บทที่27
“เจ๊....” เสียงของไอ้เด็กที่ยืนอยู่แถวบริเวณหน้าประตูห้องเรียกผมออกมาแบบแผ่วเบา ท่าทางกล้าๆกลัวๆของมันเหมือนว่ากำลังทำตัวไม่ถูก มันที่มองไปรอบๆห้องแบบใช้ความคิด ก่อนสุดท้ายจะจบลงด้วยการที่มันเม้นริมฝีปากเข้าหากันแล้วก้มหน้าลงมองพื้น
“เข้ามา ยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้น” ผมที่เดินออกไปจากห้องครัวหลังจากเดินไปเก็บของเสร็จพูดออกไปแบบนั้น ค่อยๆสาวเท้าเดินเข้าไปหามัน เอื้อมมือไปคว้าข้อมือของอีกคนแล้วจัดการดึงให้มันเดินตามเข้ามาในห้อง ทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาก่อนจะดึงให้อีกฝ่ายตามลงมานั่งข้างๆแล้วดึงตัวมันมากอดเอาไว้
คิดถึง ... คงมีแค่คำนี้ที่พอจะแทนความรู้สึกของผมได้
ไอ้เอมที่นั่งนิ่งๆปล่อยให้ผมกอดอยู่แบบนั้น ผ่านไปสักพักวงแขนเล็กๆของมันก็ค่อยยกขึ้นมากอดตอบผม ตามมาด้วยหัวทุยๆของมันที่เอาแต่ซูกอยู่ที่อกผมแล้วกอดผมไว้แน่นๆ มองจากตรงนี้ก็เห็นไหล่เล็กๆที่สั่นไหว
มันกำลังร้องไห้ ... และนี่ก็เป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมอยากจะเห็น
“เลิกร้องได้แล้วมั้ง ตาบวมหมดแล้ว...หรือว่ายังไง ให้กูไปต่อยให้เลยดีไหม คนที่ทำมึงเสียใจแบบนี้ต้องโดนกูต่อยนะ”
“ฮึก บ...บ้าเปล่าวะ นั่นมันอิ้ไอ้หยีเลยนะ” พูดอู้อี้ออกไปแบบนั้นทั้งที่ยังคงเอาหน้าซุกอยู่ที่อกของผม มันที่ดูเหมือนกับว่ากำลังพยายามกลั้นเสียงให้หยุดสะอื้นแต่ก็ดูจะยากเย็นพอสมควร
“อ่อ เป็นอิ๊ไอ้หยีที่ทำมึงของกูเสียใจแบบนี้สินะ”
“ฮึก ... เจ๊พี่มึงทำกูเสียใจมากกว่าอิ๊ไอ้หยีอีกเถอะ” มันที่บอกออกมาแบบนั้นด้วยเสียงอู้อี้ คำพูดของมันที่ทำให้ผมยิ่งรู้สึกผิด เพราะแบบนั้นเลยกอดกระชิบตัวมันให้แน่นขึ้น
“ขอโทษครับ เสียใจมากเลยใช่ไหมวันนั้น” พูดออกไปแบบนั้น แต่อีกคนก็ยังคงทำแค่เงียบ
“เอม”
“ฮึก..อ..อย่าเรียกชื่อนะ” มันที่ร้องออกมาแบบนั้นพร้อมๆกับกำปั้นเล็กๆที่ทุบลงมาที่อกของผม ไม่เจ็บมากก็แค่คันๆ หมัดลูกควาย
“เฮ้อ ไม่เรียกก็ไม่เรียก” พูดออกไปแบบนั้นแล้วยกมือขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ แต่เหมือนว่าพอยิ่งทำแบบนั้นมันจะยิ่งร้องไห้หนักขึ้นกว่าเดิม ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้เลย อยากจะพูดทุกอย่างออกไปให้เคลียร์กันซักที แต่คิดว่าทางที่ดีควรรอให้อีกฝ่ายพร้อม
“เจ๊”
“หื้ม ว่าไง”
ผมที่ผละตัวออกมา แล้วดึงตัวมันให้หันมาจ้องกันดีๆในตอนนี้ ไอ้เอมที่ช้อนตาแดงๆของมันมองมาที่ผม ริมฝีปากบางที่ตอนนี้ถูกมันขบเม้มนิดๆเหมือนคนกำลังกังวล ไหล่เล็กๆนั่นที่ก็สั่นนิดๆเพราะแรงสะอื้นที่เจ้าตัวกำลังพยายามหยุด ... รวมเลยคือมันดูน่าสงสาร เพราะแบบนั้นเลยอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปลูบข้างแก้มใสนั่นๆเบาๆอีกหนึ่งที
ไอ้เอมที่หลุบตาลงต่ำในตอนนั้น ข้างแก้มของมันที่ดูขึ้นสีหน่อยๆแม้ว่านัยต์ตาจะยังคลอด้วยน้ำตาก็ตาม มันที่สูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ไม่เข้าใจว่ามันเป็นอะไร
“ผม...”
“หื้ม”
“ผมเสียใจที่เจ๊เลือกเค้าว่ะ ไม่อยากจะพูดแบบนี้เลย แต่ผมก็เสียใจว่ะ ตอนที่เจ๊เลือกทิ้งผมไปกับเค้าผมโคตรเสียใจเลย ทั้งๆที่จริงๆเราก็ไม่ได้เป็นอะไรกันสักอย่าง แต่ถึงแบบนั้นเจ๊ก็บอกว่าจีบผมอยู่ไม่ใช่หรอวะ แล้วทำไมถึงยังเลือกเค้าแบบนั้นอีก” มันที่ว่าออกมารัวๆแบบนั้นเหมือนจะไม่ได้หายใจด้วยซ้ำตอนที่เอาแต่ก้มหน้าแล้วว่าออกมารัวๆ
“เอม กูไม่ได้เลือกพาย”
“ไม่ได้เลือกพาพวยแล้วไปกับเค้าทำไมวะ เจ๊ไปกับเค้าทั้งๆที่ผมก็ยืนอยู่ตรงนั้น” มันที่เงยหน้าขึ้นมามองหน้ากัน รับรู้ถึงความเสียใจมากมายของมันผ่านสายตาที่มองมา
“พายขาเจ็บ มึงก็เห็น กูแค่อยากพาเค้าไปหาหมอ”
“คือเจ๊เป็นห่วงเค้า” มันที่พูดออกมาแบบนั้น ในน้ำเสียงเจือความน้อยใจออกมาให้ผมได้ยินแบบปิดไม่มิด แต่ผมเข้าใจดี
“กูไม่ได้ห่วงเค้ามากกว่ามึง ที่พาพายไป นอกจากอยากพาไปทำแผล ก็เพราะมีเรื่องจะคุยกับพาย”
“ข้ออ้างหรอวะ”
“มันไม่ใช่ข้ออ้าง แต่มันเป็นเรื่องจริงที่กูทำ กูพาเข้าไปทำแผลที่โรงพยาบาล แล้วก็บอกเค้าแบบจริงจังว่าตอนนี้กูไม่ได้รู้สึกอะไรกับเค้าแล้ว กูตั้งใจจะกลับมาพูดเรื่องของเราอธิบายทุกอย่างกับมึงให้เข้าใจ...แต่มึงก็ไม่อยู่รอฟังแล้ว” บอกมันออกไปแบบนั้น ไอ้เอมก็เม้มปากแน่น มองเห็นสีหน้าของมันที่ยังมีความดื้อดึง ผมเข้าใจดีว่าแค่คำพูดไม่กี่ประโยคนี้ มันคงไม่สามารถทำให้มันรู้สึกดีขึ้นมาได้ง่ายขนาดนั้น
“กูไม่รู้หรอกว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นระหว่างมึงกับพาย แต่กูเชื่อว่ามึงมีเหตุผลของมึงที่ทำลงไปแบบนั้น กูไม่ว่ามึง แต่อย่าทำอีก”
“สุดท้ายเจ๊ก็แคร์เค้า”
“ฟังก่อน” บอกออกไปแบบนั้นแล้วมันก็ใช้สายตาค้อนแรงๆมาใส่ผม แต่ก็เลือกที่จะเงียบฟัง ... เอมมันเป็นแบบนี้เสมอ มันดื้อ รั้นในแบบของมัน แต่มันก็ไม่ใช่เด็กนิสัยแย่ที่ไม่ยอมรับฟังอะไรเลย
“มึงสาดขาหมูไปแบบนั้น จานก็แตก ที่สำคัญ ขาหมูถุงนั้นมึงตั้งใจซื้อมาให้กูกินไม่ใช่หรอ กูยังไม่ได้กินเลย เสียดายของ”
“หึ กับอิแค่ขาหมูถูกๆเจ๊จะมาอยากกินอะไรวะ”
“อืมมันราคาถูก แต่เป็นมึงที่ซื้อมา กูเลยถูกใจ” อยากให้มันเข้าใจว่าเพราะทุกอย่างที่เป็นมัน ผมจะไม่มีทางเลือกอย่างอื่น ... บอกออกไปแบบนั้นแล้วรอคอยอย่างใจเย็น มองเห็นไอ้เด็กที่เม้มปากแน่นๆแล้วอยากจะยื่นหน้าไปจูบ ไม่อยากให้ปากของมันต้องมีแผลเลยจริงๆ อย่างน้อยถ้าจะมี ก็ให้เป็นรอยแผลเพราะปากผมจะดีกว่า
“เค้าบอกผม ... พาพวยน่ะ เค้าบอกผมว่าเจ๊ไม่มีทางเลือกผม ไม่ว่าผมจะนอนกับเจ๊มากี่ครั้ง ต้องแลกอะไรมาจากทั้งชีวิตของผมเพื่อให้เจ๊ เจ๊ก็ไม่มีทางรักผมแบบจริงๆได้หรอก ... คนที่ไม่มีอะไรแบบผมน่ะ” เอมมันว่าออกมาแบบนั้นแล้วก้มหน้าลงต่ำ ผมเห็นน้ำตาเม็ดเล็กที่หยดลงจากหางตาของมัน ไหลลงมาที่ข้างแก้มก่อนจะหยดลงไปบนหลังมือของมัน เห็นแบบนั้นแล้วใจของผมรู้สึกถูกบีบ พร้อมๆกับความไม่เข้าใจปนหงุดหงิดหน่อยๆว่าพายมีสิทธิ์อะไร และเป็นอะไรถึงพูดแบบนั้นออกมาได้
“พาพวยบอกว่า ที่เจ๊เป็นเจ๊แบบทุกวันนี้ ก็เพราะว่าเค้าอยากให้เป็น เจ๊เลยเป็นตุ๊ดแบบนี้” มันที่พูดประโยคนั้นจบแล้วเงยหน้าขึ้นมาจ้องหน้าผม ทั้งๆที่น้ำตามันยังไหล ความเสียใจของมันยังมีอยู่เต็มใบหน้า ค่อยๆเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้มันเบาๆ
“พระพายกับกูใครสำคัญกับมึง” ถามออกไปแบบนั้นแล้วมองตาคนตรงหน้าที่ดูจะสับสนขึ้นมาตอนที่ผมถามออกไปแบบนั้น
“เจ๊ถามอะไรวะ”
“ตอบสิ”
“ก็ต้องเจ๊สิ” บอกออกมาแบบนั้น ผมที่ยิ้มแล้วลูบแก้มใสของมันไปด้วยเบาๆ
“ในเมื่อกูสำคัญกับมึง แล้วทำไมมึงถึงเชื่อพายมากกว่ากู” ถามออกไปแบบนั้น ไอ้เอมที่จ้องหน้าผมอยู่ก็ยู่ปากออกมานิดๆ มันที่มองค้อนกันหน่อยๆ แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะก้มหน้าหลบตาหนีกัน
“ทำไมมึงถึงไม่ถามกู อยากรู้อะไรก็แค่ถามกู กูจะไม่โกหกมึงเอม แค่เป็นมึง กูจะบอกเรื่องจริงทั้งหมด”
“แล้วถ้าเจ๊โกหก ผมก็ไม่มีวันรู้อยู่ดี....”
“แล้วไม่คิดบ้างหรอว่าพายก็อาจจะโกหกมึงได้เหมือนกัน ...
เค้าที่เป็นคนอื่นด้วยซ้ำ แต่กูไม่ใช่นะ กูคือผัวมึง” ผมที่สวนออกไปแบบนั้นทำให้ไอ้เอมต้องหุบปากลงทันที มองเห็นอาการสับสนของมันที่เหมือนอยากจะเถียงแต่ก็เหมือนยอมรับกับคำพูดของผมแต่โดยดีเลยต้องเงียบลงไปอีกครั้ง เห็นแบบนั้นแล้วก็อดจะเลื่อนมือไปลูบหัวมันไม่ได้ ... ควายน้อยของผมกำลังใช้สมองอย่างหนักมากไปแล้วในวันนี้ สงสารครับ
“จริงๆพายเป็นคนน่าสงสารนะ”
“แล้วผมไม่น่าสงสารหรอวะ” มันที่โพล่งขึ้นมาแบบนั้นอีกรอบแล้วเงยหน้ามองหน้าผม
“ผมไม่น่าสงสารหรอวะ เจ๊ถึงเลือกไปกับเค้าแบบนั้น ผมเสียใจนะ มากๆเลยนะโว้ย” เห็นแบบนั้นแล้วอดไม่ได้ที่จะต้องเผลอยิ้มออกมาเอื้อมมือไปดึงตัวมันเข้ามาชิดแล้วกอดมันเอาไว้ อยากจะกอดแน่นๆเท่ากับความเสียใจที่มันต้องเจอ ถ้ากอดของผมทดแทนได้มันก็คงดี
“มึงไม่น่าสงสาร...ฟังก่อน ที่กูบอกว่ามึงไม่น่าสงสารเพราะมึงมีกู แต่พายไม่มีใคร และแน่นอนว่าเค้าก็จะไม่มีทางมีกูด้วย เพราะกูมีมึง”
“พูดอะไรก็ไม่รู้ งงฉิบ” ว่าออกมาแบบนั้น แต่ผมรู้ว่ามันเข้าใจ ก็แค่พูดกวนตีนกันแบบที่มันชอบทำเวลามันเขิน
“จะฟังต่อไหมลูกควาย”
“ก็เล่ามาสิ แต่ผมไม่เป็นลูกควายด้วย!” ผมที่ยิ้มออกมากับคำพูดของมัน แล้วเลือกจะไม่เถียงมันแต่เปลี่ยนเป็นเล่าเรื่องต่อแทน
“กูกับพายเรียนคณะเดียวกัน ตอนปี1ไม่ค่อยรู้จักพายเท่าไหร่ แต่พอหลังจากขึ้นปี2ก็บังเอิญได้มาทำงานกลุ่มเดียวกัน แต่ก็มีปัญหาเพราะพายไม่ค่อยมาเรียน จากกูที่ไม่เคยเห็นพายในสายตาก็เริ่มรู้สึกสนใจ ... เป็นมึงไม่สนใจหรอ ใครคนนึงที่ต้องทำงานด้วยกันแต่หายไปตลอด แม่งเอาเปรียบ”
“เจ๊สนใจหรืออยากดักตีเค้ากันแน่วะ” มันที่พูดออกมาอู้อี้ๆเพราะตอนนี้เอาหน้าถูไปกบอกเสื้อของผม
“จริงๆตอนแรกที่ยังไม่เจอก็อยากดักกระทืบเหมือนกัน แต่พอหลังจากที่กูกับไอ้เมฆไอ้จั๊มตามสืบจนไปตามหาพายถึงได้รู้ว่าพายอยู่หอคนเดียว หนีออกจากบ้านมา ทั้งๆที่ครอบครัวก็มีเงิน”
“ชีวิตสบายมากหรอวะ เลยอยากหาเรื่องลำบาก เปลี่ยนกับกูไหมอยากถามแค่นี้ เหอะ”
“ถ้ามึงรู้ กูว่ามึงไม่น่าจะอยากเปลี่ยนชีวิตกับพายหรอกว่ะ”
“มีเงินไม่ดีตรงไหนวะ ยิ่งช่วงเศรษฐกิจเฮงซวยแบบนี้เงินสิยิ่งสำคัญ นักศึกษาก็ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐนะเจ๊รู้ยัง”
“จุ๊ๆ...พูดไปถึงไหนเนี่ยมึง ฟังต่อนะ ....พายน่ะถูกพ่อเลี้ยงตัวเองข่มขืนตั้งแต่ม.ปลาย ทำให้กลายเป็นคนที่กลัวการเข้าใกล้ผู้ชาย กูก็ไม่รู้เท่าไหร่ว่ามันคือโรคอะไรกันแน่ กูไม่ได้จบแพทย์...แต่รู้ว่าพายจะมีอาการมากๆเวลาที่ต้องอยู่ใกล้ชิดผู้ชาย โดยเฉพาะผู้ชายแปลกหน้า จะแน่นหน้าอก มือสั่น เหงื่อออก หายใจไม่ออก บางครั้งก็หมดสติ เวลาเป็นแล้วน่าสงสารมาก”
“เหี้ย! โดนข่มขืนหรอวะ”
“อืม ตอนกูรู้กูก็ตกใจแบบมึง มันต้องแย่แค่ไหนวะ กับเด็กที่อายุแค่ไม่เท่าไหร่ต้องมาเจอเรื่องแบบนั้น พอกูรู้กูเลยพยายามเข้าหาพาย อยากให้พายได้มาเรียนได้มีเพื่อน เจอเรื่องดีๆ แต่ว่าพายก็เอาแต่หนี จากความสงสารก็กลายเป็นความรู้สึกดีๆ กูอยากเห็นเค้าหายและมีความสุข ใช้ชีวิตปกติแบบคนทั่วไป”
“เจ๊ก็เลยเปลี่ยนตัวเองเป็นเจ๊ดานี่ เพื่อเค้าหรอวะ”
“จริงๆกูชอบแกล้งเล่นเป็นตุ๊ดมานานแล้วก่อนเจอพายด้วยซ้ำนะ”
“เดี๋ยวนะ....มึงชอบเล่นอะไรนะ” มันที่ถามออกมาเสียงสูงแล้วเงยหน้าขมวดคิ้วมองหน้าผมแบบไม่เข้าใจ ... คืองงอะไร
“มึงไม่เคยเล่นหรอวะสมัยมัธยมอ่ะ แกล้งๆทำตัวเป็นตุ๊ด ตลกดีจะตาย” บอกมันออกไปแบบนั้นแล้วอีกฝ่ายก็ทำสีหน้าที่ผมอ่านออกได้ว่า
‘คงมีแต่มึงนี่ล่ะที่สนุก’ ส่งมาให้
“อย่ามามองกูด้วยสายตาเหมือนว่ากูเป็นคนบ้าได้ไหมวะ” บอกออกไปแบบนั้นแล้วเอื้อมมือไปบีบจมูกมันอย่างหมั่นเขี้ยว
“แล้วยังไงต่อวะเจ๊ เล่าสิวะ”
“ก็ไม่ยังไง กูก็เลยลองแกล้งๆทำตัวเป็นตุ๊ดใส่ ก็เห็นพายลดช่องว่างกับกูมากขึ้น ค่อยๆเปิดใจกล้าพูดกล้าคุยมากขึ้นจนเข้ามาเป็นเพื่อนในกลุ่มของกูได้”
“เอ้า แล้วกลับพี่เมฆพี่จั๊มล่ะ เค้าไม่เห็นต้องแกล้งเป็นตุ๊ดแบบเจ๊เลยไหมวะ”
“ตอนแรกกับไอ้สองตัวนั้นพายก็ยังไม่สนิทใจ แต่เพราะมีกูเป็นตัวกลางคอยเชื่อมความสัมพันธ์ให้ก็เลยค่อยๆลดการระแวงลง แต่ก็ไม่ได้ดีทั้งหมด หลักๆพายก็สนิทกับกูที่สุด และอีกอย่างหลังจากนั้นกูก็เริ่มรู้สึกชอบพาย กูก็เลยทำตัวเป็นตุ๊ดแบบนั้นมาเรื่อยๆตัดความยุ่งยากเวลามีผู้หญิงเข้าหากูด้วย”
“เยอะหรอวะ ผู้หญิงที่ว่า”
“มึงดูหน้ากูด้วยครับ”
“ก็งั้นๆป่ะวะ”
“หึ กล้าพูดนะ คนที่ชอบกูมากแบบมึงยังกล้าพูดว่างั้นๆได้อีกหรอหนู” ดึงตัวมันมาชิดแล้วก้มหน้าลงไปหอมแก้มมันแบบอดไม่ได้หนึ่งฟอดเต็มๆ มองจากตรงนี้มองเห็นแก้มของมันแดงขึ้นมาหน่อยๆ น่ารักดีครับ ควายน้อยของผมแม่งน่ารักว่ะ
“อย่ามาหอมแก้มผมนะเว้ย เราไม่ได้เป็นอะไรกันนะเว้ยเจ๊”
“งั้นมึงรออะไรล่ะ ...
เป็นแฟนกับพี่เถอะเอมหมดความอดทนได้หรือยัง กับความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนของเราน่ะ มึงหมดความอดทนได้หรือยังวะ” พูดออกไปแบบจริงจัง ก่อนจะดันตัวมันออกมาจากอกของผม จ้องหน้าคนตรงหน้าแบบไม่ล้อเล่นในคำพูด
“ผมอยากหมดความอดทน” มันที่ว่าแบบนั้นแล้วก็ช้อนตามองหน้า ในสายตาใสๆของมันยังมีแววไม่แน่ใจ
“แล้วมึงรออะไรคะ!” อดไม่ได้ที่จะขึ้นเสียงใส่มันหน่อยๆในประโยคนั้น เรื่องราวของเราในตอนนี้มันควรจะก้าวไปสักทีได้แล้ว
ไอ้เอมที่ก้มหน้าลงมองมือตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงเศร้าๆ
“ผมน่ะเป็นคนที่ไม่มีอะไรเลยนะเจ๊ ไม่มีพ่อไม่มีแม่ ไม่มีเงิน ไม่มีบ้าน แล้วแบบนี้...เจ๊จะอยากมีผมไปทำไมวะ คนที่ไม่มีอะไรพอที่จะทำให้เจ๊ภูมิใจได้เลยนะ คนที่ไม่เท่าเทียมกับเจ๊แบบผม มันไม่ใช่ละครหรือเปล่าวะ ...หึ มันจะมีจริงๆหรอวะ พระเอกที่เหมือนในละคร พูดแล้วอยากจะขำ แม่งไม่มีหรอก คนที่รักและทำเพื่อเราได้ขนาดนั้น ”
“มึงพูดแบบนี้หมายความว่าไง...” ขมวดคิ้วแล้วถามมันออกไปแบบนั้น
“ก็แล้วมันไม่จริงหรอวะ คนดีๆที่จะมาดึงเราให้เข้าไปอยู่ในโลกใบใหม่แบบในละคร แม่งไม่มีหรอกว่ะ” มันที่ว่าแบบนั้นออกมา แต่จริงๆเหมือนมันไม่ได้กำลังพูดกับผม แต่เป็นการย้ำเตือนกับตัวเองซะมากกว่า เหมือนกับว่าจริงๆแล้วมันมีเรื่องราวบางอย่างที่ฝังใจอยู่ ... เห็นแบบนั้นแล้วอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาหนักๆก่อนจะโพล่งออกไปแบบอดไว้ไม่อยู่
“ก็กูไงคะ ...เอ๊ะ มองกูแบบนั้นหมายความว่าไง กูไม่เหมาะที่จะเป็นพระเอกหรือไงคะอินี่” พูดละองค์กูลงเลย อดไม่ได้ที่จะเผลอจีบปากจีบคอใส่มัน ตอนนี้ที่มันเองก็มองแรงมาใส่ผม
“ก็แล้วพระเอกที่ไหนมันจะปากแดง แล้วก็บล็อคตาแน่นแบบนี้บ้างล่ะวะ!” ขมวดคิ้วแล้วยู่ปากใส่ ท่าทางเหมือนลูกแมวโมโห ฉุนเฉียบน้อยๆกำลังน่ารัก แต่ในสายตาผม ไอ้น้องเอมมันก็เป็นได้แค่ลูกควายตัวดื้อเท่านั้นล่ะครับ
“แบบกูนี่ไง
สวยๆเป็นผัว มึงไม่เข้าใจหรอคะ โดนเองมากับตัวมึงยังจะมาปากดี ... กูปากแดงสวยๆแล้วไง ก็เป็นผัวมึงได้ก็แล้วกัน”
“ก็เพราะเจ๊เป็นแบบนี้ไงเล่า ผมถึงไม่มั่นใจสักที เจ๊ที่เอาแต่เป็นเจ๊ดานี่ของพาพวย แล้วทำไมถึงเป็นพี่ดาบของผมบ้างไม่ได้วะ!” ไอ้เอมที่ตะคอกกลับมาทันทีที่ผมพูดจบ มันที่ว่าออกมาแบบนั้นด้วยเสียงที่ดังด้วยหน้าที่แดงๆของมัน ไม่รู้ว่าโมโหหรือเขินกันแน่
“มึงอยากให้กูเป็นไอ้ดาบ?”
“ก็เจ๊เอาแต่เป็นตุ๊ดเพราะพาพวย”
“จริงๆกูเป็นตุ๊ดเพราะกูอยากเป็น แต่ที่ทำกับพายก็แค่ผลพลอยได้ ที่คิดว่าทำแล้วพายจะชอบกู แต่จริงๆก็ไม่”
“งั้นเจ๊ก็กลับมาเป็นผู้ชาย เป็นพี่ดาบเพื่อผมได้ไหม” มันที่ว่าแบบนั้นช้อนตามองผมแบบขอร้อง ... ผมนึกย้อนกลับไปถึงคำพูดของไอ้เมฆที่ว่า ถ้าผมยังยึดติดกับความคิดที่ว่าเอมไม่มองที่ตัวตนของผม ความสัมพันธ์ของเรามันก็จะไปต่อไม่ได้
“กูจะไม่เป็นดาบเพื่อมึง” บอกมันออกไปแบบนั้น มองเห็นสีหน้าที่ดูจะเสียใจมากๆของมัน ผมที่ค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปหามันช้าๆ ใกล้กันจนระยะห่างของลมหายใจทำให้เรารู้สึกถึงกันได้ ในดวงตากลมโตของมันที่มองช้อนขึ้นมามองหน้าผมช้าๆในตอนนี้ ทำได้แค่ยกยิ้มมุมปากส่งออกไป ก่อนจะพูดบอกออกไปว่า
“แต่กูจะเป็นกู...เพื่อเรา”“หื้ม...เจ๊หมายความว่าอะ... อึก อื้มม” ผมที่แนบริมฝีปากของตัวเองลงไปบนริมฝากของคนตรงหน้าแบบไม่อยากจะทน ยื่นแขนของตัวเองออกไปคว้าเอวบางเข้ามา ดึงรั้งตัวของมันให้ขึ้นมานั่งคล่อมตัวอยู่บนตักของผม ก่อนจะเอนหลังตัวเองพิงลงไปที่พนักโซฟาช้าๆ มืออีกข้างที่ว่างก็เอื้อมไปประคองใบหน้าน่ารักของมันให้หมุนทำมุมเปลี่ยนองศาให้สอดคล้องกันมากขึ้นในตอนที่ลิ้นร้อนชื้นของผมสอดเข้าไปเกี่ยวรัดกับลิ้นของมันอย่างเอาแต่ใจ อยากจะกดจูบมันอยู่แบบนี้ทั้งวัน แต่ถึงแบบนั้นก็ต้องผละออกมา หน้าของมันที่ขึ้นสีแดงจัด สายตาที่เป็นประกายวาววับในตอนที่มองหน้าผม
“คบกับกูนะเอม ... ต่อจากนี้กูจะเป็นกู กูที่รักมึงและทำให้มึงมีความสุขมากกว่าใคร ในแบบของกูเอง”
“เจ๊...”
“พี่ชอบเอม พี่รักเอม เป็นแฟนพี่นะ” จ้องตามันพร้อมบอกความรู้สึกทุกอย่างผ่านสายตานี้ ไอ้เอมที่น้ำตาคลอขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่มันจะค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมาช้าๆ ก่อนจะพยักหน้าลงมาน้อยๆในตอนที่หน้าก็แดงไปแล้วทั้งหน้า
“อื้อ”
“อืออะไรคะหนู”
“คบกันไงเล่า! คบกันกับเอมแล้วนะ เป็นแฟนเอมแล้วนะ เอมหึงได้แล้วนะ” มันที่ว่าออกมาแบบนั้นด้วยท่าทางน่ารักจนผมต้องยิ้มกว้างๆออกมา และก็เป็นอีกครั้งที่อดไม่ได้ที่จะยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มมัน
“ก่อนหน้านี้ไม่เป็นก็หึงไปแล้วไหม...แต่ก็ถูก ตอนนี้พี่เป็นของเอมครับ”
ตอบออกไปแบบนั้นแล้วมองตาเด็กตรงหน้า น้องเอมที่มันค่อยยิ้มกว้างออกมาทั้งหูทั้งตา เป็นรอยยิ้มที่สว่างสไวที่สุดเท่าที่ผมเคยได้รับมาจากมัน และรอยยิ้มนี้ ที่ผมจะพยายามรักษามันไว้ให้ดีที่สุด
“เป็นแฟนกันแล้ว”
“อื้ออ” ไอเอมที่พยักหน้าเขินๆ พร้อมๆกับผมที่โน้มหน้าเข้าไปกระซิบลงที่ข้างหูมันเบาๆ
“งั้นก็เอากันได้แล้วดิคะ”
“ไอ้สัดเจ๊พี่มึง! ปล่อยเอวเลยนะโว้ยยย!!”
...
‘ปังๆๆ!!’
เสียงเคาะประตูดังลั่นที่ทำให้ผมต้องขมวดคิ้วก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นมาช้าๆ รู้สึกปวดเนื้อปวดตัวมากจนไม่อยากจะขยับ
นี่กูถูกรถไฟวิ่งชนมาหรือเปล่าวะ
ได้แต่ยกมือขึ้นเสยผมให้ออกไปจากหน้า ปรับสายตาให้คุ้นชินกับความมืดของห้องก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่ที่โต๊ะตรงปลายเตียง มันบอกเวลาว่าบ่ายสามโมงแล้ว
‘ปังๆๆ!!’
เสียงเคาะ ... จริงๆไม่ควรใช้คำว่าเคาะ เรียกว่าทุบจะดีกว่า เสียงทุบประตูห้องผมยังคงดังขึ้นมาอีกอย่างต่อเนื่องนั่นทำให้ต้องขมวดคิ้ว หงุดหงิดฉิบหาย
“พ่อใครตายวะไอ้สัด” ได้แต่พูดออกไปแบบนั้นแล้วค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง ในตอนที่ปลายเท้าแตะลงที่พื้นห้องเย็นๆก็ต้องซี๊ดปาก ความรู้สึกเจ็บร้าวแล่นงานขึ้นมาที่สมองเลยในตอนนี้
“สัดเอ้ย”
‘ปังๆๆ!!’
เสียงทุบที่ยังดังมาอย่างต่อเนื่องนี่ก็ยิ่งทำให้หงุดหงิด ผมที่ได้แต่ค่อยๆเดินไปที่ประตูช้าๆ ก่อนจะเอื้อมมือเปิดประตูในเวลาต่อมา คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าที่กำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ในตอนนี้ก็ทำให้ผมต้องถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่อยู่
“ไอ้เสือ!”
“ตะโกนทำไมวะพี่มึง แล้วทุบประตูห้องกูขนาดนี้มีใครตายหรอวะ” ถามมันออกไปแบบนั้นแล้วจ้องหน้าคนตรงหน้าที่ตอนนี้ยกมือข้างนึงยันไปที่ขอบประตู
“มึงสิจะตาย กลับมาทำไมไม่บอกกู”
“เห็นมึงหลับเหมือนตายอยู่ ก็ไม่จำเป็นต้องปลุกไหมวะ” ตอบมันออกไปแบบนั้นแล้วยักไหล่ให้มันไปทีแบบไม่ใส่ใจอะไร
“สัด...แล้วนี่ทำไมมึงไม่หลบ กูจะเข้าห้องมึง” มันที่ว่าแบบนั้นแล้วผลักตัวผม ดีที่เกาะประตูไว้แน่นเลยไม่เซ
“พี่มึงจะเข้ามาทำไมวะ” บอกมันออกไปแบบนั้น และคนตรงหน้าที่ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีในตอนที่ได้ยิน
“แล้วทำไมกูจะเข้าไม่ได้ กูมีเรื่องต้องคุยกับมึงด้วย”
“แต่กูไม่มี กูเหนื่อย กูง่วง พี่มึงกลับไปก่อนไป” บอกมันแบบนั้นแล้วทำท่าจะปิดประตู แต่ก็ถูกมือแกร่งของมันที่ยันเอาไว้ได้ทันก่อนที่ประตูจะปิดลง
“ไอ้สัดพี่ ปล่อยประตูไอ้สัดเก้อ”
“กูจะคุยกับมึง มึงหนีกลับมาได้ไงวะ สัด มึงเดินไหวได้ไง”
“แล้วทำไมกูจะเดินไม่ไหววะ พอ! มึงเลิกพูดเหอะสัดพี่เก้อ” ผมที่ขมวดคิ้วแล้วบอกมันออกไปแบบนั้น ได้แต่ถอนหายใจหนักๆแบบเหนื่อยๆ อย่างน้อยก็ในตอนนี้ที่ไม่อยากจะคุยกับมัน แต่เหมือนว่าคนตรงหน้าแม่งจะไม่ให้ความร่วมมือ
“ถอย!” มันที่ว่าแบบนั้นแล้วดันประตูเข้ามาเต็มแรง จนผมต้องเซถอยหลังไปอีกหลายก้าว และมันเองก็ก้าวเท้ายาวๆเข้ามาในห้องผมแบบหน้าด้านๆ ฝ่ามือหนาของมันที่เอื้อมไปเปิดไฟห้องของผมแบบรู้ดีว่าตรงไหนเป็นตรงไหน
ห้องมึงหรือไงไอ้สัด!
“เป็นเหี้ยอะไรของมึงวะไอ้สัด!” หงุดหงิดจนต้องเขวี้ยงขวดน้ำใกล้ๆมือไปใส่หัวมัน
“โอ้ย กูเจ็บนะไอ้เสือ”
“เรื่องมึง! กูบอกว่ากูอยากนอน เสือกดันทุรัง เป็นเหี้ยไรนักวะ”
“เป็นคนที่เอากับมึงมาไงเมื่อคืนมึงลืมหรอสัด” มันที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วจ้องหน้าผมเขม็ง และก็เป็นผมที่ต้องขมวดคิ้วแน่นๆในตอนนี้หลังจากที่มันพูดออกมาแบบนั้น
“มึงจำคนผิดเปล่าไอ้สัดพี่เก้อ มึงไม่ได้เอากับกูหรอก” ผมที่บอกแบบนั้นแล้วเดินไปยืนพิงโต๊ะหันหน้าไปมองกลับมันที่ยืนอยู่ตรงข้างๆเตียงนอนของผม มองเห็นหน้ามันที่ขมวดคิ้วมองมา
“ไอ้เสือ มึงไม่ต้องเล่นลิ้น กู....กูจะรับผิดชอบมึงเอง!” มันที่หลับหูหลับตาตะโกนออกมาแบบนั้น มองดูจากนอกโลกก็รู้ว่ามันเองก็ลำบากใจ ผมรู้ดีว่ามันไม่ได้รู้สึกอะไรกับผม เพราะแบบนั้นเลยยกยิ้มมุมปากออกมาหน่อยๆ
"รับผิดชอบเหี้ยไร กูยอมมึงเอง ก็แค่ปล่อยน้ำป่ะวะ" บอกมันแบบนั้นแล้วยักไหล่ทำท่าสบายๆแบบไม่ใส่ใจเท่าไหร่
"มึงไม่ได้ยอม" มันที่เงยหน้าขมวดคิ้วมองมาที่ผมแบบไม่เข้าใจ
"แต่สุดท้ายกูก็ยอม มึงไม่ต้องพูดไรมากหรอกพี่เก้อ ทำตัวให้มันปกติหน่อยดิวะ ก็แค่ได้กัน"
"แต่นั่นครั้งแรกของมึง"
"แล้วไงวะ หรือว่ามึงต้องตามไปรับผิดชอบทุกคนที่มึงพรากซิงมา พอเหอะเลิกพูด" บอกแบบนั้นแล้วยกมือขึ้นปัดๆ บอกให้มันรู้ว่าเลิกพูดเถอะ
"แต่กับมึงไม่เหมือนกัน
มึงคือน้องกู" มันที่ว่าออกมาแบบนั้น ทำให้ผมต้องชะงักมือที่กำลังจะเอื้อมไปเปิดขวดน้ำมาดื่ม รู้สึกคอแห้ง ... แต่ตอนนี้กลับไม่อยากจะกินมันแล้ว เลยต้องผละหน้าหันไปมองหน้าคนที่ยืนตรงหน้าผมอีกครั้ง
"อืม....กูคือน้องมึงไง เพราะงั้นก็ไม่ควรพูดเรื่องนี้อีกไหมวะ มึงกับกู เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน"
"แต่..."
"ถ้ามึงไม่หยุดก็ถอดกางเกงให้กูเอามึงคืนตอนนี้เลย มึงจะยอมไหม" บอกมันแบบนั้นแล้วสาวเท้าเข้าไปหา มันที่ขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะถอยหลังหนีไปอีกหลายก้าว
"ก็เหี้ย!" สองคำสั้นๆที่กระแทกหน้า อยากจะบอกเหลือเกินว่า มึงสิไอ้เหี้ย!
"ก็เออไง มึงไม่ยอม เพราะงั้นก็จบเรื่องนี้ มึงกับกูก็แค่ใช้ชีวิตปกติของใครของมันไปเหมือนเดิม แค่นั้น" บอกมันออกไปแบบนั้นด้วยท่าทางสบายๆ มองมันที่ทำสีหน้าลำบากใจ ก่อนจะจ้องหน้าผมเงียบๆ
"มึงเอาแบบนั้นนะ?"
"เออ กูเอาแบบนั้น"
"เออ งั้นก็แล้วแต่มึงละกัน" มันที่ทำหน้าหงุดหงิดๆหน่อยๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงนอนของผมแรงๆแบบคนหงุดหงิด ก็ไม่รู้ว่ามึงหงุดหงิดอะไร มึงควรจะดีใจมากๆด้วยซ้ำ
"เคดีล...แต่"
"หื้ม?" มันที่หันมามองกันอีกครั้งพลางเลิกคิ้วมองหน้าผม เห็นแบบนั้นผมก็ค่อยๆแสยะยิ้มออกมาหน่อยๆแล้วจ้องหน้ามันนิ่งๆแบบไม่หลบสายตา
"ครั้งหน้าถ้ามึงจะไปเอากับใคร อย่าเผลอครางชื่อเค้าตอนสุดท้ายอีกนะ แม่งโคตรเหี้ย"
"ไอ้เสือ...มึงได้ยิน" มันที่เบิกตากว้างขึ้นแล้วเด้งตัวขึ้นมาจากที่นอนของผมแบบคนมีความผิดติดตัว ปากของมันที่พยายามจะพูดอะไรออกมาสักอย่างแต่เหมือนจะพูดไม่ออก และผมก็ไม่สนใจที่จะฟัง
"พอดีบังเอิญว่ากูมีหูไง กูเป็นคนมีหูที่ไม่ได้ใช้Kไว้นำทางสมองแบบมึง มึงควรจะให้เกียรติคู่นอนมึงบ้างนะ ถึงแม้ว่ากูจะยอมเอง แต่เป็นแบบนั้นแม่งก็เหี้ยอยู่ดี"
"ไอ้เสือกูขอโทษ"
"ช่างแม่งเหอะสัดพี่ มึงกับกูแม่งก็แค่คนเงี่ยน2คนที่หาทางระบายก็แค่นั้นแหล่ะ ... จริงไหม"
บอกมันออกไปแบบนั้น แล้วหันหลังให้มัน ก็แค่ไม่อยากจะมองหน้ามันในตอนนี้ มองเห็นสายตาของมันที่เหมือนอยากจะเถียงอะไรออกมาอีกแต่ผมก็ไม่อยากฟัง ...
เรื่องราวของเราที่มันไม่ควรเริ่ม มันก็ควรจะจบลงตรงนี้...
จบลงไปซะจากใจของกูซะ ก่อนที่มันจะเจ็บมากไปกว่านี้ดีกว่าไอ้เสือ
--------------To be continued--------------
คุณผู้อ่านคะ เค้าคบกันแล้วจ้าาาาาาาา และใช่ค่ะ อีกคู่กับจบกันแล้ววววว (หรอ?)
มามะมาอ่านมาเม้นท์กัน ตอนนี้เอาไปเบาๆ เพราะตอนที่แล้วยาวคนไม่ค่อยอ่านง่ะ คิกคัก
ฝาก
#สวยๆเป็นผัว ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ เชิญชวนมาอ่านมาหวีดใส่แทคกันจ้าาา