♡̷ ผ า เ พี ย ง ฟ้ า - 2 9 | a drunk man never tell a lie - P.7 (16/03/20)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♡̷ ผ า เ พี ย ง ฟ้ า - 2 9 | a drunk man never tell a lie - P.7 (16/03/20)  (อ่าน 47465 ครั้ง)

ออฟไลน์ before30october

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-2


ผ า เ พี ย ง ฟ้ า


26

"I LOVE YOU"



_________


:-)


_________




เสียงพูดคุยกันบริเวณโถงทางเดินดังกระหึ่ม อาจเพราะยังไม่ถึงเวลาเข้าเรียนผู้คนเลยจับกลุ่มอยู่โดยทั่ว  ผมรีบทิ้งบุหรี่ในมือแล้วเดินตามเพื่อนคนอื่นๆ มุ่งหน้ายังปลายทางหรือห้องเรียนที่กำลังจะเริ่มในไม่ช้า เพราะที่นี่เป็นตึกเรียนรวมของมหาวิทยาลัยดังนั้นเลยมีนักศึกษาหลากหลายคณะที่เข้าใช้งาน สายตาพวกเราเลยมักจะสอดส่องมองไปโดยรอบอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะไอ้มาร์ทมันน่ะนะ ของแบบนี้มันเคยพลาดซะที่ไหน

ผมเบี่ยงตัวหลบพวกผู้ชายกลุ่มใหญ่ที่ยืนอยู่บนทางเดินแคบ ได้กลิ่นบุหรี่ของตัวเองลอยปะปนกับคนอื่นๆจนฉุนจมูก ทั้งๆที่คิดว่าก็ไม่ได้สูบเยอะ แต่สงสัยเพราะเพื่อนๆมันก็สูบเหมือนกันเลยอบอวลควันจากพวกมันมาด้วย

ห้องขนาดกว้างมีผู้คนเข้ามาบ้างแล้วตอนที่เรามาถึง ไอ้ตินเลือกนั่งบริเวณกลางห้องค่อนไปทางด้านหลังเล็กน้อย จากนั้นผมและคนอื่นๆก็ตามไปติดๆ ไม่นานอาจารย์ผู้สอนก็เดินเข้ามาพร้อมกับที่นั่งที่ถูกจับจองจนแน่นเอี๊ยด

เสียงบรรยายจากผู้หญิงวัยกลางคนทำเอาเสียงพูดคุยเงียบลงไปถนัดตา ผมตั้งใจอ่านเนื้อหาบนกระดาษแผ่นเล็กสลับกับมองกระดานที่เต็มไปด้วยเนื้อหาที่อัดแน่น มองเห็นคนอื่นๆในห้องก็ตั้งใจไม่ต่างกันเท่าไหร่ อาจเพราะวิชานี้ต้องเรียนรวมกับเด็กคณะอื่นที่ขึ้นชื่อเรื่องหัวกะทิ ดังนั้นเราเลยกลัวว่าคะแนนที่ได้จากการสอบจะน้อยจนส่งผลกระทบถึงเกรดในตอนท้ายเทอม

“เอาล่ะ อาจารย์อยากให้แบ่งกลุ่ม6 คน เพื่อทำงานมาส่งในครั้งหน้า”

ก่อนที่จะหมดเวลาเรียนจู่ๆ หญิงสาวก็ประกาศขึ้น เสียงพูดคุยเริ่มกลับมาตามเดิม พวกผมมองหน้ากันก่อนจะพบว่าคงต้องหาสมาชิกเพิ่ม

“5 คนหรือ 6 คนก็ได้นะ ช่วยกรอกรายชื่อจากลิ้งก์ที่อาจารย์ทิ้งไว้ให้ในไลน์ภายในสิบนาที ใครไม่มีกลุ่มแจ้งอาจารย์ได้ จะได้จัดหาให้ทีหลัง”

เมื่อจบคำสั่งไอ้มาร์ทก็พูดต่อทันที

“ภีมมึงกรอกให้ที”

เพราะขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืดคนโดนร้องขอเลยหยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมาแล้วกรอกรายละเอียดต่างๆลงไป ไม่ต้องบอกอะไรมันมากเพื่อนผมก็สามารถจัดการทุกอย่างได้จนหมด แต่ก่อนที่จะได้กดส่ง จู่ๆก็มีคนแปลกหน้าที่เข้ามาจนทำให้พวกเราต้องหันไปมองกันทั้งกลุ่ม

“ขอโทษนะคะ” คนแปลกหน้ายิ้มให้ ท่าทางประหม่าเล็กน้อยยามที่พูด “พอดีเรากับเพื่อนยังไม่มีกลุ่ม เลยอยากถามว่าพอจะรับคนเพิ่มได้ไหม”

เจ้าตัวชี้ไปยังคนด้านข้าง หญิงสาวสองคนหน้าตาน่ารักทำเอาสายตาวิบวับปกปิดเอาไว้ไม่มิด

เฮ้อ
ไอ้พวกหน้าม่อ

“ได้สิ พวกเรามี5 คนเอง” ไอ้แทนตอบ ยิ้มหวานกลับไปจนผมต้องส่ายหน้าในใจเพียงคนเดียว

“งั้นตาลอยู่นี่ เดี๋ยวเราไปหากลุ่มใหม่แล้วกันนะ” หญิงสาวที่มาด้วยกันผละออกไปอีกทาง แต่โชคดีที่ได้เตรั้งไว้ได้ทันและเสนอทางออกใหม่

“เดี๋ยวเราไปถามอาจารย์ก่อนว่ากลุ่ม7 คนได้ไหม อาจารย์ไม่น่าจะว่านะ จะได้ไม่ต้องไปหาคนอื่น”
“นั่นสิ อยู่นี่แหละ ไม่เป็นไรหรอก”

เจ้าตัวทำสีหน้าลำบากใจแต่สุดท้ายก็ยอมรับข้อตกลง คนเสนอจึงเดินไปหน้าห้องเพื่อสอบถามก่อนจะได้รับข่าวดีว่าสามารถทำงานร่วมกันได้ เมื่อเป็นดังนั้นเราจึงมีสมาชิกใหม่อีกสองคนที่แสนจะถูกต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเพื่อนๆผมเอง

ครับ
ไม่แปลกใจเลยสักนิด

“งั้นตั้งกลุ่มไลน์ดีไหม จะได้คุยกันสะดวก” ไอ้ภีมเป็นคนเสนอ ตาลและนุ่นที่ตามไม่ทันแผนการพวกมันก็พยักหน้ารับเบาๆ เป็นการตอบรับ รอยยิ้มจากเสือซ่อนเล็บไม่ทันเผยให้เห็นจนผมต้องผลักหัวมันไปที

“น้ำลายเยิ้มแล้วมึงน่ะ” เสียงกระซิบผมเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน
“เฮ้ย โอกาสมาทั้งที ต้องรีบคว้าไว้หน่อยแล้ว”

ผมส่ายหัว คงมีเพียงแต่ไอ้แทนที่ยังนั่งนิ่งแต่ก็ต้อนรับแขกใหม่โดยไม่ให้เสียมารยาท เพราะมันมีแฟนแล้วเหมือนกัน อาการของผมกับมันเลยต่างจากอีกสามคนที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อตลอดเวลา

เมื่อเราจัดการทุกอย่างเรียบร้อยจึงมานั่งยังโรงอาหาร ได้ยินแว่วๆจากไอ้มาร์ทว่ามันแอดไลน์ส่วนตัวนุ่นกับตาลเป็นที่เรียบร้อย เรื่องแบบนี้ไม่ต้องพูดอะไรมาก พวกมันรู้งานเหมือนช่ำชองมาเป็นอย่างดี ผมรีบรับประทานมื้อเที่ยงเพื่อเตรียมเรียนต่อในตอนบ่าย เมื่อทานเสร็จก็ได้รับข้อความจากใครบางคนที่ส่งเข้ามา

บ่งบอกว่าตอนเย็นวันนี้เขาอยากให้ผมรอที่ใต้คณะ และเราจะกลับด้วยกัน

เค้าเลิกสี่โมง : AMAN
เธอล่ะ? : AMAN
Pha : สี่โมงเหมือนกัน
กลัวเธอเลิกก่อนแล้วต้องมารอเค้าไง : AMAN
Pha : จำตารางเรียนมึงได้น่า

ประโยคสั้นๆของผาทำให้ผมเก็บรอยยิ้มของตัวเองไว้ไม่ได้ ถึงเจ้าตัวจะไม่ค่อยแสดงออกมากเท่าไหร่แต่การกระทำกลับต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ผาพูดไม่เก่ง แต่ก็ชัดเจนกับความสัมพันธ์ของเราเสมอผ่านการกระทำ

งั้นเจอกันหน้าร้านถ่ายเอกสารนะ : AMAN
เค้าลงบันไดฝั่งนั้น : AMAN
Pha : เค

เขาตอบสั้นๆ และผมก็อดไม่ได้ที่จะส่งกลับไปอีก

คิดถึงเธอครับ : AMAN

ก็แค่อยากบอก ผาไม่ต้องตอบรับมันก็ได้ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็เล่นงานผมจนหนีไปไหนไม่รอดอยู่ดี

Pha : คิดถึงมากกว่าครับ

จากประโยคสุดท้ายที่ถูกส่งมา บ่งบอกว่าเจ้าตัวก็คิดถึงผมไม่ต่างหลังจากที่เราไม่ได้เจอกันนานเป็นเวลาเกือบอาทิตย์

คราวนี้รอยยิ้มผมกว้างกว่าเดิม เก็บโทรศัพท์ไว้ยังกระเป๋าหลังก่อนยกบุหรี่ขึ้นสูบเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน พร้อมกับความคิดหลายอย่างที่ปะปนกันอยู่ในหัว

ส่วนมากก็เป็นความคิดเกี่ยวกับเขา
และเป็นความคิดเกี่ยวกับเรื่องของเรา

ที่ทำให้ผมมีความสุขเสียจนรู้สึกว่าตัวเองโคตรโชคดี

ความรักมันก็เป็นแบบนี้
แบบที่ทำให้เราลุ่มหลงเสียจนโงหัวไม่ขึ้น









/









ผมมองเห็นแต่ไกลว่ามีใครที่นั่งรออยู่บนม้านั่ง เรียกชื่อเขาครั้งเดียวเจ้าตัวก็หันมาพร้อมกับลุกขึ้น

“หิว ไปกินข้าวกัน” ผาเอ่ยชวน เมื่อผมพยักหน้ารับจึงเดินนำไปยังลานจอดรถ
“ทำไมวันนี้หิวไว?”
“ตอนเที่ยงกินแค่แซนด์วิชเอง”
“ไม่เห็นบอก”
“รีบไง จารย์ปล่อยช้าไม่มีเวลาไปกิน”

ผมยีหัวเขาเบาๆ ผาไม่ได้ปัดออกเหมือนเคย

“กินเยอะๆดิ ผอมลงตั้งเยอะเธอน่ะ”
“หรอ?” เขาถาม ก้มลงมองหุ่นตัวเองพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ผอมจะตายเนี่ย”
“เปล่านี่” อีกฝ่ายเถียง คิ้วยังขมวดเมื่อผมยังยืนยันคำเดิม
“กอดอยู่ทุกวันยังจะมาเถียง”

คราวนี้เขาเบือนหน้าไปอีกทาง ไม่ยอมหันกลับคงเพราะกลัวว่าผมจะเห็นแก้มแดงๆนั่นเข้า

แม่ง
น่ารักอีกแล้ว

ผมหันซ้ายหันขวา เมื่อพบว่าไม่มีใครมากนักระหว่างทางเดินจึงเข้าไปชิดอีกคน ใช้จังหวะที่มือเรากระทบกันแผ่วเบารวบมือเขาเข้าหา สานมือของตัวเองแน่นจนความอุ่นส่งผ่าน ชำเลืองมองปฏิกิริยาของผาว่าจะทำอย่างไรกับการจับมือกันในที่สาธารณะเพราะเราไม่เคยทำมันมาก่อน

แต่ผาก็ไม่ได้ปฏิเสธอีกเช่นเคย นั่นทำให้ผมยืดตัวขึ้นอย่างลำพองใจ มากกว่านั้นเจ้าตัวยังกระชับมือผมให้แน่นขึ้นกว่าเดิม พร้อมกับก้มหน้าลงแล้วเดินไปตามทางเงียบๆ

ก็ตามนิสัยเขาล่ะนะ

แต่ทำไมมันช่างน่ารักเป็นบ้าเลยวะ

ผมหลงจนไม่รู้จะหลงยังไงแล้ว









/









เราเลือกย่านร้านค้าที่นึงเพื่อรับประทาน พอมาถึงเขาก็เลือกซื้อน้ำปั่นก่อน สงสัยเพราะกระหายน้ำระหว่างทาง ส่วนผมก็ทำได้แค่ยืนรออยู่ข้างๆ และตัดสินใจว่าจะทานอะไร

“ม่าน”

เสียงเรียกชื่อผมดังเบาๆ แต่ก็พอให้ได้ยินจนต้องหันไปมอง พบว่าหญิงสาวที่เราเพิ่งรู้จักกันในคาบวิชาเมื่อตอนเช้านั่นเองที่เป็นคนทัก

“มากินข้าวแถวนี้หรอ?” ตาลเอ่ยถาม ส่งยิ้มอย่างเป็นมิตร
“ใช่ๆ ตาลล่ะ?”
“มากินข้าวเหมือนกัน...กับพวกเพื่อนๆน่ะ” เจ้าตัวเว้นช่วงไปพักนึง ก่อนที่จะชี้นิ้วไปด้านหลังจนพบกับคนอื่นๆ ผมส่งยิ้มเป็นการทักทายเหมือนกัน

“ใครอ่ะ? รู้จักกันหรอ?” เหมือนผู้หญิงอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ห่างสงสัยในความสัมพันธ์ของเราทั้งสอง สายตาเจ้าเล่ห์บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ากำลังคิดอะไรอยู่

“นี่ม่านเพื่อนเรา เรียนเสรีด้วยกันเมื่อเช้า”
“อ่ออ” เสียงลากยาวพร้อมกับทำตาโต หญิงสาวหันมาทางผม ก่อนจะพูดต่ออย่างอารมณ์ดี “ไม่รู้ว่ามีเพื่อนหล่อขนาดนี้ ไม่งั้นลงเรียนไปด้วยแล้ว”

เพราะผมไม่รู้จะตอบยังไงเลยหัวเราะตามไป การหยอกล้อยังดำเนินต่อไปโดยที่ผมเอาแต่รับฟัง

“ม่านไปทานข้าวด้วยกันสิ ไปไหม นุ่นก็มานะ”

ยังไม่ทันที่อีกคนจะได้พูดจบ ผาก็เดินเข้ามาชิดพร้อมกับทำหน้าสงสัยให้กับเหตุการณ์ที่เกิด และดูเหมือนสองสาวจะแปลกใจที่เห็นว่าผมมีคนมาด้วยเช่นกัน

“อะไรหรอ?” เขาถาม ยกแก้วน้ำปั่นขึ้นดูดพลางมองคนที่อยู่ตรงหน้า
“เพื่อนเค้าชวนไปกินข้าวน่ะ”

สองสาวยิ้มรับ ผมแทบจะหาคำพูดไม่ได้เมื่อผาจ้องหน้าเพื่อนของตาลอย่างรู้ทันว่าคิดอะไรแม้จะทำได้เพียงสบตา

“ไปด้วยกันไหมคะ ตาลเขาอยากชวนม่านไปด้วย” อีกคนออกโรงอย่างเห็นได้ชัด ส่วนเจ้าของชื่อก็ใช้ศอกสะกิดเพื่อนแล้วซุบซิบบางอย่างที่เราไม่ได้ยิน

ผาเหลือบมอง ใบหน้านิ่งๆนั่นทำให้ผมขนลุกโดยไม่มีสาเหตุ เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ใช้ความเงียบเป็นเครื่องมือชั้นดีที่ทำเอาเราทั้งสามคนรู้ว่ามันไม่ปกติเข้าแล้วจริงๆ

น่ากลัวฉิบ

“มึงอยากไปไหมล่ะ?” เขาถาม ความอึดอัดที่ส่งผ่านทำเอาผมกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ด้วยเพราะไม่รู้จะตอบแบบไหนถึงจะต้องรักษาน้ำใจทั้งสองฝ่าย ดังนั้นผมเลยต้องคิดเกี่ยวกับผลที่จะตามมาให้รอบคอบ

คนนึงก็แฟน
ส่วนอีกคนก็ต้องทำงานร่วมกันอีกนาน

มันไม่ใช่เรื่องง่ายในการหาเหตุผลมารองรับแม้ผมจะมีคำตอบอยู่แล้วก็ตามที

“ขอโทษทีนะตาล พอดีวันนี้เรากะจะรีบไปเคลียร์งาน เกรงว่าจะไม่ค่อยสะดวก” นานกว่าความเงียบจะจบลง สุดท้ายผมก็เลือกคำตอบแรกที่อยู่ในใจ
“ไม่เป็นไร เอาไว้ครั้งหน้าก็ได้”
ผมยิ้มรับ ก่อนจะพูดต่อ “ได้สิ จะได้ชวนพวกไอ้ภีม ไอ้ตินมาด้วย”
“ดีเลย”

หญิงสาวยิ้มกว้าง คราวนี้มองผมกับผาสลับกันไปมา คงเพราะระยะห่างระหว่างเราทั้งคู่มันเริ่มลดลงมากขึ้นเรื่อยๆ

จากการขยับของผา และนั่นทำให้ผมรู้ว่าเขาก็ไม่ได้นิ่งเฉยไปเสียทีเดียว

“หิวแล้ว ไปกันได้ยัง” เขาพูดเบาๆ จากนั้นผมเลยรีบบอกวาเพราะกลัวว่าคนข้างกายจะหงุดหงิดเข้าเสียก่อน

“เราไปก่อนนะ”
อีกสองคนพยักหน้า ส่วนผาก็หันหลังกลับโดยไม่ได้บอกลาอะไร ผมแทบจะถอนหายใจออกมา แต่เพราะสัมผัสแผ่วเบาที่เอวฝั่งขวาทำให้ลืมทุกอย่างไปจนหมด

ผาเอื้อมมือมากอด โอบไว้คลายๆแสดงความเป็นเจ้าของเพียงเสี้ยววินาที คงอยากให้ใครบางคนรับรู้ชัดเจนว่าเราเป็นอะไรกันและไม่ใช่ความสัมพันธ์เพียงชั่วคราว

ผมอมยิ้ม ก่อนจะดึงมือเขาให้กลับมาอยู่ที่เดิมแล้วจับเอาไว้

เป็นการแสดงความเป็นเจ้าของไม่ต่าง

แม้จำนวนผู้คนจะมาก แต่อย่างน้อยเราก็ไม่ได้เขินอายอะไรอีก









/









“ทำอะไรอยู่หรอ?” เจ้าของห้องหยุดยืนด้านข้าง ชำเลืองมองเล็กน้อยก่อนจะวางของต่างๆไว้บนโต๊ะ

“พรีเซนต์”
“พรีวันไหน?”
“วันศุกร์ครับ”

ผมตอบก่อนจะใช้นิ้วลงน้ำหนักบนแป้นพิมพ์ มองเขาที่อยู่ในชุดพร้อมนอน

“อีกนานเลยอ่ะดิ?” ผาถามแล้วใช้มือยีศีรษะผมเบาๆ คล้ายกับว่าเจ้าตัวเห็นอกเห็นใจคนที่นั่งทำงานมานานแต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้
“อืม เธอนอนก่อนเลย”
“เอางั้นหรอ?”

เจ้าตัวถามย้ำ ถ้าเป็นปกติคงจะตอบรับสั้นๆแล้วเดินจากไป แต่ดูเหมือนการที่เราค้างด้วยกันบ่อยๆจะทำให้เขาเริ่มชินกับการที่มีผมนอนข้างๆ ผาไม่เคยบอกอีกเช่นกัน แต่การกระทำเขามันเด่นชัดเสียจนผมอดอมยิ้มออกมาไม่ได้

“ช่วยไม่ได้ ก็งานเค้าเหลืออีกเยอะ”
“งั้นก็อย่าดึกมากล่ะ พรุ่งนี้มึงมีเรียน”
“ครับ ถ้าเธอจะนอนก็หรี่ไฟเลยนะ เดี๋ยวเค้าเปิดโคมไฟเอาก็ได้”

แม้จะอยากนอนพร้อมกันแต่ผมก็ต้องรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองที่รับมา ผาพยักหน้าสองสามครั้งแล้วเดินจากไป จากนั้นในห้องก็เหลือเพียงแสงสลัวจนผมต้องเปิดโคมไฟให้ความสว่างเสียแทน คิดว่าอีกฝ่ายคงจะนอนไปแล้วแต่ก็ผิดคาดเมื่อเห็นว่ามีเครื่องดื่มร้อนพร้อมกับขนมปังที่ถูกวางไว้ให้

“เผื่อหิว” เขาพูดแค่นั้น สำรวจสภาพของผมที่นั่งตรงนี้นานเกือบห้าชั่วโมงเห็นจะได้ เมื่อเจ้าตัวยังไม่ละไปไหนสุดท้ายจึงโดนรั้งข้อมือเอาไว้พร้อมกับแรงดึงให้นั่งลงบนตัก

“ไม่เอา” ผางอแง แต่มีหรือที่คนแบบผมจะหยุด
“แปบเดียว”

ไม่รู้ว่าเขาแพ้ลูกอ้อนหรืออยากจะตามใจเพราะหลังจากนั้นผาเองก็ไม่ขัดขืน เขานั่งลงด้านหน้า ระหว่างขาของผมอีกที โชคดีที่เก้าอี้ตัวใหญ่เจ้าตัวเลยสามารถนั่งได้อย่างสบายและไม่เบียด มือข้างหนึ่งของผมเลื่อนขึ้นมาโอบเอว ส่วนอีกข้างยังจับไว้ยังเมาส์เพื่อทำงานต่อ

“ตัวเธออุ่นจัง” เสียงกระซิบชิดใบหู คงเพราะผมเอาคางเกยไว้ที่ไหล่เขาอีกที บางครั้งก็แอบจรดปลายจมูกลงบนผิวที่มีเนื้อผ้าคั่น สูดดมกลิ่นหอมของอีกฝ่ายอย่างพึงพอใจ

ไม่เคยรู้มาก่อนว่าพอเลื่อนสถานะแล้วยอมเก่ง

“อืออ มันจั๊กจี้” ไม่รู้เพราะเล่นมากไปหรือเปล่าเขาเลยต้องจับแขนที่ลูบหน้าท้องบางเอาไว้เพื่อหยุด เพราะตอนนี้มันเริ่มจะสอดเข้าไปด้านในเสื้อและสัมผัสร่างกายของเขาอย่างจาบจ้วง ผาดิ้นเล็กน้อยแต่ผมก็ยังไม่ยอมปล่อยอยู่ดี

ก็ใช่สิ กำไรแบบนี้ไม่ได้หาได้ง่ายๆ

“พอก่อนม่าน”

คราวนี้เขาทำเสียงจริงจังจนผมหัวเราะออกมา สุดท้ายก็ทำได้แค่เกบคางไว้ที่ไหล่เหมือนเดิม เอื้อมมือไปบิดแก้มเจ้าตัวเล็กน้อยแล้วเอ่ยถาม

“เธอหึงเขาหรอ?”
“...”

ผายังไม่ตอบ แต่ผมคิดว่าเขาเข้าใจว่าผมกำลังสื่อถึงเรื่องไหน

“ก็บอกแล้วไง”
“...”
“ว่ามีให้หึงอยู่คนเดียว”

คราวนี้ผมกดจูบลงกับแผ่นหลัง เวลาอยู่กับผาทีไรหุบยิ้มไม่ได้ทุกครั้ง กลัวว่าเขาจะมองผมเป็นคนบ้าเหมือนกัน แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง

“แล้วใคร?”
“ครับ?”
“คนนั้นน่ะใคร”

ผมเคยคิดว่าอาการหึงหวงน่ะมันน่ารำคาญไม่น้อย แต่ทำไมพอมันเกิดกับผามันถึงดูน่ารักและผมก็ชอบที่เขาหึงผมเอาซะมากๆแบบนี้

“เพื่อนที่รู้จักกันตอนเรียนเสรี ห้องเค้าเรียนกับบัญชีแล้วพอดีอาจารย์ให้ทำงานกลุ่มเลยได้รู้จักกัน”
“...”
“...”
“อืม”

เจ้าตัวตอบรับสั้นๆ คงเพราะเห็นผมนิ่งไปนานละมั้งเลยถามต่อ

“ไม่ทำแล้วหรองานน่ะ?”
“ทำสิ”
“อือออ ม่าน”
“...ทำอยู่”

ผมไม่รู้ว่าเพราะบรรยากาศเป็นใจหรือผมแค่อยากสัมผัสเขามากกว่านี้ มือไม่รักดีมันเลยเลื่อนลงต่ำจนทาบทับเข้ากับส่วนอ่อนไหว ผมอาศัยช่วงที่ผาอ่อนแรงมอบจูบเชื่องช้าส่งให้ เขาใช้ลิ้นตอบรับในไม่ช้าก่อนที่จะมันจะถูกเร่งจังหวะจากคนที่นั่งด้านหลัง

มือเล็กเลื่อนมาประคองใบหน้าผมทางด้านหลัง เพื่อให้จูบเราสามารถดำเนินต่อไปได้โดยไม่เสียจังหวะ มือเขาอีกข้างวางไว้ยังขาแกร่ง บีบมันเข้าหากันเพื่อผ่อนปรนอารมณ์ ตอนแรกผมก็ไม่ได้อยากให้จูบนั้นยาวนานมากนัก แต่พอได้ลองลิ้มรสแล้วผมก็ไม่อยากละจากแม้แต่เสี้ยววิ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ลุกขึ้นพร้อมกับออกแรงให้ผาลุกตาม เสื้อผ้าของเราทั้งคู่เริ่มยับยู่ยี่ดูไม่ได้จากการที่คลอเคลียกันอย่างหนักจนแทบไม่มีอากาศลอดผ่านระหว่างเราทั้งคู่

ผมใช้มือข้างขวาปลดกระดุมชุดนอนตัวเก่งของอีกฝ่าย ส่วนมือข้างซ้ายก็งุ่นง่านอยู่หลังศีรษะ ขยุ้มเส้นผมสีดำขลับตอบรับจังหวะการจูบที่ยังไม่ละไปไหน ผมรีบเร่ง เขาตอบรับ ผมลงสัมผัสหนัก เขาก็ยังโอบกอดเอาไว้ไม่ห่างบ่งบอกว่าต้องการมันมากเหมือนกัน

ไม่ต่างจากผมเท่าไหร่

กระเป๋าตังใบเล็กถูกหยิบขึ้นจังหวะหนึ่งก่อนมันจะถูกโยนลงไปบนเตียงอย่างไม่ไยดี คล้ายกับรู้ว่าทุกอย่างจะจบลงตรงไหน เพราะไม่นานร่างของผาก็ตามลงไปพร้อมกับผมที่ขยับชิดจนคร่อมอีกฝ่ายไว้ด้านบน

เม็ดสีหน้าอกขาวโผล่พ้นสาบเสื้อเมื่อกระดุมทุกเม็ดหลุดลุ่ย ผมกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก บางส่วนด้านล่างแข็งขืนจนผาก็รับรู้มันได้ ไม่ทันให้เขาได้ตั้งตัวมากเท่าไหร่ ผมก็ก้มลงไปพร้อมกับใช้ลิ้นร้อนปรนเปรอจนเสียงครางหวานดังลั่นทั่วห้อง

“อ๊าาา” ผาเชิดหน้า สองมือขยุ้มศีรษะผมเอาไว้ คงเพราะจุดอ่อนไหวอีกข้างก็โดนผมเล่นงานเช่นกัน ไม่เช่นนั้นตัวเขาก็คงไม่บิดเร่าจนแทบรันจวนใจแบบนี้

“อืออ อื้ออ ม่านน”
“ครับ”

เสียงกระซิบตอบรับ กดร่างกายส่วนล่างให้บดเบียดกันอีกครั้ง ขยับไปมาจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่ขาดห้วงของเราสอง

ผมมีความต้องการ
และผมอยากจะทำมันตอนนี้ร่วมกันกับเขา

ผมใช้ขาของตัวเองแหวกขาเขาออก แทรกตัวให้พอดีกับร่างบางที่นอนอยู่ กดจูบลงไปอีกครั้งแล้วจัดการถอดชิ้นส่วนเบื้องล่างของเราทั้งคู่จนเปลือยเปล่า

“อืมมม” อดส่งเสียงร้องออกไปไม่ได้เมื่อผิวเนื้อเรากระทบกันจนวาบหวิว ผมผละตัวออก ถอดเสื้อยืดให้พ้นทางศีรษะ เห็นผาเหลือบมองร่างกายของตัวเองแล้วหยุดที่บางอย่างด้านล่าง เมื่อเป็นดังนั้นผมเลยรวบแท่งร้อนทั้งสองเข้าหากันแล้วขยับขึ้นลงเป็นจังหวะที่พอใจ

“อ่าส์”
“อืออ อ๊ะ”

เรานอนตะแคงหน้าเข้าหากัน ผมบังคับให้ผาซบเข้ายังอกแกร่ง คงเพราะเห็นว่าแก้มทั้งสองข้างกำลังขึ้นสี เกรงว่าจะมีคนเขินอายแต่สุดท้ายผาก็เงยหน้าขึ้นสบตา ซรุกไซร้บริเวณลำคอคล้ายกับอยากปรนเปรอผมบ้าง มันจะไม่แย่เท่าไหร่ถ้าเขาไม่ใช้ลิ้นแลบเลียจุดอ่อนไหวข้างใบหูจนผมกระตุกเกร็ง มันน่าอายนิดหน่อยตรงที่เขาทำให้ผมเสร็จได้ด้วยเวลาเพียงไม่กี่นาที

“...เธอ” เสียงผมกระเส่า ผายังกอดผมเอาไว้แน่น
“...เสร็จแล้วหรอ?”

ผมไม่ตอบ แต่กลับเลื่อนมือไปขยับให้ส่วนของเขาต่อ

“...เพราะเธอน่ะแหละ”
“กู —อื้ออ—ผิดงั้นหรอ?”
“ผิด”

มือผมยังขยับต่อไปเรื่อยๆ

“ยั่วเค้าแบบนั้นทำไมวะ”

ไม่นานผาก็กอดผมแน่นอีกครั้ง คงเพราะทนแรงต้านทานไม่ไหวเจ้าตัวเลยปลดปล่อยออกมา ผมควานหากระเป๋าตัง หยิบถุงยางที่ซ่อนเอาไว้แล้วใส่มันอย่างรวดเร็ว ผาเบือนหน้าไปอีกทาง อาการแบบนั้นผมรู้ได้ว่ากำลังเขิน

“มองเค้า” มือใหญ่หันกลับไปเชยคางเขากลับมา มอบจูบให้อีกครั้งเพื่อปลอบประโลมกลัวอีกฝ่าย ผมรีบเอื้อมไปหยิบเจลตรงหัวเตียงแล้วบีบมันใส่ในมือ ค่อยๆสอดใส่ไปยังช่องทางอุ่นร้อนเพื่อเตรียมพร้อมให้กับบทรักที่จะเกิด

ผาครางในลำคอ รู้ได้ว่าคงเจ็บให้กับการขยับของผมไม่น้อย เมื่อเป็นดังนั้นผมเลยเบาจังหวะ แล้วค่อยๆจูบไปตามร่างกายสมส่วนโดยไม่ลืมที่จะทิ้งรอยเอาไว้เป็นที่ระลึก ไล่ไปตั้งแต่หน้าท้องขาว ข้างเอวคอด ไล่ไปจนถึงไหปลาร้าที่โชว์เด่นชัด

ช่องทางด้านหลังเขาตอดรัดนิ้วผมจนแทบบ้า ผมบังคับให้เขาหันกลับมามองตัวเองบ้างบางจังหวะ แต่ก็พบว่าเมื่อไหร่ที่หันกลับมา สีหน้ายั่วเย้านั้นก็ปลุกอารมณ์ตัวเองได้เป็นอย่างดี

เมื่อถึงจังหวะหนึ่งผมจึงเริ่มขยับตัวเข้าชิดเขาอีกครั้ง ผาใช้มือทั้งสองข้างโอบรอบลำคอ คงเพราะรู้จากการที่ส่วนแข็งขืนจ่อยังส่วนอ่อนไหว เขาบีบแขนผมแน่นในตอนที่ค่อยๆสอดใส่ ผมรอจนกว่าปฏิกิริยาอีกฝ่ายจะไม่น่าเป็นห่วง จากนั้นขึงขยับเบาๆกลัวว่าเขาจะเจ็บขึ้นมาอีก

“ช—...ช้าๆ” เขาร้องขอ เชิดหน้าขึ้นแล้วกัดฟันแน่น
“...ครับ” ผมดึงมือเขาขึ้นมากดจูบ กอดจะพาดมันผ่านลำคอดังเดิม ความนุ่มที่โอบรัดพร้อมกับอุณหภูมิอุ่นร้อนทำให้ผมกัดฟันกรอด รู้สึกดีจนเผลอลืมตัวกระแทกเขาไปหนึ่งรอบจนผาส่งเสียง

“อ๊ะ”
“อืมมม”
“ช้าๆ — ก่อน”

ผมใช้มือลูบศีรษะเขาเพื่อเป็นการขอโทษ พอได้ที่ก็เริ่มเร่งจังหวะมากขึ้นเรื่อยๆ คราวนี้ผาไม่รั้ง แต่กลับตอบรับการขยับของผมด้วยเสียงหวานตามมา ผมยกขาเขาขึ้นหนึ่งข้าง ปรนเปรอทุกอย่างที่คิดว่าจะทำให้เจ้าตัวมีความสุขไปด้วยกันกับเรื่องบนเตียง

“ทำไมของเธออุ่นจัง”

สาบานว่าไม่ใช่ความผิดผมที่ทำให้เขาตอบไม่ได้ ผาหายใจหนัก มือข้างหนึ่งดันหน้าท้องผมไว้คงเพราะอยากให้ช้าลงอีกหน่อย แต่มันคงยากเกินกว่าความสามารถผมแล้วจริงๆ เพราะตอนนี้เขาทำให้ผมแทบบ้ากับจังหวะที่รันจวนใจ

“ซี๊ดด” ผมเงยหน้าขึ้น จับเขาเปลี่ยนท่าโดยให้นอนคว่ำ ใช้แขนทั้งสองข้างกับเข่ายันไว้บนฟูกนุ่ม

“เธ—เธออ”
“อืออ ครับ”
“อ๊ะะ อ้ะ อ๊าาา”

ตัวผาสั่นเทา เขาแทบจะทำให้ผมไปถึงจุดนั้นอีกครั้งถ้าไม่หยุดทุกอย่างเอาไว้ก่อน พอได้ทำกับผาแล้วผมแทบจะไปก่อนตลอด อาจเพราะเขาเป็นคนที่ผมชอบมากๆ ทุกอย่างเลยดูอ่อนไหวไปเสียหมด

ผมโน้มตัวลงไปหาอีกคนอย่างจงใจ นั่นทำให้ส่วนอ่อนไหวเข้าไปลึกกว่าเดิม

“ชอบไหม?” ผมกระซิบชิดใกล้ ผากำมือแน่นไว้กับผ้าห่มเพื่อผ่อนปรน

“...” เสียงลมหายใจเขาขาดห้วง ก่อนที่ผมจะแกล้งโดยการที่ขยับช้าๆแต่รู้ว่าท่านั้นมันไม่ปลอดภัยเอาซะมากๆ

ไม่ใช่แค่กับผา
แต่กับตัวเองด้วยเช่นกัน

“ชอบเค้าไหมครับ?”

คราวนี้ผมใช้มือดันเจ้าตัวให้ลุกขึ้น โอบร่างกายส่วนบนให้ทาบทับเข้าหากัน โดยที่เข่าทั้งสองข้างยังรับน้ำหนักบนเตียง

“อ๊ะ อ๊าาา ม่านน อ้ะ พอ”
“อืมม ของเธอแม่งอุ่นสัส”

ฟันคมกัดเข้าที่ไหล่คนด้านหน้า ออกแรงไม่มากแต่ก็ทิ้งรอยไว้พอสมควร ผาครางกระเส่า ไม่ต่างจากผมที่เริ่มระรัวเอวเข้าหาอย่างไม่หยุด

“ม—ม่าน อื้ออ”

อีกคนเรียก มือเล็กโน้มลำคอผมเข้าหาเพื่อจูบ ก่อนที่ประโยคสุดท้ายที่เขาพูดจะส่งให้ผมถึงปลายทางอย่างรวดเร็ว

“เค้ารัก—เธอนะ”

เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินคำว่ารักจากเขา ยาวนานเกินกว่าที่คาดคิดเอาไว้ แต่อย่างน้อยมันก็ถูกส่งให้และเขาช่างรู้เวลาว่าตอนไหนที่จะทำให้มันพิเศษ

“เค้าก็รักเธอครับ”

มันไม่ใช่ครั้งแรกของผา และมันก็ไม่ใช่ครั้งแรกของผมอีกเช่นกัน
แต่ครั้งแรกของเรามันกลับมีความสุขเสียจนผมแทบไม่ปล่อยเขาออกจากอ้อมกอดอีกเลย

“อ๊ะ อ๊าา”




#ผาเพียงฟ้า

เหมือนส่งลูกเข้าเรือนหออีกแล้ว
ทำไมกันนะ
;-;



21/01/20
before30october


ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
Re: ♡̷ ผ า เ พี ย ง ฟ้ า - 2 6 | "I LOVE YOU" - P.6 (21/01/20)
«ตอบ #151 เมื่อ21-01-2020 05:04:20 »

เค้าหึงกันได้น่ารักมาก​ มีแต่ความนุ่มนวลเต็มไปหมด

ออฟไลน์ Krajeeqx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: ♡̷ ผ า เ พี ย ง ฟ้ า - 2 6 | "I LOVE YOU" - P.6 (21/01/20)
«ตอบ #152 เมื่อ21-01-2020 11:06:37 »

แอแง ในที่สุด สมใจเจ้าเด็กม่านแล้ว
คนอ่านก็เขินม้วนต้วนมากค่า  :o8:

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: ♡̷ ผ า เ พี ย ง ฟ้ า - 2 6 | "I LOVE YOU" - P.6 (21/01/20)
«ตอบ #153 เมื่อ21-01-2020 22:36:20 »

น่ารักจังเลย ผาเวอชั่นอ่อนโยนนี่แบบใจละลาย

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
Re: ♡̷ ผ า เ พี ย ง ฟ้ า - 2 6 | "I LOVE YOU" - P.6 (21/01/20)
«ตอบ #154 เมื่อ22-01-2020 00:19:11 »

พอคบกันแล้วพี่ผาโคตรน่ารักกก เขินพี่ผาแน้วว  :-[

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: ♡̷ ผ า เ พี ย ง ฟ้ า - 2 6 | "I LOVE YOU" - P.6 (21/01/20)
«ตอบ #155 เมื่อ25-01-2020 03:01:59 »

ในที่สุดดดด  :katai2-1:

ออฟไลน์ Nefrit

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ♡̷ ผ า เ พี ย ง ฟ้ า - 2 6 | "I LOVE YOU" - P.6 (21/01/20)
«ตอบ #156 เมื่อ26-01-2020 12:54:11 »

ละมุนมากกกกก
ดีใจที่ความพยายามของม่านสำเร็จ
และผาก็น่ารักมาาาากกกกกก :o8:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: ♡̷ ผ า เ พี ย ง ฟ้ า - 2 6 | "I LOVE YOU" - P.6 (21/01/20)
«ตอบ #157 เมื่อ26-01-2020 14:43:10 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ before30october

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-2
Re: ♡̷ ผ า เ พี ย ง ฟ้ า - 2 6 | "I LOVE YOU" - P.6 (21/01/20)
«ตอบ #158 เมื่อ02-02-2020 18:58:36 »



ผ า เ พี ย ง ฟ้ า


27

you feel like home and everywhere i've never been



_________


bgm :: goodbye sun - อิสญา


_________






     ในตอนที่ผมออกมาจากห้องน้ำม่านก็ตื่นเป็นที่เรียบร้อย เขางัวเงียนิดหน่อย ลุกขึ้นนั่งทั้งๆที่แผงอกเปลือยเปล่า มีเพียงผ้าห่มบนเตียงที่ปกปิดร่างกายส่วนล่างเอาไว้ให้พ้นสายตา

     “เธอตื่นไวจัง” เจ้าตัวใช้มือยีผมตัวเองไปมาสองสามรอบ หยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ไม่ไกลขึ้นเพื่อดูเวลา

     “มีเรียน” ผมตอบสั้นๆ รีบก้าวเท้าไปยังหน้าตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบชุดนักศึกษาออกมาสวมใส่ แต่ไม่ทันที่จะได้ทำดั่งใจก็มีคนที่เข้ามาใกล้พร้อมกับหมุนร่างกายของตัวเองให้หันไปด้านหลัง

     พร้อมกับบังคับผมให้ตอบรับจูบที่ประทับลงมา

     จากนั้นม่านก็ผละออกในทันที

     เขาใช้มือโอบรอบเอวผมเอาไว้ข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างก็ไม่วายไล่ไปตามผิวเนื้อบริเวณหน้าอก เพราะผมยังไม่ได้ติดกระดุมเขาถึงได้เคลื่อนที่นิ้วเรียวไปเรื่อยๆ คล้ายกับสำรวจว่ามีบริเวณไหนที่เจ้าตัวยังไม่ได้ตีตรา

     “...”

     มือใหญ่หยุดตรงรอยหนึ่งบริเวณหัวไหล่ นิ้วโป้งกดมันลงไปเล็กน้อยแต่ไม่ได้ใช้แรงที่ทำให้รู้สึกเจ็บ เหมือนเจ้าตัวกำลังภาคภูมิใจกับผลงานชิ้นเอกที่ตัวเองได้สร้างมันขึ้น

     ชอบนัก
     การแสดงความเป็นเจ้าของผมเนี่ย

     “อืออ”

     ผมเบี่ยงตัวหลบเมื่อเขาก้มลงหวังจะจูบทับรอยนั้นอีกรอบ แต่ดูเหมือนจะสู้ความเอาแต่ใจนั้นไม่ไหวเพราะอีกฝ่ายรั้งแขนผมไว้เสียแน่น สุดท้ายริมฝีปากหยักก็ประทับตามลงมา มันอุ่นร้อนเสียจนลามขึ้นไปถึงใบหน้า ผมเม้มริมฝีปากเข้าหากันกลัวว่าตัวเองจะส่งเสียงครางออกไป

     “เดี๋ยวกูไปเรียนไม่ทัน”

     ใบหน้าคมคายถูกมือผมผลักออกอย่างทันท่วงที ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอ จากนั้นเขาก็เลื่อนมือข้างนั้นมากอบกุมมือผมเอาไว้ ก้มลงมาจนเกือบชิดแล้วพูดเสียงแผ่ว

     “อีกรอบก็ทันนะ ถุงยางยังเหลืออี— เดี๋ยว ฮ่าๆ”

     เพราะโดนผมสะบัดตัวออกจากอ้อมกอดเขาเลยรีบคว้าเอาไว้

     “ปล่อยได้แล้ว”
     “จุ๊บก่อน”

     เจ้าตัวเอียงหน้ามาขอรางวัล และผมก็ไม่อยากจะเล่นเกมนี้นานให้เสียเวลา

     จุ๊บ!

     “อีกข้างด้วย”
     เขาหันไปอีกทาง

     จุ๊บ!

     “ตรงนี้ด้วย”
     เขาหมายถึงริมฝีปาก

     “เฮ้ออ” ผมถอนหายใจ ทั้งๆที่ยอมทำตามแต่ม่านก็อ้อนไม่ยอมหยุด
     “เธออย่าทำหน้าแบบนั้นดิ” อีกคนพูดด้วยน้ำเสียงกวนๆ ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษกับการได้แกล้ง
     “รอบนี้มึงต้องปล่อย”
     “...” เขาเงียบ
     “ไม่ปล่อยจะไม่ให้ค้างด้วยอีก”

     ไม่รู้ว่าเพราะกลัวคำขู่ไหมเขาจึงตอบรับเบาๆ แม้สีหน้าจะไม่เห็นด้วยเท่าไหร่นัก

     จุ๊บ!

     ริมฝีปากเราสัมผัสกันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่มันจะเคลื่อนออก เขายอมปล่อยผมแต่โดยดี ใช้มือยีศีรษะเบาๆ แล้วเดินไปทางห้องน้ำ แต่คราวนี้ผมกลับรั้งเขาเอาไว้แทนพร้อมกับจรดริมฝีปากไปยังต้นแขนเจ้าตัว, เชื่องช้าจนใครบางคนชะงัก

     เพราะคิดว่าถ้ามีคนมาทำแบบนี้กับผมมันคงจะน่ารักเอาซะมากๆ
นั่นเลยทำให้ผมตัดสินใจทำกับเขาเพราะคิดว่าเจ้าตัวคงจะชอบมันเหมือนกัน

     รอยยิ้มบนใบหน้าคมคายกลับมาอีกครั้ง เขาเดินจากไปพร้อมกับข้อความสั้นๆ แต่ไม่ใช่ข้อความนั้นหรอกที่ทำให้ผมรีบหันกลับ

     ภาพด้านหลังของใครบางคนต่างหาก

     “เดี๋ยวก็ไม่ได้ไปเรียนจริงหรอก”

     ไอ้เด็กหน้าหมา!
     วันหลังก็ไม่ต้องเดินล่อนจ้อนในห้องเขาก็ได้ป่ะวะ

     ผ้าเช็ดตัวก็มี!










/











     ภาพสองข้างทางที่พ้นผ่านเรียกความสนใจผมให้ละสายตาจากคนขับไปมอง อันที่จริงผมจำไม่ค่อยได้เท่าไหร่นักว่าเคยผ่านทางนี้มาก่อน มีเพียงบางครั้งที่นึกออก นั่นทำให้ผมพยายามเก็บรายละเอียดให้มากขึ้นในการเดินทางครั้งนี้

     รถยนต์ตัดผ่านใจกลางเมืองด้วยทางยกระดับ ต่อจากนั้นไม่นานก็เป็นเส้นเลี่ยงเมืองที่ผมพอจะจำได้คร่าวๆ

     เราแวะเติมน้ำมันที่ปั๊มแห่งหนึ่งข้างทาง ได้ยินม่านคุยโทรศัพท์กับปลายสายด้วยเสียงเริงร่า เขายังมีรอยยิ้มอยู่ตลอดในยามที่หันกลับมาหาพร้อมกับดึงแก้มผมด้วยนิ้วเรียวยาวอย่างเพลิดเพลิน

     ของชอบของมันแหละ
     ร่างกายผมเนี่ย

     หลังจากหยุดพักอยู่ชั่วครู่เราก็ออกเดินทางต่อ เพียงไม่นานก็มาถึงที่หมาย คราวนี้ผมไม่ได้รู้สึกเกร็งมากเท่าครั้งแรกที่เคยมาแต่ก็ไม่ได้รู้สึกโล่งใจเท่าไหร่นัก คงเพราะกังวลกับอีกสองสมาชิกที่ต้องทำความรู้จัก ทั้งเลยทำให้ผมเก็บอาการประหม่าเอาไว้ไม่ได้

     “คิดเยอะอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย?” คนด้านข้างถามพร้อมกับแย่งสัมภาระไปถือ เพราะผมมัวแต่เหม่อเลยทำให้ในมือตอนนี้มีแต่ความว่างเปล่า

     “ไม่เอาน่า บอกแล้วไงว่าพ่อกับแม่เค้าดีใจจริงๆนะที่เธอมา” เขาทำให้ผมมั่นใจได้ทุกครั้งแม้เราจะเพียงสบตา ม่านยิ้มจาง เอื้อมมือมาหวังจะจับเพื่อเพิ่มความมั่นใจแต่สุดท้ายผมก็พยักหน้าพร้อมกับแตะแผ่นหลังเขาเบาๆเป็นการปฏิเสธ

     เพราะไม่อยากให้มันดูเกินเลยในสายตาผู้ใหญ่

     “อืม ไปกัน”

     หญิงสาววัยกลางคนเป็นฝ่ายเปิดประตูให้พร้อมกับมอบกอดแสนอุ่น ผมไม่ลืมที่จะไหว้ทักทายเป็นอันดับแรก จากนั้นเราก็เดินเข้ามาด้านในและพบกับบิดาของอีกฝ่ายที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ในห้องรับแขก

     “มาแล้วหรอ?”
     “ครับพ่อ”
     “สวัสดีครับ”
     “อ่า สวัสดีลูก”

     เจ้าตัวขยับแว่นนิดหน่อยพร้อมกับจ้องมอง ม่านขยับเข้ามาชิด ก่อนจะเป็นฝ่ายถามคำถามเมื่อผมไม่รู้ต้องทำตัวยังไง

     “ห้องเล็กทำเสร็จรึยังอ่ะพ่อ ผมจะได้เอาของไปเก็บ?”
     “ยังเลย ให้พี่เขาไปนอนห้องเจ้าหมอกก่อนสิ แล้วเดี๋ยวให้หมอกไปนอนกับเราแทน”
     “ครับ”
     “ตามสบายเลยนะลูก”
     “ครับ”

     ผมตอบรับพร้อมกับโค้งหัวให้ เห็นอีกฝ่ายก็ยิ้มจางส่งมา จากนั้นม่านจึงนำทางไปยังชั้นบนเพื่อวางของทั้งหมดที่เราติดตัวมาด้วย

     เพราะผมต้องค้าง นั่นเลยทำให้ความประหม่ามันเพิ่มมากกว่าเดิมถึงร้อยเท่า

     ห้องที่เป็นที่หมายอยู่ตรงข้ามกับห้องของม่าน เพราะพี่ชายไม่ได้คิดจะเคาะประตูเลยทำให้ภาพที่เห็นหลังจากเปิดเข้าไปคือภาพของน้องชายใส่ชุดนอนกำลังแปรงฟัน

     “เอ้ย!” อีกคนอุทาน ส่วนม่านก็ขมวดคิ้วพร้อมกับเดินเข้าไปอย่างไม่ขออนุญาต

     “สายป่านนี้แล้วยังไม่อาบน้ำอีก” เขาผลักหัวอีกฝ่ายจนเซ ส่วนคนตัวเล็กกว่าก็ผลักผู้บุกรุกออกเบาๆ

     “อ็เอื่ออืนออนอึกก!” เสียงอู้อี้รัวออกมาไม่หยุด พี่น้องทั้งสองทะเลาะกันไปมา ส่วนมากจะเป็นการแกล้งจากพี่ชายมากกว่า

     นิสัยมันแหละ

     “รีบไปแต่งตัวได้แล้ว ผาจะได้อยู่ห้องแก”

     เมื่อม่านเอ่ยชื่อแขกที่มาใหม่ทำให้เจ้าตัวต้องหันมามอง คนอายุน้อยกว่าก้มหัวลงแล้วรีบยิ้มจนตาหยี หันไปตีพี่ชายหนึ่งทีแล้ววิ่งไปเข้าห้องน้ำ

     “เธอนอนห้องนี้แล้วกันนะ” ม่านหันกลับมาหา ผมพยักหน้าตอบรับ
     “อืม ได้สิ”
     “นอนได้ใช่มั้ย?”
     “สบายมาก” พูดจบก็สังเกตทั้งห้องอีกหนึ่งรอบ ทุกอย่างถูกวางไว้เป็นระเบียบ ข้าวของเครื่องใช้เหมือนกันกับห้องของม่าน แต่ถึงอย่างนั้นก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด

     เขาวางของลงมุมหนึ่งข้างโต๊ะทำงาน จากนั้นจึงเดินมาหาผมที่ยังสำรวจไปรอบๆ

     “ตอนแรกจะบอกพ่อว่านอนด้วยกันก็ได้ แต่เธอคงลำบากใจ กลัวพ่อกับแม่จะมองเธอไม่ดีด้วย”

     ผมเงียบ เข้าใจความหมายที่เขาจะสื่อ

     “อืม”
     “ทั้งที่อยากกอดเธอจะตาย”
     “ห่างบ้างก็ได้มั้ง” ผมเหลือบมอง เห็นอีกฝ่ายกอดอกแล้วพิงตัวเข้ากับโต๊ะด้านหลัง จากนั้นรอยยิ้มมุมปากจึงผุดขึ้นคล้ายชอบใจ

     “ก็อยู่กับเธอทุกคืนจะให้ห่างได้ไง”

     คงเพราะความหมายที่มันจะสื่อน่ะแหละ ถึงได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนคนบ้า

     “ถึงจะได้นอนบ้าง…”
     “...”
     “...ไม่ได้นอนบ้าง—” เขาเว้นระยะห่างอย่างน่าใจหาย

     “แต่ก็ไ—อืออ”
     “พูดมาก”

     และผมก็ทนไม่ได้จนต้องผลักไหล่เขาให้เงียบ

     เสียงหัวเราะดังตามหลัง หวังจะเดินเลี่ยงไปอีกทางแต่สายตาเจ้าของห้องที่ไม่รู้ว่าออกมาจากห้องน้ำตอนไหนก็ทำให้ต้องชะงักจนหาวิธีเดินไปไม่ถูก

     ก็สายตาคู่นั้นน่ะ

     ที่มองพี่ชายตัวเองสลับกับมองเขาน่ะ

     บ่งบอกชัดเจนว่าเจ้าตัวได้ยินสิ่งที่ม่านพูดทั้งหมด ตั้งแต่ต้น...จนจบที่เรื่องบนเตียง











/











     “พี่ผาชอบกินซูชิไหม?” คนที่ยืนอยู่ไม่ไกลเงยหน้าขึ้นมาถาม ด้วยเพราะความสูงเราค่อนข้างต่างกัน เพราะเป็นแบบนั้นเมื่อยืนข้างๆอีกฝ่ายจึงดูตัวเล็กลงไปถนัดตา

     “ชอบนะ ทำไมหรอ?” ผมตอบขณะล้างผักในอ่างล้างจาน ส่วนเจ้าตัวก็กำลังหั่นเจ้าสิ่งที่ผมล้างเสร็จแล้วอีกที

     “เขาจะหาเรื่องไปซื้อที่ตลาดน่ะสิ ขอพ่อแล้วพ่อไม่ให้ไป ของกินก็เยอะแยะ ยังจะออกบ้านไปซื้ออย่างอื่นอีก” มารดาเป็นคนชิงตอบก่อนที่แผนการจะสำเร็จลุล่วง เจ้าหมอกยู่ปากลงเล็กน้อย ป้องปากกระซิบเบาๆไม่ให้หญิงสาวได้ยิน

     “พ่อกับแม่ขี้บ่นก็ทนหน่อยนะพี่ผา”

     ผมมองเด็กงอแงด้วยสายตาเอ็นดู ถึงจะดูเรียบร้อยแต่ก็แสบใช่เล่น

     “แกค่อยไปกินวันหลังน่า จะอยากกินอะไรวันนี้” ดูเหมือนว่าพี่ชายคนเดียวจะไม่ได้เข้าข้าง คราวนี้เลยทำให้ใบหน้าหวานเลยงอเง้ามากกว่าเก่าเสียอีก

     “พี่ผา”
     “หืม?”
     “พี่ผาเลือกมาเลยว่าจะอยู่ทีมใคร”

     เจ้าตัวชี้คำขาด ทำเอาผมคิดมากนิดหน่อย ฝ่ายนึงก็ผู้ใหญ่ อีกฝ่ายก็เด็กเอาแต่ใจที่อ้อนไม่หยุด

     “พี่ผาทั้งวัน งอแงกับพี่มากๆเดี๋ยวพี่ก็หนีกลับหอหรอก”
     “จะแย่งผาจากผมแล้วแม่”

     คนที่ยืนกินผลไม้ออกทัพเสริม ทำให้อายุน้อยสุดในบ้านยิ่งใช้สายตาอ้อนวอนยิ่งกว่าเดิม ดวงตากลมโตมองมาด้วยความใสซื่อ ผมที่ทำตัวไม่ถูกจึงก้มหน้าลงไปเอ่ยถามเสียแทน

     “งั้นกลับมอแล้วพี่ค่อยพาไปกินดีไหม? วันนี้กับข้าวแม่เราเยอะแยะเลยนะ น่าทานทั้งนั้นเลย” เจ้าตัวนิ่งเงียบ คงเพราะไม่กล้าขัดผมเลยพยักหน้าเบาๆและยอมเชื่อฟัง
     “ก็ได้”
     “สรุปใครเป็นพี่แท้ๆกันแน่เนี่ย” ม่านเอ่ยถาม ทำเอามารดาหัวเราะเมื่อเห็นความสัมพันธ์ของเราทั้งสามที่ช่วยงานอยู่ในครัว

     “แกอ่ะไม่ต้องมาพูด ไม่เคยพาเราไปกินหรอก”
     “เปลืองตัง” ม่านปัด
     “แม่ดูดิ ดูม่าน ไม่เห็นจะเหมือนพี่ผา”
     “คำก็พี่ผาสองคำก็พี่ผา อย่ามาแย่งนะเว้ย”

     ผมเริ่มทำตัวไม่ถูกอีกครั้ง คราวนี้มันไม่ใช่เพราะความอึดอัด แต่เพราะสองพี่น้องที่ทะเลาะกันทำให้ไม่กล้าเลือกข้างไปฝั่งไหน สุดท้ายจึงเดินออกมาแล้วไปหยุดยืนข้างมารดาอีกฝ่ายแทน

     “ให้ผาช่วยอะไรอีกไหมครับ?”
     “ไม่มีอะไรแล้วลูก ไปนั่งดูหนังกับม่านเถอะ เหลือไม่เยอะแล้ว” ผู้ใหญ่ตอบรับทั้งๆที่มือก็พัลวันกับการเตรียมอาหารมื้อเย็น ผมยืนมองอยู่ห่างๆ เมื่อไม่มีอะไรทำอย่างที่อีกฝ่ายว่าจึงไปยืนข้างม่านแล้วรับประทานผลไม้แทน

     ม่านและผมตอบตกลงหลังจากที่บิดาของอีกฝ่ายชวนให้มาทานข้าวที่บ้านเมื่ออาทิตย์ก่อน ดูเหมือนจะเป็นโอกาสดีที่เราจะได้ทำความรู้จักกันอย่างเป็นทางการ รวมถึงเพราะเป็นคำชวนของผู้ใหญ่ดังนั้นผมเลยไม่กล้าปฏิเสธ

     การมาบ้านเขาในครั้งนี้ก็ไม่ต่างจากคราวที่แล้วมากเท่าไหร่ การต้อนรับจากครอบครัวอีกฝ่ายยังอบอุ่นเหมือนเดิม แถมดูเหมือนผมจะได้น้องชายเพิ่มมาอีกหนึ่ง คนที่ขี้อ้อนและตัวติดกับผมทั้งวันจนม่านและมารดาของเจ้าตัวหยอกล้ออยู่ตลอด แต่ผมก็ไม่ได้รำคาญเลยแม้แต่นิด ค่อนข้างจะชอบเสียด้วยซ้ำ คงเพราะผมเป็นลูกคนเดียวล่ะมั้ง การที่ได้รู้จักหมอกจึงเหมือนเป็นการเติมเต็มความสดใสในชีวิตที่ผมไม่ค่อยรู้จักมันมากเท่าไหร่


     แขกของปาร์ตี้วันนี้ไม่ได้มีแค่ผมและม่านเพียงเท่านั้น แต่ยังมีคุณอาของเขาและน้าสะใภ้ที่มาถึงตอนพลบค่ำด้วย ถึงจะเป็นคนแปลกหน้าเพียงหนึ่งเดียวในที่นี้แต่ทุกคนก็ต้อนรับเป็นอย่างดีจนผมไม่ได้รู้สึกแปลกแยก คุณแม่ตักอาหารให้ คุณพ่อชวนคุยเรื่องสัพเพเหระ ส่วนคุณอาเขาก็เล่นมุกจนทำให้หัวเราะตามได้ไม่ยาก ผมไม่แปลกใจเลยว่าม่านเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบไหนเขาถึงได้เป็นแบบนี้

     “อันนี้คุณอาเอามา ลองทานดูสิ” คนที่นั่งด้านข้างหยิบจานสลัดมาวางไว้ใกล้ ผมพยักหน้ารับแล้วมองหน้าเขาแน่นิ่ง

     “มีอะไรหรอ?”
     “เปล่า”

     ผมปฏิเสธ แต่ม่านคงรู้เพราะเขารู้จักผมดีกว่าที่ผมรู้จักตัวเองเสียอีก ดังนั้นเจ้าตัวเลยยิ้มและใช้มือข้างหนึ่งเลื่อนผ่านหลังผมไป ทิ้งน้ำหนักไว้จนกลายเป็นเหมือนการกอดกลายๆโดยไม่น่าเกลียด อุณหภูมิจากแขนเขาส่งตรงถึงแผ่นหลังผมในทันที เพราะความอบอุ่นนั้นจึงทำให้ต้องก้มหน้าลงแล้วเม้มริมฝีปาก

     ไม่ใช่เพราะมุกตลกของคุณอาเขาหรอกที่ทำให้ผมหุบยิ้มไม่ได้
     แต่เพราะความสบายใจจากคนข้างกายต่างหาก
     
     “เค้าไปช่วยแม่ก่อนนะ” เพราะไม่รู้จะบังคับสีหน้าตัวเองยังไงเลยต้องลุกออกมาจากโต๊ะ ม่านมองตามหลังจนผมเดินมาถึงเตาย่างข้างๆ  มีมารดาของเขาที่กำลังตั้งใจพลิกเนื้อบนตะแกรงไปมา

     “ผาเฝ้าให้ก็ได้นะครับ คุณน้าไปทานข้าวเถอะ” ผมหยิบที่คีบอีกอันขึ้นมาช่วย หญิงสาวส่ายหน้าเบาๆเพื่อปฏิเสธ
     “มาทำไมเนี่ยเรา รมควันแบบนี้เสื้อจะเหม็นเอานะ”
     “ไม่เป็นไรครับ”

     ดวงตาสีอ่อนหรี่มอง ก่อนอีกฝ่ายจะยื่นจานในมือให้เขาช่วยถือ

     “ถือให้แม่หน่อยสิ แม่ว่าจะเติมถ่านอีกสักหน่อย ไฟไม่แรงเท่าไหร่เลย”

     ผมวางจานในมือลงบนโต๊ะใกล้ๆ ก่อนจะเอื้อมไปหยิบถ่านในกระสอบโดยไม่รอให้อีกคนได้ทำเอง หญิงสาวถอยออกไปสองก้าวเพื่อให้ผมได้ทำทุกอย่างโดยถนัด คงเพราะรู้ว่าผมอยากช่วยเลยไม่ขัดอะไรอีก

     “เอาอีกมั้ยครับ?”
     “อีกสามสี่ก้อนก็น่าจะได้แล้วลูก”
     “ครับ”

     เมื่อเสร็จเรียบร้อยตะแกรงใหญ่ก็ถูกวางไว้ที่เดิม ฝาเตาถูกแง้มออกอย่างเก้กังๆ ดังนั้นผมเลยเข้าช่วยอีกรอบเพราะแรงจากหญิงสาวไม่ได้มากพอเท่าไหร่

     “อ๊ะ!”
     “นั่นไง เป็นอะไรไหม?”

     เพราะความร้อนจากฝาเหล็กทำผมต้องชักมือกลับอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะมองเห็นรอยแดงที่อยู่บนผิวเนื้อแต่ก็ส่ายหน้าเบาๆ กลัวว่าอีกคนจะเป็นห่วง แต่สุดท้ายก็โดนหญิงสาวพาเข้ามาในห้องครัวแล้วปฐมพยาบาลง่ายๆด้วยการนำไปล้างน้ำให้บริเวณแผลเย็นลงกว่าเดิม

     “พองเห็นไหม” เสียงหวานพูดพร้อมกับสีหน้าเป็นห่วง เพราะแบบนั้นผมเลยรู้สึกผิดจับใจ
     “เดี๋ยวก็หายครับ ไม่ได้เจ็บเท่าไหร่”
     “แขนก็เปื้อนถ่านหมดเลยลูก” พูดจบก็ผละตัวออกแล้วหันไปหาผ้าสะอาด ชุบน้ำเล็กน้อยแล้วบรรจงเช็ดที่แขนผมอย่างแผ่วเบา ภาพที่เห็นทำเอาผมชะงักค้างไปเสียนาน กว่าจะรู้ตัวก็ในตอนที่อีกฝ่ายลูบแผลเบาๆจนรู้สึกปวด

     “แม่ว่าไปหาหมอไหม?”
     “ไม่เป็นไรจริงๆครับ ผมว่าเดี๋ยวก็คงหาย”
     “งั้นแม่เอาเจลว่านหางจระเข้มาให้ทาแล้วกันนะ เหมือนที่บ้านจะมีแต่แม่ต้องขอหาก่อน”
     “ได้ครับ”

     มือเล็กยังจับไว้ที่แขนผมไม่ห่าง สัมผัสเบาๆเหล่านั้นทำเอาใจผมเริ่มทำงานไม่ปกติ

     “ขอบคุณนะครับ” เสียงผมแหบพร่า อีกฝ่ายยิ้มส่งมาก่อนจะทำให้ผมต้องนิ่งค้างอีกรอบด้วยประโยคคำถามสั้นๆ

     พร้อมกับมือข้างนั้นที่วางไว้บนศีรษะ

     “พี่ผาเรียกแม่ก็ได้”
     “...”
     “รู้ใช่ไหม?”
     “...”
     “...”
     “ครับ”

     แค่เท่านั้น...ผมก็ไม่สามารถตอบรับอะไรได้อีกเลย

     คนอายุมากกว่าขอตัวออกไปก่อน ย้ำกับผมอีกรอบให้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อนตามไปด้วย ผมทำได้แค่พยักหน้ารับก่อนจะเดินขึ้นมาด้านบนด้วยความคิดหลายอย่างที่ตีกันไปมา

     เนิ่นนานกว่าที่จะรู้ว่าตัวเองนั่งอยู่ในความมืด บนเตียงในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ใช้เวลาทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนกว่าจะมีแสงไฟจากหน้าประตูถึงได้รู้ว่ามีคนเข้ามาตาม

     “เธอมานั่งทำอะไรคนเด—” เสียงเขาหายไปในตอนท้าย จากการที่เราสบตากันและม่านก็รู้ได้ว่าทำไมจากอาการของผมเอง

     ถึงภาพของเขาจะพร่าเบลอ แต่มันก็ชัดเจนมากพอว่าเจ้าตัวมานั่งคุกเข่าอยู่ด้านหน้า

     “...เธอครับ เธอร้องไห้ทำไม”

     เขากอบกุมมือผมไว้ สีหน้าสับสนอย่างเห็นได้ชัด

     “เธอไม่สบายใจหรอ? เค้าทำอะไรให้เธอเสียใจรึเปล่า? บอกเค้าได้มั้ย?”

     ผมส่ายหัว กุมมือเขาแน่นขึ้นอีก

     “...ผา—”

     ผมไม่เคยร้องไห้ จะเสียใจแค่ไหนผมก็ไม่เคยร้อง มันไม่มีน้ำตาสักหยดที่หลั่งไหลออกมาให้กับความเศร้าโศกเลยสักครั้ง ล่าสุดที่เป็นแบบนั้นคือตอนที่เจอแม่ครั้งสุดท้าย และมันก็เนิ่นนานเสียจนผมจำไม่ได้ว่าการร้องไห้มันเป็นยังไง

     ผมด้านช้าเกินไป

     เกินกว่าที่จะมานั่งร้องไห้ให้กับสิ่งที่ผ่านพ้นไปแต่ละวัน

     “...อยู่กับกูนานๆเลยได้มั้ย”

     แต่เขาก็ทำให้ผมต้องร้องไห้เข้าจนได้

     “ได้สิ”
     “...ไม่เลิกแล้วนะ จะยังไงกูก็ไม่เลิกนะ...”
     “ไม่มีทาง”


     จากทุกอย่างที่อีกฝ่ายมอบให้ มากมายเสียจนผมไม่คิดว่าสมควรจะได้รับมันมาจากใครสักคน

     ทุกอย่างที่รวมเป็นตัวของม่าน



     คนที่ทำให้ผมกล้าที่จะอ่อนแอ กล้าที่จะเสียใจ และกล้าที่จะเดินออกจากกำแพงในใจของตัวเอง







     เขาที่เป็นเหมือนบ้าน


     และพร้อมจะโอบกอดผมไม่ว่าอะไรจะผ่านเข้ามา










#ผาเพียงฟ้า


'เพื่อเป็นรอยยิ้มหวานให้แก่กัน
เพื่อเป็นเธอและฉันวันต่อไป'

:-)


02/02/20
before30october


ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
รับรู้ได้ถึงความอบอุ่นของครอบครัวนี้จริงๆ :กอด1:
ป.ล.น้องหมอกน่าร้ากกก  :o8:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ครอบครัวม่านอบอุ่นจัง

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ครอบครัวม่านน่ารักจัง​

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
พี่ผา :กอด1:

ออฟไลน์ before30october

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-2


ผ า เ พี ย ง ฟ้ า


28

you've got daddy issues and i love it too



_________


bgm :: daddy issue - the neighbourhood


_________






     ผมกลับมานั่งที่โต๊ะตามเดิมเมื่อมื้อค่ำของเรายังดำเนินต่อ เพราะกลัวว่าจะเป็นการเสียมารยาทเลยรีบจัดการตัวเองให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ คงเพราะมีม่านคอยช่วยเช็ดน้ำตาให้ผมเลยทำตัวปกติได้โดยไม่มีใครผิดสังเกต

     เจ้าหมอกยังคงเจื้อยแจ้วไม่หยุดกับผู้ใหญ่ทั้งสามที่ร่วมโต๊ะ ส่วนผมก็เอาแต่นั่งเงียบเพราะไม่รู้จะพูดอะไร การที่เป็นคนคุยไม่เก่งบางทีก็ทำให้รู้สึกแย่นิดหน่อย ถึงแม้อยากจะชวนคุยบ้างแต่ก็ได้แต่เก็บความคิดเหล่านั้นไว้แล้วกลายเป็นผู้ฟังเสียแทน

     โชคดีที่มีม่านคอยนั่งอยู่ข้างๆ แอบจับมือผมใต้โต๊ะแล้วนำไปวางไว้บนตักของเจ้าตัว สัมผัสแน่นหนาบ่งบอกว่าไม่อยากให้ห่างไปไหน เขาไม่ได้หันกลับมาบ่อยนัก แต่ทุกครั้งที่แรงจากมือใหญ่บีบเข้ากับมือเขาทีไรมันก็ทำให้อุ่นใจได้ดีทีเดียว

     “เอาแก้วเรามา เดี๋ยวอาเติมให้” คุณอาที่นั่งฝั่งตรงข้ามยื่นมือมารับแก้วของม่าน อีกฝ่ายส่งให้ ก่อนจะเอ่ยขอบคุณที่แอลกอฮอลล์ถูกรินจนเต็ม
     “เราเอาด้วยมั้ย?”

     เมื่อแล้วเสร็จจึงหันมาทางผมต่อ เพราะไม่กล้าปฏิเสธอีกเช่นกันจึงน้อมรับคำเชิญชวนของผู้ใหญ่แต่โดยดี

     “ขอบคุณครับ”

     ผมไม่กล้าดื่มเยอะเกินไปเกรงว่าจะทำให้เสียบรรยากาศ เพราะการดื่มกับครอบครัวม่านค่อนข้างจะแตกต่างจากการดื่มกับเพื่อนอย่างสิ้นเชิง เลยทำได้เพียงจิบของเหลวในแก้วไปพลางพร้อมกับรับประทานอาหารต่างๆที่วางบนโต๊ะ

     “เห็นพ่อบอกว่าเราต้องฝึกงานเทอมหน้าแล้วนี่”
     “ใช่ครับ อายุท”
     “ได้ที่ฝึกหรือยังล่ะ ถ้ายังอาติดต่อให้ได้นะ เพื่อนอาเยอะแยะ”
     “ฮ่าๆ ไม่เป็นไรครับ บริษัทเพิ่งตอบรับผมมาเมื่อวันก่อน”
     “อ้อหรอ? แล้วได้ที่ไหน”

     ม่านบอกชื่อบริษัทไปก่อนที่คุณอาจะพูดต่อ

     “ไม่สนใจพวก BIG4 หรอ?”
     “ถ้าได้ลองฝึกที่ BIG4 ก็ดีนะครับ แต่ผมคิดว่าที่นี่ตรงกับสายงานที่จะทำมากกว่า แถมเพื่อนผาก็บอกมาว่าบริษัทนี้ดีและได้ประสบการณ์ค่อนข้างเยอะ เลยตัดสินใจเอาที่นี่เลย”
     “เพื่อนพี่เขาใช่ไหม?”
     “ใช่ครับ”

     ประโยคสุดท้ายผมเป็นคนตอบ ก่อนจะให้ข้อมูลเพิ่มเติม

     “พวกผมฝึกไปปีที่แล้วน่ะครับ พอม่านมาถามเพื่อนก็เลยให้คำแนะนำไป”
     “อ่อ ดีนะ ดีๆ ได้ที่ๆชอบคงจะสนุก”
     “ครับ” ม่านอมยิ้ม ยกแก้วตรงหน้าขึ้นเพื่อดื่มเล็กน้อย

     “เจ้าม่านน่ะไม่ค่อยห่วงหรอก ยังไงมันก็เอาตัวรอดได้ แต่คนแถวนี้นี่สิ”
     “อะไรอ่ะพ่อออ นี่จะว่าหมอกหรอ”

     การโวยวายเกิดขึ้นเมื่อโดนเล่นงานโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เราหัวเราะให้กับท่าทางของคนอายุน้อยสุดในที่นี้ ก่อนหมอกจะเอื้อมไปหยิกแขนบิดาหนึ่งทีแล้วเถียงต่อ

     “นี่ก็เอาตัวรอดเถอะ อย่ามาบ่นเลย”
     “พี่เขาก็เป็นฝั่งเป็นฝาไปแล้ว ไหนเอาแฟนมาอวดพ่อสักคนหน่อยสิ”
     “พ่อออออออ!!”

     คำว่าเป็นฝั่งเป็นฝาที่พูดออกมาทำให้ผมรู้สึกร้อนวูบวาบที่ใบหน้า ถึงจะรู้ดีว่าเป็นการหยอกล้อแต่ก็ห้ามตัวเองไม่ให้ขัดเขินไม่ไหว คนข้างกายหัวเราะตอบรับ จากนั้นสายตาอาฆาตจึงส่งมาจากน้องชายที่ผมนั่งคั่นกลางระหว่างพวกเขาอีกที

     “ขึ้นคานแน่ๆ” ม่านสำทับ
     “นั่นสิ ลูกพ่อยิ่งขี้เหร่ๆอยู่ด้วย ไม่มีใครตาถั่วเข้าล่ะมั้ง” คราวนี้ทุกคนบนโต๊ะต่างหัวเราะ ไม่เว้นแม้แต่คนโดนแกล้ง
     “อย่าให้มีแล้วกัน บอกเลยว่าจะหาน่ารักกว่าพี่ผาเลยคอยดู”
     “ไม่มีหรอกย่ะ” ผลั่ก

     คนรักของเขาเอื้อมมือไปผลักศีรษะน้องชายเมื่อโดนท้าทาย ทำเอาเรียกเสียงหัวเราะให้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม หมอกตั้งท่าจะตีกลับแต่เพราะม่านเอาตัวผมเข้าบัง เจ้าตัวเลยกลับไปนั่งตามเดิม

     แม้สายตาคาดโทษจะยังคงอยู่

     “วันหลังชวนคุณพ่อกับคุณแม่มาทานข้าวกับเราด้วยสิ” บิดาของอีกฝ่ายพูดขณะมีรอยยิ้มจางประดับ ผมชะงักไปเล็กน้อยแต่ก็รีบทำตัวให้ปกติโดยไม่ผิดสังเกต

     “ครับ”

     เพราะไม่กล้าบอกความจริงออกไปเลยทำได้แค่เพียงรับคำสั้นๆ ม่านหันมามอง ก่อนที่จะจับมือผมไว้ใต้โต๊ะอีกครั้ง

     เรื่องถนัดเขาล่ะที่จะทำให้ผมรู้สึกสบายใจ

     “คุณแม่ผาทำงานอะไรหรอลูก?” คราวนี้เป็นมารดาที่เอ่ยปากถาม ทำเอาผมต้องเม้มริมฝีปากแล้วตอบไปตามตรง

     “คุณแม่เสียแล้วครับ”

     และคงเป็นเพราะคำตอบของผมที่ทำเอาคนทั้งโต๊ะนิ่งเงียบ

     “ตอนนี้ผมอยู่กับน้า”

     ม่านบีบมือผมเบาๆ บ่งบอกให้รู้ว่าเขาอยู่เคียงข้างผมเสมอ ผมยิ้มจางคล้ายกับต้องการจะบอกว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไรมากจากเรื่องที่เกิดขึ้น มองเห็นหญิงวัยกลางคนยิ้มตอบแล้วเอื้อนเอ่ยอย่างเอ็นดู

     “เสียใจด้วยนะลูก ถ้าได้เจอจริงๆ แม่คิดว่าแม่ผาต้องน่ารักแบบเราแน่ๆ”

     ผมหัวเราะตอบ ดูเหมือนประโยคนั้นจะเล่นงานเข้าอีกรอบจนต้องยกมือเกาลำคอ

     “นั่นสิเนาะ” บิดาของอีกฝ่ายเว้นช่วง “คุณแม่คงเก่งน่าดูที่เลี้ยงลูกมาดีขนาดนี้”

     “งั้นชวนคุณน้ามาแทนก็ได้น้า คนเยอะๆบ้านเราจะได้ไม่เหงา”
     “ครับ” ผมยิ้มตอบ “น้าต้องดีใจแน่ๆถ้าได้มา”

     จากนั้นบทสนทนาก็เปลี่ยนไปเป็นประเด็นอื่นเสียแทน ไม่รู้ว่าเพราะเกรงว่าผมจะเสียใจไหมถึงได้ทำแบบนั้น แต่ทุกคนก็ไม่ทำให้มันดูเศร้าโศกมากเกินไป หมอกหันมาหาผมบ้างในบางครั้ง ใช้มือลูบแขนผมไปมาคล้ายอยากจะปลอบประโลม ตอนนี้ผมเลยดูเหมือนของเล่นที่วางอยู่ตรงกลางสองพี่น้องไม่มีผิด

     อีกคนก็จับแขน อีกคนก็จับมือ

     นิสัยเหมือนกันอย่างกับอะไรดี










/











     เด็กทั้งสามคนขอตัวลาก่อนเพื่อปล่อยให้ผู้ใหญ่ได้นั่งพูดคุยกันต่อ มีม่านที่กอดคอน้องชายเดินนำหน้า ส่วนผมก็ตามมาโดยมีระยะห่างไม่มากนักหลังเจ้าตัว

     “ไปนอนห้องกูก็อย่าดิ้น โอเคนะ”
     “ใครบอกจะไปนอนห้องแกวะ เราจะนอนกับพี่ผาเถอะ—โอ๊ยย ม่านน!!” เสียงตะโกนดังลั่น เหตุเพราะแขนที่รัดคอคนตัวเล็กดูจะแน่นเกินไปจนทำให้หายใจไม่ออก

     “หวง อย่ายุ่งกับผา”
     “ก็นี่ตกลงกับพี่ผาแล้ว พี่ผาบอกว่านอนได้” พูดจบใครบางคนก็หันมาส่งซิกด้วยการขยิบตาให้เบาๆ ม่านหันมาหาด้วยสีหน้ามีคำถาม ส่วนผมเองก็ปฏิเสธด้วยการส่ายหน้าสองสามครั้งกลับไป

     เพราะการได้เห็นใครบางคนงอแงจากการโดนแกล้งมันดูน่ารักไม่หยอก

     “เฮ้ยยย พี่ผาอ่าาา— อื้ออออ”
     “เดี๋ยวนี้โกหกเก่งนักน้าา มานี่เลยไอ้ตัวดี”

     หมอกโดนพี่ชายลากขึ้นไปด้านบน ทะเลาะกันอยู่สองสามทีเราก็เดินมาถึงห้องของเจ้าตัว

     ห้องที่ผมต้องนอนในคืนนี้

     “รีบเก็บของแล้วไปอาบน้ำห้องนู้น”
     “ง่า”
     “อะไร?”
     “อาบห้องเค้าไม่ได้หรอ?”
     “...”
     “นะๆๆๆ” อีกคนทำตาแป๋ว และดูเหมือนจะได้ผลกับพี่ชายเสียด้วย
     “เออๆ ให้ไว”

     เจ้าตัวกำมือแล้วชูนิ้วโป้งขึ้นตรงหน้า เปิดประตูแล้ววิ่งแจ้นเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว ผมมองตาม เห็นม่านที่ยืนอยู่ข้างๆส่ายหน้าแล้วหัวเราะ

     เอาจริงก็แพ้ลูกอ้อนเหมือนกันนี่นา

     “เข้าไปรอข้างในดีกว่าไป”

     ผมเชื่อฟังแล้วเดินนำไปก่อน นั่งลงยังเตียงหลังใหญ่ที่ตั้งไว้ยังมุมหนึ่ง เมื่อสังเกตดีๆจึงพบว่าห้องนี้แตกต่างจากห้องของม่านตรงที่มีแต่ผนังกระจกรอบด้านและมีผ้าม่านประดับไปจนสุด

     “เธอเหนื่อยมั้ย?” เขาหยุดยืนด้านหน้า เชยคางผมให้เงยขึ้นจนสบเข้ากับดวงตาเจ้าตัว
     “ไม่เหนื่อย” ผมตอบ ก่อนที่นิ้วเรียวจะวาดมาบริเวณใต้ตาที่มันยังบวมอยู่เล็กน้อย

     เขาอมยิ้ม รู้แหละว่ากำลังมีความสุข

     “ขี้แยเหมือนกันนี่หว่า”

     ผมเบ้ปาก ใช้มือเอื้อมไปวางไว้ยังขอบกางเกงด้านหลังของม่านแม้จะยังนั่งอยู่ตามเดิม

     “ร้องไห้ครั้งเดียวใครเขาเรียกขี้แยกันวะ?”

     อีกฝ่ายหัวเราะ ก่อนจะประคองใบหน้าผมเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง

     “พ่อกับแม่เค้ารักเธอนะ หมอกก็รักเธอ”
     “...”
     “...เค้าก็ด้วย”

     พยักหน้าตอบรับก่อนจะกดจูบลงบนแขนเขาที่มันอยู่ไม่ไกล

     “ครับ”
     “ไว้พาคุณอามากัน”
     “ได้สิ ไว้จะลองชวนดู”

     เสียงก็อกแก็กที่ดังขึ้นทำเอาเขาละตัวออก แต่ดูเหมือนว่าเจ้าของห้องจะยังไม่ออกมา

     “เดี๋ยวก็อาบน้ำนอนได้แล้วนะ วันนี้ทำนู่นทำนี่ทั้งวันเลยเธออ่ะ”
     “สนุกดี”
     “ถ้าสนุกแบบนี้คงต้องมาบ่อยๆแล้วล่ะ”
     “หรอ?”
     “มาทั้งชีวิตยังได้เลย”

     ปึก!

     กำปั้นผมส่งตรงเข้าหน้าท้องแกร่งพร้อมกับรอยยิ้ม ม่านลูบผิวเนื้อบริเวณนั้นแผ่วเบา เขาละออกอย่างเชื่องช้าเพราะน้องชายเดินออกมาจากมุมหนึ่ง จากนั้นสองพี่น้องก็บอกลาในตอนที่นาฬิกาบ่งบอกว่าได้เริ่มวันใหม่ เราจากกันด้วยความอ้อยอิ่ง ก่อนที่ทั้งห้องจะเงียบเชียบหลังจากเสียงปิดประตูดังขึ้น

     ผมสำรวจไปโดยรอบอีกครั้ง มองกระเป๋าของตัวเองอยู่นานก่อนจะตัดสินใจลุกไปเปิดมันเพื่อหยิบเสื้อผ้าที่จะเปลี่ยนหลังจากอาบน้ำพร้อมกับความคิดหลายอย่างในหัว

     ดูเหมือนวันนี้ผมจะใช้พลังงานไปมากจนเกินตัวจริงๆ










/










     คนที่อยู่หน้าประตูชะงักมือค้างกลางอากาศ สับสนเป็นอย่างมากว่าควรลงน้ำหนักมันไปอีกรอบดีหรือเปล่า มือที่กำแน่นค่อยๆออกห่างจากประตูบานเก่าทีละนิด จนสุดท้ายมันทิ้งดิ่งข้างลำตัว แต่ความคิดที่จะเคาะใหม่ก็กลับมาอีกครั้ง คงเพราะความมืดที่อยู่รอบด้านเริ่มส่งเสียงเชียร์อย่างหนักว่าผมควรจะปลุกคนที่อยู่ด้านใน

     ก๊อก ก๊อก!
     
     สุดท้ายเพราะทนต่อเสียงเรียกร้องในหัวไม่ไหวจึงลงน้ำหนักไปอีกหนึ่งที บอกกับตัวเองว่ารอบนี้จะไม่รอนานแบบรอบที่แล้ว แต่ก็ต้องตกใจเมื่อประตูถูกเปิดออก พร้อมกับใบหน้าของม่านที่ดูงุนงงและงัวเงียไปพร้อมกัน

     “คือว่า...กูนอนไม่หลับน่ะ”

     ผมอธิบาย ค่อนข้างหนักใจที่ต้องปลุกเขาในเวลานี้

     แต่การที่ต้องพลิกตัวไปมาในห้องแคบก็รู้สึกเบื่อเต็มทน

     “เข้ามาก่อนสิ”

     เขาไม่ต้องรอให้ผมร้องขออีกหนึ่งรอบ ม่านก็เบี่ยงตัวให้ผมเข้าไปด้านใน รีบเปิดโคมไฟหัวเตียงเพื่อให้เกิดแสงสว่างก่อนที่จะยีเส้นผมสีดำขลับไปมา

     “เธอจะเอาไง”

     เพราะผมไม่ได้วางแผนเอาไว้ว่าจะทำอะไรต่อ การมาถึงห้องเขาพร้อมกับเห็นน้องชายใครบางคนหลับไปแล้วจึงดูกระอักกระอ่วนไม่น้อย

     ผมเม้มปาก ครั้นจะกลับไปนอนห้องเดิมก็เหมือนจะช้าเกินไป

     “งั้นเธอไปนอนบนเตียงกับหมอกไหมล่ะ? เค้านอนข้างล่างนี่ได้” เขาชี้ไปที่พื้น
     “แล้วหมอนกับผ้าห่มล่ะ?” แย้งขึ้นเพราะไม่เห็นว่าที่พื้นจะมีอะไรไปมากกว่าพรมขนสัตว์ที่คงไม่เพียงพอต่อการนอนอย่างสบาย

     “เดี๋ยวไปเอามาจากห้องนู้น”
     “...”
     “รอแปบแล้วกันนะ”
     “เดี๋ยวกูไปช่วย”
     “ไม่เป็นไรครับ เค้าไหว”

     พอจบการปฏิเสธเจ้าตัวก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็หอบสัมภาระมาตามที่บอกอย่างครบครัน มีทั้งฟูกนอนที่ปูไว้ด้านล่าง พร้อมกับหมอนและผ้าห่มที่ไม่นานผมเพิ่งจากพวกมันมา

     พอเจ้าตัวปูเสร็จก็นอนลงไปอย่างทันท่วงที ไม่ลืมที่จะหันกลับพร้อมกับเอ่ยคำเชิญชวน

     “มานอนด้วยกันเปล่า?” เขาตบที่นอนปุๆ สีหน้าดูสดใสมากกว่าตอนแรกที่ผมมาถึง
     “นอนคนเดียวให้พอก่อนเถอะค่อยมาชวน”
     “ฮ่าๆ”

     เจ้าตัวหัวเราะ ก่อนจะเท้าแขนแล้วหันมาทางผมที่ค่อยๆนอนลงบนเตียงใหญ่แทนที่ใครบางคน

     “อกพี่อุ่นน้า ลองแล้วจะติดใจ”

     ผมเบ้ปาก พลิกท่าเป็นนอนตะแคงเพื่อให้มองเขาได้อย่างถนัด ม่านยังไม่ละสายตาจาก แถมยังคว้ามือผมไปสานมือเขาเอาไว้หลวมๆ กลายเป็นว่าตอนนี้นอกจากจะมีแสงสลัวจากโคมไฟที่อยู่ด้านข้าง ก็ยังมีแขนผมที่ตกหล่นตามแรงโน้มถ่วงจากการเอาแต่ใจของม่าน

     และรอยยิ้มของเราสองคน


     “นอนเลยก็ได้ ไม่ต้องรอกู”

     เขาส่ายหน้า พร้อมกับส่ายมือผมไปมาอย่างเพลิดเพลิน

     “ไม่เป็นไร ก็เธอบอกเธอนอนไม่หลับนี่”
     “อืม”

     เราเงียบกันอยู่สักพัก ก่อนที่ผมจะตัดสินใจเล่าเรื่องบางอย่างให้เขาได้รับรู้

     เป็นเรื่องที่อยู่ในใจผมมาตลอด

     และเป็นเรื่องที่ผมไม่เคยจะบอกใคร

     “เล่าเรื่องพ่อให้ฟังเอาไหม”

     ครั้งนี้ผมไม่ได้ร้องไห้ เพราะรู้ดีว่าบาดแผลทำอะไรผมไม่ได้เมื่อมีคนที่อยู่ข้างกายตอนนี้

     “เค้าก็อยากฟังทุกเรื่องของเธอนั่นแหละ”
     “...”
     “แต่ถ้าไม่สบายใจก็ไม่ต้องเล่าก็ได้ เค้าเข้าใจ”

     เขาใช้นิ้วชี้กวัดไกว่นิ้วผมไปมา จากนั้นผมจึงขยับเข้าไปใกล้ม่านอีกนิดหน่อย จนตอนนี้ร่างกายตัวเองหมิ่นเหม่อยู่บริเวณขอบเตียง

     “อยากเล่าสิ”
     “...”
     “อยากเล่าให้มึงฟังทุกเรื่องเลย”

     เขาอมยิ้ม ดึงผ้าห่มให้ขึ้นสูงแล้วตั้งใจมองผมที่กำลังเล่า

     “อย่างที่มึงรู้ว่าแม่กูเสียเมื่อห้าปีก่อน จากอุบัติเหตุรถยนต์ที่มีกูกับพ่อนั่งด้วย แต่เสียดายที่แม่เป็นคนเดียวที่ไป” เสียงผมแหบพร่า ทั้งๆที่คิดว่าตัวเองโอเคแล้วแท้ๆ “วันนั้นพ่อเป็นคนขับ เราตัดสินใจจะไปทานข้าวนอกบ้านด้วยกัน ฉลองวันเกิดโง่ๆของลูกชายที่ผ่านมาแล้วหนึ่งวันและไม่มีใครจำได้เลย”
     “...”
     “วันนั้นก่อนที่รถจะคว่ำ เป็นครั้งแรกที่พ่อกับแม่ทะเลาะกันต่อหน้า  อันที่จริงเขาก็ทะเลาะกันบ่อยนะ ทะเลาะกันแทบตลอดตั้งแต่ที่พ่อเปลี่ยนงานมา แต่เขาแค่ไม่อยากให้กูเห็น”
     “...”
     “...พ่อ...” ผมเงียบไป เม้มริมฝีปากก่อนจะพูดต่อ “...พ่อมีคนอื่น เป็นผู้หญิงอีกคนในที่ทำงาน ถึงกูจะยังเด็กก็พอรู้ว่าเรื่องทุกอย่างมันเป็นยังไง...”
     “...”
     “แม่มักจะแอบร้องไห้ ส่วนพ่อก็แอบออกไปกับผู้หญิงคนนั้นบ่อยๆ”

     ม่านยังตั้งใจฟัง เขานิ่งเงียบจนผมเองต้องหันไปสบตา

     “เกือบสองปีเลยมั้งที่เราอยู่กันแบบนั้น พ่อกับแม่ทะเลาะกันทุกวัน เราแทบจะไม่เข้าใจความหมายของคำว่าครอบครัวด้วยซ้ำ แทบไม่ได้ทานข้าวด้วยกันพร้อมหน้า แทบไม่ได้ยิ้มแบบที่เราเคยยิ้มให้กันมาตลอด ไม่ได้ออกไปข้างนอก ไม่ได้กอดกันแบบที่พ่อกับแม่คนอื่นเขาทำ ไม่ได้มีความสุขจากการที่อยู่ด้วยกันแล้วด้วยซ้ำ”
     “...”
     “วันนั้นก็เสียใจนะที่ไม่มีใครจำวันเกิดกูได้ ทั้งๆที่บอกว่าไม่อยากไปแต่ก็ดีใจมากที่พ่อกับแม่ยืนกรานจะไปทานข้าวนอกบ้านเพื่อฉลองวันเกิดกูย้อนหลัง ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้...”
     “...”
     “...ถ้ากูรู้นะ...กูก็อยากให้ทุกคนลืมวันเกิดกูไปเลยดีกว่า...ไม่ต้องจำได้หรอก ไม่ต้องออกไปข้างนอก ไม่ต้องมีดอกไม้หรือของขวัญที่พ่อเตรียมไว้ให้”
     “...”
     “เพราะสุดท้าย...”

     ผมเงียบไปเพราะไม่สามารถพูดสิ่งที่คิดต่อได้ ค่อยๆหลับตาลงแล้วสานมือเขาให้แน่น

     “ไม่หรอก” เป็นครั้งแรกที่ม่านพูด “อย่างน้อยมันก็แสดงว่าคุณพ่อรักเธอนะ”
     “...”
     “เขารักเธอ”

     คราวนี้ผมยิ้ม เหตุการณ์วันเก่าหวนกลับดั่งสายน้ำที่ไหลวนย้อนคืน

     “ครับ เค้ารู้”
     “...”
     “รู้แหละว่าพ่อก็รักแม่มากเหมือนกัน ไม่งั้นไม่ร้องไห้หนักขนาดนั้นหรอกตอนที่หมอบอกว่าแม่ไม่กลับมา”

     นิ้วเรียวใช้ปาดน้ำตาที่ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ผมหัวเราะเบาๆให้ม่าน ทั้งๆที่ไม่คิดว่าตัวเองจะร้องไห้ให้กับมันอีกครั้งแต่จนแล้วจนรอดผมก็แพ้ให้กับเรื่องเดิมๆ

     คงเพราะผมคิดถึงแม่

     และมันจะเป็นแบบนี้เสมอไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน

     “เค้าถามได้ไหม?”
     “ว่ามาสิ”
     “ทำไมเธอถึงไม่คุยกับพ่อล่ะ?”

     สายตาผมวางไว้ยังมุมหนึ่งในห้อง ไม่ได้จดจ้องอะไรเป็นพิเศษเมื่อตอบคำถาม

     “กูรู้นะว่าชีวิตคนเรามันต้องเคยผิดพลาด แต่กูไม่สามารถลืมทุกอย่างที่พ่อทำได้เลย กูพยายามแล้วเหมือนกันที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม พยายามที่จะไม่คิดถึงแม่เวลามองหน้าเขา พยายามที่จะเริ่มต้นใหม่แล้วบอกให้ตัวเองเข้มแข็ง...แต่กูทำไม่ได้เลย”
     “...”
     “...กูพยายามแล้วจริงๆ”

     เขาส่งมือมาลูบศีรษะแผ่วเบา เพราะความอบอุ่นนั้นทำให้ผมสงบลงมากกว่าเก่าจากตอนแรก

     “คนเราเคยทำผิดด้วยกันทั้งนั้นแบบที่เธอพูด แต่หลังจากนั้นมันอยู่ที่ว่าเราเรียนรู้จากความผิดของตัวเองมากน้อยแค่ไหนและพอรู้แล้วเรายังจะทำมันอีกหรือเปล่า เค้าเข้าใจว่าเธอยังผ่านมันไปไม่ได้ และเค้าก็เข้าใจเหมือนกันที่เธอไม่อยากจะผ่านมันไป”
     “...”
     “แต่ถ้าเธอพร้อม เค้าก็มั่นใจว่าเธอจะผ่านมันไปได้เหมือนกันนะ”

     คำปลอบใจของม่านทำเอาผมหัวเราะ ก่อนจะพยักหน้าตอบรับให้เจ้าตัว

     “อยากร้องก็ร้องออกมาก็ได้ ร้องกับเค้าก็ได้ อย่าเก็บทุกอย่างเอาไว้คนเดียว ใจเธอมีแค่นั้นไม่ต้องแบกรับเอาไว้ทุกอย่างหรอก”
     “ไม่ร้องแล้ว”
     “ก็ร้องอยู่เนี่ย”

     เขาคงจะอยากจะบ่นผมว่าขี้แยแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา ผมกลอกตาขึ้นแล้วเช็ดน้ำใสที่เปื้อนใบหน้าออกจนหมด

     “เค้าดีใจนะที่เธอเล่าให้เค้าฟัง ไม่ว่าจะเรื่องอะไรของเธอเค้าก็อยากฟังมันจริงๆ”

     ไอ้ลูกหมามีสีหน้าดีใจ เขาล้มตัวลงนอนไปกับหมอน ท่าทางพร้อมจะเข้านอนได้ทุกเมื่อ

     “เล่าเรื่องมึงให้ฟังบ้างสิ กูก็อยากรู้เหมือนกัน”

     ม่านยักไหล่ ส่ายหน้าบอกปัด

     “ชีวิตเค้ามันไม่มีอะไรน่าสนุกนี่หว่า ถ้าได้เล่าก็อยากเล่าแต่เรื่องดีๆ”
     “เรื่องเหี้ยๆก็เล่าได้”
     “บ้าหรอ ใครจะไปเล่าให้เธอฟัง”

     ผมหัวเราะ จนเขาทำสีหน้าหมั่นไส้

     “งั้นเอาไว้เล่าเรื่องของหมอก วีรกรรมเยอะ เล่าสนุกแน่นอน”
     “ไม่ต้องเล่า!!”

     เมื่อพูดจบ เสียงของคนที่โดนนินทาก็ดังสนั่น ผมตกใจไม่แพ้กับม่าน ก่อนที่สองพี่น้องจะเปิดฉากเถียงกันอีกรอบ

     “เฮ้ย ตื่นตอนไหน?”
     “ใครจะบอก!!””
     “แอบฟังตลอดเลยใช่ไหมเนี่ย?”
     “ก็มันได้ยินเอง!!”
     “ไปนอนห้องตัวเองเลยไป!”
     “ใครจะยอม ได้กอดพี่ผาทั้งที”

     อืม

     “อย่านะหมอก!”
     “ไม่สน”
     “คนนี้ไม่ได้จริงๆโว้ยยย”



     ดูเหมือนค่ำคืนนี้เราจะไม่ได้นอนกันจริงๆซะแล้ว










#ผาเพียงฟ้า


ชอบที่ม่านบอกว่าเข้าใจเหมือนกันถ้าผาไม่อยากจะผ่านมันไป
เธอเป็นทุกอย่างให้เค้าขนาดนี้อ่ะ ไอ้พี่ไม่หลงเธอก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว
ไอ้เด็กกกก!


08/02/20
before30october


ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ครอบครัวม่านน่ารักมากมาย

ออฟไลน์ Pakeleiei

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 850
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ม่านน่ารักเสมอเลยยยยยยย :mew1:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
แย่งพี่ผากันเลยทีนี้ 5555555555555

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ครอบครัวม่านน่ารักอบอุ่น ผาต้องมีความสุขแน่ๆ ม่านคนดีที่หนึ่งอ่ะ

ออฟไลน์ nippy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เพิ่งเจอเรื่องนี้ เข้ามาอ่านแล้วชอบภาษาที่ใช้มากเลยค่ะ ใช้ภาษาสวยงาม เป็นนิยายแบบที่ชอบและตามหา ยังอ่านไม่ถึงตอนล่าสุด แต่อยากเข้ามาเม้นให้กำลังใจนักเขียนก่อน จะติดตามผลงานต่อไปเรื่อยๆเลยนะคะ

ออฟไลน์ before30october

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-2


ผ า เ พี ย ง ฟ้ า


29

here, there and everywhere




_________


I'm with you


_________






     “ห้ามทำอะไรพี่ผา!!”

     คนที่นั่งเบาะหลังพูดขึ้นก่อนจะชี้หน้าพี่ชายพร้อมคำสั่ง คิ้วที่ขมวดเข้าหากันบ่งบอกว่าทั้งหมดนั้นเป็นการขู่ให้กลัว

     ทั้งๆที่มันไม่ได้ดูน่ากลัวเลยสักนิด

     “หมายถึงทำอะไรอ่ะะ?” ม่านถามกลับ ยักคิ้วกวนประสาทจนโดนผลักเข้าอีกรอบ เจ้าตัวหัวเราะเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มไปไม่เป็น

     “...ก็...ก็ทำแบบนั้นอ่ะ”
     “แบบไหนอ่ะะ?”

     หมอกหันมาทางผมเล็กน้อยก่อนจะหันไปทางเดิม อ้ำๆอึ้งๆอยู่นานจนคนขับเล่นงานเข้าอีกรอบ

     “งงมากเลยอ่ะว่าห้ามทำแบบไหน อย่างแบบถอดเสื้อถอดก—อื้ออ”

     คงเพราะทนฟังต่อไม่ไหวน้องชายเลยรีบใช้มือเอื้อมไปปิดปาก สะเปะสะปะมันบนใบหน้าคมคายจนเกิดสงครามขึ้นอีกหนึ่งรอบ ผมมองตาม ส่ายหน้าให้กับการทะเลาะกันที่เกิดขึ้นซ้ำๆจนเริ่มชินชา

     “ก็บอกว่าห้ามไง!”

     คราวนี้ม่านกลอกตาขึ้นด้านบน ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้จนโดนหมอกตะปบเข้าที่ศีรษะ จังหวะนั้นเองที่ผมกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว

     สมน้ำหน้า
     โดนเข้าจนได้
     เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง

     “พี่ผา ถ้ามันทำอะไรต้องบอกเรานะ”
     “อือ” ผมพยักหน้ารับไปที อมยิ้มเมื่อเห็นว่ามีสายตาขุ่นเคืองมองมาที่ตัวเอง
     “เดี๋ยวไปฟ้องแม่ให้”
     “ถ้าโดนถอดก็ต้องฟ้องใช่ไหม?”
     “พี่ผาาาาา!”

     คราวนี้ผมยิ้มขำ แท็กทีมกับม่านไปอีกหนึ่งเพราะเห็นว่าสีหน้าท่าทางเจ้าตัวดูช่างมันเขี้ยว หมอกตีเข้าที่เข่าผมหนึ่งครั้งเมื่อโดนแกล้ง พูดเจื้อยแจ้วไม่หยุดทั้งๆที่ต้องถึงเวลาลงจากรถ

     “ไปแล้วนะ”
     “ชิ่วๆๆ”
     “บอกพี่ผาเหอะ”
     “เอาไว้เจอกัน”
     “อย่าลืมเลี้ยงซูชิเราด้วย สัญญาแล้วห้ามโกหก”
     “ครับ”
     หมับ!
     “เฮ้ยๆๆๆ”

     เสียงอุทานดังขึ้นเมื่อเห็นว่าร่างเล็กโผเข้ากอดผมด้วยความรวดเร็ว เจ้าตัวทำหน้าทำตาเหมือนพี่ชายก่อนหน้านี้ก่อนจะรีบคว้าของลงจากรถ ปล่อยให้สายตาอีกสองคู่มองตามหลังพร้อมกับความเงียบที่เดินทางเข้ามา

     พอไม่มีอีกฝ่ายบนรถมันก็เงียบมากเกินกว่าปกติ


     “เธออยากไปซื้อของก่อนไหม?” เขาหันมาถามความเห็นหลังจากนั้น ผมนิ่งคิดอยู่ไม่นานก็พยักหน้ารับเป็นการบอกว่าตกลง

     เพราะของใช้ที่ห้องเริ่มจะหมดไปหลายอย่าง ผมเลยอยากจะแวะซื้อมันก่อนจะกลับ เราเลือกมายังห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่แห่งหนึ่งไม่ไกลจากมหาลัยมากนัก เป็นที่ๆรวบรวมของไว้หลายอย่างแถมยังคนไม่เยอะเกินไปอีกด้วย

     ไม่รู้ว่าเพราะช่วงนี้เขามาอยู่ด้วยกันที่ห้องบ่อยหรือเปล่า ของใช้ของผมมันเลยหมดเร็วมากกว่าปกติ ทั้งๆที่เมื่อก่อนก็แทบไม่ต้องซื้อบ่อยขนาดนี้ ผ่านไปหลายเดือนกว่าผมจะมาซื้อทีและมันทำให้รู้สึกแปลกๆนิดหน่อย

     ทั้งการที่เขาใช้แชมพูกลิ่นเดียวกัน
     การที่มีเสื้อผ้าของม่านแทรกเข้ามาในตู้
     รวมถึงการที่มีของๆ เจ้าตัววางแทรกอยู่ทั่วทุกมุม

     ทุกอย่างดูเหมือนกำลังจะเปลี่ยนชีวิตผมจนมันแทบไม่เหมือนเดิม

     “อันนี้มันหนึ่งแถมหนึ่งอ่ะ แต่ไม่ใช่กลิ่นที่เธอใช้ เอาอันไหนดี?” เขาหยิบขวดครีมอาบน้ำขึ้นดู ยื่นให้ผมอ่านรายละเอียดก่อนจะหันมามอง
     “ผา?”
     “หืม?”
     “เธอว่าไง?”

     เพราะมัวแต่เหม่อผมเลยไม่ทันได้ฟังประโยคก่อนหน้า รีบหยิบของในมือเขามาก่อนจะถามกลับ

     “แล้วมึงชอบอันไหน?”
     “เค้าชอบกลิ่นเดิมมากกว่า แต่อันนี้ก็หอมดีนะ แถมประหยัดด้วย” เขาหันไปดูสินค้าตัวอื่นเป็นทางเลือก ก่อนที่ผมจะให้เขาเป็นฝ่ายตัดสินใจ
     “เอาที่มึงชอบเลยก็ได้”
     “งั้นเค้าเอาอันนี้เลยนะ” มันยกของเดิมให้ดูเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ผมจะตัดสินใจพยักหน้า

     เราเดินดูของใช้อื่นๆเพิ่มเติมตั้งแต่แผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อาหารสด รวมถึงของใช้ทั่วไป เมื่อไม่มีอะไรเพิ่มเติมก็นำทุกอย่างไปคิดเงินโดยที่รอบนี้เขาอาสาเป็นคนจ่ายเอง

     ผมได้แต่เดินตามเจ้าตัวที่จัดการทุกอย่างเสร็จสรรพ ช่วยถือของบ้างเมื่อมันเยอะเกินกว่าที่เขาจะรับมือไหว เมื่อมาถึงห้องม่านก็เอาทุกอย่างไปเก็บไว้ที่ห้องครัว ส่วนผมก็กลับมาเปลี่ยนเป็นชุดที่ใส่สบายแล้วเดินตามเข้าไปทีหลัง

     ผมปล่อยให้เขายุ่งอยู่ตรงนั้นสักพักโดยยืนเงียบๆบริเวณกรอบประตู แผ่นหลังกว้างขยับไปตามการเคลื่อนไหว เขาหยิบจับนู่นนี่ให้เข้าที่ไปโดยไม่ได้สังเกตว่าใครบางคนแอบมอง จนในจังหวะหนึ่งที่ผมเดินเข้าไปยืนเคียงข้าง ไม่ห่างจากที่เจ้าตัวยืนอยู่

     “เอ่อ อันนี้เธอวางไว้ไหนนะ?” เขาชูถุงตะเกียบที่ซื้อมา ผมบอกเสียงเรียบก่อนจะเงียบตามเดิม
     “ในลิ้นชักข้างอ่างล้างจาน”

     ดูเหมือนม่านจะมีสมาธิกับการจัดของจนไม่ค่อยได้สนใจผมมากนัก ดังนั้นผมเลยสามารถแอบมองเขาได้นานมากกว่าปกติ ใบหน้าด้านข้างของเจ้าตัวยังดูดีไม่เปลี่ยน แถมในเวลาแบบนี้เขาดูตั้งใจจนผมแอบยิ้มในใจเพียงคนเดียว

     “หืม? อะไรครับ?”

     เขาพูดกึ่งหัวเราะ คงเพราะผมซบเข้าที่ไหล่แผ่วเบา

     ไม่บ่อยหรอกที่จะทำแบบนี้
     ที่จะอ้อนเขาแบบนี้

     มือข้างซ้ายเขาเอื้อมมาลูบศีรษะ เล่นกลุ่มผมของผมจนเพลินใจ ส่วนมืออีกข้างเขาก็ยังพัลวันกับของใช้ไม่เลิก

     ผมยืนอยู่ตรงนั้น ใช้มือโอบเอวเขาไว้มั่นพร้อมกับแนบแก้มไปบริเวณไหล่จนรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิร่างกายที่ส่งผ่านและได้กลิ่นน้ำหอมใครบางคนลอยจางอยู่ตลอด

     ผมชอบกลิ่นเขา
     ชอบแขนเขา
     และชอบทุกอย่างที่เป็นเขา

     ชอบมากๆเลยด้วย

     “อะไรเนี่ย ทำไมอยู่ๆก็มาอ้อน”

     ดูเหมือนจะมีคนแปลกใจให้กับการกระทำที่เปลี่ยนไป ไม่ใช่แค่เขาหรอก ผมเองก็หาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมถึงทำแบบนั้น ทั้งซบเขาแถมยังใช้แขนทั้งสองข้างเลื่อนไปคล้องคอแกร่งเอาไว้ คราวนี้ม่านละจากสิ่งที่ทำอยู่ โอบกอดผมหลวมจากแขนของเจ้าตัว

     “...”
     “...”

     ผมเงียบ เขาก็เงียบ
     แต่เสียงในใจเรากลับดังก้อง

     บ่งบอกผมว่า ‘ความรัก’ มันเป็นแบบนี้

     แบบที่มันไม่ได้มีอะไรหวือหวา ทุกอย่างช่างแสนธรรมดาและเรียบง่าย

     และไม่ต้องพูดอะไรออกไปเราก็เข้าใจมันได้ดี


     ผมเป็นฝ่ายจูบเขาก่อน ในตอนที่ใช้มือกอบกุมใบหน้าคมคายไว้ทั้งสองข้าง ริมฝีปากหยักตอบรับสัมผัสทั้งหมดเป็นอย่างดี เขายอมให้ผมเอาแต่ใจและปรนเปรอให้อย่างเชื่องช้า ลิ้นร้อนที่ขยับแลกเปลี่ยนไปมาทำให้รู้สึกวาบหวิว ม่านกอดผมไว้มั่น ไม่ยอมให้ห่างจากตัวเลยสักครั้งจนเป็นผมเองที่ผละออกมา

     “ปากหวาน” ผมกระซิบ ไม่รู้ว่าหน้าแดงหรือเปล่าในตอนที่พูดออกไป เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปาก เคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้จนระยะห่างมันค่อนข้างจะหวาดเสียว
     “หวานจริงหรอ?”
     “...”
     “หืม?”
     “อืม หวาน”
     “แล้วชอบไหม?” อีกฝ่ายได้ใจใหญ่ กดจูบที่แก้มแล้วหวังจะจบตรงปากผมอีกรอบ
     “...” ผมไม่ตอบ แต่แอบเบี่ยงตัวหลบจนพ้นจากการจู่โจม
     “หวานทั้งตัวอ่ะ ไม่เชื่อลองชิมได้”

     ผมหัวเราะให้กับคำที่เขาหยอกล้อ ก่อนจะยักคิ้วกวนกลับไป

     “เอาป่ะล่ะ...อยากชิมอยู่เหมือนกัน”

     ก็ผมยอมซะที่ไหน
     ถ้าให้สู้ก็ไม่ถอยหรอกนะเอาจริง

     “พูดจาว่ะ”
     “แล้วทำไม?”
     “เนี่ย”
     “นี่อ่อยอยู่ ยังไม่รู้ตัวอีกหรอ?”

     ผมหายใจผิดจังหวะเมื่อพูดจบ ไม่ต่างจากม่านที่ชะงักค้างก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอ

     “พอเลย เห็นว่าเหนื่อยอยู่หรอกนะเลยไม่ทำ”
     “อ่าาา”
     “...”
     “โอเคค”

     ผมไม่เล่นต่อ รู้ดีว่าขีดจำกัดเขาอยู่ตรงไหน แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ได้ตอนที่เชยตามอง พร้อมกับแอบซุกไซร้ไปยังลำคอของอีกฝ่าย

     บริเวณที่เป็นจุดอ่อนไหวของเจ้าตัว

     “อืมม ผา”

     เขาผลักตัวผมออก หายใจติดขัดจนรู้ได้ว่าไม่ปกติ

     “ครับ?” ผมยิ้มร่า ก่อนจะเปลี่ยนท่ายืนให้เหมาะสม “ฮ่าๆ โอเคไม่เล่นแล้ว”
     “...”
     “...”
     “...”
     “งั้นจะกินอะไร เดี๋ยวไปทำให้?”
     “เปลี่ยนใจเป็นกินเธอแล้วได้มั้ย?” ไม่รู้ว่าอารมณ์ไหนเจ้าตัวถึงได้พูดพร้อมกับรั้งแขนผมเอาไว้ คราวนี้ไม่มีแววล้อเล่นแบบที่เคย

     “ไหนบอกไม่ทำไง?”
     “ก็...อยากแล้วอ่ะ”
     “ลูกผู้ชายป่ะวะ?”
     “ผาา”
     “สัญญาก็เป็นสัญญาสิ”

     ดูเหมือนคนโดนเล่นงานจะลังเลให้กับการตัดสินใจ เขาไม่ได้ปล่อยมือผม แต่ก็ยังไม่ได้ยอมแพ้แม้จะโดนปฏิเสธ

     เหมือนลูกหมาที่หางตกอย่างไรอย่างนั้น


     ภาพที่เห็นทำเอาผมอมยิ้ม ก่อนจะรีบขยับเข้าไปหอมแก้มแล้วเดินจากมาพร้อมกับข้อตกลงใหม่ที่ดูเหมือนใครบางคนจะน้อมรับมันไว้แต่โดยดี


     “เดี๋ยววันนี้อาบน้ำด้วยแล้วกัน”





50%






#ผาเพียงฟ้า




19/02/20
before30october


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

พี่ผาชอบอ่อยแกล้งน้องมันนักนะ

เล่นทำให้อยากแล้วจากไปเนี่ย

ระวังเหอะ

ออฟไลน์ Pakeleiei

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 850
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
แงงงงงงง ผาน่ารักไม่ไหวแล้ว :katai1:

ออฟไลน์ nippy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เป็นนิยายที่ไล่เรียงความสัมพันธ์ไปตามความเป็นจริงมากเลยนะคะ ไม่ได้รักกันรวดเร็วปรู๊ดปร๊าดจบที่เตียงนอน
ทุกอย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไป ค่อยๆรู้สึกค่อยๆพัฒนา ทำให้คนอ่านเข้าใจว่าเนื้ออท้ของผาเป็นยังไง ถึงแสดงออกแบบนั้น และทำให้คนอ่านหลงรักม่านมากมายได้ขนาดนี้

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
พี่ผาอ้อนแบบนี้ใครจะทนได้!!  :heaven

ออฟไลน์ before30october

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-2


ผ า เ พี ย ง ฟ้ า


29

here, there and everywhere

part 2




_________


I'm with you


_________





     หลังจากรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเขา ผมก็รีบเข้านอนเพราะต้องเก็บแรงไปเข้าเรียนพรุ่งนี้ ม่านตามมาหลังจากนั้นไม่นานพร้อมกับแขนที่รวบผมเข้าไปกอดอย่างเช่นทุกครั้ง รินรดลมหายใจกระทบแผ่นหลังแล้วเอ่ยถามคล้ายกับรู้ว่าผมนั้นหลับไม่สนิท

     “พรุ่งนี้เข้ามอพร้อมกันไหม?”

     เสียงเขาอู้อี้ คงเพราะริมฝีปากเจ้าตัวจรดกับไหล่ผมอยู่

     “มึงเรียนเก้าครึ่งไม่ใช่หรอ?”
     “ครับ”
     “กูออกเช้า คงไปก่อน”
     “อือ”

     ม่านออกแรงให้ร่างกายผมเคลื่อนไปใกล้จนแผ่นหลังกระทบกับแผงอกกว้าง ผมขยับให้ได้ท่าสบายแต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่พ้นพันธนาการของเขาอยู่ดี

     “แล้วเธอไปทำไมแต่เช้า?”
     “ไปยื่นใบโปรเจคให้ห้องคณะ แล้วก็ให้หัวหน้าภาควิชาเซ็นรับรองด้วย”
     “ใกล้จบแล้วดิงี้”
     “อืม”
     “...”
     “เหลือพรีอีกรอบก็จะจบแล้ว”

     คราวนี้ผมหันกลับไปหาเจ้าตัว ดึงผ้าห่มขึ้นสูงจนชิดปลายคาง มองเห็นใบหน้าของเขาที่ห่างออกไปไม่กี่เซ็นจากความช่วยเหลือของแสงสลัวภายนอกหน้าต่างที่มีม่านผืนบางกั้น

     พร้อมกับสายตาที่เริ่มคุ้นชินกับมันเข้าแล้ว

     “ไวเหมือนกันนะ” ผมพูดในตอนที่เราสบตา มีแขนของใครบางคนโอบเอวเอาไว้ไม่ให้ไปไหน “แปบๆก็ผ่านไปปีนึงแล้ว”

     “อืมนั่นสิ”
     “...”
     “จีบเธอเป็นปีเลยเนี่ย” เขาหัวเราะ น้ำเสียงผ่อนคลายกว่าที่เคยได้ยิน

     “จริงดิ?”
     “จริง” ม่านเว้นช่วง “มาคุยกับเธอจริงๆจังๆก็ช่วงขึ้นปีสามเนี่ยแหละ ก่อนหน้านั้นปอดแหก ไม่ค่อยกล้ายุ่งกับเธอเท่าไหร่”
     “ก็ว่า หลังๆนี่ยุ่งจัง”
     “คนมันอยากได้อ่ะ ก็ต้องเร่งทำคะแนน”
     หมับ!
     “อยากได้เลยนะไอ้หมา”

     ผมกัดหัวไหล่เขาไปทีเมื่อได้ยินคำที่ไม่เข้าหู ทำเอาใครบางคนรีบผลักออกแต่ก็ไม่ได้ปล่อยผมออกจากอ้อมกอดแต่อย่างใด

     “ก็...อยากได้จริงๆ ฮ่าๆ”
     “...”
     “อยากได้มาเป็นแฟนไงคร้าบบ โถถ”

     เมื่อเห็นว่าสถานการณ์จะย่ำแย่ลงกว่าเดิมเขาก็รีบแก้ตัวพัลวัน ใช้น้ำเสียงออดอ้อนพร้อมกับบีบแก้มผมไปมา

     ช่างรู้วิธีเอาใจนัก

     “ไม่กลัวกูหรอ?” ผมถามต่อเมื่อมีหลายอย่างที่อยากรู้เกี่ยวกับเขา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็อยากให้เจ้าตัวแบ่งปันมันมาให้บ้าง เพราะบ่อยครั้งที่เรื่องของม่านมันทำให้ผมมีความสุข

     “ก็...คิดว่าเธอจะใจดี”
     “แล้วเป็นไง”
     “ไม่เอา ไม่พูดดีกั่ว”
     พลั่ก
     “ทำมาตลก”

     เราหัวเราะออกมาพร้อมกัน ก่อนที่เขาจะพูดต่อโดยที่ผมไม่ต้องถามย้ำอีกรอบ

     “ถ้าถามว่ากลัวมั้ยก็ไม่ได้กลัวนะ เตรียมใจมาบ้างแล้ว แต่เรื่องใจร้ายนี่ยกให้ที่หนึ่งเลย”
     “กูใจร้ายอ่ะดิ”
     “มาก ใจร้ายมาก” ผมอมยิ้ม ใช้นิ้ววนไล้แขนเขาไปมา “เคยท้อจนแบบคิดจะเลิกคุยไปเลยก็มี แต่พอเห็นหน้าเธอมันก็ลืมหมดเลย บอกแล้วว่าไม่เก่งหรอกกับเธออ่ะ แพ้ตลอด”
     “ตอนไหน?”
     “ครับ?”
     “ที่บอกว่าอยากเลิกคุย? หมายถึงตอนไหน?”
     “อืม..” เขาไม่ตอบ ดังนั้นผมเลยลองคาดเดาดูบ้าง
     “ขอไปเดทหรอ?”
     “เนี่ย ไม่ทันขาดคำ”

     การสันนิษฐานของผมถูกต้องทุกอย่าง เพราะเมื่อมองย้อนกลับไปวันนั้นผมค่อนข้างจะใจร้ายกับเขามากจริงๆ

     “มันหลายๆอย่างมั้ง เหมือนมันไปต่อไม่ได้แล้วอ่ะ จะไปทางไหนเธอก็ปิดเค้าหมดเลย เค้าก็ไม่รู้ต้องทำยังไง เพื่อนก็แหย่ๆว่าพักก่อนมั้ย เค้าก็เริ่มลังเล”
     “อือฮึ”
     “แต่ทุกครั้งที่เป็นแบบนี้เธอก็ชอบมาง้อตลอด”
     “...”
     “ง้อจนได้ใจไปเลยบางที”
     “รู้”
     “...”
     “รู้ไงว่าเสียใจ รู้อีกว่าใจร้าย ไม่ได้อยากให้ความหวังแต่ก็เลวไม่ลงเหมือนกัน”
     “...”
     “เลยกลายเป็นว่าก้ำๆกึ่งๆมันอยู่แบบนี้”

     เสียงผมผะแผ่ว ถึงจะเป็นการแก้ตัวแต่ดูเหมือนม่านจะไม่ได้ใส่ใจมันนักเพราะตอนนี้เขากับผมก็มีสถานะชัดเจนกันดีอยู่แล้ว

     “อืม ถามทำไมเนี่ย” ม่านบ่นอุบอิบ ลูบหัวผมไปมาก่อนจะวางมือไว้ที่เดิม
     “ก็แค่อยากรู้”
     “...”
     “ม่าน”
     “ครับ”
     “วันพุธกูไปกินเหล้าวันเกิดไอ้ตินนะ”

     ผมเรียกเขาจังหวะหนึ่ง กลัวว่าเจ้าตัวจะนอนไปก่อนถึงได้รีบขัด รีบบอกสาเหตุว่าทำไมตัวเองถึงจะไม่อยู่ห้องในอีกสองวันถัดไป อันที่จริงไม่ต้องขอม่านด้วยซ้ำแต่ผมก็ไม่อยากทำอะไรที่อีกฝ่ายไม่เห็นด้วย อย่างน้อยการบอกเขาไว้ก่อนมันก็น่าจะเป็นเรื่องที่ควรจะทำ

     “กลับกี่โมง?”
     “คงประมาณตีสอง ไม่เกินตีสอง”
     “ตีสองแน่นะ”

     รอบนี้ม่านถามย้ำ ผมเลยสัญญาออกไปโดยไม่คิดให้ดี

     “ครับ ตีสอง”









/








     บรรยากาศร้านเหล้ายังเป็นเหมือนเดิมที่เราเคยมา ผู้คนรายล้อม กลิ่นบุหรี่ฉุนจัด ขวดแอลกอฮอลล์วางระเนระนาดบนโต๊ะโดยไม่มีใครคิดจะสนใจเก็บ ผมยกก้านขาวขึ้นชิดริมฝีปาก พ่นควันขาวขึ้นด้านบนช้าๆแล้วเปรยตามองเจ้าของวันเกิดที่นั่งอยู่ไม่ไกล

     ไอ้ตินยังเงียบเหมือนเดิมถึงแม้วันนี้จะเป็นวันสำคัญของมัน  ได้แต่ยกแก้วขึ้นชนผองเพื่อนรอบข้าง ความถี่ของการดื่มเพิ่มสูงขึ้นจากปกติถึงเท่าตัว ถึงแม้จะมีแค่เพื่อนในกลุ่มที่นั่งอยู่แต่พวกมันก็ดูเหมือนจะไม่ออมมือให้กันแม้แต่น้อย

     “ชนครับ ชน!”

     ผมยกแก้วขึ้นบ้าง ถึงแม้จะรู้ว่าเกินปริมาณที่ตัวเองจะรับไหวแต่ก็ยังกินต่อเพราะคำว่าป๊อดมันค้ำคอไม่ให้เสียชื่อ

     ก็อย่างว่า
     พวกผมมันเคยธรรมดาซะที่ไหน

     “วันนี้ม่านไม่มาหรอ?” เป็นไอ้เหนือที่กอดคอแม้จะยังไม่ละแก้วในมือ ถามคำถามที่มาพร้อมกับรอยยิ้มกริ่มตามประสาเจ้าตัว

     “ทำงาน”
     “ไม่มีผัวมาคุมแฮะ”
     “ปากมึงนะ” ผมค้อน ไม่ค่อยชอบสรรพนามที่มันใช้เท่าไหร่ ดูเหมือนไอ้เหนือมันก็รู้ได้จากท่าทางที่ผมส่งให้ก่อนที่จะยักไหล่เป็นการขอโทษ

     “แล้วมึงล่ะ?”
     “อะไร?”
     “คนคุมหายไปไหน?”
     “คนคุมอะไรคร้าบ ผมคนจริง ไม่มีพันธะอะไรทั้งน้านนน”

     อีกฝ่ายลากเสียงยาวเพื่อกวน ท่าดีทีเหลวของมันทำให้ผมคาดเดาอะไรไม่ได้ สุดท้ายก็ทำเพียงขู่แต่ดูเหมือนไอ้เหนือมันจะสะอึกอยู่ไม่น้อย

     “เห็นน้องอินกับคนใหม่ก็ไม่ต้องลากพวกกูมาแดกเหล้านะ”

     พลั่ก!

     เพราะคำพูดพวกนั้นแหละมั้งที่ทำเอาผมโดนผลักหัวไปอีกทาง ตั้งท่าจะวางมวยกับมันแล้วด้วยซ้ำถ้าไม่ติดว่าโดนสะกิดให้ดูบางอย่างเข้าซะก่อน

     เป็นภาพเจ้าของวันเกิดที่ยืนอยู่กับใครบางคนที่ผมรู้จักเป็นอย่างดี ผมแทบจะลุกไปหามันอยู่รอมร่อถ้าไอ้เหนือไม่รั้งแขนเอาไว้ก่อน แบบนั้นเลยต้องทนมองเหตุการณ์ต่อแม้ในใจจะไม่นิ่งตาม ไม่ใช่ว่าอยากจะกีดกัน แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นเด็กที่ผมเอ็นดูเป็นอย่างมาก ผมเลยค่อนข้างที่จะหวงมากกว่าปกติ

     “เอาน่า ปล่อยมันไปเถอะผา”
     “แต่ว่า—”
     “มันไม่ใช่คนเหี้ยแบบพวกกู”

          เพราะไอ้เหนือย้ำมาอีกรอบผมเลยถอนหายใจก่อนจะมองภาพนั้นต่อ เห็นดวงตาใสซื่อพร้อมกับรอยยิ้มจางที่คนอายุน้อยกว่ามอบให้แล้วก็ใจกระตุกเล็กน้อย

     เสือก็ยังเป็นเสืออยู่วันยังค่ำ
     ไอ้ตินร้ายเงียบยังไงมันก็ร้ายเงียบอยู่อย่างนั้น
     หลานรหัสผมก็ยังไม่เว้น

     ไม่นานทั้งสองคนก็แยกจากกัน อีกฝ่ายไปทาง ส่วนไอ้ตินก็กลับมานั่งที่โต๊ะพร้อมกับถุงบางอย่างในมือ
     
     “เห็นนะเว้ยๆๆๆ”

     เพื่อนๆต่างแซวกันไม่ขาดเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เรารู้ว่ามันกำลังคุยกับใครอยู่ ตินหันมามอง ก่อนจะจุดบุหรี่สูบและไม่มีคำอธิบายตามประสาเจ้าตัว ผมใช้เท้าสะกิด ขู่ด้วยสายตาเล็กน้อยเพื่อให้มันยอมบอกเรื่องราวทั้งหมด

     “ไม่มีไร” คนตัวสูงยักไหล่ พ่นควันขึ้นช้าๆก่อนจะมองผมกลับ เราสบตากันอยู่นานก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายพูดเสียแทน

     “นั่นน้องกู”
     “รู้”
     “แล้วรู้มั้ยว่ากูหวงมาก”
     “...” คราวนี้มันไม่ตอบ ใช้จังหวะที่ผมคาดคั้นเคาะก้านบุหรี่ให้เถ้าถ่านตกลงบนถาดใส
     “ขอร้องล่ะ ถ้าไม่จริงจังก็อย่ายุ่งกับน่านเลยนะ” ไม่บ่อยที่ผมจะร้องขอ มันคงรู้ได้จากน้ำเสียงและแววตาที่ส่งไป ถึงแม้จะจริงจังมากเท่าไหร่การตอบกลับก็มีเพียงสีหน้านิ่งเรียบและการยกบุหรี่ขึ้นเทียบที่เดิมพร้อมกับย้ำประโยคสั้นๆ

     “อืม”

     เท่านั้นที่มันทำ

     และผมก็ไม่อยากจะคาดคั้นอะไรต่อ

     ไอ้ตินมันเป็นแบบนี้ พูดน้อยต่อยหนัก และถ้าวันไหนถ้ามันผิดสัญญาผมก็จะเอาคืนให้สาสมเหมือนกัน ลองดูว่าครั้งนี้มันจะทำตามที่พูดได้ไหม

     เหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นทำเอาเพื่อนแซวมันอย่างหนัก เพราะเป็นวันเกิดเจ้าตัวด้วยมั้งเลยไม่ปล่อยผ่านแบบวันอื่นๆ ผมร่วมโรงด้วยหลังจากนั้น ก่อนเราจะกินอย่างเอาเป็นเอาตายโดยไม่คิดจะยั้ง รู้ตัวอีกทีเวลาก็ผ่านไปนานจนเกือบเช้า

     ไอ้ฮั่นเป็นคนมาส่งผมที่หอในสภาพที่ต่างคนต่างเมาไม่ต่างกันเท่าไหร่ โชคดีที่ไม่มีด่านในเวลานี้มันเลยขับกลับได้สบายโดยไม่ต้องกังวลมาก* ผมใช้แรงเฮือกสุดท้ายในการพยุงตัวเองขึ้นห้อง ต้องบอกว่าแทบจะคลานเลยก็ว่าได้ รีบหยิบคีย์การ์ดวางไว้บนเครื่องอัตโนมัติก่อนที่ประตูบานใหญ่จะเปิดออก

     “ไหนบอกว่าจะกลับตีสอง?”

     พร้อมกับเสียงเข้มของคนที่ยืนกอดอกมองมาโดยที่ผมเพิ่งจะนึกได้ว่าเคยสัญญาอะไรกับเขาเอาไว้
     

     ให้ตาย


     ทำไมผมถึงลืมมันไปได้เสียสนิท








**คำเตือน การดื่มสุราทำให้ความสามารถในการขับขี่ยานพาหนะลดลง ไม่ควรเอาเป็นแบบอย่างนะคะ





100%






#ผาเพียงฟ้า




29/02/20
before30october


ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ผาต้องโดนทำโทษแน่ ๆ เลยอ่ะ  ข้อหาไม่รักษาสัญญา

ออฟไลน์ nijikii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ตามอ่่านถึงตอนปัจจุบันแล้ววว*จุดพลุ*

เรื่องนี้เหมือนจะเรื่อยๆแต่ไม่ได้เรื่อยอย่างที่คิด เราชอบการพัฒนาความสัมพันธ์ของม่านกับผานะ มันเรียลดี เหมือนเราได้ทำความรู้จักม่านไปพร้อมๆกับผา ได้รู้จักผาไปพร้อมๆกับม่าน แล้วพอรู้จักแล้วอะนะ... อยากมีม่านเป็นของตัวเองจ้าาา 55555

ปล.ตอนล่าสุดผาต้องโดนไอหมาเล่นงานซะหน่อย หมาตัวนี้นอกจากจะดุแล้ว ยังหวงเจ้าของอีกเนี่ย อย่างนี้ต้องโดนนน

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
น่าน พี่ผา  :ling2:

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
พี่ผาโดนน้องทำโทษแน่ๆ  :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ Nefrit

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น้องหมาผู้แสนจะแพ้ แสนจะน่ารักจะคุมเกมส์ได้หรือไม่ หรือพี่ผาเค้าจะมีอะไรมาให้น้องม่านเราแพ้อีก
  :hao7:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด