♡̷ ผ า เ พี ย ง ฟ้ า - 2 9 | a drunk man never tell a lie - P.7 (16/03/20)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♡̷ ผ า เ พี ย ง ฟ้ า - 2 9 | a drunk man never tell a lie - P.7 (16/03/20)  (อ่าน 47438 ครั้ง)

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
ถ้าเราเป็นม่านเราก็แอบกังวลนะเนี่ย กับสรรพนามที่มาร์ชใช้กับผา แต่แหมม พี่ผาพูดขนาดนี้ม่านก็ไปใหนไม่รอดแล้วว ผาดูชัดเจนขึ้นนะ :-[

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
จริงๆแล้วผาก็สนใจความรู้สึกม่านเหมือนกันนะเนี่ย

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เขามีวิธีง้อของเขาอ่ะ  :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ before30october

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-2


ผ า เ พี ย ง ฟ้ า


22

Falling Slowly



_________


bgm : falling slowly - Marketa Irglova & Glen Hansard




...Moods that take me and erase me
And I’m painted black...



_________











     ถึงแม้จะงุนงงที่มีคนแย่งขับและยึดกุญแจรถไว้กับตัวในเวลาก่อนหน้าแต่ตอนนี้ผมก็เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้ทำแบบนั้น ม่านจอดรถยนต์คันสีดำเทียบท่ายังหอพักของเจ้าตัวแล้วหันมามองคล้ายกับเชื้อเชิญให้ลงจากรถ ทั้งหมดดูเหมือนเป็นการบังคับกลายๆให้เราใช้เวลาต่อจากนั้นสองต่อสอง



     และดูเหมือนเจ้าตัวจะวางแผนมันมาอย่างดี



     “เอากุญแจมาได้แล้ว” ผมอาศัยตอนที่เขาเผลอโน้มตัวไปแย่งของในมือใหญ่ แต่สุดท้ายก็โดนใครบางคนหลบได้อย่างรู้ทัน ม่านเบี่ยงตัวไปอีกทาง พยายามกันผมไม่ให้แย่งมันไปได้

     “ไม่เอา อยากให้เธออยู่กับเค้าก่อน”

     “อย่าให้กูต้องใช้กำลังนะม่าน”



     เขารีบเข้าประคองเมื่อเห็นผมสะดุดในจังหวะหนึ่งจนเกือบจะคะมำ เสียงหัวเราะดังแผ่วจนทำให้คิ้วขมวด



     “อยู่กับเค้าน้า”



     เจ้าตัวเสียงอ่อย เอียงหน้าลงเล็กน้อยแล้วจ้องมอง



     เอาเข้าไป

     เดี๋ยวนี้ล่ะอ้อนเก่ง



     “อยู่ด้วยทั้งวันแล้วยังไม่เบื่ออีกหรอไง?” ผมถาม หรี่ตามองเพื่อรอคำตอบ แต่ดูเหมือนว่าตัวเองจะเดินเกมส์พลาดไปซะงั้น



     เพราะคำตอบของม่าน...



     “ให้อยู่ด้วยทั้งชีวิตก็ไม่เบื่อหรอกครับผม”



     ...มันก็ทำให้ผมรู้ว่าตัวเองเปิดทางให้เขาได้หยอดเข้าเสียแล้ว



     รอยยิ้มกว้างประดับบนใบหน้าคมคายในทันทีที่พูดจบ เมื่อก่อนม่านจะไม่ค่อยกล้าสบตาผมเวลาพูดอะไรแบบนี้มากเท่าไหร่ แต่พอนานเข้าดูเหมือนอาการเขินอายจะหายไปจนหมด เหลือแต่เพียงไอ้เด็กตัวโตที่ได้ใจไปเสียทุกอย่าง



     “เลี่ยนมาก”

     “อ่าวไม่ชอบหรอ?”

     “...” ผมไม่ตอบ หันกลับไปเก็บของเพราะรู้ว่ายังไงเขาก็ไม่ยอมให้กลับแต่โดยดี

     “ไม่ชอบจริงๆหรอครับ?” แต่ดูเหมือนเจ้าตัวก็ยังจะไม่พอใจ รอบนี้ม่านถามย้ำ เอนตัวมายังเบาะที่นั่งจนระยะระหว่างเรามันน่าใจหาย



     “เออ ไม่ชอบ” มือผมรีบเลื่อนมากั้นใบหน้าเขาไว้ไม่ให้มันเข้าใกล้ไปมากกว่านี้ เอนตัวออกมาอีกหน่อยเพราะรู้สึกถึงความอันตรายต่อการจู่โจม



     “ม่าน อะไรอีกเนี่ย” เมื่อทนไม่ไหวจึงเอ็ดเขาไปหนึ่งที สุดท้ายเมื่อโดนดุม่านจึงถอยออกไปที่เดิมแล้วพูดต่อแม้จะยังไม่เลิกจ้อง แถมข้อความในประโยคก็ดูคลุมเครือเสียจนไม่กล้าคิดไปว่าเขาหมายถึงเรื่องไหน



     “โกหกนี่นา...ที่จริงก็ชอบนิดนึงแล้วใช่ไหมล่ะ?”



     ระหว่างประโยคแสนหวานน้ำตาลขึ้น

     หรือคนที่พูดมันออกมา



     ผมหลบหน้าคนที่กำลังยิ้มด้วยการเปิดประตูลงจากรถ เดินนำหน้าเขาที่รีบตามมาไม่ห่างพร้อมกับเสียงผิวปากอย่างอารมณ์ดี เจ้าตัวกลับมาเดินนำเมื่อใกล้จะถึงห้อง เมื่อปลดล็อกประตูก็ปล่อยให้ผมเดินเข้ามาด้านในก่อนแล้วค่อยเข้ามาทีหลัง



     ห้องของม่านยังเหมือนเดิมทุกประการหลังจากครั้งสุดท้ายที่เคยมา จะมีก็แต่กลิ่นหอมที่ดูแตะจมูกมากกว่าปกติ เป็นกลิ่นที่เหมือนกันกับกลิ่นเจ้าตัวที่มักจะโชยจางอยู่ตลอดในตอนที่อยู่ใกล้ๆ ผมไม่อาจปฏิเสธได้ว่าตัวเองชอบกลิ่นนั้นเพราะมันหอมเสียจนสามารถทำเสียอาการได้ในบางที มันเป็นกลิ่นหอมที่นุ่มลึก อบอวลอำพันด้วยความรู้สึกชวนหลงใหลและปลายกลิ่นจะมีความเย้ายวนของผู้ชายแฝงไว้จนแทบไม่รู้สึก และบ่อยครั้งที่เขาอยู่ด้านข้าง ผมก็มักจะเผลอเอนเข้าไปหาโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว



     เจ้าของห้องทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยท่าทางสบาย ปล่อยให้แขกอย่างผมยืนอย่างเก้ๆกังๆกลางห้องด้วยความไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ สุดท้ายเมื่อทนสายตาเขาไม่ไหวจึงนั่งลงยังโซฟาตัวเล็กที่อยู่ข้างกัน ปล่อยให้เวลาเดินผ่านพร้อมความเงียบแม้จะยังสงสัยว่าควรทำอะไรต่อ



     “ดูหนังกันมั้ย?” เขาถามขึ้นพร้อมกับเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ตัวเองไปพลาง รัวนิ้วอยู่สองสามครั้งและปิดมันลง

     “ไม่ดูแล้วจะให้ทำอะไรล่ะ?”

     “เดี๋ยวดิ” เสียงม่านดูตกใจ ก่อนที่เขาจะทำให้ผมต้องปวดหัวอีกหลายรอบกับคำพูดที่ส่งให้ต่อจากนั้น “อย่าบอกนะว่าจะชวนเล่นจ้ำจี้ ไม่เอานะคนบ้าา”



     อีกฝ่ายบิดตัวไปมาเล็กน้อยเมื่อพูด ท่าทางที่แสร้งทำทำเอาผมต้องถอนหายใจให้กับภาพที่เห็น



     เฮ้ออ

     เหนื่อยใจกับไอ้เด็กหน้าหมานี่จริงๆ



     “ฮ่าๆ เธออย่าทำหน้างั้นดิวะ” เขาเสยผมไปด้านหลัง ก่อนจะใช้มือสองข้างรอบไว้ระหว่างศีรษะและพนักพิง



     “จะดูก็ดู เปิดดิ” ผมเปลี่ยนเรื่องด้วยการออกคำสั่ง จากนั้นม่านก็ส่งโน้ตบุ้คเครื่องเล็กที่วางยังโต๊ะกลางส่งให้ เขาตามใจโดยการปล่อยให้ผมเป็นคนเลือกเรื่องก่อนจะหายตัวไปยังห้องครัวเพื่อทำอะไรสักอย่างที่ผมได้ยินเสียงกุกกักตามมา



     แทบไม่ต้องใช้เวลานานเลยด้วยซ้ำสำหรับการตัดสินใจในเมื่อผมมีเรื่องโปรด เป็นเรื่องที่มักจะเปิดดูซ้ำๆและอยู่ในใจผมตลอดกาลไม่ว่าจะเป็นตอนไหน ผมหยุดรอให้คนที่หายไปกลับมา จนกว่าที่ม่านจะวางของทานเล่นไว้ใกล้ๆ แล้วหยิบทุกอย่างไปจัดการ เสียงเพลงที่คุ้นหูจึงได้แล่นผ่าน จากนั้นเราจึงได้เริ่มต้นดูเรื่องราวต่างๆไปพร้อมกัน



     “มานั่งกับเค้ามา นั่งตรงนั้นมันดูไม่สะดวกหรอก” คำเชื้อเชิญถูกส่งมาด้วยความเป็นห่วงถึงแม้ผมจะรู้สึกถึงความเจ้าเล่ห์ที่แฝงอยู่ไม่มากก็น้อย แต่ก็ไม่สามารถเถียงเขาได้เลยว่านั่งตรงนี้แล้วมันค่อนข้างมองหน้าจอสี่เหลี่ยมลำบากจริงๆ ผมนั่งคิดสักพัก ก่อนม่านจะพูดขึ้นอีกครั้งเพื่อโน้มน้าวใจ



     “มาเถอะน่า เค้าไม่ทำอะไรเธอหรอกครับ”



     สุดท้ายผมก็แพ้ให้กับการหลอกล่อในครั้งนี้ ไม่รู้ว่าเขาตั้งใจหรือเปล่าแต่ก็เพราะอยากดูหนังให้สบายมากกว่าเก่าเลยเลื่อนตัวไปนั่งข้างๆ เว้นระยะห่างของเราไว้ป้องกันใครบางคนที่มักจะได้ใจมากไปในบางที แต่ม่านก็ไม่ได้กวนใจผมตามที่บอกเอาไว้ เขาตั้งใจรับชมเนื้อหาที่ผ่านพ้นพร้อมกับหยิบขนมติดมือ เจ้าตัวส่งมาให้ผมบ่อยครั้ง หลังจากนั้นก็หยิบผ้าห่มผืนบางส่งให้เพราะกลัวว่าจะรู้สึกหนาว



     ผมไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไปตอนไหน แต่ตอนที่ตื่นก็พบว่ามีใครบางคนนอนที่ตักพร้อมกับหลับตาพริ้มเป็นที่เรียบร้อย เขามีลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะ หันหน้าเข้าหาพร้อมกับใช้มือรวบเอวเอาไว้ทั้งสองข้าง จมูกของม่านสัมผัสเข้ากับเนื้อผ้าของเสื้อผมแผ่วเบา ส่งผ่านความร้อนจนทำให้หน้าท้องรู้สึกอุ่น



     “นี่” ผมเรียกเขาแผ่วเบา แต่เพียงแค่นั้นก็ไม่สามารถทำให้คนขี้เซาตื่นได้



     “ม่าน”

     “อืออ”



     เขาครางรับ ขยับตัวด้วยการกอดร่างกายผมแน่นเข้าไปอีก



     “ตื่นได้แล้ว”

     “กี่โมงแล้วอ่ะ” เสียงเจ้าตัวยังอู้อี้ฟังไม่ได้ศัพท์ ซุกใบหน้าเข้ากับหน้าท้องผมอีกครั้งไม่ยอมละไปไหน สายตาผมเลื่อนไปทางนาฬิกาดิจิตอลที่ตั้งไว้ไม่ไกลกับโทรทัศน์ รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยยามที่ตอบคำถามของเขากลับไป



     “สี่ทุ่มกว่า”

     “อือฮึ”

     “กูนอนไปนานขนาดนั้นเลยหรอ?”

     “...ไม่รู้...เหมือนกัน”



     ผมนั่งนิ่งอยู่แบบนั้นสักพักโดยไม่ขยับเขยื้อน กลัวว่าเขาจะกอบโกยกำไรจากร่างกายตัวเองมากกว่านี้ถ้าขัดขืน แต่เมื่อมันนานเกินไปจนทนไม่ไหว ผมก็ใช้มือปลุกเขาอีกรอบเพื่อบอกความต้องการของตัวเอง



     “ลุกได้มั้ย กูอยากกลับแล้ว” เสียงผมอ่อนลงเกือบเท่าตัว และมันก็ดูได้ผลเมื่อม่านลืมตาขึ้นแล้วเงยมอง



     “จะกลับแล้วหรอ?”

     “อือ จะไปทำงานต่อ”



     คนตัวสูงนิ่งเงียบ มองไปรอบๆห้องแล้วหันกลับมา



     “อยู่ด้วยทั้งวันแล้วไง ไม่พอใจอีกหรอ?” เมื่อใช้ไม้แข็งไม่ได้ผล ไม้อ่อนจึงต้องตามมาติดๆ ผมใช้มือดันคางเขาเพื่อหยอกล้อ เรียกรอยยิ้มจากคนที่นอนอยู่ได้เป็นอย่างดี



     “พอแล้วก็ได้”

     “อืม”

     “อยู่นานก็กลัวว่าเธอจะเบื่อเค้าเหมือนกันน่ะแหละ”

     “หรอออ?”



     ผมลากเสียงยาวพร้อมกับทำตาโตจนม่านหัวเราะ แต่ก็ต้องตกใจเมื่อมือใหญ่เลื่อนขึ้นมาทาบข้างแก้ม เพราะแบบนั้นเลยทำให้ผมต้องก้มลงเพื่อมองว่าเขาทำแบบนั้นทำไม แต่ก็รู้ว่าตัวเองคิดผิดหลังจากที่เราได้สบตาพร้อมกับความสุขที่ส่งผ่านมาจากเจ้าตัว



     “แต่มันดึกแล้วนะ”

     “ไม่เห็นเป็นไรนี่ กูเอารถมา”

     “เป็นห่วง”

     “กูยี่สิบสองแล้วม่าน ไม่ใช่เด็กๆ”



     เมื่อเอาแต่ใจไม่ได้ผล เขาก็เริ่มฮึมฮัมเนื้อร้องของเพลงเบาๆ แม้จะยังไม่ละสายตา



     “...ดึกแล้วอย่าเพิ่งกลับไป...”



     เสียงเขาหวาน



     “...ดึกแล้วไม่ให้ไปไหน...”



     ไม่ต่างจากรอยยิ้มที่ส่งมา



     “...ตอนนี้เอาจริงๆ แค่อยากอยู่กับเธอตรงนี้”



     และดูเหมือนว่าม่านจะทำให้ผมต้องใจอ่อนเพราะการออดอ้อนของเจ้าตัว



     เขาหัวเราะในตอนท้าย แลบลิ้นเลียริมฝีปากพร้อมกับใช้นิ้วซ้ายลูบไล้แก้มผมไปมา มันอ่อนหวานเสียจนผมเคลิ้มไปกับสัมผัสแสนนุ่ม กว่าจะรู้ตัวก็ในตอนที่เขาลุกขึ้น



     และระยะห่างระหว่างเราร่นลงอีกแล้ว



     “จูบได้ไหม?”



     ผมไม่ทราบว่าตัวเองมีสีหน้าแบบไหนในตอนที่เขาถาม

     ไม่ทราบว่านานหรือเปล่าที่ม่านรอคอยคำตอบ



     ถึงเข็มนาฬิกาจะเคลื่อนผ่านไปมาหลายรอบ เขาก็ยังจ้องมองและไม่จากไปไหน



     เปลือกตาของผมค่อยๆปิดลงในตอนที่ใบหน้าเราเคลื่อนเข้าใกล้จนไม่มีที่ว่างให้อากาศลอดผ่าน รู้สึกถึงริมฝีปากที่สัมผัสกันแผ่วเบา เขาไม่ได้รุกล้ำ มอบจุมพิตเนิ่นนานก่อนจะส่งนิ้วเรียวขยุ้มท้ายทอยผมอีกที ม่านผละออก ลมหายใจอุ่นร้อนแลกกันไปมา เขาไม่ได้ห่างหาย แต่ผละออกไปเพื่อเริ่มต้นการจู่โจมครั้งใหม่โดยไม่ทันได้ตั้งตัว



     คราวนี้มือใหญ่บังคับศีรษะผมให้ได้องศา เอียงหน้าเล็กน้อยยามลิ้นร้อนแทรกตัวเข้าเล่นงานช้าๆอย่างรันจวนใจ เขาไม่ได้เร่งจังหวะ ปล่อยให้เราสองตอบรับกันไปมาแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ยอมให้ผมเป็นผู้นำทางเลยสักเสี้ยววิ เขาอ่อนหวาน มอบความเสน่ห์หาปนลึกในจูบนั้นอย่างเปิดเผย คล้ายกับย้ำร่องรอยที่เกิดขึ้นภายในใจให้กับคำถามของเจ้าตัว



     ว่าผมชอบเขาเข้าแล้วจริงๆ



     ไม่ได้ชอบนิดนึงตามที่เข้าใจหรอก



     ถ้าชอบนิดนึงจะยอมให้จูบทำไมตั้งสองรอบ




     ยังไม่รู้ตัวอีก






   ​​​​




50%















#ผาเพียงฟ้า

ช่วงนี้มา 50% บ่อย
อย่าเพิ่งเบื่อกันเลยนะคะ TT

ปล. หนังที่พี่ผาเลือกดูคือเรื่อง ONCE ค่ะ
มีใครเคยดูไหมคะ เป็นอีกเรื่องที่เราชอบเหมือนกัน
และเรื่องนี้ก็ทำให้เราตกหลุมรักเพลง Falling SLowly ไปโดยถอนตัวไม่ขึ้นอีกเลย :-)


26/11/19
before30october


ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
อยากมีม่านเป็นของตัวเองงง :ling1:
เด็กมันได้ใจแล้วนะคะพี่ผา  :laugh:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
โอ๊ย พี่ผาาาาาาาาาาาาาา
ถ้าเจ้าเด็กมันได้ยินความคิดพี่จะต้องอยากฟัดแน่ๆ  :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ mildmildss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อยากได้น้องม่านนนน :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ before30october

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-2
50%







     “กลับดีๆนะ”

     “อืม”

     “ถึงแล้วบอกเค้าด้วย โอเคไหม?”


     คนพูดชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ มือข้างซ้ายเท้าไปกับรถที่ยังไม่ออกตัว เขามองผมผ่านช่องว่างของกระจกที่ลดลงเกือบหมด ส่งยิ้มเป็นการบอกลาให้กับคนที่พร้อมจะจากไป


     “เดี๋ยวนี้ต้องรายงานด้วยหรอ ไม่รู้มาก่อนว่าต้องทำ” ผมตอบกลับ มองเขาด้วยสายตาเรียบนิ่งแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้กลัวมันเลยแม้แต่น้อย


     “ต้องรายงานครับ”

     “เดี๋ยวมึงก็ทักมาอยู่ดี”

     “ก็ถ้าเธอทักมาก่อนมันจะดีใจอีกร้อยเท่าอ่ะ ไม่เหมือนกัน”


     เสียงถอนหายใจผมลากยาวอีกครั้งในตอนที่พยักหน้าเบาๆ ตอบรับเพื่อตัดจบปัญหา ใช้สายตามองเขาให้ถอยห่างเพื่อจะได้สตาร์ทรถ ม่านยอมก้าวถอยหลัง มองตามทุกจังหวะการเคลื่อนตัวแม้ผมจะเลื่อนปิดกระจกขึ้นเป็นที่เรียบร้อย


     ความเงียบและท้องฟ้าอันมืดมิดคอยเป็นเพื่อนแก้เหงาในตอนที่ผมต้องเดินทางเพียงแค่คนเดียว ปล่อยให้ความคิดหลายอย่างล่องลอยผ่านโดยไม่ใส่ใจมากนัก สายตาจ้องมองไปยังถนนด้านหน้า ก่อนจะรีบชะลอความเร็วลงเมื่อเห็นว่าเป็นสัญญาณไฟแดงที่ฉายอยู่


     ผมแทบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าวันนี้เป็นวันเกิดของตัวเอง อาจเพราะมีใครบางคนเข้ามาจนลืมเสียว่าปกติแล้วเคยทำตัวยังไง ผมไม่ได้สนใจความรู้สึกของตัวเองมากเท่าไหร่ เพราะมัวแต่สังเกตอาการของม่านในสถานการณ์ต่างๆที่เราพบเจอ


     ตั้งแต่การพาไปหาแม่ การที่วันนี้บังเอิญได้เจอพ่อ และการที่เขาพบกับแฟนเก่าของผมโดยไม่ทันได้ตั้งตัว

     
     คงเพราะชีวิตส่วนตัวผมไม่ได้สวยหรู ไม่มีด้านไหนที่จะน้อมรับเขามาได้แล้วมอบความสุขให้แบบที่ม่านทำกับตัวเอง ผมเลยรู้สึกกังวลอยู่บ่อยๆแต่ก็ไม่ได้แสดงออกให้อีกฝ่ายรับรู้ ผมไม่กล้าให้เขาก้าวเข้ามามากเกินไป กลัวว่าบาดแผลในใจที่มีจะเผลอทำร้ายเขาไปด้วยคน


     แต่ดูเหมือนมันจะเริ่มควบคุมไว้ไม่ได้


     เพราะอีกฝ่ายนั้นเก่งเกินกว่าที่คาดคิด เขาก้าวเข้ามาในชีวิตผมโดยแทบไม่สนว่ามันเคยเกิดอะไร เขาทำลายกำแพงทุกอย่าง มาพร้อมกับอานุภาพทำลายล้างที่ทำให้ใครบางคนต้องยอมแพ้


     และแน่นอนว่าเขาทำสำเร็จ

     จากการที่ผมแทบจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนหลังจากมีเจ้าตัว


     ปริ้น!


     เสียงแตรรถคันด้านหลังทำให้ผมออกจากพะวงความคิด รีบเหยียบคันเร่งเพื่อไปต่อเมื่อรู้ว่าตัวเองนั้นทำความผิดอะไร สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว เพราะมีแต่คนมัวเหม่อเลยทำให้จอดแช่อยู่นาน ผมตั้งสติแล้วพยายามทิ้งสิ่งเหล่านั้นตามทางที่พ้นผ่าน ก่อนจะหันมองนาฬิกาแล้วพบว่าเหลือเวลาอีกเกือบชั่วโมงกว่าจะผ่านพ้นหนึ่งวันนี้ไป


     ถึงแม้ผมจะเลิกคิดเรื่องของเขาแล้วแต่ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่กวนใจผมอยู่ตลอด ทั้งเรื่องงาน เรื่องของที่บ้าน และสิ่งต่างๆ ในชีวิตที่ผมยังไม่ได้สะสางให้เข้าที่เข้าทางเสียที ในตอนที่รีบเดินเข้าตึกจึงเอาแต่เรียบเรียงความคิดของตัวเองไปมา จัดลำดับความสำคัญว่าหลังจากกลับไปถึงห้องแล้วจะทำอะไรก่อนเป็นอันดับแรก


     ผมล้วงกระเป๋าตังค์ใบสีดำจากหลังกางเกง ทาบเข้ากับแป้นอัตโนมัติบนประตูหน้าห้องเพื่อเปิดออก รอคอยสัญญาณเสียงดังอีกหนึ่งรอบแต่มันก็ไม่เกิดขึ้นเสียที ผมตัดสินใจทาบมันเข้าไปอีกครั้ง ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อยหลังจากที่รู้สึกว่ามีไอเย็นแผ่ออกมาจากภายใน แปลกใจตรงที่มันไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะก่อนออกจากห้องผมก็น่าจะปิดเครื่องปรับอากาศเป็นที่เรียบร้อย


     เสียงดังลากยาวมาพร้อมกับประตูห้องที่แง้มออกโดยทันที ผมผลักมันเข้าไปด้านใน ถอดรองเท้าวางไว้ยังชั้นวางก่อนเป็นอันดับแรก แต่ไม่ทันที่จะได้ตั้งตัวแสงไฟภายในห้องก็สว่างจ้าพร้อมกับเสียงดังสนั่นของคนที่แอบเข้ามาอยู่ก่อน


     และพวกมันก็ทำเอาผมต้องตกใจให้กับสภาพห้องในตอนนี้


     “เซอร์ไพรส์!!!” ไอ้ฮั่นผายมือออกพร้อมกับที่ไอ้เหนือลากผมมานั่งยังหน้าโซฟา ผมใช้มือลูบใบหน้าตัวเองสองสามครั้ง พยายามข่มความรู้สึกแปลกประหลาดที่ไม่เคยเกิดขึ้นให้มันดับลง


     อย่างที่บอก ผมไม่ชอบการเฉลิมฉลอง

และพวกมันก็ทำให้ผมต้องทำตัวไม่ถูกเข้าจนได้


     “ทำไมทำหน้างั้นวะ ยิ้มหน่อยย” ไอ้ปัทถ์พุ่งตรงมาล็อกตัวอย่างรวดเร็ว มันใช้มือยีหัวผมจนยุ่ง หัวเราะชอบใจเมื่อเห็นว่าหน้าผมหงิกงอไม่สบอารมณ์เท่าไหร่


     “เซอร์ไพรส์อะไรของพวกมึง”

     “ก็วันเกิดมึงไม่ใช่หรอวะ?”


     ผมปัดมือไอ้นาวาที่พุ่งตรงมาจะแกล้งอีก ก้าวถอยหลังโดยมีไอ้ปัทถ์คนเดิมที่รองรับร่างกายตัวเองไว้


     “รู้ได้ไง?”

     “ไม่ยากเกินไปหรอกน่าผา...สายพวกกูดีซะอย่าง” เสียงแผ่วจางลงไปในประโยคหลัง พวกมันบังคับให้ผมนั่งหน้าเค้กที่วางไว้ก่อนจะเตรียมปักเทียนและจุดไฟในลำดับถัดไปหลังจากนั้น


     “เฮ้ย!! ไม่เอา” ผมเอ่ยห้าม ส่ายหน้าพัลวันเพื่อปฏิเสธ

     “อ่าวก็เป่าเค้กจะได้แดกซะที พวกกูรอมึงมาตั้งนาน”

     “นาวา กูไหว้เลย ยังไงก็ได้แต่ไม่ร้องเพลง” คงเพราะผมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้พวกมันเลยนิ่งค้างไปสักพัก ครั้นจะไม่ยอมทำตามผมก็กีดกันไม่ให้มันเข้าใกล้ จนสุดท้ายการยื้อแย่งจบลงเมื่อไอ้ตินเอ่ยพูด


     “งั้นรีบอธิษฐาน กูหิวแล้ว”

     “เออ”


     พรของผมแค่สั้นๆ ไม่ใช้เวลานานเหมือนคนอื่นๆ ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยความเงียบจากการรอคอยของเพื่อนๆรอบข้าง หลังจากที่ผมส่งสัญญาณว่าทุกอย่างแล้วเสร็จ พวกมันก็รีบจัดแจงอาหารวางไว้บนโต๊ะโดยไม่พลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ที่ซื้อกันมา


     “ปีแรกเลยป่ะวะที่ได้ฉลองวันเกิดมึงอ่ะ?” คนถามยกถาดพิซซ่าวางไว้ รินเครื่องดื่มใส่ในแก้วส่งให้ก่อนจะเงยมอง

     “ก็มันไม่เคยบอกสักที” ไม่ทันได้ตอบไอ้นาวาก็พูดขึ้นเสียก่อน ผมเลยยักไหล่แล้วทานของว่างเสียบ้าง

     “ก็มีแต่เลยวันบ้าง ไม่ตรงวันบ้าง กูก็งงๆ”

     “เออน่า วันเกิดพวกมึงก็ได้กินกันอยู่แล้ว”


     พอผมพูดจบก็ถูกไอ้ตินพลักศีรษะจนโงนเงน มันหันกลับไปแม้จะด่าผมอย่างเจ็บแสบตามประสาคนไม่ค่อยพูด


     “เล่นตัว”


     อาจเพราะความหิวเลยทำให้ผมหยิบนู่นทานนี่โดยไม่วางมือ คิดไปคิดมาแล้วก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองยังไม่ได้ทานมื้อเย็นเพราะเผลอหลับไปเสียก่อน


     “รู้จากม่านหรอ?” ผมถาม ไอ้ฮั่นพยักหน้าตอบรับ

     “จะมีใครอีก”

     “แล้วพวกมึงมารอกันตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย?”

     มันนิ่งคิด ก่อนจะตอบพร้อมกับมองผมไปด้วย “น่าจะราวๆสามทุ่ม”

     “อ่อ”

     “ม่านมันบอกสามทุ่มมึงก็คงกลับ แต่รอแล้วรออีกก็ยังไม่มา”


     ผมเงียบ ไม่สนใจว่าพวกนั้นจะพูดอะไรต่อ


     “ไม่รู้ว่าทำอะไรกันสองคน นานจนพวกกูสงสัยฉิบหายเลยว่ะ”

     “แหน่”

     “จ้ำจี้มะเขือเปาะแปะป่ะ” พลั่ก! “โอ๊ยย”


     แต่ดูเหมือนผมจะไม่ได้เก่งแบบเคย เพราะเมื่อไอ้นาวามันทำหน้าเจ้าเล่ห์พร้อมกับหยอกล้อด้วยเสียงยานคางผมเลยใช้ข้อศอกถางหน้าท้องของคนที่นั่งด้านข้างตอนนี้


     “ไปจ้ำจี้กับพ่อมึงนู่น”

     “พี่เขาโหดตลอด”     

     “...”


     พวกมันล้อตลอดเรื่องที่ผมหายไปเสียนาน ถึงแม้จะแก้ตัวว่าแค่เผลอหลับไปสักพักแต่ก็ยังไม่วายจะได้สายตาแวววับจับผิด ผมไม่รู้ว่าตัวเองมีอาการแบบไหน แต่คนที่ไม่ได้ทำแค่เผลอหลับก็กลัวเหมือนกันว่าจะมีพิรุธจนพวกมันนั้นจับได้


     “เดี๋ยว กูขอถาม” ไอ้ปัทถ์ที่กำลังดื่มวางแก้วลงก่อนจะยกมือขึ้น เมื่อมันหันมาทางผมจึงรู้ได้ว่าต้องเป็นเรื่องของตัวเอง


     “สรุปแล้วมึงกับม่านนี่เป็นอะไรกันหรอ?”


     สายตาของทุกคู่หันมามองอย่างพร้อมเพรียง ไม่เว้นแม้แต่คนที่เงียบที่สุดในกลุ่ม ไอ้ตินเท้าแขนไปด้านหลัง รอคอยว่าคำตอบจะใช่แบบที่มันคิดหรือเปล่า


     “กูขอแบบใจๆเลยนะ เพื่อนมันต้องไม่มีความลับกับเพื่อนนะเว้ย”


     ดูเหมือนแต่ละคนจะเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย เมื่อหนึ่งคนหยอด อีกคนก็สุมไฟให้จนเกิดอารมณ์ร่วมตามกันไป


     “พวกกูก็แค่อยากรู้แหละ เห็นช่วงนี้มึงกับมันอยู่ด้วยกันบ่อย เลยถามเพื่อความแน่ใจ”

     “เผื่อว่าเปลี่ยนสถานะแล้วจะได้เข้าใจกันถูก”


     มือซ้ายวางแก้วไว้บนโต๊ะ ผมมองหน้าไอ้ฮั่น รับรู้ได้ว่าพวกมันจริงจังไม่ได้ล้อเล่นแบบครั้งก่อน


     “ก็เหมือนเดิม”

     “เหมือนเดิม?”

     “อืม เหมือนเดิมนั่นแหละ”


     ไอ้เหนือยักไหล่ ก่อนจะถามต่อ


     “แต่ก็ชอบไอ้ม่านแล้วใช่ป่ะล่ะ?”

     “...”

     “ไม่งั้นมึงคงไม่ยอมมันมากขนาดนี้”


     และคำถามของมันก็ทำเอาผมจนมุมในที่สุด ผมไม่มีทางปฏิเสธได้เลย เพราะหลักฐานมีให้เห็นทนโท่จนไม่สามารถหลีกหนี


     ให้ตายสิ

     ผมเก็บอาการไม่ได้อีกแล้วสินะ


     “อย่าล้อ”


     แค่คำพูดเดียวสั้นๆของผมก็พอจะทำให้พวกมันก็รู้คำตอบ รอยยิ้มปรากฏในวงสนทนา ไอ้ฮั่นทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็เงียบไปตามเคย


     “เชียร์มันมากจังพวกมึงอ่ะ”

     “ก็เห็นว่าเด็กมันจริงใจ”

     “รู้แล้วน่า”

     “แถมนานๆทีจะมีคนตาถั่วมาจีบมึง กูเลยกลัวว่าเพื่อนจะขึ้นคานไปซะก่อน”


     ไอ้นาวาหัวเราะคิกคักกับแก๊งสามเสือ ผมใช้เท้าถีบมันไปหนึ่งรอบแต่พวกนั้นก็ยังไม่หยุด


     “มันโอเคใช่มั้ย? กับมึง”

     “อืม”

     “...”

     “ก็น่ารักดี”


     เสียงวิ้ดวิ้วดังตามมา ก่อนผมจะพูดเสียงแผ่วแล้วดื่มเครื่องดื่มมึนเมาแก้เขิน


     “อย่าบอกม่านนะ”


     ไม่รู้ว่าพวกมันจะทำตามสัญญาที่พูดเอาไว้ไหม แต่ถึงยังไงก็ไม่มีหลักฐานว่าผมได้พูดแบบนั้นออกไปอยู่แล้ว เรานั่งคุยจนล่วงเลยข้ามวัน เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอเมื่อมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะคละเคล้า หลังจากนั้นทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติตามเดิมแบบที่ผมอยู่คนเดียวในห้องสี่เหลี่ยมด้วยความเงียบ


     ผมนั่งพักยังโซฟาหลังจากเก็บกวาดห้องให้เรียบร้อย เหลือบมองดูนาฬิกาพบว่าเข็มสั้นของมันเลื่อนต่ำจากเลขหนึ่งมาเสียหน่อย และในตอนนั้นเองที่คิดได้ว่าลืมทักใครบางคนกลับไปตามที่เขาต้องการให้เป็น แต่อันที่จริงแล้วม่านก็คงรู้จากการที่วางแผนไว้กับเพื่อนผม ก็เจ้าตัวนั่นแหละที่เป็นคนยื้อเวลาให้แผนการทุกอย่างลุล่วงไปได้ด้วยดี


     เท้าผมก้าวเข้าไปในห้อง แต่แล้วของที่วางไว้บนเตียงก็ทำให้แปลกใจอีกหนึ่งรอบ เพราะไม่คิดว่าใครบางคนจะมีของขวัญมาให้แม้เราจะใช้เวลาทั้งวันด้วยกันมาแล้วก็ตาม


     ผ้าปูสีขาวสะอาดมีกล่องที่ห่อไว้อย่างดี ข้างบนมีดอกกุหลาบช่อใหญ่วางไว้ สีแดงของมันดึงดูดให้ผมเดินเข้าไปเพื่อสำรวจ การ์ดใบเล็กถูกเปิดออกอย่างรวดเร็วก่อนที่ผมจะอ่านมัน




‘Your lips?

I kiss that.


Your body?

I hug that.


My smile?

You cause that.


And my heart?

You always take that.


In this Infinite universe

I will stay here and dry your tears na krub



M

:-)





     และพบว่าทั้งหมดเป็นข้อความสั้นๆจากเจ้าของที่ส่งมา


     รอยยิ้มผมระบายบนใบหน้า วางกระดาษขาวลงก่อนจะแกะกล่องที่มีคนมอบให้ ในใจคาดเดาไปต่างๆนานาว่าเป็นของแบบไหนที่อยู่ด้านใน นานมาแล้วที่ไม่ได้ตื่นเต้นให้กับอะไรแบบนี้


     ฝากล่องเปิดออกพร้อมกับเจ้าตุ๊กตาตัวสีน้ำตาลที่นอนเด่นหรา ผมค่อยๆหยิบมันขึ้นมาสำรวจ นึกขึ้นได้ว่าม่านมีตุ๊กตาแบบนี้เหมือนกันในตอนที่เขานำไปด้วยเมื่อสัมมนา เจ้าขนนุ่มมีขนาดไม่ใหญ่มาก พอดีมือจับและเหมาะกับการใช้งานเพื่อกอด ผมจ้องมองมันอยู่สักพัก วางของขวัญหนึ่งเดียวไว้ยังหัวเตียงที่มีเพียงหมอน


     Pha : ไม่บอกมาก่อนว่าจะมีของขวัญ

แล้วเธอชอบไหม? : AMAN


     ผมตัดสินใจทักไปในทันทีหลังจากนั้น และเขาก็ตอบรับในทันทีเหมือนกันคล้ายกับรอข้อความอย่างที่พูดไว้


     Pha : ไม่ชอบได้ด้วยหรอไง?

ไม่ได้ครับ : AMAN

     Pha : เออ รู้อยู่

55555555555 : AMAN


     นิ้วเรียวระรัวกับแป้น ส่งคำขอบคุณสำหรับความสุขที่อีกคนมอบให้


     Pha : ขอบคุณนะม่าน

ไม่เป็นไร : AMAN

แค่เธอชอบก็ดีใจมากๆแล้ว : AMAN


     ผมยิ้ม หยอกล้อเขากลับเพราะอยากเห็นหางตกลู่


     Pha : โดนบังคับให้ชอบมากกว่า

ง่า : AMAN

อย่ามา : AMAN

เธอชอบมันเหอะ : AMAN

555555555 : AMAN

     Pha : อ่อ

     Pha : หรอออ?

ทางนี้ใจแป้วแล้วนะผา : AMAN

55555555555 : AMAN


     และก็ดูเหมือนว่ามันจะได้ผล ม่านดูผิดหวังนิดหน่อยเมื่อผมไม่ได้ตื่นเต้นกับของที่ได้รับ ปฏิกิริยาแตกต่างจากที่เจ้าตัวคาดหวังไปจนหมด


     Pha : ให้ตุ๊กตากับกูเนี่ยนะ?

     Pha : คิดได้ไง?

55555555555555 : AMAN


     ม่านหัวเราะกลบเกลื่อน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่หงุดหงิดหรืออารมณ์เสียให้เห็น


ก็อยากให้ : AMAN

เราจะได้มีไว้คู่กันไง : AMAN

     Pha : ทำเพื่อตัวเองชัดๆ

อันนี้ก็เถียงไม่ได้อีก5555 : AMAN


     ผมอมยิ้ม เขายังใสซื่อไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ


     Pha : ล้อเล่นหรอก

     Pha : กูชอบอยู่แล้ว

55555 : AMAN

ครับ : AMAN

Sent a sticker : AMAN


     เขาปิดท้ายด้วยสติกเกอร์หมา ท่าทางหน้าตาที่มีความสุขมาก ผมทิ้งตัวนอนลงบนเตียง ตัดสินใจบอกลาอีกฝ่ายเมื่อเหนื่อยล้าเต็มทน


     Pha : ไปนอนแล้วนะ

อ่า โอเค : AMAN

เดี๋ยวเค้าเล่นเกมกับเพื่อนสักพักก็จะไปแล้วเหมือนกัน : AMAN

     Pha : นอนดึกอ่ะดิ?

อาจจะยันเช้า : AMAN

     Pha : อ่อ


     เราบอกลากันอยู่สักพัก แต่อะไรสักอย่างก็ดลใจให้ผมทักเขาไปอีกรอบ


     Pha : ม่าน

ครับ : AMAN

     Pha : ขอบคุณจริงๆนะ

เค้ารู้แล้วน่า : AMAN

^^ : AMAN


     อาจเพราะผมรู้ว่าเขากำลังมีความสุขและผมเองก็มีความสุขไม่ต่าง ข้อความที่เก็บไว้ในใจเลยถูกส่งผ่านไปให้อีกคนได้รับรู้


     Pha : แล้วที่บอกว่าชอบน่ะ

     Pha : กูไม่ได้หมายถึงตุ๊กตา





     ...แต่ก็ไม่ทั้งหมดอยู่ดี     


     Pha : กูไม่ได้ชอบตุ๊กตา

     .

     .

     ‘กูชอบมึง’





     เขาคงเดาไม่ยากหรอกมั้งในเมื่อผมชัดเจนขนาดนี้

     อืม


     นั่นแหละ










#ผาเพียงฟ้า

Talk2
ก็ตามประสาคนซึนอ่ะเนาะ
ไม่ยอมบอกตรงๆหรอก
อ้อมมมมมแล้วอ้อมอีกกก5555555


27/11/19
before30october


ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
ม่านหลังอ่านข้อความพี่ผาคงกรี๊ดลั่นบ้านไปแล้วแน่ๆ5555555 พี่ผาเนี่ยซึนเดเระจริงๆเลยน้าา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
น้องงงงงงง ค้างไปยัง 555555555555555

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ before30october

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-2


ผ า เ พี ย ง ฟ้ า


23

Said "I'm fine", but it wasn't true



_________


:-)


_________











    (มึงเลิกแล้วหรอ?)
     “ครับ”
     (แล้วตอนนี้อยู่ไหน?)
     “ใต้คณะ เดี๋ยวหาที่นั่งรอแถวนี้”
     (เค)
     “...”
     (อีกครึ่งชั่วโมง)
     “อือฮึ”
     (รอได้ใช่มั้ย?)
     “ได้ดิ สบายมาก”

     เป็นครั้งแรกที่ผาเงียบไป ไม่นานอีกฝ่ายก็ตอบกลับ

     (งั้นรอก่อนนะ)
     “ครับ”
     (ขอโทษที)
     “ไม่เป็นไร เธอไปเรียนเถอะ”
     (อืม เจอกัน)

     ผมรอจนกว่าเจ้าตัวจะวางสายถึงได้เดินไปสมทบเพื่อนคนอื่นๆ มันนั่งลงยังม้านั่งของบริเวณพื้นที่สูบบุหรี่ วางกระเป๋าลงบนโต๊ะก่อนจะหยิบเอาซองที่สอดไว้ยังกระเป๋าหลังกางเกงยีนออกมา

     “เอาป่ะ?” ไอ้เตยื่นให้ก่อนที่ผมจะรับมันมาถือไว้ในมือ

     “วันนี้มึงมีนัดกับพี่ผาหรอ?”

     คนที่นั่งตรงข้ามเอ่ยถามในตอนที่กำลังคาบก้านสีขาวไว้ในปาก ครั้นจะตอบรับก็พูดไม่ได้จึงต้องพยักหน้าให้มันไปที ป้องมือไว้ในเสี้ยววิก่อนจะจุดไฟให้ติดบริเวณปลาย

     “เดทตลอด ความรักสุขงอมจนพวกกูอิจฉา”

     มือใหญ่เอื้อมไปผลักหัวมันที ก่อนที่ผมจะพ่นควันกรุ่นไปอีกทางแล้วบอกความจริงให้ได้รับรู้

     “เดทเหี้ยไร ไปกินข้าวด้วยกันเฉยๆ”
     “มันมุ้งมิ้งงุ้งงิ้งจังวะ”
     “เออ ให้เขาได้ยอมไปไหนมาไหนด้วยหน่อย เดี๋ยวก็ปิดเทอมแล้ว จะไม่ได้เจอกันอีกนาน”
     “สองอาทิตย์เองสัสม่าน พูดเป็นปี”

     ผมหัวเราะให้กับคำพูดของไอ้มาร์ท ก่อนที่เจ้าตัวจะก้มหน้าลงกับโทรศัพท์เพื่อตอบข้อความใครสักคน

     “สองวันก็คิดถึงจะตายอยู่แล้ว”
     “เป็นเอาหนัก”
     “ลางเกลียมัวแรงมากเพื่อนกู”

     พูดจบไอ้ภีมมันก็เอาแขนพาดบ่าผมทันที สายตาล้อเลียนนั่นทำให้อยากจะซัดเข้าสักหมัดจริงๆ

     “อย่าพูดแบบนั้น ลัทธิเมียมันต้องยืนหนึ่ง ไม่เชื่อไม่เป็นไรแต่อย่าลบหลู่”

     คนที่มีพันธะเหมือนกันพูดขึ้น นั่นเรียกเสียงหัวเราะได้ทั้งโต๊ะ ผมคีบบุหรี่ขึ้นชิดปาก สูดดมความหอมหวานอีกครั้งก่อนจะยักคิ้วให้ไอ้เตเป็นการเห็นด้วย

     “ปีสี่ปิดเทอมตอนไหนอ่ะ?”

     คราวนี้ไอ้มาร์ทเป็นคนสงสัย ผมรู้ว่ามันต้องการคำตอบจากใครเพราะทั้งโต๊ะคงไม่สามารถให้คำตอบมันได้

     นอกจากตัวเอง

     “เห็นผาบอกวันศุกร์”
     “สอบเสร็จไวจังวะ”
     “มีสอบแค่ไม่กี่ตัวเอง นอกนั้นก็พรีโปรเจค”
     “อ่อ”

     ผมมองออกไปรอบด้าน พบนักศึกษาประปรายตามทางเดินมุ่งหน้าไปยังแต่ละตึก

     “ปิดเทอมเขาไปไหน? กลับบ้านหรอ? เห็นมึงบอกจะไม่ได้เจอกันอีกนาน”
     “กลับๆ คงไม่ค่อยมีใครอยู่มอหรอกมั้งนอกจากพวกเรา”
     “นั่นดิ จารย์แม่งเล่นกูชัดๆ”

     ได้ยินเสียงไอ้แทนถอนหายใจตามมา มันขยับมือเขี่ยเถ้าถ่านที่เผาไหม้ให้ตกลงสู่พื้นก่อนจะยกก้านนั้นจรดริมฝีปากตามเดิม คงเพราะหงุดหงิดไม่น้อยที่เราต้องอยู่ที่มหาวิทยาลัยตลอดช่วงปิดเทอมเล็ก จากการช่วยงานภาควิชาที่เป็นหน้าที่ของเด็กปีสาม และนั่นทำให้แผนการเที่ยวของเราเกือบทั้งหมดถูกยกเลิกไปโดยปริยาย

     “เอาน่า แค่สองอาทิตย์เอง”
     “กะจะไปเชียงใหม่ซะหน่อย”
     “เอะอะเชียงใหม่อีกละได้นี่”
     “กูก็คิดถึงบ้านบ้างดิวะ”

     ผมฟังพวกมันถกเถียงกันเงียบๆ หยิบเอาบุหรี่มวนที่สองขึ้นดูดจนหัวข้อสนทนาถูกเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนแทบจะลืมว่ากำลังรอคอยใครบางคน จนกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ในตอนที่มองเห็นผากำลังเดินตรงมาทางนี้

     “กูไปก่อนนะ” ผมบอกลา เพื่อนในกลุ่มยักคิ้วหลิ่วตาส่งท้าย
     “วี้ดวิ้ว” ไม่วายส่งเสียงตามมาเบาๆ ผมรีบหันกลับไปชูนิ้วกลางให้ ไม่สนใจว่าพวกนั้นจะหัวเราะยังไงแล้วรีบตรงไปหาเป้าหมายที่ยืนอยู่

     “นานเลยดิ”
     “ไม่นี่ นั่งคุยกับเพื่อนอยู่”
     “อ่อ” เขาพยักหน้า มีหนังสือเล่มนึงถือไว้ในมือ
     “แล้วพี่คนอื่นๆล่ะ”
     “เพิ่งแยกกันเมื่อกี้”

     ผมหันหลังกลับแล้วเดินนำเขาเสียเอง ผาใช้จังหวะเดียวกันในตอนที่เคียงข้าง เหลือบมองผมเล็กน้อยเมื่อเอ่ยถามกลับไป

     “เธอเลือกร้านไว้แล้วรึยัง?”
     “ยัง มึงล่ะ?”
     “ยังเหมือนกัน”
     “อ่าว”

     เสียงหัวเราะผมดังขึ้น ก่อนที่เราจะเลี้ยวเข้าสู่ลานกว้างที่มีรถจอดอยู่เต็ม

     “อยากกินอะไรมั้ยล่ะ?”

     เมื่อรู้ว่าผมจะตามใจผาเลยนิ่งคิดไปเสียนาน เจ้าตัวจมอยู่กับความคิดของตัวเองสักพักก่อนจะถามความสมัครใจ

     “กินซูชิมั้ยล่ะ?”
     “ไงก็ได้”
     “เอาไง?”
     “ไปดิ อยากกินพอดี”

     ไม่รู้เพราะการตกลงครั้งนี้ผ่านไปอย่างง่ายดายหรือเปล่าเขาเลยส่งยิ้มกลับมาให้ นั่นคงทำให้จังหวะของเท้าใหญ่ชะงักไปในเสี้ยววิ รอยยิ้มของเขาทำให้ผมรู้สึกสดใสขึ้นถนัดตา เพราะรู้ว่าผาก็มีความสุขที่เราเป็นอยู่แบบนี้

     แบบที่ผมเองก็มีความสุขมากๆแบบนี้

     “เร็วหน่อยโชเฟอร์ หิวแล้วเนี่ย”
     “ทำมาเร่ง”
     “ฮ่าๆ”
     “ใครกันแน่ที่ทำให้ต้องรอตั้งนาน”
     “พูดมากน่าหมา”

     ทั้งหมดเลยเป็นเหตุผลให้รอยยิ้มของเราคงอยู่นานมากกว่าแต่ก่อน









/









     เคยมีคนบอกว่าช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ

     คงเพราะเราไปทานข้าวด้วยกันเกือบทุกวัน คุยโทรศัพท์ด้วยกันบ่อยครั้งในตอนที่ว่าง เขาให้กำลังใจผมกลับ และผมก็คอยอยู่ข้างๆเวลาที่เขารู้สึกไม่สบายใจ ทุกวันผ่านไปอย่างมีความหมายสำหรับเราทั้งคู่

     จนถึงตอนที่เราต้องห่างกันด้วยความจำเป็น

    ‘ค้างได้ไหม?’ ผมถามเขาในค่ำคืนสุดท้ายที่เราอยู่กันสองต่อสอง จากการอ้อนวอนให้อีกฝ่ายมาหาเพื่อที่เราจะได้ใช้เวลาด้วยกันเป็นวันสุดท้ายก่อนที่ผาจะกลับบ้าน และทิ้งช่วงระยะเวลายาวนานที่จะไม่ได้เจอ

    ‘แค่สองอาทิตย์เองป่ะวะ?’

     คำพูดของเพื่อนย้ำเตือนในใจตลอดว่ามันไม่ได้ยาวนานเกินไปจนทนไม่ได้ แต่มันจะไปรู้อะไรว่าเวลาที่เรารอคอยใครสักคนมันช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้า คงเพราะผมมีความรัก และการที่เขาหายไปโดยที่ตัวเองไม่สามารถพบเจอได้นั้นเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะทนไม่ไหว

     ผมต้องคิดถึงผาจนทนไม่ไหวแน่ๆ

     แน่นอนว่าคำตอบเขาก็ยังเป็นการปฏิเสธเช่นเดิม แต่เพราะผมก็ได้กำไรไปเยอะแล้วเหมือนกัน เมื่อเป็นแบบนั้นเลยไม่อยากอ้อนวอนเขามากจนดูน่ารำคาญ ถึงแม้อยากจะนอนกอดและอยากจะทำอะไรด้วยกันมากกว่านั้นแต่ก็ทำได้เพียงส่งยิ้มให้คนที่บอกลากันในยามดึก

     เช้าวันรุ่งขึ้นผาก็กลับบ้านแต่เช้าตรู่ ผมที่กำลังรีบไปสอบวิชาสุดท้ายได้รับข้อความตอบกลับของเจ้าตัว เป็นข้อความสั้นๆบอกว่าอีกฝ่ายนั้นถึงที่หมายเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับบทสนทนาเล็กๆน้อยๆก่อนที่ผมจะเตรียมตัวขึ้นเขียงในห้องสี่เหลี่ยมพร้อมกับคนอื่นๆ

    RRRR!!

     เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ต้องควานมือหา พบว่าเครื่องสี่เหลี่ยมนั้นอยู่ไม่ไกลหมอน ผมรีบกดรับเพราะมันเริ่มน่ารำคาญมากขึ้นเรื่อยๆ

     “อือออ” เสียงผมอู้อี้ ปลายสายคงรู้ได้ทันทีว่าเพิ่งตื่นจากฝันหวาน
     (หืม เพิ่งตื่นหรอลูก? ทำไมเสียงเป็นแบบนั้น) ผมรู้ได้ทันทีว่าเป็นใครที่โทรมาโดยไม่ต้องมองหน้าจอ ตอบกลับไปทั้งๆที่ยังไม่ลืมตา

     (อืมครับ เพิ่งสอบเสร็จวันนี้)
     “เป็นยังไงบ้างล่ะ?”
     (ก็โอเค...แหละมั้ง)
     “จริงๆเลย”

     ผมหัวเราะกลับไป พลิกตัวนอนหงายแล้วพยายามปรับสายตาให้ชินชากับความมืดยามเย็น

     (เราจะกลับบ้านรึเปล่า? ไม่ส่งข่าวคราวบอกแม่เลย) ความน้อยใจปะปนผ่านทางน้ำเสียง ดูเหมือนงานนี้ต้องได้ง้อสักหน่อย
     “คงไม่ได้กลับครับแม่ ไว้จะหาเวลาไปหาแล้วกัน”
     (ลืมแม่แล้วมั้งเนี่ย)
     “จะลืมได้ไง เดี๋ยวไม่ได้กินข้าวฟรี”
     (ทำเป็นพูด)

     แม่ถามสารทุกข์สุกดิบอีกหลายประโยคก่อนจะวางสาย เมื่อเป็นแบบนั้นผมเลยลุกไปเปิดไฟให้สว่างเพราะโดนปลุกให้ตื่นเต็มตา มองนาฬิกาอีกทีก็พบว่าเป็นเวลาสองทุ่มกว่าและท้องเริ่มเรียกร้องหาอาหารอย่างหนัก

    RRRR!!!

     คราวนี้เป็นสายจากไอ้มาร์ท และผมก็พอจะเดาได้ว่ามันโทรมาทำไมในเวลานี้

     คงไม่ยาก
     กับผู้ชายที่ชอบเที่ยวแบบพวกมัน

     (ออกมั้ย?)
     “กูว่าละ”

     ปลายสายหัวเราะเสียงดัง ผมมองตัวเองหน้ากระจกอีกครั้งหลังจากคิดอยู่ชั่วครู่

     (เอาไง อย่าลีลานาน พวกนั้นก็ตอบตกลงกันหมดแล้ว)
     “เหลือกูคนเดียวว่างั้น?”
     (ถูกต้องครับผม)

     ผมถอนหายใจ รู้หรอกว่ายังไงก็ต้องไปอยู่ดี

     “เออๆ เดี๋ยวตามไป”
     (ไวๆล่ะ)
     “แดกข้าวก่อน ยังไม่มีไรรองท้องเลยเนี่ย”
     (เคๆ)
     “สรุปที่ไหนนะ”
     (99)

     เมื่อตกลงเรียบร้อยผมก็วางสาย หยิบมีดโกนหนวดที่วางไว้ขึ้นมาทาบบนใบหน้า รู้สึกเหมือนว่ามันเริ่มยาวจนขึ้นตอสีดำ สมองคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนกว่าจะโกนเสร็จ และก่อนที่จะได้อาบน้ำแต่งตัวออกจากห้อง ผมก็ไม่ลืมที่จะส่งข้อความไปหาใครบางคนที่ไม่ได้คุยกันสักพักหลังจากผมนอนหลับเสียนาน

เค้าออกไปกินเหล้ากับเพื่อนนะครับ : AMAN
สัญญาว่าจะไม่เกเร : AMAN
:-) : AMAN










/











     ขวดสีชาที่วางบนโต๊ะทำให้ผมรู้ว่าเราเดินทางมาไกลกันเท่าไหร่ พูดได้ว่าเพื่อนมันต่างก็ไม่มีใครยอมใครกันเลยสักคน ผมรู้ได้ว่าสติตัวเองไม่ครบถ้วนเหมือนตอนที่มา แต่ก็ถือว่าไม่ได้มึนเมาเสียจนไม่รู้เรื่อง ผมรู้ลิมิตตัวเองดี เลยพยายามไม่ดื่มมากเพราะกลัวว่าผาจะเป็นห่วง

     แค่คิดว่าเขาจะเป็นห่วง
     ...บ้าง
     สักเล็กน้อยก็ยังดี

     Pha : จะกลับตอนไหน?
ยังไม่รู้เลย คงรอร้านไล่ : AMAN
     Pha : หนักกันอีกแล้วสินะ
55555555 : AMAN
นิดหน่อยน่าเธอ : AMAN

     ผมเงียบไปสักพัก จากนั้นจึงลองใจเขากลับเพื่อดูปฏิกิริยาตอบรับว่าจะเป็นแบบที่ตัวเองหวังหรือเปล่า

     ในเมื่อผาไม่ยอมพูด ผมก็ต้องเค้นมันออกมาเสียหน่อย

เป็นห่วงเค้าไหม? : AMAN

     มันเป็นแค่ประโยคง่ายๆ และครั้งนี้ผมก็วางเดิมพันไว้เกินร้อยเสียด้วย

     Pha : อืม
     Pha : เป็นห่วงดิ

     ผมยิ้ม ทำไมเพียงแค่ข้อความสั้นๆของอีกฝ่ายมันถึงทำให้ใจเต้นแรงได้ขนาดนี้

     Pha : ดูแลตัวเองดีๆด้วยล่ะ

     แก้วที่วางตรงหน้าถูกยกขึ้นดื่มจนหมด ผมคงถูกฤทธิ์แอลกอฮอลล์เล่นงานเข้าจริงๆในตอนที่ถามเขากลับอีกรอบ และมันก็เป็นการลองใจแบบเดิมๆ

     แบบที่ผมอยากรู้ว่าตัวเองเข้าใกล้หัวใจเขามากเท่าไหร่

     มากพอที่จะครอบครองมันไว้ทั้งดวงหรือยัง…

งั้นเธอบอกเค้าหน่อย : AMAN
ว่าถ้ามีคนสวยๆเดินผ่าน : AMAN
เค้ามองได้รึเปล่า? : AMAN

     ผาเงียบไปนาน อ่านข้อความแล้วหายไปเกือบสิบนาที

     Pha : นี่จริงจังไหม?
อืม : AMAN

     ไม่ใช่แค่เขาที่ตกอยู่ในภวังค์ความคิด ผมก็ไม่ต่าง ถึงแม้บรรยากาศรอบข้างจะครึกครื้นแต่ผมก็เอาแต่สนใจหน้าจอโทรศัพท์จนเพื่อนเริ่มจะส่งเสียงดังเข้าในจังหวะหนึ่ง

     สุดท้ายก็ต้องยกดื่มอีกแก้วเพื่อตามใจพวกมัน

     ผายังไม่ตอบ และผมก็ตื่นเต้นจนต้องหาบุหรี่สักตัวดับความคุกรุ่นในใจ

ว่าไง : AMAN
เค้ามองได้ไหมครับ? : AMAN

     Pha : ตามใจดิ

ไม่หึงเลยหรอ? : AMAN

     คงเพราะอยากได้คำตอบที่ตัวเองต้องการจากปากเขาผมเลยย้ำมันซ้ำๆ และดูเหมือนผาจะไม่ทำให้ผมผิดหวังเข้าจริงๆ

     Pha : หึง

     เขาตอบกลับ
     ประโยคสั้นๆ ตามแบบฉบับเจ้าตัว

หึงเค้า? : AMAN
     Pha : อืม
     Pha : ก็มีให้หึงอยู่คนเดียว

     ผมไม่ได้ตอบรับเขากลับเพราะเอาแต่ยิ้มจนห้ามไว้ไม่ได้ ดูเหมือนค่ำคืนนี้จะมีความสุขมากกว่าที่คิดไว้เสียอีก ผมดื่มด่ำกับเสียงดนตรีที่คลอเคล้า เสียงหัวเราะที่มอบให้ และมุกตลกของใครบางคนบนโต๊ะ เสพสุขเท่าที่ต้องการกับมิตรภาพของผองเพื่อน ยกแก้วขึ้นดื่ม จุดบุหรี่ขึ้นสูบ นานแค่ไหนก็จำไม่ได้จนกว่าจะมองหน้าจออีกรอบ

     และผมก็พบว่าความสุขเหล่านั้นมันช่างแสนสั้นเสียจริงๆ

     กับการอ่านข้อความของผาที่ส่งมาหลังจากนั้น


     Pha : คืนนี้กูนอนบ้านมาร์ชนะ



     มันทำให้ผมต้องขมวดคิ้วแล้วลุกออกมาจากโต๊ะในทันที

















50%















#ผาเพียงฟ้า

/หนี/
;-;


16/12/19
before30october


ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ผาอย่าแกล้งม่าน​ สงสารลูกหมา
เดาว่าม่านต้องร้อนรนจนออกไปโทรหาผาแน่เลย

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
พี่ผาร้ายไม่เบานะเราเนี่ยยย  :z1: ตอนนี้อ่านแล้วเขินพี่ผาแทนม่านแล้วว  :o8:

ออฟไลน์ Thefox

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อยากจะบอกว่าแอบติดตามเรื่องนี้แบบเงียบๆมาตลอด
อดใจไม่ไหว ชอบคาแรกเตอร์ของม่านและผามาก
เข้าเล้ามาทีไรจะแวะมาอ่านเรื่องนี้ซ้ำๆ ตลอด อ่านทีไรอมยิ้มไปด้วยทุกที
ขอบคุณคนเขียนที่แต่งเรื่องนี้ขึ้นมานะคะ :pig4:

ออฟไลน์ before30october

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-2
50%







     เสียงดังเป็นจังหวะในสายยิ่งทำให้ใจผมเต้นเร็วขึ้นมากกว่าเดิม พยายามระงับอาการของตัวเองด้วยการพิงเบาะไปด้านหลัง แต่มันก็ช่วยได้ไม่มากเท่าไหร่ เมื่อเป็นดังนั้นเลยพยายามมองไปรอบๆแทนเพื่อฆ่าเวลา

     (ว่าไง)

     ผากดรับหลังจากผ่านไปสักพัก น้ำเสียงอ่อนลงจนผมรู้สึกแปลกใจ

     (โทรมามีอะไรรึเปล่า?) เขาไม่รอให้ตอบ แต่ถามย้ำคล้ายกับรู้เหตุผลว่าทำไม

     “ทำอะไรอยู่หรอ?” เมื่อยังไม่กล้าถามไปตรงๆผมเลยทำเป็นอ้อมค้อม ไม่อยากให้ผาหาว่าเอาแต่ใจมากเกินไปกับเรื่องของเจ้าตัว

     ก็ผมยังไม่มีสิทธิ์
     ยังไม่ใช่สถานะที่สามารถทำได้ทุกอย่างขนาดนั้น

     (กำลังเก็บของ) เราเงียบกันสักพัก ก่อนที่เขาจะตอบกลับมาอีก (รู้แล้วใช่มั้ยว่าจะไปนอนบ้านมาร์ช)

     “...” ผมเงียบ เหม่อมองไปข้างหน้าอย่างไม่มีจุดหมาย

     (ม่าน ฟังอยู่มั้ย?)

     “...อืม”

     ผาเป็นคนเก่ง เขารู้เสมอว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่

     (เป็นอะไร?)
     “...”
     (คิดมากหรอ?) คำถามที่ส่งให้ทำเอาผมต้องหัวเราะในลำคอแผ่วเบา เป็นแบบที่เขาถาม ผมกำลังคิดมากเพราะผากำลังจะไปนอนบ้านพี่มาร์ชนั่นแหละ

     (หมู่บ้านกูไฟดับ, แม่มาร์ชก็เลยชวนให้ไปนอนด้วยกัน พอดีว่าอากูไปต่างจังหวัดแล้วยังไม่กลับ เขาเลยเป็นห่วง กูก็ไม่อยากปฏิเสธผู้ใหญ่ด้วยในเมื่อเขาชวนด้วยความหวังดี)

     พอได้ยินเหตุผลผมก็รู้สึกผิดในทันที แทนที่ตัวเองจะถามไถ่สักเล็กน้อยถึงที่มาของเรื่องดังกล่าวแต่กลับมัวสนใจเรื่องอื่น พอได้ยินแบบนั้นแล้วผมกลับเปลี่ยนเป็นเห็นด้วยที่เขาจะไปนอนบ้านพี่มาร์ชตั้งแต่แรก

     ไม่น่าเลยสักนิด

     “ดีแล้ว เธอจะได้ไม่อยู่คนเดียว”
     (...)
     “...”

     เสียงกุกกักดังจากปลายสาย หลังจากนั้นเสียงถอนหายใจก็ดังตามมา

     (กูเข้าใจนะ) เขาพูดต่อ (ถ้ามึงจะคิดมากเรื่องมาร์ช)
     “...”
     (แต่ทุกอย่างมันก็แค่อดีต อะไรที่ผ่านไปแล้วกูไม่ได้คิดจะเก็บเอามาใส่ใจ ถ้ากูจะกลับไปหามาร์ชกูก็กลับไปนานแล้ว ไม่รอให้ถึงตอนนี้ก็ได้ ...ไม่รอให้มึงเข้ามาในชีวิตก็ได้ แต่นี่กูไม่ไป มึงก็รู้ว่ากูยังอยู่ตรงนี้...)
     “...”
     (กูไม่รู้ว่ามึงจะคิดมากเพราะส่วนตัวกูแล้วมันไม่ได้สำคัญอะไร กูไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนอื่น ก็แค่เพื่อนคนนึงเท่านั้นเอง มึงก็รู้ว่ามีไม่กี่คนหรอกที่กูยอมให้เข้ามาในชีวิต มาร์ชมันก็ด้วย ไม่รู้ว่าจะมากเกินไปไหมแต่ก็อยากให้ช่วยเข้าใจ...กูไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน เท่าที่กูทำได้ก็มีเพียงเท่านี้)

     ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะปล่อยให้ผมนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเองมากกว่าที่จะมาอธิบายอะไร ผาไม่ใช่คนพูดมาก และไม่ชอบพูดอะไรที่คิดว่ามันไร้สาระ แต่ครั้งนี้เขากลับพยายามทำให้มันดีขึ้นทั้งๆ ที่ทั้งหมดก็เป็นเพียงแค่ความคิดมากของผมเอง

     (...ขอโทษนะ...)

     เสียงเขาแผ่วเบา คำขอโทษที่เอ่ยจากปากเขาทำให้ผมแพ้อย่างราบคาบ

     สุดท้ายก็ยอมให้ผาจนได้
     ไม่เก่งเลยว่ะกู

     “จะขอโทษทำไม?”
     (ก็ทำให้มึงรู้สึกแย่)

     เป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกผิด ดูเหมือนเขาใส่ใจผมมากกว่าที่คิดเสียอีก

     แต่แค่ไม่พูดมันออกมา

     “ก็เข้าใจแล้วไง”

     ผาเงียบ ถอนหายใจเบาๆ (เหนื่อยมั้ย?)

     นี่คงไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมได้ยินคำถามนี้ ต้องบอกว่าได้ยินมันบ่อยจนชินชาแล้วมากกว่า ทั้งเพื่อนของผม และเพื่อนของผาที่ต่างก็รู้กันว่าระหว่างเรามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง

     แต่ผมก็ตอบออกไปทุกครั้ง

     “ไม่หรอก”

     ด้วยคำตอบเดิมซ้ำๆ ที่ออกมาจากใจ

     (โกหก)
     “เคยบอกว่าเหนื่อยด้วยหรอ?”
     (ไม่เคยบอก...แต่รู้ว่าเหนื่อย)

     เขาจี้ใจดำจนต้องแค่นยิ้มออกมา

     “เป็นเค้าหรอไง?”

     ผาเงียบไปอีก ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจ ครั้นผมจะเอ่ยเรียกสอบถามว่าหายไปไหนแต่สุดท้ายปลายสายก็ส่งเสียงตอบรับออกมาเสียก่อน

     (กูนี่เหี้ยเนาะ)
     “พูดอะไรออกมาแบบนั้น”
     (ไม่รู้ดิ ทำได้แค่ขอโทษมึงไปวันๆ ไม่เห็นจะมีอะไรดีเลย)
     “ก็บอกว่าไม่ไง”

     อารมณ์คุกรุ่นเริ่มกลับมาอีกรอบ สาเหตุจากประโยคของเจ้าตัวที่พูดให้ได้ยิน ผมไม่ชอบที่เขาเอาแต่โทษตัวเอง ทั้งๆที่เรื่องทั้งหมดก็ไม่ใช่ความผิดเจ้าตัวเสียทีเดียว ทุกครั้งที่เขาพูดออกมามันก็ความผิดผมด้วยทั้งนั้น

     ทั้งในตอนที่ผมไม่ทักไป
     และในตอนที่คิดมากเรื่องแฟนเก่า

     ก็เพราะผมตัดสินใจที่จะเข้าไปในชีวิตเขาทั้งๆที่รู้ว่านิสัยเขาเป็นอย่างไรไม่ใช่หรอ?

     “อย่าโทษตัวเองอีกได้ป่ะวะ”
     (ทำไม?)
     “ไม่ชอบ”

     ผมรู้ดีว่าผาแตกต่างจากคนอื่น แต่บางครั้งมันก็เกินจะห้ามอารมณ์ตัวเองไหว อาการใจร้อนที่เกิดขึ้นบ่อยๆเลยพาลทำให้อะไรๆแย่ลงไปหมด ครั้งนี้ผมควรจะคุยกับเขาให้ดีแทนที่จะมานั่งคิดกับตัวเอง ทุกอย่างมันเลยกลายเป็นว่าเราสองคนต้องปรับความเข้าใจกันเสียยาว

     ไม่น่าเลยจริงๆ

     (งั้นคืนนี้กูนอนบ้านแล้วกันนะ) เขาตัดสินใจอย่างรวดเร็ว นั่นทำให้ผมรู้สึกผิดยิ่งกว่าอะไรเสียอีก
     “นอนบ้านทำไม ก็ไปนอนบ้านพี่มาร์ชสิ”
     (ก็เดี๋ยวมึงจะคิดมากอีก)
     “ผา”
     (ตามนั้นแหละ อย่าเถียง—)

     ผมไม่คิดมาก่อนว่าเขาจะตัดสายเอาดื้อๆ มือเลยกดโทรไปอีกครั้งแต่ไม่ว่าครั้งไหนเจ้าตัวก็ปล่อยให้เสียงรอสายดังอยู่อย่างเดิม ผมแทบจะเป็นบ้าอยู่รอมร่อถ้าไม่เห็นว่ามีสายหนึ่งเรียกเข้าในตอนที่กำลังจะสตาร์ทรถหลังจากผ่านไปเกือบสิบนาที

     ชื่อเจ้าตัวโชว์บนจอเด่นหรา

     “ทำไมวางสายแล้วไม่บอก” ผมต่อว่า ใส่อารมณ์ลงไปโดยที่ไม่รู้ตัว
     (ก็จะโทรมาอีกรอบไง)

     เขาอธิบาย น้ำเสียงออดอ้อนแบบที่ไม่เคยได้ยิน

     และนั่นมันก็ทำให้ผมแทบจะเป็นบ้า


     (จะได้ให้เธอคุยเป็นเพื่อนก่อน)

     โห

     ทำไมทะเลาะแล้วเอาใจเก่งขนาดนี้วะ


     (มารับผิดชอบที่เค้าต้องนอนคนเดียวเลย)


     รู้งี้ทะเลาะอีกสิบทีก็ยังคุ้ม










#ผาเพียงฟ้า




23/12/19
before30october


ออฟไลน์ before30october

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-2


ผ า เ พี ย ง ฟ้ า


24

And then I said "yes"



_________


bgm : just say yes - snow patrol

'It's not a test, nor a trick of the mind
only love'


_________









     ผ่านมาหลายวันสถานการณ์ของผมกับผาก็กลับมาเป็นเป็นปกติดังเดิม ถึงแม้จะห่างแต่เขากับผมก็คุยกันทุกวันเหมือนเคย อาจจะตอบช้าไปบ้าง หรือนานทีตอบบ้าง แต่ก่อนนอนเราก็ไม่ลืมที่จะโทรหากันเพื่อบอกเล่าเรื่องราวให้ได้รับรู้

     ผมช่วยงานอาจารย์ ส่วนเขาก็ไปเที่ยวบ้างตามประสา

     ผมกับเขาใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าก่อนจะวางสาย แปลกที่เราสามารถหาเรื่องมาคุยกันได้เรื่อยๆ ผมไม่เคยเบื่อ ไม่รู้ว่าเขาคิดแบบเดียวกันไหม แต่เมื่อไหร่ที่ได้ยินเสียงหัวเราะมาจากปลายสายมันก็ให้ผมเริ่มเป็นคนโลภมากขึ้นเรื่อยๆ

     อยากให้ผาหัวเราะแบบนี้ไปนานๆ
     แบบที่ผมรู้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุความสุขทั้งหมดนั้นของเขา

     (มาแล้ว) หน้าจอเขาสว่างจ้าพร้อมกับรูปใบหน้าเจ้าตัวเด่นหรา ผาทำหน้างัวเงีย ด้านหลังกล้องเปลี่ยนเป็นห้องนอนที่ผมไม่คุ้นเคยแต่ก็ไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่นัก

     เพราะผาบอกว่าวันนี้ไปเล่นเกมส์กับมาร์ช และคงนอนที่นู่นเลย

     “อาบน้ำไวจัง”
     (แล้วทำไมต้องอาบนาน) เขาแย้งพร้อมกับที่ผมนอนลงกับเตียงแล้วยกกล้องขึ้น ใช้แขนอีกข้างรองศีรษะเอาไว้ด้วยท่าสบาย
     “อยากลองอาบนานๆดูป่ะล่ะ?”

     เหมือนเขาจะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ อีกฝ่ายถึงได้ทำหน้านิ่งพร้อมกับเบ้ปากหนึ่งครั้ง เมื่อเป็นดังนั้นผมเลยใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้ม ไม่หยุดที่จะหยอกล้อเขาด้วยเรื่องใต้สะดือแบบที่เราๆมักจะรู้กัน

     “เค้าอาบนานๆได้นะ เป็นชั่วโมงก็ยังได้”
     (...)
     “เผื่อไม่เชื่อก็มาลองดูได้”
     (ม่าน)
     “จะได้รู้ว่าถึงชั่วโมงจริงรึเปล่า”
     (สัส)

     เสียงหัวเราะทำให้เขาพาลปิดกล้องจนหน้าจอผมดำสนิท แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้รอยยิ้มผมมันลดลงเลยสักนิด ออดอ้อนเขากลับไปอีกทีเพราะยังอยากแกล้งให้สมใจ

     “เปิดหน่อยย~” เสียงผมยานคางง อมยิ้มให้อีกฝ่ายเห็นอยู่อย่างนั้นไม่คิดจะเก็บ

     (กวนตีน)
     “ไม่กวนแล้วเนี่ย”
     (สัญญาดิ)
     “...” เพราะสัจจะที่ไม่จริงทำให้ใครบางคนไม่กล้าตอบรับ เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเป็นแบบที่ตัวเองคิดผาจึงส่งเสียงกลับมา
     (งั้นก็มองหน้าจอมืดๆ ไปทั้งคืนแล้วกันนะ)

     มีไม่กี่คนหรอกที่เอาผมซะอยู่หมัด
     และผาก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่ไม่ว่าจะดิ้นไปทางไหนผมก็ต้องยอมเจ้าตัวแต่โดยดี

     “งอน”
     (งอนอะไร?)
     “ก็เธอไม่เปิดกล้องนี่หว่า”
     (เชือดไก่ให้ลิงดูก่อน มันจะได้รู้จักเข็ด)

     คำพูดเขาทำผมหัวเราะออกมาอีกรอบ เพราะแบบนั้นละมั้งผาเลยยอมเปิดกล้องเพราะรู้ว่าต่อล้อต่อเถียงไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา คราวนี้เขาหันหน้าไปทางอื่น คล้ายกับว่ากำลังสนใจบางอย่างพร้อมกับหยิบขนมขึ้นทานไปด้วย

     (ทำไร?)

     เสียงที่ดังแทรกผ่านทำให้ผมรู้ว่ามาร์ชเพิ่งเข้ามาในห้อง ได้ยินเสียงปิดประตูตามหลังก่อนที่ผาจะทำเป็นไม่สนใจแล้วนั่งกินขนมต่อ คราวนี้เจ้าของห้องตัวจริงเดินอ้อมมาหลังโซฟา ที่ๆผาใช้หลังพิงแล้วนั่งกับพื้น เขาสบตากับผมผ่านหน้าจอแล้วมองเราสลับกันไปมา

     (อ่ออ) อีกฝ่ายเว้นช่วง (มันพัฒนานะเนี่ย)

     ไม่รู้ว่าเขาพูดประโยคนั้นกับใครแต่เจ้าตัวก็มีรอยยิ้มมุมปากให้เห็น จากนั้นก็เดินจากไปเหลือเพียงผาที่โผล่เข้ามาแค่เพียงครึ่งตัว

     “จะวางตอนไหน?” ผมจำใจถามถึงแม้จะไม่อยากวางเลยสักนิด
     (แล้วแต่) เขาตอบ ดูไม่ได้สนใจแต่สักพักก็ยอมหันกลับมามองกล้อง (จะคอลไว้ไหมล่ะ?)
     “แล้วแต่เธอ”

     เมื่อไม่มีคำตอบส่งให้ผมเลยพูดออกไปแบบนั้น ไม่กล้าบอกความจริงออกไปเพราะรู้ดีว่าเขาก็ต้องมีเวลาเป็นของตัวเองบ้าง ไม่ใช่ขลุกอยู่กับตัวผมเองตลอดแบบนี้

     (งั้นคอลไว้ก็ได้)
     “อืม”
     (อาจจะไม่ได้คุยเยอะแต่จะพยายามแล้วกัน)

     เพราะคำพูดของเขาเลยทำให้ผมยิ้มออกมา บอกแล้วว่าผาน่ะใส่ใจ ถ้าเป็นคนที่สำคัญกับอีกฝ่าย เขาก็เรียนรู้ที่จะรักษาความสัมพันธ์ไว้ให้ดี

     “อืม เค้าก็คงฟังเพลง อ่านหนังสือไปเรื่อยๆน่ะแหละ”
     (นอนตอนไหนล่ะ?)
     “รอนอนพร้อมเธอ...แต่ถ้าง่วงก่อนก็ไม่รู้เหมือนกันนะ”

     คราวนี้เราหัวเราะพร้อมกัน ก่อนที่ผาจะพยักหน้าเยาะเย้ยที่เหมือนผมจะทำเป็นเก่งแต่สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว

     ทำไงได้

     ก็ผมมันไม่ใช่เจ้าชายในนิยายนี่หว่า

     หลังจากที่ผาก็ยุ่งกับเรื่องของเขา, ผมก็ไปอาบน้ำพร้อมกับทานอาหารว่างยามดึก กลับมาอีกทีก็เห็นว่ามาร์ชนั่งลงข้างเจ้าตัวเป็นที่เรียบร้อย มีระยะห่างเล็กน้อยคั่นกลาง ไม่มากจนเกินไปจนทำให้ใครบางคนคิดมาก ในมือทั้งสองมีจอยถือกันไว้คนละอันพร้อมกับสายตาที่ดูตื่นเต้น

     เสียงที่ดังผ่านๆทำให้ผมรู้ว่าพวกเขากำลังเริ่มเล่น ผาแสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้าอย่างเห็นได้ชัด ผมหันกลับมาเพื่ออ่านหนังสือต่อเมื่อพบว่าไม่มีอะไรน่าสนใจแต่ก็แอบเหลือบมองเป็นพักๆ เมื่อเกิดเสียงโวยวายดังขึ้น เป็นแบบนี้อยู่บ่อยครั้งว่าเกมการแข่งขันระหว่างทั้งคู่นั้นดูท่าจะดุเดือด

     เวลาผ่านไปนานแค่ไหนผมแทบไม่รู้ตัว ตอบรับผากลับบ้างหลังจากทางนั้นหยุดพัก และดูเหมือนว่าทั้งสองจะใช้เวลาร่วมกันเสียนานเพราะตอนนี้กลับไปนั่งท่าเดิมเป็นที่เรียบร้อย แต่คราวนี้ต่างไปที่สีหน้ามาร์ชไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่ เจ้าตัวสบถเสียงดังก่อนที่จะผลักหัวคนที่กำลังหัวเราะเสียแรง

     อื้มม
     ให้มันได้แบบนี้

     ยกที่หนึ่งผมจะยอมให้ก่อน ถือว่าเป็นอาการตอบสนองอัตโนมัติที่อีกคนพ่ายแพ้

     (สัสมึงอย่าเบียดดิ้)
     (มึงอ่ะ— เดี๋ยวๆๆ อย่าปาด!!)
     (เฮ้ยแม่ง!!)
     (อย่าาาาาา!)

     รอบนี้เสียงตะโกนแข่งกันดังลั่นจนผมไม่มีสมาธิ สุดท้ายเลยพับหนังสือลงแล้ววางไว้หัวเตียง หันกลับมาก็เจอสงครามขนาดย่อมเกิดขึ้นจากการที่ทั้งสองเอาหมอนฟาดกันคนละหนึ่งที

     ปับ! (ขี้โกงมึงอ่ะ!)
     ปับ! (มึงก็โกงกูเหอะ!)

     อื้มม
     ยกที่สองมาไวกว่าที่คิด

     ผาใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้ม หันมาทางหน้าจอก่อนที่จะฟ้องผมยกใหญ่

     (ม่าน)
     “หืม?”
     (มันโกงกู)
     (ก็มึงโกงกูก่อน)
     (ดูเชี่ยมาร์ชพูดดิ)

     เขาดูสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก ไม่แปลกที่ผาจะบอกว่ามาร์ชเป็นอีกคนสำคัญในชีวิต เพราะการที่คนๆหนึ่งจะเปิดใจและเป็นตัวของตัวเองได้มากขนาดนี้ก็คงใช้เวลาด้วยกันมานานพอสมควร

     ถามว่าผมอิจฉาไหม มันก็มีบ้าง

     แต่ถึงอย่างนั้นผาก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่สำคัญเลยในตอนนี้

     (เนี่ย โกงจนแพ้มันแล้วตั้งสองร— อื้ออ!)
     (พูดมาก จะเริ่มเกมส์แล้ว)

     เสียงผาหายไปพร้อมกับที่มือใครบางคนตวัดรอบ ปัดใบหน้าเจ้าตัวให้หันกลับแล้วหยุดการสนทนากับผมไว้ที่ตรงนั้น และนั่นก็ทำให้ผมสบถแล้วหันหน้าไปทางอื่นในทันที

     ยกแรกผมยอมได้
     ยกที่สองผมยอมให้

     แต่ยกที่สามมันไม่ใช่…


     ...แบบนี้แถวบ้านเรียกหยามกันชัดๆ


     เป็นที่รู้กันว่าเมื่อไหร่ที่โดนท้าทายแล้วสัญชาตญาณของลูกผู้ชายมันจะพลุกพล่าน ศักดิ์ศรีที่ค้ำคอนั้นมันช่างยิ่งใหญ่กว่าสิ่งไหน และเขาก็ไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครหยามกันออกหน้าออกตาชัดเจนแบบนี้เสียด้วย

     อย่าคิดว่าเด็กแบบเขาจะยอมทุกอย่าง ถ้าเกิดวันไหนเอาจริงขึ้นมาล่ะก็…

     ...จะตามไปถึงบ้านเลยคอยดู









/









     “มาได้ไง?”

     ผมไม่ทันได้ตั้งตัวเมื่อเห็นเขายืนอยู่หน้าบ้าน เจ้าตัวไม่ตอบคำถาม ทำเพียงยักไหล่แล้วมองผมที่กำลังเปิดประตูด้วยสีหน้าสงสัย

     จะมาก็ไม่บอกไม่กล่าวๆ จู่ๆก็โผล่มาเอาซะตกใจ

     “ก็มาหาไง”
     “ไม่บอกก่อน”
     “เซอร์ไพรส์”

     เสียงยียวนกวนประสาทนั่นทำให้ผมต้องสำรวจร่างสูงอีกรอบ เขาสอดมือไว้ในกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง ก้าวเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัวว่าจะบุกรุก ทุกอย่างดูน่าหมั่นไส้ขึ้นเท่าตัวเมื่อม่านหันกลับมาพร้อมกับส่งยิ้มที่ดูไม่จริงใจเลยสักนิด

     “คุณอาไปไหน?”
     “ยังไม่กลับ เหมือนจะต้องอยู่ต่างจังหวัดยาว”
     “งี้ก็ทางสะดวก”

     ดูมันพูด

     ไม่ทันขาดคำม่านก็เข้าประชิดพร้อมกับโอบมือไปด้านหลัง วางมันไว้ที่เอวแล้วดันผมให้เดินข้างๆ ท่าทางไม่ปลอดภัยทำให้ผมปัดมือเจ้าตัวออก แต่สุดท้ายเขาก็รวบตัวผมไว้อีกรอบไม่ปล่อยให้ห่างตัว

     “ทางสะดวกอะไร”
     “ก็...จะได้อยู่กับเธอไง”

     ผมเอาแต่เงียบเมื่อเราเดินเข้ามาถึงด้านใน พอประตูปิดลงม่านก็สวมกอดผมไว้จากทางด้านหลังทันที

     “คิดถึงเธอ” เสียงเขากระซิบแผ่วเบา เจ้าตัวเกยคางไว้กับไหล่ โยกตัวผมเล็กน้อยแล้วออกแรงกอดให้มากขึ้น

     “ติดกูแล้วนะเดี๋ยวนี้” ผมตอบ ไม่กล้าหันไปมองเพราะเขาอยู่ใกล้มากเกินไป

     ใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่คลอเคลียอยู่ข้างลำคอ

     “อืออ ขาดไม่ได้แล้ว”

     เราทั้งสองต่างเงียบ ก่อนที่จมูกโด่งจะเริ่มซุกซนไปตามร่างกายผมมากขึ้นเรื่อยๆ จากหลังคอมาจนถึงข้างแก้มอย่างช้าๆ

     “คิดถึงเค้าบ้างป่ะ?” ผมเอียงคอหลบสัมผัสที่จงใจมอบให้จนเขาหัวเราะออกมาเบาๆ สุดท้ายก็ยอมเกยคางไว้นิ่งๆ แล้วรอคอยผมตอบด้วยการจ้องมองอยู่อย่างนั้น

     ให้ตาย
     หยุดทำตัวน่ารักทีได้ไหม

     “...อืมม”

     เพราะรู้ว่ายังไงโกหกออกไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาผมเลยยอมรับแต่โดยดี ม่านอมยิ้มอยู่อย่างนั้นจนผมต้องเบือนหน้าไปอีกทาง ไม่อยากมองเห็นว่าเจ้าตัวมีความสุขมากแค่ไหนเพราะนั่นมันจะทำให้หน้าตัวเองขึ้นสีมากกว่าเก่า

     แค่นี้มันก็แดงจนรู้แล้วว่าผมกำลังเขิน

     ใบหน้าเขาเลื่อนเข้ามาใกล้ มือใหญ่เชยคางให้หันไปรับริมฝีปากที่โน้มลงมา เขาหวังจะมอบจูบแสนหวานให้ดังเก่า แต่กลายเป็นว่าเสียงออดที่ดังขึ้นหน้าบ้านกลับขัดจังหวะเจ้าตัวเสียก่อน

     กริ๊งงงง!!!

     ผมสะดุ้งสุดตัว ใช้จังหวะนั้นผละออกจากอ้อมกอดของคนเจ้าเล่ห์ รีบเปิดประตูไปดูว่าใครที่มาหาในเวลาแบบนี้

     “ไปกินเตี๋ยวป่ะ?” เป็นมาร์ชที่แต่งตัวด้วยชุดสบาย หน้าตาและทรงผมเหมือนเพิ่งกำลังตื่นนอนไม่นาน เขาดูชะงักไปนิดเมื่อเห็นว่ามีแขกเดินตามหลังผมออกมาด้วย

     “อ่าว โทษที นึกว่าอยู่คนเดียว” อีกฝ่ายกล่าวขอโทษพร้อมกับยักไหล่

     ผมหันไปมองม่าน ก่อนจะสอบถามกลับไป

     “กินไรมายัง?”
     “ยัง”
     “งั้นไปกินก๋วยเตี๋ยวมั้ย มาร์ชชวนพอดี”

     คนอายุน้อยกว่าเลิกคิ้วขึ้น ถึงจะดูไม่ค่อยเต็มใจนักแต่ม่านก็ยอมตกลงพร้อมกับเดินอ้อมมายืนด้านหลังจนชิด เอื้อมมือพาดไหล่ผมคล้ายกับแสดงความเป็นเจ้าของ

     “ไปดิ หิวพอดี”

     ผมมองผู้ชายสองคนสลับกัน คนหนึ่งมีสีหน้านิ่งเรียบแต่คนที่อยู่กับมันมานานก็พอจะรู้ว่าภายใต้หน้ากากนั้นเจ้าตัวกำลังยิ้มขำให้ผมอยู่

     ส่วนผู้ชายอีกคน...สีหน้ากวนตีนก็คงบอกอะไรหลายอย่างได้เป็นอย่างดี

     เอาเหอะ
     ตามใจเด็กมันหน่อย
     หึงบ้างเล็กๆน้อยๆ...ไม่ได้เสียหายอะไรหรอกมั้ง








/







     บรรยากาศระหว่างมาร์ชและม่านเป็นอะไรที่แปลกประหลาดที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น อาจเพราะไม่ง่ายที่แฟนเก่าของเราจะมานั่งทานข้าวกับคนคุยใหม่ เพราะเป็นแบบนั้นผมเองเลยไม่รู้ต้องทำตัวยังไง เราทั้งสามเลยทำได้เพียงนั่งเงียบและพูดคุยกันนับครั้งได้ สุดท้ายก็แยกย้ายกันกลับหลังจากมื้อกลางวันที่แสนจะพิลึก

     พอม่านรู้ว่าผมต้องอยู่บ้านคนเดียวตลอดทั้งอาทิตย์เขาเลยอาสาว่าจะนอนเป็นเพื่อน ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเข้าทางอีกฝ่ายไปซะทุกเรื่อง เมื่อเป็นดังนั้นผมเลยหมั่นไส้เขานิดหน่อย

     ทั้งวันที่ผ่านเราต่างหมดเวลาไปกับการซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า ฆ่าเวลาด้วยการออกไปทานข้าวแล้วกลับเข้าบ้านในเวลาตอนเย็น เขาตัดสินใจเข้าไปอาบน้ำก่อน เพราะไม่ได้เตรียมอะไรมาทำให้ต้องใส่เสื้อผ้าของผมที่ไซส์พอดีกับเจ้าตัว จากร่างกายของเขาที่ไม่ได้ต่างจากร่างกายของผมมากนักมันเลยไม่เป็นปัญหา

     เมื่อผมทำธุระแล้วเสร็จก็เห็นว่าม่านนั่งอยู่บนเตียงแล้วเรียบร้อย บนตักมีโน้ตบุ้คของผมเองวางอยู่ หน้าตาดูจริงจังต่างจากปกติ พอแอบดูก็รู้ว่ากำลังทำงานที่ค้าง คงเพราะเจ้าตัวหนีมาหาผมเลยทำให้ไม่ได้จัดการมันสักที เมื่อเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเองเลยทิ้งไปไม่ได้

     ผมนั่งเล่นโทรศัพท์ข้างๆ ถึงแม้เราจะไม่ได้ตกลงกันว่าจะร่วมเตียงแต่สถานการณ์มันก็บังคับให้ทำแบบนั้นอยู่ดี ม่านใช้แขนข้างหนึ่งพาดผ่านไหล่ โอบเอาไว้แล้วไล้มันไปมา ส่วนมืออีกข้างก็ยังใช้กดคีย์บอร์ดอยู่เรื่อยๆ

     ไม่รู้ว่าเมื่อยไหม แต่ดูแล้วลำบากอยู่พอตัว

     พรึบ!

     “เฮ้ออ กว่าจะเสร็จ”

     เขาปิดเครื่องก่อนจะพับหน้าจอแล้ววางมันไว้ยังโต๊ะข้างเตียง หันมาหาผมพร้อมกับทิ้งตัวลงบนหน้าตัก ทุกอย่างเกินขึ้นรวดเร็วจนปฏิเสธไม่ทัน

     “เธอทำไรอยู่อ่ะ?”
     “คุยกับพวกไอ้ฮั่น เรื่องลงทะเบียนเรียนเทอมหน้า”
     “อ่อ”

     เขาออกแรงแขนให้กอดผมแน่นอีกรอบ ดูเหมือนครั้งนี้จะออดอ้อนมากกว่าเก่า

     และผมเองก็ยอมเขามากไม่ต่างกัน

     ผมคุยกับเพื่อนอยู่สักพักถึงรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ความหนาวเย็นที่มาจากมือใหญ่ทำให้ต้องหดตัวแล้วละสายตาจากโทรศัพท์ไปมอง พบว่าม่านกำลังเลิกชายเสื้อของตัวเองขึ้นแล้วสัมผัสมันเบาๆ ไม่ทันจะได้ขยับตัวหนีริมฝีปากร้อนก็ตามมาติดๆ เขากดจูบนานจนรู้สึกวาบหวิว จากนั้นตัวผมก็เคลื่อนลงต่ำด้วยแรงของเจ้าตัว

     พื้นที่บริเวณหน้าท้องบางถูกตีตรามากขึ้นเรื่อยๆ แปลกที่ผมไม่ได้ผลักเขาออก แต่กลับรู้สึกเต็มใจและพร้อมที่จะน้อมรับเอาไว้ทุกอย่าง เสียงลมหายใจเราทั้งสองขาดห้วงไปพร้อมกัน ก่อนที่ม่านจะสบตาผมอีกครั้ง เนิ่นนานเสียจนหวั่นใจ

     “เค้ารักเธอนะ” เสียงเขาแผ่วเบา ไม่ต่างจากการกระทำที่มอบให้เลยแม้แต่นิด
     “...”

     มือใหญ่ส่งมาลูบไล้ข้างใบหน้า อ่อนโยนยิ่งกว่าสิ่งไหน

     “เค้ามั่นใจและเค้าก็รอเธอมาตลอด แต่วันนี้เค้าไม่อยากรอแล้ว...”
     “...”
     “เป็นแฟนกับเค้าได้มั้ย?”

     เขาขอร้องเรียบง่าย ไม่ต่างจากบทประพันธ์ของอ็องเดร กอร์ซที่เล่าถึงสาวสวยอย่างดอรีนเมื่อตกลงรับคำเชื้อเชิญไปงานเต้นรำจากเฌราร์ด์ —  นั่นทำให้เขาทั้งคู่ได้ตกหลุมรักกันในเวลาต่อมา

     ผมคงเป็นเช่นเดียวกับหญิงสาว

     ที่ไม่มีเหตุผลจะต้องกล่าวปฏิเสธ

     “อืม”


     เพราะผมรักเขา...และอยากให้เรื่องของเรากลายเป็นเรื่องราวที่แสนพิเศษ



     — Then one evening, as luck would have it, I looked down a side street caught sigh of you in the distance. I turn and ran to catch up. You were walking fast. It had snowed and the drizzle had made your hair curly. Without thinking I’d get anywhere. I suggested we go dancing. You just said, Oui, why not. That was October 23, 1947.

     (ในเย็นวันหนึ่งผมบังเอิญเห็นคุณแต่ไกลกำลังเดินอยู่ในถนนหลังเลิกงาน ผมวิ่งเพื่อตามคุณ คุณเดินเร็วมาก หิมะก็ตก ปรอยหิมะทำให้ผมคุณขดม้วน ผมชวนคุณไปเต้นรำโดยไม่หวังอะไรมาก คุณตอบกลับมาอย่างธรรมดาว่า ค่ะ why not วันนั้นเป็นวันที่ 23 ตุลาคม 1947)—

     Letter to D: A Love Story by André Gorz (จดหมายถึง D. - อ็องเดร กอร์ซ)






#ผาเพียงฟ้า



24/12/19
before30october


ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ในที่สุดฝันของม่านก็เป็นจริง

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
เขินมากกกก  :o8:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ SimplyDelicious

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เขินมากกกก หน้าร้อนผ่าวเลย ฮือออออออ
ทำไมผาน่ารักแบบนี้หละ แงงงงงง
จากตอนแรกๆเหมือนจะเย็นชาแต่พอเปิดใจแล้วความน่ารักทะลักทะลวงมาก
เฮ้อ อยากจุ๊บเหม่งอะลูกกก

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เป็นแฟนกันแล้ว :mc4:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ในที่สุดดดดดดดด แต่ว่าขอตอนแบบว่านะ  :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ before30october

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-2


ผ า เ พี ย ง ฟ้ า


25

something only we know



_________


bgm : stand by me - oasis

'stand by me
nobody know'


_________




     นานมาแล้วที่ผมเพิ่งจะเข้าใจว่าความรู้สึกนี้มันเป็นยังไง กับการที่โลกยังคงหมุนไปเหมือนเดิมแต่มีแค่เราสองคนที่รู้ว่ามันพิเศษกว่าวันอื่นๆ ม่านทำตัวปกติไม่ต่างจากผม แต่เมื่อไหร่ที่เราบังเอิญสบตากันในจังหวะหนึ่งผมก็มักจะรู้สึกว่ามันไม่ปกติเข้าแล้วจริงๆ

     ไม่รู้เพราะเห็นว่าเขาแอบอมยิ้ม หรือเป็นเพราะว่าใจตัวเองเต้นแรงจนควบคุมไม่ได้

     บางครั้งมันเลยต้องหันกลับมาแล้วทำเป็นไม่มีอะไรดังเก่า ผมไม่ได้บอกเพื่อนเรื่องของเราและคิดว่าม่านก็คงยังเหมือนกัน เพราะถ้าเป็นแบบนั้นทุกคนน่าจะรู้เรื่องราวกันไปแล้ว

     หลังจากพักผ่อนอยู่บ้านเป็นเวลานานเกือบสองอาทิตย์ก็ถึงช่วงเปิดเทอม ม่านแวะมาหาอีกครั้งหลังจากคืนนั้นและได้มีโอกาสเจอครอบครัวของผมอย่างพร้อมหน้า ทั้งคุณน้าและคุณอาต่างก็ต้อนรับอย่างดีเหมือนเคย ดูเหมือนคราวนี้ทั้งสองจะรับรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีสถานะเป็นแค่เพื่อนอย่างที่ผมแนะนำ ถึงเราจะไม่ได้ทำอะไรที่ดูเกินหน้าเกินตา แต่แค่การที่เขามาหาบ่อยๆก็เป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดี

     พักหลังมานี้ม่านค่อนข้างจะงอแงเก่งกว่าเดิม เขามักจะบ่นว่าคิดถึงผมทุกวันเวลาที่เราไม่เจอหน้า โทรมาหาบ่อยกว่าปกติจนผมแทบไม่มีเวลาทำอะไรอย่างอื่นนอกจากคุยกับเขา แรกๆผมก็มีความรู้สึกว่ามันมากไปบ้างแต่พอเขาหายไปทีไรกลับเป็นตัวเองทุกครั้งที่รู้สึกเหงา

     ไม่ใช่แค่เขาต้องการผม ผมเองก็ต้องการเขาไม่ต่างกันมากเท่าไหร่

     คิดถึงเหมือนกันนั่นแหละ

     ‘เฮ้อ ติดเธอเกินไปอีกละเนี่ย’

     ประโยคนี้ผมมักจะได้บินมันบ่อยๆจากอีกฝ่าย เขาชอบถอนหายใจก่อนจะพูดอย่างหงุดหงิด แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็ไม่วางสายผมอยู่ดี ไม่รู้จะบ่นไปทำไม บ่นเสร็จก็ชวนผมคุยต่อแล้วอ้อนไม่ให้วางตลอด แล้วผมจะทำอะไรได้นอกจากฟังเขาพูดไปเรื่อยๆจนเวลาล่วงเลยตลอด

     คงเพราะชอบล่ะมั้งที่เห็นม่านมันยิ้ม แบบนั้นเลยไม่กล้าขัดเพราะรอยยิ้มของเขามันทำให้ผมมีความสุขมากขึ้นเท่าตัว และเพราะรู้ว่าเขาก็มีความสุขมากเหมือนกัน เมื่อเป็นดังนั้นผมก็อยากจะทำทุกอย่างเพื่อรักษารอยยิ้มเขาให้มันยังคงอยู่

อย่างเมื่อย : AMAN

     ม่านส่งข้อความมาในตอนที่ผมกำลังนั่งทำงานอยู่หน้าโน้ตบุ้ค เขาบอกผมว่าออกไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าอย่างหนึ่งใจกลางเมืองแห่งหนึ่งตั้งแต่เช้า จนตอนนี้ล่วงเลยผ่านไปจนถึงตอนเย็นก็ยังไม่ได้กลับ

     Pha : ยังไม่เสร็จหรอ?
ยัง : AMAN
อีกนานเลยมั้ง : AMAN
เดินจนปวดเท้าไปหมดละเนี่ย : AMAN

     เขางอแง ปกติแล้วก็ไม่ค่อยบ่นเรื่องงานมากเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนครั้งนี้จะทนไม่ไหวจนต้องระบายออกมากับผม

     Pha : ไปหาที่นั่งก่อนไป
นั่งอยู่ : AMAN
ปล่อยให้เพื่อนมันเดินกันเองละ : AMAN
     Pha : เมื่อยมากเลยดิ?
เดินไม่ไหวอ่ะ : AMAN
     Pha : โอเคป่ะเนี่ย?
อืออ : AMAN
ได้นั่งพักก็ดีขึ้นบ้างแล้ว : AMAN

     ถึงจะแอบเป็นห่วงอยู่นิดหน่อยแต่พอเห็นเขาตอบแบบนั้นผมก็โล่งใจ พยายามหาข้อมูลต่างๆพร้อมกับตอบเจ้าตัวไปด้วยพร้อมๆกัน หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ทักมาหาอีกครั้งพร้อมกับบอกว่าจะไปทำงานของตัวเองต่อ

Pha : ไปไหนนะ?
จะไปช่วยเพื่อนต่อละ : AMAN
รู้สึกผิดที่มานั่งพักคนเดียว : AMAN

     ผมขมวดคิ้วเพราะคิดว่าเดี๋ยวอาการเจ้าตัวคงกำเริบเข้าจนได้ แต่ไม่ว่าจะพูดยังไงเขาก็ยังยืนยันคำเดิมว่าจะไปเดินซื้อของต่อ เมื่อเป็นดังนั้นจึงถอนหายใจแล้วมองไปรอบๆห้อง ดูเหมือนว่าผมต้องทำอะไรสักอย่างเข้าแล้วจริงๆ

     Pha : งั้นกลับมาแล้วมาห้องกูนะ
จะให้ไปหาหรอ? : AMAN
     Pha : อืม
ไหนบอกว่าจะทำงาน? : AMAN
กลัวเค้าไปแล้วจะกวนเธอเปล่าๆ : AMAN
     Pha : เออน่า     
     Pha : มาแล้วกัน
อ่อ : AMAN
โอเคครับ : AMAN
     Pha : อย่าฝืนตัวเองมากล่ะ

     เขาตอบรับสั้นๆหลังจากนั้น และผมก็รีบเปลี่ยนชุดเพื่อเตรียมตัวลงไปซื้อของด้านล่างหอ

     สุดท้ายก็ต้องดูแลเขาอยู่ดี จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ก็รู้สึกหงุดหงิด








/










     ผมกลับมาถึงห้องราวๆเกือบสามทุ่ม เมื่อทักผาไปเขายังยืนยันว่าจะให้ไปหาตามเดิม ทั้งๆที่เราคุยกันตั้งแต่ตอนเช้าแล้วว่าวันนี้เขาคงไม่ว่างเพราะยุ่งกับงานนิดหน่อย แต่สุดท้ายผาก็ยังคะยั้นคะยอให้ผมไปจนต้องทำตามใจ

     ประตูห้องเขาเปิดออกพร้อมกับเจ้าของที่อยู่ในชุดนอนสีเรียบ ทรงผมยุ่งเหยิงนิดหน่อย ผาเบี่ยงตัวหลบให้ผมได้เดินเข้าไปก่อนจะปิดประตูแล้วเดินรั้งท้าย

     “จะให้เค้านอนนี่หรอ หรือยังไง?” ผมถามออกไป ไม่แน่ใจกับคำตอบมากนักเพราะเขาไม่เคยร้องขอแบบนั้นเลยสักครั้งแม้แต่ตอนที่เราคบกันแล้ว
     “แล้วแต่มึง ถ้าขี้เกียจกลับก็นอนได้”

     รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า ผมทิ้งตัวลงยังโซฟาห้องนั่งเล่นก่อนจะเอนกายอย่างนวยนาด

     “งั้นเค้านอนนี่เลยละกัน”
     “อาบน้ำมาแล้วใช่มั้ย?”
     “อาบแล้ว”

     เขาหันมามองแล้วชะงัก แค่เพียงเสี้ยววิก็เรียกผมให้เข้าไปยังห้องนอนของเจ้าตัว

     “หืม? มีอะไรหรอ?” ผมงุนงง ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องเอาแต่เรียกอยู่ซ้ำๆ
     “เออมาเหอะน่า”

     เมื่อไม่อยากขัดใจเลยต้องเดินตามไปติดๆ มองเห็นผานั่งขัดสมาธิบนเตียง เว้นที่ว่างเป็นการบอกกลายๆว่าให้ผมนั่งตรงไหน ดังนั้นเลยต้องขยับไปแล้วนั่งไม่ไกลเจ้าตัว จากนั้นผาก็จัดแจงให้เหยียดขาออกมาข้างหน้า ก่อนที่เขาจะเริ่มเคลื่อนตัวออกแล้วนั่งลงยังบริเวณปลายเท้า

     “เฮ้ย จะทำอะไร?” ผมตกใจเมื่อจู่ๆ อีกฝ่ายก็นำมือมาจับเท้าของตัวเองแล้วขยับไปมา อันที่จริงก็รู้ว่าผาคงอยากจะช่วยแต่ผมก็ไม่อยากให้เขาต้องลำบาก

     “ก็จะนวดให้ไง” ผาตอบ มองมาก่อนจะก้มลงแต่ก็โดนผมปฏิเสธเข้าอีกรอบ
     “ไม่ต้องเลย เท้าเค้ามันสกปรก”
     “งั้นไปล้าง”
     “ผา”

     คราวนี้เขาไม่ฟังเมื่อผมทำเสียงดุ เหมือนจะรู้ว่าผมไม่กล้าขัดเมื่อเขาตั้งใจจะทำอะไร มือเล็กเลยถือวิสาสะเข้าสัมผัสปลายเท้าอีกครั้ง วนไล้มันไปมาสองสามรอบ ก่อนจะหันกลับไปด้านข้าง เปิดขวดยาอะไรสักอย่างแล้วบีบมันลงบนฝ่ามือ ผมได้แต่นั่งเงียบแล้วมองคนที่กำลังตั้งใจนวด ผาเองก็เงียบ บางครั้งก็มองผมกลับบ้างเป็นพักๆเพื่อดูว่าอาการเป็นยังไง สัมผัสที่เขามอบให้แผ่วเบาเสียจนรู้สึกผ่อนคลาย อีกฝ่ายค่อยๆไล้มือไปอย่างเชื่องช้าและนั่นทำให้ความรู้สึกบางอย่างมันจุกอยู่ที่อก

     ผาไม่เคยบอกรักหรือพูดคำหวานแม้เราจะเปลี่ยนสถานะ เขายังทำตัวเหมือนเดิม ไม่มีอะไรที่เป็นเครื่องยืนยันว่าเราคบกันจริงๆ มีเพียงแค่ความทรงจำคืนเดียวที่เปลี่ยนทุกอย่าง จนบางครั้งผมยังแอบคิดคนเดียวว่าเขาแค่ตอบรับมันผ่านๆไปหรือเปล่า

     แต่คำตอบมันก็ชัดเจนอยู่ในทุกๆการกระทำของเขาเอง

     ผาทำให้รู้ว่าเขาใส่ใจผมมาก มากเกินกว่าที่ผมคิดว่าไว้เสียอีก ทั้งๆที่เขาจะปล่อยผ่านไปก็ได้ด้วยซ้ำแต่เจ้าตัวก็ยังเรียกผมให้มาหา ทั้งสายตาของเขาที่เฝ้ามองว่าอาการมันจะทุเลาลงหรือเปล่า หรือการที่มือเขาค่อยๆสัมผัสแผ่วเบาจนผมแทบจะหวั่นใจ

     ทั้งหมดเลยทำให้ผมรู้ว่าเขาก็รักผมเหมือนกัน และเขาก็รักมากเสียจนผมต้องดึงตัวเขาเข้าหาในนาทีหนึ่งแล้วกอดเอาไว้แนบแน่น ผาไม่ได้ดิ้นให้หลุด ยอมให้ผมกอดอยู่อย่างนั้นจนพอใจ

     “ขอบคุณนะ”
     “...” เขาไม่ตอบ แต่รู้สึกถึงใจที่เต้นแรงบริเวณหน้าอก
     “...”
     “ดีขึ้นบ้างหรือยัง?”
     “อืมม ก็ยังปวดอยู่นิดหน่อย”

     ผมปล่อยเจ้าตัวออกก่อนที่ผาจะนวดให้อีกรอบ คราวนี้ผมเลยเหยียดขาให้เขานั่งได้อย่างสบาย นวดไปได้ไม่นานจนผมต้องรั้งเอาไว้บอกให้พอเขาถึงได้หยุด หลังจากนั้นเจ้าตัวก็เรียกให้ไปทานข้าวที่ซื้อเอาไว้ก่อน

     เขาคงรู้ว่าวันนี้เป็นวันที่ผมเหนื่อยมามากถึงได้ตามใจแทบจะทุกอย่าง ไล่ให้ผมไปพักไม่ยอมให้ช่วยทำความสะอาด แถมยังไม่ขัดเมื่อแอบฉวยโอกาสบ้างนิดหน่อย

     อย่างน้อยๆเหนื่อยมาก็ได้กำไร

     พลั่ก! —“ยิ้มอยู่ได้”

     เขาเดินมาผลักหัว ไม่ได้ใช้แรงมากไปจนทำให้เจ็บ ผมไม่ตอบ เอาแต่ยิ้มแบบที่เขาว่าพร้อมกับมองเจ้าตัวไปเรื่อยๆ ก็คนมันมีความสุขนี่หว่า จะให้เก็บยังไงไหว

     “เธอทำงานต่อหรอ?”
     “อือ”
     “มานอนกับพี่ดีกว่ามะหนู มามะๆๆ”

     มือใหญ่ตบลงบนฟูกเสียงดัง เสียงผมยียวนกวนประสาท คราวนี้ผาหันมามองก่อนทำหน้าหยี นั่นทำให้ผมหัวเราะร่ากลับไป

     “เดี๋ยวจะโดนไล่กลับห้อง”
     “หนูใจร้ายจังเลย”
     “ยังอีก”
     “หนู~”
     “ยังไม่เลิกอีก”

     ฟุบ!
     ปับ!

     สมุดเล่มหนึ่งลอยมากับอากาศ มันหล่นลงข้างๆผมที่หลบได้ทัน คนใจร้ายหันกลับไปแล้วไม่สนใจว่าผมจะพูดอะไรต่อ เมื่อเป็นแบบนั้นผมเลยแสร้งทำเป็นงอนแล้วดูว่าเขาจะง้อหรือเปล่า

     “ให้กูปิดไฟมั้ย?”
     “...”
     “ม่าน”
     “...”

     พอไม่ตอบผาก็ไม่เซ้าซี้ต่อ นั่นทำให้ผมสบถในลำคอแผ่วเบาแล้วก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ไปเงียบๆ

     เออ ก็แฟนไม่ง้อ
     แค่นั้นเองป่ะวะ

     “ม่าน”
     “...”
     “นอนแล้วหรอ?”
     “เปล่า”
     “แล้วทำไมไม่ตอบ”
     “...”

     ผมใช้ใบหน้าใสซื่อมองเขาก่อนจะยักไหล่ มองจากดาวอังคารยังรู้ได้ว่ามันไม่ปกติ ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ทุกอย่างเงียบไปอีกครั้งก่อนที่ผาจะหยุดยืนด้านข้าง หยิบโทรศัพท์จากมือในทันทีก่อนจะทำบางอย่างที่ใจผมแทบหลุดออกจากอก

     จากการที่เขาขึ้นมานั่งคร่อมบนตัก แล้วใช้สองมือคล้องคอผมไว้อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

     ผมกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ปกติแล้วผมมักจะเป็นฝ่ายรุกเขาก่อน แต่พอเขารุกกลับแบบนี้ก็ทำเอาไปไม่เป็น มือไม้สะเปะสะปะจนต้องตั้งสติและกว่าจะรู้ตัว ผาก็กดจูบลงข้างลำคอแล้วไล่ขึ้นมาจนถึงใบหู

     เวร

     แบบนี้ผมมัน —

     “...อืมมม...”

      —จะกลั้นเสียงครางยังไงไหว

     “ชอบป่ะ?”

     ผมอยากจะผลักเขาออก แต่ทำไมมือมันกลับไม่ทำตามที่สมองสั่ง เพราะผมเอาแต่จับเอวเขาไว้พร้อมจะทุ่มลงไปกับเตียงในทุกวินาทีที่เสียงแหบพร่าพูดข้างหู

     “...ทำไมไม่ตอบล่ะครับ?” คราวนี้ลิ้นร้อนลากเลียยังจุดชีพจร ผมแทบจะตวัดเขาลงแต่ผาก็สู้แรงโดยการล็อกมือผมไว้แน่น ถึงแม้จะสู้ไหวแต่ผมก็ต้องหักห้ามใจตัวเองไว้ด้วย

     ยัง

     ยังไม่ใช่ตอนนี้

     “ถ้าชอบหนูจะทำให้อีก...ดีไหม?”

     สรรพนามที่ใช้ทำเอาผมกัดฟันกรอด หายใจแรงผ่อนปรนอารมณ์อ่อนไหว รีบพยักหน้ากลับไปเพื่อตอบรับคำถามที่ส่งให้ก่อนหน้า

     เป๊าะ! “ —แต่อย่ากวนตีนบ่อยเกินไป งานกูมันจะไม่เสร็จ เข้าใจรึเปล่า?”

     นิ้วเล็กดีดไปยังหน้าผาก อารมณ์ที่มันพุ่งขึ้นสูงถูกดับลงต่อหน้าต่อหน้า เขาหัวเราะร่า ก่อนจะรีบผละออกไปเมื่อจัดการกับใครบางคนได้อยู่หมัด


     อืม

     ผมน่ะเหมือนลูกไก่ในกำมือเขาชัดๆ

     ทำเป็นเก่งแค่ไหนผาก็รู้วิธีจัดการมันตลอด


     อันที่จริงเพราะผมยังไม่อยากทำอะไรเขาหรอก ไม่งั้นผาก็โดนรวบหัวรวบหางไปตั้งนานแล้ว ก็บอกแล้วว่ายังไม่ใช่ตอนนี้ ผมมีเวลาของตัวเอง และผมก็ไม่อยากรวบรัดเขาเกินไปเพราะเรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลา

     ถึงแม้ตัวเองจะต้องการมันมากก็เถอะ








/







     “ไงๆ กว่าจะมาได้นะมึง” เสียงไอ้ปัทถ์ลอยมาแต่ไกลพร้อมกับสายตาเจ้าเล่ห์ มันมองผมกับคนที่เดินมาด้วยกันด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
     “ทำไมนาน?” เมื่อนั่งลงไอ้ฮั่นก็เอียงตัวมาถาม ผมเลยหันกลับไปตอบ
     “ม่านลืมกระเป๋าตัง เลยวกกลับไปเอาที่หอมันอีกรอบ”

     พวกเราตกลงว่าจะรวมตัวกันที่บ้านไอ้เหนือวันนี้เพื่อเฉลิมฉลองก่อนที่จะเปิดเทอมอย่างเต็มตัว มีทั้งกลุ่มเพื่อนผมและกลุ่มเพื่อนม่านตามเดิม ดูเหมือนว่าผมจะเลทนิดหน่อยเพราะเมื่อมาถึงก็มีสมาชิกนั่งกันอยู่อย่างพร้อมหน้า แถมยังมีแขกพิเศษอีกคนที่ผมต้องหันไปยิ้มกับไอ้ปัทถ์อย่างรู้กัน

     จากคนที่นั่งข้างเจ้าของบ้าน สายรหัสของใครบางคนที่เราเคยเจอกันมาก่อน

     “เธอกินไร เหล้าหรือเบียร์?”
     “เหล้า”
     “ครับ”
     “ไม่ต้องใส่โค้กนะ ขอโซดาน้ำเปล่าพอ”

     ผมหันไปกำชับอีกรอบ ก่อนที่ม่านจะรับคำแล้วชงเครื่องดื่มส่งมา ผมรับแก้วใสแล้ววางไว้ตรงหน้า ไม่ทันจะได้ทำอะไรต่อก็ดูเหมือนจะโดนเล่นงานเข้าตั้งแต่เริ่ม

     “ผา”
     “ฮะ?” เงยหน้าเมื่อเพื่อนเรียก เป็นไอ้นาวานั่นเอง ผมรู้ว่ามันจะถามอะไรต่อเพราะเพื่อนทุกคนหันมองมาทางนี้
     “มีอะไรจะบอกพวกกูเปล่า?”

     เป็นคำถามวัดใจที่ทำเอาผมต้องชะงักไปสักพัก ไม่ใช่ว่าไม่อยากตอบ แต่ว่าคนพูดไม่เก่งอย่างผมไม่รู้จะเริ่มต้นแบบไหน จู่ๆจะให้ไปบอกว่าตัวเองกับม่านคบกันแล้วมันก็ดูจะแปลกไปเสียหน่อย เมื่อเป็นดังนั้นเลยต้องทำเป็นยกบุหรี่ขึ้นชิดริมฝีปากแล้วตอบกลับไปพร้อมกัน

     “ก็อย่างที่เห็น”

     เสียงซุบซิบดังขึ้นเบาๆ แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ยังไม่เลิกรามือ

     “อย่างที่เห็นยังไง”
     “เออ ให้มันชัดเจนหน่อยดิวะเพื่อนกู”

     พวกมันแท็กทีมกันแกล้ง ผมทำเป็นไม่สนใจแต่สุดท้ายก็ตายเพราะไอ้ติน

     “ขอชัดๆแค่ว่าเป็นน้องหรือเป็นแฟน...แค่นั้นเอง”

     ไม่ใช่แค่เพื่อนผมที่ฟังอยู่ เพื่อนม่านเองก็เหมือนกัน เหมือนเขาเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองกำลังอยู่ในประเด็นสนทนาจึงได้ทำหน้าสงสัย ผมยังไม่ตอบ พ่นควันบุหรี่ขึ้นด้านบนก่อนจะเคาะเถ้าถ่านลงบนถาดรอง

     “สรุปคือน้อง?” ไอ้ปัทถ์พูดเบาๆ จ้องมองไม่ละไปไหน

     และผมก็คิดว่าตัวเองใช้ความเงียบเป็นคำตอบได้ดีจากการที่ทุกคนยิ้ม พร้อมกับมือไอ้ฮั่นที่กอดคอแล้วเข้ากระซิบอีกรอบ

     “ร้ายนะเนี่ยเพื่อนกู”

     ผมใช้ศอกดันท้องมันไปหนึ่งรอบ แทบไม่กล้ามองคนอื่นเพราะกลัวว่าใบหน้าตัวเองจะขึ้นสี หันไปมองคนที่นั่งข้างกันเจ้าตัวก็เอาแต่ยิ้มไม่ต่าง เขาก็ไม่พูด รอให้ผมย้ำชัดกับทุกคนเสียเอง

     “น้องน่านยิ้มอะไร?” เมื่อเห็นว่าเด็กมันกำลังได้ใจผมเลยแกล้ง คนที่ยิ่งประหม่าเลยส่ายหน้าเบาๆแต่ก็ยังยิ้มอยู่
     “น่านก็ยิ้มเหมือนที่คนอื่นๆยิ้มนั่นแหละครับ”
     “แซวพี่หรอ?”
     “เฮ้ย เปล่านะพี่ผา”

     ผมหัวเราะ ก่อนจะยกแก้วตามคนอื่นๆไปติดๆ

     เพราะไม่ได้เจอกันนานบทสนทนาที่พ้นผ่านเลยเต็มไปด้วยเรื่องเล่ามากมาย มีเสียงหัวเราะและบรรยากาศเก่าๆคลอเคล้า ผมดื่มไปหลายแก้ว จนไม่รู้แล้วว่าตอนนี้สติยังดีอยู่ไหม ม่านเองก็เหมือนกัน เขาไม่ได้ห้ามผมแต่ก็คอยดูแลอยู่ห่างๆ แบบนั้นยิ่งทำให้เพื่อนยิ่งเล่นงานผมอยู่เรื่อยๆ

     “หายไปนานเชียวน้าา”
     “ไหนบอกไปแปบเดียวไงน้า”
     “แบบนี้มันยังไงๆๆอยู่น้าา”
     ผมต้องขอบคุณไอ้เหนือที่หายไปเสียนานประเด็นต่างๆเลยตกอยู่ที่มันเสียแทน

     “ไอ้สัส พอเลย” มันถลึงตาใส่ นั่งลงยังเก้าอี้ที่คนด้านข้างหายไปแล้วเรียบร้อย

     “ไปส่งถึงห้องขนาดนั้นน้องนอนหลับสนิทไหมครับคุณเหนือ?” ไอ้ปัทถ์กับนาวาหัวเราะคิกคักกันสองคน แท็กมือเข้าทันทีเมื่อเห็นว่าเล่นงานเจ้าของบ้านมันได้

     “จะไปรู้กับเขาหรอไง”
     “มีไม่รู้ด้วยว่ะ”
     “ก็ต้องหลับสนิทเปล่าว้าา ไปส่งถึง...โอ้ย” ไอ้ปัทถ์เว้นช่วงไว้จนผมต้องเอื้อมมือไปผลักหัว สาเหตุเพราะพูดจาไม่ได้เรื่อง

     “ใจเย็น แค่ไปส่งจริงๆ ไม่ได้มีเรื่องอย่างว่า” คราวนี้เจ้าตัวแก้ข่าว แต่คนอื่นๆก็ยังไม่หยุด
     “ไม่มีเรื่องอย่างว่าแต่น้อยกว่าอย่างว่ามีใช่ไหมล่ะพี่” คราวนี้เป็นรุ่นน้องที่แทรกขึ้น ไอ้เหนือหันไปมอง มันไม่ตอบแต่ก็หัวเราะก่อนจะสูบบุหรี่ แค่นั้นก็เพียงพอเหมือนกันที่ทำให้พวกผมรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

     พวกผู้ชายอะนะ

     อยู่ด้วยกันจนรู้นิสัยใจมันดี

     “อ่าวไอ้ผาว่าไง อย่างว่ามีไหม อย่าน้อยหน้าเขานะเว้ย”

     ผมแทบจะขว้างแก้วใส่ไอ้ปัทถ์เมื่อสุดท้ายมันก็หันกลับมาหาผมอีกแล้ว โชคดีที่คราวนี้ม่านมันรีบปฏฺเสธเข้าก่อน ไม่งั้นผมคงลุกหนีเพราะไม่รู้จะตอบพวกนั้นยังไง

     “ฮ่าๆ ใจเย็นพี่ปัทถ์”
     “อย่าร้อนตัวดิวะม่าน”
     “ผมไม่ได้ร้อนตัวพี่” คนอายุน้อยกว่ายังหัวเราะ ไม่รู้ว่ามีอะไรน่าขำนัก แต่ผมก็ต้องขอบคุณเขาล่ะนะที่พูดให้ไม่งั้นก็คงจะทนฟังเพื่อนมันแกล้งต่อไป

     “เอาไว้ก่อนๆ ผมไม่รีบๆ”

     เมื่อดื่มไปสักพักสติแต่ละคนก็เริ่มจะหดหายไปมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อนผมเริ่มหายไปทีละคน เริ่มที่ไอ้เหนือก่อน ไม่รู้มันรีบอะไรนัก หรือเพราะใจมันยังอยู่กับคนที่ไปส่งเข้านอนเลยทำให้ลุกไปคนแรกโดยไม่สนเพื่อน จนในที่สุดผมก็ต้องขอตัวลาไปกับไอ้ฮั่น เหลือเพียงม่านและเพื่อนเขาที่ยังนั่งกินกันต่อ

     ผมจำได้รางๆว่าพอหัวถึงหมอนตัวเองก็นอนหลับทันที คงเพราะความง่วงที่สั่งสมบวกฤทธิ์แอลกอฮอลล์ที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย กว่าจะรู้ตัวก็ในตอนที่มีบางอย่างยุ่มย่ามอยู่บริเวณหน้าอก รบกวนจนทำให้ผมต้องลืมตาอยู่ในความมืด ตั้งสติอยู่สักพักถึงได้รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังโดนจู่โจมอย่างหนักจากคนด้านบน

     ผมกัดริมฝีปากของตัวเองแน่น ไม่กล้าส่งเสียงครางออกไปแม้จะรู้สึกรันจวนใจเป็นอย่างมาก หน้าอกบางลอยขึ้นตามการเคลื่อนไหว มือใหญ่ยังใช้เกลี่ยเม็ดสีอยู่อย่างนั้น แถมอีกข้างยังมีลิ้นร้อนตวัดไล้จนผมต้องดึงเส้นผมของเขาเพื่อให้หนีห่าง

     ไม่ไหว

     ยิ่งเขาเล้าโลมแบบนี้ผมยิ่งจะไม่รอด

     ม่านยังไม่ยอมถอย แต่กลับใช้แรงจากเท้าแยกขาผมออกโดยที่ไม่ต้องใช้มือช่วย แทรกตัวเข้ามาแล้วกดส่วนล่างให้ถูไถกันมา กางเกงยีนของเราเบียดเสียดกันจนผมรู้ได้ว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไร

     “เค้าเมา” เขากระซิบที่ใบหู เสียงแหบพร่าบ่งบอกความต้องการเด่นชัด “...ให้เค้าไปซื้อถุงยางได้ไหมครับ?”

     คำขอของเขาทำให้ผมกัดฟันแน่น เพราะเจ้าตัวใช้มือตัวเองมาจับข้อมือผม ส่งมันเข้าไปสัมผัสผิวเนื้อของส่วนอ่อนไหวที่แข็งขืนตอบรับ ลูบไล้เบาๆจนผมสามารถจินตนาการได้ว่าเป็นส่วนไหน มันกระตุกตอบรับบางจังหวะ ความอุ่นร้อนที่คงอยู่ยังฝ่ามือทำให้ต้องเบือนหน้าหนี

     “หรือจะไปขอเพื่อนดี?”

     ม่านยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ ดูเหมือนเขาก็แทบจะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน น่าแปลกที่ผมไม่มีความคิดที่จะห้าม คงเพราะตัวเองก็ต้องการเรื่องอย่างว่าหลังจากห่างหายไปนานเอามากๆ

     ริมฝีปากหยักลากไล้ตั้งแต่หัวไหล่จนถึงลำคอ ดูเหมือนเขาจะทำรอยไว้บางช่วงจนผมต้องรีบผลักเจ้าตัวออก กลัวว่ารอยเหล่านั้นจะโผล่พ้นเนื้อผ้า เสียงเขาหัวเราะเบาๆตามมา ก่อนที่จะดึงมือผมออกแล้วทาบมันไว้ผ่านกางเกงยีนเสียแทน

     “ก็ไม่ได้ดิเนาะ”
     “...”
     “งี้เพื่อนก็รู้หมดพอดี”
 
     เสียงเขายังยานคางเช่นเดิม ก่อนที่จะล้มตัวลงแล้วกอดผมแน่น ความคิดในหัวเริ่มตีกันไปมา คงเพราะผมเองก็เริ่มอยากให้เขาสานต่อและเดินทางไปสู่ฝั่งฝันด้วยกัน นั่นเลยรู้สึกผิดหวังที่จู่ๆม่านก็หยุดเอาเสียดื้อๆ

     ไม่พอแค่นั้น เสียงกรนจากเจ้าตัวยังตามมาจนผมแทบจะกดความโกรธเอาไว้ไม่อยู่



     ไอ้เด็กหน้าหมา!
     วันหลังถ้าไม่ทำก็ไม่ต้องเล้าได้ป่ะวะ คนที่ค้างมันไม่ตลก!!



#ผาเพียงฟ้า



24/12/19
before30october


ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
พี่ผาาาาา ร้ายกว่าที่คิดนะเนี่ยย  :pighaun:
แอบอยากรู้เรื่องเหนือด้วย 55555

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
พี่ผาไม่ให้แกแล้ว 555555555555555555

ออฟไลน์ Thefox

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
นังม่านนนนนนน  :ling1:

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
จะอยู่ข้างพี่ผารึม่านดีล่ะเนี่ยะ โว๊ยยย ทำค้างแล้วหลับคือ :angry2:

ออฟไลน์ SimplyDelicious

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
นังน้องม่าน 5555555555555 เด็กเอ้ย
น้องผาน่ารักมากๆเลยครับ แง จริงๆน้องไม่เคยไม่ใส่ใจม่านเลย
ตอนที่ทายาให้ม่านอย่างน่ารักละมุนไปหมด คนดีของพี่

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด