♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 36 โชคดีที่ได้พบกัน (จบ) 24/02/2022
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♡ I Met You เพราะเราเคยพบกัน : บทที่ 36 โชคดีที่ได้พบกัน (จบ) 24/02/2022  (อ่าน 34447 ครั้ง)

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

มีไม่ขาดเลยไม่เห็นความสำคัญ

ต้องให้ขาดแคลนนั่นแหละถึงจะเห็นค่า

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
อยูคนเดียวจนชิน พอมีคนมาวอแวด้วยบ่อยๆ มันก็กลายเป็นความเคยชินได้เหมือนกันนะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
สมน้ำน่าอีพี่อาร์ต กวินไม่ต้องสนใจไปเลย ไล่ดีนัก

ออฟไลน์ RingoPle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-4
บทที่ 17 เดี๋ยวพี่ไปหา

   สุดท้ายร่างสูงไม่ได้ลงจากรถ และไม่รู้อะไรดลใจให้วริษฐ์สตาร์ทรถอีกครั้ง แล้วขับไปตามเส้นทางที่คุ้นเคยจุดมุ่งหมายคือห้องของกวิน ไม่บอกอีกฝ่ายก่อนด้วยซ้ำ เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายกลับมาแล้วหรือยัง ตอนนี้ก็จะห้าทุ่มแล้ว หรือสนุกจนลืมกลับห้องไปแล้วก็ไม่รู้
   ร่างสูงแตะคีย์การ์ดเข้าตึกไป ในใจก็คิดแต่เพียงว่าอีกฝ่ายคงกลับมา เขาอยากรู้ว่าจะหยุดความรู้สึกไม่สงบนี้ได้ยังไง เขาเดินไปหยุดยืนอยู่หน้าห้อง เคาะสองสามครั้ง แล้วรอ...แต่รอยังไงประตูก็ไม่เปิด เงียบสนิท เมื่อเห็นว่าเป็นแบบนั้น วริษฐ์แตะคีย์การ์ดเพื่อเดินเข้าไปในห้อง ไฟในห้องมืดสนิทไม่มีวี่แววของเจ้าของห้อง มีแต่กลิ่นหอมจาง ๆ  ในห้องที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจ เขาถือวิสาสะ ทิ้งตัวลงนอนบนโซฟา นอนนิ่ง ๆ และเฝ้ารอเงียบ ๆ ท่ามกลางความมืดนั้น
   ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหนที่เขาใช้เวลานอนมองเพดานอยู่ในห้องมืด ๆ เพื่อรอ ในห้องเงียบกริบจนได้ยินเสียงก๊อกแก๊ก ๆ ของห้องอื่น ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินผ่านหน้าห้อง แต่ไม่มีเสียงเปิดประตูห้องนี้สักที

ติ้ง

   ‘พี่อาร์ตครับ ผมคิดถึงพี่’
   ร่างสูงมองมือถือในมือนิ่ง ข้อความที่ขึ้นมาบนหน้าจอสกรีน ‘ถ้าคิดถึง ก็กลับมาสักทีสิ’ เขาคิดในใจ แต่ไม่ได้เปิดอ่านมันด้วยซ้ำ

ติ้ง ติ้ง ติ้ง

   ‘ผมรู้ว่าพี่คงรำคาญ
   แต่
   ผมก็ไม่รู้ว่าจะเลิกชอบพี่ยังไง’

   ดวงตาคมจ้องมองข้อความนั้นนิ่ง คำว่า ‘เลิกชอบ’ มันก่อกวนอารมณ์ในใจของเขา ทั้งที่อยากจะถอยหนี ต่อพอคิดว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามทบทวนตัวเอง พยายามจะเลิกชอบเขา มันก็ทำให้เขารู้สึกโหวงขึ้นมา

ติ้ง

   ‘ให้ผมชอบพี่แบบนี้ต่อไปนะครับ’

   ร่างสูงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขากดปิดมือถือพลางวางมันไว้ข้าง ๆ อยู่ ๆ เขาก็รู้สึกเหนื่อยขึ้นมา

   โจ้วนรถมาส่งกวินที่หน้าตึก เขากลับมาถึงก็เกือบเที่ยงคืน ทั้ง ๆ ที่พรุ่งนี้ต้องทำงาน แต่พออยู่กับเพื่อน ๆ นัดมัน เลยเถิด ชวนกันไปนั่งดื่มเหล้าต่ออีกซะอย่างนั้น เขาหมดสิทธิจะกลับก่อนเพราะโจ้ออกปากว่าจะไล่ส่งทุกคน
   ร่างบางเหลือบตาดูมือถือ ไม่มีการตอบกลับ ไม่มีการอ่านด้วยซ้ำ เขาเดินคอตกขึ้นตึกไป อีกฝ่ายไม่ได้ใส่ใจเขา ทุกวันมันไม่ได้มีความหมาย วันนี้ที่ไม่เจอกันเขาก็เฉย ๆ ไม่ได้รู้สึกอะไร ไม่ได้แตกต่างไปจากเดิม ข้อความยังไม่อ่านด้วยซ้ำ คิดแล้วก็น้อยใจ แต่ถามว่าน้อยใจแล้วยังไงล่ะ ก็ทำได้แค่ก้มหน้าก้มตารักเขาต่อไป ฝังใจไปแล้ว ยิ่งถูกลูบหัว ถูกกอดเขาก็ยิ่งอยากอยู่ใกล้อีกฝ่าย เขาทำอะไรไม่ได้นอกจาก... พรุ่งนี้เช้าจะทำอะไรให้เขากินดีนะ

แกร๊ก

   กวินแตะคีย์การ์ดเข้าไปในห้อง มือบางควานหาสวิสต์ไฟเพื่อเปิดมัน ดวงตากลมโตตกใจสุดขีด เมื่อเห็นปลายเท้าของใครบางคนยื่นออกมาจากโซฟา โจร? เติ้ล? ใคร!?
   ร่างบางขยับไปหยิบร่มด้ามยาวมาถือเอาไว้ เขากำมันเอาไว้แน่นพลางรวบรวมความกล้า พยายามเดินย่องไปที่โซฟาเงียบ ๆ ชะโงกหน้าไปดูก่อนพบคนคุ้นเคย ที่ปกติไม่เคยมาเองโดยไม่บอกเขา ไม่สิ ... ไม่มาด้วยซ้ำถ้าเขาไม่พยายามชวน คนที่ช่วงนี้ตีตัวออกห่างจากเขา คนที่เขาเพิ่งจะบ่นน้อยใจไปเมื่อกี้...
   กวินยืนมองวริษฐ์ที่นอนหลับอยู่บนโซฟา นอนทั้งชุดทำงาน ดูไม่น่าจะสบาย แต่ลมหายใจสม่ำเสมอของอีกฝ่ายทำให้เขาไม่กล้าปลุก เขาได้แต่ยืนมองอยู่แบบนั้นหลายนาที ทำไมมาอยู่ที่นี่ ยังไงผมก็ไม่ถอดใจจากพี่หรอกน่า
   ผมยืนมองอีกฝ่ายไม่นาน รีบขยับไปทำธุระส่วนตัวเมื่อเห็นว่าดึกมากแล้ว ผมอาบน้ำ ก่อนจะเดินกลับออกมากดเปิดแอร์ เลื่อนโต๊ะหน้าโซฟาออกไปให้พ้นทาง ผมนั่งลงข้าง ๆ เขา จ้องมองใบหน้าหลับพริ้ม ใช้นิ้วมือเกลี่ยเส้นผมของพี่อาร์ตเบา ๆ ผมขยับไปแตะจูบแผ่วเบาที่ข้างแก้มของเขาด้วยความคิดถึง คิดว่าวันนี้ทั้งวันจะไม่ได้เจอซะแล้ว ก็ดันโผล่มาอยู่ตรงหน้า
   กวินหอบหมอนหอบผ้าห่มมากองบนพื้น ผ้าห่มผืนหนาครึ่งหนึ่งห่มให้วริษฐ์ ส่วนอีกครึ่งเป็นของเขา ร่างบางนอนลงไปบนพื้นเย็นเฉียบ เขาดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มตัว
   “ราตรีสวัสดิ์นะครับ”
   เจ้าตัวหลับไป แม้พื้นจะแข็ง แต่เขากลับอบอุ่นหัวใจ
   ช่วงตีสาม ด้านนอกฝนตกหนัก ฟ้าร้องฟ้าผ่าเสียงดังสนั่น จนคนที่นอนหลับไปแล้วสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก สายฟ้าแลบผ่านหน้าต่างสว่างวาบ พร้อมเสียงดังกึกก้อง วริษฐ์ลุกขึ้นนั่ง เขาไม่รู้ว่าผ้าห่มผืนหนานี่มาจากไหน เขาไม่รู้อะไรนอกจากรู้สึกแย่
   “ฮึก เมื่อไหร่ มันจะจบสักที”
   วริษฐ์พึมพำในความมืด ก่อนจะเริ่มร้องไห้ออกมา ราวกับเขาอยู่ตัวคนเดียวบนโลกใบนี้
   กวินได้ยินเสียงฟ้าร้อง ผสมปนเปกับเสียงร้องไห้ ทำให้เขาลุกขึ้นมานั่ง และมองไปที่ใครอีกคน เขาเห็นเงาตะคุ่มกำลังนั่งกอดเข่าร้องไห้ ร่างบางปีนขึ้นไปนั่งบนโซฟา ใช้สองมือดึงอีกฝ่ายเข้ามาในอ้อมแขน เขากอดอีกฝ่ายไว้แน่น ให้ใบหน้าของวริษฐ์ซุกอยู่ที่อกของเขา มือบางลูบหัวอีกฝ่ายอย่างปลอบโยน
   “พี่ร้องไห้ทำไมครับ ฝันร้ายหรอ”
   ร่างสูงไม่ตอบ มีแค่ไหล่ที่กำลังไหวสั่น
   กวินรู้สึกถึงความชื้นที่อกเสื้อ เมื่ออีกฝ่ายยังคงร้องไห้อยู่
   “อย่า ...ทิ้งผม”
   กวินขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
   “ผมอยู่นี่นะ ไม่ทิ้งพี่หรอก” เขากระซิบเสียงเบาที่ข้างหูของวริษฐ์ พลางจูบเน้นย้ำไปที่ขมับของเขา
   วริษฐ์สงบลงกับคำพูดนั้นของกวิน และเมื่อสัมผัสถึงไออุ่น ที่ใบหน้าของเขาแนบอยู่กับแผงอกอุ่นนุ่ม เขาได้ยินเสียงหัวใจเต้นตึกตัก มันบอกว่าเขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว เขาหลับตาลง พลางยกสองมือสั่นเทากอดตอบอีกฝ่าย
   “ผมอยู่กับพี่อาร์ต” เขาคลายกอด พลางสบตากันในความมืด มือบางปะคองใบหน้าหล่อเหลา ก่อนจะไล่ประทับจูบแผ่วเบาจากหน้าผาก ปลายจมูก แก้มซ้าย และริมฝีปากเป็นที่สุดท้าย “พี่ไม่ได้อยู่คนเดียวนะครับ”
   ร่างสูงพยักหน้าในความมืด พวกเขานั่งกันนิ่ง ๆ อยู่หลายนาที ไม่มีเสียงพูดคุย มีแต่เสียงลมหายใจ โดยที่กวินกุมมือสั่นเทาของวริษฐ์เอาไว้
   “นอนกันนะครับ” กวินลุกขึ้นยืน เพื่อให้วริษฐ์เอนตัวลงนอนกลับลงไปบนโซฟา มือบางดึงผ้าห่มขึ้นห่มให้ เขานั่งลงข้างโซฟา เท้าคางมองอีกฝ่ายในความมืด
   วริษฐ์มองอีกฝ่ายที่นั่งเฝ้าเขา ก่อนจะค่อย ๆ ปรือตาลง เพื่อนอนหลับอีกครั้ง
   “ฝันดีนะครับ” กวินพูดพึมพำเสียงเบา
   เมื่อเห็นว่าวริษฐ์หลับ เขาถึงทิ้งตัวลงนอนบนพื้น เพื่อจะนอนบ้าง เขาพลิกตัวจัดท่าให้สบาย นอนกอดก่ายหมอนข้างนอนหันหลังให้โซฟา
   แต่ไม่ทันเคลิ้มหลับ เขาก็ถูกเบียดจากด้านหลัง คนตัวสูงไหลลงมาจากโซฟา มือหนาพาดเอวบาง ใบหน้าซุกที่คอของกวิน กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากตัวของกวินทำให้เขารู้สึกสงบ
   “พี่อาร์ต” กวินเรียกอีกคนเสียงเบา
   “ขอพี่กอดหน่อยนะ” น้ำเสียงแผ่วเบาเหนื่อยล้าถูกส่งมาจากผู้ชายตัวสูงข้างหลัง
   “ครับ”
   ทั้งคู่นอนบนพื้นที่ทั้งแข็งทั้งเย็นเฉียบด้วยความสมัครใจ ก่อนต่างฝ่ายจะหลับไปด้วยใจที่เป็นสุขเพราะไออุ่นของกันและกัน ไออุ่นจากคนกอดและคนถูกกอด 

   แสงแดดยามเช้าส่องเข้ามาทำให้ห้องสว่างไสวโดยไม่ต้องเปิดไฟ ร่างสูงรู้สึกตัวก่อน เส้นผมอ่อนนุ่มคลอเคลียใบหน้าเขาจนรู้สึกจักจี้ ยามเช้าที่ตื่นมาโดยกอดใครบางคนเอาไว้ เขารู้สึกว่าต่อไปในคืนวันฝนตกจะไม่น่ากลัวอีกแล้ว
   “ขอบคุณนะ” เขาพูดขณะจูบเบา ๆ ที่ต้นคอขาว
   “อื้ม” กวินครางรับ เขางัวเงียตื่นขึ้นมา เมื่อคนด้านหลังขยับตัว
   “ตื่นแล้วหรอ”
   “ครับ” ร่างบางพูดพลางพลิกตัวกลับมากอดเขา “ผมไม่ทิ้งพี่”
   ดวงตากลมมองสบกับเขา ดวงตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึก ที่ทำให้เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายจะทำแบบนั้นจริง ๆ ถ้าเพียงแต่เขาจะรับความรู้สึกนั้นเอาไว้ได้
   วริษฐ์ลุกขึ้นนั่ง พลางเสยผมเขายิ้มเขิน ๆ ที่เมื่อคืนร้องไห้ออกไปแบบนั้น เหมือนเด็ก ๆ แต่เขามักจะเป็นแบบนี้เสมอ ในคืนที่ฝนตกหนัก เขามักรู้สึกแย่ และตื่นมานั่งร้องไห้คนเดียวตลอด เป็นความฝังใจ เป็นความทรงจำในอดีตที่เลวร้าย ที่มันยังคงเฝ้าตอกย้ำเขาอยู่เสมอ มันเติบโตมาพร้อมกับเขา
   กวินนอนมองอีกฝ่าย ดวงตากลมจดจ้องวริษฐ์ เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเจออะไรมา ทำไมเมื่อคืนถึงเป็นแบบนั้น ไม่รู้อะไรเลย เขายังรู้จักผู้ชายคนนี้ไม่มากพอ อยาก...รู้จักให้มากขึ้นอีก เขาจะคอยสักวันที่วริษฐ์จะเล่าเมื่อเจ้าตัวพร้อม แต่เขาจะคอยอยู่เคียงข้างและปลอบอีกฝ่ายไว้แบบนี้
   ร่างบางลุกขึ้นนั่งตาม เขานึกขำเมื่อนึกถึงที่นอนของพวกเขา เตียงนุ่ม ๆ ก็มี โซฟาก็มี แต่ดันมานอนกอดกันอยู่บนพื้นทั้งเย็นทั้งแข็ง ปวดหลังเลย
   “เมื่อคืน พี่มาทำไมน่ะ มีอะไรหรือเปล่า”
   วริษฐ์นิ่งไป เขาไม่รู้จะตอบยังไง รู้ตัวเขาก็ขับรถมานี่แล้ว
   “พี่...” เขาอึกอัก ก่อนจะเลี่ยงไม่ตอบคำถาม “ไปอาบน้ำก่อนนะ”
   กวินขมวดคิ้วสงสัย เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมตอบคำถามของเขา แต่เขาก็จะไม่ซักไซ้ต่อ พวกเขาลุกขึ้นจัดการตัวเอง กวินเตรียมอาหารง่าย ๆ วันนี้ยังไม่ใช่วันหยุด  พวกเขายังต้องไปทำงาน วันศุกร์ของพวกเขา
   เสื้อผ้าชุดแรกที่วริษฐ์ทิ้งเอาไว้ ถูกนำกลับมาใส่ในวันนี้ ขณะที่เสื้อผ้าวันนี้ เจ้าของห้องก็ฉวยคว้าเอาไว้บอกว่า จะซักให้ เพราะพี่ต้องมานอนอีกแน่ พร้อมกับส่งยิ้มทะเล้นให้เขา
   “ปวดหลังจัง นอนพื้นเนี้ย” กวินบ่นเมื่อนั่งบนรถของวริษฐ์ เป็นอีกวันที่พวกเขาไปทำงานพร้อมกัน
   “เดี๋ยวเย็นนี้พี่ไปส่ง รอกลับพร้อมพี่นะ”
   ร่างบางหันไปมองอีกฝ่ายงง ๆ อะไรของเขา อยู่ดี ๆ เกิดจะอยากมาตัวติดกับเขาหรอ? เขาน่ะชอบซะด้วยสิ

   วันนี้งานค่อนข้างยุ่ง วริษฐ์ทั้งเหนื่อยทั้งล้า เขาเองก็รู้สึกปวดหลังเหมือนกัน นอกจากปวดหลัง ยังปวดหัวอีก ตอนนี้เขากำลังสับสนกับตัวเอง เขาไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร เขาไม่มีคำตอบให้ตัวเอง หรือไม่ ก็ไม่กล้าจะตอบ
   พอช่วงพัก เขาเลยปลีกตัวไปซื้อข้าวกล่องขึ้นมากินในห้องทำงานและว่าจะแอบงีบสักหน่อย เขาซื้อข้าวแล้วเรียบร้อย วริษฐ์มองยานวดแก้ปวดหลัง กับแผ่นแปะแก้ปวดที่ชั้นในร้านสะดวกซื้อ ก็เลยตัดสินใจซื้อมาสองชุด ตั้งใจว่าจะให้อีกคนด้วย รายนั้นก็น่าจะปวดหลังไม่ต่างกัน

   วาเนสซ่ากลับมาจากกินข้าวก่อนใคร เธอขึ้นมาเตรียมตัว เพราะมีนัดสัมภาษณ์กับผู้สมัครตอนเที่ยงครึ่ง เธอเห็นวริษฐ์นอนฟุบอยู่กับโต๊ะ ในใจลึก ๆ นึกเป็นห่วง... เธอเองก็เป็นสาวคนหนึ่งที่หลงใหลได้ปลื้มไปกับเสน่ห์ของเขา เป็นผู้หญิงที่เต็มใจจะเป็นคู่ควงของเขา แต่พอถึงจุดหนึ่ง เขาก็ตีตัวออกห่าง พูดจาเย็นชา ยิ่งครั้งนั้นที่เธอมีเรื่องกับตฤน น้องในทีมอีกคน เขาก็ยิ่งหมางเมินและใจร้าย สุดท้ายเขาก็ตัดความสัมพันธ์กับเธอ กลายเป็นเพื่อนร่วมงานธรรมดา แม้ไม่ชอบก็ต้องยอมรับ ข้อตกลงกับวริษฐ์คือ อย่าพยายามเป็นเจ้าของเขา ซึ่งเป็นอะไรที่บังคับได้ยาก
   วาเนสซ่าส่ายหน้าเมื่อเธอคิดฟุ้งซ่าน เธอเดินไปหยิบกระเป๋าใส่แปรงสีฟัน ยาสีฟันก่อนจะเดินออกไป
   วริษฐ์ขยับตัว เขาปวดหลังเป็นบ้า มือหนาดึงเปิดเสื้อตัวเองขึ้น ขณะพยายามจะเอาแผ่นแก้ปวดแปะหลัง
   “ทำอะไร” พี่สันติเปิดประตูเข้ามาเห็นวริษฐ์กำลังทำท่าทางแปลก ๆ พอดี
   “แปะแผ่นแก้ปวด พี่ช่วยผมหน่อยครับ”
   สันติมองอีกฝ่ายยิ้ม ๆ วริษฐ์มันแก่ขนาดต้องพึ่งแผ่นแปะแก้ปวดแล้วหรอ  แต่เขาก็เดินไปช่วยแปะให้อย่างว่าง่าย
   “โห มันปวดขนาดนั้นเลยหรอ ทั้งยานวดทั้งแผ่นแปะ ไปทำอะไรมา” สันติมองกองยาบนโต๊ะริษฐ์ มันมีหลายขนานเลย
   “ปวดหลัง เพราะผมตกเตียง” ...ไหลตกลงมาจากโซฟาด้วยความเต็มใจ ยอมนอนพื้นแข็ง ๆ เพราะอยากได้ไออุ่นของอีกคน เพื่อยืนยันว่าเขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว
   “คนหล่อ ๆ มันก็ซุ่มซ่ามเหมือนกันเนอะ” สันติพูดแซว
   “คนหล่อก็คนครับพี่” วริษฐ์พูดชมตัวเองแบบไม่ถ่อมตัวแม้แต่น้อย ก็เขาเป็นคนหล่อ
   สันติตบหลังอีกฝ่าย พอให้สะดุ้ง
   วริษฐ์นิ่วหน้าปวดโคตร พี่สันติคงหมั่นไส้คนหล่อแบบเขา เฮ้อ เขาอยากกลับบ้านแล้ว...
   เมื่อเลิกงาน เขากับกวินไปกินก๋วยเตี๋ยวตึกข้าง ๆ แล้วค่อยเดินกลับมาเอารถ จะได้รีบกินรีบกลับไปนอน ปวดหลัง จนอยากจะกินยาแล้วหลับไปให้รู้แล้วรู้รอด พวกเขาไม่ได้พูดเรื่องเมื่อคืน กวินแค่ยิ้มแย้มให้เขา ชวนคุยนั่นนี่เหมือนเดิม พร้อมยกเอ็นแก้วตุ๋นให้เขาชิ้นหนึ่งเพราะเขาบอกว่า มันดี มันละลายในปาก อีกฝ่ายก็ยกให้เขา กวินใส่ใจจนเขารู้สึกเหมือนเอาเปรียบอีกฝ่ายอยู่ เพราะเขาก็ไม่รู้จะตอบแทนคนตัวเล็กตรงหน้าเขายังไง หรือด้วยอะไร
   รถยนต์แล่นจอดที่หน้าตึก
   “พี่อาร์ตค้างอีกมั้ย”
   “ไม่ครับ พี่ปวดหลัง พี่จะกลับไปนอนบ้าน”
   “ก็ได้ครับ” ร่างบางลงจากรถ เขายิ้มให้พร้อมโบกมือลาคนในรถด้วยท่าทางร่าเริงสดใส
   วริษฐ์มองคนตัวเล็กเดินเข้าตึกไปจนลับตา จะตอบแทนยังไง ถึงจะไม่ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของกวินไม่จางหายไป...

   “ลืมว่ะ” วริษฐ์บ่นพึมพำกับตัวเอง
   พูดถึงปวดหลัง เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้ให้ยานวดกับแผ่นแปะแก้ปวดกับอีกฝ่ายเลย  วริษฐ์ตัดสินใจจอดรถ พลางตั้งใจจะเดินเอาของขึ้นไปให้ อาจจะใจดีรออีกฝ่ายอาบน้ำเสร็จ แล้วแปะแผ่นแก้ปวดให้ เพราะขนาดเขาเองจะแปะเองก็ทุลักทุเล ต้องให้คนอื่นช่วย กวินก็คงไม่ต่างจากเขา   

   กวินเดินกลับห้อง เขาค่อนข้างอารมณ์ดี แต่อารมณ์สดใสกลับแปรเปลี่ยน เมื่อเห็นว่าใครบางคนยืนอยู่หน้าห้อง มาแบบนี้ เขาจะหนียังไง จะหลบก็ไม่ทันแล้ว
   เมื่อดวงตาสบประสาน คนคุ้นเคยส่งยิ้มมาให้ ก่อนก้าวเดินมาหาด้วยท่าทางสบาย ๆ
   “สบายดีมั้ยกวิน”
   “เติ้ล...” เขาพูดพึมพำชื่ออีกฝ่ายเสียงเบา ขณะเท้าก้าวถอยหนีไปด้านหลัง เขาหมุนตัวหันหลังเพื่อหนีจากสถานการณ์อึดอัดตรงหน้า
   เติ้ลเดินเข้าไปหาก่อนฉวยโอกาสดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดหน้าตาเฉย กอดจากทางด้านหลัง เขางับที่ติ่งหูของกวินเบา  ๆ พลางพูดเสียงเบาอยู่ที่ข้างหูกวิน
   “รู้มั้ย ว่ากูคิดถึงเมิงแค่ไหน”
   กวินนิ่งด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าจะมาเจอกันแบบนี้ เขาเตรียมใจไม่ทัน ดวงตากลมมีแววสั่นไหว เขาอยากขยับออกจากการเกาะกุม แต่ร่างกายเหมือนไม่ใช่ของเขา เขาสั่งการมันไม่ได้เลย

   ร่างสูงเดินตามมาที่ห้องในมือถือถุงใส่ยานวดมาด้วย แต่พอใกล้จะถึงห้องกวิน ใจเขาเต้นไม่เป็นส่ำ เขากลับเจอว่า ใครสักคนที่กำลังกอดกวินอยู่ ร่างบางดวงตาเบิกโพล่ง เมื่อเห็นว่าพี่อาร์ตของเขามา มาเห็นเขาตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ความคิดในหัวตีกันสับสน ทั้งดีใจ ตกใจ กังวล คล้อยหลังอีกคนไม่กี่นาที ก็มีผู้ชายอีกคนเข้ามากอดเขาเอาไว้ เขาพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองจ้องอีกฝ่าย ปากอ้าค้าง
   “ขอโทษทีนะ” วริษฐ์พูดทัก ขณะจ้องมองคนทั้งคู่
   “อย่ามายุ่งเรื่องผัวเมีย” เติ้ลพูดตอบโดยไม่ได้เงยหน้าไปมอง เขาต้องเคลียร์กับกวินให้ได้ ที่อยู่ ๆ ก็หนีเขาไปแบบนี้ เขาจะต้องลงโทษ
   ดวงตาคมมองสบดวงตาของอีกฝ่าย ใบหน้านิ่งค้างไม่ตอบไม่หื้อไม่อืออะไร ดวงตากลมสั่นระริกไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมไม่ขัดขืนจากอ้อมกอดของเติ้ล ทำไมไม่อธิบายให้วริษฐ์ฟัง ทำไมเขาทำแค่ยืนเฉย ๆ
   ...
   เพราะในใจลึก ๆ เขารู้...ว่าไม่มีใครต้องการเขาจริง ๆ จากใจ พวกเขาต้องการแค่ตอบสนองความใคร่ เติ้ลก็แค่ติดใจในตัวเขา พี่อาร์ตก็คงเหมือนกัน และคงสงสาร เพราะหลายครั้งที่เขามักร้องไห้โวยวายใส่ เพราะแบบนั้น เขาเลยได้แต่ยืนเฉย ๆ ออกตัวไปแล้วมันไม่ใช่ ก็มีแต่ต้องเก็บเศษหน้าเศษใจที่มันแตกละเอียดมานั่งต่อประสานเอง กวินถูกใครก็ไม่รู้กอด พี่อาร์ตอาจจะไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนอะไร อาจจะสบายใจที่เขาจะออกไปจากชีวิตจริง ๆ สักที พอคิดแบบนั้น น้ำตาก็พาลจะไหล
.
.
[พี่อาร์ตไม่รู้อะไรทั้งนั้นนอกจากอยากเจอน้อง
เติ้ลเลิกเป็นผี โผล่มาเป็น ๆ แล้ว น่ากลัวมาก
 
//ขอบคุณที่ตามอ่านตามว่าพี่อาร์ตค่า 555
หัวอกคนรักน้อง ให้คะแนนในความพยายามของกวิน
ส่วนอิพี่เนี้ยให้รู้ซะบ้าง ว่าเวลาเขาไม่มาวอแว มันเหงาแค่ไหน]

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
น้องจะทึกทักเอาเองว่าพี่เค้าไม่ใส่ใจไม่ได้นะ เตะอิเติ้ลมันออกไปเดี๋ยวนี้เลย  :m16:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
ไม่รู้จะสะใจหรือเห็นใจอีพี่อาร์ตดี

ออฟไลน์ RingoPle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-4
บทที่ 18 ประจันหน้า



   วริษฐ์ยืนกอดอกมองอีกฝ่ายนิ่ง ตาจ้องสบตา เขาพูดแบบไม่มีเสียง ‘ยอมเขาหรอ?’
   ร่างบางสั่นศีรษะเบา ๆ ปฏิเสธ
   เมื่อเห็นว่ากวินไม่ได้ยินยอม ร่างสูงจึงพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ    “คนไหนเมียนาย นั่นน่ะเมียฉัน”
   กวินตาเบิกกว้างยิ่งกว่าเดิม หัวใจเต้นแรงเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เมีย? เมียเลยหรอ เมียเลยหรอ ไม่ใช่แค่คู่นอน ตะแต่เป็นเมีย...
   เติ้ลขมวดคิ้วมุ่น ใครหน้าไหนที่เข้ามายุ่งกับกวิน แบบนี้สินะที่ทำให้อีกฝ่ายไม่ยอมเขา หึ ฉันไม่ปล่อยนายไปหรอกกวิน
   เขาไม่แม้แต่จะหันไปมองผู้มาเยือน เติ้ลขยับหันไปทางประตูพลางดึงมืออีกคนให้เดินตาม มือหนาจับลงไปตรงกลางระหว่างมือของเติ้ลกับกวิน ทำให้เติ้ลหันขวับกลับมามองทันที
   “ก็บอกว่า นั่นเมียฉันไง” ร่างสูงหรี่ตามองสำรวจผู้ชายคนนี้ เขาคุ้น คุ้นมากเหมือนกับญาติของคู่ควงเมื่อนานมาแล้ว
   ...
   ร่างสูงยิ้มเยาะเมื่อคิดว่ายังไงก็กุมความลับอีกฝ่ายเอาไว้
   “มาทีหลังอย่าพูดมาก เขาเป็นเมียฉันมาก่อน ไปกวินเข้าห้อง” เติ้ลพูดตอบกลับเสียงเย็น
   “พี่อาร์ต...” คำแรกที่ออกจากปากของกวิน น้ำเสียงเบาหวิวอย่างคนรู้สึกผิด
   “เมียตัวจริงรออยู่ที่บ้านไม่ใช่หรอครับคุณน่ะ”
   เติ้ลขมวดคิ้วว่าอีกฝ่ายรู้ได้ยังไง เขามองอย่างไม่ไว้วางใจ หรือกวินจะเล่าอะไรให้อีกฝ่ายฟัง
   “ฉันไปงานแต่งนายมาด้วยนะ”
   เติ้ลมองอีกฝ่ายนิ่ง เขาทำใจดีสู้
   “แล้วยังไง”
   “ฉันก็แค่จะบอกคุณผู้หญิงเขา”
   เติ้ลมองจ้องวริษฐ์ราวกับอยากจะกินเลือดกินเนื้อ เขาขบกรามแน่นอย่างข่มอารมณ์ อีกฝ่ายกำลังข่มขู่เขา มือหนาบีบข้อมือของกวินแน่นจนอีกฝ่ายต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
   “ปล่อย” ร่างสูงพูดเสียงเรียบ เขาก็ชักจะโมโหขึ้นมาแล้วเมื่อเห็นว่ากวินนิ่วหน้า คิดว่าคงจะเจ็บไม่น้อย
   สงครามสายตาเริ่มขึ้นเมื่อทั้งคู่จ้องกันไปมาไม่มีใครยอมใคร ถ้าเผาหรือฆ่าใครทางสายตาได้ คงมีคนตายแน่ ๆ
   “โอย” แต่ก่อนที่สงครามจะยืดยื้อ มันถูกขัดขึ้นก่อนด้วยเสียงร้องของกวิน
   เติ้ลใส่แรงบีบลงไปที่ข้อมือของกวินเต็มแรงโดยไม่รู้ตัว แต่เพราะเสียงนั่นทำให้เติ้ลยอมปล่อยมือ เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้อีกฝ่ายเจ็บ แต่ก็เผลอทำลงไปแล้ว
   วันนี้เขาจะยอมกลับไปก่อน รอโอกาสครั้งหน้า จะได้คุยดี ๆ กับกวิน วันนี้ถ้าไอ้บ้านั่นไม่มาขัด เขาคงได้ปรับความเข้าใจไปแล้ว
   เติ้ลเดินชนไหล่วริษฐ์ อย่างระบายอารมณ์
   คนถูกชนแทบกระเด็น เดาะลิ้นไม่ชอบใจ ถ้าไม่ติดว่าเขาต้องดูแลกวินและไม่ชอบมีเรื่อง เขาจะถีบให้ แบบนี้เรียกกวนส้นตีนแล้ว
   หลังจากเติ้ลเดินออกไป วริษฐ์กลับมาให้ความใส่ใจกับกวิน มือหนาเอื้อมไปจับข้อมือของกวินมาดูใกล้ ๆ รอยนิ้วมือแดงปรากฎชัดบนข้อมือขาว
   “เจ็บมากมั้ย”
   ร่างบางส่ายหน้าแทนคำตอบ วริษฐ์จึงขยับไปโอบอีกฝ่ายเอาไว้
   “เข้าห้องดีกว่า”
   วริษฐ์พากวินไปนั่งบนโซฟา เขาวางถุงยานวดไว้บนโต๊ะก่อนนั่งลงข้างคนตัวเล็ก ที่เหมือนสติจะยังไม่กลับมาเต็มร้อยนัก
   “จะให้พี่อยู่เป็นเพื่อนมั้ย”
   อยาก ช่วยอยู่เป็นเพื่อนผมเถอะนะ อย่ากลับไปเลย อยู่กับผม กอดผม รักผม อย่าทิ้งผมไว้คนเดียว
   “ไม่เป็นไรครับ” กวินพูดสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกับความต้องการของตัวเอง เขาอยากจะเอาแต่ใจแต่ก็ไม่กล้า ในสมองของเขามันสับสนงุนงน เขาไม่พร้อมจะเอาใจพี่อาร์ต จึงกลัวที่จะอ้อนวอนเขา กลัวจะทำให้รำคาญ
   “เข้าใจแล้ว”
   ร่างสูงลุกขึ้นยืน พลางพยักหน้า กวินมองด้วยสายตาอาวรณ์ ใจอยากห้าม แต่ก็นะ เขา...ต้องทน
   วริษฐ์ที่ทำท่าเหมือนจะเดินออกไป กลับหมุนตัวหันกลับมากอดอีกฝ่ายเอาไว้แน่น ทำให้กวินได้แต่ทำหน้าเหวอ ใบหน้าเนียนซุกอยู่บนหน้าท้องของวริษฐ์
   “ถ้าอยากให้พี่อยู่ก็พูดตรง ๆ สิ ตาเรามันฟ้องนะ” น้ำเสียงทุ่มนุ่ม และอ้อมกอดอบอุ่นทำให้กวินรู้สึกดี นั่นทำให้เขาเริ่มร้องไห้ ร่างบางสะอื้นเบา ๆ หยดน้ำตาเปียกชื้นบนเสื้อของวริษฐ์
   “หืม? เจ็บมากหรอ” เขาลูบหัวกวินไปมาอย่างปลอบโยน
   “ครับ”
   “เจ็บตรงไหนบ้าง เขาทำอะไรเราบ้าง” น้ำคำอ่อนโยนทำให้กวินรู้สึกดีขึ้น เขาหยุดร้องไห้ได้โดยง่าย
   “เจ็บใจครับ ...ผมทำอะไรไม่ได้เลย” กวินพูดเสียงอู้อี้เพราะพูดโดยที่หน้ายังฝังอยู่กับหน้าท้องของวริษฐ์ “ผมได้แต่ยืนนิ่งให้เขากอด จะขัดขืนก็ทำไม่ได้ ถ้าพี่ไม่มาผมคง...”
   “แต่พี่ก็มาแล้ว” มือหนาม้วนเล่นเส้นผมอ่อนนุ่ม เขาอยู่นี่แล้ว
   “ครับ พี่อาร์ต” ผมเงยหน้าขึ้นมองเขา อยากรู้ว่าเจ้าของน้ำเสียงทุ่มนุ่ม และการกระทำอ่อนโยนแบบนี้ เขากำลังทำสีหน้า หรือจ้องมองผมด้วยดวงตาแบบไหน พอเห็นดวงตาคมที่จ้องมองมีประกายอ่อนโยน ใจดวงน้อยกลับยิ่งสั่นไหว พี่อ่อนโยนแบบนี้ตลอดมา ไม่ว่าเราจะรู้จักหรือไม่รู้จักกัน พี่ก็ใจดีเสมอ
   วริษฐ์มองดวงตากลมที่เปียกชื้น กับปลายจมูกแดง ทำให้เขารู้สึกสงสารคนในอ้อมกอดไม่น้อย ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร เป็นอะไรกับกวิน ไว้จะถามให้รู้เรื่องหลังจากนี้
   “เรายังปวดหลังอยู่มั้ย พี่ซื้อยามาด้วยนะ”
   “ปวดนิดหน่อยครับ”
   “ไปอาบน้ำไป เดี๋ยวพี่ทายาให้”
   แทนที่กวินจะคลายอ้อมกอด และลุกไปอาบน้ำอย่างว่าง่าย เจ้าตัวกลับกอดเอวหนาแน่นขึ้น พลางซุกหน้าลงไปที่หน้าท้องของวริษฐ์ที่เดิม
   “ดื้อหรอ”
   “ขอกอดอีกนิดนะครับ”
   “ถ้ากวินลุกไปอาบตอนนี้ พี่จะให้รางวัล”
   “รางวัลอะไรครับ” รางวัลอะไรจะคุ้มกว่าอ้อมกอดอุ่นที่เขาได้รับ ไม่มีทาง
   “พี่จะให้จูบฝันดี”
   จูบฝันดีคืออะไร?
   “มันคือ”
   “อยากรู้ต้องไปอาบน้ำก่อน”
   กวินอิดออด แต่ก็ยอมคลายอ้อมกอด มือหนาขยับไปขยุ้มหัวของกวินด้วยความเอ็นดู เขาชอบให้พี่อาร์ตลูบหัวแบบนี้จัง มันรู้สึกสบายดีจัง
   
   ร่างบางหายเข้าไปในห้องน้ำ วริษฐ์นั่งรอเขาขยับดึงเสื้อออกจากกางเกง ปลดกระดุมเสื้อสองเม็ดบนด้วยความอึดอัด พร้อมพับแขนเสื้อ เขาจะทายาให้กวินก่อน แล้วตัวเขาค่อยอาบน้ำ
   กวินเปิดน้ำอุ่นก่อนจะเข้าไปยืนใต้ฝักบัว ให้จิตใจสงบ ขอฝึกจิตในน้ำอุ่นแทนน้ำเย็น เพราะแค่เจอหน้าเติ้ล เขาก็หนาวสั่นไปหมด เติ้ลยังคงมีอิทธิพลกับเขาอยู่ ไม่ใช่ความรักอีกต่อไป เขารู้ดี แต่เป็นความกลัว กลัวว่าตัวเองจะต้องเจ็บปวดอีก จากการพบเจอเขา
   ร่องรอยที่ข้อมือบ่งบอกว่าความคิดของเขาถูก อย่างน้อยก็เจ็บตัวเมื่อเผชิญหน้ากันอีกครั้งในรอบหลายปี
   น้ำอุ่นไหลจากศีรษะลงไปที่ปลายเท้า ความอุ่นของน้ำทำให้เขารู้สึกสบาย กวินใช้เวลาอาบไม่นาน เพราะเขาคิดถึงความอุ่นของอ้อมกอดของคนนอกห้องน้ำมากกว่า
   กวินเดินหัวเปียกออกมาจากห้องน้ำ พร้อมผ้าผืนเล็ก ๆ พาดคอมาด้วย กวินเดินไปนั่งข้าง ๆ คนตัวสูง วริษฐ์ดึงผ้าผืนเล็กมาถือไว้ เดี๋ยววันนี้เขาจะทำหน้าที่เอนเตอร์เทนแทนเอง
   วริษฐ์ใช้ผ้าผืนเล็กนั้นนั่งเช็ดผมให้กวิน ส่วนคนถูกเช็ดนั่งนิ่งหลับตาพริ้มให้เขาดูแล เขาเช็ดให้จนผมหมาด คนตัวเล็กดูจะเพลิดเพลินมากเป็นพิเศษ 
   “เดี๋ยวไปนอนที่เตียงนะ พี่ทายาให้”
   กวินขยับทำตามอย่างว่าง่าย เขานอนคว่ำเพื่อให้พี่วริษฐ์ทายานวดให้เขาได้โดยง่าย มือหนาเลิกเสื้อยืดของคนตัวเล็กขึ้นจนถึงไหล่ แผ่นหลังเปลือยเปล่าขาวนวลปรากฏตรงหน้า ผิวเนียนละเอียดจนวริษฐ์แอบนึกอยากทำนอกเหนือจากทายา
   ร่างบางได้กลิ่นเอกลักษณ์ของยานวดลอยคลุ้ง มันก็แอบจะรู้สึกสดชื่นปลอดโปร่งแปลก ๆ เขารู้สึกขนลุกนิดหน่อย เมื่อปลายนิ้วลากวนไปบนแผ่นหลังของเขา ความรู้สึกร้อนของปลายนิ้ว และตัวยานวด ทำให้กวินแอบเผลอคิดเรื่องลามกนิดหน่อย แต่คงไม่พร้อมทำพวกเขายังปวดหลังกันอยู่เลยตั้งแต่เมื่อคืน
   “เรียบร้อย” วริษฐ์ทายาเสร็จก็ดึงเสื้อลงมาปิดคลุมแผ่นหลังให้
   “ขอบคุณครับ” กวินพูดพลางพลิกตัวกลับมาหา “พี่ก็ไปอาบน้ำสิ เดี๋ยวผมทายาให้”
   วริษฐ์พยักหน้าอย่างว่าง่าย เขาค่อนข้างจะคุ้นชินกับห้องนี้ จะหยิบผ้าขนหนู หรือเสื้อกับกางเกงได้ตรงไหน เขารู้ดีพอ ๆ กับเจ้าของห้อง เพราะต้องใช้บริการห้องน้ำ และเสื้อผ้าที่นี่หลายต่อหลายครั้ง
   ร่างบางนอนคิดนั่นคิดนี่ระหว่างรอ เขาโชคดีที่พี่อาร์ตมาได้ทันเวลาพอดี เขาได้พี่อาร์ตช่วยไว้ทุกครั้ง ว่าแต่เขามาทำไมล่ะ ตอนแรกบอกจะกลับไปนอนที่บ้านแล้วนี่นา เดี๋ยวออกมาจากห้องน้ำเขาจะถาม

   วริษฐ์เดินมาที่เตียงนอนก็พบว่าร่างบางหลับไปแล้ว เขาส่ายหน้าพลางยิ้มขัน ไหนว่าจะทายาให้เขา สุดท้ายเขาก็ต้องทุลักทุเลทาเอง เขาห่มผ้าห่มให้กวิน ก่อนสอดตัวเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาผืนเดียวกัน มือข้างที่ไม่ได้ใช้ทายา ปัดเส้นผมที่ปรกหน้าผากออก ก่อนจะจรดริมฝีปากลงไปบนหน้าผากนวล และพูดพึมพำเสียงเบา “ขอให้กวินนอนหลับฝันดี”
   วริษฐ์นอนตะแคงข้างมือหนาพาดผ่านเอวบาง หมอนข้างอุ่นนุ่มทำให้เขานอนหลับสนิท ห้องตกอยู่ในความเงียบเมื่อทั้งสองเขาเข้าสู่ห้วงนิทรา กวินฝัน ฝันว่าวริษฐ์กอดเขา... นับเป็นฝันดี ซึ่งความฝันไม่ได้แตกต่างไปจากความจริงแม้แต่น้อย ตอนนี้วริษฐ์ก็ยังคงกอดกวินอยู่ แบ่งปันความอบอุ่นให้แก่กันจวบจนเช้าวันใหม่

   กวินตื่นมาในช่วงสาย เขาชอบใจมากที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของพี่อาร์ต ร่างบางพลิกตัวหันหน้าเข้าหาร่างสูง ก่อนจะก่อกวนอีกฝ่ายด้วยการถูหน้าไปมากับแผงอกกว้าง 
   ผมยกสองมือขึ้นแตะทาบบนแผงอกของวริษฐ์มันทั้งอุ่น ทั้งแน่นดีจริง ๆ สัมผัสถึงหัวใจพี่อาร์ตที่เต้นตึกตัก ตึกตัก ผมลูบมันไปมาอย่างเพลิน ๆ บางทีมือก็ไปถูโดนเอาตุ่มไตภายใต้เสื้อยืดตัวบาง ...
หมับ
   มือทั้งสองข้างที่ซุกซนแต่เช้าถูกเบรก เมื่อมือหนาขยับมาคว้าจับเอาไว้ ดวงตาคมลืมขึ้นสบคนก่อกวน กวนจนด้านล่างมันเคารพธงชาติ ทั้งที่ตอนนี้ จะสิบโมงอยู่แล้ว
   “ปลุกพี่ดี ๆ ก็ได้นี่นา” วริษฐ์พูดเสียงแหบ เจ้าตัวแสบขยับเอาคางเกยบนอกพลางช้อนตาขึ้นมองเขา คางเล็กทำเอาเขาจักจี้
   “ผมปลุกพี่ดีที่สุดแล้ว” เขาพูดล้อเลียนเมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่แข็งแกร่งทิ่มอยู่แถวหน้าท้องของเขา
   “ดีเกินไป” วริษฐ์เปลี่ยนจากมือที่จับข้อมือกวินเอาไว้ไม่ให้ซุกซน มาเป็นโอบเอวบางเอาไว้ พลางพลิกตัวให้กวินมานอนทับบนตัวเขา ร่างบางนุ่มนิ่มที่เขาสัมผัสอยู่ มันทำเอาเขาแทบบ้า
   กวินแกล้งขยับเอว วริษฐ์ถึงกับหลุดเสียงครางออกมา
   “กวิน เดี๋ยวก่อน”
   “หืม? ครับ”
   “เมื่อคืนนั่นใคร” วริษฐ์ถามสิ่งที่คาใจเขาออกไป เขารู้สึกว่านั่นคือสิ่งที่ต้องถาม สิ่งที่เขาอยากจะทำที่สุด คือถามให้รู้ว่ามันเป็นใคร ทำไมมากอดกวิน
   ร่างบางไม่ตอบคำถามแต่กลับหลบตา พลางขยับบั้นท้ายไปมา เขายังไม่อยากพูดถึง คนกำลังอารมณ์ดี ๆ จะไปพูดถึงไอ้บ้านั่นทำไม แค่นึกหน้าขึ้นมาก็แทบอารมณ์บูด
   “กวิน” มือหนาคว้าจับยึดบั้นท้ายบางเอาไว้ ไม่ให้ขยับก่อนที่เขาจะหยุดตัวเองไม่ได้ แล้วก็ไม่รู้เรื่องกันพอดี เรื่องนี้ค้างคาใจเขาที่สุด ... มัน เป็น ใคร!
   “ทำก่อนค่อยเล่า”
   “แน่นะ”
   “ครับ ทำผมก่อน แล้วผมจะเล่า” กวินยื่นขอเสนอพลางหันหน้าหนีเขา กวินเป็นแบบนี้ทุกที พูดเรื่องทะลึ่งทั้งที่ตัวก็อาย แต่ก็ขยันทำ
   “ก็ได้” วริษฐ์ยอมปล่อยมือที่จับยึดบั้นท้ายกลมกลึงเอาไว้ กวินถึงได้ขยับเสียดสี วริษฐ์น้อยผ่านเสื้อผ้า กวินชันกายขึ้นด้วยแขนข้างซ้าย ขณะที่มือขวา จับบี้ไปถึงตุ่มไตของวริษฐ์ที่ชูชันขึ้นมาผ่านเสื้อยืดตัวบาง
   “ซี๊ด” เขาซูดปากเมื่อมือกับก้นของกวินทำงานดีเหลือเกิน ไอ้การล่อลวงให้เขาหลงใหลนี่ทำเก่งจริง ๆ
   ร่างบางไถลตัวลงไปที่ล่างหว่างขาของวริษฐ์ ก่อนจะใช้มือลวงเข้าไปด้านใน จับแก่นกายแข็งแกร่งที่กำลังกระตุกด้วยแรงอารมณ์ มีน้ำไหลซึมชื้น ๆ ที่ส่วนหัว มือบางไล้นิ้ววนรอบส่วนหัวบาน
   “อึกกวิน”
   “ผมรักพี่”
   ร่างบางพูดพลางเอาแก่นกลางของวริษฐ์ออกมาพ้นจากกางเกงเอวยืด ก่อนอ้าปากกว้างครอบครองวริษฐ์น้อยเอาไว้ โพรงปากนุ่มดูดเม้มจนวริษฐ์เผลอเกร็งตัวด้วยความเสียว กวินปรนนิบัติวริษฐ์ได้ดี เขาดูดเม้มมันจนแก้มตอบ
   “อื้อ พี่...” เขาพูดเสียงเบาหวิว เมื่อปากเล็กขยับขึ้น ๆ ลง ๆ รวดเร็วพร้อมกับดูดไปด้วย เขาเกร็งกระตุก ก่อนพ่นน้ำขาวขุ่นเข้าไปด้านในจนหมด
   “กวิน คายออกมา” มือหนาแบมือที่ใต้คางของกวิน ขณะที่กวินแก้มพองเพราะอมน้ำของวริษฐ์เอาไว้ทั้งหมด เจ้าตัวที่กำลังจะกลืนได้แต่ทำหน้างง ก่อนจะยอมคายมันออกมาแต่โดยดีบนฝ่ามือหนา
   ของเหลวขาวขุ่นที่กวินคายออกมาถูกชโลมลงไปบนแท่งเนื้อของวริษฐ์ ปลายนิ้วที่เปียกชื้นด้วยน้ำหล่อลื่นธรรมชาติ กระดิกนิ้วเรียกกวิน “ถอดกางเกงแล้วคร่อมพี่สิ”
   กวินทำตามอย่างว่าง่ายเขาใช้มือจับความแข็งแกร่งของวริษฐ์เอาไว้ ทั้งที่เพิ่งปลดปล่อยไปน้ำหนึ่ง แต่กลับไม่ยอมสลบหัวตก มันกลับแข็งเกร็งอยู่ และรอให้เขาขย่มมันให้สงบ
   เขากดสะโพกลงไปจนสุด ใบหน้าเนียนเชิดขึ้นด้วยความเสียวซ่าน “พี่อาร์ตครับ ดีจังครับ”
   เมื่อกวินรู้สึกว่าตัวเขาเองควบคุมสติได้แล้ว เขาก็เริ่มขยับเอวเริ่มจากร่อนเป็นวงกลมก่อน ใบหน้าติดหวานปรือตา เมื่อแก่นกายของวริษฐ์สั่นกระตุกเสียดสีอยู่ข้างใน
   เมื่อเห็นว่าร่างบางลีลารั้งรอไม่ยอมทำสักทีเขาก็ขยับมือไปกุมแก่นกายสีหวานของกวินเอาไว้ ก่อนขยับมือเร็ว ๆ จนกวินยอมขย่มเขา ก้นนุ่มเด้งขึ้นเด้งลงกระทบต้นขาของวริษฐ์ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังไปทั่ว

พั่บ พั่บ พั่บ

   “ผมใกล้ ฮื่อ อื่อ” ร่างบางร้อนเมื่อการขยับมือและการเด้งสะโพกของวริษฐ์นั้นรุนแรงรวดเร็ว ดวงตาหวานฉ่ำปรือจนตาแทบปิด เขากัดเม้มริมฝีปากเอาไว้ ลมหายใจหอบกระชิด
   “อื้อ อื้ออออ” กวินเสร็จสม พ่นน้ำสีขาวขุ่นใส่หน้าท้องของวริษฐ์ ที่สงบลงนอกจากตรงนั้น แต่ยังเป็นจิตใจของเขา ตอนนี้เขาอยู่ในอ้อมกอดของพี่อาร์ต เชื่อมต่ออยู่กับเขา มีแค่เขาคนเดียวที่ต้องการจะแนบชิดด้วย มีแค่คนเดียว
   วริษฐ์ยังไม่เสร็จ เขาเห็นกวินปลดปล่อยอออกมาพลางทิ้งตัวซบอกเขา วริษฐ์จึงจับกวินให้พลิกลงไปข้างล่างแทน ก่อนเร่งบรรเลงเพลงรักท่อนสุดท้ายให้จบลงอย่างทำเวลา
   เขาขยับเร็วและแรง ขยับถี่ ๆ จนเห็นประตูสวรรค์อยู่ไม่ไกล เขากระแทกเข้าไปลึกสุด ถึงได้เอื้อมมือไปแตะถึงหน้าบานประตูสวรรค์ ปลดปล่อยน้ำรักออกมาจนล้น
   พี่อาร์ตมอบความอบอุ่นให้เขา อบอุ่นไปทุกซอกทุกมุม กวินคิดขณะกอดร่างสูงที่ทิ้งตัวลงทับเขาเมื่อเสร็จสมอย่างคนหมดแรง
   แก่นกลางอ่อนตัวลง มันหด เด้งออกไปจากช่องทางรักของกวิน เขาระบายลมหายใจออกมาพยายามหายใจให้เป็นปกติ หลังจากออกกำลังกายมาเหนื่อย ๆ วริษฐ์ชันตัวขึ้นกางมือคร่อมร่างบางเอาไว้ พลางถามต่อสิ่งที่ค้างคา
   “กอดผมไว้ก่อนได้มั้ย” กวินมองสบตาวริษฐ์ เขารู้สึกไม่ดีที่ต้องพูดถึง
   วริษฐ์ขยับนอนข้าง ๆ ดึงรั้งเอวบางให้เขาในอ้อมแขนชื้นเหงื่อ ก่อนถามย้ำอีกครั้งที่ข้างหูคนตัวเล็ก “ตกลงคนเมื่อวานคือใคร?”
   “ก็... คนที่ทำให้พี่ต้องมาปลอบผมเมื่อสองปีก่อน” กวินพูดอู้อี้เมื่อยังซบอยู่กับแผงอกอุ่น “ทำให้ผมเจอพี่” ร่างบางพูดพลางกระชับอ้อมแขน เขามุดเข้าหาไออุ่นจนแทบหลอมรวมไปกับร่างกายของวริษฐ์ “ผมไม่อยากจดจำมัน แต่เรื่องเก่า ๆ ก็ไม่ยอมหายไป ผมอยากลืมให้หมด”
   “...” วริษฐ์นิ่งฟังอย่างตั้งใจแม้ว่าเขาจะจำเรื่องสองปีก่อนไม่ได้เลยก็ตาม
   “ผมสรุปให้ว่า มันทิ้งผมไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น” น้ำเสียงกวินทั้งอู้อี้ทั้งสั่นเมื่อพูดสรุปออกมา ความเจ็บปวดยังคงอยู่ รู้สึกด้อยค่าเมื่อเป็นคนถูกทิ้ง เป็นคนที่เขาไม่เอา
   “แล้วเมื่อวานมันมาทำไม” วริษฐ์ถามกลับทันควัน น้ำเสียงแฝงความไม่พอใจเอาไว้ พร้อมเรียกอีกฝ่ายว่ามัน
   “ผม...” นอกจากความรู้สึกถูกทิ้งจะหวนกลับมา ความรู้สึกที่เหมือนกับตัวเองกลายเป็นชู้ก็ผุดตามขึ้นมา เป็นเหมือนความรู้สึกผิดในใจของเขา ที่ต้องทำแบบนั้นในวันแต่งงานของเติ้ล ช่วยตัวเองต่อหน้าเจ้าบ่าวที่ไม่ได้ใยดีเขา คนที่เคยได้ชื่อว่าเป็นเพื่อน แต่กลับไม่ปราณีหรือเห็นใจกันแม้แต่น้อย
   วริษฐ์ตั้งใจถามย้ำเมื่ออีกฝ่ายเงียบไปนาน แต่ก็ตัดสินใจจะรอฟัง เพราะตอนนี้บนอกของเขามันเปียกชื้น ไหล่บางสั่นน้อย ๆ เขารู้ว่าคนในอ้อมกอดกำลังร้องไห้ กำลังพยายามกลั้นสะอื้นอย่างสุดกำลัง มือหนาขยับขึ้นลูบเส้นผมนุ่มลื่นของกวินเบา ๆ เพื่อปลอบโยน
   “ผมคิดว่า...มันคงเห็นผมเป็นของเล่น” น้ำเสียงกวินทั้งสั่นทั้งเบา วริษฐ์อดสงสารไม่ได้ พลางหวนนึกถึงตัวเอง เขาทำกับคนอื่นเหมือนของเล่น แต่ตัวเขาเองก็เหมือนเป็นของเล่นเหมือนกัน เขากับเหล่าสาว ๆ ที่ออกเดทกัน ต่างฝ่ายต่างเติมเต็มให้กันแค่เท่านั้น เป็นแค่สิ่งที่ช่วยปรนเปรอความใคร่ ความรู้สึกที่ต้องปลดปล่อยตามสัญชาตญาณ แล้วเขากับกวินล่ะ ก็เป็นเพียงของเล่นชั่วครั้งชั่วคราวไม่ต่างกัน...ใช่มั้ย
   มือหนาหยุดลูบเส้นผมอ่อนนุ่มของกวิน เขากำมือแน่น ในใจหน่วงหนัก บางอย่างกำลังทำให้เขาหายใจไม่ออก...
.
.
[พี่อาร์ต ถ้าพี่เปิดใจตกลงกับตัวเอง
อะไร ๆ มันจะดีกว่านี้นะ ถ้าพี่ยอม...
//ความอบอุ่นที่ไม่รู้ว่าจริงแค่ไหน
ความสงสารอาจทำให้น้องเจ็บหนักในภายหลัง
เรามีตอนพิเศษด้วยแหละ จะลงในเร็ว ๆ นี้
เพราะเป็นควันหลงคริสต์มาสของแซนตี้กวินกับกวางหนุ่มวริษฐ์]

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
อ้าว...พี่อาร์ต   :hao4:

ออฟไลน์ RingoPle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-4
ตอนพิเศษ ซานต้าที่ไม่ยอมใส่กางเกง


[ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลัก แต่รอสักวันให้หวานแหววได้แบบนี้ โดยไม่มีอารมณ์หน่วง]

   “พี่อาร์ตครับ คริสมาสต์หลอกหรือเลี้ยง”
   “กวิน พี่ว่าผิดเทศกาล”
   “งั้น หลอกหรือรัก”
   “...”
   มือหนาโอบรอบเอวบางพลางดึงเข้ามาใกล้ เขาไม่ตอบ แต่เลือกที่จะจูบปิดปากคนตัวเล็กแทนไม่รงไม่รัก ไม่หลอก ไม่เลี้ยงไม่อะไรทั้งนั้น เอาลิ้นไปแล้วกัน ริมฝีปากหนาบดเบียด ก่อนจะแทรกสอดเข้าไปในโพรงปากหวานเพื่อตักตวงรสหวานฉ่ำของร่างบางในอ้อมแขน ที่วันนี้เชื้อเชิญเขาดีเหมือนทุกครั้ง มีอะไรให้เขาแปลกใจเสมอ
   วันนี้ร่างบางสวมชุดซานต้ามายั่วยวนเขา แล้วถ้าถามว่าซานต้าเซ็กซี่ตรงไหนล่ะก็... จะบอกว่าเซ็กซี่ตรงที่เจ้าตัวไม่ยอมสวมกางเกงยังไงล่ะ เสื้อซานต้าตัวใหญ่ที่ยาวพอจะปิดต้นขาขาวไว้ได้สักคืบ เรียวขาเนียนโผล่พ้นชายเสื้อเชิญชวนให้สัมผัส ข้างบนก็ไม่ใช่ย่อย ไม่มีกระดุมไม่มีซิบ เสื้อตัวโคร่งไหลไปกองที่ลาดไหล่ ชุดแอบแหวกโชว์แผ่นอกเนียน จนเห็นตุ่มไตสีชมพูอ่อนเล็ก ๆ
   มันน่ามั้ยล่ะ...
   เมื่อถอนจูบออก ดวงตาหวานฉ่ำช้อนขึ้นสบตาเขา ริมฝีปากสีแดงระรื่นบวมเจ่อ เขามองใบหน้าเนียนที่ตอนนี้เซ็กซี่เหลือเกิน
   “พี่อาร์ต” กวินเรียกเขาเสียงหวาน “เป็นกวางให้ซานต้าขี่ไปแจกของขวัญหน่อยได้มั้ยครับ”
    ร่างบางพูดจาสองแง่สามง่าม พร้อมใบหน้าขึ้นสีเรื่อ วริษฐ์นึกอยากจะหยิกแก้มแดง ๆ นั่นให้ยืดติดมือ ทำไมมันถึงได้ร้ายแบบนี้ ตัวแสบเอ้ย
   กวินหยิบที่คาดผมเขากวางที่คล้องอยู่ที่คอตัวเองมาถือไว้ เขาฉีกยิ้มก่อนจะเขย่งเท้าเล็กน้อยสวมมันลงไปบนศีรษะของวริษฐ์
   “กวิน ริสวมเขาให้พี่หรอ” วริษฐ์แกล้งพูดถามเสียงเข้ม
   “งื้อ ผมแค่อยากให้พี่เป็นกวาง”
   มือบางขยับไปประคองใบหน้าหล่อเหลา พลางลูบมันแผ่วเบา
   “ผมมีพี่คนเดียว และจะไม่ไปไหนด้วย ไม่มีวันทิ้งพี่” ...ขอแค่พี่อย่าไล่ผมก็พอ กวินต่อประโยคนั้นในใจ ประโยคที่เขากลัวที่สุด
   “อะแฮ่ม” วริษฐ์กระแอมไอเบา ๆ เมื่ออยู่ดี ๆ เจ้าตัวแสบก็เข้าโหมดจริงจัง พูดบอกเขาออกมาแบบนี้เป็นคำพูดที่ชวนให้รู้สึกดี ... “แล้วซานต้าจะทำยังไงกับกวางอย่างพี่”
   “ก็จะ...” ซานต้าใช้มือดันให้วริษฐ์นั่งลงบนโซฟา ก็จะขึ้นไปนั่งคร่อมตักเขาเอาไว้ มือลูบแผงอกแน่น ลูบจากอกไล่ลงมาที่หน้าท้องและเป้ากางเกง มือบางลูบเน้นย้ำเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ แต่แค่การลูบไม่กี่ครั้ง มันก็นูนแข็งคับกางเกง เป็นเพราะวริษฐ์มีอารมณ์ตั้งแต่เห็นยอดอกสีชมพู
   มือหนาคว้าหมับที่บั้นท้ายกลมกลึงบีบเคล้นรุนแรง เรียกเสียงร้องครางอื้ออึง วริษฐ์ยกดันก้นร่างบางขึ้นเพื่อให้เขาสามารถฝังริมฝีปากลงไปที่อกนวลได้ จะได้ชิมยอดอกสีหวาน ว่าจะหวานแค่ไหน
   ลิ้นร้อนแกล้งหยอกเย้า เขาไล้วนมันก่อนจะดูดเม้มราวกับหิวกระหาย ร่างบางแอ่นอกรับสัมผัส สองมือยกขึ้นโอบรอบคอของวริษฐ์เอาไว้
   เสียงดังจ๊วบจ๊าบดังขึ้นไม่หยุดหย่อน เมื่อวริษฐ์ยังคงเพลิดเพลินกับอกเล็ก ๆ ของกวิน ลิ้นร้อนทำให้สมองของกวินพร่าเบลอ ล่องลอยมันสุขแต่ต้องการมากกว่านี้
   “พี่... มากกว่าอ๊ะ นี้ ได้มั้ย”
   กวินสติเตลิด เขาต้องการมากกว่านี้ กางเกงในตัวจิ๋วคับแน่นจนอึดอัด อยากให้พี่อาร์ตสัมผัสให้ทั่วร่าง ให้ทั่วทุกจุด ไม่ใช่แค่ตรงอก
   เขาผละออก “ได้ พี่จะทำให้” วริษฐ์ดึงกางเกงตัวจิ๋วของกวินลง แท่งเนื้อสีหวานแข็งเกร็งปรากฏตรงหน้า มือหนาจับแก่นกายพอดีมือเอาไว้ ก่อนตัดสินใจทำบางอย่างให้เป็นของขวัญของซานต้าสิ่งที่วริษฐ์ไม่เคยทำ และไม่เคยคิดทำมาก่อน วริษฐ์ขยับให้คนตัวเล็กนอนลงไปบนโซฟา ขณะที่เขาไถลตัวลงไปตรงหน้าท้องขาวเนียน ก่อนจะแลบลิ้นเลียแท่งเนื้อนั้นพลางเหลือบตามองสีหน้าตระหนกปนเขินอายของคนตัวเล็ก
   กวินตกใจที่อยู่ ๆ พี่อาร์ตก็ใช้ปากให้เขา แต่ไม่ทันเอ่ยทัก ร่างสูงก็เอาแก่นกลางทั้งหมดของกวินเข้าปากไป เขาดูดมันจนกวินเกร็งจิกเท้า เขาสั่นไปหมดทั้งตัว มือบางขยุ้มเส้นผมของวริษฐ์อย่างมีอารมณ์
   “ฮื่อ พี่อาร์ต”
   วริษฐ์ขยับปากเข้าออกรัวเร็ว จนร่างบางเกร็งกระตุก พ่นของเหลวออกมา เขากลั้นใจกลืนน้ำนั่นลงคอไป ร่างบางมองอีกคนด้วยความเขินอาย พี่อาร์ตกลืนน้ำของเขาไปจนหมด   
   วริษฐ์มองสำรวจกวินที่ตอนนี้ยิ่งทวีความเซ็กซี่ กวินตัวสั่นเล็ก ๆ หยาดเหงื่อผุดพรายไปทั่วร่างจนผิวเนียนดูสว่างเปล่งประกาย ริมฝีปากบางหอบครางเหนื่อยอ่อน ร่างบางตัวแดงไปทั้งตัวเพราะสัมผัสที่เขาปรนเปรอให้ ร่องรอยเล็ก ๆ บนอกนุ่ม เขาเห็นมันชัดเต็มตา เพราะเสื้อซานต้า หลุดลุ่ยจนแทบจะหล่นออกจากแขน
   “ซานต้าจะขี่กวางหรือยัง”
   ผมพูดแซวขณะที่เจ้าตัวแสบลุกขึ้นไปหยิบอะไรสักอย่าง ก่อนยิ้มแป้นเมื่อในมือมีเจลกลิ่นสตรอเบอรี่
   “ผมพร้อม”
   ร่างสูงลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าให้พ้นทาง ส่วนแข็งแกร่งตั้งชันมันพร้อมแล้วที่จะสอดใส่ ร่างบางชะโลมเจลลงไปจนทั่วก่อนปีนขึ้นนั่งบนตัก ให้ช่องทางรักกลืนกินความเป็นชายของวริษฐ์เข้าไปจนหมด ซานต้าตัวแสบพักรอแค่แปปเดียวก็เริ่มออกควบกวาง รุนแรงรวดเร็วราวกับรีบร้อนไปไหน
   “ฮื้อ กวิน กลัว...ไปแจก ขะ ของขวัญไม่ทันหรือ”
   “ก็กวางแข็ง...แรงขนาดนี้นี่ครับ” เขาพูดทะลึ่งพลางเร่งขยับสะโพก
   กวางหนุ่มกระแทกสวนซานต้า ทั้งคู่กระโจนเข้าหากัน ต่างฝ่ายต่างทำงานกันแข็งขันเพื่อจะมอบของขวัญให้กันและกันในเทศกาลพิเศษ  ซานต้ากอดรัดกวางตัวใหญ่แน่นเมื่อเขากำลังจะไปถึงจุดหมาย ขณะที่ทางฝ่ายกวางเองก็เริ่มจะไม่ไหว เขากอดรัดซานต้าแน่น ขณะกดสะโพกเข้าไปจนสุดเพื่อมอบของขวัญให้กวิน ความอบอุ่นที่เขามีให้
   ซานต้าที่เป็นฝ่ายรับของขวัญเสียเองเอนซบไปกับไหล่กว้าง เสียงกระซิบเบา ๆ ข้างหูทำเอากวินหัวใจเต้นแรง

   ‘ขอบคุณซานต้าที่ให้กวินเป็นของขวัญของพี่’
.
.

   [ตอนหลักมันหน่วง ขอเติมความหวานหน่อยเถิดดด ถึงจะสั้น ๆ ก็เถอะ
เชื่อมั้ยถ้าพี่อาร์ตหยุดสับสนนะ พ่อหนุ่มเจ้าเสน่ห์นั่นน่ะ ลูกล่อลูกชนแพรวพราวยิ่งกว่าใคร]

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ RingoPle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-4
บทที่ 19 ความสับสน

   “วริษฐ์เบาหน่อย”
   นภที่นั่งข้างวริษฐ์เอ่ยเตือน เขานั่งดูมานาน วริษฐ์เอาแต่ยกเหล้าเข้าปากเหมือนดื่มน้ำเปล่า เป็นสิบแก้วแล้ว วันนี้มันดูไม่มีอารมณ์ขันอะไรทั้งนั้น ก้มหน้าก้มตาดื่มเงียบ ๆ
   “เออเมิงค่อย ๆ ก็ได้” เพื่อนอีกคนที่ชื่ออาทิตย์เอ่ยทัก พลางส่ายหน้าเอือม
   “ทิต เมิงห้ามมันดิ๊”
   “เมิงเรียกกุเต็ม ๆ หน่อยเถอะนภ กุรู้สึกเหมือนเพิ่งสึกมาทุกทีเลยว่ะ”
   “ชินเถอะทิต”
   “อาทิตย์ ถ้าลำบาก เรียกชื่อเล่นกุ ซันสั้น ๆ ง่าย ๆ”
   “เออซัน สั้น ๆ ง่าย ๆ เมิงแม่มไม่รู้จักชิน เรียกมาจะสิบปีอยู่แล้ว”
   “กวนตีน”
   วันนี้พวกเขานั่งกันอยู่ 3 คน เพราะเต๋าออกไปดูความเรียบร้อย ด้านบนของร้านมีคนเหมาจัดงานปาร์ตี้วันเกิด เขาเลยต้องไปตรวจงานครั้งสุดท้ายด้วยตัวเอง ส่วนเพื่อนอีกคนยังมาไม่ถึง ปกติพวกเขา 5 คน มักจะมาดื่มเฮฮากันที่นี่ มีเพื่อนเปิดผับ ชายหนุ่มที่ชื่นชอบท่องราตรีจะเอาเงินไปให้ที่อื่นทำไม ที่นี่สะดวก ปลอดภัย ดีที่สุดแล้ว’
   แต่ตอนนี้เพิ่งสองทุ่ม วริษฐ์ดื่มจะหมดขวดอยู่แล้ว เหล้าขนาดหนึ่งลิตรที่เขาดื่มเหมือนน้ำเปล่า
   หลังจากที่กวินบอกว่าตัวเองเป็นของเล่น วริษฐ์ก็ไม่สามารถปลอบได้อย่างเต็มคำนัก กวินยิ่งกอดรัดเขาแน่น เขายิ่งรู้สึกกลัว อ้อมกอดของเขาดูว่างเปล่าไปในทันที เขากินข้าวเช้าในตอนเที่ยงด้วยกัน ก่อนจะขอตัวกลับออกมา พร้อมกำชับว่าถ้าอีกฝ่ายมารังควานอีกก็บอกเขา แล้วก็ไปแจ้งความเอาไว้ พอเขากลับถึงบ้านก็รู้สึกว้าวุ่นไปหมด ก็เลยนั่งแท็กซี่มาถึงผับของเต๋าตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด พนักงานต้อนรับเขาอย่างดี ส่วนเขาช่วยพนักงานเปิดร้านจนเต๋าชมเปราะผสมแขวะว่าว่างนักหรอ เขาเลยได้รางวัลมาเป็นเหล้าขวดหนึ่ง ที่เริ่มดื่มตั้งแต่ 6 โมงเย็น แรก ๆ ก็ดื่มไปเรื่อย ๆ หลัง ๆ ก็พบว่ามันหมดแก้วเร็วขึ้น
   เต๋าแวะมาที่โต๊ะ มองวริษฐ์ที่ตัวแดงก่ำ ดื่มอย่างไม่เจียมเนื้อเจียมตัว เขารู้ว่ามันมีเรื่องอะไรรบกวนจิตใจสักอย่างอยู่ ไม่งั้นไม่ดื่มขนาดนี้หรอก แต่เขาก็ไม่อยากจะไปว่าอะไรมัน อยากดื่มให้มันดื่มไป อย่างน้อยก็อยู่ในสายตา ไม่ได้ไปเละเทะที่ไหน นี่ก็ร้านของเขา เดี๋ยวให้เด็ก ๆ มันช่วยดูก็ได้ปลอดภัยกับมัน
   “เมิง มันเมาแน่” อาทิตย์หันไปบ่นกับเต๋าที่ยืนกอดอกดูเพื่อนอยู่
   “ช่างมัน อยากเมาให้มันเมาไป”
   “เฮ้ย หวัดดีเมิง” เสียงทักจากเพื่อนผู้ชายอีกคน ผู้ชายที่ดูเนิร์ด ๆ สวมแว่นกรอบเงิน เดินมาถึงโต๊ะ วันนี้เป็นเขาที่แต่งตัวทางการไม่เข้ากับสถานที่ เพิ่งคุยกับลูกความจบก็รีบมาทันที
   “บอส ไม่มาปีหน้าอ่ะ”
   “เชี่ย กุเพิ่งคุยงานเสร็จ เห็นใจหน่อยคดีใหญ่”
   “ขยันแบบนี้ต้องร่ำรวยแน่ ๆ ไวน์มั้ย” เต๋าขายของ ขณะที่นภย้ายฝั่งไปนั่งฝั่งอาทิตย์ เพื่อให้บอสนั่งข้างวริษฐ์แทน เพราะขยับเข้านั่งง่ายกว่า ทุกคนทักทายกัน มีแค่วริษฐ์ที่นิ่งเงียบไม่หือไม่อือ บอสนั่งก่อนหันไปให้ความสนใจวริษฐ์ที่นิ่งเงียบเหมือนไม่รู้ว่าเขามาถึง ก้มหน้าก้มตาดื่มอย่างเดียว
   “เฮ้ย วริษฐ์ เมิงไม่ทักทายกุหน่อยหรอ” บอสทัก ทำให้วริษฐ์หันมาส่งยิ้มให้
   “มาเมื่อไหร่วะ” น้ำเสียงติดจะยานเล็ก ๆ ทำให้ทุกคนรู้แล้วว่าวริษฐ์เริ่มเมา
   “ทำไมมันเมาตั้งแต่หัวค่ำ มีไรเปล่าวะ” บอสเอ่ยทักอีกครั้ง ทุกคนได้แต่ส่ายหน้า ไม่มีใครรับรู้อะไรทั้งนั้น วริษฐ์ไม่ได้ปริปากบอกอะไรกับใคร
   “มันเมาเอาไง”
   “บ้านกุก็ได้” เต๋าพูดขึ้น เขาชินแล้ว เคยเป็นรูมเมทกันมา จะดูมันสักคืนไม่ใช่ปัญหา
   “เออ ดีฝากหน่อย เมทดีเด่นเมิงต้องได้รางวัลนี้แน่” บอสพูดพลางปรบมือแปะ ๆ
   “เป็นเมทกุบ้างมั้ยละ”
   “ไม่อ่ะ เมิงใจดีกับวริษฐ์ แต่ไม่ใจดีกับกุ กุจำได้ ตอนนั้นกุเมาเมิงปล่อยกุนอนให้ห้องน้ำ”
   “ก็เมิงอ้วกอ่ะ”
   “เนี้ย”
   “สกปรก”
   บอสกับเต๋าต่อปากต่อคำ ถึงความหลังเก่า ๆ เพื่อนผลัดกันมาให้เต๋าดูแล พวกคนเมาทั้งนั้น เขาไม่ค่อยใจดีกับใครเท่าไหร่ มีแค่วริษฐ์ที่เขาสงสารมัน เวลามันเมาหลับมันชอบละเมอออกมา โคตรน่าสงสาร

   วริษฐ์ดื่มไปไม่รู้เท่าไหร่ แล้วก็นอนคอพับคออ่อนอยู่บนโซฟา เพื่อนทยอยกลับกันหมด เขาไม่ห่วงเมื่อเพื่อนเมาอยู่ในร้านของเต๋า มันดูแลเพื่อนอยู่แล้ว เต๋าปล่อยวริษฐ์ให้หลับอยู่ตรงนั้น พอถึงเวลาก็ฝากผู้จัดการปิดร้าน ส่วนตัวเองพาเพื่อนที่เมาไม่ได้สติกลับบ้าน
   ภาระชิ้นใหญ่ ดีที่มันไม่ใช่ประเภทเมาแล้วอ้วก ไม่งั้นคงเหนื่อยน่าดู
   
   เต๋าพาเพื่อนกลับถึงบ้านอย่างทุลักทุเล เขาโยนเพื่อนตัวหนักลงบนที่นอน ดีที่เขาเองก็ตัวใหญ่ร่างกายกำยำ ไม่งั้นคงแบกมันไม่ไหว เขาจะไปอาบน้ำสักหน่อย แล้วค่อยออกมาดูมัน เขาหมุนตัวเตรียมเดินไปห้องน้ำ
   “พี่...”
   เสียงพึมพำตามหลังทำให้เต๋าหันไปมอง บ่นอะไรวะ เขาเดินไปนั่งบนเตียง ขยับไปฟังเสียงใกล้ ๆ
   “พี่  ...ขอโทษ”
   “ขอโทษใครวะ”
   “ขอโทษ”
   ประโยคใหม่? แปลกแฮะ ทุกทีเขาจะได้ยินเรื่องเดิม ๆ อย่าทิ้งผม อย่าจากผมไป ครั้งนี้เป็นพี่ขอโทษ อืม ขอโทษใครวะ มีเรื่องอะไรที่เขาไม่รู้ มีเรื่องอะไรที่วริษฐ์ไม่ยอมเล่าอีก วริษฐ์เป็นคนที่ชอบเก็บอะไรเอาไว้คนเดียว ทำเหมือนโลกนี้มันอยู่ตัวคนเดียว เขาก็เข้าใจทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ แต่ก็อยากให้มันแบ่งปันมาบ้าง คนอื่นในกลุ่มอาจไม่เท่าไหร่ แต่เขา เขาที่อยู่กับมันมาตลอด กลัวใจมันมากกว่า กลัวจะเป็นเหมือนมี 6 - 7 ปีก่อน ถ้าเขากลับมาห้องไม่ทัน วริษฐ์อาจไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้ หรือไม่ได้อยู่ในสภาพนี้

   เขานึกย้อนไปถึงวันนั้น สมัยเรียนตอนที่ยังเป็นเมทกัน วันนั้นเขาต้องไปจัดการธุระ ทำให้กลับห้องช้า เขาเปิดประตูมา ก็เห็นวริษฐ์นั่งเปิดขวดน้ำยาล้างห้องน้ำอยู่ ไม่ทันสังเกตว่าเขากลับเข้าห้องมาด้วยซ้ำ เขาก็คิดว่าอีกฝ่ายคงอยากจะทำความสะอาดห้องน้ำ เลยไม่ได้อะไร เต๋าวางข้าวของลงบนโต๊ะ พอหันไปอีกที วริษฐ์ก็ยกขวดน้ำยาล้างห้องน้ำเตรียมจะดื่มมัน เขาถลาไปดึงออกแทบไม่ทัน น้ำยากระฉอกหกลงพื้น ขณะที่เต๋ากอดเพื่อนเอาไว้แน่น ในใจเต้นโครมคราม กลัว...กลัวจะเสียเพื่อนไป
   วริษฐ์ไม่ร้องไห้ ไม่เป็นอะไรนั่งนิ่ง แต่เต๋ากลัว ไม่รู้ว่าภายใต้สีหน้าเรียบเฉยนั่นคิดอะไร น้ำยาล้างห้องน้ำ ถ้าดื่มเข้าไปไม่รู้จะต้องทรมานแค่ไหน มันจะแผดเผาทุกอย่างที่มันสัมผัส แต่เจ้าตัวกลับไม่กลัวเลย ทั้งที่เมื่อก่อนจะล้างห้องน้ำต้องสวมถุงมือกับรองเท้ายางแท้ ๆ
   เต๋ารีบติดต่อเพื่อนสนิท เขาตามเพื่อนมา คนที่มาได้ในคืนนั้นคือนภ พวกเขาช่วยกันดูแล พลางเก็บของทุกอย่างให้มิดชิด อะไรที่ทำร้ายตัวเอง เก็บทั้งหมด พวกเขาไม่กล้านอน กลัวตื่นมาแล้วเพื่อนจะจากไป พวกเขาเลยต้องสลับพลัดเวรกันเฝ้าเพื่อน วันรุ่งขึ้นมันก็ถึงมือหมอ ได้ยามาขนานใหญ่ พร้อมกับการติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
   พวกเขาไม่วางใจให้วริษฐ์อยู่ลำพังอีกเลยจนกระทั่ง จิตแพทย์บอกเล่าอาการให้เต๋าฟัง เต๋าที่เป็นเหมือนผู้ปกครองของวริษฐ์ไปแล้ว จิตแพทย์บอกว่าวริษฐ์ดีขึ้นแล้ว ยาก็ปรับลดลง การติดตามผลก็เว้นระยะมากขึ้น ถ้าไม่มีอะไรไปกระตุ้นก็คงไม่เป็นอะไร
   วริษฐ์ค่อย ๆ กลับมามีรอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้าบ้าง ประคับประคองกันไปจนเรียนจบ ตอนเรียนจบใหม่ ๆ ช่วงแรก เต๋าให้วริษฐ์มาอยู่ที่บ้านด้วยกันนานเป็นปี จนวริษฐ์เกรงใจ เขาทำใจแข็งกลับไปอยู่บ้านที่เงียบเหงาเพียงลำพัง เต๋าก็ไปหาบ่อย ๆ จนมั่นใจว่ามันอยู่ได้ คำสัญญาระหว่างทั้งคู่คือมีอะไรให้บอก อย่าคิดสั้น รู้สึกไม่ดีโทรมาได้ 24 ชั่วโมง อยู่ด้วยกันมานานไม่มีใครทิ้งวริษฐ์ ทั้งห่วงทั้งสงสาร มิตรภาพที่เพื่อน ๆ มอบให้ ค่อย ๆ เยียวยาวริษฐ์จนอาการดีขึ้นเหมือนในปัจจุบัน

   “เรื่องอะไรก็ช่าง เข้มแข็งไว้นะเมิง”

   วริษฐ์ตื่นมาตอนบ่ายพร้อมอาการปวดหัว และความรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกเขาลืมตาขึ้นดูบนอกของเขา ท่อนแขนกำยำของใครบางคนพาดอกเขาอยู่ เขามองไปรอบ ๆ ถึงรู้ว่าห้องของเต๋า เขาเป็นภาระมันอีกแล้ว
   วริษฐ์ขยับท่อนแขนหนัก ๆ นั่น ทำให้เต๋ารู้สึกตัวตื่น
   “อ้าวตื่นแล้วหรอเมิง” เต๋าทักน้ำเสียงงัวเงียก่อนพลิกตัวไปอีกฝั่ง พร้อมหลับต่อ
   “เออ” วริษฐ์ขานรับเมื่อที่อกโล่งไม่รู้สึกหนัก เขาก็นอนหลับต่อเหมือนกัน พวกเขารู้สึกตัวอีกทีเกือบบ่ายสาม
   เต๋าตื่นแบบนี้เป็นปกติ เวลาของเขามันจะไม่ตรงกับชาวบ้านเท่าไหร่ ยิ่งเมื่อคืนกว่าจะได้นอน ฟังวริษฐ์บ่นขอโทษซ้ำไปซ้ำมา ตามด้วยต้องมานั่งเช็ดตัวให้มัน กว่าจะได้นอนเกือบตี 4
   
   พวกเขาลงไปกินข้าวมื้อแรกของวัน เป็นอาหารที่แม่บ้านเตรียมเอาไว้ ข้าวสวยร้อน ๆ ต้มยำกุ้ง กับไข่เจียวหมูสับช่วยให้สองหนุ่มรู้สึกดีขึ้นจากอาการเมาค้าง วริษฐ์ชอบบ้านของเต๋า มีความเป็นส่วนตัว แต่บ้านก็ไม่ได้เงียบเหงามันมีชีวิตชีวา
   ในบ้านหลังนี้เต๋าอยู่กับแม่บ้านอีกสองคนที่มาจากบ้านใหญ่ที่ครอบครัวส่งมาดูแลเขาแค่นั้น เพราะเขาเวลาไม่ตรงกับใคร เลยแยกมาอยู่คนเดียว เกรงใจคนในบ้าน อีกอย่างบ้านหลังนี้ก็เดินทางสะดวก อยู่ไม่ไกลจากผับนัก
   “ช่วงนี้เมิงมีอะไรหรือเปล่า” หลังกินข้าวเสร็จเต๋าก็เริ่มซักสิ่งที่เขาอยากรู้
   “มีอะไรคืออะไร” วริษฐ์ตอบแบบไม่สบตา
   “มีอะไรจะบอกกุมั้ย” เต๋าถามย้ำ
   “ไม่มี”
   เต๋าถอนหายใจพลางมองหน้าเพื่อน หน้าเมิงโคตรจะมีพิรุธ ยังมาบอกว่าไม่มีอีก เออได้ เดี๋ยวเขาจะหาเอง ไม่ยากเกินความสามารถหรอกถ้าเขาอยากจะรู้
   “เมิง...” อยู่ ๆ วริษฐ์ที่เงียบไปก็พูดขึ้นมา
   “อะไร”
   “ทำไมเมิงยังไม่มีแฟน”
   “เอาเวลาที่ไหนไปหา”
   “สาว ๆ สวย ๆ เยอะแยะ”
   “แล้ว”
   “ไม่มีถูกใจ?” วริษฐ์มองหน้าเพื่อน เต๋าไม่ได้ขี้เหล่ หน้าตาดี หล่อเข้มเอาเวลาที่ไหนไปหาไม่ใช่ข้ออ้าง สาว ๆ ที่ไปเที่ยวผับมันแจ่ม ๆ ทั้งนั้น ถ้ามันแค่จะมีแฟน ไม่ใช่เรื่องยากเลย
   เต๋ามองเพื่อนด้วยความไม่เข้าใจ อยู่ดี ๆ มาถามเรื่องนี้เนี้ยนะ ดูจะแปลกผิดปกติ วริษฐ์ไม่เคยถามเกี่ยวกับเรื่องอะไรแบบนี้ อย่างมากก็โอ้อวดว่ามีสาวมากมายเท่านั้น โอ้อวดว่าวันนี้มีนัดกับสาว สวยแค่ไหน น่ารักแค่ไหน หรือว่า... วริษฐ์ เมิงมีความรักหรอ?
   “เรื่องถูกใจมันยากไม่ได้ง่าย”
   “สาวเยอะแยะ ทำไมเรื่องมาก หรือไม่ได้ชอบสาว ๆ” วริษฐ์ยังถามต่อ
   “กุชอบผู้หญิง” เต๋าตอบทันควัน เขายังไม่มีแฟน แต่ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่ได้ชอบผู้หญิง
   “มีเดินเขาออกร้านเมิงเป็นล้านคน”
   “ถ้ากุเจอคนที่ถูกใจ กุจะรีบรวบหัวรวบหางเขาไว้เลย แต่กุยังไม่เจอไง”
   “แล้วถ้า...เออ ไม่มีอะไร” วริษฐ์คิดจะถามอะไรต่อ แต่ก็ตัดสินใจหยุดเอาไว้เท่านี้
   “เมิงกวนตีนกุป่ะเนี้ย” เต๋าพูดพลางขมวดคิ้ว
   “เปล่า ๆ วันนี้เมิงเข้าร้านกี่โมง”
   “ไม่เข้าหยุด วันนี้วันพระใหญ่ ห้ามขายเหล้า”
   วริษฐ์พยักหน้ารับทราบ เขาลืมไปหมดวันเดือนปี วันสำคัญต่าง ๆ ไม่เคยจะจำได้
   “ไปทำบุญมั้ย”
   “วัดปิดหมดแล้วมั้ง”
   “วัดหัวลำโพงเปิด 24 ชั่วโมง เดี๋ยวกุพาไป” เผื่อใจเมิงจะสงบขึ้นมาบ้าง
   “ใจบุญจังวะ”
   “หล่อ รวย และใจบุญ”
   วริษฐ์ฟังถึงกับย่นหน้า โคตรหลงตัวเอง
   สองหนุ่มออกไปทำบุญให้จิตใจสงบ ถึงธุรกิจของเต๋าจะสีเทา แต่เขาก็ดำเนินกิจการอย่างดีที่สุดรับผิดชอบต่อสังคมมากเท่าที่เขาจะทำได้ ตรวจบัตรประชาชนทุกครั้งทุกคนไม่เคยละให้เด็กอายุต่ำกว่าเกณฑ์เข้ามาได้ เข้มงวดกับการตรวจอาวุธ และยา การ์ดพร้อมเข้าจัดการเสมอกับคนเมาและพวกชอบลวนลาม รวมไปถึงเหล้าเบียร์ ที่ไม่มีย้อมแมวขายทั้งนั้นของดีของจริง เขาพยายามอย่างดีที่สุดที่จะดำเนินธุรกิจสีเทาให้ถูกกฎหมาย
   พวกเขาแวะไปบริจาคเงินซื้อโลงศพให้คนไร้ญาติด้วย ทำบุญให้จิตใจขุ่นมัวปลอดโปร่ง จากนั้นเต๋าไปส่งวริษฐ์ที่บ้าน พร้อมกำชับว่าถ้ามีอะไรให้บอก
   วริษฐ์พยักหน้ารับ แต่เขาเองก็ยังเรียบเรียงไม่ถูกว่าจะบอกอะไร ไว้เขาเข้าใจเขาจะบอก

   กวินยังคงเป็นกวินเหมือนเดิม ทุกอย่างกลับสู่สภาพปกติ เขานอนคิดเมนูอาหารเช้า ออกไปซื้อของ พรุ่งนี้ตั้งใจจะทำ Scotch Eggs ให้วริษฐ์กิน มันเป็นอาหารของทางประเทศอังกฤษที่เขาชอบ เขาได้ฝึกทำตอนที่ไปเรียนนั่นแหละ กวินทำไปก็อดนึกถึงตอนอยู่ที่นู้นไม่ได้ อากาศเย็นตลอดเวลา เวลากิน Scotch Eggs ทำให้เขามีความสุขมาก เจ้าตัวขยับยิ้มพลางหยิบจัดเตรียมวัตถุดิบ

   “พรุ่งนี้ อาหารเช้าเป็น Scotch Eggs นะครับ
   พี่ต้องชอบแน่ ๆ “
   กวินพิมพ์ไปหาวริษฐ์ หลังจากเขาเตรียมวัตถุดิบสำหรับอาหารเช้าวันพรุ่งนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว เขาก็มานอนเกลือกกลิ้งบนที่นอนพลางคิดว่าอีกฝ่ายจะอ่านหรือตอบเขามั้ย

   ติ้ง ติ้ง

   ‘มันคืออะไร?
   ชื่อแปลก’

   กวินยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าเขาตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว เขาก็หวังให้อีกฝ่ายถามเขากลับมาแบบนี้ถึงได้เลือกที่จะทำเมนูนี้
   “มันเป็นอาหารเช้าของอังกฤษ ไข่ต้มห่อด้วยเนื้อสัตว์บด พาร์สลีย์ และต้นหอมซอย
   เสร็จแล้วชุบแป้ง ชุบไข่ คลุกเกล็ดขนมปังแล้วก็ทอด”
   
   ‘ดูหลายขั้นตอน
   กวินเหนื่อยมั้ย’

   กวินส่ายหน้าใส่โทรศัพท์เมื่ออ่านเจอคำว่าเหนื่อยมั้ย ซึ่งเขาไม่เหนื่อยเลย เขามีความสุขดี เมื่อกี้ตอนเตรียมของ เขายังฮัมเพลงไปด้วยอยู่เลย

   “ไม่ครับ ผมเต็มใจ
    ผมสนุกมาก”
   
   ‘ขอบคุณนะ
   งั้นพี่นอนก่อน เราก็นอนซะนะ’

   “ครับพี่ ฝันดีครับ”
   กวินนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนที่นอน หัวใจพองโต เขายิ้มหน้าบานเหมือนคนเป็นบ้า พี่อาร์ตไล่เขาไปนอน พี่อาร์ตห่วงเขา ทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้เนี้ย
   
   วริษฐ์มีรอยยิ้มแต่งแต้มบนหน้าโดยไม่รู้ตัว เมื่อกวินทักมาชวนคุย แม้จะเป็นการชวนคุยสั้น ๆ อย่างการแจ้งว่าเมนูอาหารเช้าวันพรุ่งนี้จะเป็นอะไร
   นี่ก็ดึกแล้ว เขาควรพักผ่อนซักที แต่พอเขานึกถึงกวินในใจเหมือนค่อย ๆ เกิดลมพายุมันขัดแย้งสับสน จนร่างสูงลุกไปกินยานอนหลับ ยานอนหลับเป็นผู้ช่วยที่ดีที่สุดของเขา เขาต้องพึ่งมันเรื่อยเพื่อให้สามารถนอนหลับได้สบาย
   ยานอนหลับที่แพทย์สั่งให้ เขาแค่เก็บใบรับรองแพทย์เอาไว้ให้ดี เพราะตัวเขาเองไม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์บ่อย ๆ สามเดือนไปที เขาไม่ได้มีอารมณ์ที่รุนแรง หรือเป็นโรคอะไรร้ายแรง ก็แค่เครียดแล้วก็มีอะไรหลายอย่างมาคอยกระตุ้นเตือนถึงความทรงจำที่เขาไม่อยากนึกถึง เขาไม่ได้อยากจะจดจำมันแบบนั้น แต่ความรู้สึกของการถูกทำให้โดดเดี่ยว มันมักกัดกินหัวใจของเขาให้ผุกร่อน การมีคนต้องการเขา จึงช่วยเรียกความมั่นใจของเขาให้กลับมา แต่การที่เขากลายเป็นคนที่ต้องการคนอื่น นั่นทำให้เขากลัว กลัวว่าจะซ้ำรอย ที่สุดท้ายทุกคนก็ทิ้งเขาเอาไว้...
[สวัสดีปีใหม่นะคะทุกคน ปีนี้ก็ขอฝากเนื้อฝากด้วยนะคะ
ฝากติดตามพี่อาร์ตกับน้องกวินด้วย ขอให้ทุกคนมีความสุขมาก ๆ ค่า
ของขวัญวันปีใหม่คือ นิยายตอนใหม่ตอนนี้ค่า  :L1:]

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
สวัสดีปีใหม่ค่ะ  :L2:

ออฟไลน์ RingoPle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-4
บทที่ 20  ช่องทางทำความรู้จักพี่

   เต๋าให้ลูกน้องที่ร้านคนหนึ่งหยุดงานที่ร้าน เพื่อคอยตามดูวริษฐ์ ถ้ามีอะไรผิดปกติให้บอก ถ้าวริษฐ์ไม่ออกจากห้องไปทำงาน หรือไม่กลับห้องให้รีบแจ้ง ตามให้เงียบ ดูแลให้ดี ลูกน้องตามวริษฐ์มาสามวัน วริษฐ์ไม่มีท่าทีผิดปกติอะไร ตื่นไปทำงาน เลิกงานก็จะแวะไปกินข้าวแล้วก็กลับบ้าน
   เต๋าถือรูปถ่ายของเพื่อนพลางขมวดคิ้ว เพื่อนที่กินข้าวเย็นกับรุ่นน้องผู้ชายคนหนึ่งทุกเย็น และจบที่ไปส่งเขากลับบ้าน รุ่นน้องคนสนิทที่บริษัท หรือยังไง เขามองใบหน้าเนียนใสของบุคคลในภาพ ในสมองคิดเชื่อมโยงอะไรบางอย่าง หรือนี่เป็นสาเหตุความปั่นป่วนใจของวริษฐ์ เขาแอบนึกสงสัยในรสนิยมของเพื่อนขึ้นมาเล็กน้อย หรือวริษฐ์จะมีอะไรเปลี่ยนไป
   รูปถูกเปิดไปเรื่อย ๆ ความคาใจสงสัยก็เริ่มจางหาย รูปที่คนตัวเล็กในภาพแอบหอมแก้มวริษฐ์ กระจกรถของเพื่อนเขามืดไม่พอ มันมองทะลุเข้าไปได้ ลูกน้องเขาถ่ายเก่งซะด้วย
   ...หรือมันจะเครียด กลัวสังคมจะรับไม่ได้ เขายอมรับว่าเขาเองก็ตกใจ และแปลกใจมากกับรสนิยมที่เปลี่ยนแปลงไปของเพื่อน เพื่อนที่มีสาวล้อมหน้าล้อมหลังอยู่เต็มไปหมด แต่กลับมาขลุกอยู่แต่กับผู้ชายคนนี้ น่าสนใจ แต่ไม่ได้รังเกียจอะไร เพื่อนก็คือเพื่อน จะมีความรักออกมาเป็นแบบไหนก็ช่างเถอะ ขอแค่มันมีความสุขก็พอ เต๋ารู้สึกอย่างกับลูกชายสุดรักที่เขาเฝ้าดูแลกำลังเติบโต... และรู้สึกสนุกดี เขายินดีทำอะไรก็ได้ที่จะช่วยสนับสนุนความรักของเพื่อน ถ้าเพื่อนกังวลกับสังคม เขาจะจัดการเรียกความมั่นใจให้เอง

   “วริษฐ์ พรุ่งนี้ว่างมั้ย กินข้าวเย็นกัน” เต๋าต่อสายหาเพื่อนสนิททันทีตั้งแต่หัวค่ำ เขาลองนัดวริษฐ์มาทีร้านดู เผื่อจะจับพิรุธอะไรได้
   ‘พรุ่งนี้หรอวะ’ ปลายสายอึกอักไปพักนึง ‘ไม่ว่างว่ะเมิง’ วริษฐ์จำต้องปฏิเสธ เพราะเขามีนัดกับกวินแล้ว จองตั๋วหนังไว้แล้วด้วย หนังที่กวินอยากดู วันพรุ่งนี้เข้าโรงวันแรก
   “เฮ้ย ไม่ว่างหรอ ติดอะไร”
   ‘...’ วริษฐ์เงียบในสมองคิดว่าจะอ้างอะไรดี ติดสาวเขาก็ยกเลิกได้ถ้าเพื่อนชวน ติดธุระอะไรก็ไม่มี
   “สายหลุดหรอวะ”
   ‘น้าสาวลูกพี่ลูกน้องพ่อเอาแมวมาฝากกุเลี้ยง’
   “หืม? น้ากลับมาจากจีนแล้วหรอ”
   วริษฐ์อยากกัดลิ้นตัวเองให้ขาด ลืมไปว่าเต๋ารู้จักน้าของเขา แล้วเธอไม่ได้กลับมาจากจีนพักใหญ่แล้ว ญาติคนเดียวที่วริษฐ์สนิทด้วย นาน ๆ จะได้เจอกันสักที
   ‘เอ่อ เออเขาฝากให้เพื่อนเขาเอามาให้กุ กุต้องดูแมววันนึง ไปไม่ได้จริง ๆ’
   “อ่าหะก็ได้ งั้นวันศุกร์เจอกันเหมือนเดิมแล้วกัน”
   ‘ได้’
   วริษฐ์วางสายขณะที่เต๋ายิ้มขัน อึกอักมีพิรุธจนรู้สึกได้ พรุ่งนี้ต้องมีอะไรดี ๆ แน่ ๆ เขาโทรสั่งให้ลูกน้องตามวริษฐ์ในตอนเย็น ตามอย่าให้คาดสายตา ไปที่ไหนก็ให้แจ้งเขา เขาจะตามไปดูว่าแมวของน้าลูกพี่ลูกน้องพ่อที่เพื่อนเขาเอามาให้ โคตรยาวถ้าให้มันพูดอีกครั้ง จะจำได้มั้ยวะ แต่อยากรู้จริง ๆ แมวที่เลี้ยงน่ะจะหน้าตาเป็นยังไง

   วริษฐ์กับกวินพอเลิกงานก็รีบดิ่งไปห้าง พวกเขาแวะกินเบอร์เกอร์คนละชิ้นก่อนมุ่งตรงไปที่โรงหนัง พวกเขาจองไว้รอบหนึ่งทุ่ม
   กวินยิ้มกว้างขณะในมือถือกล่องป็อบคอร์นเอาไว้ ส่วนวริษฐ์ถือน้ำอัดลมแก้วใหญ่สองแก้ว กวินมองคนตัวสูง เขามีความสุขมากเลย หนังที่อยากดู กับคนที่อยากได้... เอ๊ะตรงไปมั้ยนะ พูดเองก็เขินเอง พวกเขาหนังดูตัวอย่างหนัง พร้อมพูดกันไปมาว่ารอบหน้ามาดูหนังเรื่องนั้นเรื่องนี้ด้วยกันดีมั้ย
   พอหนังเริ่ม กวินดูจะตื่นเต้นกว่าใคร ตัวหนังค่อนข้างแฟนตาซี แสงไฟสลัว ๆ ทำให้วริษฐ์เห็นกวินยิ้มด้วยดวงตาเป็นประกายคนตัวเล็กดูจะชอบเรื่องนี้มากจริง ๆ  ตั้งใจดูหนัง ไม่มาวอแววุ่นวายกับเขาเลย เขาก็มองหนังบ้าง มองท่าทีคนข้าง ๆ บ้าง น่าเอ็นดู ...
   หนังจบก็เกือบจะสี่ทุ่ม กวินชวนเขาคุยว่าฉากนั้นดีมาก ตัวละครตัวนี้เท่ ตัวนั้นน่ารักดี เขาก็เออออไปด้วย หนังสนุก แต่รีแอคคนข้าง ๆ ตลกยิ่งกว่าเหมือนเด็กไม่มีผิด เขาคิดพลางเอากล่องป็อบคอร์นเปล่าเคาะหัวกวิน
   กวินขมวดคิ้วใส่ ก่อนบ่นขมุบขมิบอะไรไม่รู้คนเดียว
   “อ้าววริษฐ์”
   เสียงเรียกร่าเริงเกินเหตุทำเอาร่างสูงหันตามไปมอง ...เชี่ย เพื่อนเต๋า
   “หวัดดี” วริษฐ์ทักทายพลางส่งยิ้มให้ ทำหน้าปกติเหมือนไม่ได้ทำอะไรมีพิรุธ
   “ไหนว่า...” เต๋าอ้าปากจะพูด วริษฐ์ถลึงตาใส่ จะซักอะไรไม่ใช่ตอนนี้ โดนกวินล้อตาย เขานึกถึงร่างบางในชุดแมวจรตอนนั้น ไม่ก็คงจะไม่พอใจเขาเท่าไหร่ที่โกหกปิดบังคนอื่น เต๋าทำตาเจ้าเล่ห์ ก่อนหันไปคุยกับอีกคน
   “สวัสดีครับ มาดูหนังกับวริษฐ์หรอ”
   “ครับ ใช่ครับ” กวินยิ้มให้พลางก้มหัวทักทายใครก็ไม่รู้ที่น่าจะเป็นเพื่อนของพี่อาร์ต
   “พี่ชื่อเต๋า ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” เต๋ายื่นมือไปตรงหน้ากวิน กวินที่งุนงงนิดหน่อย แต่ก็เคยชินกับวัฒนธรรมการจับมือ เขาจึงยื่นมือไปจับมือตอบ เต๋าขยับมือขึ้นลงเบา ๆ แต่ไม่ยอมปล่อย ซ้ำยังมองกวินด้วยดวงตาพินิจพิเคราะห์ จดจ้องจนคนถูกมองร้อน ๆ หนาว ๆ
   “เอ่อ ผมกวินครับ”
   “ยินดีที่ได้รู้จัก”
   “ครับ พี่เต๋า”
   “ไว้พบกันใหม่นะกวิน”
   “อ่ะแฮ่ม” วริษฐ์กระแอมเบา ๆ เพราะเต๋าจะจ้องกวินมากเกินไปแล้ว มองจนคนตัวเล็กประหม่า
   เต๋าปล่อยมือบางก่อนหันมาหาวริษฐ์ “เพื่อนเอ๋ย พรุ่งนี้เจอกัน”
   “เออเจอกัน” วริษฐ์ยกมือขึ้นโบกบ๊ายบายทันที เป็นการไล่กลาย ๆ ว่าให้อีกฝ่ายไปไหนก็ไป
   เต๋าเดินจากไป ขณะที่วริษฐ์รู้ตัวแล้วว่าพรุ่งนี้โดนซักเละเทะไม่มีเหลือ เขายังไม่ได้เตรียมใจ ไม่รู้ว่าจะโดนอะไรบ้าง โคตรกังวล เขาก็คงถูไถไปว่ารุ่นน้องที่บริษัทนั่นแหละ...
   
   “เพื่อนพี่หรอครับ” พอเต๋าเดินห่างไปไกล กวินก็รีบถามทันที
   “ใช่ ทำไมหรอเพื่อนสมัยเรียน” พอรู้ว่าเป็นเพื่อนของพี่อาร์ต เขาก็อยากรู้จักขึ้นมาทันที เผื่อว่าพี่เต๋าจะสามารถเล่าเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับพี่อาร์ตให้เขาฟัง เขาจะได้รู้จักอีกคนมากยิ่งขึ้น
   “อยากรู้จักครับ”
   วริษฐ์หันขวับไปมองหน้าคนตัวเล็กทันที อยู่ดี ๆ ก็พูดว่าอยากรู้จักเพื่อนเขาแบบนี้หมายความว่าอะไร “เมื่อกี้ว่าไงนะ” เขาถามซ้ำ เผื่อเมื่อกี้เขาฟังไม่ชัด
   “อยากรู้จักพี่เขาครับ”
   วริษฐ์หรี่ตามอง ก่อนใช้มือตบเบา ๆ ไปที่หน้าผากเนียนด้วยความมันเขี้ยว
   “จะรู้จักไปทำไม”
   “ก็... ไม่มีอะไรครับ” เขาไม่บอกหรอกว่าอยากรู้เรื่องราวต่าง ๆ ที่เเกี่ยวกับพี่อาร์ตให้มากยิ่งขึ้น อยากรู้ทุกอย่าง อยากที่จะเข้าใจ แต่ขืนบอกไปแบบนั้นก็ถูกกีดกันพอดี “ไว้พาผมไปเจอพี่เขาบ้างนะ”
   “...เหอะ” วริษฐ์แค่นหัวเราะ ขณะก้าวเท้านำกวินไป ก้าวเร็วแบบไม่รั้งรอ ขณะร่างบางรีบเดินตาม พลางยื่นมือไปคว้าแขนวริษฐ์เอาไว้ เขากุมมันแน่น พลางก้าวขาให้ยาวกว่าเดิม
   “เดินช้าหน่อยสิครับ รีบไปไหน ห้างยังไม่ปิดสักหน่อย”
   “พี่ง่วงแล้วจะรีบกลับไปนอน”
   กวินทำปากบ่นขมุบขมิบ ‘ทำมาเป็นเด็กอนามัย’ แต่มือบางก็จับมือหนานั่นไม่ปล่อย ทำแค่สาวเท้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งตามพี่เขาไป
   พอขึ้นรถกวินก็ชวนวริษฐ์ให้วกกลับไปคุยเรื่องหนังอีก นั่งจ้อตลอดทาง เพราะกวินเคยอ่านหนังสือเรื่องนี้ก่อนที่จะมาทำเป็นหนัง อธิบายเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยให้ฟังไม่รู้จักเหนื่อย วริษฐ์ก็ขับรถไปฟังไปเพลิน ๆ ตอบรับบ้างเล็กน้อย เขาเพิ่งรู้จักเรื่องนี้ก็เพราะกวินมาชวนเขาไปดูนี่แหละ

   ‘พี่อาร์ตครับไปดูเรื่องนี้กัน ผมอยากดูมาก พฤหัสบดีนี้หนังเข้าวันแรก ไปดูกันนะครับ’

   ตอนชวนเขา กวินร่าเริงระริกระรี้จนแว่บหนึ่งเขาเหมือนเห็นหูกับหางโผล่ออกมาจากตัวกวิน กระตือรืนร้นจนเหมือนหมา สลัดคราบแมวจรไปจนหมด
   วริษฐ์ตกลงไปดูหนังเป็นเพื่อนกวิน พฤติกรรมของวริษฐ์แตกต่างไปจากเดิม เขาตามใจกวินมากขึ้น ไม่พยายามจะผลักอีกคนออก จะด้วยความสงสารหรือความเป็นห่วงก็ดี วันที่เขาดื่มเหล้าหนัก เขาเอาแต่ถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าจะทำยังไงดี จะทำยังไงกับตัวเองดี จะจัดการตัวเองยังไง แต่ไม่ได้คำตอบอะไรนอกจากรสชาติขมของเหล้า จนสิ่งสุดท้ายที่เขานึกถึงและรับรู้คือ ภาพของกวินที่ร้องไห้ ส่วนเขาก็ได้แต่ขอโทษ แล้วก็ได้คำตอบกลับมาหนึ่งอย่าง ถ้าเป็นไปได้ ตัวเขาเองก็ไม่อยากเป็นสาเหตุที่ทำให้กวินร้องไห้ ... เขาไม่ได้ทำเพื่อน้อง แต่ทำเพื่อตัวเอง เพราะเขารู้สึกผิดเหลือเกิน ...แล้วก็แค่ไม่อยากเห็นน้องร้องไห้เท่านั้นเอง
   เมื่อรถเลี้ยวเข้ามาจอดที่ตึก กวินโบกมือลาวริษฐ์ ก่อนยื่นหน้าไปหอมแก้ม แบบที่ทำเป็นประจำ แต่ทว่ารอบนี้กลับไม่ได้สัมผัสถูกแก้มของวริษฐ์แบบที่ตั้งใจ เพราะฝ่ามือหนายกขึ้นมากันเอาไว้
   “ทำไมล่ะครับ”
   “ไม่บอก ขึ้นห้องไปเลย”
   “พี่อาร์ต” คนตัวเล็กเรียกเขาด้วยน้ำเสียงงอแง
   “กู๊ดไนท์”   
   กวินยอมเดินลงจากรถแต่โดยดี
   “พี่อาร์ต รักพี่นะครับ” กวินร้องบอกเสียงสดใสก่อนจะปิดประตูใส่ไม่ให้วริษฐ์ได้โต้ตอบอะไร เขายิ้มระรื่นก่อนเดินกลับห้อง พลางนึกถึงคนตัวสูง ช่วงนี้พี่อาร์ตใจดีกับเขามากขึ้นกว่าเดิมตั้งแต่วันที่เติ้ลโผล่มา อาจจะเป็นข้อดีอย่างเดียวของการโผล่มาของมัน จะด้วยความสงสารหรืออะไรก็ตาม การที่พี่อาร์ตรู้สึกอะไรต่อเขาบ้าง ไม่ว่านั่นจะเป็นความรู้สึกแบบไหน เขาก็ดีใจมากแล้ว
   
   เย็นวันศุกร์หลังเลิกงานวริษฐ์มาส่งกวินที่ตึก แล้วก็กลับไปเพราะว่าเขามีนัดกับเพื่อน น่าจะกับพี่เต๋าคนนั้นนั่นแหละ จะขอไปด้วยก็ดูจะวุ่นวายมากเกินไป จะรั้งเขาไว้ก็ไม่ใช่เรื่อง กวินจึงไม่ได้เซ้าซี้อะไร แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันศุกร์ที่เขาอยากจะออดอ้อน ขอนอนกอดเขาสักหน่อยก็ตาม แต่ก็นะ ไม่อยากให้เขารำคาญ
   กวินเดินเข้าไปในตึก อยู่ ๆ มือถือในกระเป๋ากางเกงก็สั่นแรง เพราะมีคนโทรเข้ามา

   ‘พี่อาร์ต’

   “ครับพี่”
   ‘ไปเปลี่ยนขุดแล้วลงมาหาพี่ภายใน 15 นาที’
   ประโยคคำสั่งกลาย ๆ จากวริษฐ์ ทำให้กวินขมวดคิ้ว
   “ทำไมหรอครับ”
   ‘อยากเจอไอ้เต๋าไม่ใช่หรอ มันก็อยากเจอเรา’
   “ฮะ ครับได้ครับ”
   ร่างบางตอบรับอย่างรวดเร็ว ทำให้วริษฐ์ขมวดคิ้วหงุดหงิด พอเขาบอกว่าเต๋าอยากเจอ กวินก็ไม่ถามต่อกลับว่าง่าย แต่พอเขาบอกให้ไปทำอะไร กลับมาทำสงสัยถามนั่นถามนี่ มันน่านัก

   กวินเลือกเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว เขารีบเปลี่ยนมันอย่างทำเวลา เสื้อเชิ้ตทำงานกลายเป็นเสื้อยืดสีเขียว กางเกงสแลคขายาวสีดำสุดเรียบร้อย กลายเป็นกางเกงยีนส์ฟอกขาวที่ขาดเล็ก ๆ ตรงหัวเข่า ทั้งสองข้าง ร่างบางเดินกลับลงมาหารถคันที่คุ้นเคย
   วริษฐ์มองใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสของกวิน ด้วยความรู้สึกมันเขี้ยว มีความสุขจังนะ
   พอขับมาถึงร้าน ก่อนที่พวกเขาจะลงจากรถ วริษฐ์กำชับกวินว่าอย่าดื่มเยอะ ห้ามเมา ห้ามเดินไปไหนคนเดียว ห้ามรับของจากคนแปลกหน้า กวินก็ได้แต่ยิ้มแล้วก็ตอบรับ ครับ ๆ ทำไงได้ ไม่ตอบคงไม่ได้ลงจากรถ
   
   วริษฐ์พากวินมาที่ผับ กวินมองเหล่าพนักงานที่ต่างก้มหัว ยกมือไหว้ทักทายวริษฐ์เหมือนกับคนใหญ่คนโตอะไรแบบนั้น น่าตื่นเต้น เขาเดินตามร่างสูงไปเรื่อยมองนั่นมองนี่ ก่อนที่อยู่ ๆ ร่างสูงก็หยุดเดิน จนหน้าผากกวินชนกับแผ่นหลังกว้าง ร่างบางลูบจมูกเบา ๆ เจ็บ
   “เดินไม่ติดเบรกเลยนะกวิน”
   “อยู่ ๆ พี่อาร์ตหยุดเดินนี่ครับ”
   “ก็มันถึงโต๊ะแล้ว”   กวินขยับชะโงกหน้าจากแผ่นหลังกว้าง ที่โต๊ะไม่มีคนที่เขาคุ้นหน้าอย่างพี่เต๋า
   “หวัดดี” วริษฐ์เอ่ยทักเพื่อน ๆ ก่อนจะคว้าแขนให้กวินมายืนข้างหน้าเขาแทน พลางแนะนำ “นี่กวิน รุ่นน้องที่ทำงาน”
   ไม่มีใครรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับกวินนอกจากเต๋า และเพราะวริษฐ์ไม่เคยพาใครมา ครั้งนี้จึงสร้างความแปลกใจให้ทุกคน ทุกสายตาที่โต๊ะจึงมองจดจ้องผู้มาเยือนใหม่ด้วยความสนใจเป็นอย่างมาก
   “สวัสดีครับ” กวินยกมือไหว้ทุกคนพลางส่งยิ้มสดใส
   “คนใส่แว่นชื่อบอส คนเสื้อดำชื่อนภ คนตัวขาวนั่นชื่อทิต”
   “อาทิตย์ครับ พี่ชื่ออาทิตย์ หรือจะเรียกซันก็ได้” อาทิตย์รีบแก้ก่อนที่จะมีใครติดเรียกไปอีก
   “ครับ ผมกวินครับ”
   วริษฐ์นั่งลงขณะที่กวินยังยืนโค้ง ให้คนอื่น ๆ อยู่ รอยยิ้มสดใส ทำเอาผับมืด ๆ นี่แทบสว่างขึ้นมาเลย เจิดจ้าจนทุกคนรู้สึกได้ น้องมันร่าเริงอะไรขนาดนี้ วริษฐ์รีบดึงแขนบอกให้กวินนั่งลงมาได้แล้ว
   “น้องกวิน เจอกันอีกแล้วนะ” เต๋าพูดพลางส่งยิ้มให้ เขาเดินมาที่โต๊ะเมื่อเห็นจากไกล ๆ ว่าวริษฐ์และน้องกวินมาถึงแล้ว
   “สวัสดีครับพี่เต๋า”
   เต๋ามองกวินวันนี้น่ารักสดใสกว่าเมื่อวานซะอีก กว่าเขาจะบอกให้วริษฐ์พาน้องมาได้  พูดแล้วพูดอีก บอกว่าอยากเจอ ก็บ่ายเบี่ยงว่าไว้โอกาสหน้า ก็เลยบอกไปว่า ทำไม เมิงหวงน้องไว้ทำไม มีอะไรหรอไง มันถึงได้บอกว่าไม่มีอะไร เดี๋ยวกุพามาให้เจอ กวินถึงได้มานั่งยิ้มร่าเริงอยู่ตรงนี้
   “น้องกวินดื่มอะไรดี”
   “อะไรก็ได้ครับที่อร่อย ๆ “
   วริษฐ์ไม่ได้สนใจว่ากวินกับเต๋าคุยอะไรกัน แต่ก็ได้ยินทุกคำหยอกล้อ ‘น้องกวินนี่ผิวเนียนมากเลย ตอนพี่แตะมือรอบก่อน มือนุ่มจนพี่ไม่อยากปล่อย’ ‘เนี้ยดูสิ มือพี่อย่างหยาบ ไม่เชื่อลองจับดู’ วริษฐ์ย่นหน้า อยากจะอมเหล้าไปพ่นใส่หน้ามัน เต๋าน่ะทำมาพูดดีว่าไม่มีเวลาหาแฟน ลีลามันน่ะ ธรรมดาที่ไหน เขารับแก้วเหล้าจากเพื่อนพลางยกแก้วขึ้นกระดก น่ารำคาญจังว้อย
   วริษฐ์ดูจะหงุดหงิดหน่อย ๆ ปนหมั่นไส้ กวินคุยกับเต๋า เพราะเต๋าตลก ชอบหยอดให้เขาขำ คนอื่น ๆ ก็มาชนแก้วกับกวิน มีพี่อาร์ตคนเดียวนั่งนิ่งเป็นรูปปั้น กวินดื่มอย่างสนุกสนาน ชนแก้วยิงมุกกับเพื่อน ๆ ของวริษฐ์ เข้ากับเพื่อน ๆ เขาได้ดีเหลือเชื่อ และเพราะกวินไม่ใช่คนคออ่อนดื่มไปเยอะก็ไม่มีทีท่าจะเมาจะกรึ่ม
   “พี่อาร์ตขอไปเข้าห้องน้ำนะ”
   เต๋าลอบมองกวิน จะไปห้องน้ำก็ต้องขออนุญาตหรอ วริษฐ์เอ๋ยยยยย
   “เมาหรือเปล่า ให้พี่ไป...”
   “โอยไปสิกวิน เนี้ยตรงไปเลี้ยวขวา” เต๋าพูดแทรกพลางบอกทางเสร็จสรรพ “ปวดฉี่ด้วยหรอวริษฐ์ กระเพาะปัสสาวะเมิงอันเดียวกับน้องหรอ”
   คนตัวสูงไม่ตอบ พลางทิ้งตัวลงพิงเก้าอี้เต็มแรง เพื่อบอกว่า ไม่ลุกไปไหนแล้วว้อย กวินเห็นแบบนั้นก็ลุกออกไปเข้าห้องน้ำ
   “ร้านกุไม่ได้มีอะไรอันตราย ไม่ได้น่ากลัว อย่าห่วงนักเลย” เต๋าพูดพลางยกเหล้าขึ้นจิบบ้าง เขาพูดขึ้นมาลอย ๆ เสียงเบาให้วริษฐ์ที่นั่งข้างเขาได้ยินคนเดียว
   “เออ น้องเคยถูกวางยา กุห่วง”
   “อ๋อ” เขาตอบรับพลางพยักหน้า
   “เมิง น้องกวินเนี้ย โสดมั้ย”
   เต๋าถามอย่างตรงไปตรงมา จนวริษฐ์สำลักน้ำ
   “แค่ก อะไรนะ”
   “น้องโสดมั้ย”
   “... ถามน้องเองดิ”
   “เออเมิง แล้วไหงเมิงไปสนิทกับน้องได้” นภที่นั่งตรงข้ามเอ่ยถาม เพราะเขาสัมภาษณ์กวินแล้ว ว่าทำงานตำแหน่งอะไร เกี่ยวกับอะไร สายงานไม่ได้จำเป็นต้องติดต่ออะไรกับวริษฐ์แม้แต่น้อย
   “บังเอิญ จะอยากรู้ไปทำไม”
   “น้องหน้าโคตรหวาน บอกว่าผู้หญิงปลอมตัวมา กุก็แอบเชื่อนะ” บอสพูดพลางขยับดันแว่น เพื่อน ๆ เอาแต่พูดถึงกวินอยู่นั่นล่ะ รำคาญจังว้อย
   “น้องเขาน่ารักจริง ยิ้มที ผับกุสว่างเลย”
   “เต๋าเมิงเว่อว่ะ”
   “จริง น่ารักโคตร” เต๋าพูดพลางทำหน้าเคลิบเคลิ้ม ดูจะชอบใจในตัวกวิน
   “เหอะ ก็ไหนว่าชอบผู้หญิง แล้วมาทำตาเจ้าชู้ใส่รุ่นน้องกุทำไม”
   “ก็ถูกใจ”
   วริษฐ์ชักสีหน้า เต๋านึกขำ อยากเอากระจกให้มันส่องดูหน้าดูตาของตัวเอง ว่าตอนนี้น่ะ ถมึงทึงหน้าบูดหน้าบึ้งแค่ไหน ถ้าจะโมโหขนาดนี้ ก็เลิกเรียกเขาว่ารุ่นน้องที่ทำงานจะดีกว่า
   “พอถูกใจ เพศอะไรกุไม่สนใจหรอก เอาที่กุมีความสุขพอ”
   วริษฐ์ฟังเงียบ ๆ ก่อนยกเหล้าขึ้นจิบ กวินก็เดินกลับมาพอดี เต๋ายิ้มพลางตบที่นั่งข้างตัวเรียกกวินมานั่งใกล้ ๆ กลายเป็นเต๋านั่งแทรกตรงกลางระหว่างวริษฐ์กับกวินแทน แถมเต๋ายังพูดคุยกระซิบกระซาบกับกวิน หัวเราะคิกคักไม่ยอมหยุด วริษฐ์ได้แต่มองก่อนจะลุกออกไปสูบบุหรี่ เต๋ามองเพื่อนที่ฟึดฟัดออกไปเขาก็แทบจะกลั้นขำไม่ไหว ตลกว้อย คิดว่ามีเรื่องอะไรคอขาดบาดตาย ที่ไหนได้ กับอีแค่มีความรัก
   พอคล้อยหลังวริษฐ์ กวินก็ชวนคุยเรื่องที่เขาสนใจทันที เรื่องของพี่อาร์ตเท่านั้นที่เขาสนใจและอยากรู้ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยอะไรก็ได้ ที่ทำให้รู้จักเขาได้มากขึ้น เขาอยากรู้ทั้งหมด
   “พี่เต๋า เป็นเพื่อนกับพี่วริษฐ์มานานแล้วหรอ”
   “อืม น่าจะ สิบกว่าปีแล้ว”
   “นานมากครับ” กวินตื่นเต้น ถ้าคบมานานต้องมีเรื่องราวดี ๆ ของพี่อาร์ตเล่าให้เขาฟังแน่ ๆ แต่เขาไม่รู้จะเริ่มถามยังไงดี
   “พี่อาร์ตเขาชอบกินอะไรครับ”
   คำถามของกวินทำให้เต๋ายิ่งอยากจะขำ คู่นี้มันอะไรกันนะ ถ้าเป็นเขาคำถามแรกคือ พี่วริษฐ์มีเมียหรือยัง มีแฟน มีครอบครัวหรือยัง ไม่ใช่มาถามว่าเขาชอบกินอะไร
   กวินถามนั่นถามนี่ไปเรื่อย พลางจดสิ่งต่าง ๆ ไว้ในใจ วริษฐ์ชอบกิน กุ้งอบวุ้นเส้น วริษฐ์ไม่ชอบวันที่ฝนตกหนัก วริษฐ์ชอบนอนละเมอ
   แต่คุยได้ไม่นาน พ่อหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่ถึงตัวไม่อยู่ ก็ไม่ทำให้กวินจิตใจวอกแวกไปไหนได้เลย แต่กลับเป็นหัวข้อสนทนาที่เด็กหนุ่มคนนี้สนใจ
   “มันกลับมาล่ะ”
   กวินหันไปมองตามที่เต๋าบอก ในสายตาของกวิน เขาเห็นชายหนุ่มร่างสูงที่โดดเด่นกว่าใคร ดูดีท่ามกลางคนจำนวนมากในผับแห่งนี้ หล่อเหลาจนละสายตาไม่ได้
   เต๋าหยิบมือถือมาส่งให้กวิน ร่างบางมองมือถือนั้นด้วยหน้างง ๆ
   “พี่ขอไลน์เราหน่อย มีอะไรก็ทักมาถามพี่นะ”
   “ครับ ขอบคุณครับ” ร่างบางให้ไลน์อีกฝ่ายไปอย่างไม่คิดอะไร ดีซะอีกจะได้ถามเรื่องเกี่ยวกับพี่อาร์ตเยอะ ๆ ร่างสูงเดินมาถึงโต๊ะ เขาคิดอะไรบางอย่างในใจ ขณะลอบมองท่าทางของสองคนนั้น ตกลงแล้ว แค่ถูกใจ จะเพศอะไรก็ไม่สำคัญหรอวะไอ้เต๋า แต่นั่นน่ะ...กวิน ...รุ่นน้องที่ทำงานของเขานะ

   สี่ทุ่มครึ่ง
   ความอดทนของวริษฐ์ก็หมดลง เขาไม่ได้คุยกับกวินแม้แต่คำเดียว ไอ้เต๋า นั่งแทรกกลางไม่เปิดช่องให้เขาได้คุย เขาก็ได้แต่ดื่มเหล้าไปเงียบ ๆ 
   “กวิน”
   “ครับ”
   ร่างสูงชะโงกหน้าผ่านหลังของเต๋า ไอ้นี่มันเกะกะจริง ๆ
   “ได้เวลากลับแล้ว”
   “หืม? สี่ทุ่มครึ่ง...” เต๋าเอ่ยถามขึ้นมาจนวริษฐ์อยากจะด่าว่าเสือก
   “ไปกวินเดี๋ยวหอปิด”
   หออะไรปิด คิดว่าตัวเองยังนอนอยู่ที่หอในของมหาวิทยาลัยหรอไงวะวริษฐ์ เต๋าคิดในใจ เขาอยากขำ ไม่มีข้ออ้างอะไรจะอ้างแล้วหรือไง
   “วริษฐ์ น้องกวินอยู่หอในหรอ” อาทิตย์เอ่ยทักแทนทุกคน
   “เออ หอนักศึกษา หอแบบถูก เนียนไปนอนก็ต้องทำตามกฎเขาด้วย”
   “จริงหรอวะ นภทำหน้าตื่นเต้นน่าดู”
   “เออดิ” เขายืนขึ้นพลางหันไปชะโงกหน้าข้ามหัวเต๋า “ไปกวินกลับ”
   ไม่เนียนวริษฐ์ เมิงแม่มลื่นไหล แต่ไม่เนียนสำหรับเต๋า เพราะเขารู้ดีกว่าใครว่ากวินนอนอยู่ที่ไหน คอนโดเป็นยังไง เพราะให้ลูกน้องถ่ายรูปมาให้แล้ว มันหวงชัด ๆ  แหมถ้าจะหวงขนาดที่ขอยืมคุยนิดคุยหน่อยไม่ได้ แล้วทำมาพูดว่าเป็นรุ่นน้องที่บริษัทอีก น่าหมั่นไส้ว่ะ ฟอร์มเยอะจังวะ เสือไม่อยากจะสิ้นลายล่ะสิ ถ้าน้องมันไม่รักกับวริษฐ์ คงมีคนรอจีบน้องเป็นร้อย น่ารักขนาดนี้ โดนหมาคาบไปแดกแน่ หึ งั้นเขาจะช่วยเร่งปฏิกิริยาให้ จะได้รู้ไปว่าวริษฐ์จะทนได้แค่ไหน
.
[ขอให้พี่เต่าจัดหนัก ๆ พี่อาร์ตจะได้รู้สักที
เดี๋ยวเพื่อนเอาไปนะเอ้อ น้องยิ่งน่ารัก ๆ อยู่]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เพ่เต๋านี่เป็นเพื่อนที่ดีเลิศประเสริฐศรีจริง ๆ

จัดเลย  จัดให้คนปากแข็งรู้ใจตัวเองสักที  อิอิ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
ชอบพี่เต๋าอะ ตัวเร่งปฎิกริยา อิอิอิ สมน้ำหน้าพี่อาร์ต

ออฟไลน์ RingoPle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-4

บทที่ 21 โง่นักก็ให้หมามันคาบไป

   กวินอารมณ์ดีมากเมื่อรู้สึกว่าตัวเองได้เข้าใกล้วริษฐ์มากขึ้นอีกก้าว ได้รู้จักสังคมของเขา ได้คุยกับเพื่อน ๆ ของเขา ทำให้ได้รู้อะไรเพิ่มเติมมาอีกเพียบ กวินอารมรณ์ดีชนิดที่ร้องฮัมเพลงตามเสียงดนตรีที่ดังออกมาจากวิทยุ
   อารมณ์ดีจนวริษฐ์ต้องลอบมอง แล้วรีบหันกลับเมื่ออยู่ ๆ เจ้าตัวดีหันก็หันกลับมาหาเขา
   “พี่อาร์ตนอนห้องกวินมั้ย”
   “นอนครับ ดึกแล้วขี้เกียจขับรถ”
   “หอในมันให้คนนอกเข้ามั้ยนะครับ” กวินพูดล้อเลียนวริษฐ์ ร่างสูงเหลือบไปมองใบหน้ายิ้มกริ่มของกวิน
   “พี่ง่วงน่ะก็อ้างไปงั้น”
   กวินหุบยิ้มลงนิดหน่อย แต่เขาจะเนียนคิดเข้าข้างตัวเองแล้วกันว่าพี่อาร์ตน่ะหวงเขา

   กวินถึงห้องเขารีบอาบน้ำให้ตัวหอม ๆ ส่วนวริษฐ์ไปนอนกลิ้งเกลือกอยู่บนที่นอน ฝังหน้าลงกับหมอนนุ่ม
   ติ้ง ติ้ง
   มือถือของกวินวางอยู่ข้างเขาเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นทำให้เขาเงยหน้าขึ้นจากหมอน ถือวิสาสะชะโงกหน้าดูมือถืออีกฝ่าย ที่ตอนนี้เจ้าของไม่อยู่ไปอาบน้ำ
   ‘น้องกวิน
   กลับถึงห้องหรือยัง’
   โหไอ้เต๋า มันขอแชทกวินไว้ด้วย ตอนไหนวะ คลาดสายตาแปปเดียว ร้ายว่ะแม่ม แล้วทางนี้ก็ยอมให้เขาด้วย ... วริษฐ์นึกฟึดฟัดอยู่ในใจ
   กวินออกมาจากห้องน้ำเขาก็มานอนข้าง ๆ วริษฐ์ พลางหยิบมือถือมาเช็ค เขาพิมพ์ตอบกลับพี่เต๋า อย่างสุภาพว่ากลับถึงบ้านปลอดภัยเรียบร้อย
   “พี่อาร์ตไปอาบน้ำสิครับ”
   ร่างสูงมองกวินที่ถือมือถืออยู่ในมือ แต่กลับออกปากไล่เขา... จะแอบคุยกันล่ะสิ แต่วริษฐ์ก็ยอมลุกไปอาบน้ำแต่โดยดี ไปทำให้ตัวเย็น จะได้รู้สึกสบายใจ
   แปปเดียวเขากลับออกมาจากห้องน้ำ เห็นตัวแสบนั่งกดมือถือยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ก็ชักจะร้อนอีกครั้ง คุยกันหัวเราะคิดคักไม่หยุด
   วริษฐ์เดินกลับมาที่เตียง ก่อนทิ้งตัวลงข้าง ๆ คนตัวเล็ก นั่งขัดสมาธิมองว่าอีกฝ่ายจะหยุดพิมพ์โต้ตอบกับเต๋าตอนไหน

   ติ้ง
   เสียงแจ้งเตือนแม่มน่ารำคาญจริง ๆ
   ‘พรุ่งนี้กวินว่างมั้ย’
   ร่างบางเหลือบมองคนข้าง ๆ ก่อนจะพิมพ์ตอบไปว่า “ว่างครับ”
   ‘ไปกินข้าวกัน
   เดี๋ยวพี่จะเล่าเรื่องสนุก ๆ เกี่ยวกับวริษฐ์ให้ฟัง’
   ร่างบางอ่านข้อความขณะเหลือบมองคนข้าง ๆ อีกรอบ เหลือบมองไปมองมาจนวริษฐ์ชักจะหงุดหงิดจนต้องถามออกไป
   “มีอะไรหรอกวิน”
   “คือ...พี่เต๋าชวนไปกินข้าว”
   วริษฐ์ได้แต่โวยวายในใจ รุกชิบหาย!
   “จะไปหรอ” วริษฐ์ถามกลับ
   ขณะกวินคิดตกตะกอนในใจ ถ้าไปคงได้รู้จักพี่อาร์ตมากขึ้น เขาอยากสนิทสนมกับพี่เต๋าเอาไว้
   “ไปครับ”
   “งั้นพี่ขอไปด้วย”
   “ไปด้วยกันก็ได้ครับ”
   ร่างบางพิมพ์ตอบว่า ไป เต๋าก็ถามว่าจะให้ไปรับที่หอมั้ย เขาก็บอกว่าไม่เป็นไร ให้ไปเจอกันที่ห้างที่พี่เต๋าอยากไปเลย หลังจากนัดแนะเวลาสถานที่เรียบร้อย เขาก็ขยับไปวางมือถือไว้ที่หัวเตียง ก่อนมานอนซุกอยู่ที่ต้นขาของวริษฐ์
   ‘เมิงก็ได้แค่ในแชทแหละเต๋า!’ วริษฐ์โวยวายอยู่ในใจ
   พวกเขานอนเล่นกลิ้งเกลือกบนเตียง และเพราะทั้งสองคนนอนกอดก่ายกัน เนื้อตัวสัมผัสกันและกัน อารมณ์จึงเกิด ไฟรักร้อนจึงถูกจุดติด พวกเขาขยับเขาหา สัมผัสกันและกันตามสัญชาตญาณ
   
   วริษฐ์มองคนด้านล่างที่ทำให้เขามีอารมณ์แค่เพียงสัมผัสกันไปมาเท่านั้น ใบหน้าเนียนขึ้นสีแดงมันเห่อร้อนเพราะฤทธิ์เหล้าและรสสัมผัส ริมฝีปากเล็กบวมเจ่ออ้าออกเพื่อหายใจ เหงื่อออกเกาะพราวทั่วใบหน้า เส้นผมชื้นเปียกแนบลูบไปกับหน้าผาก แผงอกเปลือยเปล่าที่ขยับขึ้นลงด้วยความเหนื่อย วริษฐ์หยุดขยับเพื่อให้คนตัวเล็กได้พักหายใจ จุดเชื่อมต่อกันแม้ไม่เคลื่อนไหว แต่กลับบีบตอดรัดสั่นกระตุกอยู่ข้างใน ดวงตากลม   ปรือหลับ เพราะคนตัวเล็กเพิ่งไปถึงสวรรค์ ขณะที่วริษฐ์ยังค้างอยู่ วริษฐ์รอคอย แม้เขาจะอยากขยับใจจะขาด
   กวินหอบหายใจ เขาเสร็จไปก่อนพี่อาร์ต ร่างสูงรุกรานเขาทั้งหน้าทั้งหลัง ทั้งยังบดขยี้ริมฝีปากของเขา รุนแรงกว่าทุกทีจนเหมือนจะกลืนกินเขาเข้าไปทั้งตัว ด้านล่างขยับถี่ทั้งเอวและสะโพก ทำให้เขาหายใจแทบไม่ทันแล้วก็พาเขาไปส่งถึงฝั่งได้อย่างง่ายดาย เขาพักเหนื่อยหอบหายใจ ก่อนปรือตาขึ้นสบดวงตาของพี่อาร์ตที่กำลังมองเขาอยู่เหมือนกัน ใบหน้าหล่อเหลาและดวงตาคมที่เปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน พี่จะรู้บ้างมั้ยว่าพี่ทำให้หัวใจของผม เต้นแรงแล้วแรงอีก แล้วหัวใจของพี่ละครับเต้นแรงเหมือนผมบ้างมั้ยเวลาที่เราสบตากัน
   “ขยับได้เลยครับ กวินโอเค”
   เมื่อได้รับคำอนุญาต วริษฐ์กับทำต่อตามที่มันควรจะเป็น เขาขยับเข้าออกช่องทางรักด้วยความรวดเร็วรุนแรง เสียงต้นขาแกร่งกระทบกับก้นของกวินดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ
   “จะเสร็จแล้ว” วริษฐ์พูดขณะกดแก่นกลางเข้าไปเขากอดคนตัวเล็กเอาไว้ ใบหน้าซุกอยู่ที่ไหล่เนียน ด้านล่างกระตุกเกร็งปลดปล่อย เขาตามกวินไปทันแล้ว
   เขาถอนแท่งเนื้อออก พวกเขาไม่แม้แต่จะไปอาบน้ำทำความสะอาดหรือใส่เสื้อผ้า เขาแค่เช็ดเสื้อเช็ดคราบน้ำเหนียวเหนอะหนะ และโยนเสื้อตัวนั้นไว้ข้างเตียง ทั้งคู่นอนกอดกันแล้วหลับไป ใช้เวลาค่ำคืนนี้ไปด้วยกัน แนบแน่นเท่าที่ใจต้องการ

   ช่วงเช้าวริษฐ์ตื่นก่อนเขาปล่อยให้คนตัวเล็กใช้อกเขาหนุนแทนหมอน มือก็เกลี่ยเส้นผมอ่อนนุ่มไปมา แผ่นหลังเนียนสะท้อนกับแสงแดดที่ส่องเข้ามาในห้อง เขาไม่อยากคิดอะไรมากไปกว่าการมองหน้ากวินตอนหลับใหลตอนนี้ ไม่อยากคิดว่าตอนนี้ตัวเองรู้สึกยังไง ไม่อยากคิดว่าในอนาคตจะเป็นแบบไหน รสนิยมของเขาเปลี่ยนแปลงไปแล้วหรือ ทำไมถึงมาติดอยู่กับผู้ชาย ที่มีเหมือน ๆ กันกับเขา หน้าอกใหญ่โตพอดีมือที่เขาเคยชอบ กวินก็ไม่มีให้จับ แล้วคนอื่นจะมองเขายังไงก็ไม่รู้ ถ้าเขาเป็นผู้หญิงคู่เดท คงโกรธน่าดู
   ‘พอถูกใจ เพศอะไรกุไม่สนใจหรอก เอาที่กุมีความสุขพอ’
   เขานึกถึงคำพูดของเต๋า แค่ถูกใจก็พอ...แต่เมิงน่ะ จะใครก็ได้ที่ไม่ใช่กวินอ่ะเต๋า
   “นัดเต๋ากี่โมงนะกวิน”
   “เที่ยงครึ่งครับ”
   “โอเค”
   เพราะนี่เพิ่งจะ เก้าโมง พวกเขากินขนมปังทาแยมง่าย ๆ รองท้อง เป็นมื้อเช้าสำหรับคนขี้เกียจ พวกเขาใช้เวลาเรื่อยเปื่อยไปด้วยกัน สถานที่นัดขับรถคงไม่เกินครึ่งชั่วโมง พวกเขาอาบน้ำเตรียมตัว ยังเหลือเวลาอีกมากให้ทำอะไรมากมายเพื่อฆ่าเวลา
   กวินเกิดอยากจะวาดรูปขึ้นมา เขาอารมณ์ดี วริษฐ์นั่งดูคนตัวเล็กวาดรูปเล่น ลายเส้นการ์ตูนเป็นภาพหน้าเขาท่อนบนเปลือยเปล่าจากมุมมองของคนที่อยู่ด้านล่างอย่างกวิน สีหน้าท่าทางของผู้ชายในภาพดูสุขสมจนปิดไม่มิด
   “กวินวาดภาพโป๊”
   “แค่ถอดเสื้อเองครับ” กวินตอบพลางแหย่ต่อ “หรือพี่รู้ครับว่าคนในภาพกำลังทำอะไร”
   วริษฐ์ย่นจมูกพลางใช้มือเคาะไปที่หน้าผากของกวินด้วยความมันเขี้ยว
   “พี่อาร์ต ยิ้มเยอะ ๆ นะ”
   ร่างสูงส่งยิ้มให้คนตัวเล็ก ดวงตาอ่อนโยนจนหัวใจของกวินพองโต เขานึกสงสัยว่าตัวเขาเองน่ะ จะยังรักอีกฝ่ายเพิ่มมากขึ้นได้ขนาดไหน มันไม่มีที่สิ้นสุดสักที ยิ่งเขายิ้มให้ ก็ยิ่งรัก...

   เต๋าไปถึงจุดนัดก่อนเวลานิดหน่อย เขาคิดอยู่ในใจสองอย่างสำหรับวันนี้ คิดว่ากวินคงบอกวริษฐ์แน่ ๆ ว่าจะมาเจอเขา เพราะขนาดเข้าห้องน้ำยังขออนุญาตเลย เรียกว่าอยู่ในโอวาทอย่างดี  ขอทายว่า ถ้าวริษฐ์ไม่มาด้วย มันคงโมโหน่าดู หรือไม่... มันก็โผล่มาด้วยตามประสาหมาหวงรุ่นน้องที่ทำงาน
   ใกล้เวลานัดเขาก็เห็นกวินอยู่ริบ ๆ สว่างสดใสมาแต่ไกล ตัวก็ขาว เสื้อก็ขาว กางเกง 5 ส่วนสีฟ้าอ่อน สดใสเหมาะกับเพื่อนเขา
   “ซื้อหวยไม่ถูกแบบนี้วะ”
   เต๋าบนเสียงเบา พลางยิ้มขัน ร่างเล็กเดินนำ ร่างสูงของเพื่อนเขาเดินตาม
   “สวัสดีน้องกวิน”
   “ดีครับพี่”
   “เมิงมาทำไมอ่ะวริษฐ์”
   “น้องชวน กุว่างกุก็มา”
   กวินขมวดคิ้วนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้พูดขัด เขาเออออไปด้วย อ่ะ เขาชวนก็เขาชวน ทั้งที่ตัวเองขอมาเองแท้ ๆ
   “หิวหรือยังกวิน ไปกินข้าวกัน” เต๋ามองข้ามความท่ามากของวริษฐ์ไปเอ่ยชวนกวินแทน
   “กินอะไรดี”
   พวกเขายังตัดสินใจไม่ได้ก็เลยเดินวนดูร้านต่าง ๆ ร้านไหนที่พวกเขาจะฝากท้อง จนสายตาไปสะดุดกับร้านอาหารจีน คนน้อยด้วย น่ากินด้วย เขาไม่เคยกินเลย
   “ร้านนั้นมั้ย อาหารจีนคนน้อยดี” เต๋าออกปาก ขณะที่ทุกคนก็ให้ความสนใจเพราะไม่เคยกินเลย
   พวกเขาเดินเข้าร้าน กวินเดินนำเลือกโต๊ะ ขณะที่เต๋าตั้งใจจะชิงพื้นที่ข้างกวิน ให้วริษฐ์นั่งตรงข้ามมองดูเขาคุยกับกวินชัด ๆ เต็มสองตา
   วริษฐ์หน้ามุ่ยนิดหน่อย เมื่อเต๋าเลือกนั่งข้างกวิน แล้วเขาต้องมานั่งตรงข้าม ทำไมเขาก้าวไม่ทันมันวะ เลยต้องมานั่งตรงข้ามมองดูไอ้เต๋ามองกวินตาหวานเยิ้ม มือก็เหมือนปลาหมึก กวินชี้ตรงไหน มือของเต๋าก็จะไปชี้ตามใกล้ ๆ จนมือสัมผัสกัน 
   “อันนี้น่ากินนะครับได้หลายอย่างเลย”
   “เอาสิ กวินกินไรกินเลย พี่เลี้ยง”
   “โหย ผมเกรงใจ”
   “ไม่เป็นไร พี่รวย พี่อยากเลี้ยงคนน่ารัก ๆ ส่วนคนที่ติดมา ถือว่าทำบุญแล้วกัน”
   วริษฐ์ตวัดสายตามองเมื่อถูกกล่าวถึง
   “หารกันก็ได้ กุก็ไม่ได้จน” ...ไอ้เต๋าเมิง
   พวกเขาสั่งเซ็ตแนะนำของทางร้าน มีทั้งเป็ดย่าง หมูกรอบ หมูแดง เต้าหู้ทรงเครื่องสไตล์เสฉวน เกี๊ยวน้ำ
   อาหารมาเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มมากมายหลายชนิด บางอันเค็ม บางอันหวาน บางอันมัน ๆ เผ็ด ๆ  พนักงานมาแนะนำซอสแต่ละชนิดก่อนอาหารจะทยอยมาเสิร์ฟ มีแต่ของน่ากิน กลิ่นก็หอมจนน้ำลายไหล
   กวินเริ่มกินอย่างเพลิดเพลินใจ อร่อยไปหมดทุกอย่าง หมูกรอบนี่อย่างดีเลย กรอบแบบว่าพวกร้านหมูกรอบเหนียว ๆ แข็ง ๆ ร้านอื่นต้องวิ่งมาขอสูตร เนื้อเป็ดก็ฉ่ำ หมูแดงนี่หวานนิด ๆ ทั้งหอมทั้งนุ่น เต้าหู้ทรงเครื่องสไตล์เสฉวน ซอสเค็มหวานเผ็ด ครบรสช่วยตัดเลี่ยน กำลังดี แต่มันนิดนึง ก็เลยขาดไม่ได้ต้องซดน้ำซุปเกี๊ยวน้ำร้อน ๆ ให้คล่องคอ ซุปใส ทำให้กวินฟิน
   วริษฐ์ลอบมองหน้าตามีความสุขของกวิน แต่รำคาญไอ้เต๋าชิบหาย น้องมีมือ เมิงจะคีบอะไรให้เขานักหนาวะ
   “มองไรวริษฐ์ อยากแดกเป็ดที่กุคีบหรอ อ่ะ กุยกให้” เต๋าพูดกวน
   “อ๊ะ” กวินส่งเสียงร้อง เมื่อทำหมูกรอบตกลงไปในถ้วยน้ำจิ้ม น้ำจิ้มกระเด็นเปื้อนเสื้อกวินเป็นดวง ๆ
   เต๋ามือไวรีบเอาทิชชู่ชุบน้ำ ถูไปที่เสื้อของกวิน ถูไปที่แผ่นอกของกวิน
   แกร๊ก!
   วริษฐ์วางตะเกียบลงถ้วยเสียงดัง ทำให้ร่างบางสะดุ้ง
   “ไปล้างในห้องน้ำให้เรียบร้อยไปกวิน” น้ำเสียงราบเรียบดูไม่พอใจถูกส่งออกมา
   กวินลุกไปอย่างว่าง่าย เขาก็ไม่อยากให้เสื้อขาวมันเปื้อนนักหรอก
   เต๋ามองท่าทีของเพื่อน อันนี้นอกแผนแต่โคตรได้ผล ผู้ชายเหมือนกัน ไม่มีอะไรสึกหรอซักหน่อย แตะไม่ได้หรอ... หึ ถ้ามันบอกว่าชอบน้องสักคำ ผมจะเลิกแกล้งเลย
   “ร้านนี้ไม่อร่อยหรอ”
   “อร่อย”
   “น้องน่ารักเนอะ”
   “เออน่ารัก ใสซื่อ เมิงก็อย่าไปยุ่งกับน้องเลย”
   หืม? จะบอกว่าเมิงยุ่งได้คนเดียวงี้ กั๊กนี่หว่า เต๋าคิดพลางมองสำรวจเพื่อน
   “เห็นกุเป็นคนยังไง กุเป็นคนดีจะตายไม่เหมาะกับน้องหรอ”
   “น้องไม่ชอบเมิงหรอก”
   โห จะบอกว่าน้องชอบเมิงคนเดียวงี้  ถึงจะจริง แต่ก็น่าหมั่นไส้ว่ะ เต๋าไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะต้องมานั่งลับฝีปากกับแม่ม เพราะเรื่องหัวใจเนี้ย
   “แล้วน้องชอบใคร”
   “...” วริษฐ์นิ่งไม่ยอมตอบต่อปากต่อคำ
   เงียบสิเมิง เจอคนถามตรงแบบกุ
   “กุอ่ะเหมาะกับน้อง กุคนดี”
   “ไม่อ่ะ กุเป็นห่วงน้อง”
   “ห่วงอะไร น้องโตแล้ว เป็นพ่อหรอไง”
   “ไม่เว้ย”
   น้องชอบกุ น้องไม่มีทางชอบเมิง เลิกเกาะแกะได้แล้ว กุหงุดหงิด เขาไม่คิดเลยว่าจะต้องมาหงุดหงิดงุ่นง่านใจแบบนี้ กับเพื่อนที่สนิทที่สุดของเขาอย่างเต๋า
   “ช่างเมิงเถอะ แค่รุ่นพี่ที่ทำงานอ่ะ กุไม่สนใจหรอก” เต๋าพูดพลางยักคิ้วใส่
   ก่อนมวยจะเริ่ม กวินก็กลับมา เรียกให้ทั้งสองคนพักยก หันมามองคนตัวเล็ก ที่เสื้อขาว ตัวบางเป็นดวงเปียกเพราะน้ำ มันชื้นจนแอบเห็นอะไรบางอย่างที่ซุกซ่อนอยู่ ตุ่มไตเล็ก ๆ สีหวาน
   วริษฐ์อยากจะบ้าตาย กวินทำไมมันทำเสื้อเปียกขนาดนั้น
   เต๋ามองอีกคนไม่วางตา ก่อนที่เขาจะหวั่นไหวเข้าจริง เขาถอดเสื้อกันหนาวตัวบางของตัวเองส่งให้กวิน
   “พี่กลัวเราหนาว เอาไปใส่เถอะ”
   “ขอบคุณครับ” กวินรับมาใส่อย่างว่าง่าย มันปกปิดได้พอสมควร
   วริษฐ์เดาะลิ้น ทำเป็นสุภาพบุรุษ เมื่อกี้จ้องตาแทบถลน
   กวินกลับมานั่งกินต่อไม่ได้สนใจว่าสองคนจะทะเลาะอะไรกัน เอาเป็นว่าเพื่อนพี่อาร์ตเป็นคนดีมาก และถ้าหากว่าพี่เต๋าจะช่วยทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองถูกพี่อาร์ตหวง เขาก็ว่าสนุกดี...
   มื้อนี้กวินอิ่มจังตังอยู่ครบ เพราะว่าพี่อาร์ตกับพี่เต๋าออกให้เขา หลังจากนั้นพวกเขาก็เดินเล่นเรื่อยเปื่อย
   กวินขอแวะร้านเสื้อยืด ลายแมวน่ารักสะดุดตาจนเขาต้องหยุดมอง เสื้อยืดสีน้ำเงินเข้ม มีกระเป๋าตรงหน้าอก บนกระเป๋ามีลายปักแมวตัวเล็ก ๆ โผล่มาด้วย
   ร่างสูงขยับเข้าใกล้กวินพลางพูดเสียงเบาข้างหู “แมวเหมือนกวิน”
   “พี่อาร์ต์ดูจะชอบวันนั้นมากนะครับ” กวินเอ่ยแซว วันที่เขาแต่งเป็นแมว พี่เขาดูจะชอบอกชอบใจมากเป็นพิเศษ
   วริษฐ์ไม่ตอบทำเป็นไม่สนใจเสียงแซวของกวิน เขาเอื้อมมือไปจับผ้า ผ้านิ่มดูแล้วคงใส่สบาย
   “ตัวละ 200 สองตัวลดให้ 350” แม่ค้าพูดราคา แถมแนะนำโปรโมชั่นโดยไม่รอให้เขาได้ต่อราคา กวินมองเสื้อแมวตัวที่อยากได้
   เต๋าหยิบเสื้อลายนั้นลายนี้ดู มันก็ดูน่ารักดี แม้จะไม่ใช่แนวที่เขาใส่เลยก็ตาม ไม่ใช่แนวของวริษฐ์ด้วยเหมือนกัน
   “พี่...” เต๋าจะร่วมซื้อด้วย ว่าจะลองเพราะผ้าดูใส่สบาย แต่อีกคนกลับพูดแทรกขึ้นมาก่อน
   “ผมเอาตัวนี้ไซส์ M กับตัวนั้นไซส์ L “ วริษฐ์เลือกเสื้อยืดสีน้ำเงินอีกตัวที่ลายปักเหนือกระเป๋าเป็นรูปหมาชิบะ
   วริษฐ์ชี้บอกพร้อมควักตังออกมาจ่าย
   เต๋าเลยมองนิ่ง ๆ มุ๊งมิ๊งเชียวนะว้อย เขาไม่อยากจะซื้อด้วย เผื่อทั้งสองคนนั้นอยากจะใส่ให้เป็นเสื้อคู่ เขาก็ไม่อยากจะเป็นส่วนเกินหรอกนะ
   “พี่ ผมซื้อเอง”
   “พี่ซื้อให้ พี่เอาด้วยตัวนึง ดูจะใส่สบาย”
   ร่างสูงรับถุงเสื้อมาถือไว้ กวินยิ้มกว้าง เหมือนเสื้อคู่ไม่มีผิด
   “ขอบคุณครับ”
   “ไปเปลี่ยนเลย แล้วเอาเสื้อกันหนาวคืนพี่เต๋าไป” วริษฐ์พูดบอกกวิน
   คนตัวเล็กยิ้มกว้าง พี่หวงผมใช่มั้ย เสื้อของคนอื่นก็ไม่อยากให้มาอยู่บนตัวผมใช่มั้ยละ ถ้าหวงถ้าหึง พี่รักผมใช่มั้ย ผมมีโอกาสแล้วใช่มั้ยครับพี่
   
   ร่างบางแว่บไปห้องน้ำอีกครั้ง เพื่อเปลี่ยนเสื้อ แล้วจะได้เอาเสื้อกันหนาวคืนพี่เต๋าไป
   “วริษฐ์ เมิงรู้มั้ย...” เขาพูดเฉลยเลยดีมั้ย หรือให้มันคิดเองดี
   “รู้ว่า?”
   สายตาของเมิง ท่าทางของเมิง ทุกอย่างที่เมิงเป็น เมิงรักเขา ไม่ใช่แค่รุ่นน้องที่ทำงานบ้าบอ เมิงโกรธกุแบบที่ไม่เคยเป็น เราสนิทกันมาตั้งนาน ไม่มีเคยมีปัญหากัน แต่เมิงพร้อมมีปัญหากับกุ แค่เพราะกุใกล้ชิดกับน้อง นั่นก็เป็นข้อพิสูจน์แล้ว ว่าเมิงน่ะรักเขา
   “เมิงน่ะ...”
   หรือบอกไปเลย เพราะมันโง่ ถ้ามันรู้ มันรู้ไปแล้ว
   “เฮ้อ ถ้าเมิงยังไม่รู้ตัวอีกนะเพื่อน คนที่เสียใจก็คือน้อง...หรือไม่ก็เมิงเอง”
   “พูดอะไรของเมิง...”
   “พี่เต๋า ขอบคุณนะครับพี่” คนตัวเล็กกลับมาพอดี ทำให้เต๋าไม่ได้พูดต่อ
   วริษฐ์ขมวดคิ้วกับคำพูดของเต๋า แต่เขาก็ดูจะพอใจที่กวินคืนเสื้อเต๋าไปสักที เขารับเสื้อสีขาวของกวินตัวที่เปื้อนเอามาใส่ถุงเสื้อที่เขาถือไว้
   เต๋ามองท่าทางนั้น เขาคิดว่าวริษฐ์คงคิดอะไรได้บ้างแล้ว คงคิดได้ว่าควรจะทำยังไง เขากลับไปดูร้านดีกว่า ถ้าไอ้โง่นั่นยังไม่รู้ใจตัวเองอีก ก็ช่างแม่งให้หมามันคาบไป โง่นัก
   “วริษฐ์กวินเดินต่อป่ะ พี่จะกลับไปดูร้านก่อน”
   ร่างบางมองสบตาคนตัวสูง วริษฐ์พยักหน้าเบา ๆ เขาจะเดินเล่นอีกหน่อย
   “เดี๋ยวกุเดินเล่นต่อ เมิงกลับก่อนได้เลย”
   “โอเค ไว้เจอกันใหม่นะกวิน ร้านพี่ยินดีต้อนรับเสมอ”
   ก่อนจะไปเต๋าไม่ลืมที่จะยั่วโมโหวริษฐ์ ด้วยกันจับมือเล็กเขย่าเบา ๆ
   “ครับพี่วันนี้ขอบคุณมาก ไว้คุยกันครับ” กวินบอกลาด้วยความกระตือรือร้น
   มันสร้างความคันยิบในใจวริษฐ์ได้ไม่มากก็น้อย พอเพื่อนมารจากไป เขาก็ถามคนตัวเล็กทันทีว่าอยากไปไหนต่อ
   “ขอแวะร้านนั้นนิดนึง”มือบางชี้ไปที่ร้านที่ตกแต่งด้วยโทนสีสดใส อย่างชมพูฟ้า ร้านเครื่องสำอาง...
   กวินพาเขาเดินเข้าร้านเครื่องสำอาง แปลก ๆ นิดหน่อยที่เดินเข้าไปร้านแบบนี้กับผู้ชายสองคน
   “พี่ว่าครีมอันนี้หอมมั้ย” ร่างบางเลือกครีมโลชั่นมาให้วริษฐ์ช่วยเลือก ที่ใช้อยู่จะหมดพอดี
   “ทาครีมด้วยหรอ”
   “ทาสิ ไม่งั้นผิวจะนุ่มหรอพี่”
   มือหนารับขวดครีมมาดม“หอมดีนะ”
   “พี่ไม่ทาหรอ”
   “ไม่ค่อยได้ทา พี่ว่ามันเหนอะหนะ ทาแค่ช่วงหน้าหนาวพอ”
   “อ่อ แต่กวินผิวแห้ง ถ้าไม่ทาสงสัยจะไม่น่าลูบ” เจ้าตัวพูดพลางหัวเราะคิกคัก เขาดมกลิ่นอื่นแล้วส่งให้คนข้าง ๆ ลองดม
   “แล้วกลิ่นนี้กับกลิ่นนี้ล่ะ”
   “หอมคนละแบบแฮะ”
   “พี่ชอบกลิ่นไหน”   
   “พี่ชอบกลิ่นแรก” กลิ่นที่เขาเลือกมันหอม ๆ หวาน ๆ สดชื่นดี ส่วนกลิ่นที่สอง ที่สามมันดูฉุนเกินไป
   “งั้นเอาอันแรก”
   “หืม? เราล่ะชอบกลิ่นไหน”
   “ผมชอบหมดเลย เลยให้พี่ตัดสินไง ยังไงพี่ก็ต้องได้ดม...”
   “เราเนี้ย เอะอะวกมาเรื่องนี้ตลอดเลยนะ พูดเองเขินเองอยู่เนี้ย ไอ้เด็กเอ้ย” เขาพูดพลางใช้มือดันหัวกวิน
   “ฮ่า ๆ”
   กวินเดินไปจ่ายเงิน ขณะที่ร่างสูงยืนรอ ก็มีคนสะกิดเรียกเขา
   “พี่วริษฐ์สวัสดีค่ะ” หญิงสาวร่างเล็ก แต่อกภูเขาไฟ เรียกทักเขา รุ่นน้องที่ทำงานเก่า ไม่เจอหน้ามาสามสี่เดือนได้แล้ว บังเอิญมาเจอกันที่นี่เฉยเลย
   “ดีครับ”
   “พี่มาทำอะไรร้านนี้คะเนี้ย”
   “มาดูโลขั่นน่ะ”
   “เอ๋ พี่วริษฐ์เนี่ยนะคะ ทาหรอ”
   “เปล่าหรอก”
   “งั้นคงมารอ” เธอพูดพลางชะโงกหาใครสักคนที่ดูเหมือนจะมากับวริษฐ์ แต่เธอเดาไม่ออกเลย “พี่มากับใครหรอคะ”
   “รุ่นน้องที่ทำงานน่ะ” เขาพูดพลางภาวนาให้กวินยังไม่เสร็จยังไม่เดินกลับมาทางนี้ เขารู้สึกแปลก ๆ ยังไงไม่รู้
   “พี่วริษฐ์นี่ฮอตเหมือนเคยเลยนะคะ รุ้งล่ะคิดถึงพี่จริง ๆ พี่ออกจากบริษัทไป ยังไม่มีใครหล่อ นิสัยน่ารักแบบพี่เลย”
   “เอ่อ ครับ งั้นไว้เราเจอกันใหม่” เขาพูดออกแนวไล่หน่อย ๆ ไม่บอกคิดถึงกลับ ไม่อะไรทั้งนั้น กวินกำลังเดินกลับมา
   หญิงสาวเขย่งไปหอมแก้มวริษฐ์เบา ๆ  ก่อนผละออก
   แน่นอนว่ากวินเห็นเต็มสองตา เขาก็ทำได้แค่หลบตาจากภาพนั้นเท่านั้นเอง ความสุขเมื่อกี้จางหายไปในพริบตา ความหวังว่าเขาจะรักดูลางเลือน ทั้งที่ไม่กี่นาทีก่อนมันดูชัดเจนจนเหมือนเขาจะเอื้อมคว้ามันมาไว้ได้เลย ความรักน่ะ
   หญิงสาวโบกมือลาวริษฐ์ ร่างสูงยิ้มพลางโบกมือตอบ พอหญิงสาวไป กวินก็เดินมาถึงเขาพอดี ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทำเหมือนไม่เห็นภาพเมื่อกี้ ทั้งที่ต่างฝ่ายต่างรู้ ต่างมองเห็นกัน แต่เลือกที่จะไม่พูดถึงมัน
   วริษฐ์อยากอธิบาย แต่ไม่รู้จะอธิบายไปทำไม มันก็... เขาไม่มีอะไรจะอธิบายหรือปฏิเสธ ยิ่งกวินไม่ถาม เขาก็ว่าจะปล่อยมันผ่านไป ไม่เป็นไรหรอกมั้ง
.
.
[หมาที่ว่านี่ชื่อเต๋ามั้ยนะ น้องน่ารัก
ถ้าพี่ไม่ทำอะไรสักอย่างโดนแน่ เเล้วเนี้ย
คล้อยหลังเต๋า ทำน้องจ๋อยอีกเเล้ว ผู้หญิงเยอะขนาดนี้!!!]

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เหมือนว่าอิพี่อาร์ตก็ยังไม่รู้ตัวมั้งพี่เต๋า

ต้องจัดอีกสักสองสามยก  อิอิ

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
พี่เต๋าคงต้องจัดอีกซักยกสองยกแล้วล่ะ เพื่อนพี่ยังสับสนอยู่นะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
มันคงจะเป็นไรเร็วๆนี้ละ

ออฟไลน์ RingoPle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-4
บทที่ 22

   พวกเขาเดินออกจากร้านเครื่องสำอางบรรยากาศนิ่งสงบต่างจากตอนขาเข้าไปในร้านโดยสิ้นเชิง กวินเงียบลงไปอย่างเห็นได้ชัด เขาได้แต่เหลือบมองอีกฝ่าย แต่ไม่รู้จะพูดอะไร เหมือนคนน้ำท่วมปาก
   พวกเขาเดินดูนั่นดูนี่ไปเรื่อย เดินจนหมดชั้น บรรยากาศระหว่างเขากลับไม่สดใส
   “พี่อาร์ต”
   อยู่ ๆ ร่างบางก็เรียกเขา ทำให้เขาสะดุ้ง
   “ฮะ ครับ”
   “พี่เมื่อยหรือยังครับ”
   กวินไม่พูดเรื่องเมื่อกี้ แค่ถามเขาว่าเขาเมื่อยหรือเปล่า ที่พาเดินไปเรื่อย ๆ แบบไร้จุดหมายแบบนี้ แม้เมื่อกี้จะมีใครบางคนโผล่มาทำให้บรรยากาศกร่อย แต่ใบหน้าหวานกลับมีรอยยิ้มอ่อนโยนให้เขา เป็นห่วงเขาแม้ดวงตานั่นจะเศร้าสร้อย ...เขาไม่ชอบเลย
   มือหน้าเอื้อมไปคว้าข้อมือบางเอาไว้โดยอัตโนมัติ
   “ครับพี่?”
   “เมื่อกี้น่ะ..”
   “ครับ?”
   “เขาเป็นรุ่นน้องที่บริษัทเก่าพี่”
   ร่างบางเงียบไปอึดใจก่อนจะยิ้มออกมา รอยยิ้มที่เขาเดาไม่ออกเลยว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกยังไงกันแน่
   “เหมือนผมเลยนี่ครับ... รุ่นน้องที่บริษัท” เขาไม่ควรน้อยใจเรื่องนี้เลย แต่มันก็อดไม่ได้ เขาเองก็เป็นรุ่นน้องที่บริษัทเหมือนกัน ไม่ได้แตกต่างจากใครเลย ทั้ง ๆ ที่ก็เตรียมใจมาแล้ว ...
   “กวิน--”
   “พี่อาร์ต ถ้าวันหนึ่งผมจะไป พี่จะรั้งผมมั้ย”
   ในใจวริษฐ์กระตุกวูบ กวินอาจจะใกล้ทนไม่ไหวกับเขาแล้ว แล้วเขาต้องทำยังไง... ต้องวางตัวแบบไหน... ’ถ้าเมิงยังไม่รู้ตัวอีกนะเพื่อน คนที่เสียใจก็คือน้อง...หรือไม่ก็เมิงเอง’
   “พี่...คงไม่รั้ง คนจะไปรั้งให้ตายก็ไปอยู่ดี ใช่มั้ย”
   “ครับ” กวินยิ้มเยาะตัวเอง “ช่างเถอะครับ” ร่างบางพูดตัดบทพลางหมุนตัวกลับ ไปด้านหน้าหันหน้าหนีจากเขา อย่าทำให้มันกร่อยกว่านี้เลยกวิน ถ้าพี่อาร์ตเบื่อ ต่อไปไม่มาด้วยจะแย่เอานะ
   วริษฐ์พูดไม่ออก น้ำเสียงที่แสดงถึงความน้อยใจนั่น แล้วจะให้เขาทำยังไงล่ะ ถ้าเขาสามารถรั้งให้ใครไม่ไปได้ ถ้ารั้งแล้วเขาไม่ไป ถ้าเขาทำแบบนั้นได้ล่ะก็ เขาคงทำไปนานแล้ว เพราะเฝ้าอ้อนวอนแค่ไหนก็ไม่มีใครกลับมา
   ร่างสูงหลบตามองต่ำ เขามองมือตัวเองที่ยังจับอีกฝ่ายเอาไว้ หรือเขาจะรั้งเอาไว้ได้กันนะ ... ก่อนอื่นเขาต้องจัดการบรรยากาศแย่ ๆ ตรงหน้านี่ก่อน
   “กินขนมหวานกันมั้ย” เติมน้ำตาลเผื่อว่าจะรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิม ของหวานทำให้อารมณ์ดี
   “กินอะไรล่ะครับ”
   “กวินอยากกินอะไร”
   “อะไรก็ได้ครับ”
   “ไม่เอาอะไรก็ได้”
   “อะไรที่พี่อาร์ตอยากกิน”
   “เอาอะไรที่กวินอยากกิน”
   “พี่อาร์ต!” คนตัวเล็กดูจะหงุดหงิดที่เขาถามเซ้าซี้ให้อีกฝ่ายเลือก ทั้งที่คนตัวเล็กไม่อยากจะหันมาคุยกับเขาเท่าไหร่ คงเป็นเพราะความน้อยใจนั่น
   ร่างบางระบายลมหายใจ ไม่โกรธไม่หงุดหงิด ไม่น้อยใจ ไม่เป็นอะไร กวินปกติดี ผมพยายามสะกดจิตตัวเอง พยายามบอกซ้ำ ๆ “ร้านนั้นก็ได้ครับ”
   “ไปสิ” วริษฐ์ก้าวยาวเดินนำ พลางดึงมือให้อีกคนก้าวตาม ร่างบางมองแผ่นหลังที่เดินนำเขาไป เขาไม่ชอบความรู้สึกนี้ของตัวเองเลย เขาจะทนยิ้มไม่ไหว

   พวกเขานั่งตรงข้ามกันกวินยกเมนูของหวานขึ้นปิดบังหน้า
   “กวิน...หน้าพี่ก็ไม่อยากมองหรอ”
   เพราะวริษฐ์พูดทักแบบนั้น มือบางที่ยกเมนูขึ้นดูสูงจนปิดหน้าปิดตา ถึงได้ลดแขนลง วางเมนูราบไปกับโต๊ะ
   “เปล่าครับ”   
   “อืม กินอะไรดี”
   “แพนเค้กครับ เบอร์ 4”
   “เอาไอติมรสอะไร”
   “ให้พี่เลือกเลย”
   “งั้นวนิลา โอเคมั้ย” เขาถามกวิน เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าตกลง เขาจึงยกมือเรียกพนักงาน ก่อนจัดการสั่งให้เสร็จสรรพ เขาสั่งนมร้อนไปด้วย เผื่อว่าจะรู้สึกเย็น ๆ ฝืดคอ หรือหวานคอมากเกินไป
   แพนเค้กจานใหญ่มาเสิร์ฟตรงหน้ากลิ่นหอมมาก แค่นี้ก็รู้สึกดี ในจานใบใหญ่นอกจากแพนเค้กยังมีไอติมวนิลา วิปครีม สตรอเบอรี่ และน้ำผึ้ง
   วริษฐ์ตักเข้าปากไปสองคำ เขาว่าอร่อยเลยนะแพนเค้กที่นี่ เขาลอบมองกวินที่กินขนมหวาน ใบหน้าเนียน ดูจะอารมณ์ดีขึ้น ผ่อนคลายกว่าเดิม เหมือนบรรยากาศกร่อย ๆ เมื่อกี้กำลังถูกซ่อมแซม เพราะขนมหวานอร่อย ๆ
   “อร่อยดีนะร้านนี้”
   “อร่อย ผมเคยกินร้านนี้กับเพื่อน”
   “คนที่สูง ๆ ตัวใหญ่ ๆ หรอ“
   “เอ๋” บอกลักษณะถูกเลย เขาเคยมากินกับไอ้พวกนั้นแหละ คนตัวสูง ๆ ใหญ่ ๆ ก็คงจะแต้ม “ครับใช่ พี่อาร์ตเคยเห็นหรอ”
   “อ๋อ เปล่า” โกหกทำไมวะ เห็นก็เห็นสิวริษฐ์ วันนั้นที่หน้าตึก เห็นด้วยว่าสนิทสนมกันมากแค่ไหน...
   ร่างบางมองจ้องคนที่บอกว่าไม่เห็น แต่พูดลักษณะกายภาพของแต้มถูกหมด คืออะไร?
   เมื่อวริษฐ์ถูกจ้องมาก ๆ เขาจึงตักสินใจตอบไปตามจริง
   “พี่เคยเห็นเรากับเพื่อนที่หน้าตึก”
   “ครับ มันนั่นแหละ”
   “สนิทมากหรอ”
   “ครับ สนิท เพื่อนสมัยเรียน”
   “อื้อ” ร่างสูงพยักหน้า
   ขณะกวินหยิบสมุดเล่มเล็กออกมา ขีด ๆ จด ๆ อะไรสักอย่าง
   “ทำอะไรอ่ะ”
   “พี่อาร์ตอาทิตย์หน้าอยากกินอะไร”
   “พี่กินได้หมดเลย” ร่างบางขมวดคิ้วเมื่อผมตอบแบบนั้น คงไม่ต่างจาก อะไรก็ได้ “กวินทำอะไรก็อร่อย พี่อยากกินหมดเลย”
   คำตอบแบบนั้นทำให้กวินหลุดยิ้มออกมา มายอกันแบบนี้ เขาก็หงุดหงิดไม่ออก เขาจึงชี้แจงอาหารเช้าของอาทิตย์หน้าให้ฟัง ก่อนจะเตรียมจดวัตถุดิบ แต่เขายังไม่ซื้อวันนี้หรอก ค่อยซื้อวันอาทิตย์
   “มีแต่อะไรน่ากิน ทำไมเราทำอาหารเก่ง”
   “ผมน่ะหรอ ก็ฝึกเอาน่ะครับ มีกูเกิ้ลเป็นครู”
    “เก่งจัง พี่ทำเป็นไม่กี่อย่าง นอกนั้นซื้อกินเอา”
   “ซื้อกินต้องป้องกันนะครับ”
   “...” มาอีกแล้วมุกแบบนี้ กวินคงจะหายหงุดหงิดน้อยใจแล้วมั้ง 
   “อารมณ์ดีแล้วสิ” วริษฐ์พูดแซวก่อนจะยกมือเรียกพนักงานเก็บเงิน
   มือบางยื่นเงินส่งให้ “หารกันนะครับ”
   “ได้สิ” ร่างสูงรับเงินมา เขาเก็บเงินสด แล้วส่งบัตรเครดิตให้พนักงาน
   “ไปไหนต่อดี”
   “เดินย่อยแล้วกันนะครับ”
   พวกเขาเดินเล่นย่อยอาหาร บรรยากาศระหว่างทั้งสองคนกลับมาเหมือนตอนแรกแล้ว เหมือนว่าทั้งคู่ไม่ได้เจอผู้หญิงคนนั้น กวินลากวริษฐ์เดินไปนั่นไปนี่จนเมื่อยขาไปหมด เขาได้ตุ๊กตาเซรามิกรูปแมวกับหมามาคู่นึง ตัวขนาดประมาณฝ่ามือ ขอคิดเอาเองว่าหมาเป็นพี่อาร์ตแล้วแมวคือเขา เขาจะเอาไปตั้งที่ห้อง
   “ถ้าแมวเป็นกวิน หมาคือพี่หรือเปล่า” วริษฐ์ถามขณะชี้มือไปที่ถุง
   “รู้อีก”
   “ตัวพี่ชอบกินน้ำเขียว”
   “เดี๋ยวพี่อาร์ต ผมเอาไปแต่งห้องไม่ใช่เอาไปบูชา”
   “อ้าวหรอเหมือนเลย”
   กวินมองถุงตุ๊กตาเซรามิกในมือ เขารู้สึกว่าความน่ารักของมันลดลงไปราว ๆ  20 เปอร์เซ็นต์ เพราะคนข้าง ๆ ทักไม่ค่อยจะดี หาว่าเอาไปบูชาซะงั้น
   พวกเขาเดินด้วยกันจนแดดร่มลมตก หาของคาวเล็ก ๆ น้อย ๆ กินกัน อย่างลูกชิ้นปิ้ง และเมื่อสมควรแก่เวลา ที่เดินขาลากกันมาทั้งวัน วริษฐ์ก็ไปส่งกวินที่ตึก   

    ร่างบางเดินเข้าตึกไป กดลิฟต์ไปห้องด้วยความเคยชิน เดินใจลอย ปล่อยให้สองขาก้าวเดินไปแบบทุก ๆ วัน แต่ที่ต่างออกไปคือมีใครบางคนยืนรออยู่หน้าห้อง มือบางกำมือถือแน่นเขากดโทรออกทันที เบอร์ของวริษฐ์ เขาจะถอยหลังหนีก็ไม่ทันแล้ว มือหนาคว้าจับที่แขนของกวินเอาไว้ ก่อนดึงมือถือในมือไปกดตัดสาย
    “เอามือถือคืนมา”
    “ไม่”
    ความโกรธแล่นริ้วขึ้นหน้า ใบหน้าเนียนขึ้นสีแดงเป็นริ้วมันสั่นนิด ๆ ด้วยความโมโห มายุ่งวุ่นวายอะไรกับเขานักหนา ไปแล้วก็ไปให้ลับสิวะ ไปเริ่มชีวิตใหม่แล้ว ก็ให้กุได้เริ่มใหม่บ้าง
   “กวิน เรามาคุยกันดี ๆ เถอะ” เติ้ลจับแขนกวินเอาไว้แน่น เพื่อไม่ให้อีกคนได้หนีไปไหน
   “ไม่ กุไม่อยากคุย”
   “คุยกันดี ๆ”
   “พอสักทีได้มั้ยวะ!” กวินขึ้นเสียง สะบัดมือให้หลุดจากการเกาะกุม เขาไม่มีอะไรต้องคุย ไม่ได้อยากจะรู้จักสนิทชิดเชื้อกันอีก ไม่อยากแม้กระทั่งมองหน้า เขาไม่เหลืออะไรให้แล้วนอกจากความเกลียดชัง
   “คุยกันก่อน แล้วค่อยว่ากัน”
   “ไม่มีอะไรต้องคุย เรื่องเราจบแล้ว จบสนิท เอามือถือคืนมา แล้วเมิงก็กลับไปซะ”
   เจอหน้ากันมีแต่เพิ่มพูนความเกลียดชัง อย่ามาเจอกันอีกเลยจะดีเสียกว่า...
   “ไม่รักกุแล้วหรอไง”
   “ไม่ กุเกลียดเมิง เข้าใจมั้ย!”
   “เกลียดหรอ” เติ้ลถลาจับไหล่กวินเอาไว้ ก่อนออกแรงเขย่าตัวกวินไปมา แรงบีบที่ไหล่ทำให้อีกร่างบางนิ่วหน้า เติ้ลเริ่มขึ้นเสียงโวยวายเสียงดังเหมือนคำราม “เกลียดกุหรอ!”
   “เออ เกลียด” กวินพูดด้วยใบหน้าชิงชัง  น้ำเสียงแข็งกร้าวกึ่งตะคอก เขาเกลียดคนตรงหน้า ไม่อยากให้ให้มาถูกตัวเขาอีก “ปล่อยกุ ขยะแขยง!!!”
เพียะ
   สิ้นคำพูด เติ้ลเงื้อมมือขึ้นตบใบหน้าเนียนจนหน้าหัน ด้วยความโกรธ แก้มเนียนขึ้นรอยแดงเป็นปื้นชัดเจน เลือดไหลซึมจากมุมปาก ดวงตากลมวาวโรจน์ ทั้งเจ็บทั้งโกรธ มีสิทธิอะไรมาตบเขา
   เติ้ลที่ได้สติ เขามองใบหน้าเนียนด้วยความรู้สึกผิด ...มายั่วโมโหให้เขาโกรธ เขาเลยพลั้งมือ
   “กวิน”
   ใบหน้าข้างขวาชา มันคัน ๆ เจ็บ ๆ  ก่อนรู้สึกถึงความเค็มในปาก ทำไมเขาต้องถูกตบ ถูกทำร้ายร่างกาย ทำร้ายจิตใจซ้ำแล้วซ้ำอีก จากคนเดิม ๆ  ไม่ไปจากชีวิตของเขาสักที มือบางยกขึ้นจับแก้ม  มันยังชาอยู่
พลั่ก
   รอบนี้เป็นเติ้ลที่กระเด็นลงไปกองกับพื้น เมื่อคนมาเยือนใหม่วิ่งเข้ามาถีบเติ้ลจนกระเด็น ก่อนเตะซ้ำชายโครงไปอีกรอบ วริษฐ์มาทันเห็นคนตัวเล็กโดนตบพอดี เขาเองก็เลือดขึ้นหน้าเหมือนกัน ที่เขาย้อนกลับมาเพราะมือถือมันดัง เขารับพอดี แต่ไม่ได้ยินใครพูดอะไร แล้วก็ตัดไป เขาก็สังหรใจแปลก ๆ และนึกแต่ว่า ไอ้เติ้ลอะไรนี่จะมาอีก แล้วก็จริง เขาเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่หน้าลิฟต์ เลยวิ่งกระโจนมา ขาก็ยกขึ้นถีบทันที เตะซ้ำด้วยความโกรธ ก่อนที่มือหนาจะเอื้อมกุมข้อมือบางเอาไว้ และดึงแขนให้กวินเดินตามเขามา ไม่ได้ให้ความสนใจกับเติ้ลที่นอนกองอยู่ที่พื้น
   เขาถีบมันเต็มแรง ซัดซ้ำก็แล้ว คงไม่มีปัญญาลุกขึ้นมา

   กวินมองแผ่นหลังคนที่เดินนำ ร่างสูงนิ่งเงียบ ไม่พูดไม่จา ทำแค่จูงมือเขาเอาไว้ จนเราเข้ามาอยู่ในลิฟต์ วริษฐ์ถึงได้หันมาจับคางกวินหันไปทางซ้าย เพื่อดูแก้มข้างขวาให้ขัดเจน มันขึ้นเป็นรอยแดงปื้นใหญ่ 5 นิ้วเลย มือหนาแตะมันเบา ๆ พยายามไม่ให้อีกคนเจ็บไปมากกว่านี้
   “เจ็บมั้ย” เสียงนุ่มเอ่ยถาม ทำให้อาการชาดิกที่แก้มจางหาย ความเจ็บปวดแล่นขึ้นมาชัดเจน น้ำตาหยดขึ้นคลอหน่วย ความเป็นห่วงของคนข้าง ๆ ทำให้เขาร้องไห้ออกมา เป็นอีกครั้งแล้วที่พี่อาร์ตมาช่วยเขาเอาไว้
   วริษฐ์ตกใจตาโต เจ็บมากแน่ ๆ เด็กน้อยของเขาถึงได้ร้องไห้ออกมาแบบนี้ มือหนาประคองใบหน้าด้านซ้ายเอาไว้ ก่อนใช้นิ้วปาดน้ำตาที่ไหลหยดออกมา ไม่กี่อึดใจลิฟต์เปิดออก วริษฐ์จูงมือกวินให้เดินตามมาที่รถ
   กวินหยุดสะอึกสะอื้นแล้ว วริษฐ์ลอบมองอีกฝ่าย พลางหยิบทิชชู่ขึ้นมาซับน้ำตา และหยดเลือดที่มุมปากของกวิน ร่างบางมองท่าทางนั้นด้วยหัวใจที่กำลังถูกฟื้นฟู เสี้ยวใบหน้าหล่อเหลาอยู่ใกล้แค่เอื้อม ทุกการกระทำเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ถ้ารู้ว่าจะถูกสัมผัสแบบนี้ เขายอมโดนตบอีกสักกี่ทีก็ได้ ถ้ามันจะทำให้คนตรงหน้าใจดีและอ่อนโยนกับเขาแบบนี้
   ร่างสูงขับรถออกไป มุ่งตรงกลับไปที่บ้าน บ้านทาวเฮาส์หลังเล็กที่เขาไม่เคยพาใครเข้ามา กวินเป็นคนแรกในรอบหลายปีที่เขาพามาบ้าน
   วริษฐ์วิ่งอ้อมมาเปิดประตูรถให้ เขาส่งมือให้คนตัวเล็กจับเอาไว้ เขาพากวินเดินเข้าบ้านด้วยความเคยชิน บ้านทั้งหลังมืดตื้อ เขาเปิดไฟหน้าบ้าน 1 ดวงเท่านั้น ในบ้านเงียบติดจะวังเวง กวินเดินตาม เขามองสำรวจบ้านในความมืด นึกแปลกใจนิดหน่อยที่ว่าทำไมร่างสูงถึงไม่เปิดไฟ ทำไมตรงดิ่งขึ้นชั้น 2 เลย เขาพากวินไปที่ห้องนอนส่วนตัว ห้องนอนที่เป็นพื้นที่ส่วนตัวของเขา
   ไฟในห้องถูกเปิดสว่างไสว จนกวินต้องหยีตา มันดูสว่างไสวมีชีวิตชีวายิ่งกว่าบ้านชั้นล่างลิบลับ ห้องเป็นระเบียบจนเขานึกแปลกใจ เสื้อผ้าที่ราวถูกแขวนเอาไว้ เรียบกริบ แทบจะเรียงสีเรียงไซส์ ชั้นหนังสือที่มีทั้งนิยายและหนังสือเรียน หนังสืออ้างอิงต่าง ๆ ถูกจัดเรียงไว้อย่างเรียบร้อย มีมุมเด็ก ๆ อยู่บ้างที่ตู้โชว์มีตุ๊กตาตัวเล็ก ๆ ตั้งโชว์อยู่
   เขาพากวินที่ตื่นตาตื่นใจกับการเข้าห้องของวริษฐ์ มองสำรวจนั่นนู้นนี่จนเพลิน จนลืมความเจ็บปวดไปหมดสิ้น เขากำลังตื่นเต้น กับการได้รู้จักวริษฐ์ให้มากขึ้น ร่างสูงพากวินไปนั่งรอบนเตียง มือหนาลูบศีรษะอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู
   “นั่งรอนี่แหละ เดี๋ยวพี่มา”
   เขาเดินกลับลงไปด้านล่าง กดเปิดไฟให้สว่างด้วยความจำเป็น เขาเปิดตู้ยาสามัญประจำบ้านที่ไม่ได้แตะมันมานาน ไม่สิไม่ใช่แค่ตู้ยา แต่เป็นทั้งบ้านหลังนี้เลยต่างหาก เขาหายาแก้ฟกช้ำ กับน้ำเกลือ ทั้งคู่นั่นหมดอายุไปแล้ว รวมทั้งยาแก้ปวดก็หมดอายุทั้งหมด เขาไม่แปลกใจมากนัก 6-7 ปี มานี้ ที่บ้านนี่ยังกับสถานที่แปลกหน้า นับตั้งแต่วันที่...ที่นี่เหลือแค่เขาคนเดียว
   เขาปิดตู้ยา เดินไปหยิบชามสแตนเลสในครัว ปิดไฟก่อนเดินกลับขึ้นชั้นบน เขาพยายามค้นผ้าเช็ดหน้ากับผ้าขนหนูผืนเล็ก เขาหยิบผ้าขนหนูมาแช่ในชามแสตนเลส
   กวินมองดูวริษฐ์เดินไปเดินมาหยิบนั่นหยิบนี่เงียบ ๆ ก่อนร่างสูงจะมาหยุดคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขา วางชามแสตนเลสไว้ข้างตัว มือหนาบิดน้ำออกจากผ้าขนหนูพอมาด เขาเช็ดหน้าให้กวิน เช็ดซับจุดที่มีเลือดไหลซึม
   กวินนิ่วหน้า เมื่อจุดที่แตะถูกมันเจ็บ
   “เจ็บนิดนึง”
   เลือดเกรอะกรังถูกเช็ดออกไปหมด วริษฐ์ก็ลุกเดินไปที่ตู้เย็นเครื่องเล็กในห้องของเขา เสียงน้ำแข็งกระทบกล่องพลาสติกดังก๊องแก๊ง เขากางผ้าเช็ดหน้าบนผ้ามือ หยิบน้ำแข็งมาวาง 4-5 ก้อน ก่อนเดินกลับไปส่งให้กวิน
   “ประคบนี่ มันจะได้ไม่บวม”
   “ขอบคุณครับ”
   กวินเอาผ้าห่อน้ำแข็งประคบแก้ม ความเย็นทำให้เขาขนลุกหน่อย ๆ ความร้อนจากตัวเขาทำให้น้ำแข็งค่อย ๆ ละลาย วริษฐ์นั่งลงข้าง ๆ เขานิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะถามอีกฝ่ายเสียงเบา
   “ทำไมเขาตบเราล่ะ”
   “ผมบอกเขาว่า เกลียด ขยะแขยง” กวินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงชิงชัง ดวงตากลมมีแววตาวูบไหว เขาเกลียดช่วงเวลาทุกข์ระทมของตัวเอง...
   ร่างสูงพยักหน้าเข้าใจ ก่อนดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดไว้หลวม ๆ
   เพราะแบบนั้น ร่างบางจึงเริ่มร้องไห้อีกครั้ง น้ำตาไหลออกมาอย่างสุดจะกลั้นได้ ทำไมเขาต้องเจ็บตัว เจ็บใจ เขาทำอะไรผิด ทำไมล่ะ กวินสะอึกสะอื้น ฝ่ามือเริ่มชาเพราะน้ำแข็ง เหมือนกับซีกหน้าด้านขวาที่ถูกตบ เย็นจนชา ถ้าเอาน้ำแข็งไปวางที่หัวใจของเขา มันจะชาเหมือนกันมั้ย มันจะหายเจ็บปวดหรือเปล่า
   กวินสะอึกสะอื้นกว่า 20 นาที เสื้อผ้าของวริษฐ์เปียกชื้นไปด้วยน้ำตา การร้องไห้ยาวนานชนิดที่คนกอดปลอบเริ่มท้อใจ กวินเขาเมื่อยแล้วนะ พลางคิดในใจว่าน้ำในตัวของกวินคงใกล้จะหมดลงแล้ว ถ้าเจ้าตัวยังไม่หยุดร้อง และจำต้องพูดออกมา
   “กวินหยุดร้องไห้ได้แล้ว พี่เมื่อย”
   ร่างบางเงยหน้าขึ้นสบตาของวริษฐ์ ถึงจะพูดแบบนั้น แต่แววตาเป็นห่วงเป็นใยจากเขาฉายชัดออกมา คนตัวเล็กขยับไปจุ๊บที่แก้มของวริษฐ์เบา ๆ เป็นการขอบคุณที่ดูแลและใส่ใจเขา
   “กลับไปอยู่บ้านมั้ย เขาจะได้ตามไม่ได้”
   ร่างบางส่ายหน้าปฏิเสธ กลับไปบ้านก็แอบอึดอัด แล้วก็เจอพี่อาร์ตยากกว่าเดิมด้วย
   “งั้นไว้ค่อยคิด พี่ง่วงแล้ว เรานอนกันเถอะ”
   เขาทิ้งตัวลงบนที่นอน พลางอ้าแขนกว้าง โคตรเมื่อยเลย ร้องไปได้ยังไงตั้งนานสองนาน ...
   พอร่างบางเห็นท่าทางแบบนั้น เห็นการยืดเหยียดแขนเป็นการเชื้อเชิญ ถึงได้นอนซุกลงไปบนแผงอกแกร่ง มือบางวางพาดบนหน้าท้องของวริษฐ์ เขาแหงนหน้ามองวริษฐ์ก่อนจะยิ้มจนตาหยี วริษฐ์ตั้งใจจะบ่นว่า เมื่อกี้เขายังเมื่อยไม่พอหรอ แต่พอเจอใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสที่แม้ว่าดวงตาจะแดงช้ำเพราะร้องไห้ไม่หยุดวริษฐ์ก็บ่นไม่ลง
   พวกเขากอดกันก่อนจะหลับไป อ้อมกอดที่เติมเต็มคนทั้งคู่ คนหนึ่งเศร้าเสียใจ คนหนึ่งเหงาโดดเดี่ยว แต่ค่ำคืนนี้ ทั้งสองต่างเติมเต็มให้กัน ไม่มีคนเศร้า ไม่มีใครต้องเดียวดาย...
.
.
[เติ้ลมันจะเข็ดหรือยังนะ โดนเตะ โดนถีบไปแล้ว
พี่อาร์ตปากแข็งมาก ไม่รู้จะเอาอะไรงัดแล้ว
เต๋าทุ่มเทเล่นละครก็แล้ว น้องน้อยอกน้อยใจก็เเล้ว
แค่บอกว่ารัก บอกว่าน้องสำคัญ มันยากอะไรนักหนา
ตะ แต่อย่าเพิ่งเบื่อความปากแข็งของพี่เขานะ อยู่ด้วยกันก่อนนน]
 :z3: :z3: :z3:



ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อีเติ้ลโดนน้อยไปอะ  :z6: :z6: :z6:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด