ผ า เ พี ย ง ฟ้ า
13
4 minutes, 17 seconds
_________
bgm: ข้างกาย - safeplanet
' ฉันเองจะรับเธอเอาไว้
ให้เธอลองปล่อยให้มันเป็นไป
ไม่ต้องห่วง ฉันจะเข้าใจ'
_________
ถึงจะพูดไปแบบนั้นแต่ผมก็ไม่ได้ใจแข็งอะไรหรอก รู้สึกแปลกๆด้วยซ้ำที่เราต้องอยู่ด้วยกันสองต่อสอง อาจเพราะในห้องมันเงียบเกินไปล่ะมั้งเลยเป็นแบบนี้
“เธอจะอาบน้ำก่อนมั้ย?” ม่านเอ่ยถาม เหมือนเขาก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกันเมื่อสถานการณ์บังคับให้เราต้องร่วมห้อง
“มึงอาบก่อนไป”
“เค้ารอได้”
“กูขอนั่งพักแปบนึง”
เมื่อฟังเหตุผลจบอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับ หยิบของใช้ที่จำเป็นเดินหายเข้าไปในห้องน้ำที่ตั้งไว้ยังมุมหนึ่ง ผมถอนหายใจออกมา รู้สึกผ่อนคลายขึ้นนิดหน่อยเมื่ออยู่คนเดียว เพราะแบบนั้นสมองจึงโลดแล่นคิดอะไรเพลินๆมากไปหน่อย จนความคิดเดินทางมาถึงบทสนทนาของเราที่พึ่งพ้นผ่าน
บทสนทนาที่ดูเหมือนผมและม่านคือคู่รักที่ต้องค้างห้องเดียวกันเป็นครั้งแรก
ค้างในความหมายที่ไม่ใช่
ค้าง แต่หมายถึงมีกิจกรรมอื่นประกอบกันไปด้วย
ไม่เคยมีครั้งไหนที่การได้ยินเสียงคนอาบน้ำจะทำให้ใจเต้นแรงได้เท่านี้มาก่อน มันเหมือนจังหวะกลองตอนเพลงเริ่ม ค่อยๆเพิ่มความเร็วขึ้นตามกาลเวลา
จากจังหวะเชื่องช้าเป็นระรัวจนตามแทบไม่ทัน
หัวใจผมเป็นแบบนั้น
ก่อนมันจะลงน้ำหนักครั้งสุดท้ายเป็นเสียงที่ดังที่สุดจนทำให้ตกใจ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่ทันได้ตั้งตัว แต่เชื่อเถอะว่าต่อให้ตั้งตัวก็ไม่สามารถรับมือไหวเพราะสุดท้ายมันก็ได้พัดพาความรู้สึกบางอย่างลอยละลิ่วขึ้นบนฟ้า สูงส่งจนไม่สามารถคว้ามาได้ จากนั้นก็ปล่อยให้ตกลงมายังพื้นดินกว้างจนทุกอย่างแตกสลาย
กลับกลายเป็นความเงียบอีกครั้ง
อันที่จริงผมไม่ได้รังเกียจอีกฝ่ายที่ต้องร่วมเตียง ไม่ได้กลัวว่าจะดูแย่ถ้าเราต้องอยู่ด้วยกันสองต่อสอง
แต่มันเป็นแค่ความรู้สึกแปลกๆ ที่ต้องนอนกับคนที่แอบชอบ…โดยที่ตัวเองก็ㅡ
ㅡรู้สึกกับเขามากเกินกว่าจะใช้คำว่า
ปกติ อืมㅡนั่นแหละ
เพราะแบบนั้นนั่นแหละเลยทำให้คิดไปไกลจนกู่ไม่กลับ
ม่านอาบน้ำอย่างรวดเร็วจนผมไม่ทันได้ตั้งตัว อีกฝ่ายอยู่ในกางเกงวอร์มลากเท้า ใส่เสื้อแขนยาวสีเข้มและมีผ้าขนหนูผืนเล็กพาดไหล่ มันคงจะเอาไว้ใช้เช็ดผมที่เปียกหมาดจนมีน้ำหยดลงพื้น
“เค้าเสร็จแล้ว” เจ้าตัวบอก “เธออาบต่อได้เลย”
คงเพราะเห็นผมนิ่งไปสักพักคนอายุน้อยกว่าจึงถามกลับมาตามที่สงสัย
“ไม่มีเสื้อผ้าใช่ไหม?”
“อืม กระเป๋าอยู่บนห้อง”
“งั้นเอาชุดเค้าไปก่อน”
มันหยิบเสื้อผ้าที่ดูใหม่เกินกว่าจะเป็นชุดนอนส่งให้ ผมเดาได้ว่าคงเป็นชุดลำลองของอีกฝ่ายที่จะใส่ในวันพรุ่งนี้
“แล้วมึงจะใส่อะไรกลับ?”
“เดี๋ยวไปยืมของไอ้มาร์ท”
“เอาไปเหอะ กูใส่ชุดเดิมเนี่ยแหละ” ผมเถียง แต่ม่านก็ทำเสียงแข็งกลับมา
“ใส่ไปเลย มันเหลือชุดเดียวแล้ว เสื้อเธอเลอะขนาดนั้นยังจะไม่เปลี่ยนอีกหรอไง”
ชุดที่เปียกหมาดถูกสำรวจไปจนทั่ว ผมพิจารณามันเพียงไม่กี่วินาทีก็รู้สึกว่าเห็นด้วยกับความคิดของเขา จากนั้นจึงรีบเอื้อมมือไปรับอุปกรณ์สำหรับอาบน้ำ เพราะของๆผมมันอยู่ห้องข้างบนที่ล็อกเอาไว้
สายน้ำเย็นกระทบผิวเนื้อเมื่อผมตัดสินใจไม่ใช้งานเครื่องทำความร้อน มันช่วยได้มากโขเพราะรู้สึกสดชื่นขึ้นทันตาเห็น อาการเมาหายเป็นปลิดทิ้ง รู้สึกสบายตัวหลังจากอาบแล้วเสร็จและเปลี่ยนเป็นชุดใหม่ นั่นทำให้ผมขอบคุณที่ตัวเองไม่ได้ปฏิเสธม่านไปอีกรอบ
ภาพที่เห็นหลังออกมาจากห้องน้ำคือเขาที่นั่งอยู่ปลายเตียง ผ้าขนหนูยังคลุมไว้บนเส้นผมสีดำขลับ ผมมองไม่เห็นหยาดน้ำที่ไหลลงแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็เห็นได้ชัดว่าเส้นผมของเขายังไม่แห้งสนิท
ม่านหันมามองชั่วครู่ คงอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่เกมในมือถือก็ทำให้ต้องหันกลับไปดังเดิม
“เกมอะไรหรอ?” ใบหน้าผมชะโงกไปใกล้ ตัดสินใจนั่งลงด้านข้าง สองมือกุมไว้ยังผ้าขาวที่อยู่บนศีรษะ
“พับจี”
“...”
“เธอไม่เคยเล่นหรอ?”
“ไม่เคย”
ผมส่ายหน้า ได้ยินเสียงในเครื่องสีดำดังขึ้นเป็นระยะ บางครั้งมีเสียงคนเดินบ้าง บางครั้งก็เป็นเสียงปืนที่ยิงกันไปมา
“สนุกนะ ลองเล่นไหม?”
คงไม่มีครั้งไหนที่ผมรู้สึกสนอกสนใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำได้เท่าครั้งนี้แล้วมั้ง เพราะคำตอบคือการพยักหน้ากลับ ม่านเลยบอกให้ผมรออยู่สักพัก จากนั้นเจ้าตัวก็ส่งมือถือมาให้แล้วเริ่มอธิบายไปทีละนิด
“ง่ายๆเลย เธอเจอใครก็ให้ยิง”
“ยิงหมดเลยหรอ?”
“ใช่”
เขากดปุ่มในมือถือสองสามรอบ
“ถ้าเธอเล่นคนเดียวเธอก็ยิงหมดเลย แต่ถ้าเธอเล่นกับเพื่อน ก็คือจะเล่นกันเป็นทีม”
“ช่วยกันยิงแบบนี้ป่ะ?”
“ครับ”
เจ้าตัวยิ้มก่อนพยักหน้า ดูเหมือนจะมีเด็กชอบใจที่เห็นผมถามไม่หยุด
“แล้วต้องยิงยังไง?”
“ปุ่มนี้เอาไว้เดิน ถ้าเธอเลื่อนไปข้างหน้าแบบนี้ㅡ” เขาจับนิ้วมือผมแผ่วเบาก่อนจะค่อยๆดันขึ้น “ㅡเห็นมั้ยว่ามันจะไปตามที่เธอบังคับ”
“อ่อ โอเค”
“ส่วนถ้าเธอจะหันซ้ายหันขวา ก็กดเลื่อนๆตรงนี้ ㅡบนหน้าจอได้เลย”
“อ่าฮะ”
“นี่ไง ได้แล้ว”
“ไม่ถนัดอ่ะ”
“เล่นไปเดี๋ยวก็ชิน”
เสียงหัวเราะดังตามมา ก่อนที่ผมจะรู้สึกว่าเราอยู่ใกล้กันมากกว่าที่คิด
เขานั่งด้านข้าง เอียงตัวมาหาคล้ายกับมีแรงดึงดูดบางอย่างระหว่างเราทั้งสอง
“อันนี้เค้าตั้งค่าให้ปุ่มยิงอยู่ทางด้านซ้าย เห็นไหม? ที่เป็นรูปลูกกระสุนㅡ ใช่ๆ นั่นแหละ เธอจะกดยิงตรงนั้นก็ได้ หรือถ้าไม่ถนัด ก็กดหน้าจอได้เลยเหมือนกัน แต่ต้องกดเน้นๆนะ มันถึงจะยิงให้”
“ยากว่ะ”
โทรศัพท์ถูกส่งคืนไปยังเจ้าของ ผมเตรียมจะลุกขึ้นอยู่รอมร่อแต่ก็ถูกรั้งข้อมือเอาไว้ สุดท้ายก็ต้องกลับมานั่งตามเดิมเพราะผมสู้แรงเขาได้ที่ไหน อีกอย่างก็เพราะเบื่อจนไม่รู้จะทำอะไรนั่นแหละเลยลองให้ม่านสอน
จะได้ไม่ต้องอึดอัดที่เราอยู่ด้วยกันในห้องสี่เหลี่ยม
“งั้นดูเค้าเล่นแมทช์นึงก่อนแล้วเธอลอง มาๆ สนุกนะจะบอก”
เขายิ้มร่าก่อนจะสาธิตการเล่นให้ผมตามที่โอ้อวด อีกคนดูชำนาญไม่น้อย นิ้วมือระวิงไปกับตรงนั้นตรงนี้จนตามแทบไม่ทัน
อะไรกัน
ไหนบอกเล่นไม่ค่อยเก่งไง
“อ่ะ ตาเธอละ”
“เล่นเลยหรอ?”
“ลองเลยๆ ครั้งแรกก็เล่นคนเดียวก่อน จะได้รู้”
ถึงอยากจะปฏิเสธแต่ผมก็รับเครื่องสี่เหลี่ยมมาถือไว้จนได้ ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงเหมือนกัน ถึงจะเคยเล่นเกมแนวนี้มาบ้างแต่ครั้งแรกก็คงไม่ง่าย
มันต้องอาศัยการฝึกฝน
เสียงม่านอธิบายดังอยู่ข้างๆ ผมยังกล้าๆกลัวๆนิดหน่อยหลังจากเล่นไปได้สักพัก โชคดีที่มีเขาคอยปลอบและใจเย็นอยู่ตลอดแม้บางทีผมจะฟิวส์ขาดไปแล้ว
ปังปังปัง!! “เฮ้ย นี่ไง kill 1” นิ้วเรียวชี้ไปยังตัวเลขบนหน้าจอ ผมมองตาม มันเป็นการบ่งบอกว่าการเล่นเกมในรอบนี้กำลังไปได้สวย
“เห็นมั้ย บอกแล้ว”
เจ้าตัวอมยิ้ม ชี้นิ้วอธิบายเพื่อให้ข้อมูลเพิ่ม แต่ผมเริ่มสนใจกับไหล่ด้านซ้ายของเขาซะก่อน มันแนบชิดเข้ากับไหล่ผมจนเจ้าตัวไม่ทันได้สังเกต พอผละออกก็เท้าแขนไปด้านหลัง แต่ม่านกลับวางมือไว้ยังเบาะนุ่มที่เยื้องมาทางตัวเองเสียได้ มันเลยพาดผ่านหลังผมไปอย่างน่าใจหาย รู้สึกถึงความอุ่นร้อนที่ก่อตัวขึ้นจากแขนที่ทาบทับ
และจากลมหายใจของเขา
ที่มันรินรดอยู่ยังข้างแก้ม
“ต้องไปทางไหน?”
“ตามทิศตรงนี้เลย”
เพราะเจ้าตัวดูตั้งใจสอนผมเลยยอมเป็นนักเรียนที่ดี แต่ก่อนที่จะได้กดเลื่อนไปไกลมากกว่านั้น หน้าจอก็แสดงผลว่าเกมครั้งนี้สิ้นสุดลงแล้ว
และผมเป็นฝ่ายแพ้
“สงสัยเธอโดนคนอื่นยิงแน่เลย”
ข้อสันนิษฐานดังตามมา ผมส่งมือถือกลับไปให้ม่าน คนตัวสูงรับไปก่อนจะชะงักนิดหน่อยเมื่อมือผมยีเข้าที่ศีรษะ ก่อนจะส่งยิ้มเพื่อเป็นค่าสอนของคนใจดี
“เอาไว้เดี๋ยวกูโหลดมาเล่น”
“ครับ”
ร่างกายผมเริ่มตอบสนองต่อความง่วง ดวงตาหนักขึ้นหลังจากเจอแอร์ในห้องที่เย็นฉ่ำ ดังนั้นจึงรีบจัดแจงข้าวของเพื่อเตรียมเข้านอนในคืนนี้
เตียงคิงไซส์มีผ้าห่มผืนใหญ่เพียงหนึ่งผืน หมอนสองใบวางไว้บนนั้น และเท่าที่มองหา มันกลับไม่มีหมอนข้างแบบที่คิดไว้ตั้งแต่แรก
ถึงแม้มันจะผิดแผนไปเสียหน่อย แต่ผมก็ทำใจดีสู้เสือถามเขากลับ
“มึงจะนอนฝั่งไหน?”
เรายืนกันคนละฝั่ง ชั่งใจว่าจะทำยังไงกับการตกลงในครั้งนี้
“ม่าน?”
“...”
“...”
หมับ! “เค้าว่า เค้าออกไปนอนข้างนอกดีกว่า”
หมอนอีกใบถูกคว้าเอาไปถือ เจ้าตัวอมยิ้ม ก่อนจะเดินไปทางประตูห้องโดยไม่ลืมที่จะหยิบบางอย่างออกไปด้วย
เป็นตุ๊กตาตัวเล็กสีน้ำตาล
ที่ซุกอยู่ในมือข้างซ้ายเจ้าของ
“นอนได้แน่หรอ?” ผมถามย้ำ เม้มริมฝีปากแน่นเพราะกลัวว่าจะเป็นตัวเองที่ทำให้เขาต้องลำบาก
“ได้สิ”
“...”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย”
“นอนข้างในด้วยกันก็ไดㅡ”
“พอเลย”
จู่ๆ ม่านก็เอ่ยขัด ทำสายตาปรามไม่ให้ผมพูดต่อ
“ถ้าเธอพูดอีกรอบเค้าก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้หรอกนะ”
“...”
“เธอก็รู้ว่าเค้าไม่ใช่คนเก่ง และเค้าจะเสียใจมากถ้ามันเกิดอะไรขึ้น”
“...”
“เอาเป็นว่าแบบนี้เซฟสุดสำหรับเราทั้งคู่แล้วกัน”
ผมเคยอิจฉาที่เขามีรอยยิ้มสว่างไสวอยู่ตลอด รอยยิ้มที่เจ้าตัวแทบไม่ต้องพยายาม มันเป็นรอยยิ้มที่ทำเอาคนรอบข้างมีความสุขตามไปด้วย
ผมอิจฉาเขาจริงๆ
เพราะสำหรับใครบางคนแล้วมันเหมือนเจอโจทย์คณิตศาสตร์ที่แก้ไม่ออก ไม่ว่าจะทำอย่างไรคำตอบก็ไม่เป็นไปตามที่หวัง กว่าจะอดทนกับมันความพยายามก็ลดลงจนไม่อยากจะทำต่อ
สำหรับผมมันเป็นแบบนั้น
ยาก
“อืม”
และไม่มีใครเข้าใจ
แผ่นหลังกว้างเล็กลงตามระยะทางที่เราห่าง จากช่องประตูที่เปิดไว้ทำให้มองเห็นว่าม่านกำลังทิ้งตัวลงโซฟาอย่างช้าๆ สองมือยกโทรศัพท์ขึ้นกดเหนือหัวฆ่าเวลา และมันก็มองมาเมื่อผมหยุดยืนยังหน้าประตู
“ม่าน”
“หืม?”
ผมทิ้งช่วงเสียนาน
นานจนอีกคนลุกนั่ง
“ฝันดีนะ”
ก่อนจะพูดออกไปพร้อมกับรอยยิ้มดังเดิม
เราสบตากันอยู่นานก่อนคนตัวสูงจะก้มลง ผมเห็นว่าเขากำลังยิ้ม คงเพราะทุกอย่างทำให้เรานึกไปถึงตอนที่อยู่บนชายหาด
ตอนที่เราจับมือกันพร้อมกับความรู้สึกบางอย่างที่มันแล่นผ่านกลางใจ
เจ้าตัวไม่ได้ตอบรับ แต่เดินเข้ามาใกล้พร้อมกับตุ๊กตาตัวนั้นที่ถือไว้ดังเดิม
“ฝันดีเหมือนกัน”
เสียงเขาแผ่วเบา สายตาคู่นั้นจับจ้องผมอยู่นานจนนึกหวั่นใจ
ก่อนที่มือเจ้าตัวจะเลื่อนของในมือขึ้น จรดมันแนบยังใบหน้าของผมโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
“จุ๊บ” เป็นการจูบอ้อมๆข้างแก้ม
“แก้มเธอน่ะ”
“...”
“จองเอาไว้แล้วนะ”
โดยตุ๊กตาหมีที่ถูกเจ้าของบังคับ
“เพราะฉะนั้นมันเป็นของเค้าแค่คนเดียว”
,
ผมรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มีบางอย่างเข้าทาบทับจนอึดอัด ทั้งๆที่เหนื่อยจนอยากจะนอนต่อแต่ก็ต้องลืมตาขึ้นมองสิ่งแปลกปลอมที่เริ่มเกาะแกะไปตามร่างกายมากขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งแรกที่เห็นคือเส้นผมสีน้ำตาลเข้มของมัน ก่อนที่จะลามไปยังแผ่นหลังกว้างที่ไม่มีเสื้อผ้าปกปิด มัดกล้ามเนื้อของอีกฝ่ายเด่นชัดในสายตา ไอ้ปัทถ์โถมตัวลงมา มือทั้งสองข้างกอดรัดผมเอาไว้ผ่านผ้าห่มผืนใหญ่อีกที
“อะไรของมึงเนี่ย” เสียงผมยังงัวเงีย พยายามถีบเพื่อนให้พ้นจากเตียงที่นอนอยู่
“นอนด้วย” ผมคิดว่าเสียงมันก็ไม่ต่าง เจ้าตัวขยับเล็กน้อยแต่ก็ยังรุ่มร่ามแบบเดิม
“ไปนอนดีๆ”
“อือ”
“ไอ้ปัทถ์”
ต้องโดนเอ็ดเข้าสักครั้งมันถึงจะยอมเบี่ยงตัวออกไปเล็กน้อยแต่แขนขาก็ยังเกาะผมเอาไว้ตามเดิม ขามันพาดเข้าที่ช่วงล่าง ก่อนที่แขนอีกข้างจะพาดผ่านโดยไม่สนใจว่าทำให้ผมรำคาญหรือเปล่า
ดูเหมือนมันจะยกตำแหน่งหมอนข้างให้ผมง่ายๆแบบนี้เลย
อีกฝ่ายขยับออกตามแรงผลัก โชคดีที่ครั้งนี้มันไม่ได้บ่นออดแอดเหมือนเมื่อสักครู่ ผมมองดูก็พบว่าเจ้าตัวหลับสนิทไปอีกรอบ คงเพราะอาการเมาค้างล่ะมั้งมันเลยเป็นแบบนั้น เมื่อผมกลายเป็นอิสระจึงควานหาโทรศัพท์ของตัวเอง มันวางไว้บนโต๊ะเล็กข้างเตียง บนหน้าจอปรากฏตัวเลขที่บ่งบอกเวลาว่าตอนนี้ผ่านมาจนเกือบจะเจ็ดโมงเช้าอยู่รอมร่อ ผมวางแผนว่าจะนอนต่อเพราะยังเหลือเวลาให้เตรียมตัวอีกมาก
ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่าไอ้ปัทถ์ไปทำท่าไหนถึงได้มานอนตรงนี้ทั้งๆที่มันควรจะนอนห้องด้านบนแบบที่เราวางแผนกันเอาไว้ตั้งแต่แรก แต่ผมก็เลิกขบคิดเรื่องนั้นแล้วพยายามหลับตาลง สักพักถึงได้ยินเสียงบางอย่างที่เข้ารบกวนจนต้องชำเลืองมอง
มีผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ปลายเตียง เจ้าตัวถือกระเป๋าในมือเอาไว้แล้วทำท่าเหมือนไม่คิดว่าจะมีใครตื่นขึ้นมาเจอ
“เค้าแค่จะมาเอาของไปอาบน้ำข้างนอกอ่ะ ขอโทษที่ทำให้ตื่นนะ เธอนอนต่อเลย”
“มึงตื่นไวจังวะ” มือปิดปากตอนหาว ยีศีรษะไปมาเพื่อให้ผมอยู่ทรง
“ไอ้เตเรียกไปกินข้าวอ่ะดิ หิวจะตายอยู่แล้ว”
“ตื่นกันหมดแล้วหรอ?”
“เพื่อนเค้าตื่นแล้ว เหลือเพื่อนเธอ”
“อืออ”
เจ้าตัวเก็บของพลางตอบคำถาม ผมตั้งสติโดยการลุกนั่งแล้วมองอีกฝ่ายที่เดินไปมาในห้องอย่างถือวิสาสะ
และเมื่อจ้องนานเข้า ผมก็เพิ่งรู้ว่าม่านมันเป็นคนที่มีแรงดึงดูดให้เข้าหาอยู่ไม่น้อย
เส้นผมที่เริ่มยาวจนปรกตา ต่างหูข้างซ้ายที่เจ้าตัวสวมใส่ แหวนอีกสองสามวงที่ประดับเอาไว้อยู่ตลอด แม้เขาจะสวมเสื้อผ้าเรียบๆแค่ชุดผ้าฝ้าย แต่เมื่อทุกอย่างบนตัวเจ้าของรวมกันมันก็ขับทำให้ม่านดูมีเสน่ห์ขึ้นหลายเท่า
“ทำไมพี่ปัทถ์ถึงมานอนนี่ได้เนี่ย”
“ไม่รู้เหมือนกัน ตื่นมาก็เห็นมันแล้ว”
คนตัวสูงส่ายหัวไปมาเพราะเอือมระอากับรุ่นพี่ที่อายุมากกว่า มันคงจะเห็นจนชินแล้วว่าพฤติกรรมหลังกินของพวกผมเป็นยังไง ก็คงมีอยู่ไม่กี่อย่าง
เละ
ดูไม่ได้
และเหมือนตายมาแล้วหลายปี
ผมลุกขึ้น หวังจะเก็บของแล้วกลับไปยังห้องตัวเองที่อยู่ชั้นบนเพื่อให้เจ้าของห้องที่แท้จริงได้ทำธุระตามสะดวก แต่เมื่อกำลังจะผ่านใครบางคนที่ยืนรออยู่หน้าประตู เสียงล้อของเขาก็ดังขัดจังหวะจนไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้
“ใส่ชุดใครมาหรอครับคุณครับ น่ารักเชียว”
ม่านอมยิ้ม กอดอกเมื่อพิงกับกำแพงด้านข้าง ผมใช้สายตาเหล่มอง ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงจึงคิดจะเดินหนีไปและไม่สนใจเจ้าตัว แต่เขาก็ทำให้ผมต้องหยุดเท้าเอาไว้อีกรอบ
จากประโยคที่ตั้งใจให้มีความหมายกำกวมเพื่อเล่นงาน
“ชุดแฟนรึเปล่าน้าา”
เขายังยิ้มอยู่ตลอด จนเมื่อตอนที่ผมเดินเข้าไปใกล้เจ้าตัวถึงได้เดินถอยหลัง พร้อมกับเอนไปตามแรงผลักศีรษะจากมือของคนที่ยังโดนล้อไม่เลิก
ผลัก! “อย่ามาเยอะ”
“ฮ่าๆ”
“มึงนี่มัน...”
ความอดทนที่อยู่ในใจมันเริ่มจะหมดลงไปทีละนิด ผมรู้สึกได้ถึงหน้าของตัวเองที่กำลังร้อนผ่าว มันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนถึงแม้จะโดนหนักมากแค่ไหน
คงเพราะครั้งนี้ผมใส่เสื้อผ้าของเขา
และเมื่อคืนเราก็อยู่ด้วยกัน
แบบนั้นล่ะมั้ง
คำว่า
‘แฟน’ มันเลยตกกระทบอย่างแรงจนเกิดเสียงก้องภายในใจ
“ไม่เห็นตอบเลย”
“...”
“ชุดแฟนแน่ๆแบบนี้”
เขาตะโกนตามหลังเมื่อผมขึ้นบันไดมายังด้านบน และก่อนที่จะหายไปยังมุมหนึ่งจนลับสายตา ผมก็รีบตะโกนตอบกลับและได้ยินเสียงหัวเราะดังตามหลังมาอีก
“ชุดหมาแถวนี้เหอะ!!”
แต่ทำไมมันถึงชอบใจนักก็ไม่รู้!
,
เพราะการนอนน้อยที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมาทำให้ผมง่วงอย่างหนัก หลังจากที่ได้สัญญาณให้ขึ้นรถก็รีบจัดของเพื่อเตรียมนอนระหว่างทางกลับในทันที เพื่อนคนอื่นๆ เดินขึ้นมาประจำที่บ้างแล้ว ส่วนบางคนก็ยังหาซื้อของฝากและจับกลุ่มยืนคุยกันเพื่อรอเวลาออกรถในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
อาการหาวที่เกิดขึ้นด้วยความถี่สามครั้งต่อหนึ่งนาทีเป็นเครื่องบ่งบอกอย่างดีว่าผมเริ่มไม่ไหว สุดท้ายเลยตัดสินใจเอนไปด้านหลัง หลับตาลงแน่นไม่สนว่าใครจะทำอะไรต่อจากนี้ ขอเพียงแค่ตัวเองได้นอนตามที่ร่างกายโหยหาก็พอ
ผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้กว่าที่ผมจะรู้สึกตัว ภาพวิวด้านข้างเคลื่อนไหวไปตามความเร็วที่รถวิ่งผ่าน ไม่ใช่เพราะการเคลื่อนที่ของมันที่ทำให้ตื่นหรอก แต่เป็นน้ำหนักบางอย่างที่อยู่บนไหล่ผมต่างหาก
ศีรษะเขาเอียงมาทางนี้อย่างจงใจ มือสองข้างกอดตุ๊กตาหมีตัวเดิมเอาไว้แน่นคล้ายกับหวงแหนเป็นอย่างมาก ผมไล่สายตาไปตามใบหน้าคมคาย จากเส้นผมสีดำขลับลงไปยังปลายจมูก รวมถึงริมฝีปากที่เข้ากับโครงหน้าได้รูป และสุดท้ายหยุดอยู่ที่ขนตา
อันที่จริงผมไม่เคยมองเขาใกล้ขนาดนี้มาก่อน ใกล้สุดคงจะเป็นตอนที่เรานั่งเล่นเกมด้วยกันเมื่อสิบชั่วโมงที่ผ่านมา พอระยะที่ใกล้สายตาเลยเห็นไปถึงผิวเนื้อของเจ้าตัวแจ่มชัด มันไม่ได้เรียบเนียนไปซะทุกส่วน ม่านมีรอยสิวนิดหน่อยตรงข้างแก้ม และเหมือนจะมีรอยแผลเป็นเล็กน้อยบริเวณปลายคิ้ว
ผมละจากการสำรวจเพราะเห็นสายตาของเพื่อนที่มองมา มันทำท่าทางคล้ายกับมีมีดปาดที่ลำคอ เป็นการบ่งบอกว่า
แผนการนี้สำเร็จและเป็นไปตามเป้าหมาย “ม่าน” การปลุกครั้งแรกไม่ได้ผล ครั้งที่สองเลยตามมาติดๆ “ม่าน”
ดูเหมือนเขาจะยังไม่รู้สึกตัวเพราะเสียงดังรอบข้าง ผมเลยตัดสินใจเลื่อนมือไปเขย่าแขนเจ้าตัวเบาๆ จากนั้นคนที่หลับพริ้มก็ตื่นแล้วกลับไปนั่งพิงเบาะตัวตรง
“อ่า...โทษทีครับ”
เขาพูดพร้อมกับใช้มือเสยผมไปด้านหลัง ผมเลยถามถึงที่มาที่ไปว่าทำไมไม่ใช่ไอ้ฮั่นที่อยู่ตรงนี้
“มึงมานั่งนี่ได้ไง?”
“ก็เพื่อนเธอบอกให้นั่ง”
“ฮั่นล่ะ?”
“อยู่ข้างหลัง”
“...”
“พี่ฮั่นนั่นแหละที่บอกให้เค้ามานั่งกับเธอ”
คำตอบที่ส่งมาไม่ได้ทำให้ผมแปลกใจเท่าไหร่ รู้อยู่แล้วว่ายังไงพวกเพื่อนก็เชียร์ไอ้เด็กคนนี้สุดใจแบบที่เป็นมาตลอด ไม่รู้ว่าไปเห็นอะไรดีของมันเข้าหรือเปล่า ถึงได้เอาอกเอาใจและไม่ปิดกั้นแบบคนอื่นๆที่มักเข้ามา
คนนี้ถึงได้อยู่นานกว่า
และเป็นนักปีนผาที่เดินทางไกลจนไม่สามารถบันทึกสถิติได้อีกแล้ว
“เมื่อยมั้ย?” ม่านเอียงมอง คงรู้สึกผิดไม่น้อยที่พิงไหล่ผมโดยไม่รู้ตัว
คำตอบที่ส่งไปเป็นการส่ายหน้าปฏิเสธ ผมหันไปมองวิวข้างทาง แต่ก็ได้รับการสะกิดเรียกจากคนด้านข้างให้หันกลับไป แอร์พอร์ดหนึ่งข้างถูกแบ่งมาให้และเจ้าของมันก็ถือวิสาสะใส่ไว้แนบใบหู ม่านไม่รอช้าเมื่อเขาใช้มือกดเลื่อนหน้าจอเพื่อเลือกเพลง
และไม่นาน เสียงดนตรีก็เริ่มขึ้น
เป็นดนตรีที่บรรเลงบทเพลงที่ผมเคยฟังมาแล้วก่อนหน้า
เนื้อหาของมันทำให้ต้องหันไปมองทางอื่น แต่แล้วก็ต้องยกโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นเมื่อเห็นแจ้งเตือนที่ปรากฏบนหน้าจอ
มันมาจากคนด้านข้างเช่นกัน
ผมเห็นม่านกำลังพิมพ์อะไรส่งมาอีกต่อจากนั้น
เค้ามีแข่งอีกแมทช์อาทิตย์หน้า : AMAN
ถ้าเค้าชนะ : AMAN
read
เค้าขอเธอไปเดทกันอีกรอบได้มั้ย? : AMAN
ผมอ่านข้อความเดิมอยู่หลายรอบ ปล่อยให้เวลาผ่านเนิ่นนานจนม่านต้องหันไปทางอื่น มันคงจะลุ้นอยู่เหมือนกันว่าผมจะตอบกลับไปว่ายังไง เพราะรอบนี้ถ้าผมตอบว่า
ไม่ เขาก็คงจะเสียใจอยู่ไม่น้อย
เพราะมันดูเหมือนให้ความหวังแล้วจากไปเหมือนรอบก่อนๆ
ประโยคของผมถูกพิมพ์แล้วลบอยู่อย่างนั้น อันที่จริงมันเป็นประโยคเดียวทุกรอบที่พิมพ์ด้วยซ้ำ แต่ผมกลับไม่กล้ากดส่งไปให้เจ้าตัวได้รับรู้
Pha : อืม สุดท้ายผมก็ตัดสินใจก้าวข้ามความกลัวของตัวเอง
แล้วบอกคำตอบที่เก็บไว้ให้อีกฝ่าย
Pha : ถ้าชนะนะ แก้มของอีกคนยกขึ้น ผมมองเห็นจากทางด้านข้างแม้เขาจะยังไม่หันมามอง
ครับ : AMAN
อืม : AMAN
โว้ยย5555555 : AMAN
เพราะแบบนั้นแหละมั้ง ผมถึงได้กล้าอมยิ้มแล้วหันไปทางอื่นเหมือนกันเพราะรู้ว่ายังไงเขาก็ไม่เห็น
พร้อมกับภาพวิวที่ผ่าน
พร้อมกับคนนั่งด้านข้าง
และพร้อมกับเพลงเดิมที่วนซ้ำมันไปมา
ข้างกาย - safeplanet#ผาเพียงฟ้า
เรื่องนี้หยิบเพลงที่เราชอบมาแต่งเยอะมาก
หวังว่าทุกคนจะชอบเหมือนกันนะคะ :-)
22/9/19
before30october