บทที่ 8 ผมจะทำให้พี่รักผม
[ฟังเพลง นาฬิกา : ปลานิลเต็มบ้าน เพื่อสร้างบรรยากาศค่ะ]
พอผมทักทายพี่วริษฐ์ เขาก็ส่งยิ้มแปลก ๆ กลับมาให้เขามองผมด้วยสีหน้างุนงง ผมก็ได้แต่ยิ้ม จำไม่ได้ก็ไม่แปลก จำผมไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะผมมาเพื่อจะจีบพี่ มาเพื่อทำความรู้จักกับพี่จริง ๆ
“พี่วริษฐ์ครับ ไว้คุยกันนะ” เขาส่งยิ้มสดใส
วริษฐ์ได้แต่ยิ้มตอบรอยยิ้มนั้น ก่อนวาเนสซ่าจะพาน้องเดินไปที่อื่นต่อ เขาได้แต่มองตาม คิ้วเข้มขมวดอย่างใช้ความคิด ทำท่าเหมือนสนิทสนมกับผม แต่ผมกลับจำไม่ได้สักนิด
ผมนั่งประจำที่โต๊ะ นั่งคิดไตร่ตรองกับตัวเองว่าจะเอายังไงดี จะเริ่มรุกจีบเลยดีมั้ย หรือจะค่อย ๆ ไป ตอนนี้เขาสับสนมากเหมือนมีเทวดากับปีศาจ นั่งอยู่บนไหล่ซ้ายกับขวา
‘เอาสิ เอาเลยรอมานานไม่ใช่หรอ’ ปีศาจเอ่ยเชียร์
‘อื้อ ต้องรุกจีบแล้วล่ะ ปล่อยเวลามานานแล้ว’ เทวดาที่ควรจะห้ามกลับยุยงส่งเสริม
เขานึกขำที่ตัวเองทำตัวเป็นเด็ก ๆ เล่นตลกกับตัวเองคนเดียวบ้าบอ แต่ก็นั่นล่ะ ผมจะไม่ปล่อยเวลาให้มันผ่านไปอีกแล้ว ผมจะต้องเริ่มมันเดี๋ยวนี้!!!
วริษฐ์กำลังนั่งพิมพ์ชื่อพนักงานที่จะไปตรวจสุขภาพกับทางโรงพยาบาลที่บริษัทดีลเอาไว้ลงในอีเมล เสียงโทรศัพท์ตั้งโต๊ะก็ดังขึ้นวริษฐ์มองชื่อบนหน้าจอเล็ก ๆ Gawin เขาขมวดคิ้วสงสัยก่อนจะกดรับ
“สวัสดีครับ”
‘พี่วริษฐ์ครับ เย็นนี้ว่างมั้ย’
เขาขมวดคิ้วหนักขึ้นไปอีก มีธุระอะไรกับเขา
“กวินมีอะไรหรอครับ”
‘ไปกินข้าวกันนะครับ ตอนเลิกงาน ไปกันยังไงดีน้า’
“เอ่อก็ได้ครับ เจอกันครับ เดี๋ยวไปรถพี่ก็ได้” วริษฐ์รับนัดไปอย่างงง ๆ
ตฤนลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ เขาเจอกวินเดินมาพอดี นึกถึงเมื่อเช้าที่เด็กหนุ่มคนนี้ทักทายวริษฐ์ด้วยความสดใส ดูสดใสน่ารักน่าทะนุถนอมจนกลัวแทน ก็วริษฐ์น่ะ... ถึงจะมาขอโทษแล้วก็เถอะ คิดแล้วยังกลัวไม่หาย
“เอ่อ กวิน”
“ครับ?” กวินขานรับพลางส่งยิ้มให้ เขามองอีกฝ่าย คุ้นหน้าว่าอยู่ในห้อง HR
“รู้จักกับพี่วริษฐ์มานานแล้วหรอ”
หืม? มาถามเขาเรื่องที่รู้จักวริษฐ์? เขาหรี่สายตามองสำรวจอีกฝ่ายด้วยความสงสัย ชายหนุ่มหน้าตาดีคนนี้ อยากรู้เรื่องนี้เพราะอะไร
“ก็นานมั้งครับ”
“เอ่อคือยังไง ระวังตัวด้วยนะ”
กวินเลิกคิ้วข้างนึงขึ้นด้วยความสงสัย ตฤนจึงขยับเข้าใกล้อีกฝ่าย พลางกระซิบเสียงเบา “เขาอาจจะอยากง้าบนาย”
กวินยิ้มทะเล้น ก่อนตอบเบา ๆ “ก็ดีสิครับ”
“หืม?” ตฤนมองรอยยิ้มทะเล้น ๆ นั่นก่อนคิดในใจว่า เขาอาจจะคิดผิดที่มาเตือนออาจจะไม่ควรมายุ่งจริง ๆ แต่ก็ถือว่าเขาทำในสิ่งที่ค้างคาแล้ว
ช่วงเย็นที่กวินรอคอยก็มาถึง
“พี่วริษฐ์ครับ”
“อ้าวกวินลงมานานหรือยัง”
“ไม่นานครับ”
“ไปกินข้าวกันดีกว่า” มือบางแตะสัมผัสที่ต้นแขนเขา
วริษฐ์ได้แต่งุนงงกับท่าทีของอีกฝ่าย ที่ดูจะสนิทสนมกับเขามาก แม้เขาจะรู้สึกคุ้น ๆ แต่ก็นึกไม่ออก หรือไม่เด็กใหม่ก็อ่อยเขาอยู่
“กวินอยากไปร้านไหนครับ”
“อืม ร้าน feeling มั้ยครับ”
วริษฐ์มองคนข้าง ๆ ร้านอาหารกึ่งผับ ร้านที่เขาเคยไปอยู่สองสามครั้ง ชวนไปที่แบบนี้เลยแฮะ
“มันเป็นที่ที่มีความหมายนะครับ” ร่างบางพูดดัก เผื่ออีกฝ่ายจะคิดว่าเขาไวไฟ อย่างจะมอมเหล้าเขา แม้ว่าเขาจะอยากทำจริง ๆ ก็ตาม
ร้านอยู่ไม่ไกลนักจากที่ทำงาน ทำให้ทั้งคู่มาถึงที่หมายอย่างรวดเร็ว
ทั้งคู่เข้าไปนั่งภายในร้าน ที่ตกแต่งด้วยไฟค่อนข้างสลัว
“พี่จำผมไม่ได้ใช่มั้ยครับ” กวินถามตรง ๆ เพราะร้านที่จะไปคือร้านที่เขาเจอกับวริษฐ์
“เอาจริง ๆ ก็รู้สึกคุ้น” คุ้นกับผี วริษฐ์เมิงโกหกน้องเขา เมิงจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยรู้จักคนชื่อกวิน
“เราเคยเจอกันที่นี่ครับ” ร่างบางส่งยิ้มให้
.”หืม?” ร่างสูงขมวดคิ้วแน่น เคยเจอที่นี่? เขากับกวิน?
“พี่เมามาก อาจจะจำไม่ได้ถ้าวันนั้นไม่ได้พี่ปลอบผมคงแย่” เขาพูดพลางหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาเปิด ชี้ให้ดูในช่องพลาสติกใส ที่มีเศษซากของนามบัตรถูกใส่อยู่ในนั้น ลางเลือนขาดยุ่ยไม่มีชิ้นดี แต่เจ้าของก็รู้ดีว่าน่าจะเป็นของเขา
“นามบัตรเละเทะเชียว”
“ผมพยายามตามหาพี่แล้ว แต่ไม่เคยเจอ จนวันนี้”
ร่างสูงมองดวงหน้าน่ารักที่พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น และดวงตาที่เป็นประกาย คนตรงหน้าดีใจมากจริง ๆ ที่ได้เจอเขา ทำเอาเขาเผลอยิ้มตาม น่ารักสดใส ...
“แล้ว พอเจอพี่แล้ว จะทำยังไงต่อ” วริษฐ์พูดแซวคนตรงหน้า อยากรู้จริง ๆ ว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร
ร่างบางขยับยื่นหน้ามาใกล้ “ทำให้พี่รักผมครับ”
วริษฐ์อ้าปากค้างกับความตรงไปตรงมาของคนตรงหน้า ดวงตาคมจ้องมองใบหน้ายิ้มแย้มของคนที่พูดออกมาหน้าตาเฉยว่าจะทำให้ผมรักเขา อีกฝ่ายยังคงยิ้มไม่หยุด ในขณะที่เขา จ้องเอง กลับรู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ ขึ้นมาซะแบบนั้น
“ทำไมต้องเป็นพี่”
“ก็พี่เคยบอกผมว่า ให้หาแฟนใหม่ให้ดีกว่าเดิม ผมว่าก็ต้องพี่นี่แหละ”
“เรารู้ได้ยังไงว่าพี่เป็นคนดี” วริษฐ์นึกถึงชีวิตเสเพของตัวเอง ฟันแล้วทิ้งเป็นเรื่องปกติธรรมดา เน้นบริหารเสน่ห์ไม่เน้นใช้หัวใจรักใคร แถมยังเกือบจะขืนใจเพื่อนร่วมงาน นึกถึงตฤนทีไร ในใจปวดหนึบทุกที
“ผมมาลองเสี่ยงครับ ผมว่าผมบริหารความเสี่ยงได้ดีพอ” กวินพูดพลางยิ้มทะเล้น
.
นึกถึงเมื่อสองปีก่อน คนที่ปลอบโยนเขา ในวันที่เขาไม่สามารถพึ่งพาใครได้เลย เพราะเป็นเรื่องที่ยากจะอธิบาย มีแค่คนแปลกหน้าที่ยอมเข้าใจ และปลอบเขา
“ฮื่อออ รัก ตัวเองงง ให้มาก”
เขาพูดพลางกระตุกยิ้ม รอยยิ้มนั้น ตราตรึงใจของผมตลอดมาอบอุ่นเหมือนพระอาทิตย์ที่ส่องว่างเจิดจ้า เป็นแสงสว่างเดียวที่ส่องมาถึงเขา เขาถึงได้พยายามที่จะไขว้คว้าเอาไว้ ครั้งแรกและครั้งเดียวที่ได้เจอกัน จากนั้นก็ได้แต่ภาวนาให้ได้เจอกันอีกครั้ง
...และการมาเจอกันครั้งนี้ จึงเหมือนพรหมลิขิต และเขาจะไม่ยอมปล่อยอีกคนไปแน่ ๆ จะไม่ยอมปล่อยคนตรงหน้าให้หลุดลอยหายไปอีก!!!
บรรยากาศมืดสลัว เสียงเพลงดังคลอ ผู้ชายแปลกหน้าสองคนกำลังทำความรู้จักกันผ่านความเงียบ และการลอบมองอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง มองสำรวจท่าที การแต่งตัว รูปร่างหน้าตา ผ่านเมนูอาหารที่ยกขึ้นมานั่งดู
พวกเขาต่างสั่งอาหารและเครื่องดื่ม กวินชินกับร้านนี้เพราะมาหลายครั้ง มารอคนที่นั่งตรงข้ามนั่นแหละ หลังจากสั่งอาหารเสร็จ ทั้งคู่ต่างไม่พูดคุยกัน ไร้บทสนทนาใดใด บรรยากาศที่ค่อนข้างจะเงียบระหว่างทั้งคู่ดำเนินมาได้สักพักใหญ่ ความเป็นจริงที่ไม่เปลี่ยนแปลง พวกเขาคือ คนแปลกหน้าสองคนที่อยู่ดี ๆ ก็มากินข้าวด้วยกัน
ผมไม่รู้ว่าจะเริ่มคุยกับพี่เขายังไง ทั้ง ๆ ที่รอจะเจอมาตลอด แต่พอมาอยู่ตรงหน้าก็ไม่รู้จะทำยังไง ทำได้แค่ลอบมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายเท่านั้น เอาล่ะ...
“พี่วริษฐ์ครับ”
“ครับ”
“ผมถามตรง ๆ เลยนะ พี่ชอบผู้ชายหรือเปล่า”
“เอ่อ...” อีกฝ่ายถามตรงมากจนเขาชักจะเหงื่อตก “พี่...ไม่มีเพศไหนเป็นพิเศษ ส่วนใหญ่พี่มีแต่ผู้หญิง”
“ส่วนใหญ่หรอครับ?”
“คือ พี่จะว่ายังไงดีล่ะ เอาเป็นว่าพี่เคยนอนแต่กับผู้หญิง” วริษฐ์ไม่รู้จะตอบอ้อมยังไง ก็เลยตอบตรงยิ่งกว่าคำถามที่ถามมา
“แต่ไม่ได้รังเกียจผู้ชายใช่มั้ย ถ้าผม...” จะเป็นคนแรกของพี่จะได้มั้ย
พนักงานเดินมาเสิร์ฟเครื่องดื่ม ขัดจังหวะได้พอดิบพอดี ทั้งคู่ได้แต่อึก ๆ อัก ๆ ไม่รู้จะพูดอะไรยังไงต่อไป ได้แต่จ้องหน้ากัน เพราะบทสนทนาประหลาดนั่นที่ทำให้พวกเขายิ่งประหม่า
เสียงเพลงจากวงดนตรีสดที่อยู่ไม่ไกล เสียงเพลงนุ่ม ๆ ดังคลอ เป็นอะคูสติก กีต้าร์โปร่ง จังหวะพอให้โยกได้ เสียงเพลงนั้นช่วยจัดการความเงียบงันของทั้งคู่ให้ไม่เงียบจนเกินไป
เราอาจเคยใช้เวลา ร่วมกับใครในบางครั้งบางที
แต่มันก็เป็นแค่เรื่องดี ๆ อย่างเข็มวินาทีผ่านมา
เราอาจเคยเจอกันหรือไม่เคยพบกัน
หรืออาจเป็นเพราะว่าตอนนั้นเวลาบอกให้เราไม่ใส่ใจ
เริ่มต้นจากความแตกต่างการเดินทางที่ไม่พร้อมกัน
เราคงวิ่งไล่ตามกันอยู่บนโลกที่วุ่นวาย
แต่คงจะมีวันนึงที่เธอหยุดพัก
และฉันหาเธอจนเจอ
(นาฬิกา ปลานิลเต็มบ้าน)
เพลงนี้เหมือนสถานการณ์ที่เขากำลังเผชิญ กวินจ้องคนตรงหน้าไม่วางตา เขาอยากพูด แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร อยากรู้จักคนตรงหน้าให้มากกว่านี้
“อะแฮ่ม” วริษฐ์กระแอมแก้เก้อออกมา เมื่อถูกจ้องตลอดเวลา ทำไมเขารู้ว่าถูกจ้อง เพราะเขาก็จ้องอีกฝ่ายอยู่เหมือนกัน
“ดื่มเหล้ามั้ยครับ”
“ได้ครับ”
กวินถามวริษฐ์ ก่อนจะยกมือขึ้นเรียกพนักงานอีกครั้ง พร้อมสั่งเหล้ามาหนึ่งขวด บรรยากาศน่าอึดอัดแบบนี้ ถ้าได้เหล้า อะไร ๆ อาจจะดีขึ้น สนุกขึ้นกล้าพูดมากยิ่งขึ้น
“พี่วริษฐ์ ครับพี่มีชื่อเล่นหรือเปล่าครับ”
“หืม?” ไม่ค่อยมีคนถามชื่อเล่นเขา เพราะชื่อเขามันสั้นอยู่แล้ว ชื่อเล่นจริง ๆ ของเขาน่ะหรอ อืม ไม่มีใครเรียกมานานแล้วแฮะ “อาร์ต พี่ชื่ออาร์ต”
“ไม่เห็นมันจะคล้องกับชื่อจริงเลย พี่ศิลปะ?”
“ไม่ค่อยมีคนเรียกพี่ด้วยชื่อเล่นอยู่แล้ว”
“งั้นผมเรียกได้มั้ย” เขาอยากเรียกอีกฝ่ายด้วยชื่อที่ไม่มีใครเรียก มันมีความรู้สึกพิเศษ
ร่างสูงพยักหน้าหงึกหงัก อยากเรียกก็เอาสิ ไม่มีใครเรียกชื่อนี้มานาน ครั้งสุดท้ายก็ตั้งแต่สมัยเรียนจบป.ตรีใหม่ ๆ มันก็ผ่านมาหลายปีมากแล้ว
“พี่อาร์ต” ร่างบางพูดพลางฉีกยิ้มกว้างจนตาปิด เรียกชื่อเล่นเขาแค่นี้ มันต้องมีความสุขขนาดนั้นเลยหรอ
“กวินล่ะ มีชื่อเล่นมั้ย”
“มีครับ กวิน ไม่ก็วิน” ร่างบางตอบยิ้ม ๆ ชื่อเขาสั้น เขียนง่าย ชื่อเล่นก็เลยออกมาแบบนี้ ไม่รู้ว่าที่บ้านขี้เกียจหรือเปล่า มันถึงได้ออกมาเหมือนกัน
“ก็มันสั้น ๆ อยู่แล้วอ่ะเนอะ แล้วนี่กวินเรียนอะไรมา จบที่ไหน”
บรรยากาศที่ไม่ต่างจากการสัมภาษณ์งาน ทั้งคู่ผลัดกันถามคำถาม เพื่อทำความรู้จักกันให้มากยิ่งขึ้น วริษฐ์ที่ทำแผนกสรรหา ถามคำถามรัวเหมือนกำลังทำงานอยู่ ทำไปตามความเคยชิน แต่ไม่รู้ทำไมอีกฝ่ายถึงได้ยิ้มเก่งขนาดนี้ ยิ้มจนเขาแทบจะยิ้มตาม
คุยไปดื่มไป กวินคอยชงน้ำให้ตลอด ไม่มีปล่อยให้พร่อง
“พี่อาร์ต เวลาว่าง ๆ พี่ชอบทำอะไรครับ”
“อืม” สับรางสาว ๆ ในสต็อก... ไปนอนห้องคนนู้นทีคนนี้ที ... “งานอดิเรกพี่มีหลายอย่าง พี่ขี้เบื่อน่ะ ที่บ่อย ๆ พี่ก็ชอบดูหนังอยู่นะ”
“หนังแบบไหนหรอครับ แบบที่กรอ ๆ แล้วดูไม่ถึง 10 นาทีก็เลอะเทอะหรือเปล่าครับ”
ร่างบางพูดทะลึ่งพลางทำหน้าทะเล้น
“กวินดูบ่อยล่ะสิ” วริษฐ์หยอกกลับ
“ก็ดูบ้างน่ะครับ ผมชอบดูการ์ตูนมากกว่า... เอ่อ อนิเมะนะไม่ใช่หนังโป๊ ผมไม่เหมือนพี่นะครับ”
“เป็นเด็กเลย”
“ผมยังเป็นเด็กนี่ครับ” เขาพูดพลางยิ้มกว้างจนตาปิด “ชนครับ”
กวินกับวริษฐ์ดื่มไปไม่รู้เท่าไหร่ เหล้าหมดไปค่อนขวดแล้ว ยิ่งดื่มก็ยิ่งร้อน ร่างสูงทำแค่พับแขนเสื้อขึ้นสูงกว่าเดิม ขณะที่กวินปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออก โชว์ผิวขาว ที่เปลี่ยนสีเล็กน้อยจากฤทธิ์แอลกอฮอล์
“พี่ว่าเดี๋ยวเราจะเมานะ แล้วนี่กวินบ้านอยู่ไหน” วริษฐ์มองดูร่างบางตรงหน้าที่ดื่มจนใบหน้าและเนื้อตัวเริ่มแดงนิด ๆ เขาก็ดื่มไปหลายแก้ว แต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ เพราะต้องขับรถ
“ผมอยู่คอนโดครับ ห้องว่างไม่มีใคร พี่ไปได้” คำพูดเชื้อเชิญจากคนตรงหน้า ทำเอาเขานึกขำ ตั้งใจมาอ่อยเขาเต็มที่จริง ๆ
“พี่ถามที่อยู่จะได้ไปส่งถูก ไม่ได้ถามว่าไปห้องได้มั้ยสักหน่อยครับ”
“ไปได้นะครับ” ดวงตาหวานฉ่ำช้อนตามองอีกฝ่าย
“กวินเมาแล้ว”
“ยังไม่เมาครับ ผมชอบพี่นี่นา”
“เราเพิ่งเคยเจอกันเองนะ”
“เราเจอกันมานานมากแล้วครับ”
วริษฐ์มองร่างบางพลางเกาหัวแก้เก้อจนผมเสียทรง ไม่รู้จะเอายังไงกับร่างบางตรงหน้า ที่มีอาการแปลก ๆ ใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาฉ่ำ แต่น้ำเสียงยังคงปกติดี ปกติเขาถนัดรุกคนอื่น พอโดนรุกกลับรุนแรงแบบนี้ ก็มีตั้งหลักไม่ถูกบ้างเหมือนกัน
“ครับ เจอกันนานแล้วก็นานแล้ว”
“คอนโดมารี่ ตรง...”
“พี่นึกออกล่ะ ไม่ไกลนี่นา”
“ใช่ครับพี่ ไม่ไกลเลย ใกล้นิดเดียว” ร่างบางพูดพลางทำนิ้วประกอบ ทำมือนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ใกล้กัน เพื่อบอกว่านิดเดียวจริง ๆ
“จะกลับหรือยัง หืม?” ร่างสูงถามกวินที่ยังคงดื่มอยู่
“เหล้ายังไม่หมดเลยนี่ครับ” ร่างบางพูดพลางทำท่าจะเอาเหล้ามาเทเพิ่มในแก้วเขา
“พอแล้ว เดี๋ยวเอากลับบ้านไปด้วย” วริษฐ์พูดพลางเรียกพนักงานมาเก็บเงิน
“พี่ครับ เอานี่ครับ” ร่างบางพูดพลางส่งกระเป๋าเงินให้เขาทั้งใบ
“เดี๋ยวสร่างค่อยมาหารกัน” เขาเซนบัตรเครดิตส่งให้พนักงาน เก็บใบเสร็จลงในกระเป๋าพลางลุกขึ้นยืน
“ครับ”
ร่างบางลุกขึ้นเดิน มือบางถือขวดเหล้าเอาไว้ เขารู้สึกเมานิดหน่อยมันกรึ่ม ๆ ทำให้เดินโงนเงนเล็กน้อย วริษฐ์เห็นแบบนั้นจึงจับแขนอีกฝ่ายเอาไว้ อย่างกลัวว่าจะล้ม เขาตัดสินใจดึงเอาขวดเหล้ามาถือเอง กลัวมันจะหลุดมือ เดี๋ยวจะมีคนเจ็บตัวเปล่า ๆ
“ผมไม่เมาขนาดนั้น แต่อยากให้พี่จับไว้แบบนี้นะครับ”
ร่างบางที่ตัวเตี้ยกว่า พูดจาออดอ้อนผม พูดไปก็ยิ้มไป ดวงตาหวานเยิ้มที่มองขึ้นสบกับผม มันน่ารัก... จนรู้สึกเขินแปลก ๆ ขึ้นมา
“ครับ ๆ พี่จับไว้แบบนี้”
กวินไม่ได้เมาจริง ๆ อย่างที่เจ้าตัวพูด ว่าตัวเองแค่กรึ่ม ยังมีสติแค่คุมร่างกายได้ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ยังบอกทางยังทำทุกอย่างได้หมด วริษฐ์พาร่างบางไปส่งถึงห้อง ประคองไปวางให้ถึงเตียง เขามองสำรวจห้องที่ค่อนข้างจะเป็นระเบียบของกวิน ในห้องมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ไม่รู้กลิ่นอะไรแต่ทำให้เขาปลอดโปร่ง สายตาสะดุดกับกรอบรูปเล็กบนโต๊ะอ่านหนังสือ รูปสเก๊ตใครสักคนที่คล้ายเขามาก หรือนั่นคือเขา ...เขาเองนั่นแหละ
กวินมองนาฬิกาแขวน มันบอกว่าตอนนี้เที่ยงคืนแล้ว เขากลับมาถึงห้องเหมือนกับซินเดอเรล่า รีบกลับมาก่อนที่เวทมนต์จะเสื่อม สิ่งของเลอค่าจะจางหาย ได้แต่อดทนเฝ้ารอ ว่าเจ้าชายจะจำตัวเองได้มั้ย จะอยากตามหาเธอมั้ย จะคิดถึงช่วงเวลาที่พบเจอกันในระยะเวลาอันสั้นบ้างหรือเปล่า แล้วก็ทำได้แค่รอ... แต่เขาจะไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้น จะไม่นั่งรอ แต่จะรั้งเอาไว้ ให้เจ้าชายอยู่กับเขา
เมื่อวริษฐ์โบกมือลา ทำท่าจะกลับ มือบางถึงได้เอื้อมคว้าจับชายเสื้อเขาเอาไว้ เขาลุกยืนพลางขยับเขาชิดอีกฝ่าย
“พี่วริษฐ์ อย่าเมาแล้วขับเลยนะครับ”
ร่างสูงขมวดคิ้วมุ่น เมื่อกี้เขาก็ขับมา เขานี่สร่าง ปกติมาก ๆ ไม่ได้มีอาการมึนเมาแม้แต่น้อย
“ดึกมากแล้วนะครับ”
“นอนกับผมเถอะนะ”
ร่างบางยังพูดเชิญชวนเขาไม่หยุด และความอดทนเขาจะหมดลง เนื้อตัวนุ่มนิ่มแนบชิดเขา จนลมหายใจเป่ารดที่ซอกคอของเขา เขาพยายามแล้วที่จะไม่ให้อารมณ์มันมานำ เหมือนเมื่อครั้งตฤน เขาพยายามแล้วจริง ๆ
“กวิน อีกคำเดียว พี่เอาจริงนะ”
“ผมอยากกอดพี่”
วริษฐ์หันมาประจันษ์หน้า พลางดึงอีกฝ่ายเข้ามาจูบ เขาบดขยี้ริมฝีปากบางรุนแรง ราวกับความอดทนอดกลั้นที่มีต่ออีกฝ่ายหมดลง เขาจูบปิดปากปากเล็ก ๆ ที่เอาแต่พูดเชิญชวนเขา รสจูบค่อย ๆ ไต่ระดับขึ้นเหมือนพายุ จากสายลมบางเบา รุนแรงจนกลายเป็นไต้ฝุ่น กลิ่นลมหายใจเจือแอลกอฮอล์ทำให้เคลิบเคลิ้มมึนเมา เมื่อเขาถอนจูบออกพลางมองสบตาอีกฝ่าย ดวงตาฉ่ำวาวมองตอบ แก้มเนียนขึ้นสีแดงระเรื่อยิ่งกว่าเดิม เพราะร่างบางเองก็ถูกกระตุ้นด้วยรสจูบที่วริษฐ์มอบให้มันทำเอาเขาลมหายใจติดขัด และเพราะคนตัวเล็กมีสีหน้าแบบนั้น ก็ทำให้วริษฐ์ไม่สามารถหักห้ามใจจากความมีเสน่ห์ยั่วยวนน่าลิ้มลองของคนตรงหน้าได้อีก
.
[ยัยน้องเรามันอ่อยเเรงมาก
ให้สาสมกับที่รอมานานนนนน
//ช่วงนี้เราอาจจะเชื่องช้าสักหน่อย
พิมพ์อะไรได้ไม่ค่อยเต็มที่ มือขวาโดนแมวกัด
ไปล้างแผลทุกวัน ไม่หายสักที ฮรือออ ปวด]