เข็มที่ 29 ถอยไปตั้งหลัก
ศรศรัณย์กำลังฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์อยู่ในครัวอันเป็นอาณาจักรเล็กๆ ของเขาซึ่งมาหมกตัวอยู่ตั้งแต่ช่วงบ่ายแก่ๆ เพื่อเตรียมอาหารมื้อเย็น วันนี้เจ้ารินจะพาแฟนมาแนะนำให้ที่บ้านรู้จักและธาราก็จะคุยกับพ่อแม่เรื่องงานแต่งงานของพวกเขาด้วย เพราะฉะนั้นเขาจึงตั้งใจและพิถีพิถันกับมื้อพิเศษนี้มาก
ศรศรัณย์ตักต้มยำกุ้งในหม้อที่ต้มจนเดือนพล่านขึ้นชิมรส วันนี้ธาราบ่นว่าอยากกินอะไรแซ่บๆ ทั้งที่ไม่ใช่ปกติคนกินรสจัดแท้ๆ เขาเคาะทัพพีลงบนปากหม้อพลางครุ่นคริด ใส่พริกสามเม็ดจะเผ็ดเกินไปไหมเนี่ย แต่จะว่าไปตอนพูดเจ้าตัวก็ยิ้มมีเลศนัยน์แปลกๆ แถมเลียรมริฝีปากด้วย เอ๊ะ! หรือว่า...
เขาก้มลงมองตัวเองแล้วอมยิ้มกรุ่มกริ่ม... ถ้างั้นเตรียมหอยนางรมสดกับของหวานเป็นดาร์กชอคโกแลตพุดดิ้งกับไวน์ไว้เผื่อๆ ดีกว่า ลงทุนทำขนาดนี้ยังไงคืนนี้ถึงไม่ได้ลูกแต่งานเสียตัวต้องมาแน่ๆ
คิดแล้วศรศรัณย์ก็หันไปเลือกไวน์เอามาเตรียมแช่ในถังน้ำแข็งเมื่อคุณแอนคนสนิทของธาราเดินมาตามให้ออกไปพบแขกคนสำคัญ
“ไพลินเหรอ” ศรศรัณย์รำพึงอย่างงุนงงว่าจะมาเร็วอะไรขนาดนี้พลางถอดผ้ากันเปื้อนวางพาดบนเก้าอี้แล้วเดินตามคุณแอนออกไปยังห้องรับแขก
เขามองหญิงสาวในชุดเดรสสีหวานที่นั่งคุยอยู่กับธงชัยและวิลาวรรณ ศรศรัณย์เคยเจอคุณไพฑูรณ์กับภรรยาซึ่งเป็นพ่อกับแม่ของไพลินมาแล้วหลายครั้งเพราะเป็นเพื่อนสนิทกับครอบครัวนี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอเธอเพราะโดนส่งไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็ก ยอมรับว่าไพลินตัวจริงเป็นคนสวยน่ารักทีเดียวแม้จะน้อยกว่าในโซเชียลที่เขาแอบไปส่องมานิดหน่อย และผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังนั่นก็คงจะเป็นคนสนิทที่ได้ข่าวว่าคอยตามรับใช้เป็นเงาตามตัวที่ชื่อตาณไม่ผิดแน่ เขารู้เรื่องยิบย่อยพวกนี้เพราะเดิมบ้านของศรศรัณย์ก็ถือเป็นตระกูลเก่าแก่มีหน้ามีตาทางสังคม ตอนเด็กๆ ก็ตามแม่ไปออกงานเจอคนนั้นคนนี้อยู่บ่อยๆ เพิ่งมีช่วงหลังที่เข้ามาอยู่บ้านธารานี่แหละเลยไม่ค่อยได้ออกไปไหน
“หนูไพลินมาถึงเร็วจังเจ้ารินลูกชายป้ายังไม่มาเลยเนี่ย เห็นบอกว่าออกไปทำธุระตั้งแต่เช้า” วิลาวรรณลูบหัวลูบหลังหญิงสาว เห็นได้ชัดว่าเธอดูปลื้มว่าที่สะใภ้อัลฟาคนนี้มากทีเดียว
“ไม่เป็นไรค่ะคุณป้า หนูตั้งใจมาเร็วเองอยากมาแสดงฝีมือทำอาหารให้คุณลุงคุณป้าทานน่ะค่ะ หนูซื้อของมาเยอะแยะเลยมีแต่ของดีๆ ทั้งนั้นทั้งล็อบสเตอร์ คาเวียร์ แล้วนี่ก็ไวน์จากฝรั่งเศสค่ะ ขวดนี้พิเศษมากเลยนะคะเพราะหมักจากองุ่นพันธ์ Pinot noir ซึ่งปลูกได้ยากมากปีนี้ผลิตออกมาได้แค่ 450 ขวดเองค่ะ ถือเป็นของชั้นดีหายากมากเลยนะคะ เดี๋ยวคุณลุงคุณป้ารอชิมฝีมือหนูนะคะว่าจะถูกปากไหม”
“เก่งทั้งงานบริหารและงานครัว แถมยังมีความรู้รอบด้านสมเป็นผู้หญิงยุคใหม่ที่หายากจริงๆ” ธงชัยสำทับ “ลุงนี่โชคดีจริงๆ ที่ได้หนูมาเป็นคนในครอบครัวอีกคน”
ศรศรัณย์กรอกตาเป็นเลขแปด ปกติเวลาเขาขอเข้าครัวทำอาหารจะต้องโดนมองเหยียดว่าเป็นงานแม่บ้าน อ้อ! ลืมไปว่าบ้านนี้มีแปดมาตรฐาน
“เดี๋ยวให้ศรพาไปห้องครัวละกันนะ” วิลาวรรณบอกพลางหันมาพยักเพยิดกับเขาเป็นครั้งแรกทั้งที่เข้ามายืนอยู่นานแล้ว
“แล้วคอยดูแลอย่าให้หนูไพลินโดนไฟลวกหรือมีดบาดเชียวนะ ไม่งั้นฉันคงมองหน้าเพื่อนรักไม่ติดแน่ๆ” ธงชัยสำทับ
“คุณลุงคุณป้าไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ หนูไม่ใช่คนซุ่มซ่ามแบบนั้น” ไพลินหันมายิ้มให้เขาพลางยกมือไหว้ “รบกวนด้วยนะคะ”
ศรศรัณย์ยกมือรับไหว้แทบไม่ทัน หรือเธอจะไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรอย่างที่เจ้ารินบอกจริงๆ “น้องไพลินตามพี่มาทางนี้เลยครับ”
เขาพาไพลินซึ่งมีตาณเดินตามหลังเข้ามาในครัวพลางพยายามชวนคุยผูกมิตรกับคุณหนูที่อายุน้อยกว่าคนนี้“น้องไพลินจะทำเมนูอะไรเหรอเดี๋ยวพี่ช่วยทำ”
แต่ดูท่าไพลินจะได้อยากคุยกับเขาสักเท่าไหร่ เธอเดินมองไปรอบๆ ครัวที่มีอุปกรณ์ครบครัน ซึ่งนี่เป็นข้อดีของบ้านหลังนี้ที่ศรศรัณย์ภูมิใจนักหนานี่จึงเป็นเหตุผลให้เขาชอบหนีมาหมกตัวอยู่ที่นี่เพื่อคิดและฝึกทำอาหารเมนูใหม่ๆ ไพลินกอดอกโฉบไปมองนั่นมองนี่ก่อนจะหยุดลงที่หน้าเตาซึ่งเขาวางหม้อต้มยำกุ้งไว้
“นี่ต้มยำกุ้ง พี่ธาราเขารีเควสมาแล้วพี่ก็ว่าจะทำพาสต้าด้วย พอดีคุณพ่อคุณพ่อชอบทานอาหารฝรั่งน่ะ ส่วนเจ้ารินนี่กินได้ทุกอย่าง เลยว่าจะย่างสเต๊กให้”
ไพลินไม่ตอบอะไรเธอเปิดฝาหม้อต้มยำกุ้งดูแล้วปิดฝาไว้ตามเดิมก่อนจะหันมาสบตา “คุณศรศรัณย์ใช่ไหมคะ”
“ครับ” ศรศรัณย์ชะงัก
“พอดีฉันได้ข่าวมาว่าคุณศรถอนหมั้นกับพี่ธาราไปแล้ว ทีแรกก็สงสัยอยู่ว่าตอนนี้คุณอยู่ในบ้านนี้ในฐานะอะไรแต่ตอนนี้ฉันไม่สงสัยแล้วล่ะ ที่แท้ก็อยู่ในฐานะหัวหน้าพ่อครัวนี่เอง”
ศรศรัณย์ชะงัก ยัยคุณหนูนี่ชักจะไม่ชอบมาพากลซะกลซะแล้ว “ผมไม่ได้...”
“เดี๋ยวยังไงคุณศรช่วยออกไปด้วยนะคะ เรื่องอาหารฉันกับตาณจะทำเอง” ไพลินตัดบทแต่เพียงเท่านั้นแล้วตาณก็ปราดเข้ามายืนตรงหน้าพร้อมกับผายมือเชิญเขาออกจากห้องครัว
เพราะอยู่ในฝ่ายเสียเปรียบมีเรื่องไปก็แพ้เปล่าๆ ศรศรัณย์จึงถอยกลับออกมา ทีแรกเขาตั้งใจจะโทรรายงานให้ธารารู้แต่อีกใจก็คิดว่าอีกฝ่ายคงกำลังยุ่งเพราะรีบร้อนแยกตัวไปตอนกำลังเดินเลือกซื้อของให้เขากลับบ้านคนเดียวหลังจากรับโทรศัพท์จากหมอริน เรื่องนี้เขาควรเงียบไว้ก่อนดีกว่า ถ้าไพลินจะช่วยพูดเรื่องถอนหมั้นจริงอย่างที่ธารินบอกเรื่องนี้เขาจะยอมมองข้ามๆ ไปก็ได้
จนเวลาผ่านไปถึงเวลาตั้งโต๊ะ ธาราก็ยังไม่กลับมาและเขายังไม่ได้รับข่าวคราวใดๆ จากธาริน ศรศรัณย์เดินเข้าไปในห้องอาหารทุกคนนั่งกันอยู่พร้อมหน้าแล้ว
“พอทานได้ไหมคะคุณลุงคุณป้า” ไพลินตักเสิร์ฟให้อย่างเอาอกเอาใจ
“น่าทานมากเลยหนูไพลิน” ธงชัยว่า “ถ้าหนูย้ายมาอยู่บ้านลุงเมื่อไหร่ลุงต้องน้ำหนักขึ้นแน่ๆ เลย”
เขาเห็นอาหารที่ไพลินทำนั่นคือสิ่งที่เขาคิดว่าจะทำเพียงแต่มันเปลี่ยนไปเป็นฝีมือเธอเท่านั้น ในฐานะคนทำอาหารยอมรับว่าดูน่าทานไม่น้อยถือว่าเธอมีฝีมือและรสนิยมในการตกแต่งจานดีทีเดียว แล้วเขาก็สังเกตว่าต้มยำกุ้งที่เขาตั้งใจทำให้ธารายังไม่ถูกยกมาจึงเดินกลับเข้าไปในครัวแต่ก็พบว่ามีเพียงหม้อที่ล้างคว่ำวางไว้แล้วเท่านั้น
“ต้มยำกุ้งที่ผมทำไปไหนครับคุณแอน”
แม่บ้านคนสนิทของธาราทำหน้านึกอยู่อึดใจ “ยกออกไปแล้วนี่คะ ฉันเห็นคุณไพลินให้ตาณยกออกไปเพิ่งให้เด็กๆ ล้างหม้อเก็บเมื่อกี้”
ศรศรัณย์เดินกลับมานั่งลงที่โต๊ะอาหาร แน่นอนว่าไม่มีใครสนใจเขาเหมือนเคย เขากวาดตามองไปบนโต๊ะแล้วหยิบช้อนขึ้นมาตักคนอาหารที่ไพลินทำไว้ก่อนจะขึ้นมาชิม
“ศรทำไมเสียมารยาทอย่างนี้ล่ะ” วิลาวรรณหันมาเอ็ดเบาๆ “หิวมาจากไหนกันธารากับธารินยังไม่กลับมาเลยนะ ไหนจะคุณอริญชย์อีก”
ศรศรัณย์ไม่ตอบได้แต่เม้มปากแน่น เขาเหลือบตามองไพลินที่มองเขาด้วยหางตาและถ้าเขาไม่ได้อคติจนเกินไป เขามั่นใจว่าเห็นผู้หญิงยิ้มเยาะให้ มือกำช้อนจนข้อนิ้วขาวซีด... เธอมาแย่งฉันทำอาหารฉันไม่ว่า เอาเมนูและเครื่องปรุงที่ฉันเตรียมไว้ไปทำเสียเองฉันก็ยอมเงียบ แต่นี่เธอกล้าดียังไงเอาอาหารที่ฉันตั้งใจทำให้สามีฉันมาเปลี่ยนใส่กุ้งที่เธอซื้อมา ตักใส่ชามใบใหม่แล้วโมเมว่าเธอเป็นคนทำเอง
แต่เพื่อเจ้าริน ฉันจะยอมกลั้นใจยิ้มให้เธออีกสักหน่อยก็ได้
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณลุงคุณป้า” ไพลินบอก “นี่ก็ค่ำแล้ว ถ้าคุณศรหิวเดี๋ยวให้คุณแอนแบ่งไปให้ทานในครัวก็ได้ค่ะ”
“ทำไมต้องแบ่งไปให้ในครัวด้วยครับ” ศรศรัณย์ถามขึ้น
“ต้องขอโทษด้วยนะคะถ้าหนูพูดไม่ถูกใจ” ไพลินตีหน้าเศร้า “คือหนูทราบมาว่าพี่ธาราถอนหมั้นกับคุณศรแล้ว แล้ววันนี้คู่หมั้นคนใหม่ของพี่ธาราที่เป็นคุณหมอจะมาทานด้วย หนูก็เลยทึกทักเอาเองว่าคุณศรคงจะอึดอัดไม่น้อยถ้าต้องนั่งร่วมโต๊ะกัน ถ้าต้องนั่งกินไปมองอดีตคู่หมั้นจู๋จี๋กับคนใหม่ไป”
“หนูไพลินนี่จิตใจดีจริงๆ คิดถึงคนอื่นด้วย” วิลาวรรณลูบแขนหญิงสาวอย่างแสนรัก
“จะว่าไปคุณศรนี่ก็เก่งนะคะ ทำใจได้เร็ว นี่ถ้าเป็นหนูเจอรินทำแบบนี้คงร้องไห้หนีกลับบ้านไปแล้วล่ะค่ะ ไม่มาทนบากหน้าอยู่ให้เจ็บช้ำน้ำใจแบบนี้หรอก”
ศรศรัณย์ฟังแล้วก็สะดุดหูเล็กๆ นั่นยิ่งฟังดูไม่เหมือนคนจะมาเพื่อถอนหมั้นสักนิด เขาอาศัยที่ทุกคนทำเหมือนว่าเขาเป็นอากาศส่งข้อความหาธาราก่อนจะกดโทรออกแล้วเปิดลำโพงวางคว่ำหน้าไว้บนโต๊ะ
“รินอาจจะเป็นคนไม่ค่อยได้เรื่อง แต่ลุงรับรองว่าจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้กับหนูเด็ดขาดจ๊ะ” ธงชัยแตะบ่าให้คำมั่น
“ขอบคุณลุงคุณป้ามากนะคะที่เอ็นดูหนู” ไพลินรีบยกมือไหว้ “แต่คุณลุงคุณป้าไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ถึงรินจะเรียนไม่เก่งแต่เขาเป็นคนจิตใจดีมาก เมื่อวันก่อนทำกิจกรรมเต้นให้พวกเด็กๆ ดู เขาก็มาขอให้หนูไปช่วยแจกขนมด้วย ทีแรกหนูก็เกรงใจกลัวว่าจะไปรบกวน แต่เพราะเขามาอ้อนขอร้องก็เลยให้ตาณเคลียร์งานให้จนได้ ถึงได้รู้ว่าจริงๆ แล้วเขาอยากแนะนำหนูกับเพื่อนๆ เขาน่ะค่ะ น่ารักไม่หยอกเลยนะคะ แล้วเขาเป็นขวัญใจของพวกเด็กๆ ด้วยค่ะนี่หนูถ่ายคลิปมาด้วยนะ คุณลุงคุณป้าดูสิคะ”
“อืม ลุงเพิ่งเคยเห็นเวลามันทำกิจกรรมที่โรงเรียนนี่แหละ” ธงชัยบอก “เห็นหนูเข้ากับรินได้ดีแบบนี้ลุงก็สบายใจล่ะ”
“นั่นสิคะ เสียดายจังที่รินเรียนหมอ ต้องรออีกตั้งสองปีแน่ะกว่าจะจบ หนูนะอิจฉาพี่ธารามากเลยได้ข่าวว่าคุณอริญชย์ท้องแล้วด้วย อีกไม่นานบ้านนี้ต้องครึกครื้นเพราะมีเจ้าตัวเล็กวิ่งเล่นแน่ๆ เลยค่ะ”
“แบบนี้นี่เอง เจ้าธาราถึงดูกระตือรือร้นเตรียมงานแต่งจัง” ธงชัยบอกอย่างอารมณ์ดี “เอางี้ ลุงว่าเดือนหน้าเราจัดงานหมั้นให้หนูกับเจ้ารินเลยดีไหม เดี๋ยวจบแล้วจะได้แต่งเลย”
“เรื่องนี้ต้องแล้วแต่คุณลุงคุณป้าเห็นสมควรเลยค่ะ หนูยังไงก็ได้ อ้อ! หนูเตรียมของบำรุงครรภ์มาให้คุณอริญชย์ด้วย หนูก็ยังไม่เคยมีลูกได้แต่อ่านเอาจากอินเตอร์เน็ตใครว่าอะไรดีก็ซื้อมาเดี๋ยวคุณลุงคุณป้าช่วยหนูดูหน่อยนะคะ คุณอริญชย์เขาเป็นหมอด้วยหนูไม่อยากขายหน้า”
“หนูไพลินคิดมากไปแล้วจ๊ะ เรื่องแค่นี้พี่น้องไม่ถือสากันหรอก” วิลาวรรณบอก
“พี่น้องอะไรเหรอคะคุณป้า”
“ก็พี่สะใภ้กับน้องสะใภ้ไงจ๊ะหนูไพลินนี่ละก็ทำเป็นงง”
“แหม คุณป้านี่ละก็หนูกับรินยังไม่ถึงขั้นนั้นสักหน่อย”
“ยังไม่ถึงแต่เดี๋ยวก้ถึงแล้วละจ๊ะ จะว่าไปหนูไพลินพร้อมจะย้ายมาอยู่บ้านเราก็บอกนะ ป้าจะได้ให้คนเตรียมห้องให้”
“แบบนั้นไม่ได้นะครับ” ศรศรัณย์ที่อดทนเงียบฟังมานานเผลอหลุดปากพูดออกไปในที่สุด
“อะไรที่ไม่ได้เหรอศร” ธงชัยถามเสียงห้วน
“ก็เรื่องที่จะงานหมั้นให้เจ้าริน อย่างน้อยคุณลุงคุณป้าก็ควรรอเจ้าตัวเขากลับมาก่อน...”
“เรื่องที่เจ้ารินต้องแต่งกับหนูไพลินเป็นเรื่องที่กำหนดไว้แล้ว” ธงชัยแทรกขึ้นทันที “จะช้าหรือเร็วก็ต้องแต่ง แล้วนี่ก็เป็นเรื่องในรอบครัวของเราไม่เกี่ยวกับคนนอกอย่างนาย”
“คุณลุงใจเย็นๆ นะคะ ยังไงคุณศรเขาจะเป็นอดีตคู่หมั้นพี่ธารานะคะ”
“เลิกกันไปแล้วก็ถือว่าเป็นคนนอก ฉันเมตตาให้อยู่ต่อก็บุญนักหนาแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าจะอยู่นานขนาดนี้ เกาะแน่นเป็นปลิงเชียว สงสัยคงคิดว่าตัวเองจะมีหวังได้เป็นเมียเจ้าธาราอีกคนละมั่ง”
“ผมไม่ได้คิดแบบนั้น”
“ถ้าไม่คิดแบบนั้นแล้วจะมานั่งลอยหน้าลอยตาอยู่ทำไมล่ะ ทำไมยังไม่เก็บของออกไปจากบ้านฉันอีก ฉันก็อุตส่าห์ไม่ไล่แล้วนะ เพราะคิดว่าเราจะคิดได้เองแต่สุดท้ายก็คิดไม่ได้สินะ” วิลารรณก็เห็นดีเห็นงามด้วย
ศรศรัณย์กำมือแน่น “ผมไม่เคยหวังเงินพวกคุณเลยสักสลึงเดียวนะครับ ที่ผมยังทนอยู่ที่นี่เพราะผมรักธาราต่างหาก”
“จะเป็นเมียน้อยได้ก็ต้องให้ผู้ชายเขารักด้วยนะคะคุณศร” ไพลินเปรยเบาๆ
“ผม...” ศรศรัณย์อ้อปากจะเถียงก็พอดีกับใครคนหนึ่งช่วยพูดแทน
“ผมรักศรศรับ” ธาราเดินผ่านประตูเข้ามา เขายิ้มให้คนรักครั้งหนึ่งแล้วดึงมือมายืนหลบข้างหลังก่อนจะหันหน้าไปหาพ่อกับแม่ “ศรจะไม่ไปไหนทั้งนั้น เขาคือคนที่ผมจะแต่งงานด้วย ถ้าพ่อกับแม่ไล่ศรไปผมก็ไปด้วยเหมือนกัน”
“แล้วหมอคนนั้นล่ะ” ธงชัยถาม
“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดครับ” ธาราบอก “ตอนนั้นผมทะเลาะกับศรด้วยเรื่องไม่เรื่อง ก็เลยขอร้องให้คุณรินเขาช่วยมาแกล้งทำเป็นคู่จะให้ศรหึง แล้วผมก็ดีกับศรแล้ว เรื่องมันก็มีแค่นี้แหละครับ”
“แล้วเขาเป็นอะไรกับแก เขาถึงต้องลงทุนทำถึงขนาดนั้น แล้วเรื่องที่เขาท้องกับแกล่ะ แกจะว่ายังไง” วิลาวรรณถามต่อ
“คุณรินเขาเป็นเพื่อนผมคนนึงครับ ส่วนเรื่องที่เขาท้องกับผมไม่ทราบว่าพ่อกับแม่ไปฟังเรื่องไร้สาระนั้นมาจากไหน”
ธงชัยกับวิลาวรรณหันไปหาไพลิน ซึ่งเธอก็ไม่ได้ร้อนรนอะไรเพียงแต่หยิบแท๊ปเล็ตมาจากตาณแล้วเปิดรูปถ่ายผลตรวจการตั้งครรภ์กับภาพตอนที่ธาราเดินเข้าออกคลินิคผู้มีบุตรยากให้ดู
“นี่มันหมายความว่าไง” ธงชัยเค้นถาม “ตกลงแกจะเอาใครก็ให้มันแน่สักอย่าง ทำแบบนี้มันน่าเกลียดเหมือนพวกเอาไม่เลือก หรือแกจะต้องให้ฉันหาเมียดีๆ ให้เหมือนน้องชายแก ฮึ! ธารา”
“ศรดีที่สุดสำหรับผมแล้วครับ” ธาราพูดเรียบๆ “ต่อให้พ่อเอาลูกสาวเพื่อนคนไหนมาประเคนให้ผมก็ไม่เอา”
“แล้วตกลงเรื่องหมอคนนั้นแกจะว่ายังไง ในเมื่อแกทำเขาท้องไปแล้ว”
“ผมไม่ได้ทำ”
“จะมาไม่ได้ทำอะไร ก็ผลมันโชว์หราอยู่นี่! แล้วพวกแกกินนอนอยู่ด้วยกันพวกคนใช้มันก็เห็น”
จะให้อธิบายมากว่านี้ธาราก็พูดไม่ออก เพราะมันต้องจบลงที่เขาต้องสารภาพกับทุกคนว่าตัวเองเป็นหมัน
“ผมทำเองครับ!”
ทุกคนในห้องอาหารหันไปมองเด็กหนุ่มที่เพิ่งเดินเข้ามาเป็นตาเดียว ธารินสังเกตเห็นสายตาผิดหวังของไพลินที่มองตรงมายังเขาแต่เขาซึ่งได้รับฟังทุกถ้อยคำหมดแล้วจากคลิปเสียงที่พี่ธาราส่งมาให้นั้นผิดหวังยิ่งกว่าจนเขารู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องแคร์ความรู้สึกเธออีกต่อไป
“นี่แกพูดเรื่องอะไรห๊ะไอ้ริน!” ธงชัยชี้หน้าลูกชายคนเล็กแล้วหันไปหาชายหนุ่มหน้าสวยที่เดินตามหลังเข้ามาติดๆ
ธารินหันไปสบตาอริญชย์แล้วพูดเสียงดังฟังชัด “อาจารย์เป็นแฟนผมครับ ที่ผมตั้งใจนัดพ่อกับแม่คุยวันนี้ก็เพื่อจะบอกเรื่องนี้แหละ ขอโทษที่พวกเรามาช้าครับ”
“ไอ้รินนี่แก!” ธงชัยตวาดลั่น ในขณะที่วิลาวรรณทำท่าจะเป็นลม เห็นได้ชัดถึงระดับของความโมโหตอนที่ยังเข้าใจว่าเป็นความผิดของลูกชายคนโต ถึงพ่อกับแม่จะโกรธจนหน้าแดงแต่ก็ยังดูพร้อมจะให้อภัย แต่พอเรื่องกลับกลายเป็นความผิดของลูกชายคนเล็ก มันก็เหมือนกับระเบิดที่ได้เวลาระเบิดแล้ว พร้อมจะทำลายทุกอย่างและไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิน “แกยังเรียนไม่จบก็ไปทำเขาท้องแล้วแบบนี้ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน คุณเองก็เป็นครูบาอาจารย์เสียเปล่าทำเรื่องแบบนี้กับลูกศิษย์ได้ยังไง”
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะค่ะคุณ” วิลาวรรณดึงแขนสามี “ฉันสงสารหนูไพลินมากกว่า ทำไมแกถึงเป็นคนแบบนี้นะเจ้าริน”
“ผมคุยกับไพลินแล้วเธอบอกว่าเธอเข้าใจครับ” ธารินหันไปสบตาหญิงสาวอย่างคาดคั้น “เธอบอกฉันแบบนั้นไม่ใช่เหรอ”
“จริงเหรอหนู” วิลาวรรณหันไปถาม
“หนู... ไม่รู้ค่ะ” ไพลินทำตาแดงเกาะแขนวิลาวรรณแน่น “รินไม่เคยบอกหนูมาก่อนเลยว่าเขามีคนรักแล้ว รินบอกว่ารินรักหนู ไปกินข้าวด้วยกันวันก่อนรองเท้าหนูขาดเขายังอุ้มหนูมาส่งที่รถเลย”
“นี่แกจับปลาสองมือเรอะ! น่าขายหน้าจริงๆ” ธงชัยว่า
“อย่าว่ารินเลยค่ะคุณลุง” ไพลินยกมือขึ้นปิดหน้าสะอื้นเบาๆ “หนูผิดเองที่หลงเชื่อคนง่ายเกินไป หนูไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ แต่ว่าถ้าคุณพ่อหนูได้ยินเรื่องนี้ท่านต้องไม่ชอบใจแน่ๆ แล้วท่านอาจจะไม่... เอ่อ... ไม่ทำสัญญาซื้อขายอะไรกับคุณลุงคุณป้าอีกแล้วก็ได้ เรื่องนี้มันร้ายแรงถึงขั้นแตกหักตัดเพื่อนกันได้เลยนะคะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะลูก ป้าจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง” วิลาวรรณลูบหัวลูบหลังหญิงสาวปลอบขวัญ “เอาอย่างนี้ดีไหมเรื่องที่พ่อหนูเคยคุยเรื่องขอต่อรองราคาส่งออกเครื่องเพชรกับป้าไว้ ป้าตกลงลดให้ 5% ก็แล้วกัน แบบนี้พ่อหนูน่าจะอารมณ์ดีขึ้นบ้างนะ”
“ก็ได้ค่ะคุณป้า” ไพลินลดมือลงครึ่งหนึ่ง “แต่หนูว่าเลขห้ามันไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ถ้าได้สักสิบคิดว่าพ่อคงจะพอรับฟังเหตุผลอยู่บ้างค่ะ”
“ได้จ๊ะ เอาตามที่หนูไพลินพอใจเลย”
“แหกตาดูสิเจ้ารินว่าแกทำให้เรื่องมันลามปามไปถึงไหน!” ธงชัยชี้หน้าลูกชายพลางเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “แกมันก็เป็นซะอย่างเงี้ย นอกจากจะทำตัวไม่เป็นประโยชน์ ยังเที่ยวสร้างเรื่องไปทั่ว วันนี้เพื่อนฉันที่เป็นตำรวจโทรมาเล่าให้ฟังว่าแกไปทำเรื่องอะไรไว้จนต้องโทรมาตามให้พี่แกไปช่วยไกล่เกลี่ยไม่ใช่เหรอ ถึงขั้นต้องยกกันไปทั้งโรงพักเลยเห็นว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วยนี่นาเละเทะไปกันใหญ่แล้วนะแกน่ะ”
“ไปกันใหญ่แล้วครับพ่อ ผมกับอาจารย์ไปช่วยเด็กที่โดนหลอกไปขายต่างหาก ไม่ได้ทำเรื่องไม่ดีอะไรเลย”
แต่ธงชัยไม่ฟังลูกชายคนเล็กอธิบายใดๆ เขาหันไปมองคุณหมอหนุ่มด้วยสายตาเหยียดหยัดแล้วก้าวไปยืนตรงหน้า “คุณจะเอาเท่าไหร่!”
“อะไรครับ” อริญชย์ถามเสียงเรียบ
“เงินไง” ธงชัยหยิบเช็กออกมาจากกระเป๋า “ล้านเดียวพอไหม หรือจะเอาห้าล้าน สิบล้าน”
“ค่าจ้างให้ผมเลิกยุ่งกับลูกคุณเหรอ”
“ค่าไปเอาไอ้เด็กเวรคนนี้ออก” ธงชัยบอกเสียงกร้าวแล้วดึงเช็กที่เขียนตัวเลขเสร็จแล้วปาใส่หน้าอริญชย์ “แล้วก็... ใช่! ค่าจ้างคุณไปให้พ้นหน้าครอบครัวของผมด้วย”
อริญชญ์เหลือบตาลงมองเช็กที่ปลิวร่วงลงพื้นด้วยสีหน้าเรียบเฉยพลางยกเท้าหนี “เก็บเงินของคุณไปเถอะครับ ผมไม่อยากได้”
“คิดให้ดีนะคุณหมอระหว่างเงินสิบล้านกับอนาคตการทำงานของคุณ” ธงชัยยื่นคำขาด
“คุณรู้จักกับคณบดีคณะแพทย์ แล้วก็เป็นVIPผู้บริจาครายใหญ่ของโรงพยาบาลที่ผมทำงานอยู่” อริญชย์พูดเรียบๆ “มีอะไรที่จะใช้ขู่ เอ๊ย! มีอะไรที่ผมยังไม่รู้อีกไหมครับ”
“ถ้าคุณคิดจะลองกับผมจะเอาอย่างนั้นก็ได้” ธงชัยยกมือ แล้วลูกคนสนิทซึ่งเป็นผู้ชายร่างใหญ่สี่คนก็เดินอาดๆ เข้ามา “สั่งสอนเบาๆ ด้วยข้อหาบุกรุกแล้วค่อยโทรตามตำรวจมาลากคอมันออกไป”
ธารินรีบเข้ามาขวางระหว่างอาจารย์ของเขากับลูกน้องของพ่อ “พ่อไม่มีสิทธิ์มาทำร้ายลูกเมียผม แล้วถ้าพ่อไม่ต้องการให้อาจารย์อยู่ที่นี่ผมก็จะเป็นฝ่ายไปเอง ให้คนของพ่อถอยออกไปซะ”
แต่ชายสี่คนนั้นนอกจากจะไม่ถอยแล้วยังย่างสามขุมเข้ามาด้วยท่าทีข่มขู่
ธาราเห็นท่าไม่ดีจึงรีบแทรกขึ้น “ถ้าใครกล้าแตะน้องฉันกับคุณรินแม้แต่ปลายเล็บ ก็เตรียมตัวไปหางานใหม่ได้เลย”
“แกจะทำอะไรน่ะธารา!” ธงชัยตวาดลั่น “อย่าคิดว่าครั้งนี้แกจะรอดนะ แกเองก็มีความผิดฐานสมรู้ร่วมคิดกับน้องชายแกมาหลอกฉันเหมือนกัน เฮ้ย! พวกแกจะไปฟังเจ้าธาราทำไม ฉันเป็นเจ้านายแกเป็นคนให้เงินเดือนพวกแก จับมันไว้!”
พวกลูกน้องเขยิบเข้าไปใกล้ตามคำสั่งนายเหนือหัว แต่พอเห็นสายตาเอาเรื่องของคุณชายใหญ่ก็ชะงักมองหน้ากันเงียบๆ ด้วยยังมีความเกรงใจให้อยู่บ้าง
ธารารีบฉวยโอกาสนั้นหันไปกระซิบบอกศรศรัณย์ “นายพาคุณรินออกไปก่อน”
ศรศรัณย์พยักหน้าให้คนรักแล้วรีบคว้ามืออริญชย์เดินออกจากบ้านไป พอพ้นความวุ่นวายมาถึงหน้าประตูที่รถจอดอยู่เขาก็ชะโงกมองเข้าไปในบ้านเห็นไม่มีใครตามมาจึงเอ่ยปากถาม “คุณรินโอเคนะครับ”
“ครับ”
“แล้วทำไมคุณแทบไม่พูดอะไรเลยล่ะ คุณคงช็อกมากเลยสินะ”
“ใช่ครับผมช็อก” อริญชย์ตอบตามตรง “ผมไม่คิดว่าเจ้ารินจะกล้าสู้เพื่อผมขนาดนี้... ก็เลยไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว”
ศรศรัณย์เห็นแววตาของคนที่ปกติจะนิ่งสนิทมีประกายความเขินขึ้นมาแล้วก็อดจะยิ้มไม่ได้แม้จะอยู่ในสถานการณ์น่าสิ่วน่าขวานขนาดนี้เพราะตัวเขาเองยังใจเต้นแทบระบิดตอนที่ธาราประกาศเสียงดังว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวต่อหน้าทุกคน “เจ้ารินน่ะรักคุณจริงๆ นะ ผมอยู่กับรินมายี่สิบปี ผมไม่เคยเห็นน้องคนนี้ทุ่มเททำอะไรเพื่อใครมากขนาดนี้มาก่อนเลย ว่าแต่ยัยผู้หญิงคนนี้นี่มันร้ายจริงๆ ต่อจากนี้เราจะทำยังไงดี”
“เธอฉลาดนะครับ” อริญชย์เปรยขึ้นเบาๆ “ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ แต่เธอก็ไม่ยอมเสียหน้า แถมยังได้กำไรอีก”
“คุณหมายความว่าไง”
“เรื่องที่เธอรักรินหรือเปล่าผมไม่แน่ใจ อาจจะรักจริงๆ ก็ได้ แต่วันนี้ที่เธอทำแบบนี้ไม่ใช่เพื่อจะแย่งรินไป ผมคิดว่าอัลฟาอย่างเธอย่อมคิดได้ว่าในเกมรักถ้าผู้ชายไม่เลือกก็เท่ากับแพ้โดยไม่ต้องลงแข่งแล้ว แต่เธอยังเลือกที่จะลงสนามเพราะเธอไม่ต้องการเห็นใครชนะข้ามหน้าข้ามตาเธอ ว่าง่ายๆ คือถ้าเธอไม่ได้รินไม่เป็นไร แต่เธอก็ไม่ยอมให้ผมได้ไปเหมือนกัน สุดท้ายเธอก็ได้คะแนนสงสารจากคุณธงชัยกับคุณวิลาวรรณเป็นการทำสัญญาทางธุรกิจนั่นไง ไม่ได้สามีแต่ได้เงินไปทำสวยหาผู้ชายคนใหม่ แล้วแบบนี้พ่อของเธอก็คงไม่ว่าอะไรนอกจากเข้าข้างลูกสาวมากดดันทางนี้ไป กำไรเห็นๆ สมกับเป็นนักธุรกิจ ไม่เสียแรงที่พ่อส่งไปเรียบจบถึงเมืองนอกเมืองนา แบบนี้จะไม่ให้ผมชมแม่อัลฟาสาวคนนี้ว่าฉลาดได้ไงล่ะ”
“ผมเข้าใจล่ะ แต่นี่ไม่ใช่เวลามาชื่นชมผู้หญิงคนนั้นนะ”
“ต้องชื่นชมสิเพราะเธอกำลังสอนทางอ้อมให้ผมเรียนรู้ว่าครั้งต่อไปควรจะเข้าหาพ่อกับแม่เจ้ารินยังไงดี” อริญชย์พูดด้วยท่าทีสบายๆ เกินไปเสียจนศรศรัณย์อดกังวลไม่ได้
“คุณก็ใจเย็นเกินไป”
“ใครบอกว่าผมเย็น” อริญชย์ว่า “ในใจผมนี่ร้อนเป็นนรกแล้วนะ ถ้าธาราไม่เข้ามาขวางผมเอาเช็กยัดปากตาลุงนั่นไปแล้ว... อ้อ! โทษทีผมลืมไปว่านั่นว่าที่พ่อผัว”
“คุณนี่นะ” ศรศรัณย์หัวเราะในลำคอ
“แล้วนี่รินจะโดนลงโทษอะไรบ้าง” อริญชย์ถาม “คงจะไม่โดนซ้อมอะไรแบบนี้หรอกใช่ไหม”
ศรศรัณย์ครุ่นคิดอยู่อึดใจ “ถ้ามีธาราอยู่ ผมคิดว่าคงไม่เป็นอะไรมากหรอกแต่ที่แน่ๆ เรื่องติดต่อกับคุณคงเป็นไปไม่ได้เลย”
“ผมฝากคุณศรดูแลเขาหน่อยนะครับ” อริญชย์บอก “เขาปกป้องผมจากการโดนทำร้ายตัวเองก็เลยโดนแทงเข้าที่ท้อง นี่เพิ่งผ่าตัดเสร็จเมื่อหกโมงนี่เอง จริงๆ ต้องนอนโรงพยาบาลดูอาการสักสองสามวันแต่เพราะมีเรื่องนี้เข้ามาก็เลยรีบร้อนออกมาเลย”
“จริงเหรอเนี่ย” ศรศรัณย์ยกมือปิดปากด้วยความตกใจกับข้อมูลใหม่ที่เพิ่งรู้ “เพราะแบบนี้ด้วยสินะ ธาราถึงรีบออกหน้าปกป้องเจ้ารินแล้วก็กันให้คุณออกมาเพราะไม่อยากให้มีเรื่องอีกนี่เอง”
อริญชย์พยักหน้า “คุณศรครับช่วยกางแขนออกหน่อยสิ”
ศรศรัณย์ทำตามแบบงงๆ “อย่างนี้เหรอ”
อริญชย์โผเข้ากอดชายหนุ่มแน่น “ฝากกอดรินแทนผมหน่อยนะครับ บอกเขาว่าผมสบายดี วันนี้แค่ถอยไปตั้งหลักเดี๋ยวก็ได้เจอกันแล้ว แล้วก็ตั้งใจเรียนด้วยนะ”
“ผมจะบอกเขาให้ครับ” ศรศรัณย์รับปากมั่นเหมาะ อริญชย์จึงคลายวงแขนออกและขับรถกลับไป
ศรศรัณย์ยืนส่งจนลับสายตาก่อนจะเบนสายตากลับเข้าไปยังบ้านที่อยู่ด้านหลังแล้วร้องฮึบกับตัวเองในใจ ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่เขายังทำอาหารอร่อยๆ เป็นกำลังกายและกำลังใจให้สองพี่น้องนั่นได้นี่นา
****************************************TBC*****************