เจ้าป่า
บทที่ 19
เมื่อก้าวเข้าสู่ห้องส่วนตัวของมิเกลแล้วเลอองจึงคว้าไหล่ของมิเกลให้หันมาทางเขา สีหน้าของมิเกลไม่ดีนักจนเลอองต้องเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“มิเกลเป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนี้”
มิเกลฝืนยิ้มก่อนจะถอนหายใจหนักหน่วง
“ผมขอโทษแทนพ่อนะเลออง ผมน่ะทั้งเสียใจและละอายที่เขาเป็นคนแบบนี้”
“ไม่ผิดสักหน่อย ก็แค่เกิดเป็นลูกเขา มิเกลเลือกไม่ได้นี่นา แต่ที่มิเกลเลือกได้คือการที่มิเกลเป็นคนดีและเป็นคนน่ารักสำหรับผม”
มิเกลยิ้มสดใสออกมาได้เมื่อได้ฟังคำหวานจากคนรัก มือเรียวเอื้อมไปหยิกแก้มเลอองพลางกล่าวเสียงนุ่ม
“น่ารักจังเลออง เฮ้อ ไม่พูดเรื่องนี้แล้วดีกว่า มานี่สิ มาดูห้องผมดีกว่า ผมอยู่ห้องนี้ตั้งแต่ห้าขวบเลยนะ คุณดีแลนยกห้องนี้ให้ผม”
เจ้าของห้องชี้ชวนให้ผู้มาใหม่มองไปรอบห้องด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว เลอองฟังอย่างเพลินเพลินก่อนจะช่วยกันเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้และอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามานอนกอดกันบนเตียง ดวงตาหวานปรือสนิทจนกระทั่งหลับไปในอ้อมกอดของเลออง
หากแต่ดวงตาคมกลับสว่างอยู่ในความมืดสลัว ความแปลกที่และระวังภัยทำให้เลอองไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ในคืนแรกที่ได้มาอาศัยในบ้านหลังใหญ่แห่งนี้ เขามองหน้าหวานที่หลับสนิทก่อนจะค่อยๆลุกจากเตียงโดยไม่ให้มิเกลตื่น ฝีเท้าของลูกครึ่งเจ้าป่าจึงจรดลงแสนเบายามก้าวเท้าออกจากห้องในเวลาดึก เขาเดินสำรวจชั้นสองจนถึงอีกฝั่งหนึ่งของบ้าน หูที่มีการรับรู้อย่างรวดเร็วจึงเปิดขึ้นทันทีเมื่อเลอองได้ยินเสียงพูดคุยของพอลกับแอมเบอร์จากห้องหนึ่ง แม้จะเป็นเสียงเบามากแต่เขาก็ได้ยินชัด ร่างสูงยืนนิ่งรับฟังการสนทนานั้นอยู่ด้านนอก
“ไหนว่าจ้างมืออาชีพแล้วไงเรื่องตัดสายเบรก ยังไงมันต้องตายแน่ๆไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมมันถึงรอดจนมีลูกตัวโตเป็นยักษ์ขนาดนี้ฮะพอล”
เลอองได้ยินเสียงแอมเบอร์ตะคอกใส่สามี ดูเหมือนพอลเองก็ยังคงหงุดหงิดเช่นกัน
“ก็มืออาชีพแล้วน่ะสิรถมันถึงได้ตกเหวไปขนาดนั้น ซากรถก็ไฟไหม้จนแทบไม่เหลือเค้าเดิม ใครจะนึกว่าอีโอเมก้านั่นจะหัวแข็งรอดไปได้”
สันกรามบดกันกรอดเมื่อฟังมาถึงตอนนี้ เลอองต้องห้ามใจตนเองอย่างยิ่งที่จะไม่กระโจนเข้าไปจัดการคนในห้อง เขายังจำคำเตือนของดีแลนก่อนจากมาได้ว่าห้ามใจร้อนทุกๆสถานการณ์ จึงจำเป็นต้องข่มอารมณ์ยืนฟังต่อไป
“แล้วนี่จะทำยังไงต่อ ถ้ามันกลับมาทวงสมบัติคืนล่ะ”
แอมเบอร์อดหวั่นใจไม่ได้ หล่อนใช้ชีวิตด้วยความสุขสบายเพราะเงินที่พอลได้มาจากภรรยาเก่า แต่ตอนนี้กลับมีมารเข้ามาทำให้ชีวิตของหล่อนยุ่งยากเสียแล้ว
“แล้วดีแลนจะรู้หรือเปล่าเรื่องรถ ถ้ามันรู้มันต้องส่งลูกมาแก้แค้นเราแน่”
“เพ้อเจ้อ” เสียงพอลตวาดเบาๆ “มันจะไปรู้ได้ยังไงโง่ขนาดนั้น มันก็คงนึกว่าเอารถไปเข้าศูนย์เช็คตามปกติก่อนเดินทางไกลเท่านั้นแหละ ไอ้ช่างที่เราจ้างป่านนี้มันก็คงแก่ตายไปแล้วล่ะ เลิกพูดมากแล้วนอนเถอะน่า”
เสียงคุยเงียบลงเลอองจึงเดินกลับไปยังห้องพักของมิเกล เขาก้าวไปนอนบนเตียงครุ่นคิดถึงเรื่องที่เพิ่งได้ยินเมื่อครู่ มิเกลพลิกกายมาทางเขาแล้วงัวเงียซุกหน้าเข้ากอดพลางพึมพำเบาๆ
“หายไปไหนมาเลออง”
“ผมไปห้องน้ำมาน่ะ มิเกลหลับต่อเถอะ”
มิเกลหลับต่ออยู่ในอ้อมกอด เลอองลูบแผ่นหลังเบาๆด้วยความสงสาร มิเกลเหมือนเทวดาตัวน้อยๆที่เกิดมาท่ามกลางปีศาจร้าย เลอองคงต้องไตร่ตรองให้รอบคอบหากจะทำอะไรต่อจากนี้เพราะเขาเกรงว่ามิเกลจะสะเทือนใจเพราะถึงอย่างไรพอลก็เป็นบิดาแท้ๆ
ไม่ง่ายเลยกับเหตุการณ์ในวันข้างหน้าสำหรับเด็กหนุ่มที่อายุยังไม่เต็มสิบหกปี แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็ต้องดูแลแม่กับคนรักให้ดีที่สุด เลอองหลับตาลงพยายามปัดเรื่องวุ่นวายออกจากหัวเพื่อที่เขาจะได้พักผ่อนเก็บแรงไว้สำหรับวันใหม่ที่ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร
มิเกลขับรถยนต์คันเก่าของเขาพาเลอองมาที่ห้างสรรพสินค้าในวันต่อมา คนที่เพิ่งเข้ามาในเมืองหลวงมองไปรอบๆด้วยความแปลกใจ
“คนที่นี่เขาไม่ทักทายไม่พูดคุยกันเหรอมิเกล”
ผู้คนเดินกันขวักไขว่แต่ไม่มีใครสนใจกัน ต่างก็ก้มหน้าก้มตามองแต่โทรศัพท์มือถือ หรือไม่ก็เชิดหน้าไม่ยิ้มแย้มให้กันเหมือนชาวบ้านชายป่า มีก็แต่มิเกลนี่แหละที่ยิ้มให้เขา
“คนในเมืองก็แบบนี้แหละ ต่างคนต่างอยู่ อีกหน่อยเลอองก็ชินไปเอง มานี่เถอะ ไปร้านขายโทรศัพท์กัน”
มิเกลพาเขาไปร้านขายโทรศัพท์และบอกว่ามันเป็นสิ่งจำเป็นในสังคมสมัยนี้ เลอองปล่อยให้มิเกลจัดการเรื่องนี้ให้เขาจนกระทั่งเสร็จเรียบร้อยจึงยื่นให้เลอองรับไป
“ผมเมมเบอร์โทรของผม คุณไอรีน และเบอร์โทรที่บ้านคุณโทนี่ไว้ให้แล้ว เลอองค่อยๆหัดใช้นะ ไม่ยากหรอก”
เลอองพยักหน้ารับ หลังจากนั้นพวกเขาจึงไปที่มหาวิทยาลัยของมิเกล
“ต้องไปรายงานตัวกับอาจารย์ว่ากลับมาแล้ว เลอองนั่งรอผมที่ใต้ต้นไม้นี่นะ ไม่นานหรอก”
มิเกลเดินเข้าไปในอาคารเรียน เมื่ออยู่เพียงลำพังแล้วเลอองจึงใช้โทรศัพท์มือถือเป็นครั้งแรกด้วยการโทรไปหาไอรีน
“ผมเลอองเองครับ”
“อ้าว เลออง มีโทรศัพท์ใช้แล้วหรือ มิเกลคงจัดการให้สินะ ดีแล้วล่ะเป็นยังไงบ้างเจอฤทธิ์ของสองคนผัวเมียนั่นอีกหรือเปล่า”
“ไม่หรอกครับ พวกเขาออกจากบ้านไปกันตั้งแต่เช้า ผมมีเรื่องอยากจะถามคุณไอรีน”
ไอรีนที่ทำงานอยู่สำนักงานในตอนนี้วางมือลงและตั้งใจฟังคำถามของเด็กหนุ่ม
“เรื่องอะไร ว่ามาสิเลออง”
“เรื่องรถยนต์ที่แม่ขับไปเกิดอุบัติเหตุ ก่อนเดินทางมีการนำไปตรวจสภาพรถไหมครับ”
ไอรีนทบทวนความทรงจำครู่หนึ่งก่อนจะตอบคำถามบุตรชายของนายจ้าง
“รถที่คุณดีแลนใช้สำหรับเดินทางไกลจะมีการนำไปตรวจสอบที่อู่รถยนต์ก่อนทุกครั้ง เป็นอู่ที่ครอบครัวไพรส์ลีย์และบริษัทใช้งานเป็นประจำ ทำไมถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ”
“ผมนึกขึ้นมาได้ว่าแม่เคยเล่าให้ฟังเรื่องนี้ แม่บอกว่าออกจากบ้านมารถยนต์ก็เป็นปกติดี แต่พอเริ่มขับรถขึ้นทางชันก็เริ่มผิดปกติ ก่อนที่รถจะเสียหลักพุ่งลงเหวข้างทางแม่ได้ยินคนขับรถตะโกนว่ารถเบรกไม่อยู่ ผมก็เลยสงสัยว่าถ้ารถได้รับการตรวจสภาพก่อนเดินทางเบรกจะขัดข้องได้ยังไงน่ะครับ”
ไอรีนเอะใจ หากคิดตามที่เลอองพูดมาก็น่าสงสัยจริงๆ
“เธอคิดว่าเรื่องอุบัติเหตุของคุณดีแลนไม่ชอบมาพากลอย่างนั้นหรือ หากคิดเช่นนั้นจริงเธอจะทำอะไรต่อไปล่ะ”
“ผมอยากรู้ว่าเมื่อสิบห้าถึงสิบหกปีที่ผ่านมาช่วงที่รถยนต์ของแม่ไปตรวจสภาพที่อู่ ได้มีการรับพนักงานมาใหม่หรือเปล่า หรือว่ามีพนักงานออกไปหลังจากเกิดอุบัติเหตุกับแม่ไหม”
ไอรีนยิ้มถูกใจกับตัวเอง เด็กหนุ่มบุตรชายของดีแลนฉลาดหัวไวไม่ใช่เล่น ตัวหล่อนเองก็คิดมานานแล้วว่าอุบัติเหตุครั้งนี้มีเงื่อนงำ แต่คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะหาคำตอบได้จากไหน การเปิดประเด็นของเลอองอาจทำให้ความสงสัยเหล่านี้ได้คำตอบ
“เธอกำลังสงสัยว่ามีคนทำให้รถของแม่เธอผิดปกติก่อนเดินทางสินะ ได้สิเลออง ฉันรู้จักกับเจ้าของอู่รถยนต์นี้ ฉันจะไปถามให้เอง บางทีเราอาจจะได้รู้อะไรดีๆก็ได้”
เลอองกล่าวอำลาก่อนวางสายของไอรีน รออีกไม่นานมิเกลก็เดินลงมาจากตัวอาคารพร้อมกับเคน
“ว่าไง เลออง อยู่เมืองหลวงแล้วเป็นยังไงบ้าง คิดถึงบ้านหรือเปล่า”
เลอองทักทายกับเคน คุยกันอยู่พักหนึ่งมิเกลจึงบอกเขา
“เดี๋ยวขับรถตามเคนไปที่อพาร์ตเมนต์ ไปเอาอุปกรณ์ทำงานกับตัวอย่างงานวิจัยที่ฝากไว้ แล้วเราค่อยกลับกันนะ”
พยักหน้าตามอย่างว่าง่าย เลอองไม่รู้จะไปไหนอยู่แล้ว โรงเรียนที่เขาจะเข้าเรียนกว่าจะเปิดเทอมก็อีกสองสัปดาห์ ระหว่างนี้ก็แล้วแต่มิเกล เขาลุกเดินตามมิเกลไปที่รถยนต์ มิเกลขับรถไปยังอพาร์ตเมนต์ที่เคนเช่าอยู่ ใช้เวลาไม่นานนักก็ช่วยกันขนของลงมาใส่ท้ายรถยนต์เรียบร้อย
“ให้มิเกลมันพาเที่ยวให้สนุกนะเลออง จะได้ชินกันเมโทรโปลิสเร็วๆ”
เคนตบบ่าพลางหลิ่วตาให้ เลอองหัวเราะเบาๆกับความทะเล้นของเพื่อนสนิทมิเกล เขาก้าวขึ้นรถที่มิเกลสตาร์ทรออยู่แล้ว
“เดี๋ยวไปดูหนังกันดีกว่าแล้วค่อยกลับบ้านไปสรุปงานส่งอาจารย์ ผมจะเรียนจบแล้วนะเลออง”
มิเกลยิ้มภาคภูมิใจ เขาขับรถไปทางโรงภาพยนตร์พลางเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้ฟังเจื้อยแจ้ว เลอองนั่งฟังเพลินๆอยู่พักหนึ่งก่อนที่เขาจะสะดุดตาเมื่อสังเกตว่ามีรถคันหนึ่งขับตามรถของมิเกลมาพักใหญ่แล้ว เลอองขยับตัวอย่างระมัดระวังเมื่อรถคันนั้นไล่หลังตามมาใกล้ขึ้น
“มิเกล ระวัง รถสีดำข้างหลังไม่น่าไว้ใจ”
เขาหันไปเตือนมิเกลให้ระวังตัว มิเกลรีบมองกระจกมองหลังทันที มองเห็นรถสีดำเร่งเครื่องเข้ามาใกล้จนแทบจะทันอยู่แล้ว เขารีบขับหนีแต่เพราะรถคันนั้นกำลังแรงกว่าไม่นานนักก็กระหนาบด้านข้าง
“บ้าเอ๊ย”
“มิเกล ระวัง”
ด้านข้างถูกพวกมันขับรถกระแทกจนรถของมิเกลเสียหลัก เลอองต้องรีบช่วยดึงพวงมาลัยรถก่อนที่มันจะหมุนคว้างลงข้างทาง พวกมันเลือกสถานที่ในซอยเล็กที่ไม่ค่อยมีใครผ่านไปผ่านมา เมื่อรถหยุดลงผู้ชายหน้าตาเหี้ยมโหดใส่ชุดสีดำก็ลงจากรถกรูกันมาด้านข้างแล้วใช้ปืนขู่
“ลงมาจากรถเดี๋ยวนี้”
เลอองกัดฟันกรอด ถ้าเขามาคนเดียวคงจะเปิดประตูก้าวลงไปจัดการพวกมัน แต่นี่มีมิเกลอยู่ด้วย แถมยังเป็นสถานที่ที่เขาไม่คุ้นเคยอีกต่างหาก
“เลออง”
มิเกลหน้าซีดด้วยความตกใจ เลอองลอบนับจำนวนคนที่ลงมาล้อมรถเขา มีอยู่สามคนรวมถึงผู้ชายรูปร่างอ้วนเตี้ยที่เพิ่งลงมาจากรถอีกด้วย
“มิเกลลงจากรถก่อน แล้วคอยหลบให้ดี ระวังตัวด้วยล่ะ”
เลอองเดาว่าพวกนี้น่าจะเป็นพวกเดียวกับที่ต้องการจับตัวมิเกลในป่า ดังนั้นโล่งใจไปได้เปราะหนึ่งว่ามันไม่คิดจะทำร้ายร่างกายมิเกลแน่ มิเกลพยักหน้าก่อนจะเปิดประตูลงไปทั้งที่ยังตัวสั่นเพราะความกลัว เลอองเปิดประตูตามออกไปยืนจ้องหน้าพวกมันเขม็ง
“ได้ตัวสักทีไอ้ตัวดี ทำลูกน้องกูตายหมด อ๊ะ!”
ผู้ชายรูปร่างอ้วนเตี้ยที่เพิ่งลงมาจากรถนั้นคือทอมนั่นเอง เขาได้รับคำสั่งจากโซรอสให้มาตามจับตัวมิเกลที่เดินทางกลับมาเมืองหลวงแล้วตามที่คนเป็นบิดาส่งข่าว ทอมโล่งใจที่ไม่ต้องจัดการกับมิเกลในป่าอีกเพราะเขายังหวาดๆกับคนประหลาดที่ไปช่วยชายหนุ่มในป่า เขาต้องรีบลงมือโดยเร็วเพราะโซรอสต้องการมิเกลเป็นอย่างยิ่ง ทอมคาดว่าเขาจะจับมิเกลได้โดยง่ายจนกระทั่งมองเห็นผู้ชายคนที่ลงจากรถของมิเกล
ในป่ามันมืดมากทอมมองไม่เห็นหน้าตาของคนที่มาช่วยมิเกล แต่รูปร่างนั้นคลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นผู้ชายตัวสูง แข็งแรง ทอมชะงักเมื่อเห็นอีกฝ่ายจ้องเขาด้วยดวงตาสีเหล็ก
“ชะ ช้าทำไม จับมันมาเร็วๆสิวะ”
ไม่รู้จะใช่หรือไม่ใช่ ต้องรีบจัดการให้เร็วที่สุดจะได้ไม่ต้องสบตาเกรี้ยวกราดให้นานกว่านี้ ทอมรีบออกคำสั่งเสียงสั่นให้ลูกน้องชุดใหม่จับตัวมิเกล แต่ทันทีที่เขาพูดจบร่างสูงใหญ่ก็กระโจนเข้าหาลูกน้องคนที่ยืนใกล้ที่สุดแล้วใช้ฝ่ามือตบปืนจนร่วงอย่างรวดเร็ว
มีต่ออีกนิด...