นทีต้นน้ำ ตอนที่ 7
‘เหมือน’ เป็นแฟนกันจริงๆ เลย
สรุปว่าแข่งนัดต่อมา...วิศวะตกรอบ นทีเล่นสบายๆ ไม่คึกเหมือนรอบแรก สบายๆ กันทั้งทีม ขึ้นสวรรค์กันยกทีม แพ้สถาปัตย์อย่างองอาจไปหนึ่งประตูต่อศูนย์
คนแพ้ทุกคนมากองรวมกันที่บ้านของนที ทุกคนสรุปว่าจะปาร์ตี้บาร์บีคิวริมสระน้ำกัน น่าจะประหยัดกว่าไปกินที่ร้านอาหาร คนแพ้ก็ต้องดูแลตัวเองฉันใด...คนแพ้พนันยิ่งต้องดูแลตัวเองยิ่งกว่าฉันนั้น
“เงินหนอ...เงินกู นี่ก็เงินกู” ขิงพลิกกุ้งบนตะแกรงไปมาพลางปลงอนิจจังกับเงินที่ปลิวออกจากกระเป๋าไป
“เงินกูด้วย” เอื้องฟ้ากระแทกเสียงบอก
“ไม่รู้สิ ไม่ใช่เงินกูอ่ะ แต่แหมมม...กุ้งมันหวานดีจริงๆ” เม่นหยิบกุ้งไปดูดหน้าตาพริ้ม เม่นคนเดิม เพิ่มเติมคือความกวนตีน หลังจากที่ได้พบปะสมาคมกันหลายครั้งเข้า เม่นก็ทวีความกวนตีนเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว
พวกต้นน้ำทั้งสี่คนหัวเราะ พวกเขาตกลงกันแล้วว่า...ไหนๆ ตังค์ก็เสียไปแล้ว เสียตังค์ได้...แต่เสียหน้าไม่ได้เด็ดขาด ไม่ว่าฝั่งวิศวะจะมาไม้ไหน จะจิกจะกัดสักเท่าไร...ฝั่งศิลปกรรมก็จะไม่หัวร้อนเด็ดขาด
ความสนุกของการกวนตีนคือการที่ได้เห็นอีกฝ่ายหัวฟัดหัวเหวี่ยงนี่แหละ เมื่อความสนุกลดลง ฝั่งวิศวะก็เลิกพูดจาเกทับฝั่งศิลปกรรม หันไปกวนตีนเรื่องอื่นแทน
“สร้อยอะไรวะริว? กูเห็นมึงใส่ตลอดเลย” ต้นน้ำถามเมื่อเห็นสร้อยที่ร่วงพ้นออกเสื้อออกมาตอนที่ริวก้มวางลังน้ำแข็ง เป็นสร้อยทองคำขาวที่ร้อยแหวนเอาไว้หนึ่งวง
“ก็ไม่มีอะไรหรอก มึงอยากรู้เหรอ?”
ต้นน้ำพยักหน้า ก็ไม่อยากรู้เท่าไรหรอก เรื่องชาวบ้านน่ะ แต่ถ้าบอก ก็จะฟังก็ได้
ไม่เพียงแค่ต้นน้ำ คนอื่นๆ ก็พลอยเงี่ยหูฟังไปด้วย เนียนมาก...จากที่พูดคุยเล่นกันอยู่ดีๆ พากันหุบปากเงียบไปหมด
“เอียงหูมาสิ กูบอกมึงแค่คนเดียวเลยนะ ไม่บอกคนอื่น มึงรู้แล้ว...ต้องเหยียบไปที่มึงคนเดียวเลย”
ต้นน้ำพยักหน้ารับคำพร้อมกับเอียงหูเข้าไปใกล้
“เสือก!!!” ริวกระซิบเสียงดังจนได้ยินกันครบทุกคน กระซิบแบบนี้ไม่ตะโกนใส่หูไปเลยล่ะ
นทีหัวเราะตาหยี แววตาวาววับ พลางมองดูต้นน้ำวิ่งไล่ถีบริว
“ถ้าไม่รู้ว่ามึงชอบผู้หญิง กูคงคิดว่ามึงชอบไอ้น้ำไปแล้วนะเนี่ย” เม่นบอกนทียิ้มๆ
นทีหัวเราะกลับเบาๆ
ต้นน้ำ นที แยกเอาอาหารมาให้น้องรักทั้งสองตัว ต้นปาล์มผู้รักสัตว์ก็ตามมาด้วย “โจลี่มากินไส้กรอกเร็ว กินร้อนๆ เนอะ จะได้ไม่ปวดท้อง” ต้นปาล์มลูบหัวลูบหางแบรดพิตต์ อัธยาศัยดีแม้แต่กับหมา คาดว่าเหี้ย...ปาล์มก็รัก
“ตัวนั้นชื่อแบรดพิตต์ ” นทีบอกเสียงอ่อย
“เออ ลืมถามเลย แล้วหมาเม่นเป็นไงมั่ง? หายดีแล้วเหรอ?” ต้นน้ำถาม
นทีเลิกคิ้ว “..........”
“ก็ที่นายรีบกลับมาจากพัทยามาดูหมากันไง?”
“อ่อ...หายแล้ว”
บ้านไอ้เม่นเลี้ยงหมา? รีบกลับมาดูหมา?...ไม่นะ ตอนที่กลับจากพัทยา นทีเป็นคนชวนกลับ เพราะเป็นห่วงหมา หมาที่บ้านไม่สบาย ป๊าไม่อยู่ ไม่มีคนคอยดูแลไม่ใช่เหรอ?
ต้นปาล์มคาใจ... ไอ้เม่นนะไอ้เม่น เป็นเพื่อนกันแท้ๆ แอบเลี้ยงหมาไม่บอกเขา คอยดูนะ ต้องแอบไปเล่นให้ได้เลย
“เฮลโหล!!” เนมโผล่หน้าเข้ามา วันนี้เนมไม่หาย แต่แว้บไปรับแฟนมาด้วยเลยมาช้า
“นี่แป้งสุดที่รักของกูเอง” หญิงสาวหน้าหมวยเดินตามหลังเนมเข้ามา แป้งยิ้มจนตาหยี ท่าทางดูเขินๆ
“หวัดดีแป้ง” เอื้องฟ้าทักทาย คนอื่นก็โบกไม้โบกมือกันไป
“นั่นน็อต เม่น ปาล์ม แล้วก็นที” เนมแนะนำคนที่แป้งยังไม่รู้จักทีละคน
แป้งอมยิ้ม ท่าทางเขินกว่าเดิมอีก มือไม้อยู่ไม่สุข ตัวบิดไปบิดมา
“เบาๆ จ้ะทูนหัว หนูมีผัวแล้วนะคะ” เนมหันไปลูบหัวแป้ง แป้งยิ่งอายเข้าไปใหญ่...มือบางฟาดผัวะเข้าที่แขนเนมเสียงดัง
“เฮ้ย...เขินแรงไปป่ะเนี่ย?” เนมลูบแขนตัวเองป้อยๆ
เอื้องฟ้าตะโกนทันที “ถ้าผัวมันชั่ว เปลี่ยนผัวไหมหนู?” พูดจบก็เดินเข้าไปกอดแป้ง “โอ๋ๆ ไม่ต้องเขิน เราเข้าใจ เราก็เคยเป็นมาก่อน”
“เฮ้ย...อย่ามายุให้ผัวเมียเขาตีกัน ใครจะดีกว่ากูไม่มีอีกแล้ว นั่งรถมาพูดถึงแต่นทีตลอดทาง เอาสิ...เจอตัวแล้วนี่ ลูบได้ จับได้ คลำได้ แต่อย่าเอาไม้แหย่รู ใจกว้างขนาดนี้ จะไปหาที่ไหนได้อีก”
“เนมอ่า หยุดแซวได้แล้ว” แป้งยังเขินไม่หยุด “เพื่อนเราเขาฝากมาถ่ายรูปนทีอ่ะ” แป้งเดินมาบอกต้นน้ำ
ต้นน้ำงง ทำไมถามเขาล่ะ?
“หรือว่า...แป้งก็...เป็นแฟนเพจนั้นเหรอ?”
แป้งพยักหน้า
“เพจอะไรวะ?” ปาล์มถาม
“ก็เพจนทีต้นน้ำไง มึงไม่รู้เหรอ?” เอื้องฟ้าบอก พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดให้ดู
ปาล์มรับมาดูก่อนคืนให้เอื้องฟ้า แล้วล้วงโทรศัพท์มือถือตนเองออกมาจากกระเป๋าบ้าง “กูกดไลค์แระ” เต้นดุ๊กดิ๊กไป มือก็โบกโทรศัพท์โชว์
“ว้าว มีเพจแบบนี้ด้วย” น็อตชะโงกหน้าเข้ามาดู พลางเอาโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมากด
คนอื่นๆ ก็ทำตาม ทุกคนล้วงโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาแล้วกดไลค์เพจ
ต้นน้ำหันไปทางนทีที่ล้วงโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาเหมือนกัน
“นายทำอะไรน่ะ?”
นทีเงยหน้าขึ้นมามอง “หืม...ก็กดไลค์เพจไง”
“พวกเรามาเล่นเกมส์กันเถอะ” ปาล์มเสนอ ทุกคนส่งเสียงเฮ
“เกมส์นี้ชื่อว่าเกมส์คนกล้าหรือคนกาก ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราพูดว่า ใครเคยตกต้นไม้ ถ้าใครเคย...ให้กินหนึ่งแก้ว ถือว่าเป็นคนกล้านะ แต่คนที่ไม่เคยตกต้นไม้ ให้กินสองแก้ว จัดอยู่ในพวกคนกากนะ โอเคไหม? มีใครไม่เข้าใจกติกาบ้าง?”
ทุกคนมีแก้วเหล้าเต็มสองแก้วอยู่ตรงหน้า คนกล้า...จะได้กินหนึ่งแก้ว คนกาก...จะได้กินสองแก้ว
หึ...ถ้าคิดว่าเกมส์จะเบาๆ อย่างที่ตั้งคำถามล่ะก็ คิดผิด คิดอะไรที่มันปกติธรรมดาเหมือนคนอื่นเขา...ก็ไม่ใช่ต้นปาล์มแล้ว ปาล์มหยิบฉลากใบแรกขึ้นมา “เอาล่ะนะ ห้ามโกหก ใครโกหกขอให้เป็นหมัน ทำพันธุ์ไม่ได้อีกเลย”
“ใครเคยเสียตัวแล้ว?!?”
พรวดดดดดด!!! ต้นน้ำสำลัก นึกว่าเกมส์จะเบาๆ เปิดมาก็เล่นแรงเลย เสร็จแล้วก็หยิบขึ้นมากินหนึ่งแก้ว มีเอื้องฟ้าคนเดียวที่กินสองแก้ว
“ยังบริสุทธิ์อยู่สินะ กากว่ะ” เนมแดกดันเอื้องฟ้า แล้วหันไปจุ๊บขมับแฟนตัวเองที่นั่งหน้าแดงอยู่
“ไอ้น้ำ มึงโกหกป่าวเนี่ย?” เม่นถามขึ้นเมื่อเห็นต้นน้ำกินเข้าไปแค่แก้วเดียว
“โกหกอะไรวะ?”
“ไอ้ริว ไหนมึงบอกว่าไอ้น้ำมันไม่เคยไง?”
“เอ้า...กูก็คิดแบบนั้น ตั้งแต่คบกันมา กูก็ไม่เคยเห็นมันไปกับใคร” แปลว่า...ต้องก่อนที่จะมาสนิทกันสินะ เขาต้องแอบไปถามพวกเพื่อนที่อยู่กลุ่มเดียวกับต้นน้ำตอนโรงเรียนเก่าซะแล้ว
“พวกมึงแอบคุยเหี้ยอะไรกันลับหลังกูเนี่ย? ถ้าพวกมึงไม่สบายใจ กูกินอีกแก้วก็ได้นะ”
“เอาจริงดิ มึงเคยแล้วจริงเหรอ?” ขิงถาม
“ทำไมวะ? กูต้องโกหกพวกมึงเพื่อ...?” เขาอุตส่าห์ไม่โกหก กลัวเป็นหมันอย่างที่ปาล์มแช่งไว้
ต้นปาล์มกอดต้นน้ำหมับ “โธ่...ม่ายนะ ต้นน้ำคนดีของปาล์มมี่ เสียคนไปซะแล้ว”
“พวกมึงก็กินแก้วเดียวกันทุกคนอ่ะ ทำไมมาสงสัยแต่กูล่ะ?”
“ก็หน้ามึงมันไม่ให้ไง เฮ้ยพอแล้วไอ้ที...ของมึงน่ะเสียไปตั้งนานแล้ว กินแก้วเดียวก็พอแล้ว” น็อตหันไปปรามนทีที่ยกแก้วที่สองของตัวเองขึ้นดื่ม
“มาๆ ข้อต่อไป” ต้นปาล์มหยิบสลากใบที่สอง ทุกคนทำสีหน้าหวาดๆ...กลัวคำถามมันเหลือเกิน “ใครเคยได้เสียบนรถ!?!”
ต้นน้ำกุมขมับ โกหกดีไหมวะ? ไอ้ปาล์มมันแช่งแม่นไหมนะ? แต่เมื่อกี้ตอนที่มันแช่ง...หน้ามันก็ดูจริงจังอยู่ ต้นน้ำตัดสินใจ...หยิบขึ้นมากินหนึ่งแก้ว
“เฮ้ย...ไอ้น้ำ!!!” เพื่อนทั้งกลุ่มทำสีหน้าตกใจ ต้นน้ำไม่ใช่คนดีอย่างที่คิดซะแล้ว! ใสๆ ที่เห็น...ความจริงอาจจะเป็นเหล้าขาวก็ได้
“มึงมันร้ายยยย” เม่นยกแก้วขึ้นชี้หน้าเขา
ส่วนริวนั่งมองเงียบๆ...แต่ในใจไม่เงียบ เขาต้องกลับไปสืบข่าวให้ได้
เอื้องฟ้ากินสองแก้วอีกแล้ว “ไอ้เหี้ยปาล์ม ถ้ามึงจะมีแต่คำถามเสื่อมๆแบบนี้ คืนนี้กูเมาคนแรกอ่ะ” คนซิงคนเดียวในกลุ่มโวยวาย
“แล้วมึงจะให้ถามยังไง? ใครเคยฉี่ใส่ที่นอน...งี้เหรอ? ไม่เร้าใจเลย”
“มา งั้นกูเขียนให้” เอื้องฟ้าคว้ากระดาษเปล่าที่วางไว้มาช่วยเขียน
“ต่อเลยนะ ไม่รอเอื้องนะ” ปาล์มหยิบสลากแผ่นต่อไป “ใคร...เคยมีอะไรกับคนเพศเดียวกัน” ข้อนี้ง่ายมาก มีขิงเป็นคนกล้าแค่คนเดียว นอกนั้นกากหมด
“เดี๋ยวนะ...ไอ้ริว” ขิงที่ทำหน้าภาคภูมิใจขมวดคิ้ว “ทำไมมึงกินแค่แก้วเดียว?”
ริวยิ้มกริ่มพลางยักคิ้วแทนคำตอบ มือเรียวลูบแหวนที่อยู่บนสร้อยคอตัวเองเล่น
“บราโว ริว...ชายเหนือชาย” เสียงโห่ฮาดังขึ้น “ริวคนจริง” “ริวสุดยอด”
ขิงปาเม็ดถั่วใส่ริว “ไอ้เหี้ย แค่เรื่องนี้ มึงยอมให้กูสักเรื่องไม่ได้เหรอวะ?”
“โห กูจัดข้อนี้ให้ไอ้ขิงโดยเฉพาะเลยนะเนี่ย”
“นี่ๆ ขอถ่ายรูปได้ไหม?” แป้งบอก
ทุกคนขยับมารวมตัวกัน แป้งก็ถ่ายไปเรื่อยแล้วกดส่งให้เพื่อนดู
“เสร็จแล้ว” เอื้องฟ้าตะโกน “เก็บของเสื่อมๆ ของมึงลงไปเลยไอ้ปาล์ม”
“ไรว้า...มีของมึงด้วยนะเอื้อง ใครยังซิงอยู่?....ฮ่าฮ่าฮ่า” ปาล์มหัวเราะลั่น
“ไลฟ์สดได้ไหมอ่ะ เพื่อนเราอยากดูด้วย”
ทุกคนมองหน้ากัน พยักหน้ากันหงึกหงัก ไม่น่าจะมีอะไรเสียหายนี่
“เอาสิ เอาสลากเสื่อมๆ ของไอ้ปาล์มทิ้งแล้วนี่” เอื้องฟ้าบอก
“มาๆ ต่อ กดไลฟ์แล้วใช่ไหม?” ปาล์มถามแป้ง
“กดแล้ว”
“เอาล่ะนะครับ กระผมนายต้นปาล์ม....” ปาล์มอธิบายกติกาเกมส์ พร้อมกับรับหน้าที่เป็นพิธีกรเสียเลย แป้งหัวเราะชอบใจใหญ่
“ต่อนะ...ใครเคยหนีเที่ยว?” ยกหนึ่งแก้วทั้งกลุ่ม หัวเราะเฮฮากันไป
“ใครเคย...โกหกพ่อแม่” เคยยกแก๊งอีกแล้ว อะไรดีๆ นี่ ‘กล้า’กันหมด
“มาๆ ต่อๆ โหย...ข้อนี่แหววสัดอ่ะอีเอื้อง ใครมีคนที่แอบชอบอยู่? อันนี้ทีละคนๆ” ปาล์มกำกับรายการ
กล้องแพนไปทีละคน น็อต...กินสองแก้ว
เม่น...กินสองแก้ว
ริว...หนึ่งแก้ว
“อ๊ากกกก...ไอ้เหี้ยริว สงสารคนที่มึงแอบชอบว่ะ ใครที่พ่อหนุ่มคนนี้แอบชอบ รายงานตัวกับผมด้วย ผมจะแถมข้าวสารให้ครับ” ปาล์มแซวผ่านสื่อ
ขิง...สองแก้ว
เอื้อง...กินหนึ่งแก้ว
เนมพูดกับกล้อง “ผมไม่ได้แอบชอบครับ ผมมีคนที่ผมรักอยู่” แล้วก็กินแก้วเดียวพร้อมกับเสียงโห่จากเพื่อนๆ โดยมีแป้งที่ยิ้มเขิน หน้าแดงอยู่หลังกล้อง
“ผมชอบทุกคนเลย แล้วผมต้องกินกี่แก้ว?” ปาล์มกินไปสองแก้ว
ต้นน้ำ...กินหนึ่งแก้ว
นทีที่มองต้นน้ำอยู่ก็กินหนึ่งแก้ว
ต้นน้ไม่ได้มองหน้านทีเลย ปลายตาเห็นแต่เพียงมือขาวของคนข้างๆ ที่วางแก้วลงเท่านั้น
เม่นกับริวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของทั้งสองคน มองดูคนสองคนที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ไม่ค่อยมองหน้ากัน ไม่ค่อยพูดอะไรกันเหมือนเคยเงียบๆ
“เอาล่ะครับ สนุกสนานกันไปพอหอมปากหอมคอกันแล้ว จบการรายงานเพียงเท่านี้ พวกผมขอตัวไปกินต่อนะครับ ต้นปาล์มรายงาน”
“แล้วพวกมึงคบกันได้ไงอ่ะ?” เม่นถามคู่รักที่มีอยู่คู่เดียว
“ก็เป็นเพื่อนกันมาก่อน แล้วค่อยมาเป็นแฟนกัน” เนมตอบ
“แล้วมันมีอะไรเปลี่ยนไปไหม? จากเพื่อนกลายเป็นแฟน” ลองเอื้องฟ้าเป็นคนถามแล้วล่ะก็...รอได้เลย ถามอะไรแต่ละอย่าง ถามละเอียด ถามลึกทุกซอกทุกมุม ชอนไชยิ่งกว่าฝุ่นตามซอกหน้าต่างเสียอีก
“ไม่มีอะไรเปลี่ยนเลย ดูหนังด้วยกันเหมือนเดิม กินข้าวด้วยกันเหมือนเดิม คุยกันเหมือนเดิม อ้อ...เปลี่ยนสรรพนามไง จากที่พูด...กูมึง มาเป็น...ฉันเธอ ตอนแรกใครเผลอพูดกูมึงนี่เก็บตังครั้งละสิบบาท แป้งซื้อกระเป๋าได้ใบหนึ่งเลยอ่ะ”
“แล้วอย่างนี้จะเป็นแฟนกันไปทำไมวะ? เป็นเพื่อนก็เหมือนกัน”
เนมเริ่มทำสีหน้าลำบากใจ “มัน...ก็ไม่เหมือนกันไปซะทุกอย่างหรอก ฮึ๊ย...มึงเก็บไว้ถามตอนแป้งไม่อยู่ได้ไหม?”
“ตอบเลยนะ เธอมีความลับกับฉันเหรอเนม?” แป้งหยิกเนมเบาๆ
“เป็นเพื่อนกัน มัน...ก็...จูบกันไม่ได้ไง?”
“อ๋อ...มึงเป็นแฟนกับแป้งเพราะหวังฟันแป้ง?”
“มึงหยุดเลยอีเคี้ยวเอื้อง พูดให้กูหมาตลอด รักเพราะรักนะจ้ะดาร์ลิง” ประโยคหลังเนมหันไปพูดกับแป้งพร้อมทั้งเอาหัวไถ
“อ๋อ...มึงไม่ได้หวังฟันแป้ง?
“โฮ้ย...อันนั้นมันก็แน่อยู่แล้วป่ะว่าหวังอ่ะ กูจะอธิบายให้พวกคนไม่มีแฟนฟังยังไงดีวะ?” คนไม่มีแฟนทุกคนนั่งฟังหูผึ่ง แม้แต่ต้นปาล์มยังนั่งสงบเสงี่ยมได้ ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่า...ผู้ชายที่ดู ‘เชื่องๆ’ อย่างเนมกลับเป็นคนที่ต้องมานั่งสาธยายเรื่อง ‘การมีแฟน’ ให้เหล่า ‘หนุ่มหล่อสุดฮอต’ ผู้เชี่ยวชาญ ช่ำชองและโชกโชนทั้งหลายฟัง “ คือแบบ...อย่างเพื่อนเนี่ย เราไปกินข้าวด้วยกัน ดูหนังด้วยกัน แต่เราจะไม่อยากจับมือ ไม่อยากกอด ไม่อยากเข้าไปใกล้กว่าเดิมอ่ะ แต่กูอยากกับแป้งไง กูเลยต้องจับแป้งทำแฟน”
“งี้ก็หาผู้หญิงมานอนด้วยสักคนก็จบป่ะ? ได้มากกว่ากอดอีก” ตอบคำถามเอื้องฟ้าว่าลงลึกแค่ไหน?...เอื้องฟ้าก็เข้าใจได้ แต่ตอบคำถามต้นปาล์ม ถ้าไม่อัจฉริยะด้านการอธิบายมากๆ...ต้นปาล์มก็จะงงๆ อยู่อย่างนั้น
“มันไม่เหมือนกัน คู่นอนมันเป็นแค่ความสัมพันธ์ทางกาย มันไม่มีเรื่องของความรู้สึก อธิบายยังไง...มึงก็ไม่เข้าใจหรอกปาล์ม ถ้ามึงไม่เห็นผี...มึงก็ไม่เชื่อว่าผีมีจริง”
อธิบายขนาดนี้ คนอื่นเข้าใจหมดแล้ว แต่ปาล์มก็ยัง... “เหี้ย งงว่ะ”
“แล้วถ้าวันหนึ่งมึงต้องเลิกกันล่ะ?” เอื้องฟ้าถามบ้าง ต้นปาล์มงงจนหาคำถามมาถามต่อไม่ได้แล้ว
“กูก็เคยคิดเรื่องนี้นะ แต่เป็นเพื่อนกันไป...สักวันก็อาจจะทะเลาะกัน หรือไม่ก็แยกย้ายกันทำงาน ห่างๆ กันไปได้เหมือนกัน แล้วกูก็ไม่รู้ว่าจะกังวลกับความสัมพันธ์ที่ไม่รู้จะเป็นยังไงในอนาคต แล้วต้องทิ้งความสุขที่จับต้องได้ในตอนนี้ไปทำไม?”
“อืม กูว่ามึงคิดถูกแล้วเนม” เอื้องฟ้าบอก ไม่มีใครเห็นมือขิงที่บีบมือเอื้องฟ้าเบาๆ อยู่ใต้โต๊ะ
“เฮ้ย!!” ขิงตกใจ เมื่อเห็นรูปในเพจนทีต้นน้ำ เป็นรูปข้อความที่ขิงเขียนสนทนากับเอื้องฟ้าลงในชีทตอนที่เอื้องฟ้าสงสัยเรื่องนทีกับต้นน้ำ
“ไหนดูซิ นี่ขนาดไม่ได้พูดชื่อเลยนะ พวกนั้นรู้ได้ไงว่าหมายถึงนทีกับไอ้น้ำ?”
“มโนเอาเองไง” มโนกันถูกเสียด้วย “แล้วมันหลุดไปได้ไงวะ?”
เอื้องฟ้านั่งคิด “น่าจะอิ๊งอ่ะ ยืมชีทกูไปลอก กูว่าน่าจะหลุดจากทางนั้น”
“อิ๊งอาจจะไม่ได้ตั้งใจ แต่คงไม่มีอะไรหรอกมั้งมึง นทียังมากดไลค์เลย”
“เออว่ะ พวกวิศวะก็กดกันทั้งกลุ่ม กูกดมั่งดีกว่า”
“นี่เด็กๆ วันนี้ว่างไปกินข้าวกับแม่ไหม?”
“กินอะไรครับแม่?” ต้นน้ำถาม
“กินร้านบาร์บีกอนน่ะ แม่ไม่ได้กินมาตั้งนานแล้ว”
“โอเค ผมว่าง นายอ่ะ?” ต้นน้ำหันไปถามนที
“บอลแพ้ไปแล้ว ว่างแล้ว งั้นนายไปรถคันเดียวกับเราเลยสิ ไหนๆ ก็ต้องไปด้วยกัน ไปเจอกันที่ห้างเลยนะครับแม่” นทีชวนให้ต้นน้ำไฟมหา’ลัยพร้อมกันเลย เช้าวันนี้มีเรียนด้วยกันอยู่แล้ว ใช้รถคันเดียวกันก็ต้องประหยัดกว่าสิ
“จ้าลูก ตั้งใจเรียนนะเด็กๆ”
“เอารถนายไปนะ เราขี้เกียจขับ” ต้นน้ำบอก
“อืม ได้ แต่ตอนเย็นนายเป็นคนขับนะ”
“งั้นเราขับตอนนี้ดีกว่า ตอนเย็นนายค่อยขับ”
“ได้”
ขับรถออกจากหน้าปากทางเข้าหมู่บ้านไม่มันไร ต้นน้ำก็นึกได้ว่าลืมโทรศัพท์ ต้องวนรถกลับไปบ้าน ทำให้เสียเวลาขึ้นอีก พวกเพื่อนนั่งรออยู่ในห้องเรียนกันหมดแล้ว จนอาจารย์เดินเข้าห้องมาแล้ว นทีกับต้นน้ำก็ยังมาไม่ถึง
“ทำไมสองคนนั้นยังไม่มาอีก?”
“แป๊บนะ” เอื้องฟ้าบอกเพื่อนคนอื่น เอาโทรศัพท์ขึ้นมากดๆ “อยู่ที่จอดรถแล้ว กำลังขึ้นมา”
“พวกมันมันลำเอียงนี่ ทีกูไลน์หา มันไม่เห็นอ่าน แล้วทำไมมันตอบมึงวะ?” ปาล์มน้อยใจที่เพื่อนทั้งสองไม่อ่านไลน์ตัวเอง แต่กลับตอบเอื้องฟ้า
“กูไม่ได้ไลน์ถามมันนี่”
“แล้วมึงรู้ได้ไง?”
“ทวิตเตอร์!!! แฮชแท็กนทีต้นน้ำ” ยอมใจชาวทวีต เรื่องราวข่าวสารนี่เร็วจริง แทบจะนาทีต่อนาที สองคนนี้อยู่ไหน? ทำอะไร? กินข้าวกับอะไร? กินกี่คำ? รู้หมด ชนิดที่ว่า...กลุ่มเพื่อนสนิทยังไม่รู้ขนาดนั้นเลย
ปาล์มเลื่อนทวิตเตอร์ดูบ้าง วันนี้มีรูปนทีกับต้นน้ำเดินลงรถมาด้วยกัน ตอกย้ำความอยู่บ้านเดียวกันเข้าไปอีก ปกตินทีเป็นคนหวงรถมาก...แต่กลับยอมให้ต้นน้ำขับ แปลกจัง!
นทีกับต้นน้ำเดินเข้ามาพร้อมกัน มองมาทางกลุ่มเพื่อนที่นั่งอยู่ด้านหลังเกือบสุด ถ้าเดินไปถึงจุดนั้นก็เกรงใจอาจารย์ที่เริ่มสอนไปแล้ว เลยส่งสัญญาณว่าจะนั่งที่ว่างข้างหน้ากัน ต้นน้ำเดินนำไปก่อน นทีเลยคว้าข้อมือเอาไว้ให้นั่งข้างหน้าด้วยกัน
ต้นปาล์มมองแล้วก็อดคิดไม่ได้ ถ้าพวกขี้ชิปเห็นต้องจินตนาการไปไกลแน่...สองคนนั่นก็ทำตัว ‘เหมือน’ รักกันไปไหมวะ?
นทีเอามือพาดไปที่เก้าอี้ต้นน้ำ ดูแล้วเหมือนโอบกลายๆ แถมยังเอียงหน้าเข้าไปกระซิบอะไรกันอีก ต้นน้ำก็หัวเราะให้นที
เหมือน! เหมือนมาก! เหมือนจริงมาก! เหมือนสองคนนั้นเป็นแฟนกันจริงๆ เลย ต้นปาล์มไม่แปลกใจเลย...ที่สาวๆ จะชิปคู่นี้
ต้นน้ำกับนทีมาถึงห้างแล้ว แต่ธนกรกับน้ำฝนยังไม่มา ทั้งสองคนเลยไปเดินเล่นกันก่อน เดินมาถึงชั้นเสื้อผ้าผู้ชายก็อึ้งกันไปอึ้งกันมา
แบ็คดรอปขนาดใหญ่สูงตั้งแต่พื้นจรดเพดานเด่นหราอยู่หน้าร้านเสื้อผ้าของอรุณี
“ป้าอ้อยเล่นใหญ่ไปไหมวะ?” ต้นน้ำที่ยังตะลึงอยู่แสดงความคิดเห็นที่อยู่ในใจออกมา
“เราว่าเป็นฝีมือยัยน้ำตาล นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นงานของร้านนะ เราว่ายัยนั่นเอาแต่รูปนายไว้ แล้วเอารูปเราออกแน่”
ต้นน้ำทำหน้าไม่ถูก ยิ้มไม่ได้ หัวเราะไม่ถูก
“ป่านนี้...ห้องยัยนั่น น่าจะมีแต่รูปนายเต็มไปหมด? ทำเป็นผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนไปหมดแล้วมั้ง”
“นายอย่าพูดอย่างนั้นสิ เหมือนน้ำตาลเป็นโรคจิตเลย”
“ก็เป็นโรคจิตจริงๆ อ่ะ แต่ก็...พอเข้าใจได้” นทีมองไปที่รูปของต้นน้ำภาพที่กำลังกัดปาก หิวข้าวมันไก่
ส่วนต้นน้ำก็มองไปที่รูปนทีที่ถอดเสื้อ ใส่วันพีซแค่กางเกงตัวเดียว
“พี่คะ” น้องมัธยมกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาทัก นทีกับต้นน้ำหันไปพร้อมกัน “อุ้ย...ใช่จริงๆ ด้วย ขอถ่ายรูปได้ไหมคะ?” น้องๆ อุทานอย่างตื่นเต้นที่ได้เจอคนในแบ็คดรอปตัวจริง
พอมีกลุ่มหนึ่งก็มีกลุ่มสอง กว่าจะหมด นทีกับต้นน้ำก็ยิ้มจนเหงือกแห้ง
“แม่กับป๊าอยู่ไหนแล้วนี่?” ต้นน้ำรีบกดโทรศัพท์แล้วหันมาบอกนที “อยู่ที่ร้านแล้ว ไปเถอะ หิวโคตรๆ”
ป๊ากับแม่อยู่ที่ร้านแล้วจริงๆ อาหารวางเต็มโต๊ะพร้อมปิ้งย่างได้เลย ต้นน้ำเล่าให้ฝนทิพย์ฟังถึงสาเหตุที่มาช้า ย่างกันไป คุยกันไปจนอิ่ม มื้อนี้นทีกับต้นน้ำหารเงินกันเลี้ยงแม่กับป๊าเอง
พอออกมาหน้าร้าน ป๊าก็ไปรับรถเข็นที่ฝากไว้ ในรถเข็น...เต็มไปด้วยนิตยสารปกที่นทีและต้นน้ำเป็นแบบ
“ฮิฮิ นัดวางแผงพร้อมกันกับแบ็คดรอป แม่ไปเหมามาหมดเลย เดี๋ยวเราไปถ่ายรูปหน้าแบ็คดรอปกันด้วยนะ”
หา...ถ่ายรูปอีกแล้วเหรอ? “ถ่ายอีกแล้วเหรอแม่?”
“ต้องถ่ายนะ นี่แฟนคลับอันดับหนึ่งเลยนะ”
นทีกับต้นน้ำพากันถอนหายใจยาว เดินตามไปแบบเนือยๆ
“ทำหน้าดีๆ กันหน่อย แม่เราเขาตื่นเต้นมากเลยนะ ตอนขับรถมา ผ่านป้ายหน้าห้าง บอกอยากได้กลับบ้าน แต่ป๊าห้ามไว้ก่อน ป้ายใหญ่ขนาดนั้น...บ้านเราต้องใหญ่ขนาดไหน ถึงจะเก็บได้” ธนกรเดินเข็นรถช้าๆ ตามหลัง พลางนินทาภรรยาอย่างรักใคร่ให้ลูกทั้งสองฟัง
“กินอะไรดีวะ?” เนมถามขึ้น
“ข้าวมันไก่”
“อีกแล้วไอ้น้ำ กูจะเลิกคบมึงเพราะข้าวมันไก่เนี่ยแหละ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า กูจะไปกินที่โรงอาหารวิศวะ นทีบอกข้าวมันไก่ที่นั่นอร่อย ไปไหม?”
แน่นอนว่าไป เอื้องฟ้าขอเข้าห้องน้ำแป๊บนึง กลับออกมาในสภาพหน้า ‘เต็ม’ แน่นอนสิ...นี่ไปโรงอาหารวิศวะนะ โรงอาหารที่เต็มไปด้วยนักศึกษาวิศวะน่ะ แล้วนักศึกษาวิศวะส่วนใหญ่เป็นผู้ชายทั้งนั้นเลยนะ
ต้นน้ำแยกไปเซเว่น แล้วจะตามไปเจอกันที่ตึกวิศวะ พอไปถึงก็เจอพวกเม่นนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ส่วนนทีแยกไปซื้อน้ำ
“กินอะไรดีวะ? เอาก๋วยเตี๋ยวต้มยำดีกว่า” ริวยื่นเงินให้เอื้อง
“เฮ้ย ทำไมให้เอื้องไปซื้ออ่ะ ผู้ชายทั้งนั้นเลยนะเว้ย” น็อตผู้จริงจังตำหนิริว
“ก็เพราะอย่างนี้แหละ ถึงให้มันไปซื้อ มันจะได้โชว์ความสวยที่เพิ่งอัพมาให้โลกได้ประจักษ์ไง” ริวหัวเราะให้น็อต “ เป็นห่วงก็เดินตามไปไป๊ ห่างๆ นะ เดี๋ยวไม่มีใครแซวมัน”
คนอื่นลุกไปซื้อข้าวกันเหลือแต่ริวกับเม่น ริวเหลือบมอง เห็นข้าวมันไก่วางไว้จานนึง “ของไอ้น้ำเหรอ?”
เม่นนั่งเท้าคางพลางยักคิ้วตอบเนือยๆ “จะของใครได้อีก”
ริวเบ้ปาก
นทีเอาน้ำมาวาง พลางถาม “น้ำล่ะ?”
“ก็มึงซื้อมานั่นไง”
“อย่ากวนตีน กูถามถึงต้นน้ำ”
“ไปเซเว่น เดี๋ยวก็มา นั่นไง...เดินมาแล้ว”
นทีมองตามสายตาของริวไป เจอต้นน้ำที่กำลังเดินเข้ามาพร้อมกับหญิงสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง ท่าทางคุยกันถูกคอ ก่อนเดินแยกกันไป
“สงสัยหมาจะคาบไปแดกซะแล้ว” ริวบอกเบาๆ พลางเท้าแขนลงกับบ่าของนที
นทีตวัดสายตามองริว เหมือนมีเข็มพันเล่มตรงเข้าจู่โจม ริวรีบบอก “ไอ้เม่นน่ะ มันชอบน้องคนที่เดินมากับไอ้น้ำเมื่อกี้”
“ใช่ๆ กูชอบ”
นทีตวัดสายตากลับ พลางเดินไปหาต้นน้ำที่กำลังมองหาพวกเขา
“มึงไปแกล้งมันทำไมวะ?” เม่นถามริว
“หรือมึงไม่แกล้ง?”
“แกล้งสิ หึหึ” เม่นยิ้มกว้างด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ
ต้นน้ำยื่นยาจิบแก้ไอกับยาแก้เจ็บคอให้นที
“รู้ได้ไงว่าเราเจ็บคอ?” นทีรับยามาแบบงงๆ เขามีอาการเจ็บคอ แต่เป็นแค่เริ่มๆ เบื้องต้นเท่านั้น
“ก็เหมือนเสียงนายเปลี่ยนๆ ไปนิดนึง”
เม่นกับริวเผลอสบตากัน กระพริบตาให้กันสางสามปริบ ไม่มีความหมายใดๆ ในดวงตาทั้งคู่ แต่ทั้งสองคนกลับเข้าใจความหมายกันเอง
“กินน้ำไหม?” เม่นเลื่อนแก้วน้ำมาให้ริว
“ก็ดี”
------------tbc------------
เราสร้างแฟนเพจแล้ว
ไปคุยกันได้น๊า
https://www.facebook.com/a.athenasmile/?ref=bookmarksอยากมีคนคุยด้วย
คุยคนเดียวมันเหงา อิอิ
เม้าท์ๆ กัน
รับรองได้ว่าเราไม่ใช่คนขี้เสือก 5555555