::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8  (อ่าน 29589 ครั้ง)

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เห้อออออออ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
แสดงว่าพี่อาร์มป่วยมานานแล้วใช่ไหม

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ทำไมถึงไม่มีใครรู้ว่าอาร์มป่วย?
แล้วทำไมน้องถึงทรุดดด

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
คนเขียนไม่ต้องสปอยน่ะดีแล้ว
คนอ่านจะได้จินตนาการต่อ
ขอบคุณที่เขียนเรื่องสนุก ๆ ให้ได้อ่าน

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
สงสารยิหวา

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
วิวาห์อามันต์

ตอนที่ 8







         “ยี่หวา  ยี่หวาลูก ลูกผมเป็นอย่างไรบ้างครับ  ให้ผมเข้าได้ดูได้มั้ยครับ”  วิวาห์พูดเสียงร้อนรนแทบฟังไม่เป็นคำ  มองผ่านหน้าต่างกระจกใสเข้าไปเห็นม่านคลุมล้อมรอบเตียงของลูกสาวเอาไว้อยู่  บดบังสายตาจากภายนอกอย่างสิ้นเชิง  “คุณให้ผมเข้าไปนะ  ผมจะเข้าไปหาลูก”

          “ยังไม่ได้ค่ะ คุณหมอกำลังปั้มหัวใจช่วยชีวิตคนไข้อยู่นะคะ  ญาติรบกวนรอด้านนอกก่อนนะคะ”  คุณพยาบาลจับแขนของชายหนุ่มเอาไว้แน่น  ไม่ยอมให้เข้าไปในห้องไอซียู  “คุณพ่อน้องรอข้างนอกก่อนนะคะ  เดี๋ยวคุณหมอจะมาคุยด้วยค่ะ”

          “ไม่  พี่วัตปล่อยผม ...ผมจะเข้าไปดูลูก”  วิวาห์ตะโกนลั่น สะบัดตัวเต็มแรงทว่าถูกวิรัตน์และวิรุฬล็อกแขนเอาไว้คนละข้าง  สุดท้ายก็จำต้องถอยกลับไปนั่งรออย่างกระวนกระวายใจบนเก้าอี้ข้างหน้านั่นเอง  “พี่วัต ยี่หวาจะเป็นไรมั้ย ยี่หวาจะตายหรือเปล่า”

          “ใจเย็น ๆ ว่าน”  วิรัตน์ปลอบแม้จะรู้สึกไม่ดีเลยก็ตาม  “คุณหมอเขาจะต้องช่วยยี่หวาได้แน่  ยี่หวาเป็นเด็กอดทน  จะต้องผ่านไปได้”

          “พี่ว่านนั่งพักก่อนครับ”  น้องชายโบกมือพัดให้พลางหายาดมมาจ่อจมูก

          ร่างสูงใหญ่ของอามันต์ยืนอยู่หน้าห้องผู้ป่วยหนักวิกฤติ  ว่านเบิกตาโพลงผุดลุกขึ้นยืน

          “พี่อาร์ม  ...อย่ามายุ่งกับเขานะ  เพราะพี่ใช่มั้ยยี่หวาถึงได้แย่ลง”

          อามันต์หันกลับมามองแล้วเลิกคิ้ว

          “เพราะพี่เหรอ...ทำไมว่านถึงใส่ร้ายพี่แบบนั้น” เสียงแหบห้าวนั้นฟังดูชัดเจนสมจริงไม่เหมือนภาพที่เขามโนขึ้นมาเองเอาเสียเลย  วิวาห์ชะงัก หันกลับไปมองพี่น้องสองคนที่ตอนนี้ต่างลุกขึ้นยืนเบิกตากว้างจ้องมองไปยังอามันต์ราวกับเห็นผี

          “...นั่นมัน...อามันต์นี่”  วิรัตน์พูดตะกุกตะกัก  ยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองดังเผี๊ยะ  ขณะที่นายแพทย์วิรุฬขมวดคิ้วฉับก้าวยาว ๆ เข้าไปหาอดีตคนรักของพี่ชายอย่างประหลาดใจ เขายกมือขึ้นจับท่อนแขนล่ำสันนั่น สัมผัสของเลือดเนื้อปกติทำให้ชายหนุ่มตกใจ

          “เห้ย...คุณ..ไม่ได้ป่วยหรอกเหรอ”

          อามันต์ปัดมือเขาออก  พูดเสียงห้วน

          “คุณไปเอามาจากไหนว่าผมป่วย”

          “ไม่จริงน่ะ”  วิรัตน์ส่ายหน้า “วันนั้นฉันแอบไปดูร่างของนายที่โรงพยาบาลมาเองกับตา  นายนอนเป็นผักจริง ๆ”

          รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากของคนฟัง  อามันต์ยักไหล่

          “คุณอาจจะตาฝาดไปล่ะมั้งครับ  หรือไม่...ร่างนั้นก็ไม่ใช่ผม”

          “พี่อาร์มเป็นคนจริง ๆ เหรอ”  วิวาห์เพิ่งตั้งสติได้  พูดออกเป็นคำแรก  มองหน้าเขานิ่งค้าง  “พี่ไม่ได้ป่วยจริงเหรอ”

          “ก็เห็น ๆ อยู่นี่ว่าน”  อามันต์พูดเสียงอ่อนลง  เดินเข้ามาจับไหล่ของว่านเอาไว้  “พี่กลับมาช่วยว่านกับลูกของว่าน”

          “พี่อาร์มช่วยยี่หวาได้เหรอครับ”  วิวาห์เงยหน้าขึ้นถามอย่างมีความหวัง ไม่ทันเห็นรอยยิ้มที่วาบผ่านไปในดวงตาคมกริบสีดำสนิทคู่นั้น  อามันต์ตอบอย่างอ่อนโยน         

          “ได้สิ  แต่ว่านต้องมากับพี่”

          “อย่า”  วิรัตน์ห้ามทันที  “จะไปไหน”

          “ยี่หวาอาการไม่ดี  ว่านไม่กล้าไปไหนตอนนี้หรอก”  วิวาห์พูด หันกลับไปมองสถานการณ์ข้างในห้องไอซียูนั้นต่ออย่างกังวล

          “แล้วภรรยาของว่านไปไหนเสียล่ะ เวลาแบบนี้เธอควรจะอยู่กับว่านมากที่สุดไม่ใช่หรือไง”  หางเสียงของคนพูดมีแววเยาะเล็กน้อย  ว่านขมวดคิ้ว...พี่อาร์มยังไม่รู้งั้นเหรอว่ายี่หวาจริง ๆ แล้วนั้นเป็นลูกของพี่อาร์ม...

          วิรัตน์กับวิรุฬหันมาสบตากันอย่างงงงัน

          “ถึงพี่จะเคยทิ้งว่านไปในอดีต  แต่พี่รับรองได้ว่าจะไม่ทิ้งว่านไปอีกแล้ว  พี่จะอยู่กับว่านเอง”  อามันต์พูดเนิบ ๆ เหลือบตามองใบหน้าอ่อนใสของอดีตคนรักตนเองอย่างหมายมาด ...ว่านคงไม่รู้ว่าเขารอเวลานี้มานานแค่ไหน

          เวลาที่จะมีใครสักคนที่...พร้อมจะเสียสละชีวิตและจิตวิญญาณให้แก่เขา...

          อามันต์ยิ้มมุมปากอย่างพอใจ  ยืนกอดอกมองผ่านผ้าม่านเข้าไปยังคนไข้ตัวน้อยที่สายใยแห่งชีวิตค่อย ๆ บางลงจนแทบจะขาดสะบั้น พลังแห่งวิญญาณถ่ายเทมายังร่างกายของเขาจนเกิดเป็นกายเนื้อ  มากมายพอที่จะใช้ตัดบ่วงที่ยังติดค้าง

          ...บ่วงที่เขาคิดเอาเองว่าเกิดจากอดีตคนรักคนนี้ ...เพราะว่านยังไม่ให้อภัยเขา เขาถึงไปไหนไม่ได้เสียที...ชายหนุ่มคิดอย่างแค้นเคือง เด็กคนนี้ใช้ประโยชน์จากเขาตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน เกาะชื่อเสียงของเขาจนดังแล้วยังมีหน้ามาโกรธเขาอีกเหรอ

          “พี่อาร์มมีวิธีช่วยยี่หวาเหรอครับ” วิวาห์หันมามองเขาด้วยดวงตากลมใสเหมือนลูกแก้ว  อามันต์ซ่อนความรู้สึกของตัวเองเอาไว้  ส่งยิ้มอ่อน ๆ ออกไป            

          “ใช่แล้ว  พี่พอมีวิธี”

          “ต้องทำยังไงเหรอครับ”  วิวาห์พูดเสียงเครือ  น้ำมูกน้ำตาไหลเป็นทาง “ว่านต้องทำยังไง”

          “มากับพี่สิ”

          “ว่าน”  วิรัตน์เดินเข้ามาประกบทันควัน  “รอให้ยี่หวาดีขึ้นก่อน  แล้วเราค่อยไปด้วยกัน”

          “หวันยิหวาไม่มีทางดีขึ้นหรอก”  อามันต์พูดเนิบ ๆ “ตราบใดที่ว่าน...”  ชายหนุ่มพูดแค่นั้นแล้วก็หยุดไปดื้อ ๆ วิวาห์มองผ่านม่านน้ำตาพร่าพรายไปยังเตียงผู้ป่วยที่ปิดม่านทึบ เขาไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์ข้างในม่านเป็นอย่างไรบ้าง

          “ผมจะรอฟังอาการจากคุณหมอก่อนครับ”  วิวาห์ตัดสินใจ

          อามันต์นิ่งไป  ว่านดูมีสติมากกว่าที่คิด ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงจะรีบตามเขามาทันทีแน่  ชายหนุ่มถอยไปยืนเงียบ ๆ ที่มุมทางเดิน  ครู่ใหญ่นายแพทย์เจ้าของไข้ของยี่หวาก็เดินออกมา  คุณหมอมีสีหน้าเคร่งเครียดทีเดียว

          อาการของยี่หวาทำให้วิวาห์เข่าอ่อนทรุดลงไปกองกับพื้นโดยที่ใครก็รับตัวเอาไว้ไม่ทัน คุณหมอบอกว่าหัวใจของยี่หวากลับมาเต้นแล้วหลังจากปั้มหัวใจไปหลายนาที  แต่ว่าเธอยังไม่ตอบสนองและมีโอกาสที่จะกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา...

          วิวาห์ทำใจไม่ได้  เขาไม่ได้เตรียมใจเอาไว้สำหรับเรื่องนี้ ลูกสาวของเขาอยู่ในวัยน่ารักน่าชังกำลังช่างพูด  หวันยิหวาของเขาทำไมถึงได้โชคร้ายนัก  ทำไมต้องเป็นหวันยิหวา  ทำไมถึงต้องเป็นลูกของเขา..

          “เพราะมึง  ทำให้หลานกูต้องเป็นแบบนี้  เพราะมึงใช่มั้ยไอ้หน้าตัวเมีย”  พี่วัตโกรธมาก กระโจนเข้าใส่อามันต์เต็มแรง วิรุฬเข้ามายึดตัวพี่ชายเอาไว้แน่น

          “อย่าพี่วัต  ไม่เกี่ยวกัน พี่วัตใจเย็น ๆ ก่อน” ถึงนายแพทย์หนุ่มจะรู้สึกตงิด ๆ ว่าอาการป่วยของหลานสาวจะสัมพันธ์ของผู้ชายตรงหน้า แต่ว่าเขาก็ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะพูดได้เต็มปาก

          วิรัตน์ได้สติ เขาสะบัดตัวฮึดฮัดแล้วก็เดินเข้าไปกอดว่านเอาไว้  สงสารทั้งหลานสาวทั้งน้องชายสุดหัวใจ  ถามอาการกับคุณหมอเจ้าของไข้อย่างละเอียดอีกรอบวิรัตน์ก็ตัดสินใจจะพาวิวาห์กลับไปพักที่บ้านก่อน

          “พี่ว่าว่านไม่ไหว  จะเปลี่ยนป้าเอิบมาเฝ้าแทนไปก่อน”

          “ไม่ครับพี่วัต  ว่านจะอยู่เฝ้าลูกที่นี่”  ว่านพูดแกมสะอื้น  “ว่านจะเข้าไปหาลูก”

          ไม่มีใครกล้าขัดใจ  วิวาห์เข้าไปดูลูกสาวที่ข้างเตียง  ร่างเล็กบอบบางนั้นดูซีดเผือดกว่าที่เคย  ราวกับเลือดเนื้อถูกสูบออกไปจนหมด  เหลือแค่ร่างไร้วิญญาณเอาไว้...ไม่มีทาง  สัญญาณชีพจรของยี่หวายังอยู่  หัวใจของยี่หวายังเต้นเป็นจังหวะ  ยี่หวาของเขาจะตายได้อย่างไร

          “อดทนนิดนะลูก”  วิวาห์บีบมือเล็กเย็นเฉียบนั้นเอาไว้  “ยี่หวาได้ยินวีว่ามั้ย  ยี่หวาต้องฟื้นขึ้นมานะคะ”

          “........”  เขาหวังให้ยี่หวาลืมตาขึ้นมาตอบเขา  แต่ก็คงเป็นความหวังที่มากเกินไป

          “วีว่าจะรอยี่หวานะ  ยี่หวาต้องกลับมานะคะ”  ว่านซบหน้าลงกับราวกั้นเตียง  เม้มปากกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ไม่อยากให้ลูกสาวได้ยินเข้า  กลัวว่าลูกจะใจเสีย  “วีว่ารออยู่นะลูก  เราจะได้ไปซื้อไอศกรีมด้วยกันไง  ยี่หวาชอบไม่ใช่เหรอคะ”

          วิวาห์ยืนอยู่ข้างเตียงของลูกสาวจนหมดเวลาเยี่ยม ชายหนุ่มเดินคอตกกลับออกมาจากห้องผู้ป่วยหนักวิกฤติอย่างไร้เรี่ยวแรง  หวันยิหวาของเขาจะตื่นขึ้นมายิ้ม  มาหัวเราะกับเขาได้อีกมั้ย

          หรือว่าจะไม่มีวันนั้นอีกแล้ว...

          “พี่อาร์ม?”  ผู้ชายคนนั้นยังไม่ไปไหน  เขายืนอยู่มุมทางเดินที่เดิมไม่ขยับ

          “ไม่ต้องไปสนใจมัน”  วิรัตน์กระซิบข้างหูเขา  จับมือว่านเอาไว้แน่น  พาเดินออกไปตามทางเดิน  ว่านหันไปมองก็เห็นร่างสูงใหญ่นั้นมองตามหลังมาจนลับตา

          “ขนลุกยังไงก็ไม่รู้นะครับ”  วิรุฬว่า “ถึงจะรู้ว่าเขาเป็นคนก็เถอะ แต่ทำไม...เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเขายังเป็นเจ้าชายนิทราอยู่เลย”

          “นั่นสิ  ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน”  วิรัตน์ตอบ มองหน้าน้องชายคนกลางอย่างกังวล “ว่านอย่าไปหลงกลเขานะรู้เปล่า ไม่รู้จะมาไม้ไหน  จู่ ๆ ก็จะมาชวนว่านไปไหนไม่รู้”

          “เขาบอกว่ามีวิธีช่วยยี่หวา”  วิวาห์พูด ขมวดคิ้วเข้าหากัน “เชื่อได้แค่ไหน”

          “เป็นผมผมไม่เชื่อเด็ดขาด”  วิรุฬส่ายหน้า “ไม่ต้องเป็นหมอก็ได้ แต่ทางที่ดีที่สุดที่จะช่วยยี่หวาได้ในตอนนี้ก็คือการให้ยารักษาเท่านั้น  ไม่มีทางอื่น”

          วิวาห์ถอนหายใจยาว

          “นั่นสินะ”

          รถมาจอดที่หน้าบ้าน วิวาห์เดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองข้างบ้านทันทีที่กลับมาถึง  วิรัตน์กับวิรุฬหันมามองหน้ากันแล้วถอนหายใจออกมาโดยไม่ได้นัดหมาย

          “ผมกลัวพี่ว่านโดนมันหลอกอีกจัง”  วิรุฬปรารภ “เขาเป็นพวกรู้จุดอ่อนของคนแน่ ๆ เขารู้ว่าพี่ว่านเป็นห่วงยี่หวามาก  ก็ต้องเอายี่หวามาอ้าง”

          “ฉันก็ไม่เชื่อมันเหมือนกัน”  วิรัตน์ตอบ “สันดานคนมันไม่เปลี่ยนหรอก เห็นแก่ตัวยังไงก็เห็นแก่ตัวอย่างงั้น”

          “น่าแปลกตรงที่เขาไม่รู้ว่ายี่หวาเป็นลูกของเขา  ผมนึกว่าเขารู้แล้วเสียอีกถึงได้มาป้วนเปี้ยน”

          “หรือมันจะแกล้งทำเป็นไม่รู้”

          “แต่ลูกป่วยทั้งคนนะครับ  มันจะยืนนิ่งได้เหรอ ท่าทางไม่ยินดียินร้ายเหมือนไม่เกี่ยวอะไรกับเขา  ผมคิดว่าเขาไม่รู้จริง ๆ ว่ายี่หวาเป็นลูก”

          “เราควรบอกเขามั้ย  คิดว่ายังไงวิน”  วิรัตน์ถามความเห็นของน้องชาย “ยังไงตอนนี้อาการของยี่หวาก็...เราควรบอกเขาหรือเปล่า  ฐานะที่เขาเป็นพ่อ”

          “บอกแล้วจะได้อะไรขึ้นมาครับ”  วิรุฬแย้ง “ถ้าเขาอยากได้เด็กก็คงจะตามมาตั้งแต่แรก”

          “อย่าลืมว่าตอนว่านท้องไม่มีใครรู้นะ  ขนาดว่านเองก็ยังไม่รู้ตัวเลยว่าท้องได้  เขาไม่มีทางคิดออกแน่”

          “แล้วแต่พี่ว่านแล้วกันครับ”  น้องชายว่า “เราแค่คอยระวังไม่ให้พี่ว่านเสียใจมากกว่านี้อีกก็พอแล้ว”

          “ยี่หวาเป็นยังไงบ้างคะวัต”  เบสต์มาเยี่ยมเขาในตอนเย็น  เธอตกใจมากที่รู้ว่าอามันต์ปรากฏตัวอีกครั้ง  “จริงเหรอคะ แล้วน้องวินจับตัวเขาได้เหรอ”

          “ใช่...ว่านอาจจะไม่ได้หลอนไปเอง”

          “อ้าว แล้วทำไมก่อนหน้านี้ไม่มีใครเห็นตัวเขาเลยล่ะคะ”  เบสต์ขมวดคิ้ว “ถ้าเป็นคนจริงก็ต้องเห็นตัวสิ  เป็นนินจาหรือไง”   

          “ฉันว่ามันจะต้องมีเหตุผลอะไรซักอย่าง” วิรัตน์พึมพำ  “อามันต์เป็นเจ้าชายนิทรา  มาตอนนี้ยี่หวาก็จะเป็นเจ้าหญิงนิทราอีก  มันเชื่อมกันหรือเปล่า  คุณว่าเป็นไปได้มั้ยว่า...ทั้งสองคนเชื่อมกันได้เพราะเป็นพ่อลูกกัน ...อะไรทำนองนั้น”

          คนฟังมองหน้าเขาแล้วหัวเราะออกมา

          “วัต...อะไรน่ะ  เชื่อเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ”

          “ไม่...ผมแค่ลองคิดดูน่ะ  คุณไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ  มันดูบังเอิญเกินไปหรือเปล่า  เรื่องทั้งหมดนี้น่ะเหมือนถูกวางเอาไว้แล้ว”

          “ถ้าอย่างนั้นมันก็กลายเป็นเรื่องพิสูจน์ไม่ได้สินะ”  เบสต์สรุป “เบสต์ว่าเราพาพระอาจารย์มารดน้ำมนต์พวกเราทุกคนดีกว่าค่ะ”

          “โธ่”  วิรัตน์ถอนหายใจเฮือก  “ก็แค่สงสัยเฉย ๆ เอง”

          “แล้วงานแต่งงานของพวกพี่ล่ะครับ” วิรุฬขัดขึ้น  “เอายังไงต่อ”

          “ก็กินเลี้ยงกันในบ้านพอแล้วกัน”  วิรัตน์พูด “หลานป่วยขนาดนี้ฉันไม่มีอารมณ์มาจัดงานอะไรทั้งนั้น”

          “เบสต์เห็นด้วยกับพี่วัตค่ะ  ทำบุญเลี้ยงพระตอนเช้า  งานเลี้ยงกันเองตอนเย็นพอแล้ว  เบสต์สงสารยี่หวากับน้องว่านมาก  ไม่มีกะจิตกะใจจะรื่นเริงเลยจริง ๆ”

          ทุกคนถอนหายใจ เย็นวันนั้นวิรัตน์ขับรถไปส่งคู่หมั้นที่บ้าน พอกลับมาก็แวะไปเคาะประตูห้องน้องชายคนกลาง  ว่านเดินงัวเงียมาเปิดประตู  พูดคุยกันนิดหน่อยก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน

          “ว่านยังไม่ลงมาอีกเหรอ”  คุณปราณีปรารภขึ้น  “วินขึ้นไปดูพี่หน่อยไป”

          “พี่ว่านคงเหนื่อยมาก  เฝ้าลูกก็ไม่ได้นอนเลย  ดีนะที่เปลี่ยนเอายายเอิบไปเฝ้าแทนชั่วคราว”

          “ป่านนี้คงนั่งตำหมากเฝ้าอยู่หน้าไอซียูเพลินไปแล้วมั้ง”  คุณปราณีว่า

          วิรุฬขึ้นมาตามพี่ชายบนห้อง  เขาเคาะประตูเรียกอยู่ครู่ใหญ่ไม่ได้ยินเสียงตอบรับกลับมาก็เริ่มตกใจ  ลูกบิดล็อกเอาไว้หมุนไม่ได้  เขารีบเดินกลับลงมาหน้าตาตื่น

          “มีกุญแจเปิดห้องพี่ว่านมั้ยครับ  พี่ว่านล็อกห้อง  เรียกก็ไม่ขานรับ”

          วิรัตน์ลุกพรวดวิ่งกระโจนขึ้นไปที่ห้องนอนของน้องชาย  เขายกมือขึ้นเคาะเรียกอย่างร้อนรน น้องชายคนเล็กวิ่งถือกุญแจขึ้นมาไขเปิดห้องออกมือไม้สั่น

          “ว่าน...อยู่ไหนน่ะ ฉันลืมไปสนิทเลยว่าไม่ควรให้ว่านอยู่คนเดียว”  วิรัตน์คราง  เปิดประตูเข้าไปได้ก็พบว่าเตียงนอนของวิวาห์ว่างเปล่า  วิ่งเข้าไปดูในห้องน้ำก็ไม่มี  “ว่านอยู่ไหน”

          “พี่วัต  ตรงระเบียง”

          วิรุฬเปิดระเบียงออก เขาพบว่ามีผ้าปูที่นอนผูกเอาไว้กับราวระเบียงทิ้งหางยาวลงไปยังข้างล่าง   มีรอยเท้าเลอะโคลนแถวหน้าประตูรั้ว

          “ว่านหนีออกไปทางระเบียงงั้นเหรอ”  วิรัตน์อ้าปากค้าง เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าน้องชายคนกลางจะบ้าบิ่นขนาดนี้  “หนีไปไหน”

          “ลองไปดูที่โรงพยาบาลกันครับ”  วิรุฬว่า พวกเขาขับรถตรงดิ่งไปที่โรงพยาบาล วิรัตน์โทรหาแป้งเพื่อนสนิทของว่านไปด้วยเผื่อว่าเธอจะรู้ว่าว่านไปไหน  แป้งไม่รู้เรื่องเลยแต่ก็รับปากว่าจะช่วยตามหาว่านให้

          วิวาห์ไม่ได้มาที่โรงพยาบาล...

          พี่น้องทั้งสองคนเครียดจัด  ขับรถวนหาจนทั่วหมู่บ้านและระแวกแถวนั้นแต่ก็ไม่เจอเงาของว่านเลย  โทรไปว่านก็ปิดโทรศัพท์ไปแล้ว

          “หรือว่าเขาจะไปหาพี่อาร์ม”  วิรุฬพูดขึ้น “เมื่อวานพี่อาร์มพยายามชวนพี่ว่านไปที่ไหนสักแห่ง  เขาอาจจะนัดแนะกันโดยที่เราไม่รู้”

          “ว่านนะว่าน”  วิรัตน์คราง “ไม่หรอก  ว่านคงไม่ไปกับเขาหรอก”

          “ใครจะรู้ครับ”  วิรุฬพูด “พี่อาร์มเอายี่หวามาล่อก็ไม่แน่เหมือนกัน พี่ว่านซื่อไม่ทันคน แถมรักพี่อาร์มมากคงยอมตามไปแน่ ๆ”

          “ถ้ามันโง่อย่างนั้นพี่ก็หมดคำจะพูด”  วิรัตน์พูดเสียงดัง  “เตือนก็แล้วอะไรก็แล้วก็ไม่ฟัง”

          “พี่วัตใจเย็น  วินแค่สันนิษฐานดูเท่านั้น พี่วัตพอจะรู้มั้ยว่าพี่อาร์มเขาอยู่ที่ไหน ไม่แน่ว่าพี่ว่านอาจจะอยู่กับพี่อาร์มก็เป็นได้”

          “พี่ไม่รู้”  วิรัตน์ส่ายหน้า  “ตอนที่พี่กลับมาว่านเลิกกับมันไปแล้ว  ไม่เคยพูดถึงอีก”

          “งั้นพอจะมีเพื่อนหรือใครที่จะรู้ที่อยู่ของพี่อาร์มไหมครับ”

          “มีคนหนึ่ง  เขาเคยเป็นผู้จัดการวงตอนว่านอยู่”  วิรัตน์โทรหาผู้ชายที่ชื่อแทนใจ  ฝ่ายนั้นตกใจมากกับอาการของยี่หวา  โดยเฉพาะเมื่อบอกว่าว่านหายตัวไป  “คุณแทนใจรู้จักที่อยู่ของคุณอาร์มมั้ยครับ”

          แทนใจบอกชื่อตึกเดิมที่เคยใช้เป็นสตูดิโอมาให้ แต่ว่ามันปิดร้างไปแล้ว  ไม่น่าจะมีคนอยู่

          “เห็นว่าปิดเพื่อทุบทำลายเพราะมีเกิดไฟไหม้ไปเมื่อต้นปี  น่าจะเข้าไม่ได้แล้ว”  แทนใจพูดมาตามสาย  “เดี๋ยวผมจะไปเช็คที่บริษัทให้ว่าเขามีที่อยู่อื่นอีกหรือเปล่า”

          “ขอบคุณครับ”  วิรัตน์กดวางสาย  “ที่ไหนอีกนะ...ลองนึกดูซิ  มีที่ไหนอีก หรือว่าโรงเรียนของยี่หวา แต่จะไปทำไมล่ะ  ไม่น่าใช่...”

          “ร้านอาหาร”  วิรุฬพูดขึ้น “พี่ว่านเคยเล่าไม่ใช่เหรอครับว่าเจอพี่อาร์มที่ร้านอาหารที่พี่ว่านไปร้องเพลง”

          “ใช่”  วิรัตน์สตาร์ทรถ  “เราไปดูที่นั่นกัน”

          .................................................................................

มีต่อ

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk






          เสียงกุกกักทำให้วิวาห์รู้สึกตัวตื่นขึ้น  เขาพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงภายในห้องนอนเดิมบนชั้นสามของสตูดิโอ บรรยากาศรอบตัวดูเหมือนเดิมราวกับเวลาไม่ได้ผ่านไปเลย

          มีคนเดินขึ้นบันไดมา...

          ผู้ชายร่างสูงใหญ่คุ้นตาคนนั้นปรากฏตัวในชุดที่เหมือนเพิ่งกลับมาจากข้างนอก  รอยเลือดสีคล้ำเปรอะเปื้อนอยู่เต็มอกเลอะลงมาถึงกางเกงยีนส์สีซีดที่สวมอยู่  เขาดูหงุดหงิดมากทีเดียวตอนที่ถอดเสื้อผ้าทั้งหมดออกแล้วเหวี่ยงลงตะกร้าผ้าก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ  ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ทันสังเกตเห็นเขาที่นั่งอยู่บนเตียงเลย

          ครู่เดียวชายหนุ่มก็กลับออกมาในสภาพเปียกโชกตั้งแต่หัวจรดเท้า  เขาเช็ดตัวแล้วก็สวมเสื้อผ้าลวก ๆ หยดเลือดไหลออกมาจากจมูกของเขาอีกเหมือนเปิดก๊อก ชายหนุ่มอุทานแล้วยกมือขึ้นปิดจมูกตัวเองเอาไว้  เขากลับเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้งอย่างหัวเสีย

          เสื้อตัวที่สองถูกถอดออกแล้วเหวี่ยงใส่ในตะกร้าผ้า  ว่านเพิ่งสังเกตเห็นว่าเนื้อตัวของเขามีรอยช้ำปรากฏอยู่เป็นจ้ำ ๆ สีเข้มบ้างอ่อนบ้างแสดงระยะเวลาที่แตกต่างกัน ร่องรอยเหล่านั้นสะกิดใจเขาให้นึกถึงหวันยิหวาอย่างช่วยไม่ได้

          เจ้าของห้องทิ้งตัวลงนอนบนเตียงจนว่านสะดุ้ง  รีบลุกขึ้นหนีอย่างตกใจ  ทว่าคนที่นอนเงยหน้าบีบจมูกอยู่นั้นจะไม่ได้สังเกตเห็นเขาเอาเสียเลย  วิวาห์ยืนดูอยู่เงียบ ๆ คิดไม่ตกว่าควรจะเข้าไปช่วยเขาหรือว่าทำอย่างไรดี

          “เอ่อ...พี่อาร์ม”

          เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น  อามันต์เอื้อมมือไปหยิบขึ้นมาดูชื่อแล้วก็กดตัดสายทิ้ง  เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาอีกหลายครั้ง  คราวนี้ชายหนุ่มกดปิดเครื่องไปเลย  เขานอนอยู่พักใหญ่กว่าจะลุกขึ้นจากเตียง  ร่างสูงใหญ่เซไปเล็กน้อยเหมือนคนหน้ามืด  เขาเกาะตู้เสื้อผ้าเอาไว้  ยืนตั้งหลักอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็แต่งตัวใหม่

          วิวาห์เดินตามหลังร่างนั้นลงบันไดไปอย่างไม่ลังเล  เขาคิดว่าตัวเองน่าจะกำลังฝันอยู่ ...อาจจะเป็นความฝันที่เหมือนจริงมากจนไม่อยากเชื่อ  พี่อาร์มเดินไปเรียกแท็กซี่แทนที่จะขับรถไปเองอย่างที่ว่านคิด  ว่านกำลังนึกอยู่ว่าจะต้องเรียกแท็กซี่ด้วยมั้ยก็มีลมพัดมาวูบหนึ่งพาว่านมาปรากฏตัวข้างพี่อาร์มที่หน้าโรงพยาบาล

          พี่อาร์มมาหาหมอ?

         พี่อาร์มมาหาหมอจริง ๆ ด้วย  ไม่รู้ว่านี่คือความฝันหรือความจริงแต่ว่าว่านไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพี่อาร์มแอบมาโรงพยาบาล  คะเนดูจากใบหน้าของพี่อาร์มและทรงผมแล้วน่าจะเป็นช่วงอัลบั้มที่สองพอดี  ตอนนั้นพี่อาร์มเริ่มมีปัญหากับทุกคนในวงเพราะชอบหายตัวไปบ่อย ๆ หรือว่าที่พี่อาร์มหายไปเพราะป่วย?

         ว่านเห็นพี่อาร์มไปเจาะเลือดแล้วก็มานั่งรอผลด้วยท่าทางเคร่งเครียดกว่าปกติ  เสียดายที่ว่านไม่ได้ยินตอนที่คุณหมอเรียกพี่อาร์มเข้าไปฟังผลตรวจ  พี่อาร์มกลับออกจากห้องตรวจด้วยใบหน้าซีดเหมือนกระดาษ  เขายกมือขึ้นทุบกำแพงดังลั่นจนทุกคนที่รอตรวจอยู่นั้นสะดุ้งโหยง

          พี่อาร์มไม่ได้กลับไปที่สตูดิโอแต่ว่ากลับขับรถไปเรื่อย ๆ ว่านอยู่กับพี่อาร์มมานานก็จริงแต่ไม่เคยเห็นพี่อาร์มเป็นแบบนี้เลย  เหมือนกับพี่อาร์มกำลังผิดหวังอย่างลึกซึ้งแล้วก็โกรธมากอีกด้วย  พี่อาร์มขับรถวนไปวนมาจนเย็นแล้วก็เลี้ยวเข้าไปจอดในสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง  นั่งดื่มเหล้าคนเดียวจนดึกแล้วก็กลับออกมาพร้อมกับเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง  ว่านนึกว่าพี่อาร์มจะพาเด็กไปด้วย  แต่ว่าเขากลับจอดแล้วไล่เด็กลงจากรถเสียดื้อ ๆ

          พี่อาร์มกลับไปที่สตูดิโอ  เหตุการณ์หลังจากนั้นว่านก็รู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น  พี่อาร์มทะเลาะกับพี่กอล์ฟและเพื่อน ๆ อย่างรุนแรง แต่ทำไมพี่อาร์มถึงไม่เล่าสักคำว่าเขาไปทำอะไรมา  ทำไมถึงไม่บอกออกไปล่ะว่าพี่ป่วย ...ว่านตะโกนในใจ

          “ก็อยากบอกเหมือนกันแต่ไม่รู้จะบอกยังไง”  เสียงแหบมีเอกลักษณ์ดังขึ้นข้างตัว  ว่านสะดุ้ง เขาพบว่าตัวเองยังนอนอยู่บนเตียงในสตูดิโอชั้นสามที่เดิม  พี่อาร์มดูเหมือนพี่อาร์มคนก่อนที่เพิ่งเจอมาเมื่อครู่ไม่มีผิด  กาลเวลาทำอะไรเขาไม่ได้เลยหรือ

          “แล้วทำไมถึงไม่บอกล่ะครับ  ยังไงทุกคนก็ต้องเข้าใจอยู่แล้วว่าพี่ไม่สบาย”  ว่านถาม รู้สึกโกรธขึ้นมาบ้าง  “นี่คือเหตุผลที่พี่ออกจากวงเหรอครับ”

          “พี่จะบอกสิ่งที่แม้แต่พี่เองก็ยังไม่ยอมรับได้ยังไง”  อามันต์ตอบกลับมา  แววตาเศร้าลึกสบตาว่านแวบหนึ่งแล้วก็มองไปอีกทาง  “พี่เกลียดโรคที่พี่เป็นมากที่สุด  มันทำลายทุกอย่าง  ทำลายอนาคตของพี่”  ชายหนุ่มพูดแล้วนิ่งไป

          “แต่มันก็ดีกว่าออกไปโดยไม่บอกแบบนี้หรือเปล่าครับ”  ว่านไม่เข้าใจ “ถ้าพี่อาร์มบอก...แค่พี่อาร์มบอกมา ตอนนั้น..ว่านก็พร้อมจะอยู่ข้าง ๆ พี่อาร์มแน่”

          รอยยิ้มสมใจพาดผ่านแววตาคมเข้มไปอย่างรวดเร็วแทบมองไม่ทัน  อามันต์ขยับตัว

          “พี่ไม่อยากทำลายอนาคตของว่านไปด้วย  คนป่วยแบบพี่จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้  ...อันที่จริง พี่สังเกตมาสักพักแล้วว่าตัวเองเลือดออกง่ายขึ้น  ช้ำง่าย บางทีอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ทำอะไรก็มีจ้ำ ๆ ขึ้นมาเอง  เลือดกำเดานั่นก็น่ารำคาญมาก  มันชอบไหลโดยเฉพาะเวลาร้องเพลง  ทำให้พี่ร้องเพลงนาน ๆ ไม่ได้อีก  มันเหนื่อยมาก”

          “คือลูคีเมีย...ใช่ไหมครับ”

          “ใช่”  อามันต์ผงกศีรษะรับ  “คิดแล้วก็ตลกดี  พี่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นมะเร็งได้ทั้งที่ยังอายุแค่นี้  พี่ไม่อยากเสียงานที่พี่รักมากไป  พี่ก็เลยไม่บอกใครแม้แต่กับค่าย  แต่ร่างกายพี่เริ่มแย่ลงขณะที่พี่ปฏิเสธการรักษาตั้งแต่แรกเพราะคิดเอาเองแบบโง่ ๆ ว่ามันจะดีขึ้นถ้าพี่พักผ่อนเพียงพอหรือกินอาหารครบห้าหมู่อะไรทำนองนั้น  พี่ฝืนได้พักนึงจนออกอัลบั้มเดี่ยวได้...ยังไม่ทันโปรโมทอาการพี่ก็ทรุดลงอีกจนแม่พี่พาไปรักษาตัวที่เมืองนอก”

          “ผมไม่เคยรู้เลย”  ว่านคราง มองหน้าอีกฝ่ายอย่างตกใจแกมเสียใจ  “ทำไมพี่ไม่บอกผมสักคำ”

          อามันต์ถอนหายใจ

          “ถ้าพี่บอก..ว่านก็จะหยุดร้องเพลงเพื่อตามมาดูแลพี่ใช่มั้ยล่ะ”  ชายหนุ่มย้อนถาม  อีกฝ่ายพยักหน้ารับ  “ว่านคงไม่รู้ว่าก่อนหน้านั้นเสี่ยวางแผนจะให้วงของเราโกอินเตอร์นะ  พี่ไม่อยากให้ว่านเสียโอกาสดี ๆ ไปเพราะพี่  เพราะถึงแม้พี่ขอแยกวงออกมา  เสี่ยก็รับปากว่าจะดันว่านต่อไป  ข่าวแยกวงของพี่ก็มีประโยชน์กับว่านด้วย  ทุกคนก็จะสนใจว่านมากขึ้นจากเดิม”

          “ว่านไม่สนใจเรื่องนั้นเลย”  วิวาห์ตอบ “ตอนนั้นว่านสนใจแค่พี่อาร์มคนเดียว ว่านถึงได้เสียใจมากที่พี่อาร์มทิ้งวงไปดื้อ ๆ ไม่พูดไม่อธิบายอะไรทั้งนั้น ทำไมล่ะครับ...คุยกันดี ๆ ไม่ได้เหรอ”

          “สายไปแล้วล่ะ”  อามันต์ยิ้มเศร้า ๆ “มาคิดดูตอนนั้นพี่ก็ใจร้อนมากเกินไป  คิดน้อยเกินไปหน่อย  ...มัวแต่ห่วงว่าน”

          วิวาห์น้ำตาซึม  ความทุกข์ทรมานในตอนนั้นยังติดตรึงอยู่ในหัวใจของเขาราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน  ภาพพี่อาร์มเก็บข้าวของแล้วออกไปจากสตูดิโอยังติดตา  พี่อาร์มทำเหมือนว่านเป็นอากาศธาตุแถมยังพูดง่าย ๆ ว่าให้เรากลับไปเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม แค่พูดน่ะง่าย...แต่จะทำได้อย่างไร

          ว่านเหมือนนกปีกหัก  พอพี่อาร์มออกจากวงทุกคนก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำเพลงกันต่อ  ถึงแม้ว่าพี่แทนจะพยายามหานักร้องนำคนใหม่มาแทนพี่อาร์มแล้วก็ยังไม่สำเร็จ  สุดท้ายก็เลยไม่ต่างจากวงแตก  ทุกคนแยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง  ว่านเก็บของกลับบ้านในสภาพที่สูญสิ้นทุกอย่างแม้แต่ความเชื่อมั่นในตัวเองที่เคยมี

          ถูกพ่อแม่พี่น้องสั่งสอนไม่รู้กี่ยกกว่าจะกลับมาลุกขึ้นสู้  เพิ่งจะรู้ว่าความจริงแล้วชีวิตของพี่อาร์มก็ไม่ได้สวยงามเหมือนที่เขาเข้าใจมาตลอด

          “ผมไม่เคยรู้เลย”  ว่านพูดเสียงเครือ  “ทำไมพี่อาร์มไม่บอกว่าน  มาบอกตอนนี้จะได้อะไรล่ะครับ”

          อามันต์ก้มหน้าลง  เห็นปลายจมูกโด่งได้รูปสวยรับกับริมฝีปากบางเฉียบ  พี่อาร์มดูเศร้าเหลือเกินในสายตาของว่าน  ว่านรู้สึกสงสารจับใจ

          “เพราะพี่บอกไม่ได้แล้ว พี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมีชีวิตต่อได้นานอีกกี่วัน  ถ้าพี่กลับไปหาว่านแล้วยังไงต่อ...พี่คงทำให้ว่านเสียใจอีกแน่ พี่อยู่กับความทรมานใจนี้มาเกือบห้าปีจนกระทั่งฟ้าส่งว่านมาตรงหน้าพี่บนรถไฟนั่น  พี่นึกว่าตัวเองตาฝาด”  อามันต์พูด เขายิ้มออกมานิด ๆ “ว่านยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน  ว่านคนเดิมในความทรงจำของพี่...ถึงจะมีลูกสาวแล้วก็ตาม  พี่ไม่รู้เลยว่าว่านแต่งงานแล้ว  เพราะความอยากรู้ทำให้พี่แอบตามว่านไปห่าง ๆ ถึงได้รู้ว่าแฟนของว่านเป็นใคร  เธอก็ดูน่ารักดี  ครอบครัวของว่านมีความสุขดีแล้ว  พี่ดีใจด้วยจริง ๆ นะ”

          “........”  วิวาห์ไม่แน่ใจว่าเขาควรจะบอกเรื่องหวันยิหวาออกไปดีมั้ย..

          “พี่พูดพล่ามอะไรก็ไม่รู้นะ  ขอโทษที”

          “ไม่หรอกครับ  เพราะเราไม่ได้พูดกันตรง ๆ แบบนี้ตั้งแต่แรก  เรื่องมันถึงได้ล่วงเลยมาจนถึงป่านนี้  พี่อาร์มมีอะไรอยากบอกว่านอีกก็พูดมาเถอะ”   

          อามันต์ขยับตัวอีกครั้ง

          “ว่านคงรู้แล้วว่าพี่โคม่า”  ประโยคนั้นทำให้ว่านใจหายวาบ  หันขวับไปมองหน้าคนพูดอย่างตกใจ  อามันต์หัวเราะเสียงแปร่ง  “พี่หมายถึงก่อนหน้านี้  ก่อนที่พี่จะฟื้นขึ้นมาอย่างปาฏิหาริย์  ...ว่านอย่ามองพี่อย่างนั้นสิ  พี่เป็นคนนะ...มีเลือดเนื้อ  ไม่ใช่ผีแน่นอน  ไม่อย่างนั้นจะขับรถไปรับว่านที่บ้านได้ยังไง”

          “ความจริงผมก็ไม่อยากมาหรอกนะครับ  จริงสิ...ผมหายมาแบบนี้พวกพี่วัตคงจะเป็นห่วง”

          “ไม่ต้องรีบหรอก  ยังไม่เช้าเลยนะ  อีกตั้งหลายชั่วโมง”  พี่อาร์มพูด รั้งข้อมือของว่านเอาไว้ ว่านหันไปมองข้างนอกหน้าต่าง  ท้องฟ้าข้างนอกยังมืดมิด  “เดี๋ยวพี่จะพาไปส่ง  รับรองว่าทันเช้าก่อนทุกคนตื่นแน่นอน”  หางเสียงของพี่อาร์มมีแววกลั้วหัวเราะเบา ๆ อย่างที่ว่านแปลความหมายไม่ออก

          พี่อาร์มลุกขึ้นเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ  ว่านเลยมีเวลาสำรวจรอบ ๆ ห้องนอนเก่านั้น  ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าทุกอย่างยังอยู่ที่เดิมตามที่ทางของมัน  แม้แต่ไดร์เป่าผมกับน้ำหอม

          พี่อาร์มกลับออกมาจากห้องน้ำ  ท่าทางสดชื่นขึ้นกว่าเดิม  เขาเดินมานั่งข้าง ๆ ว่านบนเตียงแล้วหันมายิ้มให้

          “ไม่ได้มองว่านใกล้ ๆ แบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ...คิดถึงว่านจัง”

          ว่านใจเต้นขึ้นมาวูบหนึ่ง  คำพูดและรอยยิ้มของพี่อาร์มยังร้ายกาจเสมอสำหรับหัวใจว่าน  พี่อาร์มยิ้มกว้างขึ้น  จับมือว่านขึ้นมากุมเล่น

          “พี่อาร์ม..”

          “ครับผม”

          “ตอนนี้...พี่อาร์มหายดีแล้วใช่มั้ยครับ”  ว่านถามอย่างระมัดระวัง  รู้สึกว่าสัมผัสของพี่อาร์มเกร็งขึ้นเล็กน้อย  “ขอความจริงนะครับ”

          “ความจริงก็คือ...ยัง  โรคของพี่ไม่มีทางหาย”  คำตอบของพี่อาร์มทำให้ว่านใจหายกว่าเดิม  พี่อาร์มเงยหน้าขึ้นยิ้ม  “อย่าทำหน้าแบบนั้น  พี่ยังไม่ตายตอนนี้หรอกน่ะ”

          ว่านนึกถึงลูกสาวของตัวเองขึ้นมา  ขอบตาร้อนผ่าว

          “ทำไมทุกคนถึงจะจากว่านไปหมด”

          “ลูกของว่านจะไม่เป็นอะไรหรอก”  อามันต์พูดขึ้น  บีบมือของวิวาห์เอาไว้แน่น 

          “จริงเหรอครับ  พี่อาร์มมีวิธีเหรอ”

          อามันต์ส่ายหน้า

          “พี่ก็ไม่รู้  แต่น้องยี่หวาเป็นเด็กเก่งมากนะ  เป็นเด็กที่มีบุญ  น้องคงจะไม่ชะตาขาดเสียตั้งแต่ตอนนี้หรอก”

          “ว่านก็ภาวนาว่าอย่างนั้นเหมือนกัน”  ว่านเปลี่ยนเรื่อง  “ทำไมห้องนี้ถึงยังเหมือนเดิมอยู่เลยครับ  มันตั้งหลายปีแล้วนี่นา”

          “เพราะพี่รักษาเอาไว้เหมือนเดิม  พี่คิดถึงว่านทุกครั้งที่กลับมาที่ห้องนี้  ว่านอยู่ในความทรงจำของพี่”

          “ไม่อยากเชื่อเลย  แม้แต่ผ้าปูที่นอนก็ด้วย”  ผ้าปูที่นอนลายกระต่ายที่พี่อาร์มเป็นคนเลือกซื้อมาเอง  เจ้าของห้องหัวเราะเบา ๆ ยกข้อมือขึ้นชูให้ว่านดูรอยสักรูปกระต่ายที่ข้อมือ

          “รอยเขี้ยวก็ยังอยู่นะ  ใครงับข้อมือพี่เอาไว้ตอนนั้นน่ะ”

          ว่านหน้าแดง  

          “แหม  ก็ตอนนั้นมันเจ็บนี่”  เขาพูดงึมงำ นึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นขึ้นมาได้ เซ็กส์อันเร่าร้อนของพวกเขา การเคลื่อนไหวของพี่อาร์มที่ทำให้ว่านหวีดร้องเสียงหลง  กัดข้อมือพี่อาร์มจมเขี้ยว  วันถัดมาพี่อาร์มก็ไปสักรูปกระต่ายทับเอาไว้  บอกว่าจะได้นึกถึงคนกัดทุกครั้งที่เห็น  “ไม่นึกว่าพี่อาร์มยังจำได้”

          “พี่จำได้ทั้งหมดนั่นแหละ”  พี่อาร์มพูดเสียงอ่อนโยน  ยกมือขึ้นแตะข้างแก้มของว่านเบา ๆ  “ว่าน...พี่กลับมาหาว่านครั้งนี้เพียงแค่จะขอให้ว่านยกโทษให้พี่ก็เท่านั้น”

          “ว่านยกโทษให้พี่อาร์มนานแล้วครับ”  วิวาห์ตอบกลับไป  “ว่านไม่เคยโกรธพี่อาร์มจริง ๆ ได้เลย”

          “ถ้าอย่างนั้น...ว่านให้โอกาสพี่อีกครั้งได้มั้ย”

          “หมายความว่าอะไรครับ”  ว่านถามออกไปเหมือนละเมอ  เขามองเห็นดวงตาคมเข้มคู่นั้นเป็นประกายแพรวพราวเหมือนแสงดาวบนท้องฟ้า  พี่อาร์มขยับเข้ามาใกล้จนว่านมองเห็นขนตาของพี่อาร์มชัดเจน

          “แต่งงานกับพี่ได้มั้ย”  อามันต์พูด “พี่อยากแต่งงานกับว่าน”

         .............................................................................................

          “คิดว่าพี่ว่านจะอยู่ที่นี่มั้ยครับ”  วิรุฬพูด ก้าวลงจากรถพลางมองสำรวจรอบ ๆ ร้านอาหารแห่งนั้นอย่างพิจารณา  “เราจะเข้าไปถามโต้ง ๆ เลยหรือว่ายังไงดี”

          “ลองเข้าไปดูลาดเลาก่อนแล้วกัน”  วิรัตน์ว่า เดินตามสบายเข้าไปในร้านอาหารแห่งนั้น หญิงสาวใหญ่ท่าทางเหมือนเจ้าของร้านเดินเข้ามาต้อนรับพวกเขาทันที

          “สวัสดีค่ะ...คุณคงเป็นพี่ชายของน้องว่านใช่มั้ยคะ”  เธอทัก วิรัตน์ตกใจ

          “ครับ  คุณรู้ได้ยังไง”

          “ก็พวกคุณหน้าคล้ายกันมากไงล่ะคะ  แค่เห็นพี่ก็จำได้แล้ว  พี่ชื่อนุชค่ะ ..เป็นเจ้าของร้านนี้”  เธอพูดอย่างคล่องแคล่ว  “วันนี้มาทานข้าวกันเหรอคะ  น้องว่านไม่ได้มาด้วยเหรอ”

          ชายหนุ่มทั้งคู่มองหน้ากัน

          “ว่านไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอครับ”

          “น้องว่านไม่ได้มาที่ร้านเป็นเดือนแล้วค่ะ  ตั้งแต่ลูกสาวป่วยก็ไม่ได้มาเลย”  เธอว่า ท่าทางแปลกใจที่พวกเขาไม่รู้  “น้องว่านไม่ได้บอกเหรอคะ”

          “เปล่าครับ ...คือตอนนี้ว่านหายตัวออกจากบ้าน”

          “เราตามหาทุกที่แล้วก็ยังไม่เจอเลย  ไม่รู้ว่าไปที่ไหน”  วิรุฬเสริม มองรอบ ๆ ร้านไปด้วย  “พี่ว่านไม่ได้มาที่นี่แน่นะครับ”

          “ไม่เห็นเลยค่ะ”  นุชนารถยืนยัน “ถ้ามาพี่ก็ต้องเจอสิคะ เอาอย่างนี้  เดี๋ยวพี่จะติดต่อพวกนักดนตรีดูเผื่อน้องว่านติดต่อใครไปนะคะ  ดีมั้ย”

          “ขอบคุณมากครับ”

          “เมื่อกี้เห็นคุณนุชเหมือนกำลังจะไปไหนหรือเปล่าครับ”  วิรุฬพูดขึ้นเนิบ ๆ

          “อ๋อ...จะไปธุระนิดหน่อยน่ะค่ะ  ไม่มีอะไรหรอกค่ะไม่รีบ”  นุชนารถหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาลูกน้องนักดนตรีเพื่อถามหาว่าน  แต่ว่านไม่ได้ติดต่อใครเลย  “แปลกจัง จู่ ๆ น้องว่านก็หายตัวไปเลยเหรอคะ”

          “ใช่ครับ  แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกผมจะไปตามหาต่อ  ขอบคุณคุณนุชมากนะครับที่ช่วยเหลือ”

          “ยินดีค่ะ  ถ้าให้ช่วยอะไรก็บอกได้เลยนะคะ”  เธอพูดยิ้ม ๆ พอชายหนุ่มทั้งสองคนลับสายตาไปจากร้าน รอยยิ้มบนใบหน้าก็จางลง

          “เอายังไงต่อดีล่ะครับพี่วัต  เราจะไปตามหาพี่ว่านที่ไหนกันล่ะเนี่ย”  วิรุฬพูดอย่างท้อ ๆ “ไล่ตามบ้านเพื่อนพี่ว่านเหรอ  แต่จะว่าไปคุณนุชอะไรนี่ดูแปลก ๆ นะ  ผมนึกว่าพี่วัตจะขอขึ้นไปดูชั้นสองของเขาเสียอีก”

          “จะบ้าเหรอ  ฉันไม่มีหมายค้นเสียหน่อย  จะขึ้นไปสุ่มสี่สุ่มห้าได้ไงโดนข้อหาบุกรุกพอดี  ฉันว่าป้าแกดูแปลก ๆ แต่ก็บอกไม่ถูกว่าแปลกอะไร”  เขาพูดแล้วยักไหล่  “อาจจะไม่มีอะไรก็ได้มั้ง  เดี๋ยวฉันจะแวะไปหาเพื่อนที่เป็นสารวัตรเสียหน่อย  จะไปขอให้เขาช่วย”

          “งั้นวินจะไปตามหาเพื่อนพี่ว่านกับที่โรงเรียนยี่หวานะ”

          วิรุฬหยุดยืนที่หน้าโรงเรียนอนุบาลของยี่หวาอย่างครุ่นคิด  พี่ว่านเคยพูดถึงคุณครูประจำชั้นของยี่หวาให้ฟังอยู่  เขากับพี่วัตยังเคยแซวเลยว่าสงสัยพี่ว่านจะชอบคุณครูสาวสวยคนนั้นเข้าให้แล้ว  จะเป็นไปได้มั้ยว่าพี่ว่านจะมาหาเธอ

          “ติดต่อเรื่องอะไรคะ”  เสียงใส ๆ ดังขึ้นข้างตัว  คุณหมอหนุ่มสะดุ้งหันขวับไปมอง  เขาเจอหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ใกล้ ๆ ส่งยิ้มมาให้อย่างแจ่มใส  “เป็นผู้ปกครองหรือเปล่าคะ  น้องอยู่ห้องไหนเอ่ย”

          “ผมเป็นน้าของยี่หวาครับ...หวันยิหวา”

          “อ๋อ”  คุณครูพยักหน้ารับ  “น้องยี่หวา ครูเตยเป็นครูประจำชั้นของน้องค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักคุณอายี่หวานะคะ น้องยี่หวาเป็นอย่างไรบ้างคะ ดีขึ้นหรือยัง”

          พอพูดถึงอาการของยี่หวา  คนเป็นน้าก็อดเศร้าไม่ได้  ครูเตยตกใจมากเมื่อได้ยินอาการของยี่หวาเข้า

          “คุณพระช่วย  เตยไม่อยากเชื่อเลย  เป็นเพราะเตยเองค่ะ  เตยว่าจะบอกคุณว่านแล้วแต่เตยก็ไม่ได้บอก  กลัวว่าคุณว่านจะเครียดกว่าเดิม”

          “คุณเตยทราบเรื่องอะไรเหรอครับ”

          “เตยสังเกตเห็นว่าน้องยี่หวาหน้าคล้ำลงมาสักพักแล้วค่ะ  เหมือนถูกของเข้าหรือมีเจ้ากรรมนายเวรตามมาก็เลยหน้าหมอง ๆ หมดราศี”  เธอพูดอย่างเสียใจ  “เตยน่าจะเตือนให้คุณว่านพาน้องไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ตั้งแต่เนิ่น ๆ  ไม่น่าเลย  เตยไม่น่าเลยค่ะ”

          “เอ่อ...หมดราศี...อะไรนะฮะ”  วิรุฬทวนคำอีกทีอย่างไม่แน่ใจ “คุณจะบอกว่ายี่หวาของเข้าเหรอ”

          “ใช่ค่ะ”  ครูเตยยืนยัน ชายหนุ่มมองหน้าเธอแล้วปล่อยเสียงหัวเราะก๊ากดังลั่น  หญิงสาวโกรธ “นี่เตยพูดจริง ๆ นะคะ  คุณอาจจะไม่เชื่อ  แต่ว่าเรื่องอย่างนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่  เตยมีสัมผัสที่หกค่ะ  มองเห็นสิ่งที่คนไม่เห็นได้  ขนาดตัวคุณเองก็ยังมีเด็กทารกเกาะไหล่มาด้วยเลยตั้งสองคนนะคะ”

          วิรุฬชะงักกึก  ขนลุกซู่โดยไม่ทันตั้งตัว

          “คุณล้อผมเล่นแล้ว”

          “คุณไม่เชื่อก็ตามใจค่ะ  คนนึงตัวผอมซีดเหมือนเป็นโรค  ส่วนอีกคนอ้วนท้วนตัวใหญ่มาก  แขนห้อยเหมือนไม่มีแรง”

          ชายหนุ่มหน้าซีดเผือด  มองหน้าคนพูดเหมือนเห็นผี  ตลอดชีวิตของนายแพทย์หนุ่มเคยทำคลอดแล้วเด็กตายมาแล้วสองครั้ง  ครั้งหนึ่งเด็กเสียชีวิตเพราะแม่กินยาขับ  ส่วนครั้งที่สองเด็กตายเพราะตัวใหญ่เกินไปจนคลอดติดไหล่..มันเหมือนฝันร้ายของเขาที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังแม้แต่กับที่บ้าน

          “คุณพูดจริงเหรอ”  วิรุฬกระซิบ

          “ฉันจะโกหกคุณทำไมคะ”

          เขาเริ่มจะเชื่อหญิงสาวตรงหน้าขึ้นมาบ้างแล้ว  วิรุฬมองซ้ายขวาเลิ่กลั่ก

          “เด็ก ๆ อยู่ตรงไหน  เขายังตามผมมาอีกเหรอ”

          “คุณไปทำสาวที่ไหนท้องแล้วทำแท้งมาเหรอคะ”  หญิงสาวถาม “ส่วนใหญ่เด็ก ๆ ยังไม่ไปเกิดก็เพราะไม่มีใครอุทิศส่วนกุศลให้”

          “ผมต้องรีบไปทำบุญด่วน”  วิรุฬขนหัวลุก เกือบลืมเรื่องที่จะมาถามอีกฝ่ายไปเสียหมด  “แล้ว...แล้วยี่หวาก็มีแบบนี้เหรอ  แล้วแบบนี้ต้องทำยังไง”

          “คุณชักจะเชื่อฉันแล้วสินะคะ”

          “ก็คุณบอกไม่เชื่ออย่าลบหลู่ไม่ใช่เหรอ”  วิรุฬกระแอม “พูดตามตรงนะ  ผมเป็นหมอ...เชื่อในวิทยาศาสตร์แต่ไม่เชื่อในไสยศาสตร์หรืออะไรแบบนั้น  แต่ว่าพอคุณทักมาผมก็ชักไม่สบายใจ  ถ้าคุณมีทางไหนจะช่วยยี่หวาได้  ผมก็อยากให้คุณช่วยหลานผม  อ้อเกือบลืม...คุณเห็นพี่ว่านบ้างมั้ย  พี่ว่านมาที่นี่บ้างหรือเปล่า”

          “ไม่นะคะ  เตยไม่เห็นคุณว่านเลย”  คุณครูสาวส่ายหน้า  “คุณเป็นหมอน่าจะรู้วิธีรักษายี่หวาได้ดีกว่าฉันนะคะ”

          “คุณไม่มีทางช่วยยี่หวาใช่มั้ย  ไม่เป็นไร งั้นผมจะไปหาพี่ว่านที่อื่น”

          “คุณว่านหายตัวไปเหรอคะ”

          “ใช่”

          “จะต้องเกี่ยวกับคุณอาร์มแน่ ๆ ค่ะ”  ชื่อของอาร์มทำให้วิรุฬประหลาดใจอีกครั้ง  “เตยเคยเห็นคุณอาร์มมาป้วนเปี้ยนแถวหน้าโรงเรียนก่อนยี่หวาป่วย  ...ลางสังหรณ์ของเตยมันบอกว่าคงจะเกี่ยวข้องกันแน่ ๆ ค่ะ”

          “ตอนนั้นพี่อาร์มเป็นคนหรือเปล่า”  คำถามของนายแพทย์หนุ่มฟังดูพิกล  ทว่าอีกคนกลับไม่ได้แสดงท่าทางแปลกใจนัก

          “เป็นสิ่งที่เตยก็สงสัยอยู่เหมือนกันค่ะ”  เธอตอบ

          วิรุฬพาคุณครูสาวมาที่โรงพยาบาลที่ยี่หวารักษาตัวอยู่  เธอร้องไห้ออกมาเมื่อเห็นสภาพไร้การตอบสนองของลูกศิษย์ตัวน้อย  หวันยิหวาเหมือนคนตายไปแล้วถ้าไม่นับว่ายังหัวใจเต้นอยู่ล่ะก็

          “ไม่นึกเลยว่ายี่หวาจะเป็นขนาดนี้”  เธอพูดหลังจากกลับออกมาจากห้องไอซียูเด็ก

          “พอมีทางช่วยมั้ยครับ  ให้ไปแก้กรรม หรือทำบุญเก้าวัด  อะไรก็ได้” วิรุฬพูด  “หรือคุณจะนั่งทางใน”

          “ฉันไม่มีความสามารถขนาดนั้นหรอกค่ะ  แต่บอกได้ว่ายี่หวากำลังถูกคนอื่นดูดพลังวิญญาณอยู่”  เธอพูดขรึม ๆ “ฉันเคยเห็นคนที่เป็นแบบนี้มาก่อนคือคุณยายของฉันเอง  ยายออกไปตลาดแต่พอกลับมาก็สลบไปไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย  แต่ว่าคนป่วยที่นอนเจ็บหนักปางตายอยู่บ้านฝั่งตรงข้ามกลับฟื้นขึ้นมาราวกับปาฏิหาริย์  สุดท้ายยายก็จากไป...พ่อนิมนต์พระสงฆ์มาทำบุญที่บ้าน  ท่านทักทันทีที่เห็นแล้วก็เล่าให้ฟังค่ะ”

          “แล้วมีทางแก้มั้ยครับ”  วิรุฬขนลุกเมื่อนึกถึงเรื่องของอามันต์ขึ้นมาได้ 

          “ไม่ทราบเลยค่ะ”  เตยส่ายหน้า

          “พระที่ทักท่านอยู่ที่ไหนครับ  ผมจะไปหา”

          “ท่านออกธุดงค์เข้าป่าไปนานหลายปีแล้วค่ะ  ตั้งแต่ฉันยังเด็ก”

          “แล้วคนป่วยคนนั้นที่เขาฟื้นขึ้นมา  เขาเป็นยังไงบ้างครับ”

          “เขาอยู่ได้อีกไม่กี่ปีก็เสียค่ะ  อาจเป็นเพราะว่าอายุขัยของคุณยายเองก็เหลือไม่มากนัก  เลยทำให้อยู่ได้อีกไม่นาน”

          ...หรือว่านี่เป็นเหตุผลที่อามันต์เลือกยี่หวา...เลือกเด็กอายุห้าขวบที่ควรจะมีชีวิตยืนยาวงั้นเหรอ...วิรุฬคิดอย่างเคร่งเครียด  สมองบอกว่าเรื่องที่เล่ามาเป็นเรื่องงี่เง่าสิ้นดี  ทว่าส่วนลึกก็ยังอดรู้สึกคล้อยตามไม่ได้

          “พอมีทางอื่นอีกมั้ยครับ  อย่างเช่น...ถ้าคนที่ดูดวิญญาณไปนั่นตายก่อน  พลังจะกลับเข้าร่างของยี่หวามั้ยครับ”

          “เตยไม่แน่ใจนะคะเรื่องนี้”  เธอพึมพำ “มันเป็นเรื่องสมัยที่เตยยังเด็ก ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าจะได้เจอกับตัว แต่ว่าคุณรู้เหรอคะว่าใครคือคนที่เอาพลังชีวิตของยี่หวาไป”

          “ผมคิดว่ารู้นะ”  วิรุฬตอบสั้น ๆ

          .............................................................................

          มาอัพต่อนะคะ

          เจอกันตอนหน้าน้า

          #วิวาห์อามันต์

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :pig4: :pig4:อีพี่อาร์ม เลวมากกกก

ออฟไลน์ Nuch_Chii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อีพี่อาร์มเลวมาก
เปลี่ยนพระเอกด่วนนนนน
นึกไม่ออกเลยว่าว่านรู้ความจริงจะเป็นยังไง จะรักลงได้ยังไง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
พลิกมาก กลายเป็นเรื่องลึกลับซะงั้น

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
ฆ่าลูกตัวเองเหรอ ไปตายซะ นายอาร์ม

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
โอ้โห มาเจอครูได้จังหวะพอดีมากๆ แต่พี่วัตฉลาดอ่ะ ปะติดปะต่อไวมาก
แล้วอามันต์ไปได้วิธีมาจากไหน  :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
ทั้งชิงวิญญาณลูกเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตต่อ ทั้งกลับมาหลอกว่านเอาความรักความใจอ่อนของว่านมาเป็นเครื่องมิอหลอกใช้ ถามจริง อามันต์เป็นพระเอกจริงๆใช่ไหมอ่ะ?

นี่เรายังสัมผัสไม่เจอเลยว่าอามันต์จะรักว่าน..สักนิด  บ้าไปแล้ว ...

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
อาร์มโกหกว่านหรือเปล่าเรื่องออกจากวงโดยไม่บอกใครเพราะห่วงว่าน
ในเมื่ออาร์มยังคิดว่าว่านเกาะตัวเองดังอยู่เลย
สงสัย อาร์มเคยรักว่านบ้างไหมนะ
ชายหนุ่มคิดอย่างแค้นเคือง เด็กคนนี้ใช้ประโยชน์จากเขาตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน เกาะชื่อเสียงของเขาจนดังแล้วยังมีหน้ามาโกรธเขาอีกเหรอ


แต่อาร์มจิตใจโหดเหี้ยมมากถึงไม่รู้ว่าเป็นลูกก็เถอะแต่ทำแบบนั้นกับเด็กคนหนึ่งได้ยังไงไม่สงสารน้องบ้างเหรอ
ถ้าคนอย่างอาร์มรู้ว่าจริงๆยี่หวาเป็นลูกตัวเองจะรู้สึกยังไง รู้สึกใจสลายหรือไม่แยแสอะไรเหมือนเดิม
คิดไม่ออกเลยว่าอาร์มจะเป็นพระเอกได้ยังไง ถ้าอาร์มอยู่น้องยี่หวาก็ตาย ว่านก็คงทำใจรักคนที่ทำลูกตัวเองตายไม่ได้
ถ้ายี่หวาตายแล้วว่านตกลงแต่งงานกับอาร์มคนที่จะอกแตกตายตามยี่หวาไปคงเป็นคนอ่านแน่ๆ ทำใจเห็นยี่หวาตายแล้วนายอาร์มรอดไม่ได้จริงๆ


  :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-03-2020 03:53:48 โดย tasteurr »

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
ถ้าเป็นแบบนี้คืออาร์มเลวมาก
นี่อาร์คือพระเอกใช่ไหม
และอาร์มรู้วิธีนี้มาจากไหน

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
โหหหหห อาร์ม ทำแบบนี้โคตรเลวเลย

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
จะด่าไงดีอะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 อ่านตอนนี้จบ .....


พิมพ์บารยายความรู้สึกไม่ถูก เลือก emotion ก็ไม่ถูกเลย

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
เลวเหนือขั้น เลยจนไม่รู้จะพูดยังไง อะไรคือแนวทางนิยายเรื่องนี้ค่ะ เครียดด :ling3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
ทำไมพี่อาร์มใจร้าย นั่นลูกนะพี่อาร์ม ลู๊กกกกกกกกกกกกก :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5
ต้องเปลี่ยนพระเอกแล้วงานนี้ พระรองต้องเด่นค่ะ งานนี้ รับไม่ได้แบบนี้ เหตุผลอะไรถึงทำให้อาร์มทำได้ขนาดนี้

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
วิวาห์อามันต์

ตอนที่9









วิวาห์รู้สึกล่องลอยเบาสบายเหมือนนอนอยู่บนปุยนุ่นบางเบาข้างกายเขาคืออามันต์อดีตคนรักที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งหนึ่ง ...ทุกอย่างเหมือนความฝัน

พี่อาร์มเพิ่งจะขอเขาแต่งงาน...

สิ่งที่เขาปรารถนามากที่สุดคือการได้ใช้ชีวิตอยู่กับคนที่รัก การที่พี่อาร์มกลับมาก็คือสิ่งที่ดีไม่ใช่หรือ...แล้วเหตุใดเขาถึงไม่รู้สึกดีใจอย่างที่คิด ราวกับมีอะไรบางอย่างติดค้างในใจ

เขาเคยทิ้งเธอไปนะว่าน...เสียงเล็ก ๆ ดังขึ้น วิวาห์ขมวดคิ้ว ...เป็นเพราะเขาป่วยต่างหากล่ะ เขามีเหตุผลพี่อาร์มเป็นห่วงว่านถึงได้ยอมหนีไปรักษาตัวเองคนเดียว พี่อาร์มรักว่านมากจริง ๆ

ถ้าเขารู้ว่าว่านให้กำเนิดลูกของเขาล่ะก็ จะต้องดีใจมากแน่ ๆ พี่อาร์มคงรู้สึกเหมือนขึ้นสวรรค์เราก็จะเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์พ่อแม่ลูกความฝันของว่านก็จะเป็นจริง

“วีว่า ...วีว่าอยู่ไหนคะ” เสียงใส ๆ คุ้นหูดังขึ้นเบา ๆ ทว่าทำให้ว่านสะดุ้งขึ้นทั้งตัวเหมือนถูกไฟฟ้าช็อตคนที่นอนอยู่ข้างกายเขาหันมามองด้วยดวงตาดำสนิทเหมือนน้ำบ่อลึก

“มีอะไรเหรอว่าน” พี่อาร์มถามโอบว่านเข้ามากอดเอาไว้“กังวลขึ้นมาเหรอพี่บอกแล้วไงล่ะว่ายังไม่ต้องรีบให้คำตอบพี่ก็ได้ ค่อย ๆ คิด”

“ยี่หวา...ผมต้องไปดูลูกก่อน” วิวาห์ดันตัวลุกขึ้นนั่ง สะบัดหัวอย่างมึนงง เขารู้สึกมึน ๆ ตื้อ ๆ เหมือนดื่มไวน์เข้าไปทั้งขวด“ขอตัวก่อนนะครับ”

“ว่าน เดี๋ยวสิรอให้เช้าก่อนค่อยไป”พี่อาร์มท้วงรั้งแขนว่านเอาไว้ข้างนอกหน้าต่างยังมืดสนิทไม่มีทีท่าว่าจะใกล้เช้า “นอนพักเอาแรงก่อนก็ได้พี่สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรว่าน...ถ้าว่านไม่อนุญาต”

“กี่โมงแล้วนะครับ” วิวาห์เหลียวหานาฬิกาเวลาที่นี่เดินช้าราวกับถูกสตาฟเอาไว้อย่างงั้นแหละ ความรู้สึกของเขามันน่าจะผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว ใกล้เช้าเต็มที “ที่นี่ไม่มีนาฬิกาเลยเหรอ”

“มีสิ นู่นไงล่ะ...เพิ่งจะสี่ทุ่มเอง”เจ้าของห้องพยักพเยิดไปยังนาฬิกาเรือนใหญ่ติดผนังที่ว่านมองไม่เห็นในครั้งแรก เข็มนาฬิกาบอกเวลาสี่ทุ่มจริง ๆ “นอนเอาแรงก่อนก็ได้พรุ่งนี้พี่จะไปส่งที่โรงพยาบาล”

วิวาห์ลอบถอนหายใจ เอนตัวลงนอนตามเดิม พี่อาร์มดึงว่านเข้าไปกอดเอาไว้หลวม ๆ เหมือนเมื่อสมัยก่อนผิดกันตรงที่ว่าอ้อมแขนของพี่อาร์มไม่ได้อบอุ่นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่กลับเย็นนิด ๆ เหมือนมีลมเย็น ๆ โอบล้อมทั่วตัวอย่างบอกไม่ถูก

“หนาวเหรอ” พี่อาร์มกระซิบ ว่านส่ายหน้า

“เย็นนิดหน่อยครับ”

“ห่มผ้าเสียหน่อยแล้วกัน”

“พี่อาร์มเคยคิดเรื่องลูกไหมครับ” ว่านถามขึ้นช้า ๆ อีกฝ่ายชะงักไปเล็กน้อย

“ลูก?หมายถึงน้องยี่หวาน่ะเหรอ” ชายหนุ่มพูดเนิบ ๆ “ถ้าว่านแต่งงานกับพี่ ยังไงเสียพี่ก็รับยี่หวาเป็นลูกอยู่แล้ว พี่เอ็นดูน้องมาก ว่านไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอกนะ”

“แล้ว...ถ้าเป็นลูกของพี่อาร์มเองล่ะครับ เคยคิดเรื่องนี้มั้ย”

“ว่านไม่ต้องเครียดเรื่องลูกนะ พี่ไม่ซีเรียสหรอก” อามันต์ตอบทันที“พี่เข้าใจอยู่แล้วว่าการมีลูกเองมันไม่มีทางเป็นไปได้ พี่เต็มใจดูแลหวันยิหวาเหมือนลูกแท้ ๆ เอง”

วิวาห์รู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อได้ยินแบบนั้น

“ถ้าอย่างนั้น...สมมุติว่ายี่หวาเป็นลูก...หมายถึงลูกแท้ ๆ ของพี่อาร์มล่ะครับ” ว่านพูดออกไป

“จะสมมุติขึ้นมาทำไมน่ะว่าน” พี่อาร์มหัวเราะ “เลิกห่วงเรื่องนี้เถอะน่า ลูกว่านก็เหมือนลูกของพี่นั่นแหละ ถึงจะเป็นลูกที่เกิดกับผู้หญิงคนอื่นก็เถอะ”

วิวาห์เม้มปาก กลั้นใจพูดต่อ

“ถ้า...ไม่ใช่เรื่องสมมุติล่ะครับ ถ้ายี่หวาเป็นลูกของพี่อาร์มจริง ๆ พี่จะว่ายังไง”

รอยยิ้มของพี่อาร์มจางลงฉับพลัน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน

“หมายถึงยังไง พี่ไปทำผู้หญิงท้องเหรอ” เขาย้อนถาม...พี่อาร์มคงไม่เคยเอะใจเลยจริง ๆ สินะ

วิวาห์ก้มหน้าลงต่ำหัวใจเต้นแรงเหมือนจะโลดออกมานอกอกด้วยความตื่นเต้นแกมกังวลผสมกับความตื่นกลัวสารพัด เขาคิดว่าพี่อาร์มจะต้องตกใจมาก อาจจะโกรธเขาที่ไม่ยอมบอก แต่สุดท้ายพี่อาร์มก็จะยกโทษให้แล้วก็จะเข้าใจว่านเอง

“ว่าน...ท้องได้ครับ ว่านท้องลูกของพี่อาร์ม ว่านคือแม่ของหวันยิหวา”

ดวงตาคมกริบของพี่อาร์มไม่เชื่อที่ว่านพูดเลยในตอนแรกจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นความตกใจและตะลึงพรึงเพริด พี่อาร์มมองหน้าว่านนิ่งค้าง พูดไม่ออกไปครู่หนึ่งก่อนจะถามซ้ำตะกุกตะกัก

“ว่านล้อพี่เล่นใช่มั้ย”

วิวาห์ส่ายหน้า ดึงชายเสื้อขึ้นเผยให้เห็นรอยแผลเป็นจากการผ่าตัดพาดยาวบนหน้าท้องแบนราบ

“ผมเป็นคนคลอดยี่หวาออกมาครับ หลังจากที่พี่อาร์มออกจากวง ทุกคนก็แยกย้ายกันไปตามทาง ว่านกลับมาอยู่ที่บ้านได้ไม่กี่เดือนก็รู้ว่าตัวเองท้อง ว่านหาทางจะบอกพี่อาร์มแต่ว่าพี่อาร์มไปต่างประเทศแล้วว่านไม่รู้จะติดต่อพี่ยังไงก็เลยปล่อยเลยตามเลย”

“........” สีหน้าของอามันต์ไม่มีใครบรรยายถูกใบหน้าคมเข้มมืดคล้ำลงฉับพลันเหมือนมีเงาทาบทับจนว่านตกใจ

“พี่อาร์ม...”

“พี่ไม่...ไม่รู้เลย” เสียงแหบห้าวของอามันต์ฟังเหมือนเสียงครวญครางอย่างประหลาด “ไม่ทันคิด...จริงสิ.. ยี่หวาเป็นลูคีเมีย...กรรมพันธุ์ใช่มั้ย ...ทำไมพี่ไม่รู้ก่อน พี่นึกว่าเขาเป็นลูกว่านกับผู้หญิงคนอื่น พี่ถึงได้...”พี่อาร์มพูดอะไรรัวเร็วฟังไม่ได้ศัพท์ท่าทางน่ากลัวจนว่านเริ่มขวัญเสีย“ว่าน ว่านไม่บอกพี่ ...ว่านรู้อยู่แล้วใช่มั้ย ว่านจงใจไม่บอกพี่”

“ว่านคิดว่าบอกไปก็คงไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ว่านนึกว่าพี่ก็ไม่ได้สนใจแล้วลูกคนเดียวว่านเลี้ยงของว่านเองมาตั้งแต่แรก ยี่หวาไม่มีพ่อมาตั้งแต่เกิด”

“แล้วทำไมไม่บอก มาบอกเอาป่านนี้มันจะมีประโยชน์อะไร” พี่อาร์มตวาดเป็นครั้งแรก เสียงดังลั่นเหมือนฟ้าร้อง ว่านตกใจจนตัวแข็งแล้วก็แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธแกมน้อยใจ

“แล้วจะให้ว่านทำยังไงว่านพยายามติดต่อพี่อาร์มทุกทางแล้วแต่ก็ติดต่อไม่ได้ จะให้ว่านไปติดต่อที่ไหน ว่านอยู่คนเดียวมาตั้งหลายปีโดยไม่มีพี่อาร์มก็อยู่ได้ถ้าพี่อาร์มไม่มาขอว่านแต่งงานว่านก็คงไม่บอกพี่อาร์มหรอก”

อามันต์นิ่งเงียบ

มีเสียงฟ้าผ่าตามด้วยเสียงฝนตกข้างนอกหน้าต่าง เม็ดฝนกระทบกระจกเสียงดังกลบเสียงหัวใจเต้นตึก ๆ ของว่านว่านเดาอารมณ์ของพี่อาร์มไม่ถูกแล้ว

“พี่อาร์มไม่ดีใจเลยเหรอที่ยี่หวาเป็นลูกของพี่” เสียงของว่านสั่นเครืออย่างช่วยไม่ได้ พี่อาร์มไม่รู้สึกดีใจบ้างเลยเหรอ สักนิดก็ยังดี ....ไม่มีรอยยิ้มหัวในแววตาของพี่อาร์มด้วยซ้ำอันที่จริงมันดำมืดไร้ประกายทีเดียว

“ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ...พี่ก็คงจะดีใจมาก”พี่อาร์มตอบด้วยเสียงแหบห้าว“แต่ว่าตอนนี้มันไม่ทันแล้ว...สายเกินไป”

“ยี่หวาจะต้องหายดีครับพี่อาร์ม” ว่านพูดกุมมือของอามันต์เอาไว้“ยี่หวาเป็นเด็กเก่งจะต้องฟื้นคืนกลับมาแน่”

ฝนตกหนักมากในคืนนั้นว่านนั่งกอดเข่าอยู่ริมหน้าต่างมองออกไปยังวิวข้างนอกนั้นอย่างเหม่อลอย พี่อาร์มหายเข้าไปในห้องน้ำนานแล้ว คงช็อกมาก ๆ ที่จู่ ๆ ก็กลายเป็นพ่อคนโดยไม่ทันตั้งตัว ว่านถอนหายใจยาว ...ว่านตัดสินใจถูกแล้ว อย่างน้อยพี่อาร์มก็ควรจะรู้ในฐานะที่เป็นพ่อของยี่หวา

พี่อาร์มเดินกลับออกมาจากห้องน้ำ เสียงฟ้าผ่าเปรี้ยงดังสนั่นจนว่านสะดุ้ง แสงสายฟ้าสว่างวาบส่องเห็นพี่อาร์มดูซีดคล้ำอย่างประหลาด พี่อาร์มพยายามจะส่งยิ้มให้ว่านบาง ๆ

“อย่ากลัว ...พี่ตกใจมากไปหน่อยเรื่องยี่หวายังคิดอยู่ว่าถูกชะตากับน้องเหลือเกิน”

“ยี่หวาก็ชอบคุณลุงกระต่ายมาก ๆ เลยนะครับ” วิวาห์บอก “พูดถึงตลอดเลยเวลาที่พี่อาร์มหายไปหลาย ๆ วัน ไม่ยักรู้ว่าพี่อาร์มเล่นกับเด็กเก่ง”

“พี่...” พี่อาร์มทำท่าเหมือนจะพูดอะไรออกมาแต่ก็ไม่พูด เขาเงียบไปเสียเฉย ๆ

วิวาห์ลุกขึ้นเดินเข้าไปหาพี่อาร์มอย่างกังวลพี่อาร์มคงจะตกใจเรื่องยี่หวาแล้วก็เป็นห่วงอาการของลูกสาวมาก สีหน้าของพี่อาร์มไม่ดีเลย

“พี่อาร์ม”วิวาห์เรียกเสียงอ่อนเหมือนเมื่อสมัยที่ยังคบกัน อามันต์สะดุ้งวาบในอก เขาไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายเต็มตาด้วยความรู้สึกที่รู้แน่อยู่แก่ใจตนเอง “พรุ่งนี้ไปเยี่ยมยี่หวาด้วยกันนะครับถ้ายี่หวารู้ว่าคุณลุงกระต่ายมาจะต้องดีใจมากแน่”

อามันต์รู้สึกเหมือนถูกอีกฝ่ายชกเข้าที่ท้องเต็มแรง นัยน์ตากลมโตของว่านใสซื่อเสียจนเขาสมเพชขึ้นมาวูบ ...ช่างไม่รู้ตัวเอาเสียเลยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นตอนนี้ เคยโง่อย่างไรก็ยังโง่อยู่อย่างนั้น...

“ว่านไม่อยากให้พี่ไปหายี่หวาหรอก” เขาพูดแกมหัวเราะ วิวาห์ส่ายหน้า จับมือของเขาเอาไว้แน่น

“พี่อาร์มไม่ต้องห่วงเรื่องพี่วัตนะ ว่านจะอธิบายให้เขาฟังเองว่าพี่อาร์มมีเหตุผลของพี่อาร์ม ไม่ได้จะทิ้งว่านกับลูกตั้งแต่แรก”

อามันต์หัวเราะห้าว ๆ ออกมา เขานึกขันขึ้นมาจริง ๆ ...ไม่ได้จะทิ้งว่านกับลูกงั้นเหรออีกฝ่าย‘เชื่อ’เหตุผลที่เขายกมาเล่าจริง ๆ งั้นเหรอไม่อยากจะเชื่อเลยว่ายังมีคนแบบนี้อยู่ในโลกจริง ๆ ด้วยหรือ คนที่เกิดมาเพื่อถูกเอาเปรียบจากคนที่ฉลาดกว่า

ถ้าว่านไม่บอกเรื่องยี่หวาบางทีทุกอย่างคงจะง่ายกว่านี้...อามันต์คิด กำมือเข้าหากันแล้วคลายออก

“พี่จะไปเยี่ยมยี่หวาแน่นอน ว่านพักผ่อนก่อนเถอะนะ” เขาพาอีกฝ่ายกลับไปนอนพักที่เตียง ความร้อนรนในใจทำให้อามันต์ข่มตานอนหลับไม่ลง

วิวาห์นอนหลับสนิทไปแล้วในอ้อมกอดของอามันต์เขาสะดุ้งตื่นอีกครั้งหนึ่งตอนที่ถูกมือของใครสักคนเขย่าตัวปลุกอย่างแรง ว่านลุกขึ้นมานั่งมองไปรอบ ๆ อย่างมึนงง

“ไอ้หนู ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้ล่ะ เป็นอะไรหรือเปล่า” คนที่มาปลุกเขาเป็นผู้ชายวัยกลางคนสวมชุดเหมือนรปภ. “ไม่สบายหรือว่าเมาล่ะ ถึงได้มานอนตรงนี้”

ตรงนี้ของอีกฝ่าย...ว่านกวาดตามองอย่างตกใจเขากำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนพื้นปูนหน้าอาคารแห่งหนึ่งที่ดูรกร้างไม่ไกลออกไปเป็นเศษซากของอาคารที่ดำเมี่ยมและผุพังเหมือนเคยถูกไฟไหม้มาก่อน ...ว่านเบิกตากว้าง เขาจำที่นี่ได้ มันคือสตูดิโอเมื่อหลายปีก่อนนั่นเอง

“ที่นี่มัน ...ทำไมผมมาอยู่ตรงนี้”...แล้วพี่อาร์มล่ะ...ว่านขนลุกขึ้นทั้งตัว ผุดลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ “ผมมานอนที่นี่นานแล้วเหรอ”

“ไม่รู้สิ ลุงก็เพิ่งมาเห็นนี่ล่ะ”

“ตึกนี้...เป็นแบบนี้นานแล้วเหรอครับ” ว่านกระซิบมองไปรอบ ๆ คล้ายยังได้กลิ่นควันไฟจาง ๆ ลอยมาตามลม รปภ.คนนั้นหัวเราะ

“ตึกนี้ถูกไฟไหม้ เขาจะทุบทิ้งแล้วล่ะหนู หนูรีบไปดูลูกเถอะ อย่าช้าเลย”

“จะทุบสร้างใหม่เหรอครับ แล้วทำไมลุงถึงรู้ว่าผมมีลูก” ว่านหันกลับมาแล้วก็พบว่าตนเองยืนอยู่คนเดียว รปภ.คนนั้นหายตัวไปเสียแล้วอย่างไร้ร่องรอย

ขนอ่อนลุกชันว่านรีบวิ่งออกมาจากบริเวณนั้นอย่างตกใจแกมขวัญเสียเขาวิ่งมาตามฟุตบาทตรงไปยังตลาดตอนเช้าที่มีคนเยอะแยะแม้จะเป็นเวลาเช้ามืด หัวใจเต้นตึก ๆ ด้วยความกลัวจับใจ

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ว่านล้วงกระเป๋าหยิบขึ้นมากดรับมือไม้สั่น

“พี่...พี่วัต!!”

“ว่าน ให้ตายสิรับสายซะที ไปอยู่ที่ไหนมาน่ะว่าน พี่เป็นห่วงมากนะรู้มั้ย” พี่วัตโวยวายมาตามสาย ว่านบอกสถานที่ ๆ ตัวเองอยู่ตรงนี้ ยืนรออย่างกระวนกระวายไม่นานรถของพี่วัตก็มาถึง วิรุฬน้องชายของเขาเป็นคนขับมา ว่านรีบเปิดประตูก้าวขึ้นไปนั่ง

“ไปโรงพยาบาลก่อนวิน อย่าเพิ่งถามอะไรเลยนะ พี่ต้องไปโรงพยาบาลก่อน”

“โอเค” วิรุฬสัมผัสถึงความร้อนใจของพี่ชายได้ถึงแม้ว่าเขาจะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นมากก็ตาม ชายหนุ่มขับรถพาพี่ชายไปที่โรงพยาบาลวิวาห์ตรงขึ้นไปเยี่ยมยี่หวาที่ห้องผู้ป่วยวิกฤติ

“หวันยิหวาเป็นอย่างไรบ้างครับ”

“พยาบาลกำลังจะโทรหาคุณพ่อน้องเลยค่ะ น้องยี่หวาความดันตก ตอนนี้คุณหมอกำลังช่วยเต็มที่นะคะ”

ว่านหน้าซีด วิรุฬสอบถามอาการกับพยาบาลเสร็จก็จับตัวพี่ชายเอาไว้พามานั่งพัก ว่านตัวสั่นไปหมดด้วยความกลัว

“ยี่หวาจะตายมั้ยวิน ....จริงสิ เขาพูดแบบนั้น แต่มันไม่ใช่...ฉันรู้สึกได้ว่าไม่ใช่”

“พี่ว่าน ตั้งสติก่อนใจเย็น ๆ พี่ว่านฟังวินนะหายใจเข้าลึก ๆ ค่อย ๆ หายใจอย่าหายใจเร็วอย่างนั้น” วิรุฬจับมือพี่ชายเอาไว้แน่น รู้สึกว่าพี่ว่านตัวร้อนจัดหน้าตอบจนเห็นโหนกแก้มชัด “พี่ว่านหายไปไหนมาตั้งสามวัน พวกพี่วัตตามหาก็ไม่เจอตัวเลย”

“พี่...พี่อาร์มมารับพี่ที่บ้าน” วิวาห์กระซิบวิรุฬโกรธขึ้นมาทันทีที่ได้ยินชื่อของอามันต์

“แล้วพี่ว่านก็ไปกับมันงั้นเหรอ”

“ใช่” วิวาห์ตอบกำมือแน่น “เขาบอกว่ามีวิธีช่วยยี่หวา แล้วก็ขอพี่แต่งงาน เขาพาพี่ไปที่สตูดิโอนั่น มันยังเหมือนเดิมอยู่เลย พีก็ยังคิดว่าทำไมมันถึงเหมือนเดิม...วิน ...มันไม่ใช่ ตึกนั่นโดนไฟไหม้ไปหมดแล้ว เขา..พี่อาร์ม...เขาหลอกฉัน เขาไม่ใช่คน”

วิรุฬอ้าปากค้าง มองหน้าพี่ชายอย่างตกใจ

“เขาพาพี่ว่านไปงั้นเหรอ แล้วยังไงต่อพี่ว่านออกมาได้ยังไง”

“พี่ไม่รู้ พี่นอนหลับไปแล้วก็มีคนมาปลุก เขาแต่งชุดเหมือนรปภ. บอกให้พี่รีบมาดูลูกที่นี่” วิวาห์เพิ่งจะสังเกตเห็นชุดของน้องชาย “นี่วิน...จริงสิ สามวัน...พี่วัตแต่งงานวันนี้ไม่ใช่เหรอ”

“ใช่ เราตัดสินใจเลื่อนออกไปก่อนเพราะเป็นห่วงพี่ว่าน ไม่นึกเลยว่าอาการของยี่หวาจะทรุดลงอีก..”

“ว่าน ..วิน” วิรัตน์เดินเข้ามาหาพวกเขาตามทางเดินพร้อมกับว่าที่พี่สะใภ้ พี่วัตสีหน้าเคร่งเครียดมาก “หายไปไหนมาว่าน พี่ตามหาทั้งเมืองจนต้องขอให้ตำรวจช่วยก็ยังไม่เจอ”

“พี่วัต ว่านขอโทษครับแล้วงานแต่งของพี่...”

“เลื่อนไปก่อนไม่เป็นไรหรอก น้องว่านเป็นยังไงบ้าง พวกพี่เป็นห่วงมากเลยนะรู้มั้ย” พี่เบสต์พูดกวาดตามองเขาทั่วตัว “ซูบไปมากไปอยู่ที่ไหนมา”

“ว่าน..” วิวาห์เล่าเรื่องที่สตูดิโอนั้นอีกครั้ง ทุกคนเงียบกริบสบตากันไปมาจนว่านใจเสีย “มีอะไรหรือเปล่าครับ พี่วัต พี่เบสต์ วินอย่าปิดพี่”

“วินว่าเราตามครูเตยมาด้วยดีกว่า”

“ครูเตยมาเกี่ยวอะไรด้วย” ว่านงง

“ตอนนี้ก็สรุปได้แล้วนะว่านายอามันต์ไม่ใช่คน” วิรัตน์พูดขึ้นเรียบ ๆ พยายามรักษาความสงบเอาไว้ในสีหน้า ถ้าเขายิ่งตื่นตระหนก น้อง ๆ ก็จะยิ่งพลอยขวัญเสียไปด้วย

“แล้วทำไมตอนนั้นที่โรงพยาบาลวินถึงจับแขนของเขาได้ล่ะครับ” วิวาห์ถามขึ้นอย่างสงสัย

“ว่านฟังพี่ก่อนนะ ว่านเชื่อมั้ยว่าเขาไม่ได้มาดีหรอก เขามีจุดประสงค์ที่เข้าหาว่าน” วิรัตน์พูดบีบต้นแขนของว่านเอาไว้แน่น“ไม่อย่างนั้นเขาจะพาว่านไปทำไมนี่ถ้าว่านไม่ตื่นก็มีหวังตายแน่จับไข้ผอมโกรกขนาดนี้”

“เขาขอพี่ว่านแต่งงานน่าจะมีแผนอะไรสักอย่าง ครูเตยเล่าเรื่องดูดวิญญาณให้ผมฟังมาครับ” วินเล่าเรื่องที่ครูเตยบอกให้พี่ชายฟัง วิวาห์อ้าปากค้าง มองหน้าน้องชายอย่างไม่อยากเชื่อ

“เขาต้องการชีวิตของยี่หวางั้นเหรอ” วิวาห์พูดเสียงสั่น เบิกตากว้าง“ทำได้ยังไง...นั่นลูกเขานะ”

“คนอย่างนั้น...เขาเห็นแก่ตัวเกินกว่าที่จะสนใจเรื่องอื่นครับพี่ว่าน ถ้าเขาอยากจะกลับมาก็เป็นไปได้ว่าเขาต้องการชีวิตของยี่หวาไปแลก”

“ไม่!!” วิวาห์ผุดลุกขึ้นยืนกำมือแน่นสมองเรียบเรียงเรื่องราวทั้งหมดได้อย่างแจ่มชัดกว่าที่เคย อาการมึน ๆ งง ๆ หายไปเป็นปลิดทิ้ง “ไม่มีทางพี่ไม่ยอมให้เขาเอายี่หวาไปแน่”

“พี่ว่านนั่งก่อน เราเพียงแค่สันนิษฐานเท่านั้น นอกจากความเชื่อแล้วก็ไม่มีหลักฐานอะไร” วินพูดยังไม่ทันจบ วิวาห์ก็แย้ง

“ไม่มีหลักฐานอะไร พี่นี่ไงหลักฐาน ..พี่มั่นใจว่าพี่อาร์มไม่ใช่คนแน่นอนจะเป็นผีก็ไม่ใช่ยี่หวาอาการแย่ลงทุกครั้งที่เขามาหานั่นแหละคือข้อพิสูจน์ทำไมพี่ไม่ได้คิดเรื่องนี้มาก่อนนะพี่ไม่รู้ว่าเขาทำได้ยังไงแต่ว่าถ้าเป็นอย่างที่วินเล่าเขาจะต้องเสียใจที่คิดจะทำร้ายยี่หวาพี่จะไปจัดการเขา”

“พี่ว่านจะทำยังไง เอาพระมาสวดใส่อะไรทำนองนี้เหรอ” วินถามอย่างไม่แน่ใจ “หรือเราต้องไปจ้างคนมาปราบผี พวกหมอผีดัง ๆ ดีมั้ย”

ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ นายแพทย์เจ้าของไข้เปิดประตูออกมาขอคุยกับญาติคนป่วย วิวาห์ลุกขึ้นเดินเข้าไปหาอย่างหวาดหวั่น ถ้าสิ่งที่อามันต์ต้องการคือชีวิตของยี่หวาจริง ๆ เขาจะทำอย่างไรได้ จะขัดขวางอีกฝ่ายอย่างไร มันไม่โหดร้ายเกินไปหน่อยหรือไง ยี่หวาคือลูกของเขานะ..

“คนไข้อาการหนักนะครับ ตอนนี้ไข้ขึ้นสูงความดันตกต้องใช้ยากระตุ้นความดัน ...”คุณหมอเล่าอาการของลูกสาวให้เขาฟังวิวาห์ยืนนิ่งเหมือนหุ่นคำพูดของหมอเข้าไปกระแทกใจเขาทีละประโยคให้รับรู้ความเป็นจริง“หมอ...อยากจะขอให้ญาติเผื่อใจเอาไว้นะครับ น้องยี่หวามีโอกาสเสียชีวิต..”

“ว่าน...ว่านทำใจดี ๆ เอาไว้ ว่าน”

วิรัตน์รับตัวน้องชายเอาไว้ได้ทัน ว่านตัวร้อนจี๋ทีเดียวสุดท้ายว่านก็ได้นอนโรงพยาบาลเพราะไข้สูงมากและร่างกายไม่ได้รับอาหารมาหลายวัน ว่านพอลุกขึ้นไหวก็จะออกไปหาลูกสาวท่าเดียวจนพี่น้องต้องช่วยกันจับเอาไว้

“พี่ว่านต้องนอนพักก่อนนะครับ พี่ว่านไม่สบายมาก”

“ยี่หวา...ยี่หวา” ว่านร้องไห้ออกมา เขาต้านแรงพี่ชายน้องชายไม่ไหว ได้แต่นอนร้องไห้อยู่บนเตียงผู้ป่วย “พี่วัตว่านไหว้ล่ะ ให้ว่านไปดูลูกเถอะนะ หมอบอกว่ายี่หวาอาการหนักมาก อาการหนักกว่าว่านเยอะ ว่านยังไหวอยู่ ให้ว่านไปหาลูกเถอะนะ”

“พี่ว่านยังไม่แข็งแรงพอนะครับ ถ้าฝืนเดินอีกอาจจะล้มได้”

“พี่ไม่เป็นไรวิน ไม่เป็นไรจริง ๆ ให้พี่ไปดูลูกนะวินนะ...วินช่วยพี่หน่อยช่วยพี่ทีนะ” วิรุฬน้ำตาคลอ พี่ว่านเคยร้องไห้อ้อนวอนขอให้เขาช่วยแบบนี้เหมือนกันเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ พี่ว่านขอให้เขาช่วยหาทางเอาเด็กออกให้ ทว่าวันนี้กลับกัน ..วิวาห์อ้อนวอนเขาเพราะความเป็นห่วงลูกสาว “วิน...วินก็รู้ว่าชีวิตพี่มียี่หวาคนเดียว พี่ไม่เหลืออะไรแล้ว ฮึก วินช่วยพี่ช่วยพี่นะ”

“พี่วัตครับ ให้พี่ว่านไปดูยี่หวาเถอะ ขอรถเข็นไปคงไม่เป็นอะไร” วิรุฬพูดเขาเป็นหมอ เข้าใจดีว่าอาการของยี่หวาอยู่ในจุดวิกฤติเพียงใด บางทียี่หวาอาจจะ... ชายหนุ่มรีบหยุดความคิดนั้นเอาไว้ “พี่ว่านผมจะหาทางช่วยยี่หวาให้ได้พี่ว่านอย่างเพิ่งหมดกำลังใจนะ”

“พี่ไม่ยอมให้ใครเอายี่หวาไปแน่วินให้เขาเอาชีวิตพี่ไปแทน...เอาชีวิตพี่ไปเลย” วิวาห์พูดวิรัตน์จุ๊ปาก

“พูดอะไรแบบนั้นว่านพี่ไม่ยอมทั้งนั้นล่ะไม่ว่าจะเป็นยี่หวาหรือว่าว่าน”

“หมายความว่าเราต้องหาทางหยุด...ผี...เหรอคะ” เบสต์ถามขึ้น“เบสต์ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยนะ”

“ว่านจะคุยกับพี่อาร์ม เรื่องทุกอย่างมันเริ่มต้นขึ้นจากพี่อาร์ม ก็ต้องเป็นพี่อาร์มที่เป็นคนหยุด” วิวาห์พึมพำ

“เราจะเจอพี่อาร์มได้ยังไง”

“จุดธูปเรียกเหรอ” วิรุฬเลิกคิ้ว“เคยเห็นในละคร”

“ว่านอยากกลับไปที่สตูดิโอนั่นอีกครั้งครับ” วิวาห์พูดขึ้น“พี่อาร์มน่าจะผูกพันกับที่นั่นถึงได้พาว่านกลับไปเมื่อคืน”

“เป็นไปได้ แต่ว่านยังไม่แข็งแรงจะออกจากโรงพยาบาลตอนนี้คงไม่ไหวหรอก”

“แล้วถ้าสายเกินไปล่ะครับ ถ้าช่วยยี่หวาไม่ทันขึ้นมา ว่านคงเสียใจไปตลอดชีวิต” วิวาห์พูดทั้งน้ำตา “ถ้าว่านเสียลูกไป ว่านก็ไม่อยากอยู่แล้วเหมือนกัน ยี่หวาเป็นชีวิตของว่าน ว่านไม่อยากเสียใจอีกแล้ว” เสียงสะอื้นของวิวาห์ดังก้องไปทั่วห้อง

วิรัตน์พาน้องชายไปดูลูกก่อนตั้งใจว่าจะเกลี้ยกล่อมให้ว่านยกเลิกความคิดที่จะกลับไปที่สตูดิโอแห่งนั้นแต่ว่าเขาคิดผิด พอว่านเห็นหน้าลูก ...ทุกอย่างก็แย่ลงไปอีกว่านทุรนทุรายกว่าเดิม เขาอยากกลับไปที่แห่งนั้น

“ว่านต้องไปคุยกับพี่อาร์ม ว่านรอช้ากว่านี้ไม่ได้พี่วัต ลูกสาวของว่านกำลังจะตาย”

“ลูกของว่านก็คือลูกของเขาด้วย คนเรามันจะใจร้ายใจดำขนาดเอาชีวิตลูกตัวเองได้ลงคอได้ยังไงกัน” เบสต์พูดยกมือขึ้นลูบแขน“ขนลุกในความเห็นแก่ตัวจริง ๆ”

“มันเป็นคนแบบนี้มานานแล้วเบสต์ ตั้งแต่สมัยคบว่านใหม่ ๆ พี่ก็เคยพูดแล้วว่าเขาคบว่านหวังผลประโยชน์ ว่านไม่เคยเชื่อ”

“...........” ว่านนั่งบนรถเข็นนิ่งสายตาจับจ้องไปที่ลูกสาวตัวเล็กบอบบางที่นอนอยู่บนเตียงรายล้อมด้วยอุปกรณ์ช่วยชีวิตทั้งหลายจนแทบมองไม่เห็นใบหน้าเล็ก ๆ นั้น วิวาห์กำมือแน่น...เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่ครูเตยพูดจะเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าแต่ว่าสิ่งที่เขาเจอกับตัวเองมันก็ชัดเจนพอแล้วว่าพี่อาร์มไม่ใช่คน และน่าจะไม่ประสงค์ดีกับเขาและลูก “พี่วัต...พาว่านไปเถอะนะ ไม่อย่างนั้น...ว่านก็จะหาทางไปเอง”

“พี่ว่าน วินไม่ห้ามพี่ว่านหรอก วินเห็นด้วยว่าถ้าสาเหตุคือพี่อาร์มจริง ๆ ก็ควรจะต้องจัดการที่ต้นเหตุแต่ว่าเราก็ควรจะเตรียมตัวไปกันด้วยวินจะไปกับพี่ว่านเองวินจะไปขอให้พระอาจารย์ช่วยจะไปตามครูเตยให้ไปกับพวกเราด้วยเผื่อว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง”

“พี่ไม่เห็นด้วย ว่านควรรอที่นี่ดีกว่า พี่กับวินจะไปจัดการเอง ว่านยังไม่แข็งแรงขนาดจะออกไปไหนมาไหนอีก ขืนไปคราวนี้ถูกนายอาร์มพาไปซ่อนเอาไว้ เจอกันอีกทีว่านไม่กลายเป็นศพไปแล้วเหรอ” วิรัตน์ออกความเห็น

“ว่านไม่อยากให้พี่วัตกับวินต้องมาเสี่ยงด้วย นี่มันเป็นเรื่องของว่าน”

“มันเป็นเรื่องของพวกเราว่าน เราครอบครัวเดียวกันนะ ยี่หวาก็เป็นหลานพี่ พี่ก็ห่วงหลานอยากช่วยหลานมากเหมือนกัน” วิรัตน์พูดเขาไม่ยอมให้น้องชายค้านอีก“พี่กับวินจะไปดูที่สตูดิโอเอง”

“ไม่ได้ครับพี่วัต พี่ถึงขั้นต้องเลื่อนงานแต่งก็เพราะว่าน” ว่านไม่ยอม“ว่านไม่อยากทำให้พี่เดือดร้อนอีกแล้วพี่วัต ว่านขอพูดหน่อยพี่วัตช่วยว่านมามากแล้วตั้งแต่เมื่อก่อนจนถึงตอนนี้ พี่วัตช่วยว่านสารพัด ทั้งพี่วัตทั้งวินแล้วก็ที่บ้าน ว่านเองต่างหากที่ไม่เคยช่วยตัวเองได้เลย ว่านปวกเปียกไม่มีประโยชน์อะไรสักอย่าง แค่หาเงินเลี้ยงลูกว่านยังทำไม่ได้ ว่านรู้ว่าตัวเองไม่ฉลาด โดนเขาหลอกซ้ำแล้วซ้ำอีกก็ยังคิดไม่ได้อยู่นั่น ว่านทนอยู่ในสภาพนี้ต่อไปไม่ได้แล้วครับ ว่านอยากปกป้องยี่หวาด้วยตัวของว่าน ไม่อยากดึงใครมาเดือดร้อนกับเรื่องของว่านอีก”

“พี่เข้าใจความคิดของว่านนะ” วิรัตน์พูดเสียงอ่อนลง“แต่จะเรียกว่าเดือดร้อนก็ไม่ใช่หรอกพี่แค่อยากให้ว่านพักอยู่ที่นี่แล้วพี่กับวินจะไปจัดการเรื่องนี้..”

“พี่วัตไม่ไว้ใจว่านใช่มั้ยพี่วัตกลัวว่านจะถูกเขาหลอกอีกแล้วก็จะตายตามยี่หวาไปด้วย”

“ใช่ พี่กลัว....พี่ไม่รู้ว่ามันจะลูกเล่นอะไรยังไงอีก พี่ไม่รู้เลยว่าน มันเป็นผีหรือตัวอะไรพี่ก็ไม่รู้ พี่ปล่อยให้ว่านไปเจอกับมันไม่ได้หรอก”

“พี่วัต...ไว้ใจว่านบ้าง พี่วัตไว้ใจว่านเถอะนะถ้าว่านไม่สามารถเอาชีวิตของตัวเองกับลูกกลับมาได้ ก็คิดเสียว่ามันเป็นกรรมของว่านที่ทำบุญมาแค่นี้ก็แล้วกัน”

“พูดอะไรแบบนั้น” พี่วัตโกรธมากที่ว่านไม่ฟัง “ยังไงพี่ก็ไม่ให้ว่านไปไหน พี่จะบอกคุณหมอให้มัดว่านเอาไว้” วิรัตน์พูดเสียงห้วน

วิวาห์เม้มริมฝีปากแน่นเขากระชากเข็มน้ำเกลือที่หลังมือตัวเองออกแล้วลุกขึ้นวิ่งออกไปจากห้องไอซียูก่อนที่ใครจะทันคิดวิวาห์ไม่รู้ว่าตัวเองเอาเรี่ยวแรงนี้มาจากไหน เขาวิ่งลงบันไดหนีไฟมาหลายชั้นต่อกันทว่าพอเปิดประตูออกมาก็ถูกคนหลายคนเข้ามาล็อกตัวกดเอาไว้แน่นจนขยับไม่ได้รู้สึกเจ็บปลาบที่ต้นแขนจากนั้นเขาก็ผล็อยหลับไป

................................................................................


ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk





“ถ้าพี่ว่านตื่นคงโกรธมากแน่” วิรุฬพึมพำจับตามองไปยังร่างผอมบางที่ถูกมัดเอาไว้กับเตียงอย่างแน่นหนาป้องกันการหนีออกจากโรงพยาบาลอีก วิรัตน์ถอนหายใจยาว

“ทำยังไงได้ พี่ปล่อยให้เขาไปเจอนายอาร์มไม่ได้หรอก”

“วินเข้าใจครับ พี่ว่านตอนนี้อ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจ ควรจะพักรักษาตัวก่อนดีกว่า” น้องชายเห็นด้วย “เราไปกันเลยดีมั้ยครับ ผมโทรบอกครูเตยเอาไว้แล้ว จะแวะที่วัดด้วย”

“เบสต์...ผมฝากว่านหน่อยนะ แล้วจะรีบกลับมา”

“ไม่ต้องห่วงค่ะ เบสต์จะดูแลน้องว่านให้เอง” คู่หมั้นตอบกลับมาเนิบ ๆ

วิรัตน์ขับรถแวะไปรับคุณครูสาวที่โรงเรียนก่อนตามที่วิรุฬบอก อันที่จริงวิรัตน์ก็ไม่ค่อยอยากเชื่อเรื่องดูดวิญญาณอะไรนั่นเท่าไหร่ มันเหมือนเรื่องเล่าของคนเฒ่าคนแก่มากกว่าที่จะเป็นเรื่องจริง แต่เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว ถ้ามันพอจะเป็นความหวังที่จะทำให้หลานสาวอาการดีขึ้น วิรัตน์ก็พร้อมจะลองเสี่ยงดู

“หลวงตาไม่อยู่เหรอครับ” วิรัตน์อุทานอย่างผิดหวัง ศิษย์ลูกวัดบอกว่าเจ้าอาวาสที่เคารพนับถือมานานตั้งแต่สมัยที่พี่วัตบวชนั้นติดธุระที่อื่น แต่ว่าท่านฝากของเอาไว้ให้ถ้ามีใครมาถามหา

“คืออะไรน่ะพี่วัต” วิรุฬชะโงกเข้ามาดูห่อผ้าเล็ก ๆ นั้น วิรัตน์เปิดออกดูข้างในเป็นพระเครื่ององค์เล็กวางสงบนิ่งอยู่ “พระเหรอครับรุ่นอะไรเหรอ วินดูไม่เป็น”

“พี่ก็ดูไม่เป็นเหมือนกัน” วิรัตน์ส่ายหน้ารู้สึกวังเวงขึ้นมาเมื่อมองไปยังกุฎิที่ปิดสนิทนั้น

“เอาไปกลัดเอาไว้ที่อกของคุณว่านค่ะ” คุณครูเตยที่นั่งเงียบอยู่นานพูดขึ้น ชายหนุ่มทั้งสองคนมองหน้ากัน

“ถ้างั้นเราคงต้องกลับไปที่โรงพยาบาลก่อนไม่รู้ว่าป่านนี้เจ้าว่านอาละวาดโรงพยาบาลแตกไปหรือยัง” วิรัตน์พึมพำย้อนกลับไปที่โรงพยาบาลวิวาห์ตื่นขึ้นแล้วก็โวยวายเรื่องที่ถูกมัดติดเตียงไปแล้วตอนที่พวกเขาเข้าไปถึงก็พบว่าวิวาห์กำลังนอนร้องไห้อยู่เงียบ ๆ หมดแรงขยับตัว

“พี่วัต...แก้มัดว่านเถอะ ว่านไม่ใช่หมูใช่หมานะ จะได้มามัดกันแบบนี้ ว่านแค่อยากไปดูลูกของว่าน”

“พี่กลัวว่าว่านจะหนีออกไปแล้วหาเรื่องใส่ตัวอีก”

“ไม่หรอกครับ” วิวาห์ส่ายหน้า “ว่านได้สติแล้ว ว่านขอโทษที่เอาแต่ก่อปัญหา พี่วัตแก้มัดให้ว่านนะ” ท่าทางของวิวาห์ทำให้วิรัตน์ใจอ่อน ชายหนุ่มยอมให้แก้มัดน้องชาย วิวาห์นั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงอย่างสงบ ไม่มีทีท่าว่าจะวิ่งหนีออกจากโรงพยาบาลอีก “ว่านไม่ทำหรอก รับรองได้ ว่านแค่อยากไปดูลูกเท่านั้น”

“ถ้าจะไปก็ให้พี่เบสต์กับคุณพยาบาลพาไปก็แล้วกัน”

“แล้วเรื่องที่สตูดิโอนั่น” วิวาห์ถามคิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน“พี่ไปกันมาแล้วเหรอ”เขาเพิ่งสังเกตเห็นคุณครูสาวที่ยืนอยู่ในห้องนั้น “คุณครูเตยนี่”

“คุณว่าน” ครูเตยเดินเข้ามาหา “นอนลงก่อนดีกว่าค่ะ ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดก็คือสุขภาพของคุณว่านนะคะ ..เมื่อกี้แวะไปที่วัดมาด้วย..”

“จริงสิ หลวงตาฝากพระเครื่องเอาไว้ ว่านเก็บเอาไว้นะ”

วิวาห์ส่ายหน้า

“ไม่ต้องให้ผมหรอก ให้ยี่หวาเถอะว่านฝากไปให้ลูกได้มั้ยครับ”

วิรัตน์รับปาก วิวาห์นอนนิ่ง ๆ อยู่บนเตียงรอจนกระทั่งพี่ชายน้องชายกลับออกไปจากห้อง เขาก็ลุกขึ้นนั่ง หันไปหาพี่เบสต์ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่เงียบ ๆ

“พี่เบสต์ครับ”

“น้องว่านอยากได้อะไรคะ เข้าห้องน้ำเหรอ”

“ครับ พอดีคุณหมอเขาให้ผมปัสสาวะใส่กระบอกบนเตียง..” วิวาห์พูดค้างเอาไว้ ท่าทางอึดอัดหญิงสาวเลยนึกขึ้นได้เธอลุกขึ้นยืน

“เดี๋ยวพี่รูดม่านให้แล้วกันนะคะ หรือว่ายังไงดี”

วิวาห์ยกมือขึ้นเกาแก้ม

“พี่เบสต์รอในห้องน้ำก็ได้ครับ เดี๋ยวว่านเรียบร้อยแล้วจะบอก”

หญิงสาวเอียงคอมองเขาแล้วอมยิ้ม

“พี่เบสต์ไม่ใช่เด็ก ๆ นะคะ จะได้ถูกน้องว่านหลอกเอาง่าย ๆ” เธอหัวเราะ มองวิวาห์อย่างเอ็นดูแกมสงสาร “พี่รูดม่านให้นะคะ”

วิวาห์ลอบถอนหายใจ พี่เบสต์ไม่หลงกลง่าย ๆ ของเขาเลย เธอหาเรื่องนู้นเรื่องนี้มาคุยกับเขาเพลิน ๆ คลายเครียดแต่ก็ระมัดระวังไม่ให้ว่านไปไหน ถึงแม้ว่านจะหว่านล้อมอย่างไรเธอก็ไม่ยอมคลาดสายตาจากว่านเลย

“พี่รักว่านเหมือนน้องชายนะ พี่เองก็เป็นห่วงว่านกับยี่หวาเหมือนกันว่านเชื่อพี่นะ...ถ้าว่านอยากให้พี่วัตเชื่อใจว่าน ว่านก็เชื่อใจพี่วัตนะว่าเขาจะจัดการเรื่องทั้งหมดได้เรียบร้อยแน่ ๆ”

“ว่านสร้างแต่เรื่องให้พี่วัตตลอดขอโทษพี่เบสต์อีกครั้งนะครับที่พี่ต้องเลื่อนงานแต่งไปเพราะว่าน”

“ไม่เอาน่ะ” เบสต์ส่ายหน้า“ชีวิตคนสำคัญที่สุดอยู่แล้วพี่กับพี่วัตคบกันมานานเรื่องแต่งงานมันก็เป็นแค่พิธีการเท่านั้นแหละ ไม่ได้อะไรสำคัญขนาดนั้นหรอก แค่คนสองคนตกลงจะอยู่ด้วยกันก็พอแล้ว”

“พี่เบสต์กับพี่วัตโชคดีจังเลยนะครับที่ได้เจอกันและกัน ว่านอยากเจอคนที่จริงใจกับว่านบ้าง” พูดได้แค่นั้นก็พูดต่อไม่ออก รู้สึกแน่นในอกขึ้นมาด้วยความเสียใจ“ว่านอยากฉลาดได้สักครึ่งนึงของพี่วัตจะได้รู้ทันใคร ๆ บ้างว่ามาดีหรือมาร้าย”

“ไม่มีใครฉลาดมาตั้งแต่เกิดหรอกว่าน มันขึ้นกับประสบการณ์ด้วย” หญิงสาวปลอบใจ“ก่อนที่พี่จะมาเจอพี่วัตพี่ก็เจ็บมาเยอะเหมือนกัน ว่านอย่าเพิ่งถอดใจเลยนะ สักวันในอนาคตว่านจะต้องเจอคนที่เขารักแล้วก็จริงใจกับว่านมาก ๆ แน่ พี่เป็นกำลังใจให้นะ”

“ขอบคุณครับ” ว่านก้มหน้าลงมั่นใจว่าคงไม่มีวันนั้นหรอก...คนอย่างเขามัน..

“นอนเถอะ พอตื่นขึ้นมาแล้วอะไร ๆ ก็มักจะดีขึ้น”

“......” ว่านพยายามส่งยิ้มตอบกลับไป อยากบอกพี่เบสต์ว่ามันไม่จริงเลย ทุกครั้งที่ว่านลืมตาตื่นเรื่องราวทั้งหมดดูเหมือนจะยิ่งเลวร้ายลงไปทุกทีจนว่านไม่อยากจะตื่นแล้ว แต่ว่านก็ต้องตื่นขึ้นมาหายี่หวา ยี่หวารอเขาอยู่..

ยี่หวา..

หวันยิหวา..

“ว่าน” เสียงแหบคุ้นหูดังขึ้น วิวาห์เห็นร่างสูงใหญ่นั้นยืนสงบนิ่งอยู่ที่ปลายเตียงเขาพบว่าตัวเองกลับมาอยู่ที่สตูดิโอแห่งนั้นอีกแล้ว มันเหมือนจริงเสียจนว่านไม่อยากเชื่อ

“พี่อาร์ม...ยี่หวาล่ะ” เขาผุดลุกขึ้นนั่งร่างของพี่อาร์มดูคมชัดสมจริงมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นั่นยิ่งทำให้ว่านกลัวจับใจ “ยี่หวาเป็นอย่างไรบ้าง”

“ว่านพี่ขอโทษ” ร่างสูงใหญ่นั้นคุกเข่าลงกับพื้นตรงหน้า จับขาของว่านเอาไว้แน่นไม่ยอมให้เดินหนี “พี่ขอโทษนะว่าน พี่ไม่รู้มาก่อนเลยว่ายี่หวาเป็นลูกของพี่”

ว่านอยากจะชักขาออกเต็มทน แต่ว่าเขาจำต้องกลั้นใจเอาไว้ ตอบกลับไปเสียงอ่อน

“พี่อาร์มจะขอโทษว่านทำไม พี่อาร์มเองก็ไม่สบาย ว่านเข้าใจพี่อาร์ม ไม่โทษพี่อาร์มหรอกครับ”

อามันต์เงยหน้าขึ้น ดวงตาคมเข้มคู่นั้นแดงก่ำขึ้นเส้นเลือดเป็นสาย

“จริงเหรอ ว่านไม่โกรธพี่เหรอ ถึงแม้ว่า...”

“ถึงแม้ว่าอะไรเหรอครับ”

“ถึงแม้ว่า ...พี่จะ...จะเอาชีวิตของยี่หวามาน่ะหรือ”หางเสียงของอามันต์สั่นเครือฟังแทบไม่ออก “พี่ขอโทษนะว่าน พี่ไม่รู้จริง ๆ ว่ายี่หวาคือลูก”

“พี่อาร์มของว่าน” วิวาห์พูดย่อตัวลงประคองใบหน้าหล่อเหลาคมคายนั้นเอาไว้ในอุ้งมือของตัวเอง จ้องมองใบหน้าสมส่วนงดงามนั้นอย่างพินิจ...พอมองเห็นความใจดำของพี่อาร์มแล้วความหล่อเหลานั้นก็ไม่อาจทำให้ว่านใจเต้นแรงได้เหมือนเดิม “เสียดายที่รู้ช้าเกินไป” ถึงแม้จะคนละความหมายกับพี่อาร์มก็ตาม “ต่อให้ยี่หวาไม่ใช่ลูกของพี่อาร์ม พี่อาร์มก็จะเอาชีวิตของเด็กเล็ก ๆ คนหนึ่งได้ลงคอจริง ๆ หรือ”

“พี่ไม่ได้นึกว่ามันจะทำได้จริง ๆ” อามันต์ตอบกลับมาเสียงแหบแห้ง “พี่นึกว่าแค่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น ..จริง ๆ นะว่าน”

ว่านปล่อยมือจากใบหน้านั้น

“ว่านจะรู้ได้ยังไงว่าตอนไหนที่พี่อาร์มพูดจริง ตอนไหนที่โกหก”

“พี่ไม่โกหกว่าน สาบานได้ต่อให้พี่จะเคยโกหกว่านมาแต่มีอย่างหนึ่งที่พี่ไม่เคยโกหกว่านเลยนะ เป็นเหตุผลที่พี่กลับมาหาว่าน พี่รักว่าน”

น่าแปลกที่คำว่ารักของอีกฝ่ายที่เขาเคยอยากฟังแทบตายกลับหลุดออกมาจากปากของอีกฝ่ายอย่างง่ายดายเหมือนคำทักทายหรืออะไรทำนองนั้น ว่านน้ำตาคลอยกมือขึ้นแตะที่ข้างแก้มของอามันต์เบา ๆ แล้วตบดังเผี๊ยะ

อามันต์หน้าหันไปตามแรงตบเต็มฝ่ามือนั้น เขาดูตกใจมากทีเดียว

“ว่านยอมแลกทุกอย่างให้พี่อาร์ม ขอแค่พี่อาร์มคืนยี่หวากลับมาเท่านั้น จะเอาชีวิตว่านไปแทนก็ได้ ว่านแข็งแรงดีอายุยืนอีกหลายปีแน่ ขออย่างเดียว ...อย่าทำร้ายยี่หวา”

อามันต์ปล่อยมือจากขาของว่านแล้วลุกขึ้นยืนเผชิญหน้า ข้างแก้มมีรอยนิ้วประทับอยู่เห็นชัด นัยน์ตาคมกริบของพี่อาร์มลุกวาบก่อนจะเปลี่ยนเป็นมึนซึม

“ว่านจะตีพี่อีกกี่ครั้งก็ได้ ให้สมใจว่านพี่ยอมหมดทุกอย่างแต่ว่าพี่ไม่รู้จริง ๆ ว่าจะต้องทำอย่างไรยี่หวาถึงจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม”

“โกหก”

“ไม่ได้โกหก” อามันต์ส่ายหน้า“ว่านคิดว่าพี่อยากเอาชีวิตของลูกมาต่อชีวิตตัวเองมากนักเหรอ พี่พยายามทุกทางแล้ว ทั้งอ้อนวอนร้องขอแต่มันก็ไม่ได้ พี่ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงนอกจากยืนมองดูลูกตาย ว่านคิดว่าตัวเองทรมานอยู่คนเดียวหรือไง พี่ก็เจ็บปวดไม่แพ้ว่านหรอกนะ”

“เล่นละครเก่งเหมือนเดิม” ว่านพูดเสียงเย็น “บีบน้ำตาอีกนิดสิ ว่านคนนี้จะได้ใจอ่อน โง่ยอมให้หลอกต่อไปอีกเรื่อย ๆ ขนาดจะเสียลูกทั้งคนแล้ว มันก็ยังหน้ามืดตามัวยอมให้สนตะพายต่อไปอยู่เลย”

อามันต์ผงะ เขาไม่เคยเห็นวิวาห์เป็นแบบนี้มาก่อน

“ไม่เอาน่ะว่าน พี่ขอโทษจะให้พี่ทำยังไงพี่หยุดพลังที่ถ่ายโอนมาจากยี่หวาไม่ได้มันไหลวนอยู่ในตัวของพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ พี่พยายามจะหาทางหยุดแล้ว” อามันต์น้ำตาไหล “พี่ก็ไม่อยากให้ลูกของเราตายหรอกนะ”

“ลูกของว่านครับ” วิวาห์แก้ทันควัน “ไม่ใช่ลูกของพี่อาร์ม”

“พี่มีส่วนทำให้เขาเกิดมา”

“แค่มีส่วนทำให้เกิดมาไม่มีสิทธิ์เรียกคนอื่นว่าลูกหรอกครับ อย่างน้อยพี่อาร์มก็ควรจะ..ละอายใจบ้าง” ว่านกำมือแน่น“พี่อาร์มทำกับว่านแค่ไหนว่านไม่เคยบ่นจะหลอกว่านหรืออะไรว่านก็ยอมทั้งนั้นเพราะว่านรักพี่อาร์ม แต่พี่อาร์มทำแบบนี้กับลูก ว่านรับไม่ได้จริง ๆ มันเลวร้ายเกินกว่าที่มนุษย์จะรับได้คนอย่างพี่เลวยิ่งกว่าสัตว์นรกเสียอีกเห็นชีวิตคนอื่นเป็นอะไรเคยมองเห็นค่าของคนอื่นบ้างมั้ยหรือว่ามองเห็นแต่ตัวเองเท่านั้น”

“............”

“เด็กตัวนิดเดียวพี่ยังกล้าเอาวิญญาณบริสุทธิ์มา คนอย่างพี่มันไม่ควรได้ไปผุดไปเกิด เวียนว่ายอยู่ในนรกนั่นแหละ”

“.............”

“พูดออกมาสิ พูดเก่งไม่ใช่เหรอ พูดออกมาอีกว่านอยากฟัง”

“พี่ไม่มีอะไรจะพูด”

“จะไม่มีได้ยังไง เอาชีวิตลูกไปแลกกับชีวิตของพี่น่ะ ต่อให้พี่รอดชีวิตต่อไปได้ว่านก็จะสาปแช่งให้พี่ไม่มีความสุขอีกเลยตลอดชีวิตจะขอให้พี่จมอยู่กับความเห็นแก่ตัวของตัวเอง ให้พี่โดนหลอกถูกหักหลังไปทุกชาติ”

“ว่าน” อามันต์คราง

“ปล่อยมือผม” วิวาห์ไม่เคยนึกเลยว่าจะมีวันนี้ กวาดตามองอีกฝ่ายอย่างขยะแขยงปนรังเกียจ นึกไม่ออกเลยว่าก่อนหน้านี้เขาหลงรักอะไรในตัวของผู้ชายคนนี้ได้

“.......” อามันต์ชะงักปล่อยมือเรียวบางทันควัน

สายตาของว่านทำให้เขาร้อนไปทั่วตัวเหมือนถูกเผา ความผิดของตัวเองเด่นชัดจนแทบทนไม่ได้เพราะรู้แน่แก่ใจดีว่าความตั้งใจตอนแรกของตนเองคืออะไร

เขาต้องการเอาชีวิตของเด็กบริสุทธิ์มาเพื่อต่ออายุขัยของตัวเองจริง ๆ

แต่ก็เพื่อ...เพื่อว่านไม่ใช่เหรอ เพราะเขารู้ว่าว่านรักเขามาก ยังรักอยู่ตลอด ถึงได้อยากกลับมาเจอว่านอีกครั้ง อามันต์บอกกับตัวเองว่าเหตุผลของเขาสมบูรณ์ดีอยู่ในตัว ที่เขาทำลงไปทั้งหมดไม่ใช่เพื่อใครเลย ว่านที่อาศัยชื่อเสียงของเขาในอดีต ว่านท้องลูกของเขาแต่กลับเก็บเงียบไม่ยอมบอก ว่านต่างหากที่เห็นแก่ตัว

ถ้าเขารู้ก่อนว่าหวันยิหวาคือลูก เรื่องทั้งหมดก็คงจะไม่เกิดขึ้นเป็นเพราะว่านไม่ยอมบอก มันถึงได้ผิดพลาดแบบนี้ไง...อามันต์เม้มปากแน่น ไม่ใช่ความผิดของเขาเสียหน่อย

เขาไม่ได้ผิดที่อยากมีชีวิตต่อ

“คุณอามันต์” วิวาห์เรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ บาดลึกถึงหัวใจเขา “ผมขอร้องคุณเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าคุณยังมีความเป็นมนุษย์อยู่บ้าง ได้โปรด...ปล่อยยี่หวาไปเถอะ ยี่หวายังเด็กอยู่เลย ไม่มีความผิดอะไร ถ้าคุณอยากจะเอาชีวิตใคร ก็เอาชีวิตของผมไปเถอะ ถ้ายี่หวาไม่อยู่ ผมก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้เหมือนกัน”

อามันต์นิ่งงัน

“ผมรักคุณมาตลอด ต่อให้คุณทิ้งผมไปผมก็ยังรักไม่เคยลดลงเลยแม้แต่วันเดียว คุณคงไม่รู้ว่าวันที่เจอคุณที่นั่นอีกครั้งผมดีใจมากแค่ไหน ถึงผมจะบอกใครต่อใครว่าไม่รักคุณแล้วแต่ความจริงมันไม่ใช่เลย ผมเฝ้ารอให้คุณกลับมาหาผม มาหาผมกับลูก...ผมอยากให้เราเป็นครอบครัวที่มีความสุข ผมพร้อมจะให้อภัยคุณทุกอย่างเพราะผมรักคุณ รัก...ทั้งที่คุณไม่เคยรักผมเลยตั้งแต่แรก ผมก็ยังหลอกตัวเอง คาดหวังว่าคุณจะรักผมในสักวันหนึ่ง” วิวาห์หัวเราะออกมา “มันน่าขันใช่มั้ย ความรักของคนโง่ คงเป็นกรรมเวรของผม”

“..............”

“ผมไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงแล้ว” วิวาห์เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า ถ้านี่คือนิมิตของอามันต์ล่ะก็ ทุกอย่างก็ควรจะต้องอยู่ที่เดิมในที่ของมัน ...ปืนกระบอกสีเงินวาววับวางสงบนิ่งอยู่ในลิ้นชักชั้นล่างสุด ว่านหยิบมันขึ้นมาถือเอาไว้

“ว่านจะทำอะไร” อามันต์เข้ามายึดมือของเขาเอาไว้ทันที วิวาห์สะบัดมือออกพลางยิ้มเย็น

“ถ้าคุณไม่หยุด ผมจะหยุดให้เอง”

“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ”

“ผมทำอะไรโง่ ๆ มาตลอดชีวิตอยู่แล้ว จะโง่อีกซักอย่างคงไม่เป็นไร” วิวาห์กำด้ามจับเอาไว้แน่น เขารู้ว่าตัวเองกำลังจะทำอะไร วิวาห์ยกปืนขึ้นเล็งไปยังหน้าอกของอามันต์ “ถ้าคุณตาย ยี่หวาก็จะเป็นอิสระใช่มั้ย”

“หยุดนะว่าน” ร่างของคน ๆ หนึ่งปรากฎที่หน้าบันไดเหมือนเพิ่งเดินขึ้นมา ว่านหันไปมองเลยเสียจังหวะทำให้อามันต์ฉวยปืนไปถือเอาไว้เสียเอง คนมาใหม่เดินมาหยุดตรงหน้าเขา

“พี่นุช?” วิวาห์ตกใจมากเขาอยู่ในนิมิตของอามันต์แล้วเหตุใดนุชนารถถึงปรากฏตัวขึ้นมาได้ หรือว่าเธอเองไม่ใช่คนเช่นกัน

“ถอยออกมาอาร์ม” นุชนารถดูจะไม่ได้สนใจเขาอีก เธอตรงเข้าไปหาอามันต์แล้วจับเนื้อจับตัวเขาท่าทางเป็นห่วงเป็นใย

ว่านนึกถึงข่าวลือที่แป้งเคยเล่าให้ฟังขึ้นมาได้

“นี่สินะ ...กลิ่นน้ำหอมปริศนาบนตัวของคุณ” วิวาห์พูด “คุณเป็นตัวอะไรกันแน่คุณนุชนารถ”

“ตัวอะไรเลยเหรอ ฉันก็เป็นคนเหมือน ๆ กับเธอนั่นแหละจ้ะ” นุชนารถอมยิ้มจับตัวอามันต์เอาไว้แน่น “บอกแล้วยังไงล่ะว่าไม่ต้องไปสนใจเขาอีก เขาจะทำให้เรื่องทุกอย่างยากขึ้น”

“ผมทำไม่ได้” อามันต์ตอบ กำปืนเอาไว้แน่น

“ใกล้จะสำเร็จแล้ว ถึงจะขลุกขลักไปหน่อยแต่ตอนนี้ก็ใกล้มากแล้วกระแสจิตของเด็กนั่นอ่อนเต็มทีอีกไม่นานอาร์มก็จะกลับมาเป็นคนเดิม”

“พวกคุณมันเลวที่สุด” ว่านสติแตกผึงเมื่อได้ยินอาการของยี่หวา เขาพุ่งเข้าใส่ทั้งสองคนนั้นเต็มแรง ยกหมัดลุ่น ๆ ขึ้นอัดใบหน้าของนุชนารถไม่ยั้ง อามันต์เข้ามาล็อกตัวเขาเอาไว้แล้วลากออกมา

“ว่าน อย่าทำ.. พี่บอกให้หยุดไง”

“ปล่อยผมนะ มันใช่มั้ยเป็นคนบงการเอาชีวิตยี่หวา ผมจะเอาเลือดหัวมันออกมา”

“อาร์ม บอกแล้วว่าไม่ให้ยุ่งกับเด็กนี่อีก มันมีแต่จะพาความหายนะมาให้เท่านั้น” นุชนารถกรีดเสียง ยกมือขึ้นกุมข้างแก้มที่บวมเป่งทันตาเห็น “ช่างเถอะตอนนี้อย่ามัวชักช้าเลย กลับไปที่โรงพยาบาลแล้วเอาลมหายใจสุดท้ายของเด็กคนนั้นมา”

“ไม่นะ ผมไม่ยอม”ว่านดิ้นรนสุดชีวิต เขากลัวจับใจ “เอาผมไปแทนเอาชีวิตของผมไปแทน อย่าแตะต้องลูกผม อย่ายุ่งกับยี่หวา...ได้โปรด ยี่หวายังเด็กอยู่เลย ยี่หวาเป็นลูกแท้ ๆ ของคุณนะ”

“มั่นใจได้ยังไงจ๊ะว่าเป็นลูกของอาร์ม” นุชนารถพูดขึ้น “เธอเลิกกับอาร์มไปแล้วตั้งหลายปี คนอย่างเธอก็คงจะเที่ยวตามผู้ชายไปทั่วอยู่แล้ว”

“อย่าเอาลูกผมไป ขอร้องล่ะ...เอาผมไปแทน” ว่านเริ่มอ่อนแรงเต็มที เขามองไม่เห็นทางอื่นเลยนอกจากยกมือขึ้นไหว้อ้อนวอน “ผมยินดีสละวิญญาณให้เขา ให้ผมไปแทนผมเต็มใจให้ ...พี่อาร์ม ว่านขอร้องล่ะเห็นแก่ความหลัง เห็นแก่เมื่อก่อนเถอะนะ เอาของว่านไปว่านยินดีให้”

“ว่าน พี่ไม่ได้อยากได้วิญญาณของว่าน” อามันต์พูดอย่างสับสน บีบต้นแขนของวิวาห์เอาไว้แน่น

“พี่อาร์ม นั่นคือลูกนะลูกของเรา...พี่ทำลงได้ยังไง”ว่านร้องไห้โฮ

“ว่าน” น้ำตาของวิวาห์หยดต้องหลังมือของอามันต์หยดแล้วหยดเล่า ให้ความรู้สึกแปลกประหลาดใจหัวใจของเขา ราวกับว่ามีน้ำเย็นเฉียบซึมเข้าไปในเนื้อหัวใจทีละหยด ละลายสิ่งที่ปกคลุมอยู่นั้นอย่างช้า ๆ

“หยุดนะอาร์ม อย่าหลงกลมันจำตอนที่ป่วยไม่ได้เหรอ มันทรมานขนาดไหนจำไม่ได้หรือยังไง”

“ไม่มีเล่ห์กล ไม่มีอะไรเลยฮึก..พี่อาร์มก็รู้ว่าว่านเป็นคนแบบไหนบอกว่าให้ก็คือให้จริง ๆ ว่านให้พี่อาร์มจริง ๆ” วิวาห์พูดแกมสะอื้น ทรงตัวไม่อยู่อีกต่อไป

“มานี่เลยเด็กปัญญาอ่อน อาร์มไม่ต้องไปฟังมันแล้ว รีบไปที่โรงพยาบาลซะ” นุชนารถเดินตรงเข้ามาหาวิวาห์ทว่าติดตรงที่ร่างสูงใหญ่ของอามันต์ที่ก้าวเข้ามาบังเอาไว้ “อาร์มถอยออกไป ไม่มีเวลาแล้วนะ”

“อย่าทำอะไรว่าน เขาเป็นคนรักของผม”

“อยากตายหรือไงอาร์ม เป็นบ้าอะไรขึ้นมา” เธอโกรธจัด

“ผมรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง”

“อาร์ม มาพูดตอนนี้ก็สายไปแล้วล่ะ รีบกลับไปที่โรงพยาบาลซะก่อนที่ทุกสิ่งที่ทำมาจะเสียเปล่า”

ชายหนุ่มยืนนิ่งไม่ขยับ มือกำข้อมือเล็กบางของวิวาห์เอาไว้แน่น นุชนารถเม้มปากยกมือขึ้นประคองใบหน้าคมเข้มเอาไว้ พูดเสียงเครือ

“อาร์ม.. ไม่เห็นใจแม่แล้วเหรอ แม่เหลืออาร์มแค่คนเดียวนะ ถ้าเสียอาร์มไปแม่จะอยู่ยังไงล่ะลูก”

...................................................................

มาอัพต่อแล้วจร้า

ใครรอเรื่องนี้อยู่บ้าง

เก้าตอนเหมือนสิบแปดตอน ฮ่าๆๆ ตอนยาวเป็นสองเท่าของเรื่องอื่นของเรา

เจอกันตอนหน้านะคะ

#วิวาห์อามันต์

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
สงสารว่าน สิ่งที่เกิดขึ้นกับว่านมันหนักหน่วงมาก :hao5:
น้องยี่หวาหนูต้องรอดนะลูก

 :pig4:

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
มายาวๆเลยจ้าาาา เป็นแม่ลูกกันไปอีกจ้าาาาา

จะทำไปเพราะจะช่วยแม่ตัวเอง หรือช่วยตัวเอง ให้มีชีวิตต่อโดยไปแย่งอายุขัยเด็กมา มันก็เลว หมดทุกเหตุผลแหละ

ถ้าเซ็งเป็ดอวอร์ดยังมี อิคุณอามันต์ยืนรอรับมง พระเอกเลวสุดแห่งปีไปเลยจ้าาา

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
งงไม่หมดดดดด

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
พลิกล็อคมาก เป็นแม่อาร์มถึงได้ใจร้ายขนาดนี้

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด