☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่28…เล่นบอลนะครับ! 19/12/63
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่28…เล่นบอลนะครับ! 19/12/63  (อ่าน 22350 ครั้ง)

ออฟไลน์ 11:11

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-1
6…โปรฟรี?






ตุ้บๆๆ




สวบ




สวบ





     ท่ามกลางป่าหนาทึบใกล้ตีนดอย มีเพียงร่างของเด็กผู้ชายสองคนกำลังวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต คนตัวสูงกว่ามีสีหน้าเคร่งครึมและวิตกกังวล สองเท้าเปล่าเปลือยเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบดินและบาดแผลจากหินบนพื้น รองเท้าเจ้ากรรมหลุดหายขณะวิ่ง  เลือดเริ่มไหลซึมออกมาเรื่อยๆ แต่เจ้าของร่างไม่คิดจะสนใจบาดแผลแม้สักนิด มือข้างหนึ่งกระชับมือเล็กที่เล็กกว่ากอบกุมเอาไว้ บ่งบอกให้เจ้าของมืออันเย็นเยียบที่เขาได้กอบกุมไว้ได้มั่นใจว่าจะไม่เป็นไร….






ปัง!!



ปัง!!



ปัง!!





"อ๊ะ!!"


"พี่!!!"


     คนสูงกว่าทรุดฮวบจากแรงกระสุนที่เฉียดโดนน่องซ้าย ร่างเล็กกว่าเมื่อเห็นพี่ทรุดตัวลงฉับพลันและเลือดสีแดงเริ่มไหลก็ร้องเสียงหลง เลือด….ไหลทะลักจนน่ากลัว


"ฮึกๆๆ พี่ๆ พี่ๆ ฮึกๆ"


"ชูว์~~"


     คนสูงกว่าลูบหัวปลอบประโลมเจ้าร่างเล็กกว่าที่หวาดกลัวจนเนื้อตัวสั่นเทา แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวเล็กก็ไม่ยอมปล่อยโฮออกมา ทั้งที่ดวงตาแดงกล่ำเต็มไปด้วยคราบน้ำตาจากความหวาดกลัว….กลั้นเสียงจนร่างกายเล็กสั่นระริก


     ทว่า...ถึงน้ำตาจะนองหน้าเต็มไปหมด เมื่อเห็นพี่เจ็บ ความเข้มแข็งก็กลับมาอีกครั้ง เจ้าร่างเล็กค่อยๆประคองคนตัวสูงกว่า หลบเข้าไปหลังจอมปลวกใหญ่ที่มีต้นหญ้าหนาทึบขึ้นบังไว้จนหนาแน่น ค่อยๆ วางร่างที่ถูกยิงลงด้วยร่างกายและมืออันสั่นเทา…



สวบ



สวบ



     เสียงพวกนั้น...พวกคนใจร้าย ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เขาจะทำอย่างไรดี จะทำอย่างไรให้ 'พี่' ปลอดภัย...


     กลิ่นเลือดลอยคละคลุ้งจนน่าใจหาย เจ้าร่างเล็กถอดเสื้อของตัวเองออกอย่างไม่ลังเล มือเล็กเอาเสื้อพันแผลตรงน่องข้างซ้ายให้ร่างสูงด้วยมืออันสั่นเทา พร้อมหยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มและเชื่อได้ว่าได้หยดลงบนบาดแผลนั้นไปหลายหยด… ด้วยวัยที่ไร้เดียงสาเพียงไม่กี่ขวบเขาไม่รู้เลยว่าจะทำอย่างไรกับบาดแผลนี้...คิดได้เพียงแค่ว่าเอาผ้ามัดไว้แน่นๆ เลือดอาจจะหยุดไหลพี่จะไม่เป็นไร…


     คนสูงกว่าเบ้หน้าด้วยความเจ็บ...เมื่อน้องพันแผลให้ด้วยเสื้อของน้องเอง เม็ดเหงื่อเกาะพราวเต็มใบหน้าแต่ไม่อาจส่งเสียงร้องแสดงความเจ็บปวดออกมาให้น้องขวัญเสีย…


     ก้มมองแขนขาวเล็กเต็มไปด้วยบาดแผลที่โดนกิ่งไม้เกี่ยว ใบหน้าเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา สงสาร...ถ้าวันนี้เขามิอาจรอดแต่น้องต้องรอดเพราะเขาเองเขาเองความผิดเขาเอง



"ไป!! ไปซะ!!" คนสูงกว่าผลักเจ้าร่างเล็กล้มลงกับพื้น พลางออกปากไล่ ถึงเจ้าตัวเล็กจะไม่เข้าใจที่พี่พูดแต่ก็พอจะรู้จากกิริยาท่าทางที่เหมือนกับไล่ให้ไป…


"พี่…" เจ้าร่างเล็กมองด้วยสายตาตัดพ้อ และแค่ชั่วอึดใจก็ถลาเข้าไปกอดพี่ไว้แน่น แม้ว่าจะโดนผลักไสแค่ไหนก็ตาม


"ผมจะทิ้งพี่ได้ยังไง ฮึกๆ พี่เจ็บอยู่ ฮึกๆ เรา...เราจะไม่เป็นไร… ฮึกๆๆ ครั้งหน้าผมจะพาพี่ไปเที่ยวให้เยอะกว่านี้ ผมจะให้ยายสอนทำแกงเขียวหวานที่พี่ชอบกิน ฮึกๆ ครั้งหน้า...ครั้งหน้าผมจะทำให้พี่เอง ฮึกๆ " เจ้าตัวเล็กกอดคนสูงกว่าแน่นไม่ยอมปล่อย...สะอื้นฮักอยู่กับไหล่พี่ คนสูงกว่ากอดน้องแน่นราวกับกลัวว่าจะไม่ได้พบกันอีก..ตาคมสองคู่แดงกล่ำอย่างอดกลั้นความเสียใจที่มันร่ำร้องอยู่ข้างในอย่างบ้าคลั่ง


"ต่อไปนี้ผมจะตั้งใจเรียน ฮึกๆ ครั้งหน้า ฮึกๆ เราจะได้พูดกันได้เยอะๆ ผม...ผมอยากฟังเรื่องของพี่บ้าง ฮึกๆๆ" คนสูงกว่าตั้งใจจดจำทุกถ้อยคำของเจ้าตัวเล็ก ไม่ได้ใส่สมอง แต่ให้ฟังลึกลงไปในใจ ทุกถ้อยคำไม่ให้ตกหล่น สักวัน สักวันเขาจะต้องรู้ถึงความหมาย…



พลั่ก!!



     ชั่วอึดใจคนร่างสูงก็พลักน้องอีกครั้ง น้องไม่ยอมไป ถลาเข้ามาจะหาพี่ทว่า...ก็โดนพลักอีก เจ้าตัวเล็กทำได้เพียงนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ห่างออกไปเล็กน้อย เห็นแบบนั้นหัวใจก็เจ็บแปลบ คว้าร่างมากอดไว้ ขอร้อง...อย่าทำแบบนี้


"อยู่นี่กันเองปล่อยให้หาอยู่ตั้งนาน"


     ชายชุดดำร่างสูงใหญ่สามคนโผล่เข้ามาพร้อมกับเอาปืนจ่อมาที่ร่างเด็กชายสองคน คนสูงกว่ากอดเจ้าร่างเล็กที่เปลือยท่อนบนไว้แน่นพร้อมกับเอาร่างบังไว้แทบมองไม่เห็นเจ้าตัวเล็ก เขาเห็นแล้ว...ว่าใครซุ่มอยู่อีกฝั่ง


"เก็บงาน"




ปัง!!     






ปัง!!     






ปัง!!






"นายน้อย! เป็นอย่างไรบ้างครับ"  ชายร่างใหญ่ผมสีบลอนด์ห้าหกคนที่ซุ่มอยู่อีกฝั่งวิ่งเข้ามาสมทบ เขาไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ถอดเสื้อตัวเองไปใส่ให้น้อง…. จับใบหน้าเล็กให้เงยขึ้นยกมือปาดน้ำตาบนแก้มขาวให้อย่างแผ่วเบา


"เราปลอดภัยแล้ว กลับ…"


"พี่!!" พลันในสายตาของเจ้าร่างเล็กก็เห็นชายชุดดำที่นอนจมกองเลือดอยู่ยกปืนขึ้นด้วยมืออันสั่นเทามาที่พวกเขา




ปัง!!




"ฤกษ์!!!!!!"










เฮือก!!!







   เอ้กอี๊เอ้กเอ๊ก~




"มึง…"


"...."


"เป็นไรหรือเปล่า"


"...."


"ฤกษ์"


"....."


 "ฤกษ์!!"


 "ห๊ะ!! ว่าไงนะ"


"กูถามว่า มึงเป็นเชี่ยอะไรหรือเปล่า!! อยู่ดีๆก็ลุกพรวดพราดมาตอนตีสี่เนี่ย ไข้กลับเหรอ หรือปวดหัว"


" เปล่าๆ กูเคยชินน่ะ ปกติเวลานี้จะตื่นไปช่วยหลวงลุงที่วัดน่ะ"


     ผมหันไปบอกไอ้นกที่มองมาอย่างเป็นห่วง พอผมบอกว่าไม่ได้เป็นไรก็ล้มตัวลงนอนต่อ ฝัน...










"เอ้า!! วิ่ง!! เร็ว! ไม่เป็นระเบียบกลับไปเริ่มต้นใหม่!! อย่าเอาแต่ตัวเอง ทำไมไม่รอเพื่อน!! "


    ร่างโปร่งยืนตะโกนเท้าเอว เย้วๆ อย่างเอาเป็นเอาตาย ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่นั่งรอดูอย่างกลั้นขำปนเอ็นดู ทว่า...ต้องปั้นหน้าให้ปกติกลัวว่าขำออกไปแล้วไอ้เจ้าของเสียงที่มันตะโกนเย้วๆ อยู่จะโกรธเอา ก็จะไม่ให้กลั้นขำอย่างไรได้เล่า...ไอ้ตัวขาว ปากแดงแจ๋ หน้าใสจนแก้มขึ้นสีอมชมพูเวลาตากแดดหรือออกแรง บวกกับทรงผมแสกกลางวินเทจที่เจ้าตัวเข้าใจว่าทำทรงนี้แล้แล้วโคตรเท่ แต่คนอื่นมองยังไงก็น่ารัก ดันยืนเก๊กหน้าเข้ม? หน้าโหด?


"มึงเข้มได้แค่นี้?"


"อะ แฮ่ม!! จัดแถวววววววว"


"ป่ะ!! แยกย้าย"


"พี่อิฐฐฐฐฐฐ!! "  ร่างโปร่งร้องโวยวาย ด้วยกลัวว่าเจ้าพี่รหัสที่ทั้งโหด ทั้งน่ารัก(?) จะเดินหนีจึงกระโดดเกาะหลังซะเลย


"อะไรของมึงเนี่ย ไอ้หมอผี!! เกาะกูเป็นกุมารทองเลยนะมึง ปล่อยเลยกูจะไปทำงานทำการ กูทำใจตั้งแต่ได้มึงเป็นน้องรหัสล่ะ ทำใจแล้วว่าสายรหัสพี่ว้ากจะสิ้นสุดที่รุ่นกู" พี่รหัสพ่วงตำแหน่งอดีตเดือนคณะสลัดไอ้ตัวข้างหลังไปมาแต่มันก็เกาะเหนียวแน่นยิ่งกว่าเห็บ กลายเป็นภาพน่ารัก ขบขัน ของผู้พบเห็น


"พี่แม่ง!! ดูถูกว่ะ"


"กูดูผิดที่ไหน ทีก่อนหน้ากูเรียกมาซ้อมเสือกไม่มา ทีกูหาคนอื่นได้เสือกดิ้น อยากจะเป็น!!"


"เอ้า!! พี่อิฐทำไมพูดงี้อ่ะ พี่พูดอย่างนี้ได้ไง พี่พูดความจริงเสียงดังอย่างนี้ได้ยังง้ายยยยยยยย"



     สุดท้ายผมก็โดนพี่อิฐมันจี้เอวจนต้องปล่อยมือร่วงลงพื้นไม่เป็ท่า ปัดโถ่ววว มันหยามกันเกินไปแล้ว แฮร่ พูดเล่นน่ะครับ วันนี้เป็นที่สองของการมาค่าย ทุกคนทำงานกันจริงจังประหนึ่งว่าตอนนี้ได้แปลงร่างเป็นกรรมกรเรียบร้อย สู้งานกันทุกคนไม่มีบ่นกันสักคำ ส่วนผมหายดีแล้วเด้อ โดนฉีดไปสองเข็มตอนนี้ก็กลับมาเป็นฤกษ์คนหล่อเหมือนเดิม ตอนนี้ผมไม่ได้อู้งานนะ มันเป็นช่วงเวลาพักเที่ยงพอดี


     พอได้รู้ข่าวว่าใครจะเป็นผู้สืบเชื้อสายพี่ว้ากคนต่อไป ก็ทำให้ผมนั่งแทบไม่ติด!! ไอ้ปัดคือผู้ที่ถูกเลือก พอผมไปประท้วงว่าผมน้องรหัสพี่นะ!! ต้องมีความโปร่งใสและยุติธรรมดิ เอ้อ เอาความจริงก็ได้...คือถ้าไอ้ปัดได้เป็น ผมก็จะได้ตำแหน่งทาสเบื้องหลังอย่างไม่ต้องสงสัยอ่ะดิ ก็เหมือนกับไอ้มังกรมันเป็นประธานรุ่นแล้วใช้เพื่อนสุดหล่ออย่างผมคนนี้เยี่ยงทาส ฮึ่มๆ(คำราม) แต่ถ้าผมได้เป็นพี่ว้ากผมก็จะได้ใช้พวกมันบ้าง (ใคร?ใครว่าผมไร้สาระ! ได้ยินนะ!!) แล้วผมก็โดนทดสอบอย่างที่หลายๆท่านได้เห็นไปแล้ว


     ไอ้ผมคนที่ไม่ถูกเลือกก็เลยสะบัดหน้าไปทำงานต่อ ใช่สิ! ผมมันคนกาก ทำไรก็แพ้ ไม่ได้งอนนะครับ กูร้อนนนน ยืนตะโกนตากแดดตั้งนาน ปัดโถ่วววว




"น้องฤกษ์! สรุปเป็นไงได้เป็นไหม"


     เสียงทักดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้เจ้าของชื่อหยุดชะงักแทบหัวทิ่ม ร่างโปร่งในชุดเสื้อยืดคอกลมสีขาว มีรูพรุนเหมือนโดนถล่มยิงรัวด้วยเอ็มสิบหก กับกางเกงยีนส์ขาสั้นเหนือเข่าขาดรุ่งริ่ง เจ้าตัวหันซ้ายขวาหาต้นเสียง พอเห็นเจ้าของเสียงทักที่กวักมือเรียกให้เข้าไปหาก็ขมวดคิ้วงงๆ แต่สองเท้าบนรองเท้าแตะคีบคู่ใจก็เดินเข้าไปหาคนกลุ่มหนึ่ง ที่นั่งเรียงรายอยู่บนโต๊ะไม้ยาว


"โห พี่ระดับผมไม่น่าถาม"


      เจัาตัวตอบคนถามโดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่ามีใครบ้างนั่งอยู่บนโต๊ะ เพราะปกติฤกษ์ก็ไม่เคยโฟกัสอะไรมากกว่าหนึ่งอยู่แล้ว ฤกษ์ทำได้ทีละอย่างเมื่อมีคนถามแค่คนเดียวเขาก็มองเห็นแค่คนเดียวในรัศมีการมองเห็น(?)


"เป็น?"


"ที่ไหนล่ะ แพ้ยับเยินอ่ะพี่" ฤกษ์ฉีกยิ้มแฉ่งสดใสยิ้มทั้งปากทั้งตายิ้มออกมาจากใจใครที่เห็นรอยยิ้มก็เอ็นดูและตกหลุมความน่ารักกันทุกคน และเจ้าตัวก็ดูเหมือนจะไม่เคยรู้ตัวสักนิด ฤกษ์เดินไปหยุดตรงหน้าหมอแข่งไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง


"ฮ่าๆ เรานี่น้า" หมอแข่งหัวเราะปนเอ็นดูพลางยื่นมือมายีหัวคนตรงหน้า เจ้าฤกษ์ยิ้มรับอย่างไม่ว่าอะไรที่มีคนมายีหัว เพราะเขาถือว่าช่วงนี้เจอกันบ่อยนับว่าเป็นมิตรกัน(?)


"เอ๊ะ!! พี่รู้ได้ไงอ่ะว่าผมทำไรอยู่ตรงนู้น" เจ้าฤกษ์พึ่งคิดได้


"ก็เราเล่นตะโกนลั่นขนาดนั้น เห็นเพื่อนเราคนที่หน้าตี๋ๆ ผมน้ำตาลๆอ่ะ เดินมาทางนี้เลยลากมาถาม"


"อ๋อ ไอ้มังกร" คนดังอีกคนของคณะ ฉายาหมอผีผู้น่ารักแต่ไม่เคยรู้ว่าตัวเองดัง ทำหน้างงๆ ผู้ที่มีรูปตัวเองลงในเพจคิ้วท์บอยทุกอาทิตย์ ทว่าเจ้าตัวไม่รู้ ผู้ที่มีเพื่อนในเฟสแค่ห้าสิบคนและไม่รู้ว่าการลงสตอรี่ทำอย่างไร ผู้ที่พึ่งมีไลน์เมื่อหกเดือนก่อนจากการที่เพื่อนสมัครให้ ผู้ที่ไม่รู้ว่าทวิตเตอร์คืออะไร ผู้ที่พึ่งลงรูปในไอจีเป็นเมื่อสองเดือนก่อน พยักหน้ารับงงๆ แต่ก็ไม่คิดจะถามอีกตามเคยเพราะไม่คิดจะสงสัย(?)


     หมอแข่งขยับพื้นที่ให้ว่างพร้อมกับดึงแขนขาวของฤกษ์ให้นั่งลงข้างๆ เจ้าตัวก็นั่งตามแรงดึงอย่างงงๆ พอเงยหน้าขึ้นมองรอบตัวก็รับรู้ได้สักทีว่าตัวเองตกอยู่ในท่ามกลางวงล้อมของหมอ พวกพี่ๆหมอกำลังนั่งทานข้าวกัน บนโต๊ะไม้ยาวมีอาหารมากมายวางเรียงรายเต็มโต๊ะไปหมด ฤกษ์ร้องโอ้โหอยู่ในใจ ทำไมกับข้าวกับปลามันน่ากินกว่าของเขาที่พึ่งไปกินในโรงครัวอีกล่ะเนี่ย!!


"นี่มันแบ่งชนชั้นนี่" เจ้าตัวประท้วง


"แบ่งที่ไหน กับข้าวพึ่งได้มาจากพวกชาวบ้านเมื่อสักครู่เอง พวกเขาห่อกันมาให้ ตอนมาตรวจสุขภาพ นี่ก็พึ่งจะแบ่งไปโรงครัวเมื่อกี้" หมอรอนที่นั่งถัดจากหมอแข่งเอ่ยขึ้น เจ้าฤกษ์พยักหน้ารับหมอหน้าหล่ออีกคนที่เขายังไม่รู้จัก


"อ้าวเหรองั้นผมไปล่ะ"


"ทานกับพวกพี่นี่ล่ะ" ฤกษ์เอ่ยลาพลางจะลุกขึ้นแต่ก็ถูกลำแขนแกร่งพาดลงมาบนไหล่ กดให้นั่งลง หมอแข่งรู้ดีว่าไอ้เด็กแต่งตัวไม่สนโลกนี่มันจะไปไหน เห็นทำตาโตตอนพูดว่าอาหารพึ่งแบ่งไปโรงครัวเขาก็รู้แล้ว


"ผมกินแล้ว" ตอบไปตามมารยาททั้งนั้น


"มีน่องไก่ทอด"


"ผมเอาสาม!!" ฤกษ์ชูนิ้วพลางยิ้มแฉ่ง ทำให้คนในโต๊ะพากันขำพรืด คนที่เสนอเมนูเด็ดเมื่อกี้ก็ใช่ใครที่ไหน หมอเทวดาที่นั่งอยู่ตรงข้ามฤกษ์นั่นเอง


     ฤกษ์หันไปหาต้นเสียงไก่ทอด ร่างก็สะดุ้งโหยงโดยอัตโนมัติ เมื่อเขาได้สบตาคู่คมที่มองตรงมา สายตาคมที่ทำให้คนโดนจ้องแทบนั่งตัวเกร็ง เหมือนกำลังโดนผู้ใหญ่ดุอยู่ตลอดเวลา อะไรเล่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิดนะเว้ย เจ้าตัวได้ร่ำร้องอยู่ในใจ


      ด้านข้างของหมอเทวดามีสาวแสนสวยนั่งอยู่อย่างแนบชิดสนิทสนม ใครกันนะ? ประโยคคำถามดังขึ้นภายในจิตใจจากคนที่ไม่ค่อยคิดจะสนใจหรือสงสัยอะไร


     ฤกษ์ยื่นมือไปรับจานข้าวและจานไก่ทอดจากหมอแข่งมานั่งกิน นั่งฟังพวกพี่หมอคุยกัน  กินไก่ทอด ตักลาบหมู ซดต้มจืด ชิมแกงเหลือง ก็ยังบังคับตัวเองให้หลุดโฟกัสจากสองคนตรงหน้าไม่ได้ ไก่ทอดที่อร่อยๆ พอเห็นคนสวยตรงหน้าตักนู้นตักนี่ให้หมอราล์ฟ เจ้าตัวก็เริ่มไม่อยากจะเคี้ยว หันไปซดต้มจืดให้คล่องคอ หางตาก็แลเห็นคนสวยยื่นหน้ามากระซิบข้างหูหมอหล่อเทวดา ท้องที่ได้ฉายาว่าหลุมดำมาหลายปีซ้อนอยู่ๆก็เริ่มรู้สึกจะอิ่มขึ้นมา เขาสนิทกันเหรอวะ? แล้วทำไมต้องไปสนใจว่าเขาจะสนิทหรือไม่สนิท? แล้วถ้าเขาสนิทกันจะเป็นไรวะ? แล้วทำไมกินข้าวไม่อร่อยหรือว่าอิ่มก็ไม่นี่ยังยัดได้อีกกับข้าวก็อร่อยอ่ะ เจ้าตัวได้แต่ไม่เข้าใจตัวเอง


"อร่อยไหม" น่องไก่อีกชิ้นถูกตักมาวางไว้ในจานโดยคนที่นั่งตรงข้ามกับเขานั่นเอง สายตาคมจ้องมองมานิ่งๆอย่างคาดเดาอารมณ์ไม่ได้สักอย่าง อาการเบื่ออาหารก็เหมือนเริ่มจะทุเลาลง


"อร่อยพี่ ขอบคุณครับ"


"อันนี้ก็อร่อยนะ" หมูทอดถูกตักมาไว้ใกล้ๆกับไก่ชิ้นเมื่อสักครู่จากอีกคนที่นั่งตรงข้ามกัน เธอยิ้มหวานส่งมาให้อย่างใจดี


"เอ่อ…ขอบคุณครับพี่…"


"พี่ลลินจ้ะ"


"อ่อครับ พี่ลลิน" รูปก็งามนามก็เพราะ บอกว่าเป็นดาราก็เชื่อ ดีกรีว่าที่หมออีกต่างหาก ครบเครื่องชะมัดเลย นั่งคู่กันกับหมอราล์ฟ นางฟ้ากับเทวดาชัดๆ เจ้าฤกษ์ร้องอยู่ในใจ


"ตักให้ทางนี้บ้างก็ได้นะ"


"น้องเขาเป็นแขก เราชวนน้องนั่งก็ต้องดูแลสิ แขนก็ตั้งยาวตักเองสิรอน" ลลินพูดยิ้มๆ อย่างน่ารัก



"น้องฤกษ์ น้องมีแฟนหรือยังครับ!!?"


     ฤกษ์เงยหน้าขึ้นหันไปหาต้นเสียงที่เอ่ยถาม เป็นพี่หมอคนหนึ่ง ที่นั่งอยู่ตรงกลางโต๊ะตะโกนถามมา


"เอ่อ...ยังครับพี่"


"งั้นพี่ขอไลน์น้องได้ไหมครับ?"


"เฮ้ยๆ ไอ้แม็ค"


"ไอ้นี่มันร้ายเว้ย!!"


"อร้ายยย แกจะตัดหน้าผู้หญิงอย่างนี้ไม่ได้!!"


"เฮ้ยๆ น้องมันโสดโว้ยยย"


     เสียงตะโกนโห่แซวดังลั่นโต๊ะ ฤกษ์ทำได้เพียงส่งยิ้มแห้งๆตอบกลับไป พลางคิดในใจว่าโดนพี่ๆหมอขอไลน์ก็ไม่เห็นแปลกอะไร มีเพื่อนเยอะๆไว้ดีจะตาย


     พี่หมอที่เพื่อนๆตะโกนว่าชื่อแม็ค ลุกขึ้นเดินตรงดิ่งมาหาฤกษ์พร้อมกับโทรศัพท์ในมือ


"พี่ขอได้ไหมครับ?" หมอแม็คหยุดยืนตรงหัวโต๊ะเขาเท้ามือยันไว้กลับโต๊ะ พลางก้มหน้าลงมาส่งสายตาเจ้าชู้หาเจ้าฤกษ์ที่นั่งถือน่องไก่ค้างไว้ในมือ แต่ก็เท่านั้นเจ้าฤกษ์สังเกตที่ไหนกัน


"ทำไมจะไม่ได้ล่ะพี่ ไอดี…"


"ฤกษ์ คือพี่ว่า..." หมอแข่งเริ่มมีสีหน้ากังวล


"เวลานี้ควรปล่อยให้น้องมันกินข้าวนะ" เสียงเย็นๆ เรียบนิ่งเอ่ยแทรกขึ้นมากลางวง ทุกสายตาหันไปจ้องหมอราล์ฟพลางขนลุกเกลียว เมื่อสบเข้ากับสายตาน่าขนลุกที่มองตรงมา


"ไม่เห็นเป็นไรเลยค่ะราล์ฟ แป๊บเดียวเอง" ลลินพูดทำลายบรรยากาศที่แลน่าอึดอัดแปลกๆ


"เอ่อ...งั้น….งั้นเอาไว้ทีหลังดีกว่าเนอะ" หมอแม็คพูดตะกุกตะกัก เมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนร่วมคณะ เขาไม่รู้ว่าได้ไปเหยียบโดนอะไรคนตรงหน้าเข้าหรือเปล่า แต่การที่จะมีเรื่องผิดใจกับ 'หมอเทวดา' ไม่ใช่เรื่องที่ควรเลย


"เฮ้ยๆ พี่ไม่เป็นไรเรื่องจิ๊บๆ มาๆ ผมจัดให้"


     ฤกษ์ผู้ไม่รู้ถึงบรรยากาศน่าขนลุกเอ่ยบอก เจ้าตัวยื่นแขนไปดึงข้อมือหมอแม็คที่กำลังหันหลังเดินกลับไป มืออีกข้างที่เลอะไก่ทอดก็เช็ดขากางเกงตัวเองลวกๆ และยื่นมือไปเอาโทรศัพท์ในมือหมอแม็คมากดยิกๆ อย่างคนอารมณ์ดีที่จะได้มีเพื่อนเพิ่ม


"เรียบร้อยพี่" ฤกษ์ส่งยิ้มพร้อมกับยื่นโทรศัพท์คืน


"เครครับ งั้นกินข้าวให้อร่อยนะครับ เดี๋ยวพี่ทักไป" หมอแม็คส่งยิ้มให้และเดินกลับไปนั่งที่เดิม เขาลืมเรื่องก่อนหน้านี้ไปชั่วขณะ เพราะรอยยิ้มของน้องฤกษ์เมื่อกี้ น้องมันน่ารักจริงๆนั่นล่ะ!!


"สิ้นเดือนค่อยทักมานะพี่!!" เจ้าฤกษ์ตะโกนบอกหมอแม็คที่กำลังนั่งกินข้าวต่อ เขาพยักหน้ารับอย่างเอ็นดูเพราะคิดว่าน้องมันแค่กวนเล่น


"ทำไมต้องสิ้นเดือนล่ะ" หมอรอนยื่นหน้าผ่านหมอแข่งมาถามอย่างสงสัย


"อ๋อ คือผมใช้รายเดือนน่ะพี่ไม่ได้จ่ายเขามาสองงวดแล้วโดนตัดเน็ตแล้วอ่ะ โทรออกไม่ได้รับสายได้อย่างเดียว"


"ห๊ะ!!!"


"เมื่อวานก็ให้ไอ้ปัดแชร์เน็ตให้เล่นอ่ะ จะได้ส่งข้อความหาน้องได้แต่มันปิดแล้วอ่ะ เซ็งเลย"


"ฮ่าๆๆ" เสียงหัวเราะดังลั่นทั้งโต๊ะ เปลี่ยนบรรยากาศอึดอัดเมื่อกี้กลับมาเฮฮาอีกครั้ง หมอแข่งที่มีสีหน้าปั้นยากเมื่อกี้ก็ขำพรืดออกมาจนตัวงอ





"ฤกษ์!! กูหาตั้งนานอยู่นี่เอง" ไอ้มังกรวิ่งเยาะๆเหงื่อโทรมกายเข้ามาหา โหหห มองไกลๆ ผมนึกว่าพระเอกเกาหลีที่ไหน พอมันเดินมาใกล้ๆ เอ้า!! เพื่อนผมนี่หว่า(!?)


"กูกินข้าวรอบสองน่ะ" ผมยื่นจานข้าวให้มันเห็นชัดๆ มันพยักหน้ารับเอือมๆ ก่อนจะหันไปยกมือไหว้พี่ๆที่นั่งอยู่


"ผมขออนุญาตเอาไอ้เพื่อนหน้ามึนตัวนี้ไปก่อนนะครับพอดีมีงานด่วน" ผมลุกขึ้นตามแรงดึงของไอ้กรแต่ก็หยิบน่องไก่ติดมาด้วย


"อ้าว!! น้องตี๋เพื่อนยังไม่อิ่มเลยมานั่งกินอะไรรอก่อนสิ" หมอแข่งพูดขัดยิ้มๆ สายตาเจ้าเล่ห์เห้ๆ


"ตี๋พ่อง!!" แหนะๆ กูได้ยินนะเว้ยถึงมึงจะพูดเบาก็เถอะ รุ่นพี่นะเว้ย มึงเห็นไหมกี่ตีน!!   


     ไอ้ตี๋กรถ้าใครไม่สนิทกับมันมาเรียกมันว่า 'ตี๋' มีวางมวยนะครับ พี่หมอแข่งเลิกคิ้วพลางขว้าแขนไอ้ตี๋ให้มาใกล้ๆ สงสัยดึงแรงไปหน่อยไอ้ตี๋เลยเซล้มลงนั่งทับบนตักพี่หมอแข่งซะงั้น ตามมาด้วยเสียงด่าดังลั่นของไอ้ตี๋กร อะไรของแม่งว่ะ ดูเหมือนเขาจะสนิทกันนะครับ?


     

"มานั่งนี่" ผมที่ยืนเคว้งอยู่นานก็โดนหมอเทวดาเรียกให้ไปนั่งข้างๆ ระหว่างรอไอ้ตี๋กร


"พี่ เพื่อนพี่จะต่อยเพื่อนผมไหมวะ?" ผมหันไปถามหมอเทวดาอย่างไม่ค่อยแน่ใจ


"หึๆ ไม่หรอก"


"เหรอ ทำไมคิดงั้นอ่ะ เหมือนเขากำลังจะตีกันนะพี่"


"คนจะตีกันเขาจะชวนกินอะไรทำไม"


"อ้อ คงใช่"


"หายดีแล้วหรือยัง" พี่หมอเทวดาถามพลางยื่นถุงลองกองมาวางไว้ตรงหน้า หืม ให้กินหรือเปล่าวะ? แต่ก็ไม่ได้ห้ามนี่หว่า งั่มๆ หวานเจี๊ยบบบ


"ก็ดีแล้วนะ ผมก็ไม่ได้เป็นไรมากสักกะหน่อย โอ้ย!! "


"ช้ำขนาดนี้คงไม่เป็นไรมั้ง! ไม่ได้ทายาใช่ไหม"


     หมอราล์ฟจิ้มนิ้วลงมาอย่างไม่ออมแรงนัก ตรงหน้าผากที่ปูดเป็นลูกมะนาวจากการตกนั่งร้านด้วยท่าสวยงามเมื่อวานของผม เดี๋ยวทุบแม่ง!! (เก่งได้แต่ในความคิดค้าบ)


"พี่!! จิ้มมาได้นี่ปูดอยู่นะเว้ย สมองผมเกิดอักเสบขึ้นมาใครรับผิดชอบ"


"ฮ่าๆ น้องฤกษ์ครับถ้าเกิดมันอักเสบพี่รอนคนนี้ยินดี๊ ยินดี รับผิดชอบเองจะเช็ดตัวป้อนข้าวป้อนน้ำให้อย่างดี" พี่หมอที่ผมเดาๆว่าชื่อรอน เอ่ยพลางหัวเราะขบขัน พี่เขาดูนิสัยดีนะครับ ยิ้มง่าย ดูอบอุ่น ติดกิ๊ฟคิตตี้สีชมพู ใส่นาฬิกาโพนี่สีฟ้าด้วย!! แฟชั่นอะไรของเขาเนี่ย


"พูดแล้วห้ามคืนคำนะ เอาแบบอาบน้ำให้นะไม่เอาเช็ดตัวไม่ชอบอ่ะ กับข้าวขอเป็นอ่อมตับนะช๊อบชอบ" ผมพูดอย่างอารมณ์ดีปนขำมากกว่าที่มีคนรับมุก


"ไหนๆมาดูสิ สมองอักเสบหรือเปล่า ไม่ใช่อักเสบนานแล้วเหรอเรา"


"อ้าวๆ พี่รอนเห็นผมหล่ออย่างนี้ ผมฉลาดนะพูดงี้หลอกด่าใช่…" พี่รอนกวักมือเรียกผมให้ยื่นหน้าข้ามโต๊ะไปหา เพื่อจะดูอาการสมองของผม ผมที่กำลังลุกขึ้นยืนกลับต้องชะงักเมื่อคนข้างๆ กดไหล่ผมนั่งลง


"อย่าไร้สาระน่า มันจะอักเสบไปได้ยังไง ฉันเช็คให้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว มันปวดเพราะไม่ยอมทายาน่ะสิ มานี่นั่งเฉยๆ"


"รู้จักกันมาตั้งนมนาน เรื่องนู้นเรื่องนี้ไม่ยักจะสน ไม่เค๊ยไม่เคย จะขัดนู้น ขัดนี่ ขัดคอถี่ไปอีก อะ...แค่ก อะแค่กๆ"


     อยู่ดีๆหมอรอนหน้าหล่อ นิสัยกวนทีนก็ไอกะด็อกกะแด็ก เหมือนน้ำลายติดคอพูดบ่นหงุงหงิงๆ อยู่คนเดียวแต่สายตามองมาทางที่ผมนั่งอยู่ พี่มันนินทาผมแน่ๆ ฮึ่มๆ (โปรดนึกถึงเสียงคำรามของเสือ)


 "โอ๊ย!"


     นิ้วเรียวแกร่งลูบเบาๆ ตรงรอยโนช้ำอย่างที่ผมไม่ทันตั้งตัว จะหันไปแว้ดใส่ว่าลูบลงมาได้ แต่กลิ่นยาที่ลอยแตะจมูกและเนื้อเจลเย็นของยาก็ทำให้ต้องหยุดชะงัก ไปเอายามาจากไหนหว่า


     สัมผัสนิ้วเรียวแกร่งหายไป ผมเงยหน้าสบตาคมคู่สีเทาหม่น สงบ เรียบนิ่ง ยากหยั่งถึง คิ้วเข้มได้รูป จมูกโด่งเป็นสัน ริมปากบางสีแดงกุหลาบช้ำ เหมือนเจ้าของจะสูบบุหรี่ ใบหน้าหล่อเหลาห่างเพียงฝ่ามือกั้น ผมยาวที่ไม่เคยรู้ว่ายาวขนาดไหนถูกเกล้าลวกๆ ปล่อยลูกผมระใบหน้าหล่อเหลาและระต้นคอแกร่ง... อาการอกข้างซ้ายก็กำเริบอีกครั้งมันกระตุกอย่างรุนแรง เกือบจะเอื้อมมือไปปัดปอยผมออกให้…



"ราล์ฟคะ!"


     เสียงเรียกหวานหูของคนที่นั่งขนาบข้างอีกฝั่งของหมอเทวดาเอ่ยขึ้น ผมสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นว่าตัวเองยื่นมือออกไปเกือบจะถึงหน้าพี่หมอราล์ฟ รีบขยับตัวออกห่าง เฮ้ย!! ผมทำไร? เอื้อมมือออกไปทำไม? อ้ากกก กูจะทำเชี่ยไรเนี่ย



"ราล์ฟคะ ตกลงว่ายังไงคะ? ถ้ากลับจากค่าย?" คุณหมอลลินรูปก็งามนามก็เพราะ กอดแขนพี่หมอเทวดาเอาหน้าสวยๆซบไหล่อย่างอ้อนๆ


"อืมตามนั้น" พี่หมอตอบนิ่งๆพร้อมกับหันไปกระซิบกับพี่ลลินเบาๆ


"ปล่อย!! จะไปทำงาน"


      เสียงไอ้ตี๋มังเรียกสติสตังของผมให้กลับมาอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนจากนั่งตักมานั่งข้างๆพี่หมอแข่งแล้ว แต่ก็โดนแขนพี่หมอแข่งล็อคคอไว้อยู่ดี อะไรกันว้าสองคนนี้


"กินผลไม้ก่อนดิค่อยไป"


"ไม่ปล่อยผมต่อยนะ!!" เออพี่หมอเเข่งเขาจะรักสุขภาพกันเกินไปไหม คนไม่กินผลไม้ก็บังคับอยู่ได้ มันไม่กินแต่ผมกินนะ


"สนใจใช้โปรฟรีไหม"


"ห๊ะ!!" ผมนั่งดูคนทะเลาะกันอยู่ดีๆ ประโยคปริศนาก็ดังขึ้นข้างตัวอย่างไม่มีที่มาที่ไป ปกติฟังคนอื่นพูดธรรมดาก็ไม่ค่อยจะเข้าใจแล้วนะเว้ย แล้วนี่คือหมายความว่าอะไรวะ?


"ฉันมีโปรโทรฟรี เล่นเน็ตฟรี" พี่หมอเทวดายื่นหน้ามากระซิบข้างหูอีกรอบที่คงจะเห็นสีหน้างงๆของผม พี่แกเล่นพูดเรียบๆ เรื่อยๆ เหมือนพูดเรื่องปกติ แต่ไม่ปกติโว้ย


"พี่พูดอะไรเนี่ย" กูงงนะครับ


"จดเบอร์เธอมาให้ฉัน ฉันจะสมัครโปรฟรีให้ เล่นเน็ตฟรีโทรฟรีไม่เสียเงิน" หมอราล์ฟยื่นโทรศัพท์ที่โคตรหรู!!สีทองมาให้ผม


"สนๆ ฟรีกี่เดือนอ่ะพี่" ผมรีบกดเบอร์ตัวเองลงเครื่องหรูแล้วส่งคืนอย่างอารมณ์ดี ของฟรีใครก็ชอบป่ะ


"ไม่มีกำหนด" หมอราล์ฟพูดเรียบๆ


"เฮ้ยพี่!! โปรแบบนี้มีที่ไหนกันเล่า"



"เฮ้ย!! ฤกษ์!! ไปโว้ยยยยย"


     แขนผมถูกกระชากให้ลุกขึ้นตามแรงดึงของไอ้มังกรที่โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง เพราะโดนบังคับให้กินแตงโม ทำไมผมรู้น่ะเหรอ เม็ดแตงโมยังติดแก้มมันอยู่เลย


"มือถือมึงน่ะปาทิ้งแม่งไปเลยนะ ไอ้สัส! ใช้งานเชี้ยไรไม่ได้แล้ว ก่อนหน้านี้กูโทรหาไม่ติดล่ะ เขาตัดสัญญานมึงแล้ว"


"มึงๆ"


"ว่า?"


"เดี๋ยวนี้มันมีโปรโมชั่นเล่นเน็ตฟรีโทรฟรีอย่างไม่มีกำหนดด้วยเหรอวะ?"


"โปรเชี่ยไรมึง ถ้ามี บริษัทเครือข่ายแม่งเจ๊งตั้งแต่เดือนแรกอ่ะกูว่า คิดมาได้นะมึงเนี่ย ไปๆพี่โต้งบอกให้ไปแก้งาน"


"เออเนอะ พี่เขาแม่งอำกูแน่ๆ"













« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-04-2020 09:53:51 โดย 11:11 »

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai2-1:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
น้องฤกษ์ผู้น่ารัก  โอ้ยยย!!ตะมุตะมิ จริงๆ

ออฟไลน์ 11:11

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-1
7…ป่าช้า






"อิห่าน!! หน้าม้ากูทำไมมันเหินขึ้นอย่างนี้" ไอ้นกหรืออิเบิร์ดเริ่มคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด


"เอ้า อิห่า กูก็ตัดออกนิดเดียวผมมึงมันเหินขึ้นเองกูไม่ผิดนะเว้ย"

     

        ดาวคณะเริ่มแก้ตัวด้วยเหตุผล ตกลงห่านกับห่า อันไหนเจ็บกว่าวะ


"มึ๊งงง ลำไย เห็นกูหน้าสวยกว่าใช่ไหม ฮึกๆ ทำไม ทำม้าย ทำกับกูอย่างนี้ ฮือๆ แล้วกูจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน มึงตัดขนาดนี้ไม่เอาเสมอโคนผมข้างหน้ากูเลยล่ะ อิหอยโข่ง ฮือๆ" แตกหนึ่งครับ เมื่อไอ้นก ยกกระจกขึ้นมาส่อง


"มึงจะหอนทำไม แบบนี้ก็น่ารักดีออก เปลี่ยนเป็นใสๆก็โอนะ เผื่อจะหาผัวได้" คิดว่ามันจะสำนึกเหรอ? อย่าน่า


"หุบปากเลย กูไม่อยากได้ยินเสียงมึง ปาดดดด ไอ้ปัด มึงดูให้กูหน่อย ฮือๆ"


        ไอ้นกวิ่งดุ๊กๆ ไปหาไอ้หล่อประจำคณะที่นอนหลับตานิ่งไม่สนโลก ผมบอกเลยตอนนี้มันอยู่ในอารมณ์บูดสุดๆ ขอกระซิบเบาๆว่า หนึ่งชั่วโมงก่อนมีสาวตบกันในค่ายเพราะไอ่ห่ารากนี่ครับ



"เฮ้ย"



"เฮ้ยๆ"



"เฮ้ยพี่!" 


        ผมที่กำลังนั่งแกะสลักรองเท้าแตะ รูปโดเรม่อนของไอ้พี่อิฐ พี่มันสั่งให้ทำให้พี่มันหน่อย อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ยามเย็น ตอนนี้เป็นเวลาฟรีสไตล์อาบน้ำกินข้าว หลังจากทำงานมาเหนื่อยๆ ที่ค่ายจะมีแม่ครัวอาสาจากทางหมู่บ้านผลัดเปลี่ยนเวรมาทำให้ พร้อมกับพวกนักศึกษาที่จัดเวรไปเป็นผู้ช่วย ผมได้เวรวันมะรืนอ่ะ ตกดึกก็มีกิจกรรมไหว้พระสวดมนต์ก่อนเข้านอน กิจกรรมอย่างอื่นเห็นจะยังไม่มี เพราะเหนื่อยกันมาก แต่ได้ยินแว่วๆ ว่าพวกนิเทศจะจัดรอบกองไฟคืนพรุ่งนี้

     

        ผมกับเพื่อนๆ กำลังรอกินข้าวพร้อมไอ้มังกรที่ไปเอาของบ้านผู้ใหญ่ นี่ก็พึ่งหย่อนตูดนั่งบนรากไม้ใหญ่ไม่ถึงสิบนาที ผมหันหันซ้ายหันขวาหาเสียงติดสำเนียงทองแดง พร้อมกับไอ้นกก็หยุดชะงักเพราะเสียงปริศนา เจอเด็กหน้าหล่ออายุประมาณสิบหกสิบเจ็ดยืนเท้าเอวอยู่ด้านหลัง


"กุมารเปล่าวะ? หรือเจ้าของที่ที่กูนั่งวะ?"


"แล้วนี่คนบ้าหรือเปล่า" ไอ้เด็กหน้าคมมันว่าผมอ่ะ


"รุ่นพี่แล้วนะเว้ย เพื่อนเล่นเหรอ เรียก เฮ้ยๆ อยู่ได้ เย็นค่ำขนาดนี้แล้วมาเดินเพ่นพ่านอะไรแถวนี้ บ้านช่องอยู่ไหน"


         ผมเก๊กหน้าโหดสุดๆ เข้มเข้าไว้ แต่มันสนใจผมที่ไหนเล่า เดินดุ่มๆ มาหายืนค้ำหัวผมเนี่ย


"พี่ทำไรอ่ะ? เฮ้ย สวยว่ะพี่"


"เออขอบใจที่ชม เป็นรูปเป็นร่างขนาดนี้ซักผ้าอยู่มั้ง"


"กวนตีนว่ะ น้องนุ้งถามดีๆ"


"เอ้า ก็มึงกวนตีนกูก่อนป่ะ เดี๋ยวจะโดนนะมึงอ่ะ"


        ผมยกรองเท้าชี้หน้าไอ้เด็กแก่แดด ตัวก็เท่าๆ ผมนี่ล่ะ ซะที่ไหนล่ะ ใหญ่กว่าตั้งเยอะอายุแค่นี้สูงกว่าผมไปตั้งหลายขีด แต่ก็เถอะกลัวที่ไหนมีไอ้ปัดอยู่อวดเก่งได้ คิ้กค้าก


"แล้วมึงน้องกูตอนไหน กูไม่มีน้องเหอะ" อันที่จริงมีอยู่บ้านตัวหนึ่ง แค่กวนตีนเฉยๆ


"เตี้ยทำไรอ่ะ"


"เอ๊ะ!! ไอ้เด็กเวร!!!"


"ฤกษ์ น้องมันก็แค่หยอกเล่นเป็นจริงเป็นจังไปนะมึงอ่ะ มึงผิดเองนะ ที่ไม่อยากให้เป็นน้องอ่ะ"


"ลำไย มึงข้างใคร?"


"ขึ้นอยู่ที่หน้าตาฝ่ายตรงข้าม" ชัดเจนฉิบหาย


"พี่ พี่ร้องไห้ทำไมอ่ะ"


        ไอ้เด็กแก่แดดมันเลิกสนใจผมทั้งๆ ที่ผมกำลังจะเอาเกิบลายโดเรม่อนฟาดหัวมันอยู่ทนโท่ มันหันไปถามไอ้นกที่ยืนงงๆ มองมาทางพวกผม


"ปะ…เปล่าซะหน่อย" บอกว่าเปล่าแต่รีบยกมือเช็ดขี้มูกเช็ดน้ำตา ใครจะเชื่อครับคุณเพื่อน


 "โอ๋ๆนะ"


"เชี้ย!!"


         อึ้งแดกครับ ไอ้เด็กที่หน้าหล่อแต่เด็ก เดินไปกอดหมับเข้าที่เอวไอ้นก หัวซบอยู่ตรงบ่าพร้อมกับเอามือลูบหลังไอ้นกไปมาเหมือนผู้ใหญ่ปลอบเด็ก


"นะ...น้องครับ พี่ไม่เป็นไรครับ"

 

"นก มึงหน้าแดงวะ ฮ่าๆ เขินไอ้เด็กนี่เหรอ อย่าเลยว่ะ เดี๋ยวกูหาดีกว่านี้ให้" ผมเอ่ยแซว แต่เหน็บไอ้เด็กแก่แแดด ถึงจะหล่อกูก็ไม่ชมอ่ะ กวนประสาท จะติจนกว่ามันจะขี้เหร่


"ไม่น่าเลยนะพี่ อายุแค่นี้ตาบอดซะล่ะ ไม่ทันได้มีลูกมีเมียเลย"


"อ้ากกก กูสูนนนนน ตากูยังดีอยู่เหอะเดี๋ยวกูทดสอบให้ดู"


"โอ๊ยย! ผู้ใหญ่รังแกเด็ก" มันมองผมสายตาอาฆาตเมื่อโดนรองเท้าลายโดเรม่อน ป้าบ เข้าที่หัว


"ฤกษ์ โตเป็นควายแล้วยังไปถือสาเด็กมันอีก" ไอ้ลำไยที่กำลังนั่งเล็มผมตัวเองอยู่ข้างๆผม ตวาดแว้ด


"ก็มัน…."


"เงียบ!!" อะไรว้าาาา ทำไมกูผิดล่ะ


"สรุป ไม่เป็นไรแน่นะพี่" ไอ้เด็กแก่แดดเลิกสนใจผม หันไปถามย้ำไอ้นกแอ่นเบิร์ดให้แน่ใจ


"ครับๆ ไม่เป็นไรแน่นอนครับ"


        น้องมันยอมปล่อยหลังจากที่ไอ้นกบอกไม่เป็นไร ถามย้ำให้แน่ใจอีกแหนะ จะไปบอกได้ไงล่ะว่าร้องไห้ขี้มูกโป่ง มาจากสาเหตุตัดผมไม่ได้ดั่งใจ อายเด็กตายห่า


"พี่ตัดผมน่ารักจัง"


"ห๊ะ!!!" สามห๊ะ เลยล่ะ ยกเว้นไอ้ปัดที่น่าจะไหล

ตายไปแล้ว หูฝาดเปล่าวะ


"ขูดฟันอ่ะพี่ ผมมาขูดฟัน" น้องมันเอานิ้วชี้ไปที่ฟันหน้า อ่อๆหูฝาด


"ละๆๆๆ แล่วๆๆ ไอ้เด็กนี่มันร้ายกูบอกเลย กูได้ยินไม่ผิดแน่ๆ มันว่าไอ้นกน่ารัก" ไอ้ลำไยกระซิบกระซาบอยู่ข้างผม


"เออๆ กูก็คิดว่าได้ยินว่าน่ารัก "


"สัญชาตญาณกูมันร่ำร้องอยู่ข้างในเนี่ย แหมๆ ริอยากจะเป็นชายเหนือชายแต่เล็กแต่น้อย เดี๋ยวปั๊ด ยุให้ได้กันเร็วๆเลย"


"เฮ้ย นั่นเด็กนะเว้ย ไอ้นกมันไม่สิ้นคิดขนาดนั้นหรอก"


        ผมร้องลั่นจนไอ้สองคนที่กำลังถูกนินทาอยู่หันมามองอย่างงงๆ ไอ้ลำไยมันคิดบ้าอะไรของมันเนี่ย ไอ้เด็กแก่แดดหน้าคมนั่นน่าจะอยู่แค่มัธยมด้วยซ้ำ ผมผลักหัวมันไปไกลๆ ก่อนที่จะเอาความคิดน่ากลัวมาใส่หัวผมมากไปกว่านี้ บ้าบอว่ะ


"ตัวโตขนาดนี้ไม่เล็ก เอ๊ย!! ไม่เด็กแล้วมึง" เสียงมึงหื่นมากไอ้ดาวคณะ


"อ๋อ ขูดหินปูน แต่เอ๊ะ นี่มันเย็นแล้ว พวกพี่หมอเขาปิดแล้ว พรุ่งนี้มาใหม่นะ" ไอ้นกตอบน้อง


"อ้าวเหรอ งั้นเครครับพี่ พรุ่งนี้ผมมาใหม่"


"เดี๋ยวๆ แล้วบ้านอยู่ไหนนี่มันเริ่มมืดแล้วนะเดี๋ยวพวกพี่ไปส่ง"


        ผมท้วงน้องมันก่อนที่จะหันหลังเดินไป ถึงมันจะกวนตีนตัวก็โตแต่มันก็รุ่นน้อง ไม่อยากปล่อยให้กลับบ้านคนเดียว ค่ำๆ มืดๆ


"อ๋อ ทางนี้ครับ" น้องชี้ไปทางด้านหลังของพวกผม


"เชี้ย!!"


"เอ่อ คุณน้องคะกลับบ้านปลอดภัยนะคะ เพื่อนพี่มันส่งถึงหน้าประตูบ้านแน่นอนค่ะ" ไอ้ลำไยมาไวเคลมไววิ่งจู๊ดเหลือให้เห็นเพียงฝุ่น


"น้องครับเพื่อนพี่ไปส่งปลอดภัยแน่นอน พรุ่งนี้เจอกันใหม่นะครับ บาย ลำย๊ายยยยย รอกูด้วย!!"


"ไอ้เพื่อนเชี้ยยยยยยยยยยย"










"กูบอกมึงแล้วว่าอย่าอยู่นาน"


"เออน่า ก็กลับแล้วไง"


"ก็บอกว่าให้รีบๆๆๆ"


"เอ้า มึงก็แดกกับกูอะ"


"กูแดกครึ่งขวดเหอะ มึงกับไอ้ปัดล่อไปสองขวดอิห่า!! ตายๆ ตายแน่ๆ"


"ก็ตายแน่ๆล่ะ ฝังกันขนาดนี้"




บรู้ว~~~~~~~~~~




"อีฤกษ์ // อีปากหมา!"


"เดินเงียบๆ อย่าพูดกันให้มันมาก"


        ไอ้ปัดเงยหน้าจากจอโทรศัพท์ที่กำลังพิมพ์ข้อความขยุกขยิกเรื่องธุรกิจของมัน หันมาบ่นพวกผม บวกกับสายตาว่าเริ่มจะหมดความอดทนกับคนหน้าตาดีๆ อย่างพวกผม (?) ทำให้ต้องรีบหุบปากฉับ เพราะหัวใจดวงน้อยๆดวงนี้ของสุดหล่อฤกษ์เกรงว่าพี่ท่านจะทิ้งพวกกระผมไว้กลางป่าช้าหลังวัด….


        คุณผู้ชมฟังไม่ผิดหรอกขอรับ ตอนนี้พวกกระผมนั้นกำลังเดินผ่าน เอ๊ย ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่าเดินอยู่ในใจกลางป่าช้าหลังวัด เหตุอันเนื่องมาจากก่อนหน้านี้พวกผมได้เดินมาส่งน้อง 'รักษ์' ไอ้น้องหล่อหน้าคมที่มันบังอาจกอดเพื่อนผมหน้าม้าเหินฟ้านั่นแหละ ก่อนหน้านี้พวกมันวิ่งหนีผมกันคนละทิศละทาง เมื่อเห็นน้องรักษ์ชี้ว่าบ้านไปทางไหน


         ฮึๆ ชะล่าใจความสามารถของผมเกินไปแล้วไอ้พวกนี้ ผมเก๊าะเลยไปปลุกไอ้ปัดซะเลย พูดนิดพูดหน่อย 'ถ้ามึงไม่ไปเป็นเพื่อนกู กูจะตาม ตาม และตามมึงไปทุกที่ จะติดหนึบยิ่งกว่าขี้รังแคบนหัวมึงอีกนะ ไม่ว่าจะไปกิน ขี้ ปี้ นอน กูจะสิงมึงไปทุกที่ วะฮะฮ่าาาาา' ผมพูดแค่นั้นเอ๊งงงง ไอ้ปัดก็มาเป็นเพื่อนผมแล้วแต่ไอ้สองตัวที่วิ่งหนีไปก่อนหน้านี้ทำไมถึงมาด้วยน่ะเหรอครับ?


        หลังจากที่ไอ้ปัดโดนผมข่มขู่เป็นที่เรียบร้อยดั่งหน้าผากเรียบที่มีรอยย่น(?) มันก็โทรหาไอ้พวกเพื่อนตัวดี 'กูจะไม่มีทางอยู่กับไอ้ตัวปวดประสาทนี่สองต่อสอง จะมา...หรือ...ไม่มา' แค่นั้นแหละครับพวกมันก็วิ่งจมูกบานมาหาผมจนหุบแทบไม่ทัน


        และเหตุที่ต้องทำให้พวกผมมายืนชมบรรยากาศอันชวนขอหวย เอ๊ย!! ชวนขนลุกตอนสามทุ่มอย่างนี้นั้นก็เหตุอันเนื่องมาจาก 'เหล้าบ๊วย' เครื่องดื่มอันแสนอร่อยด้วยสูตรทำเองจากคฤหาสน์หลังใหญ่ที่อยู่หลังป่าช้า(?) ของไอ้เด็กแก่แดดนามว่า รักษ์ มีป่าช้าคั่นกลางระหว่างวัดกับคฤหาสน์ เป็นทำเลที่โคตรจะ เอิ่ม… นั่นแหละครับ


        พอพวกผมเดินพ้นป่าช้าออกมาแทบตะลึงกับภาพเบื้องหน้าอย่างกับคนละโลก  อื้อหือ สวรรค์ชัดๆ บ้านสไตล์ยุโรปที่มีหมู่บ้านเล็กๆล้อมรอบห่างไกลความเจริญ มีนางฟ้าเรียงรายรอบน้ำพุหน้าคฤหาสน์


         เพียงแค่พวกผมเดินเข้ามาในเขตตัวบ้าน ก็มีคนในบ้านที่ดูเหมือนจะเป็นแม่บ้านเดินออกมาต้อนรับ 'คุณหนู' เป็นคำเรียกจากปากแม่บ้านที่เรียกไอ้เด็กแก่แดด ไอ้เด็กแก่แดดที่เรียกการขูดหินปูนว่าขูดฟัน อื้อหือ ไอ้ผ้าขี้ริ้วห่อทอง


        แล้วเรื่องมันก็เลยเถิดมาถึงขั้นที่ว่า ไอ้ปัดหนุ่มแดนใต้ของเราดันรู้จักกับครอบครัวนี้ครับ!! ถ้าพ่อไอ้เด็กรักษ์ ไม่เดินออกมามันก็คงอมพนำไว้จนบูด พ่อไอ้เด็กรักษ์เป็นอดีตนักการเมืองเก่า และบ้านไอ้ปัดเนี่ยตระกูลมันเล่น สส.กันหมดครับ


        ไอ้ลำไยเร่งยิกๆ ว่าให้รีบกลับ เพราะเริ่มจะมืดเต็มที แต่...ไอ้เด็กแก่แดดไม่ยอมปล่อยไอ้นก ติดแจยิ่งกว่าเชื้อโรค ชวนเข้าบ้าน ชวนกินข้าว พวกผมก็ปฏิเสธไม่ได้เมื่อพ่อของเด็กรักษ์เอ่ยปาก ก็เลยตามเลยครับ ได้แต่ส่งข้อความไปบอกไอ้ประธานรุ่นไว้กลัวมันร้องไห้ที่พวกผมหายตัวไป (ร้องพ่อง!!<<<มังกร)


"แต่เหล้าบ๊วยแม่งอร่อยจริงว่ะ" ไอ้นกว่า


"อืม ถ้าไม่ติดว่าอยู่ใกล้วัดกูเอาไปกินในที่พักล่ะ"


"กูต้องขอบใจมึงไหมที่มึงมีจิตสำนึกอ่ะปัด" อันนี้ก็แล้วแต่มึงนะนก แต่กูว่าไม่ต้องนะ


"กูว่าน้องรักษ์ชอบมึงแน่ๆ" ลำไยโพล่งขึ้นท่ามกลางเสียงหมาหอน


"ไม่หรอกน่า น้องมันก็ปกตินะ มึงคิดมากไปป่ะ"


        ไอ้นก นามอาเซียนว่า เบิร์ด เห็นแรดๆบ้าผู้ชายอย่างนี้มันก็บ้าจริงนะครับ แต่ผมไม่เห็นมันคบใครสักคน เคยถามมันก็บอกแค่ว่าชอบความโสด


"กูว่าชอบ"


"อะไรทำให้มึงคิดแบบนั้นวะ"


"ก็น้องเขาติดมึงแจอย่างกับอะไรดี พี่ครับๆ อยู่นั่นแหละ"


"หึๆ มึงผิดแล้วลำไย กูว่าน้องรักษ์สุดหล่อของกูติดไอ้คนที่ยืนข้างๆกูมากกว่าว่ะ กูเห็นแหย่กันเล่นตั้งแต่เดินออกจากค่าย"


        ไอ้นกหันมาส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผม หืม อะไรวะ กูกับไอ้เด็กรักษ์ด่ากันสนั่นหวั่นไหวนี่เรียกว่า แหย่กันเล่นอ่อ บ้าบอว่ะ สายตามึงต้องมีปัญหาแน่ๆ


"ไม่ใช่อ่ะ สัญชาตญาณกูมันบอกว่าชอบมึง!!"


"มึงก็อย่าไปอะไรกับเด็กมันนักเลยว่ะ ถ้าหมอราล์ฟจะไม่เถียงสักคำ"


"พี่เขาชอบกู" มั่นหน้าให้100 หลงตัวเองให้550 ลำไยเพื่อนใคร? อ่อ เพื่อนกูเอง


"กูต่างหาก"


"กู"


"กู"


"กู"


     ผมหันซ้ายทีขวาทีสมองก็กำลังประมวลว่าพี่ราล์ฟชอบใครกันแน่ เอ่อ... พี่เขาชอบใคร อ๋อ


"พี่เขาชอบพี่ ลลิน" โพล่งออกไปเมื่อคิดได้


""ห๊ะ!!"


"แฟนพี่เขาชื่อ ลลิน สวยนางฟ้าสัสๆ"


"เทวดาของกูยังไม่มีแฟน!!" ไอ้นกว่า


"กูสืบมาดีกูฟันธง!!" ไอ้ลำไยสมทบ




สวบๆ




"เงียบ"


"แต่ตอนกินข้าวเขาสวีทกันมากนะเว้ย ซบไหล่กันด้วย กูรู้กูเห็นมา"


"ไอ้ฤกษ์การที่นั่งซบไหล่นั่งอี๋อ๋อกันไม่ต้องเป็นแฟนกันก็ทำได้ย่ะ โถ่ๆ พ่อสัปเหร่อน้อยของฉัน"


"แต่ว่า...อื้อๆๆ"


"เงียบ!!!"




     มือใหญ่ปิดปากผมฉับพร้อมกับเสียงดุเข้ม ดังลอดไรฟันออกมาแต่ได้ยินกันทุกคน ผมถูกไอ้ปัดลากมาทางพุ่มไม้ใหญ่อย่างเร่งรีบ จนเหยียบเข้ากับหลุมศพ ฮืออออ กระผมขอโทษกระผมไม่ได้ตั้งใจกระผมขอขมาาาาา


     ลำไยกับนกเดินตามมาติดๆ สัมผัสได้ถึงความผิดปกติของสถานการณ์ นกจะเอ่ยปากถามก็ต้องรีบหุบปากฉับเมื่อเห็นสายตาวิตกกังวลของเพื่อน




ปิ้ว!!




ปิ้ว!!




ปิ้ว!!




สวบๆ




     เสียงหมาหอนเงียบไปแล้วแต่กลับมีเสียงคล้ายสิ่งเล็กๆโดนแรงอัดแหวกอากาศอยู่ในความมืด เสียงเท้าย่ำเหยียบใบไม้แห้งหลายคู่ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ


"ปิดไฟ!" ปัดสั่งเสียงเข้ม


"มึง อะไรว่ะ" ผมถามอย่าง งงๆ


"ชูว์~~ ปิดเสียงโทรศัพท์ ด่วน!!"


     ไอ้ปัดหันมาสั่งเสียงรัวใบหน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ มันนั่งคุกเข่าหันหน้าออกมีพวกผมนั่งอยู่ข้างหลัง พวกผมรีบหยิบเอาโทรศัพท์มาปิดไฟฉายและเปิดระบบสั่นตามคำสั่งของเพื่อน ในมือไอ้ปัดมีมีดโบวี่ถือไว้...


"มึง กูกลัว"


    ลำไยกระซิบเสียงสั่นกอดนกแน่น ปัดหันมาลูบหัวลำไยเหมือนปลอบโยนบอกเสียงเรียบว่า 'จะไม่เป็นไร...'




ปิ้ว!!




"โอ้ย!!"




สวบๆๆ




"จับมัน!! มึงคิดว่าจะหนีกูรอดเหรอไอ้สัส!! มีปัญญาเล่นแต่ไม่มีปัญญาจ่าย กูก็จะเอาเครื่องในมึงนี่ล่ะมาใช้หนี้!!"


"ปล่อยกู!!"



     สำเนียงพื้นเมืองพูดดังลั่นฝ่ามาในความมืด แต่ถึงอย่างนั้นก็พอจะฟังกันออก เสียงแปลกๆที่ได้ยินเมื่อกี้ ก็คงเป็นปืนเก็บเสียง... พวกผมนั่งตัวแข็งทื่อ กอดกันกลมอยู่ข้างหลังปัด ซึ่งตอนนี้ไอ้ปัดกำลังยกโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ส่งข้อความหาใครบางคน


     ผมเริ่มสวดภาวนาอยู่ในใจขอให้ทุกคนรอด ทุกๆคน แม้กระทั่งคนที่ถูกยิงอยู่ในความมืดที่มองไม่เห็นนั่น


"อย่าทำอะไรผมเลย ผมสัญญา สัญญาว่าผมจะหาเงินมาคืน"



ปิ้ว!!




"อ้ากกกกกก!!!"


"เอาเงินมาคืน ถุย!! กูให้เวลามึงมากี่วันแล้วถ้ามึงมีมึงคงไม่มาอยู่ในสภาพแบบนี้ หึๆ แต่ไม่เป็น ไตมึง หัวใจ ลูกตามึง เงินทั้งนั้น"


"พี่!! อย่าทำผมเลยพี่!! ลูกผมยังเล็กอยู่เลย อ้ากกก"





"มึง ฮึกๆๆ เราจะทำยังไงกันดี" ผมเริ่มสะอื้นโดยไม่รู้ตัว จนลำไยต้องผละจากนกมากอดปลอบ


"เขามีลูกน้อย เขาจะโดนควักหัวใจ ฮึกๆ" ฮึบไว้ผมต้องฮึบไว้


"ชูว์~ เราควรเอาตัวพวกเราเองให้รอดก่อน อย่าทำอะไรสิ้นคิด" ไอ้ปัดเอ่ยเหมือนจะปลอบแต่กลับทำให้น้ำตาผมไหลมากกว่าเก่า มันบอกเหมือนกับว่าเขาคนนั้นจะต้องโดนฆ่าตาย


"มึงเราต้องทำอะไรสักอย่างนะ" นกพูดเสียงสั่นแต่แววตาเหมือนร้องขอ


"เรา...เราต้องช่วยเขานะมึง" ลำไยเอ่ยสะอื้น


"แต่พวกเราอาจได้รับอันตราย กูไม่อยากเสี่ยงว่ะ ถ้าให้กูเลือกกูต้องเลือกพวกมึงก่อน"


"ปัด…" 


     ปัดหันหน้าหนีไม่ยอมสบตา ผมรู้ผมเข้าใจมันทุกอย่างในสถานการณ์แบบนี้ ทั้งที่ถ้าพวกผมอยู่ตรงนี้ก็อาจจะปลอดภัย แต่กลับกันอีกชีวิตหนึ่งล่ะชีวิตหนึ่งที่กำลังจะตาย ผมไม่รู้ว่าเราจะช่วยเขาได้ยังไงแต่ก็ยังดีกว่านั่งฟังเสียงเจ็บปวดจากเขาอยู่นิ่งๆโดย ไม่ทำอะไรเลย


     ลำพังตัวไอ้ปัดมันเอาตัวรอดได้สบายอยู่แล้ว แต่ที่มันมีสีหน้าเป็นกังวลก็คงเป็นเพราะพวกผม ในสถานการณ์ขณะนี้ ปัดมันเหมือนแม่ทัพ เก่งต่อสู้เกือบทุกอย่างเพราะที่บ้านมันเป็นคนมีอิทธิพลในภาคใต้ โดนลอบทำร้ายก็บ่อย ไม่แปลกที่ต้องเรียนรู้เอาไว้ แต่กลับพวกผมสามคนถ้าปัดเป็นแม่ทัพพวกผมก็คงเป็นทหาร? เปล่าเลย พวกผมคือคนที่ไม่ประสีประสาเดินหลงเข้ามาในสงคราม แต่อยากจะช่วยชีวิตคนทั้งที่ยังปกป้องชีวิตตัวเองไม่เป็น…


"อ้ากกกกกกก"


"ช่วย…..ชะ...ช่วยด้วย!!"




"ปัด ฮึกๆ/ฮือๆ ไอ้ปัด/ มึง"


"โอเคร กูเข้าใจแล้ว พวกมึงคิดดีแล้วนะ เราอาจจะเจ็บ" ปัดพูดเสียงเครียด


"ไม่เจ็บ พวกกูสัญญา" ลำไยสูดน้ำมูกฟืดๆ บอกด้วยแววตากล้า


"พวกมึงพอจะจำทางกลับค่ายกันได้ไหม"


"ได้" พวกผมตอบพร้อมกัน แต่ในคำตอบลึกๆในใจผมนั้นจำไม่ได้อ่ะ แต่ก็ต้องตอบว่าจำได้ไปก่อน ไม่งั้นไอ้ปัดคงไม่ยอมช่วยแน่ เดินตามพวกมันก็คงไม่หลงหรอก….มั้ง?


"ฟังกูดีๆนะ ค่อยๆเดินไปทางซ้ายมือเรื่อยๆ อีกสักพักเมื่อได้ยินเสียงกูตะโกน ให้รีบวิ่ง วิ่งให้เร็วที่สุดอย่าเปิดไฟ วิ่งกลับค่ายไปตามคนมาช่วย"


"แล้วมึงล่ะ" ผมถาม


"ไม่มีอะไรต้องห่วงกู เพราะกูก็จะวิ่งตาพวกมึงไปอีกที เอาล่ะ ค่อยๆลุกแล้วเดินไปทางซ้าย คอยฟังเสียงกู เดินเงียบๆอย่าเสียงดัง ห้าม...ส่องไฟ"


"มึง แล้วเขาล่ะ" ผมชี้ไปนิ้วไปในความมืด


"พอกูส่งเสียงพวกนั้นก็จะวิ่งเหมือนกัน เป็นไปไม่ได้ที่มันจะแบกคนเจ็บไปด้วย เขาจะถูกทิ้งให้นอนอยู่ตรงนั้น เราต้องตามคนมาช่วยเขา เอาล่ะพวกมึงลุกขึ้น"


"มึง" ไอ้นกเริ่มลังเล


"ไป เร็ว!!"




     สิ้นเสียงปัด พวกผมก็ลุกขึ้นเดินไปทางซ้ายมืออย่างเงียบๆ เดินด้วยฝีเท้าให้เบาที่สุดเท้าที่จะทำได้ ไอ้นกนำหน้า ลำไยอยู่ตรงกลาง ผมปิดท้าย ยกนาฬิกาขึ้นมาดูสี่ทุ่มกว่าแล้ว รอบตัวผมมืดมาก โชคดีที่วันนี้จันทร์เต็มดวง ทำให้เห็นเงาลางๆของต้นไม้ แต่รอบด้านก็เป็นป่าและต้นไม้เต็มไปหมด ผมไม่รู้ว่าพวกเพื่อนๆ มันจำทางกันได้อย่างไร ทำได้แค่เดินตามเสียงและเงาลางๆ ที่อยู่ข้างหน้า ผม….ผมจำทางไม่ได้




วี้หว่อวี้หว่อ~~




"ตำรวจ!! ตำรวจ!!  ทางนี้ครับ!!"



"พวกมึงวิ่ง!!"





วี้หว่อวี้หว่อ~~~~~~~~





"วิ่ง!!!!"




     เสียงหวอรถตำรวจดังลั่นกลางป่าช้าจนผมสะดุ้งโหยง พร้อมเสียงลำไยตะโกนให้ออกวิ่ง ผมที่ยังยืนนิ่งหาสติไม่เจอก็โดนเรียกสติกลับมาเมื่อเสียงไอ้ปัดตะโกนไล่หลังให้วิ่ง


     ผมเริ่มวิ่ง วิ่ง วิ่ง วิ่ง วิ่ง ไม่รู้ทิศท่ามกลางความมืดเห็นเพียงเงาตะคุ่มของต้นไม้ ใบหญ้า หลุมศพต่อกี่หลุมที่ผมได้เหยียบย่ำลงไป ถ้ารอดจากนี้ไปได้แล้วผมไม่มาขอขมาผมอาจจะโดนหักคอตายก็เป็นได้นะครับ


     ผมเริ่มหอบ วิ่งมาไกลสมควรแต่ไม่ถึงค่ายสักที หันมองไปรอบๆตัว มีเพียง เสียงจั๊กจั่น เรไร รอบกายวังเวง ผมอยู่ที่ไหน?


"ปัด!!"


"....."


"ไอ้นก!!"


"......"


"ลำไย!! วู้~"



     มีเพียงความเงียบเป็นคำตอบ ผมทรุดตัวลงอย่างหมดแรง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ไม่มีสัญญาณ ถึงจะมีก็โทรออกไม่ได้นี่หว่า เหตุการณ์เมื่อกี้มันชุลมุนไปหมด แต่ที่เดาๆ ได้เลยไอ้ปัดมันเปิดเสียงหวอรถตำรวจจากมือถือแน่ๆ ฉลาดเป็นกรดอ่ะ ในสถานการณ์มีมันสติครบถ้วนอยู่คนเดียว กูภูมิใจในตัวมึงจริงๆเลย ไอ้ปัดเพื่อนยาก แต่ตอนนี้กูท่าจะยากลำบากแล้วล่ะ ซวยแล้วไหมล่ะ ฮืออ


     พวกมันจะกลับถึงค่ายกันหรือยังก็ไม่รู้ หรือวิ่งหลงทางเหมือนผมกัน? จะตะโกนเรียกพวกมันอีกรอบผมว่าไม่เป็นการดีกับตัวผมเองแน่ๆ กลัวไอ้พวกขายเครื่องในมันจะได้ยิน เฮ้อ นี่มันเป็นบทลงโทษที่หนีค่ายมาแดกเหล้าหรือเปล่า คิดถึงบ้าน คิดถึงน้องชะมัดเลย ผมจะไปทางไหนดี เดินไปเรื่อยๆ หรือนั่งรออยู่ตรงนี้



บรู้วววววววว~~



     เอาแล้วไงเห็นกูเหงาล่ะเสนอตัวกันเชียว ผมนั่งตัวแข็ง เขยิบร่างเข้าโคนต้นไม้ใหญ่แทบจะสิงไปกับต้นไม้ กลัว... เป็นคำที่ก้องอยู่ในใจของผมอยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก ค่ายไปทางไหนอ่ะ




สวบๆ




สวบๆ




     เสียงเดินเหยียบใบไม้แห้งดังขึ้นใกล้ๆ บริเวณที่ร่างโปร่งนั่งซุกตัวอยู่ตรงโคนต้นไม้ใหญ่ ร่างโปร่งกำลังจะตะโกนเรียกออกไป แต่ก็ต้องชะงักเมื่อดันฉุกคิดได้ว่า พวกไหน…?


     มือเรียวกดปิดไฟฉาย พยายามนั่งเงียบๆ เบียดตัวชิดกับโคนไม้ใหญ่ ก้มหน้าซุกเข่าตัวสั่นระริก ถ้าเป็นผีเขาก็ยังพอสวดมนต์ให้บุญได้ แต่ถ้าเป็นพวกนั้นล่ะ พวกขายเครื่องในคน เขาจะทำยังไง เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เรื่อยๆ ร่างโปร่งแทบคุมสติไม่อยู่ ถ้า...ถ้าเขาจะลุกขึ้นวิ่งไปตอนนี้มันจะทันไหม ผีหรือคน ขอให้เป็นผี ขอให้เป็นผี ร่างโปร่งได้แต่สวดภาวนาอยู่ในใจ



หมับ!!



"!?"


"อ้ากกกกกกกกกกกกกกกก"


"ฤกษ์!!"


"ช่วยด้วยยยยยยยยยยย"











     


     














     




 




     

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-04-2020 10:07:35 โดย 11:11 »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เด๋อมาก วิ่งไม่มองทางเลยลูก!!!

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai2-1:

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
นี่คือนิยายตลก ท่ามกลางหน้าสิ่วหน้าขวานแต่อ่านแล้วฮา ใครกันนะมาช่วยฤกษ์

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
โอ้ยยย พ่อหมอผีน้อย วิ่งเด๋อด๋าหลงป่าช้าจนได้ อั้ยต้าวน่ารักกก

ออฟไลน์ 11:11

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-1
8…อาบน้ำ





 "อ้ากกกกกกกกกกก ปล่อย!! ปล่อยนะโว้ยยยยย"


        ร่างโปร่งหลับหูหลับตาเตรียมจะลุกวิ่งหนีเมื่อถูกจับเข้าที่หัวไหล่ แต่ก็ไม่สามารถจะหนีไปไหนได้ เพราะอ้อมแขนแข็งแรงได้โอบกอดร่างโปร่งสติแตกไว้แน่น เจ้าตัวได้แต่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดนั้น


"ลืมตา!!"


"ปล่อยนะโว้ย!! หลวงลุงช่วยด้วย!!"


"ฤกษ์!! พี่บอกให้ลืมตา"


        เจ้าฤกษ์หยุดชะงัก เมื่อคนที่กอดเขาอยู่ตวาดเสียงเข้ม พอสติเริ่มกลับมาเพราะเสียงตวาด ก็สำเนียกได้ว่าเสียงนี้ คุ้นๆ ตากลมหรี่ขึ้นน้อยๆอย่างชั่งใจ


"พี่หมอ…"


"เจ็บตรงไหนหรือเปล่า"


"พี่หมอราล์ฟ พี่ราล์ฟ พี่หมอเทวดา ไอ้พี่หมอราล์ฟ!!!"


        ราล์ฟเอ่ยถามเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทว่า เจ้าฤกษ์คงจะไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น นอกจากตะโกนชื่อคนตรงหน้าลั่นและยิ้มแป้นทั้งที่น้ำตาอาบแก้ม


"ใช่ ฉันเอง"


        เมื่อร่างโปร่งไม่ตอบคำถามนอกจากนั่งยิ้มแป้นเหมือนคนบ้า เจ้าของคำถามก็เลยสำรวจด้วยตัวเอง จับเจ้าฤกษ์พลิกซ้ายพลิกขวา สำรวจแขนขาว่าบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า พลางถอดแจ็คแก็ตหรูคลุมให้ร่างโปร่งตรงหน้า


"พี่มาได้ไงอ่ะ"


"กลับค่ายก่อน ไว้ค่อยคุยกัน ขึ้นมา"


"ไม่เป็นไรพี่ ผมเดินเองได้"


"รองเท้าไม่มี จะเดินไปได้ยังไง บอกให้ขึ้นมา"


"แต่ว่า…"


"ขึ้นมา"


        ร่างโปร่งคอตกเมื่อหมอราล์ฟเริ่มขึ้นเสียง จำใจต้องขี่หลังหมอราล์ฟที่นั่งย่อลงรอก่อนแล้ว เขาก็พึ่งจะรู้ตัวว่าไม่ได้ใส่รองเท้าก็ตอนหมอราล์ฟทักนี่ล่ะ เฮ้อออ หายไปตอนไหนว่ะเนี่ย เจ้าตัวได้แต่คิด


"ไงเรา หายออกจากค่ายมาหกชั่วโมงโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต คิดว่าที่ทำอยู่มันถูกต้องแล้วใช่ไหม?"


"พี่แสง!!"


        เจ้าฤกษ์สะดุ้งโหยงเมื่อมีเสียงบุคคลที่สามเอ่ยขึ้น หันไปมองด้านหลังก็พบกับหนุ่มหล่อวิศวะปีสี่ผู้มีอำนาจใหญ่สุดในค่ายขณะนี้รองจากอาจารย์ แสงกอดอกมองเจ้าฤกษ์หน้าขรึม ข้างๆมี หมอแข่งขัน และหมอรอนยืนส่งยิ้มปลอบใจส่งมาให้ ฤกษ์ทำได้แค่ยิ้มแห้งตอบกลับไป


"ใช่พี่เอง" แสงตอบเสียงนิ่ง ยิ่งทำให้เจ้าฤกษ์หัวหดลงอีกสองเท่า ร่างโปร่งเริ่มทำตัวยุกยิกๆ อยู่บนหลังหมอราล์ฟ อย่างคนที่เก็บอาการทำผิดแล้วไม่สามารถปกปิดไว้ได้


"พี่...พี่เห็นพวกไอ้ปัด ลำไยกับนกหรือเปล่า" ถามไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา


"พวกนั้นกำลังรออยู่ที่ค่ายน่ะ ดูท่าน้องฤกษ์เหมือนมีอะไรอยากจะบอกพี่นะ"


"ไม่มี๊ ไม่มี...ไม่มีเลยนะพี่!!" ฤกษ์ปฏิเสธพัลวันพิรุธมาเต็ม


"ค่อยไปคุยกันที่ค่ายก็ได้ไอ้แสง ดูน้องยังตกใจอยู่เลย" หมอรอนช่วยพูดให้


"ห้าวววว เหนื่อย ง่วงจังเลย" ร่างโปร่งเอาแจ็คแก็ตที่หมอราล์ฟให้ไว้มาคลุมโปงซะเลย ซบหน้าลงบนไหล่แกร่งแกล้งหลับซะงั้น


"คร่อกฟี้~~"


"เอ้อ เด็กสมัยนี้หลับง่ายดีนะ"


     หมอแข่งพูดขบขันปนเอ็นดูไอ้เด็กตรงหน้า ร่างโปร่งก็ได้แต่เงียบและแกล้งหลับต่อไปบนไหล่แกร่งที่ยังไม่เคยมีใครได้ขึ้นขี่เลยสักครั้ง ร่างโปร่งไม่รู้ว่าควรพูดบอกอะไรหรือเปล่า ต้องรอไปปรึกษาพวกเพื่อนๆที่รออยู่ค่ายก่อน ไม่รู้ว่าพวกนั้นจะว่าอย่างไรบ้าง เรื่องที่เห็นก่อนหน้ามันคงไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดมั่วซั่ว ถ้าเรื่องถึงหูอาจารย์พวกเขาจะโดนอะไรบ้างไม่อยากจะคิด เพราะฉะนั้นสงบปากไว้ก่อนดีกว่า เมื่อนึกถึงคำพูดของไอ้เพื่อนๆ พวกนั้นที่ชอบพูดกรอกใส่หูเขาอยู่ตลอดเวลา จนเริ่มไม่มั่นใจว่าจะพูดดีหรือเปล่า พวกมันชอบพูดว่า ไม่ว่าเรื่องไหนที่เขาโกหกเด็กแรกเกิดมองมาจากดาวอังคารยังดูออก… ฮ่วย!


        กลิ่นหอมที่เขาชอบลอยอยู่ตรงหน้า แอบสูดกลิ่นตรงบ่าแกร่งจนสบายใจ ผ่อนคลาย ไร้กังวล รู้สึกปลอดภัย จนหลับไปจริงๆ








"เอ็งวาดตัวอะไร แล้วจำเป็นต้องมีลูกเหลืองๆ เต็มต้นไม้ไหมวะ?"


"กระรอกไง ลูกเหลืองๆก็มะม่วงอ่ะ เห็นไหมสุกน่ากินปะ?"


"มันจำเป็นต้องวาดไหมวะ!! ใครเขาวาดกันล่ะโว้ย!"


"แล้วทำไมต้องไม่วาดล่ะ สมัยก่อนก็มีต้นมะม่วงนะ ไม่ได้วาดเสาไฟฟ้าสักหน่อยนะพี่ ไม่ผิดนะ ผมคิดแล้ว"


"เออๆ นี่ขนาดคิดแล้วนะ กูต้องขอบคุณมึงมากที่คิดแล้ว เอ๊ะ! แล้วนั่น ทำไมเอ็งไม่เอาเทวดาไว้ทางขวา พี่ว่ามันจะเหมาะกว่า"


"ก็ผมจะเอาต้นไม้ไว้ทางนี้อ่ะ"


"เอ็งก็วาดต้นไม้ไว้ทางซ้ายสิวะ มันจะได้ไปทางเดียวกันกับคนอื่น"


"ก็ผมชอบให้เทวดาอยู่ซ้าย ท่านบอกหันทางนี้ออกหล่อกว่า ดั้งโด่งกว่าทางนู้น"


"บอกพ่……!!"


"อะแหนะๆ ในโบสถ์นะพี่ นรกนะค้าบบบบ"


"เออ! เรื่องของเอ็งเถอะ! ขอให้ออกมาสวยก็แล้วกัน ปวดหัวโว้ย!!! บอกซ้ายไปขวา บอกขวาไปซ้าย บอกเหลืองทำเขียว บอกเข้มทำสว่าง บอกห้าทำสิบ!! เครียด!!"



        พี่อิฐยืนโวยวายอะไรของเขาอยู่ข้างล่างก็ไม่รู้อ่ะครับ เอามือยีหัวตัวเองจนเกรงว่าจะหลุดออกมาทั้งหัว หัวล้านไม่หล่อแล้วจะหาว่าน้องไม่เตือน ปกติหล่อลากถนนขนาดนี้ก็ยังหาแฟนไม่ได้ เพราะความ เอะอะเกรี้ยวกราด เอะอะโมโห เอะอะพาลไปทั่วไม่มีเหตุผล ถ้าหัวล้านขึ้นมาผมกลัวแทนว่าจะเหงาตลอดชีวิตนะพี่


        เนี่ย ผมไม่อยากจะฟ้อง แต่ขอพูดสักหน่อย ผมก็นั่งทำงานของผมอยู่ดีๆ ไอ้พี่รหัสที่หล่อเป็นบางเวลาสำหรับผม(เวลามันไม่ด่าผมอ่ะ) เดินตรวจงานอยู่ดีๆ พอมาถึงคิวผมก็ว้ากใส่ซะงั้น วัยทองหรือเปล่าก็ไม่รู้ ผมก็นั่งทำงานอยู่ดีๆ


        ดีหน่อยก็ตรงที่พวกพี่ปีที่แล้วทำไว้เกือบเสร็จแล้ว เหลือให้ปีผมวาดเพิ่มเติมไม่มาก คอยเก็บรายละเอียดให้สมบูรณ์ พวกผมก็เลยชิวล์ๆ ไม่รีบไม่เครียด แต่มีบางคนที่ยืนอยู่ข้างล่างนั่งร้านของผมเครียดอยู่คนเดียว


        ยิ่งเมื่อเช้าพี่อิฐกับพี่ตังค์ได้รับรู้ว่าสายรหัสสุดรัก(?)ไปก่อวีรกรรมอะไรไว้ไม่อยากจะเอ่ยอ่ะ แต่ขอเอ่ยหน่อย ด่าพวกผมเป็นชั่วโมงพอด่าจนปวดขี้(?)ก็โยนพวกผม ให้พวกพี่แสงพิจารณาทำโทษตามสมควร


        รู้ไหมว่าพวกพี่เขาทำยังไงกับพวกผม….เอ๊ะ ไม่ใช่สิ ผมต้องเล่าก่อนว่ากลับจากค่ายได้อย่างไร? เอาใหม่ๆขอประทานโทษ ไม่ต้องไปถามไอ้สิบเอ็ดนะ เดี๋ยวผมเล่าเอง ผมก็เล่ารู้เรื่อง


        เรื่องคือ ผมตื่นมาอีกทีฟ้าก็สว่างแล้วอ่ะ รับรู้แค่ว่าตัวเองนอนอยู่ในเต็นท์แพทย์ คนแรกที่เห็นคือพี่หมอเทวดาที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างเตียง เกิดสภาวะเดดแอร์ไม่ถึงนาทีก็ถูกพวกไอ้ลำไยที่โผล่พรวดเข้ามาในเต็นท์ เหมือนเฝ้ารอจังหวะอยู่แล้ว? ลากผมออกมาให้ไปอาบน้ำอาบท่าแล้วนั่งหารือกันว่า เรื่องมันเป็นยังไงมายังไง?


        ไอ้นกมันเล่าว่า….พวกมันวิ่งกรูกันออกมายืนตรงทางเข้าป่าช้าโดยมีไอ้ตี๋มังกรยืนรอกระสับกระส่ายอยู่ตรงทางเข้าป่าช้าเหมือนกัน  และเมื่อพวกมันเห็นผมไม่โผล่หัวมาก็เลยตกลงกันว่าะเข้าไปตาม แต่ก็ต้องตกใจจนแทบลืมชื่อตัวเอง(มึงเว่อร์ไปนะ<<<ลำไยคนหยาบคาย) เมื่อพวกพี่หมอเทวดาเดินเข้ามาหาด้วยท่าทางเอาเรื่อง?


 'ทำอะไร ทำไมยังไม่ไปนอน แล้วกำลังจะไปไหนกัน' พี่แสงถามเสียงเข้ม


 'คือ...คือว่า...ไอ้ฤกษ์' นกพูดตะกุกตะกักด้วยความหวาดกลัวว่าพี่แสงจะเตะตัดขา (กูตื่นเต้นในมาดหล่อเคร่งเครียดพี่เขาเหอะ<<<นกเหินฟ้า)


'น้องฤกษ์ทำไม?' พี่หมอรอนถามเสียงเหี้ยม (ที่กูเล่าคือพี่หมอรอนเขาถามเสียงปกตินะ<<<มังกรโอปป้า)


'มันอยู่ในนั้น…" ลูกปัดเอ่ยเสียงเครียด


'ตรงไหน?' หมอราล์ฟถามเสียงนิ่ง แต่สายตาและท่าทางเพิ่มความกดดันพวกมันคูณสิบ(อันนี้เชื่อมันได้<<<ปัดคนถ่อย)


'ผมคิดว่ามันหลง'


'....'




       หลังจากนั้นพวกมันก็ถูกไล่ให้กลับไปรอในห้องพัก ไอ้ลำไยมันลงทุนถึงขนาดที่ว่าเข้าไปรอในหอพักชายกับพวกไอ้ปัด แล้วทำไมถึงเข้าไปได้น่ะเหรอ มังกรโอปป้าเส้นไม่เล็กนะครับ(!?) รอจนใกล้เช้าผมก็ไม่โผล่หัวมาสักที พวกมันจึงวิ่งหน้าตั้งมาที่เต็นท์แพทย์เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น แล้วก็เจอผมนั่งหล่อสดใสอยู่บนเตียง?


        พวกผมตกลงกันว่าจะพูดแค่ว่า 'ไปลองของกัน' แล้วดันพลัดหลงกันเฉยๆ พอพี่แสงฟังดังนั้นก็เลยทำโทษพวกผมอย่างรุนแรง(?) โดยการต้องเป็นทีมลูกมือช่วยทำกับข้าวตอนเช้าตลอดที่อยู่ค่าย สรุปคือพวกผมต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่ทุกวัน ตลอดอีกสิบสองวันที่เหลือ ปัดโถ่ว!! ไม่สาปกูเป็นไก่ไว้ขันตอนเช้าไปเลยล่ะ


        ส่วนคนที่จะโดนควักเครื่องในเมื่อคืนเขาปลอดภัยดีครับ ลูกน้องของลุงแรม(พ่อเด็กรักษ์) ไปช่วยลากร่างที่ไม่ได้โดนทำอะไรมาก นอกจากโดนกระทืบไปส่งโรงพยาบาล เป็นฝีมือของเจ้าเพื่อนปัดเองนั่นล่ะ  ที่ส่งข้อความไปหาลุงแรม เฮ้อ ถ้าเมื่อคืนพวกผมยอมให้ลูกน้องลุงแรมเดินมาส่งก็คงไม่ต้องมารับโทษอะไรเยี่ยงนี้…

        เหนื่อยแน่ๆ กว่าพวกผมจะนอนก็เที่ยงคืนตลอดอ่ะ รุ่นพี่ใช้งานหนัก? เปล่าเลย...เล่นไฮโล!!



"ฤกษ์ งานตรงนี้อีกกี่วันจะเสร็จ"


"สี่ห้าวันไม่เกินนี้อ่ะพี่ มีไรเหรอ"


"งั้นตามพี่มานี่"


        ผมไต่ลงจากนั่งร้านเดินตามพี่อิฐต้อยๆ มาที่รถยนต์เก่าๆคันหนึ่งที่จอดอยู่ในวัด พี่อิฐคุยวอเสร็จก็หันมากวักมือเรียกผมเข้าไปหา


"เมื่อคืนนี้ไอ้พวกเด็กวิศวะมันแอบมาเอาแก้วที่โรงครัวไปกินเหล้า เสือกเตะฝาถังข้าวสารเปิดไม่รู้ตัว หนูแม่งลงเต็มถังเลยว่ะ"


"เอ้า ทีนี้ทำไงอ่ะ ตอนเย็นกินไรอ่ะพี่"


"ไอ้อิฐๆ นี่กูม่านฟ้า พวกนิเทศไม่ว่างนะเว้ย ออกไปถ่าย vdo กิจกรรมออกค่ายในหมู่บ้าน"


"จุ๊ๆๆ โหลๆ โหลค้าบบบ พี่แสงๆ ผมต้นน้ำจากถาปัตย์นะพี่ ไม่มีคนว่างเลยครับ ห้องน้ำมันมีปัญหา ต้องแก้แบบ เป็นงานแทรกครับ ปกติไม่มีงานแทรกพวกผมก็มือจะพันกันแล้วพี่ เอ้อ เด็กพี่อยู่กับพวกผมนะขุดส้วมอยู่ ถ้ามีใครว่างก็บอกให้มาทางนี้นะครับ"


"กริชวิศวะครับ!! ไม่มีใครว่าง!! พวกผมทาสีกำแพงวัดอยู่ อีกพวกกำลังมุงหลังคาศาลาวัดอยู่ กะจะให้เสร็จภายในสองวันเพราะมีทำบันไดเพิ่ม แต่อาจจะยืดไปอีกวันเพราะถาปัตย์ขุดส้วมกันไม่ได้!!"


"เฮ้ยๆ ไอ้วิศวะ ห้องน้ำตั้งสิบห้อง!! นะโว้ยย ในแปลนก็บอกให้วางท่อตรงนี้ ทำไมพวกเอ็งไปวางอีกทางล่ะห๊ะ!!" เขาบอกว่าถาปัตย์ วิศวะ ไม่ค่อยจะลงรอยกันนี่คงจะจริงนะครับ


        พี่อิฐในชุดกางเกงเลสีส้ม เสื้อเอ็มร้อยห้าสิบสีเหลือง รองเท้าผ้าใบนักเรียนสีน้ำตาลขาดจนเห็นนิ้วโป้งตีน พี่แกเอาวอวางไว้ตรงหน้ากระโปรงรถ ยืนเการักแร้หน้านิ่วคิ้วขมวดฟังอย่างเงียบๆ ถ้าพี่มันไม่มีหมวกสานขาดๆอยู่บนหัวกับโทรโข่งสะพายไหล่ ผมอาจจะยกมือไหว้ เชิญนิมนต์ใส่บาตรแล้วนะเฮ้ย แฟชั่นฉิบหาย...ฉิบหายไปหมด


"เออ ได้ยินแล้ว แสงเรียกเด็กศิลป์" ทำไมผมรู้สึกว่างานตัวเองเบาเหมือนแบกจักรยาน (ปุยนุ่นจะเบาไปครับ สำหรับนั่งวาดรูปสิบชั่วโมงกว่า)


"เออๆ เดี๋ยวพวกกูไปเอง แค่นี้ล่ะ"


"ฝากด้วย"


"ป่ะมึง ไปเอาข้าวสารในเมือง"


"ในเมือง!! ไปๆๆพี่"








"น้องอิฐขับช้าๆ หน่อยครับ"


"...."


"น้องอิฐๆ ระวังหลุมข้างหน้า"


"...."


"น้องอิฐๆ จะถึงร้อยแล้วนะครับ นี่เขตชุมชนนะ"


"...."


"น้องอิฐ…"


"โว้ยยยย พี่รอน! ผมบอกให้เรียกอิฐเฉยๆ เรียกน้องๆอยู่ได้ แม่ง ขนลุก"


"เป็นน้องก็ต้องเรียกน้องสิครับ ผ่อนความเร็วหน่อยข้างหน้ามีหลุมนะน้องอิฐ"


"เห็นแล้ว เห็นแล้ว ผมเห็นแล้วโว้ย พี่นั่งเงียบๆไปเลยนะ ผมไม่มีสมาธิ!!"


        เอิ่ม…อะไรคือการที่คนนั่งข้างๆคนขับยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมาส่องทางข้างหน้าอยู่ตลอดเวลา จะไปตลาดนะครับ ไม่ใช่จะขับไปลาดตระเวณแถวชายแดน ปัดโถ่ว มองแบบปกติก็เห็นหลุมข้างหน้าอ่ะพี่รอน แล้วการที่จะไปตลาดจำป็นต้องแต่งตัวใส่กางกางแดงลายดอก เสื้อสีแดงลายดอกหมวกปีกกว้างสีชมพูจี๊ดลายคิตตี้เหรอพี่!! แฟชั่นอะไรของหมอวะ ถึงจะหน้าตาดีมากก็ใช่ว่าจะใส่อะไรก็ได้นะเว้ย เหมาะกันดีฉิบหายเมื่อนั่งคู่กับพี่รหัสผม เฮ้อ กูเครียด

        ทุกท่านครับ ผมได้แต่นั่งหัวสั่นหัวคลอน ไปตามแรงรถที่ตกลงหลุมถนนดินแดง ย้ำ! ว่าถนนดินแดง พี่รหัสผมมันเก็บทุกหลุมครับ เล่นเอาสมองผมจะไหลลงมารวมกับลำไส้ใหญ่แล้วล่ะฮะ ขับมายังไม่ถึงสิบนาทีต้องเปิดที่ปัดน้ำฝนหน้ารถปัดฝุ่นออกแล้วอ่ะ นึกขอบคุณที่รถมีแอร์ไม่งั้นได้เปิดกระจกดมขี้ฝุ่นเป็นแน่ หนักกว่า pm2.5 ก็ถนนหมู่บ้าน'กระบือเมา'นี่ล่ะ ควายจะเมาจริงไม่จริงไม่รู้แต่กูเมาแน่ๆ อีกสามสิบกิโลจะถึงถนนลาดยาง และต้องนั่งอีกสามสิบกว่าโลจะถึงตัวเมือง อ๊อก!


        ทางเราได้รับความห่วงใยจากคณะแพทย์ครับ เมื่อพวกหมอๆ ได้ยินเราวอคุยกัน ก็ได้รับความเมตตาส่งคนมาช่วยแบกของอีกสองคน เพราะมันไม่ใช่แค่ข้าวสารอย่างเดียวในเมื่อนานๆทีจะมีคนเข้ามาในเมือง ฝากซื้อตั้งแต่สารส้มยันผ้าอนามัย!! พวกผมก็เลยได้รายการของใช้ยาวเป็นหางว่าว


"เป็นอะไรทำไมทำหน้าเบี้ยว"


"เปล่าพี่ หน้าผมออกจะหล่อมองยังไงให้เบี้ยว พี่เหอะ คิดยังไงถึงมากับพวกผมอ่ะ เต็นท์แพทย์งานเยอะไม่ใช่อ่อ"


"เพราะไม่ได้คิดไงถึงมา" หมอราล์ฟคนหล่อละจากวิวขี้ฝุ่นข้างทางหันมาตอบ ใช่แล้วล่ะผู้ช่วยอีกคนก็คือเขานั่นเองงงง สุดหล่อเทวดาแห่งคณะแพทย์


"ดีๆ พี่ไม่ต้องคิดหรอก ถ้าพี่คิดผมคงไม่มีคนมาช่วยอ่ะ"


"หยุด!!"


เอี๊ยดดดดดดดดดด


        ผมเอื้อมมือจะไปหยิบทิชชู่ที่วางอยู่ตรงช่องเกียร์มาเช็ดแขนที่เลอะสีแต่...รถยนต์เบรกกระทันหันอย่างไม่ทันตั้งตัวจนหัวใจผมแทบหล่นไปอยู่ปลายเท้าคิดว่าหัวคงกระแทกหน้ารถแน่ๆ แต่เปล่าเลย…


"เป็นอะไรไหม?" หมอราล์ฟถามเสียงเรียบ ผมได้แต่กระพริบตาปริบๆเรียบเรียงว่าเกิดอะไรขึ้น? อ่อ ผมอยู่ในวงแขนแกร่งของพี่หมอราล์ฟนี่เอง


"เอ่อ...ไม่เป็นไรพี่ ขะ...ขอบคุณครับ"


"มีอะไร หยุดรถทำไม" หมอราล์ฟละจากการมองหน้าผมหันไปถามพี่อิฐเสียงเข้ม


"อะ…อะ….ไอ้เหลือมพี่!! ไอ้เหลือข้ามถนน อ้ากกกกกกก"






"พี่อิฐเอาอันนี้ได้ป่ะ"


"โบโลน่า? แดกแพงว่ะ ไม่ได้ มันจะเกินงบ"


"พี่อิฐๆอยากได้อันนี้ซื้อให้หน่อย"


"ป๊อบคอร์น โห่ ถุงนึงตั้งร้อยกว่า ลำบากไปคั่วเองอีก กูเอาตังค์ตัวเองติดตัวมาแค่ห้าสิบบาท ไม่ได้ๆ"


"พี่อิฐๆ เอาอันนี้ได้ไหม"


"ไอติมหมีน้อย? เอาน่าเดี๋ยวกลับกรุงเทพกูซื้อให้แดก"


"สิบบาทเองนะโว้ย"


"มึงเอาตังค์ติดตัวมาเท่าไหร่? ไอ้ลูกกรอก"


"ยี่สิบบาทอ่ะ"


"งั้นเอามาให้กู จะเอาไปซื้อบุหรี่ ขาดอีกสิบกว่าบาท"


"โห่ อะไรของพี่วะไถตังค์น้องไม่ให้ๆๆ จะซื้อหนม"


"น่าาาา กลับกรุงเทพกูเลี้ยงชาบู"


"ไม่ให้โว้ยยยยยย"


"น้องอิฐ!! อยู่นี่เอง มานี่มา ตามหาตั้งนานบอกให้มาเอารถเข็นมายืนอู้อะไรตรงนี้"


"พี่มึงไปก่อนเลยเดี๋ยวกูตามไป"


"ก็ไปพร้อมกันดิ แล้วของในมือเอามาจากตรงไหนเอาไปเก็บ" พี่รอนจ้องซองบุหรี่ในมือของพี่อิฐด้วยแววตาเอาเรื่อง โอ้โห ผมพึ่งเห็นอีกด้านหนึ่งของพี่แก โคตรน่ากลัวเลย


"แต่นี่มันเรื่อ…"


"ไปเก็บ" พี่รอนว่าเสียงเข้ม พี่อิฐมองตาขวางแต่ก็ต้องจำใจเดินไปเก็บยังไงพี่รอนก็เป็นรุ่นพี่ ผมไม่คิดว่าผู้ชายใจดีๆอย่างพี่รอน และดูเหมือนจะง่ายกับทุกเรื่องจะมาเคร่งอะไรกับเรื่องพวกนี้...หรือเลือกปฏิบัติวะ? วุ้ย!! คิดมากเดี๋ยวโง่


"เฮ้ยๆ ไม่ต้องลากผมเดินเองได้"


        ผมได้แต่มองตามไอ้พี่อิฐที่โดนพี่รอนลากคอไปตาปริบๆ อะไรกันวะ เมื่อกี้ก็เหมือนจะกินหัวพี่อิฐพอพี่อิฐเอาบุหรี่ไปเก็บ ก็กลับมาผีบ้าผีบอ ประสาท!!


     


        ผมยืนมองชั้นวางป็อปคอร์นตาปริบๆร้อยสามสิบบาทแต่ผมมียี่สิบบาท ฮือออ อยากกินอ่ะ อยากกิน ไม่ได้กินมาหลายวันแล้วนะเว้ย รสเนยเข้มข้นรสโปรดด้วย กลิ่นหอมๆของมัน ความกรอบของมัน ความมันของมัน….เคี้ยวทีกลิ่นเนยหอมๆขึ้นจมูกเลย


"อยากกินเหรอ"


        ผมสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงพี่หมอเทวดาดังขึ้นอยู่ข้างหู มือเรียวแกร่งยื่นไปหยิบถุงป็อปคอร์นสิบถุงลงใส่รถเข็นหน้าตาเฉย ในรถเข็นมีข้าวของอยู่มากมายจนเกือบล้น ทำให้สำนึกได้ว่ากูอู้งานอยู่นานมาก ก้มมองดูรถเข็นของตัวเองมีสบู่นกแก้วของไอ้คัตโตะที่ฝากซื้ออยู่แพ็คเดียว ฮ่วย!


"ไม่มีตังค์ซื้ออ่ะมีอยู่ยี่สิบบาท" บอกไปตรงๆ ตามประสาคนจริง(?)


"สิบถุงพอไหม?"


"ฮะ!?"


"ฉันซื้อให้เอาไปแบ่งเพื่อนๆด้วย ทำงานกันหนักอยากให้มีแรง"


"เฮ้ยพี่ เยอะไป ไม่เอา ของไม่ใช่ราคาห้าบาทสิบบาทนะพี่" ผมส่ายหัวแทบหลุดสิบถุง ถุงละ130บาท ก็เก้าร้อยกว่าบาทแล้วนะเว้ย (พันสามจ้ะเจ้าฤกษ์เอ๊ยยย<---11.11)


"อย่ามัวแต่เล่นเดี๋ยวถึงค่ายดึก ตามฉันมาได้แล้วยังเหลือข้าวสารอีกหลายกระสอบ"


        พี่หมอเทวดาเข็นรถเข็นเดินหนีผมไปพร้อมกับถุงป็อบคอร์น ไม่ฟงไม่ฟังเสียงร้องประท้วงผมสักคำ เฮ้อ ไอ้ผมก็ได้แต่เข็นรถเข็นตามตูดต้อยๆ เป็นคนรวยมันดีชะมัดเลยโว้ย


        เมื่อเดินตามพี่มันได้สักพักก็เริ่มจะรู้สึกถึงพลังงานบางอย่างรอบๆตัว ทั้งพนักงานในห้างทั้งคนเดินห้างต่างก็พากันเหลียวมองหล่อเทวดาของคณะแพทย์จนคอแทบเคล็ด บางคนก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูป บางคนก็หันไปกรี๊ดกร๊าดกับเพื่อนของตัวเองอย่างเก็บอาการไม่อยู่ บ้างก็พากันซุบซิบว่าดาราหรือเปล่า ส่วนเจ้าของต้นตอของเรื่องทั้งหมดไม่มีความสะทกสะท้านอะไรทั้งสิ้น นอกจากเดินแล้วก็เดิน...







          ผมยืนกล้าๆกลัวๆ อยู่ตรงทางเดินที่จะมุ่งไปสู่ลำธารหลังโรงเรียน พวกผู้ชายต้องอาบน้ำที่ลำธารครับเพราะห้องน้ำในโรงเรียนยกให้ผู้หญิง อีกประมาณสองสามวันถึงจะใช้ห้องน้ำวัดได้ถ้าพวกวิศวะไม่ทำไรผิดพลาดอีกนะครับ


        ขณะนี้ก็สี่ทุ่มกว่าแล้วคนอื่นๆ เขาอาบน้ำกันเสร็จหมดแล้วครับตอนนี้ก็กำลังรวมตัวกันร้องรำเห่าหอนกันอยู่ตรงกองไฟสนามบอลคลายเครียดกันไปรวมถึงไอ้พวกเพื่อนๆตัวดีทั้งหลายของผมนั่นล่ะ เมื่อกี้ไอ้มังกรมันส่งข้อความมาว่ามันกับไอ้ปัดจะไปเป็นเพื่อนจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่โผล่หัวมากันเลย กูว่าไม่เมาก็หม้อสาว

        ผมที่พึ่งกลับมาถึงจากในเมืองเมื่อตอนสามทุ่มครึ่งกินข้าวอะไรเสร็จก็สี่ทุ่มพอดี ลงจากรถได้อ้วกแทบพุ่งไอ้พี่อิฐแม่งเหยียบมิดเลย ไอ้พี่เชี่ยนี่ ผมแทบกราบยางรถที่มันไม่รั่วไม่แตกกลางทางซะก่อน ไม่งั้นแทบไม่อยากจะคิดว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง นอกจากรถพวกผมก็แทบไม่มีรถคันไหนวิ่งผ่านเลยนะครับ!!


"อ้าว น้องฤกษ์กำลังจะไปอาบน้ำเหรอ" พี่หมออะไรวะ? มุข? มาร์ค? ม้ง? คนที่เคยขอไลน์ผมอ่ะ ทักขึ้น เขามากับกลุ่มเพื่อนเขาอีกสามสี่คน


"ใช่ครับพี่"


"มีเพื่อนไปหรือเปล่า" เขาถามพร้อมรอยยิ้มละมุน อ่อนโยนสัสๆ


"เอ่อ กำลังรอพวกมันอยู่ครับ"


"งั้นเดี๋ยวพี่ไปเป็นเพื่อน ป่ะ"


"เอ่อ...คือว่า…"


"ป่ะเร็ว มันดึกแล้วไม่ต้องรอหรอกพี่ไปเป็นเพื่อน"


        พี่ที่มีชื่อคับคล้ายคับคลาว่ามี ม.ม้าเป็นส่วนผสม ว่าพลางยื่นแขนมากอดคอ ก่อนจะหันไปพูดกับเพื่อนอีกสองสามคำจนกลุ่มเพื่อนพี่เขาพากันหันมองผมด้วยสายกรุ้มกริ่ม(ทำเชี่ยไร)แล้วก็พากันเดินออกไป


       


"เอ่อ...เดี่ยวพี่นั่งรอผมตรงนี้แปบนะ ผมอาบไม่นานหรอก"  ผมชี้ไปตรงโขดหินก้อนใหญก้อนหนึ่ง


"แล้วเราไม่ถอดเสื้อผ้าเหรอ"


"ผมว่าจะไปถอดตรงนู้นอ่ะ" ผมชี้ไปที่โขดหินอีกอันที่ใกล้กับน้ำมากกว่า


"ก็ถอดตรงนี้แหละฝากไว้กับพี่เดี๋ยวพี่ถือให้ เสื้อผ้าจะได้ไม่เปื้อน ค่อยใส่ผ้าเช็ดตัวไป"


"อ่อ เอางั้นก็ได้ครับ"


        ผมตัดสินใจจะถอดเสื้อออกยังไงก็ผู้ชายเหมือนกันไม่เห็นจะเป็นไร แต่เพราะสายตาของพี่เขาที่มองผมทำให้ต้องหันหลังถอดเสื้อ จ้องอะไรขนาดนั้นวะขนลุกฉิบหายเลยเว้ย

 

"อ้าว ไอ้แม็ค!! มาทำไรตรงนี้วะ มึงอาบน้ำแล้วนี่"


        ผมสะดุ้งโหยงเมื่ออยู่ๆเสียงคุ้นเคยก็ดังขึ้น เสียงพี่หมอแข่งนี่หว่า ผมหันกลับมาหาต้นเสียงก็เห็นเพียงแผ่นหลังใครบางคนยืนเป็นยักษ์ปักหลักบดบังทัศนียภาพของผมไปจนหมด กลิ่นแบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้หรอก…


"พาน้องมาอาบน้ำ"


        ยังไม่ทันจะฟังอะไรให้รู้เรื่องแขนผมก็โดนลากมาอีกทางที่มีโขดหินและถังน้ำตั้งอยู่ สำหรับคนที่ไม่อยากลงลำธาร


"อ้าวพี่ราล์ฟ พี่ยังไม่ได้อาบเหมือนกันเหรอ" หันไปมองหน้าชัดๆ เป็นพี่หมอเทวดาคนดังของห้างเมื่อตอนบ่ายจริงๆด้วยแฮะ แต่ทำไมทำหน้ายังงั้นอ่ะ อย่างกับจะฆ่าใคร งานหนักสินะ


"อืม รีบอาบดึกแล้ว"


"ครับๆ โล่งอกไปทีนึกว่าจะได้อาบคนเดียวซะแล้ววังเวงเป็นบ้าเลย"


"กลัวเป็น?"


"โคตรกลัวเลยพี่หมาก็หอน บรื๋อ~~" ใจผมกลับมาชื้นอีกครั้งเมื่อได้อยู่ใกล้ๆพวกพี่เขา อาจเป็นเพราะเราเริ่มคุ้นเคยกัน


"สนิทกันเหรอ"


"ฮ๊ะ?"


"เห็นพามาอาบน้ำ"


"อ๋อ ไม่อ่ะ ผมยังจำชื่อเขาไม่ได้เลยแต่เขาใจดีนะ เห็นผมจะมาอาบน้ำก็มาเป็นเพื่อน"


"คราวหน้าห้ามไปกับใครที่ไม่สนิท"


"ไม่เห็นเป็นไรเลย"


"ห้าม!!" พี่หมอราล์ฟพูดเสียงเข้ม ตอนนี้เขาเหมือนคนโกรธจัดที่กำลังควบคุมอารมณ์ของตัวเองอยู่ เป็นอิหยังวะ


"งั้นผมไปอาบตรงนู้นดีกว่า ผมกับพี่ก็พึ่งรู้จักกันเอง" กวนประสาทคนอ่ะ


"เราสนิทกันแล้วและพี่ไว้ใจได้"


        พี่หมอราล์ฟพูดจบก็หันไปจัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเองเหลือแต่บ็อกเซอร์เหมือนกันกับผม ทิ้งให้ผมยืนค้าง งงกับคำพูดเมื่อกี้ ผมสนิทกับพี่เขาแล้วเหรอวะ? นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินพี่หมอราล์ฟแทนตัวเองว่า"พี่" เพราะปกติเห็นพูดแค่ 'ฉัน' ให้อารมณ์ตะหงิดๆหูเหมือนกันเวลาได้ยินเหมือนกำลังพูดอยู่กับอาจารย์เลยแฮะ




ตู้ม!!


        ผมกระโดดลงน้ำไปมาอย่างสนุกสนานน้ำลึกแค่เอวผมแต่ถ้าเดินไปอีกหน่อยอาจมิดหัวได้ แถวนี้สว่างพอสมควรเพราะติดไฟไว้หลายดวง จากการเรียกร้องของนักศึกษาชายที่มีความขี้ขลาดเป็นส่วนมาก


"ฤกษ์ อย่าไปไกลมาเล่นตรงนี้"


"ค้าบบบ" เสียงพ่อคนที่สองของผมเอง


"ฤกษ์"


"ไปแล้วๆ โห่พี่ กำลังสนุกเลย" ผมว่ายกระดึ๊บๆ ไปหาหล่อเทวดาที่กำลังนั่งตรงโขดหินเล็ก กำลังตักน้ำราดผมที่ยาวของตัวเองอยู่ ใบหน้าหล่อคมแหงนขึ้นสายน้ำค่อยๆไหลลงตามใบหน้าหล่อไร้ที่ติ คอแกร่ง ลาดใหล่ หน้าอก ไหลลงมาตามหน้าท้องแกร่งลอนคลื่นทั้งหก อึก! ใจ ใจ กระตุก ผะ...ผมป่วย ต้องตบหน้าเรียกสติอยู่สักพักอาการร้อนๆบนหน้าเลยค่อยๆทุเลาลง


"ผม...ผมสระให้ไหมพี่"


"เอาสิ"


        พี่เขาเงียบไปชั่วอึดใจถึงพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต ดูจากท่าทางของเขาแล้วคงไม่ได้สระผมด้วยตัวเองบ่อยแน่ๆ อาสาสระให้ดีกว่าให้สระเองกลัวว่าคืนนี้ก็จะไม่เสร็จ


        ผมค่อยๆตักน้ำราดลงบนผมนุ่มสลวย ผมยืนอยู่ตรงหน้าเขาพอดี พี่หมอราล์ฟนั่งอยู่ตรงโขดหินเล็กซึ่งศีรษะอยู่ในระดับหน้าท้องผมพอดี จะเดินไปอยู่ข้างหลังพี่เขาก็ติดที่ทั้งรอบด้านเป็นหินกั้นไปหมดยืนได้แค่ด้านหน้า เฮ้อ มานั่งอะไรตรงนี้ว้า

        พึ่งเห็นพี่เขาปล่อยผมเป็นครั้งแรก...มันยาวถึงกลางหลังเลยล่ะ พอปล่อยผมแล้วเซ็กซี่ชะมัดเลย ถ้าพวกผู้หญิงมาเห็นคงละลายกันอยู่ตรงลำธารนี่แน่ๆ


"ปกติพี่สระผมยังไงอ่ะ" ถามพลางเทแชมพูลงบนฝ่ามือ


"เข้าร้าน"


"ถึงว่าล่ะ ดูพี่ไม่ค่อยถนัดในการสระผมตัวเองเท่าไหร่" ค่อยๆขยี้ผมนุ่มอย่างเบามือ นุ่มมือชะมัดเลย


"เอ๊ะ!! พวกพี่หมอแข่งกับพี่อีกคนไปไหนแล้ว" ผมพึ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้มีแค่ผมกับพี่หมอราล์ฟ มองไปรอบๆตัวมีแต่ความเงียบสงัด


"ไปตั้งนานแล้ว เรามันมัวแต่เล่น"


"เปล่าสักหน่อย" เสียงเบาเชียวกู


"ผมว่าถ้าพี่ตัดผมสั้นต้องหล่อระเบิดแน่ๆ คงดูโคตรหล่อไปอีกแบบ"


"ชอบเหรอ"


"แบบไหนก็ชอบคนหน้าตาดีจะทำทรงไหนก็ได้อ่ะ ผมยาวดูแลยาก ถ้าไว้ผมสั้นพี่คงทำไรสะดวกกว่านี้"


"เป็นห่วงเหรอ"


"หืม พี่ว่าอะไรนะ"


"สระสองรอบ"


"อ่อ ครับๆสิบรอบก็ได้สำหรับเจ้ามือเลี้ยงป็อปคอร์น"


"หึๆ จะใช้ให้คุ้ม"


"พี่ชอบไว้ผมยาวเหรอ ดูแลดีอ่ะนุ่มมือชะมัดเลย นี่ถ้าลูบตอนจะนอนคงหลับปุ๋ย"


"ไม่ได้ชอบ"


"หืม?"


"มีใครบางคนชอบ"


"...."


        ตาคมเฉียบเทาหม่นคู่สวยเงยขึ้นสบตาผมที่ก้มมองอยู่ก่อนแล้วอย่างไม่ทันตั้งตัว ผมชะงักค้างเหมือนโดนสะกด หูอื้อฉับพลัน หายจากการรับรู้สิ่งรอบตัวชั่วคราว ข้างในอกผมเริ่มมีสภาวะผิดปกติ...




"มันคือตัวแทนความคิดถึง"










       


       




 











     


       


       


     

     






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-12-2020 11:53:17 โดย 11:11 »

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
อยากเห็นพี่ตัดผมเลยยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เอาแล้วๆๆๆๆๆ :hao7:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Heroyj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
น้องฤกษ์น่ารัก

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
เหมือนจะมีคนหวั่นไหวเพิ่มอีกคน
ขอเดาว่าฤกษ์คือตัวแทนของความคิดถึง คู่นี้ต้องมีความหลังกันแน่เลยแต่ฤกษ์คงจำพี่เค้าไม่ได้

ออฟไลน์ t152_rakjai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
น้องงงมากไม่เคยตามใครทันเลยลูก

ออฟไลน์ 11:11

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-1
9…เบอร์แปลก




"น้องฤกษ์ลู๊กกกกก หั่นผักคะน้าเอาไปผัดนะคะไม่ต้องซอยถี่เป็นต้นหอมขนาดนั้นก็ได้ค่ะ"


"ครับๆ"


"น้องเบิร์ด มาดูเพื่อนด้วยพี่จะไปล้างผัก"


"ค่ะๆ พี่กู๊ดเดย์ กำลังไปค่ะ"


"ไอ้ฤกษ์!! กูบอกให้หยิบน้ำตาลนี่มันผงชูรส"


"เออๆ"


"ฤกษ์ มึงวางของตรงหน้ามึงเดี๋ยวนี้ แล้วกรุณากลับมาแกะกระเทียม มันใช่เวลามานั่งคั่วป็อปคอร์นเหรอหอกนี่"


"เข้มจังวะ"


"อีฤกษ์!! หุงข้าวทำไมไม่เสียบปลั๊กจะได้แดกมั้ย!! วันนี้"


"เออๆ กูลืม มึงก็เสียบดิ"


"ฤกษ์ กูบอกให้หั่นปลาเร็วๆน้ำเดือดแล้ว มึงจะนั่งอาลัยอาวรณ์แผ่เมตตาอีกนานมั้ยโว้ยยย"


"เอออออ"


"อีลำไย ตำพริกมึงก็ควรเด็ดก้านออกสิโว้ย"


"เอ้า!! กูตำจะเสร็จแล้วทำไงอ่ะ"


"ไอ้ตี๋ ก่อไฟชาตินี้จะได้ใช้ชาติหน้าเหรอวะ ครึ่งชั่วโมงแล้วนะไอ้ตี๋"


"กูก็รีบอยู่"


"เพื่อนปัดค่ะ ขอบคุณมึงมากนะคะที่ไม่ต้องเป็นภาระกู แต่กูขอเถอะมึงหั่นหมูเสร็จแล้วค่อยไปดูดก็ได้บุหรี่น่ะ มึงจะดูดไปหั่นไปอย่างนี้ไม่ด้ายยย"



ติ๊ง!!


"..."


"..."


"อีฤกษ์!!!! อีเวร ทำไมเอาข้าวเหนียวมาหุงใส่หม้อหุงข้าวววว"


"เม็ดมันเหมือนกันอ่ะ โทษทีๆ แยกไม่ออก"




 



"ฤกษ์ ไปเบิกเอายาทาแก้ปวดกล้ามเนื้อที่เต็นท์แพทย์มาให้พี่หน่อย" ไอ้พี่ตังค์เดินมาในสภาพเหงื่อไหลไคลย้อย รองเท้าก็ไม่ใส่ เนื้อตัวมอมแมมไปหมดเหลือแค่ลูกตาที่ยังสะอาดอยู่ มาถึงก็ใช้กูเลย


"ให้ไอ้เบิร์ดไปดิมันว่าง ผมต้องขนสีไปให้พวกวิศวะตรงกำแพง" นั่งปั่นหูทำหน้าฟินอยู่ข้างๆกูเนี่ย


"ให้ไอ้เบิร์ดมันขนไป มึงไปเอายามา"


"ไอ้เบิร์ดมันก็ไปได้ ทำไมต้องผมอ่ะ" ตั้งแต่คืนนั้นที่ลำธารผมก็ยังไม่เจอพี่เขาอีกเลยเหอะ เจอดาเมจรุนแรงสบตาครั้งนั้นก็เหมือนตัวเองโดนสิง(?)จะแดก จะขี้ จะนอน จะนินทาคนอื่น หรือจะสวดมนต์นั่งสมาธิ ก็จะมีใบหน้าหล่อลูกครึ่งลอยเข้ามาในหัวตลอด ไม่ชอบเลยว่ะครับ!!


"ก็เห็นมึงสนิทกับเขา ให้มึงไปเอาเผื่อจะได้มาหลายๆหลอด"


"ผมไม่ได้สนิทเลยนะเว้ยยยยย"


"พี่ตังค์อ่ะ ผมจะขนไปได้ยังไงตั้งหลายถังน้องเบิร์ดคนนี้ตัวนิดเดียว" ตัวมึงก็พอๆกับกูนี่ล่ะอินก กูรู้มึงกลัวแดด ไอ้ลำไยมันจิ๊กร่มมึงไปกับพวกนิเทศอ่ะดิ แอบไปส่องตากล้องคนหล่อคณะเขา มันมาพร่ำเพ้อว่าหล่ออย่างนู้นอย่างนี้ ส่วนคู่หูกรี๊ดกร๊าดมันทำไมไม่ไปด้วยอ่ะเหรอ งานมันยังไม่เสร็จครับ สม!! มัวแต่เล่น กูก็ด้วย แอ่ะ!


"ฟรุ้งฟริ้งมานี่ดิ"


"ขาาาาาาาาาา" พี่ตังค์กวักมือเรียกไอ้ฟรุ้งฟริ้งที่กำลังเดินตูดบิดผ่านมาพอดีเนื้อตัวเต็มไปด้วยคราบปูนสงสัยไปช่วยพวกไอ้ปัดกับไอ้ตี๋สร้างหัวบันไดพญานาคมา พอมันเห็นว่าใครเรียก ก็แทบวิ่งหัวขวิดมาหา ยัง ยัง ยังไม่รู้ตัวอีกว่างานจะเข้า





        ผมเดินกระโดด(?)หลบแดดไปตามทาง เห็นเงาไม้ตรงนี้ก็กระโดดไปหา เห็นเงาไม้ตรงนู้นก็โดดเข้าใส่ กลายเป็นสนุกสนานอยู่คนเดียว เอิ้ก~ แดดตอนเที่ยงต่างจังหวัดไม่ได้มาเล่นๆนะครับ เขามาแบบแผดเผาทำเอาไหม้เกรียมไปได้ง่ายๆ ผมว่าถ้าเอาไข่ใส่น้ำแล้วทิ้งไว้กลางแดดทั้งวันมีสุกอ่ะผมว่า ผมเดินกระโดดเหยงๆไปเรื่อย เต็นท์แพทย์ถูกตั้งอยู่ในโรงเรียนซึ่งก็ติดกับกำแพงวัดนี่ล่ะ


"พี่~~~~~~~~~"


        ผมหยุดชะงักเสียงเรียก? เรียกใครวะ ผมหันหาต้นเสียงที่น่าจะอยู่แถวๆนี้ รุ่นผมนี่เด็กสุดแล้วนะ ใครจะมาเรียกพี่วะ พวกปีหนึ่งก็ไม่ได้มา


ตุ้บ


"โหว ไรวะหันขวาหันหลังแต่ไม่หันซ้ายมันจะไปเห็นได้ไง อย่าไปเดินไหนคนเดียวรู้เปล่า เดี๋ยวโดนลากลงน้ำ"


" เอ้า ก็กูรู้สึกว่าเสียงอยู่ทางนี้" ไอ้เด็กเปรต ไอ้เด็กผ้าขี้ริ้วห่อทอง ไอ้เด็กเวรรักษ์ โผล่มากระโดดกอดคอผมเหยงๆเป็นผีกองกอยเลยนะมึง


"มาทำห่าไรแถวนี้" ผมหันไปถามพร้อมกับคว้าร่มในมือมันมาถือเอง มันมีมองตาขวางแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เออ มีประโยชน์หน่อย


"มาขูดฟัน"


"เขาเรียกหินปูนไหมวะ กูก็นึกว่ามาขูดตั้งแต่เมื่อวานแล้ว"


"เมื่อวานไม่อยากมา อยากมาวันนี้" มันพูดพลางเดินกอดไหล่ผมไปพลาง ตีซี้อย่างหน้ามึนๆ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ข้าวบ้านมันก็ไปแดกมาแล้ว ถ้าไม่นับความกวนตีน มันก็เป็นรุ่นน้องที่นิสัยน่าคบหาคนหนึ่ง (เรียกกูว่าพี่ยังพอทน เรียกกูเหี้ยกูจะไม่ทน)


"แล้วพี่จะไปไหน เห็นเดินโดดเหยงๆกลางแดดมาตั้งแต่ตรงนู้น ชอบเป็นเขียดเหรอ"


"เขียดพ่อง!! กูโดดหลบแดด กูจะไปเอายานวดที่เต็นท์แพทย์"


"งั้นไปด้วยกันดิ"


"ไม่อยากไปกับมึงอ่ะ เหม็นขี้หน้า"


"เอาร่มผมคืนมา"


"เออ กูไปด้วยก็ได้"


"ฮ่าๆๆ พี่แม่งน่ารักว่ะ" ฟอร์มเฟิมไรไม่มีให้รักษาอยู่แล้วตัวกูเนี่ย ชีวิตต้องการร่ม


"กูหล่อเหอะ!!" ตาไม่ดีนะมึงอ่ะ


"เออๆ ผมจะคิดสะว่าบ้านพี่ไม่มีกระจก แล้วเพื่อนๆพี่ไปไหนกันหมดอ่ะ"


"ทำงานทำการดิ เออ เกือบลืม คนนั้นเป็นไงบ้างวะ ในป่าช้าคืนนั้นอ่ะ" ถึงจะรู้ว่าลูกน้องลุงแรมพาไปส่งโรงพยาบาลแล้วก็เถอะ แต่ก็อยากถามอยากรู้อีกรอบ


"ไตหาย"


"ห๊า!! ไตหาย หายได้ไง ไหนบอกว่าช่วยทัน"


"...."


"ละ...แล้วเขาจะตายไหมวะ ไตหายแล้วจะใช้ชีวิตยังไง จะหายใจยังไง" โถ่ว นี่ผมช่วยเขาช้าไปเหรอ


"ฮ่าๆๆๆ โอ๊ยยย พี่แม่ง ฮ่าๆๆ"


"หัวเราะเชี้ยไรมึงไม่เห็นเหรอว่ากูซีเรียส ไอ้ด็กเวร" ผมตะโกนใส่มันอย่างฉุนๆ มันใช่เวลาไหมวะ


"ยอม ยอม ยอมจริงๆเลยครับ ไม่แปลกใจที่มีคนเป็นห่วง ผมล้อเล่นน่ะ เขาปลอดภัยดีเว้ย ไตไม่ได้หาย ปอดต้องหายเหอะถึงจะหายใจไม่ได้นะพี่ อีกวันสองวันก็ออกจากโรงบาลได้แล้ว พ่อผมจะรับมาเป็นลูกน้องที่บ้านพอดีขาดคนอยู่"


"ไอ้สัส!! ล้อเล่นทำเชี้ยไร กูก็นึกว่าหายจริงๆ ใจกูนี่หายหมด"


"เฮ้อ พี่แม่งเข้ามหาลัยมาได้ไงวะ"


"กูเก่ง" ใครไม่อวยแต่กูอวยตัวเองก่อน


"เออๆ ไม่อยากจะเถียง ไม่แปลกใจเลยที่มีคนโทรมาจิกผมทุกวัน"


"มึงว่าไรนะ ใครจิกไร"


"ไม่มีไรหรอกน่า หน้าเอ๋อแล้วหูยังไม่ดีอีกนะพี่"


"ไอ้สัส!!"







ตุบๆ


ตุบๆ


ตุบๆ


        เสียงหัวใจผมเองครับ ตอนนี้ผมยืนแอบอยู่หลังเต็นท์แพทย์ด้วยหัวใจอันเต้นระทึก เขย่าขวัญ สั่นประสาท กลัวว่าจะเจอกับใครบางคน ผมไม่ชอบที่ตัวเองมีอาการประหม่าแบบนี้เวลาเจอหน้าพี่เขาเลยจริงๆ ผมทิ้งไอ้เด็กรักษ์ไว้กับพวกทันตะก่อนจะชิ่งหนีออกมา เพราะถ้าอยู่กับมันนานกว่านี้กูจะเป็นบ้า!!




 นะโมตัสสะ ภะคะวะโต~~~




       หืม...เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงผมดังขึ้น หน้าจอโชว์เบอร์แปลกไม่คุ้นตา ใครวะ? ผมนึกว่าโทรศัพท์ผมโดนตัดสัญญาณไปแล้วสะอีก คิดว่ากลับจากค่ายว่าจะไปจ่ายอยู่ ที่พกติดตัวนี่คือไว้ดูเวลาล้วนๆเลยนะเออ


"ครับ?" กดรับสายด้วยความลุ้น เจ้าหนี้หรือเปล่าวะ ไอ้เทียนมันจ่ายค่างวดรถหรือยัง


"เข้ามาข้างใน มันร้อน"


"ห๊ะ!?"


"เข้ามา"

 

"ใครครับ โทรผิดหรือเปล่า" เข้าเชี้ยไรวะ


"ใครที่ยืนทำตัวลับๆล่อๆอยู่หลังเต็นท์แพทย์ให้เดินเข้ามาข้างใน"


        จบประโยคผมสะดุ้งโหยง ไอ้สัส กูคุ้นเสียงขึ้นมาทันที โผล่หน้าออกไปดูก็ต้องสะดุ้งรอบสองเมื่อสายตาประทะเข้ากับดวงตาคูคมสีเทาหม่น ร่างสูงแกร่งยืนเด่นสง่าท่ามกลางความวุ่นวายในเต็นท์ที่มีคนเข้ามาไม่ขาดสาย มืออีกข้างล้วงกระเป๋ากางเกง ส่วนมืออีกข้างถือโทรศัพท์แนบหูเหมือนกำลังคุยอยู่กับใคร สาวๆในเต็นท์แพทย์ต่างพากันแอบมองด้วยสีหน้าเขินๆ พวกสาวๆคณะต่างๆที่ได้เวลาพักต่างก็มารวมตัวกันนั่งกรี๊ด แม้แต่พี่ป้าน้าอาที่มาตรวจสุขภาพก็พากันมองแต่หมอเทวดาด้วยสายตาหยาดเยิ้ม เอ่อ คงมีแค่ผมที่แม้แต่หน้ายังไม่กล้ามอง เป็นเชี่ยไรเนี่ยตัวกู

 

        ผมตอบกลับไปว่า ครับ ก่อนจะกดวางสายสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะเดินเจี๋ยมเจี๊ยมเข้าไปหาคนที่ยืนกอดอกมองอยู่ตรงหน้า เหมือนครูกำลังรอลงโทษนักเรียนอย่างไรอย่างนั้น เฮ้ย ผมเปล่าทำเชี้ยไรผิดนะโว้ย ไมทำหน้าดุจังวะ คนเขามองพี่อยู่นา


"หวัดดีครับพี่" ทักทายด้วยความนอบน้อม


"มาซนอะไรแถวนี้" มือแกร่งจับหัวผมโยกไปมา ก่อนจะดึงแขนผมไปนั่งเก้าอี้ตรงมุม ที่มีตู้ยาสองสามตู้ตั้งวางอยู่ จะมียานวดอยู่ในนั้นเปล่าวะ?


"ผมโตแล้วไม่ซนเหอะ"


"หึๆ งั้นเหรอ" พี่หมอราล์ฟกระตุกยิ้มมุมปาก(ไอ้สัส โคตรหล่อ)ก่อนจะหันไปค้นตู้ยา เวลาคุยกับเวลาไม่คุยนี่โคตรจะหน้ามือหลังตีนเลยเหอะ เวลายืนนิ่งๆจ้องนิ่งๆผมนี่โคตรจะกลัวตาแม่งโคตรจะดุ ถ้ามีเรื่องกับพวกนักเลงแล้วพวกนั้นโดนสายตาแบบนี้จ้องผมว่ามี สะตั๊นท์อ่ะ


"พี่หมอ ผมอยากได้ยานวดคลายกล้ามเนื้ออ่ะ"


"อืม มีคนโทรมาบอกแล้วว่าเราจะมาเอา" พี่หมอราล์ฟหันมาตอบพร้อมกับกล่องยาห้าหกกล่อง จัดการใส่ถุงกระดาษรักษ์โลกสีน้ำตาลให้เรียบร้อยก่อนจะยื่นมาใหผมรับเอาไว้


"รอก่อนจะไปด้วย"


"เฮ้ยพี่ ผมไปได้"


"จะไปกินข้าว"


"จะบ่ายสามแล้วนะพี่ยังไม่ได้กินข้าวอีกเหรอ"



        พี่หมอไม่ได้ตอบอะไรก่อนจะเดินไปทำงานกับอาจารย์หมอ โรงอาหารของค่ายอยู่ในวัดอ่ะครับถ้าใครทำงานอยู่ฝั่งโรงเรียนต้องเดินไป ผมนั่งมองนู้นนี่นั่นไปเรื่อย มีหมอแข่ง หมอรอน และพี่หมอที่เคยพาผมไปอาบน้ำเข้ามาทักทายตามประสา สิบห้านาทีก็แล้ว ยี่สิบนาทีก็แล้ว ก็ยังไม่มา


 "ราล์ฟคะ ไปทานข้าวกัน" สาวสวยไม่คุ้นหน้าเดินเข้ามาในเต็นท์แพทย์พร้อมกับเอ่ยชวนเสียงหวานชวนคนที่คุณก็รู้ว่าใคร ทำเอาสาวๆคนอื่นๆที่อยู่ในเต็นท์ต่างพากกันจ้องแทบตาถลน


"ครับ" พี่หมอราล์ฟพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะหันไปจัดการงานตัวเองสักครู่ แล้วเดินไปตบไหล่หมอรอน กับหมอแข่ง เหมือนเป็นการเรียกไปในตัว และสุดท้ายก็หันมากวักมือเรียกผมที่นั่งเป็นตอมาร่วมสามสิบนาทีให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ฮ่วย!! ผมรอตั้งนานจนรากตูดจะงอกก็ยังไม่ไป พอมีสาวมาเรียกแม่งลุกกันพึ่บพั่บ ไอ้สันขวาน!!


        เป็นแค่รุ่นน้องทำไรได้อะครับ ก็ต้องลุกเดินตามตูดต้อยๆไปอี๊กกก งานการก็ใช่ว่าจะว่างนะเว้ยรออยู่แทบจะท่วมเอว(หัวจะเยอะไปครับ) บอกให้รอนี่คือลืมผมไปแล้วหรือเปล่าวะ? แล้วสาวคนนี้ใครอ่ะยืนควงแขนนี่คือแฟน? เอ้า!! แล้วพี่รินๆอะไรนั่น เอาเขาไปไว้ไหนแล้ว


"เป็นไรอะเรา หน้ามุ่ยเชียว"


"เปล่าครับ แค่ร้อนแดด"


"มานี่ๆ จะได้ไม่ร้อน" พี่หมอแข่งลากคอผมให้เข้าไปในร่มคันใหญ่ที่พี่เขากางอยู่ แขนแม่งโคตรหนัก ผมกับพี่หมอแข่งเดินอยู่หลังสุด มีพี่หมอรอนเดินอยู่หน้าสุดกับร่มลายคิตตี้ของพี่เขา

และพี่หมอขวัญใจประชาชนเดินอยู่ตรงกลางกับสาวสวยเซ็กซี่ หน้าอกตูมๆกับเสื้อรัดรูปมันทำให้ภาพเหตุการณ์คืนนั้นแว๊บเข้ามาในหัว คืนติดเรทหน้ากระโปรงรถคืนนั้น อื้อหือ ไอ้เชี่ย กูคิดอะไรเนี่ย ในค่ายนะเว้ยคงไม่ทำใช่ไหมวะ?


"เป็นอะไรทำไมเงียบกว่าปกติ"


"..." แล้วถ้าเขาจะทำอะไรกันมันก็ไม่ใช่เรื่องที่มึงจะไปเสือกหรือเปล่าวะฤกษ์


"ไม่สบายหรือเปล่าทำไมหน้าแดงคอแดงไปหมดเลย"


"..." แล้วทำไมไอ้ภาพติดเรท20+ มันถึงไม่หลุดออกจากหัววะ ไอ้เชี่ยหน้าร้อน


"ฤกษ์!"


"ห๊ะ!! ครับ?" ผมสะดุ้งโหยงหลุดออกจากความบ้าบอ และตัวก็ต้องแข็งทื่อเมื่อภาพตรงหน้าปรากฎเป็นหน้าหล่อไร้ที่ติของตัวต้นเหตุที่ทำให้มีภาพติดเรทในหัว ใบหน้าของเราใกล้กันมากใกล้จนผมรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นๆของพี่เขา


"เป็นอะไร ทำไมหน้าแดงไม่สบายหรือเปล่า หรือกำลังคิดอะไรพิเรนทร์ๆอยู่"


"เอ่อ…" ผมได้แต่กระพริบตาปริบๆเมื่อพี่หมอราล์ฟยื่นมือมาแตะตรงแก้มและหน้าผาก โดยมีพี่หมอแข่ง พี่หมอรอน พี่อกตูมยืนทำหน้าสงสัยอยู่ใกล้ๆ เอ่อ คือพวกพี่มึงจะช่างสังเกตอะไรขนาดน้านนน เดาเก่งอีกต่างหากว่าผมคิดพิเรนทร์อยู่ ฮ่วย!


"เปล่าๆพี่ มันแดงบ่อยๆอย่างนี้แหละเวลาตากแดด"


"ก็ดูผิวพรรณน้องก็น่าอยู่ ผิวดีจนผู้หญิงยังอาย" พี่อกตูมพูดออกมายิ้มๆพลางคว้าแขนหมอราล์ฟไปกอดทำให้ฝ่ามือที่แตะแก้มผมอยู่หลุดออก เฮ้อ ใจกูจะวาย


"หมันเขี้ยวโว้ย นี่แหนะๆๆ"


"โอ้ยๆ ไอ้พี่แข่งเจ็บนะโว้ย" ผมดิ้นทุลักทุเลพยายามให้หลุดออกจากฝ่ามือไอ้พี่หมอแข่งที่เกิดบ้าอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ มาบีบแก้มผมเนี่ย หนีไอ้พวกพี่ตังค์พี่อิฐที่ชอบบีบแก้มผมมาได้แล้ว ยังต้องมาเจอไอ้หมอบ้านี่อีก


พรึ่บ


"เดี๋ยวจะเดินไปส่งน้องก่อน ไปกันก่อนเลย"


        แขนพี่หมอแข่งถูกพี่หมอราล์ฟดึงออกก่อนพี่หมอราล์ฟจะดันให้ผมไปอยู่ด้านหลัง และหันไปพูดกับพี่หมอแข่ง บังผมอีกละ ไม่เห็นอะไรเลยเนี่ย


"หึๆ กูไปส่งให้ก็ได้ สนิทกับน้องแล้ว ใช่มะ?" ไอ้พี่หมอแข่งยื่นหน้าข้ามไหล่แกร่งมาถามผมกระทันหัน และผมก็พยักหน้าไปแบบอัตโนมัติ ไอ้สัส สมองประมวลไม่ทัน เคยเป็นไหมที่ใครถามอะไรยังไม่ทันจะคิดให้ดีก่อนแต่พยักหน้ารับไปแล้ว ผมนี่เลย เป็นบ่อยฉิบหาย ไอ้เชี่ย ผมไม่ได้สนิทกับพวกพี่ขนาดน้าน


"จะไปส่งเอง" ห้วนสั้นได้ใจความฉิบหาย


"แต่น้องพยักหน้าอยากให้กูไปส่งแล้ว"


"เอ่อ...พี่ผมไปเองได้ใกล้แค่นี้เอง" ผมโผล่หน้าจากแผ่นหลังกว้างไปตอบ ไม่ต้องไปส่งกูกันครับ ผมแมนๆแข็งแรงดี แต่ก็ได้รับสายตาดุๆกลับมาจากพี่หมอราล์ฟ ทำไมการไปส่งผมมันถึงกลายเป็นถกเถียงอะไรกันขนาดนั้นวะ เฮ้ย ผมนี่ ฤกษ์มงคลบ้านขายโลงศพนะครับ ไม่ใช่ลูกชายนายก


"น้องเขาบอกว่าไปเองได้นี่คะ ให้น้องเขาไปได้แล้ว"


"คิมไปรอที่โรงอาหารก่อน" อ้อชื่อคิม


"ให้คิมไปด้วยนะคะ" โหว เสียงอ้อนอย่างน่ารัก


"ไม่ต้องหรอกมันร้อน"


"แต่ราล์ฟคะ"


"ฝากด้วย"


        พี่หมอราล์ฟหันไปบอกพี่หมอรอนที่พยักหน้ารับยิ้มแป้น และก็ลากแขนพี่คิมเดินไปอีกทาง เฮ้ย เผด็จการจังวะ เหลือพี่หมอแข่งขันที่ยืนยักคิ้วยิ้มเจ้าเล่ห์พลางยกมือทั้งสองข้างขึ้นเหมือนเป็นการยอมแพ้ เมื่อเจอสายตาดุหันไปจ้อง อะไรของพวกพี่เขาวะ ประสาทจะแดก


"เฮ้ออออ ทำมาได้ตั้งนานแต่สุดท้ายก็พังไม่เป็นท่า"


        พี่หมอแข่งพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้ผมที่ได้ฟังงงกับคำพูดของพี่เขา พัง?อะไรพังวะ


"พี่เขาหมายความว่าอะไรเหรอพี่" ผมหันไปถามคนที่เดินถือร่มอยู่ข้างๆ


"ไม่ใช่เรื่องของเด็ก"


"ก็ถามไปงั้นแหละ ไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้น"


"แล้วหน้างอทำไมล่ะหืม"


"ตาฟาดแล้วพี่ แก่แล้วก็งี้แหละ" ว่าผมเด็กดีนัก


"คนแก่ก็ฟาดก้นให้เจ็บได้นะ ถ้ามีคนดื้อ"


"โหว กลัวๆๆ" ผมทำท่ากอดอกตัวสั่น


"เรานี่มันจริงๆเลย นะ"


"เฮ้ยๆพี่ไม่ต้องกอดคอผมก็ได้มันหนัก"


"ลงโทษเด็กซน"







"ฤกษ์มีคนอยากคุยด้วย"


"ลิซ่าอยากคุยกับกูเหรอ"


"พ่องงง!!"


"ไอ้สัส ถึงมึงจะหล่อขนาดไหนก็ไม่ควรเอาน้ำลายมาป้ายหน้าคนอื่น"


        ผมรับเอาโทรศัพท์เครื่องหรูของไอ้ปัดมาก่อนจะกรอกเสียงเท่ๆลงไป เผื่อจะมีสาวๆโทรมาสารภาพรัก


"โทรไม่ติด"


"ห๊ะ!!"


"โทรศัพท์เป็นไร" อ่อ เสียงนี้ ห้วน สั้น ไม่มีที่มา ที่ไป น้องกูเองครับ


"ไม่เป็นไรหนิ ตอนบ่ายยังมีคนโทรเข้าอยู่เลย"


"ไม่ติด"


"เออๆ วางสายเลยเดี๋ยวโทรให้ดู"


       ผมกดวางสายน้องก่อนจะควักเอาโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมากดโทรหาน้อง อ้าวเฮ้ย ลืมไปเลยว่าโทรศัพท์ไม่มีตังค์


ตู๊ด ตู๊ด~


"เบอร์ใคร?"  เอ้าโทรได้เฉยเลยว่ะ


"เบอร์พี่ไง อะไรของเราเนี่ย"


"เปลี่ยนเบอร์?"


"ก็เนี่ยเบอร์พี่"


"โอเคร เปลี่ยนเบอร์ ตู๊ดๆๆๆ"


"โหลๆ เทียนไอ้เทียนโว้ย"


        ไอ้ลูกกรอกหนิ คิดจะวางก็วางสรุปโทรมาเพื่อ? ไม่ถามสารทุกข์พี่มันสักคำ ให้พี่มึงได้ถามบ้างสิเฮ้ย


"น้องมึงเหรอวะ" ไอ้ลำไยขยับมานั่งใกล้ผมแทบจะทันทีเมื่อได้ยินชื่อไอ้เทียนหลุดออกจากปากผม ตอนนี้เรากำลังนั่งอยู่รอบกองไฟเพราะวันนี้จะมีกิจกรรมคลายเครียดเฮฮา ของพวกนิเทศที่จัดขึ้น


"น้องมึงว่าไงมั้ง" อินกก็ตามมาอย่างไวว่อง


"มันว่ากูเปลี่ยนเบอร์ว่ะ กูลองโทรเข้าเครื่องมึงหน่อย" ผมกดโทรออกโทรเข้าเครื่องไอ้นก ปรากฎว่าเบอร์ที่ขึ้นโชว์อยู่หน้าจอเป็นเบอร์แปลก แต่มันเป็นเบอร์ที่โทรจากเครื่องผม


"มึงเปลี่ยนเบอร์เหรอฤกษ์" ไอ้ตี๋ที่นั่งเช็คเอกสารเกี่ยวกับค่ายอยู่ข้างๆผมถามขึ้น


"เปล่านะเว้ย" ผมว่าพลางแกะดูซิมของเครื่องตัวเองว่าโดนเปลี่ยนหรือเปล่าแต่ก็เปล่านี่หว่า นี่มันก็ซิมของผมเอง


"เนี่ย นี่ไงซิมกู"

          ผมยื่นซิมไปให้พวกนั้นดูก่อนจะประกอบใส่ลงเครื่องอีกครั้ง ไอ้ปัดคว้าโทรศัพท์ผมไปเปิดเองก่อนจะไล่เปิดดูข้อความในโทรศัพท์ของผม มันนิ่งอ่านข้อความอยู่สักพัก ก่อนจะยื่นมาให้ผมอ่าน


'คุณได้เปลี่ยนหมายเลขเป็น 099-095xxxx โปรใช้งานไม่จำกัดทั้งโทรและอินเตอร์เน็ต ฟรีตลอดชีพ'


"เหี้ย!!!"


"เชี่ยไรมึงเนี่ย อะไรจะโชคดีขนาดนั้น" ไอ้ตี๋


"อิฤกษ์ มึงได้ไปเล่นเสี่ยงโชคอะไรไว้หรือเปล่า" ไอ้นก


"กูไม่ได้ทำเชี่ยไรเลย"


"เฮ้ย มันมีจริงๆเหรอวะโปรแบบนี้"ไอ้ลำไย


"ของฟรีไม่มีในโลก"


        ไอ้ปัดเอาโทรศัพท์ผมไปกดอะไรยุกยิกๆก่อนจะกดโทรออก มันเปิดลำโพงให้ได้ยินกันทุกคน


'สวัสดีค่ะศูนย์xxxยินดีให้บริการ'


"ผมอยากทราบโปรโมชั่นของเบอร์นี้ครับ แล้วก็อยากทราบว่าทำไมอยู่ดีๆเบอร์ถึงเปลี่ยนไปเป็นเบอร์อื่น"


'เบอร์099-095xxxxนี้นะคะ กรุณารอสักครู่ค่ะ'



"...."


'เบอร์นี้เป็นเบอร์ของลูกค้าวีไอพีค่ะ ถูกเปลี่ยนจากเบอร์ปกติเป็นวีไอพีเมื่อสามวันที่แล้วค่ะ โปรโมชั่นโทรและอินเตอร์เน็ตไม่จำกัด ฟรีตลอดชีพค่ะ'


"พี่ครับจะฟรีจริงๆเหรอพี่ แล้วผมก็ไม่เคยไปเป็นลูกค้าวีไอพีเลยนะครับ" ผมโพล่งออกไปอย่างงงๆ ไม่ใช่ส่งบิลมาเก็บหนี้ผมทีหลังนะเฮ้ย


'ฟรีตลอดชีพค่ะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นค่ะ ทางเราจะส่งข้อความยืนยันไปให้อีกครั้งค่ะ พร้อมกับลิงค์ดาวน์โหลดเอกสารเป็นหลักฐานนะคะ ส่วนลูกค้าวีไอพีนอกจากฝ่ายผู้บริหารของบริษัทเครือข่ายxxxแล้วสิทธิ์นี้ไม่มีให้บุคคลทั่วไปค่ะ'


"แล้วไมผมได้อ่ะพี่ บ้านผมบริหารโลงศพเฉยๆนะ"


'เอ่อ...สักครู่นะคะ'



"ไอ้เชี่ย มึงไม่ต้องบอกเขาก็ได้ไหมว่าขายโลง" ไอ้ตี๋ท้วง


"ก็กูกลัวเขาคิดว่าอยู่ฝ่ายบริหารเครือข่ายเขาอ่ะ"


'ขออภัยที่ให้รอนานนะคะ ข้อมูลนี้เป็นความลับค่ะแต่เบอร์คุณได้สิทธิ์ใช้เบอร์วีไอพีค่ะ'


"อ่อครับๆขอบคุณครับ แค่นี้นะพี่"


"บุญของการไปช่วยหลวงลุงหิ้วของตอนบิณฑบาตสินะ ไอ้ฤกษ์" ไอ้นกว่า


"ไม่อยากใช้ก็เอามาให้กู กูจะเข้าpornhub ให้หนำใจเลย" ไอ้ตี๋ระริกระรี้


"เรื่องไรล่ะของฟรีไม่เอาก็โง่แล้ว"


"จงใจน่ะสิ"


"จงใจอะไรวะปัด" ผมถามไปอย่างอยากรู้


"มึงรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังสนิทกับคนที่มีอิธิพลที่สุด"


"รู้สิ ก็มึงไง"






 :pig4: :pig4:


















 























« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-12-2020 22:37:31 โดย 11:11 »

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
โอ๊ยย อิจฉาน้องฤกษ์ อยากได้โปรแบบนี้บ้าง อิอิอิ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เป็นโปรที่ดีมาก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
"หึง" สะกดอย่างนี้นะน้องฤกษ์
อยากมีพี่หมอสายเปย์เป็นของตัวเองมั่งจังเลย

ออฟไลน์ Heroyj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ 11:11

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-1
10…คำสบถของคนตกใจ






"สวัสดีพี่ๆ น้องๆ มิตรรักและมิตรเกลียดทุกท่านนะจ๊ะ วันนี้มาอยู่กับพี่กู๊ดเดย์คนงามและพวกเราชาวนิเทศกันก่อนนะ อย่าพึ่งหนีหายกันไปนอนก่อน พวกเรารู้ซึ้งถึงความเหน็ดเหนื่อยของพวกเราทุกๆคน วันนี้เรามารีแลกซ์กันเถอะ!! "


ตุ้งๆๆๆๆๆๆ~~


        เสียงรัวกลองปลุกใจสายแดนซ์ดังขึ้นรับเป็นระยะๆ สร้างบรรยากาศครื้นเครงกว่าวันไหนๆ คืนนี้เป็นคืนที่แปดของค่ายอาสาที่ยาวนานที่สุดในชีวิตผม หลังจากที่เมื่อคืนก่อนๆนั้นได้จัดกิจกรรมรอบกองไฟไปจนเป็นที่ติดอกติดใจของชาวค่ายทั้งหลาย จึงมีคำร้องให้จัดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สาม รอบนี้กองไฟใหญ่กว่าเดิม บางกลุ่มคณะก็พากันมานั่งล้อมรอบกองไฟ บางกลุ่มก็พากันหามโต๊ะ หามแคร่ มาตั้งล้อมรอบห่างออกไปเพื่อนั่งดูกิจกรรมชิลๆกันไป


"พี่กู๊ดเดย์ปลาบปลื้มใจจนปลื้มปริ่มเป็นอย่างยิ่ง ที่มีคนชื่นชอบกิจกรรมคณะของเรา วันนี้มากันแน่นเต็มลานเลย เรามาทักทายคณะแรกกันเลยดีกว่า โครงการจะไม่สำเร็จเลยถ้าขาดพวกเขา ไหนๆ ขอเสียงชาวถาปัตย์หน่อยเร๊วว"


"โห่วววว//กรี๊ดดดด" พวกถาปัตย์พากันยืนขึ้นเต้นตามเสียงจังหวะกลองรัว พร้อมกับพากันส่งเสียงอย่างไม่มีใครยอมใคร


"เสียงดังฟังชัดและงานเอวดีกันทุกคนนะจ๊ะคณะนี้ และคณะต่อมาที่ทุ่มเทแรงกายทำงานหนักกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เอ้า วิศวะ วิศวะจะยอมไหม มีเสียงไหมขอฟังหน่อยเร๊วว"


"โห่วววววววว" เสียงเข้มๆต่างพากันแหกปากตะโกนรัวๆ แทบไม่ได้ยินเสียงสาวๆเลย ลุกขึ้นเต้นจนฝุ่นตลบกับเพลงจังหวะสามช่า แล้วเสือกนั่งแยกกันเป็นหย่อมๆโคตรอินดี้ บางกลุ่มแม่งเต้นอยู่บนแคร่ บางกลุ่มอยู่แถวพุ่มไม้ แต่เสียงแม่งก็ยังโคตรดัง ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังจะยกพวกออกไปตีกับใครเลยว่ะ น่ากลัวฉิบหาย


"มึ๊งงงงกลุ่มพี่แสง/กรี๊ดดดพี่แสงขาา" เพื่อนกูเอง


"โอ้โห เสียงกร๊าวใจพี่มากเลยจ้ะ  ม๊ะ! คณะต่อไปถึงจะมากันแค่กลุ่มเล็กๆแต่หน้าที่ของเราก็ล้นไม้ล้นมือสารพัดที่จะทำ คณะพี่จะยอมกันไหม ถึงเราจะมีน้อยแต่เราก็ไม่เล็กนะ นิเทศ นิเทศอยู่ไหน ขอเสียงหน่อยเร๊วว"


"กรี๊ดดดดดดดดด/วิศวะเป็นผัวชั้นเถอะ!!"  เสียงกรี๊ดกร๊าดแข่งกันจนแสบแก้วหู พากันเด้งหน้าเด้งหลังตามจังหวะเพลงจนกลัวเอวจะหัก  คุณภาพเขาแน่นจริงๆว่ะ โดยเฉพาะลำไยกับไอ้นกพากันดิ้นแด่วๆตะโกน 'พี่แฟลชๆๆ พี่แฟลชเต้น' จนโดนไอ้ปัดกับไอ้ตี๋มังกรโบกหัวไปคนละทีด้วยความรำคาญ พวกมันคงน้อยใจที่พวกมึงไม่เคยมองเห็นความหล่อมัน


"ไม่ผิดหวังกับนิเทศ เล็กพริกขี้หนู เอนเนอจี้ความอยากได้วิศวะนั้นลั้นหลามเกินหน้าเกินตาไปมากเลยลู๊ก ใจเย็นๆกันก่อนนะ เดี๋ยวไก่ตื่น และคณะที่ขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือทีมแพทย์และทันตะนั่นเอง หลายชีวิตในค่ายรอดตายมาได้ก็เพราะคณะนี้เลยจ้ะ ม๊ะ!! ทีมแพทย์และทันตะส่งเสียงหน่อยค่าา"


"ฮิ้วววว~ขาวจังเลยค้าบ"


"กรี๊ดดดดด/พี่หมอๆๆ"


"พี่หมอราล์ฟขาาา"


"อร๊ายยย เทวดาของบ่าว"


"งานดีมากค่าาาาา"


       พวกทีมหมอลุกขึ้นยืนตบมือรัวๆพลางส่งเสียงบ้าง โอ้โห กินขาด กินขาดความเป็นผู้ดี ไอ้ที่ร้องโหวกเหวกกันลั่นลานนี่คณะอื่นกันทั้งนั้น พวกวิศวะก็โห่แซวพี่หมอสาวสวย พวกผู้หญิง กระเทย เกย์ ตุ๊ด ก็กรี๊ดกันคอแทบแตกกับแก๊งหมอเทวดาโดยเฉพาะหัวหน้าแก๊งที่ยืนตบมือเงียบๆ แต่ฟาดเรียบด้วยการกระตุกยิ้มมุมปากเท่ๆ เล่นเอาละลายกันเป็นแถว รวมถึงพี่กู๊ดเดย์พิธีกรของงาน งานการไม่ทำห่าไรล่ะ กรี๊ดจนไมค์ร่วงพื้น เป็นคืนแรกที่ผมเห็นพวกพี่เขาเข้าร่วมกิจกรรม สองคืนที่จัดกิจกรรมมาผมไม่เคยเห็นพวกพี่หมอจะมากันเลย และนี่เป็นการเห็นพี่เขาครั้งแรกของรอบหลายๆวันที่ผมไม่ได้เจอพี่เขาเลย


"อะแฮ่มๆ กรุณาสงบสติอารมณ์กันก่อนนะคะ เกรงใจคณะอาจารย์ที่นั่งดูอยู่ไกลๆด้วยค่ะ ถึงพวกท่านจะร่วมกรี๊ดกร๊าดไปกับพวกเราด้วยก็ตาม คริๆ ของดีของมหาลัยก็ต้องชื่นชมกันเป็นธรรมดาเนอะ และนี่ก็เป็นคณะสุดท้ายของเราถ้าไม่มีพวกเขาความสวยงามและประณีตของความเป็นไทยก็คงไม่เกิด ศิล ศิล ศิลกำแสดงตัวหน่อยเร๊ววว"


"กรี๊ดดดด/อ้ากกก/โห่วววว"


         พวกเราลุกขึ้นเต้นอย่างไม่ลืมหูลืมตามจังหวะเพลงสามช่า เต้นจนรองเท้ากระเด็น เหยียบตีนกันก็ยังไม่เจ็บ พวกผมนี่เวฟตัวกันแทบเป็นปลาไหล ด้วยความที่พลังเหลือล้น เปล่าเลย...ไอ้สัส เมา!! ขวดน้ำที่พากันเหน็บอยู่ข้างเอวนี่ล่ะ เหล้าต้ม


"เอ่อ พอค่ะ พอ ใจเย็นๆกันนะคะศิลปกรรม  นั่งลงกันพักเหนื่อยก่อน ฮ่าๆ เรื่องเต้นต้องยอมเขาจริงๆเลยนะคะเนี่ยเด็กศิลป์หัวครีเอทจริงๆเลย ท่าเต้นแต่ละท่าพี่ละยอมใจ"



        หลังจากนั้นกิจกรรมเราก็ดำเนินไปเรื่อยๆ ส่วนมากจะออกไปโชว์เต้น มีขนมแจก เล่นละครตลกจากพวกนิเทศ แข่งกันตอบคำถามเอาของแจก หรรษากันฟรีสไตล์ เพราะทุกคนก็เหนื่อยกับงานตอนกลางวันอยู่แล้วกิจกรรมเราก็เลยสบายๆไม่ต้องมานั่งเครียดอะไรกันมากมาย เหมือนพบปะพูดคุยกันมากกว่า


"และนี่ก็เป็นกิจกรรมสุดท้ายของคืนนี้ เป็นรางวัลใหญ่จากทางมหาลัย น้องๆพี่ๆก็คงพอจะทราบว่าพอเรากลับไปก็ใกล้จะเป็นงานกีฬาของทางมหาลัยหลังจากงานเฟรชชี่จบลง เรามีเงินรางวัลห้าพันบาท ให้กับคณะที่ชนะการแข่งขันในค่ำคืนนี้ เอาไปเป็นค่าขนมให้น้องๆแสตนเชียร์และนักกีฬากันจ้ะ คณะไหนที่ชนะมารับบัตรรางวัลแล้วไปยื่นเบิกกับทางมหาลัยในวันกีฬาได้เลยค่ะ"


"โอ้โห /โคตรดี"


"อยากได้ๆ"


"บอกเร็วพี่ต้องทำไง"


"ขอตัวแทนสองคนของแต่ละคณะค่ะ"



         ผมกับไอ้ปัดโดนดันไหล่ให้ลุกออกไป ด้วยเหตุผลว่าไอ้ปัดคือหน้าตาของคณะศิลป์เรา ควรเอาของดีไปอวด แล้วผมไปเกี่ยวเชี่ยไรด้วยเนี่ย ดังนั้นรากตูดผมจึงยังเหนี่ยวแน่นถึงแม้จะโดนดัน โดนผลัก ก็ไม่มีขยับ แต่เมื่อโดนพี่รหัสชี้หน้าเป็นเชิงขู่ก็เลยต้องยกตูดเดินแท่ดๆออกไป ยิ่งไม่มั่นใจในกางเกงที่ใส่อยู่ด้วย กางเกงผมมันแห้งไม่ทันเลยยืมของไอ้นกมาใส่ ก็เป็นกางเกงยีนส์ขาสั้นขาดๆธรรมดานี่ล่ะครับแต่มันจะสั้นกว่าปกติที่เคยใส่มานิดหน่อย เลยเข่ามาหลายนิ้วเลยอ่ะ พอดีใส่เสื้อโอเวอร์ไซส์มาก็เลยแนวๆไป กูไม่น่านั่งหน้าเลยไอ้สัส พวกข้างหลังแม่งเมาจนกูซวย ไอ้สันขวาน


"เฮ้ยๆ น้องฤกษ์นี่หว่ามาค่ายด้วยเหรอไม่ยักเห็นเลย" เอ้า พวกวิศวะรู้จักผมเฉย ก็มาดิวะแต่จะไปเห็นได้ไงอยู่แต่ในโบสถ์ แดกข้าวบางวันยังต้องแดกบนนั่งร้าน


"เมื่อไหร่จะรับพี่เป็นเพื่อนในเฟส" เชี่ยไรวะเนี่ย


"ขาอย่างสวยเลย" ขาใครวะ? ที่ลุกออกมานี่มีแต่ผู้ชายนะเว้ย


       ผมเดินออกมายืนตรงกลางอยู่กับพี่กู๊ดเดย์ ฟังพี่กู๊ดเดย์อธิบายกติกาไปเรื่อยๆ ไม่สนใจมองคนที่นั่งรายล้อมอยู่ตรงหน้า ที่ส่งเสียงโห่ เสียงแซวมาเป็นระยะ กวนตีนฉิบหาย อายครับ!! มองฟ้า มองอากาศมองต้นไม้แก้อาย แม่ง       


"น้องที่มาจากคณะเดียวกันแยกเป็นคนละแถวจ้า เรียงหน้ากระดานหันหลังให้กันเลย ขณะนี้เรามีสองแถวหน้ากระดานค่ะ แถวหลังจะเป็นคนขี่ แถวหน้าจะโดนขี่หลัง แต่ละแถวสามารถสลับที่กันได้เลยแต่อย่าพึ่งหันหลังกลับไปมองกันนะ เราจะขี่หลังวิ่งรอบกองไฟหนึ่งรอบคนที่โดนขี่หลังใครวิ่งมาถึงพี่ก่อนสองคนแรกถือว่าเข้ารอบ ที่เหลือตกรอบจ้ะ คนที่ขี่หลังถ้าหันมาเจอคณะเดียวกันก็โชคดีไปน้าา แต่ถ้าคนละคณะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เขาวิ่งได้ เตรียมตัวนะ"


        ผมเลือกที่จะเป็นคนขี่เพราะน่าจะสบายกว่าเยอะเลยยืนอยู่แถวหลัง ขอแลกที่กับพี่คนข้างๆอีกรอบที่น่าจะเป็นตัวแทนคณะแพทย์ด้วยความไม่มั่นใจว่าไอ้ปัดมันจะยืนอยู่ตรงตำแหน่งไหนข้างหลัง มีพี่ๆสต๊าฟคอยยืนกันรอบกองไฟคงเกรงว่าพวกผมจะพากันวิ่งลุยไฟเป็นหลวงปู่เค็ม




ปรี๊ดดดด




        ผมหันหลังแทบจะทันทีเมื่อเสียงนกหวีดดังขึ้น ในใจภาวนาขอให้เป็นไอ้ปัดๆๆๆ ไอ้เชี่ยปัด ภาพตรงหน้าปรากฎในม่านสายจนดีใจแทบสิ้นสติ ไอ้สัส กูประชด ใครวะเนี่ย!? ผมรีบกระโดดขี่หลังไอ้คนตรงหน้าเกือบจะทันที ก่อนที่มันกำลังจะวิ่งออกไป


"ฤกษ์!! น้องฤกษ์สู้ๆ"


"ไอ้ฤกษ์ล็อคไว้ๆ"


"อิดอกฤกษ์ อย่าทำพี่เขา"


"ไอ้ฤกษ์ ปิดตามันสิวะ"


"อิฤกษ์ อย่าทำพี่กริช"


        เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายดังสนั่นลั่นลานรอบกองไฟ ผมจับใจความอะไรไม่ได้สักอย่าง รู้แค่ว่าไอ้คนตรงหน้าแม่งไม่จับขากูเลย ไอ้สัส กูจะตกแล้ว ผมปล่อยแรงเฮือกสุดท้ายยกขาขึ้นมาล็อคเอวคนตรงหน้าไว้ได้ ก่อนจะเอามือปิดตาแม่งไปอีก หยุดวิ่งสิโว้ยยย


"แรงควายจังวะ นี่แหนะๆ" ผมทั้งเอามือปิดตา ทั้งเอานิ้วทิ่มจมูก


"หึๆ ทำไรพี่ไม่ได้หรอกเตรียมรับความพ่ายแพ้ซะ"


       อ่อ เป็นรุ่นพี่นี่เอง ไอ้คนตรงหน้าวิ่งหน้าตั้งไม่สนสี่สนแปดใดๆทั้งสิ้นเหมือนมันมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆ


"ฝันไปป่ะพี่ นี่ศิษย์หลวงปู่เค็ม ฮ่าๆ"


        ผมพูดพลางเอานิ้วที่กำลังทิ่มจมูกอยู่มาจี้เอว ไอ้ห่าน แข็งโป๊กไม่มีสะดุ้ง ทำไงดีวะจะถึงเส้นชัยแล้ว ถ้าผมกระโดดลงล่ะ? มันก็คงวิ่งต่อไปได้สบายๆดิ ฮ่วย!


"คอ!! จุดอ่อนมันอยู่ที่คอ จูบคอเลยไอ้ฤกษ์!! "


        ไอ้พี่อิฐตะโกนลั่น ไอ้ห่าพี่มึงไปรู้จุดอ่อนแม่งได้ไงวะ ผมละมือจากเอวพี่มันมาลูบไปมาตรงคอพี่มัน เฮ้ย พี่มันเอียงคอหลบแต่ไม่ล้ม จูบ? เสร็จผมล่ะ ฮ่าๆ ผมเอามือทั้งสองข้างปิดตา ปิดปากพี่มัน ก่อนจะยื่นหน้าไปจูบคอพี่มัน…



โครม



ปรี๊ดดดดด



"ที่หนึ่งคณะศิลป์จากฝีเท้าม้าเร็วสุดหล่ออย่างน้องปัดค่าา"


"กรี๊ดๆๆ ปัดขาา/น้องปัดของพี่"


"ที่สอง โดยน้องไม้จากถาปัตย์ค่าา"


"เย้!!!"


"น่าเสียดายแทนน้องกริชจากวิศวะจริงๆเลยค่ะ อีกแค่ก้าวเดียวแท้ๆก็จะชนะแล้ว โดยจูบพิฆาตของน้องฤกษ์ขวัญใจของพวกพี่ๆเข้าไป เข่าอ่อนกันเลยทีเดียว ฮ่าๆ ชั้นเห็นนะว่ามีใครตาร้อน"


"โห่ววว มาแบบนี้เพื่อนพี่ก็ตายน่ะสิ"


        โอย….มาเก็บศพกูเลย ล้มระเนระนาดไม่เป็นท่า เสื้อแม่งเลอะฝุ่นไปหมด ผมลุกมานั่งจุมปุ๊กงงๆอยู่กลางขี้ฝุ่นโดยมีไอ้คนที่ผมขี่หลังอยู่ มานั่งยองๆปัดฝุ่นให้


"เป็นไงศิษย์หลวงปู่เค็ม เก่งนี่หว่า"


"ไม่ไงอ่ะ พี่แม่งล้มให้มันละมุนๆหน่อยก็ไม่ได้เนอะ"


"ก็เอ็งมันจู่โจมพี่ตอนไม่ทันตั้งตัวนี่หว่า จูบพี่แล้วรับผิดชอบพี่ด้วย"


"โว๊ะ! บ้าบอ จูบคอเฉยๆโดนนิดเดียวเอง ผู้ชายเหมือนๆกัน แมนๆแข็งแรงดี"


"น่าเอ็นดูสมคำร่ำลือ"


"พี่แม่งก็พูดไปเรื่อย เอ้อ ไอ้พี่อิฐแม่งรู้จุดอ่อนพี่ได้ไงวะ หรือพี่สองคนแม่งแบบว่า แบบว่า...คือ..." ผมถามขณะที่เราเดินกลับไปหาพี่กู๊ดเดย์ แต่ก่อนที่ผมจะพูดจนจบประโยคก็โดนไปหนึ่งมะเหงก


"เลิกคิดอะไรที่มันน่าขนลุกเหอะว่ะ หน้าแม่งไปไกลมาก พี่กับไอ้อิฐแดกเหล้าด้วยกันบ่อย ความลับส่วนมากก็เอามาจากวงเหล้าแหละ"


          ผมเดินกระเผลกๆ กลับหลุมตัวเองหลังจากไปรับน้ำอัดลมขวดใหญ่เป็นรางวัลปลอบใจ ไอ้สัส ให้ขวดเดียวกูจะทันแดกพวกแม่งมันได้ไงวะ พอผมนั่งลงปุ๊บ น้ำอัดลมที่จับไว้อย่างแน่นหนาในมือก็ปลิวไปอยู่ข้างหลังเป็นที่เรียบร้อย ไอ้ตับห่าน


"เอาล่ะทุกคน วันนี้ประธานค่ายของเรามีเรื่องจะพูดนิดหน่อย เชิญค่ะพี่แสงคนหล่อแห่งวิศวะ" 


        พี่แสงเดินหน้านิ่งเข้ามาจนทุกคนต่างพากันเงียบกริบ พี่ว้ากวิศวะนี่มันน่าขนลุกจริงๆเลยเว้ย ผมเจอมาแล้วเว้ยความโหดนี้ ความโหดที่พวกผมต้องแหกขี้ตามานั่งหั่นผัก หุงข้าว ก่อไฟ ตอนตีสี่ทุกเช้า แต่ถึงอย่างงั้นพวกสาวๆทั้งหลาย ก็พากันแอบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กันเกือบทุกคน โดยเฉพาะไอ้สองตัวที่นั่งข้างผมเนี่ย คืนนี้ผมเห็นพวกมันพากันกรี๊ดผู้ชายสิบกว่าคนแล้ว คอพังขึ้นมาจะสมน้ำหน้าให้


"เราก็ได้สนุกสนานเฮฮากันไปพอสมควรแล้วสำหรับค่ำคืนนี้ ดูแลตัวเองกันให้ดีอย่าให้เจ็บตัว ใครเป็นอะไรให้รีบบอกเพราะค่ายเรามีหมอ  ในตอนนี้พวกเราก็เดินทางมาได้เกือบถึงเส้นชัยแล้วสำหรับโครงการค่ายอาสานี้ที่สืบทอดกันมาหลายปี และเราก็จะเป็นรุ่นสุดท้ายของโครงการนี้ ขอให้ทุกคนเต็มที่กับงานเพราะเราคงไม่มีโอกาสได้มาทำงานบุญแบบนี้บ่อยๆ

ผู้หญิงก็นอนฝั่งหญิง ผู้ชายก็นอนฝั่งชาย อย่าริปีนป่ายไปหากัน เรื่องอื่นๆพวกพี่ก็หยวนๆให้ตลอด แต่ถ้าเป็นเรื่องสิ่งเสพติดผิดกฎหมายและเรื่องชู้สาวซึ่งทุกคนคงรู้ดีว่าพี่หมายถึงแบบไหน พวกพี่จะลงโทษอย่างหนักโดยเฉพาะสิ่งผิดกฎหมายจะจับส่งตำรวจทันที  ส่วนเรื่องชู้สาวถ้าพวกพี่จับได้ นอกจากจะลงโทษโดยการไม่ผ่านกิจกรรมทุกกิจกรรมแล้ว ซึ่งมีผลต่อเกรดของเราแน่นอน ห้องน้ำค่ายและทัณฑ์บนมหาลัยก็รออยู่ ขอบคุณครับ"


        พี่แสงพูดจบก็ยื่นไมค์ส่งต่อให้พี่กู๊ดเดย์จัดการต่อ อื้อหือ การลงโทษที่พูดมาเทียบกับพวกผมที่ได้รับแล้วแม่งซาบซึ้งฉิบหาย ขอบคุณค้าบพี่แสงสำหรับการหยวนๆในครั้งก่อน กูนี่อยากจะร้อง ผมจะเป็นเด็กดีจ้า


"อะแฮ่มๆ ก็ผ่านพ้นไปสำหรับบรรยากาศเย็นๆเมื่อกี้ ถึงพี่เขาจะมาพูดไม่บ่อยแต่ฟังจากบทลงโทษแล้วพี่ว่าพวกเราพึงระลึกไว้ทุกขณะดีกว่านร้า เอาล่ะ ก่อนจะปล่อยพวกเราไปนอนพวกพี่ๆจะเปิดเพลงเอาใจสายแดนซ์กันสักหน่อย  ประมาณสามสิบนาที ยืดเส้นยืดสายพอให้หลับสบาย พอเพลงจบลงขอให้ทุกคนแยกย้ายกันไปนอน โอเครกันน้าาา ฝันดีค่าาาาาชาวมหาลัยXXX"


        ไฟตรงกลางเริ่มมอดลงจนเห็นเป็นเพียงเงาตะคุ่มๆ แสงไฟเธคดิสโก้เริ่มเปิดขึ้นจากพวกฝ่ายพี่ๆกิจกรรม ทำงานดีกันฉิบหายเลยเว้ย เพลงแดนซ์ถูกเปิดดังสนั่นทั่วลานกิจกรรม ต่างคนต่างเต้นจนไม่รู้ใครเป็นใคร จำกันแทบไม่ได้เพราะมืดมัวไปหมด พวกเพื่อนๆผมก็ดินแด่วๆอยู่ข้างๆ โดยเฉพาะไอ้มังกรแม่งเมาแล้ว ไอ้สัส ไอ้พี่กิตโผล่มายื่นขวดน้ำที่คุณก็รู้ว่าอะไรมาจ่อปากผม กำลังจะเอ่ยปากว่ากูก็มีครับพี่ แต่พี่มันแม่งเทกรอกลงมาเลยไอ้ห่าเอ้ย นี่คือไม่ได้ให้กินช่ะ? จะให้อาบก็เทราดหัวกูเลยไอ้คุณพี่เอ้ย แม่งเดินยังเซเสือกอยากจะป้อนเหล้าคนอื่น ผมโดนไปหลายอึกเลย ถึงกับร้อนวาบในท้อง เอิ้ก~~


        ผมพยายามจะไม่กินเยอะเพราะยังเข็ดกับวันแรกที่มาถึงค่ายแล้วไข้แดก ก็ได้แต่ดิ้นไปตามจังหวะเพลงอย่างคึกคะนองตามประสาแอลกอฮอล์สิงร่าง มีไอ้พี่อิฐมาลากคอผมไปหาพวกวิศวะ ที่ยืนส่งเสียงโวยวายอยู่บนแคร่ไม้


"ไอ้ฤกษ์มาโว้ย/น้องฤกษ์!!"


"น้องรหัสกู"


"กูรู้แล้วครับเพื่อนเมาแล้วขี้อวด ไอ้สัส"


       พี่กริชเดินมาโยกหัวผมไปมาก่อนจะลากไอ้พี่อิฐไปนั่งชนขวดกันตรงแคร่ใกล้ๆ เอ้า ทิ้งกูเฉยลากกูมาทำเชี่ยไร

 

"ฤกษ์ๆแดกนี้ อันนี้แซ่บ!!"


        ผมว่าจะเดินกลับไปฝั่งตัวเองแต่ใครสักคนในพวกวิศวะก็ยื่นบางอย่างมา ผมรับเอาขวดของอีกฝ่ายมาลองชิม อื้อหือ อร่อยว่ะ อย่างนี้ต้องแชร์ ผมกวักมือเรียกไอ้พวกสี่เกลอของผมที่กำลังมองมาทางนี้อย่างสงสัยว่าผมมาทำห่าไรตรง พวกมันก็เดินตามมา ส่วนพวกวิศวะมันก็ต้องรับพวกผมกันเป็นอย่างดี นี่แหละเว้ยเหล้าเชื่อมมิตรภาพ ไอ้ปัดกับไอ้มังกรมันรู้จักพวกนี้อยู่แล้วเพราะเตะบอลกันบ่อย ส่วนลำไยกับไอ้นกอย่าไปห่วงพวกมันเลยมนุษย์สัมพันธ์ดีเลิศ เต๊าะพวกวิศวะจนพากันเขิน


        ผมกอดคอพวกเด็กวิศวะเต้นไปเรื่อยเหล้าก็มาเรื่อยๆรีบแดกรีบไปนอนกันครับ ไม่รู้ว่าไปสรรหามาจากไหนทั้งที่แถวนี้ไม่ร้านค้าอะไรเลย ทยอยมาไม่ขาดสายจริงเลยเว้ย และสายตาผมก็เหลือบไปเห็นใครบางคน เอ๊ะ นั่นมันพี่หมอเทวดานี่หว่า เขายืนอยู่ในมุมมืดห่างจากตรงนี้พอสมควร พี่เขายืนกอดอกหันหลังหัวไหล่พิงต้นไม้สายตามองฝ่าความมืดออกไป  ไปทำไรตรงนั้นวะ ขาผมก้าวเดินไปหาแผ่นหลังที่อยู่ในสายตาอย่างลืมตัวจนตัวเองต้องตกใจ ผมจะไปสนใจอะไรพี่เขาวะเฮ้ย มันไม่ใช่เรื่องของโผ้ม


        กำลังจะหันหลังกลับพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นสาวสวยคุ้นหน้า ผมกระโดดหลบหลังต้นไม้แทบไม่ทัน พี่ลลินเดินเข้ามาหาพี่หมอราล์ฟคุยกันสักพักก่อนจะคล้องคอพี่หมอราล์ฟก้มลงมาหอมแก้มแล้วเดินจากไป สาวเพียบเลยว่ะ วันนั้นอีกคน วันนี้อีกคน คนหล่อแม่งก็เงี๊ยะ แล้วผมเป็นห่าไรก็ไม่รู้มาด้อมๆมองๆคนเขาสับรางรถไฟพลอดรักกันประสาทฉิบหาย ผมยีหัวตัวเองอย่างหงุดหงิดในพฤติกรรมแปลกๆของตัวเอง


ฟรึ่บ


        ร่างผมถูกกระชากอย่างแรงไปทางหลังต้นไม้ใหญ่กะว่าจะด่าแม่งแล้วใครเล่นเชี้ยไรเนี่ย แต่ก็ต้องชะงักค้างเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเจอกับสายตาคู่คม และใบหน้าคุ้นเคย


"เอ่อ...พี่"


"...."


"วะ..หวัด...หวัดดีครับ"


"...."  ตอนนี้พี่ราล์ฟดูน่ากลัวกว่าวันไหนๆ


"มาแอบดูพี่ทำไม"


"คือ...คือว่า...ผมไม่ได้ตั้งใจกะแค่จะเดินมาทักเฉยๆ ถ้า..ถ้าพี่ไม่พอใจผมขอโทษ" ผมยืนหลังพิงต้นไม้ใหญ่พี่หมอราล์ฟกางแขนกั้นผมไว้ทั้งสองข้างไม่ให้ไปไหน พอลองออกแรงดันอกแกร่งให้ถอยห่างทว่าพี่เขาก็ยังยืนนิ่งไม่ขยับ จนผมเริ่มทำอะไรไม่ถูกแม้แต่หน้าพี่เขาผมยังไม่กล้าจะมองแล้ว ผมไม่ชินกับท่าทางของพี่เขาตอนนี้เลย


"เมาหรือเปล่า"


"ปะ...ปะเปล่าครับ" ขณะพูดผมก็พยายามดันอกแกร่งอีกครั้งแต่พี่เขาก็ไม่ยอมแม้แต่จะขยับ มือแกร่งยื่นมาจับแก้มผมแผ่วเบาไล้ปลายนิ้วลงมาตามลำคอ น้ำหอมกลิ่นที่ผมชอบลอยมาแตะจมูกแต่คราวนี้มีกลิ่นของบุหรี่ปะปนอยู่และผมก็ชอบ แต่…


"พี่...ผมจะไปนอน" ผมเอามือปัดฝ่ามือแกร่งที่ลูบไล้อยู่แถวต้นคอออก ก่อนจะเงยหน้าไปเผชิญหน้ากับการกระทำของพี่เขาอย่างไม่เข้าใจ สายตาคู่คมแสดงชัดออกมาอย่างไม่พอใจเมื่อผมปัดมือออก


"...."


        พี่ราล์ฟยอมปล่อยพร้อมกับก้าวถอยหลังออกไปสองก้าว พี่เขาไม่ยอมพูดอะไรก่อนจะควักบุหรี่ออกมาจุดสูบ ระหว่างเราไม่มีคำพูดอะไร ผมได้แต่แปลกใจกับบุคลิกแปลกตาของคนตรงหน้า พี่เขาเป็นอะไรไป….ผมหลับตาลงก่อนจะตัดสินใจหันหลังเดินกลับไป บอกกับตัวเองว่าพี่เขาอาจเมา ถึงจะไม่มีกลิ่นเหล้าจากตัวพี่เขาเลย ผมจะลืมเรื่องนี้ บรรยากาศแปลกๆแบบนี้ พี่เขาอาจหน้ามืดตาลายเห็นผมเป็นสาวในสต็อค ใช่ ต้องใช่แน่ๆ


        ผมหันหลังกลับกำลังจะก้าวเดิน เพลงตรงลานกิจกรรมรอบกองไฟก็ดับ ไฟดิสโก้ถูกปิดลง ร่างผมถูกกระชากอีกครั้ง ถูกดันหลังให้ติดต้นไม้ใหญ่ท้ายทอยถูกล็อคด้วยมือแกร่งปากผมถูกประกบด้วยริมฝีปากเย็นชืด รอบด้านมืดมิดไปหมด พยายามร้องประท้วงแต่กลับเป็นการเปิดปากให้ลิ้นร้อนเข้ามากวาดต้อนภายใน พยายามจะกัดสิ่งแปลกปลอมในปากตัวเองแต่แก้มก็ถูกฝ่ามือแกร่งบีบให้อ้าจนกัดไม่ได้ กลิ่นบุหรี่แปลกใหม่ราคาแพงที่ไม่เคยคุ้นเคยลอยคละคลุ้งอยู่ในปาก ผม...ผมไม่เข้าใจ ฝ่ามือทั้งสองข้างทุบอกแกร่งจนเจ็บมือไปหมดแต่พี่เขาก็ไม่ยอมปล่อย


"อื้อออออ"


"....."


"อื้อๆ"


        ผมร้องประท้วงเพราะหายใจไม่ออกแต่พี่เขาไม่ปล่อยให้ผมหายใจ ผมทำได้เพียงกอบโกยอากาศเพียงเล็กน้อยจากการขยับหน้าของพี่ราล์ฟ ลมหายใจที่กอบโกยได้ก็เป็นของเขา…


พรึ่บ


        ไฟในลานกิจกรรมถูกเปิดอีกครั้งจากหลอดไฟดวงเล็ก พี่ราล์ฟยอมปล่อย ผมหอบหายใจกอบโกยเอาอากาศเข้าปอด มือแกร่งยื่นมาเช็ดน้ำลายของ'เรา'ให้ตรงมุมปากผม เราสบตากัน


        ผมชะงักค้าง เมื่อภาพคืนนั้นหลั่งไหลเข้ามาในหัวผมอีกครั้งไม่ขาดสาย มันเริ่มชัดเจนจนเกินกว่าที่จะคิดว่าฝันไป ภาพที่ผมจูบกับใครบางคนบนรถบัส

ผมจ้องหน้าพี่เขาเขม็ง ผมไม่ใช่ผู้หญิงที่โดนจูบแล้วจะต้องตบหน้า


ตุ้บ!!


"ไอ้พี่เหี้ย!!"


        ผมเอากำปั้นทุบลงไปบนอกแกร่งสุดกำลังก่อนจะวิ่งหนีออกมา ผมยังไม่อยากจะถามเชี่ยอะไรทั้งนั้น ความจริงมันตอกย้ำอยู่ในหัวว่าคืนนั้นมันคือเรื่องจริง แล้วคืนนี้มันคืออะไร เกลียด ไอ้สัส แม่งเห็นผมเป็นอะไรวะ ผมไม่ใช่สาวในสต็อคนะเว้ย แล้วผมก็เป็นผู้ชาย เกลียด เกลียด เกลียด เกลียดไอ้สัสเอ้ย เกลียดที่คิดถึงแต่จูบนั้น เกลียดที่กลิ่นบุหรี่ยังติดอยู่ที่ปาก เกลียดกลิ่นน้ำหอมที่ติดอยู่ตรงปลายจมูก ไอ้สัส เกลียดที่ไปทุบอกพี่เขาแต่กูเจ็บมือฉิบหาย ไอ้เชี่ยเอ้ย




          :pig4: :pig4:













♡สวัสดีนักอ่านทุกท่านค่ะ :mc4: :mc4:
ยินดีรับคำติชมและคำวิจารณ์ทู๊กอย่างเพื่อนำกลับไปปรับปรุงค่ะ


♡♡ช่วงนี้หลายๆคนคงได้รับผลกระทบจากโควิดรวมถึงคนเขียนด้วย เราต้องผ่านพ้นกันไปให้ได้ทุกๆคนนะคะ ขอให้ทุกคนปลอดภัยจากโรคและไวรัสทั้งหลาย


♡♡♡คนเขียนไม่หวังอะไรมากมายเลย เวลาอัพนิยายแต่ละตอนก็ขอแค่ให้คนอ่านมีความสุขและเอ็นจอยไปกับนิยายที่กำลังอ่าน :pig4: :pig4:

 











« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-12-2020 12:49:21 โดย 11:11 »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อ้าว อีพี่หมอ ทำน้องได้ไง

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
หึงรึเปล่าอ่ะหมอ555

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ถ้าจะทำกับน้องขนาดนี้ก็สารภาพรักไปเลยพี่หมอ

ออฟไลน์ Heroyj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ฤกษ์มงคล สู้เขาลูก ท่องไว้หนูน่ารัก หนูสวยเลือกได้  ต้องเล่นกับหัวใจพี่หมอ อย่าให้พี่หมอเล่นเราลูก

ออฟไลน์ t152_rakjai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
หึง ทำเป็นปากแข็งแล้วก็แพ้ใจตัวเอง มัวแต่จ้องระวังคนอื่นมาเอาไปนะจ๊ะคุณหมอ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ 11:11

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-1
11…เจรจา




"สิ่งที่ปรากฎอยู่อยู่ตรงหน้านี้เป็นความภาคภูมิใจของเราทุกคนที่ร่วมมือ ร่วมใจ ร่วมสร้าง ร่วมกันซ่อมแซมบำรุง สืบทอดพุทธศาสนาให้เจริญยั่งยืนอีกยิ่งขึ้นไป…."


"มึงๆ คุณลุงที่เขาพูดอยู่ข้างหน้านี่ใครวะ" ผมหันไปสะกิดถามไอ้มังกรที่ยืนอยู่ข้างๆ


"พ่อไอ้ เอ้ย พี่หมอแข่ง"


"เอ้า แล้วเขามาทำไรค่ายเราวะ"


"โถ่ว ไอ้หลังเขา ก็พ่อพี่เขาเป็น'อธิการบดี' "


"ห๊าาาา"


 "เงียบน่า"


        ไอ้ปัดส่งเสียงดุเมื่อผมเผลออุทานเสียงดังจนคนที่อยู่ใกล้ๆหันมามอง ดุกูตลอดอ่ะมึงอ่ะ ดุกูตั้งแต่มัธยมยันมหาลัย สำนึกไหม? ไม่อ่ะ ฮี่ๆ ผมหันไปแลบลิ้นใส่มันแล้วหันไปซุบซิบกับไอ้ตี๋ต่อ คุณลุงพูดอะไรนักหนาก็ไม่รู้ นานแล้วอ่ะครับ  ว่าแต่ว่าพี่หมอแข่งเป็นลูกอธิการบดี?นี่ผมไปอยู่ไหนมาไม่ยักรู้เลยแฮะ เฮ้อ แต่ช่างเถอะรู้แล้วก็ไม่ได้ทำให้ผมหล่อขึ้นสักหน่อย เอาเป็นว่าตอนนี้กูร้อน แอ่ะ!


         ขณะนี้เรายืนอยู่กลางแดดเปรี้ยง เพื่อฟังคุณลุงตรงหน้าพูดร่ายยาวเกี่ยวกับวัดและประวัติความเป็นมาต่างๆนาๆ วันนี้เป็นสุดท้ายของการอยู่ค่าย งานของพวกเราเสร็จก่อนกำหนดล่วงหน้าสี่วัน เพราะฉะนั้นพวกเราจึงได้กลับบ้านเร็ว ย้ากกก วันนี้ผมตื่นกันแต่เช้า อ่อ ผมมันเช้าอยู่แล้วครับ เอาใหม่ ต้องบอกว่าพวกในค่ายตื่นกันแต่เช้า เพื่อเข้าร่วมพิธีปิดค่าย ตอนเช้าก็มีทำบุญใหญ่ร่วมกับคณะอาจารย์อีกสิบคนและท่านอธิการบดีที่มาสมทบและเตรียมงานกันตั้งแต่เมื่อวาน ต่อมาก็มีผูกสายสิญจน์จากหลวงพ่อ และปิดท้ายด้วยการพรมน้ำมนต์ให้กับทุกคนในค่าย


        ผมวนเวียนอยู่รอบตัวหลวงพ่อตั้งแต่เช้า ช่วยท่านถือของ บริการท่านทุกอย่างให้ท่านได้สะดวกสบายที่สุด โดยเฉพาะกระโถนคายหมากของท่านผมประกบไม่ห่าง เพื่อนชวนไปไหนก็ไม่ยอมไป เพื่อจะได้อยู่ใกล้ๆท่าน ผมไม่ได้ต้องการอะไรเลยจริงจริ๊ง ตั้งแต่มาค่ายผมไม่เคยเห็นหลวงพ่อเลย วัดแห่งนี้มีพระอยู่ห้ารูป แต่ผมเห็นแค่สี่รูปเอง ไปสอบถามมาว่าเจ้าอาวาสท่านไปไหนก็ได้รับคำตอบมาว่าไปปฏิบัติธรรมอยู่บนเขา ผมพึ่งเห็นท่านเมื่อวานเองแท้ๆ เฮ้อ


"วันนี้ ไมมึงขยันจังวะ" ไอ้ปัดเอ่ยทัก


"กูก็ขยันของกูทุกวัน"


"ม้ายม้างงง ทุกทีไม่เคยเห็นถือกระโถนติดตัว" ไอ้นกเสริม


"เอาดีๆ โกหกในวัดนี่บาปนะเว้ย" ไอ้ลำไยขู่


"คือ...อย่างนี้เว้ย หลวงพ่อท่านขลังมากเลยนะ สุดๆอ่ะ แล้วเขาว่ากันว่าหมากที่ท่านเคี้ยวใครได้ไปคือมงคลสุดๆ"


"โถ่ววว เจ้าเด็กน้อยผู้น่าสงสาร"


"อะไรของมึงลำไย"


"กูจะบอกให้ ไม่ได้มีมึงคนเดียวหรอกที่อยากได้ คนทั้งค่ายนี่แหละเว้ย ยิ่งไอ้พวกวิศวะนี่ถ้ามันจ้องตะครุบแล้วไม่ถึงมึงหรอก ขึ้นชื่อนักเชียวเรื่องหนังเหนียว แต่เขาบอกไม่เคยมีใครได้มานานแล้วนะมึง อาจจะหลายปีแล้ว ไม่เคยมีใครเห็นท่านคายออกมาเลย บ้างก็ว่ากันว่าท่านกลืนลงท้อง"


"เฮ้ย กินได้ด้วยเหรอวะ"


"กูจะรู้ไหม"


"เออ ลำไย กูว่าจะถามมึงหลายรอบแล้ว ว่าเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมหน้าซีดๆ"


"กูขี้ไม่ออก"


"กวนตีนแท้ เออ ว่าแต่ว่าไม่เห็นไอ้เด็กรักษ์เลยว่ะ ตั้งแต่มาขูดฟันวันนั้น" พอมันขูดฟันเสร็จมันก็แวะไปเล่นกับพวกผมอยู่สักพักก่อนกลับบ้าน


"กูก็อยากเจอน้องเขาเหมือนกัน จะได้กอดลาก่อนกลับ แต่ไม่เป็นไรกูได้เฟสน้องเขามาล่ะ รอน้องมันตอบรับเพื่อนอยู่"


"ไวกว่านี้มีอีกไหม"


"ไอ้นกได้เบอร์ไปแล้ว"




"เพื่อเป็นของรางวัลให้กับชาวค่ายเดี๋ยวจะแวะให้เที่ยวทะเลสามชั่วโมง หลังจากนั้นก็จะมุ่งหน้ากลับบ้านกันนะครับ เอาล่ะ ขอให้ทุกท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพถึงบ้านปลอดภัยกันทุกคน"


       ผมหันไปดี๊ด๊ากับอินกเมื่อได้ยินว่าจะแวะเที่ยว อั๊ยย๊ะ ที่ลุงพูดมาตั้งนานไม่ยักจะเข้าหูผมสักนิด แต่พอได้ยินว่าแวะเที่ยวคือหูผมดีขึ้นมาทันที ย้ากกก


        พวกเราแยกย้ายกันไปเก็บข้าวของของตัวเอง ส่วนผมเดินหงอยๆเอากระเป๋าไปเก็บใต้ท้องรถบัส ด้วยความผิดหวังหน่อยๆเมื่อได้ทราบจำนวนศัตรูของตัวเอง ไอ้พวกวิศวะแม่ง ล้อมหน้าล้อมหลังหลวงพ่อเต็มไปหมด ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก! พอเอากระเป๋าและข้าวของไปเก็บเรียบร้อย พวกผมก็พากันทยอยเข้าไปกราบพระในโบสถ์ก่อนเดินทางกลับ


"ใจคอจะเอากระโถนอาตมา กลับไปหนุนนอนที่บ้านเลยรึ"


        ผมสะดุ้งโหยงกับเสียงทักที่ดังอยู่ด้านหลัง ขณะที่ผมกำลังจะก้าวพ้นประตู ก้มลงมองมือตัวเองที่มีกระโถนติดอยู่ก็พึ่งรู้สึกตัว ฮ่วย! กูหนอกู เอาของวัดนี่ นรกนะครับ


"เอ้อ ผมลืมอ่ะ...คะ..ครับ"


        ผมหันกลับไปหาต้นเสียง พอเห็นว่าใครปรากฎอยู่ในสายตา ริมฝีปากก็ยกขึ้นเต็มสปีดอย่างห้ามไม่อยู่ แต่ก็แค่เพียงไม่กี่วินาที เมื่อสายตาผมเห็นใครบางคนยืนอยู่ข้างหลังของท่านเจ้าอาวาส พี่หมอราล์ฟในชุดหรูดูดีสีขาว แว่นตาสีดำถูกดันขึ้นไปคาดไว้บนศีรษะ ผมยาวสลวยถูกเกล้าเป็นมวยอย่างลวกๆเหมือนทุกที แต่มันเท่มากจนใจผมกระตุกผิดจังหวะ ตั้งแต่วันนั้นที่เรา'จูบกัน' ผมกับพี่เขาก็ไม่ได้เจอกันเลยจนกระทั้งวันนี้


        ผมละสายตาจากพี่เขา ยกมือไหว้หลวงพ่อและเดินเอากระโถนไปเก็บไว้ในที่ที่ควรจะเก็บ และหยิบขวดน้ำดื่มที่วางอยู่ตรงมุมติดมือมาด้วย ก่อนจะเดินยิ้มแห้งๆเข้าไปหาหลวงพ่อ ตอนนี้ในโบสถ์เหลือคนแค่ไม่กี่คนเพราะต่างก็พากันทยอยขึ้นรถบัสกันเกือบหมดแล้ว


"อากาศร้อนนะหลวงพ่อ หลวงพ่อน่าจะหิวน้ำ"


"อาตมากินแล้ว"


"แต่กินอีกก็ชื่นใจอีกนะครับ เดี๋ยวผมไปกระโถนมาให้คายมะ...โอ้ย" ผมยื่นขวดน้ำไปให้ท่านยังพูดไม่ทันจะจบดีก็โดนมะเหงกมาหนึ่งโป๊ก


"แค่อ้าปากอาตมาก็เห็นไปถึงลำไส้ของโยมแล้ว"


"หลวงพ่ออ่า…"


"หลวงพ่อครับพวกผมต้องไปแล้ว ทานให้ตรงเวลานะครับ ผมเขียนรายละเอียดให้ไว้ตรงหน้าซองหมดแล้ว"


        พี่หมอพูดแทรกขึ้นก่อนจะยื่นถุงกระดาษรักษ์โลกที่มีตราโรงพยาบาลของมหาลัยเราไปให้หลวงพ่อ ถุงอะไรวะ?


"เอ้อ ขอบใจมากๆ อายุมั่นขวัญยืน" หลวงพ่อรับถุงกระดาษจากพี่ราล์ฟ ก่อนจะยิ้มรับอย่างเมตตา


"สิ่งที่โยมอยากได้มันไม่เหมาะกับโยมหรอก โยมมีสิ่งที่ควรมีแล้วและได้ทำในสิ่งที่ควรทำแล้ว"


"เอ๋…" ผมมองหลวงพ่ออย่างงงๆเมื่อท่านพูดบางสิ่งที่ผมไม่เข้าใจแต่ท่านก็ตอบผมอย่างเมตตา


"หนึ่งชีวิตจะกลืนกินอีกหนึ่งชีวิต แต่ 'ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน' ทุกอย่างมีจุดสิ้นสุดและจุดเริ่มต้น กรรมหนักแต่บุญก็มาก"


"เอ๋…"


"ตัวของโยมน่ะดีกว่าหมากอาตมาเป็นไหนๆ"


        หลวงพ่อหันไปมองหมอราล์ฟด้วยความเมตตาก่อนจะหันมาเคาะหัวผมสามครั้งแล้วเดินจากไป ผมยกมือไหว้ท่านงงๆ ว่าท่านพูดอะไร คือปริศนาธรรมป่ะ หรือใบ้หวย? เอาน่าหมากไม่ได้แต่โดยเคาะหัวเลยนะเว้ย โชคดีไปอีกสามสิบปี งวดหน้าถูกหวยแน่ ฮี่ๆ


        ชั่วแวบหนึ่งผมกับพี่หมอราล์ฟหันไปสบตากัน เราไม่ได้พูดอะไรกัน แค่เดินออกจากโบสถ์มาพร้อมกันเงียบๆ เฮ้อ แป๊บเดียวเว้ย แค่แป๊บเดียว เดี๋ยวก็เดินแยกกันแล้ว อึดอัดอ่ะ อึดอัด ตั้งแต่คืนนั้นผมก็ได้แต่ถามตัวเองว่าคืออะไร ผมโกรธพี่เขามากๆแต่ทำเชี่ยไรไม่ได้เว้ย อยากจะเดินไปเตะตูดแม่งสักทีแต่ก็ทำไม่ได้แค่เห็นหน้าหล่อๆในหัวลอยมา ความโกรธแม่งก็มลายหายไปอย่างห้ามไม่อยู่ กูหายโกรธพี่มึงตั้งแต่สองวันแรกแล้ว เหนื่อยครับ เวลาโกรธใครมากๆแล้วผมเหนื่อย มีใครเป็นป่ะ? แต่ผมแม่งเป็นว่ะ ห้ามไม่ได้ด้วยจะโกรธต่อกูก็ขี้เกียจ แต่ตอนนี้ผมแม่งเริ่มโกรธตัวเองล่ะ ที่เป็นห่าไรไม่รู้ คิดถึงแต่จูบของพี่เขา? จะเพราะอะไรล่ะ ก็ความรู้สึกจูบที่อยู่บนรถบัสน่ะสิ สัมผัส กลิ่น ฝ่ามือ ริมฝีปาก มันเหมือนกันเด๊ะกับจูบคืนรอบกองไฟคืนนั้น มันคือเรื่องจริงไอ้ฉิบหาย และเพราะผมมานั่งคิดเปรียบเทียบจูบคืนนู้นกับจูบคืนนั้น ในหัวมันก็เลยมีแต่จูบกับพี่เขาเต็มไปหมดเลยเว้ย หงุดหงิดๆๆ



        ยัง ยัง ยัง ยัง แม่ง พี่มึงทำไมยังไม่เดินไปอีกทางล่ะเว้ย รถพี่มึงอยู่ทางนู้น ทางนี้มันรถของฤกษ์ครับ! ผมหันไปมองตาขวางแต่พี่มันก็แค่กระตุกยิ้มเท่ๆ ส่งกลับมา ไอ้คนไม่มีความรู้สึก


"จ้องขนาดนั้นระวังแสบตา" กูมองด้วยสายตาเหี้ยมเกรียมไม่ได้จ้องเว้ย


"มะ!! เรามาเคลียร์กันอย่างแมนๆ" ผมหยุดเดินหันกลับไปจ้องไอ้หล่อเทวดาตรงหน้า พี่เขาก็กอดอกพยักหน้ารอฟังอย่างตั้งใจ หล่อโว้ย


"คืนที่ผมเมาบนรสบัสคืนนั้น คนที่ผมจูบเป็นพี่ใช่ไหม"


"ถ้าไม่ใช่พี่ ก็คงไม่ได้กินเหล้าอย่างทุกวันที่ผ่านมา"


"เอ่อ…" ผมสตั๊นท์ไปสิบวิพร้อมกับอุณหภูมิในร่างกายที่สูงขึ้น หาแผนที่ให้ผมที ผมกลับหลุมคำถามเก่าไม่ถูก


"แต่พี่...พี่ไม่ควรลวมลามคนเมาป่ะวะ พี่ทำอย่างนั้นทำไม คนดีๆเขาไม่ทำกันนะเว้ย"


"ก็ไม่ได้เคยบอกว่าเป็นคนดี ปกติพี่ไม่เคยฉวยโอกาสกับใครยกเว้นคืนนั้น"


        เอ้า ไอ้สัส แผนที่ไม่ต้องแล้วกูเข้ากูเกิ้ลแมพเลยไปต่อไม่ถูกเลยเว้ย ไอ้เชี่ย อะไรของพี่เขาวะเนี่ย


"โกรธมาก?"


"ก็ใช่อ่ะดิ เป็นพี่ไม่โกรธเหรอวะ อยู่ดีๆโดนผู้ชายจูบ"


"ปกติก็ไม่มีนะ มีแต่ผู้หญิง"


"นี่พี่มึง มีหลายคนเหรอวะ ทำไมเป็นคนแบบนี้วะ เห็นผู้หญิงเป็นของเล่นอ่อ นี่พี่เป็นพวกฟันแล้วทิ้งใช่ป่ะ เชี่ย!! พี่แม่ง หัวงูฉิบหาย"


"ไม่เคยมีใครว่าพี่ว่า 'หัวงู' มาก่อนเลยนะ"


"หัวงูโคตรเหมาะกับพี่ล่ะ ผมเป็นรุ่นน้องพี่นะ รุ่นพี่ผมก็เพื่อนพี่ เออ ช่างเหอะ เอาเป็นว่า เราจะลืมๆเรื่องนี้ไป ทำเป็นเหมือนว่าพี่กับผมเราเมาทั้งคู่ ลืมๆเนอะ" เอาแบบนี้แหละง่ายดี กูเหนื่อยที่จะคิดล่ะ แล้วทำไมต้องทำหน้าจะฆ่าผมขนาดนั้นอีกวะ


"แสดงว่าทำบ่อย? อยากจูบใครก็จูบแล้วทำลืมๆไปอย่างนี้เหรอ"


"ใช่ ก็ลืมๆไปนั่นแหละคิดไรมาก" ผมตอบส่งๆ ไม่คิดมากเชี่ยไรกูนอนไม่หลับมาตั้งสามคืน แล้วนอกจากพี่มึงก็ยังไม่เคยไปจูบกับใครเลยเนี่ย แต่ใครจะยอมรับล่ะวะเสียเชิงชายแย่


"ฤกษ์!! อย่ายั่วโมโหพี่"


"แล้วพี่ว่าผมไมอ่ะ ทีพี่จะไปจูบ ไปหอมใคร ไปกินตับใคร ผมยังไม่พูดถึงเลย" เอ้า กูพูดไปแล้ว


"นี่ไม่พอใจ?"


"เปล่า ผมไม่อยากคุยกับพี่แล้ว ไม่อยากคุยกับคนไม่รับผิดชอบในการกระทำของตัวเองว่ะ ลวนลามคนเมาตอนไม่มีสติแล้วยังมาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก ถ้าผมจำไม่ได้เองก็คงไม่รู้เรื่องอะไรเลย บอกขอโทษแค่เนี๊ยะยากตรงไหน"


"ก็รับผิดชอบมาตั้งนานแล้ว คำขอโทษไม่อยากให้เพราะตั้งใจ"


"...."


"แต่มันมีคนจำไม่ได้สักทีก็ต้องทำให้จำได้บ้าง รู้แล้วนะว่าอยู่ในความรับผิดชอบของพี่ จะไปจูบใคร หอมใคร อย่างคืนรอบกองไฟอีกก็คิดให้ดีๆ ถ้าไม่อยากขาดอากาศหายใจ"








"ลำไยมึงโอเครหรือป่าววะ?"

       

        ผมหันไปถามเพื่อนที่นั่งหน้าซีดอยู่ข้างๆ ขณะนี้เรานั่งอยู่ในร้านกาแฟริมหาด ตอนแรกพวกเราลงมติกันว่าจะไปเดินตลาดและเล่นน้ำทะเลกัน แต่พอเห็นอาการลำไยท่าจะไม่ไหวระหว่างเดินตลาดก็เลยพากันมานั่งจุมปุ๊กกันอยู่ในร้านกาแฟน่ารักๆริมหาด


"อาการมันเป็นยังไงไหนลองบอกกูดิ๊ จะพาไปหาพวกพี่หมอก็ไม่ไป" ไอ้มังกรถามด้วยน้ำเสียงจริงจังปนเป็นห่วง


"คือ...กู...กูอาย"


"ไม่ต้องอายแล้ว ผ้าอนามัยมึงพวกกูยังเคยไปซื้อให้เลย" ไอ้นกว่า


"ประสาทน่า ไม่สบายน่าอายตรงไหน ไม่งั้นก็บอกอาการมาจะได้ไปซื้อยามาให้ ปวดหัว ปวดท้อง จะอ้วก หรือไม่สบายตัวตรงไหน" ไอ้ตี๋เป็นการเป็นงานขึ้นมา ไอ้ลำไยก้มหน้าซุกไหล่ผมก่อนจะตอบอ้อมแอ้มแทบไม่ได้ยินเสียง


"อย่าล้อกูนะ กู...กูปวดท้อง แล้วก็ขี้ไม่ออก"


"นี่มึงพูดจริงเหรอว่ะ กูได้ยินเมื่อเช้านึกว่าล้อเล่น"


        มันพยักหน้าหงึกหงักๆอย่างน่าสงสาร พวกผมไม่มีใครหัวเราะมันหรอก แค่เห็นหน้าสวยๆซีดเชียวของมันละสงสาร ไอ้ปัดได้ยินแบบนั้นก็ละมือจากโทรศัพท์หันมาเอามือลูบหัวมันเบาๆ


"กูไม่ค่อยได้เข้าห้องน้ำเลยตอนอยู่ค่ายอ่ะ มันแปลกที่แปลกทางเลยไม่อยากเข้า แล้ว แล้วก็ไม่ค่อยได้กินน้ำเปล่าเลย อากาศมันร้อนกินแต่น้ำอัดลมอ่ะ มันชื่นใจกว่า" มันพูดอย่างหงอยๆ


"ไปลองเข้าดูก่อน" ไอ้ปัดพูดเสียงอ่อน


"แต่มันเจ็บอะมึง ครั้งที่แล้วก็เจ็บเลือดออกด้วย ฮือๆ"


        อ้าวไอ้สัส ร้องเลยเพื่อนกู แม่คนแข็งแกร่งของกลุ่ม มาตกม้าตายเพราะเรื่องขี้ๆ เฮ้อ สงสารว่ะ เลือดออกคงเจ็บน่าดู พวกผมนั่งกล่อมมันอยู่สักพักจนมันยอมเดินไปเข้าห้องน้ำหลังร้านกาแฟ ที่เป็นห้องน้ำแบบเอ้าท์ดอร์อยู่หลังร้าน บรรยากาศดีน่าจะช่วยได้


        พวกผมนั่งรอมันประมาณเกือบชั่วโมง ไอ้นกกับไอ้ตี๋ไปซื้อยาสวนมาเตรียมไว้ให้จนพวกมันกลับมา ก็ยังไม่ออกจากห้องน้ำ โชคยังดีของพวกผมที่ร้านกาแฟที่เรานั่งวันนี้ไม่ค่อยมีคน ไม่งั้นพวกผมคงเกรงใจเจ้าของร้านกันฉิบหาย


"เฮ้ย ตายหรือยังวะ" ผมร้องถามมันอยู่หน้าประตูห้องน้ำหญิง มีไอ้มังกรกับไอ้เบิร์ดที่แปลว่านก? ตามมาติดๆ ไอ้ปัดอยู่นั่งเฝ้าโต๊ะแล้วก็โทรไปบอกพวกรุ่นพี่ว่าอาจจะไปเลท เพราะอีกยี่สิบนาทีรถก็จะออกแล้ว


"มึง มันไม่ออกอ่า แต่ปวดท้อง"


"พวกกูซื้อยาสวนมาให้อ่ะ กูบอกให้ร้านขายยาเขียนวิธีใช้ใส่กระดาษอย่างละเอียดมาให้ด้วย" ไอ้นกเดินไปเคาะประตู ไอ้ลำไยมันแง้มประตูมารับยา เงียบไปสักพักมันก็โวยวายขึ้นมาอีก


"กูจะแทงยังไงล่ะวะ ไม่เคยทำ กูทำไม่ด๊าย ไอ้นกมาแทงให้กูหน่อย"


"เชี่ย ไม่เอากูกลัวฝันร้าย"


"ไอ้ฤกษ์ มึงมาช่วยกูหน่อย"


"เฮ้ยๆ กูเป็นผู้ชายจะไปทำอย่างนั้นได้ไง" ใจกูหล่นไปหมดแล้วเพื่อนเอ้ย


"พวกมึงรังเกียจกูเหรอ กูไม่ถือสาอะไรแล้วกูอยากขี้ออก ฮือๆ กูจะไม่อั้นขี้และก็แดกน้ำอัดลมเยอะอีกแล้ว ฮือๆ ไอ้ตี๋มาแทงให้กูหน่อย"


"แทงเชี่ยไรเล่า มึงไม่ถือแต่พวกกูถือโว้ยยย กลั้นใจแทงๆไป ไม่งั้นพวกกูจะทิ้งมึงให้แห้งตายคาห้องน้ำนะ"


"พวกมึงมันใจร้าย"






"ถ้าพวกมึงล้อกูเรื่องนี่นะ กูจะโกรธพวกมึง รูปลับพวกมึงที่กูมีกูจะแฉให้หมด"


"เออน่า ยืนยังจะไม่ไหวเสือกมาขู่พวกกู" ไอ้นกว่า


        พวกเราพากันพยุงไอ้ลำไยดาวเด่นของคณะ ซึ่งตอนนี้อาจจะดับแสงชั่วคราวมายังสถานที่ที่รถบัสจอดรอ พวกเราเลทเวลานัดเกือบครึ่งชั่วโมง โดยมีไอ้ปัดโทรบอกรุ่นพี่แล้วเรียบร้อยว่าเพื่อนไม่สบาย ก็เลยไม่ซีเรียสกันเท่าไหร่ ซะ ซะ ซะ ซะที่ไหนล่ะเว้ย!!


"ไอ้เหี้ยยยยย รถหายไปไหน" ไอ้มังกรตื่นตระหนกแทบตาถลน


"ห๊ะ!!! รถหาย" กูนี่ตระหนกกว่า

 

"บ้าน่าเราโทรบอกเขาแล้วว่าจะเลทเพราะเพื่อนไม่สบาย ยังไงต้องรอดิ" ไอ้นกพูดได้ดีแต่น้ำตาคลอแล้ว ไอ้สัส


"เรามาผิดที่หรือเปล่ามึง" ไอ้ลำไยพูดอย่างไร้เรี่ยวแรง


"มาถูกแล้ว แต่กูว่ารถคงไปแล้วล่ะ เดี๋ยวโทรถามพวกพี่ตังค์ก่อน" ไอ้ปัดว่าพลางกดโทรศัพท์โทรออก ใจเย็นเชี้ยๆเลยเพื่อนกู กูนี่เข่าทรุดตั้งแต่ 'รถคงไปแล้วล่ะ'


"นี่เราจะมานอนข้างถนนเพราะเรื่องขี้ๆไม่ได้นะเว้ย" ไอ้ลำไยเริ่มคร่ำครวญ


"ที่พูดนี่คือห่วงพวกกู?" ไอ้นกเริ่มซาบซึ้ง


"กูห่วงภาพลักษณ์ตัวเองอ่า ถ้าผู้ชายคนอื่นรู้ ใครจะมาจีบกู"


"โถ่ว อิคุณเพื่อนค่ะ ถ้าเขาจะไม่ชอบมึงแค่เพราะมึงขี้ไม่ออก มึงอย่าอาลัยอาวรณ์ค่ะผู้ชายเหี้ยๆ หาใหม่จ้ะ"


"แต่ถ้าเขาหล่อเหมือนฮยอนบินล่ะมึง"


"อิเชี่ย แค่นี้คิดไม่ได้? ก็อย่าให้เขารู้สิโว้ย"


"เหมือนจะดีนะพวกมึงสองคนอ่ะ เงียบๆไปเลย ไอ้ฤกษ์ แล้วเป็นห่าไรลงไปนั่งกับพื้นทำไม นี่มึงตกใจเรื่องตกรถอะไรขนาดนั้น? "


"ขนมกูอ่ะ ป็อปคอร์นกูอ่ะ สามถุงเลยนะเว้ยอยู่บนนั้น ไอ้พวกคัตโตะมันต้องลักของกูกินแน่ๆเลย ไอ้พวกพี่ตังค์แม่ง!! ทิ้งสายรหัสหล่อๆอย่างกูได้ยังไงอ่ะ ไอ้เชี่ยพี่อิฐ ไอ้พี่รหัสเส็งเคร็ง ทิ้งกูได้ไงอ่ะ วันนี้กูยังไม่ได้กินป็อปคอร์นเลยอ่ะ กูจะย้ายสายรหัส กูจะประท้วง กูจะไปเจาะยางรถจักรยานพี่มึง โอ้ย!!"


"พี่รหัสเส็งเคร็งเหรอ เดี๋ยวมึงจะโดน"


"ไอ้เหี้ยพี่อิฐ!! โอ้ยๆๆพี่"


        อยู่ดีๆมะเหงกปริศนาก็เคาะลงกลางหัว ผมชะงักค้างเมื่อมีเสียงเหี้ยมคุ้นหูดังอยู่ข้างหลัง หันไปแทบจะหงายหลังลงบนพื้นเมื่อเห็นไอ้พี่รหัสยืนหน้า เหี้ย เอ้ย หน้าเข้มอยู่ แต่ไม่ทันได้หงายหลังเพราะโดนไอ้ห่าพี่อิฐล็อคคอไปดีดหูก่อน หนักเลยผมงานนี้ ก็คิดว่าพี่มันทิ้งจริงนี่หว่า ฮ่วย!!


"จะเจาะยางรถกูเหรอ เดี๋ยวเหอะมึง"


"ก็ผมคิดว่าพี่ทิ้งผมจริงนี่หว่า"


"ด่ากูแล้วไม่ต้องมาอ้อน จะตัดมั้ยสายรหัสกูนี่อยากตัดจะแย่แล้วเนี่ย"


"ไม่อาวววว" ผมกระโดดเข้าไปเกาะแขนพี่รหัสสุดหล่อด้วยความประจบประแจงเอาตัวรอดของตัวเอง แต่ก็ต้องตัวแข็งทื่อ เมื่อเห็นใครยืนอยู่เบื้องหลังพี่อิฐพร้อมกับรถตู้คันหรูสีขาว เอิ่ม...ครบทีม


"น้องใช่ไหมที่ไม่สบาย ตอนนี้เป็นไงบ้าง ทานยาหรือยัง" พี่แสงเอ่ยถามลำไยพลางเอามือแตะหน้าผากเบาๆเพื่อวัดอุณหภูมิ เพื่อนผมอาการหนักกว่าเก่าอีกครับหน้านี่แดงจนไหม้


"ทานแล้วค่ะ ดะ...ดีขึ้นแล้วค่ะ"


"อาการเป็นยังไงไม่สบายตรงไหนครับ พี่เตรียมยามาเยอะเลย" พี่หมอแข่งถามเสียงนุ่ม


"คือมันทะ….อื้อๆ"


"แค่เวียนหัวเป็นลมแดดนิดหน่อย ไม่เป็นไรมากเลยค่ะ ยาก็ทานเรียบร้อยแล้วค่ะ" ไอ้ลำไยตะครุบปากไอ้มังกรไว้อย่างว่องไวราวกับเตรียมการมาแล้วเป็นอย่างดี


"งั้นขึ้นรถกันเถอะ เราต้องเดินทางกันอีกนาน"


           พี่แสงพูดก่อนจะเลื่อนเปิดประตูรถตู้ให้พวกเพื่อนผมทยอยขึ้น


"พี่ๆรถตู้ใครอ่ะ ตอนมาไม่มีไม่ใช่เหรอมีแค่รถกระบะขนของมาสามคัน" ผมสะกิดไหล่พี่รหัสยิกๆ


"รถตู้อธิการบดี ท่านกับคณะอาจารย์นั่งเครื่องบินกลับน่ะ"


"แล้วพี่มาได้ไงกับพวกพี่เขาอ่ะ"


"ก็กูรุ่นพี่คณะมึงไหม รุ่นน้องเป็นไรก็ต้องมาดู"


"คนดีเชี้ยๆ"


"พี่รหัสกูบังคับมาอีกที กูอยากมาที่ไหนไอ้หมอรอนแอ๊บแบ๊วกวนกูจนประสาทจะแดกอยู่แล้ว"


"เอาคำชมผมคืนมา"



        เราทยอยกันขึ้นรถมีลำไยกับไอ้นกนั่งหลังสุด ถัดมาเป็นพี่รอน มังกร พี่อิฐ และถัดมา พี่ราล์ฟ พี่แข่ง...ผมวิ่งจู๊ดไปตัดหน้าไอ้ปัดที่กำลังเปิดประตูไปนั่งข้างคนขับรถและกระโดดขึ้นนั่งทันที มันมองผมดุๆก่อนจะเดินกลับไปนั่งข้างหลัง เฮ้อ กูจะตาย


"ไง เจ้าตัวป่วน"


"แหะๆ" ยิ้มแห้งไปอีกกู


"พี่เป็นประธานค่ายที่ดูเหมือนจะทิ้งใครไว้ง่ายๆเลยงั้นสิ"


"ผมแค่ตกใจเฉยๆ ผมไม่ได้คิ๊ดจริงจริ๊ง" เสียงสูงไปไหนกู ผมหันไปตอบพี่แสงที่กำลังขับรถอยู่เลยโดนมะเหงกมาอีกลูก วันนี้มันวันเคาะหัวผมสินะ


"ตกใจที่ขนมไปกับรถน่ะสิ ไม่ได้ตกใจที่ตกรถหรอกพี่ว่า" พี่แข่งเอ่ยขึ้นมาจากข้างหลัง


"เปล่าสักหน่อย" ตอบอย่างแผ่วเบา แถได้แถครับจะยอมรับตรงๆก็ ทะแม่งๆอยู่




 :pig4: :pig4:



     









« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-12-2020 13:00:28 โดย 11:11 »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด