OWAZA ตอนจบ (7/6/64)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: OWAZA ตอนจบ (7/6/64)  (อ่าน 29091 ครั้ง)

ออฟไลน์ jj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: OWAZA ตอนที่ 8 (12/6/63)
«ตอบ #120 เมื่อ24-06-2020 14:29:03 »

สนุกค่ะ
ติดตามๆๆ

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: OWAZA ตอนที่ 8 (12/6/63)
«ตอบ #121 เมื่อ24-06-2020 17:33:48 »

ลุคหูจะหลุดแล้วมีครั้งต่อไปหลุดแน่ๆแต่เอ๊ะ..ยังไม่เคลียร์คำพูดเลยใครดีมาก?รักใคร?

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: OWAZA ตอนที่ 8 (12/6/63)
«ตอบ #122 เมื่อ26-06-2020 10:45:12 »


.........................   มายังเอ่ย   ..................

..........  มาลุ้นน้องนกฮูก .................


 :L1:  :L1:


ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
OWAZA ตอนที่ 9 (27/6/63)
«ตอบ #123 เมื่อ27-06-2020 11:02:29 »

ตอนที่ 9

เบสนั่งรอข้าวโพดอยู่ที่โต๊ะใต้อาคารเรียน ท่ามกลางกลุ่มเพื่อน และรุ่นพี่รุ่นน้องเหมือนเคย ทำให้มองเห็นตั้งแต่มอเตอร์ไซค์คันใหญ่เลี้ยวเข้ามา แล้วจอดที่หน้าอาคารเรียน จากนั้นบลูก็ลงจากเบาะนั่งด้านหลัง ส่งหมวกกันน็อคส่งให้คนขับที่สวมแจ็คเก็ตหนังสีดำแล้วเดินนำมาก่อน
ทุกครั้งที่เจอกันบลูมักจะสวมชุดสีขาว แต่วันนี้ชายหนุ่มสวมเสื้อสีฟ้าอ่อนจนเกือบขาว กับกางเกงสีดำ แต่ก็ยังคงมีลักษณะบางอย่างที่ทำให้รู้ว่าเขาแตกต่างจากคนอื่น
คนที่สวมแจ็คเก็ตหนังกับยีนส์สีดำที่เดินตามมานั่นก็เหมือนกัน
“แก พี่บลูมา” บรรดาคณะพรรคพวกใต้ถุนตึกหันมาเม้าท์ทั้ง 2 คนที่กำลังเดินมาทางนี้
“พี่บลูโคตรสวยว่ะแก”
“คนที่มากับพี่เขาก็หล่อ แต่ท่าทางจะเป็นฝรั่ง”
“พูดไทยได้ไหมเนี่ย”
“แกก็ลองทักดูสิ”
เบสไม่อยากให้บลูได้ยินเสียงนินทาเหล่านี้รีบลุกขึ้นยืนจนนานาต้องเตือนให้รักษาฟอร์มไว้บ้าง เบสที่กำลังจะวิ่งไปหาพี่ เลยต้องเปลี่ยนเป็นเดินเข้าไปหาพร้อมยกมือไหว้ทั้ง 2 คน
“พี่สวัสดีฮะ หายไปหลายวันเลย”
บลูจับศีรษะเล็ก ๆ “เป็นไงบ้าง เพื่อนเราดูแลดีไหม”
เบสเก้อเขิน ทั้งเขินพี่ เขินคนที่มากับพี่ และทุกคนที่กำลังมองดูอยู่ “ดีฮะ ไม่ปวดหัว ไม่เพลียแบบนั้นแล้ว”
บลูไม่ได้อยากแนะนำคนที่มาด้วยสักเท่าไหร่ แต่เพราะว่าคนนั้นยืนอยู่ใกล้ขนาดนี้ก็เลยต้องแนะนำ
“นี่คือลุค เขาเป็นมือปราบ จะมาช่วยพวกเรา”
“ขอบคุณนะฮะ แล้วก็ขอโทษที่รบกวน” เบสหันไปยกมือไหว้ขอบคุณ
“เธอไม่ได้รบกวนฉันหรอก” ลุคมองไปที่กลุ่มนักศึกษาที่อยู่ใต้ถุนอาคารเรียน “อีกคนล่ะ”
“อีกคน?”
“เพื่อนเรา เจ้าของรถสีน้ำตาลน่ะ” บลูบอก
“อ๋อ ข้าวโพดหรือฮะ เขาเอาของไปส่งที่ห้องชุมนุม เดี๋ยวก็มา ผมรอเขาอยู่เหมือนกัน” เบสกระตุกแขนเสื้อของบลู “ผมมีเรื่องอยากให้พี่ช่วย แต่รอข้าวโพดมาแล้วค่อยบอกทีเดียวดีกว่า”
บลูเลิกคิ้วสูงแล้วหันไปมองลุค
“มีอะไรหรือฮะ”
“มี แต่เธอจะรอเพื่อนก่อนไม่ใช่หรือ”
“ไม่เข้าไปนั่งข้างในหรือ” ลุคถาม
เบสรีบส่ายหน้า “อย่าเลยฮะ พวกนั้นกำลังนินทาพี่ 2 คนอยู่”
บลูมีรอยยิ้มจาง ขณะที่ลุคหัวเราะเบา ๆ
“ผมโทรไปเร่งข้าวโพดดีกว่า”
แต่ยังไม่ทันที่เบสจะกดโทรศัพท์ ข้าวโพดกับนทีก็ซ้อนมอเตอร์ไซค์เพื่อนมาถึงพอดี
บลูหรี่ตามองข้าวโพดแล้วหันขวับมาหาเบส
“พี่ฮะ คือผม...”
บลูตรงดิ่งไปหาข้าวโพดทันที มือผอม ๆ นั่นผลักอกจนข้าวโพดเซ หากนทีไม่รีบรับไว้คงได้ลงไปนั่งงงอยู่กับพื้น
“พี่ ไม่มีอะไรจริง ๆ นะฮะ” เบสเข้าไปขวางระหว่างบลูกับข้าวโพด
“บลู ใจเย็น ๆ”
“ผมชอบเบส” ข้าวโพดพูดเสียงดัง “ผมชอบเขามาก ผมเลิกชอบเขาไม่ได้ ผมขอโทษ”
บลูก้มลงมองเบสที่ยังยืนขวางอยู่
“พี่...ผมขอโทษ”
เป็นสถานการณ์ที่ทำให้กลุ่มคนที่กำลังแอบฟังเขาคุยกันต้องงุนงงไปทั้งกลุ่ม เพราะเห็น ๆ อยู่ว่าคุยกัน หัวเราะกันดีอยู่แท้ ๆ ไม่ได้ยินว่าเบสจะฟ้องอะไรพี่สักคำ แต่พอข้าวโพดมาถึง ก็ถูกพี่พุ่งเข้าไปผลักอกเสียแล้ว
“ไปหาที่เงียบ ๆคุยกันดีกว่า” ลุคเสนอ
ข้าวโพดหันไปบอกกับนทีและเพื่อน ๆ ว่าให้กลับไปก่อน จากนั้นก็บอกว่า ตรงข้างสระน้ำใกล้สวนเพาะชำเวลานี้ไม่ค่อยมีคนแล้ว ไปคุยที่นั่นก็ได้
“เดี๋ยวฮะ ผมไปเอากระเป๋าก่อน” เบสรีบวิ่งไปเอากระเป๋าเรียน ก้มหน้าก้มตาไม่สบตาใคร แต่รับรู้ความเป็นห่วงของเพื่อน นานาคว้าข้อมือของเบสไว้
“ไม่เป็นไรนะเบส ใจเย็น ๆ ค่อย ๆพูดกับพี่เขา”
ตอนที่เบสเดินออกไป  นทีที่เดินเข้ามาหันไปพยักหน้ากับนานาทำให้เพื่อนทั้งกลุ่มหันมาซักถามด้วยความสงสัย
“2 คนนี้รู้อะไรแล้วไม่ยอมบอกเพื่อน”
แต่ทั้ง 2 คนต่างก็ไม่ยอมบอกเกี่ยงให้รอถามจากเบสและข้าวโพดเอาเอง
“อะไรของแกวะ” เพื่อนโวยวาย
“ก็เขาคุยกันอยู่ ไม่เห็นหรือไง” นทีบอกแล้วหันไปหานานา “กลับบ้านกันได้แล้ว”
“เดี๋ยว ๆ นที แกชวนนานากลับบ้านงั้นหรือ” ปายตกใจ “อะไร ยังไงกันวะเนี่ย”
นานาปวดหัว เรื่องนั้นไป เรื่องนี้มา “อย่าเพิ่งสงสัยอะได้ไหม แยกย้ายกันกลับบ้านได้แล้ว ใครจะติดรถไปลงที่ไหน ตามมาเลย”
“แหม เราก็คิดว่าจะมีเซอร์ไพรซ์” แหม่มบ่น แล้วเดินตามมาด้วย “ตกลงข้าวโพดกับเบสนี่ยังไงกันแน่นะ เขาคบกันหรือแค่เพื่อนกัน แล้วทำไมพี่บลูถึงโกรธ ฉันต้องกินแห้วจริง ๆใช่ไหม”
“ไว้ค่อยไลน์ถามข้าวโพดดูก็ได้” ปายแนะนำเพื่อน
แต่ก่อนที่จะแยกกันกลับบ้าน นทีก็หันมาสบตากับนานาอีกรอบ

ที่จริงในใจของเบสมีเรื่องที่อยากถามเกี่ยวกับความลึกลับที่อยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย แต่ตอนนี้มีเรื่องที่ควรทำความเข้าใจกันก่อน
ข้าวโพดเดินนำไปจนถึงโต๊ะหินอ่อนข้างสระน้ำ เป็นโต๊ะที่แยกเดี่ยวออกมาห่างจากโต๊ะอื่น
บลูที่มีสีหน้าเครียดมากไม่ได้นั่งลง ทำให้ทั้งข้าวโพดและเบสได้แต่วางกระเป๋าเรียนไว้แล้วยืนอยู่ข้างกัน ส่วนลุคนั่งลงที่เก้าอี้หินอ่อนตัวหนึ่ง แต่เพราะขายาวเกินไปทำให้ต้องนั่งหันหลังพิงขอบโต๊ะ คอยดูว่าบลูจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร
“ทำไมพี่รู้” เบสถามขึ้นก่อน
บลูเดาะลิ้น กลอกตามองบน ไม่อยากอธิบายว่าเป็นเพราะเบสมีไอชีวิตเป็นสีชมพูจาง ๆ แบบที่เรียกว่าเครป (crepe) เป็นสัญลักษณ์ที่ติดตัวข้ามภพ ส่วนข้าวโพดมีไอชีวิตเป็นสีส้มแบบที่เรียกว่าน้ำผึ้ง (honey) ตอนที่เห็นเบสหน้าตึกก็มองเห็นไอสีส้มนั้นซ้อนอยู่กับไอชีวิตของเบส ก็นึกสงสัยอยู่ แต่พอข้าวโพดมาแล้วเห็นว่าไอชีวิตของเบสไปซ้อนอยู่กับไอชีวิตของข้าวโพดก็รู้สึกโมโห
เมื่อเห็นว่าบลูไม่ยอมตอบ เบสก็เขย่าแขนเร่ง “พี่”
“ที่ฉันให้ข้าวโพดดูแลเธอ ก็เพราะรู้ว่าเขาชอบเธอ แต่ไม่ได้อนุญาตให้ทำอะไรเธอ”
การที่บลูไม่อธิบายเรื่องไอชีวิตของมนุษย์ไม่ได้เหนือความคาดหมายของลุค แต่การที่พูดตรง ๆเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง 2 คนเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายมาก
“พี่...” เบสเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน
“เล่ามาว่าเกิดอะไรขึ้น” บลูถาม
“ผมเริ่มก่อนฮะ” เบสสารภาพ
แต่ข้าวโพดรีบแย้ง “เบสกำลังโมโห แล้วผมก็ฉวยโอกาสเอง”
คราวนี้คนที่อึ้งไปคือบลู
“เราแค่จูบกัน แล้วก็...มือ...” ข้าวโพดก้มหน้าสารภาพ
ได้ยินเสียงหัวเราะของคนที่นั่งอยู่ข้างหลัง ที่ดังขึ้นมาอย่างไม่รู้กาลเทศะ

เมื่อนานมาแล้ว เชสชอบเกรสอย่างแน่นอน และความทรงจำเหล่านั้นก็ติดตามมาจนถึงวันนี้ เมื่อมารวมกับความรู้สึกผิดที่ไม่ได้ช่วยเหลือจนทำให้เกรสต้องตายอย่างทรมาน เชสในวันนี้ถึงได้คอยดูแลและยอมลงให้กับเกรสทุกอย่าง
แต่เพิ่งรู้ว่าเกรสก็มีใจต่อเชส
เกรสที่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมในวันนั้น จากไปด้วยความรู้สึกแบบไหนกันนะ...
มือผอมของบลูจับที่ศีรษะของเบส “คิดว่าหมอนี่เชื่อใจได้ไหม”
“ไม่แน่ใจ” เบสตอบตามตรง “ข้าวโพดดีกับทุกคน ใคร ๆก็ชอบข้าวโพด”
“รวมเธอด้วยหรือเปล่า”
เบสทำปากยื่น “เปล่า”
“เขาไม่ได้ดีกับเธอหรือ”
“ก็ดี แต่ก็ชอบทำตัวน่ารำคาญ”
เท่าที่ลอบมองมาระยะหนึ่งด้วยสายตาอาฆาต บลูยังไม่เห็นว่าข้าวโพดจะทำตัวน่ารำคาญกับเบส เว้นแต่เราเรียกการตามใจแบบนั้นว่าเป็นการทำตัวน่ารำคาญ
“เขาขัดใจ หรือชอบห้ามเธอทำนั่นนี่หรือไง”
“ไม่นะ”
“ตามใจ”
เบสลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พยักหน้า
“ทำไมต้องลังเลด้วย”
“ก็ไม่แน่ใจว่าตามใจเพราะว่าเขาอยากทำ หรือเพราะว่าพี่สั่งไว้นี่นา”
“ผมชอบเบสมาตั้งแต่แรก แล้วก็อยากทำอย่างนี้ เป็นมาก่อนที่จะเจอพี่เสียอีก” ข้าวโพดเถียง “บอกว่าชอบไปตั้งหลายครั้ง แต่เบสก็บอกว่าผมพูดเล่น”
“ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกน่ะหรือ” บลูหันไปถาม
“ครับ” ข้าวโพดตอบ “แล้วผมก็ไม่ได้ทำดีกับทุกคนนะ แต่ถ้าเขาไม่ได้หวังร้ายกับผม จะให้ผมปฏิเสธเขาได้ไง”
บลูหันไปหาเบส “แล้วเธอคิดอย่างไร”
“ข้าวโพดเป็นเพื่อน” สำหรับเบสแล้ว เป็นเรื่องยากที่จะยอมรับ ว่าชอบคนที่ดีกับทุกคน “จนเมื่อผมได้พบกับพี่...ผมก็...ผมอยากเจอพี่”
บลูชี้ไปที่คนในชุดดำที่นั่งอยู่ด้านหลัง “ตอนที่เห็นว่ามาด้วยกันคิดว่าไง”
“ก็คิดว่า ดี”
“ดี?” ลุคถาม
เบสหันมาตอบ “ก็ดีน่ะฮะ ไม่รู้จะบอกว่ายังไงเหมือนกัน”
“ฉันชอบพี่ของเธอ และกำลังตามตื้อเขาอยู่ เธอยังคิดว่าฉันดีอยู่ไหม”
เบสหันไปมองบลูที่กำลังขึงตาใส่ลุคแล้วก็หัวเราะออกมา “ผมว่าพี่น่าจะรำคาญคุณ”
“ที่จริงเขาชอบฉัน แต่ชอบกลบเกลื่อนด้วยการทำเป็นดุน่ะ”
“ลุค เมอร์ฟี อย่าพาเสียเรื่อง”
ทั้งเบสและข้าวโพดต่างนิ่งอึ้งไป
“ผมคุ้นกับชื่อ แล้วก็วิธีเรียกแบบนี้ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน” ข้าวโพดบอกแล้วมองหน้าเบส “เบสเดจาวูเหมือนกันไหม”
เบสพยักหน้า
บลูยังไม่อยากรื้อฟื้นความทรงจำของทั้ง 2 คนในเวลานี้ “ตอนที่เห็นคนที่เธอบอกว่าเขาเป็นเพื่อนอยู่กับคนอื่น คิดว่ายังไง”
“ก็ไม่คิดยังไงนี่ฮะ ก็ธรรมดา” เบสเถียง
บลูกอดอก “เธอรู้ว่าฉันหมายถึงอะไร”
เบสหันหน้าไปทางอื่นไม่ตอบคำถาม ข้าวโพดก็เลยเป็นคนตอบ
“เวลาที่ผมคุยกับคนที่มาชอบผม เบสจะโกรธ แล้วก็ไม่พูดกับผม”
บลูคลี่ยิ้ม “แบบนี้มันก็ชัดอยู่แล้วไม่ใช่หรือ”
“แต่ว่า...”
“ฉันว่าเธอไม่ใช่คนประเภทที่จะจูบ หรือทำเรื่องแบบนั้นกับคนที่เป็นเพื่อนใช่ไหม”
เบสหันมากอดบลู ซุกหน้ากับไหล่ผอม “พี่ ผมขอโทษ”
ความรู้สึกต่อพี่ที่เคยสับสนมาหลายวัน ชัดเจนก็ในวันนี้
ความคิดถึง ความกังวลทั้งหมดไม่ใช่ในฐานะคนรัก
...และไม่พร้อมที่จะทำความเข้าใจความรู้สึกที่มีต่อข้าวโพด
เวลาที่ข้าวโพดตามใจ หรือเรียกร้องเอาแต่ใจกับข้าวโพด ไม่เคยหยุดคิดแม้แต่วินาทีเดียวว่ามันใช่ไหม ถูกต้องหรือไม่
แต่ในทางกลับกัน หากเป็นความต้องการ หรือความรู้สึกของข้าวโพด เรื่องราวเหล่านั้นจะเป็นเรื่องรอง หรือเรื่องที่คิดว่ารอได้
ไม่ได้ลืม แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงคิดว่าข้าวโพดต้องเข้าใจ และต้องรอได้
แล้วพอได้เจอกับพี่ ก็คิดแต่ว่าอยากเจอและกลัวว่าจะต้องห่างกัน กลัวว่าพี่จะไม่ชอบ ไม่เห็นด้วยกับเรื่องที่ทำ
เบสไม่ใช่เด็ก ๆ ทั้ง 3 คนอธิบายถึงขนาดนี้แล้วย่อมต้องรู้ตัวเอง แต่ไม่พร้อมที่จะทำความเข้าใจและยอมรับ
บลูลูบแผ่นหลังบางด้วยความเข้าใจ “เธอจะค่อย ๆ ศึกษากันไปก็ได้ แต่อย่าเสียเวลามาสับสนเรื่องฉัน”
เบสพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “แล้วผมกลับบ้านได้หรือยัง“
“ยัง”
น้ำเสียงของบลูเปลี่ยนไปเป็นเข้มงวดขึ้นในทันที ลุคจึงช่วยอธิบาย “เราต้องตามหาของบางอย่างในบ้านของเธอ แต่เรายังเข้าไปไม่ได้”
“หาอะไรฮะ ผมกลับบ้านไปเอามาให้” เบสอาสา
ลุคที่เป็นคนรอบคอบระมัดระวังต้องเตือนขึ้นมาก่อน “เรามีเรื่องที่ต้องจัดการให้เรียบร้อยก่อนที่จะเข้าไปเอาของ”
“ให้ผมช่วยนะ ผมอยากช่วย” เบสรีบบอกอีกครั้ง ข้าวโพดก็อาสาอีกคน
“ไม่ได้ ทั้งคู่นั่นแหละ” บลูดุ ทำให้ทั้งคู่เงียบไปทันที
ลุคเป็นฝ่ายปลอบตามเคย “พวกเธอรู้อยู่แล้วว่าเราไม่เหมือนกับพวกเธอ ศัตรูของเราก็...ค่อนข้างจะหลากหลายอยู่เหมือนกัน ที่เราต้องการก็คือ คนที่จะบอกกับเราเวลาที่พบเห็นเรื่องแปลก ๆ” ลุคเน้นย้ำ “บอกว่าเธอเห็นอะไร ไม่ใช่ลงมือทำเอง”
“วิชาการชะมัด” บลูทำปากยื่น
“แบบแจ้งเบาะแสตำรวจน่ะหรือ” เมื่อครู่พี่บอกว่าเขาคือมือปราบนี่นะ เบสหันไปมองหน้าข้าวโพดแล้วหันมาหาบลู “อย่างนั้นก็พอดีเลย เพราะมีเรื่องหนึ่งที่ผมอยากให้พี่ไปดูให้หน่อย”
บลูอยากจัดการเรื่องราวให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ติดที่รู้ทันว่าเบสกำลังคิดอะไรอยู่
หากไม่ตามใจ เบสจะต้องดื้อกลับไปบ้านเพื่อค้นหาของที่พี่กำลังตามหาอยู่แน่ๆ
ลุคเองก็คิดอย่างเดียวกัน
คนที่ยอมถูกเผาทั้งเป็น แต่ไม่ยอมเปิดปากเรื่องของหญิงชราในสวนหลังบ้าน และเก็บซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงมายาวนานถึง 400 ปีจะต้องเป็นคนที่ดื้อรั้น ยึดมั่น และแน่วแน่ขนาดไหนกัน
“พวกเราจะไปดูให้ แต่เธอ 2 คนต้องรับปากว่าจะกลับบ้าน”
“เสร็จเรื่องแล้วจะมาบอกหรือฮะ” เบสดักคอ 
“ใช่” บลูตอบ
“แล้วพี่ก็จะหายไปอีกหลายวันหรือเปล่าฮะ”
“มันก็ขึ้นอยู่กับเรื่องที่เธออยากให้เราไปดู มันอาจไม่มีอะไรก็ได้”
เบสทำปากยื่น ไม่มีทางเลือกนอกจากการพาพี่ทั้ง 2 คนไปที่ป้ายประกาศที่ติดกระดาษปริศนาใบนั้น
...คลาสพิเศษการควบคุมจิตใจ เวลาสี่ทุ่ม กับวันที่ที่เปลี่ยนมาเป็นวันนี้
“นั่นไง” เบสชี้ แต่แทนที่จะบอกกับบลู กลับหันไปบอกกับข้าวโพด ทำให้ข้าวโพดต้องหันมาอธิบายกับลุคและบลู
“ข้อความในกระดาษนี้เหมือนเดิมทุกวัน เว้นแต่วันที่ที่จะเปลี่ยนเป็นปัจจุบันตลอด”
คราวนี้เบสหันมาหาบลู “มันผิดปกติใช่ไหมฮะ”
“ผิดปกติแน่นอนอยู่แล้ว” บลูตอบ “คราวนี้ทั้ง 2 คนกลับบ้านกันได้แล้ว”
“อ้าว” เบสดูผิดหวังอย่างชัดเจน
“เธออยากให้มาดู ก็มาดูแล้วไง คราวนี้พวกเธอก็กลับบ้าน”
“แต่พี่ฮะ ป้ายนี้มันผิดปกติ แล้วอาจมีนักศึกษาที่หลงเชื่อแล้วก็ไปตามนี้ก็ได้”
บลูหรี่ตาลง “เธอไปดูคลาสนี้มาแล้วใช่ไหม”
เบสกอดแขนบลูไว้ “แค่ขับรถผ่านหน้าตึก เพราะข้าวโพดไม่ยอมจอดรถให้ลงไปดู”
“เขาทำถูกแล้ว ที่ไม่ตามใจเธอไปหมดทุกอย่าง”
“พี่อ้ะ”
บลูขยี้ผมนิ่มของเบส “กลับบ้าน ฉันกับลุคจะจัดการเรื่องนี้เอง”
ลุคยกมือขวาง เพื่อดันอีก 3 คนให้ถอยออกมาหลายก้าว ขณะที่ตนเองก้าวเข้าไปห่างจากบอร์ดประมาณ 2 ก้าว เมื่อยกมือขึ้นมากระดาษเก่าแผ่นนั้นก็ขยับตัว กะโหลกศีรษะสีขาวผุดขึ้นจากกลางกระดาษ ส่งเสียงกรีดร้องขณะที่พุ่งเข้าหาลุคพร้อมเสียงร้องด้วยความโกรธ
บลูกางแขนทั้ง 2 ข้างกันเบสและข้าวโพดไว้ด้านหลัง ทั้งดันให้ถอยหลังห่างออกมาอีก
ลุคจับกะโหลกศีรษะนั้นด้วยมือเปล่า กะโหลกก็กลายเป็นฝุ่นผง แต่ชายหนุ่มใช้ปลอกข้อมือข้างซ้ายรองรับไว้ทั้งหมด
ลุคหันมาหาทั้ง 2 คนทางด้านหลังของบลู “กลับบ้าน”
“ครับ” ทั้งคู่รับปากทันที
พอเห็นว่าทั้ง 2 คนห่างออกไปแล้ว บลูถึงหันมาถามลุค
“ซอว์นีหรือ”
“ไม่ใช่หรอก แต่ก็เป็นพวกที่เล่นมนต์ดำเหมือนกัน”
“นายไปจัดการสิ” บลูบอก ทั้งหันมองซ้ายขวาเพื่อหาที่นั่งรอ
ลุคหัวเราะให้กับดินฟ้าอากาศ “ต้องรอสี่ทุ่มก่อน ไปตอนนี้ก็ไม่มีอะไร”
“งั้นฉันกลับไปที่ห้องของฉัน สักห้าทุ่มเจอกันที่บ้านของหนุ่มรถสีน้ำตาลนั่นก็แล้วกัน”
“ตอนนี้เขาคือข้าวโพด ชื่อจริงคือ จิรกร คุณสิริกร”
“อยากให้เรียกแบบนั้นหรือ”
“ก็เหมือนกับที่นายเรียกเกรซว่าเบสนั่นแหละ” ลุคนั่งลงที่เก้าอี้ยาว ท่าทางสบายมาก ไม่เหมือนคนที่เมื่อ 5 นาทีก่อนเพิ่งจะเผาเครื่องรางไปชิ้นหนึ่ง
บลูกอดอกยืนมอง “จะรอสี่ทุ่มจริง ๆหรือ”
เจ้าแม่มดดำนั่นหลอกนักศึกษาไปที่ตึกนั้นทำไม และหลอกมาได้กี่คนแล้ว
ทำไมหมอนี่ถึงได้ใจเย็นนักนะ!
ลุคพยักหน้า “เรากำลังคุยกันเรื่องชื่อ”
“ฉันอยากถามเรื่องเวลา”
“ก็ได้” ลุคต้องยอมแพ้อยู่แล้ว “ถ้าเวลาที่กำหนดไว้ว่าสี่ทุ่ม ก็แสดงว่านั่นคือช่วงเวลาที่พวกมันเข้มแข็งที่สุด”
“ทำไมไม่ไปตอนที่พวกมันอ่อนแอ”
“เพราะมันจะไม่เอาเครื่องราง หรืออาวุธของมันออกมา”
บลูเดาะลิ้นด้วยความหงุดหงิดใจ
“ขอโทษที่ทำให้เสียเวลานายจะ...”
ลุคพูดยังไม่จบ บลูก็ยกมือห้าม “ฉันเห็นด้วยกับการที่นายรอ”
คนที่ยืนอยู่ กอดอกแน่นเหมือนกำลังหนาวจัด ดวงตาสีฟ้าหันไปมองทางอื่น แต่ใบหน้าที่มักขาวซีดอยู่เสมอมีสีชมพูเจือจาง
...สีชมพูหรือ เขาไม่มีเลือดนะ
ลุคลุกขึ้นยืนยื่นมือจะไปแตะใบหน้า แต่บลูก้าวถอยพลางปัดมือออก
“จะทำอะไร ที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยนะ”
ลุคพลิกมือคว้าข้อมือของบลูไว้
“ใบหน้านายมีสีเลือด”
บลูแตะแก้มตัวเอง “จะมีได้ไง”
“นายจะกลับไปที่ห้องก่อนใช่ไหม นายกลับได้นะ”
“ลุค เมอร์ฟี นายกลัวอะไร”
“ฉัน...”
“ลุค เมอร์ฟี มองตาฉัน แล้วบอกกับฉัน สั้น ๆ ง่าย ๆ ว่านายกลัวอะไร”
“ฉันไม่อยากเสียนายไปอีกครั้ง”
บลูหัวเราะเบา ๆ “นายกำลังสับสนนะ แล้วมันก็ไม่ดีต่อมือปราบอย่างนายด้วย ฉันคือบลู นกฮูกสแกนดิเนเวีย สีขาวที่ครอบครัวไร้ท์เก็บมาเลี้ยง ฉันมองเห็น ฉันได้ยิน ฉันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันรับรู้ความเจ็บปวด และเข้าใจความว่างเปล่าภายในห้องใต้ดินนั้น แต่ฉันไม่ใช่เขา”
ลุคคลายมือออก “เมื่อครู่นายบอกว่าจะกลับไปรอที่ห้องไม่ใช่หรือ”
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว”
“บลู”
“ไปเดินเล่นกันดีกว่า วันก่อนคุยกับเบสเกี่ยวกับวิญญาณในมหาวิทยาลัย ดูเขาค่อนข้างกังวลอยู่”
“บลู”
“จะเรียกอะไรนักหนา” บลูเดินนำไปอีกทางโดยที่ไม่หันมามอง เพราะรู้ว่าลุคจะต้องเดินตามมา
ลุคส่ายหน้าแล้วเดินตามมาจริง ๆ
“บลู”
“อะไร”
“จะฟังกันสักครั้งไม่ได้หรือไง พอฉันบอกให้นายอยู่ นายก็จะกลับ พอฉันบอกให้นายกลับ นายกลับพาเดินเที่ยวในมหาวิทยาลัย”
“ฉันเบื่อที่จะต้องคอยมองจากที่ไกล ๆ”
(มีต่อครับ)

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
OWAZA ตอนที่ 9 (27/6/63)
«ตอบ #124 เมื่อ27-06-2020 11:10:38 »

(ต่อครับ)

ลุคเข้าใจความคิดนี้ ทั้งรู้ว่าเถียงกันไปก็มีแต่จะแพ้เหมือนเดิม จึงเดินคู่กันมาเงียบ ๆ
เมื่อเดินไปด้วยกันอีกสักพักบลูก็ถามขึ้น “ไม่บอกให้กลับไปแล้วหรือ”
“ถึงบอกไปนายก็ทำในสิ่งที่อยากทำอยู่ดี”
บลูหันมายิ้มกว้าง
“อย่ายิ้มแบบนี้” ลุคบอก “แค่เดินอยู่ข้างกัน มันก็ยากพออยู่แล้วที่จะไม่ดึงนายมากอด ถ้ายังหันมายิ้มให้อีก ฉันต้องพานายกลับบ้าน โดยที่ไม่ได้ไปดูคลาสพิเศษอะไรนั่นแน่ ๆ”
บลูซัดหลังมือใส่หน้าท้องของลุคเบา ๆ
“คุยกันเยอะแยะ ก็ยังฟังกันประโยคเว้นประโยคเหมือนเคย” บลูหันไปมองรอบ ๆ “พวกเขาเสียชีวิตที่อื่น แต่ทำไมถึงได้กลับมาที่นี่กันนะ”
“ถ้าใช่เพราะความผูกพัน ก็คือยังมีเรื่องที่ยังทำไม่เสร็จน่ะ”
“ผูกพันกับมหาวิทยาลัยน่ะนะ” ไม่เห็นจะน่าผูกพันเลยสักนิด “ผูกพันกับบ้าน หรือครอบครัวตัวเองไม่ดีกว่าหรือไง”
   “ไม่ลองถามเขาดูล่ะว่าทำไมถึงผูกพันกับมหาวิทยาลัย”
“นายถามสิ”
“ไม่เห็นหรือว่า พวกเขากลัวฉัน”
บลูหันไปมองวิญญาณนักศึกษาสาวที่หลบวูบไปหลังต้นไม้
บลูเบะปากใส่ลุคด้วยสีหน้าท่าทางรังเกียจอย่างเปิดเผย “นายเป็นสสารที่น่ารังเกียจ จะคนหรือวิญญาณก็ไม่อยากเจอนายทั้งนั้น”
“อ้อ...” ลุคพยักหน้า ค่อนไปทางภูมิใจที่อีกฝ่ายแสดงความรู้สึกชัดเจน
“อะไร อ้อมาคำเดียว แล้วคนอื่นจะไปต่อยังไง”
“ก็ อ้อ...” ดวงตาสีเข้มเป็นประกายท่ามกลางแสงสว่างจากไฟถนน “2 คำแล้ว”
“คนจริงจังที่อยู่ต่อหน้าน้องเมื่อกี้ไปไหนแล้วนะ ไปเรียกเขากลับมาเลย แล้วเก็บสสารกวนประสาทนี่ไปทิ้งบ่อขยะหลังมหาวิทยาลัยด้วย”
ลุคสงสัย “หลังมหาวิทยาลัยมีบ่อขยะด้วยหรือ”
“แล้วมีไหมล่ะ”
“อ้าว ก็ที่บลูบอกเมื่อครู่”
“ฉันมั่ว”
ลุคกระตุกยิ้มมุมปากแล้วส่ายหน้า บลูที่พูดเล่นเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศนี่เป็นอะไรที่น่ารัก และอยากให้เป็นแบบนี้ต่อไปนาน ๆ
“ตกลงนายคิดจะทำอะไร กับวิญญาณในมหาวิทยาลัยเหล่านี้”
บลูมองวิญญาณนักศึกษาชายที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ “อยากให้เขาหลุดพ้นจากที่นี่”
“ไม่มีใครผูกเขาไว้กับที่นี่”
“รู้ได้ไง”
ลุคชี้ไปที่วิญญาณนักศึกษาชายที่ก้มหน้า อยู่ข้างต้นไม้ใหญ่ เงาร่างเลือนรางปราศจากเท้า
“เขายังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตายแล้ว”
“นายส่งเขาหน่อยสิ แบบที่นายส่งวิญญาณครูกับเด็กนักเรียนน่ะ”
ลุคหันมายิ้ม “ได้ แต่นายต้องเดินไปด้วย”
“ทำไมล่ะ”
“ฉันเป็นสสารที่มีมวลไง ถ้าฉันยืนพูดอยู่คนเดียว ใครมาเห็นเข้าเขาคงว่าฉันบ้า”
บลูพยักหน้า “ก็ได้ ฉันจะยืนอยู่ข้างหลังนายนะ”
ลุคพยักหน้าล้อเลียน “กลัวว่าฉันจะใช้คาถาพลาดไปโดนนายหรือไง”
“ใครกลัว” ดวงตาสีฟ้าเป็นประกาย “ตั้งแต่แรกมาก็มีแต่นายนี่แหละ ที่คิดมากทุกเรื่อง กลัวนั่นนี่ทุกเรื่องอยู่คนเดียว”
“ไม่คิดบ้างหรือไง ว่าถ้านายบอกปุ๊บแล้วฉันลงมือทันทีจะเกิดอะไรขึ้น”
“เรื่องนี้จะจบลงอย่างรวดเร็ว” บลูสวนทันที
ลุคมองหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกดี ขณะที่กล่าวคำพูดไม่เห็นด้วย “มันจะพากันเละไปทั้งหมดต่างหาก นายกับฉันน่ะ ไม่เท่าไหร่ แต่มนุษย์อีกอย่างน้อย 4 คนที่อยู่ข้างหลัง พวกเขาจะเป็นยังไง ถ้าเราถูกทำลาย”
บลูโบกมือ “นายถ่วงเวลามานานแล้ว ไปส่งวิญญาณนักศึกษาชายคนนั้นกัน ฉันจะอยู่ข้างหลัง”
นั่นคือการยอมแพ้ในแบบของบลูใช่ไหม

ค่ำแล้ว แต่มหาวิทยาลัยที่เปิด 24 ชั่วโมงยังมีนักศึกษารวมกลุ่มทำกิจกรรม และโครงงานกลุ่มอยู่ใต้ตึกคณะต่าง ๆ  ขณะที่อาคารเรียนหลายหลังยังเปิดไฟสว่าง
บลูเดินข้ามถนนตามลุคไปหาวิญญาณนักศึกษาชาย ที่ยืนอยู่ข้างต้นไม้ใหญ่ จากจุดที่ยืนอยู่ไม่มีใครอยู่ใกล้ก็จริง จะพูดอะไรออกไปก็ไม่มีใครได้ยิน แต่ถ้ามองไปรอบ ๆ จะมีคนมากกว่า 50 คนที่เห็นลุคและบลู
“ว่าไง” ลุคทักทาย แต่วิญญาณยังก้มหน้า “ชื่ออะไรน่ะเรา”
นักศึกษาหนุ่มเงยหน้าขึ้น
ใบหน้าขาวซีด เส้นผมที่เปียกชื้น เสื้อเครื่องแบบมีรอยเปื้อนสีดำ กับกางเกงนักศึกษาเลอะคราบบางอย่าง
“เรียกผมหรือ”
“ใช่ ชื่ออะไรน่ะเรา”
วิญญาณนิ่งเงียบ ดวงตาสีดำขลับมองผ่านไปไกล จนลุคต้องถามซ้ำ
“ชื่ออะไร”
“อนิรุธครับ”
“รอใครอยู่”
วิญญาณมองหน้าลุคนิ่ง ๆ แล้วเหลียวมองไปรอบตัว ใช้เวลานานทีเดียวกว่าที่จะเอ่ยคำพูดออกมา
“ผมรอ...ขจี...”
“แฟนหรือ”
“ครับ”
“นัดกันไว้ที่นี่หรือ”
“ไม่ได้นัดครับ”
“แล้วทำไมถึงมารอที่นี่”
“เรา...นัดเจอกันตรงนี้มาตลอดครับ”
“เพราะว่าเรียนกันคนละคณะหรือ”
“ครับ”
“ก่อนที่จะมารออยู่ที่ตรงนี้ อนิรุธไปไหนมา”
เป็นอีกครั้งที่วิญญาณนิ่งเงียบไปนาน
“ขจีโกรธ ที่ผมไม่มีดอกไม้ให้เธอ เลิกเรียนคาบบ่าย ผมจึงออกไปซื้อดอกไม้” ในมือขาวซีดปรากฏช่อดอกกุหลาบสีแดง เครื่องแบบนักศึกษาขาวสะอาด แม้ใบหน้าจะยังขาวซีด แต่เส้นผมไม่ได้เปียกชื้นแล้ว “แล้วก็มารอ...”
“ซื้อดอกไม้ที่ไหน” ลุคถามทวนความทรงจำอีกครั้ง
“ร้านดอกไม้ ในห้างครับ”
“ดอกไม้สวยดีนะ”
“ครับ ผมตั้งใจเลือก ให้ร้านเขารวมช่อให้”
“ดอกไม้ในวันเทศกาล น่าจะแพงมาก”
“ขจีอยากได้ดอกไม้”
“แล้วทำไมถึงไม่ได้ซื้อให้ขจีตั้งแต่เช้า”
“ผมไม่รู้ว่าเธออยากได้ดอกไม้ คิดว่าเลิกเรียนแล้วไปกินข้าว ดูหนังด้วยกันก็พอ”
“แล้วอนิรุธทำอย่างไร”
“พอผมรู้ก็เลยรีบออกไปซื้อ...” วิญญาณก้มหน้าลงอีกครั้ง
“แล้วอนิรุธตั้งใจว่าจะทำอะไรต่อ”
“ให้ดอกไม้เสร็จก็จะไปกินข้าว ดูหนังด้วยกันครับ”
“หนังเรื่องอะไร”
“มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ลครับ”
“ภาคแรกสินะ”
“ครับ”
บลูที่ฟังอยู่นาน ไม่เห็นว่าจะเข้าเรื่องสักทีกำลังจะหลุดคำพูดไม่พอใจออกไป แต่ลุคก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน
“มิชชั่น ปี 1996 หรือ”
วิญญาณนิ่งคิดครู่หนึ่งก็พยักหน้า
บลูดีใจที่ยังไม่ทันจะพูดอะไรออกไป เพราะตอนนี้ปี 2019 หนุ่มคนนี้รออยู่ที่นี่มานานหลายปี จนเกือบจะลืมตัวตนไปแล้ว ลุคจึงต้องรื้อฟื้นอดีตของเขาขึ้นมาก่อน เพื่อที่จะนำมาที่ปัจจุบัน แล้วถึงจะส่งเขาเดินทางต่อไปได้
“เล่าตอนที่เลือกซื้อดอกไม้ให้ขจีหน่อยได้ไหม”
วิญญาณที่โปร่งใสจนแทบกลืนหายไปกับสภาพแวดล้อม มองเห็นได้ชัดเจนขึ้น แต่อยู่ในสภาพของหนุ่มนักศึกษาที่ไม่มีรอยเลือด เสื้อผ้าไม่มีรอยเปื้อน ทั้งมีกระเป๋าสะพายสีน้ำตาลแบบนักศึกษาด้วย
อนิรุธเป็นหนุ่มหน้าตาดีมากคนหนึ่ง
“ร้านดอกไม้อยู่ในห้าง มีทั้งดอกไม้สด และดอกไม้แห้ง ผมเลือกไม่เป็นและกลัวว่าขจีจะโกรธแล้วกลับไปก่อน ก็เลยจะเลือกแบบที่เขาจัดช่อเสร็จแล้ว...แต่พอนึกอีกที มันอาจเหมือนคนอื่น ก็เลยเลือกดอกไม้สวย ๆ ให้ที่ร้านจัดให้...”
เมื่อร่างของอนิรุธชัดเจนขึ้น ลุคก็ปล่อยให้อีกฝ่ายรื้อฟื้นความทรงจำของตนเองไปโดยที่ไม่ได้ซักถาม
“ผมออกมาจากห้าง ดูนาฬิกาเห็นว่า อีกครึ่งชั่วโมงขจีจะเลิกเรียน ผมรีบข้ามถนนจะไปอีกฝั่ง ได้ยินเสียงดังมาก มีเสียงคนร้องตะโกน มีคนวิ่งมาหา แต่ผมกำลังรีบ ก็ไม่ได้หันไปมอง รีบขึ้นรถเมล์ แล้วกลับมาที่นี่ แต่ตอนที่มาถึงผมดูนาฬิกา มันแตกไปแล้ว ไม่รู้ว่าแตกได้อย่างไร ไปดูที่คณะ เห็นเพื่อน ๆ ของขจียังอยู่ ผมถามพวกเขาแต่ไม่มีใครบอกอะไร จึงฝากให้บอกขจีว่าผมรออยู่ แล้วผมก็มารออยู่ที่นี่...”
การทบทวนความทรงจำทำให้ร่างกายที่สมบูรณ์มีการเปลี่ยนแปลงช้า ๆเกิดขึ้นตามเรื่องที่เล่าจนกลับมาอยู่ในสภาพที่ศีรษะมีบาดแผลใหญ่ เลือดอาบใบหน้า แขนข้างซ้ายแนบลู่ไปกับลำตัว ขาข้างซ้ายผิดรูป และเลือนหายไปเมื่อถึงข้อเท้า
อนิรุธจำเรื่องที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมดแล้ว
เสียงดังที่เกิดขึ้น คือการที่เขาถูกรถชนในตอนที่ข้ามถนนมาอีกฝั่ง นาฬิกาที่แตกจากอุบัติเหตุนั้น การที่เพื่อนในคณะของขจีไม่ตอบคำถาม และการที่เขารอคอยอยู่ที่นี่มานานหลายปี
“อนิรุธ แซ่เลี้ยง”
“ครับ”
“พร้อมที่จะเดินทางต่อไปหรือยัง”
อนิรุธหันไปมองรอบตัว แล้วหยุดมองตึกเรียนของขจีอยู่ครู่หนึ่งก็หันกลับมาหาลุค
“ขจีรู้ไหมครับว่าผมรอเธออยู่ที่นี่มาตลอด”
“ฉันไม่รู้”
ลุคตอบตรงไปตรงมาไม่ถนอมน้ำใจเลยสักนิดจนบลูอยากฟาดสักที
“ผม...อยากพบขจี”
“เวลาของเธอหยุดลงตั้งแต่ตอนที่เธอข้ามถนนในปี 1996 แล้ว แต่เวลาของขจีเดินหน้าต่อไป เขาไม่ได้เป็นขจีคนที่เธอรออีกต่อไป ยังอยากพบเขาอีกไหม”
อนิรุธก้มหน้าลงแล้วส่ายหน้า
ลุคหันมาจับมือของบลูไว้ ส่วนอีกมือที่ว่างอยู่ชี้ไปที่ด้านข้างของอนิรุธ วาดเป็นวงกลมที่พื้น
“คนที่รอเธออยู่อีกฝั่ง จะให้คำตอบกับเธอเองว่า เธอควรจะไปที่ไหน”
อนิรุธเงยหน้าขึ้น “ขอบคุณมากครับ”
วิญญาณของอริรุธเลื่อนไปอยู่เหนือวงกลม แสงสว่างสีขาวปรากฏขึ้นล้อมรอบ และเมื่อแสงสว่างนั้นเลือนหาย อนิรุธก็หายไป
บลูถามคำถามที่อยากรู้ที่สุด “รู้นามสกุลเขาได้ไง”
ลุคหันมาแตะเบา ๆ ที่ขมับของบลู ภาพในอดีตของอนิรุธ แซ่เลี้ยงก็ปรากฏขึ้นจนถึงวาระสุดท้าย
“ยังคิดว่านายจะพาเขาไปลาขจี หรือพ่อกับแม่ของเขาเสียอีก”
ลุคยักไหล่ “ฉันไม่มีหน้าที่พาเขาไปลาใคร”
บลูหน้างอ
“งานตรงนี้เสร็จแล้ว จะกลับหรือจะไปเข้าคลาสเรียนพิเศษ”
บลูต้องตอบว่าไปคลาสเรียนพิเศษอยู่แล้ว

...จบตอนที่ 9 ....
ไม่กลัวกันใช่ไหมฮะ เพราะน่าจะมีภูมิคุ้มกันจากคุณพี่บาลีกันมาบ้างแล้ว
แต่คนช่วยเขียนคนนี้ สารภาพว่า "กลัวนะฮะ"
ตอนที่ป๋าร่างพล็อตเรื่องใน A4 บอกว่า ขอ "ร่างโปร่งใส" แค่ 1 ไม่ได้เหรอ ปรากฎว่าเรียงกันมาเป็นแถว  :ling3:
ขอบคุณทุกความเห็นนะฮะ
น้ำชา

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: OWAZA ตอนที่ 9 (27/6/63)
«ตอบ #125 เมื่อ27-06-2020 17:46:43 »

 :pig4:
 :3123:

ออฟไลน์ uniko

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: OWAZA ตอนที่ 9 (27/6/63)
«ตอบ #126 เมื่อ27-06-2020 19:52:32 »

กรีดร้องๆๆ  o22

มีทั้งร่างโปร่งแสง ร่างปกติ ร่างเลือดท่วมตัว

รถอ้อยคว่ำกันอยู่ดีๆ 

จูงมือกันมาเจอวิญญาณซะงั้น :katai1:

ตอนนี้หวานนิดๆ ปนสยองหน่อยๆ :mew4:

ขอบคุณคนเขียนและคนช่วยเขียนฮะ :3123:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: OWAZA ตอนที่ 9 (27/6/63)
«ตอบ #127 เมื่อ27-06-2020 20:05:38 »

ทำไมบลูแก้มชมพูล่ะ

มีวิญญาณอีกหลายดวงให้ลุคช่วยหรือเปล่า

ออฟไลน์ yupinka

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: OWAZA ตอนที่ 9 (27/6/63)
«ตอบ #128 เมื่อ27-06-2020 21:41:03 »

 :pig4:

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: OWAZA ตอนที่ 9 (27/6/63)
«ตอบ #129 เมื่อ29-06-2020 09:19:17 »




ได้ยินเสียงหัวเราะของคนที่นั่งอยู่ข้างหลัง ที่ดังขึ้นมาอย่างไม่รู้กาลเทศะ



^
^
แหมมมมมมมมม ไอ้ที่หัวเราะ อิจฉาเค้าป่ะล่า ลูกบลูไม่ยอมหร๊อก



........ เราอยากบอกว่า กลัว ตัวโต   :sad4:   แต่จะ ค่อยๆข้ามตอนน่ากลัวๆ ไปอย่างรวดเร็ว ......


 :กอด1:



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: OWAZA ตอนที่ 9 (27/6/63)
« ตอบ #129 เมื่อ: 29-06-2020 09:19:17 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ปีศาจน้อยสีชมพู

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: OWAZA ตอนที่ 9 (27/6/63)
«ตอบ #130 เมื่อ11-07-2020 09:16:11 »

สงสารอนิรุธ  :sad11: :monkeysad:

ออฟไลน์ uniko

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: OWAZA ตอนที่ 9 (27/6/63)
«ตอบ #131 เมื่อ23-07-2020 18:47:40 »

มารอน้องบลู


เมื่อไรจะมาน้อ :กอด1:

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: OWAZA ตอนที่ 9 (27/6/63)
«ตอบ #132 เมื่อ24-07-2020 14:01:08 »



...................จ๊ะเอ๋...............

............มารอนกฮูกของเราแล้วจ้า............


 :กอด1:  :กอด1:


ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
OWAZA ตอนที่ 10 (28/7/63)
«ตอบ #133 เมื่อ28-07-2020 20:16:40 »

ตอนที่ 10


อาคาร06 เป็นอาคารเรียนความสูง 5 ชั้นที่แยกออกมาจากกลุ่มอาคารเรียนของคณะสังคมฯ แม้ว่าจะมีการซ่อมบำรุงอย่างสม่ำเสมอ แต่หากมาตอนกลางวันก็ยังรู้สึกว่านี่เป็นเขตที่ไม่ควรเข้ามา
ตัวอาคารไม่ได้เป็นอาคารหลังใหญ่ เพราะจากบันได 5 ขั้นก็คือห้องโถงของอาคารและบันไดขึ้นไปชั้นบน แยกห้องบรรยายซ้ายขวา มีระเบียงด้านหน้า
เพราะแทบจะไม่มีการใช้ห้องในอาคารนี้ ทำให้ศูนย์ควบคุมส่วนกลาง ปิดไฟในห้องเรียนทั้งหมดตั้งแต่สามทุ่ม เหลือเพียงไฟบริเวณระเบียงทางเดินหน้าห้อง กับตรงบันได แต่ในทันทีที่รถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ของลุคเข้ามาใกล้ ไฟที่ห้องโถงชั้นล่างก็ส่องสว่าง
ลุครับคำท้านั้นด้วยการจอดรถเทียบบันไดอาคาร
บลูเหวี่ยงขาลงจากเบาะหลังพร้อมรอยยิ้มมุมปาก ทำให้ลุคหันมายิ้มกว้าง
“ชอบละสิ”
“เปล่า” ไม่ใช่ ‘ชอบ’ แต่คือ ‘ชอบมาก’ เวลาที่เจอคำท้าแล้วได้รับสิทธิ์ให้พุ่งเข้าชนทันทีแบบนี้
ลุคมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับการที่อีกคนปฏิเสธทันทีแบบนี้
“ฉันคิดว่านายเลือกคุณสมบัติธาตุของนายได้ถูกต้อง เพราะถ้านายซ่อมตัวเองไม่ได้ หรือต้องใช้เวลาซ่อมนาน นายคงไม่อยู่มาจนถึงวันนี้”
“ขอบใจที่ชมนะ”
“ฉันประชด”
“ไม่ นายชมฉัน จากใจเลยด้วย”
“ลุค เมอร์ฟี ลงจากรถแล้วไปคุยกับเขา จัดการเรื่องนี้ให้จบ ๆ ไปดีกว่า”
ลุคยิ้มกว้างกว่าเดิมขณะที่ลงจากรถคันใหญ่ แต่ในใจกลับคาดหวังว่าอีกฝ่ายจะยอมคุยอย่างที่บลูบอก ชายหนุ่มถกแขนเสื้อเปิดปลอกแขนทั้ง 2 ข้างอย่างชัดเจน
อักขระจารึกที่ปลอกแขนส่องประกายหลากสีไล่ไปตามลายเส้นอักษร แล้วหยุดที่สีน้ำตาลเข้มเกือบดำ
“แปลว่าอะไร” บลูถาม
ถึงจะได้ร่วมการต่อสู้ด้วยกันไม่กี่ครั้ง แต่สีของอักขระที่ข้อมือของลุคไม่เคยซ้ำกันเลยสักครั้ง
“ปีศาจที่มีเวทย์มนต์”
ลุคตอบไม่เต็มเสียง เพราะไม่อยากสะกิดบาดแผลในใจของบลู แต่บลูกลับใช้นิ้วแม่มือชี้ที่จมูกตัวเอง เพราะคิดว่าปลอกข้อมือหมายถึงตน จากนั้นก็หมุนตัวแล้วเดินตรงดิ่งไปที่บันไดขึ้นอาคาร จนลุคต้องรีบคว้าข้อมือไว้
“อยู่ข้างหลังฉัน”
“ไม่”
พบกันครึ่งทางตามเคย “เราจะเดินไปข้าง ๆกัน”
บลูรู้ตัวดีว่าดื้อมาก และลุคต้องใช้รอยยิ้มกว้างเพื่อพยายามปราบปรามความดื้อรั้นนี้
ก็อยากทำตัวเป็นปีศาจที่ดี เชื่อฟังอีกฝ่ายอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าจะให้เดินตามกันตลอดเวลามันก็ยากเกินไป เอาเป็นว่าเรื่องไหนสมควรเชื่อฟังก็จะเชื่อฟัง
แต่เรื่องที่ให้ไปเดินตามหลังตอนที่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ในอาคารเรียนแบบนี้มันเท่ากับเสียโอกาสทองเลยนะ!
การที่บลูแสดงท่าทางกระตือรือร้นมากเกินไปทำให้ลุคหวั่นใจ
“บลู ในนั้นคือปีศาจที่มีเวทย์มนต์นะ”
“ฉันก็คือปีศาจที่มีเวทย์มนตร์”
“บลู”
“ลุค เมอร์ฟี อย่าปล่อยให้ความกังวลของเป็นโซ่ตรวนที่ทำให้นายเดินได้ช้ากว่าเดิม อย่าทำให้ฉันเป็นสมอเรือที่ทำให้นายไม่ได้ไปไหน”
พูดถึงขนาดนี้สสารประหลาดที่ชื่อลุคยังจะมีทางเลือกอื่นอีกหรือไง
ก็อย่างที่บอกมาหลายครั้ง ว่าเข้าใจ ไม่ได้อยากทำอย่างนี้ แต่ไม่อยากขัดใจ!
เมื่อก้าวขึ้นบันไดขั้นแรก ไฟทั้งอาคารก็เกิดช็อตติดๆ ดับๆ แล้วกลายเป็นดับลงทั้งหมด แต่เมื่อมองออกไปด้านนอก ทั้งไฟสนาม และไฟตามอาคารเรียนหลังอื่นยังเป็นปกติ
ร่างโปร่งใสเคลื่อนตัวออกมาจากใต้บันได ก่อร่างชัดเจนขึ้นจนกลายเป็นหญิงสาวในชุดสีขาว เส้นผมสีดำยาวปกปิดใบหน้า แต่กลับมองเห็นดวงตาสีดำสนิทที่อยู่ด้านหลัง
ข้อเสียของดวงตาแบบนี้ก็คือ ไม่ว่าคุณจะยืนอยู่ตรงไหนคุณก็จะรู้สึกว่ากำลังถูกจ้องมอง ต่อให้อีกฝ่ายไม่ได้หันมาทางคุณก็ตาม
วิญญาณโดยทั่วไปเมื่อเจอปีศาจแบบบลูจะเข้ามาท้าทายเพื่อต่อสู้กัน แต่หากเจอมือปราบแบบลุคพวกมันจะหลีกเลี่ยงด้วยความหวาดกลัว เพราะยังไม่ต้องการที่จะถูกส่งไปรับคำพิพากษา
ส่วนเจ้าหนุ่มอนิรุธนั่นไม่รู้ว่าตนเองตายไปแล้ว ปิดการรับรู้ความเปลี่ยนแปลงทั้งหมด ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าลุคมายืนอยู่ข้างหน้า แล้วก็พูดคุยกันด้วยดี เรื่องราวจึงจบลงแบบมีความสุขด้วยกันทุกฝ่าย
แต่คราวนี้ไม่ใช่!
วิญญาณผู้หญิงตนนี้ที่ไม่ได้หนีไปไหนก็เพราะว่ามีผู้ที่สั่ง หรือ ผูกเธอไว้กับที่ตรงนี้ และอาจเพราะเมื่อครู่บลูเพิ่งได้ฟังเรื่องราวของอนิรุธและมีเรื่องราวบางอย่างที่ติดอยู่ในใจ ทำให้เกิดความอยากรู้บางอย่างที่เกี่ยวกับวิญญาณผู้หญิงตนนี้
“เฮ้ คุยกันหน่อยไหม”
วิญญาณตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่าที่ไม่เป็นคำ
“คนที่ผูกเธอไว้ที่นี่ เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย”
อากาศรอบตัวเย็นลงกว่าเดิม แสดงให้เห็นว่าดวงวิญญาณไม่พอใจ และไม่ต้องการตอบคำถาม แต่ลุคก็ปล่อยให้บลูซักถามต่อไป
“เธอเรียนที่นี่”
ไม่ตอบ
“หรือตายที่นี่”
ไม่ตอบอีก
“ตายที่อื่นแล้วมีคนที่รู้คาถาพามาอยู่ที่นี่”
วิญญาณนั้นกรีดร้องเสียงดัง ริมฝีปากฉีกกว้าง เส้นผมยาวที่ปกปิดใบหน้าสะบัดแรง แต่เพราะกลัวลุคทำให้เธอได้แต่ขู่อยู่ห่าง ๆ
“คนที่รู้คาถานั้นเป็นคนเอเชียหรือตะวันตก”
มือที่ผอมเกร็งหงิกงอยกขึ้นช้า ๆ
“อยากไปจากที่นี่ไหม”
วิญญาณนั้นพุ่งตรงเข้ามาหาบลูอย่างรวดเร็ว แต่ก็ถอยกลับไปเมื่อลุคเข้ามาขวางทาง เธอจึงแสดงออกว่าไม่พอใจด้วยการเคลื่อนที่จากซ้ายไปขวากลับไปกลับมา
เสียงกรีดร้องยิ่งนานยิ่งโหยหวน
ทั้งลุคและบลูต่างเหลียวมองไปรอบ ๆ
ที่นี่ไม่ได้มีวิญญาณแค่ดวงเดียว แต่ทั้งที่เธอถูกก่อกวนและแสดงความเกรี้ยวกราดถึงขนาดนี้ ก็ยังไม่มีวิญญาณดวงอื่นออกมา
“หมดคำถามหรือยัง” ลุคถาม
พอลุคถามบลู วิญญาณของหญิงสาวก็นิ่งฟังไปด้วย แต่ทันทีที่บลูตอบว่ายังเธอก็เริ่มส่งเสียงแหบ ๆ ออกมาอีกครั้ง
บลูสรุป “ปีศาจที่มีลักษณะแบบคนตะวันตก แบบฉันงั้นหรือ”
นึกไม่ออกจริง ๆ ว่าหมอนั่นเป็นตัวอะไร และใช้ร่างของใคร แถมยังใช้วิชาผูกวิญญาณได้ด้วย
“ทำไมหมอนั่นถึงผูกวิญญาณไว้ในมหาวิทยาลัย”
เมื่อคำถามเบี่ยงเบนไปหา ‘ผู้เป็นนายวิญญาณ’ วิญญาณของหญิงสาวก็ตวัดมือเพื่อหวังให้ลุคพ้นไปจากการเป็นกำแพงสูงที่บังบลูไว้ แต่ลุคไม่ได้ขยับออกจากที่เดิมแม้แต่นิดเดียว ทั้งประสานมือรับพลังลมที่เกิดจากความไม่พอใจ
ยามเมื่อพลังปะทะกันทำให้เกิดกระแสลมรุนแรงพัดพาข้าวของและเอกสารต่าง ๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะในห้องโถงกระจัดกระจาย แม้แต่รูปภาพที่แขวนผนังอยู่ก็ถูกพัดจนปลิวแล้วกระแทกลงพื้น
ความรุนแรงที่เกิดขึ้นถ้าไม่ใช่เพื่อปกป้องนายวิญญาณของเธอ ก็คือความโกรธนายวิญญาณแต่เพราะเธอจัดการเขาไม่ได้ จึงต้องการจัดการคนที่มีลักษณะหลายอย่างที่เหมือนกับนายวิญญาณ
บลูอาจไม่แน่ใจเรื่องของวิญญาณดวงนั้น แต่แน่ใจว่าลุคยังต้องการข้อมูลอีกเล็กน้อยเกี่ยวกับนายของวิญญาณถึงได้ยังไม่จัดการกับเธออย่างเด็ดขาด
“คนที่ผูกวิญญาณของเธอใช้ไม้กายสิทธิ์ไหม”
ดวงวิญญาณที่เกรี้ยวกราดลดมือลง แต่ยังส่งเสียงไม่พอใจ
“นายวิญญาณไม่ใช่ซอว์นีย์ นายส่งเธอได้แล้วล่ะ เราจะได้ไปดูห้องอื่นกันต่อ”
บลูตัดสินแล้วก้าวถอยหลังออกมา เพื่อให้ลุคจัดการได้ถนัดขึ้น
ลุคหมุนข้อมือ อักขระสีดำถักทอเป็นทรงกลมเคลื่อนที่เข้าหา วิญญาณของหญิงสาวต่อสู้ด้วยกระแสลมแรงที่ทำให้ตาข่ายอักขระเกิดช่องว่าง แต่ก็กลับมาประสานกันได้ใหม่ จนสามารถล้อมรอบเธอไว้ภายในได้สำเร็จ
เมื่อลุคร่ายคาถากำกับเพื่อส่งวิญญาณ เธอก็สลายไป
ลุคหันมาถามบลู “ถามเขาตั้งเยอะแยะ จะให้ฉันส่งวิญญาณเขาไปดี ๆ แบบอนิรุธหรือไง”
“ใช่” บลูยอมรับ “เดินขึ้นไปดูห้องข้างบนกัน เสียงดังกันขนาดนี้ จะพากันหนีหายไปหมดแล้วหรือเปล่าไม่รู้ จะได้เรียนไหมเนี่ย ไอ้คลาสพิเศษอะไรเนี่ย”
ที่บ่นก็เพราะว่าถ้าวิญญาณที่คอยเฝ้า หรือปีศาจที่ผูกวิญญาณดวงนี้เกิดหนีหายไป ก็เท่ากับว่างานที่จุดนี้ยังไม่จบ
ปีศาจที่ทำใบปลิวหลอกล่อนักศึกษามาที่นี่ยังอยู่ มันอาจทำใบปลิวนั่นขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ก็ได้
เมื่อก้าวขึ้นมาถึงชั้นที่ 2 สิ่งที่รออยู่คือร่างโปร่งใสของหญิงสาวที่ถูกมัดติดอยู่กับเสา แม้ร่างนั้นจะโปร่งใสและมองเห็นไม่ชัด แต่ก็ทำให้บลูหยุดยืนนิ่ง เมื่อร่างโปร่งใสนั้นเงยหน้าขึ้น เธอก็เลือนหายไปในทันที
บลูวิ่งตรงเข้าไปหา แต่ที่อยู่ข้างหน้าก็มีเพียงเสาต้นหนึ่ง ไม่มีทั้งเงาร่างโปร่งใสนั้นและไม่มีเชือก
ดวงตาสีฟ้าหันมามองลุคด้วยความกังวล
นั่นเป็นภาพที่อยู่ในความทรงจำของบลู
ชายหนุ่มดวงตาสีฟ้าปิดปากสนิท กวาดตาไปรอบ ๆ เพื่อหาดวงวิญญาณที่อยู่ในที่นี้
“ชั้น 4” ลุคบอกแล้วเดินนำขึ้นบันไดไปอีก 2 ชั้น
ที่รออยู่ชั้น 4 ก็ยังเป็นวิญญาณที่ถูกผูกไว้ ไม่ใช่ปีศาจที่กำลังตามหาอยู่เช่นเดิม
วิญญาณตนนี้ปรากฏตัวอย่างชัดเจน และยืนรออยู่ เมื่อลุคและบลูก้าวขึ้นมาถึงบันไดขั้นสุดท้ายก็พุ่งตรงเข้ามาหาทันที
บลูก้าวถอยลงมารออยู่ที่ช่วงพักบันได ปล่อยให้ลุคสู้กับวิญญาณผู้ชายตัวใหญ่
วิญญาณตนนี้มีสีดำทั้งร่าง และเมื่อมาเจอกับลุคที่ก็สวมชุดดำเหมือนกัน สิ่งเดียวที่มองเห็นชัดเจนก็คือปลอกข้อมือของลุค
แรงปะทะกันของมวลอากาศทำให้เกิดเสียงดัง และเกิดแรงสั่นสะเทือน วิญญาณผู้ชายอีกหลายคนเดินผ่านผนังห้องจากทางฝั่งซ้ายขวา แล้วหยุดยืนจ้องมองการต่อสู้
การที่วิญญาณเหล่านี้เป็นสีดำทำให้ไม่รู้ว่านี่คือนักศึกษา หรือวิญญาณที่ถูกดึงมาจากที่อื่น
ส่วนห้องโถงของชั้น 4 ซึ่งมีเพียงนาฬิกาที่ผนังกับหลอดไฟ ก็แตกกระจายไปในทันทีที่ทั้งคู่เริ่มการต่อสู้ ไม่เหลืออะไรให้วิญญาณเหล่านี้ขว้างปาใส่ลุคอย่างวิญญาณผู้หญิงที่ชั้น 1 ทำ ดังนั้นการต่อสู้ของพวกมันคือพยายามพุ่งเข้าหาลุคแต่ก็ถูกปัดออกไป แต่พวกมันก็ลุกขึ้นมาใหม่แล้วพุ่งตรงเข้าหาอีกครั้ง
บลูนึกสงสัยว่าทำไมลุคถึงไม่ใช้ตาข่ายส่งวิญญาณ จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาต่อสู้กัน
ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังขึ้นจากทางด้านหลัง จากที่ห่างไกลที่กำลังเลื่อนเข้ามาใกล้
บลูหมุนตัวหันมา
ชายในชุดคลุมสีน้ำตาลเข้มลอยตัวอยู่กลางอากาศในระดับความสูงอาคาร 4 ชั้น
เพราะภายนอกยังมีแสงสว่างของไฟจากอาคารอื่น ทำให้บลูเห็นใบหน้า ที่แน่ใจว่าไม่เคยรู้จัก ไม่เคยพบเห็นกันมาก่อน แต่บลูรู้จักไอปีศาจของชายคนนี้ ที่ไม่มีไอของสิ่งมีชีวิตอื่นเจือปน รู้ว่าปีศาจตนนี้ใช้คาถาของพ่อมด
นี่คือพ่อมดดำที่ขายวิญญาณให้ปีศาจ
ในเสี้ยววินาทีหนึ่ง บลูเข้าใจแล้วว่าทำไมลุคถึงได้คิดแต่จะพาเขาไปหลบซ่อน 
บลูเหยียดแขนกางมือวางซ้อนไขว้กันเพื่อเตรียมความพร้อม
ลุคสะบัดมือ 1 ครั้งปลอกข้อเปลี่ยนเป็นโซ่ยาว วาดวงกลมล้อมรอบ เพื่อผลักดันวิญญาณรอบตัวให้ถอยห่างออกไป
ชายคนหนึ่งวิ่งขึ้นบันไดมาหา พร้อมกับคำรามดังก้อง แล้ววิ่งผ่านบลูไปแทนที่ลุค ทำให้ลุคสามารถละจากการต่อสู้ข้างหน้า พุ่งตัวออกไปหาปีศาจที่มีเวทย์มนตร์ตนนั้นในทันที
เสียงร่ายคาถาของปีศาจดังก้อง แต่ลุคฟาดโซ่เส้นยาวใส่
บลูหันกลับไปมองผู้ที่เพิ่งมาถึง
จัสติน!
ชายชาวเยอรมันใช้คาถาต่อเนื่องเหวี่ยงวิญญาณกระเด็นไปพร้อมกับการเผาเป็นเถ้าถ่าน แต่เถ้าถ่านนั้นก็กลับก่อตัวขึ้นมาใหม่
ขณะที่การต่อสู้ของลุคกับปีศาจต้นนั้นที่ด้านนอกก็เป็นไปอย่างหนักหน่วง
ลุคที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศทำให้บลูมีอีกคำถามที่ต้องถามให้รู้เรื่องเมื่อเสร็จสิ้นจากเรื่องราวตรงนี้ แต่เมื่อหันไปมองวิญญาณที่จัสตินเผาไปแล้ว แต่ก็ยังกลับมาใหม่ได้ทุกครั้ง บลูก็นึกถึงกระดาษแผ่นนั้น และคำถามที่ว่า นักศึกษาที่เคยมาที่นี่ก่อนหน้านี้มีจำนวนเท่าไหร่และพวกเขาอยู่ที่ไหน
บลูต้องขึ้นไปที่ชั้น 5 และถ้ายังหาไม่เจออาจต้องขึ้นไปถึงดาดฟ้าอาคาร แต่การจะขึ้นไปก็คือต้องผ่าน ‘สนามรบ’ ของจัสติน
ที่จริงบลูสามารถเปลี่ยนร่างเป็นนกฮูกสีขาว หรือเป็นควันสีขาวเพื่อที่จะขึ้นไปข้างบนได้อย่างสบาย ๆ แต่ตอนนี้ทำไม่ได้ เพราะทั้งวิญญาณและปีศาจที่อยู่ด้านนอก
เมื่อจัสตินเผาวิญญาณไปร่างหนึ่ง บลูก็รีบวิ่งขึ้นไปด้านบน แต่วิญญาณตัวใหญ่ที่เฝ้าชั้นนี้มาตั้งแต่แรกเปลี่ยนจากการโจมตีจัสตินเข้ามาหาบลูทันที
สิ่งเดียวที่บลูทำได้ คือการใช้ลูกไฟผลักดันให้ถอยออกไป 
จัสตินเปลี่ยนมาคุ้มครองบลูให้ขึ้นไปถึงชั้น 5 แต่วิญญาณเหล่านั้นก็โผล่ขึ้นจากพื้นอาคารสกัดบลูไว้อีก
ถึงเวลาที่บลูต้องสู้แบบหันหลังชนกันกับจัสติน
อาคาร 5 มีห้องเรียนทั้งซ้ายและขวา แต่มีบันไดที่ขึ้นไปยังชั้นดาดฟ้า คาดเดาไว้ล่วงหน้าเลยว่ามันจะต้องปิดล็อก ดังนั้นก่อนที่จะไปสำรวจห้องเรียน บลูก็เบี่ยงเบนความสนใจด้วยการใช้พลังพังประตูบ้านนั้นก่อน แต่ทันทีที่ประตูบ้านนั้นพังลง ก็เป็นเรื่องของ ‘ความรู้สึก’ ล้วน ๆ ว่าสิ่งที่กำลังตามหาอยู่ที่ดาดฟ้า
วิญญาณสีดำร่างใหญ่ที่เฝ้าชั้น 4 พุ่งตรงเข้าหาเพื่อขัดขวางไม่ให้ขึ้นไปด้านบน บลูจึงใช้ลูกไฟผลักวิญญาณตนนั้นให้นำทางขึ้นไปข้างบนก่อน จากนั้นก็พุ่งตัวตามออกมา
บนดาดฟ้าอาคารนอกจากลานโล่งก็คือห้องไฟฟ้าที่มีป้าย ‘ห้ามเข้ากระแสไฟฟ้าแรงสูง’ ติดอยู่ที่ประตูห้อง
จัสตินตามขึ้นมาแล้วดึงวิญญาณตัวใหญ่ให้ออกมาห่างจากบลู
เสียงท่องคาถาของจัสตินดังปกคลุมทุกตารางนิ้วของชั้นดาดฟ้าแห่งนี้
บลูพังประตูห้องอีกครั้ง แล้วเรียกไฟสีฟ้าไว้ที่ปลายนิ้วทั้ง 5 จัสตินหันมามองแวบหนึ่งแล้วหันไปจัดการเผาวิญญาณที่ตามขึ้นมา
ท่ามกลางความมืด บลูมองเห็นได้ชัดเจนกว่ายามอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์ ที่จุดไฟก็เพื่อให้จัสตินช่วยมองหา แต่เมื่อไม่มาช่วยกันหา ก็เลยดับไฟแล้วใช้ดวงตาของนกฮูกมองไปทั่วห้องขนาดประมาณ 4 ตารางเมตรนั้น
ไม่มีวัตถุใดในห้องนี้ที่ให้ความรู้สึกถึงการเป็นเครื่องรางเลยสักชิ้น
บลูหันไปมองตู้ไฟ
เอาจริง ไม่มีความรู้เรื่องไฟฟ้าสักเท่าไหร่ แต่แน่ใจว่าถ้าทำอะไรผิดพลาดขึ้นมาอาจกลายเป็นการวางเพลิงอาคารหลังนี้ แต่ยิ่งคิดนาน คนที่จะแย่ก็คือจัสตินที่ต้องต่อสู้กับวิญญาณเหล่านั้น
มันคงดูโง่ไปสักนิดที่บลูพยายามใช้อุปกรณ์ที่มีอยู่ในห้องทำลายกุญแจตู้ไฟ เพราะไม่อยากให้เกิดประกายไฟ แล้วกลายเป็นการพังประตูตู้อีกครั้ง
เมื่อมองดูด้วยสายตามนุษย์ตู้นี้ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่บลูมองเห็นว่ามุมบนด้านขวามือของตู้ มีกล่องยาวขนาด 2x8 นิ้วติดอยู่
กล่องนี้ถูกกำกับไว้ด้วยคาถาพรางตาทำให้มนุษย์ทั่วไปมองไม่เห็น ทั้งซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธาตุไฟทำให้ปีศาจตนอื่น และนักล่าปีศาจหาไม่พบ
บลูดึงกล่องนั้นลงมา แล้วออกมาหาจัสตินที่ด้านนอกห้อง วิญญาณทั้งหมดหยุดโจมตีแต่เข้ามาล้อมรอบทั้ง 2 ไว้
จัสตินให้สัญญาณด้วยการพยักหน้า บลูก็ส่งกล่องให้เพราะไม่รู้วิธีการทำลายเครื่องรางนี้ จัสตินจึงรับมาแล้วหันไปหาลุค ชูกล่องนั้นขึ้นสูง
พวกวิญญาณที่ล้อมรอบอยู่ ขยับเข้ามาหาพร้อมกัน แต่บลูผลักออกไป ส่วนจัสตินหันมาเผาพวกมันอีกครั้ง

การต่อสู้ของลุคกับปีศาจตนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แม้จะเป็นถึงมือปราบแห่งวาติกัน แต่เจ้าปีศาจที่แฝงตัวอยู่ในมหาวิทยาลัยมาเป็นเวลานานก็ย่อมรู้วิธีที่จะหลีกเลี่ยงและรับมือกับพวกมือปราบ
ปลอกข้อมือเปลี่ยนเป็นดาบคู่เรียกสายฟ้าฟาดใส่ปีศาจร้าย แต่เจ้าปีศาจก็เรียกงูตัวใหญ่ขึ้นมารับสายฟ้านั้น
กลิ่นคาวและเศษชิ้นเนื้อที่กระจายไปทั่วยืนยันว่าปีศาจตนนี้สามารถเรียกสัตว์ร้ายออกมาได้จริง มิใช่แค่ภาพลวงตา
ลุคพยายามดึงปีศาจออกมาให้ห่างจากบลู แต่เมื่อจัสตินชูกล่องเครื่องรางขึ้นสูง เจ้าปีศาจก็เปลี่ยนเป้าหมายไปหาจัสตินทันที
ลุคเรียกสายฟ้าอีกครั้งเพื่อผลักดันให้ปีศาจตนนั้นห่างออกไป แต่ตนเองพุ่งกลับมาหาจัสติน
รับกล่องเครื่องรางไว้
แล้วยืนอยู่บนราวกันตกของชั้นดาดฟ้า
ลุคที่มือหนึ่งถือดาบยาว อีกมือหนึ่งถือกล่องเครื่องรางไว้ ปลอกข้อมือลายอักขระสีน้ำตาลเคลื่อนที่กำลังส่องประกาย
สีหน้าท่าทางเต็มเปี่ยมไปด้วยอำนาจ
ทั้งที่อยากรู้ว่าลุคจัดการกับกล่องเครื่องรางอย่างไร แต่จัสตินรีบหมุนตัวบังคับให้บลูหันหลังชนกันเพื่อเฝ้าระวังวิญญาณที่กำลังล้อมเข้ามา แม้จะคาดเดาได้ว่าปีศาจตนนั้นเห็นบลูแล้ว แต่เพราะทั้ง 3 คนไม่ได้พูดอะไร ต่างมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับวิญญาณและปีศาจ จนไม่เปิดโอกาสให้ปีศาจตนนั้นมีเวลาได้คิดว่า ‘ปีศาจนกฮูกสีขาว’ ที่กำลังตามหาอยู่ข้างหน้านี่เอง
ปีศาจส่งเสียงคำรามในลำคอ รวบรวมพลังเพื่อโจมตีก่อนที่ลุคจะทำลายกล่องเครื่องราง
แต่เหล็กแหลมจากปลอกข้อมือแทงทะลุกล่องเครื่องรางก่อนที่ปีศาจตนนั้นจะขยับตัวเสียอีก!
วิญญาณสีขาวกลุ่มหนึ่งพุ่งออกมาจากกล่องไม้
ท่ามกลางความมืดของเวลากลางคืน ปรากฏจุดสีขาวที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ดึงเหล่าวิญญาณสีขาวเหล่านั้นเข้าไปทั้งหมดแล้วปิดตัวลงในทันที
แต่ในเวลาเดียวกันเหล่าวิญญาณสีดำที่ล้อมรอบอยู่ส่งเสียงกรีดร้องและบิดตัวด้วยความทรมาน จากนั้นก็สลายตัวไปทั้งหมด
จัสตินคว้าข้อมือบลูให้วิ่งลงมาที่ชั้นล่าง แล้วจับให้ซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ขับออกไป

(มีต่อครับ)

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
OWAZA ตอนที่ 10 (28/7/63)
«ตอบ #134 เมื่อ28-07-2020 20:18:11 »

(ต่อครับ)

สถานที่ที่จัสตินพากลับมาย่อมต้องเป็นร้านกาแฟร้านนั้น
ชายชาวเยอรมันยังคงไม่ได้พูดอะไร พอพามาถึงก็ชี้ให้เข้าไปรอภายในร้านส่วนตัวเองเดินดูไปรอบ ๆ แม้ในเวลานี้ร้านค้าในละแวกใกล้เคียงจะปิดหมดแล้ว แต่แสงไฟถนนหน้าร้านก็ยังเปิดสว่าง จัสตินดีดนิ้วหนึ่งครั้ง ไฟก็ดับลง
รออยู่นานกว่า 1 ชั่วโมงรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ของลุคจึงกลับมาถึง 
ทันทีที่เดินเข้ามาในร้านคนตัวใหญ่ก็ตรงเข้ามาหาบลู จับที่ใบหน้า และแขนเพื่อสำรวจอาการบาดเจ็บ เมื่อเห็นว่าไม่เป็นไรถึงได้หันไปหาจัสติน
“ขอบใจในความเป็นห่วงนะเจ้านาย” จัสตินประชดแล้วเดินผ่านไปรินน้ำดื่ม
“ปีศาจตนนั้นเห็นฉัน” บลูบอกด้วยความกังวล
ลุคพยักหน้า
“แต่นายบอกว่ามันไม่ใช่ซอว์นีย์”
“ไม่ใช่”
ลุคหันไปขอบใจจัสตินและรับน้ำดื่ม ส่วนบลูหันไปมองข้างนอกร้าน รับรู้ว่าตกเป็นเป้าสายตาของลุคและจัสตินแต่บลูเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง
ทั้ง 3 คนต่างนั่งอยู่เงียบ ๆ จนได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ผ่านหน้าร้าน บลูถึงลุกขึ้นอีก 2 คนก็ลุกตาม
“ฉันนอนที่ห้องข้างบนได้ไหม”
“ได้” ลุคบอกแล้วหันไปพยักหน้ากับจัสติน ที่บอกว่าจะรออยู่ในร้าน

บลูแยกไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตัว ขณะที่ลุคปิดม่านหน้าต่างซ้อนด้วยผ้าผืนใหญ่จนห้องตกอยู่ในความมืดสนิท แล้วยืนรอ แต่บลูที่ออกมาจากห้องน้ำเดินผ่านไปแล้วนอนที่เตียงใหญ่ในห้อง
ลุคยืนมอง และรอจนบลูหลับไปแล้วถึงได้ออกจากห้องนอนลงไปหาจัสติน ก่อนที่จะเริ่มบทสนทนา ลุคใช้นิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากไม่ให้พูด เพราะรู้ว่าบลูจะได้ยินเสียงสนทนา
จัสตินใช้นิ้วชี้วิธีเขียนตัวหนังสือเหนือจากโต๊ะประมาณ 1 นิ้ว เพราะถ้าเขียนลงกับพื้นโต๊ะ บลูจะได้ยินเสียงเสียดสีที่เกิดขึ้นเช่นกัน
‘พูดอะไรไหม’
ลุคส่ายหน้า
‘แต่พวกเราต้องกลับไปค้นหาของในห้องของเขา’
ลุคกอดอกแล้วพยักหน้า
จัสตินและฌ็องส์เคยไปที่ห้องนั้นแล้ว ตอนที่ย้ายเครื่องเรือนหลายชิ้นไปที่นั่น แต่ทั้งคู่ไม่สามารถเข้าไปในห้องนอนของบลู
“เจ้าปีศาจนั่นเรียกว่าอะไร”
“มิธ” (Myth)
“มิธ” จัสตินทวนแล้วส่งเสียงฮึ หันมาเห็นว่าลุคมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามก็อธิบายเพิ่ม “ชื่อเชยมาก แล้วก็ออกไปทางกลาง ๆ คาดเดาสภาพแวดล้อมได้ยาก”
“คิดว่ารู้จัก”
“ฉันได้เห็นหน้ามันชัด ๆ สักวินาทีไหม” จัสตินโวยวาย ขณะที่เขียนตัวอักษรเหนือโต๊ะอีกครั้ง ‘เด็กคนนั้นใช้พลังเพื่อกำจัดวิญญาณและปีศาจพวกนั้นไม่ได้’
ลุคตอบ “ไม่”
“ได้เบาะแสอะไรจากเจ้านั่นหรือเปล่า” จัสตินถาม ‘เขามีชีวิตรอดมาได้อย่างไร’
“ไม่” ลุคตอบ ‘เขาปราบพวกวิญญาณเล็ก ๆ ที่หลงลืมตัวตนไปแล้วได้ ระมัดระวังตัวมาก และหนีได้เร็วมาก’
“ที่ใช้เวลานานเพราะกำจัดเจ้านั่นเสร็จ ฉันตรวจดูอาคารเรียนทั้งหลัง แล้วก็ไปคุยกับวิญญาณที่อยู่ละแวกนั้น ส่วนใหญ่รู้แค่ว่ามีช่างไฟคนหนึ่งเอาของที่มีไอปีศาจเข้ามา พวกเขาก็หลีกเลี่ยง”
จัสตินพยักหน้าทำความเข้าใจทั้ง 2 เรื่องไปพร้อมกัน
แปลว่าช่างไฟต้องรู้จักเจ้าปีศาจตนนั้นก่อน จากนั้นก็อาจจะถูกควบคุม หรือไม่ก็มีข้อตกลงแลกเปลี่ยนเพื่อนำเครื่องรางมาที่มหาวิทยาลัย แล้วปีศาจจึงตามเครื่องรางเข้ามา พร้อมกับวิญญาณสีดำเหล่านั้น ที่นำมาผูกไว้ที่อาคารเรียน เพื่อเฝ้ากล่องเครื่องรางที่กักวิญญาณนักศึกษาไว้ข้างใน
“วิญญาณสีดำเหล่านั้น เคยเป็นแหล่งพลังงานที่ดีสำหรับมัน แต่เพราะตัวมันเองที่เลือกจะเข้าสู่โลกมืดมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้วิญญาณเหล่านั้นถูกกลืนกินไปด้วย ถ้าเราไม่ได้ปล่อยวิญญาณนักศึกษาออกมา อีกไม่นานพวกเขาก็จะเป็นเหมือนกัน”
“แต่นายทำลายเครื่องรางไปทั้งกล่อง วิญญาณทั้งหมดหายไปแล้ว นายก็ยังต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ถึงกำจัดมันได้”
“มันค่อย ๆ อ่อนแรงลง”
จัสตินบอก “อย่างนั้นฉันจะกลับไปพักก่อน แล้วจะกลับไปดูที่มหาวิทยาลัยอีกรอบ เผื่อว่าจะยังมีปีศาจหรือเครื่องรางอื่น ๆ อยู่อีก”
ลุคพยักหน้า “ระมัดระวังด้วย ฉันสงสัยว่า ปีศาจนั่นจะเกี่ยวข้องกับซอว์นีย์”
“ซอว์นีย์มันไม่ทำอะไรยุ่งยาก ยิ่งเรื่องใช้มนุษย์ถือเครื่องรางของมันยิ่งเป็นไปไม่ได้”
“แต่การกักขังวิญญาณไว้กับเครื่องรางคือวิธีของมัน”
จัสตินรับทราบ แต่ก็อดไม่ได้ทีจะเอียงหน้าขึ้นไปมองชั้นบนอีกครั้ง
ปกติแล้วเวลาที่ทำงานเสร็จ ทั้ง 2 คนจะต้องไปคุยกันที่ ที่พักของสาธุคุณเพื่อสรุปการทำงาน หาข้อบกพร่อง จุดที่ทำให้งานสำเร็จ การตั้งข้อสังเกตและวางแผนการทำงานต่อไป แต่ตอนนี้ทำไม่ได้ เพราะบลูอยู่ที่ชั้นบน แล้วลุคก็ไม่วางใจที่จะปล่อยบลูไว้ตามลำพัง
อีกเรื่องก็คือ ลุคไม่ต้องการให้บลูพบกับสาธุคุณ เพราะหนึ่งคือปีศาจอีกหนึ่งคือสาธุคุณ ตอนที่พบกับจัสตินที่เป็นผู้พิทักษ์ยังตรงเข้าจู่โจมในทันที
หากบลูพบกับสาธุคุณแล้วโจมตีในทันที คนที่บาดเจ็บต้องเป็นสาธุคุณอย่างแน่นอน
“ช่วง 5 ปีมานี้เราเจอพวกที่เลือกใช้แนวทางบางอย่างของซอว์นีย์บ่อยขึ้น ว่าไหม” จัสตินบอก “ทั้งในเอเชีย และยุโรป นายยังคิดว่าฐานสำคัญของมันอยู่ที่สกอตแลนด์อยู่หรือเปล่า”
ลุคพยักหน้า กลุ่มซอว์นีย์มีจุดเริ่มต้นอยู่ที่สกอตแลนด์ หากจะกำจัดให้หมดสิ้นก็ต้องกลับไปค้นหาแล้วกำจัดอย่างเด็ดขาด แต่ทั้งลุคและมือปราบอีกหลายคน ค้นหาสถานที่ต้องสงสัยหลายแห่ง และผลัดเปลี่ยนกันติดตามผู้ต้องสงสัยมาตลอดเวลาที่ยาวนานก็ยังไม่พบ ความเห็นที่ว่าพวกมันอาจย้ายไปที่อื่นแล้วก็มีขึ้นมาตลอด
ลุคมีหน้าที่หลักคือการปราบปรามพวกซอว์นีย์ แต่ทันทีที่พบบลู เป้าหมายในการทำงานทั้งหมดก็เปลี่ยนไป
‘ฉันคือผู้พิทักษ์ของนาย อยู่ข้างเดียวกับนายอยู่แล้ว ต่อให้นายกำลังเสียเวลาเพราะการแก้ไขบาปในอดีตของนายอยู่ก็ตาม’ จัสตินเขียนตัวหนังสือเหนือโต๊ะอีกครั้ง
‘ทั้งหมดนี้คือเรื่องเดียวกัน’ ลุคเขียนตอบ ขณะที่กล่าวคำ “นายกลับไปพักก่อนเถอะ”
“แล้ว...”
“ฉันต้องรอปิดบ้าน”
จัสตินกลอกตาด้วยความเบื่อหน่าย ที่จู่ ๆ ก็ถูกตัดบท ไล่ให้กลับไปพัก
“เห็นแถวนี้เงียบ ๆ ก็มีขโมยเหมือนกันนะ” ลุคบอกยิ้ม ๆ ขณะที่จัสตินเดินไปที่รถมอเตอร์ไซค์แล้วสตาร์ทรถออกไป
ลุคปิดประตูบ้านแล้วกลับขึ้นมาอาบน้ำจากนั้นก็กลับไปนอนลงข้างบลู
ภายในห้องนอนที่ปิดทึบ ร่างที่นอนหลับอยู่ใต้ผ้าห่มหนา ไม่ขยับตัวแม้สักนิด หน้าอกไม่ได้ขยับตามการหายใจ และไม่ได้ยินเสียงลมหายใจ
ไม่มีสัญญาณใดที่บ่งชี้ว่าผู้ที่นอนหลับอยู่ข้างกันมีชีวิต
มือใหญ่เกลี่ยเส้นผมที่ระหน้าผากสวย ไล่ตามคิ้ว สันจมูก แก้ม แล้วกระชับผ้าห่มให้
บลูกังวลว่าอาจถูกจดจำได้จึงยอมอยู่กับลุคในวันนี้เพื่อไม่ให้เกรสต้องตกอยู่ในความเสี่ยง
การตามล่ามาอย่างยาวนานเปลี่ยนแปลงทุกความรู้สึกไปยังจุดหมายปลายทางเดียวกัน คือความโกรธแค้น
ความกังวลของลุคมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่เห็นการต่อสู้ของบลู ที่เราไม่ควรเรียกว่าเป็นการป้องกันตัว และหลบหนีมากกว่า
วันของการเผชิญหน้ากันต้องมาถึงในสักวัน
“ก่อนที่จะถึงวันนั้น ได้โปรดอยู่กับฉันได้ไหม ฉันอยากมองเห็น อยากได้ยินเสียง อยากมีนายอยู่ใกล้ ๆ
ยังมีเรื่องที่ฉันอยากทำให้นาย โอเวน ไร้ท์ ฉันรักนาย”

..จบตอนที่ 10...
คุณครับ ขอรีพลายเป็นกำลังใจสักนิดนะครับ
ขอบคุณครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-07-2020 20:28:20 โดย MyTeaMeJive »

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: OWAZA ตอนที่ 10 (28/7/63)
«ตอบ #135 เมื่อ28-07-2020 22:33:07 »

ตกลงลุครักโอเวน หรือ บลู

ออฟไลน์ uniko

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: OWAZA ตอนที่ 10 (28/7/63)
«ตอบ #136 เมื่อ29-07-2020 11:59:40 »

บลูก็คือ โอเวนใช่ไหมๆๆๆ  :hao7:


อยากรู้มากว่า โอเวนหนีออกจากคุกแล้วมาอยู่ในร่างนกฮูกได้ไง  :hao4:


งือๆๆ พี่ลุคปกป้องน้องด้วยนะ อย่าให้น้องหายไปอีก :call:


ลุ้นอ่ะ ตอนต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น :katai1:

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: OWAZA ตอนที่ 10 (28/7/63)
«ตอบ #137 เมื่อ29-07-2020 20:43:52 »

น่านนนนนน.

ออฟไลน์ Iammai2017

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: OWAZA ตอนที่ 10 (28/7/63)
«ตอบ #138 เมื่อ30-07-2020 19:33:51 »

โห คิดไม่ถึงเลย
คนแต่งเก่งมากกกกกกก
 :L2:

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: OWAZA ตอนที่ 10 (28/7/63)
«ตอบ #139 เมื่อ04-08-2020 14:34:21 »


วันที่อ่านวันแรก เม้นไว้ซะเยอะ แต่ข้อความไม่ขึ้นซะงั้น  :sad4:



ตื่นเต้นอ่ะ คือเค้ารวมร่างกันใช่ป่ะ แล้วมันจะต้องคืนร่างให้อีกคนยังไงอ่า


รอตอนต่อไปจ้า


 :กอด1:  +  :pig4:



 



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: OWAZA ตอนที่ 10 (28/7/63)
« ตอบ #139 เมื่อ: 04-08-2020 14:34:21 »





ออฟไลน์ uniko

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: OWAZA ตอนที่ 10 (28/7/63)
«ตอบ #140 เมื่อ16-08-2020 15:47:50 »

รออย่างลุ้นๆ :hao7:


คอนหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างน๊า
  :katai2-1:

รอๆๆๆ

ออฟไลน์ yupinka

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: OWAZA ตอนที่ 10 (28/7/63)
«ตอบ #141 เมื่อ16-08-2020 20:12:07 »

 :pig4: รอตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ jj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: OWAZA ตอนที่ 10 (28/7/63)
«ตอบ #142 เมื่อ16-08-2020 22:02:24 »

ถึงจะซับซ้อน
แต่เมื่อค่อยๆอ่านแล้ว
สนุกมากกกกค่า
เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนนะคะ

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: OWAZA ตอนที่ 10 (28/7/63)
«ตอบ #143 เมื่อ17-08-2020 08:59:12 »



   ก๊อก กีอก ก๊อก

   หอบหมอนหอบเสื่อมารอแล้วจ้า

    :กอด1:



ออฟไลน์ uniko

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: OWAZA ตอนที่ 10 (28/7/63)
«ตอบ #144 เมื่อ20-08-2020 09:11:13 »

พี่มารอนีองบลูที่ท่าน้ำทุกวันเลย :impress2:


เมื่อไรน้องจะมา


 :ling1:


คิดถึงแล้ววววว

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: OWAZA ตอนที่ 10 (28/7/63)
«ตอบ #145 เมื่อ20-08-2020 16:06:13 »




 :L2:


คิดถึงแล้วจ้าาาาาา



 :L2:


ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: OWAZA ตอนที่ 10 (28/7/63)
«ตอบ #146 เมื่อ21-08-2020 14:22:55 »



 :z13:

 :z13:

รออยู่จ้า


 :z13:

 :z13:

ออฟไลน์ uniko

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: OWAZA ตอนที่ 10 (28/7/63)
«ตอบ #147 เมื่อ24-08-2020 20:14:49 »

มาอ๊ะยัง


 :ling1:


มาอ๊ะยัง


 :ling1:


มาอ๊ะยัง


 :ling1:


รออยู่น๊า

ออฟไลน์ @PurPle SuN@

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: OWAZA ตอนที่ 10 (28/7/63)
«ตอบ #148 เมื่อ24-08-2020 20:30:36 »

มาแล้วววววว

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: OWAZA ตอนที่ 10 (28/7/63)
«ตอบ #149 เมื่อ24-08-2020 20:41:29 »

มารึยังน้า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด