::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8  (อ่าน 29622 ครั้ง)

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
อ้าวซะงั้น คุณธาดา เป็นพ่อหม้าย รึยังไง รักแป้ง เป็นเพื่อนแท้

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
รู้สึกว่าธาดาแอบรักวีว่ามานาน มีเบื้องหลังอะไรอีกกกกกกก

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
แล้วลูกเมียเขาไม่ระแคะระคายเลยเหรอ  :ling2:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
โอ๊ยยย พีคมากค่ะ มีความเชื่อมโยงของพลังงานที่มองไม่เห็น

อาร์มจากไปจริงจังแล้วใช่ไหมคะ คุณนุชคงไม่ได้ปลุกอะไรมาทำใช่ไหม

สงสารว่านมากเลยค่ะ เจ็บซ้ำๆ เจียนตายมาหลายรอบ เกือบเอาตัวไม่รอดอีก
ยี่หวาเกือบไม่รอด แต่เหตุการณ์นี้ ทำให้ว่านเข้มแข็งและพร้อมสู้มากขึ้น
ว่านเจอคนหลอกลวงมาตลอด และตอนนี้ก็ยังไม่ต่างกัน
หวังว่าธาดาคงไม่มาร้ายไปกว่านี้นะคะ

ครอบครัวเป็นกำลังใจและดูแลกันดีมากเลยค่ะ ว่านโชคดี

แล้ววิวาห์อามันต์คืออะไร ในเมื่อไม่มีอาร์มแล้ว ลุ้นมากเลยค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-04-2020 05:36:04 โดย labelle »

ออฟไลน์ JadeButterflyεїз

  • เขย่าแล้วขย่ม
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 144
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
อยากลากคุณนักเขียนไปตบกลางสี่แยกอโศก (ช่วงนี้ไม่มีคนนี้หว่า)

มันพลิกไป พลิกมา จนเดาทางไม่ถูกเลย
แถมยังมาตัดจบกันแบบนี้ เสียใจ

รีบๆๆๆ มาต่อนะครับ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
คุณฟอร์ดมาดีหรือมาร้าย

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
มีอะไรเซอร์ไพรส์ตลอดทุกตอนนต :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
อ้าว ยังไงเนี่ยคุณฟอร์ด เป็นห่วงป้าเอิบจังเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
วิวาห์อามันต์

ตอนที่12









...เขาแต่งงานมีลูกแล้วว่าน ไม่เชื่อลองไปดูที่บ้านเขาก็ได้ จะได้รู้ไปเลยให้ฉันไปเป็นเพื่อนก็ได้นะ...เสียงของแป้งยังก้องอยู่ในหู วิวาห์ก้าวลงจากรถแท็กซี่มาหยุดยืนอยู่หน้าบ้านเดี่ยวหลังงามใหญ่โตน้อง ๆ คฤหาสน์ ชะเง้อดูบริเวณโดยรอบแล้วก็เอื้อมมือไปกดกริ่งหน้าประตูรั้ว

หญิงสาวคนหนึ่งเดินแกมวิ่งมาหยุดที่หน้าประตู

“มาหาใครคะ”

“ผมมาหาคุณธาดา” วิวาห์ตอบเรียบ ๆ ชูแฟ้มเอกสารในมือให้ดูเพิ่มความน่าเชื่อถือ “เขานัดเอาไว้ครับ”

“คุณธาดาไม่อยู่ค่ะ” เธอตอบมองเขาอย่างระมัดระวัง วิวาห์เลยยิ้มให้

“ผมไม่ได้เป็นโจรผู้ร้ายอะไรหรอก ผมเพิ่งให้สัมภาษณ์ในนิตยสารของเขาไปเมื่อฉบับก่อนนี่เอง ...นี่ไง” ว่านเปิดนิตยสารฉบับนั้นที่เอามาด้วยให้ดู ท่าทางระแวดระวังของเธอลดลงตามคาด “ผมจะมาคุยกับเขาเรื่องคอลัมน์ใหม่ฉบับหน้าครับ เขาน่าจะกลับมาตอนบ่ายใช่มั้ย ไม่งั้นผมนั่งรอแถวนี้ก็ได้” ชายหนุ่มพูดทำท่าจะนั่งตรงฟุตบาทหน้าบ้านเข้าจริง ๆ

“ถ้างั้น..เดี๋ยวขอไปถามคุณผู้หญิงก่อนแล้วกันนะคะ เผื่อคุณจะได้เข้าไปนั่งรอข้างในได้” เธอพูดเสียงอ่อนลง

ว่านพยักหน้ารับ ยืนรออย่างสงบสาวใช้กลับมาเปิดประตูให้เขาพลางบอกว่าคุณผู้หญิงของบ้านอนุญาตให้ชายหนุ่มเข้าไปนั่งรอข้างใน วิวาห์เก็บอารมณ์ทั้งหมดเอาไว้ภายใต้ท่าทางเรียบเฉยเป็นปกติ หัวใจเต้นรัวตอนที่ย่างเท้าเขาไปภายในห้องรับแขกที่ตกแต่งเอาไว้หรูหราสวยงาม

ภาพถ่ายคู่ของเจ้าของบ้านอัดใส่กรอบสีทองกระทบสายตาเขาเป็นอันดับแรก ผู้ชายที่ยืนโอบกอดหญิงสาวหน้าตาดีคนนั้นคือธาดาไม่ผิดแน่ ส่วนผู้หญิงที่อยู่ในชุดเจ้าสาวก็คือคนเดียวกับที่เดินออกมารับหน้าเขาเวลานี้

“สวัสดีครับ” วิวาห์พูดขึ้นอีกฝ่ายดูมีอายุกว่าในรูปเล็กน้อยดูจากริ้วรอยบนใบหน้าของเธอ

“สวัสดีค่ะ ..คุณฟอร์ดออกไปธุระข้างนอกค่ะ รบกวนนั่งรอก่อนสักครู่นะคะ” เธอพูดยิ้ม ๆ “ดิฉันชื่อกรกมลเป็นภรรยาของคุณฟอร์ดค่ะ”

“วิวาห์ครับ” วิวาห์แนะนำตัวสั้น ๆ “เคยให้สัมภาษณ์ลงในคอลัมน์อาหาร”

“ฉันเคยอ่านค่ะ ..คุ้น ๆ ด้วยว่าแต่ก่อนคุณเป็นนักร้องใช่มั้ยคะ”เธอถาม เดินนำเขาเข้าไปในห้องรับแขก

“ใช่ครับ วงForearm”

“ฉันเคยฟังเพลงของคุณค่ะ ชอบมาก ๆ เลยด้วย” กรกมลตอบด้วยท่าทางเป็นกันเอง “เชิญนั่งก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันจะโทรถามคุณฟอร์ดให้ว่าอยู่ที่ไหนแล้ว ไม่รู้ว่าลืมนัดคุณหรือเปล่า ..พักนี้เขาชอบหลง ๆ ลืม ๆ น่ะค่ะ”

“ขอบคุณครับ” วิวาห์ตอบด้วยเสียงเรียบเรื่อย “เห็นรูปแต่งงานในห้องโถง..สวยดีนะครับ”

“ภาพหลายปีแล้วค่ะ ตอนนี้แต่ละคนก็ร่วงโรยกันไปตามกาลเวลา” เธอหัวเราะเสียงแปร่ง “บางทีอาจจะจำกันไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าเคยเป็นสามีภรรยากัน”

วิวาห์นิ่ง อีกฝ่ายขยับตัว

“คุณวิวาห์แต่งงานหรือยังคะ”

“มีลูกคนนึงแล้วครับ” วิวาห์ตอบยิ้ม ๆ “ห้าขวบแล้ว”

“เหรอคะ ..ดีจังเลย ของฉันเจ็บขวบค่ะ ส่งไปเรียนที่อเมริกาตั้งแต่เด็ก ฉันเองก็บินไป ๆ มา ๆ” เธอพูด“มาช่วงนี้ที่ต้องอยู่นานหน่อย ทิ้งลูกไว้ที่นู่นกับตายายเขา ไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง พูดแล้วชักเป็นห่วง” พอเห็นสีหน้าคนฟังเธอก็ขยายความ “ฉันยังไปไหนไม่ได้น่ะค่ะ ต้องอยู่ช่วยดูแลคุณฟอร์ดเขาก่อน คุณทำงานกับคุณฟอร์ดคงพอทราบแล้วถึงอาการป่วยเรื้อรังของเขาจากอุบัติเหตุหนักเมื่อปลายปีก่อน”

วิวาห์ขมวดคิ้วอย่างฉงน เขารู้ว่าธาดาประสบอุบัติเหตุแต่ไม่รู้ว่าเขายังไม่หายดี

“พอจะทราบอยู่บ้างครับ”

“นั่นแหละค่ะ” เธอถอนหายใจ“ฉันภาวนาอยู่ทุกวันให้ความทรงจำของเขากลับมาเร็ว ๆ เสียที”

“เขาเสียความทรงจำ...ไปมากเหรอครับ” วิวาห์ตกใจมากเขารีบพูดต่อเพื่อไม่ให้อีกคนผิดสังเกต

“ค่ะ ...พูดก็พูดเถอะ” เธอดูอัดอั้นตันใจเหมือนอยากระบายมานานแล้ว “ฉันเองก็ช็อกนะคะ พอได้ข่าวว่าสามีเกิดอุบัติเหตุก็รีบบินกลับมาดู ปรากฏว่าสามีกลับจำเราไม่ได้เลย จำไม่ได้แม้กระทั่งชื่อของลูกหรือแม้แต่วันเกิดของลูก” กรกมลยกมือขึ้นซับน้ำตา “ฉันดีใจที่เขารอดชีวิตนะคะ แต่ว่า...ถ้าเขาจะจำอะไรไม่ได้แบบนี้สู้ตายจากกันไปเสียยังดีกว่า ทุกวันนี้ก็อยู่กันเหมือนคนแปลกหน้า เขาไม่สนใจว่าฉันยังอยู่ในบ้านนี้ด้วยซ้ำ”

วิวาห์อึ้งไป สำหรับเขาแล้วเขาไม่รู้สึกเลยว่าธาดาสูญเสียความทรงจำอะไรไป

“แล้ว...เขาจำอะไรไม่ได้ทั้งหมดเลยเหรอครับ”

“ใช่ค่ะ เรื่องงานในบริษัทที่สร้างมากับมือก็ยังจำไม่ได้ ใช้เวลาเป็นปีกว่าจะรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่แต่ก็ไม่ได้ดีเหมือนเดิม เขาไม่เหมือน...จะพูดว่ายังไงดี ..เขาไม่เหมือนฟอร์ดคนเดิมที่ฉันเคยรู้จักเลยค่ะ คุณรู้สึกเหมือนกันไหมคะ อุบัติเหตุในวันนั้นมันรุนแรงจริง ๆ”

“..............”

“..ขอโทษด้วยนะคะ ฉันบ่นอะไรเอาก็ไม่รู้ คุณอย่าใส่ใจเลยนะคะ คงเป็นความรู้สึกของภรรยาที่ถูกสามีทอดทิ้งล่ะมั้งคะ” เธอพูดอย่างน่าสงสาร วิวาห์ยังนึกหาคำปลอบใจมาพูดไม่ถูก เขาเองก็ตกใจกับเรื่องนี้มากเหมือนกัน แล้วถ้าฟอร์ดความจำเสื่อมไปหมดแล้วทำไมถึงกลับไปหาเขาที่บ้านได้ล่ะ ฟอร์ดก็ควรจะลืมเขาไปแล้วเช่นกันไม่ใช่เหรอ

“คุณผู้ชายกลับมาแล้วค่ะ” แม่บ้านเข้ามาบอก “กำลังจอดรถอยู่ที่โรงรถ”

“โอเค คุณวิวาห์นั่งรอในนี้ก่อนก็ได้ค่ะ ตามสบายนะคะเดี๋ยวฉันไปบอกคุณฟอร์ดให้ว่าคุณมาแล้ว”

“ขอบคุณครับ”

วิวาห์ก้มหน้าลงต่ำซ่อนแววตาครุ่นคิดของตัวเองเอาไว้กรกมลกลับออกไปจากห้องรับแขกแล้วครู่หนึ่งร่างสูงโปร่งของธาดาก็ปรากฏตัวที่หน้าห้องรับแขก สีหน้าของชายหนุ่มดูกังวลมากทีเดียว

“ว่าน ...จะมาทำไมไม่บอกกันก่อน”เขาปราดเข้ามาหาเขา ทำท่าเหมือนจะยกมือขึ้นจับต้นแขนของวิวาห์เอาไว้แต่ว่าไม่ได้ทำ “มานานหรือยัง”

“สักพักแล้วครับ” วิวาห์เงยหน้าขึ้นตอบ ดวงตากลมโตเป็นประกายแจ่มใสเหมือนปกติ “เจอคุณกรกมลพอดีก็เลยได้นั่งคุยกันระหว่างรอคุณ”

“เจอเขาแล้วเหรอ” ฟอร์ดถามเสียงห้วนขึ้น “ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอกนะ ต่างคนต่างอยู่”

“คุณฟอร์ดแต่งงานมานานแล้วเหรอครับ”

“ก็...นานแล้ว” ธาดาท่าทางอึดอัดขึ้นมา “เราไปคุยกันที่อื่นดีกว่านะว่าน”

“ทำไมล่ะครับ คุยกันที่นี่ไม่ได้เหรอ”

“ที่นี่ไม่สะดวกเท่าไหร่” ชายหนุ่มตอบ“แวะไปซื้อขนมฝากยี่หวาดีมั้ย”

“ซื้อฝากลูกของคุณเองไม่ดีกว่าเหรอครับ” วิวาห์ย้อนเสียงเรียบเรื่อย “เจ็ดขวบแล้วถ้าเรียนที่นี่ก็คงเป็นพี่ปอหนึ่ง”

ธาดาอึ้งไปครู่ใหญ่ก่อนจะถอนหายใจยาว

“เราไปคุยกันข้างนอกดีกว่า” เขาย้ำประโยคเดิม แล้วเดินนำหน้าว่านกลับออกมาจากห้องรับแขก กรกมลเดินออกมาจากห้องครัวในมือถือหม้อเอาไว้ด้วย

“อ้าว...จะไปไหนกันคะ อยู่ทานข้าวเที่ยงด้วยกันก่อนสิ”

“จะไปทานข้างนอก ไม่ต้องรอ”ธาดาพูดสั้น ๆ เดินผ่านหน้าเธอไปอย่างเฉยเมยที่สุดเท่าที่ว่านเคยเห็นจากคนเป็นสามีภรรยากัน ไม่แปลกใจเลยที่กรกมลจะหน้าเสีย น้ำตาคลอขึ้นมาอีก

“คุณทำให้ภรรยาของคุณเสียใจ ..คุณฟอร์ด” ว่านพูดขึ้นหลังจากขึ้นมานั่งบนรถแล้ว ธาดาถอยรถออกจากบ้านทั้งที่เพิ่งกลับมาถึงเมื่อกี้นี้ “กลับไปทานอาหารของเธอเถอะครับ ส่งผมข้างหน้านี้ก็ได้”

“ไม่จำเป็น” คนขับตอบกลับมา “เธอกินคนเดียวประจำอยู่แล้ว ไม่ต้องให้ฉันอยู่ด้วย”

“คุณธาดา” วิวาห์พูดขึ้น“ผมคิดว่าเราควรจะต้องคุยกันแบบเปิดอกจริง ๆ จัง ๆ กันหน่อยนะครับ”

ธาดาถอนหายใจยาว เลี้ยวรถเข้าไปในจอดในที่จอดรถของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เขาหันกลับมามองวิวาห์อย่างเคร่งเครียด

“จะคุยเรื่องอะไร ถ้าเป็นเรื่องกรกมลไม่ต้องคุยเพราะเคลียร์กันจบแล้ว กำลังยื่นฟ้องหย่าอยู่เพราะเธอไม่ยอมหย่าดี ๆ”

วิวาห์กลืนน้ำลายลงคอฝืด ๆ

“คุณไม่รักเธอแล้วเหรอครับ”

“ไม่เคยรัก” ธาดาตอบสั้น ๆ

“มันไม่โหดร้ายเกินไปหน่อยสำหรับผู้หญิงที่เป็นแม่ของลูกคุณเหรอครับ”

“จะให้ทำยังไง ก็ฉันไม่ได้รักเขา จะให้ทนอยู่ด้วยกันเหรอ สู้จบกันไปแล้วต่างคนต่างหาคนที่ถูกใจของตัวเองดีกว่า”

“นี่คือเหตุผลที่มาหาผมใช่มั้ยครับ ...หาคนที่ถูกใจใหม่” วิวาห์ถามเนิบ ๆ คนฟังชะงัก

“ว่านไม่ใช่แค่คนที่ถูกใจนะ แต่ว่า...”ธาดาท่าทางอ้ำอึ้งขึ้นมาเหมือนลังเล“ฉัน...แค่อยากดูแลว่าน ให้มากกว่านี้”

“ดูแลในฐานะอะไรครับ” วิวาห์ถามต่อ

“ว่านให้ฐานะอะไรก็ได้หมดทั้งนั้น”

“แล้วอยากได้ฐานะอะไรล่ะครับ”

“ฐานะที่จะดูแลว่านได้ตลอดชีวิต”ธาดาพูดออกมาในที่สุดเหมือนตัดสินใจได้แล้ว ชายหนุ่มเอื้อมมือไปคว้ามือของวิวาห์มากุมเอาไว้ “ว่าน...พี่....ขอแทนตัวเองว่าพี่แล้วกันนะ ว่านจะให้พี่เป็นเพื่อน เป็นพี่หรือเป็นอะไรก็ได้ แล้วแต่ว่านเลย พี่ไม่ขอมากกว่านั้น พี่ยอมตามแต่ที่ว่านต้องการ”

วิวาห์ดึงมือกลับ

“ถ้าอย่างนั้น ...ผมยอมรับคุณในฐานะอดีตเจ้านายเก่าก็แล้วกันนะครับ” วิวาห์เอื้อมมือไปเปิดประตูลงจากรถ

“ว่าน...พี่รักว่าน” ธาดาพูดชายหนุ่มรีบลงจากรถเดินอ้อมมาดักหน้าวิวาห์เอาไว้ “พี่น่าจะพูดตั้งแต่ทีแรกแล้ว แต่พี่ไม่อยากผูกมัดว่านเพราะพี่ก็ยังเคลียร์ตัวเองไม่เรียบร้อย พี่ขอโอกาสจากว่านได้มั้ย”

วิวาห์สูดลมหายใจเข้าปอด ลึก ๆ แล้วเขารู้ตัวเองดีว่ารู้สึกดีใจกับคำตอบของธาดา ทว่าอีกใจหนึ่งก็นึกถึงแววตาเสียใจของกรกมลขึ้นมาได้ ไหนจะอาการความจำเสื่อมของธาดาอีก เขาไม่ควรเข้ามาเป็นมือที่สามในตอนนี้เลย...

“ว่านไม่ต้องห่วงเรื่องกรกมล พี่จะจ่ายค่าเลี้ยงดูให้เขากับลูก เขาจะอยู่สุขสบาย แล้วก็มีโอกาสได้เจอคนใหม่ที่ดีกว่าพี่ พี่รับรองว่าจะทำเรื่องหย่าให้เสร็จ ว่านจะไม่มีปัญหาเรื่องนี้แน่นอน”

“คุณลองกลับไปคิดดูดี ๆ ก่อนดีกว่าครับ ผมทราบเรื่องอาการป่วยของคุณแล้ว ตอนนี้คุณสูญเสียความทรงจำไป ก็เลยทำให้ลืมความรู้สึกที่มีต่อภรรยาของคุณไปด้วย ผมคิดว่าถ้าคุณกลับไปรักษาตัวจนหายดี ความสัมพันธ์ระหว่างคุณและภรรยาก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมเอง”

“ว่าน ไม่ใช่เพราะพี่ความจำเสื่อมนะ แต่พี่ต้องการดูแลว่านจริง ๆ ต่อให้พี่จำทุกอย่างได้พี่ก็จะไม่เปลี่ยนใจอยู่ดี”

“ถ้าอย่างนั้น..คุณก็เคลียร์ตัวเองให้เสร็จก่อนแล้วค่อยมาคุยกันครับ” วิวาห์เลือกทางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตัวเอง

ถึงเขาจะชอบธาดามาก ...อาจจะมากรองจากตอนที่ชอบพี่อาร์มตอนนั้น แต่ว่าว่านก็ยังมีสติอยู่บ้าง ถ้าแป้งรู้เรื่องกรกมลได้ก็แปลว่าอาจจะต้องมีคนอื่นที่รู้เรื่องว่านได้เช่นกัน ว่านไม่อยากเป็นจำเลยสังคม ไม่อยากตกเป็นขี้ปากของชาวบ้าน ว่านไม่ได้รีบอยากมีสามีขนาดนั้น แล้วก็ไม่อยากเป็นคนทำให้หญิงสาวคนนั้นเสียใจด้วย

แล้วกับคนที่ปิดบังเขาเป็นปี ๆ ทั้ง ๆ ที่มีลูกเมียอยู่แล้วว่านก็อยากจะขอดูก่อนอีกสักหน่อยว่าเขาจะจริงใจกับว่านจริงหรือเปล่า ว่านในวันนี้ไม่ใช่ว่านคนเดิมที่ผลีผลามเอาแต่ใจอีกแล้ว

วิวาห์เดินออกมาเรียกรถแท็กซี่แล้วนั่งกลับบ้าน หวันยิหวาวิ่งออกมารับถึงหน้าบ้าน กุลีกุจอพาเขาเข้าไปในสวน ปากก็เล่าถึงรังนกที่ไปเจอเข้าโดยบังเอิญบนต้นไม้

“นี่ไงคะวีว่าดูสิ ...น่ารักมั้ย” เธอพูดอย่างตื่นเต้น ชี้นิ้วไปยังรังนกขนาดฝ่ามือที่มีไข่ใบเล็กจิ๋วอยู่สองใบ “มีไข่ด้วยค่ะ”

“ยี่หวาอย่ายื่นหน้าไปใกล้มากนะลูก” วิวาห์เตือน“มีขี้นกเดี๋ยวเข้าจมูกติดเชื้อ”

“ยี่หวาดูห่าง ๆ ไม่จับเลยค่ะ”

“แล้วยายเอิบอยู่ไหนแล้ว”

“อยู่ในครัวค่ะ”

วิวาห์จูงมือลูกสาวพากลับเข้าไปในบ้าน ได้ยินเสียงวิทยุดังมาจากทางห้องครัวเป็นช่องประจำที่ยายเอิบชอบฟังระหว่างทำงาน เขาเดินขึ้นไปเปลี่ยนชุดที่ห้องนอนข้างบนแล้วก็แวะเข้าไปนั่งคุยกับคุณพ่อคุณแม่อีกพักหนึ่ง หวันยิหวาชวนไปนั่งดูการ์ตูนด้วยกัน ว่านก็เลยลงมาเอาขนมขึ้นไปกินด้วย

“ทำอะไรง่วนอยู่คนเดียวน่ะยายเอิบ” เขาทักเห็นหญิงชรายืนค้อมหลังอยู่หน้าเคาท์เตอร์

“น้องว่าน” ยายเอิบหันมามอง

“เป็นอะไรหน้านิ่วคิ้วขมวด”

“ยายเอิบปวดหัวนิดหน่อยน่ะค่ะ น่าจะเป็นเพราะมัวแต่นั่งคว้านเม็ดเงาะ”

“โธ่ บอกแล้วไงล่ะว่าไม่ต้องทำหรอก เดี๋ยวว่านมาทำเอง” วิวาห์พูดยิ้ม ๆ “ปวดมากเหรอ กินยาหรือยัง”

“กินไปแล้วค่ะ พูดแล้วชักเวียนหัวเดี๋ยวยายเอิบขอไปนอนสักงีบก่อนนะคะ แล้วจะรีบมาช่วยน้องว่าน” เธอทำท่าจะอาเจียน

“ไปนอนเถอะครับ ไม่ต้องมาก็ได้” ว่านรีบบอกเข้าไปประคองหญิงสูงวัยเอาไว้ “เอ...ว่านว่าไปโรงพยาบาลดีมั้ยครับ คลื่นไส้มากเหรอ”

“เดี๋ยวนอนพักก็หายค่ะ ยายเอิบเคยเป็น...บางทีหน้ามืดก็เป็นได้ นอนก็ดีไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรอก ข้าวยากหมากแพงเสียเวลาทำมาหากิน” ยายเอิบพูดยาวจนว่านหัวเราะ

“พูดได้ขนาดนี้คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ไปนอนพักก่อนแล้วกัน”

“โรคคนแก่ก็แบบนี้แหละค่ะ”

“ยอมรับแล้วเหรอว่าแก่”

ยายเอิบหัวเราะออกมา ว่านพายายเอิบเข้าไปนอนพักในห้องแล้วก็กลับมาหยิบขนมขึ้นไปนั่งดูโทรทัศน์เป็นเพื่อนลูกสาว พอได้เวลาก็กลับลงมาทำงานต่อในครัว

อดคิดไปถึงบทสนทนากับธาดาเมื่อตอนบ่ายไม่ได้ ...สีหน้าแววตาของธาดาดูจริงใจ ของกรกมลเองก็เช่นกัน .. ว่านไม่ชอบสถานการณ์น่าอึดอัดใจแบบนี้เลย ชายหนุ่มโทรไปเล่าให้เพื่อนสนิทฟัง แป้งตบตักเสียงดังฉาด

“นั่นไง...เอามุขจะหย่ามาอ้างอีกแล้ว ละครไทยปีไหนทำไมไม่อัพเดทเอาเสียเลย มุขเก่าจังเลยนะ” เธอว่า“แล้วเรื่องความจำเสื่อมเนี่ยเป็นเรื่องจริงเหรอว่าน ฉันไม่เคยได้ยินเลย”

“เจ้ากรมข่าวอย่างแป้งยังไม่รู้ ฉันก็ยิ่งไม่รู้ใหญ่เลยล่ะ คุณกรกมลเขาเล่าให้ฟังเอง”

“ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ ฝีมือคุณแป้งพรุ่งนี้รู้เรื่องแน่ เดี๋ยวฉันไปสืบมาให้เอง ไม่ใช่ว่าอยากหย่าเมียอยู่แล้วเลยหาเรื่องความจำเสื่อมเสียเลยนะ แหม แผนสูง”

“บ้า ไม่หรอกมั้ง ใครมันจะไปลงทุงขนาดนั้น” วิวาห์หัวเราะออก นั่งคุยกับเพื่อนอีกพักใหญ่จนรู้สึกสบายใจขึ้นถึงได้ลุกไปทำกับข้าว ทำไปก็ครุ่นคิดไปด้วย เรื่องของธาดามีอะไรแปลก ๆ อยู่หลายจุด จะว่าไป...ถ้าธาดาสูญเสียความทรงจำทั้งหมดจริงก็ไม่น่าจะยังจำว่านได้หรือเปล่า หรือว่าจะเป็นแผนหย่าเมียเหมือนที่แป้งบอก

นึกถึงครั้งแรกที่ได้พบธาดาหลังจากอุบัติเหตุ ชายหนุ่มผู้นั้นมาร่วมงานแต่งงานของพี่ชายว่าน นอกจากเฝือกที่สวมอยู่ที่มือขวาแล้วว่านก็ไม่เห็นว่าธาดาจะสูญเสียความทรงจำตรงไหน...

มีอะไรที่ติดค้างอยู่ในใจ...อะไรแปลก ๆ ที่สะกิดใจว่านตั้งแต่ตอนนั้นแต่ว่าว่านไม่ทันสังเกต...ชายหนุ่มหรี่ตาลง จะว่าไปว่านก็เสียใจอยู่หรอกที่คุณฟอร์ดมีลูกมีเมียแล้วแต่ว่า....เสียงนาฬิกาบอกเวลาครบหนึ่งชั่วโมงแล้ว วิวาห์เดินไปเอาพายออกมาจากเตาอบ

อะไรนะ...ความรู้สึกนี้ คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก

“ว่านฝากจัดใส่จานหน่อยนะครับยายเอิบ” วิวาห์พูดตอนที่ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ประตูห้องครัว

“แม่เองจ้ะ ทำอะไรน่ะว่านหอมฟุ้งเชียว” มารดาของเขาเดินเข้ามาหา ช่วยจัดใส่จานให้อย่างคล่องแคล่ว “หน้าตาน่ารับประทานมาก”

“พายมะพร้าวอ่อนครับ ยี่หวาอยากกิน” วิวาห์ตอบยิ้ม ๆ “คุณแม่ไปนั่งเล่นก่อนดีกว่า ที่เหลือเดี๋ยวว่านจัดการเอง”

“แล้วยายเอิบไปไหนเสียล่ะลูก”

“เห็นแกบ่นปวดหัวก็เลยไปนอนพักครับ” มารดาพยักหน้าเนิบ ๆ

“เดี๋ยวแม่จะแวะไปดูเสียหน่อย”

วิวาห์ตัดแบ่งพายใส่กล่องแยกเอาไว้ให้ลูกค้าตามออเดอร์แล้วก็ผละไปทำเมนูอื่นต่ออย่างรวดเร็ว ใกล้เวลาที่แมสเซนเจอร์จะมารับปิ่นโตแล้ว

“ว่าน ๆ มานี่ก่อนลูก” เสียงมารดาดังออกมาจากห้องของยายเอิบที่อยู่ข้างหลัง วิวาห์ขมวดคิ้วรีบวางทัพพีในมือลงแล้วเดินตามเสียงไป “ว่านมานี่เร็ว”

“เกิดอะไรขึ้นครับคุณแม่...คุณพระช่วย!!” วิวาห์ตกใจยืนตะลึงอยู่หน้าประตูห้องนอนของยายเอิบ

ภาพร่างหญิงชรานอนอยู่บนเตียงเตี้ย ๆ กลางห้องปรากฏแก่สายตา ยายเอิบตาเหลือกค้าง ส่งเสียงครางในลำคออืออา ที่นอนเปียกชื้นได้กลิ่นเหมือนสิ่งปฏิกูลลอยอบอวล

“ยายเอิบเกร็งไปเมื่อกี้...แม่เปิดเข้ามาเห็นพอดี ไม่รู้ว่าชักหรืออะไร” แม่เขาพูดวิวาห์ได้สติ รีบเดินกลับไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด 1669ทันที ระหว่างนั้นเขาก็เข้าไปจับยายเอิบนอนตะแคงแล้วปลุกเรียก ยายเอิบดูจะไม่รู้สึกตัวเลย

“ทำยังไงดีว่าน ยายเอิบเป็นอะไรก็ไม่รู้ ตัวเปลี้ยไปหมด”

“ว่านฝากแม่ดูยี่หวาก่อนนะครับ” วิวาห์อุ้มยายเอิบออกมาข้างนอกห้อง เป็นเวลาเดียวกับที่รถพยาบาลมาจอดที่หน้าบ้านพอดี ถึงว่านจะเคยเตรียมตัวสำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉินเอาไว้แล้วแต่นั่นเป็นกรณีของยี่หวาลูกสาวไม่ใช่ยายเอิบ พอถึงเวลาจริงก็เลยตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูกไปหมด

“คุณหาบัตรประชาชนของคนไข้มาด้วยนะคะ” เจ้าหน้าที่บอกเขาแว่ว ๆ

วิวาห์เลยฝากมารดาเอาไว้แล้วตามขึ้นรถพยาบาลไปอย่างใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เห็นเจ้าหน้าที่พูดอะไรกันภาษาแพทย์ฟังไม่ได้ศัพท์ สักพักก็ไปถึงโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด

มีคนเข้ามาซักประวัติกับวิวาห์ เขาได้แต่ตอบไปเท่าที่รู้ว่าคนไข้บ่นปวดหัวมาก่อนแล้วก็เข้าไปนอน

“ก่อนหน้านี้มีอุบัติเหตุอะไรมั้ยคะ เช่นหกล้ม หัวกระแทก รถล้มลื่น...”

“ไม่...มีครับ วันก่อนผมไปเจอเขานอนอยู่ที่พื้นบอกว่าลื่นล้ม หัวโนนิดนึงแต่ไม่ได้มาโรงพยาบาล” วิวาห์พูดเร็วปรื๋อ ใจหายขึ้นมาถ้าจะเป็นเพราะเหตุการณ์นั้น

“คนแก่ลื่นล้มทำไมไม่พามาโรงพยาบาลคะ อาจจะเลือดออกในสมองก็ได้นะ”

“ผมไม่รู้ เขาไม่ยอมมา”วิวาห์พูดแล้วก็รู้สึกผิดขึ้นมาถ้าเขายืนกรานว่าจะพามาหาหมอเสียอย่างไรยายเอิบก็ต้องมา แต่ว่านี่ว่านเองก็ไม่ได้ใส่ใจยายเอิบถึงขนาดนั้น

“ญาติรอข้างนอกก่อนนะคะ คุณหมอกำลังช่วยคนไข้อยู่ค่ะ”

วิวาห์ถอยไปนั่งรออยู่เงียบ ๆ หน้าห้องฉุกเฉินที่พลุกพล่าน ชายหนุ่มยกมือขึ้นปิดปากแล้วร้องไห้ออกมา เป็นห่วงยายเอิบสุดหัวใจ ถ้ายายเอิบเป็นอะไรไปก็คงจะเป็นเพราะว่าเขาเองที่ไม่ใส่ใจยายเอิบมากพอ คิดง่าย ๆ แค่ว่ายายเอิบคงจะไม่เป็นอะไร ลืมไปเลยว่ายายเอิบไม่ได้อายุน้อย ๆ แล้ว

อาการของยายเอิบไม่ดีเลย หมอส่งแสกนคอมพิวเตอร์สมองแล้วบอกว่ามีเลือดคั่งในสมองและสมองบวม ควรจะต้องผ่าตัดเพื่อเอาเลือดออกแต่ว่ายายเอิบก็แก่มากแล้ว อาจจะมีอาการแทรกซ้อนได้

“แต่ถ้าไม่ผ่าก็อาจจะแย่เหมือนกันใช่มั้ยวิน” เขาโทรหาน้องชายที่เป็นหมอ วิรุฬถอนหายใจยาว

“ครับ ถ้าไม่ผ่า..โอกาสฟื้นน่าจะน้อยมากเพราะเนื้อสมองบวม ผมลองปรึกษาอาจารย์ศัลยกรรมประสาทดูแล้ว เขาบอกว่าถ้าไม่ผ่าก็ไม่รอด แต่ถ้าผ่าก็อาจจะห้าสิบห้าสิบ แต่จะกลับมาช่วยเหลือตัวเองได้เหมือนเดิมคงน้อย”

“พี่พยายามติดต่อญาติของยายเอิบอยู่ แต่ว่าโทรไปไม่รับเลย เห็นแม่บอกว่าเป็นพี่สาวหรือยังไงนี่ล่ะ” วิวาห์พูดอย่างกลุ้มใจ “ใจพี่น่ะอยากจะผ่า อย่างน้อยก็ยังมีความหวังว่าอาจจะรอด พี่อยากช่วยอยากเอิบให้ถึงที่สุด”

“ผมเห็นด้วยครับ ถ้าติดต่อญาติยายเอิบไม่ได้จริง ๆ พี่ว่านก็ตัดสินใจแทนไปเลย...วินยังกลับไปไม่ได้เพราะติดเวรเสาร์อาทิตย์นี้ต้องลองหาแลกเวรดูก่อน”

“โอเค เดี่ยวพี่ดูทางนี้เอง วินไม่ต้องห่วง เอาเรื่องงานของวินก่อนเถอะนะ” วิวาห์เป็นห่วง “งานหนักถ้าง่วงนอนก็ไม่ต้องขับรถมานะวิน”

“วินจะหาทางกลับไปครับ ยายเอิบเลี้ยงวินมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วนี่พี่วัตรู้เรื่องยังครับ”

“พี่บอกไปแล้วล่ะ แต่ว่าน่าจะกลับมายากเพราะบริษัทเขาไม่ให้ลา ยายเอิบก็ไม่ได้เป็นแม่แท้ ๆ ด้วย”

“พี่ว่านถ้าติดขัดตรงไหนโทรหาผมนะ ให้ผมคุยกับหมอเจ้าของไข้ก็ได้”

“ขอบใจมากนะวิน” วิวาห์หาทางติดต่อญาติของยายเอิบอยู่นานแต่ก็ติดต่อไม่ได้สักคน สุดท้ายว่านก็เลยตัดสินใจยอมให้ยายเอิบเข้ารับการผ่าตัด อย่างน้อยก็ยังมีโอกาส

ว่านคงปล่อยให้ยายเอิบจากไปแบบนี้ไม่ได้

“ขอเข้าไปดูคนไข้หน่อยได้มั้ยครับ” วิวาห์ขอร้องคุณพยาบาล เธออนุญาตให้เขาเข้าไปดูคนไข้ได้ก่อนจะเข้ารับการผ่าตัดเปิดกะโหลก

ยายเอิบนอนอยู่บนเตียง ว่านเพิ่งสังเกตเห็นความเสื่อมโทรมตามอายุของยายเอิบก็วันนี้เอง ก่อนหน้านี้เห็นหน้ากันทุกวันทำไมว่านไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อนเลยนะว่ายายเอิบอายุมากแค่ไหนแล้ว ริ้วรอยเหี่ยวย่นปรากฏอยู่ทุกตารางนิ้วเหมือนแผ่นหนังเก่า ๆ ซีดเหลือง ยายเอิบใส่ท่อช่วยหายใจเอาไว้และก็ยังไม่ได้สติเลยแม้ว่าว่านจะบีบมือเรียกเท่าไหร่

เวลาหลังจากนั้นผ่านไปอย่างทรมานในความรู้สึกของว่าน เขานั่งรออย่างกระวนกระวายอยู่หน้าห้องผ่าตัดที่ยายเอิบหายลับเข้าไปเกือบสามชั่วโมงแล้ว ว่านไม่กล้าเล่าอาการทั้งหมดให้พ่อกับแม่ฟังโดยเฉพาะแม่ที่โตมากับยายเอิบเพราะกลัวเป็นอะไรไปอีกคน เขาบอกคร่าว ๆ ว่ายายเอิบต้องผ่าตัดเท่านั้น



ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk












เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น วิวาห์หยิบขึ้นมากดรับ

“ครับ”

“ว่าน พี่เองนะ ...นั่นอยู่ที่ไหนน่ะ เสียงดังจัง”เสียงคุณฟอร์ดดังมาตามสายวิวาห์กัดริมฝีปาก

“โรงพยาบาลครับ ยายเอิบไม่สบาย”

“อ้าว เป็นอะไรไป”ธาดาอุทาน “เป็นหนักเหรอ”

“ครับ ยายเอิบล้มแล้วมีเลือดออกในสมอง ตอนนี้กำลังผ่าตัดอยู่” วิวาห์กำมือเข้าหากัน

“โรงพยาบาลอะไร เดี๋ยวพี่ไปหา”

“ไม่ต้องมาหรอกครับ” ว่านปฏิเสธทันควัน “อยู่ที่บ้านกับครอบครัวของคุณดีกว่า”

“โรงพยาบาลอะไร” ธาดาถามซ้ำ วิวาห์ไม่ยอมบอก สุดท้ายก็เลยยอมกดวางสายไป

วิวาห์นั่งรออยู่ข้างหน้าห้องนั้นจนกระทั่งมีคนออกมาตาม บอกว่าการผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ยายเอิบนอนอยู่ในห้องไอซียู

“คนไข้ตื่นไหมครับ” วิวาห์ถามออกไปเป็นประโยคแรก

“ยังไม่ตื่นค่ะ”

วิวาห์ลอบถอนหายใจ เขาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมในเวลานี้เลยได้แต่ยืนมองผ่านกระจกฝ้าเข้าไปเห็นเงาของยายเอิบนอนอยู่บนเตียงรายล้อมด้วยอุปกรณ์อะไรไม่ทราบระโยงรยางค์ คุณหมอบอกว่าการผ่าตัดเอาเลือดที่คั่งออกหมดแล้วแต่ว่ายังปิดกะโหลกกลับไปไม่ได้เนื่องจากสมองบวมมาก ต้องรอให้ดีขึ้นก่อน

“ว่าน”

เสียงเรียกชื่อเขาทำเอาวิวาห์ตกใจ หันขวับไปมองก็เจอร่างสูงใหญ่ยืนอยู่หน้าลิฟต์ คุณฟอร์ดสวมชุดลำลองก้าวยาว ๆ เข้ามาหาเขาด้วยท่าทางร้อนใจ

“หาเจอจนได้ พี่ก็เดาว่าน่าจะเป็นโรงพยาบาลนี้” ชายหนุ่มพูดอย่างโล่งอก “ยายเอิบเป็นไงบ้าง”

“ยังไม่ฟื้นเลยครับ ผ่าตัดเสร็จแล้ว” วิวาห์สะกดอารมณ์ให้ราบเรียบเหมือนเดิม

“เรียบร้อยดีมั้ย มีอะไรหรือเปล่า”

“เรียบร้อยดีครับแต่ยังไม่ตื่น”

“อยู่ข้างในนี้เหรอ เข้าไปเยี่ยมได้มั้ย”

วิวาห์ส่ายหน้า

ธาดากวาดตามองเขาทั่วตัวแล้วถามเสียงอ่อน

“ว่านกินอะไรแล้วหรือยัง นี่เกือบเที่ยงคืนแล้วนะ”

“ผมไม่หิวครับ”

“จะกลับบ้านหรือเปล่า เดี๋ยวพี่ไปส่ง” ธาดาว่า หันไปมองป้ายเวลาเข้าเยี่ยมที่แปะอยู่หน้าประตูกระจก “พรุ่งนี้เรามาเยี่ยมก็ได้ เขาให้เยี่ยมแปดโมงเช้า ว่านจะเฝ้าอยู่ตรงนี้ก็ไม่มีประโยชน์หรอก ยี่หวาก็คงคิดถึงแม่แล้วด้วย”

วิวาห์ลอบถอนหายใจ ยอมเดินตามธาดาไปด้วยกัน

ฟอร์ดขับรถพาเขาไปส่งที่บ้านแล้วก็ไม่ได้อ้อยอิ่งเหมือนเคย คงจะรู้ว่าว่านอารมณ์ไม่ปกตินัก หวันยิหวาเองก็เหมือนจะรู้ว่ายายเอิบไม่สบาย พอเห็นหน้าว่านก็รีบถามอาการยายเอิบใหญ่

“ยายเอิบจะหัวล้านเหมือนยี่หวาไหมคะ แล้วยายเอิบจะเล่นขายของกับยี่หวาอีกมั้ย”

“เที่ยงคืนแล้วทำไมยังไม่เข้านอนอีกลูก” วิวาห์ขมวดคิ้ว รุนหลังลูกสาวเดินขึ้นบันไดกลับไปบนห้อง “นอนได้แล้วนะเดี๋ยวพรุ่งนี้จะได้ไปเยี่ยมยายเอิบด้วยกันไงล่ะ”

“ไปค่ะ ยี่หวาอยากไปด้วยคน”

วันรุ่งขึ้นพวกเขายกขบวนกันไปเยี่ยมยายเอิบด้วยกันทั้งบ้าน แม่เกือบเป็นลมตอนที่เห็นสภาพของพี่เลี้ยงเก่าแก่ที่นอนอยู่บนเตียงในห้องไอซียู หวันยิหวาเองก็ยืนน้ำตาคลอจับมือยายเอิบเอาไว้แน่น

“เมื่อไหร่ยายเอิบจะฟื้นคะวีว่า”

“อีกสักพัก” วิวาห์ตอบเบา ๆ เขาหวังเอาไว้สุดใจเช่นกันว่ายายเอิบจะฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง “ยายเอิบต้องฟื้นแน่ ๆ” เขาบีบมือเหี่ยว ๆ เบา ๆ “ยี่หวามาเยี่ยมแล้วแน่ะ ยายเอิบรีบลืมตาขึ้นมาเร็ว”

“ยี่หวาคิดถึงยายเอิบจังเลยค่ะ”

“คุณหมอบอกว่าอาการของยายเอิบเป็นยังไงบ้างเหรอว่าน” มารดาของเขาถามขึ้น วิวาห์เล่าอาการทั้งหมดให้ฟังตบท้ายด้วยการรอให้ยายเอิบได้สติแล้วเนื้อสมองยุบบวมไปเอง “บุญแค่ไหนแล้วที่ยายเอิบยังไม่ตาย”

“เพราะว่านเองครับ ว่านเห็นยายเอิบล้มแต่ก็ไม่ได้สนใจพามาโรงพยาบาล กว่าจะรู้อีกทีก็เป็นหนักแล้ว” วิวาห์พูดอย่างเสียใจ “ว่านผิดเอง”

“อย่าโทษตัวเองเลยว่าน” พ่อของเขาพูดขึ้นเรียบ ๆ “เรื่องมันผ่านไปแล้ว ยังไงว่านก็ได้พายายเอิบมาโรงพยาบาลแล้วล่ะนะ ตอนนี้ก็แค่รอให้เขาฟื้นขึ้นมา คงอีกไม่นานหรอก ยายเอิบแข็งแรงจะตาย แต่ก่อนเคยเอาไม้กวาดไล่ตีพ่อด้วยสมัยที่ไปจีบแม่เขาใหม่ ๆ”

แม่เขาหัวเราะออกมาเมื่อนึกถึงความหลัง

“ตลกออกจะตาย ยายเอิบแก่กว่าแม่สองปี เราโตมาด้วยกันเหมือนพี่น้องเลยล่ะ ไม่ใช่แค่พี่เลี้ยงธรรมดาหรอกตอนที่แม่จะออกเรือนกับพ่อเขายายเอิบก็คัดค้านเต็มที่ แต่ไม่รู้ยังไงสุดท้ายเขาก็ยอมให้แม่คบกับพ่อ”

“กว่าเขาจะยอมรับผมเกือบตาย” พ่อหัวเราะบ้าง “คิดแล้วก็ตกใจ ผ่านไปเกือบห้าสิบปีแล้วเหรือเนี่ย ...ยายเอิบ รีบลุกขึ้นมาล่ะ จะได้มาบ่นกับฉันต่อ ยายเอิบไม่อยู่แล้วบ้านเงียบเหงาจริง ๆ”

“นั่นสิคะ ยัยยี่หวาไม่มีลูกคู่เลยด้วย ต้องนั่งขายของอยู่คนเดียว”

ยายเอิบก็ยังคงนอนนิ่ง ๆ อยู่แบบนั้นเกือบอาทิตย์คุณหมอบอกว่าอาจจะต้องเจาะคอเพื่อให้ออกซิเจนเพราะยายเอิบหายใจเองไม่ได้ และมีแนวโน้มจะกลายเป็นคนไข้ติดเตียงไปแล้ว วิวาห์พยายามติดต่อญาติพี่น้องของยายเอิบทว่าติดต่อไม่ได้เลยสักคน เขาเลยตั้งใจว่าจะรับยายเอิบไปดูแลที่บ้านเอง

“แกคิดดี ๆ นะว่าน ดูแลทั้งยัยยี่หวา คนป่วยติดเตียงแล้วก็คนแก่อีกสองคน จะไหวเหรอ...แกไม่ใช่ซูเปอร์แมนนะ” แป้งคัดค้านเป็นคนแรก “ฉันว่าจ้างคนดูแลดีกว่า ไม่ก็ให้นอนที่โรงพยาบาลไปก่อนรอติดต่อญาติได้”

“ฉันทำไม่ลงน่ะแป้ง ยายเอิบเลี้ยงฉันมาตั้งแต่เกิดก็เหมือนแม่ของฉันคนนึง จะทิ้งให้นอนอยู่แบบนั้นก็ทำไม่ได้หรอก ยังไงก็ต้องพากลับมาบ้าน”วิวาห์พูดตามที่คิด “ฉันคิดว่าทำไหว ไม่น่ายากหรอก”

“มันไม่เหมือนกันนะว่าน แต่ก่อนยายเอิบคล่องแคล่วคอยช่วยเหลือแกทำงานแถมดูแลยี่หวาแล้วก็พ่อแม่แกด้วย แต่ว่าตอนนี้กลับกันกลายเป็นแกต้องทำเองทั้งหมดนะ ยายเอิบเองเขาก็มีญาติของเขา เผลอ ๆ มีลูกมีเต้าหรือเปล่าก็ไม่รู้”

“ไม่มีหรอก ยายเอิบอยู่กับแม่ฉันมาตั้งแต่สมัยสาว ๆ แล้วล่ะ ไปไหนไปกันมาตั้งแต่ตอนนั้นจะว่าไปก็เหมือนญาติคนหนึ่ง แม่ฉันเองก็คงไม่ยอมหรอกถ้าจะทิ้งยายเอิบเอาไว้ที่นี่ ต้องพากลับไปด้วยแน่นอน”

“ถ้างั้นก็ตามใจ มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ ฉันจะแนะนำคนดูแลมาให้ เคยจ้างมาสมัยดูแลแม่ย่าพอจะไว้ใจได้อยู่ จะได้ช่วยแบ่งเบาภาระของแกบ้างว่าน รับภาระอยู่คนเดียวจนผอมแห้งหัวโตหมดแล้ว แล้วนี่พี่น้องแกไม่คิดจะมาช่วยกันบ้างหรือไง”

“พี่วัตกับวินเขาก็มีทางมีอาชีพของเขาน่ะ อย่าพูดแบบนั้นเลย เขาก็คอยส่งเงินมาให้ตลอด” วิวาห์ตอบแม้จะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาบ้างแล้ว ลูกสาวของเขาป่วยให้ยาเคมีบำบัดอยู่ พ่อแม่ก็กระเสาะกระแสะตามอายุ ไหนจะยายเอิบที่เคยเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักมาล้มเจ็บอีก ว่านเริ่มรู้สึกถึงน้ำหนักหนักอึ้งที่ค่อย ๆ กดลงบนบ่าของตัวเอง “แป้งไม่ต้องห่วง เอาไว้ถ้าไม่ไหวฉันก็จะขอให้พวกเขามาช่วย”

แป้งถอนหายใจ มองเขาอย่างเป็นห่วงแต่ไม่ได้พูดอะไรอีก

ยายเอิบเจาะคอแล้วเรียบร้อยแล้วก็ต้องให้อาหารทางสายยาง ว่านต้องฝึกดูดเสมหะ แล้วก็ฝึกทำอาหารเหลวเอาไว้ให้ยายเอิบ ไหนจะต้องฝึกทำแผลด้วยเพราะยายเอิบเริ่มมีแผลกดทับที่ก้นกบ

“ถ้ากลับบ้านไปก็ต้องคอยจับพลิกตะแคงตัวนะครับ ไม่อย่างนั้นแผลจะลุกลามมากขึ้น แล้วก็รักษาความสะอาด ถ้าคนไข้ถ่ายต้องรีบเช็ดเปลี่ยนให้ใหม่ สายปัสสาวะใส่คาเอาไว้ต้องหมั่นทำความสะอาด ถ้ามีตะกอนก็ต้องมาเปลี่ยนไม่อย่างนั้นจะติดเชื้อ .....” วิวาห์พยักหน้า ก้มลงจดใส่สมุดเอาไว้เป็นข้อ ๆ ไม่นึกเลยว่าการดูแลคนไข้ติดเตียงจะต้องเตรียมตัวมากมายขนาดนี้

เขาต้องแบ่งเวลามาดูแลลูกสาวแล้วก็กิจการอาหารคลีนของตัวเองอีก ผ่านไปอาทิตย์เดียวหลังจากพายายเอิบกลับบ้าน วิวาห์ก็รู้สึกว่าตัวเองเครียดขึ้นมากทีเดียว

“วีว่าคะ ใครมาน่ะลุงฟอร์ดใช่มั้ยคะ” ลูกสาวเดินวนเวียนอยู่ในครัวตั้งแต่เช้า

“ไม่ใช่หรอกค่ะ ยี่หวาขึ้นไปดูการ์ตูนข้างบนห้องไป...วีว่ากำลังทำงานอยู่นะคะ เดี๋ยวโดนชนเอาหรอก” วิวาห์ตอบมือก็หั่นหมูไปด้วย เขาเหลือออเดอร์อีกเกือบสิบจานที่ยังไม่เสร็จ “ยี่หวาออกไปข้างนอกก่อนลูก”

“เมื่อไหร่ลุงฟอร์ดจะมาคะ”

“เขาไม่มาหรอกค่ะ วีว่าไม่ให้เขามา” วิวาห์พูดอย่างเหลืออด

“ทำไมล่ะคะ” ลูกสาวเงยหน้าขึ้นถามอย่างไม่เข้าใจ

“เขาไม่ว่างค่ะ” วิวาห์เลี่ยงไป เขาเดินไปเปิดตู้เย็นออกเพื่อหยิบของเพิ่ม พอหันกลับไปมาก็เกือบชนเด็กหญิงเข้า “หวันยิหวาวีว่าให้ออกไปรอข้างนอกก่อนไงคะ”เขาพูดเสียงห้วนขึ้น เหลือบมองนาฬิกาอย่างเคร่งเครียด พอไม่มียายเอิบแล้วว่านก็ต้องทำเองเกือบหมด เด็กที่จ้างมาช่วยก็ไม่มีฝีมือพอจะแทนที่ยายเอิบได้เลย สุดท้ายว่านก็แทบจะต้องทำใหม่หมดอยู่ดี “วีว่ารีบอยู่นะคะ”

“ทำไมวีว่าต้องดุยี่หวาด้วย” ลูกสาวน้ำตาคลอขึ้นมาทันที พูดเสียงเครือ“ก็ยี่หวาเหงานี่ จะให้ยี่หวาไปเล่นที่ไหนล่ะคะ ยายเอิบก็เอาแต่นอน ไม่เห็นลุกมาซื้อของกับยี่หวาเลย เมื่อไหร่วีว่าจะมาเล่นกับยี่หวาคะ แป๊บเดียวเองนะ ๆ”

“ยี่หวาโตแล้ว เล่นคนเดียวไปก่อนเข้าใจมั้ยคะ นี่วีว่าก็ยุ่งจะตายอยู่แล้วเนี่ย” วิวาห์พูดโดยไม่หันมามอง

“วีว่าตะโกนทำไมคะ วีว่าโกรธยี่หวาเหรอคะ”

“โกรธค่ะ ยี่หวาพูดไม่รู้เรื่องแล้วนี่ วีว่าให้ออกไปข้างนอกก็ไม่ไป วีว่าแยกร่างไม่ได้หรอกนะคะ มือก็มีแค่สองมือ”

“วีว่าจะให้ยี่หวาไปเล่นข้างนอกเหรอคะ”

“ใช่ค่ะ ออกไปรอข้างนอกห้องครัวก่อน เข้าใจมั้ยเดี๋ยววีว่าเคลียร์ตรงนี้เสร็จแล้วจะไปเล่นด้วย” วิวาห์พูดเร็วปรื๋อ เสียงนาฬิกาตั้งเวลาดังขึ้น เขารีบก้าวยาว ๆ ผ่านลูกสาวไปเปิดตู้เย็นออก ไม่ทันสังเกตว่าเด็กหญิงในชุดกระโปรงตัวเก่งสีชมพูหายออกไปจากห้องครัวตั้งแต่เมื่อไหร่

เกือบสองชั่วโมงทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อยทันเวลาพอดี วิวาห์ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างหมดแรง เขาลุกขึ้นไปหยิบไอศกรีมในช่องฟรีซมาแล้วเดินออกไปหาหวันยิหวา

“ยี่หวา ..มาทานไอศกรีมกันค่ะ ยี่หวาอยู่ไหนแล้ว ไปเล่นตรงไหนนะ” เขาเดินขึ้นบันไดไปดูที่ห้องนอน ...ไม่อยู่คงจะลงไปเล่นในสวนแน่ ๆ วิวาห์เดินหาลูกสาวรอบบ้านแต่ว่าไม่เจอ

หัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้นมาด้วยความกลัว วิวาห์วิ่งกลับขึ้นไปหาลูกสาวข้างบนบ้านอีกรอบ

“ยี่หวา อยู่ที่ไหนน่ะไปแอบวีว่าเหรอ”

“อะไรน่ะว่านเสียงดังโหวกเหวกเชียว หายัยยี่หวาเหรอ”

“ครับ คุณแม่เห็นยี่หวาบ้างมั้ยครับ”

“ไม่เห็นเลย พ่อล่ะเห็นมั้ย” คนเป็นตาส่ายหน้า วิวาห์เริ่มร้อนใจ เขาลงมาที่ชั้นล่างอีกรอบก็ไม่เจอตัว สังเกตเห็นกระเป๋าลายเจ้าหญิงใบโปรดของยี่หวาหายไปด้วยพร้อมกับรองเท้าสีชมพูเข้าชุด เริ่มจะมั่นใจแล้วว่าเด็กหญิงคงจะแอบออกไปข้างนอกบ้านช่วงที่เขากำลังแพ็คอาหารส่งอยู่แน่ ๆ

วิวาห์สวมรองเท้ารีบเดินแกมวิ่งออกมาข้างนอกบ้าน ยี่หวาตัวเล็กนิดเดียวคงยังเดินไม่ถึงไหนแน่ ๆ เขาเลือกไปทางซ้ายมือก่อนเพราะจำได้ว่ามีสนามเด็กเล่นอยู่ ไม่แน่ว่ายี่หวาอาจจะไปที่นั่นก็ได้

ชายหนุ่มร้อนใจเหมือนมีไฟลน เดินตามหาจนถึงสนามเด็กเล่นก็ไม่เห็นเงาของหวันยิหวาเลย ความกลัวที่อยู่ลึกที่สุดในใจเริ่มผุดพรายเหมือนฟองน้ำเดือด วิวาห์เดินย้อนกลับมาอีกทาง เขามองไซต์งานก่อนสร้างอย่างไม่สบายใจเลย มีคนงานกำลังก่ออิฐเทปูนอยู่ด้วย ถ้ายี่หวาเดินผ่านมาทางนี้ก็คงจะไม่ปลอดภัยแน่ ๆ

มองสำรวจรอบ ๆ อย่างกระวนกระวาย วิวาห์เดินตัดอ้อมไปอีกทางหนึ่ง ตะโกนเรียกลูกสาวจนเสียงแหบเสียงแห้งแล้วก็ทรุดตัวลงนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ตรงฟุตบาท

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ธาดาโทรมา...วิวาห์กดตัดสายทิ้ง

อีกฝ่ายโทรกลับมาอีก วิวาห์รับสาย

“อะไรอีกครับ ผมไม่ว่าง..”

“ยี่หวาอยู่กับพี่” เสียงธาดาแทรกขึ้นมาก่อนที่เขาจะพูดจบ “เจอยี่หวาเดินอยู่คนเดียวริมถนน พี่เลยรับขึ้นรถมา ร้องไห้ใหญ่เลยบอกว่าวีว่าไม่รักแล้ว พี่พาไปกินขนมสงบสติอารมณ์อยู่เลยโทรมาบอกว่านก่อน”

“แล้วทำไมถึงเพิ่งโทรมาบอก จะให้ว่านร้อนใจตายก่อนหรือไง” วิวาห์กรอกเสียงลงไปอย่างโมโห “พี่ควรจะโทรมาบอกว่านตั้งแต่เจอยี่หวาแล้วสิ”

“ขอโทษที ตอนนั้นพี่ก็ตกใจ” ธาดาตอบกลับมาเรียบ ๆ วิวาห์ถึงรู้สึกตัว พูดต่อด้วยเสียงอ่อนลง

“แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหนครับ เดี๋ยวว่านไปหา”

“ไม่เป็นไร พี่กำลังจะพาลูกกลับแล้ว ว่านรอที่บ้านก็ได้ ฟ้าชักครึ้ม ๆ เหมือนฝนจะตก ว่านรีบกลับบ้านนะอย่าตากฝน” อีกฝ่ายกำชับมา วิวาห์ได้ยินเสียงลูกสาวพูดอะไรแจ้ว ๆ อยู่ปลายสายก็ค่อยโล่งอกขึ้น รีบบอกให้ธาดาพายี่หวากลับมาที่บ้าน

วิวาห์เดินลากขากลับไปที่บ้าน เขาแวะเข้าไปบอกพ่อแม่ว่าเจอลูกแล้ว แล้วก็กลับลงมาดูยายเอิบในห้อง เสียงเสมหะครืดคราดทำให้ว่านต้องรีบดูดเสมหะให้ก่อนจะไปเปิดแพมเพิร์สออกดู ยายเอิบถ่ายออกมาอีกแล้ว

เขาจัดการทำความสะอาดให้จนเสร็จในเวลารวดเร็ว แล้วก็กลับมานั่งถอนหายใจอยู่ข้าง ๆ ตัวคนป่วย ร่างกายที่เคยอ้วนท้วนของยายเอิบผอมซุบลงในช่วงสั้น ๆ แม้ว่าว่านจะพยายามให้อาหารเต็มที่แล้วก็ตามมือของยายเอิบเหี่ยวแห้งเหมือนกิ่งไม้ว่านบีบมือยายเอิบแรง ๆ

“วันนี้คุณหนูคนดีของยายเอิบงอนว่าน แถมหนีออกจากบ้านอีกต่างหาก” วิวาห์พูดเบา ๆ “เดี๋ยวนี้เอาใหญ่แล้ว ไม่รู้ไปเอาไม้นี้มาจากไหน ว่านไม่เคยทำสักหน่อย...ยายเอิบห้ามโทษว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นนะ” คนพูดย่นจมูก“โอเค ว่านอาจจะเคยหนีออกจากบ้าน...ก็ได้ยอมรับ” เขาเองก็เคยหนีไปอยู่กับพี่อาร์มนี่นะ...

มือที่จับอยู่คล้ายขยับนิดหนึ่ง วิวาห์ขมวดคิ้ว

“ยายเอิบ...รู้สึกตัวหรือ” เขาผุดลุกขึ้นยืน มือของยายเอิบข้างนั้นขยับได้ เหมือนจะพยายามบีบมือเขาตอบ วิวาห์เบิกตากว้าง จับตัวยายเอิบเอาไว้แน่น “ยายเอิบลืมตาสิ ได้ยินเสียงว่านใช่มั้ย”

เปลือกตาที่แฉะด้วยคราบน้ำตาค่อย ๆ เปิดขึ้นทีละน้อย วิวาห์เกือบอุทานออกมาตอนที่สบตายายเอิบเป็นครั้งแรกหลังจากที่นอนป่วยอยู่นาน

“ยายเอิบฟื้นแล้วเหรอ ยายเอิบตื่นจริง ๆ ด้วย เห็นว่านมั้ย”

ยายเอิบพยักหน้ารับ น้ำตาไหลเป็นทาง วิวาห์เองก็น้ำตาไหลพราก รีบกระวีกระวาดปรับเตียงให้สูงขึ้นแล้วจับยายเอิบนั่งเอน ๆ ยายเอิบบีบมือว่านอย่างอ่อนแรง มองตามว่านได้ตลอดเวลา

“อะไรเหรอ ยายเอิบจะเอาอะไร”ว่านพยายามอ่านริมฝีปากของยายเอิบเพราะยายเอิบพูดไม่ได้แล้วเนื่องจากเจาะคอ “แม่...คุณแม่ใช่มั้ย”

คนป่วยพยักหน้านิดหนึ่ง

“รอแป๊บนะครับ ว่านจะไปตามคุณแม่มาให้” วิวาห์รีบผละออกมาจากห้อง ตะโกนเรียกมารดาเสียงดังลั่นด้วยความดีใจ แม่เองก็ดีใจไม่แพ้กันเมื่อเห็นพี่เลี้ยงเก่าแก่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง พยายามจะพูดคุยสื่อสารกันจนได้แม้ยายเอิบจะพูดไม่ได้ก็ตาม

เสียงรถมาจอดหน้าบ้าน วิวาห์ออกไปหาเจอธาดาจูงมือหวันยิหวาลงมาจากรถพอดีเด็กหญิงพอเห็นหน้าเขาเข้าก็เบะปากน้ำตาร่วง

“ยี่หวา...ไปไหนมาคะ วีว่าให้ไปเล่นข้างนอกครัวแต่ไม่ใช่ข้างนอกบ้านเสียหน่อย” วิวาห์ย่อตัวลงตรงหน้าลูก พูดเสียงอ่อนกว่าที่ตั้งใจเอาไว้ “ยี่หวาหายออกจากบ้านไป วีว่าเป็นห่วงแทบแย่เลยนะคะ ออกไปตามหาจนทั่วก็ไม่เจอ นึกว่าจะต้องแจ้งตำรวจเสียแล้ว”

“ก็...ก็วีว่าไม่รักยี่หวาแล้ว”

“ใครบอกว่าไม่รักคะ” วิวาห์ถอนหายใจ ดึงตัวลูกเข้ามากอด “ที่วีว่าทำทุกอย่างนี่ก็ไม่ใช่เป็นเพราะยี่หวาเหรอคะ วีว่ารักยี่หวายิ่งกว่าใคร ยี่หวาเสียอีกที่ไม่รักวีว่า คิดจะหนีไปจากวีว่า”

“เปล่านะคะ ยี่หวารักวีว่า” เด็กหญิงพูดเสียงเครือ

“จริงเหรอคะ ถ้ายี่หวารักวีว่าจริง ๆ จะหนีไปแบบนี้เหรอคะ วีว่าทำงานหาเงินมารักษายี่หวาแต่ยี่หวากลับไม่ช่วยวีว่าเลย วีว่าเสียใจมาก ๆ ยี่หวาไม่รักวีว่า” วิวาห์พูดแล้วก็ขอบตาร้อนผ่าว ตอนแรกว่าจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ สุดท้ายก็ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเงียบ ๆ หวันยิหวาเห็นน้ำตามารดาแล้วก็ยิ่งใจเสีย ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้แม่เป็นพัลวัน

“วีว่าอย่าร้องไห้ ยี่หวาไม่ได้ตั้งใจค่ะ ยี่หวาสัญญาว่าจะไม่ทำอีกค่ะ จะไม่ไปไหนคนเดียวแล้ว”

“ถ้ายี่หวาเป็นอะไรไปวีว่าจะอยู่ยังไงคะ” วิวาห์พูด“เกิดมีโจรจับตัวยี่หวาไปล่ะจับไปเป็นขอทาน หรือแก๊งลักเด็กเหมือนในข่าว วีว่าจะไปตามหายี่หวาที่ไหนล่ะทีนี้ ไม่ต้องปล่อยให้ถูกตัดแขนตัดขานั่งขอทานบนสะพานลอยเหรอ”

คนฟังตัวสั่น

“ยี่หวาไม่เอาแล้วค่ะ ยี่หวาขอโทษค่ะ ไม่ทำแล้ว”

วิวาห์ลอบถอนหายใจ กอดลูกสาวแน่น ๆ เรียกขวัญกำลังใจที่หายไปกลับคืนมาแล้วก็พาลูกไปเปลี่ยนชุดข้างบนห้อง ธาดาเล่าให้เขาฟังว่าเจอยี่หวาเดินอยู่คนเดียวพร้อมกับร้องไห้ไปด้วย บ่นน้อยอกน้อยใจวีว่าใหญ่โตที่วีว่าไม่มีเวลาให้แถมยังไล่ยี่หวาออกมาเองด้วย ยี่หวาก็เลยเสียใจมาก

วิวาห์เองก็รู้สึกผิดเหมือนกันที่พูดเสียงแข็งใส่ลูกสาวไป เขาขอโทษลูกสาวขอให้ยี่หวายกโทษให้แล้วก็อธิบายความจำเป็นที่ต้องทำงานให้เสร็จก่อน ปรับความเข้าใจกันอีกพักหนึ่งวิวาห์ก็นึกขึ้นมาได้ว่ามีอีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน

“ยายเอิบตื่นแล้วนะยี่หวา ไปเยี่ยมยายเอิบกันไหมคะ”

“จริงเหรอคะ ไปค่ะ”ยี่หวาตื่นเต้นมาก

ยายเอิบเองก็ดีใจที่เห็นหน้าคุณหนูของเธอ น้ำตาไหลซึมออกมาเป็นทาง วิวาห์ยืนมองยี่หวาเข้าไปพูดจาชวนยายเอิบคุยแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เห็นทีหลังจากนี้ยายเอิบคงจะอาการดีวันดีคืนเป็นแน่ กำลังใจดีขนาดนี้แล้ว

“ยายเอิบรีบลุกขึ้นมาเร็ว ๆ นะ จะได้พายี่หวาไปเที่ยวกัน” วิวาห์พูด

อาหารเย็นมื้อนั้นเป็นไปอย่างชื่นมื่น ธาดาเข้าร่วมด้วยอย่างไม่ขัดเขิน ชายหนุ่มวางตัวเป็นกึ่งแขกกึ่งญาติคนสนิทของครอบครัวได้อย่างแนบเนียนจนว่านเองก็ไม่รู้จะเอ่ยปากไล่ยังไง ว่านยังไม่ได้เล่าให้พ่อกับแม่ฟังเรื่องที่ชายหนุ่มมีลูกเมียแล้ว กลัวว่าจะยิ่งเครียดกันไปใหญ่

“เห็นยายเอิบฟื้นแล้วดีจังเลยนะว่าน พี่ยังคิดอยู่ว่าอาการแกจะดีขึ้นบ้างมั้ย” ธาดาพูดเนิบ ๆ ตอนที่อยู่ในห้องครัวด้วยกันสองคน ชายหนุ่มช่วยวิวาห์ล้างจานแบบไม่เกี่ยงงอน “ว่านคงสบายใจขึ้นแล้ว”

“เห็นยายเอิบดีขึ้นผมก็ดีใจครับ” วิวาห์ตอบสั้น ๆ รับจานมาเช็ดจนแห้ง “เสร็จแล้วคุณฟอร์ดก็รีบกลับได้เลยนะครับ เดี๋ยวที่เหลือว่านเคลียร์ต่อเอง พอดีจะเตรียมมื้อต่อไปเอาไว้ด้วย”

“ว่านยังไม่หายโกรธพี่อีกเหรอ”

“ผมไม่ได้โกรธหรอกครับ” วิวาห์ตอบ“แค่ไม่อยากให้คุณฟอร์ดสับสนในช่วงที่กำลังสูญเสียความทรงจำอยู่ ถ้าคุณได้ความทรงจำคืนกลับมาแล้วมันก็จะลำบากใจกันเปล่า ๆ เพราะคนที่คุณรักจริง ๆ ไม่ใช่ผมแต่คือภรรยาของคุณ เชื่อผมเถอะครับ กลับไปรื้อฟื้นความทรงจำกับภรรยาของคุณดีกว่า”

“ถ้าพี่จะบอกว่าพี่ไม่เคยรักคนอื่น...นอกจากว่านล่ะ” ธาดาพูดช้า ๆ สบตาวิวาห์อย่างจริงจัง “ไม่ว่าจะตอนนี้ ในอดีตหรืออนาคต ถ้าพี่สัญญาว่าจะมีว่านคนเดียว คนเดียวที่พี่ต้องการ”

“ผมพูดไปหมดแล้วครับ ผมไม่ชอบพูดซ้ำ” วิวาห์ว่า “อย่างไรก็ตาม ...ขอบคุณนะครับที่ช่วยพายี่หวากลับมา ผมร้อนใจมาก ๆ ตอนที่คุณโทรมา”

“เป็นหน้าที่ของพี่อยู่แล้ว” ธาดาตอบสั้น ๆ “ขอพี่ขึ้นไปลายี่หวาก่อนได้ไหม ตอนแรกสัญญากับยี่หวาเอาไว้ด้วยว่าจะเล่านิทานให้ฟังคืนนี้”

“เอาสิครับ” วิวาห์อนุญาตร่างสูงใหญ่เดินลับขึ้นบันไดไปชั้นสองของบ้านอย่างคุ้นเคย

เขาเดินตามหลังไปแต่ได้ยินเสียงไอมาจากห้องของยายเอิบเสียก่อนเลยแวะเข้าไปช่วยดูดเสมหะให้ ยายเอิบลืมตามองเขา ท่าทางเหมือนอยากบอกอะไร

“มีอะไรหรือเปล่าครับ ปวดท้องเหรอ”

ยายเอิบส่ายหน้า ขมวดคิ้วเข้าหากัน

“ปวดตรงไหนครับ หรือว่าจะให้ปรับเตียงลง” วิวาห์มองซ้ายมองขวา ยายเอิบกระดิกนิ้วเรียกเขาก็เลยจับมือยายเอิบเอาไว้ “มีอะไรครับค่อย ๆ พูดก็ได้เดี๋ยวว่านอ่านปากเอา...ยาดม...ไม่ใช่เหรอ ...ยาทา..อ๋อ หมายถึงยานวดใช่มั้ย เดี๋ยวว่านไปเอามาให้” วิวาห์จะลุกจากที่นั่งแต่ว่าอีกฝ่ายส่ายหน้า

“.............”

“ไม่ใช่เหรอ เอาทีละคำก็ได้ ...ยา ..ไม่เหรอ ...มา ...ตา?เจ็บตาเหรอครับ” วิวาห์ใช้ทิชชูช่วยเช็ดคราบน้ำตาออกให้อย่างเบามือ “ตาแดงนิดหน่อย ...นา...อา? อา..เหรอครับ”

ยายเอิบพยักหน้านิดหนึ่ง

“อ๋อ อาหารใช่มั้ยล่ะ” วิวาห์ร้องอ๋อ“ยายเอิบนี่หายใจเข้าออกเป็นอาหารจริง ๆ ยายเอิบเป็นห่วงเรื่องอาหารของว่านใช่มั้ย สบายใจได้ว่านทำคนเดียวสบายมาก ออเดอร์ก็เยอะเหมือนเดิม อีกหน่อยว่านจะเป็นเศรษฐีแล้วนะ” เขาชวนคุยไปเรื่อยเปื่อย ยายเอิบกระดิกนิ้วตอบ หน้านิ่วเหมือนกำลังเจ็บปวด “ยายเอิบเป็นอะไรกันแน่ หรือว่าเป็นไข้.. ว่านหาปรอทก่อนนะ”

“..............”

“อา...อาหาร? ไม่ใช่อาหาร...แล้วอะไรล่ะ ...วัน ..ฝัน...อัน...หัน...หันข้างเหรอ ไม่ใช่มันเหรอ...มันอะไร”วิวาห์ทวนคำอย่างงุนงงยายเอิบเองก็ดูเหน็ดเหนื่อย “เอาล่ะ ไม่เป็นไรเอาไว้ค่อยบอกใหม่นะครับดูซิเริ่มเหนื่อยแล้วเดี๋ยวว่านดูดเสมหะให้ก่อนแล้วจะได้แวะขึ้นไปดูยี่หวา”

เขาดูดเสมหะยายเอิบเสร็จยายเอิบก็หลับไปแล้ว ชายหนุ่มเลยเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของบ้าน ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของลูกสาวดังออกมาแว่ว ๆ ผสมกับเสียงห้าว ๆ ของผู้ชายคนนั้น

“....ใกล้จะเช้าแล้ว นางเงือกพูดกับโจรสลัด เธอไม่อยากให้ถึงเวลานั้นเลย จะมีทางไหนไหมที่จะยืดเวลาออกไปอีกได้...”

“ยี่หวารู้ตอนจบของนิทานเรื่องนี้ค่ะ ลุงกระต่ายเคยเล่าให้ยี่หวาฟัง”

“ยี่หวาจำได้ด้วยเหรอคะ ...ไหนบอกลุงซิว่ามันจบยังไง” เสียงธาดาตอบกลับมา

“นางเงือกแห้งตายอยู่บนชายหาดค่ะ กลายเป็นรูปปั้นนางเงือกที่มีคนเป่าขลุ่ยกับนางยักษ์ด้วย..” เด็กหญิงพูดเจื้อยแจ้ว เสียงหัวเราะห้าว ๆ ดังขึ้น

วิวาห์ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ใจเต้นแรงด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก ความเย็นเยือกแล่นผ่านตั้งแต่ศีรษะลงไปตามแนวกระดูกสันหลังจนถึงปลายเท้าแล้วเปลี่ยนเป็นร้อนรุ่มทั้งตัว

..............................................................................

มาต่อกันนะคะ

ใครรอเรื่องนี้อยู่บ้าง อิอิ

เจอกันตอนหน้านะคะ

#วิวาห์อามันต์

ออฟไลน์ Nuch_Chii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ยังไม่กล้าอ่าน
ขอปักไว้ก่อนนะคะ :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai1:




อาร์มมมมมมมมมมมม !!!

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
อาร์ม เข้าร่าง ธาดา ได้ไง

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
อะ จนได้สิน้าาาาา

หาร่างจนได้

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :hao4: :hao4: พี่อาร์มกลับมาหรอ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
โอ๊ยยย มายก๊อดด

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
หรือว่าพี่อาร์ม???????
ก่อนที่วีว่าจะรู้ว่าอาร์มเป็นมะเร็งก็มีคนบอกว่าอาร์มอาการสาหัสจากอุบัติเหตุไม่ใช่เหรอ
แต่จัดงานศพพี่อาร์ไปแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมวิญญาณยังอยู่  :ling2:

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
อามันแน่เลยยที่ยายเอิบจะบอก!!!

ว่าแล้วๆม้นต้องมีอะไรเกิดขึ้นอีก :ling3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
อาร์มแน่ๆถึงว่ามันแปลกๆ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
อาร์ม ต้องใช่อาร์มแน่ ต้องเป็นอาร์มแน่ ๆ ธาดาอาจตายเพราะอุบัติเหตุครั้งนั้นแล้วประจวบเหมาะที่อาร์มตายก็เลยได้เข้าร่างแน่ ๆ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
อาร์มได้โอกาสจากที่ฟอร์ดเกิดอุบัติเหตุเลยได้เข้ามาสิงในร้างนี้แทนสินะ

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
วิญญาณอาร์มมาเข้าร่างฟอร์ดเหรอ

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
วิวาห์อามันต์

ตอนที่13











“พี่กลับก่อนนะว่าน มีอะไรก็โทรมาได้เสมอ” ธาดาย่อตัวลงสวมรองเท้าที่พื้นวิวาห์ยืนนิ่งอยู่อึดใจหนึ่งก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติ

“พรุ่งนี้คุณฟอร์ดว่างไหมครับ”

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วยิ้มออกมา

“ว่าง”

“ช่วงนี้ว่านเหนื่อย ๆ ไหน ๆ ยายเอิบก็ฟื้นแล้วก็เลยอยากจะพักผ่อนบ้าง...” วิวาห์พูด เกิดความลังเลขึ้นมาเล็กน้อย ทว่าอีกฝ่ายยิ้มกว้างกว่าเดิมลุกขึ้นยืนมองหน้าว่าน

“ได้สิ ว่านอยากทำอะไร”

“...ดูหนัง..ดีไหมครับ”

“ใจตรงกัน” ธาดาพูดเสียงอ่อน “เดี๋ยวพี่มารับนะ..กี่โมงดี”

“บ่าย ๆ ก็ได้ครับ ว่านจะได้จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อน”คนพูดรู้อยู่แก่ใจคนเดียวว่าที่ต้องจัดการนั้นหมายถึงอะไรบ้าง ธาดาลากลับไปแล้ว วิวาห์มองตามหลังรถคันนั้นจนลับตาครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งรับรู้มาเมื่อครู่นี้

...นิทานนางเงือกกับโจรสลัดนั่น

ชายหนุ่มเดินกลับเข้าไปในบ้าน เขาตรงขึ้นบันไดไปหาลูกสาวที่กำลังนั่งเล่นตุ๊กตาอยู่คนเดียว วิวาห์เดินเข้าไปจับมือยี่หวาเอาไว้

“เล่นอะไรอยู่คะ”

“วีว่ามาเล่นกับยี่หวาเร็วค่ะ ถือน้องเอาไว้แบบนี้นะคะ ยี่หวาจะช่วยทำผมให้น้องใหม่” เธอส่งตุ๊กตาให้เขาช่วยจับ วิวาห์“ลุงฟอร์ดกลับไปแล้วเสียดายจังค่ะยังฟังนิทานเรื่องใหม่ไม่จบเลย”

“เรื่องนางเงือกน่ะเหรอ”

“เรื่องนั้นฟังจบแล้วค่ะ คุณลุงกระต่ายก็เคยเล่าให้ฟัง”

“แล้วคุณลุงกระต่ายเขาได้มาหายี่หวาอีกไหมคะ” วิวาห์ถามอย่างระมัดระวัง เด็กหญิงส่ายหน้า

“ไม่เลยค่ะ คุณลุงกระต่ายหายไปเลย ผิดสัญญากับยี่หวา คนโกหกเป็นคนไม่ดีเลยนะคะ คุณลุงกระต่ายเป็นคนไม่ดี” หวันยิหวาพูดหางเสียงงอนนิด ๆ ที่คุณลุงคนโปรดในตอนนั้นหายตัวไปไม่มาหาเธออีกเลย “ยี่หวาไม่รักคุณลุงกระต่ายแล้ว”

“แล้วคุณลุงฟอร์ดเป็นไงบ้างคะ” วิวาห์จับตุ๊กตาเอาไว้แน่น ลูกสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วอมยิ้มอย่างแก่แดด

“ยายเอิบเคยบอกว่าเขาจะมาเป็นพ่อของยี่หวา...จริงหรือเปล่าคะ”

“ยายเอิบพูดเมื่อไหร่” วิวาห์ขมวดคิ้ว หวันยิหวาทำหน้าคิดอยู่พักหนึ่งก็ส่ายหน้า

“จำไม่ได้ค่ะ นานแล้ว”

“ยี่หวาลืมที่ยายเอิบพูดไปเสียให้หมดนะคะ ลุงฟอร์ดไม่มีวันเข้ามาเป็นพ่อของยี่หวาได้หรอกค่ะ” วิวาห์พูดเสียงเข้มกว่าปกติ “เขาไม่ใช่คนดีขนาดที่จะเป็นพ่อใครได้”

“ลุงฟอร์ดไม่ใช่คนดีเหรอคะ” คนฟังไม่เข้าใจ “ทำไมล่ะคะลุงฟอร์ดใจดีออก เล่านิทานก็เก่ง ร้องเพลงก็เพราะมากด้วยค่ะ แถมยังทำอาหารอร่อย ตามใจยี่หวาด้วย...ยี่หวาชอบลุงฟอร์ดมาก ๆ เลยค่ะ ลุงฟอร์ดเป็นคนไม่ดีเหรอคะ” พูดจบแล้วเด็กหญิงก็น้ำตาคลอ ท่าทางเสียใจกับคำที่มารดาบอกเล่า “ทำไมล่ะคะ”

“เขา...เขาจะมาหลอกเราค่ะ” วิวาห์เม้มปากคิดหาคำพูดที่เด็กวัยสี่ขวบจะเข้าใจง่ายที่สุด “เขาเป็นโจรเป็นตัวร้ายที่ชอบปลอมตัวเป็นคนดีมาหรอกเราเหมือนในการ์ตูนไงคะ”

“อ๋อ” ยี่หวาพยักหน้า “ยี่หวาเข้าใจค่ะ”

ว่านโล่งอก

“ถ้าเข้าใจแล้ว หลังจากนี้ถ้าลุงฟอร์ดมาหาอีกล่ะก็ ยี่หวาห้ามเข้าใกล้เขาอีกนะคะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเขาหลอกเอาไปทำอะไรไม่ดีแน่ ๆ เลย ยี่หวาเชื่อวีว่านะคะ เรื่องนี้วีว่าขอจริง ๆ วีว่าก็จะไม่ให้เขาเข้าบ้านเราแล้วล่ะ”

“ตกลงค่ะ ...ลุงฟอร์ดใจดีออกนะคะ” เด็กหญิงอดพูดพึมพำอย่างเสียดายไม่ได้หลังจากนี้ก็จะไม่มีคนมาคอยตามใจนอกเหนือจากมารดาแล้วล่ะสิ แล้วใครจะซื้อไอศกรีมถังให้ยี่หวาอีกล่ะ แค่คิดก็น้ำตาจะไหลแล้ว วีว่าคงไม่ยอมให้ยี่หวากินขนมอีกแน่เลย....

วิวาห์คุยกับลูกรู้เรื่องแล้วก็ลงมาที่ห้องของยายเอิบยายเอิบนอนหลับอยู่ว่านเลยไม่ได้ปลุกเธอขึ้นมา เขาเตรียมอาหารเหลวเอาไว้ให้ยายเอิบตามปกติ มาเอะใจตรงที่ยายเอิบมีอาหารเหลือค้างในท้องเยอะมาก ดูเหมือนว่าอาหารมื้อที่แล้วที่เขาให้ไปนั้นจะยังไม่ถูกย่อยเลย

“ท้องรับอาหารไม่ไหวเหรอเนี่ย ทุกวันก็กินหมดนี่นา” วิวาห์ขมวดคิ้วเขย่าตัวปลุกยายเอิบ...ผิวเนื้อแห้งเหี่ยวร้อนผ่าวเหมือนผิงไฟอยู่จนวิวาห์สะดุ้ง เขารีบผละไปหาปรอทมาวัดไข้ให้ปรากฏว่าอุณหภูมิเกือบสี่สิบองศาเซลเซียสทีเดียว ยายเอิบมีไข้จริง ๆ ด้วย

ชายหนุ่มหายาลดไข้ให้ยายเอิบแล้วก็จัดการเช็ดตัวผ่านไปเกือบชั่วโมงอาการไข้ของยายเอิบก็ไม่ดีขึ้นเลย หญิงชราเริ่มตัวสั่นสะท้านเป็นระยะ นอนครางฮือออกมาจากลำคอ เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น ว่านเลยตัดสินใจโทรเรียกรถพยาบาลมารับไปโรงพยาบาล เขาฝากยี่หวาเอาไว้กับตายายก่อนจะไปโรงพยาบาลกับยายเอิบ

หมอบอกว่ายายเอิบติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะรุนแรง มีความดันตกด้วย รวม ๆ แล้วอาการไม่ดีเท่าไหร่ ขอให้ญาติทำใจเอาไว้ว่าอาจจะไม่ไหว วิวาห์น้ำตาไหลเป็นทาง เขาพยายามดูแลยายเอิบอย่างดีมาตลอดจนถึงวันที่ยายเอิบลืมตาฟื้นขึ้นมาพูดได้ ทำไมจู่ ๆ ถึงได้ทรุดลงไปอีก ว่านไม่เข้าใจเลย

“ยายเอิบ” วิวาห์กุมมือเหี่ยว ๆ เอาไว้แน่น “ต้องหายนะเมื่อกลางวันยังตื่นดีอยู่เลยทำไมถึงเป็นแบบนี้ ยายเอิบอย่าแกล้งกันสิ รีบ ๆ ลืมตาขึ้นมาเร็ว”

อาการของยายเอิบทรุดลงหนักมากในคืนนั้นจนว่านนึกว่ายายเอิบจะไม่รอดเสียแล้วหมอบอกว่าหัวใจของยายเอิบหยุดเต้นแต่ว่าช่วยปั้มหัวใจกลับขึ้นมาได้ใหม่ อาการยังเป็นตายเท่ากัน ว่านไม่รู้จะเล่าให้พ่อกับแม่ฟังยังไง ว่านกลัวคนแก่ที่บ้านจะทรุดตามไปด้วย เขาเลยเก็บเรื่องนี้เอาไว้ก่อน บอกแค่ว่ายายเอิบไม่สบายเท่านั้น

“อยู่หน้าบ้านนะว่าน เสร็จหรือยัง”ธาดาโทรมาหาว่านตอนเที่ยง ว่านลืมเรื่องนัดของตนไปเสียสนิทรวมถึงเรื่องที่ว่านสงสัยในตัวธาดา เพิ่งมานึกได้ตอนนี้เอง “นั่นอยู่ที่ไหนน่ะ ทำไมเสียงดังจัง ออกไปข้างนอกเหรอ”

“ว่านพายายเอิบมาโรงพยาบาลครับ” วิวาห์ตอบตามตรง เขากลัวธาดาจะแวะไปที่บ้านแล้วเจอยี่หวาเข้า ถึงจะยังไม่มั่นใจว่าธาดาเกี่ยวข้องอะไรกับพี่อาร์มหรือเปล่าแต่ว่าว่านก็อยากจะป้องกันเอาไว้ก่อน

“ยายเอิบเป็นอะไร”

“เป็นไข้ครับ เดี๋ยวไว้มาคุยต่อที่โรงพยาบาลดีกว่า” วิวาห์ตอบกลับไป เขานั่งอยู่ในห้องพักของยายเอิบคนเดียวด้วยความรู้สึกกระวนกระวายใจธาดาหรือว่า...ใคร...ก็ตามนั้นกำลังจะมาที่นี่แล้ว เขาควรทำอย่างไรดี ..ควรจะถามความจริงออกไปเลยดีไหม หรือว่าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ธาดามาถึงโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว วิวาห์วางหน้าเรียบเฉยไม่กระโตกกระตากแม้ว่าจะลอบจับสังเกตพิรุธของอีกฝ่ายทุกฝีก้าวก็ตามธาดาเองก็ตรงเข้าไปดูยายเอิบที่นอนหลับอยู่บนเตียง

“ไม่ตื่นเลยครับ ไข้ก็ไม่ลดด้วย” วิวาห์พูดเนิบ ๆ จับข้อเท้ายายเอิบเอาไว้ “หมอบอกว่าตอนนี้ใช้ยาที่ดีที่สุดในโรงพยาบาลแล้วถ้ายายเอิบไม่ไหวก็คง...”

“อย่าเพิ่งหมดหวังเลยว่าน ยายเอิบเป็นคนแข็งแรง แค่นี้ไม่เป็นไรแน่” คนพูดจับมือยายเอิบเอาไว้ ว่านรู้สึกเหมือนว่ายายเอิบขยับแต่พอมองอีกครั้งน่าจะตาฝาดไปเอง เขาถอยออกมานั่งที่เดิม จับตามองธาดาอย่างระแวง

...เหตุการณ์นี้มันคุ้น ๆ อย่างไรชอบกลว่านยังจำได้ว่าเมื่อปีก่อนว่านเองก็ป่วยหนักไม่รู้สึกตัวแบบนี้เหมือนกันป่วยจนเกือบตายเพราะมีคนต้องการพลังวิญญาณของว่านเพื่อประโยชน์ของตัวเอง...

วิวาห์มองหน้าธาดาแล้วเบิกตากว้าง ลุกพรวดจากเก้าอี้เข้าไปดึงมือชายหนุ่มออกจากมือของหญิงชรา

“อย่าแตะต้องเธอ” วิวาห์พูดเสียงสั่น

“เป็นอะไรไปว่าน” ธาดามองเขาพลางเลิกคิ้ว

ว่านรู้ว่าเรื่องที่ตัวเองคิดนั้นออกจะเหลือเชื่อมากแต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่ว่านเจอเมื่อปีก่อนว่านคิดว่าตัวเองไม่ได้กลัวเกินจริงไปนัก ชายหนุ่มระงับความตื่นตระหนกเอาไว้ในสีหน้าแล้วฝืนยิ้มออกมา

“คุณฟอร์ดยังไม่ได้ล้างมือ...เจลแอลกอฮอล์อยู่ตรงนั้นครับ ขอโทษที”

อีกคนสีหน้าดีขึ้น

“อ๋อ นึกว่าอะไรขอโทษทีนะพี่ก็ลืมระวังไปยายเอิบป่วยหนักอยู่ไม่ควรจะสัมผัสโดนเชื้อจากข้างนอกอีกหรอก” ธาดาพูดเนิบ ๆ เดินไปล้างมือโดยดี

วิวาห์ลอบผ่อนลมหายใจยาว เขายกเลิกโปรแกรมดูหนังที่นัดกันไว้ไปเพราะเขาไม่มีกะจิตกะใจจะไปนั่งดูหนังขณะที่ยายเอิบยังอาการหนักอยู่แบบนี้ธาดาเองก็ไม่ได้ท้วงเพียงแต่บอกว่าว่านต้องกินอะไรบ้างเท่านั้น

วิวาห์ได้ทีเลยรีบชวนอีกฝ่ายออกมาจากห้องพักผู้ป่วย เขายังไม่แน่ใจในทฤษฎีลม ๆ แล้ง ๆ ของตนเอง ทว่ากันไว้ก็ดีกว่าแก้ ถ้าธาดาคือผู้ชายคนนั้นจริง ๆ ก็มีความเป็นไปได้ว่าการป่วยของยายเอิบจะต้องมีเงื่อนงำมากกว่าการป่วยธรรมดา การให้ธาดาอยู่ใกล้ชิดกับคนป่วยย่อมไม่ดีแน่

ธาดาพาเขาไปกินก๋วยเตี๋ยวเจ้าดังแถวโรงพยาบาล ยืนรอคิวอยู่พักใหญ่กว่าจะได้กินสมใจ ว่านลอบสังเกตอีกฝ่ายตลอดเวลาธาดากินลูกชิ้นไปพร้อมกับเส้น...เหมือนนิสัยของพี่อาร์ม

“ไม่กินเหรอว่าน” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว วิวาห์รีบหลบตาก้มหน้าคีบเส้นเข้าปาก

“กินครับ”

“ลูกชิ้นกินมั้ย” ธาดาถามแกมหัวเราะต่อมาอีก วิวาห์หัวเราะออกมาบ้าง

“กินแต่จะเก็บเอาไว้กินทีหลัง”

ธาดามองเขาด้วยแววตาที่ทำให้ว่านต้องเมินหลบไปทางอื่น มันไม่ใช่แววตาหวานแหววเหมือนคู่รักมองกันหรือว่าเป็นแววตาอ่อนโยนทำนองนั้นแววตาของธาดามันมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ว่านรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง เขารีบกินจนหมดแล้วชวนอะไรฝ่ายออกมาจากร้าน

“กินขนมไหมครับ”ว่านไม่ชอบความรู้สึกอึดอัดที่บอกไม่ถูกนี่เลย เขาพาธาดาเดินข้ามถนนไปยังแผงขายขนมหน้าวัด กวาดตามองถาดขนมไทยหลากหลายชนิดตรงหน้า คิดแวบเดียวก็ชี้นิ้วเลือก “เอาตะโก้เผือกกับวุ้นกะทิครับ หม้อแกงน่ากินมาก ทองหยิบทองหยอดก็น่าทานจังพี่อาร์มเอาไหมครับ”

“เอาสิ” ธาดาพยักหน้ารับ

“ขออย่างละสองครับ” วิวาห์พูดหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาเปิดออกแต่ว่าทำหล่นเขารีบก้มลงเก็บขึ้นมาแล้วก็เดินนำหน้ากลับไปที่รถโดยมีธาดาที่จ่ายเงินเสร็จแล้วก็หิ้วถุงขนมตามหลังมา

“เป็นอะไรหรือเปล่าว่าน” ชายหนุ่มถามมองเขาทั่วตัวอย่างเป็นห่วงเปิดประตูให้เข้าไปนั่งในรถธาดาเอื้อมมือมากุมมือของวิวาห์ที่วางเอาไว้บนตัก “มือเย็นจังหรือไม่สบาย?”

“เปล่าครับ” วิวาห์ตอบ“ว่าน..คงร้อน..”

“เดี๋ยวเร่งแอร์ให้” ธาดาเอื้อมมือไปปรับลดอุณหภูมิในรถ “นั่งพักสักหน่อยเดี๋ยวก็ดีขึ้น เมื่อคืนคงไม่ได้นอนล่ะสิ จะกลับโรงพยาบาลเลยมั้ยหรือว่าอยากไปไหนอีก”

วิวาห์ส่ายหน้า

“ขอกลับโรงพยาบาลครับ”

“โอเค”

ธาดาขับรถมาส่งเข้าที่โรงพยาบาลชายหนุ่มบอกว่ามีธุระต้องไปทำต่อจะแวะมาหาอีกทีตอนค่ำ ๆ วิวาห์พยักหน้ารับทำทีเป็นรีบกลับเข้าไปดูยายเอิบทว่าความจริงแล้วเรียกแท็กซี่กลับบ้านไปหาลูกสาวก่อนเป็นอันดับแรก

“ยี่หวา...ยี่หวาอยู่ไหนลูก”

“อยู่นี่ค่ะวีว่า” หวันยิหวาเดินลงบันไดมาหาเขา “ยายเอิบเป็นยังไงบ้างคะ”

“ยังไม่ตื่นเลยค่ะ ยี่หวาวันนี้ไม่ต้องไปเยี่ยมยายเอิบแล้วนะคะ อยู่ที่บ้านไปก่อน” วิวาห์พูดพยายามระงับอารมณ์ไม่ให้เสียงสั่น“อยู่กับคุณตาคุณยายนะคะห้ามไปไหนเลยนะ ใครมารับก็ห้ามไปด้วยนะคะเข้าใจหรือเปล่า”

“ใครมารับเหรอคะ” เด็กหญิงเอียงคอมอง

“ก็อย่างเช่น..ลุงฟอร์ดหรือ..ลุงกระต่าย ก็ห้ามไปกับเค้านะคะ”

“ลุงกระต่ายจะมาเหรอคะ” คนฟังกลับตื่นเต้นเสียอย่างนั้น วิวาห์เริ่มกังวลขึ้นมาจริง ๆ เขาจูงมือลูกสาวไปฝากฝังเอาไว้กับพ่อแม่อีกรอบอธิบายสั้น ๆ ว่าตอนนี้ที่โรงพยาบาลมีเชื้อโรคระบาดยี่หวายังให้เคมีบำบัดอยู่ไม่ควรจะไปโรงพยาบาล ส่วนมารดาที่เป็นเบาหวานและบิดาที่เป็นโรคไตวายเรื้อรังก็ยังไม่ควรไปเยี่ยมยายเอิบตอนนี้เช่นกัน

“เดี๋ยวไว้ยายเอิบดีขึ้นแล้วว่านจะพากลับบ้านเองครับ”

“อาการไม่ดีเหรอลูก บอกแม่มาตามตรงเถอะ”

“ไม่...ไม่เชิงครับ ไม่ขนาดนั้น”วิวาห์รีบเปลี่ยนคำพูดใหม่“ยายเอิบดีขึ้นเรื่อย ๆ พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงครับ ยี่หวาอยู่เล่นในห้องนี้ไปก่อนนะคะ คุณพ่อคุณแม่อย่าคลาดสายตาจากยี่หวานะครับ ผมเป็นห่วง...กลัวลูกไม่สบายไปอีกคน ครั้งก่อนก็แอบหนีออกจากบ้านด้วย”

“ไม่ต้องห่วงว่าน แม่จะดูให้เองยี่หวามาหายายมา”

“ถ้าใครมาหา แม่ไม่ต้องเปิดประตูให้เขาเข้ามานะครับ ห้ามใครเข้าบ้านนะครับ”

“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าว่าน ทำไมต้องขนาดนั้นด้วย”

“ว่านขอแค่นี้ เดี๋ยวว่านจะมาอธิบายให้ฟังอีกทีครับ”

วิวาห์กลับออกมาจากบ้านทั้งที่ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ในส่วนลึกเขาไม่รู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่แต่ว่าสังหรณ์ของเขาบอกชัดว่าไม่ใช่เรื่องดี

...พี่อาร์ม...

ชื่อที่ผู้ชายคนนั้นขานรับ ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม...ว่านไม่กล้าพิสูจน์ซ้ำว่าอีกฝ่ายไม่ทันฟังหรือไม่ทันคิด หรือแม้กระทั่งจงใจรับคำขานเพื่อหวังผลบางอย่างที่ว่านมั่นใจก็คือพี่อาร์มไม่ได้รักว่าน

ถ้าธาดาคือพี่อาร์ม ...เวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาที่ชายหนุ่มมาหาว่านจะต้องมีอะไรซ่อนอยู่แน่นอน ไหนจะอาการที่กรกมลบอกว่าสามีสูญเสียความทรงจำไปหลังจากอุบัติเหตุอีกล่ะ ก็ถ้าธาดาจำกรกมลไม่ได้เพราะความจริงแล้วเขาไม่รู้จักเธอ ถ้าเขาไม่ใช่สามีของเธอ

...ถ้าธาดาไม่ใช่ธาดา...

ขนมหวาน นิทานนางเงือกแค่นี้จะเพียงพอที่จะพิสูจน์หรือเปล่ามีอะไรอีก ...อะไรที่เขานึกไม่ออก

วิวาห์มาถึงโรงพยาบาล เขาเห็นรถของธาดาจอดอยู่ที่ ๆ จอดรถใจเต้นรัวแรง...ไหนบอกว่ามีธุระจะต้องไปทำยังไงล่ะ...ชายหนุ่มรีบจอดรถแล้วขึ้นไปหายายเอิบที่ห้องพักผู้ป่วย นึกภาวนาขอให้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ขอให้เขาแค่คิดไปเอง...

“ยายเอิบ..” วิวาห์เปิดประตูเข้าไปในห้อง เขาชะงักกับภาพที่เห็นตรงหน้า

หญิงชราคนป่วยกำลังนั่งเอน ๆ พิงพนักหัวเตียงท่าทางสดชื่นกว่าเดิมมากแม้จะยังพูดไม่ได้เพราะมีท่อเจาะคออยู่ก็ตาม

“..........” ยายเอิบกวักมือเรียกเขา ว่านเบิกตากว้าง เดินเข้าไปในห้องอย่างตกตะลึง

“ยายเอิบ....ยายเอิบหายแล้วเหรอ ฟื้นแล้วใช่มั้ย”

“...........” ยายเอิบเรียกซ้ำว่านรีบเดินเข้าไปหาแล้วจับมือยายเอิบเอาไว้แน่นมือของยายเอิบไม่ได้ร้อนจัดหรือเย็นเฉียบอีกแล้วทว่าอุ่นเป็นปกติเหมือนเดิม

“ยายเอิบ ว่านดีใจจัง...ดีใจมาก ๆ” วิวาห์น้ำตาคลอ หันไปหาธาดาที่นั่งอยู่เงียบ ๆ “ยายเอิบฟื้นเมื่อไหร่ แล้วทำไมคุณไม่โทรบอกว่าน คุณไปไหนมาทำไมถึงมาอยู่ที่นี่”

“..........” ยายเอิบกระดิกนิ้วมืออีกข้าง ธาดาจับมือยายเอิบเอาไว้ หญิงชราจับมือของทั้งสองคนมาประสานกัน “...........”

วิวาห์นิ่งอึ้ง มือของธาดาที่กุมทับมือของเขานั่นอุ่นจัดจนเกือบร้อนทีเดียว

“ยายเอิบหมายความว่าอะไรน่ะ” ว่านดึงมือของตัวเองออก

หญิงชรายิ้มบาง ๆ จับมือของเขาเอาไว้เหมือนเดิมว่านไม่อยากขัดใจคนป่วยที่เพิ่งฟื้นก็เลยไม่ได้ดึงมือออกอีก ปล่อยให้แกจับไปวางบนมือของธาดาเอาไว้อย่างนั้น

“ยายเอิบคงอยากฝากว่านเอาไว้กับพี่” ธาดาพูดขึ้นเนิบ ๆ มองเขาอย่างมีความหมายแล้วพลิกมือกุมกระชับมือของวิวาห์เอาไว้ “ใช่ไหมครับ”

ยายเอิบพยักหน้ารับ

วิวาห์พูดไม่ออก หัวใจเต้นรัวเร็วด้วยความกลัว ...มันดูเป็นไปไม่ได้เลย ยายเอิบที่เขาเห็นเมื่อเช้าคือคนที่ป่วยหนักใกล้ตายอยู่รอมร่อ ไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนทว่ายายเอิบในตอนนี้กลับดูอิ่มเอิบสดชื่นไม่มีเหมือนคนเพิ่งฟื้นไข้ แถมท่าทีของยายเอิบก็ยังเปลี่ยนไปอีก แต่ก่อนยายเอิบไม่ชอบธาดาเลยไม่ใช่หรือ... ทำไมถึงเปลี่ยนใจล่ะ

“ยายเอิบฟื้นก็ดีแล้ว อยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า ว่านจะไปหามาให้”

ยายเอิบพยักหน้าแถมยังยิ้มรับอีก วิวาห์พยายามปัดความรู้สึกแปลก ๆ นี้ออกไปจากใจ เขาดีใจที่ยายเอิบอาการดีขึ้นแม้แต่แพทย์ก็ยังออกปากว่าราวกับปาฏิหาริย์ ยายเอิบกลับมามีเรี่ยวแรงพอจะลุกขึ้นนั่งเองได้แล้ว

“ดีจริง ๆ ที่ยายเอิบดีขึ้น” ธาดาพูด ตอนที่พวกเขาออกมาซื้อข้าวของด้วยกันที่ร้านสะดวกซื้อข้างนอก

“ทำไมคุณฟอร์ดถึงกลับมาที่โรงพยาบาลล่ะครับ ไหนว่ามีธุระ”

“พยาบาลโทรหาพี่น่ะ บอกว่ายายเอิบอาการทรุดก็เลยโทรตามญาติ” ธาดาตอบ “เขาบอกว่าโทรหาว่านไม่ติด”

“อ้าว” วิวาห์ก้มลงดูโทรศัพท์ตัวเองก็พบว่าเขาเผลอเปิดโหมดเครื่องบินเอาไว้ “ตายจริงสงสัยมือจะเผลอไปโดนเข้าแล้วยายเอิบเป็นยังไงบ้างครับตอนนั้น”

“ตอนพี่มายายเอิบก็นิ่งไปแล้ว ตาเบิกค้างเลยหมอเขาก็ปั้มหัวใจ แล้วยายเอิบก็กลับมา แถมยังฟื้นตื่นลืมตาขึ้นมาอีกด้วย หมอเขาเก่งจริง ๆ” ธาดาว่า“พี่หาทางติดต่อว่านอยู่ก็พอดีว่านมาถึงโรงพยาบาล ยายเอิบดูไม่เหมือนคนที่เพิ่งผ่านความตายมาเลยใช่ไหม”

“นั่นสิครับ” วิวาห์รับคำ “ไม่น่าเชื่อเลย” เขาเงียบไปครู่หนึ่งแล้วก็พูดขึ้นยิ้ม ๆ “... คุณฟอร์ดเองก็เคยผ่านความตายมาเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”

คนฟังหัวเราะ

“ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก”

“แต่ก็เฉียดตายใช่ไหมล่ะ ผมก็เคยเจอประสบการณ์นั้นเหมือนกันครับ” วิวาห์พูดต่อเนิบ ๆ เดินนำเข้าไปในสวนสาธารณะของโรงพยาบาลครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองซ้ำอีกครั้ง “จะว่าไปก็เกือบจะเหมือนยายเอิบตอนนั้นผมป่วยหนักแบบลูกผีลูกคนนึกว่าจะไม่รอดแต่ก็กลับรอดแถมยังอาการดีขึ้นรวดเร็วเหมือน ๆ กันอีก”

“งั้นหรือ”

“ยี่หวาก็เหมือนกันยี่หวาเคยป่วยหนักถึงขั้นติดเชื้อในเยื่อหุ้มสมอง นอนไอซียูตั้งนานจนว่านนึกว่าจะเสียลูกไปแล้ว แต่ว่าตอนนั้นก็มีคนมาอาสาช่วยว่าน เขาบอกว่านว่ามีวิธีจะช่วยลูก ว่านก็เชื่อเขา ทั้งที่เขาเคยหลอกว่านสารพัด”

“เขาหลอกอะไร” ธาดาถามต่อมาวิวาห์ยิ้มมุมปาก

“หลอกว่ารักครับ” เขามองหน้าอีกฝ่ายเต็มตา “หลอกใช้ความรักของว่าน แล้วว่านก็โง่ซ้ำสองจนเกือบเสียลูกไป ว่านหลงเชื่อเขาเพราะว่านรักเขามากครับ เขาเป็นความรักครั้งแรกของว่าน”

“แล้วตอนนี้ล่ะ...ยังรักเขาอยู่ไหม”

“ตรงข้ามกับความรักครับ” วิวาห์ตอบกลับไปเสียงหนักพวกเขาหยุดเดินแล้วหันมามองหน้ากันราวกับต่างคนต่างกำลังประเมินท่าทีอีกฝ่ายอยู่ในใจ บรรยากาศตึงเครียดขึ้นฉับพลัน

“เป็นความเกลียดงั้นเหรอ” ธาดาถามเสียงแหบ

วิวาห์หัวเราะ

“ไม่ใช่ความเกลียดครับแต่ว่าเป็นความรู้สึกเฉย ๆ ไม่รู้สึกอะไรเลย เป็นคนแปลกหน้า”

“แบบนั้น..ยิ่งกว่าเกลียดเสียอีกนะ”

“คุณฟอร์ดจะไม่ถามผมหน่อยเหรอครับว่าคน ๆ นั้นคือใคร” คนฟังเงียบกริบ วิวาห์ยิ้มนิด ๆ “คุณฟอร์ดรู้ไหมครับว่าว่านไม่เคยบอกใครเลยนอกจากคนในครอบครัวว่าว่านเป็นแม่ของยี่หวา เป็นคนคลอดยี่หวาออกมาไม่ใช่พ่อ”วิวาห์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยเหมือนพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ“ไม่ใช่เรื่องปกติหรอกใช่ไหมครับที่ผู้ชายจะตั้งท้องได้แต่ว่า...คุณกลับรู้เรื่องนี้ทั้งที่ผมไม่เคยบอก เพราะว่า...”

“..........” ธาดาไม่ตอบวิวาห์กำมือเข้าหากันแน่นจ้องมองดวงตาคมเข้มสีดำสนิทเหมือนน้ำในบ่อลึกนั้น ...ใช่แล้วนี่แหละคือสิ่งที่ติดอยู่ในใจของเขามาตลอดถึงแม้ใบหน้ารูปร่างบุคลิกภายนอกจะไม่เหมือนอามันต์เลยแต่ว่า แววตาคู่นั้นของเขา...คอยเตือนให้ว่านระลึกถึงใครอีกคนอยู่เสมอโดยไม่รู้ตัว

“อามันต์”

“.........”ธาดาแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากแห้งผากของตนเอง “พี่ไม่มีข้อแก้ตัว”

“คุณฟอร์ดตัวจริงอยู่ที่ไหนครับ หรือว่าตายไปแล้ว” วิวาห์ถามต่อ“คุณกลับมาทำไม ไม่ได้ตายไปตั้งแต่ตอนนั้นเหรอครับ”

“อยากให้พี่ตายนักหรือ”

“คุณฟอร์ดอยู่ที่ไหนครับ เขายังมีครอบครัวมีภรรยาแล้วก็ลูกอีกน่ะครับ คุณทำแบบนี้กับเขาได้ยังไง”

“ยังไงมันก็ไม่คิดจะใส่ใจลูกเมียอยู่แล้ว”

“แต่คุณไม่มีสิทธิ์เอาชีวิตของใครมานะครับ คุณดูดพลังของเขาใช่มั้ย เหมือนที่ทำกับยี่หวาเมื่อปีก่อน” วิวาห์ตัวสั่นเริ่มรู้สึกถึงความกลัวผสมความโกรธที่แผ่ซ่านขึ้นมาจากปลายเท้า “คุณฆ่าคน”

“พี่เปล่า” อามันต์ในร่างของธาดาปฏิเสธ “เขาควรจะเป็นคนที่หมดอายุขัยไม่ใช่พี่...พี่แค่มาทวงสิทธิ์อันชอบธรรมของพี่คืน”

“อะไรนะครับ?หมายถึงสิทธิ์อะไรนะ”

“เขาต้องเป็นคนที่ตาย ไม่ใช่พี่”อีกฝ่ายพูดเสียงห้วนขึ้น “คนที่เกิดในวันและเวลาเดียวกันจากพ่อและแม่คนเดียวกัน...คนหนึ่งจะถึงกาลหมดอายุขัยในวัยสามสิบหกปีส่วนอีกคนจะอายุยืนยาวถึงแปดสิบสองปี....นั่นคือความจริง เพียงแต่ว่าอายุขัยนั้นเป็นของพี่ไม่ใช่เขา”

“วันเดียวกัน...พ่อแม่เดียวกัน” ถึงแม้วิวาห์จะเตรียมใจมาแล้วก็ยังอดมึนงงไม่ได้ ธาดา..ไม่ใช่สิ อามันต์กำลังพูดพล่ามอะไรอยู่ “คุณกับคุณฟอร์ดเป็นอะไรกัน”

“ฝาแฝด..ไงล่ะ” อีกคนตอบอย่างสงบ “เขาเกิดหลังพี่ไม่ถึงหนึ่งนาที นั่นคือสิ่งที่สวรรค์ทำผิดพลาด เขาเอาชีวิตที่ควรจะยืนยาวของพี่ไป”

“แต่...แต่พี่ป่วยไม่ใช่เหรอ พี่เป็นมะเร็งนี่”

“พี่รักษาหายดีแล้ว” อามันต์ตอบทันควัน“ห้าปีที่พี่ทรมานอยู่กับการรักษาและติดตาม มะเร็งหายไปจากตัวพี่แล้วว่านพี่ถึงได้ตามว่านกลับมา....เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ เพื่อขอโอกาสแต่ว่าอุบัติเหตุนั่นมันทำให้ความหวังของพี่พังทลาย พี่กลายเป็นเจ้าชายนิทราแล้วก็ตาย ...มันไม่ใช่ชะตาของพี่”

“คุณรู้ได้ยังไงว่าชะตาของใครเป็นของใคร คุณพูดไปเองแค่พยายามจะหาความชอบธรรมให้กับตัวเองใช่มั้ยล่ะครับ”

“พี่รู้ก็แล้วกัน”

“ถึงอย่างนั้นคุณก็ไม่ควรยึดเอาร่างของคนอื่นมาครับ” วิวาห์ผ่านอะไรที่เหลือเชื่อยิ่งกว่านี้มาแล้ว ไม่มีอะไรที่เขาจะแปลกใจอีก ต่อให้อามันต์บินได้ก็ตาม “คุณทำเพื่ออะไร”

“เพื่อว่านกับยี่หวา” อีกฝ่ายตอบกลับมา “พี่อยากแก้ไขสิ่งที่เคยทำผิด”

“คุณทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงกว่าเดิมต่างหาก” วิวาห์พูดเสียงดัง “คุณยังเห็นแก่ตัวไม่เปลี่ยน”

“ว่าน” ธาดาก้าวเข้ามา วิวาห์ถอยกรูด

“อย่าเข้ามานะ คุณมันน่ารังเกียจ จิตใจของคุณน่าขยะแขยงยิ่งกว่าหนอนเน่า ๆ”

“พี่ทำทั้งหมดนี่ก็เพราะว่านกับยี่หวานะ” อามันต์ในคราบธาดาพูดเสียงอ่อน “ว่านฟังก่อนนะ พี่คิดวิธีช่วยยี่หวาออกแล้ว เพียงแค่ว่านแต่งงานกับพี่แล้วก็มีลูกอีกคนหนึ่ง เราใช้สเต็มเซลล์จากรกได้รับรองได้เลยว่ามันจะต้องแมชต์กับยี่หวาแน่ ถึงแม้พี่จะไม่ใช่แฝดแท้ แต่ก็เป็นพี่น้องที่สายเลือดใกล้ชิดที่สุด มันต้องได้ผลว่าน จะต้องช่วยลูกของเราได้แน่”

วิวาห์นิ่งอึ้ง มองหน้าคนพูดอย่างตกใจ จะว่าไปแล้วใบหน้าของธาดาก็มีส่วนละม้ายคล้ายคลึงกับอามันต์อยู่ไม่น้อย เพียงแต่ก่อนหน้านี้มันถูกบดบังด้วยแว่นตาและบุคลิกที่แตกต่างกันลิบลับ เขาก็เลยไม่เคยสังเกตเห็นข้อนี้

“ว่าน”

“อย่าเข้ามา”

“พี่อยากช่วยว่านกับลูกจริง ๆ นะถึงได้กลับมา”อามันต์พูดเสียงเบาลงคล้ายพูดกับตัวเอง“ว่านไม่เชื่อพี่เลยเหรอ”

“ผมไม่เชื่อ” วิวาห์ตอบกลับไปสั้น ๆ แล้วหมุนตัวหันหลังอีกฝ่ายก้าวพรวดเดียวเข้ามาประชิดตัวเขาแล้วกอดเอาไว้จากด้านหลัง ว่านดิ้นเต็มแรงทว่าอามันต์ไม่ยอมปล่อย

“ว่าน...ฟังพี่ก่อน อย่าเพิ่งโกรธ...” คนพูดกอดร่างผอมบางเอาไว้แน่น ซบหน้าลงกับซอกคอ “พี่พยายามเต็มที่แล้วนะ พี่พยายามจริง ๆ ที่จะทำให้ว่านยอมรับพี่ ...พี่อยากช่วยลูก อยากให้ยี่หวาหายดี..”

“คิดจะปิดไปจนถึงเมื่อไหร่”

“ก็จนกว่ายี่หวาจะหาย”

“โกหก”

“จนกว่าว่านจะให้อภัยพี่”

“ปล่อยผม”

“ว่าน....ฟังพี่ก่อน เอาอย่างนี้ก็ได้...ถ้ายี่หวาหายดีแล้วพี่ก็จะไปทันที”

“ไปตั้งแต่ตอนนี้แล้วคืนร่างให้คุณฟอร์ดเสียเถอะครับ” วิวาห์พูดเสียงเฉียบขาดปลดมือของอีกฝ่ายออกแล้วหันกลับมาเผชิญหน้า “ส่วนเรื่องของยี่หวา ผมจะจัดการเองขอบคุณมากที่อยากช่วย”

“ว่าน”

วิวาห์ยกมือขึ้นสัมผัสที่ใบหน้าของธาดาแผ่วเบา อีกฝ่ายชะงักงัน

“.............” เขาดึงมือกลับ

“ว่าน”




ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk









เสียงเรียกชื่อดังตามหลังมาแต่ว่าวิวาห์ไม่ได้หันกลับไปมอง น้ำตาที่กลั้นเอาไว้เหมือนถึงจุดสิ้นสุดมันเอ่อล้นขอบตาออกมาทะลักทลายเหมือนทำนบแตก ชายหนุ่มหลบเข้าไปร้องไห้ในห้องน้ำ ความรู้สึกต่าง ๆ พุ่งขึ้นมาพร้อมกันจนจัดการไม่ถูก ทั้งเสียใจดีใจตื่นตระหนกระคนโศกเศร้า

พี่อาร์มคงไม่รู้ว่าว่านเผลอดีใจที่พี่อาร์มกลับมาหาว่าน

แต่ว่าว่านก็เสียใจที่ว่านยังรู้สึกแบบนั้นทั้งที่คิดว่าตัวเองตัดใจจากพี่อาร์มได้หมดสิ้นแล้ว

และว่านก็ตกใจมากที่พี่อาร์มเป็นแฝดกับคุณฟอร์ด แถมยังมีความหนทางที่จะรักษายี่หวาให้หายดี ว่านไม่อยากเชื่อเลยว่าพี่อาร์มจะมาบอก แล้วว่านควรจะทำอย่างไรดี พี่อาร์มยึดร่างของคุณฟอร์ดมา เป็นเรื่องที่ว่านรับไม่ได้

เขาปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาจนรู้สึกดีขึ้นบ้างแล้ววิวาห์ก็รวบรวมสติใหม่อีกครั้ง ชายหนุ่มโทรไปหากรกมลภรรยาของธาดาตามนามบัตรที่อีกฝ่ายให้เอาไว้คราวก่อน ฝ่ายนั้นแปลกใจมากที่เขาโทรไปหา

“คุณว่านมีอะไรหรือเปล่าคะ”

“ต้องขอโทษด้วยครับที่โทรมารบกวนเวลา ว่างคุยไหมครับ”

“ว่างค่ะ นั่นเสียงคุณเป็นอะไรคะ คุณว่านคุณโอเคหรือเปล่า” หญิงสาวถามมาตามสาย วิวาห์เช็ดน้ำตาออก

“ผมไม่เป็นไรครับเพียงแค่อยากจะถามว่าคุณฟอร์ด...สามีของคุณ เขามีพี่น้องไหมครับ”

“มีค่ะ มีน้องชายหนึ่งคนน้องสาวสองคน ถามทำไมเหรอคะ”

“น้องชายเขาเป็นแฝดหรือเปล่าครับ หรือว่ามีพี่ชายอีกมั้ย”

“ไม่มีนะคะ เขาเป็นลูกคนโต” กรกมลตอบกลับมา“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณว่าน”

วิวาห์เม้มปาก ...หรือว่าอามันต์จะหลอกเขาอีกครั้งคิดยังไงธาดาก็ไม่มีทางที่จะเป็นพี่น้องกับอามันต์ไปได้

“พ่อแม่ของเขาแต่งงานใหม่หรือเปล่าครับ”

“เท่าที่รู้ไม่มีนะคะ” กรกมลเริ่มสงสัยมาก ๆ แล้ว “คุณว่านอยากทราบเรื่องอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ”

วิวาห์เลยชวนคุยเรื่องอื่นเล็กน้อยแล้วก็วางสายคิดไปคิดมาแล้วก็อาจจะไม่ใช่เรื่องจริงก็ได้อามันต์อาจจะเพียงแค่พูดเพื่อหลอกล่อเขาให้คล้อยตามเท่านั้น ...ถึงจะคิดอย่างนั้นแต่ชายหนุ่มก็ยังกังวลใจอยู่ เขาตั้งใจว่าจะต้องสืบเรื่องนี้เพิ่มให้ได้ บางทีแป้งอาจจะรู้

..................................................................

อาการของยายเอิบดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่นานแพทย์ก็อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้ ว่านดีใจมาก พี่ชายน้องชายของเขาก็นัดกันกลับบ้านในช่วงสุดสัปดาห์นี้ด้วย

วิรุฬขับรถมารับเขากับยายเอิบที่โรงพยาบาล นายแพทย์หนุ่มมาพร้อมกับคุณครูสาวคนรัก วิรุฬแอบกระซิบบอกเขาว่ามาเที่ยวนี้จะขอครูเตยแต่งงาน ว่านพลอยตื่นเต้นแทนน้องชายไปด้วย พี่วัตเองก็ส่งข่าวมาว่าจะถึงสนามบินวันนี้ช่วงค่ำ ๆ แถมยังมีข่าวดีที่ขออุบเอาไว้ก่อนรอบอกตอนถึงบ้าน

“วินขอเดาว่าพี่เบสต์ท้องชัวร์” น้องชายยิ้มกว้าง

“แบบนี้ก็ดีน่ะสิ ยี่หวาจะได้มีเพื่อนแล้ว” ว่านบีบมือเข้าหากัน “อยากให้ทุกคนกลับมาอยู่ที่บ้านด้วยกันจัง จะต้องครึกครื้นอบอุ่นมากแน่”

“วินก็อยากกลับนะ แต่บ้านเตยไม่มีผู้ชายเลย วินเลยอยากไปอยู่ที่นู่นมากกว่า” น้องชายพูดยิ้ม ๆ “อีกอย่างวินก็ว่าจะขอทุนเรียนต่อที่นู่นด้วย ภาคใต้ทุนหาง่ายกว่าที่อื่น ถ้าจะกลับมาขอภาคกลางคงยาก”

“พี่เข้าใจ” วิวาห์พยักหน้ารับ ใจแป้วไปเล็กน้อย ฝืนยิ้มออกมา“เอาที่วินสะดวกที่สุดนั่นล่ะ”

วิรุฬเหลือบมองพี่ชายคนรอง

“พี่ว่านก็คงเหนื่อยมากผมรู้ครับ ดูแลคนป่วยสองคนแถมยังคนแก่อีกสองไม่ใช่เรื่องง่าย ความจริง...วินยังคิดอยู่เลยว่าพี่วัตน่าจะกลับมาอยู่ที่นี่ถ้าพี่เบสต์จะมีน้อง อยู่นู่นอะไร ๆ ก็ลำบากไม่เหมือนบ้านเรา พี่ว่านลองถามพี่วัตดูก็ได้”

วิวาห์เงียบไป เขาคิดว่าพี่วัตไม่น่าจะกลับมาอยู่บ้านได้เพราะยังติดสัญญาทำงานอยู่หลายปี ถ้าจะกลับมาจริง ๆ ก็คงมีแต่พี่เบสต์ซึ่งคาดว่าจะท้องแบบนั้นก็กลายเป็นว่าว่านต้องดูแลคนท้องเพิ่มอีกคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ... ว่านเลยไม่พูดเรื่องนี้อีกเลยจนกระทั่งพี่วัตกับพี่เบสต์กลับมาถึงบ้าน

เป็นไปตามที่คาดเอาไว้ พี่สะใภ้ของเขาตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้วจริง ๆ ว่านอดปลาบปลื้มแทนไม่ได้ คุณพ่อคุณแม่ก็ต่างดีใจใหญ่ที่ลูกสะใภ้จะมีหลาน

“วันนี้วันดีจริง ๆ เจ้าวัตก็จะได้เป็นพ่อคนแล้วยายเอิบก็หายดีกลับบ้านพ้นเคราะห์พ้นโศกกันเสียทีนะลูกนะ”แม่ของเขาพูดอย่างชื่นใจ “ว่าน...วันนี้แม่ว่าสั่งอาหารมากินกันเถอะ งดทำงานสักวันนึงนะ ถือเป็นการพักผ่อน”

“สั่งมาเลยครับแม่ แต่ว่าว่านหยุดงานไม่ได้หรอก รับออเดอร์ลูกค้ามาแล้ว แม่นั่งคุยกับพี่วัตเจ้าวินไปเถอะนะ ว่านจะไปจัดการในครัว” วิวาห์เลี่ยงออกมาจากห้องรับแขกที่กำลังเต็มไปด้วยเสียงสนทนาและหัวเราะสนุกสนาน พี่วัตผิวคล้ำลงไปมากคงเพราะงานที่ใหม่ต้องตากแดดออกภาคสนามทุกวันไม่ได้อยู่แต่ในออฟฟิศเหมือนเดิม

“แต่ก็คุ้มกับรายได้ครับพ่อ ทำงานหนึ่งเดือนที่นู่นได้เงินเท่ากับอยู่ที่นี่ครึ่งปี ...พ่อกับแม่พอใช้ไหมครับให้วัตส่งมาเพิ่มอีกดีไหมครับ....เบสต์เขาก็ได้งานแบงค์ครับเขาให้ทำงานได้ถึงอายุครรภ์เจ็ดเดือนเงินเดือนดีมากครับ..”

ว่านลอบถอนหายใจยาว รู้สึกตัวเองเป็นคนไม่ดีเลยที่แอบคิดอิจฉารายได้ของพี่ชายและพี่สะใภ้ ไหนจะน้องชายอีก ทุกคนดูมีเส้นทางเดินที่ดี มีอนาคตของตัวเอง...วิวาห์สั่นหัวไล่ความคิดพวกนั้นออกไป การที่ว่านได้ดูแลพ่อแม่ก็เป็นเรื่องที่ดีแล้วเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ชายหนุ่มเร่งมือหั่นผักให้เร็วขึ้น

ถึงงานของว่านจะไม่ได้เงินอะไรมากมายอย่างพี่ ๆ น้อง ๆ แต่ก็พอเลี้ยงตัวเองและลูกให้อยู่รอดไปได้ ว่านไม่ควรคิดอะไรมากไปกว่านี้...

“............” มือเย็น ๆ ของยายเอิบจับที่แขนของว่านแล้วบีบเบา ๆ ว่านสะดุ้ง

“ยายเอิบ...ออกมาเดินทำไมครับ เดี๋ยวก็หน้ามืดล้มลงไปหรอก กลับไปนอนพักที่ห้องเถอะ” วิวาห์รีบจูงมือพาคนเพิ่งฟื้นไข้กลับไปนอนที่ห้องพัก ยายเอิบเริ่มลุกขึ้นเดินเองได้แล้วถึงแม้ว่าจะต้องอาศัยไม้เท้าสี่ขาก็ตาม แต่ก็เรียกว่าฟื้นตัวได้รวดเร็วมาก “นอนพักก่อนเดี๋ยวอาหารเสร็จแล้วว่านจะยกเข้ามาให้ครับ”

“............” ยายเอิบดึงมือของว่านเอาไว้ ทำเหมือนจะพูดอะไรออกมา เสียงครืดคราดในลำคอลอดผ่านท่อเหล็กที่ใส่คาเอาไว้ “..........”

“ยายเอิบอยากช่วยว่านใช่มั้ย ....ไม่เป็นไรแค่ยายเอิบแข็งแรงดีก็ถือเป็นการช่วยว่านอีกทางหนึ่งแล้วครับ” วิวาห์ตอบ “ว่านทำเองได้ครับ แค่นี้สบายมาก”

วิวาห์กลับออกมาจากห้องพักของยายเอิบ เขาเร่งมือทำอาหารแข่งกับเวลา พี่เบสต์อาสาจะมาช่วยแต่ว่านไล่ให้กลับไปนั่งพัก เขาไม่อยากให้คนท้องต้องเหน็ดเหนื่อยเกินไป พี่วัตกับวินเข้ามาช่วยเขาตอนหลัง ทั้งสองคนพูดคุยเล่นกันจนว่านค่อยรู้สึกผ่อนคลายเหมือนกลับไปเมื่อสมัยก่อนตอนที่ยังอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา

“ตายล่ะว่าน ฉันลืมเอาหมูออกจากตู้เย็น”

“ไม่เป็นไรพี่วัต ออกไปนั่งรอข้างนอกก็ได้นะ ว่านใกล้เสร็จล่ะ”

“ไม่เอาล่ะ ทำอาหารก็สนุกดี” พี่วัตตอบกลับมา “แล้วคุณฟอร์ดล่ะเป็นไงบ้าง เห็นเงียบ ๆ ไป ไม่ส่งข่าวกันบ้างเลย”

ว่านอึ้งไปนิดหนึ่ง

“เขาก็อยู่ของเขาครับ ...คุณธาดาเขามีลูกมีเมียแล้วครับ ลูกเขาอายุเจ็บขวบอยู่เมืองนอก”

“ไอ้....” พี่ชายกับน้องชายของเขาสบถออกมาพร้อมกัน “มันมาหลอกว่านเหรอเนี่ย แล้วว่านไปรู้มาได้ยังไง”

“แป้งไปสืบมาได้ครับ” วิวาห์พูดแค่นั้น ไม่ได้เล่าต่อถึงความพิสดารหลังจากนั้นที่เขาค้นพบ อามันต์ในร่างธาดาไม่ได้มาหาเขาอีกเลย ว่านรู้มาว่าชายหนุ่มต้องไปประชุมของบริษัทที่ต่างประเทศอาทิตย์นี้

“วะไอ้หมอนี่ เห็นท่าทางก็ดีดันมาหลอกกันได้ ว่านนะว่าน...ไม่ได้เสียใจใช่มั้ย” พี่วัตถามอย่างเป็นห่วง วิวาห์ส่ายหน้ายิ้ม ๆ

“ไม่ครับ ว่านไม่ได้รักเค้า”

“ดีแล้ว” คนฟังโล่งอก สงสารน้องชายตัวเองขึ้นมาเต็มทน ทำไมวิวาห์ถึงได้อาภัพเรื่องความรักนักก็ไม่รู้ “แล้วมีอะไรอยากให้พี่ช่วยหรือเปล่า บอกมาได้เลยนะกลับมาเที่ยวนี้พี่ขอลามาอาทิตย์นึงจะได้ช่วยกันจัดการ”

...ว่านอยากขอให้ทุกคนกลับมาอยู่ด้วยกันแต่ก็รู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ ว่านนิ่งคิดอยู่นานก็พูดขึ้นยิ้ม ๆ

“ว่านอยากได้หม้อทอดไร้น้ำมันครับ ว่าจะไปดูที่ร้านพรุ่งนี้”

“เอาสิ เดี๋ยวพี่ไปด้วย วินล่ะไปด้วยกันมั้ย อยู่ต่างจังหวัดเสียนานไปเดินเล่นห้างเมืองกรุงเสียหน่อยเป็นไง”

“พายี่หวาไปด้วยดีไหมครับ ให้สวมแมสก์เอาไว้ก็คงไม่เป็นไร” วิรุฬเสนอ

คนที่ดีใจที่สุดก็คือยี่หวานี่เอง เด็กหญิงแทบไม่ได้ไปไหนเลยนอกจากอยู่บ้านกับโรงพยาบาล พอได้ออกไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาพร้อมกับคนเป็นลุงและน้าที่แสนจะตามใจ หวันยิหวาก็ดีใจจนเนื้อเต้น ลุงวัตกับน้าวินซื้อของให้ยี่หวามากมายตามแต่เด็กหญิงจะร้องขอ ยิ่งว่านพยายามจะปรามเท่าไหร่ก็ดูจะยิ่งหนักข้อมากขึ้น

“เอาน่า ไม่ได้เจอกันบ่อย ๆ เสียหน่อย ใช่มั้ยลูก”วิรัตน์หอมแก้มหลานสาวแรง ๆ “ไปดูสมุดวาดภาพระบายสีกันดีไหมยี่หวา สีกล่องเดิมหมดหรือยังครับ”

วิวาห์เลยไม่ได้ค้านอีก เขาเดินดูเครื่องใช้ไฟฟ้าเพลิน ๆ อยู่คนเดียวก็รู้สึกว่ามีสายตาของใครมองจ้องมาจากข้างหลัง วิวาห์เงยหน้าขึ้นหันกลับไปมอง ...ว่างเปล่า...

“สงสัยจะคิดไปเอง” ชายหนุ่มส่ายหน้า เดินผ่านชั้นเครื่องกรองน้ำไปดูเครื่องปั่นน้ำผลไม้ต่อ ก้ม ๆ เงย ๆ ดูนู่นดูนี่อยู่พักใหญ่ก็รู้สึกเหมือนมีสายตามองมาอีกแล้ว

“..............” ไม่มีใครเลย

นอกจากเขากับพนักงานที่ยืนอธิบายอุปกรณ์อยู่แล้วก็ไม่มีใครอื่นอีกเลย

“คุณลูกค้ามองหาอะไรหรือเปล่าครับ”

“เปล่าครับ ไม่มีอะไร...มีสีอื่นไหมครับ”วิวาห์ดึงสายตากลับมารู้สึกขนลุกแปลก ๆ พอได้ของที่ต้องการแล้วก็รีบโทรหาพี่น้องเพื่อไปสมทบ

ลูกสาวกำลังนั่งกินไอศกรีมถ้วยใหญ่อยู่อย่างสบายอารมณ์ขณะที่พี่วัตกับวินกำลังนั่งคุยเรื่องฟุตบอลกัน

“ซื้อเสร็จแล้วเหรอว่าน กินไอติมมั้ย...”

“ไม่ล่ะครับ เรากลับกันดีกว่า” ว่านรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่...

“วินสั่งอาหารกลับไปฝากเตยครับ รออีกประมาณยี่สิบนาทีได้มั้ยพี่ว่าน”

“โอเค” วิวาห์กวาดตามองไปรอบตัวก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ ลูกสาว วิรัตน์เป็นคนแรกที่สังเกตเห็นความผิดปกติของวิวาห์ก่อน

“มีอะไรหรือเปล่าว่าน”

“ว่านรู้สึกเหมือนมีใครตามเรามา” วิวาห์พึมพำเหลือบมองข้างหลังอีกครั้งกลุ่มเด็กวัยรุ่นเกือบสิบคนยืนพูดคุยซื้ออาหารกันอยู่ ไม่มีใครมองมาทางว่านด้วยซ้ำ “สงสัยจะคิดไปเอง พักนี้ว่านไม่ค่อยได้ออกมาเดินเล่นเท่าไหร่”

“ว่านคงจะเครียดมาก พี่เข้าใจ”วิรัตน์พูดเสียงอ่อนลงกว่าปกติ “พี่ขอโทษด้วยที่ไม่ได้อยู่ในวันที่ว่านลำบาก ยังคิดอยู่เลยว่าที่บ้านจะเป็นยังไงบ้าง แต่ว่านก็ดูแลทุกคนได้ดีมาก ๆ ถ้ามีว่านอยู่ที่บ้านพี่ก็หมดห่วง”

คนฟังรู้สึกดีขึ้นไม่น้อย

“พี่วัต ...ว่านทำไม่ได้ขนาดนั้นหรอก”

“ใครบอก ดูแลคนทั้งบ้านไม่ใช่งานง่าย ๆ หรอก ขนาดพี่ดูแค่เมียคนเดียวยังเหนื่อยแทบตายแล้วนี่ว่านต้องดูทั้งลูกทั้งยายเอิบไหนจะพ่อกับแม่ พี่นับถือใจว่านนะ ว่านเป็นหัวหน้าครอบครัวที่เก่งมาก ๆ”

วิวาห์น้ำตาคลอ ไม่เคยมีใครพูดชมเขาแบบนี้มาก่อนเลยแม้แต่ตัวว่านเองก็ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเอง ‘ได้เรื่อง’มีแต่เป็นภาระของที่บ้านมาตลอด

“พูดอะไรน่ะพี่วัต ว่านก็ทำไปตามหน้าที่”

“ไม่ใช่ทุกคนจะเสียสละตัวเองแบบว่านหรอกนะ แม้แต่พี่เองก็ยอมรับว่าพี่ก็คงทำไม่ไหว อาจจะหอบลูกแล้วออกไปอยู่ที่อื่นเลยก็ได้” พี่ชายหัวเราะ“ไม่มีใครบังคับใครได้ นอกจากตัวเราเองที่รู้หน้าที่ว่าต้องทำอะไร ทุกคนก็อยากหาความสบายใส่ตัวกันทั้งนั้น ไม่มีใครอยากมาแบกรับภาระหรอกว่าน พี่ถึงได้นับถือว่านไงล่ะ พี่พูดจริง ๆ นะ พี่ก็ยังไม่เคยเห็นคนที่ไม่มีความเห็นแก่ตัวเลยแบบว่านเหมือนกัน”

“ใครบอก ว่านเห็นแก่ตัวจะตายไป” วิวาห์พูดขึ้น“ว่านอยากเก็บทุกคนเอาไว้อยากให้ทุกอย่างเหมือนเดิม”

“ไม่มีอะไรเหมือนเดิมได้หรอกว่าน แม้แต่อารมณ์ของเราเองก็ยังเปลี่ยนไปตลอดเวลา” วิรัตน์ยิ้ม“พี่จำคำพระมาน่ะ พอไปอยู่ที่นู่น เจอเรื่องโน้นเรื่องนี้ไม่ถูกใจมากมาย มันไม่สบายเหมือนอยู่บ้านเรา พอเจอปัญหาหนัก ๆ บางทีก็ต้องอาศัยธรรมะเข้าช่วยอีกหน่อยพี่อาจจะบวชเรียนก็ได้นะทำเป็นเล่นไป หึๆ”

วิวาห์ลอบถอนหายใจ ถึงอย่างไรพี่วัตก็ยังคงเป็นพี่ชายคนโตที่ว่านรักที่สุดเสมอ พี่วัตไม่มีทางปริปากบอกถึงความลำบากของตัวเองแน่นอน มีแต่พูดให้กำลังใจน้องที่ไม่ได้เรื่องอย่างว่าน

“เจ้าวินกับยี่หวามานู่นแล้ว เรากลับกันเถอะ”

วิวาห์เดินจูงมือยี่หวาตามหลังพี่ชายน้องชายไปยังที่จอดรถ เดินผ่านแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกรอบ โทรทัศน์จอแบนขนาดใหญ่ที่วางโชว์อยู่กำลังฉายหน้าจอข่าวด่วนในวันนี้

“...เครื่องบินของสายการบินแอร์เอ็กซ์เที่ยวบินที่ XXXX มุ่งหน้าสู่ประเทศเยอรมันเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเนื่องจากใบพัดระเบิด ทำให้เครื่องบินตกลงกลางมหาสมุทรเมื่อเวลา....ที่ผ่านมา ....ผู้เสียชีวิตทั้งลำจำนวนXXXราย กำลังตรวจสอบรายชื่อผู้โดยสารอยู่...” เสียงนักข่าวพูดอยู่ได้ยินแว่ว ๆ วิวาห์หันกลับไปมองแล้วก็ไม่ได้สนใจอะไร

มารู้ข่าวอีกทีตอนที่กลับถึงบ้านแล้วว่าธาดาอยู่ในเที่ยวบินลำนั้นด้วย ชายหนุ่มเสียชีวิตพร้อมกับผู้โดยสารที่เหลือ...

“คุณว่านฟังอยู่หรือเปล่าคะ ดิฉันไม่ทราบว่าคุณกับคุณฟอร์ดมีความสัมพันธ์กันอย่างไร แต่ว่าตามพินัยกรรมแล้วคุณฟอร์ดยกบ้านกับหุ้นทั้งหมดให้คุณกับเด็กหญิงที่ชื่อหวันยิหวาค่ะ” เสียงกรกมลดังมาตามสายสั่นเครือ “ทำไมถึงเป็นแบบนี้คะคุณว่าน ดิฉันงงไปหมดแล้ว”

“...ผมก็ไม่เข้าใจ” วิวาห์หลุดปากออกไป มึนงงเหมือนถูกค้อนทุบหัวแรง ๆ “แต่ว่าคุณกรกมลไม่ต้องกังวลนะครับ ผมไม่เอามรดกพวกนั้น มันควรต้องเป็นของคุณกับลูก”

“ที่ดิฉันอยากทราบคือความสัมพันธ์ของคุณกับสามีของดิฉันมากกว่าค่ะ คุณ..วิวาห์คงไม่ได้มาหลอกสามีฉันใช่มั้ยคะ เขาไม่สบายความจำเสื่อมอยู่ อาจจะทำพินัยกรรมขึ้นมาโดยที่ไม่รู้ตัว...”

“ผมไม่เคยหลอกใครครับ น่าจะเป็นเพราะคุณธาดาป่วยมากกว่า คุณกรกมลอย่าคิดมากนะครับ ผมไม่อยากได้ของ ๆ คุณหรอก” วิวาห์พูดเร็วขึ้น บีบมือเข้าหากันแน่น ถ้าธาดาเสียชีวิตไปแล้วจริงก็แสดงว่าวิญญาณของอามันต์จะต้องหายไปด้วยใช่หรือเปล่า ....แสดงว่าพี่อาร์มตายไปแล้วใช่มั้ย... “เรานัดเจอกันดีไหมครับ จะได้ตกลงกันเป็นลายลักษณ์อักษร ผมจะเขียนเอาไว้ให้ว่าไม่เอามรดกของคุณ”

“ขอบคุณมากนะคะคุณว่าน” เสียงอีกฝ่ายโล่งใจขึ้นมาก “เดี๋ยวจะให้ทนายติดต่อนัดวันไปนะคะ”

วิวาห์ไม่ได้เล่าเรื่องพินัยกรรมให้คนในครอบครัวฟัง เขาบอกพี่ชายเพียงแค่ว่าธาดาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเท่านั้น วันรุ่งขึ้นว่านไปงานศพของธาดา กรกมลสวมชุดไว้ทุกข์ เธอหน้าตาซีดเซียวนัยน์ตาบวมช้ำ ว่านเห็นเข้าก็นึกสงสารจับใจ

“ผมเสียใจด้วยนะครับ”

“มันปุบปับจริง ๆ ฉันไม่ทันนึกเลย” เธอพูดเสียงสั่น น้ำตาร่วงออกมาอีก จับมือว่านเอาไว้แน่น “ขอบคุณคุณว่านมากนะคะ คุณกับคุณฟอร์ดคงเป็นเพื่อนรักกันมาก เขาถึงยกมรดกให้หมด”

“เอ่อ...คุณฟอร์ดอาจจะอยู่ในช่วงที่ไม่สบายด้วยครับ” วิวาห์พูดอย่างอึดอัด เขาเพิ่งตกลงเรื่องจัดการมรดกกันกับทนายของกรกมลเมื่อครู่นี้ก่อนที่พระจะเริ่มสวด

นอกเหนือจากกรกมลแล้วว่านก็ได้เจอเพื่อนพนักงานเก่า ๆ สมัยที่ว่านยังทำงานที่สำนักพิมพ์ของธาดาด้วยว่านไม่ได้เข้าไปพูดคุยอะไรมากนักนอกจากทักทายตามมารยาท เขารู้ดีว่าคนพวกนั้นคงแอบนินทาเรื่องมรดกกันแน่ ๆ

ใคร ๆ ก็ต่างสนใจชายหนุ่มที่เป็นเจ้าของชื่อมรดกทั้งหมดตามพินัยกรรมของผู้ตายกันทั้งนั้น ว่านทนอึดอัดนั่งพนมมือจนสวดจบก็ขอตัวกลับก่อน

เขามองรูปธาดาในกรอบหน้าโลงศพแวบหนึ่ง อดรู้สึกเศร้าใจไม่ได้ ...ถ้าสิ่งที่อามันต์พูดเป็นความจริง ธาดาก็ควรจะต้องอายุยืนถึงแปดสิบสองปี ทำไมถึงมาเสียชีวิตที่อายุสามสิบหกก่อนล่ะ...

หากเป็นเพราะพี่อาร์มทำให้ธาดาต้องตายก่อนกำหนดล่ะก็...วิวาห์ลอบถอนหายใจยาว มันก็เป็นความผิดของเขาด้วยส่วนหนึ่งเหมือนกัน

“ขอบคุณคุณว่านมากนะคะ คุณเป็นเพื่อนที่ดีมาก ๆ ค่ะ ฉันอยากตอบแทนคุณ รับเอาไว้นะคะ....อย่าปฏิเสธเลยค่ะ นี่เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ เอง ที่คุณคืนให้เราสองแม่ลูกมากมายกว่านี้หลายเท่า” กรกมลส่งเช็คให้เขา ว่านเห็นตัวเลขบนนั้นก็ไม่สบายใจ

“มันเป็นเงินของคุณกับลูกชายครับ ไม่ต้องให้ผมหรอก”

“ไม่ได้ค่ะ คุณรับเอาไว้เถอะนะคะ แล้วมีอะไรที่ฉันพอจะช่วยคุณได้ ฉันเต็มใจช่วยคุณทุกอย่างค่ะ” หญิงสาวทิ้งท้ายแล้วคะยั้นคะยอให้รับเอาไว้อีกหลายหน “ได้ยินว่าลูกสาวคุณว่านไม่ค่อยสบาย จะได้ไว้ใช้ดูแลลูกนะคะ” เธอเข้าใจยกเหตุผลมาพูด

ว่านก็เลยรับเช็คเงินสดใบนั้นเอาไว้ จำนวนเงินของมันมากพอที่เขาจะใช้รักษายี่หวาได้สบาย ๆ แถมยังมีเหลือเก็บอีกก้อน ถึงแม้ว่าว่านจะไม่ค่อยสบายใจเพราะต้นเหตุของเงินนั้นมาจากพี่อาร์มก็ตามที...

แป้งล้งเล้งมาตามสายว่าทำไมเขาถึงปฏิเสธไม่รับมรดกมากมายมหาศาลนั้น ทั้ง ๆ ที่ธาดาก็เป็นคนเขียนพินัยกรรมเองว่ายกให้เขาทั้งหมด

“แกบ้าหรือโง่นะว่าน คืนเขาไปทำไมลาภลอยมาชัด ๆ ก็เขาให้แกด้วยความเสน่หาไงล่ะ แกค่อยแบ่งให้เมียกับลูกเขาก็ได้ ไม่ใช่ยกให้เขาหมดแบบนี้ แล้วตัวเองก็กินแกลบ ...จะเป็นคนดีไปแล้วนะว่าน” เธอบ่นเพื่อนมาอีกหลายคำ “เป็นฉันนะจะรีบย้ายบ้านเข้าไปอยู่บ้านหลังนั้นเลยนอนตีพุงสบายทั้งชาติ”

“มันไม่ใช่ของฉัน เธอจะบ้าหรือไงแป้ง จะไปเอาของคนอื่นมาได้ยังไง” วิวาห์ตอบอย่างสงบ “เขาหามาก็ต้องเป็นของลูกเมียเขา ฉันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเสียหน่อย แล้วคุณกรกมลเขาก็ให้ฉันมาแล้วด้วยก้อนนึง”

“โอ๊ย เงินเท่าเศษเล็บนั่นน่ะนะ สงสารยัยยี่หวาจริง ๆ มีแม่ใจบุญสุนทานขนาดนี้” เธอกระแทกเสียง “เอาเถอะคืนเขาไปแล้วก็ดีเหมือนกัน ได้ไม่วุ่นวายยัยเมียเขาแม่กรกมลน่ะก็ไม่ธรรมดาหรอกนะได้ยินมาว่าเอาเรื่องอยู่พี่น้องเขาอีก จบไปแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”

ว่านนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้

“แป้ง ถามหน่อยสิคุณฟอร์ดเขามีพี่น้องกี่คนเหรอ”

“เท่าที่ทุกคนรู้ก็สาม แต่ถ้าที่คนทั่วไปไม่รู้ก็มีอีกหนึ่ง” เพื่อนสนิทของเขาตอบกลับมา ว่านตกใจมาก

“...เป็นแฝดหรือเปล่า”

“ไม่รู้สิ รู้แค่ว่าเป็นลูกที่เกิดจากแม่เดียวกันก่อนที่พ่อเขาจะมาแต่งงานใหม่น่ะ น้อง ๆ ที่เหลือก็คือเกิดจากแม่ใหม่ แต่ว่าเขาไม่เปิดเผยหรอกนะ ฉันบังเอิญรู้มาในวงไพ่พวกไฮโซ พ่อคุณฟอร์ดน่ะเจ้าชู้จะตาย แต่งงานตั้งสามรอบ ที่สมัยก่อนมีข่าวว่าคั่วนางงามไงล่ะ ชื่ออะไรนะ...ผิวแทน ๆ..”

“แป้งแล้วพี่น้องที่แม่เดียวกันน่ะ เขาอยู่ไหนเหรอรู้มั้ย” ว่านรีบถามก่อนที่เพื่อนจะไปเรื่องอื่น

“ไม่รู้แฮะ ถามทำไมเหรอ”

“เผื่อมีคนมาถามเรื่องมรดกน่ะ” ว่านอ้างเพื่อนหัวเราะ

“คงไม่หรอก แกยกให้ยัยกรกมลไปแล้วนี่ เออ แล้วนี่พี่วัตกับวินยังอยู่บ้านมั้ย”

“อยู่ ๆ คืนนี้มีปาร์ตี้กันก่อนกลับ เธอจะมามั้ยล่ะ พาเด็ก ๆ มาด้วยสิ ฉันคิดถึงหลาน”

“โอเค เดี๋ยวแวะไปหานะคืนนี้”

ว่านใจหายเหมือนกันที่พี่ ๆ น้อง ๆ จะแยกย้ายกลับไปทำงานกันต่อแล้ว แต่ทุกคนก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเอง เหมือนที่ว่านย้ำกับตัวเองเสมอว่าหน้าที่ของว่านก็คือดูแลยี่หวาและทุกคน

“อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยนะว่าน รอบหน้าต้องอ้วนกว่านี้นะ” พี่เบสต์พูดกับเขายิ้ม ๆ จับแขนว่านเอาไว้ “แล้วไว้พี่จะแอบถามเรื่องเคล็ดลับดูแลตัวเองตอนท้องนะ”

“ได้เลยครับพี่เบสต์ ว่านเตรียมหนังสือเอาไว้ให้แล้ว ว่านอ่านสองเล่มนี้แหละตอนท้องยี่หวา” วิวาห์นั่งคุยเรื่องนี้กับพี่สะใภ้ต่ออีกยาว ได้ยินเสียงร้องเพลงผสมกับเสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากในห้องรับแขก ดูเหมือนพี่วัตกับยี่หวาจะเริ่มร้องคาราโอเกะเล่นกันแล้ว

“..มีอะไรหรือว่าน” พี่เบสต์มองหน้าว่านงง ๆ ว่านหันกลับมา

“เปล่าครับ” ...เอาอีกแล้วเขารู้สึกเหมือนมีใครกำลังจ้องมองมาอีกแล้ว ทว่าพอมองรอบตัวก็กลับไม่เห็นใครเลย “เดี๋ยวว่านไปหยิบหนังสือมาให้นะครับ พี่เบสต์นั่งเล่นไปก่อนนะ”

ว่านเดินผละออกมาจากสวนเข้าไปในบ้าน เขาแวะหยิบหนังสือที่เตรียมเอาไว้ให้แล้วก็หยุดปรบมือให้ลูกสาวที่กำลังร้องเพลงอยู่อย่างสนุกสนาน ว่านรู้สึกเหมือนมีสายตาจ้องมองมาอีกครั้ง คราวนี้เขาหันกลับไปมองก็เจอยายเอิบยืนอยู่ที่ประตูห้องรับแขก

“อ้าว ยายเอิบไม่นอนเหรอครับ”

“หรือว่าพวกผมเสียงดังไป ดูสิยายเอิบดุตาขวางเลย” พี่วัตหันมาเห็นด้วยเหมือนกันพูดกลั้วหัวเราะ วิวาห์กุลีกุจอเดินเข้าไปจับแขนยายเอิบเอาไว้ รู้สึกว่าผิวของยายเอิบเย็นเฉียบ

“ยายเอิบทำไมมองหน้าว่านอย่างนั้นล่ะ” วิวาห์ประคองพี่เลี้ยงอาวุโสกลับเข้าไปนอนในห้อง ดวงตาฝ้าฟางของยายเอิบมองเขาตลอดเวลาไม่กะพริบ “หิวหรือเปล่าครับ กินซุปหน่อยมั้ยว่านทำเผื่อเมื่อตอนบ่าย” วิวาห์กลับออกมาจากครัวพร้อมกับถ้วยซุปใสควันกรุ่น

หญิงชรานั่งห้อยขาอยู่บนเตียง จับตามองเขานิ่ง ๆ ว่านส่งยิ้มไปให้ ยกถาดซุปไปวางข้าง ๆ หัวเตียง

“ขอว่านหาช้อนก่อนนะครับ เมื่อกี้วางอยู่แถวนี้นี่ ...โอ๊ะ!!อะไร..”ว่านรู้สึกเหมือนมีอะไรผ่านเนื้อหน้าท้องไปตามด้วยความเจ็บปวดแล่นปราดไปทั่วร่าง ว่านก้มลงดูก็เห็นมีดปอกผลไม้เสียบอยู่ที่ท้องของเขา มือเหี่ยวย่นนั้นจับด้ามมีดเอาไว้แล้วบิดควาน ว่านร้องลั่นทรุดลงไปกองกับพื้น ตาเบิกโพลงอย่างตกใจ

เลือดสีแดงฉานทะลักออกมาจากบาดแผลกว้างที่ท้องของเขาจนเสื้อสีขาวเปลี่ยนสีในพริบตา วิวาห์มองเห็นยายเอิบลุกขึ้นเดินข้ามร่างของเขาไปพร้อมกับมีดในมือ

“วีว่าคะ ลุงวัตให้มาตามไปร้องเพลงค่ะ ยายเอิบก็ไปด้วยกันสิคะ”

“ยะ...ยี่หวา...ถอย..ถอยไปลูก!!!”

ว่านตะเกียกตะกายตามหลังยายเอิบไปที่ประตู เขาเห็นยี่หวาร้องกรี้ดออกมาแล้วก็หงายหลังล้มลงไปนอนที่พื้น ดวงตากลมโตเหลือกค้าง มีดปอกผลไม้เล่มนั้นปักคาอยู่บนแผ่นอกบอบบาง

................................................................................



มาต่อกันนะคะ

เจอกันตอนหน้านะ

#วิวาห์อามันต์




ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
โหหหห. อะไรจะซับซ้อนขนาดนั้น. คิดตามไม่ทันแล้ว

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
ทำไมต้องเอาไปด้วยล่ะอามันค์ใจร้ายมาก

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :katai1: :katai1: ใครมาสิงร่างยาวเอิบอีกเนร่ย

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
สับสนมากก และงงมากกกกก :ling3: :ling3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด