☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่28…เล่นบอลนะครับ! 19/12/63
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่28…เล่นบอลนะครับ! 19/12/63  (อ่าน 22385 ครั้ง)

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
เอ่อมมม แก๊งอีน้องฤกษ์มีใครเต็มบ้าง 5556

ออฟไลน์ Heroyj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชอบมนุษย์แบบน้องฤกษ์  :mew1:

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
เจรจากันไปถึงไหนแล้วมาขยายความให้รู้ที มันค้าง
มาต่อบ่อยๆนะ ตอนนี้น้องฤกษ์เยียวยาจากโควิค19ได้เยอะเลย

ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
ตลกน้อง เจ้าก้อน อยากบีบมาก หมันเขี้ยว

ออฟไลน์ ΩPRESTOΩ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 352
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-1

ชอบความน้องฤกษ์
อึนๆงงๆกันไปค่ะ
น่ารักมาก


ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ 11:11

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-1
12…น้ำตาของพี่ชาย







          เสียงตะโกนโหวเหวกของเจ้าพวกเด็กประถมสามสี่คนตะโกนแข่งกับเสียงน้ำจนลั่นไปทั่วบริเวณน้ำตก ร่างเล็กเจ้าของรอยยิ้มสดใสค่อยๆปีนลัดเลาะขึ้นไปตามความสูงของโขกหินก่อนจะตีลังกากระโดดลงมาเป็นที่สนุกสนาน พอเล่นจนหมดแรงเจ้าของร่างเล็กก็ปีนขึ้นไปนั่งเล่นบนโขดหินเล็กๆริมฝั่งพลางหยิบข้าวต้มมัดที่ห่อมาจากบ้านนั่งเคี้ยว แจ๊บๆ อย่างสบายอารมณ์ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นร่างของใครอีกคน กำลังนอนแช่น้ำอยู่อีกฝั่งของโขดหินใหญ่ที่กั้นระหว่างฝั่งเขากับคนที่นอนอยู่ ถ้าเขาไม่ปีนขึ้นมานั่งตรงนี้ก็คงจะไม่เห็น 'เล่นคนเดียวจะไปสนุกอะไร'


         คิดได้ดังนั้นเจ้าร่างเล็กก็ค่อยๆย่องเข้าไปหาร่างที่นอนถอดเสื้อแช่น้ำนิ่งสงบไม่ไหวติ่ง พอถึงตัวก็นั่งจ๋อมลงใกล้ๆร่างตรงหน้า ตากลมมองสำรวจอย่างสนใจ สูงก็สูง จมูกก็โด่งมาก คิ้มก็เข้มมาก ขนตายาวจัง ทำไมหน้าตาดีอย่างนี้นะ โอ้โห เสียบสายหูฟังฟังเพลงไปด้วย โดนน้ำอย่างนี้ไฟไม่ช็อตเหรอว้า มองตามสายหูฟังก็เจอไอ้เครื่องเล็กๆที่มือเจ้าของร่างตรงหน้าถืออยู่ใต้น้ำ โห แช่น้ำได้เลยเหรอ มันจะฟังได้จริงเหรอ ร่างเล็กพึมพำกับตัวเองอย่างสนใจ


พรึ่บ


        ร่างสูงตรงหน้าลืมตาขึ้นมาอย่างกระทันหันจนเจ้าร่างเล็กสะดุ้งโหยง ตากลมสบเข้ากับตาคู่คม ก่อนเจ้าร่างเล็กจะพึมพำกับตัวเองเบาๆ 'ตาสวยจัง' เจ้าของตาคู่คมมองมานิ่งๆอย่างไม่เอ่ยอะไรออกมา


"ไปเล่นด้วยกันไหม" เอ่ยปากชวนพร้อมรอยยิ้มสดใสแต่คนตรงหน้าก็เอาแต่จ้องมอง


"เล่นอยู่คนเดียวไม่สนุกหรอก ถ้าเบื่อก็ไปเล่นกับเราตรงนู้นนะ" เจ้าร่างโปร่งพูดทิ้งท้ายพร้อมกับโบกมือบ๊ายบาย แล้วผละจากไปเพราะเพื่อนฝั่งนู้นเรียกไปตีลังกาต่อแล้ว




"พี่!! กลับบ้าน ยายให้มาตาม"


        เล่นไปได้สักพักเจ้าน้องตัวแสบของเขาก็มาตะโกนแย้วๆ ให้กลับบ้าน  ร่างเล็กได้แต่ทำหน้างอบอกลาเพื่อนๆแล้วเดินไปหาเจ้าน้องตัวแสบ จะไม่กลับก็ไม่ได้ ยายเขาเนี่ยะตีเจ็บมาก


        ก่อนจะกลับสายตาก็ยังเห็นร่างคุ้นตานอนนิ่งแช่น้ำอยู่ที่เดิมไม่ไหวติ่ง หลายชั่วโมงแล้วนา… นอนนิ่งๆเฉยๆไม่หนาวหรือไง คิดได้ดังนั้นก็เดินเข้าไปหาร่างตรงหน้า นั่งจ๋อมลงข้างๆอีกครั้ง ก่อนจะเอามือสะกิดร่างตรงหน้าเบาๆ ตาคมลืมขึ้นอีกครั้งพอเห็นว่าเป็นใคร คราวนี้ก็เลยลุกขึ้นมานั่งตัวตรง ร่างเล็กยื่นถุงข้าวต้มมัดให้ที่มีอยู่สามสี่ห่อ คนตรงหน้าไม่ยื่นมือมารับ เจ้าตัวเลยถือวิสาสะจับมือคนตรงหน้ามารับไว้แกมบังคับ เพราะคิดว่าเขาคงเกรงใจที่ไม่รับ


"เห็นเล่นมาตั้งนานแล้วไม่ขึ้นสักที เผื่อหิวเอาไว้กินนะ ยายเราทำเอง โคตรอะไรเหาะอ่ะ"


"....."


"แล้วถ้าชอบ อยากกินอีกก็ไปเอาได้นะ บ้านเราอยู่ตรงนี้เองข้างๆรีสอร์ทอ่ะ เป็นสวนมะขามหวาน พรุ่งนี้มาเล่นด้วยกันนะ"


        เจ้าร่างเล็กชี้ไม้ ชี้มือ ไปข้างรีสอร์ทอยู่หลายรอบ เสร็จแล้วก็ลุกเดินจากไป พรุ่งนี้เขาหาเพื่อนเล่นได้แล้ว เย้ ไอ้เจ้าเพื่อนพวกนั้นพรุ่งนี้ก็กลับบ้านกันแล้วเซ็งเลย เล่นด้วยกันไม่กี่วันเอง เฮ้อ เพื่อนของร่างเล็กที่เล่นด้วยกันวันนี้ก็เป็นลูกค้าที่มาพักของรีสอร์ทแห่งนี้ล่ะ น้ำตกที่เขาชอบมาเล่นก็อยู่หลังรีสอร์ทนี่เอง ตรงที่เขาอยู่เป็นภูเขา มีต้นไม้เยอะแยะเต็มไปหมด เพราะส่วนมากเป็นบ้านสวน บ้านหลังหนึ่งก็ล้อมรอบไปด้วยพืชผลไม้ที่ปลูกตั้งหลายไร่ เพราะอย่างนี้บ้านเพื่อนของเจ้าตัวเล็กกับเจ้าตัวเล็กก็เลยห่างไกลกันคนละโยชน์ ไม่มีเพื่อนเขาก็เซ็ง พี่คนสูงๆคนนั้นเขาจะพักอยู่นานไหมนะ พรุ่งนี้เขาจะมาไหมนะ









"ฤกษ์"


"...."


"ฤกษ์ ถึงแล้ว"


"...."


"ลืมตา"


"พี่…"


"......"


"ฤกษ์"



เฮือก!!



        ร่างกายรู้สึกเหมือนร่วงหล่นลงจากที่สูง ความรู้สึกเหมือนทั้งร่างสะดุ้งเฮือกและลืมหายใจชั่วขณะ แต่ร่างกายไม่ได้รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่น้อย ผมลุกขึ้นมานั่ง งงๆ ปรับระดับลมหายให้เป็นปกติ ปรับโฟกัสสายตาที่มัวๆอยู่สักพัก ผมน่าจะหลับไปนานเลยล่ะ หลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราว อาจเป็นเพราะหลายคืนที่ผ่านมาผมไม่ค่อยได้นอนเพราะมัวแต่คิดบ้าๆบอๆ ถ้าพี่แสงขับพาไปปล่อยป่านี่กูร้องไห้จริงๆนะ มานั่งหน้าแทนที่จะช่วยพี่เขามองทางดันหลับเหมือนไหลตาย เฮ้อๆ กูหนอกู


        หันไปมองภายในรถตอนนี้ว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่ในรถเลย แม้แต่ที่นั่งคนขับก็ยังว่างเหลือเพียงผมคนเดียวในรถ หันไปเปิดประตูจะลงรถก็พบว่าประตูได้เปิดไว้แล้ว ร่างสูงคุ้นตายืนจ้องมองมาที่ผมเงียบๆ ผมเงยหน้าสบตาพี่เขา ดวงตาคมเทาหม่นคู่สวยคู่นี้ เหมือนที่เห็นในฝันเลย ในโลกนี้จะมีสักกี่คนกัน...แต่ก็แค่คล้าย


"ถึงมหาลัยแล้ว"


"ครับ ถึงนานหรือยังอ่ะ ผมหลับสนิทเลย"  ผมถามด้วยท่าทางอึนๆของคนพึ่งตื่นนอน


"ถึงสักพักแล้ว อย่าขยี้ตาแรง เดี๋ยวตาจะอักเสบ" พี่ราล์ฟทำเสียงดุ


"ค้าบๆ คุณหมอ ไอ้พวกเพื่อนๆผมพวกนี้ทิ้งผมไปกันหมดเลย เฮ้อ เซ็ง" ปลุกกูสักหน่อยก็ไม่ได้ ทิ้งให้ผมอยู่กับพี่ราล์ฟอีกต่างหาก แอ่ะ!


"โฟกัสแค่คนที่อยู่ตรงหน้าก็พอ"


        สายตาคมจ้องมองจนผมที่เป็นฝ่ายที่ถูกจ้องต้องหลบสายตาหนี หัวจงหัวใจผมนี่รวนไปหมดแล้วใครมาเจอสายตาคำพูดแบบนี้ต่อให้เป็นผู้ชายนี่ต้องมีเป๋อ่ะ คือ...ผมก็ไม่อยากจะเข้าข้างตัวเองนะ แต่พี่มึงนี่จีบกูอยู่เปล่าวะ หรือแค่พูดเฉยๆตามประสา แบบไม่ได้คิดอะไร จะถามก็ไม่กล้ากลัวจะหน้าแหก กับคนอย่างผมเนี่ยนะ ไม่ม้างงงง


"เอ่อ…เอ่อ เอ้อ ผมว่าจะถามนานละ พี่เอาถุงอะไรให้หลวงพ่อเมื่อตอนเช้าอ่ะ" กูขอเปลี่ยนเรื่อง


"ยาโรคกระเพาะน่ะ อยากรู้ก็น่าจะถามตั้งแต่ตอนนั้นไม่ใช่มัวแต่วิ่งหนี"


"ผม ผมมีธุระเหอะพี่ ไม่ได้หนีสักหน่อย"


"หึๆ"


"งั้นผมไปเอากระเป๋าก่อนนะครับ"


        เดินเลี่ยงมาเอากระเป๋าที่รถบัสก้มมองดูนาฬิกาเที่ยงคืนกว่า เฮ้อ โคตรดึก ก้มอ่านข้อความกลุ่มในแอปสีเขียว ที่พึ่งสมัครใหม่ไปเมื่อไม่กี่วันก่อนเพราะเปลี่ยนเบอร์ ไอ้ปัดรีบกลับเพราะมีธุระด่วนที่ร้าน(เป็นธุรกิจที่บ้านมัน) ไอ้มังกรไปทำหน้าที่ประธานรุ่นเช็คชื่อเพื่อนอยู่ใต้ตึก ไอ้นกพาลำไยไปหาหมอ เพราะพวกมันรู้อยู่แล้วว่าน้องผมจะมารับก็เลยสลายตัวเร็ว ผมอ่านเสร็จก็ได้แค่ตอบพวกมันกลับไปสั้นๆ


'ไอ้สัส ไม่ปลุกกู'


'กูจะปลุกแล้วแต่พี่ราล์ฟเขาบอกเดี๋ยวปลุกให้' ไอ้นกพิมพ์ตอบกลับมาพร้อมกับส่งสติ๊กเกอร์รูปตัวการ์ตูนสงสัย


--> ไอ้ลำไยสมทบมาอีกตัว


 -->ไอ้ตี๋ตามมาด้วยสติ๊กเกอร์การ์ตูนหัวเราะหึๆ อย่างมีเลศนัย


-->ไอ้ปัดพิมพ์ตอบมาสั้นๆแต่จบ 'ฟวย'


ป่ะ!! แยกย้าย




"กลับยังไง" เสียงคุ้นเคยถามขึ้น ผมเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอโทรศัพท์ หันไปหาพี่ราล์ฟที่มายืนอยู่ด้านหลังตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่ยักรู้ พี่เขาเดินตามผมมาเหรอวะ


"น้องมารับครับ"


        ผม ผมไม่อยากจะคิดแล้วนะเว้ย คำพูดเมื่อตอนเช้าของคนตรงหน้าผมยังจำได้เกือบทุกประโยค 'ก็รับผิดชอบมาตั้งนานแล้ว คำขอโทษไม่อยากให้เพราะตั้งใจ' ผมยอมรับว่าตกใจและตั้งตัวไม่ทันจึงวิ่งหนีออกมาทั้งอย่างนั้น ที่ผ่านมาก็มีทั้งชายและหญิงเข้ามาบ้าง แต่ก็ต้องยอมรับอีกนั่นล่ะครับว่าผู้ชายจะเยอะกว่า อันนี้ผมไม่ซีเรียส เพราะไม่ว่าใครก็ตามผมก็วางตัวเป็นเพื่อนได้หมด ผมก็เป็นของผมอย่างนี้ไม่เคยคิดถึงเรื่องรักๆ ใคร่ๆเลย

        แต่ ณ ขณะนี้ คนตรงหน้าที่ไม่รู้ว่าต้องการอะไร คำพูดกำกวม การกระทำแปลกๆ แต่มีผลต่อความรู้สึกอยู่ลึกๆ รอบกายของเขามีผู้หญิงสวยๆล้อมหน้าล้อมหลังไม่ขาดสาย เบื้องหลังความหล่อนั้น คือ ความเก่ง ความฉลาด อาชีพการงานที่ดีในอนาคต ฐานะที่ดีถึงขั้นมหาเศรษฐี ต่างกับผมราวฟ้ากับดิน ผมไม่เข้าใจว่าพี่เขาต้องการอะไร ผมคิดว่าผมไม่มีอะไรอย่างที่เขาต้องการหรอก นอกจากความเป็นรุ่นน้อง และอีกสิ่งหนึ่งที่ผมไม่เข้าใจ ทำไมตัวผมเองถึงเอาแต่หลบ ไม่เป็นตัวของตัวเองเลย แค่สบตาก็มีอะไรแปลกๆประทุอยู่ในอก ดวงตาคู่สวยคู่นั้น


"เป็นอะไรหรือเปล่าดูเงียบๆผิดปกติ" เฮ้อ ก็เพราะพี่มึงนั่นล่ะที่ทำให้เบลอๆอย่างนี้ พี่ราล์ฟยื่นมือจะมาแตะหน้าผากแต่ผมถอยหนีอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ


"กลัวพี่?"


"เปล่าครับ ผม...ผมแค่ตกใจ" ผมอยากจะทำตัวให้ถูกเหมือนที่เคยผ่านมา แต่กลับพี่ราล์ฟผมทำไม่ได้เลยผม...ผมทำตัวไม่ถูก


"...." พี่ราล์ฟยืนนิ่งลดมือลง ผมมองไม่เห็นสายตาของพี่เขา เพราะตรงที่ผมยืนอยู่ค่อนข้างมืด


"พี่หิว…." กำลังจะถามว่า 'พี่หิวไหม ไปกินข้าวกันระหว่างรอน้องผมมารับ' เพราะหน้ามหาลัยมีร้านอาหารโต้รุ่ง แต่ก็ไม่ทันได้ถามออกไป


"ราล์ฟคะ กลับกันเถอะค่ะ" พี่ลลินเดินเข้ามากอดแขนพี่ราล์ฟอย่างคนสนิท ผมยกมือไหว้พี่เขาเมื่อเขาหันมามอง


"อ้าว น้องฤกษ์กลับยังไงคะ" พี่ลลินถามน้ำเสียงอ่อนโยน


"น้องมารับครับ"


"กลับบ้านปลอดภัยนะคะ พี่ขอตัวพี่ราล์ฟนะ"


"ครับๆ"


"ราล์ฟคะ กลับกันเถอะค่ะ"


"...."


        พี่ราล์ฟพยักหน้าก่อนจะหันหลังเดินออกไปพร้อมกับพี่ลลิน ผมมองตามทั้งสองร่างที่เดินไปขึ้นรถซุปเปอร์คาร์หรูสีขาว กระทั่งพวกพี่เขาขึ้นรถแล้วผมก็ยังยืนมองอยู่อย่างนั้น เหมือนดวงตาของผมตอนนี้ไม่ได้มีผมเป็นเจ้าของ เหมือนมันทำตามคำสั่งของอะไรสักอย่าง ไม่รับฟังสมองที่พยายามสั่งให้มองไปทางอื่น ทว่าก็ยังต้องแอบเหลือบไปมองอยู่ทุกขณะ เขาทำอะไรอยู่ในรถกันนะ ทำไมถึงยังไม่ไปสักที



ปริ๊นๆๆๆๆๆๆ


 

        เสียงบีบแตรรถดังสนั่นหวั่นไหวเรียกสติผมให้เข้าที่เข้าทางอีกครั้ง ผมหันกลับไปมองก็แทบเข่าทรุด!? พี่เพชรกับพี่บุญกับสภาพมอเตอร์ไซค์ของร้านและพ่วงด้วยรถไสต่อท้าย โดยมีพี่บุญที่นั่งซ้อนท้ายนั่งทับเอาไว้ ไอ้เชี่ย เอาถังมาคลุมหัวกูที


"คิดถึงว่ะ หายหัวไปตั้งหลายวัน" พี่บุญเอ่ยทักทั้งที่ยังอยู่บนรถและเดาว่าคงจะไม่ลง


"ไหนว่าไอ้เทียนมันจะมารับผมอ่ะ แล้วเอารถเชี่ยไรมาเนี่ย" กูเหนื่อยจริงๆนะวันนี้


"มันยังไม่กลับเลย เห็นว่ารุ่นพี่ให้ซ้อมอะไรเนี่ยล่ะยังไม่เสร็จ" พี่เพชรตอบ


"รถยนต์ที่ร้านสตาร์ทไม่ติดอ่ะดิ ก็เลยเอารถซิ่งมารับมึงเนี่ย จะให้นั่งรถกลับเองก็เปลืองเงินน่า" พี่บุญเสริม


"พี่ก็ขับมารับผมคนเดียวก็ได้จะพ่วงรถไสมาไมเนี่ย"


"ก็กูกลัวมึงเอาของมาเยอะนี่หว่าใครจะคิดว่ามีของนิดเดียว เร็วๆอย่าเรื่องมากพวกกูยังทำงานที่ร้านไม่เสร็จ" 


        ไอ้พี่เพชรเร่ง ผมโยนเป้ขึ้นรถไสอย่างเซ็งๆก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่ง รอบตัวผมมีเสียงแซวจากเพื่อนร่วมคณะมาไม่ขาดสายเกี่ยวกับรถซิ่งของผม ถามว่าอายไหม กูชินแล้วครับ!!


"เฮ้ยๆไปส่งพวกกูด้วย" ไอ้เชี่ยพี่อิฐกับพี่ม่านฟ้าวิ่งแท่ดๆ มากระโดดขึ้นรถไสผมโดยไม่ขออนุญาตผมสักคำ โอ้ย รถไสกูจะพังครับ


"ไปส่งพวกพี่ที่คอนโดพี่หน่อย" พี่ม่านบอกแกมบังคับ


"พี่จะให้พวกผมขับรถไสไปคอนโดพี่ม่านฟ้าเนี่ยนะเขาจะให้พวกผมเข้าเหรอ"


"เออน่าแค่ยื่นหน้าไอ้ม่านออกไปก็เข้าได้แล้ว ไปๆกูง่วง" ไอ้พี่อิฐบอกปัด คิดดูสิครับรถไสผมก็คันเล็กนิดเดียวมีผู้ชายตัวโตสามคนมานั่งเบียดกัน เชี่ยไรเนี่ย บ้านก็โคตรจะรวยเสียตังค์ค่าแท็กซี่นี่จะตายกันหรือไง ฮ่วย! แล้วไอ้พี่ม่านฟ้าไม่รักษาภาพพจน์ความเป็นซุปตาร์อะไรเลยหรือไงวะ เอ้อ ผมเคยบอกไปหรือยังว่าพี่ม่านฟ้าเป็นดาราดัง ผมว่าเคยบอกไปแล้วนะ (คนอ่าน-->ยัง!!) ถ้าพี่ม่านฟ้าไม่ติดงานนะ ไอ้พี่อิฐคงไม่ได้เป็นเดือนอย่างทุกวันนี้

 

        พวกผมนั่งตะโกนโหวกเหวกโวยวายกินลมชมวิวไปเรื่อยเพราะรถขับเร็วไม่ได้ มีพี่บุญบ่นเป็นระยะๆว่าให้พี่เพชรขับช้าๆ เพราะรถไสที่นั่งทับหนีบตูด ผมว่ากว่าจะถึงบ้านอาจมีหนีบกางเกงขาด รถผ่านไปมาก็มีแต่คนมอง เสือกติดไฟแดงอีกต่างหาก พลันสายตาผมก็เหลือบไปเห็นรถหรูคันคุ้นตาที่จอดติดไฟแดงอยู่ข้างๆ ซุปเปอร์คาร์กับรถพ่วง ความแตกต่างที่ไม่แม้แต่จะกล้าเทียบ กระจกติดฟิล์มทึบดำสนิท พยายามมองเท่าไหร่ก็มองไม่เห็นข้างใน พี่เขาจะเห็นผมหรือเปล่าวะ


        ผมไม่ชอบความรู้สึกตัวเองตอนนี้เลยว่ะ ไม่ชอบเลยจริงๆ ไม่รู้จะอธิบายยังไง เฮ้อ แต่ช่างเหอะ เดี๋ยวก็ไม่ค่อยได้เจอกันแล้ว เขาก็อยู่ส่วนเขา ผมก็อยู่ในส่วนของผม ไฟเขียวแล้ว รถหรูข้างๆออกตัวเร็วอย่างไม่เห็นฝุ่น แต่รถผมต้องบิดแล้วบิดอีกกว่ารถจะเคลื่อนที่ เฮ้อ กูถอนหายใจหลายรอบมาก


"ไอ้เหี้ย!!! ด่าน" พี่เพชรตะโกนลั่นเมื่อขับมาได้สักพัก


        ไอ้พี่เพชรพยายามจะเลี้ยวรถกลับ แต่พี่แกคงลืมว่าตอนนี้กำลังขับรถพ่วงท้าย มันจะกลับรถได้เหมือนมอเตอร์ไซค์ทั่วไปได้ไงละโว้ย


"ไอ้เพชรอย่าเลี้ยวมันหนีบตูดกู"


"เขาไม่จับหรอกเราขับช้าจะตาย" ไอ้พี่อิฐ


"คนขับใส่หมวกกันน็อคนี่ กลัวไร" ไอ้พี่ม่านมึงสอบใบขับขี่ผ่านมาได้ไง


ไอ้สัส พ่อกูโบกรอเลย บอกว่าจะประหยัดค่ารถกันเป็นไงละคราวนี้ เรียกแท็กซี่ยังไม่เสียเยอะขนาดนี้อ่ะผมว่า  โอ้ย กูเหนื่อย ต้องเสียกี่พันวะเนี่ย ประหย้ด ประหยัด พ่องงง







ณ หลังตึกเรียนศิลป์




        ผมฟุบหน้านอนสลบไสลอยู่ตรงโต๊ะม้าหินอ่อนหลังตึกคณะ วันนี้ผมมีเรียนเช้าต้องฝืนสังขารตื่นขึ้นมาแต่ไก่โห่ เมื่อยครับ เมื่อคืนกว่าจะได้นอน ไอ้น้องตัวดีผมยังไม่เห็นมันเลยเมื่อคืนก็ไม่มารับ ตอนเช้าก็ออกบ้านแต่เช้า ตื่นมาก็ไม่เห็นละ ไม่รู้ว่ารีบอะไรนักหนา


"มึง คืนนี้มีประกวดเดือนมหาลัยไปป่ะ" ไอ้นกถามขึ้น


"ไม่ชวนกูก็ไปอยู่แล้วป่ะ" ลำไยละจากการเขียนคิ้วมาตอบ


"ปีนี้คณะเราใครเป็นเดือนดาว" ไอ้มังกรถาม


"ถ้าเป็นเดือนก็น้องเปา น้องรหัสไอ้ปุ้ม ส่วนดาวน้องแคร์น้องรหัสไอ้ต๊ะ" รู้ทุกอย่างยกเว้นข้อสอบนะมึงอินก


"น้องรหัสมึงอ่ะที่จริงเกือบจะได้เป็นแล้วนะอิฤกษ์ แต่น้องเขาไม่ว่างทำกิจกรรมเลยว่ะ เห็นว่าทำงานพาร์ทไทม์" ไอ้ลำไยบอก


"เออ น้องรหัสกูใครวะ?"


"หาสิเว้ย มาถามหาง่ายๆได้ไง อ่ะ กูจะใบ้ให้สักนิดน้องอยู่เซคสาม" ไอ้นกคนใจร้าย


"เอ้อ ถามแค่นี้ก็ไม่ได้" กูจะรู้ได้ไงวะ เดี๋ยวเถอะ อย่าให้ต้องใช้วิธีไอ้ฤกษ์นะเว้ย


"อินกกูได้ยินมาว่าเดือนคณะประมงปีนี้ มงลงสุดๆ"


"เขาว่าหล่อมากกกก มีดีกรีเป็นนักกีฬามวยเยาวชนด้วยอ่ะมึง ตัวเต็งเลยมึง แต่ถ้ายังเรียกกูนกอีก กูตบปากนะ"


        ผมนอนพักสายตาฟังพวกมันเม้าท์มอยเรื่องประกวดเดือนดาวไปเรื่อย มหาลัยเขาประกวดดาวเดือนแต่พวกมันพูดเหมือนมีแค่การประกวดเดือนอย่างเดียว เอียงกว่าคนเมาก็พวกมันสองตัวนี่ล่ะ มีไอ้มังกรนั่งกินโจ๊กสำเร็จรูปอยู่ข้างขวา ส่วนไอ้ปัดโดนเรียกให้ไปเป็นพี่เลี้ยงน้องเดือนตั้งแต่เช้า ผมว่าแม่งไปยืนกดดันน้องเปล่าๆ แค่นึกภาพไอ้ปัดคนถ่อยมันจะไปดูแลน้องๆผมก็สยองแล้ว


"เห็นว่าได้ถ่ายรูปลงปกนิตยาสารวัยรุ่นชื่อดังด้วย เล่มล่าสุดเลยมึง"


"จริงดิ มึงเสริชหาด่วนๆเลยลำไย กูอยากเห็น"


"แป๊บๆ กูว่าจะดูตั้งแต่เมื่อวานที่ได้ข่าวละ ลืมเลย"


"พวกมึงให้มันเบาๆหน่อย ไม่เชียร์คณะตัวเองแล้วก็ไม่ต้องเชียร์คณะอื่นเกินหน้าเกินตา ระริกระรี้กันจนน่าเตะ" ไอ้ตี๋เริ่มหมันไส้


บรื้น~ ~ ~


        คณะผมมีใครขับรถพวกท่อดังๆแบบนี้ด้วยเหรอ แต่เสียงรถแม่งก็คุ้นๆอยู่นะ


"เฮ้ยมึง!! นี่มัน อิเบิร์ดมึงมาดูนี่!!"


"เฮ้ย!!!"



        ผมถูกมือปริศนาผลักหัวเบาๆ จึงเงยหน้าขึ้นมองว่าเป็นใคร ไอ้ปัดนี่เอง มันชี้มือไปทางด้านหลังตัวเองก่อนจะนั่งลงคว้าโจ๊กถ้วยที่สามของไอ้ตี๋ไปกินหน้าตาเฉย ผมเห็นร่างคุ้นตาเดินตามไอ้ปัดมาติดๆ


"เจอเด็กหลง" ไอ้ปัดพูดเสริมหลังจากแดกโจ๊กไปสองคำ


        ผมมองร่างตรงหน้าอย่างตกใจ รองเท้าผ้าใบตามสไตล์เท่ๆ กางเกงยีนส์ดำขาดเข่า เสื้อนักศึกษาหลุดรุ่ย เนคไทถูกคลายปมให้หลวม มีเข็มคณะประมงปักอยู่ เฮ้ยๆๆ


"สามี!!/ทูนหัวของพี่" ลำไยกับไอ้นกแหกปากลั่น


"สวัสดีครับ" มันยกมือไหว้เพื่อนๆผมพร้อมกับผลักผมให้ขยับที่ให้นั่ง ก่อนจะวางพวกถุงของกินไว้กลางโต๊ะ กูนี่สตั๊นท์ไปแล้ว


"เจออยู่ในห้องซ้อมตัวดาวเดือนเลยพามาให้ตกใจเล่น" ไอ้ปัดเอ่ยด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์


"ไอ้เชี่ย!! นี่คืออะไร มาอยู่นี่ได้ไง แล้วทำไมใส่เสื้อนักศึกษามีเข็มคณะประมงอีก ทำไมไม่ไปโรงเรียน!!"


"ใจเย็นฤกษ์ ก็มาเรียนอยู่นี่ไงไม่เห็นเหรอ"


"อ้าว ไมมาอยู่มหาลัยล่ะ"


"ก็สอบติด มหาลัยนี้ให้ทุนเลยเรียน"


"เอ่อ... ปีนี้อยู่ม.6ไม่ใช่อ่อ"


"ปีที่แล้วอยู่ ม.6"


"เดี๋ยวๆนะ นี่ขนาดปีเรียนน้องมึงยังจำผิดเหรอวะ" ไอ้มังกรเริ่มขยี้


"น้องจะเข้ามหาลัยแล้วเสือกไม่รู้เรื่อง" กูเบะปากแล้วไอ้สัส ถ้าไม่หยุดนี่กูร้องแล้วนะ


"ก็...ก็ เมื่ออาทิตย์ก่อนวันเปิดเทอมยังเห็นใส่ชุดม.ปลายอยู่เลย"


"สั่งชุดกับทางมหาลัยแต่ชุดมาช้าเลยใส่ชุดม.ปลายไปก่อน แล้วร้องไห้ทำไม"


"รู้สึกผิดอ่ะ ขอโทษอ่ะ ไม่รู้เลย บอกกันมั้งดิวะ"


"แค่อยากแกล้งเฉยๆ"


"ฮ่าๆๆๆๆ"


"หัวเราะทำเชี่ยไรกัน มึงไม่เห็นเหรอว่ากูเจ็บปวดแค่ไหนในวันนี้"


"ประสาท!!"


แอ่ะ!!


"น้องเทียนอันนี้พี่อยากรู้" ไอ้นกยื่นโทรศัพท์มาให้ไอ้เทียนดูแต่ผมไม่ยักเห็นดูไรกันวะ


"น้องรู้จักคนข้างๆนี่ด้วยเหรอ"


"เพื่อนผมตั้งแต่ม.ปลายแล้ว ตอนนี้ก็อยู่คณะเดียวกัน"


"ไอ้เชี่ย โลกแม่งกลมเกิ๊น" ไอ้นกสบถลั่น


        ด้วยความอยากรู้เลยคว้าเอาโทรศัพท์ที่กำลังมุงดูรูปกันอยู่มาดู รูปที่ปรากฎในสายตาผมคือ รูปหน้าปกนิตยสารชื่อดัง พึ่งวางขายเมื่อสามวันก่อน หน้าปกโทนสีเข้มดำเทา มีรูปผู้ชายหน้าตาดีสองคนอยู่บนปก แต่งตัวด้วยชุดสไตล์วินเทจเสื้อโดนแหวกจนเห็นซิกแพคเป็นรอน เพราะว่าแต่งหน้าจนดูแปลกตาออกไปทำให้ต้องเพ่งอยู่นานว่าใคร ข้างขวานี่น้องชายผมถ้าไม่สังเกตผมคงจำไม่ได้ ส่วนข้างซ้ายนี่…ใครวะ?คนที่ใส่หมวกปิดหน้า หน้าคุ้นๆ


"จะเป็นดาราไม่บอกพี่เลยนะ มาเซ็นให้พี่ก่อนเลยเดี๋ยวดังแล้วเข้าถึงตัวยาก" ไอ้ลำไยยิ้มจนปากจะฉีกละมึง


"เปล่าครับ เพื่อนผมมันเป็นนายแบบอยู่แล้วพอดีนายแบบอีกคนมาไม่ได้ หาคนไม่ทันมันเลยให้ผมช่วย" ทีกับเพื่อนพี่มึงนี่ตอบย๊าวยาว


"หล่อมากเลยอ่ะน้องเทียนของพี่ แล้วคนข้างๆไปไหนซะแล้วล่ะ" ไอ้นกถามหาใคร


"กำลัง…."


"พี่~~~~~คิดถึงจังเลย หวาดดีค้าบบบ"


"น้องรักษ์!!!!!!"


"ไอ้เด็กเปรต!!"
















♡ได้โปรดเข้าใจในความไร้สติของเจ้าฤกษ์ด้วยค่ะ


♡♡ส่วนความพี่หมอนั้นได้โปรดรอสักนิด (หึๆ) :hao5: :hao5:








« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-12-2020 22:48:17 โดย 11:11 »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
เอ่อมม เด้ยวนะ อีฤกษ์น้องมึงเข้าปี 1 แระ มึงนี้นะ 55555

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ทำไมพี่หมอราล์ฟยังปล่อยให้สาวๆวนเวียนอยู่รอบตัวไม่นึกถึงใจน้องฤกษ์เลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Heroyj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มีตัวป่วนเพิ่มขึ้นมาอีกแล้ว น่าสนุก รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ tsuyu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2

ออฟไลน์ 11:11

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-1
13…ไปส่งอีกแล้ว




"เออ ถึงแล้วกำลังเดินเข้าไป"


          ผมกดวางสายไอ้เพื่อนนกที่อยากเป็นเบิร์ด มันโทรตาผมยิ๊กๆตั้งแต่นั่งแบ่งขี้อยู่ที่บ้าน เพราะว่ามันคิดถึงผม...ใช่ที่ไหนล่ะ!? ตลับแป้งยี่ห้อดังที่มันฝากผมซื้อก่อนมาถึงมากกว่า มันให้แบงค์พันผมมาตั้งหลายใบ แค่แป้งทาหน้าต้องแพงขนาดนี้ป่ะวะ ยี่ห้ออะไรนะ? อ้อ เนชั่น...แชนโน!? อะไรสักอย่างนี่ล่ะ มันบอกให้ซื้อในห้าง ผมก็เดินจนขาลากไม่เห็นจะเจอ เลยตัดสินใจซื้อยี่ห้อไทยๆไปเลย ถูกด้วย เหลือแบงค์พันอีกตั้งหลายใบ (เพื่อนที่ดีต้องช่วยกันประหยัดครับ)  แป้งแม่ตานี สูตรกันน้ำกันเหี่ยว ติดทนนาน ทาแล้วผ่องไปอีกสามวัน ไอ้นกน่าจะชอบ ถ้าล้างหน้าวันแรกความผ่องจะยังอยู่ ล้างวันที่สามถึงจะออก คิ้กค้ากกกกก



          ขณะนี้เป็นเวลา 18:45 น. คืนนี้มีการประกวดดาวเดือนมหาลัย งานเริ่ม 19:00 น. ซึ่งมีเวลาพอที่ผมจะเดินจากทางเข้าทางด้านหลังมหาลัยไปสถานที่ประกวด ผมนั่งรถเมล์ลงด้านหลังเพราะคิดว่าน่าจะใกล้กว่าด้านหน้า ไอ้สัส โคตรไกล เย็นแล้วด้วย รถผ่านด้านหลังวันนี้แทบไม่มี ตอนนี้คงจะไปติดกันอยู่ด้านหน้า( ทางเข้าด้านหน้าใกล้กว่า ผมเดาผิดอ่ะ) วันนี้ผมมีเรียนแค่ถึงบ่ายสามก็เลยกลับบ้านไปช่วยพี่บุญพี่เพชรทำงาน ปกติตอนนี้ก็คงนอนเกาไข่อยู่บ้าน หรือไม่ก็นั่งประกอบโลง แต่...วันนี้จะเป็นอย่างปีนั้นไม่ด๊าย ผมต้องมาเชียร์คนสำคัญของผม ไอ้เทียนน้องร้ากกก 



ปริ๊นๆ



        เสียงแตรรถดังมาจากหลัง ใคร? หันไปมอง อื้อหือ ไอ้สัส ไฟส่องตา เห็นแต่แสงไฟ พอเห็นผมยกมือป้องดวงตา คนขับก็กรุณาหรี่ไฟต่ำลง ขับในมหาลัยเปิดไฟสูงทำสันขวานอะไรวะ ผมยืนงงๆ กำลังนึกว่ารู้จักใครขับรถแบบนี้หรือเปล่า หรือจะเป็นคนขับรถของท่านพ่อที่ส่งมารับผมเพราะรู้ว่าผมเดินไกล ถุย!!

        รถซุปเปอร์คาร์คันหรูสีแดงค่อยๆขับเข้ามาจอดใกล้ๆ กระจกติดฟิล์มทึบค่อยๆเลื่อนลง เผยให้เห็นคนในรถ อ่า เปลี่ยนรถขับอีกแล้ว…


"หวัดดีพี่" ยกมือไหว้อย่างเท่ๆ ทั้งที่อยู่ดีๆก็รู้สึกประหม่า วันนี้พี่เขาหล่อโคตรเลยว่ะ ผมคิดว่าหล่อกว่าพวกเดือนที่กำลังประกวดอยู่ก็เป็นได้


"ขึ้นมาสิ"


"ไม่เป็นไรพี่ใกล้ถึงแล้ว" กูยังเดินไม่ถึงครึ่งทางอ่ะ


"ไปด้วยกัน"


"แต่ว่า…" ใจไม่ดีเลยกู


"ทำไมชอบดื้อ" พี่เขาทำเสียงดุ


"ไม่ได้ดื้อเหอะ เขาเรียกคนมีมารยาท" ตอแหลอีกแล้ว มารยาททุกวันนี้สะกดไม่ค่อยจะถูกอ่ะเอาจริง


"หึๆ งั้นเหรอ ถ้าไม่ดื้อก็ขึ้นมาได้แล้ว"


        สุดท้ายก็ต้องขึ้นไปนั่งรถหรู เบาะนุ่ม เป็นบุญตูดอีกครั้ง


"มาดูประกวดด้วยเหรอเรา" เสียงทุ้มคุ้นหูเอ่ยถาม


"ปกติไม่มาอ่ะ แต่วันนี้น้องผมประกวดไง พี่อย่าลืมเชียร์น้องผมนะ เบอร์5 ประมง เอาดอกกุหลาบไปให้ด้วยนะ ใครได้ดอกกุหลาบเยอะจะได้รางวัลป็อปปูล่าโหวต"


"ไม่เชียร์น้องให้ได้ตำแหน่งเดือน?"


"อันนั้นก็อยากได้ แต่...ชอบป็อปปูล่าโหวตอ่ะ ได้ดอกไม้เยอะดี ผมจะเอาไปตกแต่งที่ร้าน"


"พี่เชียร์น้องๆคณะพี่"


"พี่ก็เชียร์น้องผมได้  เอาพวกพี่หมอแข่ง พี่หมอรอน มาให้กุหลาบน้องผมด้วยนะ นะ นะพี่หมอ..."


        เผลอไปจับแขนพี่หมอเขย่าอย่างลืมตัว ทำจนเคยชินเมื่ออยู่กับพวกพี่ๆสายรหัสเพื่อจะขออะไรสักอย่าง แต่ว่าครั้งนี้...เมื่อรู้สึกตัวรถก็จอดสนิทอยู่ที่โรงจอดรถ เงยหน้าขึ้น พี่หมอราล์ฟก็มองอยู่ก่อนแล้ว


"เอ่อ...ขอโทษครับ"


"ถ้าแค่ฤกษ์จับมากกว่านี้ก็ได้"


"...."


        ผละมือออกจากแขนแกร่ง พี่หมอพูดจบก็กระตุกยิ้มมุมปากจนใจกระตุก สายตาคู่คมสวยจ้องผมนิ่งๆ อย่างคาดเดาอะไรไม่ได้ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวผมเบาๆคล้ายเอ็นดู…ตาโตกับประโยคที่ได้ยินไม่ทันจะพูดอะไรพี่หมอก็ลงจากรถ เอิ่ม ร้อนจังเลยครับ


         เราลงจากรถเดินไปที่งานพร้อมกัน...ได้ไม่ถึงสิบก้าว รอบตัวพี่หมอราล์ฟก็มีแต่คนมาขอถ่ายรูปเต็มไปหมด ผมถูกดีดออกมาให้ยืนอยู่ห่างๆอย่างทำอะไรไม่ได้ ก็พอรู้ว่าพี่เขาเป็นคนดังมหาลัยเพราะพวกไอ้ลำไยไอ้นกมันกรอกหูตลอด แต่ก็ไม่คิดว่าจะถึงขั้นซุปตาร์ขนาดนี้นี่นา พี่เขาถูกห้อมล้อมจากคนเกือบห้าสิบคนและอาจจะมากกว่านั้น ไม่รู้หลั่งไหลมาจากไหน ทั้งสารพัดขนมนมเนย ตุ๊กตา ป้ายไฟ นี่มันดาราชัดๆเลยเว้ย วุ่นวายจนเห็นพี่ๆชายชุดดำห้าหกคนวิ่งมาจากไหนไม่รู้แฮะ เข้ามากันคุณๆแฟนคลับของพี่หมอราล์ฟให้ถอยห่าง พี่ รปภ.หรือเปล่าวะ? หล่อกันขนาดนี้ทำไมไม่ยักจะเคยเห็นเลยว้า พลันสายผมก็เห็นพี่ลลินคนสวยเดินคอตั้งมาแต่ไกล ก่อนจะแหวกฝูงชนเข้าไปหาพี่หมอ เหมือนคุ้นเคยกับสถานการณ์ตรงหน้าจนเคยชิน เฮ้อ คงไม่ต้องยืนรอหรอกมั้ง


        ยืนมองอยู่ชั่วอึดใจก็ตัดสินใจหันหลังกลับเดินเข้างาน ไปก่อนไม่รอแล้วนะ  เซ็งว่ะ!? ไม่รู้เซ็งอะไร อยู่ดีๆก็เซ็ง น่าจะซื้อลูกชิ้นมากินจะได้ไม่เซ็ง


"พี่ครับ"


"ว่าไงไอ้น้อง?" ผมหันไปถามไอ้เด็กตัวโตที่ดูก็รู้ว่าปีหนึ่งเพราะห้อยป้ายชื่อ มันยืนอยู่กับเพื่อนอีกสองคน ตอนเด็กๆแม่พวกเอ็งเลี้ยงด้วยเสาไฟฟ้าหรือไงวะ สูงกันจนกูอิจฉา


"ห้องน้ำอยู่ทางไหนอ่ะ"


"ตรงไปเจอน้ำพุเลี้ยวซ้าย เจอสวนเลี้ยวขวาตรงไปแล้วเลี้ยวขวาอีกที" ผมเริ่มตะเบ็งเสียงเพราะเสียงในงานเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ


"อะไรนะพี่ ผมไม่ได้ยินขออีกรอบ" ไอ้เด็กเสาไฟยื่นหูมาใกล้ๆหน้าผม


"ตรงไปเห็นน้ำพุเลี้ยวซ้าย เจอสวนเลี้ยว…"



พรึ่บ



"ทำไมไม่รอ" ผมเซถลาเข้าไปหาแผ่นอกแกร่งอย่างไม่ทันตั้งตัว เมื่อแขนผมถูกดึงให้หันกลับไปเผชิญหน้ากับคนที่รู้ว่าใคร สายตาเหลือบเห็นพี่ลลินเดินตามมาติดๆ เหล่าแฟนคลับถูกพี่ๆ รปภ.กันให้ยืนถ่ายรูปอยู่ห่างๆ


"เห็นพี่ไม่ว่างอ่ะ แป๊บนะ" ผมบิดแขนออกจากมือพี่ราล์ฟเบาๆ เพราะยังไม่เสร็จภารกิจบอกทาง หันไปยื่นหน้าเอามือป้องปากตะโกนข้างหูกับไอ้เด็กๆเสาไฟด้านหลังเพื่อบอกทางไปห้องน้ำ พวกมันยกมือไหว้กันลวกๆก่อนจะวิ่งจู๊ดไปตามทางที่บอก อย่าขี้ใส่กางเกงกันนะเว้ย หันกลับมาก็สะดุ้งโหยงกับสายตาดุดันที่จ้องมองอยู่


"ราล์ฟคะ มีอะไรกันหรือเปล่า" พี่ลลินยกมือแตะไหล่พี่หมอด้วยความเป็นห่วง เป็นห่วง?


"เปล่า ลลินไปก่อนเลย" พี่หมอพูดเสียงแข็งโป๊กเหมือนคนผีเข้า


"ไปด้วยกันสิคะ"


"...."


"เอ่อ...งั้นเจอกันข้างในนะ"


        พี่ลลินเดินเข้าไปในงานด้วยสีหน้าไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่กับพฤติกรรมเย็นชาของพี่หมอ หน้านี่ตึงระดับวีวีไอพี


"เอ่อพี่หมอเรา...เรา…"


"...."


"เข้าข้างในกันเถอะพี่ ยืนนานๆ ลำบากพี่ๆ รปภ.เขา"


        พี่ราล์ฟถอนหายใจหน่ายๆ อย่างไม่สบอารมณ์ อะไรล่ะวะ? พอสาวชวนก็ไม่ไป พอผมชวนก็ถอนหายใจใส่ เทวดานี่เอาใจยากว่ะ แขนแกร่งกอดคอผมหมับพลางลากเบาๆเดินเข้าไปข้างในงานอย่างไม่ทันตั้งตัว ท่ามกลางเสียงกรี๊ดสนั่นที่ดังอยู่ด้านหลัง

ผมพยายามจะแกะเอาแขนพี่หมอออกจากคอก็ทำไม่ได้ พี่เขาล็อคแน่นอย่างกับคีมเหล็ก ปล่อยผมไว้คนเดียว เดียวดาย ให้เดินไปเองซะยังดีกว่าที่จะต้องถูกจ้องมองจากสายนับร้อยนับพันคู่  WTF!!


"แกร ใคร? คนนั้นใคร"


"กรี๊ดๆ พี่หมอเทวดากอดใคร"


"ผู้ชายน่ารักๆ ที่ใส่รองเท้าแตะกับกางเกงยีนส์ขาสั้นขาดๆอ่ะ"


"ไหนๆ ชั้นไม่เห็นเลยพี่หมอบังหมดเลย"


"สะพายย่ามสีน้ำตาลอ่ะ"


"นั่น!! น้องฤกษ์หนิ!! น้องฤกษ์ที่แอดมินเพจคิ้วท์บอยชอบเอามาลงอ่ะ"


"แอร๊ย ตัวจริงโคตรน่ารักเลยแก้มน่าบีบเหมือนในรูปเลย น้องหาตัวยากมาก"


"น้องนิสัยดีมากด้วย วันก่อนเห็นพาลุงที่นั่งขอทานอยู่ตรงสะพานลอยมาหาหมอใน ม.ด้วยนะ น้องจ่ายให้หมดเลย มีคนแอบถ่ายไปลงเพจด้วย"


"โถ่ว เจ้าเทวดาตัวน้อย"


"แกร๊ น้องสนิทกับพี่หมอเหรอ"


"สืบ!!"






"เฮ้~"


เกร้ง



"น้องมึงมันแน่!! มันแน่มาตลอด" ลูกปัดพูดขึ้น


"ควบตำแหน่งเดือนมหาลัย ตำแหน่งป็อปปูล่าโหวตแค่คะแนนในเน็ตก็กินขาดแล้วยังมีคะแนนดอกกุหลาบอีกชนะขาดลอยเห็นๆ" ลำไยเสริม ผมได้แต่พยักหน้าหงึกหงักๆอย่างเห็นด้วย แววตาเปี่ยมด้วยความภูมิใจสุดๆ แต่พูดไม่ได้เพราะปากยังเคี้ยวอาหารเต็มสองแก้ม

   

"ใครวะที่สั่งกุหลาบตั้งพันดอกมาให้น้องมึง แฟนคลับหรือเปล่า ไอ้เทียนจะแจกให้คนอื่นมึงก็ไม่ยอม ลำบากเพื่อนๆอย่างพวกกูขนกลับกันลำบากฉิบหาย" มังกรบ่น


"ไม่รู้ว่ะ แต่ดีแล้วกูชอบ ร้านกูจะได้สวยๆ"

 

"พันดอกก็เกินไปป่ะ มึงขายโลงนะเว้ย จะเน้นดอกเพื่อ" นกพูดอย่างหน่ายๆ


"เก็บไว้ให้คี๊สสส" ผมตอบอย่างกวนประสาทไม่ได้สนใจอะไรเลยนอกจากอาหารตรงหน้า


"เสียดายคณะเราดาวได้ที่สองเองอ่ะ น้องออกจะสวย"


"ก็เพราะว่ามีรุ่นพี่อย่างมึงไงลำไย เขาบอกให้ไปเทรนน้องก็ตอแหลว่าป่วยแต่ดันนั่งส่องผู้ชายอยู่กับไอ้นก ดูอย่างไอ้ปัดสิ ถึงไปแล้วไม่ได้ช่วยอะไรมันยังไป"


"ไอ้เชี่ยตี๋ กูป่วยจริงเหอะเดินมากไม่ได้เจ็บตูดเว้ย!!"

       

           นั่งแดกเหล้าขวดเดียวกันแท้ๆตีกันอีกแล้วไอ้เกลอพวกนี้ ปัดโถ่ว ขณะนี้พวกผมอยู่ในร้านเหล้านั่งชิลล์แห่งหนึ่ง จากคำแนะนำของไอ้ตี๋ที่บอกว่าดี!! แต่ไกลโว้ย พวกมันจะลากสังขารมาไกลผมก็ไม่อะไรหรอกนะ แต่มันดันลากผมมาด้วยอ่ะดิ น้องผมก็อย่างที่หลายๆท่านได้ยินไป ชนะครับ ภูมิใจสุดๆ แต่ไอ้คนที่พึ่งเป็นเดือนมหาลัยป้ายแดงหน้าอย่างกับตูดเป็ด ดูก็รู้ว่าไอ้เทียนโดนบังคับประกวดเห็นๆ ก่อนหน้านี้วุ่นวายกันใหญ่ หลังจากได้ตำแหน่งมันก็ชิ่งหายตัวอย่างลึกลับไปกับไอ้เพื่อนรักษ์เด็กเปรตของมัน เขาเรียกรวมถ่ายรูปไอ้ตัวเด่นเสือกหาย ตามหากันให้วุ่น ถ้ามันโดนปลดผมจะไม่แปลกใจเลยจริงๆ โทรไปก็ไม่รับส่งข้อความมาแค่ 'กลับเช้า' เข้ามหาลัยแล้วเอาใหญ่เลยนะ!! เหมือนพี่มันฉิบหาย




"ฤกษ์ อย่าดื้อมันดึกแล้ว" ไอ้นกพูดอย่างไม่ชอบใจ


"ก็จะกลับเอง พวกมึงไปๆได้แล้ว ไอ้ตี๋ไม่ไหวแล้วน่ะ กูกลับแท็กซี่ได้" ผมช่วยไอ้นกแบกไอ้ตี๋ไปที่รถอย่างทุลักทุเล เมาเป็นหมา ไอ้ลำไยก็เป๋ซ้ายเป๋ขวา ก็ยังดีที่มันเปิดประตูรถคลานไปนั่งเองได้ พวกผมเอารถมาสองคันมีรถไอ้ปัดกับไอ้ตี๋ ไอ้ปัดหิ้วสาวกลับไปแล้ว ก่อนไปมันก็มาชวนให้ผมกลับพร้อมกันด้วยเพราะบ้านผมกับคอนโดมันทางเดียวกัน แต่ผมปฏิเสธไปเพราะไม่อยากเป็น กขค. ส่วนไอ้เพื่อนสามคนนี้บ้านมันทางเดียวกันห่างกับผมตั้งไกล ไปส่งผมแล้วต้องตีรถกลับให้วุ่นวายอีก นั่งแท็กซี่ดีกว่า


"แต่ว่านี่มันตีหนึ่ง…"


"เฮ้! น้องๆผู้น่ารัก วันนี้มาไกลกันจังครับ"  บังเอิญจังแฮะ กลุ่มพี่หมอเทวดาเดินตรงมาหาพวกผมด้วยสีหน้าแปลกใจ  บางทีผมก็สงสัยว่าพวกพี่เขาเรียนหมอกันจริงหรือเปล่าทำไมดูว่างกันจังวะ พี่หมอราล์ฟเดินมายืนข้างๆผม ผมได้แต่ยิ้มทักทายกลับไป และยืนก้มหน้าเงียบๆหลับตาลง ตอนนี้ผมง่วงมากๆ กลิ่นน้ำหอมคุ้นเคยลอยแตะจมูกจนต้องลืมตาหันไปมองเจ้าของอย่างเผลอตัว เราสบตากันชั่วแวบเดียวก่อนผมจะหันหนีมองทางอื่น เขามองผมอยู่ก่อนแล้ว


"เมาเหมือนหมา"


โป๊ก!!


"โอ๊ย!!" พี่หมอแข่งเดินไปผลักหัวไอ้ตี๋ที่นั่งไม่ได้สติอยู่หน้ารถด้วยสีหน้าหมันไส้จนหัวไอ้ตี๋โขกกับคอนโซลหน้ารถดังโป๊ก รังแกคนเมาไปอีกเน๊อะพี่หมอ


"มาเปลี่ยนบรรยากาศค่ะ แล้วพวกๆพี่หมอมาร้านนี้บ่อยเหรอคะ" เสียงอ่อนเสียงหวานเกินไปแล้วไอ้นก


"ร้านคนรู้จัก มาบ่อยน่ะ มีอะไรให้พวกพี่ช่วยไหมครับ?" พี่รอนถามเสียงนุ่ม


"ไม่มีค่ะ กำลังจะกลับกันแล้ว งั้นพวกหนูไปก่อนนะคะ" พวกผมยกมือไหว้พี่ๆก่อนผมจะเดินแยกออกมาเพื่อเรียกแท็กซี่


"ฤกษ์!! จะไปไหนกูจะไปส่ง" ไอ้นกตวาดแว้ด


"ไม่ต้องกูจะกลับแท็กซี่ จะได้ไม่เสียเวลา"


"ไม่…"


"พี่ไปส่งเอง"


"เฮ้ย ไม่เป็นไรพี่ผมกลับเอง" ไม่เอาๆๆ


"เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง ไม่ต้องห่วง"


"ห๊ะ...คะคะคือ...ค่ะๆ" พี่ราล์ฟหันไปบอกไอ้นกที่กำลังยืนตาเหลือก มันพยักหน้ารับอย่างคนไม่มีสติ คล้ายคนช็อค ผมช็อคกว่าอีก!!



        และอีกครั้งกับซุปเปอร์คาร์สีแดงสีแสบทรวงกับแอร์เย็นฉ่ำ ฤกษ์ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากโดนลากแล้วก็ลาก


"ง่วงก็นอนถึงแล้วจะปลุก" หมอราล์ฟลูบเจ้าของผมนุ่มที่นั่งตาปรือตาปรอยอยู่ข้างๆ ดูก็รู้ว่าฝืน ห้านาทีแรกก็นั่งเกร็งรู้สึกประหม่า ทั้งที่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่นั่งรถหมอราล์ฟแต่ฤกษ์ก็ไม่เคยที่จะชินสักที


กริ๊ง~~


"อืม ว่าไง"


"..."


"ความเสียหายแค่ไหน"


"..."


"เดี๋ยวไป" หมอราล์ฟกดวางสายก่อนจะหันมาหาฤกษ์ที่สะดุ้งตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์


"พี่ต้องกลับบ้านก่อนมีธุระด่วน"


"งั้นให้ผมลงตรงนี้ก็ได้ ผมนั่งแท็กซี่กลับได้" ฤกษ์พูดอย่างกระตือรือร้นกลัวพี่หมอไม่ทันธุระ


"ไม่มีทาง มันดึกแล้ว อันตราย ไปกับพี่"


"แต่ว่า…"


"ไม่ไว้ใจพี่?"


"เปล่าๆ ผมแค่เกรงใจ"


"อะไรที่เกี่ยวข้องกับพี่ไม่ต้องเกรงใจ"


"หือ?" วันนี้พี่หมอพูดแต่อะไรแปลกๆให้ฤกษ์ใจกระตุกและปั่นป่วนลึกๆอยู่ข้างในอีกแล้ว


"จำด้วยล่ะ นอนเถอะถึงแล้วเดี๋ยวพี่ปลุก"



        ฤกษ์สะดุ้งตื่นเมื่อรถหยุดจอด เขานั่งงัวเงียปรับโฟกัสอยู่ชั่วครู่ ประตูฝั่งที่เขานั่งถูกเปิดออกเผยให้เห็นร่างคุ้นตา หมอราล์ฟพยักหน้าเชิงบอกให้ลงจากรถ ฤกษ์ลงจากรถอย่างงงๆ พร้อมกับมองไปรอบๆพอเห็นว่าตัวเองอยู่ที่ไหนก็ตื่นเต็มตา ร้องกับตัวเองดังๆในใจ นี่มันวังหรือเปล่าวะ แค่คฤหาสน์ตรงหน้าก็น่าจะเกือบสิบชั้นแล้วมั้ง มองไปบริเวณโดยรอบยังมีบ้านแยกอีกตั้งหลายหลัง อื้อหือ นี่มันห้างสรรพสินค้าหรือบ้านเอาดีๆ ฤกษ์ได้แต่สงสัยอยู่ในใจ ยังไม่ทันที่จะมองให้ทั่วข้อมือก็ถูกดึงให้ขึ้นบันไดเข้าไปเข้าใน มีการ์ดชุดดำนับยี่สิบคนยืนรอรับอยู่ตรงประตูพร้อมกับแม่บ้าน ทุกคนโค้งตัวทำความเคารพทันทีเมื่อหมอราล์ฟกับฤกษ์เดินเข้ามา ฤกษ์รีบสะบัดมือออกจากหมอราล์ฟอย่างร้อนรนพร้อมกับรีบยกมือไหว้ทุกคนที่ก้มหัวให้เขา


          หมอราล์ฟไม่พอใจที่ฤกษ์สะบัดมือออกแต่พอหันกลับมาเห็นภาพคนข้างกายรีบยกมือไหว้ทุกคนด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน มุมปากก็ยกขึ้นอย่างนึกเอ็นดู  การ์ดผมบลอนด์เข้มหน้าตาหล่อเหลาคนสนิทของหมอราล์ฟเดินเข้ามากระซิบเบาๆกับหมอราล์ฟที่ยืนฟังนิ่งๆ ก่อนจะพยักหน้ารับ ถ้าฤกษ์สังเกตสักนิดเขาจะรู้ว่าคนเดียวกันกับที่เขาเรียกว่าพี่ๆ รปภ. เมื่อตอนหัวค่ำ


"กินอะไรไหม หิวหรือเปล่า" หมอราล์ฟถามด้วยเสียงนุ่ม ปลอบประโลมคนที่ยืนตกใจอยู่ข้างๆ


"มะ..มะไม่ครับ" ฤกษ์ตอบอย่างแผ่วเบา สองมือเกาะแขนหมอราล์ฟแน่นไม่ยอมปล่อยเหมือนเด็กกลัวหลงทาง


"พี่ราล์ฟ นี่มันในหนังชัดๆเลย พี่พาผมมาเล่นหนังเหรอ"


"เลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว ขึ้นไปรอพี่ที่ห้องแล้วอาบน้ำนอนเลย เดี๋ยวให้แม่บ้านพาไป" ราล์ฟลูบผมนุ่มก้มมองดูคนตรงหน้าที่ตาแดงเพราะง่วงนอน แต่ก็ฝืนเพราะอยากรู้อยากเห็นจนน่าเอ็นดู รวมทั้งมือที่เกาะเขาแจไม่ยอมปล่อยเขาขยับไปไหนก็ขยับตาม อาจเป็นเพราะพวกบอดี้การ์ดและแม่บ้านที่ยืนหน้านิ่งไม่ไหวติ่ง


"ผมอยากกลับบ้านให้ผมนั่งแท็กซี่นะ นะ นะ" ฤกษ์เริ่มงอแง อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อาจเพราะความง่วง เหล้าที่กินไป และสถานการณ์ที่ไม่เคยเจอ ท่ามกลางสายตาแปลกใจนับหลายคู่ที่มองมา


"มันดึกมากแล้ว พรุ่งนี้พี่จะไปส่ง ยังไงพรุ่งนี้ก็วันหยุด"


"ครับ" ฤกษ์รับคำเสียงอ่อย ก็มาแล้วนี่ เฮ้อ


"คุณบัว พาแขกของผมขึ้นไปพักด้วย" ราล์ฟเรียกหัวหน้าแม่บ้านด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนเช่นทุกที


"ได้ค่ะ"


"ห้องผมนะ"


"ค่ะ" ทุกคนในห้องมองมาที่นายของพวกเขาอย่างแปลกใจปนตกใจพร้อมกับเก็บความสงสัยไว้ในใจ เด็กคนนั้นเป็นใคร? คนที่ได้พักห้องนอน'นาย'ของพวกเขา ห้องที่ไม่เคยมีใครได้รับอนุญาตให้เข้าไปนอกจากทำความสะอาด นอกจากเพื่อน'นาย' คุณรอนกับคุณแข่งขันแล้วก็ไม่เคยพาใครมาบ้านใหญ่ ใบหน้าอ่อนโยนของ'นาย'ที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนยามเมื่อมองเด็กคนนั้น ไม่ว่าจะเป็นใคร อย่างไรต้องสำคัญมากแน่ๆ


"เชิญค่ะคุณ"


"ป้าครับ!! ไม่ต้องโค้งโผ๊ม ผมชื่อฤกษ์นะครับ เรียกฤกษ์ไม่ต้องคุณนะครับ"


        ฤกษ์เผลอโวยวายลั่นเมื่อคุณบัวโค้งทำความเคารพก่อนจะผายมือเชิญให้เดินไปอีกทาง เขารีบย่อตัวยกมือไหว้เกือบจะทันทีเมื่อคุณบัวก้ม พร้อมกับกระโดดกอดแขนคุณบัว หมับ เหมือนกลัวคุณบัวจะโค้งอีก พร้อมกับช่วยพยุงคุณบัวเดินไปด้วยเพราะคุณบัวก็อายุเยอะแล้ว


"คุณจะมาเกาะแขนแม่บ้านอย่างนี้ไม่ได้นะคะ คุณเป็นแขกมันไม่เหมาะสม"


"คุณป้าจะมาโค้งให้คนอายุน้อยกว่าไม่ได้นะครับ"


"เราทำงานนะคะ"


"ผมถือมากๆเลยอ่ะ นรกกินกบาลผมแย่เลย"


"กินเหล้าก็ตกนรกนะคะ"


"คุณป้าได้กลิ่นเหรอ ผมกินนิดเดียวเองนะครับ"


"ดิฉันเห็นเด็กสมัยนี้ไม่เคยกินนิดเดียวนะคะ"


"ก็คนที่หล่อๆตรงนี้ไงค้าบ คุณป้าบอกผมมาก็ได้ว่าห้องไปทางไหนเดี๋ยวผมไปเองนะ จะได้ไม่ต้องเดินไกลมันเมื่อย"


"ดิฉันไม่เมื่อยค่ะ"


"คุณป้าครับพรุ่งนี้ผมจะเจอคุณป้าไหมครับ"


"ดิฉันมาแต่เช้า"


"แถวนี้มีพระบิณฑบาตไหมครับ"


"ดิฉันใส่ทุกวัน"


"งั้นพรุ่งนี้ผมมาใส่ด้วยนะครับ"


"ดิฉันจะรอค่ะ"



         เสียงคุยของคนสองคนดังเบาๆไปตลอดทาง แต่เพราะตอนนี้ในบ้านเงียบมาก ทุกคนที่ยังยืนอยู่จึงได้ยินกันทุกคน จากสีหน้าเงียบขรึมของแต่ละคนกลับกลายเป็นกลั้นขำ คุณหัวหน้าแม่บ้านและแม่นมของ 'นาย' ผู้ซึ่งเงียบขรึมและเคร่งครัดทุกกฎ ทุกคนต่างเกรงกลัวเพียงแค่โดนจ้องนิ่งๆ แต่เด็กคนนั้นไม่เลยสักนิด เด็กอะไรน่าเอ็นดูเป็นบ้าเลย


         โดยเฉพาะกับเจ้าของบ้านที่เผลอกระตุกยิ้มเมื่อได้ยินเสียงแว่วๆมาจากโถงทางเดิน ใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติ ที่ได้ฉายยาว่าหล่อเทวดา มักเรียบนิ่งไร้อารมณ์แต่มาวันนี้ การ์ดคนสนิทแอบเห็น'นาย'เผลอยิ้ม ทั้งที่สถานการณ์วันนี้มันชวนยิ้มไม่ออกเอาซะเลย





         






 :pig4: :pig4:



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-05-2020 21:37:20 โดย 11:11 »

ออฟไลน์ Caramel Syrup

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
น้องฤกษ์มาแล้ว  :L2:

ออฟไลน์ Heroyj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
น้องฤกษ์น่าเอ็นดูมาก  :mew1: :mew4:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ sarahwut032

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สนุกมากๆเลย อ่านวนไปวนมา ชอบมาก

ออฟไลน์ catmoon1112

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สนุกมากๆๆครับ
เป็นนิยาย ที่สนุกสุดในรอบหลายปีของผมเลย
เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะครับ

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ นะครับ
 :3123:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
โอ๊ยย เอ็นดูหนูฤกษ์

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
สถานะยังไม่มีแต่พาเข้าบ้านแล้ว สถานการณ์ชั่งเป็นใจ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai2-1:


แยกห้อง เพื่อื ??

ออฟไลน์ 11:11

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-1
14...หัวใจมัวๆ







         ตากลมโตเบิกโพลงค้างเมื่อเห็นห้องน้ำหรูตรงหน้า ห้องน้ำขนาดเท่าห้องนอนที่บ้านของเขาเลย ฤกษ์ได้แต่ยืนเปรียบเทียบในใจอยู่เงียบๆ แค่เข้ามาในห้องนอนก็ใหญ่โตหรูหราจนไม่กล้าหายใจแรงเกรงว่าจะทำให้ห้องนอนหรูหมอง พี่ราล์ฟในขณะนี้เทียบไม่ได้เลยกับที่เคยได้ยินมา เรื่องของพี่ราล์ฟที่เคยได้ยินยังไม่ถึงครึ่งอย่างที่เห็นเลย รู้ว่ารวยแต่ต้องแค่ไหน? ถึงมีบ้าน มีรถ มีคนคอยรับใช้เยอะขนาดนี้ รู้ว่าพอมีอิทธิพลแต่แค่ไหนถึงมีการ์ดอยู่ทั่วบ้านเยอะไปหมด  เฮ้อ รวยแท้ ฤกษ์คิดไปพลางเดินสำรวจห้องน้ำไปพลาง


          ขณะนี้ร่างขาวอยู่ในสภาพผ้าเช็ดตัวพันเอวบางอย่างหมิ่นเหม่ผืนเดียว มือเรียวขาวยื่นไปลูบอ่างจากุชชี่ขนาดใหญ่ที่คุณป้าบัวเปิดน้ำเตรียมไว้ให้จนเต็มอ่างอย่างสงสัยว่าแค่อาบน้ำทำไมต้องมีพิธีอะไรเยอะแยะ เขาเลือกจะเดินผ่านอ่างหรูไปที่ห้องกระจกอีกห้องที่มีฝักบัว มองหาขันน้ำ? แต่ไม่มีเลย มันจะอาบสะใจได้ยังไงกัน ฤกษ์ได้แต่งึมงำๆคนเดียวอยู่ในลำคอ ยื่นมือจะเปิดฝักบัว ชะงักค้าง เอ...เปิดยังไงหว่า เพราะมีหลายปุ่มจนตาลาย เมื่อกี้ป้าบัวบอกให้กดตรงไหนหมุนตรงไหนนะ? เขาลืม ลองหมุนๆกดมั่วๆดูเผื่อน้ำจะไหล


ซ่า~~~


"โอ๊ย!! ไอ้เชี่ย"


"ร้อนๆๆๆ"



ปัง



"ฤกษ์!! เป็นอะไร"


          ร่างบางยืนหลบมุมจนร่างติดผนังเพื่อหนีน้ำร้อน เขาสะบัดมือแรงๆให้หายร้อนจากน้ำฝักบัวโดยไม่ทันสังเกตว่าใครเข้ามา เอวบางถูกดึงให้ออกห่างจากกระแสน้ำร้อนเข้าไปหาคนมาใหม่ มือแกร่งวางมือลงบนเอวเปล่าเปลือยอย่างถือวิสาสะ


"พี่ราล์ฟ!! เข้ามาได้ไง ผมล็อคประตูแล้วนะ" ฤกษ์ถามอย่างตกใจ


"เราไม่ได้ล็อค"


"จริงเหรอ แต่ผมว่าล็อคนะ" ฤกษ์ถามอย่างไม่ค่อยเชื่อ เขากดปุ่มล็อคแล้วไม่ใช่เหรอ? หรือว่ายังนะ?


"โดนลวกหรือเปล่า ทำไมไม่ระวัง" ราล์ฟถามพลางมองสำรวจความเสียหายของร่างตรงหน้า


"ไม่เป็นไรพี่ โดนมือนิดเดียวผมหลบทันอ่ะ เมื่อกี้ป้าบัวก็บอกผมแล้วว่าให้กดตรงไหนแต่ผมจำไม่ได้" ฤกษ์ชูมือให้ดูว่าไม่เป็นไร เริ่มรู้สึกตัวว่ากำลังอยู่ในอ้อมแขนของคนตรงหน้า ขยับจะถอยห่างแต่มือแกร่งก็ไม่ยอมปล่อยออกจากเอวยิ่งรวบเอวเขาเข้ามาใกล้มากกว่าเดิมจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของคนตรงหน้า


"ปล่อยคลาดสายตาไม่ได้เลย อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยของพี่ยังทำตัวเองเจ็บได้" ราล์ฟกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นมือแกร่งลูบเอวเนียนลื่นมือไปมาอย่างเผลอตัว ฤกษ์ตัวเกร็งอย่างทำอะไรไม่ถูกยกแขนขึ้นมาคั่นกลางระหว่างเขากับพี่ราล์ฟ กลัวว่าอะไรต่ออะไรจะชนกันไปมากกว่านี้


"เอ่อ พี่ราล์ฟ...ปล่อยก่อนเถอะครับ" ฤกษ์พูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักอย่างทำอะไรไม่ถูก ราล์ฟยอมปล่อยแต่โดยดี เขาเดินไปปรับอุณหภูมิน้ำให้เรียบร้อยก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไป เมื่อประตูห้องน้ำปิดลงร่างบางก็ทรุดฮวบลงกับพื้นอย่างหมดแรง ร่างทั้งร่างร้อนวาบ หัวใจเต้นอย่างบ้าคลั่งจนมือเรียวต้องทุบอกตัวเองเพื่อหวังให้มันเป็นปกติ อ้อมกอดของผู้ชายตรงหน้าเมื่อสักครู่นี้ ต่างจากอ้อมกอดของเพื่อน พี่ น้อง มันทำให้เขารู้สึกดี อบอุ่น เมื่อพี่ราล์ฟผละออกเป็นเขาเองที่เสียดาย… สายตาคมเรียบนิ่งที่จ้องมองมามันทำให้เขาสั่นไปทั้งตัวและหัวใจ ตาคมเทาหม่นคู่นั้นมีเสน่ห์ดึงดูดจนยากละสายตา สัมผัสได้ถึงความคุ้นเคยของตาคมคู่นั้น... เราเคยจูบกันแล้ว ถึงแม้จะทำตัวปกติเมื่อเจอหน้ากันเพราะที่ผ่านมาอาจจะด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ แต่ถึงอย่างนั้นมันมีอะไรมัวๆในใจที่คอยกวนฤกษ์ตลอดเวลา และเมื่อเจอกันทุกครั้งอะไรแปลกๆในใจมันก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อครู่นี้เพียงแค่มองหน้าพี่หมอ ฤกษ์ก็อยาก...จูบ นี่เขา อยากจูบ อยากกอดผู้ชาย!! อ้ากกกก ฤกษ์ยีหัวตัวเองจนยุ่งเหยิง ตาเหลือก อ้าปากค้างกับความคิดของตัวเองเมื่อครู่ เขาจะทำอย่างไรดี


        เดินออกจากห้องน้ำด้วยสติเลื่อนลอยในสภาพชุดนอนแบรนด์หรู เสื้อแขนยาว กางเกงขาสั้น ถ้าทราบถึงราคาคนที่ใส่อยู่ตอนนี้คงจะตกใจอีกเป็นรอบที่ร้อย ห้องนอนหรูโทนขาวดำว่างเปล่า มีเพียงร่างบางที่ยืนเคว้งอยู่คนเดียวในห้อง เขาง่วงนอนแล้ว ง่วงมากๆจนพักเรื่องสับสนวุ่นวายในหัวไว้เพียงเท่านั้น พาร่างตัวเองไปที่เตียงหรูสีดำขาวเรียบตึง ชะงักเล็กน้อยว่าควรนอนยตรงนี้ดีไหมเจ้าของห้องยังไม่มาเลย แต่เขาง่วงจังเลย…


          ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าน่ากลัวจากการประชุมเมื่อสักครู่ที่พึ่งจบลง ราล์ฟถอดเสื้อออกเปลือยท่อนบนคลายความอึดอัด ปรากฎให้เห็นรอยสักขนาดใหญ่เต็มแผ่นหลัง ใบหน้าสิงโตกำลังคำรามอย่างเกรี้ยวกราด แผงขนสยายเต็มหลังไม่เว้นที่ว่าง ดวงตาดุดันน่ากลัวจ้องมองเหมือนอยากจะฉีกทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าให้สิ้นซาก เขี้ยวแหลมคมแสยะขึ้นพร้อมกัดกระชากได้ทุกเวลา อีกทั้งลายเส้นสวยงามจากช่างสักฝีมือระดับโลก ทำให้ภาพสักนี้เหมือนมีชีวิตจริงขึ้นมา ไม่ว่าใครที่ได้ยลภาพสักนี้ต่างต้องตะลึงและโดนสะกดกันทุกคน เหมือนเช่นใบหน้าหล่อเหลาของเจ้าของแผ่นหลังนี้ ทว่า...เว้นไว้หนึ่งชีวิต ขนาดเคยอาบน้ำด้วยกันยังไม่เห็นแม้กระทั่งรอยสัก


          ร่างสูงใหญ่ก้าวเข้าไปหาร่างบางที่นอนขดตัวอยู่บนที่นอนแต่ทว่า...ตรงปลายเตียง ก้มลงอุ้มร่างตรงหน้าให้กลับไปนอนดีๆ จัดการห่มผ้าให้ถึงอก ทุกการกระทำอ่อนโยนจนแทบไม่รู้ตัว สีหน้าน่ากลัวก่อนหน้านี้มลายหายไปเมื่อมองเห็นร่างตรงหน้านอนขดตรงปลายเตียง ตากลมหลับพริ้มอย่างมีความสุขจนคนมองเผลอยิ้มตาม มือแกร่งเกลี่ยผมที่ตกลงมาปิดหน้าให้อย่างอ่อนโยน ค่อยๆก้มลงเข้าไปหาร่างตรงหน้าอย่างแผ่วเบา รู้ว่าไม่ควรเลยตอนนี้ ราล์ฟมีกลิ่นบุหรี่ติดอยู่แต่เขาก็ห้ามตัวเองไม่ได้…ประทับจูบลงไปที่ริมฝีปากนุ่มตรงหน้าอย่างแผ่วเบา ไม่รุกล้ำ กล้ำกรายเข้าไปมากกว่านี้ แต่เนิ่นนาน


"พี่ขอโทษ" เขาห้ามตัวเองไม่ได้เลย…








           ที่รีสอร์ทมันน่าเบื่อ พวกการ์ดติดตามก็น่าเบื่อตามทุกฝีก้าวจนหมดอารมณ์ที่จะเที่ยว เขาแอบหนีมาปั่นจักรยานตรงถนนใหญ่ ขับไปเรื่อยๆรับลม วิวบนภูเขาสวยจนทำให้อารมณ์เริ่มดีขึ้น เงียบสงบแทบไม่มีรถวิ่งผ่าน


"เฮ้ยๆนั่นพี่ฝรั่งคนนั้นนี่!! พี่ พี่ พี่ๆ" เสียงโหวกเหวกตะโกนลงมาจากที่สูง เขาหยุดรถอยู่ตรงหน้าประตูรั้วบ้านทรงไทยหลังหนึ่ง มองหาต้นเสียง เจอใครบางคนนั่งห้อยขาอยู่บนต้นมะม่วงริมรั้ว โบกมือไปมายิ้มจนหน้าบานไปหมด เด็กตัวยุ่งคนเมื่อวาน ร่างเล็กปีนลงจากต้นไม่อย่างรวดเร็วก่อนจะวิ่งมาเปิดประตูรั้วแล้วกวักมือเรียกเข้าบ้าน


           เขาขมวดคิ้ว 'ทำไมต้องไป' เลิกสนใจ กำลังจะขับจักรยานต่อ ข้อมือถูกรั้งไว้ หันไปมองเจอสีหน้าเศร้าๆเหมือนไม่อยากให้ไป ร่างเล็กดึงข้อมืออีกครั้ง เขาหันไปมองสำรวจรอบบ้านอยู่สักพักอย่างคนรอบคอบ ถอนหายใจอย่างรำคาญ ลงจากจักรยาน และจำใจเดินตามแรงจูงไป


"ไปกินข้าวกัน เดี๋ยวผมพาไปตกปลาที่สระหลังบ้าน"


"เจ้าฤกษ์พาเด็กฝรั่งที่ไหนมาล่ะ เอ็งคุยกับเขาเป็นรึ" ยายคำ ยายของเจ้าตัวเล็กเอ่ยทักขึ้นด้วยสีหน้าใจดี กำลังจัดโต๊ะกับข้าวสำหรับมื้อกลางวันอยู่กับหลานชายอีกคน วันนี้ทานตรงโต๊ะหินอ่อนนอกบ้านกัน


"ยาย นี่เพื่อนใหม่ฤกษ์ชื่อ….เอ๋ ชื่อไรอ่ะ?" หันไปถามอย่างรู้สึกผิดที่ลืมถาม


"....."


"เขาฟังเองไม่รู้ความหรอก มาๆกินข้าวเที่ยงกันพ่อหนุ่มฝรั่ง" ยายเอ่ยชวนพร้อมกวักมือเรียก


         ร่างเล็กออกแรงจูงมือคนสูงกว่าที่ยืนนิ่งไม่ไหวติ่งมานั่งกินข้าว ตาคมสวยมองกับข้าวหน้าตาแปลกๆอย่างไม่คุ้นตาเหมือนจะกินไม่ได้ ทำท่าจะลุกขึ้น ทว่า...มือเหี่ยวย่นอย่างคนสูงอายุจับไหล่ไว้ก่อนกดให้นั่งลง


"อร่อยนะ ยายรับรอง เจ้าพวกนี้กินหมดตลอดเลยล่ะ กินเถอะไม่เผ็ดหรอก อันไหนเผ็ดยายจะบอก" ยายคำพูดเสียงอ่อนโยน ยิ้มอย่างใจดี เขายอมนั่งลงและเริ่มทานอาหาร


"อันนี้อร่อยมากกก" ร่างเล็กตักแกงที่มีน้ำสีเขียวมาให้ เขาไม่รู้หรอกว่าไอ้ตัวยุ่งนี้ว่าอะไร แต่เห็นท่วงท่าที่อยากให้ลองทานก็เลยตักเข้าปาก อืม...อร่อย ไม่เคยทานที่ไหนเลย รสชาติแปลกๆออกหวาน กลิ่นหอมอะไรน่ะ  เขาตักมาทานอีกอย่างถูกใจ ยายคำตักไข่เจียวหน้าตาแปลกๆที่ใส่ผักสีเขียวผสมลงไปมาให้เขา ชั่งใจอยู่พักหนึ่งก่อนจะเอาเข้าปาก อืม อร่อย รสชาติออกมันๆถึงกลิ่นจะแรงไปหน่อยแต่ก็อร่อยและแปลกดี และอีกหลายๆอย่างที่ถูกตักเข้ามาในจาน เขากินได้หมด เป็นอาหารที่เรียบง่ายแต่ถูกปากเขามาก


"มาจากประเทศอะไรล่ะพ่อรูปหล่อ"


"...." ยายเหมือนจะถามอะไรเขาสักอย่างแต่เขาไม่เข้าใจ


"แว อา ยู ฟรอม?" เด็กตัวเล็กอีกคนที่นั่งกินข้าวเงียบๆ เอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์พอๆกับคนถูกถาม


"อิตาลี" เสียงทุ้มแปลกหูดังขึ้น สำเนียงฝรั่งชัดเป๊ะ


"ฮ่าๆ อายน้องไหมเจ้าฤกษ์ ยายส่งควายเรียนเหรอเนี่ย"


"ยายยยยย"

         


"นายน้อย ตั๋วไปญี่ปุ่นพร้อมแล้วครับ พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางตอนตีห้านะครับ" พี่เลี้ยงพ่วงด้วยบอดี้การ์ดเอ่ยบอกขณะที่ 'นายน้อย' กำลังนอนดูดาวอยู่ตรงแคร่หน้าบ้านของใครบางคน


"ยกเลิก ปิดเทอมนี้ทั้งเทอมฉันจะพักอยู่ที่นี่"


"ครับ" การ์ดรับคำเบาๆอย่างแปลกใจก่อนจะเดินจากไปอย่างเงียบกริบ ทุกครั้งที่ปิดเทอม 'นายน้อย' ของเขาจะเที่ยวไม่ต่ำกว่าสามประเทศต่อเทอม แต่ครั้งนี้พึ่งประเทศแรกเองก็หยุดแล้ว 'นายน้อย' คงชอบประเทศไทยมาก


        ตาคมหันกลับไปมองดูดาวบนท้องฟ้าต่อ วันนี้มีคนบอกว่าจะมีดาวตกไปตะโกนเรียกเขาปาวๆอยู่ที่รีสอร์ทพร้อมกับแผ่นกระดาษแผ่นใหญ่ที่เขียนเป็นอักษรภาษาอังกฤษว่า 'ไปดูดาวตกกัน' ด้วยลายมือเด็กเล็กดูก็รู้ว่าให้น้องชายเขียนให้ ทว่า...คนชวนดันมานอนหลับตาพริ้มน้ำลายไหลอยู่ข้างๆปล่อยให้เขานอนดูอยู่คนเดียว หันกลับไปมองคนข้างๆที่เริ่มขยับอย่างไม่สบายตัว เขาลุกขึ้นนั่งบีบครีมทากันยุงทาให้อีกรอบพร้อมกับห่มผ้าให้ ร่างเล็กจึงหยุดขยับ เห็นนอนอย่างมีความสุขก็ไม่อยากปลุกเลย แต่ไม่มีเสียงเจ้าตัวยุ่งก็เงียบเหงาเหมือนกัน นอนดูดาวเงียบๆอยู่สักพัก สิ่งที่รออยู่นานก็ปรากฎแก่สายตา ดาวตก เอื้อมมือจะปลุก แต่ก็ต้องดึงมือกลับ เจ้าตัวยุ่งไม่มีทางเห็นการดูดาวตกดีกว่าการนอนแน่นอน คิดแล้วก็ส่ายหัวน้อยๆกับตัวเอง ดูดาวตกกับคนข้างกายที่หลับอยู่ก็รู้สึกแปลกๆดี





พรึ่บ!!


          ลุกขึ้นมานั่งเกาหัวแกรกๆ อย่างงวยงงว่าที่นี่ที่ไหน เมื่อระลึกภาพได้ก็ถึงบางอ้อ สะดุ้งตื่นด้วยความเคยชินหันไปดูนาฬิกาตีสี่ครึ่ง!! พึ่งได้นอนตอนตีสองกว่าเอง ตื่นแล้วก็หลับไม่ลงมันเป็นความเคยชินในชีวิตไปแล้ว วันนี้ถ้าผมไม่ได้นอนกลางวันผมตายแน่ หันไปนอนที่นอนด้านข้างว่าง….พี่หมอยังไม่มานอนเหรอตีสี่แล้วนะ หรือว่าไปนอนห้องอื่น ท่าจะไปนอนห้องอื่นทำไมไม่ให้เขาไปนอนแต่แรกเล่า เจ้าของห้องจะได้นอนเตียงตัวเอง ไปไหนนะ โว้ยยย ไม่รู้ด้วยแล้ว ผมยีหัวตัวเองอย่างบ้าคลั่งกับความพี่หมอๆๆที่มีอยู่เต็มหัวไปหมด ออกไปโว้ย


          ล้างหน้าแปรงฟันอาบน้ำให้สดชื่นเสร็จ เปิดประตูห้องนอนออกไป หันซ้าย หันขวาว่าจะทำไรดี หนีกลับบ้านดีไหมวะ แต่กลับตอนตีสี่ไม่ใช่แผนที่ดีเลยนะตัวกู สายตาเหลือบไปเห็นแสงไฟเล็ดลอดออกมาจากห้องข้างๆ ผมค่อยๆย่องไปแอบดูตามช่องที่ประตูปิดไม่สนิท ร่างสูงคุ้นตากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่เงียบๆบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยหนังสือ ขยันจัง นี่หมายความว่าพี่เขายังไม่ได้นอนเลยเหรอ ทำไมไม่ใส่เสื้อให้เรียบร้อยเปลือยท่อนบนในห้องที่แอร์เย็นฉ่ำขนาดนี้ได้ป่วยกันพอดี กำลังจะก้าวขาเข้าไปบอกให้ไปนอนก็ต้องเปลี่ยนใจ กูเป็นใครไปบอกให้พี่เขาไปนอนไปใส่เสื้อให้เรียบร้อยล่ะ บ้าบอไปใหญ่แล้ว เลิกคิดๆไอ้ฤกษ์เอ้ย มันเรื่องของพี่เขา ผมได้แต่ยืนแอบมองพี่หมออ่านหนังสืออยู่เงียบๆ 'เซ็กซี่ชะมัดเลยว่ะ' ไม่รู้จะพูดคำไหนเลย ณ ตอนนี้ร่างกายท่อนบนกำยำเปลือยเปล่าต้องแสงไฟสลัวๆบนโต๊ะทำงานที่เปิดอยู่หลอดเดียว หน้าตาจริงจังที่ตั้งใจอ่าน ผมดำยาวถูกรวบมัดลวกๆเป็นมวยอยู่บนหัว ลูกผมบางๆระใบหน้าและลำคอแกร่ง เฮือก!! ดึงสติกลับมาแทบไม่ทัน ไม่ไหว ไม่ไหว ไม่ไหวแล้ว ต้องไปหาดูนม ดูนมตูมๆ เว็บอะไรนะ ดูเฉยๆคงไม่บาปหรอกมั้ง ผมวิ่งแจ้น ออกจากห้องนอนพี่ราล์ฟ


          วิ่งมาหยุดยืนอยู่หน้าลิฟท์อย่างหอบๆ นี่บ้านหรือสนามฟุตบอลเหนื่อยฉิบหาย กำลังจะกดลิฟท์แต่ก็ต้องตัดใจเพราะไม่อยากเข้าลิฟท์คนเดียว ดูหนังผีทีไรมีผีในลิฟท์แม่งตลอด เปล่ากลัวนะครับ!! เลี้ยวกับไปที่บันได หกชั้น ออกกำลังกายยามเช้า เหอะๆ


 ฉับ


ฉับ


ฉับ


         เดินตามเสียงมั่วๆไปจนเจอกับคุณลุงที่ใส่ชุดฟอร์มเหมือนแม่บ้านเมื่อวานเลย เขากำลังตัดแต่งต้นไม้อยู่


"คุณที่เป็นแขกเมื่อคืนใช่ไหมครับ"


"ใช่ครับ" ผมตอบพร้อมกับพาตัวเองไปยืนใกล้ๆลุงเพื่อดูว่าลุงตัดยังไง


"ลุงรู้ได้ยังไงครับ เมื่อคืนก็ดึกมากแล้วนะหรือว่าลุงยังไม่ได้นอน" ผมถามอย่างตกใจก็เมื่อคืนผมไม่เห็นคนที่ใส่ฟอร์มนี้มีผู้ชายเลย


"คุณหัวหน้าแม่บ้านบอกไว้แล้วครับ พอดีผมทำงานอยู่ด้านนอก เมื่อคืนผมเข้ากะตอนสี่ทุ่มครับเดี๋ยวตีห้าผมก็ออกกะแล้ว"


"อ๋อ แล้วลุงมีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่า"


"ไม่มีครับ คุณไปพักผ่อนเถอะครับ"


"ก็ผมตื่นแล้ว เอ๊ะ มีกรรไกรตัดสองอันนี่นา"


ฉับ


ฉับ


          ลุงไม้ออกกะไปแล้วอ่ะ ไม่รู้จะคุยกับใครเลยแฮะ เห็นลุงบอกว่ากะต่อไปเริ่มเจ็ดโมงเช้า ตอนนี้กี่โมงแล้วนะ โทรศัพท์ก็ไม่ได้เอาลงมา ฟ้าใกล้จะสว่างแบบนี้น่าจะใกล้หกโมงเช้าแล้วมั้ง ตอนนี้ผมนั่งตัดขาน้องม้าอยู่ครับ ลุงไม้ตัดได้สวยมาก รอบบริเวณตรงสวนนี้ฝีมือลุงไม้หมดเลย มีตั้งแต่ รูปช้าง รูปกระต่าย รูปกวาง คือ...ต้องมีพื้นที่บ้านเยอะขนาดไหนอ่ะถึงใช้พื้นที่ได้ขนาดนี้ โซนที่ผมนั่งอยู่เป็นพุ่มไม้สูงประมาณเมตรกว่าถูกตัดเล็มตกแต่งให้เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าคล้ายคอกกั้นม้ามีที่ให้เดินเข้าได้นิดเดียว ข้างในมีม้า(ต้นไม้ที่ถูกตัดแต่ง)อยู่สองตัว และหนึ่งในนั้นผมกำลังนั่งกับพื้นตัดให้สวยอยู่? ลุงไม้จะเล็มขาตัวนี้ที่เริ่มยาวไม่เป็นทรงแต่ผมขอไว้ข้างหนึ่งอยากลองทำบ้าง ทำจนลุงไม้ออกกะไปแล้วผมยังทำไม่เสร็จเลยอ่ะ ฮืออออ


"หาตรงนั้นหรือยัง"


"หาแล้วครับ"


"ไปดูข้างหลัง หาแบบเงียบๆนะ คุณหญิงท่านพึ่งกลับมาจากอิตาลีเมื่อช่วงตีสี่"


      เอ๊ะ อะไรกัน? เสียงโหวเเหวกเต็มไปหมดเลยแฮะ เขาซ้อมอะไรกันหรือเปล่า


"หาให้ทั่วไปดูในโรงจอดรถด้วย ศาลากลางสระน้ำ ห้องหนังสือ โรงหนัง ห้องดูดาว ห้องพยาบาล"


"ไม่เจอเลยครับ"


เอ๋ ที่พูดมานี่ที่ไหนกัน


"คลังอาวุธล่ะ"


"คนเฝ้าประตูบอกไม่เห็นเลยครับ"


        พวกพี่เขากำลังเล่นอะไรกันอยู่ ซ้อมคุ้มกันกันเหรอ ทำงานกันขยันแท้


"ตอนนี้นายอยู่ไหน"


"อยู่ที่ห้องดูกล้องวงจรปิดครับ ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้นายเลย ผมไม่เคยเห็นนายอารมณ์เสียขนาดนี้เลยให้ตายสิ เรื่องร้ายแรงกว่านี้ก็ยังไม่เคยเห็นนายเป็นขนาดนี้"


"แน่นอนล่ะ ถ้าหาไม่เจอหัวพวกเรามีกระสุนฝังอยู่แน่ๆ"



          มีบอดี้การ์ดต่างชาติด้วยเหรอว่ะ เมื่อกี้พวกพี่เขาพูดอังกฤษกันหนิ พูดอะไรวะ? แล้วทำไมพี่การ์ดวิ่งกันใหญ่เลยออกกำลังกายกันชุดสูทอย่างนี้เลยเหรอ อย่างน้อยก็น่าจะใส่รองเท้ากีฬากันนะครับ


ฉับ


ฉับ


เชี่ยแล้ว!!


            yedเข้!! ขาแหว่ง ตาย ตายแน่ ผมทำขาน้องม้าแหว่ง  ลุงไม้ผมขอโทษ ทำไงดีๆ พี่ราล์ฟต้องด่ากูแน่ๆเลย ฮืออออ


"ทำอะไร" ผมสะดุ้งโหยงเหงื่อแตกพลั่กๆอย่างคนทำความผิด เออครับ! กูพึ่งทำไปเมื่อกี้เลย สดๆร้อนๆ มาโคตรถูกจังหวะ ผมหันไปยิ้มแห้งให้กับพี่ราล์ฟที่ยืนหน้าโหดระดับเต็มสิบไม่หัก เต็มร้อยก็ไม่หัก ผมเริ่มหน้าเสียขึ้นเรื่อยๆเมื่อสังเกตเห็นพี่ราล์ฟเหมือนอารมณ์ไม่ค่อยดี


"ลุกขึ้นแล้วเดินออกมาหาพี่" เสียงเข้มสั่งเย็นเยียบถึงไขสันหลัง จนแข้งขาแทบอ่อนแรงผมลุกขึ้นอย่างสั่นๆเดินก้มหน้าอย่างรู้สึกผิดไปหาพี่เขา พี่ราล์ฟตอนนี้น่ากลัวเกินกว่าที่จะมองหน้า ผมไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้เลย


"มาทำอะไรตรงนี้" พี่ราล์ฟถามย้ำ เสียงน่ากลัวจนกูอยากแกล้งเป็นลมแดดยามหกโมงเช้า


"ผม...ผม...ผมมาตัดต้นไม้ครับ" การ์ดนับสิบพากันวิ่งหน้าตั้งมาทางผมพอเห็นว่าพี่ราล์ฟยืนอยู่ต่างพากันหยุดแล้วโค้งทำความเคารพ พากันเดินกระจายไปประจำตามจุดต่างๆยืนดูอยู่ห่างๆ ฮือ กูจะร้องอีกแล้ว


"จะทำอะไร จะไปไหน…"


"ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจผมแค่อยากช่วย" ผมรีบพูดแทรกอย่างร้อนรนเพราะสร้างความเสียหายไว้จริงๆ พร้อมกับยกมือไหว้ขอโทษ


"พี่จะบอกว่าจะไปไหน จะไปทำอะไร พี่ไม่ได้ห้ามแต่มาบอกพี่บ้าง"


"ขอโทษครับ" คิดไปเองหรือเปล่านะว่าเสียงพี่หมออ่อนลง


"พี่ไม่ได้จะว่าผมที่ตัดขาน้องแหว่งเหรอครับ" เงยหน้าขึ้นสบตาอีกครั้ง พี่หมอเลิกคิ้วเชิงถามเหมือนไม่เข้าใจ ผมก็เลยชี้นิ้วไปที่ขาน้อง


"ที่ทำท่าทางเหมือนจะร้องไห้เมื่อกี้ กลัวพี่ว่าเรื่องนี้เหรอ" พี่หมอถามเสียงแปลกใจ


"ก็ใช่ครับ ผมขอลุงไม้ตัดเองแต่ลุงไม้ห้ามแล้วนะครับผมดื้อเอง พี่อย่าไปว่าลุงไม้นะ กว่าขาน้องจะงอกมาใหม่คงอีกนานเลย"


"...."


"ผมขอโทษนะครับ พี่โกรธผมได้เลย อย่าว่าลุงไม้นะ ผมจะรับผิดชอบเอง เดี๋ยวผมมารดน้ำให้ทุกวันเลย"


"ฤกษ์คิดว่าพี่โมโหเราเรื่องนี้?" พี่ราล์ฟถามเสียงอ่อนใจ


"ไม่ใช่หรอครับ" ผมเงยหน้าสบตาพี่ราล์ฟอย่างไม่เข้าใจ คนตรงหน้าถอนหายใจยกมือใหญ่ขึ้นลูบผมของผมไปมา


"มองกันอย่างนี้ใครจะโกรธลงหืม"


"ไม่ได้โกรธขาน้องแหว่งแล้วเหรอครับ"


"เลิกพูดเรื่องนี้แล้วเข้าบ้านได้แล้ว" พี่ราล์ฟดูผ่อนคลายลงจากเมื่อกี้ไปมาก แทบหน้ามือเป็นหลังมือเลยล่ะ สงสัยพักผ่อนน้อยหรือเปล่า ผีเข้าผีออก


เอ๊ะ!!


        นั่นป้าบัวนี่กำลังตั้งโต๊ะอยู่หน้าบ้านพร้อมกับมีแม่บ้านและบอดี้การ์ดอีกหลายคนช่วยยกถาดอาหารหลากหลายมาเต็มไปหมด ใส่บาตรหรือเปล่านะ


"ป้าบัวค้าบบบบบ"








 :pig4: :pig4:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-12-2020 23:02:54 โดย 11:11 »

ออฟไลน์ Heroyj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชอบน้องฤกษ์มากค่ะ. อยากให้มาอัพทุกวันเลยค่ะ รอนะคะ :mew1: :katai2-1:

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
น้องฤกษ์นี่ตัวป่วนจริงๆเลย โดยเฉพาะป่วนหัวใจพี่หมอ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
สนิทกะคนไปทั่วเลย น่ารักจริงๆ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ tsuyu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
น้องฤกษ์น่ารัก  :-[

ออฟไลน์ Kirana9165

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชอบมาก สนุกมาก อ่านไปยิ้มไป เหมือนบ้าเลย น้องน่ารัก ชอบความไม่รู้ตัว ว่าตัวเองน่ารัก อยากรู้ปูมหลังมาก เหมือนชีวิตน้องจะถูกลิขิตไว้เพื่อพี่หมอเลยอ่ะ เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนค่ะ ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆ สนุกๆ มาให้ผู้อ่านค่ะ

ออฟไลน์ 11:11

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-1
15…สำรวจบ้าน





 "โอ้โห ป้าบัวครับอาหารเยอะแยะเลย" โต๊ะยาวประมาณสองเมตรเต็มไปด้วยอาหารที่หลากหลายถูกมัดใส่ถุงไว้เรียบร้อย มีทั้งแกงจืด แกงส้ม ต้มยำ บัวลอย หม้อแกง สปาเกตตี้ แฮมเบอร์เกอร์ นม น้ำ และอีกหลายอย่าง จัดเป็นชุดใส่ตะกร้าสานไว้อย่างสวยงาม ฤกษ์เดินไปหยุดอยู่ข้างๆป้าบัว มีราล์ฟเดินตามมาเงียบๆ โดยที่ฤกษ์ไม่ได้สังเกตเพราะนึกว่าเดินแยกไปอีกทางแล้วซะอีก

"เตรียมมาเพื่อคุณฤกษ์ค่ะ ดิฉันคิดว่าจะเตรียมไว้เก้อซะแล้วนะคะ เพราะกว่าคุณจะได้พักผ่อนก็ดึกมากแล้วแต่เมื่อเช้าเห็นคนในบ้านแตกตื่นกันใหญ่ก็คิดว่าคงไม่เก้อแล้วค่ะ"

"อ๋อ เมื่อเช้าพี่ๆการ์ดเขาซ้อมรบกันแต่เช้าอ่ะครับ ผมเห็นเขาวิ่งกันหลายรอบมาก " พูดจบก็ได้ยินเสียงพี่ๆป้าๆแม่บ้านขำคิก ฤกษ์หันไปมองก็เห็นพากันกลั้นขำกันใหญ่ อะไรกันหว่า พี่ๆบอดี้การ์ดเจ็ดแปดคนที่ยืนเป็นแถวหน้ากระดานตรงเป๊ะอยู่ด้านหลังหมอราล์ฟ(ที่พึ่งสังเกตเห็น)ต่างพากันทำหน้าเลิ่กลั่กกันเต็มไปหมด  แต่ฤกษ์ก็ไม่ได้สนใจไปมากกว่านั้น

"ทำไมต้องมายืนทำอะไรแบบนี้กันด้วย ใส่บาตรแล้วมันยังไง" ราล์ฟเอ่ยถามเสียงเรียบอย่างไม่เข้าใจ เขาไม่เคยที่จะต้องมายืนทำอะไรที่ดูไร้สาระแบบนี้เลย แต่จะเดินกลับเข้าบ้านตัวยุ่งข้างๆก็ไม่ยอมตามเขาไป  จบประโยคคำถามของคนเป็นนายทุกคนก็เงียบกริบพากันยืนก้มหน้าเข้าใจว่าโดนเจ้านายตำหนิ เพราะโดยปกติคุณบัวหัวหน้าแม่บ้านจะจัดแค่โต๊ะเล็กๆไม่ได้ดูเอิกเกริกเหมือนอย่างเช้านี้ มีเพียงแค่คุณบัวที่ไม่สนใจคำถามของ'นาย' จัดข้าวของบนโต๊ะต่ออย่างไม่สนใจ

"การใส่บาตรเป็นกิจของชาวพุทธครับ ช่วยปรับลดความตระหนี่ ลดความเห็นแก่ตัวของเรา แล้วเราก็เชื่อกันว่าเมื่อใส่บาตรจะเป็นการต่อบุญต่อโชคเสริมทานบารมีให้แก่ตนเอง และเป็นการรักษาขนบธรรมเนียมประเพณี สืบต่ออายุพระพุทธศาสนา พระสงฆ์ เณร ถ้าไม่มีใครใส่บาตรก็ไม่มีอาหาร ไม่มีอาหารก็ดำรงชีพอยู่ไม่ได้ พุทธศาสนาเราก็อาจถึงคราวสิ้นสุดลงนะครับ" ฤกษ์เอ่ยอธิบายด้วยน้ำเสียงนุ่มน่าฟังอย่างใจเย็นพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนส่งให้คนตรงหน้า ท่ามกลางสายตาหลายคู่และคุณบัวที่ยืนมองเขาสองคนอยู่อย่างเงียบๆแฝงไปด้วยแววตาชื่นชมเจ้าเด็กตรงหน้า  'คุณราล์ฟ' ชายที่เขาเลี้ยงมาแต่เด็ก ถึงหมอราล์ฟจะโตที่เมืองนอกแต่ก็ต้องกลับมาไทยเป็นบางครั้งเพราะคุณหญิงซึ่งเป็นแม่ของหมอราล์ฟอยู่ไทย เพราะฉะนั้นช่วงเวลาที่อยู่ไทยคุณบัวเองเป็นคนคอยดูแลคอยเห็นการเติบโตของ'นายน้อย'ผู้ที่มีภาระมากมายคอยอยู่ สังคม และครอบครัวที่เมืองนอก หล่อหลอมให้กลายเป็นคนเขร่งขรึม เก็บอารมณ์ เด็ดขาด และโหดเหี้ยม เป็นที่น่าเกรงขามต่อ'ศัตรูและคู่แข่ง' ทว่า..เมื่ออยู่กับเด็กคนนี้เหมือนกลายเป็นอีกคน เวลาทุกนาทีของ'คุณราล์ฟ'มีค่า ทว่า..ก็ยังยืนเฉยๆอยู่ตรงนี้ ไม่ชอบแต่ก็ยังไม่ไปไหน ไม่ชอบให้ใครขัดใจหรือเถียงแต่ก็ยังเงียบที่จะฟัง

"งั้นเหรอ" เอ่ยด้วยสีหน้าไม่เชื่อ

"เอ้อ เขาว่ากันว่าถ้าคนเป็นคู่รักใส่บาตรทำบุญด้วยกันบ่อยๆ ชาติหน้าจะได้เจอและรักกันอีก"

"หลายความเชื่อเหลือเกินนะ แล้วถ้าไม่ได้นับถือใส่ได้ไหม" คนที่แสดงท่าทางไม่เชื่อซะเต็มประดา กลับกลายเป็นเอ่ยถามอย่างสนใจ

"ใส่ได้สิครับ ทำบุญใครเขาห้ามกัน ว่าแต่พี่นับถือศาสนาอะไรเหรอ คริสต์ อิสลาม ยิว เต๋า เชน?" ถามไปเผื่ออยู่ศาสนาที่เขาห้ามทำกิจศาสนาอื่น

"ไม่มี"

"หือ? ไม่มี งั้น ซุส ธอร์ โพไซดอน ไอรอนแมน โคนัน โอ๊ย!!" โดนมะเหงกไปหนึ่งดอก

"นับถือตรงนี้" หมอราล์ฟใช้นิ้วเคาะไปที่ศีรษะของตัวเองเบาๆ

"อ่า ไม่มีศาสนางั้นเหรอครับ แต่มนุษย์เราต้องการที่พึ่งทางใจนะครับ"

"พึ่งตนเอง"

"ค้าบๆ การไม่มีศาสนาก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรสักหน่อยโอเครครับ ท่านหล่อเทวดา"

           พยักหน้ารับทราบ ป้าบัวสกิดว่าพระมาแล้วฤกษ์หันไปดึงหมอราล์ฟมายืนข้างๆและตะโกนเรียกพี่ๆการ์ดที่ยืนนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งให้มาใส่บาตรด้วยกัน แต่ไม่ยักจะเดินมา กำลังจะเดินไปจูงมือมา หมอราล์ฟก็หันไปพยักหน้าเรียกก่อนฤกษ์จะเดินเข้าไปหา พวกบอดี้การ์ดเมื่อเห็นนายเรียกก็รีบวิ่งเข้าไปหาด้วยความว่องไว ฤกษ์มองอยากแปลกใจว่าพี่ๆที่เป็นฝรั่งหัวทองแจ๋อีกห้าหกคนที่รีบกุลีกุจอมาใส่บาตรเขาเป็นพุทธกันทุกคนเลยเหรอ

 "ยิ้มอะไรนักหนา" หมอราล์ฟเอ่ยถามคนข้างๆที่เดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขณะเดินเข้าบ้าน

"ผมดีใจที่ได้ใส่บาตรกับพี่หมอ ถ้าใส่ด้วยกันทุกเช้าคงดี….!!?" ฤกษ์ชะงักกึกตาเบิกโพลงรีบยกมือตระครุบปากตัวเองเมื่อรู้สึกตัวว่าพูดอะไรออกไป ทว่า มันสายเสียแล้ว

"เอ่อ...เอ่อคือการทำบุญทำให้จิตใจเราเบิกบานนะครับ เป็น...ปะ...ปะเป็นเรื่องที่ดีถ้าได้ทำครับ!!" พูดจบปุ๊บ สองเท้าก็ก้าวออกวิ่งแต่ก็ช้ากว่ามือแกร่ง หมอราล์ฟจับแขนเล็กไว้แน่น ก้มตัวลงให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกับคนตรงหน้า ตาคมคู่สวยจ้องมองฤกษ์ที่หน้าแดงลามไปถึงคอ

"พี่ยินดีนะ"

จุ๊บ

          พอพูดจบริมฝีปากได้รูปบนใบหน้าหล่อเหลาก็ประทับลงที่ริมฝีปากสีสวยของคนหน้าแดงอย่างไม่ทันตั้งตัว แค่แตะเบาๆแล้วเดินจากไป ปล่อยให้ฤกษ์ยืนนิ่งอย่างคนสติเลื่อนลอย แข่งขาอ่อนแรงจนทรุดนั่งลงกับพื้นทางเดินไปซะเฉยๆ ท่ามกลางสายตาของบอดี้การ์ดนับหลายคู่ อับอาย อับอาย เขาจะเอาหน้าไปที่ไว้ไหน!! ฮือ ไม่เข้าใจตัวเองที่ไม่ด่าออกไปเหมือนครั้งก่อน ไม่เข้าใจตัวเองที่รู้สึกดีชะมัดเลย!!




"คุณฤกษ์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ" พี่แม่บ้านเอ่ยถาม

"ปะ...เปล่าครับ"

"อาหารไม่ถูกปากหรือเปล่าคะ" ขณะนี้ผมกับพี่ราล์ฟกำลังนั่งทานอาหารเช้าอยู่บนโต๊ะอาหารที่โคตรยาว ไม่รู้จะยาวไปไหน นั่งกันแค่สองคนรู้สึกเคว้งฉิบหาย ถามว่าเป็นอะไร? ก็ต้องเป็นสิวะ เมื่อกี้ผมพึ่งผ่านสถานการณ์สะเทือนไตมาหยกๆ แต่พี่ราล์ฟทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนั่งอ่านหนังสือพิมพ์หน้าตาเฉย มีเพียงผมที่ไม่รู้จะทำตัวยังไงแม้แต่หน้ายังไม่กล้ามอง ฮึ่มๆ เดี๋ยวก่อนเหอะ ขอเวลาตั้งตัวและคิดแป๊บ ไอ้หมอหัวงูเอ๊ย ผมไม่ใช่สาวในสต็อคพี่นะโว้ย เดี๋ยวเหอะๆ แดกข้าวก่อนเสริมทัพ

"พี่ครับ ผมขอข้าวเปล่าจานนึงได้ไหมครับ" ผมเอ่ยขอออกไปหลังจากนั่งมองอาหารตรงหน้ามาสักพัก หันไปมองของพี่ราล์ฟท่านกำลังทรงนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาน่าปวดหัวอยู่มีแค่กาแฟดำแก้วเดียว แต่ของผมอะไรวะเนี่ย ไส้กรอก ไข่ดาว แผ่นชมพูๆนี่อะไรหมูแผ่นป๊ะ? อีกจานมีขนมปัง นมจืดหนึ่งแก้ว แดกไงวะ กินแต่กลับงี้เหรอ ได้ที่ไหนล่ะ ไม่อิ่มหรอก

"ไม่ชอบอาหารใช่ไหมคะ ในครัวมีข้าวต้มทะเลเดี๋ยวดิฉันไปตักมาให้นะคะ" พี่แม่บ้านเริ่มหน้าเครียด ขอข้าวจานนึงทำไมเครียดงั้น

"ไม่ๆพี่ ผมไม่อยากกินข้าวต้ม อันนี้ก็ดีอยู่แล้วผมอยากได้ข้าวเฉยๆ" พี่แม่หายไปสักพักแล้วกลับพร้อมจานข้าว เยส!! ให้มันได้งี้ดิ เอื้อมมือหยิบซอสแม็กกี้ตรงหน้าเยาะๆใส่ข้าว หยิบซอสพริกเทราดไข่ตักไข่มาโปะบนข้าว เอาเข้าปาก อืม อร่อยฉิบหาย หมูแผ่นนี่กินกับข้าวก็อร่อย กำลังกินเพลินๆก็ต้องชะงักค้างเมื่อหันไปมองพี่ราล์ฟแล้วพี่เขานั่งมองอยู่

"เอ่อ..มีอะไรหรือเปล่า"

"หึๆ เลี้ยงง่ายนะเราน่ะ กินเยอะๆล่ะ" พี่ราล์ฟกระตุกยิ้มหล่อๆ พร้อมกับเอื้อมมือจะมาลูบหัวผม ผมเลยเอียงตัวหลบพี่ราล์ฟเลยลูบไม่โดน ไม่ให้ลูบแล้วเว้ย

"พี่กินหนมปังป่ะ กินแต่กาแฟจะไปอิ่มอะไร" ผมเลื่อนขนมปังตรงหน้าไปให้พี่ราล์ฟ เอ๊ะ มีแยมด้วยหนิ

"พี่ไม่หิว"

"เหอะน่า สักแผ่นก็ยังดี เรียนหมออะไร ทำไมทำร้ายตัวเองก็รู้อยู่ว่าอาหารเช้าสำคัญ ผมทาแยมให้เอารสไรดีมีตั้งหลายรส ช็อค สตอ ส้ม เนย สับปะรด เอ๊ะ อันนี้อะไร" พลิกขวดกลับมาดู 'เนยถั่ว' เปิดและเอาช้อนมาตักชิม

"อันนี้อร่อยว่ะพี่ ผมทารสนี้ให้ รับรองฤกษ์ลิ้นเทวดาชิมให้แล้ว" ทาเสร็จก็ยื่นไปให้ พี่หมอทำเพียงแค่มองมานิ่งๆ แต่ไม่รับไป ชักมือกลับ เอามากินเอง เหลือคำสุดท้ายกำลังเอาเข้าปาก ข้อมือถูกจับไว้ ใบหน้าที่ชวนทำให้ใจสั่นเคลื่อนเข้ามาใกล้ก่อนริมฝีปากสีกุหลาบแดงช้ำจะงับขนมปังในมือผม นิ้วมือร้อนผ่าวเมื่อสัมผัสได้ถึงริมฝีปากที่งับลงมา…



         

"ผมกลับบ้านก่อนนะพี่" เอ่ยออกไปเมื่อเดินเขามาในห้องทำงานพี่ราล์ฟ ผมนั่งรอจนตอนนี้สิบเอ็ดโมงกว่าแล้วพี่ราล์ฟก็ไม่มีทีท่าว่าจะไปส่งผมที่บ้านสักที กูกลับเองก็ได้

"เดี๋ยวพี่ไปส่ง ตอนนี้เราอยู่แถวชานเมืองมันไกล" พี่ราล์ฟวางเอกสารตรงหน้าลงก่อนจะเงยหน้ามองนาฬิกาหรูที่ข้อมือ สีหน้าพี่เขาดูอิดโรยมากเลย ผมเห็นเขาอ่านหนังสือมากี่ชั่วโมงแล้วนะ

"พี่ราล์ฟ!! พี่ได้นอนหรือยังเนี่ย!?"

"ลืมน่ะ" ตอบง่ายๆก่อนจะลุกขึ้นเดินเปิดประตูเพื่อไปยังห้องนอน หยิบผ้าเช็ดตัวกำลังจะเข้าห้องน้ำ ผมเดินเข้าไปคว้าแขนคนตรงหน้าอย่างห้ามตัวเองไม่ได้

"พี่ควรนอนพักก่อนนะ"

        พี่ราล์ฟพยักหน้าเพียรๆ มือแกร่งปลดกระดุมตรงหน้าอกออกสองสามเม็ดก่อนจะทิ้งตัวลงบนที่นอนหรูที่ผมนอนคนเดียวเมื่อคืน นอนแน่นิ่งไปเลยเว้ย สงสัยจะเพียรจริงๆไม่ทักก็คงไม่นอนใช่หรือเปล่าวะ คนอะไรทำงานยังกับหุ่นยนต์รอคนมาปิดสวิตซ์หรือไง เอื้อมมือไปดึงผ้าห่มมาคลุมให้ถึงอก

พรึ่บ

"เชี่ย!! ทำไรเนี่ย ปล่อยนะโว้ย ไอ้พี่ราล์ฟ" ร่างผมถูกดึงลงไปกองแอ้งแม้งอยู่บนตัวพี่ราล์ฟอย่างไม่ทันตั้งตัว ก่อนที่ตัวจะโดนพลิกไปอยู่ใต้ร่าง

"ตอนที่พี่หลับอย่าก่อเรื่อง อย่าแอบหนีไปไหนพี่จะไปส่งเอง" พี่ราล์ฟยื่นหน้ามาใกล้จนต้องหันหนีไปด้านข้างไม่งั้นจมูกแตะกันแน่ๆ โธ่โว้ย

"รู้แล้วๆ ปล่อยได้แล้วโว้ย"

"พูดกับรุ่นพี่อย่างนี้เหรอ หืม"

"ครับๆๆๆ ผมไม่ก่อเรื่องหรอก" ปล่อยกูนะ!!

ฟอดดด

"ไอ้พี่เชี่ยยย ใครให้หอม" ผมโวยวายลั่นเมื่อแก้มโดนไอ้พี่ราล์ฟหอมฟอดใหญ่ ดิ้นจนเหนื่อยแต่ก็เปล่าประโยชน์กระดูกแม่งคนละเบอร์

"ให้รางวัลเด็กดี"

"ผมไม่เอา ปล่อยผมนะ ไอ้พี่หัวงู ผมไม่ใช่สาวในสต็อคพี่นะโว้ย ไปหาทำกับแฟนพี่ดิวะ ผมน้องพี่นะ!!" ตะโกนใส่หน้าอย่างโมโห ผมไม่ใช่ของเล่นพี่นะ ถึงผมจะรู้สึก...รู้สึกดีเวลาอยู่ใกล้พี่ก็เถอะ อยู่ดีๆดวงตาก็ร้อนผ่าว ภาพผู้หญิงของพี่ราล์ฟที่ผมเห็นหลั่งไหลเข้ามาในหัว

"ฤกษ์ รังเกียจพี่หรือเปล่า"

"...."ผมเลือกที่จะไม่ตอบ ไม่เคยรังเกียจเลยแต่กลัว...กลัวในสิ่งที่ได้รับรู้แล้วว่าไม่มีอะไรเหมือนกันเลย จ้องมองลึกเข้าไปที่ดวงตาคู่คมเทาหม่นคู่นั้น ใกล้จนลมหายใจอุ่นๆเป่ารดหน้า ความอุ่นแทรกลงไปถึงหัวใจ พี่...เขาจะใช่พี่หรือเปล่านะ ดวงตาคู่นี้เหมือนกันเหลือเกิน ความรู้สึกจุกๆตรงอกนี้คืออะไร

"อย่าคิดไปเองพี่ไม่ได้มีใคร พี่...พี่..แค่ฤกษ์" พี่ราล์ฟก้มลงมาจูบตรงหางตาผมเบาๆ ทำให้รู้สึกว่าตัวเองน้ำตาไหล มันไหลตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้

"ปล่อยผมเถอะครับ พี่จะได้พักผ่อน" เขายอมปล่อยผมแต่โดยดี ผมเดินออกจากห้องมาด้วยคำถามในหัวมากมายไม่เข้าใจเลย 'แค่ฤกษ์' แค่ผมอย่างนั้นหรือ? หมายถึงอะไร หรือว่า...ไม่!! เป็นไปไม่ได้อย่าคิดเข้าข้างตัวเองนักเลย พี่ราล์ฟเลยนะเว้ย คนอย่างพี่เขาไม่มีทางหรอกน่า สาวๆสวยๆล้อมกายเขาเยอะแยะ แล้วผมจะร้องไห้ทำไมเนี่ย แค่รู้สึกดีที่อยู่ด้วยเฉยๆเว้ยไอ้ฤกษ์ ไม่ได้ชอบสักหน่อย อาจจะเพราะพี่เขาหล่อ เพอร์เฟค เราอาจจะแค่ปลื้มเขาเฉยๆเป็นแบบไอดอลไง เลิกคิดๆ เดี๋ยวพอกลับบ้านก็ลืมๆไป พยายามอยู่ห่างๆก็พอ


           เดินไปเรื่อยๆผ่านพี่ๆบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ ทุกคนต่างก็โค้งทำความเคารพผม ยกมือไหว้ตอบกลับไปอย่างหงอยๆ รู้สึกตัวอีกทีก็มีสระน้ำขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้า มีดอกบัวบานอยู่เต็มสระ มีทางเดินทอดยาวไปสิ้นสุดที่ศาลาเล็กๆอยู่กลางสระ รู้สึกเหมือนมีคนยืนอยู่ข้างหลังหันไปมองเป็นพี่บอดี้การ์ด เขาสูงใหญ่และหน้าตาดีมากออกตี๋หน่อยๆ เขาหมือนไม่ใช่คนไทยเลย ผมไม่รู้ว่าเขาตามผมมาตอนไหนเพราะไม่ได้ยินเสียงเลย เลิกสนใจก่อนจะเดินไปที่ศาลากลางน้ำและนั่งลง หยิบมือถือส่งหาน้องว่าอยู่บ้านเพื่อนเลื่อนดูสายที่ไม่ได้รับห้าสาย เพื่อนๆผมทั้งนั้น เก็บโทรศัพท์ลงใส่กระเป๋ากางเกงเหมือนเดิมไม่ได้โทรกลับเพราะวันจันทร์ก็เจอกันอยู่ดี ถ้าพวกนั้นมีอะไรด่วนป่านนี้ส่งข้อความมาบอกแล้ว นั่งมองวิวไปเรื่อยๆ ให้สมองได้ผ่อนคลาย บ้านหลังนี้กว้างขวางจนน่าทึ่งเดินสำรวจหนึ่งวันเต็มๆคงยังไม่ถึงครึ่งหรอกมั้งดูมีอะไรลึกลับชะมัด คงเหมือนเจ้าของบ้านนั่นล่ะที่ดูมีอะไรลึกลับไปซะหมด

            หันไปมองพี่การ์ดคนหล่อเขายืนอยู่ที่เดิมเป๊ะ ยืนอยู่ตรงต้นทางเดินที่จะเดินมายังศาลายืนนิ่งไม่ไหวติ่งมองมาทางผมไม่เมื่อยหรือไงวะ เฮ้อ อะไรจะขนาดนั้นวะ เขากลัวผมจะขโมยของหรือไง หรือกลัวผมจะหนีกลับบ้านวะ บ้านหลังนี้แปลกชะมัด กวักมือเรียกให้เข้ามานั่งด้วยกันเขาก็เฉย เป็นหุ่นยนต์ทั้งนายทั้งลูกน้อง ผมลุกขึ้นเพื่อจะเดินไปดึงมานั่งด้วยกันไปยืนทำไมตรงนั้นแดดร้อนจะตายห่าอยู่แล้ว แต่เท้าผมก็ดันสะดุดแผ่นไม้กระดานที่ไม่เสมอกันพาร่างตัวเองลงไปกองกับพื้น อีกนิดเดียวคือผมก็เกือบตกสระแล้วอ่ะ บุญเมื่อเช้ายังช่วยไว้นะครับ รำคาญตัวเองแท้

"คุณฤกษ์ครับ!! เจ็บตรงไหนหรือเปล่า" เสียงภาษาไทยแปร่งๆดังขึ้น เงยหน้าขึ้นมองเป็นพี่การ์ดที่ผมกำลังจะเดินไปหา ตอนนี้เขานั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆผมแล้ว มาไวจนผมแทบผงะ เชี่ย ขนาดวิ่งมาผมยังไม่ได้ยินเสียงเลย หูผมเป็นอะไรหรือเปล่าวะ

"ไม่เป็นไรครับ ผมจะเดินไปเรียกพี่มานั่งด้วยกันไงล่ะไปยืนตรงนู้นทำไมร้อนจะตายชัก" ลุกขึ้นยืนสำรวจหัวเข่าตัวเองเป็นรอยแดงนิดหน่อยแต่เลือดไม่ไหล หันกลับไปนั่งเก้าอี้เหมือนเดิม ตบที่นั่งว่างข้างๆให้พี่การ์ดแต่ก็เปล่าประโยชน์เพราะพี่เขาก็ยังยืนนิ่งเหมือนเดิม แล้วแต่เลยฮะ

"คุณฤกษ์จะทานอะไรไหมครับ ผมจะเรียกแม่บ้านเอามาให้"

"ไม่อ่ะคร้บ ว่าแต่พี่ตามผมไมอ่ะผมไม่ขโมยของหรอกน่า" ถามพลางเอามือเท้าคางไว้กับโต๊ะเงยหน้ามองหน้าพี่การ์ด พี่เขาหน้าตาดีมากๆเลยแฮะ หล่อเหมือนดาราเลย

"ผมต้องคอยดูแลและอำนวยความสะดวกให้คุณฤกษ์ ตามคำสั่งนายครับ"

"อ่อครับ" ตอนอยู่ก็ทำให้วุ่นวายหัวใจแล้วตอนไม่อยู่ยังส่งคนมาตามหลอกหลอนอีกนะพี่ราล์ฟ

"พี่ชื่ออะไรเหรอครับ" เท้าคางเงยหน้าถามคนหล่อตรงหน้า หน้านิ่งเหมือนนายตัวเองเด๊ะ ทำไมถึงเคร่งเครียดอะไรกับชีวิตขนาดนี้ แค่คุยกับผมยังต้องยืนหลังตรงมือกุมไว้ข้างหน้า

"ชิโนครับ"

"พี่ไม่ใช่คนไทยใช่ไหม ผมเห็นพี่พูดไทยไม่ค่อยชัดเลย"

"ผมเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น-จีนครับ"

"โหวว แต่พูดไทยเก่งมากเลยครับ" ผมบอกอย่างชื่นชมจริงๆยกนิ้วโป้งแถมให้ด้วยกลัวพี่เขาไม่เชื่อ

"พี่ชอบภาษาไทยเหรอครับ"

"ถ้าทำงานกับคุณราล์ฟจะต้องพูดภาษาไทยได้ครับ"

"งั้นเหรอครับ" งาน? งานอะไรนะ ผมเห็นพี่เขาเป็นแค่นักศึกษาแพทย์คนหนึ่งเองเรียนก็หนักแล้ว ยังต้องทำงานอะไรอีกเหรอ แต่บ้านเขาใหญ่อลังขนาดนี้คงจะทำธุรกิจหลายอย่างมั้งคงจะยุ่งนั่นล่ะ

"เอ๊ะ! นั่นพวกพี่ๆเขาไปไหนกันอ่ะครับ" ชี้มือไปที่คนกลุ่มหนึ่งที่เดินผ่านมาทางสระที่ผมนั่งอยู่ ในมือของพวกเขา มีแปรงขัดพื้น และถังหลายใบ นั่นมันพวกพ่อบ้านนี่

"มีล้างบ่อปลาตรงสวนด้านหลังครับ"





"คุณฤกษ์ครับ!! พอเถอะครับนี่ก็เย็นมากแล้ว" พี่ชิโนตะโกนเรียกอยู่ตรงขอบบ่อด้วยสีหน้ากังวล ไม่รู้จะกังวลทำไม

"คุณครับ!! ขึ้นเถอะครับ" พี่การ์ดผมสีบอร์นเข้มหน้าตารูปร่างเหมือนหลุดออกมาจากนิตยสารนายแบบฝรั่ง ตาสีเขียว จ้องอย่างดุๆและส่งเสียงเข้ม พี่เขาชื่ออันเดรียพึ่งมาถึงหลังจากที่ผมลงมาล้างบ่อปลาได้ชั่วโมงกว่า เทียบกับพี่ชิโนแล้วพี่เขาโคตรดุเลยล่ะครับ เขาพูดไทยชัดกว่าพี่ชิโนซะอีก เขาจะไม่พูดอะไรเลยถ้าไม่จำเป็น ขนาดชื่อพี่เขาผมยังกระซิบถามกับพี่ชิโนเลย

"อีกห้านาทีพี่ รอให้น้ำเต็มก่อน" เรากำลังปล่อยน้ำลงบ่อได้ครึ่งทางแล้วถ้าเต็มบ่อน้ำก็น่าจะถึงเอวผมพอดี



         ตะเกียกตะกายขึ้นจากบ่อโดยมีพี่ชิโนคอยช่วยดึงอยู่ข้างบน ถอดเสื้อยืดของพี่ราล์ฟที่ใส่อยู่ออกมาบิดน้ำให้หมาดพาดไว้ตรงไหล่ หันไปมองบ่อปลาคาร์ฟสะอาดเรียบร้อยดี พี่ๆพ่อบ้านกำลังถ่ายเทน้องๆจากบ่อชั่วคราวลงบ่อหลักแล้ว

กึก

         ร่างชะงักเมื่อหันไปเห็นคนที่มีผลต่อความรู้สึกยืดกอดอกรออยู่ด้านหลัง มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? พี่ราล์ฟอยู่ในชุดสูทหรูที่ดูเหมือนพึ่งกลับมาจากข้างนอกเพราะคลายเนคไทออกและปลดกระดุมเสื้อ พี่เขาไม่ได้นอนพักผ่อนหรอกเหรอ ส่งยิ้มแห้งทักทายไปเมื่อพี่เขาเดินเข้ามาหาผม ไม่ทันจะได้พูดอะไรเสื้อสูทหรูก็คลุมปุบอยู่บนตัวผมที่เปลือยท่อนบนอยู่

"พี่!! เสื้อเปื้อนหมดแล้ว" จะดึงเสื้อคลุมออกเพราะกลัวเสื้อจะเปียกแต่พี่ราล์ฟกลับจ้องมาดุๆ บ่งบอกว่าถ้าเอาเสื้อออกจบไม่สวยแน่ เฮือก! นี่ล่ะเหตุผลว่าทำไมผมถึงไม่กลัวพี่อันเดรียที่ดุกว่าพี่ชิโน ก็มีคนที่ดุกว่าพี่อันเดรียหลายเท่าเลยน่ะสิ

"ไปอาบน้ำซะ" น้ำเสียงคือกำลังเดือดเลย ไปโมโหอะไรมาวะ

"สองคนตามฉันมา" หยุดเท้าที่กำลังจะเดินกลับเมื่อได้ยินเสียงพี่ราล์ฟเรียกพี่ชิโนกับพี่อันเดรีย

"พี่บอกให้ไปอาบน้ำ"

"พี่จะดุพวกพี่เขาเหรอ" ผมถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ

"ไปอาบน้ำ"

"ไม่ไป พี่จะดุพวกพี่เขาใช่ไหม ถ้าพี่จะดุพวกพี่เขาเพราะผมที่ช่วยล้างบ่อปลาพี่ดุผมเลยก็ได้ ถึงผมจะไม่เข้าใจก็เถอะว่าผมทำผิดอะไรนักหนา ถ้าพี่ไม่ชอบพี่ก็น่าจะให้ผมกลับบ้าน" พูดออกไปด้วยความรู้สึกเหมือนน้อยใจ น้อยใจ? ไม่หรอกผมจะน้อยใจทำไมเล่า

"โอเครพี่จะไม่ดุ ไปอาบน้ำได้หรือยัง หืม" พี่ราล์ฟพูดด้วยเสียงที่อ่อนลง

"เชื่อได้ใช่ไหม"

"อืม"




          ผมอาบน้ำสระผมเรียบร้อยอย่างรีบร้อนเพราะพี่ราล์ฟรอกินข้าวอยู่ข้างล่างพี่เขาบอกว่ากินเสร็จแล้วจะไปส่ง กำลังจะเดินออกจากห้องน้ำเหลือบไปเห็นอ่างน้ำหรูอีกรอบวันนี้น้ำก็เต็มอ่างเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือมีน้ำเดือดปุดๆอยู่ในอ่าง เอานิ้วจุ่มลงไป ไม่ร้อนนี่อุ่นๆ เอ๋ น่าสนใจว่ะ จุ่มตัวลงไปเอาหัวพิงขอบอ่างหลับตาลง สบาย รู้สึกเหมือนร่างกายกำลังถูกนวดให้หายเมื่อยเลย อ่า รู้สึกดีจังชาตินี้จะมีโอกาสได้แช่แบบนี้อีกไหมเนี่ย แต่...วันนี้ผมยังไม่ได้นอนกลางวันเลย













 :pig4: :pig4:






 
















 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด