พิมพ์หน้านี้ - << เจ้าป่า >> [Omegaverse]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Belove ที่ 30-04-2019 21:30:52

หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 30-04-2019 21:30:52




ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม









                                   :t4: :t4: :t4: :t4: :t4: :t4: :t4: :t4: :t4: :t4:






สารบัญ

บทที่ 1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70180.msg3969666#msg3969666)
บทที่ 2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70180.msg3970946#msg3970946)
บทที่ 3 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70180.msg3971923#msg3971923)
บทที่ 4 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70180.msg3974145#msg3974145)
บทที่ 5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70180.msg3975296#msg3975296)
บทที่ 6 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70180.msg3976725#msg3976725)
บทที่ 7 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70180.msg3977789#msg3977789)
บทที่ 8 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70180.msg3978968#msg3978968)
บทที่ 9 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70180.msg3980955#msg3980955)
บทที่ 10 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70180.msg3984472#msg3984472)
บทที่ 11 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70180.msg3985834#msg3985834)
บทที่ 12 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70180.msg3988954#msg3988954)
บทที่ 13 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70180.msg3992726#msg3992726)
บทที่ 14 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70180.msg3994579#msg3994579)
บทที่ 15 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70180.msg3996698#msg3996698)
บทที่ 16 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70180.msg4002553#msg4002553)
บทที่ 17 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70180.msg4004811#msg4004811)
บทที่ 18 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70180.msg4009272#msg4009272)
บทที่ 19 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70180.msg4012654#msg4012654)
บทที่ 20 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70180.msg4014396#msg4014396)
บทที่ 21 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70180.msg4014842#msg4014842)
บทที่ 22 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70180.msg4015457#msg4015457)
บทที่ 23 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70180.msg4016249#msg4016249)
บทที่ 24 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70180.msg4016841#msg4016841)
บทที่ 25 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70180.msg4017453#msg4017453)










                                              :pig3: :pig3: :pig3: :pig3: :pig3: :pig3: :pig3: :pig3:








หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 1 [30/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 30-04-2019 21:34:40



                                                                  เจ้าป่า

                                                                  บทที่ 1




             “ดีแลน ไพรส์ลีย์” กำลังคืบคลานออกจากเศษซากของรถยนต์คันหรูด้วยความยากลำบาก สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดจากอาการบาดเจ็บไปหมดทั้งตัว ชายหนุ่มวัยยี่สิบสี่ปีมั่นใจว่าแขนซ้ายของเขาหัก  รวมถึงขาทั้งสองข้างที่ไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะดึงร่างของตนออกมาจากประตูรถยนต์


             ไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา เขายังนั่งอยู่ตอนหลังของรถยนต์คันหรูโดยมีคนขับรถของครอบครัวขับพาเขาผ่านถนนเลียบภูเขาสูงและอีกฟากฝั่งเป็นหุบเขาลึก คนขับรถของเขาบังคับรถด้วยความชำนาญจนดีแลนสามารถเปิดแท็บเลตตรวจสอบราคาหุ้นอย่างสบายใจเช่นทุกครั้งที่เดินทางไกล แต่ไม่ใช่สำหรับวันนี้เมื่อขณะรถชะลอตัวเข้าโค้ง คนขับรถของดีแลนอุทานเสียงดังลั่นพร้อมกับรถที่เสียหลัก แค่ชั่วพริบตารถยนต์ก็ลอยละลิ่วลงสู่หุบเขาที่มีป่ากว้างอยู่เบื้องล่าง


              รถยนต์ตกลงมาจากที่สูง แม้จะคาดเข็มขัดนิรภัยแต่กระนั้นร่างโปร่งของดีแลนก็ยังกระแทกกระทั้นอยู่ภายใน จนกระทั่งมันหยุดลงที่เบื้องล่างท่ามกลางป่าใหญ่ ดีแลนเพิ่งจะลืมตาขึ้นมาพร้อมกับร่างกายที่มีแต่บาดแผล เขาเอ่ยปากเรียกชื่อคนขับรถ แต่เมื่อได้เห็นเต็มตาจึงได้รู้ว่าชายวัยกลางคนที่ทำงานให้เขามานานเสียชีวิตคาที่นั่ง หัวใจของดีแลนเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น เขาหาวิธีเอาตัวรอดเพราะรถยนต์อาจจะระเบิดได้ทุกเมื่อ


               แขนซ้ายของเขาหัก ข้อเท้าทั้งสองแทบไม่มีแรงในเวลาใกล้โพล้เพล้เต็มที เมื่อกระเสือกกระสนออกมานอกตัวรถได้ดีแลนก็แทบจะหมดแรง เขาได้แต่นอนหายใจรวยรินอยู่กับความน่ากลัวที่มีแต่ต้นไม้สูงใหญ่ปกคลุม รู้มาว่าพื้นที่แถบนี้คืออุทยานป่าไม้ที่มีขนาดใหญ่ลำดับต้นๆ น้ำตาของเขาไหลรินเมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์ปะทุขึ้นมา หากมันระเบิด ลมหายใจที่ยังมีอยู่ก็คงจะปลิดปลิว


                 “ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที”


                 เสียงแทบไม่หลุดจากริมฝีปากแห้งผาก ใครเล่าจะมาช่วยเขาได้ในนาทีนี้ มีเพียงสายลมหวีดหวิวและเสียงสัตว์ป่าดังแว่วเข้าหูให้ยิ่งหวาดกลัว รวมถึงเสียงสวบสาบราวกับอะไรบางอย่างกำลังแหวกพงหญ้าและเถาวัลย์สูงตรงเข้ามา


                “ใคร ช่วยด้วย”


                เหลือแรงเพียงน้อยนิดผงกหัวขึ้นมอง และเมื่อมองเห็นต้นเหตุของเสียงแล้วร่างกายของดีแลนก็ยิ่งสั่นสะท้าน


               สิงโต!


               ตัวใหญ่หลายเมตร ขนคอสีน้ำตาลกระจายตัวเป็นแผง นัยน์ตาสีเหล็กยามจ้องมองมาทางเขาลึกล้ำเย็นเยียบ กล้ามเนื้อของสัตว์ป่าแสดงถึงพละกำลังเต็มเปี่ยมขณะที่มันหยุดยืนต่อหน้าร่างสั่นสะท้าน มันก้มหน้าลงสูดกลิ่นก่อนจะเงยหน้าสบตากับดีแลนอีกครั้ง


                 หัวใจของดีแลนเต้นรัว เบาหวิว ความหวาดกลัวและร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้สติของเขาห่างไกลออกไปทุกที การรับรู้ช่วงท้ายคือร่างกายที่ถูกลากไปตามพื้นดินแข็งกระด้าง และเสียงระเบิดดังลั่นพร้อมกับไฟที่ปะทุไหม้รถยนต์ หลังจากนั้นดีแลนก็ไม่รู้อีกแล้วว่าอะไรเกิดขึ้นบ้าง










              เปลือกตาที่มีแพขนตาหนาประดับอยู่ค่อยๆกะพริบแล้วจึงเปิดขึ้นช้าๆ ดีแลนหายใจเฮือกใหญ่เพื่อรับรู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ เสื้อผ้าที่สวมใส่บางส่วนขาดวิ่นแต่ยังพอปกป้องผิวหนังได้บ้าง เมื่อรวบรวมสติได้แล้วเขาจึงสำรวจตัวเองอย่างเชื่องช้า
ไม่รู้ว่าตอนนี้เวลาเท่าใดเพราะแสงอาทิตย์อยู่เหนือยอดไม้ ดีแลนนอนอยู่ใต้ชะง่อนหินที่มีพื้นที่เล็กๆขนาดพอดีตัวอยู่ด้านใต้ มีเศษใบไม้เรียงรายพอให้ไม่ระคายกับผิวดิน แขนซ้ายที่หักมีกิ่งไม้มัดติดไว้ด้วยเถาวัลย์อย่างหยาบๆจนอาการปวดบรรเทาลงไปมาก


               ใครกันนะที่ช่วยชีวิตไว้?


              ใช้แขนขวายันกายขึ้นมานั่ง ดีแลนสะบัดศีรษะสองสามครั้งขับไล่ความมึนงง คอของเขาแห้งผาก ท้องของเขาร้องจนได้ยินเสียงชัด ชายหนุ่มหันหน้าไปมองรอบข้าง พลันหัวใจของเขาก็แทบจะหยุดเต้นอีกครา


              สิงโต!


             ดีแลนกำลังมีชีวิตอยู่ท่ามกลางฝูงสิงโต!


             ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกเช่นไรดี หวาดกลัว หรือแปลกใจ หลายตัวเมื่อเห็นเขาลุกขึ้นมานั่งก็ไม่ได้มีวี่แววจะเข้ามาทำร้าย และมองเหมือนคุ้นชินกับเขาแล้ว


              เสียงเดินสวบสาบดังแว่วมา ดีแลนตื่นตัวทันที คล้ายกับสิงโตทั้งหลายในฝูงที่พลันชะเง้อมองผู้ที่ก้าวเท้าเข้ามาและเมื่อเห็นผู้มาใหม่แต่ละตัวก็ลดคอลงราวกับทำความเคารพ ดีแลนเบิกตากว้างเพราะเขาจำได้ว่ามันเป็นสิงโตตัวเดียวกับที่เห็นตอนที่เขายังอยู่ในที่เกิดเหตุตกเหวลงมา สิงโตหนุ่มร่างกำยำเดินสง่างามตรงมายังเขา มันหยุดนิ่งและสบตา หัวใจของดีแลนคล้ายจะหยุดนิ่งราวกับสิงโตตัวนี้กำลังควบคุมเขาไว้ เขารู้โดยสัญชาตญาณว่ามันต้องเป็นจ่าฝูงโดยแท้


               ดีแลนตัวแข็งทื่อเมื่อมันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ใช้จมูกดอมดมกลิ่นอยู่แถวใบหน้า จนกระทั่งมันใช้ปากของมันทาบทับมาที่ปากของเขาแล้วปล่อยให้น้ำที่มันอมไว้ในปากผ่านเข้ามาในลำคอ ดีแลนแทบสำลักแต่เขาก็รีบกลืนมันจนเจ็บคอ ร่างกายของเขาโหยหาน้ำและอาหาร น้ำเพียงเท่านี้ยังไม่พอสำหรับเขาเลยสักนิด


                เสียงตุ้บดังเบาๆข้างกาย เมื่อเจ้าป่าถอนกายกลับไปดีแลนจึงได้เห็นว่า สิงโตตัวเมียที่เดินตามหลังจ่าฝูงวางผลไม้ป่าไว้ใกล้ๆ เขาเหลือบมองอย่างไม่แน่ใจ แต่เมื่อเห็นว่าไม่มีสิงโตตัวไหนจู่โจมแน่แล้วจึงรีบคว้ามันมากินอย่างหิวโหย


                  “ขอบใจนะ”


                ไม่รู้เอ่ยภาษามนุษย์ออกไปแล้วพวกมันจะเข้าใจหรือไม่ แต่นัยน์ตาสีเหล็กนั้นจ้องมองอย่างพอใจ ร่างใหญ่ของเจ้าป่าเดินตรงเข้ามาใช้เท้าหน้าผลักให้ดีแลนนอนลงอีกครั้ง มันแลบลิ้นเลียไปตามแผลถลอกทั่วร่างกายราวกับจะช่วยเยียวยา จนกระทั่งดีแลนคล้อยหลับลงอีกครั้งเมื่ออิ่มท้อง


               เมื่อลืมตาขึ้นอีกวันดีแลนก็รู้สึกดีขึ้นมาก เขาพอมีแรงยืนขึ้นท่ามกลางฝูงสิงโตอีกเช่นเคย ดีแลนเริ่มเรียนรู้แล้วว่าไม่มีสิงโตตัวไหนในฝูงที่คิดจะทำร้ายเขา ชายหนุ่มจึงลองก้าวเดินไปมาอยู่แถวชะง่อนหิน ช่วงแรกอาจจะยังไม่มั่นคงนักแต่ต่อมาก็ดีขึ้น ดีแลนชะงักเมื่อมองเห็นร่างใหญ่ของจ่าฝูงเดินตรงมา ดวงตาสีเหล็กมองอย่างพึงใจเมื่อเห็นเขาเดินได้


              “เอ่อ...”


               เสียงคำรามเบาๆดังขึ้นจนดีแลนสะดุ้ง ก่อนร่างใหญ่สง่างามจะมองราวกับออกคำสั่งให้เขาเดินตาม ดีแลนกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะเดินตามหลังสิงโตสีน้ำตาลโดยทิ้งระยะห่างไว้พอสมควร ถึงอย่างไรเขาก็ยังไม่ไว้วางใจสัตว์ป่าที่แสนน่ากลัวเช่นนี้ น่าแปลกที่ไม่ได้มีสิงโตตัวไหนเดินตามมาอีก คล้ายเป็นคำสั่งของจ่าฝูงที่ไม่ต้องการให้ใครติดตาม


              เดินมาไม่นานดีแลนได้ยินเสียงสายน้ำไหล สิงโตเจ้าป่าเดินนำเขามาจนพบกับลำธารแห่งหนึ่งไม่ไกลจากถิ่นของฝูงมากนัก มองเห็นรอยเท้าของสัตว์ป่าปะปนกันอยู่บนดินอ่อนริมลำธาร แต่ไม่กี่วินาทีต่างก็วิ่งหลบหนีกันยกใหญ่เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าผู้ล่า ร่างแสนสง่าหยุดยืนและหันมามองออกคำสั่งให้ดีแลนตักตวงสายน้ำใสในลำธารได้อย่างเต็มที่


               ชายหนุ่มคลี่ยิ้มยินดี เขาเดินไปที่ริมลำธารและใช้มือเพียงข้างเดียววักน้ำมาดื่มแก้กระหายจนหนำใจ จากนั้นเขาจึงคิดจะอาบน้ำชำระล้างคราบสกปรกจากร่างกาย แต่เพราะความไม่แน่ใจจึงหันไปหาสิงโตที่พาเขามา


                “อาบน้ำได้ไหม”


               เอ่ยถามเป็นภาษามนุษย์แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจ ดีแลนถอนหายใจพลางใช้ภาษาร่างกายแทน


             “นี่ ลงไปอาบน้ำในลำธารได้ไหม”


               พยายามทำท่าทางให้สิงโตเข้าใจและดูเหมือนจะสำเร็จ มองเห็นเจ้าป่าผงกหัวจนแผงคอปลิว ดีแลนจึงค่อยถอดเสื้อผ้าขาดวิ่นออกจนเหลือแต่กายเปล่าเปลือยแล้วลงไปอาบน้ำในลำธารขณะที่สิงโตตัวนั้นนั่งหมอบมองอย่างระแวดระวัง     ดีแลนขัดคราบเลือดและเขม่าดินออกจากกายจนเหลือเพียงความขาวนวลและนำเสื้อผ้ามาซักด้วยมือ จนกระทั่งได้ยินเสียงคำรามเรียกขึ้นฝั่ง เขาจึงเดินกลับมาด้วยกายล่อนจ้อน พอสบสายตากับสิงโตตัวนั้นแล้วเลือดฝาดจึงมาหล่อเลี้ยงแก้มอย่างไม่มีเหตุผล


                “อย่ามองแบบนี้สิ”


               เพียงผู้เดียวในป่าแห่งนี้เหลียวมองรอบตัว เขาหันไปเห็นใบไม้ใบใหญ่จึงเดินไปเด็ดมาเพื่อพันกายปิดบังจุดสงวน ทำไมเขาถึงขัดเขินสายตาทรงอำนาจคู่นี้นักนะ


               “เสร็จแล้ว”


                 ร่างสูงขยับยืนผ่าเผยและเดินนำดีแลนกลับไปยังถิ่นอาศัย แต่เมื่อเขาจะล้มกายลงที่เดิมกลับได้ยินเสียงคำรามปฏิเสธ จ่าฝูงเดินนำเขาไปยังพื้นที่สูงขึ้นไปกว่าระดับเดิม ตอนนั้นเองที่ดีแลนเพิ่งจะสังเกตเห็นปากถ้ำ สิงโตตัวใหญ่พาเขาเข้าไปด้านใน


               ภายในมีโถงถ้ำไม่ลึกมากนัก แต่ทว่าสูงพอจะมองเห็นบริเวณโดยรอบ ลึกเข้าไปมีแอ่งน้ำธรรมชาติไหลจากเพดานลงมาสร้างความเย็นฉ่ำไม่เหมือนภายนอก ดีแลนเดาว่าจ่าฝูงคงอาศัยอยู่ในถ้ำนี้ แต่ที่ไม่ได้พาเขามาอยู่ด้วยตั้งแต่ทีแรกเพราะเขายังได้รับบาดเจ็บและพาขึ้นมาไม่ได้


                 ได้ยินเสียงคำรามจากลูกน้องในฝูงเมื่อตะวันคล้อยตกดิน เจ้าป่าหันกลับไปคำรามตอบเสียงก้องกังวานจนดีแลนตกใจ เขานั่งสั่นอยู่ในถ้ำเมื่อสิงโตตัวผู้ส่วนหนึ่งวิ่งออกไปจากถิ่นฐาน ชายหนุ่มนั่งตัวสั่นเพียงลำพังโดยมีสิงโตตัวเมียบางตัวเดินฉวัดเฉวียนมองมาจากปากถ้ำ จนเวลาล่วงเลยไปพักหนึ่งเขาจึงได้ยินเสียงคำรามเมื่อฝูงล่ากลับถิ่น


              ได้ยินเสียงฝีเท้ากระโจนสู่ปากถ้ำ ดีแลนกลับรู้สึกอุ่นใจเมื่อเห็นเป็นเงาของจ่าฝูงในความมืด ร่างนั้นเดินตรงเข้ามาแล้วส่งต้นขาของสัตว์ที่น่าจะเป็นกวางมาให้เขา ดีแลนตกใจรีบส่ายหน้า


              “ขอบคุณนะ แต่ เอ่อ ผมไม่กินเนื้อดิบ”


             หัวโตเอียงคอมองคล้ายจะเสียดายแทนที่เขาปฏิเสธ แต่มันก็กระโจนกลับไปด้านล่างและกลับมาพร้อมผลไม้พวงใหญ่ คราวนี้ดีแลนยิ้มรับด้วยความยินดี


                 “ขอบคุณที่ช่วยผมอีกครั้ง” เขาหันไปคุยกับสิงโตตัวผู้ที่นั่งหมอบมองเขากินผลไม้  ดีแลนอยากจะชวนคุยแต่เขาไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกับสิงโต “เอ่อ...ผมจะเรียกคุณยังไงดี งั้นเรียกคุณว่าลีโอก็แล้วกันนะ”


                ยิ้มกับตัวเองเมื่อตั้งชื่อให้สิงโตได้ เหมือนเจ้าตัวจะชอบชื่อที่เขาตั้งเสียด้วย


               “ลีโอ ทุกคนต้องนึกว่าผมตายไปกับรถยนต์ที่ตกเขาลงมาแน่ๆเลย จะมีใครมาช่วยผมไหมนะ พวกเขาจะรู้บ้างไหมว่าผมยังมีชีวิตอยู่ที่นี่ กับคุณ กลางป่าแห่งนี้”


              ดีแลนน้ำตาซึม เขาล้มตัวลงนอนคุดคู้พลางยกหลังมือเช็ดน้ำตา ก่อนจะรู้สึกถึงอุ้งเท้าที่แตะลงบนไหล่ราวกับจะปลอบโยน ชายหนุ่มหลับลงไปพร้อมกับคราบน้ำตาเต็มวงหน้า





มีต่ออีกนิด....

หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 1 [30/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 30-04-2019 21:44:43


ต่อกันตรงนี้....




               นับเวลาวันและคืนผ่านไปเกือบสองสัปดาห์แล้วที่ดีแลนอาศัยอยู่ในถ้ำของสิงโตเจ้าป่า ร่างกายของเขาแข็งแรงขึ้นจนเกือบปกติทุกอย่าง แขนซ้ายไม่รู้สึกเจ็บปวดเหมือนเมื่อแรก เขาเริ่มผูกมิตรกับสิงโตในฝูง จะมีเพียงสิงโตตัวเมียบางตัวที่ยังมองเขาอย่างเขม่น อาจเป็นเพราะลีโอมาคอยป้วนเปี้ยนดูแลเขาจนไม่ได้ข้องเกี่ยวกับสิงโตตัวไหน


                วันนี้ดีแลนตะครั่นตะครอร่างกายตั้งแต่เช้ามืด เขาปวดหัวแทบระเบิด ทั้งหมดเป็นอาการที่เจ้าตัวรู้ดีว่าคืออะไร เขานอนกอดเข่าตัวเองด้วยความเจ็บใจ


                ใช่แล้ว ดีแลนกำลังฮีท!


               มันเป็นอาการของมนุษย์ที่มีพันธุกรรมโอเมก้า


               ในโลกนี้มีมนุษย์อยู่สามกลุ่ม ส่วนใหญ่ของประชากรราวเจ็ดสิบเปอร์เซ็นคือกลุ่มเบต้า พวกคนในกลุ่มนี้คือมนุษย์ปกติ กลุ่มที่สองคืออัลฟ่าที่มีประมาณยี่สิบเปอร์เซ็น กลุ่มอัลฟ่าทั้งชายและหญิงจะมีสมองอันชาญฉลาดและแข็งแกร่งไปด้วยพละกำลัง ส่วนอีกสิบเปอร์เซ็นที่เหลือคือโอเมก้าเช่นเขา ไม่ว่าหญิงและชายก็ต่างตั้งครรภ์ได้ และจะมีช่วงที่เรียกว่าฮีทเพื่อรองรับการผสมพันธุ์ที่มีอัลฟ่าเท่านั้นได้กลิ่นฟีโรโมนจากพวกเขา


                 ในสังคมปัจจุบันไม่มีการกดขี่ข่มเหงเหล่าโอเมก้าเช่นแต่ก่อนแล้ว ทั้งสามกลุ่มใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเช่นปกติ แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีบ้างที่โอเมก้าจะถูกเหยียดหยามและรังแก แต่ไม่ใช่กับดีแลนที่เป็นบุตรชายของนักธุรกิจชั้นนำในสังคม


                  น่าเสียดายที่บิดาและมารดาของดีแลนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินส่วนตัวตกเมื่อสองปีก่อน ชายหนุ่มจึงต้องมารับหน้าที่บริหารงานต่อจากบิดาเต็มตัว ดีที่มีผู้จัดการบริษัทรุ่นใหม่ไฟแรงมาช่วยเหลือเขา ดีแลนก็ตกหลุมรักชายคนนั้นที่ชื่อว่าพอล อาร์มันโด และเมื่อปีที่แล้วเขากับพอลจึงแต่งงานกัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ชายกับชายจะสมรสกันได้


              พอลเป็นเบต้าหนุ่มที่มีความทะเยอทะยานในการทำงาน และเมื่อได้เป็นสามีของผู้บริหารเขาก็ยิ่งหมกมุ่นอยู่แต่กับงานในระยะหลัง จนดีแลนอดที่จะน้อยใจไม่ได้


               “ผมไปทำงาน คุณอย่าวุ่นวายนักได้ไหม ไอ้ที่ทำนี่ก็เงินของคุณ บริษัทของคุณทั้งนั้น”


               พอลต่อว่าเมื่อดีแลนเคยขอให้เขาพักผ่อนบ้าง ดีแลนได้แต่กล้ำกลืนความรู้สึกเหล่านั้นไว้เพราะไม่อยากทำตัวไร้สาระ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังรักพอลอยู่ดี


               ดีแลนประสบอุบัติเหตุมาได้เกือบครึ่งเดือนแล้ว ไม่รู้เลยว่าป่านนี้พอลจะเป็นเช่นไรบ้าง เขาจะตามหาดีแลนหรือไม่ จะคิดถึงเช่นที่เขาคิดถึงหรือเปล่า


                 ชายหนุ่มกัดฟันด้วยความปวดร้าวเมื่ออาการของเขากำลังแสดงออกมากขึ้น โอเมก้าแต่ละคนจะมีอาการฮีทไม่เท่ากัน โชคดีที่เขามีเพียงวันหรือสองวันเท่านั้น หากกินยาต้านอาการฮีทที่นักวิทยาศาสตร์คิดค้น อาการก็จะบรรเทาลงบ้าง แต่เมื่ออยู่กลางป่าอย่างนี้ดีแลนจะไปหายาต้านอาการฮีทได้จากไหนเล่า


                “ไม่นะ อย่าเพิ่งมีอาการตอนนี้”


                 เขาร้องไห้เมื่อความต้องการเอ่อล้นจนต้องลูบไล้บีบเค้นตนเองไปมา ใบไม้ที่เขาเพียรร้อยต่อกันปิดบังจุดสงวนถูกกระชากออกจนเหลือแต่กายร้อนผ่าว ชายหนุ่มกอบกุมจุดซ่อนเร้นตนเองแล้วโยกรั้งด้วยความทรมาน แม้จะปลดปล่อยออกไปบ้างแต่ดีแลนรู้ว่ามันไม่เพียงพอแน่ๆ


               “ฮือ”


               น้ำตาไหลเมื่อความอดทนสิ้นสุดลง เขาใช้นิ้วควานเข้าไปในช่องทางเบื้องล่างเพื่อระบายความต้องการ สีหน้าของเขาบิดเบี้ยวขณะเงยหน้าครางลั่น


               “อะ อ๊า”


                หอบหายใจหนักแต่ก็ยังไม่เพียงพอ เขาดิ้นพราดไปทั่วพื้นของโถงถ้ำ ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงฝีเท้ากระโจนขึ้นมาปรากฏกายเหนือปากถ้ำ


                “ละ ลีโอ”


               เจ้าป่าในนาทีนี้คล้ายจะยิ่งสูงใหญ่กว่าปกติ แผงขนที่คอตั้งชัน จมูกสามเหลี่ยมคล้ายสูดกลิ่นที่ไม่มีผู้ใดรับรู้ ดวงตาสีเหล็กจ้องมองดีแลนด้วยสัญชาตญาณ ชายหนุ่มเบิกตากว้างด้วยความตกใจ


                ลีโอเป็นอัลฟ่า!



                                                            TBC


                                        เรื่องใหม่จ้า ลงเว็บอื่นได้ 5 บท เพิ่งมีเวลามาลงเล้า





                                                    :interest: :interest: :interest: :interest: :interest: :interest: :interest:







หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 1 [30/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 01-05-2019 07:53:16
 :pig4:
รออ่านต่อนะค่ะ
สนุกดีค่ะ
 o13
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 1 [30/04/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Peterpanmama ที่ 01-05-2019 09:20:10
หูยยยย  พระเอกเป็นสิงโต
หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 2 NC18+ [04/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 04-05-2019 22:29:28

                                                                เจ้าป่า

                                                               บทที่ 2



            ลีโอเป็นอัลฟ่าโดยแท้จริง เป็นจ่าฝูงที่เต็มไปด้วยความแข็งแกร่งไม่ว่าใครจะหาญกล้าท้าทายชิงตำแหน่งเขาก็คว้าชัยได้ไม่ยาก สิงโตภายใต้การควบคุมต่างยอมสยบให้แก่เขา ซึ่งไม่ต้องพูดถึงสัตว์ป่าน้อยใหญ่ที่ต่างเกรงกลัวร่างอันงามสง่านี้

            แต่ทว่า บัดนี้ ดวงตาสีเหล็กกำลังลุกโชนด้วยกลิ่นยั่วยวนเร้าจมูก มันไม่ใช่กลิ่นของเหยื่อที่ชวนให้ขย้ำฉีกเป็นชิ้นเพื่อขบเคี้ยวเป็นอาหาร ไม่ใช่กลิ่นของแม่เสือสาวในฝูงที่คอยมาวนเวียนให้เขาผสมพันธุ์ แต่มันเป็นกลิ่นของมนุษย์เพศผู้ที่เขาช่วยชีวิตไว้จากเหล็กกล้าที่ตกลงมาจากเบื้องบน ทำไมเขาต้องช่วยคนคนนี้ไว้ คอยดูแลจนหายจากบาดเจ็บเขาก็ไม่เข้าใจ ความจริงจะกินเสียก็ได้แต่ก็ไม่ใช่วิสัยผู้ล่าเช่นเขา หากปล่อยมนุษย์ผู้นี้ไว้ตอนนั้น ป่านนี้ก็คงจะถูกฝูงสัตว์อื่นในป่ารุมจนขาดใจตายและไม่เหลือแม้แต่กระดูก

               กลิ่นอบอวลเหลือเกิน ยิ่งสูดกลิ่นร่างกายก็ยิ่งเกิดความต้องการกับเจ้าของกลิ่นที่นอนบิดพล่านอยู่บนพื้นถ้ำเย็นเยียบ ดวงตาของมนุษย์ตรงหน้าสับสนปนเปไปด้วยความหวาดกลัวและต้องการตามสัญชาตญาณ


               “ละ ลีโอ ไม่ ต้องไม่ แต่ โอ๊ย ทรมานเหลือเกิน”


                มนุษย์ที่เคยคุยกับเขาแล้วแนะนำชื่อตนเอง พูดให้ได้ยินบ่อยๆว่าดีแลนด้วยภาษามือสลับภาษามนุษย์กำลังร้องไห้ สีหน้าแสดงถึงความทรมานแสนสาหัส นิ้วมือเรียวนั่นกำลังสอดลึกอยู่ในร่องก้นตนเอง นั่นเป็นสิ่งเรียกร้องความสนใจของฝ่ายตรงข้าม และเขาทนไม่ไหวอีกต่อไป


              “ละ ลีโอ จะทำอะไร”


             เขาเลียร่างมนุษย์จนเปียกฉ่ำ ดีแลนครางฮือ ลีโอก็ยิ่งสูดกลิ่นดอมดม ลิ้นใหญ่ตวัดวูบที่ช่องทางเบื้องล่าง เพียงแค่นั้นดีแลนก็สิ้นสุดความอดทน


            “ไม่ไหวแล้ว ลีโอ”


            นิ้วเรียวดึงออกจากรูจีบพับ ดีแลนชันขาโดยอัตโนมัติ ร่างสิงโตสง่างามเงยหน้าส่งเสียงคำรามลั่นสะท้อนไปทั่วโถงถ้ำและดังไปไกลถึงด้านนอก ดีแลนได้ยินเสียงคำรามขานรับจากลูกฝูงตัวอื่น ราวกับรับรู้ว่าบัดนี้เขาจะกลายเป็นสมบัติของจ่าฝูงอย่างแท้จริง


              “ฮือ ลีโอ ช่วยผม ช่วยด้วย”


             ดีแลนเบิกตากว้างเมื่อสิงโตหนุ่มตะกายขาหน้าขึ้น เผยให้เห็นเครื่องเพศขนาดใหญ่ยักษ์ที่อยู่เหนือขาหลัง ตรงโคนของท่อนเนื้อนั้นยังมองเห็นวงแหวนแห่งอัลฟ่าอีกด้วย ลีโอใช้ลิ้นเลียปาดที่รูจีบพับของดีแลนอีกหลายครั้งก่อนที่สิงโตหนุ่มจะดันความแข็งแกร่งนั้นเข้าสู่ช่องทางของเขา


              “อ๊ากกกก”


              ดีแลนร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด รับรู้ถึงการฉีกขาดของทางเข้า ร่างกายเกร็งไปทุกสัดส่วนกับสัญชาตญาณดิบเถื่อน ขาหน้าของลีโอคร่อมอยู่ระหว่างศีรษะ ดีแลนสบตากับดวงตาสีเหล็กที่มองเขาอย่างหื่นกระหาย  ลีโอดันเอวเข้าไปอีกครั้งด้วยความรุนแรงเช่นเดิม และครั้งนี้ท่อนเนื้อใหญ่ยักษ์ก็ผุดเข้าไปเต็มลำ วงแหวนอัลฟ่าที่โคนทำหน้าที่ของมันเพื่อให้อัลฟ่าและโอเมก้านั้นได้ระบายความต้องการได้อย่างเต็มที่ ความเป็นบุรุษเพศแห่งอัลฟ่าจะไม่หลุดจากช่องทางของโอเมก้าจนกว่าจะปลดปล่อยกันจนพอใจ


             “อึก เจ็บ”


              น้ำตาไหลรินแต่ไม่รู้จะต่อว่าสัตว์ป่าได้อย่างไร แต่ถึงจะเจ็บปวดแค่ไหนแต่การที่มีความแข็งแกร่งนี้สอดใส่เข้ามาก็ทำให้ความทรมานบรรเทาได้บ้าง ดีแลนกัดฟันเมื่อลีโอกระแทกกระทั้นเอวเข้าใส่ไม่ยั้งแรง เนื้อตัวของเขาเปียกปอนไปด้วยน้ำลายที่ลีโอเลีย เมื่อปรับตัวได้แล้วดีแลนก็ต้องยอมรับว่าความดิบเถื่อนของสัตว์ป่ากำลังทำให้เขารู้จักรสชาติแปลกใหม่ที่ไม่เคยพบพาน


              ไม่ได้อยากจะเปรียบเทียบกับพอลที่เป็นสามีแต่ก็อดที่จะเปรียบไม่ได้ พอลเป็นเบต้าที่ไม่ได้มีร่างกายพิเศษอยู่แล้วและดีแลนก็กินยาต้านอาการฮีทสม่ำเสมอทุกเดือน ความสัมพันธ์ของพอลกับเขาจึงเป็นไปในลักษณะปกติเหมือนคนทั่วไป ดีแลนไม่เคยมีความสัมพันธ์กับใครที่เป็นอัลฟ่ามาก่อน เขาจึงไม่เคยรู้ว่าเซ็กส์ระหว่างอัลฟ่ากับโอเมก้าจะหฤหรรษ์ขนาดไหน นี่เป็นครั้งแรก และไม่อยากจะเชื่อว่าอัลฟ่าครั้งแรกของดีแลนคือสิงโต!


             “อ๊า เสียว เสียวเหลือเกิน”


               ดีแลนเด้งเอวสู้ ร่างกายของเขาแดงก่ำไปด้วยเลือดลมวิ่งพล่าน มือเรียวคว้าเครื่องเพศตนเองสาวไปมา ไม่ช้าเขาก็ปลดปล่อย ลีโอคำรามดังลั่นเมื่อมันตอดรัดจนเขาเองก็แทบจะทนไม่ไหว ขาหลังของเขาย่อลงเพื่อจะออกแรงให้มากขึ้น จนในที่สุดดีแลนถึงกับอุทานเมื่อรู้สึกถึงความอุ่นร้อนที่ฉีดอัดเข้ามาในช่องทางของเขา


              ดีแลนนอนหายใจรวยริน ร่างของเขายังติดพันอยู่กับลีโอเพราะวงแหวนอัลฟ่ายังไม่คลายออก สิงโตหนุ่มนั่งทับท่อนล่างของเขาขณะที่ดีแลนกำลังร้องไห้


             ใช่ ส่วนหนึ่งของจิตใจเขากำลังรู้สึกผิด ผิดที่บัดนี้ร่างกายของเขาถูกล่วงเกินโดยไม่ใช่สามี แต่ในขณะที่รู้สึกผิด ดีแลนไม่รู้ว่าหากพอลรู้เขาจะเสียใจหรือไม่


            ชายหนุ่มคิดย้อนกลับไปถึงหลายเดือนที่ผ่านมา เมื่อเขาเริ่มรู้สึกผิดสังเกตในการกระทำของสามี ตั้งแต่ลูกพี่ลูกน้องของเขาชื่อแอมเบอร์เรียนจบและขอกลับมาทำงานที่บริษัท หญิงสาวเป็นญาติห่างๆทางฝั่งมารดาที่ชุบเลี้ยงส่งเสียให้เรียนตั้งแต่เด็กด้วยความสงสาร เมื่อเรียนจบดีแลนจึงให้แอมเบอร์มาทำงานในตำแหน่งเลขานุการของพอล ระยะแรกก็ยังไม่เป็นปัญหา แต่เมื่อทั้งคู่ทำงานด้วยกันนานขึ้นดีแลนจึงมองเห็นความสนิทสนมที่ทั้งคู่มีต่อกัน


              “งานนี้ไม่ต้องให้แอมเบอร์ไปก็ได้นี่”


              ดีแลนเคยท้วงครั้งหนึ่งเมื่อพอลให้แอมเบอร์เดินทางไปงานสำคัญงานหนึ่ง พอลถอนหายใจแล้วหันมามองราวกับดีแลนเป็นเด็กเจ้าอารมณ์


              “แอมเบอร์เคยประสานงานกับลูกค้า ถ้าไม่ไปด้วยผมจะทำงานยังไง ถามจริง คิดมากเรื่องผมกับแอมเบอร์เหรอ ไม่มีอะไรหรอกน่า อยู่บ้านก็ฝากดูแลมิเกลด้วยก็แล้วกัน”


                พอลเคยแต่งงานแต่เลิกกับภรรยาเก่าไปแล้ว เขาเป็นพ่อม่ายวัยสามสิบต้นๆที่ต้องดูแลลูกชายวัยเจ็ดขวบหน้าตาน่ารัก ดีแลนรู้อยู่แล้วตั้งแต่รู้จักกับพอลและไม่ได้รังเกียจมิเกลแม้แต่น้อย เพราะเขารู้ดีว่าตนเองกับพอลมีลูกกันไม่ได้ เขาจึงเอ็นดูมิเกลเหมือนเป็นลูกของตนเอง


               “คุณดีแลน”  เด็กน้อยเข้ามาหาเมื่อเห็นเขานั่งซึมอยู่คนเดียว “อย่าร้องไห้นะ เดี๋ยวพ่อก็กลับมา โอ๋”


             ดีแลนยิ้มทั้งน้ำตาพลางกอดร่างป้อมไว้ เขายังไม่ได้บอกพอลว่า พนักงานที่บริษัทส่งรูปแอบถ่ายระหว่างพอลกับแอมเบอร์มาให้ การใกล้ชิดกอดกันนัวเนียภายในห้องทำงานทำให้ดีแลนรู้ว่าพอลโกหก แต่เพราะเขารักพอลมากจนต้องทำเป็นโง่งมไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ของสามีและญาติตัวเอง


              อุบัติเหตุร้ายแรงคราวนี้ เรียกได้ว่าผ่านมาเกือบเดือนแล้ว แต่ก็ยังไร้วี่แววว่าจะมีใครมาตามหาเขา หรืออาจจะมีคนเห็นแค่ซากของรถยนต์ที่ระเบิดแล้วคิดว่าดีแลนเสียชีวิต ดีแลนอยากรู้เหลือเกินว่าพอลจะเสียใจบ้างไหม เขาจะอาลัยอาวรณ์คิดว่าดีแลนยังไม่ตายและส่งคนมาตามหาบ้างหรือไม่


              พอลยังสุขสบายอยู่กับบ้านหลังใหญ่ ในขณะที่เขาต้องนอนกลางดินกินแต่ผลไม้ปะทังชีวิตท่ามกลางฝูงสิงโตที่ล้อมอยู่ทุกทิศทาง และตอนนี้ดีแลนยังต้องพลีกายให้กับสัตว์ป่าที่ช่วยชีวิตเขาไว้ด้วย


              เสียงคำรามดังก้องอีกครั้งปลุกดีแลนจากภวังค์สู่โลกของความเป็นจริง นัยน์ตาสีเหล็กยังคงหื่นกระหายแต่คล้ายมีแววของความห่วงใยฉายออกมาด้วย ดีแลนเพิ่งรู้ตัวว่าร่างกายของเขาเริ่มมีความต้องการและปลดปล่อยฟีโรโมนออกมาอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้ลีโอยังไม่ผลีผลามอาจเพราะรู้ว่าร่างกายของมนุษย์ยังคงบาดเจ็บจากครั้งแรก

             ดีแลนอยากจะยิ้มเยาะโชคชะตาตนเองนัก สิงโตสัตว์ป่ายังเป็นห่วงเขามากกว่าสามี ที่เคยปล่อยให้เขานอนเดียวดายยามป่วยไข้ในบางครั้งเสียอีก มือเรียวได้แต่ยกไปลูบไล้แผงคอนุ่มมือ


            “ไม่เป็นไรลีโอ ผมไม่เป็นไร แต่ตอนนี้ผม เอ่อ อยากอีกแล้ว”


           เม้มปากด้วยความอับอายแต่ดูเหมือนเจ้าป่าจะเข้าใจ ลีโอแลบลิ้นเลียใบหน้าของเขาก่อนจะใช้อุ้งเท้าตวัดเอวให้ร่างโปร่งบางของมนุษย์พลิกกลับกลายเป็นท่าคลานสี่ขา ลิ้นชื้นและร้อนไล่เลียแผ่นหลังจนหนำใจก่อนที่ลีโอจะกระโจนขึ้นใช้ขาหน้าเกาะอยู่บนบ่าของดีแลน เอวหนาของสิงโตหนุ่มยิ่งดันลึกมากไปอีก


              “อ๊า”


            ดีแลนอดร้องออกมาไม่ได้ เครื่องเพศนั้นแทงลึกเข้าไปจนท้องน้อยกระเทือน แขนสองข้างยันพื้นไว้สั่นพั่บๆเมื่อต้องรองรับน้ำหนักที่กำลังโยกคลอนอยู่เบื้องหลัง ชายหนุ่มเงยหน้าครวญครางด้วยความกระสันยิ่งกว่าครั้งแรกเมื่อความเจ็บปวดจางไป เครื่องเพศของอัลฟ่ามันดีเช่นนี้นี่เองโอเมก้าที่เขารู้จักบางคนถึงได้หลงใหล มันยึดติดอยู่ภายในทำให้สอดลึกไม่หลุดออกมาไม่ว่าจะเคลื่อนไหวรุนแรงแค่ไหน


              “ดี ลีโอ ท่านี้ถึงใจจริงๆ”


             อยากจะกรีดร้องเมื่อร่างกายสยิวซ่าน เนื้อตัวแดงก่ำไปหมด ดีแลนถึงกับส่ายสะโพกรับกับแรงของสัตว์ป่าที่โถมทับเข้าหา ลีโอเองก็เงยหน้าส่งเสียงคำรามอย่างสุขสม เขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้กับนางเสือสาวตัวไหนเท่าดีแลนมาก่อนเลย
เนื้อตัวมนุษย์ขาวโพลน ไร้ขนรุงรัง หน้าตาบ่งบอกถึงความกระสันยามเหลียวมองเขา ลีโอโน้มกายใช้ลิ้นลากไล้แถวซอกคอ


               “ซี้ด”


              ดีแลนกัดปากเมื่อร่างกายของเขาจะเข้าสู่ความสุขสมอีกครั้ง เส้นเลือดที่คอเต้นตุบๆ แผงคอของลีโอสัมผัสเนื้อตัวให้ยิ่งรัญจวน เขาเอียงคอให้ลีโอดอมดมโลมเลียก่อนที่สิงโตหนุ่มจะกระทำในสิ่งไม่คาดคิด เมื่อร่างกายของดีแลนเกร็งกายปลดปล่อย ลีโอก็อ้าปากใช้ฟันงับจนเกือบจมเขี้ยวที่ซอกคอ


               “อ๊ากกกก”


            ดีแลนร้องลั่นถ้ำ น้ำลายของอัลฟ่าจากคมเขี้ยวส่งผ่านเส้นเลือดที่คอเข้าสู่ร่างกาย ดีแลนขนลุกขนพองสลับร้อนวาบก่อนกลายเป็นความเสียวซ่าน เขานอนซมฟุบลงไปกับพื้นขณะที่ลีโอที่เพิ่งคลายปากเงยหน้าคำรามแสดงความเป็นเจ้าของร่างกายนี้ ดีแลนหอบหนักพร้อมกับความสับสน


             หากอัลฟ่ากัดคอโอเมก้าขณะสุขสมถึงขีดสุดทั้งคู่ จะมีสารบางอย่างจากน้ำลายของอัลฟ่าเข้าสู่กายของโอเมก้า หลังจากนั้นโอเมก้าที่ถูกกัดคอจะผูกพันกับอัลฟ่าผู้กัด โอเมก้าจะไม่มีความต้องการทางเพศกับผู้ใดทั้งสิ้น ยกเว้นแต่ผู้ที่กัดตนเท่านั้น สิ่งนี้เรียกกันว่า “การผูกพันธะ”


               ดีแลนไม่นึกเลยว่าเขาถูกสิงโตผูกพันธะเข้าให้แล้ว


               ต่อจากนี้ไม่ว่ากับใครเขาจะไม่มีอารมณ์ทางเพศ จะมีกับสิงโตเจ้าป่าที่เขาตั้งชื่อให้ว่าลีโอเท่านั้น
ชายหนุ่มอ่อนระทวยไปทั้งตัวเพราะความเหนื่อยอ่อน พลางครุ่นคิดถึงชะตากรรมที่ต้องตกเป็นเมียของสิงโต โดยมีสามีใช้ลิ้นเลียบาดแผลที่คอให้จนกระทั่งเลือดหยุดไหล


             “ลีโอ ทำอย่างนี้ทำไม”


             สิงโตย่อมพูดไม่ได้ แต่สิ่งที่แสดงออกคือแววตา ลีโอกำลังสื่อสารผ่านดวงตาว่าเขารักดีแลน และนั่นเองที่ทำให้ดีแลนถอนหายใจออกมา


                  ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร แต่ตอนนี้ดีแลนคงหนีลีโอไปไหนไม่ได้แล้ว





มีต่ออีกนิด...



หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 2 NC18+ [04/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 04-05-2019 22:35:39


อ่านต่อตรงนี้...



             ดีแลนไม่มีนาฬิกา เขานับวันเวลาที่ผ่านไปด้วยการใช้ก้อนหินขีดเป็นเส้นตรงที่ผนังถ้ำ หากนับจากวันที่รู้สึกตัวที่นี่ก็ผ่านไปสามเดือนแล้ว ดีแลนปรับตัวอยู่ในป่าด้วยการใช้ใบไม้มาถักปิดบังร่างกาย ดีที่อยู่ในถ้ำทำให้คลายหนาวในตอนกลางคืนได้บ้าง


              เสียดายที่ก่อไฟไม่เป็นจึงย่างเนื้อไม่ได้ ดีแลนกินได้แต่ผลไม้ในขณะที่ต้องนั่งมองสิงโตตัวอื่นในฝูงกินเนื้ออย่างเอร็ดอร่อย สิงโตเชื่องกับเขามากยกเว้นตัวเมียบางตัวที่ดีแลนเดาว่าน่าจะเคยเป็นเมียของลีโอมาก่อน


            “เมื่อไหร่ลินดาจะเลิกมองผมแบบเป็นศัตรูนะ เพราะลีโอเจ้าชู้แน่เลยใช่ไหม”


             ดีแลนตั้งชื่อให้สิงโตในฝูงทุกตัวเพื่อเขาจะได้เรียกถูก ลีโอส่งเสียงคล้ายหัวเราะก่อนจะนั่งใช้แผงคอถูไถออดอ้อน ดีแลนมีเซ็กส์กับลีโอทุกครั้งที่ฮีท เขากลายเป็นเมียของจ่าฝูงโดยสมบูรณ์


            “นี่ ไปกินเนื้ออะไรมา ทำไมตัวเหม็นจัง”


             ดีแลนผลักลีโอออกห่าง เขาคลื่นไส้เวียนหัวมาหลายวันแล้ว และวันนี้เป็นหนักเมื่อได้กลิ่นของลีโอ เขาถึงกับลุกไปอาเจียนก่อนจะนั่งพักอย่างอ่อนเพลีย อาการเหล่านี้ทำให้ดีแลนฉุกคิด เขาหันไปมองเส้นตรงที่ใช้แทนวันเวลาที่ผ่านไป หัวใจของเขากำลังสั่นไหวพร้อมกับมือเรียวที่ลูบแผ่นท้องของตนเอง


             ไม่!


           ไม่เคยมีใครบอกเลยว่าคนกับสิงโตจะมีลูกกันได้!


           ก็เพราะไม่เคยมีใครมีความสัมพันธ์กับสิงโตเหมือนเขาไงล่ะ


          และเพราะสิงโตตัวนั้นเป็นอัลฟ่า ในขณะที่คนเป็นโอเมก้า


            ดีแลนหันไปหาลีโอที่เดินมาคลอเคลียด้วยริมฝีปากสั่นระริก


            “ลีโอ ผมคิดว่าผมท้อง เรา เรากำลังจะมีลูกกัน”



                                                             TBC



                                             ลีโอกับดีแลนเป็นรุ่นพ่อแม่ของพระเอกนะจ๊ะ



                                                   :m13: :m13: :m13: :m13: :m13: :m13: :m13:







หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 2 NC18+ [04/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 04-05-2019 23:17:58
 :katai2-1:   ดีงามจริมๆ
รุ่นพ่อหรือลูกก็จะต้องแซบแน่นอน
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 2 NC18+ [04/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 05-05-2019 00:23:24
 :impress2: จินตนาการผูปต่งล้ำมาก ฟินมาก
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 2 NC18+ [04/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: lovejinjunno ที่ 05-05-2019 11:15:18
ชอบๆ
ความคิดคนแต่งบรรเจิดมากค่ะ
อ่านแล้วอิน 5555
แอบสงสารดีแลน 3 เดือนมานี้
ช่องทางจะชินกับการรุกล้ำหรือยังน้าาา
หลงเสน่ห์ลีโอด้วยคนค่ะ
หัวข้อ: Re: &lt;&lt; เจ้าป่า &gt;&gt; [Omegaverse] บทที่ 2 NC18+ [04/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 05-05-2019 13:25:21
สุดมากกก


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 2 NC18+ [04/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 05-05-2019 15:58:10
กดเข้ามาอ่าน เพราะเห็นเป็น omegaverse แบบชอบแนวนี้อ่ะ..
แต่อ่านๆไป อ้าว สนุกเฉย..
ไรท์รีบมาาา.. :katai4:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 2 NC18+ [04/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 05-05-2019 17:02:46
ดีงาม ตามกันต่อ ..
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 2 NC18+ [04/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 06-05-2019 12:57:46
น่าหนุกๆ แต่ก็สงสารน้องดีแลน
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 2 NC18+ [04/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 07-05-2019 14:38:15
กรี๊ดดดดด เจ้าป่ามาในเล้าด้วย ดีใจ ฮือออ  :z2:
หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 3 NCเบาๆ [08/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 08-05-2019 00:01:26



                                                               เจ้าป่า

                                                              บทที่ 3



             ประโยคที่เอ่ยมานั้นอาจจะยากเกินไปในการสื่อสารกับสัตว์ป่า เพราะลีโอเอียงคอมองด้วยความฉงน ดีแลนถอนหายใจก่อนจะคว้าอุ้งเท้าหน้าของลีโอมาวางบนหน้าท้องของเขาแล้วพูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจัง


            “ลูก ลูกของผมกับลีโอ ลูกของเรา”


           อุ้งเท้าสัมผัสหน้าท้อง ดวงตาสีเหล็กส่องประกายตื่นเต้น ลีโอเดินวนไปวนมาเป็นวงกลมหางที่มีปลายเป็นพู่สีน้ำตาลยกชัน เขาวิ่งไปที่ปากถ้ำแล้วส่งเสียงคำรามดังไกลหลายไมล์ก่อนจะมีเสียงคำรามของลูกฝูงตอบกลับมา ดีแลนเดาว่าลีโอคงแจ้งข่าวนี้แก่สิงโตใต้การปกครอง


              สิงโตเจ้าป่าวิ่งกลับมาวนเวียนรอบเมียมนุษย์ของเขา  ลีโอคร่อมขาอยู่บนร่างของดีแลนแล้วใช้ลิ้นเลียใบหน้าแสดงความดีใจ ดีแลนถึงกับหัวเราะด้วยความจั๊กจี้


             “เบาๆลีโอ อะไรจะดีใจขนาดนั้นนะ”


             ลีโอหยุดเลีย เขานั่งหมอบอยู่ข้างกายของดีแลนและใช้ขาหน้าวางพาดกลางลำตัวของดีแลน ความห่วงใยฉายชัดออกมาจากนัยน์ตาแสนซื่อไร้เล่ห์เหลี่ยม ดีแลนขมวดคิ้วนิ่งคิดถึงลูกในครรภ์


            ลูกของเขาจะมีสภาพออกมาเช่นไรกันเล่า ในเมื่อมีต้นกำเนิดที่ผิดเผ่าพันธุ์เช่นนี้ การผสมพันธุ์ระหว่างสิงโตกับมนุษย์อาจให้กำเนิดทารกแปลกประหลาดที่สุดในโลก เมื่อคิดไปถึงอนาคตแล้วว่าหากให้กำเนิดบุตรออกมา ดีแลนไม่กล้าที่จะพาลูกออกไปสู่สังคมเป็นแน่ ลูกของเขาคงกลายเป็นตัวประหลาดท่ามกลางสายตาของผู้คน แค่คิดเขาก็สงสารลูกเหลือเกิน


             เสียงคำรามเบาๆของลีโอเรียกสติดีแลนคืนมาได้ ก่อนจะคิดถึงอนาคตในวันข้างหน้า เขาควรคิดถึงการดำรงชีวิตในป่าท่ามกลางฝูงสิงโตหลายสิบตัวเหล่านี้ดีกว่า


           “ไม่คิดมากก็ได้ลีโอ ไม่ต้องมองแบบนั้นน่า”



            ยกมือลูบไล้แผงคอนุ่มมือแล้วฝืนยิ้มเพื่อให้ลีโอสบายใจ สิงโตหนุ่มใช้จมูกชื้นดอมดมหยอกล้อราวกับจะปลอบประโลมให้เมียมนุษย์คลายกังวล ใครว่าสัตว์ป่าดุร้ายไม่มีหัวใจ ดีแลนอยากจะเถียงหัวชนฝา ตัดไปแค่เรื่องการสื่อสารด้วยวาจาที่เหลือลีโอและฝูงสิงโตดูแลเขายิ่งกว่าไข่ในหิน แทบจะไม่ต้องกลัวอะไรในป่านี้ เพราะคงไม่มีสัตว์อื่นกล้าฝ่าอันตรายเข้ามาในถิ่นสิงโตเป็นแน่


             “นี่ เลียแบบนี้อยากอ้อนเอาอะไร”


            มองสบตาลีโออย่างรู้ทัน ยิ่งมองแบบนี้ลีโอก็ยิ่งได้ใจ เขาแลบลิ้นเลียใบหน้าของดีแลนโดยเฉพาะปากกระจับสีแดงเรื่อก่อนจะตวัดลิ้นของดีแลนไปมาจนน้ำลายชุ่มโชก ดีแลนถึงกับตัวสั่น


             “ลีโอ วันนี้ผมไม่ได้ฮีท ฮื้อ แต่ว่า...”


           ดีแลนได้กลิ่นสาบอัลฟ่าจากเนื้อกายของสิงโต ขนขาและแผงคอยาวสัมผัสไปกับเนื้อตัวที่แทบจะเปลือยเปล่ามีเพียงใบไม้ถักทอปิดของสงวนท่อนล่าง หางยาวลดระดับต่ำลงมาถูไถอยู่ตรงระหว่างขาของดีแลนบอกความต้องการของเจ้าป่าได้เป็นอย่างดี


             มนุษย์เพียงผู้เดียวในป่ากว้างอยากจะหัวเราะเยาะเย้ยชะตากรรม แม้ไม่ได้ฮีทแต่ร่างกายของเขากลับมีปฏิกิริยาต่อการกระตุ้นของสิงโตที่ผูกพันธะกันแล้วได้โดยง่าย ความต้องการของดีแลนถูกจุดขึ้นด้วยลิ้นใหญ่ชื้นที่โลมเลียไปทั่วลำตัว ลีโอกัดกระชากใบไม้ที่พันท่อนล่างออกด้วยความรำคาญ จุดอ่อนไหวของดีแลนที่ปรากฏตัวก็ยังไม่วายถูกลีโอใช้ลิ้นเลียปลุกเร้า


               “ลีโอ อื้อ จะทำอะไรก็ทำเถอะ”


               เจ้าป่าใช้หัวดันเอวของดีแลนจนท่อนขายกสูงเผยให้เห็นรูจีบพับกึ่งกลาง เขาแลบลิ้นเลียปาดซ้ายขวาอย่างกระหาย ทุกครั้งที่ลิ้นสากสัมผัสดีแลนก็จะผวาด้วยความกระสัน เขาผงกหัวมองเห็นเครื่องเพศใหญ่ยักษ์ของสิงโตกำลังพองกายแข็งขัน


               “แต่วันนี้เบาๆหน่อยนะ ผมไม่ได้ฮีท”


               เอ่ยปากเตือนเสียงกระเส่า ไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือเปล่า ลีโอคำรามต่ำอีกครั้งก่อนจะดันท่อนล่างเข้ามาอย่างใจเย็น


              “อึก..”


               ดีแลนครวญคราง  ไม่อยากเชื่อว่าจะได้พบความนุ่มนวลจากสัตว์ป่า แม้ท่อนเนื้อนั่นจะใหญ่โตก็จริงแต่เพราะน้ำลายที่ลีโอเพิ่มความชุ่มชื้นไว้ และเขาก็ไม่ได้ดึงดันเอาแต่ใจ ดีแลนถึงกับยกเอวลอยคว้างเพื่อให้ลีโอได้สอดลึกเข้ามาเต็มลำ


              “ดี ดีมากลีโอ”


              กล่าวชมพลางยกแขนกอดรัดลำตัวใต้แผงคอนุ่ม ร่างโปร่งบางของมนุษย์สะเทือนไปทุกครั้งที่ลีโอขยับกาย ความคับแน่นภายในเสียดสีร้อนระอุจนดีแลนส่งเสียงออกมาลั่นโถงถ้ำอย่างไม่นึกอายอีกแล้ว


             “สุดยอดลีโอ”


             สองขามนุษย์เกี่ยวกระหวัดไปรอบลำตัวท่อนล่างของสัตว์สี่ขาที่กำลังโถมแรงใส่เขา ไม่หนักหนาเหมือนยามเวลาฮีท แรงนั้นพอเหมาะพอดีที่จะสร้างความกระสันรัญจวนจนดีแลนเกร็งไปทั้งตัว


             “อีกนิดเดียวลีโอ โอ้...”


              ลีโอคำรามลั่นเมื่อช่องทางมนุษย์บีบรัดเครื่องเพศของเขา เจ้าป่าตะกุยขาหน้าขึ้นฟ้าแสดงภาวการณ์สุขสม เขาระเบิดแรงใส่ช่องทางของดีแลนที่ยังหอบหายใจหนัก ลิ้นสากเลียที่แก้มของดีแลนแสดงความขอบคุณ


          มาถึงวินาทีนี้ดีแลนยอมรับแล้วว่าเขากลายเป็นสมบัติของลีโอโดยสมบูรณ์ ความแข็งแกร่งของเจ้าป่าสร้างความสุขสมให้เขาแม้จะอยู่ในช่วงปกติ มือเรียวของมนุษย์ลูบไล้แผงขนที่คอและมองด้วยสายตาหลงใหล ดีแลนตัดสินใจแล้วไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ลูกของเขากับลีโอจะออกมาในสภาพใดเขาก็ไม่คิดจะทิ้งลีโอไปที่ไหนทั้งสิ้น อยู่ในป่าแม้ลำบากกาย แต่กลับมีลีโอที่มีความรักแสนบริสุทธิ์กับเขา


             “สิงโตหื่น”


              ดีแลนหัวเราะ เขานิ่วหน้าเมื่อดีแลนถอนความแข็งขันกลับไป เดชะบุญที่วงแหวนอัลฟ่าไม่ได้ทำงานจึงไม่เจ็บปวดมากนัก เมื่อผ่านศึกหนักจนเศษหญ้าแห้งที่นำมาปูแทนที่นอนกระจัดกระจายดีแลนก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที


              “หิว”


              ขยับกายไปยังกองผลไม้ที่วางอยู่มุมหนึ่งของถ้ำแล้วหยิบเข้าปาก ดีแลนถึงกับขย้อนทิ้ง


             “แหวะ ทำไมไม่อร่อยเลย”


             ดีแลนนิ่งงันด้วยความแปลกใจ มันเป็นผลไม้ที่เขากินปะทังชีวิตอยู่ทุกมื้อ แต่วันนี้มันกลับมีรสชาติที่ไม่น่าอภิรมย์เลย แถมเสียงกระเพาะร้องโครกครากยิ่งทำให้ดีแลนหงุดหงิด


              “หิว ลีโอ ทำไมผลไม้วันนี้รสชาติแย่มาก”


           ลีโอเอียงคอมองเมียมนุษย์ สีหน้าของดีแลนแสดงความไม่สบอารมณ์ออกมา สิงโตหนุ่มตรงเข้าไปคลอเคลียแต่ดีแลนไม่อยากเล่นด้วยในตอนนี้


             “ลีโอ อย่าเพิ่งเล่นตอนนี้ ผมหิวจนหน้ามืดแล้ว”


             เจ้าป่าหมอบหัวลงเล็กน้อย ในใจของเขาได้แต่แปลกใจตนเองว่าทำไมเจ้าป่าเช่นเขาต้องยอมให้มนุษย์คนนี้ด้วย แต่สุดท้ายลีโอก็กระโจนออกไปนอกถ้ำและหายไปพักใหญ่ก่อนจะกลับมาพร้อมลูกฝูงที่แต่ละตัวคาบผลไม้หลากหลายชนิดมาให้


             “โอ๊ย ไม่กินผลไม้ ไม่อยากกิน”


              ดีแลนยังคงหงุดหงิดพลุ่งพล่าน จนกระทั่งสิงโตตัวเมียที่เขาตั้งชื่อว่าเทียร์คาบน่องของกวางป่ามาให้ กลิ่นคาวเลือดยังคลุ้งอยู่ หากเป็นก่อนหน้านี้ดีแลนคงยกมือปิดจมูกและปฏิเสธ แต่ตอนนี้เขากลับน้ำลายสอ


              “เทียร์ ขอมันให้ผม”


             เทียร์ก้าวเข้ามาส่งเนื้อน่องกวางให้ดีแลนรับไป ดีแลนมองคราบเลือดแล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะกัดมันเข้าปากแล้วเคี้ยวหยาบๆกลืนลงคอ เขารับรสหวานของเลือดด้วยความแปลกใจ แต่ตอนนี้ความหิวทำให้ดีแลนไม่มีเวลาหาคำตอบ เขากินเนื้อน่องกวางป่าจนแทบไม่เหลือติดกระดูก


              “เฮ้อ อิ่มจัง”


             มาถึงตอนนี้ดีแลนเพิ่งจะมีเวลาสังเกตว่าเขาตกเป็นเป้าสายตาของสิงโตหลายตัวที่มองมาทางเขา รวมถึงลีโอสามี
ของเขาด้วย ดีแลนยิ้มเจื่อน


              “อย่ามองแบบนี้สิ ผมก็แปลกใจเหมือนกันที่อยากกินเนื้อดิบๆแบบนี้ สงสัยคงเป็นเพราะเจ้าตัวเล็กในท้องแน่เลย”


             ยกมือเรียวลูบท้องอย่างทะนุถนอม ลีโอหันไปออกคำสั่งลูกฝูงให้กลับลงไปเบื้องล่าง เขาเดินตรงเข้ามาแล้วใช้ลิ้นเลียทำความสะอาดคราบเลือดรอบปากให้ดีแลน


             “ลีโอ ขอบคุณนะที่ดีกับผม”


             ดีแลนโอบกอดไปรอบลำตัวของสิงโตเจ้าป่า เขาซุกไซ้ใบหน้าเข้ากับแผงขนที่คออย่างไม่นึกหวาดกลัวอีกแล้ว


               “ต่อจากนี้ผมจะอยู่กับคุณ เราจะให้กำเนิดลูกที่เกิดมาจากสองเผ่าพันธุ์แล้วเลี้ยงเขาไม่ว่าจะมีสภาพร่างกายอย่างไรก็ตาม ดีไหมลีโอ”


                 โอใช้ลิ้นตวัดเลียใบหน้าของดีแลนแทนคำตอบ เขารู้แล้วว่าทำไมต้องยอมทำทุกอย่างให้มนุษย์ผู้นี้ คำตอบมีเพียงอย่างเดียวคือเขารักดีแลนนั่นเอง









               ครรภ์ของดีแลนใหญ่ขึ้นตามระยะเวลาที่ผ่านเข้าเดือนที่เจ็ด ลูกในท้องดิ้นถี่ขึ้นจนเขาต้องยกมือลูบบ่อยๆ


             “อย่าดิ้นแรงสิลูก แม่เจ็บ”


             ดีแลนย้ายลงมาพำนักที่ผืนดินเบื้องล่างที่เขาเคยนอนพักเมื่อครั้งบาดเจ็บ เพราะปีนป่ายขึ้นไปนอนบนถ้ำด้านบนไม่ไหวแล้ว คราวนี้เขาใช้เศษใบไม้และหญ้าแห้งปูจนไม่กระด้างแผ่นหลังยามล้มตัวลงนอน เมื่อดวงอาทิตย์ฉายแสงลีโอจะมานอนเคียงไม่ยอมห่าง เว้นแต่ช่วงราตรีที่ฝูงสิงโตออกล่า ก็จะมีสิงโตตัวเมียคอยอยู่เป็นเพื่อนเขา แต่วันนี้ดีแลนสังหรณ์ใจแปลกๆเมื่อสิงโตตัวเมียชื่อลินดาเดินมาด้อมๆมองๆในความมืด


               “มีอะไรหรือเปล่าลินดา”


              ดีแลนฝืนยิ้ม ลินดามักจะมองเขาอย่างไม่เป็นมิตรนัก และแทบทุกครั้งที่เขามีความสัมพันธ์กับลีโอ ดีแลนมักจะได้ยินเสียงคำรามของลินดาดังแว่วมาตลอด บางทีเขาก็เห็นลินดาที่ชอบมายืนใกล้ลีโอใช้จมูกหยอกล้อ แต่ลีโอก็มักจะลุกขึ้นมาไล่ตะเพิดกลับไปเสียทุกครั้ง ถ้าหากลินดาเป็นคน ดีแลนอยากจะเดาว่าพฤติกรรมเหล่านี้คืออาการหึงหวง


                ชายหนุ่มชักหวั่นใจเมื่อได้ยินเสียงขู่ฟอดจากลินดา ในเวลานี้แค่เคลื่อนไหวยังลำบากเพราะท้องที่ใหญ่ขึ้น ยิ่งยามที่สิงโตสาวเดินก้าวเข้ามาดีแลนก็ยิ่งกลัว ลินดามองเขาด้วยสายตาอาฆาตแค้น


               “ลินดา อย่าเข้ามา ผมทำอะไรให้คุณโกรธเกลียดหรือ”


              ลินดาคำรามเสียงดังจนสิงโตตัวเมียทั้งหลายพากันลุกมายืนมอง ลินดาส่งเสียงคำรามใส่ทุกตัวจนพากันหดหัว จะมีก็แต่เทียร์ที่กล้าหาญพุ่งมาเผชิญหน้าป้องกันดีแลนไว้ ทั้งคู่ส่งเสียงขู่ดูเชิงกันครู่หนึ่ง ก่อนเหตุการณ์ไม่คาดฝันจะเกิดขึ้น


             ลินดาและเทียร์พุ่งเข้าหากัน ทั้งคู่ต่อสู้กันอย่างไม่มีตัวไหนยอมอ่อนข้อ ตัวอื่นๆ ได้แต่ล้อมวงมองการต่อสู้นั้นอย่างตื่นเต้น พักหนึ่งเทียร์เริ่มเสียเปรียบ ดีแลนรู้แล้วว่าทำไมสิงโตตัวอื่นถึงไม่มีใครกล้ายุ่งกับลินดา เพราะความเก่งกล้าเกินตัวเมียตัวอื่นนั่นเอง


              “เทียร์!”


              ดีแลนตะโกนด้วยความเป็นห่วงเมื่อเทียร์ถูกกัดที่หลังคอจนจมเขี้ยว เทียร์ร้องลั่นเมื่อลินดาใช้แรงกดลงจนร่างของหล่อนล้มแนบพื้นเลือดไหลเจิ่งนอง เมื่อกำราบเทียร์ลงได้ลินดาก็หันขวับมายังดีแลน เขาสะดุ้งเมื่อลินดาพุ่งตรงเข้ามางับข้อมือของเขา


            “ลินดาอย่านะ”


            มีหรือที่ลินดาจะฟัง หล่อนคงหาโอกาสดีๆอย่างนี้มานานแล้ว สิงโตสาวร่างกำยำกระชากแขนของดีแลนแล้วออกตัววิ่งไปนอกถิ่น ลากดีแลนที่ท้องแก่ไปกับพื้น ร่างมนุษย์กระแทกกับต้นไม้บ้าง ถูกก้อนหินบนพื้นบาดบ้าง ดีแลนเจ็บจนร้องไห้ เขาได้แต่ใช้มืออีกข้างประคองปกป้องลูกในครรภ์ไว้


              “ลีโอ ช่วยด้วย”


            เค้นแรงตะโกนเรียกสามี แทบไม่มีความหวังเมื่อลินดายังลากเขาไกลไปจากถิ่นมากขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางความมืดมองเห็นเพียงเงาตะคุ่มและเสียงสัตว์ตัวน้อยที่พากันหลบเลี่ยงสัตว์ใหญ่อย่างลินดา ในที่สุดลินดาก็หยุดนิ่ง ดีแลนเหลียวมองรอบตัว เขาตกใจเมื่อเห็นว่าลินดาลากเขามาถึงปากเหวลึกแห่งหนึ่ง


               “ลินดา ขอร้องเถอะ ผมเดาว่าคุณกับลีโอต้องเคยมีอะไรกัน แต่ผมไม่ได้ตั้งใจนะ ผมแค่รักเขา”


             ดีแลนร้องไห้ ร่างกายมีแต่บาดแผล ซ้ำลูกในท้องยังดิ้นแรงจนปวดหนึบ เขาได้แต่อ้อนวอนขอสัตว์ป่าให้ปรานีโดยไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือไม่ หัวใจของดีแลนหายวาบเมื่อลินดาลากแขนของเขาไปที่ปากเหวพลันออกแรงเหวี่ยงจนดีแลนเสียหลัก ดีที่ชายหนุ่มคว้าชะง่อนหินไว้ได้ ร่างของดีแลนลอยอยู่กลางอากาศ หัวใจของเขามีแต่ความหวาดกลัว


              ทันใดนั้นเสียงคำรามคุ้นหูก็พลันดังขึ้น หัวใจของเขาเต้นรัวด้วยความดีใจ ดีแลนได้ยินเสียงต่อสู้ของลีโอและลินดา ไม่กี่นาทีต่อจากนั้นลินดาก็ร้องลั่นเพราะได้รับบาดเจ็บ เจ้าป่าไม่ยอมออมมือให้หล่อนที่ทำให้ลูกและเมียได้รับบาดเจ็บ การมุ่งร้ายของลินดาทำให้ลีโอกราดเกรี้ยว


              ลีโอขู่คำรามเสียงดังน่าหวาดหวั่น ลินดาที่บาดเจ็บอยู่ส่งเสียงคำรามตัดพ้อก่อนที่หล่อนจะพาตัวเองจากไปอย่างยากลำบาก ลีโอไม่สนใจอีก เขากระโจนมาที่ชะง่อนผาใช้อุ้งมือและเล็บจิกแขนของดีแลนขึ้นมาได้ ดีแลนกลัวจนตัวสั่นแม้จะปลอดภัยแล้ว เขาผวาเข้ากอดสามีพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น


              “ลีโอ ขอบคุณนะที่มาทันช่วยผมไว้ ไม่งั้นผมกับลูกคงตกเหวตายแน่”


            ลีโอส่งเสียงขานรับ เขาใช้ลิ้นเลียตามร่างกายด้วยความห่วงใย ดีแลนมีแต่รอยแผลแทบทั้งตัว แม้แต่หน้าท้องโป่งนูน ตอนนั้นเองที่ดีแลนนิ่วหน้ากะทันหัน


              “โอ๊ย”


              ท้องของเขาบีบรัด ลูกในครรภ์ดิ้นรนเต็มที่ ดีแลนหน้าซีดเมื่อเวลาที่หวาดกลัวมาถึง เขาครุ่นคิดมาหลายวันแล้วว่าจะคลอดอย่างไร ถึงแม้จะเป็นโอเมก้าที่ท้องได้ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้ชายที่ไม่มีช่องคลอด


             “ลีโอ ผมปวดท้อง ลูกจะออกมาแล้ว ผมคลอดเองไม่ได้”


             พูดด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า เจ็บปวดก็ส่วนหนึ่ง หวาดกลัวก็ส่วนหนึ่ง ลีโอหันรีหันขวางก่อนจะใช้ปากงับให้ดีแลนขึ้นมานั่งอยู่บนหลังของเขา เจ้าป่าส่งเสียงคำรามลั่นอีกครั้งแล้วจึงวิ่งทะยานอย่างรวดเร็ว





มีต่ออีกนิด...




หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 3 NCเบาๆ [08/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 08-05-2019 00:10:37


ต่อกันตรงนี้....



              แสงไฟจากบ้านไม้ส่องแสงวับแวมเห็นได้จากระยะไกล เจ้าของบ้านเป็นสามีภรรยาวัยกลางคน สามีเป็นชายร่างท้วมหน้าตาท่าทางใจดี


              “โทนี่ รายการที่คุณชอบมาแล้วค่ะ”


              ฟลอเรียผู้เป็นภรรยาเรียกให้สามีที่นั่งอ่านนิตยสารอยู่มาชมรายการทางโทรทัศน์ด้วยกัน ทั้งคู่อยู่กันสองคนในบ้านไม้ใกล้ฟาร์มปศุสัตว์


                “วันนี้ไปทำคลอดวัวที่บ้านของมิสเตอร์แจ็คเกิลมา เกือบตาย ลูกวัวหันผิดทาง”


               สามีเล่าเหตุการณ์ที่พบในวันนี้ให้ภรรยาฟัง เขาเป็นสัตวแพทย์เพียงคนเดียวของหมู่บ้านที่ห่างไกลผู้คน หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านสุดท้ายก่อนเข้าเขตวนอุทยาน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำไร่เลี้ยงสัตว์


               พูดคุยกันอีกพักใหญ่หูของโทนี่พลันได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง เขาเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ


               “ฟลอเรีย ปิดเสียงโทรทัศน์ก่อน”


              บอกภรรยาให้ทำตามจนไม่มีเสียงรบกวน ทั้งคู่สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงคำรามราวกับกำเนิดของเสียงอยู่หน้าประตูรั้วบ้านนี่เอง โทนี่เดินไปคว้าปืนยาวที่วางอยู่บนหลังตู้แล้วตรงไปที่ประตูบ้าน เขาง้างไกปืนค่อยๆย่องไปที่ประตูรั้ว ดวงตาของเขาเบิกกว้างกับภาพที่เห็น


               มนุษย์ผู้ชายคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บทั่วตัวกับครรภ์ใหญ่ใกล้คลอด และสิงโตขนาดมหึมานอนหมอบอยู่ข้างๆด้วยสายตาเป็นกังวล


             “คุณ นี่คุณเป็นใคร แล้วสิงโตตัวนี้?”


             ดีแลนเงยหน้ามองด้วยลมหายใจรวยริน เขาปวดท้องเหลือเกิน


             “ช่วยผมด้วย ผมเป็นโอเมก้าและตอนนี้ผมจะคลอดลูกแล้ว”


             โทนี่มีสีหน้าลำบากใจ


            “ผมจะช่วยยังไง ผมเป็นสัตวแพทย์ ไม่เคยทำคลอดคน”


             สภาพของคนตรงหน้าน่าสังเวชใจนัก ซ้ำสิงโตตัวใหญ่ก็ส่งเสียงคำรามใส่เขาแม้จะไม่มีท่าทีปองร้าย


            “ช่วยผมเถอะ ผมไม่ไหวแล้ว ปวดท้องเหลือเกิน สิงโตตัวนี้จะไม่ทำร้ายคุณ ผมรับรองได้”


             “เกิดอะไรขึ้นคะโทนี่”


              เสียงฟลอเรียตะโกนมาจากหน้าบ้าน โทนี่ทนไม่ไหวจึงตะโกนเรียกภรรยาให้เดินตามมา ฟลอเรียร้องลั่นเมื่อเห็นสิงโตตัวใหญ่


          “กรี๊ด สิงโต”


           “อย่าเพิ่งตกใจฟลอเรีย ตั้งสติก่อน แล้วดูนี่”


            โทนี่ชี้ให้เห็นดีแลนที่นอนอยู่บนพื้น


            “เราต้องช่วยเขา เขากำลังจะคลอดลูก”


             “แต่โทนี่คะ เราไม่เคยทำคลอดคนนะ”


             ฟลอเรียอุทานเสียงหลง สามีถอนหายใจ


             “ก็กำลังจะเคยไงล่ะ คนก็เป็นสัตว์อย่างหนึ่ง เคยทำคลอดให้ม้าวัวควายยังทำได้ คนก็ต้องทำได้ เร็วมาช่วยกันพาพ่อหนุ่มคนนี้เข้าบ้านก่อน ส่วนแก เอ่อ เธอ”


            รังสีบางอย่างเตือนโทนี่ว่าเขาควรจะให้เกียรติสิงโตตัวนี้


            “หลบเข้าไปในป่าก่อนเถอะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะตกใจกลายเป็นเรื่องใหญ่เปล่าๆ ฉันจะดูแลพ่อหนุ่มคนนี้เอง”


             ดีแลนพยักหน้าให้ลีโอทำตามนั้น ลีโอเลียใบหน้าของดีแลนด้วยความเป็นห่วงก่อนจะตัดใจวิ่งกลับเข้าป่า โทนี่กับฟลอเรียจึงเข้าไปประคองร่างบอบช้ำขึ้นมาจากพื้นดิน


              ดีแลนน้ำตาไหล เขาตั้งความหวังว่าอีกไม่นานจะได้เห็นหน้าลูกน้อยของเขาที่กำลังจะถือกำเนิดมาบนโลกใบนี้




                                                              TBC



                                                  พระเอกเราจะมาแล้วววว





                                         :mew3: :mew3: :mew3: :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:







หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 3 NCเบาๆ [08/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 08-05-2019 11:44:13
มาลุ้นลูกเจ้าป่า ด้วยกัน
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 3 NCเบาๆ [08/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 08-05-2019 12:53:50
ยังไงก้อดี เมะอ่อนกว่าคือนิพพาน
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 3 NCเบาๆ [08/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 09-05-2019 09:02:12
ตื่นเต้นง่าาาา..  :mc4:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 3 NCเบาๆ [08/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 09-05-2019 21:31:32
แซ่บบบบ
หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 4 [15/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 15-05-2019 22:09:12



                                                             เจ้าป่า

                                                             บทที่ 4



                สีหน้าของสัตวแพทย์บ่งบอกถึงความยุ่งยากใจ เขาเหลือบมองไปยังชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงผ่าตัดเล็กๆ โดยมีฟลอเรียให้การดูแลอยู่ หน้าท้องที่ลดระดับต่ำและแข็งตึงแสดงให้รู้ว่าทารกในครรภ์ต้องการจะออกมาดำรงชีวิตภายนอกแล้ว โทนี่ตัดสินใจใช้โทรศัพท์บ้านโทรทางไกลไปหาเพื่อนของเขาที่เป็นนายแพทย์อยู่ที่โรงพยาบาลในเมือง


               “คาร์ล นี่โทนี่นะ มีเรื่องรบกวน” เขาไม่อารัมภบทใดๆทั้งสิ้น เมื่อเพื่อนรับสายโทนี่ก็รีบตอบกลับทันที “ในหมู่บ้านมีโอเมก้าชายจะคลอดลูก คุณก็รู้ว่าที่นี่มันห่างจากตัวเมืองมาก ผมจำเป็นต้องทำคลอดให้เขา แต่ผมไม่เคยทำคลอดให้คนเลย แนะนำวิธีให้ผมหน่อยได้ไหม ด่วนๆตอนนี้เลย”


              เมื่อฟังคำแนะนำของเพื่อนสักพักโทนี่จึงวางสายและเดินมาหาชายหนุ่มแปลกหน้า ฟลอเรียเคยเป็นพยาบาลมาก่อนแต่งงานกับโทนี่ เธอจึงแทงน้ำเกลือที่ข้อมือให้ดีแลนเรียบร้อยแล้ว


              “พ่อหนุ่มคนนี้ชื่อดีแลนค่ะคุณ”


              โทนี่พยักหน้ารับ เขาถอนหายใจก่อนกล่าวกับดีแลนที่มองเขาด้วยสายตาเปี่ยมความหวัง


              “ฟังนะดีแลน ผมเป็นสัตวแพทย์ เคยผ่าตัดแต่สัตว์ไม่เคยผ่าตัดให้คน ผมจะพยายามช่วยชีวิตคุณและลูกให้ดีที่สุด”


             ดีแลนฝืนยิ้ม แค่นี้ก็ดีนักหนาแล้วในสถานการณ์เช่นนี้


            “ไม่ต้องห่วงครับคุณหมอ ขอให้ลูกรอดผมก็ดีใจแล้ว”


            โทนี่พยักหน้า มองมนุษย์โอเมก้าร่างผอมบางที่นอนอยู่บนเตียงสำหรับผ่าตัดสัตว์ด้วยสายตาปรานี เขาชั่งน้ำหนักและบอกให้ฟลอเรียวางยาสลบให้เหมาะสมกับน้ำหนักตัว เมื่อลมหายใจภายใต้หน้ากากออกซิเจนสม่ำเสมอ โทนี่จึงหยิบมีดผ่าตัดขึ้นมา


             “ฟลอเรีย เราต้องช่วยเขาให้ได้นะ”


              ภรรยายิ้มให้กำลังใจ โทนี่จรดมีดผ่าตัดลงที่ใต้ท้องน้อย  เขากรีดมีดลงไปโดยมีฟลอเรียช่วยใช้ตัวจี้ไฟฟ้าช่วยหยุดเลือด ไม่นานโทนี่ก็พบถุงน้ำคร่ำที่หล่อเลี้ยงทารกในครรภ์ เขากรีดคมมีดลงไปจนน้ำคร่ำล้นทะลัก โทนี่รีบวางมีดแล้วใช้มือล้วงเข้าไปอุ้มทารกออกมาทันที


           เมื่อทารกในครรภ์ออกมาสู่โลกภายนอก โทนี่กับฟลอเรียได้แต่อ้าปากค้างเมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาของทารกที่โทนี่อุ้มอยู่









               อาการอ่อนเพลียยังคงมีอยู่เมื่อดีแลนลืมตาขึ้นมา เมื่อสติสัมปชัญญะกลับคืนเขาก็รีบผงกศีรษะมองท้องตนเอง นิ่วหน้าเมื่อความเจ็บปวดมาเยือนพร้อมกับท้องที่แฟบลงไป ชายหนุ่มได้แต่เหลียวหาด้วยความวิตกถึงลูกของเขา
เสียงประตูเปิดเรียกความสนใจให้หันไปมอง โทนี่นั่นเองที่เดินเข้ามาในห้องผ่าตัด


             “ฟื้นแล้วหรือ เป็นยังไงบ้างปวดแผลหรือเปล่า”


              “ลูก ลูกของผมล่ะครับคุณหมอ”


             รีบเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง โทนี่ตบบ่าเขาเบาๆ


           “ปลอดภัย แข็งแรงดี ฟลอเรียให้กินนมอยู่ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ”


           ดีแลนมองโทนี่ด้วยความซาบซึ้ง น้ำตาคลออยู่ในหน่วยตาเมื่อรู้ว่าลูกของเขาปลอดภัย


           “ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยผม”


            “ไม่เป็นไรหรอก แต่เราต้องมาคุยกันหน่อยนะพ่อหนุ่ม”


            โทนี่ยกเก้าอี้มานั่งข้างเตียง สีหน้าของเขาจริงจังขึ้น


              “คุณต้องเล่าให้ผมฟังว่าคุณเป็นใคร มาจากไหน ทำไมมาอยู่ในป่าและมาสนิทกับสิงโตได้ คุณไว้ใจผมได้ ปกติผมก็คุยแต่กับสัตว์ที่ผมรักษากับเมียเท่านั้นแหละ”


             ดีแลนพยักหน้า เขาถอนหายใจก่อนเล่าให้โทนี่ฟัง


            “ผมอยู่เขตนอร์ทอีสต์ กำลังจะเดินทางลงใต้ ขับรถผ่านถนนบนเขาด้านบนโน้น อยู่ๆเบรกรถยนต์ไม่ทำงานก็เลยร่วงจากถนนมาที่ป่าด้านล่าง รถยนต์ระเบิดจนคนขับรถตาย ผมเองก็บาดเจ็บสาหัส และได้ลีโอ เอ่อ สิงโตตัวที่คุณเห็นช่วยไว้ เขาพาผมไปที่ถิ่นที่อยู่ของเขาและดูแล คุณคงรู้อยู่แล้วว่าผมเป็นโอเมก้า ผมไม่ได้กินยาต้านอาการฮีท วันหนึ่งผมเกิดอาการและ เอ่อ ผมกับลีโอ...”


              ดีแลนก้มหน้างุดด้วยความกระดากปากที่จะเล่าต่อ แต่โทนี่ก็เข้าใจได้


            “ใครจะนึกว่าคนกับสิงโตจะมีลูกด้วยกัน”


              เมื่อโทนี่เอ่ยปากเช่นนี้ดีแลนจึงเอะใจ เขาพยายามยันกายขึ้นมาทั้งที่ยังเจ็บแผลผ่าตัดอยู่


             “หมอ ลูกของผมล่ะครับ ผมอยากเห็นลูก”


             ชายวัยกลางคนลุกขึ้นยืน เขาส่งเสียงเรียกภรรยาให้พาทารกน้อยเข้ามา หัวใจของดีแลนเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นเมื่อฟลอเรียอุ้มลูกของเขาเข้ามาในห้อง สีหน้าของฟลอเรียทำให้ดีแลนยิ่งกังวล


             “ส่งลูกให้ผมเถอะครับ ผมทำใจไว้นานแล้ว”


             สาวใหญ่ถอนหายใจก่อนจะส่งทารกที่ถูกห่อด้วยผ้าขนหนูผืนใหญ่ให้ดีแลน เขารีบรับร่างจ้อยมาอย่างเก้ๆกังๆ ดีแลนสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะถอดผ้าขนหนูออก เผยให้เห็นลูกของเขาเต็มสองตา


              ทั้งห้องเงียบสงัดเมื่อดีแลนมองเห็นลูกผสมระหว่างคนกับสิงโต ลูกของเขาเป็นเพศชายมีร่างกายเป็นมนุษย์ แต่ทว่ามีหูและหางเช่นเดียวกับสิงโต รอบใบหน้ามีขนยาวกว่ามนุษย์ทั่วไปท่าทางแข็งแรง แขนขาจ้อยป่ายไปมาคล้ายเรียกร้องหาความอบอุ่น ดีแลนรีบห่อผ้าขนหนูกลับคืนแล้วอุ้มลูกสู่อ้อมอก ขอบตาของเขารื้นไปด้วยหยาดน้ำ ทั้งตื้นตันและสงสารไปพร้อมกัน


               “โธ่ ลูกแม่”


             แม้จะทำใจไว้แล้วแต่เมื่อให้กำเนิดบุตรมาจริงๆดีแลนก็อดสงสารลูกไม่ได้ ทั้งโทนี่และฟลอเรียได้แต่สบตากันด้วยความสงสาร สาวใหญ่รีบสร้างบรรยากาศคลายความเศร้าหมอง


              “ไหนๆเด็กก็เกิดมาแล้ว ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีนะ เธอตั้งชื่อให้ลูกสิดีแลน”


              ดีแลนได้สติ เขารีบกลั้นน้ำตา จะมามัวอ่อนแอเช่นนี้ไม่ได้ เขาต้องเข้มแข็งเพื่อลูกของเขา ชายหนุ่มก้มหน้ามองทารกที่หน้าตาคล้ายเขากับลีโอ


               “แม่ตั้งชื่อให้พ่อของลูกว่าลีโอ ถ้าอย่างนั้นแม่ขอตั้งชื่อลูกว่า เลออง ต่อจากนี้ลูกคือ เลออง ไพรส์ลีย์”


              “ชื่อเหมาะดีนะ เลออง”


              โทนี่กับฟลอเรียชอบชื่อนี้ ดีแลนเงยหน้ามองผู้มีพระคุณทั้งสอง


              “ถ้าไม่รบกวนคุณหมอกับคุณฟลอเรีย ผมอยากให้ทั้งคู่เป็นพ่อและแม่ทูนหัวของเลอองได้ไหมครับ”


            “โธ่เอ๋ยดีแลน ได้สิ ไม่ใช่ปัญหาเลย มามะเลออง มาให้แม่ทูนหัวอุ้มหน่อยสิลูก แม่ดีแลนของลูกจะได้ไม่เจ็บแผล”


             ดีแลนส่งเลอองให้ฟลอเรียอุ้ม ทันใดนั้นทุกคนก็สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงคำรามอยู่หน้าประตูรั้ว


             “เสียงลีโอน่ะครับ เขาคงเป็นห่วงผมกับลูก เอ่อ ถ้าไม่รบกวนคุณหมอ ผมขอให้ลีโอเข้ามาหาลูกได้ไหมครับ รับรองว่าเขาจะไม่ทำร้ายใครเด็ดขาด”


                ดีที่ยังเป็นเวลาเช้าตรู่แสงอาทิตย์ยังไม่ขึ้น จึงไม่มีชาวบ้านคนอื่นเห็นสิงโตตัวใหญ่มาด้อมๆมองๆหน้าบ้านสัตวแพทย์ โทนี่พยายามทำใจกล้าเดินไปเปิดประตูรั้วให้สิงโตก้าวเข้ามา เจ้าป่าไม่มีท่าทีดุร้ายหากแต่มีสายตาแสดงความขอบคุณขณะมองเจ้าของบ้าน สัตว์ป่าสี่ขาเดินตามมนุษย์เข้ามาในห้อง เมื่อเห็นดีแลนลีโอก็ส่งเสียงคำรามเบาๆพลางเดินตรงเข้ามาใช้ลิ้นเลียใบหน้าด้วยความเป็นห่วง


               “ผมไม่เป็นอะไรแล้วลีโอ”


               ดีแลนกอดรอบคอของสามี เขารอดตายมาหลายครั้งก็เพราะลีโอ


              “นั่นลูกของเรา”


              ลีโอหันขวับไปหาฟลอเรียจนเจ้าหล่อนสะดุ้ง สาวใหญ่ยิ้มแหยพลางยื่นทารกให้บิดามองเห็น ลีโอเบิกตากว้างพลางใช้ลิ้นเลียลูกของเขา หางสะบัดแกว่งไกวด้วยความยินดี


                “ดีแลนต้องพักฟื้นอีกสักพักจนกว่าร่างกายจะแข็งแรง” โทนี่พูดภาษาคน แต่เขาเชื่อว่าเจ้าป่าฟังรู้เรื่อง “ให้เขาพักที่นี่ก่อนพร้อมทั้งลูกนะ”


                สิงโตเข้าใจความหมาย เจ้าป่าก้มหัวลงแสดงความขอบคุณที่ช่วยชีวิตเมียและลูก ลีโอหันไปเลียหน้าของดีแลนก่อนจะรีบก้าวออกไปจากบ้านเมื่อดวงอาทิตย์ใกล้จะโผล่พ้นขอบฟ้า


             “เราต้องมาวางแผนเรื่องเลออง” โทนี่กล่าวอย่างเป็นงานเป็นการ “คิดจะพาลูกกลับบ้านไหมดีแลน”


             ดีแลนเม้มปาก เรื่องนี้เขาตัดสินใจมานานแล้ว


             “ผมไม่กล้าพาเขาออกไปโลกภายนอกหรอกครับ หากใครเห็นรูปร่างหน้าตาของเขาจะต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ ผมคงต้องเลี้ยงเขาในป่านี่แหละ”


               โทนี่พยักหน้ารับ เขาเข้าใจดีแลนเรื่องนี้


              “แต่จะอยู่ในป่าลึกก็คงไม่เหมาะกับการเลี้ยงดูเด็ก เอาอย่างนี้นะ ผมจะจ้างชาวบ้านสร้างกระท่อมเล็กๆไว้ตรงชายขอบป่าให้คุณอาศัยอยู่ จะบอกคนอื่นว่าเป็นที่พักเก็บสมุนไพรและของป่าของผม ผมกับฟลอเรียจะได้ไปหาคุณง่ายๆ ส่วนเจ้าสิงโต เอ่อ ลีโอ จะได้มาหาคุณโดยไม่ต้องเข้ามาในหมู่บ้านให้เอิกเกริกด้วย”


               ดีแลนแทบจะกระโดดกอดผู้มีพระคุณของเขา โชคดีเหลือเกินที่ได้มาพบสองสามีภรรยาที่แสนใจดี


               “ผมจะหาเสบียงไปส่งคุณนานๆครั้ง ถ้าคุณอยากได้อะไรก็บอก อ้อ มีอีกเรื่องที่สำคัญ”


              โทนี่เน้นย้ำเรื่องนี้เป็นพิเศษ


             “คุณเป็นโอเมก้า เรื่องฮีทน่ะต้องเกิดขึ้นแน่ แต่คุณไม่ควรปล่อยให้มีลูกกับสิงโตอีก ผมจะซื้อยาคุมกำเนิดให้คุณ ส่วนยาต้านอาการฮีทน่ะผมจนใจจริงๆ ราคามันแพงมากจนผมไม่มีปัญญาจ่าย”


              ดีแลนยิ้มรับความช่วยเหลือนั้น


             “โธ่ แค่นี้ก็เป็นพระคุณแล้วครับ หายดีเมื่อไหร่ ผมจะหาเงินมาเลี้ยงลูกด้วยการวาดรูปแล้วฝากคุณหมอไปขาย มันเป็นสิ่งเดียวที่ผมทำได้ ผมจะไม่รบกวนคุณหมอมากไปกว่านี้อีกแล้ว”


               เขามองไปที่ลูกน้อยในอ้อมกอดของฟลอเรีย นัยน์ตาของดีแลนมีความหวัง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาจะเลี้ยงเลออง ไพรส์ลีย์ให้ดีที่สุดเท่าที่แม่โอเมก้าอย่างเขาจะทำได้





มีต่ออีกนิด....



หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 4 [15/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 15-05-2019 22:17:38


ต่อกันตรงนี้...



                 15 ปี ผ่านไป





               ร่างโปร่งในชุดเสื้อผ้าสีเรียบก้าวเดินลงบันไดมาจากชั้นสองของตัวบ้านตรงไปยังห้องอาหารที่สาวใช้ต้มน้ำร้อนชงกาแฟไว้ให้แล้ว มิเกล อาร์มันโดวางหนังสือหลายเล่มที่หอบมาลงบนโต๊ะแล้วรินกาแฟจากเหยือกใส่แก้ว เขาจิบกาแฟพร้อมกับอ่านหนังสือในมือไปพลางอย่างไม่รีบร้อนนัก

            ไม่นานหลังจากนั้นชายหนุ่มได้ยินเสียงเจรจาของชายหญิงคู่หนึ่งดังแว่วเข้าหู ก่อนที่เจ้าของเสียงทั้งคู่จะปรากฏตัวที่ห้องอาหารเช่นกัน มิเกลวางแก้วกาแฟลงแล้วเงยหน้าขึ้นทัก


            “อรุณสวัสดิ์ครับพ่อ”


            ทักทายแต่ผู้เป็นบิดา แต่สาวใหญ่ที่เดินเคียงข้างมาด้วยมิเกลไม่ได้เอ่ยทัก แทบไม่ได้ปรายตาด้วยซ้ำจนอีกฝ่ายลอบสะบัดหน้าค้อนด้วยความหมั่นไส้


             “อยู่บ้านหลังเดียวกันแท้ๆ พูดจากันบ้างก็ได้นะมิเกล อย่าทำตัวหยิ่งยะโสให้มากนัก”


             ชายหนุ่มชะงักกึก ตอนนี้เองที่เขายอมมองผู้หญิงที่นั่งเคียงข้างกับบิดาของเขา


            “ไม่ได้หยิ่งเลยครับ แค่ไม่รู้จะพูดอะไรกับคุณ คุณเองก็ไม่น่าจะมีอะไรที่คุยกับผมได้นะครับคุณแอมเบอร์”


             เจ้าของชื่อแอมเบอร์ชักสีหน้าใส่ หล่อนเกลียดลูกติดของพอล อาร์มันโดเหลือเกิน


            “นี่แหละที่เรียกว่าหยิ่ง คอน่ะเชิดเข้าไปสิ โธ่ ทำตัวเหมือนเป็นผู้ดี”


            “หยุดกันทั้งคู่นั่นแหละ จะทะเลาะกันทำไมนะ”


             ชายที่อายุล่วงเข้าสี่สิบกลางๆขัดขึ้นอย่างรำคาญ เหตุการณ์กระทบกระทั่งระหว่างมิเกลกับแอมเบอร์เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด พอลรู้ดีว่าลูกชายของเขานั้นไม่ชอบหน้าแอมเบอร์ภรรยาคนปัจจุบัน เพราะมิเกลนั้นรักและเทิดทูนดีแลน ไพรส์ลีย์ภรรยาเก่าของเขามาโดยตลอด แม้ว่าอีกฝ่ายจะหายสาบสูญไปจากเหตุการณ์รถยนต์ตกเขาเมื่อสิบกว่าปีก่อนแล้วก็ตาม


            “ก็ดูลูกคุณสิคะพอล” แอมเบอร์ถลึงตาใส่ชายหนุ่ม “ไม่เคยเคารพฉันเลยทั้งที่ฉันเป็นเมียคุณ เป็นแม่เลี้ยงแท้ๆ ทีสมัยยังอยู่กับดีแลน ทำไมรักกันนักหนาก็ไม่รู้ ทั้งที่นั่นก็ไม่ใช่แม่แท้ๆเหมือนกัน”


            มิเกลเหยียดยิ้ม เขาไม่ชอบที่แอมเบอร์ยกตัวเองตีเสมอดีแลน


             “ทำไมน่ะหรือ ก็เพราะคุณดีแลนเขาแสนดีทั้งกายและใจน่ะสิ ผมถึงได้รักเขา”


            “เอ๊ะ พูดแบบนี้ด่าฉันว่าเลวใช่ไหม”


            แอมเบอร์ส่งเสียงเอะอะจนพอลโบกมือไล่บุตรชาย


             “มิเกล พอได้แล้ว จะไปมหาวิทยาลัยก็รีบไป”


             ไม่ต้องเอ่ยปากให้มากกว่านี้มิเกลก็ไม่อยากอยู่ต่อหรอก เขารีบคว้ากองหนังสือก้าวลิ่วไปยังรถยนต์กลางเก่ากลางใหม่ของเขาแล้วขับตรงไปยังมหาวิทยาลัย ตอนนี้เขาอายุยี่สิบสองปี เรียนชั้นปีสุดท้ายในคณะพฤกษศาสตร์ เหลืองานวิจัยอีกไม่กี่ชิ้นก็จะจบในชั้นอุดมศึกษาแล้ว และเพราะเลือกเรียนด้านพฤกษศาสตร์ ทำให้บิดาไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งตั้งแต่เมื่อเขาเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ๆ


                “เรียนไปทำไมวะ ไอ้ต้นไม้เนี่ย บอกให้เรียนบริหารธุรกิจแล้วจะได้จบมาทำงานที่บริษัทของเรา”


              จำได้ว่าตอนนั้นเขาได้แต่แค่นยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดของพ่อ


              “มันไม่ใช่บริษัทของเรา พ่อลืมไปแล้วหรือว่าทั้งหมดเป็นของคุณดีแลน ไม่ใช่ของพ่อ”


             “ทำไม กูเป็นผัวมันแล้วทำไมสมบัติจะไม่ใช่ของกู อีกอย่างแม่งก็ตายไปตั้งหลายปีแล้ว มึงจะเอาเงินฝังดินให้ปลวกขึ้นหรือไง”


             “พ่อรู้ได้ไงว่าคุณดีแลนตาย เห็นศพเขาเหรอ”


             “ทำไมจะไม่ตาย ตำรวจเขาถ่ายรูปซากรถระเบิดมาให้ดูขนาดนั้น  คิดว่าแม่เลี้ยงโอเมก้าของแกมันจะรอดมาได้หรือยังไง”


               “แต่ก็ไม่มีใครเห็นซากศพอีกศพที่ไม่ใช่คนขับรถ คุณดีแลนอาจจะหลงทางอยู่ในป่าก็ได้ พ่อใจดำมากที่ไม่ส่งใครไปตามหา แถมยังแจ้งศาลให้คุณดีแลนกลายเป็นบุคคลสาบสูญแล้วตั้งตัวเองเป็นผู้จัดการมรดก แถมยังเอาญาติคุณดีแลนมาเป็นเมียใหม่อีก”


              มิเกลถูกบิดาตบหน้าด้วยความโมโห เยื่อใยของเขากับคนเป็นพ่อน้อยลงไปเรื่อยๆ จนเรียกได้ว่าแทบจะนับครั้งได้ที่ได้สนทนากัน เรียนจบเมื่อไหร่มิเกลจะย้ายออกจากบ้านไปหางานทำไกลๆ ไม่ต้องพบเจอเลยยิ่งดี


             อารมณ์ดีขึ้นมาบ้างเมื่อมาถึงมหาวิทยาลัย คณะพฤกษศาสตร์ของเขามีนักศึกษาอยู่ไม่มากเท่าคณะอื่นเพราะไม่ค่อยมีใครสนใจเรียนด้านนี้ มิเกลยิ้มทักทายเพื่อนนักศึกษาชั้นปีเดียวกันเมื่อก้าวเข้าไปในห้องปฏิบัติการ


              “ว่าไงหนุ่มน้อยโอเมก้า”


            เคน เพื่อนสนิทกล่าวทัก มิเกลไม่ได้ปิดบังว่าเขาเป็นโอเมก้าเพราะรูปร่างหน้าตาก็ฟ้องอยู่แล้ว ชายหนุ่มรูปร่างสะโอดสะองกว่าบุรุษคนอื่น หน้าตาก็ออกไปทางหวานงดงามตามสายพันธุ์ มิเกลเองก็แปลกใจที่เขาเป็นโอเมก้าเพราะเท่าที่รู้ทั้งพ่อและแม่แท้ๆก็ไม่มีใครที่เป็นสายพันธุ์นี้ แต่หมอที่เขาเคยไปหาสมัยร่างกายเปลี่ยนแปลงใหม่ๆบอกว่าก็อาจเป็นไปได้ที่จะนับพันธุกรรมไปลึกกว่านี้ โชคดีที่ในยุคปัจจุบัน การแบ่งชนชั้นและถูกรังแกแทบจะไม่หลงเหลืออยู่แล้ว ทุกคนอยู่ร่วมกันได้ แต่ก็อาจจะมีบางคนที่ยังเหยียดสายพันธุ์อยู่บ้างแต่มิเกลก็ไม่ได้ใส่ใจ


             “เลิกเรียนเย็นนี้ไปดื่มกันไหม”


               มิเกลเป็นฝ่ายเอ่ยชวน เคนหัวเราะลั่น


             “โอ้โห คุณหนูมิเกลเอ่ยชวนแบบนี้ ทะเลาะกับพ่อมาอีกแน่ๆ ไปได้นะ แต่ต้องแวะไปรับรูปให้แด๊ดก่อน”


              “รูปอะไรวะ”


             มิเกลเอ่ยถามไม่จริงจังนักขณะเริ่มมุ่งความสนใจไปที่หลอดทดลองเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพันธุ์ไม้ของเขา


            “รูปวาดของจิตรกรลึกลับ มีชื่อเสียงมาได้ราวๆสิบปีแล้ว แด๊ดบอกว่าวาดสวยมาก รูปราคาโคตรแพง พวกที่ชอบสะสมเขาแย่งกันซื้อ แต่ไม่มีใครเคยเห็นหรือรู้จักคนวาด เขาจะขายรูปผ่านนายหน้ามาเท่านั้น”


              มิเกลพยักหน้าอือออไปเรื่อยเมื่อเพื่อนเล่าให้ฟัง เขาเลิกสนใจจนกระทั่งตอนเย็นเมื่อเลิกเรียนแล้ว เคนนั่งรถของเขาไปยังแกลลอรี่แห่งหนึ่ง รอจนเคนไปรับภาพวาดสีน้ำใส่กรอบเรียบร้อยมาจนถึงรถ


              “รู้ราคาแล้วแม่งตกใจ ขอดูหน่อยเหอะวะ ว่าสวยแค่ไหน แม่เจ้าโว้ย งามแท้”


             มิเกลหันไปตามเสียงอุทานของเพื่อน และเมื่อเห็นสีน้ำที่ระบายสดสวยนั้นเขาก็ต้องชะงัก ดวงตาเรียวหวานเบิกกว้างและกลายเป็นฝ่ายคว้าภาพวาดนั้นมาถือเสียเอง เขาจ้องแทบทุกลายตวัดของพู่กันเมื่อรู้สึกว่ามันคุ้นตาเหลือเกิน ชายหนุ่มจ้องมองไปที่มุมล่างของภาพวาดที่มีลายเซ็นกำกับไว้ ลายมือนั้นก็ยิ่งคุ้นตา


             “ลีโอน่า คนวาดรูปนี้ใช้ชื่อว่าลีโอน่าอย่างนั้นหรือ”


              มิเกลนึกถึงวัยเด็กที่มีมือเรียวของใครคนหนึ่งสอนให้เขาวาดรูปด้วยดินสอง่ายๆ และบางทีก็หันไปวาดรูปของตนเอง ลายเส้นทุกลายทำไมเขาจะจำไม่ได้


            ลีลาของการตวัดพู่กันในภาพนี้ช่างเหมือนฝีมือวาดรูปของดีแลน ไพรส์ลี่ย์ไม่มีผิดเพี้ยน!




                                                                     TBC


                                             เลอองถือกำเนิดแล้ว อีกไม่นานคงได้พบกับมิเกล ^^



                                             :m18: :m18: :m18: :m18: :m18: :m18: :m18: :m18: :m18:





หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 4 [15/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 15-05-2019 22:39:34
เขียนสนุก เดินเรื่องเร็ว ไม่น่าเบื่อ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 4 [15/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 15-05-2019 22:40:25
หูย รอน้องมิเกลเจอกับเลอองจ้า น่ารัก
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 4 [15/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Rhapsody-PT ที่ 16-05-2019 10:04:14
มาไวๆนะ อย่าหายไป สนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: &lt;&lt; เจ้าป่า &gt;&gt; [Omegaverse] บทที่ 4 [15/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Teafong ที่ 16-05-2019 12:58:59
เป็นนิยายที่ปูเรื่องมานานมากกว่าจะเข้าสู่พระ-นาย แต่เราไม่เบื่อเลยชอบมากกกก  หวังว่าตอนเลอองเจอมิเกล จะไม่แก้แค้นแทนแม่แบบจำเลยรักสไตล์หรอกนะ55555

Sent from my JKM-LX2 using Tapatalk

หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 4 [15/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Kanni ที่ 16-05-2019 14:17:15
เดินเรื่องน่าอ่านมาก มาเร็วๆ น้าาา
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 4 [15/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 16-05-2019 20:29:10
ชอบๆๆ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 4 [15/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 18-05-2019 06:23:54
เป็นเรื่องที่แปลกใหม่สำหรับเรา แต่อ่านแล้วน่ารักและใส่ใจดีค่ะ

ดีแลนมีฐานะ แต่เป็นคนดี พอลเป็นเบต้าที่ทะเยอทะยาน
ตอนแรกคิดว่า พอลทำให้ดีแลนเป็นแบบนี้ด้วยซ้ำไป
และตอนนี้คิดเพิ่มว่า อาจเป็นคนใหม่ที่ทำให้ดีแลนเกิดเหตุ

ดีแลนโชคดีที่เจอลีโอช่วยไว้ ดูแลดีมากเวอร์ และเข้าใจที่ดีแลนสื่อ
เป็นพ่อแม่ลูกโตแล้ว แล้วตอนนี้เลอองใช้ชีวิตยังไงนะ
ผ่านมาก็ตั้ง 15 ปี พูดคุยได้ไหม ทำอะไรได้บ้าง อยากเจอแล้วค่ะ

ชะตาทำให้มิเกลจะมาเจอดีแลน เพราะรูปวาดนี้
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 4 [15/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 18-05-2019 14:32:18
รีบมานะคะ ไรท์.. อยากอ่านต่อแล้ววว..
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 4 [15/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 19-05-2019 12:13:02
มิเกลจะเป็นเนื้อคู่เลอองใช่ปะ   :hao3:
หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 5 NCเบาๆ [19/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 19-05-2019 19:32:29



                                                              เจ้าป่า

                                                             บทที่ 5



            “เคน เราไปถามคนขายกันเถอะ ว่าเขาได้รูปนี้มาจากไหน”


           “เฮ้ย มิเกล เดี๋ยวสิวะ”


            พูดจบมิเกลก็วิ่งกลับเข้าไปในแกลลอรี่รวมทั้งหอบหิ้วกรอบรูปที่ด้านในมีลายเส้นคุ้นตาเข้าไปด้วย ส่วนเคนได้แต่วิ่งตามไปด้วยความสงสัย มิเกลนำภาพนั้นไปวางไว้บนโต๊ะของชายสูงวัยคนหนึ่งที่นั่งอยู่เพียงคนเดียวและเอ่ยถามทันที


            “ขอโทษนะครับ ผมอยากรู้ว่าจิตรกรคนนี้เขาชื่ออะไรและอยู่ที่ไหน”


            “ผมตอบไม่ได้หรอกพ่อหนุ่ม ผมเป็นแค่คนดูแลแกลลอรี่เท่านั้น และไม่มีใครรู้ว่าคนวาดรูปเป็นใครนอกจากชื่อในวงการว่าลีโอน่า”


            คำตอบของชายชราทำให้มิเกลใจเสีย แต่เขาก็ยังไม่ละความพยายาม


            “ได้โปรดเถิดครับ ผมจำฝีมือการวาดแบบนี้ได้ ช่างเหมือนคนสำคัญของผมเหลือเกิน ได้โปรดบอกผมเถอะ”


            “โธ่ ลุง เพื่อนผมมันอ้อนวอนขนาดนี้แล้ว ลุงก็ช่วยบอกมันไปเถอะน่า จะลึกลับอะไรขนาดนั้นกันนะ”


            “ไม่ได้”


             ไม่ใช่เสียงของผู้สูงวัยที่มีสีหน้าลำบากใจ หากแต่เป็นอีกเสียงที่ดังมาจากห้องอีกห้องหนึ่งที่อยู่ถัดไป เจ้าของเสียงเป็นบุรุษอายุราวๆสามสิบปี เขาเดินเข้าสู่วงสนทนาด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก เมื่อเดินมาถึงชายสูงอายุก็รีบลุกขึ้นยืนพลางค้อมศีรษะให้ก่อนเดินแยกจากไป


              “ผมชื่อไทเลอร์ ฮิวจ์ เป็นเจ้าของแกลลอรี่ที่นี่”


             เสียงแนะนำตัวยังห้วนจนเคนไม่ค่อยพอใจนัก เขาดึงแขนมิเกลมากระซิบข้างหู


             “มิเกล กลับกันเหอะ เจ้าของแม่งหน้าอย่างโหด เขาไม่ตอบเราหรอก”


            มิเกลใจเสียแต่เขาอยากจะลองอีกครั้งหนึ่ง ชายหนุ่มส่งสายตาอ้อนวอนกลับไป


             “ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณไทเลอร์ ผมชื่อมิเกล อาร์มันโด ขอโทษที่ทำให้คุณไม่พอใจแต่ว่าเทคนิคการวาดรูปแบบนี้ทำให้ผมคิดถึงแม่เลี้ยงของผมที่เกิดอุบัติเหตุรถตกเขาเมื่อสิบกว่าปีก่อนและเขาหายสาบสูญไป เมื่อผมเห็นแล้วผมจึงสงสัยว่าเป็นแม่เลี้ยงของผม หากคุณทราบว่าจิตรกรผู้นี้เป็นใครช่วยบอกผมด้วยเถิดครับ”


            เหตุผลของมิเกลทำให้สีหน้าของไทเลอร์คลายขุ่นข้องลงไปบ้าง แต่กระนั้นคำตอบของเขาก็ไม่ได้ทำให้มิเกลใจชื้นขึ้นมาเลย


             “ต่อให้เหตุผลของคุณดีแค่ไหนผมก็คงช่วยคุณไม่ได้ เพราะผมเองก็แค่รับฝากงานมาขายเท่านั้น โดยมีนายหน้ามาส่งงานหลายทอดอยู่ จนไม่อาจรู้ได้ว่าแท้จริงแล้วจิตรกรคนนี้อาศัยอยู่ที่ไหน”


             สีหน้าของมิเกลหมองลง ความหวังที่เพิ่งถูกจุดขึ้นมาพลันดับลงไปในชั่วพริบตา ไทเลอร์มองเห็นแล้วจึงเอ่ยขึ้นมา


             “อาจจะช่วยไม่ได้มากนัก แต่มีข้อมูลเดียวเท่านั้นว่าภาพทั้งหลายของจิตกรที่ใช้ชื่อว่าลีโอน่ามาจากเขตเวสต์ทาวน์  ผมคงช่วยคุณได้แค่นี้”


             มิเกลฝืนยิ้ม อย่างน้อยก็ยังได้เบาะแสมาบ้าง


            “ขอบคุณนะครับ เคน กลับกันเถอะ”


              ไทเลอร์ ฮิวจ์มองตามหลังชายหนุ่มทั้งสองที่ยกกรอบรูปกลับไปที่รถด้านนอก เมื่อเห็นว่ารถยนต์คันนั้นขับออกไปจากหน้าแกลลอรี่ เขาก็เดินไปที่โทรศัพท์ของออฟฟิศแล้วโทรหาปลายทาง


              “สวัสดีครับคุณอาโทนี่” เขาทักทายเมื่ออีกฝั่งรับโทรศัพท์ “มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งมาถามหาเจ้าของภาพวาดที่คุณอาฝากผมขาย เขาอ้างว่าเทคนิคการวาดของลีโอน่าเหมือนแม่เลี้ยงของเขาที่เกิดอุบัติเหตุรถตกเขาเมื่อสิบกว่าปีก่อน ครับ ไม่เป็นไร ยินดีครับ”


              ไทเลอร์โทรไปหาโทนี่ คนที่ฝากเขาขายรูปเหล่านี้ ศิลปินที่ใช้นามว่าลีโอน่ามีผลงานไม่มากนัก ตกปีละสองถึงสามชิ้นเท่านั้น ระยะแรกที่ชื่อเสียงยังไม่โด่งดังราคาขายก็ยังไม่แพงนัก แต่เมื่อเริ่มมีชื่อเสียงในช่วงหลังมูลค่าของผลงานจึงเริ่มแพงมากขึ้น แม้แต่ไทเลอร์เองที่เป็นทั้งจิตรกรและเจ้าของแกลลอรี่ก็ยังไม่เคยมีใครเคยเห็นศิลปินลึกลับแม้แต่คนเดียว








                มิเกล อาร์มันโดกลับถึงบ้านแล้ว แต่เขาก็ยังไม่เลิกครุ่นคิดถึงจิตรกรนามว่าลีโอน่า ข้อมูลเพียงอย่างเดียวว่าภาพวาดของเขามาจากเวสต์ทาวน์ทำให้มิเกลกลับมามีความหวังอีกครั้ง แต่การครุ่นคิดของเขากลับหยุดลงเมื่อกำลังจะเดินผ่านห้องของบิดากับภรรยาคนใหม่ ประตูที่ปิดไม่สนิททำให้บทสนทนาเล็ดลอดออกมา มิเกลจะไม่สนใจเลยถ้าในบทสนทนาไม่ได้มีเขาอยู่ด้วย มิเกลจึงหยุดยืนอยู่หน้าห้อง เงี่ยหูฟังสิ่งที่บุคคลภายในห้องกำลังพูดคุยกันอยู่


              “ฉันบอกคุณแล้วว่าอย่าเพิ่งขยายขนาดโรงงานคุณก็ไม่เชื่อ เป็นไงล่ะทุ่มเงินลงทุนไปมันจะได้กลับมาไหม”


             เสียงแอมเบอร์ตวาดใส่สามี มิเกลเดาได้ว่าหล่อนต้องเท้าเอวเชิดหน้าขณะพูดแน่นอน


             “ก็ใครมันจะไปรู้เล่าว่ารัฐบาลมันจะห่วยแตกจนนักลงทุนหนีไปหมด”


             พอล อาร์มันโดบิดาของมิเกลส่งเสียงดังโต้กลับ เครียดอยู่ไม่น้อยเพราะพิษเศรษฐกิจที่กำลังผันผวนจนเงินที่ลงทุนไปแล้วอาจจะไม่ได้รับกลับคืน เมื่อเจอเสียงแข็งของพอล แอมเบอร์ก็ต้องยอมอ่อนข้อ


            “นี่ คุณ ฉันรู้มาว่ารัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์คนนี้เป็นอัลฟ่านะ คุณลองส่งมิเกลไปทำความรู้จักกับท่านสิ”


             พอลชะงัก เขามองแอมเบอร์อย่างรู้ทัน


             “เธอจะให้ฉันส่งลูกไปให้ไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์นั่นเหรอแอมเบอร์ นี่มันขายลูกกินชัดๆ”


            แอมเบอร์ชักสีหน้าส่งเสียงกระฟัดกระเฟียด


              “แล้วจะเก็บมันเอาไว้บูชาเหรอ วันๆทำแต่อะไรก็ไม่รู้ เพาะเนื้อเยื่อต้นไม้ไร้สาระ แทนที่จะมาช่วยกันทำงานให้เงินมันงอกเงย อีกอย่างนะ ฉันก็ไม่ได้จะให้คุณขายลูกกินสักหน่อย แค่พาไปแนะนำให้รู้จักกับท่านรัฐมนตรีไว้ แต่ถ้าท่านชอบก็ค่อยว่ากัน แหม ทำอย่างกับคุณรักลูกมากมายอย่างนั้นแหละ ก็แค่ลูกเมียเก่า อย่าทำตัวเป็นพ่อดีเด่นนักเลยน่า”


             มิเกลขอบตารื้นด้วยความน้อยใจ เขารีบเดินกลับห้องก่อนที่พ่อและแม่เลี้ยงจะรู้ว่าเขาได้ยินบทสนทนา ชายหนุ่มเปิดคอมพิวเตอร์ของเขาก่อนจะหาข่าวในอดีตเพราะตอนที่ดีแลนตกเขามิเกลยังเด็กมากจนจำไม่ได้ว่าเรื่องเกิดขึ้นที่ไหน ดวงตาหวานเปิดกว้างเมื่อเปิดข่าวแล้วพบว่าสถานที่ที่รถยนต์ของดีแลนตกลงไปในหุบเหวนั้นอยู่ในเขตเวสต์ทาวน์


             อะไรจะพอดีกันขนาดนี้!


            บริเวณนั้นเป็นเขตของอุทยานแห่งชาติที่มีป่าหนาทึบบริเวณกว้าง และเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่มีให้นักศึกษาวิชาพฤกษศาสตร์ชั้นปีสุดท้ายไปเก็บข้อมูลสำหรับงานวิจัยก่อนเรียนจบ มิเกลคว้าโทรศัพท์มากดโทรไปหาเคนทันที


             “เคน ตัดสินใจหรือยังว่าจะไปเก็บข้อมูลงานวิจัยที่ไหน เราไปที่อุทยานแห่งชาติเขตเวสต์ทาวน์กันเถอะ”





มีต่ออีกนิด....




หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 5 NCเบาๆ [19/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 19-05-2019 19:38:47


ต่อกันตรงนี้....



             กลิ่นหอมของโอเมก้ากำลังกระจายไปทั่วโถงถ้ำ เจ้าของกลิ่นยั่วยวนคือมนุษย์เพศชายที่กำลังนอนบิดกายพล่านอยู่บนพื้นดินเย็นชื้น อุณหภูมิของร่างกายพุ่งขึ้นสูงจนร้อนผ่าวไปหมด และมีเพียงเจ้าป่าเช่นเขาที่ได้กลิ่นนั้น เพราะเขาคือเจ้าของร่างกายที่ถูกผูกพันธะแล้วด้วยคมเขี้ยว


           “ละ ลีโอ มาเถอะ”


           มือเรียวของมนุษย์กวักเรียกไหวๆ เขาก้าวย่างด้วยอุ้งเท้าหนาตรงเข้าไปหาพลางแลบลิ้นตวัดใส่ผิวกายบอบบางขาวโพลน ความกำหนัดกระตุ้นจนเครื่องเพศขยายตัวขึ้นมาจนต้องใช้มันถูไถเข้ากับร่างเมียที่เป็นมนุษย์ของเขา ลีโอส่งเสียงคำรามเมื่อร่างกายต้องการปลดปล่อยตามสัญชาตญาณ


            “อย่าแกล้งกันสิ รู้อยู่ว่าผมฮีทวันนี้”


             ดวงตาทั้งสองอ้อนวอน ร้องขอ และเต็มไปด้วยความเย้ายวนทางเพศ ลีโอรู้ว่าเขาพ่ายแพ้ต่อมนุษย์ผู้นี้ตั้งแต่แรกเห็น จนแม้เวลาผ่านไปถึงสิบห้าปีเขาก็ยังไม่มีวันชนะ เขารักดีแลน รักจนไม่ได้สนใจว่าทั้งคู่ไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกัน รักทั้งร่างกายและจิตใจของมนุษย์เพียงผู้เดียวในถิ่นของฝูงสิงโตที่ใหญ่ที่สุดของผืนป่า


            มือมนุษย์คว้าเครื่องเพศของเขาไปกอบกุมไว้เมื่อลีโอก้าวเข้ามายืนคร่อมร่างบอบบางนั้น มันกำแทบไม่รอบกับความใหญ่โตของเจ้าป่า ดีแลนเปิดปากใช้ลิ้นเลียโดยรอบ เน้นย้ำส่วนหัวพลางขบเม้มลงไป ลีโอส่งเสียงคำรามถูกใจจนสะท้อนไปทั่วถ้ำ เขาตะปบไล่ของดีแลนไว้พลางใช้ขาหลังดันให้ดีแลนแยกขาเปิดทางให้กว้างก่อนที่เขาจะดันเครื่องเพศเข้าไปในช่องทางเล็กของดีแลน


             “อ๊า...”


              มองเห็นดีแลนสะดุ้งเมื่อเขาเสียบเข้าไปจนมิดลำ ลีโอถอนกายออกมาคำรบหนึ่งและดันกลับเข้าไปใหม่เพื่อให้วงแหวนแห่งอัลฟ่าทำงาน จนกระทั่งเชื่อมต่อสนิทกับร่างกายของดีแลน


            “ติดแล้วลีโอ ไม่หลุดแล้ว ลีโอ ช่วยผมนะครับ ทรมานเหลือเกิน”


            เจ้าแห่งพงไพรเงยหน้าคำรามลั่นจนเสียงดังออกไปนอกถ้ำเพื่อประกาศศักดาและแจ้งต่อสิงโตตัวอื่นว่าเขากำลังครอบครองสมบัติของเขา ได้ยินเสียงคำรามขานรับมาเป็นทอดๆ ขณะที่ลีโอเริ่มต้นกับความต้องการแรกของสิ่งมีชีวิตทุกเผ่าพันธุ์ เขากระแทกเอวเข้าใส่ดีแลนอย่างไม่ยั้งแรงให้สมกับวันที่เขารอคอย


            หากไม่ใช่วันที่ดีแลนแสดงภาวะของโอเมก้า ลีโอต้องปฏิบัติอย่างนุ่มนวลต่อดีแลนเพื่อไม่ให้เขาบาดเจ็บ มันมีความสุขแต่ไม่ถึงใจเท่าวันนี้ เพราะลีโอจะได้ปลดปล่อยเต็มที่ และดีแลนจะยินยอมตอบรับเขาได้ทุกรูปแบบไม่ว่าจะรุนแรงแค่ไหน เหมือนอย่างตอนนี้ที่เขาชันขาหน้าตะปบไหล่บางของดีแลนไว้เมื่อร่างเพรียวนั้นคุกเข่าสี่ขาให้เขา


            “ดี ลีโอ สะใจมาก กระแทกมาเลย”


             ดีแลนเหลียวหลังกลับมาหน้าตาแดงจัด ผิวกายชื้นเหงื่อเปียกปอน ช่างเป็นภาพที่งดงามในสายตาของลีโอ เขาจัดการจนดีแลนสุขสมไปแล้วหลายรอบกว่าอาการฮีทจะบรรเทาลงบ้าง วงแหวนแห่งอัลฟ่ายังทำงานได้ดีเสมอเพราะบัดนี้มันก็ยังไม่หลุดออก


            “อีกรอบนะครับลีโอ ผมขออีกรอบ”


             กลิ่นกายเจือจางลงมากแล้ว หมดรอบนี้ความต้องการของดีแลนน่าจะบรรเทาลง ลีโอใช้จมูกชื้นถูไถที่ยอดอกสีชมพูทั้งสองข้าง ตามด้วยปลายฟันขบตามลงไป ดีแล้วถึงกับส่งเสียงครางยาวนาน


             “เสียวมาก อย่ามัวแต่เลียสิลีโอ ผมอยากให้คุณทำแล้ว”


             มีเพียงผู้เดียวที่กล้าออกคำสั่งกับเจ้าป่า ก็คือเมียเจ้าป่านั่นเอง ลีโอโยกเอวใส่ช่องทางนั้น ไม่นานดีแลนจึงกรีดร้องเมื่อสุขสมอีกครั้ง คราวนี้เขานอนหอบหายใจรวยรินอยู่บนพื้นปล่อยให้ลีโอจัดการกับเขาอีกไม่กี่ครั้ง น้ำอุ่นวาบก็พุ่งเข้าสู่ช่องทางด้านใน ลีโอคำรามยาวนานก่อนที่เขาจะถอนกายออกเมื่อวงแหวนแห่งอัลฟ่าหยุดทำงาน น้ำขาวขุ่นที่เก็บกักอยู่ในช่องทางของดีแลนไหลตามออกมาจนเปียกชื้นเต็มต้นขา


            “ขอบคุณนะลีโอ”


            ดีแลนยิ้มรับเมื่อเขาเดินเข้าไปใช้ลิ้นเลียไปตามเนื้อตัว เขากอดและลูบไล้แผลคอสีน้ำตาลเข้ม หลังจากใช้ชีวิตอยู่ในป่ากับลีโอมาสิบห้าปี สามีสิงโตก็ยังเสมอต้นเสมอปลายไม่เคยทำให้ผิดหวัง


           “แม่ หายฮีทแล้วเหรอ”


            สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงมนุษย์ที่เพิ่งแตกเนื้อหนุ่ม ดีแลนคว้าใบไม้แห้งที่ปูแทนที่นอนปาใส่หน้าผู้ที่เข้ามาภายในถ้ำทันที


            “เลออง ใครบอกให้เข้ามาตอนนี้”


            ได้ยินเสียงหัวเราะลั่นคล้ายคำรามดังตอบ ลีโอส่งเสียงเรียกบุตรชายของเขาให้เข้าไปหา คนเป็นลูกกระโจนเข้าไปนั่งอยู่บนหลังของบิดาคล้ายยังเยาว์ ทั้งที่ความจริงเขาสูงใหญ่ยิ่งกว่ามารดามนุษย์เสียอีก


            “ไม่เป็นไรน่า หนูชินแล้วที่พ่อกับแม่ทำกันแบบนี้ ใช่ว่าไม่เคยเห็นเสียหน่อย”


             ดีแลนส่งสายตาดุจนบุตรชายคอย่นยิ้มแหย ก่อนจะดุด้วยเสียงที่ฟังแล้วไม่ได้น่ากลัวสักนิด


           “แล้วทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย แก้ผ้าล่อนจ้อนแบบนี้ได้ยังไง”


            เลออง ไพร้ส์ลี่ย์หัวเราะแหะๆ เขามองบิดาอย่างขอความช่วยเหลือ แต่เรื่องนี้สิงโตเจ้าป่าก็ยังช่วยไม่ได้


           “น่า แม่อย่าดุหนูสิ มาอยู่ในป่าหนูไม่อยากใส่เสื้อผ้า มันเกะกะ พ่อยังไม่ใส่เลย ทีแม่ล่ะ อยู่กับพ่อก็ไม่ใส่เสื้อผ้าใช่ไหมล่ะ”


            “เดี๋ยวเหอะ ย้อนแม่ได้ยังไง”


             เขาส่งเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อนจะกระโดดลงจากหลังของบิดามายืนเต็มกาย ดีแลนได้แต่มองอดีตทารกที่เคยฟูมฟักจนเติบใหญ่กลายเป็นวัยรุ่นที่ตอนนี้สูงกว่าเขา ผมเผ้าสีน้ำตาลเข้มเช่นเดียวกับบิดาล้อมกรอบใบหน้าเข้มจัด ดวงตาสีเหล็กส่องประกายเจิดจ้า วงแขนและลำตัวเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเกินวัย หูของเลอองตั้งชัน หางของเขาแกว่งไกวเมื่อได้ยินเสียงคำรามจากนอกถ้ำ


             “โรเจอร์บอกว่าเจอฝูงกวางที่ลำธาร หนูไปล่าเหยื่อก่อนนะแม่ เผื่อแม่อยากจะให้พ่อทำต่อ หนูไปล่ะ”


             ร่างสูงใหญ่เกินวัยของมนุษย์กระโจนออกจากถ้ำ ไม่นานดีแลนก็ได้ยินเสียงคำรามของผู้เป็นบุตรชายปะปนไปกับสิงโตตัวอื่นในฝูง ดวงตาสีเหล็กของลีโอเฝ้ามองตามหลังเลอองไปด้วยความภาคภูมิใจ แม้จะเป็นเพียงลูกครึ่งระหว่างสิงโตกับมนุษย์และเลอองไม่เคยทำให้เขาผิดหวังเลยสักครั้ง สมกับที่มีสายเลือดของเจ้าป่าวนเวียนอยู่ในร่างกายนั้น





                                                           TBC



                                                   หนูตัวโต๊โตมาแล้วจ้า



                                                 :o9: :o9: :o9: :o9: :o9: :o9: :o9: :o9:







หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 5 NCเบาๆ [19/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 19-05-2019 22:40:20
แซ่บลื้มมม รอมิเกลโตค่ะ ขอให้น้องโตมาอย่างดี
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 5 NCเบาๆ [19/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 20-05-2019 07:16:13
ที่ดีแลนประสบอุบัติเหตุคงไม่ใช่
ฝีมือของผัวเก่าและชู้ใช่ไหม
สงสารมิเกลอ่ะ พ่อก็ไม่รัก แม่เลี้ยงก็ร้าย
หนีเข้าป่าเถอะลูก
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 5 NCเบาๆ [19/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 20-05-2019 07:32:25
จะได้เจอกันมั้ยน้อ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 5 NCเบาๆ [19/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 20-05-2019 10:23:37
มิเกล 22 เลออง 15 กรุบกริบ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 5 NCเบาๆ [19/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 20-05-2019 15:58:18
เลอองอายุ 15 กำลังกรุบๆ กริบๆ  เลย 555
หัวข้อ: Re: &lt;&lt; เจ้าป่า &gt;&gt; [Omegaverse] บทที่ 5 NCเบาๆ [19/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Teafong ที่ 20-05-2019 17:50:18
หนู โอ้ยย55555 นึกภาพผู้ชายกล้ามโตยืนแก้ผ้าแล้วแทนตัวเองว่าหนู

Sent from my JKM-LX2 using Tapatalk

หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 5 NCเบาๆ [19/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 21-05-2019 14:22:45
แจ่ม
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 5 NCเบาๆ [19/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 22-05-2019 14:25:07
หืมมม.. เลออง เรียกตัวเองว่า หนู มันดูตะมุตะมิ น้าาาา..
มีหางด้วยย...  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 5 NCเบาๆ [19/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 22-05-2019 20:24:26
เพิ่งตามอ่านรอบเดียวจบ สมุกมากๆเลยจ้า
ทุกทีไม่ค่อยอ่านนะแบบคนกับสัตร์ไรงี้ แต่เรื่องนี้ดีงาม
หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 6 [24/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 24-05-2019 19:37:21



                                                             เจ้าป่า

                                                             บทที่ 6




               ดีแลนลอบมองสิงโตผู้เป็นสามีซึ่งกำลังพักผ่อนด้วยการหมอบและเลียอุ้งเท้าหน้าอยู่ใกล้ๆ พลันบทสนทนาระหว่างเขากับโทนี่สัตวแพทย์ที่กลายมาเป็นญาติสนิทในป่าใหญ่แห่งนี้ก็ดังขึ้นมาในหัว


              “ว่าจะคุยกับเธอหลายครั้งแล้วก็ยังไม่ได้คุยสักที พอเริ่มแก่แล้วก็หลงๆลืมๆ เรื่องของลีโอกับเลอองน่ะ”


              “เรื่องอะไรหรือครับหมอ”


               ดีแลนเอ่ยถามด้วยความสงสัย โทนี่ถอนหายใจแล้วค่อยกล่าวประโยคถัดไป


               “ฉันว่าเธอต้องเริ่มวางแผนอนาคตของเธอกับเลอองแล้วนะดีแลน สิงโตในป่าน่ะมีอายุอยู่ได้ไม่เกินยี่สิบปีหรอก แต่ถึงแม้จะเลี้ยงดูอย่างดีในสวนสัตว์เต็มที่ก็มากกว่านั้นไม่เท่าไหร่ เธออยู่กับลีโอมาเท่าชีวิตของเลอองก็ร่วมสิบห้าปีแล้วก่อนหน้านี้ที่ลีโอยังอยู่ในวัยหนุ่มอีกล่ะ สังเกตดูสิว่าลีโอแก่ลงไปมาก ที่ยังเป็นจ่าฝูงอยู่ได้ก็เพราะบารมียังไม่หมดและยังไม่มีสิงโตตัวไหนกล้ามาต่อสู้ชิงจ่าฝูงซึ่งฉันก็ยังแปลกใจอยู่เพราะสิงโตจะมีการช่วงชิงจ่าฝูงอยู่บ่อยๆ”


              ดีแลนใจหาย ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาผูกพันธะกับลีโอทั้งร่างกายและหัวใจไปแล้ว สิ่งที่โทนี่เตือนทำให้เขาเริ่มกลัวอนาคตอันไม่สามารถคาดเดาได้


            “ส่วนเลอองก็โตจนแตกเนื้อหนุ่ม สังเกตหรือเปล่าว่าเขาเริ่มมีความต้องการทางเพศเหมือนเด็กวัยรุ่นคนอื่นๆแล้ว ไหนจะเรื่องการใช้ชีวิตของเขาอีกล่ะ ที่เราสองคนพร่ำสอนความรู้ต่างๆให้จนหมดไส้หมดพุงเขาก็จดจำได้เกินกว่าเด็กทั่วไป เรียกได้ว่าสมองอัจฉริยะก็ว่าได้ หากฉันมองไม่ผิดเขาต้องเป็นอัลฟ่าแน่ๆ การเก็บตัวเขาไว้แต่ในป่าคงไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องนัก”


              “ผมควรทำอย่างไรครับหมอ ผมคิดไม่ออกเลยจริงๆ”


             ดีแลนจนคำตอบ เขาไม่รู้ว่าควรจัดการเช่นไรดี โทนี่ผู้เป็นหลักในการให้คำแนะนำเอื้อมมือมาตบบ่าเขาพร้อมยิ้มให้กำลังใจ


             “เรื่องลีโอ ถ้าเขาจำเป็นต้องมีผู้สืบเชื้อสายที่เป็นสิงโตแท้ๆ เธออาจต้องยอมให้เขามีลูกกับสิงโตตัวเมีย ส่วนเลออง ฉันคิดว่าให้เขามาเป็นผู้ช่วยของฉันก็ได้ แต่ก็ต้องปิดบังเรื่องเผ่าพันธุ์ของเขาไว้ก่อน ให้เขามาช่วยงานรักษาสัตว์ เขาจะได้พบปะผู้คนและปรับตัวได้”


             คำแนะนำของโทนี่มีประโยชน์มาก เรื่องเลอองไม่ใช่ปัญหาเพราะดีแลนเลี้ยงดูเด็กหนุ่มมาเช่นเดียวกับมนุษย์ทั่วไป เพียงแต่เลอองยังมีสัญชาตญาณของสัตว์ป่าอยู่ในตัว แต่เรื่องของสามีที่เป็นสิงโตนี่สิ ดีแลนควรจะทำอย่างไรดี


            “ลีโอ”


             เพียงแค่เรียกเบาๆเจ้าป่าก็ชูคอมอง ศีรษะที่เต็มไปด้วยแผงคอสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำตามอายุที่มากขึ้นเกยอยู่บนต้นขาของเขา หากอยู่กันเพียงลำพังก็แทบจะไม่เหลือความดุร้ายเลยสักนิด ดีแลนฝืนยิ้มพลางยกมือลูบแผงคอที่แสนนุ่มมือ


             “เรื่องจ่าฝูง” ดีแลนเอ่ยออกมาอย่างระมัดระวัง ใครว่าสัตว์ป่าไม่เข้าใจภาษามนุษย์ “คุณจำเป็นต้องมีทายาทไหม เพื่อให้เขามาเป็นจ่าฝูงแทนคุณ ผมรู้ว่าเลอองเป็นไม่ได้หรอกเพราะเขาเป็นลูกของคนไม่ใช่สิงโตโดยแท้ ถ้าคุณจำเป็น เอ่อ ..คุณจะมีลูกกับสิงโตตัวเมียสักตัวก็ได้นะ”


              ดีแลนสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงคำรามด้วยความไม่ชอบใจของสามี ลีโอชันหัวขึ้นดันร่างของดีแลนเพื่อบอกให้รู้ว่าเขาไม่พอใจคำพูดเหล่านี้ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเดินไปหมอบยังอีกมุมหนึ่งของโถงถ้ำ ท่าทีหมางเมินไม่มองหน้าของลีโอทำให้ดีแลนใจเสีย


             “โธ่ ลีโออย่างอนสิ”


              จำเป็นต้องเดินเข้าไปหาเพื่อง้อสามี ดีแลนทรุดนั่งลงยกแขนกอดไปรอบลำตัวใหญ่พลางซบหน้าลงกับลำตัวสาบกลิ่นสัตว์ป่าที่เขาคุ้นเคยพลางกล่าวเสียงออดอ้อน


              “ผมรู้ว่าเพราะคุณรักผมจนไม่ยอมมีอะไรกับสิงโตตัวอื่น ผมแค่กลัวว่าผมจะมาสร้างความเดือดร้อนให้คุณและฝูงเท่านั้นเอง แต่ถ้าคุณไม่ได้เดือดร้อนผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่นา หายโกรธเถอะ ดีกันนะ”


               เมื่อสามียังเชิดหน้าใส่ดีแลนจึงต้องเอาใจด้วยการจูบที่แก้มตอบ หนวดยาวทำให้จั๊กจี้ไม่น้อยแต่ดีแลนชินแล้วเมื่อเขาจูบไปที่ปากชื้นเต็มไปด้วยคมเขี้ยว สิบห้าปีกว่าที่อยู่กับลีโอกลางพงไพรทำให้ดีแลนเลิกเหนียมอายหากต้องแสดงออกซึ่งความปรารถนาเช่นสัตว์ป่า เขาใช้ลิ้นเลียไปรอบใบหน้าปั้นปึงนั้นราวกับเขาเป็นสิงโตตัวเมีย


              “ยังไม่เลิกทำหน้าบึ้งอีกใช่ไหมลีโอ ได้สิตาสิงโตเฒ่า ให้มันรู้กันไปว่าคุณจะไม่ยอมยิ้มให้ผม”


             ดีแลนขยับกายไปเบื้องล่างพลางออกแรงผลักร่างใหญ่ให้เปิดเผยขาหลัง เครื่องเพศขนาดสองอุ้งมือโอบปรากฏอยู่ให้เห็น ดีแลนส่งยิ้มเย้ายวนก่อนไล้เลียด้วยลิ้นของเขา กลิ่นสาบอัลฟ่าของลีโอเร่งเร้าอาการฮีทได้เช่นกัน ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นดีแลนก็เริ่มปวดตึงไปตามกล้ามเนื้อเมื่อความต้องการปลดปล่อยเกิดขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เขาปีนขึ้นไปนั่งทับอยู่บนขาหลังเพื่อจะให้ความใหญ่โตนั้นได้แทงทะลุเข้าไปในช่องทางของเขาที่ยังปิดไม่สนิทดีนักจากศึกหนักที่เพิ่งผ่านมา


             “อึก เสียวจังลีโอ คุณจะไม่ช่วยผมหน่อยเหรอ”


              หรี่ตาฉ่ำปรือ มือเรียวลูบไล้ตนเองขณะออกแรงขย่มลงใส่ต้นขาหลังของสามี กลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้าส่งกลิ่นตรงเข้าสู่การรับรู้ของลีโอจนเขาต้องยอมแพ้ เสียงคำรามดังจากลำคอของเจ้าป่าสูงวัยก่อนที่เขาจะใช้ขาหน้าตะปบร่างมนุษย์ที่เคลื่อนไหวอยู่ให้ลงมานอนตะแคงอยู่บนพื้น เพื่อที่เขาจะได้ออกแรงใส่ร่างนี้ได้ถนัดถนี่


              “ดี สะใจมาก เอาเลยลีโอ อยากแรงแค่ไหนก็จัดการเลย ผมพร้อมแล้ว อ๊า...”


              ดีแลนส่งเสียงลั่นถ้ำอย่างไม่อายใคร เพราะมีเพียงเขาและผู้เป็นเจ้าป่าเท่านั้นที่ครอบครองสถานที่แห่งนี้ เขาร้อนรุ่มไปหมดทั้งตัวโดยเฉพาะบริเวณรอยแผลเป็นที่ลำคอซึ่งเคยถูกกัดผูกพันธะ เครื่องเพศขนาดใหญ่กว่ามนุษย์กำลังทะลวงเข้าสู่ช่องทางที่รองรับได้เป็นอย่างดี และอีกพักใหญ่กว่าความต้องการของเขากับลีโอจะสงบลงพร้อมกับความสุขสมไร้ขีดจำกัด








             ตลอดสิบห้าปีที่ผ่านมาดีแลนกับเลอองจะใช้ชีวิตอยู่กลางป่าสลับกับกระท่อมไม้หลังเล็กชายป่าที่โทนี่กับฟลอเรียสร้างให้ ดีแลนจะไปอยู่ที่ฝูงสิงโตในช่วงสัปดาห์ที่เขาฮีท เมื่อหมดอาการนั้นแล้วก็จะกลับมาอยู่ที่กระท่อม ช่วงแรกนั้นโทนี่ต้องสอนให้เขาจุดไฟจากกองฟืนเพราะไม่มีไฟฟ้าใช้ เมื่อสามารถช่วยเหลือตนเองและลูกน้อยวัยแบเบาะได้แล้วโทนี่กับฟลอเรียก็จะมาเยี่ยมนานๆครั้ง แต่ละครั้งจะมีของใช้และเสบียงมาให้ด้วย


            ดีแลนสอนให้เลอองพูดภาษามนุษย์ แต่เด็กชายตัวจ้อยในขณะนั้นสามารถสื่อสารกับสัตว์อื่นได้ด้วย โทนี่หาหนังสือสำหรับเด็กมาให้ดีแลนได้ฝึกอ่านเขียน และเลอองก็ทำได้ดีจนเมื่อเติบโตขึ้นมาเด็กหนุ่มถึงกับอ่านหนังสือทางการแพทย์ของโทนี่ได้ด้วย


              ส่วนลีโอนั้นจะมาที่กระท่อมเป็นบางครั้ง ถ้าหากมาเขาชอบที่จะมานอนหมอบอยู่หน้าเตาผิงแสนอบอุ่น สายตาของเจ้าป่ามักจะจ้องมองภรรยามนุษย์ที่นั่งอยู่หน้าเฟรมวาดรูปและตั้งอกตั้งใจอยู่กับพู่กันและสีต่างๆ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นรูปลีโอในอิริยาบถต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นขณะกระโจนสูงหรือส่งเสียงคำรามลั่น และเมื่อรูปของเขาบนแผ่นกระดาษเสร็จดีแลนก็จะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อวดให้เขาดู


              ดีแลนฝากให้โทนี่นำภาพวาดของเขาไปขายเพื่อหารายได้ นายสัตวแพทย์และภรรยาที่แสนใจดีดูแลพวกเขาราวกับเป็นญาติสนิท ไม่รู้ว่าฟลอเรียมีวิธีการอย่างไรถึงไปแจ้งเกิดให้เลอองได้ เธอเปิดบัญชีที่ธนาคารและนำเงินส่วนหนึ่งจากการวาดรูปของดีแลนไปฝากไว้ให้เลออง โทนี่บอกว่าชื่อเสียงของดีแลนเริ่มโด่งดังและมีคนต้องการภาพเยอะขึ้น แต่ดีแลนก็สามารถวาดได้ปีละไม่กี่ภาพเพราะต้องแบ่งเวลาดูแลลูกับสามีเจ้าป่าด้วย


              เมื่ออาการฮีทหมดลงแล้วดีแลนจึงกลับมาที่กระท่อมไม้พร้อมกับเลออง เมื่ออยู่ที่นี่ทั้งคู่จะสวมใส่เสื้อผ้าเช่นคนทั่วไป ไม่ได้เปลือยกายเหมือนอยู่ในฝูง วันนี้โทนี่กับฟลอเรียมาหาด้วย เขารู้อยู่แล้วว่าดีแลนจะกลับจากป่าวันไหน


             “ป๊ะป๋า แม่จ๋า”


             เลอองโผเข้าหาพ่อและแม่ทูนหัวของเขาจนทั้งคู่เกือบจะล้ม โทนี่หัวเราะลั่น


             “เบาๆสิวะเลออง ตัวใหญ่กว่าป๋าแล้ว โผเข้าใส่แบบนี้เดี๋ยวพากันล้มสะโพกหักกันหรอก ป๋ากับแม่จ๋าแก่กันแล้วนะ”


              เลอองยังคิดว่าตนเองเป็นเด็กน้อยอยู่ร่ำไป เขาหัวเราะแหะๆพลางหันไปอุ้มฟลอเรียจนตัวลอย สองสามีภรรยาไม่มีลูกจึงเอ็นดูเลอองราวกับลูกแท้ๆ ระหว่างที่เลอองกับฟลอเรียไปจัดการยกเสบียงจากหลังรถกระบะคันเก่ามาเก็บในบ้าน โทนี่ก็อยู่สนทนากับดีแลน


                “นี่เงินขายรูปที่เหลือจากฝากใส่บัญชีเลออง ส่วนถุงนี้ยาคุมกำเนิดมีพอราวๆสามเดือนได้ ว่าแต่เงินก็มีแล้ว ทำไมถึงไม่ซื้อยาลดอาการฮีทมากินล่ะดีแลน”


               “ขอบคุณนะครับหมอ ที่ไม่กินยาลดอาการฮีท เพราะเอ่อ สงสารลีโอน่ะครับ เขาชอบเวลาผมฮีท”


                ดีแลนยิ้มเขิน ไม่ใช่แต่ลีโอที่ชอบ เขาเองก็ชอบยามที่ตนเองฮีทและได้อยู่กับลีโอ เมื่อรู้เหตุผลโทนี่ก็หัวเราะลั่น


               “เออ เรามันแก่แล้วเลยไม่ค่อยได้มีเรื่องพวกนี้ ว่าแต่ เรื่องที่คุยกันคราวก่อนน่ะว่ายังไง”


              ดีแลนขรึมลง เขาถอนหายใจก่อนจะตอบโทนี่


              “ลีโอไม่ยอมมีอะไรกับสิงโต เขาไม่สนใจเรื่องทายาท ผมก็แล้วแต่เขาเรื่องนี้ ส่วนเรื่องเลอองผมเห็นด้วยกับหมอ ผมคุยกับเขาแล้วว่าจะให้เขาไปทำงานเป็นผู้ช่วยหมอในหมู่บ้าน”


               “ดี ตามนั้น  ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะเรื่องเลออง ฉันรักเขาเหมือนลูกตัวเองเธอก็รู้ บ้านสร้างใหม่มีตั้งหลายห้องจนฉันกับฟลอเรียถึงกับเหงา อ้อ ลูกชายของเพื่อนที่ขายรูปของเธอเขาส่งข่าวมาบอก ว่ามีคนอ้างว่าเป็นลูกเลี้ยงของเธอมาสอบถามเมื่อเห็นรูปที่เธอวาดด้วย เขาดูตื่นเต้นมาก”


               เมื่อได้ฟังเรื่องที่โทนี่เอ่ยขึ้นหัวใจของดีแลนพลันตื่นเต้นขึ้นมา เขานึกถึงเด็กชายตัวน้อยที่เคยอุ้มชูเลี้ยงดูราวกับลูกแท้ๆ ขอบตาของเขาร้อนผ่าว


              “อย่างนั้นหรือครับ โธ่เอ๋ย มิเกล”


            “เธอจะให้ฉันส่งข่าวของเธอให้เขาไหมล่ะ”


             “อย่าดีกว่าครับ ผมไม่อยากให้เขามาเห็นผมในสภาพแบบนี้ ให้เขามีความทรงจำของผมอย่างในอดีตดีกว่า”


                 สีหน้าของดีแลนสลดลง ไม่รู้ว่าตั้งแต่จากมามิเกลจะเติบโตมาเช่นไร เด็กน้อยในอดีตไม่มีมารดามาคอยเลี้ยง   พอลนั้นก็ดูจะสนใจงานมากกว่าลูกทำให้ดีแลนสงสารและดูแลมิเกลทดแทนความอบอุ่นที่ไม่เคยได้รับ


                 คุยกันอีกพักใหญ่โทนี่จึงบอกให้ฟลอเรียเตรียมกลับบ้าน และให้เลอองไปอยู่กับเขาในวันนี้เลย


              “เลอองไปอยู่ด้วยก็ดี ทางหัวหน้าอุทยานมาขอให้ช่วยดูแลนักศึกษาที่จะมาทำวิจัยเรื่องพันธุ์ไม้ คงจะมาถึงในอีกสองสามวันนี่แหละ  ไอ้หนูตัวใหญ่จะได้มาช่วยงานที่หมู่บ้านด้วย”


              เมื่อถึงเวลาที่ลูกต้องจากไกลทั้งที่ไม่เคยไกลจากอ้อมอกดีแลนอดใจหายไม่ได้ ถึงแม้จะรู้ว่าไม่ได้ไปไหนไกลก็ตาม เขากอดเลอองด้วยความเป็นห่วง


              “เลออง ถึงเวลาที่ต้องเผชิญโลกภายนอกแล้วนะลูก ทุกอย่างที่ควรรู้แม่สอนไปหมดแล้ว ดูแลตัวเองให้ดีนะ”


               เด็กหนุ่มที่สูงกว่าแม่ตาแดงก่ำ เลอองกอดมารดาแน่น


             “ครับแม่ หนูจะดูแลตัวเองอย่างที่แม่สอนนะ แม่ไม่ต้องห่วง เลอองลูกลีโอเจ้าป่าอยู่แล้ว”


              ใบหน้าคมเข้มฝืนยิ้ม เขาก้มลงไปหอมแก้มแม่ก่อนตัดใจเดินตามโทนี่กับฟลอเรียไปที่รถกระบะ ดีแลนได้แต่มองตามจนลับสายตาเมื่อจำต้องปล่อยให้เลอองได้เติบโตด้วยตัวเขาเอง





มีต่ออีกนิด...





หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 6 [24/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 24-05-2019 19:48:22


อ่านต่อตรงนี้...



               มิเกล อาร์มันโดรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ออกจากบ้านให้เร็วกว่านี้เมื่อเขาถูกบิดารั้งไว้ขณะกำลังจะไปมหาวิทยาลัย เขาตื่นสายเพราะเมื่อคืนที่ผ่านมาอยู่ทำรายงานจนดึก


             “พ่อมีอะไรหรือครับ”


              เขาเอ่ยถามเสียงนิ่งเรียบจนแอมเบอร์ปรายตามอง


             “เฮอะ พูดกับพ่อตัวเองเสียงยังทำแข็งแบบนี้อีก ดื้อชะมัด”


              คิ้วเรียวขมวดมุ่นใส่คนพูดจนแอมเบอร์ต้องมองค้อน พอลไม่ได้ใส่ใจกับการประชดประชันของหล่อน เขาหันมามองลูกชายแท้ๆของตัวเอง


               “วันนี้หยุดเรียนแล้วไปงานประชุมที่กระทรวงพาณิชย์กับด้วยกัน ตอนบ่ายเขาจัดประชุมนักธุรกิจ ส่วนตอนค่ำมีงานเลี้ยงด้วย”


                มิเกลสบตากับบิดาด้วยความคลางแคลงใจ


              “ผมไม่เคยทำงานกับพ่อ ทำไมต้องไปด้วยล่ะครับ”


              “วะ ไอ้ลูกคนนี้” พอลตบโต๊ะดังปัง “บอกให้ไปก็ไปเถอะน่า งานประชุมเขาจัดใหญ่โตจะได้ไปรู้บ้างว่าต้องทำอะไร”


                มิเกลพ่นลมหายใจออกมาเมื่อขัดความประสงค์ของบิดาไม่ได้ เขาจำเป็นต้องไปคว้าเสื้อสูทที่มีอยู่ในตู้เสื้อผ้ามาสวมทับเสื้อเชิ้ตที่ใส่อยู่แล้วติดตามพอลกับแอมเบอร์ไปที่กระทรวงพาณิชย์ และยังต้องทนปั้นหน้ายิ้มทักทายผู้ใหญ่โดยเฉพาะรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ที่มาในวันนี้ด้วย แอมเบอร์ฉอเลาะกับผู้มีอำนาจเป็นพิเศษในงานเลี้ยงอาหารยามค่ำ


              “ลูกของพอลค่ะท่านชื่อมิเกล”


               มิเกลฝืนยิ้มพลางค้อมศีรษะแทนคำทักทาย เขาเกลียดสายตาที่ถูกจ้องมองจากรัฐมนตรีคนนั้น มันเหมือนเขาสิ่งของที่กำลังถูกประเมินราคา นึกโล่งใจที่มีอีกหลายคนต้องการเจรจากับผู้มีอำนาจจนไม่ได้สนใจเขาอีก ชายหนุ่มพยายามปลีกตัวออกห่างและได้แต่เฝ้ามองบิดากับมารดาเลี้ยงเดินตามติดรัฐมนตรีคนนั้นเป็นเงาตามตัว จนกระทั่งงานเลี้ยงจบทั้งหมดจึงเดินทางกลับบ้าน


             “เฮ้อ งานเลี้ยงวันนี้มีแต่คนใหญ่คนโตไป ดีจัง”


             แอมเบอร์กล่าวออกมาอย่างอารมณ์ดีเมื่อถึงบ้าน มิเกลได้แต่ส่ายหน้าและเตรียมจะเดินเลี่ยงขึ้นห้อง


              “มิเกล ท่านสนใจแกมากอยู่นะ”


              เขาหันขวับไปมองบิดาอย่างไม่ชอบใจนัก


             “พ่อหมายถึงใคร ใครสนใจผม”


              “อ้าว นี่มองไม่ออกเหรอ ก็ท่านรัฐมนตรีไงยะ อย่าทำแกล้งโง่เลย สายตาท่านออกจะมองแพรวพราวขนาดนั้น”


               แอมเบอร์แทรกขึ้นมา หล่อนมองลูกเลี้ยงด้วยความหมั่นไส้ เพราะความเป็นโอเมก้าทำให้รูปร่างสมส่วนหน้าตาหวานยิ่งกว่าหล่อนเสียอีก หากเป็นหล่อนคงใช้ร่างกายให้เป็นประโยชน์กว่านี้แน่


            “ก็ช่างเขาสิครับ จะมองยังไงก็เรื่องของเขา ไม่เห็นเกี่ยวกับผมสักหน่อย”


             พอลเตรียมจะเอ่ยอะไรออกมาแต่โทรศัพท์มือถือดังขึ้นเสียก่อน เมื่อเห็นว่าใครโทรเข้าเขาก็รีบยกมือให้ทุกคนหยุดพูดก่อนที่เขาจะสนทนากับปลายทาง


             “ครับท่าน โอ อย่างนั้นหรือครับ ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ ไม่มีปัญหาครับผมจะบอกมิเกลให้ ครับท่าน”


             เมื่อจบการสนทนาพอลจึงยิ้มกริ่ม เขาหันมาหาบุตรชายอย่างอารมณ์ดี


              “ฉันบอกแล้วว่าท่านสนใจแก พรุ่งนี้ท่านให้แกไปกินมื้อเย็นกับท่าน ถ้าแกเอาใจท่านมากๆโปรเจ็คที่ฉันขอท่านไว้ท่านจะอำนวยความสะดวกให้”


              “กรี๊ด ดีใจค่ะคุณ มิเกล แกต้องเอาใจท่านให้มากๆนะ ท่านให้ทำอะไรก็ทำๆไปอย่าขัดล่ะ เข้าใจไหม”


              มิเกลตัวแข็งทื่อ เขามองบิดาราวกับไม่เคยรู้จักมาก่อน ความหมายที่พ่อและแอมเบอร์พูดออกมาเขาไม่ได้โง่จนไม่เข้าใจ ชายหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธเสียงแข็ง


              “ไม่ไป พ่อคิดอะไรอยู่ นี่จะขายผมกินใช่ไหม ผมไม่ไปเด็ดขาด”


              “แต่แกต้องไป อย่ามาทำเสียงแข็งใส่ฉัน ฉันเป็นพ่อของแกสั่งคำไหนต้องเป็นคำนั้น”


               มิเกลน้ำตาคลอเมื่อถูกบิดาตวาดใส่ เขาแค่นยิ้มเยาะพลางกล่าวอย่างขมขื่น


              “แต่พ่อไม่เคยเห็นผมเป็นลูกเลยสักนิด พ่อแทบไม่ได้ดูแลเลี้ยงดูผม คุณดีแลนเสียอีกที่เลี้ยงผมมา แล้วพ่อจะเอาอะไรมาบังคับผมให้ทำอย่างที่พ่อต้องการ ผมไม่ทำหรอก”


            เพียะ!


              ฝ่ามือของพอลกระทบใบหน้าจนชาดิก พอลโกรธลูกชายจนตัวสั่น เขาชี้หน้ามิเกลอย่างลืมตัว


              “มึงกล้าเถียงกูเหรอ กล้าขัดคำสั่งกูเหรอ ไม่ใช่เพราะกูมึงจะมีวันนี้ที่มายืนเถียงกูแบบนี้ไหม กูต้องทนอยู่กับอีโอเมก้าจืดชืดนั่นตั้งกี่ปีกว่าจะหาทางเขี่ยมันไปให้พ้นทางได้ กูจะไม่ยอมให้มึงมาแข็งข้อใส่กูแน่ พรุ่งนี้มึงต้องไปหาท่านรัฐมนตรีไม่อย่างนั้นมึงจะโดนหนักกว่านี้”


              มิเกลตะลึงงัน น้ำตาหยดหนึ่งร่วงลงมาทันที เขาไม่สนใจรอยยิ้มเยาะเย้ยของแอมเบอร์เมื่อในหัวมีแต่คำพูดของบิดาที่หลุดปากออกมาเรื่องดีแลน เขาเดินกลับมาที่ห้องส่วนตัวได้อย่างไรก็ไม่รู้ มิเกลนั่งใจลอยจนกระทั่งดึกดื่นจึงได้ลุกขึ้นเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทาง ชายหนุ่มไม่ลืมบรรจุจดหมายแนะนำตัวลงไปด้วย


             เพราะพอลไม่เคยสนใจการเรียนของเขา และเขาก็ไม่เคยบอกเล่าให้บิดาฟัง พอลจึงไม่รู้ว่ามิเกลจะเดินทางไปทำงานวิจัยชิ้นสุดท้ายก่อนเรียนจบปริญญาตรีในเช้าวันรุ่งขึ้นที่กำลังจะมาถึงนี้ ซึ่งก็เป็นการดีที่มิเกลจะฉวยโอกาสนี้ออกจากบ้านที่เขาทนอยู่มาหลายปีเสียที


              ดวงอาทิตย์ยังไม่ทันโผล่พ้นขอบฟ้ามิเกลก็ย่องออกจากบ้านพร้อมกระเป๋าเดินทางโดยที่ยังไม่มีใครในบ้านตื่นขึ้นมารับรู้ เมื่อก้าวพ้นประตูรั้วออกมาแล้วเขาหันกลับไปมองบ้านหลังใหญ่แวบหนึ่ง จากนั้นเขาก็ก้าวเดินจากไปโดยไม่มีความอาลัยอาวรณ์หลงเหลืออยู่เลย



                                                                  TBC



                                                        มิเกลจะมาหาเลอองแล้วจ้า



                                       :a11: :a11: :a11: :a11: :a11: :a11: :a11:










หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 6 [24/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 24-05-2019 20:05:05
เจอกันแล้วจะสปาร์คกันเลยมั้ยจ๊ะ.  :hao3:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 6 [24/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 24-05-2019 21:54:49
เลวทั้งผัวทั้งเมียเลยพอลเอมเบอร์!!
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 6 [24/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 24-05-2019 23:17:13
สงสารมิเกลจัง นั่นแหละหนูทำถูกละ เดินเข้าป่ามาเลย
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 6 [24/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 24-05-2019 23:32:10
 :pig4:
 o13 o13
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 6 [24/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 25-05-2019 00:16:11
แอบรอเทออยู่นะจ๊ะ..  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 6 [24/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 25-05-2019 10:33:40
เจ้าป่ารออยู่
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 6 [24/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 25-05-2019 14:00:55
สนุกมากๆเลย รออยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 6 [24/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 25-05-2019 15:54:28
ใจมาร ทั้งผัวเมีย ขอจงได้รับผลการกระทำ ให้หนักหนาสาหัส
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 6 [24/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 25-05-2019 19:45:51
 o13  น่าสนุก  น่าสนใจมากนะคะ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 6 [24/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Philosophy ที่ 26-05-2019 02:07:30
เดินเข้าป่าเลยมิเกลลลล
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 6 [24/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 26-05-2019 05:16:42
ดีนะที่มิเกลไหวตัวทัน ไม่คิดรอถึงเช้า
เร็วๆ นี้ จะได้เจอกันแล้วนะคะ คนที่ตามหา

อื้อหือ ดีแลนร้อนแรงมากจ้า ฮีททีจัดเต็มไปเลยเนาะ
ลีโอสมใจมากทีเดียว รอคอยวันฮีทมานาน 5555
มีความงอน มีความเคือง ที่ดีแลนยอมให้มีตัวอื่นได้

เลอองดูเป็นเด็กน้อยตอนอยู่กับพ่อแม่
แล้วตอนเจอมิเกลจะเป็นไงนะ



หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 7 [28/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 28-05-2019 22:17:22



                                                             เจ้าป่า

                                                            บทที่ 7



               กว่าจะถึงที่ทำการเขตวนอุทยานแห่งชาติเขตเวสต์ทาวน์ที่แสนกว้างใหญ่เวลาก็ผ่านไปจนเกือบบ่ายคล้อย  เควิน หัวหน้าที่ทำการเขตจึงได้มาต้อนรับนักศึกษาสองคนที่ขอมาศึกษาพันธุ์ไม้ในเขตนี้ เขาเป็นชายผิวดำสูงวัยท่าทางอารมณ์ดีขณะพูดคุยกับผู้มาใหม่


             “ยินดีต้อนรับทั้งสองคนนะ ฉันชื่อเควิน มีอะไรก็ปรึกษาได้ไม่ต้องเกรงใจ”


              มิเกลและเคนกล่าวทักทายผู้สูงวัยกว่าด้วยความสบายใจขึ้น มีเพียงทั้งสองคนเท่านั้นที่เลือกมาในป่าแห่งนี้ ซึ่งเป็นป่าดงดิบที่กว้างที่สุดในประเทศตามที่เควินแนะนำภูมิประเทศ


              “วนอุทยานของเรายังคงสมบูรณ์ด้วยป่าไม้และสัตว์ป่าทั้งหลาย แต่เราก็มีหมู่บ้านของพวกเกษตรกรอยู่ก่อนถึงเขตเข้าป่า มีทั้งทำไร่และเลี้ยงสัตว์ส่งออกอย่างเช่นวัวเนื้อวัวนม เดี๋ยวฉันจะพาพวกเธอไปบ้านที่รับเป็นผู้ดูแลให้”


              “ขอบคุณครับเควิน”


               มิเกลกล่าวตอบสีหน้ายิ้มแย้ม เมื่อได้มาอยู่ใกล้ธรรมชาติเขาสดใสขึ้นมาก ทั้งคู่ตามเควินขึ้นรถกระบะคันใหญ่ย้อนกลับออกไปนอกที่ทำการวนอุทยานเพื่อไปยังชุมชนที่อยู่อาศัย ระหว่างทางผู้สูงวัยจึงกล่าวแนะนำบ้านโฮสให้รู้จักไปด้วย


              “บ้านที่ฉันฝากให้พวกเธออยู่ หลังแรกเป็นบ้านเจ้าของรีสอร์ทเชิงนิเวศแห่งเดียวในแถบนี้ เจ้าของเป็นชายหนุ่มที่พ่อของเขาเป็นหมออยู่ในเมือง แต่เพราะความรักธรรมชาติก็เลยมาลงทุนทำรีสอร์ทเล็กๆ ส่วนอีกหลังเป็นสัตวแพทย์ที่คอยดูแลการเลี้ยงสัตว์ส่งขายให้พวกชาวบ้าน ทั้งคู่มีความรู้พอจะดูแลพวกเธอได้ดีกว่าชาวบ้านคนอื่น”


               พักใหญ่รถของเควินจึงขับเข้าสู่เขตหมู่บ้าน และตรงไปยังรีสอร์ทเล็กๆที่มีห้องพักเพียงไม่กี่หลังอยู่บนเนินเขา   เมื่อเควินจอดรถลงที่บ้านหลังหนึ่งทั้งหมดจึงก้าวลงจากรถ เควินเดินตรงไปจับมือกับหนุ่มใหญ่คนหนึ่งที่เดินออกมาจากบ้านหลังใหญ่ที่สุด และเมื่อเคนกับมิเกลมองตามไปทั้งคู่ก็ต้องกลับมาสบตากันด้วยความแปลกใจ


             “เดี๋ยวนะ ไอ้หมอนั่นทำไมมันหน้าตาเหมือนไอ้เจ้าของแกลลอรี่ขี้เก๊กที่เราไปรับภาพวาดจังวะ”


            เคนอุทานออกมา และยิ่งมั่นใจเมื่อเจ้าของรีสอร์ทเดินกลับมาพร้อมเควิน


            “คุณไทเลอร์เป็นเจ้าของรีสอร์ทที่นี่ รู้จักไว้เสียสิ ฉันให้มิเกลพักกับคุณไทเลอร์ก็แล้วกันนะ”


             มิเกลยิ้มด้วยความยินดีเมื่อจะได้พักที่รีสอร์ทแห่งนี้ เผื่อว่าเขาจะได้สอบถามที่มาของศิลปินนามว่าลีโอน่าด้วย แต่คนที่ไม่ยินดีคือเคน เขาหมั่นไส้สายตาที่มองมายังเพื่อนของเขา มันเป็นสายตาแปลกๆในความคิดของเคน พูดจริงๆก็คือ เขาไม่ไว้ใจเลยหากมิเกลจะต้องอยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้ เพื่อนของเขาแม้จะเป็นผู้ชายแต่ก็เป็นโอเมก้ารูปร่างหน้าตาดึงดูดความสนใจเสียด้วย


              “ผมขออยู่ที่นี่ดีกว่าครับ”


             เคนเสนอตัวขึ้นมาทันควันท่ามกลางความแปลกใจ โดยเฉพาะไทเลอร์ที่เลิกคิ้วมองเขาด้วยความสงสัย


             “อันที่จริงเรารู้จักกันมาก่อนแล้วครับ ใช่ไหมครับมิสเตอร์ฮิวจ์ ไม่นึกว่าเจ้าของแกลลอรี่ในเมืองหลวงจะเป็นเจ้าของรีสอร์ทในเขตป่านี้ด้วย”


              ไทเลอร์ยกมุมปากยิ้ม แค่นั้นจริงๆ แต่ยิ่งทำให้เคนยิ่งหมั่นไส้มากขึ้นไปอีก


              “นอกจากศิลปะแล้วผมก็รักธรรมชาติด้วย ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไรสักหน่อยนี่”


             เคนยักไหล่ เขายิ้มตอบอีกฝ่ายด้วยอาการเดียวกัน


             “น่าชื่นชมด้วยซ้ำไปครับ พ่อของผมที่รักศิลปะเช่นเดียวกับคุณก็ได้ผลงานจากแกลลอรี่คุณไปหลายชิ้น เพราะอย่างนั้นผมขอรบกวนพักอยู่กับคุณเผื่อจะได้ปรึกษาเรื่องเหล่านี้ด้วยก็แล้วกันครับ”


            “ก็แล้วแต่คุณ ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว”


             คราวนี้ไทเลอร์เป็นฝ่ายยักไหล่บ้าง เควินเห็นดังนั้นจึงบอกให้เคนยกกระเป๋าลงจากรถ


             “เสนอตัวแทนกูทำไมเนี่ย มึงไม่ชอบหน้าเขานี่หว่า”


             มิเกลถามอย่างแปลกใจขณะช่วยเคนยกของ ส่วนเควินกำลังยืนสนทนากับไทเลอร์ เคนแค่นยิ้มขณะลอบมองเจ้าของบ้านที่เขาต้องมาอาศัยอยู่ด้วย


              “ไม่ไว้ใจแทนมึงไงมิเกล ไม่เห็นไอ้หมอนั่นมองมึงเหรอ สายตาแพรวพราวเหมือนหมาป่ามองลูกแกะ ให้กูอยู่ขัดคอเล่นดีกว่า”


             มิเกลส่ายหน้าขำความคิดมากของเพื่อน อคติทำให้เคนมองไทเลอร์ในแง่ลบ แต่เขาก็ไม่อยากขัดความหวังดีของเคน เมื่อยกกระเป๋าและอุปกรณ์ทำงานของเคนลงจากรถแล้วมิเกลจึงกลับขึ้นไปนั่งบนรถพร้อมกับเควินเพื่อจะไปบ้านพักของเขา ขับรถออกจากรีสอร์ทของไทเลอร์ไม่นานก็มาถึงบ้านสองชั้นขนาดใหญ่กว่าบ้านหลังอื่น เควินตรงเข้าไปกอดทักทายเจ้าของบ้านที่ออกมาต้อนรับด้วยความสนิทสนม


             “ว่าไงโทนี่ ฟลอเรีย”


            “สบายดีเควิน นายเองก็สบายดีนะ ยังดูแข็งแรงอยู่ฉันคงไม่ต้องไปรักษานายใช่ไหม”


             เจ้าของบ้านทักทายสหายวัยเดียวกัน ฟลอเรียยิ้มตามและกล่าวทักทายน้ำเสียงแจ่มใส เควินหัวเราะลั่นพลางตบบ่าเพื่อนเมื่อได้ฟังคำหยอกเย้า


            “นี่คนโว้ย ไม่ใช่วัวหรือม้าให้นายต้องมารักษา อ้าว มัวแต่ชวนคุย ยังไม่ได้แนะนำเด็กที่จะมาฝากไว้เลย มิเกลมานี่สิ”
มิเกลก้าวไปตามคำเรียก เขายื่นมือจับทักทายเจ้าของบ้านทั้งสองน้ำเสียงนอบน้อม


             “ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อมิเกล อาร์มันโดครับ ต้องขอรบกวนระหว่างทำวิจัยผลงานช่วงนี้ด้วยนะครับ”


             สองสามีภรรยารู้สึกถูกชะตากับมิเกลอย่างบอกไม่ถูก โดยเฉพาะฟลอเรียที่มองชายหนุ่มรูปร่างโปร่งบางหน้าหวานฉ่ำดวงตาสีฟ้าด้วยความเอ็นดู


             “อย่าเรียกว่ารบกวนเลยจ้ะมิเกล ทำตัวตามสบายเถอะนะ บ้านนี้ก็มีแค่ฉันกับโทนี่และลูกบุญธรรมอีกคนเท่านั้นเอง”
เควินสงสัยเมื่อได้ยินคำพูดของฟลอเรีย เขารู้ว่าทั้งคู่ไม่มีบุตรด้วยกัน แต่ตอนนี้กลับมีลูกบุญธรรมมาอาศัยอยู่ด้วย


              “ลูกบุญธรรม ใครกัน เด็กที่ไหนหรือ”


             เจ้าของบ้านยิ้มให้เพื่อนก่อนตอบคำถาม


             “ลูกของญาติต่างเมืองน่ะ เขายกให้เป็นพ่อแม่ทูนหัว เดี๋ยวจะแนะนำให้รู้จัก เลออง เลออง ออกมาหน้าบ้านหน่อย”


              ตะโกนเสียงดังเรียกสมาชิกใหม่ที่เพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ด้วยไม่เกินสัปดาห์ แต่ไม่มีเสียงตอบกลับหรือการเคลื่อนไหวอื่นใด โทนี่โคลงศีรษะด้วยความระอา


            “คงอยู่ที่คอกม้า ไอ้เด็กคนนี้มันชอบอยู่กับสัตว์”


            “ไม่เป็นไร” เควินรีบตอบ “ปล่อยเด็กมันไปเถอะ ชอบอยู่กับสัตว์ก็ดีแล้วแสดงว่าเป็นเด็กรักธรรมชาติ ฉันต้องกลับแล้ว อยู่นานกว่านี้ไม่ได้เดี๋ยวจะไปถึงอุทยานมืดเสียก่อน มิเกล หากมีปัญหาอะไรก็ให้โทนี่ติดต่อฉันได้นะ แถวนี้ไม่ค่อยมีคลื่นโทรศัพท์มือถือหรอก เราติดต่อกันด้วยโทรศัพท์บ้านหรือวิทยุเสียเป็นส่วนใหญ่”


            “ขอบคุณครับคุณเควิน”


             มิเกลยกกระเป๋ากับอุปกรณ์ทำงานของเขาลงจากรถแล้วเอ่ยคำล่ำลา เควินตะโกนเอ่ยคำลาเพื่อนก่อนจะขับรถจากไป โทนี่กล่าวกับเขาอย่างเป็นกันเอง


             “อยู่ที่นี่ทำตัวตามสบายไม่ต้องเกรงใจ บ้านหลังนี้สร้างแทนหลังเก่าก็เลยกว้างขวางกว่าเดิมเยอะ ฉันกับฟลอเรียพักอยู่ชั้นสอง ชั้นล่างมีห้องรับแขกกับห้องครัว ฝั่งหนึ่งเราเปิดเป็นคลินิกรักษาสัตว์ มีห้องผ่าตัดเล็กๆอยู่ด้วย รวมทั้งคอกม้ากับคอกวัวที่ป่วยก็จะกินพื้นที่เยอะหน่อย อีกฝั่งจะมีห้องพักสำหรับแขกไว้ เธออยู่ห้องนั้นก็แล้วกัน”


            โทนี่เดินนำมิเกลไปยังห้องพักที่เขาเอ่ยถึง โดยมิได้กล่าวว่าบุตรบุญธรรมของเขาพักอยู่ที่ไหน เมื่อเห็นห้องพักแล้วชายหนุ่มจึงยิ้มอย่างพอใจ ภายในเป็นห้องขนาดกะทัดรัดมีเตียงเดี่ยวปูผ้าสะอาดสะอ้านกับตู้เสื้อผ้าและโต๊ะทำงาน รวมทั้งพัดลมระบายอากาศและมีห้องน้ำอยู่ด้านนอกติดกับห้องนอน


            “ที่นี่ใกล้ป่า ถึงแม้กลางวันจะอบอ้าวไปบ้างแต่ตอนกลางคืนอากาศเย็นสบายจ้ะ”


             ฟลอเรียอธิบายเมื่อเห็นสายตาของมิเกล


             “พักให้หายเหนื่อยก่อนนะมิเกล อีกสักชั่วโมงค่อยออกไปกินอาหารเย็นด้วยกัน ตามสบายนะจ๊ะ”


             สองสามีภรรยาเดินออกจากห้องไปแล้ว มิเกลจึงค่อยบิดตัวคลายความเมื่อยขบที่ต้องเดินทางมาไกล เขาถอนหายใจเมื่อสงสัยว่าบิดาของเขาจะรู้หรือยังว่าลูกหายตัวไปจากบ้าน หากว่ารู้แล้วพอล อาร์มันโดจะรู้สึกเช่นไร ตกใจ เป็นห่วง หรือเพียงแค่โกรธที่เขาดื้อดึงไม่ยอมทำตามคำสั่งกันแน่


              ชายหนุ่มสลัดศีรษะเพื่อโยนความคิดเหล่านั้นทิ้งออกไปจากสมอง ตอนนี้ถือว่าเขามาเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้ว หากงานวิจัยสำเร็จเขาก็จะเรียนจบ มีงานดีๆมาจองตัวนักศึกษาระดับหัวกะทิในมหาวิทยาลัยชั้นนำตั้งแต่วันเรียนจบโดยไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีงานทำ


             ความคิดชะงักลงเมื่อเขารู้สึกว่ามีสายตามองตรงมายังเขา มิเกลกวาดสายตาไปทั่วห้องก่อนจะเดินไปที่หน้าต่าง เขาชะโงกมองออกไปด้านนอกก็พบแต่ความเขียวขจีของธรรมชาติ แต่ไม่เห็นเจ้าของสายตาที่เขารู้สึกได้


             “นั่นใคร”


             ลองเอ่ยปากออกไปแต่มีเพียงความเงียบสงบแทนคำตอบ มิเกลยักไหล่ให้กับความคิดมากของเขา อาจเป็นเพราะแปลกที่จึงรู้สึกเช่นนั้นไปเอง ระหว่างรอรับประทานอาหารเย็นเขาจึงใช้เวลาไปกับการจัดของเข้าที่ งานวิจัยต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนที่ต้องหาพันธุ์ไม้มาทดลองเพาะเนื้อเยื่อ เขากับเคนจำเป็นต้องเข้าไปในป่าเพื่อหาพันธุ์ไม้ที่ต้องการ



              มือเรียวชะงักการจัดเก็บข้าวของเข้าที่เมื่อโสตสัมผัสได้ยินเสียงกู่ร้องแปลกประหลาดแว่วดังอยู่ไม่ไกลจากตัวบ้านนัก แต่เมื่อตั้งใจฟังให้ชัดกลับเงียบหายไปคล้ายมันลอยไปกับสายลม มิเกลถอนหายใจเมื่อเขาคิดว่าหูของเขาคงแว่วไปเอง ชายหนุ่มดึงความสนใจมายังข้าวของในกระเป๋าแล้วรีบจัดของเข้าที่ให้เรียบร้อยก่อนที่จะออกไปยังโต๊ะอาหารเมื่อถึงเวลาที่ฟลอเรียบอกไว้









               “ตามเข้ามาสิ”


               เคนก้าวเข้าไปในบ้านสองชั้นสร้างจากไม้เนื้อแข็ง เมื่อก้าวไปด้านในก็พบกับห้องรับแขกเล็กๆที่มีเฟอร์นิเจอร์แบบคลาสสิคตั้งอยู่ เจ้าของบ้านที่เขาไม่ชอบหน้านักหันมากล่าวกับเขาด้วยน้ำเสียงแสนจะราบเรียบ


            “ทำตัวตามสบายก็แล้วกัน ผมอยู่บ้านหลังนี้คนเดียว แต่ว่าตอนเช้ามืดก็จะมีพนักงานของรีสอร์ทเข้ามาดูแลความสะอาดให้รวมถึงทำอาหารด้วย ด้านหลังเป็นห้องครัวสำหรับทำให้แขกที่มาพักรวมถึงผม รีสอร์ทนี้มีบ้านให้พักอยู่แค่ห้าหลังเท่านั้นเพราะผมไม่ต้องการให้มีนักท่องเที่ยวมากเกินไป”


              “แล้วผมต้องพักที่ไหน”


             “พักที่นี่ ห้องชั้นบนติดกับห้องของผม”


               “ให้ผมพักบ้านพักหลังอื่นก็ได้ ผมจะได้ไม่รบกวนคุณมากนัก งานของผมอาจจะต้องอยู่ดึกดื่นในบางวันคุณจะได้ไม่รำคาญ”


                “ห้องพักทุกห้องมีคนจองล่วงหน้ามาแล้ว เสียใจด้วยนะเคนที่คุณจำเป็นต้องอยู่กับผมถึงแม้ว่าจะไม่ชอบก็เถอะ”


               เคนนึกฉุนกับรอยยิ้มที่จุดขึ้นมาบนใบหน้านั่น เขาโมเมว่าเป็นรอยยิ้มเชือดเฉือนอารมณ์และเยาะหยันเมื่อเขาไม่ได้ดั่งใจ เขาเดินตามเจ้าของบ้านขึ้นมาบนชั้นสอง ไทเลอร์เปิดประตูหนึ่งในสองที่อยู่ติดกันให้เขา



                “นี่คือห้องของคุณ”


                แขกผู้มาเยือนก้าวเข้าไปมองสำรวจ ด้านในเป็นห้องเล็กๆที่มีเตียงไม้กับที่นอนตั้งชิดกับผนังฝั่งหนึ่ง อีกฝั่งมีประตูที่เคนเดาว่าน่าจะเป็นประตูห้องน้ำ เขาลองเปิดมันเข้าไปและพบว่าเป็นห้องน้ำจริงๆ แต่ที่แปลกใจคือกลับมีประตูเปิดได้ไปสู่อีกด้านหนึ่ง เขาเหลียวมามองไทเลอร์อย่างต้องการคำตอบ


               “นั่นประตูไปไหน”


             “ประตูไปห้องผม สองห้องนี้ใช้ห้องน้ำร่วมกัน”


             “หมายความว่าตอนที่ผมอาบน้ำอยู่ คุณก็สามารถเปิดประตูห้องน้ำมาจากห้องของคุณได้อย่างนั้นเหรอ”


            เคนเบิกตากว้างในขณะที่นัยน์ตาของไทเลอร์คล้ายกำลังขำขันทั้งที่ใบหน้าของเขาก็ยังสงบเหมือนเดิม


              “กลัวอะไร คุณก็ผู้ชายเหมือนผม ผมไม่ได้ต้องการจะดูอะไรคุณสักหน่อย เว้นเสียแต่ว่าคุณอยากให้ผมดู เอาล่ะ พักผ่อนเถอะ อีกสักชั่วโมงค่อยลงไปกินมื้อเย็นก็แล้วกัน”


             เจ้าของบ้านเดินจากไปแล้ว เคนรีบก้าวตามไปปิดประตูห้อง เขาทิ้งกายลงไปบนเตียงพลางมองเพดานด้วยความมึนงงกับชะตาของตัวเอง


             “ไอ้เคน มึงนะมึง เสือกหวังดีไปรับอาสาแทนเพื่อน”


            บ่นเบาๆกับสิ่งที่ตนเลือกมาเอง เขาภาวนาให้สิ่งที่กังวลคือเรื่องเพ้อเจ้อ เขาอาจจะคิดมากไปก็ได้ แต่กระนั้นเคนก็ต้องระมัดระวังอยู่ดี เขาจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเจ้าของบ้านหน้านิ่งคนนั้นเด็ดขาด ได้แต่บอกตนเองก่อนที่ดวงตาจะปิดลงเพราะความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางมาทั้งวัน





มีต่ออีกนิด...

หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 7 [28/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 28-05-2019 22:29:47
ิอ่านต่อตรงนี้....



             เมื่อได้ล้างหน้าล้างตาแล้วมิเกลก็รู้สึกสดชื่นขึ้น เขาออกจากห้องเดินไปยังโต๊ะอาหารตามเวลาที่เจ้าของบ้านแจ้งไว้ มองเห็นสามีภรรยาสูงวัยกำลังลำเลียงภาชนะใส่อาหารมาวางบนโต๊ะมิเกลก็รีบเสนอตัวช่วย


             “ให้ผมช่วยเถอะครับ”


             “อ้าวมิเกล มาสิ”


              ฟลอเรียชักชวนหน้าตายิ้มแย้ม หล่อนชอบใจอัธยาศัยของชายหนุ่มที่มาอาศัยที่บ้าน มิเกลรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาสะอาดสะอ้าน ผิวพรรณผุดผ่อง มองครั้งแรกก็รู้ว่าเขาต้องเป็นโอเมก้าแน่ๆ แถมยังเป็นโอเมก้าที่มีเสน่ห์เสียด้วย


            “วันนี้เราทำสเต็กกัน”


             กลิ่นเนื้อย่างหอมฉุยคลุ้งห้องครัวจนมิเกลน้ำลายสอ เดินทางมาทั้งวันจนใช้พลังงานไปเกือบหมด ท้องร้องอุทานจนเขานึกอายต้องหัวเราะออกมา ฟลอเรียหันมายิ้มด้วยความเอ็นดู


            “ตายจริง นี่คงหิวมากสินะ นั่งเลยจ้ะไม่ต้องมีพิธีรีตอง”


             “ขอบคุณครับฟลอเรีย”


             เขานั่งลงที่เก้าอี้ตัวหนึ่งของโต๊ะอาหาร ฟลอเรียจัดการเสิร์ฟเนื้อย่างขนาดกำลังพอดีใส่จานตรงหน้าก่อนจะหันไปหาสามี


            “คุณ ตามเลอองมาได้แล้ว วันนี้ไม่เห็นหน้าทั้งวัน สงสัยขลุกอยู่ที่คอกม้านั่นแหละค่ะ”


            โทนี่พยักหน้า เขาลุกไปทางประตูก่อนจะตะโกนเสียงดัง


             “เลออง มากินมื้อเย็นได้แล้ว วันนี้มีของชอบ”


             ชายสูงวัยผิวปากเสียงแหลม อีกไม่กี่วินาทีมิเกลจึงได้ยินเสียงฝีเท้าก่อนที่เจ้าของนามเลอองจะปรากฏกายขึ้นมาหน้าทางเข้า จังหวะเดียวกับที่เขาหันไปมองพอดี


              ราวกับโลกหยุดหมุนชั่วขณะเมื่อเขาได้สบตากับดวงตาสีเหล็กคู่นั้น แรงดึงดูดมหาศาลสะกดมิเกลไว้จนไม่อาจละสายตาหนี หัวใจพลันเต้นระรัวจนกลัวว่ามันจะทะลุออกมานอกทรวงอกได้ยามร่างสูงเดินตรงเข้ามาช้าๆทั้งที่ยังจ้องมองซึ่งกัน จนกระทั่งเจ้าของดวงตานั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับเขา


              “มิเกล นี่คือเลออง ลูกบุญธรรมของพวกเรา รู้จักกันไว้นะจ๊ะทั้งสองคน”


              เลออง!


              อยู่ๆชื่อนี้ก็ประทับเป็นรอยลึกอยู่ในตัวตนของมิเกล ทั้งที่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับคนคนนี้




                                                            TBC


                                                      เค้าเจอกันแล้วจ้า





                                                        :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4:







หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 7 [28/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 28-05-2019 22:38:11
ไรท์ทำไมตีดจบตรงนี้ ค้างงงงง :katai5: :katai4:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 7 [28/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 28-05-2019 23:13:19
เคนคู่กับไทเลอร์แน่เลย
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 7 [28/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: fammi50 ที่ 28-05-2019 23:21:26
จิ้นเคนกับคุณเจ้าของรีสอร์ท อิอิ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 7 [28/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 29-05-2019 04:01:07
 :mew1:   อยากให้ สามีเก่ากับเมียใหม่ของดีแลนถูกสั่งสอน.....ยึดสมบัติคืนเลย
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 7 [28/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 29-05-2019 06:19:23
เพียงแค่สบตา ^^
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 7 [28/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 29-05-2019 11:05:59
เมื่อพรหมลิขิตแล้วสัญชาติญาณก็ทำงาน โอ๊ยเด็กน้อย หนูอายุ15ก็ต้องมาเพ้อรักซะแล้ว
พากันเข้าป่าไปหาแม่เลย
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 7 [28/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 29-05-2019 23:38:07
เคนแพ้ทางไทเลอร์มาก ต้องเจอเอาคืนบ้างแหละ 5555

มิเกลเจอเลอองแล้ว แวบแรกสบตา ถึงกับมีอาการ
แต่เลอองจะรู้สึกแบบเดียวกันไหมนะ ไปแอบส่องเค้ามาแล้วด้วย

ใกล้เข้ามาอีกนิดแล้วนะมิเกล คงอีกไม่นาน จะได้เจอดีแลน
สงสารมิเกลนะ หนีออกมาได้ก็ดีแล้ว อย่าไปถามหาสิ่งที่ไม่เคยมีเลย
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 7 [28/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 30-05-2019 00:03:57
แน๊ะๆ มิเกล จะกินเด็ก
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 7 [28/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 30-05-2019 09:41:51
ง่าาา.. ไรท์ต้องรีบมาแล้วววคร่าาา..  :hao5:
หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 8 [02/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 02-06-2019 00:04:38



                                                             เจ้าป่า

                                                             บทที่ 8



               สายตาคมดุจธนูล่าเหยื่อจับจ้องอยู่แต่ผู้มาใหม่อย่างลืมตัว คนตรงหน้ารูปร่างเทียบกับเขาแล้วผอมบางสมควรกับคำว่าน่าทะนุถนอมในความคิด กรอบหน้าเรียวยาวดวงตาหวานเหมือนกวางที่เคยออกล่าเป็นอาหารกับกลุ่มสิงโตในฝูง คิ้วสีเดียวกับเส้นผมอ่อนนุ่มเรียงตัวกันเป็นระเบียบ เลอองมองไล่ลงมาถึงจมูกโด่งรั้นรับกับริมฝีปากกระจับสีแดงระเรื่อราวกับดอกไม้ป่า เจ้าตัวจำต้องละสายตาจากไปอย่างเสียดายเมื่อได้ยินพ่อบุญธรรมเรียกชื่อเขาเสียงเข้ม


              “เลออง!”


              “ครับ!”


              เข่าคนถูกเรียกชื่อกระแทกกับโต๊ะอาหารเสียงดังฟังชัดจนมิเกลเผลอหัวเราะยิ่งทำให้ใบหน้านั้นสดใสสว่างจ้า เลอองไม่อาจละสายตาจากความงดงามนั้นไปได้เลย


              “ไปจ้องพี่เขาแบบนั้นเสียมารยาทหมด ไอ้ลูกคนนี้นี่”


                “ไม่เป็นไรหรอกครับโทนี่ อย่าไปดุน้องเลย ชื่ออะไรนะครับ เลอองใช้ไหม”


               น้ำเสียงไพเราะยิ่งกว่านกในป่า หรือแม้แต่เพลงที่โทนี่เปิดให้ฟังเสียอีก เด็กหนุ่มวัยสิบห้าปีหมาดๆทำตัวไม่ถูกเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนแปลกถิ่น แถมตัวเองก็เพิ่งจะก้าวเข้าสู่สังคมมนุษย์เพียงไม่กี่วันนี้ เลอองทำได้เพียงรักษากิริยาอาการให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้


             “เอ่อ ครับ หนูชื่อเลออง


              “เลอองแม่บอกแล้วไง หนูน่ะเด็กๆเขาใช้กัน เราโตเป็นหนุ่มตัวใหญ่กว่าแม่อีก เลิกแทนตัวเองว่าหนูได้แล้วลูก”

   
                ฟลอเรียกลั้นยิ้มขณะสอนลูกบุญธรรม เจ้าตัวเงอะงะหน้าตาเหรอหราวางตัวไม่ถูก


               “ไหนแนะนำตัวกับพี่เขาซิว่าชื่ออะไร”


               ร่างสูงลุกขึ้นยืนทันควัน เขาจำได้ที่ฟลอเรียเคยสอนเวลาแนะนำตนเองกับผู้อื่น เลอองยื่นมือไปข้างหน้าก่อนกล่าวเสียงดังฟังชัด


               “ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อเลออง ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรครับ”


               การแนะนำตัวอย่างเป็นทางการจนมิเกลจำเป็นต้องลุกขึ้นยืนตามไปด้วย ชายหนุ่มยื่นมือไปจับกับมือใหญ่หนาที่หลังมือคล้ายมีขนยาวสีน้ำตาลอ่อนปกคลุมอยู่ เมื่อได้สัมผัสกับความอุ่นร้อนของอุ้งมือมิเกลถึงกับสะดุ้ง มันคล้ายมีกระแสบางอย่างวิ่งผ่านเข้าสู่มือเรียวของเขาก่อนจะวิ่งวนไปทั่วร่างจนร้อนวูบวาบ


              “เอ่อ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันเลออง ผมชื่อมิเกล”


             กลายเป็นเสียงตะกุกตะกักยามแนะนำตนเอง มิเกลนึกแปลกใจที่รู้สึกขัดเขินเมื่อสบตากับดวงตาของเด็กหนุ่มที่ตัวสูงกว่าเขาเกินฝ่ามือ บนศีรษะมีผ้าผืนใหญ่โพกปิดเส้นผมและใบหูไว้มองเห็นเพียงปลายผมสีน้ำตาลเข้มที่โผล่พ้นมาระต้นคอ เสื้อผ้าดูล้าสมัยไปนิดสไตล์เดียวกับชุดที่โทนี่ผู้เป็นบิดาบุญธรรมสวมใส่อยู่ จนเหมือนกับไม่ใช่เด็กวัยรุ่นตามสมัยนิยม


              “นั่งลงกันเถอะทั้งคู่เลย” ฟลอเรียหัวเราะเบาๆ “โทษทีนะจ๊ะมิเกล เลอองน่ะไม่ค่อยเจอผู้คนหรอก วันๆขลุกอยู่แต่
กับสิงสาราสัตว์ ก็เลยอาจจะดูแปลกๆไปสักนิด อย่าถือสาเลยนะ”


              อาหารเย็นเริ่มต้นขึ้น มิเกลดีใจที่เขาได้มาอาศัยอยู่กับเจ้าของบ้านที่มีจิตใจดีงามเช่นนี้ โทนี่กับฟลอเรียชวนเขาพูดคุยอย่างเป็นกันเองจนเริ่มสนิทสนม เขาได้กินสเต็กเนื้อที่อร่อยที่สุดในโลก ระหว่างนั้นคนนั่งตรงข้ามแทบจะไม่ได้กินด้วยซ้ำ ทุกครั้งที่มิเกลหันไปสบตาก็จะเห็นว่าเด็กหนุ่มจ้องมองเขาอยู่ และยิ่งทำให้หัวใจของเขาหวั่นไหว


            มันเป็นนัยน์ตาแสนแปลกประหลาด บ่งบอกถึงความมั่นใจในตนเองของเจ้าของ และสีเหล็กกล้านั้นมองมาทางมิเกลราวกับกำลังพิจารณา ไม่ได้จู่โจมทว่าคล้ายจับจองเป็นเจ้าของ ไม่ได้หื่นกระหายแต่แสดงความต้องการล้ำลึก มิเกลร้อนวูบวาบเหมือนตนเองเป็นกระต่ายป่าที่ถูกเจ้าป่าจ้องมอง จะตะปบเสียก็ได้แต่ไม่ทำ ซ้ำยังหยอกล้อด้วยการเฝ้ามองจนตัวสั่น


             เคร้ง!


              มีดหลุดจากมือกระทบจานกระเบื้องและกระเด็นตกพื้น มิเกลสะดุ้งจากภวังค์ที่เลอองกระชากเขาเข้าไปในนั้น รู้ได้ในทันทีว่าใบหน้าของตนเองตอนนี้คงแดงก่ำเพราะเขารู้สึกร้อนเห่อคล้ายเป็นไข้


                “ขอโทษครับ”


               หันไปกล่าวกับสามีภรรยาเจ้าของบ้าน เมื่อหันกลับมาอีกครั้งจึงเห็นว่าเลอองยื่นมีดส่งให้


              “ใช้มีดของผม”


             “เอ่อ ขอบคุณนะเลออง”


             จับด้ามมีดรับมาพร้อมกับสัมผัสที่ปลายนิ้วอีกครั้ง ชัดเจนว่าคล้ายมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านจริงๆ มิเกลหลบตามองเนื้อที่เหลืออยู่ไม่มากนักในจานตรงหน้า พลางเหลือบมองเลอองเป็นระยะ เด็กหนุ่มใช้มือทั้งสองหยิบชิ้นเนื้อขึ้นมากัดดังกร้วมก่อนจะใช้ฟันเขี้ยวฉีกเนื้อย่างไฟเข้าไปเคี้ยวในปากท่าทางน่าอร่อย


            “เอ้า เลออง ทำอย่างนี้ต่อหน้าพี่เขาได้ยังไงล่ะลูก”


            ฟลอเรียตกใจ มิเกลรีบหันไปกล่าวพร้อมรอยยิ้ม


           “ไม่เป็นไรครับฟลอเรีย ให้เลอองทำตัวตามสบายดีกว่า ไม่ต้องฝืนเพราะผมหรอกครับ”


            เมื่อมิเกลพูดจบเลอองจึงกัดเนื้อคำใหญ่อีกครั้ง มิเกลรู้สึกคล้ายกับว่าเขากลายเป็นเนื้อที่เลอองกำลังกัดเสียแล้ว ชายหนุ่มได้แต่นั่งใจเต้นรัวจนกระทั่งมื้ออาหารจบลง





                  อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่ชุดนอนจนสบายตัวมิเกลจึงยืนบิดกายอยู่ในห้อง คิดถึงเคนว่าตอนนี้เพื่อนสนิทกำลังทำอะไรอยู่ ลองใช้โทรศัพท์มือถือโทรหาสัญญาณก็มีน้อยนิดจนโทรหลุดๆหายๆ โทนี่บอกไว้ว่าเขาสามารถใช้โทรศัพท์บ้านโทรหาเคนได้ มิเกลคิดว่าเขาจะโทรหาเคนแค่นานๆครั้ง อย่างน้อยก็ตอนที่นัดหมายกันไปเดินป่าเพื่อเก็บตัวอย่างพันธุ์ไม้


               เก็บอุปกรณ์วิจัยเรียงกันบนโต๊ะทำงานเล็กๆภายในห้อง  อากาศยามราตรีเริ่มเย็นลงอย่างที่ฟลอเรียบอกไว้ ได้กลิ่นดอกไม้ป่าอบอวลตามลมจนต้องสูดกลิ่นของมันเข้าปอด มิเกลเดินไปที่หน้าต่างห้องเพื่อเปิดรับความบริสุทธิ์ที่คนในเมืองอย่างเขาน้อยนักที่จะได้สัมผัส เขาเริ่มหลงรักความเงียบสงบเช่นนี้เข้าเสียแล้ว


              เบื้องนอกหน้าต่างมีแต่ความมืด มีเพียงแสงไฟหน้าประตูรั้วพอให้มองเห็น ได้ยินเสียงวัวและม้าจากคอกดังแว่วเข้ามาแต่มิเกลกลับชอบ เขายืนยิ้มอยู่คนเดียวก่อนจะหาวออกมาเพราะความอ่อนเพลียจากการเดินทางมาทั้งวัน ร่างโปร่งเดินกลับมาที่เตียงเอนกายไปกับที่นอน แม้จะไม่นุ่มเหมือนห้องนอนที่บ้านแต่ก็สบายใจ ไม่ช้าความง่วงงุนที่มาเยือนทำให้มิเกลเข้าสู่นิทราจนลมหายใจสม่ำเสมอ


                เขาหลับสนิทจนไม่รู้เลยว่าที่หน้าต่างปรากฏร่างสูงปีนเข้ามาหา ปลายเท้าใหญ่แต่กลับแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยินยามจรดปลายเท้าย่องตรงเข้ามาทรุดกายนั่งข้างเตียง ดวงตาคมแวววาวในความมืดมิดผิดจากมนุษย์ผู้อื่นจ้องมองใบหน้าแสนหวานนั้นเขม็ง


                แม้ยามหลับใบหน้านี้ยังคงน่าชม แพขนตาหนาคล้ายแพดอกหญ้ายามฤดูร้อน จมูกโด่งปลายรั้นอย่างคนเด็ดเดี่ยว ปากกระจับน่าสัมผัสเสียเหลือเกิน


              กลิ่นกายที่มีกลิ่นสบู่อาบน้ำติดอยู่ยิ่งแปลก คล้ายคลึงกับมารดายามกระจายฟีโรโมนตอนฮีทจนเลอองได้แต่สงสัย เขานึกถึงความรู้ที่ดีแลนเคยสอนไว้ว่าในโลกนี้มีมนุษย์อยู่สามสายพันธุ์ อัลฟ่า เบต้า และโอเมก้า แม่ของเขาเป็นอย่างหลังสุดทำให้สามารถตั้งครรภ์ได้


             เลอองห้ามใจไม่อยู่ เขาใช้จมูกจ่อไปที่ผิวกายหอมกรุ่นแล้วสูดดมเข้าเต็มปอด พยายามไม่สัมผัสให้ถูกเนื้อต้องตัวเพราะเกรงอีกฝ่ายจะตกใจตื่นแล้วเกิดความเกรงกลัวต่อเขา ได้แต่เลื่อนใบหน้าสูดกลิ่นจนถึงกรอบหน้างดงาม ลมหายใจอุ่นร้อนของมิเกลยั่วยวนเขา ร่างกายวัยแตกเนื้อหนุ่มแข็งตึงไปทุกส่วนโดยพลัน เลอองห้ามใจไม่ไหวที่จะใช้ปากของเขาประทับไปที่ปากกระจับบนหน้าหวาน


             “อื้อ อะไรน่ะ”


              มิเกลสะดุ้งตื่น เขาไม่ใช่คนนอนขี้เซา แต่เมื่อลุกขึ้นมานั่งกลับไม่พบอะไรสักอย่างนอกจากผ้าม่านผืนบางที่หน้าต่างกำลังสะบัดพลิ้วเพราะสายลมยามดึก คิ้วโก่งขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจ


              “จะบ้าเหรอมิเกล คิดมากไปได้ ถ้ามีใครจริงจะหลบออกไปได้ยังไงเร็วขนาดนี้”


             มิเกลบ่นความคิดมากของตนเองก่อนจะเอนกายลงนอนอีกครั้ง โดยไม่รู้เลยว่าร่างที่ตื่นเต้นเพราะเขากำลังนอนตัวสั่นอยู่ที่คอกม้าเล็กๆอีกฝั่งของตัวบ้าน เหนือขึ้นไปบนชั้นลอยมีที่นอนทำจากฟางหญ้าอัดแข็งซึ่งใช้แทนเตียงสำหรับคนไม่คุ้นเคย เบื้องหลังดวงตาสีเหล็กมีแต่ภาพใบหน้าของมิเกลฉายอยู่ เลอองปวดตึงไปทั้งตัวโดยเฉพาะจุดนั้น เขาได้แต่ใช้มือนวดเฟ้นมันแต่กลับรู้สึกร้อนไปทั้งตัว เลอองหอบหายใจหนักก่อนจะคำรามออกมาเบาๆเมื่อน้ำเมือกสีขาวขุ่นพุ่งพรวดออกมาเป็นสาย ม้าหลายตัวหันมามองเขาด้วยความสงสัยจนเจ้าตัวสะบัดหน้าหนีเพราะความกระดากอาย


             “ไม่มีอะไรหรอกน่า นอนได้แล้วเจ้าพวกบ้า”


             ภาษาที่ไม่มีมนุษย์คนไหนฟังออกแน่ๆดังจากปากเด็กหนุ่ม คงมีแต่เขาที่เป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งสัตว์ป่าเท่านั้นที่สื่อสารกับสัตว์ได้ เลอองใช้แขนตนเองหนุนแทนหมอนดวงตาจ้องแต่หลังคา แปลกใจที่มนุษย์คนหนึ่งกำลังมีอิทธิพลต่อเขาเป็นอย่างมาก
เขาข่มตาให้หลับ และเมื่อหลับเขาก็เฝ้าแต่ฝันถึงใบหน้าของมิเกลตลอดทั้งคืน






มีต่ออีกนิด...



หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 8 [02/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 02-06-2019 00:12:26


อ่านต่อตรงนี้้...



             มิเกลตื่นนอนตอนเช้าด้วยความสดชื่น อากาศเย็นสบายทั้งคืนอย่างที่ฟลอเรียบอกจริงๆ เมื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดรัดกุมแล้วเขาจึงเดินออกไปที่ห้องครัว ฟลอเรียกำลังเตรียมอาหารเช้ากลิ่นหอมฉุย


             “อ้าว มิเกล ตื่นเช้าดีจริง มากินอาหารเช้าเร็วเข้า”


             “ขอบคุณครับฟลอเรีย โทนี่กับเลอองล่ะครับ”


              “สองพ่อลูกนั่นไปดูวัวที่บ้านครอบครัวโบลตันตั้งแต่เช้ามืดแล้ว เห็นบอกว่าวัวคลอดลูกไม่ได้ เสร็จธุระก็คงกลับมานั่นแหละ”


              มิเกลกล่าวขอบคุณเมื่อฟลอเรียเสิร์ฟอาหารเช้าให้เขา นั่งคุยสักพักจึงได้ยินเสียงรถยนต์จอดหน้าประตูรั้วจึงเดินไปพร้อมฟลอเรีย เมื่อเห็นว่าคนที่ยืนหน้ารั้วคือเคนเขาก็รีบแนะนำให้ฟลอเรียรู้จัก ทั้งหมดจึงเดินเข้ามาในบ้าน


              “เป็นไงบ้างอยู่กับมิสเตอร์ฮิวจ์”


               เขาถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง ส่วนฟลอเรียนั้นขอตัวไปทำงานบ้านแล้ว เคนยักไหล่เบ้ปากเลียนแบบไทเลอร์


              “ก็ไม่เป็นไง ไม่ได้คุยกันเท่าไหร่หรอก ชีวิตแทบไม่ต้องทำอะไรล่ะมั้ง บ้านก็มีแม่บ้านทำความสะอาด ทำอาหารให้สามมื้อ ห้องพักก็มีผู้จัดการดูแลอยู่ แต่เพิ่งรู้ว่าไอ้หมอนี่มันวาดรูปด้วยแฮะ”


               ตอนเช้าที่เคนลงมาจากชั้นสอง เขาเห็นแสงไฟจากห้องที่ชั้นล่าง เมื่อเดินไปดูเขาจึงเห็นไทเลอร์ยืนหันหลังให้ทางเข้า เบื้องหน้ามีแผ่นเฟรมวาดรูปตั้งอยู่และเจ้าตัวกำลังแต้มสีลงไป


               “มิน่าล่ะ เขาถึงมีแกลลอรี่ด้วย เพราะเป็นศิลปินนี่เอง แล้วลีโอน่าล่ะ เขาจะยอมบอกหรือเปล่าว่าเราจะพบลีโอน่าได้ที่ไหน”


              มิเกลนึกขึ้นได้ ว่าอีกจุดประสงค์หลักของเขาคือศิลปินผู้มีฝีมือคล้ายดีแลน เคนส่ายหน้าหมดความหวัง


             “คงไม่ได้คำตอบว่ะ แม่งก็ไม่ยอมง้างปากเลย อาจจะต้องรอให้เราอยู่ที่นี่นานหน่อยอาจจะพอยอมตอบล่ะมั้ง”


               บทสนทนาเงียบลงเมื่อโทนี่เดินเข้ามาในบ้าน มิเกลแนะนำเพื่อนสนิทให้เจ้าของบ้านรู้จัก


              “ตามสบายนะ ไปทำคลอดให้วัวมา เดี๋ยวขอไปหาอาหารเช้ากินก่อน”


              โทนี่เกือบจะเดินไปห้องครัวแล้วถ้าเสียงโทรศัพท์บ้านไม่ดังขึ้นเสียก่อน เขาเดินไปรับสายจนรู้ว่าคนที่โทรมาคือเควิน เจ้าหน้าที่ดูแลวนอุทยาน


               “ว่าไงเควิน อะไรนะ เจ้าหน้าที่ไม่มีใครว่างเลยเหรอ”


             โทนี่หันมาบอกมิเกลกับเคนว่า พนักงานที่อุทยานไม่มีใครว่างจะนำทางในป่าให้นักศึกษาทั้งสองเลย เคนกับมิเกลได้แต่สบตากันด้วยความหนักใจ


             “เอางี้ ให้เลอองพาไปก็แล้วกัน อะไรนะ ก็ลูกบุญธรรมฉันน่ะสิ เรื่องเดินป่านี่ถนัด มันเดินเหมือนป่าคือบ้านนั่นแหละ”


             โทนี่คุยกับเควินอีกพักจึงวางสาย หลังจากนั้นก็หันมาหาชายหนุ่มทั้งสอง


               “ฉันบอกเควินแล้วว่าถ้าไม่มีใครว่างพาเธอสองคนไปเดินป่าเก็บตัวอย่างงานวิจัยได้ ก็ให้เลอองพาไปแทน เขาอยู่แถบนี้มานานไม่มีทางหลงแน่นอน พวกพนักงานที่อุทยานจะได้ไม่ต้องหาใครมาทำงานนี้ด้วย เควินตกลง เขาจะเขียนหนังสือแต่งตั้งเลอองให้เป็นผู้ดูแลพวกเธอตามมาให้”


               โทนี่เดินออกไปหน้าบ้าน เขาตะโกนเรียกเลออง ไม่นานเด็กหนุ่มก็เดินเข้ามาโทนี่จึงบอกเรื่องงานที่จะให้ทำ


              “พาพี่ๆเขาไปในป่า ไปหาตัวอย่างต้นไม้ ระวังอย่าให้เกิดอันตรายด้วย ทำได้ไหมเลออง”


              เด็กหนุ่มร่างสูงวัยสิบห้าพยักหน้า วันนี้เขาอยู่ในชุดเสื้อผ้าคล้ายเดิม เสื้อสีทึมกับกางเกงทรงหลวมสีเข้ม และมีผ้าโพกศีรษะเหมือนเมื่อวาน


               “เลออง นี่เพื่อนของผมเองชื่อเคน เคน นี่เลอองเป็นลูกบุญธรรมของคุณหมอ”


                เมื่อมองเห็นท่าทีสนิทสนมของมิเกลกับเคน หน้าตาของเลอองก็พลันบึ้งตึงจนกลายเป็นดุ เคนสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นดังนั้น เขากระซิบถามมิเกลเบาๆด้วยความหวาดหวั่น


                “ทำไมหน้าดุจังวะ ตัวก็ใหญ่กว่ากูอีก มิเกล เด็กนี่จะไม่ฆ่าเราหมกป่าใช่ไหม”


               มิเกลยิ้มแห้ง เขาก็ไม่เขาใจเหมือนกันว่าทำไมเลอองต้องทำหน้าดุด้วย ร่างสูงสะบัดกายหันหลังให้ก่อนจะผินหน้ากลับมาส่งเสียงเข้มใส่ทั้งคู่


             “จะไปก็รีบไป เดี๋ยวแดดจะแรงเสียก่อน”


               มิเกลกับเคนได้แต่วิ่งตามแผ่นหลังกว้างนั้นไปที่รถกระบะคันเก่าของโทนี่ เลอองเหยียบคันเร่งกระชากตัวรถออกไปอย่างรวดเร็วด้วยความหงุดหงิด


                ให้ตายสิ เลอองไม่เข้าใจ ทำไมเขาต้องหงุดหงิด


                หงุดหงิดที่เมื่อคืนนอนไม่พอเพราะเฝ้าแต่คิดถึงใบหน้าของมิเกล หรือเพราะเห็นความสนิทสนมของมิเกลที่มีต่อบุรุษคนอื่นกันแน่





                                                                   TBC


                                                     เด็กมันยังหนุ่มยังแน่นอ่าเนอะ



                                           


                                               :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[









หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 8 [02/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Philosophy ที่ 02-06-2019 01:07:05
มีคนหึงงงงงง
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 8 [02/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 02-06-2019 10:14:43
 :mew1:  รอติดตามตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 8 [02/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-06-2019 18:34:25
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 8 [02/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 02-06-2019 19:55:43
หนูเลอองใจเย็นก่อนนะ
อย่าเพิ่งหึงโหด บรรยากาศเดี๋ยวก็เป็นใจเอง
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 8 [02/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 03-06-2019 06:26:17
เด็กหนอเด็ก  o18
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 8 [02/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 03-06-2019 08:31:43
เจ้าหนูเลอองงงงงง :hao6:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 8 [02/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 04-06-2019 12:07:08
เลอองเอ๊ยยย ซื่อเหลือเกิน :hao7:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 8 [02/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 07-06-2019 14:34:56
5555 ความรู้สึกที่ไม่เคยจับต้อง พอได้มาเจอ ปะทุเลยจ้า
เลออง วัยพลุ่งพล่าน กำลังคึกและไวต่อความรู้สึก

มิเกลน่าเอ็นดู แค่จ้องตาก็ติดใจ แค่สบตาก็ใจสั่น
จะไหวไหมล่ะนั่น ไม่ทันไรก็เสียจูบแรกแบบไม่รู้ตัวซะแล้ว

ตลกเคน บ้าบอไปเอง ไทเลอร์ยังไม่ทันทำอะไรเลย

ลุ้นว่า เลอองคนขี้หวง ทั้งที่ก็ไม่รู้ว่าหวงทำไม
จะพาไปสมบุกสมบันไหม หรือจะพาไปหาดีแลนบ้างหรือเปล่านะ
หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 9 [08/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 08-06-2019 20:41:05



                                                          เจ้าป่า

                                                          บทที่ 9



              มิเกลอธิบายให้เลอองฟังถึงแผนการที่เขากับเคนต้องเก็บพันธุ์ไม้ตัวอย่างเพื่อนำไปวิจัยระหว่างที่เลอองขับรถไปยังเขตป่า เลอองยังสงสัยเกี่ยวกับสิ่งที่ทั้งคู่กำลังทำอยู่


              “ทำไมต้องเก็บตัวอย่างต้นไม้ เอาไปทำอะไร”


              “ต้นไม้บางอย่างจำเป็นต่อเศรษฐกิจแต่โดยธรรมชาติมันไม่คงทน นักวิจัยพืชก็ต้องค้นหาว่าทำยังไงเราจะปรับปรุงให้มันดีไงล่ะ หรือบางทีก็ผสมพันธุ์ดอกไม้สวยๆให้มีพันธุ์ใหม่มากขึ้น”


               มิเกลนั่งคู่มากับเลอองในตอนหน้าของรถกระบะอธิบายให้ฟัง เด็กหนุ่มวัยสิบห้าส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย


              “พวกฝืนธรรมชาติ”


              “ก็ยอมรับนะเลอองว่าฝืนธรรมชาติจริงๆ แต่บางทีก็เป็นการดีที่จะทำให้ธรรมชาติเหล่านั้นอยู่กับเราไปอีกนานๆไม่ใช่เหรอ”


             เลอองไม่ได้ต่อความอะไรอีก เขาลอบมองเคนที่นั่งหลับอยู่เบาะหลังก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย


             “เขาเป็นผัวเหรอ”


            มิเกลถึงกับสำนักน้ำลายไอจนหน้าแดงเมื่อได้ยินคำถาม เขาหันไปมองเลอองกึ่งขำกึ่งขัดเคือง แต่เพราะฟลอเรียบอกมาก่อนแล้วว่าเลอองไม่ค่อยได้เข้าสังคมกับใคร คำพูดคำจาอาจจะระคายหูบ้าง มิเกลจึงไม่ถือสานัก


             “เลออง เขาไม่ใช่เอ่อ แฟนผม เราเป็นเพื่อนกัน เพื่อนน่ะ เข้าใจไหม”


             คนถามพยักหน้ารับ ก็คนไม่เคยมีเพื่อนนี่นะ เลยไม่รู้ว่าเพื่อนกันต้องสนิทกันแค่ไหน เพื่อนของเลอองก็มีแค่สิงโตหนุ่มในฝูงที่โตมาด้วยกัน หลายตัวมีลูกมีเมียไปหลายครอกแล้ว มีแต่เขานี่แหละที่ยังไร้คู่ และเมื่อได้ฟังคำตอบ จังหวะของหัวใจจึงเต้นรัวเบาๆ อารมณ์ขุ่นมัวจางหายไปหมด


              “จะค้างในป่ากี่วัน”


             “ช่วงแรกสักสองคืนก่อนไหม แล้วเอาตัวอย่างพันธุ์ไม้ไปเพาะเนื้อเยื่อก่อน”


              มิเกลและเคนเตรียมอุปกรณ์ค้างคืนในป่ามาแล้วอยู่ในกระบะท้ายรถ ทั้งเต็นท์และถุงนอนรุ่นใหม่ เสื้อผ้า อุปกรณ์ทำงาน ชายหนุ่มนึกขึ้นได้ว่าเลอองไม่ได้มีอะไรติดตัวมาสักอย่าง จึงได้เอ่ยถามอย่างแปลกใจ


              “แล้วเลอองไม่ได้เตรียมเสื้อผ้าข้าวของมาค้างในป่าเลยเหรอ”


              เด็กหนุ่มส่ายหน้า ความสดใสทำให้เขายิ้มออก ใบหน้าคมเข้มกลับสว่างจ้าจนมิเกลเผลอจ้องมองอย่างลืมตัว


            “ไม่ต้องมีอะไรหรอก ป่าก็เหมือนบ้านของผม มิเกลอยากอยู่นานแค่ไหนก็ได้”


             ไม่นานเลอองจึงจอดรถท่ามกลางเขตป่าที่มีต้นไม้ไม่หนาตานัก มิเกลปลุกเคนให้ตื่นขึ้น


             “เคนๆ หลับอะไรนักหนาวะ ตื่นได้แล้ว”


              “อ้าว ถึงแล้วเหรอ”


             ทั้งสามลงจากรถไปยืนบนพื้นดิน และยกกระเป๋าลงจากกระบะท้ายรถ


             “ต้องจอดรถไว้ตรงนี้ จากนี้ไปต้องเดินเท้าเพราะรถเข้าไปไม่ได้แล้ว”


            “แล้วรถไม่หายเหรอเลออง”


             เคนถามด้วยความแปลกใจที่เลอองกล้าทิ้งรถไว้ที่นี่ เจ้าถิ่นส่ายหน้าทันที


            “ไม่หายหรอก ใครจะกล้ามาขโมยไป”


             เลอองพามิเกลกับเคนมาห่างจากบ้านไม้หลังเล็กที่ดีแลนอาศัยอยู่พอสมควร เขาไม่อยากให้ใครไปรบกวนมารดา ความเป็นอยู่ของครอบครัวยังคงต้องปิดเป็นความลับ ดีแลนเคยอธิบายให้เขารับรู้แล้วว่าครอบครัวของเขาไม่ใช่เรื่องปกติอย่างคนทั่วไป ไม่มีใครสมสู่กับสัตว์จนมีลูกเช่นเขา เลอองอาจเป็นคนเดียวของโลกที่มีต้นกำเนิดพิสดาร และถ้าหากใครรู้เรื่องพวกนี้อาจนำไปซึ่งความวุ่นวายในวันข้างหน้า


             การเดินทางวันแรกไปได้ไม่ไกลนัก เพราะทั้งมิเกลกับเคนแวะเก็บตัวอย่างพันธุ์ไม้หายากตามรายทาง ทั้งคู่ดูตื่นเต้นกับความสมบูรณ์ของป่าไม้ ส่วนเลอองนั้นช่วยแบกอุปกรณ์นอนป่าและปล่อยให้ทั้งสองสนุกสนานไปกับการทำงานจนกระทั่งบ่ายคล้อย


            “เราต้องหาที่พักค้างแรมแล้วก่อนตะวันจะตกดิน”


            เลอองเลือกที่ราบไม่ไกลจากลำธารเล็กๆ เขาช่วยมิเกลกับเคนกางเต็นท์ที่ทั้งคู่เตรียมมา เด็กหนุ่มก่อกองไฟจากกิ่งไม้แห้งประเดี๋ยวเดียวไฟก็ติด


            “เดี๋ยวมานะ”


            กล่าวเช่นนั้นก่อนจะก้าวหายไปทางลำธารทิ้งให้มิเกลอยู่กับเคนตามลำพัง


            “ทำไมอยู่ๆอารมณ์ดีได้วะ ตอนเช้าหน้าหงิกเหมือนจะหักคอเราได้”


             เคนเอ่ยถามเมื่อเจ้าตัวที่พูดถึงไม่อยู่ด้วย มิเกลหน้าร้อนวูบวาบเมื่อคิดถึงคำถามของเลอองเมื่อยามสาย


            “ช่างเขาเถอะน่า อารมณ์ดีก็ดีแล้วไง การเดินทางจะได้ราบรื่น”


            เคนพยักหน้า เขาง่วนอยู่กับการเก็บพันธุ์ไม้ไว้ในซองใส


           “ว่าแต่เดินทางมาทั้งวันยังไม่เห็นสัตว์ใหญ่เลยนะ เห็นคุณเควินคุยไว้นักหนาว่าสัตว์ป่าชุกชุมไง”


            “แล้วมึงจะพูดถึงทำไมเนี่ย” มิเกลเท้าเอวมองหน้าเพื่อน “มันไม่มาให้เห็นก็ดีแล้วไง หรืออยากเจอสิงโตคาบไปเคี้ยวเล่น”


               เคนส่ายหน้าพรืดก่อนจะหันไปทำงานต่อ ไม่นานเลอองก็กลับมาพร้อมกับปลาตัวเขื่องหลายตัวจากแม่น้ำที่เขาไปจับมา


            “โห เลออง เก่งจัง”


            คนถูกชมยิ้มแก้มปริ เขาจัดการปลาโชคร้ายให้มันกลายเป็นอาหารเย็นแสนโอชะของทุกคน


            “จะไปอาบน้ำที่ลำธารก็ได้นะ ผมพาไปเอง”


            “แล้วของพวกนี้ล่ะเลออง”


             มิเกลเป็นห่วงข้าวของที่ขนมา เลอองจึงพูดให้เขาสบายใจและแปลกใจไปพร้อมกัน


            “ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่มีสัตว์ตัวไหนเข้ามายุ่งหรอก”


             ร่างสูงเดินนำไปยังลำธาร มิเกลกับเคนเบิกตากว้างเมื่อพบกับความงดงามของธรรมชาติในป่าใหญ่ เลอองนั่งรออยู่ไม่ไกลนักเมื่อเขาปล่อยให้เพื่อนสนิททั้งสองเล่นน้ำในลำธารใสอย่างสนุกสนาน


             “เลออง มาเล่นน้ำด้วยกัน”


             เคนตะโกนเรียก เลอองส่ายหน้า


            “เล่นไปเถอะ ผมไม่อาบน้ำ”


            เลอองถอดเสื้อผ้าให้ใครเห็นรูปร่างแท้จริงของเขาไม่ได้ เมื่ออยู่กับมนุษย์คนอื่นเลอองต้องโพกผ้าที่ศีรษะปิดบังใบหูแหลมของเขา และยังต้องใส่กางเกงทรงหลวมเพื่อเก็บหางปลายพู่ไว้ และจะถอดเสื้อผ้าให้เห็นแผงอกที่เต็มไปด้วยขนสีน้ำตาลไม่ได้เช่นกัน


            คิดอะไรเพลินๆอยู่ พลันเลอองก็สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเอะอะของเคน เขารีบพุ่งตัวไปที่ริมลำธารทันที ทั้งเคนและมิเกลกำลังตกตะลึงเมื่อเห็นงูขนาดใหญ่ที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้ชูคอใส่พวกเขา เลอองที่เพิ่งมาถึงส่งเสียงขู่ฟ่อออกมา มันเป็นเสียงประหลาดที่มิเกลไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ระหว่างนั้นเขาไม่มีเวลาคิดมากเพราะงูอยู่ใกล้เขาที่สุด


             เลอองจ้องตากับงูไม่ยอมหลบ เขาย่างสามขุมเดินตรงเข้าไปหา งูตัวใหญ่เปลี่ยนเป้าหมายมาทางเขาเมื่อถึงระยะจู่โจมมันจึงฉกวูบเข้าหา เลอองส่งเสียงคำรามก่อนจะกระโจนคว้าคองูตัวนั้นไว้ทันควัน ท่ามกลางเสียงอุทานด้วยความตกใจของมิเกลและเคน เลอองกดคองูลงกับพื้นนานพอจนมันแน่นิ่งเขาจึงปล่อยมัน เคนถึงกับส่งเสียงร้องชื่นชม


              “โอ๊ย เก่งจังโว้ย เกิดมาเพิ่งเคยเห็นคนสู้กับงู อ้าวเฮ้ย เลือดออกนี่หว่าเลออง”


             ตอนนั้นเองที่มิเกลเพิ่งได้สติ เข้ารีบก้าวเข้ามาหาและมองอย่างสำรวจ ต้นแขนของเลอองมีรอยเลือดไม่ใหญ่นัก แต่มันก็สร้างความเป็นห่วงให้มิเกลจนอดแปลกใจตัวเองไม่ได้ เขาเอื้อมมือไปแตะที่บาดแผลแผ่วเบา


              “เลออง เป็นไงบ้าง เจ็บหรือเปล่า แล้วนี่พิษงูมันจะเข้าไปในตัวไหมเนี่ย”


              มองเห็นสีหน้ากังวลของมิเกลแล้ว เลอองก็อดยิ้มไม่ได้ หัวใจของเขาหวั่นไหวไปกับความอ่อนโยนของชายหนุ่มที่เพิ่งรู้จักกันแค่วันเดียว เลอองวางมือแนบไปกับหลังมือของมิเกลพลางเอ่ยเสียงนุ่มอย่างที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน


            “แผลนิดเดียวแค่ถากไปเท่านั้น พิษงูยังไม่ทันออกมาจากเขี้ยวหรอก ขอบคุณนะที่เป็นห่วง”


           ตอนนั้นเองที่มิเกลเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองแสดงออกมากเกินไป หน้าหวานแดงก่ำเห็นชัดแม้แสงแดดจะโรยราไปแล้วแล้ว เขาดึงมือออกมาด้วยความขัดเขิน


             “ก็ต้องเป็นห่วงสิ เลอองเป็นนายพรานนำทางนี่ ถ้านายพรานเป็นอันตรายพวกผมจะกลับบ้านยังไง”


             “แหม” เสียงเคนดังขึ้นขัดคอ เขาพูดกลั้วเสียงหัวเราะ  “กลัวกลับบ้านไม่ถูกจริงเหรอว้า กลัวแค่นั้นต้องทำหน้าแดงด้วยเหรอ”


            เคนกับมิเกลสนิทกันมาหลายปี อาการกระดากอายของมิเกลเขาจึงดูออก มิเกลหันไปมองเพื่อนด้วยความหมั่นไส้


            “เก็บปากเอาไว้แปรงฟันเหอะเคน พูดมากน่ารำคาญจริง กลับกันได้แล้วเดี๋ยวก็มืดมองไม่เห็นทางพอดี”


             มิเกลสะบัดหน้าหนีพลางเดินนำกลับไปยังที่เดิม เคนหัวเราะตามหลังพลางตบบ่าเด็กหนุ่มที่เกือบจะสูงกว่าเขาแล้ว


            “ชอบเพื่อนพี่เหรอไอ้น้อง ทำดีกับพี่ไว้นะ พี่จะได้เชียร์ รับรองทางสะดวก”


             เลอองหัวเราะเบาๆเขาได้แต่เดินตามหลังกลับไปยังที่ตั้งเต็นท์  เมื่อไปถึงมิเกลก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วหนีเข้าไปในเต็นท์ของเขา เคนส่งเสียงแซวเพื่อนทันที


            “มิเกล มึงจะรีบนอนไปทำไม ออกมานั่งดูดาวกับกูก่อนสิ แค่เขินไม่เห็นต้องหนีเข้าไปในเต็นท์นี่หว่า ฮ่าๆ”


            ได้ยินเสียงมิเกลสบถเบาๆก่อนโต้ตอบเพื่อน


            “กูเหนื่อย กูง่วง ไม่ได้นอนหลับบนรถมาตลอดทางเหมือนมึงนี่ อยากดูดาวก็ดูไปคนเดียวเหอะ กูจะนอน”


            เคนหัวเราะชอบใจ เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเขาจึงหันมาหาเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่หน้ากองไฟที่เริ่มหรี่แสง


            “เลออง แล้วนายจะนอนไหน”


            “อย่าห่วงผมเลย ผมนอนแถวนี้แหละ คุณเข้าไปพักในเต็นท์เถอะพรุ่งนี้ต้องทำงานอีก”


           เคนพยักหน้า จากนั้นจึงเข้าไปในเต็นท์อีกหลังที่เป็นของเขา เลอองนั่งเขี่ยไฟในกองฟืนอีกพักหนึ่งจึงเอนกายไปกับพื้นดินแล้วแหงนหน้ามองดวงดาวดารดาษบนท้องฟ้าสีดำสนิท


             ดาวก็เป็นดาวดวงเดิมๆที่เขาเคยเห็นมาแต่จำความได้ หากแต่วันนี้ดวงดาวทั้งหลายคล้ายแปลกออกไป ยิ่งจ้องก็ยิ่งวาบหวามในอก เลอองหันไปมองเต็นท์ของมิเกลพลันใบหน้าปรากฏรอยยิ้มโดยไม่รู้ตัว





มีต่ออีกนิด...



หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 9 [08/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 08-06-2019 20:50:54
อ่านต่อตรงนี้.....


               เวลาผ่านไปจนได้ยินเสียงกรนเบาๆของเคนดังออกมา เลอองหันไปจ้องมองประตูเต็นท์ที่เปิดออก ร่างโปร่งบางก้าวจากเต็นท์เดินตรงมาที่เขา เลอองลุกขึ้นนั่งมองสบตากับมิเกลที่นั่งลงข้างๆ


             “แผลเป็นยังไงบ้าง เจ็บไหม”


              เสียงเล็กไม่ดังนักแต่มันก้องเข้าไปในหัวใจของเลออง เขาเผยรอยยิ้มที่ไม่มีใครเคยเห็น


            “ถ้าผมเจ็บ มิเกลจะทำยังไงให้หายเจ็บล่ะ”


              มิเกลเม้มปาก เขาเบนหน้าหนีไปทางอื่นเมื่อความขัดเขินแล่นมาเป็นริ้ว ก่อนที่เขาจะพ่นลมหายใจออกมาพลางดึงแขนของเลอองให้หงายขึ้น


            “ไหนมาดูซิ แผลอักเสบหรือเปล่า”


            แผลแห้งไวมากจนมิเกลแปลกใจ อาจเป็นเพราะเลอองเป็นเด็กหนุ่มแข็งแรงกว่าคนอื่น เมื่อเห็นดังนั้นจึงคลายกังวลไปได้บ้างจนคลายมือจากการเกาะกุม หากแต่เลอองกลับฉวยมือนุ่มมากุมไว้


           “จะนอนแล้วหรือ นั่งดูดาวด้วยกันไหม”


           น้ำเสียงทุ้มนุ่มชวนฟัง ไม่ได้บังคับแต่มิเกลกลับไม่กล้าลุกหนี เขานั่งนิ่งไหล่ชิดกับบ่ากว้างพลางเงยหน้ามองแสงระยิบระยับบนผืนพรมสีดำ


            “ดาวตก!”


            มิเกลอุทานด้วยความตื่นเต้น เพราะความที่อยู่ในเมืองมาโดยตลอด เขาไม่เคยมองเห็นดวงดาวชัดๆเช่นนี้มาก่อน เขาหันไปหาเลอองหวังจะชักชวนเด็กหนุ่มให้มองตาม หากแต่คำพูดทั้งหลายกลับชะงักเมื่อได้สบตากับเลออง


           อา...ดวงตาสีเหล็กกล้ากลับส่องสว่างในยามราตรีที่มืดสนิท สะท้อนแสงส้มแดงริบหรี่จากกองไฟจนสกาวยิ่งกว่าแสงดาวบนท้องฟ้า ดวงตาคู่นี้กำลังสะกดให้มิเกลลืมทุกอย่างบนโลกใบนี้ มิเกลไม่รู้ตัวเลยว่าช่องว่างของใบหน้าระหว่างเขากับ เลอองนั้นใกล้เข้าหากันราวกับมีแรงดึงดูด จนกระทั่งรับรู้ของลมหายใจอุ่นที่เป่ารดยามแนบชิด ความร้อนรุมของริมฝีปากแห้งผากที่บรรจบลงมากับกลีบปากของเขา


              มิเกลตัวสั่น คล้ายอยากจะหลีกหนีแต่ก็ไม่ใช่ สัมผัสนั้นไม่ได้จู่โจมแต่ก็ไม่ได้บางเบาเมื่อเลอองกำลังเรียกร้องให้เขาตอบโต้ เพียงแค่มิเกลยอมเผยอริมฝีปากออกนิดเดียวก็เท่ากับยอมให้ลิ้นร้อนได้ซุกไซ้เข้ามา เพียงแค่ไม่กี่วินาทีแต่หัวใจของมิเกลกลับเต้นรัวปานจะทะลุออกมาได้


              “อึก”


             เกือบจะสำลักอากาศเมื่อลิ้นร้อนยอมผละออกช้าๆ กลิ่นกายสาบหนุ่มของเลอองดึงสติของมิเกลจนมันขาดกระจัดกระจาย มิเกลหลับตาเรียกความเป็นตัวเองกลับคืนอย่างยากลำบากกว่าจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เพิ่งเห็นว่าตนเองนั้นวางมืออยู่บนบ่าและเป็นฝ่ายรั้งร่างสูงให้แนบชิดอีกด้วย


             “เอ่อ ดึกแล้ว ผมง่วงนอน”


               มือร้อนที่วางแนบอยู่ตรงเอวคลายออกให้อิสระ มิเกลเม้มริมฝีปากที่คล้ายร้อนเห่อ เลอองไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียวมีเพียงสายตาที่มิเกลไม่กล้าแปลความหมาย มือเรียวดันไหล่กว้างออกช้าๆก่อนที่เขาจะกลืนน้ำลายแล้วลุกหนีเดินกลับเข้าไปในเต็นท์ ร่างโปร่งซุกตัวเองเข้าสู่ถุงนอนพลางนอนตะแคงคุดคู้ มิเกลใช้ปลายนิ้วลูบไล้ริมฝีปากตนเองด้วยความหวามไหว


               “บ้า มิเกล รู้จักกันแค่วันเดียวก็ยอมให้เขาจูบแล้ว ไอ้คนใจง่าย”


             ต่อว่าตนเองพลางหลับตาแน่น พยายามขับไล่ความอ่อนไหวแต่ช่างยากเย็นนัก


             “โอ๊ย แล้วแบบนี้จะหลับลงได้ไงวะ”


            บ่นพึมพำจนต้องหยุดเมื่อได้ยินเสียงประตูเต็นท์เปิดออก เขานอนตัวแข็งเมื่อรู้สึกได้ถึงไออุ่นที่แนบชิดอยู่กับแผ่นหลังของเขา แม้ว่าจะมีถุงนอนกางกั้นก็ยังรู้สึกได้


           “ข้างนอกอากาศเย็น ผมนอนในเต็นท์ด้วยคนนะ”


             รู้สึกหนักที่กลางลำตัวเมื่อท่อนแขนวางพาดลงมาก่อนกระชับเข้าหาตัว ไออุ่นนั้นไม่ได้รุกเร้ามากไปกว่านี้จนในที่สุดมิเกลก็เริ่มสงบลงได้ เขาปล่อยให้วงแขนนั้นกอดเขาไว้จนกระทั่งหลับไปกับความอบอุ่นตลอดทั้งราตรี




                                                           TBC


                                                  ชั้นว่านะ มันไวไฟกันทั้งคู่เลยว่ะ


                                                                      :m12: :m12: :m12: :m12: :m12: :m12: :m12:




หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 9 [08/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 08-06-2019 21:16:53
 o1 ลุ้นจังเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 9 [08/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 08-06-2019 22:05:15
สนับสนุนให้ได้กันก่อนค่อยศึกษาดูใจ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 9 [08/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 08-06-2019 22:44:03
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 9 [08/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 09-06-2019 01:19:17
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 9 [08/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 09-06-2019 14:44:02
ทั้งคู่แหละ 555
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 9 [08/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 09-06-2019 21:35:53
อ๊ายๆ กระแซะๆ เข้ามาซิ ตอนหน้าขอแบบจัดหนัก จัดเต็ม
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 9 [08/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 10-06-2019 06:24:22
 :hao3: ไม่น่ารอดค่ะ 5555
มิเกลพร้อมใจมาก ยินยอมแบบไม่มีขัดขืน
เอ็นดูคำถามเลออง ซื่อตรง ชัดเจน ตรงเผง

เคนอย่าเชียร์เลย ไม่ทันแล้ว
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 9 [08/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 10-06-2019 15:07:24
ไม้เรียวในมือแม่สั่นแล้วเลออง
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 9 [08/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 10-06-2019 16:50:31
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 9 [08/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 10-06-2019 20:46:56

เรื่องนี้คือดีงาม….   :impress3:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 9 [08/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 11-06-2019 01:26:33
ติดตามจ้า~
หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่10 [22/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 22-06-2019 00:50:49



                                                             เจ้าป่า

                                                            บทที่ 10



             เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาในยามเช้าตรู่ มิเกลลุกนั่งบิดขี้เกียจก่อนจะสูดหายใจนำอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดสร้างความสดชื่น และเมื่อหันไปมองด้านข้างจึงรู้ว่าคนที่นอนกอดเขาไว้ทั้งขึ้นกลับหายไปเสียแล้ว ชายหนุ่มออกไปนอกเต็นท์จึงเห็นว่าความมืดยังปกคลุมโดยรอบ ขอบฟ้าฝั่งตะวันออกเริ่มมีสีสันของดวงอาทิตย์ให้มองเห็น จุดที่ก่อกองไฟและดับมอดไปเมื่อราตรีที่ผ่านมากลับสว่างไสวด้วยไฟร้อนอีกครั้ง มีเพื่อนสนิทนั่งดื่มกาแฟกลิ่นหอมฉุยอย่างอารมณ์ดีอยู่ไม่ไกลนัก


            “ตื่นนานแล้วเหรอ”


              มิเกลก้าวไปหาเคนที่พยักหน้ารับ เพื่อนสนิทรินกาแฟในกระติกน้ำเก็บความร้อนลงในแก้วแล้วส่งให้มิเกลรับไป


            “แต่ก็ช้ากว่าเจ้าเด็กเลออง ตื่นมาก็เห็นเขากำลังจุดไฟต้มน้ำให้ ไอ้หมอนี่ใช้ชีวิตในป่าคล่องเหมือนเป็นบ้านตัวเองอย่างที่บอกจริงด้วย”


            “แล้วนี่ไปไหนเสียล่ะ”


             มองหาร่างสูงใหญ่ทั้งที่อายุเพิ่งผ่านพ้นสิบห้าปีไม่นาน เคนหัวเราะเบาๆอย่างรู้ทัน


             “อะไรวะ นอนกอดกันมาทั้งคืน เขาตื่นหนีออกจากเต็นท์ตอนไหนก็ยังไม่รู้”


             มิเกลหน้าร้อนเห่อ เขาคว้าก้อนดินใกล้มือขว้างใส่เพื่อนสนิทที่เอ่ยปากแซวจนเคนต้องรีบหลบพลางหัวเราะลั่น


            “เอ้า เขินอีก มิเกลเอ๊ย เห็นกูเข้าเต็นท์ไปนอนก่อนแล้วจะไม่รู้หรือวะ ว่าเพื่อนสปาร์กกับนายพรานนำทาง อย่างว่าแหละ ทั้งสูงยาว กล้ามเป็นมัด เท่จนกูยังชอบ มีหรือที่โอเมก้าน้อยของกูจะไม่ติดใจ ฮ่าๆๆ”


              “พูดมากว่ะ อย่ามาเชียร์หน่อยเลย ติดใจอะไรเล่าเพิ่งรู้จักกันไม่นานเอง”


             คนถูกเพื่อนแซวรีบตอบโต้เพราะความกระดากอาย แต่เคนก็ยังไม่เลิกคุยเรื่องนี้


            “แล้วไง รู้จักกันไม่กี่วันปิ๊งกันไม่ได้เหรอวะ เขาเรียกพรหมลิขิตโว้ย ก็อัลฟ่าโอเมก้าของพวกมึงมันมีไม่ใช่เหรอ ไอ้ที่เจอกันแล้วรู้ว่าเป็นคู่แท้น่ะ มึงไม่รู้สึกแบบนั้นกับเลอองบ้างเหรอ”


             มิเกลนิ่งงัน คิดถึงวินาทีแรกที่ได้สบตาและหัวใจที่สั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ยอมรับว่าที่เคนพูดมาไม่มีอะไรผิด และยิ่งได้จูบกันเมื่อคืนนี้ก็ยิ่งทำให้มั่นใจว่าเลอองเองก็ชอบเขา แต่ว่าเรื่องความเป็นคู่แท้มันต้องเกิดขึ้นกับผู้ที่เป็นอัลฟ่ากับโอเมก้าเท่านั้น สีหน้าของมิเกลทำให้เคนมองออกว่าเพื่อนกำลังคิดมาก


              “นี่มันสมัยไหนแล้ว คิดมากอะไรกับเรื่องระยะเวลา ชอบก็บอกว่าชอบแค่นั้นไม่เห็นต้องปิดกั้นตัวเองเลย มึงชอบใครก็เปิดโอกาสให้ตัวเองมีความสุขบ้างสิ หรือว่าอยากกลับไปอยู่กับตาแก่รัฐมนตรีที่พ่อกับแม่เลี้ยงหาให้”


            คำเตือนสติของเคนทำให้มิเกลยิ้มออกมาได้ เพราะแบบนี้เคนจึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดมาตลอดหลายปี


           “ทีเลอองนี่มึงเชียร์จัง แล้วมิสเตอร์ฮิวจ์ล่ะ ทำไมไม่เชียร์เขาแบบนี้บ้าง นั่นก็หน้าตาดี ฐานะระดับเศรษฐีเลยนะ”


            “โอ๊ย” เคนส่ายหน้าเมื่อเพื่อนกล่าวถึงไทเลอร์ ฮิวจ์ “ไอ้หมอนั่นโคตรขี้เก๊ก คงคิดว่าตัวเองทั้งหล่อทั้งรวย เฮอะ ชอบปั้นหน้าหยิ่งๆแล้วเหยียดยิ้มใส่คนอื่น คนแบบนั้นใครได้ไปคงเหมือนมีแฟนเป็นหุ่นขี้ผึ้ง”


             มิเกลหัวเราะลั่นเมื่อเห็นเคนเก๊กหน้าเลียนแบบไทเลอร์ เสียงสนทนาหยุดลงเมื่อเลอองเดินกลับมาพร้อมกระต่ายป่าตัวหนึ่ง เขาถอนขนและทำความสะอาดอย่างที่มารดาเคยสอน ดีแลนบอกว่ามนุษย์ไม่ได้กับเนื้อสัตว์ดิบๆ อาหารต้องผ่านกระบวนการปรุงรสกับความร้อนจนสุก และยังสอนให้เลอองปิ้งย่างเนื้อสัตว์อีกด้วย


           “อาหารเช้า”


           พูดสั้นๆก่อนจะใช้กิ่งไม้เสียบเข้าที่ลำตัวของกระต่ายป่าและนำไปย่างไฟที่เขาจุดขึ้นมาใหม่ เมื่อแรกเห็นมิเกลกับเคนก็ยังทำหน้าแหยงๆ แต่เมื่อกลิ่นหอมอบอวลลอยเข้าจมูกท้องก็เริ่มร้องประท้วง ไม่นานเลอองจึงส่งเนื้อกระต่ายย่างสดๆส่งให้ทั้งคู่


            “อร่อย เนื้อกระต่ายย่างสดๆ หอมกลิ่นฟืนด้วย เลอองเก่งจัง”


             คนชิมกล่าวด้วยความตื่นเต้น สีหน้าสดใสสะท้อนกับท้องฟ้าสีส้มในยามอรุณรุ่ง ทำให้เลอองเผลอมองไปชั่วขณะก่อนจะเบนหน้าหนี เขาคิดถึงร่างนุ่มที่โอบกอดไว้ทั้งคืนและอยากทำเช่นนี้อีก เลอองนั่งกินเนื้อกระต่ายส่วนของเขาเงียบๆ ปล่อยให้เคนและมิเกลพูดคุยกันไปพร้อมกับอาหารเช้าฝีมือเขา


            “วันนี้เราจะเดินอ้อมไปเป็นวงกลม แล้วแวะค้างคืนตรงทุ่งดอกไม้ พอเช้าพรุ่งนี้เดินต่ออีกไม่นานก็จะถึงรถยนต์ที่จอดไว้และกลับบ้าน”


            นายพรานนำทางบอกแผนการเดินป่า ทั้งสามเก็บเต็นท์เรียบร้อยจึงเดินทางต่อ เลอองไม่ได้พูดอะไรมากนักในระหว่างวัน เขาปล่อยให้มิเกลกับเคนหยุดเก็บตัวอย่างต้นไม้และปรึกษาเรื่องวิชาการที่เลอองยังไม่เข้าใจ จนกระทั่งบ่ายจัดพวกเขาจึงเริ่มเข้าสู่เขตทุ่งดอกไม้ป่าที่แข่งกันเบ่งบานอยู่บนพื้นราบสลับกับต้นไม้สูงให้ร่มเงา


             “แม่เจ้าโว้ย สวยจริงๆ”


            เคนอุทานด้วยความตื่นเต้น เขาดึงกล้องถ่ายรูปขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋าเพื่อเดินเก็บภาพแห่งความประทับใจ ส่วนมิเกลได้แต่เบิกตากว้างดื่มด่ำไปกับความงดงามเหล่านั้น


             “เลออง ขอบคุณมากนะที่พาพวกผมมาที่นี่ สวยมากๆเลย”


            ดวงตาสีเหล็กจ้องมองใบหน้าหวาน  นัยน์ตาแห่งความพึงพอใจปิดไว้ไม่มิดจนมิเกลหายใจขัด


           “มิเกลสวยกว่าดอกไม้อีก”


           คำพูดตรงๆซื่อๆ ทว่ายิ่งทำให้หัวใจของมิเกลเต้นตูมตาม เขาได้แต่เบนสายตาหนีเพราะไม่อาจสบตากับดวงตาคมได้


            “ผมอาจเป็นแค่ของแปลกใหม่สำหรับเลอองก็ได้ พอคุ้นชินกันไปเดี๋ยวเลอองก็เบื่อ”


            แขนของมิเกลถูกกระชากเข้าหาและยึดไว้แน่นหนา เพื่อให้เขาได้ประสานสายตากับเลออง ลึกกว่าดวงตาสีเหล็กคือความนัยว่าสิ่งที่มิเกลพูดมาไม่ใช่ความจริง พวงแก้มของมิเกลกลายเป็นสีชมพูไปหมด


           “ช่วยกันกางเต็นท์ก่อนดีกว่านะ”


            มิเกลเดินหนีความขัดเขินด้วยการทำเป็นสาละวนอยู่กับภารกิจอย่างอื่น ให้ตายสิ ยิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งห้ามใจไม่อยู่ กลิ่นสาบกายแปลกประหลาดของเลอองสร้างความปั่นป่วนในช่องท้องจนเขาแปลกใจ หรือว่า ช่วงนี้ใกล้ถึงวันฮีทของเขาร่างกายจึงมีปฏิกิริยาต่อความใกล้ชิดถึงเพียงนี้


            เมื่อจัดการกับมื้อเย็นด้วยฝีมือของเลอองเช่นเคยจนอิ่มหนำ มิเกลกับเคนนั่งทำงานกันอยู่ใกล้แสงไฟที่ให้ความสว่าง ทั้งคู่ปรึกษากันเรื่องงานนานพักใหญ่จนกระทั่งเคนเก็บงานเข้ากระเป๋า


             “โอ๊ย ง่วง เดินป่ามาทั้งวัน ไปนอนดีกว่า ไม่อยากนั่งเป็นก้างขวางทางรักของใครด้วย อยากจะจู๋จี๋กันก็ตามสบายนะ ไม่ต้องเกรงใจ”


            “เคน!”


             เคนหัวเราะ เขามองเห็นว่าทั้งคู่ลอบสบตากันหลายครั้งแล้วจึงอยากเปิดโอกาสให้เพื่อน เมื่อเคนหายเข้าไปในเต็นท์ของเขา จึงเหลือเพียงเลอองที่นั่งมองมิเกลเก็บดอกไม้ใส่ถุงเก็บตัวอย่าง มือใหญ่หยิบดอกไม้ป่าสีสดใสช่อเล็กทัดใส่หูให้มิเกล ก่อนจะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่


              “ดอกไม้เหมาะกับมิเกล”


            ถ้าละลายได้มิเกลคงละลายไปกับพื้นดินแล้ว เขาไม่กล้าหลบตาจากการสะกดไว้ราวกับเจ้าป่าที่กำลังมองเหยื่อเลย นิ้วสากเชยคางมิเกลขึ้น ก่อนแตะที่กลีบปากนุ่มเบาๆ


             “เราจูบกันอีกไหม จูบกับมิเกล...”


              เลอองนิ่งคิดหาคำพูดที่ตรงกับความรู้สึกของเขา คลังคำศัพท์ภาษามนุษย์ของเลอองยังไม่แตกฉานนัก บางทีเขาก็ไม่รู้ว่าควรจะกล่าวอะไรอีกฝ่ายประทับใจดี


              “...จูบกับมิเกลแล้วอร่อยดี”


              มิเกลหัวเราะคิก ไม่นึกว่าเลอองจะใช้คำนี้กับเขา เมื่อหยุดหัวเราะแต่ยังปรากฏรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าหวาน ซึ่งทำให้เลอองห้ามใจไม่ไหว เขาวางมือแนบศีรษะมิเกลและดึงเข้ามาใกล้ก่อนจะบดริมฝีปากลงไปอย่างหมดความยับยั้งชั่งใจ มิเกลเบิกตากว้างไปกับความร้อนแรงนั้น แค่เพียงไม่กี่วินาทีเลอองก็สามารถตวัดลิ้นชื้นของมิเกลได้ กลีบปากนุ่มร้อนจนเจ็บไปหมด แต่ทั้งหมดยิ่งทำให้มิเกลลืมทุกอย่างบนโลกใบนี้


                  นานจนแทบขาดใจกว่าเลอองจะยอมถอนปลายลิ้นและผละปากออก มิเกลต้องหลับตาหอบหายใจไปกับอารมณ์กระเจิดกระเจิง รอจนหายใจได้เกือบปกติจึงค่อยเปิดเปลือกตา เพิ่งรู้ว่าตอนนี้กลายเป็นเขาขึ้นไปนั่งอยู่บนตักของเลอองโดยมีวงแขนแข็งแกร่งโอบกอดอยู่


             ดวงตาคมจ้องมองใบหน้าหวานอย่างกระหาย อันที่จริงเขาอยากจะทำมิเกลมากกว่านี้แต่จำคำที่แม่สอนไว้ จนต้องยอมหยุดตนเองไว้ก่อน


             “จำไว้นะเลออง มนุษย์มีกฎระเบียบแบบแผน มีมารยาทในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน เราจะทำตามใจเหมือนอยู่ในฝูงกับพ่อไม่ได้ เข้าใจไหมลูก”


             “ไปนอนเถอะ วันนี้ผมจะนอนข้างนอก”


             เพราะรู้ว่าหากใกล้ชิดเช่นเมื่อคืนเขาคงจะห้ามใจไม่อยู่เป็นแน่ ดวงตาที่หรุบลงมองได้แค่บ่าค่อยๆช้อนมอง มิเกลกัดริมฝีปากตนเองเพื่อหักห้ามความรู้สึกของเขา



            “เลออง รออีกนิดนะ รอให้ผมมั่นใจอีกนิด”


             พึมพำก่อนจะลุกจากตักเดินตรงไปยังเต็นท์ มิเกลรีบนอนคลุมโปงพลางยกมือกุมหัวใจตนเองไว้


            “เอ้า ยังไม่หยุดเขินอีก เวรเอ๊ย”


            บ่นตัวเองพลางข่มตาให้หลับ โดยมีใบหน้าของเลอองอยู่หลังเปลือกตาแต่ตามเข้าไปกระทั่งในฝันจนกระทั่งรุ่งเช้า









                ในวันนี้ทั้งมิเกลและเคนไม่ต้องการเก็บพันธุ์ไม้อีกแล้ว เลอองจึงได้พาพวกเขาเดินออกจากป่าไปถึงรถยนต์ที่จอดไว้ในเวลาเกือบเที่ยง เขาขับรถไปส่งเคนที่รีสอร์ทของไทเลอร์ ระหว่างช่วยเหลือเคนยกสัมภาระลงจากรถเคนจึงกระซิบเลออง


              “เลออง ผมรู้ว่าเลอองกับมิเกลชอบกัน ผมจะบอกความลับให้ นี่บอกเพราะผมชื่นชมเลอองนะ”


              เมื่อแอบมองว่ามิเกลไม่ได้มองมาทางพวกเขา เคนก็รีบพูดกับเลออง


               “มิเกลเป็นโอเมก้า รู้จักโอเมก้าใช่ไหม มิเกลจะมีช่วงฮีทเร็วๆนี้แหละถ้าผมจำไม่ผิด มันต้องกินยาต้านอาการฮีททุกเดือน”


             ดวงตาสีเหล็กสว่างวาบ เข้าใจความหมายที่เคนต้องการจะสื่อกับเขา หันไปมองเคนด้วยความขอบคุณที่บอกข้อมูลสำคัญนี้ให้


               “ยาชื่ออะไร เขียนยังไง”


              เคนสะกดชื่อยาให้ฟัง เลอองยิ้มแย้มตบบ่าเคนเบาๆ แต่กระนั้นเคนก็ยังหน้านิ่ว


               “ขอบคุณนะ คุณเป็นเพื่อนที่ดี”



                  เลอองเดินกลับมาที่รถด้วยความยินดีจนแทบจะเก็บอาการไม่มิด มิเกลที่นั่งรอในรถหันมองด้วยความแปลกใจ


               “ทำไมไปนานจัง”


               เลอองไม่ตอบเพราะไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร เขาไม่เคยโกหกใครหากพูดไปเกรงอีกฝ่ายจะจับได้ ร่างสูงใช้ความเงียบเป็นการกลบเกลื่อนและรีบสตาร์ทรถขับตรงไปยังบ้านของโทนี่ แต่เมื่อมาถึงกลับเห็นว่าไม่มีใครอยู่ โทนี่เขียนโน้ตทิ้งไว้ที่ประตูทางเข้า


              “เลออง พ่อไปในเมืองกับแม่ ไปซื้อยาเพิ่มและกินข้าวกับเพื่อนจะกลับวันพรุ่งนี้ มีม้าป่วยมาเพิ่มหนึ่งตัวฝากดูแลด้วย”


              ลอบยิ้มอยู่ในใจขณะส่งกระดาษโน้ตให้มิเกลอ่าน


             “มิเกลยกแต่อุปกรณ์ทำงานไปเถอะ พวกกระเป๋ากับเต็นท์พวกนี้ผมจะยกตามไปให้เอง”


              มิเกลกล่าวขอบคุณก่อนจะหอบหิ้วกระเป๋าใส่พันธุ์ไม้กลับเข้าไปในห้อง โดยมีเลอองยืนยิ้มตามหลัง





มีต่ออีกนิด....



หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่10 [22/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 22-06-2019 00:58:29


อ่านต่อตรงนี้....




           เมื่ออยู่ในบ้านที่มีอุปกรณ์ทำอาหารครบครันมิเกลจึงเป็นฝ่ายทำอาหารมื้อเย็นให้เลอองบ้าง แม้ที่บ้านจะมีคนรับใช้และแม่ครัวอยู่แต่มิเกลก็ฝึกทำอาหารและชินกับการอยู่คนเดียวตั้งแต่เด็ก เมื่อกินกันอิ่มแล้วเขาจึงขอตัวไปทำงานวิจัยต่อ


          “ผมอยู่ที่คอกม้า มีอะไรก็ไปหาได้นะ”


           ร่างสูงกล่าวทิ้งท้ายก่อนเดินทางกลับ ก่อนจะไปยังอุตส่าห์ดึงมิเกลมาจูบจนแทบอ่อนระทวย


            “เลออง ปล่อยผมนะ”


            เอ่ยห้ามเสียงสั่น วันนี้ยิ่งห้ามใจตนเองแทบไม่ได้ มิเกลเดินกลับเข้าไปในห้องของตนด้วยอาการร้อนวูบวาบราวกับจะเป็นไข้ ฝืนนั่งทำงานอีกพักอาการก็ยังไม่ดีขึ้น


             “เป็นอะไรนะ”


             เหลียวมองปฏิทินตั้งโต๊ะด้วยความเอะใจ ใกล้ถึงวันฮีทของเขาแล้ว แต่ตอนนี้อาการที่เดาได้ก็คืออาการฮีทนั่นเอง น่าแปลกใจที่มันมาเร็วกว่าปกติ อาจเป็นเพราะการกระตุ้นจากเลอองก็เป็นได้


           มิเกลดึงกระเป๋าของเขาออกมาควานหากล่องยาที่พกมาด้วย แต่ควานหาเท่าไหร่ก็ไม่พบจนถึงขั้นต้องเทสิ่งของในกระเป๋าทิ้ง แต่กระนั้นก็ยังไม่พบกล่องยา


             “แย่แล้ว หายไปไหนวะ”


             เริ่มค้นหายาต้านอาการฮีทด้วยอาการพลุ่งพล่าน ความร้อนของร่างกายเริ่มสูงขึ้นทุกที ทิ้งไว้นานกว่านี้จะไม่เป็นการดีเพราะหากอาการฮีทเริ่มต้นแล้วต่อให้กินยาไปก็ช่วยไม่ได้ แต่แม้จะหาทุกซอกทุกมุมทั้งห้องก็ยังไม่เจอ เมื่อถึงตอนนี้อาการครั่นเนื้อครั่นตัวเริ่มมาเยือน


             “ไม่นะโว้ย ต้องไม่ฮีทตอนนี้”


             ทรุดนั่งบนเตียงเมื่อต้องหาวิธีระงับความต้องการที่เริ่มบังเกิด มิเกลบีบมือตัวเองไว้แน่นรวมทั้งกัดริมฝีปากจนห้อเลือด เขาเริ่มร้อนสลับหนาวและปวดมวนทั่วทั้งท้อง


             “โธ่โว้ย”


             พุ่งตัวไปยังห้องน้ำแล้วเปิดฝักบัวให้สายน้ำเย็นสาดซัดทั้งที่ยังไม่ทันได้ถอดชุดนอนออกด้วยซ้ำ เขาปวดแก่นกายจนต้องดึงมันออกมาจัดการด้วยมือของเขา น้ำคาวพุ่งพรวดปนไปกับสายน้ำ แต่กระนั้นก็ยังไม่คลายความต้องการ ทันใดนั้นจมูกของมิเกลได้กลิ่นสาบกาย มันบางเบาแต่ยิ่งกระตุ้นจนมิเกลใกล้ขาดสติ


             นั่นมันกลิ่นอัลฟ่า!


            สัญชาตญาณบอกให้เขาเดินออกจากห้องน้ำ ไม่สนว่าพื้นจะเปียกปอนแค่ไหน มิเกลแค่เดินตามกลิ่นนั้นไป ตรงไปสู่คอกม้ากลิ่นอับ แต่กลิ่นของอัลฟ่ากลับชัดเจนกว่า คอกม้าที่มีเพียงแสงไฟนีออนสลัวติดไว้ด้านหน้า ภายในมืดสนิทแต่ก็พอมองเห็นคอกไม้ที่มีม้าป่วยเรียงกันอยู่หลายช่อง


             “ช่วยด้วย ช่วยผมด้วย”


            พูดได้แค่นั้นมิเกลก็ล้มลงกับพื้น เขาดิ้นพล่านไปมากับความทรมานที่เกิดขึ้น กลิ่นอัลฟ่าพุ่งแรงเมื่อร่างหนึ่งก้าวเข้ามายืนค้ำกายอยู่ในความมืด มิเกลได้แต่แหงนมองเจ้าของกลิ่นแสนรุนแรงก่อนดวงตาจะเบิกกว้าง



                                                              TBC


                                             หัวหน้าคะ เจ้าเลอองมันร้ายค่ะหัวหน้า







                                          :m26: :m26: :m26: :m26: :m26: :m26: :m26: :m26: :m26:








หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่10 [22/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-06-2019 01:51:17
 :pig4: :pig4: :pig4:

นี่คือ  เจ้าเลอองแอบขโมยยาต้านไปซ่อนใช่ไหม?  ตอบ!

อิอิ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่10 [22/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: nuja ที่ 22-06-2019 06:02:03
นู๋เลย์ ไม่ใช้เล่นนะคะ เป็นเด็กไม่ดี อิอิ รอเลยค่ะ ปูที่นอนรอเลย
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่10 [22/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 22-06-2019 06:28:55
เอาแล้วสิ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่10 [22/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 22-06-2019 06:41:02
คนร้ายมีผู้สมรู้ร่วมคิด มือซ้ายชี้ไปที่เลอองมือขวาชี้ไปที่เคน
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่10 [22/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 22-06-2019 07:29:51
 :mew2:  ไม่รู้ว่าควรสงสามิเกล ที่มีเพื่อนแบบนี้  หรือควรดีใจกับเลอองที่มิเกลมีเพื่อนแบบนี้ ..............อิอิอิ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่10 [22/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 22-06-2019 09:23:31
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่10 [22/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 22-06-2019 10:39:45
อะไรจะติดไฟเร็วขนาดนี้  o18
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่10 [22/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 22-06-2019 13:21:12
เด็กมันร้าย
อิเคนนี่ผู้ชักใยเบื้องหลัง
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่10 [22/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 22-06-2019 15:55:55
เลอองร้าย!
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่10 [22/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 22-06-2019 17:10:39
เลออง ร้าย แต่ไรท์ร้ายกว่าาา..
ทำไมมาแค่นี้คร่าาาา...
รีบมาาาาาา
 :katai4:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่10 [22/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 23-06-2019 07:35:56
ร้ายนะคนเรา แล้วดูเคนสิ ไม่ค่อยเชียร์เท่าไหร่เลย

ไม่ทันไร เลอองจะได้มีเด็กน้อยแล้วไม่รู้
เอ็นดูมิเกล โตกว่า แต่ก็แพ้ทาง เรื่องแบบนี้ ห้ามยากเนาะ

ทำไมลุงกับป้า ไม่อยู่พอดีนะ เข้าทางเลอองเลย
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่10 [22/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 23-06-2019 07:49:00
ตอนต่อไปๆ :katai1: :katai1:
หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่11 NC 18+ [27/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 27-06-2019 22:43:35



                                                                 เจ้าป่า

                                                                 บทที่ 11



                  หากพ่อจะต่อว่าเขาว่าเจ้าเล่ห์ เลอองก็คงได้แต่ยอมรับ


                  แต่ที่เลอองทำไปก็เพราะมั่นใจว่ามิเกลเองรู้สึกไม่ต่างกับเขา ทั้งคู่ต้องการในกันและกันอย่างลึกซึ้ง และเลอองไม่ต้องการรอเวลาให้เนิ่นนานกว่านี้ เขาจึงใช้คำแนะนำของเคนให้เป็นประโยชน์แต่ไม่นึกว่าผลของการกระทำจะทำให้เขาพลุ่งพล่านขนาดนี้


                 เลอองอยู่กับมารดาที่เป็นโอเมก้าโดยไม่เคยแยกห่าง เขารู้ว่าฟีโรโมนโอเมก้าเป็นเช่นไรในยามที่ดีแลนฮีท แต่มันไม่ได้ทำให้เลอองมีปฏิกิริยาเพราะนั่นคือมารดาผู้ให้กำเนิด นอกจากดีแลนแล้วชายหนุ่มก็ไม่เคยรู้จักกับโอเมก้าคนไหนอีก ร่างกายของเลอองจึงไม่เคยตื่นตัวเพราะความกำหนัด ตัวเขาเองก็ยังสงสัยว่าโดยพันธุกรรมแล้วเขาเป็นอัลฟ่าเช่นเดียวกับบิดาหรือไม่ คำตอบนั้นอยู่ในวินาทีนี้แล้ว


                เขายืนจังก้ามองร่างโปร่งบางในชุดนอนเปียกน้ำที่กำลังดิ้นอยู่บนพื้นดินด้วยความทุรนทุราย กลิ่นรุนแรงกำจายมาจากร่างกายเบื้องล่างกระตุ้นสารเคมีในร่างกายของเขา เลอองรู้สึกคล้ายกับตัวเองเป็นระเบิดที่ถูกดึงสลักออก กล้ามเนื้อขยายใหญ่ไปทุกส่วนจนแทบจะปริแยก


                “ช่วยด้วย ช่วยผมด้วย”


                 น้ำเสียงกระเส่าบีบคั้นยิ่งช่วยเพิ่มแรงขับโดยสัญชาตญาณ และบัดนี้ความยับยั้งชั่งใจได้ขาดสะบั้นลงแล้ว เลอองแหงนหน้าจนสูงสุดก่อนระบายความต้องการของเขาออกมาเป็นเสียงคำรามจนม้าในคอกส่งเสียงขานรับเป็นทิวแถว วงแขนแกร่งพลันช้อนเข้าใต้ร่างเพรียวแล้วอุ้มขึ้น เลอองกระโดดเพียงครั้งเดียวก็พาคนในอ้อมกอดขึ้นไปสู่ชั้นบนที่มีกองฟางอัดแน่นใช้แทนเตียงนอนของเขา และทันทีที่วางมิเกลลงไปมือใหญ่ก็ดึงทึ้งเสื้อผ้าเปียกปอนขาดวิ่น เหลือเพียงผิวกายขาวโพลนในความมืดที่ครึ่งมนุษย์ครึ่งสัตว์ป่ามองเห็นเด่นชัด


                  “ละ เลออง เป็นอัลฟ่า!”


                   มิเกลถอนลมหายใจร้อนผ่าวออกมาด้วยความทรมาน กลิ่นกายที่เคยได้กลิ่นในยามปกติของเด็กหนุ่มก็ดึงดูดความต้องการได้นับว่ามากแล้ว แต่บัดนี้ยิ่งชัดแจ้งว่าร่างกายสูงใหญ่กว่าวัยนี้เป็นอัลฟ่าแน่ๆ ท่ามกลางความมืดมิดบนชั้นสองที่ห่างไกลจากแสงไฟนีออนหน้าคอกม้า มองเห็นเพียงเงาตะคุ่มยืนตัวสั่นอยู่ตรงหน้า ความร้อนของกายหนุ่มแผ่ออกมาจนรับรู้ได้ มิเกลเบิกตากว้างเพราะเขารู้ดีว่านั่นเป็นอาการของอัลฟ่าเมื่อความต้องการปลดปล่อยถึงขีดสุดที่เรียกว่า “รัช” คล้ายกับอาการฮีทของโอเมก้า


                 “ผมต้องการมิเกล”


                 สิ้นสุดคำนั้นเสียงคำรามพลันดังก้องสะท้อนไปทั่วคอกม้าอีกครั้ง ราวกับร่างสูงแสดงความเป็นเจ้าของในตัวของเขา เสียงนั้นช่างมีอำนาจยิ่งใหญ่คล้ายเจ้าป่ายามแผดเสียงสำแดงฤทธิ์ แม้ดวงตาจะพร่าเลือนเพราะอาการฮีทแต่กระนั้นมิเกลก็ยังรู้ว่าเลอองเกร็งกล้ามเนื้อมัดใหญ่จนเสื้อผ้าเก่าที่สวมใส่ขาดวิ่นดังแคว่ก ก่อนที่เลอองจะพุ่งมวลน้ำหนักทั้งหมดโถมกายลงมาทับบนร่างร้อนของเขา


                  “อา เลออง”


                   เพียงแค่เนื้อแนบเนื้อหัวใจก็เต้นแทบจะทะลุมานอกทรวงอก สบตาแวบเดียวใบหน้าทั้งสองก็บดเบียดเข้าหากันด้วยความโหยหา ริมฝีปากบดขยี้ก่อนเปิดปากส่งลิ้นฝ่ายตนมาตวัดเลียซึ่งกันจนน้ำลายใสเปียกชื้นรอบ ร่างกายท่อนล่างถูไถไปมาร้อนผ่าว


                    “ทะ ทำไมใหญ่โตอย่างนี้”


                เสียงอุทานในใจของมิเกลดังขึ้นเมื่อองคาพยพกึ่งกลางกายของเลอองบดเบียดเข้าใส่หว่างขา ร่างกายของมิเกลไม่เคยผ่านใครแตะต้องมาก่อนนอกจากเซ็กส์ทอยที่เขาครอบครองเพื่อปลดเปลื้องความต้องการในบางคราวเท่านั้น แต่วินาทีนี้มิเกลไม่มีเวลาหวาดกลัวอีกแล้วเมื่อความทรมานมีมากกว่า


               “พร้อมนะมิเกล”


                 เลอองส่งเสียงเตือน เขาเคยเห็นพ่อกับแม่ปฏิบัติเช่นนี้ต่อกันหลายครั้งแล้ว นี่คือครั้งแรกที่เลอองจะทำเพื่อปลดเปลื้องความต้องการระหว่างเขากับมิเกล ไม่จำเป็นต้องโลมเล้าให้เสียเวลาในเมื่อทั้งสองเต็มไปด้วยไฟปรารถนา มือสากยกขาเรียวขึ้นสูงเพื่อเปิดให้เห็นช่องทาง เขาจ่อท่อนเนื้อยักษ์หน้าประตูอย่างร้อนรน มิเกลกัดฟันรอแล้วในตอนนี้


                 “มาเถอะเลออง ผมไม่ไหวแล้ว”


                 เมื่อมิเกลตอบรับท่อนเนื้อยักษ์ก็ถูกดันเข้าไปทันที มิเกลเบิกตากว้างอ้าปากค้างเมื่อช่องทางของเขาถูกชำแรกเข้าไปอย่างรุนแรง ความเจ็บปวดแผ่ซ่านจนหน้ามืด อึดใจกว่าที่เขาจะส่งเสียงร้องออกมา


                     “อ๊ากก”


               เจ็บจนน้ำตาซึมและคิดว่ามันต้องบาดเจ็บจนปริแยก เลอองชะงักพลันมองใบหน้าหวานที่แหงนสูงบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวดอย่างเป็นห่วง


                “มิเกล เจ็บไหม ถ้าเจ็บผมจะหยุด”


               รู้ทั้งรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะหยุดในสถานการณ์เยี่ยงนี้ แต่เขาไม่อยากให้มิเกลบาดเจ็บ ใบหน้าหวานรีบส่ายหน้า


                  “อย่า เลออง ได้โปรด อย่าให้ผมทรมานไปมากกว่านี้เลย”


                  เลอองพยักหน้า เขาเองก็ไม่ต้องการหยุดเช่นกัน มือใหญ่ช้อนเข้าใต้ท้ายทอยของมิเกลแล้วยกมาเพื่อจะบดจูบเร่าร้อนเบี่ยงเบนความสนใจขณะที่เขาดันความคับแน่นเข้าไปทีละนิดจนสุดโคน


                  “หมดแล้วมิเกล มันเข้าไปจนหมด”


                เขากระซิบบอกข้างหู ทดลองชักเอวกลับแต่ทว่าเมื่อดึงออกมาไม่เท่าไหร่ท่อนเนื้อนั้นก็พลันยึดติดอยู่ด้านในไม่หลุดออกมา และการกระทำนั้นก็ยิ่งสร้างความกระสันให้มิเกลจนเผลอส่งเสียง


                  “อ๊า เลออง ทำแบบนี้ ทำเลย”


                 พอจะดูออกว่าเด็กหนุ่มยังไม่ประสาในเรื่องทางเพศ นี่คงเป็นครั้งแรกของเลอองในวัยสิบห้าปีเช่นกัน มิเกลจึงต้องเป็นฝ่ายแนะนำเพื่อให้ทั้งคู่บรรลุถึงเป้าหมาย และเมื่อเลอองได้ยินก็เข้าใจได้ เขายกร่างสูงเพื่อจะออกแรงกระแทกได้ถนัดถนี่ ร่างกายของโอเมก้าผลิตน้ำหล่อลื่นมารองรับในช่องทาง เลอองจึงโยกเอวแกร่งของเขาได้อย่างเต็มที่


                  “อึก เสียวมากมิเกล”


                  เข้าใจแล้วว่าทำไมลีโอผู้เป็นบิดาถึงมักจะส่งเสียงคำรามยามกระแทกเอวเข้าใส่มารดา ช่องทางแคบร้อนเปียกลื่นบีบคั้นท่อนเนื้อของเขาไปทุกสัดส่วน กล้ามเนื้อหน้าท้องคล้ายถูกบีบรัดยิ่งต้องรัวเอวเข้าใส่ มิเกลเองก็ส่งเสียงครางกระเส่าไม่เป็นภาษาจนลั่นคอกม้า เอวบางยกสูงรอรับให้เขาได้ออกแรงเต็มที่


                 “เลออง อา ทางซ้ายอีกนิด ใช่นั่นแหละ โอย ดีเหลือเกิน”


                เมื่อความเจ็บปวดมลายไปแล้วเพราะร่างกายปรับตัวเข้าหากัน ความรัญจวนจึงเข้ามาทดแทนเต็มที่ ระหว่างท่อนเนื้อของอัลฟ่ากับเซ็กส์ทอยที่เคยใช้ช่างแตกต่างกันลิบลับ มิเกลเตลิดไปกับความอุ่นร้อนและแข็งแกร่งดิบเถื่อนไร้ชั้นเชิงของเลออง


                 “อีกนิดเดียว เลออง อีกนิด อ๊า”


               เกร็งกายบิดพล่านกับครั้งแรกที่เขาปลดปล่อย มิเกลหอบหนักพลางกอดก่ายร่างหนาไว้แน่น น้ำชื้นพุ่งวาบออกมาจากท่อนเนื้อของเขาที่ขยายตัวเต็มที่เช่นกัน แต่ก็ยังเหมือนกิ่งไม้เล็กเมื่อเทียบกับท่อนไม้ซุงหนาที่ยังฝังลึกในร่าง เลอองหยุดพักเพื่อให้มิเกลได้ซึมซาบกับความสุขแรกที่เขามอบให้


                  “เป็นไงบ้าง”


                 มือหนาปาดเหงื่อบนหน้าผากเนียน แม้อากาศจะเย็นชื้นแต่ไฟร้อนในร่างแผดเผาจนเหงื่อไหลเป็นทางกันทั้งคู่ มิเกลได้แต่ยิ้มรับเพราะยังไม่หายเหนื่อย แต่พอลมหายใจเริ่มเบาบางร่างกายของเขาก็ร้อนรุมขึ้นมาอีกครั้ง


                   “ละ เลออง เลอองครับ ผม เอ่อ...”


                  ไม่ทันกล่าวอะไรเพราะเลอองเข้าใจได้ดี ช่องทางของมิเกลเริ่มบีบรัดเขาอีกแล้ว แต่คราวนี้เขาอยากจะทำให้ช้าลงกว่าเดิมบ้างเพื่อเพิ่มความสุขให้กับร่างโปร่งที่เขาโอบกอด ดวงตาคมเล็งไปที่ยอดอกเม็ดงามที่ล่อตาล่อใจมาตั้งแต่ต้น เลอองทดลองตวัดลิ้นโลมเลีย


                 “อื๊อ เสียว”


                มิเกลเกร็งกายทันที กายบางแอ่นขึ้นโดยอัตโนมัติ เลอองอ้าปากงับไปที่ลานนมแล้วลากเข้าหายอดอกเพื่อเม้มพร้อมกับดูดดุนไปมา ได้ยินเสียงครวญครางไม่เป็นภาษา


               “อ๊า แกล้งกันเหรอเลออง เด็กบ้า”


                การกระทำของเด็กหนุ่มทำเอามิเกลสั่นสะท้าน เขาบีบรัดช่องทางเบื้องล่างเพื่อบอกให้รู้ว่าต้องการให้เลอองทำอะไร เอวบางกระแทกเข้าใส่ท่อนเนื้อจนเลอองคำรามออกมา เขาจับเอวของมิเกลแล้วพลิกให้อีกฝ่ายเปลี่ยนท่าไปหันหลังคุกเข่าเหมือนสัตว์สี่ขา มือสากขย้ำบั้นท้ายนุ่มมือเมามันขณะเริ่มโยกเอวเข้าใส่


               “ให้ตายเหอะ เสียวโว้ย”


                 สบถรุนแรงในท่วงท่านี้ เลอองทรงกายด้วยเข่าออกแรงเต็มที่ มือยึดเอวของมิเกลให้โยกสวนรับจนได้ยินเสียงเนื้อกระแทกเนื้อ เขาไม่สนใจเสียงม้าหลายตัวที่ขานรับยามเขาส่งเสียงคำรามก้อง


                  “อ๊า เลออง แรงได้เลย”


                มิเกลซุกหน้าลงกับกองฟาง มือของเขากำเศษหญ้าเก่าไว้แน่น ไม่สนใจว่ามันจะสกปรกเหม็นอับแค่ไหนเพราะมีเรื่องที่ต้องสนใจมากกว่านั้น ท่อนเนื้อของเลอองคับแน่นไปหมดและยิ่งระอุชื้นขึ้นเรื่อยๆ เขารู้ว่าเด็กหนุ่มกำลังใกล้จะระเบิดแล้ว ไม่ต่างอะไรกับเขาที่ท้องน้อยเริ่มหมุนวนอีกครั้ง


                 “มิเกล มิเกล พร้อมกันนะ”


                  เลอองกัดฟันกลั้นใจซอยเอวถี่ยิบ ช่องทางของมิเกลบีบรัดตามจังหวะชีพจรที่เต้นระรัว และเมื่อได้จังหวะเขาจึงแทงลึกแนบแน่น ทันใดนั้นกล้ามเนื้อของเขาจึงบีบเค้นรุนแรงจนรู้สึกได้ว่ามันพุ่งพรวดออกมาเข้าสู่ช่องทางของมิเกลจนล้นทะลักมาตามขอบ ได้ยินเสียงมิเกลร้องลั่นอีกครั้งตามมาติดๆ สมองของเลอองว่างโล่งผ่อนคลายทันที


                นี่หรือที่เรียกว่าความสุขสม


                 เลอองหลับตาลงเพื่อซึมซับความรู้สึกนั้น เขาชอบความเบาสบายนี้ ยิ่งชอบเมื่อผู้ที่มอบให้คือมิเกล


                    “มีความสุขจังมิเกล”


                   เขาโน้มตัวลงไปไล่จูบแผ่นหลังเนียนที่ยังไม่เลิกหอบ มิเกลเหลียวใบหน้ามองพร้อมรอยยิ้มเพื่อให้รู้ว่าคิดตรงกัน ร่างหนาดึงเอวบางเข้ามากอด เขาจูบที่กลีบปากนุ่มแดงเรื่ออย่างนุ่มนวล รสจูบเพิ่มความร้อนแรงขึ้นมาอีกครั้งเมื่อความต้องการปะทุ ความต้องการของอัลฟ่าหนุ่มในยามรัช เมื่อได้ประสบกับโอเมก้าที่ฮีทอยู่คงไม่หมดลงง่ายๆแน่นอน


                  วงแหวนของอัลฟ่าคงต้องทำงานของมันต่อไป อาจจะถึงรุ่งเช้ากว่าที่ฟีโรโมนของทั้งคู่จะหยุดลงเพื่อให้ร่างกายที่ผ่านศึกแห่งสัญชาตญาณมาอย่างหนักหนาได้พักผ่อน และตอนนี้เลอองก็ดึงมิเกลให้เปลี่ยนท่าเพื่อที่ทั้งคู่จะพากันไปสู่ความสุขสมอีกครั้ง





มีต่ออีกนิด....




หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่11 NC 18+ [27/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 27-06-2019 22:53:30


ต่อกันตรงนี้....



               แพขนตาหนากะพริบถี่ มิเกลลืมตาขึ้นมาพร้อมกับร่างกายที่ปวดร้าว เขาขยับลุกนั่งก่อนเหลียวมองโดยรอบเพื่อจะรู้ว่าตอนนี้เขานอนอยู่บนเตียงเล็กในห้องส่วนตัว เนื้อตัวที่เต็มไปด้วยเหงื่อไคลและคราบคาวเมื่อค่ำคืนกลับสะอาดเอี่ยมพร้อมกับเสื้อผ้าชุดใหม่ มิเกลทบทวนความทรงจำว่าเขากลับมานอนที่เดิมได้อย่างไร


               จำได้ว่าเมื่อคืนเขาฮีทและมีความสัมพันธ์กับเลอองจนเกือบถึงสว่างอาการทั้งหมดจึงได้สงบลง และรอบสุดท้ายเขาจึงหมดแรงและคล้อยหลับไปทั้งที่ยังมีเลอองค้างคาอยู่ในร่าง คงเป็นร่างสูงนั่นแหละที่อุ้มเขากลับมาที่ห้องนอน จัดแจงทำความสะอาดเนื้อตัวจนเอี่ยมอ่องเพื่อให้หลับสบายจนกระทั่งถึงยามสายที่ลืมตาตื่นขึ้นมา


              ใบหน้าหวานร้อนเห่อขึ้นมาเมื่อความสัมพันธ์ของเขากับเลอองเปลี่ยนไปแล้ว ถึงแม้ว่ามันจะเกิดขึ้นเพราะความต้องการทางกาย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเองก็เต็มใจกับมัน อาจตั้งแต่แรกพบที่ได้สบตากับดวงตาสีเหล็กที่มีแรงดึงดูดมหาศาล และเมื่อรู้ว่าเลอองเป็นอัลฟ่า บางทีเรื่องโซลเมทที่เคยได้ยินมาอาจเป็นความจริง


                มิเกลลงจากเตียงทั้งที่ขายังสั่น เขาตั้งสติครู่ใหญ่กว่าจะเดินออกจากห้องไปด้านนอก ได้กลิ่นอาหารลอยมาจากห้องครัวพลันท้องร้องประท้วง เขารีบเดินตามกลิ่นไปทันที เมื่อไปถึงจึงมองเห็นแผ่นหลังกว้างในเสื้อผ้าสีเข้มบนศีรษะมีผ้าโพกเช่นทุกวันกำลังทำอาหาร เลอองหันมายิ้มให้เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า


                 “มิเกลตื่นแล้ว หิวหรือเปล่า”


               หิวแน่ละ ก็เมื่อคืนเขาสูญเสียพลังงานไปจนหมดแล้ว มิเกลทรุดนั่งบนเก้าอี้พลางเท้าแขนเกยคางมองเลอองง่วนทำอาหารอย่างอารมณ์ดี


                 “หิวสิ ผมกินช้างได้ทั้งตัวแล้วตอนนี้ เลอองพาผมกลับมาที่ห้องเหรอ ขอบคุณนะ”


                เลอองผิวปาก เขายกจานใส่เนื้อที่ย่างสุกกำลังดีมาวางตรงหน้าของมิเกล


                  “กินซะจะได้มีแรง”


                 “แล้วเลอองล่ะ”


                 มิเกลเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เลอองจึงจูบที่แก้มเนียนดังฟอด


                 “ผมกินแล้ว ก่อนที่มิเกลจะตื่น”


                พยักหน้ารับพลางใช้มีดและส้อมหั่นชิ้นเนื้อเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยโดยมีพ่อครัวนั่งมองยิ้มแก้มปริ ไม่ถึงอึดใจเนื้อชิ้นใหญ่จึงหมดลง


                “อร่อยจัง ไม่เคยกินเนื้อเยอะขนาดนี้เลย”


                ท่าทางน่าเอ็นดูราวกับเด็กน้อยทำให้เลอองอดใจไม่อยู่ เขายกเอวของมิเกลให้ขึ้นมานั่งบนโต๊ะอาหารจนใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับเขา สายตาที่จ้องมองลึกล้ำจนมิเกลเขิน


                “นี่ อย่ามองแบบนี้สิ ผมอายนะ”


               “อายอะไร เมื่อคืนเราทำกันตั้งหลายท่านะ”


               เลอองเขี่ยแก้มนุ่มเล่น เขาหลงใหลมิเกลตั้งแต่แรกเห็น และยิ่งมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งเขาก็ยิ่งไม่อยากห่างไกล กลีบปากนุ่มเผยอยิ้มเย้ายวนจนเลอองโน้มเข้าไปจูบ มันอาจจะเลยเถิดไปมากกว่านั้นถ้าทั้งคู่ไม่ได้ยินเสียงรถของโทนี่กับฟลอเรียที่เดินทางกลับมาถึงบ้าน เลอองถอนจูบอย่างเสียดาย มิเกลเองก็ต้องรีบดึงสติกลับคืนเมื่อผู้ใหญ่เจ้าของบ้านเดินมาถึง


              “กลับมาแล้วจ้ะมิเกล เป็นไงบ้าง ได้พันธุ์ไม้อย่างที่ต้องการไหม”


               ฟลอเรียเอ่ยถามหน้าตาแจ่มใส มิเกลกับเลอองยิ้มรับก่อนจะเข้าไปช่วยโทนี่ยกข้าวของลงจากรถ ทั้งหมดนั่งสนทนากันอยู่พักใหญ่จนได้ยินเสียงรถมาจอดหน้าบ้าน เควินนั่นเองที่มาหา เขาทักทายโทนี่ครู่หนึ่งจึงหันมาสนทนากับมิเกล


              “ว่าไงมิเกล ไปเที่ยวป่าสนุกหรือเปล่า”


              “สนุกสิครับเควิน ป่าอุดมสมบูรณ์อย่างที่คุณว่าจริงๆ แต่แปลกที่ผมไม่เจอสัตว์ใหญ่เลย”


               “เอ งั้นหรือ แปลกจังนะ แต่ก็ดีแล้วที่ไม่เจออันตราย อ้อ ฉันเอาจดหมายอนุมัติให้เลอองเป็นคนนำทางมาให้ ตอนที่เธอกลับไปก็เอาไปส่งให้ทางมหาวิทยาลัยนะ ลองอ่านสิว่าฉันพิมพ์ชื่อนามสกุลของเลอองถูกหรือเปล่า เมื่อวานเพิ่งโทรมาถามกับโทนี่ ไม่น่าพิมพ์ผิดนะ”


                 มิเกลรับจดหมายมาจากเควิน เขาเปิดมันอ่านรายละเอียดจนถึงบรรทัดที่มีชื่อนามสกุลของเลออง พลันคิ้วเรียวขมวดเข้าหากันทันที


                 “เลออง ไพรส์ลีย์”


                 หัวใจของมิเกลกระตุก เขาเงยหน้าขวับมองไปทางเลอองที่ยังช่วยฟลอเรียทำงานอยู่ ร่างโปร่งลุกขึ้นก้าวตรงไปหาแล้วดึงเลอองให้หันมา ดวงตาของมิเกลร้อนผ่าวไปหมด


                “เลออง นามสกุลไพรส์ลีย์ได้มาจากไหน เลอองรู้จักคนที่ชื่อดีแลน ไพรส์ลีย์หรือเปล่า”



                                                               TBC


                                                        แม่บอกแล้วว่าเด็กมันรว้ายยย



                                  o18 o18 o18 o18 o18 o18 o18 o18 o18 o18











หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่11 NC 18+ [27/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-06-2019 02:04:12
ร้อนแรง~
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่11 NC 18+ [27/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 28-06-2019 03:05:18
 :pighaun:   ร้ายกาจจริงๆ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่11 NC 18+ [27/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 28-06-2019 06:05:58
สืบข่าวเลยมิเกล
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่11 NC 18+ [27/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 28-06-2019 08:53:06
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่11 NC 18+ [27/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 28-06-2019 09:07:05
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่11 NC 18+ [27/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 28-06-2019 09:22:35
หู้ยยยย... หัวใจ...  :hao5:
ไรท์รีบมานะคะ..  :katai4:
หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่12 NC เบาๆ [10/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 10-07-2019 22:02:59



                                                               เจ้าป่า

                                                              บทที่ 12



              พอล อาร์มันโด รวมถึงแอมเบอร์ภรรยาคนล่าสุดของเขานั่งหน้าซีดต่อหน้าบุรุษวัยกลางคนที่มีผมสีดอกเลา ท่าทางภูมิฐานของเจ้าของบ้านซึ่งกำลังพ่นควันละเอียดจากซิการ์ราคาแพงให้ลอยสูงขึ้นไปปะปนกับอากาศทำให้สองสามีภรรยาต้องลอบหันมาสบตากันด้วยความหวั่นเกรง เพราะขณะนี้อนาคตของทั้งคู่ขึ้นอยู่กับชายที่มีนามว่า โซรอส แมกเคน รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์และแกนนำคนสำคัญของพรรครัฐบาลที่กุมอำนาจอยู่ในปัจจุบัน


              ไม่กี่วันก่อนหน้านี้พอลนำมิเกล อาร์มันโด บุตรชายที่เกิดจากภรรยาคนแรกไปในงานเลี้ยงของกระทรวงพาณิชย์เพื่อเปิดทางให้โซรอสได้พบกับมิเกล เพราะแอมเบอร์รู้ว่าโซรอสเป็นอัลฟ่าที่มีรสนิยมชื่นชอบในมนุษย์สายพันธุ์โอเมก้าทั้งชายและหญิง หล่อนสืบทราบมาจากวงในของบรรดาภรรยานักธุรกิจว่าโซรอสเลี้ยงดูโอเมก้าไว้หลายคนโดยที่ภรรยาตามกฏหมายไม่สามารถห้ามปรามได้ แอมเบอร์ต้องการให้พอลใช้ความเป็นโอเมก้าของมิเกลให้เป็นประโยชน์หากว่าโซรอสชอบพวกเขาจะได้ผลประโยชน์ทางธุรกิจหลายอย่าง และความต้องการของทั้งคู่ก็เป็นผลเมื่อโซรอสพึงพอใจมิเกลตั้งแต่แรกเห็น


               ในวันต่อมาโซรอสเอ่ยปากให้พอลพามิเกลไปรับประทานอาหารเย็นกับเขา ซึ่งเป็นที่รู้กันว่านั่นคือพอลต้องส่งมอบบุตรชายเพื่อให้เป็นของกำนัลแลกกับสิ่งที่เขาต้องการ พอลดีใจจนเนื้อเต้น เขาไม่เห็นว่ามันเป็นความผิดตรงไหนกับการที่มิเกลจะใช้ร่างกายให้เป็นประโยชน์แก่ครอบครัว แต่ความหวังของพอลและแอมเบอร์กลับพังทลายลงเมื่อมิเกลไม่กลับบ้านในตอนเย็นวันนั้น


              พอลตามหามิเกลวุ่นวายไปหมดหลังจากแก้ตัวกับโซรอสว่ามิเกลไม่สบายกะทันหันและจะรีบพาไปพบกับผู้มีอำนาจในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่เพราะเขาไม่เคยสนใจความเป็นอยู่ของบุตรชายเพียงคนเดียวเลยจึงไม่รู้ว่ามีเพื่อนสนิทที่ไหนบ้าง พอลไปตามหามิเกลที่มหาวิทยาลัยจนกระทั่งรู้ว่ามิเกลไปทำงานวิจัยชิ้นสุดท้ายก่อนเรียนจบที่วนอุทยานแห่งหนึ่ง เขาหงุดหงิดโวยวายใส่อาจารย์ที่ปรึกษาของมิเกลเสียยกใหญ่จนเกือบมีเรื่อง


              เวลาไม่เพียงพอที่จะไปตามหาตัวบุตรชายเมื่อโซรอสต้องการในตัวมิเกล รูปร่างหน้าตาของชายหนุ่มถูกตาต้องใจโซรอสเป็นอย่างยิ่ง ระยะหลังเขาแทบไม่พบเจอโอเมก้าคนใหม่ๆเลย ส่วนที่มีในปกครองเขาก็เบื่อหน่ายเสียแล้วแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยให้เป็นอิสระ และเมื่อได้พบกับมิเกลจึงต้องการที่จะลิ้มรสความสดใหม่ แต่พอลกับแอมเบอร์ก็ยังไม่พาบุตรชายเข้าพบ จนเขาต้องให้ลูกน้องตามทั้งคู่มาในวันนี้


            “ไหนล่ะ มิเกล”


             เขาเอ่ยเสียงทรงพลังออกไป แค่ความเป็นอัลฟ่าด้วยรูปร่างสูงใหญ่และสมองอันชาญฉลาดก็น่าเกรงขามแล้ว ประกอบกับอำนาจล้นมือที่มีข่าวลือว่าโซรอสอาจได้รับเลือกให้เป็นผู้สมัครเป็นประธานาธิบดีในสมัยหน้า ก็ยิ่งทำให้พอลกับแอมเบอร์หน้าซีดตัวหด


                 “เอ่อ ท่านครับ ผมมีเรื่องจะเรียนให้ทราบ” พอลเหงื่อตก ฝ่ามือเย็นชื้น “อันที่จริงผมก็อยากจะพามิเกลมาช่วยดูแลท่าน แต่เพราะความโง่เขลาของมันที่ไม่รู้ว่าอยู่กับท่านแล้วจะสุขสบายแค่ไหน มันก็เลย เอ่อ หนีไปครับ”


                  เสียงซิการ์ที่ถูกขยี้ลงในที่เขี่ยบุหรี่ราคาแพงทำให้สองสามีภรรยาพากันสะดุ้งโหยง แอมเบอร์คนต้นคิดยิ้มแห้งพยายามแก้ตัว


             “เราบอกมิเกลแล้วค่ะท่าน ว่าท่านรักและเอ็นดูอย่างจริงใจ แต่เพราะเด็กมันหัวแข็งก็เลยก่อเรื่องขึ้นมา ท่านยกโทษให้เราด้วยนะคะ ถ้าเจอมันเมื่อไหร่ดิฉันจะรีบพามันมาหาท่านทันทีเลยค่ะ”


              คิ้วของโซรอสขมวดเข้าหากันอย่างไม่ชอบใจนัก สำหรับผู้มีอำนาจได้ทุกสิ่งที่ต้องการมาตลอดเช่นเขา เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องกวนใจเป็นอย่างยิ่ง โซรอสจะไม่หงุดหงิดเลยถ้าเขาไม่ชอบใจในหน้าตางดงามกับรูปร่างเพรียวสมส่วนของมิเกลที่เย้ายวนสายตาตั้งแต่แรกเห็น โซรอสจินตนาการถึงยามฮีทของชายหนุ่มว่าฟีโรโมนจะส่งกลิ่นรุนแรงแค่ไหน และเขาจะสุขสมเพียงไรหากได้เสพสังวาสกับโอเมก้าคนนี้


                   “ฉันไม่ใช่คนที่มีความอดทนรออะไรนานนักหรอกคุณอาร์มันโด”


                 แม้จะกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแต่คนฟังก็รู้ดีว่ามันแฝงได้ด้วยความเฉียบขาดแค่ไหน สองสามีภรรยาได้แต่ลอบสบตากันด้วยความหวั่นเกรง


                 “ผมออกตามหามิเกลแล้วครับท่าน มันไปเก็บตัวอย่างต้นไม้บ้าบอของมันในป่าเขตเวสต์ทาวน์ ผมจะจ้างนักสืบตามหาแล้วลากมันกลับมาโดยเร็วที่สุด”


                 การแก้ปัญหาของพอลเหมือนจะไม่ทำให้โซรอส แมกเคนพอใจเท่าใดนัก มันช้าเกินกว่าความต้องการของเขา โซรอสคว้าโทรศัพท์มือถือใกล้ตัวออกมากดสายไปหาเบอร์ปลายทาง ระหว่างนั้นพอลกับแอมเบอร์ได้แต่นั่งตัวสั่นเพราะไม่รู้ว่าโซรอสจะทำอะไร


                “ทอม ฉันมีงานให้แกทำ” โซรอสเอ่ยกับปลายทางที่รับโทรศัพท์ “แกให้แบล็คฮันเตอร์ไปตามหาโอเมก้าให้ฉันคนหนึ่ง ไม่เกินครึ่งชั่วโมงรายละเอียดจะถึงมือแก ไปหาและพาตัวมาอย่าให้มีรอยขีดข่วนให้เร็วที่สุด”


              คำว่า “แบล็คฮันเตอร์” ทำให้คนฟังตาลุกโพลง องค์กรลับที่เคยถูกทำลายลงแล้วเมื่อหลายปีก่อน แต่ไม่นานนี้มันกลับมาเป็นที่รู้จักอีกครั้งในนามขององค์กรรับจ้างทำในสิ่งผิดกฏหมาย พอลนึกไม่ถึงว่าโซรอสถึงกับติดต่อแบล็คฮันเตอร์ให้ตามหามิเกล


                 “ฟังนะคุณอาร์มันโด ถ้าฉันไม่ได้ตัวมิเกลมาล่ะก็ โครงการที่คุณขออนุมัติมาไม่มีทางผ่านแน่นอน ดังนั้นถ้ามีข้อมูลอะไรก็รีบๆบอกเสียให้หมด อย่าให้ฉันอารมณ์เสียไปมากกว่านี้”


              โซรอสดึงซิการ์มวนใหม่ออกจากกล่องพลางจุดไฟ ในขณะที่สองสามีภรรยาตรงหน้าได้แต่ลนลานเพราะคำขู่ของเขา










                    “เลออง นามสกุลไพรส์ลีย์ได้มาจากไหน เลอองรู้จักคนที่ชื่อดีแลน ไพรส์ลีย์หรือเปล่า”


                 คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน เลอองมองสบตาคู่หวานของมิเกลที่เกาะแขนเขาพลางละล่ำละลักพูดออกมา เขาหันไปหาโทนี่และฟลอเรียเพื่อขอความช่วยเหลือ พ่อบุญธรรมของเขาเดินมาวางมือบนบ่าของมิเกลพลางเอ่ยถาม


               “มิเกล เธอเอ่ยชื่อใครออกมาหรือ”


                น้ำตาที่คลออยู่ร่วงหล่นลงมาหยดหนึ่งเมื่อมิเกลกล่าวถึงเจ้าของชื่อนั้น


                “เขาเป็นโอเมก้าที่เป็นภรรยาของพ่อผมครับ แม่แท้ๆแยกทางกับพ่อและทิ้งผมไปตั้งแต่ยังจำความแทบไม่ได้ พอพ่อได้มาพบและแต่งงานกับคุณดีแลน เขาก็ดูแลผมเป็นอย่างดีราวกับเป็นลูกแท้ๆ สิบกว่าปีก่อนคุณรถของคุณดีแลนเกิดอุบัติเหตุในละแวกนี้แต่ไม่มีใครยืนยันว่าพบศพของเขา และก่อนหน้าจะมาทำงานที่นี่ ผมได้พบกับภาพวาดที่ฝีมือคล้ายคุณดีแลนที่แกลลอรีของคุณไทเลอร์ เขาบอกว่าจิตรกรที่ใช้ชื่อว่าลีโอน่าส่งรูปมาจากเวสต์ทาวน์ซึ่งก็ตรงกับจุดที่เกิดอุบัติเหตุพอดี ผมจึงตัดสินใจมาเก็บข้อมูลแถวนี้ เผื่อว่าจะได้เบาะแสของคุณดีแลนด้วย”


            เมื่อจบการบอกเล่าของมิเกลโทนี่ก็แทบจะร้องอ๋อ ไม่นานมานี้ไทเลอร์ ฮิวจ์ติดต่อมาหาและบอกว่ามีคนตามหาลีโอน่า ซึ่งมีโทนี่คนเดียวที่รู้จัก เขาเป็นตัวแทนนำภาพวาดมาส่งให้ไทเลอร์ บุตรชายของนายแพทย์คาร์ล ฮิวจ์ เพื่อนสนิทของโทนี่ไปฝากขายในแกลลอรี


             “คุณโทนี่ต้องรู้จักคุณดีแลนแน่ๆ” มิเกลอุทานออกมา “ได้โปรดเถอะครับ พาผมไปพบคุณดีแลนเถอะ ผมคิดถึงและมั่นใจว่าเขายังไม่ตายแน่นอน”


                   สีหน้าลำบากใจของโทนี่ทำให้เควินเอ่ยถาม


                  “เฮ้ย เรื่องจริงหรือเปล่า หรือว่ามิเกลเข้าใจผิด”


               โทนี่ ฟลอเรียและเลอองสบตากันไปมา แต่เขามั่นใจว่ามิเกลไม่พูดปด ชายหนุ่มพยักหน้ากับพ่อบุญธรรมเป็นเชิงอนุญาต


              “มิเกล ถ้าเธอได้พบกับคุณดีแลนของเธอแล้วเห็นว่าเขาเปลี่ยนไป เธอจะรู้สึกเช่นไร”


              มิเกลยิ้มทั้งน้ำตา


               “ไม่ว่าเขาจะเปลี่ยนไปขนาดไหน แต่ผมเชื่อว่าเขายังจำผมได้และจะดีกับผมเช่นที่เคยทำมาครับ”


               โทนี่ถอนหายใจก่อนจะยิ้มให้ชายหนุ่มหน้าหวาน


                 “ถ้าอย่างนั้น ฉันจะพาเธอไปหาดีแลน ไพรส์ลีย์ก็แล้วกันนะ”




ต่ออีกนิด...



หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่12 NC เบาๆ [10/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 10-07-2019 22:10:34
อ่านต่อตรงนี้ ...





          เสียงกุกกักหน้าประตูกระท่อมไม้หลังเล็กเรียกให้ดีแลน ไพรส์ลีย์เดินไปเปิดมันออก กรอบประตูไม้สร้างมากว้างพอจะให้สิงโตตัวเขื่องเดินผ่านเข้ามาด้านในได้ เมื่อปิดประตูตามหลังแล้วดีแลนจึงเดินกลับมากลางห้องโถงที่ลีโอยืนอยู่ แม้จะล่วงเข้าสู่วัยชราแล้วแต่ลีโอก็ยังน่าเกรงขามสมกับเป็นเจ้าป่ามาหลายปี


            “คิดถึงผมเหรอลีโอ”


             ดีแลนกอดไปรอบคอและซบหน้าถูไถไปกับขนแผงคอนุ่มฟู ลีโอส่งเสียงคำรามเบาๆตอบรับคำถามของเมียมนุษย์ มันเป็นกิจวัตรมาหลายปีที่เขาไปๆมาๆระหว่างถิ่นที่อยู่ที่อาจต้องเปลี่ยนสถานที่ไปบ้างกับกระท่อมแห่งนี้ เขาเข้าใจความเป็นมนุษย์ว่าการดำรงชีวิตอยู่ในป่าตลอดเวลาไม่ใช่เรื่องง่ายนัก อย่างน้อยกระท่อมแห่งนี้ก็สร้างความสะดวกสบายให้ดีแลน มันมีเตาไฟสำหรับทำอาหารและให้ความอบอุ่นในยามฤดูหนาว และเขาก็มาหาดีแลนได้โดยไม่ได้ใกล้ชุมชนของมนุษย์มากนัก


             “คิดถึงเลอองด้วยล่ะสิ ผมเองก็คิดถึงลูก”


              ดีแลนหน้าเศร้า เลอองไม่เคยห่างกายมาจนกระทั่งไม่นานมานี้ ลีโอได้แต่ใช้ลิ้นเลียที่แก้มนุ่มเป็นการปลอบใจ ในฝูงสิงโต ลูกสิงโตตัวน้อยต้องห่างมารดาตั้งแต่เล็กเขาจึงไม่ได้เป็นห่วงลูกมากนักเพราะรู้ว่าเลอองสืบเชื้อสายความเป็นเจ้าป่าของเขา จะมีก็แต่ความคิดถึงตามประสาผู้เป็นพ่อเท่านั้น แต่ดีแลนที่เป็นมนุษย์อาจไม่เข้าใจธรรมชาติของสัตว์ป่า จึงทั้งห่วงกังวลและคิดถึงไปพร้อมกัน


             “เข้าใจว่าไม่ให้กังวล แต่คุณห้ามความคิดของคนเป็นแม่ไม่ได้หรอก นี่ อย่ากัดเสื้อสิ เดี๋ยวมันขาด ผมถอดเองได้น่า”


              หัวเราะเบาๆเมื่อสามีใช้คมเขี้ยวดึงเสื้อสีเข้มตัวใหญ่ที่เขาใส่อยู่ รู้ดีว่าลีโอต้องการอะไร ดีแลนในวัยสี่สิบปียืนขึ้นถอดเสื้อผ้าจนเปลือยเปล่า อวดรูปร่างที่ไร้ไขมันสะสมและยังมีกล้ามเนื้อมากกว่าสมัยหนุ่มๆด้วยซ้ำเพราะต้องออกกำลังกายด้วยการตัดฟืนมาเป็นเชื้อเพลิงในการดำรงชีวิต สีผิวคล้ำลงบ้างเพราะไอแดด แต่กระนั้นเขาก็ยังเป็นโอเมก้าหนุ่มใหญ่ที่ยังดูดี


            เห็นร่างเปลือยแล้วลีโออดใจไม่ไหว เขาแลบลิ้นปาดเลียเนื้ออ่อนไปทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เน้นย้ำที่จุดอ่อนไหวจนกระทั่งมันตึงตัว ดีแลนเอนกายนอนไปกับพื้นบ้านพลางยกขาตั้งฉากให้มองเห็นจุดซ่อนเร้นเด่นชัด


              “ลีโอ เลียสิครับ เอาให้เปียกเลยนะ”


             เพียงผู้เดียวที่ออกคำสั่งกับเจ้าป่าได้คือดีแลนเท่านั้น นอกจากนั้นยังไม่มีแม้แต่สัตว์ป่าเขี้ยวคมตัวใดหาญกล้า ลีโอตวัดลิ้นยาวเปียกฉ่ำปาดลงไปตั้งแต่ท่อนเนื้ออวบอูมจนถึงช่องทางที่เขาแสนรัก มองเห็นรอยจีบพับขยับไหวคล้ายเรียกร้องให้เขาบุกตะลุยเข้าไปหา แต่ลีโอเรียนรู้ที่จะรอคอยเวลา เขาอยากให้ดีแลนได้วาบหวามไปกับการโลมเล้าอีกสักพัก ลิ้นชื้นจึงย้ำสัมผัสอยู่ในร่องหลืบจนดีแลนครางฮือ


                “สิงโตขี้โกง แกล้งกันทำไม รู้ใช่ไหมว่าผมอยากให้ลีโอใส่เข้ามาแล้ว ตรงนี้”


             สัตว์ป่าหรือจะมาสู้มารยาของมนุษย์ ดีแลนเลียลิ้นไปรอบริมฝีปากพร้อมกับใช้ปลายนิ้วตนเองสอดลึกเข้าไปในช่องทางของเขา ดวงตาฉ่ำเยิ้มเย้ายวนด้วยไฟร้อนที่จุดติดขึ้นมา ลีโอมองภาพตรงหน้าพลันคำรามลั่น อุ้งเท้าหน้าปัดมือของดีแลนออกจนพ้นทางสวรรค์ก่อนที่เขาจะกางขาเผยความใหญ่โตที่ขยายจนเต็มที่แล้วแทงเข้าไปทันที


              “อ๊า ลีโอ”


                อาจเจ็บเช่นนี้ในครั้งแรกที่เสียดแทงเข้าไปเพราะขนาดของมัน แต่ไม่นานร่างกายของดีแลนก็จะปรับสภาพด้วยการยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและน้ำหล่อลื่นตามธรรมชาติของโอเมก้าแม้จะเป็นเพศชาย หลังจากนั้นเขาก็จะลอยละล่องไปกับรสของความดิบเถื่อนจากสัตว์ป่าที่กลายเป็นว่าเสพติดไปแล้ว และยิ่งในช่วงที่เขาฮีทหรือลีโอเกิดอาการติดสัดความรุนแรงของเพศรสก็ยิ่งทวีขึ้น ช่วงเวลานั้นดีแลนต้องไปอยู่กับลีโอในถิ่นของเขา เลอองเคยบอกกับดีแลนว่า


              “มันเป็นการแสดงความเป็นเจ้าของน่ะแม่ แล้วสิงโตตัวอื่นจะได้เห็นว่าพ่อยังแข็งแกร่งอยู่จะได้ไม่มีสิงโตตัวไหนกล้ามาหาเรื่อง”


               “อวดกันด้วยเรื่องอย่างว่าเนี่ยนะ” 


                ดีแลนหัวเราะขำจนเลอองหน้างอ


                “อ้าวแม่ เรื่องอวดกันก็มีแค่นี้แหละ ถ้าไม่ใช่เรื่องต่อสู้หรือล่าเหยื่อ ก็ต้องเรื่องอย่างว่าของแม่นี่แหละ”


                 เห็นจะจริงตามนั้น เพราะทุกครั้งลีโอก็จะส่งเสียงคำรามดังก้องไปหลายไมล์จนเสียงครางของดีแลนสู้ไม่ไหว แต่ถ้าเป็นในเวลาปกติอย่างบนพื้นกระท่อมหลังเล็กนี้ ดีแลนก็พอจะสู้ได้บ้าง


               “ฮัก ฮัก อ๊า ลีโอดีมาก แรงยังไม่ตกเลยครับ ถึงใจจริงๆ”


                 ดีแลนยกแขนขาขึ้นกอดก่าย กลิ่นสาบสัตว์ป่ากลายเป็นสิ่งกระตุ้นชั้นเลิศยามใกล้ถึงจุดหมาย เล็บของดีแลนจิกลงไปในหนังหนาหยาบพลางครูดมันจนเกิดเป็นรอยแผล แต่ยิ่งทำให้ลีโอซอยเอวถี่ยิบจนดีแลนแทบจะหายใจไม่ทัน ท่อนเนื้อของดีแลนถูไถไปกับลำตัวของลีโอ ดีแลนแหงนหน้าระบายความรู้สึกเป็นเสียงกระเส่ายาวนานก่อนที่เขาจะปลดปล่อยออกมา


              “ลุยเลยลีโอ”


              แม้จะล่วงเข้าสู่วัยชราแต่ลีโอก็ยังแข็งแรงอยู่มาก อุ้งเท้าใหญ่ตะปบร่างให้ดีแลนคลานสี่ขา เขากระโจนยึดบ่ามนุษย์ก่อนจะเร่งจังหวะเร็วรี่ ไม่นานเขาก็คำรามออกมาก่อนฉีดพุ่งน้ำคาวใส่ช่องทางแนบชิด และต้องคงอยู่ในท่านี้อยู่พักใหญ่กว่าท่อนเนื้อจะคลายตัวลงจนสามารถดึงกลับออกมาได้ ระหว่างนี้เขาก็จะกกกอดดีแลนไว้และใช้ลิ้นเลียไปตามเนื้อตัวแสนอ่อนนุ่ม


             “อ้อนจริงนะครับ”


             ดีแลนหัวเราะพลางดิ้นยุกยิกเพราะจั๊กจี้ เขานอนซบไปกับแผงคอที่สยายรองรับอยู่บนพื้นบ้าน ครู่หนึ่งลีโอจึงค่อยๆถอนกายออกไปจนน้ำคาวทะลักตามออกมา ดีแลนคงจะอิงซบร่างของสามีไปอีกนานถ้าไม่ได้ยินเสียงรถกระบะคุ้นหูดังแว่วมา


           “เสียงรถหมอโทนี่ ผมต้องรีบแต่งตัว”


             ดีแลนลุกขึ้นคว้าเสื้อผ้าตัวเก่าของเขามาใส่พลางจัดทรงผมให้เข้าที่ ไม่จำเป็นต้องให้ลีโอหลบไปไหนเพราะคุ้นชินกับโทนี่มานานหลายปีแล้ว สิงโตตัวใหญ่เดินไปนั่งหมอบอยู่ใกล้เตาผิงอย่างสบายอารมณ์ ปล่อยให้ดีแลนเดินไปเปิดประตูเมื่อเสียงรถยนต์เงียบลง


              “เลออง”


              ดีแลนยิ้มรับเมื่อเห็นหน้าลูกชายคนเดียวหลังจากที่ปล่อยให้เลอองไปอยู่กับโทนี่และฟลอเรียเสียเกือบเดือน เลอองยิ้มรับพลางกอดแม่เสียแน่นหนาจนดีแลนแทบจมไปกับร่างสูงของบุตรชาย


                 “หนูคิดถึงแม่จังเลย”


               คงจะกอดกันนานกว่านั้นถ้าเลอองลืมจุดประสงค์ที่มาในวันนี้ เขาคลายอ้อมกอดก่อนจะกล่าวกับดีแลน


                “แม่ มีคนอยากเจอแม่ หนูเลยพาเขามาหา”


              ดีแลนเอียงคอด้วยความสงสัย ก่อนที่ร่างสูงของเลอองจะเบี่ยงหลบให้เขาได้มองเห็นชายหนุ่มอีกคนที่อยู่เบื้องหลัง วินาทีแรกดีแลนยังขมวดคิ้วมองด้วยความคลับคล้ายคลา แต่ไม่นานนักเขาก็ต้องอ้าปากค้าง


              ขณะเดียวกันนั้น ผู้ที่มาเยือนกลับมองอย่างตื่นตะลึง ดวงตาหวานเต็มไปด้วยน้ำตาเอ่อล้นจนกระทั่งมันร่วงลงมา หัวใจที่เคยสูญสลายพลันเต้นรัวด้วยความปีติยินดี แม้จะผ่านไปสิบหกปีแล้วแต่คนตรงหน้ากลับไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนักยกเว้นผมสั้นที่กลายเป็นยาวสยายจนเกือบถึงเอวและอยู่ในเสื้อผ้าตัวเก่าสีเข้ม แต่กระนั้นก็ยังปิดบังความงดงามของกายและใจไปไม่มิด


               “คุณดีแลน”


                มิเกลโผเข้ากอดพลางร้องไห้โฮเหมือนกลับไปเป็นเด็กน้อยวัยเจ็ดขวบอีกครั้ง ดีแลนเองก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาออกมา เขากอดตอบลูบหลังลูบไหล่มิเกลลูกเลี้ยงของเขา


                “มิเกล มิเกลของฉัน”


                 ระหว่างนั้นเลอองได้แต่ยืนยิ้มเมื่อเห็นคนที่เขารักทั้งคู่ได้พบหน้ากัน



                                                                  TBC


                                                         พ่อกับแม่กลับมาแล้วจ้า



                                  :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[






หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่12 NC เบาๆ [10/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 10-07-2019 23:11:12
ภัยร้ายก่อตัวอี้ก   :ling2:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่12 NC เบาๆ [10/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 10-07-2019 23:26:29
มิเกลเจอแม่แล้ว แต่พวกพ่อนี่สิ แย่จัง
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่12 NC เบาๆ [10/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 10-07-2019 23:47:25
 :mew1:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่12 NC เบาๆ [10/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 11-07-2019 00:08:49
มิเกลได้เจอกับแม่แล้ว  :katai2-1:

 แต่เดี๋ยวคงต้องพากันหนีเข้าป่าหนีพวกอิตาเฒ่าหัวงูนั่นสินะ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่12 NC เบาๆ [10/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 11-07-2019 01:00:31
ดีใจได้เจอกันแล้ว :hao5: จากกันไปตั้งสิบหกปี
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่12 NC เบาๆ [10/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-07-2019 01:38:15
 :pig4: :pig4: :pig4:

เวนกำ   ดันมีอัลฟ่าเลว ๆ โผล่ออกมา
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่12 NC เบาๆ [10/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 11-07-2019 12:30:41
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่12 NC เบาๆ [10/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 24-07-2019 04:16:32
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่12 NC เบาๆ [10/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 25-07-2019 21:53:41
อื้อหือ แซบลื้มเลยจ้า เลอองมิเกล
แล้วเวลาได้ด้วยนะ พอดีอะไรขนาดนี้
เลอองดูแลมิเกลดีเลย ดูอาการคือติดหนักมากด้วย

คู่พ่อแม่ก็แซบไม่ต่างกันเลยนะคะ
แหมม เจอหน้าแปบเดียวเอง แต่ก็นะ
ความคิดถึงนำพาความสุขสม

ว้าวว ดีใจกับมิเกลค่ะ เจอดีแลนสักที

แต่คงเป็นสองต่อที่คนของโซรอสจะได้รู้
แล้วพ่อมิเกลจะได้ตามหาด้วย ไม่รู้ใครจะงานเข้าก่อนกัน

หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่13 NC [27/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 27-07-2019 20:32:43



                                                   เจ้าป่า

                                                   บทที่ 13



               เมื่อหายตกตะลึงกันทั้งคู่แล้วมิเกลจึงค่อยเงยหน้าจากอ้อมกอด ทันใดนั้นเขาถึงกับผงะแทบสิ้นสติเมื่อเห็นสิงโตตัวใหญ่นั่งหมอบอยู่ในบ้าน และสิงโตตัวนั้นผงกหัวขึ้นมองเขาด้วยความสนใจ


             “สิงโต!”


             หากเป็นเวลาอื่นมิเกลคงจะวิ่งหนีสุดชีวิตแต่ไม่ใช่ตอนนี้ที่มีรอยยิ้มของดีแลนปลอบประโลมอยู่แถมยังมีเลอองประกบอยู่ด้านหลัง ทั้งคู่ไม่มีความตกใจเลยสักนิดราวกับคุ้นเคยกับสิงโตตัวนี้เป็นอย่างดี


            “ไม่ต้องกลัวจะมิเกล เขาไม่ทำร้ายเราหรอก”


              ดีแลนเช็ดน้ำตาให้ลูกเลี้ยงที่โตขึ้นจนเป็นชายหนุ่มแล้ว เขามองสำรวจมิเกลอย่างเต็มตา


              “มิเกล หนูโตขึ้นมาเป็นโอเมก้าหรือนี่”


               กว่าจะรู้ว่าร่างกายเปลี่ยนแปลงเป็นสายพันธุ์อัลฟ่า โอเมก้าหรือเบต้าธรรมดาก็ต้องล่วงเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ ดีแลนจากมิเกลมาตั้งแต่เขายังเด็กเกินไป ในขณะนี้มิเกลกลายเป็นโอเมก้าหน้าตางดงามรูปร่างโปร่งบางไปเสียแล้ว มิเกลยิ้มรับคำถามนั้น


              “ใช่ครับคุณดีแลน ผมเป็นโอเมก้า”


              ดีแลนจูงมือมิเกลให้มานั่งบนเก้าอี้ตัวเล็กริมหน้าต่างขณะที่เลอองเดินไปหาสิงโตตัวนั้นและกอดทักทายอย่างสนิมสนมจนมิเกลนึกหวาดกลัวแทน เขาหันมาหาดีแลนพร้อมกับความค้างคาใจมาเนิ่นนาน


              “คุณหายไปในอุบัติเหตุ รถยนต์ตกลงมาจากถนนลงสู่ป่าด้านล่าง รถยนต์ไฟไหม้หมดทั้งคันแต่พบศพแค่ศพเดียวไม่มีใครยืนยันว่าศพนั้นเป็นศพของคนขับรถหรือว่าศพของคุณ พ่อบอกว่าคุณตายไปแล้วแต่ผมมั่นใจว่าคุณยังมีชีวิตอยู่”


                ดีแลนยิ้มเศร้าก่อนจะเล่าเหตุการณ์ให้มิเกลฟัง


              “ฉันบาดเจ็บสาหัส แต่ก็คลานออกจากรถได้ทันก่อนมันระเบิด แล้วมีสิงโตลากฉันเข้าไปในป่า ไปรักษาตัวจนหาย ก็สิงโตตัวนี้นี่แหละ”


              “คุณอยู่กับสิงโต” มิเกลเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ มนุษย์ที่ไหนกันเล่าที่ใช้ชีวิตอยู่กับสิงโต


               “ใช่ อยู่กับสิงโตทั้งฝูง”


              “แล้วเลอองล่ะครับ เขาเป็นใคร เขาใช้นามสกุลเดียวกับคุณ”


              เอ่ยถามเรื่องที่ข้องใจอีกเรื่อง ดีแลนนิ่งไปพักใหญ่ก่อนจะถอนหายใจออกมา


               “ฉันอยู่ในป่า ไม่มีเครื่องนุ่งห่ม ไม่มียารักษาโรคกินแต่ผลไม้กับน้ำเปล่า อยู่มาจนกระทั่งเกิดฮีทกลางป่าและก็ เอ่อ..ลีโอ สิงโตที่เธอเห็นนี่แหละได้กลิ่นของฉัน เขาเป็นอัลฟ่า”


                มิเกลนิ่งงัน ค่อยๆคิดตามที่ดีแลนพูดให้ฟัง และเป็นอีกครั้งที่ดวงตาที่โตอยู่แล้วยิ่งโตมากกว่าเดิม


              “เดี๋ยวนะ คุณจะบอกผมว่าคุณกับสิงโตตัวนี้มีเซ็กส์กัน”


              ดีแลนหน้าแดง เขายิ้มบางๆเมื่อหันไปมองลีโอกับเลอองที่กำลังหยอกเล่นกันด้วยการกอดรัดฟัดเหวี่ยง


                “ใช่ มันออกจะแปลกประหลาดไปสักหน่อย แต่เธอจะให้ฉันทำยังไง ตอนนี้เธอเป็นโอเมก้าเธอคงเข้าใจว่าเวลาฮีทมันทรมานขนาดไหน ฉันไม่มีทางเลือกมากนัก และมัน เอ่อ ไม่เลวนักหรอก”


               มิเกลเข้าใจดี เพราะเขาก็เพิ่งผ่านอาการฮีทมาเมื่อราตรีที่ผ่านมานี้เอง เมื่อรู้เรื่องมาถึงตรงนี้แล้วสมองของมิเกลจึงค่อยๆประมวลผลความสัมพันธ์ระหว่างดีแลนกับเลออง


              “เอ๊ะ ถ้าคุณเล่าแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นเลออง...”


              ดีแลนพยักหน้ารับ ตั้งแต่พบหน้ากันเพียงไม่กี่นาทีลูกเลี้ยงของเขาทำหน้าราวกับเจอผีเป็นครั้งที่สามแล้ว


               “ฉันไม่มียาต้านอาการฮีท ไม่มียาคุมกำเนิด ออกจากป่าก็ไม่ได้ ใครจะนึกว่าคนกับสิงโตจะมีลูกกันได้ เมื่อใกล้คลอดลีโอพาฉันไปหาคุณโทนี่ เขาเป็นสัตวแพทย์ประจำเขตนี้ ลีโอเคยเห็นเขาเข้าไปรักษาสัตว์ป่าในเขตอุทยาน โทนี่ผ่าคลอดให้ฉัน เลอองคือลูกของฉันกับลีโอ”


                เล่ามาถึงตอนนี้เลอองจึงหยุดเล่นกับพ่อ เขาก้าวเข้ามายืนต่อหน้าและสบตากับมิเกล นัยน์ตาคมของเขาดูจริงจังและเป็นกังวล


              “แม่เลี้ยงผมมาในป่าและกระท่อมแห่งนี้ จนก่อนหน้าคุณจะมาไม่นานผมเพิ่งจะออกจากป่าไปอยู่บ้านป๋า คุณไม่ตกใจและไม่กลัวผมใช่ไหมมิเกล”


               มิเกลยังตกตะลึงไม่เลิก เขาสะบัดหน้าเรียกสติ ดีแลนกุมมือของเขาเพื่อให้กำลังใจ เป็นใครก็ต้องตกใจเมื่อรู้เรื่องพวกนี้ มิเกลมองเลอองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า


             “คุณเป็นลูกครึ่งสิงโตกับมนุษย์ แล้วรูปร่างหน้าตาที่แท้จริงของคุณล่ะเลออง”


             เลอองชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ดีแลนพยักหน้าให้เขาเปิดเผยความลับได้เขาจึงดึงผ้าโพกหัวและถอดเสื้อออก มิเกลตกใจแทบสิ้นสติเมื่อเห็นร่างที่แท้จริงของเลออง ไพรส์ลีย์ เขาเป็นเด็กหนุ่มวัยสิบห้าปีที่สูงราวร้อยแปดสิบเซ็นติเมตรและอาจจะสูงกว่านี้ในอนาคต ใบหน้าของเลอองล้อมกรอบไปด้วยผมยาวสีน้ำตาลคล้ายแผงคอของสิงโต แขนและขามีขนกายยาวกว่าผู้คนทั่วไป ใบหูของเขาแหลมตั้ง เมื่อมองต่ำลงมาเบื้องล่างที่อยู่เหนือขอบกางเกงมองเห็นหางยาวที่มีปลายหางเป็นพู่สีเดียวกับเส้นผม


               “คุณกลัวผมหรือเปล่า”


               มิเกลตั้งสติ เขาค่อยๆไตร่ตรองและคิดเรื่องทั้งหมด ในเมื่อเลอองเป็นลูกแท้ๆของดีแลน มีอะไรที่เขาจะต้องหวาดกลัว เมื่อคิดได้ดังนั้นมิเกลจึงสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อขับไล่ความตระหนกทั้งหมดออกไปก่อนจะส่งยิ้มให้เลออง


              “ผมตกใจกับเรื่องประหลาดนี้ แต่ผมไม่ได้กลัวคุณนะเลออง”


               ได้ยินดังนั้นเลอองจึงยิ้มหน้าบาน เขาฉุดแขนมิเกลให้ลุกขึ้นยืน


              “ถ้าอย่างนั้นไปรู้จักกับพ่อของผมก่อนนะ พ่ออยากคุยกับคุณ”


               มิเกลหน้าตาตื่น แม้จะรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว แต่จะให้เข้าใกล้สิงโตตัวใหญ่ในระยะประชิดเขาก็ยังอดหวาดกลัวไม่ได้ จนเลอองต้องรีบปลอบใจ


              “ไม่ต้องกลัวน่า ถ้าพ่อทำอะไรคุณผมจะจัดการพ่อเอง”


            ร่างสูงจูงมือมิเกลไปหาสิงโตที่ชูคอรออยู่ ถ้าไม่คิดไปเองคล้ายมองเห็นรอยยิ้มจากใบหน้าดุนั้น มิเกลจึงพอใจชื้นขึ้นมาบ้างเมื่อเขาหยุดยืนในระยะไม่ถึงหนึ่งเมตร


             “ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณลีโอ เอ่อ ผมชื่อมิเกล”


            เสียงยังสั่นๆขณะกล่าว มิเกลยิ้มแหยพลางหันมามองเลอองเป็นระยะ เลอองหันไปส่งเสียงบางอย่างที่มิเกลฟังไม่ออกกับผู้เป็นบิดา


              “ผมบอกพ่อว่ามนุษย์ทักทายกันด้วยการจับมือ มิเกลจับมือกับพ่อหน่อยนะ”


             “อะไรนะ จะดีเหรอเลออง”


             เลอองคว้ามือนุ่มของมิเกลให้ยื่นออกไป ทันใดนั้นพ่อของเขาก็ยื่นอุ้งเท้าหน้าออกมาให้มิเกลได้จับ เมื่อเห็นถึงมิตรไมตรีที่สิงโตวัยชรามอบให้มิเกลจึงยิ้มกว้างด้วยความสบายใจ


             “ดีใจจังที่มิเกลได้รู้จักกับพ่อ”


             เลอองพามิเกลกลับมานั่งที่เดิมให้สนทนากับมารดาต่อ มิเกลเล่าให้ดีแลนฟังว่าเขาได้พบกับภาพวาดของดีแลนและจำได้ จึงได้ขอมาเก็บข้อมูลงานวิจัยที่นี่จนได้พบกับดีแลน


              “ใช่แล้ว ถึงแม้จะอยู่ในป่าแต่ก็ไม่อยากรบกวนครอบครัวของหมอโทนี่กับฟลอเรียเฉยๆ ก็เลยใช้ฝีมือวาดรูปนี่แหละที่พอหาเงินมาได้ ฝากไว้ให้เลอองจะได้มีทรัพย์สินติดตัวบ้าง


            “พูดถึงทรัพย์สิน” สีหน้าของมิเกลขรึมลง “พ่อแจ้งต่อศาลว่าคุณเป็นผู้สูญหายและขอเป็นผู้จัดการมรดกพ่อได้จดทะเบียนกับคุณ เขาอยู่กับแอมเบอร์เป็นสามีภรรยากันด้วยเงินของคุณ ดีแลน ผมเสียใจที่ทำอะไรไม่ได้ ผมขอโทษที่พ่อผมทำไม่ดีต่อคุณ”


              ขอบตาร้อนผ่าวด้วยความรู้สึกผิด มิเกลยังไม่กล้าบอกเรื่องที่เขาสงสัยว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นฝีมือของสองคนนี้เพราะยังไม่มั่นใจและไม่มีหลักฐาน แค่เรื่องที่พ่อกับเมียใหม่เสวยสุขเพราะสมบัติของดีแลนเขาก็อับอายมากพอแล้ว


               “คุณจะกลับไปไหมครับ คุณควรจะได้ทุกอย่างคืน”


             ดีแลนนิ่งงัน หันไปมองเลอองกับลีโอที่หยอกล้อกันอยู่ก็ต้องคิดหนัก ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจออกมา


              “อุบัติเหตุครั้งนี้เหมือนฉันตายไปแล้ว และผู้ที่มอบชีวิตใหม่ให้ก็คือลีโอ หมอโทนี่บอกว่าชีวิตของลีโอเหลืออีกไม่กี่ปีตามอายุขัยของสิงโต ฉันอยากจะทำทุกอย่างให้ลีโอมีความสุข เพราะฉะนั้นฉันคงไม่คิดเปลี่ยนแปลงอะไรตอนนี้ถ้าลีโอยังมีชีวิตอยู่ มิเกลอย่าเพิ่งบอกกับใครเรื่องของฉันรวมถึงลีโอกับเลออง ขอให้ทุกอย่างเป็นความลับจนกว่าจะพร้อมจริงๆนะมิเกล”


                มิเกลพยักหน้ารับ ในเมื่อเป็นทางที่ดีแลนเลือกแล้วก็ไม่ควรขัดขวาง เข้าใจดีที่ดีแลนอยากเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ หากเรื่องที่มนุษย์กับสิงโตมีลูกกันเปิดเผยออกไป ต้องกลายเป็นเรื่องโด่งดังแน่


              “ถ้าคุณดีแลนต้องการอย่างนั้น ผมสัญญาว่าจะไม่บอกใคร มั่นใจได้เลยว่าผมอยู่ข้างคุณดีแลนเสมอ”


             ต่างยิ้มให้กันด้วยความเข้าใจ ทั้งคู่คุยกันจนหายคิดถึงเลอองจึงพามิเกลกลับในช่วงบ่าย ระหว่างทางที่เขาขับรถกระบะกลับไปทางหมู่บ้านมิเกลกลับทำหน้าเศร้าจนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม


             “มิเกลเป็นอะไร ทำไมหน้าเศร้าแบบนั้น”


             มิเกลเพิ่งรู้สึกตัว เขาหันมาฝืนยิ้มให้เลอองที่มองด้วยความเป็นห่วง


            “ผมอิจฉาเลอองน่ะ”


            “อิจฉาผม” เลอองเลิกคิ้วด้วยความสงสัย “อิจฉาเรื่องอะไร”


             “ผมขาดแม่ตั้งแต่เด็ก เมื่อได้พบคุณดีแลนที่แสนใจดีผมจึงรักเขามาก อยากเป็นลูกของคุณดีแลนจริงๆ ก็เลยอิจฉาเลอองที่เกิดมาเป็นลูกของคุณดีแลนยังไงล่ะ”


             รถกระบะคันเก่าถูกบังคับให้จอดข้างทางทันที มือใหญ่ของเลอองคว้าไหล่บางให้หันมาหาเขา ดวงตาสีเหล็กตอนแรกมองมิเกลราวกับกำลังดุเขาก่อนจะอ่อนแสงลง


              “อย่าคิดแบบนั้น อิจฉาทำไมกัน แม่รักมิเกลจะตาย มิเกลอยู่กับแม่ก่อนผมอีก ถึงมีผมเกิดมาอีกคนก็ไม่ได้ทำให้แม่รักมิเกลน้อยลงหรอก อีกอย่างนะ มิเกลไม่ดีใจเหรอที่เรามีแม่คนเดียวกัน แล้วเราก็ยังเป็นผัวเมียกันด้วย”


              “เลออง!” มิเกลยกมือปิดปากชายหนุ่มพลางหัวเราะเบาๆ “พูดอะไรตรงๆแบบนั้นล่ะ เรายังไม่ใช่...”


               “ไม่ใช่อะไร เมื่อคืนนี้เราทำกันทั้งคืน ทำเหมือนที่พ่อทำกับแม่ ยังไม่เรียกว่าผัวเมียแล้วจะเรียกว่าอะไร”


             “ก็เมื่อคืนผมฮีท”


             มิเกลไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้เลอองเข้าใจ เพราะเขาปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันจริง


             “แล้วยังไง ทำกันตอนฮีทไม่เรียกว่าผัวเมีย ต้องให้ทำตอนไม่ฮีทใช่ไหมถึงจะยอมให้เรียกแบบนั้น ได้สิมิเกล ได้”


               พูดจบเลอองก็เปิดประตูออกไปแล้วก้าวพรวดๆมาทางฝั่งของมิเกล เขาเปิดประตูแล้วอุ้มร่างเพรียวออกมานอกรถ


             “เดี๋ยว เลออง จะทำอะไร”




มีต่ออีกนิด....

หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่13 NC [27/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 27-07-2019 20:44:51


อ่านต่อตรงนี้....



              เลอองไม่สนสีหน้าตกใจ เขาเดินดุ่มไปทางกระบะด้านท้ายรถก่อนจะวางร่างของมิเกลลงไป ความลับเปิดเผยแล้วจึงไม่จำเป็นต้องปิดบังอีก เมื่อคืนนี้ที่เขาเลือกคอกม้าเพราะต้องการอาศัยความมืดปิดบังร่างกายตนเองไม่ให้มิเกลมองเห็นความลับ ตอนนี้เขาไม่ต้องอึดอัดปิดบังอีกแล้ว


             แดดยามบ่ายลอดผ่านกิ่งไม้ลงมาเป็นแสงระยิบระยับ เงาจากใบไม้ทอดผ่านร่างกายที่นอนอยู่ตรงหน้าให้ยิ่งน่าค้นหา เลอองสะกดมิเกลไว้ด้วยดวงตาสีเหล็กจนคล้ายต้องมนต์ไปแล้ว และไม่อาจปฏิเสธได้เลยเมื่อร่างสูงโน้มกายลงมาจุมพิตบนกลีบปากนุ่ม คราแรกลิ้นร้อนยังตวัดอย่างไร้ชั้นเชิงจนมิเกลลืมตัวต้องกลายเป็นฝ่ายสอนการจูบให้เด็กหนุ่มวัยสิบห้า


              “อือ จูบแบบนี้ก็อร่อยดีนะ”


               เลอองพึมพำอย่างติดใจ เขาดึงเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ของมิเกลออกจากร่างกาย ยอมผละจูบเพื่อจะมองร่างนั้นเด่นชัดด้วยแสงสว่างจากธรรมชาติ ความงดงามเต็มตาจนเผลอตะลึง


             “เด็กบ้า มองอยู่ได้”


              มิเกลขัดเขิน ดวงตาสีเหล็กคล้ายเปลี่ยนสีได้ ดูแพรวพราวเสียยิ่งกว่าแสงระยิบระยับผ่านกิ่งไม้ลงมาเสียอีก เลอองส่งเสียงในลำคอพอให้ได้ยิน เขาจัดการถอดเสื้อผ้าของเขาออกอวดร่างกายของอัลฟ่าวัยหนุ่มจนมิเกลแทบลืมหายใจ ช่วงบนหนาด้วยมัดกล้าม ไม่ต่างอะไรกับท่อนขาแข็งแกร่ง ท่อนอกมีขนกายสีน้ำตาลยาวปกคลุมเว้นระยะแค่ซิกแพ็คช่วงท้อง หางยาวด้านหลังกวัดแกว่งไปมาจนปลายพู่ปลิวไสว และยิ่งสะดุดตากับความเป็นชายที่อวดกายแข็งขัน มิเกลถึงกับกลืนน้ำลาย


             มองเห็นความใหญ่โตกว่ามนุษย์ทั่วไปแล้วมิเกลยังงงว่าเมื่อคืนที่ผ่านมามันผ่านช่องทางของเขาเข้าไปได้อย่างไร แต่อาจได้คำตอบในเร็วๆนี้เมื่อร่างสูงใหญ่นั้นเอนกายลงมาทาบทับร่างของเขา มือร้อนขยี้ลงมาเบาๆที่ยอดอกสีอ่อนก่อนที่เลอองจะก้มหน้าลงมาขบเม้ม


             “อื้อ ฮึก”


             รุนแรงแต่ไม่ได้เจ็บเกินทน ซ้ำยังรู้สึกดีเมื่อลิ้นสากตวัดยอดอ่อน มือหนาลูบไล้ร่างนุ่มไปมาจนสะท้านตามฝ่ามือโดยเฉพาะเมื่อมันเลื่อนไปกุมจุดอ่อนไหวของเขา เอวของมิเกลยกลอยจากพื้นกระบะรถตามความร้อนของฝ่ามือในทันที


            “ทำแบบนี้แล้วมิเกลอยากเหรอ”


             คำพูดทื่อๆตรงๆแม้จะฟังแสลงหูอยู่บ้าง แต่มันก็เป็นความจริง เลอองไม่รู้จักการโลมเล้าก่อนเข้าสู่ความสัมพันธ์ แต่ที่ทำไปก็โดยสัญชาตญาณ เขาเห็นยอดอกเม็ดงามน่ากินเขาก็กิน เขาเห็นแก่นกายของมิเกลน่าจับเขาก็จับ ไม่รู้ว่ามันจะช่วยปลุกเร้าความต้องการของร่างกายเช่นนี้


              “เลออง ใช่ ผม เอ่อ...”


               ได้แต่กัดฟันเบนสายตาหลบด้วยความอับอาย แต่ยิ่งน่าเอ็นดูในสายตาของเลออง เขาเริ่มเรียนรู้ชั้นเชิงจากการปฏิบัติหากไม่ใช่ระยะเวลาฮีท เมื่อรู้แล้วมีหรือที่เขาจะรอช้า เลอองโจมตีมิเกลไปทั้งตัวด้วยลิ้น ปากและมือจนมิเกลแทบจะดิ้นพล่าน


             “ไม่ไหวแล้ว เลออง ใส่มานะ นะครับ”


            ถึงกับยกขาเปิดทางให้ เลอองเงยหน้าส่งเสียงคำรามระบายความต้องการของเขาออกมาสะท้อนต้นไม้ใหญ่ เขาดึงสะโพกของมิเกลให้ยกสูงวางพาดบนท่อนขาของเขา ก่อนจะใช้ท่อนเนื้อยักษ์ที่จดจ่อรออยู่ดันเข้าไปทันที


            “ฮึก เสียว”


              มิเกลผวายกแขนคล้องไปรอบลำคอแกร่งเมื่อท่อนเนื้อแทงทะลุลึกเข้าไปจนเต็มลำ เลอองโน้มใบหน้าลงมาจูบเขามิเกลเผยอปากรับแถมยังกดท้ายทอยให้จูบนั้นยิ่งเร่าร้อน เลอองแค่เริ่มออกแรงรถก็เริ่มสั่น และเมื่อไฟร้อนโหมกระหน่ำได้ที่เสียงเอี๊ยดอ๊าดก็ยิ่งดังแข่งกับเสียงของมิเกลที่ครางไม่ขาดระยะ


              “อา เลออง ดีมาก แรงได้อีก”


              กลายเป็นว่าความไม่มีชั้นเชิงและดิบเถื่อนเยี่ยงสัตว์ป่ายิ่งเร้าอารมณ์ได้เป็นที่สุด ร่างกายสีขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดและเปียกปอนคราบน้ำลายที่เลอองทิ้งไว้ มิเกลส่งเสียงร้องลั่นเมื่อร่างกายบีบคั้นเขาผวากอดรัดร่างแกร่งด้วยกล้ามเนื้อเมื่อปลดปล่อยออกมา เลอองเงยหน้าคำรามลั่น


             “บีบ มิเกลบีบผมเหลือเกิน”


               ต้องหยุดพักยามช่องทางนั้นบีบเค้นตามจังหวะชีพจรแต่ยิ่งบีบก็ต้องการปลดปล่อยตามออกมา เลอองกัดฟันออกแรงจนรถกระบะสะเทือนจนในที่สุดความต้องการก็บรรลุ เขานิ่งงันพักใหญ่ก่อนจะทิ้งกายลงไปนอนทาบทับมิเกลที่ยังไม่เลิกหอบ


             “พักหน่อยนะ ผมดึงออกไม่ได้ตอนนี้”


             เสียงทุ้มกระซิบข้างหูจนมิเกลเขิน รู้อยู่แล้วว่าดึงออกไม่ได้ง่ายๆ แม้จะปลดปล่อยออกมา ทั้งคู่นอนนิ่งซึมซับความสุขท่ามกลางสายลมเอื่อยที่พัดผ่าน


              “เลออง อย่าเพิ่งบอกเรื่องของเรากับใครนะ”


              เสียงนุ่มเอ่ยขึ้น เลอองผงกหัวขึ้นมอง


             “บอกพ่อกับแม่ บอกป๋าก็ไม่ได้เหรอ ทำไมล่ะมิเกล”


             “น่านะ อย่าเพิ่งบอกใคร ขอให้ผมมั่นใจกว่านี้สักนิดนะครับเลออง”


              เมื่อเป็นความต้องการของมิเกลเลอองจึงไม่อยากขัดใจ เขาพยักหน้ารับก่อนค่อยๆดึงกายออกจากช่องทางแสนหวาน


             “รีบกลับกันเถอะ เดี๋ยวจะมืดเสียก่อน”


              เลอองกล่าวขณะช่วยมิเกลแต่งตัวคืน หน้าหวานมองอย่างหมั่นไส้


             “ใครใช้ให้ทำแบบนี้กลางป่าล่ะ สิงโตบ้า”


               หน้าคมหัวเราะเบาๆเมื่อแต่งตัวเสร็จเขาจึงอุ้มมิเกลไปนั่งที่เดิมก่อนจะเดินอ้อมไปที่นั่งคนขับ เลอองสตาร์ทรถแล้วจึงหันไปหอมแก้มมิเกลดังฟอด


              “อยากทำเมียกลางป่า ตอนนี้ตัวไหนได้ยินเสียงผมจะได้รู้ว่าผมมีเมียแล้ว ฮ่าๆๆ”


              พูดจบเลอองจึงเหยียบคันเร่งขับรถกลับหมู่บ้านด้วยความเบิกบาน วันนี้เป็นวันดีทั้งวันของเลอองจริงๆ




                                                      TBC


                                               หมั่นไส้ ไอ้เด็กขี้อวด 555


                                    :oni1: :oni1: :oni1: :oni1: :oni1: :oni1: :oni1:


หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่13 NC [27/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 27-07-2019 22:48:55
พอมีเมีย ความหื่นก็ชดเจนมากเลยนะเลออง :hao3:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่13 NC [27/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 28-07-2019 00:15:04
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่13 NC [27/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-07-2019 08:56:12
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่13 NC [27/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 28-07-2019 12:54:26
หมั่นไส้เจ้าเด็กสิงโตขี้อวด
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่13 NC [27/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 28-07-2019 14:55:12
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่13 NC [27/07/62]
เริ่มหัวข้อโดย: BM_CBC ที่ 29-07-2019 21:35:30
ส่งกำลังใจ และรอค่ะ
หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่14NC [05/08/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 05-08-2019 13:23:35

                                                             เจ้าป่า

                                                            บทที่ 14



            มิเกลคร่ำเคร่งอยู่กับการเก็บเพาะเนื้อเยื่อพันธุ์ไม้อยู่หลายวัน ระหว่างนั้นเขาบอกกับเลอองว่าขอให้เขาได้ทำงานก่อน เพราะหากอีกฝ่ายมาคลอเคลียมากๆ งานอาจไม่เสร็จและมิเกลอาจจะเรียนจบช้าไปอีก โชคดีที่เลอองเข้าใจ เขาจึงไม่ได้รบกวนเวลาของมิเกลมากนักนอกจากหลังอาหารมื้อเย็นที่จะพามิเกลไปเดินเล่นครู่หนึ่ง อย่างเช่นวันนี้ที่ทั้งคู่เดินจูงมือกันอยู่ไม่ไกลจากบ้านของโทนี่นัก เสียงคุยกันกระหนุงกระหนิงหยุดลงเมื่อได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์ดังตรงมา


           “ไง มิเกล เลออง”


            เคนนั่นเองที่เป็นผู้ขี่จักรยานยนต์ตรงมาหาด้วยหน้าตายิ้มแย้ม ก่อนจะหยุดลงเมื่อมาถึงจุดที่เพื่อนยืนอยู่


             “ไม่ต้องถามแล้วมั้งว่าสบายดีหรือเปล่า จูงมือกันดินชมวิวกันขนาดนี้”


              มิเกลหัวเราะสีหน้าแดงระเรื่อ ช่วงนี้เขามีความสุขเป็นพิเศษ


             “มันมองออกชัดขนาดนั้นเลยเหรอวะ”


              “ส่องมาจากภูเขาอีกฟากยังรู้เลยเพื่อน ไง เลออง คำแนะนำของผมใช้ได้ไหม”


         พูดจบก็หันไปหลิ่วตากับเด็กหนุ่มวัยน้อยกว่าหากแต่กายสูงใหญ่ เลอองได้แต่ยิ้มโดยไม่ได้กล่าวอะไร แต่มิเกลมองความมีเลศนัยของทั้งสองแล้วเอะใจ


            “นี่ มีความลับอะไรกัน บอกมานะ”


            มีแต่คนหลบตาจนมิเกลเริ่มขัดใจ เขาจ้องหน้าเพื่อนสนิทกับเลอองสลับไปมาเพื่อคาดคั้น


            “บอกความจริงมาเดี๋ยวนี้เลย เคน เลออง”


            เลอองยิ้มอย่างใจเย็น เขาดึงมือมิเกลมากุมไว้


             “ต้องขอบคุณเคนที่บอกผมว่ามิเกลต้องการใช้ยาต้านอาการฮีท และผมเก็บยาที่มิเกลทำตกจากกระเป๋าได้ แต่ผมคืนให้มิเกลไม่ทัน”


            ดวงตาคู่หวานหรี่มองอย่างรู้ทัน สิงโตหนุ่มเจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว


            “ไม่ใช่ว่าเลอองแอบลักไปจากกระเป๋าของผมเหรอ เดี๋ยวเหอะนะ  พอกันทั้งคู่เลย เล่นอะไรกันเนี่ย”


              เลอองหัวเราะออกมา เขารีบคว้ากำปั้นเล็กที่ส่งมาทำร้ายเขาเพราะความเคอะเขินไว้ได้ ชายหนุ่มรีบส่งเสียงออดอ้อน


              “อย่าโกรธผมกับเคนเลย เคนเขารู้ว่าผมชอบมิเกลถึงได้ชี้ทางให้ เพราะอยากให้ผมทำให้มิเกลมีความสุขไงล่ะ”


                ไหนดีแลนบอกว่าเลอองพูดภาษามนุษย์ไม่แตกฉาน แต่นี่มันคือคารมแพรวพราวสำหรับชายหนุ่มคนหนึ่งเลยทีเดียว ได้ยินแล้วใจมันก็อ่อนยวบแถมยังหวามไหวไปอีก


            “อย่าโกรธเพื่อนสิโว้ย คนเขาอยากให้เพื่อนมีความสุข ฮ่าๆๆๆ”


              มิเกลได้แต่มองเคนอย่างคาดโทษ ความจริงเขาก็ไม่ได้โกรธอะไรหรอก เพราะรู้นิสัยดีว่าเคนเป็นคนอย่างไร


              “เออ อาจารย์โทรมาถามความเป็นอยู่พวกเราด้วยนะ ถามว่าเป็นไงบ้างงานไปถึงไหน จะกลับเมื่อไหร่ ก็เลยบอกไปว่าของมิเกลไม่มีปัญหาครับ แต่ของผมน่าจะมีอาจเรียนไม่จบก็ได้”


             เคนหัวเราะตัวเอง มิเกลเลิกคิ้วด้วยความสงสัย


              “ทำไมล่ะ มันมีปัญหาอะไรถึงจะไม่จบ”


             “หมั่นไส้เจ้าของบ้านเลยไม่มีใจทำงาน” เคนยักไหล่อย่างไม่แคร์นัก “คนอะไรขี้เก๊กโคตรๆ”


             “คุณไทเลอร์เขาคงมีโลกส่วนตัวสูงล่ะมั้ง อย่าไปว่าเขาน่า อยู่ห่างๆเขาไว้สิ”


              พยายามกล่าวแก้ให้ไทเลอร์ ฮิวจ์ อย่างน้อยบุคคลนี้ก็มีส่วนทำให้พวกเขาตัดสินใจเดินทางมาที่นี่ เคนไม่ได้พูดถึงไทเลอร์อีก สีหน้าของเขาจริงจังขึ้นเมื่อกล่าวประโยคถัดไป


            “เออ อาจารย์บอกว่าพ่อของมึงมาตามหาที่มหาวิทยาลัยว่ะ เขาไปโวยวายตามหาลูก ไม่รู้ว่าลูกอยู่ไหน”
มิเกลหน้าขรึมลง เขาถอนหายใจเมื่อเดาได้ว่าเพราะเหตุใดบิดาถึงต้องไปตามหาเขา ดีแล้วที่มาอยู่ไกลถึงในป่า อย่างไรเสียพ่อกับเมียใหม่ก็คงจะมาตามไม่ได้


            “ช่างเขาเถอะ ขอบใจนะเคน”


             เคนอยู่คุยกับทั้งคู่อีกพักใหญ่จึงขอตัวกลับรีสอร์ท ความมืดโรยราลงแล้วเลอองจึงชวนมิเกลกลับบ้าน


            “พาผมมาคอกม้าทำไม”


             มิเกลยิ้มอย่างรู้ทันเมื่อร่างสูงจูงมือพาเขามาที่คอกม้าแทนที่จะกลับเข้าไปในตัวบ้านอย่างเช่นทุกวัน เลอองมองหน้าหวานตาละห้อย


             “โธ่  มิเกลไม่สงสารผมเหรอ เราไม่ได้ทำกันหลายวันแล้วนะ”


             ต่อจากนี้ไป มิเกลคงต้องสอนให้เลอองใช้คำศัพท์ที่ฟังระรื่นหู แต่ไม่ใช่ตอนนี้แน่เพราะเขาถูกเลอองรวบร่างไว้ในอ้อมกอดแล้วกระโจนขึ้นไปบนชั้นลอยที่มีกองฟางอัดแข็ง อ้อมกอดนั้นวางเขาลงอย่างนุ่มนวล และยังเอนกายลงมาทาบทับอีกด้วย


             “เจ้าดองกี้ก็คิดถึงมิเกล มันถามว่าคนที่ร้องเสียงเพราะๆ ไม่มาอีกเหรอ”


               “ใครคือดองกี้”


              มิเกลเหลียวหน้าแลหลังเลิ่กลั่ก จำไม่ได้ว่ารู้จักใครที่ชื่อดองกี้ เลอองคลี่ยิ้มพลางชี้นิ้วไปที่ม้าผอมแกร็นตัวหนึ่ง


              “เจ้าม้าโง่ตัวนั้นแหละ มันอยู่ในวันที่เราทำกันที่นี่ด้วย มันบอกว่าชอบเสียงของมิเกล”


               ได้ยินเสียงร้องจากม้าตัวที่ว่า มิเกลถึงกับหน้าแดงก่ำ


              “พอกันทั้งคู่เลย ไม่อายกันบ้างเหรอ ฮื้อ”


              หมดคำพูดทันทีเมื่อเลอองก้มหน้ามาดูดความหวานที่ซอกคอระหง แรงขบเม้มนั้นทำให้เรี่ยวแรงหายไปหมดสิ้น        มิเกลยอมรับแล้วว่าเขาแพ้ทางเลออง เพียงแค่สัมผัสแผ่วเบาเขาก็พร้อมที่จะยอมให้อีกฝ่ายทำทุกอย่าง


             “ตัวมิเกลหอมจัง”


             ผิวกายของมิเกลหอมกรุ่นเสมอยามที่เลอองได้ซุกไซ้เช่นนี้ มันไม่ใช่กลิ่นแป้งหรือน้ำหอมอย่างที่เขาเคยได้กลิ่นฟลอเรียใส่เวลาออกไปข้างนอก แต่มันเป็นกลิ่นกายเฉพาะของมิเกลที่ครึ่งมนุษย์ครึ่งสิงโตเช่นเขาจดจำได้แม่นยำนัก และมันชวนให้หลงใหลทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิด


              มือสากถึงเสื้อยืดของมิเกลจนฟ้นศีรษะเพื่อที่เขาจะได้ดมกลิ่นหอมได้ทั่วทั้งตัว กิริยาคล้ายสัตว์ป่ายามรอลิ้มรสเหยื่อที่ถูกใจนั้นทำให้มิเกลแทบคลั่ง จมูกชื้นและลิ้นร้อนซอนไซ้จนขนอ่อนลุกตั้งชัน มิเกลได้แต่โอบกอดและกดศีรษะที่เต็มไปด้วยผมยาวคล้ายแผงคอได้ดอมดมจนชุ่มฉ่ำ


             “อา เลออง”


             กลายเป็นว่าตอนนี้มิเกลเองก็ต้องการอีกฝ่ายเช่นกัน เขาจัดการถอดกางเกงตนเองลงแล้วถีบจนหลุดจากปลายเท้าพลางแยกขากว้างเพื่อรอรับให้ร่างสูงใหญ่กว่าวัยได้เข้ามาแนบชิด มือเรียวเลื่อนไปกอบคุมความเป็นบุรุษเพศของอัลฟ่ากลางพงไพรที่อัดแน่นเต็มกำมือ


            ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้มิเกลอยากให้เขาทำอะไร เพราะคนใต้ล่างบิดกายพล่านไปมากับสัมผัสของเขา ได้ยินเสียงลมหายใจกระเส่าพร้อมเป่าปากเนื้อตัวร้อนรุม เลอองไม่รอช้าที่จะเบียดกึ่งกลางกายเข้าหา ช่องทางเปียกชื้นจากร่างกายของโอเมก้าที่รอให้เขาได้ชำแรกร่างเข้าไป มิเกลกัดฟันเบาๆ ตอนที่เขาแทงลึกเข้าไปเรื่อยๆ


               “แน่นมากมิเกล”


             บุตรแห่งเจ้าป่าอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงคำรามออกมา แม้จะไม่ดังนักก็ยังได้ยินเสียงม้าในคอกขานรับ ร่างสูงโก่งตัวขึ้นยันแขนไว้กับกองฟางอัดแข็งเพื่อที่เขาจะได้เคลื่อนที่อย่างถนัดถนี่ มิเกลแทบจะขาดใจไปกับความรัญจวนที่เลอองมอบให้


             “ละ เลออง จูบกัน จูบกันนะครับ”


           นัยน์ตาหวานพราวระยับ มิเกลออดอ้อนเสียงสั่นไหว มีหรือที่เลอองจะไม่กระทำตาม เขาโน้มใบหน้าลงไปจุมพิตที่กลีบปากสีแดงฉ่ำ ท่อนแขนเรียวคล้องรอบคอของเขาแล้วโอบกอดให้จูบนี้ยิ่งเร่าร้อนราวกับเพลิงป่า ใบหูแหลมของเลอองตั้งชั้น หางยาวสะบัดโบกสะบัดไปมาโดยไม่ต้องปิดบังอีกแล้ว


              “ผมขอแรงอีกหน่อยนะ มิเกลไหวใช่ไหมครับ”


             “ไหวครับเลออง แรงได้เลยผมรออยู่”


              เอวบางถูกวงแขนกำยำโอบอุ้มเพื่อที่เลอองจะได้ออกแรงเต็มที่ ช่องทางร้อนของมิเกลหยาดเยิ้มไปด้วยน้ำหล่อเลี้ยง มันเป็นการสอดประสานกันอย่างเยี่ยมยอด ความเสียวซ่านวิ่งวูบไปทั้งกายจนต้องผวาเข้าโอบกอดร่างสูงไว้ มิเกลกัดลงที่บ่าของเลอองเพื่อระบายความรู้สึกที่ไม่อาจส่งเสียงได้ดังกว่านี้เพราะไม่อยากให้เจ้าของบ้านได้ยิน


            “อื้อ ไม่ไหวแล้วเลออง”


             ฉ่า!


            เกร็งกายกอดรัดเมื่อมิเกลระเบิดออกมาจนเปียกชื้น ช่องทางยิ่งเต้นตุบๆไม่ต่างจากหัวใจที่สูบฉีดเลือดร้อนไปเลี้ยงร่างกาย เลอองซุกหน้าของเขาลงกับซอกคอเมื่อแก่นกายถูกบีบคั้น เขารอให้มิเกลได้เสพสุขในวินาทีนี้ให้เต็มที่เสียก่อน


             “สักวันหนึ่ง ผมจะกัดที่คอของมิเกลตรงนี้”


           เขาแลบลิ้นเลียจุดเส้นเลือดใหญ่ที่คอของมิเกล เจ้าตัวถึงกับเบิกตากว้าง


            “เลอองรู้เรื่องนี้!”


             นั่นก็คือการ “ผูกพันธะ” ที่อัลฟ่าจะกระทำเพื่อผูกมัดโอเมก้าให้เป็นสมบัติของอัลฟ่าตลอดไป มิเกลไม่นึกว่าเลอองจะรู้เรื่องนี้ด้วย


            “พ่อบอกผม ผมเล่าให้พ่อฟังเรื่องที่เราเป็นผัวเมียกันแล้ว อย่าเพิ่งชวนคุยสิ ขอผมตามมิเกลไปก่อนนะ”


            เมื่อเห็นว่าร่างกายของมิเกลคลายจากอาการรัดเกร็ง เลอองจึงได้ออกแรงเข้าใส่อีกครั้ง รอบนี้ไม่นานนักเขาจึงสุขสมติดตามไปติดๆ เลอองส่งเสียงคำรามเบาๆ พอได้ยิน แต่กระนั้นมิเกลก็ยังได้ยินเสียงม้าในคอกส่งเสียงขานรับ เขาถึงกับหน้าแดงซ่าน


            “บ้า ม้ากับสิงโต บ้าพอๆกัน”





มีต่ออีกนิด...




หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่14NC [05/08/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 05-08-2019 13:38:15


ต่อกันตรงนี้...


             เลอองหัวเราะชอบใจ เขาเอนกายไปนอนซบบนร่างนุ่มเพราะยังถอนกายไม่ได้ตอนนี้ ต้องรอพักใหญ่กว่าความแข็งแรงตรงกึ่งกลางจะคลายตัวลงจึงค่อยดึงออกมาได้ เลอองอยากจะนอนกอดมิเกลต่อหากไม่ได้ยินเสียงโทนี่ตะโกนเรียกชื่อเขา


             “ป๋าเรียก แต่งตัวกันเถอะ”


              ช่วยกันแต่งตัวคืนจนเรียบร้อยเลอองจึงพยุงร่างโปร่งของมิเกลให้ลุกจากเตียงนอนฟางที่แสนสบายของเขา มือใหญ่ลูบแก้มนุ่มอย่างอ่อนโยน


              “มิเกลเดินไหวไหม”


             แน่ล่ะ เพิ่งผ่านบทรักมาหมาดๆ มีหรือจะไม่หมดแรง มิเกลลองก้าวเท้าเดินจึงหันมายิ้มให้เลออง


               “ได้ ขาไม่สั่นเท่าไหร่”


              เลอองพยักหน้า เขารวบกายบางลงจากชั้นลอยลงไปสู่พื้นและพาอ้อมไปยังตัวบ้าน เขาค่อยปล่อยให้มิเกลลงยืนเองพร้อมกับเดินเข้าไปในบ้านด้วยกัน


            “มาแล้วๆ ป๋า มีอะไรครับ”


            “อ้าว ไปเดินเล่นกันไกลล่ะสิวันนี้ กว่าจะกลับบ้านกันได้”


              เมื่อรู้กันแล้วว่ามิเกลคือลูกเลี้ยงของดีแลน โทนี่กับฟลอเรียก็ยิ่งเอ็นดูเขาเป็นพิเศษเหมือนเป็นญาติอีกคน มิเกลซาบซึ้งเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ราวกับเขาได้รับความอบอุ่นจากครอบครัวที่แสวงหามาเนิ่นนาน เขารีบยิ้มรับกับคำถามของสัตวแพทย์ใจดี


                “ครับคุณโทนี่ เลอองพาเดินไปไกลหน่อย”


             ความจริงแค่คอกม้าข้างๆ บ้านนี่แหละ แต่มิเกลยังไม่อยากให้ผู้ใหญ่รู้เรื่องของเขากับเลออง รอให้สบโอกาสเหมาะๆ เขาจะบอกกับดีแลนก่อนเป็นคนแรก


             “มาก็ดีแล้ว หมู่บ้านติดกันมีวัวล้มพร้อมกันหลายตัว เขาติดต่อมาให้ไปช่วยหาสาเหตุด่วน เลอองตามไปช่วยงานป๋า ให้มิเกลอยู่กับฟลอเรียที่บ้าน”


             เลอองรับคำก่อนจะไปเตรียมอุปกรณ์ทำงานของโทนี่ ทั้งคู่เดินไปที่รถยนต์เพื่อไปทำงาน ตั้งแต่เลอองมาอยู่ด้วยโทนี่ก็เบาแรงไปได้มาก เขาสอนเด็กหนุ่มเรื่องการรักษาอาการเจ็บป่วยของสัตว์โดยที่เลอองก็เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วทั้งที่ยังไม่เคยเข้าเรียนในโรงเรียนมาก่อน


              มิเกลอยู่สนทนากับฟลอเรียอีกพักใหญ่จึงขอตัวกลับเข้าห้องส่วนตัว ง่วนอยู่กับการเขียนรายงานเพาะเนื้อเยื่อพันธุ์ไม้ ส่วนฟลอเรียดูโทรทัศน์อยู่ด้านนอก จนเวลาผ่านไปเกือบเที่ยงคืนมิเกลจึงได้บิดตัวด้วยความเมื่อยขบ เปลือกตาปรือเพราะความง่วงนอน


              “นอนดีกว่า เมื่อหัวค่ำเลอองจัดการซะเกือบแย่”


               กำลังล้มตัวลงนอนพลันเสียงกริ่งหน้าประตูรั้วก็ดังขึ้นจนสะดุ้ง มิเกลเปิดประตูห้องออกไปเห็นฟลอเรียกำลังจะเปิดประตูบ้าน


               “เดี๋ยวฉันไปดูเองจ้ะ มิเกลนอนเถอะ ใครนะมาซะดึกดื่นค่อนคืนขนาดนี้”


                เจ้าของบ้านเดินไปที่ประตูรั้วนอกบ้าน ฟลอเรียดึงกลอนออกเพื่อเปิดประตู


                 “มาแล้ว มาแล้ว ใครกันจ๊ะ มีธุระอะไร ว้าย พวกแกเป็นใคร!”


                 ร่างท้วมที่เริ่มเข้าสู่วัยชราถูกผลักจนล้มลงกับพื้น ก่อนที่ชายฉกรรจ์หลายคนจะบุกเข้ามาในบ้าน เสียงกรีดร้องของฟลอเรียทำให้มิเกลตกใจมาก เขาผุดลุกจากเตียงวิ่งไปที่ประตู


              “ฟลอเรีย เกิดอะไรขึ้นครับ อ๊ะ พวกแกเป็นใคร”


               มิเกลผงะเมื่อมีผู้ชายใส่เสื้อผ้าสีดำแถมยังใส่หมวกโม่งคลุมหน้าเหลือเพียงดวงตาให้เห็นหลายคนบุกรุกเข้ามาในบ้าน ทุกคนก้าวเข้ามารุมล้อมเขาไว้ ชายหนุ่มตกใจแทบสิ้นสติ


              “พวกแกต้องการอะไร ออกไปนะ”


              “มิเกล ระวังนะ”


                ฟลอเรียก้าวเข้ามาสีหน้าหวาดกลัว ที่นี่เป็นหมู่บ้านเงียบสงบ ไม่เคยมีเหตุการณ์ร้ายแรงใดๆ แต่ตอนนี้พวกวายร้ายเหล่านี้บุกเข้ามาในบ้านและยังยืนล้อมกรอบมิเกลไว้อีกด้วย


               “ใช่แน่ตามข้อมูลที่ให้มา จับตัวไว้”


                หนึ่งในกลุ่มคล้ายเป็นหัวหน้ากล่าวขึ้น ทั้งหมดจึงย่างสามขุมเข้าหา มิเกลตัวสั่นด้วยความตระหนก เขาได้แต่มองพวกมันด้วยดวงตาเบิกกว้าง


               “อย่ามาแตะต้องตัวกูนะโว้ย”


                พยายามขู่แต่เหมือนไม่ได้ผล พวกมันตรงเข้าจับกุมตัวเขาไว้โดยหมดทางต่อสู้ เศษผ้ากลิ่นฉุนผืนหนึ่งถูกโปะเข้ามาที่ครึ่งปากครึ่งจมูก ฟลอเรียที่พยายามเข้ามาช่วยกลับถูกผลักกระเด็นไปกระแทกกับผนังบ้านจนหัวแตก มิเกลกลั้นหายใจได้ไม่นานเขาก็สำลักกลิ่นฉุนเข้าไป ในที่สุดสติของเขาก็ดับวูบลง


               “ไม่ พวกแกจะเอาตัวมิเกลไปไหน อย่านะ”


                พวกมันไม่สนใจฟลอเรียอีกเมื่อได้ตัวมิเกลแล้วก็พากันวิ่งกลับไปด้านนอกที่มีรถยนต์สีดำกลมกลืนกับความมืดจอดรออยู่ ฟลอเรียร้องไห้ด้วยความตกใจ ร่างท้วมลนลานไปที่โทรศัพท์บ้านพลางกดโทรออกด้วยมืออันสั่นเทา


              “ขอสายโทนี่ เรื่องด่วนมาก เร็วสิ คุณคะ โทนี่ ไอ้พวกบ้าที่ไหนไม่รู้มันบุกมาในบ้าน ฮือ มันเอาตัวมิเกลไปแล้วค่ะ”



                                                                 TBC

                                                     ฮืออ น้องงงงง ช่วยน้องด้วยยย



                                               :sad5: :sad5: :sad5: :sad5: :sad5: :sad5: :sad5: :sad5:



หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่14NC [05/08/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 05-08-2019 22:29:41
แง้สงสารหนูจัง ทีนี้วุ่นวายกันไปทั้งป่าแล้ว
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่14NC [05/08/62]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-08-2019 23:25:59
 :pig4: :pig4: :pig4:

พวกนั้นแม่งทำงานไวหว่ะ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่14NC [05/08/62]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 05-08-2019 23:58:02
รอๆ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่14NC [05/08/62]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 06-08-2019 08:08:29
เจอพวกมากอิทธิพลเข้าแล้ว เลอองจะตามไปช่วยมิเกลทันมั้ย 
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่14NC [05/08/62]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 06-08-2019 08:38:11
 :sad4:
เร็วๆๆ ช่วยมิเกลด้วย
 :katai1:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่14NC [05/08/62]
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 07-08-2019 08:26:20
 :katai1:เลออง  ตามให้ทันแล้วจัดการมันซะ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่14NC [05/08/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Cheese[C]ake ที่ 07-08-2019 17:36:22
เค้ากำลังมีความสุขกันจะมาแย่งไปทำมาย​  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่14NC [05/08/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Cheese[C]ake ที่ 07-08-2019 17:38:51
เพิ่งมาอ่านจ้า​ แต่ชอบมากๆเลย​ คนเขียนแต่งดีมากสนุกมาก​  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่14NC [05/08/62]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 09-08-2019 03:11:37
เพิ่งเข้ามาอ่านสนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่14NC [05/08/62]
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 09-08-2019 13:09:02
ไรท์รีบมานะคะ.. มาช่วยมิเกลลล..  :katai4:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่14NC [05/08/62]
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 09-08-2019 17:24:11
รอจ้า  :z13:
หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่15 [14/08/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 14-08-2019 00:33:53



                                                             เจ้าป่า

                                                            บทที่ 15

           รถกระบะกลางเก่ากลางใหม่ของโทนี่ห้อตะบึงกลับถึงบ้านแทบไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยอารมณ์ร้อนของเลออง ทันทีที่จอดหน้าประตูรั้วทั้งสองคนก็รีบลงมาจากรถ บัดนี้บ้านของนายสัตวแพทย์เปิดไฟสว่างไสวมีรถตำรวจหลายคันมาจอดอยู่ เมื่อฟลอเรียเห็นหน้าของสามีหล่อนก็รีบก้าวมาหาด้วยความตระหนก


           “คุณคะ”


           “เป็นอะไรมากหรือเปล่าฟลอเรีย”


           สามีรีบถามด้วยความเป็นห่วง บนหน้าผากของภรรยามีผ้าก็อซปิดไว้ยิ่งทำให้เขาโมโห ไม่ต้องพูดถึงเลอองที่ยืนกัดกรามจนสันคางเป็นแนว


            “พวกมันเป็นใครกัน”


             นายตำรวจอายุรุ่นราวคราวเดียวกับโทนี่เอ่ยขึ้น ตอนนั้นเองที่เคนแทรกกายเข้ามาหา สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ เบื้องหลังของเคนมีไทเลอร์ยืนอยู่ห่างๆ


              “ผมคิดว่าต้องเป็นคนของไอ้ท่านรัฐมนตรีโซรอสกับพ่อของมิเกล ใครสักคนในสองคนนี้”


              ผู้ใหญ่ในบ้านหันมามองเคนเป็นตาเดียว ไทเลอร์ส่งเสียงเตือนมาจากด้านหลัง


               “อย่าพูดส่งเดชดีกว่า ในเมื่อยังไม่มีหลักฐานอะไรสักอย่าง”


              “พูดได้สิเพราะผมรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นกับเพื่อนของผมบ้าง” เคนหันกลับไปพูดเสียงเครียด “ก่อนจะมาที่นี่ไม่นานพ่อของมิเกลพามันไปพบรัฐมนตรีนั่นเพราะหวังจะใช้ลูกเป็นเครื่องมือเบิกทางทำธุรกิจ มันถึงต้องลากผมมาเป็นเพื่อนหนีเข้าป่ามานี่ไง แล้วไม่กี่วันก่อนพ่อของมิเกลก็เพิ่งไปโวยวายกับอาจารย์เรื่องที่หาตัวมิเกลไม่เจอ คุณคิดว่าพ่อที่ไม่เคยสนใจว่าลูกจะเป็นยังไงบ้าง ทำไมถึงต้องเดือดร้อนตามหาลูกจนวุ่นวายขนาดนี้ล่ะ”


              ได้ยินเสียงคล้ายขู่คำรามมาจากคอของเลออง สีหน้าของเด็กหนุ่มเปลี่ยนไปราวกับคนละคน โทนี่ได้แต่หันไปตบบ่าบุตรบุญธรรมเบาๆเพื่อเตือนสติ


              “ผมสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกระจายกำลังติดตามแล้ว ล่าสุดมีคนได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถดังอยู่แถวชายป่า คิดว่ามันคงจะใช้ความมืดกับต้นไม้อำพรางไม่ให้ใครเห็น ขอให้ทุกคนใจเย็นและรอฟังข่าวจากลูกน้องของผมก็แล้วกัน”


           ดวงตาสีเหล็กสว่างวาบคุโชนคล้ายกองไฟ เลอองหันไปสบตากับโทนี่ก่อนจะค่อยๆ ก้าวถอยหลังออกไปจากบ้านโดยไม่ให้ผิดสังเกต โชคดีที่ยังไม่มีใครคุ้นเคยกับเขามากนักจึงไม่เป็นจุดสนใจ จนกระทั่งเดินพ้นประตูรั้วไปยังรถกระบะคันเดิมที่จอดอยู่เขาก็รีบกระโจนไปยังที่นั่งคนขับแล้วเหยียบคันเร่งมุ่งหน้าไปยังแนวป่าที่ใกล้ที่สุด เครื่องยนต์ดับยังไม่ทันสนิทเลอองก็พุ่งกายออกจากรถทันที


            ร่างมนุษย์คล้ายกลับกลายเป็นสัตว์ป่า กรงเล็บแหลมพุ่งออกมาพร้อมตะปบได้ทุกเมื่อ เขาวิ่งเข้าสู่พงไพรก่อนกระโจนขึ้นต้นไม้สูงใช้เถาวัลย์ช่วยให้การเดินทางเร็วขึ้น ใบหน้าเชิดสูงส่งเสียงคำรามยาวนานสะท้อนไปทั่ว พลันเสียงคำรามตอบรับดังแทรกขึ้นเป็นทอดๆ ป่าหญ้าด้านล่างเต็มไปด้วยเสียงสวบสาบและเสียงฝีเท้าของสัตว์ใหญ่


           เลือดในกายเลอองร้อนฉ่า หัวใจแทบระเบิดด้วยความเป็นห่วงมิเกล เขาใช้ญาณสัมผัสที่ดีกว่ามนุษย์เกือบทุกส่วนเพื่อเป็นประโยชน์ ทั้งดวงตาคมที่มองเห็นชัดในที่มืด หูที่รับคลื่นเสียงได้ในระยะไกล จมูกเปิดรับกลิ่นแปลกปลอม ทั้งหมดเพื่อตามหามิเกลคนที่เลอองหลงรักตั้งแต่แรกเห็น


             ภาวนาให้เขาตามหามิเกลได้ทันเวลาอย่าให้คนที่เขารักได้รับอันตรายใดๆทั้งสิ้น เลอองส่งเสียงกู่ร้องก้องป่าอีกครั้งเพื่อให้รู้ว่านี่คือคำสั่งของทายาทแห่งเจ้าป่า เขาจะปกป้องมิเกลด้วยศักดิ์ศรีและชีวิตของตนเอง






           มิเกลเริ่มได้สติตอนที่รถยนต์ค่อยๆ ช้าลงจนกระทั่งมันหยุดลงกลางป่า ชายแปลกหน้าที่นั่งข้างเขาบนเบาะหลังกระชากแขนของมิเกลลงจากรถอย่างแรง ตอนนั้นเองที่เขาเพิ่งรู้ว่าข้อมือทั้งสองถูกมัดติดกันอยู่ด้านหลังเพื่อป้องกันมิให้หลบหนี แต่กระนั้นมิเกลก็รีบตวัดสายหามองรอบกายเพื่อประเมินสถานการณ์ทันที


           ท่ามกลางความมืดมีกองไฟบนพื้นดินให้แสงสว่างอยู่กองหนึ่ง จึงพอมองเห็นว่านอกจากรถยนต์สีดำสมบุกสมบันที่พาเขามายังจุดนี้ ยังมีรถตู้คันใหญ่สีดำเช่นเดียวกันจอดกลมกลืนกับความมืด และ ณ จุดนั้นเองที่มีชายรูปร่างเจ้าเนื้อหน้าตาเจ้าเล่ห์กับลูกน้องอีกจำนวนหนึ่งยืนรออยู่ และเมื่อมองเห็นคนของตนลากแขนมิเกลลงมาจากรถชายคนนั้นก็รีบปรี่เข้ามามองใบหน้าของมิเกลสลับกับรูปถ่ายที่อยู่ในมือ


             “ใช่ ไม่ผิดแน่ ฮ่าๆๆ”


              เสียงหัวเราะชอบใจดังขึ้นอย่างน่ารังเกียจ มิเกลกัดฟันพยายามตั้งสติกับสิ่งที่เกิดขึ้น


               “ปล่อยนะ เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน พวกแกจะมาทำเลวแบบนี้ไม่ได้”


             “ดุเสียด้วยโอเมก้าน้อย” น้ำเสียงหยามเหยียดล้อเลียนพลางใช้มือยึดปลายคางเขาไว้ มิเกลสะบัดหน้าหนีแต่ก็ไม่สำเร็จ “หน้าตาดีชะมัด สมกับค่าจ้างแพงๆ ที่ลงทุนมาให้จับแกกลับไป”


            “ใคร ใครจ้างพวกแกมา”


          ดวงตาโตเบิกกว้างทั้งกลัวทั้งโกรธ พยายามจะดิ้นแต่เชือกที่รัดข้อมือก็ดูเหมือนยิ่งแน่นมากขึ้นไปอีก แถมยังมือข้อมือหนาๆ เหนียวยิ่งกว่าตุ๊กแกยึดต้นแขนของมิเกลไว้จนสิ้นอิสรภาพ  แวบหนึ่งที่มิเกลมองเห็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งบนเสื้อของชายตรงหน้า


           “พวกแกคือแบล็กฮันเตอร์!”


             มิเกลเคยได้ยินชื่อกลุ่มลับกลุ่มนี้มาได้สักพักแล้ว ในกลุ่มโอเมก้าที่มิเกลรู้จักเล่าให้ฟังว่าแบล็กฮันเตอร์ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อรับจ้างในทางทุจริตและเชี่ยวชาญในการตามหาโอเมก้าไปให้อัลฟ่าที่ยังหลงมัวเมาอยู่ในอำนาจความแข็งแกร่งของตน ทั้งที่ปัจจุบันนี้เรื่องการแบ่งชนชั้นจะไม่มีแล้วก็ตามแต่ก็ใช่ว่าจะร้อยเปอร์เซ็นต์


           “ใครจ้างพวกแกมา”


            กัดฟันถามทั้งที่พอเดาได้ มิเกลไม่ได้โง่จนคิดไม่ได้ว่าใครที่ต้องการตัวเขาถ้าไม่ใช่บิดาที่ตั้งใจจะขายลูกปูทางไปสู่ความก้าวหน้าทางธุรกิจ แต่พอล อาร์มันโดไม่ได้กว้างขวางพอจะรู้จักองค์กรลับอย่างแบล็กฮันเตอร์เป็นแน่


             “อย่าทำตัวสู่รู้ไปหน่อยเลย เดี๋ยวไปเจอท่านก็รู้เองนั่นแหละ พอไปถึงก็ทำตัวให้ดีๆ เหมือนปากก็แล้วกันเผื่อท่านจะเมตตากับโอเมก้าชั้นต่ำอย่างแก”


          น้ำตารื้นด้วยความเจ็บใจ ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้ว่าคิดไม่ผิด นอกจากคนที่มีอำนาจมากมายจนอาจจะได้เป็นบุคคลอันดับหนึ่งของประเทศอย่างโซรอส แมกเคน ที่มีทีท่าพึงพอใจมิเกลตั้งแต่แรกเห็นแล้วจะเป็นใคร


             “เอาตัวมันขึ้นรถ”


             ชายผู้ที่โซรอส แมกเคนเรียกชื่อว่าทอม ผู้ดูแลกิจการของแบล็กฮันเตอร์ออกคำสั่ง พลันมิเกลถูกผลักให้เดินไปข้างหน้าจนหัวแทบคะมำ เมื่อใกล้ถึงรถตู้คันใหญ่แขนของเขาก็ถูกกระชากบังคับให้ก้าวขึ้นไป มิเกลรู้ว่าหากเข้าไปในรถคันนี้แล้วอิสรภาพของเขาต้องหมดไปอย่างแน่นอน


             “ไม่ ไม่ไป”


              ดิ้นรนเฮือกสุดท้ายแต่กลับถูกทอมชกเข้าที่ลิ้นปี่จนตัวงอหมดเรี่ยวแรงทรุดลงไปไร้แม้เสียงร้องขอความช่วยเหลือ ร่างที่บอบบางตามสายพันธุ์ถูกหิ้วปีกเข้าไปในรถ น้ำตาของความน้อยใจในโชคชะตาไหลเปียกอาบแก้ม หัวใจได้แต่ร่ำร้องหาคนที่เพิ่งพบพานทว่าผูกพันลึกซึ้ง


            “เลออง เลออง ช่วยด้วย ช่วยผมด้วย”


            คล้ายคำอ้อนวอนของมิเกลจะส่งผลทันตาเมื่อทันใดนั้นเสียงขู่คำรามของสัตว์ป่าพลันดังก้องไปรอบทิศล้อมกรอบพวกแบล็กฮันเตอร์ไว้ พวกมันแต่ละคนเอะอะด้วยความตกใจเมื่อมองเห็นนัยน์ตาเรืองแสงหลายสิบคู่กระจายตัวอยู่ในความมืดมิด


            “เกิดบ้าอะไรขึ้นมาวะ”


             ทอมสบถหน้าซีดเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย เข้าป่าอาจต้องพบเจอสัตว์ป่า แต่ใครจะคิดว่าตอนนี้จะมีทั้งเสือและสิงโตเยอะยิ่งกว่าสวนสัตว์เสียอีก


            “นาย เอาไง มันทำไมล้อมเราไว้แบบนี้”


             ไม่ใช่เหตุการณ์ปกติแล้ว ทอมตะโกนสั่งการให้ทุกคนใช้ปืนยิงต่อสู้ ทันใดนั้นเขาก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อมีมนุษย์คนหนึ่งโหนเถาวัลย์ลงมาจากกิ่งไม้แล้วใช้เท้าถีบเขาจนกระเด็นกระแทกรถร่วงไปกองกับพื้น


            ร่างสูงใหญ่กระโจนมายืนจังก้ากลางดงปืนอย่างไม่กริ่งเกรง เขาส่งเสียงคำรามคล้ายไม่ใช่เสียงมนุษย์ หลังจากนั้นเพียงเสี้ยววินาทีพื้นดินจึงสะเทือนลั่นจากแรงของสัตว์ใหญ่สลับกับเสียงปืนที่ดังขึ้นด้วยน้ำมือของมนุษย์ เลอองใช้กรงเล็บทั้งมือและเท้าตะปบที่ร่างมนุษย์สารเลวเหล่านั้นก่อนจะใช้คมเขี้ยวกัดลึกจนโลหิตคละคลุ้ง หลายคนถูกสิงโตขย้ำจนร่างกายแหลกเละ มิเกลที่นั่งพิงรถได้แต่หลับตาหนีภาพความโหดร้ายของการล่าในครั้งนี้


             ทอมตาเหลือกด้วยความหวาดกลัวเมื่อลูกน้องของเขาบ้างก็เสียชีวิตบ้างก็ถูกกัดจนบาดเจ็บสาหัสใต้อุ้งเท้าสัตว์ป่า ใต้ความหวาดกลัวยิ่งแปลกประหลาดใจเมื่อเห็นจ่าฝูงสัตว์ป่ากลับเป็นมนุษย์ เขาเพ่งมองร่างสูงที่ปรี่เข้าไปหาเป้าหมายของเขาแล้วดึงเข้าสู่อ้อมกอด


             วินาทีนั้นทอมคิดอะไรไม่ออกนอกจากเอาตัวรอด เขาตะเกียกตะกายขึ้นไปบนรถตู้แล้วสตาร์ทเร่งเครื่องออกไปทันทีโดยไม่สนใจลูกน้องที่ยังมีลมหายใจรวยริน ใครจะบ้าไปสู้กับสัตว์ดุร้ายเช่นนั้นเล่าเอาชีวิตรอดไว้ก่อนเป็นพอ เลอองเห็นดังนั้นเขาจึงคิดจะติดตามแต่มิเกลกลับรั้งเขาไว้


              “ไม่ต้องเลออง พอเถอะ”


             ร่างสูงพยักหน้ารับคำ เขาหันไปส่งเสียงคำรามอีกครั้งการล่าจึงปิดฉากลง เลอองส่งเสียงขอบคุณความช่วยเหลือเหล่านั้นก่อนจะรั้งมิเกลไว้ในอ้อมกอด เขากดศีรษะจนหน้าหวานแทบจมไปกับแผงอกของเขา


                “อย่าเพิ่งลืมตาตอนนี้มิเกล”


                เลอองไม่อยากให้มิเกลเห็นภาพซากร่างมนุษย์ถูกสัตว์ป่าลากไปเป็นอาหาร คนที่ยังมีลมหายใจก็ถูกขย้ำซ้ำมั่นใจว่านิ่งสนิทจึงถูกคมเขี้ยวลากไปตามพื้นดิน เมื่อสัตว์ใหญ่ได้อาหารอันโอชะไปเพียงพอความต้องการแล้วจึงเป็นลาภปากของหมาจิ้งจอกกับไฮยีน่าที่เข้ามารุมทึ้งซากที่เหลือ มิเกลได้แต่ตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอดของเลออง


               “หายเจ็บหรือยัง”


             น้ำเสียงของเลอองกลับมาทุ้มนุ่มชวนฟังอีกครั้ง มิเกลพยักหน้ากับแผงอกหนา เลอองถอนหายใจโล่งอกเขาแก้มัดเชือกที่ข้อมือของมิเกลออกจนเป็นอิสระ


                 “มิเกลฟังนะ อย่าเพิ่งลืมตาเด็ดขาด สภาพตอนนี้ไม่น่ามองนักหรอก มิเกลขี่หลังผมแล้วกอดผมให้แน่น ผมจะพามิเกลออกไปให้พ้นเขตป่าก่อน เข้าใจไหม”


              “เข้าใจแล้วเลออง”


              มิเกลเองก็ไม่ได้อยากมองนักหรอก กลิ่นคาวเลือดยังติดจมูกไม่หาย เลอองหันหลังให้เขาขึ้นไปขี่เมื่อมั่นใจว่าอยู่ในท่าที่ทั้งคู่คล่องตัวแล้วเลอองจึงกระโดดขึ้นกิ่งไม้อีกครั้ง มิเกลได้แต่กอดร่างสูงใหญ่ที่พาเคลื่อนที่ไปบนอากาศด้วยความมั่นใจว่าเลอองจะปกป้องเขาได้ หัวใจของมิเกลเต้นระรัวพองฟู ตอนนี้ปฏิเสธความรู้สึกไม่ได้แล้วว่าเขารักเลอองแค่ไหน เพราะในวินาทีเฉียดตายที่สุดคนแรกที่มิเกลคิดถึงคือเจ้าของแผ่นหลังที่กำลังพามิเกลออกมาจนถึงรถยนต์ที่เจ้าตัวจอดทิ้งไว้


             “ไม่เป็นไรแล้วนะมิเกล ลืมตาได้แล้ว”


              คำพูดแรกเมื่อเลอองวางร่างของมิเกลไว้บนเบาะนั่ง ไหล่บางยังสั่นสะท้านด้วยความตกใจหวาดกลัวในสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อลืมตาขึ้นมามิเกลมองเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าคมเข้มที่ยังมีเศษเลือดกระเซ็นติดอยู่ นัยน์ตาสีเหล็กมองใบหน้าของเขาก่อนจะมองสำรวจร่างกายหาอาการบาดเจ็บ


            “ผมไม่เป็นอะไรแล้วเลออง นอกจากยังจุกๆ นิดหน่อย”


             หมัดของทอมที่ชกใส่ลิ้นปี่หนักไม่ใช่เล่น เลอองมองมุมปากเขียวช้ำที่เกิดจากการต่อสู้ป้องกันตัวของมิเกล เขาโมโหจนอดสบถออกมาไม่ได้ ปลายนิ้วสากสัมผัสแผ่วเบาราวกับกลัวมิเกลจะเจ็บมากไปกว่านี้ มิเกลยิ้มรับพลางกุมมือใหญ่ไว้


                 “ขอบคุณนะเลอองที่มาช่วย หากไม่มีเลอองผมต้องแย่แน่เลย”


                 “ผมทนไม่ได้ที่เห็นมิเกลเจ็บแบบนี้”


                 มือใหญ่วางแนบกรอบหน้าหวาน เลอองกดจูบบางๆ ลงไปที่มุมปากช้ำอย่างทะนุถนอม


               “ครั้งนี้จะเป็นครั้งเดียว ต่อจากนี้ผมจะไม่ยอมให้ใครมารังแกมิเกลอีกแล้ว”


                 ขอบตาของมิเกลร้อนผ่าวด้วยความตื้นตัน ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาจะรู้สึกอบอุ่นเช่นนี้อีกแล้ว ท่อนแขนเรียวโอบกอดเลอองไว้แน่น


              “เลออง ผมรักเลอองนะ”


                 เลอองกอดตอบ เขาลูบแผ่นหลังของมิเกลด้วยความสงสาร ชีวิตของมิเกลขาดความรักเอาใจใส่มาโดยตลอด เลอองสัญญากับตัวเองว่าเขาจะทดแทนให้มิเกลด้วยความรักของเขา


              “เรารีบกลับกันเถอะ ทุกคนเป็นห่วงมิเกลมาก”


                มิเกลพยักหน้าคลายอ้อมกอดปล่อยให้เลอองขับรถตรงไปยังหมู่บ้าน เมื่อใกล้ถึงเขาจึงหยุดรถและใช้น้ำจากขวดที่มีอยู่ในรถมาล้างคราบเลือดออกจากใบหน้าและลำคอ




มีต่ออีกนิด...




หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่15 [14/08/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 14-08-2019 00:45:08
ต่อกันตรงนี้....




              “เดี๋ยวพวกเขาจะตกใจกันที่เห็นเลือดเยอะขนาดนี้”


             เลอองให้เหตุผล ไม่ดีแน่ถ้าคนในหมู่บ้านรู้ว่าเขาควบคุมสัตว์ป่าโจมตีคนพวกนั้น ไม่นานเลอองก็ขับรถมาถึงหน้าประตูรั้วที่รถยนต์เริ่มบางตา ตอนนี้ใกล้ย่ำรุ่งเต็มทีเมื่อทั้งคู่มาถึง เลอองประคองมิเกลเดินเข้าไปในบ้าน


            “มิเกล!”


            เสียงแรกที่ทักขึ้นคือเคน เขาผุดลุกแล้วตรงเข้าหาเพื่อนสนิทพลางดึงเข้าไปกอด


            “กูนึกว่ามึงจะโดนจับไปสนองตัณหาคนแก่แล้ว”


            มิเกลฝืนยิ้มให้เพื่อน ก่อนจะหันไปหาฟลอเรียที่เพิ่งเดินออกมาจากครัวเมื่อได้ยินเสียง


             “มิเกล ปลอดภัยใช่ไหม ดีเหลือเกิน”


          เดินตรงเข้าไปกอดฟลอเรียไว้พร้อมกล่าวขอบคุณ ไทเลอร์ที่เดินตามหลังฟลอเรียมาพร้อมกาใส่กาแฟส่งยิ้มให้กำลังใจ


              “ต้องขอบคุณเลออง ที่ไปช่วยทันครับ”


             “พวกมันเป็นใครหรือมิเกล”


             ไทเลอร์ถามด้วยความสงสัย สีหน้าของมิเกลจึงกลับมาเคร่งเครียดอีกครั้ง


              “พวกแบล็กฮันเตอร์ครับ”


              เสียงอุทานดังขึ้นทันทีโดยเฉพาะเคน คนที่รู้เรื่องของมิเกลมากที่สุด


              “เหี้ยเอ๊ย ไอ้แก่นั่นมันหวังในตัวมึงขนาดจ้างแบล็กฮันเตอร์เลยเหรอ”


               มิเกลพยักหน้ารับก่อนเหลียวมองหน้าเจ้าของบ้าน


              “คุณโทนี่ล่ะครับ”


              ฟลอเรียเป็นผู้ตอบคำถามนี้


             “โทนี่ไปบอกเรื่องนี้กับดีแลน เดี๋ยวสักพักคงมา อ้าว กลับมาพอดี”


               เสียงรถยนต์อีกคันที่โทนี่ขับไปหาดีแลนที่บ้านไม้ชายป่าจอดหน้าประตูรั้ว รอไม่นานเจ้าของบ้านก็ก้าวเข้ามา เมื่อเห็นมิเกลเขาก็ยิ้มด้วยความยินดี


               “มิเกล ปลอดภัยดีนะ โล่งอกได้แล้วนะดีแลน”


              ดีแลนก้าวเข้ามาในบ้าน มิเกลโผเข้าไปกอดและร้องไห้ราวกับเด็กน้อย ระหว่างนั้นแขกผู้มาเยือนที่ไม่เคยรู้จักดีแลนมาก่อนจ้องมองด้วยความสนใจโดยเฉพาะไทเลอร์ที่มองอย่างไม่วางตา เคนลอบเบ้ปากเมื่อเห็นเจ้าของรีสอร์ทที่เขาไปอาศัยอยู่ด้วยสนใจดีแลนเป็นพิเศษ เห็นความสัมพันธ์ของมิเกลกับผู้มาใหม่ก็พอเดาได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่ที่น่าหมั่นไส้ก็น่าจะเป็นเจ้าของสายตาตะลึงลานที่จ้องอยู่มากกว่า


                  แต่ไม่น่าแปลกใจหรอก แม่เลี้ยงของมิเกลในวัยสี่สิบปียังคงดูดีแม้จะอยู่ในชุดเสื้อผ้าเก่าๆ แต่มันไม่สามารถปิดบังความงดงามได้แม้จะเป็นบุรุษไม่ต่างจากพวกเขา ผมสีบรอนด์ยาวถึงเอวรวบไว้ง่ายๆ ล้อมกรอบหน้าสวยที่มองปราดเดียวก็ดูออกว่าเป็นโอเมก้า


               เคนเบนสายตาหนี บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงหงุดหงิดสายตาที่ไทเลอร์จ้องมองดีแลนก็ไม่รู้เหมือนกัน


                                                               TBC


                                                  รอดตัวไปน้า มิเกลลูกกกก ฮือ หอมหัวน้องทีนึง





                                               :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:








หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่15 [14/08/62]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 14-08-2019 01:03:05
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่...นุ้งเคนตกหลุมพี่ไทเลอร์แล้วหรา  หุหุ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่15 [14/08/62]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 14-08-2019 07:34:40
น้องเคนอาการแบบนี้เขาเรียกว่าหึงลูก
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่15 [14/08/62]
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 14-08-2019 10:04:20
ดีใจที่เลอองไปช่วยมิเชลทันแต่ตาแก่จอมหื่นไม่เลิกลาง่ายๆแน่ โอ๊ยเครียดแทน :hao5:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่15 [14/08/62]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 14-08-2019 10:11:24
เคนหงุดหงิดอะไร?
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่15 [14/08/62]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 15-08-2019 07:55:06
ขวัญเอ๊ยขวัญมานะมิเกล  แต่เรื่องคงไม่จบง่ายๆ ขนาดนั้นใช่ป่ะ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่15 [14/08/62]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 15-08-2019 08:36:52
 :pig4:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่15 [14/08/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Cheese[C]ake ที่ 16-08-2019 10:58:36
เคนคือไรอ่ะ​ หึงหรอ​  :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่15 [14/08/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 16-08-2019 13:00:58
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่15 [14/08/62]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 16-08-2019 19:26:56
สวีทกันมากจ้า มีเดินเล่น มีจับมือ พาไปเจอดีแลนอีก
ยังไม่พอ ยังรู้ตัวตนของเลอองแล้วด้วย
มิเกลไม่ธรรมดาค่ะ ตัวจริงอะเนาะ

สงสารคุณป้า ต้องมาเจอคนใจมารทำร้าย
ดีที่เลอองตามไปช่วยมิเกลทัน ถึงจะเจ็บตัวบ้าง
คนรับจ้างหนีรอดไปได้ ไม่รู้จะไปรายงานยังไง
แต่คิดว่า พ่อมิเกลคงไม่ยอมแพ้แน่นอน


หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่15 [14/08/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Cheese[C]ake ที่ 26-08-2019 01:56:56
 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่16 [10/09/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 10-09-2019 00:06:01

                                                              เจ้าป่า

                                                             บทที่ 16



             ตั้งแต่ไทเลอร์ขับรถกลับจากบ้านของโทนี่มายังรีสอร์ทของเขาเคนนั่งหน้าบึ้งมาตลอดทาง คิ้วของเคนขมวดจนชนกันตั้งแต่เห็นสายตาตกตะลึงของไทเลอร์ยามจ้องมองแม่เลี้ยงของมิเกลนั่นแหละ และสายตานั้นยิ่งกระจ่างขึ้นไปอีกเมื่อโทนี่แนะนำทั้งสองให้รู้จักกัน


             “ไทเลอร์ นี่คือดีแลน หรือลีโอน่า จิตรกรฝีมือดีที่ลุงฝากภาพวาดไปขายยังไงล่ะ”


             “ลีโอน่า ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมไทเลอร์ ฮิวจ์”


              “คุณฮิวจ์นั่นเอง ขอบคุณมากนะครับสำหรับความช่วยเหลือทุกอย่าง ถ้าไม่ได้คุณผมก็ไม่รู้จะขายภาพที่ไหน”


               แม้แต่คนมาดเยอะยังเสียอาการอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมองเห็นรอยยิ้มของดีแลน และอาการเหล่านั้นที่ไทเลอร์แสดงออกโดยไม่รู้ตัวกลายเป็นสิ่งกวนใจสำหรับเคน


              “ฮึ หุบยิ้มบ้างก็ได้ คุณเจ้าของบ้าน” อดค่อนแคะไม่ได้เมื่อได้อยู่ตามลำพังกันสองคน “ปกติชอบทำหน้าบึ้งจนคิ้วจะผูกกันแทนโบว์ได้ละ วันนี้หน้าบานยิ่งกว่าดอกทานตะวันซะอีก”


             พูดจบเคนก็หันหลังให้ด้วยความหมั่นไส้ จึงไม่ทันมองเห็นมุมปากลอบคลี่ยิ้มของคนมาดเยอะที่เขาค่อนแคะ ไทเลอร์กอดอกมองเคนที่ทำท่าเหมือนไม่พอใจเขา


             “ใครหน้าบาน พูดจาเพ้อเจ้อ”


              ส่ายหน้าด้วยความระอาพร้อมกับส่งเสียงดุ เคนหันกลับมาเบ้ปากใส่


              “เฮอะ อย่านึกว่าผมไม่เห็นนะว่าคุณมองคุณดีแลนด้วยสายตาหยาดเยิ้มแค่ไหน ใช่สิ คุณดีแลนเขาเป็นโอเมก้าหน้าสวยน่าทะนุถนอมถึงแม้จะอายุมากกว่าคุณเป็นสิบปีก็เถอะ ไอ้เรามันก็แค่เบต้าธรรมด๊าธรรมดา ก็เลยไม่มีใครมองด้วยสายตาแบบนั้นบ้าง”


               “จะบ่นอีกนานไหม ผมหิวแล้ว ไม่ได้นอนทั้งคืนไปทำอาหารเช้ากินดีกว่า”


               ไทเลอร์กลอกตาไปมา เขาเดินหนีไปยังห้องครัวเพราะรำคาญเสียงบ่นของเคน คนถูกเดินหนีน้อยใจจนต้องเม้มปากแน่น


             “ใช่สินะ ผมมาอยู่กับคุณเดือนนึงเต็มๆแล้ว ทำดีกับคุณก็ตั้งหลายอย่าง ไม่ได้มีค่าสำหรับคุณเลยใช่ไหม”


              ส่งเสียงต่อว่าจบประโยคเคนก็เดินหนีขึ้นไปยังห้องบนชั้นสองของตัวบ้าน เขาทิ้งกายนอนคว่ำบนเตียงซุกหน้าลงกับหมอน แปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมจะต้องไปสนใจคนอย่างไทเลอร์ ฮิวจ์ด้วย ทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้สนใจใยดีเลยตั้งแต่เขาก้าวมาอาศัยในบ้าน


              จากตอนแรกที่เคยมองไทเลอร์ว่าหยิ่งยะโส เมื่ออยู่ด้วยกันสักพักเคนจึงเข้าใจแล้วว่าไทเลอร์ไม่ได้หยิ่ง แต่เป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูงเหมือนศิลปินทั่วไป เขาเข้าสังคมไม่เก่งทั้งที่มีฐานะทางการเงินจัดว่าร่ำรวย วันๆขลุกอยู่แต่กับการวาดรูปหรืออ่านหนังสือกับชาถ้วยโปรดอยู่ที่ริมหน้าต่าง เมื่ออคติจางไปเคนก็เริ่มที่จะเปิดใจมากขึ้น ด้วยพื้นฐานเป็นคนอัธยาศัยดีเข้ากับผู้อื่นได้ง่ายเคนจึงมักจะเข้าไปวอแวให้อีกฝ่ายรำคาญเล่น และในระยะหลังที่สังเกตเห็นไทเลอร์เองก็เริ่มคุ้นเคยกับเขามากขึ้นเรื่อยๆ


              “จะบ้าหรือเปล่าวะ แค่เขามองคุณดีแลน ทำไมต้องเจ็บด้วย เฮ้อ”


              ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเจ็บราวกับเข็มแหลมทิ่มแทงหน้าอก เคนไม่เข้าใจความรู้สึกเหล่านี้จนมีแต่ความสับสน ความคิดฟุ้งซ่านของเขาสะดุดลงเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู


             “เคน มากินอาหารเช้า”


              “ไม่กิน ใครหิวก็กินไปสิ”


            ตะโกนตอบก่อนจะคว้าหมอนมาปิดหูไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น จนสะดุ้งอีกทีเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องน้ำที่เชื่อมกับห้องข้างๆเปิดออก พร้อมกับเจ้าของบ้านที่ยกถาดอาหารมาวางไว้บนโต๊ะรกๆของเขา


             “ทำไมห้องถึงรกขนาดนี้”


             “เข้ามาทำไม เข้ามาได้ไง อ้อ ผมลืมใส่กลอนประตูฝั่งนี้ ออกไปเลยไอ้คุณขี้เก๊ก”


               เคนปั้นหน้าบึ้งอัตโนมัติให้กับคนที่เดินเข้ามาใกล้แล้วคว้าเก้าอี้มานั่งเผชิญหน้า ไทเลอร์มองสีหน้าบึ้งตึงแล้วก็ต้องถอนหายใจ


               ยอมรับว่าตนเองเข้ากับผู้อื่นได้ยาก ครั้งแรกที่เคยเห็นหน้าเคนตอนที่ไปรับภาพวาดให้บิดาเขาก็ไม่คุ้นเคยกับคนที่พูดเยอะอย่างนี้ และยิ่งต้องมาอยู่ด้วยกันในบ้านเขาก็ยิ่งวางตัวไม่ถูก แต่เพราะความอารมณ์ดีและความอดทนที่จะเปิดใจกับเขา ทำให้ในที่สุดไทเลอร์ก็ต้องยอมแพ้ เสียงเจรจาของเคนบางทีก็เป็นสิ่งเพลิดเพลินในระยะหลัง


            “ที่ผมมองคุณดีแลนเพราะชื่นชอบฝีมือวาดรูปของเขามานาน เมื่อได้พบตัวจริงก็เลยดีใจแค่นั้นเอง”
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องชี้แจงด้วย แต่ไทเลอร์ก็พูดออกไปแล้ว


              “ส่วนคุณค่าของคุณผมก็เห็นอยู่ ทำไมต้องประเมินตัวเองด้อยค่าแบบนั้นด้วยล่ะ”


             เคนผุดลุกขึ้นมานั่ง หัวใจพลันพองฟูคับอก เขาเหลือบตามองคนพูดอย่างพยายามรักษากิริยาไม่ให้แสดงออกชัดเจนเกินไปนัก หารู้ไม่ว่าไทเลอร์กำลังกลั้นขำเพราะทุกอย่างนั้นเด่นชัดมาก


            “ผมหิวแล้ว กินอาหารเช้ากันเถอะ ส่วนห้องน่ะรกหน่อยเพราะงานผมทั้งนั้น แหวกๆของบนโต๊ะออกก็พอมีที่ว่างแล้ว”
อาหารเช้าง่ายๆวางอยู่บนโต๊ะที่เต็มไปด้วยหนังสือเล่มใหญ่และตัวอย่างพันธุ์ไม้ ไทเลอร์ปล่อยให้เคนกินไปส่งเสียงพูดไป ส่วนเขาตักอาหารเขาปากเงียบๆ


              “ถ้าผมเพาะพันธุ์กล้วยไม้พันธุ์ใหม่ได้ ผมจะใช้ชื่อคุณเป็นชื่อสายพันธุ์”


              ไทเลอร์มองเคนนิ่ง เพราะความเป็นคนช่างพูดก็เลยไม่แน่ใจว่าเคนพูดออกมาโดยไม่คิด หรือมีความนัยแอบแฝงหรือเปล่า แต่สีหน้าของเคนก็ยังดูปกติ


             “รอให้ทำได้ก่อนค่อยพูดเรื่องชื่อเถอะ”


              “โธ่ ได้อยู่แล้ว คุณอย่ามาดูถูกนักวิจัยพันธุ์พืชว่าที่เกียรตินิยมหน่อยเลย”


               พูดโอ่ตัวเองพลางยืดอกอย่างภาคภูมิใจ ไทเลอร์มองแล้วได้แต่ก้มหน้าซ่อนยิ้ม


               “ผมจะรอชมดอกกล้วยไม้พันธุ์ใหม่ของคุณก็แล้วกัน ส่วนตอนนี้กินอาหารให้หมดแล้วไปล้างจาน”


              สบตากันด้วยความบังเอิญ มองเห็นรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้าของไทเลอร์ แค่นั้นก็ทำให้เคนดีใจที่อีกฝ่ายยอมเปิดประตูโลกส่วนตัวให้เขาเข้าไปมีพื้นที่ เขาจะลองพยายามมากขึ้นอีกสักนิดเผื่อว่าสักวันหนึ่งเขาอาจจะขยายอาณาเขตจนกลายเป็นสมาชิกในโลกของไทเลอร์ เคนเชื่อมั่นว่าเขาจะทำได้อย่างแน่นอน







              มิเกลหมดเวลาเกือบทั้งวันไปกับการให้ปากคำกับตำรวจ แต่เขาไม่ได้ปริปากเรื่องเลอองแม้แต่คำเดียวโดยยอมเป็นคนโกหกครั้งแรกในชีวิตด้วยการปั้นเรื่องว่าสมาชิกของแบล็กฮันเตอร์ทะเลาะกันเองและเขาอาศัยช่วงเวลานั้นหลบหนีออกมาจนมาพบกันเลออง ระหว่างนั้นดีแลนอยู่กับเขาจนกระทั่งบ่ายคล้อยโทนี่จึงขับรถไปส่งที่บ้านไม้ ก่อนกลับยังกำชับฝากเขาไว้กับเลอองอีกด้วย และเมื่อถึงยามค่ำฟลอเรียก็ยิ่งย้ำด้วยความเป็นห่วง


             “เลออง วันนี้นอนในบ้านนะไม่ต้องไปนอนที่คอกม้า จะได้คอยดูแลมิเกล เป็นหูเป็นตาแทนป๋ากับแม่ด้วย”


              เลอองรีบรับคำสั่งด้วยความเต็มใจ เมื่อตรวจตราประตูหน้าต่างว่าปิดเรียบร้อยแล้วเขาจึงเปิดประตูห้องของมิเกลเข้าไป เจ้าของห้องเพิ่งจะอาบน้ำเปลี่ยนใส่ชุดนอนเสร็จ เลอองตรงเข้าไปนั่งลงที่ขอบเตียงมองมิเกลด้วยความเป็นห่วง มุมปากและโหนกแก้มของมิเกลกลายเป็นสีม่วงคล้ำ เลอองใช้ปลายนิ้วแตะเบาๆอย่างระมัดระวัง


              “หายเจ็บหรือยังมิเกล”


            มิเกลยิ้มรับ เขาดีใจที่ตัดสินใจเดินทางมาที่นี่ จนกระทั่งได้พบกันดีแลนและเลออง เขาได้รับความรักความอบอุ่นอย่างที่โหยหามาตลอดตั้งแต่จำความได้”


             “ดีขึ้นแล้วครับเลออง ไม่ต้องเป็นห่วงนะ”


              “พวกนั้นเป็นใคร”


              อยากรู้ว่าใครที่บังอาจมาทำร้ายคนที่เขารัก มิเกลถอนหายใจก่อนจะเล่าให้เลอองฟัง


               “พวกนั้นน่ะถูกจ้างมา มันเป็นองค์กรลับรับจ้างทำเรื่องผิดกฎหมาย ส่วนคนที่จ้างพวกมันผมเดาว่าน่าจะเป็นคนมีอำนาจคนหนึ่งที่พ่อของผมต้องการหาประโยชน์จากเขา ก่อนมาที่นี่พ่อเคยพาผมไปงานเลี้ยงเพื่อพบกับเขา”


               น้ำตารื้นเมื่อคิดถึงบิดาที่ไม่รู้เลยว่ารักลูกบ้างหรือเปล่า แต่สำหรับมิเกลถึงพอล อาร์มันโดจะเลวแค่ไหนก็ยังเป็นบิดามาตลอด แต่ครั้งนี้มันเกินไปจริงๆ เมื่อถึงกับยัดเยียดลูกตัวเองให้ผู้มีอำนาจเพื่อแสวงหาผลประโยชน์


            “เลวมาก เป็นพ่อประสาอะไร”


              เลอองสบถ เขาไม่เคยชินกับสังคมมนุษย์ การเติบโตมากับฝูงสิงโตไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้ อาจมีบ้างที่สิงโตตัวพ่อกัดลูกที่อ่อนแอ และอาจมีการต่อสู้แย่งชิงการเป็นจ่าฝูง แต่นั่นคือกฎของธรรมชาติที่ต้องคัดสรรผู้แข็งแรงกว่าให้อยู่รอด แต่กับมนุษย์ไม่ใช่ ทุกอย่างล้วนแล้วแต่กิเลสและความละโมบ


              “มิเกลน่าสงสาร ต่อจากนี้ไปผมจะไม่ให้ใครมาทำร้ายมิเกลอีกแล้ว”


              เลอองคิดถึงเหตุการณ์วันนี้ด้วยความเจ็บใจ มิเกลที่แสนจะบอบบางต้องมาถูกทำร้ายจนบาดเจ็บ ตอนที่เห็นมิเกลถูกไอ้เลวนั่นต่อยเข้าที่ลิ้นปี่เลอองโมโหจนเดือดพล่าน เขาสัญญากับตัวเองว่าเขาจะปกป้องมิเกลให้เท่าชีวิตของเขา


              มือสากแตะที่มุมปากสีช้ำก่อนจะตามด้วยริมฝีปากของเขาที่บรรจงจูบอย่างอ่อนโยน เลอองเม้มกลีบปากนุ่มน่าสัมผัส เขาค่อยๆและเล็มราวกับกลัวว่ามิเกลจะเจ็บไปมากกว่านี้ มิเกลกลายเป็นต้องเผยอปากแดงเรื่อเพื่อให้เลอองสอดลิ้นเข้ามา ปลายลิ้นร้อนตวัดลิ้นเล็กเข้าหาช้าๆแต่กลับกระชากหัวใจของมิเกลจนเต้นโครมครามไปหมด


              ร่างโปร่งเอนกายลงไปบนที่นอนนุ่ม วงแขนเรียวคล้องลำคอแข็งแกร่งให้โน้มกายทาบทับอยู่บนร่าง ชุดนอนที่สวมใส่อยู่ถูกเลอองถอดออกจนไม่เหลืออะไรติดตัว


               “คุณโทนี่กับคุณฟลอเรียจะได้ยินเสียงเราไหม”


                ก้มหน้ากล่าวเสียงเบาอย่างขัดเขิน รู้ตัวดีว่ายามมีบทรักกับเลอองไม่เคยที่จะยับยั้งได้ เลอองยิ้มบางๆพลางลูบไล้เนื้ออ่อนแผ่วเบาก่อนจะกระซิบตอบ


                 “ผมจะทำมิเกลเบาๆ ไม่อยากให้เจ็บไปมากกว่านี้ มิเกลจะได้ไม่ต้องร้องดัง”


              “บ้า สิงโตหื่น”


               คำต่อว่าจางหายเมื่อจูบอ่อนหวานปิดปากไว้ มิเกลหลับตาลงปล่อยใจไปกับความดื่มด่ำของปลายลิ้น นานจนพอให้ความปรารถนาเริ่มบังเกิดเลอองจึงยอมผละลิ้นลากต่ำมาตามกลิ่นหอมของเนื้อหนัง เขาตวัดลิ้นใส่กลางลำตัวที่ยังมีรอยช้ำปรากฏอยู่


               “ครั้งนี้จะเป็นครั้งเดียวที่เกิดขึ้นกับมิเกล ต่อจากนี้จะไม่มีอะไรมาทำร้ายมิเกลได้อีกแล้ว”


               ใช้ลิ้นโลมเลียเหมือนยามรักษาบาดแผลที่เกิดจากการต่อสู้ ก่อนจูบลงบนยอดอกเม็ดเล็กสีชมพูฉ่ำหวานแล้วเม้มด้วยริมฝีปาก มือใหญ่ร้อนลูบไล้ต้นขาอ่อนจนถึงหว่างขา มิเกลถึงกับผวายกสะโพกติดตามมือนั้น


             “ผมเชื่อใจเลออง อา...”


               สัมผัสร้อนผ่าวเกิดขึ้นกึ่งกลางกายเมื่อเลอองเลื่อนต่ำลงไปขบเม้ม เขาแหวกทางให้มองเห็นร่องหลืบก่อนตวัดลิ้นลงไป มันเป็นการเรียนรู้ที่ไม่มีใครสอนแต่เพราะอยากรู้รสชาติของมิเกลในทุกสัดส่วน แต่กลับให้ผลลัพธ์ที่ดีเพราะได้ยินเสียงแผ่วหวานออกจากลำคอของมิเกล


                “มิเกลชอบแบบนี้”


                เมื่อรู้เลอองก็ยิ่งตอกย้ำ มิเกลแหงนหน้ากัดฟันกลั้นเสียงอย่างยากเย็นเพราะเกรงจะลอดออกไปภายนอก เลอองตวัดลิ้นคล้ายกับเขากำลังกินน้ำอยู่ในลำธารกว้าง หากแต่นี่คือแอ่งน้ำน้อยและซอกหลืบของความหวานฉ่ำที่เขาติดใจ


             “ละ เลออง ผมต้องการเลออง”


               ดวงตาหยาดเยิ้มเพราะความต้องการที่เลอองปลุกเขา มิเกลร้อนวูบวาบไปหมดทั้งตัว เขาชันขาตั้งฉากรอรับให้ร่างแกร่งเข้ามาอยู่กึ่งกลาง ความเป็นบุรุษเพศตื่นตัวที่พร้อมอยู่นานแล้วขยับเข้าชิดใกล้ เลอองสอดใส่มันเข้ามาในช่องทางชุ่มฉ่ำ เขาเองก็ต้องกัดฟันรับความคับแน่นที่บีบคั้นเขาอยู่


                 ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกันอีกเพราะต่างรู้ความในใจกันแล้ว ดวงตาประสานกันยามจูงมือล่องลอยไปกับความหวานอยู่ในความเร่าร้อน เป็นครั้งแรกที่เลอองปฏิบัติต่อมิเกลโดยไม่ได้ใช้สัญชาตญาณของสัตว์ป่า มันเป็นการแสดงออกที่เขาอยากจะบอกรักมิเกล


                จวบจนสวรรค์ปรากฏต่อหน้า มิเกลจึงได้คล้อยหลับไปพร้อมกับความสุขเปี่ยมล้นที่เลอองมอบให้





มีต่ออีกนิด...



หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่16 [10/09/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 10-09-2019 00:15:37


ต่อกันตรงนี้...




              “เรื่องมันบ้าที่สุด”


              ทอมสบถกับโทรศัพท์มือถือขณะที่เขากลับมายังโรงแรมเล็กๆในตัวเมืองเวสต์ทาวน์ที่เขาใช้เป็นที่พัก มีเพียงเขาเท่านั้นที่รอดชีวิตมาได้ ส่วนลูกน้องคนอื่นกลายเป็นเหยื่ออันโอชะของสัตว์ป่าไปหมดแล้ว


             “ท่านต้องไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ ผมมั่นใจว่ามันเป็นคนแม้ว่ามันจะมืดจนมองไม่เห็นหน้าตาชัดเจนก็เถอะ แต่ยังไงมันก็เป็นคนเหมือนเรา แต่มันเสือกปีนต้นไม้ได้คล่องแคล่วเคลื่อนไหวราวกับสัตว์ป่า มันพาทั้งเสือทั้งสิงโตมารุมจนมีผมรอดมาคนเดียว โอยไม่เอาแล้วท่าน”


              ความสยดสยองยังติดหูติดตา เสียงโหยหวนเมื่อร่างมนุษย์ถูกคมเขี้ยวกัดแล้วฉีกขาดเป็นชิ้นๆ กลิ่นโลหิตคละคลุ้งอยู่ตรงปลายจมูกไม่มีทางลืมเลือกแน่


               “อย่าใจเสาะไปนักเลยทอม” โซรอส แมกเคนส่งเสียงตอบกลับอย่างรำคาญใจ “แค่สัตว์ป่ากับคนป่าแกก็เอามาหวาดกลัวจนขี้ขึ้นสมอง  แกพลาดเพราะประมาทเท่านั้นเอง”


               “แต่ท่านครับ มันเป็นเรื่องจริง มันไม่ใช่แค่คนป่าแน่ท่าน ถึงแม้ผมจะเห็นรูปร่างหน้าตามันไม่ชัด แต่ผมได้แผลจากกรงเล็บของมันมาหลายที่ นี่มันไม่ใช่เล็บมนุษย์”


               ทอมพยายามชี้แจงแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล เขาควรรู้อยู่แล้วว่าโซรอสมั่นใจในความคิดตัวเองจนไม่ฟังเหตุผลใดๆ เขาได้ยินเสียงตวาดมาจากปลายทาง


                “ไอ้ปัญญาอ่อน เพ้อเจ้อใหญ่แล้ว แกกลัวว่าฉันจะไม่ขึ้นค่าจ้างให้แกใช่ไหมทอม ฉันเป็นเจ้านายของแกสั่งอะไรก็ต้องทำ ลูกน้องตายฉันจะส่งทีมใหม่ไปให้ เอาอาวุธไปให้ครบมือรอบนี้ แล้วอย่าทำพลาดอีกล่ะ”


               โซรอส แมกเคนวางสายโทรศัพท์อย่างไม่ชอบใจนัก ข่าวจากทอมทำให้เขาหงุดหงิด ชายที่อายุล่วงเข้าสู่วัยชราทว่ายังแข็งแกร่งตามสายพันธุ์อัลฟ่าสูบควันซิการ์เข้าปอดเพื่อดับอารมณ์ ใจก็พลันนึกถึงเด็กหนุ่มโอเมก้าที่เขาต้องการ


                หนึ่งเดือนแล้ว นานเกินไปสำหรับความต้องการที่ยังไม่ได้รับการตอบสนอง คนอย่างเขาไม่เคยต้องการอะไรแล้วไม่ได้ดังประสงค์นานขนาดนี้ คนระดับผู้นำในสังคมที่มีโอกาสขึ้นสู่ตำแหน่งใหญ่ที่สุดไม่ควรมีอะไรต้องรอ ยกเว้นครั้งนี้


                 เมื่อพบกันครั้งแรกกับมิเกล อาร์มันโด โซรอสก็รู้ได้ว่าเด็กหนุ่มเป็นโอเมก้าที่มีกลิ่นหอมแค่ไหน ขนาดยังไม่เกิดอาการฮีทเขายังรู้สึกได้ มันเย้ายวนชวนให้ครอบครองเป็นเจ้าของแม้ในปัจจุบันนี้เรื่องการแบ่งชนชั้นจะไม่มีแล้ว แต่ใครจะรู้ว่าความจริงมันยังมีอยู่ อัลฟ่าที่ไหนจะทนได้หากได้พบกับโอเมก้าที่มีเพียงน้อยนิดในโลกนี้ มันเป็นความต้องการขึ้นสุดยอดสำหรับอัลฟ่าอย่างเขา


               โซรอสกับเพื่อนอัลฟ่ากระเป๋าหนักอีกสองสามคนร่วมมือกันจัดตั้งองค์กรลับแบล็กฮันเตอร์ ความจริงก็ไม่ใช่เพื่อตามหาโอเมก้าหรอก แต่เพื่อทำงานนอกกฏหมายสร้างโครงข่ายอำนาจเพื่อขยายอิทธิพล แต่พวกมันกลับทำงานได้ดีในเรื่องตามหาโอเมก้ามาตอบสนองเจ้านายด้วย ไม่มีใครรู้เรื่องที่คนอย่างโซรอสอยู่เบื้องหลังองค์กรนี้และจะให้ใครรู้ไม่ได้ อย่างน้อยก็จนกว่าจะเลือกตั้งครั้งใหม่และเขาจะได้ขึ้นเป็นผู้นำประเทศเสียก่อน


                 โซรอสลุกจากโต๊ะทำงานด้วยความหงุดหงิด เขาเดินออกจากห้องไปยังชั้นล่างผ่านหน้าภรรยาตามกฎหมายที่นั่งอ่านนิตยสารอยู่ที่ห้องนั่งเล่นอย่างไม่ใส่ใจนัก


                “ค่ำแล้ว ยังจะไปไหนอีก”


               เสียงของคลาร่าภรรยาดังขึ้นขัดจังหวะก้าวเดิน โซรอสตอบกลับด้วยความรำคาญ


               “อย่ายุ่งกับฉันคลาร่า”


               “จะไปหาไอ้อีโอเมก้าของคุณอีกงั้นสิ มันมีอะไรดีนัก”


                คลาร่ากล่าวด้วยความเจ็บใจ หล่อนเป็นสตรีเบต้าที่ต้องแต่งงานเพราะความเหมาะสม แต่บ่อยครั้งสามีกลับหนีไปมีความสุขกับพวกโอเมก้าและปล่อยให้ภรรยาอย่างหล่อนนอนอ้างว้างอยู่ที่บ้าน


               “ก็ดีกว่าเธอ อย่าพูดมากดีกว่า เธออยากทำอะไรก็ทำ อยากซื้อเพชรซื้อพลอย อยากไปเที่ยวต่างประเทศก็ทำไป แต่อย่ามายุ่งเรื่องของฉันอีก”


                พูดจบโซรอสก็เดินหนีไปนอกตัวบ้าน เขาขึ้นรถยนต์คันหรูที่มีคนขับรออยู่แล้ว ไม่นานเขาก็มาถึงบ้านหลังใหญ่ชานเมืองหลวงที่มีรั้วรอบขอบชิดบดบังสายตาคนภายนอกได้เป็นอย่างดี ด้านในมีลูกน้องของเขาหลายคนเฝ้าอยู่เพื่อป้องกันไม่ให้คนภายในหลบหนี เมื่อก้าวไปถึงลูกน้องของเขาที่เป็นพ่อบ้านชื่อจิมมี่รีบมาต้อนรับ


                “มีใครฮีทบ้างคืนนี้”


               “ท่านมาวันนี้เหมาะเลยครับ” จิมมี่ยิ้มประจบ “ไอ้เจ้าไวท์กำลังฮีทได้ที่ มันทรมานรออยู่ในห้องให้ท่านมาปลดปล่อยมัน”


              โซรอสพยักหน้า เขาเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองที่มีห้องหับหลายห้อง กลิ่นฟีโรโมนรุนแรงลอยมาปะทะจมูกอย่างคุ้นเคย ถึงจะเบื่อแต่โซรอสก็ยังต้องหาที่ระบายก่อนได้พบเหยื่อคนใหม่ เขาเปิดประตูห้องที่มีโอเมก้าชายชื่อไวท์นอนดิ้นอยู่บนเตียง เมื่อโซรอสไปถึงเขาก็ปลดเข็มขัดออกจากเอวแล้วฟาดลงไปไม่ยั้งแรง เสียงร้องเพราะความเจ็บปวดดังขึ้นจนเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วเมื่อโซรอสระบายอารมณ์ลงกับเหยื่อของเขาโดยไม่สนใจความรู้สึกของอีกฝ่ายแม้แต่นิดเดียว



                                                                   TBC

             ทำความเข้าใจเรื่องรูปร่างของเลออง ไม่ได้กลายร่างเป็นสิงโตนะคะ รูปร่างเป็นคนมีหูตั้งและมีหางสิงโตมีผมยาวและขนหน้าอกยาว แต่เวลาโกรธหรือล่าเหยื่อจะมีกรงเล็บยาวเพิ่มมากกว่าปกติแค่นั้นเองค่ะ


                                          :teach: :teach: :teach: :teach: :teach: :teach: :teach: :teach: :teach:






หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่16 [10/09/62]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-09-2019 01:04:04
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่16 [10/09/62]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 10-09-2019 07:14:08
มิเกลยังไม่หมดกรรมนะลูก เลอองรีบๆ เลย
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่16 [10/09/62]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 10-09-2019 18:26:21
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่16 [10/09/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-09-2019 19:10:25
 :กอด1: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่16 [10/09/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 11-09-2019 02:58:47
เจ้าหนูเลอองเท่สุดๆตอนไปช่วยมิเกล :katai2-1:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่17 [24/09/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 24-09-2019 22:46:28



                                                               เจ้าป่า

                                                            บทที่ 17



              เหตุการณ์ปกติอยู่ไม่กี่วันความโกลาหลก็บังเกิดขึ้นอีกเมื่อมีชายชุดดำหลายคนเข้ามาด้อมๆมองๆรอบบ้านของโทนี่ในยามวิกาล ดีที่เลอองปล่อยฝูงม้าหลายตัวให้กระจายตัวเฝ้ารอบบ้านและพวกมันก็ส่งเสียงดังขึ้นตามที่ได้รับคำสั่ง คนแปลกหน้าจึงได้รีบหนีไปโดยที่ยังไม่ทันเกิดอะไรร้ายแรงกว่านี้ แต่เรื่องทั้งหมดทำให้หมู่บ้านที่เคยเงียบสงบต้องพบกับความวุ่นวายจนดีแลนต้องตัดสินใจในที่สุด


               “มิเกลควรจะกลับไปเมโทรโปลิสได้แล้ว” ดีแลนหมายถึงเมืองหลวงที่มิเกลจากมา “เราไม่ควรสร้างความลำบากให้คนในหมู่บ้าน ถ้ามิเกลยังอยู่ที่นี่คนพวกนั้นก็จะมาก่อเรื่องเดือดร้อนไม่จบสิ้น”


               “กลับไปแล้วอันตรายจะไม่เกิดกับมิเกลหรือดีแลน”


             ฟลอเรียเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง หล่อนผูกพันกับมิเกลราวกับเป็นญาติแท้ๆ แม้จะเพิ่งรู้จักกันแค่เดือนเศษๆ ดีแลนนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะตอบคำถาม


              “ผมจะให้เลอองไปกับมิเกลด้วย”


               สีหน้าตื่นตกใจพลันบังเกิดถ้วนหน้าแม้แต่เลอองเอง ดีแลนตบบ่าบุตรชายเบาๆ


               “เราน่ะโตเป็นหนุ่มแล้วดูแลตัวเองได้แล้วล่ะ แล้วก็ถึงเวลาที่ต้องดูแล้วคนรักด้วย”


               “แม่รู้เรื่องหนูกับมิเกลด้วยเหรอ”


               เลอองหัวเราะเขินพลางยกมือลูบท้ายทอยเมื่อความลับถูกเปิดเผย ส่วนมิเกลได้แต่ทำหน้าเลิ่กลั่กแก้มแดงก่ำ โทนี่กับฟลอเรียหันมาสบตากันด้วยความประหลาดใจ


              “เดี๋ยวนะ ไอ้ตัวดี ไปรักกับมิเกลตั้งแต่เมื่อไหร่”


              “โธ่ ป๋า อย่ามองแบบนี้สิ มิเกลน่ารักเกินไปใครจะอดใจไม่ให้รักได้ล่ะ”


               “ไวไฟเหมือนพ่อไม่มีผิด โธ่ หนูมิเกลไม่น่าหลวมตัวเลย”


              ฟลอเรียยิ้มพลางโอบบ่ามิเกลไว้ ยินดีที่ทั้งคู่พอใจซึ่งกัน ดีแลนมองบุตรชายอย่างอิดหนาระอาใจ


              “เห็นเรามองมิเกลแวบเดียวก็รู้แล้ว แม่เลี้ยงเรามาตั้งแต่เกิดนะ เพราะฉะนั้นต้องดูแลมิเกลให้ดี เข้าใจไหม”


               “แล้วคุณไม่กลับไปกับผมหรือครับ ที่นั่นก็บ้านของคุณแท้ๆ”


               “นั่นสิแม่ แม่จะไปเมืองหลวงกับหนูไหม”


               มิเกลเอ่ยถามเลอองจึงเสริมด้วย ดีแลนถอนหายใจยาว


              “ไปไม่ได้หรอก ตอนนี้ลีโอแก่มากแล้ว รอบๆถิ่นบางทีก็มีสิงโตหนุ่มๆฝูงอื่นมาหาเรื่องเพราะอยากชิงความเป็นเจ้าป่า แม่คงไปไหนไม่ได้เพราะต้องอยู่กับเขา”


             พูดถึงพ่อเลอองก็หน้าเสีย จริงอย่างที่ดีแลนกล่าวไว้ว่าระยะหลังเริ่มมีสิงโตตัวอื่นมาหาเรื่องบ่อยครั้ง ดีที่พ่อของเขายังพอสู้และขับไล่ไปได้ กระนั้นเรี่ยวแรงของลีโอก็น้อยกว่าแต่ก่อนมาก ดีแลนได้แต่ปลอบใจบุตรชาย


            “มันเป็นเรื่องธรรมชาติเราก็รู้อยู่  ตอนนี้พ่อยังไม่เป็นอะไรหรอก ถ้ามีอะไรอันตรายแม่จะรีบให้คุณโทนี่ติดต่อไป เราน่ะไปดูแลมิเกลและจัดการเรื่องต่างๆแทนแม่ อ้อ มิเกล ทนายของบริษัทยังเป็นคุณไอรีนอยู่ไหม”


            ดีแลนหมายถึงเจ้าของสำนักงานทนายความที่ครอบครัวของเขาใช้บริการดูแลนิติกรรมของบริษัทและเรื่องกฎหมายของครอบครัวด้วย เวลานี้ไอรีนน่าจะอายุราวห้าสิบเศษแล้ว


            “ใช่ครับคุณดีแลน คุณไอรีนยังดูแลด้านกฎหมายให้บริษัทอยู่”


             “ถ้างั้นก็ดีเลย”


            ดีแลนหยิบซองจดหมายขึ้นมาแล้วส่งให้มิเกล


             “ส่งจดหมายฉบับนี้ให้คุณไอรีน ฉันไว้ใจเขาที่ทำงานมาตั้งแต่สมัยพ่อของฉัน ในจดหมายบอกไว้หมดแล้วว่าฉันต้องการให้เขาช่วยอะไรบ้าง ถ้าหากเขาถามว่าทำไมฉันไม่กลับไปก็บอกว่าฉันแต่งงานใหม่มีครอบครัวที่นี่ ไม่สามารถกลับไปได้แล้ว”


              มิเกลรับจดหมายมาพร้อมกับขานรับคำสั่ง ดีแลนหันมาหาบุตรชายด้วยความห่วงใย


               “เลออง ลูกโตแล้วจะทำอะไรต้องมีสติ อย่าใจร้อน ถึงแม้จะมีเลือดของสิงโตแต่ก็อย่าลืมว่าเราเป็นมนุษย์ด้วย มนุษย์ต้องใช้เหตุผลนำอารมณ์ เข้าใจไหมลูก”


                “ครับแม่”


               สองแม่ลูกกอดกันแน่นเพราะคราวนี้เลอองจะต้องไปเผชิญโลกกว้างอย่างแท้จริง และไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในเบื้องหน้า ดีแลนได้แต่หวังว่าเลอองจะดูแลตนเองได้รวมไปถึงมิเกลด้วย เขาได้แต่ภาวนาให้บุตรชายปลอดภัยจากคนที่คิดร้ายเท่านั้น





            มิเกล เคน และเลอองอาศัยมาในรถยนต์คันใหญ่ของไทเลอร์ เขาอาสาขับรถมาส่งเพราะต้องการจะไปแกลลอรี่ของเขาที่เมโทรโปลิสด้วย หลังรถของไทเลอร์ยังมีภาพวาดทั้งของเขาและของดีแลนที่ฝากมาขาย มิเกลและเคนนั่งคุยกันเจื้อยแจ้วอยู่ที่เบาะหลังขณะที่เลอองนั่งคู่กับไทเลอร์ที่เป็นคนขับ


              กว่าจะมาถึงเมืองหลวงเวลาก็ล่วงเลยไปจนเกือบค่ำ แสงไฟหลากสีในยามค่ำคืนทำให้เลอองตื่นตาตื่นใจมาก เสียงรถราบนท้องถนนดังแสบแก้วหู ผู้คนก็มากมายเต็มไปหมด มิเกลขอให้ไทเลอร์ขับรถไปส่งเขาที่บ้านหลังหนึ่งที่ห่างจากย่านจอแจไปพอสมควร


                “บ้านของคุณไอรีนที่เป็นทนายความครับ ผมยังไม่อยากกลับบ้านตอนนี้”


                  มิเกลคุ้นเคยกับไอรีนพอสมควรตั้งแต่สมัยที่ดีแลนเกิดอุบัติเหตุไอรีนต้องเข้ามาดูแลเรื่องกฎหมาย ไอรีนไม่ค่อยชอบหน้าบิดาของเขานักแต่กับมิเกลที่ยังเป็นเด็กน้อยในตอนนั้นไอรีนมองด้วยความเอ็นดู ยืนรอหน้าบ้านพักหนึ่งสตรีวัยห้าสิบต้นๆจึงออกมาเปิดประตู


             “สวัสดีครับคุณไอรีน”


             “ใครน่ะ เอ๊ะ ใช่มิเกลหรือเปล่า”


               “ใช่แล้วครับ ขอโทษที่ต้องมารบกวนตอนนี้ ผมมีเรื่องสำคัญจริงๆ”


              สีหน้าของมิเกลบอกถึงความจริงจังมาก ไอรีนจึงเปิดประตูรับ มิเกลบอกให้ไทเลอร์กับเคนรออยู่ที่รถก่อนที่เขาจะเดินนำเลอองเข้าไปภายในบ้าน ไอรีนมองร่างสูงของเลอองด้วยความแปลกใจ


              “พ่อหนุ่มคนนี้เป็นใคร”


               มิเกลหันไปหาเลอองพร้อมกับกล่าวแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกัน


               “เลออง นี่คุณไอรีนเป็นทนายความของบริษัท คุณไอรีนครับ เขาชื่อเลออง ไพรส์ลีย์”


                คิ้วของไอรีนขมวดเข้าหากันเมื่อได้ยินชื่อของเด็กหนุ่มตรงหน้า หล่อนมองหน้าเลอองเมื่อเห็นความคลับคล้ายคลับคลาก่อนที่ไอรีนจะอุทานด้วยความตกใจ


              “นามสกุลไพรส์ลีย์ แถมหน้ายังมีเค้าของคุณดีแลนอีกด้วย มิเกล เขาเป็นใครกันแน่ เล่าให้ฉันฟังเถอะ”


              มิเกลเล่าเรื่องที่เขาไปพบกับดีแลน ไพรสลีย์ที่หมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งขณะไปทำงานวิจัย ดีแลนมีครอบครัวใหม่และมีบุตรชายคนหนึ่งซึ่งก็คือเลอองนี่เอง ไอรีนฟังแล้วตื่นเต้นมากเมื่อรู้ว่าดีแลนยังมีชีวิตอยู่


                “แล้วทำไมคุณดีแลนไม่กลับมาล่ะ”


               “คุณดีแลนต้องอยู่ดูแลสามีครับ เขาฝากจดหมายถึงคุณด้วย”


                 ส่งจดหมายให้สตรีสูงวัยรับไปอ่าน ไอรีนตั้งใจอ่านเนื้อความในจดหมายอยู่นาน ในซองนั้นยังมีใบสูติบัตรแจ้งเกิดของเลอองอย่างถูกต้องอีกด้วย เมื่ออ่านจบหล่อนจึงถอนหายใจยาวเหยียด


              “ใครจะนึกว่าคุณดีแลนยังไม่ตาย โดยเฉพาะพอล อาร์มันโด ที่รีบแจ้งต่อศาลและขอเป็นผู้จัดการมรดก เฮ้อ ขอโทษนะมิเกลที่พูดถึงพ่อของเธอแบบไม่ดีเท่าไหร่ นี่เขารู้เรื่องนี้หรือยัง”


                 มิเกลส่ายหน้า สีหน้าของเขาสลดลง


                 “ยังครับ ผมยังไม่ได้กลับบ้าน ออกจากป่ามาได้ก็มาหาคุณก่อน ผมยังไม่อยากกลับบ้าน”


                เขาเล่าให้ไอรีนฟังคร่าวๆว่าบิดาพาไปพบคนมีอำนาจเพื่อหวังใช้เขาเป็นทางผ่าน และผู้ใหญ่คนนั้นส่งลูกน้องไปชิงตัวเขาแต่เลอองช่วยไว้ได้ ไอรีนยิ่งมองมิเกลด้วยความเวทนา


             “เฮ้อ มิเกล เธอนี่มันเกิดมาผิดพ่อแท้ๆ ในจดหมายนี่คุณดีแลนเขาให้ฉันช่วยเหลือเลอองหลายเรื่อง ที่สำคัญคือเรื่องเข้าโรงเรียน เดี๋ยวฉันจะค่อยๆทำทีละเรื่องก็แล้วกัน ส่วนเรื่องที่บ้านถ้าเธอกับเลอองตั้งตัวได้แล้ว พวกเธอก็ควรกลับบ้าน อย่าลืมนะ บ้านหลังนั้นเป็นบ้านของคุณดีแลน ซึ่งก็เท่ากับเป็นบ้านของเธอนะเลออง”


               “ผมทราบครับ” เลอองเพิ่งจะเอ่ยเป็นคำแรก “ขอเวลาให้ผมปรับตัวแค่ไม่กี่วัน ผมพร้อมที่จะเผชิญหน้าทุกอย่าง”


                ไอรีนยิ้มด้วยความพอใจ บุตรชายของดีแลนรูปร่างหน้าตาสง่าผึ่งผายทั้งที่อายุผ่านสิบห้าปีมาไม่กี่เดือนเท่านั้น หล่อนยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือเต็มที่เพราะทำงานให้ตระกูลไพรส์ลีย์มาตั้งแต่รุ่นบิดาของดีแลน ไอรีนไม่ชอบพอลแต่ก็ขัดใจดีแลนไม่ได้ อันที่จริงหล่อนคิดจะลาออกเมื่อไม่มีดีแลนแล้ว แต่กรรมการบริหารคนอื่นๆของบริษัทอ้อนวอนขอร้องให้ไอรีนอยู่ช่วยงานไปก่อน วันนี้หล่อนจึงยินดีเป็นอย่างยิ่งเมื่อรู้ว่าดีแลนยังมีชีวิตอยู่ และยังมีทายาทคือเลอองอีกด้วย


             ไอรีนจะช่วยให้เลอองทวงสมบัติคืนจากพอล อาร์มันโด สมบัติของเจ้านายเก่าที่เคยอุ้มชูกันมาตั้งแต่ยังสาว สมบัติของตระกูลไพรส์ลีย์ก็ต้องเป็นของไพรส์ลีย์ ไม่ควรมีใครมาแย่งชิงไปเด็ดขาด






มีต่ออีกนิด...




หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่17 [24/09/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 24-09-2019 22:57:47


ต่อกันตรงนี้...



              มิเกลให้ไทเลอร์ไปส่งเขากับเลอองที่โรงแรมขนาดกลางแห่งหนึ่ง เขาฝากอุปกรณ์ทำงานของเขาไว้กับเคนและนำเพียงกระเป๋าเสื้อผ้าของเขากับเลอองมาและบอกให้เพื่อนสนิทมาหาในวันรุ่งขึ้น เลอองสนใจกับสิ่งแวดล้อมรอบตัวเป็นอย่างมาก เขาตื่นเต้นกับลิฟต์ที่พาเขาขึ้นไปยังที่พักได้โดยไม่ต้องเดินบันไดเป็นพิเศษ


            “สนุกหรือเปล่าเลออง”


            มิเกลเอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้าของคนรัก ร่างสูงเดินสำรวจห้องพักก่อนจะชะโงกมองไปยังพื้นเบื้องล่าง


            “สูงจังมิเกล ต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในป่ายังไม่สูงเท่านี้เลย”


             มิเกลเดินไปหาแผ่นหลังกว้าง เขาโอบกอดและซบหน้าลงไป


            “ผมดีใจนะที่มีเลอองมาด้วย ก่อนหน้านี้ผมว้าเหว่มากมีพ่อก็เหมือนไม่มี ยี่สิบสองปีที่ผ่านมามีความสุขไม่เท่าเดือนเดียวที่ไปอยู่เวสต์ทาวน์เลย”


             เลอองหันมากอดมิเกลตอบ เขาเกยคางไว้บนศีรษะของมิเกล


            “ต่อจากนี้ผมจะอยู่กับมิเกล มิเกลจะได้มีความสุขตลอดไปเลยดีไหม”


              มิเกลยิ้มรับด้วยความตื้นตัน ต่อจากนี้ชีวิตของเขาจะมีเลอองมาเติมเต็มแล้ว


             “เลอองไปอาบน้ำก่อนดีกว่า เดินทางมาทั้งวันแล้ว”


            คว้าผ้าเช็ดตัวแล้วรุนหลังให้เลอองเข้าไปยังห้องน้ำ มิเกลนั่งรอด้วยการเปิดโทรทัศน์ แต่ไม่นานเสียงเอะอะของเลอองก็ดังขึ้น


             “โอ๊ย ร้อน”


              “เกิดอะไรขึ้นเลออง”


             มิเกลรีบก้าวเข้าไปในห้องน้ำด้วยความตกใจ แต่สภาพของเด็กหนุ่มในห้องน้ำทำให้มิเกลกลั้นหัวเราะไม่อยู่  ตอนนี้เลอองยืนเปลือยอยู่กับพื้นถือฝักบัวให้น้ำพุ่งไปยังอ่างอาบน้ำจนไอร้อนระเหยขึ้นมา


            “น้ำร้อนจี๋เลย ลวกเกือบสุก มิเกลจะดูไหมล่ะ”


                 “ทะลึ่งใหญ่แล้ว เด็กบ้า ผมผิดเองแหละที่ไม่ได้สอนเลอองใช้น้ำอุ่นในห้องน้ำ ถ้าอย่างนั้นผมอาบน้ำพร้อมกับเลอองก็แล้วกัน”


            มิเกลถอดเสื้อผ้าตนเอง เขาเดินไปปรับระดับความร้อนของน้ำให้อุ่นพอดีก่อนจะจูงมือเลอองให้มานั่งกลางอ่างที่กลายเป็นคับแคบเมื่อต้องบรรจุผู้ชายสองคนพร้อมกัน


             “นั่งลง ผมจะช่วยสระผมให้”


              เลอองไม่ค่อยได้ดูแลตัวเองนัก เส้นผมสีน้ำตาลคล้ายแผงคอสิงโตจึงดูหยาบกระด้าง มิเกลให้เขาแหงนหน้าขึ้นแล้วสระผมให้เขา มือเรียวนวดหนังศีรษะและปลายผมด้วยแชมพูกลิ่นหอม เลอองยิ้มกริ่มเมื่อปล่อยให้มิเกลสระผมให้เขา


              “สบายจัง มือมิเกลนุ้มนุ่ม”


             “ปรับน้ำอุ่นอย่างที่บอกไปนะเลออง อ้อ อ่างอาบน้ำแบบนี้เราปิดรูระบายแล้วปล่อยน้ำให้เต็มได้ แช่เพลินๆไงล่ะ”


               มิเกลทำอย่างที่เขาสอน ไม่นานน้ำอุ่นก็ขึ้นมาสูงจนเกือบเต็มอ่าง เลอองพิงหลังอยู่ฝั่งหนึ่งและดึงให้มิเกลเข้ามาสู่อ้อมกอด เขาจูบที่แก้มเปียกดังฟอด


              “ให้ผมถูหลังให้มิเกลนะ”


                 กดปั้มสบู่เหลวใส่มือก่อนจะลูบไล้แผ่นหลังเนียนเบาๆ มือสากเลื่อนต่ำลงไปตรงระหว่างขาแล้วถูไถกอบกุมใต้น้ำ มิเกลหายใจถี่ขึ้นมาทันที


                 “เลออง ฮื้อ”


               นิ้วยาวแทรกเข้าไปในบั้นท้ายก่อนสอดลึกเข้าไปชอนไชซ้ายขวา มิเกลถึงกับกัดฟันแน่น


                “แกล้งผมเหรอเลออง”


               “ไม่ได้แกล้งมิเกลนะ แค่อยากทำตอนนี้ ได้ไหม”


                 ใครจะทนกับน้ำเสียงออดอ้อนได้เล่า แถมนิ้วที่สองยังสอดดันเข้าไปตามติด อีกสามนิ้วที่เหลือยังบีบคลึงแก่นกายของเขาไปมา ถึงขนาดนี้แล้วมิเกลเองก็เกิดความต้องการเหมือนกัน


               “ค่อยๆหันมาหาผมนะ ผมอยากมองมิเกล”


                มืออีกข้างประค่องร่างโปร่งให้พลิกกายกลับมานั่งคร่อมอยู่บนต้นขาโดยที่นิ้วก็ยังสอดอยู่ มิเกลวางท่อนแขนพาดไปบนบ่ากว้างพลางโน้มใบหน้ารับจูบกระหาย เขากดเอวลงให้นิ้วที่อยู่ภายในได้ขยับ เลอองควานนิ้วอยู่สักพักเขาก็ชักมือออกและแหวกบั้นท้ายกว้างเพื่อแทนที่นิ้วด้วยสิ่งที่ใหญ่โตกว่า


               “อึก เลออง เสียวจัง”


                มิเกลกดท้ายทอยของเลอองให้อยู่ตรงกับแผ่นอกของเขา เลอองรู้ในทันทีว่าคนรักต้องการอะไร เขาเปิดปากตวัดลิ้นใส่ยอดอกที่วันนี้แข็งเป็นไตรออยู่แล้ว ก่อนเม้มตามด้วยริมฝีปากให้มันยืดขึ้นมา ได้ยินเสียงมิเกลผวาร้องอย่างกลั้นไม่อยู่ เลอองสลับไปทำเช่นเดียวกันอีกข้างหนึ่งระหว่างที่เขาดันเอวเข้าไปในช่องว่างด้านล่างจนกระทั่งสุดทาง


             “จะเริ่มแล้วนะมิเกล”


             “ฮื่อ ได้ครับเลออง”


              เอวแกร่งกระแทกขึ้นในขณะที่มิเกลกดลงเพื่อต้อนรับ น้ำในอ่างกระเพื่อมออกมาบนพื้นรอบๆแต่ทั้งคู่ไม่สนใจ มิเกลเป็นฝ่ายโน้มใบหน้าไปจูบเลอองบ้าง ลิ้นเล็กตวัดเกี่ยวยั่วเย้าจนเลอองคำรามออกมาอย่างมันเขี้ยว


                “มิเกล เมื่อไหร่จะฮีทอีก”


                “อีกไม่นานแล้ว สัปดาห์หน้านี่แหละ ทำไมหรือครับเลออง”


                ตอบเสียงกระเส่าเมื่อร่างกายถูกเลอองโจมตีไม่หยุด ความแปลกใหม่ที่ได้กระทำใต้น้ำทำให้ยิ่งตื่นเต้น เลอองตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่าไม่ต่างกัน


                  “อย่ากินยาต้านนะ ผมจะกัดคอมิเกล”


                มิเกลพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้ม ก่อนหน้านี้อาจจะยังไม่มั่นใจ แต่ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าเขาจะผูกพันธะกับเลออง เขาไม่ต้องการใครอีกแล้วนอกจากเลออง


               “ละ เลอออง ผมไม่ไหวแล้ว”


             ร่างกายบิดพล่านสนับสนุนคำพูดได้เป็นอย่างดี เลอองซอยเอวถี่ยิบจนมิเกลครางลั่นแล้วจึงซบหน้าลงไปกับบ่ากว้างพลางหอบหายใจถี่ และแน่นอนว่าความต้องการของเลอองยังไม่มีเพียงเท่านี้แน่ เขากอดร่างมิเกลไว้แล้วลุกขึ้นยืนพาร่างที่ยังสอดประสานกันแน่นออกจากห้องน้ำไปยังเตียงนุ่ม


               “หายเหนื่อยหรือยังมิเกล อีกรอบนะ”


                มิเกลจะทำอะไรได้นอกจากยิ้มรับ แรงสะเทือนที่เดินมายังเตียงทำให้เขาเองก็ยังต้องการอีกแล้ว มิเกลได้แต่ปล่อยให้เลอองฉลองการเข้าเมืองวันแรกด้วยความอิ่มเอมจากร่างกายของเขานี่เอง




                                                            TBC


                                                   เอาใจช่วยเลอองกันเถอะ





                                                                  :m1: :m1: :m1: :m1: :m1: :m1:











หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่17 [24/09/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 25-09-2019 00:04:35
พวกเหลือบไรนีีฆ่ายากเนาะ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่17 [24/09/62]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-09-2019 01:12:32
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่17 [24/09/62]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 25-09-2019 09:33:09
สู้ๆนะเลออง
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่17 [24/09/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 25-09-2019 18:30:38
 o13


 :L1: :pig4: :z13:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่17 [24/09/62]
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 25-09-2019 21:16:44
 :hao6: สิงโตหนุ่มวัยกระเตาะ  มันช่าง....ไม่รู้จักพอนะ....อิอิ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่17 [24/09/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Cheese[C]ake ที่ 26-09-2019 00:02:53
ขอให้มิเกลกับเลออง​ ปลอดภัยด้วยเถอะ :call: :call:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่17 [24/09/62]
เริ่มหัวข้อโดย: goldentime ที่ 26-09-2019 20:26:48
รู้สึกเกลียดพ่อของมิเกลกับแม่เลี้ยงเข้าไส้เลย :m16:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่17 [24/09/62]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 06-10-2019 22:41:59
คนเลวก็เลววันยันค่ำเนาะ ไม่ลดละเลย ยิ่งมาใกล้ตัวแบบนี้
มิเกลจะปลอดภัยใช่ไหมคะ เอ็นดูมิเกล พ่อไม่สนใจใยดีเลย

ดีแลนออกตัวช่วยแล้ว หวังว่าไอรีนจะลุยให้ผ่านไปด้วยดีนะ

จ๊ะ เค้าคึกกันตลอดเนาะ ไม่อยากคิดถึงตอนฮีทเลย 5555

เอิ่ม เคนคะ ไม่ค่อยออกอาการเลย มีความย้อนแย้งมากน่ะ
หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 18 [21/10/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 21-10-2019 00:10:10



                                                              เจ้าป่า

                                                             บทที่ 18



          “ให้ผมไปส่งที่ไหน”
 

           ไทเลอร์เอ่ยถามคนที่ย้ายมานั่งข้างกันเมื่อผู้โดยสารอีกสองคนลงไปแล้ว เคนเหลียวมองข้าวของที่อยู่ด้านหลังรถจึงค่อยเอ่ยปาก


            “ไปส่งผมที่อพาร์ตเมนต์ก็แล้วกัน ผมเช่าอพาร์ตเมนต์ใกล้มหาวิทยาลัยไว้”


             คนขับรถพยักหน้าก่อนจะขับรถตรงไปยังทางที่เคนบอก


             “ทำไมไม่อยู่บ้านล่ะ มาอยู่อพาร์ตเมนต์ทำไม”


             “บ้านผมมันไกลจากมหาวิทยาลัย ขี้เกียจเดินทางน่ะ มาเช่าที่พักใกล้ๆแล้วนอนตื่นสายดีกว่า”


             เคนหัวเราะตัวเอง เขาเป็นพวกนอนเป็นหลักพักเป็นคุยจนเพื่อนฝูงต่างรู้กันดี


            “กลับมาในเมืองแล้ว มิเกลมันจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”


            คิดถึงเพื่อนสนิทที่ต้องกลับมาเผชิญกับเรื่องราววุ่นวายแล้วเคนก็ได้แต่สงสาร ไทเลอร์ถามถึงด้วยความข้องใจ


             “ครอบครัวของมิเกลเลวร้ายมากเชียวหรือ แต่ก็คงร้ายมาก เท่าที่ผมรู้เรื่องในไม่กี่วันที่ผ่านมา ขนาดคุณดีแลนยังไม่อยากกลับไป”


            “มิเกลมันลูกติดพ่อ พ่อไปแต่งงานกับคุณดีแลน เป็นพ่อที่ไม่เคยดูแลลูกเลยจนมิเกลมันต้องดูแลตัวเองตั้งแต่เด็ก มันเล่าให้ฟังว่าสองปีที่ได้อยู่กับคุณดีแลนก่อนรถชนคือช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด มันถึงได้อยากเจอแม่เลี้ยงมาก ก่อนหน้าจะไปทำงานกันในป่า พ่อของมันก็เอาลูกไปเสนอให้นักการเมืองที่เป็นรัฐมนตรีน่ะ เห็นหน้าในโทรทัศน์คุณก็คงจะรู้จัก ก็ที่ส่งคนไปจับมิเกลมันไง”


             ไทเลอร์พยักหน้ารับ เขาเหลียวมองเคนครั้งหนึ่งก่อนจะหันไปยิ้มกับถนนเบื้องหน้า


            “คุณนี่เป็นเพื่อนที่ดีมากนะ เป็นห่วงเพื่อนและหวังดีกับเพื่อน”


             “โอ๊ย ชมเยอะๆ ผมบ้ายอ” เคนหัวเราะคิกคักพลางหันไปหาไทเลอร์ “คุณอยากเป็นเพื่อนกับผมไหมล่ะ รับรองว่าผมจะดูแลเทคแคร์เป็นอย่างดีเลยนะ”


             “ถึงอพาร์ตเมนต์แล้ว”


               ไทเลอร์จอดรถหน้าอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยที่เคนกับมิเกลเรียนอยู่ เคนหันไปทำหน้าบึ้งใส่ไทเลอร์อย่างไม่สบอารมณ์นัก


             “ทำไมถึงเร็วจัง คุณจงใจขับรถเร็วเพราะรำคาญผมใช่ไหมล่ะ”


             พูดจบจึงเปิดประตูรถก้าวลงไป ไทเลอร์ส่ายหัวแต่ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เขาลงไปช่วยเคนยกกระเป๋าเสื้อผ้าและเครื่องมือทำงานไปเก็บในห้องเมื่อเสร็จเรียบร้อยเคนจึงมาส่งเขาที่รถ


            “เราจะได้เจอกันอีกไหม คุณจะคิดถึงผมหรือเปล่า”


            สีหน้าเคนชักไม่ค่อยดีเมื่อไทเลอร์ต้องไปจริงๆ ไทเลอร์เดินไปด้านหลังรถที่เขาจัดเรียงภาพวาดมาอย่างเป็นระเบียบ ชายหนุ่มหยิบภาพหนึ่งที่ห่อด้วยกระดาษเนื้อหนาเป็นอย่างดีมาส่งให้เคน


            “ผมให้ รับไปสิ”


             “ให้ผมเหรอ”


             เคนรับกรอบรูปนั้นมาพลางยิ้มกริ่มก่อนจะเงยหน้าสบตากับไทเลอร์


             “ผมคงอยู่ที่แกลลอรี่สักพัก ถ้าอยากเจอก็ไปหาได้ ไปล่ะ”


             ไทเลอร์ก้าวขึ้นรถแล้วขับออกไป เคนได้แต่มองตามหลังจนรถของไทเลอร์ลับสายตา เขากอดรูปภาพที่ไทเลอร์มอบให้ไว้แนบอกขณะเดินกลับไปยังห้องพัก เคนค่อยๆแกะกระดาษห่อออกอย่างพิถีพิถัน และเมื่อเห็นภาพวาดที่อยู่ในกรอบเขาก็ยิ้มกว้างหัวใจเต้นตึกตัก


             เป็นรูปของเคนในขณะฟุบหลับอยู่กับโต๊ะทำงาน สีน้ำที่วาดลงไปบนแผ่นกระดาษบอกถึงความตั้งใจของคนวาดและทำให้เคนรู้ว่าไทเลอร์ใส่ใจเขาแค่ไหน เคนตั้งกรอบรูปนั้นไว้ในตำแหน่งที่เขาสามารถมองเห็นได้โดยง่าย


             “ไอ้คนขี้เก๊ก แล้วแบบนี้ผมจะลืมคุณได้ยังไง สงสัยต้องให้พ่อซื้อรูปที่แกลลอรี่ของคุณบ่อยๆแล้ว”


             เคนผิวปากเบาๆอย่างอารมณ์ดีก่อนจะลงมือเก็บข้าวของที่วางระเกะระกะอยู่บนพื้นห้อง โดยสายตาของเขาหันไปมองรูปของตัวเองเป็นระยะอย่างอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคนที่ให้มา








           ในวันรุ่งขึ้นไอรีนพาเลอองและมิเกลไปจัดการเรื่องสำคัญก่อนคือเรื่องโรงเรียน เลอองเหลียวมองรอบตัวด้วยความสนใจ ไอรีนพาเขามาที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง มิเกลกระซิบบอกว่าโรงเรียนแห่งนี้มีชื่อเสียงโด่งดังทางด้านวิชาการ แต่ปัญหาอยู่ที่เด็กหนุ่มไม่มีวุฒิการศึกษาเลยสักวุฒิเพราะเขาไม่เคยเข้าโรงเรียน อาจารย์จึงต้องให้เลอองทดลองสอบเทียบความรู้อยู่หลายชั่วโมงกว่าจะได้ผลครบทุกวิชา อาจารย์ที่ดูแลเรื่องการทดสอบมองเด็กหนุ่มด้วยความทึ่ง


            “ไม่เคยเข้าเรียนที่ไหนจริงเหรอ ผลการทดสอบออกมาดีมากทุกวิชาจนความรู้น่าจะเลยอายุแล้ว แต่ก็คงต้องให้อยู่เกรดสิบสอง ปีหน้าก็เรียนจบไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้”


             คงเป็นเพราะมันสมองของอัลฟ่าจึงทำให้เลอองเรียนรู้ได้เร็วแม้จะมีเพียงมารดากับพ่อทูนหัวเป็นผู้สอน และเพราะเลอองขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติมด้วยการอ่านหนังสือที่โทนี่กับฟลอเรียมีเก็บไว้ด้วย เสร็จเรื่องจากโรงเรียนไอรีนจึงพาเขาไปจัดการเรื่องการย้ายทะเบียนบ้านกลับมายังบ้านของดีแลน ช่วงบ่ายไอรีนพาเลอองไปแนะนำตัวกับคณะกรรมการบริหารบริษัทอาวุโสคนอื่นที่ทำงานร่วมการมาตั้งแต่ครั้งบิดาของดีแลน พวกเขาต่างยินดีเมื่อรู้ว่าดีแลนยังมีชีวิตอยู่และยังมีทายาทอีกด้วย


             “พร้อมที่จะกลับบ้านหรือยัง”


             ไอรีนหันมาถามเลอองกับมิเกล หญิงสูงวัยรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น เลอองยักไหล่อย่างไม่นึกยี่หระใดๆ


            “พร้อมครับคุณไอรีน”


            คนที่มีปัญหาน่าจะเป็นมิเกลเสียมากกว่า เมื่อรู้ว่าต้องกลับบ้านสีหน้าจึงพลันซีดลงจนเลอองต้องบีบกระชับมือไว้เป็นกำลังใจ


            “ไม่เป็นไรน่ามิเกล ผมอยู่กับมิเกลจะกลัวอะไร”


           ใช่แล้ว มิเกลจะต้องกลัวอะไรในเมื่อตอนนี้เขามีเลอองอยู่ด้วย ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ต้องใช้ชีวิตเพียงลำพัง เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงส่งยิ้มให้เลออง


            “นั่นสินะ ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะครับ”


            ไอรีนขับรถพาทั้งคู่ไปที่บ้านหลังใหญ่แห่งหนึ่ง ยิ่งใกล้สีหน้าของมิเกลก็ยิ่งไม่ดีจนเลอองต้องโอบบ่าไว้ ไอรีนกดกริ่งที่ประตูรั้ว ไม่นานคนรับใช้ก็วิ่งมาเปิดประตูให้ไอรีนขับรถเข้าไปจอดหน้าบ้าน ไอรีนมองทั้งคู่ให้กำลังใจ


           “เข้าไปกันเถอะ คิดว่าพ่อของเธอน่าจะกลับมาถึงบ้านแล้วนะมิเกล”


            หญิงสูงวัยก้าวเดินเข้าไปในบ้าน ได้ยินเสียงฉุนเฉียวของพอล อาร์มันโดดังมาจากห้องนั่งเล่น หญิงรับใช้วิ่งมารับแขกกล่าวทักทายไอรีนที่คุ้นหน้ากันดีอยู่แล้ว หล่อนดีใจมากเมื่อเห็นมิเกลกลับมา


           “คุณหนูมิเกลกลับมาแล้ว ดีใจจริงๆ รู้ไหมคะคุณพ่ออารมณ์เสียตลอดตั้งแต่คุณหนูไม่อยู่”


           มิเกลฝืนยิ้ม เขารู้ว่าความหงุดหงิดของพ่อคงเนื่องมาจากการข่มขู่ของผู้ใหญ่มากกว่าเพราะเขาหายไป ไอรีนบอกให้สาวใช้พาไปหาพอลและแอมเบอร์ เมื่อพอลเห็นว่าใครมาบ้านเขาก็ทำหน้าบึ้งใส่


            “คุณไอรีนนั่นเอง มีธุระอะไรกับผมเหรอถึงมาที่นี่ อ๊ะ ไอ้มิเกล ไอ้ตัวดี ไอ้ลูกสารเลว”


             “พ่อ อย่านะ”


            เมื่อเห็นมิเกลยืนอยู่ด้านหลังของไอรีนพอลก็เดือดจัด เขาปรี่เข้ามาหาบุตรชายโดยไม่ได้สนใจร่างสูงที่ยืนเคียงข้างสักนิด คงเป็นลูกน้องของไอรีนที่พามาด้วย จุดหมายของเขาคือมิเกลต่างหาก เขายกมือเงื้อไปตั้งแต่ยังไม่ถึงตัวคิดจะฟาดลงไปบนร่างมิเกลอย่างที่เคยทำตั้งแต่ยังเด็ก แต่พอลกลับต้องชะงักเมื่อข้อมือของเขาถูกคว้าเอาไว้และบีบจนเจ็บไปหมด


           “เฮ้ย มึงเป็นใครวะ ปล่อยกู”


           พอลพยายามสะบัดแขนแต่เด็กผู้ชายตัวสูงกลับไม่ยอมปล่อย ซ้ำยังเพิ่มแรงบีบจนพอลร้องลั่น แอมเบอร์ถึงกับรีบวิ่งมาตามเสียงทันที


          “เกิดอะไรขึ้นคะพอล เอ๊ะ แก แกปล่อยพอลนะ คุณไอรีน นี่คุณพาใครเข้ามาในบ้านฉันเนี่ย เข้ามาไม่พอ ยังทำร้ายเจ้าของบ้านอีก”


            “พอเถอะเลออง”


            ไอรีนยิ้มเย็นก่อนกล่าวกับเด็กหนุ่มให้ปล่อยพอลไป หล่อนหันมามองคู่สามีภรรยาที่หล่อนไม่ชอบหน้ามานานแล้ว


           “เธอเป็นเจ้าของบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่แอมเบอร์ ฉันจำได้แค่เธอเป็นญาติที่ห่างมากๆของตระกูลไพรส์ลีย์ เขาให้โอกาสส่งเสียเธอเล่าเรียนหนังสือ แต่เธอกลับทรยศด้วยการแย่งสามีเจ้าของบ้าน”


           แอมเบอร์หน้าซีดสลับแดงเพราะความโมโห ไอรีนเป็นทนายความที่ค่อนข้างเถรตรงและเป็นที่ไว้ใจของหุ้นส่วนของบริษัท ที่สำคัญคือบิดาของดีแลนเองก็ไว้ใจไอรีนมากด้วย ตอนที่เกิดอุบัติเหตุของดีแลนแล้วพอลเร่งมือยื่นต่อศาลขอเป็นผู้จัดการมรดกในทรัพย์สินก็มีไอรีนนี่แหละที่คอยหน่วงเรื่องเอาไว้


         “กล่าวหากันมากเกินไปแล้ว ฉันกับพอลรักกันหลังดีแลนตายต่างหาก”


          ไอรีนหัวเราะรู้ทัน หล่อนส่ายหน้าให้กับการแถของแอมเบอร์


           “งั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นฉันก็ขอโทษที ฉันก็นึกว่าเธอกับพอลแอบมีความสัมพันธ์กันตั้งแต่ดีแลนยังอยู่เสียอีก ช่างเถอะ ฉันไม่ได้จะมาคุยเรื่องไร้สาระ ฉันพาคนสำคัญมาแนะนำให้รู้จัก”


            สตรีสูงวัยส่งสายตาให้เลอองก้าวมายืนเคียงข้าง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงยินดีอย่างยิ่ง


           “เด็กหนุ่มคนนี้ชื่อเลออง ไพรส์ลีย์”


            พอลกับแอมเบอร์นิ่งงันก่อนจะหันสบตาซึ่งกันด้วยความสงสัย จำไม่ได้ว่ายังมีไพรส์ลีย์คนไหนอีก แต่ไอรีนก็ไม่ทำให้ความสงสัยนั้นอยู่นานเกินไปนัก


           “เลอองเป็นลูกชายของดีแลน ไพรส์ลีย์”


           “ไม่จริง” แอมเบอร์กรีดร้องส่วนพอลถึงกับผงะหน้าซีดราวกับผีหลอก “ดีแลนตายไปแล้ว จะไปมีลูกได้ยังไง”


            “คุณเห็นศพคุณดีแลนหรือครับ” มิเกลเหยียดยิ้ม “พบแค่ศพเดียวซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเป็นศพใครระหว่างคนขับรถกับคุณดีแลนเพราะพ่อไม่ยอมให้ตรวจดีเอ็นเอ แล้วก็รีบไปแจ้งการเสียชีวิตทันที”


           “ไอ้ลูกบ้า เงียบๆไปเลย” พอลตวาดลั่นใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียวสลับแดงราวกับเส้นเลือดจะแตก “ดีแลนมันจะไปมีปัญญาหาอัลฟ่ามาเป็นผัวได้ยังไงในป่าอย่างนั้น


            ระหว่างฟังบทสนทนาตอบโต้กันไปมา เลอองได้แต่กำหมัดด้วยความโกรธแค้น ดีที่ได้มิเกลคอยแตะแขนห้ามไว้ไม่เช่นนั้นเขาคงระเบิดไปแล้ว


            “ก็มีแล้วน่ะสิครับ สามีใหม่ของคุณดีแลนเป็นอัลฟ่าที่น่านับถือมาก เป็นผู้ยิ่งใหญ่อยู่ในป่าแถบเวสต์ทาวน์เลยนะครับ เขาช่วยคุณดีแลนที่บาดเจ็บสาหัสเอาไว้ คุณดีแลนจึงแต่งงานกับเขาและมีลูกคือเลออง เลอองมีสูติบัตรแจ้งเกิดถูกต้อง ที่ผมพูดได้ขนาดนี้เพราะผมไปพบคุณดีแลนมาแล้ว แต่คุณดีแลนกลับมาที่นี่ไม่ได้เพราะต้องดูแลครอบครัวที่โน่น”


             มิเกลอธิบายเป็นฉาก เมื่อพูดจบไอรีนก็รีบเสริม


            “มิเกลพูดถูก สูติบัตรของเลอองอยู่กับฉัน ตรวจสอบเรียบร้อยแล้วว่าเป็นของจริง เขามีสิทธิ์ในสมบัติของตระกูลไพรส์ลีย์ในฐานะทายาทสืบสกุล”


            “แต่ผมจดทะเบียนกับดีแลน ผมก็มีสิทธิ์ตามกฎหมายเหมือนกัน”


             พอลตวาดเสียงดังลั่น ไอรีนยังยิ้มเย็นได้


            “นั่นเป็นสินสมรส ได้มาช่วงแค่เธอแต่งงานอยู่กินกับดีแลน ฉันนับนิ้วแล้วยังไงก็ได้แค่สองปีก่อนที่เธอจะแจ้งการเสียชีวิตของดีแลน ผลกำไรหรือเงินรายได้จากหุ้นต่างๆเธอก็รับไป แต่เลอองจะมีสิทธิ์ในทรัพย์สินทุกอย่างที่เป็นของเดิม มรดกตกทอด รวมถึงบ้านหลังนี้ที่เธอกับแอมเบอร์ซุกหัวนอนอยู่ตอนนี้ด้วย”






มีต่ออีกนิด....



หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 18 [21/10/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 21-10-2019 00:18:45


ต่อกันตรงนี้....




            พอลหน้าซีดไปแล้วตอนนี้ เขาหันไปสบตากับแอมเบอร์ที่หน้าเผือดสีไม่ต่างกัน หากไอรีนพูดจริงสิ่งที่ทั้งคู่พยายามมาเนิ่นนานไม่เท่ากับเป็นศูนย์หรอกหรือ แอมเบอร์หันไปฝืนยิ้มทั้งที่ในใจยังร้อนระอุ


          “อย่างนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นก็ขอต้อนรับเจ้าของบ้านคนใหม่นะ อยากจะพักห้องไหนก็เลือกตามสบาย พวกฉันไม่มีสิทธิ์จะพูดอะไรอยู่แล้วนี่”


            แอมเบอร์ประชดประชันแต่เลอองไม่อยากถือสา เขาหันไปกุมมือของมิเกลไว้แนบแน่น


           “ผมต้องการอยู่ห้องเดียวกับมิเกล”


            พอลเบิกตากว้าง เห็นสายตาที่เลอองมองมิเกลแล้วรู้ได้ทันทีว่าทั้งคู่มีใจให้กัน พอลควรจะรีบตัดไฟเสียแต่ต้นลมเพราะเขายังมีความหวังอยู่กับโซรอส


            “ไม่ได้ นายจะอยู่ห้องเดียวกับมิเกลไม่ได้”


            พอลตวาดแต่แล้วเขาก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นดวงตาคมจ้องเขาราวกับอยากจะกระโจนมาขย้ำ


            “ต้องได้สิ ผมกับมิเกลรักกัน ทำไมจะอยู่ห้องเดียวกันไม่ได้”


           เลอองกับมิเกลหันไปหาไอรีนพร้อมกับกล่าวขอบคุณที่ช่วยดำเนินการเรื่องต่างๆ และนัดแนะกิจกรรมในอีกวันหนึ่งก่อนที่ไอรีนจะเดินกลับออกไปนอกบ้าน เลอองตวัดสายตากลับมาเห็นสองสามีภรรยากัดฟันด้วยความแค้น เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มที่มุมปากอย่างเวทนา


            “เสียเวลามามากแล้ว มิเกลนำผมไปที่ห้องทีสิ ผมเหนื่อยอยากพักผ่อนแล้ว”


            มิเกลพยักหน้าส่งยิ้มหวาน ทั้งคู่เดินจูงมือผ่านพอลกับแอมเบอร์ไป เมื่อได้ยินเสียงปิดประตูห้องแล้ว พอลจึงได้ระเบิดอารมณ์ออกมา


           “โธ่โว้ย ไอ้เด็กขัดลาภ โผล่มาตอนนี้ แล้วไอ้ที่กูพยายามทำมาตลอดสิบกว่าปีคืออะไรวะ”


            สิ่งของที่วางอยู่บนโต๊ะร่วงกระจายลงไปกับพื้นเพื่อระบายโทสะ แอมเบอร์ที่เย็นกว่าขบคิดจนหัวหมุน


           “พอล เราต้องรีบส่งข่าวให้ท่านรู้ ท่านจะได้มาเอาตัวมิเกลไป มันจะรักกับไอ้เด็กบ้านี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก ถ้าท่านชอบมิเกลเราอาจจะให้ท่านช่วยกำจัดไอ้เด็กเลอองคนนี้ซะ”


            ปลายประโยคเปลี่ยนเป็นกระซิบกระซาบ พอลตาโตนึกเห็นด้วยกับความคิดของแอมเบอร์ เขารีบโทรหาเลขานุการของโซรอส แม็กเคนทันที


            “ฮัลโหล ผมพอล อาร์มันโด ต้องการติดต่อกับท่านโซรอส ก็เรื่องด่วนน่ะสิไม่งั้นจะโทรมาตอนนี้เหรอ นี่คุณ ไม่ต้องมาลีลามาก ติดต่อท่านให้ผม บอกท่านว่ามิเกล อาร์มันโดกลับมาแล้ว คุณจะรู้เองว่าด่วนหรือเปล่า”


           พอลนิ่งรอด้วยความกระวนกระวาย พักใหญ่กว่าปลายทางจะมีเสียงตอบกลับ และนั่นคือเสียงของโซรอส


          “หวังว่าคงเป็นข่าวดีนะพอล ถึงได้โทรมาเวลานี้”


             “คะ ครับท่าน” พอลละล่ำละลักตอบ “มิเกลครับ มิเกลมันกลับบ้านเมื่อครู่นี้เอง แต่มันพาคนรักของมันมาด้วย ท่านครับ คนรักของมันคือลูกชายของภรรยาเก่าผมที่เป็นโอเมก้า ผมก็ไม่รู้ว่าดีแลนยังมีชีวิตอยู่และมีลูก”


            โซรอสนิ่งฟัง พอลไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมีปฏิกิริยาอย่างไร พอลได้แต่ใส่สีตีไข่เพื่อเรียกความสนใจจากโซรอส


            “ผมขอโทษเรื่องที่มิเกลมันมีคนรักแล้ว แต่มันก็เรื่องเด็กๆน่ะครับ ผมยังหวังจะฝากลูกชายของผมไว้ในความดูแลของท่านหากท่านไม่ได้ถือสามันเรื่องนี้ ท่านคิดจะทำอย่างไรก็จัดการได้เลยครับ”


           พอลกับแอมเบอร์หายใจไม่ทั่วท้องเมื่อโซรอสเงียบไปพักหนึ่งกว่าที่เขาจะเอ่ยออกมา


           “ถ้าเธอพูดแบบนี้ฉันก็ยินดีจะรับมิเกลไว้ดูแล และถ้าฉันทำอะไรที่รุนแรงไปบ้างกับลูกของเมียเก่าเธอ จะมาโวยวายทีหลังไม่ได้นะ”


            “โอ๊ะ ไม่เป็นไรครับ ตามที่ท่านสะดวกเลย ขอแค่ท่านสบายใจผมก็ยินดีสนับสนุนทุกทาง”


             โซรอสวางสายไปแล้ว พอลกับแอมเบอร์หันมาสบตาด้วยความดีใจ การที่โซรอสยื่นมือเข้ามาเท่ากับพวกเขาจะได้ประโยชน์สองต่อ หนึ่งคือการช่วยเหลือทางธุรกิจและสองคือกำจัดทายาทคนใหม่ทิ้ง ทั้งคู่จะไม่ยอมให้เลอองเข้ามาทำลายอนาคตที่อุตส่าห์พยายามสร้างมาอย่างเด็ดขาด




                                                        TBC


                                                เจ้าของบ้านตัวจริงกลับมาแล้วจ้า




                                             :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:







หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 18 [21/10/62]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-10-2019 01:20:31
 :pig4: :pig4: :pig4:

ผีเน่ากับโลงผุจริง ๆ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 18 [21/10/62]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 21-10-2019 07:40:00
เข็นไม่ขึ้นจริงๆ พ่อของมิเกลนี่

เลอองดูมิเกลด้วยนะ. 
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 18 [21/10/62]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 21-10-2019 08:34:53
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 18 [21/10/62]
เริ่มหัวข้อโดย: GDNEE ที่ 21-10-2019 10:31:56
เลอองสู้ๆ มิเกลสู้ๆ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 18 [21/10/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 21-10-2019 21:51:57
 :m31:



 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 18 [21/10/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Cheese[C]ake ที่ 23-10-2019 00:54:31
ร้าย​กาจจริงๆ​เห็นแก่เงิน :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 18 [21/10/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Cheese[C]ake ที่ 23-10-2019 00:55:07
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 18 [21/10/62]
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 23-10-2019 10:46:43
 :fire:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 18 [21/10/62]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 26-10-2019 19:20:09
เปิดเรื่องใหม่ (ที่ไม่ใหม่)​  ที่เราช้าเองที่พึ่งเห็น  55 น่าติดตามอีกเช่นเคย  ยังไงก็ตามขอแค่มิเกลไม่ตกเป็นของตาเฒ่านั่น และเลอองตีตราได้ก่อนทีเถอะ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 18 [21/10/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 26-10-2019 20:13:34
รอวันเข้าซังเตกันทั้งขบวนการ คนที่ควรอยู่ในบ้านคือเจ้าของตัวจริงและทายาท ไม่ใช่เห็บ
หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 19 [11/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 11-11-2019 23:30:58



                                                                เจ้าป่า

                                                              บทที่ 19



            เมื่อก้าวเข้าสู่ห้องส่วนตัวของมิเกลแล้วเลอองจึงคว้าไหล่ของมิเกลให้หันมาทางเขา สีหน้าของมิเกลไม่ดีนักจนเลอองต้องเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง


           “มิเกลเป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนี้”


           มิเกลฝืนยิ้มก่อนจะถอนหายใจหนักหน่วง


          “ผมขอโทษแทนพ่อนะเลออง ผมน่ะทั้งเสียใจและละอายที่เขาเป็นคนแบบนี้”


          “ไม่ผิดสักหน่อย ก็แค่เกิดเป็นลูกเขา มิเกลเลือกไม่ได้นี่นา แต่ที่มิเกลเลือกได้คือการที่มิเกลเป็นคนดีและเป็นคนน่ารักสำหรับผม”


            มิเกลยิ้มสดใสออกมาได้เมื่อได้ฟังคำหวานจากคนรัก มือเรียวเอื้อมไปหยิกแก้มเลอองพลางกล่าวเสียงนุ่ม


           “น่ารักจังเลออง เฮ้อ ไม่พูดเรื่องนี้แล้วดีกว่า มานี่สิ มาดูห้องผมดีกว่า ผมอยู่ห้องนี้ตั้งแต่ห้าขวบเลยนะ คุณดีแลนยกห้องนี้ให้ผม”


           เจ้าของห้องชี้ชวนให้ผู้มาใหม่มองไปรอบห้องด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว เลอองฟังอย่างเพลินเพลินก่อนจะช่วยกันเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้และอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามานอนกอดกันบนเตียง ดวงตาหวานปรือสนิทจนกระทั่งหลับไปในอ้อมกอดของเลออง
หากแต่ดวงตาคมกลับสว่างอยู่ในความมืดสลัว ความแปลกที่และระวังภัยทำให้เลอองไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ในคืนแรกที่ได้มาอาศัยในบ้านหลังใหญ่แห่งนี้ เขามองหน้าหวานที่หลับสนิทก่อนจะค่อยๆลุกจากเตียงโดยไม่ให้มิเกลตื่น ฝีเท้าของลูกครึ่งเจ้าป่าจึงจรดลงแสนเบายามก้าวเท้าออกจากห้องในเวลาดึก เขาเดินสำรวจชั้นสองจนถึงอีกฝั่งหนึ่งของบ้าน หูที่มีการรับรู้อย่างรวดเร็วจึงเปิดขึ้นทันทีเมื่อเลอองได้ยินเสียงพูดคุยของพอลกับแอมเบอร์จากห้องหนึ่ง แม้จะเป็นเสียงเบามากแต่เขาก็ได้ยินชัด ร่างสูงยืนนิ่งรับฟังการสนทนานั้นอยู่ด้านนอก


            “ไหนว่าจ้างมืออาชีพแล้วไงเรื่องตัดสายเบรก ยังไงมันต้องตายแน่ๆไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมมันถึงรอดจนมีลูกตัวโตเป็นยักษ์ขนาดนี้ฮะพอล”


            เลอองได้ยินเสียงแอมเบอร์ตะคอกใส่สามี ดูเหมือนพอลเองก็ยังคงหงุดหงิดเช่นกัน


            “ก็มืออาชีพแล้วน่ะสิรถมันถึงได้ตกเหวไปขนาดนั้น ซากรถก็ไฟไหม้จนแทบไม่เหลือเค้าเดิม ใครจะนึกว่าอีโอเมก้านั่นจะหัวแข็งรอดไปได้”


            สันกรามบดกันกรอดเมื่อฟังมาถึงตอนนี้ เลอองต้องห้ามใจตนเองอย่างยิ่งที่จะไม่กระโจนเข้าไปจัดการคนในห้อง เขายังจำคำเตือนของดีแลนก่อนจากมาได้ว่าห้ามใจร้อนทุกๆสถานการณ์ จึงจำเป็นต้องข่มอารมณ์ยืนฟังต่อไป


           “แล้วนี่จะทำยังไงต่อ ถ้ามันกลับมาทวงสมบัติคืนล่ะ”


           แอมเบอร์อดหวั่นใจไม่ได้ หล่อนใช้ชีวิตด้วยความสุขสบายเพราะเงินที่พอลได้มาจากภรรยาเก่า แต่ตอนนี้กลับมีมารเข้ามาทำให้ชีวิตของหล่อนยุ่งยากเสียแล้ว


           “แล้วดีแลนจะรู้หรือเปล่าเรื่องรถ ถ้ามันรู้มันต้องส่งลูกมาแก้แค้นเราแน่”


           “เพ้อเจ้อ” เสียงพอลตวาดเบาๆ “มันจะไปรู้ได้ยังไงโง่ขนาดนั้น มันก็คงนึกว่าเอารถไปเข้าศูนย์เช็คตามปกติก่อนเดินทางไกลเท่านั้นแหละ ไอ้ช่างที่เราจ้างป่านนี้มันก็คงแก่ตายไปแล้วล่ะ เลิกพูดมากแล้วนอนเถอะน่า”


             เสียงคุยเงียบลงเลอองจึงเดินกลับไปยังห้องพักของมิเกล เขาก้าวไปนอนบนเตียงครุ่นคิดถึงเรื่องที่เพิ่งได้ยินเมื่อครู่ มิเกลพลิกกายมาทางเขาแล้วงัวเงียซุกหน้าเข้ากอดพลางพึมพำเบาๆ


           “หายไปไหนมาเลออง”


           “ผมไปห้องน้ำมาน่ะ มิเกลหลับต่อเถอะ”


            มิเกลหลับต่ออยู่ในอ้อมกอด เลอองลูบแผ่นหลังเบาๆด้วยความสงสาร มิเกลเหมือนเทวดาตัวน้อยๆที่เกิดมาท่ามกลางปีศาจร้าย เลอองคงต้องไตร่ตรองให้รอบคอบหากจะทำอะไรต่อจากนี้เพราะเขาเกรงว่ามิเกลจะสะเทือนใจเพราะถึงอย่างไรพอลก็เป็นบิดาแท้ๆ


            ไม่ง่ายเลยกับเหตุการณ์ในวันข้างหน้าสำหรับเด็กหนุ่มที่อายุยังไม่เต็มสิบหกปี แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็ต้องดูแลแม่กับคนรักให้ดีที่สุด เลอองหลับตาลงพยายามปัดเรื่องวุ่นวายออกจากหัวเพื่อที่เขาจะได้พักผ่อนเก็บแรงไว้สำหรับวันใหม่ที่ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร







            มิเกลขับรถยนต์คันเก่าของเขาพาเลอองมาที่ห้างสรรพสินค้าในวันต่อมา คนที่เพิ่งเข้ามาในเมืองหลวงมองไปรอบๆด้วยความแปลกใจ


           “คนที่นี่เขาไม่ทักทายไม่พูดคุยกันเหรอมิเกล”


           ผู้คนเดินกันขวักไขว่แต่ไม่มีใครสนใจกัน ต่างก็ก้มหน้าก้มตามองแต่โทรศัพท์มือถือ หรือไม่ก็เชิดหน้าไม่ยิ้มแย้มให้กันเหมือนชาวบ้านชายป่า มีก็แต่มิเกลนี่แหละที่ยิ้มให้เขา


           “คนในเมืองก็แบบนี้แหละ ต่างคนต่างอยู่ อีกหน่อยเลอองก็ชินไปเอง มานี่เถอะ ไปร้านขายโทรศัพท์กัน”


            มิเกลพาเขาไปร้านขายโทรศัพท์และบอกว่ามันเป็นสิ่งจำเป็นในสังคมสมัยนี้ เลอองปล่อยให้มิเกลจัดการเรื่องนี้ให้เขาจนกระทั่งเสร็จเรียบร้อยจึงยื่นให้เลอองรับไป


           “ผมเมมเบอร์โทรของผม คุณไอรีน และเบอร์โทรที่บ้านคุณโทนี่ไว้ให้แล้ว เลอองค่อยๆหัดใช้นะ ไม่ยากหรอก”
เลอองพยักหน้ารับ หลังจากนั้นพวกเขาจึงไปที่มหาวิทยาลัยของมิเกล


            “ต้องไปรายงานตัวกับอาจารย์ว่ากลับมาแล้ว เลอองนั่งรอผมที่ใต้ต้นไม้นี่นะ ไม่นานหรอก”


            มิเกลเดินเข้าไปในอาคารเรียน เมื่ออยู่เพียงลำพังแล้วเลอองจึงใช้โทรศัพท์มือถือเป็นครั้งแรกด้วยการโทรไปหาไอรีน


            “ผมเลอองเองครับ”


            “อ้าว เลออง มีโทรศัพท์ใช้แล้วหรือ มิเกลคงจัดการให้สินะ ดีแล้วล่ะเป็นยังไงบ้างเจอฤทธิ์ของสองคนผัวเมียนั่นอีกหรือเปล่า”


             “ไม่หรอกครับ พวกเขาออกจากบ้านไปกันตั้งแต่เช้า ผมมีเรื่องอยากจะถามคุณไอรีน”


             ไอรีนที่ทำงานอยู่สำนักงานในตอนนี้วางมือลงและตั้งใจฟังคำถามของเด็กหนุ่ม


             “เรื่องอะไร ว่ามาสิเลออง”


            “เรื่องรถยนต์ที่แม่ขับไปเกิดอุบัติเหตุ ก่อนเดินทางมีการนำไปตรวจสภาพรถไหมครับ”


            ไอรีนทบทวนความทรงจำครู่หนึ่งก่อนจะตอบคำถามบุตรชายของนายจ้าง


            “รถที่คุณดีแลนใช้สำหรับเดินทางไกลจะมีการนำไปตรวจสอบที่อู่รถยนต์ก่อนทุกครั้ง เป็นอู่ที่ครอบครัวไพรส์ลีย์และบริษัทใช้งานเป็นประจำ ทำไมถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ”


           “ผมนึกขึ้นมาได้ว่าแม่เคยเล่าให้ฟังเรื่องนี้ แม่บอกว่าออกจากบ้านมารถยนต์ก็เป็นปกติดี แต่พอเริ่มขับรถขึ้นทางชันก็เริ่มผิดปกติ ก่อนที่รถจะเสียหลักพุ่งลงเหวข้างทางแม่ได้ยินคนขับรถตะโกนว่ารถเบรกไม่อยู่ ผมก็เลยสงสัยว่าถ้ารถได้รับการตรวจสภาพก่อนเดินทางเบรกจะขัดข้องได้ยังไงน่ะครับ”


           ไอรีนเอะใจ หากคิดตามที่เลอองพูดมาก็น่าสงสัยจริงๆ


           “เธอคิดว่าเรื่องอุบัติเหตุของคุณดีแลนไม่ชอบมาพากลอย่างนั้นหรือ หากคิดเช่นนั้นจริงเธอจะทำอะไรต่อไปล่ะ”


           “ผมอยากรู้ว่าเมื่อสิบห้าถึงสิบหกปีที่ผ่านมาช่วงที่รถยนต์ของแม่ไปตรวจสภาพที่อู่ ได้มีการรับพนักงานมาใหม่หรือเปล่า หรือว่ามีพนักงานออกไปหลังจากเกิดอุบัติเหตุกับแม่ไหม”


            ไอรีนยิ้มถูกใจกับตัวเอง เด็กหนุ่มบุตรชายของดีแลนฉลาดหัวไวไม่ใช่เล่น ตัวหล่อนเองก็คิดมานานแล้วว่าอุบัติเหตุครั้งนี้มีเงื่อนงำ แต่คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะหาคำตอบได้จากไหน การเปิดประเด็นของเลอองอาจทำให้ความสงสัยเหล่านี้ได้คำตอบ


            “เธอกำลังสงสัยว่ามีคนทำให้รถของแม่เธอผิดปกติก่อนเดินทางสินะ ได้สิเลออง ฉันรู้จักกับเจ้าของอู่รถยนต์นี้ ฉันจะไปถามให้เอง บางทีเราอาจจะได้รู้อะไรดีๆก็ได้”


            เลอองกล่าวอำลาก่อนวางสายของไอรีน รออีกไม่นานมิเกลก็เดินลงมาจากตัวอาคารพร้อมกับเคน


            “ว่าไง เลออง อยู่เมืองหลวงแล้วเป็นยังไงบ้าง คิดถึงบ้านหรือเปล่า”


             เลอองทักทายกับเคน คุยกันอยู่พักหนึ่งมิเกลจึงบอกเขา


             “เดี๋ยวขับรถตามเคนไปที่อพาร์ตเมนต์ ไปเอาอุปกรณ์ทำงานกับตัวอย่างงานวิจัยที่ฝากไว้ แล้วเราค่อยกลับกันนะ”


           พยักหน้าตามอย่างว่าง่าย เลอองไม่รู้จะไปไหนอยู่แล้ว โรงเรียนที่เขาจะเข้าเรียนกว่าจะเปิดเทอมก็อีกสองสัปดาห์ ระหว่างนี้ก็แล้วแต่มิเกล เขาลุกเดินตามมิเกลไปที่รถยนต์ มิเกลขับรถไปยังอพาร์ตเมนต์ที่เคนเช่าอยู่ ใช้เวลาไม่นานนักก็ช่วยกันขนของลงมาใส่ท้ายรถยนต์เรียบร้อย


             “ให้มิเกลมันพาเที่ยวให้สนุกนะเลออง จะได้ชินกันเมโทรโปลิสเร็วๆ”


            เคนตบบ่าพลางหลิ่วตาให้ เลอองหัวเราะเบาๆกับความทะเล้นของเพื่อนสนิทมิเกล เขาก้าวขึ้นรถที่มิเกลสตาร์ทรออยู่แล้ว


              “เดี๋ยวไปดูหนังกันดีกว่าแล้วค่อยกลับบ้านไปสรุปงานส่งอาจารย์ ผมจะเรียนจบแล้วนะเลออง”


           มิเกลยิ้มภาคภูมิใจ เขาขับรถไปทางโรงภาพยนตร์พลางเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้ฟังเจื้อยแจ้ว เลอองนั่งฟังเพลินๆอยู่พักหนึ่งก่อนที่เขาจะสะดุดตาเมื่อสังเกตว่ามีรถคันหนึ่งขับตามรถของมิเกลมาพักใหญ่แล้ว เลอองขยับตัวอย่างระมัดระวังเมื่อรถคันนั้นไล่หลังตามมาใกล้ขึ้น


             “มิเกล ระวัง รถสีดำข้างหลังไม่น่าไว้ใจ”


             เขาหันไปเตือนมิเกลให้ระวังตัว มิเกลรีบมองกระจกมองหลังทันที มองเห็นรถสีดำเร่งเครื่องเข้ามาใกล้จนแทบจะทันอยู่แล้ว เขารีบขับหนีแต่เพราะรถคันนั้นกำลังแรงกว่าไม่นานนักก็กระหนาบด้านข้าง


           “บ้าเอ๊ย”


           “มิเกล ระวัง”


            ด้านข้างถูกพวกมันขับรถกระแทกจนรถของมิเกลเสียหลัก เลอองต้องรีบช่วยดึงพวงมาลัยรถก่อนที่มันจะหมุนคว้างลงข้างทาง พวกมันเลือกสถานที่ในซอยเล็กที่ไม่ค่อยมีใครผ่านไปผ่านมา เมื่อรถหยุดลงผู้ชายหน้าตาเหี้ยมโหดใส่ชุดสีดำก็ลงจากรถกรูกันมาด้านข้างแล้วใช้ปืนขู่


           “ลงมาจากรถเดี๋ยวนี้”


            เลอองกัดฟันกรอด ถ้าเขามาคนเดียวคงจะเปิดประตูก้าวลงไปจัดการพวกมัน แต่นี่มีมิเกลอยู่ด้วย แถมยังเป็นสถานที่ที่เขาไม่คุ้นเคยอีกต่างหาก


           “เลออง”


           มิเกลหน้าซีดด้วยความตกใจ เลอองลอบนับจำนวนคนที่ลงมาล้อมรถเขา มีอยู่สามคนรวมถึงผู้ชายรูปร่างอ้วนเตี้ยที่เพิ่งลงมาจากรถอีกด้วย


           “มิเกลลงจากรถก่อน แล้วคอยหลบให้ดี ระวังตัวด้วยล่ะ”


           เลอองเดาว่าพวกนี้น่าจะเป็นพวกเดียวกับที่ต้องการจับตัวมิเกลในป่า ดังนั้นโล่งใจไปได้เปราะหนึ่งว่ามันไม่คิดจะทำร้ายร่างกายมิเกลแน่ มิเกลพยักหน้าก่อนจะเปิดประตูลงไปทั้งที่ยังตัวสั่นเพราะความกลัว เลอองเปิดประตูตามออกไปยืนจ้องหน้าพวกมันเขม็ง


           “ได้ตัวสักทีไอ้ตัวดี ทำลูกน้องกูตายหมด อ๊ะ!”


             ผู้ชายรูปร่างอ้วนเตี้ยที่เพิ่งลงมาจากรถนั้นคือทอมนั่นเอง เขาได้รับคำสั่งจากโซรอสให้มาตามจับตัวมิเกลที่เดินทางกลับมาเมืองหลวงแล้วตามที่คนเป็นบิดาส่งข่าว ทอมโล่งใจที่ไม่ต้องจัดการกับมิเกลในป่าอีกเพราะเขายังหวาดๆกับคนประหลาดที่ไปช่วยชายหนุ่มในป่า เขาต้องรีบลงมือโดยเร็วเพราะโซรอสต้องการมิเกลเป็นอย่างยิ่ง ทอมคาดว่าเขาจะจับมิเกลได้โดยง่ายจนกระทั่งมองเห็นผู้ชายคนที่ลงจากรถของมิเกล


            ในป่ามันมืดมากทอมมองไม่เห็นหน้าตาของคนที่มาช่วยมิเกล แต่รูปร่างนั้นคลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นผู้ชายตัวสูง แข็งแรง ทอมชะงักเมื่อเห็นอีกฝ่ายจ้องเขาด้วยดวงตาสีเหล็ก


            “ชะ ช้าทำไม จับมันมาเร็วๆสิวะ”


             ไม่รู้จะใช่หรือไม่ใช่ ต้องรีบจัดการให้เร็วที่สุดจะได้ไม่ต้องสบตาเกรี้ยวกราดให้นานกว่านี้ ทอมรีบออกคำสั่งเสียงสั่นให้ลูกน้องชุดใหม่จับตัวมิเกล แต่ทันทีที่เขาพูดจบร่างสูงใหญ่ก็กระโจนเข้าหาลูกน้องคนที่ยืนใกล้ที่สุดแล้วใช้ฝ่ามือตบปืนจนร่วงอย่างรวดเร็ว





มีต่ออีกนิด...



หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 19 [11/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 11-11-2019 23:38:47


อ่านต่อตรงนี้..





            “เฮ้ย”


            มันร้องลั่นเมื่อฝ่ามือที่ตบลงมาบนข้อมือของมันมีเล็บคมแถมมาด้วยจนเป็นแผลยาวลึก ร่างสูงกระโจนไปอีกทางทำเช่นนั้นกับเพื่อนอีกสองคน แต่คนสุดท้ายที่ยืนอยู่ไกลสุดมีเวลาเสี้ยววินาทีลั่นไกปืนออกมาก่อนปืนจะหลุดมือ


           “เลออง!”


            มิเกลใจหายวูบเมื่อเสียงปืนดังลั่น แต่ไม่มีเวลาตกใจเพราะเลอองกำลังต่อสู้กับพวกแบล็กฮันเตอร์ทั้งสาม เล็บคมตวัดเข้าใส่กลางหลังบ้าง ใบหน้าบ้างจนพวกมันร้องโหยหวนโดยมีทอมเบิกตากว้างมองอย่างตะลึงงัน จนกระทั่งร่างสูงก้าวมาหยุดต่อหน้าเขา


           “กลัวแล้ว ยะ อย่า”


             ทอมถอยหลังกรูดก่อนจะผวากลับหลังวิ่งไปที่รถ แต่ทันใดนั้นแผ่นหลังของเขาก็ถูกกรงเล็บแหลมคมตวัดเข้าใส่


            “อ๊ากกกกก”


             ปวดแปลบจนต้องดิ้นพราดๆ ปกเสื้อของเขาถูกกระชากขึ้นก่อนได้ยินเสียงห้วนตวาดใส่


              “มึงกลับไปบอกเจ้านายของมึงให้เลิกยุ่งกับมิเกล”


              ร่างของทอมถูกผลักไปกระแทกกับรถ เขากระเสือกกระสนขึ้นรถทันที


              “ไป พวกมึงจะรอให้มันฆ่ามึงเหรอ”


             ลูกน้องที่ได้รับบาดเจ็บเลือดอาบด้วยกรงเล็บแหลมคมตาลีตาเหลือกขึ้นรถ พวกมันมองไปทางเลอองอย่างหวาดผวาก่อนที่ทอมจะขับรถหนีไป เมื่อเห็นพวกมันไปกันหมดแล้วมิเกลจึงรีบวิ่งมาหาเลออง


           “เลออง เป็นยังไงบ้าง อ๊ะ เลือด!”


             ดวงตาสีเหล็กมองตามรถพวกมันไปด้วยความเจ็บใจ เลอองไม่รู้จักอาวุธปืนว่ามีอานุภาพรุนแรงและรวดเร็วแค่ไหน คนสุดท้ายที่เขาจัดการยิงเข้าที่ไหล่ของเขา เคราะห์ดีที่ไม่ถูกจุดสำคัญเขาจึงทำได้เพียงต่อสู้ให้พวกมันบาดเจ็บ มิเช่นนั้นเขาคงฆ่ามันให้หมดไปแล้ว


           “ไม่เป็นไรมิเกล ถากแค่หัวไหล่เท่านั้นแหละ”


            บอกให้คนรักสบายใจทั้งที่เลือดออกชุ่มเสื้อที่ใส่อยู่ มิเกลมองด้วยความเป็นห่วง”


           “ไปโรงพยาบาลเถอะ ไปทำแผล ขึ้นรถเร็วเลออง”


            เขาประคองแขนเลอองให้เดินไปขึ้นรถแล้วขับไปโรงพยาบาล ระหว่างรอเลอองทำแผลมิเกลรีบโทรหาเคนที่ยังอยู่มหาวิทยาลัยให้มาหาที่โรงพยาบาล


            “หนอย ไอ้รัฐมนตรีบ้าอำนาจ”


            เคนสบถออกมาเมื่อรู้เรื่องแล้ว เขามองเลอองที่มีผ้าพันแผลที่ไหล่และมิเกลด้วยความเห็นใจ มิเกลเป็นเพื่อนสนิทของเขา เคนจะไม่ยอมให้เพื่อนต้องมาพบกับอะไรที่เลวร้ายแบบนี้อีก เคนกดโทรศัพท์ต่อสายไปหาปลายทาง


             “ฮัลโหลคุณลุงสุดที่รัก อย่าๆ อย่าทำเสียงแบบนี้สิครับ ผมยังไม่ได้หายหัวไปไหนแค่ใกล้จะเรียนจบแล้วก็เลยงานเยอะ ลุงสุดหล่อ หลานสุดที่รักมีเรื่องให้ช่วยหน่อย เรื่องสำคัญมาก เดี๋ยวเย็นนี้ไปหาที่บ้านนะครับจะได้อาศัยฝากท้องสักมื้อ ครับเดี๋ยวเจอกัน”


            วางสายแล้วจึงหันไปหามิเกล


            “มึงกลับบ้านไปก่อน ถ้าไม่อยากอยู่บ้านก็ไปอยู่โรงแรมซะ เรื่องแบล็คฮันเตอร์ให้ลุงกูช่วยอีกแรง”


            มิเกลพยักหน้ารับ เขาประคองเลอองกลับไปขึ้นรถก่อนจะสบตากับเลอองด้วยความเป็นห่วง


            “เลออง จะกลับบ้านหรือไปพักโรงแรมอย่างที่เคนมันแนะนำ”


             “กลับบ้านนั่นแหละมิเกล เราไม่มีเรื่องต้องหลบใคร ผมอยากจะเห็นหน้าพวกเขาเหมือนกัน”


             มิเกลขับรถกลับบ้าน เมื่อไปถึงทั้งคู่เห็นพอลกับแอมเบอร์มองด้วยหน้าตามีพิรุธ


             “อ้าว ทำไมยังอยู่ เอ่อ...”


            แอมเบอร์ทำหน้าตาเลิ่กลั่กพลางสะดุ้งเมื่อเห็นสายตาของเลอองที่มองมา


            “ผมไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายมิเกลเด็ดขาดไม่ว่ามันจะเป็นใครก็ตาม รับรองว่าผมไม่เอาไว้แน่ มิเกลกลับห้องกันเถอะ”


            พอลกับแอมเบอร์มองตามจนเห็นเลอองกับมิเกลเดินพ้นไปแล้วจึงได้หันมากระซิบกระซาบกัน


            “ไหนว่าท่านจะเอาตัวมิเกลมันไปวันนี้ไง แล้วทำไม...ว้าย”


             เสียงโทรศัพท์ของพอลดังขึ้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครโทรมา พอลมือไม้สั่นรับโทรศัพท์


            “คระ ครับท่าน”


              “มันคือใคร” เสียงโซรอส แมคเคนดังมาอย่างดุดัน “ไอ้คนที่อยู่กับมิเกลมันคือใคร ถึงได้บังอาจมาทำร้ายลูกน้องของฉัน”


             “มะ มัน มันเป็นลูกของเมียเก่าผมเองครับชื่อเลออง มิเกลมันพามาจากในป่า ที่ผมเล่าให้ท่านฟังไงครับ ท่านอย่าเพิ่งโกรธไปเลยครับ ผมจะร่วมมือกับท่านทุกอย่าง ท่านจะทำอะไรกับมันก็ได้ผมจะไม่ขวางทางเลย”


            “ถ้าอย่างนั้นก็ดี ฉันจะได้ไม่ต้องเกรงใจ”


            โซรอสวางสายไปแล้ว พอลกับแอมเบอร์ได้แต่หันมาสบตากันด้วยความหวั่นใจ





                                                                TBC


                                                ฮือออ ลูกชายบาดเจ็บค่ะ แม่สงสาร



                                               o6 o6 o6 o6 o6 o6 o6 o6











หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 19 [11/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 12-11-2019 05:08:16
คนชั่วก็คือคนชั่ว  อยากจะกลับตัวก็ต่อเมื่อควาทตายจะมาพรากลมหายใจ  น่าสังเวทที่สุด

โถๆๆๆ... เลอองน้อยบาดเจ็บซะได้  หนูต้องหัดใช้ปืนซะละแม่(มโน)​ว่า  หายเร็วๆค่ะลูก
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 19 [11/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 12-11-2019 08:07:54
รอๆ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 19 [11/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 12-11-2019 10:28:24
 :3125:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 19 [11/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 12-11-2019 23:56:39
ต่อไปเลอองคงต้องฝึกใช้อาวุธให้เป็นมั่งแล้วนะ จัดการอิพ่อเลวก่อนคนแรกเลย

หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 19 [11/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 13-11-2019 09:16:14
ไปติดคุกกันให้หมดไป๊
รออุ้มหลานอยู่เด้อ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 19 [11/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-11-2019 19:22:07
 :pig4: :pig4: :pig4:

ไอ้พอลอีแอมเบอร์

เลวทั้งคู่เลยนะ   

สมกันราวกับผีเน่าโลงผุ
หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 20 [23/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 23-11-2019 12:45:56

                                                     เจ้าป่า

                                                    บทที่ 20



             เมื่อถอดเสื้อออกแล้วจึงมองเห็นผ้าก๊อสที่ปิดบาดแผลบนหัวไหล่ของเลออง มิเกลน้ำตาปริ่มจนเลอองต้องดึงเอวคนรักมากอดไว้


           “ร้องไห้ทำไมมิเกล ผมไม่ชอบเห็นน้ำตาของมิเกลนะ”


           “ผมเจ็บใจที่เป็นสาเหตุทำให้เลอองได้รับบาดเจ็บ เกลียดตัวเองชะมัดที่เกิดมาเป็นโอเมก้า”


            “ไม่เอา มิเกลอย่าคิดแบบนั้น” เลอองหอมที่แก้มนุ่มเป็นการปลอบโยน “ลองคิดใหม่นะว่าที่มิเกลเกิดมาเป็นโอเมก้าก็เพราะมิเกลเป็นคู่แท้ของผม เราเกิดมาเพื่อเป็นคู่กันและผมก็เต็มใจด้วยที่จะปกป้องมิเกล เลิกโทษตัวเองได้แล้ว”


            คำปลอบโยนแสนนุ่มนวลของร่างสูงที่แทบจะกอดมิเกลไว้มิดทำให้เจ้าตัวยิ้มทั้งน้ำตา คงจะจริงอย่างที่เลอองกล่าวเพราะตั้งแต่ได้พบกับเลอองชีวิตของมิเกลก็เหมือนได้รับสิ่งเติมเต็มที่ขาดหายมานาน


            “ขอบคุณนะเลออง ดูสิ มัวแต่กอดกันกลม เลอองน่ะมีแต่เหงื่อไคลทั้งตัวแถมยังบาดเจ็บที่ไหล่อีก ให้ผมเช็ดตัวให้นะ”


            เลอองปล่อยมิเกลออกจากอ้อมกอดให้อีกฝ่ายจัดการทำความสะอาดเนื้อตัวเปลือยเปล่าของเขาด้วยผ้าขนหนูชุบน้ำหมาดๆด้วยความตั้งอกตั้งใจ ชายหนุ่มยิ้มอ่อนโยนให้กับคนรักของเขา


             “มิเกล ต่อจากนี้ถ้าเกิดอะไรขึ้นที่อาจทำให้มิเกลเสียใจ ขอให้รู้ว่าผมไม่ได้อยากทำแบบนี้ แต่มันจำเป็นเพื่อความถูกต้อง”


             มือเรียวที่บรรจงเช็ดแผ่นหลังชะงักงันสีหน้าพลันซีดเผือด มิเกลฝืนยิ้มเมื่อพอจะเดาได้ว่าที่เลอองกล่าวนั้นหมายถึงอะไร


             “ถึงตอนนั้นแล้วยังมีเลอองอยู่ข้างๆ ผมก็น่าจะยังยืนอยู่ต่อได้โดยไม่ล้มลงไปก่อน”


             “ถ้ามิเกลล้มจริง ผมจะประคองมิเกลขึ้นมาเอง ไม่เอาน่า อย่ามัวแต่พูดเรื่องไม่ดีเลย ผมอยากกอดมิเกลจะแย่แล้ว”


              พูดจบร่างโปร่งก็ถูกผลักให้หงายหลังไปบนที่นอนนุ่มโดยมีร่างหนาล้มลงไปทับ มิเกลเบิกตากว้างพลางหัวเราะเบาๆ


            “มองแบบนี้คงไม่คิดแค่กอดแน่ เด็กเจ้าเล่ห์”


             คนถูกกล่าวหาว่าเด็กส่ายหน้าไม่เห็นด้วย


             “มิเกลก็รู้ว่าผมไม่เด็กแล้ว เพื่อนสิงโตรุ่นเดียวกันมีลูกกันเป็นโขยง”


               “แต่เลอองเป็นมนุษย์ อายุเท่านี้เพิ่งเริ่มเป็นหนุ่มนะ จะมีก็แต่ตรงนี้แหละที่ทำให้ผมรู้ว่าเลอองโตแล้ว”


              มือนุ่มคว้าหมับที่จุดอ่อนไหวของเลอองพร้อมด้วยดวงตาพราวระยับ เลอองหัวเราะใส่หน้าใสที่กลั่นแกล้งเขา


            “ใครบอกตอนนี้ว่ามิเกลใสซื่อผมจะไม่เชื่อ เพราะตอนนี้คนใสซื่อกำลังเล่นงานผมจนตกหลุมปีนขึ้นมาไม่ไหวแล้ว”


             เลอองจูบมิเกลด้วยความกระหาย เขาดึงเสื้อผ้าที่ยังปกปิดบนร่างกายของคนรักออกอย่างรวดเร็ว


              “นี่บาดเจ็บจริงๆหรือแกล้งเนี่ยเลออง ทำเหมือนไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลย”


               ดวงตาคมวาววับ เขามองเรือนร่างขาวนวลด้วยความหลงใหล


              “เจ็บแค่นี้เอง ตอนออกไปล่าเหยื่อในป่ายังเจ็บมากกว่านี้อีก แล้วผมเจ็บที่ไหล่ไม่ได้เจ็บตรงนี้เสียหน่อย”


              ดึงมือเรียวมากอบกุมส่วนสำคัญของตนพลางบังคับให้นวดเฟ้นด้วยปลายนิ้วปลุกให้แข็งขันขึ้นมาเต็มตัว มิเกลหน้าแดงเมื่อรู้ว่าอีกไม่นานมันจะเข้ามาผงาดในร่างกายของเขา


             “เลออง ขอผมบอกเลอองอีกอย่างนะ มนุษย์เราในสังคมเมืองเวลา เอ่อ มีความสุขเรื่องนี้เราจะไม่ส่งเสียงคำรามดังๆเหมือนตอนที่เลอองอยู่ในป่า เราจะส่งเสียงแค่พอระบายมันออกมา เอ่อ แบบนี้...”


             เสียงเล็กหวานดังลอดริมฝีปากออกมาพร้อมกับลมหายใจที่เริ่มร้อนแรง เป็นการยั่วยวนที่ทำให้เลอองตบะแตก เขาจับท่อนแขนกลมกลึงตรึงไปกับที่นอนนุ่ม


            “มิเกลยั่วผม และก็ยั่วขึ้นด้วย ตอนนี้ช่างหัวมนุษย์สังคมเมืองของมิเกลก่อนเถอะ”


             เลอองซุกหน้าลงกับแผ่นอกสีขาว หลายวันตั้งแต่ก่อนย้ายมาที่เมโทรโปลิสจนถึงวันนี้เขายังไม่ได้มีเซ็กส์กับมิเกลเลยเพราะธุระมากมายที่ต้องจัดการ วันนี้เขาจะตักตวงจากมิเกลให้สมกับความคิดถึงในร่างกายนี้


             “อา เลออง”


             ร่างโปร่งสะเทือนไปทั้งตัวเมื่อถูกล่วงล้ำ เลือดในร่างกายสูบฉีดจนสีขาวนวลเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เมื่อต้องรับมือกับความกระหายของลูกครึ่งสิงโตมิเกลก็แทบจะโยนความเป็นมนุษย์ทิ้งไปเหมือนกัน เขาชันขาตั้งรับเพื่อให้เลอองได้ออกแรงเต็มที่


             “ตรงนี้ของมิเกลตอบรับผมดีเหลือเกิน”


              เลอองส่งเสียงเบาๆพยายามกลั้นไว้ให้ได้มากที่สุด เขาจำต้องฝึกแม้จะไม่เต็มใจนัก หากเป็นในป่าคงอดส่งเสียงคำรามออกมาไม่ได้ แต่ตอนนี้เมื่อช่องทางร้อนแรงกำลังบีบเค้นรอบความเป็นชายไว้ทุกด้านและความกระสันใกล้จะมาถึง เขาทำได้เพียงเค้นเสียงต่ำจากลำคอระบายมันออกมาเท่านั้น


             “เลออง จูบผมสิ”


             มิเกลเข้าใจคนรัก แต่ถึงอย่างไรเลอองก็ต้องฝึกความเป็นมนุษย์ให้มากขึ้น เขาใช้แขนโน้มใบหน้าเลอองลงมาเพื่อบดจูบหนักหน่วงทดแทนการส่งเสียงคำราม สองขายกขึ้นกอดเกี่ยวไปรอบลำตัวเพื่อให้เลอองได้ออกแรงใส่ได้หนักขึ้น


             “อึก ไม่ไหวแล้ว อีกนิดเดียว”


              มิเกลเกร็งไปทั้งตัวเมื่อเขาใกล้ถึงปลายยอด เขาผวากอดกดเบียดกลางกายตนเองกับกล้ามเนื้อหน้าท้องของเลอองแล้วถูไถไปมา ไม่กี่วินาทีของเหลวอุ่นก็แตกซ่านออกมาเปรอะเปื้อน ร่างเพรียวหอบหายใจหนักอยู่นิ่งรองรับแรงกระแทกของเลอองเพื่อให้เขาก้าวตามมาติดๆ จนกระทั่งอีกฝ่ายก็หยุดนิ่งกอดเขาไว้ในท่าที่ยังแนบแน่น


            “มีความสุขจัง”


             เลอองเอ่ยเสียงนุ่มพลางหอมที่หน้าผากมนชื้นเหงื่อ มิเกลพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มแสนหวาน เขานอนนิ่งให้เลอองกอดพักใหญ่จนกระทั่งหายเหนื่อย ดวงตาหวานช้อนมองใบหน้าคมอย่างรู้ทันเมื่อร่างกายเริ่มรับรู้อะไรบางอย่าง


            “เลออง ผมนัดอาจารย์สอบงานวิจัยพรุ่งนี้นะ”


            “อีกรอบเดียวนะมิเกล รอบเดียวจริงๆ ผมยังอยากมีความสุขกับมิเกลอยู่เลย นะครับมิเกล”
เจอลูกอ้อนของสิงโตที่กลายเป็นแมวยามออดอ้อนแล้วมิเกลจะมีปัญญาอะไรไปต่อต้าน ในเมื่อตอนนี้เขาเองก็อยากจะมีความสุขเช่นนี้อีกสักครั้ง มีแต่เวลานี้เท่านั้นที่จะโยนเรื่องทุกข์ใจทุกอย่างทิ้งไปและตักตวงความสุขจากคนรัก เมื่อคิดได้ดังนี้มิเกลก็ถูกเลอองกระชากขึ้นสวรรค์ไปอีกครั้ง





              เลอองติดตามมิเกลมาที่มหาวิทยาลัยในวันรุ่งขึ้น เขามองคนรักด้วยความเป็นห่วง


             “มิเกลหน้าซีดจัง ผมขอโทษนะที่เมื่อคืนกวนมิเกลมากไปหน่อย”


            “ผมไม่เป็นไรหรอกเลออง แค่เวียนหัวนิดหน่อยตอนตื่นมา สอบผ่านอยู่แล้วน่า”


             เลอองพยักหน้าเมื่อมิเกลยืนยันว่าไม่ได้เป็นอะไร เขาชะงักเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ไอรีนนั่นเองที่โทรมา


             “เลอองพูดครับคุณไอรีน”


             เมื่อรับสายแล้วไอรีนก็รีบพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นทันที


             “ได้เรื่องแล้วเลออง ที่อู่รถมีพนักงานคนหนึ่งลาออกในเวลาไล่เลี่ยกับอุบัติเหตุของคุณดีแลนพอดี ฉันสืบจนตามหาที่อยู่ของเขาได้แล้ว”


             “ดีเลยครับ เราจะไปหาเขาแล้วถามเรื่องทั้งหมด”


              เลอองหันมาหามิเกลแล้วรีบเอ่ยปาก


             “ผมขอขับรถไปหาคุณไอรีนนะมิเกล ผมจำทางได้แล้วและคิดว่าขับรถในเมืองได้”


              มิเกลยิ้มรับก่อนจะส่งกุญแจรถให้เลออง


               “ไปเถอะ เสร็จธุระเมื่อไหร่ก็กลับมารับผมที่นี่แหละ หรือถ้าผมจะไปไหนผมจะโทรบอกเลออง”


             “ขอให้สอบผ่านนะมิเกล”


              เลอองหอมแก้มมิเกลเป็นการอวยพร เมื่อมิเกลลงจากรถไปแล้วเขาก็รีบขับรถไปทางสำนักงานทนายความของไอรีนที่รออยู่ ทั้งคู่เดินทางไปยังชุมชนแออัดแห่งหนึ่งที่มีบ้านเรือนโทรมๆ ตั้งติดกันจนแทบไม่มีทางเดิน


              “ผู้ชายคนนี้ชื่อลาร์รี่ เขาทำงานที่อู่เกือบห้าปีก่อนที่คุณดีแลนจะเกิดอุบัติเหตุ เขาเป็นคนรับผิดชอบรถคันที่คุณดีแลนขับไป เมื่อส่งรถคืนให้คุณดีแลนไม่กี่วันเขาก็ลาออกกะทันหัน เจ้าของอู่บอกว่าไม่กี่เดือนก่อนจะลาออก เขาติดการพนันจนต้องเตือนบ่อยๆ แต่เพราะเป็นช่างฝีมือดีเจ้าของก็เลยยังไม่ไล่ออก หลังจากออกจากอู่ลาร์รี่ก็เปลี่ยนที่อยู่ที่ทำงานไปเรื่อยก่อนจะมาอาศัยอยู่ในชุมชนแออัดที่นี่”


           ไอรีนเล่าให้เลอองฟังตั้งแต่อยู่ในรถยนต์ ยิ่งฟังเลอองก็ยิ่งตื่นเต้น ไอรีนกับเขามองหาจนพบบ้านที่นักสืบถ่ายรูปส่งมาให้ ทั้งคู่หันไปสบตากัน


            “หลังนี้แน่ เข้าไปเถอะ”


             ไอรีนเอ่ยเบาๆ เลอองพยักหน้ารับก่อนจะเป็นผู้เคาะประตูบ้านโกโรโกโสและตะโกนเรียก


            “มีใครอยู่ไหม ผมต้องการพบคุณลาร์รี่”


             เมื่อตะโกนและเคาะประตูติดต่อกันอีกพักหนึ่งจึงได้ยินเสียงกอกแกกจากด้านใน ประตูใกล้พังจึงค่อยแง้มออก


            “ใคร ใครมาอีก กูไม่มีเงินแล้วโว้ย เหลือแต่กางเกงในมึงจะเอาไปขายไหมล่ะ”


             “ผมไม่ได้มาทวงหนี้”


              เลอองตอบกลับแต่ดูเหมือนลาร์รี่จะยังไม่มั่นใจ


             “แล้วมาทำไม พวกมึงจะมากระทืบกูอีกเหรอ เท่าที่พวกมึงทำร้ายจนกูพิการเป็นอัมพาตไปครึ่งตัวยังไม่สาแก่ใจพวกมึงใช่ไหมไอ้สารเลว”


            เมื่อฟังคำคร่ำครวญนั้นแล้วเลอองจึงตัดสินใจดึงประตูให้เปิดออกเพื่อไม่ให้เสียเวลา ก่อนจะก้าวเข้าไปด้านในที่มีแต่กลิ่นเหม็นอับตามติดด้วยไอรีน ทั้งคู่มองเห็นชายที่ก้าวเข้าสู่วัยชราท่าทางสกปรกคลานอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าแปลกใจและตกใจ


            “พวกแกเป็นใคร คนทวงนี้คนใหม่เหรอ ยังไงกูก็ไม่มีจ่ายโว้ย”


              เสียงโวยวายเงียบลงเมื่อไอรีนยื่นธนบัตรไปใบหนึ่งไปตรงหน้า ลาร์รี่คว้าหมับด้วยความละโมบแล้วค่อยเงยหน้ามองด้วยความไม่ไว้ใจ


            “พวกแกต้องการอะไร”


            “ก็แค่ตอบคำถามไม่กี่คำ ถ้าแกอยากได้เงินอีก”


            ดูเหมือนไอรีนจะรู้วิธีรับมือกับคนอย่างลาร์รี่มากกว่าเลออง หล่อนยิ้มเย็นพลางสบตากับหน้าตาล่อกแล่กของลาร์รี่


            “คำถามอะไร จะถามอะไรก็ถามมา”


             ไอรีนยิ้มเย็นจนลาร์รี่หวาดหวั่น แต่กระนั้นเมื่อธนบัตรใบที่สองยั่วยวนอยู่เขาก็ไม่กล้าหลบตาอีกฝ่าย


             “เมื่อสิบหกปีก่อนแกทำให้ที่อู่รถยนต์แห่งหนึ่ง แกเคยทำให้เบรกของรถยนต์คันนี้มีปัญหาใช่ไหม”


              ลาร์รี่สะดุ้งเหงื่อชื้นผุดเต็มฝ่ามือไปหมด


             “กู มะ ไม่ได้...”


             “ตอบความจริงนะ ถ้าตอนหลังฉันรู้ว่าแกโกหก แกคงรู้ว่าจะเกิดอะไรกับแก”


             ลาร์รี่ปากสั่น ไอรีนหยิบธนบัตรอีกใบเพิ่มใส่มือของหล่อนโบกสะบัดไปมา กลิ่นเงินหอมหวานทำให้ลาร์รี่ตัดสินใจโพล่งออกไป


              “เออ กูทำเอง แล้วมึงจะทำไม”


              เลอองขบกรามกรอด เขากำหมัดแน่นเมื่อรู้ว่าชายที่น่ารังเกียจคนนี้คือสาเหตุที่ทำให้แม่ของเขาเกือบตาย


            “แกทำเพื่ออะไร”


             “เพื่อเงินไงเล่าอีโง่ มึงคิดว่าเพื่ออะไรล่ะ เจ้าหนี้แม่งเกาะติดอย่างกับเห็บเหา มีทางไหนได้เงินกูก็เอาทั้งนั้นแหละ ก็ไอ้รถคันนั้นมันรถบ้านเศรษฐีที่มันเอามาเช็คที่อู่ประจำ ไม่มีใครรู้หรอกว่ากูทำ”


               “ใครจ้างแก” ไอรีนเค้นเสียงถาม ลาร์รี่ทำท่าเหมือนจะไม่พูด หล่อนมองด้วยความสังเวชใจพร้อมกับเพิ่มธนบัตรในมืออีกใบหนึ่ง “จะบอกหรือยัง”


              “ก็ผัวมันไงเล่าจะใครซะอีก ไอ้หนุ่มหล่อๆ ที่เกาะเมียโอเมก้าเป็นแมงดานั่นน่ะ มันนั่นแหละจ้างกูให้จัดการกับเบรก ทำให้แนบเนียนเหมือนอุบัติเหตุเพื่อจะฆ่าเมียมัน เอาเงินมานี่”


              แม้จะเป็นอัมพาตครึ่งท่อนล่าง แต่เมื่อมองเห็นเงินอยู่ตรงหน้าลาร์รี่ก็รีบคว้าหมับจากมือของไอรีน เลอองได้แต่มองความละโมบของคนตรงหน้าด้วยความรังเกียจ ไอรีนพยักหน้าให้เขาเดินออกมาจากบ้านอันโสมม


            “โอย เหม็นจนจะกลั้นใจไม่อยู่” ไอรีนถอนหายใจเมื่อรีบเดินกันมาถึงบริเวณที่มีลมพัดมาบ้าง “อัดเสียงไว้ได้หมดหรือเปล่าเลออง”


              เลอองพยักหน้ารับ เขาดึงโทรศัพท์ที่ลอบอัดเสียงของลาร์รี่ไว้ ทดลองเปิดดูเพื่อฟังว่าข้อความที่เป็นประโยชน์อยู่ครบถ้วนหรือไม่ ไอรีนพยักหน้าด้วยความพอใจ


             “ในที่สุดความจริงก็กระจ่างว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา ไหวพริบของเธอดีมากนะเลอองที่ฉุกคิดเรื่องนี้”


             “ผมได้ยินเขาคุยกันเรื่องนี้ก็เลยเอะใจ หลังจากนี้ควรจะทำยังไงดีครับคุณไอรีน”


               เลอองอยู่แต่ในป่า เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ไอรีนมองเด็กหนุ่มด้วยความเอ็นดู


              “เรื่องนี้ปล่อยเป็นหน้าที่ฉันเอง ฉันรู้จักกับตำรวจที่กองปราบปราม ฉันจะเอาคลิปเสียงของลาร์รี่ให้เขาฟังและรื้อคดีขึ้นมาใหม่ แต่ระหว่างนี้อย่าให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ฉันกลัวสองผัวเมียนั่นจะรู้แล้วหนีไปเสียก่อน”


               เลอองพยักหน้ารับ คิดถึงมารดาที่ต้องทนใช้ชีวิตอย่างลำบากลำบนมาตลอดหลายปี สิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้คงจะพอคืนความยุติธรรมให้มารดาได้บ้าง เขาจะทำให้ทุกอย่างกระจ่างแจ้งและให้คนผิดได้รับโทษสมกับสิ่งที่เคยทำมา




มีต่ออีกนิด.....






หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 20 [23/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 23-11-2019 12:56:54
อ่านต่อตรงนี้...





               “มิเกล ตอบคำถามอาจารย์ได้ไหม”


             เคนรีบถามเมื่อเห็นเพื่อนเดินออกมาจากห้องสอบงานวิจัยด้วยสีหน้าซีดเผือด มิเกลฝืนยิ้ม


             “ได้ คำถามไม่ยากหรอก ตอบได้หมดนั่นแหละ”


              “อ้าว แล้วทำหน้าซีดทำไม กูก็นึกว่าตอบคำถามไม่ได้”


               “เวียนหัวตั้งแต่เช้าแล้ว”


             ตื่นเช้ามาพร้อมกับอาการเวียนศีรษะ ผะอืดผะอม ไม่ได้เป็นมากแต่ก็รบกวนสภาพร่างกายพอสมควร มิเกลฝืนมาสอบเพราะนัดอาจารย์ไว้แล้วและไม่อยากเลื่อนสอบ เหลือเพียงสอบวันนี้ถ้าผ่านก็เท่ากับเขาเรียนจบแน่นอน โชคดีที่คำถามของอาจารย์ตรงกับที่เตรียมมา เขาจึงตอบคำถามได้ทั้งที่ร่างกายไม่พร้อมนัก


              “สอบได้ก็ดี งั้นต้องฉลองกันหน่อย เรียนจบแล้วโว้ย”


               เคนตะโกนลั่น เขาเองก็สอบผ่านโดยไม่มีปัญหาอะไร แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยปากชวนเพื่อนไปไหนเขาก็ต้องตกใจเมื่ออยู่ๆมิเกลก็ทรุดฮวบลงกับพื้น


             “มิเกล มิเกล เป็นเหี้ยอะไร กูตกใจนะมึง”


             สีหน้าของมิเกลซีดราวกับกระดาษ เขาหลับตาลงด้วยความอ่อนเพลีย


             “เคน พากูไปนอนรอเลอองมารับหน่อย กูยืนไม่ไหว ไปนอนที่หอพักมึงก็ได้”


             “อ้าว เออ ไป”


              เคนประคองเพื่อนไปที่รถยนต์ของเขาพลางขับไปที่หอพัก มิเกลบอกให้เขาหยุดที่หน้าร้านขายยาก่อนถึงหอ


             “ไปซื้อยาแก้เวียนหัวให้หน่อย อ้อ เคน ซื้อแผ่นตรวจฉี่ให้ด้วย”


               เคนทำหน้าเหรอหรา


              “ตรวจฉี่ ตรวจหาอะไร แอลกอฮอลล์เหรอ”


               “โว้ย ไอ้นี่ ยิ่งเวียนหัวอยู่ ตรวจการตั้งครรภ์ คนท้องน่ะ เข้าใจไหม”


               ฝืนลืมตามาด่าเพื่อน เคนยิ้มแห้งก่อนจะลงรถไปซื้อตามที่มิเกลสั่ง เมื่อถึงหอพักเขาก็ประคองมิเกลมาที่ห้องแล้วปล่อยให้มิเกลนอนหลับตานิ่งบนเตียง


             “เอ้า ลุกมาแดกยาก่อน”


             เคนส่งยากับแก้วน้ำให้มิเกลกิน เขาหลับไปงีบหนึ่งก่อนจะตื่นขึ้นมาคว้าแผ่นตรวจการตั้งครรภ์เดินเข้าห้องน้ำ เคนที่นั่งเล่นเกมอยู่มองตามเพื่อนจนกระทั่งมิเกลเดินกำเจ้าแผ่นนั้นออกมาจากห้องน้ำ ดูออกว่าเขาตื่นเต้น


              “ตรวจแล้วเหรอวะ ผลเป็นไง”


              เคนเองก็เริ่มจะตื่นเต้นไปกับเพื่อน มิเกลสบตากับเคนก่อนจะแบมือสั่นๆ ออกเพื่อจะมองผลของมันพร้อมๆ กัน และเมื่อเห็นผลแล้ว มิเกลก็ต้องสบตากับเคนอีกครั้งสีหน้าของเขายิ่งซีดหนักกว่าเดิม เคนสบถออกมาเบาๆ


              “มิเกล มึง มึงท้อง มึงกำลังจะมีลูกกับเลออง”


               หัวใจดวงน้อยเต้นรัวเร็ว มิเกลยกมือลูบท้องตนเองเมื่อรู้ว่าอีกชีวิตหนึ่งกำลังก่อกำเนิดขึ้นมา เขาเผลอยิ้มอย่างลืมตัวแต่รอยยิ้มนั้นพลันหายไปเมื่อนึกถึงสถานการณ์วุ่นวายตอนนี้


              “มึงต้องรีบบอกเลออง”


              “อย่าเพิ่ง เลอองยังไม่พร้อมจะรู้ตอนนี้”


               มิเกลขัดขึ้น เขามองเพื่อนสนิทเพื่อขอร้อง


               “รอให้เรื่องที่มันวุ่นๆ จบลงก่อนแล้วกูจะบอกเลออง แต่มันไม่ใช่ตอนนี้เคน”


              ทารกน้อยถือกำเนิดมาด้วยความรักของพ่อและแม่ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นมิเกลจะปกป้องลูกของเขาไว้ด้วยชีวิต เขาเอ่ยคำสัญญาในใจพร้อมกับมือที่วางแนบหน้าท้องเพื่อส่งผ่านความรักให้กับลูกของเขา




                                                TBC


                               ไงล่ะ เลออง เด็กแก่แดด ได้เป็นคุณพ่อวัยใสเลย






                        :hao4: :hao4: :hao4: :hao4: :hao4: :hao4: :hao4: :hao4:






หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 20 [23/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 23-11-2019 15:07:56
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 20 [23/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-11-2019 18:46:17
 :pig4: :pig4: :pig4:

มีลูกไวเว่อ  อิอิ 
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 20 [23/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 23-11-2019 20:32:17
 :-[

เปิดปุ๊ปติดปั๊ป
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 20 [23/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: goldentime ที่ 24-11-2019 07:46:55
ต้องรีบบอกเลอองนะ มิเกลไม่งั้นเดี๋ยวจะมีปัญหาเอาได้นะ สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 20 [23/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 24-11-2019 08:28:53
เลอองยังเด็ก เชื้อมันก็เลยแรงสินะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 20 [23/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 24-11-2019 08:40:28
มิเกลท้องแล้ว~
หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 21 [25/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 25-11-2019 17:21:44



                                               เจ้าป่า

                                              บทที่ 21




       พอล อาร์มันโดรู้สึกหงุดหงิดมาเกือบทั้งสัปดาห์จนเกือบจะทำงานไม่ได้ตั้งแต่ถูกเลออง ไพรส์ลี่ย์ข่มขู่ทางสายตา บุตรชายของเมียเก่าช่างดูน่าเกรงขามผิดกับคนเป็นแม่ลิบลับ และยิ่งรู้ว่าเลอองทำร้ายลูกน้องของรัฐมนตรีโซรอสจนบาดเจ็บเขาก็ยิ่งหวาดหวั่น แต่กระนั้นก็คงไม่เท่ากับวันนี้เมื่อเลขานุการแจ้งว่ามีตำรวจมาขอเข้าพบ


        “พวกคุณมีธุระอะไรกับผม”


        เอ่ยถามเสียงห้วนกับชายหนุ่มสองคนที่มีบัตรของตำรวจกองปราบปราม ชักเริ่มเอะใจจนสายตาแสดงความกังวลอย่างเห็นได้ชัด


          “เมื่อวันก่อนเราได้ตัวขี้ยาคนหนึ่งมาครับ ขี้ยาคนนี้เคยลักเล็กขโมยน้อยทำผิดอื่นๆ มาแล้วหลายครั้ง”


         นายตำรวจคนหนึ่งกล่าวด้วยความใจเย็น แต่พอลไม่เย็นด้วย เขาสบถออกมาอย่างไม่เกรงใจ


         “แล้วไอ้ขี้ยาคนนี้มันเกี่ยวอะไรกับผมวะ พวกคุณถึงต้องมาหาผมด้วย รู้หรือเปล่าว่ามันเปลืองเวลาของผมแค่ไหน”


           ดูเหมือนตำรวจทั้งสองคนจะไม่รู้สึกรู้สากับความเกรี้ยวกราดของเขาเลย ทั้งคู่ยังคงพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ


           “มันเล่าเรื่องของมันหลายอย่างครับ มีอย่างหนึ่งที่มันเล่าออกมา คือเมื่อสิบหกปีก่อนมันเคยทำงานที่อู่รถยนต์ และมีคนว่าจ้างให้มันตั้งสายเบรกจงใจให้เกิดอุบัติเหตุ มันให้การถึงรุ่นและรายละเอียดของเจ้าของรถได้ชัดเจน พวกเราไปสืบมาได้ความว่ามีอุบัติเหตุกับรถคันนั้นจริงๆ ซึ่งนั่นก็คือรถของคุณดีแลน ไพรส์ลีย์ที่เป็นอดีตภรรยาของคุณ”


          พอลตกใจหน้าซีดเผือด ฝ่ามือชื้นเหงื่อจนต้องรีบกำไว้เพื่อไม่ให้มันสั่นมากไปกว่านี้ เขาฝืนความหวาดวิตกสู้กับนายตำรวจทั้งคู่ที่จับตามองเขาอยู่ด้วยการแสร้งทำเป็นตกใจทันทีที่ได้ยิน


          “งะ งั้นหรือ โธ่ ดีแลน น่าสงสารที่สุด ใครกันนะที่มันทำแบบนั้น ภรรยาของผมเป็นคนดี ใครกันที่มันทำได้ลงคอ”


            “ดูเหมือนคุณจะเชื่อทันทีตามคำพูดของขี้ยาคนนั้นเลยนะครับว่าภรรยาของคุณลอบทำร้าย ทั้งที่เราอ่านจากรายงานการสืบสวนตอนนั้นแล้ว คุณยืนยันว่ามันคืออุบัติเหตุและไม่ติดใจกันเสียชีวิตของคุณดีแลนแม้แต่น้อย”


          พอลชะงักเมื่อได้ยินน้ำเสียงหยั่งเชิงของตำรวจ สายตากลับกลอกไปมาอย่างรวดเร็วเพื่อหาวิธีปิดบังความกลัวที่กำลังบังเกิด


          “ปัดโธ่พวกคุณ จะเอาอะไรกับคนที่กำลังเสียใจเพราะรู้ว่าเมียตายเล่า ผมรักเมียของผมจะตายไป” เขาแกล้งขึ้นเสียงดัง “ตอนนั้นน่ะแค่รู้ว่ารถของดีแลนตกเหวผมก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว จะไปรู้เหรอว่าเขามีศัตรูที่ไหน ผมก็ต้องคิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุนั่นแหละ”


           “ตอนนั้นคุณไม่ได้ระหองระแหงกับคุณดีแลนอยู่ก่อนแล้วเพราะเรื่องชู้สาวของคุณหรือครับ”


            “เอ๊ะพวกคุณนี่ยังไงนะ ผมกับดีแลนรักกันจะตายไป ไอ้ที่พูดอย่างนี้คิดว่าผมเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุครั้งนั้นเรอะ บ้าไปแล้ว”


          พอลตบโต๊ะดังปังก่อนจะลุกขึ้นยกมือชี้หน้าตำรวจทั้งคู่


          “ถ้าไม่มีหลักฐานว่าผมเกี่ยวข้องก็อย่ามาทำเป็นพูดโน่นพูดนี่หาเรื่องผมนะ เชิญกลับออกไปได้แล้ว เวลาผมเป็นเงินเป็นทอง เสียเวลาว่ะ”


           เขาโบกมือไล่จนตำรวจทั้งสองนายต้องยอมกลับออกไปจากห้อง เมื่ออยู่เพียงลำพังแล้วพอลจึงทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างหมดแรง เขาต่อสายโทรศัพท์ไปหาแอมเบอร์ทันที


           “แอมเบอร์มาที่ห้องหน่อย เร็วเข้าเรื่องใหญ่”


            ไม่นานนักแอมเบอร์ที่ทำงานอยู่อีกแผนกหนึ่งก็มาถึง สีหน้าของพอลทำให้หล่อนต้องรีบเอ่ยถาม


           “เกิดอะไรขึ้นน่ะพอล”


           “ตำรวจ ตำรวจมาเมื่อกี้ มาถามเรื่องรถยนต์ของดีแลน”


            พอลเล่าให้แอมเบอร์ฟัง เมื่อฟังจบแล้วหน้าของแอมเบอร์จึงซีดตามไปด้วย


           “ไหนว่าไม่มีทางสืบเรื่องมาถึงเราไง แล้วทำไมตำรวจถึงมาสงสัยเราด้วย”


           “จะไปรู้เหรอ โว้ย จะทำไงดีวะ เธอก็อย่ามัวแต่ด่า ช่วยกันคิดสิว่าจะทำยังไงกันดี”


           เงียบกันไปพักใหญ่ด้วยความว้าวุ่น ก่อนที่แอมเบอร์จะนึกขึ้นได้


           “เราต้องพึ่งท่านรัฐมนตรีโซรอส คนเดียวที่พอจะช่วยเราได้ ลองไปขอความช่วยเหลือท่านกันดีกว่า”


           พอลเห็นด้วยกับแอมเบอร์ ไม่มีทางอื่นแล้วนอกจากต้องพึ่งพาผู้มีอิทธิพลเพียงคนเดียวที่รู้จัก ทั้งคู่รีบขับรถยนต์ไปยังกระทรวงพาณิชย์ที่โซรอสเป็นรัฐมนตรี และต้องนั่งกระสับกระส่ายอยู่นานกว่าเลขานุการของโซรอสจะบอกว่าสามารถเข้าพบได้แล้ว


           “ท่านครับ ช่วยพวกเราด้วยเถอะครับ”


          แค่พบหน้ารัฐมนตรีโซรอสสองสามีภรรยาก็เริ่มคร่ำครวญ เจ้าของห้องขมวดคิ้วมองอย่างไม่ชอบใจนัก


           “มีอะไรก็พูดมา อย่ามัวแต่พิรี้พิไร ฉันต้องไปประชุมอีก”


          “ครับท่าน พวกเรามีเรื่องสำคัญมาพึ่งบารมีท่าน วันนี้มีตำรวจมาหาผมเพราะเรื่องในอดีต โธ่ ท่านครับ ใครๆก็เคยมีอดีตทั้งนั้นกว่าจะก้าวมาอยู่จุดนี้ได้ท่านก็คงเข้าใจใช่ไหมครับ ผมเคยมีปัญหากับภรรยาเก่าที่เกิดอุบัติเหตุแล้วมั่นใจว่าตายไปแล้วแต่ไม่ตายจริงๆ นั่นแหละครับ และอยู่ๆ พวกตำรวจมันก็มาหาเบาะแสเรื่องนี้เข้า ผมก็เลยมาขอความเมตตาจากท่าน”


           โซรอสอดทนฟังจนจบ คนอย่างเขาแค่นี้ก็เข้าใจแล้วว่าเรื่องทั้งหมดคืออะไร พอล อาร์มันโดคงมีส่วนในอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเมียเก่า ไม่อย่างนั้นคงไม่วิ่งหางจุกตูดมาหาเขาเมื่อตำรวจได้กลิ่นเป็นแน่


           “เรื่องสำคัญแบบนี้ พวกเธอคงไม่ได้มาหาฉันโดยไม่มีข้อเสนอแลกเปลี่ยนหรอกใช่ไหม”


          มีหรือที่คนอย่างโซรอสจะให้การช่วยเหลือใครฟรีๆ การก้าวขึ้นมาถึงจุดแทบจะสูงสุดของประเทศในวันนี้ย่อมต้องผ่านการแลกเปลี่ยนมามากมายและเขาย่อมไม่ยอมเสียเปรียบเป็นแน่


         “มีสิคะท่าน” แอมเบอร์รีบเอ่ยทันที “พวกเราไม่ได้มาให้ท่านช่วยฟรีๆ แน่ค่ะ มิเกลไงคะ มิเกลที่ท่านต้องการ พวกเราจะพามิเกลมาให้ท่านได้ชื่นชมโดยท่านไม่ต้องลงมือเองให้เหนื่อยแล้วค่ะ”


            โซรอสยกมือลูบปากเปรียบเทียบข้อเสนอนั้น หลายครั้งที่เขาส่งลูกน้องไปจับตัวมิเกลแต่ไม่เคยสำเร็จ หากให้พอลซึ่งเป็นบิดาจัดการเรื่องนี้น่าจะง่ายกว่า ส่วนเรื่องที่พอลมาขอความช่วยเหลือถือเป็นเรื่องง่ายมากๆ คิดได้ดังนั้นโซรอสจึงกระตุกยิ้ม


            “ฟังดูเข้าทีที่พ่อจะส่งลูกมาให้เป็นของตอบแทนสำหรับการช่วยเหลือ แต่ว่าจะช้าไม่ได้หรอกนะ ที่ตำรวจมาหาพวกเธอได้ก็คงมั่นใจแล้วว่าหลักฐานมันเอาผิดได้ถึงได้มาหยั่งเชิงพวกเธอ เอาเป็นว่าฉันมีเวลาให้เธอไม่เกินสองวัน มิเกลจะต้องมาอยู่กับฉัน หากช้ากว่านั้นฉันก็ไม่รับรองความปลอดภัยแล้ว ออกไปกันได้แล้ว ฉันจะต้องไปประชุม”


           เอ่ยปากไล่อย่างไม่เกรงใจจนพอลกับแอมเบอร์ต้องรีบเผ่นออกจากห้องมาปรึกษากันในรถยนต์ สีหน้าต่างเคร่งเครียดไม่แพ้กัน


           “สองวัน ทำยังไงกันดีถึงจะได้ตัวมิเกลมาได้ล่ะ”


            พอลไม่คิดถึงบาปบุญคุณโทษแล้ว เขาต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน การที่มิเกลต้องไปอยู่กับโซรอสก็ใช่ว่าจะถูกทำร้าย หากเอาอกเอาใจให้ดีโซรอสก็ยิ่งจะมีรางวัลให้ มิเกลเป็นลูกก็ควรจะทำเพื่อพ่อ


            “นั่นสิ ไอ้เลอองมันเฝ้ามิเกลอย่างกับเป็นเงา”


            แอมเบอร์เองก็วิตกกังวลไม่น้อยกว่ากัน ถึงจะไม่ใช่โดยตรงแต่ก็มีส่วนรู้เห็นก็คงจะติดร่างแหไปด้วย ทั้งคู่ช่วยกันขบคิดหาทางออกเพื่อจะได้ตัวมิเกลมาส่งให้โซรอสโดยเร็วที่สุด








          “มิเกลหายเวียนหัวหรือยัง”


          เลอองเอ่ยถามด้วยความห่วงใยเพราะมิเกลลืมตาตื่นไม่ไหว อาการเวียนศีรษะมีมากขึ้นเรื่อยๆ จนเขาได้แต่นอนหลับตาอยู่บนเตียง


           “ดีขึ้นบ้างแล้วเลออง ขอบคุณนะที่เป็นห่วง”


            “ไม่ห่วงได้ยังไง เมียทั้งคน จะไปหาหมอไหม”


             มิเกลยกมือขึ้นโบกเป็นการปฏิเสธก่อนจะหลับตาลงต่อ เลอองลูบแก้มนุ่มก่อนหอมเบาๆ เขาได้แต่นอนเคียงข้างมองร่างโปร่งด้วยความสงสาร พักนี้มิเกลดูอิดโรยโดยที่เขาก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร แต่ที่ผิดสังเกตก็คงจะเป็นกลิ่นกายที่แปลกไปบ้าง จะว่ากลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้าเวลาฮีทก็ไม่ใช่เพราะมันดูนุ่มนวลกว่านั้นและไม่ได้ปลุกกำหนัดเขาขึ้นมาด้วย


              “ถ้าอย่างนั้นก็นอนต่อเถอะ วันนี้ไม่ต้องไปมหาวิทยาลัยแล้วไม่ใช่เหรอ”


             มิเกลสอบผ่านแล้ว รอเพียงผลการเรียนอย่างเป็นทางการเท่านั้นก็จะลงทะเบียนจบการศึกษาได้ เลอองปล่อยให้มิเกลได้นอนพักจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น ร่างสูงลุกจากเตียงไปรับสายให้ห่างจากมิเกลออกไป


            “ครับคุณไอรีน”


              “เลออง ได้เรื่องแล้ว ตอนนี้ตำรวจที่กำลังรื้อคดีของคุณดีแลนมาสอบสวนใหม่เขาพบหลักฐานสำคัญ เขาให้ทางเราไปยืนยันอีกครั้ง แล้วจะออกหมายจับพอลหลังจากนี้ เธอต้องไปที่กองปราบปรามกับฉันตอนนี้เลย”


            ชายหนุ่มหันไปมองมิเกลที่ยังนอนซมอยู่บนเตียง ห่วงคนรักก็ห่วงแต่เรื่องคดีก็สำคัญ วางสายของไอรีนแล้วเลอองจึงเดินไปหามิเกลก่อนจะเอ่ยถามด้วยความกังวล


            “ผมต้องไปธุระกับคุณไอรีน เรื่องสำคัญมาก มิเกลอยู่คนเดียวได้ไหม หรือจะให้ผมโทรตามเคนมาอยู่เป็นเพื่อนดี”


            “ไม่ต้องหรอกเลออง” มิเกลฝืนลืมตามาตอบ “ผมไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก ถ้าเลอองมีธุระก็ไปเถอะ ผมอยู่ได้”


             ยิ้มให้เลอองคลายกังวล หน้าคมก้มลงหอมแก้มคนรักอีกครั้งก่อนที่จะตัดใจก้าวออกจากห้องขับรถไปหาไอรีน ส่วนมิเกลเมื่อได้นอนพักก็เริ่มดีขึ้นในยามสาย เขาลุกขึ้นนั่งพลางยกมือลูบท้องตัวเอง


            “เจ้าตัวเล็ก อย่าทำให้แม่เป็นแบบนี้สิ”


           พอจะมีแรงลุกไปอาบน้ำให้ร่างกายสดชื่นขึ้นมาบ้าง อาการเวียนศีรษะของเขามักจะเป็นในช่วงเช้าของวัน หลังจากนั้นก็จะบรรเทาลง มิเกลตั้งใจจะหาข้อมูลเรื่องการดูแลทารกน้อยในครรภ์มารดาแต่เขาก็ต้องชะงักเมื่อโทรศัพท์ดังขึ้น คิ้วโก่งขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นว่าคนที่โทรหาคือแอมเบอร์


          “มีธุระอะไรกับผมหรือครับ”


          เอ่ยถามด้วยความห่างเหิน ถึงจะอยู่กับแอมเบอร์มาตั้งแต่เด็กมิเกลก็ไม่เคยวางใจเมียของพ่อคนนี้เลย


          “ก็ต้องมีสิยะ ถ้าไม่มีเรื่องด่วนคิดเหรอว่าฉันอย่างจะโทรหาแกน่ะ” แอมเบอร์กระแทกเสียงใส่

          “พ่อของแกเข้าโรงพยาบาล อยู่ๆก็เจ็บหน้าอก คงเพราะเครียดเรื่องแกกับไอ้เด็กเลอองนั่นแหละ”


          “แล้วพ่อเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ”


           มิเกลตกใจ พ่อของเขาก็ดูแข็งแรงดีทำไมถึงเจ็บหน้าอกได้ ถึงอย่างไรพอลก็เป็นบิดาของเขา มิเกลจึงเป็นห่วงพอลมากเมื่อรู้เรื่องจากแอมเบอร์


          “อยู่ที่โรงพยาบาล... เขามาติดต่อลูกค้าแถวนี้ก่อนจะเจ็บหน้าอก หมอก็เลยให้แอดมิทเพราะกลัวเป็นโรคหัวใจ อย่ามัวพูดมากอยู่เลยรีบมาหาพ่อแกก่อนเถอะ แล้วอย่าพาไอ้เลอองมาด้วยนะ ถ้าอาการของพอลหนักกว่าเดิมก็คงเป็นเพราะไอ้หมอนั่นที่พ่อของแกเขาไม่ชอบหน้านั่นแหละ”   


           โรงพยาบาลที่แอมเบอร์เอ่ยถึงอยู่ไกลคนละมุมเมืองกับบ้านหลังนี้ กว่าจะเดินทางไปถึงก็ต้องใช้เวลาพักใหญ่ และถ้าหากพอลกับแอมเบอร์ไม่อยากเห็นหน้าเลอองก็ถือว่าสำเร็จผลเพราะเลอองไปหาไอรีน 


           “ผมไม่มีรถ เลอองขับรถไปธุระข้างนอก คงต้องเรียกแท็กซี่ไป”


           “แหม ดีเลย เอ๊ย ไม่ใช่ ไม่มีรถก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันขับรถไปรับเอง มารอหน้าบ้านก็แล้วกัน”


           มิเกลสะบัดหัวไล่อาการวิงเวียนออกไป เขาคว้ากระเป๋าเป้คู่ใจเดินออกไปหน้าประตูรั้ว รอไม่นานแอมเบอร์ก็ขับรถมาจอดเทียบ เพราะไม่สบายสมองจึงไม่ทันคิดทบทวนว่าทำไมแอมเบอร์ถึงขับรถมารับเขาได้รวดเร็วนักทั้งที่บอกว่าอยู่โรงพยาบาลกับพอล มิเกลก้าวเข้าไปนั่งตอนหน้าคู่กับแอมเบอร์


              “เพราะแกเลย พ่อแกถึงได้เครียดขนาดนี้ หลงผัวจนลืมพ่อ”


             แอมเบอร์ตวาดใส่เหมือนมิเกลยังเป็นเด็กตัวเล็ก มิเกลได้แต่เม้มปากด้วยความอัดอั้นและนิ่งเงียบปล่อยให้แอมเบอร์ขับรถ ขับไปได้สักพักแอมเบอร์จึงหยิบขวดน้ำมาจากช่องประตูข้างคนขับ


           “เอ้า น้ำ จะได้ไม่ต้องนั่งกลืนน้ำลายตัวเอง”


           “ผมไม่...”


             “รับไปเถอะน่า ผู้ใหญ่ให้อะไรก็หัดรับไว้บ้าง ฉันน่ะไม่ได้ใจร้ายกับแกหรอกนะ มีแต่แกที่คิดไปเอง รับไปสิยะแล้วกินซะ ดูสารรูปตัวเองสิ หน้าซีดยิ่งกว่าคนตายอีก”


             มิเกลจำใจรับขวดน้ำมา ยังมีพลาสติกซีลอยู่ที่ฝาปิดพอให้มั่นใจว่าเป็นขวดน้ำใหม่จึงพอวางใจได้บ้าง เขาเปิดขวดน้ำมายกดื่มด้วยความกระหายคอแห้งผากเพราะยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า ดื่มจนผ่านไปเกือบครึ่งขวดจึงเอะใจเมื่อเห็นรอยยิ้มของแอมเบอร์


            “คุณยิ้มทำไม อ๊ะ ผมเป็นอะไร”


            เดิมก็ไม่ค่อยสบายอยู่แล้ว เมื่อดื่มน้ำในขวดที่แอมเบอร์ให้มาสักพักอยู่ๆ ก็รู้สึกง่วงงุน เปลือกตาของเขาหนาหนักจนปิดเข้าหากัน


            “คุณ คุณทำอะไรผม”


            ถามแทบไม่ได้ยินเสียงตัวเองเพราะสติใกล้จะดับวูบ ได้ยินเสียงแอมเบอร์หัวเราะสะใจ


            “น้ำผสมยานอนหลับที่สั่งซื้อมาให้แกโดยเฉพาะนี่มันได้ผลดีจริงๆ ง่วงก็หลับไปเถอะน่าไอ้โอเมก้าหน้าโง่ พอตื่นมาแกก็จะกลายเป็นลูกกตัญญูที่ได้พลีกายช่วยพ่อแกไว้”


            มิเกลกัดฟันด้วยความแค้นกับประโยคสุดท้ายที่ได้ยิน แต่เขาทำอะไรไม่ได้อีกแล้วเมื่อยานอนหลับในน้ำที่ดื่มกำลังออกฤทธิ์และทำให้เขาหมดสติไม่รับรู้อะไรอีกเลย






มีต่ออีกนิด...



หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 21 [25/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 25-11-2019 17:27:33
 :pig4:
:a5:
หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 21 [25/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 25-11-2019 17:32:25
อ่านต่อตรงนี้...




           ตำรวจกองปราบปรามทำงานได้รวดเร็วมากเพราะลาร์รี่ยอมสารภาพความผิดทุกอย่างเมื่อถูกจับตัวมาให้การ และยังมีหลักฐานจากการตรวจสอบสภาพรถในอดีตเก็บไว้ในแฟ้มสำนวนคดี แต่ในตอนนั้นเมื่อพอล อาร์มันโดผู้เป็นสามีไม่ได้ติดใจเรื่องสาเหตุของอุบัติเหตุการสืบคดีต่อจึงสิ้นสุดไป แต่ปัจจุบันต้องรื้อคดีขึ้นมาใหม่ตำรวจจึงนำหลักฐานทั้งหมดมาประกอบกัน


            “เราจะขออำนาจศาลอนุมัติหมายจับทั้งพอล อาร์มันโดและแอมเบอร์ภรรยาของเขาในข้อหาจ้างวานฆ่าและผู้สมรู้ร่วมคิด ศาลมีคำสั่งเมื่อไหร่ตำรวจก็ลงมือได้เมื่อนั้น”


           ไอรีนตบบ่าของเลอองแสดงความยินดี


          “สำเร็จไปอีกขั้นแล้วนะเลออง ดีจริงๆ ที่เธอทวงความยุติธรรมคืนให้แม่ของเธอ เรารอแค่ทั้งสองคนนั้นได้รับกรรมของเขาก็แล้วกัน”


          เมื่อธุระสำคัญเสร็จสิ้นลงในช่วงบ่ายจัด เลอองก็รีบขับรถกลับบ้านด้วยความเป็นห่วงมิเกล แต่เมื่อเข้าไปถึงห้องนอนกลับพบแต่ความว่างเปล่า ไม่มีกระเป๋าเป้คู่ใจด้วย ชายหนุ่มโทรศัพท์ไปหามิเกลก็ไม่รับสายจนกระทั่งสัญญาณตัดไปหลายรอบแล้ว เลอองเริ่มกระวนกระวายจนต้องโทรไปหาเคน


           “ว่าไงเลออง”


           “เคน มิเกลอยู่กับคุณหรือเปล่า”


           “ไม่นี่ มิเกลไม่ได้อยู่กับผม เกิดอะไรขึ้น”


             “มิเกลไม่สบายตั้งแต่เช้า แต่ผมต้องออกไปธุระเพิ่งกลับเข้าบ้านแต่ไม่เจอมิเกล โทรไปก็ไม่รับสาย ไม่รู้หายไปไหน”


             น้ำเสียงบ่งบอกถึงความเป็นห่วงและกังวลจนเคนต้องบอกให้เลอองตั้งสติ


           “ใจเย็นๆ เลออง ลองหาทั่วๆ บ้านดูก่อน ถามคนรับใช้ในบ้าน ขอดูกล้องวงจรปิดหน้าบ้านด้วย เดี๋ยวผมจะรีบไปหาที่บ้านตอนนี้เลย”


             เคนวางสายไปแล้ว เลอองรีบทำตามที่เคนแนะนำ เขาสอบถามสาวใช้ในบ้านจึงรู้ว่ามิเกลเดินไปทางประตูรั้วและหยุดยืนตรงนั้นพักหนึ่ง หลังจากนั้นสาวใช้ก็ไม่รู้เรื่องแล้วเพราะต้องทำงานบ้านต่อ เลอองจึงรีบเปิดภาพจากกล้องวงจรปิด และสิ่งที่เขาเห็นทำให้ชายหนุ่มต้องขบกรามกรอด เมื่อมิเกลขึ้นรถที่จำได้ว่าเป็นของพอลกับแอมเบอร์ใช้ประจำ


               ต้องเกิดอะไรขึ้นสักอย่างมิเกลจึงต้องไปกับผู้หญิงคนนั้น เลอองไม่ไว้ใจ และเขาต้องรีบหาตัวมิเกลให้เจอก่อนจะเกิดเรื่องที่เขาสังหรณ์ใจว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ



                                                 TBC


                                          ช่วยมิเกลด้วยนะเลออง



                          :o :o :o :o :o :o :o :o

หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 21 [25/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 25-11-2019 22:59:33
เลอองรีบไปช่วยมิเกลด่วนๆ เลยนะ. พาตำรวจไปช่วยหาด้วยนะ จะได้จับสองผัวเมียชั่วนั่นไปเลย
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 21 [25/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-11-2019 23:07:03
 :pig4: :pig4: :pig4:

อีผัวเมียผีเน่าโลงผุคู่นี้  ขอให้พวกมันไม่ตายดี  เพี้ยง
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 21 [25/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 26-11-2019 00:13:52
 :hao7:



 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 21 [25/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 26-11-2019 08:58:35
รอๆ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 21 [25/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: goldentime ที่ 26-11-2019 09:45:12
อย่าให้มิเกลไปนะเลออง :katai1:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 21 [25/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 26-11-2019 14:04:08
ยังคงรออุ้มหลานเน่อ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 21 [25/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 27-11-2019 08:43:19
  :angry2: เป็นพ่อที่เลวอ่ะ ขายลูกกิน เห็นแก่ตัวทั้งคู่อ่ะ เหมาะสมกันจริงๆ หญิงชั่ว ชายโฉด วางแผนฆ่าคน โกงกันหน้าด้านๆ
โอ๊ยยย ขอให้น้องมิเกลกับลูกปลอดภัย เลอองไปช่วยทันนะค่ะ  :mew4:
   :L1:   :pig4:   :กอด1:
หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 22 [29/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 29-11-2019 19:53:00



                                                            เจ้าป่า

                                                           บทที่ 22




              เคนมาถึงบ้านของเลอองพร้อมกับไทเลอร์ด้วยสีหน้าเป็นกังวลไม่ต่างจากเจ้าของบ้านนัก เขาเพิ่งนัดพบกับไทเลอร์เป็นครั้งแรกตั้งแต่กลับมาจากป่า อารมณ์สุนทรีเหือดหายตั้งแต่ได้รับโทรศัพท์จากเลอองว่ามิเกลหายตัวไป  ทันทีที่มาถึงเขาก็รีบเอ่ยถามชายหนุ่มที่ยืนหน้าเครียดต้อนรับ


               "ว่าไงเลออง ได้เรื่องไหม"


                เลอองบดกรามจนได้ยินเสียงลั่นออกมา เขากำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ


               "มิเกลขึ้นรถไปกับแอมเบอร์ เท่าที่เห็นท่าทางระหว่างรอหน้าบ้านมิเกลกระวนกระวายมาก แต่ผมว่ามันมีพิรุธเพราะเราก็รู้กันอยู่ว่าทั้งคู่ไม่ถูกกัน"


                เคนพยักหน้าเห็นด้วย เพื่อนสนิทของเขากับแม่เลี้ยงคนนี้ไม่เคยญาติดีกัน เพียงแต่มิเกลไม่ใช่คนช่างหาเรื่อง ส่วนมากจะพยายามหลีกหนีไม่ให้มีเรื่องเสียมากกว่า


               วงสนทนามีผู้เข้าร่วมเพิ่มมากขึ้นซึ่งก็คือไอรีนที่มาพร้อมกับตำรวจนอกเครื่องแบบ เลอองรู้จักอยู่แล้วจากการไปให้ปากคำเรื่องแม่ของเขา ไอรีนเองก็เป็นห่วงมิเกลไม่น้อยกว่ากันหลังจากเลอองโทรศัพท์ไปหา จึงรีบมาที่นี่พร้อมกับนายตำรวจที่ทำคดีของดีแลน


               "เลออง มีเบาะแสของมิเกลไหม"


               เลอองเปิดภาพในจอมอนิเตอร์ของกล้องวงจรปิดหน้าบ้านให้ทุกคนได้ดู เมื่อเห็นแล้วนายตำรวจคนหนึ่งจึงกล่าวออกมา


               "เมื่อวานนี้เราสองคนไปพบกับนายพอล อาร์มันโดเพื่อลองดูท่าทีของเขาเกี่ยวกับเรื่องอุบัติเหตุในอดีต ท่าทางของเขาไม่น่าไว้ใจ พวกคุณคิดว่ามันจะเกี่ยวข้องกับการที่ภรรยาของเขาพาตัวลูกชายหายไปจากบ้านไหม"


               "มีส่วนทีเดียวนะครับ" ไทเลอร์กล่าวขึ้นด้วยความสุขุมท่ามกลางความใจร้อนของทุกคน "การที่มีตำรวจไปขุดเรื่องอดีตที่เขาอาจจะเป็นคนบงการ คงทำให้เขากลัวว่าความผิดจะถูกเปิดเผยจึงจำเป็นต้องหาทางเอาตัวรอด และคนที่จะช่วยเขาได้ต้องมีอิทธิพลพอตัว"


                "ใช่แล้ว!" เคนอุทานเสียงดัง "ก่อนหน้านี้ไม่นาน พ่อของมิเกลพยายามยัดเยียดลูกตัวเองให้ไอ้รัฐมนตรีโซรอส แมคเคนเพื่อแลกกับความก้าวหน้าของธุรกิจ ไอ้แก่บ้ากามถึงกับส่งคนของแบล็คฮันเตอร์มาจับตัวมิเกลที่หมู่บ้านชายป่าแต่ไม่สำเร็จ คราวนี้พ่อของมิเกลคงจะฉวยโอกาสเอาตัวมันไปประเคนให้เพื่อจะได้รับการช่วยเหลือแน่ๆ"


                "นี่น้องชาย ที่พูดออกมาน่ะมั่นใจหรือเปล่า เขาเป็นถึงรัฐมนตรีกระทรวงหลักเชียวนา"


                 นายตำรวจคนหนึ่งเอ่ยถามสีหน้าคลางแคลง ไทเลอร์รีบช่วยยืนยันข้อมูล


                 "เรื่องแบล็คฮันเตอร์เป็นเรื่องจริงครับ พวกมันตามมิเกลไปถึงหมู่บ้านที่ผมมีธุรกิจรีสอร์ทอยู่"


                "ใช่ครับ ไม่กี่วันมานี้พวกมันยังมาตามจับมิเกลที่เมโทรโปลิสนี่แหละ ผมยังถูกมันใช้ปืนยิงเข้าที่ไหล่"


                เลอองยืนยันอีกเสียงนายตำรวจทั้งคู่จึงหันไปมองหน้ากันด้วยความยุ่งยากใจเพราะรู้ว่านี่คืองานใหญ่กว่าที่คิด


               "เอางี้นะ พวกพี่ๆ ตำรวจแค่ตามรอยรถยนต์คันนี้ไปก็พอครับ ว่ายัยแอมเบอร์ขับรถไปทางไหนบ้าง ยังไม่ต้องกังวลเรื่องตาแก่โซรอสหรอก"


                เคนรีบพูดขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของนายตำรวจทั้งสอง เขาเข้าใจว่าอิทธิพลของโซรอสอาจทำให้เรื่องทั้งหมดกลายเป็นงานยาก


                "ตกลง พวกผมขอเทปบันทึกภาพนี้ไป แล้วเดี๋ยวจะไปตามดูกล้องบนถนนที่จับภาพรถคันนี้ได้"


               "ถ้าอย่างนั้นฉันจะตามไปประสานงานเรื่องนี้เอง เธอจะไปกับฉันไหมเลออง"


               ไอรีนอาสาติดตาม เลอองส่ายหน้า

 
               "ผมฝากด้วยก็แล้วกันครับคุณไอรีน เดี๋ยวผมจะตามหามิเกลทางอื่น"


               "ถ้าอย่างนั้นก็ระวังตัวให้มาก มีอะไรรีบโทรหาฉันนะมิเกล"


                ชายหนุ่มพยักหน้ารับ ไอรีนจึงรีบตามนายตำรวจทั้งสองไป เคนจึงหันมาหาเลอองพร้อมกับกล่าวเสียงเครียด


                "มิเกลถูกจับตัวไปให้ไอ้โซรอสแน่ๆ พ่อของมันน่ะคงหวังจะเอาลูกไปแลกกับความช่วยเหลือเพราะรู้ว่าตำรวจใกล้จะได้กลิ่นเรื่องในอดีตแล้ว เรื่องนี้ใหญ่เกินกว่าพวกเราจะรับมือได้แต่ไม่เป็นไร ผมไปขอความช่วยเหลือจากลุงของผมไว้ก่อนหน้านี้แล้วที่จะจัดการกับโซรอส ตอนนี้ห่วงแต่ตามไปช่วยมิเกลให้ทันเวลาเถอะ คนกำลังท้องอยู่ด้วย อุ๊บส์"


               เคนสะดุ้งสุดตัวเมื่อเผลอพูดในสิ่งที่เพื่อนต้องการปิดบังอยู่ แต่ไม่ทันแล้ว ดวงตาของเลอองลุกวาบขึ้นมาทันที มือใหญ่กระชากไหล่ของเคนไว้


                "เคน พูดอะไรออกมา ใครท้อง มิเกลหรือ มิเกลกำลังจะมีลูกกับผมงั้นหรือ"


               ถึงว่าช่วงนี้ร่างกายของมิเกลจึงอ่อนแอ แถมยังมีฟีโรโมนประหลาดที่เลอองได้กลิ่นแต่ไม่รู้ว่าคืออะไร เมื่อเคนหลุดปากพูดออกมาเขาจึงมั่นใจ


               "เอ่อ ใช่ มิเกลท้องกับนายนั่นแหละ แต่มิเกลยังไม่อยากให้นายรู้เพราะเห็นว่าช่วงนี้นายมีเรื่องต้องจัดการหลายเรื่อง"


               หัวใจของเลอองเต้นรัวแรงเพราะความตื่นเต้นเมื่อรู้ว่ากำลังจะมาเลือดเนื้อเชื้อไขเกิดขึ้นในร่างกายของมิเกล และยิ่งรู้ดังนั้นความเป็นห่วงก็ยิ่งทบทวีจนว้าวุ่นใจไปหมด


               "มิเกล โธ่ ทำไมถึงไม่บอกผม"


              "ใจเย็นก่อนเถอะเลออง แต่ว่าตอนนี้ผมต้องไปหาคุณลุงก่อนเรื่องที่จะให้เขาช่วยเรื่องไอ้บ้ากามโซรอส"


              "คุณรีบไปเถอะเคน ผมเองก็จะรีบตามหามิเกลด้วยวิธีของผม"


               เคนพยักหน้า เขายกมือตบบ่าชายหนุ่มรุ่นน้องก่อนจะหันไปหาไทเลอร์


               "ไปเถอะคุณ อย่าให้ช้าไปกว่านี้เลย"


               ไทเลอร์หันไปสบตากับเลอองแทนคำอำลา เขารีบก้าวเดินไปพร้อมกับเคนทั้งที่ยังไม่รู้ว่าต้องไปไหน เมื่อเคนกับไทเลอร์ขับรถออกจากบ้านไปแล้วเลอองจึงวิ่งออกไปนอกตัวบ้าน เมื่อไม่เห็นว่ามีใครมองเห็นเพราะความมืดเริ่มปกคลุมในเวลาย่ำค่ำเขาก็กางมือออก เล็บคมผุดขึ้นขณะที่ชายหนุ่มกระโดดปีนไปตามตัวบ้านขึ้นไปยืนอยู่บนหลังคาสูงในเวลาไม่กี่วินาทีและทอดสายตามองออกไปยังแสงไฟระยิบระยับแข่งกับดวงดาวบนท้องฟ้าที่ปรากฏกายออกมา


               สายลมพร้อมกับกลิ่นควันรถที่ไม่คุ้นเคยลอยปะทะ ชายหนุ่มดึงผ้าโพกผมออกปล่อยให้ใบหูทรงแหลมโผล่พ้น เสียงยานยนต์จอแจดังแว่วทั่วสารทิศ หางยาวลอดผ่านขอบกางเกงออกมากวัดแกว่งก่อนชูสูงราวกับกำลังสำแดงอำนาจ ใบหน้าคมเข้มเงยสูงขณะที่เขาคำรามออกมากึกก้อง


               "ข้าคือเลออง บุตรแห่งเจ้าป่าผู้ซึ่งปกปักรักษาถิ่นเกิดของพวกเจ้าให้ดำรงอยู่ ถิ่นที่เก่าก่อนพวกเจ้าเคยเป็นผู้ล่า เคยแข็งแกร่งสง่างาม ก่อนที่มันจะถูกทำลายลงเพียงเพราะฝีมือมนุษย์ ข้าซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างความเจริญและความงดงามของธรรมชาติขอสัญญาว่าจะดูแลทั้งสองให้หล่อหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว แต่บัดนี้ ข้ามีเรื่องให้พวกเจ้าช่วยเหลือ จงช่วยเพื่อให้ข้าได้ปกป้องมนุษย์ที่ข้ารักและทายาทของข้าจะได้หรือไม่"


            คล้ายสายลมจะหยุดพัดโบก ก่อนที่มันจะพัดผ่านอีกครั้งเพื่อนำเสียงคำรามตอบรับที่มนุษย์ไม่มีวันเข้าใจได้ ยกเว้นร่างสูงสง่าที่ยืนเด่นเหนือสายตาผู้ใด เสียงเหล่านั้นดังก้องทั่วสารทิศและทำให้เลอองยิ้มออกมาได้ เขาแหงนหน้าส่งเสียงคำรามอันน่าเกรงขามอีกครั้ง จากนั้นร่างสูงจึงกระโจนหายไปในความมืดบนความสูงที่ไม่มีมนุษย์คนไหนคาดคิด





มีต่ออีกนิด....





หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 22 [29/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 29-11-2019 19:58:38


อ่านต่อตรงนี้....



             ไทเลอร์นั่งเงียบมาตลอดทางที่เคนกำลังขับรถอย่างรวดเร็วจนกระทั่งเริ่มเข้าสู่เขตชานเมืองเขาจึงค่อยเอ่ยถาม


            "เรากำลังจะไปไหน"


             "ไปหาลุงของผม เขาเป็นคนเดียวเท่านั้นแหละที่จะหยุดโซรอสได้"


              "ลุงของคุณคือใคร"


               ยังไม่ทันที่เคนจะตอบคำถามเขาก็หักพวงมาลัยรถจอดหน้าประตูรั้วใหญ่โตที่มีกำแพงสูงหนากว้างประกบข้าง ข้างประตูรั้วยังมีป้อมเล็กสำหรับพนักงานรักษาความปลอดภัยเฝ้าอยู่


               "หยุดนะ นั่นใคร เปิดกระจกลงมา อ้าว คุณหนูเคนนั่นเองครับ ไม่ได้มาบ้านนี้ตั้งนาน"


              เคนยิ้มแห้งเมื่อเห็นสายตาของไทเลอร์


              "ผมไม่ได้อยากเป็นคุณหนูสักหน่อย เขาก็เรียกไปงั้นแหละ นี่ เปิดประตูเร็ว ผมนัดกับคุณลุงไว้"


              ประตูรั้วอลังการค่อยๆ เปิดด้วยระบบอัตโนมัติ เคนรีบเหยียบคันเร่งรถเข้าไปจอดเทียบบันไดหน้าบ้านหลังใหญ่ราวกับราชวังทันที ไทเลอร์มองไปด้านบนที่มีตัวอักษรอยู่ เขาเดาว่าคงเป็นนามสกุลเจ้าของบ้าน และเมื่อเห็นดังนั้นเขาถึงกับขมวดคิ้ว


                "คลาเดน อย่าบอกนะว่าบ้านหลังนี้คือบ้านของบิลลี่ คลาเดน นักธุรกิจที่ร่ำรวยเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ"


              "อือ ใช่" เคนยักไหล่อย่างไม่นึกว่าเป็นเรื่องสลักสำคัญอะไรนัก "บิลลี่ คลาเดน เป็นลุงของผม เขาเป็นพี่ชายของแม่ผมเอง ผมเป็นหลานรักเพราะอายุน้อยที่สุดในญาติรุ่นเดียวกับผม"


              ไทเลอร์นิ่งเงียบอย่างคาดไม่ถึง ก็พอจะเดาได้ว่าครอบครัวของเคนมีฐานะร่ำรวยเพราะบิดาของเคนมาซื้อภาพราคาแพงที่แกลลอรี่ของเขาบ่อยๆ แต่ไม่นึกว่าจะรวยถึงระดับผู้มีอิทธิพลในฐานเศรษฐกิจระดับโลกเลยก็ว่าได้


              "นี่ ไม่ต้องมองผมแบบนี้เลยนะ ลุงผมรวย พ่อกับแม่ผมก็รวย แต่ผมน่ะคนธรรมดานั่นแหละ"


              เคนใช้ชีวิตเฉกเช่นนักศึกษาคนอื่น เช่าอพาร์ตเมนต์ระดับกลาง รถยนต์ก็ไม่ใช่ยี่ห้อซุปเปอร์คาร์ แถมยังทำตัวกินง่ายอยู่ง่ายจนไทเลอร์ยังดูไม่ออกว่าเขาเป็นถึงทายาทของตระกูลดังขนาดนี้


              "แล้วลุงของคุณเขาจะจัดการกับโซรอสได้ยังไง"


              "พรรคการเมืองน่ะคุณ มันต้องอาศัยเงินอุดหนุนจากนักธุรกิจเป็นท่อน้ำเลี้ยงทั้งนั้นแหละ วงการพวกนี้มันเทาเข้มจนเกือบดำแล้วผมถึงไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วยไงถึงหนีไปเรียนผสมพันธุ์ดอกไม้ต้นไม้ แต่ตอนนี้เราจำเป็นต้องอาศัยความมืดมัวของมันเพื่่อช่วยเพื่อนผม และช่วยคนอื่นที่อาจจะถูกความเลวร้ายของโซรอสเล่นงานในอนาคต ไปเถอะ ลุงของผมรออยู่"


              เคนดึงแขนไทเลอร์ให้เดินขึ้นบันไดไปยังคฤหาสถ์หรูหรา ด้านในยังมีสาวใช้มากมายโค้งคำนับต้อนรับเคนกว่าจะถึงหน้าประตูห้องทำงานที่เคนยกมือเคาะรัวเร็ว


             "ลุง ลุ้งงง หลานรักมาแล้ว ผมเข้าไปนะ"


             เคนเปิดประตูเข้าไปภายในห้องกว้างด้านในที่เฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นราคามหาศาล ไทเลอร์มองเห็นชายสูงวัยที่เขาคุ้นหน้าจากข่าวทางสังคมและเศรษฐกิจ แต่วันนี้บิลลี่ คลาเดนไม่ได้มีสีหน้าเคร่งเครียดเหมือนในภาพข่าวหากแต่ยิ้มแย้มแจ่มใสยามกอดตอบเคน


               "ฮ่าๆ ไอ้หลานตัวแสบ ไม่ได้เจอกันนาน คิดถึงว่ะ เรียนจบแล้วใช่ไหมลุงจะได้เตรียมรางวัลไว้รอ"


               "ลุง อย่าเพิ่งพูดถึงรางวัล" เคนยกมือขึ้นโบก "วันนี้ซีเรียส เพื่อนผมถูกหิ้วไปแล้ว ลุงจำมิเกลเพื่อนสนิทของผมได้ใช่ไหมล่ะ"


               เคนดึงแขนให้ไทเลอร์นั่งลงบนโซฟาหนังแสนนุ่ม วันนี้ไทเลอร์ถึงได้รู้ว่าเขากับเคนต่างกันแค่ไหน เขานิ่งฟังลุงกับหลานคุยกันอย่างสงบ


               "เรื่องก็อย่างที่เล่าให้ฟังนี่แหละลุง มันเกินไปแล้วนะ ผมไม่ยอมด้วยลุงต้องช่วยเพื่อนผม ไอ้รัฐมนตรีคนนี้มันไม่ใช่แค่เลวธรรมดานะลุง แต่มันเลวมากๆ คนอย่างนี้เหรอที่พรรควางตัวให้เป็นหัวหน้าคนต่อไป"


               บิลลี่ คลาเดนเริ่มมีสีหน้าจริงจังขึ้น หลานชายสุดรักเคยเล่าเรื่องที่โซรอสอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์กรลับแบล็คฮันเตอร์ให้ฟังแล้วเมื่อไม่กี่วันก่อนเขาจึงส่งคนไปสืบเรื่องนี้ และผลที่ได้ก็จริงอย่างที่เคนสงสัย โซรอสเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งแบล็คฮันเตอร์แถมยังเป็นหุ้นส่วนใหญ่อีกด้วย


              "ก็จริงอย่างที่หลานบอกมา นักการเมืองแต่ละคนก็ไม่ใช่ว่าสะอาดนักหรอก แต่ไอ้เรื่องแบล็คฮันเตอร์นี่มันก็เกินไป ถ้าโซรอสได้เป็นหัวหน้าพรรค การเลือกตั้งคราวหน้าเขาอาจได้เป็นถึงประธานาธิบดี หากใครรู้ว่าคนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเป็นเจ้าขององค์กรลับเข้าล่ะก็ คนที่เกี่ยวข้องด้วยมีหวังซวยกันหมด"


               "ลุงสุดที่รักเป็นคนดีที่สุด ลุงอย่าให้คนเลวแบบนี้ได้ครองประเทศนะลุง เห็นใจประชาชนตาดำๆ อย่างหลานเถอะ"


               บิลลี่ คลาเดนหัวเราะเบาๆ เมื่อหลานคนเล็กกอดเอวเอาใจ เขาคว้าโทรศัพท์มาต่อสายไปถึงคนที่มีอำนาจสูงกว่าโซรอส แมคเคน


                "ไฮ วัตสัน ผมเองบิลลี่"


                ไทเลอร์ที่นั่งฟังอยู่ถึงกับหูผึ่งเมื่อรู้ว่าบิลลี่กำลังพูดสายอยู่กับประธานาธิบดีคนปัจจุบัน


               "บังเอิญว่าผมไปรู้เรื่องไม่ดีของลูกน้องคุณ โซรอส แมคเคนไงล่ะ คนที่คุณวางตัวให้เขาสืบทอดอำนาจต่อจากคุณ มันเลวร้ายเกินกว่าจะรับได้ รายละเอียดผมจะให้ลูกน้องส่งให้คุณอย่างด่วนจี๋เลย แต่ผมบอกเลยว่าคุณต้องรีบกำจัดคนคนนี้ซะก่อนที่ความเลวร้ายนั่นจะส่งผลถึงคะแนนเสียงของคุณและพรรคของคุณ และถ้าเขายังอยู่ผมก็จะงดเว้นการช่วยเหลือทางด้านการเงินให้กับพรรคของคุณแน่นอน"


               น้ำเสียงของบิลลี่ คลาเดนฟังดูนิ่งเรียบแต่ก็แฝงไปด้วยความมีอำนาจเหนือกว่า ไทเลอร์ไม่รู้ว่าปลายทางจะมีปฏิกิริยาอย่างไรแต่ไม่นานนักบิลลี่จึงกดวางสาย


               "เรียบร้อยแล้วไอ้ตัวแสบ"


              "ลุงสุดที่รัก ยังไม่หมด เพื่อนผมยังไม่ปลอดภัย"


               เคนท้วงขึ้น ชายสูงวัยส่ายหน้าอย่างอิดหนาระอาใจ


              "โอ๊ย ไอ้หลานคนนี้ นานๆมาหาทียังหาเรื่องมาใช้งานลุงอีก อ้าว แล้วไอ้หนุ่มนี่เป็นใคร ไว้ใจได้หรือเปล่า"


              วินาทีนั้นเองที่ไทเลอร์เพิ่งจะอยู่ในสายตาของบิลลี่ คราเดน เคนยิ้มกว้างขณะหันมาแนะนำเขากับผู้เป็นลุง


              "ไว้ใจได้สิลุง เขาชื่อไทเลอร์ ฮิวจ์ ผมไปอาศัยเขาอยู่ที่หมู่บ้านชายป่า เขาเป็นคนดีมากๆ เลยล่ะ"


               บิลลี่พยักหน้าเออออก่อนจะกดกริ่งเรียกลูกน้อง ไม่ถึงนาทีประตูห้องก็ถูกเปิดออก บิลลี่ออกคำสั่งทันที


               "ส่งคนไปตามดูหน่อย ว่าตอนนี้โซรอสมันจับเพื่อนเจ้าเคนไปไว้ไหน ถ้าเจอก็ช่วยกลับมาด้วย"


               "โย่วลุงคร้าบ ขอบคุณคร้าบ รักลุงที่สุดเลย"


               ไทเลอร์ ฮิวจ์ได้แต่นิ่งมองลุงกับหลานหยอกล้อกัน แต่ในหัวใจเขารู้สึกได้ว่าตนเองกับเคนนั้นช่างห่างไกลกันเหลือเกิน








                     แพเปลือกตาหนากะพริบถี่ก่อนจะค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างมึนงง หน้าหวานสะบัดไล่เรียกสติเพื่อจะมองเห็นว่าตอนนี้ตนเองนั้นนอนตัวงออยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง มือทั้งสองถูกมัดไพล่หลังติดกันอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นตา มองเห็นบิดายืนสูบบุหรี่เข้าปอดอยู่ที่หน้าต่างไม่ได้มีท่าทีเจ็บป่วยอย่างที่กล่าวอ้าง ส่วนแม่เลี้ยงของเขานั้นเดินไปเดินมาอย่างกระวนกระวายใจ


               ที่นี่ที่ไหน?


              มิเกลเกือบจะส่งเสียงร้องออกไปแล้วเมื่อประตูเปิดออกโดยโซรอส แมคเคน!




                                                        TBC



                                                 มิเกลจะรอดม้ายยย





                                            :o :o :o :o :o :o :o :o









หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 22 [29/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 29-11-2019 20:50:38
โอ้....คุณเคนไม่ธรรมดาจริงๆ

เลอองน่าจะรู้แล้วว่ามิเกลอยู่ไหนใช่ป่ะ.  :hao4:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 22 [29/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-11-2019 21:10:20
 :pig4: :pig4: :pig4:

รอดแน่นอน  ไหนจะสมุนเจ้าป่าที่แห่มาช่วย  ไหนจะคนของลุงนู๋เคน  อิอิ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 22 [29/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 29-11-2019 21:18:03
แอ๊ ลุ้นๆๆ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 22 [29/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 29-11-2019 21:39:07
 :hao7:
 


  :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 22 [29/11/62]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 30-11-2019 09:08:05
เคนไม่ธรรมดา
หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 23 [05/12/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 05-12-2019 00:19:01



                                                                 เจ้าป่า

                                                                บทที่ 23




                 ร่างสูงของชายที่วัยล่วงเข้าห้าสิบปีเศษยืนค้ำหัวก้มหน้าจ้องมองลงมา แววตานั้นเต็มไปด้วยการหยามเหยียดและกระหายอย่างไม่ปิดบัง มิเกลรังเกียจจนขนลุกเกรียวไปทั่วทั้งตัวเมื่อชัดเจนในจุดประสงค์ที่เขาถูกแม่เลี้ยงหลอกมาในวันนี้ ดวงตาหวานเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาเมื่อเห็นบิดาก้าวมายืนนอบน้อมอยู่เบื้องหลังผู้มีอำนาจ


                 “ผมพามิเกลมาให้ท่านแล้วนะครับ ท่านจะได้ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยลงมือเอง”


                 “หวังว่าท่านคงพอใจนะคะ และก็ เอ่อ.. การช่วยเหลือที่พวกเราขอไว้...”


                 สุ้มเสียงประจบประแจงหยุดลงเมื่อโซรอส แมคเคนยกมือขึ้นห้าม เขาปรายตามองสองสามีภรรยาด้วยความรำคาญ


                 “ฉันรู้แล้ว อย่าพูดให้มากนัก ตำรวจก็ยังไม่ได้มาจับตอนนี้ไม่ใช่เหรออย่าเพิ่งเดือดร้อนอะไรให้มากเลยกับแค่คดีพยายามฆ่าเมียเก่า มันก็ไม่ได้ตายจริงๆ เสียหน่อยถึงได้มีลูกมาเป็นเสี้ยนหนาม ถ้าตำรวจมาจับจริงก็ค่อยโทรมาหาเลขาของฉันก็แล้วกัน ส่วนตอนนี้พวกเธอจะไปไหนก็ไป”


                  คนมีอำนาจเหนือกว่าสะบัดหน้าเดินหนีออกไปจากห้อง ทิ้งให้พอล อาร์มันโดและแอมเบอร์เผชิญกับสายตาตัดพ้อของมิเกลที่ยังถูกพันธนาการในท่าเดิม


                  “พ่อ พ่อจะทำอย่างนี้ไม่ได้ ผมเป็นลูกพ่อนะ พ่อไม่รักผมสักนิดเลยเหรอ”


                 “พ่อรักแกนะมิเกล” พอลวางมือบนศีรษะของมิเกล เป็นครั้งแรกที่มิเกลมองเห็นแววตาละอายแก่ใจจากสายตาของพ่อ “แต่แกก็ต้องเข้าใจพ่อนะ เมื่อก่อนเราไม่มีจะกินฐานะยากจน พ่อต้องพยายามแค่ไหนกว่าจะมีวันนี้ได้ พ่อจะเสียมันไปไม่ได้”


                  “พ่อยอมทำทุกอย่างเพื่อเงิน แม้กระทั่งวางแผนฆ่าคุณดีแลนที่รักพ่อมากอย่างนั้นเหรอ ทั้งที่จริงคุณดีแลนก็มีเงินให้พ่อใช้เหลือเฟือ”


                 “แกจะไปรู้อะไร” พอลตวาดเสียงดังลั่น “ฉันสิที่โดนพ่อกับแม่ของมันดูถูกเหยียดหยามหาว่าทำงานไม่ได้เรื่อง แถมยังจะไล่ออกไปหางานใหม่ แกกับฉันจะได้ไปนอนข้างถนนกันแน่ สมน้ำหน้าที่มันสองคนตกเครื่องบินตายซะได้ และลูกชายโอเมก้าหน้าโง่นั่นเสือกหลงรักฉัน ฉันจะทำให้ไอ้เศรษฐีแก่ที่ตายไปได้ร้องไห้ยังไงล่ะ ว่าคนหน้าโง่ในสายตามันก็เก่งพอจะสูบเอาเงินลูกชายของมันมาได้จนหมดตัว แกควรจะดีใจที่ฉันยังเลี้ยงแกมาจนโตได้ขนาดนี้ไม่ได้ทิ้งแกไปอย่างแม่ของแกเสียก่อน”


                 “พอล พอได้แล้ว จะพูดอะไรนักหนา รีบไปกันดีกว่าน่า”


                แอมเบอร์ฉุดแขนของพอลไว้ หล่อนหันมาแสยะยิ้มราวกับแม่มดให้ลูกเลี้ยงที่ไม่ได้นึกพิศวาสสักนิด


                “อ้อ ยังไงก็ขอบใจนะยะมิเกล ถ้าไม่ได้ตัวแกมาให้ท่าน พ่อของแกคงลำบากน่าดู ถือซะว่าทดแทนบุญคุณที่พ่อเขาเลี้ยงแกมาก็แล้วกัน”


                  พูดจบแอมเบอร์ก็รีบดึงแขนของพอลให้ออกไปจากห้อง มิเกลน้ำตาไหลเมื่อบิดากับแม่เลี้ยงพ้นจากประตู เขาก่นด่าตนเองอยู่ในใจที่เชื่อว่าพ่อจะรักเขาบ้างและเป็นห่วงว่าพอลจะเจ็บป่วยจริงๆ จึงได้ยอมติดตามแอมเบอร์มา แต่มันกลับเป็นอุบายนำพาเขามาสู่ความเดือดร้อน และที่สำคัญเขารู้ว่าเลอองจะต้องตามหาด้วยความร้อนใจเป็นแน่


                 “โธ่ เลออง โธ่ ลูก”


                 ไหนจะยังทารกในครรภ์ที่ยังอ่อนแอนัก มิเกลกลั้นน้ำตาและตั้งใจว่าจะปกป้องลูกของเขากับเลอองไว้ให้ได้ ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือกเมื่อประตูถูกผลักเข้ามาอีกครั้งโดยผู้ชายร่างป้อมที่มิเกลคุ้นตา


                “เฮอะ อีโอเมก้าสวะ” ทอมนั่นเองที่ก้าวเข้ามา เขากระชากเส้นผมของมิเกลจนหน้าหงาย “ในที่สุดแกก็โดนจับมาจนได้ ดี กูจะได้ไม่เหนื่อย ผัวสัตว์ประหลาดของมึงเล่นงานกูซะเจ็บไปหลายวัน แถมยังเสียลูกน้องฝีมือดีไปหลายคน รับรองคราวนี้ต่อให้ผัวมึงเก่งแค่ไหนก็มาที่นี่ไม่ได้หรอก”


                “ไอ้เลว พวกมึงมันเลวที่สุด ทำคนไม่มีทางสู้ ไอ้หน้าตัวเมีย”


                 มิเกลไม่เคยพูดจาครั้งไหนรุนแรงอย่างนี้ เขาถุยน้ำลายใส่ทอมจนอีกฝ่ายเงื้อมือขึ้นหมายจะตบสั่งสอน แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าโซรอสอาจจะไม่พอใจที่เหยื่อรายใหม่ได้รับบาดเจ็บเขาจึงต้องคุมอารมณ์ไว้ก่อน


                 “ถ้าไม่ติดว่าเจ้านายกูเขาอยากจัดการกับมึงมากมึงโดนกูตบไปแล้ว มานี่ ลุกขึ้นมา”


                 ทอมกระชากคอเสื้อของมิเกลจากเก้าอี้จนแทบจะปลิวติดมือให้เดินตามไปด้านนอก มิเกลเหลียวซ้ายแลขวาด้วยความหวาดหวั่น เขาอยู่ในบ้านหลังใหญ่ที่เต็มไปด้วยนักเลงหน้าตาน่ากลัวควบคุมทางเข้าออก โถงตรงกลางไม่ได้มีเฟอร์นิเจอร์มากนัก ที่เด่นชัดคือจอมอนิเตอร์หลายจอที่ฉายให้เห็นภาพห้องเล็กๆ ซึ่งแต่ละห้องมีมนุษย์โอเมก้าถูกกักขังอยู่


                 ร่างโปร่งถูกผลักเข้าไปในห้องว่างห้องหนึ่งที่มีเพียงเตียงนอนเท่านั้น ทอมเหวี่ยงมิเกลไปบนเตียงพลางคว้าข้อเท้าของมิเกลไว้แล้วจัดแจงใส่กำไลติดตามตัว เสื้อผ้าของมิเกลถูกผู้ชายสูงวัยคนหนึ่งที่เดินตามทอมเข้ามากระชากทิ้งจนเหลือแต่กายเปล่าเปลือยต้องใช้มือเรียวปิดบังจุดสงวนไว้


               “แม่เจ้าโว้ย มันสวยอย่างนี้ไงเล่าท่านถึงอยากได้มันนัก”


               พ่อบ้านสูงวัยกับทอมหันมาแสยะยิ้มใส่กัน วันไหนที่เจ้านายเบื่อแล้วพวกเขาจะได้ขอลิ้มลองเรือนร่างนี้บ้างเหมือนโอเมก้าคนอื่นๆ ก่อนหน้านี้ พ่อบ้านสายตาหื่นบังคับให้มิเกลสวมใส่เสื้อคลุมเนื้อบางสีขาวที่แทบจะมองเห็นทะลุไปทุกสัดส่วนเหมือนกับที่โอเมก้าที่ถูกขังไว้ใส่แบบนี้เช่นกัน


                “เดี๋ยวไปบอกท่านก่อนว่าอีนี่มันพร้อมให้ท่านจัดการแล้ว”


                 พ่อบ้านเดินออกไปแล้ว ทอมแค่นยิ้มใช้มือบีบคางมิเกลไว้


                 “เอาใจท่านให้ดีก็แล้วกัน เผื่อท่านจะหลงมึงแล้วไม่เจ็บตัวจนตายห่าไปซะก่อน”


                  มิเกลนอนตัวสั่น มือทั้งสองยังถูกพันธนาการจนหมดสิ้งหนทางหลีกหนี แค่อึดใจประตูก็ถูกผลักเข้ามาอีกครั้งโดยปีศาจในคราบมนุษย์ผู้เต็มไปด้วยอำนาจ


                 โซรอสก้าวเข้ามา เขามองร่างกายที่มีเพียงผ้าขาวบางเบาบดบังอยู่ กระนั้นก็ยังมองเห็นผิวพรรณขาวเนียนไปทั่วตัว ใบหน้าแม้จะเกรอะกรังไปด้วยคราบน้ำตาก็ยังงดงามกว่าโอเมก้าคนอื่นที่เขามีในครอบครอง โซรอสทรุดตัวลงนั่งบนเตียงแล้วกระชากมิเกลมาอยู่บนตัก มือหยาบลูบไล้ด้วยความหื่นกระหาย


                  “เอ่อ ท่านครับ”


                   มาถึงตอนนี้แล้วมิเกลจำเป็นต้องหาทนทางยืดเวลาออกไปให้นานที่สุด เขารู้ว่าเลอองต้องหาทางช่วยเขาอยู่แน่ๆ ระหว่างนี้มิเกลต้องช่วยเหลือตนเองให้ปลอดภัยและการใช้ไม้แข็งต่อสู้ไม่เหมาะในสถานการณ์เช่นนี้ ดังนั้นเขาจำต้องกลืนความเกลียดชังแล้วฝืนยิ้มออกมา


                 “ท่านแก้มัดให้ผมก่อนเถิดครับ ผมหนีไปไหนไม่พ้นแล้ว”


                 “นั่นสินะ เธอจะหนีฉันไปไหนได้อีกมิเกล”


                  โซรอสหัวเราะ เขาแก้มัดเชือกที่ข้อมือทั้งสองของมิเกลให้เป็นอิสระ หน้าหวานยิ้มแค่เล็กน้อยก็ราวกับกำลังยั่วยวนจนโซรอสหัวปั่น


                 “ผมไม่หนีหรอกครับ หนีไปท่านก็คงตามผมได้อยู่ดี ผมขอตอบแทนท่านที่ช่วยเหลือพ่อไว้ดีกว่า”


                 “ฮ่า ๆๆ ดี ดีมาก ฉลาดกว่าที่คิด อยู่กับฉันถ้าฉันถูกใจรับรองเธอจะได้รางวัลอย่างงาม”


                 มือหยาบบีบขยำบั้นท้ายของมิเกลจนต้องนิ่วหน้า มิเกลวางมือลงบนหน้าอกของโซรอสพลางเจรจาเสียงหวาน


                “ขอบพระคุณครับท่าน แต่ว่าตอนนี้ผมยังไม่ฮีทเลย หากท่านจะหาความสุขจากร่างกายของผมก็เกรงว่าจะได้ไม่เต็มที่ ท่านครับ อย่าเพิ่งมองผมแบบนี้ ผมนับวันดูแล้วอีกวันสองวันผมก็จะฮีท ท่านจะได้มีความสุขอย่างถึงที่สุดเชียวครับ ระหว่างนี้ให้ผมช่วยท่านได้ปลดปล่อยจนสบายตัวนะครับ”


                 มือเรียวผลักให้ชายสูงวัยหงายหลังนอนแผ่อยู่บนเตียง มิเกลดึงเสื้อคลุมของโซรอสออก ชายหนุ่มจำต้องโยนความรังเกียจทิ้งแล้วขยับตัวไปนั่งระหว่างขา มิเกลก้มหน้าลงใช้ปากจัดการกับความเป็นชายของโซรอส เปลืองตัวแค่นี้ยังดีกว่าสูญเสียความภาคภูมิใจไปทั้งหมด


                  น้ำตาหยดลงแก้มด้วยความอดสู มิเกลเช็ดมันออกและฝืนยิ้มเพื่อให้โซรอสตายใจ อย่างน้อยก็พอซื้อเวลารอให้นานที่สุดเพื่อให้เลอองมาช่วยเขาให้ได้











               ท่ามกลางความมืดที่ช่วยบดบังได้เป็นอย่างดี ร่างสูงของเลออง ไพรส์ลีย์ซุ่มอยู่หลังพุ่มไม้ไม่ไกลจากรั้วสูงโอบล้อมบ้านหลังใหญ๋ที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยว และหากมีแสงสว่างเพียงสักนิดมันก็จะสะท้อนดวงตาอีกเป็นสิบกว่าคู่ที่ยืนสงบนิ่งรอคำสั่ง พวกมันเหล่านั้นหายใจรัวเร็วเตรียมพร้อมประจัญบานและแน่นอนว่าพวกมันไม่ใช่มนุษย์!


                ที่นี่คือเมโทรโปลิส เมืองหลวงที่มีแต่ความเจริญของวัตถุ ย่อมไม่มีสัตว์ป่ามาช่วยเหลือเลอองแน่ แต่อย่าลืมว่าสัตว์เลี้ยงของมนุษย์ในอดีตกาลก็เคยดำรงชีวิตอยู่ในป่า ทำงานเป็นนักล่าแทนมนุษย์ผู้เป็นเจ้านาย และวันนี้พวกมันก็พร้อมที่จะรับใช้เจ้าป่าเพียงรอคำสั่งเท่านั้น


                แม้จะอยู่เมืองหลวงไม่นาน แต่เลอองก็เข้าใจขั้นตอนการทำงานของเจ้าหน้าที่ ยิ่งอีกฝ่ายเป็นถึงคนใหญ่โตระดับรัฐมนตรี ดังนั้นเลอองจึงไม่รอ เขาขอความช่วยเหลือจากสุนัขนักล่าที่อาศัยอยู่ตามบ้านเรือนต่างๆ เพื่อให้ดมกลิ่นคลำทางจนกระทั่งมาถึงบ้านหลังนี้ เลอองกดส่งข้อความทางโทรศัพท์ส่งหาไอรีน


               “พบที่อยู่ของพวกมันแล้ว”


                “เร็วจริงเลออง อยู่ที่ไหนฉันจะได้ให้ตำรวจตามไป”


                 “ผมจะส่งโลเคชั่นไปให้”


                  เลอองกดส่งสถานที่ไป เทคโนโลยีทันสมัยมีประโยชน์เช่นนี้หากใช้ในทางที่ถูกที่ควร และระหว่างนั้นเขาก็ไม่คิดว่าต้องรออะไรอีกต่อไป ชายหนุ่มมองไปเหนือรั้วสูงที่มีลวดไฟฟ้าป้องกันอยู่ ดวงตาสีเหล็กเบิกกว้าง นิ้วมือกางเล็บคม หูรับฟังเสียงโดยรอบ ทันใดนั้นเขาก็คำรามเพียงครั้งเดียว


                 “เฮ้ย อะไรวะ หมามาจากไหนเยอะขนาดนี้”


                 เสียงเออะดังขึ้นจากกลุ่มคนที่เฝ้ายามทางเข้าออก สุนัขพันธุ์นักล่าเป็นสิบตัว ทั้งเยอรมัน เชพเพิร์ด  ร็อตไวเลอร์ พิทบูล และยังอีกหลายสายพันธุ์ที่ไม่รู้จักชื่อ ต่างก็กรูกันเข้ามาทำร้ายพวกเขา ซ้ำยังมีอีกหลายตัวที่กระโจนขึ้นไปเหนือรั้วที่มีกระแสไฟฟ้าอย่างไม่นึกหวาดกลัว


                “นั่น คนนี่หว่า!”


                 ร่างมนุษย์แต่การเคลื่อนไหวคล่องแคล่วดุดันราวกับสัตว์ป่ากระโดดผ่านพวกมันที่ยังพัวพันกับการโจมตีของสุนัขดุร้ายเข้ามาในเขตรั้วได้สำเร็จแล้ว และไม่ได้สนใจกลุ่มคนที่ร้องลั่นเพราะคมเขี้ยว เขาวิ่งเข้าไปด้านในพร้อมกับสุนัขอีกสิบกว่าตัวที่ตามมาพร้อมกัน เสียงเอะอะด้านนอกทำให้ลูกน้องของโซรอสที่อยู่ด้านในตื่นตัวต่างก็ควักปืนออกมาเตรียมลั่นไก


                 “เกิดอะไรขึ้น”


                 ทอมวิ่งมาดูเหตุการณ์ เขาเบิกตากว้างด้วยความตระหนกเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ที่ติดตาเขามาตลอด


                 “เหวอ ไอ้ปีศาจ ฆ่ามัน!”


                 ยังไม่ทันลั่นไก โดเบอร์แมนที่คล่องแคล่วกว่าเพื่อนกลายเป็นทัพหน้ากระโดดเข้าใส่พวกมันจนล้มระเนระนาด เลอองรู้ฤทธิ์เดชของอาวุธปืนดีอยู่แล้วเขารีบตะปบแย่งมาถือในมือได้ ชายหนุ่มพุ่งเข้าหาทอมที่ยังยืนขาแข็งพร้อมกับล็อคคอใช้ปืนจ่อขมับ


                 “มิเกลอยู่ไหน!”


                ดวงตาสีเหล็กวาวโรจน์ราวกับไฟนรกก็ไม่ปาน ทอมตาเหลือกตัวสั่นงันงกเหงื่อแตกเต็มตัว


                “ยะ อย่ายิงกูนะ อี เอ๊ย มะ มิเกลอยู่ชั้นสอง”


                 เสียงไซเรนรถตำรวจแว่วมาจากด้านนอก ยิ่งสร้างความโกลาหลยกใหญ่ หลายคนยังต้องหนีเอาตัวรอดจากการถูกสุนัขหลายตัวรุมขย้ำอย่างไม่ปรานี โดยเฉพาะทอมที่ปลายกระบอกปืนกดแรงมากขึ้น


                “เดินไปสิวะ”


                หัวหน้าหน่วยสืบสวนนำกำลังตำรวจหลายนายวิ่งตามมาสมทบ แปลกที่บรรดาสุนัขทั้งหลายไม่ได้ทำร้ายนายตำรวจเลยแม้แต่คนเดียว เลอองสบตากับพวกเขาก่อนจะบังคับให้ทอมเดินนำขึ้นไปบนชั้นสองก่อนไปหยุดหน้าประตูห้องหนึ่งในหลายห้อง


               “หะ ห้องนี้ ปล่อยกูเถอะ กูยอมแล้ว”


               นายตำรวจที่ตามมาด้านหลังอีกหลายนาย ค่อยๆ จรดปลายเท้าเดินไปเปิดประตูห้องอื่นๆ พวกเขาต้องอนาถใจเมื่อพบว่ามีโอเมก้าหลายคนถูกขังอยู่ในห้อง ทุกคนดูหวาดกลัวแต่เมื่อเห็นว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจต่างก็ร้องไห้ด้วยความยินดี


                เลอองหันไปสบตากับตำรวจที่ยืนข้างๆ เขาปล่อยทอมไปให้ตำรวจคืนอื่นใส่กุญแจมือไว้ เมื่อส่งสัญญาณเป็นที่เข้าใจแล้วเขาก็ยกเท้าถีบประตูให้เปิดเข้าไป และภาพที่เห็นทำให้เขาต้องขบกรามกรอดเมื่อโซรอสยืนอยู่เบื้องหลังมิเกลโดยใช้แขนข้างหนึ่งล็อกคอไว้อีกมือหนึ่งถือปืนจ่อหัว


               “มิเกล”


               “เลออง”


               เสียงอึกทึกที่ลอดเข้ามาในห้องเก็บเสียงทำให้โซรอสไหวตัวทัน เขาเดาได้ทันทีว่าต้องมีใครมาช่วยมิเกลแน่ เขาตบหน้ามิเกลจนเขียวช้ำก่อนจะใช้เป็นตัวประกัน อย่างไรเสียเขาก็ไม่ยอมจำนนแน่นอน หัวหน้าหน่วยสืบสวนพยายามเกลี้ยกล่อม


              “ท่านครับ ปล่อยตัวประกันเสียเถอะ”


               “อย่าเสือกเรื่องของกู พวกมึงถอยออกไป”


               เลอองกวาดสายตามองรอบห้องอย่างรวดเร็ว ห้องนี้เล็กเกินกว่าที่เขาจะช่วยเหลือมิเกลได้ เขาจึงหันไปสบตาให้นายตำรวจยอมร่นถอยออกมาด้านนอกเพื่อให้โซรอสพามิเกลออกมาด้านนอก ตอนนี้เหล่าโอเมก้าที่ได้รับการช่วยเหลือต่างรายล้อมจ้องมองด้วยความเกลียดชัง


                “พวกมึงไปให้พ้นบ้านกูเดี๋ยวนี้ กูจะเอาพวกมึงออกจากงาน เล่นงานให้หมด กูเป็นรัฐมนตรีนะ บังอาจมากที่มาหยามกูถึงบ้าน”


                 “ท่านครับ คำสั่งด่วนปลดท่านออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีเพราะเกี่ยวพันกับองค์กรลับแบล็คฮันเตอร์เพิ่งออกมาเมื่อครู่นี้เอง ถ้าท่านอยากเห็นผมสามารถเปิดจากอีเมล์ให้ดูได้ อีกสักครู่คงมีแถลงข่าวจากท่านนายก ท่านปล่อยตัวประกันและมอบตัวเถอะครับ”


                โซรอสสีหน้าตึงเครียด เขาโกรธจนหน้าแดงก่ำ


                “ไม่จริง กูไม่เชื่อ พวกมึงหลอกกู”


                 นายตำรวจคนหนึ่งใจเย็นกว่า เขาเปิดคลิปข่าวจากโทรศัพท์มือถือให้ได้ยินกันถ้วนหน้า คราวนี้โซรอสกลายเป็นหน้าซีดเมื่อทุกอย่างกลายเป็นเลวร้ายสำหรับเขา ท่อนแขนที่ล็อกคอมิเกลยิ่งรัดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก


               “มิเกล!”


               เลอองสบตากับมิเกล อีกฝ่ายจ้องกลับด้วยความเข้าใจ มิเกลกัดฟันยกเท้ากระทืบไปที่เท้าของโซรอสอย่างแรงโดยที่ไม่ทันตั้งตัว เสี้ยววินาทีนั้นเลอองพลันกระโดดเข้าใส่จนชายสูงวัยล้มลงปืนกระเด็นหลุดจากมือ และทันใดเหล่าโอเมก้าที่เคยตกเป็นเบี้ยล่างต่างกรูกันเข้าใส่และรุมทำร้ายโซรอสด้วยความโกรธแค้น


                เลอองพุ่งเข้ารับร่างของมิเกลไว้ก่อนจะอุ้มหนีให้ห่างความโกลาหล นายตำรวจช่วยกันห้ามโอเมก้าด้วยความยากลำบากกว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้ เมื่อเหตุการณ์สงบลงจึงมองเห็นโซรอส แมกเคนผู้ซึ่งเคยอหังการ์กลับนอนหายใจรวยรินอยู่กับพื้น ร่างกายสะบักสะบอมเพราะถูกทำร้ายร่างกาย หัวหน้าหน่วยสืบสวนรีบใส่กุญแจมือเพื่อควบคุมตัวทันที


               “มิเกล เป็นอะไรมากไหม”


                เลอองเชยคางมองใบหน้าที่มีร่องรอยฟกช้ำด้วยความสงสาร มิเกลรีบส่ายหน้า


                “ผมไม่เป็นอะไรแล้วเลออง ขอบคุณนะที่มาช่วย”


                มิเกลรับเสื้อคลุมมาจากตำรวจคนหนึ่งนำมาใส่ปิดบังร่างกาย เขาหันไปมองโซรอสที่นอนอยู่บนเปลรถพยาบาล สายตาของมิเกลเต็มไปด้วยความสมเพช


              “ในที่สุดคนเลวก็ต้องได้รับกรรมนะครับท่านรัฐมนตรี”


               เลอองปล่อยให้ตำรวจจัดการกับโซรอส เขาประคองมิเกลลงมาชั้นล่างที่ยังมีสุนัขทั้งหลายนั่งหมอบรอคำสั่ง ตอนนั้นเองที่เลอองเพิ่งจะมีรอยยิ้ม เขาส่งเสียงคำรามไปครั้งหนึ่งแสดงความขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือในครั้งนี้ ได้ยินเสียงเห่ารับดังลั่นก่อนที่การชุมนุมกันครั้งใหญ่ของสุนัขพันธุ์ดุจะสลายตัวลง ทุกตัวแยกย้ายวิ่งกลับบ้าน


                “เรากลับบ้านกันเถอะเลออง”


                เลอองพยักหน้ารับ เมื่อผู้มีอิทธิพลถูกปราบลงแล้ว






มีต่ออีกนิด...




หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 23 [05/12/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 05-12-2019 00:28:35
อ่านต่อตรงนี้...




                 พอล อาร์มันโดขับรถไปพร้อมกับแอมเบอร์ พวกเขาวางแผนเดินทางไปต่างเมืองเพื่อหลบเลี่ยงการเผชิญหน้ากับตำรวจ หลังจากนำตัวมิเกลไปให้โซรอสแล้วเขาก็พอสบายใจมาได้เปราะหนึ่ง แต่ขับรถยังไม่ถึงจุดหมายพวกเขาก็ต้องตกใจเมื่อมีโทรศัพท์จากเบอร์ที่ไม่เคยบันทึกไว้ พอลไม่กล้ารับสายนั้นจนกระทั่งมันเงียบลงและมีเสียงฝากข้อความไว้


             “มิสเตอร์พอล และมิสแอมเบอร์ พวกคุณมีหมายจับคดีจ้างวานฆ่าและสมรู้ร่วามคิด ขอให้มอบตัวเพื่อดำเนินคดีด้วย”


              คู่สามีภรรยาตกใจแทบสิ้นสติ แอมเบอร์เอ่ยถามเสียงสั่น


               “เอาไงดีพอล เรามีหมายจับแล้วนะ”


               “อย่ามัวแต่กลัวสิโว้ย โทรหาท่านเข้า ท่านต้องช่วยเราได้”


                แอมเบอร์กดโทรศัพท์มือไม้สั่น โทรนานจนสายตัดไปหลายรอบโซรอสก็ยังไม่รับสาย


                “โธ่โว้ย ไอ้แก่รัฐมนตรีนั่นมัวทำอะไรอยู่นะ ไม่ไช่มัวแต่จัดการกับลูกชายคุณจนไม่สนใจพวกเราหรอกนะ”


                การถกเถียงชะงักลงเมื่อมีข่าวด่วนรายงานในวิทยุที่พอลเปิดไว้ในรถ ข่าวนั้นทำให้ทั้งคู่ต้องตั้งใจฟัง


                “มีรายงานข่าวด่วน หลังจากที่ประธานาธิบดีวัตสันได้มีคำสั่งปลดโซรอส แมกเคนออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี และยังปลดออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเนื่องจากข่าวพัวพันองค์กรแบล็คฮันเตอร์เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาแล้วนั้น ผู้สื่อข่าวได้รายงานเพิ่มเติมว่านายโซรอสได้ต่อสู้การจับกุม และได้ใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่ศีรษะตนเองเสียชีวิตแล้ว”


                 พอลหักพวงมาลัยเข้าข้างทางทันที เขากับแอมเบอร์นั่งตัวสั่นอยู่ในรถเพราะรู้ดีว่าไม่มีคนคุ้มครองแล้ว ครั้นจะกลับไปที่บ้านก็ไม่ได้เพราะเลอองคงเล่นงานพวกเขาแน่ พอลสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงไซเรนและไฟสีแดงของรถตำรวจดังแว่วมาจากด้านหลัง


                  “พอล รถตำรวจ เอาไงดี”


                 “หนีสิวะ จะอยู่ในพ่อมึงมาจับเหรอ”


                 พอลเหยียบคันเร่งพุ่งตรงไปบนถนนท่ามกลางความมืด เสียงไซเรนและแสงไฟของรถตำรวจใกล้เข้ามาเรื่อยๆ


                 “เร็วๆ สิพอล มันขับมาจะจ่อตูดอยู่แล้ว”


                “เออ รู้แล้วโว้ย”


                 พอลกลัวจนสติแตก เขาเหยียบจนคันเร่งจมมิดรถยนต์แกว่งไปมาบังคับไม่ได้ และเมื่อด้านหน้าเป็นโค้งถนนพอลก็ไม่อาจทำอะไรได้อีกแล้ว รถยนต์คันนั้นพุ่งหลุดโค้งไปชนกับต้นไม้ใหญ่ดังปัง เสียงเครื่องยนต์ระเบิดดังตูม


               สองชีวิตกระเสือกกระสนแต่ไม่อาจเปิดประตูรถลงมาได้ แม้ว่ารถตำรวจจะตามมาถึงทีหลังแต่ไฟร้อนที่ไหม้ลามท่วมตัวรถทำให้ทุกอย่างสายเกินไป


                 ได้แต่รอให้รถดับเพลิงมาดับไฟ จึงได้แต่นำร่างไหม้เกรียมไร้วิญญาณทั้งสองร่างลงมาจากรถคันเกิดเหตุ




                                                                     TBC

                                                      กรรมใครกรรมมันนะ เฮ้อ อนาถใจ

                                                              อีก 2 บทจะจบแล้วจ้า




                                                           :amen: :amen: :amen: :amen: :amen: :amen: :amen:







หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 23 [05/12/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 05-12-2019 00:39:49
 :katai2-1: o13 :katai2-1:




 :กอด1: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 23 [05/12/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 05-12-2019 08:02:58
ฮือ ฟิน  :mew1:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 23 [05/12/62]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 05-12-2019 10:19:12
รับกรรมไปพวกชั่ว
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 23 [05/12/62]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-12-2019 10:22:47
 :pig4: :pig4: :pig4:

ดีมาก  ที่บรรดาคนชั่วได้รับกรรมสนองอย่างสาสม
หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 24 [08/12/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 08-12-2019 23:38:07




                                                                 เจ้าป่า

                                                                บทที่ 24




              กว่าจะจัดการเรื่องการเสียชีวิตของพอลและแอมเบอร์ก็ใช้เวลาหลายวันอยู่ทั้งเรื่องเอกสารแจ้งตายและประกอบพิธีศพ รวมถึงคดีความที่ทั้งคู่ถูกหมายจับด้วย ระหว่างนี้เลอองต้องประคบประหงมมิเกลมากกว่าปกติเพราะมิเกลยังเสียใจที่สูญเสียบิดาไป


              “จะดีจะเลวยังไงเขาก็เป็นพ่อของผม ขอเวลาให้ผมทำใจสักพักเถอะนะ”


              “เสียใจแค่ไหนก็ต้องกินอาหารบำรุงเยอะๆ นะมิเกล ในท้องยังมีลูกของเราอยู่ ดูสิผอมจนจะเหลือแต่หนังแล้ว”


               ยิ่งรู้ความจริงว่ามิเกลตั้งครรภ์เลอองก็ยิ่งเป็นห่วง จนเวลาผ่านไปสามสี่วันมิเกลถึงเริ่มจะสดใสขึ้นมาบ้าง โดยเฉพาะวันที่มีเคนมาอยู่เป็นเพื่อน


               “ทำไมทำหน้าเหี่ยวแบบนั้น”


               มิเกลเอียงคอมองเพื่อนสนิทด้วยความสงสัย เคนยู่หน้าเบะปาก


              “หมั่นไส้คนบางคน ไม่รู้จะเจียมตัวอะไรนักหนา เซ็ง”


               พอรู้มาบ้างว่าไทเลอร์เพิ่งรู้เรื่องฐานะที่แท้จริงของเคน เขาคงช็อกไปบ้างจนวางตัวไม่ถูก ปกติไทเลอร์ก็เป็นคนไม่ค่อยพูดจาและโลกส่วนตัวสูงอยู่แล้วยิ่งรู้เรื่องนี้เขาก็คงไม่รู้จะวางตัวอย่างไร


             “ใจเย็นน่า ให้เวลากันหน่อย เดี๋ยวคุณไทเลอร์ก็คงดีขึ้นมาแหละ”


               มิเกลสังเกตว่าเพื่อนสนิทใส่ใจไทเลอร์เป็นพิเศษ และเขาคงต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเคนบ้าง บ่ายวันนี้หลังจากเคนกลับไปแล้วสวนกับไทเลอร์ที่แวะมาเยี่ยมและนำเงินที่ได้จากการขายภาพวาดของดีแลนมาให้ มิเกลจึงเอ่ยปากเรื่องนี้


              “เมื่อช่วงเช้าเคนเพิ่งมา กลับไปก่อนคุณไทเลอร์มาไม่นานนี้เอง เสียดายไม่ได้อยู่พบกัน เคนมันบ่นถึงคุณด้วย”


              แอบสังเกตท่าทีของไทเลอร์ ก็เห็นสีหน้าเปลี่ยนไปบ้าง ไทเลอร์ยิ้มบางๆ เป็นการตอบรับ


              “คนอย่างผมคงมีเรื่องให้บ่นเยอะเต็มไปหมด ทำยังไงได้ ผมมันคนน่าเบื่อ”


               “ไม่จริงหรอกครับ เคนมันไม่ได้เบื่อคุณสักหน่อย มันชอบคุณมากต่างหากล่ะ”


               มองเห็นอาการขัดเขินแต่พยายามห้ามตัวเองไว้ของไทเลอร์ มิเกลลอบยิ้มกับความปากหนักของคู่นี้


              “ตอนแรกที่ผมรู้จักเคนก็เข้าใจว่ามันเป็นคุณหนูอย่างที่คุณคิดนี่แหละ แต่พออยู่กันไปจนสนิทถึงเข้าใจว่ามันน่ะติดดินมากๆ ไม่เคยแบ่งชั้นหรือเอาฐานะมาข่มใคร แถมยังชอบช่วยเหลือคนอื่นอีกด้วย เคนมันแคร์คุณมากนะถ้าไม่จำเป็นมันคงไม่บอกเรื่องที่บ้านกับคุณหรอกเพราะกลัวผลลัพธ์แบบนี้ไง เพราะฉะนั้นอย่าคิดมากเลยครับ รู้สึกยังไงกับเพื่อนผมก็เปิดเผยไปเลยผมเอาใจช่วยอยู่นะ”


           ส่งยิ้มให้กำลังใจไปแล้ว ไทเลอร์เองก็ดูเหมือนจะผ่อนคลายมากขึ้น อย่างน้อยก็น่าจะเป็นผลดีต่อทั้งคู่ ไม่นานไทเลอร์จึงขอตัวกลับ เลอองที่เพิ่งจะเสร็จธุระกลับมาถึงบ้านพอดี


              “หิวจังเลยมิเกล มีอะไรให้ผมกินบ้าง”


              เลอองตรงเข้ามากอดและหอมมิเกลก่อนจะจูงมือกันไปที่ห้องอาหาร


             “เคนกับคุณไทเลอร์ที่ต่างคนต่างวางฟอร์มนะ”


              มิเกลเล่าเรื่องของคู่นี้ให้เลอองฟัง เขาหัวเราะชอบใจ


             “ใครจะเหมือนคู่เราล่ะ เจอกันก็รักกันเลย”


              “เด็กบ้า”


              มิเกลหัวเราะหน้าตาสดใสขึ้นมาบ้าง จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ของมิเกลดังขึ้น เป็นเบอร์โทรศัพท์บ้านของโทนี่นั่นเอง


             “มิเกลพูดครับคุณโทนี่ อ้าว คุณดีแลน ผมกำลังจะโทรหาพอดีเลย”


              ดีแลนโทรหาเขา มิเกลจึงเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง น้ำเสียงเครือไปบ้างเมื่อพูดถึงบิดาที่เสียชีวิตไป ดีแลนได้ฟังแล้วก็ถอนหายใจตาม


              “เสียใจด้วยนะมิเกล แต่อย่างน้อยทุกอย่างก็คลี่คลายลงแล้ว ฉันยกโทษให้พ่อของเธอจะได้ไม่ต้องติดค้างกันอีกต่อไป อ้อ ขอสายเลอองหน่อยสิ”


             มิเกลส่งโทรศัพท์ให้เลออง ชายหนุ่มรีบส่งเสียงพูดคุยกับมารดา


             “แม่จ๋า หนูคิดถึงแม่จังเลย แม่สบายดีหรือเปล่า”


           “แม่สบายดี คิดถึงเลอองมากเลย เก่งมากเลยนะลูกที่จัดการเรื่องต่างๆได้เรียบร้อย ลูกแม่โตขึ้นแล้วจริงๆ แต่ว่าเลออง แม่มีเรื่องสำคัญต้องบอก”


             น้ำเสียงของมารดาที่เปลี่ยนไปทำให้เลอองสังหรณ์ใจลึกๆ สีหน้าของเขาขรึมลงจนมิเกลที่นั่งฝั่งตรงข้ามสบตากับเขาด้วยความสงสัย


            “พ่อของลูกน่ะ ลีโอได้รับบาดเจ็บ มีสิงโตหนุ่มที่เป็นลูกของลินดา จำสิงโตตัวเมียที่เคยทำร้ายแม่ตอนที่ตั้งท้องลูกแล้วพ่อขับออกจากฝูงได้ไหม นั่นแหละ เขามาท้าต่อสู้กับพ่อ แม่คิดว่าพ่อเขาคง...”


              เสียงดีแลนเงียบไปคล้ายมีเสียงกลั้นสะอื้นลอดมา เลอองกัดฟันกรอดดวงตาแดงก่ำ แต่เขาก็เข้าใจว่านั่นเป็นวัฎจักรของสัตว์ป่า


              “...ตอนนี้คุณหมอโทนี่ดูแลพ่ออยู่ แม่อยากให้เลอองมาที่นี่ก่อนที่พ่อเขาจะ...”


              “ครับแม่ แม่อย่าเพิ่งร้องไห้ หนูจะรีบไปเดี๋ยวนี้”


               เลอองวางสายแล้ว มือกำหมัดแน่นจนมิเกลต้องยื่นมือมากุมไว้


               “เกิดอะไรขึ้นเลออง”


              “พ่อได้รับบาดเจ็บ ผมคิดว่าอาการคงหนัก เราต้องรีบกลับไปหมู่บ้านชายป่าก่อนที่จะสายเกินไป”


               “ได้สิ”


               มิเกลไม่ขัดขวางหรือมีข้อแม้ใดๆ แม้ว่าตอนนี้จะค่ำมืดแล้ว ทั้งคู่รีบไปเก็บเสื้อผ้าของใช้ที่จำเป็นใส่กระเป๋า เลอองโทรศัพท์ไปฝากธุระที่เหลืออยู่กับไอรีนและบอกว่าเขาจะกลับไปหาพ่อกับแม่สักพักไม่รู้ว่านานแค่ไหน จากนั้นเขากับมิเกลก็ขับรถไปเขตเวสต์ทาวน์ทันที








               ดีแลนกลั้นน้ำตาแทบไม่อยู่เมื่อเห็นสภาพของลีโอ โทนี่ไปรับเขามาจากในป่าเพื่อมารักษาที่โรงอภิบาลสัตว์หลังบ้าน เนื้อตัวของลีโอมีแต่บาดแผลจากคมเขี้ยว โทนี่ต้องให้น้ำเกลือและยาแก้ปวดเป็นระยะ มือเรียวลูบไล้แผ่วเบาไปตามร่างกายนั้นราวกับจะช่วยแบ่งเบาความเจ็บปวดมาบ้าง เขาย้อนคิดไปถึงเมื่อวานนี้ก่อนเกิดเหตุที่ทั้งคู่อยู่เพียงลำพังในถ้ำบนชะง่อนผา ท่ามกลางฝูงสิงโตที่อยู่ด้านล่าง


                “ลีโอ”


             ดีแลนนอนบิดกายครางฮืออยู่บนพื้นถ้ำเย็นชื้นเมื่อเขากำลังฮีท แม้ว่าร่างกายของเขาจะอายุล่วงเข้าสี่สิบปีแล้วกลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้าก็ยังหอมหวานไม่ต่างจากก่อนหน้านี้ ลีโอเองแม้จะล่วงเข้าสู่วัยชราสำหรับสิงโตแต่ก็ใช่ว่าจะหมดเรี่ยวแรงเสียเมื่อไหร่ จมูกอัลฟ่าของเขาก็ยังได้กลิ่นหอมจนร่างกายตื่นตัว


              ร่างสูงใหญ่สี่ขาเดินย่างก้าวกวัดแกว่งหางประกาศศักดาแห่งเพศผู้ เสียงคำรามดังก้องไปทั่วโถงถ้ำพร้อมกับยกสองขาหน้าขึ้นเผยให้เห็นเครื่องเพศใหญ่โตที่ขยายชัดไปถึงวงแหวนที่เริ่มโป่งพอง เมื่อสองขาหน้าลงมาย่ำพื้นเขาก็ผลักให้ดีแลนนอนหงายอ้าขากว้าง ลิ้นหยาบร้อนตวัดไปที่ร่องขาจนเปียกชื้น


              “อา ลีโอ ผมรอคุณอยู่นะ”


              ทรมานจนต้องสาวรูดตนเองไว้รอท่า ดีแลนยกเอวลอยรับอย่างรู้หน้าที่ ไม่นานเกินอึดใจช่องแคบก็ได้เปิดทางต้อนรับแท่งร้อนให้เสียบแทงเข้าไป ดีแลนแหงนหน้าครางลั่น เขากดเอวรับจนกระทั่งวงแหวนสอดลึกแนบแน่น


              “ดี สะใจจริงๆ ลีโอ แรงไม่ตกเลย ได้โปรดจัดการผมให้หายทรมานเถอะ”


               เล็บจิกลงไปกับพื้นดินเมื่อร่างกายสะเทือนไปทั้งตัว ลีโอกระแทกเข้าใส่จนวงแหวนถูไถไปรอบปากทางเข้า เขาส่งเสียงคำรามแข่งกับดีแลนที่ครวญครางไม่ขาดระยะ จนกระทั่งอาการฮีทบรรเทาลงทั้งคู่จึงได้นอนพักกอดก่ายกันอยู่บนพื้นถ้ำให้หายเหนื่อย พอตกบ่ายลีโอเตรียมจะไปส่งดีแลนที่บ้านไม้อยู่แล้วหากไม่เกิดเสียงคำรามประสานกันจากเหล่าสิงโตเบื้องล่างชะง่อนผาเสียก่อน


               ลีโอกระโจนลงไปเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว ดีแลนได้แต่ชะโงกหน้ามองจากด้านบนด้วยความตกใจ เขามองเห็นสิงโตนอกฝูงสองตัวยืนประจันหน้ากับฝูงของลีโอ ตัวหนึ่งเป็นสิงโตหนุ่มวัยฉกรรจ์กับอีกตัวเป็นสิงโตตัวเมียวัยชรา ดีแลนเบิกตากว้างจำได้ทันทีว่านั่นคือลินดา สิงโตตัวเมียที่เคยทำร้ายเขาก่อนที่ดีแลนจะให้กำเนิดเลออง


               “ลีโอ ระวังตัวนะ”


               สิงโตเจ้าป่าส่งเสียงคำรามลั่นเมื่อสิงโตหนุ่มนอกฝูงส่งสัญญาณท้าทายโดยมีลินดาผู้เป็นแม่แยกเขี้ยวคำรามให้ท้าย ตั้งแต่ถูกขับไล่ออกจากฝูงลินดาได้แต่เก็บความแค้นไว้และตระเวนไปตามฝูงสิงโตอื่นๆ เพื่อหาพ่อพันธุ์ หล่อนมีลูกมาหลายครอกแล้วเพื่อหาตัวที่แข็งแรงที่สุดจนกระทั่งเก้าปีก่อนจึงได้ให้กำเนิดสิงโตตัวที่แข็งแรงที่สุด ลินดาเลี้ยงดูและฝึกให้ลูกต่อสู้จนถึงวันนี้ วันที่ลูกของหล่อนจะได้มาชิงอำนาจจากเจ้าป่าแก้แค้นเรื่องในอดีต


                 สิงโตตัวอื่นๆ กระจายตัวเปิดทางให้ผู้ท้าชิงจ่าฝูงได้เผชิญหน้ากับเจ้าถิ่น แม้ลีโอจะสูงอายุแต่เขาก็เต็มไปด้วยเขี้ยวเล็บและประสบการณ์ ทั้งสองเดินวนดูเชิงอยู่อึดใจก่อนจะกระโจนเข้าหากันและใช้ทั้งขาหน้ากับคมเขี้ยวต่อสู้ท่ามกลางเสียงคำรามจากสิงโตตัวอื่น


                “ลีโอ!”


                ดีแลนถึงกับยกมือปิดปากเมื่อเห็นลูกของลินดาใช้ความคล่องแคล่วปราดเปรียวให้เป็นประโยชน์ มันตรงเข้างับที่ต้นขาของลีโอจนขยับแทบไม่ได้ เลือดสีแดงฉานพุ่งตามออกมาเมื่อมันอ้าปากปล่อยต้นขาของลีโอจนลีโอถึงกับทรุดลง แต่กระนั้นลีโอก็ใช้กรงเล็บตวัดเข้าใส่สีข้างของมันจะได้เลือดเช่นกัน


               สิงโตหนุ่มส่งเสียงคำรามอวดศักดาก่อนจะพุ่งเข้าใส่อีกครั้ง เลอองตั้งรับอย่างไม่หวาดหวั่นสมศักดิ์ศรีเจ้าป่า แต่ทว่าเพราะอายุขัยที่มากแล้วเขาจึงเสียท่าล้มลง สิงโตหนุ่มที่บาดเจ็บพอสมควรยืดกายคำรามโดยมีลินดาแม่ของมันเข้ามาคลอเคลียเลียแผลก่อนจะเดินจากไปอย่างผู้ชนะ ดีแลนน้ำตาไหลวิ่งลงไปบนพื้นดินด้านล่าง เขาแหวกฝูงสิงโตที่รุมล้อมจ่าฝูงที่นอนหายใจรวยรินเข้าไปแล้วกอดประคองไว้


               “ลีโอ เป็นยังไงบ้าง”


              บาดแผลมีทั่วกายเกินกว่าจะรักษาด้วยตนเองอย่างที่ผ่านมา ดีแลนละล้าละลังคิดหนักก่อนที่เขาจะกระเสือกกระสนวิ่งออกจากป่าไปที่บ้านไม้ของเขาแล้วขับรถยนต์ที่โทนี่ทิ้งไว้ให้ใช้ยามจำเป็นไปยังบ้านของโทนี่เพื่อขอความช่วยเหลือ ทุลักทุเลกว่าจะผ่านฝูงสิงโตเข้าไปยกร่างของลีโอขึ้นรถของโทนี่ออกมาที่บ้านของเขา โทนี่ให้น้ำเกลือ ฉีดยาฆ่าเชื้อ ยาแก้ปวด แต่ดูเหมือนอาการของลีโอจะไม่ดีขึ้นเลย ดีแลนจึงตัดสินใจโทรศัพท์ตามเลอองกลับมา


               “ลีโอ ผมสงสารคุณเหลือเกิน”


              ลีโอลืมตาขึ้นมอง นัยน์ตาสีเข้มไม่ต่างจากบุตรชายยังบ่งบอกถึงความรักที่เขามีต่อดีแลน เขาแลบลิ้นเลียที่หลังมือของดีแลนเพื่อปลอบโยนทั้งที่เขาเองต่างหากที่บาดเจ็บทั้งตัว


               กระทั่งฟ้าแจ้งถึงได้ยินเสียงรถยนต์แปลกหู เลอองกับมิเกลที่ขับรถทั้งคืนโดยไม่หยุดพักมาถึงแล้ว ฟลอเรียเดินนำทั้งคู่เข้ามาที่โรงอภิบาล เมื่อมองเห็นสภาพของบิดาเลอองก็วิ่งเข้าไปกอดลีโอทันที


               “พ่อ หนูมาแล้ว”


                 มิเกลยืนมองภาพเบื้องหน้าอย่างสะท้อนใจ เมื่อมนุษย์สองคนกำลังกอดสิงโตที่นอนหายใจรวยรินทั้งน้ำตา เขาเองก็เพิ่งสูญเสียบิดาไปยังทำใจไม่ได้ด้วยซ้ำ และยังต้องมาพบกับภาพรันทดเช่นนี้อีก


                ได้ยินเสียงจากลำคอของลีโอแผ่วเบา เขาใช้ลิ้นเลียใบหน้าของบุตรชายอย่างแสนรัก เลอองเป็นบุตรเพียงคนเดียวที่เกิดจากเมียมนุษย์ เขาเองก็รู้ตัวดีว่าตนเองนั้นชราลงมากแล้วไม่วันใดก็วันหนึ่งที่ต้องจากไป แต่ไม่นึกว่าจะจากไปเพราะความพ่ายแพ้แก่สิงโตรุ่นลูกเช่นนี้





มีต่ออีกนิด...


หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 24 [08/12/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 08-12-2019 23:45:33


อ่านต่อตรงนี้...




                 “พ่อไม่ต้องห่วง หนูจะดูแลแม่เองนะ หนูโตแล้วและหนูก็กำลังจะมีลูกกับมิเกล หนูจะสอนให้ลูกเก่งเหมือนปู่”


                  ดีแลนสะอื้นออกมา เขาลูบผมเลอองด้วยความสงสาร โทนี่กับฟลอเรียที่ยืนมองอยู่ห่างๆก็อดที่จะยกมือเช็ดน้ำตาไม่ได้ พวกเขาทั้งสองอยู่กับครอบครัวนี่มาตั้งแต่เกิด เสมือนเป็นครอบครัวเดียวกันไปแล้ว


                ลีโอช้อนตามองดีแลนสลับกับเลออง ก่อนที่เขาจะปิดเปลือกตาลงช้าๆ อย่างน้อยก่อนตายก็ยังได้อยู่พร้อมหน้า น้ำตาลูกผู้ชายของเลอองไหลลงมาเมื่อเห็นทรวงอกของบิดาแผ่วเบาลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมันหยุดเคลื่อนไหว โทนี่เดินมาตบบ่าปลอบใจ


                “ลีโอเขาไปสบายแล้ว ทำใจเถอะนะ”


                เลอองดึงดีแลนมากอด เขาปล่อยให้มารดาได้ร้องไห้ระบายความเสียใจออกมา เขาเองก็เศร้าแต่ก็เข้าใจว่านี่คือกฏของธรรมชาติ ผู้แข็งแรงกว่าย่อมเป็นฝ่ายชนะ ตอนสายวันนั้นเลอองพาร่างของลีโอกลับไปยังถิ่น เสียงคำรามแสดงความเสียใจดังไปโดยรอบจากสิงโตในฝูง เลอองลงมือขุดหลุมฝังร่างของลีโอไว้ที่นั่น


              “ลีโอ ผมรักคุณ”


               ดีแลนวางมือไปบนหลุมศพพร้อมกับวางดอกไม้ป่าลงไป นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้พูดกับสามีเจ้าป่า ระหว่างนั้นเลอองจึงได้พูดคุยกับพวกพ้องสิงโตของเขา ชายหนุ่มกัดฟันกรอดเมื่อรู้เรื่องราวทั้งหมด


              “มิเกล กลับบ้านพร้อมกับแม่ก่อนนะ”


               มิเกลมองคนรักด้วยความสงสัย


               “แล้วเลอองจะไปไหนล่ะ”


               “ผมมีเรื่องที่ต้องจัดการ”


                “เลออง! แม่รู้นะว่าจะทำอะไร มันอันตรายนะ”


               ดีแลนทักเสียงดัง เลอองยิ้มขรึมให้มารดา


               “มันจำเป็นนะแม่ ถ้าหนูไม่ทำ สิงโตตัวนั้นมันก็จะมาเป็นจ่าฝูงที่นี่ แล้วพวกเราล่ะจะทำยังไง”


               คนเป็นแม่พูดไม่ออกเมื่อเลอองยกเหตุผลสำคัญนี้มาเป็นข้ออ้าง มิเกลได้แต่มองทั้งสองคนไปมา


               “คืออะไรหรือครับ เลอองต้องไปไหน”


               ดีแลนถอนหายใจ ก่อนจะพูดกับเลอองด้วยความเป็นห่วง


               “เอาเถอะ ระวังตัวด้วย แม่เป็นห่วง มิเกล เรากลับบ้านคุณโทนี่กันก่อนเถอะ”


               หันไปอำลาหลุมศพของลีโอเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะฉุดแขนมิเกลให้เดินออกไป จนกระทั่งถึงรถยนต์ที่จอดไว้ทั้งคู่จึงได้ขับออกไป เมื่อลับสายตาไปแล้วเลอองจึงได้ส่งเสียงคำรามดังก้องโดยมีสิงโตตัวอื่นคำรามรับ


                เพื่อนสิงโตตัวหนึ่งของเลอองกระโจนนำหน้าทันที เพื่อนำทางไปหาสิงโตหนุ่มลูกของลินดาที่วนเวียนอยู่ไม่ไกลละแวกนี้ สิทธิของผู้ชนะคือการขึ้นเป็นจ่าฝูง เมื่อมันชนะแล้วย่อมอยู่ไม่ไกลก่อนแสดงตัวขึ้นสู่การเป็นเจ้าป่า แต่เลอองจะไม่ยอมให้มันได้ทำเช่นนั้นแน่


                สิงโตสองแม่ลูกนอนอยู่ใต้ต้นไม้ริมลำธาร เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าจึงผงกหัวขึ้นมาจ้องเขม็ง เลอองหยุดยืนต่อหน้ามันพลางจ้องมองตอบไม่มีละเว้น ดวงตาสีเหล็กเบิกกว้างวาวโรจน์ราวกับเปลวเพลิง ลินดาโก่งตัวคำรามใส่เขาด้วยความรังเกียจ สภาพครึ่งมนุษย์ครึ่งสิงโตยิ่งจุดไฟแค้นแต่อดีตให้กระพือหนักขึ้น สิงโตตัวอื่นที่ติดตามเลอองมาต่างกระจายตัวอยู่เบื้องหลังคุมเชิงอยู่ในที


                 เลอองปล่อยให้เส้นผมประดุจแผงคอโบกสะบัด หูแหลมตั้งชันหางยกสูงกวัดไกวระแวดระวัง สัญชาตญาณต่อสู้ถูกปลุกตื่นจนกล้ามเนื้อเต้นระริก มือกางนิ้วที่มีเล็กคมขณะจ้องมองคู่ต่อสู้ที่ตื่นตัวเช่นเดียวกัน ทั้งคู่เดินวนดูเชิงกันชั่วอืดใจก่อนที่เลอองจะส่งเสียงคำรามดังไปทั่วป่า ร่างสูงกระโจนเข้าหาพร้อมกับสิงโตหนุ่มที่กระโดดมาพร้อมกัน






                                                                    TBC


                            โฮ ฮือ ทุกคนอย่าร้องไห้น้า ลีโอไปสบายแล้ว มันเป็นธรรมชาติของสัตว์ป่า


                                                             บทหน้าก็จบแล้วจ้า






                                                   :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:






หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 24 [08/12/62]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 09-12-2019 01:02:15
 :pig4: :pig4: :pig4:

อินังลินดา   แกนี่มันใฝ่สูงไม่เลิกเลยนะ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 24 [08/12/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 09-12-2019 06:56:34
แง สงสารอะ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 24 [08/12/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 09-12-2019 08:31:41
 :a5:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 24 [08/12/62]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 09-12-2019 10:21:03
จะจบแล้ว
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 24 [08/12/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Persephone ที่ 09-12-2019 12:56:57
โอ๊ย มันสนุกมากๆๆๆๆเลย
หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 25 #ตอนจบ [13/12/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 13-12-2019 21:09:40



                                                                  เจ้าป่า

                                                                 บทที่ 25




               การต่อสู้ของวัยหนุ่มเริ่มต้นขึ้นอย่างไม่มีหวั่นเกรง เสียงกรงเล็บแหวกอากาศแล้วขูดลงไปบนเนื้อดังแควกก่อนที่จะฉากออกจากกัน เลอองมีข้อด้อยที่เขามีร่างเป็นมนุษย์แรงปะทะอาจจะน้อยกว่า แต่เพราะเป็นมนุษย์ย่อมฉลาดกว่าและเพราะเขาที่มีพันธุกรรมอัลฟ่าของจ่าฝูงกลายเป็นข้อได้เปรียบ


                เลอองใช้วิธีโจมตีแล้วหลบจนสิงโตหนุ่มลูกของลินดาทำร้ายเขาแทบไม่ได้ ชายหนุ่มพยายามฉากหลบไม่ให้ถูกคมเขี้ยวของอีกฝ่ายมิเช่นนั้นจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันที เขาใช้ความคล่องตัวให้เป็นประโยชน์ด้วยการกระโดดถีบต้นไม้ทะยานเข้าใส่ใช้กรงเล็บตวัดเข้าใส่จุดสำคัญ และครั้งหนึ่งกรงเล็บของเขากรีดเข้าใส่ดวงตาของมัน


                สิงโตหนุ่มส่งเสียงร้องโหยหวน เลอองไม่รอช้าเขาฉวยจังหวะนี้กระโดดขึ้นขี่หลังมันแล้วฝังเล็บลงใต้ลำคอก่อนจะกระชากมือขึ้นจนเนื้อหนังของคู่ต่อสู้เป็นแผลฉกรรจ์โลหิตไหลทะลัก ชายหนุ่มฝังเล็บไปที่กะโหลกหนาแล้วตวัดมือขึ้นมา เขาใช้ท่อนแขนทุบไปที่หัวของมันซ้ำๆย้ำๆ จนในที่สุดร่างของสิงโตก็ค่อยๆ นอนพังพาบลงกับพื้นเลือดสาดกระจาย


              ลินดาคำรามลั่นด้วยความเจ็บใจที่เห็นลูกพ่ายแพ้แน่นิ่ง ความอาฆาตทำให้ตัดสินใจกระโจนเข้าหาเลอองที่ยังเหน็ดเหนื่อยจากการต่อสู้ ไม่นึกว่าสิงโตตัวอื่นที่คุมเชิงอยู่จะพุ่งเข้าหาแล้วรุมกัดนางจนเลือดสาดกระเซ็น นางสิงโตที่แสนร้ายกาจฟุบลงจมกองเลือดอยู่ข้างกับลูกที่ในที่สุดก็หมดลมหายใจ


                เลอองยืนขึ้นแบกศพสิงโตหนุ่มยกชูพร้อมกับส่งเสียงคำรามกึกก้องประกาศชัยชนะ สิงโตในฝูงส่งเสียงขานรับพร้อมกับค้อมหัวให้เขาผู้ซึ่งจะกลายเป็นจ่าฝูงอย่างสมบูรณ์


                 เลอองวางสิงโตผู้พ่ายแพ้ลง เขาเหลียวมองโดยรอบ ป่าไม้แสนสมบูรณ์กับสัตว์ป่าพึ่งพาอาศัยธรรมชาติล้วนสำคัญต่อเลออง เขาตั้งปณิธานว่าจะปกป้องรักษาความอุดมสมบูรณ์นี้ไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้








               เมื่อมาถึงบ้านของโทนี่แล้ว มิเกลจึงสังเกตถึงความกระวนกระวายของดีแลนได้ เขาเอ่ยถามด้วยความอยากรู้


               “เลอองไปไหนหรือครับ มีอะไรที่คุณดีแลนต้องเป็นห่วงหรือเปล่า”


               ดีแลนฝืนยิ้ม เขาดึงมือมิเกลมากุมไว้


               “เลออง เอ่อ เลอองไปสู้กับสิงโตตัวนั้น”


               “ว่ายังไงนะครับ!”


                มิเกลตกใจจนหน้าซีดเผือด ดีแลนต้องมองโทนี่เพื่อขอความช่วยเหลือ ชายสูงวัยเดินเข้ามาวางมือบนบ่าของมิเกลแล้วบีบกระชับปลอบใจ


               “มันเป็นวิถีชีวิตของสัตว์ป่า ผู้ชนะย่อมได้เป็นจ่าฝูง เลอองคงเป็นห่วงเพื่อนพ้องสิงโตหากต้องมีสิงโตตัวนั้นปกครอง เธอต้องทำใจนะมิเกล แต่ฉันเชื่อว่าเลอองจะปลอดภัย”


               เมื่อรู้ความจริงแล้ว กลายเป็นมิเกลที่อยู่ไม่เป็นสุข เขาเดินไปเดินมาจนผู้ใหญ่เวียนหัว สีหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวลและคอยจ้องมองแต่ประตูรั้วหน้าบ้าน จนเวลาผ่านไปเนิ่นนานในความรู้สึกประตูรั้วจึงได้เปิดออก


               “เลออง!”


              ผวาไปรับและกอดร่างที่เต็มไปด้วยเลือดอย่างไม่รังเกียจ ยิ่งเห็นเลือดสีหน้าก็ยิ่งกังวลมากขึ้นอีก เลอองกอดตอบพลางจูบที่กระหม่อมของมิเกล


              “ผมไม่เป็นอะไรน่า มิเกลอย่าร้องไห้สิ”


              เพิ่งจะได้สติตอนนั้น มิเกลจึงคลายอ้อมกอดแล้วจ้องมองสำรวจร่างกายของเลออง มีเพียงบาดแผลเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนเลือดก็ไม่ใช่เลือดของเขา


               “ปราบมันได้ใช่ไหม ลูกป๋าเก่งโว้ย”


              โทนี่กับฟลอเรียเข้ามาแสดงความยินดี ก่อนจะไล่บุตรบุญธรรมไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วค่อยมากินอาหารเย็น ส่วนมิเกลเข้าไปช่วยฟลอเรียในครัวอย่างอารมณ์ดี


               “มัวแต่วุ่นวายกันอยู่ ยังไม่ได้คุยกันเลย ป๋าได้ยืนแว่วๆ ตอนที่บอกกับลีโอ ใครจะมีลูกวะ”


               เสียงโทนี่เอ่ยแซวกลางมื้ออาหารเย็นทำให้มิเกลยิ้มเขิน ส่วนเลอองหัวเราะภาคภูมิใจ


               “ลูกชายป๋าเก่งไง จะมีหลานให้ป๋าช่วยเลี้ยงแล้วนะ แม่จ๋า แม่ต้องช่วยหนูเลี้ยงลูกนะ หนูต้องไปโรงเรียน”


               “ไวไฟจนได้เรื่อง มิเกลก็ไม่น่าไปยอมไอ้เด็กคนนี้เลยนะ”


                ดีแลนส่ายหัวระอาแต่ก็อดยิ้มไม่ได้เมื่อรู้ว่ากำลังจะมีหลานมาให้เลี้ยง มิเกลได้แต่ยิ้มแห้งเมื่อดีแลนเอ่ยหยอกเย้า ถ้าจะนับวันกันแบบแน่นอนก็คงตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาฮีทนั่นแหละ เขาเองก็ไม่ทันได้คิดเรื่องยาคุมกำเนิดจึงตั้งครรภ์โดยไม่ทันตั้งตัว แถมคนเป็นพ่อเพิ่งจะอายุสิบห้าปีเท่านั้น


               “ไม่เป็นไรหรอกครับ เลอองฉลาดและเป็นผู้ใหญ่กว่าอายุแล้ว เขาต้องเป็นพ่อที่ดีแน่ๆ”


                “ว่าแต่ให้แม่ช่วยเลี้ยงลูก เราเองก็ต้องช่วยแม่นะเลออง”


                 ดีแลนยิ้มบางๆ หน้าตาสดใสเป็นครั้งแรกหลังจากลีโอตาย เลอองทำหน้าเหรอหราเมื่อได้ยิน


                 “แม่จะให้หนูช่วยอะไรแม่ล่ะ”


                 “ก็ช่วยเลี้ยงน้องไง” ดีแลนดึงมือเลอองมาวางบนหน้าท้องของเขา “คุณโทนี่เตือนแม่เรื่องอายุของพ่อ ระยะหลังมานี่แม่ก็เลยไม่ได้กินยาคุมกำเนิดเพราะอยากมีลูกกับลีโออีกสักคน แล้วตอนนี้แม่ก็กำลังจะมีน้องให้ลูกแล้วนะเลออง แม่ท้องได้ราวๆ สองถึงสามเดือนแล้ว”


                 เสียงฮือฮาดังขึ้นทันที โทนี่ ฟลอเรีย มิเกล ต่างก็แสดงความยินดีกับดีแลนและเลอองด้วยความตื่นเต้น


                “เลออง ดีใจไหม จะได้มีทั้งลูกและน้องพร้อมๆ กันเลยนะ”


                มิเกลเอ่ยถามคนรัก เลอองพยักหน้ายิ้มแป้น


              “ดีใจที่สุด ผมจะเป็นพ่อที่ดี เป็นพี่ชายที่ดี มิเกลเองก็จะได้ภูมิใจที่ผมเป็นคนดี”


                “เฮ้อ งั้นฉันก็ต้องวางแผนหาหมอมาทำคลอดให้หลานๆ สินะเนี่ย”


              โทนี่ถอนหายใจก่อนที่เสียงหัวเราะจะดังประสานกันด้วยความสุขกับข่าวดีที่เกิดขึ้น










                มิเกลนั่งมองสายน้ำสีขาวที่สาดซัดจากหน้าผาสูงลงมาสู่แองน้ำใหญ่เบื้องหลังด้วยความสดชื่น ส่วนเลอองนั้นกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงอยู่กับเพื่อนๆ สิงโตของเขาที่โขดหินถัดไป นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าชีวิตนี้จะได้มาใกล้ชิดอยู่กับสิงโตฝูงใหญ่ ทั้งที่ตลอดมาเคยเห็นสิงโตแต่ในสวนสัตว์เท่านั้น ที่สำคัญคือเขามีสามีที่เป็นจ่าฝูงของสิงโตฝูงใหญ่อีกด้วย


               “มิเกลมาเล่นน้ำกันนะ ผมพาลงเอง”


               ความจริงแล้วสิงโตไม่ค่อยชอบเล่นน้ำนัก แต่เพราะเลอองเป็นครึ่งมนุษย์จึงไม่ค่อยรังเกียจน้ำสักเท่าไหร่ มองเห็นมิเกลที่ได้แต่นั่งอมยิ้มบนโขดหินแล้วก็นึกเอ็นดู เพราะเจ้าตัวเป็นคนร่ำร้องอยากจะมาเที่ยวน้ำตกกลางป่าที่เขาเอาไปคุยโวไว้ว่าสวยมาก แต่แอ่งน้ำท่าทางลึกจนมิเกลไม่กล้าลงเล่น เลอองประคองคนรักเดินลงจากโขดหินไปสู่แอ่งน้ำกว้างใสที่มีสายน้ำสาดกระจายอยู่ฝั่งหนึ่ง


                “สวยอย่างที่ผมบอกหรือเปล่า”


              เดินลงมาจนลึกเกือบถึงหน้าอกของมิเกลจนเจ้าตัวชักขยาด แต่เพราะวงแขนที่โอบเอวไว้อย่างมั่นคงมิเกลจึงกล้าที่จะหยั่งเท้ายืนอยู่ในวังน้ำเย็น หน้าหวานยิ้มสวยจนเลอองมองอย่างหลงใหลเช่นทุกครั้ง


               “สวยมากเลยเลออง ไม่เคยเห็นน้ำตกที่ไหนสวยอย่างนี้ และยังบริสุทธิ์มากเพราะไม่มีนักท่องเที่ยวเลย”


               “นักท่องเที่ยวคนแรกคือมิเกลไงล่ะ เพราะมิเกลเป็นเมียเจ้าป่าถึงได้สิทธิ์นี้”


                ปลายนิ้วเย็นชื้นเชยคางให้มิเกลแหงนมองสบตากับเขา ก่อนจะเกลี่ยไล้ไปตามพวงแก้มแดงเรื่อเพราะไอแดด


                “ผมรักมิเกลจังเลย”


                บอกรักแบบไม่มีชั้นเชิงใดๆ ทั้งสิ้น เลอองจูบลงไปบนกลีบปากเย็นเพราะน้ำที่อยู่รอบตัว มิเกลยกแขนคล้องไปรอบคอพลางกอดรัดไว้เมื่อเขาเผยอริมฝีปากออกให้เลอองได้สอดลิ้นเข้าไปตักตวงความหวานจนพอใจถึงได้ยอมผละออกอย่างอ้อยอิ่ง


              “เกือบหายใจไม่ทันแน่ะ เดี๋ยวนี้จูบเก่งใหญ่แล้วนะเด็กบ้า”


               มิเกลได้แต่ก้มหน้ามองแผงอกที่มีไรขนหนาแน่น เลอองบอกว่าขณะอยู่ในป่าเขาไม่ค่อยชอบสวมเสื้อผ้านักเพราะมันเกะกะไม่คล่องตัว มิเกลจึงได้แต่ขัดเขินเมื่อต้องมองร่างกายที่แสนจะสมบูรณ์แบบด้วยความเป็นบุรุษเพศเต็มตา


              “เก่งกับมิเกลคนเดียวเท่านั้นแหละ ไม่กล้าไปเก่งกับคนอื่นหรอก”


               พูดจาเสียงนุ่มพลางซุกไซ้ซอกคอ กลิ่นกายของมิเกลวันนี้หอมหวานน่าดอมดมไปหมด เนื้อตัวอบอุ่นทั้งที่ยืนแช่อยู่ในสายน้ำเย็นจนต้องกอดไว้แนบอก


               “ทำเป็นพูดดีไปเถอะ กลับเมโทรโปลิสไปคราวนี้ต้องไปเข้าโรงเรียนแล้ว เจอเด็กสาวๆ ที่โรงเรียนจะไปปากหวานแบบนี้หรือเปล่า”


               “มิเกลหึงเหรอ” เลอองอมยิ้มเจ้าเล่ห์ มือซนดึงเสื้อยืดของมิเกลออกแล้วโยนไปตกอยู่บนโขดหิน “ผมรักเดียวใจเดียว มีมิเกลแล้วไม่มีเมียคนอื่นหรอก”


                 “ให้มันจริงเถอะ” มิเกลกล่าวตอบพลางมองอีกฝ่ายอย่างรู้ทัน “แล้วมาถอดเสื้อผ้าของผมทำไมเนี่ย”


                เพราะว่าพอพูดจบกางเกงขาสั้นที่มิเกลใส่มาก็ถูกโยนไปกองไว้ที่เดียวกับเสื้อ จนตอนนี้ร่างของเขาเปลือยเปล่าเช่นเดียวกับเลออง


                “ให้เสื้อผ้าของมิเกลตากแดดไว้ไง ตอนกลับบ้านจะได้สบายตัว มิเกลหนาวหรือเปล่ายืนแช่น้ำแบบนี้”


                “ไม่หนาว ร้อนด้วยซ้ำ”


                 มิเกลช้อนตาหวานมอง เขาเขย่งขาให้ริมฝีปากชิดหูของเลอองก่อนกระซิบเสียงแหบพร่า


                “ลืมบอกไปว่าวันนี้ผมฮีท”


                  ดวงตาสีเหล็กเบิกโพลง ถึงว่าทำไมวันนี้กลิ่นกายของมิเกลถึงได้หอมติดจมูกนัก เพราะฟีโรโมนที่กระจายออกมานี่เอง แถมตอนนี้แม้จะยืนอยู่ใต้สายน้ำเนื้อตัวกลับอุ่นจนเกือบร้อน เขาก้มหน้ามองคนรักนัยน์ตาเป็นประกาย


                “ถึงว่าให้ผมพามาเที่ยวน้ำตกกลางป่า เพราะมิเกลเกรงใจพวกผู้ใหญ่ใช่ไหมล่ะ”


               “เบื่อคนรู้ทัน”


                 มิเกลหัวเราะเสียงใสพลางเบียดกายเขาหาร่างแกร่ง มือเรียวมุดลงใต้น้ำคว้าท่อนเนื้อใหญ่ไว้ในมือ


               “รู้แล้วจะยังเฉยอยู่อีกหรือเปล่าล่ะเลออง”


                 เลอองส่งเสียงทุ้มลึกออกมาทันที เขาซุกหน้าลงที่ไหล่เนียนนุ่มขบเม้มจนมิเกลครางฮือ มือใหญ่ดึงขาของมิเกลข้างหนึ่งให้ยกสูงก่อนจะดันเอวเข้าไปทันที


              “ฮึก แน่นจัง”


              มิเกลรำพันออกมาเมื่อท่อนเนื้อเติมเต็ม วงแหวนแห่งอัลฟ่าติดตึงอยู่ปากทางเข้า ร่างกายของเขาบัดนี้ร้อนระอุยิ่งกว่าดวงตะวันที่ฉายแสงอยู่บนฟ้าเสียอีก ดีที่มีสายน้ำฉ่ำเย็นช่วยลดอุณหภูมิลงบ้าง แต่กระนั้นมันก็ไม่ได้ช่วยให้ความต้องการของเขาลดลงเลย


               “ผมจะทำให้มิเกลหายทรมานเอง”


               เลอองกระซิบข้างหูก่อนจะบดจูบหนักหน่วง มิเกลจูบตอบอย่างไม่กลัวปากจะช้ำพร้อมกับตั้งรับแรงกระแทกกระทั้น แม้จะอยู่ใต้สายน้ำแต่ความรุนแรงนั้นไม่น้อยลง มิเกลถึงกับส่งเสียงออกมาแข่งกับเสียงกระเซ็นซ่านของน้ำตกเบื้องหลัง


                “อา เลออง อีกนิดเดียว”


               ยกขาทั้งสองขึ้นไปกอดเกี่ยวเอวของเลอองไว้ เลอองกอดรัดร่างเพรียวไว้แนบแน่นพลางโยกขึ้นลงรับความเป็นชายของเขา กลิ่นกายของมิเกลยามนี้หอมหวานรุนแรงไปทั้งตัว โดยเฉพาะตรงจุดชีพจรใหญ่ที่ซอกคอ


                “มิเกลที่รัก ผมจะขอผูกพันธะกับมิเกล เราจะรักกันตลอดไปนะครับ”


                 เลอองใช้ริมฝีปากขบเม้ม เมื่อร่างที่กอดอยู่นั้นเกร็งกายใกล้ถึงขีดสุด มิเกลกัดฟันแน่นเอียงคอรอรับแทนคำตอบ เขากอดเลอองไว้เมื่อมองเห็นทางสวรรค์เปิดรอแล้ว


                “มะ ไม่ไหวแล้ว ละ เลออง อ๊า”


                 มิเกลสะดุ้งสุดตัวเมื่อคมเขี้ยวของเลอองฝังลงที่ซอกคอของเขา น้ำลายใสไหลลงเซาะบาดแผลลงสู่เส้นเลือด มันร้อนวูบวาบตั้งแต่ผิวหนังไหลวนไปตามร่างกายโดยเฉพาะหน้าท้องที่มีทารกถือกำเนิดอยู่ เขาต้องกอดเลอองไว้ในท่านั้นนานพักใหญ่กว่าจะได้สติ


                “มิเกล เป็นยังไงบ้าง”


                เลอองที่ถอนคมเขี้ยวออกแล้วลูบหลังด้วยความเป็นห่วง มิเกลสำลักลมหายใจตนเองครู่หนึ่งกว่าจะเป็นปกติ


                 “โอ หน้ามืดเลย”


                 หน้านวลแดงก่ำไปหมด มิเกลกัดริมฝีปากด้วยความขัดเขิน ต่อจากนี้ไปเขาจะกลายเป็นคู่ชีวิตของเลอองเพียงผู้เดียวตลอดไปเมื่อการผูกพันธะเสร็จสมบูรณ์แล้ว เลอองมองคนรักด้วยความเอ็นดู เขาก้าวเดินขึ้นไปที่ริมฝั่งน้ำทั้งที่มิเกลยังอยู่ที่เอวของเขาในท่านั้นและวางมิเกลบนพื้นดินอย่างทะนุถนอม


                 “ถ้าดีขึ้นแล้ว เรามาต่อกันอีกนะ”


                ไม่มีทางปฏิเสธอยู่แล้วเมื่อตอนนี้ร่างกายที่อยู่ในช่วงฮีทกำลังต้องการไม่หยุดหย่อน แต่สายตาของผองเพื่อนสิงโตที่นั่งหมอบมองอยู่ทำให้มิเกลอดกระดากอายไม่ได้


                 “เลออง เพื่อนมองเต็มเลย”


                 “ช่างพวกมันเถอะ มันอิจฉาผมกันทั้งนั้นแหละ”


                เลอองหัวเราะลั่นพลางหันไปคำรามใส่ เพื่อนสิงโตทั้งหลายส่งเสียงคำรามตอบพลางเบือนหน้าหนีอย่างระอา เจ้าป่าคนใหม่ไม่ได้สนใจอีกเพราะมีสิ่งที่น่าสนใจกว่า เขาหันกลับมาซุกหน้าลงกับเนื้อตัวนวลเนียนแล้วจัดการให้มิเกลสุขสมอีกครั้ง





มีต่ออีกนิด...




หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 25 #ตอนจบ [13/12/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 13-12-2019 21:20:54


อ่านต่อตรงนี้...




8 ปีต่อมา



              “อาเลฟ มาผลัดกันอุ้มน้องหน่อย เร็วๆเลย เมื่อยแย่แล้วเนี่ย”


              “อ้าว มาใช้กันแบบนี้เลยเหรอเอเรียล ไอ้หลานบ้า ลีโอน่าน่ะน้องสาวของนายนะ”


              “ลีโอน่าก็เป็นหลานนายเหมือนกันแหละ ไอ้อาบ้า”


              “จะมัวเถียงกันอีกนานไหม เฮ้อ เบื่อพวกเด็กผู้ชายจริงๆ มานี่ ลีโอน่า มาหาพี่อาเรียลลานะคะ ไม่ต้องสนพวกนั้นหรอก”


               เสียงถกเถียงกันของเด็กๆ ทำให้ผู้ใหญ่ที่กำลังช่วยกันจัดบ้านอยู่นั้นพากันหัวเราะครืน ความสดใสในวัยเยาว์สร้างความครึกครื้นได้ไม่น้อย มิเกลที่ช่วยฟลอเรียก่อไฟเตาบาร์บีคิวยืนยิ้มมองความอบอุ่นของครอบครัว


                นึกไปถึงแปดปีก่อนนั้นเมื่อเรื่องวุ่นวายสิ้นสุดลง เลอองมอบตำแหน่งจ่าฝูงให้สิงโตเพื่อนสนิทปกครองฝูงก่อนจะพาดีแลนและเขาที่ตั้งครรภ์อ่อนๆ กลับไปเมโทรโปลิส เลอองได้รับการศึกษาแบบก้าวกระโดดเพราะความฉลาดของสายพันธุ์อัลฟา อายุเพียงยี่สิบสามปีเขาก็เรียนจบปริญญาตรีถึงสองสาขาคือสัตวแพทย์และวนศาสตร์


                ส่วนดีแลนกับมิเกลนั้นเมื่อถึงเวลาให้กำเนิดทารกในครรภ์ โทนี่ให้หมอคาร์ลเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้ของเขาช่วยผ่าตัดทำคลอดให้เพื่อไม่ให้ความลับเรื่องการสืบพันธุ์ระหว่างมนุษย์กับสิงโตเล็ดลอดไปสู่ผู้อื่น ดีแลนได้ลูกคนที่สองเป็นผู้ชาย มีหูแหลมและหางเช่นเดียวกับเลออง เขาตั้งชื่อลูกชายคนนี้ว่าเลฟ (Lev) มีความหมายว่าสิงโต หมอคาร์ลตรวจร่างกายแล้วบอกกับดีแลนว่าส่วนหางนั้นสามารถผ่าตัดออกได้เมื่อโตขึ้น ดีแลนจึงตั้งใจให้ลูกเป็นคนตัดสินใจเองเมื่อเขาโตขึ้น





                 มิเกลได้ลูกแฝดชายหญิง เพราะเป็นลูกเสี้ยวสิงโต ทารกทั้งคู่จึงมีเพียงหูเท่านั้นที่แหลมเหมือนสิงโตแต่ไม่มีหาง มิเกลตั้งชื่อบุตรชายว่าเอเรียล (Aerial) ตั้งชื่อบุตรสาวว่าอาเรียลลา (Ariella) ทั้งสองชื่อนี้ก็หมายถึงสิงโตเช่นเดียวกัน หลังจากนั้นอีกสี่ปีมิเกลก็ท้องมีลูกคนที่สามเป็นผู้หญิง เด็กน้อยหน้าตาน่ารักราวกับนางฟ้า เลอองให้ชื่อลูกคนที่สามว่าลีโอน่า ซึ่งเป็นชื่อที่ดีแลนใช้ในการวาดภาพ ผ่านไปแปดปีมิเกลกลายเป็นโอเมก้าวัยสามสิบปีที่ยังดูอ่อนเยาว์และงดงามเช่นเดิม


               เมื่อเรียนจบแล้วเลอองปรึกษากับมิเกลว่าเขาจะกลับมาอยู่ที่ป่าในเขตเวสต์ทาวน์บ้านเกิดโดยมารับตำแหน่ง เจ้าหน้าที่รักษาพันธุ์สัตว์ป่าในเขตวนอุทยาน และสืบทอดคลินิกรักษาสัตว์ของโทนี่ที่ชราลงมากจนรักษาสัตว์ไม่ไหว มิเกลไม่ขัดข้องเพราะเขาเองก็อยากสร้างโรงเรือนเพาะพันธุ์ต้นไม้ที่นี่เช่นกัน ส่วนเด็กๆ ต้องฝากให้ดีแลนซึ่งกลับไปประกอบธุรกิจของตระกูลไพรส์ลีย์ช่วยดูแลเพราะต้องเรียนหนังสือ ส่วนลีโอน่าที่ยังเล็กมิเกลจะเลี้ยงเองที่เวสต์ทาวน์รอจนถึงเวลาต้องเรียนหนังสือถึงจะกลับไปที่เมโทรโปรลิส ซึ่งก็ไม่มีปัญหาในการดูแลเพราะตอนนี้การเดินทางสะดวกสบายกว่าแต่ก่อนมาก


               “มัวแต่เหม่อ เนื้อจะไหม้หมดแล้ว”


                มิเกลตื่นจากภวังค์เมื่อเคนทักขึ้น เขาหันไปมองเพื่อนสนิทที่กลายเป็นหนุ่มใหญ่เนื้อหอมใกล้จะเรียนจบดอกเตอร์ด้านพฤกษศาสตร์แล้ว ไทเลอร์เดินตามหลังมาอย่างอารมณ์ดี เขาโอบเอวเคนไว้หลวมๆ


             “มีคนหิวมาก หิวเพราะบ่นมาก”


             “บ่นมากอะไร แค่นี้ไม่มากหรอก หรือว่าคุณทนไม่ได้”


              “ทนได้ครับ” ไทเลอร์ส่ายหน้าระอา “อยากบ่นอะไรก็บ่นเถอะ เพลินดีเหมือนกัน”


              ไทเลอร์สานความสัมพันธ์กับเคนอย่างช้าๆ เพิ่งจะตกลงคบกันแบบคนรักไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เอง ระหว่างนั้นเขาต้องพิสูจน์ตัวเองให้ครอบครัวของเคนมั่นใจว่าเขาดีพอที่จะดูแลเคนได้ถึงได้ไฟเขียวตอบรับ เคนรอให้เขาเรียนจบปริญญาเอกเสียก่อนค่อยแต่งงานกับไทเลอร์


                 “คุณไทเลอร์ก็ทนกับปากมันไหวนะ เห็นใจจริงๆ”


                  มิเกลหยอกเย้าเพื่อนฝูง ไทเลอร์หัวเราะเบาๆ


                 “ก็ต้องทนครับ รักเขาไปแล้วทำไงได้”


                “แหม ทำเป็นพูด กว่าจะบอกว่ารักนะ ปากหนักอย่างกับก้อนหินในป่า จนไม่ทันเลอองกับมิเกล ไอ้คู่นี้ลูกสามเข้าไปแล้ว”


                “ไม่ใช่หรอก” เลอองที่เดินมาร่วมวงสนทนาหน้าเตาปิ้งบาร์บีคิวส่ายหน้าปฏิเสธ เขาดึงเอวของดีแลนมากอดและหอมแก้มดังฟอด“ในท้องมีคนที่สี่แล้ว”


               เสียงฮืออาดังขึ้นจากโทนี่ ฟลอเรียและดีแลนเมื่อได้ฟังข่าวดี เคนถึงกับอ้าปากค้าง


               “แม่เจ้าโว้ย มันจะตั้งทีมฟุตบอลกันรึไง เดี๋ยวก็ท้อง เดี๋ยวก็ท้อง”


              “ไม่เอาแล้ว มีคนนี้แล้วพอจะทำหมันแล้ว เลอองน่ะสิอยากมีลูกเยอะๆ ไม่เห็นใจคนท้องบ้างเลย”


               มิเกลหัวเราะเขินเมื่อถูกแซว เขาหันไปมองบ้านไม้ของเจ้าหน้าที่รักษาพันธุ์สัตว์ป่า บ้านหลังใหม่ที่เขาจะมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ค่ำคืนแล้ว เมื่อแขกกลับไปหมดเหลือแค่เพียงครอบครัวเจ้าป่า เลอองจึงพาพวกเขาไปพบกับผองเพื่อน เสียงคำรามดังลั่นพงไพรเมื่อเจ้าป่ากลับคืนสู่ถิ่นอีกครั้ง



                                                              The End




Belove’s Talk




          เย้ๆ จบแล้วจ้า ในที่สุดก็แต่งนิยายจบอีกหนึ่งเรื่อง ยาวนานจริงๆ เรื่องนี้สนุกมากๆ ไม่ต้องคิดอะไร จินตนาการล้วนๆ
เพื่อนๆ นักอ่านชอบกันหรือเปล่าเอ่ย    

            ขอบคุณนะคะที่อ่านจนจบในวันนี้ อ่านจบแล้วอยากให้ช่วย Comment Review และชักชวนเพื่อนๆ คนอื่นมาอ่านบ้างก็จะดีมากเลยค่า


              รักคนอ่านทุกคนเลย


Belove


เผยแพร่วันแรก: 5 มีนาคม 2562 (เว็บอื่น)
แต่งจบ : 29 พฤศจิกายน 2562(เว็บอื่น)




                                              o15 o15 o15 o15 o15 o15 o15







หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 25 #ตอนจบ [13/12/62]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 13-12-2019 21:28:21
 :pig4: :pig4: :pig4:
 :L2: :3123: :L1:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 25 #ตอนจบ [13/12/62]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-12-2019 21:30:03
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 25 #ตอนจบ [13/12/62] ย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 13-12-2019 22:02:30
 :katai2-1: o13 :katai2-1:


 :กอด1: :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 25 #ตอนจบ [13/12/62] ย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 13-12-2019 22:31:24
เย้ๆ. จบแบบทุกคนมีวามสุขกันถ้วนหน้า กลายเป็นครอบครัวใหญ่ และได้อยู่ในที่เหมาะสมซักที.  :katai2-1:

ขอบคุณมากค่ะ.  :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 25 #ตอนจบ [13/12/62] ย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 14-12-2019 01:43:40
จบดีมากค่า  :mew1:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 25 #ตอนจบ [13/12/62] ย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 14-12-2019 10:32:55
จบแล้ว สนุกมากๆจ้า~
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] บทที่ 25 #ตอนจบ [13/12/62] ย้ายห้องได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 16-12-2019 07:35:46
จบแล้ว น่ารักมากๆเลย
เนื้อเรื่องสนุกมาก
เราเห็นแนวนี้รีบพุ่งเข้ามาเลย
ชอบอ่านแนวมากๆ
ขอบคุณนิยายสนุกๆค่ะ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 19-12-2019 19:59:28
สนุกจัง


แต่งแนวนี้อีกนะ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse]
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 22-12-2019 23:34:48
 :mew1:สนุกมากค่าาาาา :-[
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse]
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 25-12-2019 21:56:15
 :pig4:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 26-12-2019 18:35:04
ชีวิตดีกันแล้ว หลังจากที่ต้องเจอเรื่องแย่ๆ มาหลายรอบ

เอ็นดูดีแลน แต่ดีแลนเข้มแข็งมากเลยค่ะ
อีกอย่างมีลูกอีกสองที่ต้องดูแลอะเนาะ

เลอองคือที่สุดของความเป็นเจ้าป่าจริงๆ
แก้แค้นให้พ่อได้ด้วย และปกป้องฝูงได้ด้วย
แล้วยังดูแลมิเกลได้ดีมาก ลูกจะครบทีมฟุตซอลแล้วค่ะ

ครอบครัวโทนี่ก็ดูแลครอบครัวดีแลนยาวมาจนถึงเลออง
ไม่ทิ้ง ไม่จากไปไหน ช่วยปิดความลับด้วย

เคนก็สมหวังหลังจากที่ลุ้นให้ไทเลอร์เลิกกังวล

แฮปปี้มากๆ เลยค่ะ ไม่มีอะไรดีเท่าครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้า
มีเด็กน้อยวิ่งกันให้วุ่น และเติบโตไปพร้อมกัน

ขอบคุณมากนะคะสำหรับนิยายดีๆ ค่ะ เป็นกำลังใจให้คนเขียนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 30-12-2019 16:11:10
สนุกมากค่ะ
ลูกหลานบ้านนี้มีหูสิงโตกันทุกคน น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse]
เริ่มหัวข้อโดย: ตุ๊บป่อง ที่ 01-01-2020 17:58:52
ขอบคุณที่สร้างสรรค์นิยายดีๆให้อ่านครับ
 o13
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse]
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 12-01-2020 18:23:06
กว่าจะถึงตอน happy ending ได้ ทำเอาลุ้นหนักไปหลายรอบเลย
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse]
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 28-03-2020 23:19:30
อ่านจบแล้ว น่ารักมากมายทุกคู่ ฟินเวอร์ไปเลย
ขอบคุณนักเขียน กับเรื่องราวน่ารัก และงดงาม
ระหว่างมนุษย์และสัตว์ที่สามารถมีความรักที่
งดงามและบริสุทธิ์ใจได้
 :pig4: :pig4: :pig4:
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse]
เริ่มหัวข้อโดย: Number1_90 ที่ 30-03-2020 19:21:08
สนุกมาก ชอบมากค่ะ

เป็นกำลังใจให้เขียนเรื่องดี ๆ ออกมาอีกนะคะ

+1 ค่ะ
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 14-04-2020 13:55:51
 :pig4:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse]
เริ่มหัวข้อโดย: Blood Queen ที่ 23-08-2020 17:17:17
เป็นอีกเรื่องที่มีเนื้อหาแปลกใหม่ แต่น่าประทับใจมาก ทำให้รู้ว่าความรักของดีแลนกับลีโอนั้นบริสุทธิ์จริงๆ เสียใจตอนที่ลีโอต้องจากไปเลย มันหน่วงๆ ในอก
ส่วนคู่พระเอกนายเอกอย่างเลอองกับมิเกลก็น่าตื่นตาตื่นใจมาก ลุ้นจนหยดสุดท้าย พอจบเรื่องก็ค่อยโล่งอกและยินดีกับความรักของทั้งสองคน
คู่เคนกับไทเลอร์ก็สมหวัง แม้บทจะน้อยไปหน่อยก็เถอะนะ อ่านแล้วมีความสุขมากค่ะ

:pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 24-08-2020 06:19:48
ได้อ่านตอนจบสักที เฮ่อโล่งใจถึงจะรู้​ว่า​จบแบบแฮปแน่ๆก็เถอะ :กอด1: :heaven :pig4:
หัวข้อ: << เจ้าป่า >> [Omegaverse] [Pre order 4/10/63-7/12/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 04-10-2020 11:19:26




Pre order #เจ้าป่า


ระยะเวลา: 4 ตุลาคม-7 ธันวาคม 63


จำนวนหน้า:310-320โดยประมาณ มีตอนพิเศษไม่ลงเว็บ 4-5 ตอน


ของแถม: โปสการ์ด/ที่คั่นลายปก(ในเล่ม)
พิเศษรอบพรีออเดอร์เท่านั้น จะได้รับโปสการ์ดFanart และภาพประกอบในเล่มอย่างละ 1 แผ่น


ราคา: 330 บาท / ค่าส่งลทบ.35 บาท


 คำเตือน
                :สำหรับผู้อ่านอายุ 18 ปีขึ้นไป
                : Omegaverse
                : Bestiality (มีฉากrateคนกับสัตว์)


สั่งจองได้ที่: http://belove-belove.lnwshop.com/ (http://belove-belove.lnwshop.com/)


อ่านนิยายได้ในเว็บ เล้าเป็ด ธัญวลัย Readawrite Fictionlog ไม่มีปิดตอนจ้า Serch หาจากชื่อเรื่องได้เลย


มาอุดหนุน เลออง-มิเกล ลีโอ-ดีแลน กันเยอะๆน้า
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse]
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 02-03-2021 18:12:10
เนื้อเรื่องดี น่ารักมากเลยค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse]
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 21-03-2021 07:17:02
 o13
หัวข้อ: Re: << เจ้าป่า >> [Omegaverse]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 21-03-2021 14:55:51
อ่านรวดเดียวจบเลย คิดถึงนะค้าา