♡̷ ผ า เ พี ย ง ฟ้ า - 2 9 | a drunk man never tell a lie - P.7 (16/03/20)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♡̷ ผ า เ พี ย ง ฟ้ า - 2 9 | a drunk man never tell a lie - P.7 (16/03/20)  (อ่าน 47271 ครั้ง)

ออฟไลน์ before30october

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-2


ผ า เ พี ย ง ฟ้ า


30

a drunk man never tell a lie







     “กูหูฝาดไปป่ะวะ?”
     “นั่นดิ”
     “ขออีกทีได้ป่ะผา กูว่ากูไม่ยินไม่ชัดเท่าไหร่เลย”

     ผมถอนหายใจลากยาว หลับตาลงแน่นก่อนจะกลั้นใจถามไปอีกรอบแม้จะไม่อยากทำแบบนั้นก็ตาม

     เพราะกลัวว่าหน้าตัวเองจะแดงจนกู่ไม่กลับและพวกมันจะล้อเข้าอีก

     “กูถามว่ากูต้องง้อม่านยังไงดี?”

     แต่สุดท้ายผมก็ต้องทำ เพราะตอนนี้ผมจนตรอกหาจนหาทางออกไม่ได้แล้ว

     “ชัดเจน”
     “แจ่มแจ๋วเลย”
     “ไอ้เหนือ”
     “ว่า”
     “ตบหน้ากูทีดิ นี่ความจริงหรือโกหกวะ”
     “มึง กูก็ไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันว่าตัวเองจะมีวันนี้”

     ผมอยากจะฟาดหมอนที่กอดอยู่เข้ากับไอ้สามตัวที่มันรับส่งมุกกันอย่างหน้าตาย ทั้งๆที่คิดว่าอยากจะได้คำแนะนำดีๆจากเพื่อนสักหน่อย แต่ดูเหมือนผมจะคิดผิดไปเล็กน้อยที่เอามาถามพวกมัน เพราะสุดท้ายแล้วคำตอบที่ได้ก็คือการล้อ...

     “จับปล้ำ! กูรับรองว่าหายงอนชัว!”

     ...และไม่พ้นเรื่องใต้สะดือ

     ผมหลับตาลงอีกรอบพร้อมกับกำหมัดแน่น ได้ยินเสียงหัวเราะของไอ้ฮั่นดังตามมาติดๆ ไม่เว้นแม้แต่คนที่นั่งฝั่งตรงข้าม ถึงแม้มันจะไม่ได้ออกความคิดเห็นแต่ก็อมยิ้มไม่ต่าง บ่งบอกว่าชอบใจนักกับคำแนะนำของไอ้เหนือ

     แม่ง
     พวกมึงนี่มัน

     “แน่ใจหร้ออ?”
     “ชัวป้าบ”
     “พูดงี้แสดงว่าเด็กมึงหาย?” คนที่นั่งข้างกันสวนกลับ ด้วยความปากไวบวกกับความขี้โอ้อวดของมันก็ได้รับคำตอบอย่างรวดเร็ว
     “ระดับผ้มมม”
     “แสดงว่าคนนี้ได้แล้ว”

     แต่ก็ดูเหมือนไอ้เหนือจะพลาดท่าให้กับการเล่นงานของเพื่อนเข้าจนได้ มันนิ่งไปนานเมื่อรู้ตัวว่าโดนล้วงความลับ จากนั้นจึงใช้เท้าถีบไอ้ปัทถ์จนเกือบเซ ไอ้นาวาแท็กมือกับคนฉลาดไปทีก่อนที่เจ้าของห้องจะขัดขึ้น

     “มึงมาให้คำตอบไอ้ผาก่อน”

     เพื่อเป็นการบอกไม่ให้พวกมันหลงประเด็น

     “โทษๆ”
     “เออ วนมากูได้ไง”

     พวกมันเริ่มทะเลาะกันอีกรอบก่อนจะยอมสงบศึกเมื่อไม่เห็นว่าจะมีอะไรสนุกเท่าการล้อผมต่อ

     ให้มันได้แบบนี้

     “สรุปมึงจะเอาไง?” เป็นไอ้ตินที่เงียบมานานถามก่อน ตามด้วยไอ้เหนือที่ยังย้ำคำตอบเดิมของมันด้วยหน้าตาจริงจังเป็นที่สุด
     “ไม่ปล้ำจริงดิ?”

     ผมขมวดคิ้ว บ่งบอกชัดเจนว่าไม่เอาด้วยอย่างเด็ดขาด

     “กูจริงจัง”
     “แล้วกูไม่จริงจังตรงไหน?”
     “ฮ่าๆ”

     เป็นไอ้ฮั่นที่ยังหัวเราะไม่เลิกเข้ามาตบไหล่ผมให้กำลังใจ

     “อย่าถามพวกกูเลย มันก็จะมีแต่เรื่องเหี้ยๆแบบนี้แหละ”

     คงเป็นความผิดของผมเองที่คิดจะหวังพึ่งพวกมันถึงแม้จะเป็นทางออกสุดท้ายที่ตัวเองมีแล้วก็ตาม แต่ก็ดูเหมือนว่าไอ้พวกด้านชากับความรู้สึกพวกนี้จะไม่ได้เข้าใจเท่าไหร่นัก

     ก็เคยรักใครเป็นซะที่ไหน

     “แล้วไปไงมาไงถึงทำมันโกรธได้?”

     ดูเหมือนคนที่จะพึ่งพาได้มากที่สุดคือไอ้ติน ถึงจะไม่ได้คำตอบที่ดีจากเจ้าตัวแต่อย่างน้อยมันก็รู้จักใส่ใจเรื่องราวมากกว่าไอ้พวกสามตัวที่คิดได้แต่เรื่องหน้าม่อ

     ไม่น่าคบตั้งแต่แรกเลยจริงๆ

     “ไม่รู้เหมือนกัน”
     “...”
     “ไม่คิดว่าจะโกรธด้วย”
     “หนักเลยหรอวะ?”
     “รอบนี้หนัก ไม่เคยเห็นเป็นแบบนี้”

     ไม่ใช่แค่มันที่แปลกใจ ผมเองก็แปลกใจเหมือนกัน ถึงแม้ปกติม่านจะน้อยใจผมบ้างแต่เราก็สามารถคุยกันได้และมีทางที่ผมสามารถเข้าหาเพื่อง้อได้ตลอด แต่ครั้งนี้มันดูต่างออกไปมาก

     ทั้งสายตาของเขา
     การพูดคุยของเรา
     และการกระทำของเจ้าตัว

     จริงที่ว่าม่านทำตัวปกติ ไม่ได้หนีหายหรือหลบหน้า ไม่ได้ไม่พูดไม่จาหรือทำอะไรที่ทำให้ผมรู้สึกลำบากใจ เรานอนกอดกันเหมือนเดิม ไปกินข้าวด้วยกันอย่างเช่นทุกครั้ง มีผมอยู่ไหนมีเขาอยู่นั่น ไปรับไปส่งและทำหน้าที่แฟนไม่ขาดตกบกพร่องเลยสักนิด ทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิมเหมือนปกติ

     แต่มันกลับเป็นความปกติที่น่ากลัวและอธิบายไม่ได้ว่าทำไม

     เขานิ่ง
     นิ่งมาก

     จากปกติที่อารมณ์ดีทั้งวันแต่คราวนี้มันกลับไม่มีรอยยิ้มเช่นเคย

     ผมไม่รู้จะรับมือยังไงกับความเปลี่ยนไปของเขาแบบนี้ ยิ่งคนที่แสดงออกไม่เก่งแบบตัวเองก็ยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปอีก ไม่ใช่ว่าผมไม่ง้อ ผมทำเท่าที่จะทำได้ไปหมดแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรดีขึ้นจนได้แต่สงสัยว่าทำไมและเพราะอะไรเขาถึงได้เป็นแบบนั้น

     ผมผิดสัญญา

     อันนี้ผมรู้ดีแต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ วันนั้นพอกลับถึงห้องก็รีบเข้าไปกอดอีกฝ่ายพร้อมกับคำขอโทษ คิดว่ามันจะได้ผลแต่เขาก็ยังไม่ยอมหายโกรธสักที

     ยิ่งคิดผมก็ยิ่งสับสน เพราะไม่รู้จริงๆถึงเหตุผล ครั้นจะไปถามก็ไม่กล้ากลัวว่าจะโดนโกรธหนักเข้าไปอีก

     หรือว่าผมเมา? แต่ปกติผมก็เมาเป็นหมาแบบนี้ทุกรอบเวลาดื่ม ไม่ใช่ครั้งแรกด้วยซ้ำ แถมเขาก็รู้ว่าผมเป็นคนยังไง เคยเจอกับตัวมาแล้วตั้งหลายรอบ จะบอกว่าเมาก็คงไม่น่าเข้าข่าย จะมีคนอื่นก็ไม่ใช่ หรือจะไม่สนใจเจ้าตัวก็ไม่น่าจะเป็นไปได้อยู่ดี

     ยิ่งคิดมันก็ยิ่งหงุดหงิดจริงๆ

     “กูหาชุดยั่วๆให้ได้” ไอ้นาวาเสนอในจังหวะหนึ่ง ความคิดมันไม่ต่างจากไอ้เหนือเท่าไหร่เลยทำให้ผมได้แต่กำหมัดแน่นขึ้นแล้วผ่อนปรนลมหายใจเข้าออกอย่างเชื่องช้า

     “ของเล่นห้องกูเพียบ ถ้าเพื่อนจะยืมกูไม่คิดตังก็ได้อ่ะ”
     “มึงทำดี”

     แต่ก็ดูเหมือนว่าฟางเส้นสุดท้ายของความอดทนผมมันจะขาดลงง่ายซะเหลือเกิน

     จากคำพูดของพวกมัน

     “เดี๋ยวกูไปคิดท่าให้ว่าแบบไหนเซ็กซี่สุด”

     ที่ยังแนะนำเรื่องต่ำตมได้ไม่เลิก

     “แบบที่มันเห็นแล้วรีบตะครุบมึงแน่นอ-อักก อ่อยยยอูว! อึกก!”


     ผมว่าตอนนี้แฟนไม่หายโกรธไม่เป็นไร
     แต่เลือดหัวเพื่อนไม่กระเด็นมันไม่ได้ มันต้องเชือดไก่ให้ลิงดูกันสักแมทช์!









/











     นาฬิกาบนผนังเป็นที่ๆผมนำสายตาไปวางไว้มากที่สุดในรอบสามชั่วโมงที่ผ่านมา เฝ้าคอยว่าตอนนี้เวลาจะล่วงเลยไปแล้วเท่าไหร่ กับการรอคอยให้ใครสักคนกลับมาถึงห้องและผมก็ตัดสินใจเอาไว้ว่าวันนี้ต้องคุยกับเขาให้รู้เรื่อง

     เพราะตัวเองไม่สามารถทนอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ได้อีกต่อไปแล้ว

     แต่แผนของผมก็พังลงไม่เป็นท่าจากการบอกกล่าวของม่านเมื่อไม่นานมานี้

     ‘วันนี้เค้าไปกินเหล้า’

     เขาทิ้งข้อความไว้สั้นๆ และผมก็ไม่กล้าถามกลับถึงแม้จะอยากทำแบบนั้นมากแค่ไหน ผลสุดท้ายข้อความเดิมก็ถูกพิมพ์ทิ้งไว้ในช่องสี่เหลี่ยมและไม่ถูกส่งออกไปถึงอีกฝ่าย ปล่อยให้คนร้อนใจเอาแต่จมอยู่กับความคิดของตัวเองไปมา

     ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาไปกับใคร
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะกลับตอนไหน
และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะให้ผมรอนอนพร้อมกันอย่างที่เราทำเป็นประจำหรือเปล่า

     ผมไม่ได้ถาม และม่านก็ไม่ได้บอกเอาไว้อย่างที่เขามักจะทำไว้ตามปกติ

     ถึงแม้จะน้อยใจแต่สิ่งที่ผมพอจะทำได้คือบอกตัวเองให้ใจเย็นและเฝ้ารอคอยอีกฝ่าย ในเมื่อผมอยากให้ความสัมพันธ์ของเรานั้นเดินต่อ ทุกวินาทีที่เป็นเรื่องของเขาผมจึงต้องค่อยๆคิดและประคองมันเอาไว้เท่าที่ตัวเองจะรับมือไหวมากที่สุด

     เพราะเขาเป็นคนพิเศษ และเป็นคนเดียวที่ผมไม่อยากให้หายไปจากชีวิตอีกแล้ว

     ผมแทบไม่รู้ตัวว่าตัวเองเผลองีบไปตอนไหน ตื่นมาอีกทีนาฬิกาเรือนสีดำก็บอกว่าเป็นเวลาห้าทุ่มนิดๆ คาดเดาคร่าวๆว่าคงประมาณสี่สิบกว่านาทีที่หลับไปทั้งๆที่มีโทรศัพท์กำไว้แน่นอยู่ในมือ แต่เมื่อเปิดดูผมก็ไม่พบว่ามีแจ้งเตือนอะไรจากคนที่รอคอยดังเดิม แบบนั้นจึงถอนหายใจลากยาว มองไปรอบๆห้องที่ตอนนี้เงียบเหงามากกว่าเคย

     ผมชินกับชีวิตที่มีเขาอยู่ใกล้ๆ ชินชากับรอยยิ้มสว่างไสวที่เจ้าตัวมอบให้มาตลอด พอได้อยู่คนเดียวแบบนี้มันเลยไม่ชอบใจเท่าไหร่

     ม่านมันต้องเล่นมนตร์เสน่ห์อะไรใส่ผมแน่ๆ
     ผมถึงได้หลงเขาถึงขนาดนี้

     แอ๊ดด!     

     เพราะเอาแต่คิดอะไรเพลินๆ ในตอนที่มีเสียงเปิดประตูหน้าห้องมันเลยทำให้ผมตกใจนิดหน่อย และผมก็ต้องตกใจมากกว่าเดิมเมื่อเห็นคนที่หายไปกลับมา เพราะตอนนี้มันเพิ่งจะห้าทุ่มกว่า ตามนิสัยของพวกเราแล้วไม่มีทางที่จะถึงห้องไวแบบนี้อย่างแน่นอน ไม่ล่วงเลยข้ามวันก็จะยันเช้าตลอด

     ผมรู้ความจริงข้อนั้นดี

     สายตาที่มองมาทำให้ผมกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก มองเขาที่ถอดรองเท้าแล้วทิ้งมันอย่างไม่สนใจไยดีในมุมหนึ่ง ลุกขึ้นหวังจะพูดอะไรสักอย่างแต่สุดท้ายผมก็ทำได้แค่ชะงักและหาทางไปต่อไม่ได้

     คงเพราะเห็นเขากำลังนิ่ง
     เป็นการนิ่งที่นานทีจะมีให้เห็น

     ม่านมองผมอยู่ตลอดในตอนที่เดินเข้ามาใกล้ ร่นระยะห่างระหว่างเราสองคนไปพร้อมกับการค่อยๆถอดเสื้อเชิ้ตสีดำจนมันตกหล่นไปกองอยู่ที่พื้น ปล่อยให้ร่างกายกำยำและหน้าท้องที่ขึ้นลอนนั่นปรากฏแก่สายตา ไม่ต่างจากขอบกางเกงในและสร้อยสีเงินที่เขาสวมใส่ มันกระทบแสงไฟวาววับก่อนที่จะหายลับไปจากมือใหญ่ที่เชยคางผมขึ้น บังคับสายตาให้ไปวางไว้บนใบหน้าเขาอีกครั้ง

     และจากนั้นเจ้าตัวจึงมอบจูบแสนหวานก่อนมันจะเปลี่ยนเป็นรันจวนใจ

     ริมฝีปากผมโดนฟันซี่คมกัดเข้าเล็กน้อยในตอนที่เจ้าตัวเริ่มเปลี่ยนจังหวะ ทำให้ลิ้นของเราแลกกันไปมาอย่างร้อนแรง เขาดันผมเข้าที่กำแพง แยกขาเล็กแล้วแทรกตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว กลิ่นแอลกอฮอลล์และกลิ่นบุหรี่ที่คละเคล้าทำให้ผมแทบเสียสติ สมองไม่ประมวลผลเมื่อโดนรุกรานอย่างหนัก

     “อื้ออ ธะ เธอ”

     ผมพยายามห้าม เพราะหายใจไม่ทันและอยากจะตกลงกับเขาให้จบก่อน

     แต่ดูเหมือนม่านจะไม่ยอมฟังเลยสักนิด

     เขามอบจูบครั้งที่สองในตอนที่ดึงผมเข้าชิด ใช้มือสะเปะสะปะไปบนร่างกายจนทั่วและมันมักจะหยุดที่จุดอ่อนไหว เพราะเป็นแบบนั้นผมเลยรั้งเอาไว้ก่อนที่อะไรๆมันจะเลยเถิด

     “เค้าขอ คุ— คุยก่อน”

     ถ้าเสียงที่มันส่งไปแหบพร่าก็ต้องโทษเขาที่เอาแต่รุกรานไม่หยุด ม่านปรนเปรอจูบให้อย่างหนัก มือบีบเค้นไปตามเอวคอดและผิวเนื้อทั่วร่างกาย

     ตรงไหนที่ทำผมร้องเขาก็จะย้ำ
     ตรงไหนที่ทำผมอ่อนแรงเขาก็ไม่คิดจะยั้งมือ

     ชุดนอนผ้าเนื้อดีถูกร่นไปตามลาดไหล่ เขาไม่แม้แต่จะสนใจเมื่อปลดกระดุมมันด้วยมือซ้ายเพียงข้างเดียว รสชาติขมปนหวานที่ส่งผ่านทำเอาความรู้สึกผมเดินทางแล่นสู่ห้วงอวกาศอันไกลแสนไกล มันข้ามไปถึงจักรวาลเวิ้งว้าง เพื่อย้ำเตือนจิตใจผมอีกครั้งว่าไม่มีอะไรมาหยุดเราได้

     ไม่มีอะไร

     มาหยุดเขาที่กำลังลุกเป็นไฟได้เลย


     ผมหอบหายใจหนักในตอนที่เห็นม่านแลบลิ้นเลียริมฝีปากช้าๆ ทิ้งช่วงตรงมุมหนึ่งเนิ่นนานพร้อมกับมองผมไม่ละสายตา จากนั้นผมถึงได้เริ่มเข้าใจว่าทำไมเขาถึงแปลกไปจากปกติ

     เขาดื่ม


     และเมื่อไหร่ที่ไอ้หมามันดื่ม

     “เอาไว้คุยกันทีหลัง”



     เขี้ยวเล็บที่ซ่อนไว้ก็จะเผยออกมาให้เห็น


     ถึงจะไม่เคยต่อกรเวลาเขาเมา แต่ผมรู้ดีว่านิสัยผู้ชายเวลาโดนเร่งเครื่องให้ติดมันเป็นยังไง

     ก็คงเป็นแบบเขา
     ที่ดื้อด้าน เอาแต่ใจ และไม่ฟังใครทั้งนั้น


     เป้าหมายต่อไปของมือใหญ่อยู่ที่อาภรณ์ส่วนล่าง ผมยื้อเอาไว้ไม่ไหวเพราะแรงเขามากเกินไปเกินกว่าจะต้านทาน ม่านดันตัวเข้ามาอีกครั้ง ให้แท่งร้อนที่กำลังแข็งขืนของเราเสียดสีกันอย่างหนักบ่งบอกความต้องการของเจ้าตัว

     และไม่ใช่แค่ของเขา
     ของผมเองก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่


     ผมกำลังไม่ไหว จากสัมผัสตามร่างกายที่เขาสำรวจไปโดยทั่ว อีกฝ่ายดึงรั้งกางเกงผมลง ใช้เท้าช่วยแค่พริบตาเดียวมันก็ไปกองอยู่ที่พื้น ทั้งหมดเพียงเพราะไม่อยากละจูบที่เรายังแลกเปลี่ยนลิ้นร้อนกันไปมา

     ไอ้เด็กหน้าหมา
     ทำไมมันชำนาญจังวะ

     ทั้งๆที่เราก็ไม่ได้มีอะไรกันบ่อยเลยด้วยซ้ำ


     “อืออ”



     เสียงครางฮือดังตอบรับเมื่อม่านกำลังรูดแก่นกายผมขึ้นลง มือเล็กนำมันไปคล้องคอแกร่ง กลัวว่าตัวเองจะอ่อนแรงเกินกว่าจะยืนไหว เอวผมขยับไปตามจังหวะที่เขามอบให้ บางครั้งมันแอบอิงเข้าหาอีกฝ่ายเมื่อโดนแกล้งจนตัวโยน

     ผมกัดเข้าที่ไหล่กว้างเมื่อต้องการระบายอารมณ์ เหตุเพราะนิ้วยาวที่สอดเข้ามายังช่องทางด้านหลังมันทำให้วาบหวามอย่างหนัก ได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วเบาดังชิดเมื่อผมแทบจะขาดสติอยู่รอมร่อ และก่อนที่จะทันได้ตั้งตัว ม่านก็ชักมืออ่อนแล้วสอดใส่ส่วนอ่อนไหวเข้ามาแทน

     รีบร้อน ดุดัน และไม่มีการป้องกันแต่อย่างใด


     เสียงคำรามดังขึ้นในตอนแรก ก่อนมันจะแปรเปลี่ยนเป็นครางแผ่วเบาแค่ในลำคอ ตัวผมถูกดันเข้าชิดกำแพงอีกครั้ง คราวนี้แผ่นหลังกระทบกับผนังเป็นจังหวะ แทบไม่มีตอนไหนที่คนอายุน้อยกว่าผ่อนปรนให้แบบที่เรามักจะทำเป็นปกติ

     ผมบอกแล้วว่าตอนนี้เขาดื่ม

     และเมื่อไหร่ที่เขาดื่ม


     “อื้อ อ๊ะ บ—เบา”

     สมรรถภาพทางเพศก็จะเพิ่มขึ้นสูงตามลำดับ

     ก็นั่นแหละ
     อึดอย่างกับอะไร


     เอวหนาขยับระรัวอย่างพึงใจจนผมทำได้แค่ระบายมือไปกับแผ่นหลัง ทิ้งอารยธรรมของรอยเล็บไว้เป็นทางยาว เขาแทบไม่ปล่อยให้ผมได้หายใจเมื่อใช้มือช้อนขาข้างนึงพาดไว้กับแขนตัวเอง ถือเอาไว้แล้วดันตัวเข้ามาอีก

     “ม่าน”
     “ครับ”

     ยังจะมีหน้ามาพูดเพราะ

     “บอกให้ เบา อื้ออ”

     มีหรือที่เขาจะทำตาม เมื่อแรงที่ส่งผ่านกลับมากขึ้นจนผมตัวกระตุก บางครั้งก็เน้นส่วนแข็งขืนให้มันครูดกับช่องทางอุ่นร้อน

     และยิ่งเราไม่ได้ใส่ถุงยางแล้วด้วย
     มันก็ยิ่งรู้สึกมากกว่าเดิมหลายเท่า

     “เบา ฮึก  หน่อย”
     “แล้วไง?”

     ผมแทบจะฟาดมือใบกับใบหน้ากวนๆนั่นเมื่อมันมาพร้อมรอยยิ้มมุมปาก แต่แผนการนั่นก็พังลงไม่เป็นท่าเพราะต้องใช้มือทั้งสองข้างจับเขาให้แน่น

     ก็เพราะเขาน่ะ
     เขาน่ะนะ

     “อ๊ะ อ้ะ อือออ”
     “ซีดส์”

     ตั้งใจแกล้งยกขาผมทั้งสองข้างจนตัวลอย


     และมันจะดีไม่น้อย


     ถ้าม่านไม่โยกพร้อมกับเดินไปด้วย
     โดยมีจุดหมายอยู่ที่เตียงนอน


     เขาวางผมลงก่อนแล้วตามมาติดๆ โดยไม่ปล่อยให้ส่วนนั้นของเราห่างกันแม้แต่น้อย ยิ่งบทรักดำเนินไปมากเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนเขาจะยิ่งชอบใจมากขึ้นเท่านั้น ผมเดินทางไปถึงฝั่งฝันก่อนเมื่อทนไม่ไหว สัมผัสเขาเกินห้ามใจจนผมกักเก็บเอาไว้ต่อไปไม่ได้

     ม่านก้มลงมาจูบข้างใบหู ก่อนจะลากลิ้นไปตามลำคอและเริ่มละเลงไปยังส่วนอื่นๆ โดยที่ยังลงแรงต่อไปไม่หยุด และผมก็ทำได้แค่เพียงตอบรับเขา

     ด้วยการส่งเสียงหวานกลับไปครั้งแล้วครั้งเล่า
     
     “อ้ะ อ่าา”















/










     ผ้าห่มที่อยู่ด้านข้างถูกคนที่กึ่งนอนกึ่งนั่งตวัดมันขึ้นเพื่อปกคลุมเราสองคนที่เปลือยเปล่า เขาใช้หมอนดันหลังตัวเองไว้กับหัวเตียง เหงื่อที่ผุดขึ้นจากกิจกรรมยามดึกยังประปรายอยู่บนตัว ใช้มือลูบศีรษะผมไปมาคล้ายกับปลอบประโลมเอาไว้

     ก็แน่สิไอ้หมามันหอบหนักแค่หนึ่งรอบใหญ่ ต่างจากผมที่มากกว่าอีกฝ่ายไปถึงสอง แถมมันยังดำเนินต่อไปนานร่วมชั่วโมง

     แบบนั้นเลยหมดแรงจนต้องมาซบอกเจ้าตัวอยู่แบบนี้


     สาบานได้ว่าผมจะไม่ร่วมรักกับเขาตอนเมาอีก


     “นี่” ผมพูดขึ้นก่อน เห็นม่านหันมามองช้าๆ “คุยได้ยัง”

     เจ้าตัวหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพยักหน้าเป็นการอนุญาต ดังนั้นผมเลยเอ่ยข้อความที่อยู่ในใจ

     “หายงอนเค้าได้มั้ย?”

     โดยใช้การอ้อนผสมลงไปนิดหน่อย

     เอาดิ
     ดูว่าจะโกรธไปได้อีกกี่น้ำ

     ปล้ำก็ให้ปล้ำแล้ว


     “ไม่ได้อยากงอน”
     “...”
     “...”
     “แต่เธองอน”
     “อืม”

     เขายักไหล่ ไม่ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ส่งไปแต่อย่างใด ยอมรับง่ายๆและรอให้ผมพูดต่อ

     “ไม่ชอบหรอกเวลาเห็นเธอไม่สบายใจอ่ะ เคยบอกไปแล้วไง แค่เธอช่วยบอกเค้าสักนิดได้มั้ยว่าเค้าผิดตรงไหน ยังไงเค้าก็ยอมขอโทษ แต่นี่เค้าไม่รู้อะไรเลย...”
     “เฮ้ออ ช่างมันเถอะ”

     เขาใช้มือซ้ายเสยผมหนึ่งรอบ ส่วนมือขวาก็วนไล้มันไปมาอยู่อย่างนั้น กดจูบบริเวณขมับแล้วกลับไปนั่งดังเก่า

     “ขอโทษเหมือนกันที่ทำให้ไม่สบายใจ”

     ผมเม้มริมฝีปาก ก่อนถามออกไปในเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมบอก

     “เพราะเค้ากลับห้องช้าหรอ?”
     “...”
     “หรือเพราะเค้าไม่ได้รับสายเธอ?”
     “...”
     “ม่าน?”

     “ทั้งคู่”

     ในที่สุดคนงอนก็ยอมบอก ขยับให้ผมนั่งท่าสบายโดยที่มีผิวเนื้อเรายังแลกเปลี่ยนอุณหภูมิกันไปมา

     “ขอโทษครับ”
     “รู้แล้ว”
     “ไม่ได้ตั้งใจ”
     “อืม รู้แล้วไง”
     “วันนั้นอ่ะ ลืมจริงๆ”

     ผมสารภาพ คิดว่าโทษมันคงลดลงกึ่งหนึ่งถ้ายอมทำตัวดี

     “ก็คิดว่ามึงจะไม่ว่าอะไร เพราะปกติก็กลับแบบนี้ตลอด”
     “ถ้าไม่ยันเช้าเค้าก็ไม่ห่วงหรอก”
     “อืม”
     “วันนั้นกลับกี่โมงล่ะ?”

     คนทำความผิดกลืนน้ำลายลงคอ ตอบเสียงแผ่วเพราะเริ่มตระหนักรู้ถึงความผิดของตัวเอง

     “เอ่อ ตีสี่”
     “เกือบตีห้า”
     “โอเค ตีห้าก็ตีห้า”
     “แล้วบอกเค้าว่าจะกลับกี่โมง?”
     “...”
     “ตีสอง”
     “...”
     “โทรไปก็ไม่รับ ข้อความก็ไม่อ่าน ไม่บอกสักคำว่าหายไปไหน เธอคิดว่าเค้าจะเป็นห่วงเธอมั้ย?”

     คราวนี้ผมกอดเขาแน่น สบตาคนพูดที่ดูจะอารมณ์เย็นลงแล้วแต่ก็ไม่ทั้งหมด

     มันยังคุกรุ่น
     อยู่ในคำพูดและน้ำเสียงของเขา     

     “เธอก็รู้อ่ะว่าเธอสำคัญกับเค้า ถ้าเธอเป็นอะไรไปหรือมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอเค้าจะอยู่ยังไงวะ ก็อยากให้คิดถึงใจเค้าบ้างอ่ะ บางทีมันก็ไม่ได้อยากที่จะคิดแบบนั้นหรอก”
     “...”
     “แค่ทิ้งข้อความไว้ก็ได้ว่าเธอจะกลับช้า แค่นั้นเค้าก็จะไม่ยุ่งกับเวลาเธอเลย”

     เพราะเหตุผลที่ส่งมาทำเอาผมชะงักนิ่ง คำว่าเป็นห่วงที่เขาพูดมันส่งผ่านแววตาที่กำลังสับสน และทั้งหมดนั้นทำให้ผมเริ่มเรียนรู้บางอย่าง

     บางอย่างในความสัมพันธ์ที่ผมอาจละเลยมันมาตลอด



     “เค้าขอโทษ”

     เนิ่นนานกว่าที่ผมจะหาเสียงของตัวเองเจอ มันเลยฟังดูแปร่งๆไปหน่อยเมื่อพูดออกไป ไม่รู้ว่าเขาจะยอมฟังมันไหม

     แต่ผมก็มีเท่านี้จะให้จริงๆ


     “พอแล้ว ไม่ต้องขอโทษแล้วครับ” นิ้วโป้งเลื่อนมาลูบไล้ข้างแก้ม และนั่นทำให้ผมอยากจะขอบคุณเจ้าตัวอีกครั้ง

     ขอบคุณที่ยังรักคนที่ไม่พร้อมสักอย่าง
     ขอบคุณที่ยังเคียงข้างคนที่ไม่เอาไหนคนนี้

     ขอบคุณมากๆ

     “หายแล้วใช่มั้ย?”
     “อือ”
     “แน่นะ?”
     “ไม่รู้เหมือนกัน”
     “อ่าว”
     “งั้นปล้ำอีกทีดีไหม?”

     พรึบ!

     ร่างผมถูกตวัดลงล่างอย่างรวดเร็ว เขาพันธนาการเอาไว้จากการกดสองมือผมไว้จมลงกับฟูกนุ่ม ม่านยักคิ้วเป็นการถาม สีหน้ายียวนกวนประสาทบ่งบอกว่ากำลังแกล้ง

     “ไม่เอา เหนื่อยแล้วอ่ะ”


     ผมอ้อนวอน เข็ดแล้วกับการยุ่งกับเขาในเวลาเมาแบบนี้


     “น้าา”

     แต่ดูเหมือนยิ่งอ้อนม่านก็ยิ่งรุกไล้ไปเรื่อยๆ

     “รู้มั้ยว่าพูดแบบนี้มันไม่ได้”
     “เดี๋ยว—อื้ออ”
     “อ้อนมากๆ ระวังเค้าจะทนไม่ไหวจริงๆล่ะ”


     นั่นแหละ
     อ้อนไม่มากมันก็ทนไม่ไหวอยู่ดี คืนนี้เลยไม่รู้จะจบที่ตรงไหน

     แต่ที่แน่ๆคือผมพิสูจน์แล้วว่าปล้ำมันได้ผล ไม่ใช่ผมที่ปล้ำเขาหรอก แต่เป็นเขาที่ปล้ำผมต่างหาก


     ไม่คิดว่าแผนไอ้เหนือมันจะได้ผล
     เออ


     เชื่อแล้วจริงๆ







#ผาเพียงฟ้า




29/02/20
before30october

พี่ผาไม่ปล้ำตอนนี้เพราะพี่ผาจาไปปล้ำในเล่ม
อิอิ
ใครสปอยย
มะได้สปอยเลยครับบบบ


ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ไม่งอนกันนานค่อยยังชั่วหน่อย ปล้ำกันนี่ได้ผลจริงๆเนอะ :z1:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เป็นไงล่ะพี่ผา  :hao6:

ออฟไลน์ Nefrit

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ม่าน hot มากก

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
แผนพี่เหนือๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด