิ่นน้ำหอมแบบเดียวกับที่ระเหยออกมาจากเสื้อพี่อาร์ม...เป็นน้ำหอมกลิ่นที่พี่นุชใช้ประจำไม่ผิดแน่ ว่านคิดอย่างมึนงง มองหน้าคนทั้งคู่นิ่งค้าง “มีอะไรหรือเปล่า หน้าพี่มีอะไรติดอยู่เหรอ”

“เปล่าครับ” ว่านอึกอักทำตัวไม่ถูก “เอ่อ...ว่านมาเข้าห้องน้ำ ขอตัวก่อนนะครับ” วิวาห์เพิ่งหาเสียงของตัวเองเจอ เขารีบเดินแยกไปอีกทางหนึ่งด้วยความว้าวุ่น คำพูดของพี่อู๋กลับเข้ามาความคิด ...กิ๊กของพี่นุชงั้นหรือ

ตอนที่คบกับพี่อาร์มอยู่ พี่อาร์มไม่เคยเล่าเรื่องผู้หญิงชื่อนุชให้เขาฟังมาก่อนเลย แต่ว่ากลิ่นน้ำหอมที่ติดตัวพี่อาร์มในสมัยก่อน บางคืนที่กลับมาดึก ๆ ดื่น ๆ ...หรือว่า...วิวาห์เบิกตากว้าง เคยได้ยินเหมือนกันว่าพวกศิลปินหนุ่ม ๆ บางคนอาจจะมีคนเลี้ยง พี่อาร์มที่บ้านก็ดูมีฐานะไม่ใช่เหรอ

วิวาห์คิดเรื่องนั้นกลับไปกลับมาใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาร้องเพลงไปอย่างแกน ๆ แล้วรีบกลับบ้าน โทรหาแป้งแล้วเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง แป้งดูตกใจมาก

“จริงเหรอ เป็นเรื่องจริงเหรอเนี่ย”

“เรื่องจริงอะไร เธอรู้อยู่แล้วเหรอแป้ง”

“เปล่า ๆ” เพื่อนรีบปฏิเสธ แต่ว่านดูออกเสียแล้ว “คืองี้ ฉันได้ยินมาว่า...ตั้งแต่สมัยก่อนแล้วล่ะว่าพี่อาร์มมี ..มีแบบ..คนเลี้ยงน่ะ แบบ..พวกเศรษฐีนีหม้ายเหงา ๆ ก็อยากมีเพื่อน..” เพื่อนพูดตะกุกตะกัก

“แล้วเธอก็เลยให้ฉันไปทำงานที่นั่นเนี่ยนะ” วิวาห์โกรธจัด “ต้องการอะไรกันแน่แป้ง”

“ไม่ ๆ คือฉันได้ยินมาแต่ก็ไม่เชื่อไง เธอก็รู้...คนอย่างพี่อาร์มเนี่ยนะ จะให้...ง่า..ผู้หญิงเลี้ยง”

“พี่แทนบอกว่าตอนนี้เขาน่าจะถังแตกอยู่” วิวาห์ปะติดปะต่อเรื่องราวเข้าด้วยกัน “แต่มันเป็นไปได้เหรอแป้ง ไม่อยากเชื่อเลย ถ้าฉันไม่ได้กลิ่นน้ำหอมนั่นนะ”

“น้ำหอมอะไร” แป้งงุนงง วิวาห์เลยเล่าต่อให้เพื่อนฟัง เธอตบเข่าดังฉาด

“นี่ไงล่ะ สาเหตุที่เขาบอกเลิกเธอตอนนั้นว่าน ฉันว่าต้องเป็นเรื่องนี้แน่ ไม่ใช่เพราะอึดอัดเรื่องคู่จิ้นอะไรนั่นหรอก”

“...........” ว่านพูดไม่ออก เขาคิดเรื่องนี้หัวแทบแตกมาตั้งแต่ที่ร้านอาหารแล้ว

“ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ลองไปถามให้รู้เรื่องเลยดีมั้ย”

“จะถามให้มันได้อะไรขึ้นมาล่ะแป้ง เรื่องตั้งนานแล้ว” วิวาห์ส่ายหน้า ความร้อนรุ่มแบบวัยรุ่นในตอนนั้นจางหายไปไม่เหลือ ถ้าเป็นเมื่อหลายปีก่อนว่านคงแทบแล่นไปหาความจริงจากปากของสองคนนั้นแล้วล่ะ “ช่างเขาเถอะ เขาจะทำอะไรก็เรื่องของเขา แต่ว่าฉันไม่อยากทำงานที่นั่นต่อแล้วล่ะ มันไม่สบายใจ”

“ว่านนะว่าน ทำงานที่ไหนเป็นต้องมีเรื่องทุกที มันยังไงกันนะ” แป้งถอนหายใจ “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันช่วยหาให้ใหม่ ไม่ยากหรอก”

วิวาห์ไปหาพี่นุชนารถที่ร้านอาหารตอนกลางวันในวันรุ่งขึ้น พอเขาบอกว่าจะลาออกอีกฝ่ายก็ตกใจมากทีเดียว

“ทำไมล่ะคะน้องว่าน ทำงานที่นี่ไม่ชอบตรงไหนเหรอ”

“เปล่าครับ ว่านชอบมาก” วิวาห์ตอบ หลบตาอีกฝ่าย “แต่เดือนหน้าว่านมีธุระต้องลาบ่อย ๆ ว่านไม่อยากให้พี่นุชลำบากใจ ก็เลยจะขอลาออกดีกว่า พี่ได้หาคนอื่นมาแทน”

“ได้ยังไงล่ะคะ แขกของพี่ก็ชอบน้องว่านมากเลยนะ ชมกันมาหลายคนเลย บางคนเลือกวันที่น้องว่านมาร้องเพลงด้วยซ้ำรู้หรือเปล่า เอาอย่างนี้ ...เดือนหน้าจะลาวันไหนก็บอกมา พี่ให้ลาได้ตามสบาย แล้วก็หักเงินออก โอเคมั้ย”

“ว่านก็ไม่สบายใจอยู่ดี”

“น้องว่านต้องใช้เงินอยู่ไม่ใช่เหรอ” เธอพูดเสียงต่ำลง “ขอโทษที คือน้องแป้งเล่าความจำเป็นให้พี่ฟังแล้ว อย่าโกรธเพื่อนเลยนะ น้องแป้งเขาหวังดีกับน้อง พี่รู้เรื่องลูกสาวของว่านแล้วก็สงสารจริง ๆ พี่อยากช่วย”

“พี่นุช” ว่านลำบากใจ

“เอาอย่างนี้ พี่ให้ว่านเป็นครั้ง ๆ ดีมั้ย มาร้องวันไหนก็ให้ว่านไป ว่านจะได้ลาได้ไม่กังวล” เธอยื่นข้อเสนอมาใหม่ ว่านเม้มปาก ไม่แน่ใจว่าเธอรู้เรื่องเขากับอามันต์คนรักของเธอก่อนหน้านี้หรือเปล่า ...ถ้ารู้..ก็แสดงว่าเธอเป็นคนใจกว้างมาก แต่ว่านไม่ใช่คนใจกว้างขนาดนั้น

“อย่าดีกว่าครับ ว่านไม่สะดวกใจ”

“ห้าเท่า” นุชนารถพูดยิ้ม ๆ “พี่ให้เพิ่มห้าเท่าต่อครั้ง ตกลงมั้ย”

ว่านอยากปฏิเสธ แต่จำนวนเงินสูงลิ่วนั้นค้ำคออยู่ มันมากกว่าเงินเดือนทั้งเดือนเสียอีก นุชนารถเห็นท่าทางของชายหนุ่มอ่อนลงก็รีบคะยั้นคะยอ

“ว่านไม่ต้องคิดมากเลยนะ ที่นี่เราอยู่กันแบบพี่น้องพึ่งพาอาศัยกัน ไม่ต้องห่วง พี่เข้าใจความรู้สึกของว่านดี”

“ขอบคุณครับพี่นุช” วิวาห์ตัดสินใจว่าจะทำงานต่อ ถึงจะดูเห็นแก่เงินไปหน่อยแต่นาทีนี้เขาไม่มีทางเลือกมากนัก

ว่านรู้สึกคิดผิด อยากกลับคำพูดในคืนวันนั้นเอง ตอนที่ว่านนั่งร้องเพลงอยู่ที่ประจำ กำลังเพลิน ๆ ก็เกือบสะดุ้งสุดตัวเมื่อหันไปเห็นสายตาคมกริบคู่หนึ่งนั่งมองเขาจากโต๊ะมุมสุดเงียบ ๆ

ว่านกลืนความตื่นตระหนกลงไปข้างใน เขายิ้มออกมานิด ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ร้องเพลงไปเรื่อย ๆ จนเกือบหมดเวลา พอหันไปอีกทีก็ไม่เห็นเงาสูงใหญ่ของคน ๆ นั้นแล้ว

อาจจะขึ้นไปหาพี่นุชนารถข้างบน... วิวาห์คิด เขาทำหน้าที่เรียบร้อยก็ขับรถกลับบ้านตามปกติ เหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำ ๆ กันเกือบอาทิตย์ พี่อาร์มนั่งดูเขาร้องเพลงที่โต๊ะตัวเดิมแล้วก็หายตัวไปก่อนที่เขาจะร้องจบ

ว่านเล่าเรื่องนี้ให้พี่วัตฟัง พี่ชายลงความเห็นว่าไม่ควรกลับไปที่ร้านนั้นอีก อีกฝ่ายคงไม่หวังดีกับเขาแน่ ยิ่งบอกว่าสงสัยเป็นกิ๊กกับเจ้าของร้านด้วยแล้ว

“อยู่ห่าง ๆ มันเถอะว่าน อย่าหาเรื่องใส่ตัวเลย” พี่วัตพูดซ้ำ

ว่านกลับไปคิดดูแล้วก็ตัดสินใจจะทำงานที่ร้านของนุชนารถต่อ เพราะเขาไม่อยากเสียรายได้งาม ๆ แบบนั้นไป ถึงอย่างไรว่านก็ตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับพี่อาร์มอยู่แล้ว

บททดสอบของว่านมาถึงในคืนวันหนึ่ง พี่วัตไปประชุมบริษัทที่ต่างจังหวัด ว่านก็เลยไม่สามารถยืมรถพี่วัตมาได้ต้องนั่งแท็กซี่มา พอขากลับว่านออกมายืนรอแท็กซี่หน้าร้านเกือบห้าทุ่มแล้ว ฝนเริ่มตกปรอย ๆ ลงมาจากท้องฟ้าที่มืดครึ้มตั้งแต่เมื่อเย็น

“กลับบ้านเหรอ” เสียงแหบห้าวคุ้นหูดังขึ้นข้างตัว วิวาห์หันกลับไปมองเจอพี่อาร์มยืนอยู่ข้าง ๆ “วันนี้ไม่ขับรถกลับเหรอ”

“ไม่ได้ขับรถมาครับ” ว่านตอบสั้น ๆ นึกภาวนาให้มีรถสักคันผ่านมาซักที เขากำร่มในมือแน่น ไม่คิดแบ่งปันให้คนข้าง ๆ

“กลับด้วยกันมั้ย เดี๋ยวไปส่ง” พี่อาร์มถาม ส่งยิ้มมาให้บาง ๆ “ไม่งั้นไปหลบฝนที่ห้องพี่ก่อนก็ได้ อยู่ตรงนี้เอง” พี่อาร์มชี้นิ้วไปที่คอนโดสูงลิ่วราคาน่าจะแพงลิบที่อยู่อีกฟากของถนน “ฝนตกแบบนี้รถคงหายาก”

“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก” วิวาห์ตอบ “เชิญพี่อาร์มเถอะครับ” นึกว่าพี่อาร์มจะเดินหนีแต่เจ้าตัวกลับหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ เขาไม่ไปไหนซักทีทั้งที่ฝนก็ตกอยู่อย่างนั้น ว่านทั้งอึดอัดทั้งหงุดหงิด “พี่อาร์มไม่กลับบ้านเหรอครับ”

“พี่ไม่รีบ ไม่มีธุระที่ไหน” อีกฝ่ายตอบมาง่าย ๆ เหมือนสมัยตอนที่เจอที่นู่นไม่มีผิด “ทำไมเหรอ...ว่านไม่อยากให้พี่ยืนตรงนี้เหรอ”

“ครับ” ว่านตอบออกไปตามตรง คนฟังมีสีหน้าประหลาดใจขึ้นมาแวบหนึ่ง

“แต่พี่คงยังไม่ไปไหนหรอกนะ” อีกฝ่ายตอบแกมหัวเราะ เอียงคอมองว่านอยู่พักหนึ่งก็ถามขึ้นมา “เลิกกับภรรยาแล้วเหรอ เห็นไม่ตามกลับมาด้วย แยกกันอยู่หรือว่ายังไง”

“เรื่องส่วนตัวของผมขออนุญาตไม่ตอบนะครับ”

พี่อาร์มยิ้ม เป็นรอยยิ้มรู้ทันแบบที่ว่านเกลียดที่สุด พนันได้เลยว่าพี่อาร์มต้องรู้อยู่แล้วแต่แกล้งถามว่านไปอย่างนั้นเองแน่

“ลูกสาวน่ารักดี วันนั้นเจอที่โรงพยาบาล น้องไม่สบายเหรอ”

“........” วิวาห์ไม่ตอบ รักษาอาการสงบนิ่งเอาไว้แม้ว่าในใจเริ่มจะร้อนรน

“ถ้าอยากให้ช่วยอะไรก็บอกได้นะ พี่พร้อมช่วยว่านเสมอ” พี่อาร์มพูดเสียงเรียบเรื่อย ว่านรู้สึกเหมือนอีกฝ่ายขยับตัวเข้ามาใกล้นิดหนึ่ง ว่านเลยถอยหลังไปอีกก้าว รักษาระยะห่างของเราสองคนเอาไว้ พี่อาร์มไม่ได้ขยับตามมาอีก แต่จ้องดวงตาคมกริบเหมือนในร้านอาหารมาที่ว่านนิ่ง ว่านสัมผัสได้ถึงความหมายมาดในดวงตาคู่นั้นของพี่อาร์ม “ว่าน...”

“รถมาแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ” ว่านรีบยกมือขึ้นโบกเร็ว ๆ แท็กซี่คันนั้นแล่นมาจอดเทียบข้าง ๆ

“พี่ยังรู้สึกกับว่านเหมือนเดิมนะ” พี่อาร์มพูดตามหลังมา ว่านเม้มปาก กำด้ามร่มเอาไว้แน่น “ต่อให้ว่านจะมีลูกแล้ว ความรู้สึกพี่ก็ยังเหมือนเดิม”

“เรื่องของเรามันจบไปแล้วครับ อย่าทำแบบนี้อีก..” ว่านตอบกลับไป เห็นพี่อาร์มยืนตากฝน มองว่านด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก

“ไปมั้ยหนู” คนขับแท็กซี่ถาม วิวาห์รีบเข้าไปนั่ง อีกฝ่ายทำท่าจะก้าวตามขึ้นมานั่งด้วย วิวาห์รีบปิดประตูรถดังปัง

“รีบไปเลยครับลุง ผมกลัวเขาเปิดตามขึ้นมา” ว่านพูดเร็วปรื๋อกดล็อกประตูรถฝั่งนั้นเอาไว้ กับพี่อาร์มแล้วเขามั่นใจว่าอีกฝ่ายสามารถทำทุกอย่างที่ต้องการได้แน่ วิ่งตามรถก็เคยมาแล้ว ทว่าอีกฝ่ายกลับถอยไปยืนมองเขาบนฟุตบาทที่เดิม

คนขับแท็กซี่มองผ่านกระจกมองหลัง เห็นผู้โดยสารที่เพิ่งขึ้นมาพูดอะไรแปลก ๆ ก็ชักใจไม่ดี

“ใครเหรอหนู”

“ช่างเขาเถอะครับ รีบไปเถอะ” วิวาห์ถอนหายใจ เห็นร่างสูงใหญ่ยืนนิ่งไม่ตามมาก็ค่อยโล่งใจขึ้น เอนตัวพิงเบาะอย่างเหนื่อยอ่อน บอกจุดหมายปลายทางกับคนขับ

ลุงแท็กซี่เหลือบมองกระจกหลังรถอีกครั้งอย่างหวาด ๆ บนฟุตบาทนั้นว่างเปล่าไม่เห็นเงาของใครเลยซักคน

.........................................................................................

มาอัพต่อนะคะ

เกริ่นมาสี่ตอน ถึงเวลาเข้าเรื่องของเราล่ะ

ใครชอบเรื่องนี้อย่าลืมช่วยกันโปรโมทด้วย คนละไม้คนละมือ เย่ๆๆ

#วิวาห์อามันต์
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน5 23/2/63 p3
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 23-02-2020 22:29:10
ว่านหลอนเหรอ? อาร์มไม่ได้ตามมาจริงๆใช่ไหม?

คือตอนที่แล้ว เราจุกเอาการ ดราม่าไหมแค่ไหนเราไม่เคยยั่น มาเถอะ รับได้หมด แต่ ยกเว้นจุดนี้แหละเรา sensitive มากกกับเรื่องเด็กป่วย สงสาร ทำใจไม่ได้เลยจริงๆ ลังเลมาก กลัวว่าตัวเองจะตามต่อแล้วไม่ไหว ฮืออออ คุณนักเขียนเบาๆกับน้องยี่หวาหน่อยนะคะ เรายังอยากอ่านเรื่องนี้ต่ออยู่ พลีสสส  :hao5:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน5 23/2/63 p3
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-02-2020 22:41:47
 o22
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน5 23/2/63 p3
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 24-02-2020 02:44:02
อย่าทิ้งนะคร้าบ อยากอ่านต่อ อยากรู้เรื่องให้ลึกซึ้งกว่านี้
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน5 23/2/63 p3
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 24-02-2020 03:58:43
 :pig4: :pig4: :pig4: พี่อาร์มเคลื่อนไหวเร็ว หรือลุงแท็กซี่ตาไม่ดี
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน5 23/2/63 p3
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 24-02-2020 04:22:20
ทำไมรู้สึกกลัว แล้วก็กังวลแปลกๆ อะ ฮือออ :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน5 23/2/63 p3
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 25-02-2020 23:05:56
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน5 23/2/63 p3
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 26-02-2020 01:46:43
แนวไหนค่ะเนี่ยยย กลัวทำใจไม่ได้เลย แงงงง :ling1:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน5 23/2/63 p3
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 26-02-2020 06:54:26
ชักจะงงในงงเข้าไปทุกที เดาว่าพี่นุชน่าจะเป็นแม่เลี้ยง? หรือญาติ​สักคนของพี่อาร์มไหม? แต่ตอนนี้สงสารยี่หวา เด็กน้อยต้องมาเจ็บ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน5 23/2/63 p3
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 26-02-2020 07:42:36
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน5 23/2/63 p3
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 28-02-2020 10:20:28
สงสารว่านกับลูก สิ่งที่กลัวก็เป็นจริงๆ แต่ก็ยังมีโอกาสหายนะ เป็นกำลังใจให้ว่านและครอบครัว
ส่วนพี่อาร์มนี่แปลกๆ ทำไมถึงคอยวนเวียนอยู่ใกล้ๆว่าน แล้วที่ลุงแท็กซี่ไม่เห็นพี่อาร์มอีก คืออะไรเนี่ยยยยย
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน5 23/2/63 p3
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 28-02-2020 20:52:16
งงงงงงงงงงง :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน5 23/2/63 p3
เริ่มหัวข้อโดย: MyMine104 ที่ 29-02-2020 00:11:01
อหหหหหหหหหหห ทำไมพึ่งเห็นเรื่องนี้ความพีคมาไม่หยุดหย่อน สรุปพี่อาร์มคือ? สงสารทุกคนในเรื่องเลย
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน5 23/2/63 p3
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 01-03-2020 10:54:42
ทำไมเคราะห์ซ้ำกรรมซัดขนาดนี้นะว่าน
เป็นห่วงว่านมากเลยค่ะ รุมเร้าเหลือเกิน
คือคนๆ หนึ่งต้องรับมือเรืองแย่ๆ ได้นานแค่ไหนนะ
ว่านจะเกินลิมิตเอาตอนไหน ถ้าไม่มียี่หวาอีก
แต่โชคดีอย่าง ว่านมีครอบครัวที่รักว่านมาก

อาร์มนี่ยังไง ทำตัวซับซ้อน และเหมือนทำตัวมีปัญหา

นุชล่ะ เกี่ยวข้องกันยังไงกับอาร์มคะ และดูรั้งว่านจังเลย

หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน 6 5/363
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 05-03-2020 21:03:17
วิวาห์อามันต์

ตอนที่ 6











“พี่อาร์ม กรี้ด พี่อาร์มขอลายเซ็นหน่อยค่ะ พี่ว่านด้วย”

เสียงกรี้ดของเหล่าแฟนคลับดังขึ้นกระหึ่มเมื่อนักร้องนำสองคนของวงดนตรีที่กำลังมาแรงที่สุดในปีนี้เดินเข้ามาในงานมอบรางวัลปลายปี วิวาห์ยิ้มกว้างเดินข้าง ๆ อามันต์อย่างมีความสุข ชื่อเสียงและความสำเร็จของเขามันมากกว่าที่เคยฝันเอาไว้เสียอีก

รางวัลนักร้องยอดเยี่ยมตกเป็นของอามันต์อย่างไร้ข้อกังขา วิวาห์ปรบมือแรง ๆ จนมือเจ็บไปหมด ใจเต้นรัวตอนที่พี่อาร์มหยุดยืนตรงหน้าเขาแล้วส่งมือมาให้

“ครับ? ”

“ขึ้นไปรับรางวัลด้วยกันหน่อย” อีกฝ่ายตอบกลับมาเนิบ ๆ วิวาห์หน้าร้อนผ่าวท่ามกลางเสียงกรีดร้องถล่มทลายของแฟนคลับที่ดูถ่ายทอดสดอยู่ข้างนอก

พี่อาร์มกล่าวขอบคุณค่ายเพลงและคนที่ปั้นเขาขึ้นมา ขอบคุณเพื่อนในวงแล้วก็แฟนคลับที่สนับสนุนเขามาโดยตลอด สุดท้ายพี่อาร์มก็หันมาหาว่านที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วยิ้มให้

“สุดท้ายขอขอบคุณกำลังใจพิเศษของผมด้วยครับ” พี่อาร์มพูดสั้น ๆ แค่นั้น แต่ไม่รู้ทำไมว่านรู้สึกเหมือนกำลังจะขึ้นสวรรค์ พี่อาร์มไม่ได้เอ่ยชื่อว่านด้วยซ้ำ แค่แววตายิ้มๆ ของพี่อาร์มก็มากเกินพอแล้วที่ว่านจะเขินจนลืมวิธิเดินไปหมด

ตอนที่กลับมาขึ้นรถตู้ด้วยกัน ว่านก็ยังยิ้มค้างอยู่เลยเพราะความปลาบปลื้มใจราวกับเป็นคนได้รางวัลเสียเอง ขนาดพี่แทนยังแซวว่าว่านไม่เมื่อยแก้มบ้างเหรอ

“ตอนร้องร้องเป็นวง ถึงเวลาได้เสือกรางวัลอยู่คนเดียว มันใช่เหรอวะ” เสียงมือกลองที่นั่งหลังสุดดังขึ้นทำลายบรรยากาศแช่มชื่นเสียหมด ว่านหุบยิ้มรีบหันไปมองพี่อาร์มอย่างเป็นห่วง

“ได้รางวัลก็ดีแล้ว อาร์มมันก็ขึ้นไปรับรางวัลในนามวงของเรานะ” พี่แทนพูด

“ในนามวง? นั่งฟังจนจบได้ยินชื่อวงกี่คำ เลิกเข้าข้างมันซักทีเถอะแทน”

“ใคร ๆ ก็รู้ว่าพี่อาร์มเป็นนักร้องนำวงอะไร ทำไมต้องบอกอีก” ว่านโพล่งขึ้นมาบ้าง “พี่อาร์มได้รางวัลก็ควรจะดีใจสิ พวกพี่เป็นอะไรกันน่ะ”

“น้องว่านไม่คิดบ้างเหรอว่าการที่ไอ้อาร์มได้รางวัลนี้มันก็เป็นเพราะพวกเราทุกคน ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่ง..แล้วทำไมถึงเป็นแค่มันคนเดียวที่ได้ขึ้นไปรับรางวัลล่ะ พวกเราไม่ได้พยายามกันมาหรือไง”

“สรุปคือไม่พอใจที่ไม่ได้เชิญขึ้นเวทีด้วยกันใช่มั้ย” อามันต์ที่นั่งนิ่งมาตั้งแต่แรกพูดขึ้น

“ใช่” พี่กอล์ฟพูดเสียงห้วน “แต่ที่ไม่พอใจกว่าคือมึงไม่ให้เกียรติเพื่อนร่วมวงที่ล้มลุกคลุกคลานกันมาตั้งแต่แรก ขณะที่น้องว่านไม่ใช่”

“ว่านเป็นนักร้องนำ เป็นหน้าตาของวง” อามันต์สวน “จะให้กูพูดชื่อพวกมึงเรียงตัวทีละคนบนเวทีหรือไงล่ะ”

“ก็ควรจะทำ ไม่ใช่บอกแค่ขอบคุณเพื่อนร่วมวง พวกกูมีตัวตนนะ”

“ทำไมคิดเล็กคิดน้อยขนาดนี้เนี่ย” แทนใจอุทาน “เขาให้เวลาพูดไม่ถึงนาที ไอ้อาร์มจะมานั่งพูดชื่อนามสกุลของพวกมึงหมดได้ยังไง หัดคิดเสียบ้าง”

“ใช่สิ มึงก็เข้าข้างมันตลอด กูกับไอ้ชัยไอ้ไมค์ไม่ใช่เพื่อนมึงเหรอแทน เพราะพวกกูไม่ได้มีแฟนคลับมาคอยตามกรี้ด ๆ เหมือนโดนข้าวสารเสกอย่างมันใช่มั้ยล่ะ ถามหน่อยเหอะ ถ้าไม่มีพวกกูมันจะเรียกว่าวงมั้ย” กอล์ฟพูดอย่างเผ็ดร้อน “พวกกูก็เริ่มก่อตั้งวงด้วยกันมานะอย่าลืม”

“ถ้าไม่พอใจก็ออกไปจากวงเลย” อามันต์พูด วิวาห์รีบจับมือพี่อาร์มเอาไว้กระซิบเสียงเบา

“พี่อาร์มใจเย็น ๆ ก่อนครับ ค่อย ๆ คุยกัน”

“อ๋อ...คิดจะไล่ก็ไล่กันง่าย ๆ แบบนี้เลยใช่มั้ย”

“เลิกทะเลาะกันเป็นเด็ก ๆ ได้แล้ว” แทนใจตัดบท “จะถึงร้านแล้วเอาไว้ค่อยคุยกันหลังทำงานเสร็จ”

“ไม่” พี่กอล์ฟว่า “กูจะคุยให้มันรู้เรื่องวันนี้ จะคุยเรื่องรับงานเดี่ยวของมันด้วย ถ้าอยากบินเดี่ยวมากนักล่ะก็ ทำไมไม่ออกไปล่ะ มาห้อยชื่อวงเอาไว้เพื่ออะไร”

“ไปกันใหญ่แล้วพี่กอล์ฟ พี่ชัย” ว่านถอนหายใจยาว นึกดีใจที่รถตู้มาถึงร้านอาหารกึ่งบาร์ที่เป็นสถานที่ทำงานในคืนนี้ของพวกเขาเข้าพอดี พี่อาร์มถอดสูทออกแล้วปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวในเล็กน้อย อวดแผงอกกว้างน่ามอง วิวาห์เลยปลดกระดุมตามบ้าง อยากให้เข้าคอนเซปต์เดียวกัน

“ไม่ต้อง” พี่อาร์มยื่นมือมาติดกระดุมให้เขาจนถึงคอเหมือนเดิม “พี่หวง”

ว่านหน้าร้อนวาบ ก้มหน้างุด

“ว่านก็..หวงพี่อาร์มเหมือนกันนะ”

พี่อาร์มหัวเราะห้าว ๆ ออกมา ไม่พูดอะไรอีก เปิดประตูรถอออกมาได้ก็ได้ยินเสียงเชียร์ต้อนรับจากแขกในร้านดังก้อง ว่านลืมเรื่องบาดหมางระหว่างคนในวงไปเสียสนิท พี่กอล์ฟกับพี่ ๆ คนอื่น ๆ ในวงก็มีความเป็นมืออาชีพสูง รับส่งมุขกันบนเวทีแนบเนียน แทบจะดูไม่ออกเลยว่ามีเรื่องกันอยู่

พี่อาร์มร้องเพลงอยู่จนเกือบถึงเพลงสุดท้ายแล้ว จู่ ๆ ก็ชะงักไปกลางคันแล้วเดินลงจากเวทีเสียเฉย ๆ ว่านมองตามอย่างมึนงงแต่ก็ต้องแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าไปก่อน เขาหันไปร้องเพลงต่อจนจบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

พี่อาร์มไม่ได้กลับมาอีกเลยจนกระทั่งเสร็จงาน

“มันหายไปไหน” พี่กอล์ฟพูดหลังจากลงจากเวทีแล้ว เดินเข้าไปตามหานักร้องนำในห้องน้ำ “อยู่ ๆ ก็ลงมาจากเวที มันเป็นบ้าหรือเปล่า”

“พี่อาร์มอยู่ไหนน่ะ” ว่านออกตามหาเสียวุ่น สุดท้ายก็มาเจอร่างสูงใหญ่นอนเอนหลังหลับตาอยู่บนรถตู้ “พี่อาร์ม เป็นอะไรหรือเปล่าครับ เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงลงมาจากเวทีล่ะ”

อีกฝ่ายลืมตาขึ้นมองเขา ตอบกลับมาเรียบ ๆ

“พี่ปวดหัวน่ะ ขอโทษด้วยนะ งานเป็นยังไงบ้าง”

“งานจบไปแล้วไม่มีปัญหาอะไรครับ คนดูก็งง ๆ หน่อยว่าพี่อาร์มไปไหน แล้วพี่กินยาหรือยังครับ ปวดมากเลยเหรอ ต้องไปโรงพยาบาลมั้ย”

“ไม่หรอก นอนพักสักนิดเดี๋ยวก็ดี” พี่อาร์มว่าอย่างนั้น

ทุกคนในวงกลับมาที่รถ พี่กอล์ฟไม่พูดอะไรอีกเลยแต่ดูออกว่ากำลังโกรธจัด ตวัดสายตามองพี่อาร์มแล้วก็ขึ้นไปนั่งกอดอกบนรถ พี่แทนตามมาทีหลังสุด เขาบอกว่าเคลียร์กับเจ้าของร้านแล้วเรียบร้อย ฝ่ายนั้นไม่ได้เอาเรื่องอะไรที่นักร้องลงจากเวทีก่อนเพลงจะจบ

“ไอ้อาร์ม...ปวดหัวเหรอ ไปหาหมอมั้ยล่ะ ให้เขาดูหน่อย” แทนใจเสนอ พี่อาร์มปฏิเสธแบบไม่ต้องคิดซ้ำ

ไม่มีใครเซ้าซี้พี่อาร์มอีก ว่านก็ได้แต่มองพี่อาร์มด้วยความเป็นห่วง พอถึงสตูดิโอก็รีบพาอีกฝ่ายอาบน้ำเข้านอน พี่อาร์มไม่ได้พูดอะไร พอหัวถึงหมอนก็นอนหลับสนิทไปง่าย ๆ

วิวาห์เก็บเสื้อผ้าของพี่อาร์มออกมาจากห้องน้ำ เขาทำทุกวันจนชินกลายเป็นหน้าที่ไปแล้ว อันที่จริงการดูแลพี่อาร์มก็เป็นหน้าที่ของคนรักอย่างเขา วิวาห์ไม่เคยรังเกียจเลยสักนิด ต่อให้ต้องนั่งซักถุงเท้าซักกางเกงในให้อีกฝ่ายก็ตาม

“เอ๊ะ..รอยอะไร” คราบสีแดงคล้ำเปื้อนอยู่ที่ชายเสื้อยืดสีขาวที่พี่อาร์มสวมเอาไว้ด้านในเป็นหย่อม ๆ “เหมือนเลือดเลย พี่อาร์มมีแผลตรงไหนเหรอ”

เขาตั้งใจว่าจะเก็บไปถามพี่อาร์มตอนเช้า พี่อาร์มบอกว่าไม่ใช่เลือดแต่เป็นซอสมะเขือเทศหกใส่เสื้อเมื่อตอนเที่ยง ว่านก็ค่อยสบายใจขึ้นมา

“กลัวพี่เป็นอะไรงั้นเหรอ” พี่อาร์มมองหน้าว่านแล้วถามยิ้ม ๆ

“ถามได้...ว่านเป็นห่วงพี่อาร์มนะ” เขาจับมือของอีกฝ่ายเอาไว้

“เป็นห่วงขนาดไหน”

“เป็นห่วงมากกว่าชีวิตตัวเอง” เขาตอบตามที่คิด พี่อาร์มเลิกคิ้วมองหน้าเขาแล้วยิ้มก่อนจะชะโงกเข้ามาจูบที่หน้าผากของว่านเบา ๆ

“เด็กโง่” พี่อาร์มกระซิบ

ว่านยิ้มรับ บางที..ว่านก็คงจะโง่มากจริง ๆ ที่รักพี่อาร์มขนาดนี้ แต่จะทำไงได้ ว่านยอมเป็นคนโง่ที่รักพี่อาร์มและได้รับความรักจากพี่อาร์มตอบกลับมา

...................................................................

“วีว่า...วีว่าคะ ยี่หวาเลือดออก” เสียงใส ๆ ดังขึ้นปลุกมารดาที่ฟุบหลับอยู่ให้สะดุ้งตื่นจากฝัน วิวาห์ลุกขึ้นมานั่งงง ๆ พอเห็นสภาพลูกสาวบนเตียงก็ใจหายวาบ

“ยี่หวา เป็นอะไรลูก เลือดออกมาจากไหน” เลือดสด ๆ ไหลออกมาจากจมูกของเด็กหญิงเป็นทางเลอะลงมายังชุดกระโปรงที่สวมอยู่ “นอนลงก่อนนะคะ ยกมือขึ้นบีบจมูกเอาไว้ เดี๋ยววีว่าไปหาอะไรเย็น ๆ มาก่อน”

วิวาห์จับลูกสาวนอนลงแล้วรีบออกจากห้องนอนลงไปหาเจลลดไข้ในตู้เย็น กระวีกระวาดขึ้นมาหาลูกสาวอีกครั้ง เลือดยังไหลอาบลงมายังลำคอเล็ก ๆ ขณะที่เด็กหญิงเริ่มร้องไห้ออกมาด้วยความกลัว

“วีว่า ยี่หวาจะตายมั้ยคะ เลือดจะไหลออกหมดตัวแล้ว”

“ไม่ตายลูก ไม่ตายนะคะ ต้องไม่ตายสิ ยี่หวาคนเก่งไม่เป็นไรแน่ ๆ นอนลงก่อนนะคะ” วิวาห์ประคบเจลเย็นบนหน้าผากของลูกสาวพลางเช็ดทำความสะอาดคราบเลือดบนคางให้อย่างกังวล “ทำไมจู่ ๆ ก็เลือดไหลอีกล่ะ ยี่หวาแคะจมูกเหรอคะ”

“เปล่านะคะ ยี่หวานอนเล่นอยู่แล้วมันก็ไหลออกมาเอง” เด็กหญิงตอบเสียงเบา ท่าทางตกใจมาก “ยี่หวาจะตายมั้ยคะ”

“ไม่หรอก เลือดกำเดาออกแค่นี้เอง นิดเดียวเองค่ะ” วิวาห์ปลอบใจ ซ่อนความตื่นตระหนกเอาไว้ภายใต้สีหน้ายิ้มแย้มสบาย ๆ “ใกล้จะหยุดแล้วล่ะ”

“มันแน่น ๆ แน่นจังเลยค่ะ” ยี่หวาพูด ขมวดคิ้วมุ่น ยกมือขึ้นแตะที่หน้าอก “เหมือนหายใจไม่ออก”

“ยี่หวานอนตรงนี้ก่อนนะคะ” วิวาห์เริ่มใจไม่ดี ผุดลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาพี่ชายเพื่อบอกว่าจะพาลูกไปโรงพยาบาล วิรัตน์ไปประชุมต่างจังหวัดพอดี ที่บ้านก็เลยไม่มีรถ แล้วตอนนี้ก็เป็นเวลาตีสาม

“เรียกรถฉุกเฉินมาเลย โทร 1669 เรียกมาก่อน” พี่ชายพูดมาตามสายอย่างเคร่งเครียด “โทรหาวินก่อนก็ได้ ให้วินช่วย”

วิวาห์เลยรีบโทรหาน้องชายที่เป็นหมอแทน วิรุฬบอกว่าจะจัดการให้ วิวาห์อุ้มลูกที่ยังเลือดกำเดาไหลไม่หยุดยืนรออยู่หน้าบ้านด้วยความกังวลใจ พักหนึ่งรถพยาบาลก็มาถึง

หวันยิหวาได้นอนโรงพยาบาลในคืนนั้น หมอบอกว่าเกร็ดเลือดของน้องต่ำมากแล้วก็ซีดมาด้วย จำเป็นต้องได้รับเลือดและเกร็ดเลือด วิวาห์ไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะความวิตกกังวล เขานั่งเฝ้าลูกสาวอยู่ข้างเตียง จ้องมองร่างเล็ก ๆ ที่มีสายระโยงระยางค์ต่อกับถุงเลือด เลือดกำเดาหยุดไหลไปแล้ว แต่ว่าเด็กหญิงยังบ่นว่าเหนื่อยอยู่นั่นเอง

“อดทนหน่อยนะลูก เดี๋ยวก็จะดีขึ้นนะคะ”

“วีว่าพูดมาสามรอบแล้ว ยังไม่เห็นดีเลยค่ะ” หวันยิหวางึมงำ ยกมือขึ้นขยี้ตางัวเงีย วิวาห์รีบจับมือลูกเอาไว้

“อย่าขยี้ตานะคะ ไม่เอา”

“วีว่า” ลูกสาวเรียกมาอีก ดวงตากลมโตล้อมด้วยขนตายาวหันมาจ้องมองเขา “เมื่อไหร่ยี่หวาจะหายดีคะ”

“ใกล้แล้วค่ะ อีกไม่นาน” วิวาห์ตอบยิ้ม ๆ “คุณหมอก็บอกว่ายี่หวาเก่งมาก หนอนตายไปครึ่งตัวแล้ว”

“ยี่หวาอยากไปโรงเรียนจังค่ะ”

“ยี่หวาจะต้องหายดีแล้วก็ได้ไปโรงเรียนแน่ ๆ ค่ะ อย่าห่วงไปเลยน่ะ นอนเสียก่อนนะ ง่วงจนตาจะปิดแล้ว” วิวาห์หัวเราะเบา ๆ ยกมือขึ้นเขี่ยแก้มนิ่ม ๆ ของลูกสาวเล่น “หลับได้แล้ว วีว่าอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน”

“วีว่าห้ามทิ้ง...ห้ามทิ้งยี่หวานะคะ” เด็กหญิงกำนิ้วมือของเขาเอาไว้แน่น วิวาห์พยักหน้า ส่งยิ้มไปให้อีกรอบ ลูกสาวถึงได้ยอมหลับตาลง

น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ไหลออกมาเป็นทาง วิวาห์เม้มปากแน่นกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้ดังถึงหูของลูก ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมเรียวแขนเล็กที่เต็มไปด้วยรอยเขียวช้ำจากการแทงเข็มน้ำเกลือ ยิ่งเห็นลูกสาวไม่สบาย หัวใจของเขายิ่งเจ็บช้ำเสียยิ่งกว่า

ดีที่วันรุ่งขึ้นคุณหมอบอกว่าผลเลือดของยี่หวาดีขึ้นแล้ว เด็กหญิงยังมีท่าทางอ่อนเพลียอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้มีเลือดออกมาอีก ป้าเอิบกับมารดามาเยี่ยมหลานตั้งแต่เช้าครู่ พี่วัตเองก็รีบกลับจากต่างจังหวัดเพื่อมาดูอาการหลานสาวก่อน

“ตกใจแทบแย่ ไอ้ว่านโทรมาตีสาม เราก็อยู่ต่างจังหวัด จะให้เรียกรถแท็กซี่มาเองก็ยาก” วิรัตน์พูด ยกมือขึ้นลูบศีรษะของหลานรักเบา ๆ “หายไว ๆ นะยี่หวา ลุงจะได้พาไปกินไอติมด้วยกันอีก”

“ยี่หวาอยากกินรสมะนาวค่ะ” เด็กหญิงรีบบอก วิรัตน์หัวเราะห้าว ๆ

“เรื่องขนมนี่ตอบไวเลยนะ”

“แล้วเรื่องงานแต่งของวัตล่ะ ไปถึงไหนแล้ว แฟนวัตจะกลับมาเมื่อไหร่” มารดาถามขึ้นเรียบ ๆ “หลานป่วยอยู่คงจัดอะไรมากมายไม่ได้หรอกมั้ง”

รอยยิ้มของพี่วัตจางลงเล็กน้อย

“อ๋อครับ...ก็คุยกับเบสต์เขาแล้วล่ะว่าจะจัดพิธีง่าย ๆ เชิญแค่คนในครอบครัวพอ”

“ดีแล้ว ประหยัดอะไรได้ก็ต้องประหยัด”

วิวาห์ฟังแล้วก็ไม่สบายใจเลย เขาหาโอกาสตอนที่แม่กลับไปแล้วเข้าไปคุยกับพี่ชายคนโตของตัวเอง

“พี่วัต ว่านขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ย เรื่องงานแต่งงานของพี่น่ะ อยากจัดแบบไหนก็จัดไปเถอะนะ ไม่ต้องกังวลเรื่องยี่หวาหรอก ไม่เกี่ยวกัน บ้านพี่เบสต์เขาก็มีหน้ามีตา ถ้าจัดเล็ก ๆ เดี๋ยวเขาจะไม่พอใจหรือเปล่า”

“ไม่เป็นไรว่าน พี่คุยกับเบสต์แล้ว เขาโอเคเข้าใจ ยังบอกเป็นห่วงยี่หวาอยู่เลย ว่านไม่ต้องกังวลเรื่องงานแต่งของพี่หรอก สนใจแต่เรื่องอาการของยี่หวาก็พอแล้ว จริง ๆ พี่ยังคิดอยู่ว่าจะพาไปจดทะเบียนแล้วก็กินเลี้ยงกันในครอบครัวก็พอแล้วมั้ง”

“ผมคิดว่าผู้หญิงทุกคนอยากมีวันสำคัญของตัวเองนะครับ” ว่านพูดขึ้น “พี่เบสต์กับพี่คบกันมานาน พี่ก็วางแผนแต่งงานมาเป็นปี อย่าให้เรื่องของยี่หวาทำลายบรรยากาศเลยครับ ไม่อย่างนั้นผมกับยี่หวาก็คงรู้สึกไม่ดีแน่ ผมไม่อยากให้ตัวเองกับลูกเป็นตัวถ่วงครับ”

“พูดอะไรอย่างนั้น” พี่วัตขมวดคิ้ว “นายเป็นน้องชายของฉัน ยี่หวาก็หลานแท้ ๆ ฉันจะนิ่งดูดายได้ยังไง” วิรัตน์ถอนหายใจยาว “ไม่ต้องห่วงเรื่องอะไรทั้งนั้นล่ะ แล้วยี่หวาจะกลับบ้านได้พรุ่งนี้แล้วใช่มั้ย”

“ครับ เห็นหมอว่าอาการดีขึ้นแล้ว” วิวาห์ยิ้มออกมานิดหนึ่ง “เจ้าตัวดีใจใหญ่ เบื่อโรงพยาบาล”

“ตัวนิดเดียว มาป่วยแล้วผอมหัวโต” วิรัตน์ยกมือขึ้นตบไหล่น้องชาย “อย่าลืมนอนพักผ่อนบ้างล่ะ สภาพตอนนี้โทรมกว่าคนป่วยเสียอีกนะรู้มั้ย”

“ว่านแข็งแรงดีครับ พี่วัตไม่ต้องห่วง” วิวาห์ยิ้ม

พี่วัตและทุกคนทยอยกลับกันไปตอนหัวค่ำ วิวาห์นั่งหลอกล่อให้ลูกสาวกินข้าวทีละคำสองคำแต่วันนี้หวันยิหวากลับดื้อเป็นพิเศษ บ่นเจ็บปากเจ็บคอไม่ยอมกินขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“ถ้าไม่กินพรุ่งนี้จะไม่ได้กลับบ้านนะคะ” วิวาห์ขู่ เด็กสาวหน้าจ๋อย

“ยี่หวากินไม่ลงค่ะ” ลูกพูด “อิ่มแล้ว”

“ยังกินไม่ถึงครึ่งเลย ถ้ากินน้อยแล้วจะเอาแรงที่ไหนไปสู้กับเชื้อโรคล่ะคะ” วิวาห์พูดเสียงอ่อน “อีกคำนึงเร็ว หมูสับก้อนที่ยี่หวาชอบไงคะ”

“ยี่หวาเบื่อค่ะ ไม่อยากกิน” เด็กหญิงหันหน้าหนีไปอีกทาง วิวาห์ถอนหายใจเฮือก คิดหาวิธีมาหลอกเด็กต่อ “ยี่หวาดูแครอทรูปดอกไม้สิคะ สวยน่ารักมั้ย”

“แครอทอีกแล้ว” ยี่หวาพึมพำ หรี่ตาดูแครอทบนช้อนของมารดา “สวยค่ะ”

“อร่อยด้วยนะ ลองชิมดูเร็ว” วิวาห์โล่งอกที่เห็นลูกสาวยอมอ้าปากให้ป้อนแต่โดยดี หวันยิหวากินไปได้อีกนิดหน่อยก็ส่ายหน้าบอกว่าไม่ไหวแล้ว วิวาห์เลยยอมล่าถอยเพียงแค่นั้น

พาลูกเข้าไปอาบน้ำแปรงฟันเสร็จก็พายี่หวามานอน เด็กหญิงหลับไปอย่างรวดเร็วคงเป็นเพราะว่าเพลียมาก วิวาห์เลยเข้าไปจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำบ้าง ใช้เวลาสั้น ๆ ไม่ถึงสิบห้านาทีเพราะเป็นห่วงลูก เขาก็กลับออกมาจากห้องน้ำ

เงาสูงใหญ่ยืนอยู่ที่ริมเตียงทำให้เขาตกใจจนเกือบทำของในมือหล่น วิวาห์กะพริบตาอีกครั้งถึงได้มองเห็นโครงร่างที่ชัดเจนของผู้ชายคนหนึ่ง ...คนที่เห็นแวบเดียวเขาก็จำได้ทันทีว่าคือใคร

“พี่อาร์ม...เข้ามาได้ยังไง” เขาพูดตะกุกตะกัก รีบเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างระแวง

“น้องเขาอนุญาตแล้วให้พี่มาหา” พี่อาร์มตอบกลับมายิ้ม ๆ ละสายตาจากเด็กหญิงที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงหันมามองว่าน “เป็นยังไงบ้าง ลูกป่วยเหรอ”

วิวาห์สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เรียกสติกลับมา

“ใช่ ยี่หวาไม่สบายนิดหน่อย พี่อาร์มกลับไปเถอะนะ ขอบคุณมากที่มาเยี่ยม”

“ได้ยินแว่ว ๆ ว่าเป็นลูคีเมียเหรอ” อีกฝ่ายถามต่อมาอีก ท่าทางสนใจมาก “จริงหรือเปล่า”

“ครับ อยู่ในขั้นตอนการรักษา เชิญพี่อาร์มกลับไปก่อนดีกว่าครับ ยี่หวาเป็นหวัดอยู่เดี๋ยวพี่อาร์มจะป่วยไปด้วยเปล่า ๆ”

อีกฝ่ายยิ้ม แววรู้ทันพาดผ่านไปบนแววตาคมกริบ

“พี่ไม่มีเชื้อโรคหรอก ไม่ต้องรีบไล่มากก็ได้”

“ยี่หวายังไม่แข็งแรง ผมไม่อยากให้ใครเข้าใกล้ลูกผมมากไป” วิวาห์พูดเสียงแข็งขึ้นเล็กน้อย อีกฝ่ายเลิกคิ้วมองหน้าเขาเหมือนแปลกใจ

“ว่านเปลี่ยนไปนะ”

วิวาห์ยิ้ม

“เวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยนนี่ครับ...เชิญพี่อาร์มเถอะครับ” คราวนี้เขาเดินไปเปิดประตูห้องพักรอเลยทีเดียว ถือเป็นการไล่อย่างไม่ไว้หน้า ถ้าเป็นพี่อาร์มคนเดิมคงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่ ทว่าพี่อาร์มในตอนนี้เพียงแต่ส่งยิ้มให้เขาบาง ๆ แล้วเดินออกไปจากห้องเท่านั้น วิวาห์ดึงประตูปิดทันควัน

ไม่รู้ว่าพี่อาร์มรู้เรื่องยี่หวาป่วยมาจากไหน แต่ว่านก็ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะต้องรีบพายี่หวากลับบ้านพรุ่งนี้ให้ได้ เผื่อว่าพี่อาร์มเกิดกลับมาอีก คำพูดของพี่อาร์มในคืนนั้นยังติดอยู่ริมหูราวกับคนพูดมาพูดใกล้ ๆ

....พี่ยังรู้สึกกับว่านเหมือนเดิมนะ....ต่อให้ว่านมีลูกแล้ว...

รอยยิ้มหยันปรากฏที่มุมปาก วิวาห์ลุกขึ้นเดินไปจัดผ้าห่มให้กับลูกสาวอย่างเบามือ หวันยิหวาหลับปุ๋ยไปแล้ว ดีที่ไม่ตื่นขึ้นมากลางดึก วิวาห์ถอยกลับไปนอนหลับ ๆ ตื่น ๆ บนโซฟาข้างเตียงนั้นเอง

วันรุ่งขึ้นความหวังของเขาสลายไปเพราะอาการของลูกแย่ลง หวันยิหวาไข้ขึ้นสูงตั้งแต่เช้า วิวาห์เช็ดตัวทั้งวันร่างกายเล็ก ๆ บอบบางนั้นก็ยังร้อนผ่าวเหมือนมีไฟสุมอยู่ข้างในตลอดเวลา เด็กหญิงกินอะไรไม่ได้เลย พอกินเข้าไปก็อาเจียนออกมาหมด ได้แต่นอนซึมอยู่บนเตียง

“ยี่หวาหิวมั้ยคะ ป้าเอิบทำซุปข้าวโพดที่หนูชอบมาให้นะ” วิวาห์พูด เด็กหญิงส่ายหน้า

คุณหมอบอกว่ายี่หวาน่าจะติดเชื้อ ต้องอยู่โรงพยาบาลให้ยาฆ่าเชื้อไปก่อน แพลนคีโมเข็มต่อไปก็ต้องเลื่อนออกไปเพราะร่างกายไม่พร้อม วิวาห์ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหวันยิหวาจะได้กลับบ้านเมื่อไหร่

..หรือว่าจะไม่ได้กลับออกไปเลย... หยุดคิดเดี๋ยวนี้ วิวาห์ส่ายหน้า บอกตัวเองว่าจะไม่คิดไปในทางร้ายอย่างเด็ดขาด ยี่หวาจะต้องดีขึ้นแล้วได้กลับบ้าน ลูกสาวของเขาเก่งจะตาย

“ลูกสาวเก่งจริง ๆ นะ” เสียงห้าว ๆ ดังขึ้นข้างตัว วิวาห์หันกลับไปมองก็เจอพี่อาร์มนั่งอยู่ข้าง ๆ ในสวนของโรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ “น้องเข้มแข็งมาก ๆ ว่านเองก็ต้องเข้มแข็งด้วย อย่าให้แพ้ลูกล่ะรู้มั้ย”

“พี่อาร์ม” วิวาห์มองซ้ายขวา เขาอุตส่าห์หลบมานั่งร้องไห้คนเดียวแล้วแท้ ๆ ทำไมพี่อาร์มถึงได้คอยป้วนเปี้ยนวนเวียนไม่จบไม่สิ้นเสียที “ว่านขอตัวก่อนนะครับ”

“เดี๋ยวสิว่าน” พี่อาร์มเรียกเอาไว้ “นั่งคุยกันก่อนได้มั้ย”

“มีเรื่องอะไรครับ” ท่าทางของพี่อาร์มดูจริงจังมาก ว่านเลยหยุดยืนที่เดิม มองผู้ชายตัวใหญ่ที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้นิ่ง “ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญอะไร ว่านจะขอตัวไปดูลูกก่อน”

“พี่ขอโทษ” พี่อาร์มโพล่งออกมา เงยหน้าขึ้นมองเขา “ว่านโกรธพี่มากใช่มั้ยที่พี่บอกเลิก”

“ผมหายโกรธพี่นานแล้ว”

“อโหสิกรรมให้พี่นะ” พี่อาร์มรีบพูดต่อ “พี่เป็นคนผิดเอง พี่ทำให้ว่านเสียใจ ตอนนั้นพี่ไม่รู้ถูกอะไรเข้าสิงถึงได้ทำแบบนั้น พอมาย้อนคิดดูแล้ว พี่ก็ได้แต่เสียใจ...เสียใจมาก ๆ พี่ทำผิดต่อว่านมาก พี่ขอโทษนะ”

“ว่านอโหสิให้พี่ไปแล้ว”

“ไม่จริง ถ้าอโหสิให้แล้วทำไมพี่ถึง...” พี่อาร์มพูดเร็วปรื๋อแล้วก็หยุด มองหน้าเขา “ว่านยังโกรธพี่อยู่ เราสองคนยังติดค้างกัน”

ว่านนึกถึงลูกสาวขึ้นมาแวบหนึ่ง

“ไม่มีอะไรติดค้างแล้วจริง ๆ พี่อาร์ม” เขาพูดเสียงอ่อนลง “พี่อาร์มเชื่อว่านนะ เราจบกันด้วยดีไม่ใช่เหรอ ต่างคนต่างก็มีทางเดินของตัวเอง ว่านเข้าใจพี่อาร์ม เคารพการตัดสินใจของพี่อาร์มเสมอ”

อีกฝ่ายถอนหายใจยาว

“ว่านไม่ยอมรับความรู้สึกของตัวเอง” พี่อาร์มพูด “พี่ต้องทำยังไงนะ” ชายหนุ่มเหมือนปรารภกับตัวเองมากกว่าพูดกับเขา “คืนนี้ว่านจะไปร้องเพลงหรือเปล่า”

“คงไปไม่ได้หรอกครับ ว่านต้องเฝ้าลูก” วิวาห์ตอบ นึกถึงสาวใหญ่เจ้าของร้านขึ้นมาได้เลยพูดเสียงห้วนขึ้นโดยไม่ตั้งใจ “พี่อาร์มคงมาถามแทนพี่นุช”

“เปล่า” อามันต์ส่ายหน้า “พี่แค่อยากรู้เฉย ๆ ...เพราะว่าตอนนี้ พี่ไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องทำยังไง”

“ทำอะไรครับ? ถ้าพี่อาร์มหมายถึงทำให้ว่านหายโกรธหรืออะไรทำนองนั้น ว่านบอกเลยว่าพี่ไม่ต้องทำอะไรเลย ว่านไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่แล้ว ไม่ได้โกรธไม่ได้รัก” วิวาห์พูด “ว่านโอเคมาก ๆ แล้วครับ”

“ถ้าโอเคแล้วจะวิ่งวุ่นหาเงินอยู่แบบนี้เหรอ” อีกฝ่ายพูดขึ้น มองเขาด้วยแววตาที่อ่านไม่ออกอีกครั้ง “เงินเก็บของว่านไปไหนเสียหมดล่ะ หรือว่าใช้ไปหมดแล้ว” อามันต์รู้ว่าว่านมีเงินเก็บอยู่จำนวนหนึ่งสมัยที่ยังโด่งดัง วิวาห์ไม่อยากบอกเลยว่าเขาใช้หมดไปตั้งแต่หวันยิหวายังอายุไม่เต็มสองขวบดี แล้วก็ไม่มีโอกาสทำให้เงินในบัญชีงอกเงยขึ้นมาอีก “ลืมไปว่าว่านแต่งงานนี่นะ คงมีเรื่องให้ใช้เงินมาก”

“ขอบคุณพี่อาร์มที่เป็นห่วงครับ” วิวาห์เลือกจะตอบสั้นที่สุด ไม่อธิบายอะไรมากกว่านั้น “ว่านขอตัวก่อนนะครับ”

“พี่มีเพลงจะให้ว่านร้อง” พี่อาร์มพูดต่อมาอีก “พี่แต่งให้ว่าน แต่ตอนนั้นเราเลิกกันเสียก่อน”

วิวาห์ยิ้มนิด ๆ

“ขอบคุณครับ พี่อาร์มเก็บเอาไว้ร้องให้ตัวเองฟังเถอะ แล้วก็...อย่ามาเจอกันอีกเลยนะครับ” พูดจบก็รีบหมุนตัวเดินฉับ ๆ กลับเข้ามาในตัวอาคาร รู้สึกได้ว่าพี่อาร์มมองตามหลังมาจนลับตา วิวาห์ขึ้นลิฟต์มายังห้องพักของลูกสาว หวันยิหวายังหลับสนิทอยู่บนเตียงเหมือนเดิม


หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน6 5/3/63 p4
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 05-03-2020 21:04:39







พี่วิรัตน์มาเยี่ยมเขาพร้อมกับพี่เบสต์ว่าที่พี่สะใภ้ พี่เบสต์จับมือว่านเอาไว้แน่น พูดปลอบใจว่านอย่างอ่อนโยนจนว่านรู้สึกสบายใจขึ้นมาก

“ว่านต้องดูแลตัวเองด้วยรู้มั้ย จะปล่อยให้ตัวเองโทรมแบบนี้ไม่ได้ ถ้าว่านป่วยไปแล้วยี่หวาจะทำยังไงล่ะ ว่านต้องรักษาตัวเองให้แข็งแรง”

“ครับ” วิวาห์ก้มหน้าลง หญิงสาวลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ

“เมื่อกี้เห็นแวบ ๆ ในสวน ทำอะไรอยู่น่ะ” วิรัตน์ถามขึ้น วิวาห์เงยหน้าขึ้นมองพี่ชาย

“เจอพี่อาร์มครับ เลยคุยกันนิดหน่อย” ว่านพูดด้วยน้ำเสียงธรรมดา แต่ว่าพี่ชายกลับหน้าเครียดขึ้นมา

“คุยกันว่าอะไร”

“ก็...ไม่มีอะไรครับ เขารู้ว่ายี่หวาป่วยก็เลยถามถึง แต่เขาไม่รู้หรอกน่ะว่ายี่หวาเป็นลูกของว่าน” วิวาห์พูดตามตรง “ว่านก็ไม่ได้บอก”

พี่วัตทำท่าเหมือนจะพูดอะไรออกมา วิวาห์เลยรีบพูดขึ้น

“ไม่ต้องห่วงครับ ว่านไม่โง่กลับไปอีกแล้วแน่ พี่อาร์มบอกว่ายังรู้สึกกับว่านเหมือนเดิม แต่ว่านดูออกแล้วว่าพี่อาร์มพูดไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้มาจากใจจริง ถ้าให้เดา...พี่อาร์มคงหวังจะคืนดีกับว่านเพื่อผลประโยชน์อะไรสักอย่างแน่ ๆ แต่ว่านก็ยังไม่รู้ว่าเพื่ออะไร”

“คุยกันนานมั้ย” พี่วัตถาม ว่านส่ายหน้า

“ไม่นานครับ”

“ว่านคุยกับเขาบ่อยเหรอ ...หมายถึง เจอเขาบ่อยมั้ย”

“เพิ่งจะเจอช่วงนี้เองครับ” ว่านตอบ “คงเป็นเพราะเขากลับมาอัดเสียงโปรเจ็กต์ของค่าย เดี๋ยวเขาก็คงจะบินกลับไปต่างประเทศแล้วล่ะ”

“พี่ว่า...ว่านอาจจะเครียดมากเกินไปนะช่วงนี้” พี่วัตพูดขึ้น ยกมือขึ้นบีบไหล่ของว่านหนัก ๆ “ได้นอนบ้างหรือเปล่า เฝ้ายี่หวาทั้งวันทั้งคืนคงแทบไม่ได้พักผ่อนเลยใช่มั้ย เอาอย่างนี้ดีกว่าเดี๋ยวพี่กับพี่เบสต์จะผลัดกันมาเฝ้ายี่หวาบ้าง ว่านจะได้ไม่เหนื่อยเกินไป”

พี่ชายไม่พูดเรื่องพี่อาร์มอีกว่านก็โล่งใจ

“ขอบคุณมากครับพี่ แต่ไม่เป็นไรหรอก พี่วัตก็มีงานต้องทำ อีกอย่างว่านเกรงใจพี่เบสต์ด้วย”

“เกรงใจอะไร เขาก็จะมาเป็นพี่สะใภ้เราอีกสองอาทิตย์ข้างหน้านี่แล้ว ไม่ต้องเกรงใจหรอก” พี่วัตพูดเนิบ ๆ มองว่านนิ่ง ๆ “ถ้านอนไม่หลับ จะไปขอยาหมอเขาก็ได้นะ ลองไปคุยกับหมอเสียหน่อยมั้ย บางทีเราเครียดเกินไปแล้วอาจจะ...คิดฟุ้งซ่านได้”

“โธ่พี่วัต” วิวาห์หัวเราะออกมา “ว่านผ่านมาเยอะแล้ว ตอนคลอดยี่หวายังรอดมาได้เลย เลี้ยงมาจนห้าขวบหนักกว่าตอนนี้เยอะ เรื่องแค่นี่ว่านสบายมาก ยี่หวาอยู่ในมือหมอแล้ว ว่านไม่ห่วงอะไร”

“ปากบอกไม่แต่ร่างกายเราจะไม่ไหวเอานะว่าน” พี่ชายท้วง “ให้พี่นัดหมอให้ไหมล่ะ ไปนั่งคุยกับเขาก็ได้ จะได้ผ่อนคลายลง”

“เอาไว้ยี่หวาหายดีแล้วว่านจะลองไปตรวจดูนะครับพี่วัต”

พี่ชายไม่ได้พูดอะไรอีก

......................................................................................

“ทานหน่อยนะคะคนเก่ง อีกสองคำใกล้หมดแล้วค่ะ” วิวาห์ป้อนโจ๊กให้ลูกสาวจนเกือบหมดชาม นอนโรงพยาบาลมาอาทิตย์กว่า อาการของหวันยิหวาก็ค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ ทำให้คนเป็นแม่รู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อย “ใครอยากกลับบ้านคะ อ้าปากเร็ว อ้าม...”

หวันยิหวาละสายตาจากหน้าจอโทรทัศน์มามองอาหารในมือของมารดา เพราะความอยากกลับบ้านก็เลยยอมอ้าปากให้ป้อนแต่โดยดี

“เก่งมากค่ะ เช็ดปากหน่อย ดื่มนมนิดนะคะ”

“ยี่หวาอิ่มท้องจะแตกแล้วค่ะ” เด็กหญิงพูด หันหน้าหนี “กินไม่ไหวแล้ว”

“กินนมจะได้ตัวสูง ๆ ไงคะ กินนมน้อยก็จะกลายเป็นคนแคระนะคะ ยี่หวาอยากสูงไม่ใช่เหรอ” วิวาห์หลอกล่อ

“อยากตัวสูงค่ะ ยี่หวาอยากตัวสูงเท่านี้” เด็กหญิงยืดตัวชูแขนขึ้นสูง “ยี่หวาอยากตัวสูงเท่าคุณลุงกระต่ายเลย”

ชื่อคุณลุงกระต่ายสะดุดหูคนฟังอย่างจัง

“คุณลุงคนไหนนะคะ” วิวาห์ถามอย่างไม่แน่ใจ “คุณลุงวัตเหรอ”

“ไม่ใช่ค่ะ คุณลุงกระต่าย คุณลุงที่มีคุณกระต่ายที่ข้อมือไงคะ” ลูกตอบเต็มปากเต็มคำ

วิวาห์อึ้งไปครู่

“เขามาหายี่หวาเหรอคะ มาตอนไหน ...ยี่หวาเจอเขาเหรอ”

“เจอค่ะ คุณลุงมาหายี่หวาทุกวันเลย มาเล่นกับยี่หวาแล้วก็ชวนยี่หวาร้องเพลง” ลูกสาวยิ้มกว้าง “คุณลุงใจดีมากเลยค่ะ ยี่หวาชอบมาก”

“เขามาเมื่อไหร่คะ ทำไมวีว่าไม่เห็นเลย”

“มาตอนดึก ๆ ค่ะ วีว่าหลับไปแล้ว แต่บางทีก็มาตอนกลางวัน ตอนที่วีว่าไม่อยู่”

วิวาห์เม้มปาก รู้สึกเครียดขึ้นมาทันที หรือว่าอามันต์จะเล่นวิธีเหนือเมฆกับเขา แอบมาทำคะแนนกับยี่หวาเอาไว้เพื่อจุดประสงค์บางอย่างของตัวเอง ยี่หวายังเด็กมาก ใครมาชวนเล่นสนุกก็ชอบทั้งนั้น

“ยี่หวา ถ้าคุณลุงคนนั้นเขามาอีกรีบบอกวีว่านะคะ วีว่าอยากขอบคุณเค้าที่เค้าใจดีกับยี่หวา” วิวาห์พูดยิ้ม ๆ เด็กหญิงรับคำ

คืนนั้นวิวาห์ผล็อยหลับไปเพราะความเหนื่อยอ่อน ทั้งที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะรอจัดการแขกไม่ได้รับเชิญแล้วแท้ ๆ ชายหนุ่มสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นในห้องพักผู้ป่วย เป็นเสียงฝีเท้าหนัก ๆ คุ้นหู

“คุณลุงกระต่าย ยี่หวารออยู่เลยค่ะ” เสียงลูกสาวพูดงัวเงียดังขึ้น วิวาห์หรี่ตาลงทำทีเป็นนอนหลับสนิท เขาเห็นเงาของร่างสูงใหญ่นั้นเดินไปหยุดที่ข้างเตียงของลูกสาว “กินหมดค่ะ ยี่หวากินหมดชามเลย เก่งมั้ยคะ”

เสียงเด็กหญิงพูดเจื้อยแจ้ว วิวาห์จับตามองอย่างระมัดระวัง เขาเห็นผู้ชายคนนั้นโน้มตัวเข้าไปกระซิบอะไรข้างหูเด็กหญิง หวันยิหวาหัวเราะคิกคัก ดูหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง

“วีว่า แอบดูอยู่ใช่มั้ยคะ ยี่หวารู้นะ”

วิวาห์สะดุ้ง ไม่ได้ทำเป็นนอนหลับอีก เขาดึงตัวลุกขึ้นนั่ง ตั้งสติครู่หนึ่งแล้วก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปหาลูกสาวและผู้ชายคนนั้น พี่อาร์มมองเขาอยู่ก่อนแล้วด้วยแววตานิ่งสงบไม่บอกความรู้สึก

“พี่อาร์ม” วิวาห์ซ่อนความหนักใจเอาไว้ “มาเยี่ยมยี่หวาเหรอครับ”

“ใช่ น้องบ่นคิดถึงฉัน ก็เลยมาหา” อามันต์ตอบกลับมาเนิบ ๆ หันไปยิ้มให้เด็กสาวบนเตียง “ทำให้คุณพ่อหนูตื่นซะแล้วสิ แย่จังนะ”

“ไม่ใช่คุณพ่อค่ะ วีว่าเป็นคุณแม่ของยี่หวา” เด็กหญิงตอบกลับมา คว้าแขนของวิวาห์ไปกอดเอาไว้ “วีว่าคือแม่”

อามันต์หัวเราะแผ่ว ๆ

“ทำไมสอนลูกแบบนั้น”

“เพราะผมต้องเป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับเขาครับ” วิวาห์เลือกตอบสั้น ๆ อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมองเขาครู่หนึ่ง

“ภรรยาของเธอ ฉันเห็นเขาที่สวนของโรงพยาบาลเมื่อหลายวันก่อน มากับพี่ชายของเธอ”

“เขามาเยี่ยมลูกครับ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว” วิวาห์พูด สบตาอีกฝ่ายโดยไม่หลบ “พี่อาร์มไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องของครอบครัวผมหรอกครับ ขอบคุณมากที่อุตส่าห์มาเยี่ยมลูกสาวของผม”

“ไม่มาได้ยังไง ฉันยังติดค้างเพลงกับเขาอยู่นะ ...ใช่มั้ยครับคนสวย” ประโยคหลังอามันต์หันไปถามเด็กหญิงเสียงนุ่ม หวันยิหวายิ้มกว้าง พยักหน้ารับอย่างร่าเริง

“ใช่ค่ะ คุณลุงบอกจะร้องเพลงให้ยี่หวาฟัง คุณลุงเล่นเกมแพ้ยี่หวาค่ะวีว่า สัญญาต้องเป็นสัญญานะคะ”

“ลุงรักษาสัญญากับหนูอยู่แล้วครับแต่ว่า...ผู้ปกครองของหนูเขาจะอยากให้ลุงร้องให้ฟังหรือเปล่า เขาอาจจะรำคาญนะ”

“นี่มันตีสองกว่าจะตีสามแล้วนะครับ” วิวาห์พูดอย่างเหลืออด “จะมาร้องเพลงอะไรกันไม่ทราบ พี่อาร์มทำงานกลางคืนจนชินกับการนอนเช้า แต่ว่าคนอื่นไม่ใช่นะครับ ยี่หวาเองก็ต้องพักผ่อน นอนได้แล้วค่ะ”

เด็กหญิงหน้าม่อย โบกมือให้ ‘เพื่อน’ ต่างวัยอย่างหงอย ๆ

“กู้ดไนท์ค่ะคุณลุงกระต่าย เอาไว้มาเล่นกันใหม่พรุ่งนี้นะคะ”

“โอเค ตกลงครับผม” อามันต์รับปากอย่างอ่อนโยน วิวาห์มองท่าทางนั้นแวบเดียวแล้วก็เมินไปทางอื่น ทำเป็นมองไม่เห็นเสีย เขาเดินไปรอที่หน้าประตูห้อง เปิดประตูรอกลัวอีกฝ่ายไม่ยอมกลับออกไป

“พี่อาร์มครับ” วิวาห์เดินตามร่างสูงใหญ่ออกมาจากห้องพัก ทางเดินข้างหน้าโล่งไร้ผู้คนเพราะเป็นเวลาดึกมากแล้ว ได้ยินเสียงพยาบาลพูดคุยกันแว่ว ๆ มาจากเคาท์เตอร์ด้านนอก “อย่าหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ แต่ว่าผมขอร้องไม่ให้พี่มาเยี่ยมยี่หวาแล้วได้มั้ยครับ” วิวาห์ไม่ใช่คนพูดเก่ง แล้วยิ่งไม่ใช่คนที่มีไหวพริบในการพูดอีกด้วย เขาโพล่งออกไปลุ่น ๆ ทั้งอย่างนั้น

“ทำไมล่ะ” คิ้วเข้มของคนฟังเลิกสูง

“เพราะ...ผมอยากให้ลูกได้พักผ่อน พี่มาดึกขนาดนี้ยี่หวาก็นอนไม่พอ” วิวาห์เลือกเหตุผลที่ดูดีที่สุดที่คิดออกแล้ว

“ถ้าอย่างนั้นพี่จะแวะมาตอนกลางวันแล้วกัน ไม่มากวนตอนดึก ๆ แล้ว” อีกฝ่ายรับคำ วิวาห์เม้มปากอย่างอัดอั้น

“ทำไมจะต้องมาวุ่นวายด้วยครับ” เขาพูดออกไป “ถึงพี่อาร์มจะบอกว่ายังรู้สึกกับว่านอยู่ แต่ว่านไม่...พี่อาร์มมาทำแบบนี้ว่านอึดอัดครับ ความสัมพันธ์ของเราจบลงไปแล้ว พี่อาร์มยังต้องการอะไรอีก ว่านเบื่อที่จะต้องพูดเรื่องเดิมซ้ำ ๆ แล้วนะ”

“พี่ก็ไม่รู้” คนตรงหน้าเขาก้มหน้าลงนิด ๆ มองเห็นขนตายาวหนากับปลายจมูกโด่งคม “พี่รู้สึกแค่ว่า พี่ต้องมา ...มีคนรอพี่อยู่ที่นี่ แล้วพี่ก็เอ็นดูยี่หวามาก น้องน่ารักจริง ๆ” ชายหนุ่มพูดเสียงแหบกว่าปกติ “ยี่หวารอพี่”

“ยี่หวาไม่ได้รอพี่อาร์มครับ” วิวาห์บอกเสียงแข็ง “ลูกผมยังเด็ก ไม่เข้าใจเรื่องอะไรหรอก ใครมาเล่นกับเขาเขาก็เล่นด้วยเท่านั้น ยิ่งยี่หวาเป็นเด็กขี้อ้อนอยู่แล้วด้วย น้องไม่รู้เรื่องหรอกครับ ..พี่อาร์ม...แค่ยี่หวาป่วย ผมก็เหนื่อยใจจะแย่แล้วนะ พี่ยังจะมาทำให้เรื่องทุกอย่างมันแย่ลงอีกเหรอ”

“อย่างน้อยเราก็ยังเป็นพี่น้องกันนะว่าน”

“พี่น้อง? ” วิวาห์ขึ้นเสียงสูง ความโกรธพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง ไม่รู้มาจากไหนนักหนา “พี่น้องกับผีน่ะสิ พี่ก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เลิกหลอกกันเถอะครับ ถ้าพี่คิดจะใช้ประโยชน์อะไรจากผมล่ะก็ บอกเลยว่าไม่...ผมไม่คิดจะกลับไปอีกแล้ว ไม่ว่าพี่จะมีจุดประสงค์อะไรก็ตาม แค่ครั้งเดียวผมก็เข็ดจนตาย ผมไม่อยากเป็นคนโง่ให้พี่หลอกใช้ผมซ้ำแล้วซ้ำอีก”

“ว่าน” พี่อาร์มยื่นมือมาแต่ว่านเบี่ยงตัวหนี มือของพี่อาร์มชะงักค้างอยู่กลางอากาศแล้วตกลงข้างตัว “พี่เข้าใจแล้ว” เขาพูดเสียงแหบอันเป็นเอกลักษณ์ “ว่านคงเกลียดพี่มาก”

“.......” วิวาห์ไม่ตอบ เขาหมุนตัวกลับเข้าไปในห้อง

“แต่พี่จะไม่ยอมแพ้หรอกนะ” พี่อาร์มพูดตามหลังมา ว่านไม่ได้หันไปมองอีก

หวันยิหวานอนหลับสนิทไปแล้ว ว่านเอนตัวลงนอนบนโซฟาที่ประจำ สมองยังครุ่นคิดถึงเรื่องที่คุยกับพี่อาร์มเมื่อกี้นี้ ท่าทางของพี่อาร์มมีอะไรบางอย่างที่แปลกไป

อะไรที่แปลกไป...เขาก็นึกไม่ออก วิวาห์นอนหลับ ๆ ตื่น ๆ ไปตลอดทั้งคืน

วันรุ่งขึ้นนายแพทย์เจ้าของไข้ของหวันยิหวามาเยี่ยมตั้งแต่เช้า วิวาห์ยังไม่ทันได้อาบน้ำแต่งตัวให้ลูกใหม่คุณหมอก็มาเสียแล้ว นายแพทย์หนุ่มมองเขาอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พูดยิ้ม ๆ

“เฝ้าไข้ลูกสาวอยู่หลายวัน เป็นยังไงบ้างครับ คงเหนื่อยแย่เลย”

“ไม่เท่าไหร่หรอกครับ” วิวาห์ตอบ ส่งยิ้มตอบกลับไปให้คุณหมอนิดหนึ่ง “วันนี้ยี่หวาจะได้กลับบ้านหรือยังครับ”

“ต้องให้ยาฆ่าเชื้อครบสิบสี่วันก่อนครับ เหลืออีกสี่วัน”

“อีกสี่วันเลยเหรอคะ” คนป่วยพูดทวนคำ เบิกตากว้าง “นานจังค่ะ”

“อยู่เป็นเพื่อนอาหมอก่อนสิคะ” คุณหมอหันไปพูดกับเด็กหญิงอย่างอ่อนหวาน “อยู่แต่ในห้องเริ่มเบื่อแล้วใช่มั้ยเอ่ย ไปเดินเล่นรอบ ๆ หรือในสวนก็ได้นะคะ”

“จริงเหรอคะอาหมอ” ยี่หวาตาโต

“ยี่หวาจะไม่ติดเชื้อเพิ่มใช่มั้ยครับ” วิวาห์ถามอย่างไม่มั่นใจ “ผมกลัวลูกไปเจอเชื้อโรคข้างนอกอีก”

“ใส่หน้ากากแล้วก็ล้างมือบ่อย ๆ ครับ ตอนนี้อาการดีขึ้นมากแล้ว ไม่เป็นอะไรหรอก ผลเลือดล่าสุดก็ดีมาก รอยาครบก็กลับบ้านได้แล้ว”

วิวาห์โล่งใจ

“ขอบคุณครับ”

วิวาห์พาลูกสาวไปเดินเล่นในตอนบ่าย ป้าเอิบก็มาเดินเล่นเป็นเพื่อนด้วย หวันยิหวาสดชื่นเหมือนเมื่อครั้งที่ยังสบายดี พูดแกมหัวเราะไปตลอดทาง

“ถ้ากินข้าวเย็นหมดชาม วีว่าจะพาไปซื้อขนมค่ะ ตกลงมั้ย”

เด็กหญิงพยักหน้าจนเปียปลิว

พี่ชายน้องชายและก็คุณตาคุณยายของยี่หวามาเยี่ยมกันพร้อมหน้า เป็นวันที่วิวาห์รู้สึกปลอดโปร่งใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมานาน จนกระทั่งพี่ชายถามถึงคนรักเก่าขึ้นมาอีกนั่นแหละ

“พี่วัตจะพูดถึงเขาทำไมนะ ทำลายบรรยากาศหมด” วิน น้องชายคนเล็กพูดขัดขึ้น

“ก็ฉันอยากรู้ว่าเขายังมาอยู่มั้ย” วิรัตน์ตอบขรึม ๆ วิวาห์พยักหน้า

“มาครับ เมื่อคืนก็มา แต่ผมเคลียร์กับเขาไปแล้วว่าอย่ามายุ่งเกี่ยวกันอีก” เขาทำเป็นลืม ๆ ประโยคสุดท้ายที่อีกฝ่ายทิ้งท้ายเอาไว้ไปเสีย “ไม่น่ามีอะไรแล้วครับ อีกไม่กี่วันยี่หวาก็กลับบ้านแล้ว เขาคงไปวุ่นวายที่บ้านเราไม่ได้”

“มันหน้าด้านจริง ๆ เลยนะ” วิรุฬอุทาน “ให้ตายสิ แต่ก่อนวินโคตรชอบเขาเลย มีอัลบั้มเขาด้วย จนมารู้เช่นเห็นชาติเขาตอนที่แยกวงแล้วทิ้งพี่ว่านนี่แหละ หน้าตัวเมีย”

“วินไม่เอาน่ะ” มารดาของเขาปรามขึ้นทันที “ฟังแล้วไม่น่ารักเลย ช่างเขาเถอะ อย่ามายุ่งกับคนของเราก็พอแล้ว”

“ถ้าเขามาอีก บอกพ่อด้วยนะว่าน พ่อจะคุยกับเขาเอง” บิดาเขาที่มักเงียบขรึมอยู่เสมอพูดขึ้นบ้าง วิวาห์หันไปมองพ่ออย่างตื้นตัน ตั้งแต่ตอนที่เกิดเรื่องคราวนั้นแล้วที่พ่อจะไปคุยกับพี่อาร์ม แต่ว่าพี่อาร์มก็ไปต่างประเทศ ติดต่อไม่ได้อยู่หลายปี

“ขอบคุณครับพ่อ”

“วินด้วย วินก็อยากชกหน้ามันสักทีเหมือนกัน”

“โธ่ ตาวินนี่รุนแรงจริง ๆ” แม่เขารีบห้าม “อย่าใช้ความรุนแรงเลยลูก ไม่มีประโยชน์ ค่อย ๆ พูดค่อย ๆ จากกันเถอะ”

“เมื่อคืนว่านนอนหลับดีมั้ย” วิรัตน์เปลี่ยนเรื่อง วิวาห์ส่ายหน้า

“นอนไม่ค่อยหลับครับ โซฟาที่นี่นอนไม่สบายเท่าไหร่ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ว่านต้องตื่นมาดูลูกอยู่แล้ว อีกไม่กี่วันก็ได้กลับบ้านแล้วล่ะ” พวกเขาเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นกัน พี่เบสต์เข้ามาร่วมวงด้วยตอนเกือบสามทุ่ม ท่าทางเคร่งเครียดนิด ๆ จนว่านสังเกตเห็น เขาเห็นว่าพี่สะใภ้สบตาพี่ชายคนโตของเขาเหมือนมีเรื่องอยากคุยด้วยก็เลยพูดเปิดช่องให้

“ชักดึกแล้ว ยัยยี่หวาหาวรอบที่สามแล้วครับ” เขาพูดเบา ๆ

“จริงสิ ได้เวลาเข้านอนแล้วมั้ง ว่านพาลูกนอนดีกว่า เดี๋ยวไว้แม่มาเยี่ยมใหม่พรุ่งนี้” มารดาของเขาเห็นด้วย

วิวาห์พาลูกเข้านอน วิรัตน์กลับออกมาจากห้องพักผู้ป่วยพร้อมกับทุกคนในครอบครัว เขาเห็นคนรักส่งสายตามาหลายครั้งเลยอดถามไม่ได้ว่ามีเรื่องอะไรกัน

“เรื่องน้องว่านค่ะ เดี๋ยวกลับไปคุยกันที่บ้าน ต้องบอกน้องวินด้วยนะคะ” เบสต์พูดเร็วปรื๋อ

“บอกผมเรื่องอะไรครับ” วิรุฬเอียงคอเข้ามาฟังบ้าง พวกเขาเดินทอดน่องตามหลังพ่อกับแม่ไปยังที่จอดรถของโรงพยาบาลด้วยกัน “มีเรื่องอะไร”

“คือ..น้องว่านน่ะค่ะ ท่าทางไม่ค่อยดี ถ้าเป็นไปได้ จะให้เบสต์หรือป้าเอิบไปช่วยผลัดกันเฝ้ายี่หวาแทนน่าจะดีกว่านะคะ ว่านจะได้พัก...เผื่อจะต้อง..รักษาตัว”

“หรือว่า..เรื่องจริงเหรอ? ” วิรัตน์ที่เงียบอยู่นานถามขึ้น คนรักพยักหน้ารับ ใบหน้าของคนฟังเครียดขึ้นฉับพลัน วิรุฬมองหน้าพี่ชายสลับกับพี่สะใภ้อย่างไม่เข้าใจ

“เรื่องอะไรกันครับ วินงงไปหมดแล้ว”

วิวาห์กำลังเล่านิทานให้ลูกสาวฟังเป็นเรื่องที่สี่แล้ว แต่ลูกสาวตัวดีก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะยอมนอนหลับตาลงเลย

“ไม่ง่วงเลยเหรอคะ วีว่าเริ่มง่วงแล้วนะ” ชายหนุ่มยกมือขึ้นขยี้ตา ปิดปากหาวหวอด “นอนกันได้แล้วนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ได้ไปเดินเล่นอีกไง”

“ยี่หวาไม่ง่วงเลยค่ะ ยี่หวาอยากฟังเพลง วีว่าร้องเพลงให้ฟังหน่อยได้มั้ยคะ”

“อยากฟังเพลงอะไรลูก” วิวาห์ถามอย่างเอาใจ

“เพลงอะไรก็ได้ค่ะ ยี่หวาอยากให้คุณลุงกระต่ายมา ถ้าเราร้องเพลงแล้วคุณลุงกระต่ายจะมามั้ยคะ”

รอยยิ้มของวิวาห์จางลง

“หมายความว่ายังไงคะ”

“คุณลุงกระต่ายบอกกับยี่หวาเอาไว้ค่ะ ถ้าอยากให้คุณลุงมาหาให้ร้องเพลง” หวันยิหวาพูดอย่างจริงจัง “ยี่หวาให้วีว่าร้องแทนได้มั้ยคะ”

“คุณลุงกระต่ายว่าอย่างนั้นเหรอ” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว “ยี่หวานอนดีกว่าค่ะ ไม่ต้องไปสนใจเรื่องอะไรหรอก”

“แต่ยี่หวา..”

“วีว่าบอกให้นอนไงล่ะ” วิวาห์พูดเสียงแข็งกับลูกอย่างที่ไม่ค่อยได้ทำบ่อยนัก เด็กหญิงน้ำตาคลอทันตาเห็น ความหงุดหงิดเมื่อกี้สลายไปในพริบตา “วีว่าขอโทษค่ะ ยี่หวานอนลงก่อนนะ”

“วีว่าโกรธยี่หวาเหรอคะ”

“เปล่าค่ะ ไม่ได้โกรธ” วิวาห์ส่ายหน้า “แต่เสียใจที่ยี่หวาไม่ฟังที่วีว่าพูดเลย”

“ยี่หวาขอโทษค่ะ” ลูกสาวพึมพำ ยอมนอนลงแต่โดยดี วิวาห์ถอนหายใจยาว นั่งมองลูกอยู่พักหนึ่งก็ร้องเพลงออกมาเบา ๆ เขาเลือกเพลงกล่อมเด็กแบบง่าย ๆ มาร้องให้ลูกฟัง

หวันยิหวาตาหรี่ปรือ ลมหายใจเริ่มทอดยาวเหมือนใกล้จะหลับสนิท ริมฝีปากสีสดขยับพูดเสียงเบา

“นั่นไงคะ คุณลุงกระต่าย...คุณลุงมาแล้วจริง ๆ ด้วย”

“ไหนคะ” วิวาห์ชะงัก มองตามสายตาลูกออกไปยังระเบียงด้านนอก “ไม่เห็นมีใครเลย” จะมีได้อย่างไร ก็ห้องพักของเขาอยู่สูงขึ้นมาถึงชั้นสิบสี่ ถ้าจะมีคนยืนอยู่ตรงระเบียงได้ก็ต้องเป็นซูเปอร์แมนเหาะได้แล้วล่ะ

“นั่นค่ะ ยืนหันหลังอยู่ตรงนั้น” เด็กหญิงยกนิ้วขึ้นชี้ไปที่ระเบียงว่างเปล่านั้น วิวาห์ขมวดคิ้วพลางส่ายหน้า

“ง่วงแล้วก็นอนเถอะลูก ฝันดีนะคะ” เขาชะโงกเข้าไปจูบที่หน้าผากของลูกเบา ๆ

ยี่หวาหลับปุ๋ย วิวาห์ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวให้จนถึงลำคอ แล้วก็เดินไปหยุดยืนอยู่หน้าประตูเลื่อนกระจก ระเบียงข้างนอกไม่มีใครยืนอยู่อย่างที่เด็กหญิงบอก เห็นทียัยยี่หวาคงจะง่วงเต็มแก่ถึงได้พูดเป็นตุเป็นตะไปอย่างนั้น

วิวาห์ถอยกลับไปนั่งอ่านหนังสือบนโซฟาต่อ เขากำลังมองหาอาชีพใหม่ที่ไม่ใช่นักร้องร้านอาหารแห่งนั้นอีก นุชนารถให้ค่าตอบแทนสูงก็จริง แต่ถ้าต้องแลกกับการที่ต้องเจอหน้าอามันต์ต่อ วิวาห์คิดว่าไม่คุ้ม เขาควรจะหาอาชีพอื่นที่สบายใจทำจะดีกว่า

.................................................................................................

มาอัพต่อนะคะ

กำลังเข้าเรื่องล่ะ ฮ่า ๆ คนอ่านบอกอะไรเนี่ยยย นี่มันคืออะไรรรร

เจอกันตอนหน้านะคะ

นี่เขียนอยู่คนเดียวเปล่าเปลี่ยนมากเลย ใครชอบเรื่องนี้อย่าลืมบอกต่อนะคะ จะได้เป็นกำลังใจให้คนเขียน

#วิวาห์อามันต์
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน6 5/3/63 p4
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 05-03-2020 22:19:22
อาร์มตายแล้วเหรอหรือแค่วิญญาณออกจากร่าง แต่ถ้าเป็นวิญญาณจะไปถึงญี่ปุ่นนั่งเครื่องบินได้ยังไง โอ๊ย นี่มันเรื่องอะไรเนี่ย
แต่เหตุผลที่อาร์มบอกเลิกนี่มันชุ่ยมากเลยอยาก :z6:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน6 5/3/63 p4
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 05-03-2020 22:19:45
 o21
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน6 5/3/63 p4
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 05-03-2020 22:53:05
อาร์มตายแล้วหรอ หรือยังไง ดูเหมือนว่าจะมีแค่ว่านกับยี่หวาที่เห็น พี่สะใภ้กับพี่ชายคงจะคิดว่าว่านเครียดจนหลอนเห็นอาร์มรึป่าว
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน6 5/3/63 p4
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 06-03-2020 01:23:00
ใช่ งง งวย แล้ว ก็ งวย งง
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน6 5/3/63 p4
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 06-03-2020 02:03:53
 :ruready :ruready ยังไงกันเนี่ย
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน6 5/3/63 p4
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 06-03-2020 05:40:09
 :katai1:
 ทำไมรู้สึกว่า นายอามันต์นี่จะไม่มีตัวตนอยู่จริง ????
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน6 5/3/63 p4
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 06-03-2020 10:38:03
ห๊าาา งงไปหมดละน้าาา
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน6 5/3/63 p4
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 06-03-2020 11:23:37
พี่อาร์มตายแล้ว? แล้วพี่สะใภ้รู้อะไรเกี่ยวกับพี่อาร์ม ถึงบอกว่าว่านน่าจะป่วย แสดงว่าว่านน่าจะเครียดจนเริ่มหลอนไหม
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน6 5/3/63 p4
เริ่มหัวข้อโดย: Heisei ที่ 06-03-2020 17:48:12
ช่วงที่มีปัญหาน่าจะเป็นหลังกลับจากญี่ปุ่นมั้ยนะ เหมือนตอนนั้นก็มีคนอื่นเห็นพี่อาร์มด้วยนี่นา แล้วพี่อาร์มก็ดูไม่ตกใจอะไรตอนที่ว่านบอกว่าเจอพี่อาร์ม พี่เบสกับพี่อาร์มน่าจะรู้ข่าวพี่อาร์มอุบัติเหตุเป็นเจ้าชายนิทรา?

อ่านตอนแรกก็ไม่ขนลุก ตอนท้ายๆนี่ต้องเปิดไฟอ่านแล้วนะ กลัว

น้องยี่หวาสู้ๆนะคะ มะเร็งเม็ดเลือดขาวในเด็กมีพยากรณ์โรคที่ดี น่าจะหายได้ หรือต้องใช้การปลูกถ่ายไขกระดูกจากพี่อาร์ม?
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน6 5/3/63 p4
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 06-03-2020 19:47:21
แพ้ทางนิยายโทนนี้มากเลยอ่ะค่าาา ในที่นี้หมายถึง อ่านแล้วมืดแปดด้านมากแม่  :mew5:   
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน6 5/3/63 p4
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 07-03-2020 00:27:20
ช่วยด้วยยยใจก็กลัวอีกใจก็อยากรู้ :ling1:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน6 5/3/63 p4
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 07-03-2020 16:35:49
หลอนๆยังไงไม่รู้
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน6 5/3/63 p4
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 08-03-2020 02:48:08
ถ้าเป็นผีจะขึ้นเครื่องบินได้ไง
แต่พี่ชายคือพยายามใบ้อ่ะ
แต่ยี่หวาก็เห็นเขาตรงที่ระเบียงอ่ะ อ่ย  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน6 5/3/63 p4
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 09-03-2020 02:29:48
อาร์มเป็นอะไรตายหรือไม่ตายพี่สะใภ้ต้องรู้เรื่องอะไรมาแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน6 5/3/63 p4
เริ่มหัวข้อโดย: Yarkrak ที่ 09-03-2020 16:42:18
ยี่หวาสู้ ๆ นะลูก เอาชนะเจ้าหนอนให้ได้
เดี๋ยวนี้คุณเขาเก่ง เป็นกำลังใจให้หนูนะคะ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน6 5/3/63 p4
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 12-03-2020 21:16:25
วิวาห์อามันต์

ตอนที่ 7









         “ยังไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลอีกหรือ”  เสียงแหบนิด ๆ ดังขึ้นข้างหลัง  วิวาห์ละสายตาจากลูกสาวที่นอนหลับอยู่บนเตียงหันกลับไปมองผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่เข้ามาในห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ

          “ยี่หวาไข้ขึ้นอีกครับ”  ว่านตอบกลับไป มองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ  “พี่อาร์มกลับไปเถอะครับ  ดึกมากแล้ว”

          “พี่อยากมาดูน้องหน่อย”  นอกจากไม่ออกจากห้องแล้วอามันต์ยังก้าวเข้ามายืนชิดเตียง  ก้มดูเด็กหญิงบนเตียงอย่างพินิจพิจารณา  “เมื่อกลางวันกินข้าวหมดมั้ย”

          “ไม่เกี่ยวกับพี่อาร์มหรอกครับ”  ว่านสวน “เชิญกลับออกไปได้แล้ว  ว่านกับยี่หวาจะได้พักผ่อน”

          อามันต์ถอนหายใจยาว  ยกมือขึ้นเหมือนจะแตะต้องตัวของเด็กน้อยแต่แล้วก็ชะงักอยู่แค่นั้นเพราะสายตาเอาเรื่องของวิวาห์

          “ไม่มีโอกาสให้พี่เลยนะ”

          “ไม่มีครับ”  วิวาห์ตอบเสียงห้วน  ตัดบทอย่างไร้เยื่อใย  เขาเดินไปเปิดประตูห้องพักผู้ป่วยออก  “อย่าหาว่าเสียมารยาทเลยนะครับ  แต่หมดเวลาเยี่ยมแล้วล่ะ”  อามันต์นิ่งไปนาน  “ถ้าจะให้ดีล่ะก็  อย่ากลับมาอีกเลย  ผมขอพูดเป็นครั้งสุดท้าย  ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าใจร้ายเลยนะครับ”

          “ว่านก็ใจร้ายกับพี่จริง ๆ นี่”  อามันต์พูดเหมือนตัดพ้อก่อนจะเดินออกจากห้องไป  วิวาห์ดึงประตูปิดแล้วถอนหายใจยาว  อีกฝ่ายมาหาตอนดึก ๆ ทุกวันจนเขาพลอยนอนไม่หลับทั้งคืน  อาการของหวันยิหวาที่ควรจะดีขึ้นก็กลับแย่ลงอย่างผิดคาด  แม้แต่คุณหมอก็ยังออกปากว่าไม่ควรเป็นแบบนี้เลย

          “เห็นมั้ยคะวัต  เบสต์คุยกับคุณพยาบาลแล้ว  น้องว่านลุกขึ้นมาเปิดประตูห้องแบบนี้แทบทุกคืนแล้วก็พูดคนเดียวด้วย”  หญิงสาวที่ยืนแอบอยู่อีกด้านหนึ่งของทางเดินหน้าห้องพักผู้ป่วยพูดขึ้นเบา ๆ สายตาทั้งสามคู่จับจ้องไปยังประตูห้องพักนั้น

          “ผมไม่อยากเชื่อเลย”  วิรัตน์คราง ยกมือขึ้นขยี้ตาแรง ๆ “ถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาอีกรอบก็คงไม่เชื่อ”   

          “วันนั้นตอนอยู่ในสวนพี่ว่านก็เป็นแบบนี้เหรอครับ  ...พูดคนเดียว”  วิรุฬถามขึ้นบ้างด้วยเสียงกังวล  “เป็นมานานแล้วแค่ไหนแล้ว”

          “วันนั้นดุเดือดกว่านี้อีก  เหมือนว่านกำลังเถียงกับใครสักคนที่มองไม่เห็นตัว”  วิรัตน์พึมพำ “พี่ว่าไม่ได้การล่ะ  ว่านคงเครียดเรื่องยี่หวามากเกินไปถึงได้เป็นแบบนี้”

          “ไม่รู้ว่าน้องว่านใช้ยาอะไรหรือเปล่านะคะ”  เบสต์พูดอย่างครุ่นคิด

          “น่าคิด”  วิรัตน์พยักหน้า  “แต่ก่อนว่านอยู่ในวงนั้นก็คงเคยลองอะไรบ้างล่ะ  วงการนั้นก็รู้ ๆ กันอยู่  แต่ตอนที่อยู่บ้านพี่ก็ไม่เห็นว่าผิดปกติอะไรนะ”

          “เดี๋ยวผมจะลองถามพี่ว่านดู  ผมเป็นหมอ..พี่ว่านคงไม่กล้าโกหก”  วิรุฬว่า “คิดว่าอาการของพี่ว่านอาจจะสัมพันธ์กับอาการของยี่หวาก็ได้  ถ้ายี่หวาอาการแย่ลง  พี่ว่านคงเครียดมากขึ้น  ผมจะลองปรึกษาอาจารย์ที่เป็นจิตแพทย์ดู”

          “ระหว่างนี้ก็ทำตัวปกติไปก่อนแล้วกันนะ  พี่ไม่อยากให้ว่านตกใจ”  วิรัตน์พูดเรียบ ๆ “ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  จับสังเกตอยู่ห่าง ๆ ก็พอ  แล้วก็จะให้ป้าเอิบมาเฝ้าคู่กับว่านแทน  พี่ไม่อยากให้ว่านกลับไปอยู่บ้านคนเดียว  เดี๋ยวจะคิดมากแล้วเกิดเรื่องอะไรเข้า  อย่างน้อยให้ป้าเอิบอยู่เป็นเพื่อนด้วยอีกคนน่าจะปลอดภัยกว่า”

          “ตกลงตามนั้นครับ”

          วิวาห์ไม่รู้เลยว่ากำลังถูกคนในครอบครัวจับตามองอยู่อย่างใกล้ชิด  พี่วัตมาเยี่ยมเขาบ่อย ๆ กำชับให้พักผ่อนมาก ๆ พี่เบสต์ก็ซื้อวิตามินบำรุงมาให้กิน  ว่านคิดว่าตัวเองคงดูโทรมมากพอสมควร  สายตาของทุกคนถึงได้มองมาอย่างเป็นห่วงขนาดนี้

          “พี่สบายดี  วินไม่ต้องเป็นห่วงพี่อีกคนหรอก  ดูยี่หวาคนเดียวก็พอแล้ว”  ชายหนุ่มพูดแกมหัวเราะ  มองน้องชายอย่างเอ็นดู  เห็นวิรุฬมาเยี่ยมเขากับหลานทั้งที่อยู่ไกลก็ดีใจ  “นี่ว่าจะไปเดินยืดเส้นยืดสายข้างนอกเสียหน่อย  ไปด้วยกันมั้ย”

          “ตกลงครับ”  น้องชายคนเล็กเดินตามหลังออกมา

          สวนหย่อมของโรงพยาบาลเป็นสถานที่ ๆ วิวาห์ชอบมากที่สุดที่นี่  แค่เห็นสีเขียว ๆ ของต้นไม้ก็รู้สึกสดชื่นขึ้น  ความกังวลต่าง ๆ ค่อยผ่อนคลายลงไปบ้าง    

          “พี่ว่านมาเดินเล่นบนนี้บ่อยเหรอครับ”

          “ใช่  ลมเย็นดีนะ ร่มรื่นดีด้วย”  วิวาห์ยิ้ม  “วินทำงานหนักมั้ย มารอบนี้ผอมลงนะ”

          “พี่ว่านก็ผอมลง”  วินตอบ วิวาห์ถอนหายใจ

          “พี่เห็นลูกไม่สบายแล้วพี่ก็พลอยกินอะไรไม่ค่อยลงไปด้วย”  วิวาห์พูด

          “หมู่นี้พี่อาร์มยังมาหาพี่อยู่มั้ยครับ”

          “.....มา”  วิวาห์พูดหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง  “เมื่อคืนก่อนก็มา”

          “โปรเจ็กต์เพลงของพี่ไปถึงไหนแล้วครับ”  วิรุฬเปลี่ยนเรื่อง  “จะออกอัลบั้มเมื่อไหร่”

          “เห็นว่าจะมีแถลงข่าวอาทิตย์หน้านะ”  วิวาห์ว่า “พี่ก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดแล้วล่ะ วันก่อนพี่แป้งมาคุยด้วยคร่าว ๆ”

          “ได้ข่าวว่าพี่เลิกไปร้องเพลงที่ร้านอาหารแล้ว”  วิรุฬพูดเนิบ ๆ 

          “ใช่  พี่ปล่อยยี่หวาอยู่ที่ห้องกลางคืนคนเดียวไม่ได้น่ะ”  วิวาห์ไม่อธิบายต่อว่าเป็นเพราะอะไร  เขาไม่อยากให้ผู้ชายคนนั้นฉวยโอกาสเข้ามาหาลูกสาวตอนดึก ๆ อีก

          น้องชายเงียบไปอึดใจ

          “พี่ว่านสนใจงานช่วยวิจัยมั้ยครับ”  วิรุฬพูดขึ้นอย่างระมัดระวัง  “อาจารย์ของผมเขากำลังจะทำวิจัย  ต้องการผู้ช่วยพวกทำเอกสารรูปเล่มอะไรทำนองนี้ แล้วก็เก็บข้อมูลวิจัยนิดหน่อย  พี่ว่านสนใจมั้ย  รายได้ดีอยู่ อาจารย์เป็นคนใจดีมาก ๆ ครับ เป็นที่ปรึกษาของผมเองสมัยเรียน”

          “งั้นเหรอ”  วิวาห์ชักสนใจ  “ทำที่ไหน”

          “ที่โรงพยาบาลนี้เลยครับ  อาจารย์เป็นจิตแพทย์”

          วิวาห์อึ้งไปครู่  พูดเสียงเข้มขึ้น

          “วิน..เห็นพี่เป็นเด็ก ๆ เหรอ”  คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน  “จะให้พี่ไปหาจิตแพทย์อีกแล้วใช่มั้ย  เมื่อวานพี่วัตก็ชวนพี่”

          วิรุฬกลืนน้ำลาย  ผิดแผนไปเล็กน้อยเพราะไม่รู้ว่าพี่ชายคนโตชวนไปแล้ว

          “ไม่ใช่อย่างนั้น  โธ่ พี่ว่านก็...อาจารย์ผมอยากได้ผู้ช่วยจริง ๆ”

          “ไม่เอาล่ะ”  วิวาห์ส่ายหน้า  ลุกขึ้นยืน “ช่วงนี้พี่คงเครียดไปหน่อยเพราะอาการของยี่หวา แต่เดี๋ยวถ้าน้องได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วทุกอย่างก็คงจะดีขึ้นเอง”

          “พี่ว่าน”

          “ไม่มีอะไรหรอกน่ะ”  วิวาห์ยกมือขึ้นตบบ่าน้องชายเบา ๆ “แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก”

          วิรุฬมองตามหลังร่างโปร่งบางนั้นไปอย่างไม่สบายใจนัก

          หวันยิหวาอาการดีขึ้นในวันรุ่งขึ้น  คุณหมอบอกว่าไข้เริ่มลงแล้ว  เด็กหญิงลุกขึ้นมากินข้าวได้เองตั้งแต่เช้า  ทำเอาวิวาห์น้ำตาซึมด้วยความดีใจ  เขาเช็ดตัวให้ยี่หวาทั้งวันทั้งคืนแทบไม่ได้นอน  โชคดีที่พี่อาร์มไม่ได้แวะเวียนมาเมื่อคืนนี้

          “คุณลุงกระต่ายไม่มาหายี่หวาเลย  คุณลุงผิดสัญญากับยี่หวา”  เด็กหญิงพูดกับวิวาห์ตอนที่กำลังป้อนข้าวเย็นอยู่  เธอน้ำตาคลอเล็กน้อย  “คุณลุงจะมามั้ยคะ”

          “ยี่หวาทานข้าวให้เสร็จก่อนค่ะ  เวลากินอย่าพูด  เดี๋ยวจะสำลัก”

          “คุณลุงไม่มาแน่เลย”

          “ยี่หวาไปแปรงฟันก่อนนะคะ”  วิวาห์ตัดบท เขาไม่ชอบที่เด็กหญิงดูจะ ‘ติด’ คุณลุงกระต่ายคนนั้นเอามาก ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้ชายคนนั้นมาหว่านเสน่ห์อะไรกับยี่หวาเอาไว้กันแน่  กว่าจะต้อนลูกสาวกลับมานอนหลับที่เตียงได้วิวาห์ก็รู้สึกเหนื่อยกว่าทุกวัน

          พาลูกเข้านอนเสร็จเรียบร้อย  ตัวเองก็ถอยไปนั่งอ่านหนังสือบนโซฟาใกล้ ๆ ช่วงนี้วิวาห์กำลังฟื้นฟูภาษาอังกฤษอย่างหนัก เขาคิดว่าถ้าสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ดี บางทีอาจจะหางานได้ง่ายขึ้น

          หูแว่วเสียงฝีเท้ามาตามทางเดินอีกแล้ว  วิวาห์เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ  เขาจำฝีเท้านี้ได้ดีเพราะเคยนอนรอฟังเสียงนี้มาทุกคืนตั้งแต่สมัยก่อน  ฝีเท้าหนัก ๆ เดินมาหยุดที่หน้าห้องพักผู้ป่วยเหมือนรีรอ  ไม่ได้เปิดประตูเข้ามาในห้องทันทีอย่างที่ว่านคิด  จะว่าไป...ว่านไม่เคยเห็นตอนที่พี่อาร์มเปิดประตูเข้ามาในห้องเลย  รู้ตัวอีกทีร่างสูงใหญ่นั้นก็ปรากฏตัวอยู่ในห้องเสียแล้วทุกที 

          เสียงฝีเท้านั้นเดินวนเวียนอยู่ด้านนอกกลับไปกลับมา  ราวกับเจ้าของฝีเท้ายังคิดไม่ตกว่าควรจะเปิดเข้ามาดีหรือว่ากลับไป  วิวาห์พลิกหนังสือได้อีกสองหน้าก็ทนไม่ไหว  ลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูออก

          ...ไม่มีเงาของร่างสูงใหญ่อยู่ที่หน้าประตูอย่างที่คิด เสียงฝีเท้าก็หายไปแล้วด้วย...วิวาห์ขมวดคิ้ว  ชะโงกออกไปมองทางเดินข้างนอกอย่างสงสัย

          เดินหนีไปแล้วงั้นเหรอ? หรือว่าเขาหูฝาดไปเอง

          วิวาห์ถอยกลับเข้ามาในห้อง  เหลือบมองป้าเอิบที่นอนคลุมโปงไปแล้วตั้งแต่หัวค่ำ  คืนนั้นเขาหลับสนิททั้งคืน  ไม่สะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกเลยจนเช้า

          อาการของยี่หวาดีขึ้นกว่าเมื่อวาน  ผิวแก้มขาวจัดเริ่มมีสีเลือดฝาด  หวันยิหวารบเร้าขอออกไปเดินเล่นข้างนอกแล้ว  วิวาห์เลยพาลูกสาวไปเดินแถว ๆ นั้นนิดหน่อยพอให้หายอึดอัดใจ  คุณหมอบอกว่าถ้าอาการดีแบบนี้คงจะได้ออกจากโรงพยาบาลเสียที

          วิวาห์เครียดเรื่องค่าใช้จ่ายขึ้นมาอีก จริงอยู่ว่าเขาทำประกันสุขภาพเอาไว้ แต่ว่ามันก็ไม่ได้ครอบคลุมทั้งหมด  แถมยาที่ยี่หวาได้รับยังราคาแพงอีก  พี่วัตรับปากว่าจะช่วยออกค่าใช้จ่ายให้ก่อนแล้วให้วิวาห์ผ่อนส่งเหมือนเดิม  แต่วิวาห์ก็ยังไม่สบายใจอยู่นั่นเอง  ใคร ๆ ก็รู้ว่าพี่วัตกำลังจะแต่งงาน  วิวาห์รู้สึกมองหน้าพี่เบสต์ไม่เต็มตาเอาเสียเลย

          “ว่านอย่าคิดมากเลยนะ”  พี่เบสต์พูดขึ้นในวันหนึ่ง  ตอนที่มาเยี่ยมยี่หวาด้วยกัน  “พี่แต่งกับพี่วัตก็เท่ากับเป็นพี่สาวของว่าน  ว่านก็เหมือนน้องชายแท้ ๆ ของพี่  ยัยยี่หวาก็เหมือนหลานพี่อีกคน  พี่เต็มใจช่วยหลานอยู่แล้ว”

          “ขอบคุณครับพี่เบสต์  แต่ว่านจะหาเงินมาคืนพี่วัตแน่ ๆ”

          “ตามใจว่าน  เพียงแต่พี่ไม่อยากให้ว่านคิดมากเรื่องนี้”  เบสต์ว่า “ยี่หวาก็จะได้ออกจากโรงพยาบาลพรุ่งนี้แล้ว  คงจะดีขึ้นแล้วล่ะ”

          “ครับ”

          ป้าเอิบไม่ได้นอนเฝ้ายี่หวาด้วยกันคืนนั้นเพราะคุณปราณีแม่ของเขาเป็นหวัดนิดหน่อย  พี่เลี้ยงเก่าแก่ก็เลยขอกลับไปดูแลที่บ้าน   วิวาห์เตรียมเก็บข้าวของพร้อมกลับออกไปจากโรงพยาบาลตั้งแต่หัวค่ำ  รู้สึกสบายใจขึ้นมาก

          “วีว่าอย่าลืมคุณบูลด็อกด้วยนะคะ”  ลูกสาวนั่งบงการอยู่บนเตียง  ร้องเตือนไม่ให้มารดาลืมหยิบตุ๊กตาลูกหมาตัวโปรดกลับบ้านไปด้วย

          “นอนไปเถอะ  พูดไม่หยุดเดี๋ยวก็ไข้ขึ้นอีกหรอก”  วิวาห์จุ๊ปาก เดินกลับมาจับตัวลูกสาวเอนนอนลงกับเตียง “ไหนใครสัญญาว่าจะรีบนอนไงล่ะ”

          “ยี่หวาสัญญาเองค่ะ”  เด็กหญิงว่า หลับตาได้ครู่เดียวก็ลืมตาใสแจ๋วขึ้นมองหน้าเขาอีก  “แต่คืนนี้คุณลุงกระต่ายจะมาหายี่หวานะคะ  ยี่หวาต้องรอเจอก่อน”

          วิวาห์หน้าเครียดขึ้นมาทันที

          “ถ้ายี่หวานอนดึกก็จะไข้ขึ้นอีกแล้วก็อดกลับบ้านนะ”  เขาพูดเสียงจริงจัง  “เลือกเอาแล้วกันว่าอยากกลับบ้านหรืออยากเล่นกับคุณลุงอะไรนั่น”

          “คุณลุงกระต่ายค่ะ”

          “นอนลงไป”

          “คุณลุงมาแล้ว”  ยี่หวาชี้นิ้วไปที่ระเบียง  วิวาห์หันไปมองก็เจอแผ่นหลังกว้างคุ้นตายืนอยู่ระเบียง  คิ้วเรียวขมวดฉับเข้าหากัน  ระเบียงสูงขนาดนี้เขาขึ้นมาได้อย่างไร

          วิวาห์ก้าวยาว ๆ เข้าไปเลื่อนประตูกระจกออก  ลมแรงพัดเข้ามาปะทะตัว  หอบเอากลิ่นหอมประหลาดคุ้นจมูกจากร่างสูงใหญ่นั้นเข้ามาด้วย  อามันต์หันมามองเขาแล้วยิ้มให้บาง ๆ

          “ว่าไง  ไม่เจอกันหลายวัน  สบายดีมั้ย”

          “พี่ขึ้นมาได้ยังไง”  วิวาหะชะโงกมองลงไปยังลานจอดรถข้างล่างก็รู้สึกใจหวิว ๆ อามันต์ยักไหล่ไม่ตอบ  เดินผ่านเขาเข้าไปในห้องหน้าตาเฉย

          หวันยิหวากรี้ดกร้าดทักทายคุณลุงกระต่ายของเธออย่างดีอกดีใจ  วิวาห์มองรอบ ๆ ระเบียงนั้นอีกครั้งอย่างประหลาดใจแกมสงสัย  เขาเก็บความฉงนเอาไว้แล้วรีบตามกลับเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย  เห็นอามันต์กำลังนั่งอยู่ข้าง ๆ ลูกสาว  เล่านิทานเรื่องโจรสลัดกับนางเงือกให้ฟัง  หวันยิหวานอนฟังตาแป๋วทีเดียว

          “แล้วยังไงต่อคะ พวกโจรสลัดได้ยินเสียงร้องเพลงของนางเงือกเหรอคะ”

          “ใช่แล้ว  พวกเขาตกหลุมรักนางเงือกตั้งแต่แรกเห็น”  อามันต์พูดเนิบ ๆ เหลือบตาขึ้นมองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาชิดเตียง  วิวาห์สบตาคู่นั้นอย่างไม่พอใจ   “เพราะความสวยงามของนางเงือก  และเสียงที่ไพเราะของพวกเขา  โจรสลัดลุ่มหลงนางเงือกจนถอนตัวไม่ขึ้น”

          “แล้วนางเงือกรักโจรสลัดมั้ยคะ”

          “..นางเงือกไม่เคยรู้จักความรักมาก่อน  เขาไม่รู้ว่านั่นคือความรัก”  อามันต์พูด “นางเงือกแค่หลอกล่อโจรสลัดให้ดำลงไปใต้น้ำเพื่อจับกินเป็นอาหารเท่านั้น”

          “อ้าว”  เด็กหญิงอ้าปากค้าง  “นางเงือกกินโจรสลัดเหรอคะ”

          “กับโจรสลัดคนอื่นล่ะก็..ใช่  นางเงือกกินเนื้อพวกเขาจนเหลือแต่โครงกระดูก  เธอทำทุกอย่างไปเพื่อหาอาหารประทังชีวิต  แต่กลับโจรสลัดคนนี้แล้ว  มันไม่ใช่อย่างนั้น  ...นางเงือกไม่อาจตัดใจกินเขาได้ลง  เธอพาเขาไปยังเกาะวิเศษแห่งหนึ่ง  ดินแดนลับของนางเงือก”

          “แล้วก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข  แฮปปี้เอนดิ้ง ..แบบนั้นใช่มั้ยคะ”

          วิวาห์สบตาคมเข้มคู่นั้น

          “ไม่ใช่...ไม่ง่ายขนาดนั้น  นางเงือกก็คิดไม่ตกว่าเธอควรจะกินโจรสลัดคนนี้ให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปซะดีมั้ย  หรือว่าเก็บเอาไว้กับตัวดี  เธอคิดกลับไปกลับมาจนกระทั่งใกล้รุ่งสาง  หมดเวลาสำหรับนางเงือกบนบก...เธอตัดสินใจพาโจรสลัดคนนั้นขึ้นไปส่งบนฝั่ง  โชคร้ายที่เธอกลับลงทะเลไปไม่ทันพระอาทิตย์ขึ้น  ก็เลยถูกแสงแดดแผดเผาจนตายบนชายหาดนั้นเอง  พอโจรสลัดฟื้นคืนสติขึ้นมาก็จดจำเรื่องราวบนดินแดนลับไม่ได้เลย  เขาเข้าใจว่าตัวเองเป็นคนล่านางเงือกได้”

          “โธ่  น่าสงสารจังนะคะ”

          “หมายถึงใคร  โจรสลัดหรือนางเงือก”  อามันต์หัวเราะเบา ๆ เด็กหญิงทำหน้าครุ่นคิด

          “ทั้งสองคนเลยค่ะ”  หวันยิหวาว่า “แล้วโจรสลัดจะนึกออกมั้ยคะ”

          “ไม่รู้สิ  ลุงจำตอนจบไม่ได้แล้วแฮะ”  อามันต์ว่า “ยี่หวาลองต่อตอนจบให้ลุงบ้างดีมั้ย”         

          “เรื่องของยี่หวาต้องแฮปปี้..เอนดิ้งสิคะ”  เด็กหญิงพูดช้า ๆ ชัดถ้อยชัดคำ  “ถ้ายี่หวาเป็นนางเงือก  รู้แบบนี้คงจับโจรสลัดกินไปนานแล้ว”

          “นั่นสินะ”  อามันต์หัวเราะห้าว ๆ

          “นิทานจบแล้วก็เข้านอนกันได้แล้วเนอะ”  วิวาห์ตัดบท ส่งสายตาให้อามันต์ลงมาจากเตียงของยี่หวาได้แล้ว  “ถึงเวลานอนแล้วค่ะ  เด็ก ๆ นอนดึกไม่ดีต่อสุขภาพนะคะ  เดี๋ยวไข้ขึ้นอดกลับบ้านอีกหรอก”

          พอเจอคำขู่ว่าอดกลับบ้านขึ้นมา  หวันยิหวาก็รีบหลับตาปี๋ทันที  พูดพึมพำบอกราตรีสวัสดิ์กับคุณลุงกระต่าย

          “เชิญครับ  ขอบคุณมากที่มาเล่านิทานให้ลูกผมฟัง”

          “ไม่อยากรู้ตอนจบของนิทานบ้างเหรอ”  อามันต์ถามขึ้นยิ้ม ๆ กวาดตามองเขาทั่วตัว  “ถึงโจรสลัดจะผอมแห้งไปหน่อย  แต่ก็คงให้พลังงานกับนางเงือกได้แน่”

          “ราตรีสวัสดิ์ครับ”  ว่านพูดห้วน ๆ     

          “พี่คิดถึงกู้ดไนท์คิสของว่านนะ”  อามันต์พูดต่อมา  “พี่อยากจูบว่านอีกสักครั้ง”

          “คุณอามันต์”  วิวาห์โกรธจัด “พูดอะไรช่วยระวังตัวหน่อยนะครับ  ผมไม่ใช่คนรักของคุณอีกแล้ว”

          “ขอโทษ”  อามันต์ก้มหัวลง  วิวาห์เบือนหน้าหนี

          ลมพัดจากริมระเบียงมาอีกวูบหนึ่ง  ผ้าม่านปลิวไหว  วิวาห์รีบเดินเข้าไปเลื่อนประตูกระจกปิดให้สนิทเหมือนเดิม  หันกลับมาอีกที  ร่างสูงใหญ่นั้นก็ไม่อยู่ในห้องอีกแล้ว

          เช้าวันรุ่งขึ้นหวันยิหวาไข้ขึ้นสูง  หนาวสั่นไปทั้งตัวแถมยังความดันตก  วิวาห์ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก  คุณหมอบอกว่ายี่หวาอาการทรุดลงอีกทั้งที่เมื่อวานยังอาการดีอยู่เลยแท้ ๆ

          ..เป็นเพราะพี่อาร์มมาเยี่ยมแน่ ๆ พี่อาร์มมาทีไรยี่หวาไข้ขึ้นทุกที... ความคิดหนึ่งแล่นวาบในสมอง  วิวาห์เข้าไปขอดูฟอร์มปรอทที่ลงบันทึกอุณหภูมิของยี่หวาเอาไว้  คิดไปคิดมาแล้ว  ทุกคืนที่อามันต์มาหา  วันรุ่งขึ้นอาการของยี่หวาจะต้องแย่ลงทุกที

          หรือพี่อาร์มจะเป็นคนเอาเชื้อโรคมาติดยี่หวา...จริงสิ  พี่อาร์มทำงานกลางคืน  เมื่อคืนก็ขึ้นมานั่งบนเตียงยี่หวาด้วยทั้งที่ยังอยู่ในชุดทำงานแท้ ๆ มือก็ไม่ได้ล้างก่อน  ยี่หวาจะต้องติดโรคมาจากพี่อาร์มแน่ ๆ

          เขาเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้พี่วัตฟัง  ฝ่ายนั้นดูตกใจมาก  มองหน้าเขาอย่างวิตกกังวล  พี่วัตรับปากว่าจะไปบอกพยาบาลไม่ให้พี่อาร์มเข้าเยี่ยม  ส่วนว่านก็ตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่ให้พี่อาร์มเจอยี่หวาอีก

          “ว่านก็ไม่รู้ว่าเกี่ยวกันหรือเปล่า  แต่ว่ายี่หวาอาการแย่ลงทุกครั้งที่พี่อาร์มมาครับ”  วิวาห์สรุป

          “โอเคว่าน  เรื่องนี้ฉันจะช่วยจัดการเอง  คืนนี้ว่านกลับไปนอนกับป้าเอิบหรือคุณแม่ก่อน  ฉันจะค้างที่นี่  ถ้านายอาร์มนั่นมา  ฉันจะคุยกับมันเองว่าไม่ต้องมาอีก”  พี่วัตพูดขรึม ๆ ท่าทางบอกชัดว่าไม่ยอมให้ว่านปฏิเสธ

          “ว่านเป็นห่วงยี่หวา  อยากอยู่เป็นเพื่อนลูก” วิวาห์ไม่ยอม  “ยี่หวาไม่เห็นว่านคงใจเสีย  ว่านต้องอยู่ครับ”

          วิรัตน์ถอนหายใจเฮือก

          “งั้นพี่จะอยู่ด้วยคืนนี้”

          “ปกติเวลามีคนอื่นอยู่ด้วย  พี่อาร์มจะไม่เข้ามาในห้อง”  วิวาห์พูดขึ้นอย่างครุ่นคิด  “ช่วงที่ป้าเอิบมานอนด้วยเขาก็ไม่เข้ามา  ...อาการของยี่หวาก็ดีวันดีคืน  จริงด้วย...นี่ต้องเป็นเหตุผลแน่ ๆ ถึงว่านจะยังไม่เข้าใจว่าทำไมก็เถอะ” 

          วิรัตน์รีบสนับสนุน

          “เอาอย่างนั้นก็ได้  เดี๋ยวพี่มานอนด้วย  เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยกัน”

          วิวาห์ไม่คัดค้านอีก  อาการของยี่หวามีแต่ทรงกับทรุด  เวลาแต่ละวันผ่านไปอย่างเชื่องช้า  คุณหมอบอกว่ายี่หวาน่าจะมีการติดเชื้อที่เยื่อหุ้มสมอง  ทำให้น้องเริ่มไม่ได้สติ  อาการแย่ลงจนต้องใส่ท่อช่วยหายใจเอาไว้  หัวใจของวิวาห์เหมือนแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ

          “ทำไมถึงต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับยี่หวาด้วย”  วิวาห์ซบหน้าลงกับไหล่ของน้องชาย  ร้องไห้ออกมาดัง ๆ “เป็นบ้าอะไรนักหนา  ฉันทำบาปมามากใช่มั้ยวิน  ลูกฉันถึงต้องเป็นแบบนี้”

          “พี่ว่านใจเย็น ๆ ก่อนครับ  ไม่ใช่แบบนั้นหรอก”

          “แล้วมันแบบไหน  ยี่หวาเป็นเด็กน่ารักจะตาย  ทำไมสวรรค์จะต้องใจร้ายกับยี่หวาขนาดนี้ด้วย”

          “ยี่หวาจะต้องหายดีครับ  น้องจะต้องแข็งแรง  พี่ว่านทำใจดี ๆ ก่อนนะ  ยี่หวาคงไม่อยากเห็นวีว่าร้องไห้แน่ ๆ”

          “พี่ไม่ไหวแล้ววิน  ให้พี่เป็นเสียเองยังดีกว่าต้องมานั่งดูลูกเป็นแบบนี้  วินดูสิ...แค่เรียกยังไม่รับรู้เลย  พี่ไม่ไหว ไม่ไหวนะวิน”         

          วิรุฬกอดพี่ชายเอาไว้แน่น  รู้สึกสงสารจับใจ  พี่วัตเล่าเรื่องภาพหลอนและสมมุติฐานของพี่ว่านให้ฟังหมดแล้ว  พี่ว่านเข้าใจไปว่าพี่อาร์มมาเยี่ยมเลยทำให้อาการของยี่หวาทรุดลง  มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อ...

          “พี่ว่าน..ยังเจอพี่อาร์มอยู่ไหมครับ”

          “ไม่...ไม่เจอ  ถึงมาพี่ก็ไม่อยากเห็นหน้าเค้า  เค้าเป็นคนทำให้ยี่หวาแย่ลง”

          วิรุฬลอบถอนหายใจอย่างอึดอัด  เขาคิดอยู่นานก่อนจะถามขึ้นเรียบ ๆ

          “พี่ว่านเคย..ได้ยินโรคเจ้าชายนิทรามั้ยครับ”

          วิวาห์เงยขึ้นหน้าขึ้นทันที

          “ทำไม  ยี่หวาจะเป็นแบบนั้นเหรอวิน  นอนเป็นผักไม่รู้สึกตัวเหรอ”  ยิ่งพูดน้ำตาก็ยิ่งไหลทะลัก  วิวาห์ตัวสั่นขึ้นมา  “หลานจะเป็นอย่างนั้นเหรอวิน”

          “ไม่ใช่ครับ  วินหมายถึง...มีเพื่อนวินคนนึงกำลังเรียนผ่าตัดสมองอยู่ที่โรงพยาบาล...”  วิรุฬพูดถึงชื่อโรงเรียนแพทย์ชื่อดังแห่งหนึ่งขึ้นมา  “วินกับเพื่อนไปกินเหล้ากัน  ทีนี้...เพื่อนวินก็พูดถึงเคสพี่อาร์มขึ้นมา”  วิรุฬกลืนน้ำลายลงคอฝืด ๆ วิวาห์ขมวดคิ้ว

          “หมายความว่าไง  พี่..ไม่เข้าใจ”

          “พี่อาร์มนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลครับพี่ว่าน”  วิรุฬตัดสินใจพูดออกไป  “นอนมาเป็นเดือน ๆ แล้วด้วย  ไม่รู้สึกตัวเลย”

          “อะไรนะ”  วิวาห์หน้าซีดเผือด  มองหน้าน้องชายเหมือนเห็นผี  “วินพูดเรื่องอะไร  พี่ไม่เข้าใจ” เขากระซิบ

          “พี่อาร์มมีภาวะสมองตายครับ ..เขาเป็นเจ้าชายนิทรา”

          ....................................................................

          วิวาห์รู้สึกเหมือนโลกถล่มพลิกคว่ำคะมำหงายนับตั้งแต่วันที่น้องชายบอกเรื่องพี่อาร์มให้ฟัง  ตอนแรกวิวาห์ไม่เชื่อเลยสักนิดเดียว  จะเป็นแบบนั้นไปได้อย่างไรในเมื่อพี่อาร์มที่เขาเจอนั้นก็ดูสุขภาพแข็งแรงดีทุกอย่าง...

          แข็งแรง...จริงสิ  มีอะไรบางอย่างที่แปลกออกไป  สิ่งที่ว่านพยายามคิดแต่ก็คิดไม่ออก  วิรุฬบอกว่าเขาไม่รู้รายละเอียดอาการป่วยของพี่อาร์มมากไปกว่านั้นเพราะเพื่อนเล่าต่อไม่ได้เนื่องจากต้องรักษาความลับผู้ป่วย  แค่หลุดปากพูดออกมานี่ก็ผิดมากแล้ว

          วิวาห์ตั้งใจว่าเขาจะต้องไปเห็นพี่อาร์มด้วยตาตัวเองก่อน  ถึงจะเชื่อว่าอีกฝ่ายนอนเป็นเจ้าชายนิทราอยู่จริง ๆ  แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน  พี่อาร์มที่เขาเจอคือใครล่ะ...วิญญาณหรือภาพหลอนที่เขาคิดขึ้นมาเอง

          “พี่วัต  ว่านขอคุยด้วยหน่อยครับ”  วิรัตน์พอเห็นหน้าเขาก็คงเดาออกว่าว่านไปรู้อะไรมาแล้ว  รอยยิ้มของพี่วัตจางลง

          “วินบอกแล้วเหรอ”

          “ครับ”  วิวาห์พยักหน้ารับ  “พี่วัตรู้อยู่ก่อนแล้วใช่มั้ยครับ ..เรื่องพี่อาร์ม”

          “วินเพิ่งบอกพี่เหมือนกัน”  วิรัตน์พูด

          “ทำไมพี่วัตไม่บอกว่าน  ว่านจะได้รู้ตัวว่าตัวเองป่วย”  วิวาห์โพล่งขึ้น  “พี่ปล่อยให้ว่านพูดกับภาพหลอนแบบนี้เหรอ”  ตั้งแต่ที่รู้ความจริง  วิวาห์ก็ไม่กล้าหลับตาลงเพราะกลัวว่าจะเจอพี่อาร์มอีก  เขาเริ่มรู้สึกหวาดระแวงเหมือนได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ นั้นแว่วอยู่ริมหูตลอดเวลา

          “พี่กำลังหาทางจะให้ว่านไปหาหมออยู่”  วิรัตน์บอก “ถ้าพี่บอกว่าว่านหลอนไปเอง ว่านจะเชื่อพี่เหรอ”

          วิวาห์เงียบ

          “พี่รู้ว่าว่านไม่เชื่อหรอก  ตอนแรกพี่ก็ไม่แน่ใจ  จนวินมาบอกว่านายอามันต์ป่วย  พี่ก็เลยมั่นใจว่าว่านคงคิดไปเองจริง ๆ  ...ว่านไม่ต้องตกใจนะ  ช่วงนี้ว่านเครียดเรื่องยี่หวามากอาจจะทำให้ไปกระตุ้นอะไรสักอย่างในสมองขึ้นมา  ก็เลยเห็นภาพผิกปกติ   วินติดต่อคุณหมอให้ว่านแล้ว  ว่านลองไปนั่งคุยกับเขาดู  น่าจะดีขึ้นนะ”

          วิวาห์ไม่เถียงพี่ชายอีก  เขายอมเข้าไปพบจิตแพทย์ตามที่น้องชายแนะนำมา  จิตแพทย์คนนั้นดูเป็นมิตรกับเขามาก  พูดคุยซักถามธรรมดาให้วิวาห์ผ่อนคลายลง  ไม่นานเขาก็ยอมเล่าเรื่องที่เจออามันต์ให้หมอฟัง

          “เขาเหมือนกับวันแรกที่เจอกันครับ  ทั้งหน้าตา รูปร่าง น้ำเสียง”  วิวาห์พูด “ผมก็นึกอยู่ตั้งนานว่าทำไมมันแปลก ๆ ตอนที่ผมเจอเขาที่ต่างประเทศ  เขาดูแก่ลงนิดหน่อย  แต่ตอนที่เจอกันที่นี่  เขาดูหนุ่มเหมือนตอนนั้น”

          “เขาเข้ามาทักทายเหรอ”

          “ครับ  เข้ามาพูดคุย” วิวาห์กำมือเข้าหากัน  “ผมไม่รู้เลยครับ  ไม่เคยนึกเลยว่ามันเป็นภาพหลอนของผมเอง  ผมแค่แปลกใจที่เขามาหาตอนดึก ๆ ตลอด  มันคงเป็นตอนที่ผมนอนหลับ  เขาปรากฏตัวที่ระเบียงได้ด้วย  ตึกสูงตั้งสิบกว่าชั้น  เขาจะเหาะขึ้นมาได้ยังไง  ทำไมตอนนั้นผมไม่ได้เอะใจ”

          “ใคร ๆ ก็เป็นกันได้”  คุณหมอปลอบใจ

          วิวาห์รู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อยตอนที่กลับออกมาจากห้องของจิตแพทย์  เขาได้ยามาสองสามอย่าง  คุณหมอบอกว่าจะช่วยให้เขานอนหลับดีขึ้น  วิวาห์กลับไปเฝ้าลูกสาวเหมือนเดิม  คืนนั้นเขาเข้านอนเต็มอิ่ม  ไม่สะดุ้งตื่นกลางดึกเลย



หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน7 12/3/63 p4
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 12-03-2020 21:18:45










            วันรุ่งขึ้นมีคนมาเยี่ยมหวันยิหวาถึงโรงพยาบาล  ว่านแปลกใจมากที่ได้เจอหน้าครูเตยอีก...คุณครูประจำชั้นของหวันยิหวา

          “มัวแต่ยุ่ง ๆ เรื่องงาน ต้องขอโทษด้วยนะคะที่มาเยี่ยมยี่หวาช้า  กระเช้านี้ผอ.ฝากมาให้ค่ะ  ส่วนอันนี้ของเตยเอง  ยี่หวาเป็นอย่างไรบ้างคะ”  คุณครูสาวพูดขึ้น  ส่งกระเช้าของเยี่ยมให้วิวาห์รับเอาไว้  วิวาห์เล่าอาการให้คุณครูประจำชั้นฟัง  เธอน้ำตาคลอด้วยความสงสารลูกศิษย์   “โถ...เคราะห์กรรมอะไรก็ไม่รู้  แล้วจะรักษาน้องยี่หวายังไงต่อคะ”

          “คุณหมอบอกว่าต้องให้ยาฆ่าเชื้อไปก่อนครับแล้วก็ยาลดอาการสมองบวม”  วิวาห์ตอบ รู้สึกแน่น ๆ ในอกขึ้นมาทุกครั้งที่พูดถึงอาการของลูกสาว  “ยี่หวาเป็นมากเพราะภูมิต่ำด้วย”

          “คุณว่านทำใจให้สบาย ๆ นะคะ  ยี่หวาจะต้องดีขึ้นแน่นอนค่ะ”  ครูเตยพูดอย่างเชื่อมั่น  “ยี่หวาเป็นเด็กเก่ง  ลางสังหรณ์เตยบอกว่ายี่หวาไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ  อย่ากังวลไปเลย”

          “คุณครูเชื่ออะไรแบบนั้นด้วยเหรอครับ”  ว่านแปลกใจ พยายามจะทำให้บรรยากาศดีขึ้น  หญิงสาวยิ้มกว้าง

          “เป็นความสามารถพิเศษน่ะค่ะ  เตยมีเซนส์พวกนี้  ลางสังหรณ์ของเตยแม่นนะคะ  ดูดวงได้ด้วย บางทีผีก็มากระซิบบอกเตยบ่อย ๆ”

          วิวาห์หัวเราะ

          “คุณเตยมีซิกเซนส์เหรอ”

          “ใช่แล้วค่ะ”  หญิงสาวพูดขึงขัง  “เตยใบ้หวยแม่นนะคะ  ผีชอบมาบอก”

          วิวาห์รู้สึกสบายใจขึ้นมาก  เขานั่งคุยกับหญิงสาวจนเย็น   ทานข้าวด้วยกันหนึ่งมื้อก่อนที่คุณครูเตยจะกลับไป  แป้งพาลูก ๆ มาเยี่ยมยี่หวาในตอนหัวค่ำ  พอเธอได้ฟังสิ่งที่เขาพูดก็อ้าปากค้าง

          “โอ้ก้อด...จริงเหรอว่าน  พี่อาร์มเนี่ยนะ...คุณพระช่วย  เป็นไปได้ยังไง”  แป้งตกใจมากกว่าเขาเสียอีก  “ฉันเคยเห็นเขานั่งคุยกับเสี่ยกับตานะ  เขาป่วยได้ยังไง”

          “ตอนนั้นเขาคงยังไม่ป่วยน่ะสิ”  วิวาห์สรุป

          “มิน่าล่ะ  ฉันแอบไปถามโปรดิวเซอร์มาว่าโปรเจ็กต์พิเศษนั่นน่ะ  พี่อาร์มมาร่วมมั้ย  เขาบอกฉันว่าพี่อาร์มแคนเซิลไป  หายตัวไปดื้อ ๆ ไม่โผล่มาที่บริษัทอีกเลย  ยังว่าเขาหายไปไหน  นึกว่าติสต์แตกอีกเหมือนเดิม”

          “พี่อาร์มไม่ได้เข้าร่วมโปรเจ็กต์เหรอ”

          “ใช่น่ะสิ  เขาไม่มาตั้งแต่วันแรกแล้วล่ะ”

          วิวาห์ขนลุก

          “แล้วทำไม...”  เขาหยุดพูด ไม่อยากเล่าให้เพื่อนฟังว่าตัวเองเห็นภาพหลอนเป็นเรื่องเป็นราวตั้งแต่วันที่พี่อาร์มไปเซ็นสัญญาที่บริษัทนั้นทีเดียว  ถ้าเป็นอย่างนั้น...อาการหลอนของเขาก็เป็นมานานแล้วน่ะสิ  เพียงแต่ว่านไม่รู้ตัว...

          “ทำไมอะไรเหรอ...แกมีเรื่องอะไรปิดบังฉันอยู่หรือเปล่าเนี่ย”  แป้งขมวดคิ้ว “หน้าตาเหมือนไม่สบาย”

          “เปล่า ๆ ไม่มีอะไร”  วิวาห์ปฏิเสธ  “แค่เครียด ๆ น่ะ”

          “ไม่เครียดสิแปลก  ลูกป่วยทั้งคน”  แป้งถอนหายใจ “ย้ายไปโรงพยาบาลอื่นมั้ยล่ะ  ลองเปลี่ยนหมอดูเผื่ออาการจะดีขึ้น”

          “ไม่เอาหรอก  คุณหมอที่นี่เขาก็ดูแลยี่หวาเต็มที่แล้ว”  ว่านปฏิเสธ เขารู้ว่าเพื่อนอยากช่วย  “อาการของยี่หวาก็ดีขึ้นอยู่แหละ”

          “น้องจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมมั้ยนะ”  แป้งพูดเหมือนรำพึง  มองเข้าไปในกระจกเห็นร่างเล็ก ๆ นั้นนอนอยู่บนเตียงท่ามกลางสายน้ำเกลือยุบยับ “สงสารจริง ๆ ...จริงสิว่าน แกลองไปทำบุญหน่อยมั้ยล่ะ  สะเดาะเคราะห์หรือไม่ก็ไปบนดูสิ  มีญาติฉันป่วยแล้วเขาไปบนว่าถ้าหายจะบวช  เขาก็หายจริง ๆ นะแก  ไม่ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ก็เอาด้วยไสยศาสตร์ก็ได้”

          “น่าสนใจอยู่นะ  พี่เบสต์ก็ชวนฉันอยู่เหมือนกัน”  วิวาห์พยักหน้า

          “ไปด้วยกันไหมล่ะ  ยังไม่ต้องถึงขั้นจะบวชก็ได้  เอาแค่ไปปฏิบัติธรรมก็พอ  ยังไงแกนั่งเฝ้าลูกอยู่ตรงนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก  ไอซียูเขาไม่ให้เฝ้าข้างเตียงอยู่แล้ว”

          วิวาห์นัดหมายกับอีกฝ่ายเอาไว้  ตั้งใจว่าจะไปปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิดู  เผื่อว่าจิตใจจะสงบลงไปบ้างแล้วก็ช่วยเพิ่มบุญให้กับลูกสาวด้วยอีกทางหนึ่ง  เขาเลือกวันหลังจากงานแถลงข่าวโปรเจ็กต์เพลงพิเศษ

          งานแถลงข่าวนั้นไม่เห็นเงาของพี่อาร์มจริง ๆ ด้วย  วิวาห์ออกจากโรงพยาบาลแต่เช้าตรู่เพื่อไปร่วมงานแถลงข่าว ในงานได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนประมาณหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้มากมายอย่างที่ค่ายคาดการณ์เอาไว้

          “เพราะจัดแถลงข่าวชนกับข่าวดาราโกหกว่าท้องน่ะ”  นักร้องคนหนึ่งพูดกลั้วหัวเราะ  “ใครจะมาสนใจนักร้องกระแสตกแล้วกันล่ะ”

          วิวาห์มองไปรอบ ๆ ห้องแถลงข่าวโดยไม่รู้ตัว  แวบหนึ่งที่เขาคาดหวังว่าจะเห็นร่างสูงใหญ่ของพี่อาร์มปรากฏตัวขึ้นที่มุมใดมุมหนึ่งของห้อง

          แต่คงเป็นไปไม่ได้...พี่อาร์มจะมาได้อย่างไร  แม้แต่ในจินตนาการของว่านเองก็เป็นไปไม่ได้หรอก  ว่านกินยาตามที่หมอสั่งทุกวัน  นอนหลับสนิทดีไม่เคยสะดุ้งตื่นตอนกลางคืนอีกเลย

          พี่อาร์มหายไปจากจินตนาการของว่านนานหลายคืนแล้ว

          “คุณว่าน”  เสียงคุ้นหูดังขึ้นข้างตัว  วิวาห์สะดุ้งหันไปมองอย่างตกใจ

          “คุณฟอร์ด...มาได้ยังไงครับ”  ไม่เจอกันนานเป็นเดือน  ว่านค่อนข้างแปลกใจมาก

          “คุณเล่นหายเงียบไปเสียเฉย ๆ  ผมไปตามหาที่ร้านอาหารที่คุณไปร้องเพลงก็บอกว่าคุณลาออกไปแล้ว  พอดีได้ยินว่าคุณเข้าร่วมโปรเจ็กต์นี้ก็เลยลองมาดูครับ”

          วิวาห์ขมวดคิ้ว

          “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

          “คุณจะกลับเลยหรือเปล่า  หรือว่าจะไปไหนต่อ”  ชายหนุ่มถามเนิบ ๆ มองเขาผ่านแว่นสายตาคมวาว  “ถ้าไม่ได้ไปที่ไหน  ทานข้าวด้วยกันสักมื้อดีมั้ยครับ”

          “ผมมีธุระต่อครับ  ขอโทษด้วย”

          “ถ้าอย่างนั้น...ให้ผมไปส่งนะ”

          “ไม่รบกวนคุณฟอร์ดดีกว่าครับ”  วิวาห์พูดตัดบท  “ขอบคุณมากครับ”  พูดจบก็รีบเดินจ้ำหนีออกมาทันที  รู้สึกได้ว่ามีสายตาของฝ่ายนั้นมองตามหลังมาตลอดทาง  วิวาห์เรียกแท็กซี่กลับไปที่โรงพยาบาลเพื่อเฝ้าลูกสาวต่อ

          ตอนนี้ชีวิตของเขาก็มีเพียงแค่ลูก...แค่หวันยิหวาคนเดียวเท่านั้น          

          ............................................................................................

          “ไอ้อาร์มหายหัวไปไหนอีกแล้วน่ะ  ใกล้จะถึงเวลาเริ่มงานแล้วนะ”  พี่กอล์ฟพูดอย่างหงุดหงิด  ทุกคนในวงเหลือบมองดูนาฬิกาพร้อมกันอย่างกังวล  “ถ้ามันจะแอบไปรับงานเดี่ยวคนเดียว  ก็ต้องรับผิดชอบต่องานของวงด้วยสิ  ไม่ใช่เทหายไปแบบนี้”

          “ว่านลองติดต่ออีกทีซิ  หรือว่าเป็นอะไรไปหรือเปล่า”  แทนใจพูดขึ้น เขาเองก็กังวลไม่แพ้กัน

          วิวาห์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาพี่อาร์มอีกครั้ง  ฝ่ายนั้นไม่รับสาย  เขาลองโทรไปเกือบสิบรอบก็ไม่รับสายเหมือนเดิม  ว่านเริ่มไม่สบายใจขึ้นมาจริง  เขาผุดลุกขึ้นยืน

          “ว่านจะกลับไปดูที่สตูดิโอ  ไม่รู้พี่อาร์มเป็นอะไรหรือเปล่า”  พี่แทนจับแขนของเขาเอาไว้ทันที

          “จะไปยังไงว่าน  แฟนคลับอยู่เต็ม  เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

          แทนใจขับรถพาเขาออกมาจากสถานที่จัดงานอีเว้นท์คืนนั้น   ว่านวิ่งเข้าไปในสตูดิโอตรงขึ้นไปยังชั้นสามที่เขาอาศัยอยู่กับพี่อาร์มสองคน  ไม่มีเงาของพี่อาร์มอยู่ในห้องอย่างที่คิด  ในห้องน้ำก็ไม่มี...

          “ไม่มีเลยพี่แทน  พี่อาร์มออกไปไหนแล้วไม่รู้”

          “ไอ้บ้านี่”  แทนใจโกรธขึ้นมาจริง ๆ  “อยากให้วงแตกหรือไงกัน”

          “เอายังไงดีครับ”

          “เรากลับไปที่งานก่อน  อย่างน้อยก็ต้องขึ้นแสดง  แล้วค่อยบอกว่าไอ้อาร์มไม่สบายหรืออะไรก็ว่าไป”  แทนใจว่า  พาว่านกลับมาที่งานอีกครั้ง  ว่านขึ้นร้องเพลงได้ไม่ถึงสองเพลงก็ถูกคนดูโห่ร้อง  ทุกคนถามหาพี่อาร์มกันใหญ่

          “พี่อาร์มไม่สบายนิดหน่อยครับ  วันนี้ผมเลยมาร้องแทน”  ว่านแก้ความเข้าใจให้ทุกคน  สายตาก็กวาดมองรอบ ๆ ไปด้วย  หวังสุดใจว่าพี่อาร์มจะโผล่มาแล้วก็เดินขึ้นเวทีเข้ามาหาว่านแบบเท่ ๆ เหมือนเคย

          คนดูข้างล่างดูไม่พอใจเท่าไหร่  ว่านรู้ว่าทุกคนอยากดูพี่อาร์มร้องเพลงมากกว่าว่าน   ได้แต่ภาวนาขอให้พี่อาร์มมาเร็ว ๆ เสียที

          แต่สุดท้ายคืนนั้นพี่อาร์มก็ไม่มา...

          ทุกคนในวงโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง  แม้แต่พี่แทนที่เข้าข้างพี่อาร์มอยู่เสมอก็ยังดูออกว่าไม่พอใจมาก  พี่อาร์มไม่มีความรับผิดชอบต่อวงเอาเสียเลย  พวกเขานั่งดื่มรอพี่อาร์มกลับมาจนเช้า  ร่างสูงใหญ่ของพี่อาร์มก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าสตูดิโอ

          “มึงหายหัวไปไหนมาไอ้อาร์ม”  พี่กอล์ฟตวาดลั่น  กระโจนลุกขึ้นมาจากโซฟาทั้งที่ยังไม่สร่างเมา “รู้มั้ยว่าสิ่งที่มึงทำมันแย่แค่ไหน”

          “ทุกคนรอมึงกลับมา”

          “มึงไปไหนมาอาร์ม”

          “เอาไว้สร่างเมาก่อนแล้วค่อยมาคุยกัน  กูไม่คุยกับคนเมา”  พี่อาร์มพูดเสียงแข็ง  มองผ่านว่านไปแวบหนึ่งแล้วก็ก้าวยาว ๆ ขึ้นบันไดไปชั้นบน

          พี่กอล์ฟโกรธมาก  วิ่งขึ้นบันไดตามหลังพี่อาร์มไปติด  ว่านทันเห็นแค่พี่อาร์มถูกกระชากให้ล้มลงแต่ขนาดตัวพี่กอล์ฟกับพี่อาร์มต่างกันมาก  ไม่นานพี่กอล์ฟก็นอนหมอบอยู่กับพื้น  ส่วนพี่อาร์มลุกขึ้นยืนโซเซ  มือกุมจมูกเอาไว้

          “พี่อาร์มเลือดออก”  ว่านตกใจ เขากุลีกุจอเข้าไปช่วยพี่อาร์ม ทว่าพี่อาร์มกลับผลักว่านออกเต็มแรง ว่านกระเด็นออกมาล้มก้นกระแทกพื้น  “โอ๊ย!!”

          “เห้ย  อย่าทำร้ายว่านสิวะ”  แทนใจอุทาน ตามขึ้นมาช่วยว่านลุกขึ้น  “เจ็บมากมั้ยว่าน”

          “ไม่ครับ”  ว่านส่ายหน้า “แต่พี่อาร์มเลือดกำเดาออกเยอะเลย ว่านจะไปช่วยเขา”

          “ว่านดูแลตัวเองก่อนเถอะ”  แทนใจพูด “เดี๋ยวพี่ไปจัดการไอ้อาร์มเอง”

          “อย่าเพิ่งเลยนะพี่แทน  ถือว่าว่านขอ พี่อาร์มต้องมีเหตุผลแน่ ๆ รอให้พี่อาร์มใจเย็นลงก่อนแล้วค่อยคุยกันดี ๆ นะครับ  ว่านจะไปดูพี่อาร์มเอง”

          “เดี๋ยวก็โดนเหวี่ยงออกมาอีกหรอก”

          “แค่นี้ไม่เป็นอะไรหรอกครับ”  วิวาห์ส่ายหน้า  เขาเดินตามหลังอามันต์ขึ้นมาชั้นสาม  ได้ยินเสียงน้ำไหลอยู่ในห้องน้ำ  เดาเอาว่าพี่อาร์มคงกำลังล้างหน้าอยู่  ว่านเดินไปเคาะประตู  “พี่อาร์ม ...ว่านเองนะครับ”

          “ออกไป”

          “ว่านจะมาช่วยพี่อาร์มเฉย ๆ ให้ว่านช่วยอะไรมั้ยครับ”

          “เลิกยุ่งเสียทีเถอะ  ไปรอข้างล่าง” เสียงพี่อาร์มแข็งขึ้น  ว่านอยู่กับพี่อาร์มจนจับอารมณ์ได้หมดแล้ว  พี่อาร์มทำเสียงแข็งไปอย่างนั้นเอง  ความจริงแล้วพี่อาร์มต้องการตรงกันข้ามต่างหาก

          เด็กหนุ่มเดินไปหยิบผ้าขนหนูมารอข้างนอกห้องน้ำ  ครู่หนึ่งพี่อาร์มก็เปิดประตูออกมาในสภาพเปียกโชก  ว่านส่งผ้าขนหนูไปให้  พี่อาร์มดูไม่พอใจแต่ก็รับมาเช็ดหน้า

          “ลงไปได้แล้ว  เดี๋ยวพวกมันจะนึกว่าเธอเข้าข้างฉัน”

          “ก็ว่านเข้าข้างพี่อาร์มจริง ๆ นี่”  ว่านตอบกลับไปตามที่คิด  “ว่านรู้ว่าพี่อาร์มจะต้องมีเหตุผลที่ไม่มางานแน่ ๆ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ  เล่าให้ว่านฟังได้มั้ย”

          พี่อาร์มมองหน้าว่านแวบหนึ่งแล้วก็หันหน้าหนี

          “ถ้าฉันไม่มีเหตุผลล่ะ  แค่เบื่อที่ต้องร้องเพลงเป็นวงแล้ว  ...แค่นี้พอมั้ย”

          “พี่อาร์มโกหก”  ว่านสวน “พี่อาร์มรักวงนี้จะตายไป ไม่มีทางที่จะเบื่อหรอก บอกว่านมาดีกว่าครับว่าเหตุผลอะไรกันแน่ที่พี่อาร์มหายไป”

          “เลิกทำตัวใสซื่อเสียทีเถอะนะ”  พี่อาร์มหันกลับมา  จ้องหน้าเขาเขม็ง  “ฉันเบื่อ ...รำคาญ!!”

          ว่านตกใจ

          “พี่อาร์มหมายถึง...ว่านเหรอครับ”

          “ถ้าคิดไม่ได้ก็โง่ต่อไปเถอะ”   พี่อาร์มว่า  แล้วก็เดินหันหลังลงบันไดไปข้างล่าง ว่านได้ยินเสียงโต้เถียงอย่างเผ็ดร้อนดังขึ้นมาถึงชั้นสามแว่ว ๆ ก่อนที่จะตามด้วยเสียงสตาร์ทรถแล้วพี่อาร์มก็ขับออกไป

          “ว่าน  เป็นอะไรหรือเปล่า”  แทนใจขึ้นมาหาเขาหลังจากนั้น ว่านกำลังนั่งอยู่ริมหน้าต่างอย่างมึนงง  “ไอ้อาร์มทำร้ายเอาตรงไหนมั้ย”

          “เปล่าครับ”  ว่านส่ายหน้า  “พี่อาร์มคงอารมณ์ไม่ดีมากไปหน่อย”

          “มันไล่ทุกคนออกจากวงไม่ได้หรอกนะ  ถึงมันจะเป็นนักร้องนำแต่ทุกคนก็ร่วมกันสร้างวงนี้ขึ้นมา”  แทนใจพูดอย่างไม่พอใจ

          “สรุปพี่อาร์มหายไปไหนพอรู้มั้ยครับ”

          แทนใจหน้าเครียดขึ้น  มองว่านอย่างไม่แน่ใจ

          “มีเพื่อนพี่ส่งรูปมาให้  บอกว่าเจอมันในผับเมื่อคืน”

          ว่านหน้าซีด

          “เขาไปกับใครเหรอครับ”

          “ไปคนเดียว  แต่ออฟเด็กไปด้วยขากลับ”  แทนใจยกมือขึ้นแตะไหล่ว่านอย่างปลอบใจ  “อย่าเพิ่งคิดมากนะ  ไอ้อาร์มมันอาจจะหาเศษหาเลยบ้าง  แต่ก็ไม่ได้จริงจังหรอก”

          “.......”  ว่านพูดไม่ออก

          แทนใจกลับออกไปแล้ว  วิวาห์นอนคิดตลอดทั้งคืน  พี่อาร์มกลับมาตอนเกือบเที่ยงคืน  ได้กลิ่นเหล้าหึ่งมาแต่ไกล  ว่านหรี่ตาลงแอบมองพี่อาร์มเงียบ ๆ เห็นพี่อาร์มหายเข้าไปในอาบน้ำแล้วก็กลับมาล้มตัวลงนอนข้าง ๆ ว่าน

          พี่อาร์มนอนห่าง ๆ ไม่ได้เอื้อมมือมาดึงว่านไปกอดเหมือนเคย

          ว่านน้ำตาไหล

          “ร้องไห้ทำไม  ...โกรธพี่เรื่องเมื่อเช้าใช่มั้ย”  พี่อาร์มขยับตัวเข้ามาชิดว่านแล้วพูดข้างหู  ว่านหันหน้าหนี  น้ำตาซึมจนเปียกหมอนไปหมด  “พี่ขอโทษ”

          “พี่อาร์มทำแบบนี้ทำไมครับ”  วิวาห์ถามปนสะอื้น  “พี่อาร์มเคยรักว่านบ้างมั้ย”

          “พี่เคยบอกไปแล้วไง  ว่านจำไม่ได้เหรอ”

          “จำได้ครับ”  ว่านเม้มปาก “ว่านจำเรื่องเกี่ยวกับพี่อาร์มได้เสมอ พี่อาร์มเรื่องของว่านได้หรือเปล่า”

          “ว่านจะเป็นคนสุดท้ายที่พี่จะลืม  ต่อให้พี่ตายไปแล้วก็ตาม”  พี่อาร์มตอบกลับมา

          ว่านหัวเราะทั้งน้ำตา

          “ว่านจะทำเป็นเชื่อไปก่อนนะครับ  จนกว่า...” พี่อาร์มพลิกตัวว่านให้หันกลับไปหาแล้วเข้ามาจุมพิตหนักหน่วง  ว่านรู้สึกถึงรสขมปร่าของน้ำตาตัวเอง  พี่อาร์มสอดมือเข้ามาในชุดนอนของว่าน  ว่านเลยจับมือเขาเอาไว้  “ว่านไม่อยากติดโรค...”

          พี่อาร์มอึ้งไป  คงไม่นึกว่าว่านจะรู้  เขาดึงมือกลับแล้วพลิกตัวนอนหงาย

          “ใครบอก”

          “เพื่อนพี่แทนส่งรูปมาให้ครับ”

          “พี่เครียดมากไปหน่อยก็เลยหาที่ระบาย”

          “ว่านยังเป็นแฟนของพี่อาร์มอยู่หรือเปล่าครับ”

          “เป็นสิ”

          “ถ้างั้นว่านขออย่างได้มั้ย  ...เรื่องอะไรว่านก็ทนได้  แต่ถ้าเป็นเรื่องนอกกายนอกใจ...ว่านทนไม่ได้จริง ๆ”  วิวาห์พูดเสียงเครือ  “จะบอกว่าว่านหวงพี่อาร์มมากเกินไปก็คงได้  ว่านยอมรับว่าหวงพี่อาร์มมาก...มาก ๆ เลย  ว่านรับไม่ได้ที่ต้องแบ่งพี่อาร์มกับใคร”

          “พี่จะไม่ทำอีก”  พี่อาร์มพูดขึ้นในความมืด

          ..........................................................................

          “นั่งคิดอะไรอยู่”  พี่วัตเดินเข้ามาหาน้องชาย  เห็นน้องนั่งเหม่ออยู่นานแล้วก็อดรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาไม่ได้  “ยี่หวาอาการทรุดลงเหรอ”  คนเป็นลุงอย่างเขาใจไม่ดีเอาเสียเลย  ไหนจะน้องชายไหนจะหลานสาว ...วิรัตน์แทบไม่มีกะจิตกะใจจะแต่งงานด้วยซ้ำ

          “พี่วัต”  วิวาห์ขยับตัว แล้วส่งยิ้มมาให้  เป็นยิ้มที่เศร้าจนคนเป็นพี่ชายอยากเบือนหน้าหนี  “กินข้าวมาหรือยังครับ”

          “ไม่ต้องห่วงฉันหรอกน่ะ  ห่วงตัวเองก่อนเถอะ  ยี่หวาเป็นไงบ้าง”

          “ก็พอ ๆ เดิมครับ”  วิวาห์ตอบซึม ๆ  “พรุ่งนี้หมอจะเปลี่ยนยาให้ใหม่”

          “ก็ดีสิ”  วิรัตน์พยักหน้าเนิบ ๆ “ไปล้างหน้าล้างตาหน่อยดีมั้ย  ฉันกับเบสต์มาเฝ้าแทนแล้ว  ผลัดกัน”

          “ครับ”

          “ได้กินยาที่หมอสั่งหรือเปล่า”

          “กินครับ  กินทุกวัน” วิวาห์พยักหน้ารับ  “ยังไม่ได้ไปดูพี่อาร์มที่โรงพยาบาลเลย  ผมอยากเห็นกับตาเสียหน่อย”

          “จะไปดูทำไม”  พี่วัตขมวดคิ้ว  “ดูไปก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น  มีแต่หดหู่เปล่า ๆ”

          “ว่านกำลังคิดอยู่ว่าว่านพลาดไปหรือเปล่า”  วิวาห์พูดขึ้นเบา ๆ ทอดสายตามองความว่างเปล่าตรงหน้า  “ถ้าว่านรู้ก่อนว่าพี่อาร์มจะต้องกลายเป็นแบบนี้  ไม่แน่ว่าว่านคงบอกเขาเรื่องยี่หวา”

          “จะบอกให้ได้อะไรขึ้นมา”  วิรัตน์ขมวดคิ้ว  “มันทิ้งว่านไปนานแล้ว  บอกไปก็ไม่เปลี่ยนอะไรหรอก  คนอย่างนั้น..”

          “จริง ๆ เรื่องเมื่อก่อน  ว่านก็มีส่วนผิด  ไม่ใช่แค่เขาผิดหรอกครับ”  วิวาห์พูดเนิบ ๆ “พอมานั่งคิดดูแล้ว  ว่านแทบไม่ได้รู้จักเขาจริง ๆ เลย  ว่านมองเห็นแค่สิ่งที่ว่านอยากจะเห็นเท่านั้น”

          “ตอนนั้นว่านยังเด็ก”  วิรัตน์บอก ยกมือขึ้นลูบศีรษะของน้องชายเบา ๆ “อย่าโทษตัวเองในเรื่องอดีตที่ผ่านมาแล้ว  มันแก้ไขอะไรไม่ได้”

          “ถ้าว่านไม่ได้รู้จักพี่อาร์ม  ก็คงไม่มียี่หวา  ..บางทีอาจจะไม่ต้องเศร้าขนาดนี้”

          “พูดอะไรน่ะ”  วิรัตน์ดุ “นึกถึงตอนยี่หวาหัวเราะมีความสุขสิ ว่านเองก็มีความสุขใช่มั้ย อย่าคิดแบบนี้เลย รอเวลาที่ยี่หวาจะกลับมาเป็นยี่หวาคนเดิมดีกว่า”

          วิวาห์นั่งคุยกับพี่ชายต่อจนดึก  เขาลงไปซื้อขนมที่ร้านสะดวกซื้อข้างล่างโรงพยาบาลที่เข้าประจำจนคุ้นชิน  เดินเลือกซื้อของอยู่เพลิน ๆ ก็รู้สึกถึงเงาดำ ๆ ที่มายืนข้างหลัง  ขนอ่อนลุกชัน  วิวาห์หันขวับไปมองฉับพลัน

          “พี่อาร์ม”

          ผู้ชายที่ยืนซ้อนข้างหลังเขาอยู่ส่งยิ้มมาให้  นัยน์ตาคมเข้มเป็นประกายหมายมาดอย่างที่ว่านแปลความหมายไม่ออก  สังหรณ์ร้ายผุดพรายตอนที่เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น  ว่านรีบหยิบขึ้นมากดรับ

          “ครับพี่วัต”

          “ว่านอยู่ไหนแล้ว...รีบขึ้นมาเร็ว  ยี่หวา..ยี่หวาหัวใจหยุดเต้น”

 ...

          มาอัพกันต่อนะคะ

          เรื่องนี้ถ้าใครตามอ่านนิยายเรามาจะพอเดาได้ล่ะ  มีความซับซ้อนเล็กน้อย  ไม่สามารถสปอยได้เพราะไม่รู้จะสปอยตรงไหน  เอาเป็นว่าเจอกันตอนหน้า  กำลังเครื่องติดล่ะ  สนุกมาก ๆ (ชั้นสนุกอยู่คนเดียว)

          เจอกัน ๆ ใครชอบอย่าลืมช่วยกันโปรโมทด้วยคนละไม้คนละมือนะคะ

          #วิวาห์อามันต์

         
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน7 12/3/63 p4
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 12-03-2020 23:14:18
 :katai1: หลอนอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน7 12/3/63 p4
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 13-03-2020 02:00:32
ถ้าอาร์มป่วยตั้งแต่ตอนทำวงทำไมถึงไม่ยอมบอกคนอื่นนะ
ยิ่งอ่านยิ่งมีเรื่องสงสัย อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน7 12/3/63 p4
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 13-03-2020 02:34:30
แต่ละเรื่องนี้หัวใจจะวายยยยยย :ling1:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน7 12/3/63 p4
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 13-03-2020 04:44:05
แสดงว่าอาร์มต้องป่วยมานานแล้วแล้วไม่มีใครรู้
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน7 12/3/63 p4
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 13-03-2020 07:46:41
 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน7 12/3/63 p4
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 13-03-2020 09:39:19
เราแทงสวน เราว่าว่านไม่น่าจะหลอนนะ อาร์มน่าจะจิตออกจากร่างมาจริงๆ  #จินตนาการไม่มีสิ้นสุด
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน7 12/3/63 p4
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 13-03-2020 18:24:01
ไม่นะ ไม่แลกนะ ต้องรอดกลับมาเพื่อเป็นครอบครัวกันสิ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน7 12/3/63 p4
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-03-2020 21:59:52
 :katai1:



แอร้ยยยย
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน7 12/3/63 p4
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 13-03-2020 23:20:37
หนูยี่หวา หัวใจหยุดเต้น แล้วพี่อาร์ม จะเข้าร่างยี่หวาใช่มั๊ย ต้องการแบบนี้ใช่มั๊ย พี่อาร์ม
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน7 12/3/63 p4
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 14-03-2020 00:28:17
เห้อออออออ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน7 12/3/63 p4
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 14-03-2020 00:59:00
แสดงว่าพี่อาร์มป่วยมานานแล้วใช่ไหม
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน7 12/3/63 p4
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 14-03-2020 02:19:34
ทำไมถึงไม่มีใครรู้ว่าอาร์มป่วย?
แล้วทำไมน้องถึงทรุดดด
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน7 12/3/63 p4
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 17-03-2020 09:08:55
 :ling2: :ling2: :ling2:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน7 12/3/63 p4
เริ่มหัวข้อโดย: Yarkrak ที่ 17-03-2020 17:13:09
คนเขียนไม่ต้องสปอยน่ะดีแล้ว
คนอ่านจะได้จินตนาการต่อ
ขอบคุณที่เขียนเรื่องสนุก ๆ ให้ได้อ่าน
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน7 12/3/63 p4
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 18-03-2020 08:30:14
สงสารยิหวา
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน7 12/3/63 p4
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 18-03-2020 23:19:46
วิวาห์อามันต์

ตอนที่ 8







         “ยี่หวา  ยี่หวาลูก ลูกผมเป็นอย่างไรบ้างครับ  ให้ผมเข้าได้ดูได้มั้ยครับ”  วิวาห์พูดเสียงร้อนรนแทบฟังไม่เป็นคำ  มองผ่านหน้าต่างกระจกใสเข้าไปเห็นม่านคลุมล้อมรอบเตียงของลูกสาวเอาไว้อยู่  บดบังสายตาจากภายนอกอย่างสิ้นเชิง  “คุณให้ผมเข้าไปนะ  ผมจะเข้าไปหาลูก”

          “ยังไม่ได้ค่ะ คุณหมอกำลังปั้มหัวใจช่วยชีวิตคนไข้อยู่นะคะ  ญาติรบกวนรอด้านนอกก่อนนะคะ”  คุณพยาบาลจับแขนของชายหนุ่มเอาไว้แน่น  ไม่ยอมให้เข้าไปในห้องไอซียู  “คุณพ่อน้องรอข้างนอกก่อนนะคะ  เดี๋ยวคุณหมอจะมาคุยด้วยค่ะ”

          “ไม่  พี่วัตปล่อยผม ...ผมจะเข้าไปดูลูก”  วิวาห์ตะโกนลั่น สะบัดตัวเต็มแรงทว่าถูกวิรัตน์และวิรุฬล็อกแขนเอาไว้คนละข้าง  สุดท้ายก็จำต้องถอยกลับไปนั่งรออย่างกระวนกระวายใจบนเก้าอี้ข้างหน้านั่นเอง  “พี่วัต ยี่หวาจะเป็นไรมั้ย ยี่หวาจะตายหรือเปล่า”

          “ใจเย็น ๆ ว่าน”  วิรัตน์ปลอบแม้จะรู้สึกไม่ดีเลยก็ตาม  “คุณหมอเขาจะต้องช่วยยี่หวาได้แน่  ยี่หวาเป็นเด็กอดทน  จะต้องผ่านไปได้”

          “พี่ว่านนั่งพักก่อนครับ”  น้องชายโบกมือพัดให้พลางหายาดมมาจ่อจมูก

          ร่างสูงใหญ่ของอามันต์ยืนอยู่หน้าห้องผู้ป่วยหนักวิกฤติ  ว่านเบิกตาโพลงผุดลุกขึ้นยืน

          “พี่อาร์ม  ...อย่ามายุ่งกับเขานะ  เพราะพี่ใช่มั้ยยี่หวาถึงได้แย่ลง”

          อามันต์หันกลับมามองแล้วเลิกคิ้ว

          “เพราะพี่เหรอ...ทำไมว่านถึงใส่ร้ายพี่แบบนั้น” เสียงแหบห้าวนั้นฟังดูชัดเจนสมจริงไม่เหมือนภาพที่เขามโนขึ้นมาเองเอาเสียเลย  วิวาห์ชะงัก หันกลับไปมองพี่น้องสองคนที่ตอนนี้ต่างลุกขึ้นยืนเบิกตากว้างจ้องมองไปยังอามันต์ราวกับเห็นผี

          “...นั่นมัน...อามันต์นี่”  วิรัตน์พูดตะกุกตะกัก  ยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองดังเผี๊ยะ  ขณะที่นายแพทย์วิรุฬขมวดคิ้วฉับก้าวยาว ๆ เข้าไปหาอดีตคนรักของพี่ชายอย่างประหลาดใจ เขายกมือขึ้นจับท่อนแขนล่ำสันนั่น สัมผัสของเลือดเนื้อปกติทำให้ชายหนุ่มตกใจ

          “เห้ย...คุณ..ไม่ได้ป่วยหรอกเหรอ”

          อามันต์ปัดมือเขาออก  พูดเสียงห้วน

          “คุณไปเอามาจากไหนว่าผมป่วย”

          “ไม่จริงน่ะ”  วิรัตน์ส่ายหน้า “วันนั้นฉันแอบไปดูร่างของนายที่โรงพยาบาลมาเองกับตา  นายนอนเป็นผักจริง ๆ”

          รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากของคนฟัง  อามันต์ยักไหล่

          “คุณอาจจะตาฝาดไปล่ะมั้งครับ  หรือไม่...ร่างนั้นก็ไม่ใช่ผม”

          “พี่อาร์มเป็นคนจริง ๆ เหรอ”  วิวาห์เพิ่งตั้งสติได้  พูดออกเป็นคำแรก  มองหน้าเขานิ่งค้าง  “พี่ไม่ได้ป่วยจริงเหรอ”

          “ก็เห็น ๆ อยู่นี่ว่าน”  อามันต์พูดเสียงอ่อนลง  เดินเข้ามาจับไหล่ของว่านเอาไว้  “พี่กลับมาช่วยว่านกับลูกของว่าน”

          “พี่อาร์มช่วยยี่หวาได้เหรอครับ”  วิวาห์เงยหน้าขึ้นถามอย่างมีความหวัง ไม่ทันเห็นรอยยิ้มที่วาบผ่านไปในดวงตาคมกริบสีดำสนิทคู่นั้น  อามันต์ตอบอย่างอ่อนโยน         

          “ได้สิ  แต่ว่านต้องมากับพี่”

          “อย่า”  วิรัตน์ห้ามทันที  “จะไปไหน”

          “ยี่หวาอาการไม่ดี  ว่านไม่กล้าไปไหนตอนนี้หรอก”  วิวาห์พูด หันกลับไปมองสถานการณ์ข้างในห้องไอซียูนั้นต่ออย่างกังวล

          “แล้วภรรยาของว่านไปไหนเสียล่ะ เวลาแบบนี้เธอควรจะอยู่กับว่านมากที่สุดไม่ใช่หรือไง”  หางเสียงของคนพูดมีแววเยาะเล็กน้อย  ว่านขมวดคิ้ว...พี่อาร์มยังไม่รู้งั้นเหรอว่ายี่หวาจริง ๆ แล้วนั้นเป็นลูกของพี่อาร์ม...

          วิรัตน์กับวิรุฬหันมาสบตากันอย่างงงงัน

          “ถึงพี่จะเคยทิ้งว่านไปในอดีต  แต่พี่รับรองได้ว่าจะไม่ทิ้งว่านไปอีกแล้ว  พี่จะอยู่กับว่านเอง”  อามันต์พูดเนิบ ๆ เหลือบตามองใบหน้าอ่อนใสของอดีตคนรักตนเองอย่างหมายมาด ...ว่านคงไม่รู้ว่าเขารอเวลานี้มานานแค่ไหน

          เวลาที่จะมีใครสักคนที่...พร้อมจะเสียสละชีวิตและจิตวิญญาณให้แก่เขา...

          อามันต์ยิ้มมุมปากอย่างพอใจ  ยืนกอดอกมองผ่านผ้าม่านเข้าไปยังคนไข้ตัวน้อยที่สายใยแห่งชีวิตค่อย ๆ บางลงจนแทบจะขาดสะบั้น พลังแห่งวิญญาณถ่ายเทมายังร่างกายของเขาจนเกิดเป็นกายเนื้อ  มากมายพอที่จะใช้ตัดบ่วงที่ยังติดค้าง

          ...บ่วงที่เขาคิดเอาเองว่าเกิดจากอดีตคนรักคนนี้ ...เพราะว่านยังไม่ให้อภัยเขา เขาถึงไปไหนไม่ได้เสียที...ชายหนุ่มคิดอย่างแค้นเคือง เด็กคนนี้ใช้ประโยชน์จากเขาตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน เกาะชื่อเสียงของเขาจนดังแล้วยังมีหน้ามาโกรธเขาอีกเหรอ

          “พี่อาร์มมีวิธีช่วยยี่หวาเหรอครับ” วิวาห์หันมามองเขาด้วยดวงตากลมใสเหมือนลูกแก้ว  อามันต์ซ่อนความรู้สึกของตัวเองเอาไว้  ส่งยิ้มอ่อน ๆ ออกไป            

          “ใช่แล้ว  พี่พอมีวิธี”

          “ต้องทำยังไงเหรอครับ”  วิวาห์พูดเสียงเครือ  น้ำมูกน้ำตาไหลเป็นทาง “ว่านต้องทำยังไง”

          “มากับพี่สิ”

          “ว่าน”  วิรัตน์เดินเข้ามาประกบทันควัน  “รอให้ยี่หวาดีขึ้นก่อน  แล้วเราค่อยไปด้วยกัน”

          “หวันยิหวาไม่มีทางดีขึ้นหรอก”  อามันต์พูดเนิบ ๆ “ตราบใดที่ว่าน...”  ชายหนุ่มพูดแค่นั้นแล้วก็หยุดไปดื้อ ๆ วิวาห์มองผ่านม่านน้ำตาพร่าพรายไปยังเตียงผู้ป่วยที่ปิดม่านทึบ เขาไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์ข้างในม่านเป็นอย่างไรบ้าง

          “ผมจะรอฟังอาการจากคุณหมอก่อนครับ”  วิวาห์ตัดสินใจ

          อามันต์นิ่งไป  ว่านดูมีสติมากกว่าที่คิด ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงจะรีบตามเขามาทันทีแน่  ชายหนุ่มถอยไปยืนเงียบ ๆ ที่มุมทางเดิน  ครู่ใหญ่นายแพทย์เจ้าของไข้ของยี่หวาก็เดินออกมา  คุณหมอมีสีหน้าเคร่งเครียดทีเดียว

          อาการของยี่หวาทำให้วิวาห์เข่าอ่อนทรุดลงไปกองกับพื้นโดยที่ใครก็รับตัวเอาไว้ไม่ทัน คุณหมอบอกว่าหัวใจของยี่หวากลับมาเต้นแล้วหลังจากปั้มหัวใจไปหลายนาที  แต่ว่าเธอยังไม่ตอบสนองและมีโอกาสที่จะกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา...

          วิวาห์ทำใจไม่ได้  เขาไม่ได้เตรียมใจเอาไว้สำหรับเรื่องนี้ ลูกสาวของเขาอยู่ในวัยน่ารักน่าชังกำลังช่างพูด  หวันยิหวาของเขาทำไมถึงได้โชคร้ายนัก  ทำไมต้องเป็นหวันยิหวา  ทำไมถึงต้องเป็นลูกของเขา..

          “เพราะมึง  ทำให้หลานกูต้องเป็นแบบนี้  เพราะมึงใช่มั้ยไอ้หน้าตัวเมีย”  พี่วัตโกรธมาก กระโจนเข้าใส่อามันต์เต็มแรง วิรุฬเข้ามายึดตัวพี่ชายเอาไว้แน่น

          “อย่าพี่วัต  ไม่เกี่ยวกัน พี่วัตใจเย็น ๆ ก่อน” ถึงนายแพทย์หนุ่มจะรู้สึกตงิด ๆ ว่าอาการป่วยของหลานสาวจะสัมพันธ์ของผู้ชายตรงหน้า แต่ว่าเขาก็ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะพูดได้เต็มปาก

          วิรัตน์ได้สติ เขาสะบัดตัวฮึดฮัดแล้วก็เดินเข้าไปกอดว่านเอาไว้  สงสารทั้งหลานสาวทั้งน้องชายสุดหัวใจ  ถามอาการกับคุณหมอเจ้าของไข้อย่างละเอียดอีกรอบวิรัตน์ก็ตัดสินใจจะพาวิวาห์กลับไปพักที่บ้านก่อน

          “พี่ว่าว่านไม่ไหว  จะเปลี่ยนป้าเอิบมาเฝ้าแทนไปก่อน”

          “ไม่ครับพี่วัต  ว่านจะอยู่เฝ้าลูกที่นี่”  ว่านพูดแกมสะอื้น  “ว่านจะเข้าไปหาลูก”

          ไม่มีใครกล้าขัดใจ  วิวาห์เข้าไปดูลูกสาวที่ข้างเตียง  ร่างเล็กบอบบางนั้นดูซีดเผือดกว่าที่เคย  ราวกับเลือดเนื้อถูกสูบออกไปจนหมด  เหลือแค่ร่างไร้วิญญาณเอาไว้...ไม่มีทาง  สัญญาณชีพจรของยี่หวายังอยู่  หัวใจของยี่หวายังเต้นเป็นจังหวะ  ยี่หวาของเขาจะตายได้อย่างไร

          “อดทนนิดนะลูก”  วิวาห์บีบมือเล็กเย็นเฉียบนั้นเอาไว้  “ยี่หวาได้ยินวีว่ามั้ย  ยี่หวาต้องฟื้นขึ้นมานะคะ”

          “........”  เขาหวังให้ยี่หวาลืมตาขึ้นมาตอบเขา  แต่ก็คงเป็นความหวังที่มากเกินไป

          “วีว่าจะรอยี่หวานะ  ยี่หวาต้องกลับมานะคะ”  ว่านซบหน้าลงกับราวกั้นเตียง  เม้มปากกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ไม่อยากให้ลูกสาวได้ยินเข้า  กลัวว่าลูกจะใจเสีย  “วีว่ารออยู่นะลูก  เราจะได้ไปซื้อไอศกรีมด้วยกันไง  ยี่หวาชอบไม่ใช่เหรอคะ”

          วิวาห์ยืนอยู่ข้างเตียงของลูกสาวจนหมดเวลาเยี่ยม ชายหนุ่มเดินคอตกกลับออกมาจากห้องผู้ป่วยหนักวิกฤติอย่างไร้เรี่ยวแรง  หวันยิหวาของเขาจะตื่นขึ้นมายิ้ม  มาหัวเราะกับเขาได้อีกมั้ย

          หรือว่าจะไม่มีวันนั้นอีกแล้ว...

          “พี่อาร์ม?”  ผู้ชายคนนั้นยังไม่ไปไหน  เขายืนอยู่มุมทางเดินที่เดิมไม่ขยับ

          “ไม่ต้องไปสนใจมัน”  วิรัตน์กระซิบข้างหูเขา  จับมือว่านเอาไว้แน่น  พาเดินออกไปตามทางเดิน  ว่านหันไปมองก็เห็นร่างสูงใหญ่นั้นมองตามหลังมาจนลับตา

          “ขนลุกยังไงก็ไม่รู้นะครับ”  วิรุฬว่า “ถึงจะรู้ว่าเขาเป็นคนก็เถอะ แต่ทำไม...เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเขายังเป็นเจ้าชายนิทราอยู่เลย”

          “นั่นสิ  ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน”  วิรัตน์ตอบ มองหน้าน้องชายคนกลางอย่างกังวล “ว่านอย่าไปหลงกลเขานะรู้เปล่า ไม่รู้จะมาไม้ไหน  จู่ ๆ ก็จะมาชวนว่านไปไหนไม่รู้”

          “เขาบอกว่ามีวิธีช่วยยี่หวา”  วิวาห์พูด ขมวดคิ้วเข้าหากัน “เชื่อได้แค่ไหน”

          “เป็นผมผมไม่เชื่อเด็ดขาด”  วิรุฬส่ายหน้า “ไม่ต้องเป็นหมอก็ได้ แต่ทางที่ดีที่สุดที่จะช่วยยี่หวาได้ในตอนนี้ก็คือการให้ยารักษาเท่านั้น  ไม่มีทางอื่น”

          วิวาห์ถอนหายใจยาว

          “นั่นสินะ”

          รถมาจอดที่หน้าบ้าน วิวาห์เดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองข้างบ้านทันทีที่กลับมาถึง  วิรัตน์กับวิรุฬหันมามองหน้ากันแล้วถอนหายใจออกมาโดยไม่ได้นัดหมาย

          “ผมกลัวพี่ว่านโดนมันหลอกอีกจัง”  วิรุฬปรารภ “เขาเป็นพวกรู้จุดอ่อนของคนแน่ ๆ เขารู้ว่าพี่ว่านเป็นห่วงยี่หวามาก  ก็ต้องเอายี่หวามาอ้าง”

          “ฉันก็ไม่เชื่อมันเหมือนกัน”  วิรัตน์ตอบ “สันดานคนมันไม่เปลี่ยนหรอก เห็นแก่ตัวยังไงก็เห็นแก่ตัวอย่างงั้น”

          “น่าแปลกตรงที่เขาไม่รู้ว่ายี่หวาเป็นลูกของเขา  ผมนึกว่าเขารู้แล้วเสียอีกถึงได้มาป้วนเปี้ยน”

          “หรือมันจะแกล้งทำเป็นไม่รู้”

          “แต่ลูกป่วยทั้งคนนะครับ  มันจะยืนนิ่งได้เหรอ ท่าทางไม่ยินดียินร้ายเหมือนไม่เกี่ยวอะไรกับเขา  ผมคิดว่าเขาไม่รู้จริง ๆ ว่ายี่หวาเป็นลูก”

          “เราควรบอกเขามั้ย  คิดว่ายังไงวิน”  วิรัตน์ถามความเห็นของน้องชาย “ยังไงตอนนี้อาการของยี่หวาก็...เราควรบอกเขาหรือเปล่า  ฐานะที่เขาเป็นพ่อ”

          “บอกแล้วจะได้อะไรขึ้นมาครับ”  วิรุฬแย้ง “ถ้าเขาอยากได้เด็กก็คงจะตามมาตั้งแต่แรก”

          “อย่าลืมว่าตอนว่านท้องไม่มีใครรู้นะ  ขนาดว่านเองก็ยังไม่รู้ตัวเลยว่าท้องได้  เขาไม่มีทางคิดออกแน่”

          “แล้วแต่พี่ว่านแล้วกันครับ”  น้องชายว่า “เราแค่คอยระวังไม่ให้พี่ว่านเสียใจมากกว่านี้อีกก็พอแล้ว”

          “ยี่หวาเป็นยังไงบ้างคะวัต”  เบสต์มาเยี่ยมเขาในตอนเย็น  เธอตกใจมากที่รู้ว่าอามันต์ปรากฏตัวอีกครั้ง  “จริงเหรอคะ แล้วน้องวินจับตัวเขาได้เหรอ”

          “ใช่...ว่านอาจจะไม่ได้หลอนไปเอง”

          “อ้าว แล้วทำไมก่อนหน้านี้ไม่มีใครเห็นตัวเขาเลยล่ะคะ”  เบสต์ขมวดคิ้ว “ถ้าเป็นคนจริงก็ต้องเห็นตัวสิ  เป็นนินจาหรือไง”   

          “ฉันว่ามันจะต้องมีเหตุผลอะไรซักอย่าง” วิรัตน์พึมพำ  “อามันต์เป็นเจ้าชายนิทรา  มาตอนนี้ยี่หวาก็จะเป็นเจ้าหญิงนิทราอีก  มันเชื่อมกันหรือเปล่า  คุณว่าเป็นไปได้มั้ยว่า...ทั้งสองคนเชื่อมกันได้เพราะเป็นพ่อลูกกัน ...อะไรทำนองนั้น”

          คนฟังมองหน้าเขาแล้วหัวเราะออกมา

          “วัต...อะไรน่ะ  เชื่อเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ”

          “ไม่...ผมแค่ลองคิดดูน่ะ  คุณไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ  มันดูบังเอิญเกินไปหรือเปล่า  เรื่องทั้งหมดนี้น่ะเหมือนถูกวางเอาไว้แล้ว”

          “ถ้าอย่างนั้นมันก็กลายเป็นเรื่องพิสูจน์ไม่ได้สินะ”  เบสต์สรุป “เบสต์ว่าเราพาพระอาจารย์มารดน้ำมนต์พวกเราทุกคนดีกว่าค่ะ”

          “โธ่”  วิรัตน์ถอนหายใจเฮือก  “ก็แค่สงสัยเฉย ๆ เอง”

          “แล้วงานแต่งงานของพวกพี่ล่ะครับ” วิรุฬขัดขึ้น  “เอายังไงต่อ”

          “ก็กินเลี้ยงกันในบ้านพอแล้วกัน”  วิรัตน์พูด “หลานป่วยขนาดนี้ฉันไม่มีอารมณ์มาจัดงานอะไรทั้งนั้น”

          “เบสต์เห็นด้วยกับพี่วัตค่ะ  ทำบุญเลี้ยงพระตอนเช้า  งานเลี้ยงกันเองตอนเย็นพอแล้ว  เบสต์สงสารยี่หวากับน้องว่านมาก  ไม่มีกะจิตกะใจจะรื่นเริงเลยจริง ๆ”

          ทุกคนถอนหายใจ เย็นวันนั้นวิรัตน์ขับรถไปส่งคู่หมั้นที่บ้าน พอกลับมาก็แวะไปเคาะประตูห้องน้องชายคนกลาง  ว่านเดินงัวเงียมาเปิดประตู  พูดคุยกันนิดหน่อยก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน

          “ว่านยังไม่ลงมาอีกเหรอ”  คุณปราณีปรารภขึ้น  “วินขึ้นไปดูพี่หน่อยไป”

          “พี่ว่านคงเหนื่อยมาก  เฝ้าลูกก็ไม่ได้นอนเลย  ดีนะที่เปลี่ยนเอายายเอิบไปเฝ้าแทนชั่วคราว”

          “ป่านนี้คงนั่งตำหมากเฝ้าอยู่หน้าไอซียูเพลินไปแล้วมั้ง”  คุณปราณีว่า

          วิรุฬขึ้นมาตามพี่ชายบนห้อง  เขาเคาะประตูเรียกอยู่ครู่ใหญ่ไม่ได้ยินเสียงตอบรับกลับมาก็เริ่มตกใจ  ลูกบิดล็อกเอาไว้หมุนไม่ได้  เขารีบเดินกลับลงมาหน้าตาตื่น

          “มีกุญแจเปิดห้องพี่ว่านมั้ยครับ  พี่ว่านล็อกห้อง  เรียกก็ไม่ขานรับ”

          วิรัตน์ลุกพรวดวิ่งกระโจนขึ้นไปที่ห้องนอนของน้องชาย  เขายกมือขึ้นเคาะเรียกอย่างร้อนรน น้องชายคนเล็กวิ่งถือกุญแจขึ้นมาไขเปิดห้องออกมือไม้สั่น

          “ว่าน...อยู่ไหนน่ะ ฉันลืมไปสนิทเลยว่าไม่ควรให้ว่านอยู่คนเดียว”  วิรัตน์คราง  เปิดประตูเข้าไปได้ก็พบว่าเตียงนอนของวิวาห์ว่างเปล่า  วิ่งเข้าไปดูในห้องน้ำก็ไม่มี  “ว่านอยู่ไหน”

          “พี่วัต  ตรงระเบียง”

          วิรุฬเปิดระเบียงออก เขาพบว่ามีผ้าปูที่นอนผูกเอาไว้กับราวระเบียงทิ้งหางยาวลงไปยังข้างล่าง   มีรอยเท้าเลอะโคลนแถวหน้าประตูรั้ว

          “ว่านหนีออกไปทางระเบียงงั้นเหรอ”  วิรัตน์อ้าปากค้าง เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าน้องชายคนกลางจะบ้าบิ่นขนาดนี้  “หนีไปไหน”

          “ลองไปดูที่โรงพยาบาลกันครับ”  วิรุฬว่า พวกเขาขับรถตรงดิ่งไปที่โรงพยาบาล วิรัตน์โทรหาแป้งเพื่อนสนิทของว่านไปด้วยเผื่อว่าเธอจะรู้ว่าว่านไปไหน  แป้งไม่รู้เรื่องเลยแต่ก็รับปากว่าจะช่วยตามหาว่านให้

          วิวาห์ไม่ได้มาที่โรงพยาบาล...

          พี่น้องทั้งสองคนเครียดจัด  ขับรถวนหาจนทั่วหมู่บ้านและระแวกแถวนั้นแต่ก็ไม่เจอเงาของว่านเลย  โทรไปว่านก็ปิดโทรศัพท์ไปแล้ว

          “หรือว่าเขาจะไปหาพี่อาร์ม”  วิรุฬพูดขึ้น “เมื่อวานพี่อาร์มพยายามชวนพี่ว่านไปที่ไหนสักแห่ง  เขาอาจจะนัดแนะกันโดยที่เราไม่รู้”

          “ว่านนะว่าน”  วิรัตน์คราง “ไม่หรอก  ว่านคงไม่ไปกับเขาหรอก”

          “ใครจะรู้ครับ”  วิรุฬพูด “พี่อาร์มเอายี่หวามาล่อก็ไม่แน่เหมือนกัน พี่ว่านซื่อไม่ทันคน แถมรักพี่อาร์มมากคงยอมตามไปแน่ ๆ”

          “ถ้ามันโง่อย่างนั้นพี่ก็หมดคำจะพูด”  วิรัตน์พูดเสียงดัง  “เตือนก็แล้วอะไรก็แล้วก็ไม่ฟัง”

          “พี่วัตใจเย็น  วินแค่สันนิษฐานดูเท่านั้น พี่วัตพอจะรู้มั้ยว่าพี่อาร์มเขาอยู่ที่ไหน ไม่แน่ว่าพี่ว่านอาจจะอยู่กับพี่อาร์มก็เป็นได้”

          “พี่ไม่รู้”  วิรัตน์ส่ายหน้า  “ตอนที่พี่กลับมาว่านเลิกกับมันไปแล้ว  ไม่เคยพูดถึงอีก”

          “งั้นพอจะมีเพื่อนหรือใครที่จะรู้ที่อยู่ของพี่อาร์มไหมครับ”

          “มีคนหนึ่ง  เขาเคยเป็นผู้จัดการวงตอนว่านอยู่”  วิรัตน์โทรหาผู้ชายที่ชื่อแทนใจ  ฝ่ายนั้นตกใจมากกับอาการของยี่หวา  โดยเฉพาะเมื่อบอกว่าว่านหายตัวไป  “คุณแทนใจรู้จักที่อยู่ของคุณอาร์มมั้ยครับ”

          แทนใจบอกชื่อตึกเดิมที่เคยใช้เป็นสตูดิโอมาให้ แต่ว่ามันปิดร้างไปแล้ว  ไม่น่าจะมีคนอยู่

          “เห็นว่าปิดเพื่อทุบทำลายเพราะมีเกิดไฟไหม้ไปเมื่อต้นปี  น่าจะเข้าไม่ได้แล้ว”  แทนใจพูดมาตามสาย  “เดี๋ยวผมจะไปเช็คที่บริษัทให้ว่าเขามีที่อยู่อื่นอีกหรือเปล่า”

          “ขอบคุณครับ”  วิรัตน์กดวางสาย  “ที่ไหนอีกนะ...ลองนึกดูซิ  มีที่ไหนอีก หรือว่าโรงเรียนของยี่หวา แต่จะไปทำไมล่ะ  ไม่น่าใช่...”

          “ร้านอาหาร”  วิรุฬพูดขึ้น “พี่ว่านเคยเล่าไม่ใช่เหรอครับว่าเจอพี่อาร์มที่ร้านอาหารที่พี่ว่านไปร้องเพลง”

          “ใช่”  วิรัตน์สตาร์ทรถ  “เราไปดูที่นั่นกัน”

          .................................................................................

มีต่อ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอ12/3/63
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 18-03-2020 23:20:57






          เสียงกุกกักทำให้วิวาห์รู้สึกตัวตื่นขึ้น  เขาพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงภายในห้องนอนเดิมบนชั้นสามของสตูดิโอ บรรยากาศรอบตัวดูเหมือนเดิมราวกับเวลาไม่ได้ผ่านไปเลย

          มีคนเดินขึ้นบันไดมา...

          ผู้ชายร่างสูงใหญ่คุ้นตาคนนั้นปรากฏตัวในชุดที่เหมือนเพิ่งกลับมาจากข้างนอก  รอยเลือดสีคล้ำเปรอะเปื้อนอยู่เต็มอกเลอะลงมาถึงกางเกงยีนส์สีซีดที่สวมอยู่  เขาดูหงุดหงิดมากทีเดียวตอนที่ถอดเสื้อผ้าทั้งหมดออกแล้วเหวี่ยงลงตะกร้าผ้าก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ  ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ทันสังเกตเห็นเขาที่นั่งอยู่บนเตียงเลย

          ครู่เดียวชายหนุ่มก็กลับออกมาในสภาพเปียกโชกตั้งแต่หัวจรดเท้า  เขาเช็ดตัวแล้วก็สวมเสื้อผ้าลวก ๆ หยดเลือดไหลออกมาจากจมูกของเขาอีกเหมือนเปิดก๊อก ชายหนุ่มอุทานแล้วยกมือขึ้นปิดจมูกตัวเองเอาไว้  เขากลับเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้งอย่างหัวเสีย

          เสื้อตัวที่สองถูกถอดออกแล้วเหวี่ยงใส่ในตะกร้าผ้า  ว่านเพิ่งสังเกตเห็นว่าเนื้อตัวของเขามีรอยช้ำปรากฏอยู่เป็นจ้ำ ๆ สีเข้มบ้างอ่อนบ้างแสดงระยะเวลาที่แตกต่างกัน ร่องรอยเหล่านั้นสะกิดใจเขาให้นึกถึงหวันยิหวาอย่างช่วยไม่ได้

          เจ้าของห้องทิ้งตัวลงนอนบนเตียงจนว่านสะดุ้ง  รีบลุกขึ้นหนีอย่างตกใจ  ทว่าคนที่นอนเงยหน้าบีบจมูกอยู่นั้นจะไม่ได้สังเกตเห็นเขาเอาเสียเลย  วิวาห์ยืนดูอยู่เงียบ ๆ คิดไม่ตกว่าควรจะเข้าไปช่วยเขาหรือว่าทำอย่างไรดี

          “เอ่อ...พี่อาร์ม”

          เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น  อามันต์เอื้อมมือไปหยิบขึ้นมาดูชื่อแล้วก็กดตัดสายทิ้ง  เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาอีกหลายครั้ง  คราวนี้ชายหนุ่มกดปิดเครื่องไปเลย  เขานอนอยู่พักใหญ่กว่าจะลุกขึ้นจากเตียง  ร่างสูงใหญ่เซไปเล็กน้อยเหมือนคนหน้ามืด  เขาเกาะตู้เสื้อผ้าเอาไว้  ยืนตั้งหลักอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็แต่งตัวใหม่

          วิวาห์เดินตามหลังร่างนั้นลงบันไดไปอย่างไม่ลังเล  เขาคิดว่าตัวเองน่าจะกำลังฝันอยู่ ...อาจจะเป็นความฝันที่เหมือนจริงมากจนไม่อยากเชื่อ  พี่อาร์มเดินไปเรียกแท็กซี่แทนที่จะขับรถไปเองอย่างที่ว่านคิด  ว่านกำลังนึกอยู่ว่าจะต้องเรียกแท็กซี่ด้วยมั้ยก็มีลมพัดมาวูบหนึ่งพาว่านมาปรากฏตัวข้างพี่อาร์มที่หน้าโรงพยาบาล

          พี่อาร์มมาหาหมอ?

         พี่อาร์มมาหาหมอจริง ๆ ด้วย  ไม่รู้ว่านี่คือความฝันหรือความจริงแต่ว่าว่านไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพี่อาร์มแอบมาโรงพยาบาล  คะเนดูจากใบหน้าของพี่อาร์มและทรงผมแล้วน่าจะเป็นช่วงอัลบั้มที่สองพอดี  ตอนนั้นพี่อาร์มเริ่มมีปัญหากับทุกคนในวงเพราะชอบหายตัวไปบ่อย ๆ หรือว่าที่พี่อาร์มหายไปเพราะป่วย?

         ว่านเห็นพี่อาร์มไปเจาะเลือดแล้วก็มานั่งรอผลด้วยท่าทางเคร่งเครียดกว่าปกติ  เสียดายที่ว่านไม่ได้ยินตอนที่คุณหมอเรียกพี่อาร์มเข้าไปฟังผลตรวจ  พี่อาร์มกลับออกจากห้องตรวจด้วยใบหน้าซีดเหมือนกระดาษ  เขายกมือขึ้นทุบกำแพงดังลั่นจนทุกคนที่รอตรวจอยู่นั้นสะดุ้งโหยง

          พี่อาร์มไม่ได้กลับไปที่สตูดิโอแต่ว่ากลับขับรถไปเรื่อย ๆ ว่านอยู่กับพี่อาร์มมานานก็จริงแต่ไม่เคยเห็นพี่อาร์มเป็นแบบนี้เลย  เหมือนกับพี่อาร์มกำลังผิดหวังอย่างลึกซึ้งแล้วก็โกรธมากอีกด้วย  พี่อาร์มขับรถวนไปวนมาจนเย็นแล้วก็เลี้ยวเข้าไปจอดในสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง  นั่งดื่มเหล้าคนเดียวจนดึกแล้วก็กลับออกมาพร้อมกับเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง  ว่านนึกว่าพี่อาร์มจะพาเด็กไปด้วย  แต่ว่าเขากลับจอดแล้วไล่เด็กลงจากรถเสียดื้อ ๆ

          พี่อาร์มกลับไปที่สตูดิโอ  เหตุการณ์หลังจากนั้นว่านก็รู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น  พี่อาร์มทะเลาะกับพี่กอล์ฟและเพื่อน ๆ อย่างรุนแรง แต่ทำไมพี่อาร์มถึงไม่เล่าสักคำว่าเขาไปทำอะไรมา  ทำไมถึงไม่บอกออกไปล่ะว่าพี่ป่วย ...ว่านตะโกนในใจ

          “ก็อยากบอกเหมือนกันแต่ไม่รู้จะบอกยังไง”  เสียงแหบมีเอกลักษณ์ดังขึ้นข้างตัว  ว่านสะดุ้ง เขาพบว่าตัวเองยังนอนอยู่บนเตียงในสตูดิโอชั้นสามที่เดิม  พี่อาร์มดูเหมือนพี่อาร์มคนก่อนที่เพิ่งเจอมาเมื่อครู่ไม่มีผิด  กาลเวลาทำอะไรเขาไม่ได้เลยหรือ

          “แล้วทำไมถึงไม่บอกล่ะครับ  ยังไงทุกคนก็ต้องเข้าใจอยู่แล้วว่าพี่ไม่สบาย”  ว่านถาม รู้สึกโกรธขึ้นมาบ้าง  “นี่คือเหตุผลที่พี่ออกจากวงเหรอครับ”

          “พี่จะบอกสิ่งที่แม้แต่พี่เองก็ยังไม่ยอมรับได้ยังไง”  อามันต์ตอบกลับมา  แววตาเศร้าลึกสบตาว่านแวบหนึ่งแล้วก็มองไปอีกทาง  “พี่เกลียดโรคที่พี่เป็นมากที่สุด  มันทำลายทุกอย่าง  ทำลายอนาคตของพี่”  ชายหนุ่มพูดแล้วนิ่งไป

          “แต่มันก็ดีกว่าออกไปโดยไม่บอกแบบนี้หรือเปล่าครับ”  ว่านไม่เข้าใจ “ถ้าพี่อาร์มบอก...แค่พี่อาร์มบอกมา ตอนนั้น..ว่านก็พร้อมจะอยู่ข้าง ๆ พี่อาร์มแน่”

          รอยยิ้มสมใจพาดผ่านแววตาคมเข้มไปอย่างรวดเร็วแทบมองไม่ทัน  อามันต์ขยับตัว

          “พี่ไม่อยากทำลายอนาคตของว่านไปด้วย  คนป่วยแบบพี่จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้  ...อันที่จริง พี่สังเกตมาสักพักแล้วว่าตัวเองเลือดออกง่ายขึ้น  ช้ำง่าย บางทีอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ทำอะไรก็มีจ้ำ ๆ ขึ้นมาเอง  เลือดกำเดานั่นก็น่ารำคาญมาก  มันชอบไหลโดยเฉพาะเวลาร้องเพลง  ทำให้พี่ร้องเพลงนาน ๆ ไม่ได้อีก  มันเหนื่อยมาก”

          “คือลูคีเมีย...ใช่ไหมครับ”

          “ใช่”  อามันต์ผงกศีรษะรับ  “คิดแล้วก็ตลกดี  พี่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นมะเร็งได้ทั้งที่ยังอายุแค่นี้  พี่ไม่อยากเสียงานที่พี่รักมากไป  พี่ก็เลยไม่บอกใครแม้แต่กับค่าย  แต่ร่างกายพี่เริ่มแย่ลงขณะที่พี่ปฏิเสธการรักษาตั้งแต่แรกเพราะคิดเอาเองแบบโง่ ๆ ว่ามันจะดีขึ้นถ้าพี่พักผ่อนเพียงพอหรือกินอาหารครบห้าหมู่อะไรทำนองนั้น  พี่ฝืนได้พักนึงจนออกอัลบั้มเดี่ยวได้...ยังไม่ทันโปรโมทอาการพี่ก็ทรุดลงอีกจนแม่พี่พาไปรักษาตัวที่เมืองนอก”

          “ผมไม่เคยรู้เลย”  ว่านคราง มองหน้าอีกฝ่ายอย่างตกใจแกมเสียใจ  “ทำไมพี่ไม่บอกผมสักคำ”

          อามันต์ถอนหายใจ

          “ถ้าพี่บอก..ว่านก็จะหยุดร้องเพลงเพื่อตามมาดูแลพี่ใช่มั้ยล่ะ”  ชายหนุ่มย้อนถาม  อีกฝ่ายพยักหน้ารับ  “ว่านคงไม่รู้ว่าก่อนหน้านั้นเสี่ยวางแผนจะให้วงของเราโกอินเตอร์นะ  พี่ไม่อยากให้ว่านเสียโอกาสดี ๆ ไปเพราะพี่  เพราะถึงแม้พี่ขอแยกวงออกมา  เสี่ยก็รับปากว่าจะดันว่านต่อไป  ข่าวแยกวงของพี่ก็มีประโยชน์กับว่านด้วย  ทุกคนก็จะสนใจว่านมากขึ้นจากเดิม”

          “ว่านไม่สนใจเรื่องนั้นเลย”  วิวาห์ตอบ “ตอนนั้นว่านสนใจแค่พี่อาร์มคนเดียว ว่านถึงได้เสียใจมากที่พี่อาร์มทิ้งวงไปดื้อ ๆ ไม่พูดไม่อธิบายอะไรทั้งนั้น ทำไมล่ะครับ...คุยกันดี ๆ ไม่ได้เหรอ”

          “สายไปแล้วล่ะ”  อามันต์ยิ้มเศร้า ๆ “มาคิดดูตอนนั้นพี่ก็ใจร้อนมากเกินไป  คิดน้อยเกินไปหน่อย  ...มัวแต่ห่วงว่าน”

          วิวาห์น้ำตาซึม  ความทุกข์ทรมานในตอนนั้นยังติดตรึงอยู่ในหัวใจของเขาราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน  ภาพพี่อาร์มเก็บข้าวของแล้วออกไปจากสตูดิโอยังติดตา  พี่อาร์มทำเหมือนว่านเป็นอากาศธาตุแถมยังพูดง่าย ๆ ว่าให้เรากลับไปเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม แค่พูดน่ะง่าย...แต่จะทำได้อย่างไร

          ว่านเหมือนนกปีกหัก  พอพี่อาร์มออกจากวงทุกคนก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำเพลงกันต่อ  ถึงแม้ว่าพี่แทนจะพยายามหานักร้องนำคนใหม่มาแทนพี่อาร์มแล้วก็ยังไม่สำเร็จ  สุดท้ายก็เลยไม่ต่างจากวงแตก  ทุกคนแยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง  ว่านเก็บของกลับบ้านในสภาพที่สูญสิ้นทุกอย่างแม้แต่ความเชื่อมั่นในตัวเองที่เคยมี

          ถูกพ่อแม่พี่น้องสั่งสอนไม่รู้กี่ยกกว่าจะกลับมาลุกขึ้นสู้  เพิ่งจะรู้ว่าความจริงแล้วชีวิตของพี่อาร์มก็ไม่ได้สวยงามเหมือนที่เขาเข้าใจมาตลอด

          “ผมไม่เคยรู้เลย”  ว่านพูดเสียงเครือ  “ทำไมพี่อาร์มไม่บอกว่าน  มาบอกตอนนี้จะได้อะไรล่ะครับ”

          อามันต์ก้มหน้าลง  เห็นปลายจมูกโด่งได้รูปสวยรับกับริมฝีปากบางเฉียบ  พี่อาร์มดูเศร้าเหลือเกินในสายตาของว่าน  ว่านรู้สึกสงสารจับใจ

          “เพราะพี่บอกไม่ได้แล้ว พี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมีชีวิตต่อได้นานอีกกี่วัน  ถ้าพี่กลับไปหาว่านแล้วยังไงต่อ...พี่คงทำให้ว่านเสียใจอีกแน่ พี่อยู่กับความทรมานใจนี้มาเกือบห้าปีจนกระทั่งฟ้าส่งว่านมาตรงหน้าพี่บนรถไฟนั่น  พี่นึกว่าตัวเองตาฝาด”  อามันต์พูด เขายิ้มออกมานิด ๆ “ว่านยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน  ว่านคนเดิมในความทรงจำของพี่...ถึงจะมีลูกสาวแล้วก็ตาม  พี่ไม่รู้เลยว่าว่านแต่งงานแล้ว  เพราะความอยากรู้ทำให้พี่แอบตามว่านไปห่าง ๆ ถึงได้รู้ว่าแฟนของว่านเป็นใคร  เธอก็ดูน่ารักดี  ครอบครัวของว่านมีความสุขดีแล้ว  พี่ดีใจด้วยจริง ๆ นะ”

          “........”  วิวาห์ไม่แน่ใจว่าเขาควรจะบอกเรื่องหวันยิหวาออกไปดีมั้ย..

          “พี่พูดพล่ามอะไรก็ไม่รู้นะ  ขอโทษที”

          “ไม่หรอกครับ  เพราะเราไม่ได้พูดกันตรง ๆ แบบนี้ตั้งแต่แรก  เรื่องมันถึงได้ล่วงเลยมาจนถึงป่านนี้  พี่อาร์มมีอะไรอยากบอกว่านอีกก็พูดมาเถอะ”   

          อามันต์ขยับตัวอีกครั้ง

          “ว่านคงรู้แล้วว่าพี่โคม่า”  ประโยคนั้นทำให้ว่านใจหายวาบ  หันขวับไปมองหน้าคนพูดอย่างตกใจ  อามันต์หัวเราะเสียงแปร่ง  “พี่หมายถึงก่อนหน้านี้  ก่อนที่พี่จะฟื้นขึ้นมาอย่างปาฏิหาริย์  ...ว่านอย่ามองพี่อย่างนั้นสิ  พี่เป็นคนนะ...มีเลือดเนื้อ  ไม่ใช่ผีแน่นอน  ไม่อย่างนั้นจะขับรถไปรับว่านที่บ้านได้ยังไง”

          “ความจริงผมก็ไม่อยากมาหรอกนะครับ  จริงสิ...ผมหายมาแบบนี้พวกพี่วัตคงจะเป็นห่วง”

          “ไม่ต้องรีบหรอก  ยังไม่เช้าเลยนะ  อีกตั้งหลายชั่วโมง”  พี่อาร์มพูด รั้งข้อมือของว่านเอาไว้ ว่านหันไปมองข้างนอกหน้าต่าง  ท้องฟ้าข้างนอกยังมืดมิด  “เดี๋ยวพี่จะพาไปส่ง  รับรองว่าทันเช้าก่อนทุกคนตื่นแน่นอน”  หางเสียงของพี่อาร์มมีแววกลั้วหัวเราะเบา ๆ อย่างที่ว่านแปลความหมายไม่ออก

          พี่อาร์มลุกขึ้นเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ  ว่านเลยมีเวลาสำรวจรอบ ๆ ห้องนอนเก่านั้น  ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าทุกอย่างยังอยู่ที่เดิมตามที่ทางของมัน  แม้แต่ไดร์เป่าผมกับน้ำหอม

          พี่อาร์มกลับออกมาจากห้องน้ำ  ท่าทางสดชื่นขึ้นกว่าเดิม  เขาเดินมานั่งข้าง ๆ ว่านบนเตียงแล้วหันมายิ้มให้

          “ไม่ได้มองว่านใกล้ ๆ แบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ...คิดถึงว่านจัง”

          ว่านใจเต้นขึ้นมาวูบหนึ่ง  คำพูดและรอยยิ้มของพี่อาร์มยังร้ายกาจเสมอสำหรับหัวใจว่าน  พี่อาร์มยิ้มกว้างขึ้น  จับมือว่านขึ้นมากุมเล่น

          “พี่อาร์ม..”

          “ครับผม”

          “ตอนนี้...พี่อาร์มหายดีแล้วใช่มั้ยครับ”  ว่านถามอย่างระมัดระวัง  รู้สึกว่าสัมผัสของพี่อาร์มเกร็งขึ้นเล็กน้อย  “ขอความจริงนะครับ”

          “ความจริงก็คือ...ยัง  โรคของพี่ไม่มีทางหาย”  คำตอบของพี่อาร์มทำให้ว่านใจหายกว่าเดิม  พี่อาร์มเงยหน้าขึ้นยิ้ม  “อย่าทำหน้าแบบนั้น  พี่ยังไม่ตายตอนนี้หรอกน่ะ”

          ว่านนึกถึงลูกสาวของตัวเองขึ้นมา  ขอบตาร้อนผ่าว

          “ทำไมทุกคนถึงจะจากว่านไปหมด”

          “ลูกของว่านจะไม่เป็นอะไรหรอก”  อามันต์พูดขึ้น  บีบมือของวิวาห์เอาไว้แน่น 

          “จริงเหรอครับ  พี่อาร์มมีวิธีเหรอ”

          อามันต์ส่ายหน้า

          “พี่ก็ไม่รู้  แต่น้องยี่หวาเป็นเด็กเก่งมากนะ  เป็นเด็กที่มีบุญ  น้องคงจะไม่ชะตาขาดเสียตั้งแต่ตอนนี้หรอก”

          “ว่านก็ภาวนาว่าอย่างนั้นเหมือนกัน”  ว่านเปลี่ยนเรื่อง  “ทำไมห้องนี้ถึงยังเหมือนเดิมอยู่เลยครับ  มันตั้งหลายปีแล้วนี่นา”

          “เพราะพี่รักษาเอาไว้เหมือนเดิม  พี่คิดถึงว่านทุกครั้งที่กลับมาที่ห้องนี้  ว่านอยู่ในความทรงจำของพี่”

          “ไม่อยากเชื่อเลย  แม้แต่ผ้าปูที่นอนก็ด้วย”  ผ้าปูที่นอนลายกระต่ายที่พี่อาร์มเป็นคนเลือกซื้อมาเอง  เจ้าของห้องหัวเราะเบา ๆ ยกข้อมือขึ้นชูให้ว่านดูรอยสักรูปกระต่ายที่ข้อมือ

          “รอยเขี้ยวก็ยังอยู่นะ  ใครงับข้อมือพี่เอาไว้ตอนนั้นน่ะ”

          ว่านหน้าแดง  

          “แหม  ก็ตอนนั้นมันเจ็บนี่”  เขาพูดงึมงำ นึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นขึ้นมาได้ เซ็กส์อันเร่าร้อนของพวกเขา การเคลื่อนไหวของพี่อาร์มที่ทำให้ว่านหวีดร้องเสียงหลง  กัดข้อมือพี่อาร์มจมเขี้ยว  วันถัดมาพี่อาร์มก็ไปสักรูปกระต่ายทับเอาไว้  บอกว่าจะได้นึกถึงคนกัดทุกครั้งที่เห็น  “ไม่นึกว่าพี่อาร์มยังจำได้”

          “พี่จำได้ทั้งหมดนั่นแหละ”  พี่อาร์มพูดเสียงอ่อนโยน  ยกมือขึ้นแตะข้างแก้มของว่านเบา ๆ  “ว่าน...พี่กลับมาหาว่านครั้งนี้เพียงแค่จะขอให้ว่านยกโทษให้พี่ก็เท่านั้น”

          “ว่านยกโทษให้พี่อาร์มนานแล้วครับ”  วิวาห์ตอบกลับไป  “ว่านไม่เคยโกรธพี่อาร์มจริง ๆ ได้เลย”

          “ถ้าอย่างนั้น...ว่านให้โอกาสพี่อีกครั้งได้มั้ย”

          “หมายความว่าอะไรครับ”  ว่านถามออกไปเหมือนละเมอ  เขามองเห็นดวงตาคมเข้มคู่นั้นเป็นประกายแพรวพราวเหมือนแสงดาวบนท้องฟ้า  พี่อาร์มขยับเข้ามาใกล้จนว่านมองเห็นขนตาของพี่อาร์มชัดเจน

          “แต่งงานกับพี่ได้มั้ย”  อามันต์พูด “พี่อยากแต่งงานกับว่าน”

         .............................................................................................

          “คิดว่าพี่ว่านจะอยู่ที่นี่มั้ยครับ”  วิรุฬพูด ก้าวลงจากรถพลางมองสำรวจรอบ ๆ ร้านอาหารแห่งนั้นอย่างพิจารณา  “เราจะเข้าไปถามโต้ง ๆ เลยหรือว่ายังไงดี”

          “ลองเข้าไปดูลาดเลาก่อนแล้วกัน”  วิรัตน์ว่า เดินตามสบายเข้าไปในร้านอาหารแห่งนั้น หญิงสาวใหญ่ท่าทางเหมือนเจ้าของร้านเดินเข้ามาต้อนรับพวกเขาทันที

          “สวัสดีค่ะ...คุณคงเป็นพี่ชายของน้องว่านใช่มั้ยคะ”  เธอทัก วิรัตน์ตกใจ

          “ครับ  คุณรู้ได้ยังไง”

          “ก็พวกคุณหน้าคล้ายกันมากไงล่ะคะ  แค่เห็นพี่ก็จำได้แล้ว  พี่ชื่อนุชค่ะ ..เป็นเจ้าของร้านนี้”  เธอพูดอย่างคล่องแคล่ว  “วันนี้มาทานข้าวกันเหรอคะ  น้องว่านไม่ได้มาด้วยเหรอ”

          ชายหนุ่มทั้งคู่มองหน้ากัน

          “ว่านไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอครับ”

          “น้องว่านไม่ได้มาที่ร้านเป็นเดือนแล้วค่ะ  ตั้งแต่ลูกสาวป่วยก็ไม่ได้มาเลย”  เธอว่า ท่าทางแปลกใจที่พวกเขาไม่รู้  “น้องว่านไม่ได้บอกเหรอคะ”

          “เปล่าครับ ...คือตอนนี้ว่านหายตัวออกจากบ้าน”

          “เราตามหาทุกที่แล้วก็ยังไม่เจอเลย  ไม่รู้ว่าไปที่ไหน”  วิรุฬเสริม มองรอบ ๆ ร้านไปด้วย  “พี่ว่านไม่ได้มาที่นี่แน่นะครับ”

          “ไม่เห็นเลยค่ะ”  นุชนารถยืนยัน “ถ้ามาพี่ก็ต้องเจอสิคะ เอาอย่างนี้  เดี๋ยวพี่จะติดต่อพวกนักดนตรีดูเผื่อน้องว่านติดต่อใครไปนะคะ  ดีมั้ย”

          “ขอบคุณมากครับ”

          “เมื่อกี้เห็นคุณนุชเหมือนกำลังจะไปไหนหรือเปล่าครับ”  วิรุฬพูดขึ้นเนิบ ๆ

          “อ๋อ...จะไปธุระนิดหน่อยน่ะค่ะ  ไม่มีอะไรหรอกค่ะไม่รีบ”  นุชนารถหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาลูกน้องนักดนตรีเพื่อถามหาว่าน  แต่ว่านไม่ได้ติดต่อใครเลย  “แปลกจัง จู่ ๆ น้องว่านก็หายตัวไปเลยเหรอคะ”

          “ใช่ครับ  แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกผมจะไปตามหาต่อ  ขอบคุณคุณนุชมากนะครับที่ช่วยเหลือ”

          “ยินดีค่ะ  ถ้าให้ช่วยอะไรก็บอกได้เลยนะคะ”  เธอพูดยิ้ม ๆ พอชายหนุ่มทั้งสองคนลับสายตาไปจากร้าน รอยยิ้มบนใบหน้าก็จางลง

          “เอายังไงต่อดีล่ะครับพี่วัต  เราจะไปตามหาพี่ว่านที่ไหนกันล่ะเนี่ย”  วิรุฬพูดอย่างท้อ ๆ “ไล่ตามบ้านเพื่อนพี่ว่านเหรอ  แต่จะว่าไปคุณนุชอะไรนี่ดูแปลก ๆ นะ  ผมนึกว่าพี่วัตจะขอขึ้นไปดูชั้นสองของเขาเสียอีก”

          “จะบ้าเหรอ  ฉันไม่มีหมายค้นเสียหน่อย  จะขึ้นไปสุ่มสี่สุ่มห้าได้ไงโดนข้อหาบุกรุกพอดี  ฉันว่าป้าแกดูแปลก ๆ แต่ก็บอกไม่ถูกว่าแปลกอะไร”  เขาพูดแล้วยักไหล่  “อาจจะไม่มีอะไรก็ได้มั้ง  เดี๋ยวฉันจะแวะไปหาเพื่อนที่เป็นสารวัตรเสียหน่อย  จะไปขอให้เขาช่วย”

          “งั้นวินจะไปตามหาเพื่อนพี่ว่านกับที่โรงเรียนยี่หวานะ”

          วิรุฬหยุดยืนที่หน้าโรงเรียนอนุบาลของยี่หวาอย่างครุ่นคิด  พี่ว่านเคยพูดถึงคุณครูประจำชั้นของยี่หวาให้ฟังอยู่  เขากับพี่วัตยังเคยแซวเลยว่าสงสัยพี่ว่านจะชอบคุณครูสาวสวยคนนั้นเข้าให้แล้ว  จะเป็นไปได้มั้ยว่าพี่ว่านจะมาหาเธอ

          “ติดต่อเรื่องอะไรคะ”  เสียงใส ๆ ดังขึ้นข้างตัว  คุณหมอหนุ่มสะดุ้งหันขวับไปมอง  เขาเจอหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ใกล้ ๆ ส่งยิ้มมาให้อย่างแจ่มใส  “เป็นผู้ปกครองหรือเปล่าคะ  น้องอยู่ห้องไหนเอ่ย”

          “ผมเป็นน้าของยี่หวาครับ...หวันยิหวา”

          “อ๋อ”  คุณครูพยักหน้ารับ  “น้องยี่หวา ครูเตยเป็นครูประจำชั้นของน้องค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักคุณอายี่หวานะคะ น้องยี่หวาเป็นอย่างไรบ้างคะ ดีขึ้นหรือยัง”

          พอพูดถึงอาการของยี่หวา  คนเป็นน้าก็อดเศร้าไม่ได้  ครูเตยตกใจมากเมื่อได้ยินอาการของยี่หวาเข้า

          “คุณพระช่วย  เตยไม่อยากเชื่อเลย  เป็นเพราะเตยเองค่ะ  เตยว่าจะบอกคุณว่านแล้วแต่เตยก็ไม่ได้บอก  กลัวว่าคุณว่านจะเครียดกว่าเดิม”

          “คุณเตยทราบเรื่องอะไรเหรอครับ”

          “เตยสังเกตเห็นว่าน้องยี่หวาหน้าคล้ำลงมาสักพักแล้วค่ะ  เหมือนถูกของเข้าหรือมีเจ้ากรรมนายเวรตามมาก็เลยหน้าหมอง ๆ หมดราศี”  เธอพูดอย่างเสียใจ  “เตยน่าจะเตือนให้คุณว่านพาน้องไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ตั้งแต่เนิ่น ๆ  ไม่น่าเลย  เตยไม่น่าเลยค่ะ”

          “เอ่อ...หมดราศี...อะไรนะฮะ”  วิรุฬทวนคำอีกทีอย่างไม่แน่ใจ “คุณจะบอกว่ายี่หวาของเข้าเหรอ”

          “ใช่ค่ะ”  ครูเตยยืนยัน ชายหนุ่มมองหน้าเธอแล้วปล่อยเสียงหัวเราะก๊ากดังลั่น  หญิงสาวโกรธ “นี่เตยพูดจริง ๆ นะคะ  คุณอาจจะไม่เชื่อ  แต่ว่าเรื่องอย่างนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่  เตยมีสัมผัสที่หกค่ะ  มองเห็นสิ่งที่คนไม่เห็นได้  ขนาดตัวคุณเองก็ยังมีเด็กทารกเกาะไหล่มาด้วยเลยตั้งสองคนนะคะ”

          วิรุฬชะงักกึก  ขนลุกซู่โดยไม่ทันตั้งตัว

          “คุณล้อผมเล่นแล้ว”

          “คุณไม่เชื่อก็ตามใจค่ะ  คนนึงตัวผอมซีดเหมือนเป็นโรค  ส่วนอีกคนอ้วนท้วนตัวใหญ่มาก  แขนห้อยเหมือนไม่มีแรง”

          ชายหนุ่มหน้าซีดเผือด  มองหน้าคนพูดเหมือนเห็นผี  ตลอดชีวิตของนายแพทย์หนุ่มเคยทำคลอดแล้วเด็กตายมาแล้วสองครั้ง  ครั้งหนึ่งเด็กเสียชีวิตเพราะแม่กินยาขับ  ส่วนครั้งที่สองเด็กตายเพราะตัวใหญ่เกินไปจนคลอดติดไหล่..มันเหมือนฝันร้ายของเขาที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังแม้แต่กับที่บ้าน

          “คุณพูดจริงเหรอ”  วิรุฬกระซิบ

          “ฉันจะโกหกคุณทำไมคะ”

          เขาเริ่มจะเชื่อหญิงสาวตรงหน้าขึ้นมาบ้างแล้ว  วิรุฬมองซ้ายขวาเลิ่กลั่ก

          “เด็ก ๆ อยู่ตรงไหน  เขายังตามผมมาอีกเหรอ”

          “คุณไปทำสาวที่ไหนท้องแล้วทำแท้งมาเหรอคะ”  หญิงสาวถาม “ส่วนใหญ่เด็ก ๆ ยังไม่ไปเกิดก็เพราะไม่มีใครอุทิศส่วนกุศลให้”

          “ผมต้องรีบไปทำบุญด่วน”  วิรุฬขนหัวลุก เกือบลืมเรื่องที่จะมาถามอีกฝ่ายไปเสียหมด  “แล้ว...แล้วยี่หวาก็มีแบบนี้เหรอ  แล้วแบบนี้ต้องทำยังไง”

          “คุณชักจะเชื่อฉันแล้วสินะคะ”

          “ก็คุณบอกไม่เชื่ออย่าลบหลู่ไม่ใช่เหรอ”  วิรุฬกระแอม “พูดตามตรงนะ  ผมเป็นหมอ...เชื่อในวิทยาศาสตร์แต่ไม่เชื่อในไสยศาสตร์หรืออะไรแบบนั้น  แต่ว่าพอคุณทักมาผมก็ชักไม่สบายใจ  ถ้าคุณมีทางไหนจะช่วยยี่หวาได้  ผมก็อยากให้คุณช่วยหลานผม  อ้อเกือบลืม...คุณเห็นพี่ว่านบ้างมั้ย  พี่ว่านมาที่นี่บ้างหรือเปล่า”

          “ไม่นะคะ  เตยไม่เห็นคุณว่านเลย”  คุณครูสาวส่ายหน้า  “คุณเป็นหมอน่าจะรู้วิธีรักษายี่หวาได้ดีกว่าฉันนะคะ”

          “คุณไม่มีทางช่วยยี่หวาใช่มั้ย  ไม่เป็นไร งั้นผมจะไปหาพี่ว่านที่อื่น”

          “คุณว่านหายตัวไปเหรอคะ”

          “ใช่”

          “จะต้องเกี่ยวกับคุณอาร์มแน่ ๆ ค่ะ”  ชื่อของอาร์มทำให้วิรุฬประหลาดใจอีกครั้ง  “เตยเคยเห็นคุณอาร์มมาป้วนเปี้ยนแถวหน้าโรงเรียนก่อนยี่หวาป่วย  ...ลางสังหรณ์ของเตยมันบอกว่าคงจะเกี่ยวข้องกันแน่ ๆ ค่ะ”

          “ตอนนั้นพี่อาร์มเป็นคนหรือเปล่า”  คำถามของนายแพทย์หนุ่มฟังดูพิกล  ทว่าอีกคนกลับไม่ได้แสดงท่าทางแปลกใจนัก

          “เป็นสิ่งที่เตยก็สงสัยอยู่เหมือนกันค่ะ”  เธอตอบ

          วิรุฬพาคุณครูสาวมาที่โรงพยาบาลที่ยี่หวารักษาตัวอยู่  เธอร้องไห้ออกมาเมื่อเห็นสภาพไร้การตอบสนองของลูกศิษย์ตัวน้อย  หวันยิหวาเหมือนคนตายไปแล้วถ้าไม่นับว่ายังหัวใจเต้นอยู่ล่ะก็

          “ไม่นึกเลยว่ายี่หวาจะเป็นขนาดนี้”  เธอพูดหลังจากกลับออกมาจากห้องไอซียูเด็ก

          “พอมีทางช่วยมั้ยครับ  ให้ไปแก้กรรม หรือทำบุญเก้าวัด  อะไรก็ได้” วิรุฬพูด  “หรือคุณจะนั่งทางใน”

          “ฉันไม่มีความสามารถขนาดนั้นหรอกค่ะ  แต่บอกได้ว่ายี่หวากำลังถูกคนอื่นดูดพลังวิญญาณอยู่”  เธอพูดขรึม ๆ “ฉันเคยเห็นคนที่เป็นแบบนี้มาก่อนคือคุณยายของฉันเอง  ยายออกไปตลาดแต่พอกลับมาก็สลบไปไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย  แต่ว่าคนป่วยที่นอนเจ็บหนักปางตายอยู่บ้านฝั่งตรงข้ามกลับฟื้นขึ้นมาราวกับปาฏิหาริย์  สุดท้ายยายก็จากไป...พ่อนิมนต์พระสงฆ์มาทำบุญที่บ้าน  ท่านทักทันทีที่เห็นแล้วก็เล่าให้ฟังค่ะ”

          “แล้วมีทางแก้มั้ยครับ”  วิรุฬขนลุกเมื่อนึกถึงเรื่องของอามันต์ขึ้นมาได้ 

          “ไม่ทราบเลยค่ะ”  เตยส่ายหน้า

          “พระที่ทักท่านอยู่ที่ไหนครับ  ผมจะไปหา”

          “ท่านออกธุดงค์เข้าป่าไปนานหลายปีแล้วค่ะ  ตั้งแต่ฉันยังเด็ก”

          “แล้วคนป่วยคนนั้นที่เขาฟื้นขึ้นมา  เขาเป็นยังไงบ้างครับ”

          “เขาอยู่ได้อีกไม่กี่ปีก็เสียค่ะ  อาจเป็นเพราะว่าอายุขัยของคุณยายเองก็เหลือไม่มากนัก  เลยทำให้อยู่ได้อีกไม่นาน”

          ...หรือว่านี่เป็นเหตุผลที่อามันต์เลือกยี่หวา...เลือกเด็กอายุห้าขวบที่ควรจะมีชีวิตยืนยาวงั้นเหรอ...วิรุฬคิดอย่างเคร่งเครียด  สมองบอกว่าเรื่องที่เล่ามาเป็นเรื่องงี่เง่าสิ้นดี  ทว่าส่วนลึกก็ยังอดรู้สึกคล้อยตามไม่ได้

          “พอมีทางอื่นอีกมั้ยครับ  อย่างเช่น...ถ้าคนที่ดูดวิญญาณไปนั่นตายก่อน  พลังจะกลับเข้าร่างของยี่หวามั้ยครับ”

          “เตยไม่แน่ใจนะคะเรื่องนี้”  เธอพึมพำ “มันเป็นเรื่องสมัยที่เตยยังเด็ก ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าจะได้เจอกับตัว แต่ว่าคุณรู้เหรอคะว่าใครคือคนที่เอาพลังชีวิตของยี่หวาไป”

          “ผมคิดว่ารู้นะ”  วิรุฬตอบสั้น ๆ

          .............................................................................

          มาอัพต่อนะคะ

          เจอกันตอนหน้าน้า

          #วิวาห์อามันต์
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน8 18/3/63 p5
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 18-03-2020 23:57:00
 :pig4: :pig4:อีพี่อาร์ม เลวมากกกก
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน8 18/3/63 p5
เริ่มหัวข้อโดย: Nuch_Chii ที่ 19-03-2020 00:04:54
อีพี่อาร์มเลวมาก
เปลี่ยนพระเอกด่วนนนนน
นึกไม่ออกเลยว่าว่านรู้ความจริงจะเป็นยังไง จะรักลงได้ยังไง
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน8 18/3/63 p5
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 19-03-2020 01:00:50
พลิกมาก กลายเป็นเรื่องลึกลับซะงั้น
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน8 18/3/63 p5
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 19-03-2020 01:24:03
ฆ่าลูกตัวเองเหรอ ไปตายซะ นายอาร์ม
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน8 18/3/63 p5
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 19-03-2020 02:01:44
โอ้โห มาเจอครูได้จังหวะพอดีมากๆ แต่พี่วัตฉลาดอ่ะ ปะติดปะต่อไวมาก
แล้วอามันต์ไปได้วิธีมาจากไหน  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน8 18/3/63 p5
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 19-03-2020 03:31:55
ทั้งชิงวิญญาณลูกเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตต่อ ทั้งกลับมาหลอกว่านเอาความรักความใจอ่อนของว่านมาเป็นเครื่องมิอหลอกใช้ ถามจริง อามันต์เป็นพระเอกจริงๆใช่ไหมอ่ะ?

นี่เรายังสัมผัสไม่เจอเลยว่าอามันต์จะรักว่าน..สักนิด  บ้าไปแล้ว ...
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน7 12/3/63 p4
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 19-03-2020 03:43:27
อาร์มโกหกว่านหรือเปล่าเรื่องออกจากวงโดยไม่บอกใครเพราะห่วงว่าน
ในเมื่ออาร์มยังคิดว่าว่านเกาะตัวเองดังอยู่เลย
สงสัย อาร์มเคยรักว่านบ้างไหมนะ
ชายหนุ่มคิดอย่างแค้นเคือง เด็กคนนี้ใช้ประโยชน์จากเขาตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน เกาะชื่อเสียงของเขาจนดังแล้วยังมีหน้ามาโกรธเขาอีกเหรอ


แต่อาร์มจิตใจโหดเหี้ยมมากถึงไม่รู้ว่าเป็นลูกก็เถอะแต่ทำแบบนั้นกับเด็กคนหนึ่งได้ยังไงไม่สงสารน้องบ้างเหรอ
ถ้าคนอย่างอาร์มรู้ว่าจริงๆยี่หวาเป็นลูกตัวเองจะรู้สึกยังไง รู้สึกใจสลายหรือไม่แยแสอะไรเหมือนเดิม
คิดไม่ออกเลยว่าอาร์มจะเป็นพระเอกได้ยังไง ถ้าอาร์มอยู่น้องยี่หวาก็ตาย ว่านก็คงทำใจรักคนที่ทำลูกตัวเองตายไม่ได้
ถ้ายี่หวาตายแล้วว่านตกลงแต่งงานกับอาร์มคนที่จะอกแตกตายตามยี่หวาไปคงเป็นคนอ่านแน่ๆ ทำใจเห็นยี่หวาตายแล้วนายอาร์มรอดไม่ได้จริงๆ


  :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน8 18/3/63 p5
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 19-03-2020 04:11:47
ถ้าเป็นแบบนี้คืออาร์มเลวมาก
นี่อาร์คือพระเอกใช่ไหม
และอาร์มรู้วิธีนี้มาจากไหน
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน8 18/3/63 p5
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 19-03-2020 17:41:57
โหหหหห อาร์ม ทำแบบนี้โคตรเลวเลย
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน8 18/3/63 p5
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 19-03-2020 22:17:59
จะด่าไงดีอะ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน8 18/3/63 p5
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 20-03-2020 00:54:56
 อ่านตอนนี้จบ .....


พิมพ์บารยายความรู้สึกไม่ถูก เลือก emotion ก็ไม่ถูกเลย
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน8 18/3/63 p5
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 20-03-2020 02:43:56
เลวเหนือขั้น เลยจนไม่รู้จะพูดยังไง อะไรคือแนวทางนิยายเรื่องนี้ค่ะ เครียดด :ling3:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน8 18/3/63 p5
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-03-2020 08:16:49
ขนลุก
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน8 18/3/63 p5
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 20-03-2020 10:23:38
ทำไมพี่อาร์มใจร้าย นั่นลูกนะพี่อาร์ม ลู๊กกกกกกกกกกกกก :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน8 18/3/63 p5
เริ่มหัวข้อโดย: jum1201 ที่ 20-03-2020 20:46:22
ต้องเปลี่ยนพระเอกแล้วงานนี้ พระรองต้องเด่นค่ะ งานนี้ รับไม่ได้แบบนี้ เหตุผลอะไรถึงทำให้อาร์มทำได้ขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพ 18/3/63 p5
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 22-03-2020 21:42:11
วิวาห์อามันต์

ตอนที่9









วิวาห์รู้สึกล่องลอยเบาสบายเหมือนนอนอยู่บนปุยนุ่นบางเบาข้างกายเขาคืออามันต์อดีตคนรักที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งหนึ่ง ...ทุกอย่างเหมือนความฝัน

พี่อาร์มเพิ่งจะขอเขาแต่งงาน...

สิ่งที่เขาปรารถนามากที่สุดคือการได้ใช้ชีวิตอยู่กับคนที่รัก การที่พี่อาร์มกลับมาก็คือสิ่งที่ดีไม่ใช่หรือ...แล้วเหตุใดเขาถึงไม่รู้สึกดีใจอย่างที่คิด ราวกับมีอะไรบางอย่างติดค้างในใจ

เขาเคยทิ้งเธอไปนะว่าน...เสียงเล็ก ๆ ดังขึ้น วิวาห์ขมวดคิ้ว ...เป็นเพราะเขาป่วยต่างหากล่ะ เขามีเหตุผลพี่อาร์มเป็นห่วงว่านถึงได้ยอมหนีไปรักษาตัวเองคนเดียว พี่อาร์มรักว่านมากจริง ๆ

ถ้าเขารู้ว่าว่านให้กำเนิดลูกของเขาล่ะก็ จะต้องดีใจมากแน่ ๆ พี่อาร์มคงรู้สึกเหมือนขึ้นสวรรค์เราก็จะเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์พ่อแม่ลูกความฝันของว่านก็จะเป็นจริง

“วีว่า ...วีว่าอยู่ไหนคะ” เสียงใส ๆ คุ้นหูดังขึ้นเบา ๆ ทว่าทำให้ว่านสะดุ้งขึ้นทั้งตัวเหมือนถูกไฟฟ้าช็อตคนที่นอนอยู่ข้างกายเขาหันมามองด้วยดวงตาดำสนิทเหมือนน้ำบ่อลึก

“มีอะไรเหรอว่าน” พี่อาร์มถามโอบว่านเข้ามากอดเอาไว้“กังวลขึ้นมาเหรอพี่บอกแล้วไงล่ะว่ายังไม่ต้องรีบให้คำตอบพี่ก็ได้ ค่อย ๆ คิด”

“ยี่หวา...ผมต้องไปดูลูกก่อน” วิวาห์ดันตัวลุกขึ้นนั่ง สะบัดหัวอย่างมึนงง เขารู้สึกมึน ๆ ตื้อ ๆ เหมือนดื่มไวน์เข้าไปทั้งขวด“ขอตัวก่อนนะครับ”

“ว่าน เดี๋ยวสิรอให้เช้าก่อนค่อยไป”พี่อาร์มท้วงรั้งแขนว่านเอาไว้ข้างนอกหน้าต่างยังมืดสนิทไม่มีทีท่าว่าจะใกล้เช้า “นอนพักเอาแรงก่อนก็ได้พี่สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรว่าน...ถ้าว่านไม่อนุญาต”

“กี่โมงแล้วนะครับ” วิวาห์เหลียวหานาฬิกาเวลาที่นี่เดินช้าราวกับถูกสตาฟเอาไว้อย่างงั้นแหละ ความรู้สึกของเขามันน่าจะผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว ใกล้เช้าเต็มที “ที่นี่ไม่มีนาฬิกาเลยเหรอ”

“มีสิ นู่นไงล่ะ...เพิ่งจะสี่ทุ่มเอง”เจ้าของห้องพยักพเยิดไปยังนาฬิกาเรือนใหญ่ติดผนังที่ว่านมองไม่เห็นในครั้งแรก เข็มนาฬิกาบอกเวลาสี่ทุ่มจริง ๆ “นอนเอาแรงก่อนก็ได้พรุ่งนี้พี่จะไปส่งที่โรงพยาบาล”

วิวาห์ลอบถอนหายใจ เอนตัวลงนอนตามเดิม พี่อาร์มดึงว่านเข้าไปกอดเอาไว้หลวม ๆ เหมือนเมื่อสมัยก่อนผิดกันตรงที่ว่าอ้อมแขนของพี่อาร์มไม่ได้อบอุ่นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่กลับเย็นนิด ๆ เหมือนมีลมเย็น ๆ โอบล้อมทั่วตัวอย่างบอกไม่ถูก

“หนาวเหรอ” พี่อาร์มกระซิบ ว่านส่ายหน้า

“เย็นนิดหน่อยครับ”

“ห่มผ้าเสียหน่อยแล้วกัน”

“พี่อาร์มเคยคิดเรื่องลูกไหมครับ” ว่านถามขึ้นช้า ๆ อีกฝ่ายชะงักไปเล็กน้อย

“ลูก?หมายถึงน้องยี่หวาน่ะเหรอ” ชายหนุ่มพูดเนิบ ๆ “ถ้าว่านแต่งงานกับพี่ ยังไงเสียพี่ก็รับยี่หวาเป็นลูกอยู่แล้ว พี่เอ็นดูน้องมาก ว่านไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอกนะ”

“แล้ว...ถ้าเป็นลูกของพี่อาร์มเองล่ะครับ เคยคิดเรื่องนี้มั้ย”

“ว่านไม่ต้องเครียดเรื่องลูกนะ พี่ไม่ซีเรียสหรอก” อามันต์ตอบทันที“พี่เข้าใจอยู่แล้วว่าการมีลูกเองมันไม่มีทางเป็นไปได้ พี่เต็มใจดูแลหวันยิหวาเหมือนลูกแท้ ๆ เอง”

วิวาห์รู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อได้ยินแบบนั้น

“ถ้าอย่างนั้น...สมมุติว่ายี่หวาเป็นลูก...หมายถึงลูกแท้ ๆ ของพี่อาร์มล่ะครับ” ว่านพูดออกไป

“จะสมมุติขึ้นมาทำไมน่ะว่าน” พี่อาร์มหัวเราะ “เลิกห่วงเรื่องนี้เถอะน่า ลูกว่านก็เหมือนลูกของพี่นั่นแหละ ถึงจะเป็นลูกที่เกิดกับผู้หญิงคนอื่นก็เถอะ”

วิวาห์เม้มปาก กลั้นใจพูดต่อ

“ถ้า...ไม่ใช่เรื่องสมมุติล่ะครับ ถ้ายี่หวาเป็นลูกของพี่อาร์มจริง ๆ พี่จะว่ายังไง”

รอยยิ้มของพี่อาร์มจางลงฉับพลัน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน

“หมายถึงยังไง พี่ไปทำผู้หญิงท้องเหรอ” เขาย้อนถาม...พี่อาร์มคงไม่เคยเอะใจเลยจริง ๆ สินะ

วิวาห์ก้มหน้าลงต่ำหัวใจเต้นแรงเหมือนจะโลดออกมานอกอกด้วยความตื่นเต้นแกมกังวลผสมกับความตื่นกลัวสารพัด เขาคิดว่าพี่อาร์มจะต้องตกใจมาก อาจจะโกรธเขาที่ไม่ยอมบอก แต่สุดท้ายพี่อาร์มก็จะยกโทษให้แล้วก็จะเข้าใจว่านเอง

“ว่าน...ท้องได้ครับ ว่านท้องลูกของพี่อาร์ม ว่านคือแม่ของหวันยิหวา”

ดวงตาคมกริบของพี่อาร์มไม่เชื่อที่ว่านพูดเลยในตอนแรกจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นความตกใจและตะลึงพรึงเพริด พี่อาร์มมองหน้าว่านนิ่งค้าง พูดไม่ออกไปครู่หนึ่งก่อนจะถามซ้ำตะกุกตะกัก

“ว่านล้อพี่เล่นใช่มั้ย”

วิวาห์ส่ายหน้า ดึงชายเสื้อขึ้นเผยให้เห็นรอยแผลเป็นจากการผ่าตัดพาดยาวบนหน้าท้องแบนราบ

“ผมเป็นคนคลอดยี่หวาออกมาครับ หลังจากที่พี่อาร์มออกจากวง ทุกคนก็แยกย้ายกันไปตามทาง ว่านกลับมาอยู่ที่บ้านได้ไม่กี่เดือนก็รู้ว่าตัวเองท้อง ว่านหาทางจะบอกพี่อาร์มแต่ว่าพี่อาร์มไปต่างประเทศแล้วว่านไม่รู้จะติดต่อพี่ยังไงก็เลยปล่อยเลยตามเลย”

“........” สีหน้าของอามันต์ไม่มีใครบรรยายถูกใบหน้าคมเข้มมืดคล้ำลงฉับพลันเหมือนมีเงาทาบทับจนว่านตกใจ

“พี่อาร์ม...”

“พี่ไม่...ไม่รู้เลย” เสียงแหบห้าวของอามันต์ฟังเหมือนเสียงครวญครางอย่างประหลาด “ไม่ทันคิด...จริงสิ.. ยี่หวาเป็นลูคีเมีย...กรรมพันธุ์ใช่มั้ย ...ทำไมพี่ไม่รู้ก่อน พี่นึกว่าเขาเป็นลูกว่านกับผู้หญิงคนอื่น พี่ถึงได้...”พี่อาร์มพูดอะไรรัวเร็วฟังไม่ได้ศัพท์ท่าทางน่ากลัวจนว่านเริ่มขวัญเสีย“ว่าน ว่านไม่บอกพี่ ...ว่านรู้อยู่แล้วใช่มั้ย ว่านจงใจไม่บอกพี่”

“ว่านคิดว่าบอกไปก็คงไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ว่านนึกว่าพี่ก็ไม่ได้สนใจแล้วลูกคนเดียวว่านเลี้ยงของว่านเองมาตั้งแต่แรก ยี่หวาไม่มีพ่อมาตั้งแต่เกิด”

“แล้วทำไมไม่บอก มาบอกเอาป่านนี้มันจะมีประโยชน์อะไร” พี่อาร์มตวาดเป็นครั้งแรก เสียงดังลั่นเหมือนฟ้าร้อง ว่านตกใจจนตัวแข็งแล้วก็แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธแกมน้อยใจ

“แล้วจะให้ว่านทำยังไงว่านพยายามติดต่อพี่อาร์มทุกทางแล้วแต่ก็ติดต่อไม่ได้ จะให้ว่านไปติดต่อที่ไหน ว่านอยู่คนเดียวมาตั้งหลายปีโดยไม่มีพี่อาร์มก็อยู่ได้ถ้าพี่อาร์มไม่มาขอว่านแต่งงานว่านก็คงไม่บอกพี่อาร์มหรอก”

อามันต์นิ่งเงียบ

มีเสียงฟ้าผ่าตามด้วยเสียงฝนตกข้างนอกหน้าต่าง เม็ดฝนกระทบกระจกเสียงดังกลบเสียงหัวใจเต้นตึก ๆ ของว่านว่านเดาอารมณ์ของพี่อาร์มไม่ถูกแล้ว

“พี่อาร์มไม่ดีใจเลยเหรอที่ยี่หวาเป็นลูกของพี่” เสียงของว่านสั่นเครืออย่างช่วยไม่ได้ พี่อาร์มไม่รู้สึกดีใจบ้างเลยเหรอ สักนิดก็ยังดี ....ไม่มีรอยยิ้มหัวในแววตาของพี่อาร์มด้วยซ้ำอันที่จริงมันดำมืดไร้ประกายทีเดียว

“ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ...พี่ก็คงจะดีใจมาก”พี่อาร์มตอบด้วยเสียงแหบห้าว“แต่ว่าตอนนี้มันไม่ทันแล้ว...สายเกินไป”

“ยี่หวาจะต้องหายดีครับพี่อาร์ม” ว่านพูดกุมมือของอามันต์เอาไว้“ยี่หวาเป็นเด็กเก่งจะต้องฟื้นคืนกลับมาแน่”

ฝนตกหนักมากในคืนนั้นว่านนั่งกอดเข่าอยู่ริมหน้าต่างมองออกไปยังวิวข้างนอกนั้นอย่างเหม่อลอย พี่อาร์มหายเข้าไปในห้องน้ำนานแล้ว คงช็อกมาก ๆ ที่จู่ ๆ ก็กลายเป็นพ่อคนโดยไม่ทันตั้งตัว ว่านถอนหายใจยาว ...ว่านตัดสินใจถูกแล้ว อย่างน้อยพี่อาร์มก็ควรจะรู้ในฐานะที่เป็นพ่อของยี่หวา

พี่อาร์มเดินกลับออกมาจากห้องน้ำ เสียงฟ้าผ่าเปรี้ยงดังสนั่นจนว่านสะดุ้ง แสงสายฟ้าสว่างวาบส่องเห็นพี่อาร์มดูซีดคล้ำอย่างประหลาด พี่อาร์มพยายามจะส่งยิ้มให้ว่านบาง ๆ

“อย่ากลัว ...พี่ตกใจมากไปหน่อยเรื่องยี่หวายังคิดอยู่ว่าถูกชะตากับน้องเหลือเกิน”

“ยี่หวาก็ชอบคุณลุงกระต่ายมาก ๆ เลยนะครับ” วิวาห์บอก “พูดถึงตลอดเลยเวลาที่พี่อาร์มหายไปหลาย ๆ วัน ไม่ยักรู้ว่าพี่อาร์มเล่นกับเด็กเก่ง”

“พี่...” พี่อาร์มทำท่าเหมือนจะพูดอะไรออกมาแต่ก็ไม่พูด เขาเงียบไปเสียเฉย ๆ

วิวาห์ลุกขึ้นเดินเข้าไปหาพี่อาร์มอย่างกังวลพี่อาร์มคงจะตกใจเรื่องยี่หวาแล้วก็เป็นห่วงอาการของลูกสาวมาก สีหน้าของพี่อาร์มไม่ดีเลย

“พี่อาร์ม”วิวาห์เรียกเสียงอ่อนเหมือนเมื่อสมัยที่ยังคบกัน อามันต์สะดุ้งวาบในอก เขาไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายเต็มตาด้วยความรู้สึกที่รู้แน่อยู่แก่ใจตนเอง “พรุ่งนี้ไปเยี่ยมยี่หวาด้วยกันนะครับถ้ายี่หวารู้ว่าคุณลุงกระต่ายมาจะต้องดีใจมากแน่”

อามันต์รู้สึกเหมือนถูกอีกฝ่ายชกเข้าที่ท้องเต็มแรง นัยน์ตากลมโตของว่านใสซื่อเสียจนเขาสมเพชขึ้นมาวูบ ...ช่างไม่รู้ตัวเอาเสียเลยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นตอนนี้ เคยโง่อย่างไรก็ยังโง่อยู่อย่างนั้น...

“ว่านไม่อยากให้พี่ไปหายี่หวาหรอก” เขาพูดแกมหัวเราะ วิวาห์ส่ายหน้า จับมือของเขาเอาไว้แน่น

“พี่อาร์มไม่ต้องห่วงเรื่องพี่วัตนะ ว่านจะอธิบายให้เขาฟังเองว่าพี่อาร์มมีเหตุผลของพี่อาร์ม ไม่ได้จะทิ้งว่านกับลูกตั้งแต่แรก”

อามันต์หัวเราะห้าว ๆ ออกมา เขานึกขันขึ้นมาจริง ๆ ...ไม่ได้จะทิ้งว่านกับลูกงั้นเหรออีกฝ่าย‘เชื่อ’เหตุผลที่เขายกมาเล่าจริง ๆ งั้นเหรอไม่อยากจะเชื่อเลยว่ายังมีคนแบบนี้อยู่ในโลกจริง ๆ ด้วยหรือ คนที่เกิดมาเพื่อถูกเอาเปรียบจากคนที่ฉลาดกว่า

ถ้าว่านไม่บอกเรื่องยี่หวาบางทีทุกอย่างคงจะง่ายกว่านี้...อามันต์คิด กำมือเข้าหากันแล้วคลายออก

“พี่จะไปเยี่ยมยี่หวาแน่นอน ว่านพักผ่อนก่อนเถอะนะ” เขาพาอีกฝ่ายกลับไปนอนพักที่เตียง ความร้อนรนในใจทำให้อามันต์ข่มตานอนหลับไม่ลง

วิวาห์นอนหลับสนิทไปแล้วในอ้อมกอดของอามันต์เขาสะดุ้งตื่นอีกครั้งหนึ่งตอนที่ถูกมือของใครสักคนเขย่าตัวปลุกอย่างแรง ว่านลุกขึ้นมานั่งมองไปรอบ ๆ อย่างมึนงง

“ไอ้หนู ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้ล่ะ เป็นอะไรหรือเปล่า” คนที่มาปลุกเขาเป็นผู้ชายวัยกลางคนสวมชุดเหมือนรปภ. “ไม่สบายหรือว่าเมาล่ะ ถึงได้มานอนตรงนี้”

ตรงนี้ของอีกฝ่าย...ว่านกวาดตามองอย่างตกใจเขากำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนพื้นปูนหน้าอาคารแห่งหนึ่งที่ดูรกร้างไม่ไกลออกไปเป็นเศษซากของอาคารที่ดำเมี่ยมและผุพังเหมือนเคยถูกไฟไหม้มาก่อน ...ว่านเบิกตากว้าง เขาจำที่นี่ได้ มันคือสตูดิโอเมื่อหลายปีก่อนนั่นเอง

“ที่นี่มัน ...ทำไมผมมาอยู่ตรงนี้”...แล้วพี่อาร์มล่ะ...ว่านขนลุกขึ้นทั้งตัว ผุดลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ “ผมมานอนที่นี่นานแล้วเหรอ”

“ไม่รู้สิ ลุงก็เพิ่งมาเห็นนี่ล่ะ”

“ตึกนี้...เป็นแบบนี้นานแล้วเหรอครับ” ว่านกระซิบมองไปรอบ ๆ คล้ายยังได้กลิ่นควันไฟจาง ๆ ลอยมาตามลม รปภ.คนนั้นหัวเราะ

“ตึกนี้ถูกไฟไหม้ เขาจะทุบทิ้งแล้วล่ะหนู หนูรีบไปดูลูกเถอะ อย่าช้าเลย”

“จะทุบสร้างใหม่เหรอครับ แล้วทำไมลุงถึงรู้ว่าผมมีลูก” ว่านหันกลับมาแล้วก็พบว่าตนเองยืนอยู่คนเดียว รปภ.คนนั้นหายตัวไปเสียแล้วอย่างไร้ร่องรอย

ขนอ่อนลุกชันว่านรีบวิ่งออกมาจากบริเวณนั้นอย่างตกใจแกมขวัญเสียเขาวิ่งมาตามฟุตบาทตรงไปยังตลาดตอนเช้าที่มีคนเยอะแยะแม้จะเป็นเวลาเช้ามืด หัวใจเต้นตึก ๆ ด้วยความกลัวจับใจ

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ว่านล้วงกระเป๋าหยิบขึ้นมากดรับมือไม้สั่น

“พี่...พี่วัต!!”

“ว่าน ให้ตายสิรับสายซะที ไปอยู่ที่ไหนมาน่ะว่าน พี่เป็นห่วงมากนะรู้มั้ย” พี่วัตโวยวายมาตามสาย ว่านบอกสถานที่ ๆ ตัวเองอยู่ตรงนี้ ยืนรออย่างกระวนกระวายไม่นานรถของพี่วัตก็มาถึง วิรุฬน้องชายของเขาเป็นคนขับมา ว่านรีบเปิดประตูก้าวขึ้นไปนั่ง

“ไปโรงพยาบาลก่อนวิน อย่าเพิ่งถามอะไรเลยนะ พี่ต้องไปโรงพยาบาลก่อน”

“โอเค” วิรุฬสัมผัสถึงความร้อนใจของพี่ชายได้ถึงแม้ว่าเขาจะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นมากก็ตาม ชายหนุ่มขับรถพาพี่ชายไปที่โรงพยาบาลวิวาห์ตรงขึ้นไปเยี่ยมยี่หวาที่ห้องผู้ป่วยวิกฤติ

“หวันยิหวาเป็นอย่างไรบ้างครับ”

“พยาบาลกำลังจะโทรหาคุณพ่อน้องเลยค่ะ น้องยี่หวาความดันตก ตอนนี้คุณหมอกำลังช่วยเต็มที่นะคะ”

ว่านหน้าซีด วิรุฬสอบถามอาการกับพยาบาลเสร็จก็จับตัวพี่ชายเอาไว้พามานั่งพัก ว่านตัวสั่นไปหมดด้วยความกลัว

“ยี่หวาจะตายมั้ยวิน ....จริงสิ เขาพูดแบบนั้น แต่มันไม่ใช่...ฉันรู้สึกได้ว่าไม่ใช่”

“พี่ว่าน ตั้งสติก่อนใจเย็น ๆ พี่ว่านฟังวินนะหายใจเข้าลึก ๆ ค่อย ๆ หายใจอย่าหายใจเร็วอย่างนั้น” วิรุฬจับมือพี่ชายเอาไว้แน่น รู้สึกว่าพี่ว่านตัวร้อนจัดหน้าตอบจนเห็นโหนกแก้มชัด “พี่ว่านหายไปไหนมาตั้งสามวัน พวกพี่วัตตามหาก็ไม่เจอตัวเลย”

“พี่...พี่อาร์มมารับพี่ที่บ้าน” วิวาห์กระซิบวิรุฬโกรธขึ้นมาทันทีที่ได้ยินชื่อของอามันต์

“แล้วพี่ว่านก็ไปกับมันงั้นเหรอ”

“ใช่” วิวาห์ตอบกำมือแน่น “เขาบอกว่ามีวิธีช่วยยี่หวา แล้วก็ขอพี่แต่งงาน เขาพาพี่ไปที่สตูดิโอนั่น มันยังเหมือนเดิมอยู่เลย พีก็ยังคิดว่าทำไมมันถึงเหมือนเดิม...วิน ...มันไม่ใช่ ตึกนั่นโดนไฟไหม้ไปหมดแล้ว เขา..พี่อาร์ม...เขาหลอกฉัน เขาไม่ใช่คน”

วิรุฬอ้าปากค้าง มองหน้าพี่ชายอย่างตกใจ

“เขาพาพี่ว่านไปงั้นเหรอ แล้วยังไงต่อพี่ว่านออกมาได้ยังไง”

“พี่ไม่รู้ พี่นอนหลับไปแล้วก็มีคนมาปลุก เขาแต่งชุดเหมือนรปภ. บอกให้พี่รีบมาดูลูกที่นี่” วิวาห์เพิ่งจะสังเกตเห็นชุดของน้องชาย “นี่วิน...จริงสิ สามวัน...พี่วัตแต่งงานวันนี้ไม่ใช่เหรอ”

“ใช่ เราตัดสินใจเลื่อนออกไปก่อนเพราะเป็นห่วงพี่ว่าน ไม่นึกเลยว่าอาการของยี่หวาจะทรุดลงอีก..”

“ว่าน ..วิน” วิรัตน์เดินเข้ามาหาพวกเขาตามทางเดินพร้อมกับว่าที่พี่สะใภ้ พี่วัตสีหน้าเคร่งเครียดมาก “หายไปไหนมาว่าน พี่ตามหาทั้งเมืองจนต้องขอให้ตำรวจช่วยก็ยังไม่เจอ”

“พี่วัต ว่านขอโทษครับแล้วงานแต่งของพี่...”

“เลื่อนไปก่อนไม่เป็นไรหรอก น้องว่านเป็นยังไงบ้าง พวกพี่เป็นห่วงมากเลยนะรู้มั้ย” พี่เบสต์พูดกวาดตามองเขาทั่วตัว “ซูบไปมากไปอยู่ที่ไหนมา”

“ว่าน..” วิวาห์เล่าเรื่องที่สตูดิโอนั้นอีกครั้ง ทุกคนเงียบกริบสบตากันไปมาจนว่านใจเสีย “มีอะไรหรือเปล่าครับ พี่วัต พี่เบสต์ วินอย่าปิดพี่”

“วินว่าเราตามครูเตยมาด้วยดีกว่า”

“ครูเตยมาเกี่ยวอะไรด้วย” ว่านงง

“ตอนนี้ก็สรุปได้แล้วนะว่านายอามันต์ไม่ใช่คน” วิรัตน์พูดขึ้นเรียบ ๆ พยายามรักษาความสงบเอาไว้ในสีหน้า ถ้าเขายิ่งตื่นตระหนก น้อง ๆ ก็จะยิ่งพลอยขวัญเสียไปด้วย

“แล้วทำไมตอนนั้นที่โรงพยาบาลวินถึงจับแขนของเขาได้ล่ะครับ” วิวาห์ถามขึ้นอย่างสงสัย

“ว่านฟังพี่ก่อนนะ ว่านเชื่อมั้ยว่าเขาไม่ได้มาดีหรอก เขามีจุดประสงค์ที่เข้าหาว่าน” วิรัตน์พูดบีบต้นแขนของว่านเอาไว้แน่น“ไม่อย่างนั้นเขาจะพาว่านไปทำไมนี่ถ้าว่านไม่ตื่นก็มีหวังตายแน่จับไข้ผอมโกรกขนาดนี้”

“เขาขอพี่ว่านแต่งงานน่าจะมีแผนอะไรสักอย่าง ครูเตยเล่าเรื่องดูดวิญญาณให้ผมฟังมาครับ” วินเล่าเรื่องที่ครูเตยบอกให้พี่ชายฟัง วิวาห์อ้าปากค้าง มองหน้าน้องชายอย่างไม่อยากเชื่อ

“เขาต้องการชีวิตของยี่หวางั้นเหรอ” วิวาห์พูดเสียงสั่น เบิกตากว้าง“ทำได้ยังไง...นั่นลูกเขานะ”

“คนอย่างนั้น...เขาเห็นแก่ตัวเกินกว่าที่จะสนใจเรื่องอื่นครับพี่ว่าน ถ้าเขาอยากจะกลับมาก็เป็นไปได้ว่าเขาต้องการชีวิตของยี่หวาไปแลก”

“ไม่!!” วิวาห์ผุดลุกขึ้นยืนกำมือแน่นสมองเรียบเรียงเรื่องราวทั้งหมดได้อย่างแจ่มชัดกว่าที่เคย อาการมึน ๆ งง ๆ หายไปเป็นปลิดทิ้ง “ไม่มีทางพี่ไม่ยอมให้เขาเอายี่หวาไปแน่”

“พี่ว่านนั่งก่อน เราเพียงแค่สันนิษฐานเท่านั้น นอกจากความเชื่อแล้วก็ไม่มีหลักฐานอะไร” วินพูดยังไม่ทันจบ วิวาห์ก็แย้ง

“ไม่มีหลักฐานอะไร พี่นี่ไงหลักฐาน ..พี่มั่นใจว่าพี่อาร์มไม่ใช่คนแน่นอนจะเป็นผีก็ไม่ใช่ยี่หวาอาการแย่ลงทุกครั้งที่เขามาหานั่นแหละคือข้อพิสูจน์ทำไมพี่ไม่ได้คิดเรื่องนี้มาก่อนนะพี่ไม่รู้ว่าเขาทำได้ยังไงแต่ว่าถ้าเป็นอย่างที่วินเล่าเขาจะต้องเสียใจที่คิดจะทำร้ายยี่หวาพี่จะไปจัดการเขา”

“พี่ว่านจะทำยังไง เอาพระมาสวดใส่อะไรทำนองนี้เหรอ” วินถามอย่างไม่แน่ใจ “หรือเราต้องไปจ้างคนมาปราบผี พวกหมอผีดัง ๆ ดีมั้ย”

ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ นายแพทย์เจ้าของไข้เปิดประตูออกมาขอคุยกับญาติคนป่วย วิวาห์ลุกขึ้นเดินเข้าไปหาอย่างหวาดหวั่น ถ้าสิ่งที่อามันต์ต้องการคือชีวิตของยี่หวาจริง ๆ เขาจะทำอย่างไรได้ จะขัดขวางอีกฝ่ายอย่างไร มันไม่โหดร้ายเกินไปหน่อยหรือไง ยี่หวาคือลูกของเขานะ..

“คนไข้อาการหนักนะครับ ตอนนี้ไข้ขึ้นสูงความดันตกต้องใช้ยากระตุ้นความดัน ...”คุณหมอเล่าอาการของลูกสาวให้เขาฟังวิวาห์ยืนนิ่งเหมือนหุ่นคำพูดของหมอเข้าไปกระแทกใจเขาทีละประโยคให้รับรู้ความเป็นจริง“หมอ...อยากจะขอให้ญาติเผื่อใจเอาไว้นะครับ น้องยี่หวามีโอกาสเสียชีวิต..”

“ว่าน...ว่านทำใจดี ๆ เอาไว้ ว่าน”

วิรัตน์รับตัวน้องชายเอาไว้ได้ทัน ว่านตัวร้อนจี๋ทีเดียวสุดท้ายว่านก็ได้นอนโรงพยาบาลเพราะไข้สูงมากและร่างกายไม่ได้รับอาหารมาหลายวัน ว่านพอลุกขึ้นไหวก็จะออกไปหาลูกสาวท่าเดียวจนพี่น้องต้องช่วยกันจับเอาไว้

“พี่ว่านต้องนอนพักก่อนนะครับ พี่ว่านไม่สบายมาก”

“ยี่หวา...ยี่หวา” ว่านร้องไห้ออกมา เขาต้านแรงพี่ชายน้องชายไม่ไหว ได้แต่นอนร้องไห้อยู่บนเตียงผู้ป่วย “พี่วัตว่านไหว้ล่ะ ให้ว่านไปดูลูกเถอะนะ หมอบอกว่ายี่หวาอาการหนักมาก อาการหนักกว่าว่านเยอะ ว่านยังไหวอยู่ ให้ว่านไปหาลูกเถอะนะ”

“พี่ว่านยังไม่แข็งแรงพอนะครับ ถ้าฝืนเดินอีกอาจจะล้มได้”

“พี่ไม่เป็นไรวิน ไม่เป็นไรจริง ๆ ให้พี่ไปดูลูกนะวินนะ...วินช่วยพี่หน่อยช่วยพี่ทีนะ” วิรุฬน้ำตาคลอ พี่ว่านเคยร้องไห้อ้อนวอนขอให้เขาช่วยแบบนี้เหมือนกันเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ พี่ว่านขอให้เขาช่วยหาทางเอาเด็กออกให้ ทว่าวันนี้กลับกัน ..วิวาห์อ้อนวอนเขาเพราะความเป็นห่วงลูกสาว “วิน...วินก็รู้ว่าชีวิตพี่มียี่หวาคนเดียว พี่ไม่เหลืออะไรแล้ว ฮึก วินช่วยพี่ช่วยพี่นะ”

“พี่วัตครับ ให้พี่ว่านไปดูยี่หวาเถอะ ขอรถเข็นไปคงไม่เป็นอะไร” วิรุฬพูดเขาเป็นหมอ เข้าใจดีว่าอาการของยี่หวาอยู่ในจุดวิกฤติเพียงใด บางทียี่หวาอาจจะ... ชายหนุ่มรีบหยุดความคิดนั้นเอาไว้ “พี่ว่านผมจะหาทางช่วยยี่หวาให้ได้พี่ว่านอย่างเพิ่งหมดกำลังใจนะ”

“พี่ไม่ยอมให้ใครเอายี่หวาไปแน่วินให้เขาเอาชีวิตพี่ไปแทน...เอาชีวิตพี่ไปเลย” วิวาห์พูดวิรัตน์จุ๊ปาก

“พูดอะไรแบบนั้นว่านพี่ไม่ยอมทั้งนั้นล่ะไม่ว่าจะเป็นยี่หวาหรือว่าว่าน”

“หมายความว่าเราต้องหาทางหยุด...ผี...เหรอคะ” เบสต์ถามขึ้น“เบสต์ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยนะ”

“ว่านจะคุยกับพี่อาร์ม เรื่องทุกอย่างมันเริ่มต้นขึ้นจากพี่อาร์ม ก็ต้องเป็นพี่อาร์มที่เป็นคนหยุด” วิวาห์พึมพำ

“เราจะเจอพี่อาร์มได้ยังไง”

“จุดธูปเรียกเหรอ” วิรุฬเลิกคิ้ว“เคยเห็นในละคร”

“ว่านอยากกลับไปที่สตูดิโอนั่นอีกครั้งครับ” วิวาห์พูดขึ้น“พี่อาร์มน่าจะผูกพันกับที่นั่นถึงได้พาว่านกลับไปเมื่อคืน”

“เป็นไปได้ แต่ว่านยังไม่แข็งแรงจะออกจากโรงพยาบาลตอนนี้คงไม่ไหวหรอก”

“แล้วถ้าสายเกินไปล่ะครับ ถ้าช่วยยี่หวาไม่ทันขึ้นมา ว่านคงเสียใจไปตลอดชีวิต” วิวาห์พูดทั้งน้ำตา “ถ้าว่านเสียลูกไป ว่านก็ไม่อยากอยู่แล้วเหมือนกัน ยี่หวาเป็นชีวิตของว่าน ว่านไม่อยากเสียใจอีกแล้ว” เสียงสะอื้นของวิวาห์ดังก้องไปทั่วห้อง

วิรัตน์พาน้องชายไปดูลูกก่อนตั้งใจว่าจะเกลี้ยกล่อมให้ว่านยกเลิกความคิดที่จะกลับไปที่สตูดิโอแห่งนั้นแต่ว่าเขาคิดผิด พอว่านเห็นหน้าลูก ...ทุกอย่างก็แย่ลงไปอีกว่านทุรนทุรายกว่าเดิม เขาอยากกลับไปที่แห่งนั้น

“ว่านต้องไปคุยกับพี่อาร์ม ว่านรอช้ากว่านี้ไม่ได้พี่วัต ลูกสาวของว่านกำลังจะตาย”

“ลูกของว่านก็คือลูกของเขาด้วย คนเรามันจะใจร้ายใจดำขนาดเอาชีวิตลูกตัวเองได้ลงคอได้ยังไงกัน” เบสต์พูดยกมือขึ้นลูบแขน“ขนลุกในความเห็นแก่ตัวจริง ๆ”

“มันเป็นคนแบบนี้มานานแล้วเบสต์ ตั้งแต่สมัยคบว่านใหม่ ๆ พี่ก็เคยพูดแล้วว่าเขาคบว่านหวังผลประโยชน์ ว่านไม่เคยเชื่อ”

“...........” ว่านนั่งบนรถเข็นนิ่งสายตาจับจ้องไปที่ลูกสาวตัวเล็กบอบบางที่นอนอยู่บนเตียงรายล้อมด้วยอุปกรณ์ช่วยชีวิตทั้งหลายจนแทบมองไม่เห็นใบหน้าเล็ก ๆ นั้น วิวาห์กำมือแน่น...เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่ครูเตยพูดจะเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าแต่ว่าสิ่งที่เขาเจอกับตัวเองมันก็ชัดเจนพอแล้วว่าพี่อาร์มไม่ใช่คน และน่าจะไม่ประสงค์ดีกับเขาและลูก “พี่วัต...พาว่านไปเถอะนะ ไม่อย่างนั้น...ว่านก็จะหาทางไปเอง”

“พี่ว่าน วินไม่ห้ามพี่ว่านหรอก วินเห็นด้วยว่าถ้าสาเหตุคือพี่อาร์มจริง ๆ ก็ควรจะต้องจัดการที่ต้นเหตุแต่ว่าเราก็ควรจะเตรียมตัวไปกันด้วยวินจะไปกับพี่ว่านเองวินจะไปขอให้พระอาจารย์ช่วยจะไปตามครูเตยให้ไปกับพวกเราด้วยเผื่อว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง”

“พี่ไม่เห็นด้วย ว่านควรรอที่นี่ดีกว่า พี่กับวินจะไปจัดการเอง ว่านยังไม่แข็งแรงขนาดจะออกไปไหนมาไหนอีก ขืนไปคราวนี้ถูกนายอาร์มพาไปซ่อนเอาไว้ เจอกันอีกทีว่านไม่กลายเป็นศพไปแล้วเหรอ” วิรัตน์ออกความเห็น

“ว่านไม่อยากให้พี่วัตกับวินต้องมาเสี่ยงด้วย นี่มันเป็นเรื่องของว่าน”

“มันเป็นเรื่องของพวกเราว่าน เราครอบครัวเดียวกันนะ ยี่หวาก็เป็นหลานพี่ พี่ก็ห่วงหลานอยากช่วยหลานมากเหมือนกัน” วิรัตน์พูดเขาไม่ยอมให้น้องชายค้านอีก“พี่กับวินจะไปดูที่สตูดิโอเอง”

“ไม่ได้ครับพี่วัต พี่ถึงขั้นต้องเลื่อนงานแต่งก็เพราะว่าน” ว่านไม่ยอม“ว่านไม่อยากทำให้พี่เดือดร้อนอีกแล้วพี่วัต ว่านขอพูดหน่อยพี่วัตช่วยว่านมามากแล้วตั้งแต่เมื่อก่อนจนถึงตอนนี้ พี่วัตช่วยว่านสารพัด ทั้งพี่วัตทั้งวินแล้วก็ที่บ้าน ว่านเองต่างหากที่ไม่เคยช่วยตัวเองได้เลย ว่านปวกเปียกไม่มีประโยชน์อะไรสักอย่าง แค่หาเงินเลี้ยงลูกว่านยังทำไม่ได้ ว่านรู้ว่าตัวเองไม่ฉลาด โดนเขาหลอกซ้ำแล้วซ้ำอีกก็ยังคิดไม่ได้อยู่นั่น ว่านทนอยู่ในสภาพนี้ต่อไปไม่ได้แล้วครับ ว่านอยากปกป้องยี่หวาด้วยตัวของว่าน ไม่อยากดึงใครมาเดือดร้อนกับเรื่องของว่านอีก”

“พี่เข้าใจความคิดของว่านนะ” วิรัตน์พูดเสียงอ่อนลง“แต่จะเรียกว่าเดือดร้อนก็ไม่ใช่หรอกพี่แค่อยากให้ว่านพักอยู่ที่นี่แล้วพี่กับวินจะไปจัดการเรื่องนี้..”

“พี่วัตไม่ไว้ใจว่านใช่มั้ยพี่วัตกลัวว่านจะถูกเขาหลอกอีกแล้วก็จะตายตามยี่หวาไปด้วย”

“ใช่ พี่กลัว....พี่ไม่รู้ว่ามันจะลูกเล่นอะไรยังไงอีก พี่ไม่รู้เลยว่าน มันเป็นผีหรือตัวอะไรพี่ก็ไม่รู้ พี่ปล่อยให้ว่านไปเจอกับมันไม่ได้หรอก”

“พี่วัต...ไว้ใจว่านบ้าง พี่วัตไว้ใจว่านเถอะนะถ้าว่านไม่สามารถเอาชีวิตของตัวเองกับลูกกลับมาได้ ก็คิดเสียว่ามันเป็นกรรมของว่านที่ทำบุญมาแค่นี้ก็แล้วกัน”

“พูดอะไรแบบนั้น” พี่วัตโกรธมากที่ว่านไม่ฟัง “ยังไงพี่ก็ไม่ให้ว่านไปไหน พี่จะบอกคุณหมอให้มัดว่านเอาไว้” วิรัตน์พูดเสียงห้วน

วิวาห์เม้มริมฝีปากแน่นเขากระชากเข็มน้ำเกลือที่หลังมือตัวเองออกแล้วลุกขึ้นวิ่งออกไปจากห้องไอซียูก่อนที่ใครจะทันคิดวิวาห์ไม่รู้ว่าตัวเองเอาเรี่ยวแรงนี้มาจากไหน เขาวิ่งลงบันไดหนีไฟมาหลายชั้นต่อกันทว่าพอเปิดประตูออกมาก็ถูกคนหลายคนเข้ามาล็อกตัวกดเอาไว้แน่นจนขยับไม่ได้รู้สึกเจ็บปลาบที่ต้นแขนจากนั้นเขาก็ผล็อยหลับไป

................................................................................

หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน9 22/3/63 p5
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 22-03-2020 21:43:26





“ถ้าพี่ว่านตื่นคงโกรธมากแน่” วิรุฬพึมพำจับตามองไปยังร่างผอมบางที่ถูกมัดเอาไว้กับเตียงอย่างแน่นหนาป้องกันการหนีออกจากโรงพยาบาลอีก วิรัตน์ถอนหายใจยาว

“ทำยังไงได้ พี่ปล่อยให้เขาไปเจอนายอาร์มไม่ได้หรอก”

“วินเข้าใจครับ พี่ว่านตอนนี้อ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจ ควรจะพักรักษาตัวก่อนดีกว่า” น้องชายเห็นด้วย “เราไปกันเลยดีมั้ยครับ ผมโทรบอกครูเตยเอาไว้แล้ว จะแวะที่วัดด้วย”

“เบสต์...ผมฝากว่านหน่อยนะ แล้วจะรีบกลับมา”

“ไม่ต้องห่วงค่ะ เบสต์จะดูแลน้องว่านให้เอง” คู่หมั้นตอบกลับมาเนิบ ๆ

วิรัตน์ขับรถแวะไปรับคุณครูสาวที่โรงเรียนก่อนตามที่วิรุฬบอก อันที่จริงวิรัตน์ก็ไม่ค่อยอยากเชื่อเรื่องดูดวิญญาณอะไรนั่นเท่าไหร่ มันเหมือนเรื่องเล่าของคนเฒ่าคนแก่มากกว่าที่จะเป็นเรื่องจริง แต่เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว ถ้ามันพอจะเป็นความหวังที่จะทำให้หลานสาวอาการดีขึ้น วิรัตน์ก็พร้อมจะลองเสี่ยงดู

“หลวงตาไม่อยู่เหรอครับ” วิรัตน์อุทานอย่างผิดหวัง ศิษย์ลูกวัดบอกว่าเจ้าอาวาสที่เคารพนับถือมานานตั้งแต่สมัยที่พี่วัตบวชนั้นติดธุระที่อื่น แต่ว่าท่านฝากของเอาไว้ให้ถ้ามีใครมาถามหา

“คืออะไรน่ะพี่วัต” วิรุฬชะโงกเข้ามาดูห่อผ้าเล็ก ๆ นั้น วิรัตน์เปิดออกดูข้างในเป็นพระเครื่ององค์เล็กวางสงบนิ่งอยู่ “พระเหรอครับรุ่นอะไรเหรอ วินดูไม่เป็น”

“พี่ก็ดูไม่เป็นเหมือนกัน” วิรัตน์ส่ายหน้ารู้สึกวังเวงขึ้นมาเมื่อมองไปยังกุฎิที่ปิดสนิทนั้น

“เอาไปกลัดเอาไว้ที่อกของคุณว่านค่ะ” คุณครูเตยที่นั่งเงียบอยู่นานพูดขึ้น ชายหนุ่มทั้งสองคนมองหน้ากัน

“ถ้างั้นเราคงต้องกลับไปที่โรงพยาบาลก่อนไม่รู้ว่าป่านนี้เจ้าว่านอาละวาดโรงพยาบาลแตกไปหรือยัง” วิรัตน์พึมพำย้อนกลับไปที่โรงพยาบาลวิวาห์ตื่นขึ้นแล้วก็โวยวายเรื่องที่ถูกมัดติดเตียงไปแล้วตอนที่พวกเขาเข้าไปถึงก็พบว่าวิวาห์กำลังนอนร้องไห้อยู่เงียบ ๆ หมดแรงขยับตัว

“พี่วัต...แก้มัดว่านเถอะ ว่านไม่ใช่หมูใช่หมานะ จะได้มามัดกันแบบนี้ ว่านแค่อยากไปดูลูกของว่าน”

“พี่กลัวว่าว่านจะหนีออกไปแล้วหาเรื่องใส่ตัวอีก”

“ไม่หรอกครับ” วิวาห์ส่ายหน้า “ว่านได้สติแล้ว ว่านขอโทษที่เอาแต่ก่อปัญหา พี่วัตแก้มัดให้ว่านนะ” ท่าทางของวิวาห์ทำให้วิรัตน์ใจอ่อน ชายหนุ่มยอมให้แก้มัดน้องชาย วิวาห์นั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงอย่างสงบ ไม่มีทีท่าว่าจะวิ่งหนีออกจากโรงพยาบาลอีก “ว่านไม่ทำหรอก รับรองได้ ว่านแค่อยากไปดูลูกเท่านั้น”

“ถ้าจะไปก็ให้พี่เบสต์กับคุณพยาบาลพาไปก็แล้วกัน”

“แล้วเรื่องที่สตูดิโอนั่น” วิวาห์ถามคิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน“พี่ไปกันมาแล้วเหรอ”เขาเพิ่งสังเกตเห็นคุณครูสาวที่ยืนอยู่ในห้องนั้น “คุณครูเตยนี่”

“คุณว่าน” ครูเตยเดินเข้ามาหา “นอนลงก่อนดีกว่าค่ะ ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดก็คือสุขภาพของคุณว่านนะคะ ..เมื่อกี้แวะไปที่วัดมาด้วย..”

“จริงสิ หลวงตาฝากพระเครื่องเอาไว้ ว่านเก็บเอาไว้นะ”

วิวาห์ส่ายหน้า

“ไม่ต้องให้ผมหรอก ให้ยี่หวาเถอะว่านฝากไปให้ลูกได้มั้ยครับ”

วิรัตน์รับปาก วิวาห์นอนนิ่ง ๆ อยู่บนเตียงรอจนกระทั่งพี่ชายน้องชายกลับออกไปจากห้อง เขาก็ลุกขึ้นนั่ง หันไปหาพี่เบสต์ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่เงียบ ๆ

“พี่เบสต์ครับ”

“น้องว่านอยากได้อะไรคะ เข้าห้องน้ำเหรอ”

“ครับ พอดีคุณหมอเขาให้ผมปัสสาวะใส่กระบอกบนเตียง..” วิวาห์พูดค้างเอาไว้ ท่าทางอึดอัดหญิงสาวเลยนึกขึ้นได้เธอลุกขึ้นยืน

“เดี๋ยวพี่รูดม่านให้แล้วกันนะคะ หรือว่ายังไงดี”

วิวาห์ยกมือขึ้นเกาแก้ม

“พี่เบสต์รอในห้องน้ำก็ได้ครับ เดี๋ยวว่านเรียบร้อยแล้วจะบอก”

หญิงสาวเอียงคอมองเขาแล้วอมยิ้ม

“พี่เบสต์ไม่ใช่เด็ก ๆ นะคะ จะได้ถูกน้องว่านหลอกเอาง่าย ๆ” เธอหัวเราะ มองวิวาห์อย่างเอ็นดูแกมสงสาร “พี่รูดม่านให้นะคะ”

วิวาห์ลอบถอนหายใจ พี่เบสต์ไม่หลงกลง่าย ๆ ของเขาเลย เธอหาเรื่องนู้นเรื่องนี้มาคุยกับเขาเพลิน ๆ คลายเครียดแต่ก็ระมัดระวังไม่ให้ว่านไปไหน ถึงแม้ว่านจะหว่านล้อมอย่างไรเธอก็ไม่ยอมคลาดสายตาจากว่านเลย

“พี่รักว่านเหมือนน้องชายนะ พี่เองก็เป็นห่วงว่านกับยี่หวาเหมือนกันว่านเชื่อพี่นะ...ถ้าว่านอยากให้พี่วัตเชื่อใจว่าน ว่านก็เชื่อใจพี่วัตนะว่าเขาจะจัดการเรื่องทั้งหมดได้เรียบร้อยแน่ ๆ”

“ว่านสร้างแต่เรื่องให้พี่วัตตลอดขอโทษพี่เบสต์อีกครั้งนะครับที่พี่ต้องเลื่อนงานแต่งไปเพราะว่าน”

“ไม่เอาน่ะ” เบสต์ส่ายหน้า“ชีวิตคนสำคัญที่สุดอยู่แล้วพี่กับพี่วัตคบกันมานานเรื่องแต่งงานมันก็เป็นแค่พิธีการเท่านั้นแหละ ไม่ได้อะไรสำคัญขนาดนั้นหรอก แค่คนสองคนตกลงจะอยู่ด้วยกันก็พอแล้ว”

“พี่เบสต์กับพี่วัตโชคดีจังเลยนะครับที่ได้เจอกันและกัน ว่านอยากเจอคนที่จริงใจกับว่านบ้าง” พูดได้แค่นั้นก็พูดต่อไม่ออก รู้สึกแน่นในอกขึ้นมาด้วยความเสียใจ“ว่านอยากฉลาดได้สักครึ่งนึงของพี่วัตจะได้รู้ทันใคร ๆ บ้างว่ามาดีหรือมาร้าย”

“ไม่มีใครฉลาดมาตั้งแต่เกิดหรอกว่าน มันขึ้นกับประสบการณ์ด้วย” หญิงสาวปลอบใจ“ก่อนที่พี่จะมาเจอพี่วัตพี่ก็เจ็บมาเยอะเหมือนกัน ว่านอย่าเพิ่งถอดใจเลยนะ สักวันในอนาคตว่านจะต้องเจอคนที่เขารักแล้วก็จริงใจกับว่านมาก ๆ แน่ พี่เป็นกำลังใจให้นะ”

“ขอบคุณครับ” ว่านก้มหน้าลงมั่นใจว่าคงไม่มีวันนั้นหรอก...คนอย่างเขามัน..

“นอนเถอะ พอตื่นขึ้นมาแล้วอะไร ๆ ก็มักจะดีขึ้น”

“......” ว่านพยายามส่งยิ้มตอบกลับไป อยากบอกพี่เบสต์ว่ามันไม่จริงเลย ทุกครั้งที่ว่านลืมตาตื่นเรื่องราวทั้งหมดดูเหมือนจะยิ่งเลวร้ายลงไปทุกทีจนว่านไม่อยากจะตื่นแล้ว แต่ว่านก็ต้องตื่นขึ้นมาหายี่หวา ยี่หวารอเขาอยู่..

ยี่หวา..

หวันยิหวา..

“ว่าน” เสียงแหบคุ้นหูดังขึ้น วิวาห์เห็นร่างสูงใหญ่นั้นยืนสงบนิ่งอยู่ที่ปลายเตียงเขาพบว่าตัวเองกลับมาอยู่ที่สตูดิโอแห่งนั้นอีกแล้ว มันเหมือนจริงเสียจนว่านไม่อยากเชื่อ

“พี่อาร์ม...ยี่หวาล่ะ” เขาผุดลุกขึ้นนั่งร่างของพี่อาร์มดูคมชัดสมจริงมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นั่นยิ่งทำให้ว่านกลัวจับใจ “ยี่หวาเป็นอย่างไรบ้าง”

“ว่านพี่ขอโทษ” ร่างสูงใหญ่นั้นคุกเข่าลงกับพื้นตรงหน้า จับขาของว่านเอาไว้แน่นไม่ยอมให้เดินหนี “พี่ขอโทษนะว่าน พี่ไม่รู้มาก่อนเลยว่ายี่หวาเป็นลูกของพี่”

ว่านอยากจะชักขาออกเต็มทน แต่ว่าเขาจำต้องกลั้นใจเอาไว้ ตอบกลับไปเสียงอ่อน

“พี่อาร์มจะขอโทษว่านทำไม พี่อาร์มเองก็ไม่สบาย ว่านเข้าใจพี่อาร์ม ไม่โทษพี่อาร์มหรอกครับ”

อามันต์เงยหน้าขึ้น ดวงตาคมเข้มคู่นั้นแดงก่ำขึ้นเส้นเลือดเป็นสาย

“จริงเหรอ ว่านไม่โกรธพี่เหรอ ถึงแม้ว่า...”

“ถึงแม้ว่าอะไรเหรอครับ”

“ถึงแม้ว่า ...พี่จะ...จะเอาชีวิตของยี่หวามาน่ะหรือ”หางเสียงของอามันต์สั่นเครือฟังแทบไม่ออก “พี่ขอโทษนะว่าน พี่ไม่รู้จริง ๆ ว่ายี่หวาคือลูก”

“พี่อาร์มของว่าน” วิวาห์พูดย่อตัวลงประคองใบหน้าหล่อเหลาคมคายนั้นเอาไว้ในอุ้งมือของตัวเอง จ้องมองใบหน้าสมส่วนงดงามนั้นอย่างพินิจ...พอมองเห็นความใจดำของพี่อาร์มแล้วความหล่อเหลานั้นก็ไม่อาจทำให้ว่านใจเต้นแรงได้เหมือนเดิม “เสียดายที่รู้ช้าเกินไป” ถึงแม้จะคนละความหมายกับพี่อาร์มก็ตาม “ต่อให้ยี่หวาไม่ใช่ลูกของพี่อาร์ม พี่อาร์มก็จะเอาชีวิตของเด็กเล็ก ๆ คนหนึ่งได้ลงคอจริง ๆ หรือ”

“พี่ไม่ได้นึกว่ามันจะทำได้จริง ๆ” อามันต์ตอบกลับมาเสียงแหบแห้ง “พี่นึกว่าแค่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น ..จริง ๆ นะว่าน”

ว่านปล่อยมือจากใบหน้านั้น

“ว่านจะรู้ได้ยังไงว่าตอนไหนที่พี่อาร์มพูดจริง ตอนไหนที่โกหก”

“พี่ไม่โกหกว่าน สาบานได้ต่อให้พี่จะเคยโกหกว่านมาแต่มีอย่างหนึ่งที่พี่ไม่เคยโกหกว่านเลยนะ เป็นเหตุผลที่พี่กลับมาหาว่าน พี่รักว่าน”

น่าแปลกที่คำว่ารักของอีกฝ่ายที่เขาเคยอยากฟังแทบตายกลับหลุดออกมาจากปากของอีกฝ่ายอย่างง่ายดายเหมือนคำทักทายหรืออะไรทำนองนั้น ว่านน้ำตาคลอยกมือขึ้นแตะที่ข้างแก้มของอามันต์เบา ๆ แล้วตบดังเผี๊ยะ

อามันต์หน้าหันไปตามแรงตบเต็มฝ่ามือนั้น เขาดูตกใจมากทีเดียว

“ว่านยอมแลกทุกอย่างให้พี่อาร์ม ขอแค่พี่อาร์มคืนยี่หวากลับมาเท่านั้น จะเอาชีวิตว่านไปแทนก็ได้ ว่านแข็งแรงดีอายุยืนอีกหลายปีแน่ ขออย่างเดียว ...อย่าทำร้ายยี่หวา”

อามันต์ปล่อยมือจากขาของว่านแล้วลุกขึ้นยืนเผชิญหน้า ข้างแก้มมีรอยนิ้วประทับอยู่เห็นชัด นัยน์ตาคมกริบของพี่อาร์มลุกวาบก่อนจะเปลี่ยนเป็นมึนซึม

“ว่านจะตีพี่อีกกี่ครั้งก็ได้ ให้สมใจว่านพี่ยอมหมดทุกอย่างแต่ว่าพี่ไม่รู้จริง ๆ ว่าจะต้องทำอย่างไรยี่หวาถึงจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม”

“โกหก”

“ไม่ได้โกหก” อามันต์ส่ายหน้า“ว่านคิดว่าพี่อยากเอาชีวิตของลูกมาต่อชีวิตตัวเองมากนักเหรอ พี่พยายามทุกทางแล้ว ทั้งอ้อนวอนร้องขอแต่มันก็ไม่ได้ พี่ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงนอกจากยืนมองดูลูกตาย ว่านคิดว่าตัวเองทรมานอยู่คนเดียวหรือไง พี่ก็เจ็บปวดไม่แพ้ว่านหรอกนะ”

“เล่นละครเก่งเหมือนเดิม” ว่านพูดเสียงเย็น “บีบน้ำตาอีกนิดสิ ว่านคนนี้จะได้ใจอ่อน โง่ยอมให้หลอกต่อไปอีกเรื่อย ๆ ขนาดจะเสียลูกทั้งคนแล้ว มันก็ยังหน้ามืดตามัวยอมให้สนตะพายต่อไปอยู่เลย”

อามันต์ผงะ เขาไม่เคยเห็นวิวาห์เป็นแบบนี้มาก่อน

“ไม่เอาน่ะว่าน พี่ขอโทษจะให้พี่ทำยังไงพี่หยุดพลังที่ถ่ายโอนมาจากยี่หวาไม่ได้มันไหลวนอยู่ในตัวของพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ พี่พยายามจะหาทางหยุดแล้ว” อามันต์น้ำตาไหล “พี่ก็ไม่อยากให้ลูกของเราตายหรอกนะ”

“ลูกของว่านครับ” วิวาห์แก้ทันควัน “ไม่ใช่ลูกของพี่อาร์ม”

“พี่มีส่วนทำให้เขาเกิดมา”

“แค่มีส่วนทำให้เกิดมาไม่มีสิทธิ์เรียกคนอื่นว่าลูกหรอกครับ อย่างน้อยพี่อาร์มก็ควรจะ..ละอายใจบ้าง” ว่านกำมือแน่น“พี่อาร์มทำกับว่านแค่ไหนว่านไม่เคยบ่นจะหลอกว่านหรืออะไรว่านก็ยอมทั้งนั้นเพราะว่านรักพี่อาร์ม แต่พี่อาร์มทำแบบนี้กับลูก ว่านรับไม่ได้จริง ๆ มันเลวร้ายเกินกว่าที่มนุษย์จะรับได้คนอย่างพี่เลวยิ่งกว่าสัตว์นรกเสียอีกเห็นชีวิตคนอื่นเป็นอะไรเคยมองเห็นค่าของคนอื่นบ้างมั้ยหรือว่ามองเห็นแต่ตัวเองเท่านั้น”

“............”

“เด็กตัวนิดเดียวพี่ยังกล้าเอาวิญญาณบริสุทธิ์มา คนอย่างพี่มันไม่ควรได้ไปผุดไปเกิด เวียนว่ายอยู่ในนรกนั่นแหละ”

“.............”

“พูดออกมาสิ พูดเก่งไม่ใช่เหรอ พูดออกมาอีกว่านอยากฟัง”

“พี่ไม่มีอะไรจะพูด”

“จะไม่มีได้ยังไง เอาชีวิตลูกไปแลกกับชีวิตของพี่น่ะ ต่อให้พี่รอดชีวิตต่อไปได้ว่านก็จะสาปแช่งให้พี่ไม่มีความสุขอีกเลยตลอดชีวิตจะขอให้พี่จมอยู่กับความเห็นแก่ตัวของตัวเอง ให้พี่โดนหลอกถูกหักหลังไปทุกชาติ”

“ว่าน” อามันต์คราง

“ปล่อยมือผม” วิวาห์ไม่เคยนึกเลยว่าจะมีวันนี้ กวาดตามองอีกฝ่ายอย่างขยะแขยงปนรังเกียจ นึกไม่ออกเลยว่าก่อนหน้านี้เขาหลงรักอะไรในตัวของผู้ชายคนนี้ได้

“.......” อามันต์ชะงักปล่อยมือเรียวบางทันควัน

สายตาของว่านทำให้เขาร้อนไปทั่วตัวเหมือนถูกเผา ความผิดของตัวเองเด่นชัดจนแทบทนไม่ได้เพราะรู้แน่แก่ใจดีว่าความตั้งใจตอนแรกของตนเองคืออะไร

เขาต้องการเอาชีวิตของเด็กบริสุทธิ์มาเพื่อต่ออายุขัยของตัวเองจริง ๆ

แต่ก็เพื่อ...เพื่อว่านไม่ใช่เหรอ เพราะเขารู้ว่าว่านรักเขามาก ยังรักอยู่ตลอด ถึงได้อยากกลับมาเจอว่านอีกครั้ง อามันต์บอกกับตัวเองว่าเหตุผลของเขาสมบูรณ์ดีอยู่ในตัว ที่เขาทำลงไปทั้งหมดไม่ใช่เพื่อใครเลย ว่านที่อาศัยชื่อเสียงของเขาในอดีต ว่านท้องลูกของเขาแต่กลับเก็บเงียบไม่ยอมบอก ว่านต่างหากที่เห็นแก่ตัว

ถ้าเขารู้ก่อนว่าหวันยิหวาคือลูก เรื่องทั้งหมดก็คงจะไม่เกิดขึ้นเป็นเพราะว่านไม่ยอมบอก มันถึงได้ผิดพลาดแบบนี้ไง...อามันต์เม้มปากแน่น ไม่ใช่ความผิดของเขาเสียหน่อย

เขาไม่ได้ผิดที่อยากมีชีวิตต่อ

“คุณอามันต์” วิวาห์เรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ บาดลึกถึงหัวใจเขา “ผมขอร้องคุณเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าคุณยังมีความเป็นมนุษย์อยู่บ้าง ได้โปรด...ปล่อยยี่หวาไปเถอะ ยี่หวายังเด็กอยู่เลย ไม่มีความผิดอะไร ถ้าคุณอยากจะเอาชีวิตใคร ก็เอาชีวิตของผมไปเถอะ ถ้ายี่หวาไม่อยู่ ผมก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้เหมือนกัน”

อามันต์นิ่งงัน

“ผมรักคุณมาตลอด ต่อให้คุณทิ้งผมไปผมก็ยังรักไม่เคยลดลงเลยแม้แต่วันเดียว คุณคงไม่รู้ว่าวันที่เจอคุณที่นั่นอีกครั้งผมดีใจมากแค่ไหน ถึงผมจะบอกใครต่อใครว่าไม่รักคุณแล้วแต่ความจริงมันไม่ใช่เลย ผมเฝ้ารอให้คุณกลับมาหาผม มาหาผมกับลูก...ผมอยากให้เราเป็นครอบครัวที่มีความสุข ผมพร้อมจะให้อภัยคุณทุกอย่างเพราะผมรักคุณ รัก...ทั้งที่คุณไม่เคยรักผมเลยตั้งแต่แรก ผมก็ยังหลอกตัวเอง คาดหวังว่าคุณจะรักผมในสักวันหนึ่ง” วิวาห์หัวเราะออกมา “มันน่าขันใช่มั้ย ความรักของคนโง่ คงเป็นกรรมเวรของผม”

“..............”

“ผมไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงแล้ว” วิวาห์เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า ถ้านี่คือนิมิตของอามันต์ล่ะก็ ทุกอย่างก็ควรจะต้องอยู่ที่เดิมในที่ของมัน ...ปืนกระบอกสีเงินวาววับวางสงบนิ่งอยู่ในลิ้นชักชั้นล่างสุด ว่านหยิบมันขึ้นมาถือเอาไว้

“ว่านจะทำอะไร” อามันต์เข้ามายึดมือของเขาเอาไว้ทันที วิวาห์สะบัดมือออกพลางยิ้มเย็น

“ถ้าคุณไม่หยุด ผมจะหยุดให้เอง”

“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ”

“ผมทำอะไรโง่ ๆ มาตลอดชีวิตอยู่แล้ว จะโง่อีกซักอย่างคงไม่เป็นไร” วิวาห์กำด้ามจับเอาไว้แน่น เขารู้ว่าตัวเองกำลังจะทำอะไร วิวาห์ยกปืนขึ้นเล็งไปยังหน้าอกของอามันต์ “ถ้าคุณตาย ยี่หวาก็จะเป็นอิสระใช่มั้ย”

“หยุดนะว่าน” ร่างของคน ๆ หนึ่งปรากฎที่หน้าบันไดเหมือนเพิ่งเดินขึ้นมา ว่านหันไปมองเลยเสียจังหวะทำให้อามันต์ฉวยปืนไปถือเอาไว้เสียเอง คนมาใหม่เดินมาหยุดตรงหน้าเขา

“พี่นุช?” วิวาห์ตกใจมากเขาอยู่ในนิมิตของอามันต์แล้วเหตุใดนุชนารถถึงปรากฏตัวขึ้นมาได้ หรือว่าเธอเองไม่ใช่คนเช่นกัน

“ถอยออกมาอาร์ม” นุชนารถดูจะไม่ได้สนใจเขาอีก เธอตรงเข้าไปหาอามันต์แล้วจับเนื้อจับตัวเขาท่าทางเป็นห่วงเป็นใย

ว่านนึกถึงข่าวลือที่แป้งเคยเล่าให้ฟังขึ้นมาได้

“นี่สินะ ...กลิ่นน้ำหอมปริศนาบนตัวของคุณ” วิวาห์พูด “คุณเป็นตัวอะไรกันแน่คุณนุชนารถ”

“ตัวอะไรเลยเหรอ ฉันก็เป็นคนเหมือน ๆ กับเธอนั่นแหละจ้ะ” นุชนารถอมยิ้มจับตัวอามันต์เอาไว้แน่น “บอกแล้วยังไงล่ะว่าไม่ต้องไปสนใจเขาอีก เขาจะทำให้เรื่องทุกอย่างยากขึ้น”

“ผมทำไม่ได้” อามันต์ตอบ กำปืนเอาไว้แน่น

“ใกล้จะสำเร็จแล้ว ถึงจะขลุกขลักไปหน่อยแต่ตอนนี้ก็ใกล้มากแล้วกระแสจิตของเด็กนั่นอ่อนเต็มทีอีกไม่นานอาร์มก็จะกลับมาเป็นคนเดิม”

“พวกคุณมันเลวที่สุด” ว่านสติแตกผึงเมื่อได้ยินอาการของยี่หวา เขาพุ่งเข้าใส่ทั้งสองคนนั้นเต็มแรง ยกหมัดลุ่น ๆ ขึ้นอัดใบหน้าของนุชนารถไม่ยั้ง อามันต์เข้ามาล็อกตัวเขาเอาไว้แล้วลากออกมา

“ว่าน อย่าทำ.. พี่บอกให้หยุดไง”

“ปล่อยผมนะ มันใช่มั้ยเป็นคนบงการเอาชีวิตยี่หวา ผมจะเอาเลือดหัวมันออกมา”

“อาร์ม บอกแล้วว่าไม่ให้ยุ่งกับเด็กนี่อีก มันมีแต่จะพาความหายนะมาให้เท่านั้น” นุชนารถกรีดเสียง ยกมือขึ้นกุมข้างแก้มที่บวมเป่งทันตาเห็น “ช่างเถอะตอนนี้อย่ามัวชักช้าเลย กลับไปที่โรงพยาบาลแล้วเอาลมหายใจสุดท้ายของเด็กคนนั้นมา”

“ไม่นะ ผมไม่ยอม”ว่านดิ้นรนสุดชีวิต เขากลัวจับใจ “เอาผมไปแทนเอาชีวิตของผมไปแทน อย่าแตะต้องลูกผม อย่ายุ่งกับยี่หวา...ได้โปรด ยี่หวายังเด็กอยู่เลย ยี่หวาเป็นลูกแท้ ๆ ของคุณนะ”

“มั่นใจได้ยังไงจ๊ะว่าเป็นลูกของอาร์ม” นุชนารถพูดขึ้น “เธอเลิกกับอาร์มไปแล้วตั้งหลายปี คนอย่างเธอก็คงจะเที่ยวตามผู้ชายไปทั่วอยู่แล้ว”

“อย่าเอาลูกผมไป ขอร้องล่ะ...เอาผมไปแทน” ว่านเริ่มอ่อนแรงเต็มที เขามองไม่เห็นทางอื่นเลยนอกจากยกมือขึ้นไหว้อ้อนวอน “ผมยินดีสละวิญญาณให้เขา ให้ผมไปแทนผมเต็มใจให้ ...พี่อาร์ม ว่านขอร้องล่ะเห็นแก่ความหลัง เห็นแก่เมื่อก่อนเถอะนะ เอาของว่านไปว่านยินดีให้”

“ว่าน พี่ไม่ได้อยากได้วิญญาณของว่าน” อามันต์พูดอย่างสับสน บีบต้นแขนของวิวาห์เอาไว้แน่น

“พี่อาร์ม นั่นคือลูกนะลูกของเรา...พี่ทำลงได้ยังไง”ว่านร้องไห้โฮ

“ว่าน” น้ำตาของวิวาห์หยดต้องหลังมือของอามันต์หยดแล้วหยดเล่า ให้ความรู้สึกแปลกประหลาดใจหัวใจของเขา ราวกับว่ามีน้ำเย็นเฉียบซึมเข้าไปในเนื้อหัวใจทีละหยด ละลายสิ่งที่ปกคลุมอยู่นั้นอย่างช้า ๆ

“หยุดนะอาร์ม อย่าหลงกลมันจำตอนที่ป่วยไม่ได้เหรอ มันทรมานขนาดไหนจำไม่ได้หรือยังไง”

“ไม่มีเล่ห์กล ไม่มีอะไรเลยฮึก..พี่อาร์มก็รู้ว่าว่านเป็นคนแบบไหนบอกว่าให้ก็คือให้จริง ๆ ว่านให้พี่อาร์มจริง ๆ” วิวาห์พูดแกมสะอื้น ทรงตัวไม่อยู่อีกต่อไป

“มานี่เลยเด็กปัญญาอ่อน อาร์มไม่ต้องไปฟังมันแล้ว รีบไปที่โรงพยาบาลซะ” นุชนารถเดินตรงเข้ามาหาวิวาห์ทว่าติดตรงที่ร่างสูงใหญ่ของอามันต์ที่ก้าวเข้ามาบังเอาไว้ “อาร์มถอยออกไป ไม่มีเวลาแล้วนะ”

“อย่าทำอะไรว่าน เขาเป็นคนรักของผม”

“อยากตายหรือไงอาร์ม เป็นบ้าอะไรขึ้นมา” เธอโกรธจัด

“ผมรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง”

“อาร์ม มาพูดตอนนี้ก็สายไปแล้วล่ะ รีบกลับไปที่โรงพยาบาลซะก่อนที่ทุกสิ่งที่ทำมาจะเสียเปล่า”

ชายหนุ่มยืนนิ่งไม่ขยับ มือกำข้อมือเล็กบางของวิวาห์เอาไว้แน่น นุชนารถเม้มปากยกมือขึ้นประคองใบหน้าคมเข้มเอาไว้ พูดเสียงเครือ

“อาร์ม.. ไม่เห็นใจแม่แล้วเหรอ แม่เหลืออาร์มแค่คนเดียวนะ ถ้าเสียอาร์มไปแม่จะอยู่ยังไงล่ะลูก”

...................................................................

มาอัพต่อแล้วจร้า

ใครรอเรื่องนี้อยู่บ้าง

เก้าตอนเหมือนสิบแปดตอน ฮ่าๆๆ ตอนยาวเป็นสองเท่าของเรื่องอื่นของเรา

เจอกันตอนหน้านะคะ

#วิวาห์อามันต์
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน9 22/3/63 p5
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 22-03-2020 22:26:42
สงสารว่าน สิ่งที่เกิดขึ้นกับว่านมันหนักหน่วงมาก :hao5:
น้องยี่หวาหนูต้องรอดนะลูก

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน9 22/3/63 p5
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 22-03-2020 22:44:15
มายาวๆเลยจ้าาาา เป็นแม่ลูกกันไปอีกจ้าาาาา

จะทำไปเพราะจะช่วยแม่ตัวเอง หรือช่วยตัวเอง ให้มีชีวิตต่อโดยไปแย่งอายุขัยเด็กมา มันก็เลว หมดทุกเหตุผลแหละ

ถ้าเซ็งเป็ดอวอร์ดยังมี อิคุณอามันต์ยืนรอรับมง พระเอกเลวสุดแห่งปีไปเลยจ้าาา
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน9 22/3/63 p5
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 22-03-2020 22:54:02
งงไม่หมดดดดด
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน9 22/3/63 p5
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 22-03-2020 23:39:16
พลิกล็อคมาก เป็นแม่อาร์มถึงได้ใจร้ายขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน9 22/3/63 p5
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 23-03-2020 00:34:11
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน9 22/3/63 p5
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-03-2020 01:12:09
 :katai1:


กฏแห่งกรรมจะสนองกลับคืนทุกผู้ทุกคน
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน9 22/3/63 p5
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 23-03-2020 01:36:31
.....


เรื่องมาเฉลยแล้ว ทั้งแม่ของอาร์ม และ สาเหตุการป่วยของยี่หว่า

รอดูธาตุแท้ของอาร์ม ว่าจะตัดสินใจ ทำอย่างไรต่อไป

สงสารวี่ว่าที่สุด ที่สุดของที่สุด .....


 :hao5:  :hao5:  :hao5:  :hao5:  :hao5:  :hao5:  :hao5:

 :ling3:  :ling3:  :ling3:  :ling3:  :ling3:  :ling3:  :ling3:


.....
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน9 22/3/63 p5
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 23-03-2020 02:20:39
โอ้โห เหมือนนั่งรถไฟเหาะ  :z3:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน9 22/3/63 p5
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 23-03-2020 03:04:55
โอ้ยวยยยยยยย สิ่งที่พึ่งได้รับรู้ :katai4:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน9 22/3/63 p5
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 23-03-2020 13:47:36
ก็เข้าใจว่าอยากกลับมาหาว่าน แต่ทั้งที่รู้ว่ายี่หวาเป็นลูกว่านแต่กับจะเขาชีวิตเด็กเนี่ยนะ นี่ถ้าไม่รู้ว่าเป็นลูกตัวเองคงปล่อยให้ตายไปแล้วใช่ไหม เห็นแก่ตัวที่สุด ตัวเองทำผิดเองแท้ ๆ ยังไม่รับผิดอีก
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน9 22/3/63 p5
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 23-03-2020 19:31:00
อาร์ม ไปตายซะ ให้ยัยนุช อยู่รับกรรมที่ทำยี่หวาด้วย วีว่า เป็นนายเอก ที่ช้ำที่สุด ของทุกเรื่อง เฮ้อ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน9 22/3/63 p5
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 24-03-2020 00:16:57
พอรู้ความจริงแล้วโคตรเกลียดอาร์มเลย ว่านตาสว่างสักที! สงสารยิหวามากอ่ะ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน9 22/3/63 p5
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 24-03-2020 00:24:07
มันอะไรกันนี้ผสมโรงกันเลวเลย
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน9 22/3/63 p5
เริ่มหัวข้อโดย: Heisei ที่ 24-03-2020 02:16:09
ชอบเม้นที่บอกว่าถ้ายังมีรางวัลพระเอกเลวแห่งปีนี้ พี่อาร์มเอารางวัลไปเลย อ่านแล้วยังช๊อคกับความคิดแต่ก็เคยเจอคนแบบนี้ ที่เวลาตัวเองทำผิดก็จะหาข้ออ้างให้ตัวเองถูกหรือโยนความผิดให้คนอื่นตลอด เป็นกลไกป้องกะนตัวแบบนึงล่ะนะ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน9 22/3/63 p5
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 24-03-2020 09:55:40
หวันยิหวาอดทนนะลูกน่ะ :ling3:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน9 22/3/63 p5
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 25-03-2020 02:14:30
ขนาดรู้ว่ายี่หวาเป็นลูกตัวเองแล้วยังคิดไม่ได้เลย โคตรเห็นแก่ตัวทั้งแม่และลูก สงสารยี่หวากับว่านที่ต้องมาเจออาร์ม
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน9 22/3/63 p5
เริ่มหัวข้อโดย: goldentime ที่ 26-03-2020 00:36:43
มาต่อที่ได้ไหม...อย่าปล่อยฉันไป
คนเป็นแม่เหมือนกันทำไมไม่เข้าให้หัวอก
ไยป้านุช หา!!!
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :::อัพตอน9 22/3/63 p5
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 27-03-2020 11:31:23
วิวาห์อามันต์

ตอนที่10









วิวาห์มองหน้าทั้งสองคนอย่างตกตะลึง เขาเคยเจอหน้ามารดาของอามันต์มาก่อนเมื่อสมัยที่ยังรักกันดี พี่อาร์มเคยพาเขาไปที่บ้าน ตอนนั้นแม่ของพี่อาร์มไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้

“ผม...ทำไม่ได้ครับแม่”

“อาร์มคิดดี ๆ นะลูกที่อาร์มทำมาทั้งหมดเพื่ออะไรกัน”สาวใหญ่ที่ยังดูสวยเพราะดูแลตัวเองอย่างดีพูดขึ้น ประคองใบหน้าลูกชายเอาไว้ “ลูกไม่ได้รักเด็กคนนี้ไม่ใช่เหรอ อย่าโดนมันหลอก”

“ผมไม่เคยหลอก” ว่านโพล่งขึ้นจ้องหน้าพี่อาร์มเขม็ง“พี่อาร์มก็รู้อยู่แก่ใจว่าอะไรเป็นอะไรพวกคุณมันเห็นแก่ตัวโดยเฉพาะคุณ..คุณรักลูกชายของคุณผมก็รักลูกของผมเหมือนกันผมไม่ได้อยากให้ลูกของผมตาย” ว่านกัดฟันพูดเสียงสั่น นัยน์ตาคมวาวของนุชนารถลุกวาบ หันมามองเขาอย่างโกรธจัด

“เด็กคนนั้นยังไงก็ป่วยตายอยู่แล้ว แต่ว่าลูกชายของฉันเขากำลังจะหาย เขาใกล้จะหายดีแล้ว ขาดอีกนิดเดียว”

“คุณมันไม่ยอมรับความจริง” ว่านกรีดเสียง“ลูกสาวผมทำอะไรผิด ยี่หวายังเด็กอยู่เลย ยี่หวาก็มีโอกาสหายเหมือนกันลูกสาวผมต่างหากที่ควรจะมีชีวิตต่อไปไม่ใช่คนที่สมองตายนอนเป็นผัก”

“อาร์มไม่ต้องไปฟัง รีบไปที่โรงพยาบาล”

“พี่อาร์ม”ว่านทุ่มตัวลงไปกอดร่างสูงใหญ่เอาไว้ไม่ให้ขยับไปไหน “ห้ามไปนะนั่นยี่หวาลูกของพี่นะ พี่จะฆ่าลูกตัวเองได้ยังไง หยุดนะว่านไม่ยอม ว่านไม่ให้ไปไหน” วิวาห์ร้องไห้พร้อมกับกอดรัดอีกฝ่ายไปด้วย อาร์มพยายามแกะมืออีกฝ่ายออก

“ว่านปล่อยพี่ก่อน”

“ไม่ ว่านไม่ปล่อยให้ตายว่านก็ไม่ปล่อย”

“งั้นก็ตายไปก่อนเลยก็แล้วกันนะ” นุชนารถพูดขึ้น เธอกระชากปืนจากมือลูกชายมาถือเอาไว้เสียเอง เล็งไปยังวิวาห์ที่รั้งลูกชายของเธอเอาไว้ “จะถอยออกไปมั้ย หรือว่าจะตายก่อนประเดิมคนแรก”

“ให้ผมตายแทนลูกได้มั้ย” วิวาห์พูดทั้งน้ำตา “ยิงผมเลยก็ได้แล้วปล่อยยี่หวาไป เอาชีวิตผมไปต่อวิญญาณของคุณแทน”

“ท้าฉันงั้นหรือ” นุชนารถเลิกคิ้ว

“หยุดนะครับ ห้ามยิงว่าน”อามันต์ดันตัวว่านไปอยู่ด้านหลัง“ถ้าจะยิงก็ยิงผมไปเลยผมไม่อยากอยู่แล้ว”

“อาร์ม พูดอะไรแบบนั้นลูก” นุชนารถอุทาน“เราสู้ด้วยกันมาตั้งเท่าไหร่ตั้งแต่ลูกเริ่มป่วยเมื่อหลายปีก่อนมีใครมาอยู่เคียงข้างลูกสักคนมั้ย”

“ก็พี่อาร์มไม่บอกว่าป่วย ว่านจะไปตรัสรู้เองได้ยังไงล่ะครับ” ว่านตะโกน

“พี่ผิดเองว่านที่ไม่ได้บอก ตอนนั้น...”อามันต์อึ้งไปครู่แล้วก็สารภาพ“พี่คิดว่าตัวเองจะหายดี พี่กำลังดัง...ดังมาก ๆ พี่ยอมรับว่าพี่รู้สึกว่าใจพี่ไม่ได้อยู่ที่วง พี่อยากไปรับงานเองคนเดียวมากกว่า ส่วนว่าน...พี่ขอโทษนะ พี่ไม่ได้รักว่านอย่างคนรักตั้งแต่แรกมันเป็นแค่ธุรกิจที่พี่เห็นว่าได้ประโยชน์เท่านั้น”

วิวาห์สูดลมหายใจเข้าปอดลึก

“ขอบคุณที่พูดตรง ๆ ให้ฟังนะครับอย่างน้อยก็ยังดีกว่าโกหกว่ารักกัน”ว่านสั่นไปทั้งตัว ถึงจะรู้อยู่ก่อนแล้ว...แต่ความจริงจากปากของคนที่ว่านรักมากที่สุดก็ยังทำให้ว่านจุกจนหายใจไม่ออก

“รู้แล้วก็ถอยออกไปค่ะน้องว่าน พี่จะได้พาอาร์มไปเสียที” นุชนารถพูดเสียงหวานจนน่าขนลุก วิวาห์ส่ายหน้า ยึดตัวอามันต์เอาไว้แน่น

“ไม่ครับ ถ้าจะไปก็ต้องผ่านศพผมไปก่อน” ว่านหมายความตามที่พูดจริง ๆ

หลังจากนั้นทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากพริบตาเดียวว่านก็รู้สึกเหมือนถูกผลักให้กระเด็นไปอีกทางหนึ่งตามด้วยเสียงดังปังของปืนในมือนุชนารถดังขึ้น ความเจ็บปลาบที่ส่วนหลังกระแทกกับพื้นเต็มแรงทำให้ว่านลุกไม่ขึ้นได้แต่เบิกตากว้างจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ

ร่างสูงใหญ่ของอามันต์ทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นเลือดสีแดงสดทะลักออกมาจากกลางอกเหมือนเปิดก๊อกเสื้อที่สวมอยู่เปลี่ยนเป็นสีแดงฉานน่ากลัว นุชนารถกรีดร้องโหยหวนถลาเข้าไปหาลูกชายที่เป็นเหยื่อกระสุนของเธอ

“อาร์ม ...แม่ขอโทษ อาร์มทำแบบนี้ทำไม อย่าทิ้งแม่ไปนะ อาร์ม”เธอร้องไห้สะอึกสะอื้น กอดร่างของลูกชายเอาไว้แน่น อามันต์หันหน้ามาหาวิวาห์ นัยน์ตาคมเข้มแดงก่ำเห็นเส้นเลือด

“ไปดูลูก” เสียงแหบห้าวนั้นหลุดออกมาจากริมฝีปากเป็นห้วง ๆ

“อาร์มอย่าเพิ่งพูด อาร์มจะต้องไม่เป็นอะไร”นุชนารถยกมือขึ้นกดบาดแผลบนหน้าอกของชายหนุ่มเอาไว้

“ยี่หวา..ต้องหาย...”

พี่อาร์มทำท่าเหมือนจะพูดอะไรต่อมาอีกแต่แล้วก็นิ่งไปทั้งที่นัยน์ตาเบิกค้าง วิวาห์พูดไม่ออก เขาไม่มีแรงแม้แต่จะขยับตัว ร่างกายหนักอึ้งราวกับถูกผีอำ กว่าจะหาเสียงของตัวเองเจอก็ผ่านไปนาน

“พี่อาร์ม พี่อาร์ม...”

เสียงกรีดร้องอย่างขวัญเสียดังเข้าหูของตัวเองจนวิวาห์ลืมตาโพลง มันเป็นเสียงของเขาเอง วิวาห์พยายามจะลุกขึ้นทว่าเนื้อตัวของเขากลับไม่สามารถขยับได้เลย เหมือนมีก้อนหินทับเอาไว้ทั้งตัว เขาได้ยินเสียงใครพูดอยู่ใกล้ ๆ

“ว่านร้องไห้ใหญ่เลยครับคุณแม่ คงจะเพ้อเพราะพิษไข้”

เสียงพี่วัตนี่ พี่วัตอยู่ตรงนี้เหรอว่านพยายามร้องเรียกแต่กลับไม่มีเสียงเปล่งออกมาอีก แขนขาของเขากระดุกกระดิกไม่ได้เลย

“ว่านลูกแม่” เสียงนุ่ม ๆ ของคุณปราณีมารดาของเขาดังขึ้น “โถ เคราะห์กรรมอะไรอย่างนี้ ว่าน...ได้ยินเสียงแม่มั้ย แม่กับพ่อมาเยี่ยมนะลูก”

คุณแม่..ว่านขยับปากอย่างยากลำบาก

“สองวันแล้ว ว่านเพ้อไม่รู้สึกตัวเลย หรือว่าจะผีเข้า”

“อย่าเพ้อเจ้อน่ะวัต น้องว่านนี่พ่อเองนะ ตัวร้อนจี๋จริง ๆ”

“ไข้ไม่ลงเลยค่ะ”

“เราจะทำยังไงกันดีคะ ว่านคงจะไม่... โธ่ ไหนจะว่านไหนจะยี่หวา ฉันทำใจไม่ได้ค่ะ” เสียงใครร้องไห้กัน ...ใช่แม่ของเขามั้ย วิวาห์ขมวดคิ้ว เพ่งมองภาพเบื้องหน้าผ่านม่านน้ำตาพร่าเลือน เขาเห็นแม่กำลังร้องไห้อยู่กับพ่อ

“คุณแม่” ว่านส่งเสียงเรียกออกไป

“ใจเย็น ๆ ก่อนคุณ ผมเชื่อว่าว่านจะต้องหายดี ยี่หวาก็ด้วย”

“ฉันพยายามจะเผื่อใจแล้วนะคะ ถ้าเกิดว่า...เกิดแก่เจ็บตายเป็นอนิจจังแต่ว่า ...มันก็...” ว่านรู้สึกเจ็บข้างในอกเขานึกถึงลูกสาวที่นอนอยู่ในห้องไอซียูแล้วก็รวบรวมพลังทั้งหมดที่มีสู้กับแรงกดอากาศที่มากผิดปกตินั้น

“.......”

วิวาห์ดันตัวลุกพรวดขึ้นมานั่งใจสั่นรัว เหงื่อแตกทั่วตัวเหมือนอาบน้ำ จู่ ๆ แรงกดอากาศหนักอึ้งนั้นก็หายวับไปเหมือนไม่เคยมีอยู่ คนที่อยู่ในห้องหันมามองแล้วก็กรูกันเข้ามาหาเขาอย่างตกใจ

“ว่านเป็นยังไงบ้าง เกิดอะไรขึ้นว่านนอนกรีดร้องครวญครางตลอดเลยพี่เป็นห่วงแทบแย่”พี่วัตพูดรัวเร็วจับตัวน้องชายเอาไว้ “นอนลงก่อน”

“พี่วัต พี่เบสต์คุณพ่อคุณแม่?” ว่านกะพริบตากวาดตามองหน้าทุกคนอย่างมึนงง“ยี่หวาล่ะครับยี่หวาเป็นยังไงบ้าง”

“วินกำลังไปคุยกับคุณหมออยู่ ว่านนอนลงก่อนลูก” มารดาของเขาเข้ามากอดเขาเอาไว้แน่น “ว่านลูกแม่”

“ว่านโวยวายเหมือนผีเข้าเลย พวกพี่ใจหายหมดกำลังคิดกันอยู่ว่าจะต้องนิมนต์พระมาสาดน้ำมนต์ไล่ผีมั้ย” พี่วัตว่า

“น้องว่านไข้ขึ้นสูงก็เลยเพ้อเพราะพิษไข้น่ะค่ะ ไม่ต้องกังวลหรอกนะ” พี่เบสต์ปลอบใจเขา “นอนพักก่อนนะคะ”

“พี่อาร์ม..” ว่านนึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ขึ้นมาได้ เขาตัวสั่นขึ้นมาอีก “ผมเจอพี่อาร์ม แล้วก็เจอพี่นุชนารถด้วย” ว่านรีบเล่าสิ่งที่เจอมาให้ทุกคนฟัง พี่วัตหน้าซีดจับมือน้องชายเอาไว้แน่นพี่เบสต์ก็ช่วยดูแลพ่อกับแม่ที่เวียนหัวขึ้นมาหลังจากฟังจบ

“หมายถึง นายอามันต์ในฝันของว่านจะมาเอาชีวิตยี่หวาจริง ๆ น่ะเหรอ”

“ใช่ครับ” วิวาห์พยักหน้า “เขากับพี่นุชแม่ของเขาวางแผนมา”

“คุณนุชนารถคือแม่ของเขาเนี่ยนะ เป็นไปได้ยังไง” วิรัตน์อุทาน“เกินความคาดหมายมาก ๆ เลวพอกันทั้งแม่ทั้งลูก แล้วสุดท้ายก็พลาดยิงถูกลูกตัวเอง สมน้ำหน้า”

“ว่านไม่รู้ว่าเขาแย่งปืนกันหรือว่ายังไง แต่มีคนผลักว่านออกมาแน่ ๆ” วิวาห์พูด“ว่านจำได้คร่าว ๆ เท่านี้ตอนนี้เรื่องสำคัญก็คือจะต้องไปดูยี่หวาก่อน”

“ตอนนี้เรื่องสำคัญกว่าก็คือสุขภาพของว่าน นอนลงให้คุณหมอเขาตรวจก่อน” วิรัตน์ว่าเบี่ยงตัวให้คุณหมอเข้ามาตรวจร่างกายวิวาห์อย่างละเอียด อาการไข้ของวิวาห์ดีขึ้นมากแล้ว เหลือแค่ฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมเท่านั้น คุณหมอกำชับให้ว่านพักผ่อนมาก ๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องลูกสาว

“ผมขอไปหาลูกได้มั้ยครับหมอ ผมเป็นห่วงลูกจริง ๆ ทนไม่ไหวหรอก”วิวาห์อ้อนวอนรับปากกับแพทย์ว่าจะไม่ก่อความวุ่นวายอะไรอีก

วิรุฬกำลังคุยกับนายแพทย์เจ้าของไข้อยู่พอดีตอนที่พวกเขาเข้าไปเยี่ยมยี่หวาเห็นหน้าตาของน้องชายแล้ววิวาห์ก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อย ๆ วินรีบเข้ามาหาพวกเขา

“ยี่หวาฟื้นแล้วครับ”

“จริงเหรอวิน” วิวาห์เบิกตากว้าง

“จริงครับ เพิ่งตื่นเมื่อกี้เลย วินว่าจะไปตามพี่ว่านอยู่พอดี”

วิวาห์ดีใจจนพูดไม่ออกขอเข้าไปเยี่ยมลูกสาวได้ก็ตรงเข้าไปเกาะข้างเตียง เด็กหญิงหวันยิหวาลืมตาขึ้นมองหน้าเขา ท่าทางดีใจมากที่ได้เจอกัน

“ยี่หวาลูก...เห็นวีว่ามั้ยคะ วีว่ามาแล้วนะ” วิวาห์กำมือเล็กจ้อยนั่นเอาไว้แน่น ยี่หวายังพูดไม่ได้เพราะใส่ท่อช่วยหายใจเอาไว้อยู่ เด็กหญิงน้ำตาซึมเปียกหมอนพอ ๆ กับมารดาที่น้ำตาไหลพราก อยากก้มลงไปจูบลูกแต่ก็กลัวว่าจะเอาเชื้อไปติดเข้า วิวาห์ได้แต่จับมือลูกเอาไว้ “หายไว ๆ นะคะ วีว่ารออยู่นะ เราจะได้ไปเที่ยวกันอีก ยี่หวาอยากกินไอติมใช่มั้ย”

เด็กหญิงพยักหน้า ท่าทางยังเพลียมากแต่ก็ตื่นดีนัยน์ตากลมโตมีประกายขึ้นเล็กน้อยเมื่อพูดถึงขนมที่ชอบ

“รีบหายนะคะ อย่าดื้อกับคุณหมอนะ วีว่าอยู่แถวนี้เองไม่ต้องกลัวนะคะ”

นายแพทย์เจ้าของไข้บอกว่ายี่หวาตอบสนองต่อยารักษาอย่างปาฏิหาริย์ ทั้งที่ตอนแรกนึกว่าจะหมดหวังเสียแล้ว ความดันเลือดกลับมาดีเหมือนเดิม อาการก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ จนถอดท่อช่วยหายใจได้ในที่สุดยี่หวาได้ออกจากห้องไอซียูท่ามกลางความยินดีของทุกคน

วิวาห์บอกไม่ถูกว่าเขาดีใจขนาดไหนที่ลูกสาวรอดชีวิตหวันยิหวาเรียกชื่อวีว่าเป็นคำแรกหลังจากหายเจ็บคอ เด็กหญิงเรียกหาไอติมเป็นอย่างที่สองวิวาห์เฝ้าลูกทั้งวันทั้งคืนเพราะกลัวว่าใครหรืออะไรจะมาพรากลูกสาวไปอีกจนกระทั่งในที่สุดก็ถึงวันที่ยี่หวาจะได้กลับบ้าน

“เรื่องคีโมเดี๋ยวหมอจะนัดมาเจาะเลือดอีกทีอาทิตย์หน้านะครับ” คุณหมอพูดยิ้ม ๆ ลูบศีรษะเด็กน้อยอย่างเอ็นดู “กินเก่ง ๆ นะคะ จะได้แข็งแรงไว ๆ”

“ค่ะ” ยี่หวารับคำจับมือคุณหมอเอาไว้“แล้วผมยี่หวาจะยาวเหมือนเดิมมั้ยคะ”เป็นสิ่งที่เจ้าตัวกังวลมากที่สุดเพราะเส้นผมยาวสลวยบัดนี้ถูกโกนออกจนเกลี้ยง “แบบนี้ไม่สวยเลยค่ะ”

“ยี่หวาหน้าตาสวยน่ารักอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวลไปหรอกลูก” วิวาห์รีบปลอบใจ “เดี๋ยวเราไปหาหมวกสวย ๆ มาใส่กันดีมั้ยคะ”

“ถ้ายี่หวาแข็งแรง ไม่ดื้อกับคุณแม่ กินข้าวกินนมเยอะ ๆ ผมก็จะกลับมาสวยเหมือนเดิมครับ แถมเผลอ ๆ จะสวยยิ่งกว่าเดิมเสียอีกนะ”คุณหมอพูดยิ้ม ๆ เด็กหญิงค่อยยิ้มออกหันไปเขย่ามือมารดา

“วีว่า ไอติมทำมาจากนมใช่มั้ยคะ”

“แน่ะ จะขี้โกงแล้วเรา” วิวาห์หัวเราะ“พอหายแล้วก็ร้องหาขนมเลยนะ”

เด็กหญิงหัวเราะคิก แนบใบหน้ากับมือของมารดา

“ก็ยี่หวาอดกินมาตั้งนานนี่คะ”

วิวาห์แอบยกมือขึ้นปาดน้ำตา ส่งยิ้มให้ลูก

“อยากกินเท่าไหร่บอกมาเลย” พอนึกว่าเกือบจะไม่ได้เห็นรอยยิ้มหวาน ๆ จากยี่หวาอีกแล้ว วิวาห์ก็สะท้านในอก ดึงตัวลูกสาวมากอดเอาไว้แน่น ไม่อยากนึกเลยว่าถ้าเสียยี่หวาไปจริง ๆ แล้วเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อได้อย่างไร

หวันยิหวากลับมาที่บ้านพร้อมกับคุณตาคุณยายและลุงป้าน้าอาพร้อมหน้าพร้อมตา ทุกคนตามใจยี่หวายิ่งกว่าเดิมเสียอีก วิรัตน์ถึงกับซื้อทองมาปลอบขวัญให้หลานรัก ส่วนวิรุฬก็ไม่แพ้กันพายี่หวาไปเลือกตุ๊กตาสวย ๆ มาหลายตัว วิวาห์ได้แต่ห้ามปรามพี่น้องด้วยความเกรงใจ

“พี่ว่านอย่าคิดมาก วินมีหลานอยู่คนเดียว ให้อะไรได้วินก็อยากให้” วิรุฬพูดยิ้ม ๆ พาหลานสาวไปเดินเล่นข้างนอกด้วยกัน “ยี่หวาก็แข็งแรงขึ้นมากแล้ว เห็นพี่วัตบอกว่าจะจัดงานแต่งกับพี่เบสต์ซักที”

วิวาห์ดีใจ

“ดีจังเลยวิน เมื่อไหร่ดีล่ะ”

“ไปขอฤกษ์กันมาแล้ว วินล่ะดีใจจริง ๆ เลยนะ”

“ลุงวัตจะแต่งงานเหรอคะน้าวิน” หวันยิหวากระตุกมือถาม “แต่งงานคืออะไรคะ”

“แต่งงานก็คือการตกลงกันว่าจะอยู่ด้วยกันค่ะ” วิรุฬตอบเสียงอ่อนหวาน “แต่งงานกันแล้วก็เป็นคุณพ่อคุณแม่ มีลูก..” วิรุฬพูดมาถึงตรงนี้แล้วก็เพิ่งนึกขึ้นได้เหลือบมองหน้าพี่ชายอย่างเกรงใจเห็นวิวาห์วางหน้าเฉย ๆ

“คุณพ่อยี่หวาไม่อยู่แล้ว” เด็กหญิงหน้าเศร้า

“คุณพ่อจะต้องดีใจที่เห็นยี่หวาแข็งแรงค่ะ” วิวาห์พูดเรียบ ๆ แล้วเปลี่ยนเรื่อง “วินจะแวะซื้อของไม่ใช่เหรอ ถึงร้านแล้วล่ะ”

วิวาห์พาลูกสาวเดินเล่นในร้านสะดวกซื้อรอน้องชายเลือกของไปเรื่อย ๆ ปากก็ตอบคำถามห้าร้อยข้อของยี่หวาไปแต่ก็อดคิดถึงคำพูดของอามันต์ขึ้นมาไม่ได้เวลาผ่านไปเกือบสามอาทิตย์แล้วนับจากวันนั้นทว่าบางครั้งเขายังสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะภาพนัยน์ตาเบิกโพลงของอามันต์อยู่เลย มันกลายเป็นภาพติดตาที่น่ากลัว

ความรักที่เคยมีอยู่ ...ว่านพบว่ามันจางหายไปแทบไม่เหลือแล้วถ้าถามความรู้สึกของเขาที่มีต่ออามันต์ในเวลานี้ว่านก็ยังอธิบายไม่ถูก รู้แค่ว่ามันเปลี่ยนไปมาก ว่านไม่ได้รู้สึกโหยหาหรือคิดถึงคน ๆ นั้นอีกแล้วในแง่ของคนรักหรือพ่อของลูกถ้าว่านจะคิดถึงก็คงเป็นความรังเกียจแกมสมเพชมากกว่า

เสียดายความรู้สึกที่เคยมีให้จริง ๆ แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ...ว่านเลือกไม่ถูกหรอกการได้เจอพี่อาร์มทำให้ว่านได้ของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตมาครอบครอง

“วีว่า...ดูสิคะ น้องกระต่ายล่ะ กระต่ายน่ารักจังค่ะ” ยี่หวาหยุดยืนที่หน้าร้านขายสัตว์เลี้ยง วิวาห์รีบดึงลูกสาวเดินออกมาจากหน้าร้านทันที

“น่ารักค่ะ แต่ยี่หวาเข้าใกล้น้องไม่ได้นะคะน้องกระต่ายมีเชื้อโรคเดี๋ยวยี่หวาจะไม่สบายอีกนะคะ”

เด็กหญิงหน้าม่อย

“ยี่หวาอยากเลี้ยง”

“ยี่หวาก็ต้องรีบหาย ถ้าหายแล้ววีว่าจะให้เลี้ยงค่ะ” วิวาห์ตอบ

“คิดถึงคุณลุงกระต่ายจังค่ะ” เด็กหญิงพูดขึ้น คนฟังใจหายวาบหยุดเดินทันที

“เขามาหายี่หวาอีกเหรอคะ” วิวาห์เหลือบมองรอบตัวอย่างระแวง ลูกสาวส่ายหน้า

“ไม่ค่ะ ยี่หวาไม่เจอคุณลุงมานานแล้ว คุณลุงหายไปเลย...ไม่รักษาสัญญากับยี่หวา”

วิวาห์ผ่อนลมหายใจลง รู้สึกสบายใจขึ้นมากเมื่อได้ยินแบบนั้น

“เอาไว้เราไปทำบุญให้คุณลุงกันนะคะ” เขาพูดเบา ๆ

วิรุฬเอาข่าวมาเล่าให้ฟังตั้งแต่เมื่อออกจากโรงพยาบาลใหม่ ๆ ว่าพี่อาร์มเสียชีวิตแล้วข่าวหนังสือพิมพ์ก็ลงข่าวสั้น ๆ เกี่ยวกับอดีตนักร้องดังที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์จนกลายเป็นเจ้าชายนิทรา จากนั้นก็จากไปด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเลือดเรื่องมะเร็งเม็ดเลือดขาวของพี่อาร์มก็ยังคงเป็นความลับต่อไป ไม่มีใครคิดจะเปิดเผยหรือขุดคุ้ยอีก เพราะไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว

งานศพของพี่อาร์มจัดขึ้นในวัดแถบชานเมืองว่านไม่ได้ไปเพราะเขาไม่กล้าปล่อยให้ยี่หวาคลาดสายตาอีกแล้ว วิรุฬไปกับเพื่อนที่เป็นแพทย์ด้วยกันกลับมาเล่าให้ฟังเขาไม่เห็นหน้านุชนารถที่บอกว่าเป็นแม่ของพี่อาร์มเลย เจอแต่คนที่เป็นพ่อว่านเลยเพิ่งรู้ว่าพ่อของพี่อาร์มแต่งงานใหม่ผู้หญิงที่เขาเคยเจอเมื่อก่อนเป็นแม่เลี้ยงของพี่อาร์มนั่นเอง ไม่ใช่แม่แท้ ๆ

พี่อาร์มคงมีความลับในชีวิตหลายอย่างที่ไม่เคยนึกจะบอกว่านจะว่าไปแล้วว่านเองก็แทบไม่ได้รู้จักพี่อาร์มมากไปกว่าสิ่งที่พี่อาร์มอยากให้รู้จักเลย พี่อาร์มขีดเส้นบาง ๆ กั้นเอาไว้ ...เส้นที่ว่านแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นในสมัยที่คบกัน ว่านหลอกตัวเองมาตลอดว่าพี่อาร์มรักว่าน ถึงตอนนี้ว่านตาสว่างแล้ว

เกือบจะต้องแลกกับชีวิตของยี่หวาเลย กว่าว่านจะรู้สึกตัว

“เป็นอาทิตย์หน้าแล้วกันนะ ว่าน...ฟังอยู่หรือเปล่า” พี่วัตหันมาถาม ว่านอมยิ้ม

“ฟังอยู่น่าพี่วัต ว่านจะร้องเพลงในงานพี่วัตเองไม่ต้องห่วง ว่านร้องให้ฟรี ๆ เลย”

“พี่ว่านอย่าร้องให้ฟรีสิครับ เราเป็นนักร้องดังนะ คิดค่าแรงเป็นค่าเทอมยี่หวาดีกว่า” วิรุฬพูด

“เออให้มันได้อย่างนี้ ทั้งสองคนนั่นแหละ มาใกล้ ๆ ฉันนี่มา” พี่วัตกวักมือเรียก วิวาห์หัวเราะรีบสะกิดน้องชายให้ลุกหนีไปคนละทาง“ไอ้เด็กพวกนี้ อย่าลืมไปลองชุดสูทล่ะ ร้านเขาโทรมาให้ไปลองแล้ว”

“รู้แล้วน่ะพี่วัต พูดซ้ำสิบรอบแล้ว แต่งงานไปอย่าขี้บ่นนักนา เดี๋ยวพี่เบสต์หูชา สงสารเขา”

“ไอ้วิน ลงมาเลยนะฉันยังไม่ได้คุยกับแกเรื่องครูเตยเลย”

“หือ?ครูเตยอะไรน่ะว่านตกข่าวอะไรหรือเปล่า”วิวาห์ตาโตมองหน้าน้องชายอย่างอัศจรรย์ใจ“วินจีบครูเตยเหรอ”

“ไม่ได้จีบซักหน่อย พี่วัตมั่ว”วิรุฬรีบแก้ข่าว“พี่ว่านอย่าไปฟัง”

“แน่ะ แล้วใครพาครูเตยไปดูหนังวันก่อนนะ”

น้องชายคนเล็กของบ้านหน้าแดงว่านหัวเราะชอบใจที่เห็นวิรุฬเสียอาการเป็นครั้งแรก นึกแล้วตลกดีตอนที่วิรุฬเล่าเหตุการณ์ที่พาครูเตยกับพี่วัตเข้าไปในอาคารเก่าที่เคยเป็นสตูดิโอด้วยกันแล้ววิรุฬก็ท่องบทสวดมนต์ไปตลอดทาง วิรัตน์เองก็สั่นไม่แพ้กัน ตรงข้ามกับหญิงสาวคนเดียวในคณะที่ไม่มีท่าทางหวาดกลัวเลย

“มันก็เลยประทับใจความกล้าหาญของเขาล่ะซิ” วิรัตน์สรุปมองหน้าน้องชายขัน ๆ “ดีนะที่ไม่เจออะไรไอ้วินรีบชวนกลับคนแรกเลย”

“แหม พี่วัตเองก็กลัวเหมือนกันนั่นล่ะ บรรยากาศมันตะครั่นตะครอจะตาย วินได้ยินเสียงคนเดินจริง ๆ นะ ไม่ได้โกหก”วิรุฬทำท่าขนลุกขนพอง

“ว่านขอบคุณพี่วัตกับวินมากเลยนะ” วิวาห์ยกมือขึ้นไหว้ ทั้งสองคนรีบห้าม

“โอ๊ยว่านไม่ต้องขอบคงขอบคุณอะไรอีกแล้ว พูดเรื่องนี้ไม่ได้เลยแฮะ เจ้าว่านต้องขอบคุณอีกยี่สิบรอบแน่เลย” วิรัตน์หัวเราะ “มันเป็นหน้าที่ของพี่น้องอยู่แล้ว ไม่ช่วยเหลือกันแล้วจะไปช่วยเหลือใครล่ะ เราก็มีกันอยู่แค่นี้”

วิวาห์น้ำตาซึม ในความโชคร้ายของเขาก็ยังมีความโชคดีอยู่ไม่รู้ว่าพี่น้องบ้านอื่นจะรักใคร่กลมเกลียวกันดีแบบนี้ไหม ว่านโชคดีจริง ๆ ที่มีพี่วัตกับวินอยู่ด้วย

ว่านพายี่หวาไปหาหมอเพื่อตรวจร่างกายต่อ คุณหมอบอกว่าผลเลือดของยี่หวาดีมาก พร้อมจะเริ่มยาเคมีบำบัดต่อได้แล้วยี่หวาอิดออดนิดหน่อยเพราะเข็ดตอนที่เจ็บปากกินอะไรก็ไม่อร่อยนั้น แต่ว่าก็ยอมให้คุณหมอรักษาต่อโดยดีวิวาห์ผู้มีประสบการณ์จากคราวก่อนก็เตรียมอาหารอ่อน ๆ ย่อยง่ายเอาไว้ให้ยี่หวาหลายเมนู

“โอ้โห น่ารับประทานจังเลยค่ะ” คุณแม่ของคนไข้ที่นั่งใกล้ ๆ แอบมองอาหารในปิ่นโตของวิวาห์ที่เตรียมมาไว้ให้ลูก “ซื้อหรือว่าทำเองคะนี่”

“ทำเองครับ” วิวาห์ตอบเขิน ๆ “ยี่หวากินไม่ค่อยได้ แถมไม่ชอบกินผักก็เลยต้องเตรียมเมนูเอาไว้”

“ดีจังเลยค่ะ นี่น้องพีชก็กินยากมาก แม่ทำอะไรให้กินก็ไม่ยอมกินเลย” เธอพูดอย่างกังวล ลูกชายของเธอนั่งอยู่ข้าง ๆ ชะโงกมองอาหารน่าตารับประทานในกล่องของวิวาห์อย่างสนใจ “อย่ามองใกล้ขนาดนั้นสิคะลูกพีช เสียมารยาทนะคะ”

“ลองชิมมั้ยล่ะครับ ผมทำมาเผื่ออยู่แล้ว” วิวาห์พูดยิ้ม ๆ มองหน้ากลมเล็กของเด็กชายพีชอย่างเอ็นดู เขาแบ่งให้ลองชิม เด็กชายพีชตาโต หันไปเขย่าแขนมารดาอย่างกระตือรือร้น

“พีชชอบมากเลยครับ อยากกินอีกคุณแม่ทำให้กินบ้างได้มั้ยครับ”

“อุ้ย แม่ทำเป็นเสียที่ไหนล่ะลูก” มารดาอุทานหันยิ้มให้วิวาห์ “แสดงว่าอร่อยจริง ๆ นะคะเนี่ย ปกติน้องพีชกินยาก เลือกกินเป็นที่หนึ่งเลย”

“น้องพีชไปกินข้าวบ้านเราสิ วีว่าทำอาหารอร่อยสุดยอดเลยนะ” หวันยิหวาพูดขึ้นบ้างด้วยท่าทางภูมิใจ ยกช้อนขึ้นตักเข้าปากโชว์ให้อีกฝ่ายดู “เมนูหมูอบน้ำผึ้งคือสุดยอดแห่งความอร่อย”

คนฟังน้ำลายสอ กวาดตามองอาหารของเด็กหญิงตรงหน้าอย่างอิจฉา

สองอาทิตย์หลังจากนั้นวิวาห์ก็ทำอาหารไปเผื่อให้น้องพีชด้วยกล่องหนึ่งคุณแม่ของน้องพีชเกรงใจใหญ่ยืนยันว่าจะจ่ายเงินค่าข้าวให้เขา มีผู้ปกครองคนอื่นเริ่มสนใจขึ้นมาบ้าง ไป ๆ มา ๆ วิวาห์ก็เลยช่วยกันกับป้าเอิบทำข้าวใส่กล่องไปขายให้กับบรรดาผู้ปกครองและเด็ก ๆ ที่โรงพยาบาล

“น่าจะส่งตามบ้านด้วยนะคะ จะสะดวกมากเลย” คุณแม่ของเด็กคนหนึ่งปรารภขึ้น “บอกตรง ๆ ว่าฉันน่ะหมดปัญญาที่จะหาอะไรมาหลอกล่อให้เจย์เดนกินข้าวแล้วล่ะค่ะ มาเจอข้าวกล่องฝีมือคุณวิวาห์นี่แหละ เจย์เดนชอบมากอร่อยแล้วยังน่ารักน่าเอ็นดูเข้าใจทำจริง ๆ ดูแครอทต้มอันนี้สิคะน่ารัก”

“จริงด้วยครับ คุณวิวาห์สนใจทำขายไหม ผมทำธุรกิจรับส่งของอยู่แล้ว เราโคกันได้นะ”

“ผมต้องดูแลยี่หวาด้วย น่าจะไม่มีเวลาขนาดนั้น..” วิวาห์ยังปฏิเสธไม่ทันจบ ป้าเอิบก็สะกิดขาแล้วพยักหน้า

“เดี๋ยวป้าเอิบช่วยเองค่ะ อาหารเพื่อผู้ป่วยมะเร็ง ...น่าสนใจออกนะคะ”

วิวาห์เลยแบ่งรับแบ่งสู้ว่าอาจจะทำได้ปริมาณไม่มากและถ้าวันไหนไม่สะดวกก็จะของดโดยบอกล่วงหน้าก่อน พี่วัตเห็นด้วยกับงานนี้มาก เพราะยังไงว่านก็ต้องทำอาหารให้ลูกอยู่แล้ว เพียงแค่เพิ่มปริมาณขึ้นมาเท่านั้น

“เดี๋ยวนี้คนเขาฮิตกัน อาหารคลีนทั้งหลาย ของเราทั้งอร่อยทั้งปลอดสารพิษ พี่สนับสนุนนะว่าน”

“ว่านไม่เคยค้าขาย” วิวาห์ท้วงเสียงอ่อย “กลัวจะเจ๊งน่ะสิพี่วัต”

“เราก็เริ่มทำเล็ก ๆ ก่อน รับแค่ห้าหกเจ้านี่ก็พอ ว่านทำเมนูล่วงหน้าให้เขาเลยดีมั้ย” พี่วัตเข้ามาช่วยว่านจัดแจงซื้อของ ทำใบเมนูให้เสร็จสรรพ ว่านก็เลยคิดว่าจะลองทำดู

ว่านคิดว่าตัวเองค้นพบสิ่งที่ชอบมากพอ ๆ กับการร้องเพลงแล้ว ใคร ๆ ก็ออกปากเป็นเสียงเดียวกันว่าว่านมีพรสวรรค์ทางด้านการดัดแปลงอาหาร ว่านทำให้ยี่หวายอมกินผักขม ๆ ได้ แล้วก็ทำให้เด็ก ๆ คีโมทั้งหลายยอมกินข้าวได้มากขึ้นแค่นี้ก็ทำให้บรรดาพ่อแม่พร้อมที่จะจ่ายเท่าไหร่ก็ได้ขอแค่ลูกของเขาได้รับสารอาหารมากขึ้นแม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดีแถมอาหารของวิวาห์ก็ยังเน้นเรื่องความสะอาดมาก เพราะตัวยี่หวาเองก็ทานด้วยเหมือนกัน

“ว่านว่าจะลองผสมน้ำผึ้งลงไปเพิ่มอีกหน่อย จะได้อร่อยขึ้น หวาน ๆ หอม ๆ เด็กทานง่าย” วิวาห์พูดกับป้าเอิบ เขากำลังหัวหมุนอยู่ในครัวมาตั้งแต่เช้า “ให้ยี่หวาชิมก่อนว่าผ่านไม่ผ่าน” วิวาห์พูดแกมหัวเราะ แก้มเป็นสีแดงปลั่ง

ป้าเอิบมองชายหนุ่มที่เธอเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กยิ้ม ๆ

“ยิ้มอะไรน่ะป้าเอิบ เดี๋ยวไหม้หรอก”

“ป้าเอิบดีใจที่เห็นน้องว่านมีความสุข” ป้าเอิบว่า

ว่านอมยิ้ม

“ว่านก็ดีใจที่ว่านเจอสิ่งที่ว่านทำได้แล้ว”

“ไม่ใช่แค่ทำได้นะ แต่ทำได้ดีเลยล่ะ” ป้าเอิบยกนิ้วโป้งให้สองข้าง วิวาห์หัวใจพองโตเขารู้ดีว่าป้าเอิบเป็นห่วงเขามากที่สุดในฐานะที่เป็นเด็กที่ไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่ “คุณปราณียังว่าน้องว่านเก่งมาก ๆ ไม่นึกเลยว่าจะเก่งขนาดนี้”

ว่านหน้าบานรายได้ที่ได้รับมาจากอาหารปิ่นโตก็มากกว่าที่คาดคิดเอาไว้ เขารับลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็นสิบคน ตั้งใจว่าจะทำแค่เท่าที่ตัวเองไหว ไม่ให้หักโหมมากจนกินเวลาดูแลยี่หวา

อาการของยี่หวาไม่น่ากลัวอย่างที่ว่านคิดเด็กหญิงตอบสนองต่อยาเคมีบำบัดสูตรที่สองได้ดีจนหมอก็ยังแปลกใจ ผลเลือดของยี่หวาทำให้หมอชมทุกครั้งว่าว่านดูแลลูกดีมาก


หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน10 27/3/63 p6
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 27-03-2020 11:34:29








งานแต่งงานของพี่วัตกับพี่เบสต์ก็กำลังจะจัดขึ้นอาทิตย์หน้านี้แล้วว่านซื้อชุดให้ยี่หวาใหม่เป็นชุดกระโปรงสีชมพูประดับดอกไม้น่ารัก เข้าชุดกับสูทของเขาที่เป็นสีชมพูอ่อนเข้ากัน ยี่หวาชอบมากเห่อขนาดสวมก่อนวันงานทั้งวันว่านใช้ผ้าสีสวยโพกศีรษะให้ลูกสาวเอาไว้ติดด้วยกิ๊บอันโตเด็กหญิงกรี้ดกร้าดชอบใจเดินไปอวดคุณตาคุณยายตั้งแต่เช้าตรู่

งานของพี่วัตกับพี่เบสต์จัดขึ้นอย่างเรียบง่ายที่บ้านของฝ่ายเจ้าบ่าวมีงานทำบุญตักบาตรตอนเช้าแล้วก็พิธีรดน้ำสังข์ในตอนบ่าย จากนั้นก็กินเลี้ยงกันภายในครอบครัวก่อนจะเข้าหอ พ่อแม่ของพี่เบสต์ก็ท่าทางจะชอบพี่วัตมาก สินสอดก็เรียกแค่พอเป็นพิธีแค่นั้นเอง

วิวาห์กำลังจัดเรียงของชำร่วยให้เป็นระเบียบอยู่ตอนที่แป้งเดินเข้ามาหา

“ว่าน ทำอะไรอยู่คิดถึงจัง วันก่อนว่าจะมาหาแต่ฉันดันเป็นหวัด กลัวจะเอามาติดยัยยี่หวา” แป้งพูดกวาดตามองเพื่อนทั่วตัว“โอ้โหแต่งเต็มแบบนี้แล้วนึกถึงสมัยก่อนเลยนะยังหล่อเหมือนเดิม”

ว่านขยับเน็กไท

“หล่ออะไรกันแป้ง ฉันแก่แล้ว”

“แก่เก่ออะไร ไม่เห็นมีตีนกาซักเส้น ผิวเด้งซะขนาดนี้” แป้งขมวดคิ้วขยับเข้ามาจ้องหน้าเขาใกล้ ๆ “ดูไปดูมาเธอก็ไม่แก่ลงเลยแฮะผู้ชายนี่มันได้เปรียบผู้หญิงจริง ๆ”

ว่านหัวเราะ

“แล้วกิจการอาหารคลีนเป็นไงบ้างล่ะ ฉันเอาไปโฆษณาต่อดีมั้ย จะได้หาลูกค้าเพิ่ม”

“ไม่เอา” ว่านส่ายหน้า“เยอะ ๆ ฉันทำไม่ไหวหาวัตถุดิบไม่พอด้วยแค่นี้ก็พอแล้วหาแค่พอเป็นค่ารักษายี่หวา”

“โอเค อยากหาลูกค้าเพิ่มเมื่อไหร่ก็บอกนะ รู้หรือเปล่าว่ามีคนสนใจเยอะมากเลยนะ พวกดาราด้วยกันเขาก็อยากกินอาหารคลีนดี ๆ กันทั้งนั้น”

“ฉันเน้นทำให้เด็ก ๆ น่ะ ทำให้ยี่หวากินด้วยเป็นหลัก” วิวาห์พูดยิ้ม ๆ “แต่ยังไงก็ขอบใจแป้งมากนัก”

“เธอเปลี่ยนไปนะว่าน ไม่รู้สิ...ดูโตขึ้น” แป้งยักไหล่

“คนเราก็ต้องแก่ขึ้นสิแป้งถูกแล้ว”

“ไม่ใช่ ฉันไม่ได้หมายถึงอายุ แต่หมายถึงแบบ...เค้าเรียกว่าอะไร วุฒิภาวะเหรอ...ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก ๆ น่ะ”

ว่านอมยิ้ม

“สงสัยเพราะยี่หวาป่วยหนักคราวนั้นมั้ง” ว่านพูดแค่นั้นแล้วก็ไม่ได้อธิบายต่อ คนฟังก็ไม่ได้ถามเช่นกัน เปลี่ยนเรื่องไปยังเรื่องอื่น

พี่วัตกับพี่เบสต์ตักบาตรทำบุญเสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อพี่วัตบ่นอุบตลอดงานว่าอากาศร้อนมากจนเหงื่อแตกเหนียวตัวไปหมด ว่านช่วยยืนรับแขกที่มีไม่มากนักอยู่หน้าบ้าน ส่วนใหญ่เป็นเพื่อน ๆ ของพี่วัตกับพี่เบสต์ บางส่วนก็เป็นเพื่อนร่วมงานที่ว่านไม่เคยเจอ

“สวัสดีครับ...ว่าน” เสียงทุ้ม ๆ ดังขึ้นใกล้ตัว ว่านสะดุ้งหันขวับไปมองอย่างตกใจ ร่างสูงตรงได้สัดส่วนของธาดายืนอยู่ข้าง ๆ เขาพร้อมกับห่อของขวัญในมือ ว่านเลยสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายใส่เฝือกเอาไว้ที่ข้อมือข้างซ้าย “พอดีผมเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย”

“อ้าว แล้วเป็นอะไรมากมั้ยครับ” ว่านสังเกตเห็นรอยแผลเป็นจาง ๆ บนซีกแก้มของอีกฝ่ายด้วย ธาดายิ้มนิด ๆ ส่ายหน้า

“...ไม่เป็นอะไรมาก”

“ไม่เจอคุณฟอร์ดนานเลย คุณรู้จักกับพี่วัตด้วยเหรอครับ”

“รู้จักครับ” อีกฝ่ายตอบสั้น ๆ ไม่ได้อธิบายมากกว่านั้นแล้วส่งของขวัญในมือมาให้วิวาห์รับเอาไว้

“เอาไว้ให้พี่วัตกับพี่เบสต์เองเลยดีมั้ยครับ”

“ให้...ว่าน” ธาดาตอบวิวาห์ขมวดคิ้วนิดหนึ่งแต่เขาก็ไม่อยากจะต่อปากต่อคำอะไรกับอดีตเจ้านายคนนี้นัก จะว่าไปเขาไม่ได้เจออีกฝ่ายมาหลายเดือนแล้ว ธาดาดูผอมลงเล็กน้อยเหมือนคนเพิ่งฟื้นไข้

“พอดี..เพิ่งออกจากโรงพยาบาล” ธาดาพูดเหมือนแปลความหมายคำถามในดวงตาของว่านได้ “อุบัติเหตุ”เขายกเฝือกให้ดูอีกรอบว่านพยักหน้า

“เชิญตามสบายนะครับ”

วิวาห์ไม่ได้สนใจอีกฝ่ายอีกเขาขอตัวไปจัดเตรียมข้าวของสำหรับพิธีรดน้ำสังข์ให้พี่ชายกับพี่เบสต์ งานแต่งที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นชื่นมื่นทำให้ว่านแอบยกแขนเสื้อขึ้นซับน้ำตาด้วยความปลาบปลื้มแทนพี่ชายกับพี่สะใภ้ พี่เบสต์เองก็สวยมาก ๆ ในคืนนี้เธออยู่ในชุดสีม่วงสวยแปลกตาไปจากเจ้าสาวทุกคนที่ว่านเคยเห็น

งานเลี้ยงภายในบ้านเป็นไปอย่างราบรื่นป้าเอิบโชว์ฝีมือเองร่วมกับสั่งมาจากร้านอาหารร้านโปรดของพี่เบสต์ ว่านออกไปร้องเพลงให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวแล้วก็กลับมายืนฟังพี่วัตพูดยืดยาวถึงเจ้าสาวของเขา

“พี่ว่านมายืนตรงนี้เอง ไม่ไปใกล้ๆ ล่ะครับ” น้องชายเข้ามาหา

“ไม่ล่ะ เดี๋ยวฉันเผลอหลับขึ้นมาพี่วัตจะโกรธเอา”

คนฟังหัวเราะว่านขยับตัวส่งยิ้มทักทายคุณครูอนุบาลสาวสวยที่มากับน้องชายด้วย ครูเตยยิ้มเขิน ๆ ให้เขา

“สวัสดีค่ะคุณว่าน ยี่หวาเป็นยังไงบ้างคะ”

“พาเข้านอนไปแล้วครับ สนุกมาตั้งแต่เช้าจนถ่านหมดแล้ว” ว่านพูดกลั้วหัวเราะ “ครูเตยเป็นยังไงบ้าง ดูท่ายี่หวาจะได้กลับไปเรียนปีหน้าเลยแหละ”

“ตอนนั้นครูเตยอาจจะไม่ได้สอนแล้วก็ได้ครับพี่ว่าน” วิรุฬพูดหน้าตาเฉย “เพราะลาออกมาเป็นแม่บ้านแล้ว”

“ใครจะลาออกนะคะ” หญิงสาวขมวดคิ้วใส่ชายหนุ่ม “ไม่มีทางค่ะเตยไม่ลาออกมาเป็นแม่บ้านแน่”

“โธ่ ทำไมใจร้ายจัง” วิรุฬพูดเสียงอ่อน ทำเอาวิวาห์ขนลุก เกือบขย้อนเอาอาหารเย็นที่กินเข้าไปออกมา เขาดีใจด้วยที่วิรุฬเจอคนที่ชอบเสียทีแม้จะรู้สึกว่าน้องชายของเขาเวลาอินเลิฟค่อนข้างจะน่ากลัวกว่าปกติ เขาเลยขอตัวเดินหลบฉากออกมาอีกทาง

ยืนปล่อยอารมณ์อยู่ในสวนคนเดียวพักใหญ่ ป้าเอิบก็มาตามเขา

“น้องว่านทำอะไรอยู่คะ เขาจะตัดเค้กกันแล้วนะ” ป้าเอิบพูด“รอน้องว่านอยู่ ไปกันเร็ว”

“ครับ”

เค้กก้อนใหญ่ที่สั่งทำเป็นพิเศษมีน้ำตาลก้อนเป็นรูปพี่วัตกับพี่เบสต์อยู่ตรงกลางดูน่ารักมาก วิวาห์ตักเค้กเข้าปากเงียบ ๆ ทอดสายตามองขนมอื่น ๆ บนโต๊ะที่เหลือมาจากงานทำบุญเลี้ยงพระเมื่อเช้า เกือบครึ่งเป็นขนมไทยมงคลแบบที่เจ้าสาวชอบสิ่งที่สะดุดสายตาเขาไม่ใช่ขนมที่เหลือแต่คือคนที่ยืนกินอยู่ใกล้ ๆ ต่างหาก

“คุณฟอร์ด” วิวาห์เข้าไปทัก เขาเห็นชายหนุ่มส่งทองหยิบเข้าปากเคี้ยว ท่าทางถูกปาก“อร่อยมั้ยครับ”

“เอ้อ...รสชาติดีมากนะ เหมือนเคยกินรสนี้ที่ไหน...” ชายหนุ่มพูดท่าทางเก้อ ๆ เหมือนเด็กถูกจับได้ว่าแอบกินขนม “สั่งมาจากร้านไหนน่ะ”

“ไม่รู้สิครับ พี่เบสต์เป็นคนจัดการ เอาไว้จะถามให้นะครับ คุณฟอร์ดชอบทานขนมไทยเหรอ”

คนฟังส่ายหน้าหวือ

“ไม่ค่อยชอบมาก คือว่า...ตอนอยู่ที่โน่นไม่ค่อยได้กินเท่าไหร่ ก็เลย...ลองชิมดู”

“ชิมไปหลายคำเลยนะครับ ...ผมล้อเล่นน่ะ แบ่งกลับบ้านก็ได้นะ ที่บ้านผมกินกันไม่หมดหรอก”

“ไม่เป็นไร ขนมหวาน...ยี่หวาคงชอบ”

“รายนั้นชอบมาก โดยเฉพาะฝอยทองนี่ชอบเป็นพิเศษ” ว่านยิ้มอีกฝ่ายชะงักไปเล็กน้อยมองหน้าวิวาห์แล้วนิ่งไปครู่ วิวาห์เลิกคิ้ว

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“ไม่ได้เห็นว่านยิ้มมานานมาก” เขาพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ

ว่านยังยิ้มนิด ๆ เหมือนเดิมเขาไม่ได้ชอบฟอร์ดแต่ก็ไม่ถึงกับรังเกียจ

“ขอบคุณครับ”

ธาดาขยับตัว

“ไม่คิดจะกลับไปทำงานด้วยกันเหรอ” ชายหนุ่มถามต่อมาอีก ว่านส่ายหน้า

“ยังไม่สะดวกครับลูกสาวของผมยังไม่หายป่วยเลยต้องอยู่ดูแลที่บ้าน คงยังกลับไปทำงานไม่ได้หรอกครับคุณฟอร์ด”

ท่าทางอีกฝ่ายเหมือนถอนใจนิด ๆ

“เสียดาย..แต่ไม่เป็นไร” ธาดาพูด“ไว้จะแวะมาหาใหม่ ..จะได้มั้ย”

“มาหาเรื่องอะไรครับ คุณฟอร์ดมีธุระอะไรกับผมเหรอ” ว่านถามเนิบ ๆ อีกฝ่ายอึกอัก

“ก็...เผื่อจะมาพูดคุยกันบ้าง ไม่เจอกันเลยก็...”

“คุณฟอร์ดน่าจะงานยุ่ง ไม่มีเวลามากกว่านะครับ”

“หาเวลาได้แน่ ๆ” ธาดาตอบทันควัน

ว่านไม่ได้พูดอะไรอีก เขาบอกลาตามมารยาทแล้วก็ถอยห่างออกมา รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายมองตามมาจนลับตา นึกแปลกใจอยู่เหมือนกันกับท่าทางของธาดา

อดีตเจ้านายเก่าของเขาทำตามที่พูด วันถัดมาธาดาก็มาปรากฏตัวที่หน้าบ้านทำเอาว่านตกใจพอสมควร

“คุณฟอร์ดมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ”

“ได้ยินมาว่าว่านทำอาหารคลีนขาย ก็เลยอยากจะมาชวนให้ไปลงสัมภาษณ์ลงคอลัมน์อาหารเล่มหน้า สนใจมั้ย”ธาดาว่าพลางชูนิตยสารในมือให้ดูด้วย “คอลัมน์ของคุณฤกษ์” เขาพูดชื่อคอลัมนิสต์ด้านอาหารชื่อดังของนิตยสารออกมา ว่านส่ายหน้า

“ผมทำแบบเล็ก ๆ ครับ ไม่ได้ทำเป็นกิจการใหญ่โตอะไร คงไม่สะดวก”

“เล็ก ๆ ก็ได้ เขาแค่มองหาธุรกิจแบบใหม่เท่านั้นเอง ได้เป็นการโปรโมทกิจการของว่านไปในตัวไงล่ะ”

“ลูกค้าผมเพียงพอแล้วครับ มากกว่านี้ผมก็ทำไม่ไหวเพราะต้องดูลูกด้วย”

“เท่าที่ดูแล้วน่าจะเป็นธุรกิจที่ไปได้ดีเลยนะ ว่านไม่สนใจขยายกิจการเสียหน่อยเหรอ”

ว่านหัวเราะ

“คุณฟอร์ด...ว่านทำแค่พอตัวครับ ไม่อยากลงทุนอะไรมากมายเลย”

ธาดาไม่ได้เซ้าซี้อีก ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องแทน

“เห็นแต่งตัวออกจากบ้าน จะไปไหนเหรอ”

ว่านก้มลงมองตัวเองแล้วยิ้ม มองเห็นฟันสองซี่หน้าน่าเอ็นดู

“กำลังจะไปตลาดครับ”

“ไปด้วยคนได้มั้ย”

คนฟังเลิกคิ้ว

“คุณฟอร์ดไม่ต้องไปทำงานเหรอครับ”

“มีประชุมตอนบ่ายน่ะ ตอนเช้าว่าง”ธาดาตอบกลับมาอย่างกระตือรือร้น

“อย่าดีกว่าครับ รบกวนคุณฟอร์ดเปล่า ๆ เพราะผมเดินซื้อของนาน”

“ไม่เป็นปัญหา”

“น้องว่าน จะไปกันหรือยังคะ ไปกันค่ะยายเอิบพร้อมแล้ว” เสียงแหลมสูงของยายเอิบดังมาแต่ไกล ยายเอิบเดินเข้ามาดึงตะกร้าของว่านไปถือเอาไว้เสียเองแล้วหันไปมองหน้าชายหนุ่มแปลกหน้าอย่างสงสัย “สวัสดีค่ะมาหาใครคะ”

“ผมมาหาว่านครับ” ธาดาตอบอย่างสุภาพ

“มีธุระอะไรคะ”

“จะไปช่วยว่านซื้อของครับ”

“วุ้ย ไม่ต้องรบกวนคุณหรอกค่ะแต่งตัวเสียหล่อเดี๋ยวจะเปื้อนเสียหมดฉันไปช่วยน้องว่านเอง ไปกันสองคนเป็นประจำ คุยธุระเสร็จแล้วใช่มั้ยคะ น้องว่านเรารีบไปกันค่ะเดี๋ยวตลาดวายนะ”

ธาดาอ้าปากค้าง หาทางพูดแทรกหญิงชราไม่ทัน ยายเอิบพูดจบก็ลากแขนวิวาห์พาเดินฉับ ๆ ออกมาจากหน้าบ้านทันที ไม่ยอมให้อยู่คุยต่อ ท่าทางของเธอทำให้ว่านทั้งขำทั้งแปลกใจ

“ยายเอิบเป็นอะไรน่ะ เขาเป็นอดีตเจ้านายของว่านนะ”

“รู้ค่ะ ยายแอบถามน้องวินมาแล้ว เห็นเมื่อวานยืนคุยกับน้องว่านในงานตั้งนานสองนาน”

“อ้าว แล้วยังไปไล่เขาแบบนั้นอีก” ว่านส่ายหน้า“ไม่เอาน่า เขาก็แวะมาหาเฉย ๆ”

“แน่ะ...คิดว่ายายดูไม่ออกเหรอ ยายผ่านร้อนผ่านหนาวมาตั้งเท่าไหร่ ดูปราดเดียวก็รู้ว่าใครเป็นยังไง”

ว่านยกมือขึ้นปิดปาก หัวเราะกึก ๆ

“แล้วเขาเป็นยังไงล่ะ”

“หยิบโหย่ง เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ หัวสูงแล้วก็หยิ่งมาก ๆ”

“เวอร์แล้ว เคยคุยกับเขากี่คำเชียว” ว่านแกล้งถาม“เขาก็พูดกับยายเอิบดีนี่”

ยายเอิบจุ๊ปาก

“น้องว่านล่ะก็...ยายเอิบเป็นห่วงนะคะ พูดก็พูดเถอะ” เธอมองชายหนุ่มที่เลี้ยงดูมาแต่แบเบาะอย่างกังวลนิด ๆ “น้องว่านน่ะหัวอ่อนกว่าพี่ ๆ น้อง ๆ คนอื่นอย่าโกรธยายเลยนะ แต่ตอนนี้น้องว่านไม่ใช่ตัวเปล่า มีคุณหนูยี่หวาอีกคนอยู่ด้วย...”

ว่านหยุดเดิน เอื้อมมือไปจับมือพี่เลี้ยงเก่าแก่เอาไว้

“ว่านเข้าใจ ยายเอิบไม่ต้องกังวลไปหรอก ว่านรู้ตัวเองดีแล้ว..” ว่านหยุดไปนิดหนึ่งแล้วหัวเราะ “แหม คนมาหาวันสองวันเอง พูดไปนู่นเขาอยากติดต่อว่านไปลงสัมภาษณ์นิตยสารของเขาเฉย ๆ”

“ลองดูไปเถอะ ยายพูดไม่ผิดหรอก” ยายเอิบหัวเราะบ้าง

...

มาอัพแล้วค่า

เจอกันตอนหน้านะคะ

ขอบคุณสำหรับการติดตามและทุกคอมเม้นต์นะคะ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน10 27/3/63 p6
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 27-03-2020 12:13:21
ธาดา จะเป็นเหมือนยายเอิบ ชมรึเปล่านร้า มีความสุขจังเลย มีพี่วัตคนเดียว ก็อบอุ่นหัวใจแล้ว
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน10 27/3/63 p6
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 27-03-2020 14:46:30
 :hao4: :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน10 27/3/63 p6
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 27-03-2020 21:13:10
เขาแอบชอบมานานแล้วมั้ง
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน10 27/3/63 p6
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 27-03-2020 21:55:22
พี่อาร์มตาย ฟอร์ดนิสัยไม่ดี
ใครเป็นพระเอกน้อ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน10 27/3/63 p6
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 28-03-2020 00:11:10
 :katai2-1:




โล่งงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน10 27/3/63 p6
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 28-03-2020 01:51:46
ไปทางไหนดีเนี่ยย เดาอะไรไม่ออกเลยค่ะ :ling2:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน10 27/3/63 p6
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 28-03-2020 03:08:31
ไปโดนอะไรมา
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน10 27/3/63 p6
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 28-03-2020 07:17:30
เดาอะไรไม่ถูกเลย
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน10 27/3/63 p6
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-03-2020 08:30:37
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน10 27/3/63 p6
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าแก่ ที่ 28-03-2020 08:44:31
พี่อาร์มตาย. แล้วสรุปใครจะเป็นพระเอกละเนี่ยยยยย
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน10 27/3/63 p6
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 28-03-2020 15:45:00
คุณฟอร์ดจะมาเป็นพระเอกแทน อาร์มตายแล้วจบเรื่อง มันจะง่ายแบบนั้นจริงเหรอ?????  ถ้าเป็นนิยายนักแต่งท่านอื่น เราอาจจะไม่คิดแบบนี้ อย่า อยาสมาหลอกให้เราตายใจ  555555  :laugh:

รอลุ้นต่อไปค่าาา



หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน10 27/3/63 p6
เริ่มหัวข้อโดย: koyuki24 ที่ 28-03-2020 18:06:24
 :katai1: นิยายของคุณเดาทางไม่ออกเลยค่ะ อ่ายเวฬามาแล้วเรื่องนึง ชอบมากๆค่ะ ฉีกอีกแนวของนิยายวายดีค่ะ ชอบมากๆเลย
ปล.มีเรื่องอื่นแนะนำอีกไหมคะ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน10 27/3/63 p6
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 29-03-2020 12:14:21
อาร์มตายแล้ว แต่มันก็ยังไงๆอยู่นะ คาดเดาอะไรไม่ได้เลย 5555555
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน11 12.4.6
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 12-04-2020 19:50:55
วิวาห์อามันต์

ตอนที่11











“สวัสดีครับ”

“สวัสดีจ้ะ วันนี้มีธุระอะไรอีกล่ะคะ”ยายเอิบถามชายหนุ่มแปลกหน้าอดีตเจ้านายของวิวาห์ที่พักหลังมานี้แวะมาหาที่บ้านแทบทุกวัน

“ผมได้กุ้งแห้งมาใหม่ จำได้ว่าว่านชอบกินยำกุ้งแห้ง”

“อ๋อ...ขอบใจนะ แขวนเอาไว้ตรงนั้นก็ได้ เดี๋ยวฉันเอาไว้ให้น้องว่านเอง” ยายเอิบพูดตัดบท อีกคนอึกอัก

“ว่านไม่อยู่บ้านเหรอครับ”

“ไม่อยู่” ต่อให้อยู่ยายเอิบก็จะบอกว่าไม่อยู่เสมอเธอไม่ชอบชายหนุ่มตรงหน้าเลยสักนิดก็เลยไม่อยากให้เขาเข้าใกล้คุณหนูของเธอ“คุณกลับไปเถอะค่ะ”

“ครับ ไว้ผมจะแวะมาใหม่ ฝากกุ้งแห้งด้วยนะครับ” ธาดาไม่เซ้าซี้ เขาดูออกว่าหญิงชราไม่ชอบเขา ไม่มีทางให้เขาได้เจอหน้าวิวาห์แน่นอน นอกเสียจากว่าจะต้องหาทางอื่น

วิวาห์มองถุงกุ้งแห้งในมือของยายเอิบแล้วส่ายหน้า

“ยายเอิบไล่คุณฟอร์ดกลับไปอีกแล้วเหรอครับ เขาอุตส่าห์เอาของมาฝากตั้งเยอะแยะ” ว่านรับกุ้งแห้งถุงโตมาเปิดออกดู “ของดีเสียด้วย”

“ก็เพราะเขาหมั่นเอามาฝากนี่แหละค่ะ ยายเอิบถึงไม่ไว้ใจ” เธอตวัดเสียง

ว่านถอนหายใจเฮือก

“ว่านลูกหนึ่งแล้วนะ ทำเหมือนว่านเป็นเด็ก ๆ ไม่โตอยู่นั่นแหละ” ชายหนุ่มบ่น แต่เขาก็รู้ดีว่าพี่เลี้ยงอาวุโสเป็นห่วงเขาจากใจจริง “เขาเอาของมาฝากเราหลายรอบแล้ว ก็ปล่อยให้ว่านได้ขอบคุณเขาบ้างเถอะ เกรงใจเขา”

“งั้นก็ฝากของไปให้เขาก็ได้ค่ะ เดี๋ยวยายเอิบจะห้อยเอาไว้นอกรั้ว”

ว่านหัวเราะ

“ยายเอิบนี่โหดจริง ๆ”

“ต้องโหดค่ะ ยายไม่ยอมให้ใครมาเล่น ๆ กับน้องว่านหรอกนะ” เธอพูดเสียงแข็งแล้วก็อ่อนลงลูบมือบอบบางของคนที่เธอเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กอย่างถนอม “คราวก่อนที่น้องว่านกลับบ้านมาน้องว่านไม่รู้หรอกว่ายายเอิบรู้สึกเหมือนใจสลายแน่ะ เห็นคุณเสียใจแล้วยายเอิบทนไม่ไหว ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก”

วิวาห์บีบมือพี่เลี้ยงเอาไว้

“ว่านไม่ผิดซ้ำสองหรอกน่ะ ว่านรู้แล้วว่าอะไรที่สำคัญที่สุด”

“อะไรเหรอคะวีว่า” เสียงแจ้ว ๆ ของเด็กหญิงดังขึ้นหน้าประตูห้องครัวเจ้าตัวสวมชุดกระโปรงเอาไว้เรียบร้อยแล้วชะโงกหน้ามาเกาะประตูตาโต“อะไรน่ะ”

“จะอะไรได้ล่ะคะ” วิวาห์ล้างมือแล้วเข้าไปกอดร่างเล็กบางเอาไว้แน่น ก้มลงหอมแก้มซ้ายขวาอย่างมันเขี้ยว “ก็ยี่หวาไงยี่หวานี่แหละ”เด็กหญิงหัวเราะคิกคักหันหน้าหลบพัลวัน

วิวาห์เริ่มเตรียมอาหารให้กับยี่หวาและทำปิ่นโตให้ลูกค้าเขาใช้เวลาในห้องครัวทั้งวันจนเสร็จก็ให้คนเอาไปส่งตามบ้านที่สั่งเอาไว้ วิวาห์เปลี่ยนเมนูไปเรื่อย ๆ แล้วแต่ว่าได้วัตถุดิบอะไรมาในวันนั้นตอนบ่ายเขาก็ใช้เวลาพักผ่อนครู่หนึ่งแล้วก็ทำมื้อเย็นต่อ

กิจการของวิวาห์ไปได้สวย เพราะเขาเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณยิ่งความสะอาดไม่ต้องพูดถึงเพราะชายหนุ่มทำทุกอย่างเหมือนที่ทำให้ลูกสาวรับประทาน ชื่อเสียงของวิวาห์อาหารคลีนก็เลยเริ่มเป็นที่พูดถึง

พี่วัตนั่งดูบัญชีรายรับรายจ่ายของเขาแล้วก็ลงความเห็นว่าถึงเวลาจะต้องขยายกิจการแล้วเพื่อเพิ่มผลกำไร ตอนแรกวิวาห์ก็ไม่เห็นด้วย แต่ว่าเขามีรายจ่ายของยี่หวาอยู่ก็เลยตกลง วิวาห์รับลูกค้ามากขึ้นอีกเท่าหนึ่ง พี่เบสต์เองก็มาช่วยหลังจากเลิกงาน

“ว่านว่าพี่เบสต์จะเหนื่อยเกินไปนะครับไหนจะทำงานข้างนอกแล้วยังต้องกลับมาช่วยว่านอีก” ว่านออกความเห็นกับพี่ชาย

“หรือว่าเราจะหาคนเพิ่ม”

“มันจะคุ้มกับกำไรเหรอครับ” วิวาห์คิดหนัก“ว่านว่าเรากลับไปทำเล็ก ๆ ดีกว่า”

“ถ้าเราซื้อวัตถุดิบเยอะขึ้น เราก็จะได้ราคาถูกลงแล้วก็สามารถทำอาหารได้หลากหลายมากขึ้นด้วยนะ” วิรัตน์ว่า“เดี๋ยวขอคิดดูก่อน”

วิวาห์ออกไปซื้อของเองทุกเช้าโดยมียายเอิบตามไปด้วย เขาเจอคุณฟอร์ดเกือบทุกวัน แต่ว่าชายหนุ่มก็ได้แค่ทักทายนิดหน่อยแค่นั้นเพราะยายเอิบไม่เคยเปิดโอกาสเลยจนว่านต้องออกปากเองยายเอิบถึงได้ยอมให้ว่านไปเดินซื้อของกับชายหนุ่มได้สองคน

“ขอโทษแทนยายเอิบด้วยนะครับ” วิวาห์พูดเรียบ ๆ คล้องตะกร้าเอาไว้ที่แขนข้างหนึ่ง เดินเคียงข้างธาดาไปตามแผงขายของในตลาดสด “แกเลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็ก ก็เลย...เป็นห่วงมากหน่อย”

“เข้าใจได้” ธาดาตอบแกมหัวเราะหยุดยืนอยู่ข้างหลังรอจนว่านเลือกซื้อผักจนเสร็จ “วันก่อนมีคนเอาอินทผลัมมาให้ลังใหญ่ ชอบกินหรือเปล่า”

ว่านหัวเราะ

“คุณฟอร์ดเอาของกินมาให้ว่านทุกวัน ตั้งใจจะขุนว่านเหรอครับ”

“ว่านผอมไปหน่อยจริง ๆ” ธาดายอมรับหน้าตาย วิวาห์หัวเราะอีก

“แหม คนทำอาหารก็แบบนี้แหละครับ ทำเสร็จแล้วก็กินอะไรไม่ค่อยลง”

“งั้นเปลี่ยนเป็นคนนั่งกินดีมั้ย”

“แล้วใครจะทำล่ะ” ว่านเอียงคอถาม ธาดาอมยิ้มยกนิ้วชี้เข้าหาตัวเอง

เย็นวันนั้นธาดาเลยได้รับเชิญมารับประทานอาหารที่บ้านของว่านชายหนุ่มเข้าครัวทำอาหารเองโดยมีว่านคอยเป็นลูกมือให้ ฝีมือของธาดาไม่เลวเลยทีเดียว ท่าทางเขาคล่องแคล่วเหมือนคนทำครัวเก่งมาก่อนไม่นานอาหารหลายอย่างก็เสร็จเรียบร้อยส่งกลิ่นหอมฉุย แม้แต่ยายเอิบก็ยังต้องยอมรับอย่างเสียไม่ได้ว่าหน้าตาน่ารับประทาน

“อร่อยด้วยนะครับ ยายเอิบลองชิมดูสิ ว่านชิมมาแล้ว” วิวาห์พูดยิ้ม ๆ

พ่อกับแม่ก็มาร่วมรับประทานอาหารด้วยแม่หรี่ตามองจับสังเกตธาดานับตั้งแต่ชายหนุ่มแนะนำตัว ส่วนพ่อก็พูดเนิบ ๆ วางเฉยทว่าขีดเส้นชัดว่าเป็นแค่แขกเท่านั้นไม่ใช่คนสนิทในครอบครัวอะไร

วิวาห์ลอบสังเกตดูอากัปกิริยาของธาดาเงียบ ๆเขาค่อนข้างประทับใจที่เห็นธาดาใจเย็นมากแถมยังอ่อนน้อมเข้าผู้ใหญ่เก่งรู้จักพูดรู้จักคุยจนคุณพ่อคุณแม่ของเขาชักจะอ่อนลงไปเอง

“ท่าทางผ่านฉลุยเลยแฮะ” วิรุฬน้องคนเล็กกระซิบกับพี่ชายคนโตในเย็นวันหนึ่งที่ธาดามารับประทานอาหารด้วยที่บ้าน วิรัตน์เลิกคิ้ว

“แน่ล่ะ ไอ้ว่านชอบใคร พ่อกับแม่ก็ชอบด้วยทั้งนั้น”

“พี่ว่านชอบเขาเหรอครับ” วิรุฬตาโต

พี่ชายคนโตหัวเราะหึ ๆ

“ไม่ชอบมันจะให้มานั่งกินข้าวด้วยเรอะ ก็ยังดีที่คราวนี้มันรู้จักให้คนในครอบครัวช่วยกันดู ไม่ผลีผลามเองเหมือนเมื่อก่อน”

“พี่ว่านคงเป็นห่วงยี่หวาน่ะครับ” วิรุฬออกความเห็น

วิวาห์คิดแบบนั้นจริง ๆ ชายหนุ่มนั่งมองธาดาคุยกับทุกคนอย่างเพลิดเพลินสามเดือนมานี้ที่อีกฝ่ายเทียวมาหาเขาแทบทุกวัน ทั้งซื้อของฝากทั้งมานั่งคุยด้วย บางทีก็ช่วยเข้าครัวทำอาหารเป็นวัน ๆยอมรับว่าวิวาห์ก็เริ่มหวั่นไหวไปบ้างเหมือนกัน

แม้ว่าธาดาจะไม่เคยออกปากอะไรล่วงเกินเขาเลย ไม่เคยพูดถึงความสัมพันธ์ แต่วิวาห์รู้สึกได้เองว่าอีกฝ่ายเข้าหาเขามากกว่าคำว่าเพื่อน หรืออดีตเจ้านายลูกน้องธรรมดามากนัก

พี่วัตกับวินไม่สนับสนุนแต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไร พ่อกับแม่ก็คอยดูอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆน่าจะมีแค่ยายเอิบนี่แหละที่ไม่ยอมวางใจกับธาดาเสียที

ส่วนหวันยิหวาก็...

“วันนี้คุณลุงฟอร์ดจะมามั้ยคะวีว่า”เด็กหญิงกอดตุ๊กตาตัวโปรดเดินลงมาถามวิวาห์ตั้งแต่เช้า “คุณลุงฟอร์ดสัญญาว่าจะพายี่หวาไปกินไอติมด้วยหลังจากหาคุณหมอเสร็จ”

“ยังไม่แปดโมงเลยค่ะ ยี่หวาอาบน้ำแปรงฟันหรือยังเดี๋ยวคุณลุงมาแล้วไม่สวยนะ” วิวาห์พูดมือก็ปอกมะม่วงไปด้วยอย่างคล่องแคล่ว“ไปอาบน้ำก่อนเร็ว”

“ก็ได้ค่ะ ยายเอิบอยู่ไหนคะ ช่วยยี่หวาอาบน้ำหน่อยได้มั้ยคะ” เด็กหญิงเดินไปตามหาพี่เลี้ยงต่อที่หลังบ้าน วิวาห์อมยิ้ม ได้ยินเสียงพูดคุยโต้ตอบกันเจื้อยแจ้วไม่หยุดปาก

คุณฟอร์ดขับรถมารับเขากับลูกสาวที่บ้านตรงเวลา ชายหนุ่มอยู่ในชุดลำลองดูดีทีเดียว อันที่จริงฟอร์ดเป็นคนหน้าตาดีมาก ถ้าเขาเข้าวงการบันเทิงก็คงอยู่ในระดับพระเอกได้สบาย

“รอนานมั้ยว่าน”

“ไม่นานครับ” ว่านส่ายหน้าเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งพร้อมกับยี่หวาที่ตื่นเต้นมากกว่าทุกวัน

“อันนี้คือตุ่มอะไรคะลุงฟอร์ด” เด็กหญิงชี้ที่ปุ่มนูน ๆ บนแผลคอนโซลรถ วิวาห์จุ๊ปากรีบดึงมือลูกสาวออกห่าง

“อย่าซนสิคะ รถคุณลุงฟอร์ดไม่ใช่ของเล่นนะลูก”

“ไม่เป็นไรหรอกว่าน” ธาดาหัวเราะเบา ๆ “ยี่หวารู้จักถามก่อน ไม่ได้กดเลยก็เรียกว่าเก่งมากแล้ว ..ยี่หวาลองกดดูสิคะ เป็นไฟรถล่ะ”เขาพูดกับเด็กหญิงเสียงอ่อนโยน

ว่านลอบถอนหายใจ หวันยิหวาก็เหลือเกินทำเหมือนไม่เคยขึ้นรถไปได้ แอบสังเกตดูธาดาก็ไม่ได้มีท่าทางเบื่อหน่ายหรือว่ารำคาญเด็กหญิงเลย เขาดูสนุกเพลิดเพลินในการตอบคำถามไม่รู้จบของยี่หวามากกว่า

ชายหนุ่มขับรถพาวิวาห์กับยี่หวามาส่งที่โรงพยาบาลตามนัด วันนี้คนไม่เยอะมาก ว่านจูงมือยี่หวาพาเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปด้วยกันโดยมีชายหนุ่มร่างสูงโปร่งหิ้วปิ่นโตตามหลัง จริง ๆ ว่านก็เกรงใจอีกฝ่ายอยู่เหมือนกันแต่ว่าธาดาก็ยืนยันว่าเขาจะช่วยหิ้วขึ้นไปเอง

“ว่านจูงยี่หวาไปก็พอแล้ว ที่เหลือเดี๋ยวจัดการเอง” ธาดาพูดกลั้วหัวเราะ

ต้องยอมรับว่าการมีธาดามาเป็นเพื่อนด้วยทำให้ทุกอย่างสะดวกง่ายดายขึ้นมาก ว่านก็ได้อยู่กับยี่หวาไม่ต้องคอยห่วงหน้าพะวงหลังเหมือนทุกครั้ง เขานั่งเป็นเพื่อนลูกสาวขณะที่ธาดาถือใบยาไปรับยามาให้

“วันนี้มากับใครน่ะคุณว่าน พี่ชายเหรอคะ”แม่ของน้องเจย์เดนลูกค้าของเขาทักขึ้นยิ้ม ๆ พยักเพยิดไปทางร่างสูงใหญ่ที่เดิมดุ่ม ๆ ไปยังฝ่ายการเงินต่อ “น่ารักเชียว” เธอเป็นลูกค้าประจำปิ่นโตของเขามาตั้งแต่เริ่มแรกก็เลยสนิทสนมกันดี วิวาห์หัวเราะ

“พี่ที่รู้จักน่ะครับ”

“ชื่อลุงฟอร์ดค่ะ ยายเอิบบอกว่าเขามาจีบวีว่า” หวันยิหวากระซิบตาโต “จีบคืออะไรคะ”

“ยี่หวา...มานั่งนี่เลยมา” วิวาห์จุ๊ปากจับลูกสาวมานั่งข้าง ๆ คนฟังหัวเราะอย่างเอ็นดู

“แน่ะ ...ลูกสาวฟ้องใหญ่แล้วคุณว่าน แล้วยี่หวาชอบลุงฟอร์ดมั้ยคะ”

“ชอบมากค่ะ ลุงฟอร์ดใจดี๊ใจดี”

“พอแล้วยี่หวา อยู่โรงพยาบาลห้ามเสียงดัง” วิวาห์ส่ายหน้า “ไม่มีอะไรหรอกครับ รายนี้พูดไปเรื่อย ยายเอิบก็เหมือนกัน”

“ไม่เจอยายเอิบเลยค่ะ เป็นยังไงบ้างคะ”

“สบายดีครับ หาเมนูใหม่ ๆ ทำทุกวัน”

นั่งคุยปรับทุกข์กันต่ออีกพักใหญ่ระหว่างรอลูก ๆ เข้าไปรับเคมีบำบัด แม่น้องเจย์เดนเล่าให้เขาฟังว่าเจย์เดนผลเลือดไม่ค่อยดี เริ่มจะมีผลข้างเคียงของยาทำให้ตับอักเสบ ไม่รู้ว่าคุณหมอจะทำยังไงต่อ ตัวเธอเองก็กลุ้มใจมาก

“มีลูกกับเค้าแค่คนเดียว เครียดจังเลยค่ะคุณว่าน”

“เข้าใจครับ...ยังไงก็ต้องค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปนะ ยิ่งคิดกังวลไปก่อนเราจะยิ่งจิตตก ยังไงเราก็ต้องเป็นกำลังใจลูก...” วิวาห์พูดปลอบใจไปอีกหลายคำ สีหน้าของคนฟังดีขึ้นเล็กน้อย

“ได้คุยกับคุณว่านแล้วก็รู้สึกดีขึ้นนะคะ ยี่หวานี่โชคดีจริง ๆ คุณว่านทั้งทำอาหารเก่งแล้วยังให้กำลังใจเก่งอีก”

วิวาห์หัวเราะออกมา

“ไม่หรอกครับ ผมเองก็แทบเอาตัวไม่รอดเหมือนกัน ..อ้าว...เรียบร้อยแล้วเหรอครับ” เขาทักธาดาเดินกลับมานั่งข้าง ๆ เขา “ขอใบเสร็จหน่อย เดี๋ยวว่านโอนคืนให้นะครับ”

“ไม่ต้อง” ธาดาบอกแล้วเสริมต่อมาอีกนิดหนึ่ง “มันอยู่ในสวัสดิการของบริษัท”

“แต่ผมลาออกจากบริษัทของคุณนานแล้วนะครับ” วิวาห์เลิกคิ้ว “ขอใบเสร็จเถอะคุณฟอร์ด อย่าให้ติดค้างกันเลยนะ”

“ผมเต็มใจจ่ายให้คุณกับลูก” ธาดาตอบกลับมา

หวันยิหวาเดินกลับออกมาพร้อมกับคุณพยาบาลและน้องเจย์เดน วิวาห์เลยลุกขึ้นเดินไปหา รอจนลูก ๆ บอกลาเพื่อน ๆ จนเสร็จก็พากลับบ้าน

“ลุงฟอร์ดบอกจะพายี่หวาไปกินไอติมก่อนไม่ใช่เหรอคะ” เด็กหญิงกระตุกมือคุณลุง “ยี่หวาหิวจังค่ะ”

“กลับไปกินที่บ้านดีกว่าลูก” วิวาห์บอกหวันยิหวายังรับยาเคมีบำบัดอยู่เขากลัวว่าจะไปรับเชื้อโรคข้างนอกเข้า “ตกลงนะคะไม่งอแงนะ”

เด็กหญิงเบะปาก มองหน้าธาดาอย่างขอร้อง

“ลุงฟอร์ดขา”

คนมองใจอ่อนยวบ ธาดากะพริบตาปริบ ๆ ถามวิวาห์เสียงอ่อนกว่าปกติ

“ว่าน ..ให้ยี่หวากินเถอะนะ ...เอาอย่างนี้ เดี๋ยวลุงฟอร์ดไปซื้อมาให้ดีมั้ยคะ ยี่หวาอยากกินรสอะไรบัญชามาเลย ลุงฟอร์ดจะเหมามาเป็นถัง ๆ เลย”

“จริง ๆ นะคะ” เด็กหญิงตาโต“ดีจังเลยค่ะ”

สุดท้ายวิวาห์ก็ยอม ธาดาแวะซื้อไอศกรีมที่ร้านชื่อดังมาหลายรสตามที่หวันยิหวาบอก เด็กหญิงกรี้ดกร้าดดีใจใหญ่ นั่งพูดไม่หยุดไปตลอดทาง พอใกล้จะเลี้ยวเข้าซอยบ้านจู่ ๆ เสียงคนพูดจ๋อย ๆ ก็เงียบไปเสียอย่างนั้นวิวาห์หันไปมองก็พบว่าลูกสาวหลับพับไปแล้ว

“ถ่านหมดเฉยเลย” วิวาห์หัวเราะ

“ไม่ยอมปล่อยถังไอติมด้วยนะ” ธาดาว่ามองกระจกหลังเห็นคนหลับยังกอดถุงเก็บความเย็นเอาไว้แน่น “ว่านอยากแวะซื้ออะไรเข้าบ้านหรือเปล่า”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวออกมาใหม่ตอนเย็น ๆ ...กลัวไอติมละลาย”

“จริง ๆ ตัวเองก็อยากกินเหมือนกันนั่นแหละใช่ไหม” ธาดาพูดล้อ ๆ “รู้หรอกน่ะ”

วิวาห์ตาโต

“หืมว่านว่าตัวเองเนียนแล้วนะ”

“ไม่เนียนตั้งแต่นั่งเลือกรสตาวาวแล้ว”

“คุณฟอร์ดเองก็พอกันนั่นล่ะ”

“งั้นรสช็อกโกแลตมิ้นต์เป็นของพี่นะ”

“คุณฟอร์ด!” คนเลือกรสนี้เองหันขวับไปจ้องหน้า ธาดาหัวเราะลั่นรถ

“ขี้หวงซะด้วย”

วิวาห์ค้อนขวับแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเขาไม่เคยทำแบบนี้กับคนอื่นนอกครอบครัวมาก่อน แต่ว่าฟอร์ดก็ไม่ได้มีท่าทางแปลกใจอะไร อันที่จริงอีกฝ่ายวางตัวเหมือนคนในครอบครัวของเขาได้อย่างแนบเนียนทีเดียว

พวกเขากลับมาถึงบ้าน วิวาห์เขย่าตัวปลุกเด็กหญิงที่หลับปุ๋ย พอยี่หวาหายงัวเงียก็อุ้มถังไอศกรีมของตัวเองเดินเข้าบ้านไปคนแรก เรียกหายายเอิบพี่เลี้ยงใหญ่

“คุณฟอร์ดทานข้าวเย็นด้วยกันมั้ยครับ” วิวาห์เอ่ยชวนตามมารยาท อีกฝ่ายพยักหน้ารับแบบไม่เกี่ยงงอน

ป้าเอิบยังแอบวิจารณ์ลับหลังอยู่บ่อย ๆ ว่าทำไมคนเป็นถึงผู้บริหารใหญ่ของบริษัทอย่างธาดาถึงได้มีเวลามาตามเฝ้าว่านได้บ่อยขนาดนี้

“ไม่มีงานมีการทำหรือไงคะ...ป้าเอิบแค่เป็นห่วงงานของคุณน่ะค่ะ” หญิงชราพูดกระแทกเสียง ธาดายิ้มกว้างไม่สะดุ้งสะเทือน

“ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ ขอบคุณยายเอิบมากที่เป็นห่วงผม”

ยายเอิบสะบัดหน้าเดินหนีไปอีกทาง วิวาห์เลยพูดปลอบใจแขกที่เขาชวนอยู่ทานข้าวด้วยกันเอง

“อย่าคิดมากเลยนะครับ ยายเอิบก็แบบนี้ล่ะ ปากจัดแต่จริง ๆ ใจดีมาก”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ เริ่มจะชินแล้วล่ะ” ธาดาหัวเราะ“สงสัยแกคงจะไม่มีวันชอบแน่ ๆ”

รับประทานอาหารร่วมกันเย็นวันนั้น วิรัตน์กับภรรยาไม่อยู่บ้านเพราะติดประชุมต่างจังหวัดก็เลยพากันไปเที่ยวทั้งคู่ ส่วนวิรุฬก็ติดงานไม่ได้กลับบ้านเช่นกัน ธาดาอยู่ช่วยวิวาห์เก็บข้าวของทำความสะอาดแล้วก็เตรียมของเอาไว้ทำกับข้าวมื้อต่อไปอยู่ในครัวด้วยกันสองคน

หวันยิหวาเข้านอนไปนานแล้วกับยายเอิบ พ่อกับแม่ก็อยู่ในห้องทำงานกันเงียบ ๆ เหมือนทุกวัน

“เห็ดพวกนี่แช่ทิ้งเอาไว้เลยใช่มั้ยว่าน” ธาดาหันมาถามวิวาห์พยักหน้ารับ

“ใช่ครับ คุณฟอร์ดกลับเลยก็ได้นะ ที่เหลือว่านจัดการเอง...รบกวนมากแล้วว่านเกรงใจ”

“เกรงใจอะไรกัน สนุกดี”ธาดาว่า ช่วยจัดการลำเลียงของที่เตรียมเอาไว้เสร็จแล้วเข้าตู้เย็น “กุ้งจะแกะไว้เลยมั้ย”

“เอาไว้พรุ่งนี้ดีกว่าครับ”

“ว่านทำสองคนกับยายเอิบเหนื่อยหรือเปล่า รู้สึกว่าเยอะเหมือนกันนะเนี่ย” เขาพูดขึ้นกวาดตามองข้าวของและเมนูที่วางอยู่เต็มโต๊ะ “จ้างคนมาช่วยดีมั้ย”

“ไม่หรอกครับ ว่านทำไหวอยู่ไม่ได้เหนื่อยมากอะไร”คนพูดเงยหน้าขึ้นตอบยิ้ม ๆ วิวาห์ดูผอมลงไปแต่ก็สดชื่นแจ่มใสดี “คุณฟอร์ดกลับเถอะ ขอบคุณมากครับ”

ธาดารีรออยู่ครู่หนึ่ง

“ว่าน ..อยากไปดูหนังด้วยกันมั้ย”

“ดูหนังเหรอครับ” วิวาห์ทวนคำ “คงไม่ได้หรอกว่านต้องอยู่เป็นเพื่อนยี่หวา ไม่สะดวกจริง ๆ ครับ”

“ก็จริง ..ขอโทษด้วยนะ”

“ขอโทษทำไมครับ” คนฟังเลิกคิ้ว

“ว่านทุ่มเทให้ลูกมากเลยนะ ถ้าไม่ได้สัมผัสเองก็คงไม่รู้เลย” ธาดาพูดเหมือนพูดกับตัวเอง “ว่านเก่งจริง ๆ”

“ขอบคุณครับ” วิวาห์ยกมือขึ้นเกาแก้ม “เอ่อ...ว่านไปส่งที่รถนะครับ”

ธาดากลับไปแล้ว วิวาห์กลับมาจัดของต่อจนเรียบร้อยก็ขึ้นนอน อดคิดถึงสีหน้าท่าทางรวมถึงคำพูดของอีกฝ่ายขึ้นมาไม่ได้ จะว่าไป...คำชมของธาดาก็ทำให้ว่านรู้สึกดีมากจริง ๆ เหมือนมีคนมองความสามารถของว่านยังไงก็ไม่รู้

ทั้งที่ว่านโตมากแล้วก็ยังชอบคำชมอยู่เหมือนสมัยยังเป็นเด็ก ...ช่างไม่โตเลยจริง ๆ วิวาห์ถอนหายใจยาวแล้วก็นอนหลับไป

วันรุ่งขึ้นธาดามาหาที่บ้านอีกในตอนเย็นหลังจากกินข้าวเสร็จ ชายหนุ่มเข้ามาช่วยว่านเตรียมของราวกับทำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ว่านก็ไม่ทักท้วงอะไร ปล่อยให้เขาช่วยทำนู่นทำนี่ในครัวเหมือนปกติ

“สับปะรดนี่ให้พี่ปอกเลยมั้ย”

“ได้ครับ ใส่กล่องเอาไว้ก็ได้”

“ว่านเอาหมูแผ่นไว้ตรงไหนนะ”

“เหนือตู้เย็นครับ”


หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน11 12/4/63 p6
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 12-04-2020 19:52:13









          “วีว่าคุณลุงฟอร์ด” เสียงแจ้ว ๆ ดังมาก่อนตัวจะวิ่งมาถึงเสียอีก หวันยิหวาลากกระโปรงนอนตัวใหม่ลงบันไดมาหามารดา “กินไอติมกันมั้ยคะ”

“หมดโควตาแล้วค่ะ ยี่หวากินไปตอนบ่ายไง” วิวาห์รีบพูด“จะถึงเวลานอนแล้วนะ ทำไมลงมาข้างล่างอีกลูก”

“ไม่ง่วงเลยค่ะ ดูสิตาใสปิ๊ง ๆ เลย” เด็กหญิงใช้นิ้วเปิดตากว้างแล้วเดินเข้าไปหาคนที่น่าจะใจอ่อนมากกว่า “ลุงฟอร์ดขายี่หวายังไม่ง่วงเลยค่ะแต่วีว่าก็ชอบบังคับยี่หวา จะให้นอน ๆ เดี๋ยวไม่สบายนะ ..เห้อ ยี่หวาท้อจังค่ะ” หวันยิหวาถอนหายใจราวกับผู้ใหญ่ ธาดากลั้นหัวเราะ ย่อตัวลงโอบร่างเล็กบอบบางเข้าหาตัว

“ไม่ง่วงแล้วยี่หวาอยากทำอะไรคะ”

ถามแบบนี้ก็เข้าทางเด็กมาก ๆ หวันยิหวายิ้มหวานหัวเราะคิก

“ยี่หวาอยากดูการ์ตูนต่อค่ะ ที่ลุงฟอร์ดซื้อมาให้สนุ๊กสนุก ยี่หวาชอบมาก”

“ยี่หวา” วิวาห์เรียกเสียงดุ ๆ ขมวดคิ้วใส่ลูกสาว “เวลานอนก็ต้องนอนสิคะ”

“ยังไม่สามทุ่มเลยค่ะ”

“เอาน่ะ...เดี๋ยวลุงฟอร์ดไปดูเป็นเพื่อน ตกลงไหมคะ”ธาดาพูดเนิบ ๆ หันไปมองวิวาห์แทนคำขอโทษ“นาน ๆ ทีน่ะว่าน ไม่ใช่ทุกวันเสียหน่อย ..เอ่อ...ขออนุญาตพาน้องยี่หวาขึ้นไปส่งที่ห้องนอนได้มั้ยครับ”

วิวาห์ลอบถอนหายใจ

“ก็ได้ครับ แต่สามทุ่มต้องนอนนะ”

“แน่นอนค่ะ” หวันยิหวาพยักหน้ารับแล้วเขย่ามือคุณลุงเหมือนส่งซิกอะไร

“ขอเอาไอติมขึ้นไปด้วยนะ ...จะกินเองไม่ได้ให้ยี่หวากินหรอก” ธาดาพูดอ้อมแอ้ม

วิวาห์จุ๊ปาก มองลูกสาวที่รีบกระโดดกอดคอคุณลุงฟอร์ดเอาไว้แน่น ยอมให้เขาอุ้มเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนชั้นสองของบ้าน ไม่ถึงสิบนาทียายเอิบก็ปรากฏตัวที่หน้าห้องครัว

“น้องว่าน” เธอเรียกเขาเสียงแหลม ว่านเดาออกว่ายายเอิบจะพูดอะไรก่อนที่เธอจะอ้าปากพูดเสียอีก “ทำไมปล่อยให้คุณฟอร์ดขึ้นไปบนห้องนอนของคุณหนูยี่หวาแบบนั้นคะ”

“ไม่มีอะไรนี่ ยี่หวาอยากดูการ์ตูน”

“ไม่ได้นะคะ คุณฟอร์ดเป็นผู้ชาย แถมเป็นคนแปลกหน้าอีก จะปล่อยให้อยู่กับคุณหนูสองคนได้ยังไงคะ สมัยนี้รู้หน้าไม่รู้ใจ เกิดเขาทำอะไรคุณหนูขึ้นมาจะทำยังไง”

ว่านชะงัก เขาก็ลืมคิดเรื่องนี้ไปก็เลยเดินขึ้นบันไดไปดูเสียหน่อย เปิดประตูห้องเข้าไปก็เห็นยี่หวานอนดูการ์ตูนอยู่บนเตียงตาแป๋ว ส่วนธาดานั่งอยู่ที่พื้นข้างเตียงตักไอศกรีมเข้าปากสลับกับตักป้อนให้เด็กหญิง

“วีว่ามาดูด้วยกันสิคะ”

วิวาห์สบตาธาดา เห็นแววตาคู่นั้นมองมาอย่างงง ๆ ก็รู้สึกผิดขึ้นมาในใจนิดหนึ่ง ที่จริงธาดาก็ดูเป็นคนไว้ใจได้ เขาไม่ควรจะระแวงเรื่องนี้เลย

“ไม่เห็นในข่าวเหรอคะ คนที่โดนแบบนี้ก็เป็นคนใกล้ตัวไว้ใจได้ทั้งนั้นแหละค่ะกว่าจะรู้อีกทีลูกเราหลานเราก็ถูกทำมิดีมิร้ายไปแล้ว คราวนี้ยายเอิบไม่สบายใจเลยนะคะที่น้องว่านปล่อยปละละเลยคุณหนูแบบนี้ คราวหน้าอย่าทำแบบนี้เลยนะคะ พูดก็พูดเถอะคุณธาดาอะไรนี่ยายเอิบไม่ไว้ใจเลยลางสังหรณ์บอกว่าเขาไม่ใช่คนดิบดีอะไร”

ยายเอิบเปิดฉากเรื่องนี้อีกครั้งหลังจากที่ธาดากลับไปแล้ว วิวาห์เองก็เริ่มเครียดอยู่เหมือนกัน

“คุณธาดาเขาไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก”

“แล้วน้องว่านมั่นใจได้ไงคะ” พี่เลี้ยงเก่าแก่ย้อน “กันไว้ดีกว่าแก้นะคะ ยังไงยายเอิบก็ไม่อยากให้น้องว่านต้องมาเสียใจทีหลัง”

วิวาห์เถียงไม่ออก เขาเองถึงจะรู้จักธาดามาเป็นปีแต่ว่าก็เพิ่งจะไปมาหาสู่ใกล้ชิดได้ไม่กี่เดือน พูดได้ไม่เต็มปากหรอกว่าเขาเป็นคนดีหรือไม่ดี แต่ความรู้สึกลึก ๆ ของว่านก็บอกว่าเขามาดีนะ น่าจะรักเอ็นดูยี่หวาด้วยใจจริง...วิวาห์รีบหยุดความคิดของตัวเอง ก็เพราะความเชื่อมั่นผิด ๆ ถูก ๆ ของตัวเองไม่ใช่เหรอถึงได้พาชีวิตมาถึงจุดนี้

ขนาดอามันต์ที่เขาคิดว่ารักก็ยังไม่เคยรักเขาเลย แล้วจะไปมั่นใจอะไรกับคนอื่นอีก...

ชื่อของอามันต์ทำให้ว่านไม่สบายใจ คุณฟอร์ดไม่เหมือนพี่อาร์มก็จริงแต่ว่าว่านก็ไม่รู้ว่าทำไมคนเพียบพร้อมอย่างคุณฟอร์ดถึงมาตามว่านได้

ท่าทางของวิวาห์เริ่มเปลี่ยนไปจนธาดารู้สึกได้ อดีตนักร้องไม่ได้ชวนเขาอยู่รับประทานอาหารต่อเหมือนเคย ธาดาเองก็ไม่ได้เซ้าซี้แต่ก็ดูออกว่าเขาเสียใจที่ว่านปฏิเสธ

“ลุงฟอร์ดไม่มาแล้วเหรอคะวีว่า”คนที่ถามหาลุงฟอร์ดมากที่สุดก็คือหวันยิหวา เด็กหญิงนั่งรอเก้อมาสามวันแล้ว “ลุงฟอร์ดไปไหนคะ”

“นั่นสิ อาทิตย์นี้ไม่เห็นเลยนะ” พี่วัตทักขึ้นบ้าง พวกเขากำลังนั่งดูโทรทัศน์ด้วยกันในห้องรับแขก “ทะเลาะกันเหรอ” เขาถามน้องชาย

วิวาห์ส่ายหน้า

“เปล่านี่ครับ เขาก็คงมีธุระของเขา ว่านไม่รู้หรอก” วิวาห์ไม่อยากยอมรับว่าการที่ธาดาหายไปก็ทำให้เขารู้สึกคิดถึงอยู่เหมือนกัน

วิรัตน์หรี่ตาลง จับความผิดปกติของน้องชายได้ทันทีเขารอจนทุกคนขึ้นห้องไปนอนหมดแล้วเหลือแค่น้องชายคนกลางที่ยังทำอะไรง่วนอยู่คนเดียวในครัว วิรัตน์เดินเข้าไปหา

“ว่านทำไรอยู่”

“พี่วัต ว่านกำลังเตรียมของพรุ่งนี้อยู่ครับ” วิวาห์ตอบเนิบ ๆ เอาหมูออกมาหมักเตรียมเอาไว้ “พี่วัตมีอะไรหรือเปล่า”

“มีเรื่องอะไรกับคุณฟอร์ดเหรอ เล่าให้พี่ฟังได้นะ”

“อ๋อ”วิวาห์เสยผมขึ้น “ก็ไม่มีอะไรนะครับ”

“คนมาทุกวัน จู่ ๆ ไม่มามันไม่แปลกเหรอ”

วิวาห์เงียบ สุดท้ายก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นรวมถึงความเห็นของยายเอิบให้ฟัง วิรัตน์ขมวดคิ้ว

“คนแก่น่ะ จะไปเอานิยมนิยายอะไร” พี่ชายพูดขึ้น“ว่านก็เลยไม่สบายใจเรื่องนี้ใช่มั้ย”

“ครับพี่วัตคิดว่ายังไง”

“ไม่มีใครรับรองแทนใครได้หรอก พี่เองก็ไม่ได้รู้จักคุณฟอร์ดดีพอที่จะพูดได้ ที่ยายเอิบพูดมามันก็ถูกอยู่ คนสมัยนี้ไว้ใจยาก มันวิปริตมากขึ้นทุกที บางคนแต่งตัวดี ๆ เป็นโรคจิตก็มี...”

คนฟังนิ่งไป วิรัตน์เห็นมือที่ขยับมีดอย่างคล่องแคล่วเมื่อกี้เริ่มช้าลง เขารู้ว่าว่านกังวลเรื่องอะไร

“ว่านกลัวว่าจะซ้ำรอยเดิมใช่มั้ย กลัวว่าคุณฟอร์ดเขาจะมาหลอกว่านเหมือนอาร์ม”

วิวาห์วางมีดลงกับเขียง เงยหน้าขึ้นมองพี่ชาย

“ใช่ครับ” วิวาห์ตอบ“เรื่องคราวนั้นมันทำให้ว่านกลัวไปหมดว่านเคยตัดสินใจผิดมาทีหนึ่งแล้วแล้วมันเละตุ้มเป๊ะ เป็นเพราะตอนนั้นว่านเชื่อตัวเองไม่ฟังใครเลย”

“พี่ถามจริง ๆ เถอะนะ ในสายตาของว่าน คุณฟอร์ดเขาเป็นยังไง”

“เขารักยี่หวาจริง ๆ นะ ว่านคิดว่าตัวเองสัมผัสได้” วิวาห์ตอบกลับมาแล้วยักไหล่ “แต่ก็นั่นแหละ ว่านไม่กล้าเชื่อเซ้นส์ของตัวเองแล้วล่ะ มันผิดพลาดไปไม่รู้กี่รอบแล้ว ที่จริงอยู่แบบนี้ก็สบายดี ไม่ต้องหาเหาใส่หัวหรอก”

วิรัตน์ขยับตัว

“จริง ๆ แล้วพี่ก็มีเรื่องสำคัญมาบอก ยังไม่ได้บอกพ่อกับแม่เลยกลัวว่าจะตกใจ” เขาพูดขึ้นท่าทางไม่สบายใจเท่าไหร่ “บริษัทจะเลื่อนตำแหน่งให้พี่แต่ว่าต้องย้ายไปคุมโรงงานที่....ห้าปี” เขาเอ่ยชื่อประเทศหนึ่งในเอเชียออกมา วิวาห์ตกใจ

“ห้าปีเลยเหรอครับ”

“ใช่พี่ปรึกษากับพี่เบสต์แล้วก็ตกลงกันว่าจะไปเพราะถ้าพี่ยังอยู่ที่นี่ก็คงจะตันอยู่ที่ตำแหน่งเดิมไปจนเกษียณ ย้ายไปอยู่นู่นก็น่าจะมีโอกาสอะไรดีกว่า เบสต์เองก็จะไปหางานใหม่ที่นู่นเหมือนกัน รายได้ดีกว่าอยู่ที่เดิมหลายเท่า” วิรัตน์ถอนหายใจ “ติดตรงที่เป็นห่วงที่บ้านกับยี่หวานี่ล่ะ ยังรักษาไม่หายเลย”

วิวาห์จับความรู้สึกของพี่ชายได้

“พี่วัตไม่ต้องห่วงว่านกับยี่หวาเลย” เขาพูดเสียงหนัก “ว่านดูแลตัวเองได้ ดูแลลูกแล้วก็พ่อกับแม่ได้ ว่านจะอยู่ที่นี่เองครับ”

“ไอ้วินมันคงแต่งงานปีหน้า อาจจะย้ายไปอยู่ใต้ตามแฟนมัน” วิรัตน์ปรารภ“แยกย้ายกันไปหมด”

“พี่วัตไว้ใจว่านมั้ย”

“พี่ต้องถามว่าว่านไว้ใจตัวเองหรือยังมากกว่า” วิรัตน์พูดเนิบ ๆ “พี่เป็นห่วง”

“พี่วัตจะไปเมื่อไหร่ครับ”

“น่าจะต้นเดือนหน้า”

“ยังมีเวลานิดหน่อย” วิวาห์พยักหน้ารับ “จะให้บอกพ่อแม่เลยมั้ย หรือว่ายังก่อน”

“เอาไว้พี่จะบอกเอง”

วิวาห์กลับไปนอนคิด ถ้าพี่วัตไปอยู่ที่อื่นก็เท่ากับว่าบ้านหลังนี้ว่านจะเป็นหัวหน้าครอบครัวเต็มตัว ดูแลพ่อแม่แล้วก็ยี่หวารวมถึงยายเอิบด้วยเรื่องรายจ่ายว่านไม่เป็นห่วงเพราะพี่วัตออกปากว่าจะรับผิดชอบของพ่อกับแม่ให้ ว่านแค่ลงแรงคอยดูแลพวกท่านเท่านั้น ปีนี้โรคภัยก็เริ่มถามหาแล้วทั้งคู่เพราะอายุมาก ว่านมองเห็นภาระหนักอยู่ในอนาคตเหมือนกัน

แต่ว่านก็ไปไหนไม่ได้ เขาคือลูกคนที่จะต้องอยู่บ้านเป็นคนคอยดูแลพ่อกับแม่ เพราะเขาไม่มีครอบครัวอื่น หรือถึงมีก็ยังนึกไม่ออกว่าจะทิ้งพ่อกับแม่ให้อยู่กันสองคนได้ยังไง ไหนจะยายเอิบอีกคน

“คุณฟอร์ด...ทางนี้ครับ” ว่านอยากตีตัวเองอยู่เหมือนกันที่เผลอตะโกนเรียกชายหนุ่มคนนั้นเสียงดังลั่นตลาด อาทิตย์ที่ผ่านมาคุณฟอร์ดไม่ได้มาหาว่านเลย ส่งมาแต่ข้อความว่าไปประชุมต่างประเทศเท่านั้น ท่าทางคุณฟอร์ดประหลาดใจเหมือนกันที่ว่านเรียกเขาเอาไว้

“ว่าน เกือบเที่ยงแล้วยังซื้อของไม่เสร็จเหรอ” คุณฟอร์ดรู้ตารางชีวิตของว่านดี “ขาดอะไร”

“หาน้ำตาลปี๊บอยู่”

วิวาห์ไม่ได้ถามว่าทำธาดาถึงมาอยู่ที่ตลาดเวลานี้ ส่วนธาดาเองก็ไม่อธิบายเช่นกัน เขาทำตัวเป็นปกติทุกอย่างเพียงแต่ว่าไม่ได้ขออยู่ทานข้าวด้วยแล้ว

“ไปประชุมมา...เห็นแล้วนึกถึงเลยซื้อมาฝาก” คุณฟอร์ดส่งช็อกโกแลตกล่องใหญ่มาให้ว่านรับไว้ตอนที่มาส่งที่หน้าบ้าน “แบ่งยี่หวาด้วยนะ อย่ากินคนเดียวหมด”

“แหม เห็นผมเป็นคนยังไง” ว่านเกือบค้อนแต่ยั้งเอาไว้ทัน รับมาเปิดออกดู เป็นขนมยี่ห้อโปรดของว่านจริง ๆ ด้วย “ขอบคุณมากครับ”

“ไปก่อนนะ”

“..........” วิวาห์ลังเลจับที่เปิดประตูรถเอาไว้ “คือ...คุณฟอร์ดอยากลองชิมน้ำปั่นสูตรใหม่ของผมมั้ยครับ เพิ่งทำเสร็จเมื่อเช้า” เขาพูดเร็วปรื๋อ

อีกฝ่ายเงียบไป ว่านหันไปมองก็เห็นนัยน์ตาคมกริบหลังแว่นสีเงินเป็นประกายวาววับ ท่าทางฟอร์ดดีใจมากที่เขาชวน

“เอาสิขอบใจนะว่าน” ธาดาลงจากรถ ช่วยวิวาห์ถือของที่ซื้อมากลับเข้าไปในบ้าน

วันที่วิรัตน์กับพี่เบสต์ต้องออกเดินทางก็มาถึงจนได้ พวกเขาออกไปส่งที่สนามบินกันทั้งบ้าน หวันยิหวาเกาะมือคุณยายยืนร้องไห้ไม่อยากให้ลุงวัตไปไหนไกล ทำเอาผู้ใหญ่ใจเหลวเป็นน้ำ วิรัตน์เองก็ห่วงหน้าพะวงหลังกังวลไม่แพ้กัน

“เดินทางปลอดภัยนะครับพี่วัต” วิวาห์จับมือพี่ชายเอาไว้แน่น “ติดต่อมาบ้างนะ”

“ดูแลตัวเองนะว่าน ยี่หวาด้วยนะลูก...หายไว ๆ นะครับ ลุงวัตจะซื้อตุ๊กตาสวย ๆ ส่งมาให้เยอะ ๆ เลย ดีมั้ย”

“ดีค่ะ” เด็กหญิงพยักหน้าแต่น้ำตาไหลพราก “ทุกเดือนเลยนะคะ ยี่หวาคิดถึง”

วิรัตน์ดึงตัวหลานสาวคนเดียวเข้าไปกอด วิรุฬเองก็มาส่งพี่ชายพร้อมกับครูเตยคนรัก พ่อกับแม่ยืนน้ำตาคลอเพราะลูกชายไม่เคยจากไปนานขนาดนี้ สมัยตอนไปเรียนก็แค่สองปี

“กลับมาเยี่ยมบ้างนะลูก ดูแลตัวเองด้วย หนูเบสต์ด้วยนะ”

“ครับแม่ ไม่ต้องห่วงผมแม่กับพ่อรักษาสุขภาพดี ๆ แล้วกันไอ้ว่านจะได้ไม่เหนื่อยมาก...มีอะไรก็โทรมาไลน์มาได้ตลอดนะรู้มั้ยว่าน ห้ามเก็บเอาไว้คนเดียวรู้หรือเปล่า” วิรัตน์หันไปหาน้องอีกครั้ง เขาเป็นห่วงว่านมากที่สุดเพราะรู้ว่าน้องเป็นคนยังไง “มีเรื่องอะไรก็ต้องเล่า ถ้าฉันมารู้ทีหลังนะโดนแน่”

วิวาห์หัวเราะออกมาได้ทั้งน้ำตา

“โธ่พี่วัต...จนจะไปแล้ว ว่านรู้แล้วน่ะ”

วิรัตน์กับพี่เบสต์ขึ้นเครื่องบินไปแล้ว ชีวิตของว่านกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง บ้านที่ไม่มีพี่วัตกับพี่เบสต์ดูโหวง ๆ ไปไม่น้อยเลย วิรุฬก็ไป ๆ มา ๆ ระหว่างที่บ้านกับต่างจังหวัดที่ทำงานอยู่

ธาดาแวะมาหาว่านบ่อย ๆ อาทิตย์นึงไม่ต่ำกว่าสี่ครั้ง ความสม่ำเสมอของอีกฝ่ายทำให้เสียงยายเอิบเริ่มอ่อนลงไปเอง เผลอแป๊บเดียวยี่หวาก็ได้รับยาเคมีบำบัดมาหนึ่งปีแล้ว

“เกินครึ่งทางแล้วนะครับ” นายแพทย์เอ่ยชมคนไข้ตัวน้อย “เก่งมาก ๆ เลยยี่หวา”

“ผลเลือดเป็นไงบ้างครับ”

“ผลตรวจเลือดกับไขกระดูกล่าสุดดีมาก ไม่เจอเซลล์มะเร็งแล้ว น้องยี่หวาตอบสนองต่อการรักษาดีมาก” คุณหมอพูดยิ้ม ๆ “ทีนี้ก็อย่างที่คุยกันไว้พอรักษาด้วยยาเคมีบำบัดจนกดเซลล์มะเร็งไปหมดแล้วเราก็จะเปลี่ยนถ่ายไขกระดูกกันต่อ”

“ครับ”

“หมอลงชื่อจองคิวให้กับยี่หวาเอาไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ว่าตอนนี้ก็ยังไม่เจอเซลล์ต้นกำเนิดของผู้บริจาคที่เข้ากันได้กับของยี่หวาเลย โอกาสมันค่อนข้างยากมาก เสียดายที่ยี่หวาไม่มีพี่น้อง ผลเลือดของคุณกับญาติสนิทในครอบครัวก็ไม่มีใครเข้ากันได้”

วิวาห์เม้มปาก

“ถ้าเป็นพี่น้องกันจะมีโอกาสมากกว่าใช่มั้ยครับ”

“ใช่ครับ โอกาสที่พี่น้องพ่อแม่เดียวกันจะมีผลเลือดเข้ากันได้ประมาณยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์”

“แต่พ่อยี่หวาเสียไปแล้ว”

“..หมอเสียใจด้วยจริง ๆ ครับ แต่ว่ายังไงเราก็ไม่ควรถอดใจยอมแพ้ ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งปีที่จะค้นหาเซลล์ต้นกำเนิดที่เหมาะสมให้กับยี่หวา ถ้าไม่มีจริง ๆ หมอก็จะใช้สเต็มเซลล์ของยี่หวาเองในการปลูกถ่ายครับ”

“ผมไปอ่านมาเห็นว่าเขามีการใช้สเต็มเซลล์ของรกด้วย”

“ครับแต่โอกาสที่จะแมชต์กับยี่หวาก็น้อยมากถ้าไม่ใช่พี่น้องคลานตามกันมา”คุณหมอส่งยิ้มมาให้เขาปลอบใจ “คุณวิวาห์อย่าเพิ่งใจเสีย ยังไงตอนนี้อาการของยี่หวาเรียกว่าดีมาก ๆ ถ้าไม่ได้จริง ๆ หมอคิดว่าการใช้เซลล์ของยี่หวาเองก็เป็นทางเลือกอีกทางได้ครับ”

“ขอบคุณครับคุณหมอ”

วิวาห์กลับออกมาจากห้องตรวจ หวันยิหวาจูงมือธาดาเดินเข้ามาหา

“วีว่าคะ ยี่หวาอยากเล่นเครื่องเล่นข้างหน้าก่อนกลับได้มั้ยคะ”

“อย่าเพิ่งเลยลูก เดี๋ยวตอนบ่ายต้องให้ยาต่อนะ” วิวาห์ตอบยกมือขึ้นลูบศีรษะทุยสวยที่โล้นเกลี้ยงเบา ๆ อย่างสงสาร ผลเลือดของยี่หวาดีขึ้นก็จริงแต่ว่าก็ยังเปลี่ยนถ่ายไขกระดูกไม่ได้

ธาดามองหน้าเขา

“ไปทานข้าวกันเถอะ แล้วค่อยว่ากัน” ชายหนุ่มพูดเนิบ ๆ

วิวาห์เล่าเรื่องการปลูกถ่ายไขกระดูกของหวันยิหวาให้ธาดาฟัง ชายหนุ่มทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีมาตลอดหนึ่งปีจนวิวาห์เองก็วางใจในตัวเขาไม่น้อย ธาดาดูเคร่งเครียดทีเดียวตอนที่เขาเล่าจบ

“แล้ว...พ่อของยี่หวา...”

วิวาห์ถอนหายใจยาว

“เสียไปแล้วครับ” วิวาห์เก็บใบไม้บนเก้าอี้มาพับเล่น เขาออกมานั่งรอในสวนของโรงพยาบาลระหว่างที่หวันยิหวาเข้าไปรับยาเคมีบำบัด “ว่านก็เลยไม่รู้ว่าจะทำยังไง เหมือนรอความหวังลม ๆ แล้ง ๆ”

“ถ้า..สมมุติว่าว่านมีลูกใหม่ล่ะ”

“โอกาสเข้ากันก็น้อยครับ เพราะไม่ใช่พ่อเดียวกัน” วิวาห์ตอบตรง ๆ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยคิดเรื่องนี้ “ว่านคงต้องรอปาฏิหาริย์แล้วล่ะ โอกาสหนึ่งในแสนคงจะมาถึงยี่หวาเร็ว ๆ นี้”

ธาดาไม่ได้ออกความเห็นอะไรอีก พวกเขานั่งคุยกันเรื่อยเปื่อยไปเรื่องอื่นรอจนหวันยิหวาเสร็จเรียบร้อยก็พาลูกกลับบ้าน ยายเอิบไม่ได้ออกมารอรับเหมือนเคย วิวาห์เดินตามหาจนทั่วบ้านก็มาเจอแกนอนอยู่ที่หลังบ้านตรงลานซักผ้า ว่านตกใจมาก

“ยายเอิบ ...ยายเอิบตื่นสิ เป็นอะไรไป”เขาเข้าไปเขย่าเรียก พี่เลี้ยงเก่าแก่ลืมตาขึ้นมองหน้าเขางง ๆ

“น้องว่าน ..” ยายเอิบดันตัวลุกขึ้นนั่งยกมือขึ้นคลำศีรษะพลางสูดปาก “เมื่อกี้ลื่นก็เลยหงายหลังไปน่ะค่ะ”

“ไปโรงพยาบาลดีมั้ยครับ ให้หมอดูหน่อย” ว่านพูดอย่างเป็นห่วง ช่วยคลำดูด้านหลังศีรษะก็เจอว่ายายเอิบหัวโนขึ้นมาเป็นลูกมะนาว

“โอ๊ยลื่นหัวโนนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอกน่ะน้องว่าน ตื่นเต้นไปได้” ยายเอิบดุเขา แล้วลุกขึ้นยืน“ไม่เห็นเป็นอะไรเสียหน่อย”

“แต่เมื่อกี้ยายเอิบสลบไม่ใช่เหรอ” ว่านค้าน

“คุณเพิ่งกลับจากโรงพยาบาลมาก็จะไปอีกแล้วเหรอคะ ไม่ต้องห่วงยายเอิบหรอกค่ะ ยายเอิบหัวแข็ง แค่นี้ไม่ระคาย...แล้วนี่คุณหนูยี่หวากลับมาแล้วใช่มั้ยคะ เดี๋ยวยายเอิบขอไปดูก่อน”

วิวาห์เห็นยายเอิบลุกเดินได้ปกติดีก็ถอนหายใจยาว อีกฝ่ายเป็นคนดื้อมาแต่ไหนแต่ไรแถมยังกลัวหมอกลัวโรงพยาบาลตามแบบฉบับคนโบราณรุ่นก่อน ถ้าให้ไปเฝ้าคุณหนูของเธอน่ะได้ แต่ถ้าไปเองเป็นไม่ยอมทุกที

เขาจับตาดูยายเอิบเงียบ ๆ เห็นไม่มีอาการผิดปกติอะไรก็เบาใจ

ธาดาอยู่รับประทานอาหารเย็นด้วยกัน ชายหนุ่มกลายเป็นแขกประจำของบ้านนี้ไปแล้ว พ่อกับแม่พูดกับเขาเหมือนเป็นเพื่อนลูกชายคนหนึ่ง วิรุฬเองก็เข้ากับธาดาได้ดีเพราะว่าชอบฟุตบอลทีมเดียวกัน ส่วนวิรัตน์กลับบ้านทุกสามเดือน ถ้าเจอกันก็พูดจาปราศรัยด้วยดี

ว่านเองก็รู้ว่าตัวเองชอบคุณฟอร์ดอยู่มาก ชอบความใจเย็นและเป็นผู้ใหญ่ของเขา คุณฟอร์ดไม่เคยพูดเรื่องสถานะให้ว่านอึดอัดใจเลยสักครั้ง ในเมื่อว่านไม่รีบร้อนคุณฟอร์ดก็ไม่ได้เร่งรัด ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาคุณฟอร์ดเป็นทั้งเพื่อนและที่ปรึกษาที่ว่านสนิทใจด้วยที่สุดอย่างไม่น่าเชื่อ

“เขายังมาอยู่อีกเหรอ” แป้งทักขึ้นในวันหนึ่งตอนที่พาลูก ๆ มาเยี่ยมเขา “คุณธาดาน่ะ”

“อืมแต่เห็นวันนี้บอกว่ามีธุระไม่ได้มาหรอก” วิวาห์ตอบ มือก็ทำอาหารไปด้วย กิจการของว่านอาหารคลีนกำลังไปได้ดีมาก ตอนนี้ว่านจ้างลูกจ้างเพิ่มคนนึงแล้วมาช่วยเตรียมของ “ไม่เจอแป้งเสียนาน เป็นไงบ้างอังกฤษ”

“โอ๊ยอยู่ไม่นานก็เบื่อแล้วล่ะถ้าไม่ติดว่าพาลูกไปเข้าเรียนนะ” แป้งถอนหายใจเฮือก เธอพาลูก ๆ ทั้งสามไปเรียนซัมเมอร์ที่อังกฤษหลายเดือน “ฉันน่ะไม่ชอบสังคมเขาเลยว่านแต่ก็จนใจเพราะพ่อเจ้าสามหน่ออยากให้ลูกเก่งภาษา แหม...เรียนในประเทศก็เหมือนกันนั่นแหละ”

“ไม่เหมือนหรอก” ว่านหัวเราะ“มีโอกาสได้ไปเรียนถึงถิ่นเจ้าของภาษาก็ดีอยู่แล้ว ได้พูดได้เขียนทุกวันมันก็จะคล่องขึ้นเอง”

“ก็จริง ..ตอนนี้ลูกก็พูดได้ทุกคนแล้วล่ะ”แป้งยอมรับ “เหลือแค่ฉันเนี่ยแหละที่ไม่กระดิกหูเลยสักนิด” แป้งก็ยังเป็นแป้งคนเดิมเมื่อหลายปีก่อน วิวาห์คิดในใจแล้วยิ้มออกมา

“ฝึกไปเดี๋ยวก็เก่งเอง”

“เหมือนที่เธอเป็นพ่อครัวหัวป่าก์ไปแล้วใช่มั้ย” แป้งแซว“เห็นลงนิตยสารด้วยนี่ดังใหญ่แล้วว่าน”

“คุณฟอร์ดเขาชวนน่ะ” วิวาห์พูดเพื่อนจ้องหน้าเขาอย่างจับสังเกต

“แน่ะมีอะไรในกอไผ่หรือเปล่า”

“ไม่มี๊” วิวาห์พูดเสียงสูงเล่น ๆ อีกฝ่ายตีแขนเขาดังเผี๊ยะ

“ว่าน..มีความลับกับเพื่อนเหรอ” แป้งพูดต่อด้วยเสียงจริงจังขึ้น มองหน้าเขาอย่างระมัดระวัง “ว่านเคยไปบ้านของคุณฟอร์ดเขาแล้วหรือยัง”

“ยัง”วิวาห์ส่ายหน้า

“เขาไม่ชวนหรือว่านไม่ไปเอง”

“เขาไม่ชวน”

แป้งทำท่าเหมือนมีลับลมคมใน วิวาห์ขมวดคิ้ว

“มีอะไรจะบอกก็บอกมาเลย อย่ามาอึกอัก”

“ว่านชอบเขาหรือยัง คุณฟอร์ดคนนี้น่ะ”

“ถ้าเป็นเพื่อนก็ชอบอยู่เหมือนกัน เขาพึ่งพาได้”วิวาห์ตอบตามตรง “แป้งบอกฉันมาเถอะ มีอะไรเกี่ยวกับเขาใช่มั้ย”

หญิงสาวอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ พอถูกวิวาห์คาดคั้นเข้าก็ยอมเล่าหมดเปลือก

“อย่าโกรธนะว่าน ฉันก็เพิ่งรู้เหมือนกันเพราะเห็นเขาตามจีบว่านก็เลยแอบไปสืบมา” แป้งกลืนน้ำลายลงคอฝืด ๆ “คุณฟอร์ดคนนี้น่ะเขาแต่งงานแล้วนะว่าน มีลูกแล้วด้วยคนนึงโตแล้ว”

.................................................................................................



มาอัพต่อนะคะ

หายไปปิดเรื่องสาปดาวมาค่ะ

ตอนนี้กลับมาต่อวิวาห์อามันต์กันนะคะ

เจอกันตอนหน้าน้า

#วิวาห์อามันต์

หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน11 12/4/63 p6
เริ่มหัวข้อโดย: Mitra ที่ 12-04-2020 21:28:51
อ้าว ทำไมทำงี้ล่ะ มีลูกแล้ว มาจีบว่านทำไม
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน11 12/4/63 p6
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 12-04-2020 22:05:45
อ้าวซะงั้น คุณธาดา เป็นพ่อหม้าย รึยังไง รักแป้ง เป็นเพื่อนแท้
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน11 12/4/63 p6
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 12-04-2020 23:37:56
รู้สึกว่าธาดาแอบรักวีว่ามานาน มีเบื้องหลังอะไรอีกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน11 12/4/63 p6
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 12-04-2020 23:53:05
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน11 12/4/63 p6
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 13-04-2020 01:45:59
แล้วลูกเมียเขาไม่ระแคะระคายเลยเหรอ  :ling2:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน11 12/4/63 p6
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 13-04-2020 02:57:50
อะ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน11 12/4/63 p6
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 13-04-2020 05:32:42
โอ๊ยยย พีคมากค่ะ มีความเชื่อมโยงของพลังงานที่มองไม่เห็น

อาร์มจากไปจริงจังแล้วใช่ไหมคะ คุณนุชคงไม่ได้ปลุกอะไรมาทำใช่ไหม

สงสารว่านมากเลยค่ะ เจ็บซ้ำๆ เจียนตายมาหลายรอบ เกือบเอาตัวไม่รอดอีก
ยี่หวาเกือบไม่รอด แต่เหตุการณ์นี้ ทำให้ว่านเข้มแข็งและพร้อมสู้มากขึ้น
ว่านเจอคนหลอกลวงมาตลอด และตอนนี้ก็ยังไม่ต่างกัน
หวังว่าธาดาคงไม่มาร้ายไปกว่านี้นะคะ

ครอบครัวเป็นกำลังใจและดูแลกันดีมากเลยค่ะ ว่านโชคดี

แล้ววิวาห์อามันต์คืออะไร ในเมื่อไม่มีอาร์มแล้ว ลุ้นมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน11 12/4/63 p6
เริ่มหัวข้อโดย: JadeButterflyεїз ที่ 13-04-2020 12:10:01
อยากลากคุณนักเขียนไปตบกลางสี่แยกอโศก (ช่วงนี้ไม่มีคนนี้หว่า)

มันพลิกไป พลิกมา จนเดาทางไม่ถูกเลย
แถมยังมาตัดจบกันแบบนี้ เสียใจ

รีบๆๆๆ มาต่อนะครับ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน11 12/4/63 p6
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 13-04-2020 17:30:43
คุณฟอร์ดมาดีหรือมาร้าย
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน11 12/4/63 p6
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 13-04-2020 18:59:48
มีอะไรเซอร์ไพรส์ตลอดทุกตอนนต :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน11 12/4/63 p6
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 14-04-2020 14:22:41
อ้าว ยังไงเนี่ยคุณฟอร์ด เป็นห่วงป้าเอิบจังเลย
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ :: 12/4/63 p6
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 26-04-2020 19:57:45
วิวาห์อามันต์

ตอนที่12









...เขาแต่งงานมีลูกแล้วว่าน ไม่เชื่อลองไปดูที่บ้านเขาก็ได้ จะได้รู้ไปเลยให้ฉันไปเป็นเพื่อนก็ได้นะ...เสียงของแป้งยังก้องอยู่ในหู วิวาห์ก้าวลงจากรถแท็กซี่มาหยุดยืนอยู่หน้าบ้านเดี่ยวหลังงามใหญ่โตน้อง ๆ คฤหาสน์ ชะเง้อดูบริเวณโดยรอบแล้วก็เอื้อมมือไปกดกริ่งหน้าประตูรั้ว

หญิงสาวคนหนึ่งเดินแกมวิ่งมาหยุดที่หน้าประตู

“มาหาใครคะ”

“ผมมาหาคุณธาดา” วิวาห์ตอบเรียบ ๆ ชูแฟ้มเอกสารในมือให้ดูเพิ่มความน่าเชื่อถือ “เขานัดเอาไว้ครับ”

“คุณธาดาไม่อยู่ค่ะ” เธอตอบมองเขาอย่างระมัดระวัง วิวาห์เลยยิ้มให้

“ผมไม่ได้เป็นโจรผู้ร้ายอะไรหรอก ผมเพิ่งให้สัมภาษณ์ในนิตยสารของเขาไปเมื่อฉบับก่อนนี่เอง ...นี่ไง” ว่านเปิดนิตยสารฉบับนั้นที่เอามาด้วยให้ดู ท่าทางระแวดระวังของเธอลดลงตามคาด “ผมจะมาคุยกับเขาเรื่องคอลัมน์ใหม่ฉบับหน้าครับ เขาน่าจะกลับมาตอนบ่ายใช่มั้ย ไม่งั้นผมนั่งรอแถวนี้ก็ได้” ชายหนุ่มพูดทำท่าจะนั่งตรงฟุตบาทหน้าบ้านเข้าจริง ๆ

“ถ้างั้น..เดี๋ยวขอไปถามคุณผู้หญิงก่อนแล้วกันนะคะ เผื่อคุณจะได้เข้าไปนั่งรอข้างในได้” เธอพูดเสียงอ่อนลง

ว่านพยักหน้ารับ ยืนรออย่างสงบสาวใช้กลับมาเปิดประตูให้เขาพลางบอกว่าคุณผู้หญิงของบ้านอนุญาตให้ชายหนุ่มเข้าไปนั่งรอข้างใน วิวาห์เก็บอารมณ์ทั้งหมดเอาไว้ภายใต้ท่าทางเรียบเฉยเป็นปกติ หัวใจเต้นรัวตอนที่ย่างเท้าเขาไปภายในห้องรับแขกที่ตกแต่งเอาไว้หรูหราสวยงาม

ภาพถ่ายคู่ของเจ้าของบ้านอัดใส่กรอบสีทองกระทบสายตาเขาเป็นอันดับแรก ผู้ชายที่ยืนโอบกอดหญิงสาวหน้าตาดีคนนั้นคือธาดาไม่ผิดแน่ ส่วนผู้หญิงที่อยู่ในชุดเจ้าสาวก็คือคนเดียวกับที่เดินออกมารับหน้าเขาเวลานี้

“สวัสดีครับ” วิวาห์พูดขึ้นอีกฝ่ายดูมีอายุกว่าในรูปเล็กน้อยดูจากริ้วรอยบนใบหน้าของเธอ

“สวัสดีค่ะ ..คุณฟอร์ดออกไปธุระข้างนอกค่ะ รบกวนนั่งรอก่อนสักครู่นะคะ” เธอพูดยิ้ม ๆ “ดิฉันชื่อกรกมลเป็นภรรยาของคุณฟอร์ดค่ะ”

“วิวาห์ครับ” วิวาห์แนะนำตัวสั้น ๆ “เคยให้สัมภาษณ์ลงในคอลัมน์อาหาร”

“ฉันเคยอ่านค่ะ ..คุ้น ๆ ด้วยว่าแต่ก่อนคุณเป็นนักร้องใช่มั้ยคะ”เธอถาม เดินนำเขาเข้าไปในห้องรับแขก

“ใช่ครับ วงForearm”

“ฉันเคยฟังเพลงของคุณค่ะ ชอบมาก ๆ เลยด้วย” กรกมลตอบด้วยท่าทางเป็นกันเอง “เชิญนั่งก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันจะโทรถามคุณฟอร์ดให้ว่าอยู่ที่ไหนแล้ว ไม่รู้ว่าลืมนัดคุณหรือเปล่า ..พักนี้เขาชอบหลง ๆ ลืม ๆ น่ะค่ะ”

“ขอบคุณครับ” วิวาห์ตอบด้วยเสียงเรียบเรื่อย “เห็นรูปแต่งงานในห้องโถง..สวยดีนะครับ”

“ภาพหลายปีแล้วค่ะ ตอนนี้แต่ละคนก็ร่วงโรยกันไปตามกาลเวลา” เธอหัวเราะเสียงแปร่ง “บางทีอาจจะจำกันไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าเคยเป็นสามีภรรยากัน”

วิวาห์นิ่ง อีกฝ่ายขยับตัว

“คุณวิวาห์แต่งงานหรือยังคะ”

“มีลูกคนนึงแล้วครับ” วิวาห์ตอบยิ้ม ๆ “ห้าขวบแล้ว”

“เหรอคะ ..ดีจังเลย ของฉันเจ็บขวบค่ะ ส่งไปเรียนที่อเมริกาตั้งแต่เด็ก ฉันเองก็บินไป ๆ มา ๆ” เธอพูด“มาช่วงนี้ที่ต้องอยู่นานหน่อย ทิ้งลูกไว้ที่นู่นกับตายายเขา ไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง พูดแล้วชักเป็นห่วง” พอเห็นสีหน้าคนฟังเธอก็ขยายความ “ฉันยังไปไหนไม่ได้น่ะค่ะ ต้องอยู่ช่วยดูแลคุณฟอร์ดเขาก่อน คุณทำงานกับคุณฟอร์ดคงพอทราบแล้วถึงอาการป่วยเรื้อรังของเขาจากอุบัติเหตุหนักเมื่อปลายปีก่อน”

วิวาห์ขมวดคิ้วอย่างฉงน เขารู้ว่าธาดาประสบอุบัติเหตุแต่ไม่รู้ว่าเขายังไม่หายดี

“พอจะทราบอยู่บ้างครับ”

“นั่นแหละค่ะ” เธอถอนหายใจ“ฉันภาวนาอยู่ทุกวันให้ความทรงจำของเขากลับมาเร็ว ๆ เสียที”

“เขาเสียความทรงจำ...ไปมากเหรอครับ” วิวาห์ตกใจมากเขารีบพูดต่อเพื่อไม่ให้อีกคนผิดสังเกต

“ค่ะ ...พูดก็พูดเถอะ” เธอดูอัดอั้นตันใจเหมือนอยากระบายมานานแล้ว “ฉันเองก็ช็อกนะคะ พอได้ข่าวว่าสามีเกิดอุบัติเหตุก็รีบบินกลับมาดู ปรากฏว่าสามีกลับจำเราไม่ได้เลย จำไม่ได้แม้กระทั่งชื่อของลูกหรือแม้แต่วันเกิดของลูก” กรกมลยกมือขึ้นซับน้ำตา “ฉันดีใจที่เขารอดชีวิตนะคะ แต่ว่า...ถ้าเขาจะจำอะไรไม่ได้แบบนี้สู้ตายจากกันไปเสียยังดีกว่า ทุกวันนี้ก็อยู่กันเหมือนคนแปลกหน้า เขาไม่สนใจว่าฉันยังอยู่ในบ้านนี้ด้วยซ้ำ”

วิวาห์อึ้งไป สำหรับเขาแล้วเขาไม่รู้สึกเลยว่าธาดาสูญเสียความทรงจำอะไรไป

“แล้ว...เขาจำอะไรไม่ได้ทั้งหมดเลยเหรอครับ”

“ใช่ค่ะ เรื่องงานในบริษัทที่สร้างมากับมือก็ยังจำไม่ได้ ใช้เวลาเป็นปีกว่าจะรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่แต่ก็ไม่ได้ดีเหมือนเดิม เขาไม่เหมือน...จะพูดว่ายังไงดี ..เขาไม่เหมือนฟอร์ดคนเดิมที่ฉันเคยรู้จักเลยค่ะ คุณรู้สึกเหมือนกันไหมคะ อุบัติเหตุในวันนั้นมันรุนแรงจริง ๆ”

“..............”

“..ขอโทษด้วยนะคะ ฉันบ่นอะไรเอาก็ไม่รู้ คุณอย่าใส่ใจเลยนะคะ คงเป็นความรู้สึกของภรรยาที่ถูกสามีทอดทิ้งล่ะมั้งคะ” เธอพูดอย่างน่าสงสาร วิวาห์ยังนึกหาคำปลอบใจมาพูดไม่ถูก เขาเองก็ตกใจกับเรื่องนี้มากเหมือนกัน แล้วถ้าฟอร์ดความจำเสื่อมไปหมดแล้วทำไมถึงกลับไปหาเขาที่บ้านได้ล่ะ ฟอร์ดก็ควรจะลืมเขาไปแล้วเช่นกันไม่ใช่เหรอ

“คุณผู้ชายกลับมาแล้วค่ะ” แม่บ้านเข้ามาบอก “กำลังจอดรถอยู่ที่โรงรถ”

“โอเค คุณวิวาห์นั่งรอในนี้ก่อนก็ได้ค่ะ ตามสบายนะคะเดี๋ยวฉันไปบอกคุณฟอร์ดให้ว่าคุณมาแล้ว”

“ขอบคุณครับ”

วิวาห์ก้มหน้าลงต่ำซ่อนแววตาครุ่นคิดของตัวเองเอาไว้กรกมลกลับออกไปจากห้องรับแขกแล้วครู่หนึ่งร่างสูงโปร่งของธาดาก็ปรากฏตัวที่หน้าห้องรับแขก สีหน้าของชายหนุ่มดูกังวลมากทีเดียว

“ว่าน ...จะมาทำไมไม่บอกกันก่อน”เขาปราดเข้ามาหาเขา ทำท่าเหมือนจะยกมือขึ้นจับต้นแขนของวิวาห์เอาไว้แต่ว่าไม่ได้ทำ “มานานหรือยัง”

“สักพักแล้วครับ” วิวาห์เงยหน้าขึ้นตอบ ดวงตากลมโตเป็นประกายแจ่มใสเหมือนปกติ “เจอคุณกรกมลพอดีก็เลยได้นั่งคุยกันระหว่างรอคุณ”

“เจอเขาแล้วเหรอ” ฟอร์ดถามเสียงห้วนขึ้น “ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอกนะ ต่างคนต่างอยู่”

“คุณฟอร์ดแต่งงานมานานแล้วเหรอครับ”

“ก็...นานแล้ว” ธาดาท่าทางอึดอัดขึ้นมา “เราไปคุยกันที่อื่นดีกว่านะว่าน”

“ทำไมล่ะครับ คุยกันที่นี่ไม่ได้เหรอ”

“ที่นี่ไม่สะดวกเท่าไหร่” ชายหนุ่มตอบ“แวะไปซื้อขนมฝากยี่หวาดีมั้ย”

“ซื้อฝากลูกของคุณเองไม่ดีกว่าเหรอครับ” วิวาห์ย้อนเสียงเรียบเรื่อย “เจ็ดขวบแล้วถ้าเรียนที่นี่ก็คงเป็นพี่ปอหนึ่ง”

ธาดาอึ้งไปครู่ใหญ่ก่อนจะถอนหายใจยาว

“เราไปคุยกันข้างนอกดีกว่า” เขาย้ำประโยคเดิม แล้วเดินนำหน้าว่านกลับออกมาจากห้องรับแขก กรกมลเดินออกมาจากห้องครัวในมือถือหม้อเอาไว้ด้วย

“อ้าว...จะไปไหนกันคะ อยู่ทานข้าวเที่ยงด้วยกันก่อนสิ”

“จะไปทานข้างนอก ไม่ต้องรอ”ธาดาพูดสั้น ๆ เดินผ่านหน้าเธอไปอย่างเฉยเมยที่สุดเท่าที่ว่านเคยเห็นจากคนเป็นสามีภรรยากัน ไม่แปลกใจเลยที่กรกมลจะหน้าเสีย น้ำตาคลอขึ้นมาอีก

“คุณทำให้ภรรยาของคุณเสียใจ ..คุณฟอร์ด” ว่านพูดขึ้นหลังจากขึ้นมานั่งบนรถแล้ว ธาดาถอยรถออกจากบ้านทั้งที่เพิ่งกลับมาถึงเมื่อกี้นี้ “กลับไปทานอาหารของเธอเถอะครับ ส่งผมข้างหน้านี้ก็ได้”

“ไม่จำเป็น” คนขับตอบกลับมา “เธอกินคนเดียวประจำอยู่แล้ว ไม่ต้องให้ฉันอยู่ด้วย”

“คุณธาดา” วิวาห์พูดขึ้น“ผมคิดว่าเราควรจะต้องคุยกันแบบเปิดอกจริง ๆ จัง ๆ กันหน่อยนะครับ”

ธาดาถอนหายใจยาว เลี้ยวรถเข้าไปในจอดในที่จอดรถของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เขาหันกลับมามองวิวาห์อย่างเคร่งเครียด

“จะคุยเรื่องอะไร ถ้าเป็นเรื่องกรกมลไม่ต้องคุยเพราะเคลียร์กันจบแล้ว กำลังยื่นฟ้องหย่าอยู่เพราะเธอไม่ยอมหย่าดี ๆ”

วิวาห์กลืนน้ำลายลงคอฝืด ๆ

“คุณไม่รักเธอแล้วเหรอครับ”

“ไม่เคยรัก” ธาดาตอบสั้น ๆ

“มันไม่โหดร้ายเกินไปหน่อยสำหรับผู้หญิงที่เป็นแม่ของลูกคุณเหรอครับ”

“จะให้ทำยังไง ก็ฉันไม่ได้รักเขา จะให้ทนอยู่ด้วยกันเหรอ สู้จบกันไปแล้วต่างคนต่างหาคนที่ถูกใจของตัวเองดีกว่า”

“นี่คือเหตุผลที่มาหาผมใช่มั้ยครับ ...หาคนที่ถูกใจใหม่” วิวาห์ถามเนิบ ๆ คนฟังชะงัก

“ว่านไม่ใช่แค่คนที่ถูกใจนะ แต่ว่า...”ธาดาท่าทางอ้ำอึ้งขึ้นมาเหมือนลังเล“ฉัน...แค่อยากดูแลว่าน ให้มากกว่านี้”

“ดูแลในฐานะอะไรครับ” วิวาห์ถามต่อ

“ว่านให้ฐานะอะไรก็ได้หมดทั้งนั้น”

“แล้วอยากได้ฐานะอะไรล่ะครับ”

“ฐานะที่จะดูแลว่านได้ตลอดชีวิต”ธาดาพูดออกมาในที่สุดเหมือนตัดสินใจได้แล้ว ชายหนุ่มเอื้อมมือไปคว้ามือของวิวาห์มากุมเอาไว้ “ว่าน...พี่....ขอแทนตัวเองว่าพี่แล้วกันนะ ว่านจะให้พี่เป็นเพื่อน เป็นพี่หรือเป็นอะไรก็ได้ แล้วแต่ว่านเลย พี่ไม่ขอมากกว่านั้น พี่ยอมตามแต่ที่ว่านต้องการ”

วิวาห์ดึงมือกลับ

“ถ้าอย่างนั้น ...ผมยอมรับคุณในฐานะอดีตเจ้านายเก่าก็แล้วกันนะครับ” วิวาห์เอื้อมมือไปเปิดประตูลงจากรถ

“ว่าน...พี่รักว่าน” ธาดาพูดชายหนุ่มรีบลงจากรถเดินอ้อมมาดักหน้าวิวาห์เอาไว้ “พี่น่าจะพูดตั้งแต่ทีแรกแล้ว แต่พี่ไม่อยากผูกมัดว่านเพราะพี่ก็ยังเคลียร์ตัวเองไม่เรียบร้อย พี่ขอโอกาสจากว่านได้มั้ย”

วิวาห์สูดลมหายใจเข้าปอด ลึก ๆ แล้วเขารู้ตัวเองดีว่ารู้สึกดีใจกับคำตอบของธาดา ทว่าอีกใจหนึ่งก็นึกถึงแววตาเสียใจของกรกมลขึ้นมาได้ ไหนจะอาการความจำเสื่อมของธาดาอีก เขาไม่ควรเข้ามาเป็นมือที่สามในตอนนี้เลย...

“ว่านไม่ต้องห่วงเรื่องกรกมล พี่จะจ่ายค่าเลี้ยงดูให้เขากับลูก เขาจะอยู่สุขสบาย แล้วก็มีโอกาสได้เจอคนใหม่ที่ดีกว่าพี่ พี่รับรองว่าจะทำเรื่องหย่าให้เสร็จ ว่านจะไม่มีปัญหาเรื่องนี้แน่นอน”

“คุณลองกลับไปคิดดูดี ๆ ก่อนดีกว่าครับ ผมทราบเรื่องอาการป่วยของคุณแล้ว ตอนนี้คุณสูญเสียความทรงจำไป ก็เลยทำให้ลืมความรู้สึกที่มีต่อภรรยาของคุณไปด้วย ผมคิดว่าถ้าคุณกลับไปรักษาตัวจนหายดี ความสัมพันธ์ระหว่างคุณและภรรยาก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมเอง”

“ว่าน ไม่ใช่เพราะพี่ความจำเสื่อมนะ แต่พี่ต้องการดูแลว่านจริง ๆ ต่อให้พี่จำทุกอย่างได้พี่ก็จะไม่เปลี่ยนใจอยู่ดี”

“ถ้าอย่างนั้น..คุณก็เคลียร์ตัวเองให้เสร็จก่อนแล้วค่อยมาคุยกันครับ” วิวาห์เลือกทางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตัวเอง

ถึงเขาจะชอบธาดามาก ...อาจจะมากรองจากตอนที่ชอบพี่อาร์มตอนนั้น แต่ว่าว่านก็ยังมีสติอยู่บ้าง ถ้าแป้งรู้เรื่องกรกมลได้ก็แปลว่าอาจจะต้องมีคนอื่นที่รู้เรื่องว่านได้เช่นกัน ว่านไม่อยากเป็นจำเลยสังคม ไม่อยากตกเป็นขี้ปากของชาวบ้าน ว่านไม่ได้รีบอยากมีสามีขนาดนั้น แล้วก็ไม่อยากเป็นคนทำให้หญิงสาวคนนั้นเสียใจด้วย

แล้วกับคนที่ปิดบังเขาเป็นปี ๆ ทั้ง ๆ ที่มีลูกเมียอยู่แล้วว่านก็อยากจะขอดูก่อนอีกสักหน่อยว่าเขาจะจริงใจกับว่านจริงหรือเปล่า ว่านในวันนี้ไม่ใช่ว่านคนเดิมที่ผลีผลามเอาแต่ใจอีกแล้ว

วิวาห์เดินออกมาเรียกรถแท็กซี่แล้วนั่งกลับบ้าน หวันยิหวาวิ่งออกมารับถึงหน้าบ้าน กุลีกุจอพาเขาเข้าไปในสวน ปากก็เล่าถึงรังนกที่ไปเจอเข้าโดยบังเอิญบนต้นไม้

“นี่ไงคะวีว่าดูสิ ...น่ารักมั้ย” เธอพูดอย่างตื่นเต้น ชี้นิ้วไปยังรังนกขนาดฝ่ามือที่มีไข่ใบเล็กจิ๋วอยู่สองใบ “มีไข่ด้วยค่ะ”

“ยี่หวาอย่ายื่นหน้าไปใกล้มากนะลูก” วิวาห์เตือน“มีขี้นกเดี๋ยวเข้าจมูกติดเชื้อ”

“ยี่หวาดูห่าง ๆ ไม่จับเลยค่ะ”

“แล้วยายเอิบอยู่ไหนแล้ว”

“อยู่ในครัวค่ะ”

วิวาห์จูงมือลูกสาวพากลับเข้าไปในบ้าน ได้ยินเสียงวิทยุดังมาจากทางห้องครัวเป็นช่องประจำที่ยายเอิบชอบฟังระหว่างทำงาน เขาเดินขึ้นไปเปลี่ยนชุดที่ห้องนอนข้างบนแล้วก็แวะเข้าไปนั่งคุยกับคุณพ่อคุณแม่อีกพักหนึ่ง หวันยิหวาชวนไปนั่งดูการ์ตูนด้วยกัน ว่านก็เลยลงมาเอาขนมขึ้นไปกินด้วย

“ทำอะไรง่วนอยู่คนเดียวน่ะยายเอิบ” เขาทักเห็นหญิงชรายืนค้อมหลังอยู่หน้าเคาท์เตอร์

“น้องว่าน” ยายเอิบหันมามอง

“เป็นอะไรหน้านิ่วคิ้วขมวด”

“ยายเอิบปวดหัวนิดหน่อยน่ะค่ะ น่าจะเป็นเพราะมัวแต่นั่งคว้านเม็ดเงาะ”

“โธ่ บอกแล้วไงล่ะว่าไม่ต้องทำหรอก เดี๋ยวว่านมาทำเอง” วิวาห์พูดยิ้ม ๆ “ปวดมากเหรอ กินยาหรือยัง”

“กินไปแล้วค่ะ พูดแล้วชักเวียนหัวเดี๋ยวยายเอิบขอไปนอนสักงีบก่อนนะคะ แล้วจะรีบมาช่วยน้องว่าน” เธอทำท่าจะอาเจียน

“ไปนอนเถอะครับ ไม่ต้องมาก็ได้” ว่านรีบบอกเข้าไปประคองหญิงสูงวัยเอาไว้ “เอ...ว่านว่าไปโรงพยาบาลดีมั้ยครับ คลื่นไส้มากเหรอ”

“เดี๋ยวนอนพักก็หายค่ะ ยายเอิบเคยเป็น...บางทีหน้ามืดก็เป็นได้ นอนก็ดีไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรอก ข้าวยากหมากแพงเสียเวลาทำมาหากิน” ยายเอิบพูดยาวจนว่านหัวเราะ

“พูดได้ขนาดนี้คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ไปนอนพักก่อนแล้วกัน”

“โรคคนแก่ก็แบบนี้แหละค่ะ”

“ยอมรับแล้วเหรอว่าแก่”

ยายเอิบหัวเราะออกมา ว่านพายายเอิบเข้าไปนอนพักในห้องแล้วก็กลับมาหยิบขนมขึ้นไปนั่งดูโทรทัศน์เป็นเพื่อนลูกสาว พอได้เวลาก็กลับลงมาทำงานต่อในครัว

อดคิดไปถึงบทสนทนากับธาดาเมื่อตอนบ่ายไม่ได้ ...สีหน้าแววตาของธาดาดูจริงใจ ของกรกมลเองก็เช่นกัน .. ว่านไม่ชอบสถานการณ์น่าอึดอัดใจแบบนี้เลย ชายหนุ่มโทรไปเล่าให้เพื่อนสนิทฟัง แป้งตบตักเสียงดังฉาด

“นั่นไง...เอามุขจะหย่ามาอ้างอีกแล้ว ละครไทยปีไหนทำไมไม่อัพเดทเอาเสียเลย มุขเก่าจังเลยนะ” เธอว่า“แล้วเรื่องความจำเสื่อมเนี่ยเป็นเรื่องจริงเหรอว่าน ฉันไม่เคยได้ยินเลย”

“เจ้ากรมข่าวอย่างแป้งยังไม่รู้ ฉันก็ยิ่งไม่รู้ใหญ่เลยล่ะ คุณกรกมลเขาเล่าให้ฟังเอง”

“ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ ฝีมือคุณแป้งพรุ่งนี้รู้เรื่องแน่ เดี๋ยวฉันไปสืบมาให้เอง ไม่ใช่ว่าอยากหย่าเมียอยู่แล้วเลยหาเรื่องความจำเสื่อมเสียเลยนะ แหม แผนสูง”

“บ้า ไม่หรอกมั้ง ใครมันจะไปลงทุงขนาดนั้น” วิวาห์หัวเราะออก นั่งคุยกับเพื่อนอีกพักใหญ่จนรู้สึกสบายใจขึ้นถึงได้ลุกไปทำกับข้าว ทำไปก็ครุ่นคิดไปด้วย เรื่องของธาดามีอะไรแปลก ๆ อยู่หลายจุด จะว่าไป...ถ้าธาดาสูญเสียความทรงจำทั้งหมดจริงก็ไม่น่าจะยังจำว่านได้หรือเปล่า หรือว่าจะเป็นแผนหย่าเมียเหมือนที่แป้งบอก

นึกถึงครั้งแรกที่ได้พบธาดาหลังจากอุบัติเหตุ ชายหนุ่มผู้นั้นมาร่วมงานแต่งงานของพี่ชายว่าน นอกจากเฝือกที่สวมอยู่ที่มือขวาแล้วว่านก็ไม่เห็นว่าธาดาจะสูญเสียความทรงจำตรงไหน...

มีอะไรที่ติดค้างอยู่ในใจ...อะไรแปลก ๆ ที่สะกิดใจว่านตั้งแต่ตอนนั้นแต่ว่าว่านไม่ทันสังเกต...ชายหนุ่มหรี่ตาลง จะว่าไปว่านก็เสียใจอยู่หรอกที่คุณฟอร์ดมีลูกมีเมียแล้วแต่ว่า....เสียงนาฬิกาบอกเวลาครบหนึ่งชั่วโมงแล้ว วิวาห์เดินไปเอาพายออกมาจากเตาอบ

อะไรนะ...ความรู้สึกนี้ คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก

“ว่านฝากจัดใส่จานหน่อยนะครับยายเอิบ” วิวาห์พูดตอนที่ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ประตูห้องครัว

“แม่เองจ้ะ ทำอะไรน่ะว่านหอมฟุ้งเชียว” มารดาของเขาเดินเข้ามาหา ช่วยจัดใส่จานให้อย่างคล่องแคล่ว “หน้าตาน่ารับประทานมาก”

“พายมะพร้าวอ่อนครับ ยี่หวาอยากกิน” วิวาห์ตอบยิ้ม ๆ “คุณแม่ไปนั่งเล่นก่อนดีกว่า ที่เหลือเดี๋ยวว่านจัดการเอง”

“แล้วยายเอิบไปไหนเสียล่ะลูก”

“เห็นแกบ่นปวดหัวก็เลยไปนอนพักครับ” มารดาพยักหน้าเนิบ ๆ

“เดี๋ยวแม่จะแวะไปดูเสียหน่อย”

วิวาห์ตัดแบ่งพายใส่กล่องแยกเอาไว้ให้ลูกค้าตามออเดอร์แล้วก็ผละไปทำเมนูอื่นต่ออย่างรวดเร็ว ใกล้เวลาที่แมสเซนเจอร์จะมารับปิ่นโตแล้ว

“ว่าน ๆ มานี่ก่อนลูก” เสียงมารดาดังออกมาจากห้องของยายเอิบที่อยู่ข้างหลัง วิวาห์ขมวดคิ้วรีบวางทัพพีในมือลงแล้วเดินตามเสียงไป “ว่านมานี่เร็ว”

“เกิดอะไรขึ้นครับคุณแม่...คุณพระช่วย!!” วิวาห์ตกใจยืนตะลึงอยู่หน้าประตูห้องนอนของยายเอิบ

ภาพร่างหญิงชรานอนอยู่บนเตียงเตี้ย ๆ กลางห้องปรากฏแก่สายตา ยายเอิบตาเหลือกค้าง ส่งเสียงครางในลำคออืออา ที่นอนเปียกชื้นได้กลิ่นเหมือนสิ่งปฏิกูลลอยอบอวล

“ยายเอิบเกร็งไปเมื่อกี้...แม่เปิดเข้ามาเห็นพอดี ไม่รู้ว่าชักหรืออะไร” แม่เขาพูดวิวาห์ได้สติ รีบเดินกลับไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด 1669ทันที ระหว่างนั้นเขาก็เข้าไปจับยายเอิบนอนตะแคงแล้วปลุกเรียก ยายเอิบดูจะไม่รู้สึกตัวเลย

“ทำยังไงดีว่าน ยายเอิบเป็นอะไรก็ไม่รู้ ตัวเปลี้ยไปหมด”

“ว่านฝากแม่ดูยี่หวาก่อนนะครับ” วิวาห์อุ้มยายเอิบออกมาข้างนอกห้อง เป็นเวลาเดียวกับที่รถพยาบาลมาจอดที่หน้าบ้านพอดี ถึงว่านจะเคยเตรียมตัวสำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉินเอาไว้แล้วแต่นั่นเป็นกรณีของยี่หวาลูกสาวไม่ใช่ยายเอิบ พอถึงเวลาจริงก็เลยตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูกไปหมด

“คุณหาบัตรประชาชนของคนไข้มาด้วยนะคะ” เจ้าหน้าที่บอกเขาแว่ว ๆ

วิวาห์เลยฝากมารดาเอาไว้แล้วตามขึ้นรถพยาบาลไปอย่างใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เห็นเจ้าหน้าที่พูดอะไรกันภาษาแพทย์ฟังไม่ได้ศัพท์ สักพักก็ไปถึงโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด

มีคนเข้ามาซักประวัติกับวิวาห์ เขาได้แต่ตอบไปเท่าที่รู้ว่าคนไข้บ่นปวดหัวมาก่อนแล้วก็เข้าไปนอน

“ก่อนหน้านี้มีอุบัติเหตุอะไรมั้ยคะ เช่นหกล้ม หัวกระแทก รถล้มลื่น...”

“ไม่...มีครับ วันก่อนผมไปเจอเขานอนอยู่ที่พื้นบอกว่าลื่นล้ม หัวโนนิดนึงแต่ไม่ได้มาโรงพยาบาล” วิวาห์พูดเร็วปรื๋อ ใจหายขึ้นมาถ้าจะเป็นเพราะเหตุการณ์นั้น

“คนแก่ลื่นล้มทำไมไม่พามาโรงพยาบาลคะ อาจจะเลือดออกในสมองก็ได้นะ”

“ผมไม่รู้ เขาไม่ยอมมา”วิวาห์พูดแล้วก็รู้สึกผิดขึ้นมาถ้าเขายืนกรานว่าจะพามาหาหมอเสียอย่างไรยายเอิบก็ต้องมา แต่ว่านี่ว่านเองก็ไม่ได้ใส่ใจยายเอิบถึงขนาดนั้น

“ญาติรอข้างนอกก่อนนะคะ คุณหมอกำลังช่วยคนไข้อยู่ค่ะ”

วิวาห์ถอยไปนั่งรออยู่เงียบ ๆ หน้าห้องฉุกเฉินที่พลุกพล่าน ชายหนุ่มยกมือขึ้นปิดปากแล้วร้องไห้ออกมา เป็นห่วงยายเอิบสุดหัวใจ ถ้ายายเอิบเป็นอะไรไปก็คงจะเป็นเพราะว่าเขาเองที่ไม่ใส่ใจยายเอิบมากพอ คิดง่าย ๆ แค่ว่ายายเอิบคงจะไม่เป็นอะไร ลืมไปเลยว่ายายเอิบไม่ได้อายุน้อย ๆ แล้ว

อาการของยายเอิบไม่ดีเลย หมอส่งแสกนคอมพิวเตอร์สมองแล้วบอกว่ามีเลือดคั่งในสมองและสมองบวม ควรจะต้องผ่าตัดเพื่อเอาเลือดออกแต่ว่ายายเอิบก็แก่มากแล้ว อาจจะมีอาการแทรกซ้อนได้

“แต่ถ้าไม่ผ่าก็อาจจะแย่เหมือนกันใช่มั้ยวิน” เขาโทรหาน้องชายที่เป็นหมอ วิรุฬถอนหายใจยาว

“ครับ ถ้าไม่ผ่า..โอกาสฟื้นน่าจะน้อยมากเพราะเนื้อสมองบวม ผมลองปรึกษาอาจารย์ศัลยกรรมประสาทดูแล้ว เขาบอกว่าถ้าไม่ผ่าก็ไม่รอด แต่ถ้าผ่าก็อาจจะห้าสิบห้าสิบ แต่จะกลับมาช่วยเหลือตัวเองได้เหมือนเดิมคงน้อย”

“พี่พยายามติดต่อญาติของยายเอิบอยู่ แต่ว่าโทรไปไม่รับเลย เห็นแม่บอกว่าเป็นพี่สาวหรือยังไงนี่ล่ะ” วิวาห์พูดอย่างกลุ้มใจ “ใจพี่น่ะอยากจะผ่า อย่างน้อยก็ยังมีความหวังว่าอาจจะรอด พี่อยากช่วยอยากเอิบให้ถึงที่สุด”

“ผมเห็นด้วยครับ ถ้าติดต่อญาติยายเอิบไม่ได้จริง ๆ พี่ว่านก็ตัดสินใจแทนไปเลย...วินยังกลับไปไม่ได้เพราะติดเวรเสาร์อาทิตย์นี้ต้องลองหาแลกเวรดูก่อน”

“โอเค เดี่ยวพี่ดูทางนี้เอง วินไม่ต้องห่วง เอาเรื่องงานของวินก่อนเถอะนะ” วิวาห์เป็นห่วง “งานหนักถ้าง่วงนอนก็ไม่ต้องขับรถมานะวิน”

“วินจะหาทางกลับไปครับ ยายเอิบเลี้ยงวินมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วนี่พี่วัตรู้เรื่องยังครับ”

“พี่บอกไปแล้วล่ะ แต่ว่าน่าจะกลับมายากเพราะบริษัทเขาไม่ให้ลา ยายเอิบก็ไม่ได้เป็นแม่แท้ ๆ ด้วย”

“พี่ว่านถ้าติดขัดตรงไหนโทรหาผมนะ ให้ผมคุยกับหมอเจ้าของไข้ก็ได้”

“ขอบใจมากนะวิน” วิวาห์หาทางติดต่อญาติของยายเอิบอยู่นานแต่ก็ติดต่อไม่ได้สักคน สุดท้ายว่านก็เลยตัดสินใจยอมให้ยายเอิบเข้ารับการผ่าตัด อย่างน้อยก็ยังมีโอกาส

ว่านคงปล่อยให้ยายเอิบจากไปแบบนี้ไม่ได้

“ขอเข้าไปดูคนไข้หน่อยได้มั้ยครับ” วิวาห์ขอร้องคุณพยาบาล เธออนุญาตให้เขาเข้าไปดูคนไข้ได้ก่อนจะเข้ารับการผ่าตัดเปิดกะโหลก

ยายเอิบนอนอยู่บนเตียง ว่านเพิ่งสังเกตเห็นความเสื่อมโทรมตามอายุของยายเอิบก็วันนี้เอง ก่อนหน้านี้เห็นหน้ากันทุกวันทำไมว่านไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อนเลยนะว่ายายเอิบอายุมากแค่ไหนแล้ว ริ้วรอยเหี่ยวย่นปรากฏอยู่ทุกตารางนิ้วเหมือนแผ่นหนังเก่า ๆ ซีดเหลือง ยายเอิบใส่ท่อช่วยหายใจเอาไว้และก็ยังไม่ได้สติเลยแม้ว่าว่านจะบีบมือเรียกเท่าไหร่

เวลาหลังจากนั้นผ่านไปอย่างทรมานในความรู้สึกของว่าน เขานั่งรออย่างกระวนกระวายอยู่หน้าห้องผ่าตัดที่ยายเอิบหายลับเข้าไปเกือบสามชั่วโมงแล้ว ว่านไม่กล้าเล่าอาการทั้งหมดให้พ่อกับแม่ฟังโดยเฉพาะแม่ที่โตมากับยายเอิบเพราะกลัวเป็นอะไรไปอีกคน เขาบอกคร่าว ๆ ว่ายายเอิบต้องผ่าตัดเท่านั้น


หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน12 26/4/63 p7
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 26-04-2020 19:59:12












เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น วิวาห์หยิบขึ้นมากดรับ

“ครับ”

“ว่าน พี่เองนะ ...นั่นอยู่ที่ไหนน่ะ เสียงดังจัง”เสียงคุณฟอร์ดดังมาตามสายวิวาห์กัดริมฝีปาก

“โรงพยาบาลครับ ยายเอิบไม่สบาย”

“อ้าว เป็นอะไรไป”ธาดาอุทาน “เป็นหนักเหรอ”

“ครับ ยายเอิบล้มแล้วมีเลือดออกในสมอง ตอนนี้กำลังผ่าตัดอยู่” วิวาห์กำมือเข้าหากัน

“โรงพยาบาลอะไร เดี๋ยวพี่ไปหา”

“ไม่ต้องมาหรอกครับ” ว่านปฏิเสธทันควัน “อยู่ที่บ้านกับครอบครัวของคุณดีกว่า”

“โรงพยาบาลอะไร” ธาดาถามซ้ำ วิวาห์ไม่ยอมบอก สุดท้ายก็เลยยอมกดวางสายไป

วิวาห์นั่งรออยู่ข้างหน้าห้องนั้นจนกระทั่งมีคนออกมาตาม บอกว่าการผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ยายเอิบนอนอยู่ในห้องไอซียู

“คนไข้ตื่นไหมครับ” วิวาห์ถามออกไปเป็นประโยคแรก

“ยังไม่ตื่นค่ะ”

วิวาห์ลอบถอนหายใจ เขาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมในเวลานี้เลยได้แต่ยืนมองผ่านกระจกฝ้าเข้าไปเห็นเงาของยายเอิบนอนอยู่บนเตียงรายล้อมด้วยอุปกรณ์อะไรไม่ทราบระโยงรยางค์ คุณหมอบอกว่าการผ่าตัดเอาเลือดที่คั่งออกหมดแล้วแต่ว่ายังปิดกะโหลกกลับไปไม่ได้เนื่องจากสมองบวมมาก ต้องรอให้ดีขึ้นก่อน

“ว่าน”

เสียงเรียกชื่อเขาทำเอาวิวาห์ตกใจ หันขวับไปมองก็เจอร่างสูงใหญ่ยืนอยู่หน้าลิฟต์ คุณฟอร์ดสวมชุดลำลองก้าวยาว ๆ เข้ามาหาเขาด้วยท่าทางร้อนใจ

“หาเจอจนได้ พี่ก็เดาว่าน่าจะเป็นโรงพยาบาลนี้” ชายหนุ่มพูดอย่างโล่งอก “ยายเอิบเป็นไงบ้าง”

“ยังไม่ฟื้นเลยครับ ผ่าตัดเสร็จแล้ว” วิวาห์สะกดอารมณ์ให้ราบเรียบเหมือนเดิม

“เรียบร้อยดีมั้ย มีอะไรหรือเปล่า”

“เรียบร้อยดีครับแต่ยังไม่ตื่น”

“อยู่ข้างในนี้เหรอ เข้าไปเยี่ยมได้มั้ย”

วิวาห์ส่ายหน้า

ธาดากวาดตามองเขาทั่วตัวแล้วถามเสียงอ่อน

“ว่านกินอะไรแล้วหรือยัง นี่เกือบเที่ยงคืนแล้วนะ”

“ผมไม่หิวครับ”

“จะกลับบ้านหรือเปล่า เดี๋ยวพี่ไปส่ง” ธาดาว่า หันไปมองป้ายเวลาเข้าเยี่ยมที่แปะอยู่หน้าประตูกระจก “พรุ่งนี้เรามาเยี่ยมก็ได้ เขาให้เยี่ยมแปดโมงเช้า ว่านจะเฝ้าอยู่ตรงนี้ก็ไม่มีประโยชน์หรอก ยี่หวาก็คงคิดถึงแม่แล้วด้วย”

วิวาห์ลอบถอนหายใจ ยอมเดินตามธาดาไปด้วยกัน

ฟอร์ดขับรถพาเขาไปส่งที่บ้านแล้วก็ไม่ได้อ้อยอิ่งเหมือนเคย คงจะรู้ว่าว่านอารมณ์ไม่ปกตินัก หวันยิหวาเองก็เหมือนจะรู้ว่ายายเอิบไม่สบาย พอเห็นหน้าว่านก็รีบถามอาการยายเอิบใหญ่

“ยายเอิบจะหัวล้านเหมือนยี่หวาไหมคะ แล้วยายเอิบจะเล่นขายของกับยี่หวาอีกมั้ย”

“เที่ยงคืนแล้วทำไมยังไม่เข้านอนอีกลูก” วิวาห์ขมวดคิ้ว รุนหลังลูกสาวเดินขึ้นบันไดกลับไปบนห้อง “นอนได้แล้วนะเดี๋ยวพรุ่งนี้จะได้ไปเยี่ยมยายเอิบด้วยกันไงล่ะ”

“ไปค่ะ ยี่หวาอยากไปด้วยคน”

วันรุ่งขึ้นพวกเขายกขบวนกันไปเยี่ยมยายเอิบด้วยกันทั้งบ้าน แม่เกือบเป็นลมตอนที่เห็นสภาพของพี่เลี้ยงเก่าแก่ที่นอนอยู่บนเตียงในห้องไอซียู หวันยิหวาเองก็ยืนน้ำตาคลอจับมือยายเอิบเอาไว้แน่น

“เมื่อไหร่ยายเอิบจะฟื้นคะวีว่า”

“อีกสักพัก” วิวาห์ตอบเบา ๆ เขาหวังเอาไว้สุดใจเช่นกันว่ายายเอิบจะฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง “ยายเอิบต้องฟื้นแน่ ๆ” เขาบีบมือเหี่ยว ๆ เบา ๆ “ยี่หวามาเยี่ยมแล้วแน่ะ ยายเอิบรีบลืมตาขึ้นมาเร็ว”

“ยี่หวาคิดถึงยายเอิบจังเลยค่ะ”

“คุณหมอบอกว่าอาการของยายเอิบเป็นยังไงบ้างเหรอว่าน” มารดาของเขาถามขึ้น วิวาห์เล่าอาการทั้งหมดให้ฟังตบท้ายด้วยการรอให้ยายเอิบได้สติแล้วเนื้อสมองยุบบวมไปเอง “บุญแค่ไหนแล้วที่ยายเอิบยังไม่ตาย”

“เพราะว่านเองครับ ว่านเห็นยายเอิบล้มแต่ก็ไม่ได้สนใจพามาโรงพยาบาล กว่าจะรู้อีกทีก็เป็นหนักแล้ว” วิวาห์พูดอย่างเสียใจ “ว่านผิดเอง”

“อย่าโทษตัวเองเลยว่าน” พ่อของเขาพูดขึ้นเรียบ ๆ “เรื่องมันผ่านไปแล้ว ยังไงว่านก็ได้พายายเอิบมาโรงพยาบาลแล้วล่ะนะ ตอนนี้ก็แค่รอให้เขาฟื้นขึ้นมา คงอีกไม่นานหรอก ยายเอิบแข็งแรงจะตาย แต่ก่อนเคยเอาไม้กวาดไล่ตีพ่อด้วยสมัยที่ไปจีบแม่เขาใหม่ ๆ”

แม่เขาหัวเราะออกมาเมื่อนึกถึงความหลัง

“ตลกออกจะตาย ยายเอิบแก่กว่าแม่สองปี เราโตมาด้วยกันเหมือนพี่น้องเลยล่ะ ไม่ใช่แค่พี่เลี้ยงธรรมดาหรอกตอนที่แม่จะออกเรือนกับพ่อเขายายเอิบก็คัดค้านเต็มที่ แต่ไม่รู้ยังไงสุดท้ายเขาก็ยอมให้แม่คบกับพ่อ”

“กว่าเขาจะยอมรับผมเกือบตาย” พ่อหัวเราะบ้าง “คิดแล้วก็ตกใจ ผ่านไปเกือบห้าสิบปีแล้วเหรือเนี่ย ...ยายเอิบ รีบลุกขึ้นมาล่ะ จะได้มาบ่นกับฉันต่อ ยายเอิบไม่อยู่แล้วบ้านเงียบเหงาจริง ๆ”

“นั่นสิคะ ยัยยี่หวาไม่มีลูกคู่เลยด้วย ต้องนั่งขายของอยู่คนเดียว”

ยายเอิบก็ยังคงนอนนิ่ง ๆ อยู่แบบนั้นเกือบอาทิตย์คุณหมอบอกว่าอาจจะต้องเจาะคอเพื่อให้ออกซิเจนเพราะยายเอิบหายใจเองไม่ได้ และมีแนวโน้มจะกลายเป็นคนไข้ติดเตียงไปแล้ว วิวาห์พยายามติดต่อญาติพี่น้องของยายเอิบทว่าติดต่อไม่ได้เลยสักคน เขาเลยตั้งใจว่าจะรับยายเอิบไปดูแลที่บ้านเอง

“แกคิดดี ๆ นะว่าน ดูแลทั้งยัยยี่หวา คนป่วยติดเตียงแล้วก็คนแก่อีกสองคน จะไหวเหรอ...แกไม่ใช่ซูเปอร์แมนนะ” แป้งคัดค้านเป็นคนแรก “ฉันว่าจ้างคนดูแลดีกว่า ไม่ก็ให้นอนที่โรงพยาบาลไปก่อนรอติดต่อญาติได้”

“ฉันทำไม่ลงน่ะแป้ง ยายเอิบเลี้ยงฉันมาตั้งแต่เกิดก็เหมือนแม่ของฉันคนนึง จะทิ้งให้นอนอยู่แบบนั้นก็ทำไม่ได้หรอก ยังไงก็ต้องพากลับมาบ้าน”วิวาห์พูดตามที่คิด “ฉันคิดว่าทำไหว ไม่น่ายากหรอก”

“มันไม่เหมือนกันนะว่าน แต่ก่อนยายเอิบคล่องแคล่วคอยช่วยเหลือแกทำงานแถมดูแลยี่หวาแล้วก็พ่อแม่แกด้วย แต่ว่าตอนนี้กลับกันกลายเป็นแกต้องทำเองทั้งหมดนะ ยายเอิบเองเขาก็มีญาติของเขา เผลอ ๆ มีลูกมีเต้าหรือเปล่าก็ไม่รู้”

“ไม่มีหรอก ยายเอิบอยู่กับแม่ฉันมาตั้งแต่สมัยสาว ๆ แล้วล่ะ ไปไหนไปกันมาตั้งแต่ตอนนั้นจะว่าไปก็เหมือนญาติคนหนึ่ง แม่ฉันเองก็คงไม่ยอมหรอกถ้าจะทิ้งยายเอิบเอาไว้ที่นี่ ต้องพากลับไปด้วยแน่นอน”

“ถ้างั้นก็ตามใจ มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ ฉันจะแนะนำคนดูแลมาให้ เคยจ้างมาสมัยดูแลแม่ย่าพอจะไว้ใจได้อยู่ จะได้ช่วยแบ่งเบาภาระของแกบ้างว่าน รับภาระอยู่คนเดียวจนผอมแห้งหัวโตหมดแล้ว แล้วนี่พี่น้องแกไม่คิดจะมาช่วยกันบ้างหรือไง”

“พี่วัตกับวินเขาก็มีทางมีอาชีพของเขาน่ะ อย่าพูดแบบนั้นเลย เขาก็คอยส่งเงินมาให้ตลอด” วิวาห์ตอบแม้จะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาบ้างแล้ว ลูกสาวของเขาป่วยให้ยาเคมีบำบัดอยู่ พ่อแม่ก็กระเสาะกระแสะตามอายุ ไหนจะยายเอิบที่เคยเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักมาล้มเจ็บอีก ว่านเริ่มรู้สึกถึงน้ำหนักหนักอึ้งที่ค่อย ๆ กดลงบนบ่าของตัวเอง “แป้งไม่ต้องห่วง เอาไว้ถ้าไม่ไหวฉันก็จะขอให้พวกเขามาช่วย”

แป้งถอนหายใจ มองเขาอย่างเป็นห่วงแต่ไม่ได้พูดอะไรอีก

ยายเอิบเจาะคอแล้วเรียบร้อยแล้วก็ต้องให้อาหารทางสายยาง ว่านต้องฝึกดูดเสมหะ แล้วก็ฝึกทำอาหารเหลวเอาไว้ให้ยายเอิบ ไหนจะต้องฝึกทำแผลด้วยเพราะยายเอิบเริ่มมีแผลกดทับที่ก้นกบ

“ถ้ากลับบ้านไปก็ต้องคอยจับพลิกตะแคงตัวนะครับ ไม่อย่างนั้นแผลจะลุกลามมากขึ้น แล้วก็รักษาความสะอาด ถ้าคนไข้ถ่ายต้องรีบเช็ดเปลี่ยนให้ใหม่ สายปัสสาวะใส่คาเอาไว้ต้องหมั่นทำความสะอาด ถ้ามีตะกอนก็ต้องมาเปลี่ยนไม่อย่างนั้นจะติดเชื้อ .....” วิวาห์พยักหน้า ก้มลงจดใส่สมุดเอาไว้เป็นข้อ ๆ ไม่นึกเลยว่าการดูแลคนไข้ติดเตียงจะต้องเตรียมตัวมากมายขนาดนี้

เขาต้องแบ่งเวลามาดูแลลูกสาวแล้วก็กิจการอาหารคลีนของตัวเองอีก ผ่านไปอาทิตย์เดียวหลังจากพายายเอิบกลับบ้าน วิวาห์ก็รู้สึกว่าตัวเองเครียดขึ้นมากทีเดียว

“วีว่าคะ ใครมาน่ะลุงฟอร์ดใช่มั้ยคะ” ลูกสาวเดินวนเวียนอยู่ในครัวตั้งแต่เช้า

“ไม่ใช่หรอกค่ะ ยี่หวาขึ้นไปดูการ์ตูนข้างบนห้องไป...วีว่ากำลังทำงานอยู่นะคะ เดี๋ยวโดนชนเอาหรอก” วิวาห์ตอบมือก็หั่นหมูไปด้วย เขาเหลือออเดอร์อีกเกือบสิบจานที่ยังไม่เสร็จ “ยี่หวาออกไปข้างนอกก่อนลูก”

“เมื่อไหร่ลุงฟอร์ดจะมาคะ”

“เขาไม่มาหรอกค่ะ วีว่าไม่ให้เขามา” วิวาห์พูดอย่างเหลืออด

“ทำไมล่ะคะ” ลูกสาวเงยหน้าขึ้นถามอย่างไม่เข้าใจ

“เขาไม่ว่างค่ะ” วิวาห์เลี่ยงไป เขาเดินไปเปิดตู้เย็นออกเพื่อหยิบของเพิ่ม พอหันกลับไปมาก็เกือบชนเด็กหญิงเข้า “หวันยิหวาวีว่าให้ออกไปรอข้างนอกก่อนไงคะ”เขาพูดเสียงห้วนขึ้น เหลือบมองนาฬิกาอย่างเคร่งเครียด พอไม่มียายเอิบแล้วว่านก็ต้องทำเองเกือบหมด เด็กที่จ้างมาช่วยก็ไม่มีฝีมือพอจะแทนที่ยายเอิบได้เลย สุดท้ายว่านก็แทบจะต้องทำใหม่หมดอยู่ดี “วีว่ารีบอยู่นะคะ”

“ทำไมวีว่าต้องดุยี่หวาด้วย” ลูกสาวน้ำตาคลอขึ้นมาทันที พูดเสียงเครือ“ก็ยี่หวาเหงานี่ จะให้ยี่หวาไปเล่นที่ไหนล่ะคะ ยายเอิบก็เอาแต่นอน ไม่เห็นลุกมาซื้อของกับยี่หวาเลย เมื่อไหร่วีว่าจะมาเล่นกับยี่หวาคะ แป๊บเดียวเองนะ ๆ”

“ยี่หวาโตแล้ว เล่นคนเดียวไปก่อนเข้าใจมั้ยคะ นี่วีว่าก็ยุ่งจะตายอยู่แล้วเนี่ย” วิวาห์พูดโดยไม่หันมามอง

“วีว่าตะโกนทำไมคะ วีว่าโกรธยี่หวาเหรอคะ”

“โกรธค่ะ ยี่หวาพูดไม่รู้เรื่องแล้วนี่ วีว่าให้ออกไปข้างนอกก็ไม่ไป วีว่าแยกร่างไม่ได้หรอกนะคะ มือก็มีแค่สองมือ”

“วีว่าจะให้ยี่หวาไปเล่นข้างนอกเหรอคะ”

“ใช่ค่ะ ออกไปรอข้างนอกห้องครัวก่อน เข้าใจมั้ยเดี๋ยววีว่าเคลียร์ตรงนี้เสร็จแล้วจะไปเล่นด้วย” วิวาห์พูดเร็วปรื๋อ เสียงนาฬิกาตั้งเวลาดังขึ้น เขารีบก้าวยาว ๆ ผ่านลูกสาวไปเปิดตู้เย็นออก ไม่ทันสังเกตว่าเด็กหญิงในชุดกระโปรงตัวเก่งสีชมพูหายออกไปจากห้องครัวตั้งแต่เมื่อไหร่

เกือบสองชั่วโมงทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อยทันเวลาพอดี วิวาห์ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างหมดแรง เขาลุกขึ้นไปหยิบไอศกรีมในช่องฟรีซมาแล้วเดินออกไปหาหวันยิหวา

“ยี่หวา ..มาทานไอศกรีมกันค่ะ ยี่หวาอยู่ไหนแล้ว ไปเล่นตรงไหนนะ” เขาเดินขึ้นบันไดไปดูที่ห้องนอน ...ไม่อยู่คงจะลงไปเล่นในสวนแน่ ๆ วิวาห์เดินหาลูกสาวรอบบ้านแต่ว่าไม่เจอ

หัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้นมาด้วยความกลัว วิวาห์วิ่งกลับขึ้นไปหาลูกสาวข้างบนบ้านอีกรอบ

“ยี่หวา อยู่ที่ไหนน่ะไปแอบวีว่าเหรอ”

“อะไรน่ะว่านเสียงดังโหวกเหวกเชียว หายัยยี่หวาเหรอ”

“ครับ คุณแม่เห็นยี่หวาบ้างมั้ยครับ”

“ไม่เห็นเลย พ่อล่ะเห็นมั้ย” คนเป็นตาส่ายหน้า วิวาห์เริ่มร้อนใจ เขาลงมาที่ชั้นล่างอีกรอบก็ไม่เจอตัว สังเกตเห็นกระเป๋าลายเจ้าหญิงใบโปรดของยี่หวาหายไปด้วยพร้อมกับรองเท้าสีชมพูเข้าชุด เริ่มจะมั่นใจแล้วว่าเด็กหญิงคงจะแอบออกไปข้างนอกบ้านช่วงที่เขากำลังแพ็คอาหารส่งอยู่แน่ ๆ

วิวาห์สวมรองเท้ารีบเดินแกมวิ่งออกมาข้างนอกบ้าน ยี่หวาตัวเล็กนิดเดียวคงยังเดินไม่ถึงไหนแน่ ๆ เขาเลือกไปทางซ้ายมือก่อนเพราะจำได้ว่ามีสนามเด็กเล่นอยู่ ไม่แน่ว่ายี่หวาอาจจะไปที่นั่นก็ได้

ชายหนุ่มร้อนใจเหมือนมีไฟลน เดินตามหาจนถึงสนามเด็กเล่นก็ไม่เห็นเงาของหวันยิหวาเลย ความกลัวที่อยู่ลึกที่สุดในใจเริ่มผุดพรายเหมือนฟองน้ำเดือด วิวาห์เดินย้อนกลับมาอีกทาง เขามองไซต์งานก่อนสร้างอย่างไม่สบายใจเลย มีคนงานกำลังก่ออิฐเทปูนอยู่ด้วย ถ้ายี่หวาเดินผ่านมาทางนี้ก็คงจะไม่ปลอดภัยแน่ ๆ

มองสำรวจรอบ ๆ อย่างกระวนกระวาย วิวาห์เดินตัดอ้อมไปอีกทางหนึ่ง ตะโกนเรียกลูกสาวจนเสียงแหบเสียงแห้งแล้วก็ทรุดตัวลงนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ตรงฟุตบาท

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ธาดาโทรมา...วิวาห์กดตัดสายทิ้ง

อีกฝ่ายโทรกลับมาอีก วิวาห์รับสาย

“อะไรอีกครับ ผมไม่ว่าง..”

“ยี่หวาอยู่กับพี่” เสียงธาดาแทรกขึ้นมาก่อนที่เขาจะพูดจบ “เจอยี่หวาเดินอยู่คนเดียวริมถนน พี่เลยรับขึ้นรถมา ร้องไห้ใหญ่เลยบอกว่าวีว่าไม่รักแล้ว พี่พาไปกินขนมสงบสติอารมณ์อยู่เลยโทรมาบอกว่านก่อน”

“แล้วทำไมถึงเพิ่งโทรมาบอก จะให้ว่านร้อนใจตายก่อนหรือไง” วิวาห์กรอกเสียงลงไปอย่างโมโห “พี่ควรจะโทรมาบอกว่านตั้งแต่เจอยี่หวาแล้วสิ”

“ขอโทษที ตอนนั้นพี่ก็ตกใจ” ธาดาตอบกลับมาเรียบ ๆ วิวาห์ถึงรู้สึกตัว พูดต่อด้วยเสียงอ่อนลง

“แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหนครับ เดี๋ยวว่านไปหา”

“ไม่เป็นไร พี่กำลังจะพาลูกกลับแล้ว ว่านรอที่บ้านก็ได้ ฟ้าชักครึ้ม ๆ เหมือนฝนจะตก ว่านรีบกลับบ้านนะอย่าตากฝน” อีกฝ่ายกำชับมา วิวาห์ได้ยินเสียงลูกสาวพูดอะไรแจ้ว ๆ อยู่ปลายสายก็ค่อยโล่งอกขึ้น รีบบอกให้ธาดาพายี่หวากลับมาที่บ้าน

วิวาห์เดินลากขากลับไปที่บ้าน เขาแวะเข้าไปบอกพ่อแม่ว่าเจอลูกแล้ว แล้วก็กลับลงมาดูยายเอิบในห้อง เสียงเสมหะครืดคราดทำให้ว่านต้องรีบดูดเสมหะให้ก่อนจะไปเปิดแพมเพิร์สออกดู ยายเอิบถ่ายออกมาอีกแล้ว

เขาจัดการทำความสะอาดให้จนเสร็จในเวลารวดเร็ว แล้วก็กลับมานั่งถอนหายใจอยู่ข้าง ๆ ตัวคนป่วย ร่างกายที่เคยอ้วนท้วนของยายเอิบผอมซุบลงในช่วงสั้น ๆ แม้ว่าว่านจะพยายามให้อาหารเต็มที่แล้วก็ตามมือของยายเอิบเหี่ยวแห้งเหมือนกิ่งไม้ว่านบีบมือยายเอิบแรง ๆ

“วันนี้คุณหนูคนดีของยายเอิบงอนว่าน แถมหนีออกจากบ้านอีกต่างหาก” วิวาห์พูดเบา ๆ “เดี๋ยวนี้เอาใหญ่แล้ว ไม่รู้ไปเอาไม้นี้มาจากไหน ว่านไม่เคยทำสักหน่อย...ยายเอิบห้ามโทษว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นนะ” คนพูดย่นจมูก“โอเค ว่านอาจจะเคยหนีออกจากบ้าน...ก็ได้ยอมรับ” เขาเองก็เคยหนีไปอยู่กับพี่อาร์มนี่นะ...

มือที่จับอยู่คล้ายขยับนิดหนึ่ง วิวาห์ขมวดคิ้ว

“ยายเอิบ...รู้สึกตัวหรือ” เขาผุดลุกขึ้นยืน มือของยายเอิบข้างนั้นขยับได้ เหมือนจะพยายามบีบมือเขาตอบ วิวาห์เบิกตากว้าง จับตัวยายเอิบเอาไว้แน่น “ยายเอิบลืมตาสิ ได้ยินเสียงว่านใช่มั้ย”

เปลือกตาที่แฉะด้วยคราบน้ำตาค่อย ๆ เปิดขึ้นทีละน้อย วิวาห์เกือบอุทานออกมาตอนที่สบตายายเอิบเป็นครั้งแรกหลังจากที่นอนป่วยอยู่นาน

“ยายเอิบฟื้นแล้วเหรอ ยายเอิบตื่นจริง ๆ ด้วย เห็นว่านมั้ย”

ยายเอิบพยักหน้ารับ น้ำตาไหลเป็นทาง วิวาห์เองก็น้ำตาไหลพราก รีบกระวีกระวาดปรับเตียงให้สูงขึ้นแล้วจับยายเอิบนั่งเอน ๆ ยายเอิบบีบมือว่านอย่างอ่อนแรง มองตามว่านได้ตลอดเวลา

“อะไรเหรอ ยายเอิบจะเอาอะไร”ว่านพยายามอ่านริมฝีปากของยายเอิบเพราะยายเอิบพูดไม่ได้แล้วเนื่องจากเจาะคอ “แม่...คุณแม่ใช่มั้ย”

คนป่วยพยักหน้านิดหนึ่ง

“รอแป๊บนะครับ ว่านจะไปตามคุณแม่มาให้” วิวาห์รีบผละออกมาจากห้อง ตะโกนเรียกมารดาเสียงดังลั่นด้วยความดีใจ แม่เองก็ดีใจไม่แพ้กันเมื่อเห็นพี่เลี้ยงเก่าแก่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง พยายามจะพูดคุยสื่อสารกันจนได้แม้ยายเอิบจะพูดไม่ได้ก็ตาม

เสียงรถมาจอดหน้าบ้าน วิวาห์ออกไปหาเจอธาดาจูงมือหวันยิหวาลงมาจากรถพอดีเด็กหญิงพอเห็นหน้าเขาเข้าก็เบะปากน้ำตาร่วง

“ยี่หวา...ไปไหนมาคะ วีว่าให้ไปเล่นข้างนอกครัวแต่ไม่ใช่ข้างนอกบ้านเสียหน่อย” วิวาห์ย่อตัวลงตรงหน้าลูก พูดเสียงอ่อนกว่าที่ตั้งใจเอาไว้ “ยี่หวาหายออกจากบ้านไป วีว่าเป็นห่วงแทบแย่เลยนะคะ ออกไปตามหาจนทั่วก็ไม่เจอ นึกว่าจะต้องแจ้งตำรวจเสียแล้ว”

“ก็...ก็วีว่าไม่รักยี่หวาแล้ว”

“ใครบอกว่าไม่รักคะ” วิวาห์ถอนหายใจ ดึงตัวลูกเข้ามากอด “ที่วีว่าทำทุกอย่างนี่ก็ไม่ใช่เป็นเพราะยี่หวาเหรอคะ วีว่ารักยี่หวายิ่งกว่าใคร ยี่หวาเสียอีกที่ไม่รักวีว่า คิดจะหนีไปจากวีว่า”

“เปล่านะคะ ยี่หวารักวีว่า” เด็กหญิงพูดเสียงเครือ

“จริงเหรอคะ ถ้ายี่หวารักวีว่าจริง ๆ จะหนีไปแบบนี้เหรอคะ วีว่าทำงานหาเงินมารักษายี่หวาแต่ยี่หวากลับไม่ช่วยวีว่าเลย วีว่าเสียใจมาก ๆ ยี่หวาไม่รักวีว่า” วิวาห์พูดแล้วก็ขอบตาร้อนผ่าว ตอนแรกว่าจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ สุดท้ายก็ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเงียบ ๆ หวันยิหวาเห็นน้ำตามารดาแล้วก็ยิ่งใจเสีย ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้แม่เป็นพัลวัน

“วีว่าอย่าร้องไห้ ยี่หวาไม่ได้ตั้งใจค่ะ ยี่หวาสัญญาว่าจะไม่ทำอีกค่ะ จะไม่ไปไหนคนเดียวแล้ว”

“ถ้ายี่หวาเป็นอะไรไปวีว่าจะอยู่ยังไงคะ” วิวาห์พูด“เกิดมีโจรจับตัวยี่หวาไปล่ะจับไปเป็นขอทาน หรือแก๊งลักเด็กเหมือนในข่าว วีว่าจะไปตามหายี่หวาที่ไหนล่ะทีนี้ ไม่ต้องปล่อยให้ถูกตัดแขนตัดขานั่งขอทานบนสะพานลอยเหรอ”

คนฟังตัวสั่น

“ยี่หวาไม่เอาแล้วค่ะ ยี่หวาขอโทษค่ะ ไม่ทำแล้ว”

วิวาห์ลอบถอนหายใจ กอดลูกสาวแน่น ๆ เรียกขวัญกำลังใจที่หายไปกลับคืนมาแล้วก็พาลูกไปเปลี่ยนชุดข้างบนห้อง ธาดาเล่าให้เขาฟังว่าเจอยี่หวาเดินอยู่คนเดียวพร้อมกับร้องไห้ไปด้วย บ่นน้อยอกน้อยใจวีว่าใหญ่โตที่วีว่าไม่มีเวลาให้แถมยังไล่ยี่หวาออกมาเองด้วย ยี่หวาก็เลยเสียใจมาก

วิวาห์เองก็รู้สึกผิดเหมือนกันที่พูดเสียงแข็งใส่ลูกสาวไป เขาขอโทษลูกสาวขอให้ยี่หวายกโทษให้แล้วก็อธิบายความจำเป็นที่ต้องทำงานให้เสร็จก่อน ปรับความเข้าใจกันอีกพักหนึ่งวิวาห์ก็นึกขึ้นมาได้ว่ามีอีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน

“ยายเอิบตื่นแล้วนะยี่หวา ไปเยี่ยมยายเอิบกันไหมคะ”

“จริงเหรอคะ ไปค่ะ”ยี่หวาตื่นเต้นมาก

ยายเอิบเองก็ดีใจที่เห็นหน้าคุณหนูของเธอ น้ำตาไหลซึมออกมาเป็นทาง วิวาห์ยืนมองยี่หวาเข้าไปพูดจาชวนยายเอิบคุยแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เห็นทีหลังจากนี้ยายเอิบคงจะอาการดีวันดีคืนเป็นแน่ กำลังใจดีขนาดนี้แล้ว

“ยายเอิบรีบลุกขึ้นมาเร็ว ๆ นะ จะได้พายี่หวาไปเที่ยวกัน” วิวาห์พูด

อาหารเย็นมื้อนั้นเป็นไปอย่างชื่นมื่น ธาดาเข้าร่วมด้วยอย่างไม่ขัดเขิน ชายหนุ่มวางตัวเป็นกึ่งแขกกึ่งญาติคนสนิทของครอบครัวได้อย่างแนบเนียนจนว่านเองก็ไม่รู้จะเอ่ยปากไล่ยังไง ว่านยังไม่ได้เล่าให้พ่อกับแม่ฟังเรื่องที่ชายหนุ่มมีลูกเมียแล้ว กลัวว่าจะยิ่งเครียดกันไปใหญ่

“เห็นยายเอิบฟื้นแล้วดีจังเลยนะว่าน พี่ยังคิดอยู่ว่าอาการแกจะดีขึ้นบ้างมั้ย” ธาดาพูดเนิบ ๆ ตอนที่อยู่ในห้องครัวด้วยกันสองคน ชายหนุ่มช่วยวิวาห์ล้างจานแบบไม่เกี่ยงงอน “ว่านคงสบายใจขึ้นแล้ว”

“เห็นยายเอิบดีขึ้นผมก็ดีใจครับ” วิวาห์ตอบสั้น ๆ รับจานมาเช็ดจนแห้ง “เสร็จแล้วคุณฟอร์ดก็รีบกลับได้เลยนะครับ เดี๋ยวที่เหลือว่านเคลียร์ต่อเอง พอดีจะเตรียมมื้อต่อไปเอาไว้ด้วย”

“ว่านยังไม่หายโกรธพี่อีกเหรอ”

“ผมไม่ได้โกรธหรอกครับ” วิวาห์ตอบ“แค่ไม่อยากให้คุณฟอร์ดสับสนในช่วงที่กำลังสูญเสียความทรงจำอยู่ ถ้าคุณได้ความทรงจำคืนกลับมาแล้วมันก็จะลำบากใจกันเปล่า ๆ เพราะคนที่คุณรักจริง ๆ ไม่ใช่ผมแต่คือภรรยาของคุณ เชื่อผมเถอะครับ กลับไปรื้อฟื้นความทรงจำกับภรรยาของคุณดีกว่า”

“ถ้าพี่จะบอกว่าพี่ไม่เคยรักคนอื่น...นอกจากว่านล่ะ” ธาดาพูดช้า ๆ สบตาวิวาห์อย่างจริงจัง “ไม่ว่าจะตอนนี้ ในอดีตหรืออนาคต ถ้าพี่สัญญาว่าจะมีว่านคนเดียว คนเดียวที่พี่ต้องการ”

“ผมพูดไปหมดแล้วครับ ผมไม่ชอบพูดซ้ำ” วิวาห์ว่า “อย่างไรก็ตาม ...ขอบคุณนะครับที่ช่วยพายี่หวากลับมา ผมร้อนใจมาก ๆ ตอนที่คุณโทรมา”

“เป็นหน้าที่ของพี่อยู่แล้ว” ธาดาตอบสั้น ๆ “ขอพี่ขึ้นไปลายี่หวาก่อนได้ไหม ตอนแรกสัญญากับยี่หวาเอาไว้ด้วยว่าจะเล่านิทานให้ฟังคืนนี้”

“เอาสิครับ” วิวาห์อนุญาตร่างสูงใหญ่เดินลับขึ้นบันไดไปชั้นสองของบ้านอย่างคุ้นเคย

เขาเดินตามหลังไปแต่ได้ยินเสียงไอมาจากห้องของยายเอิบเสียก่อนเลยแวะเข้าไปช่วยดูดเสมหะให้ ยายเอิบลืมตามองเขา ท่าทางเหมือนอยากบอกอะไร

“มีอะไรหรือเปล่าครับ ปวดท้องเหรอ”

ยายเอิบส่ายหน้า ขมวดคิ้วเข้าหากัน

“ปวดตรงไหนครับ หรือว่าจะให้ปรับเตียงลง” วิวาห์มองซ้ายมองขวา ยายเอิบกระดิกนิ้วเรียกเขาก็เลยจับมือยายเอิบเอาไว้ “มีอะไรครับค่อย ๆ พูดก็ได้เดี๋ยวว่านอ่านปากเอา...ยาดม...ไม่ใช่เหรอ ...ยาทา..อ๋อ หมายถึงยานวดใช่มั้ย เดี๋ยวว่านไปเอามาให้” วิวาห์จะลุกจากที่นั่งแต่ว่าอีกฝ่ายส่ายหน้า

“.............”

“ไม่ใช่เหรอ เอาทีละคำก็ได้ ...ยา ..ไม่เหรอ ...มา ...ตา?เจ็บตาเหรอครับ” วิวาห์ใช้ทิชชูช่วยเช็ดคราบน้ำตาออกให้อย่างเบามือ “ตาแดงนิดหน่อย ...นา...อา? อา..เหรอครับ”

ยายเอิบพยักหน้านิดหนึ่ง

“อ๋อ อาหารใช่มั้ยล่ะ” วิวาห์ร้องอ๋อ“ยายเอิบนี่หายใจเข้าออกเป็นอาหารจริง ๆ ยายเอิบเป็นห่วงเรื่องอาหารของว่านใช่มั้ย สบายใจได้ว่านทำคนเดียวสบายมาก ออเดอร์ก็เยอะเหมือนเดิม อีกหน่อยว่านจะเป็นเศรษฐีแล้วนะ” เขาชวนคุยไปเรื่อยเปื่อย ยายเอิบกระดิกนิ้วตอบ หน้านิ่วเหมือนกำลังเจ็บปวด “ยายเอิบเป็นอะไรกันแน่ หรือว่าเป็นไข้.. ว่านหาปรอทก่อนนะ”

“..............”

“อา...อาหาร? ไม่ใช่อาหาร...แล้วอะไรล่ะ ...วัน ..ฝัน...อัน...หัน...หันข้างเหรอ ไม่ใช่มันเหรอ...มันอะไร”วิวาห์ทวนคำอย่างงุนงงยายเอิบเองก็ดูเหน็ดเหนื่อย “เอาล่ะ ไม่เป็นไรเอาไว้ค่อยบอกใหม่นะครับดูซิเริ่มเหนื่อยแล้วเดี๋ยวว่านดูดเสมหะให้ก่อนแล้วจะได้แวะขึ้นไปดูยี่หวา”

เขาดูดเสมหะยายเอิบเสร็จยายเอิบก็หลับไปแล้ว ชายหนุ่มเลยเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของบ้าน ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของลูกสาวดังออกมาแว่ว ๆ ผสมกับเสียงห้าว ๆ ของผู้ชายคนนั้น

“....ใกล้จะเช้าแล้ว นางเงือกพูดกับโจรสลัด เธอไม่อยากให้ถึงเวลานั้นเลย จะมีทางไหนไหมที่จะยืดเวลาออกไปอีกได้...”

“ยี่หวารู้ตอนจบของนิทานเรื่องนี้ค่ะ ลุงกระต่ายเคยเล่าให้ยี่หวาฟัง”

“ยี่หวาจำได้ด้วยเหรอคะ ...ไหนบอกลุงซิว่ามันจบยังไง” เสียงธาดาตอบกลับมา

“นางเงือกแห้งตายอยู่บนชายหาดค่ะ กลายเป็นรูปปั้นนางเงือกที่มีคนเป่าขลุ่ยกับนางยักษ์ด้วย..” เด็กหญิงพูดเจื้อยแจ้ว เสียงหัวเราะห้าว ๆ ดังขึ้น

วิวาห์ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ใจเต้นแรงด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก ความเย็นเยือกแล่นผ่านตั้งแต่ศีรษะลงไปตามแนวกระดูกสันหลังจนถึงปลายเท้าแล้วเปลี่ยนเป็นร้อนรุ่มทั้งตัว

..............................................................................

มาต่อกันนะคะ

ใครรอเรื่องนี้อยู่บ้าง อิอิ

เจอกันตอนหน้านะคะ

#วิวาห์อามันต์
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน12 26/4/63 p7
เริ่มหัวข้อโดย: Nuch_Chii ที่ 26-04-2020 21:34:08
ยังไม่กล้าอ่าน
ขอปักไว้ก่อนนะคะ :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน12 26/4/63 p7
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 26-04-2020 21:53:30
 :katai1:




อาร์มมมมมมมมมมมม !!!
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน12 26/4/63 p7
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 26-04-2020 22:12:19
อาร์ม เข้าร่าง ธาดา ได้ไง
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน12 26/4/63 p7
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 26-04-2020 22:38:47
อะ จนได้สิน้าาาาา

หาร่างจนได้
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน12 26/4/63 p7
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 26-04-2020 22:45:19
 :hao4: :hao4: พี่อาร์มกลับมาหรอ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน12 26/4/63 p7
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-04-2020 01:04:50
โอ๊ยยย มายก๊อดด
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน12 26/4/63 p7
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 27-04-2020 02:04:51
หรือว่าพี่อาร์ม???????
ก่อนที่วีว่าจะรู้ว่าอาร์มเป็นมะเร็งก็มีคนบอกว่าอาร์มอาการสาหัสจากอุบัติเหตุไม่ใช่เหรอ
แต่จัดงานศพพี่อาร์ไปแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมวิญญาณยังอยู่  :ling2:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน12 26/4/63 p7
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 27-04-2020 10:20:18
อามันแน่เลยยที่ยายเอิบจะบอก!!!

ว่าแล้วๆม้นต้องมีอะไรเกิดขึ้นอีก :ling3:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน12 26/4/63 p7
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 27-04-2020 13:52:34
อาร์มแน่ๆถึงว่ามันแปลกๆ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน12 26/4/63 p7
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 29-04-2020 13:37:36
อาร์ม ต้องใช่อาร์มแน่ ต้องเป็นอาร์มแน่ ๆ ธาดาอาจตายเพราะอุบัติเหตุครั้งนั้นแล้วประจวบเหมาะที่อาร์มตายก็เลยได้เข้าร่างแน่ ๆ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน12 26/4/63 p7
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 29-04-2020 20:50:04
อาร์มได้โอกาสจากที่ฟอร์ดเกิดอุบัติเหตุเลยได้เข้ามาสิงในร้างนี้แทนสินะ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน12 26/4/63 p7
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 29-04-2020 21:03:50
วิญญาณอาร์มมาเข้าร่างฟอร์ดเหรอ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน12 26/4/63 p7
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 02-05-2020 21:29:10
วิวาห์อามันต์

ตอนที่13











“พี่กลับก่อนนะว่าน มีอะไรก็โทรมาได้เสมอ” ธาดาย่อตัวลงสวมรองเท้าที่พื้นวิวาห์ยืนนิ่งอยู่อึดใจหนึ่งก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติ

“พรุ่งนี้คุณฟอร์ดว่างไหมครับ”

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วยิ้มออกมา

“ว่าง”

“ช่วงนี้ว่านเหนื่อย ๆ ไหน ๆ ยายเอิบก็ฟื้นแล้วก็เลยอยากจะพักผ่อนบ้าง...” วิวาห์พูด เกิดความลังเลขึ้นมาเล็กน้อย ทว่าอีกฝ่ายยิ้มกว้างกว่าเดิมลุกขึ้นยืนมองหน้าว่าน

“ได้สิ ว่านอยากทำอะไร”

“...ดูหนัง..ดีไหมครับ”

“ใจตรงกัน” ธาดาพูดเสียงอ่อน “เดี๋ยวพี่มารับนะ..กี่โมงดี”

“บ่าย ๆ ก็ได้ครับ ว่านจะได้จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อน”คนพูดรู้อยู่แก่ใจคนเดียวว่าที่ต้องจัดการนั้นหมายถึงอะไรบ้าง ธาดาลากลับไปแล้ว วิวาห์มองตามหลังรถคันนั้นจนลับตาครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งรับรู้มาเมื่อครู่นี้

...นิทานนางเงือกกับโจรสลัดนั่น

ชายหนุ่มเดินกลับเข้าไปในบ้าน เขาตรงขึ้นบันไดไปหาลูกสาวที่กำลังนั่งเล่นตุ๊กตาอยู่คนเดียว วิวาห์เดินเข้าไปจับมือยี่หวาเอาไว้

“เล่นอะไรอยู่คะ”

“วีว่ามาเล่นกับยี่หวาเร็วค่ะ ถือน้องเอาไว้แบบนี้นะคะ ยี่หวาจะช่วยทำผมให้น้องใหม่” เธอส่งตุ๊กตาให้เขาช่วยจับ วิวาห์“ลุงฟอร์ดกลับไปแล้วเสียดายจังค่ะยังฟังนิทานเรื่องใหม่ไม่จบเลย”

“เรื่องนางเงือกน่ะเหรอ”

“เรื่องนั้นฟังจบแล้วค่ะ คุณลุงกระต่ายก็เคยเล่าให้ฟัง”

“แล้วคุณลุงกระต่ายเขาได้มาหายี่หวาอีกไหมคะ” วิวาห์ถามอย่างระมัดระวัง เด็กหญิงส่ายหน้า

“ไม่เลยค่ะ คุณลุงกระต่ายหายไปเลย ผิดสัญญากับยี่หวา คนโกหกเป็นคนไม่ดีเลยนะคะ คุณลุงกระต่ายเป็นคนไม่ดี” หวันยิหวาพูดหางเสียงงอนนิด ๆ ที่คุณลุงคนโปรดในตอนนั้นหายตัวไปไม่มาหาเธออีกเลย “ยี่หวาไม่รักคุณลุงกระต่ายแล้ว”

“แล้วคุณลุงฟอร์ดเป็นไงบ้างคะ” วิวาห์จับตุ๊กตาเอาไว้แน่น ลูกสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วอมยิ้มอย่างแก่แดด

“ยายเอิบเคยบอกว่าเขาจะมาเป็นพ่อของยี่หวา...จริงหรือเปล่าคะ”

“ยายเอิบพูดเมื่อไหร่” วิวาห์ขมวดคิ้ว หวันยิหวาทำหน้าคิดอยู่พักหนึ่งก็ส่ายหน้า

“จำไม่ได้ค่ะ นานแล้ว”

“ยี่หวาลืมที่ยายเอิบพูดไปเสียให้หมดนะคะ ลุงฟอร์ดไม่มีวันเข้ามาเป็นพ่อของยี่หวาได้หรอกค่ะ” วิวาห์พูดเสียงเข้มกว่าปกติ “เขาไม่ใช่คนดีขนาดที่จะเป็นพ่อใครได้”

“ลุงฟอร์ดไม่ใช่คนดีเหรอคะ” คนฟังไม่เข้าใจ “ทำไมล่ะคะลุงฟอร์ดใจดีออก เล่านิทานก็เก่ง ร้องเพลงก็เพราะมากด้วยค่ะ แถมยังทำอาหารอร่อย ตามใจยี่หวาด้วย...ยี่หวาชอบลุงฟอร์ดมาก ๆ เลยค่ะ ลุงฟอร์ดเป็นคนไม่ดีเหรอคะ” พูดจบแล้วเด็กหญิงก็น้ำตาคลอ ท่าทางเสียใจกับคำที่มารดาบอกเล่า “ทำไมล่ะคะ”

“เขา...เขาจะมาหลอกเราค่ะ” วิวาห์เม้มปากคิดหาคำพูดที่เด็กวัยสี่ขวบจะเข้าใจง่ายที่สุด “เขาเป็นโจรเป็นตัวร้ายที่ชอบปลอมตัวเป็นคนดีมาหรอกเราเหมือนในการ์ตูนไงคะ”

“อ๋อ” ยี่หวาพยักหน้า “ยี่หวาเข้าใจค่ะ”

ว่านโล่งอก

“ถ้าเข้าใจแล้ว หลังจากนี้ถ้าลุงฟอร์ดมาหาอีกล่ะก็ ยี่หวาห้ามเข้าใกล้เขาอีกนะคะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเขาหลอกเอาไปทำอะไรไม่ดีแน่ ๆ เลย ยี่หวาเชื่อวีว่านะคะ เรื่องนี้วีว่าขอจริง ๆ วีว่าก็จะไม่ให้เขาเข้าบ้านเราแล้วล่ะ”

“ตกลงค่ะ ...ลุงฟอร์ดใจดีออกนะคะ” เด็กหญิงอดพูดพึมพำอย่างเสียดายไม่ได้หลังจากนี้ก็จะไม่มีคนมาคอยตามใจนอกเหนือจากมารดาแล้วล่ะสิ แล้วใครจะซื้อไอศกรีมถังให้ยี่หวาอีกล่ะ แค่คิดก็น้ำตาจะไหลแล้ว วีว่าคงไม่ยอมให้ยี่หวากินขนมอีกแน่เลย....

วิวาห์คุยกับลูกรู้เรื่องแล้วก็ลงมาที่ห้องของยายเอิบยายเอิบนอนหลับอยู่ว่านเลยไม่ได้ปลุกเธอขึ้นมา เขาเตรียมอาหารเหลวเอาไว้ให้ยายเอิบตามปกติ มาเอะใจตรงที่ยายเอิบมีอาหารเหลือค้างในท้องเยอะมาก ดูเหมือนว่าอาหารมื้อที่แล้วที่เขาให้ไปนั้นจะยังไม่ถูกย่อยเลย

“ท้องรับอาหารไม่ไหวเหรอเนี่ย ทุกวันก็กินหมดนี่นา” วิวาห์ขมวดคิ้วเขย่าตัวปลุกยายเอิบ...ผิวเนื้อแห้งเหี่ยวร้อนผ่าวเหมือนผิงไฟอยู่จนวิวาห์สะดุ้ง เขารีบผละไปหาปรอทมาวัดไข้ให้ปรากฏว่าอุณหภูมิเกือบสี่สิบองศาเซลเซียสทีเดียว ยายเอิบมีไข้จริง ๆ ด้วย

ชายหนุ่มหายาลดไข้ให้ยายเอิบแล้วก็จัดการเช็ดตัวผ่านไปเกือบชั่วโมงอาการไข้ของยายเอิบก็ไม่ดีขึ้นเลย หญิงชราเริ่มตัวสั่นสะท้านเป็นระยะ นอนครางฮือออกมาจากลำคอ เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น ว่านเลยตัดสินใจโทรเรียกรถพยาบาลมารับไปโรงพยาบาล เขาฝากยี่หวาเอาไว้กับตายายก่อนจะไปโรงพยาบาลกับยายเอิบ

หมอบอกว่ายายเอิบติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะรุนแรง มีความดันตกด้วย รวม ๆ แล้วอาการไม่ดีเท่าไหร่ ขอให้ญาติทำใจเอาไว้ว่าอาจจะไม่ไหว วิวาห์น้ำตาไหลเป็นทาง เขาพยายามดูแลยายเอิบอย่างดีมาตลอดจนถึงวันที่ยายเอิบลืมตาฟื้นขึ้นมาพูดได้ ทำไมจู่ ๆ ถึงได้ทรุดลงไปอีก ว่านไม่เข้าใจเลย

“ยายเอิบ” วิวาห์กุมมือเหี่ยว ๆ เอาไว้แน่น “ต้องหายนะเมื่อกลางวันยังตื่นดีอยู่เลยทำไมถึงเป็นแบบนี้ ยายเอิบอย่าแกล้งกันสิ รีบ ๆ ลืมตาขึ้นมาเร็ว”

อาการของยายเอิบทรุดลงหนักมากในคืนนั้นจนว่านนึกว่ายายเอิบจะไม่รอดเสียแล้วหมอบอกว่าหัวใจของยายเอิบหยุดเต้นแต่ว่าช่วยปั้มหัวใจกลับขึ้นมาได้ใหม่ อาการยังเป็นตายเท่ากัน ว่านไม่รู้จะเล่าให้พ่อกับแม่ฟังยังไง ว่านกลัวคนแก่ที่บ้านจะทรุดตามไปด้วย เขาเลยเก็บเรื่องนี้เอาไว้ก่อน บอกแค่ว่ายายเอิบไม่สบายเท่านั้น

“อยู่หน้าบ้านนะว่าน เสร็จหรือยัง”ธาดาโทรมาหาว่านตอนเที่ยง ว่านลืมเรื่องนัดของตนไปเสียสนิทรวมถึงเรื่องที่ว่านสงสัยในตัวธาดา เพิ่งมานึกได้ตอนนี้เอง “นั่นอยู่ที่ไหนน่ะ ทำไมเสียงดังจัง ออกไปข้างนอกเหรอ”

“ว่านพายายเอิบมาโรงพยาบาลครับ” วิวาห์ตอบตามตรง เขากลัวธาดาจะแวะไปที่บ้านแล้วเจอยี่หวาเข้า ถึงจะยังไม่มั่นใจว่าธาดาเกี่ยวข้องอะไรกับพี่อาร์มหรือเปล่าแต่ว่าว่านก็อยากจะป้องกันเอาไว้ก่อน

“ยายเอิบเป็นอะไร”

“เป็นไข้ครับ เดี๋ยวไว้มาคุยต่อที่โรงพยาบาลดีกว่า” วิวาห์ตอบกลับไป เขานั่งอยู่ในห้องพักของยายเอิบคนเดียวด้วยความรู้สึกกระวนกระวายใจธาดาหรือว่า...ใคร...ก็ตามนั้นกำลังจะมาที่นี่แล้ว เขาควรทำอย่างไรดี ..ควรจะถามความจริงออกไปเลยดีไหม หรือว่าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ธาดามาถึงโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว วิวาห์วางหน้าเรียบเฉยไม่กระโตกกระตากแม้ว่าจะลอบจับสังเกตพิรุธของอีกฝ่ายทุกฝีก้าวก็ตามธาดาเองก็ตรงเข้าไปดูยายเอิบที่นอนหลับอยู่บนเตียง

“ไม่ตื่นเลยครับ ไข้ก็ไม่ลดด้วย” วิวาห์พูดเนิบ ๆ จับข้อเท้ายายเอิบเอาไว้ “หมอบอกว่าตอนนี้ใช้ยาที่ดีที่สุดในโรงพยาบาลแล้วถ้ายายเอิบไม่ไหวก็คง...”

“อย่าเพิ่งหมดหวังเลยว่าน ยายเอิบเป็นคนแข็งแรง แค่นี้ไม่เป็นไรแน่” คนพูดจับมือยายเอิบเอาไว้ ว่านรู้สึกเหมือนว่ายายเอิบขยับแต่พอมองอีกครั้งน่าจะตาฝาดไปเอง เขาถอยออกมานั่งที่เดิม จับตามองธาดาอย่างระแวง

...เหตุการณ์นี้มันคุ้น ๆ อย่างไรชอบกลว่านยังจำได้ว่าเมื่อปีก่อนว่านเองก็ป่วยหนักไม่รู้สึกตัวแบบนี้เหมือนกันป่วยจนเกือบตายเพราะมีคนต้องการพลังวิญญาณของว่านเพื่อประโยชน์ของตัวเอง...

วิวาห์มองหน้าธาดาแล้วเบิกตากว้าง ลุกพรวดจากเก้าอี้เข้าไปดึงมือชายหนุ่มออกจากมือของหญิงชรา

“อย่าแตะต้องเธอ” วิวาห์พูดเสียงสั่น

“เป็นอะไรไปว่าน” ธาดามองเขาพลางเลิกคิ้ว

ว่านรู้ว่าเรื่องที่ตัวเองคิดนั้นออกจะเหลือเชื่อมากแต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่ว่านเจอเมื่อปีก่อนว่านคิดว่าตัวเองไม่ได้กลัวเกินจริงไปนัก ชายหนุ่มระงับความตื่นตระหนกเอาไว้ในสีหน้าแล้วฝืนยิ้มออกมา

“คุณฟอร์ดยังไม่ได้ล้างมือ...เจลแอลกอฮอล์อยู่ตรงนั้นครับ ขอโทษที”

อีกคนสีหน้าดีขึ้น

“อ๋อ นึกว่าอะไรขอโทษทีนะพี่ก็ลืมระวังไปยายเอิบป่วยหนักอยู่ไม่ควรจะสัมผัสโดนเชื้อจากข้างนอกอีกหรอก” ธาดาพูดเนิบ ๆ เดินไปล้างมือโดยดี

วิวาห์ลอบผ่อนลมหายใจยาว เขายกเลิกโปรแกรมดูหนังที่นัดกันไว้ไปเพราะเขาไม่มีกะจิตกะใจจะไปนั่งดูหนังขณะที่ยายเอิบยังอาการหนักอยู่แบบนี้ธาดาเองก็ไม่ได้ท้วงเพียงแต่บอกว่าว่านต้องกินอะไรบ้างเท่านั้น

วิวาห์ได้ทีเลยรีบชวนอีกฝ่ายออกมาจากห้องพักผู้ป่วย เขายังไม่แน่ใจในทฤษฎีลม ๆ แล้ง ๆ ของตนเอง ทว่ากันไว้ก็ดีกว่าแก้ ถ้าธาดาคือผู้ชายคนนั้นจริง ๆ ก็มีความเป็นไปได้ว่าการป่วยของยายเอิบจะต้องมีเงื่อนงำมากกว่าการป่วยธรรมดา การให้ธาดาอยู่ใกล้ชิดกับคนป่วยย่อมไม่ดีแน่

ธาดาพาเขาไปกินก๋วยเตี๋ยวเจ้าดังแถวโรงพยาบาล ยืนรอคิวอยู่พักใหญ่กว่าจะได้กินสมใจ ว่านลอบสังเกตอีกฝ่ายตลอดเวลาธาดากินลูกชิ้นไปพร้อมกับเส้น...เหมือนนิสัยของพี่อาร์ม

“ไม่กินเหรอว่าน” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว วิวาห์รีบหลบตาก้มหน้าคีบเส้นเข้าปาก

“กินครับ”

“ลูกชิ้นกินมั้ย” ธาดาถามแกมหัวเราะต่อมาอีก วิวาห์หัวเราะออกมาบ้าง

“กินแต่จะเก็บเอาไว้กินทีหลัง”

ธาดามองเขาด้วยแววตาที่ทำให้ว่านต้องเมินหลบไปทางอื่น มันไม่ใช่แววตาหวานแหววเหมือนคู่รักมองกันหรือว่าเป็นแววตาอ่อนโยนทำนองนั้นแววตาของธาดามันมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ว่านรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง เขารีบกินจนหมดแล้วชวนอะไรฝ่ายออกมาจากร้าน

“กินขนมไหมครับ”ว่านไม่ชอบความรู้สึกอึดอัดที่บอกไม่ถูกนี่เลย เขาพาธาดาเดินข้ามถนนไปยังแผงขายขนมหน้าวัด กวาดตามองถาดขนมไทยหลากหลายชนิดตรงหน้า คิดแวบเดียวก็ชี้นิ้วเลือก “เอาตะโก้เผือกกับวุ้นกะทิครับ หม้อแกงน่ากินมาก ทองหยิบทองหยอดก็น่าทานจังพี่อาร์มเอาไหมครับ”

“เอาสิ” ธาดาพยักหน้ารับ

“ขออย่างละสองครับ” วิวาห์พูดหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาเปิดออกแต่ว่าทำหล่นเขารีบก้มลงเก็บขึ้นมาแล้วก็เดินนำหน้ากลับไปที่รถโดยมีธาดาที่จ่ายเงินเสร็จแล้วก็หิ้วถุงขนมตามหลังมา

“เป็นอะไรหรือเปล่าว่าน” ชายหนุ่มถามมองเขาทั่วตัวอย่างเป็นห่วงเปิดประตูให้เข้าไปนั่งในรถธาดาเอื้อมมือมากุมมือของวิวาห์ที่วางเอาไว้บนตัก “มือเย็นจังหรือไม่สบาย?”

“เปล่าครับ” วิวาห์ตอบ“ว่าน..คงร้อน..”

“เดี๋ยวเร่งแอร์ให้” ธาดาเอื้อมมือไปปรับลดอุณหภูมิในรถ “นั่งพักสักหน่อยเดี๋ยวก็ดีขึ้น เมื่อคืนคงไม่ได้นอนล่ะสิ จะกลับโรงพยาบาลเลยมั้ยหรือว่าอยากไปไหนอีก”

วิวาห์ส่ายหน้า

“ขอกลับโรงพยาบาลครับ”

“โอเค”

ธาดาขับรถมาส่งเข้าที่โรงพยาบาลชายหนุ่มบอกว่ามีธุระต้องไปทำต่อจะแวะมาหาอีกทีตอนค่ำ ๆ วิวาห์พยักหน้ารับทำทีเป็นรีบกลับเข้าไปดูยายเอิบทว่าความจริงแล้วเรียกแท็กซี่กลับบ้านไปหาลูกสาวก่อนเป็นอันดับแรก

“ยี่หวา...ยี่หวาอยู่ไหนลูก”

“อยู่นี่ค่ะวีว่า” หวันยิหวาเดินลงบันไดมาหาเขา “ยายเอิบเป็นยังไงบ้างคะ”

“ยังไม่ตื่นเลยค่ะ ยี่หวาวันนี้ไม่ต้องไปเยี่ยมยายเอิบแล้วนะคะ อยู่ที่บ้านไปก่อน” วิวาห์พูดพยายามระงับอารมณ์ไม่ให้เสียงสั่น“อยู่กับคุณตาคุณยายนะคะห้ามไปไหนเลยนะ ใครมารับก็ห้ามไปด้วยนะคะเข้าใจหรือเปล่า”

“ใครมารับเหรอคะ” เด็กหญิงเอียงคอมอง

“ก็อย่างเช่น..ลุงฟอร์ดหรือ..ลุงกระต่าย ก็ห้ามไปกับเค้านะคะ”

“ลุงกระต่ายจะมาเหรอคะ” คนฟังกลับตื่นเต้นเสียอย่างนั้น วิวาห์เริ่มกังวลขึ้นมาจริง ๆ เขาจูงมือลูกสาวไปฝากฝังเอาไว้กับพ่อแม่อีกรอบอธิบายสั้น ๆ ว่าตอนนี้ที่โรงพยาบาลมีเชื้อโรคระบาดยี่หวายังให้เคมีบำบัดอยู่ไม่ควรจะไปโรงพยาบาล ส่วนมารดาที่เป็นเบาหวานและบิดาที่เป็นโรคไตวายเรื้อรังก็ยังไม่ควรไปเยี่ยมยายเอิบตอนนี้เช่นกัน

“เดี๋ยวไว้ยายเอิบดีขึ้นแล้วว่านจะพากลับบ้านเองครับ”

“อาการไม่ดีเหรอลูก บอกแม่มาตามตรงเถอะ”

“ไม่...ไม่เชิงครับ ไม่ขนาดนั้น”วิวาห์รีบเปลี่ยนคำพูดใหม่“ยายเอิบดีขึ้นเรื่อย ๆ พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงครับ ยี่หวาอยู่เล่นในห้องนี้ไปก่อนนะคะ คุณพ่อคุณแม่อย่าคลาดสายตาจากยี่หวานะครับ ผมเป็นห่วง...กลัวลูกไม่สบายไปอีกคน ครั้งก่อนก็แอบหนีออกจากบ้านด้วย”

“ไม่ต้องห่วงว่าน แม่จะดูให้เองยี่หวามาหายายมา”

“ถ้าใครมาหา แม่ไม่ต้องเปิดประตูให้เขาเข้ามานะครับ ห้ามใครเข้าบ้านนะครับ”

“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าว่าน ทำไมต้องขนาดนั้นด้วย”

“ว่านขอแค่นี้ เดี๋ยวว่านจะมาอธิบายให้ฟังอีกทีครับ”

วิวาห์กลับออกมาจากบ้านทั้งที่ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ในส่วนลึกเขาไม่รู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่แต่ว่าสังหรณ์ของเขาบอกชัดว่าไม่ใช่เรื่องดี

...พี่อาร์ม...

ชื่อที่ผู้ชายคนนั้นขานรับ ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม...ว่านไม่กล้าพิสูจน์ซ้ำว่าอีกฝ่ายไม่ทันฟังหรือไม่ทันคิด หรือแม้กระทั่งจงใจรับคำขานเพื่อหวังผลบางอย่างที่ว่านมั่นใจก็คือพี่อาร์มไม่ได้รักว่าน

ถ้าธาดาคือพี่อาร์ม ...เวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาที่ชายหนุ่มมาหาว่านจะต้องมีอะไรซ่อนอยู่แน่นอน ไหนจะอาการที่กรกมลบอกว่าสามีสูญเสียความทรงจำไปหลังจากอุบัติเหตุอีกล่ะ ก็ถ้าธาดาจำกรกมลไม่ได้เพราะความจริงแล้วเขาไม่รู้จักเธอ ถ้าเขาไม่ใช่สามีของเธอ

...ถ้าธาดาไม่ใช่ธาดา...

ขนมหวาน นิทานนางเงือกแค่นี้จะเพียงพอที่จะพิสูจน์หรือเปล่ามีอะไรอีก ...อะไรที่เขานึกไม่ออก

วิวาห์มาถึงโรงพยาบาล เขาเห็นรถของธาดาจอดอยู่ที่ ๆ จอดรถใจเต้นรัวแรง...ไหนบอกว่ามีธุระจะต้องไปทำยังไงล่ะ...ชายหนุ่มรีบจอดรถแล้วขึ้นไปหายายเอิบที่ห้องพักผู้ป่วย นึกภาวนาขอให้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ขอให้เขาแค่คิดไปเอง...

“ยายเอิบ..” วิวาห์เปิดประตูเข้าไปในห้อง เขาชะงักกับภาพที่เห็นตรงหน้า

หญิงชราคนป่วยกำลังนั่งเอน ๆ พิงพนักหัวเตียงท่าทางสดชื่นกว่าเดิมมากแม้จะยังพูดไม่ได้เพราะมีท่อเจาะคออยู่ก็ตาม

“..........” ยายเอิบกวักมือเรียกเขา ว่านเบิกตากว้าง เดินเข้าไปในห้องอย่างตกตะลึง

“ยายเอิบ....ยายเอิบหายแล้วเหรอ ฟื้นแล้วใช่มั้ย”

“...........” ยายเอิบเรียกซ้ำว่านรีบเดินเข้าไปหาแล้วจับมือยายเอิบเอาไว้แน่นมือของยายเอิบไม่ได้ร้อนจัดหรือเย็นเฉียบอีกแล้วทว่าอุ่นเป็นปกติเหมือนเดิม

“ยายเอิบ ว่านดีใจจัง...ดีใจมาก ๆ” วิวาห์น้ำตาคลอ หันไปหาธาดาที่นั่งอยู่เงียบ ๆ “ยายเอิบฟื้นเมื่อไหร่ แล้วทำไมคุณไม่โทรบอกว่าน คุณไปไหนมาทำไมถึงมาอยู่ที่นี่”

“..........” ยายเอิบกระดิกนิ้วมืออีกข้าง ธาดาจับมือยายเอิบเอาไว้ หญิงชราจับมือของทั้งสองคนมาประสานกัน “...........”

วิวาห์นิ่งอึ้ง มือของธาดาที่กุมทับมือของเขานั่นอุ่นจัดจนเกือบร้อนทีเดียว

“ยายเอิบหมายความว่าอะไรน่ะ” ว่านดึงมือของตัวเองออก

หญิงชรายิ้มบาง ๆ จับมือของเขาเอาไว้เหมือนเดิมว่านไม่อยากขัดใจคนป่วยที่เพิ่งฟื้นก็เลยไม่ได้ดึงมือออกอีก ปล่อยให้แกจับไปวางบนมือของธาดาเอาไว้อย่างนั้น

“ยายเอิบคงอยากฝากว่านเอาไว้กับพี่” ธาดาพูดขึ้นเนิบ ๆ มองเขาอย่างมีความหมายแล้วพลิกมือกุมกระชับมือของวิวาห์เอาไว้ “ใช่ไหมครับ”

ยายเอิบพยักหน้ารับ

วิวาห์พูดไม่ออก หัวใจเต้นรัวเร็วด้วยความกลัว ...มันดูเป็นไปไม่ได้เลย ยายเอิบที่เขาเห็นเมื่อเช้าคือคนที่ป่วยหนักใกล้ตายอยู่รอมร่อ ไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนทว่ายายเอิบในตอนนี้กลับดูอิ่มเอิบสดชื่นไม่มีเหมือนคนเพิ่งฟื้นไข้ แถมท่าทีของยายเอิบก็ยังเปลี่ยนไปอีก แต่ก่อนยายเอิบไม่ชอบธาดาเลยไม่ใช่หรือ... ทำไมถึงเปลี่ยนใจล่ะ

“ยายเอิบฟื้นก็ดีแล้ว อยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า ว่านจะไปหามาให้”

ยายเอิบพยักหน้าแถมยังยิ้มรับอีก วิวาห์พยายามปัดความรู้สึกแปลก ๆ นี้ออกไปจากใจ เขาดีใจที่ยายเอิบอาการดีขึ้นแม้แต่แพทย์ก็ยังออกปากว่าราวกับปาฏิหาริย์ ยายเอิบกลับมามีเรี่ยวแรงพอจะลุกขึ้นนั่งเองได้แล้ว

“ดีจริง ๆ ที่ยายเอิบดีขึ้น” ธาดาพูด ตอนที่พวกเขาออกมาซื้อข้าวของด้วยกันที่ร้านสะดวกซื้อข้างนอก

“ทำไมคุณฟอร์ดถึงกลับมาที่โรงพยาบาลล่ะครับ ไหนว่ามีธุระ”

“พยาบาลโทรหาพี่น่ะ บอกว่ายายเอิบอาการทรุดก็เลยโทรตามญาติ” ธาดาตอบ “เขาบอกว่าโทรหาว่านไม่ติด”

“อ้าว” วิวาห์ก้มลงดูโทรศัพท์ตัวเองก็พบว่าเขาเผลอเปิดโหมดเครื่องบินเอาไว้ “ตายจริงสงสัยมือจะเผลอไปโดนเข้าแล้วยายเอิบเป็นยังไงบ้างครับตอนนั้น”

“ตอนพี่มายายเอิบก็นิ่งไปแล้ว ตาเบิกค้างเลยหมอเขาก็ปั้มหัวใจ แล้วยายเอิบก็กลับมา แถมยังฟื้นตื่นลืมตาขึ้นมาอีกด้วย หมอเขาเก่งจริง ๆ” ธาดาว่า“พี่หาทางติดต่อว่านอยู่ก็พอดีว่านมาถึงโรงพยาบาล ยายเอิบดูไม่เหมือนคนที่เพิ่งผ่านความตายมาเลยใช่ไหม”

“นั่นสิครับ” วิวาห์รับคำ “ไม่น่าเชื่อเลย” เขาเงียบไปครู่หนึ่งแล้วก็พูดขึ้นยิ้ม ๆ “... คุณฟอร์ดเองก็เคยผ่านความตายมาเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”

คนฟังหัวเราะ

“ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก”

“แต่ก็เฉียดตายใช่ไหมล่ะ ผมก็เคยเจอประสบการณ์นั้นเหมือนกันครับ” วิวาห์พูดต่อเนิบ ๆ เดินนำเข้าไปในสวนสาธารณะของโรงพยาบาลครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองซ้ำอีกครั้ง “จะว่าไปก็เกือบจะเหมือนยายเอิบตอนนั้นผมป่วยหนักแบบลูกผีลูกคนนึกว่าจะไม่รอดแต่ก็กลับรอดแถมยังอาการดีขึ้นรวดเร็วเหมือน ๆ กันอีก”

“งั้นหรือ”

“ยี่หวาก็เหมือนกันยี่หวาเคยป่วยหนักถึงขั้นติดเชื้อในเยื่อหุ้มสมอง นอนไอซียูตั้งนานจนว่านนึกว่าจะเสียลูกไปแล้ว แต่ว่าตอนนั้นก็มีคนมาอาสาช่วยว่าน เขาบอกว่านว่ามีวิธีจะช่วยลูก ว่านก็เชื่อเขา ทั้งที่เขาเคยหลอกว่านสารพัด”

“เขาหลอกอะไร” ธาดาถามต่อมาวิวาห์ยิ้มมุมปาก

“หลอกว่ารักครับ” เขามองหน้าอีกฝ่ายเต็มตา “หลอกใช้ความรักของว่าน แล้วว่านก็โง่ซ้ำสองจนเกือบเสียลูกไป ว่านหลงเชื่อเขาเพราะว่านรักเขามากครับ เขาเป็นความรักครั้งแรกของว่าน”

“แล้วตอนนี้ล่ะ...ยังรักเขาอยู่ไหม”

“ตรงข้ามกับความรักครับ” วิวาห์ตอบกลับไปเสียงหนักพวกเขาหยุดเดินแล้วหันมามองหน้ากันราวกับต่างคนต่างกำลังประเมินท่าทีอีกฝ่ายอยู่ในใจ บรรยากาศตึงเครียดขึ้นฉับพลัน

“เป็นความเกลียดงั้นเหรอ” ธาดาถามเสียงแหบ

วิวาห์หัวเราะ

“ไม่ใช่ความเกลียดครับแต่ว่าเป็นความรู้สึกเฉย ๆ ไม่รู้สึกอะไรเลย เป็นคนแปลกหน้า”

“แบบนั้น..ยิ่งกว่าเกลียดเสียอีกนะ”

“คุณฟอร์ดจะไม่ถามผมหน่อยเหรอครับว่าคน ๆ นั้นคือใคร” คนฟังเงียบกริบ วิวาห์ยิ้มนิด ๆ “คุณฟอร์ดรู้ไหมครับว่าว่านไม่เคยบอกใครเลยนอกจากคนในครอบครัวว่าว่านเป็นแม่ของยี่หวา เป็นคนคลอดยี่หวาออกมาไม่ใช่พ่อ”วิวาห์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยเหมือนพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ“ไม่ใช่เรื่องปกติหรอกใช่ไหมครับที่ผู้ชายจะตั้งท้องได้แต่ว่า...คุณกลับรู้เรื่องนี้ทั้งที่ผมไม่เคยบอก เพราะว่า...”

“..........” ธาดาไม่ตอบวิวาห์กำมือเข้าหากันแน่นจ้องมองดวงตาคมเข้มสีดำสนิทเหมือนน้ำในบ่อลึกนั้น ...ใช่แล้วนี่แหละคือสิ่งที่ติดอยู่ในใจของเขามาตลอดถึงแม้ใบหน้ารูปร่างบุคลิกภายนอกจะไม่เหมือนอามันต์เลยแต่ว่า แววตาคู่นั้นของเขา...คอยเตือนให้ว่านระลึกถึงใครอีกคนอยู่เสมอโดยไม่รู้ตัว

“อามันต์”

“.........”ธาดาแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากแห้งผากของตนเอง “พี่ไม่มีข้อแก้ตัว”

“คุณฟอร์ดตัวจริงอยู่ที่ไหนครับ หรือว่าตายไปแล้ว” วิวาห์ถามต่อ“คุณกลับมาทำไม ไม่ได้ตายไปตั้งแต่ตอนนั้นเหรอครับ”

“อยากให้พี่ตายนักหรือ”

“คุณฟอร์ดอยู่ที่ไหนครับ เขายังมีครอบครัวมีภรรยาแล้วก็ลูกอีกน่ะครับ คุณทำแบบนี้กับเขาได้ยังไง”

“ยังไงมันก็ไม่คิดจะใส่ใจลูกเมียอยู่แล้ว”

“แต่คุณไม่มีสิทธิ์เอาชีวิตของใครมานะครับ คุณดูดพลังของเขาใช่มั้ย เหมือนที่ทำกับยี่หวาเมื่อปีก่อน” วิวาห์ตัวสั่นเริ่มรู้สึกถึงความกลัวผสมความโกรธที่แผ่ซ่านขึ้นมาจากปลายเท้า “คุณฆ่าคน”

“พี่เปล่า” อามันต์ในร่างของธาดาปฏิเสธ “เขาควรจะเป็นคนที่หมดอายุขัยไม่ใช่พี่...พี่แค่มาทวงสิทธิ์อันชอบธรรมของพี่คืน”

“อะไรนะครับ?หมายถึงสิทธิ์อะไรนะ”

“เขาต้องเป็นคนที่ตาย ไม่ใช่พี่”อีกฝ่ายพูดเสียงห้วนขึ้น “คนที่เกิดในวันและเวลาเดียวกันจากพ่อและแม่คนเดียวกัน...คนหนึ่งจะถึงกาลหมดอายุขัยในวัยสามสิบหกปีส่วนอีกคนจะอายุยืนยาวถึงแปดสิบสองปี....นั่นคือความจริง เพียงแต่ว่าอายุขัยนั้นเป็นของพี่ไม่ใช่เขา”

“วันเดียวกัน...พ่อแม่เดียวกัน” ถึงแม้วิวาห์จะเตรียมใจมาแล้วก็ยังอดมึนงงไม่ได้ ธาดา..ไม่ใช่สิ อามันต์กำลังพูดพล่ามอะไรอยู่ “คุณกับคุณฟอร์ดเป็นอะไรกัน”

“ฝาแฝด..ไงล่ะ” อีกคนตอบอย่างสงบ “เขาเกิดหลังพี่ไม่ถึงหนึ่งนาที นั่นคือสิ่งที่สวรรค์ทำผิดพลาด เขาเอาชีวิตที่ควรจะยืนยาวของพี่ไป”

“แต่...แต่พี่ป่วยไม่ใช่เหรอ พี่เป็นมะเร็งนี่”

“พี่รักษาหายดีแล้ว” อามันต์ตอบทันควัน“ห้าปีที่พี่ทรมานอยู่กับการรักษาและติดตาม มะเร็งหายไปจากตัวพี่แล้วว่านพี่ถึงได้ตามว่านกลับมา....เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ เพื่อขอโอกาสแต่ว่าอุบัติเหตุนั่นมันทำให้ความหวังของพี่พังทลาย พี่กลายเป็นเจ้าชายนิทราแล้วก็ตาย ...มันไม่ใช่ชะตาของพี่”

“คุณรู้ได้ยังไงว่าชะตาของใครเป็นของใคร คุณพูดไปเองแค่พยายามจะหาความชอบธรรมให้กับตัวเองใช่มั้ยล่ะครับ”

“พี่รู้ก็แล้วกัน”

“ถึงอย่างนั้นคุณก็ไม่ควรยึดเอาร่างของคนอื่นมาครับ” วิวาห์ผ่านอะไรที่เหลือเชื่อยิ่งกว่านี้มาแล้ว ไม่มีอะไรที่เขาจะแปลกใจอีก ต่อให้อามันต์บินได้ก็ตาม “คุณทำเพื่ออะไร”

“เพื่อว่านกับยี่หวา” อีกฝ่ายตอบกลับมา “พี่อยากแก้ไขสิ่งที่เคยทำผิด”

“คุณทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงกว่าเดิมต่างหาก” วิวาห์พูดเสียงดัง “คุณยังเห็นแก่ตัวไม่เปลี่ยน”

“ว่าน” ธาดาก้าวเข้ามา วิวาห์ถอยกรูด

“อย่าเข้ามานะ คุณมันน่ารังเกียจ จิตใจของคุณน่าขยะแขยงยิ่งกว่าหนอนเน่า ๆ”

“พี่ทำทั้งหมดนี่ก็เพราะว่านกับยี่หวานะ” อามันต์ในคราบธาดาพูดเสียงอ่อน “ว่านฟังก่อนนะ พี่คิดวิธีช่วยยี่หวาออกแล้ว เพียงแค่ว่านแต่งงานกับพี่แล้วก็มีลูกอีกคนหนึ่ง เราใช้สเต็มเซลล์จากรกได้รับรองได้เลยว่ามันจะต้องแมชต์กับยี่หวาแน่ ถึงแม้พี่จะไม่ใช่แฝดแท้ แต่ก็เป็นพี่น้องที่สายเลือดใกล้ชิดที่สุด มันต้องได้ผลว่าน จะต้องช่วยลูกของเราได้แน่”

วิวาห์นิ่งอึ้ง มองหน้าคนพูดอย่างตกใจ จะว่าไปแล้วใบหน้าของธาดาก็มีส่วนละม้ายคล้ายคลึงกับอามันต์อยู่ไม่น้อย เพียงแต่ก่อนหน้านี้มันถูกบดบังด้วยแว่นตาและบุคลิกที่แตกต่างกันลิบลับ เขาก็เลยไม่เคยสังเกตเห็นข้อนี้

“ว่าน”

“อย่าเข้ามา”

“พี่อยากช่วยว่านกับลูกจริง ๆ นะถึงได้กลับมา”อามันต์พูดเสียงเบาลงคล้ายพูดกับตัวเอง“ว่านไม่เชื่อพี่เลยเหรอ”

“ผมไม่เชื่อ” วิวาห์ตอบกลับไปสั้น ๆ แล้วหมุนตัวหันหลังอีกฝ่ายก้าวพรวดเดียวเข้ามาประชิดตัวเขาแล้วกอดเอาไว้จากด้านหลัง ว่านดิ้นเต็มแรงทว่าอามันต์ไม่ยอมปล่อย

“ว่าน...ฟังพี่ก่อน อย่าเพิ่งโกรธ...” คนพูดกอดร่างผอมบางเอาไว้แน่น ซบหน้าลงกับซอกคอ “พี่พยายามเต็มที่แล้วนะ พี่พยายามจริง ๆ ที่จะทำให้ว่านยอมรับพี่ ...พี่อยากช่วยลูก อยากให้ยี่หวาหายดี..”

“คิดจะปิดไปจนถึงเมื่อไหร่”

“ก็จนกว่ายี่หวาจะหาย”

“โกหก”

“จนกว่าว่านจะให้อภัยพี่”

“ปล่อยผม”

“ว่าน....ฟังพี่ก่อน เอาอย่างนี้ก็ได้...ถ้ายี่หวาหายดีแล้วพี่ก็จะไปทันที”

“ไปตั้งแต่ตอนนี้แล้วคืนร่างให้คุณฟอร์ดเสียเถอะครับ” วิวาห์พูดเสียงเฉียบขาดปลดมือของอีกฝ่ายออกแล้วหันกลับมาเผชิญหน้า “ส่วนเรื่องของยี่หวา ผมจะจัดการเองขอบคุณมากที่อยากช่วย”

“ว่าน”

วิวาห์ยกมือขึ้นสัมผัสที่ใบหน้าของธาดาแผ่วเบา อีกฝ่ายชะงักงัน

“.............” เขาดึงมือกลับ

“ว่าน”



หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน13 2/5/63 p7
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 02-05-2020 21:30:36









เสียงเรียกชื่อดังตามหลังมาแต่ว่าวิวาห์ไม่ได้หันกลับไปมอง น้ำตาที่กลั้นเอาไว้เหมือนถึงจุดสิ้นสุดมันเอ่อล้นขอบตาออกมาทะลักทลายเหมือนทำนบแตก ชายหนุ่มหลบเข้าไปร้องไห้ในห้องน้ำ ความรู้สึกต่าง ๆ พุ่งขึ้นมาพร้อมกันจนจัดการไม่ถูก ทั้งเสียใจดีใจตื่นตระหนกระคนโศกเศร้า

พี่อาร์มคงไม่รู้ว่าว่านเผลอดีใจที่พี่อาร์มกลับมาหาว่าน

แต่ว่าว่านก็เสียใจที่ว่านยังรู้สึกแบบนั้นทั้งที่คิดว่าตัวเองตัดใจจากพี่อาร์มได้หมดสิ้นแล้ว

และว่านก็ตกใจมากที่พี่อาร์มเป็นแฝดกับคุณฟอร์ด แถมยังมีความหนทางที่จะรักษายี่หวาให้หายดี ว่านไม่อยากเชื่อเลยว่าพี่อาร์มจะมาบอก แล้วว่านควรจะทำอย่างไรดี พี่อาร์มยึดร่างของคุณฟอร์ดมา เป็นเรื่องที่ว่านรับไม่ได้

เขาปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาจนรู้สึกดีขึ้นบ้างแล้ววิวาห์ก็รวบรวมสติใหม่อีกครั้ง ชายหนุ่มโทรไปหากรกมลภรรยาของธาดาตามนามบัตรที่อีกฝ่ายให้เอาไว้คราวก่อน ฝ่ายนั้นแปลกใจมากที่เขาโทรไปหา

“คุณว่านมีอะไรหรือเปล่าคะ”

“ต้องขอโทษด้วยครับที่โทรมารบกวนเวลา ว่างคุยไหมครับ”

“ว่างค่ะ นั่นเสียงคุณเป็นอะไรคะ คุณว่านคุณโอเคหรือเปล่า” หญิงสาวถามมาตามสาย วิวาห์เช็ดน้ำตาออก

“ผมไม่เป็นไรครับเพียงแค่อยากจะถามว่าคุณฟอร์ด...สามีของคุณ เขามีพี่น้องไหมครับ”

“มีค่ะ มีน้องชายหนึ่งคนน้องสาวสองคน ถามทำไมเหรอคะ”

“น้องชายเขาเป็นแฝดหรือเปล่าครับ หรือว่ามีพี่ชายอีกมั้ย”

“ไม่มีนะคะ เขาเป็นลูกคนโต” กรกมลตอบกลับมา“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณว่าน”

วิวาห์เม้มปาก ...หรือว่าอามันต์จะหลอกเขาอีกครั้งคิดยังไงธาดาก็ไม่มีทางที่จะเป็นพี่น้องกับอามันต์ไปได้

“พ่อแม่ของเขาแต่งงานใหม่หรือเปล่าครับ”

“เท่าที่รู้ไม่มีนะคะ” กรกมลเริ่มสงสัยมาก ๆ แล้ว “คุณว่านอยากทราบเรื่องอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ”

วิวาห์เลยชวนคุยเรื่องอื่นเล็กน้อยแล้วก็วางสายคิดไปคิดมาแล้วก็อาจจะไม่ใช่เรื่องจริงก็ได้อามันต์อาจจะเพียงแค่พูดเพื่อหลอกล่อเขาให้คล้อยตามเท่านั้น ...ถึงจะคิดอย่างนั้นแต่ชายหนุ่มก็ยังกังวลใจอยู่ เขาตั้งใจว่าจะต้องสืบเรื่องนี้เพิ่มให้ได้ บางทีแป้งอาจจะรู้

..................................................................

อาการของยายเอิบดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่นานแพทย์ก็อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้ ว่านดีใจมาก พี่ชายน้องชายของเขาก็นัดกันกลับบ้านในช่วงสุดสัปดาห์นี้ด้วย

วิรุฬขับรถมารับเขากับยายเอิบที่โรงพยาบาล นายแพทย์หนุ่มมาพร้อมกับคุณครูสาวคนรัก วิรุฬแอบกระซิบบอกเขาว่ามาเที่ยวนี้จะขอครูเตยแต่งงาน ว่านพลอยตื่นเต้นแทนน้องชายไปด้วย พี่วัตเองก็ส่งข่าวมาว่าจะถึงสนามบินวันนี้ช่วงค่ำ ๆ แถมยังมีข่าวดีที่ขออุบเอาไว้ก่อนรอบอกตอนถึงบ้าน

“วินขอเดาว่าพี่เบสต์ท้องชัวร์” น้องชายยิ้มกว้าง

“แบบนี้ก็ดีน่ะสิ ยี่หวาจะได้มีเพื่อนแล้ว” ว่านบีบมือเข้าหากัน “อยากให้ทุกคนกลับมาอยู่ที่บ้านด้วยกันจัง จะต้องครึกครื้นอบอุ่นมากแน่”

“วินก็อยากกลับนะ แต่บ้านเตยไม่มีผู้ชายเลย วินเลยอยากไปอยู่ที่นู่นมากกว่า” น้องชายพูดยิ้ม ๆ “อีกอย่างวินก็ว่าจะขอทุนเรียนต่อที่นู่นด้วย ภาคใต้ทุนหาง่ายกว่าที่อื่น ถ้าจะกลับมาขอภาคกลางคงยาก”

“พี่เข้าใจ” วิวาห์พยักหน้ารับ ใจแป้วไปเล็กน้อย ฝืนยิ้มออกมา“เอาที่วินสะดวกที่สุดนั่นล่ะ”

วิรุฬเหลือบมองพี่ชายคนรอง

“พี่ว่านก็คงเหนื่อยมากผมรู้ครับ ดูแลคนป่วยสองคนแถมยังคนแก่อีกสองไม่ใช่เรื่องง่าย ความจริง...วินยังคิดอยู่เลยว่าพี่วัตน่าจะกลับมาอยู่ที่นี่ถ้าพี่เบสต์จะมีน้อง อยู่นู่นอะไร ๆ ก็ลำบากไม่เหมือนบ้านเรา พี่ว่านลองถามพี่วัตดูก็ได้”

วิวาห์เงียบไป เขาคิดว่าพี่วัตไม่น่าจะกลับมาอยู่บ้านได้เพราะยังติดสัญญาทำงานอยู่หลายปี ถ้าจะกลับมาจริง ๆ ก็คงมีแต่พี่เบสต์ซึ่งคาดว่าจะท้องแบบนั้นก็กลายเป็นว่าว่านต้องดูแลคนท้องเพิ่มอีกคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ... ว่านเลยไม่พูดเรื่องนี้อีกเลยจนกระทั่งพี่วัตกับพี่เบสต์กลับมาถึงบ้าน

เป็นไปตามที่คาดเอาไว้ พี่สะใภ้ของเขาตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้วจริง ๆ ว่านอดปลาบปลื้มแทนไม่ได้ คุณพ่อคุณแม่ก็ต่างดีใจใหญ่ที่ลูกสะใภ้จะมีหลาน

“วันนี้วันดีจริง ๆ เจ้าวัตก็จะได้เป็นพ่อคนแล้วยายเอิบก็หายดีกลับบ้านพ้นเคราะห์พ้นโศกกันเสียทีนะลูกนะ”แม่ของเขาพูดอย่างชื่นใจ “ว่าน...วันนี้แม่ว่าสั่งอาหารมากินกันเถอะ งดทำงานสักวันนึงนะ ถือเป็นการพักผ่อน”

“สั่งมาเลยครับแม่ แต่ว่าว่านหยุดงานไม่ได้หรอก รับออเดอร์ลูกค้ามาแล้ว แม่นั่งคุยกับพี่วัตเจ้าวินไปเถอะนะ ว่านจะไปจัดการในครัว” วิวาห์เลี่ยงออกมาจากห้องรับแขกที่กำลังเต็มไปด้วยเสียงสนทนาและหัวเราะสนุกสนาน พี่วัตผิวคล้ำลงไปมากคงเพราะงานที่ใหม่ต้องตากแดดออกภาคสนามทุกวันไม่ได้อยู่แต่ในออฟฟิศเหมือนเดิม

“แต่ก็คุ้มกับรายได้ครับพ่อ ทำงานหนึ่งเดือนที่นู่นได้เงินเท่ากับอยู่ที่นี่ครึ่งปี ...พ่อกับแม่พอใช้ไหมครับให้วัตส่งมาเพิ่มอีกดีไหมครับ....เบสต์เขาก็ได้งานแบงค์ครับเขาให้ทำงานได้ถึงอายุครรภ์เจ็ดเดือนเงินเดือนดีมากครับ..”

ว่านลอบถอนหายใจยาว รู้สึกตัวเองเป็นคนไม่ดีเลยที่แอบคิดอิจฉารายได้ของพี่ชายและพี่สะใภ้ ไหนจะน้องชายอีก ทุกคนดูมีเส้นทางเดินที่ดี มีอนาคตของตัวเอง...วิวาห์สั่นหัวไล่ความคิดพวกนั้นออกไป การที่ว่านได้ดูแลพ่อแม่ก็เป็นเรื่องที่ดีแล้วเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ชายหนุ่มเร่งมือหั่นผักให้เร็วขึ้น

ถึงงานของว่านจะไม่ได้เงินอะไรมากมายอย่างพี่ ๆ น้อง ๆ แต่ก็พอเลี้ยงตัวเองและลูกให้อยู่รอดไปได้ ว่านไม่ควรคิดอะไรมากไปกว่านี้...

“............” มือเย็น ๆ ของยายเอิบจับที่แขนของว่านแล้วบีบเบา ๆ ว่านสะดุ้ง

“ยายเอิบ...ออกมาเดินทำไมครับ เดี๋ยวก็หน้ามืดล้มลงไปหรอก กลับไปนอนพักที่ห้องเถอะ” วิวาห์รีบจูงมือพาคนเพิ่งฟื้นไข้กลับไปนอนที่ห้องพัก ยายเอิบเริ่มลุกขึ้นเดินเองได้แล้วถึงแม้ว่าจะต้องอาศัยไม้เท้าสี่ขาก็ตาม แต่ก็เรียกว่าฟื้นตัวได้รวดเร็วมาก “นอนพักก่อนเดี๋ยวอาหารเสร็จแล้วว่านจะยกเข้ามาให้ครับ”

“............” ยายเอิบดึงมือของว่านเอาไว้ ทำเหมือนจะพูดอะไรออกมา เสียงครืดคราดในลำคอลอดผ่านท่อเหล็กที่ใส่คาเอาไว้ “..........”

“ยายเอิบอยากช่วยว่านใช่มั้ย ....ไม่เป็นไรแค่ยายเอิบแข็งแรงดีก็ถือเป็นการช่วยว่านอีกทางหนึ่งแล้วครับ” วิวาห์ตอบ “ว่านทำเองได้ครับ แค่นี้สบายมาก”

วิวาห์กลับออกมาจากห้องพักของยายเอิบ เขาเร่งมือทำอาหารแข่งกับเวลา พี่เบสต์อาสาจะมาช่วยแต่ว่านไล่ให้กลับไปนั่งพัก เขาไม่อยากให้คนท้องต้องเหน็ดเหนื่อยเกินไป พี่วัตกับวินเข้ามาช่วยเขาตอนหลัง ทั้งสองคนพูดคุยเล่นกันจนว่านค่อยรู้สึกผ่อนคลายเหมือนกลับไปเมื่อสมัยก่อนตอนที่ยังอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา

“ตายล่ะว่าน ฉันลืมเอาหมูออกจากตู้เย็น”

“ไม่เป็นไรพี่วัต ออกไปนั่งรอข้างนอกก็ได้นะ ว่านใกล้เสร็จล่ะ”

“ไม่เอาล่ะ ทำอาหารก็สนุกดี” พี่วัตตอบกลับมา “แล้วคุณฟอร์ดล่ะเป็นไงบ้าง เห็นเงียบ ๆ ไป ไม่ส่งข่าวกันบ้างเลย”

ว่านอึ้งไปนิดหนึ่ง

“เขาก็อยู่ของเขาครับ ...คุณธาดาเขามีลูกมีเมียแล้วครับ ลูกเขาอายุเจ็บขวบอยู่เมืองนอก”

“ไอ้....” พี่ชายกับน้องชายของเขาสบถออกมาพร้อมกัน “มันมาหลอกว่านเหรอเนี่ย แล้วว่านไปรู้มาได้ยังไง”

“แป้งไปสืบมาได้ครับ” วิวาห์พูดแค่นั้น ไม่ได้เล่าต่อถึงความพิสดารหลังจากนั้นที่เขาค้นพบ อามันต์ในร่างธาดาไม่ได้มาหาเขาอีกเลย ว่านรู้มาว่าชายหนุ่มต้องไปประชุมของบริษัทที่ต่างประเทศอาทิตย์นี้

“วะไอ้หมอนี่ เห็นท่าทางก็ดีดันมาหลอกกันได้ ว่านนะว่าน...ไม่ได้เสียใจใช่มั้ย” พี่วัตถามอย่างเป็นห่วง วิวาห์ส่ายหน้ายิ้ม ๆ

“ไม่ครับ ว่านไม่ได้รักเค้า”

“ดีแล้ว” คนฟังโล่งอก สงสารน้องชายตัวเองขึ้นมาเต็มทน ทำไมวิวาห์ถึงได้อาภัพเรื่องความรักนักก็ไม่รู้ “แล้วมีอะไรอยากให้พี่ช่วยหรือเปล่า บอกมาได้เลยนะกลับมาเที่ยวนี้พี่ขอลามาอาทิตย์นึงจะได้ช่วยกันจัดการ”

...ว่านอยากขอให้ทุกคนกลับมาอยู่ด้วยกันแต่ก็รู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ ว่านนิ่งคิดอยู่นานก็พูดขึ้นยิ้ม ๆ

“ว่านอยากได้หม้อทอดไร้น้ำมันครับ ว่าจะไปดูที่ร้านพรุ่งนี้”

“เอาสิ เดี๋ยวพี่ไปด้วย วินล่ะไปด้วยกันมั้ย อยู่ต่างจังหวัดเสียนานไปเดินเล่นห้างเมืองกรุงเสียหน่อยเป็นไง”

“พายี่หวาไปด้วยดีไหมครับ ให้สวมแมสก์เอาไว้ก็คงไม่เป็นไร” วิรุฬเสนอ

คนที่ดีใจที่สุดก็คือยี่หวานี่เอง เด็กหญิงแทบไม่ได้ไปไหนเลยนอกจากอยู่บ้านกับโรงพยาบาล พอได้ออกไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาพร้อมกับคนเป็นลุงและน้าที่แสนจะตามใจ หวันยิหวาก็ดีใจจนเนื้อเต้น ลุงวัตกับน้าวินซื้อของให้ยี่หวามากมายตามแต่เด็กหญิงจะร้องขอ ยิ่งว่านพยายามจะปรามเท่าไหร่ก็ดูจะยิ่งหนักข้อมากขึ้น

“เอาน่า ไม่ได้เจอกันบ่อย ๆ เสียหน่อย ใช่มั้ยลูก”วิรัตน์หอมแก้มหลานสาวแรง ๆ “ไปดูสมุดวาดภาพระบายสีกันดีไหมยี่หวา สีกล่องเดิมหมดหรือยังครับ”

วิวาห์เลยไม่ได้ค้านอีก เขาเดินดูเครื่องใช้ไฟฟ้าเพลิน ๆ อยู่คนเดียวก็รู้สึกว่ามีสายตาของใครมองจ้องมาจากข้างหลัง วิวาห์เงยหน้าขึ้นหันกลับไปมอง ...ว่างเปล่า...

“สงสัยจะคิดไปเอง” ชายหนุ่มส่ายหน้า เดินผ่านชั้นเครื่องกรองน้ำไปดูเครื่องปั่นน้ำผลไม้ต่อ ก้ม ๆ เงย ๆ ดูนู่นดูนี่อยู่พักใหญ่ก็รู้สึกเหมือนมีสายตามองมาอีกแล้ว

“..............” ไม่มีใครเลย

นอกจากเขากับพนักงานที่ยืนอธิบายอุปกรณ์อยู่แล้วก็ไม่มีใครอื่นอีกเลย

“คุณลูกค้ามองหาอะไรหรือเปล่าครับ”

“เปล่าครับ ไม่มีอะไร...มีสีอื่นไหมครับ”วิวาห์ดึงสายตากลับมารู้สึกขนลุกแปลก ๆ พอได้ของที่ต้องการแล้วก็รีบโทรหาพี่น้องเพื่อไปสมทบ

ลูกสาวกำลังนั่งกินไอศกรีมถ้วยใหญ่อยู่อย่างสบายอารมณ์ขณะที่พี่วัตกับวินกำลังนั่งคุยเรื่องฟุตบอลกัน

“ซื้อเสร็จแล้วเหรอว่าน กินไอติมมั้ย...”

“ไม่ล่ะครับ เรากลับกันดีกว่า” ว่านรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่...

“วินสั่งอาหารกลับไปฝากเตยครับ รออีกประมาณยี่สิบนาทีได้มั้ยพี่ว่าน”

“โอเค” วิวาห์กวาดตามองไปรอบตัวก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ ลูกสาว วิรัตน์เป็นคนแรกที่สังเกตเห็นความผิดปกติของวิวาห์ก่อน

“มีอะไรหรือเปล่าว่าน”

“ว่านรู้สึกเหมือนมีใครตามเรามา” วิวาห์พึมพำเหลือบมองข้างหลังอีกครั้งกลุ่มเด็กวัยรุ่นเกือบสิบคนยืนพูดคุยซื้ออาหารกันอยู่ ไม่มีใครมองมาทางว่านด้วยซ้ำ “สงสัยจะคิดไปเอง พักนี้ว่านไม่ค่อยได้ออกมาเดินเล่นเท่าไหร่”

“ว่านคงจะเครียดมาก พี่เข้าใจ”วิรัตน์พูดเสียงอ่อนลงกว่าปกติ “พี่ขอโทษด้วยที่ไม่ได้อยู่ในวันที่ว่านลำบาก ยังคิดอยู่เลยว่าที่บ้านจะเป็นยังไงบ้าง แต่ว่านก็ดูแลทุกคนได้ดีมาก ๆ ถ้ามีว่านอยู่ที่บ้านพี่ก็หมดห่วง”

คนฟังรู้สึกดีขึ้นไม่น้อย

“พี่วัต ...ว่านทำไม่ได้ขนาดนั้นหรอก”

“ใครบอก ดูแลคนทั้งบ้านไม่ใช่งานง่าย ๆ หรอก ขนาดพี่ดูแค่เมียคนเดียวยังเหนื่อยแทบตายแล้วนี่ว่านต้องดูทั้งลูกทั้งยายเอิบไหนจะพ่อกับแม่ พี่นับถือใจว่านนะ ว่านเป็นหัวหน้าครอบครัวที่เก่งมาก ๆ”

วิวาห์น้ำตาคลอ ไม่เคยมีใครพูดชมเขาแบบนี้มาก่อนเลยแม้แต่ตัวว่านเองก็ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเอง ‘ได้เรื่อง’มีแต่เป็นภาระของที่บ้านมาตลอด

“พูดอะไรน่ะพี่วัต ว่านก็ทำไปตามหน้าที่”

“ไม่ใช่ทุกคนจะเสียสละตัวเองแบบว่านหรอกนะ แม้แต่พี่เองก็ยอมรับว่าพี่ก็คงทำไม่ไหว อาจจะหอบลูกแล้วออกไปอยู่ที่อื่นเลยก็ได้” พี่ชายหัวเราะ“ไม่มีใครบังคับใครได้ นอกจากตัวเราเองที่รู้หน้าที่ว่าต้องทำอะไร ทุกคนก็อยากหาความสบายใส่ตัวกันทั้งนั้น ไม่มีใครอยากมาแบกรับภาระหรอกว่าน พี่ถึงได้นับถือว่านไงล่ะ พี่พูดจริง ๆ นะ พี่ก็ยังไม่เคยเห็นคนที่ไม่มีความเห็นแก่ตัวเลยแบบว่านเหมือนกัน”

“ใครบอก ว่านเห็นแก่ตัวจะตายไป” วิวาห์พูดขึ้น“ว่านอยากเก็บทุกคนเอาไว้อยากให้ทุกอย่างเหมือนเดิม”

“ไม่มีอะไรเหมือนเดิมได้หรอกว่าน แม้แต่อารมณ์ของเราเองก็ยังเปลี่ยนไปตลอดเวลา” วิรัตน์ยิ้ม“พี่จำคำพระมาน่ะ พอไปอยู่ที่นู่น เจอเรื่องโน้นเรื่องนี้ไม่ถูกใจมากมาย มันไม่สบายเหมือนอยู่บ้านเรา พอเจอปัญหาหนัก ๆ บางทีก็ต้องอาศัยธรรมะเข้าช่วยอีกหน่อยพี่อาจจะบวชเรียนก็ได้นะทำเป็นเล่นไป หึๆ”

วิวาห์ลอบถอนหายใจ ถึงอย่างไรพี่วัตก็ยังคงเป็นพี่ชายคนโตที่ว่านรักที่สุดเสมอ พี่วัตไม่มีทางปริปากบอกถึงความลำบากของตัวเองแน่นอน มีแต่พูดให้กำลังใจน้องที่ไม่ได้เรื่องอย่างว่าน

“เจ้าวินกับยี่หวามานู่นแล้ว เรากลับกันเถอะ”

วิวาห์เดินจูงมือยี่หวาตามหลังพี่ชายน้องชายไปยังที่จอดรถ เดินผ่านแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกรอบ โทรทัศน์จอแบนขนาดใหญ่ที่วางโชว์อยู่กำลังฉายหน้าจอข่าวด่วนในวันนี้

“...เครื่องบินของสายการบินแอร์เอ็กซ์เที่ยวบินที่ XXXX มุ่งหน้าสู่ประเทศเยอรมันเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเนื่องจากใบพัดระเบิด ทำให้เครื่องบินตกลงกลางมหาสมุทรเมื่อเวลา....ที่ผ่านมา ....ผู้เสียชีวิตทั้งลำจำนวนXXXราย กำลังตรวจสอบรายชื่อผู้โดยสารอยู่...” เสียงนักข่าวพูดอยู่ได้ยินแว่ว ๆ วิวาห์หันกลับไปมองแล้วก็ไม่ได้สนใจอะไร

มารู้ข่าวอีกทีตอนที่กลับถึงบ้านแล้วว่าธาดาอยู่ในเที่ยวบินลำนั้นด้วย ชายหนุ่มเสียชีวิตพร้อมกับผู้โดยสารที่เหลือ...

“คุณว่านฟังอยู่หรือเปล่าคะ ดิฉันไม่ทราบว่าคุณกับคุณฟอร์ดมีความสัมพันธ์กันอย่างไร แต่ว่าตามพินัยกรรมแล้วคุณฟอร์ดยกบ้านกับหุ้นทั้งหมดให้คุณกับเด็กหญิงที่ชื่อหวันยิหวาค่ะ” เสียงกรกมลดังมาตามสายสั่นเครือ “ทำไมถึงเป็นแบบนี้คะคุณว่าน ดิฉันงงไปหมดแล้ว”

“...ผมก็ไม่เข้าใจ” วิวาห์หลุดปากออกไป มึนงงเหมือนถูกค้อนทุบหัวแรง ๆ “แต่ว่าคุณกรกมลไม่ต้องกังวลนะครับ ผมไม่เอามรดกพวกนั้น มันควรต้องเป็นของคุณกับลูก”

“ที่ดิฉันอยากทราบคือความสัมพันธ์ของคุณกับสามีของดิฉันมากกว่าค่ะ คุณ..วิวาห์คงไม่ได้มาหลอกสามีฉันใช่มั้ยคะ เขาไม่สบายความจำเสื่อมอยู่ อาจจะทำพินัยกรรมขึ้นมาโดยที่ไม่รู้ตัว...”

“ผมไม่เคยหลอกใครครับ น่าจะเป็นเพราะคุณธาดาป่วยมากกว่า คุณกรกมลอย่าคิดมากนะครับ ผมไม่อยากได้ของ ๆ คุณหรอก” วิวาห์พูดเร็วขึ้น บีบมือเข้าหากันแน่น ถ้าธาดาเสียชีวิตไปแล้วจริงก็แสดงว่าวิญญาณของอามันต์จะต้องหายไปด้วยใช่หรือเปล่า ....แสดงว่าพี่อาร์มตายไปแล้วใช่มั้ย... “เรานัดเจอกันดีไหมครับ จะได้ตกลงกันเป็นลายลักษณ์อักษร ผมจะเขียนเอาไว้ให้ว่าไม่เอามรดกของคุณ”

“ขอบคุณมากนะคะคุณว่าน” เสียงอีกฝ่ายโล่งใจขึ้นมาก “เดี๋ยวจะให้ทนายติดต่อนัดวันไปนะคะ”

วิวาห์ไม่ได้เล่าเรื่องพินัยกรรมให้คนในครอบครัวฟัง เขาบอกพี่ชายเพียงแค่ว่าธาดาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเท่านั้น วันรุ่งขึ้นว่านไปงานศพของธาดา กรกมลสวมชุดไว้ทุกข์ เธอหน้าตาซีดเซียวนัยน์ตาบวมช้ำ ว่านเห็นเข้าก็นึกสงสารจับใจ

“ผมเสียใจด้วยนะครับ”

“มันปุบปับจริง ๆ ฉันไม่ทันนึกเลย” เธอพูดเสียงสั่น น้ำตาร่วงออกมาอีก จับมือว่านเอาไว้แน่น “ขอบคุณคุณว่านมากนะคะ คุณกับคุณฟอร์ดคงเป็นเพื่อนรักกันมาก เขาถึงยกมรดกให้หมด”

“เอ่อ...คุณฟอร์ดอาจจะอยู่ในช่วงที่ไม่สบายด้วยครับ” วิวาห์พูดอย่างอึดอัด เขาเพิ่งตกลงเรื่องจัดการมรดกกันกับทนายของกรกมลเมื่อครู่นี้ก่อนที่พระจะเริ่มสวด

นอกเหนือจากกรกมลแล้วว่านก็ได้เจอเพื่อนพนักงานเก่า ๆ สมัยที่ว่านยังทำงานที่สำนักพิมพ์ของธาดาด้วยว่านไม่ได้เข้าไปพูดคุยอะไรมากนักนอกจากทักทายตามมารยาท เขารู้ดีว่าคนพวกนั้นคงแอบนินทาเรื่องมรดกกันแน่ ๆ

ใคร ๆ ก็ต่างสนใจชายหนุ่มที่เป็นเจ้าของชื่อมรดกทั้งหมดตามพินัยกรรมของผู้ตายกันทั้งนั้น ว่านทนอึดอัดนั่งพนมมือจนสวดจบก็ขอตัวกลับก่อน

เขามองรูปธาดาในกรอบหน้าโลงศพแวบหนึ่ง อดรู้สึกเศร้าใจไม่ได้ ...ถ้าสิ่งที่อามันต์พูดเป็นความจริง ธาดาก็ควรจะต้องอายุยืนถึงแปดสิบสองปี ทำไมถึงมาเสียชีวิตที่อายุสามสิบหกก่อนล่ะ...

หากเป็นเพราะพี่อาร์มทำให้ธาดาต้องตายก่อนกำหนดล่ะก็...วิวาห์ลอบถอนหายใจยาว มันก็เป็นความผิดของเขาด้วยส่วนหนึ่งเหมือนกัน

“ขอบคุณคุณว่านมากนะคะ คุณเป็นเพื่อนที่ดีมาก ๆ ค่ะ ฉันอยากตอบแทนคุณ รับเอาไว้นะคะ....อย่าปฏิเสธเลยค่ะ นี่เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ เอง ที่คุณคืนให้เราสองแม่ลูกมากมายกว่านี้หลายเท่า” กรกมลส่งเช็คให้เขา ว่านเห็นตัวเลขบนนั้นก็ไม่สบายใจ

“มันเป็นเงินของคุณกับลูกชายครับ ไม่ต้องให้ผมหรอก”

“ไม่ได้ค่ะ คุณรับเอาไว้เถอะนะคะ แล้วมีอะไรที่ฉันพอจะช่วยคุณได้ ฉันเต็มใจช่วยคุณทุกอย่างค่ะ” หญิงสาวทิ้งท้ายแล้วคะยั้นคะยอให้รับเอาไว้อีกหลายหน “ได้ยินว่าลูกสาวคุณว่านไม่ค่อยสบาย จะได้ไว้ใช้ดูแลลูกนะคะ” เธอเข้าใจยกเหตุผลมาพูด

ว่านก็เลยรับเช็คเงินสดใบนั้นเอาไว้ จำนวนเงินของมันมากพอที่เขาจะใช้รักษายี่หวาได้สบาย ๆ แถมยังมีเหลือเก็บอีกก้อน ถึงแม้ว่าว่านจะไม่ค่อยสบายใจเพราะต้นเหตุของเงินนั้นมาจากพี่อาร์มก็ตามที...

แป้งล้งเล้งมาตามสายว่าทำไมเขาถึงปฏิเสธไม่รับมรดกมากมายมหาศาลนั้น ทั้ง ๆ ที่ธาดาก็เป็นคนเขียนพินัยกรรมเองว่ายกให้เขาทั้งหมด

“แกบ้าหรือโง่นะว่าน คืนเขาไปทำไมลาภลอยมาชัด ๆ ก็เขาให้แกด้วยความเสน่หาไงล่ะ แกค่อยแบ่งให้เมียกับลูกเขาก็ได้ ไม่ใช่ยกให้เขาหมดแบบนี้ แล้วตัวเองก็กินแกลบ ...จะเป็นคนดีไปแล้วนะว่าน” เธอบ่นเพื่อนมาอีกหลายคำ “เป็นฉันนะจะรีบย้ายบ้านเข้าไปอยู่บ้านหลังนั้นเลยนอนตีพุงสบายทั้งชาติ”

“มันไม่ใช่ของฉัน เธอจะบ้าหรือไงแป้ง จะไปเอาของคนอื่นมาได้ยังไง” วิวาห์ตอบอย่างสงบ “เขาหามาก็ต้องเป็นของลูกเมียเขา ฉันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเสียหน่อย แล้วคุณกรกมลเขาก็ให้ฉันมาแล้วด้วยก้อนนึง”

“โอ๊ย เงินเท่าเศษเล็บนั่นน่ะนะ สงสารยัยยี่หวาจริง ๆ มีแม่ใจบุญสุนทานขนาดนี้” เธอกระแทกเสียง “เอาเถอะคืนเขาไปแล้วก็ดีเหมือนกัน ได้ไม่วุ่นวายยัยเมียเขาแม่กรกมลน่ะก็ไม่ธรรมดาหรอกนะได้ยินมาว่าเอาเรื่องอยู่พี่น้องเขาอีก จบไปแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”

ว่านนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้

“แป้ง ถามหน่อยสิคุณฟอร์ดเขามีพี่น้องกี่คนเหรอ”

“เท่าที่ทุกคนรู้ก็สาม แต่ถ้าที่คนทั่วไปไม่รู้ก็มีอีกหนึ่ง” เพื่อนสนิทของเขาตอบกลับมา ว่านตกใจมาก

“...เป็นแฝดหรือเปล่า”

“ไม่รู้สิ รู้แค่ว่าเป็นลูกที่เกิดจากแม่เดียวกันก่อนที่พ่อเขาจะมาแต่งงานใหม่น่ะ น้อง ๆ ที่เหลือก็คือเกิดจากแม่ใหม่ แต่ว่าเขาไม่เปิดเผยหรอกนะ ฉันบังเอิญรู้มาในวงไพ่พวกไฮโซ พ่อคุณฟอร์ดน่ะเจ้าชู้จะตาย แต่งงานตั้งสามรอบ ที่สมัยก่อนมีข่าวว่าคั่วนางงามไงล่ะ ชื่ออะไรนะ...ผิวแทน ๆ..”

“แป้งแล้วพี่น้องที่แม่เดียวกันน่ะ เขาอยู่ไหนเหรอรู้มั้ย” ว่านรีบถามก่อนที่เพื่อนจะไปเรื่องอื่น

“ไม่รู้แฮะ ถามทำไมเหรอ”

“เผื่อมีคนมาถามเรื่องมรดกน่ะ” ว่านอ้างเพื่อนหัวเราะ

“คงไม่หรอก แกยกให้ยัยกรกมลไปแล้วนี่ เออ แล้วนี่พี่วัตกับวินยังอยู่บ้านมั้ย”

“อยู่ ๆ คืนนี้มีปาร์ตี้กันก่อนกลับ เธอจะมามั้ยล่ะ พาเด็ก ๆ มาด้วยสิ ฉันคิดถึงหลาน”

“โอเค เดี๋ยวแวะไปหานะคืนนี้”

ว่านใจหายเหมือนกันที่พี่ ๆ น้อง ๆ จะแยกย้ายกลับไปทำงานกันต่อแล้ว แต่ทุกคนก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเอง เหมือนที่ว่านย้ำกับตัวเองเสมอว่าหน้าที่ของว่านก็คือดูแลยี่หวาและทุกคน

“อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยนะว่าน รอบหน้าต้องอ้วนกว่านี้นะ” พี่เบสต์พูดกับเขายิ้ม ๆ จับแขนว่านเอาไว้ “แล้วไว้พี่จะแอบถามเรื่องเคล็ดลับดูแลตัวเองตอนท้องนะ”

“ได้เลยครับพี่เบสต์ ว่านเตรียมหนังสือเอาไว้ให้แล้ว ว่านอ่านสองเล่มนี้แหละตอนท้องยี่หวา” วิวาห์นั่งคุยเรื่องนี้กับพี่สะใภ้ต่ออีกยาว ได้ยินเสียงร้องเพลงผสมกับเสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากในห้องรับแขก ดูเหมือนพี่วัตกับยี่หวาจะเริ่มร้องคาราโอเกะเล่นกันแล้ว

“..มีอะไรหรือว่าน” พี่เบสต์มองหน้าว่านงง ๆ ว่านหันกลับมา

“เปล่าครับ” ...เอาอีกแล้วเขารู้สึกเหมือนมีใครกำลังจ้องมองมาอีกแล้ว ทว่าพอมองรอบตัวก็กลับไม่เห็นใครเลย “เดี๋ยวว่านไปหยิบหนังสือมาให้นะครับ พี่เบสต์นั่งเล่นไปก่อนนะ”

ว่านเดินผละออกมาจากสวนเข้าไปในบ้าน เขาแวะหยิบหนังสือที่เตรียมเอาไว้ให้แล้วก็หยุดปรบมือให้ลูกสาวที่กำลังร้องเพลงอยู่อย่างสนุกสนาน ว่านรู้สึกเหมือนมีสายตาจ้องมองมาอีกครั้ง คราวนี้เขาหันกลับไปมองก็เจอยายเอิบยืนอยู่ที่ประตูห้องรับแขก

“อ้าว ยายเอิบไม่นอนเหรอครับ”

“หรือว่าพวกผมเสียงดังไป ดูสิยายเอิบดุตาขวางเลย” พี่วัตหันมาเห็นด้วยเหมือนกันพูดกลั้วหัวเราะ วิวาห์กุลีกุจอเดินเข้าไปจับแขนยายเอิบเอาไว้ รู้สึกว่าผิวของยายเอิบเย็นเฉียบ

“ยายเอิบทำไมมองหน้าว่านอย่างนั้นล่ะ” วิวาห์ประคองพี่เลี้ยงอาวุโสกลับเข้าไปนอนในห้อง ดวงตาฝ้าฟางของยายเอิบมองเขาตลอดเวลาไม่กะพริบ “หิวหรือเปล่าครับ กินซุปหน่อยมั้ยว่านทำเผื่อเมื่อตอนบ่าย” วิวาห์กลับออกมาจากครัวพร้อมกับถ้วยซุปใสควันกรุ่น

หญิงชรานั่งห้อยขาอยู่บนเตียง จับตามองเขานิ่ง ๆ ว่านส่งยิ้มไปให้ ยกถาดซุปไปวางข้าง ๆ หัวเตียง

“ขอว่านหาช้อนก่อนนะครับ เมื่อกี้วางอยู่แถวนี้นี่ ...โอ๊ะ!!อะไร..”ว่านรู้สึกเหมือนมีอะไรผ่านเนื้อหน้าท้องไปตามด้วยความเจ็บปวดแล่นปราดไปทั่วร่าง ว่านก้มลงดูก็เห็นมีดปอกผลไม้เสียบอยู่ที่ท้องของเขา มือเหี่ยวย่นนั้นจับด้ามมีดเอาไว้แล้วบิดควาน ว่านร้องลั่นทรุดลงไปกองกับพื้น ตาเบิกโพลงอย่างตกใจ

เลือดสีแดงฉานทะลักออกมาจากบาดแผลกว้างที่ท้องของเขาจนเสื้อสีขาวเปลี่ยนสีในพริบตา วิวาห์มองเห็นยายเอิบลุกขึ้นเดินข้ามร่างของเขาไปพร้อมกับมีดในมือ

“วีว่าคะ ลุงวัตให้มาตามไปร้องเพลงค่ะ ยายเอิบก็ไปด้วยกันสิคะ”

“ยะ...ยี่หวา...ถอย..ถอยไปลูก!!!”

ว่านตะเกียกตะกายตามหลังยายเอิบไปที่ประตู เขาเห็นยี่หวาร้องกรี้ดออกมาแล้วก็หงายหลังล้มลงไปนอนที่พื้น ดวงตากลมโตเหลือกค้าง มีดปอกผลไม้เล่มนั้นปักคาอยู่บนแผ่นอกบอบบาง

................................................................................



มาต่อกันนะคะ

เจอกันตอนหน้านะ

#วิวาห์อามันต์



หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน13 2/5/63 p7
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-05-2020 22:49:56
โหหหห. อะไรจะซับซ้อนขนาดนั้น. คิดตามไม่ทันแล้ว
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน13 2/5/63 p7
เริ่มหัวข้อโดย: Yarkrak ที่ 02-05-2020 23:08:27
ทำไมต้องเอาไปด้วยล่ะอามันค์ใจร้ายมาก
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน13 2/5/63 p7
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 02-05-2020 23:28:26
 :katai1: :katai1: ใครมาสิงร่างยาวเอิบอีกเนร่ย
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน13 2/5/63 p7
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 02-05-2020 23:33:16
สับสนมากก และงงมากกกกก :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน13 2/5/63 p7
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 03-05-2020 01:54:25
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน13 2/5/63 p7
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 03-05-2020 02:43:12
 :hao7:



ยี่หวา เอ้ยยยยย เวรกรรมอะไรของหนู
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน13 2/5/63 p7
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 03-05-2020 10:06:33
ตายหมด ยกครัว ปวดหัวใจจัง
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน13 2/5/63 p7
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 03-05-2020 13:24:23
เกิดอะไรขึ้นยายเอิบเป็นอะไรไป ใครเข้าสิงยายเอิบ แล้วอาร์มล่ะ โอ๊ยยยยย งง โอ๊ย สับสน
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน13 2/5/63 p7
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 03-05-2020 13:26:29
ผีเข้ายายเอิบ!?
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน13 2/5/63 p7
เริ่มหัวข้อโดย: jum1201 ที่ 03-05-2020 19:45:19
อะไรกันอีกกกก  โอ๊ยยซับซ้อนสงสารยีหวา วิวาห์ด้วยหาจุดจบของเรื่องไม่เจอเลย ถ้าให้กลับมารักกันอีกนี้คืออเปลี่ยนพระเอกค่ะ ครูเตยก็อยู่น่าจะรู้น่ะว่ามีวิญญาณ :katai1: :monkeysad: :o12:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน13 2/5/63 p7
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 03-05-2020 20:55:10
งงไปหมดแล้วใครมาเข้าร่างยายเอิบแล้วอาร์มนี่ยังไงจะไปเข้าร่างใครอีกมั้ยเรื่องนี้เป็นแนวลี้ลับได้เลยนะอ่านไปลุ้นไปทุกตอน
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน13 2/5/63 p7
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 04-05-2020 02:06:29
อะไรกัน  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน13 2/5/63 p7
เริ่มหัวข้อโดย: moobin ที่ 05-05-2020 04:52:45
แม่อาร์มชัวร์  :m15:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน13 2/5/63 p7
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 05-05-2020 12:36:42
อะไรอีกเนี่ยจยจ
อ่านนิยายหรือเล่นรถไฟเหาะ :ling3:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน13 2/5/63 p7
เริ่มหัวข้อโดย: koyuki24 ที่ 06-05-2020 11:50:50
โอ๊ยยย เนื้อเรื่องน่าติดตามมากจ้าคนแต่ง ระทึกตลอดเวลาเลย ริตอนต่อไปนะคะ :hao7: :katai1:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน13 2/5/63 p7
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 07-05-2020 01:20:07
เรื่องมันซับซ้อนมาก คิดว่าตอนที่ผ่านมามันพีคแล้ว ตอนถัดไปก็ยังพีคได้อีกเรื่อยๆ เหนือการคาดเดาสุดๆไปเลย
เกิดอะไรขึ้นกับยายเอิบกันแน่ มันเกี่ยวข้องกับอาร์มด้วยไหม ที่ยายเอิบทรุดก็ได้อาร์มช่วยไว้รึป่าว แต่พออาร์มไม่ได้อยู่ในร่างของฟอร์ดแล้วเลยมีผีอื่นเข้าสิงแทนหรอ แอบสงสัยแม่อาร์มอยู่นะ นางสายมูด้วย
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน13 2/5/63 p7
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 09-05-2020 02:04:19
เอ่อะ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน13 2/5/63 p7
เริ่มหัวข้อโดย: t152_rakjai ที่ 10-05-2020 03:09:59
เดาอะไรไม่ได้เลย พลิกแล้วพลิกอีกกกกกก :ling3: :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน13 2/5/63 p7
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 15-05-2020 19:12:45
เราอ่านครั้งล่าสุดคือตอนวิวาห์กับยี่หวาไปเที่ยวญี่ปุ่น ก็แบบอ่อ พ่อแง่แม่งอนรักโรแมนติกปกติอะไรแบบนี้ พอกลับมาอ่านต่อคือ ไม่ใช่จ้าาาาา อ่านไปคือหลอน ยิ่งกลางคืนนอนก็ไม่หลับ คู๊ณณณ มันลึกลับ หลอน และหวาดระแวงมากกกก ลุ้นตลอดว่าคนที่เข้าใกล้วิวาห์จะใช่อาร์มไหม รออ่านตอนต่อไปนะคะ ทั้งสองแม่ลูกจะรอดไหมเนี่ย :sad4:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอ 2/5/63 p7
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 16-05-2020 00:22:08
วิวาห์อามันต์

ตอนที่14









“ยี่หวา!!” วิวาห์อ้าปากค้าง ตาเหลือกมองร่างเล็กบางที่ล้มลงไปนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น เลือดไหลซึมออกมาจากบาดแผลกลางอกที่ยังมีมีดเล่มนั้นปักคาเอาไว้อยู่ ว่านใช้มือกดแผลที่ท้องของตัวเองแน่นแล้วรวบรวมกำลังที่เหลือคลานเข้าไปหาร่างของลูกสาวที่นอนอยู่ หัวใจของเขาเหมือนหยุดเต้นไปแล้ว “ยี่หวา...”

น้ำตาร้อน ๆ ทะลักออกมาจากสองเบ้าตา วิวาห์ได้ยินเสียงล้มตึงดังขึ้นใกล้ ๆ ยายเอิบทรุดลงไปนอนที่พื้นพี่วัตกับวินได้ยินเสียงกรีดร้องก็เลยวิ่งพรวดพรวดเข้ามาดู พอเห็นสภาพคนในห้องเข้าก็ตกใจมาก

“ว่าน...ยี่หวา เกิดอะไรขึ้น”พี่วัตกระโจนเข้ามาหาน้องชายแล้วเบิกตากว้างเมื่อเห็นสภาพของหลานสาวสุดที่รัก “ใครทำยี่หวายี่หวา..”

“ผมขอดูหน่อยครับ” วิรุฬได้สติเขาจับชีพจรของยี่หวาแล้วก็เริ่มปั้มหัวใจให้หลานสาวคนเดียวอย่างเร่งร้อน ปากก็บอกให้พี่ชายโทรเรียกรถพยาบาลมาตอนนี้เลย วิวาห์ไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว เขาจับตัวเย็นเฉียบของยี่หวาเอาไว้แน่น ใบหน้าเล็ก ๆ นั้นขาวซีดไร้สีเลือดริมฝีปากที่เพิ่งเรียกชื่อเขาเมื่อครู่นี้เปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ

“พี่ขอดูแผลว่านหน่อย”

“ไม่เป็นไรครับ ว่านไม่เป็นไรช่วยยี่หวาเถอะช่วยลูกว่านด้วย” วิวาห์พูดละล่ำละลักแทบฟังไม่เป็นคำนัยน์ตาของเขาพร่าเบลอไปหมดไม่รู้ว่าเป็นเพราะน้ำตาหรือว่าเสียเลือดมากเกินไป

“แผลว่านลึกมากนะ นอนลงก่อน”

“ไม่ครับ...ยี่หวา ยี่หวาของวีว่า กลับมาก่อนสิ...ยี่หวา”

วิวาห์เคยผ่านช่วงที่คิดว่าตัวเองเสียใจที่สุดในโลกมาแล้วแต่ไม่นึกเลยว่าเขายังสามารถเสียใจได้มากกว่านั้นอีก วิวาห์กุมเท้าของลูกเอาไว้แน่น เขาไม่กล้ามองหน้าลูกอีกแล้ว

“ยายเอิบ...เป็นคนแทง”

“ว่าไงนะ” คนฟังอุทานวิรัตน์เพิ่งนึกขึ้นได้หันกลับไปดูยายพี่เลี้ยงที่นอนคว่ำหน้าอยู่ไม่ไกล พอพลิกหน้ายายเอิบขึ้นมาชายหนุ่มก็ผงะหน้าของยายเอิบขึ้นอืดนัยน์ตาถลนจำหน้าเดิมไม่ได้ น้ำเหลืองเยิ้มติดมือวิรัตน์มาด้วยพร้อมกับศีรษะของศพที่หลุดกลิ้งไปที่พื้น ชายหนุ่มล้มทั้งยืนด้วยความตกใจ “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย”

“พี่วัตช่วยยี่หวา...ช่วยลูกว่านด้วย” วิวาห์กระซิบเขาไม่เหลือแรงจะลุกขึ้นแล้วชายหนุ่มซบหน้าลงกับปลายเท้าของลูกสาวเลือดจากบาดแผลของเขาทะลักออกมาเป็นลิ่ม ๆ จนพี่ชายใจเสีย

“ว่านนอนลงก่อน พี่จะช่วยกดแผลให้”

“ไม่มีประโยชน์ แผลลึกไป”ว่านรู้ตัวเองดีมีดปอกผลไม้เล่มนั้นเล็กบางก็จริงแต่ว่าคนแทงตั้งใจหมุนควานในท้องของเขาเต็มที่ ว่านรู้ตัวว่าคงไม่รอดแน่ “ดูยี่หวาดูยี่หวาเถอะครับ”

“รถมาแล้ว”

วิวาห์หายใจหอบลึกในความพร่าเบลอเขามองเห็นคนหลายคนเข้ามารุมล้อมลูกสาวได้ยินเสียงพูดคุยกันอย่างเคร่งเครียดดังขึ้นจอแจ ความเจ็บปวดของว่านหายไปแทนที่ด้วยความมึนชาหนักอึ้งเขาพยายามจะเรียกชื่อลูกแต่ก็ไม่มีเสียงหลุดลอดออกมา

“คลำชีพจรไม่ได้ครับ เริ่มCPR”มีคนพูดอยู่เหนือร่างของเขา

น่าแปลกที่ว่านมองเห็นตัวเองนอนอยู่ตรงนั้น มีเจ้าหน้าที่กำลังขึ้นปั้มหัวใจ ว่านมองเห็นแม้กระทั่งเลือดที่ทะลักออกมาจากแผลที่ท้องตอนที่เจ้าหน้าที่ยกร่างของเขาขึ้นรถพยาบาล แต่ทิ้งให้ยี่หวาลูกสาวตัวจ้อยนอนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่มีใครปั้มหัวใจของเธอ แม้แต่วิรุฬก็ยืนร้องไห้อยู่ข้าง ๆ ร่างของเธอ

“เด็กเสียชีวิตคาที่ มีดตัดเข้าขั้วหัวใจเลย ส่วนคนแก่ก็แปลกมาก ดูจากคำบอกเล่าน่าจะเพิ่งเสีย แต่ทำไมร่างเน่าหมดแล้วก็ไม่รู้”

“เดี๋ยวสิครับ ช่วยลูกผมก่อนสิคุณหมอ คุณ...ลูกผมยังไม่ตาย...ไม่ได้นะ ไม่ต้องช่วยผมไปช่วยลูกผมสิ ...คุณ”วิวาห์ตรงเข้าไปเขย่าตัวเจ้าหน้าที่คนหนึ่งทว่าเขากลับสัมผัสตัวของอีกฝ่ายไม่ได้ ชายหนุ่มเบิกตากว้าง มองมือของตัวเองอย่างตกใจ

“พี่วัต ได้ยินผมมั้ยพี่วัต ช่วยยี่หวาด้วย” เขาเข้าไปหาพี่ชายแทน วิรัตน์ไม่ได้ยินเขา ชายหนุ่มยืนกอดภรรยาเอาไว้แน่น “วิน...วินช่วยหลาน วินช่วยยี่หวาสิ” วิวาห์พูดอย่างหมดทาง เขาพยายามตะโกนให้ดังที่สุดแล้วก็ยังไม่มีใครได้ยิน

ว่านรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกอยู่ในฝันร้าย เขายืนมองลูกสาวตายไปต่อหน้าต่อตา แถมคนแทงยังกลายเป็นศพเน่าอืดบวมเละ

“ยี่หวา...ฮึก...ไม่เอา อย่าทำแบบนี้...ยี่หวา กลับมาก่อนยี่หวา...”วิวาห์ร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะร้องเขายืนมองคนมาดึงมีดที่ปักกลางอกลูกออกไปพร้อมกับเอาผ้ามาคลุมร่างเห็นพ่อกับแม่เป็นลมลงไปตรงหน้าทว่าไม่สามารถเอื้อมมือไปช่วยได้ “ยี่หวากลับมาก่อน ...ยี่หวาของวีว่า..”

เสียงร้องไห้คร่ำครวญของเขาดังก้องกลับไปกลับมาเหมือนเสียงสะท้อนในห้องแคบ ๆ วิวาห์ทรุดลงไปนั่งกับพื้นเขาไม่เสียใจที่ตัวเองตายแต่เสียใจที่ช่วยลูกเอาไว้ไม่ได้ หวันยิหวาของเขาเพิ่งจะอายุนิดเดียวเอง ป่วยหนักก็นับว่าเคราะห์ร้ายมากแล้วแท้ ๆ ยังจะต้องมาจากไปแบบนี้อีกวิวาห์ทำใจไม่ได้

ภาพลูกล้มไปลงตาเบิกค้างยังติดตา ถ้าเพียงแต่เขาคว้าตัวยายเอิบเอาไว้ไม่ให้ไปหายี่หวาได้ ..ถ้าเพียงแต่ว่าเขาเอะใจซักนิดเรื่องยายเอิบ

ถ้าไม่วางมีดปอกผลไม้เอาไว้ในตะกร้า ถ้าเพียงแค่เขารีบคว้ามีดเอาไว้เสียก่อน

...ยี่หวาก็คงจะไม่ตาย

ไม่ใช่ยายเอิบ...ว่านมั่นใจ สำนึกสุดท้ายตอนที่สบตาของหญิงชราคู่นั้น ...ไม่ใช่แววตาของยายเอิบมันคุกรุ่นเข้มข้นด้วยความแค้นรุนแรงราวกับโกรธกันมาแต่ชาติปางก่อน วิวาห์กำมือแน่นใครกัน...แววตาแบบนั้นเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนแต่ก็นึกไม่ออก

“ไม่ต้องชันสูตรครับ” เขาได้ยินพี่ชายพูดกับเจ้าหน้าที่ วิรัตน์ยืนคอตกขณะที่วิรุฬเองก็เซ็นเอกสารไปร้องไห้ไปด้วย บรรยากาศปกคลุมด้วยความเศร้าหมองราวกับมีหมอกหนาทึบลอยวนอยู่ พ่อกับแม่นอนพักอยู่คนละมุม แทบไม่มีใครพูดอะไรกันเลย

ร่างของยี่หวาถูกยกใส่เปลขึ้นรถไป วิวาห์ผวาตามไป

“ยี่หวา...ยี่หวา” กี่ปีที่เขาทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อดูแลลูก มันไม่ควรจะจบลงง่าย ๆ แบบนี้ “ยี่หวา”วิวาห์ตะโกนจนเสียงแหบแห้งทว่าไม่มีเสียงตอบรับกลับมาเลย

ไม่ใช่...นี่ไม่ใช่เรื่องจริง

มันคือฝันร้าย ...มันไม่ใช่เรื่องจริงแน่ ๆ ไม่เอาน่ะ...อย่าทำแบบนี้ ไม่ใช่...

ได้โปรด ..วิวาห์ตะโกนก้อง.. ตื่นสิ ตื่นเดี๋ยวนี้...วิวาห์ ตื่นเถอะ ไม่ต้องไม่ใช่เรื่องจริง ใครกำลังเล่นตลกกับเขาอยู่ ...ยี่หวายี่หวาของวีว่าจะต้องไม่ตายนี่มันคือเรื่องโกหกแน่ ๆ

วิวาห์ไม่เชื่อ เขาทุบลงไปบนขาตัวเองแรง ๆ มันไม่เจ็บไม่ปวด ต้องใช่แน่ตอนนี้เขาคงกำลังอยู่ในความฝันจริง ๆ แล้วยี่หวากำลังร้องเพลงอยู่กับพี่วัตแล้วก็วินแน่เลย เขาต้องตื่นตั้งแต่ตอนนี้ วิวาห์....ลืมตา

ลืมตาสิ..ตื่นเดี๋ยวนี้...

มันก็แค่ฝันร้ายเท่านั้น

..................................................

“วีว่าคะ ตื่นเร็วค่ะรถไฟมาแล้ว”

เสียงเล็ก ๆ ใส ๆ ของเด็กผู้หญิงวัยไม่เกินห้าขวบดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกล ดูเหมือนว่าเธอกำลังเขย่าตัวปลุกชายหนุ่มที่นั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ตัวยาว ..คนที่เธอเรียกว่า วีว่า..

“ยี่หวา ยี่หวาจริง ๆ ด้วย” ผู้ชายคนนั้นสะดุ้งลืมตาตื่นแล้วรวบร่างเด็กหญิงเข้าไปกอดแน่นราวกับกลัวหาย น้ำตาไหลออกมาพรากออกมาจากดวงตากลมโตคู่นั้น “ยี่หวายังไม่ตาย ...แค่ฝันไปสินะใช่มั้ย”

“วีว่าร้องไห้ทำไมคะ” เด็กคนนั้นถามต่อ พยายามใช้มือเล็ก ๆ เช็ดน้ำตาให้ผู้ใหญ่อย่างน่าขัน เขาเดินเข้าไปใกล้อีกนิด รู้สึกคุ้นเคยกับเสี้ยวหน้าที่เห็นเพียงครึ่งบนนั้นอย่างประหลาด

มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามานั่งบนม้านั่งตัวเดียวกับผู้ชายและเด็กหญิงคนนั้น พวกเขาเขยิบที่ให้เธอนั่งโดยอัตโนมัติ อามันต์ก็เลยเดินเรื่อย ๆ เข้าไปนั่งถัดจากเธออีกที เขาลอบมองใบหน้าท่าทางของคนที่ชื่อวีว่ากับเด็กหญิงอย่างเงียบ ๆ บรรยากาศบนสถานีรถไฟเงียบสงัดได้ยินเพียงแค่เสียงสะอื้นเบา ๆ ดังมาจากผู้ชายคนนั้น

...ไม่ผิดแน่...เขาจำเสียงร้องไห้ จำลักษณะวิธีการสะอื้นแบบนี้ได้ดี เพราะเคยได้ยินมานับครั้งไม่ถ้วน...

พื้นที่โล่ง ๆ ของชานชาลาย่านชานเมืองที่เขานั่งรถไฟมาเรื่อยเปื่อยอย่างไร้จุดหมาย เลยออกไปเป็นสวนผักและบ้านหลังเล็ก ๆ เหมือนบ้านตุ๊กตาสงบเงียบ เสียงรถไฟแล่นมาบนราง อามันต์เห็นชายหนุ่มคนนั้นช้อนตัวเด็กหญิงขึ้นอุ้มแล้วเดินไปต่อแถวขึ้นรถไฟ

มีที่นั่งเหลืออีกหนึ่งที่ อามันต์ปล่อยให้อีกฝ่ายอุ้มลูกเดินเข้าไปนั่ง เขาเห็นอีกฝ่ายหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก ผิวหน้าที่พ้นขอบหมวกและหน้ากากอนามัยออกมายังอ่อนใสเหมือนผิวเด็กวัยรุ่นอยู่เลย ทั้ง ๆ ที่อายุน่าจะล่วงเลยพ้นวัยเด็กหนุ่มมาแล้ว...

“พี่วัตอยู่ที่ไหนครับ ว่านน่าจะลงผิดสถานี” เหมือนคนในสายจะถามอะไรต่อมา เขาเห็นอีกฝ่ายเอียงคอขมวดคิ้วมุ่น “เปล่าครับ..”วิวาห์เหลือบมองนาฬิกา “พี่วัต วันนี้วันที่เท่าไหร่ครับ”

อามันต์เหลือบเห็นพวงกุญแจรูปแมวตกอยู่ที่พื้นตรงหน้าเขาจำมันได้ทันที...ก็เป็นคนซื้อให้เองนี่นะ... ก้มลงเก็บขึ้นมาถือเอาไว้ ดึงหน้ากากขึ้นมาบังหน้าสูงขึ้นอีกนิดหนึ่ง..

“ขอโทษนะ นี่ของคุณหรือเปล่า” เลือกใช้ภาษาอังกฤษแทนภาษาไทย อามันต์มือเย็นเฉียบตอนที่สบตากลมโตคู่นั้น

“ว่าน...ไอ้ว่าน สายหลุดหรือเปล่า ได้ยินฉันมั้ย” ได้ยินเสียงผู้ชายดังออกมาจากโทรศัพท์ที่อีกคนถือค้างเอาไว้ รถจอดเทียบชานชาลาพอดี เขารีบถอยออกตั้งใจว่าจะรีบผละออกมาให้เร็วที่สุดก่อนที่อีกฝ่ายจะจำเขาได้... ทว่ามือของคน ๆ นั้นกลับเอื้อมมาคว้าข้อมือของเขาเอาไว้

“พี่อาร์ม”

ประตูรถเปิดออกแต่อีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยมือเขา อามันต์ชะงักนิ่ง เขาทั้งตกใจและเสียใจ...ไม่น่าเข้าไปทักเลย...

“ไม่เจอกันนาน...ว่าน” เขาตอบกลับไปแล้วดึงมือออก หัวใจเต้นแรงด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เด็กคนนั้นรีบอุ้มผู้หญิงขึ้นแล้วก้าวตามหลังเขามาติด ๆ “มาเที่ยวเหรอ” เขาถามไปอย่างนั้นเอง ขณะที่สองขาก้าวออกมาจากรถไฟอย่างรีบเร่ง ไม่แน่ใจว่าควรจะต้องทำตัวอย่างไร หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดที่เขาทำเอาไว้

ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกผิด... แต่อามันต์ก็บอกไม่ถูกว่าความรู้สึกในตอนนี้คืออะไรกันแน่

“ครับ พี่อาร์มล่ะครับ” อีกฝ่ายถามต่อมา เกือบโดนคนบนสถานีชนเอาเพราะมัวแต่เดินตามหลังเขามาติด ๆ

“ประมาณนั้น” เขาตอบสั้น ๆพวกเขาออกมาจากสถานีรถไฟด้วยกัน เด็กหญิงคนนั้นรั้งมือของชายหนุ่มเอาไว้แล้วกระซิบถาม

“วีว่าคะ คุณลุงคนนี้คือใครเหรอคะ”

“ลูกสาวเหรอ...แต่งงานเมื่อไหร่ไม่เห็นรู้” เขาตัดสินใจหยุดเดิน เพราะดูท่าวิวาห์คงจะตามเขาไปด้วยอย่างไม่ลดละแน่ คนถูกถามชะงัก วิวาห์ยืนนิ่งเบิกตากว้างมองหน้าเขาอย่างสับสน

“ว่าน?” เขาเรียกเจ้าตัวอีกครั้งหนึ่ง มองหน้าวิวาห์อย่างประหลาดใจ ว่านขมวดคิ้ว

“...วันนี้วันที่เท่าไหร่ครับ”

“หืม?” เป็นคำถามที่ผิดคาดมาก อามันต์นึกว่าวิวาห์จะถามเขาว่า‘หายไปไหนมา’เป็นคำถามแรกเสียอีก แต่เขาก็ตอบวันที่ไปตามตรง น่าแปลกที่อีกฝ่ายมองหน้าเขาอย่างตกตะลึงราวกับเห็นผีกลางวันแสก ๆ “มีอะไรหรือเปล่า”

“มันยังไม่เกิดขึ้น” ว่านพูดกับตัวเองอย่างงุนงง “ฉันฝันไปจริง ๆ เหรอ” ชายหนุ่มยกมือขึ้นแนบหน้า สั่นหัวแรง ๆ เงียบไปครู่หนึ่งก็รีบถามต่อมา “..พี่อาร์ม...รู้จักคนที่ชื่อธาดาไหมครับ”

“ธาดาไหน?” เขารักษาสีหน้าเอาไว้ดีเยี่ยม แม้จะรู้สึกตกใจมากก็ตามที่ว่านยกชื่อของฝาแฝดของเขาขึ้นมาถามถึงหน้าตาเฉย

“คนที่...เป็นฝาแฝดของพี่อาร์มแล้วพี่อาร์มก็ไปสิงร่างของเขา...” ว่านพูดแล้วก็เงียบไป คนฟังขมวดคิ้วท่าทางว่านไม่ได้บอกว่ากำลังล้อเล่นอยู่แต่มันก็แปลกอยู่ดีที่จู่ ๆ ว่านจะรู้เรื่องนี้เข้า

ความจริง...ว่านทำงานที่สำนักพิมพ์ของธาดาอยู่ อาจจะมีโอกาสรู้ก็ได้ล่ะมั้ง...

“ว่านรู้เรื่องแฝดของพี่ได้ยังไง” เขาถามกลับพลางยกมือขึ้นกอดอก “แล้วยังไงอีก? พี่ไปสิงร่างเขาหมายความว่าอะไร”

“ธาดาเป็นแฝดของพี่อาร์มจริง ๆ เหรอครับ” วิวาห์อ้าปากค้าง

“ใช่ ว่านรู้ความลับเรื่องนี้มาจากไหน”

“ว่าน...พี่อาร์มบอกว่านเอง”

“พี่มั่นใจว่าไม่เคยบอกใครเรื่องนี้เลย” อามันต์ขมวดคิ้ว “ว่านไปเอามาจากไหน”

“เอามาจากไหนก็เรื่องของว่านเถอะ” วิวาห์รีบพูดรัวเร็ว “พี่อาร์มป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวใช่มั้ยครับ”

คราวนี้คนฟังยืนนิ่งเหมือนถูกตรึง รู้สึกชาตั้งแต่ใบหน้าลงไปยังปลายเท้า

“ใครบอกว่าน” เขากระซิบ

วิวาห์กำมือเข้าหากันแน่น

“เรื่องจริงใช่มั้ยครับ ทำไมพี่อาร์มไม่บอกว่าน ทำไมถึงไม่ยอมบอกใครเลย”

“มันเป็นความล้มเหลวในชีวิตของพี่” เขาพูดช้า ๆ สงบสติอารมณ์ลงอย่างรวดเร็ว “พี่ไม่อยากบอกใคร ว่านบอกพี่มาดีกว่าว่าไปรู้เรื่องพวกนี้มาจากไหน” เขาไม่เคยเล่าให้ใครฟัง แม้แต่เพื่อนสนิทที่สุดก็ยังไม่รู้เรื่องนี้... อามันต์มั่นใจว่าเขาเก็บความลับเรื่องอาการป่วยของตัวเองเอาไว้ได้อย่างดี

นอกเสียจากว่า....

“ว่านแค่ได้ยินมา ไม่นึกว่าจะได้เจอพี่อาร์มอีก...ห้าปีที่พี่อาร์มหายไปก็เพื่อไปรักษาตัวเหรอครับ”

อามันต์ถอนหายใจ

“ใช่ วันนี้พี่เพิ่งไปfollow upครั้งสุดท้ายมา หมอบอกว่าพี่หายดีแล้ว ไม่มีเซลล์มะเร็งหลงเหลืออีก” เขาพูดตรงข้ามกับสิ่งที่แพทย์บอก

“ยินดีด้วยนะครับ” ว่านพูดท่าทางเหมือนอยากพูดอะไรมากกว่านั้น

“ว่านกำลังจะไปไหนน่ะ” เขาถามขึ้นอีกฝ่ายกะพริบตา วิวาห์จูงมือเด็กหญิงเดินตามเขาออกมาไกลทีเดียว

“เรากำลังจะไปสวนสนุกกันค่ะ” เด็กหญิงที่สวมกระโปรงสีสดผูกเปียสองข้างรีบตอบแทนชายหนุ่มที่ยืนนิ่งอยู่ ท่าทางเหมือนรอจังหวะอยู่แล้ว “เราจะไปทันดูคุณมิกกี้มั้ยคะวีว่า”

“เอ่อ...ทันสิ ทันแน่ ๆ”เขาเห็นวิวาห์ก้มลงตอบเด็กหญิงที่น่าจะเป็นลูกสาว “ถ้างั้น...ว่านขอตัวก่อน”

“เอาสิ ตามสบาย”เขาตอบกลับไป “ไม่ต้องเกร็งหรอกน่ะ จะเกร็งทำไมกัน หรือว่าว่านยังโกรธพี่อยู่” ประโยคหลังเขาหลุดปากถามออกไปโดยไม่ตั้งใจมันคงเป็นความรู้สึกผิดลึก ๆ ในใจของเขา

“.............” วิวาห์เม้มปากอามันต์รู้สึกว่าเขาคงจะถามมากเกินไปแล้ว

“เอ่อ...แล้วตอนนี้ทำงานที่ไหน เผื่อกลับไปจะได้ติดต่อกัน” เขาถามต่อทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว ทั้งที่ทำงานและที่อยู่ของว่าน อามันต์รู้ถึงขั้นว่าตอนนี้ว่านได้เงินเดือนเท่าไหร่ด้วยซ้ำ..

“ทำที่บ้าน”

เขาขมวดคิ้ว

“ทำอะไรน่ะ”

“วีว่าทำงานบริษัทค่ะ เป็นตึกใหญ่ ๆ แล้วก็เท่มาก ๆ” เสียงใส ๆ แทรกขึ้นทันควัน วิวาห์กระตุกมือลูกสาวเอาไว้เหมือนจะห้ามไม่ให้พูดมาก ท่าทางเจ้าตัวคงพูดเก่งน่าดู...

“งั้นเหรอ ...ดีจังนะเห็นว่านมีงานการมั่นคงแล้วพี่ก็สบายใจ”เขาพูด แล้วก็นึกไม่ออกว่าจะพูดเรื่องอะไรต่อดี เราห่างหายกันไปนานมากจนต่อไม่ติด... “ไม่ได้เจอว่านนาน ...คิดถึง”เขายกมือขึ้น อยากสัมผัสเส้นผมนุ่มมือเหมือนครั้งก่อนแต่ก็ห้ามตัวเองเอาไว้ได้ทัน อามันต์เม้มปาก รู้สึกว่าเขาจะอารมณ์อ่อนไหวง่ายเกินไปในช่วงนี้

คงเป็นเพราะผลตรวจล่าสุดที่หมอแจ้ง...

“พี่อาร์มจะไปไหนครับ”

“พี่เหรอ..เที่ยวไปเรื่อย ๆ น่ะ” อามันต์ตอบ ฝืนหัวเราะออกมานิดหนึ่ง ย่อตัวลงจนใบหน้าเสมอกับเด็กหญิง ยกมือขึ้นแตะผมเปียของเธอเบา ๆ “สวัสดีค่ะ...หนูชื่ออะไรคะ”

“ชื่อยี่หวาค่ะ”

“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”

เขาลุกขึ้นยืน กวาดตามองทั่วร่างโปร่งบางของอดีตคนรัก ว่านแทบไม่เปลี่ยนไปจากเดิมที่เขาจำได้เลยสักนิด ยกมือขึ้นลูบท้ายทอยตัวเองอย่างไม่รู้จะทำอะไรดีกว่านั้น เขาตัดสินใจบอกลาสองพ่อลูก

“งั้น..พี่ไปก่อนนะ ไว้เจอกันใหม่”

เขาหมุนตัวเดินจากมาก ก้าวยาว ๆ โดยไม่หันกลับไปมองอีก รู้สึกว่าหัวใจที่เต้นรัวแรงค่อยผ่อนเบาลงจนกลายเป็นปกติ อามันต์รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย เขาหยุดยืนอยู่ที่ข้างร้านหนังสือเพื่อหอบหายใจ

...ไม่เจอกันหลายปีเลยนะ ว่าน...

..........................................................................

เขาเคยได้ยินเรื่องทฤษฎีโลกกลมมาก่อน แต่ไม่นึกว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวเอง หลายปีแยกย้ายไม่เจอกัน เป็นทั้งความตั้งใจของเขาเองด้วยส่วนหนึ่ง พอมาตอนนี้กลับได้เจอหน้ากันเป็นครั้งที่สองแล้ว

อามันต์หยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องน้ำอย่างตกใจและไม่คาดฝัน ภาพวิวาห์หัวเปียกชื้นคลุมด้วยผ้าขนหนูเคยปรากฎในความฝันเขาเมื่อครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ไม่คิดเลยว่าเขาจะได้เห็นเจ้าตัวอีกครั้งในสภาพที่เพิ่งเสร็จจากการอาบน้ำมาใหม่ ๆ สองข้างแก้มแดงปลั่งด้วยเลือดฝาดน่าเอ็นดู...

“พี่อาร์ม” วิวาห์ทักดูไม่แปลกใจที่เจอเขาที่นี่เลย

“ว่าน”

“พักที่นี่เหรอครับ” อีกฝ่ายถามต่อมาเรียบ ๆ

“ใช่” เขาตอบ ลอบสังเกตอากัปกิริยาของว่านอย่างระมัดระวัง “ว่าน...”

“พี่อาร์ม...”

พวกเขาเรียกชื่ออีกฝ่ายออกมาพร้อมกันแล้วก็ต่างคนต่างนิ่งไป

“ว่านพูดก่อนได้เลย” เขาพูดพยายามขยับตัวไม่ให้ดูเกร็งจนเกินไปนักไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงหายใจไม่สะดวกเอาเสียเลย

“พี่อาร์มรอว่านตรงนี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวว่านลงมาคุยด้วย ขอขึ้นไปเก็บของก่อนแป๊บเดียว” วิวาห์พูดเร็วปรื๋อก่อนจะเผ่นขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของบ้าน

“จะเบาได้ยังไง มันทิ้งแกไปไม่ใช่หรือไง” เสียงผู้ชายที่คงเป็นพี่ชายของว่านดังลงมาถึงข้างล่าง ท่าทางคงโกรธจัด “ฉันจะไปเคลียร์กับมัน เอาเลือดหัวมันออก ไม่งั้นนอนไม่หลับ” ...อามันต์ขมวดคิ้ว...ไม่แปลกที่พี่ชายของว่านจะโกรธเขาขนาดนั้น

“ไม่เอา...อย่าไปนะพี่วัต ไม่งั้นว่านโกรธนะ” เสียงเหมือนวิวาห์ดังขึ้นบ้าง “นั่งลงเถอะว่านจะจัดการเอง”

“อย่าบอกนะว่าแกยังหลงรักมันอยู่” เสียงฝ่ายนั้นพูดอย่างไม่อยากเชื่อ “บ้าเหรอเปล่ามันทิ้งแกไปนะตั้งแต่ตอนที่ดังแล้วแยกวงก็ทีหนึ่งแล้วแล้วยังมาเรื่อง...”

อามันต์ขมวดคิ้วเข้าหากัน...จริงสินะ เขาเป็นคนบอกเลิกว่านเองด้วยเหตุผลที่โคตรจะฟังไม่ขึ้น ถ้าเขาเป็นว่านก็คงโกรธมากแบบไม่เผาผีกันไปแล้ว นับว่าว่านใจกว้างมากที่ยังพูดคุยกับเขาได้...

ทว่าเวลาก็ผ่านมานานหลายปี ว่านก็แต่งงานมีลูกมีเมียมีครอบครัวของตัวเอง เรื่องของพวกเรา ความสัมพันธ์เก่า ๆ ก็กลายเป็นเพียงแค่อดีตให้นึกถึงบ้างบางครั้งเวลาเผลอตัว

“พี่วัตเข้าไปนอนเถอะ”

ได้ยินเสียงวิวาห์พูดตามด้วยเสียงก้าวลงบันได อามันต์เอื้อมมือไปรินน้ำใส่แก้วแล้วยกขึ้นดื่ม เขารู้สึกคอแห้งกะทันหัน

“ขอโทษที่ให้รอครับ” วิวาห์พึมพำ“ไปนั่งคุยในครัวไหม”

อามันต์ก้มศีรษะรับ เดินตามหลังคนตัวสูงเท่าไหล่ของเขาเข้าไปในห้องครัวเล็ก ๆ ท่าทางวิวาห์เหมือนคนที่กำลังตกอยู่ในห้วงความคิดหนักหน่วง

เขาลองเดาเอาเองว่าอีกฝ่ายคงจะมีปัญหาครอบครัวกระมัง ...เขารู้เรื่องอาชีพของว่านแต่ไม่เคยรู้เรื่องส่วนตัวเลย ว่านจะมีแฟนหรือแต่งงานมีลูกเมื่อไหร่...เขาไม่เคยอยากรู้...

ไม่อยากรับรู้..

“มีเรื่องอะไรหรือ” เขาเป็นฝ่ายถามก่อน ทันเห็นอีกฝ่ายถอนหายใจยาว

“ว่านมีเรื่องอยากถามครับ”

คำพูดและท่าทางของว่านทำให้เขาพลอยรู้สึกกังวลไปด้วย

“ถามมาสิ” เขาพูด

“ว่านขอถามอะไรละลาบละล้วงหน่อยนะครับ กรุณาตอบตามตรง”คนตรงหน้าเขาพูดต่อมาด้วยท่าทางระมัดระวังมากจนเขานึกขัน “ว่านอยากรู้ว่าแม่ของพี่อาร์มชื่ออะไรครับ”

“หืม?” อามันต์นึกว่าตัวเองหูฝาด จู่ ๆ ว่านก็ถามถึงชื่อมารดาของเขาโดยไม่มีการเกริ่นอะไรก่อนทั้งสิ้น ท่าทางเอาจริงเอาจังราวกับจะหาเรื่องกัน “ว่านจะถามไปทำไม”

“ใช่นุชนารถไหมครับ”

“ทำไมถึงมาถามชื่อแม่พี่ล่ะ จะเอาไปทำอะไรบอกก่อน” เป็นคำถามที่เหนือความคาดหมายของเขาอีกแล้ว...

วิวาห์เม้มปากใบหน้าเรียวเล็กนั้นกลายเป็นสีชมพูอ่อนน่ามองอามันต์ยกมือขึ้นเท้าคาง...เหมือนจะนานมากแล้วที่เขาไม่ได้มองว่านใกล้ ๆ แบบนี้ รอยกระเล็ก ๆ ที่แก้มยังอยู่เหมือนเดิม ปลายขนตายาวงอนกับตาโต ๆ ที่ชอบจ้องแบบคาดคั้นไม่ยอมให้หลบไปทางไหนได้ อามันต์ยิ้มออกมานิด ๆ

“พี่อาร์มยิ้มอะไรครับ ตอบว่านมาก่อนเรื่องสำคัญมากนะครับ”

“ถ้าว่านไม่บอกเหตุผลกับพี่ พี่ก็ไม่ตอบหรอก จะเอาชื่อแม่พี่ไปทำอะไร”

“ว่านแค่อยากรู้เฉย ๆ”

“แต่ก่อนว่านก็เคยเจอแม่พี่แล้วไม่ใช่เหรอ” เขาแกล้งโยกโย้เล่นไปอย่างนั้นเองอันที่จริง...การได้นั่งพูดคุยกันภายในบ้านเงียบ ๆ แบบนี้ก็ให้ความรู้สึกที่ดีไม่หยอก เหมือนย้อนเวลากลับไปในบรรยากาศเก่า ๆ ที่เขาเกือบลืมไปแล้ว

“คนนั้นเป็นแฟนใหม่ของพ่อพี่ ไม่ใช่แม่ของพี่เสียหน่อย” หางเสียงของคนพูดเริ่มตวัดขึ้นนิด ๆ ท่าทางว่านแปลกไปกว่าเดิมจริง ๆ อามันต์ขยับตัวเขามองเห็นความโกรธของว่านตอนที่มองมาที่เขา ทำให้เขาไม่กล้าล้อเล่นด้วย

“โอเค ๆ แม่แท้ ๆ ของพี่ชื่อนุชนารถ ถามทำไมน่ะ”

“............” สีหน้าของคนถามซีดลงและดูเคร่งขรึมขึ้นอีกเท่าตัวราวกับกำลังตกอยู่ในห้วงความคิดหนักอึ้ง

อามันต์รู้สึกว่าอีกฝ่ายดูโตเป็นผู้ใหญ่กว่าเมื่อหลายปีก่อนจนเห็นได้ชัด ว่านดูไม่เหมือนคนที่จะไปทำ‘เล่น ๆ’ด้วยได้อีก

“ถึงตาว่านบอกเหตุผลกับพี่แล้วนะ ...ถามเรื่องนี้กับพี่ทำไม แล้วว่านรู้เรื่องที่พี่ป่วย..รู้เรื่องฝาแฝดของพี่ว่านต้องอธิบายให้พี่ฟังแล้วล่ะว่าไปรู้มาจากไหน” อามันต์ถามเสียงเข้มขึ้นเขาคาดหวังว่าจะเห็นคนฟังมีท่าทางตื่นตระหนกหรือตกใจเหมือนสมัยก่อน

ผิดคาดตรงที่ว่านไม่แม้แต่จะกะพริบตาด้วยซ้ำ อดีตคนรักของเขาดูสงบนิ่งจนอามันต์เป็นฝ่ายไม่สบายใจเสียเอง

“ว่านมีเหตุผลบางอย่างถึงได้รู้มา เอาไว้จะบอกพี่อาร์มทีหลังนะครับ” วิวาห์พูดขึ้นเนิบ ๆ แล้วลุกขึ้นยืน “ขอบคุณพี่อาร์มมากที่ตอบตามตรง ว่านขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ”

“เดี๋ยวสิ” อามันต์เอื้อมมือไปจับแขนอีกฝ่ายเอาไว้ ผิวของว่านยังเนียนนุ่มมือเหมือนเดิม ว่านเหลือบมองเขาด้วยหางตาแววตาฉายแววรังเกียจวาบขึ้นมาก่อนจะจางหายไปเป็นปกติ อามันต์ขมวดคิ้ว เขาไม่ได้ปล่อยมือ “จะขึ้นไปหาภรรยาข้างบนเหรอ”

“ปล่อยครับ” ว่านดึงแขนตัวเองออกจากการเกาะกุมแล้วเดินเลี่ยงกลับขึ้นไปชั้นบน

หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 16-05-2020 00:23:33







อามันต์มองตามหลังไปอย่างครุ่นคิด

เขาไม่มีโปรแกรมแน่นอน ...อันที่จริงจะบอกว่าไม่มีเป้าหมายชัดเจนตอนนี้ก็คงได้ ...หลังจากที่หมอประจำตัวบอกว่าตรวจพบเซลล์มะเร็งอีกครั้งหลังจากที่นึกว่ารักษาหายไปแล้วด้วยการปลูกถ่ายไขกระดูกจากฝาแฝด อามันต์ก็ตกอยู่ในห้วงความคิดสับสน

หมอถามเขาว่า...อยากจะลองเสี่ยงดูอีกสักครั้งมั้ย การรักษาครั้งสุดท้ายที่หมอเองก็ให้คำตอบไม่ได้ว่าจะหายหรือเปล่า แต่โอกาสน้อยก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส

เขานั่งรถไฟไปเรื่อย ๆ ไม่รู้ทิศทางจนกระทั่งได้พบวิวาห์โดยบังเอิญบนสถานีแห่งนั้น เขาก้าวตามอีกฝ่ายขึ้นมาบนรถไฟทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไปเพื่ออะไร ในเมื่อความสัมพันธ์ระหว่างเขากับวิวาห์จบกันไปนานแล้ว เป็นเขาเองที่เลือกจะจบเพราะอันที่จริง...เขาก็ไม่ได้รักว่านขนาดนั้น

ไม่ใช่ในแบบคนรัก

เพียงแค่ดีใจที่ได้เห็นหน้าอีกฝ่ายอีกครั้งโดยไม่คาดฝัน จะเป็นความบังเอิญหรือว่าโชคชะตาก็ตาม อามันต์ก็ห้ามตัวเองไม่อยู่เขาเพียงแค่อยากทักทายเล็กน้อยแล้วก็จะรีบจากไปโดยเร็ว

แต่ว่านกลับคว้ามือของเขาเอาไว้ พร้อมกับถามคำถามแปลก ๆ ที่เขาเองก็คาดไม่ถึง

ชายหนุ่มถอนหายใจยาว การต่อสู้อันยาวนานของเขาเพื่อที่จะได้ลืมตาตื่นขึ้นในวันถัดไปช่างทรมาน หลังจากนี้เขาคงจะต้องเข้ารับการรักษาใหม่ เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ตั้งแต่ต้น แต่ว่า...เพื่ออะไร

สำหรับคนที่เคยรักการร้องเพลงมากกว่าสิ่งใดในโลก อามันต์รู้สึกแย่มากที่เขาไม่สามารถกลับไปร้องเพลงได้อีก ฤทธิ์ยาและตัวโรคทำลายเส้นเสียงกับพลังปอดของเขาไม่เหลือเค้าเดิม เขาไม่ใช่นักร้องดาวรุ่งชื่อดังแห่งยุคอีกแล้วแต่ว่าเป็นนักร้องไร้วินัยที่จู่ ๆ ก็ติสต์แตกหนีค่ายไปต่างประเทศดื้อ ๆ ทิ้งทั้งแฟนคลับและผลประโยชน์มหาศาลเอาไว้เบื้องหลัง แต่จะให้กลับไปร้องเพลงอีกครั้งก็ทำไม่ได้

อามันต์ลูบนิ้วไปบนรอยแผลเป็นจาง ๆ หลายรอยบนข้อมือของตัวเองอย่างใจลอย ความพยายามของเขาที่จะทำให้ตัวเอง ‘หาย’จากโรคที่เป็นอย่างถาวร

ความพยายามที่ยังไม่สำเร็จ...

เสียงกุกกักดังขึ้นตรงแถวบันได อามันต์สะดุ้งตื่นจากภวังค์หันขวับไปมอง เขาเห็นเงาเล็ก ๆ ป้อม ๆ เงาหนึ่งยืนด้อม ๆ มอง ๆ อยู่แถวชานพักบันไดตรงนั้น ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนก้าวเข้าไปใกล้...ใบหน้าเล็กรูปหัวใจโผล่ออกมาจากช่องว่างของราวบันได ส่งยิ้มที่เหมือนบิดาราวกับโขกกันมาให้เขา

“ชู่ว...” พอเขาอ้าปากจะทัก เด็กหญิงก็รีบยกนิ้วขึ้นแตะปากพลางกระซิบกระซาบ “คุณลุงอย่าเสียงดังไปค่ะ เดี๋ยววีว่าได้ยิน”

“หนู..จะทำอะไรน่ะ”

“ยี่หวาอยากกินช็อกโกแลตค่ะ” เธอบอกอ้อมแอ้ม “ยี่หวาแช่เอาไว้ในตู้เย็นข้างล่าง ...อย่าบอกวีว่านะคะ”

อามันต์เลิกคิ้ว

“ตู้เย็นที่ไหน” เขาหันไปมองตามมือที่ยกขึ้นชี้ของเด็กหญิง “ในห้องครัวน่ะเหรอ”

เธอพยักหน้าจนผมหยักศกกระจายยุ่งเหยิง

“เดี๋ยวไปดูให้” เขาเดินเข้าไปในห้องครัว เปิดตู้เย็นออกกวาดตาดูของที่แช่อยู่ข้างในนั้น ...ช็อกโกแลตกล่องใหญ่ตามที่เด็กหญิงบอกวางเอาไว้ชั้นบนสุด อามันต์หยิบออกมาชูถาม “ใช่หรือเปล่า”

“ใช่ค่ะ” เด็กหญิงยิ้มหวานจ๋อย รีบกวักมือเรียกเขาให้เข้าไปใกล้ อามันต์ส่งช็อกโกแลตทั้งห่อไปให้ “คุณลุงกินด้วยกันไหมคะ” เธอหักแบ่งมาให้เขานิดหนึ่ง อามันต์ไม่ปฏิเสธ เขาชอบขนมหวาน ๆ อยู่แล้ว

พวกเขาแบ่งกันกินสองคนพริบตาเดียวก็หมดทั้งห่อ เด็กหญิงถอนหายใจเฮือกราวกับเป็นผู้ใหญ่ ทอดสายตามองห่อขนมที่หมดไปตาละห้อย ท่าทางอาลัยอาวรณ์นั้นทำให้ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบา ๆ ยกมือขึ้นลูบศีรษะทุยสวยของคนที่นั่งห้อยขาอยู่บนบันไดอย่างเอ็นดู

“ไม่เอาน่ะ ชอบมากเหรอ...เดี๋ยวไว้ลุงซื้อให้ใหม่อีกหลาย ๆ ห่อเลยดีไหม” เขาพูดออกไปแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายเป็นลูกสาวของวิวาห์กับภรรยา อามันต์ขยับตัว ดึงมือกลับ“หนูกลับขึ้นห้องไปนอนเถอะ เดี๋ยวพ่อแม่หนูมาเจอเข้าจะโดนดุเอา แอบมากินขนมดึก ๆ แบบนี้”

เด็กหญิงเอียงหัวหลบมือเขาแล้วจ้องมองที่ข้อมือของเขาเขม็ง

“กระต่ายนี่คะ ใช่มั้ย”เธอตาโต ชี้นิ้วมาที่รอยสักรูปกระต่ายของเขา “ยี่หวาชอบกระต่ายค่ะ น่ารัก”

“อ๋อ...ใช่” อามันต์ไพล่มือไปด้านหลัง เขาไม่ชอบดวงตากลมโตที่เหมือนว่านอย่างกับแกะตอนที่จ้องมาเลย “หนูไปนอนเถอะ”

“ยี่หวาค่ะ” เธอแนะนำตัว“ชื่อหวันยิหวา..คุณลุงชื่ออะไรคะ”

“ชื่อ..” อามันต์ยังไม่ทันบอก

“ยี่หวา...อยู่ไหนน่ะ เมื่อกี้ยังนอนอยู่ตรงนี้อยู่เลยไม่ใช่เหรอครับพี่วัต” เสียงวิวาห์ดังขึ้นแว่ว ๆ เด็กหญิงทำคอย่นแล้วรีบลุกขึ้นยืน

“ยี่หวาไปก่อนนะคะ ขอบคุณค่ะ” เธอพูดเร็วปรื๋อแล้วก็วิ่งตึก ๆ ขึ้นบันไดไป

อามันต์มองตามหลัง

“อย่าลืมแปรงฟันนะ” เขาพึมพำมองห่อช็อกโกแลตในมือแล้วจำชื่อยี่ห้อเอาไว้

...

วันรุ่งขึ้นเขาออกจากบ้านพักตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อกลับไปที่โรงพยาบาล หลังจากพูดคุยตกลงกับคุณหมอประจำตัวแล้วอามันต์ก็กลับออกมาจากโรงพยาบาลด้วยความรู้สึกโล่ง ๆ เบาสบายชอบกล อามันต์แวะร้านขนมในเมืองเพื่อซื้อของติดไม้ติดมือกลับไปด้วยก่อนที่จะกลับไปที่บ้านพักแล้วเริ่มต้นพิมพ์เอกสารสำคัญเอาไว้ในคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คของตัวเอง

...พินัยกรรม

เสียงพูดคุยดังขึ้นหน้าบ้านตามด้วยร่างของวิวาห์ปรากฏตัวขึ้นหน้าประตูคนแรก อามันต์เห็นอีกฝ่ายชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นเขา สีหน้าสดใสร่าเริงในตอนแรกเปลี่ยนเป็นนิ่งขรึมอย่างรวดเร็ว วิวาห์คว้าตัวลูกสาวเอาไว้ไม่ให้วิ่งมาหาเขา

“ไม่เอายี่หวา อย่าไปยุ่งกับเขา”

“นั่นคุณลุงกระต่ายนี่คะ คุณลุงมีรูปคุณกระต่ายที่ข้อมือ” เด็กหญิงพูดเจื้อยแจ้ว “คุณลุงขา ยี่หวาขอดูใกล้ ๆ ได้มั้ยคะ”

“ยี่หวาไม่เอาน่ะ” วิวาห์รีบห้าม

“ลุงมีรูปเสือด้วยนะ เสือโคร่งตัวใหญ่เท่านี้” เขากางมือออกสบตาว่านแล้วยิ้มออกมา “อยากเห็นมั้ย” ...เห็นใบหน้าเรียวรูปไข่นั้นกลายเป็นสีชมพูอ่อนอีกครั้ง อามันต์ยิ้มกว้าง...อีกฝ่ายคงจำได้กระมังว่าเขาสักรูปเสือเอาไว้ตรงไหน

“ไม่ต้อง” วิวาห์พูดเสียงห้วน กึ่งจูงกึ่งลากลูกสาวออกมาห่างจากเขา “ไปล้างมือได้แล้วยี่หวา มือเปื้อนออกเพิ่งกลับจากข้างนอก”

อามันต์หัวเราะออกมาอย่างเผลอตัว ท่าทางของว่านทำให้เขานึกถึงว่านคนเดิมสมัยก่อนเวลาที่โดนแหย่นิด ๆ หน่อย ๆ แบบนี้ ..เป็นเสน่ห์เฉพาะตัวแบบเด็ก ๆ ดูซื่อ ๆ ไร้เดียงสา

ค่ำวันนั้นอามันต์ได้ยินเสียงพูดคุยกันของครอบครัวอย่างสนุกสนาน ขณะที่เขานั่งทอดอารมณ์อยู่คนเดียวในสวนหลังบ้านที่เย็นเฉียบ อากาศหนาวเสียจนอีกไม่นานก็คงจะมีหิมะตก

อาจจะเป็นฤดูหนาวสุดท้าย

“คุณลุงกระต่าย”

เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นใกล้ตัว อามันต์หันไปมองอย่างตกใจ เห็นร่างเล็ก ๆ ห่อตัวอยู่ในชุดเสื้อกันหนาวหนาเตอะพันทับด้วยผ้าพันคอจนดูกลมป้อมไปทั้งตัว ยี่หวาเดินมาหาเขาด้วยท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ

“คุณลุงกระต่าย” เธอเรียกอีกรอบ เดินเข้ามาใกล้ด้วยท่าทางตื่นเต้น “คุณลุงมีเสือจริง ๆ เหรอคะ ยี่หวาอยากเห็น”

“อยากเห็นเหรอ” อามันต์หัวเราะออกมาเบา ๆ ลมหายใจของเขากลายเป็นไอเพราะอากาศเย็นจัด “เข้าไปดูข้างในดีกว่า ข้างนอกหนาวมากเดี๋ยวจะไม่สบาย” เขาพูดเนิบ ๆ พาเด็กหญิงกลับเข้าไปในบ้านที่อบอุ่นกว่า “แล้วพ่อหนูอยู่ไหนแล้ว”

“พ่อของยี่หวาไปสวรรค์แล้วค่ะ” เธอตอบคนฟังเกือบสำลัก

“อ้าว ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ..ก็..วีว่าของหนูไง”

“วีว่าไม่ใช่พ่อ”

“อ้าว” อามันต์อุทานอีกรอบ ความคิดแล่นปราดทันที ...หรือว่าเด็กหญิงจะเป็นลูกติดของภรรยาที่วิวาห์รับเลี้ยงเป็นลูกกันแน่... “แล้ว...วีว่าเป็นอะไร”

“เป็นวีว่า” เด็กหญิงยิ้มหวาน “คุณลุงไหนเสือคะ”

“เสือไม่ได้เห็นกันง่าย ๆ หรอกเพราะมันไม่ใช่เสือธรรมดา” อามันต์ว่า เขาเดินไปเปิดตู้เย็นออกแล้วหยิบห่อช็อกโกแลตที่ซื้อเตรียมเอาไว้มา “มันเป็นเสือเผ่น”

“เสือเผ่น” คนพูดทวนคำตาจ้องเขม็งไปยังห่อขนมในมือของผู้ใหญ่ความสนใจถูกเบนไปจากรูปเสือแล้วเรียบร้อย “ขนมของใครเหรอคะ ..น่ากินจัง”

“อยากกินไหม ของลุงเองซื้อมาฝากหนูด้วย”

“วีว่าไม่ให้กินของคนแปลกหน้าค่ะ” หวันยิหวาส่ายหน้าดิก ท่าทางเสียดายไม่น้อย

“งั้นลุงให้หนูมันก็จะกลายเป็นของหนูแล้วไงถูกมั้ย” อามันต์ยิ้ม

“วีว่าบอกว่าพวกโจรชอบเอาขนมมาหลอกเด็กแล้วก็จะลักพาตัว พาไปทำไม่ดีไม่ร้าย” เด็กหญิงพูด หน้าตาเคร่งขรึม

“ทำไม่ดีไม่ร้ายแล้วสรุปมันดีหรือร้ายน่ะ” อามันต์แกล้งถาม อยากรู้เหมือนกันว่าวิวาห์อธิบายลูกมากน้อยขนาดไหนกัน

“ทำอะไรร้าย ๆ ค่ะ” เด็กหญิงตอบอย่างมั่นใจแล้วก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง “ยี่หวาไปก่อนนะคะ”

“เดี๋ยวสิ..”

เด็กหญิงวิ่งปรูดหายขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว อามันต์ส่ายหน้า แกะห่อขนมส่งเข้าปากแทน รสหวานแหลมช่วยให้รู้สึกสดชื่นขึ้น ...เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากชั้นสองของบ้านคราวนี้ไม่ใช่ร่างเล็กบางของยี่หวาแต่ว่าเป็นของวิวาห์แทน

“พี่อาร์มให้อะไรยี่หวาครับ” ท่าทางว่านเอาเรื่องไม่ใช่เล่น ดวงตากลมโตจ้องมองเขาเขม็ง “ว่านไม่ให้ลูกรับของคนแปลกหน้า”

“สอนดีแล้ว” อามันต์ตอบกลับไปเรียบ ๆ “พอดีพี่ซื้อช็อกโกแลตมาก็เลยจะแบ่งให้น้อง”

“ขอบคุณครับ แต่ไม่เป็นไรพี่อาร์มเก็บเอาไว้กินเองเถอะ”

“พี่งดของหวานมานานแล้ว” เขาตอบเนิบ ๆ หักช็อกโกแลตส่งเข้าปากชิ้นใหญ่ “เพิ่งจะกลับมากินนี่ล่ะ” ...อยากทำอะไรก็ทำ อยากกินอะไรก็กิน ไม่จำเป็นต้องระวังเรื่องอาหารอีกแล้ว

เขาจะใช้เวลาที่เหลืออย่างคุ้มค่าที่สุด ไม่ว่าจะเหลือสามเดือนหรือสามปี ...ก็ช่างมันเถอะ

“ว่านขอคุยอะไรกับพี่อาร์มหน่อยได้ไหมครับ” วิวาห์พูดขึ้นหลังจากที่ยืนนิ่งอยู่นาน อามันต์เหลือบมอง...ท่าทางบางอย่างของว่านทำให้เขาไม่สบายใจ แต่ทำไมถึงไม่สบายใจเขาก็อธิบายไม่ถูก

“เอาสิ”

“ยี่หวาไม่มีพ่อมาตั้งแต่เกิด” วิวาห์พูดขึ้นมองหน้าเขานิ่ง ๆ “ว่านบอกยี่หวาว่าพ่อของเขาไปสวรรค์แล้ว”

“อ้อ” อามันต์พยักหน้ารับ ยังไม่เข้าใจว่าว่านเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟังทำไม “น่าสงสารจริง ๆ นะ แล้วพ่อเขาเป็นอะไรล่ะ”

“เขา...ป่วยหนักครับ” วิวาห์หยุดพูดไปนิดหนึ่ง

“งั้นเหรอ” อามันต์พึมพำ“ชีวิตน่าสงสารจังเลยนะ”

“ใช่ครับ” วิวาห์เม้มปากเล็กน้อย ท่าทางเหมือนกำลังใคร่ครวญบางอย่างที่ลึกซึ้ง

“แล้วแม่ของยี่หวา...”

“เขาพยายามมากครับ ต้องเป็นทั้งแม่และพ่อในคนเดียวกัน” วิวาห์ตอบกลับมา “ไม่ง่ายเลย”

“เก่งมากนะ แฟนว่านก็โชคดีที่ว่านเข้ากับลูกได้ดีมาก คงไม่มีปัญหาพ่อเลี้ยงลูกเลี้ยง” อามันต์เริ่มรู้สึกอึดอัด เขาไม่ได้อยากรับรู้เรื่องภายในครอบครัวของว่าน ไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมว่านต้องมาเล่าให้ฟัง

“ครับ” ว่านหัวเราะเสียงแปร่ง

“เอ่อ...พี่ขอตัวก่อนนะ พอดีมีงานค้างอยู่น่ะ” เขาอ้างงานที่ไม่มีอยู่จริง แค่อยากเดินออกมาจากตรงนั้น “พรุ่งนี้ว่านจะย้ายเมืองแล้วเหรอ...พี่ได้ยินพูดกันแว่ว ๆ น่ะ” เขาเสริม

“ครับ”

“ถ้างั้น...ฝากขนมให้น้องหน่อยสิ พี่กินคนเดียวไม่หมดหรอก...จริง ๆ ตั้งใจซื้อมาให้น่ะ”ประโยคหลังเขาพูดขึ้นเพราะเห็นท่าทางอีกฝ่ายเหมือนจะไม่รับของ

สุดท้ายว่านก็รับถุงขนมมาถือเอาไว้

“พี่ไปก่อนนะ เอาไว้เจอกัน”อามันต์พูด คงมีแต่เขาที่รู้ดีว่าคงไม่มีวันนั้นอีกแน่นอน ทว่าอย่างน้อยก็ยังรู้สึกดีที่ได้เจอหน้าอดีตคนรักอีกครั้ง “ดูแลตัวเองด้วยนะว่าน”

“พี่อาร์ม” วิวาห์เรียกเขาเอาไว้

อามันต์หันกลับมามอง

“ว่าไง”

“พี่อาร์มไม่ถามหน่อยเหรอว่าพ่อของยี่หวาป่วยเป็นโรคอะไร”

คนฟังกะพริบตา

“...พี่ไม่แน่ใจว่ามันจะ...” อามันต์ขมวดคิ้ว “มีอะไรหรือเปล่า หรือว่าน้องติดโรคอะไรจากพ่อ” สมองของเขาคิดไปไกลแล้ว อามันต์มองหน้าอดีตคนรักอย่างไม่แน่ใจ วิวาห์บีบมือเข้าหากัน เหมือนที่อามันต์จำได้ว่าอีกฝ่ายชอบทำประจำเวลาที่ไม่สบายใจ “...ว่านอยากให้พี่ช่วยอะไรหรือเปล่า บอกมาได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจ”

“พ่อของยี่หวาเขาป่วย...เป็นลูคีเมียครับ” ว่านกระซิบ

“อ๋อ” อามันต์พยักหน้ารับ เข้าใจที่อีกฝ่ายพูดทันที ดูท่าโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวจะเจอบ่อยกว่าที่เขาคิด “ว่านอยากถามพี่เรื่องโรคนี้ใช่มั้ย ถามมาได้เลยนะโรคนี้ไม่ได้ติดต่อทางเลือดหรอกนะว่านแต่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ส่วนนึงถ้าพ่อของน้องยี่หวาเป็นก็มีโอกาสที่น้องจะเป็นได้ แต่ไม่ได้มากหรอก ไม่ต้องกังวล ... พ่อเขาเสียไปนานหรือยัง”

“พ่อเขายังไม่เสียครับ”

“อ้าว ก็ไหนว่า..”อามันต์พูดไม่ทันจบก็อ้าปากค้าง มองหน้าอีกฝ่ายอย่างตกใจ ความคิดหนึ่งแล่นวาบเข้ามาในหัวเหมือนสายฟ้าฟาด “เดี๋ยวนะ...”

“ว่านบอกยี่หวาว่าพ่อไปสวรรค์เพื่อตัดปัญหาครับ จริง ๆ พ่อของยี่หวายังมีชีวิตอยู่” วิวาห์พูดอย่างสงบ สบตาเขานิ่ง“พ่อของยี่หวาคือพี่อาร์มครับขอโทษด้วยที่เพิ่งจะบอก แต่ว่านติดต่อพี่อาร์มไม่ได้เลย”

“เป็นไปได้ยังไง” อามันต์พูดตะกุกตะกัก ความรู้สึกของเขาใกล้เคียงกับตอนแรกที่หมอบอกผลวินิจฉัยเมื่อหลายปีก่อนทีเดียว “ว่าน...พี่เป็นพ่อน้อง..ได้ไง”

“ว่านท้องได้ครับ” วิวาห์ตอบ“ว่านเองก็เพิ่งรู้หลังจากที่กลับมาอยู่บ้านแล้ว”

“แล้ว...ทำไม..” อามันต์ทั้งตกใจและมึนงง คนตรงหน้าเขาดึงชายเสื้อขึ้นเผยให้เห็นรอยแผลเป็นเหมือนแผลผ่าตัดพาดยาวที่หน้าท้องราวกับเป็นเครื่องยืนยันสิ่งที่พูดไปแล้ว

“รอยแผลผ่าคลอดครับ” วิวาห์พูด“ว่านพยายามติดต่อพี่อาร์มทุกทางแล้วแต่ไม่สำเร็จก็เลยไม่ได้บอก ตอนแรกตั้งใจว่าจะเก็บเอาไว้กับตัวแต่ว่า...พอได้เจอพี่อาร์มอีกครั้ง...ว่านคิดว่าควรจะต้องบอกเอาไว้ก่อน เผื่อว่า...อะไร ๆ มันจะดีขึ้น”

“พี่ไม่อยากจะเชื่อเลย” อามันต์คราง“มันเหลือเชื่อมาก ๆ”

“ครับ ทุกอย่างมัน..เกินจะเชื่อ”

ชายหนุ่มมองลึกเข้าไปในดวงตากลมโตคู่นั้น ไม่มีแววโกหกว่านไม่น่าจะโกหกเขาเรื่องสำคัญขนาดนี้ได้นอกเสียจากว่ามีเหตุผลอื่น

“พี่ขอเวลาตั้งสติหน่อยนะ”

“ตามสบายครับ”

ทั้ง ๆ ที่ว่านเป็นฝ่ายออกปากเล่าเรื่องลูกของตัวเองกับเขาแท้ ๆ ทว่าท่าทางของว่านกลับห่างเหินเย็นชาเหลือเกินว่านทำเหมือนเขาเป็นคนแปลกหน้าที่จำเป็นต้องพูดคุยเกี่ยวข้องด้วยมากกว่าพ่อของลูก

“ว่านจะกลับบ้านเมื่อไหร่” เขาถามออกไป ยกมือขึ้นนวดขมับที่เริ่มปวดตุบ ๆ

“มะรืนนี้ครับ”

“แล้วผู้หญิงคนนั้น ไม่ใช่แฟนของว่านเหรอ”

“เป็นแฟนของพี่ชายครับ”

“พี่เข้าใจผิดหมดเลยสินะ” อามันต์นึกถึงใบหน้าเล็ก ๆ ของเด็กผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาได้ ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกของว่านกับผู้หญิงคนอื่น เขาก็คงจะเอ็นดูได้สนิทใจกว่านี้ แต่ที่แท้เด็กคนนั้นกลับเป็นลูกสาวของเขาเอง “ยี่หวา...หวันยิหวา...ใช่มั้ย”

“ครับ”

“........” ในความตกใจก็ยังมีความดีใจแฝงเอาไว้ด้วยอย่างลึกล้ำ อามันต์กำมือเข้าหากันแน่น สูดลมหายใจเข้าปอดลึกยาว เขาเอื้อมมือออกไปตรงหน้าทว่าร่างโปร่งบางกลับก้าวถอยหลังทันควัน

.................................................................................................

มาอัพต่อแล้วนะคะ

ใครรอเรื่องนี้อยู่บ้าง

ชั้นว่าถ้าเขียนเรื่องนี้สำเร็จคงมีแสงเปล่งออกมาจากตาแน่นอน ฮ่าๆๆเริ่มรู้สึกว่าทำไมเราไม่เขียนพล็อตที่มันง่ายกว่านี้บ้างว้า ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่ยังอ่านต่ออยู่นะคะ แม้ว่าเรื่องนี้จะเอ่อ ๆ เอ๊ะ ๆ ไปมากก็ตาม

เจอกันตอนหน้า

#วิวาห์อามันต์

หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 16-05-2020 00:47:59
 o22 ต้องรู้สึกยังไงกับการหักมุม


แม่พี่อาร์มสิงยาย ิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิเอิบแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 16-05-2020 00:48:54
โหห ขอให้ทุกอย่างดีขึ้นนะคะ สงสารยี่หวามากๆไม่อยากให่น้องตายเลยย  แล้วก็พี่อาร์มได้รู้ความจริงแล้วแบบนี้ คงจะไม่มีเหตุการณ์ร้ายๆอีกใช่มั้ยคะ  :hao5: :katai1:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
เริ่มหัวข้อโดย: jum1201 ที่ 16-05-2020 08:07:49
พีคในพีคคคคค
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 16-05-2020 10:13:03
ฝันได้สุดมาก
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 16-05-2020 12:08:22
วิวาห์ย้อนอดีตได้ใช่ไหมค่ะ รึว่าฝันเห็นอนาคต โอ่ยยๆๆๆ ทุกอย่างต้องแก้ไขได้ วิวาห์สู้ๆๆๆ :hao5:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
เริ่มหัวข้อโดย: koyuki24 ที่ 16-05-2020 14:34:07
หวังว่าจะไม่ใช่ฝันซ้อนฝันนะคะ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
เริ่มหัวข้อโดย: t152_rakjai ที่ 16-05-2020 23:09:44
หัก หักอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 17-05-2020 00:19:20
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-05-2020 00:50:51
 :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 17-05-2020 02:55:01
ซ้อน ในซ้อน ซ่อนเงื่อน รักยี่หวา มากๆ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-05-2020 04:46:53
 :a5:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 17-05-2020 19:01:42
 :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
เริ่มหัวข้อโดย: o4u0n7 ที่ 17-05-2020 21:28:11
 :katai1: :katai1: :katai1:  สุดมากพลิกแล้วพีคอีก รอนะคะ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 18-05-2020 07:37:14
ฝันยาวมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
เริ่มหัวข้อโดย: JadeButterflyεїз ที่ 23-05-2020 19:36:21
นี่ยังไม่เชื่อสุดใจว่าฝันนะอาจตายแล้วย้อนเวลามาก็ได้ ถ้าพล็อตจะซับซ้อนขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 25-05-2020 17:31:19
ไปสุดมากเรื่องนี้ โหอหมือนเริ่มใหม่แต่ต้น!!
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 26-05-2020 02:13:52
บอกได้คำเดียวเลยว่า ช็อค! :a5:
มัน omg มากๆ คือยังไงอ่ะ ว่านฝันหรือว่าว่านย้อนอดีตได้
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 26-05-2020 07:32:17
พีคในพีคในพีคหักมุมสุดๆรู้แบบนี้แล้วต่อไปเรื่องร้ายๆคงไม่เกิดขึ้นแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaWikit ที่ 26-05-2020 14:12:19
แวะมาอ่านอีก app
มาตั้งตารอหาคำตอบที่ว่านจะเปิดว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเดินทางกันมาอย่างไร
บางคนก็พอเดาได้ อย่างที่นงนาถอาจจะสิงยายเอิบ
พี่อาร์มเข้าร่างของแฝด แต่มันมากันอย่างไรอยากรู้ รออ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
เริ่มหัวข้อโดย: jum1201 ที่ 31-05-2020 09:00:04
รอค่ะ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 31-05-2020 15:19:25
สรุปว่าฝันหรอ อะไร ยังไง งงจ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา พีคสุดจ้าาาาา :ling2: :ling2: :ling2:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
เริ่มหัวข้อโดย: jum1201 ที่ 09-06-2020 18:16:11
 :z13: มารึยังจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
เริ่มหัวข้อโดย: pukpra ที่ 11-06-2020 12:10:08
หักในหักมุม สนุกมากค่า รอลุ้นตอนต่อไปว่าจะเป็นไงต่อ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
เริ่มหัวข้อโดย: jum1201 ที่ 14-06-2020 20:42:41
 :mew1: รอเธออยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 08-07-2020 12:36:14
โอ้ยยย สนุกมากกก ไม่เคยอ่านแล้วพลิกคว่ำพลิกหงาย พีคแล้วพีคอีกอย่างนี้มานานแล้ว
นี่ยังลุ้นอยู่ว่า วีวา จะฝันซ้อนฝัน ซ้อนเข้าไปอีกหรือเปล่า แต่อย่าเลยนะ ทำใจไม่ได้ที่น้องยี่หวาต้องตาย ไม่ไหวกับใจจริงๆ
แค่พระเอก อย่างอามัน เลว เห็นแก่ตัว ขั้นสุด ก็มากเกินพอแล้ว ยิ่งตัวแม่อามัน นี่รับไม่ได้จริงๆ เพราะมีแม่แบบนี้ อามันถึงได้เป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนี้สินะ

รออยู่นะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 11-07-2020 17:25:51
เอิ่ม......เหมือนโดนหลอกในหลอก พีคในพีค   :laugh:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
เริ่มหัวข้อโดย: jum1201 ที่ 16-07-2020 12:54:20
กลับมาเถอะนะคะ :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
เริ่มหัวข้อโดย: o4u0n7 ที่ 28-09-2020 23:53:13
ยังรอความคืบหน้าว่าว่านจะตัดสินใจยังงัยต่อ ค่า  :hao5:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 27-12-2020 22:39:09
ยังรออยู่นะคะ :mew2:
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
เริ่มหัวข้อโดย: FaiiFaiiFaii ที่ 02-02-2021 12:20:00
รออออ
หัวข้อ: Re: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 26-05-2022 12:11:23
ไม่มาต่อแล้วเหรอ...เสียตายจัง  :hao5: