::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ::: [Mpreg] Nevertheless, I still miss you. #วิวาห์อามันต์ ::อัพตอน14 16/5/63 p8  (อ่าน 29570 ครั้ง)

ออฟไลน์ MyMine104

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อหหหหหหหหหหห ทำไมพึ่งเห็นเรื่องนี้ความพีคมาไม่หยุดหย่อน สรุปพี่อาร์มคือ? สงสารทุกคนในเรื่องเลย

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ทำไมเคราะห์ซ้ำกรรมซัดขนาดนี้นะว่าน
เป็นห่วงว่านมากเลยค่ะ รุมเร้าเหลือเกิน
คือคนๆ หนึ่งต้องรับมือเรืองแย่ๆ ได้นานแค่ไหนนะ
ว่านจะเกินลิมิตเอาตอนไหน ถ้าไม่มียี่หวาอีก
แต่โชคดีอย่าง ว่านมีครอบครัวที่รักว่านมาก

อาร์มนี่ยังไง ทำตัวซับซ้อน และเหมือนทำตัวมีปัญหา

นุชล่ะ เกี่ยวข้องกันยังไงกับอาร์มคะ และดูรั้งว่านจังเลย


ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
วิวาห์อามันต์

ตอนที่ 6











“พี่อาร์ม กรี้ด พี่อาร์มขอลายเซ็นหน่อยค่ะ พี่ว่านด้วย”

เสียงกรี้ดของเหล่าแฟนคลับดังขึ้นกระหึ่มเมื่อนักร้องนำสองคนของวงดนตรีที่กำลังมาแรงที่สุดในปีนี้เดินเข้ามาในงานมอบรางวัลปลายปี วิวาห์ยิ้มกว้างเดินข้าง ๆ อามันต์อย่างมีความสุข ชื่อเสียงและความสำเร็จของเขามันมากกว่าที่เคยฝันเอาไว้เสียอีก

รางวัลนักร้องยอดเยี่ยมตกเป็นของอามันต์อย่างไร้ข้อกังขา วิวาห์ปรบมือแรง ๆ จนมือเจ็บไปหมด ใจเต้นรัวตอนที่พี่อาร์มหยุดยืนตรงหน้าเขาแล้วส่งมือมาให้

“ครับ? ”

“ขึ้นไปรับรางวัลด้วยกันหน่อย” อีกฝ่ายตอบกลับมาเนิบ ๆ วิวาห์หน้าร้อนผ่าวท่ามกลางเสียงกรีดร้องถล่มทลายของแฟนคลับที่ดูถ่ายทอดสดอยู่ข้างนอก

พี่อาร์มกล่าวขอบคุณค่ายเพลงและคนที่ปั้นเขาขึ้นมา ขอบคุณเพื่อนในวงแล้วก็แฟนคลับที่สนับสนุนเขามาโดยตลอด สุดท้ายพี่อาร์มก็หันมาหาว่านที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วยิ้มให้

“สุดท้ายขอขอบคุณกำลังใจพิเศษของผมด้วยครับ” พี่อาร์มพูดสั้น ๆ แค่นั้น แต่ไม่รู้ทำไมว่านรู้สึกเหมือนกำลังจะขึ้นสวรรค์ พี่อาร์มไม่ได้เอ่ยชื่อว่านด้วยซ้ำ แค่แววตายิ้มๆ ของพี่อาร์มก็มากเกินพอแล้วที่ว่านจะเขินจนลืมวิธิเดินไปหมด

ตอนที่กลับมาขึ้นรถตู้ด้วยกัน ว่านก็ยังยิ้มค้างอยู่เลยเพราะความปลาบปลื้มใจราวกับเป็นคนได้รางวัลเสียเอง ขนาดพี่แทนยังแซวว่าว่านไม่เมื่อยแก้มบ้างเหรอ

“ตอนร้องร้องเป็นวง ถึงเวลาได้เสือกรางวัลอยู่คนเดียว มันใช่เหรอวะ” เสียงมือกลองที่นั่งหลังสุดดังขึ้นทำลายบรรยากาศแช่มชื่นเสียหมด ว่านหุบยิ้มรีบหันไปมองพี่อาร์มอย่างเป็นห่วง

“ได้รางวัลก็ดีแล้ว อาร์มมันก็ขึ้นไปรับรางวัลในนามวงของเรานะ” พี่แทนพูด

“ในนามวง? นั่งฟังจนจบได้ยินชื่อวงกี่คำ เลิกเข้าข้างมันซักทีเถอะแทน”

“ใคร ๆ ก็รู้ว่าพี่อาร์มเป็นนักร้องนำวงอะไร ทำไมต้องบอกอีก” ว่านโพล่งขึ้นมาบ้าง “พี่อาร์มได้รางวัลก็ควรจะดีใจสิ พวกพี่เป็นอะไรกันน่ะ”

“น้องว่านไม่คิดบ้างเหรอว่าการที่ไอ้อาร์มได้รางวัลนี้มันก็เป็นเพราะพวกเราทุกคน ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่ง..แล้วทำไมถึงเป็นแค่มันคนเดียวที่ได้ขึ้นไปรับรางวัลล่ะ พวกเราไม่ได้พยายามกันมาหรือไง”

“สรุปคือไม่พอใจที่ไม่ได้เชิญขึ้นเวทีด้วยกันใช่มั้ย” อามันต์ที่นั่งนิ่งมาตั้งแต่แรกพูดขึ้น

“ใช่” พี่กอล์ฟพูดเสียงห้วน “แต่ที่ไม่พอใจกว่าคือมึงไม่ให้เกียรติเพื่อนร่วมวงที่ล้มลุกคลุกคลานกันมาตั้งแต่แรก ขณะที่น้องว่านไม่ใช่”

“ว่านเป็นนักร้องนำ เป็นหน้าตาของวง” อามันต์สวน “จะให้กูพูดชื่อพวกมึงเรียงตัวทีละคนบนเวทีหรือไงล่ะ”

“ก็ควรจะทำ ไม่ใช่บอกแค่ขอบคุณเพื่อนร่วมวง พวกกูมีตัวตนนะ”

“ทำไมคิดเล็กคิดน้อยขนาดนี้เนี่ย” แทนใจอุทาน “เขาให้เวลาพูดไม่ถึงนาที ไอ้อาร์มจะมานั่งพูดชื่อนามสกุลของพวกมึงหมดได้ยังไง หัดคิดเสียบ้าง”

“ใช่สิ มึงก็เข้าข้างมันตลอด กูกับไอ้ชัยไอ้ไมค์ไม่ใช่เพื่อนมึงเหรอแทน เพราะพวกกูไม่ได้มีแฟนคลับมาคอยตามกรี้ด ๆ เหมือนโดนข้าวสารเสกอย่างมันใช่มั้ยล่ะ ถามหน่อยเหอะ ถ้าไม่มีพวกกูมันจะเรียกว่าวงมั้ย” กอล์ฟพูดอย่างเผ็ดร้อน “พวกกูก็เริ่มก่อตั้งวงด้วยกันมานะอย่าลืม”

“ถ้าไม่พอใจก็ออกไปจากวงเลย” อามันต์พูด วิวาห์รีบจับมือพี่อาร์มเอาไว้กระซิบเสียงเบา

“พี่อาร์มใจเย็น ๆ ก่อนครับ ค่อย ๆ คุยกัน”

“อ๋อ...คิดจะไล่ก็ไล่กันง่าย ๆ แบบนี้เลยใช่มั้ย”

“เลิกทะเลาะกันเป็นเด็ก ๆ ได้แล้ว” แทนใจตัดบท “จะถึงร้านแล้วเอาไว้ค่อยคุยกันหลังทำงานเสร็จ”

“ไม่” พี่กอล์ฟว่า “กูจะคุยให้มันรู้เรื่องวันนี้ จะคุยเรื่องรับงานเดี่ยวของมันด้วย ถ้าอยากบินเดี่ยวมากนักล่ะก็ ทำไมไม่ออกไปล่ะ มาห้อยชื่อวงเอาไว้เพื่ออะไร”

“ไปกันใหญ่แล้วพี่กอล์ฟ พี่ชัย” ว่านถอนหายใจยาว นึกดีใจที่รถตู้มาถึงร้านอาหารกึ่งบาร์ที่เป็นสถานที่ทำงานในคืนนี้ของพวกเขาเข้าพอดี พี่อาร์มถอดสูทออกแล้วปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวในเล็กน้อย อวดแผงอกกว้างน่ามอง วิวาห์เลยปลดกระดุมตามบ้าง อยากให้เข้าคอนเซปต์เดียวกัน

“ไม่ต้อง” พี่อาร์มยื่นมือมาติดกระดุมให้เขาจนถึงคอเหมือนเดิม “พี่หวง”

ว่านหน้าร้อนวาบ ก้มหน้างุด

“ว่านก็..หวงพี่อาร์มเหมือนกันนะ”

พี่อาร์มหัวเราะห้าว ๆ ออกมา ไม่พูดอะไรอีก เปิดประตูรถอออกมาได้ก็ได้ยินเสียงเชียร์ต้อนรับจากแขกในร้านดังก้อง ว่านลืมเรื่องบาดหมางระหว่างคนในวงไปเสียสนิท พี่กอล์ฟกับพี่ ๆ คนอื่น ๆ ในวงก็มีความเป็นมืออาชีพสูง รับส่งมุขกันบนเวทีแนบเนียน แทบจะดูไม่ออกเลยว่ามีเรื่องกันอยู่

พี่อาร์มร้องเพลงอยู่จนเกือบถึงเพลงสุดท้ายแล้ว จู่ ๆ ก็ชะงักไปกลางคันแล้วเดินลงจากเวทีเสียเฉย ๆ ว่านมองตามอย่างมึนงงแต่ก็ต้องแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าไปก่อน เขาหันไปร้องเพลงต่อจนจบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

พี่อาร์มไม่ได้กลับมาอีกเลยจนกระทั่งเสร็จงาน

“มันหายไปไหน” พี่กอล์ฟพูดหลังจากลงจากเวทีแล้ว เดินเข้าไปตามหานักร้องนำในห้องน้ำ “อยู่ ๆ ก็ลงมาจากเวที มันเป็นบ้าหรือเปล่า”

“พี่อาร์มอยู่ไหนน่ะ” ว่านออกตามหาเสียวุ่น สุดท้ายก็มาเจอร่างสูงใหญ่นอนเอนหลังหลับตาอยู่บนรถตู้ “พี่อาร์ม เป็นอะไรหรือเปล่าครับ เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงลงมาจากเวทีล่ะ”

อีกฝ่ายลืมตาขึ้นมองเขา ตอบกลับมาเรียบ ๆ

“พี่ปวดหัวน่ะ ขอโทษด้วยนะ งานเป็นยังไงบ้าง”

“งานจบไปแล้วไม่มีปัญหาอะไรครับ คนดูก็งง ๆ หน่อยว่าพี่อาร์มไปไหน แล้วพี่กินยาหรือยังครับ ปวดมากเลยเหรอ ต้องไปโรงพยาบาลมั้ย”

“ไม่หรอก นอนพักสักนิดเดี๋ยวก็ดี” พี่อาร์มว่าอย่างนั้น

ทุกคนในวงกลับมาที่รถ พี่กอล์ฟไม่พูดอะไรอีกเลยแต่ดูออกว่ากำลังโกรธจัด ตวัดสายตามองพี่อาร์มแล้วก็ขึ้นไปนั่งกอดอกบนรถ พี่แทนตามมาทีหลังสุด เขาบอกว่าเคลียร์กับเจ้าของร้านแล้วเรียบร้อย ฝ่ายนั้นไม่ได้เอาเรื่องอะไรที่นักร้องลงจากเวทีก่อนเพลงจะจบ

“ไอ้อาร์ม...ปวดหัวเหรอ ไปหาหมอมั้ยล่ะ ให้เขาดูหน่อย” แทนใจเสนอ พี่อาร์มปฏิเสธแบบไม่ต้องคิดซ้ำ

ไม่มีใครเซ้าซี้พี่อาร์มอีก ว่านก็ได้แต่มองพี่อาร์มด้วยความเป็นห่วง พอถึงสตูดิโอก็รีบพาอีกฝ่ายอาบน้ำเข้านอน พี่อาร์มไม่ได้พูดอะไร พอหัวถึงหมอนก็นอนหลับสนิทไปง่าย ๆ

วิวาห์เก็บเสื้อผ้าของพี่อาร์มออกมาจากห้องน้ำ เขาทำทุกวันจนชินกลายเป็นหน้าที่ไปแล้ว อันที่จริงการดูแลพี่อาร์มก็เป็นหน้าที่ของคนรักอย่างเขา วิวาห์ไม่เคยรังเกียจเลยสักนิด ต่อให้ต้องนั่งซักถุงเท้าซักกางเกงในให้อีกฝ่ายก็ตาม

“เอ๊ะ..รอยอะไร” คราบสีแดงคล้ำเปื้อนอยู่ที่ชายเสื้อยืดสีขาวที่พี่อาร์มสวมเอาไว้ด้านในเป็นหย่อม ๆ “เหมือนเลือดเลย พี่อาร์มมีแผลตรงไหนเหรอ”

เขาตั้งใจว่าจะเก็บไปถามพี่อาร์มตอนเช้า พี่อาร์มบอกว่าไม่ใช่เลือดแต่เป็นซอสมะเขือเทศหกใส่เสื้อเมื่อตอนเที่ยง ว่านก็ค่อยสบายใจขึ้นมา

“กลัวพี่เป็นอะไรงั้นเหรอ” พี่อาร์มมองหน้าว่านแล้วถามยิ้ม ๆ

“ถามได้...ว่านเป็นห่วงพี่อาร์มนะ” เขาจับมือของอีกฝ่ายเอาไว้

“เป็นห่วงขนาดไหน”

“เป็นห่วงมากกว่าชีวิตตัวเอง” เขาตอบตามที่คิด พี่อาร์มเลิกคิ้วมองหน้าเขาแล้วยิ้มก่อนจะชะโงกเข้ามาจูบที่หน้าผากของว่านเบา ๆ

“เด็กโง่” พี่อาร์มกระซิบ

ว่านยิ้มรับ บางที..ว่านก็คงจะโง่มากจริง ๆ ที่รักพี่อาร์มขนาดนี้ แต่จะทำไงได้ ว่านยอมเป็นคนโง่ที่รักพี่อาร์มและได้รับความรักจากพี่อาร์มตอบกลับมา

...................................................................

“วีว่า...วีว่าคะ ยี่หวาเลือดออก” เสียงใส ๆ ดังขึ้นปลุกมารดาที่ฟุบหลับอยู่ให้สะดุ้งตื่นจากฝัน วิวาห์ลุกขึ้นมานั่งงง ๆ พอเห็นสภาพลูกสาวบนเตียงก็ใจหายวาบ

“ยี่หวา เป็นอะไรลูก เลือดออกมาจากไหน” เลือดสด ๆ ไหลออกมาจากจมูกของเด็กหญิงเป็นทางเลอะลงมายังชุดกระโปรงที่สวมอยู่ “นอนลงก่อนนะคะ ยกมือขึ้นบีบจมูกเอาไว้ เดี๋ยววีว่าไปหาอะไรเย็น ๆ มาก่อน”

วิวาห์จับลูกสาวนอนลงแล้วรีบออกจากห้องนอนลงไปหาเจลลดไข้ในตู้เย็น กระวีกระวาดขึ้นมาหาลูกสาวอีกครั้ง เลือดยังไหลอาบลงมายังลำคอเล็ก ๆ ขณะที่เด็กหญิงเริ่มร้องไห้ออกมาด้วยความกลัว

“วีว่า ยี่หวาจะตายมั้ยคะ เลือดจะไหลออกหมดตัวแล้ว”

“ไม่ตายลูก ไม่ตายนะคะ ต้องไม่ตายสิ ยี่หวาคนเก่งไม่เป็นไรแน่ ๆ นอนลงก่อนนะคะ” วิวาห์ประคบเจลเย็นบนหน้าผากของลูกสาวพลางเช็ดทำความสะอาดคราบเลือดบนคางให้อย่างกังวล “ทำไมจู่ ๆ ก็เลือดไหลอีกล่ะ ยี่หวาแคะจมูกเหรอคะ”

“เปล่านะคะ ยี่หวานอนเล่นอยู่แล้วมันก็ไหลออกมาเอง” เด็กหญิงตอบเสียงเบา ท่าทางตกใจมาก “ยี่หวาจะตายมั้ยคะ”

“ไม่หรอก เลือดกำเดาออกแค่นี้เอง นิดเดียวเองค่ะ” วิวาห์ปลอบใจ ซ่อนความตื่นตระหนกเอาไว้ภายใต้สีหน้ายิ้มแย้มสบาย ๆ “ใกล้จะหยุดแล้วล่ะ”

“มันแน่น ๆ แน่นจังเลยค่ะ” ยี่หวาพูด ขมวดคิ้วมุ่น ยกมือขึ้นแตะที่หน้าอก “เหมือนหายใจไม่ออก”

“ยี่หวานอนตรงนี้ก่อนนะคะ” วิวาห์เริ่มใจไม่ดี ผุดลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาพี่ชายเพื่อบอกว่าจะพาลูกไปโรงพยาบาล วิรัตน์ไปประชุมต่างจังหวัดพอดี ที่บ้านก็เลยไม่มีรถ แล้วตอนนี้ก็เป็นเวลาตีสาม

“เรียกรถฉุกเฉินมาเลย โทร 1669 เรียกมาก่อน” พี่ชายพูดมาตามสายอย่างเคร่งเครียด “โทรหาวินก่อนก็ได้ ให้วินช่วย”

วิวาห์เลยรีบโทรหาน้องชายที่เป็นหมอแทน วิรุฬบอกว่าจะจัดการให้ วิวาห์อุ้มลูกที่ยังเลือดกำเดาไหลไม่หยุดยืนรออยู่หน้าบ้านด้วยความกังวลใจ พักหนึ่งรถพยาบาลก็มาถึง

หวันยิหวาได้นอนโรงพยาบาลในคืนนั้น หมอบอกว่าเกร็ดเลือดของน้องต่ำมากแล้วก็ซีดมาด้วย จำเป็นต้องได้รับเลือดและเกร็ดเลือด วิวาห์ไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะความวิตกกังวล เขานั่งเฝ้าลูกสาวอยู่ข้างเตียง จ้องมองร่างเล็ก ๆ ที่มีสายระโยงระยางค์ต่อกับถุงเลือด เลือดกำเดาหยุดไหลไปแล้ว แต่ว่าเด็กหญิงยังบ่นว่าเหนื่อยอยู่นั่นเอง

“อดทนหน่อยนะลูก เดี๋ยวก็จะดีขึ้นนะคะ”

“วีว่าพูดมาสามรอบแล้ว ยังไม่เห็นดีเลยค่ะ” หวันยิหวางึมงำ ยกมือขึ้นขยี้ตางัวเงีย วิวาห์รีบจับมือลูกเอาไว้

“อย่าขยี้ตานะคะ ไม่เอา”

“วีว่า” ลูกสาวเรียกมาอีก ดวงตากลมโตล้อมด้วยขนตายาวหันมาจ้องมองเขา “เมื่อไหร่ยี่หวาจะหายดีคะ”

“ใกล้แล้วค่ะ อีกไม่นาน” วิวาห์ตอบยิ้ม ๆ “คุณหมอก็บอกว่ายี่หวาเก่งมาก หนอนตายไปครึ่งตัวแล้ว”

“ยี่หวาอยากไปโรงเรียนจังค่ะ”

“ยี่หวาจะต้องหายดีแล้วก็ได้ไปโรงเรียนแน่ ๆ ค่ะ อย่าห่วงไปเลยน่ะ นอนเสียก่อนนะ ง่วงจนตาจะปิดแล้ว” วิวาห์หัวเราะเบา ๆ ยกมือขึ้นเขี่ยแก้มนิ่ม ๆ ของลูกสาวเล่น “หลับได้แล้ว วีว่าอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน”

“วีว่าห้ามทิ้ง...ห้ามทิ้งยี่หวานะคะ” เด็กหญิงกำนิ้วมือของเขาเอาไว้แน่น วิวาห์พยักหน้า ส่งยิ้มไปให้อีกรอบ ลูกสาวถึงได้ยอมหลับตาลง

น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ไหลออกมาเป็นทาง วิวาห์เม้มปากแน่นกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้ดังถึงหูของลูก ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมเรียวแขนเล็กที่เต็มไปด้วยรอยเขียวช้ำจากการแทงเข็มน้ำเกลือ ยิ่งเห็นลูกสาวไม่สบาย หัวใจของเขายิ่งเจ็บช้ำเสียยิ่งกว่า

ดีที่วันรุ่งขึ้นคุณหมอบอกว่าผลเลือดของยี่หวาดีขึ้นแล้ว เด็กหญิงยังมีท่าทางอ่อนเพลียอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้มีเลือดออกมาอีก ป้าเอิบกับมารดามาเยี่ยมหลานตั้งแต่เช้าครู่ พี่วัตเองก็รีบกลับจากต่างจังหวัดเพื่อมาดูอาการหลานสาวก่อน

“ตกใจแทบแย่ ไอ้ว่านโทรมาตีสาม เราก็อยู่ต่างจังหวัด จะให้เรียกรถแท็กซี่มาเองก็ยาก” วิรัตน์พูด ยกมือขึ้นลูบศีรษะของหลานรักเบา ๆ “หายไว ๆ นะยี่หวา ลุงจะได้พาไปกินไอติมด้วยกันอีก”

“ยี่หวาอยากกินรสมะนาวค่ะ” เด็กหญิงรีบบอก วิรัตน์หัวเราะห้าว ๆ

“เรื่องขนมนี่ตอบไวเลยนะ”

“แล้วเรื่องงานแต่งของวัตล่ะ ไปถึงไหนแล้ว แฟนวัตจะกลับมาเมื่อไหร่” มารดาถามขึ้นเรียบ ๆ “หลานป่วยอยู่คงจัดอะไรมากมายไม่ได้หรอกมั้ง”

รอยยิ้มของพี่วัตจางลงเล็กน้อย

“อ๋อครับ...ก็คุยกับเบสต์เขาแล้วล่ะว่าจะจัดพิธีง่าย ๆ เชิญแค่คนในครอบครัวพอ”

“ดีแล้ว ประหยัดอะไรได้ก็ต้องประหยัด”

วิวาห์ฟังแล้วก็ไม่สบายใจเลย เขาหาโอกาสตอนที่แม่กลับไปแล้วเข้าไปคุยกับพี่ชายคนโตของตัวเอง

“พี่วัต ว่านขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ย เรื่องงานแต่งงานของพี่น่ะ อยากจัดแบบไหนก็จัดไปเถอะนะ ไม่ต้องกังวลเรื่องยี่หวาหรอก ไม่เกี่ยวกัน บ้านพี่เบสต์เขาก็มีหน้ามีตา ถ้าจัดเล็ก ๆ เดี๋ยวเขาจะไม่พอใจหรือเปล่า”

“ไม่เป็นไรว่าน พี่คุยกับเบสต์แล้ว เขาโอเคเข้าใจ ยังบอกเป็นห่วงยี่หวาอยู่เลย ว่านไม่ต้องกังวลเรื่องงานแต่งของพี่หรอก สนใจแต่เรื่องอาการของยี่หวาก็พอแล้ว จริง ๆ พี่ยังคิดอยู่ว่าจะพาไปจดทะเบียนแล้วก็กินเลี้ยงกันในครอบครัวก็พอแล้วมั้ง”

“ผมคิดว่าผู้หญิงทุกคนอยากมีวันสำคัญของตัวเองนะครับ” ว่านพูดขึ้น “พี่เบสต์กับพี่คบกันมานาน พี่ก็วางแผนแต่งงานมาเป็นปี อย่าให้เรื่องของยี่หวาทำลายบรรยากาศเลยครับ ไม่อย่างนั้นผมกับยี่หวาก็คงรู้สึกไม่ดีแน่ ผมไม่อยากให้ตัวเองกับลูกเป็นตัวถ่วงครับ”

“พูดอะไรอย่างนั้น” พี่วัตขมวดคิ้ว “นายเป็นน้องชายของฉัน ยี่หวาก็หลานแท้ ๆ ฉันจะนิ่งดูดายได้ยังไง” วิรัตน์ถอนหายใจยาว “ไม่ต้องห่วงเรื่องอะไรทั้งนั้นล่ะ แล้วยี่หวาจะกลับบ้านได้พรุ่งนี้แล้วใช่มั้ย”

“ครับ เห็นหมอว่าอาการดีขึ้นแล้ว” วิวาห์ยิ้มออกมานิดหนึ่ง “เจ้าตัวดีใจใหญ่ เบื่อโรงพยาบาล”

“ตัวนิดเดียว มาป่วยแล้วผอมหัวโต” วิรัตน์ยกมือขึ้นตบไหล่น้องชาย “อย่าลืมนอนพักผ่อนบ้างล่ะ สภาพตอนนี้โทรมกว่าคนป่วยเสียอีกนะรู้มั้ย”

“ว่านแข็งแรงดีครับ พี่วัตไม่ต้องห่วง” วิวาห์ยิ้ม

พี่วัตและทุกคนทยอยกลับกันไปตอนหัวค่ำ วิวาห์นั่งหลอกล่อให้ลูกสาวกินข้าวทีละคำสองคำแต่วันนี้หวันยิหวากลับดื้อเป็นพิเศษ บ่นเจ็บปากเจ็บคอไม่ยอมกินขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“ถ้าไม่กินพรุ่งนี้จะไม่ได้กลับบ้านนะคะ” วิวาห์ขู่ เด็กสาวหน้าจ๋อย

“ยี่หวากินไม่ลงค่ะ” ลูกพูด “อิ่มแล้ว”

“ยังกินไม่ถึงครึ่งเลย ถ้ากินน้อยแล้วจะเอาแรงที่ไหนไปสู้กับเชื้อโรคล่ะคะ” วิวาห์พูดเสียงอ่อน “อีกคำนึงเร็ว หมูสับก้อนที่ยี่หวาชอบไงคะ”

“ยี่หวาเบื่อค่ะ ไม่อยากกิน” เด็กหญิงหันหน้าหนีไปอีกทาง วิวาห์ถอนหายใจเฮือก คิดหาวิธีมาหลอกเด็กต่อ “ยี่หวาดูแครอทรูปดอกไม้สิคะ สวยน่ารักมั้ย”

“แครอทอีกแล้ว” ยี่หวาพึมพำ หรี่ตาดูแครอทบนช้อนของมารดา “สวยค่ะ”

“อร่อยด้วยนะ ลองชิมดูเร็ว” วิวาห์โล่งอกที่เห็นลูกสาวยอมอ้าปากให้ป้อนแต่โดยดี หวันยิหวากินไปได้อีกนิดหน่อยก็ส่ายหน้าบอกว่าไม่ไหวแล้ว วิวาห์เลยยอมล่าถอยเพียงแค่นั้น

พาลูกเข้าไปอาบน้ำแปรงฟันเสร็จก็พายี่หวามานอน เด็กหญิงหลับไปอย่างรวดเร็วคงเป็นเพราะว่าเพลียมาก วิวาห์เลยเข้าไปจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำบ้าง ใช้เวลาสั้น ๆ ไม่ถึงสิบห้านาทีเพราะเป็นห่วงลูก เขาก็กลับออกมาจากห้องน้ำ

เงาสูงใหญ่ยืนอยู่ที่ริมเตียงทำให้เขาตกใจจนเกือบทำของในมือหล่น วิวาห์กะพริบตาอีกครั้งถึงได้มองเห็นโครงร่างที่ชัดเจนของผู้ชายคนหนึ่ง ...คนที่เห็นแวบเดียวเขาก็จำได้ทันทีว่าคือใคร

“พี่อาร์ม...เข้ามาได้ยังไง” เขาพูดตะกุกตะกัก รีบเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างระแวง

“น้องเขาอนุญาตแล้วให้พี่มาหา” พี่อาร์มตอบกลับมายิ้ม ๆ ละสายตาจากเด็กหญิงที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงหันมามองว่าน “เป็นยังไงบ้าง ลูกป่วยเหรอ”

วิวาห์สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เรียกสติกลับมา

“ใช่ ยี่หวาไม่สบายนิดหน่อย พี่อาร์มกลับไปเถอะนะ ขอบคุณมากที่มาเยี่ยม”

“ได้ยินแว่ว ๆ ว่าเป็นลูคีเมียเหรอ” อีกฝ่ายถามต่อมาอีก ท่าทางสนใจมาก “จริงหรือเปล่า”

“ครับ อยู่ในขั้นตอนการรักษา เชิญพี่อาร์มกลับไปก่อนดีกว่าครับ ยี่หวาเป็นหวัดอยู่เดี๋ยวพี่อาร์มจะป่วยไปด้วยเปล่า ๆ”

อีกฝ่ายยิ้ม แววรู้ทันพาดผ่านไปบนแววตาคมกริบ

“พี่ไม่มีเชื้อโรคหรอก ไม่ต้องรีบไล่มากก็ได้”

“ยี่หวายังไม่แข็งแรง ผมไม่อยากให้ใครเข้าใกล้ลูกผมมากไป” วิวาห์พูดเสียงแข็งขึ้นเล็กน้อย อีกฝ่ายเลิกคิ้วมองหน้าเขาเหมือนแปลกใจ

“ว่านเปลี่ยนไปนะ”

วิวาห์ยิ้ม

“เวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยนนี่ครับ...เชิญพี่อาร์มเถอะครับ” คราวนี้เขาเดินไปเปิดประตูห้องพักรอเลยทีเดียว ถือเป็นการไล่อย่างไม่ไว้หน้า ถ้าเป็นพี่อาร์มคนเดิมคงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่ ทว่าพี่อาร์มในตอนนี้เพียงแต่ส่งยิ้มให้เขาบาง ๆ แล้วเดินออกไปจากห้องเท่านั้น วิวาห์ดึงประตูปิดทันควัน

ไม่รู้ว่าพี่อาร์มรู้เรื่องยี่หวาป่วยมาจากไหน แต่ว่านก็ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะต้องรีบพายี่หวากลับบ้านพรุ่งนี้ให้ได้ เผื่อว่าพี่อาร์มเกิดกลับมาอีก คำพูดของพี่อาร์มในคืนนั้นยังติดอยู่ริมหูราวกับคนพูดมาพูดใกล้ ๆ

....พี่ยังรู้สึกกับว่านเหมือนเดิมนะ....ต่อให้ว่านมีลูกแล้ว...

รอยยิ้มหยันปรากฏที่มุมปาก วิวาห์ลุกขึ้นเดินไปจัดผ้าห่มให้กับลูกสาวอย่างเบามือ หวันยิหวาหลับปุ๋ยไปแล้ว ดีที่ไม่ตื่นขึ้นมากลางดึก วิวาห์ถอยกลับไปนอนหลับ ๆ ตื่น ๆ บนโซฟาข้างเตียงนั้นเอง

วันรุ่งขึ้นความหวังของเขาสลายไปเพราะอาการของลูกแย่ลง หวันยิหวาไข้ขึ้นสูงตั้งแต่เช้า วิวาห์เช็ดตัวทั้งวันร่างกายเล็ก ๆ บอบบางนั้นก็ยังร้อนผ่าวเหมือนมีไฟสุมอยู่ข้างในตลอดเวลา เด็กหญิงกินอะไรไม่ได้เลย พอกินเข้าไปก็อาเจียนออกมาหมด ได้แต่นอนซึมอยู่บนเตียง

“ยี่หวาหิวมั้ยคะ ป้าเอิบทำซุปข้าวโพดที่หนูชอบมาให้นะ” วิวาห์พูด เด็กหญิงส่ายหน้า

คุณหมอบอกว่ายี่หวาน่าจะติดเชื้อ ต้องอยู่โรงพยาบาลให้ยาฆ่าเชื้อไปก่อน แพลนคีโมเข็มต่อไปก็ต้องเลื่อนออกไปเพราะร่างกายไม่พร้อม วิวาห์ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหวันยิหวาจะได้กลับบ้านเมื่อไหร่

..หรือว่าจะไม่ได้กลับออกไปเลย... หยุดคิดเดี๋ยวนี้ วิวาห์ส่ายหน้า บอกตัวเองว่าจะไม่คิดไปในทางร้ายอย่างเด็ดขาด ยี่หวาจะต้องดีขึ้นแล้วได้กลับบ้าน ลูกสาวของเขาเก่งจะตาย

“ลูกสาวเก่งจริง ๆ นะ” เสียงห้าว ๆ ดังขึ้นข้างตัว วิวาห์หันกลับไปมองก็เจอพี่อาร์มนั่งอยู่ข้าง ๆ ในสวนของโรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ “น้องเข้มแข็งมาก ๆ ว่านเองก็ต้องเข้มแข็งด้วย อย่าให้แพ้ลูกล่ะรู้มั้ย”

“พี่อาร์ม” วิวาห์มองซ้ายขวา เขาอุตส่าห์หลบมานั่งร้องไห้คนเดียวแล้วแท้ ๆ ทำไมพี่อาร์มถึงได้คอยป้วนเปี้ยนวนเวียนไม่จบไม่สิ้นเสียที “ว่านขอตัวก่อนนะครับ”

“เดี๋ยวสิว่าน” พี่อาร์มเรียกเอาไว้ “นั่งคุยกันก่อนได้มั้ย”

“มีเรื่องอะไรครับ” ท่าทางของพี่อาร์มดูจริงจังมาก ว่านเลยหยุดยืนที่เดิม มองผู้ชายตัวใหญ่ที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้นิ่ง “ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญอะไร ว่านจะขอตัวไปดูลูกก่อน”

“พี่ขอโทษ” พี่อาร์มโพล่งออกมา เงยหน้าขึ้นมองเขา “ว่านโกรธพี่มากใช่มั้ยที่พี่บอกเลิก”

“ผมหายโกรธพี่นานแล้ว”

“อโหสิกรรมให้พี่นะ” พี่อาร์มรีบพูดต่อ “พี่เป็นคนผิดเอง พี่ทำให้ว่านเสียใจ ตอนนั้นพี่ไม่รู้ถูกอะไรเข้าสิงถึงได้ทำแบบนั้น พอมาย้อนคิดดูแล้ว พี่ก็ได้แต่เสียใจ...เสียใจมาก ๆ พี่ทำผิดต่อว่านมาก พี่ขอโทษนะ”

“ว่านอโหสิให้พี่ไปแล้ว”

“ไม่จริง ถ้าอโหสิให้แล้วทำไมพี่ถึง...” พี่อาร์มพูดเร็วปรื๋อแล้วก็หยุด มองหน้าเขา “ว่านยังโกรธพี่อยู่ เราสองคนยังติดค้างกัน”

ว่านนึกถึงลูกสาวขึ้นมาแวบหนึ่ง

“ไม่มีอะไรติดค้างแล้วจริง ๆ พี่อาร์ม” เขาพูดเสียงอ่อนลง “พี่อาร์มเชื่อว่านนะ เราจบกันด้วยดีไม่ใช่เหรอ ต่างคนต่างก็มีทางเดินของตัวเอง ว่านเข้าใจพี่อาร์ม เคารพการตัดสินใจของพี่อาร์มเสมอ”

อีกฝ่ายถอนหายใจยาว

“ว่านไม่ยอมรับความรู้สึกของตัวเอง” พี่อาร์มพูด “พี่ต้องทำยังไงนะ” ชายหนุ่มเหมือนปรารภกับตัวเองมากกว่าพูดกับเขา “คืนนี้ว่านจะไปร้องเพลงหรือเปล่า”

“คงไปไม่ได้หรอกครับ ว่านต้องเฝ้าลูก” วิวาห์ตอบ นึกถึงสาวใหญ่เจ้าของร้านขึ้นมาได้เลยพูดเสียงห้วนขึ้นโดยไม่ตั้งใจ “พี่อาร์มคงมาถามแทนพี่นุช”

“เปล่า” อามันต์ส่ายหน้า “พี่แค่อยากรู้เฉย ๆ ...เพราะว่าตอนนี้ พี่ไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องทำยังไง”

“ทำอะไรครับ? ถ้าพี่อาร์มหมายถึงทำให้ว่านหายโกรธหรืออะไรทำนองนั้น ว่านบอกเลยว่าพี่ไม่ต้องทำอะไรเลย ว่านไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่แล้ว ไม่ได้โกรธไม่ได้รัก” วิวาห์พูด “ว่านโอเคมาก ๆ แล้วครับ”

“ถ้าโอเคแล้วจะวิ่งวุ่นหาเงินอยู่แบบนี้เหรอ” อีกฝ่ายพูดขึ้น มองเขาด้วยแววตาที่อ่านไม่ออกอีกครั้ง “เงินเก็บของว่านไปไหนเสียหมดล่ะ หรือว่าใช้ไปหมดแล้ว” อามันต์รู้ว่าว่านมีเงินเก็บอยู่จำนวนหนึ่งสมัยที่ยังโด่งดัง วิวาห์ไม่อยากบอกเลยว่าเขาใช้หมดไปตั้งแต่หวันยิหวายังอายุไม่เต็มสองขวบดี แล้วก็ไม่มีโอกาสทำให้เงินในบัญชีงอกเงยขึ้นมาอีก “ลืมไปว่าว่านแต่งงานนี่นะ คงมีเรื่องให้ใช้เงินมาก”

“ขอบคุณพี่อาร์มที่เป็นห่วงครับ” วิวาห์เลือกจะตอบสั้นที่สุด ไม่อธิบายอะไรมากกว่านั้น “ว่านขอตัวก่อนนะครับ”

“พี่มีเพลงจะให้ว่านร้อง” พี่อาร์มพูดต่อมาอีก “พี่แต่งให้ว่าน แต่ตอนนั้นเราเลิกกันเสียก่อน”

วิวาห์ยิ้มนิด ๆ

“ขอบคุณครับ พี่อาร์มเก็บเอาไว้ร้องให้ตัวเองฟังเถอะ แล้วก็...อย่ามาเจอกันอีกเลยนะครับ” พูดจบก็รีบหมุนตัวเดินฉับ ๆ กลับเข้ามาในตัวอาคาร รู้สึกได้ว่าพี่อาร์มมองตามหลังมาจนลับตา วิวาห์ขึ้นลิฟต์มายังห้องพักของลูกสาว หวันยิหวายังหลับสนิทอยู่บนเตียงเหมือนเดิม



ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk







พี่วิรัตน์มาเยี่ยมเขาพร้อมกับพี่เบสต์ว่าที่พี่สะใภ้ พี่เบสต์จับมือว่านเอาไว้แน่น พูดปลอบใจว่านอย่างอ่อนโยนจนว่านรู้สึกสบายใจขึ้นมาก

“ว่านต้องดูแลตัวเองด้วยรู้มั้ย จะปล่อยให้ตัวเองโทรมแบบนี้ไม่ได้ ถ้าว่านป่วยไปแล้วยี่หวาจะทำยังไงล่ะ ว่านต้องรักษาตัวเองให้แข็งแรง”

“ครับ” วิวาห์ก้มหน้าลง หญิงสาวลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ

“เมื่อกี้เห็นแวบ ๆ ในสวน ทำอะไรอยู่น่ะ” วิรัตน์ถามขึ้น วิวาห์เงยหน้าขึ้นมองพี่ชาย

“เจอพี่อาร์มครับ เลยคุยกันนิดหน่อย” ว่านพูดด้วยน้ำเสียงธรรมดา แต่ว่าพี่ชายกลับหน้าเครียดขึ้นมา

“คุยกันว่าอะไร”

“ก็...ไม่มีอะไรครับ เขารู้ว่ายี่หวาป่วยก็เลยถามถึง แต่เขาไม่รู้หรอกน่ะว่ายี่หวาเป็นลูกของว่าน” วิวาห์พูดตามตรง “ว่านก็ไม่ได้บอก”

พี่วัตทำท่าเหมือนจะพูดอะไรออกมา วิวาห์เลยรีบพูดขึ้น

“ไม่ต้องห่วงครับ ว่านไม่โง่กลับไปอีกแล้วแน่ พี่อาร์มบอกว่ายังรู้สึกกับว่านเหมือนเดิม แต่ว่านดูออกแล้วว่าพี่อาร์มพูดไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้มาจากใจจริง ถ้าให้เดา...พี่อาร์มคงหวังจะคืนดีกับว่านเพื่อผลประโยชน์อะไรสักอย่างแน่ ๆ แต่ว่านก็ยังไม่รู้ว่าเพื่ออะไร”

“คุยกันนานมั้ย” พี่วัตถาม ว่านส่ายหน้า

“ไม่นานครับ”

“ว่านคุยกับเขาบ่อยเหรอ ...หมายถึง เจอเขาบ่อยมั้ย”

“เพิ่งจะเจอช่วงนี้เองครับ” ว่านตอบ “คงเป็นเพราะเขากลับมาอัดเสียงโปรเจ็กต์ของค่าย เดี๋ยวเขาก็คงจะบินกลับไปต่างประเทศแล้วล่ะ”

“พี่ว่า...ว่านอาจจะเครียดมากเกินไปนะช่วงนี้” พี่วัตพูดขึ้น ยกมือขึ้นบีบไหล่ของว่านหนัก ๆ “ได้นอนบ้างหรือเปล่า เฝ้ายี่หวาทั้งวันทั้งคืนคงแทบไม่ได้พักผ่อนเลยใช่มั้ย เอาอย่างนี้ดีกว่าเดี๋ยวพี่กับพี่เบสต์จะผลัดกันมาเฝ้ายี่หวาบ้าง ว่านจะได้ไม่เหนื่อยเกินไป”

พี่ชายไม่พูดเรื่องพี่อาร์มอีกว่านก็โล่งใจ

“ขอบคุณมากครับพี่ แต่ไม่เป็นไรหรอก พี่วัตก็มีงานต้องทำ อีกอย่างว่านเกรงใจพี่เบสต์ด้วย”

“เกรงใจอะไร เขาก็จะมาเป็นพี่สะใภ้เราอีกสองอาทิตย์ข้างหน้านี่แล้ว ไม่ต้องเกรงใจหรอก” พี่วัตพูดเนิบ ๆ มองว่านนิ่ง ๆ “ถ้านอนไม่หลับ จะไปขอยาหมอเขาก็ได้นะ ลองไปคุยกับหมอเสียหน่อยมั้ย บางทีเราเครียดเกินไปแล้วอาจจะ...คิดฟุ้งซ่านได้”

“โธ่พี่วัต” วิวาห์หัวเราะออกมา “ว่านผ่านมาเยอะแล้ว ตอนคลอดยี่หวายังรอดมาได้เลย เลี้ยงมาจนห้าขวบหนักกว่าตอนนี้เยอะ เรื่องแค่นี่ว่านสบายมาก ยี่หวาอยู่ในมือหมอแล้ว ว่านไม่ห่วงอะไร”

“ปากบอกไม่แต่ร่างกายเราจะไม่ไหวเอานะว่าน” พี่ชายท้วง “ให้พี่นัดหมอให้ไหมล่ะ ไปนั่งคุยกับเขาก็ได้ จะได้ผ่อนคลายลง”

“เอาไว้ยี่หวาหายดีแล้วว่านจะลองไปตรวจดูนะครับพี่วัต”

พี่ชายไม่ได้พูดอะไรอีก

......................................................................................

“ทานหน่อยนะคะคนเก่ง อีกสองคำใกล้หมดแล้วค่ะ” วิวาห์ป้อนโจ๊กให้ลูกสาวจนเกือบหมดชาม นอนโรงพยาบาลมาอาทิตย์กว่า อาการของหวันยิหวาก็ค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ ทำให้คนเป็นแม่รู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อย “ใครอยากกลับบ้านคะ อ้าปากเร็ว อ้าม...”

หวันยิหวาละสายตาจากหน้าจอโทรทัศน์มามองอาหารในมือของมารดา เพราะความอยากกลับบ้านก็เลยยอมอ้าปากให้ป้อนแต่โดยดี

“เก่งมากค่ะ เช็ดปากหน่อย ดื่มนมนิดนะคะ”

“ยี่หวาอิ่มท้องจะแตกแล้วค่ะ” เด็กหญิงพูด หันหน้าหนี “กินไม่ไหวแล้ว”

“กินนมจะได้ตัวสูง ๆ ไงคะ กินนมน้อยก็จะกลายเป็นคนแคระนะคะ ยี่หวาอยากสูงไม่ใช่เหรอ” วิวาห์หลอกล่อ

“อยากตัวสูงค่ะ ยี่หวาอยากตัวสูงเท่านี้” เด็กหญิงยืดตัวชูแขนขึ้นสูง “ยี่หวาอยากตัวสูงเท่าคุณลุงกระต่ายเลย”

ชื่อคุณลุงกระต่ายสะดุดหูคนฟังอย่างจัง

“คุณลุงคนไหนนะคะ” วิวาห์ถามอย่างไม่แน่ใจ “คุณลุงวัตเหรอ”

“ไม่ใช่ค่ะ คุณลุงกระต่าย คุณลุงที่มีคุณกระต่ายที่ข้อมือไงคะ” ลูกตอบเต็มปากเต็มคำ

วิวาห์อึ้งไปครู่

“เขามาหายี่หวาเหรอคะ มาตอนไหน ...ยี่หวาเจอเขาเหรอ”

“เจอค่ะ คุณลุงมาหายี่หวาทุกวันเลย มาเล่นกับยี่หวาแล้วก็ชวนยี่หวาร้องเพลง” ลูกสาวยิ้มกว้าง “คุณลุงใจดีมากเลยค่ะ ยี่หวาชอบมาก”

“เขามาเมื่อไหร่คะ ทำไมวีว่าไม่เห็นเลย”

“มาตอนดึก ๆ ค่ะ วีว่าหลับไปแล้ว แต่บางทีก็มาตอนกลางวัน ตอนที่วีว่าไม่อยู่”

วิวาห์เม้มปาก รู้สึกเครียดขึ้นมาทันที หรือว่าอามันต์จะเล่นวิธีเหนือเมฆกับเขา แอบมาทำคะแนนกับยี่หวาเอาไว้เพื่อจุดประสงค์บางอย่างของตัวเอง ยี่หวายังเด็กมาก ใครมาชวนเล่นสนุกก็ชอบทั้งนั้น

“ยี่หวา ถ้าคุณลุงคนนั้นเขามาอีกรีบบอกวีว่านะคะ วีว่าอยากขอบคุณเค้าที่เค้าใจดีกับยี่หวา” วิวาห์พูดยิ้ม ๆ เด็กหญิงรับคำ

คืนนั้นวิวาห์ผล็อยหลับไปเพราะความเหนื่อยอ่อน ทั้งที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะรอจัดการแขกไม่ได้รับเชิญแล้วแท้ ๆ ชายหนุ่มสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นในห้องพักผู้ป่วย เป็นเสียงฝีเท้าหนัก ๆ คุ้นหู

“คุณลุงกระต่าย ยี่หวารออยู่เลยค่ะ” เสียงลูกสาวพูดงัวเงียดังขึ้น วิวาห์หรี่ตาลงทำทีเป็นนอนหลับสนิท เขาเห็นเงาของร่างสูงใหญ่นั้นเดินไปหยุดที่ข้างเตียงของลูกสาว “กินหมดค่ะ ยี่หวากินหมดชามเลย เก่งมั้ยคะ”

เสียงเด็กหญิงพูดเจื้อยแจ้ว วิวาห์จับตามองอย่างระมัดระวัง เขาเห็นผู้ชายคนนั้นโน้มตัวเข้าไปกระซิบอะไรข้างหูเด็กหญิง หวันยิหวาหัวเราะคิกคัก ดูหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง

“วีว่า แอบดูอยู่ใช่มั้ยคะ ยี่หวารู้นะ”

วิวาห์สะดุ้ง ไม่ได้ทำเป็นนอนหลับอีก เขาดึงตัวลุกขึ้นนั่ง ตั้งสติครู่หนึ่งแล้วก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปหาลูกสาวและผู้ชายคนนั้น พี่อาร์มมองเขาอยู่ก่อนแล้วด้วยแววตานิ่งสงบไม่บอกความรู้สึก

“พี่อาร์ม” วิวาห์ซ่อนความหนักใจเอาไว้ “มาเยี่ยมยี่หวาเหรอครับ”

“ใช่ น้องบ่นคิดถึงฉัน ก็เลยมาหา” อามันต์ตอบกลับมาเนิบ ๆ หันไปยิ้มให้เด็กสาวบนเตียง “ทำให้คุณพ่อหนูตื่นซะแล้วสิ แย่จังนะ”

“ไม่ใช่คุณพ่อค่ะ วีว่าเป็นคุณแม่ของยี่หวา” เด็กหญิงตอบกลับมา คว้าแขนของวิวาห์ไปกอดเอาไว้ “วีว่าคือแม่”

อามันต์หัวเราะแผ่ว ๆ

“ทำไมสอนลูกแบบนั้น”

“เพราะผมต้องเป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับเขาครับ” วิวาห์เลือกตอบสั้น ๆ อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมองเขาครู่หนึ่ง

“ภรรยาของเธอ ฉันเห็นเขาที่สวนของโรงพยาบาลเมื่อหลายวันก่อน มากับพี่ชายของเธอ”

“เขามาเยี่ยมลูกครับ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว” วิวาห์พูด สบตาอีกฝ่ายโดยไม่หลบ “พี่อาร์มไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องของครอบครัวผมหรอกครับ ขอบคุณมากที่อุตส่าห์มาเยี่ยมลูกสาวของผม”

“ไม่มาได้ยังไง ฉันยังติดค้างเพลงกับเขาอยู่นะ ...ใช่มั้ยครับคนสวย” ประโยคหลังอามันต์หันไปถามเด็กหญิงเสียงนุ่ม หวันยิหวายิ้มกว้าง พยักหน้ารับอย่างร่าเริง

“ใช่ค่ะ คุณลุงบอกจะร้องเพลงให้ยี่หวาฟัง คุณลุงเล่นเกมแพ้ยี่หวาค่ะวีว่า สัญญาต้องเป็นสัญญานะคะ”

“ลุงรักษาสัญญากับหนูอยู่แล้วครับแต่ว่า...ผู้ปกครองของหนูเขาจะอยากให้ลุงร้องให้ฟังหรือเปล่า เขาอาจจะรำคาญนะ”

“นี่มันตีสองกว่าจะตีสามแล้วนะครับ” วิวาห์พูดอย่างเหลืออด “จะมาร้องเพลงอะไรกันไม่ทราบ พี่อาร์มทำงานกลางคืนจนชินกับการนอนเช้า แต่ว่าคนอื่นไม่ใช่นะครับ ยี่หวาเองก็ต้องพักผ่อน นอนได้แล้วค่ะ”

เด็กหญิงหน้าม่อย โบกมือให้ ‘เพื่อน’ ต่างวัยอย่างหงอย ๆ

“กู้ดไนท์ค่ะคุณลุงกระต่าย เอาไว้มาเล่นกันใหม่พรุ่งนี้นะคะ”

“โอเค ตกลงครับผม” อามันต์รับปากอย่างอ่อนโยน วิวาห์มองท่าทางนั้นแวบเดียวแล้วก็เมินไปทางอื่น ทำเป็นมองไม่เห็นเสีย เขาเดินไปรอที่หน้าประตูห้อง เปิดประตูรอกลัวอีกฝ่ายไม่ยอมกลับออกไป

“พี่อาร์มครับ” วิวาห์เดินตามร่างสูงใหญ่ออกมาจากห้องพัก ทางเดินข้างหน้าโล่งไร้ผู้คนเพราะเป็นเวลาดึกมากแล้ว ได้ยินเสียงพยาบาลพูดคุยกันแว่ว ๆ มาจากเคาท์เตอร์ด้านนอก “อย่าหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ แต่ว่าผมขอร้องไม่ให้พี่มาเยี่ยมยี่หวาแล้วได้มั้ยครับ” วิวาห์ไม่ใช่คนพูดเก่ง แล้วยิ่งไม่ใช่คนที่มีไหวพริบในการพูดอีกด้วย เขาโพล่งออกไปลุ่น ๆ ทั้งอย่างนั้น

“ทำไมล่ะ” คิ้วเข้มของคนฟังเลิกสูง

“เพราะ...ผมอยากให้ลูกได้พักผ่อน พี่มาดึกขนาดนี้ยี่หวาก็นอนไม่พอ” วิวาห์เลือกเหตุผลที่ดูดีที่สุดที่คิดออกแล้ว

“ถ้าอย่างนั้นพี่จะแวะมาตอนกลางวันแล้วกัน ไม่มากวนตอนดึก ๆ แล้ว” อีกฝ่ายรับคำ วิวาห์เม้มปากอย่างอัดอั้น

“ทำไมจะต้องมาวุ่นวายด้วยครับ” เขาพูดออกไป “ถึงพี่อาร์มจะบอกว่ายังรู้สึกกับว่านอยู่ แต่ว่านไม่...พี่อาร์มมาทำแบบนี้ว่านอึดอัดครับ ความสัมพันธ์ของเราจบลงไปแล้ว พี่อาร์มยังต้องการอะไรอีก ว่านเบื่อที่จะต้องพูดเรื่องเดิมซ้ำ ๆ แล้วนะ”

“พี่ก็ไม่รู้” คนตรงหน้าเขาก้มหน้าลงนิด ๆ มองเห็นขนตายาวหนากับปลายจมูกโด่งคม “พี่รู้สึกแค่ว่า พี่ต้องมา ...มีคนรอพี่อยู่ที่นี่ แล้วพี่ก็เอ็นดูยี่หวามาก น้องน่ารักจริง ๆ” ชายหนุ่มพูดเสียงแหบกว่าปกติ “ยี่หวารอพี่”

“ยี่หวาไม่ได้รอพี่อาร์มครับ” วิวาห์บอกเสียงแข็ง “ลูกผมยังเด็ก ไม่เข้าใจเรื่องอะไรหรอก ใครมาเล่นกับเขาเขาก็เล่นด้วยเท่านั้น ยิ่งยี่หวาเป็นเด็กขี้อ้อนอยู่แล้วด้วย น้องไม่รู้เรื่องหรอกครับ ..พี่อาร์ม...แค่ยี่หวาป่วย ผมก็เหนื่อยใจจะแย่แล้วนะ พี่ยังจะมาทำให้เรื่องทุกอย่างมันแย่ลงอีกเหรอ”

“อย่างน้อยเราก็ยังเป็นพี่น้องกันนะว่าน”

“พี่น้อง? ” วิวาห์ขึ้นเสียงสูง ความโกรธพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง ไม่รู้มาจากไหนนักหนา “พี่น้องกับผีน่ะสิ พี่ก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เลิกหลอกกันเถอะครับ ถ้าพี่คิดจะใช้ประโยชน์อะไรจากผมล่ะก็ บอกเลยว่าไม่...ผมไม่คิดจะกลับไปอีกแล้ว ไม่ว่าพี่จะมีจุดประสงค์อะไรก็ตาม แค่ครั้งเดียวผมก็เข็ดจนตาย ผมไม่อยากเป็นคนโง่ให้พี่หลอกใช้ผมซ้ำแล้วซ้ำอีก”

“ว่าน” พี่อาร์มยื่นมือมาแต่ว่านเบี่ยงตัวหนี มือของพี่อาร์มชะงักค้างอยู่กลางอากาศแล้วตกลงข้างตัว “พี่เข้าใจแล้ว” เขาพูดเสียงแหบอันเป็นเอกลักษณ์ “ว่านคงเกลียดพี่มาก”

“.......” วิวาห์ไม่ตอบ เขาหมุนตัวกลับเข้าไปในห้อง

“แต่พี่จะไม่ยอมแพ้หรอกนะ” พี่อาร์มพูดตามหลังมา ว่านไม่ได้หันไปมองอีก

หวันยิหวานอนหลับสนิทไปแล้ว ว่านเอนตัวลงนอนบนโซฟาที่ประจำ สมองยังครุ่นคิดถึงเรื่องที่คุยกับพี่อาร์มเมื่อกี้นี้ ท่าทางของพี่อาร์มมีอะไรบางอย่างที่แปลกไป

อะไรที่แปลกไป...เขาก็นึกไม่ออก วิวาห์นอนหลับ ๆ ตื่น ๆ ไปตลอดทั้งคืน

วันรุ่งขึ้นนายแพทย์เจ้าของไข้ของหวันยิหวามาเยี่ยมตั้งแต่เช้า วิวาห์ยังไม่ทันได้อาบน้ำแต่งตัวให้ลูกใหม่คุณหมอก็มาเสียแล้ว นายแพทย์หนุ่มมองเขาอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พูดยิ้ม ๆ

“เฝ้าไข้ลูกสาวอยู่หลายวัน เป็นยังไงบ้างครับ คงเหนื่อยแย่เลย”

“ไม่เท่าไหร่หรอกครับ” วิวาห์ตอบ ส่งยิ้มตอบกลับไปให้คุณหมอนิดหนึ่ง “วันนี้ยี่หวาจะได้กลับบ้านหรือยังครับ”

“ต้องให้ยาฆ่าเชื้อครบสิบสี่วันก่อนครับ เหลืออีกสี่วัน”

“อีกสี่วันเลยเหรอคะ” คนป่วยพูดทวนคำ เบิกตากว้าง “นานจังค่ะ”

“อยู่เป็นเพื่อนอาหมอก่อนสิคะ” คุณหมอหันไปพูดกับเด็กหญิงอย่างอ่อนหวาน “อยู่แต่ในห้องเริ่มเบื่อแล้วใช่มั้ยเอ่ย ไปเดินเล่นรอบ ๆ หรือในสวนก็ได้นะคะ”

“จริงเหรอคะอาหมอ” ยี่หวาตาโต

“ยี่หวาจะไม่ติดเชื้อเพิ่มใช่มั้ยครับ” วิวาห์ถามอย่างไม่มั่นใจ “ผมกลัวลูกไปเจอเชื้อโรคข้างนอกอีก”

“ใส่หน้ากากแล้วก็ล้างมือบ่อย ๆ ครับ ตอนนี้อาการดีขึ้นมากแล้ว ไม่เป็นอะไรหรอก ผลเลือดล่าสุดก็ดีมาก รอยาครบก็กลับบ้านได้แล้ว”

วิวาห์โล่งใจ

“ขอบคุณครับ”

วิวาห์พาลูกสาวไปเดินเล่นในตอนบ่าย ป้าเอิบก็มาเดินเล่นเป็นเพื่อนด้วย หวันยิหวาสดชื่นเหมือนเมื่อครั้งที่ยังสบายดี พูดแกมหัวเราะไปตลอดทาง

“ถ้ากินข้าวเย็นหมดชาม วีว่าจะพาไปซื้อขนมค่ะ ตกลงมั้ย”

เด็กหญิงพยักหน้าจนเปียปลิว

พี่ชายน้องชายและก็คุณตาคุณยายของยี่หวามาเยี่ยมกันพร้อมหน้า เป็นวันที่วิวาห์รู้สึกปลอดโปร่งใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมานาน จนกระทั่งพี่ชายถามถึงคนรักเก่าขึ้นมาอีกนั่นแหละ

“พี่วัตจะพูดถึงเขาทำไมนะ ทำลายบรรยากาศหมด” วิน น้องชายคนเล็กพูดขัดขึ้น

“ก็ฉันอยากรู้ว่าเขายังมาอยู่มั้ย” วิรัตน์ตอบขรึม ๆ วิวาห์พยักหน้า

“มาครับ เมื่อคืนก็มา แต่ผมเคลียร์กับเขาไปแล้วว่าอย่ามายุ่งเกี่ยวกันอีก” เขาทำเป็นลืม ๆ ประโยคสุดท้ายที่อีกฝ่ายทิ้งท้ายเอาไว้ไปเสีย “ไม่น่ามีอะไรแล้วครับ อีกไม่กี่วันยี่หวาก็กลับบ้านแล้ว เขาคงไปวุ่นวายที่บ้านเราไม่ได้”

“มันหน้าด้านจริง ๆ เลยนะ” วิรุฬอุทาน “ให้ตายสิ แต่ก่อนวินโคตรชอบเขาเลย มีอัลบั้มเขาด้วย จนมารู้เช่นเห็นชาติเขาตอนที่แยกวงแล้วทิ้งพี่ว่านนี่แหละ หน้าตัวเมีย”

“วินไม่เอาน่ะ” มารดาของเขาปรามขึ้นทันที “ฟังแล้วไม่น่ารักเลย ช่างเขาเถอะ อย่ามายุ่งกับคนของเราก็พอแล้ว”

“ถ้าเขามาอีก บอกพ่อด้วยนะว่าน พ่อจะคุยกับเขาเอง” บิดาเขาที่มักเงียบขรึมอยู่เสมอพูดขึ้นบ้าง วิวาห์หันไปมองพ่ออย่างตื้นตัน ตั้งแต่ตอนที่เกิดเรื่องคราวนั้นแล้วที่พ่อจะไปคุยกับพี่อาร์ม แต่ว่าพี่อาร์มก็ไปต่างประเทศ ติดต่อไม่ได้อยู่หลายปี

“ขอบคุณครับพ่อ”

“วินด้วย วินก็อยากชกหน้ามันสักทีเหมือนกัน”

“โธ่ ตาวินนี่รุนแรงจริง ๆ” แม่เขารีบห้าม “อย่าใช้ความรุนแรงเลยลูก ไม่มีประโยชน์ ค่อย ๆ พูดค่อย ๆ จากกันเถอะ”

“เมื่อคืนว่านนอนหลับดีมั้ย” วิรัตน์เปลี่ยนเรื่อง วิวาห์ส่ายหน้า

“นอนไม่ค่อยหลับครับ โซฟาที่นี่นอนไม่สบายเท่าไหร่ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ว่านต้องตื่นมาดูลูกอยู่แล้ว อีกไม่กี่วันก็ได้กลับบ้านแล้วล่ะ” พวกเขาเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นกัน พี่เบสต์เข้ามาร่วมวงด้วยตอนเกือบสามทุ่ม ท่าทางเคร่งเครียดนิด ๆ จนว่านสังเกตเห็น เขาเห็นว่าพี่สะใภ้สบตาพี่ชายคนโตของเขาเหมือนมีเรื่องอยากคุยด้วยก็เลยพูดเปิดช่องให้

“ชักดึกแล้ว ยัยยี่หวาหาวรอบที่สามแล้วครับ” เขาพูดเบา ๆ

“จริงสิ ได้เวลาเข้านอนแล้วมั้ง ว่านพาลูกนอนดีกว่า เดี๋ยวไว้แม่มาเยี่ยมใหม่พรุ่งนี้” มารดาของเขาเห็นด้วย

วิวาห์พาลูกเข้านอน วิรัตน์กลับออกมาจากห้องพักผู้ป่วยพร้อมกับทุกคนในครอบครัว เขาเห็นคนรักส่งสายตามาหลายครั้งเลยอดถามไม่ได้ว่ามีเรื่องอะไรกัน

“เรื่องน้องว่านค่ะ เดี๋ยวกลับไปคุยกันที่บ้าน ต้องบอกน้องวินด้วยนะคะ” เบสต์พูดเร็วปรื๋อ

“บอกผมเรื่องอะไรครับ” วิรุฬเอียงคอเข้ามาฟังบ้าง พวกเขาเดินทอดน่องตามหลังพ่อกับแม่ไปยังที่จอดรถของโรงพยาบาลด้วยกัน “มีเรื่องอะไร”

“คือ..น้องว่านน่ะค่ะ ท่าทางไม่ค่อยดี ถ้าเป็นไปได้ จะให้เบสต์หรือป้าเอิบไปช่วยผลัดกันเฝ้ายี่หวาแทนน่าจะดีกว่านะคะ ว่านจะได้พัก...เผื่อจะต้อง..รักษาตัว”

“หรือว่า..เรื่องจริงเหรอ? ” วิรัตน์ที่เงียบอยู่นานถามขึ้น คนรักพยักหน้ารับ ใบหน้าของคนฟังเครียดขึ้นฉับพลัน วิรุฬมองหน้าพี่ชายสลับกับพี่สะใภ้อย่างไม่เข้าใจ

“เรื่องอะไรกันครับ วินงงไปหมดแล้ว”

วิวาห์กำลังเล่านิทานให้ลูกสาวฟังเป็นเรื่องที่สี่แล้ว แต่ลูกสาวตัวดีก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะยอมนอนหลับตาลงเลย

“ไม่ง่วงเลยเหรอคะ วีว่าเริ่มง่วงแล้วนะ” ชายหนุ่มยกมือขึ้นขยี้ตา ปิดปากหาวหวอด “นอนกันได้แล้วนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ได้ไปเดินเล่นอีกไง”

“ยี่หวาไม่ง่วงเลยค่ะ ยี่หวาอยากฟังเพลง วีว่าร้องเพลงให้ฟังหน่อยได้มั้ยคะ”

“อยากฟังเพลงอะไรลูก” วิวาห์ถามอย่างเอาใจ

“เพลงอะไรก็ได้ค่ะ ยี่หวาอยากให้คุณลุงกระต่ายมา ถ้าเราร้องเพลงแล้วคุณลุงกระต่ายจะมามั้ยคะ”

รอยยิ้มของวิวาห์จางลง

“หมายความว่ายังไงคะ”

“คุณลุงกระต่ายบอกกับยี่หวาเอาไว้ค่ะ ถ้าอยากให้คุณลุงมาหาให้ร้องเพลง” หวันยิหวาพูดอย่างจริงจัง “ยี่หวาให้วีว่าร้องแทนได้มั้ยคะ”

“คุณลุงกระต่ายว่าอย่างนั้นเหรอ” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว “ยี่หวานอนดีกว่าค่ะ ไม่ต้องไปสนใจเรื่องอะไรหรอก”

“แต่ยี่หวา..”

“วีว่าบอกให้นอนไงล่ะ” วิวาห์พูดเสียงแข็งกับลูกอย่างที่ไม่ค่อยได้ทำบ่อยนัก เด็กหญิงน้ำตาคลอทันตาเห็น ความหงุดหงิดเมื่อกี้สลายไปในพริบตา “วีว่าขอโทษค่ะ ยี่หวานอนลงก่อนนะ”

“วีว่าโกรธยี่หวาเหรอคะ”

“เปล่าค่ะ ไม่ได้โกรธ” วิวาห์ส่ายหน้า “แต่เสียใจที่ยี่หวาไม่ฟังที่วีว่าพูดเลย”

“ยี่หวาขอโทษค่ะ” ลูกสาวพึมพำ ยอมนอนลงแต่โดยดี วิวาห์ถอนหายใจยาว นั่งมองลูกอยู่พักหนึ่งก็ร้องเพลงออกมาเบา ๆ เขาเลือกเพลงกล่อมเด็กแบบง่าย ๆ มาร้องให้ลูกฟัง

หวันยิหวาตาหรี่ปรือ ลมหายใจเริ่มทอดยาวเหมือนใกล้จะหลับสนิท ริมฝีปากสีสดขยับพูดเสียงเบา

“นั่นไงคะ คุณลุงกระต่าย...คุณลุงมาแล้วจริง ๆ ด้วย”

“ไหนคะ” วิวาห์ชะงัก มองตามสายตาลูกออกไปยังระเบียงด้านนอก “ไม่เห็นมีใครเลย” จะมีได้อย่างไร ก็ห้องพักของเขาอยู่สูงขึ้นมาถึงชั้นสิบสี่ ถ้าจะมีคนยืนอยู่ตรงระเบียงได้ก็ต้องเป็นซูเปอร์แมนเหาะได้แล้วล่ะ

“นั่นค่ะ ยืนหันหลังอยู่ตรงนั้น” เด็กหญิงยกนิ้วขึ้นชี้ไปที่ระเบียงว่างเปล่านั้น วิวาห์ขมวดคิ้วพลางส่ายหน้า

“ง่วงแล้วก็นอนเถอะลูก ฝันดีนะคะ” เขาชะโงกเข้าไปจูบที่หน้าผากของลูกเบา ๆ

ยี่หวาหลับปุ๋ย วิวาห์ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวให้จนถึงลำคอ แล้วก็เดินไปหยุดยืนอยู่หน้าประตูเลื่อนกระจก ระเบียงข้างนอกไม่มีใครยืนอยู่อย่างที่เด็กหญิงบอก เห็นทียัยยี่หวาคงจะง่วงเต็มแก่ถึงได้พูดเป็นตุเป็นตะไปอย่างนั้น

วิวาห์ถอยกลับไปนั่งอ่านหนังสือบนโซฟาต่อ เขากำลังมองหาอาชีพใหม่ที่ไม่ใช่นักร้องร้านอาหารแห่งนั้นอีก นุชนารถให้ค่าตอบแทนสูงก็จริง แต่ถ้าต้องแลกกับการที่ต้องเจอหน้าอามันต์ต่อ วิวาห์คิดว่าไม่คุ้ม เขาควรจะหาอาชีพอื่นที่สบายใจทำจะดีกว่า

.................................................................................................

มาอัพต่อนะคะ

กำลังเข้าเรื่องล่ะ ฮ่า ๆ คนอ่านบอกอะไรเนี่ยยย นี่มันคืออะไรรรร

เจอกันตอนหน้านะคะ

นี่เขียนอยู่คนเดียวเปล่าเปลี่ยนมากเลย ใครชอบเรื่องนี้อย่าลืมบอกต่อนะคะ จะได้เป็นกำลังใจให้คนเขียน

#วิวาห์อามันต์

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
อาร์มตายแล้วเหรอหรือแค่วิญญาณออกจากร่าง แต่ถ้าเป็นวิญญาณจะไปถึงญี่ปุ่นนั่งเครื่องบินได้ยังไง โอ๊ย นี่มันเรื่องอะไรเนี่ย
แต่เหตุผลที่อาร์มบอกเลิกนี่มันชุ่ยมากเลยอยาก :z6:

 :pig4:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
อาร์มตายแล้วหรอ หรือยังไง ดูเหมือนว่าจะมีแค่ว่านกับยี่หวาที่เห็น พี่สะใภ้กับพี่ชายคงจะคิดว่าว่านเครียดจนหลอนเห็นอาร์มรึป่าว

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
ใช่ งง งวย แล้ว ก็ งวย งง

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :ruready :ruready ยังไงกันเนี่ย

ออฟไลน์ wildride

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
 :katai1:
 ทำไมรู้สึกว่า นายอามันต์นี่จะไม่มีตัวตนอยู่จริง ????

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ห๊าาา งงไปหมดละน้าาา

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
พี่อาร์มตายแล้ว? แล้วพี่สะใภ้รู้อะไรเกี่ยวกับพี่อาร์ม ถึงบอกว่าว่านน่าจะป่วย แสดงว่าว่านน่าจะเครียดจนเริ่มหลอนไหม

ออฟไลน์ Heisei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
ช่วงที่มีปัญหาน่าจะเป็นหลังกลับจากญี่ปุ่นมั้ยนะ เหมือนตอนนั้นก็มีคนอื่นเห็นพี่อาร์มด้วยนี่นา แล้วพี่อาร์มก็ดูไม่ตกใจอะไรตอนที่ว่านบอกว่าเจอพี่อาร์ม พี่เบสกับพี่อาร์มน่าจะรู้ข่าวพี่อาร์มอุบัติเหตุเป็นเจ้าชายนิทรา?

อ่านตอนแรกก็ไม่ขนลุก ตอนท้ายๆนี่ต้องเปิดไฟอ่านแล้วนะ กลัว

น้องยี่หวาสู้ๆนะคะ มะเร็งเม็ดเลือดขาวในเด็กมีพยากรณ์โรคที่ดี น่าจะหายได้ หรือต้องใช้การปลูกถ่ายไขกระดูกจากพี่อาร์ม?

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
แพ้ทางนิยายโทนนี้มากเลยอ่ะค่าาา ในที่นี้หมายถึง อ่านแล้วมืดแปดด้านมากแม่  :mew5:   

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
ช่วยด้วยยยใจก็กลัวอีกใจก็อยากรู้ :ling1:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
หลอนๆยังไงไม่รู้

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ถ้าเป็นผีจะขึ้นเครื่องบินได้ไง
แต่พี่ชายคือพยายามใบ้อ่ะ
แต่ยี่หวาก็เห็นเขาตรงที่ระเบียงอ่ะ อ่ย  :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
อาร์มเป็นอะไรตายหรือไม่ตายพี่สะใภ้ต้องรู้เรื่องอะไรมาแน่ๆ

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
ยี่หวาสู้ ๆ นะลูก เอาชนะเจ้าหนอนให้ได้
เดี๋ยวนี้คุณเขาเก่ง เป็นกำลังใจให้หนูนะคะ

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
วิวาห์อามันต์

ตอนที่ 7









         “ยังไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลอีกหรือ”  เสียงแหบนิด ๆ ดังขึ้นข้างหลัง  วิวาห์ละสายตาจากลูกสาวที่นอนหลับอยู่บนเตียงหันกลับไปมองผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่เข้ามาในห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ

          “ยี่หวาไข้ขึ้นอีกครับ”  ว่านตอบกลับไป มองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ  “พี่อาร์มกลับไปเถอะครับ  ดึกมากแล้ว”

          “พี่อยากมาดูน้องหน่อย”  นอกจากไม่ออกจากห้องแล้วอามันต์ยังก้าวเข้ามายืนชิดเตียง  ก้มดูเด็กหญิงบนเตียงอย่างพินิจพิจารณา  “เมื่อกลางวันกินข้าวหมดมั้ย”

          “ไม่เกี่ยวกับพี่อาร์มหรอกครับ”  ว่านสวน “เชิญกลับออกไปได้แล้ว  ว่านกับยี่หวาจะได้พักผ่อน”

          อามันต์ถอนหายใจยาว  ยกมือขึ้นเหมือนจะแตะต้องตัวของเด็กน้อยแต่แล้วก็ชะงักอยู่แค่นั้นเพราะสายตาเอาเรื่องของวิวาห์

          “ไม่มีโอกาสให้พี่เลยนะ”

          “ไม่มีครับ”  วิวาห์ตอบเสียงห้วน  ตัดบทอย่างไร้เยื่อใย  เขาเดินไปเปิดประตูห้องพักผู้ป่วยออก  “อย่าหาว่าเสียมารยาทเลยนะครับ  แต่หมดเวลาเยี่ยมแล้วล่ะ”  อามันต์นิ่งไปนาน  “ถ้าจะให้ดีล่ะก็  อย่ากลับมาอีกเลย  ผมขอพูดเป็นครั้งสุดท้าย  ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าใจร้ายเลยนะครับ”

          “ว่านก็ใจร้ายกับพี่จริง ๆ นี่”  อามันต์พูดเหมือนตัดพ้อก่อนจะเดินออกจากห้องไป  วิวาห์ดึงประตูปิดแล้วถอนหายใจยาว  อีกฝ่ายมาหาตอนดึก ๆ ทุกวันจนเขาพลอยนอนไม่หลับทั้งคืน  อาการของหวันยิหวาที่ควรจะดีขึ้นก็กลับแย่ลงอย่างผิดคาด  แม้แต่คุณหมอก็ยังออกปากว่าไม่ควรเป็นแบบนี้เลย

          “เห็นมั้ยคะวัต  เบสต์คุยกับคุณพยาบาลแล้ว  น้องว่านลุกขึ้นมาเปิดประตูห้องแบบนี้แทบทุกคืนแล้วก็พูดคนเดียวด้วย”  หญิงสาวที่ยืนแอบอยู่อีกด้านหนึ่งของทางเดินหน้าห้องพักผู้ป่วยพูดขึ้นเบา ๆ สายตาทั้งสามคู่จับจ้องไปยังประตูห้องพักนั้น

          “ผมไม่อยากเชื่อเลย”  วิรัตน์คราง ยกมือขึ้นขยี้ตาแรง ๆ “ถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาอีกรอบก็คงไม่เชื่อ”   

          “วันนั้นตอนอยู่ในสวนพี่ว่านก็เป็นแบบนี้เหรอครับ  ...พูดคนเดียว”  วิรุฬถามขึ้นบ้างด้วยเสียงกังวล  “เป็นมานานแล้วแค่ไหนแล้ว”

          “วันนั้นดุเดือดกว่านี้อีก  เหมือนว่านกำลังเถียงกับใครสักคนที่มองไม่เห็นตัว”  วิรัตน์พึมพำ “พี่ว่าไม่ได้การล่ะ  ว่านคงเครียดเรื่องยี่หวามากเกินไปถึงได้เป็นแบบนี้”

          “ไม่รู้ว่าน้องว่านใช้ยาอะไรหรือเปล่านะคะ”  เบสต์พูดอย่างครุ่นคิด

          “น่าคิด”  วิรัตน์พยักหน้า  “แต่ก่อนว่านอยู่ในวงนั้นก็คงเคยลองอะไรบ้างล่ะ  วงการนั้นก็รู้ ๆ กันอยู่  แต่ตอนที่อยู่บ้านพี่ก็ไม่เห็นว่าผิดปกติอะไรนะ”

          “เดี๋ยวผมจะลองถามพี่ว่านดู  ผมเป็นหมอ..พี่ว่านคงไม่กล้าโกหก”  วิรุฬว่า “คิดว่าอาการของพี่ว่านอาจจะสัมพันธ์กับอาการของยี่หวาก็ได้  ถ้ายี่หวาอาการแย่ลง  พี่ว่านคงเครียดมากขึ้น  ผมจะลองปรึกษาอาจารย์ที่เป็นจิตแพทย์ดู”

          “ระหว่างนี้ก็ทำตัวปกติไปก่อนแล้วกันนะ  พี่ไม่อยากให้ว่านตกใจ”  วิรัตน์พูดเรียบ ๆ “ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  จับสังเกตอยู่ห่าง ๆ ก็พอ  แล้วก็จะให้ป้าเอิบมาเฝ้าคู่กับว่านแทน  พี่ไม่อยากให้ว่านกลับไปอยู่บ้านคนเดียว  เดี๋ยวจะคิดมากแล้วเกิดเรื่องอะไรเข้า  อย่างน้อยให้ป้าเอิบอยู่เป็นเพื่อนด้วยอีกคนน่าจะปลอดภัยกว่า”

          “ตกลงตามนั้นครับ”

          วิวาห์ไม่รู้เลยว่ากำลังถูกคนในครอบครัวจับตามองอยู่อย่างใกล้ชิด  พี่วัตมาเยี่ยมเขาบ่อย ๆ กำชับให้พักผ่อนมาก ๆ พี่เบสต์ก็ซื้อวิตามินบำรุงมาให้กิน  ว่านคิดว่าตัวเองคงดูโทรมมากพอสมควร  สายตาของทุกคนถึงได้มองมาอย่างเป็นห่วงขนาดนี้

          “พี่สบายดี  วินไม่ต้องเป็นห่วงพี่อีกคนหรอก  ดูยี่หวาคนเดียวก็พอแล้ว”  ชายหนุ่มพูดแกมหัวเราะ  มองน้องชายอย่างเอ็นดู  เห็นวิรุฬมาเยี่ยมเขากับหลานทั้งที่อยู่ไกลก็ดีใจ  “นี่ว่าจะไปเดินยืดเส้นยืดสายข้างนอกเสียหน่อย  ไปด้วยกันมั้ย”

          “ตกลงครับ”  น้องชายคนเล็กเดินตามหลังออกมา

          สวนหย่อมของโรงพยาบาลเป็นสถานที่ ๆ วิวาห์ชอบมากที่สุดที่นี่  แค่เห็นสีเขียว ๆ ของต้นไม้ก็รู้สึกสดชื่นขึ้น  ความกังวลต่าง ๆ ค่อยผ่อนคลายลงไปบ้าง    

          “พี่ว่านมาเดินเล่นบนนี้บ่อยเหรอครับ”

          “ใช่  ลมเย็นดีนะ ร่มรื่นดีด้วย”  วิวาห์ยิ้ม  “วินทำงานหนักมั้ย มารอบนี้ผอมลงนะ”

          “พี่ว่านก็ผอมลง”  วินตอบ วิวาห์ถอนหายใจ

          “พี่เห็นลูกไม่สบายแล้วพี่ก็พลอยกินอะไรไม่ค่อยลงไปด้วย”  วิวาห์พูด

          “หมู่นี้พี่อาร์มยังมาหาพี่อยู่มั้ยครับ”

          “.....มา”  วิวาห์พูดหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง  “เมื่อคืนก่อนก็มา”

          “โปรเจ็กต์เพลงของพี่ไปถึงไหนแล้วครับ”  วิรุฬเปลี่ยนเรื่อง  “จะออกอัลบั้มเมื่อไหร่”

          “เห็นว่าจะมีแถลงข่าวอาทิตย์หน้านะ”  วิวาห์ว่า “พี่ก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดแล้วล่ะ วันก่อนพี่แป้งมาคุยด้วยคร่าว ๆ”

          “ได้ข่าวว่าพี่เลิกไปร้องเพลงที่ร้านอาหารแล้ว”  วิรุฬพูดเนิบ ๆ 

          “ใช่  พี่ปล่อยยี่หวาอยู่ที่ห้องกลางคืนคนเดียวไม่ได้น่ะ”  วิวาห์ไม่อธิบายต่อว่าเป็นเพราะอะไร  เขาไม่อยากให้ผู้ชายคนนั้นฉวยโอกาสเข้ามาหาลูกสาวตอนดึก ๆ อีก

          น้องชายเงียบไปอึดใจ

          “พี่ว่านสนใจงานช่วยวิจัยมั้ยครับ”  วิรุฬพูดขึ้นอย่างระมัดระวัง  “อาจารย์ของผมเขากำลังจะทำวิจัย  ต้องการผู้ช่วยพวกทำเอกสารรูปเล่มอะไรทำนองนี้ แล้วก็เก็บข้อมูลวิจัยนิดหน่อย  พี่ว่านสนใจมั้ย  รายได้ดีอยู่ อาจารย์เป็นคนใจดีมาก ๆ ครับ เป็นที่ปรึกษาของผมเองสมัยเรียน”

          “งั้นเหรอ”  วิวาห์ชักสนใจ  “ทำที่ไหน”

          “ที่โรงพยาบาลนี้เลยครับ  อาจารย์เป็นจิตแพทย์”

          วิวาห์อึ้งไปครู่  พูดเสียงเข้มขึ้น

          “วิน..เห็นพี่เป็นเด็ก ๆ เหรอ”  คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน  “จะให้พี่ไปหาจิตแพทย์อีกแล้วใช่มั้ย  เมื่อวานพี่วัตก็ชวนพี่”

          วิรุฬกลืนน้ำลาย  ผิดแผนไปเล็กน้อยเพราะไม่รู้ว่าพี่ชายคนโตชวนไปแล้ว

          “ไม่ใช่อย่างนั้น  โธ่ พี่ว่านก็...อาจารย์ผมอยากได้ผู้ช่วยจริง ๆ”

          “ไม่เอาล่ะ”  วิวาห์ส่ายหน้า  ลุกขึ้นยืน “ช่วงนี้พี่คงเครียดไปหน่อยเพราะอาการของยี่หวา แต่เดี๋ยวถ้าน้องได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วทุกอย่างก็คงจะดีขึ้นเอง”

          “พี่ว่าน”

          “ไม่มีอะไรหรอกน่ะ”  วิวาห์ยกมือขึ้นตบบ่าน้องชายเบา ๆ “แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก”

          วิรุฬมองตามหลังร่างโปร่งบางนั้นไปอย่างไม่สบายใจนัก

          หวันยิหวาอาการดีขึ้นในวันรุ่งขึ้น  คุณหมอบอกว่าไข้เริ่มลงแล้ว  เด็กหญิงลุกขึ้นมากินข้าวได้เองตั้งแต่เช้า  ทำเอาวิวาห์น้ำตาซึมด้วยความดีใจ  เขาเช็ดตัวให้ยี่หวาทั้งวันทั้งคืนแทบไม่ได้นอน  โชคดีที่พี่อาร์มไม่ได้แวะเวียนมาเมื่อคืนนี้

          “คุณลุงกระต่ายไม่มาหายี่หวาเลย  คุณลุงผิดสัญญากับยี่หวา”  เด็กหญิงพูดกับวิวาห์ตอนที่กำลังป้อนข้าวเย็นอยู่  เธอน้ำตาคลอเล็กน้อย  “คุณลุงจะมามั้ยคะ”

          “ยี่หวาทานข้าวให้เสร็จก่อนค่ะ  เวลากินอย่าพูด  เดี๋ยวจะสำลัก”

          “คุณลุงไม่มาแน่เลย”

          “ยี่หวาไปแปรงฟันก่อนนะคะ”  วิวาห์ตัดบท เขาไม่ชอบที่เด็กหญิงดูจะ ‘ติด’ คุณลุงกระต่ายคนนั้นเอามาก ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้ชายคนนั้นมาหว่านเสน่ห์อะไรกับยี่หวาเอาไว้กันแน่  กว่าจะต้อนลูกสาวกลับมานอนหลับที่เตียงได้วิวาห์ก็รู้สึกเหนื่อยกว่าทุกวัน

          พาลูกเข้านอนเสร็จเรียบร้อย  ตัวเองก็ถอยไปนั่งอ่านหนังสือบนโซฟาใกล้ ๆ ช่วงนี้วิวาห์กำลังฟื้นฟูภาษาอังกฤษอย่างหนัก เขาคิดว่าถ้าสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ดี บางทีอาจจะหางานได้ง่ายขึ้น

          หูแว่วเสียงฝีเท้ามาตามทางเดินอีกแล้ว  วิวาห์เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ  เขาจำฝีเท้านี้ได้ดีเพราะเคยนอนรอฟังเสียงนี้มาทุกคืนตั้งแต่สมัยก่อน  ฝีเท้าหนัก ๆ เดินมาหยุดที่หน้าห้องพักผู้ป่วยเหมือนรีรอ  ไม่ได้เปิดประตูเข้ามาในห้องทันทีอย่างที่ว่านคิด  จะว่าไป...ว่านไม่เคยเห็นตอนที่พี่อาร์มเปิดประตูเข้ามาในห้องเลย  รู้ตัวอีกทีร่างสูงใหญ่นั้นก็ปรากฏตัวอยู่ในห้องเสียแล้วทุกที 

          เสียงฝีเท้านั้นเดินวนเวียนอยู่ด้านนอกกลับไปกลับมา  ราวกับเจ้าของฝีเท้ายังคิดไม่ตกว่าควรจะเปิดเข้ามาดีหรือว่ากลับไป  วิวาห์พลิกหนังสือได้อีกสองหน้าก็ทนไม่ไหว  ลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูออก

          ...ไม่มีเงาของร่างสูงใหญ่อยู่ที่หน้าประตูอย่างที่คิด เสียงฝีเท้าก็หายไปแล้วด้วย...วิวาห์ขมวดคิ้ว  ชะโงกออกไปมองทางเดินข้างนอกอย่างสงสัย

          เดินหนีไปแล้วงั้นเหรอ? หรือว่าเขาหูฝาดไปเอง

          วิวาห์ถอยกลับเข้ามาในห้อง  เหลือบมองป้าเอิบที่นอนคลุมโปงไปแล้วตั้งแต่หัวค่ำ  คืนนั้นเขาหลับสนิททั้งคืน  ไม่สะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกเลยจนเช้า

          อาการของยี่หวาดีขึ้นกว่าเมื่อวาน  ผิวแก้มขาวจัดเริ่มมีสีเลือดฝาด  หวันยิหวารบเร้าขอออกไปเดินเล่นข้างนอกแล้ว  วิวาห์เลยพาลูกสาวไปเดินแถว ๆ นั้นนิดหน่อยพอให้หายอึดอัดใจ  คุณหมอบอกว่าถ้าอาการดีแบบนี้คงจะได้ออกจากโรงพยาบาลเสียที

          วิวาห์เครียดเรื่องค่าใช้จ่ายขึ้นมาอีก จริงอยู่ว่าเขาทำประกันสุขภาพเอาไว้ แต่ว่ามันก็ไม่ได้ครอบคลุมทั้งหมด  แถมยาที่ยี่หวาได้รับยังราคาแพงอีก  พี่วัตรับปากว่าจะช่วยออกค่าใช้จ่ายให้ก่อนแล้วให้วิวาห์ผ่อนส่งเหมือนเดิม  แต่วิวาห์ก็ยังไม่สบายใจอยู่นั่นเอง  ใคร ๆ ก็รู้ว่าพี่วัตกำลังจะแต่งงาน  วิวาห์รู้สึกมองหน้าพี่เบสต์ไม่เต็มตาเอาเสียเลย

          “ว่านอย่าคิดมากเลยนะ”  พี่เบสต์พูดขึ้นในวันหนึ่ง  ตอนที่มาเยี่ยมยี่หวาด้วยกัน  “พี่แต่งกับพี่วัตก็เท่ากับเป็นพี่สาวของว่าน  ว่านก็เหมือนน้องชายแท้ ๆ ของพี่  ยัยยี่หวาก็เหมือนหลานพี่อีกคน  พี่เต็มใจช่วยหลานอยู่แล้ว”

          “ขอบคุณครับพี่เบสต์  แต่ว่านจะหาเงินมาคืนพี่วัตแน่ ๆ”

          “ตามใจว่าน  เพียงแต่พี่ไม่อยากให้ว่านคิดมากเรื่องนี้”  เบสต์ว่า “ยี่หวาก็จะได้ออกจากโรงพยาบาลพรุ่งนี้แล้ว  คงจะดีขึ้นแล้วล่ะ”

          “ครับ”

          ป้าเอิบไม่ได้นอนเฝ้ายี่หวาด้วยกันคืนนั้นเพราะคุณปราณีแม่ของเขาเป็นหวัดนิดหน่อย  พี่เลี้ยงเก่าแก่ก็เลยขอกลับไปดูแลที่บ้าน   วิวาห์เตรียมเก็บข้าวของพร้อมกลับออกไปจากโรงพยาบาลตั้งแต่หัวค่ำ  รู้สึกสบายใจขึ้นมาก

          “วีว่าอย่าลืมคุณบูลด็อกด้วยนะคะ”  ลูกสาวนั่งบงการอยู่บนเตียง  ร้องเตือนไม่ให้มารดาลืมหยิบตุ๊กตาลูกหมาตัวโปรดกลับบ้านไปด้วย

          “นอนไปเถอะ  พูดไม่หยุดเดี๋ยวก็ไข้ขึ้นอีกหรอก”  วิวาห์จุ๊ปาก เดินกลับมาจับตัวลูกสาวเอนนอนลงกับเตียง “ไหนใครสัญญาว่าจะรีบนอนไงล่ะ”

          “ยี่หวาสัญญาเองค่ะ”  เด็กหญิงว่า หลับตาได้ครู่เดียวก็ลืมตาใสแจ๋วขึ้นมองหน้าเขาอีก  “แต่คืนนี้คุณลุงกระต่ายจะมาหายี่หวานะคะ  ยี่หวาต้องรอเจอก่อน”

          วิวาห์หน้าเครียดขึ้นมาทันที

          “ถ้ายี่หวานอนดึกก็จะไข้ขึ้นอีกแล้วก็อดกลับบ้านนะ”  เขาพูดเสียงจริงจัง  “เลือกเอาแล้วกันว่าอยากกลับบ้านหรืออยากเล่นกับคุณลุงอะไรนั่น”

          “คุณลุงกระต่ายค่ะ”

          “นอนลงไป”

          “คุณลุงมาแล้ว”  ยี่หวาชี้นิ้วไปที่ระเบียง  วิวาห์หันไปมองก็เจอแผ่นหลังกว้างคุ้นตายืนอยู่ระเบียง  คิ้วเรียวขมวดฉับเข้าหากัน  ระเบียงสูงขนาดนี้เขาขึ้นมาได้อย่างไร

          วิวาห์ก้าวยาว ๆ เข้าไปเลื่อนประตูกระจกออก  ลมแรงพัดเข้ามาปะทะตัว  หอบเอากลิ่นหอมประหลาดคุ้นจมูกจากร่างสูงใหญ่นั้นเข้ามาด้วย  อามันต์หันมามองเขาแล้วยิ้มให้บาง ๆ

          “ว่าไง  ไม่เจอกันหลายวัน  สบายดีมั้ย”

          “พี่ขึ้นมาได้ยังไง”  วิวาหะชะโงกมองลงไปยังลานจอดรถข้างล่างก็รู้สึกใจหวิว ๆ อามันต์ยักไหล่ไม่ตอบ  เดินผ่านเขาเข้าไปในห้องหน้าตาเฉย

          หวันยิหวากรี้ดกร้าดทักทายคุณลุงกระต่ายของเธออย่างดีอกดีใจ  วิวาห์มองรอบ ๆ ระเบียงนั้นอีกครั้งอย่างประหลาดใจแกมสงสัย  เขาเก็บความฉงนเอาไว้แล้วรีบตามกลับเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย  เห็นอามันต์กำลังนั่งอยู่ข้าง ๆ ลูกสาว  เล่านิทานเรื่องโจรสลัดกับนางเงือกให้ฟัง  หวันยิหวานอนฟังตาแป๋วทีเดียว

          “แล้วยังไงต่อคะ พวกโจรสลัดได้ยินเสียงร้องเพลงของนางเงือกเหรอคะ”

          “ใช่แล้ว  พวกเขาตกหลุมรักนางเงือกตั้งแต่แรกเห็น”  อามันต์พูดเนิบ ๆ เหลือบตาขึ้นมองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาชิดเตียง  วิวาห์สบตาคู่นั้นอย่างไม่พอใจ   “เพราะความสวยงามของนางเงือก  และเสียงที่ไพเราะของพวกเขา  โจรสลัดลุ่มหลงนางเงือกจนถอนตัวไม่ขึ้น”

          “แล้วนางเงือกรักโจรสลัดมั้ยคะ”

          “..นางเงือกไม่เคยรู้จักความรักมาก่อน  เขาไม่รู้ว่านั่นคือความรัก”  อามันต์พูด “นางเงือกแค่หลอกล่อโจรสลัดให้ดำลงไปใต้น้ำเพื่อจับกินเป็นอาหารเท่านั้น”

          “อ้าว”  เด็กหญิงอ้าปากค้าง  “นางเงือกกินโจรสลัดเหรอคะ”

          “กับโจรสลัดคนอื่นล่ะก็..ใช่  นางเงือกกินเนื้อพวกเขาจนเหลือแต่โครงกระดูก  เธอทำทุกอย่างไปเพื่อหาอาหารประทังชีวิต  แต่กลับโจรสลัดคนนี้แล้ว  มันไม่ใช่อย่างนั้น  ...นางเงือกไม่อาจตัดใจกินเขาได้ลง  เธอพาเขาไปยังเกาะวิเศษแห่งหนึ่ง  ดินแดนลับของนางเงือก”

          “แล้วก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข  แฮปปี้เอนดิ้ง ..แบบนั้นใช่มั้ยคะ”

          วิวาห์สบตาคมเข้มคู่นั้น

          “ไม่ใช่...ไม่ง่ายขนาดนั้น  นางเงือกก็คิดไม่ตกว่าเธอควรจะกินโจรสลัดคนนี้ให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปซะดีมั้ย  หรือว่าเก็บเอาไว้กับตัวดี  เธอคิดกลับไปกลับมาจนกระทั่งใกล้รุ่งสาง  หมดเวลาสำหรับนางเงือกบนบก...เธอตัดสินใจพาโจรสลัดคนนั้นขึ้นไปส่งบนฝั่ง  โชคร้ายที่เธอกลับลงทะเลไปไม่ทันพระอาทิตย์ขึ้น  ก็เลยถูกแสงแดดแผดเผาจนตายบนชายหาดนั้นเอง  พอโจรสลัดฟื้นคืนสติขึ้นมาก็จดจำเรื่องราวบนดินแดนลับไม่ได้เลย  เขาเข้าใจว่าตัวเองเป็นคนล่านางเงือกได้”

          “โธ่  น่าสงสารจังนะคะ”

          “หมายถึงใคร  โจรสลัดหรือนางเงือก”  อามันต์หัวเราะเบา ๆ เด็กหญิงทำหน้าครุ่นคิด

          “ทั้งสองคนเลยค่ะ”  หวันยิหวาว่า “แล้วโจรสลัดจะนึกออกมั้ยคะ”

          “ไม่รู้สิ  ลุงจำตอนจบไม่ได้แล้วแฮะ”  อามันต์ว่า “ยี่หวาลองต่อตอนจบให้ลุงบ้างดีมั้ย”         

          “เรื่องของยี่หวาต้องแฮปปี้..เอนดิ้งสิคะ”  เด็กหญิงพูดช้า ๆ ชัดถ้อยชัดคำ  “ถ้ายี่หวาเป็นนางเงือก  รู้แบบนี้คงจับโจรสลัดกินไปนานแล้ว”

          “นั่นสินะ”  อามันต์หัวเราะห้าว ๆ

          “นิทานจบแล้วก็เข้านอนกันได้แล้วเนอะ”  วิวาห์ตัดบท ส่งสายตาให้อามันต์ลงมาจากเตียงของยี่หวาได้แล้ว  “ถึงเวลานอนแล้วค่ะ  เด็ก ๆ นอนดึกไม่ดีต่อสุขภาพนะคะ  เดี๋ยวไข้ขึ้นอดกลับบ้านอีกหรอก”

          พอเจอคำขู่ว่าอดกลับบ้านขึ้นมา  หวันยิหวาก็รีบหลับตาปี๋ทันที  พูดพึมพำบอกราตรีสวัสดิ์กับคุณลุงกระต่าย

          “เชิญครับ  ขอบคุณมากที่มาเล่านิทานให้ลูกผมฟัง”

          “ไม่อยากรู้ตอนจบของนิทานบ้างเหรอ”  อามันต์ถามขึ้นยิ้ม ๆ กวาดตามองเขาทั่วตัว  “ถึงโจรสลัดจะผอมแห้งไปหน่อย  แต่ก็คงให้พลังงานกับนางเงือกได้แน่”

          “ราตรีสวัสดิ์ครับ”  ว่านพูดห้วน ๆ     

          “พี่คิดถึงกู้ดไนท์คิสของว่านนะ”  อามันต์พูดต่อมา  “พี่อยากจูบว่านอีกสักครั้ง”

          “คุณอามันต์”  วิวาห์โกรธจัด “พูดอะไรช่วยระวังตัวหน่อยนะครับ  ผมไม่ใช่คนรักของคุณอีกแล้ว”

          “ขอโทษ”  อามันต์ก้มหัวลง  วิวาห์เบือนหน้าหนี

          ลมพัดจากริมระเบียงมาอีกวูบหนึ่ง  ผ้าม่านปลิวไหว  วิวาห์รีบเดินเข้าไปเลื่อนประตูกระจกปิดให้สนิทเหมือนเดิม  หันกลับมาอีกที  ร่างสูงใหญ่นั้นก็ไม่อยู่ในห้องอีกแล้ว

          เช้าวันรุ่งขึ้นหวันยิหวาไข้ขึ้นสูง  หนาวสั่นไปทั้งตัวแถมยังความดันตก  วิวาห์ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก  คุณหมอบอกว่ายี่หวาอาการทรุดลงอีกทั้งที่เมื่อวานยังอาการดีอยู่เลยแท้ ๆ

          ..เป็นเพราะพี่อาร์มมาเยี่ยมแน่ ๆ พี่อาร์มมาทีไรยี่หวาไข้ขึ้นทุกที... ความคิดหนึ่งแล่นวาบในสมอง  วิวาห์เข้าไปขอดูฟอร์มปรอทที่ลงบันทึกอุณหภูมิของยี่หวาเอาไว้  คิดไปคิดมาแล้ว  ทุกคืนที่อามันต์มาหา  วันรุ่งขึ้นอาการของยี่หวาจะต้องแย่ลงทุกที

          หรือพี่อาร์มจะเป็นคนเอาเชื้อโรคมาติดยี่หวา...จริงสิ  พี่อาร์มทำงานกลางคืน  เมื่อคืนก็ขึ้นมานั่งบนเตียงยี่หวาด้วยทั้งที่ยังอยู่ในชุดทำงานแท้ ๆ มือก็ไม่ได้ล้างก่อน  ยี่หวาจะต้องติดโรคมาจากพี่อาร์มแน่ ๆ

          เขาเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้พี่วัตฟัง  ฝ่ายนั้นดูตกใจมาก  มองหน้าเขาอย่างวิตกกังวล  พี่วัตรับปากว่าจะไปบอกพยาบาลไม่ให้พี่อาร์มเข้าเยี่ยม  ส่วนว่านก็ตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่ให้พี่อาร์มเจอยี่หวาอีก

          “ว่านก็ไม่รู้ว่าเกี่ยวกันหรือเปล่า  แต่ว่ายี่หวาอาการแย่ลงทุกครั้งที่พี่อาร์มมาครับ”  วิวาห์สรุป

          “โอเคว่าน  เรื่องนี้ฉันจะช่วยจัดการเอง  คืนนี้ว่านกลับไปนอนกับป้าเอิบหรือคุณแม่ก่อน  ฉันจะค้างที่นี่  ถ้านายอาร์มนั่นมา  ฉันจะคุยกับมันเองว่าไม่ต้องมาอีก”  พี่วัตพูดขรึม ๆ ท่าทางบอกชัดว่าไม่ยอมให้ว่านปฏิเสธ

          “ว่านเป็นห่วงยี่หวา  อยากอยู่เป็นเพื่อนลูก” วิวาห์ไม่ยอม  “ยี่หวาไม่เห็นว่านคงใจเสีย  ว่านต้องอยู่ครับ”

          วิรัตน์ถอนหายใจเฮือก

          “งั้นพี่จะอยู่ด้วยคืนนี้”

          “ปกติเวลามีคนอื่นอยู่ด้วย  พี่อาร์มจะไม่เข้ามาในห้อง”  วิวาห์พูดขึ้นอย่างครุ่นคิด  “ช่วงที่ป้าเอิบมานอนด้วยเขาก็ไม่เข้ามา  ...อาการของยี่หวาก็ดีวันดีคืน  จริงด้วย...นี่ต้องเป็นเหตุผลแน่ ๆ ถึงว่านจะยังไม่เข้าใจว่าทำไมก็เถอะ” 

          วิรัตน์รีบสนับสนุน

          “เอาอย่างนั้นก็ได้  เดี๋ยวพี่มานอนด้วย  เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยกัน”

          วิวาห์ไม่คัดค้านอีก  อาการของยี่หวามีแต่ทรงกับทรุด  เวลาแต่ละวันผ่านไปอย่างเชื่องช้า  คุณหมอบอกว่ายี่หวาน่าจะมีการติดเชื้อที่เยื่อหุ้มสมอง  ทำให้น้องเริ่มไม่ได้สติ  อาการแย่ลงจนต้องใส่ท่อช่วยหายใจเอาไว้  หัวใจของวิวาห์เหมือนแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ

          “ทำไมถึงต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับยี่หวาด้วย”  วิวาห์ซบหน้าลงกับไหล่ของน้องชาย  ร้องไห้ออกมาดัง ๆ “เป็นบ้าอะไรนักหนา  ฉันทำบาปมามากใช่มั้ยวิน  ลูกฉันถึงต้องเป็นแบบนี้”

          “พี่ว่านใจเย็น ๆ ก่อนครับ  ไม่ใช่แบบนั้นหรอก”

          “แล้วมันแบบไหน  ยี่หวาเป็นเด็กน่ารักจะตาย  ทำไมสวรรค์จะต้องใจร้ายกับยี่หวาขนาดนี้ด้วย”

          “ยี่หวาจะต้องหายดีครับ  น้องจะต้องแข็งแรง  พี่ว่านทำใจดี ๆ ก่อนนะ  ยี่หวาคงไม่อยากเห็นวีว่าร้องไห้แน่ ๆ”

          “พี่ไม่ไหวแล้ววิน  ให้พี่เป็นเสียเองยังดีกว่าต้องมานั่งดูลูกเป็นแบบนี้  วินดูสิ...แค่เรียกยังไม่รับรู้เลย  พี่ไม่ไหว ไม่ไหวนะวิน”         

          วิรุฬกอดพี่ชายเอาไว้แน่น  รู้สึกสงสารจับใจ  พี่วัตเล่าเรื่องภาพหลอนและสมมุติฐานของพี่ว่านให้ฟังหมดแล้ว  พี่ว่านเข้าใจไปว่าพี่อาร์มมาเยี่ยมเลยทำให้อาการของยี่หวาทรุดลง  มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อ...

          “พี่ว่าน..ยังเจอพี่อาร์มอยู่ไหมครับ”

          “ไม่...ไม่เจอ  ถึงมาพี่ก็ไม่อยากเห็นหน้าเค้า  เค้าเป็นคนทำให้ยี่หวาแย่ลง”

          วิรุฬลอบถอนหายใจอย่างอึดอัด  เขาคิดอยู่นานก่อนจะถามขึ้นเรียบ ๆ

          “พี่ว่านเคย..ได้ยินโรคเจ้าชายนิทรามั้ยครับ”

          วิวาห์เงยขึ้นหน้าขึ้นทันที

          “ทำไม  ยี่หวาจะเป็นแบบนั้นเหรอวิน  นอนเป็นผักไม่รู้สึกตัวเหรอ”  ยิ่งพูดน้ำตาก็ยิ่งไหลทะลัก  วิวาห์ตัวสั่นขึ้นมา  “หลานจะเป็นอย่างนั้นเหรอวิน”

          “ไม่ใช่ครับ  วินหมายถึง...มีเพื่อนวินคนนึงกำลังเรียนผ่าตัดสมองอยู่ที่โรงพยาบาล...”  วิรุฬพูดถึงชื่อโรงเรียนแพทย์ชื่อดังแห่งหนึ่งขึ้นมา  “วินกับเพื่อนไปกินเหล้ากัน  ทีนี้...เพื่อนวินก็พูดถึงเคสพี่อาร์มขึ้นมา”  วิรุฬกลืนน้ำลายลงคอฝืด ๆ วิวาห์ขมวดคิ้ว

          “หมายความว่าไง  พี่..ไม่เข้าใจ”

          “พี่อาร์มนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลครับพี่ว่าน”  วิรุฬตัดสินใจพูดออกไป  “นอนมาเป็นเดือน ๆ แล้วด้วย  ไม่รู้สึกตัวเลย”

          “อะไรนะ”  วิวาห์หน้าซีดเผือด  มองหน้าน้องชายเหมือนเห็นผี  “วินพูดเรื่องอะไร  พี่ไม่เข้าใจ” เขากระซิบ

          “พี่อาร์มมีภาวะสมองตายครับ ..เขาเป็นเจ้าชายนิทรา”

          ....................................................................

          วิวาห์รู้สึกเหมือนโลกถล่มพลิกคว่ำคะมำหงายนับตั้งแต่วันที่น้องชายบอกเรื่องพี่อาร์มให้ฟัง  ตอนแรกวิวาห์ไม่เชื่อเลยสักนิดเดียว  จะเป็นแบบนั้นไปได้อย่างไรในเมื่อพี่อาร์มที่เขาเจอนั้นก็ดูสุขภาพแข็งแรงดีทุกอย่าง...

          แข็งแรง...จริงสิ  มีอะไรบางอย่างที่แปลกออกไป  สิ่งที่ว่านพยายามคิดแต่ก็คิดไม่ออก  วิรุฬบอกว่าเขาไม่รู้รายละเอียดอาการป่วยของพี่อาร์มมากไปกว่านั้นเพราะเพื่อนเล่าต่อไม่ได้เนื่องจากต้องรักษาความลับผู้ป่วย  แค่หลุดปากพูดออกมานี่ก็ผิดมากแล้ว

          วิวาห์ตั้งใจว่าเขาจะต้องไปเห็นพี่อาร์มด้วยตาตัวเองก่อน  ถึงจะเชื่อว่าอีกฝ่ายนอนเป็นเจ้าชายนิทราอยู่จริง ๆ  แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน  พี่อาร์มที่เขาเจอคือใครล่ะ...วิญญาณหรือภาพหลอนที่เขาคิดขึ้นมาเอง

          “พี่วัต  ว่านขอคุยด้วยหน่อยครับ”  วิรัตน์พอเห็นหน้าเขาก็คงเดาออกว่าว่านไปรู้อะไรมาแล้ว  รอยยิ้มของพี่วัตจางลง

          “วินบอกแล้วเหรอ”

          “ครับ”  วิวาห์พยักหน้ารับ  “พี่วัตรู้อยู่ก่อนแล้วใช่มั้ยครับ ..เรื่องพี่อาร์ม”

          “วินเพิ่งบอกพี่เหมือนกัน”  วิรัตน์พูด

          “ทำไมพี่วัตไม่บอกว่าน  ว่านจะได้รู้ตัวว่าตัวเองป่วย”  วิวาห์โพล่งขึ้น  “พี่ปล่อยให้ว่านพูดกับภาพหลอนแบบนี้เหรอ”  ตั้งแต่ที่รู้ความจริง  วิวาห์ก็ไม่กล้าหลับตาลงเพราะกลัวว่าจะเจอพี่อาร์มอีก  เขาเริ่มรู้สึกหวาดระแวงเหมือนได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ นั้นแว่วอยู่ริมหูตลอดเวลา

          “พี่กำลังหาทางจะให้ว่านไปหาหมออยู่”  วิรัตน์บอก “ถ้าพี่บอกว่าว่านหลอนไปเอง ว่านจะเชื่อพี่เหรอ”

          วิวาห์เงียบ

          “พี่รู้ว่าว่านไม่เชื่อหรอก  ตอนแรกพี่ก็ไม่แน่ใจ  จนวินมาบอกว่านายอามันต์ป่วย  พี่ก็เลยมั่นใจว่าว่านคงคิดไปเองจริง ๆ  ...ว่านไม่ต้องตกใจนะ  ช่วงนี้ว่านเครียดเรื่องยี่หวามากอาจจะทำให้ไปกระตุ้นอะไรสักอย่างในสมองขึ้นมา  ก็เลยเห็นภาพผิกปกติ   วินติดต่อคุณหมอให้ว่านแล้ว  ว่านลองไปนั่งคุยกับเขาดู  น่าจะดีขึ้นนะ”

          วิวาห์ไม่เถียงพี่ชายอีก  เขายอมเข้าไปพบจิตแพทย์ตามที่น้องชายแนะนำมา  จิตแพทย์คนนั้นดูเป็นมิตรกับเขามาก  พูดคุยซักถามธรรมดาให้วิวาห์ผ่อนคลายลง  ไม่นานเขาก็ยอมเล่าเรื่องที่เจออามันต์ให้หมอฟัง

          “เขาเหมือนกับวันแรกที่เจอกันครับ  ทั้งหน้าตา รูปร่าง น้ำเสียง”  วิวาห์พูด “ผมก็นึกอยู่ตั้งนานว่าทำไมมันแปลก ๆ ตอนที่ผมเจอเขาที่ต่างประเทศ  เขาดูแก่ลงนิดหน่อย  แต่ตอนที่เจอกันที่นี่  เขาดูหนุ่มเหมือนตอนนั้น”

          “เขาเข้ามาทักทายเหรอ”

          “ครับ  เข้ามาพูดคุย” วิวาห์กำมือเข้าหากัน  “ผมไม่รู้เลยครับ  ไม่เคยนึกเลยว่ามันเป็นภาพหลอนของผมเอง  ผมแค่แปลกใจที่เขามาหาตอนดึก ๆ ตลอด  มันคงเป็นตอนที่ผมนอนหลับ  เขาปรากฏตัวที่ระเบียงได้ด้วย  ตึกสูงตั้งสิบกว่าชั้น  เขาจะเหาะขึ้นมาได้ยังไง  ทำไมตอนนั้นผมไม่ได้เอะใจ”

          “ใคร ๆ ก็เป็นกันได้”  คุณหมอปลอบใจ

          วิวาห์รู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อยตอนที่กลับออกมาจากห้องของจิตแพทย์  เขาได้ยามาสองสามอย่าง  คุณหมอบอกว่าจะช่วยให้เขานอนหลับดีขึ้น  วิวาห์กลับไปเฝ้าลูกสาวเหมือนเดิม  คืนนั้นเขาเข้านอนเต็มอิ่ม  ไม่สะดุ้งตื่นกลางดึกเลย




CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk










            วันรุ่งขึ้นมีคนมาเยี่ยมหวันยิหวาถึงโรงพยาบาล  ว่านแปลกใจมากที่ได้เจอหน้าครูเตยอีก...คุณครูประจำชั้นของหวันยิหวา

          “มัวแต่ยุ่ง ๆ เรื่องงาน ต้องขอโทษด้วยนะคะที่มาเยี่ยมยี่หวาช้า  กระเช้านี้ผอ.ฝากมาให้ค่ะ  ส่วนอันนี้ของเตยเอง  ยี่หวาเป็นอย่างไรบ้างคะ”  คุณครูสาวพูดขึ้น  ส่งกระเช้าของเยี่ยมให้วิวาห์รับเอาไว้  วิวาห์เล่าอาการให้คุณครูประจำชั้นฟัง  เธอน้ำตาคลอด้วยความสงสารลูกศิษย์   “โถ...เคราะห์กรรมอะไรก็ไม่รู้  แล้วจะรักษาน้องยี่หวายังไงต่อคะ”

          “คุณหมอบอกว่าต้องให้ยาฆ่าเชื้อไปก่อนครับแล้วก็ยาลดอาการสมองบวม”  วิวาห์ตอบ รู้สึกแน่น ๆ ในอกขึ้นมาทุกครั้งที่พูดถึงอาการของลูกสาว  “ยี่หวาเป็นมากเพราะภูมิต่ำด้วย”

          “คุณว่านทำใจให้สบาย ๆ นะคะ  ยี่หวาจะต้องดีขึ้นแน่นอนค่ะ”  ครูเตยพูดอย่างเชื่อมั่น  “ยี่หวาเป็นเด็กเก่ง  ลางสังหรณ์เตยบอกว่ายี่หวาไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ  อย่ากังวลไปเลย”

          “คุณครูเชื่ออะไรแบบนั้นด้วยเหรอครับ”  ว่านแปลกใจ พยายามจะทำให้บรรยากาศดีขึ้น  หญิงสาวยิ้มกว้าง

          “เป็นความสามารถพิเศษน่ะค่ะ  เตยมีเซนส์พวกนี้  ลางสังหรณ์ของเตยแม่นนะคะ  ดูดวงได้ด้วย บางทีผีก็มากระซิบบอกเตยบ่อย ๆ”

          วิวาห์หัวเราะ

          “คุณเตยมีซิกเซนส์เหรอ”

          “ใช่แล้วค่ะ”  หญิงสาวพูดขึงขัง  “เตยใบ้หวยแม่นนะคะ  ผีชอบมาบอก”

          วิวาห์รู้สึกสบายใจขึ้นมาก  เขานั่งคุยกับหญิงสาวจนเย็น   ทานข้าวด้วยกันหนึ่งมื้อก่อนที่คุณครูเตยจะกลับไป  แป้งพาลูก ๆ มาเยี่ยมยี่หวาในตอนหัวค่ำ  พอเธอได้ฟังสิ่งที่เขาพูดก็อ้าปากค้าง

          “โอ้ก้อด...จริงเหรอว่าน  พี่อาร์มเนี่ยนะ...คุณพระช่วย  เป็นไปได้ยังไง”  แป้งตกใจมากกว่าเขาเสียอีก  “ฉันเคยเห็นเขานั่งคุยกับเสี่ยกับตานะ  เขาป่วยได้ยังไง”

          “ตอนนั้นเขาคงยังไม่ป่วยน่ะสิ”  วิวาห์สรุป

          “มิน่าล่ะ  ฉันแอบไปถามโปรดิวเซอร์มาว่าโปรเจ็กต์พิเศษนั่นน่ะ  พี่อาร์มมาร่วมมั้ย  เขาบอกฉันว่าพี่อาร์มแคนเซิลไป  หายตัวไปดื้อ ๆ ไม่โผล่มาที่บริษัทอีกเลย  ยังว่าเขาหายไปไหน  นึกว่าติสต์แตกอีกเหมือนเดิม”

          “พี่อาร์มไม่ได้เข้าร่วมโปรเจ็กต์เหรอ”

          “ใช่น่ะสิ  เขาไม่มาตั้งแต่วันแรกแล้วล่ะ”

          วิวาห์ขนลุก

          “แล้วทำไม...”  เขาหยุดพูด ไม่อยากเล่าให้เพื่อนฟังว่าตัวเองเห็นภาพหลอนเป็นเรื่องเป็นราวตั้งแต่วันที่พี่อาร์มไปเซ็นสัญญาที่บริษัทนั้นทีเดียว  ถ้าเป็นอย่างนั้น...อาการหลอนของเขาก็เป็นมานานแล้วน่ะสิ  เพียงแต่ว่านไม่รู้ตัว...

          “ทำไมอะไรเหรอ...แกมีเรื่องอะไรปิดบังฉันอยู่หรือเปล่าเนี่ย”  แป้งขมวดคิ้ว “หน้าตาเหมือนไม่สบาย”

          “เปล่า ๆ ไม่มีอะไร”  วิวาห์ปฏิเสธ  “แค่เครียด ๆ น่ะ”

          “ไม่เครียดสิแปลก  ลูกป่วยทั้งคน”  แป้งถอนหายใจ “ย้ายไปโรงพยาบาลอื่นมั้ยล่ะ  ลองเปลี่ยนหมอดูเผื่ออาการจะดีขึ้น”

          “ไม่เอาหรอก  คุณหมอที่นี่เขาก็ดูแลยี่หวาเต็มที่แล้ว”  ว่านปฏิเสธ เขารู้ว่าเพื่อนอยากช่วย  “อาการของยี่หวาก็ดีขึ้นอยู่แหละ”

          “น้องจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมมั้ยนะ”  แป้งพูดเหมือนรำพึง  มองเข้าไปในกระจกเห็นร่างเล็ก ๆ นั้นนอนอยู่บนเตียงท่ามกลางสายน้ำเกลือยุบยับ “สงสารจริง ๆ ...จริงสิว่าน แกลองไปทำบุญหน่อยมั้ยล่ะ  สะเดาะเคราะห์หรือไม่ก็ไปบนดูสิ  มีญาติฉันป่วยแล้วเขาไปบนว่าถ้าหายจะบวช  เขาก็หายจริง ๆ นะแก  ไม่ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ก็เอาด้วยไสยศาสตร์ก็ได้”

          “น่าสนใจอยู่นะ  พี่เบสต์ก็ชวนฉันอยู่เหมือนกัน”  วิวาห์พยักหน้า

          “ไปด้วยกันไหมล่ะ  ยังไม่ต้องถึงขั้นจะบวชก็ได้  เอาแค่ไปปฏิบัติธรรมก็พอ  ยังไงแกนั่งเฝ้าลูกอยู่ตรงนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก  ไอซียูเขาไม่ให้เฝ้าข้างเตียงอยู่แล้ว”

          วิวาห์นัดหมายกับอีกฝ่ายเอาไว้  ตั้งใจว่าจะไปปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิดู  เผื่อว่าจิตใจจะสงบลงไปบ้างแล้วก็ช่วยเพิ่มบุญให้กับลูกสาวด้วยอีกทางหนึ่ง  เขาเลือกวันหลังจากงานแถลงข่าวโปรเจ็กต์เพลงพิเศษ

          งานแถลงข่าวนั้นไม่เห็นเงาของพี่อาร์มจริง ๆ ด้วย  วิวาห์ออกจากโรงพยาบาลแต่เช้าตรู่เพื่อไปร่วมงานแถลงข่าว ในงานได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนประมาณหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้มากมายอย่างที่ค่ายคาดการณ์เอาไว้

          “เพราะจัดแถลงข่าวชนกับข่าวดาราโกหกว่าท้องน่ะ”  นักร้องคนหนึ่งพูดกลั้วหัวเราะ  “ใครจะมาสนใจนักร้องกระแสตกแล้วกันล่ะ”

          วิวาห์มองไปรอบ ๆ ห้องแถลงข่าวโดยไม่รู้ตัว  แวบหนึ่งที่เขาคาดหวังว่าจะเห็นร่างสูงใหญ่ของพี่อาร์มปรากฏตัวขึ้นที่มุมใดมุมหนึ่งของห้อง

          แต่คงเป็นไปไม่ได้...พี่อาร์มจะมาได้อย่างไร  แม้แต่ในจินตนาการของว่านเองก็เป็นไปไม่ได้หรอก  ว่านกินยาตามที่หมอสั่งทุกวัน  นอนหลับสนิทดีไม่เคยสะดุ้งตื่นตอนกลางคืนอีกเลย

          พี่อาร์มหายไปจากจินตนาการของว่านนานหลายคืนแล้ว

          “คุณว่าน”  เสียงคุ้นหูดังขึ้นข้างตัว  วิวาห์สะดุ้งหันไปมองอย่างตกใจ

          “คุณฟอร์ด...มาได้ยังไงครับ”  ไม่เจอกันนานเป็นเดือน  ว่านค่อนข้างแปลกใจมาก

          “คุณเล่นหายเงียบไปเสียเฉย ๆ  ผมไปตามหาที่ร้านอาหารที่คุณไปร้องเพลงก็บอกว่าคุณลาออกไปแล้ว  พอดีได้ยินว่าคุณเข้าร่วมโปรเจ็กต์นี้ก็เลยลองมาดูครับ”

          วิวาห์ขมวดคิ้ว

          “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

          “คุณจะกลับเลยหรือเปล่า  หรือว่าจะไปไหนต่อ”  ชายหนุ่มถามเนิบ ๆ มองเขาผ่านแว่นสายตาคมวาว  “ถ้าไม่ได้ไปที่ไหน  ทานข้าวด้วยกันสักมื้อดีมั้ยครับ”

          “ผมมีธุระต่อครับ  ขอโทษด้วย”

          “ถ้าอย่างนั้น...ให้ผมไปส่งนะ”

          “ไม่รบกวนคุณฟอร์ดดีกว่าครับ”  วิวาห์พูดตัดบท  “ขอบคุณมากครับ”  พูดจบก็รีบเดินจ้ำหนีออกมาทันที  รู้สึกได้ว่ามีสายตาของฝ่ายนั้นมองตามหลังมาตลอดทาง  วิวาห์เรียกแท็กซี่กลับไปที่โรงพยาบาลเพื่อเฝ้าลูกสาวต่อ

          ตอนนี้ชีวิตของเขาก็มีเพียงแค่ลูก...แค่หวันยิหวาคนเดียวเท่านั้น          

          ............................................................................................

          “ไอ้อาร์มหายหัวไปไหนอีกแล้วน่ะ  ใกล้จะถึงเวลาเริ่มงานแล้วนะ”  พี่กอล์ฟพูดอย่างหงุดหงิด  ทุกคนในวงเหลือบมองดูนาฬิกาพร้อมกันอย่างกังวล  “ถ้ามันจะแอบไปรับงานเดี่ยวคนเดียว  ก็ต้องรับผิดชอบต่องานของวงด้วยสิ  ไม่ใช่เทหายไปแบบนี้”

          “ว่านลองติดต่ออีกทีซิ  หรือว่าเป็นอะไรไปหรือเปล่า”  แทนใจพูดขึ้น เขาเองก็กังวลไม่แพ้กัน

          วิวาห์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาพี่อาร์มอีกครั้ง  ฝ่ายนั้นไม่รับสาย  เขาลองโทรไปเกือบสิบรอบก็ไม่รับสายเหมือนเดิม  ว่านเริ่มไม่สบายใจขึ้นมาจริง  เขาผุดลุกขึ้นยืน

          “ว่านจะกลับไปดูที่สตูดิโอ  ไม่รู้พี่อาร์มเป็นอะไรหรือเปล่า”  พี่แทนจับแขนของเขาเอาไว้ทันที

          “จะไปยังไงว่าน  แฟนคลับอยู่เต็ม  เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

          แทนใจขับรถพาเขาออกมาจากสถานที่จัดงานอีเว้นท์คืนนั้น   ว่านวิ่งเข้าไปในสตูดิโอตรงขึ้นไปยังชั้นสามที่เขาอาศัยอยู่กับพี่อาร์มสองคน  ไม่มีเงาของพี่อาร์มอยู่ในห้องอย่างที่คิด  ในห้องน้ำก็ไม่มี...

          “ไม่มีเลยพี่แทน  พี่อาร์มออกไปไหนแล้วไม่รู้”

          “ไอ้บ้านี่”  แทนใจโกรธขึ้นมาจริง ๆ  “อยากให้วงแตกหรือไงกัน”

          “เอายังไงดีครับ”

          “เรากลับไปที่งานก่อน  อย่างน้อยก็ต้องขึ้นแสดง  แล้วค่อยบอกว่าไอ้อาร์มไม่สบายหรืออะไรก็ว่าไป”  แทนใจว่า  พาว่านกลับมาที่งานอีกครั้ง  ว่านขึ้นร้องเพลงได้ไม่ถึงสองเพลงก็ถูกคนดูโห่ร้อง  ทุกคนถามหาพี่อาร์มกันใหญ่

          “พี่อาร์มไม่สบายนิดหน่อยครับ  วันนี้ผมเลยมาร้องแทน”  ว่านแก้ความเข้าใจให้ทุกคน  สายตาก็กวาดมองรอบ ๆ ไปด้วย  หวังสุดใจว่าพี่อาร์มจะโผล่มาแล้วก็เดินขึ้นเวทีเข้ามาหาว่านแบบเท่ ๆ เหมือนเคย

          คนดูข้างล่างดูไม่พอใจเท่าไหร่  ว่านรู้ว่าทุกคนอยากดูพี่อาร์มร้องเพลงมากกว่าว่าน   ได้แต่ภาวนาขอให้พี่อาร์มมาเร็ว ๆ เสียที

          แต่สุดท้ายคืนนั้นพี่อาร์มก็ไม่มา...

          ทุกคนในวงโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง  แม้แต่พี่แทนที่เข้าข้างพี่อาร์มอยู่เสมอก็ยังดูออกว่าไม่พอใจมาก  พี่อาร์มไม่มีความรับผิดชอบต่อวงเอาเสียเลย  พวกเขานั่งดื่มรอพี่อาร์มกลับมาจนเช้า  ร่างสูงใหญ่ของพี่อาร์มก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าสตูดิโอ

          “มึงหายหัวไปไหนมาไอ้อาร์ม”  พี่กอล์ฟตวาดลั่น  กระโจนลุกขึ้นมาจากโซฟาทั้งที่ยังไม่สร่างเมา “รู้มั้ยว่าสิ่งที่มึงทำมันแย่แค่ไหน”

          “ทุกคนรอมึงกลับมา”

          “มึงไปไหนมาอาร์ม”

          “เอาไว้สร่างเมาก่อนแล้วค่อยมาคุยกัน  กูไม่คุยกับคนเมา”  พี่อาร์มพูดเสียงแข็ง  มองผ่านว่านไปแวบหนึ่งแล้วก็ก้าวยาว ๆ ขึ้นบันไดไปชั้นบน

          พี่กอล์ฟโกรธมาก  วิ่งขึ้นบันไดตามหลังพี่อาร์มไปติด  ว่านทันเห็นแค่พี่อาร์มถูกกระชากให้ล้มลงแต่ขนาดตัวพี่กอล์ฟกับพี่อาร์มต่างกันมาก  ไม่นานพี่กอล์ฟก็นอนหมอบอยู่กับพื้น  ส่วนพี่อาร์มลุกขึ้นยืนโซเซ  มือกุมจมูกเอาไว้

          “พี่อาร์มเลือดออก”  ว่านตกใจ เขากุลีกุจอเข้าไปช่วยพี่อาร์ม ทว่าพี่อาร์มกลับผลักว่านออกเต็มแรง ว่านกระเด็นออกมาล้มก้นกระแทกพื้น  “โอ๊ย!!”

          “เห้ย  อย่าทำร้ายว่านสิวะ”  แทนใจอุทาน ตามขึ้นมาช่วยว่านลุกขึ้น  “เจ็บมากมั้ยว่าน”

          “ไม่ครับ”  ว่านส่ายหน้า “แต่พี่อาร์มเลือดกำเดาออกเยอะเลย ว่านจะไปช่วยเขา”

          “ว่านดูแลตัวเองก่อนเถอะ”  แทนใจพูด “เดี๋ยวพี่ไปจัดการไอ้อาร์มเอง”

          “อย่าเพิ่งเลยนะพี่แทน  ถือว่าว่านขอ พี่อาร์มต้องมีเหตุผลแน่ ๆ รอให้พี่อาร์มใจเย็นลงก่อนแล้วค่อยคุยกันดี ๆ นะครับ  ว่านจะไปดูพี่อาร์มเอง”

          “เดี๋ยวก็โดนเหวี่ยงออกมาอีกหรอก”

          “แค่นี้ไม่เป็นอะไรหรอกครับ”  วิวาห์ส่ายหน้า  เขาเดินตามหลังอามันต์ขึ้นมาชั้นสาม  ได้ยินเสียงน้ำไหลอยู่ในห้องน้ำ  เดาเอาว่าพี่อาร์มคงกำลังล้างหน้าอยู่  ว่านเดินไปเคาะประตู  “พี่อาร์ม ...ว่านเองนะครับ”

          “ออกไป”

          “ว่านจะมาช่วยพี่อาร์มเฉย ๆ ให้ว่านช่วยอะไรมั้ยครับ”

          “เลิกยุ่งเสียทีเถอะ  ไปรอข้างล่าง” เสียงพี่อาร์มแข็งขึ้น  ว่านอยู่กับพี่อาร์มจนจับอารมณ์ได้หมดแล้ว  พี่อาร์มทำเสียงแข็งไปอย่างนั้นเอง  ความจริงแล้วพี่อาร์มต้องการตรงกันข้ามต่างหาก

          เด็กหนุ่มเดินไปหยิบผ้าขนหนูมารอข้างนอกห้องน้ำ  ครู่หนึ่งพี่อาร์มก็เปิดประตูออกมาในสภาพเปียกโชก  ว่านส่งผ้าขนหนูไปให้  พี่อาร์มดูไม่พอใจแต่ก็รับมาเช็ดหน้า

          “ลงไปได้แล้ว  เดี๋ยวพวกมันจะนึกว่าเธอเข้าข้างฉัน”

          “ก็ว่านเข้าข้างพี่อาร์มจริง ๆ นี่”  ว่านตอบกลับไปตามที่คิด  “ว่านรู้ว่าพี่อาร์มจะต้องมีเหตุผลที่ไม่มางานแน่ ๆ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ  เล่าให้ว่านฟังได้มั้ย”

          พี่อาร์มมองหน้าว่านแวบหนึ่งแล้วก็หันหน้าหนี

          “ถ้าฉันไม่มีเหตุผลล่ะ  แค่เบื่อที่ต้องร้องเพลงเป็นวงแล้ว  ...แค่นี้พอมั้ย”

          “พี่อาร์มโกหก”  ว่านสวน “พี่อาร์มรักวงนี้จะตายไป ไม่มีทางที่จะเบื่อหรอก บอกว่านมาดีกว่าครับว่าเหตุผลอะไรกันแน่ที่พี่อาร์มหายไป”

          “เลิกทำตัวใสซื่อเสียทีเถอะนะ”  พี่อาร์มหันกลับมา  จ้องหน้าเขาเขม็ง  “ฉันเบื่อ ...รำคาญ!!”

          ว่านตกใจ

          “พี่อาร์มหมายถึง...ว่านเหรอครับ”

          “ถ้าคิดไม่ได้ก็โง่ต่อไปเถอะ”   พี่อาร์มว่า  แล้วก็เดินหันหลังลงบันไดไปข้างล่าง ว่านได้ยินเสียงโต้เถียงอย่างเผ็ดร้อนดังขึ้นมาถึงชั้นสามแว่ว ๆ ก่อนที่จะตามด้วยเสียงสตาร์ทรถแล้วพี่อาร์มก็ขับออกไป

          “ว่าน  เป็นอะไรหรือเปล่า”  แทนใจขึ้นมาหาเขาหลังจากนั้น ว่านกำลังนั่งอยู่ริมหน้าต่างอย่างมึนงง  “ไอ้อาร์มทำร้ายเอาตรงไหนมั้ย”

          “เปล่าครับ”  ว่านส่ายหน้า  “พี่อาร์มคงอารมณ์ไม่ดีมากไปหน่อย”

          “มันไล่ทุกคนออกจากวงไม่ได้หรอกนะ  ถึงมันจะเป็นนักร้องนำแต่ทุกคนก็ร่วมกันสร้างวงนี้ขึ้นมา”  แทนใจพูดอย่างไม่พอใจ

          “สรุปพี่อาร์มหายไปไหนพอรู้มั้ยครับ”

          แทนใจหน้าเครียดขึ้น  มองว่านอย่างไม่แน่ใจ

          “มีเพื่อนพี่ส่งรูปมาให้  บอกว่าเจอมันในผับเมื่อคืน”

          ว่านหน้าซีด

          “เขาไปกับใครเหรอครับ”

          “ไปคนเดียว  แต่ออฟเด็กไปด้วยขากลับ”  แทนใจยกมือขึ้นแตะไหล่ว่านอย่างปลอบใจ  “อย่าเพิ่งคิดมากนะ  ไอ้อาร์มมันอาจจะหาเศษหาเลยบ้าง  แต่ก็ไม่ได้จริงจังหรอก”

          “.......”  ว่านพูดไม่ออก

          แทนใจกลับออกไปแล้ว  วิวาห์นอนคิดตลอดทั้งคืน  พี่อาร์มกลับมาตอนเกือบเที่ยงคืน  ได้กลิ่นเหล้าหึ่งมาแต่ไกล  ว่านหรี่ตาลงแอบมองพี่อาร์มเงียบ ๆ เห็นพี่อาร์มหายเข้าไปในอาบน้ำแล้วก็กลับมาล้มตัวลงนอนข้าง ๆ ว่าน

          พี่อาร์มนอนห่าง ๆ ไม่ได้เอื้อมมือมาดึงว่านไปกอดเหมือนเคย

          ว่านน้ำตาไหล

          “ร้องไห้ทำไม  ...โกรธพี่เรื่องเมื่อเช้าใช่มั้ย”  พี่อาร์มขยับตัวเข้ามาชิดว่านแล้วพูดข้างหู  ว่านหันหน้าหนี  น้ำตาซึมจนเปียกหมอนไปหมด  “พี่ขอโทษ”

          “พี่อาร์มทำแบบนี้ทำไมครับ”  วิวาห์ถามปนสะอื้น  “พี่อาร์มเคยรักว่านบ้างมั้ย”

          “พี่เคยบอกไปแล้วไง  ว่านจำไม่ได้เหรอ”

          “จำได้ครับ”  ว่านเม้มปาก “ว่านจำเรื่องเกี่ยวกับพี่อาร์มได้เสมอ พี่อาร์มเรื่องของว่านได้หรือเปล่า”

          “ว่านจะเป็นคนสุดท้ายที่พี่จะลืม  ต่อให้พี่ตายไปแล้วก็ตาม”  พี่อาร์มตอบกลับมา

          ว่านหัวเราะทั้งน้ำตา

          “ว่านจะทำเป็นเชื่อไปก่อนนะครับ  จนกว่า...” พี่อาร์มพลิกตัวว่านให้หันกลับไปหาแล้วเข้ามาจุมพิตหนักหน่วง  ว่านรู้สึกถึงรสขมปร่าของน้ำตาตัวเอง  พี่อาร์มสอดมือเข้ามาในชุดนอนของว่าน  ว่านเลยจับมือเขาเอาไว้  “ว่านไม่อยากติดโรค...”

          พี่อาร์มอึ้งไป  คงไม่นึกว่าว่านจะรู้  เขาดึงมือกลับแล้วพลิกตัวนอนหงาย

          “ใครบอก”

          “เพื่อนพี่แทนส่งรูปมาให้ครับ”

          “พี่เครียดมากไปหน่อยก็เลยหาที่ระบาย”

          “ว่านยังเป็นแฟนของพี่อาร์มอยู่หรือเปล่าครับ”

          “เป็นสิ”

          “ถ้างั้นว่านขออย่างได้มั้ย  ...เรื่องอะไรว่านก็ทนได้  แต่ถ้าเป็นเรื่องนอกกายนอกใจ...ว่านทนไม่ได้จริง ๆ”  วิวาห์พูดเสียงเครือ  “จะบอกว่าว่านหวงพี่อาร์มมากเกินไปก็คงได้  ว่านยอมรับว่าหวงพี่อาร์มมาก...มาก ๆ เลย  ว่านรับไม่ได้ที่ต้องแบ่งพี่อาร์มกับใคร”

          “พี่จะไม่ทำอีก”  พี่อาร์มพูดขึ้นในความมืด

          ..........................................................................

          “นั่งคิดอะไรอยู่”  พี่วัตเดินเข้ามาหาน้องชาย  เห็นน้องนั่งเหม่ออยู่นานแล้วก็อดรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาไม่ได้  “ยี่หวาอาการทรุดลงเหรอ”  คนเป็นลุงอย่างเขาใจไม่ดีเอาเสียเลย  ไหนจะน้องชายไหนจะหลานสาว ...วิรัตน์แทบไม่มีกะจิตกะใจจะแต่งงานด้วยซ้ำ

          “พี่วัต”  วิวาห์ขยับตัว แล้วส่งยิ้มมาให้  เป็นยิ้มที่เศร้าจนคนเป็นพี่ชายอยากเบือนหน้าหนี  “กินข้าวมาหรือยังครับ”

          “ไม่ต้องห่วงฉันหรอกน่ะ  ห่วงตัวเองก่อนเถอะ  ยี่หวาเป็นไงบ้าง”

          “ก็พอ ๆ เดิมครับ”  วิวาห์ตอบซึม ๆ  “พรุ่งนี้หมอจะเปลี่ยนยาให้ใหม่”

          “ก็ดีสิ”  วิรัตน์พยักหน้าเนิบ ๆ “ไปล้างหน้าล้างตาหน่อยดีมั้ย  ฉันกับเบสต์มาเฝ้าแทนแล้ว  ผลัดกัน”

          “ครับ”

          “ได้กินยาที่หมอสั่งหรือเปล่า”

          “กินครับ  กินทุกวัน” วิวาห์พยักหน้ารับ  “ยังไม่ได้ไปดูพี่อาร์มที่โรงพยาบาลเลย  ผมอยากเห็นกับตาเสียหน่อย”

          “จะไปดูทำไม”  พี่วัตขมวดคิ้ว  “ดูไปก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น  มีแต่หดหู่เปล่า ๆ”

          “ว่านกำลังคิดอยู่ว่าว่านพลาดไปหรือเปล่า”  วิวาห์พูดขึ้นเบา ๆ ทอดสายตามองความว่างเปล่าตรงหน้า  “ถ้าว่านรู้ก่อนว่าพี่อาร์มจะต้องกลายเป็นแบบนี้  ไม่แน่ว่าว่านคงบอกเขาเรื่องยี่หวา”

          “จะบอกให้ได้อะไรขึ้นมา”  วิรัตน์ขมวดคิ้ว  “มันทิ้งว่านไปนานแล้ว  บอกไปก็ไม่เปลี่ยนอะไรหรอก  คนอย่างนั้น..”

          “จริง ๆ เรื่องเมื่อก่อน  ว่านก็มีส่วนผิด  ไม่ใช่แค่เขาผิดหรอกครับ”  วิวาห์พูดเนิบ ๆ “พอมานั่งคิดดูแล้ว  ว่านแทบไม่ได้รู้จักเขาจริง ๆ เลย  ว่านมองเห็นแค่สิ่งที่ว่านอยากจะเห็นเท่านั้น”

          “ตอนนั้นว่านยังเด็ก”  วิรัตน์บอก ยกมือขึ้นลูบศีรษะของน้องชายเบา ๆ “อย่าโทษตัวเองในเรื่องอดีตที่ผ่านมาแล้ว  มันแก้ไขอะไรไม่ได้”

          “ถ้าว่านไม่ได้รู้จักพี่อาร์ม  ก็คงไม่มียี่หวา  ..บางทีอาจจะไม่ต้องเศร้าขนาดนี้”

          “พูดอะไรน่ะ”  วิรัตน์ดุ “นึกถึงตอนยี่หวาหัวเราะมีความสุขสิ ว่านเองก็มีความสุขใช่มั้ย อย่าคิดแบบนี้เลย รอเวลาที่ยี่หวาจะกลับมาเป็นยี่หวาคนเดิมดีกว่า”

          วิวาห์นั่งคุยกับพี่ชายต่อจนดึก  เขาลงไปซื้อขนมที่ร้านสะดวกซื้อข้างล่างโรงพยาบาลที่เข้าประจำจนคุ้นชิน  เดินเลือกซื้อของอยู่เพลิน ๆ ก็รู้สึกถึงเงาดำ ๆ ที่มายืนข้างหลัง  ขนอ่อนลุกชัน  วิวาห์หันขวับไปมองฉับพลัน

          “พี่อาร์ม”

          ผู้ชายที่ยืนซ้อนข้างหลังเขาอยู่ส่งยิ้มมาให้  นัยน์ตาคมเข้มเป็นประกายหมายมาดอย่างที่ว่านแปลความหมายไม่ออก  สังหรณ์ร้ายผุดพรายตอนที่เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น  ว่านรีบหยิบขึ้นมากดรับ

          “ครับพี่วัต”

          “ว่านอยู่ไหนแล้ว...รีบขึ้นมาเร็ว  ยี่หวา..ยี่หวาหัวใจหยุดเต้น”

 ...

          มาอัพกันต่อนะคะ

          เรื่องนี้ถ้าใครตามอ่านนิยายเรามาจะพอเดาได้ล่ะ  มีความซับซ้อนเล็กน้อย  ไม่สามารถสปอยได้เพราะไม่รู้จะสปอยตรงไหน  เอาเป็นว่าเจอกันตอนหน้า  กำลังเครื่องติดล่ะ  สนุกมาก ๆ (ชั้นสนุกอยู่คนเดียว)

          เจอกัน ๆ ใครชอบอย่าลืมช่วยกันโปรโมทด้วยคนละไม้คนละมือนะคะ

          #วิวาห์อามันต์

         

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :katai1: หลอนอีกแล้ว

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
ถ้าอาร์มป่วยตั้งแต่ตอนทำวงทำไมถึงไม่ยอมบอกคนอื่นนะ
ยิ่งอ่านยิ่งมีเรื่องสงสัย อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว

 :pig4:

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
แต่ละเรื่องนี้หัวใจจะวายยยยยย :ling1:

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
แสดงว่าอาร์มต้องป่วยมานานแล้วแล้วไม่มีใครรู้

ออฟไลน์ question09

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-10

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
เราแทงสวน เราว่าว่านไม่น่าจะหลอนนะ อาร์มน่าจะจิตออกจากร่างมาจริงๆ  #จินตนาการไม่มีสิ้นสุด

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ไม่นะ ไม่แลกนะ ต้องรอดกลับมาเพื่อเป็นครอบครัวกันสิ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai1:



แอร้ยยยย

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
หนูยี่หวา หัวใจหยุดเต้น แล้วพี่อาร์ม จะเข้าร่างยี่หวาใช่มั๊ย ต้องการแบบนี้ใช่มั๊ย พี่อาร์ม

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด