[จบแล้ว] จันทร์กระพ้อ (วายพีเรียด) ตอนพิเศษ : วัยเยาว์ (20/12/62)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว] จันทร์กระพ้อ (วายพีเรียด) ตอนพิเศษ : วัยเยาว์ (20/12/62)  (อ่าน 36499 ครั้ง)

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
สนุกค่ะ  :pig4: :L2:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
หวานมากจ้า~

ออฟไลน์ ponpon1a

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
บทที่ ๒๒
เมื่อท้องได้เก้าเดือนเป็นปกติที่ครรภ์ของมารดาจะใหญ่โตตามกาลเวลา แต่ของจันนั้นกลับโตจนผิดปกติจึงทำให้ไตรทศร้อนใจเพราะยามเดินเหินก็ช่างลำบาก ยามนอนคนน้องก็บอกว่าปวดหลังทำให้ต้องหลับในท่านั่งตลอด
เมื่อสองฝ่าเท้าต้องรับน้ำหนักมากจึงเป็นธรรมดาที่จะเกิดอาการปวดตามฝ่าเท้า ผู้ที่คอยบีบคอยนวดให้ทุกครั้งไปก็คือผู้เป็นผัวอย่างไตรทศ
คุณหญิงนิ่มมาเยี่ยมลูกสะใภ้ทุกวันมิได้ขาดเพราะตนเคยท้องมาก่อนจึงรู้ดีว่าอารมณ์คนท้องมักมิอยู่นิ่งและหงุดหงิดได้ง่ายซ้ำยังกินเยอะมากเป็นพิเศษ
ยามที่ไตรทศไปทำงานสิ่งที่จันทำได้มีเพียงแค่นั่งรอและหาหนังสือมาอ่านเพื่อรอเวลาให้ผันผ่านไปอย่างช้าๆ กว่าผู้เป็นผัวจะกลับมาก็ค่ำมืด
เสียงประตูเปิดออกเป็นสัญญาณว่าผู้ที่ตนกำลังคำนึงถึงเดินทางกลับมาถึงเรือนแล้ว จันชะเง้อมองที่ประตูที่กำลังแง้มออกทีละน้อยก่อนจะเห็นว่าผู้ที่เดินเข้ามาคือผู้ที่ตนรอคอย
“พี่ไตร...” จันยิ้มด้วยความสุขใจเมื่อคนพี่กลับมาถึงเรือนอย่างปลอดภัย
“นี่มันก็ดึกมากแล้วหนา เหตุใดจึงยังมินอนเล่า?” ไตรทศเดินเข้ามาหาผู้ที่นั่งอยู่บนเตียง มือหนาเลื่อนไปลูบลงบนกลุ่มผมสีดำขลับ
“ก็...ข้าอยากอยู่รอพี่”
“หากพักผ่อนมิพอมันจะส่งผลต่อลูกหนา” พูดพร้อมกับก้มลงประทับจูบลงบนหน้าท้องที่นูนจนเห็นได้ชัด
แรงกระแทกผ่านหน้าท้องทำให้ไตรทศยิ้มกว้าง ลูกน้อยกำลังเตะหน้าท้องของผู้เป็นแม่เพื่อทักทายกับพ่อที่กำลังคลอเคลียที่หน้าท้องโต
“ลูกขยับทั้งวันเลยจ้ะ”
“สงสัยว่าจะอยากออกมาเจอพ่อกับแม่แล้วกระมัง” ไตรทศเปลี่ยนจากจูบที่หน้าท้องมาเป็นจูบที่แก้มนวลของเมียรักแทน
“ฮื่อ..” ชายหนุ่มส่งเสียงเครือครางในลำคอเป็นการปรามเพราะคนพี่มิยอมออกไปจากแก้มของตนเสียที
“พี่คิดถึง...” พูดจบก็พรมจูบลงบนไหล่มน เลื่อนไปจูบที่ต้นคอระหงพร้อมกับสูดดมเอากลิ่นหอมจากกายของจันเข้าปอด
“พอแล้วจ้ะพี่ไตร” อีกคราที่จันต้องปรามคนพี่ ยามปกติว่าชอบตอแยแล้วยิ่งยามท้องไตรทศยิ่งชอบตอแยมากกว่าเดิมเสียอีก 
“พี่จะไปอาบน้ำสักประเดี๋ยว ออเจ้าหลับก่อนเลยหนา”
“ข้ามิง่วง...ข้าจะรอพี่...”
“อยากให้พี่กล่อมนอนก็บอกมาเถิด”
ชายหนุ่มพลันหน้าขึ้นสีระเรื่อ ที่ผ่านมายิ่งท้องโตยิ่งนอนหลับได้ยาก ทุกวันจึงจักมีไตรทศคอยอ่านหนังสือให้ฟังอยู่ข้างหูจนเผลอหลับไปทุกครา
ไตรทศยิ้มกริ่มก่อนจะหยิบเอาชุดนอนเดินออกไปอาบน้ำ เมื่ออาบเสร็จจึงจัดการใส่ชุดนอนผ้าแพรเบาสบายที่สั่งตัดเย็บมาเป็นพิเศษ พอเดินกลับเข้าห้องนอนจึงเห็นว่าเมียรักของตนได้เผลอหลับไปเสียแล้ว
กายหนานั่งลงข้างเมียที่นอนพิงหมอนใบใหญ่ก่อนจะจับศีรษะของจันให้วางลงบนไหล่ของตนอย่างเบามือ
เส้นผมตกลงปรกใบหน้า คนพี่จึงใช้นิ้วเรียวค่อยๆปัดออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นใบหน้าจิ้มลิ้มของเมียรักที่กำลังนอนหลับตาพริ้ม
“คงจะเหนื่อยมากสิหนาเมียพี่...”
“...”
“พี่สัญญาว่าพี่จะดูแลออเจ้าและลูกให้ดีที่สุด” เมื่อพูดจบไตรทศจึงจรดริมฝีปากอุ่นลงบนขมับของจัน
ตัวเขารู้ดีว่าการเป็นแม่คนมันลำบากเพียงใด หลายครั้งหลายคราที่ผู้ไข้ตั้งครรภ์แล้วมาขอยาแก้ปวดท้องเสมอ ไหนจะเท้าที่เริ่มบวมเพราะการที่ต้องรับน้ำหนักมาก เดินเหินก็มิสะดวก ไตรทศจึงสงสารเมียของตนจับใจ สิ่งที่ตนเองทำได้คงมีเพียงความซื่อสัตย์ต่อเมียและลูกเพียงเท่านั้น
เช้าวันต่อมาไตรทศออกไปทำงานเหมือนอย่างเคย ก่อนออกไปก็มิลืมที่จะกำชับพวกนางทาสให้ดูแลเมียตนให้ดีและห้ามมิให้ขาดตกบกพร่องในหน้าที่ พวกนางทาสจึงรับคำของนายตนและปฏิบัติตามเป็นอย่างดี
“คุณจันประสงค์อยากจะกินอะไรหรือไม่เจ้าคะ?” นางอ่อนหลานสาวของป้าอิ่มเอ่ยถาม
“อืม...” ชายหนุ่มทำท่าคิด “ข้าอยากกินของหวานๆ”
“รอประเดี๋ยวนะเจ้าคะ” นางอ่อนยิ้มรับก่อนจะปลีกตัวออกไป
มินานนักนางทาสก็เดินกลับเข้ามาพร้อมกับบัวลอยไข่หวานโถใหญ่และมีถ้วยเล็กๆเพื่อให้ตักแยกออกมากินที่ละนิด
นางอ่อนจัดการตักบัวลอยในโถใส่ถ้วยใบเล็กให้พร้อมกับส่งให้ผู้เป็นนายของมัน
จันใช้ช้อนตักขนมบัวลอยเข้าปาก ความหวานแผ่ซ่านไปทั่วลิ้นหากแต่เป็นความหวานที่กำลังดีมิได้หวานโดด ตัดความหวานด้วยเกลือเล็กน้อย ตัวบัวลอยเหนียวนุ่มกำลังดีส่งผลให้จันกินไปยิ้มไปด้วยความผาสุก
“ถูกปากหรือไม่เจ้าคะ?” นางอ่อนเอ่ยถามผู้เป็นนาย
“อร่อยมากเลยอ่อน ข้าชอบ” นางอ่อนยิ้มร่าเมื่อจันบอกว่าชอบ“อ่อนข้าขอ..”
เคร้ง!
“ค-คุณจัน!” ถ้วยสังกะสีใบเล็กหล่นร่วงหล่นจากมือ จันใช้มือทั้งสองข้างกุมไว้ที่หน้าท้อง
“ข้า...ข้าปวดท้อง..” ความเจ็บปวดประเดประดังเข้าใส่ เหมือนดั่งกับว่ามีใครกำลังใช้มีดกรีดภายในท้อง
“ตายแล้ว!” นางอ่อนแหวด้วยความตกใจเมื่อมันเห็นว่ามีน้ำไหลออกมาจากบริเวณที่จันนั่ง มันรู้ได้ทันทีว่านายของมันกำลังเป็นอะไร
“โอ๊ย...ฮึก...ปวด...ข้าปวด” เหยื่อกาฬผุดตามขมัยจนชื้น ใบหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด
“ร-รออิฉันประเดี๋ยวนะเจ้าคะ อิฉันจะรีบไปตามหมอเจ้าค่ะ” นางอ่อนรีบวิ่งลงจากเรือนเพื่อไปตามป้าอิ่มให้มาดูแลจันส่วนตัวของมันจะวิ่งไปตามหมอตำแย

“คุณจัน! คุณจันเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ!” ภาพของหญิงชราช่างพร่าเลือน จันลืมตามองจึงเห็นว่าพวกทาสบนเรือนพากันมาดูแลตนที่กำลังนอนอยู่บนเตียงได้อย่างไรก็มิอาจรู้
“ป้าอิ่ม...ข้าปวดท้อง”
“หายใจเข้าลึกๆเจ้าค่ะ ดูเหมือนว่าเจ้านายน้อยจะอยากออกมาดูหน้าคุณจันแล้วนะเจ้าคะ”
“ข้า...ข้าจะคลอดแล้วรึ?”
“เจ้าค่ะ รอหมอสักครู่นะเจ้าคะ หมอกำลังมา” จันพยักหน้ารับก่อนจะเอนแผ่นหลังลงบนหมอนใบใหญ่ที่ถูกใช้หนุนหลังไว้ เมื่อเงยหน้าขึ้นไปจึงมองเห็นผ้าที่ถูกขึงไว้กับเพดานห้อง
“ป้าอิ่ม ผ้านี่เอาไว้ทำอะไรรึ?”
“เอ่อ..ก็..”

“โอ๊ย!...ฮึก โอ๊ยย!”
“เบ่งอีกเจ้าค่ะ เบ่ง!”
ม่านน้ำตาทำให้การมองเห็นพร่าเลือนแต่ความเจ็บปวดที่ช่องทางช่างชัดเจนแจ่มแจ้งเสียเหลือเกิน มือทั้งสองจับตรึงไว้กับผ้าที่จันเคยถามป้าอิ่มก่อนหน้า
“เจ็บ..ฮือ...ข้าเจ็บ”
 จันออกแรงเบ่งตามที่หมอตำแยบอกแต่ความเจ็บมีมากมายนัก เหมือนดั่งกับว่าร่างกายจะแตกเป็นออกเสี่ยงๆ
“อดทนอีกนิดนะเจ้าคะ ส่วนหัวเริ่มออกมาแล้วเจ้าค่ะ”
จันออกแรงเบ่งมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ กับแม่เรือนเพศหญิงนั้นคงมิใช่เรื่องยากแต่กลับจันที่เป็นบุรุษเพศมันช่างเป็นเรื่องยากเสียเหลือเกิน
“ลูกเมียข้าเป็นอย่างไรบ้าง!” ไตรทศที่ทราบข่าวว่าเมียจะคลอดจึงรีบกลับมาที่เรือนทันที
“กำลังทำคลอดอยู่เจ้าค่ะคุณท่าน”
“โอ๊ยย!” เสียงร้องโอดครวญทำเอาคนพี่ใจเสีย
“โธ่...” คนขรึมเดินวนไปวนมาด้วยความกังวล จันตัวเล็กเพียงนิดเดียวการที่จะคลอดลูกออกมาคงทำให้เจ้าตัวเจ็บปวดมิน้อย
“พ่อไตร” เสียงเรียกของคุณหญิงนิ่มดังขึ้น
“คุณหญิงแม่...”
“อย่างกังวลไปเลย เมียออเจ้าเก่งอยู่แล้ว”
“แต่กระผมเป็นห่วงน้อง...”
“แม่รู้ แต่สิ่งที่ออเจ้าทำได้ในยามนี้คือคอยอยู่ให้กำลังใจและคอยดูแลหลังคลอดเพียงเท่านั้น”
“ขอรับ” ไตรทศรับคำหากแต่จิตใจยังคงว้าวุ่นมิเปลี่ยน 
“อะ...โอ๊ย!...”
เสียงร้องครั้งสุดท้ายดังขึ้นพร้อมกับเสียงเด็กแรกเกิดที่ร้องระงม พวกทาสที่นั่งฟังต่างพากันร้องดีใจไปกับนายของตนและดีใจที่พวกมันจะมีเจ้านายน้อยคนใหม่ให้ได้เอ็นดู
มิต่างกับผู้เป็นพ่อที่ยืนห้ามน้ำตามิให้ไหลเพียงเพราะได้ยินเสียงลูกน้อยที่กำลังร้องไห้จ้า
ครู่ต่อมาหมอตำแยจึงเดินออกมาจากห้องด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อนเพราะมิบ่อยครั้งนักที่จะได้ทำคลอดแม่เรือนที่เป็นบุรุษเพศ
“เข้าไปดูเด็กได้เจ้าค่ะ”
เมื่อหมอตำแยพูดจบไตรทศจึงรีบเดินเข้าไปทันที ใจคนพี่กระตุกวูบเมื่อเห็นว่าเมียรักนอนหอบด้วยใบหน้าที่ชื้นเหงื่อจนไรผมเปียกไปหมด ทั้งยังเห็นผ้าขาวที่เปื้อนเลือดหลายผืนวางอยู่มิไกล
“โธ่...จันของพี่” ไตรทศใช้มือปัดผมที่ปรกหน้าเมียรักออก
“พี่ไตร...” เสียงเหนื่อยอ่อนเอ่ยเรียกชื่อของผู้เป็นผัวพร้อมกับรอยยิ้มที่เปื้อนบนใบหน้า “ดูลูกสิจ้ะ”
เพราะมัวแต่สนใจเมียไตรทศจึงมิได้สังเกตลูกที่นอนอยู่ในเปลมิไกลจากเตียงมากนัก ใจคนเป็นพ่อเต้นแรงเพราะตื่นเต้นที่จักได้เห็นหน้าลูก
สายตาคมมองลงไปในเปล เด็กน้อยตัวแดงถูกหอด้วยผ้าขาวสะอาด ใบหน้าจิ้มลิ้มมิต่างจากแม่หากแต่สิ่งที่ทำให้ไตรทศยิ้มออกมาพร้อมทั้งน้ำตาคือลูกมิได้มีผู้เดียวแต่กลับมีถึงสอง
“ลูก...ลูกแฝดรึ”
“จ้ะ” คนเป็นพ่อยิ้มด้วยความสุขใจ ผู้ใดจะคิดว่าจะได้ลูกสองคนในคราเดียวกัน
เมื่อดูลูกเสร็จไตรทศจึงกลับไปนั่งลงข้างเตียงที่จันนอนอยู่พร้อมกับกุมมือของเมียรักขึ้นมากดจูบอยู่นานสองนาน
“ออเจ้าคงจะเจ็บมากสิหนา”
“...ข้าทนได้”
“เก่งเสียจริงเมียพี่” พูดจบคนพี่จึงขยับไปกดจูบลงบนหน้าผากมนเพื่อปลอบขวัญ “พักผ่อนเสียเถิดหนา”
จันพยักหน้าอย่างมิอิดออดเพราะเหนื่อยอ่อนจากการคลอดลูกอยู่มากโข เปลือกตาเริ่มหนักจนในที่สุดก็ปิดสนิทลงพร้อมกับความรู้สึกอุ่นๆที่แก้มขวา

หนึ่งเดือนผ่านไป
เจ้าแฝดทั้งสองเป็นเด็กเลี้ยงง่ายขอแค่ท้องอิ่มก็พากันนอนนิ่งมิร้องงอแงรบกวนคนบนเรือน
“หลานใครน่ารักเสียจริง”
ตาคงเห่อเหลนมิแพ้ผู้ใด มาเยี่ยมเยือนบ่อยเสียจนเหลนหายกลัว ต่างจากคราแรกที่เหลนพากันร้องไห้ระงมเพียงแค่เห็นหน้า
“ไหนๆให้ลุงดูหน้าหน่อยซิ” ไอ้มั่นก็มิแพ้กัน หมั่นทำของเล่นให้หลานเสียจนของเล่มเต็มเรือนเล็ก
“พอเลยพี่มั่น ประเดี๋ยวหลานกลัว”
“บุหงาก็..”
จันหัวเราะกับภาพตรงหน้า บุหงาและไอ้มั่นได้ตกลงปลงใจแต่งงานอยู่กินด้วยกันตามที่จันเคยคาดการณ์ไว้มิมีผิด ตีกันไปตีกันมากลับกลายมาเป็นรักกัน
“ตั้งชื่อลูกรึยังจ้ะพี่จัน” แม่พิกุลเอ่ยถาม
“ยังเลยจ้ะ พี่ว่าจะให้ตาตั้งให้” เมื่อได้ยินจันเอ่ยถึงตนตาคงจึงละความสนใจจากเจ้าแฝดมาที่หลานรัก
“เอ็งแน่ใจรึว่าจะให้ข้าตั้งให้?”
“จ้ะตา”
“อืม...” ตาคงพินิจมองไปยังแฝดทั้งสอง ผู้พี่มีผิวคล้ำเช่นพ่อส่วนผู้น้องผิวพรรณขาวผุดผ่องเหมือนกับแม่
“คนพี่ข้าจะตั้งชื่อว่า เจ้ากล้า ส่วนคนน้องข้าจะตั้งชื่อว่า เจ้าแก้ว” จันพยักหน้าเห็นด้วยเพราะถือว่าเป็นชื่อที่ดี
กล้า ที่หมายถึงความกล้าหาญและกล้าเผชิญหน้ากับปัญหา
แก้ว ชื่อดอกไม้ที่นางผ่องผู้เป็นแม่ของจันชอบ สีขาวบริสุทธิ์ กลิ่นหอมชวนให้ผู้คนหลงรัก
เวลาล่วงเลยไปจนพลบค่ำ ผู้ที่แวะมาเยี่ยมเยือนล้วนต่างพากันกลับเรือนของตนไปเหลือเพียงตาคงที่อยู่คุยกับหลาน
“เอ็งว่าคนใดคือไอ้ทิดวะจัน?” ตาคงเอ่ยถามหลาน จันจึงยิ้มออกมา
“ข้าว่าคนน้องนะตามีแววดื้อแต่เด็กนัก”
“อืม ข้าก็ว่าเช่นนั้นแล” ตาคงถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดต่อ “ข้ามิคิดเลยว่าวันหนึ่งจะได้เห็นเอ็งมีลูก”
“ข้าก็มิคิดดอกตา” จันเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เริ่มดวงดาวเริ่มปรากฏให้เห็น “ข้ามิคิดเลยว่าวันหนึ่งข้าจะได้เจอพี่ไตร”
“แล้วเอ็งเสียใจรึไม่ที่ได้เจอ?” จันส่ายหน้า
“ข้ารู้สึกโชคดีเสียอีก...หากมิมีเขาข้าก็มิรู้ว่าในยามนี้ข้าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร”
ตาคงยื่นมือที่เหี่ยวย่นตามกาลเวลาออกมาลูบหัวผู้เป็นหลานด้วยความเอ็นดู ไอ้จันที่วันๆเอาแต่เหล่สาวในตลาดวันนั้นได้เติบใหญ่เป็นผู้ใหญ่ที่ดีตามที่นางผ่องได้ฝากฝังไว้มิมีผิด
“ข้ากลับก่อนหนา”
“จ้ะตา” จันเดินไปส่งตาคงที่ท่าน้ำที่มีพวกทาสรออยู่
เมื่อกลับขึ้นมาบนเรือนจึงเห็นไตรทศนั่งอยู่บนตั่งที่ตนนั่งคุยกับตาก่อนหน้า
“กลับมาแล้วหรือจ้ะพี่ไตร” คนพี่ยิ้มให้ก่อนจะเดินเข้ามาโอบกอดร่างของจันให้เข้าไปซุกในอกอุ่น
“คิดถึง”
“โธ่ จากกันเพียงครึ่งวันก็งอแงเสียแล้ว” จันยกมือขึ้นลูบหลังคนพี่ ใบหน้าหวานเปื้อนยิ้มเพราะมีความสุข
“ลูกเป็นอย่างไรบ้าง”
“พอกินนมอิ่มก็พากันหลับปุ๋ยเลยจ้ะ”
“ออเจ้าได้พักบ้างรึไม่” จันส่ายหน้า
ลูกในวัยนี้ต้องการการดูแลเอาใจใส่ตลอดเวลาจึงแทบจะเป็นไปมิได้เลยที่จันจะปลีกตัวออกห่าง
“มานี่ พี่จะนวดให้"
"แต่ว่าพี่พึ่งทำงานมาเหนื่อยๆนี่จ้ะ"
“พี่เหนื่อยนิดเดียว แต่เมียพี่ที่ต้องดูแลลูกสิเหนื่อยกว่า” จันยิ้มอย่างอ่อนใจ ไตรทศช่างดีเหลือเกิน “มานี่มา”
คนพี่จับข้อมือจันให้เดินตามเข้าไปในห้องก่อนจะจัดแจงท่านอนให้เมียนอนคว่ำหน้าลง หลังจากนั้นจึงลงมือบีบนวดตามไหล่ที่ตึง
“อือ...” จันครางรับในลำคอเมื่อไตรทศนวดได้ถูกจุด
มือหนาค่อยๆไล่ต่ำลงจากไหล่ลงมาที่กลางหลังก่อนจะบีบเข้าที่สีข้าง การออกแรงเบาๆเพื่อคลายกล้ามเนื้อส่งผลให้จันรู้สึกสบายตัวก่อนจะต้องสะดุ้งเมื่อไตรทศใช้นิ้วโป้งทั้งสองกดลงไปที่ก้นกบ
“อ๊ะ!” ไตรทศชะงักเมื่อผู้เป็นเมียส่งเสียงประหลาดออกมา
จุดอ่อนรึ?
คนพี่นึกได้ใจแอบใช้นิ้วกดลงไปหลายคราทำให้จันได้แต่ต้องกลั้นเสียงอันน่าอายของตนเอาไว้เพราะหากเสียงดังไปลูกอาจจะตื่นได้ 
“พ-พี่ไตร”
“อะไรหรือ?”
“เลิก..อื้อ...เลิกกดตรงนั้น”
“ตรงใด?...ตรงนี้รึ” พูดพร้อมกับออกแรงกดอีกครา
“อื้อ!” จันทำหน้ายุ่งเมื่อรู้ตัวว่าตนโดนแกล้ง 
“หึ...รอแยกห้องกับลูกเมื่อใด...ออเจ้ามิได้พักเป็นแน่” คนเจ้าเล่ห์ยิ้มร้ายก่อนจะเอามือที่ใช้กดออก เปลี่ยนเป็นนอนลงข้างเมียรักแทน
“คนลามก” จันบ่นอุบอิบเมื่อไตรทศนอนลงข้างกาย
“บ่นไปเถิด อย่าเผลอร้องครางตอนที่ทำก็พอ”
“พี่ไตร!” จันตีลงบนอกของคนพี่ด้วยความหมั่นไส้แต่ไตรทศก็มิได้สะทกสะท้านซ้ำยังหัวเราะร่า
บรรยากาศรอบข้างสงบเงียบลงจนได้ยินแต่เพียงเสียงลมที่พัดผ่าน ทั้งสองนอนมองตากันนิ่งมิมีผู้ใดเอื้อนเอ่ยคำใดออกมา
รู้สึกตัวอีกครามือของไตรทศก็ซ้อนเข้าที่ท้ายทอยตามด้วยใบหน้าคมที่ค่อยๆขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะสัมผัสได้ถึงริมฝีปากอุ่นที่กดทับลงมา
จันเปิดปากรับอย่างมิอิดออด ไตรทศส่งลิ้นเข้าไปเพื่อตักตวงเอาความหวานที่ตนห่างหายไปนาน ความอ่อนนุ่มของริมฝีปากของจันทำเอาคนพี่เคลิบเคลิ้มไปกับรสสัมผัส
ดูดดึงและหยอกล้อกับลิ้นเล็กเป็นครั้งคราวด้วยความโหยหา ผู้ใดจักคิดว่าในชีวิตจะมีผู้ชายตัวเท่าลูกควายมาให้หลงรักหัวปักหัวปำได้ถึงเพียงนี้
ความวาบหวาบในท้องน้อยส่งผลให้ใบหน้าขอจันขึ้นสีแดงเรื่อดูแล้วน่ารังแกและน่าขย้ำให้ผิวขาวเนียนนั้นช้ำเล่น ไตรทศถอดถอนจูบเป็นจังหวะก่อนที่จะโฉบฉวยลงไปช่วงชิงลมหายใจของจันอีกครา
...ครั้งแล้ว...ครั้งเล่า
จนริมฝีปากเล็กเจ่อบวมอย่างน่าเอ็นดู
จบด้วยการที่ไตรทศประทับจูบลงบนหน้าผากของเมียรักก่อนจะนอนกอดกันจนจันเผลอหลับไปเพราะความเหนื่อย
ไตรทศเฝ้ามองหน้าเมียรักของตนยามหลับ ใบหน้าที่เคยผุดผ่องดูเหนื่อยอ่อนอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าไตรทศเปื้อนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหลับไปพร้อมความคิดที่ว่า
‘ช่างโชคดีเหลือเกินที่ได้จันเป็นเมีย’

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2019 21:46:09 โดย ponpon1a »

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
คลอดแล้ว ลูกแฝดซะด้วย

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เก่งจริงๆ ได้แฝดเลย

ออฟไลน์ ponpon1a

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
บทที่ ๒๓

วันเวลาล่วงเลยไปจนถึงแปดเดือน แฝดทั้งสองเติบใหญ่เป็นเด็กที่สุขภาพร่างกายแข็งแรงทั้งยังเริ่มพูดเป็นคำๆได้แล้ว
ผู้เป็นตาอย่างพระยาจำรูญและผู้เป็นปู่อย่างพระยาเกษมพากันเห่อหลานมิน้อยไปกว่าจันและไตรทศ ทั้งสองชอบซื้อของเล่นมาให้หลานเล่นเป็นประจำจนของเล่นแทบจะล้มเรือน
“เจ้าคุณพ่อซื้อของเล่นมาอีกแล้วหรือขอรับ?” ไตรทศมองผู้เป็นพ่ออย่างอ่อนใจ
“ของเล่นของหลานข้า อยากได้อันใดข้าก็จักหามาให้” พระยาเกษมหาได้สนใจลูกชายตนไม่เพราะความสนใจไปอยู่ที่หลานทั้งสองจนหมด
จันยิ้มขำกับภาพตรงหน้า ปกติไตรทศจะเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแต่พอมีเจ้าแฝดกลับกายเป็นว่าโดนเมินเฉยเสียได้
“พี่ไตร สายมากแล้วนะจ้ะ” จันเดินเข้าไปบอกไตรทศที่กำลังนั่งเล่นกับลูก
“หากเช่นนั้นพ่อไปก่อนหนาเจ้าตัวเล็ก” ไตรทศส่งมือไปลูบลงบนหัวของลูกทั้งสองด้วยความรักใคร่ก่อนจะยืนขึ้นจนเต็มความสูง “พี่ไปก่อนหนา”
“จ้ะ...รีบกลับมานะจ้ะ” ความน่ารักของจันส่งผลให้ไตรทศฉวยโอกาสหอมแก้มเมียในขณะที่พระยาเกษมให้ความสนใจหลาน “พ-พี่ไตร”
จันหันไปมองพระยาเกษมก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งใจเพราะท่านพระยามิได้หันมาสนใจตนทั้งสองจึงมิเห็นภาพเมื่อครู่
“พี่จะรีบกลับมา” ในขณะที่กำลังจะก้าวขา เท้าของไตรทศสัมผัสกับของเล่นบางอย่างที่ดูเหมือนว่าเจ้าแก้วจะทำกลิ้งมาทางเขา
เมื่อหันกลับไปมองจึงเห็นว่าเจ้าแก้วกำลังนั่งดูดนิ้วพร้อมกับเอียงคอมองตน ใบหน้าจิ้มลิ้มเบิกตามองผู้เป็นพ่อราวกับบอกว่า ‘เอาของเล่นให้หนูหน่อย’
ไตรทศนั่งลงหยิบของเล่นทรงกลมขึ้นเพื่อส่งให้ลูกชายแต่เจ้าแก้วกลับมิรับคืน เด็กน้อยร่างป้อมเลิกดูดนิ้วพร้อมกับคลานเข้าไปหาผู้เป็นพ่อก่อนจะคลานขึ้นไปนั่งบนตัก
“แก้ว..มีอะไรหรือลูก?” ไตรทศเอ่ยถามลูกชายพอเป็นพิธีเพราะถึงอย่างไรเด็กน้อยก็ยังคงพูดมิได้
“ป้อ!”
“หือ!?” ทั้งไตรทศ พระยาเกษมและจันพากันหูผึ่งเมื่อได้ยินเจ้าแก้วพูดคำบางคำออกมา...คำที่เจ้าแก้วมิเคยพูดมาก่อน
“ป้อต๋า...แอะ..ป้อ” เด็กน้อยหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นสีหน้าของผู้เป็นพ่อ
“จัน...นี่ลูกเรียกพี่ว่าพ่อรึ?”
“จ้ะ” จันยิ้มให้ไตรทศที่นั่งยิ้มด้วยความสุขใจ
“เก่งจริงๆหลานปู่” พระยาเกษมเองก็หัวเราะชอบใจใหญ่
มินานนักร่างป้อมของเจ้ากล้าก็คลานเข้ามาหาผู้เป็นพ่อเช่นกัน เจ้าแก้วที่เห็นว่าพี่คลานเข้ามาจึงขยับไปนั่งที่ตักฝั่งซ้ายให้พี่ชายได้นั่งที่ฝั่งขวา
“เจ้ากล้าก็จะอ้อนพ่อรึ?” กล้าเบะปากทำท่าจะร้องไห้
“ปะ...”
เจ้ากล้าขยับปากจะพูดบ้าง หากให้จันเดาเจ้ากล้าเองก็คงอยากที่จะเรียกพ่อบ้าง จันมองภาพตรงหน้า เจ้าแก้วที่นั่งบนตักฝั่งซ้ายกำลังทำหน้าลุ้นให้พี่ชายของตนพูดได้
“ป้อ!” ในที่สุดเด็กน้อยก็สามารถเปล่งเสียงเรียกออกมาได้
“เก่งแล้วกล้า..” คำชมทำให้เด็กน้อยยิ้มร่าก่อนจะเบะปากงอแง “ฮือ...ป้อต๋า” เจ้ากล้าร้องไห้จ้า ดูเหมือนว่าคนเป็นพี่จะอ่อนไหวและร้องไห้ง่ายกว่าน้อง
“แอะ...แง...” เจ้าแก้วที่เห็นว่าพี่ร้องไห้จึงร้องไห้ไปตามๆกัน ไตรทศยิ้มอย่างอ่อนใจก่อนจะกอดให้ทั้งสองพี่น้องซบเข้าที่อกตน
จันนั่งลงข้างๆพร้อมกับลูบหลังปลอบลูกน้อยทั้งสองไปด้วย
“จัน” เสียงเรียกส่งผลให้จันเงยขึ้นมอง
“มีอะไรหรือพี่ไตร?”
“พี่มิอยากไปทำงานแล้ว”
“โถ...” ที่แท้ก็คนหลงลูกสิหนา
พอร้องไห้กันจนพอใจเจ้าแฝดจึงพากันหลับไปในอ้อมกอดของผู้เป็นพ่อ ส่งผลให้ไตรทศไปทำงานสาย
จันเดินไปส่งคนพี่ที่ท่าน้ำ มองเรือของไตรทศลับตาไปก่อนจะเดินขึ้นเรือนเพื่อมาคอยดูแลลูกน้อยทั้งสองที่นอนอยู่ในเปล
ลูกทั้งสองนอนจับมือกันหลับตาพริ้มอย่างน่าเอ็นดู เจ้ากล้าโตเร็วกว่าเจ้าแก้วอยู่มากเพราะกินนมแม่เยอะกว่าน้อง เรียกได้ว่านิ่งเป็นหลับขยับเป็นกิน ส่วนเจ้าแก้วดูแล้วบอบบางกว่าพี่นัก ผิวพรรณขาวสะอาดสะอ้านดั่งหยวกกล้วยมิมีผิดเพี้ยน
“น้ำลอยดอกมะลิเจ้าค่ะคุณจัน” นางอ่อนยกขันน้ำขึ้นมาให้ จันจึงรับมาแล้วยกขึ้นดื่ม “คุณจันไปพักเถิดเจ้าค่ะ อ่อนจะดูแลเจ้านายน้อยให้เองนะเจ้าคะ”
“ข้าฝากอ่อนด้วยนะ”
“เจ้าค่ะ” นานๆทีจันจึงจะมีโอกาสได้นอนพักเอาแรงเพราะเจ้าแฝดพากันงอแงเก่ง ห่างแม่เพียงนิดก็ร้องระงม พอมีอ่อนมาช่วยดูจึงทำให้พอมีเวลาแอบหลับได้บ้าง
จันนอนลงบนเตียงนุ่ม ลมที่พัดโกรกบนเรือนตลอดเวลาได้นำกลิ่นของดอกจันทร์กระพ้อที่ริมหน้าต่างเข้ามาด้วย กลิ่นบุพชาติหอมอบอวลอยู่ภายในห้องกล่อมให้คนที่เหนื่อยจากงานบ้านงานเรือนหลับลงได้อย่างง่ายดาย
เวลาล่วงผ่านไปหลายชั่วยาม เสียงของเจ้าแฝดที่พากันร้องไห้หาแม่ส่งผลให้จันตื่นจากนิทราก่อนจะรีบรุดเดินเข้าไปในห้องของลูกที่อยู่มิไกลกันนัก
“เกิดอะไรขึ้นรึอ่อน?”
“ดูท่าคุณกล้าจะหิวนมเจ้าค่ะคุณจัน พอคุณแก้วเห็นพี่ร้องจึงร้องตาม” จันพยักหน้ารับพร้อมกับเข้าไปนั่งข้างลูกน้อยทั้งสองที่ได้อ่อนพามานั่งรอบนเตียงเด็ก
“อ่อนออกไปก่อน” ถึงตนจะเป็นชายแต่การให้นมลูกต่อหน้าผู้อื่นก็น่าอายมิน้อย
“เจ้าค่ะ” นางอ่อนค้อมหัวให้ก่อนจะคลานออกไปพร้อมกับปิดประตูไม้ลง
“ไหนเจ้าตัวแสบ มาหาแม่สิลูก” จันกางแขนทั้งสองออกส่งผลให้เจ้ากล้าค่อยๆคลานเข้าสู้อ้อมอกแม่พร้อมกับแปะมือลงบนหน้าอกเพื่อสื่อว่าตนหิวนม
รอยยิ้มเปื้อนบนใบหน้าของผู้เป็นแม่ จันแกะกระดุมเสื้อผ้าไหมสีขาวที่ใส่อยู่ออก เผยให้เห็นแผ่นอกขาวและยอดอกสีสวย เพราะร่างกายสร้างน้ำนมให้ลูกทำให้บริเวณฐานหน้าอกนูนขึ้นจนเห็นได้ชัดแต่ก็มิได้มีมากดั่งสตรีเพศ
เจ้ากล้าที่อยู่ในอ้อมกอดของจันขยับเข้าใกล้เพื่อดูดน้ำนมจากอกของผู้เป็นแม่ เด็กน้อยหลับตาพริ้มเมื่อได้นมเข้าปาก ใบหน้าอมยิ้มจนจันอดมันเขี้ยวมิได้
เจ้าแก้วนั่งดูดนิ้วหัวแม่มือมองพี่ชายที่กำลังกินนมตาแป๋ว ก่อนจะหันไปมองที่ประตูก่อนจะพูดอ้อแอ้
“ป้อ...ป้อ...”
“หืม?”
จันหันไปมองตามที่เจ้าแก้วใช้นิ้วป้อมชี้จึงเห็นว่าประตูถูกเปิดออกและมีใครบางคนแอบดูอยู่ และคนผู้นั้นคงเป็นผู้ใดไปมิได้นอกจากไตรทศ
“พี่ไตร?”
“ถูกจับได้เสียแล้ว...” ไตรทศเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับงับประตูให้ปิดตามเดิม “แก้วนะแก้ว...พ่ออุตส่าห์ส่งสัญญาณว่าห้ามบอกแม่”
จันหันมองเจ้าแก้วด้วยความงุนงง เด็กน้อยหัวเราะเอิ้กอ้ากก่อนจะยกนิ้วชี้ขึ้นวางบนริมฝีปากเล็กจันจึงเข้าใจในทันทีว่าไตรทศส่งสัญญาณแบบใด
เด็กน้อยในวัยนี้อยู่ในวัยเลียนแบบสิ่งที่เห็นจึงมิแปลกที่เจ้าแก้วจะทำตามในสิ่งที่ไตรทสพาทำก่อนหน้า
“นี่พึ่งเพลาชายมิใช่หรือจ้ะ?” จันเอ่ยถามไตรทศที่นั่งลงบนเตียง
“เพราะเหตุการณ์เมื่อตอนเช้าพี่จึงรีบกลับมา” เอาอีกแล้ว...จันเอ็นดูไตรทศอีกแล้วหนา
“...เจ้ากล้า กินนมมิสนใจพ่อเลยหนา” เด็กน้อยเพียงปรายสายตามองก่อนจะกลับไปดูดนมต่อ “มิรู้รึว่าที่ดูดอยู่น่ะนมเมียผู้ใด”
“หึ” เด็กตัวป้อมส่งเสียงในลำคอเหมือนดั่งกับว่าตอบโต้ไตรทศ
“นี่เมียพ่อนะเจ้ากล้า รู้หรือไม่ว่ากว่าพ่อจะได้แม่มาเป็นเมียมันยากเพียงใด”
จันนั่งมองสองพ่อลูกคุยกัน แต่ดูเหมือนกับว่าไตรทศพูดคนเดียวเสียมากกว่าเพราะเจ้ากล้าทำเพียงเสมอง
“ทำหน้าเยาะเย้ยพ่อรึ” จันก้มลงมองเจ้ากล้าที่กำลังอมยิ้ม แต่มันก็เป็นเรื่องปกติของเจ้ากล้าเวลากินนม ไตรทศเสียอีกที่คิดเป็นตุเป็นตะ
“พ่อเคยดูดก่อนเอ็งอีก อะ..โอ๊ย!” ไตรทศลูบแขนไปมาเพราะโดนเมียหยิกเข้าให้
“พี่ไตร! พูดอะไรลามก”
“ก็มันจริงมิใช่รึ”
“ต่อหน้าลูกหนา” ใบหน้าจันพลันขึ้นสีระเรื่อเพราะคำพูดของคนพี่ ไตรทศยิ้มกริ่มอย่างได้ใจ
“พูดแล้วก็คิดถึงอกนุ่มนิ่ม มิได้ดูดเสียนานมิรู้ว่าจะเป็นเช่นไร”
“พี่ไตรทศ...” จันทำเสียงมิพอใจพร้อมกับทำสีหน้ายุ่งแต่ไตรทศที่กำลังสนุกก็มิได้สนใจเสียงขู่ของเมียเท่าใดนัก
“เดี๋ยวคืนนี้...พี่จักดูดให้หายคิดถึงไปเลย ดีรึไม่?” คนพี่คลอเคลียถามคำถามอยู่ข้างหูทำเอาจันขนลุกซู่เพราะห่างหายจากการร่วมรักไปนานจึงรู้สึกมิคุ้นชินนัก แต่จันเอง...
ก็มิได้ปฏิเสธ

ไตรทศทำตามคำพูดที่พูดทุกประการ สองร่างเปลือยเปล่าคลอเคลียกันอยู่บนเตียงสีขาวนวล แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาเผยให้เห็นใบหน้าของไตรทศที่อยู่ด้านบนและจันที่อยู่ใต้ร่าง
ริมฝีปากร้อนไล้เลียตามซอกคอระหงลงมาที่ไหปลาร้าก่อนจะฝากรอยรักสีกุหลาบไว้จนทั่วทุกพื้นที่ที่ริมฝีปากสัมผัสถึง
ความรู้สึกวูบโหวงภายในช่องท้องส่งผลให้กายบางใต้ร่างสะดุ้งเพราะสัมผัสร้อนรุ่มในบางจังหวะ ไตรทศยิ้มอย่างได้ใจ ยิ่งจันขยับหนีสัมผัสร้อนก็ยิ่งอยากแกล้ง
ลิ้นร้อนหยอกล้อกับยอดอกสีสวยที่ตนเป็นผู้ครอบครอง จันส่งเสียงเครือครางเพราะยอดอกไวต่อสัมผัสมากขึ้น
ไตรทศมิเว้นให้อีกข้างว่าง มือหนาบีบลงบนอกนิ่มอย่างเบามือเพื่อเป็นการนวดให้ผู้เป็นเมีย ลิ้นร้อนเองก็มิหยุดทำหน้าที่ ยังคงกระหวัดหยอกล้อกับยอดอกจนจันเผลอไผลปล่อยเสียงครางออกมาเป็นระยะ
“อื้อ...พี่ไตร...” กายบางบิดเร้าเมื่อไตรทศส่งมือหนาไปหยอกล้อกับกลางกายที่ชูชันรับลมเย็นที่พัดเข้ามาทางหน้าต่าง
นิ้วหัวแม่มือคลึงตรงส่วนปลายจนรู้สึกได้ถึงของเหลวสีใสที่ไหลออกมาตามแรงอารมณ์ ไตรทศจึงขยับขึ้นลงเพื่อผ่อนคลายให้จัน
“อึก...ฮ่าห์..” เสียงกระเส่าปลุกเร้าอารมณ์ของไตรทศได้เป็นอย่างดี ยิ่งยามที่ผิวนวลขึ้นสีชมพูอ่อนๆ ยิ่งทำให้ไตรทศอยากจะรังแกเมีย
ส่วนปลายสีกุหลาบกระตุกรับสัมผัสจากมือใหญ่ จันบิดเร้าไปมาเพื่อหนีจากคนเจ้าเล่ห์ ไตรทศจึงใช้มือตรึงเอวของจันไว้ให้อยู่นิ่ง
“...เด็กดี” คำพูดพร้อมกับลมหายใจร้อนที่ข้างหูส่งผลให้ใบหน้าหวานแดงก่ำ
“อ๊ะ...อ๊า...” ร่างบางกระตุกเมื่อปลดปล่อยน้ำหวานสีขาวขุ่นออกมาจนเลอะมือคนพี่
ไตรทศยิ้มมุมปากก่อนจะใช้ของเหลวนั้นป้ายลงบนช่องทางสีหวานที่กำลังขมิบเพื่อเชื้อเชิญ
นิ้วเรียวยาวสอดเข้าไปในช่องทางที่คับแน่นอย่างง่ายดาย จันกัดริมฝีปากเพื่อระบายแรงอารมณ์จนห้อเลือด เมื่อไตรทศเห็นดังนั้นจึงก้มลงพร้อมกับกดจูบลงบนริมฝีปากของเมียรัก
ริมฝีปากนิ่มเปิดปากรับลิ้นร้อนของคนบนร่างอย่างอวยอ่อน เมื่อจันเคลิบเคลิ้มไตรทศจึงค่อยๆ เพิ่มนิ้วจากหนึ่งเป็นสองจากสอง...เป็นสาม
“อึก...อื้อ..” เสียงเฉอะแฉะที่เกิดจากการขยับนิ้วเข้าออกส่งผลให้จันหน้าแดงก่ำ สายตาหวานฉ่ำเชื่อมมองใบหน้าคมเข้มของไตรทศ
คนพี่ผละออกก่อนจะจับส่วนกลางกายที่เครียดเกร็งของตนจ่อที่ช่องทางสีหวาน
“ด-เดี๋ยวพี่ไตร” เสียงเรียกทำให้ไตรทศละความสนใจจากช่องทางพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองเมีย “ข้า...ข้าจักทำเอง”
รู้ตัวอีกคราไตรทศก็อยู่ใต้ร่างของจันเสียแล้ว
“อึก..” จันกัดริมฝีปากเมื่อส่วนปลายแข็งแกร่งค่อยๆหายเข้าไปภายในช่องทางของตน
ไตรทศจับเอวเมียรักไว้เพื่อประคองพร้อมกับมองภาพตรงหน้ายามที่ส่วนปลายสีเข้มกำลังผลุบหายเข้าไปช่างเป็นภาพที่น่าอภิรมย์นัก
“อ๊ะ...อ๊า พี่ไตร...อื้อ!” เอวหนาสอบสะโพกขึ้นเมื่อจันมิยอมขยับเสียที ส่งผลให้เสียงครางหวานๆ ถูกเปล่งออกมา “คนเจ้าเล่ห์!”
“หึ...” ไตรทศยิ้มกริ่มก่อนจะสอบสะโพกหนักขึ้นจนกายบางบนร่างตามจังหวะการเคลื่อนไหวมิทัน
ปึก ปึก
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังระงมไปทั่วห้อง เสียงหอบหายใจของคนสองคนสอดประสานกันจนแยกมิออกว่าเป็นเสียงของผู้ใด
กายบางที่อยู่ด้านบนมิสามารถต้านต่อแรงกระทำจากผู้ที่อยู่ด้านล่างได้เลย แขนทั้งสองสอดคล้องคอของคนพี่ไว้พร้อมกับเชิดหน้าส่งเสียงครางหวานหูออกมามิรู้เบื่อ
“ซี๊ด...” เสียงซี๊ดปากของไตรทศทำเอาเจ้าตัวแสบได้ใจ บีบรัดส่วนกลางกลายที่ขยับเข้าออกเพื่อกลั่นแกล้งแต่หารู้ไม่ว่ายิ่งทำ...ไตรทศยิ่งชอบ
บั้นท้ายกลมกลึงสัมผัสกับหน้าขาของคนพี่จนเกิดเป็นเสียงน่าอายแต่ในยามนี้มิมีผู้ใดสนใจอีกแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นเพราะสิ่งเดียวที่สนใจคือผู้ที่ตนกำลังสอดสายตาประสานกันอยู่ในขณะนี้
ไตรทศยื่นหน้าเข้าไปหาอกขาวนวลของเมียก่อนจะดูดเลียเหมือนกับเด็กมิมีผิด
“พ-พี่ไตร...อื้อ อย่าดูด...” คนเป็นผัวหาได้ฟังไม่ ยังคงดูดรั้งส่วนยอดอกพร้อมกับขยับสะโพกในยามเดียวกัน
น้ำนมสีขาวนวลออกมาจากส่วนยอดอก ไตรทศจึงไล้เลียมิให้เสียแม้แต่หยดเดียว
“อ๊ะ...อ่าห์..” เสียงกระเส่ากระตุ้นแรงอารมณ์ที่กำลังคุกรุ่น สะโพกหนาสอบหนักขึ้นจนเตียงลั่น ผ้าปูที่เคยเรียบร้อยพลันยับยู่ยี่ดั่งผ่านศึกสงคราม
“จะออก...อื้อ...จะออกแล้ว”
เสร็จคำบอกกล่าวกายบางจึงกระตุกเฮือกพร้อมกับปลดปล่อยอีกครา มิกี่อึดใจต่อมาจึงรับรู้ถึงความอุ่นวาบที่ท้องน้อย
“แฮ่ก...” จันนอนทับลงบนอกคนพี่ด้วยความเหนื่อยอ่อน
ไตรทศใช้มือหนาลูบลงบนกลุ่มผมนิ่มพร้อมกับกดจมูกลงบนกลุ่มผมหอมที่ตนชมชอบ
“ประเดี๋ยวข้าก็ท้องอีกดอก..” จันเอ่ยบ่นที่ไตรทศปลดปล่อยภายใน
“มิดีรึ?” ไตรทศเลิกคิ้วถาม
“แต่พี่ต้องอดทำไปเก้าเดือนเลยหนา...”
“หึ” คนเจ้าเล่ห์ยิ้มอย่างรู้ทัน ส่วนจันก็พึ่งนึกได้ว่าตนพูดอะไรออกไป
“ข-ข้ามิได้หมายถึงแบบนั้น..”
“เด็กลามก”
“ฮื่อ..”

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2019 21:51:05 โดย ponpon1a »

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ได้น้องอีกแน่ๆเลย

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
พูดได้แล้วว  :katai2-1:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
เด็กๆน่ารัก

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ ponpon1a

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
บทที่ ๒๔
“แม่...แม่จ๋า...” เสียงเล็กเรียกอยู่ที่ข้างหูส่งผลให้ชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงตื่นจากนิทราที่กำลังดำดิ่งลงสู่ห้วงแห่งฝัน
จันลืมตาขึ้นก่อนจะกระพริบตาปริบๆเพื่อให้สายตาปรับรับกับแสงในยามเช้าตรู่ เมื่อหันไปมองข้างกายจึงเห็นว่าเจ้าแฝดพากันยืนมองตนอยู่ข้างเตียงตาแป๋ว
“ตื่นเช้าเสียจริงหนา” จันเอ่ยพร้อมกับยิ้มให้ลูกน้อยในวัยสี่ขวบ
“กล้าหิวขอรับ..” เจ้ากล้าพูดพร้อมกับใช้มือลูบลงบนพุงกลม
“แก้วด้วย~” จันยิ้มขำกับท่าทีของเจ้าแฝดที่กำลังพากันยืนลูบท้องเป็นสัญญาณว่าตนหิวแล้ว
“ตาเถร! คุณกล้า คุณแก้ว อย่ากวนคุณจันสิเจ้าคะ”
นางอ่อนรีบรุดเข้ามาภายในห้องเพื่อปรามทั้งสอง เพียงแค่นางอ่อนลับตาเพียงชั่วครู่เจ้านายตัวน้อยก็หนีหายเข้ามาในห้องนอนของจันเสียแล้ว “อิฉันขออภัยนะเจ้าคะคุณจัน” นางอ่อนก้มหน้าด้วยความรู้สึกผิด
“มิเป็นอันใดดอกอ่อน”
“ถ้าหิวเดี๋ยวอ่อนจะไปทำข้าวต้มร้อนๆให้นะเจ้าคะ” นางอ่อนหันไปคุยกับสองพี่น้อง
“หึ ไม่เอา...แก้วมิชอบข้าวต้ม” เจ้าแก้วเบะปากทำหน้าหยีข้าวต้ม
“แล้วคุณแก้วอยากกินอะไรหรือเจ้าคะ?”
“อืม...” เด็กน้อยทำท่าคิด ทำใบหน้าเคร่งเครียดเหมือนกับไตรทศมิมีผิด “แก้วอยากกินขนมชั้น!”
“มันอ้วนนะแก้ว”
เจ้ากล้าเอ่ยปรามน้องที่เอาแต่กินของหวานแต่ผู้ที่ร่างกายอวบกว่าเจ้าแก้วก็เห็นทีจะว่าเป็นเจ้ากล้าเพราะยามที่น้องกินมิหมดผู้พี่จะกินแทนน้องเสียทุกครั้ง
“ต-แต่มันอย่อย..”
“ประเดี๋ยวพี่หินก็ล้ออีกดอก..”
หินคือชื่อของเด็กชายที่อายุมากกว่ากล้าและแก้วห้าปี ครอบครัวของหินย้ายมาสร้างเรือนอยู่ฝั่งตรงข้ามคลองของเรือนเล็ก เห็นชาวบ้านพากันพูดว่าบ้านนี้เป็นบ้านจอมขมังเวทย์ทั้งบ้าน ตั้งแต่ย้ายมาหินก็เล่นเป็นเพื่อนเจ้าแฝดมาตลอด
“พ-พี่หินมิชอบแก้วหรือ?”
“มิใช่มิชอบแต่พี่หินบอกว่าแก้วอ้วน แก้มเยอะ”
“ฮื่อ..” เจ้าแก้วทำหน้าหมองลงจนจันกังวลใจเพราะคิดว่าลูกชายถูกแกล้ง “แต่ว่า...พี่หินชอบมาจับแก้มของแก้วแล้วบอกว่านุ่มนี่จ้ะ..”
จันกับนางอ่อนมองหน้ากันก่อนจะยิ้มออกมา ดูเหมือนว่าเจ้าหินแค่เอ็นดูเจ้าแก้วเพียงเท่านั้นมิได้แกล้งให้เจ็บช้ำน้ำใจ
“นั่นแหละ ถ้าเยอะขึ้นเรื่อยๆมันจักกลายเป็นอ้วน เพราะฉะนั้นแก้วต้องลดของหวานลงรู้รึไม่?”
“จ้ะพี่กล้า” เจ้าแก้วพยักหน้าหงึกหงักเชื่อฟังคำพูดพี่ชายแต่ก็ยังทำสีหน้าเหมือนกังวลบางอย่าง “แล้วพี่หินจะชอบแก้วหรือไม่จ้ะ?”
คำถามของลูกชายคนเล็กที่เอ่ยถามพี่ทำให้จันยิ้มออกมาด้วยความอ่อนใจ เด็กในวัยนี้ย่อมคิดมากเรื่องที่ตนจะมีเพื่อนเล่นหรือไม่
“ชอบ...แก้วน่ารัก”
“ฮื่อ...พี่กล้าก็”
เด็กตัวป้อมบิดตัวทำท่าทีเขินอายต่อคำชมของพี่ชาย เจ้ากล้ายื่นมือออกไปลูบหัวน้องด้วยความรักใคร่ จันที่มองดูอยู่จึงรู้สึกสบายใจที่สองพี่น้องรักกันดี 
“เอาล่ะ แม่ว่าเราไปหาป้าอิ่มกันดีรึไม่?” พอได้ยินสองพี่น้องก็พากันดีใจใหญ่เพราะป้าอิ่มใจดีทั้งยังชอบทำขนมให้กินบ่อยๆจนเจ้าแฝดพากันติดใจ
“ไปจ้ะ!”
สองพี่น้องเอ่ยตอบพร้อมกัน พากันยื่นมือเล็กไปจับมือของจันไว้คนละข้างก่อนจะเดินจูงมือจันออกมาจากห้อง ในขณะที่เดินออกมาจึงสวนทางกับไตรทศที่พึ่งกลับจากห้องหนังสือพอดี
“แม่ลูกจะไปไหนกันหรือ?” ไตรทศเอ่ยถามสามแม่ลูก
“ไปหาป้าอิ่มจ้ะ!” เจ้าแก้วเป็นผู้ตอบด้วยความกระตือรือร้น
“จะไปเป็นลูกมือทำสำรับรึเจ้าแก้ว?” เด็กตัวป้อมพยักหน้าหงึกหงักพร้อมกับยิ้มให้ไตรทศจนตาปิด “พวกลูกพากันดูแลแม่ด้วยหนา อย่าให้แม่ไปซนเข้าล่ะ”
ทั้งเจ้ากล้าและเจ้าแก้วพากันหัวเราะคิกคักเมื่อได้ยินดังนั้น จันทำสีหน้าถะมึงถึงใส่คนพี่แต่ไตรทศก็มิได้สะทกสะท้านซ้ำยังฉวยโอกาสหอมแก้มเมียฟอดใหญ่
“พ-พี่ไตร!” ถึงจะโดนกระทำเสียบ่อยแต่จันก็มิคุ้นชินมากนักที่จะทำต่อหน้าลูก เจ้ากล้ามองภาพตรงหน้าพร้อมกับกระพริบตาปริบๆ
“พ่อจ๋าๆ” เจ้ากล้าเดินไปหาผู้เป็นพ่อพร้อมกับกระตุกชายเสื้อ
“มีอะไรหรือเจ้าตัวแสบ?” ไตรทศนั่งลงต่ำเพื่อให้อยู่ระดับเดียวกับลูก
“หอม...หอมกล้าด้วย” ผู้เป็นพ่อเมื่อได้ฟังดังนั้นจึงยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูลูกก่อนจะหอมแก้มนิ่มของเจ้ากล้าฟอดใหญ่
“แก้ว...แก้วด้วย!” เจ้าแก้วรีบรุดวิ่งเข้าหาผู้เป็นพ่อพร้อมกับทำแก้มพองลม ไตรทศจึงก้มลงหอมแก้มลูกชายคนเล็กบ้าง
“ชื่นใจเสียจริง” ไตรทศยิ้มให้เจ้าแฝด สองพี่น้องจึงพากันหัวเราะคิกคักเพราะพอใจที่โดนพ่อหอมแก้ม
“ไปก่อนนะจ้ะ” เมื่อพอใจแล้วเจ้าแฝดจึงพากันเดินเข้าไปหาผู้เป็นแม่พร้อมกับจูงมือให้เดินออกจากบริเวณนั้น
ไตรทศมองภาพผู้ที่สำคัญที่สุดในชีวิตของตนทั้งสามคนเดินหายเข้าไปบริเวณโรงครัว ใบหน้าเจ้าของเรือนเปื้อนยิ้มด้วยความสุขใจ ต่อให้มีเงินทองมากองตรงหน้ามากมายไตรทศก็มิยอมแลกความสุขนี้กับเงินทองอย่างแน่นอน
เพราะทั้งสามแม่ลูก
...ล้ำค่ากว่าสมบัติใดๆบนโลกใบนี้

“ป้าอิ่มจ้ะ!” เจ้าแก้วโดดกอดคอป้าอิ่มเพื่อแกล้งให้ตกใจเล่น
“ว้าย! คุณแก้วเองหรือเจ้าคะ” เจ้าแก้วหัวเราะชอบใจใหญ่ที่แกล้งคนอายุมากได้สำเร็จ “อย่าเล่นเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ป้าตกใจ”
“ทำอะไรกินหรือป้าอิ่ม?” จันเอ่ยถาม
“ป้าจักทำแกงเทโพกับขนมลืมกลืนให้เจ้านายน้อยไว้กินหลังอาหารเจ้าค่ะ”
“ดีเลยจ้ะป้า”
“รอสักประเดี๋ยวนะเจ้าคะ ใกล้เสร็จแล้วเจ้าค่ะ”
“กล้า แก้ว มายืนดูตรงนี้ดีกว่าหนาประเดี๋ยวกวนป้าอิ่ม”
เจ้าแฝดเชื่อฟังคำพูดของแม่เป็นอย่างดี พากันเดินเตาะแตะเข้าไปหาผู้เป็นแม่ก่อนจะยืนมองด้วยความสนใจใคร่รู้
กลิ่นอาหารโชยมาตามลมทำเอาเจ้าแฝดพากันกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เจ้าแก้วก็ดูดนิ้วรอไปพลาง

“สำรับเสร็จแล้วเจ้าค่ะ” พวกนางทาสพากันยกสำรับชุดใหญ่เดินต่อท้ายกันไปที่โต๊ะกินข้าวหลายชุด ทั้งของคาว ของหวานมากมายเรียงเต็มโต๊ะ
เจ้ากล้าและเจ้าแก้วรีบพากันวิ่งไปนั่งอย่างรู้ความ มองอาหารบนโต๊ะที่มากมายละลานตาด้วยสายตาลุกวาวเป็นประกาย
“อ่อนไปตามคุณพี่ให้ข้าที”
“เจ้าค่ะ” นางอ่อนค้อมหัวรับก่อนจะคลานเข่าออกไป เมื่อห่างได้สักระยะจึงลุกเดิน
“จะไปไหนรึอ่อน?” ไอ้มิ่งเอ่ยถามนางอ่อนที่กำลังจะเดินเข้าไปเรียกไตรทศ
“ข้าจะเข้าไปเรียกคุณท่านจ้ะพี่มิ่ง”
“ประเดี๋ยวข้าบอกคุณท่านเอง เอ็งไปพักเถิด”
“ขอบใจจ้ะพี่”
 นางอ่อนยิ้มให้ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไป ไอ้มิ่งมองตามตาละห้อยเพราะมันแอบชอบนางอ่อนมาตั้งนานแล้วแต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะมิเล่นด้วย
“แฮ่ม!” เสียงกระแอมที่ดังขึ้นส่งผลให้มันสะดุ้งโหยง
“ค-คุณท่าน! กระผมตกใจหมดเลยขอรับ”
“ยืนยิ้มเป็นคนบ้าไปเสียได้นะเอ็ง” ไอ้มิ่งเกาท้ายทอยแก้เขิน “เมียข้าให้คนมาตามข้าไปกินข้าวมิใช่รึ?” ไตรทศได้ยินบทสนทนาของทั้งสองเมื่อครู่แล้วจึงมิรอให้เสียเวลา
“ขอรับ”
“ไปได้แล้ว” ไอ้มิ่งค้อมหัวให้ไตรทศก่อนจะเดินตามหลัง
เมื่อเจ้าแฝดเห็นพ่อก็พากันร้องเรียกเสียงดังลั่นเรือนจนจันต้องปรามลูกชายเอาไว้มิให้แสดงกิริยากระโดกกระเดก
“รอนานรึไม่?” ไตรทศนั่งข้างจันพร้อมกับเอ่ยถาม
“มินานจ้ะ” ทั้งสองสบตากันก่อนจะยิ้มออกมา
สองพี่น้องพากันมองพ่อกับแม่หนุงหนิงกันก่อนจะหัวเราะคิกคัก ทั้งคู่จึงหันไปมอง พบว่าเจ้าแฝดกำลังทำท่าทางล้อเลียนตนและไตรทศด้วยการจับแก้มกันก่อนจะผลัดกันหอมแก้มไปมา
เจ้าแฝดพากันเห็นพ่อกับแม่ทำเช่นนี้บ่อยครั้งยามลับตาพวกตนแต่ทั้งสองหารู้ไม่ว่าสองพี่น้องนั้นยืนแอบดูอยู่ตลอด
“เจ้าพวกตัวแสบ” ไตรทศยื่นมือไปขยี้ผมลูกน้อยด้วยความมันเขี้ยว “หยุดได้แล้วกระมัง...ดูแม่สิหน้าแดงหมดแล้วหนา ฮ่าๆ”
ปากบอกให้หยุดแต่ไตรทศกลับหัวเราะชอบใจพร้อมกับส่งสายตาให้สองพี่น้องว่าทำดีมาก จันจึงมองเขม่นตาใส่แต่ทั้งสามพ่อลูกก็มิได้สะทกสะท้าน
ทั้งสี่ลงมือกินสำรับที่ป้าอิ่มเป็นผู้ทำ เมื่อกินอิ่มจึงตามด้วยของหวานอย่างขนมลืมกลืน ความอร่อยของมันทำให้ผู้ที่ได้ลิ้มลองลืมกลืนตามชื่อมิมีผิดเพี้ยน
“อย่อย” เจ้าแก้วที่เคี้ยวขนมเต็มปากยิ้มชอบใจจนตาปิด ป้าอิ่มที่นั่งดูอยู่มิไกลเมื่อได้ยินดังนั้นจึงพลอยสุขใจไปด้วย
“แก้วอย่ากินเยอะประเดี๋ยวจะอ้วน” กล้าปรามน้องที่กำลังเคี้ยวขนมอยู่ในปากและสองมือก็มิว่างเพราะถือขนมไว้อีกชิ้น
“แก้วชอบ..”
“ประเดี๋ยวพี่หินจะมิรักเอาหนา” คำบอกกล่าวของลูกทำเอาไตรทศหูผึ่งเมื่อได้ยิน ตนไปทำงานทุกวันจึงมิรู้ว่าผู้ใดคือคนที่ชื่อหิน
“ฮื่อ...” เจ้าแก้วหยุดเคี้ยวพร้อมกับวางขนมที่อยู่ในมือลง สีหน้าหม่นลงจนผู้เป็นพ่อร้อนใจ
“ผู้ใดจะมิรักลูกพ่อเล่า หน้าตาน่ารักเสียขนาดนี้”
“จริงหรือจ้ะ” เจ้าแก้วที่อมขนมไว้ในปากมองพ่อตาแป๋ว
“จริงสิลูก ผู้ใดที่มิรักลูกพ่อคงจะเป็นคนโง่เป็นแน่”
ไตรทศเอ่ยปลอบใจลูกชาย เจ้าแก้วจึงยิ้มได้เพราะพี่หินอ่านหนังสือออก พี่หินฉลาด เพราะเป็นเช่นนั้นจึงแปลว่าพี่หินรักแก้ว
เมื่ออารมณ์ดีแล้วเด็กน้อยจึงกินขนมต่อ ไตรทศมองหน้าลูกชายก่อนจะยิ้มอย่างอ่อนใจ เมื่อเรื่องลูกคลี่คลายก็ถึงคราวที่ไตรทศต้องสืบสาวหาความแล้วว่าผู้ใดคือเจ้าคนที่ชื่อหิน 
ตะวันบ่ายคล้อยเจ้าแฝดจึงพากันลงไปเล่นที่สวนใกล้กับท่าน้ำ มีต้นมะม่วงต้นใหญ่คอยให้ร่มเงาทำให้ทั้งสองมิร้อนและมิโดนแดดในยามบ่าย
“พี่หิน!” เจ้ากล้าเอ่ยเรียกพร้อมกับโบกมือให้หินที่ยืนอยู่ที่ท่าน้ำอีกฟากฝั่งคลอง “ทางนี้จ้ะพี่”
เมื่อหินเห็นว่าเจ้ากล้าเรียกจึงเดินข้ามสะพานที่ถูกสร้างไว้มิไกลจากท่าน้ำมากนัก เจ้ากล้าแสดงออกว่าดีใจที่หินจะมาเล่นด้วยเพราะกล้านับถือหินเป็นเหมือนพี่ชายของตน พี่หินทั้งเท่ทั้งดูดี โตขึ้นกล้าจึงอย่างเป็นแบบพี่หินบ้าง
เจ้าแก้วชะเง้อมองคนพี่ที่กำลังเดินเข้ามา เด็กตัวป้อมก้มหน้างุดเพราะอาการเขินอาย วันนี้แก้วแอบกินขนมไปเสียเยอะจึงกลัวว่าพี่หินจะดูออก
“ทำอะไรกันอยู่รึ?” หินเอ่ยถามกล้า
“แก้วบอกว่าอยากเล่นพ่อแม่ลูกจ้ะพี่” หินหูผึ่งเมื่อได้ยิน ตนอายุเก้าขวบแล้วจักให้มาเล่นเป็นเด็กๆคงมิเหมาะ
“เล่นกันไปเถอะ พี่โตแล้ว” ถึงจะพูดไปเช่นนั้นแต่ใจจริงก็อยากเล่นกับน้องมิน้อย
“พี่หิน...จะมิเล่นเป็นเพื่อนแก้วหรือจ้ะ?” เจ้าแก้วที่เอาแต่ก้มหน้าอยู่ก่อนหน้าเงยหน้าขึ้นมาถามสายตาละห้อย
“เอ่อ...” เมื่อเห็นว่าน้องส่งสายตาออดอ้อนจึงมิอยากขัด แต่ผู้ใดก็ต้องขัดเขินกันทั้งนั้นที่ต้องมาเล่นอะไรเป็นเด็ก “คือ..”
“ฮึก” เจ้าแก้วเริ่มเบะปาก เมื่อเห็นท่ามิดีหินจึงต้องจำใจเล่น
“ได้ๆ พี่จักเล่น”
“เย้ๆ!” เจ้ากล้าดีใจใหญ่ที่หินจะอยู่เล่นด้วย “กล้าเป็นลูกๆ!”
เจ้ากล้ามิได้อยากเล่นเป็นลูกจริงๆแต่ตนรู้ใจน้องชายดีว่าอยากเล่นเป็นแม่และให้พี่หินเป็นพ่อ ตนจึงยอมให้น้องตลอด ผู้ใดมองดูก็รู้ว่าเจ้าแก้วชอบพี่หิน

“แม่จ๋ากล้าหิวนม” เจ้ากล้าสวมบทบาทลูกได้สมจริงจนหินนึกขำ เจ้ากล้าทำท่าออดอ้อนจนแก้วเองก็กลั้นขำมิอยู่
“โอ๋ๆนะลูก” เจ้าแก้วลูบหัวพี่ชายเป็นการปลอบส่วนเจ้ากล้าหลับตาพริ้มประหนึ่งว่ากลับไปเป็นทารกอีกครั้ง
หินนั่งมองสองพี่น้องเล่นกัน ถึงตนจักได้รับหน้าที่เป็นพ่อแต่ตนก็มิรู้ว่าต้องทำสิ่งใดบ้างเพราะหินมิมีพ่อและถูกเลี้ยงดูมาโดยปู่
“เอ่อ..” เจ้าแก้วเงยหน้ามองคนพี่ด้วยสีหน้าระเรื่อ “พี่หินมานอนตักแก้วสิจ้ะ”
เด็กชายตาโตเมื่อน้องเอ่ยบอก เจ้าแก้วจำได้ว่าพ่อชอบนอนตักแม่ทั้งยังทำหน้าเหมือนกับว่านอนสบาย
เมื่อคนพี่มิยอมมานอนสักทีเจ้าแก้วจึงตบลงบนตักเพื่อเป็นการรบเร้า หินถอนหายใจก่อนจะนอนลงตามคำสั่งของเจ้าแก้ว
“พี่หินหนักจัง” เจ้าแก้วบ่นพร้อมกับทำปากมุบมิบ เมื่ออดมันเขี้ยวมิได้หินจึงใช้มือจับแก้มของเจ้าแก้วพร้อมกับดึงเล่น “ฮื่อ...”
“เหตุใดเมียพี่จึงแก้มเยอะ?”
เมื่อถูกเรียกว่า ‘เมีย’ มีหรือที่เจ้าแก้วจะวางเฉยอยู่ได้ เด็กน้อยใบหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอายพร้อมกับก้มหน้างุด รู้อยู่ดอกว่ามันคือการเล่นไปตามบท...แต่แก้วเขินจัง
“เมื่อเช้าแม่กินขนมลืมกลืนไปเยอะเลยจ้ะพ่อ” เจ้ากล้าเป็นผู้คลายข้อสงสัย
“หืม...” หินหรี่ตามองเจ้าแก้วที่เสมองไปทางอื่น
“น-นิดเดียว” เด็กน้อยแก้ตัวยกใหญ่หินจึงมิกล้าดุ ที่คอยปรามเพราะมิอยากให้น้องกินเยอะจนอ้วนฉุ เพราะยามแก่ตัวมันจักลำบาก
“ดื้อ” พูดพร้อมกับใช้มือบีบจมูกเล็กที่ขึ้นสีระเรื่อ เจ้าแก้วหลับตาปี๋เพราะคิดว่าจักโดนตี
เจ้ากล้ามองก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าน้องชายมีความสุขตนจึงมิความสุขตามไปด้วย พ่อแม่(สมมติ)รักกันดี ผู้ใดบ้างจะมิชอบ
หินลุกขึ้นนั่งเพราะกลัวว่าน้องจะขาชา เด็กหนุ่มนั่งชันเข่ามองเจ้าแก้วที่นั่งเรียบร้อย เก็บไม้เก็บมือมาวางบนหน้าตัก
“พ่อจักไปทำงานใช่หรือไม่จ้ะ?” เจ้ากล้าเอ่ยถามหินจึงเลิกคิ้วมองด้วยความสงสัย “ก็พ่อต้องทำงาน ส่วนแม่อยู่เรือนดูแลลูกไงจ้ะ” หินพยักหน้ารับเมื่อเข้าใจ
“ป-ไปทำงานดีๆนะจ้ะพี่หิน” เจ้าแก้วเอ่ยบอก แก้มขึ้นสีระเรื่อ
“อืม” หินพยักหน้ารับ
“พ่อหอมแม่หน่อยสิจ้ะ” เจ้ากล้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ส่วนเจ้าแก้วนั้นกำลังตะลึงตาค้าง
“ค-คือ..” เจ้าแก้วอยากจะปฏิเสธแต่พอเห็นว่าพี่ชายมองมาอย่างคาดหวังจึงมิกล้าพูด รอให้พี่หินพูดเองจะดีเสียกว่า
“อืม” อะ..เอ๊ะ!?
เพียงชั่วอึดใจเดียวเอวบางถูกใครอีกคนรวบเข้าไปใกล้ทำให้เจ้าแก้วอยู่ระหว่างขาของหินที่นั่งชันเข่าพอดี แก้มขาวนวลถูกจู่โจมโดยมิทันตั้งตัว แต่มันก็แค่เพียงชั่วระยะเวลากระพริบตาเพียงเท่านั้น
“หูวว” เจ้ากล้าตบมือทำท่าดีใจใหญ่
“พี่ว่า...พี่ขอกลับก่อนดีกว่า” หินพูดก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินออกไปทันที
เจ้าแก้วมองตามคนพี่ตาละห้อย สัมผัสที่แก้มซ้ายยังมิหายไปไหน ความรู้สึกอุ่นๆอยู่ภายในอกเป็นความรู้สึกที่เด็กสี่ขวบเช่นแก้วมิสามารถอธิบายได้

ในขณะที่กำลังจะถึงเวลาเข้านอนจันและไตรทศจึงมากล่อมลูกน้อยให้นอนหลับก่อนที่ตนทั้งคู่จักไปนอนพักผ่อนบ้าง
“แม่จ๋า” เจ้าแก้วเอ่ยเรียก
“มีอะไรหรือเจ้าแก้ว”
“ว-วันนี้แก้วได้เล่นกับพี่หิน..” ไตรทศที่นั่งอยู่อีกฝั่งของเตียงหูผึ่ง นั่งฟังลูกคนเล็กคุยกับแม่
“เล่นอะไรกันหรือเจ้าตัวแสบ?”
“เล่นพ่อแม่ลูกจ้ะ” ไตรทศมิอยากชื่อหูตัวเอง แต่ก็ต้องทำใจให้นิ่งไว้
“สนุกรึไม่?”
“สนุกจ้ะ” เด็กน้อยยิ้มชอบใจ “พี่หินเป็นพ่อ...ส่วนแก้ว...เป็นแม่”
“แล้วมีอะไรมิดีเกิดขึ้นรึไม่?” แก้วส่ายหน้า
“แต่พี่หิน..” เด็กน้อยอึกอักมิกล้าพูดต่อ
“พี่หินหอมแก้ว!” เป็นกล้าที่โพล่งขึ้นมา
“หา!” ไตรทศเบิกตาโตทำสีหน้าตกใจจนเจ้ากล้าหัวเราะชอบใจ “หอมรึ?”
“จ้ะ” แก้วพยักหน้าพร้อมกับแก้มระเรื่อที่มองแล้วน่าเอ็นดู “แก้วรู้แล้วว่าโตขึ้นแก้วอยากเป็นอะไร”
“เป็นอะไรรึ?” จันเอ่ยถามลูกน้อย
“แก้วอยากเป็นเมียพี่หิน!”
จันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เพราะเอ็นดูลูก ไตรทศแทบลมจับ ส่วนเจ้ากล้าก็ยิ้มแป้นเพราะกล้าเองก็ชอบพี่หินจึงมิขัดใจน้อง ดีเสียอีกจะได้เล่นกันทุกวัน 
“ไว้โตก่อนค่อยคิดนะลูก” จันลูบหัวลูกน้อยก่อนจะกล่อมให้นอนหลับ
เมื่อเจ้าแฝดพากันหลับปุ๋ยทั้งสองจึงค่อยๆพากันเดินออกมาจากห้องลูก
“พี่มิยอมดอกหนา” ไตรทศทำหน้าฟึดฟัด ทำตัวเป็นพ่อหวงลูก
“โธ่พี่ไตร ลูกยังเด็ก...พี่อย่าคิดมากเลยหนา” จับจับแขนไตรทศพร้อมกับลูบไปมา
“นั่นสิหนา ประเดี๋ยวโตขึ้นคงจักลืมไปเอง”
จันยิ้มอย่างอ่อนใจ จันรู้ดีว่าไตรทศมิกีดกันหากลูกจะรักจะชอบผู้ใด แต่ในยามนี้ไตรทศกำลังทำตัวเป็นจงอางหวงไข่เพราะลูกยังเล็กเพียงเท่านั้น
“เราไปนอนกันเถอะจ้ะ”
“แค่นอนรึ?” คนพี่ทำหน้ายียวน
“ตามใจพี่..”
เมื่อได้ยินดังนั้นคนอายุมากกว่าจึงยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะอุ้มเมียเดินเข้าห้องไป เป็นอีกคืนที่จันนอนหลับมิพอและคงต้องให้เจ้าแฝดมาปลุกเหมือนเมื่อเช้าเป็นแน่...

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2019 21:53:26 โดย ponpon1a »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
เล่นพ่อแม่ลูกกันน่ารักเชียว  รออ่านรุ่นลูกค่ะ :3123: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
อยากอ่านรุ่นลูกต่อจ้า~

ออฟไลน์ ponpon1a

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
บทที่ ๒๕ (บทส่งท้าย)

กาลเวลาล่วงเลยผ่านไปนานถึงห้าปีแต่ความรักที่ไตรทศมีต่อเมียรักเช่นจันก็มิน้อยลงไปตามกาลเวลาแม้เพียงสักนิด ทั้งสองยังคงกอดหอมให้ลูกเห็นอยู่บ่อยครั้งจนเจ้ากล้าและเจ้าแก้วเอ่ยแซวอยู่ร่ำไป
เจ้าแฝดพากันอายุเก้าขวบแล้ว กำลังอยู่ในวัยดื้อวัยซนของเด็กทั่วไป บางวันจันก็พาลูกไปเที่ยวเล่นที่ตลาดใหญ่ บางวันก็พาไปเยี่ยมตาที่เรือนของบิดาตน 
จันมองออกไปนอกเรือนเพื่อสอดส่องสายตาหาสองพี่น้องที่พากันออกไปเที่ยวเล่นกับไอ้มิ่งตั้งแต่ช่วงสายจวบจนถึงเพลาชายก็ยังมิพากันกลับเรือน
“ห่วงลูกรึ?” ไตรทศเอ่ยถามจันที่กำลังนั่งร้อยมาลัยเพื่อถวายหลวงตาวันพรุ่งนี้
“จ้ะ”
“ลูกมีไอ้มิ่งไปด้วย ออเจ้าอย่าวิตกไปเลยหนา” มือหนาที่วางลงบนมือของจันช่างอบอุ่นจนทำให้จันคลายความกังวลไปได้บ้าง
ใบหน้าคมคร้ามของไตรทศในวัยกลางคนมิได้ทำให้ความหล่อของเจ้าตัวลดน้อยลงไปได้เลย อายุยิ่งมากใบหน้ายิ่งคมเข้มมากกว่าตอนหนุ่มๆเสียอีก
ไตรทศที่รับงานราชการมานานโข ในยามนี้ได้อวยยศเป็นถึงหลวง ไปที่ใดก็มีแต่ผู้คนเรียกขานว่า ‘คุณหลวงไตรทศ’
พอพระยาเกษมอายุมากขึ้นผู้ที่ต้องทำหน้าที่คุมโรงสีและคุมตลาดใหญ่ก็เป็นผู้ใดไปมิได้นอกจากเดชดำรงค์ผู้เป็นพี่ชายของไตรทศและตัวไตรทศเองที่แบ่งกันดูแลคนละครึ่ง ทำให้ชาวบ้านต่างพากันยำเกรงมิมีผู้ใดกล้าพูดว่าร้ายถึงจันอีกแล้ว
“คุณท่าน! คุณท่านขอรับ!” เสียงไอ้มิ่งดังมาจากปลายบันได ไตรทศและจันจึงรีบเดินไปดู
“เกิดเหตุอันใดขึ้นวะไอ้มิ่ง แล้วลูกข้าอยู่ที่ใด?” มันหอบหายใจก่อนจะเอ่ยตอบ
“คุณกล้า...คุณกล้ามีเรื่องชกต่อยขอรับ!” พวงมาลัยในมือจันร่างลงบนพื้นเรือนเมื่อได้ยินดังนั้น
“พาข้าไปเดี๋ยวนี่!” จันพูดพร้อมกับรีบวิ่งลงเรือนตามมาติดๆด้วยไตรทศ
มินานทั้งสามจึงมาถึงบริเวณที่สองพี่น้องพากันมาเล่น ภาพเด็กชายสองคนกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันไปมาบนพื้นปรากฏสู่สายตาทั้งคู่
“หยุดบัดเดี๋ยวนี้!” เสียงดังที่สั่งห้ามดังขึ้นจนเด็กทั้งสองชะงักไปก่อนจะลุกแยกออกจากกัน
“จ-เจ้าคุณพ่อ” เจ้าแก้วที่ยืนอยู่มิไกลทำสีหน้าตระหนก ตามเนื้อตัวมีรอยเปื้อนและฟกช้ำ
“เกิดเหตุอันใดขึ้น?” จันเอ่ยถามเพื่อหาสาเหตุ
“ไอ้กล้ามันต่อยข้าก่อน!”
“ก็เอ็งมันปากไม่ดีข้าก็ต้องเอาเลือดปากเอ็งออกสิวะ!”
“หนอย!” ทั้งสองทำท่าจะพุ่งใส่กันอีกแต่ได้ไอ้มิ่งไปจับแยก
“กล้า แก้ว กลับเรือน!” เจ้าแก้วตัวสั่นเพราะมิเคยเห็นผู้เป็นพ่อทำสีหน้าโกรธเคืองขนาดนี้มาก่อน
เมื่อการทะเลาะวิวาทยุติลงและพ่อแม่ของเด็กอันธพาลได้ขอโทษขอโพยไตรทศจึงมิเอาความทั้งที่ใจจริงคิดว่าหากเตะตูดเด็กได้คงทำไปนานแล้ว
เมื่อพูดคุยเสร็จทั้งหมดจึงพากันมุ่งหน้ากลับเรือนเพื่อทำแผลที่เกิดจากการชกต่อย
“อ-โอ๊ยๆ เบาๆสิจ้ะแม่”
“ทำเป็นบ่น ทียามชกต่อยกันเหตุใดจึงมิคิดว่ามันจะเจ็บ?” จันบ่นลูกน้อยไปประคบยาตามรอยช้ำไป “พาน้องไปเจ็บอีก เห็นรึไม่”
กล้าหันไปทางน้องที่ได้ผู้เป็นพ่อประคบยาให้
“ก็มันพูดมิดีกับแก้ว...มันด่าแก้วว่าไอ้ลูกแม่เรือน”
กึก
ลูกประคบในมือของจันหยุดชะงักก่อนจะถอนหายใจออกมาผะแผ่ว
“มันก็เป็นความจริงมิใช่รึ?”
“แต่กล้ามิชอบ...กล้ารักแก้ว กล้ารักพ่อกับแม่ กล้ามิชอบเวลามีผู้ใดมาพูดเช่นนั้น”
จันยิ้มอย่างอ่อนใจก่อนจะลงมือประคบลงบนรอยช้ำตามแขนลูกชายพร้อมกับพูดปลอบประโลม
“กล้าว่าแม่เรือนแย่หรือไม่?”
“ไม่ขอรับ แม่ของกล้าเป็นคนใจดี”
“แม่เรือนน่ารังเกียจหรือไม่?”
“ไม่ขอรับ แม่ของกล้าน่ารักที่สุด”
“เห็นหรือไม่ เป็นแม่เรือนก็ใช่ว่าจะแย่มิใช่หรือ?” เด็กน้อยทำหน้าครุ่นคิดก่อนรอยยิ้มเล็กๆจะปรากฏบนใบหน้า
“ขอรับ...แล้วกล้าจะทำเช่นไรดีขอรับ ยามที่พวกมันมาแกล้งแก้วอีก”
“เตะมันไปเลย”
“พี่ไตร!” จันหันไปปรามคนพี่ที่นั่งอยู่มิไกล มิห้ามซ้ำยังให้ท้ายลูกอีก  สมกับเป็นพ่อลูกกันเสียจริง
เจ้าแก้วหัวเราะคิกคักก่อนจะนิ่วหน้าเมื่อไตรทศลงมือประคบให้อีกครา ถึงผู้เป็นพ่อจะเคยเป็นหมอยาแต่ก็มิได้หมายความว่าไตรทศจักมือเบาสักนิด 
“หากกล้ารักน้องก็จงปกป้องน้อง แต่อย่าใช้กำลังกันเลยหนาเพราะหากกล้าเจ็บแม่ก็เจ็บด้วย เข้าใจรึไม่เจ้าตัวแสบ?”
ฝ่ามืออบอุ่นลูบลงบนกลุ่มผมดำขลับของลูกชายคนโต เจ้ากล้ายิ้มพร้อมกับพยักหน้ารับคำสอนสั่งจากผู้เป็นแม่ ก่อนจะหันไปเห็นพ่อที่กำลังขยิบตาให้เป็นเชิงว่า ‘หากมีผู้ใดมารังแกก็จัดการมันเลย’ เสียอย่างนั้น
หลังสำรับเย็น สี่คนพ่อแม่ลูกพากันนั่งเล่นอยู่บนตั่งริมชานเรือนเพื่อนั่งดูพระจันทร์เต็มดวงและพูดคุยกันในเรื่องที่สองพี่น้องสนใจ
ทั้งสองพี่น้องนั่งอยู่บนตั่งของผู้เป็นแม่ปล่อยให้ไตรทศนั่งผู้เดียวจนผู้เป็นพ่อแอบน้อยใจแต่ก็มิได้ว่าอะไรเพราะเจ้าตัวแสบพากันติดแม่อยู่แล้ว
“แก้วสนใจเรื่องทำขนมจ้ะ”
“ส่วนกล้าสนใจเรื่องวิชาดาบขอรับ”
ทั้งสองดูกระตือรือร้นที่จะได้ฝึกศาสตร์และศิลป์ทุกแขนงในยามที่ตนเองโตมากกว่านี้ ถึงจะเป็นแฝดแต่ทั้งสองกลับแตกต่างกันมากจนหากมิบอกก็คงมิมีผู้ใดรู้ว่าเป็นแฝดกัน
“ดีแล้วลูก หากชอบสิ่งใดก็จงตั้งใจทำสิ่งนั้น พ่อกับแม่จักสนับสนุนออเจ้าทุกทาง” สองพี่น้องพากันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนจะหยิบขนมในถาดทองกินไปเรื่อยจนเริ่มอิ่ม
“อืม...พ่อกับแม่รักกันได้อย่างไรจ้ะ?” เจ้าแก้วที่กำลังสนใจใคร่รู้เรื่องความรักเริ่มเอ่ยถาม เผื่อมีสิ่งใดที่ใช้ได้ตนจักได้นำไปใช้มัดใจพี่หินคนเย็นชา
“พ่อตามตอแยแม่ก่อน”
“หือ!?” สองพี่น้องทำเสียงตกใจเพราะตนเห็นว่าแม่รักพ่อมากจึงคิดว่าแม่ตามจีบพ่อก่อนเสียอีก
“แม่ของออเจ้าเป็นเด็กวัด ในคราแรกที่เจอแม่ของออเจ้ามิชอบพ่อนัก ทั้งดื้อทั้งรั้นซ้ำยังมีเรื่องชกต่อยให้พ่อได้ดุอยู่เรื่อย” จันนั่งฟังไปยิ้มไปเพราะมิคิดว่าไตรทศจะจำได้ถึงเพียงนี้
“ม-แม่มีเรื่องชกต่อยด้วยหรือจ้ะ?” เจ้ากล้าเอ่ยถาม
“ประจำ” จันจึงให้คำตอบ เด็กน้อยตาลุกว้าวอ้าปากตะลึงเพราะมิคิดว่าแม่ของตนที่แสนจะดูเรียบร้อยเคยเตะเคยต่อยผู้อื่นมาก่อน
“พ่อชอบแม่ตั้งแต่คราแรกที่เจอหน้า” จันชะงักไปเพราะตนมิเคยรู้มาก่อน “ชอบ...แต่พ่อก็ยังมิกล้าเข้าหาเพราะพ่อยังสับสนในคราแรก”
สองสายตาสอดประสานกันในยามที่ไตรทศเล่าถึงอดีต เหมือนดั่งกับว่าไตรทศกำลังสารภาพรักกับจันอีกคราอย่างไรอย่างนั้น
“พ่อมารู้ทีหลังว่าแม่เองก็มีคนที่ชอบอยู่แล้ว ซ้ำยังเป็นแม่หญิงผู้เรียบร้อย”
“หูวว” เจ้าแฝดพากันทำเสียงตื่นตาตื่นใจ
“แต่ผู้ใดจะสนใจเล่าในเมื่อชอบเขาไปแล้ว พ่อจึงถือคติว่า ‘ชอบได้ก็เลิกชอบได้’ พ่อจึงตามจีบแม่ของลูกต่อโดยที่มิสนใจว่าตนจะต้องเจ็บช้ำน้ำใจหรือไม่”
เมื่อไตรทศพูดมาถึงตรงนี้ตนจึงนึกถึงในยามที่ตนจำใจต้องบอกไตรทศให้เลิกยุ่งกับตน ภาพเหตุการณ์ในอดีตหลั่งไหลเข้ามาทำให้ใจดวงน้อยไหวสั่นอีกคราเมื่อนึกถึง
“ปู่ของลูกมิเห็นด้วยกับการที่พ่อจะรักกับแม่ แต่ท้ายที่สุดแล้วแม่ของลูกก็เอาชนะใจปู่ได้ด้วยการเอาชีวิตของตนเข้าแลก เอาตัวเข้ารับคมดาบแทนพ่อจนมีแผลเป็นติดตัว”
เจ้าแฝดพากันหันมองหน้าจันที่กำลังนั่งฟัง เมื่อนานมาแล้วทั้งสองเคยแอบเห็นรอยแผลเป็นยาวบนหลังของผู้เป็นแม่แต่มิกล้าถามจึงเก็บความสงสัยไว้นาน ในยามนี้ความสงสัยนั้นกระจ่างแล้ว
ไตรทศก้มลงสบตาลูกทั้งสองก่อนจะพูดต่อ
“ลูกรู้รึไม่ว่าพ่อรักแม่ของลูกมาก มากจนยอมตายแทนได้” สองพี่น้องนั่งฟังพร้อมกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “...พยานรักของพ่อกับแม่ก็คือลูกทั้งสองอย่างไรเล่า”
รอยยิ้มประดับบนใบหน้าของจันเมื่อได้ฟังไตรทศพูด น้ำตาหยดน้อยเอ่อคลอจนบดบังการมองเห็น ทำให้ภาพตรงหน้าพร่าเลือน
“ตลอดหลายปีที่ผ่านมาแม่ของลูกทำให้พ่อได้รับรู้ว่า..” ไตรทศเงยขึ้นสบตาจันที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม “...พ่อเลือกคนมิผิด”
น้ำตาหยดน้อยไหลลงบนแก้มนวล ยามที่ต้องแสงจันทร์น้ำตาหยดนั้นส่องเป็นประกายระยิบระยับเหมือนดั่งหยาดเพชรที่มีมูลค่ามากมายมหาศาล มากจนมิอาจบอกค่าได้
จันเช็ดน้ำตาหยดนั้นออกเพื่อมิให้เจ้าแฝดทั้งสองที่นั่งบนตักเห็นว่าตนเสียน้ำตา
“แล้วแม่รักพ่อตอนไหนหรือจ้ะ?” เจ้าแก้วเอ่ยถาม ไตรทศมองมาที่จันเพราะตนเองก็อยากรู้เช่นกัน
“ในระหว่างที่พ่อตามตอแย ตามดุแม่ แม่เองก็เริ่มเริ่มหวั่นไหวกับพ่อมาได้สักพักใหญ่ๆ แต่แม่ยังมิรู้ใจตนเองนักเพราะแม่คิดว่าแม่ยังชอบแม่หญิงอีกผู้หนึ่งอยู่” จันเงยหน้าขึ้นสบตากับไตรทศ
“แม่รู้ว่าแม่รักพ่อตอนที่แม่เสียพ่อไปแล้ว...และมารู้ตัวอีกคราว่ารักมากก็ตอนที่แม่ยอมเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อปกป้องพ่อของลูก”
คำตอบอันน่าพึงพอใจส่งผลให้คนพี่ยิ้มออกมาด้วยความผาสุก หัวใจรู้สึกอบอุ่นเมื่อรับรู้ได้ถึงความรักที่จันมีให้ตนมาตลอด ถึงในคราแรกจันจะดื้อหรือจะรั้นถึงเพียงใด แต่ในยามที่จันรับรู้หัวใจตนเองแล้วนั้น ชายหนุ่มก็มิเคยลืมที่จะบอกในทุกคืนก่อนนอนว่า ‘จันรักพี่’ เพื่อชดเชยกับเวลาที่มิรู้ใจตนเอง
“พ่อกับแม่หว้านหวาน~” เจ้าแก้วเอ่ยแซว
“เอาล่ะ เรื่องจบแล้ว พากันไปนอนได้แล้วเจ้าพวกตัวแสบ”
“โธ่...เจ้าคุณพ่อล่ะก็” เจ้ากล้าทำหน้าเบื่อเพราะยังมิอยากนอน
“รีบนอนจะได้รีบตื่น วันพรุ่งพ่อจักพาไปเยี่ยมตา”
“จริงหรือขอรับ!” เจ้ากล้าดีใจใหญ่เพราะชอบเล่นกับตาจำรูญที่สุด ตาใจดีทั้งยังชอบเอาของเล่นมาให้ตนกับน้อง
ทั้งสองพี่น้องพากันจูงมือเข้าห้องนอนแต่โดยดีเพราะอยากให้ถึงพรุ่งนี้เช้าเร็วๆ จันยิ้มขำทั้งสองอย่างเอือมระอา หากจะจัดการเด็กดื้อก็คงต้องหาสิ่งมาล่อเช่นนี้จึงจะได้ผลดี

“พี่จักเอาตำรายาไปเก็บที่ห้องหนังสือเสียหน่อย” เมื่อมาถึงห้องนอนไตรทศจึงเอ่ยบอก
“ข้าไปด้วยจ้ะ ช่วยกันเก็บน่าจะเร็วกว่า...พี่จะได้รีบมานอนกอดข้า”
“หึ แม่ตัวดี..” พูดพร้อมกับบีบแก้มนิ่ม “เดี๋ยวนี้อ้อนเก่งเสียจริงหนา” จันยู่ปากเมื่อถูกแกล้งก่อนจะเดินจับมือกับไตรทศไปที่ห้องหนังสือ
ตำรายาถูกเรียงมากมายบนชั้น จันบรรจงจัดวางอย่างเป็นระเบียบตามหมวดหมู่
ในขณะที่ตนกำลังจัดอยู่นั้นเผลอสอดตำราเข้าชั้นแรงเกินไปทำให้มีตำราเล่มหนึ่งตกลงมา หน้าปกเป็นกระดาษสีน้ำตาลอ่อนๆ บนปกมีตัวอักษรภาษาที่จันอ่านมิออก
ด้วยความสงสัยจันจึงเปิดออกก่อนจะพบกับภาพที่ตนมิควรเห็น...ภาพบุรุษเพศสองคนร่วมรักกัน!? มือบางเปิดไปทีละหน้า ความทรงจำเริ่มกลับมาทีละน้อย
ในยามที่ตนให้ไอ้ทิดเข้ามาแอบมองไตรทศและดูว่าไตรทศกำลังทำสิ่งใด นี่คือสิ่งที่ไอ้ทิดอธิบายให้ตนฟังมิผิดแน่...
ชายสองคนต่อสู่กันในท่ากลับหัวกลับหาง
ชายผู้หนึ่งถูกเอาสากยัดปาก
...แต่นี่มันมิใช่สาก...ไอ้ทิดนะไอ้ทิด! 
“ทำสิ่งใดอยู่รึ”
เฮือก!
จันรีบปิดตำราในมือลงก่อนจะซ่อนไว้ข้างหลัง
“ค-คือ...”
“ซ่อนสิ่งใดไว้?” มีหรือที่ไตรทศจะมองมิทัน เมื่อรู้ว่าตนถูกจับได้จันจึงยื่นตำรานั้นออกมาให้ไตรทศดู
ในคราแรกคิดว่าจะถูกดุแต่กลับกันคนพี่กลับหน้าขึ้นสีระเรื่อด้วยความเขินอายพร้อมกับเสมองไปทางอื่น
“ย-อย่าบอกหนาว่านี่ของพี่?” ไตรทศพยักหน้าที่แดงก่ำนั้นอย่างกระดากอาย “แล้วพี่ศึกษาไปทำอะไรรึ?”
“ทำ...ทำกับออเจ้า”
“หา!?”
หลังจากนั้นจันก็ได้ฟังคำอธิบายทุกอย่าง ทั้งเรื่องที่ไตรทศซื้อ ‘ตำรากามสูตร’ นี้มาก่อนที่จันจักตกลงปลงใจว่ารัก ทำให้จันรู้ว่าไตรทศนั้น...จ้องจะจับตนกินมานานแล้ว
จันเดินไปมาขณะฟังส่วนไตรทศนั่งนิ่งเล่าอยู่บนเตียงด้วยความกระดากอาย เพราะตนคิดจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ใครจะอยากให้เมียรู้กันเล่าว่าตนอ่อนหัดถึงขั้นที่ต้องพึ่งตำรา
“ข้าเข้าใจหมดแล้ว...” ไตรทศพยักหน้าหงึกหงัก จันหยิบตำราขึ้นมาเปิดดูอีกครา “อืม...กระบวนท่าเยอะเสียจริง”
“อึก” ไตรทศกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ
“มิคิดจะใช้กับผู้อื่นก็แล้วไป” เมื่อจันหันหลังไปไตรทศจึงลุกขึ้นโอบกอดเมียรักจากด้านหลัง “จะอ้อนอะไรหรือพ่อเสือ?”
“ในเมื่อมันมีหลายกระบวนท่า...และเรายังมิเคยลองดู” จันเลิกคิ้วมอง “ออเจ้ามิคิดจะลองกับพี่หน่อยรึ?”
“แต่..” ก่อนที่จะพูดอะไรออกไป ริมฝีปากบางถูกหยุดไว้ด้วยนิ้วหัวแม่มือของไตรทศก่อนจะตามมาทาบทับด้วยริมฝีปากอุ่น
“มิมีแต่...คืนนี้ออเจ้าต้องกลายเป็นแมวน้อยของพี่”
“พ-พี่ไตร...” ดวงตาวาวโรจน์ของพ่อเสือยามที่กระทบกับแสงจันทร์ทำเอาใจของจันไหวสั่นจนอธิบายเป็นคนพูดมิได้
“จะร้องให้หยุดก็มิทันแล้วหนาแม่ตัวดี..”
ในราตรีอันแสนยาวนานสองร่างเปลือยเปล่าร่วมรักกันจนเตียงไม้สักเกิดเสียงลั่น หยาดเหงื่อพร่างพราวหยดไหลตามแผ่นอกแน่นตึง เสียงครางสั่นเครือบอกถึงแรงอารมณ์ของคนทั้งคู่
ช่างเป็นคืนที่แสนยาวนาน จันคิดเช่นนั้น เพราะตนกับไตรทศลองท่าในตำราไปหลายท่าแต่ท้องฟ้ากลับมิสว่างเสียที ดังกับว่าเวลาถูกหยุดไว้ที่ตรงนี้
...ตรงที่มีเพียงแค่คนทั้งสอง
ในยามบ่าย ทั้งจันและไตรทศยังมิยอมออกจากห้อง มิมีผู้ใดรู้ว่าเพราะเหตุใดเพราะมิมีผู้ใดกล้าเข้าไปรบกวน
หากถูกถามก็คงจักน่ากระดากอาย หากจะบอกว่าเหตุผลเป็นเพราะ
...มีอะไรกันมากไปจนลุกมิขึ้น

-จบบริบูรณ์-



แอแงงงง ไม่อยากให้จบ ฮือออ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามพี่ไตรกับน้องจันมาตลอดนะคะ T-T เศร้ามากๆที่เรื่องนี้จบลงเพราะเราผูกพันมากกก ผูกพันกับนักอ่านทุกคนที่คอยเข้ามาคอมเมนต์ด้วย แง

รักทุกคนมากๆนะคะ หวังว่าพวกเราจะได้เจอกันอีก
ตอนนี้เราเขียนเรื่อง Graph and Soft กราฟชอบของนุ่ม ในเว็บ readawrite อยู่
เป็นเรื่องที่ชื่อเรื่องใสแต่เนื้อเรื่องไม่ใสนะเออ ฝากติดตามด้วยนะคะ Love ya’all
#หอมเจ้าจัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-12-2019 21:42:18 โดย ponpon1a »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
จบแล้ว สนุกมากๆจ้า

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
 :pig4:สนุกมากค่ะ รอเรื่องใหม่นะคะ

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ครอบครัวสุขสันต์  :katai2-1: :katai2-1:
 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai2-1:



ลูกเต็มบ้านแน่ๆ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด