หักเหลี่ยมรักซาตาน
บทที่ 13
ทินภพขับรถมาหาปักบุญที่ไร่ชมจันทร์หลังจากไปส่งแมงปอที่โรงเรียนในตอนเช้าแล้วรู้ว่าปักบุญลาป่วย นึกแปลกใจอยู่ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรเพราะเท่าที่พบกันเมื่อวานนี้ปักบุญก็ยังแข็งแรงร่าเริงแจ่มใสดี ถือวิสาสะเดินเข้าไปในบ้านอย่างคุ้นเคยก่อนจะขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นสองแม่ลูกนั่งหน้าเครียดกันอยู่ที่โต๊ะรับแขก
“คุณน้าสวัสดีครับ ปักบุญเป็นอะไรทำไมถึงลาป่วย”
หันไปถามชายหนุ่มที่ทินภพเรียกได้ว่าเป็นคนที่เขารัก ปักบุญก้มหน้าอ้ำอึ้งทำตัวให้น่าสงสัยขึ้นไปอีก
“เอ่อ คุณทิน ผมไม่ได้เป็นอะไร”
มีหรือที่ทินภพจะเชื่อ ปักบุญเป็นคนที่โกหกไม่เก่งเอาเสียเลย ยิ่งพรรณีก้มหน้าแอบเช็ดน้ำตาเขาก็ยิ่งสงสัย ทินภพจึงเดินไปหาสองแม่ลูก
“เกิดอะไรขึ้น เอ๊ะ ทำไมโหนกแก้มช้ำแบบนี้ ปักบุญ! ตอบมาเดี๋ยวนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
ทินภพเชยคางบังคับให้ปักบุญหันหน้ามาทางเขาเพื่อจะได้มองให้ชัดเจน เมื่อเห็นแล้วถึงกับขบกรามกรอดเพราะมันเป็นร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกายแน่นอน หันไปมองพรรณีหญิงสูงวัยก็ดูบอบช้ำเช่นกัน ต้องมีอะไรเกิดขึ้นที่นี่แน่ๆ
“เล่าให้ฉันฟังเถอะ อย่าเห็นฉันเป็นคนอื่นสิ”
ปักบุญขอบตาร้อนผ่าว มือเรียวยกแตะรอยช้ำที่ใต้ตาก่อนจะยอมเล่าออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“เมื่อวานนี้พี่ปองมาที่นี่ เขาทำร้ายแม่กับผมแล้วแย่งเงินไปหมดเลย เงินที่เพิ่งได้จากการขายของที่ไร่ของคุณนั่นแหละ เงินที่ผมจะแบ่งให้เป็นค่าจ้างคนงานกับเอาไปลงทุน ไม่เหลือเลย”
นางพรรณีที่นั่งฟังบุตรชายอยู่ร้องไห้ไปด้วย หัวใจของคนเป็นแม่ยิ่งเสียใจหนักเมื่อลูกชายทำตัวเลวร้ายขนาดนี้
“ปักอยู่คุยกับคุณทินไปก่อนนะลูก เดี๋ยวแม่ไปดูคนงานทำงานก่อน”
ปักบุญมองตามหลังไหล่คู้ของมารดา ดูก็รู้ว่าพรรณีเสียใจแค่ไหน สีหน้าสลดของปักบุญทำให้ทินภพถอนหายใจออกมาด้วยความสงสาร
“โธ่เอ๊ย ปักบุญ”
เมื่ออยู่กันเพียงลำพังแล้วเขาจึงดึงปักบุญเข้ามากอด ยิ่งเห็นใจในตัวชายหนุ่มที่ต้องมาเผชิญกับเรื่องที่ตนเองไม่ได้เป็นคนก่อ ซ้ำก่อนหน้าตัวเขาเองยังเป็นหนึ่งในผลพวงของเรื่องเหล่านี้ซ้ำเติมปักบุญอีกด้วย
“ไม่เป็นไร เงินค่าจ้างคนงานเอาเงินฉันไปก่อนก็ได้”
“แต่ว่าคุณทิน...”
“อย่าดื้อสิ”
ทินภพลูบผมนุ่มเบาๆกดศีรษะปักบุญให้จมอยู่กับแผงอกของเขา
“ฉันรู้ว่านายไม่อยากได้เงินของฉัน แต่ว่าเหตุการณ์มันจำเป็น คนงานของนายก็ต้องการเงินค่าจ้างของเขาเหมือนกัน เพราะฉะนั้นรับเงินของฉันไปจ่ายก่อน ส่วนเรื่องลงทุนในไร่ก็ยังไม่ต้อง เดี๋ยวให้สมชัยเบิกพวกเมล็ดพันธุ์กับปุ๋ยจากไร่เชิญตะวันมาให้จะได้ไม่ต้องซื้อ”
“เยอะไปแล้วคุณทิน เดี๋ยวผมใช้หนี้คุณไม่หมด”
“ไม่ต้องจ่ายหรอกแค่นี้เอง นายเป็นเมียฉันนะ”
คนในอ้อมกอดเริ่มดิ้นรนขัดขืนเบาๆ ทินภพปล่อยให้ปักบุญผละออกจากอ้อมกอดมามองเขาหน้าคว่ำ
“ใครเมียคุณ”
“อ้าว ไอ้ที่ขึ้นสวรรค์ด้วยกันตั้งหลายรอบจะเรียกว่าอะไรถ้าไม่ใช่ผัวทำให้เมีย อารมณ์ดีขึ้นแล้วใช่ไหมล่ะ ไหน มาให้ดูหน้าชัดๆหน่อยซิ”
ปักบุญยอมให้ทินภพมองรอยช้ำที่ถูกปองชัยชกหน้าเมื่อวานนี้ มันกลายเป็นสีม่วงปนเขียวช้ำปื้นใหญ่บนผิวหน้าขาว ยิ่งเห็นทินภพก็ยิ่งโกรธ ถ้าไม่ติดว่าปองชัยเป็นพี่ชายปักบุญเขาคงส่งลูกน้องไปตามล่าแล้วกระทืบแก้แค้นไปแล้ว
“แล้วนี่จะทำยังไง พี่ชายนายต้องมาอีกแน่ถ้าเงินหมด ได้ข่าวว่าเขาไปเล่นบ่อนใหญ่ของคนมีอิทธิพลด้วย”
ปักบุญอึ้ง เรื่องนี้เขากับแม่ก็เป็นกังวลมากที่พี่ชายกลายเป็นคนติดการพนัน มีภรรยาก็ยังนิสัยเดียวกันอีกด้วย นึกถึงลูกในท้องพี่สะใภ้เมื่อวานแล้วเขาก็ยิ่งหดหู่ ถ้าลูกต้องคลอดมาท่ามกลางพ่อแม่ที่อยู่ในวงการพนัน
“ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่ไม่มีอะไรให้เอาไปอีกแล้ว เงินเดือนครูก็ยังไม่ออก เหลือติดในกระเป๋าสตางค์ไม่กี่ร้อยเอง”
ฝืนหัวเราะเสียงขื่นในโชคชะตาของตัวเอง ทินภพจึงช่วยตัดสินใจให้
“ไปอยู่กับฉันไหม ฉันจะได้ดูแลนาย ไม่งั้นไอ้ปองมันกลับมาทำร้ายนายอีก”
“แล้วแม่ล่ะครับ” ปักบุญนึกถึงมารดา “ถ้าพี่ปองกลับมาแล้วผมไม่อยู่ แม่จะทำยังไง”
นั่นสินะ ยังมีพรรณีและคนงานในไร่อีกจำนวนหนึ่งแม้จะไม่มากที่ยังอาศัยอยู่ในไร่ จะให้ปักบุญเอาตัวรอดเพียงคนเดียวคงไม่เหมาะ ทินภพหาทางอื่นจะเหมาะกว่า
“ฉันจะมาดูแลนายที่นี่ก็ยังไม่ได้ ช่วงนี้ที่ไร่กำลังมีงานยุ่งเหมือนกัน คงต้องส่งคนมาช่วยดูแลนายที่นี่ป้องกันไว้ก่อน แต่ว่านายต้องไปสถานีตำรวจ”
“แจ้งความหรือครับ แล้วพี่ปองล่ะ”
ใจก็ยังเป็นห่วงพี่ชายแม้จะทำตัวเลวทรามแค่ไหน ทินภพอ่อนใจกับความดีของปักบุญในเรื่องนี้
“มันมาทำร้ายร่างกายชิงทรัพย์ในบ้านนะ ถ้ายังไม่อยากแจ้งความก็ไปลงเป็นบันทึกประจำวันไว้ก่อนเป็นหลักฐานเผื่อถ้าเกิดอะไรรุนแรงกว่านี้”
ปักบุญพยักหน้ารับ เขายอมให้ทินภพพาไปที่สถานี้ตำรวจเพื่อลงบันทึกประจำวันจึงค่อยกลับบ้าน
“ฉันจะให้ลูกน้องมาช่วยดูแลที่บ้านสักสองสามคน ให้เฝ้าอยู่ข้างนอกนี่แหละ ส่วนนายถ้าไปทำงาน ช่วงนี้ฉันจะไปรับไปส่งนายพร้อมแมงปอก็แล้วกัน”
ดวงตาหลังกรอบแว่นใสมองทินภพด้วยความตื้นตัน เมื่อต่างฝ่ายต่างเปิดใจซึ่งกันแล้วปักบุญจึงรู้ว่าทินภพมีน้ำใจกับเขามากในเวลาคับขัน ทินภพยิ้มบางๆพลางโยกศีรษะปักบุญ
“อย่ามองแบบนี้ เดี๋ยวฉันอดใจไม่ไหวจะจับนายปล้ำต่อหน้าแม่ซะเลย”
“คนบ้า หื่นที่สุด”
ปักบุญหน้าแดงรีบขยับตัวหนี แต่ไม่ทันเมื่อทินภพคว้าร่างของเขาเข้ามากอด เขาจ้องมองปักบุญก่อนจะจูบเบาๆที่รอยช้ำแทนคำปลอบโยน
“เห็นนายเจ็บฉันก็รู้สึกเจ็บไปด้วย โอ๊ย ทำไมพูดอะไรน้ำเน่าแบบนี้ได้นะ”
ทินภพหัวเราะขำตัวเองปักบุญก็พลอยยิ้มตาม ความมีน้ำใจของทินภพทำให้หัวใจของปักบุญเปิดให้เขาเข้ามาแทบจะหมดอยู่แล้ว แต่ปักบุญยังไม่อยากบอกอีกฝ่าย รอให้โอกาสดีกว่านี้แล้วปักบุญจะบอกเขา บอกว่าปักบุญเองก็รักทินภพไม่น้อยไปกว่ากันเลย
ปองชัยเดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องพักแคบๆโกโรโกโสโดยมีชบานั่งหน้าบึ้งอยู่กับพื้นห้องที่ไม่สะอาดนัก เขากำลังหงุดหงิดเมื่อเงินที่แย่งมาได้จากน้องชายหมดลงไปแล้วโดยที่ไม่ได้ทุนคืนมาเลย แถมเจ้าของบ่อนยังให้ลูกน้องมาขู่ทวงเงินที่เขายังเป็นหนี้ค้างอยู่อีกด้วย
“พี่ปองจะเดินไปเดินมาทำไมเนี่ย ฉันเวียนหัวนะ โอ๊ย ไอ้ลูกเวรนี่ก็ดิ้นจริง”
ท้องโย้จนมองเห็นได้ชัด ดีที่ชบารูปร่างแข็งแรงอยู่แล้วจึงยังเดินเหินได้คล่อง ปองชัยหันมาตวาดเมียด้วยความหงุดหงิด
“เอ๊ะ อีนี่ ก็กูกำลังกลุ้มใจอยู่ เงินเหลือไม่ถึงร้อย ข้าวยังไม่มีจะซื้อแดกมึงจะให้กูทำยังไงวะ”
“ก็ฉันบอกพี่แล้วว่าอย่าไปเล่นไฮโล เจ้ามือมันสั่งลูกเต๋าได้ ถ้าพี่ไปเล่นวงอื่นก็ได้เงินไปแล้ว”
ชบาย้อนกลับ หล่อนเองก็เสียเงินที่แบ่งมาจากสามีไปหมดเหมือนกัน ครั้นให้ปองชัยกลับไปที่ไร่หวังจะไปหาเงินหรือข้าวของมาขายกลับพบแต่ชายฉกรรจ์หน้าเหี้ยมยืนเฝ้าหน้าทางเข้าไร่จนไม่กล้าเข้า พอปองชัยลองลักลอบเข้าไปทางอื่นแต่ก็ยังพบพวกนั้นเฝ้าอยู่หน้าบ้านอีกด้วย
“แม่พี่ก็เหลือเกิน ไปหาคนมาเฝ้าบ้านได้ยังไงก็ไม่รู้ ไหนว่าไม่มีเงินไงแล้วเอาที่ไหนไปจ้างพวกนั้นมา”
“กูก็ไม่รู้โว้ย เจ็บใจฉิบหายเป็นเจ้าของไร่แท้ๆแต่เข้าไร่ตัวเองไม่ได้”
“ไร่พี่เหรอ ไหนว่ายังเป็นชื่อแม่ ไอ้คราวที่แล้วปลอมลายเซ็นแม่เอาที่ไปจำนองไม่ใช่หรือไง”
“โอ๊ย อีชบา แล้วมึงจะมาย้อนให้กูเจ็บใจทำไมมาช่วยกันคิดสิวะว่าจะหาเงินจากไหนมาทำทุน”
ชบากลอกตาไปมาก่อนจะนึกขึ้นได้
“น้องชายพี่ไง เห็นคนงานในไร่บอกว่าไปเป็นครูที่โรงเรียนอนุบาลอะไรที่มันดังๆรวยๆนี่ ลองไปดักขอเงินสิ”
ความคิดของชบาก็ฟังเข้าทีดีไม่น้อย ตอนบ่ายของวันปองชัยจึงไปยืนลับๆล่อๆอยู่หน้าประตูโรงเรียน เขาชะเง้อมองจนเห็นน้องชายนั่งอยู่กับเด็กหญิงคนหนึ่งไม่ไกลจากประตูโรงเรียนนัก ปองชัยจึงเดินให้มีพิรุธน้อยที่สุดไปหาปักบุญ
“ไอ้ปัก”
“พี่ปอง!”
ปักบุญสะดุ้งหน้าซีดเมื่อเห็นพี่ชายยืนจ้องเขม็ง เด็กหญิงแมงปอที่นั่งอยู่ด้วยกันเองก็ตกใจจนผวาเข้ากอด
“อาปัก ใครคะน่ากลัวจัง”
“พี่มาที่นี่ทำไม”
ปักบุญเค้นเสียงใส่ เขามองพี่ชายด้วยความเสียใจ ปองชัยแค่นยิ้ม
“อย่ามองพี่เชื้อแบบนี้สิโว้ย กูน่ะพี่มึงนะอย่าลืม ยังไงก็สายเลือดเดียวกันตัดกันไม่ขาดใช่ไหม มึงมีเงินให้กูหน่อยไหมวะปัก เงินกูหมดแล้ว”
ถ้าไม่ติดว่าต้องกอดปลอบแมงปออยู่ปักบุญคงลุกขึ้นทำอะไรสักอย่างกับพี่ชายคนเดียว แต่ตอนนี้ทำได้เพียงมองตอบปองชัยด้วยความคับแค้น
“เอาไปยังไม่พออีกเหรอ เอาที่ไปจำนองเงินนอกระบบจนผมต้องแบ่งที่ขาย ที่ดินที่ปู่ย่าตายายหาไว้ให้เรา ไหนจะเงินทองของแม่ เงินที่ผมจะเอาไว้เป็นค่าจ้างคนงานอีก พี่ปองทำลายทุกอย่างไปแล้ว นี่ยังจะกล้ามาขอเงินจากผมอีกเหรอ”
“ไอ้น้องห่านี่ ด่ากูเหรอ”
ปองชัยเงื้อมือขึ้นเตรียมจะฟาดลงใส่ปักบุญ แมงปอหวีดร้องด้วยความหวาดกลัว แต่แล้วฝ่ามือของปองชัยกลับไม่ได้ฟาดลงมาแถมเขาเองนั่นแหละที่ถูกกระชากให้หันกลับและต้องรับกับกำปั้นเต็มๆที่ทินภพชกหน้า
พลัก
ทีเดียวรู้เรื่อง ปองชัยกลิ้งอยู่กับพื้นท่ามกลางสายตาตกใจของผู้ปกครองที่มารับเด็กนักเรียน ทินภพเตรียมจะเข้าไปซ้ำแล้วหากปักบุญไม่เข้ามาเกาะแขนเขาไว้ก่อน
“คุณทินพอแล้ว อย่ามีเรื่องที่นี่เลย”
คำเตือนของปักบุญมีผล ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นโรงเรียนเด็กอนุบาลที่ไม่ควรมีเรื่อง ทินภพคว้าแมงปอที่ยังร้องไห้ไม่หยุดเข้ามากอดพลางชี้หน้าปองชัยที่เพิ่งได้สติ
“มึงอย่ามายุ่งกับปักบุญและน้าพรรณีอีก ถ้ามากูไม่ไว้หน้ามึงแน่ไอ้ปอง ไอ้สารเลว”
พูดจบเขาก็คว้ามือปักบุญให้รีบเดินหนีทิ้งให้ปองชัยมองตามด้วยความเคียดแค้นและสงสัย เขาข้องใจความสัมพันธ์ของปักบุญกับทินภพว่าทำไมถึงมีท่าทางสนิทสนมกันเกินเหตุ ทั้งที่ทินภพไม่เคยชายตาแลพวกเขาเลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้เจ้าของไร่เชิญตะวันถึงกับทำร้ายเขาเพื่อปกป้องปักบุญ
มีต่ออีกนิด...