-- คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต...บทพิเศษ ไม่พิเศษ -- (อัพเดต 21/01/2021) หน้า 20
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -- คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต...บทพิเศษ ไม่พิเศษ -- (อัพเดต 21/01/2021) หน้า 20  (อ่าน 104486 ครั้ง)

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ตรัส เราไม่เบาเหมือนกันน่าาาา

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ THAMON926

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

บทที่ 38

อรุณแรก

---------
   

เสียงนกร้องแผ่วเบาดังเข้ามาในโสตประสาท


   รติลืมตาขึ้นช้าๆ แต่แสงสว่างภายในห้องทำให้เขาต้องหลับตาลงอีกครั้ง


   ...แสงสว่าง?...


   พอคิดได้เช่นนั้น คนที่ไม่เคยตื่นหลังพระอาทิตย์ขึ้นก็ถึงกับลืมตาลุกขึ้นนั่งด้วยความตกตะลึง ทว่าก็ยิ่งตะลึงหนักกว่าเก่าเมื่อพบว่าเสื้อผ้าที่สวมนั้นหลุดรุ่ย ต้องรีบรวบมามัดให้มิดชิด แล้วพลันนั้นก็พลอยนึกไปถึงเรื่องเมื่อคืน


   เมื่อคืนที่...ไม่ใช่แค่หลุดลุ่ย...แต่ถอดเปลื้องทุกชิ้น


   คนเคยระรื่นอยู่เสมอถึงกับหน้าแดงก่ำ ยังไม่ทันอับอายมากไปกว่านั้น เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นเบาๆ รติเงยหน้ามองแล้วก็พบว่าคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องเมื่อคืนเดินเข้ามาในห้อง


   “ท่าน...ตื่นแล้วทำไมไม่ปลุกข้า”


   ไม่รู้จะพูดอะไร รติเลยพยายามพูดให้เป็นปกติที่สุด


แต่...คนไร้ประสบการณ์หนอ คนไร้ประสบการณ์ ช่างหาเรื่องคุยที่ไม่พ้นตัวเอาเสียเลย


   “ก็เมื่อคืนเจ้านอนดึก”


   เหตุผลของตรัสทำเอาคนฟังเม้มปาก คนอย่างรตินั้น เรื่องที่พาลให้เขิน ย่อมเป็นเรื่องที่ไม่ควรตอบโต้ จึงทำเป็นไม่ได้ยินไปเสีย กระถดกายหมายจะลงจากเตียง แต่เพียงแค่ขยับก็เจ็บร้าวจนหยุดกึก


   ตรัสก้าวเท้าเข้าหาอย่างไว พลางถามอย่างห่วงใย


   “เจ้าลุกไหวหรือ”


   รติเงยหน้ามอง ตาสบตา แล้วก็ชวนให้เขินจนต้องเบี่ยงสายตาหนีกันทั้งคู่


   “อาหารเช้า...เรียบร้อยแล้วหรือ” คนที่ต้องตื่นมาดูแลอาหารเช้าในทุกๆวันเอ่ยถามเสียงเบา


   “เรียบร้อยแล้ว ถ้าเจ้าลุกไม่ไหว ข้าจะให้พุดกรองจัดสำรับมาให้กินที่นี่ดีไหม”


   รติส่ายหน้าหวือ


   “ข้าไหว” หรืออีกนัยคือต่อให้ไม่ไหว ก็ต้องไหว ขืนทำตัวป่วย น้องๆคงสงสัย แล้วเขาจะตอบอย่างไรกัน


   พอคนบนเตียงขยับตัวจะลงอีกหน ตรัสจึงเข้าช่วย


   เสื้อผ้าของรติที่สวมอยู่ตอนนี้ เขาเป็นคนช่วยสวมให้ตอนที่เจ้าตัวหลับไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่มิดชิดนัก เมื่อครู่รติเองก็ยังไม่ทันจะผูกปมให้ดี พอขยับลงจากเตียง สาบเสื้อข้างหนึ่งจึงหล่นลงจากไหล่


   ตรัสเห็น รติก็เห็น


   ตรัสรีบเบี่ยงสายตาหนี รติรีบรวบสาบเสื้อมากำเอาไว้


   “ท่าน...ไปก่อนเถอะ ข้าจะล้างหน้าล้างตาสักหน่อย”


   “ข้าจะออกไปรอข้างนอก” ทว่าแม้จะกล่าวเช่นนั้น ตรัสก็ยังช่วยประคองภรรยาไปยังห้องน้ำ หยิบเสื้อผ้าชุดใหม่มาวางไว้ให้พร้อมสรรพ แล้วจึงออกจากห้องพักผ่อนไปยืนรออย่างสงบที่ห้องทำงาน


   สงบที่ว่า คือพยายามทำใจให้สงบ


   เพราะลาดไหล่เนียนสีน้ำผึ้งนั้นติดตา โดยเฉพาะ...รอยจูบแดงเรื่อจากริมฝีปากของเขาที่ประทับอยู่บนผิว


   ตรัสเม้มปากแน่น สูดลมหายใจลึก


   อย่าว่าแต่ความสัมพันธ์สามีภรรยาไม่เหมือนเดิมเลย สายตาของเขายามมองรติ บัดนี้เต็มไปด้วยความรักลึกซึ้งผสานอารมณ์ต้องการด้วยแล้ว


---------


   เพราะตรัสเป็นคนเข้าครัวไปดูแลมื้อเช้าด้วยตนเอง อมราและรุจีจึงทราบว่าวันนี้รติไม่ค่อยสบาย ระพีเองก็ทราบจากพี่สาว ดังนั้นเมื่อตรัสพาภรรยาเดินมาที่โต๊ะอาหาร เด็กชายตัวน้อยจึงรีบวิ่งเข้าไปหา


   “พี่รติ! เป็นอย่างไรบ้างขอรับ?”


   “ไม่เป็นไร”


   “วันนี้พี่รติต้องรับประทานให้เยอะๆนะขอรับ มากับระพีนะขอรับ”


   พูดแล้วดึงแขนผู้เป็นพี่ตรงไปยังโต๊ะอาหาร ด้วยความเป็นเด็ก ระพีย่อมไม่ระวัง รติสะดุดขาเก้าอี้จนเซเกือบชนโต๊ะ ดีว่าตรัสคว้าเอาไว้ได้เสียก่อน แต่ร่างทั้งร่างก็สะเทือนไปแล้วย่อมทำให้ส่วนที่ระบมปวดหนึบจนหน้าเหยเก


   ตรัสตวัดสายตาไปมองระพีทันที


   “ระวังด้วย พี่รติไม่สบาย” แม้กับระพี ตรัสจะใจดี แต่คราวนี้ดุจริงจังจนเด็กชายหงอ


   “ข...ขอโทษขอรับ...”


   “ไม่เป็นไร ตรัส อย่าไปว่าระพีเลย...” รติหันไปปรามคนที่ยังพยุงเขาเอาไว้ ก่อนจะหันไปลูบศีรษะเด็กชาย


   “พี่ไม่เป็นอะไร ระพีพาพี่นั่งหน่อยสิ” เห็นเด็กชายกลัวตรัสจนน้ำตาคลอ รติเลยต้องเอาใจ พอยื่นมือให้ ระพีก็พลันหน้าตาสดชื่นขึ้นแล้ว ช่วยขยับเก้าอี้แล้วประคองพี่ชายลงนั่งอย่างช้าๆ


   เด็กชายปีนขึ้นนั่งเก้าอี้ตัวข้างๆ รอจนทุกคนนั่งโต๊ะแล้ว ก็ถึงได้ออกตัวว่าจะเป็นคนช่วยตักกับข้าวให้รติเอง


   รติไม่ได้ป่วยเพียบหนัก เพียงแค่ระบมและอ่อนล้า แต่เมื่อเห็นน้องชายเอาจริงเอาจังอยากดูแล จึงปล่อยเลยตามเลย


   “รติ วันนี้เจ้าไม่ต้องไปร้าน ให้ตรัสไปคนเดียวก็พอ” อมรารู้จากหลานชายเพียงว่ารติไม่สบายเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้แจกแจงว่าป่วยด้วยโรคอะไร เห็นจากสีหน้าก็ว่าดูซีดเซียว หล่อนจึงเสนอแนะได้เพียงเท่านั้น


   “ข้าไหวขอรับ”


   “เจ้านอนพักเถอะ ข้าส่งคนไปติดป้ายปิดร้านแล้ว” ตรัสเห็นด้วยกับผู้เป็นย่า จึงร่วมสำทับ


อมราชะงัก มองคนพูดว่าปิดร้านแล้วก็ชวนให้ฉงน หลานชายของนางแทบไม่เคยมีวันหยุด เขามุมานะ ขยันขันแข็ง แต่คนอย่างนั้นกลับบอกว่าปิดร้าน


   “เจ้า...ปิดร้าน?” หญิงชราอดปากไม่ไหว เป็นฝ่ายหันไปถามหลานชาย


   “ขอรับ เผื่อรติอยากได้อะไร ข้าจะได้ช่วยดูแล” คำตอบของตรัสนั้นตรงไปตรงมา อมรายิ่งพลอยคิดไม่ถึง


   ...หลานชายของนาง คิดอะไรเช่นนี้ได้ด้วยหรือ?...


   “ไม่เห็นต้องดูแลข้าเลย แล้ว...ข้าก็อยากไปทำงานมากกว่าด้วย...” คนชอบทำงานมิทันได้ใส่ใจกับการออกตัวของตรัสมากไปกว่าการที่ตนเองจะไม่ได้ทำงาน จึงรีบต่อรองอย่างน่าสงสาร


รุจีมองพี่ชายตาปริบๆ รติเป็นบุรุษ แม้จะแต่งงานกับบุรุษด้วยกัน แต่ก็มิได้ทำตัวเฉกเช่นสตรี เดิมทีเขาก็ไม่ใช่คนออดอ้อนผู้ใด ถนัดลงมือด้วยตนเองมากกว่า แต่บัดนี้...การต่อรองของเขานั้น คล้ายจะอ้อนวอนอยู่ในที


...พี่ชายของนาง ทำเรื่องเช่นนี้เป็นด้วยหรือ?...


สองหญิงต่างวัย ทั้งท่านอมราและรุจีต่างตะลึงพรึงเพริศ แต่สองสามีภรรยากลับมิได้รู้ตัว คนหนึ่งยังห่วงใยมุ่งมั่นจะให้อีกคนอยู่กับเรือน อีกคนอ้อนวอนขอออกไปทำงาน


   “เจ้าจะไปไหวได้อย่างไร”


   “ข้าไปไหว” ตนเองย่อมรู้ดีว่าร่างกายอ่อนล้ากว่าเดิม แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ที่สำคัญคือไม่ชอบอยู่เฉยๆ


   “แต่หน้าเจ้ายังซีดเซียว”


   “ข้ากินข้าวแล้วก็จะหายซีดเซียว”


   “แต่เจ้าควรจะพัก”


“ข้าชอบทำงานนี่นา...”


   พอลงท้ายเช่นนั้นแล้ว ตรัสก็พลอยพูดไม่ออก ถอนหายใจทีหนึ่ง แล้วก็ยอมพยักหน้ารับทั้งที่หนักใจ


   สุดท้าย เช้าวันนั้น ร้านยาอหัสกรก็เปิดทำการปกติ


--------


   แม้จะได้มาทำงานตามที่ขอ แต่กว่าจะออกจากเรือนอหัสกรมาที่ร้านยา ก็ต้องต่อรองกับตรัสอยู่อีกพักหนึ่ง คราวนี้ไม่ใช่เรื่องเปิดหรือปิดร้านยา แต่เป็นเรื่องวิธีเดินทาง


   จากเรือนอหัสกรไปร้านยานั้นไม่ไกลนัก เดิมทีใช้วิธีเดินทั้งไปและกลับ แต่เพราะเรื่องเมื่อคืน ตรัสจึงเสนอวิธีอื่น


“นั่งรถม้าไปไม่ดีกว่าหรือ”


“ไม่ดี มัน...กระเทือน...” ฝ่ายภรรยาแย้งเสียงเบา สามีนิ่งไปเล็กน้อย ทำหน้าปั้นยาก แล้วเสนอความตั้งใจเดิมของเขา


“เจ้าควรพักผ่อนที่เรือน”


“ข้าอยากไปทำงาน...” รติเองก็แย้งด้วยความตั้งใจเดิมของตนเช่นกัน


เดิมทีไม่ใช่คนใจอ่อน แต่กับภรรยา ตรัสก็ไม่รู้ว่าทำไมใจแข็งไม่ได้สักนิด หลังจากต่อรองกันเสียงเบาอยู่หน้าประตู สุดท้ายสองสามีภรรยาก็ออกจากเรือนไปยังร้านยาด้วยวิธีการเดินอย่างที่เคยทำเป็นประจำ


ผิดก็แต่...คราวนี้ฝีเท้าของรติช้าลงกว่าเดิมมาก จนเจ้าตัวต้องออกปาก


“ท่านล่วงหน้าไปก่อนเถอะ”


แต่ฝ่ายสามีส่ายหน้า “ไปพร้อมกัน”


ไม่พูดเพียงอย่างเดียว แต่ยังจับมือของรติประสานแน่น พวกเขาเดินเคียงข้างเช่นนี้ทุกวัน แต่นอกจากคราวที่ลื่นเพราะหิมะละลายแล้ว ก็ไม่เคยเดินจับมือเช่นนี้อีก


ทั้งตรัสและรติพอจะเป็นที่รู้จักของคนในเมือง เพราะฝ่ายสามีเป็นหมอแห่งร้านยาอหัสกร ฝ่ายภรรยาทำการค้ารู้จักมักจี่คนไปทั่ว การที่พวกเขาเดินจับมือกันในที่ชุมชน ย่อมเป็นที่สนใจของผู้อื่น


อย่างที่กล่าวว่าพวกเขาช่างเป็นสามีภรรยาที่ระมัดระวังความประพฤติอยู่เสมอ คราวนี้กลับเดินชิดใกล้ แม้ไม่อิงแอบแต่ก็จับมือเดินเคียง จึงเป็นเรื่องแปลกตา


“ต...ตรัส...คนมอง” เดินไปไม่ถึงครึ่งทาง ผู้คนรายทางที่หันมาทักทายก็พากันมองตามตาค้าง เพราะเห็นมือสามีภรรยาจับกัน


“มองแล้วอย่างไร” ตรัสตอบกลับมาเช่นนั้น รติก็พลอยพูดไม่ออก อีกเหตุผลก็เพราะความใกล้ชิดเช่นนี้ทำให้หัวใจอบอุ่นอย่างน่าประหลาด จึงยอมให้อีกฝ่ายเดินจับมือเขาไปเช่นนั้นตลอดทาง


รติเพิ่งรู้ก็คราวนี้ว่าตรัสนั้นสมเป็นหมอ เขาช่างเป็นห่วง หลังจากเดินจับมือคอยดูแลมาจนถึงร้านยา ก็ยังไม่อนุญาตให้รติออกไปยืนขายที่แผงขายสมุนไพรหน้าร้านอย่างทุกที จัดแจงส่งบ่าวไพร่ไปขายแทน แล้วให้ภรรยานั่งอยู่หลังตู้ไม้จ่ายยา


“อย่างนี้ ก็ไม่ต่างจากอยู่เรือนน่ะสิ” ฝ่ายภรรยาแย้งหน้าตาน่าสงสาร แต่ตรัสไม่ใจอ่อนแล้ว


“ต่าง เพราะมาที่นี่ เจ้าได้หยิบยา ได้คิดเงิน”


ตรัสพูดเช่นนั้น รติก็เลยโต้เถียงไม่ออก แต่มิวายหน้าตาบูดบึ้ง


   “หรือเจ้าจะย้ายไปนั่งกับข้าในห้องตรวจ?”


   พอฝ่ายสามียื่นเงื่อนไขมาเช่นนี้ รติเลยต้องยอมจำนน ยอมเลือกที่จะนั่งอยู่หลังตู้ไม้จ่ายยา แล้วทำหน้าที่จัดยาและคิดเงินแต่โดยดี


 แต่คนชอบทำงานก็ยังเป็นคนชอบทำงานอยู่วันยังค่ำ


เย็นนั้น คนที่ถูกสั่งให้นั่งอยู่หลังตู้ไม้ ก็มีความคิดใหม่มาเสนอตรัสยามเดินกลับเรือนด้วยกัน


   “ท่านรู้ไหม เรามีลูกค้า 15 คน มี 5 คนที่เป็นคนป่วยให้ท่านตรวจ อีกสิบคนแวะมาซื้อสมุนไพรอย่างเดียว คนซื้อผงสมุนไพรกลับไปเป็นหญิงถึง 7 ใน 10”


ผงสมุนไพรนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นโรคก็สามารถซื้อหาได้ ดังนั้นคนที่ไปถึงห้องตรวจจึงมีเพียง 5 คน ในขณะที่ลูกค้าที่แวะเวียนมาซื้อผงสมุนไพรกลับไปมีถึง 10 คน


   “เจ้าคิดอะไร”


   “เรื่องอย่างนี้ ต้องพูดกันที่เรือน ไว้คืนนี้ข้าจะเล่าให้ฟัง” 


ตรัสคิดถึงยามค่ำคืนแล้ว เขาก็พลอยคิดไปถึงเรื่องเมื่อคืน หันมองคนกำลังมีความสุขแล้วก็อยากหารือกับอีกฝ่ายเรื่องการใช้เวลาของพวกเขา


   “ข้า...ก็มีเรื่องอยากจะคุยกับเจ้าเช่นกัน...คืนนี้”


   ...เรื่องงานให้เริ่มตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก...


...แต่เรื่องของเรา ให้เริ่มตั้งแต่พระอาทิตย์ตกเป็นต้นไป...


   สามีภรรยาควรจัดสรรเวลาเช่นนี้...จริงไหม รติ…


--------

#คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

ธ ม น

THAMON926

--------

คนนึงก็คิดแต่เรื่องงาน อีกคนก็ชักจะเริ่มคิดเรื่องสามีภรรยามากกว่าเดิมแล้วล่ะค่ะ

ท่าทางจะหลงภรรยาหัวปักหัวปำแล้วจริงๆ

ขอบคุณสำหรับทุกการอ่านนะคะ



ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เรื่องครอบครัวอะเนาะ คุยกันในห้อง 5555

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :hao3: มีคนกำลังจะหลงเมีย :mew1:

ออฟไลน์ Tassanee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
พบคนหลงภรรยา 1 อัตรา  o13

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
น่ารักมากคุณพี่หลงเมียที่สุด :hao7: นึกถึงตอนช่วงแรกๆต่างกันลิบลับ5555 :pig4: :L1:

ออฟไลน์ Caramel Syrup

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
พบคนหลงเมียเพิ่มมาอีกหนึ่ง   :mc4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ THAMON926

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

บทที่ 39

ข้อตกลง

--------
   

สมกับที่ออกปากว่าชอบทำงาน


ตรัสเชื่อแล้วว่ารติเป็นคนอยู่ไม่นิ่งโดยแท้ ขนาดเขาสั่งให้นั่งเฉยๆ เจ้าตัวก็ยังเก็บข้อมูลว่ามีคนมาซื้อผงสมุนไพรกี่คน พอนับจำนวนเป็นหญิงได้มากกว่าโข ก็เกิดความคิดดีจะทำสมุนไพรบำรุงผิวพรรณขายอีก


   “เท่าที่ทำอยู่ทุกวันนี้ เจ้าก็แทบไม่มีเวลาอยู่แล้ว”


   “ตอนนี้ผงสมุนไพรให้ความอบอุ่นขายไม่ดีแล้ว ข้าก็ทำแค่เพียงน้อย หันมาทำสมุนไพรบำรุงผิวพรรณ ช่วงนี้อากาศเปลี่ยน เดี๋ยวชื้นเดี๋ยวแห้ง ผงสมุนไพรชนิดนี้จะช่วยให้ผิวยืดหยุ่น มีน้ำมีนวล ชายก็ดื่มได้ เพราะผิวจะไม่แห้งไม่แตกไม่คัน ท่านว่าอย่างไร ดีไหม”



   ตรัสพยักหน้า ใจหนึ่งก็ชื่นชมที่คนข้างกายช่างขยันขันแข็ง แต่ก็อดถอนหายใจเบาไม่ได้



   รติกำลังใช้ผ้าสะอาดเช็ดผมที่เปียกชื้นหลังสระผมของตนเอง ช่วงเวลาพักผ่อนหลังจากทำงานมาทั้งวันย่อมมีเพียงน้อยนิด แต่สองสามีภรรยาก็ยังใช้ไปกับการหารือเรื่องงานการ



   อันที่จริง สามีไม่ได้อยากคุยเรื่องงานการ เขาสู้อุตส่าห์พกบัญชีรับจ่ายไปทำในห้องตรวจตอนกลางวัน เพื่อที่ช่วงกลางคืนจะได้มีเวลาอิงแอบกับรติ แต่ดูเหมือนฝ่ายภรรยาจะไม่เข้าใจ



   “แล้วเวลาของเรา?”


   “หือ?” รติกะพริบตาปริบด้วยความงุนงง


   “รติ สามีภรรยา...ย่อมต้องมีเวลาไว้ใช้ร่วมกัน”


คนฟังนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะแย้งเสียงแผ่ว


   “เรา...ก็อยู่ด้วยกันทุกวัน...”


ตรัสกลับส่ายหน้า เดินเข้าหา แล้วรั้งกายภรรยาเข้ามาใกล้ เมื่อใกล้แล้วก็ไม่ได้ปล่อยมือออก ยังโอบร่างของรติอยู่เช่นนั้น


   “จริงอยู่ว่าเราอยู่ด้วยกันทุกวัน ร่วมเตียงเดียวกัน ยามตื่นหรือก่อนนอนก็เห็นหน้า แต่ข้าอยากให้เรามีเวลาได้พูดคุยกันโดยไม่ต้องมีเรื่องอื่นนอกจากเรื่องของเรา”


   รติไม่ใช่คนโง่ แม้จะไม่มีประสบการณ์ด้านความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะแปลความหมายไม่ออก


ช่วงเวลาใดเล่า? ที่จะมีเพียงเรื่องของพวกเขาสองคน ช่วงเวลาใดเล่า? ที่จะมีเพียงพวกเขาแค่สองคน


ใบหน้าของรติแดงก่ำ เห็นสีหน้าเช่นนั้น ตรัสก็ประเมินเอาว่ารติคงเข้าใจความหมายแล้ว ริมฝีปากจึงกระซิบเบาที่ข้างแก้ม


   “เมื่อคืน...ดีสำหรับเจ้าไหม”


   รติเม้มปาก หัวใจเต้นถี่ ทั้งเขินอายกับความสัมพันธ์ที่เปิดเผยทุกสัดส่วนให้ได้เรียนรู้กัน ทั้งซาบซ่านกับสัมพันธ์แนบชิดที่เร้าอารมณ์


   “ก็...ก็...ดี...แต่...แต่ทุกคืน...ข้าคงไม่ไหว...”


   แต่งงานกันมาพักใหญ่ เพิ่งเมื่อคืนนี้เองที่คนเรียบง่ายอย่างตรัสแสดงให้เห็นว่าช่างเร่าร้อน ไม่รู้จักพอ และเอาแต่ใจ


   ไฟรักของเขาทั้งร้อนผ่าวและรุนแรง เมื่อโหมกระพือจนมอดไหม้ไปครั้งหนึ่งแล้ว เขาก็จุดขึ้นมาใหม่เป็นครั้งที่สอง และสาม...ครั้งที่สามนี้เขาเอาแต่ใจ แกล้งรังแกให้รติสั่นระริก ความต้องการอาบเยิ้มไปทั้งร่าง กว่าจะยินยอมให้รติปลดปล่อยตามใจปรารถนาก็เกือบจะหมดแรง


   แต่ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น ไม่ใช่รติไม่ชอบ


   แม้ตรัสจะเร่าร้อน ไม่รู้จักพอ และเอาแต่ใจเพียงใด แต่การกระทำของเขาล้วนตอบสนองความต้องการของภรรยาจนถึงที่สุด เพียงแต่...กว่าจะไปถึงที่สุด รติก็แทบลืมตาไม่ขึ้นแล้ว


   รติที่ตื่นผิดเวลา ต่อให้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเพราะเรื่องเมื่อคืน



ตรัสเองก็ยอมรับว่าความต้องการของเขาที่มีต่อภรรยานั้นราวกับเด็กหนุ่มแรกรุ่นผู้ไร้ประสบการณ์ เมื่อได้แล้วครั้งหนึ่งก็ลุ่มหลงหัวปักหัวปำ ยิ่งเป็นรติด้วยแล้ว ทั้งความรักความหลงผสมกันจนเป็นเนื้อเดียว


   “ไม่จำเป็นต้องทุกคืน ข้าแค่อยากให้เรามีเวลาอยู่ด้วยกันอย่างสามีภรรยา”


คำว่าสามีภรรยานั้นชวนให้วูบไหว


   “ข้าอยากให้เราได้มีเวลาอยู่ด้วยกันอย่างนี้ ไม่ต้องพูดคุยอะไรก็ได้ ขอเพียงให้ข้าได้กอดเจ้าเช่นนี้”


    คิดไม่ถึงว่าคนอย่างตรัสจะถึงเนื้อถึงตัว ใครเลยจะคิดว่าวันแรกที่แต่งงานดูท่ารังเกียจเดียดฉัน แต่วันนี้กลับเป็นฝ่ายไม่ปล่อยให้รติห่างมือด้วยซ้ำ


   “เจ้า...อึดอัดหรือไม่”


   รติส่ายหน้าไปมาน้อยๆ อย่าว่าแต่ตรัสเลย ตัวเขาเองก็ต้องการกอดอีกฝ่ายไว้เช่นกัน เพราะอย่างนั้น ตอนที่สามีรั้งเข้าไปหา จึงได้โอนอ่อนไม่มีห้ามปรามสักนิด


   อาจจะเพราะเป็นคนขี้หนาว การได้ไออุ่นจากร่างกายของตรัสย่อมทำให้รู้สึกดี อีกทั้ง เพราะเจ้าของไออุ่นคือตรัส นอกจากร่างกายจะรู้สึกอบอุ่นแล้ว หัวใจก็พลอยสงบไปด้วย


การอยู่ในอ้อมแขนของตรัส การได้กอดตรัสเอาไว้ จึงไม่ใช่เรื่องอึดอัดเลยแม้แต่น้อย


   “แล้วชอบไหม”


   “...ชอบ...” คำตอบนั้นแสนเบา แต่ตรัสก็ได้ยิน อ้อมกอดของเขากระชับแน่นขึ้น ราวกับจะบอกว่าเขาเองก็ยินดีกับคำตอบนั้นเช่นกัน


   “ข้าก็ชอบ...”


   เสียงทุ้มกระซิบเบาที่ข้างหู ตามมาด้วยสัมผัสร้อนที่แนบลงกับใบหู พาเอาซาบซ่านไปทั้งอก


   “...ชอบที่ได้กอด...”


“แต่...รักคนที่กอด”


รติชะงัก เงยหน้ามองทันควัน คนพูดมิได้หลบเลี่ยง มองอย่างไรก็มองอย่างนั้น


“ให้ข้าได้กอดคนที่ข้ารักเช่นนี้เถอะนะ”


แล้วประโยคถัดมาของตรัสก็ยิ่งทำให้ตะลึงงัน รติคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำนี้ แต่คนพูดไม่มีวี่แววของความไม่แน่ใจเลยสักนิด สิ่งที่พูดออกมา เป็นความจริงแท้จากใจ


“ท...ท่าน...พูดว่าอย่างไรนะ”


“ข้ารักเจ้า รติ”


ดวงตาของรตินิ่งค้าง กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่อีกฝ่ายก้มลงหามอบจุมพิตหวานเป็นหลักฐานของความรู้สึกแล้ว


สัมผัสนั้นช่างอ่อนโยนราวกับมีดอกไม้นับร้อยบานสะพรั่งห้อมล้อมพวกเขาเอาไว้ รสสัมผัสหวานละมุนชวนให้เคลิบเคลิ้ม และกลายเป็นตอบรับรสจูบแสนเสน่หานั้น


ริมฝีปากของพวกเขาบดเบียดเข้าหากัน ปลายลิ้นแตะสัมผัสเกี่ยวกวัด ในขณะที่อ้อมกอดโอบรัดอีกฝ่ายให้กายแนบชิด อารมณ์รัญจวนชวนให้มือลูบไล้ไปทั่วสรรพางค์กาย แม้มีเนื้อผ้าขวางกั้นแต่ก็ไม่อาจขวางไออุ่นจากฝ่ามือร้อนของกันและกันได้เลย


เลือดบุรุษหนุ่มนั้นไม่ต่างจากน้ำ เมื่อถูกอารมณ์จุดชนวนมีหรือจะไม่เดือดพล่าน ท้ายที่สุดรติก็ถูกรวบตัวขึ้นอุ้ม


ริมฝีปากผละออกจากกันเพียงเล็กน้อย แต่ก็มากพอที่จะทำให้รติทักท้วง


“ไหนว่าไม่ทุกวัน” ใบหน้าคนถามแดงระเรื่อ แม้จะเขินแต่ก็หยอกเย้า


ตรัสยิ้มจาง ดวงตามีแววหวานซึ้งรักใคร่ยามมองภรรยา


“เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ต่างหาก”


ไม่น่าเชื่อ ชายผู้ตรงเผง อีกทั้งยังพูดเล่นไม่เป็นกลับโยกโย้ต่อรอง รติหัวเราะเบา แม้จะรู้ว่าหลังจากนี้จะต้องเหนื่อยอ่อนกับความต้องการของสามี แต่...ก็ไม่ใช่แค่เหนื่อยอย่างเดียวเสียหน่อย เพราะเขาเองก็มีความสุขกับการได้รับกอดจากคนรักเช่นกัน


เสียงหัวเราะของรติเบาลง เมื่อถูกอุ้มพาเดินลึกเข้าไปในส่วนพักผ่อน


แล้วคืนที่แสนเร่าร้อนของสามีภรรยาก็เริ่มต้นอีกครั้ง 



---------

#คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

ธ ม น

THAMON926

---------


ก็คือทำข้อตกลงกันว่าไม่ทุกวัน แต่ไม่ได้เริ่มวันนี้ค่ะ ฮ่าฮ่า

ขอบคุณสำหรับทุกการอ่านนะคะ


ออฟไลน์ Caramel Syrup

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
 :กอด1: รักกัน รักกัน ทุกวันเลย

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Austin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
วันเว้นวัน ก็ดีนะรติ  :katai2-1: :o8:

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
อุแหม่ บอกรักกันแล้ว

เบามือกับรติหน่อยนาพ่อ

ให้พักบ้าง

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ว้าว ว้าว ว้าว ตรัสร้อนแรงมาก..กกกกกก    :hao6:

ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ร้อนแรงมากค้าาาาาาาา  :mew2:

ออฟไลน์ gotcha

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
กลัวแต่ว่า ต่อไปจะเป็นรติเองที่เป็นฝ่ายสะกิดให้ตรัสทำการบ้านทุกคืน 5555555

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
คุณคนนี้ขยันส่งงานมากค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

ดีงามมากกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ฟินนมากกกกกกก วันนี้ที่รอคอยก็มาถึง บอกรักกัน คิคิ :) สนุกมากเลย อ่านรวดเดียว ดีนะที่มาอ่านตอนมันได้หลายตอน แต่ละตอนก็ไม่ยาวมาก อ่านสนุกจนเพลินไง เลยแว่บๆ 55555 รอตอนต่อไปเลยค่ะ ขอบคุณที่แต่งและมาต่อ  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
คู่นี้..แซ่บบบบบบบบบบ
หลังจากอึดอัด อัดอั้น มานาน

พอได้ ปี๊ดดดดดดดดด แตกรุย
ฮ่าฮ่า

ชอบมากกกกกกกกก

ออฟไลน์ THAMON926

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

บทที่ 40

โชคดี

---------


   รติเป็นผู้มีมนุษยสัมพันธ์อันดี ยิ่งทำการค้าก็ยิ่งรู้จักผู้คนมากมาย หนึ่งในผู้คนเหล่านั้นก็คือพ่อบ้านประจำสกุลคหบดีที่ ‘คุณหนูหย่าสามีกลับมาบ้านเกิด’


   ใช่...พ่อบ้านผู้นั้นคือพ่อบ้านประจำสกุลของรสนา


   แม้หญิงสาวจะเข้ามาสร้างปัญหาให้กับชีวิตคู่ แต่รติไม่ใช่คนใจคอคับแคบ พ่อบ้านผู้นี้มีความสัมพันธ์อันดีกับเขา ทักทายพูดคุยแจ่มใสอยู่เสมอ หนำซ้ำยังเป็นลูกค้าชั้นดี ซื้อผงสมุนไพรของร้านยาอหัสกรอยู่เป็นประจำ จึงไม่มีความจำเป็นอื่นใดที่จะต้องชังน้ำหน้า


   เมื่อพ่อบ้านแวะมาซื้อผงสมุนไพรด้วยตนเอง รติจึงออกไปต้อนรับอย่างเคย


   “ยินดีต้อนรับขอรับ วันนี้รับผงสมุนไพรอย่างไหนดี”


แผงขายผงสมุนไพรที่ร้านยาอหัสกร แต่เดิมเป็นแผงเล็กๆ อยู่หน้าร้าน แต่เพราะกิจการเป็นไปด้วยดี อีกทั้งรติก็รู้จักปรับปรุงเปลี่ยนแปลง จากแผงเล็กๆหน้าร้าน บัดนี้ก็ยังมีขนาดเท่าเดิม แต่ขยับขยายเข้าไปในร้านแทน ตู้กระจกตู้หนึ่งข้างจุดชำระค่ารักษา เรียงรายไปด้วยผงสมุนไพรสรรพคุณต่างๆ ทำเลนี้ รติเป็นคนเสนอ โดยให้เหตุผลว่าในระหว่างที่รอคิดเงิน เผื่อคนไข้จะสอดส่องแล้วซื้อผงสมุนไพรกลับไป


   กลวิธีเช่นนี้ หาได้ยัดเยียดบังคับขาย แต่อำนวยความสะดวกให้แก่คนซื้อ ผงสมุนไพรจึงขายดีต่อเนื่อง


   “ขออย่างเดิม 10 ห่อ”


   รติหยิบห่อสมุนไพรออกมาสิบห่อ แต่ไม่วายหยิบผงสมุนไพรจากด้านหลังมารวมด้วย พลางยิ้มแล้วขยิบตา


   “ข้าแถมผงสมุนไพรสำหรับบำรุงผิวพรรณให้ไปลอง 1 ห่อ สมุนไพรชนิดนี้ ผู้ชายก็ดื่มได้ เพราะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้งแตกและไม่คัน กับผงสมุนไพรลดอาการคัดจมูกในช่วงดอกไม้บานอีก 1 ห่อ เพิ่งลองทำขอรับ”


   นี่ก็กลวิธีการขายของรติ รู้จักโฆษณาผงสมุนไพรใหม่ๆ ด้วยการให้เป็นของแถมเพื่อทดลอง


   “ขอบคุณมาก เอ้อ...ท่านพอจะแนะนำสมุนไพรที่เหมาะกับการเดินทางไกลๆได้หรือไม่”


   “เดินทางไกล?”


   “ก็...คุณหนูของข้าจะออกเดินทาง ข้าเป็นห่วง กลัวจะไม่สบายระหว่างทาง หากมีผงสมุนไพรที่ช่วยให้นางไม่เจ็บไม่ป่วย ข้าจะได้สบายใจ”


   “คุณหนูของท่าน...เอ่อ...ชื่อ...รสนา?”


   “ใช่ จู่ๆก็มาบอกว่าจะออกเดินทาง จะไปเที่ยวที่ใดสักที่ ไม่ยอมให้มีผู้ติดตาม คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงก็ไม่อยากคัดค้าน” พ่อบ้านปรับทุกข์ มิได้รับรู้ว่ารสนาเคยสร้างรอยร้าวเอาไว้ที่นี่ แม้รติจะหมั่นไส้นางอยู่บ้าง แต่อย่างไรนางก็เป็นสหายของตรัส


   “จะไปเมื่อไหร่หรือ”


   “อีกสามวันข้างหน้า”


   เวลาน้อยเช่นนั้น คงไม่อาจคิดและทดลองทำผงสมุนไพรใหม่ๆได้ทัน แต่รติมิใช่คนบอกปัดอย่างไร้น้ำใจ จึงปฏิเสธอย่างนุ่มนวล


   “ผงสมุนไพรที่ข้ามีตอนนี้ต้องชงด้วยน้ำร้อน หากไม่มีคนต้มน้ำร้อนให้นาง ก็เกรงจะไม่สะดวก แต่อย่างไรจะพยายามคิดดูว่าพอจะทำอย่างไรได้บ้าง”


   พ่อบ้านถอนหายใจอีกเฮือก แล้วจึงโบกมือไปมา


   “เอาเถอะ ไม่ได้เป็นจริงเป็นจังนักหรอก ขอบคุณท่านมากที่รับฟังความเอาแต่ใจของข้า เฮ้อ...คุณหนูของข้าก็ช่างเลือกเสียจริง เลือกแต่เส้นทางลำบาก แต่อย่างไรก็เลือกเองแล้ว ข้าเป็นพ่อบ้านก็ทำได้เพียงเป็นห่วงเท่านั้น”


   
---------

   

รตินั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ที่ตั่งใกล้โต๊ะทำงาน รอบกายมีม้วนเอกสารมากมายเกี่ยวกับสมุนไพรขึ้นชื่อทั้งของเมืองตะวันออกและเมืองอื่น แต่ดูแล้วมิได้สนใจกับสิ่งที่กองอยู่รอบตัวสักนิด


   ตรัสนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน กำลังคำนวนรายรับรายจ่าย แต่ก็มิได้สนใจตัวเลขมากไปกว่าภรรยาที่นั่งคิดสะระตะราวตกอยู่ในภวังค์ ส่วนหนึ่งเพราะบัดนี้บัญชีของสกุลอหัสกรไม่มีติดลบอีกแล้ว อีกทั้งยังมีเหลือเก็บจำนวนมาก เขาจึงไม่เคร่งเครียด อีกส่วนก็เพราะ...เขาอยากรู้ว่าภรรยากำลังคิดอะไร


   นั่งมองอยู่นาน รติก็มิได้มีทีท่าจะออกจากภวังค์เลยสักนิด สุดท้าย เป็นฝ่ายสามีที่ทนไม่ไหว ลุกจากโต๊ะเดินเข้าไปนั่งเคียงข้าง เมื่อนั้นรติจึงคล้ายรู้สึกตัวขึ้นมา


   “ถึงเวลานอนแล้วหรือ?” ดวงหน้าเหรอหรา นอกจากจะเอาแต่จมจ่อมคิดเรื่องใดอยู่บ้างก็ไม่รู้ ยังไม่รู้เวลาด้วย


   “ยังหรอก ข้าเห็นเจ้านั่งเฉย มีเรื่องอะไรให้คิดเยอะนักหรือ”


   “ก...ก็...ข้าคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรให้ผงสมุนไพรชงด้วยน้ำอุณหภูมิปกติได้...”


   รติผู้หัวสร้างสรรค์ ตอนที่ได้ยินพ่อบ้านของรสนากล่าวว่าอยากได้ผงสมุนไพรสำหรับเดินทางไกล เขาก็พลันนึกขึ้นได้ว่าเวลานี้ผงสมุนไพรที่อหัสกรวางขาย และร้านอื่นวางขาย ยังจำเป็นต้องชงด้วยน้ำร้อน หากเป็นน้ำอุ่นต้องคนนานขึ้นอีกหน่อย หรือหากซื้อเป็นซองเยื่อกระดาษสำหรับจุ่ม ก็จำต้องใช้น้ำร้อนอยู่ดี


   เวลานี้ อากาศยังเย็น การดื่มน้ำร้อนย่อมทำให้ร่างกายอบอุ่น แต่เมื่อถึงฤดูร้อน คนที่นี่จะยังนิยมดื่มน้ำร้อนอยู่หรือไม่


   “เอ่อ...คนเมืองตะวันออกขี้ร้อนไหม ยามฤดูร้อน อากาศเป็นเช่นไร”


รติเพิ่งจะเข้ามาอยู่ที่นี่ได้เพียงแค่สองฤดูเท่านั้น ย่อมไม่รู้ทั้งอุณหภูมิ สภาพอากาศและวิถีชีวิต


   “ฤดูร้อน แดดแรง อากาศอบอ้าว สลับกับฝนตกหนัก หากฝนตกก็พอจะเย็นขึ้นมาบ้าง คนที่นี่ชอบอากาศร้อน แต่ฤดูร้อนเราไม่นิยมกินดื่มของร้อน ร้านอาหารในเมืองบางร้านมีวิธีเก็บหิมะในฤดูหนาว เพื่อนำมาทำเป็นขนมหวานเย็นออกขายในฤดูร้อน”


   รติตาเป็นประกาย สนอกสนใจง่ายราวกับเด็กๆ


“ขนมหวานเย็น? เป็นอย่างไร”


“เป็นขนมที่ทำจากหิมะ ใส่ผลไม้หลายชนิด นิยมผลไม้รสเปรี้ยวและหวาน เจ้าน่าจะชอบ ไว้ข้าจะพาไป”


ภรรยายิ้มกว้าง ดวงตาสดใส ดูแล้วเฝ้ารอการมาถึงของฤดูร้อนแล้ว ตรัสเห็นแล้วก็นึกเอ็นดู โอบร่างภรรยาเข้ามาใกล้


“เมืองตะวันออก เรานิยมขนมตามฤดูกาล อย่างฤดูนี้ เรามีขนมทำจากแป้งแล้วปรุงกลิ่นดอกไม้ รสหวานน้อย สมัยก่อนท่านย่าทำบ่อย ทำอร่อยทีเดียว ร่ำๆว่าอยากจะสอนรุจี ไม่รู้นางจะอยากเรียนไหม”


รติมิใช่รุจี แต่พยักหน้าระรัว ตาเป็นประกายวาววับ


“นางอยากแน่นอน!”


ตรัสหัวเราะร่วน หน้าตาสดใส


“เจ้าสิอยาก...อยากกินใช่ไหม”


ดูเหมือนคนถูกหยอกว่าอยากกิน เริ่มรู้ตัว รีบสงวนท่าที แต่สามีภรรยาจะสงวนอย่างไรก็ไม่ทันแล้ว รอยยิ้มและสายตาของตรัสบอกเช่นนั้น


“ไว้ข้าจะพาไปกิน ในระหว่างนี้ หากรุจีสนใจอยากเรียน ก็ให้ท่านย่าสอนนางทำดีไหม”


รติผู้อยากกินขนมประจำฤดูใบไม้ผลิ แม้จะกลืนน้ำลายอึกแล้วอึกเล่า แต่ก็ต้องพยักหน้าอย่างมีชั้นเชิง แม้ดวงตาจะเป็นประกายปิดไม่มิด แต่ก็ต้องสำรวมกิริยา กระนั้นตรัสก็ยังเอ็นดูภรรยาสุดหัวใจ ลูบหลังรติอย่างรักใคร่


“คราวหลังอยากได้สิ่งใดก็บอก เราเป็นสามีภรรยา ไม่ใช่เรื่องต้องปิดบัง”


“ก็ข้าไม่รู้นี่นาว่ามีขนมเช่นนั้น”


ตรัสนิ่งไป เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าภรรยาของเขามาจากต่างถิ่น ทุกวันนี้รติเรียนรู้สิ่งต่างๆในเมืองตะวันออกด้วยตนเอง ในขณะที่เขาเป็นสามีแท้ๆ แต่กลับไม่ได้ให้ข้อมูลเท่าที่ควร


“ข้าพอจะแก้ตัวได้ใช่ไหม”


“แก้ตัว?”


“เจ้ามาจากต่างเมือง ข้าควรจะเป็นหลักให้เจ้า แต่กลับเป็นเจ้าที่ต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง”


“ข้าไม่ใช่ภรรยาที่ช่วยตัวเองไม่ได้ อย่ากังวลเลย” ฝ่ามือของรติแนบลงกับแก้มของสามีอย่างแผ่วเบา


“แต่ข้าก็อยากเป็นสามีที่เคียงข้างเจ้า”


“ก็เคียงข้างแล้วนี่”


“แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเจ้าคิดอะไร”


   คนถูกถามนิ่งไปเล็กน้อย ไม่แน่ใจนักว่าตรัสจะรู้เรื่องที่สหายแต่เยาว์วัยจะเดินทางไกลหรือไม่ หากเขากล่าวเรื่องของรสนาขึ้นมา ตรัสจะพูดเช่นไร


   “ก็...คิดเรื่องผงสมุนไพรที่จะวางขายฤดูร้อน...”


   ยิ่งฟังยิ่งเอ็นดู ตรัสยิ้มน้อยๆ


   “คิดแต่เรื่องงานจริงๆ เจ้าไม่จำเป็นต้องรีบร้อน นี่เพิ่งจะฤดูใบไม้ผลิ ยังมีเวลาอีกมากที่จะคิดถึงฤดูร้อน”


   รติเม้มปาก


เรื่องที่ทำให้เขาคิดถึงการคิดค้นสมุนไพรสำหรับชงโดยไม่ต้องใช้น้ำร้อน หาใช่เพียงเพื่อวางขายในฤดูร้อนแต่แรก แต่...คิดเพราะ...มีใครบางคนกำลังจะออกเดินทาง


   “เอ่อ...อันที่จริง ข้า...คิดเผื่อสำหรับผู้เดินทางด้วย หากเดินทาง แล้วต้องหาน้ำร้อนน้ำอุ่นมาชง ก็คงลำบาก”


   รอยยิ้มของตรัสไม่จางลงสักนิด แล้วเอ่ยชม


   “ช่างคิด”


   “ข้า...เอ่อ...ก็ไม่ได้คิดได้แต่แรกหรอก แต่...แต่ได้ยินมา...”


   คนฟังเลิกคิ้ว มองภรรยาที่พูดจาตะกุกตะกัก


   “อ่า...เพื่อนของท่าน...รสนา...นางจะเดินทางไกล...”


   คราวนี้รอยยิ้มจางลงเล็กน้อย ตรัสไม่ตอบอะไร เพียงพยักหน้ารับรู้


   “เอ่อ...ข้าได้ยินว่านางจะเดินทางในอีกสามวันข้างหน้า ท่าน...จะไปส่งนางไหม”


   “เจ้าอยากให้ข้าไปส่งหรือ”


   “นางเป็นเพื่อนของท่าน...เอ่อ...นางอาจจะทำอะไรเกินเลย แต่ข้าเชื่อว่าเนื้อแท้นางไม่ได้มีจิตใจเลวร้าย มิเช่นนั้นท่านคงไม่เป็นเพื่อนกับนางตั้งแต่เด็ก จริงไหม”


   รติดูออก นิสัยไม่ช่างพูดของสามี ย่อมทำให้มีเพื่อนแต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น ตรัสเป็นคนมีกฎเกณฑ์ เคร่งครัดและเจ้าระเบียบ คนเช่นนี้ช่างเลือก จะคบหาใครนับถือเป็นเพื่อนย่อมต้องผ่านเกณฑ์บางประการ


   รสนาคงผ่านเกณฑ์บางประการของตรัส นางจึงเป็นสหายที่คบหามาตั้งแต่เด็กเช่นนั้น


   “นางอาจจะผิด ที่ทำให้เรา...ผิดใจกัน แต่...ส่วนหนึ่งก็เพราะเราต่างไม่พูดกันด้วย นางทำให้เราเรียนรู้ข้อผิดพลาด”


   “เจ้าให้อภัยนางอย่างนั้นหรือ”


   รติส่ายหน้าไปมา


   “อภัยหรือไม่อภัย อย่างไรนางก็เป็นเพื่อนท่าน อย่าลำบากใจเพียงเพราะข้ากับนางเคยมีเรื่องมีราวกัน”


   ตรัสมองคนพูดด้วยสายตาลึกซึ้ง ไม่รู้ว่าผู้เป็นย่ามีเหตุผลอันใดให้เขาแต่งงานกับรติ แต่วันนี้ เขากลับรู้สึกว่าตนเองโชคดีที่มีภรรยาเป็นรติ


   แม้นิสัยบางอย่างอาจตรงข้าม ทัศนคติบางส่วนไม่ตรงกัน แต่เขากลับรู้สึกว่ารติเป็นความสบายอกสบายใจ เป็นแรงกายแรงใจ เป็นคนที่เมื่อเขาหันกลับมามองข้างกาย รติจะยืนหยัดเคียงข้างเสมอ


   “ข้าโชคดีเหลือเกิน...”


   “หือ?”


   “โชคดีที่ได้เจ้าเป็นภรรยา...” ท้ายประโยคนั้น ปลายนิ้วแตะปลายคางของภรรยาแผ่วเบา ก่อนจะแนบริมฝีปากลงหากลีบปากอย่างนุ่มนวล จุมพิตร้อนบดเบียดเคล้าคลึง สร้างความรัญจวนจนรติต้องขยุ้มอกเสื้อของอีกฝ่าย


   “ตรัส...อ๊ะ!” รติผู้ถูกมัวเมาด้วยสัมผัสร้อนของสามี กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่ถูกอุ้มลอยจากตั่งแล้ว


   “คืนนี้เข้านอนเร็วหน่อยได้ไหม”


ดวงตาของคนถามฉ่ำเยิ้ม ราวกับบอกเป็นนัยว่าแม้เข้านอนเร็ว แต่อาจมิได้นอนเร็ว


   “อุ้มข้าขึ้นมาขนาดนี้แล้ว...ยังจะถามอีกหรือ”


   ใบหน้าขาวของผู้นำสกุลอหัสกรที่แสนยิ้มยาก กลับมีรอยยิ้มเจือที่มุมปาก อุ้มภรรยาแล้วก้าวเท้าไวเข้าไปในส่วนพักผ่อน


   ตะเกียงเทียนในห้องพักผ่อนถูกดับลง


   คืนนี้ สองสามีภรรยาเข้านอนแต่หัววัน...


---------


   ยามรสนากลับมาที่เมืองตะวันออก นางมาอย่างเอิกเกริก ยามนี้นางจะออกเดินทางไปท่องเที่ยว นางก็ย่อมไปอย่างเอิกเกริก


   งานเลี้ยงส่งของนางถูกจัดขึ้นที่เรือน แขกเหรื่อชุดเดิมถูกเชิญมา แต่มีแขกบางส่วนที่ไม่ยอมมา


   เช่น...ตรัส  อหัสกร


   หญิงสาวใจหาย แต่กระนั้นก็มิได้แสดงท่าที พ้นงานเลี้ยงส่งแล้ว วันต่อมาเป็นกำหนดเดินทาง


   เกวียนเทียมม้ารออยู่ที่หน้าเรือนแล้ว รสนาบอกลาบิดามารดาและบ่าวไพร่ พ่อบ้านประจำสกุลถึงกับน้ำตาคลอ ฝากฝังนางหลายสิ่ง นางก็เพียงรับคำพร้อมทั้งทิ้งท้ายว่าเที่ยวจนเบื่อแล้วจะกลับมาให้เห็นหน้า


   กล่าวเช่นนั้นแล้วก็หมุนตัวจะขึ้นรถม้า แต่บุรุษที่ยืนอยู่ไม่ไกลกลับทำให้นางนิ่งชะงัก


   ตรัส


   เขาไม่ได้มาเพียงลำพัง แต่เคียงข้างด้วยภรรยาของเขา สีหน้าของเขาก็ยังคงนิ่งเฉยเหมือนก่อนหน้านี้ แต่กระนั้น...เขาก็ยังมา


   หายโกรธนางแล้วหรือ?


   รสนาอยากถาม แต่ปากหนักไม่ถาม ทว่าก็ยืนนิ่งไม่ขึ้นรถม้า เป็นฝ่ายตรัสและรติต้องเดินเข้ามาหา แล้วยื่นห่อผ้าขนาดย่อมให้นาง


   “ขนมจากเรือนอหัสกร ท่านย่าไม่ได้มาส่งด้วยตัวเอง จึงฝากมา”


   “ขอบใจ แล้ว...ของขวัญจากท่านล่ะ” รสนาถามยียวน สายตาก็ยียวน


แต่ตรัสนิ่งเฉยเหมือนที่เขาเป็นมาตลอดชีวิต


   “ไม่มี ข้ามาเพราะรติมา” หนำซ้ำยังปากร้ายขึ้นด้วย คนถูกอ้างว่าเป็นสาเหตุให้ตรัสมาส่งรสนาถึงกับหน้าตาเหรอหรา


   รสนาเหลือบมองภรรยาของเพื่อนทีหนึ่ง ตั้งใจเพียงแค่จะปรายสายตาอย่างเย่อหยิ่ง แต่กลับเหลือบเห็นร่องรอยบางอย่างที่ต้นคอใต้ปกเสื้อของรติ


   หญิงสาวชะงัก ก่อนจะพ่นลมหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย


   “หากสหายของข้ามีภรรยาเป็นหญิง ข้าจะอวยพรให้มีลูกหัวปีท้ายปี” นางเอ่ย หน้าตายังคงกวนโทโส แต่สิ่งที่กวนโมโหยิ่งกว่าคือเรื่องทายาทที่นางยังคงหยิบยกมาเป็นประเด็น ตรัสจ้องดุ แต่รสนาหาได้ใส่ใจกับสายตาของเพื่อนรัก ยังจับจ้องภรรยาของสหาย


   “แต่ในเมื่อสหายของข้ามีภรรยาเป็นชาย ข้าก็ขออวยพรให้เคียงข้างกันไปจนชั่วชีวิต เป็นคู่ชีวิตของกันและกันตลอดไป” วาจาของนางคราวนี้มิได้ยโสโอหังอีกแล้ว แต่อวยพรจากใจจริง


   หญิงสาวหมุนตัวก้าวเท้าขึ้นเกวียน เมื่อประจำที่แล้ว ปิดประตูลงแล้ว นางก็โผล่หน้าออกมาส่งยิ้มสดใส


   “ตรัส ถ้าเจอกันคราวหน้า ข้าจะไม่หัวเราะเยาะท่านแล้ว”


   รติกะพริบตาปริบๆอย่างงุนงง ในขณะที่ตรัสเองก็ยังคิดตามไม่ทัน แต่รสนาชี้ที่ต้นคอตนเองก่อนจะมองตรงไปยังรติ เพียงเท่านั้น คนถูกมองก็คล้ายจะรู้ตัว รีบดึงสาบเสื้อให้ปิดสูงแทบถึงคาง


   “ไปได้แล้ว” ตรัสหันไปสั่งคนกุมบังเหียน เกรงว่าหากยังปล่อยให้รสนาพูดมาก คราวนี้นางจะมิได้สร้างรอยร้าวในครอบครัวของเขา แต่จะทำให้รติอายจนซุกแผ่นดินหนี


   ม้าเริ่มก้าวเหยาะๆ ในขณะที่เสียงหัวเราะยังดังแว่วมาจากผู้โดยสาร รสนาโผล่หน้าออกมาโบกมือให้ ตรัสทำสีหน้าไม่สบอารมณ์ รติหน้าแดงก่ำแต่ไม่วายขยับปากส่งคำพูดบางประโยคให้หญิงสาว


   ‘ขอให้โชคดี’


   นางนิ่งไปเล็กน้อย รอยยิ้มกว้างกลายเป็นรอยยิ้มจางอย่างอบอุ่น


   ...ขอให้โชคดี...


   นางเองก็หวังให้ทุกคนโชคดีเช่นกัน





---------


#คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต


ธ ม น


THAMON926


---------


ตรัสไม่ปล่อยภรรยาห่างมือเลยค่ะ เดี๋ยวคว้า เดี๋ยวอุ้ม ฝ่ายภรรยาก็ไม่ได้ห้ามปรามนะคะ ไม่รู้ใครเข้าทางใครแบบนี้ ฮ่าฮ่า


ขอบคุณสำหรับทุกการอ่านนะคะ


ป.ล. เรื่องนี้ลงทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ ตอนเย็นๆค่ะ ถ้าว่างๆ แวะมาเป็นกำลังใจให้สองสามีภรรยาที่เริ่มต้นด้วยการเป็นคนแปลกหน้า แต่ตอนนี้...เป็นสามีภรรยากันแล้วจริงๆค่ะ ฮ่าฮ่า



ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :sad11:

:ซาบซึ้ง คนเรามีข้อดีข้อเสียเนาะ
 :L2: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ตรัสเปลี๊ยนไป

รติ..ก็ด้วย
ฮ่าฮ่า

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ Caramel Syrup

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
ขอให้โชคดีทุกคนค่ะ  :L2:

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
พอเปิดอกเปิดใจคุยกัน อะไรๆก็ง่ายขึ้น

ยังรอเฉลยโรคของรติว่าเป็นอะไร รึเป็นโรคธรรมมดา

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด