หักเหลี่ยมรักซาตาน
บทที่ 8
ปักบุญจำได้ว่าเขาทิ้งถุงขนมที่เด็กหญิงแมงปอหิ้วมาฝากลับหลังแมงปอเดินเข้าห้องเรียนอยู่หลายวัน จนกระทั่งในวันสุดท้ายของสัปดาห์ และวันนั้นเองที่พ่อของแมงปออดรนทนไม่ไหวถึงกับต้องเดินลงมาจากรถเพื่อมากอดอกยืนมองขณะปักบุญหย่อนถุงขนมลงในถังขยะ
“ขนมมันมีความผิดอะไรถึงต้องโยนมันทิ้ง”
น้ำเสียงยียวนข้องใจดังขึ้นเบื้องหลัง ปักบุญแอบสะดุ้งอยู่ในใจก่อนจะเชิดหน้าขึ้นแล้วค่อยหันไปเผชิญหน้าเจ้าของเสียง
“เด็กเป็นห่วง อุตส่าห์คะยั้นคะยอให้ฉันแวะซื้อมาฝากคุณครูที่รักทุกวัน ถ้าแมงปอรู้ว่าคุณครูปฏิเสธความหวังดีด้วยการโยนทิ้งถังขยะเด็กมันจะเสียใจแค่ไหน แล้วถ้าเกิดกลายเป็นปมในใจไปตลอดชีวิตล่ะใครจะรับผิดชอบ”
อยากจะถอนหายใจกับคำพูดที่ฟังออกว่าทินภพกำลังประชดประชัน ปักบุญไม่เข้าใจว่าทำไมทินภพถึงยังตามมารังควาญเขาอีกทั้งที่อีกฝ่ายก็ได้ในสิ่งที่ต้องการไปหมดแล้ว
“ผู้ปกครองไงครับที่ต้องประคับประคองให้เด็กผ่านเรื่องพวกนี้ไปให้ได้ คุณจะมาพึ่งพาแต่ครูที่โรงเรียนได้ยังไง เป็นพ่อเป็นแม่คนก็ต้องดูแลลูกที่เกิดมา เว้นเสียแต่ว่าผู้ปกครองไม่มีวุฒิภาวะพอที่จะดูแลบุตรหลานได้”
แสบนักนะ!
ทินภพจ้องมองใบหน้าเปื้อนยิ้มเย็นๆ ที่เชือดเฉือนเขาด้วยวาจา เห็นหน้าอ่อนๆ ใสๆ แต่ร้ายไม่ใช่เล่น ไม่เคยมีใครมายืนเถียงกลับเขาฉอดๆ แบบนี้ยกเว้นคนที่ชื่อปักบุญ บุคคลที่ทินภพมองด้วยความดูหมิ่นดูแคลนมาตลอด
แต่ทำไมเขาต้องพาตัวเองมาให้ปักบุญต่อว่าด้วยทินภพก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ยิ่งมองปากอิ่มสีแดงตามธรรมชาติขยับเคลื่อนไหวยามกล่าวตอบโต้กลับกลายเป็นยิ่งเพลิดเพลินไปอีก เขาเผลอมองกลีบปากที่รู้แล้วว่ารสชาติหวานแค่ไหนจนกระทั่งปักบุญพูดจบสติจึงเพิ่งจะกลับเข้าตัว
“ช่างเถอะ ฉันไม่อยากจะเถียงเรื่องแมงปอกับนายนักหรอกปักบุญ เอาเป็นว่าฉันอยากให้นายรู้ไว้ แมงปอน่ะชอบนายมาก ทั้งที่ไม่เห็นจะมีอะไรน่าชอบสักนิด ถึงนายจะเกลียดฉันมากแต่ควรจะเข้าใจความรู้สึกของเด็กด้วย อย่าให้เสียชื่อว่าเป็นถึงครูบาอาจารย์แต่ไม่เข้าใจเด็กก็แล้วกัน”
ปักบุญอ้าปากค้างเมื่อฟังทินภพพูดจบ ร่างสูงเดินหันหลังหนีไปที่รถทันทีปล่อยให้ปักบุญมองตามหลังแล้วแอบเบ้ปากใส่
“คนอะไรปากจัดชะมัด”
แต่คำพูดที่ทินภพพูดมาก็เป็นเรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ พักกลางวันขณะดูแลนักเรียนรับประทานอาหารปักบุญจึงเดินไปหาแมงปอ
“อาหารอร่อยไหมคะแมงปอ”
แก้มยุ้ยยิ้มน่ารักเมื่อปักบุญเดินไปหา แมงปอเป็นเด็กร่าเริงแจ่มใสผิดกับบิดาลิบลับ ปักบุญเดาว่าแม่ของแมงปอต้องเป็นสตรีอารมณ์ดี แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเมื่อคิดถึงเรื่องนี้จะต้องเจ็บแปลบที่หน้าอกด้วย
“อร่อยค่ะครูอาปัก แมงปอกินได้ทุกอย่างบนโลกนี้”
ปักบุญยิ้มขำ เขาโยกศีรษะของเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู
“แล้วเรื่องเรียนภาษาอังกฤษที่เคยบอกอา ตอนนี้ทำได้หรือยังคะ”
แมงปอหน้ามุ่ย เด็กหญิงแอบกระซิบไม่ให้ครูประจำชั้นเห็น
“พอได้ค่ะครูอาปัก แต่ครูต่ายชอบให้การบ้านยากๆ อยากให้ครูอาปักสอนให้จัง”
“ได้สิคะ ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนถามอาก็ได้ รับรองจะสอนให้แมงปอได้คะแนนเต็มเลย”
ปักบุญหลิ่วตาให้แมงปอก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะอาหารของนักเรียนชั้นที่เขาดูแลอยู่ และลืมเรื่องที่คุยกับเด็กหญิงไปแล้วจนกระทั่งกลับบ้านอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและทำรายงานวิทยานิพนธ์ที่ยังเหลือค้างอยู่ จนกระทั่งสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาแผดเสียงดังขึ้น ปักบุญย่นหัวคิ้วเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนโทรมาหา แถมยังเป็นการโทรแบบแสดงภาพอีกด้วย
“โทรมาทำไมอีก ผมบอกคุณแล้วไงว่า...”
“อาปัก แมงปอเองค่ะ”
ภาพเด็กหญิงแก้มยุ้ยปรากฏขึ้นจนเขาหยุดเสียงแทบไม่ทัน ปักบุญรีบเปลี่ยนหน้าบึ้งของเขาให้มีแต่รอยยิ้มทันที
“แมงปอ อานึกว่า เอ่อ ช่างเถอะ มีอะไรกับอาหรือเปล่าคะ”
“ครูต่ายให้การบ้านยากอีกแล้วค่ะ พ่อบอกว่าพ่อสอนไม่เป็นก็เลยให้แมงปอโทรหาอาปักให้สอนการบ้านแมงปอ”
เบื้องหลังเด็กหญิงไปไม่ไกลนักปักบุญมองเห็นพ่อของเด็กหญิงนั่นอ่านนิตยสารที่ถืออยู่ในมือ ปักบุญคลี่ยิ้มให้แมงปอและพยายามไม่สนใจทินภพ
“ไหนเอ่ย เดี๋ยวอาสอนให้”
ปักบุญคุยกับแมงปอพักหนึ่งก่อนเด็กหญิงก้มหน้าก้มตาไปทำการบ้านต่อ ตอนนั้นเองที่โทรศัพท์มือถือถูกทินภพถือไว้ในมือ ปักบุญส่ายหน้าใส่เขาคล้ายจะระอา
“คุณควรจะสอนการบ้านแมงปอ” ปักบุญส่งเสียงเข้มใส่เขา “การบ้านมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้ปกครองได้รู้ความสามารถและพัฒนาการของเด็ก คุณไม่ควรเพิกเฉยและปล่อยให้ลูกของคุณมีปัญหา”
“ฉันสอนการบ้านเด็กไม่เป็น”
ทินภพตอบง่ายๆ แต่ปักบุญยิ่งโมโหจัด
“การบ้านเด็กอนุบาลเนี่ยนะทำไม่ได้ จำได้ว่าพอจบม.ปลายคุณก็ไปเรียนต่อต่างประเทศ แล้วมาบอกว่าทำการบ้านเด็กอนุบาลไม่ได้ โธ่เอ๊ย คุณทินภพ”
จะว่าฉุนก็ฉุน ขำก็ขำเมื่อเห็นสีหน้าของปักบุญ เขาต้องรีบเก๊กหน้าดุกลบเกลื่อนรอยยิ้มที่อาจผุดขึ้นมาได้ทุกเมื่อ
“ไม่ได้บอกว่าทำการบ้านเด็กอนุบาลไม่ได้ บอกว่าสอนเด็กไม่เป็นต่างหาก เฮอะ ใครจะไปมีจิตวิทยาหลอกล่อเด็กได้เหมือนคุณครูปักบุญล่ะ”
“พ่อคุยอะไรกับอาปักคะ”
แมงปอเงยหน้าขึ้นถาม ทินภพหันไปยิ้มให้ลูกสาว
“พ่อบอกอาปักของแมงปอว่าให้ช่วยสอนการบ้านให้ลูกของพ่อหน่อยเท่านั้นเอง ถึงเวลาเข้านอนของแมงปอแล้ว มาสวัสดีคุณอาแล้วไปเข้านอนเถอะ”
เด็กหญิงขยับมามองจอโทรศัพท์พลางยิ้มแป้น
“อาปักสอนการบ้านง่ายจัง แมงปอทำได้หลายข้อแล้วค่ะ อาปักสอนแมงปออีกนะคะ”
“ได้สิคะ”
ปักบุญรับปาก เด็กหญิงเอ่ยคำลาก่อนวางสาย ปักบุญย่นจมูกใส่ราวกับโทรศัพท์ในมือคือทินภพ
“คนบ้า ชอบหาเรื่อง โทรหาคนอื่นค่ำๆมืดๆ เดี๋ยวเมียได้โมโหตายหรอก”
ปักบุญปิดแล็ปท็อป เขาไม่มีใจจะทำงานแล้วเมื่อหัวใจเต้นผิดจังหวะ เกลียดความรู้สึกปวดแปลบยามคิดถึงครอบครัวสุขสันต์พร้อมหน้าพ่อแม่ลูกของทินภพ
“ปักบุญ เลิกเพ้อเจ้อแล้วไปนอนได้แล้ว อย่ามัวแต่ไปคิดถึงคนที่ทำให้นายเจ็บทั้งกายและใจสิ”
ก้าวขึ้นเตียงพลางดึงผ้าห่มมาคลุมโปง ปักบุญพลิกกายไปมา ใจกระหวัดคิดถึงบทเรียนครั้งแรกและครั้งที่สองที่ทินภพบังคับ หากแต่รสชาติของการบังคับกลับทำให้เขาสุขสมอย่างปฏิเสธไม่ได้
“โอ๊ย อย่าไปคิดถึงคนแบบนั้น”
ใช้หมอนปิดหูตนเองแล้วหลับตาลงเพื่อหักห้ามความคิดเหล่านั้น ปักบุญต้องรีบสะกดตนเองด้วยข้อความซ้ำๆ
“ผมเกลียดคุณ ชาตินี้อย่าได้มาเจอมาข้องแวะกันอีกเลย”
มีต่ออีกนิด...